ก
รายงานการจัดทาแผนการเรียนรรู้ ายบุคคล
หลกั สตู รรายวชิ าเลือกเสรีของสถานศึกษาในภาคตะวนั ออก
สถาบันพฒั นาการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั ภาคตะวนั ออก
สถาบนั พสฒั านนกัากงาารนศสกึ่งเษสารนิมอกการระศบกึ บษแาลนะอกการระศบกึ บษแาลตะากมาอรธั ศยึกาษศายั ตภาามคอตธั ะยวานั ศอัยอก
สานักงานปลดั กระทรวงศึกษาธกิ าร กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
สานกั งานสงง สสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั
สานกั งานปลดั กระทรวงศกึ ษาธิการ กระทรวงศกึ ษาธิการ
ข
รายงานการวิจยั
การจดั ทาแผนการเรียนรรู้ ายบุคคลหลกั สูตรรายวชิ าเลอื กเสรี
ของสถานศกึ ษาในภาคตะวันออก
จัดทาตน้ ฉบบั และเผยแพร่
สว่ นฝกึ อบรมและวิจยั ทางการศกึ ษา
สถาบนั กศน.ภาคตะวันออก
หมทู่ ี่ 9 ถนนหาดแม่ราพงึ
ตาบลตะพง อาเภอเมอื ง จังหวัดระยอง 21000
โทรศัพท์ 038-655-460
โทรสาร 038-664-054
เวบ็ ไซต์ http://eastern.nfe.go.th
ค
คานา
การจัดทาแผนการเรียนรู้เป็นกระบวนการตัดสินใจอย่างเป็นระบบของครูว่าจะสอนอะไร และจะ
ดาเนินการสอนอย่างไร เพ่ือให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และมีประสบการณ์ในเรื่องนั้นตามมาตรฐานการเรียนรู้ท่ี
กาหนดไว้ รวมท้ังสามารถนาไปใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชนใ์ นชวี ิตประจาวนั ของตนเองได้ ผู้สอนจะต้องมีความรู้ความเข้าใจ
ผู้เรียนในด้านลักษณะนิสัย ระดับความรู้ความสามารถ ความสนใจในการเรียน วิธีการเรียนรู้ กลุ่มเพ่ือน และ
ลักษณะของครอบครัว ซึ่งจะทาให้สามารถเลือกเน้ือหาวิชาท่ีเหมาะสม และจัดกิจกรรมการเรียนรู้ได้สอดคล้องกับ
จุดประสงค์ เป็นไปตามความสนใจ และลกั ษณะนิสัยของผู้เรียนได้ รวมถึงการจัดการเรียนรู้ในลักษณะของกลุ่มเล็ก
หรือกลุ่มใหญ่ หรือการศึกษาเป็นรายบุคคล ผู้สอนจะต้องรวบรวมรายช่ือหนังสือเรียนหรือแหล่งความรู้ต่าง ๆ
เพ่ือให้ผเู้ รยี นไดร้ ู้จกั การค้นควา้ หาความรู้ด้วยตนเองได้ จากความสาคัญดังกล่าวสานักงาน กศน.จึงได้มีนโยบายให้
สถานศึกษาในสังกัด จัดทาแผนการเรียนรู้รายบุคคลหลักสูตรรายวิชาเลือกเสรี โดยเร่ิมกับสถานศึกษาบางแห่งใน
ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2559 และขยายผลให้ครอบคลมุ ทุกพื้นที่ในภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2559 โดยให้เป็น
ภารกจิ ตอ่ เน่อื งในปีงบประมาณ 2560 ดว้ ยสาระสาคัญและนโยบายดังทีก่ ล่าวมา สถาบัน กศน.ภาคตะวันออก ซึ่งมี
พันธกจิ หลักประการหนึ่ง คอื วจิ ัยและพัฒนาการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยท่ีสอดคล้องกับบริบท
ของภาค จึงได้จัดทาการวิจัยการจัดทาแผนการเรียนรู้รายบุคคลหลักสูตรรายวิชาเลือกเสรีของสถานศึกษาในภาค
ตะวันออกข้ึน โดยมุ่งหวังว่ารายงานการวิจัยนี้ จะเป็นข้อมูลพ้ืนฐานและเป็นแนวทางในการส่งเสริมการจัด
การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยได้อย่างเหมาะสมและสอดคล้องกบั ความตอ้ งการของผ้เู รยี น
สถาบัน กศน.ภาคตะวันออก ขอขอบคุณหน่วยงาน/สถานศึกษา/ภาคีเครือข่าย และผู้เกี่ยวข้องทุกท่าน
รวมทั้งคณะผู้วิจัยท่ีทุ่มเทกาลังกาย กาลังใจให้งานวิจัยนี้สาเร็จลงได้ด้วยดี อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนา
คณุ ภาพการศกึ ษานอกโรงเรยี นใหม้ ีประสทิ ธภิ าพต่อไป
(นายวราวุธ พยคั ฆพงษ์)
ผ้อู านวยการสถาบัน กศน.ภาคตะวันออก
ก
บทคดั ยอ่
การวิจัยครั้งน้ี มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาการจัดทาแผนการเรียนรู้รายบุคคลหลักสูตรรายวิชาเลือกเสรี
ของสถานศึกษาในภาคตะวนั ออก 2) ศกึ ษาปญั หาของการจดั ทาแผนการเรยี นรู้รายบุคคลหลักสูตรรายวิชาเลือกเสรี
ของสถานศึกษาในภาคตะวันออก กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย คือ ครูการศึกษานอกโรงเรียนที่ปฏิบัติงานสอนใน
ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอ สังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและ
การศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัด 9 จังหวัดในภาคตะวันออก ประกอบด้วย จังหวัดจันทบุรี จังหวัดฉะเชิงเทรา
จังหวัดชลบุรี จังหวัดตราด จังหวัดนครนายก จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดระยอง จังหวัดสมุทรปราการ และจังหวัด
สระแก้ว ได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบแบ่งชั้น จากประชากรในระดับความเชื่อมั่น ร้อยละ 95 โดยใช้จังหวัดเป็นช้ัน
เก็บรวบรวมข้อมูลจากกลมุ่ ตวั อย่างได้จานวน 971 คน ซึง่ เกินจากจานวนที่กาหนดไว้ เคร่อื งมือท่ีใช้ในการวิจัยเป็น
แบบสอบถามการจัดทาแผนการเรียนรู้รายบุคคลหลักสูตรรายวิชาเลือกเสรีของสถานศึกษาในภาคตะวันออก
วิเคราะหข์ ้อมูลเชงิ ปริมาณโดยใช้ค่าความถ่ี คา่ ร้อยละ และขอ้ มลู เชิงคุณภาพโดยการวเิ คราะหเ์ นือ้ หา
ผลการวิจัย พบวา่
1. การจัดทาแผนการเรียนรู้รายบคุ คลหลักสูตรรายวิชาเลือกเสรีของสถานศึกษาในภาคตะวันออก ดงั นี้
1.1 การสารวจและวิเคราะห์สภาพปัญหาและความต้องการของผู้เรียน ครูผู้สอนมีการเก็บข้อมูล
เกี่ยวกับผู้เรียน ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพปัญหาและความต้องการของผู้เรียน เคร่ืองมือในการเก็บข้อมูล ใช้การพูดคุย
ซกั ถาม แบบสมั ภาษณ์ แบบสอบถาม และเก็บขอ้ มลู ในช่วงเวลาวนั รบั สมัคร วนั พบกลมุ่ และวนั ปฐมนิเทศ
1.2 การวิเคราะห์หลักสูตรรายวิชาเลือกเสรี ครูผู้สอนได้ศึกษาหลักสูตร จัดทาจุดประสงค์การเรียนรู้
จัดหาสื่อเอกสารตามขอบข่ายเน้ือหา ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมโดยให้เตรียมข้อมูลรายบุคคล ความรู้และประสบการณ์
สภาพปัญหาและความต้องการของชมุ ชน และเนอื้ หา ครผู ู้สอนไดร้ ว่ มศึกษาโครงสร้างหลกั สตู ร เนื้อหา จุดประสงค์
การเรยี นรู้ วิธจี ัดการเรียนรู้ การใช้ส่ือ วิธีการวัดผลและประเมินผล ใช้กระบวนการประชุมปฏิบัติการ การระดม
สมอง การอบรม การอภิปราย การทาแผนทีค่ วามคิด ได้รับความสนับสนุนจาก กศน.อาเภอในการจัดหาหลักสูตร
สื่อ สถานที่ วัสดุอปุ กรณ์ บุคคลทเี่ ก่ยี วข้อง และงบประมาณ ผู้มีส่วนร่วมในการวิเคราะห์หลักสูตรรายวิชาเลือกเสรี
คือ ผู้บริหารสถานศึกษา ข้าราชการครู ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน ครูศูนย์การเรียนชุมชน ผู้เรียน ผู้รู้/
ภมู ิปญั ญาท้องถน่ิ กรรมการสถานศกึ ษา ครผู สู้ อนคนพิการ และครู ปวช.
1.3 การวางแผนการจัดการเรยี นรรู้ ายบุคคลหลักสตู รรายวชิ าเลอื กเสรี ครผู สู้ อนได้นาข้อมลู เกีย่ วกบั ผเู้ รียน
มาศึกษาขอ้ มูลเพ่อื รู้จักผู้เรียน จัดหมวดหมู่ข้อมูล จัดวิธีการเรียนรู้ จัดกลุ่มผู้เรียน จัดกิจกรรมการเรียนรู้ จัดเวลา
พบกลุ่ม และจัดสถานท่ีพบกลุ่ม ครูผู้สอนได้ร่วมวางแผนการจัดการเรียนรู้รายบุคคลกับผู้บริหารสถานศึกษา ผู้รู้/
ภูมิปัญญาทอ้ งถน่ิ กรรมการสถานศึกษาและผู้ปกครอง ในเร่ืองข้อมูลผู้เรียนรายบุคคล จุดประสงค์ของหลักสูตรและ
เนอ้ื หารายวชิ า กิจกรรมการเรียนรู้ วิธีการเรียนรู้ เวลาในการเรียนรู้ วิธีการวัดผลและประเมินผล ส่ือ วัสดุอุปกรณ์
แหล่งเรยี นร้ใู นชุมชน สถานทจ่ี ดั กจิ กรรมการเรียนรู้ วธิ ีการเทยี บโอนผลการเรียน/ความรู้และประสบการณ์ และ
ผรู้ /ู้ ภมู ิปญั ญาทอ้ งถิ่น ให้ผู้เรียนมีสว่ นร่วมในเรอ่ื งกิจกรรมการเรยี นรู้ วธิ กี ารเรยี นรู้ เวลาในการเรียนรู้ เนื้อหาการ
เรยี นรู้ แหลง่ เรียนร้ใู นชุมชน วิธีการวัดผลและประเมนิ ผล และผ้รู /ู้ ภูมปิ ญั ญาท้องถน่ิ
ข
1.4. การจดั ทาแผนการจัดการเรยี นรรู้ ายบุคคลหลกั สูตรรายวชิ าเลือกเสรี กศน.อาเภอได้ดาเนินการ
ประชุมทาความเข้าใจกับผู้เกี่ยวข้อง ประสานผู้รู้/ภูมิปัญญาท้องถิ่น จัดเตรียมสถานท่ี ประสานแหล่งเรียนรู้
จัดเตรียมส่ือวัสดุอุปกรณ์ จัดทาทาเนียบแหล่งเรียนรู้ในชุมชน และทาเนียบผู้รู้/ภูมิปัญญาท้องถิ่น แหล่งเรียนรู้มี
การกาหนดให้ผู้เรียนไปศึกษาจากห้องสมุด เพ่ือน ผู้รู้/ภูมิปัญญาท้องถ่ิน ศูนย์การเรียนชุมชน อินเทอร์เน็ต ท่ีอ่าน
หนังสือประจาหมูบ่ ้าน/ชมุ ชน สถานท่ปี ระกอบการ วัด โรงเรียน โรงพยาบาลสง่ เสริมสุขภาพตาบล ให้ผู้เรียนศึกษา
จากแหลง่ เรยี นรู้และทารายงาน/บันทึกความรู้ ใบงาน โครงงาน แบบเรยี น/เอกสารและจดบันทึกความรู้ ครูผู้สอน
ไดจ้ ดั ทาหลกั สตู รรายวชิ าเลอื กเสรภี าคเรยี นที่ 2/2559 ในกลุ่มอาชีพหลัก คือ กลุ่มเกษตรกรรม กลุ่มพาณิชยกรรม
กลมุ่ อุตสาหกรรม กลุ่มบรหิ ารจัดการและบริการ และกลุ่มความคิดสร้างสรรค์ ครูผู้สอนใช้หลักสูตรจากสานักงาน
กศน./หนว่ ยงาน/สถานศกึ ษาท่ีมอี ยู่ จากการจัดทา/พฒั นาหลกั สูตรข้นึ มาใหม่ และการขอใชจ้ ากหน่วยงานอืน่
2. ปัญหาของการจัดทาแผนการเรียนรู้รายบุคคลหลักสูตรรายวิชาเลือกเสรีของสถานศึกษาในภาค
ตะวันออก เรยี งตามลาดับจากมากไปน้อย ดังนี้ 1) พื้นฐานความรู้ของผู้เรียนแตกต่างกันเป็นอุปสรรคในการจัดทา
แผนการเรียนรู้รายบุคคล 2) ช่วงเวลาท่ีจัดทาแผนการเรียนรู้รายบุคคลไม่สามารถทาก่อนเปิดภาคเรียนได้ทัน 3)
การขาดความรคู้ วามเขา้ ในการจัดทาหลักสูตรรายวิชาเลือกเสรี 4) การจัดทาแผนการเรียนรู้รายบุคคลมีขั้นตอนท่ี
ย่งุ ยากเกินไป 5) คู่มอื การจดั ทาแผนการเรยี นรู้รายบุคคลยงั ไม่ละเอียดชัดเจน 6) ระบบ IT ขาดความพร้อมในการ
พัฒนาหลักสตู รรายวิชาเลือกเสรี 7) ระยะเวลาในการอบรมเพอ่ื จดั ทาแผนการเรียนรู้รายบุคคลน้อยเกินไป 8) การ
ถ่ายทอดความรู้จากวิทยากรท่ีมาอบรมยังไม่ละเอียดชัดเจน 9) ไม่เคยนาวิธีการเรียนรู้อย่างอ่ืนมาจัดทาแผนการเรียนรู้
รายบุคคลนอกจากการเรียนรู้แบบพบกลมุ่ และ 10) ไมม่ ีข้อมูลเก่ยี วกบั ผู้รู้ หรือภูมิปัญญาทอ้ งถนิ่
สรุปประเด็นปัญหาและอุปสรรคในการจัดทาแผนการเรียนรู้รายบุคคลหลักสูตรรายวิชาเลือกเสรีของ
สถานศึกษาในภาคตะวันออกได้ 3 ด้าน ดังนี้ 1) ด้านการบริหารจัดการ พบว่า ในภาพรวมมีสภาพปัญหาและ
อุปสรรคคล้าย ๆ กัน คือ กระบวนการอบรมการจัดทาแผนการเรียนรู้รายบุคคลที่จัดให้กับครูมีระยะเวลาในการ
อบรมส้ันเกินไป หัวข้อการจัดทาแผนการเรียนรู้รายบุคคลมีน้อยเกินไปจึงทาให้ครูขาดความรู้ความเข้าใจท่ีชัดเจน
ตวั อยา่ งสอ่ื ประกอบการเรยี นรไู้ ม่หลากหลาย และขาดรายละเอยี ดในการฝึกปฏิบัติ นอกจากนั้นยังพบว่า บางแห่ง
วิทยากรผู้ที่มาถ่ายทอดยังไม่มีความรู้ท่ีชัดเจน ทาให้อธิบายไม่เข้าใจและตอบคาถามไม่ได้โดยให้ครูคิด หา และ
ปฏิบัติเอง 2) ด้านครูผู้สอน พบว่า ในภาพรวมมีสภาพปัญหาและอุปสรรคคล้าย ๆ กัน คือ ครูผู้สอนบางส่วนยังขาด
ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดทาแผนการเรียนรู้รายบุคคล การจัดทาหลักสูตรและส่ือรายวิชาเลือกเสรี
นอกจากน้ัน ครูยังเห็นว่าการจัดทาแผนการเรียนรู้รายบุคคลมีความยุ่งยากซับซ้อน เป็นการเพ่ิมภาระครูผู้สอนใน
การจดั การเรียนการสอน เน่ืองจากครมู ภี าระงานมากมาย ไม่มีเวลาเพียงพอในการจัดทาหลักสูตรรายวิชาเลือกเสรี
ไดค้ รบถว้ นสมบูรณ์ 3) ดา้ นผ้เู รียน พบว่า ในภาพรวมมีสภาพปัญหาและอปุ สรรคคล้าย ๆ กัน คือ ผู้เรียนมีอาชีพที่
หลากหลายเป็นการยากในการจัดทาแผนการเรียนรู้รายบุคคลให้ครอบคลุมทุกคน บางครั้งผู้เรียนไม่สามารถตอบได้ว่า
มีความต้องการเรียนอะไร ชอบอะไร ข้อมูลท่ีได้จากผู้เรียนจึงยังไม่ชัดเจน และระยะเวลามีอย่างจากัด ไม่สามารถ
ทาแผนการเรยี นการสอนไดท้ ันตามความต้องการของผ้เู รียน
สารบัญ ค
หน้า
คานา
บทคัดยอ่ ...................................................................................................................................................ก
สารบัญ..................................................................................................................................................... ค
สารบญั ตาราง............................................................................................................................................จ
สารบญั แผนภมู ิ ........................................................................................................................................ ช
บทที่ 1 บทนา............................................................................................................................................1
ความเป็นมาและความสาคญั ของปญั หา ...................................................................................................1
วัตถปุ ระสงค์ของการวิจยั .........................................................................................................................4
ขอบเขตการวจิ ยั .......................................................................................................................................4
นยิ ามศพั ท์เฉพาะ .....................................................................................................................................6
ประโยชน์ท่คี าดวา่ จะไดร้ ับ .......................................................................................................................7
บทท่ี 2 วรรณกรรมทเ่ี กยี่ วข้อง ..................................................................................................................8
ตอนท่ี 1 นโยบายและจุดเนน้ การดาเนินงาน สานักงาน กศน...................................................................9
ตอนท่ี 2 การจดั การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย...........................................................13
ตอนท่ี 3 หลักสตู รการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551 ...........................18
ตอนที่ 4 หลกั สูตรรายวชิ าเลอื กของสถานศึกษา.....................................................................................23
ตอนที่ 5 การจัดทาแผนการเรียนรู้.... .....................................................................................................42
ตอนที่ 6 บริบทศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอ.... ......................................56
ตอนท่ี 7 งานวจิ ยั ทีเ่ กีย่ วขอ้ ง.... ..............................................................................................................60
บทที่ 3 วธิ ีดาเนนิ การวิจัย ...................................................................................................................... 63
ประชากรและกลมุ่ ตวั อยา่ ง.....................................................................................................................63
เคร่ืองมอื ท่ีใช้ในการวิจยั .........................................................................................................................64
การเก็บรวบรวมข้อมูล............................................................................................................................65
การวิเคราะห์ข้อมลู และสถติ ิท่ีใช้.............................................................................................................66
สารบญั (ต่อ) ง
หน้า
บทที่ 4 ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มลู ................................................................................................................ 67
สัญลกั ษณ์ที่ใช้ในการเสนอผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูล...................................................................................67
ลาดบั ขัน้ ในการนาเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมลู .......................................................................................67
ผลการวิเคราะหข์ ้อมูล............................................................................................................................68
ตอนท่ี 1 ข้อมูลทว่ั ไปของผู้ตอบแบบสอบถาม..................................................................................68
ตอนท่ี 2 การจัดทาแผนการเรยี นรรู้ ายบคุ คลหลกั สตู รรายวชิ าเลอื กเสรขี อง กศน.อาเภอ ................70
ตอนที่ 3 ปัญหาการจดั ทาแผนการเรยี นรู้รายบคุ คลหลักสตู รรายวชิ าเลอื กเสรขี อง กศน.อาเภอ ......83
ตอนที่ 4 ปัญหา อปุ สรรค และขอ้ เสนอแนะในการจดั ทาแผนการเรียนร้รู ายบุคคล
หลกั สตู รรายวชิ าเลอื กเสรีของ กศน.อาเภอ .......................................................................84
บทท่ี 5 สรุปผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ ....................................................................................... 99
สรปุ ผล...................................................................................................................................................99
อภปิ รายผล ......................................................................................................................................... 103
ข้อเสนอแนะ ....................................................................................................................................... 106
บรรณานกุ รม........................................................................................................................................ 107
ภาคผนวก ก แบบสอบถามเพื่อการวจิ ัย ............................................................................................... 110
ภาคผนวก ข การวเิ คราะหค์ า่ ดัชนีความเที่ยงตรง (IOC) แบบสอบถามเพื่อการวจิ ัย............................. 121
คณะผจู้ ดั ทา ........................................................................................................................................ .128
จ
สารบญั ตาราง
หน้า
ตารางที่
1 จานวนประชากรและกลุ่มตัวอยา่ ง......................................................................................................63
2 ความถี่และร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถามตามตัวแปรจังหวัดในภาคตะวันออก.................................68
3 ความถี่และร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถามตามตัวแปรดา้ นเพศ อายุ วุฒกิ ารศกึ ษา
ประเภทของครูผู้สอน และระยะเวลาในการทางาน ...........................................................................69
4 ความถแ่ี ละรอ้ ยละการเก็บข้อมูลของผเู้ รียนในการจดั การเรยี นรู้.........................................................70
5 ความถแ่ี ละร้อยละการเก็บขอ้ มูลเกี่ยวกบั สภาพปัญหาและความต้องการของผู้เรยี น...........................71
6 ความถ่แี ละร้อยละการใชเ้ ครอื่ งมือในการเก็บขอ้ มลู ของผู้เรยี น ...........................................................72
7 ความถี่และร้อยละระยะเวลาในการเก็บข้อมูลของผู้เรียน....................................................................72
8 ความถีแ่ ละร้อยละการเตรียมการวิเคราะห์หลักสูตรรายวชิ าเลอื กเสรี .................................................73
9 ความถแี่ ละร้อยละการให้ผู้เรียนมสี ว่ นร่วมในการเตรียมการวิเคราะหห์ ลักสูตรรายวิชาเลอื กเสรี .........73
10 ความถ่ีและร้อยละเร่ืองท่ีร่วมทาในการวิเคราะห์หลกั สูตรรายวิชาเลือกเสรี.......................................74
11 ความถี่และร้อยละการใช้กระบวนการในการวเิ คราะห์หลกั สตู รรายวชิ าเลอื กเสรี..............................74
12 ความถี่และร้อยละการได้รับความสนบั สนุนจาก กศน.อาเภอในการวิเคราะห์
หลกั สตู รรายวิชาเลอื กเสรี .................................................................................................................75
13 ความถ่ีและร้อยละผ้มู ีส่วนรว่ มในการวเิ คราะหห์ ลกั สตู รรายวชิ าเลือกเสรี .........................................75
14 ความถี่และร้อยละการนาข้อมลู เกี่ยวกับผ้เู รยี นมาดาเนินการ.............................................................76
15 ความถี่และร้อยละการนาข้อมลู เกี่ยวกับผเู้ รียนทีว่ ิเคราะห์แลว้ มาใช้ประโยชน์...................................76
16 ความถี่และร้อยละการได้ร่วมวางแผนการจดั การเรยี นรู้รายบุคคลกบั บุคคลอน่ื ................................77
17 ความถี่และร้อยละการได้รว่ มวางแผนการจดั การเรยี นรู้รายบคุ คลในเรื่องตา่ ง ๆ...............................77
18 ความถี่และร้อยละการให้ผเู้ รยี นมสี ่วนร่วมในการวางแผนการจดั การเรียนรูร้ ายบคุ คล
ในเรื่องต่าง ๆ...................................................................................................................................78
19 ความถ่ีและร้อยละการดาเนนิ การของ กศน.อาเภอในการจัดทาแผนการจัดการเรียนรู้รายบุคคล .....79
20 ความถี่และร้อยละการจัดทาแผนการจดั การเรยี นรู้รายบคุ คลท่กี าหนดให้ผู้เรียน
ศึกษาจากแหลง่ เรียนรู้ .....................................................................................................................80
21 ความถ่ีและร้อยละการจัดทาแผนการเรยี นร้รู ายบุคคลท่ีใหผ้ ูเ้ รยี นเรียนรจู้ ากกจิ กรรม.......................81
22 ความถ่ีและร้อยละการจดั ทาหลกั สูตรรายวชิ าเลือกเสรีภาคเรียนที่ 2/2559 ในกลมุ่ อาชีพหลกั ........82
23 ความถี่และร้อยละการดาเนินการจัดทาหลกั สตู รรายวิชาเลอื กเสรีในภาคเรยี นท่ี 2/2559 ................82
ฉ
สารบญั ตาราง (ต่อ)
หน้า
ตารางที่
24 ความถ่ีและร้อยละปญั หาการจัดทาแผนการเรียนรรู้ ายบุคคลหลกั สตู รรายวิชาเลอื กเสรี
ของ กศน.อาเภอ..............................................................................................................................83
25 สรปุ ประเดน็ ปญั หาและอุปสรรคในการจดั ทาแผนการเรียนรรู้ ายบคุ คล
หลกั สตู รรายวชิ าเลอื กเสรีของ กศน.อาเภอ (ด้านการบริหารจัดการ) ................................................84
26 สรปุ ประเดน็ ปัญหาและอุปสรรคในการจดั ทาแผนการเรยี นร้รู ายบคุ คล
หลกั สูตรรายวชิ าเลือกเสรขี อง กศน.อาเภอ (ด้านครผู ู้สอน) .............................................................86
27 สรปุ ประเด็นปญั หาและอุปสรรคในการจดั ทาแผนการเรียนรูร้ ายบคุ คล
หลักสูตรรายวชิ าเลอื กเสรขี อง กศน.อาเภอ (ด้านผเู้ รียน).................................................................88
28 สรุปขอ้ เสนอแนะในการจัดทาแผนการเรียนรู้รายบุคคลหลักสตู รรายวชิ าเลอื กเสรี
ของ กศน.อาเภอ (ด้านการบริหารจดั การ).......................................................................................90
29 สรุปขอ้ เสนอแนะในการจัดทาแผนการเรียนรู้รายบุคคลหลักสตู รรายวชิ าเลอื กเสรี
ของ กศน.อาเภอ (ด้านครูผสู้ อน) .....................................................................................................95
30 สรุปขอ้ เสนอแนะในการจัดทาแผนการเรยี นรู้รายบุคคลหลักสูตรรายวิชาเลอื กเสรี
ของ กศน.อาเภอ (ดา้ นผู้เรยี น).........................................................................................................97
31 ค่าดชั นคี วามเทีย่ งตรง (IOC) แบบสอบถามเพ่อื การวิจยั ตอนที่ 2-4.............................................. 122
ช
สารบัญแผนภมู ิ
หน้า
แผนภูมิท่ี
1 กรอบการพฒั นาหลักสตู รสถานศึกษา.................................................................................................25
2 โครงสรา้ งการบรหิ ารงานศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอ ........................57
1
บทท่ี 1
บทนา
ความเปน็ มาและความสาคัญของปญั หา
กระทรวงศึกษาธิการมีหน้าทจ่ี ัดการศกึ ษาให้กบั ประชาชน โดยเฉพาะการศึกษาข้ันพื้นฐาน ซึ่งกาหนด
ไวใ้ นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 49 ว่า บุคคลย่อมมีสิทธิเสมอกันการในการรับ
การศึกษาไม่น้อยกว่าสิบสองปีที่รัฐต้องจัดให้อย่างท่ัวถึงและมีคุณภาพ และมาตรา 80 ได้กาหนดเป็นนโยบาย
ด้านการศึกษาว่า ต้องดาเนินการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการจัดการศึกษาในทุกระดับและทุกรูปแบบ
ให้สอดคลอ้ งกับความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกจิ และสงั คม จัดให้มีแผนการศึกษาแห่งชาติ กฎหมายเพื่อพัฒนา
การศึกษาของชาติ ซ่ึงกฎหมายเพื่อการพัฒนาการศึกษาของชาติกาหนดให้มีการส่งเสริมการศึกษาระบบ
การศกึ ษานอกระบบ การศึกษาตามอัธยาศัย การเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้ตลอดชีวิต วิทยาลัยชุมชน หรือ
รูปแบบอื่น รวมท้ังปรับปรุงกฎหมายเพื่อกาหนดหน่วยงานรับผิดชอบ การจัดการศึกษาท่ีเหมะสมและสอดคล้อง
กับระบบการศึกษาทุกระดับของการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน และพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542
และแก้ไขเพ่ิมเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 มาตรา 15 กาหนดนิยามการศึกษานอกระบบว่าเป็นการศึกษาที่ยืดหยุ่น
ในการกาหนดจุดมุ่งหมาย รูปแบบ วิธีการจัดการศึกษา ระยะเวลาของการศึกษา การวัดและประเมินผล ซึ่งเป็น
เง่ือนไขของการสาเร็จการศึกษา โดยเนื้อหาและหลักสูตรจะต้องมีความเหมาะสมสอดคล้องกับสภาพปัญหา
และความต้องการของบุคคลแต่ละกลุ่ม การศึกษานอกระบบได้กล่าวถึงการแบ่งระดับไว้ในมาตรา 16 วรรคท้าย
วา่ ให้เปน็ ไปตามทีก่ าหนดในกฎกระทรวง ทงั้ น้ี กฎกระทรวงว่าด้วยการแบง่ ระดับและการเทียบระดับการศึกษา
นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั พ.ศ. 2546 ไดก้ าหนดให้มีการแบ่งระดับเช่นเดียวกันกับการแบ่งระดับ
การศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน และยังไดก้ าหนดใหก้ ารศกึ ษานอกระบบที่มีระดับเดียวกันกับการศึกษาในระบบให้ถือว่า
มมี าตรฐานการศกึ ษาเท่าเทยี มกัน หลกั สตู รการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
เป็นหลักสูตรท่ีสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยพัฒนาขึ้น ให้มีความ
สอดคล้องกับสภาพปัญหาและความต้องการของบุคคลที่อยู่นอกระบบโรงเรียน ซ่ึงเป็นผู้มีความรู้และ
ประสบการณ์จากการทางานและการประกอบอาชีพ โดยการกาหนดสาระการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้
การจัดการเรียนรู้ การวดั และประเมินผล ใหม้ ีความสาคัญกบั การพฒั นากลุ่มเปา้ หมาย ด้านจิตใจให้มีคุณธรรม
ควบคู่ไปกับการพัฒนาการเรียนรู้ สร้างภูมิคุ้มกัน สามารถจัดการองค์ความรู้ ทั้งภูมิปัญญาท้องถ่ิน และ
เทคโนโลยี เพ่ือให้ผู้เรียนสามารถปรับตัวอยู่ในสังคมท่ีมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา สร้างภูมิคุ้มกันตามแนว
ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง รวมท้ังคานึงถึงธรรมชาติการเรียนรู้ของผู้ที่อยู่นอกระบบ และสอดคล้องกับสภาพ
เศรษฐกจิ สงั คม การเมือง การปกครอง ความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยีและการสื่อสาร (สานักงานส่งเสริม
การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั , 2552 : 1-2)
2
แนวโน้มการจัดการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาการศึกษาแห่งชาติ การจัดกระบวนการเรียนรู้
และการจัดการศึกษาต้องมุ่งพัฒนาผู้เรียนและคนไทยทุกคนให้มีความสมบูรณ์พร้อมท้ังร่างกาย จิตใจ
สตปิ ญั ญา ความรู้ คณุ ธรรม จริยธรรม และวัฒนธรรมในการดารงชีวิต สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่น ธรรมชาติ และ
ส่ิงแวดล้อมได้อย่างมีความสุข โดยการจัดกระบวนการเรียนรู้ท่ีมีความยืดหยุ่น ให้ผู้เรียนมีโอกาสได้เลือกเรียน
ในสิ่งท่ีสอดคล้องกับความสนใจ ความถนัด สามารถแสวงหาความรู้ และฝึกปฏิบัติในสภาพที่เป็นจริง รู้จักคิด
วิเคราะห์และแก้ปัญหาด้วยตนเองได้ เกิดการใฝ่รู้อย่างต่อเนื่อง และสามารถนาความรู้ไปใช้ในชีวิตประจาวัน
โดยครทู าหน้าท่ีเป็นผู้แนะนา จัดบรรยากาศ ใช้ส่ือ และแหล่งการเรียนรู้ท่ีหลากหลาย เพื่อส่งเสริมความรู้และ
การเรยี นร้ขู องผูเ้ รยี น กาหนดนโยบาย แผนงาน และโครงการส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วม
ในกิจกรรมการเรียนรู้มากที่สุด โดยเรียนรู้จากประสบการณ์จริง ได้คิดเอง ปฏิบัติเอง และมีปฏิสัมพันธ์กับ
บุคคลหรือแหล่งเรียนรู้ท่ีหลากหลาย จนผู้เรียนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ การพัฒนารูปแบบและ
กระบวนการเรียนรู้ด้วยวิธีการท่ีหลากหลาย เพ่ือนาไปใช้ประโยชน์ในการสร้างเสริมกระบวนการคิด และการ
เรียนรู้ที่สามารถนาไปใช้ประโยชน์ในการศึกษา การประกอบอาชีพ การดาเนินชีวิต และการเรียนรู้ตลอดชีวิต
ด้วยตนเองตอ่ ไปในอนาคต การจัดการเรียนรู้ท่ีสอดคล้องตามหลักการปฏิรูปการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ
การจัดระบบประเมินผลการเรียนรู้ตามสภาพจริงท่ีเกิดข้ึนในการจัดกระบวนการเรียนรู้ ด้วยวิธีการท่ี
หลากหลาย ตลอดจนการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัยในการพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอน รวมทัง้ เผยแพร่
ข้อมูลข่าวสารท่ีเป็นความรู้ท่ัวไปและข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ เพ่ือให้ทุกคนได้มีโอกาสเรียนรู้ร่วมกันตลอดชีวิต
(ศักดิ์ศรี ปาณะกลุ และคณะ, 2549 : 250-252)
อย่างไรก็ตามการจัดการศึกษาตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน
พุทธศักราช 2551 ให้กับกลุ่มเป้าหมายประชาชนที่มิได้อยู่ในระบบโรงเรียนซ่ึงเป็นเป้าประสงค์ท่ีเป็นผู้ด้อย
พลาด และขาดโอกาส รวมทั้งกลุ่มเป้าหมายเฉพาะและกลุ่มเป้าหมายพิเศษ เช่น กลุ่มผู้พิการ กลุ่มทหารกอง
ประจาการ กลุ่มอาสาสมคั รหมูบ่ ้าน (อสม.) กล่มุ เดก็ เรร่ ่อน กลุ่มชาวเขา กลุ่มชาวเล กลุ่มชุมชนแออัด เป็นต้น
ดว้ ยความหลากหลายของกลมุ่ เปา้ หมายทาให้สถานศึกษามภี ารกิจสาคัญและจาเป็นในการบริหารจัดการศึกษา
ให้เป็นไปตามหลักเกณฑแ์ ละวธิ ีการจดั การศึกษาให้สอดคล้องกับหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษา
ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 อย่างมากมาย เช่น บทบาทหน้าท่ีของสถานศึกษา บทบาทหน้าที่ของครูที่ทา
หนา้ ทจ่ี ดั กิจกรรมการเรียนรู้ และโดยเฉพาะการจัดหลักสูตรที่สถานศึกษาจะนาไปจัดการเรียนรู้นั้น ได้กาหนด
สาระการเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ตามโครงสร้างหลักสูตรซึ่งกาหนดจานวนหน่วยกิตในแต่ละระดับ ท้ังวิชา
บังคับและวิชาเลือก ซึ่งผู้เรียนต้องเรียนวิชาบังคับตามที่กาหนด สาหรับวิชาเลือกให้ผู้เรียนเลือกเรียนได้ตาม
แผนการเรียนรู้รายบุคคล และหรือเลือกเรียนในสาระการเรียนหนึ่งหรือหลายสาระการเรียนรู้ให้ครบจานวน
หน่วยกิตตามโครงสร้างหลักสูตรแต่ละระดับตามความต้องการของผู้เรียน ดังนั้น ส่ิงที่เป็นปัญหาสาคัญของ
สถานศกึ ษาก็คือ การพัฒนาหลักสูตรรายวิชาเลือกตามความต้องการและเหมาะสมกับผู้เรียนเพ่ือพัฒนาผู้เรียน
ให้มีความรู้ ความสามารถ ทักษะ และคุณลักษณะตามท่ีกาหนดไว้ไปสู่มาตรฐานการเรียนรู้ ควรมีทางเลือกที่
หลากหลายท่เี หมาะสมกบั สภาพของกลมุ่ เป้าหมายแต่ละกลุ่ม กลุ่มประชากรวัยเรยี นที่ไม่สามารถเรียนได้ใน
3
ระบบโรงเรียนปกติ อาจต้องจัดการศึกษาท่ีผสมผสานการศึกษาในระบบเข้ากับการศึกษานอกระบบ (กลุ่มนี้มี
แนวโน้มเพ่ิมมากขึ้นเพราะปฏิเสธโรงเรียนและถูกโรงเรียนปฏิเสธ) กลุ่มประชากรวัยแรงงานในภาคการผลิตท่ี
สามารถรับผิดชอบตนเองได้ อาจเรียนจากการศึกษาทางไกล หรือการศึกษาท่ีจัดให้เรียนด้วยตนเอง มีครูคอย
แนะนาช่วยเหลือการเรียน หรือถ้าพอมีเวลาอาจจัดการเรียนให้ในรูปแบบการศึกษาในระบบ (คล้ายโรงเรียน
ผู้ใหญ่ที่เรียนนอกเวลางาน) กลุ่มท่ีเป็นผู้มีความรู้และประสบการณ์สูงแต่ไม่มีวุฒิทางการศึกษา อาจใช้วิธีการ
ประเมนิ ความรูก้ ็เพยี งพอ กลุ่มทตี่ ้องการเรยี นรู้เร่อื งอ่นื ๆ ท่ีไมใ่ ช่การศกึ ษาขั้นพื้นฐาน ก็อาจจะเลือกเรียนในส่ิง
ท่ีตนต้องการเรียน เพื่อการประกอบอาชีพ การมีคุณภาพชีวิตท่ีดี มีทักษะชีวิตที่ดี หรือกลุ่มเป้าหมายที่มี
ลักษณะเฉพาะทางวัฒนธรรม ศาสนา ชนเผ่า อาชีพ หรือข้อจากัดอื่น ๆ อาจจะต้องออกแบบการเรียนให้
สอดคลอ้ งกับลักษณะเฉพาะกลมุ่ หรอื อาชพี น้นั
ดงั น้ัน การจดั ทาแผนการเรียนรู้ท่ีตอบสนองความต้องการของผู้เรียน จึงมีความสาคัญอย่างย่ิงสาหรับ
ครูผู้สอน อาจจะกล่าวได้ว่า การจัดทาแผนการเรียนรู้เป็นกระบวนการตัดสินใจอย่างเป็นระบบของครูว่าจะ
สอนอะไร และจะดาเนินการสอนอย่างไรให้แก่ผู้เรียนอย่างเหมาะสม เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และมี
ประสบการณ์ในเร่ืองนั้นตามมาตรฐานการเรียนรู้ท่ีกาหนดไว้ รวมทั้งสามารถนาไปใช้ให้เกิดประโยชน์ใน
ชีวิตประจาวันของตนเองได้ ซ่ึงผู้สอนจะต้องตัดสินใจต่อไปว่าจะเขียนแผนการเรียนรู้ในรูปแบบใด และจะจัด
เนอื้ หาวิชาหรือกจิ กรรมการสอนในลักษณะใดจึงจะเหมาะสมและสอดคล้องกับเนื้อหาวิชา ภายในระยะเวลาที่
กาหนด ก่อนการจัดทาแผนการเรียนรู้นั้น ผู้สอนจะต้องศึกษาพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542
การจัดกระบวนการเรียนรู้ ซึ่งกาหนดให้ผู้สอนจัดเน้ือหาสาระ กิจกรรม รวมท้ังฝึกทักษะกระบวนการคิด และ
การจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง นอกจากนี้ผู้สอนจะต้องมีความรู้ความเข้าใจในเรื่อง
หลักการ จุดหมาย โครงสร้าง รวมทั้งสาระและมาตรฐานการเรียนรู้ ตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับ
การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ตลอดจนมาตรฐานการเรียนรู้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้ท่ีผู้สอนจะ
ดาเนินการสอน ทั้งน้ีเพ่ือนามาจัดทาเป็นแผนการเรียนรู้รายปี และ/หรือรายภาคเรียน โดยมุ่งเน้นในการ
กาหนดผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง และสาระการเรียนรู้ ซึ่งทาให้ผู้สอนสามารถจัดทาแผนการเรียนรู้ในลักษณะ
หน่วยและแผนการเรียนร้รู ายคาบเวลาต่อไปได้ นอกจากนน้ั ในการจัดทาแผนการเรียนร้ผู ู้สอนจะต้องมีความรู้
เกี่ยวกับผู้เรียน มีความเข้าใจเกี่ยวกับผู้เรียนในด้านลักษณะนิสัย และลักษณะการเรียนของผู้เรียน เช่น ระดับ
ความสามารถ ความสนใจในการเรียน วิธีการเรียนรู้ของผู้เรียน กลุ่มเพ่ือน ลักษณะของครอบครัว ซ่ึงจะทาให้
ผู้สอนสามารถเลือกเนื้อหาวิชาที่เหมาะสม และจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ได้สอดคล้องกับจุดประสงค์
เปน็ ไปตามความสนใจ และลกั ษณะนิสัยของผ้เู รยี นได้ ความรู้ในด้านเนื้อหาวิชาท่ีจะดาเนินการจัดกิจกรรมการ
เรียนรู้ ผู้สอนจะต้องมีความรู้ในด้านวิชาการเป็นอย่างดี รวมทั้งจะต้องใช้เวลา และความพยายามที่จะศึกษา
และแสวงหาความรู้ ในเนอ้ื หาวิชาที่จะตอ้ งดาเนนิ การจัดกจิ กรรมการเรียนร้เู พ่มิ เตมิ ท้ังนี้รวมถึงการมีความรู้ใน
ด้านการเลือกหนังสือเรียนท่ีเหมาะสม ศึกษาแนวคิดของวิชาหรือเลือกหัวข้อเรื่องท่ีจะสอน ตลอดจนสามารถ
บูรณาการหัวข้อเร่ืองต่าง ๆ หรือเนื้อหาวิชา ท้ังนี้ผู้สอนจะต้องสามารถเลือก และรวบรวมความรู้จากแหล่ง
ความรตู้ า่ ง ๆ ได้ ทาให้สามารถจัดเรยี งลาดับเน้ือหาวชิ าได้อย่างเหมาะสมกับเวลาที่กาหนดได้ รวมถงึ การมี
4
ความรู้ในด้านทฤษฎีการสอนหรือการจัดการเรียนรู้ เพื่อใช้ในการตัดสินใจเลือกใช้วิธีการจัดการเรียนรู้ให้
เหมาะสมกับเน้ือหาวิชาและสภาพของช้ันเรียน รวมทั้งการจัดการเรียนรู้ในลักษณะของกลุ่มเล็กหรือกลุ่มใหญ่
หรือการศึกษาเป็นรายบคุ คล ผสู้ อนจะต้องรวบรวมรายช่ือหนังสอื เรยี นหรือแหล่งความร้ตู า่ ง ๆ เพื่อให้ผู้เรียนได้
รจู้ กั การค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเอง จัดทาหรือสร้างสื่อการสอน แบบฝึกหัด หรือแบบฝึกทักษะตลอดจนคู่มือ
กิจกรรม และแบบประเมินผลกจิ กรรมต่าง ๆ ในห้องเรยี นใหส้ อดคลอ้ งกบั วยั และระดบั ความร้ขู องผเู้ รยี นได้
(ศักด์ศิ รี ปาณะกุล และคณะ, 2549 : 179-181)
กอปรกับสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ได้มีนโยบายให้
สถานศกึ ษาในสังกัด จดั ทาแผนการเรียนรู้รายบุคคลหลักสูตรรายวิชาเลือกเสรี โดยเร่ิมกับสถานศึกษาบางแห่ง
ในภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2559 และขยายผลใหค้ รอบคลมุ ทุกพ้ืนทใี่ นภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 และ
ได้มีนโยบายให้สถาบันพัฒนาการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยภาค ดาเนินการติดตามและ
ประเมินผลในเชิงวิชาการตามบริบทของพื้นท่ี ด้วยสาระสาคัญและนโยบายดังท่ีกล่าวมา สถาบันพัฒนา
การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั ภาคตะวนั ออก ในฐานะเป็นสถาบันพัฒนาวิชาการและส่งเสริม
การจัดการศึกษา ซึ่งมีพันธกิจหลักสาคัญ คือ วิจัยและพัฒนาการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
ท่ีสอดคล้องกับบริบทของภาคตะวันออก และส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาคุณภาพวิชาการ หลักสูตร สื่อ
เทคโนโลยี นวัตกรรมทางการศึกษา บุคลากรและระบบข้อมูลสารสนเทศที่เกี่ยวกับการศึกษานอกระบบและ
การศึกษาตามอัธยาศัยแก่สถานศึกษาในเขตภาคตะวันออกและภาคีเครือข่าย จึงได้จัดทาการวิจัยการจัดทา
แผนการเรยี นรูร้ ายบคุ คลหลกั สูตรรายวชิ าเลอื กเสรขี องสถานศกึ ษาในภาคตะวันออกข้ึน เพื่อนาเสนอข้อค้นพบ
ทีไ่ ด้สแู่ นวทางการสง่ เสรมิ การจดั การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั ใหม้ ีคุณภาพต่อไป
วัตถุประสงค์ของการวิจยั
1. เพอื่ ศกึ ษาการจัดทาแผนการเรยี นรู้รายบุคคลหลักสตู รรายวชิ าเลือกเสรขี องสถานศกึ ษาในภาคตะวันออก
2. เพื่อศึกษาปญั หาของการจัดทาแผนการเรียนรู้รายบุคคลหลักสูตรรายวิชาเลือกเสรีของสถานศึกษา
ในภาคตะวันออก
ขอบเขตการวิจยั
1. ขอบเขตดา้ นประชากรและกลมุ่ ตัวอยา่ ง
1.1 ประชากรในการวิจัยคร้ังนี้ คือ ครูการศึกษานอกโรงเรียนที่ปฏิบัติงานสอนในศูนย์การศึกษา
นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอ สังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม
อัธยาศัยจังหวัด 9 จังหวัดในภาคตะวันออก ประกอบด้วย จังหวัดจันทบุรี จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดชลบุรี
จังหวัดตราด จังหวัดนครนายก จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดระยอง จังหวัดสมุทรปราการ และจังหวัดสระแก้ว
จานวนทง้ั สิ้น 1,108 คน
5
1.2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยคร้ังน้ี คือ ครูการศึกษานอกโรงเรียนท่ีปฏิบัติงานสอนในศูนย์
การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอ สังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและ
การศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัด 9 จังหวัดในภาคตะวันออก ประกอบด้วย จังหวัดจันทบุรี จังหวัดฉะเชิงเทรา
จังหวัดชลบุรี จังหวัดตราด จังหวัดนครนายก จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดระยอง จังหวัดสมุทรปราการ และ
จังหวัดสระแก้ว โดยการสุ่มอย่างง่ายด้วยตารางกาหนดกลุ่มตัวอย่างของเครจซี่ และมอร์แกน (Krejcie &
Morgan, 1970 : 607-610 อ้างถึงใน บุญชม ศรีสะอาด, 2545 : 43-44) ได้กลุ่มตัวอย่างจานวน 971 คน ซ่ึง
ได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบแบ่งชั้น (Stratified Random Sampling) จากประชากรในระดับความเชื่อมั่น 95%
โดยใช้จังหวัดเป็นชั้น ทั้งน้ีผู้วิจัยสามารถเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง จานวน 971 คน ซ่ึงถือได้ว่าเกินจาก
จานวนที่กาหนดไว้
2. ขอบเขตด้านเนือ้ หา
การวจิ ัยครัง้ นี้ศึกษาการจดั และปัญหาการจดั ทาแผนการเรียนรู้รายบุคคลหลกั สูตรรายวิชาเลือกเสรี
ของสถานศกึ ษาในภาคตะวนั ออก ในขอบเขตของการพัฒนาการจัดการเรียนรู้ 4 ดา้ น ดังน้ี (กรมการศึกษานอก
โรงเรยี น, 2544 ข : 17)
1. การสารวจและวเิ คราะหส์ ภาพปัญหาและความตอ้ งการของผเู้ รยี น
2. การวเิ คราะหห์ ลักสตู รรายวิชาเลอื กเสรี
3. การวางแผนการจดั การเรียนรรู้ ายบคุ คลหลักสตู รรายวิชาเลือกเสรี
4. การจัดทาแผนการเรียนร้รู ายบคุ คลหลักสูตรรายวิชาเลือกเสรี
3. ขอบเขตดา้ นพ้นื ที่
การวิจัยครั้งน้ี ดาเนินการวิจัยการจัดทาแผนการเรียนรู้รายบุคคลหลักสูตรรายวิชาเลือกเสรีของ
สถานศึกษาในภาคตะวันออก ณ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอ สังกัดสานักงาน
ส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัด 9 จังหวัดในภาคตะวันออก ประกอบด้วย
จังหวัดจันทบุรี จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดชลบุรี จังหวัดตราด จังหวัดนครนายก จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัด
ระยอง จังหวดั สมทุ รปราการ และจังหวดั สระแก้ว
4. ขอบเขตดา้ นเวลา
ระยะเวลาในการเก็บรวบรวมขอ้ มูลวิจัย ระหว่างเดอื นกุมภาพนั ธ์ – มนี าคม 2560
6
นยิ ามศพั ท์เฉพาะ
1. หลักสูตร หมายถึง การประมวลความรู้และประสบการณ์ที่จัดขึ้น เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้
ความสามารถ ทักษะ และคุณลักษณะตามท่ีกาหนดไว้ หลักสูตรจึงเป็นเสมือนแผนที่กาหนดทิศทางในการ
พฒั นาผ้เู รียนไปสู่มาตรฐานการเรียนรู้ ซ่ึงเป็นเป้าหมายและมีการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ เพ่ือให้ทราบ
ความก้าวหน้าของผู้เรยี นในการพัฒนาไปสูม่ าตรฐานทกี่ าหนด
2. หลกั สูตรสถานศกึ ษา หมายถึง แผนหรือแนวทางในการจัดการเรียนรู้ ซงึ่ จดั ทาโดยคณะบุคคลของ
สถานศึกษาและผเู้ กีย่ วข้อง เพือ่ พฒั นาผู้เรียน ชุมชน สังคมให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้ และส่งเสริม
ให้ผ้เู รยี นรูจ้ ักตนเอง มีชวี ติ อยใู่ นชมุ ชน สงั คมอยา่ งมคี วามสุข ซึง่ ตอ้ งไมข่ ัดตอ่ ความมน่ั คงของชาติ และสิทธิมนุษยชน
3. หลักสูตรรายวิชาเลือกเสรี หมายถึง รายวิชาท่ีให้ผู้เรียนเลือกเรียนได้ตามแผนการเรียนรู้เป็นราย
บุคคลและ/หรอื กลุ่ม โดยเลอื กเรยี นในสาระการเรยี นรใู้ ดสาระการเรียนรู้หน่ึงหรือหลายสาระการเรียนรู้ให้ครบ
จานวนหน่วยกติ ตามโครงสร้างหลกั สตู รในแต่ละระดับตามความต้องการของผเู้ รียน
4. การจดั ทาแผนการเรียนรู้ หมายถึง การวางแผนการจัดกิจกรรมพบกลุ่มตามปกติระยะยาว ตลอด
ภาคเรยี นร่วมกันระหว่างสถานศึกษา ครผู ู้สอน และผ้เู รียน มีการวางแผนตั้งแต่ก่อนเปิดภาคเรียน เพ่ือเป็นการ
จดั เตรยี มแผนการจัดกจิ กรรมการเรยี น และการจัดกจิ กรรมพบกลมุ่ ตามปกตทิ กุ สปั ดาห์
5. แผนการจดั การเรียนรู้ หมายถึง แผนหรือแนวทางการจัดการเรียนรู้ ซ่ึงเป็นส่วนหน่ึงของหน่วย
การเรียนรู้ เมอื่ ดาเนนิ การเรียนรูค้ รบทุกแผนของแตล่ ะหนว่ ยการเรียนรู้ ผ้เู รยี นจะไดพ้ ฒั นาคุณภาพบรรลุตาม
มาตรฐานที่กาหนดเปน็ เป้าหมายของแต่ละหน่วยการเรียนรู้
6. แผนการเรียนรู้รายบุคคล หมายถึง การจัดการศึกษาท่ีสนองตอบความแตกต่างของบุคคล
เพ่ือใหผ้ เู้ รยี นได้มีอิสระในการเรยี นรู้ โดยการจัดทาแผนการเรียนรู้ท่ีมีเวลาให้ผู้เรียนได้เรียนในวิถีชีวิต ผู้เรียน
ควรจะเรียนในสิ่งท่ีจาเป็นและสิ่งที่สนใจในการพัฒนาคุณภาพชีวิต เพื่อให้สามารถปรับตัวเข้ากับการ
เปล่ยี นแปลงของโลก
7. สถานศึกษาในภาคตะวันออก หมายถึง ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
อาเภอ (กศน.อาเภอ) ซึ่งเป็นสถานศึกษาในสังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม
อัธยาศัยจังหวัด (สานักงาน กศน.) ในภาคตะวันออก 9 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดจันทบุรี จังหวัด
ฉะเชิงเทรา จังหวัดชลบุรี จังหวัดตราด จังหวัดนครนายก จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดระยอง จังหวัด
สมุทรปราการ และจังหวัดสระแก้ว รวมทั้งสิ้น 73 อาเภอ โดยมีผู้อานวยการ กศน.อาเภอ เป็นผู้บริหารและ
รับผดิ ชอบในพน้ื ที่แตล่ ะอาเภอ
8. ครูการศกึ ษานอกโรงเรยี น หมายถึง ครูทป่ี ฏบิ ตั งิ านสอนในศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษา
ตามอัธยาศัยอาเภอ สังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัด 9 จังหวัด
ในภาคตะวันออก ประกอบด้วย จังหวัดจันทบุรี จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดชลบุรี จังหวัดตราด จังหวัดนครนายก
จังหวดั ปราจนี บรุ ี จังหวัดระยอง จังหวดั สมุทรปราการ และจังหวัดสระแก้ว ประกอบดว้ ย ครผู ู้สอนประเภท
ข้าราชการครู ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน ครู กศน.ตาบล ครูศูนย์การเรียนชุมชน ครู ปวช. และ
ครผู สู้ อนคนพิการ
7
9. ผู้เรียน หมายถึง ผู้มีอายุ 15 ปีข้ึนไปท่ีสมัครข้ึนทะเบียนเรียนกับศูนย์การศึกษานอกระบบและ
การศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอ สังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัด
9 จังหวัดในภาคตะวนั ออก
ประโยชนท์ ่ีคาดวา่ จะไดร้ บั
ข้อค้นพบจากการวิจัยครั้งนี้ ทาให้ทราบสภาพการดาเนินงาน ปัญหา อุปสรรค ความต้องการ
ข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะต่าง ๆ ซ่ึงก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและ
การศึกษาตามอธั ยาศยั และหนว่ ยงาน/สถานศกึ ษาในสังกัด ดงั นี้
1. เป็นข้อมูลและข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย สาหรับการจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม
อัธยาศยั ที่สอดคล้องกับบรบิ ทของสถานศกึ ษาและความตอ้ งการของผูเ้ รียน
2. เป็นข้อมูลพ้ืนฐานประกอบการตัดสินใจสาหรับการวางแผนหาแนวทาง รูปแบบ หรือวิธีการจัด
การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั ท่เี หมะสมและมปี ระสทิ ธภิ าพยิง่ ขึ้น
3. เป็นแนวทางในการจัดทาแผนการเรียนรู้รายบุคคลหลักสูตรรายวิชาเลือกเสรี หรือในลักษณะ
เดียวกนั น้ี สาหรับสถานศึกษาในสังกัดสานักงานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย และ/
หรอื ภาคเี ครอื ขา่ ยทเี่ กยี่ วข้อง เพ่ือส่งผลต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ได้อย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับความ
ตอ้ งการของผู้เรยี นไดด้ ียิ่งขน้ึ
8
บทท่ี 2
วรรณกรรมทเ่ี กีย่ วข้อง
การวิจัยเรื่อง การจัดทาแผนการเรียนรู้รายบุคคลหลักสูตรรายวิชาเลือกของสถานศึกษาในภาค
ตะวันออก ผู้วิจัยได้ทาการศึกษาเอกสารและงานวิจัยท่ีเก่ียวข้องกับกรอบเน้ือหาของการวิจัยแบ่งเป็น 7 ตอน
ดังน้ี
ตอนท่ี 1 นโยบายและจุดเน้นการดาเนินงาน สานกั งาน กศน.
ตอนท่ี 2 การจดั การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั
ตอนท่ี 3 หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
ตอนท่ี 4 หลกั สูตรรายวิชาเลอื กของสถานศกึ ษา
ตอนที่ 5 การจัดทาแผนการเรยี นรู้
ตอนที่ 6 บริบทศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอ
ตอนที่ 7 งานวิจยั ทีเ่ กี่ยวขอ้ ง
9
ตอนที่ 1 นโยบายและจุดเน้นการดาเนินงาน สานกั งาน กศน.
นโยบายและจดุ เน้นการดาเนินงาน สานักงาน กศน. ประจาปงี บประมาณ พ.ศ. 2559 สรุปได้ดังน้ี
(สานักงาน กศน., 2560 : ออนไลน์)
1.1 ยุทธศาสตรแ์ ละจุดเน้นการดาเนินงาน สานักงาน กศน.ปีงบประมาณ พ.ศ.2559
ยุทธศาสตร์ที่ 1 พัฒนา กศน.ตาบลให้เป็นกลไกการขับเคล่ือนการจัดการศึกษาและส่งเสริม
ภาคีเครอื ขา่ ยในการจดั การศกึ ษาเพ่ือสร้างและกระจายโอกาสในการเรียนรู้ตลอดชีวติ ในชุมชน
ส่งเสริมและพัฒนาเครอื ขา่ ย กศน.ตาบล/แขวง โดยเน้นการประสานเชอื่ มโยงระหว่าง บ้าน
วัด โรงเรียน และภาคีเครือข่ายอ่ืนท่ีดาเนินการในรูปแบบคณะกรรมการ เพ่ือการทางานร่วมกัน การส่งต่อ
ผู้เรียน และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ ในอันที่จะเสริมสร้างสมรรถนะสาหรับการให้บริการทาง
การศกึ ษาทตี่ อบสนองความตอ้ งการของผู้เรยี นอยา่ งมีประสิทธภิ าพ พัฒนาโครงสร้างพืน้ ฐาน กศน.ตาบล ใหม้ ี
ความพร้อมเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานด้าน ICT และเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาอื่นท่ีเหมาะสมกับพ้ืนท่ี เพ่ือให้มี
ความพร้อมในการให้บรกิ ารการศกึ ษาและการเรยี นรู้ ท่เี ป็นไปตามความต้องการของประชาชนและชมุ ชน และ
พัฒนากระบวนการดาเนินงานใน กศน.ตาบล โดยให้ความสาคัญกับการใช้วงจรคุณภาพเดมมิ่ง (PDCA) เพื่อการ
วางแผน การปฏิบัติงาน การติดตามประเมินผล และการนาผลมาพัฒนาการดาเนินงาน กศน.ตาบล/แขวง
อยา่ งตอ่ เนื่อง
ยุทธศาสตร์ท่ี 2 ลดความเหล่อื มลา้ สรา้ งโอกาส และยกระดับคณุ ภาพการศกึ ษา
เร่งลดจานวนผู้ไม่รู้หนังสือ มุ่งเน้นการจัดการศึกษานอกระบบให้กับกลุ่มเป้าหมายท่ัวไปและ
กลุ่มเป้าหมายพิเศษ ให้จบการศึกษาขั้นพื้นฐาน ยกระดับคุณภาพการศึกษาและการเรียนรู้การศึกษานอก
ระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย “ปรับวิธีเรียน เปลี่ยนวิธีการจัดการเรียนรู้” โดยการพัฒนาหลักสูตร
การพัฒนาสื่อ การพัฒนาส่ือเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา การพัฒนาระบบ ICT การพัฒนาบุคลากรผู้เกี่ยวข้อง
การพัฒนารปู แบบการจัดการเรียนรู้ การพัฒนาระบบการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษา การประเมิน
เทียบระดับการศึกษา การพัฒนาระบบการสะสมและเทียบโอนผลการเรียน และให้ความสาคัญกับการวิจัย
เพ่ือการพัฒนางานในรูปแบบต่าง ๆ ใช้ส่ือเทคโนโลยีทางการศึกษา และเทคโนโลยีการส่ือสารท่ีทันสมัยและ
เหมาะสมเป็นเคร่ืองมือในการสร้างและกระจายโอกาสทางการศึกษา อาทิ การจัดการศึกษานอกระบบผ่านทีวี
สาธารณะ (ติวเข้มเติมเต็มความรู้) ETV วิทยุกระจายเสียง Social Media ในรูปแบบต่าง ๆ Application
บน Smart Phone ส่ือ Off line สร้างค่านิยมอาชีวศึกษา เพ่ิมสัดส่วนผู้เรียนอาชีวศึกษาโดยขยายโครงการ
“เรียนร่วมหลักสูตรอาชีวศึกษาและมัธยมศึกษาตอนปลาย กศน.” (ทวิศึกษา กศน.) ให้ครอบคลุมทุกจังหวัด
มุ่งเน้นการฝึกหลักสูตรวิชาชีพระยะสั้นในวิชาช่างพื้นฐาน (ช่างไม้ ช่างปูน ช่างเชื่อม ช่างก่อสร้าง ช่างประปา
ช่างไฟฟ้า ฯลฯ) และวิชาชีพระยะสั้นอ่ืน ๆ ที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน บริบทของพ้ืนท่ี
และส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาอาชีพ ในอันที่จะประกอบอาชีพที่สร้างรายได้ได้จริง ส่งเสริม
การจัดการศึกษาเพ่ือยกระดับการศึกษาและพัฒนาศักยภาพแรงงาน ในจังหวัดที่มีพ้ืนที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ
เพื่อสร้างโอกาสและศักยภาพ ในการสร้างงานและการพัฒนาอาชีพท่ีเป็นไปตามความต้องการและบริบท
ของพ้ืนท่พี ิเศษ และเร่งพัฒนาระบบกลไกการกากบั ตดิ ตาม และนเิ ทศงานการศกึ ษาอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ
10
ยุทธศาสตรท์ ่ี 3 สร้างอุดมการณ์ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และค่านยิ มท่ีพงึ ประสงค์
สง่ เสรมิ การจดั การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยเพื่อสนับสนุนโครงการอันเน่ือง
มาจากพระราชดาริ หรอื โครงการอนั เกยี่ วเนือ่ งจากพระราชวงศ์ การจัดต้ังหมู่บ้านเรียนรู้ตามรอยพระยุคลบาท
เพ่ือสร้างอุดมการณต์ ามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง การจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาทักษะชีวิต การสร้างจิต
สาธารณะ การต้านยาเสพติด ในรูปแบบกิจกรรมลูกเสือ ยุวกาชาด กิจกรรมค่าย การแข่งขันกีฬา การส่งเสริม
ให้เกิดการเรียนรู้เรื่องประวัติศาสตร์และข้อมูลความเป็นมาของชุมชนเพื่อสร้าง สานึกรักถ่ินและสร้างความ
เข้มแข็งของชุมชน และเร่งสร้างความรู้ ความตระหนัก และปลูกจิตสานึกด้านคุณธรรม จริยธรรมตามหลัก
ธรรมาภิบาลตลอดจนความรู้เร่ืองกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และอ่ืน ๆ ที่เก่ียวข้องกับการปฏิบัติงานให้กับ
บุคลากรทุกระดับทุกประเภท และส่งเสริมให้ประชาชน นักศึกษา กศน. และบุคลากร กศน.จัดทาบัญชี
ครัวเรอื นเพ่ือพัฒนาคณุ ภาพชวี ิตตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ยุทธศาสตร์ท่ี 4 จดั การศกึ ษาเพือ่ สง่ เสริมการเรยี นรทู้ กุ ชว่ งวัยและพัฒนาคณุ ภาพชวี ติ
จัดให้มกี ารเรียนรู้ภาษาอังกฤษในชวี ิตประจาวันในรปู แบบและวธิ ีการต่าง ๆ ทหี่ ลากหลายสาหรับ
ประชาชนในทุกหมู่บ้าน/ชุมชน ท้ังหลักสูตรระยะสั้น และการเรียนรู้ตามอัธยาศัยจากสภาพแวดล้อมต่าง ๆ รอบตัว
มงุ่ เน้นการส่งเสริมให้เกดิ ชุมชนรักการอ่าน “สร้างการอ่าน เสริมการเรียนรู้” ในรูปแบบหมู่บ้าน/ชุมชนแห่งการอ่าน
อาสาสมัครส่งเสรมิ การอ่าน บา้ นหนงั สือชุมชน การจัดการศกึ ษาเพ่ือสรา้ งความเข้มแข็งให้กับสถาบันครอบครัว
อาทิ หลักสูตรครอบครัวศึกษา ค่ายครอบครัว การจัดกระบวนการเรียนรู้สาหรับผู้สูงอายุ Book-start ส่งเสริม
การอ่านสาหรับเด็กปฐมวัย บ้านหลังเรียน จัดกิจกรรมการเรียนรู้เพ่ือพัฒนาคุณภาพชีวิตในชุมชนในรูปแบบกลุ่ม
สนใจในเรื่องต่าง ๆ ดาเนินการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลด้านอาเซียนของกระทรวงศึกษาธิการท่ีทาหน้าที่รวบรวมและ
จัดทาฐานข้อมูลพื้นฐานของศูนย์อาเซียนของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ สังเคราะห์แนวทางการ
ดาเนินงานของศูนย์อาเซียนในแต่ละพื้นที่ และจัดทาข้อเสนอเพ่ือเป็นแนวทางในการพัฒนามาตรฐานศูนย์
ส่งเสริมการจดั กจิ กรรม การเรยี นรู้ตลอดชีวิตในชมุ ชนในเชงิ รกุ ทหี่ ลากหลาย ทนั สมัย สร้างสรรค์ ต่อเน่ือง และ
ตอบสนองความต้องการของประชาชน และชุมชนและความจาเป็นเร่งด่วนต่าง ๆ ของแต่ละชุมชน รวมท้ังมี
การบูรณาการความรู้ในชุมชนเพ่ือเช่ือมโยงกับหลักสูตรต่าง ๆ ของ กศน. และใช้ทุนทางสังคมของแต่ละชุมชนให้
เป็นแหลง่ การเรยี นรู้ โดยใช้ กศน.ตาบล/แขวง ท่ดี าเนินการอยูแ่ ล้วใหเ้ กดิ ประโยชน์สูงสุด
ยุทธศาสตรท์ ี่ 5 การพัฒนาการศึกษาในเขตพฒั นาพิเศษจงั หวัดชายแดนใต้
จัดและพฒั นาหลกั สูตรและกจิ กรรมสง่ เสริมการศึกษาและการเรยี นรู้ที่หลากหลาย ตอบสนอง
ปัญหาและความต้องการของกลุ่มเป้าหมายรวมทั้งอัตลักษณ์และความเป็นพหุวัฒนธรรมของพ้ืนที่ พัฒนา
หลักสูตรการสอนภาษาท่ีเป็นไปตามบริบท และความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ในพื้นท่ี อาทิ การสอน
ภาษาไทยให้กับกลุ่มเป้าหมายประชาชนในพื้นที่ การสอนมลายูถ่ินให้กับข้าราชการ และเจ้าหน้าท่ีของรัฐ
ที่ปฏิบัติงานในพ้ืนท่ี จัดและส่งเสริมการศึกษาอาชีพเพื่อการมีงานทา ให้กับประชาชนกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่
ทเี่ ปน็ ไปตามความตอ้ งการของตลาดแรงงานในพื้นที่ จัดและส่งเสริมกิจกรรมการเรียนรู้ เพ่ือเพ่ิมพูนประสบการณ์
เปิดโลกทัศน์ สร้างเสริมสุขภาพ สร้างความมีวินัย ความรัก ความสามัคคี และความสมานฉันท์ การยึดมั่นใน
หลักคณุ ธรรมและสถาบนั หลกั ของชาตใิ หก้ บั กลุม่ เป้าหมายในพ้ืนทีจ่ ังหวัดชายแดนภาคใต้อยา่ งต่อเนื่อง
11
1.2 จดุ เน้นการดาเนินงาน กศน.ตามยุทธศาสตร์กระทรวงศกึ ษาธิการ ปีงบประมาณ พ.ศ.2560
สรปุ ไดด้ งั นี้ (สานักงาน กศน., 2560 : ออนไลน์)
ยุทธศาสตร์ท่ี 1 พัฒนาหลักสตู ร กระบวนการเรยี นการสอน การวัดและประเมินผล
จัดกระบวนการเรียนรู้ท่ีตอบสนองกับการเปล่ียนแปลงบริบทด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง
วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และสิ่งแวดล้อม รวมทั้งตามความต้องการของประชาชนและชุมชน ในรูปแบบท่ี
หลากหลาย ให้ประชาชนคิดเป็น วิเคราะห์ ตัดสินใจภายใต้ฐานข้อมูลท่ีถูกต้อง เช่น ความรู้เรื่องการปกครอง
ระบบประชาธปิ ไตยอันมพี ระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข/การเลือกตั้ง แนวทางและทิศทางการพัฒนาประเทศ
ด้านต่าง ๆ ของรัฐบาล โดยประสานความร่วมมือกับกระทรวงต่าง ๆ ที่เก่ียวข้อง ร่วมจัดทาเน้ือหาและสื่อ
ประกอบการจัดกระบวนการเรียนรู้ รวมท้ังให้มีการจัดทาแผนการเรียนรู้รายชุมชน เพ่ือพัฒนาสู่ชุมชน/เมือง
แห่งการเรียนรู้ ส่งเสริมให้มีการจัดการเรียนการสอนรูปแบบ “สะเต็มศึกษา” (STEDM Education) โดย
บูรณาการความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ เพ่ือประยุกต์ใช้ใน
ชีวติ ประจาวัน พฒั นาทักษะชีวิตสู่การประกอบอาชีพ และเป็นแนวทางของการสร้างแรงงานที่มีศักยภาพได้ใน
อนาคต
ยทุ ธศาสตรท์ ่ี 2 การผลติ พฒั นา ครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศกึ ษา
จัดทาแผนอตั รากาลงั ลว่ งหน้าระยะ 10 ปี เพอ่ื ใชเ้ ปน็ ข้อมลู สาหรับการขอกรอบอัตรากาลัง
เพิ่มเติมให้เพียงพอต่อขอบข่ายการดาเนินงานของ กศน. พัฒนาศักยภาพครู กศน.ทุกประเภท เพื่อให้สามารถ
เปน็ ทงั้ ผสู้ อน ผ้อู อกแบบการเรียนรู้รายบุคคล และจัดกระบวนการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมท้ังจัดทา
แผนพัฒนาครู กศน.ทุกประเภทและทุกระดับ ช่วงระยะ 10 ปี เพื่อพัฒนาสมรรถนะครู กศน.ให้ได้เกณฑ์
มาตรฐานที่กาหนด สารวจข้อมูลและทบทวนหลักเกณฑ์การจ้างลูกจ้างแบบจ้างเหมาบริการ และพนักงาน
ราชการใหต้ รงตามความตอ้ งการของพื้นที่
ยทุ ธศาสตรท์ ่ี 3 ผลติ พฒั นากาลงั คน และงานวจิ ยั ท่สี อดคล้องกับความต้องการของการพัฒนาประเทศ
ยกระดับการศึกษาให้กับกลุ่มประชากรวัยแรงงาน (15-59 ปี) ให้จบการศึกษาภาคบังคับ
อยา่ งมคี ุณภาพ จัดการศึกษาเพ่ือเพ่ิมอัตราการรู้หนังสือให้คนไทยให้สามารถอ่านออกเขียนได้ โดยใช้หลักสูตร
การรู้หนังสือไทย พุทธศักราช 2557 ของสานักงาน กศน. และส่ือที่เหมาะสมกับสภาพและพ้ืนที่ของ
กลุ่มเป้าหมาย จัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยให้สอดคล้องและรองรับกับความต้องการ
ของการพฒั นาตามบรบิ ทของแต่ละพ้ืนที่ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ โดยมุ่งเน้นผลิตกาลังคนให้สอดคล้องกับ
ความต้องการของพื้นท่ี พร้อมท้ังสร้างทักษะทางวิชาชีพ โดยเน้นด้านการบริหารและการประกอบการ เพื่อให้
ประชาชนในพน้ื ท่ีไดร้ บั การพฒั นาศักยภาพในแนวทางทีด่ ขี น้ึ
ยทุ ธศาสตร์ที่ 4 ขยายโอกาสในการเข้าถงึ บรกิ ารการศึกษาและการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวติ
จัดและส่งเสริมหน่วยงานที่เก่ียวขอ้ งในการจัดการศกึ ษาและการเรยี นรใู้ ห้กับกลุม่ เปา้ หมาย
เด็กออกกลางคัน/เด็กตกหล่น และกลุ่มคนพิการ เร่งสารวจข้อมูลการรู้หนังสือของคนไทย โดยให้ความสาคัญ
กบั กลุ่มเปา้ หมายนกั ศึกษา กศน. พฒั นา กศน.ตาบล/แขวง ใหเ้ ป็นฐานการขับเคลอ่ื นการจัดการศึกษา โดยเน้น
การประสานเชอ่ื มโยงระหว่างชมุ ชนและภาคีเครือข่าย ในการจัดการศึกษารปู แบบ กศน.ตาบล 4 ศูนย์ ได้แก่
12
ศูนย์เรียนรู้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ประจาตาบล ศูนย์ส่งเสริมพัฒนา
ประชาธิปไตยตาบล ศูนย์ดิจิทลั ชุมชน และศนู ยก์ ารศกึ ษาตลอดชีวิตชุมชน เพือ่ สนองตอบต่อความต้องการของ
ประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งสร้างและกระจายโอกาสในการเรียนรู้ตลอดชีวิตในชุมชน จัดการศึกษา
เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตสาหรับประชาชนทุกช่วงวัย “กศนเพื่อประชาชน” เช่น จัดการเรียนอาชีพระยะส้ัน
ให้กับประชาชนที่สอดคล้องกับบริบทของพ้ืนท่ี และการเข้าสู่สังคมเศรษฐกิจท่ีขับเคล่ือนด้วยนวัตกรรม
(Thailand 4.0) รวมท้ังจัดการศึกษาเพ่ือเสริมสร้างคุณภาพชีวิตให้กับกลุ่มผู้สูงอายุ และการพัฒนาทักษะชีวิต
ในการเตรียมความพร้อมรับมือกับการเปล่ียนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ธรรมชาติ และส่ิงแวดล้อม
มุ่งเน้นการส่งเสริมให้เกิดชุมชนรักการอ่าน “น่ังท่ีไหน อ่านท่ีนั่น” ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น อาสาสมัครส่งเสริม
การอ่าน ห้องสมดุ ประชาชน บ้านหนงั สือชุมชน หอ้ งสมุดเคลอ่ื นทีส่ าหรับชาวตลาดตามพระราชดาริของสมเด็จ
พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี และหนังสือพิมพฝ์ าผนงั เปน็ ตน้
ยทุ ธศาสตรท์ ่ี 5 สง่ เสรมิ และพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อการศกึ ษา
พฒั นา กศน.ตาบล ใหม้ คี วามพร้อมเกีย่ วกบั โครงสร้างพืน้ ฐานดา้ น ICT และเทคโนโลยเี พื่อ
การศึกษาทเ่ี หมาะสมกับพ้ืนที่ เพื่อให้ กศน.ตาบลทุกแห่งเข้าถึงการใช้บริการทางอินเทอร์เน็ต มีความพร้อมใน
การให้บริการการศกึ ษาและการเรียนรู้ท่ีเป็นไปตามความต้องการของประชาชนและชุมชน และสร้างโอกาสใน
การเรยี นรูไ้ ดอ้ ย่างทว่ั ถึง พฒั นาระบบช่องทางแหล่งเรยี นร้อู อนไลน์ (Portal Web) และส่งเสริมให้ประชาชนนา
เทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในการเรียนรู้/กิจกรรมต่าง ๆ เพ่ือเพ่ิมโอกาสการเรียนรู้ และการพัฒนาอาชีพ
เช่น การแสวงหาความรู้เพ่ือการดารงชีวิต การพัฒนาต่อยอดอาชีพเพ่ือสร้างรายได้ โดยผ่านกลไกของศูนย์
ดิจิทัลชุมชน เพ่ือให้ประชาชนสามารถนาความรู้ความสามารถ เจตคติที่ดีต่อการประกอบอาชีพและทักษะท่ี
พัฒนาข้ึนไปใช้ประโยชน์ในการประกอบอาชีพท่ีสร้างรายได้ได้จริง และการพัฒนาสู่เศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์
ต่อไป
ยทุ ธศาสตร์ท่ี 6 พัฒนาระบบบริหารจัดการส่งเสริมใหท้ ุกภาคส่วนมสี ่วนรว่ มในการจัดการศกึ ษา
เรง่ บริหารจัดการโรงเรียนขนาดเลก็ โดยประสานข้อมลู โรงเรยี นขนาดเลก็ จากสานกั งานคณะ
กรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน (สพฐ.) และประสานหน่วยงานในพ้ืนที่เพื่อสารวจความต้องการในการจัดการ
โรงเรยี นขนาดเลก็ เพอ่ื ทาเป็น กศน.อาเภอ กศน.ตาบล หรอื แหล่งการเรยี นรู้อ่ืนของชุมชน สารวจวิเคราะห์และ
ปรบั ปรุงค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยดาเนินการให้ผู้เรียนได้รับการ
สนับสนุนค่าหนังสือเรียน ค่าจัดกิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียน และค่าเล่าเรียนอย่างทั่วถึง และเหมาะสมกับ
สภาพการจัดการศึกษาของทุกกลุ่มเป้าหมาย เพื่อเพ่ิมโอกาสในการรับการศึกษาท่ีมีคุณภาพโ ดยไม่เสีย
ค่าใช้จ่าย สร้างความรู้ ความตระหนัก และปลูกจิตสานึกตามหลักธรรมาภิบาล ตลอดจนความรู้เร่ืองกฎหมาย
ระเบยี บ ขอ้ บงั คับ และอืน่ ๆ ท่ีเก่ยี วข้องกับการปฏบิ ตั ิงานให้กับบุคลากรทุกระดับทุกประเภท โดยส่งเสริมการ
จัดกิจกรรม การจัดทาองค์ความรู้ด้านคุณธรรมจริยธรรม การป้องกันการทุจริต และราชการใสสะอาด ของ
หน่วยงานและสถานศึกษา เพื่อให้ กศน.เป็นองค์กรแห่งศักด์ิศรีและสุจริตธรรมที่ประชาชนมีความเช่ือมั่น
ศรัทธา และมคี วามไวว้ างใจในการปฏิบตั งิ าน
13
ตอนที่ 2 การจดั การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั
ในปี พ.ศ. 2542 ประเทศไทยได้ตราพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติข้ึนเป็นคร้ังแรก และต่อมาในปี
พ.ศ.2545 ได้มีการแก้ไขเพ่ิมเติม พระราชบัญญัติดังกล่าวน้ีเป็นกฎหมายพ้ืนฐานสาคัญในการปฏิรูปการศึกษาไทย
ท่ีกาหนดครอบคลุมทั้งสิทธิและหน้าท่ีทางการศึกษา ระบบการศึกษา แนวการจัดการศึกษา การบริหารและ
การจัดการศึกษาทั้งของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน และเอกชน มาตรฐานและการประกันคุณภาพ
การศึกษา การพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา ทรัพยากรและการลงทุนการศึกษา และเทคโนโลยี เพ่ือ
การศึกษา กฎหมายดังกล่าวกาหนดสาระสาคัญเพ่ือเป็นกรอบและแนวทางในการจัดการศึกษาสาหรับคนไทย
ทุกคน คือ การจัดการศึกษาต้องเป็นไปเพ่ือพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ท่ีสมบูรณ์ท้ังร่างกาย จิตใจ สติปัญญา
ความรู้และคุณธรรม มีจริยธรรม และวัฒนธรรมในการดารงชีวิต สามารถอยู่ร่วมกับผู้อ่ืนได้อย่างมีความสุข
การจัดการศึกษาให้ยึดหลัก 1) เป็นการศึกษาตลอดชีวิตสาหรับประชาชน 2) ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัด
การศึกษา 3) การพัฒนาสาระและกระบวนการเรียนรู้ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง การจัดการศึกษาต้องจัดให้
บุคคลมีสิทธิและโอกาสเสมอกนั ในการรับการศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐานไม่น้อยกว่าสิบสองปีที่รัฐต้องจัดให้โดยทั่วถึงและ
มีคุณภาพโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย การจัดการศึกษามีสามรูปแบบ คือ การศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ
และการศึกษาตามอัธยาศัย การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่า ผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนา
ตนเองได้และถือว่าผู้เรียนมีความสาคัญท่ีสุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนา
ตามธรรมชาติและเต็มตามศกั ยภาพ
ในปี พ.ศ. 2551 ไดม้ กี ารออกพระราชบัญญัติส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
ขึ้นเป็นคร้ังแรก โดยมีเหตุผลที่สาคัญคือ กฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติกาหนดให้การศึกษายึดหลัก
การศึกษาตลอดชีวิต โดยการมสี ว่ นรว่ มของบุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน
เอกชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และสถาบันสังคมอ่ืน ดังน้ัน เพ่ือให้
หลักการดังกล่าวสามารถนาไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นระบบและเกิดประสิทธิภาพอย่างแท้จริง เพื่อให้บุคคลมี
โอกาสเรียนรู้ และสามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างต่อเน่ืองตลอดชีวิต อันจะนาไปสู่สังคมแห่งการเรียนรู้
และภูมิปัญญา และการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยมีจุดมุ่งหมายสาคัญ คือ เพ่ือเป็น
หลักประกันสิทธิและโอกาสของประชาชนในการท่ีจะได้รับการศึกษาอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต เพื่อสร้างความ
เป็นธรรมหรือความเสมอภาคของโอกาสทางการศึกษาให้กับประชาชนกลุ่มผู้ด้อยโอกาสทางการศึกษา เพ่ือ
ความมเี อกภาพ ความคลอ่ งตัว และความมปี ระสิทธภิ าพในการบรหิ ารและการจัดการการศึกษานอกระบบและ
การศึกษาตามอัธยาศัย จึงได้ออกพระราชบัญญัติฉบับนี้ ซึ่งมีการกาหนดกรอบและแนวทางการส่งเสริม
สนับสนุนการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั มีสาระสาคญั ดงั น้ี (สานกั งาน กศน., 2551 : 75-77)
-ให้บุคคลซึง่ ได้รับการศึกษาขั้นพ้ืนฐานไปแล้วหรือไม่ก็ตาม มีสิทธิได้รับการศึกษาในรูปแบบการศึกษา
นอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยแล้วแต่กรณี
14
-การส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษานอกระบบ ให้ยึดหลัก 1) ความเสมอภาคในการเข้าถึงและการ
ไดร้ ับการศึกษาอย่างกวา้ งขวาง ทั่วถึง เป็นธรรม และมีคุณภาพเหมาะสมกับสภาพชีวิตของประชาชน 2) การ
กระจายอานาจแก่สถานศกึ ษาและการให้ภาคีเครือขา่ ยมีสว่ นร่วมในการจดั การเรยี นรู้
-การส่งเสริมสนับสนุนการศึกษาตามอัธยาศัย ให้ยึดหลัก 1) การเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ท่ีสอดคล้องกับ
ความสนใจและวถิ ชี ีวติ ของผเู้ รยี นทุกกล่มุ เปา้ หมาย 2) การพัฒนาแหล่งเรียนรู้ให้มีความหลากหลายทั้งส่วนท่ี
เป็นภูมิปัญญาท้องถ่ินและส่วนที่นาเทคโนโลยีมาใช้เพ่ือการศึกษา 3) การจัดกรอบหรือแนวทางการเรียนรู้ท่ี
เปน็ คุณประโยชน์ต่อผู้เรียน
-ให้มีสานกั งานสง่ เสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยเป็นหน่วยงานส่วนกลางในการ
จัดทาข้อเสนอ นโยบาย และดาเนินการในการนานโยบายไปสู่การปฏิบัติ รวมถึงติดตาม ตรวจสอบ และ
ประเมินผลการดาเนินงาน
-ให้สถานศึกษาทาหน้าที่ส่งเสริม สนับสนุน ประสานงาน และจัดการศึกษานอกระบบและการศึกษา
ตามอัธยาศัยร่วมกับภาคีเครือข่าย โดยอาจจัดให้มีศูนย์การเรียนชุมชนเป็นหน่วยจัดกิจกรรมและสร้าง
กระบวนการเรยี นรูข้ องชมุ ชนได้
2.1 การศกึ ษานอกระบบ
2.1.1 ความหมายของการศึกษานอกระบบ
พระราชบัญญัติส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
พ.ศ.2551 มาตรา 4 ไดใ้ ห้คาจากัดความของการศึกษานอกระบบไว้ว่า “การศึกษานอกระบบ” หมายความว่า
กิจกรรมการศึกษาท่ีมีกลุ่มเป้าหมายผู้รับบริการและวัตถุประสงค์ของการเรียนรู้ที่ชัดเจน มีรูปแบบ หลักสูตร
วธิ กี ารจดั และระยะเวลาเรียน หรอื ฝกึ อบรมท่ียืดหยุ่นและหลากหลายตามสภาพความต้องการและศักยภาพใน
การเรียนรู้ของกล่มุ เปา้ หมายน้ัน และมีวิธีการวัดผลและประเมินผลการเรียนรู้ที่มีมาตรฐาน เพื่อรับคุณวุฒิทาง
การศกึ ษา หรือเพ่ือจดั ระดบั ผลการเรียนรู้ (กระทรวงศึกษาธิการ, 2551 : 2)
การศกึ ษานอกระบบ หมายถึง มวลความรู้ ประสบการณ์ และกจิ กรรมการศกึ ษาในรปู แบบตา่ ง ๆ
ที่จัดให้บริการแก่ประชาชนท่ีอยู่นอกระบบโรงเรียนทั้งหมด ไม่ว่าจะอยู่ในวัยใด มีอาชีพใด มีประสบการณ์
อย่างไร ซ่ึงบคุ คลเหลา่ นนั้ อาจจะไมเ่ คยได้ศึกษาเล่าเรยี นในระบบโรงเรียนมาก่อนเลย หรืออาจศึกษาจากระบบ
โรงเรียนมาบ้างแต่ต้องออกกลางคันหรือจบประโยคแต่ไม่มีโอกาสศึกษาต่อด้วยเหตุผลและความจาเป็นต่าง ๆ
การศึกษานอกระบบโรงเรียนมีจุดมุ่งหมายท่ีจะให้ผู้เรียนได้รับความรู้ทั้งในด้านท่ีจะเป็นพื้นฐานแก่การ
ดารงชีวิต การอ่าน การเขียน การคิดคานวณเบื้องต้น ความรู้ทางด้านทักษะการประกอบอาชีพ ตลอดจน
ความรู้และข่าวสารข้อมูลที่เป็นปัจจุบันในด้านต่าง ๆ เพ่ือเป็นพื้นฐานในการดารงชีวิตและปรับตัวให้เข้ากับ
สภาพสังคม และส่งิ แวดล้อมท่ีเปลยี่ นแปลงอยู่ตลอดเวลาได้อย่างเหมาะสม การศึกษานอกระบบเป็นการศึกษาที่
มีความยืดหยุ่นอย่างมาก เพ่ือให้ตอบสนองต่อความต้องการของกลุ่มเป้าหมายและให้สอดคล้องกับสภาพสังคม
และสง่ิ แวดล้อม ดังนั้นจงึ มคี วามแตกตา่ งจากการศึกษาในระบบโรงเรยี น ทั้งในดา้ นวัตถปุ ระสงค์ กลมุ่ เป้าหมาย
รูปแบบการศึกษา ระเบียบและกฎเกณฑ์ต่าง ๆ เน้ือหา หลักสูตร วิธีการเรียนการสอน ผู้สอน สถานที่เรียน
ระยะเวลาเรียน การประเมินผลการเรียน และหน่วยงานผู้รับผิดชอบในการจัดการศึกษา การศึกษานอกระบบ
15
จะจัดบริการได้ทันทีเมื่อมีความพร้อม และเม่ือมีความจาเป็นต้องหยุดพักไว้ก่อน และกลับมาเรียนใหม่ได้เม่ือ
ตอ้ งการ เน้ือหาหลักสูตรจะปรับเปล่ียนให้เหมาะสมกับสภาพความต้องการของผู้เรียนและท้องถ่ิน เป็นเน้ือหา
ท่ีเก่ียวข้องกับชีวิตและเก่ียวข้องกับสภาพแวดล้อมเพ่ือให้ผู้เรียนนาไปปรับใช้ในการดารงชีวิต สถานที่เรียนไม่
จาเป็นต้องเป็นที่โรงเรียน อาจเป็นที่บ้านผู้เรียน ศาลาวัด ท่ีอ่านหนังสือประจาหมู่บ้าน หรือสถานท่ีอ่ืน ๆ ท่ี
สะดวกเหมาะสม วิธีการเรียนการสอน และเวลาเรียนยืดหยุ่นตามความพร้อมของครูและผู้เรียน การวัด
ประเมินผลอาจไม่จาเป็นต้องเป็นการสอบ อาจจะประเมินจากการเข้าร่วมกิจกรรม หน่วยงานที่จัดการศึกษา
นอกระบบ ไม่จาเปน็ ต้องเป็นโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษาเท่าน้ัน อาจจะเป็นหน่วยงานต่าง ๆ ท้ังภาครัฐ เอกชน
หรือองคก์ รท้องถ่นิ ได้ (สานกั งานเลขาธิการสภาการศกึ ษา, 2553 : 27-30) สรุปประเด็นท่ีสาคัญได้ดงั นี้
2.1.2 วิธกี ารจดั การศกึ ษานอกระบบในประเทศไทย
วธิ ีการจดั การศึกษานอกระบบโรงเรียนน้นั อาจเลือกกระทาได้หลายวิธดี ว้ ยกันแล้วแต่ความ
เหมาะสมกับสภาพทางเศรษฐกิจสังคมและวัฒนธรรมของชนในชาติ รวมทั้งข้อจากัดอื่น ๆ เช่น เร่ืองการเงิน
บคุ ลากร และวสั ดุอปุ กรณ์ต่าง ๆ ท่ีมีอยู่อีกด้วย วิธกี ารจดั การศึกษานอกระบบโรงเรยี นเท่าทนี่ ิยมใช้กันกันมดี ังน้ี
1) ใช้สอื่ สารมวลชน เชน่ วิทยุ โทรทศั น์ หนังสือ ทอี่ า่ นหนังสอื ประจาหมบู่ ้าน
2) ใช้สง่ิ พมิ พ์ตา่ ง ๆ เช่น จลุ สาร หนงั สอื ตารา แผ่นปลวิ แผ่นโฆษณาต่าง ๆ
3) ใชก้ ารฝกึ งาน
4) ใช้การใหก้ ารศึกษาทางไปรษณยี ์
5) ใช้วธิ จี ัดกลมุ่ สนใจ
6) ใช้วิธีจัดกล่มุ ผู้ฟงั วิทยุ
7) ใช้การให้การศึกษาระหวา่ งปฏบิ ัติงาน เช่น การฝกึ อบรมในโรงงานต่าง ๆ เปน็ ต้น
8) ใช้ Extension Program คือ จดั โปรแกรมใหบ้ รกิ ารแกป่ ระชาชนโดยตรง
9) ใช้การจัดหลักสูตรระยะสั้น ๆ เพื่อฝึกอาชีพ การสอนให้รู้หนังสือ การสอนให้มีความรู้
วชิ าสาคัญ ๆ ตอ่ เน่ือง
10) ใชก้ ารอบรมสมั มนาเพ่ือแลกเปล่ยี นความรู้ แนวคดิ และประสบการณ์ต่าง ๆ เพ่ือนาไปสู่
การปฏบิ ตั แิ ละการเปลี่ยนแปลงพฤตกิ รรม
11) การจัดหลักสูตร เน้ือหา และส่ิงท่ีจะเรียนให้สัมพันธ์กับสภาพความเป็นอยู่ ปัญหาและ
การดาเนินชวี ติ ของผู้เรียน
12) การจัดกิจกรรมการเรียน การสอน บูรณาการหลากหลาย สอดคล้องกับความต้องการ
และความในใจของประชาชน ประสานสัมพันธก์ ับการศกึ ษาประเภทตา่ ง ๆ
13) กจิ กรรมการเรียนการสอน หรือการฝึกอบรม เหมาะสมและสอดคล้องกบั ธรรมชาติของผ้เู รียน
14) ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมเรียนรู้ได้คิดวิเคราะห์แก้ปัญหา ตลอดจนการ
ยอมรับนับถือตนเอง ส่งเสริมให้ได้เรียนรู้โดยกระบวนการคิดเป็น ฝึกให้วิเคราะห์ปัญหา รวบรวมข้อมูลและ
แก้ปัญหาอยา่ งเปน็ ระบบ สง่ เสริมให้ผู้เรียนนาประสบการณ์ของแต่ละคนมาแลกเปลี่ยนซ่ึงกันและกันทาให้แต่ละคน
ไดเ้ รียนรู้สิง่ ใหม่ ๆ และเข้าใจกนั มากข้ึน
16
2.1.3 ประเภทของกจิ กรรมการศึกษานอกระบบ
กจิ กรรมการศกึ ษาการศึกษานอกระบบที่จัดอยู่ในประเทศไทยในปัจจุบัน สามารถจัดแบ่ง
เป็นกลมุ่ กิจกรรมใหญ่ ๆ ได้ 3 ประเภท ดังนี้
1) กิจกรรมประเภทให้ความรู้หรือการศึกษาพื้นฐาน กิจกรรมในกลุ่มนี้เป็นการจัดเพื่อให้
กลุ่มเป้าหมายมีความรู้ ความสามารถในการอ่าน-เขียน มีความรู้ในการคิดคานวณ รู้เร่ืองราวท่ีจาเป็น และ
เกี่ยวข้องกับสภาพความเป็นอยู่ในชีวิตประจาวัน สภาพแวดล้อม สังคม ประเพณี และวัฒนธรรม อันจะเป็น
ความรูพ้ ้ืนฐานในการดารงชีวิต หรอื จะพัฒนาความรู้ในระดับสงู ขึน้ ไป ตัวอยา่ งกิจกรรมในกลุ่มน้ี ไดแ้ ก่ การสอน
อา่ น-เขยี น โครงการรณรงค์เพอ่ื การรหู้ นังสือ การศึกษาผู้ใหญ่แบบเบ็ดเสร็จ การศึกษานอกโรงเรียนสายสามัญ
เทียบเท่าระดับประถม มัธยมศึกษาตอนต้นและมัธยมศึกษาตอนปลาย ซ่ึงมีทั้งวิธีเรียนด้วยตนเอง เรียนโดย
ระบบทางไกลและเรียนแบบช้นั เรยี น
2) กิจกรรมประเภทให้ความรู้และทักษะทางด้านวิชาชีพ กิจกรรมในกลุ่มน้ีจัดข้ึนเพ่ือให้
ความรู้ ให้การอบรมทางด้านวิชาชีพต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจาวัน เก่ียวกับอาชีพใน ท้องถิ่น อาชีพท่ี
เพิ่มพูนรายได้ ทั้งน้ีมีจุดมุ่งหมายท่ีจะให้กลุ่มเป้าหมายได้มีความรู้ มีทักษะในวิชาชีพเฉพาะอย่างเพื่อจะนามา
ปรับปรุงอาชีพของตน หรือสร้างอาชีพใหม่เพ่ือเพิ่มพูนรายได้ ตัวอย่างกิจกรรมในกลุ่มนี้ได้แก่ ช่างซ่อมวิทยุ
โทรทัศน์ ช่างไฟฟ้า ช่างซ่อมเคร่ืองยนต์ ช่างตัดเย็บเส้ือผ้า อาหารขนม ช่างฝีมือ พิมพ์ดีด การเลี้ยงไก่พ้ืนบ้าน
การปลกู พชื หมุนเวยี น การทอผ้า การทาเครื่องจักสาน ฯลฯ จาแนกได้ดังนี้
(1) การจัดการศึกษาตามหลักสูตรกลุ่มสนใจ ประชาชนที่มีความสนใจวิชาชีพ
เดียวกนั สามารถรวมกลมุ่ กันแลว้ แจง้ แกเ่ จา้ หนา้ ท่ใี ห้มาจดั อบรมให้
(2) การจัดการศึกษาตามหลักสูตรประกาศนียบัตรอาชีพ (ปอ.) เป็นการจัดอบรม
วิชาชพี ระยะยาว เมอ่ื เรียนสาเร็จจะได้ประกาศนยี บัตรวชิ าชีพ
(3) การจัดการศึกษาตามหลักสูตรวิชาชีพระยะสั้น เป็นหลักสูตรอาชีพระยะเวลา
ระหว่าง 50-150 ช่วั โมง การฝึกอาชพี ระยะสัน้ อาจอยใู่ น 4 ประเภท ได้แก่ อุตสาหกรรม คหกรรม ธุรกิจ และ
เกษตรกรรม
3) กิจกรรมประเภทให้บริการข่าวสารข้อมูล กิจกรรมประเภทน้ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือให้
กล่มุ เปา้ หมายไดร้ บั ความร้แู ละขา่ วสารต่าง ๆ ทีท่ ันต่อเหตุการณ์ ที่เก่ยี วข้องกับชวี ิตประจาวัน เช่น ขา่ วสาร
เกยี่ วกบั การเกษตร ผลผลิต ข่าวสารบ้านเมอื ง สุขภาพอนามยั สิง่ แวดลอ้ ม ฯลฯ การบริการข่าวสารความรู้อาจ
ทาโดยการเผยแพร่ผ่านส่ือความรู้ต่าง ๆ เช่น หนังสือพิมพ์ แผ่นพับ ใบปลิว โปสเตอร์ หนังสือ รายการ
วทิ ยกุ ระจายเสยี ง รายการวิทยุโทรทศั น์ หรืออาจจัดกลมุ่ ใหค้ วามรวู้ ทิ ยากรในบางเร่ือง กิจกรรมที่อา่ นหนงั สอื
ประจาหมบู่ ้าน หอกระจายขา่ ว พิพธิ ภัณฑ์เคลื่อนท่ี เป็นต้น การจัดกิจกรรมในกลุ่มน้ีจัดได้หลายรูปแบบ ได้แก่
ห้องสมุดประชาชน ที่อ่านหนังสือประจาหมู่บ้าน หอกระจายข่าวหมู่บ้าน อุทยานการศึกษา การจัดรายการ
วิทยุและโทรทัศน์
17
2.2 การศึกษาตามอธั ยาศัย
2.2.1 ความหมายของการศึกษาตามอัธยาศยั
พระราชบญั ญตั ิส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย พ.ศ.
2551 มาตรา 4 ไดใ้ ห้คาจากัดความของการศึกษาตามอัธยาศัยไว้ว่า “การศึกษาตามอัธยาศัย” หมายความว่า
กจิ กรรมการเรียนรู้ในวิถีชวี ติ ประจาวันของบุคคล ซ่ึงบุคคลสามารถเลือกท่ีจะเรียนรู้ได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
ตามความสนใจ ความต้องการ โอกาส ความพร้อม และศักยภาพในการเรียนรู้ของแต่ละบุคคล
(กระทรวงศกึ ษาธิการ, 2551 : 2)
2.2.2 ประเภทของการศึกษาตามอัธยาศยั
การศกึ ษาตามอัธยาศัยท่ีมอี ยู่ในประเทศไทย (สานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา, 2553 :
31-32) ประกอบดว้ ยกิจกรรมต่อไปน้ี
1) การศึกษาตามอัธยาศัยในวิถีชีวิต มีลักษณะเป็นส่ิงที่เกิดข้ึนเองตามธรรมชาติ แม้มีการ
จัดกระทาก็มิใช่เพ่ือการศึกษาโดยตรง ได้แก่ ครอบครัว สภาพแวดล้อมรอบ ๆ ตัว สังคม ชุมชน สิ่งแวดล้อม
ทางธรรมชาติ ฯลฯ
2) การศึกษาตามอธั ยาศัยเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต เป็นการจัดกระทาโดยองค์การ สถาบัน
เพ่ือจดุ ประสงค์ทางการศึกษาท้งั โดยตรงและทางอ้อม ไดแ้ ก่
(1) งานและโปรแกรมเพอื่ การพัฒนาคณุ ภาพชีวิตในโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษา
(2) แหลง่ ความรใู้ นชุมชน เชน่ ศูนยก์ ารเรยี นรูช้ มุ ชน และภูมปิ ัญญาท้องถน่ิ
(3) ศาสนสถาน และแหล่งศลิ ปวัฒนธรรม เช่น วดั โบสถ์ สุเหรา่ หอศิลปะ อุทยาน
ประวัตศิ าสตร์ โบราณสถาน โบราณวตั ถุ
(4) แหลง่ การเรียนรตู้ ลอดชีวิต เช่น ห้องสมดุ พพิ ิธภณั ฑต์ า่ ง ๆ ศูนย์วทิ ยาศาสตร์
อุทยานการศกึ ษา ศูนย์ขอ้ มูลต่าง ๆ
(5) สอ่ื มวลชน สื่อโทรคมนาคม สือ่ สารสนเทศ
(6) แหล่งนันทนาการ สนามเด็กเล่น สนามหรือศูนย์กีฬา สวนสาธารณะ สวนสมุนไพร
อทุ ยานมัจฉา สวนผเี ส้ือ
(7) หน่วยงานบริการของรัฐ เช่น หน่วยงานของกรมการพัฒนาชุมชน กรม
ประชาสงเคราะห์ กรมการปกครอง กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กรมอนามัย และสานักงานเกษตรท่ีต้ังในชุมชน
และทวั่ ไป โรงพยาบาล และศูนย์การแพทยแ์ ละสาธารณสุข โรงพัก โรงรับจานา โรงเจ โรงเล้ียงเด็ก และสถาน
พนิ จิ เรือนจา ฯลฯ
(8) องคก์ รเอกชน ซึง่ จดั สง่ เสริมและสนบั สนนุ การพัฒนาคณุ ภาพชวี ติ ดา้ นต่าง ๆ
3) การศึกษาตามอัธยาศัยตามธรรมชาติและสังคม เป็นกิจกรรมที่ครอบคลุมการพัฒนา
ชุมชน และการพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติแบบย่ังยืน อาจมีการจัดทากิจกรรมเสริมสร้างวัฒนธรรมและ
ประชาธิปไตย ในรูปของเวทีชาวบ้านที่สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
ดาเนินอยหู่ รือการรณรงค์ การทาประชาพิจารณ์เรื่องท่ีเกี่ยวข้องกับชุมชน และความเป็นอยู่ สิทธิ เสรีภาพข้ัน
18
พื้นฐานต่าง ๆ การทาจดหมายข่าวของชุมชน จัดกิจกรรม ร่วมเรียนรู้ปัญหาและส่งเสริมการเรียนรู้ภูมิปัญญา
ท้องถ่ินในโครงการ “รักบ้านเกิด” การพัฒนาเศรษฐกิจพอเพียง และกิจกรรมสารวจชุมชนเพื่อการพัฒนา
คุณภาพชวี ิต เปน็ ตน้ กจิ กรรมในประเภทนี้อาจใชส้ ภาพสงิ่ แวดล้อมเปน็ ส่ือเพือ่ การเรยี นรู้ร่วมกัน เช่น โครงการ
รักษ์แม่น้า คูคลองโบราณ “รักเจ้าพระยากับตาวิเศษ” โครงการเก็บขยะเพ่ือนากลับมาใช้ใหม่ ล้วนเป็น
การศึกษาตามอธั ยาศยั ได้ทั้งส้ิน
4) การศึกษาตามอัธยาศัยโดยอาศัยงานวัฒนธรรม เน่ืองจากกระบวนการเรียนรู้ที่ดีนั้น
เกิดจากการผสมผสานการละเล่น การแสดงออก และการเลียนแบบท่าทางซ่ึงสามารถถ่ายทอดผ่านงาน
ศิลปะการแสดงได้ตามแนวคิดเรื่องการเรียนเล่น และการศึกษาปนความบันเทิง ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของ
การศึกษาตามอัธยาศัย เชน่ ส่อื พนื้ บา้ น สือ่ บันเทงิ ประเภทต่าง ๆ รวมทั้งการแสดงแบบจาลอง ซึ่งรวมกิจกรรม
การแสดงละครใบ้ การแสดงหุ่นประเภทต่าง ๆ การแสดงเลียนแบบ กราฟกิ การ์ตูน และกราฟกิ 3 มติ ิ เปน็ ตน้
ตอนที่ 3 หลกั สูตรการศกึ ษานอกระบบระดับการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551
กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศใช้หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน
พุทธศักราช 2551 เมื่อวันท่ี 18 กันยายน 2551 เป็นหลักสูตรที่มุ่งจัดการศึกษาเพ่ือตอบสนองอุดมการณ์
การจัดการศึกษาตลอดชีวิต การสร้างสังคมไทยให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ตามปรัชญา “คิดเป็น” เพื่อสร้าง
คุณภาพชีวิตและสังคม มีการบูรณาการอย่างสมดุลระหว่างปัญญาธรรม ศีลธรรมและวัฒนธรรม มุ่งสร้าง
พ้ืนฐานการเปน็ สมาชกิ ท่ีดีของครอบครวั ชมุ ชน สังคม และพัฒนาความสามารถการทางานที่มีคุณภาพ โดยให้
ภาคีเครือข่ายมีส่วนร่วมจัดการศึกษาให้ตรงตามความต้องการของผู้เรียนและสามารถตรวจสอบได้ว่า
การศึกษานอกระบบเป็นกระบวนการพัฒนาชีวิตและสังคม สามารถพึ่งพาตนเองได้ และรู้เท่าทันการ
เปลี่ยนแปลง เป็นหลักสูตรท่ีมีความเหมาะสมสอดคล้องกับสภาพปัญหา ความต้องการของบุคคลท่ีอยู่นอก
ระบบโรงเรียน ซึ่งเป็นผู้ท่ีมีความรู้ ประสบการณ์จากการทางานและการประกอบอาชีพ โดยการกาหนดสาระ
การเรียนรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ การจัดการเรียนรู้ การวัดผลและประเมินผล ให้ความสาคัญกับการพัฒนา
กลมุ่ เป้าหมายด้านจิตใจให้มีคุณธรรมควบคู่ไปกับการพัฒนาการเรียนรู้ สร้างภูมิคุ้มกัน สามารถจัดการกับองค์
ความรู้ ทั้งภูมิปัญญาท้องถิ่นและเทคโนโลยี เพื่อให้ผู้เรียนสามารถปรับตัวอยู่ในสังคมท่ีมีการเปล่ียนแปลง
ตลอดเวลา สร้างภูมิคุ้มกันตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง รวมท้ังคานึงถึงธรรมชาติการเรียนรู้ของผู้ที่
อยู่นอกระบบ และสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การปกครอง ความเจริญก้าวหน้าของ
เทคโนโลยีและการส่อื สาร (สานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย, 2555 : 1-3) ดงั นี้
3.1 หลักการ
หลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดับการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 กาหนดหลักการดังน้ี
1) เป็นหลกั สูตรทีม่ โี ครงสรา้ งยดื หยุ่นด้วยสาระการเรยี นรู้ เวลาเรยี น และการจดั การเรยี นรู้ โดย
เน้นการบูรณาการเนอ้ื หาใหส้ อดคล้องกับวิถีชวี ิต ความแตกต่างของบุคคล และชุมชน สงั คม
2) ส่งเสริมให้มีการเทียบโอนผลการเรียนจากการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการ
ศกึ ษาตามอัธยาศัย
19
3) ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้พัฒนาและเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต โดยตระหนักว่าผู้เรียนมีความ
สาคญั สามารถพฒั นาตนเองได้ตามธรรมชาตแิ ละเตม็ ตามศักยภาพ
4) สง่ เสริมใหภ้ าคีเครือข่ายมีสว่ นร่วมในการจดั การศึกษา
3.2 จดุ หมาย
หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 มุ่งพัฒนาให้ผู้เรียน
มีคุณธรรม จริยธรรม มีสติปัญญา มีคุณภาพชีวิตท่ีดี มีศักยภาพในการประกอบอาชีพและการเรียนรู้อย่าง
ต่อเน่อื ง ซึ่งเป็นคุณลักษณะอันพึงประสงค์ กาหนดจุดหมายดงั นี้
1) มคี ุณธรรม จริยธรรม คา่ นิยมที่ดงี าม และสามารถอยรู่ ่วมกันในสงั คมอย่างสันตสิ ุข
2) มีความรู้พ้ืนฐานสาหรบั การดารงชีวิต และเรียนรู้อย่างต่อเนือ่ ง
3) มีความสามารถในการประกอบสัมมาอาชีพ ให้สอดคล้องกับความสนใจ ความถนัดและตาม
ทนั ความเปลยี่ นแปลงทางเศรษฐกิจ สงั คมและการเมอื ง
4) มีทักษะการดาเนินชีวิตท่ีดี และสามารถจัดการกับชีวิต ชุมชน สังคม ได้อย่างมีความสุขตาม
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง
5) มีความเขา้ ใจประวัติศาสตร์ชาติไทย ภูมิใจในความเป็นไทย โดยเฉพาะภาษา ศิลปวัฒนธรรมประเพณี
กีฬา ภูมิปัญญาไทย ความเป็นพลเมืองดี ปฏิบัติตนตามหลักธรรมของศาสนา ยึดม่ันในวิถีชีวิต และการปกครอง
ในระบอบประชาธิปไตยอนั มีประมหากษัตริย์ทรงเป็นประมขุ
6) มจี ติ สานกึ ในการอนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม
7) เป็นบคุ คลแห่งการเรยี นรู้ มที ักษะในการแสวงหาความรู้ สามารถเขา้ ถงึ แหลง่ เรยี นรู้และบูรณาการ
ความรู้มาใชใ้ นการพฒั นาตนเอง ครอบครวั ชุมชน สงั คม และประเทศชาติ
3.3 กลุ่มเป้าหมาย
ประชาชนทัว่ ไปทไี่ ม่ไดอ้ ยู่ในระบบโรงเรียน
3.4 ระดับการศกึ ษา
แบง่ ระดับการศกึ ษาออกเป็น 3 ระดับ คือ ระดบั ประถมศึกษา ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนตน้ และ
ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย โดยแต่ละระดบั ใชเ้ วลาเรียน 4 ภาคเรียน ยกเว้น กรณีที่มีการเทียบโอน ท้ังน้ีต้อง
ลงทะเบยี นเรียนในสถานศกึ ษาอยา่ งนอ้ ย 1 ภาคเรยี น
3.5 สาระการเรยี นรู้
สาระการเรียนร้ปู ระกอบดว้ ย 5 สาระ ดังนี้
1) สาระทกั ษะการเรยี นรู้ เป็นสาระเกี่ยวกับการเรียนรู้ด้วยตนเอง การใช้แหล่งเรียนรู้ การจัดการ
ความรู้ การคดิ เปน็ และการวจิ ยั อย่างง่าย
2) สาระความรู้พื้นฐาน เป็นสาระเกี่ยวกับภาษาและการสื่อสาร คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี
3) สาระการประกอบอาชีพ เป็นสาระเก่ียวกับการมองเห็นช่องทางและการตัดสินใจประกอบอาชีพ
ทักษะในอาชพี การจัดการอาชพี อย่างมีคุณธรรม และการพฒั นาอาชีพให้มคี วามมัน่ คง
20
4) สาระทักษะการดาเนินชีวิต เป็นสาระเกี่ยวกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สุขศึกษา พลศึกษา
และศิลปศกึ ษา
5) สาระการพัฒนาสังคม เป็นสาระท่ีเกี่ยวกับภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ การเมือง
การปกครอง ศาสนา วฒั นธรรม ประเพณี หนา้ ทพี่ ลเมือง และการพฒั นาตนเอง ครอบครัว ชมุ ชน สังคม
3.6 โครงสรา้ งหลักสตู ร
โครงสรา้ งหลักสตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศึกษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศกั ราช 2551
(สานกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั , ม.ป.ป : 21-31) ดังน้ี
ท่ี สาระการเรียนรู้ ประถมศกึ ษา จานวนหนว่ ยกติ มธั ยมศึกษาตอนปลาย
วชิ าบังคบั วิชาเลอื ก มัธยมศกึ ษาตอนตน้ วชิ าบงั คับ วชิ าเลือก
1 ทักษะการเรยี นรู้ วิชาบังคบั วชิ าเลือก
2 ความร้พู นื้ ฐาน 5 5
3 การประกอบอาชีพ 12 5 20
4 ทักษะการดาเนนิ ชีวติ 8 16 8
5 การพฒั นาสังคม 5 8 5
6 5 6
รวม 36 12 6 44 32
48 หนว่ ยกติ 40 16
กิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต 200 ชั่วโมง 76 หน่วยกติ
56 หน่วยกติ 200 ชั่วโมง
200 ชั่วโมง
หมายเหตุ -วิชาเลอื กและวชิ าบงั คบั ในแตล่ ะดับ สถานศึกษาต้องจัดใหผ้ ูเ้ รียน เรยี นรู้จากการทาโครงงาน
จานวนอย่างนอ้ ย 3 หน่วยกิต
-กิจกรรมพฒั นาคณุ ภาพชีวติ (กพช.) เป็นกิจกรรมการเรยี นรู้ที่จดั ขนึ้ ตามเงื่อนไขการจบหลักสตู ร
การศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 เพ่ือให้ผู้เรียนได้พัฒนาตนเอง ครอบครัว
ชมุ ชน สังคม และกาหนดให้ผเู้ รียนทุกระดับการศกึ ษาตอ้ งเรยี นรแู้ ละปฏบิ ัตกิ จิ กรรม จานวนไม่น้อยกว่า 200 ชั่วโมง
3.7 การลงทะเบยี นเรยี นรายวิชา
การลงทะเบียนเรียนตามโครงสร้างหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน
พทุ ธศกั ราช 2551 ใหล้ งทะเบียนเรยี นเปน็ รายวิชา และตามจานวนหน่วยกิตในแตล่ ะภาคเรียน ดังน้ี
1) ระดับประถมศึกษา ลงทะเบียนเรียนทั้งหมด ไม่น้อยกว่า 48 หน่วยกิต ให้ลงทะเบียนเรียนได้
ภาคเรียนละไมเ่ กนิ 14 หนว่ ยกิต
2) ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ลงทะเบียนเรียนท้ังหมดไม่น้อยกว่า 56 หน่วยกิต ให้ลงทะเบียน
เรยี นได้ภาคละไมเ่ กนิ 17 หนว่ ยกติ
3) ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย ลงทะเบียนเรียนทั้งหมดไม่น้อยกว่า 76 หน่วยกิต ให้ลงทะเบียน
เรยี นไดภ้ าคเรยี นละไมเ่ กนิ 23 หนว่ ยกติ
21
3.8 การจัดหลักสูตร
สถานศกึ ษาต้องนารายวิชาไปจัดทาหลักสูตรสถานศึกษา จัดแผนการเรียนรู้เป็นรายบุคคลหรือ
กลมุ่ ตามความต้องการของผู้เรยี น ชมุ ชน ซงึ่ ผู้เรียนจะต้องกาหนดทิศทางในการเรียนของผู้เรียน เช่น ผู้เรียนที่
ประสงคจ์ ะออกไปประกอบอาชพี ก็ควรเลือกรายวิชาเลือกในสาระการประกอบอาชีพ หรือผู้เรียนที่ประสงค์จะ
ออกไปเป็นผูน้ าชมุ ชนก็ควรเลอื กรายวชิ าเลอื กในสาระการพัฒนาสังคม หรือถ้าผู้เรียนประสงค์จะไปศึกษาต่อ ก็
ควรเลอื กรายวชิ าเลอื กในสาระความรู้พื้นฐาน ดังน้ัน ครูและผู้เรียนต้องวางแผนการเรียนรู้รายบุคคลร่วมกันให้
ครบท้ังหลักสูตร รายวิชาใดท่ีสามารถเทียบโอนได้ก็ให้ทาการเทียบโอน ส่วนรายวิชาที่เทียบโอนไม่ได้ก็ให้
ลงทะเบยี นเรียนให้ครบตามโครงสรา้ งหลักสูตร แลว้ นามาจัดทาแผนการเรียนรู้ตลอดหลักสูตร ตามเงื่อนไขการ
ลงทะเบียนเรยี นในแตล่ ะภาคเรียน
3.9 การพิจารณาเลอื กรายวิชาต่าง ๆ ลงทะเบียนเรียน
1) ครู ผเู้ รียนและผู้เกีย่ วข้อง รว่ มกนั พิจารณาจัดรายวิชาต่าง ๆ ลงทะเบียนเรียนในแตล่ ะภาคเรียน
2) พิจารณาจานวนหน่วยกิตที่ต้องลงทะเบียนเรียนในแต่ละภาคเรียน ให้เป็นไปตามที่กาหนด
คือ ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนละไม่เกิน 14 หน่วยกิต ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ภาคเรียนละไม่เกิน 17
หนว่ ยกติ และระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย ภาคเรียนละไมเ่ กนิ 23 หน่วยกิต
3) พิจารณารายวิชาที่ตอ้ งเรยี นรตู้ ามลาดับ กอ่ น-หลงั หรือตามสถานการณ์ รายวิชาใดต้องเรียน
ก่อนก็กาหนดไวใ้ นภาคเรียนแรก ๆ
4) ความต่อเนอ่ื งของการลงทะเบยี นในรายวิชาตา่ ง ๆ สถานศกึ ษาอาจมีการพิจารณาลงทะเบียน
เรยี นในภาคเรียนเดียวกนั หรอื ภาคเรียนถดั ไป ทั้งนี้การลงทะเบียนเรียนในภาคเรียนเดียวกันต้องจัดการเรียนรู้
ตามลาดับ ก่อน-หลงั ของเนอื้ หา
5) กระจายรายวิชาท่ียาก และรายวิชาท่ีง่ายคละดันไปในแต่ละภาคเรียน เช่น แยกรายวิชา
คณิตศาสตรก์ บั ภาษาองั กฤษ ซงึ่ ไมค่ วรลงทะเบยี นเรียนในภาคเรียนเดียวกัน
3.10 วิธีการจดั การเรียนรู้
วิธีการเรียนรู้ตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
จะมวี ิธเี ดียว คือ วธิ ีเรียน กศน.ที่สามารถจัดการเรียนรู้ได้หลายรปู แบบ เชน่ การเรียนรู้แบบพบกลุ่ม การเรียนรู้
ด้วยตนเอง การเรียนรู้แบบทางไกล การเรียนรู้แบบชั้นเรียน การเทียบระดับการศึกษาในระดับสูงสุดของ
การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน และการเรียนรู้แบบอ่ืนๆ ซึ่งในแต่ละรายวิชา ผู้เรียนสามารถเลือกเรียนรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง
หรอื หลายรูปแบบก็ได้ แต่ทั้งนต้ี อ้ งขึน้ อยกู่ บั ความพร้อมของสถานศึกษาดว้ ย
3.11 การจดั กระบวนการเรียนรู้
การจัดกระบวนการเรียนรู้ หรือ ONIE MODEL ตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับ
การศึกษาขน้ั พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 เน้นการจัดกระบวนการเรียนรู้ตามปรัชญาพื้นฐานของการศึกษานอก
โรงเรียน “คิดเป็น” โดยใช้ข้อมูลตนเอง วิชาการ และสภาพแวดล้อมในชุมชน สังคม มาวิเคราะห์ ตัดสินใจใน
เรอ่ื งทต่ี อ้ งการเรียนรู้ แลว้ นาไปประยุกต์ใช้ โดยมีขนั้ ตอนในการดาเนินงาน 4 ข้ันตอน ดงั นี้ คอื
22
1) ข้นั กาหนดสภาพปัญหา/ความตอ้ งการในการเรียนรู้ (O : Orientation)
2) ขนั้ แสวงหาข้อมลู และจดั การเรียนรู้ (N : New ways of learning)
3) ข้นั ปฏิบตั ิ (I : Implementation)
4) ขน้ั ประเมนิ ผลการเรียนรู้ (E : Evaluation) และสรปุ เป็นองค์ความรใู้ หมพ่ ร้อมเผยแพร่
3.12 สอื่ การเรยี นรู้
ในการจัดการเรียนรู้ เน้นให้ผู้เรียนแสวงหาความรู้ได้ด้วยตนเอง โดยการใช้สื่อการเรียนรู้ที่
หลากหลาย ได้แก่ สอื่ สิ่งพิมพ์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ สื่อบุคคล ภูมิปัญญา แหล่งเรียนรู้ท่ีมีอยู่ในท้องถ่ินชุมชน และ
แหล่งเรียนรู้อื่น ๆ ผู้เรียน ครู สามารถพัฒนาส่ือการเรียนรู้ขึ้นเอง หรือนาสื่อต่าง ๆ ที่มีอยู่ใกล้ตัวและข้อมูล
สารสนเทศท่ีเก่ียวข้องมาใช้ในการเรียนรู้ โดยใช้วิจารณญาณในการเลือกใช้สื่อต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้การ
เรียนรู้เป็นไปอย่างมีคุณค่า น่าสนใจ ชวนคิด ชวนติดตาม เข้าใจง่าย เป็นการกระตุ้นให้ผู้เรียนรู้จักวิธีการ
แสวงหาความรู้ เกดิ การเรียนรอู้ ยา่ งกว้างขวาง ลึกซง้ึ และต่อเน่อื งตลอดเวลา
3.13 การเทยี บโอนผลการเรยี น
สถานศึกษาต้องจัดให้มีการเทียบโอนผลการเรียนหรือเทียบโอนความรู้และประสบการณ์ของ
ผู้เรียน ให้เป็นส่วนหนึ่งของผลการเรียนตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน
พุทธศกั ราช 2551 โดยสถานศึกษาตอ้ งจดั ทาระเบยี บหรอื แนวปฏบิ ตั ิการเทยี บโอนให้สอดคลอ้ งกับแนวทางการ
เทยี บโอนที่ สานกั งาน กศน.กาหนดโดยกาหนดวิธีการเทียบโอน ดังนี้
1) การเทยี บโอนผลการเรยี นจากหลกั ฐานการศึกษาที่จดั การศึกษาเป็นระดับประถมศึกษา
มธั ยมศกึ ษาตอนต้น มัธยมศกึ ษาตอนปลายหรือเทยี บเทา่
2) การเทียบโอนผลการเรียนจากการศึกษานอกระบบประเภทการศึกษาต่อเน่อื ง
3) การเทียบโอนผลการเรียนจากหลกั สตู รต่างประเทศ
4) การเทยี บโอนผลการเรยี นจากความรูแ้ ละประสบการณก์ ลุม่ เปา้ หมายเฉพาะ
5) การเทยี บโอนผลการเรยี นจากการประเมนิ ความรแู้ ละประสบการณ์
3.14 การวัดและประเมินผล
การวดั และประเมนิ ผลมี 2 ระดับ คือ
1) การประเมนิ ผลในระดบั สถานศกึ ษา เปน็ การดาเนนิ การวดั และประเมินผลการเรียนเปน็
รายวชิ า ประเมินกิจกรรมพฒั นาคุณภาพชีวติ และประเมินคุณธรรม
2) การประเมินคุณภาพการศึกษานอกระบบระดบั ชาติ สถานศกึ ษาตอ้ งจัดใหผ้ ้เู รยี นเขา้ รบั
การประเมินในภาคเรียนสดุ ท้ายก่อนสอบปลายภาคของภาคเรยี นนั้น ๆ โดยไมม่ ีผลตอ่ การได้หรือตกของผู้เรยี น
23
3.15 การจบหลกั สตู ร
ผู้เรียนท้ังระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย มี
เกณฑก์ ารจบหลกั สูตรในแต่ละระดบั การศึกษา ดงั น้ี
1) ผ่านเกณฑก์ ารประเมินการเรยี นรรู้ ายวิชาในแตล่ ะระดบั การศกึ ษา ตามโครงสรา้ งหลกั สูตร คือ
(1) ระดับประถมศกึ ษา ไม่น้อยกว่า 48 หนว่ ยกิต แบง่ เปน็ วชิ าบังคบั 36 หน่วยกติ และ
วิชาเลอื กไม่น้อยกวา่ 12 หน่วยกติ
(2) ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ไมน่ ้อยกว่า 56 หนว่ ยกิต แบง่ เปน็ วชิ าบังคบั 40 หนว่ ยกติ
และวชิ าเลือกไม่นอ้ ยกวา่ 16 หน่วยกติ
(3) ระดับมัธยมศกึ ษาตอนปลาย ไมน่ อ้ ยกว่า 76 หนว่ ยกติ แบง่ เป็นวิชาบังคับ 44 หน่วยกิต
และวิชาเลือกไม่นอ้ ยกวา่ 32 หนว่ ยกติ
2) ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ กจิ กรรมพัฒนาคุณภาพชวี ติ (กพช.) ไม่นอ้ ยกวา่ 200 ชวั่ โมง
3) ผ่านการประเมนิ คณุ ธรรม ในระดับพอใชข้ ้นึ ไป
4) เข้ารบั การประเมินคณุ ภาพการศึกษานอกระบบระดบั ชาติ
ตอนที่ 4 หลกั สูตรรายวชิ าเลือกของสถานศกึ ษา
กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศใช้หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช 2551 ซ่ึงประกอบด้วย หลักการ จุดหมาย โครงสร้างหลักสูตร การจัดหลักสูตร สาระและ
มาตรฐานการเรียนรู้ การจัดการเรียนรู้ การจัดกระบวนการเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้ การเทียบโอน การวัดและ
ประเมินผล การจบหลักสูตร เอกสารหลักฐานการศึกษา สาหรับใช้เป็นแนวทางในการจัดทาหลักสูตร
สถานศึกษา โดยจัดให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียน ชุมชน สังคม ซ่ึงสามารถออกแบบได้ตาม
สถานการณ์ และจัดกจิ กรรมการเรยี นรูใ้ ห้บรรลมุ าตรฐานการเรยี นรูท้ ี่กาหนดไว้ หลกั สูตรสถานศึกษาจะช่วยให้
การจัดการเรยี นรู้เปน็ ไปตามแผนหรอื แนวทางทไ่ี ดก้ าหนดไว้ไดอ้ ย่างต่อเนื่องตลอดหลักสูตร และจะมีประโยชน์
ย่ิงต้องเกิดจากการที่ครู ผู้เรียน ชุมชน ร่วมกันจัดทาขึ้นเพ่ือให้ตรงกับความต้องการของผู้เรียน และสอดคล้อง
กับความต้องการพัฒนาของชุมชน อาเภอ และจังหวัด มีสาระสาคัญดังนี้ (สานักงานส่งเสริมการศึกษานอก
ระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั , 2553 : 1-2)
4.1 ความหมายของหลกั สตู รสถานศึกษา
หลักสูตรสถานศึกษา (School-Based Curriculum) หมายถึง แผนหรือแนวทางหรือข้อกาหนด
ของการจัดการศึกษาที่จะพัฒนาให้ผู้เรียนรู้ความสามารถ ซึ่งจัดทาโดยคณะบุคคลของสถานศึกษาและ
ผู้เก่ียวข้อง เพื่อพัฒนาผู้เรียน ชุมชน และสังคม ให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้ และส่งเสริมให้ผู้เรียน
รจู้ กั ตนเอง มีชวี ิตอยู่ในชุมชน สงั คมอย่างมคี วามสุขซึง่ ไม่ขดั ต่อความมั่นคงของชาติ และสิทธิมนุษยชน
24
4.2 ความสาคญั ของหลักสูตรสถานศกึ ษา
หลกั สตู รสถานศกึ ษา มคี วามสาคญั ดังน้ี
1) เป็นขอ้ กาหนดท่ีทุกคนในสถานศึกษาต้องปฏิบัติเพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพตามมาตรฐาน
ที่กาหนด และพัฒนาให้สอดคล้องกับความถนัด ความสนใจ และความต้องการของผู้เรียนสถานศึกษา และ
เปน็ ไปตามสภาพปัญหาของชนุ ชน สังคม
2) เปน็ เอกสารท่บี ุคคลภายนอกหรือหนว่ ยงานต่างๆ ใช้ประโยชน์ที่กรณีที่ต้องการศึกษาเก่ียวกับ
การจดั การศึกษาของสถานศึกษา
3) เป็นเอกสารที่ใช้ประกอบการประเมินคุณภาพภายนอก เพ่ือประเมินให้สอดคล้องกับสภาพ
จริงในการปฏบิ ัติงานของสถานศกึ ษา
4.3 หลักสูตรอิงมาตรฐาน
หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เป็นหลักสูตรท่ีอิง
มาตรฐานการเรียนรู้ ซ่ึงกาหนดคุณภาพของผู้เรียน ดังน้ัน ในการจัดการเรียนรู้จึงมีประเด็นคาถามที่ต้องการ
ความชัดเจน 3 ประการ ดงั นี้
1) มาตรฐานการเรียนรู้ ตอ้ งการให้ผเู้ รยี นรู้อะไร และสามารถทาอะไรได้
2) จัดกจิ กรรมการเรียนรู้อย่างไร จงึ จะสนบั สนุนให้ผู้เรียนมีความรู้ท่ีฝงั แน่นตามมาตรฐาน
การเรยี นรู้ทกี่ าหนดไว้ในหลกั สตู ร
3) ร่องรอยหลักฐานอะไรทเ่ี กดิ จากการจัดกิจกรรมเรยี นรู้ ทส่ี ะทอ้ นให้เห็นวา่ ผู้เรียนมีความรู้
ความสามารถตามมาตรฐานการเรียนรทู้ ีก่ าหนดไวใ้ นหลกั สตู ร
4.4 กรอบการพฒั นาหลักสตู รสถานศึกษา
การพฒั นาหลักสูตรสถานศึกษา เป็นการดาเนนิ งานรว่ มกันระหว่างสถานศึกษา ชุมชน ภาคีเครือข่าย
โดยยึดหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 เป็นฐานเพื่อพัฒนาผู้เรียน
ให้มีความสามารถในการเรียนรู้ สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาของจังหวัด อาเภอ ชุมชน ให้เป็นไปตาม
ปรัชญาพ้ืนฐานของการศึกษานอกโรงเรียน “คิดเป็น” และวิสัยทัศน์ของสถานศึกษา ด้วยการวิเคราะห์สภาพ
ปญั หา ความต้องการการพฒั นาระดบั จังหวัด อาเภอ และชุมชน เพื่อกาหนดทิศทาง และบ่งช้ีให้เห็นอัตลักษณ์
ของการพัฒนากาลังคนของจังหวัด อาเภอ ชุมชน นาไปสู่การจัดทาแผนการเรียนรู้ท่ีเหมาะสม กรอบการ
พัฒนาหลกั สูตรสถานศึกษา ดงั แผนภมู ทิ ี่ 1
25
ทศิ ทางการจดั การศึกษา
หลักสตู รการศึกษา หลักสูตร รายวิชา แผนการเรียนรู้ การประเมนิ
นอกระบบระดบั สถานศกึ ษา เพื่อพฒั นา
การศกึ ษาขัน้ พืน้ ฐาน หนว่ ย หลกั สตู ร
พทุ ธศักราช 2551 การเรยี นรู้ สถานศกึ ษา
เอกสารประกอบ ตอบสนองเปา้ หมาย ตอบสนองปญั หา ความต้องการของผ้เู รยี น ประเมนิ เพ่อื ให้จดั
หลักสูตร ของผู้เรียนการพฒั นา ชมุ ชน สังคม และสอดคล้องกบั เปา้ หมาย การศึกษาของ
ของจงั หวดั อาเภอ การพฒั นาของจังหวัด อาเภอ และชุมชน สถานศกึ ษาไดต้ รง
ความตอ้ งการ และชุมชนให้ ตามความตอ้ งการ
พัฒนาของ สอดคลอ้ งกบั และทันตอ่ การ
จงั หวดั ษอาาเภอ กับปรัชญา เปลยี่ นแปลงทาง
และชมุ ชน “คิดเป็น” เศรษฐกิจ สังคม
และส่ิงแวดลอ้ ม
ตอบสนองอดุ มการณ์
การจัดการศึกษา
ตลอดชีวิตและการ
สร้างสังคมไทย
ให้เปน็ สงั คมแห่ง
การเรียนรตู้ าม
ปรัชญา “คดิ เป็น”
แผนภูมิท่ี 1 กรอบการพัฒนาหลกั สูตรสถานศกึ ษา
4.5 หลกั สูตรรายวิชาเลอื กเสรี
จากโครงสร้างหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 มี
รายวิชาให้เลือกเรียน แยกตามระดับ คือ ระดับประถมศึกษา จานวน 12 หน่วยกิต ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
จานวน 16 หน่วยกิต และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จานวน 32 หน่วยกิต ในส่วนของรายวิชาที่ให้เลือกน้ัน
ผูเ้ รยี นสามารถเลอื กได้ตามความต้องการหรือตามสภาพปัญหาของสังคมหรือของผู้เรียนในขณะน้ัน ซึ่งรายวิชาเลือก
แบง่ เป็น 2 ส่วน (สานกั งาน กศน., 2559 : 51-52) คือ 1. รายวชิ าบงั คบั เลือก เปน็ วชิ าท่ีพัฒนาขึ้นตามนโยบาย
26
ของประเทศ และเพ่ือแก้ปัญหาวิกฤตของประเทศในเร่ืองต่าง ๆ ในช่วงแรก มีจานวน 2 วิชา ท้ัง 3 ระดับ คือ
วิชาการใช้พลังงานไฟฟ้าในชีวิตประจาวัน และวิชาการเงินเพื่อชีวิต และ 2. รายวิชาเลือกเสรี เป็นวิชาท่ี
สถานศึกษาพฒั นาขน้ึ เอง โดยยึดหลกั การพฒั นา ดงั น้ี
1) การพฒั นาการออกแบบการเรยี นรู้ เป็นการกาหนดทิศทางและเป้าหมายทางการเรียนของ
ผู้เรียน สถานศึกษาจึงต้องวิเคราะห์ความต้องการ ความจาเป็นและความสนใจของผู้เรียน เพ่ืออกแบบการ
เรียนรู้ การออกแบบการเรียนรูจ้ ะประกอบไปด้วยสว่ นตา่ ง ๆ ทีผ่ ้เู รยี นจะต้องเรยี นรู้
2) การพัฒนารายวิชาในการออกแบบการเรียนรู้ สถานศึกษาควรดาเนินการร่วมกับผู้เรียน
และภูมิปัญญา ผู้รู้ หรือผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์ในเร่ืองนั้น ๆ จัดทาการออกแบบการเรียนรู้และพัฒนา
รายวิชาต่าง ๆ
3) สื่อรายวิชาเลือกเสรี สถานศึกษาจัดทาหลักสูตรรายวิชาเลือกเสรี แล้วเสนอให้คณะกรรมการ
ของสานักงาน กศน.จังหวัด พิจารณาตรวจสอบความสอดคล้องของรายวิชากับการออกแบบการเรียนรู้
สอดคล้องกับมาตรฐานของกลุ่มสาระในแต่ละระดับการศึกษา จากนั้น สานักงาน กศน. จึงขอรหัสรายวิชา
เลือกจากโปรแกรมรายวชิ าเลอื ก ทั้งนไี้ ม่อนุญาตให้พฒั นารายวชิ าเลอื กทีเ่ รยี นได้ทุกระดับการศกึ ษา
4) การวัดผลประเมินผล สถานศึกษาจะต้องปรับปรุงระเบียบสถานศึกษาว่าด้วยการวัดและ
ประเมินผล โดยเพิ่มเกณฑก์ ารวัดและประเมินผล
4.5.1 การจดั ทาหลักสูตรรายวชิ าเลือก
การพัฒนารายวิชาเลือกตามโครงสร้างหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน
พุทธศักราช 2551 เป็นบทบาทหน้าท่ีของสถานศึกษา ซึ่งครูในสถานศึกษาต้องตรวจสอบรายวิชาในแผนการ
เรียนรู้รายบุคคลของผู้เรียนว่า เป็นรายวิชาท่ีมีอยู่แล้วในคลังรายวิชาเลือกของสานักงาน กศน. แล้วหรือไม่
โดยพจิ ารณาจากเนอื้ หาของรายวิชามีความสอดคล้องกันหรือไม่ ถ้าเป็นรายวิชาท่ีมีเนื้อหาสอดคล้องกัน แสดง
ว่าเปน็ รายวชิ าทมี่ อี ยแู่ ล้ว ให้ปรับเปล่ียนชื่อรายวิชาในแผนการเรียนรู้รายบุคคลของผู้เรียนให้ตรงกับรายวิชาท่ี
มอี ยู่แลว้ หากพบวา่ เนอ้ื หาไม่สอดคลอ้ ง จาเป็นต้องจัดทารายวิชาเลือกขึ้นมาใหม่ ซ่ึงครูในสถานศึกษาควรต้อง
มีความรู้ ความเข้าใจในการจัดทารายวิชาเลือก จึงจะสามารถจัดทาได้สอดคล้อง ตรงกับความต้องการของ
ผเู้ รียน โดยต้องมีความเขา้ ใจในประเดน็ ต่าง ๆ ต่อไปน้ี (สานักงาน กศน., 2559 : 128-136)
1) รายวิชา เปน็ องค์ความรู้ ทักษะ/กระบวนการ และคุณลกั ษณะอันพึงประสงคท์ ี่สาคัญ เพอื่
นาไปสู่การจัดการเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียนในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้หรือรายวิชา ให้บรรลุตามมาตรฐานการ
เรยี นรู้และตวั ช้ีวัดของหลักสตู ร ซึ่งเป็นองค์ประกอบท่ีสาคัญของหลักสูตรสถานศึกษา
2) รายวชิ า มไี ว้เพื่อสร้างความเข้าใจวา่ ในรายวิชานน้ั ผเู้ รยี นจะได้เรยี นรู้ ความรู้ ฝึกทักษะ/
กระบวนการ และมคี ุณลกั ษณะอันพึงประสงคท์ ่สี าคญั อะไรบ้าง
3) องคป์ ระกอบของรายวิชา แตล่ ะรายวชิ ามอี งคป์ ระกอบหลัก 2 สว่ น คือ สว่ นที่ 1 คาอธบิ าย
รายวิชา และสว่ นท่ี 2 รายละเอยี ดคาอธิบายรายวิชา
27
4) คาอธบิ ายรายวิชา มลี กั ษณะเปน็ ความเรียงท่ีแสดงใหผ้ ูจ้ ดั การเรียนร้เู ห็นถึงเปา้ หมายการเรียน
รายวิชานี้ ท้ังคุณลักษณะที่ต้องการให้เกิดกับผู้เรียน เนื้อหาทั้งหมดของรายวิชานี้ วิธีการจัดการเรียนรู้ รวมท้ัง
การวดั และประเมนิ ผล
5) องคป์ ระกอบสาคัญของคาอธบิ ายรายวชิ า จาแนกได้ 5 ส่วน ดงั น้ี
ส่วนที่ 1 รหัสวชิ า...ชือ่ รายวชิ า…จานวนหนว่ ยกิต...ระดบั การศกึ ษา
สว่ นที่ 2 มาตรฐานการเรียนรู้ระดับ
ส่วนที่ 3 ศึกษาและฝึกทักษะเก่ียวกบั เรอ่ื งดังต่อไปนี้
ส่วนท่ี 4 การจัดประสบการณก์ ารเรยี นรู้
สว่ นที่ 5 การวดั และประเมนิ ผล
6) การเขยี นคาอธบิ ายรายวิชาเลือก มีข้นั ตอนดงั นี้
ส่วนท่ี 1 รหสั วชิ า...ชอ่ื รายวิชา…จานวนหน่วยกติ ... ระดับการศึกษา
(1) วิเคราะห์เนื้อหาท่ีได้มาจากการสัมภาษณ์ท้ังหมด แล้วกาหนดรหัสย่อ
ของรายวิชาจากการที่วิเคราะห์ความสอดคล้องของเนื้อหากับสาระการเรียนรู้ได้ เช่น เป็นเนื้อหาเก่ียวกับการ
ปลูกมะนาวจากผักตบชวา จะเป็นรายวิชาในสาระการประกอบอาชีพ จึงกาหนดรหัสย่อที่เป็นตัวอักษรของ
รายวิชาว่า “อช”
(2) กาหนดชื่อรายวชิ าใหค้ รอบคลมุ เนอื้ หาทัง้ หมด
(3) กาหนดจานวนหน่วยกิต โดยพิจารณาจากการรวมจานวนชวั่ โมงท่ีกาหนด
ในแตล่ ะหัวเรือ่ ง ซ่งึ ใชเ้ กณฑ์ 40 ชวั่ โมงเท่ากับ 1 หน่วยกิต
(4) ระดับการศกึ ษา เป็นระดบั การศึกษาทผี่ ู้เรียนสมคั รเรยี น และได้รับการ
สัมภาษณ์ความรู้เพอ่ื นามาจดั ทารายวชิ าเลอื ก
ส่วนท่ี 2 มาตรฐานการเรียนรู้ระดับ
หัวข้อนี้ ให้นามาตรฐานการเรียนรู้ระดับ ในหลักสูตรการศึกษานอกระบบ
ระดับการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (เอกสารเล่มสีฟา้ ) มาเขียน โดยต้องวิเคราะห์และเลือกมาเฉพาะ
มาตรฐานการเรยี นรูท้ ่ีสอดคล้องกบั เนือ้ หาของรายวิชาท่ีจัดทาข้ึน และใช้เป็นกรอบหรือขอบเขตในการกาหนด
เนอื้ หารายวิชาน้ี
ส่วนที่ 3 ศึกษาและฝึกทักษะเกี่ยวกบั เรอ่ื งดังต่อไปน้ี
หัวข้อนี้ ต้องการเขียนให้เห็นว่า ในรายวิชาน้ี ประกอบไปด้วยเนื้อหา
ทั้งหมดอะไรบ้าง และต้องฝึกปฏิบัติในเรื่องใด เพ่ือให้เกิดความถูกต้องแม่นยาจนเกิดเป็นความรู้ และทักษะ
ตามท่กี าหนดไว้ในแต่ละรายวิชา ในการเขียน ให้นาหัวเร่ืองในแต่ละรายวิชามาเขียนร้อยเรียงเชิงพรรณนา ให้
ครอบคลุมหัวเร่ืองในแต่ละรายวิชา และเขียนถึงทักษะท่ีต้องการให้เกิดกับผู้เรียนเมื่อเรียนรายวิชานี้จบแล้ว
โดยต้องคานึงถึงมาตรฐานการเรียนรรู้ ะดับ
28
การเรยี นรูต้ ่าง ๆ สว่ นที่ 4 การจดั ประสบการณก์ ารเรียนรู้
หัวข้อนี้ เขียนบรรยายเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ โดยใช้เทคนิควิธีการจัด
สว่ นที่ 5 การวดั และประเมินผล
หวั ข้อนี้ เป็นการเขียนบรรยายว่าในรายวิชานี้ ต้องใช้วธิ กี ารวดั ผลอยา่ งไร
ตวั อยา่ งคาอธบิ ายรายวชิ า
คาอธบิ ายรายวชิ า พว22002 การใชพ้ ลังงานไฟฟ้าในชวี ติ ประจาวนั 2 จานวน 3 หน่วยกิต
ระดับมัธยมศึกษาตอนตน้
มาตรฐานการเรยี นรรู้ ะดับ
มีความรู้ ความเข้าใจ ทักษะ และเห็นคุณค่าเก่ียวกับกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
ส่ิงมีชีวิต ระบบนิเวศ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่นและประเทศ สาร แรง พลังงาน
กระบวนการเปล่ียนแปลงของโลกและดาราศาสตร์มีจิตวิทยาศาสตร์ และนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ในกา ร
ดาเนนิ ชวี ิต
ศกึ ษาและฝกึ ทักษะเกยี่ วกับเรื่องตอ่ ไปน้ี
1. พลังงานไฟฟ้า
การกาเนดิ ของไฟฟ้าสถานการณ์พลงั งานไฟฟา้ ของประเทศไทย และประเทศในอาเซยี น
2. ไฟฟา้ มาจากไหน
หน่วยงานที่เก่ยี วขอ้ งด้านพลงั งานไฟฟ้าในประเทศไทยเช้ือเพลิงและพลังงานที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้า
3. อุปกรณไ์ ฟฟา้ และวงจรไฟฟา้
4. การใช้และการประหยัดพลังงานไฟฟา้
โรงไฟฟา้ กบั การจดั การด้านสง่ิ แวดลอ้ ม
การจดั ประสบการณ์การเรียนรู้
ใหผ้ ู้เรยี น ศกึ ษา คน้ คว้า สารวจ ตรวจสอบ ทดลอง จาแนก อธิบาย อภิปราย นาเสนอด้วยการจดั
กระบวนการเรียนรดู้ ้วยการพบกลุ่ม การสอนเสริม การเรียนร้ดู ว้ ยตนเอง การรายงาน การศึกษาจากแหลง่
เรยี นรู้ ประสบการณต์ รงโดยใช้สถานการณจ์ รงิ ปรากฏการณธ์ รรมชาติ และประสบการณ์จากผเู้ รยี น
การวดั และประเมินผล
ประเมนิ จากการสังเกต การอภิปราย การสมั ภาษณ์ ทักษะปฏบิ ตั ิ รายงานการทดลอง การมสี ว่ นร่วม
ในกิจกรรมการเรียนรู้ ผลงาน การทดสอบ การประเมนิ การนาไปใชป้ ระโยชนใ์ นชีวติ ประจาวนั
29
7) การเขียนรายละเอยี ดคาอธบิ ายรายวิชา เป็นการเขียนขยายความสาระสาคญั ในคาอธบิ าย
รายวิชา โดยเพิ่มในสว่ นของตวั ชี้วัดและจานวนชั่วโมง
สว่ นที่ 1 รหสั วชิ า...ชอ่ื รายวชิ า…จานวนหน่วยกติ ... ระดบั การศกึ ษา
ในส่วนนี้ตอ้ งเหมอื นกับส่วนท่ี 1 ของคาอธิบายรายวิชา จึงสามารถคัดลอก
มาจากสว่ นท่ี 1 ของคาอธิบายรายวชิ าไดเ้ ลย
สว่ นท่ี 2 มาตรฐานการเรยี นรู้ระดบั
ในสว่ นน้ีตอ้ งเหมือนกับส่วนที่ 2 ของคาอธิบายรายวิชา จึงสามารถคัดลอก
มาจากสว่ นท่ี 2 ของคาอธิบายรายวชิ าไดเ้ ลย
สว่ นที่ 3 ท.่ี ..หวั เร่ือง...ตัวช้ีวัด...เน้ือหา...จานวนชั่วโมง...
(1) ที่ เขยี นลาดบั ทีข่ องหวั เร่อื ง
(2) หัวเร่ือง เขียนช่ือกลุ่มเนื้อหาที่จัดไว้ เป็นเสมือนชื่อบทของเน้ือหาที่
จะตอ้ งเรยี น สว่ นใหญใ่ นหนง่ึ รายวิชาจะมีหลายหัวเรอ่ื ง
(3) ตัวช้ีวัด เขียนแสดงให้เห็นว่า ในการเรียนวิชาน้ี ผู้เรียนต้องรู้อะไร ทา
อะไรได้บ้าง โดยเขียนในรูปการกระทา (Performance) เช่นเดียวกับการเขียนจุดประสงค์เฉพาะ เช่น บอก
ระบุ จาแนก วิเคราะห์ เป็นต้น ซ่ึงต้องพิจารณาผลการเรียนรู้ที่คาดหวังของมาตรฐานการเรียนรู้ระดับของ
รายวชิ านีค้ วบคกู่ ัน
(4) เนื้อหา เขียนเป็นเรื่องย่อย ๆ ภายใต้หัวเร่ืองแต่ละเร่ือง เรื่องย่อย ๆ
จะช่วยให้ผู้เรียนมองเหน็ เนื้อหาท้ังหมดในรายวชิ านี้ ซ่ึงตอ้ งครบถว้ นและตรงกบั เนื้อหาในหัวข้อ “ศึกษาและฝึก
ทกั ษะเร่อื งดงั ต่อไปนี้” ในคาอธิบายรายวิชา
(5) จานวนชัว่ โมง เปน็ การกาหนดจานวนช่ัวโมงที่ใชใ้ นการเรียนร้ใู นแตล่ ะ
หัวเร่อื ง การกาหนดจานวนชั่วโมงมากน้อยขึน้ อยู่กับจานวน ความยาก และซับซ้อนของเน้อื หาและตวั ช้ีวัด
30
ตัวอยา่ งรายละเอยี ดคาอธิบาย
รายละเอียดคาอธิบายรายวิชา พว22002 การใช้พลังงานไฟฟ้าในชีวติ ประจาวัน 2 จานวน 3 หน่วยกิต
ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
มาตรฐานการเรียนรู้ระดบั
มีความรู้ ความเข้าใจ ทักษะ และเห็นคุณค่าเก่ียวกับกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี
สิ่งมีชีวิต ระบบนิเวศ ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมในท้องถ่ินและประเทศ สาร แรง พลังงาน
กระบวนการเปล่ียนแปลงของโลกและดาราศาสตร์มีจิตวิทยาศาสตร์ และนาความรู้ไปใช้ประโยชน์
ในการดาเนนิ ชวี ิต
ท่ี หัวเร่ือง ตัวช้วี ัด เนอื้ หา จานวน
(ช่วั โมง)
1 การกาเนิด บอกการกาเนดิ ของไฟฟ้า การกาเนดิ ของไฟฟา้ 2
ของไฟฟ้า 1. ไฟฟ้าที่เกิดจากการเสยี ดสีของ
วตั ถุ
2. ไฟฟ้าทีเ่ กิดจากการทาปฏิกิรยิ า
ทางเคมี
3. ไฟฟ้าที่เกิดจากความร้อน
4. ไฟฟ้าทีเ่ กิดจากพลังงานแสงอาทิตย์
5. ไฟฟ้าทเ่ี กิดจากพลงั งานแม่เหล็ก
ไฟฟา้
2 สถานการณ์ 1. บอกสดั ส่วนเชอื้ เพลิงท่ี 1. สถานการณ์พลงั งานไฟฟ้าของ 10
พลังงานไฟฟ้า ใช้ในการผลิตไฟฟา้ ของ ประเทศไทย
ของประเทศ ประเทศไทย 1.1 สดั สว่ นการผลติ ไฟฟ้า
ไทย และ 2. ตระหนกั ถึงสถานการณ์ จากเช้อื เพลงิ ประเภทต่าง ๆ
ประเทศ ของเชือ้ เพลิงท่ใี ช้ในการ ของประเทศไทย
ในอาเซยี น ผลิตไฟฟา้ ของประเทศไทย 1.2 ความตอ้ งการใช้ไฟฟ้าใน
3. วเิ คราะหส์ ถานการณ์ แต่ละช่วงเวลาในหนึง่ วนั
พลังงานไฟฟ้าของ ของประเทศไทย
ประเทศไทย 1.3 สภาพปัจจบุ ันและแนวโน้ม
4. เปรยี บเทียบสถานการณ์ การใช้พลงั งานไฟฟ้า
พลังงานไฟฟ้าของไทย 2. สถานการณ์พลงั งานไฟฟ้า
และประเทศในอาเซียน ของประเทศในอาเซยี น
31
ท่ี หวั เรอื่ ง ตัวช้ีวดั เนื้อหา จานวน
(ชวั่ โมง)
3 หน่วยงาน 1.ระบุชือ่ และสังกดั หน่วยงานท่ีเกยี่ วข้องดา้ นพลงั งานไฟฟา้ 3
ท่ีเกย่ี วข้อง ของหนว่ ยงานที่เกี่ยวขอ้ ง ในประเทศไทย
ดา้ นพลงั งาน ดา้ นพลังงานไฟฟา้ 1. คณะกรรมการกากับกจิ การพลังงาน
ไฟฟา้ ใน ในประเทศไทย (กกพ.)
ประเทศไทย 2.บอกบทบาทหน้าท่ีของ 2. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแหง่ ประเทศไทย
หนว่ ยงานทเ่ี กี่ยวขอ้ ง (กฟผ.)
ด้านพลงั งานไฟฟ้า 3. การไฟฟ้าสว่ นภมู ิภาค (กฟภ.)
4. การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.)
4 เช้ือเพลงิ และ 1. 1.บอกประเภทเชอ้ื เพลงิ 1. เชอื้ เพลิงฟอสซิล 10
พลังงานท่ีใช้ 2. และพลังงานที่ใช้ 1.1 ถา่ นหนิ
ในการผลติ 3. ในการผลิตไฟฟ้า 1.2 นา้ มัน
ไฟฟา้ 2. เปรยี บเทียบขอ้ ดี 1.3 ก๊าซธรรมชาติ
ขอ้ จากดั ของเชือ้ เพลงิ 2. พลังงานทดแทน 25
และพลังงานทใ่ี ช้ 2.1 ความสาคัญของพลังงานทดแทน
ในการผลติ ไฟฟา้ 2.2 ประเภทของพลงั งานทดแทน
3. ยกตัวอย่างพลงั งาน 2.3 หลักการทางานของพลังงาน
ทดแทนท่ีมใี นชุมชน ทดแทน
ของตนเอง 2.3.1 พลงั งานลม
2.3.2 พลังงานน้า
2.3.3 พลังงานแสงอาทิตย์
2.3.4 พลงั งานชวี มวล
2.3.5 พลงั งานความรอ้ นใต้พิภพ
2.3.1 พลงั งานนิวเคลียร์
2.4 ข้อดี ข้อจากัดของพลังงานทดแทน
32
ที่ หัวเร่ือง ตวั ช้วี ัด เนอื้ หา จานวน
(ชว่ั โมง)
5 โรงไฟฟ้ากบั 1. บอกผลกระทบ 1. ผลกระทบและการจัดการส่งิ แวดล้อม 10
การจัดการ ดา้ นส่งิ แวดลอ้ มที่เกิด ดา้ นอากาศ
ดา้ นสิ่งแวดล้อม จากโรงไฟฟ้า 2. ผลกระทบและการจดั การสิ่งแวดล้อม
2. บอกการจดั การ ดา้ นน้า
ดา้ นสง่ิ แวดล้อม 3. ผลกระทบและการจัดการสิ่งแวดล้อม
ของโรงไฟฟา้ ดา้ นเสยี ง
3. มีเจตคตทิ ่ดี ีต่อโรงไฟฟ้า
แต่ละประเภท
6 อุปกรณ์ไฟฟา้ 1. ต่อวงจรไฟฟา้ 1. อปุ กรณ์ไฟฟา้ 30
และวงจร แบบตา่ ง ๆ 1.1 สายไฟ
ไฟฟา้ 2. เลือกใชอ้ ุปกรณ์ไฟฟ้า 1.2 ฟวิ ส์
ได้ถูกต้อง 1.3 อุปกรณ์ตัดตอนหรือเบรกเกอร์
1.4 สวติ ซ์
1.5 เคร่อื งตดั ไฟฟา้ ร่ัว
1.6 เต้ารบั เตา้ เสยี บ
2. วงจรไฟฟา้
2.1 แบบอนุกรม
2.2 แบบขนาน
2.3 แบบผสม
3. สายดินและหลักดิน
3.1 สายดิน
3.2 หลักดนิ
33
ท่ี หวั เรอ่ื ง ตัวชีว้ ดั เน้อื หา จานวน
(ชั่วโมง)
7 การใช้และ 1. อธิบายกลยทุ ธก์ าร 1.กลยุทธก์ ารประหยัดพลังงานไฟฟ้า 30
การประหยัด ประหยัดพลงั งานไฟฟา้ 3 อ.
พลังงานไฟฟา้ 2. จาแนกฉลากเบอร์ 5 1.1 กลยทุ ธ์ อ.1 อปุ กรณป์ ระหยัดไฟฟ้า
ของแท้กับของ 1.2 กลยุทธ์ อ.2 อาคารประหยัดไฟฟา้
ลอกเลยี นแบบ 1.3 กลยทุ ธ์ อ.3 อปุ นสิ ัยประหยดั ไฟฟ้า
3. เลอื กใช้เคร่ืองใช้ไฟฟ้าได้ 2.การเลือกซื้อ เลือกใช้ และดูแลรักษา
เหมาะสมกับสถานการณ์ เครอ่ื งไฟฟา้ ในครัวเรือน
ทกี่ าหนดให้ 2.1 เครือ่ งทาน้าอนุ่ ไฟฟ้า
4.ปฏบิ ัตติ นเปน็ ผปู้ ระหยัด 2.2 กระตกิ น้าร้อนไฟฟ้า
พลงั งานไฟฟา้ ในครวั เรอื น 2.3 พดั ลม
5. อธบิ ายวธิ ีการดูแล 2.4 โทรทศั น์
รกั ษาเครอ่ื งใช้ไฟฟา้ 2.5 เตารีดไฟฟา้
ในครัวเรอื น 2.6 ตู้เย็น
6. บอกองคป์ ระกอบ 3.การคานวณค่าไฟฟา้ ในครัวเรือน
ของคา่ ไฟฟา้ 3.1 องค์ประกอบของค่าไฟ
7. คานวณคา่ ไฟฟ้า 3.2 อัตราคา่ ไฟฟ้า
ในครัวเรือน 3.3 การคานวณการใช้ไฟฟ้า
4.5.2 การตรวจสอบคุณภาพของรายวิชาเลอื ก
เม่อื จัดทารายวิชาทง้ั สองส่วนเรยี บร้อยแล้ว คอื คาอธบิ ายรายวชิ าและรายละเอียดคาอธิบาย
รายวิชา จาเป็นท่ีต้องให้ผู้รู้ หรือภูมิปัญญาท้องถ่ิน หรือปราชญ์ชาวบ้าน ซ่ึงเป็นผู้ท่ีมีความรู้ เป็นท่ียอมรับของ
สังคมเก่ียวกับวิชานั้นได้ตรวจสอบความถูกต้องและความเหมาะสมของเน้ือหา การจัดหัวเร่ือง การจัด
เรียงลาดับเน้ือหา วิธีการจัดการเรียนรู้ วิธีการวัดและประเมินผู้เรียน และจานวนช่ัวโมง ก่อนท่ีจะเสนอ
สานักงาน กศน.จงั หวัดขอรหสั รายวชิ า
4.5.3 การขอรหัสรายวชิ าเลือก
สานักงาน กศน.จังหวัด แต่งต้ังคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบความถูกต้องในการเขียน
รายวิชาในรปู แบบที่ถูกต้อง พร้อมท้ังรายละเอียดครบถ้วนทุกหัวข้อ แล้วจึงมอบหมายให้มีผู้รับผิดชอบขอรหัส
รายวิชาเลือก ซ่ึงสานักงาน กศน. ได้มอบรหัสผ่านสาหรับเข้าโปรแกรมการขอรหัสรายวิชาให้แก่สานักงาน
กศน.จังหวัดทุกแห่งแล้ว พร้อมทั้งจัดเก็บรวบรวมเป็นคลังรายวิชาเลือกของจังหวัด และแจ้งให้สถานศึกษา
ทราบเพื่อดาเนินการต่อไป
34
4.5.4 การนารายวชิ าเลอื กไปใช้
เมื่อสถานศึกษาได้รับเลขรหัสรายวิชาเลือกแล้ว จะต้องทบทวน ตรวจสอบหลักสูตร
สถานศึกษา โดยเพิ่มรายวิชาเลือก ปรับปรุงโครงสร้างของหลักสูตร การจัดกระบวนการเรียนรู้ การวัดและ
ประเมินผล และการเทียบโอน จากนั้น นาเสนอคณะกรรมการสถานศึกษาเพ่ือให้ความเห็นชอบ และ
ประกาศใช้หลกั สตู รสถานศึกษา ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ…. ตอ่ ไป
4.5.5 การจัดกลุ่มรายวิชาเลอื กเสรี
เม่ือวิเคราะห์รายวิชาตามแผนการเรียนรายกลุ่มอาชีพ สามารถจัดกลุ่มรายวิชาได้เป็น
3 ประเภท (สานกั งาน กศน., 2559 : 11-13, 16-20) ดังนี้
1) รายวิชาเฉพาะกลุม่ อาชีพ เป็นรายวิชาทีม่ ีเน้อื หาสาระท่นี าไปใช้ในการประกอบอาชีพนัน้ ๆ เชน่
- แผนการทาไรอ่ อ้ ย ไดแ้ ก่ วิชาเทคนิคการใช้ดนิ น้า และปุย๋ และวิชาการปลกู ออ้ ย
- แผนการทาสวนมะม่วง ได้แก่ วิชาการเตรียมดินสาหรับปลูก และวิชาเทคนิคการทา
มะมว่ งนอกฤดู
ซง่ึ รายวชิ าเฉพาะกลุ่มอาชีพเหล่าน้ี สถานศกึ ษาพัฒนาขึน้ หรือสถานศึกษาพฒั นาร่วมกบั
สานกั งาน กศน.จังหวัด โดยการวิเคราะห์ความต้องการของกลุ่มผู้เรียนและสอดคล้องกับบริบทของพื้นท่ี ทั้งน้ี
กลุ่มพัฒนาการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจะรวบรวมรายวิชาจากแผนการเรียน รายกลุ่ม
อาชีพของแต่ละจังหวัด และจัดทาเป็นคลังหลักสูตรแผนการเรียนรายกลุ่มอาชีพ เพ่ือให้ทุกสถานศึกษาสามารถ
นาไปใชไ้ ด้ท่วั ประเทศ
2) รายวชิ าสง่ เสรมิ การประกอบอาชพี ตามแผนการเรียนรายกลุ่มอาชีพ เป็นรายวชิ าทีเ่ รียน
แล้วจะทาให้ผู้เรียนมีความรู้ มีเทคนิควิธีใหม่เพิ่มมากขึ้น อันจะช่วยเสริมให้การประกอบอาชีพนั้น ๆ มี
ความสาเรจ็ มากขึน้ ไดแ้ ก่
- แผนการทอผา้ (ผา้ ไหมมัดหม่ี) ไดแ้ ก่ วชิ าการขายและการตลาด
วิชาเลอื กในกลุ่มนี้ สานักงาน กศน.โดยกลมุ่ พฒั นาการศกึ ษานอกระบบและการศึกษา
ตามอัธยาศัยเป็นผู้รวบรวมหรือพัฒนาข้ึน เพื่อให้สถานศึกษาเลือกนาไปบรรจุในแผนการเรียนของผู้เรียน เช่น
วชิ าการตลาด วิชาการใชเ้ ทคโนโลยี วชิ าคุณธรรม จรยิ ธรรม วิชาเกษตรทฤษฎใี หม่วชิ าเกษตรผสมผสาน เป็นตน้
3) รายวชิ าเฉพาะจงั หวัด เปน็ รายวิชาท่สี านักงาน กศน.จงั หวัด พฒั นาขึ้นตามยทุ ธศาสตร์
ของจังหวัด หรือรายวิชาที่ต้องการสืบสานวัฒนธรรม ประเพณี และประวัติศาสตร์ของท้องถ่ิน เช่น วิชาสามโก้
บ้านเรา วิชากาญจนบรุ ีบ้านเรา วิชารักสิงหบ์ ุรี วชิ าสรุ ินทร์บา้ นเรา...เป็นต้น
สาหรับรายวิชาที่สถานศึกษาจะต้องพัฒนาข้ึนเอง ผู้สอนจะต้องสัมภาษณ์ผู้เรียนเพื่อให้ได้
ข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการ ขั้นตอน เครื่องมือเครื่องใช้ วัสดุอุปกรณ์ ฯลฯ ที่เกี่ยวข้องกับการประก อบอาชีพเพื่อ
นามากาหนดเนือ้ หาวชิ า ในทีน่ จ้ี ะนาเสนอตวั อยา่ งการสัมภาษณ์และวิเคราะหผ์ ูเ้ รยี นเพ่อื จัดทารายวชิ า ดงั นี้
35
ตัวอย่างการวเิ คราะห์ผเู้ รียนเพือ่ จัดทารายวิชาเลือกเสรี
นางสาวดวงใจ มณโี ชติ ประกอบอาชพี ช่างเสรมิ สวย ไปทาทร่ี า้ นของพ่ีสาวท่ีเป็นญาติกันพ่ีสาว
ก็จะสอนวิธีการสระผม การนวดศีรษะ การเซ็ทผม การไดร์ การอบไอน้า ทามาแล้ว 5 ปี ท่ีทาก็เพราะ
มีใจรักแล้วก็ชอบอยู่กับความงาม และก็เห็นว่าเป็นงานสบายไม่ต้องตากแดด อยู่ในห้องแอร์ และเมื่อปลายปี
ท่ีแล้วได้เรียนรู้เพ่ิมเติมท่ีโรงเรียนเสริมสวยเกี่ยวกับการออกแบบทรงผมเพราะว่าลูกค้าที่มาทาผมมีจานวนมาก
แลว้ ตอนนีพ้ ีส่ าวก็บอกวา่ ฝีมือดีให้แยกตวั ออกไปทาร้านเสริมสวยของตัวเองได้แลว้ จะไดเ้ ป็นเจ้าของเอง
จากข้อมลู การสนทนาของ นางสาวดวงใจ มณีโชติ ขอ้ มลู หลัก ๆ ทค่ี รสู รุปได้ คือ
1. วธิ กี ารสระผม การนวดศรี ษะ การเซ็ทผม การไดร์ การอบไอนา้
2. การออกแบบทรงผม
3. รา้ นเสรมิ สวยของตวั เอง
จะเห็นได้ว่า ตอนนไ้ี ดเ้ พียงช่ือวิชายงั ไมม่ รี ายละเอียดของแตล่ ะวิชา ดังนั้น ครูจะต้องถอดองค์
ความรู้ทมี่ อี ยู่ในตัวผูเ้ รียนทีใ่ ชใ้ นการทางาน การประกอบอาชีพ รวมถึงจรรยาบรรณ หรือคุณธรรมจริยธรรมใน
การทางาน ตลอดทงั้ ระยะเวลาท่ผี ู้เรียนใชใ้ นการเรยี นรู้ และฝึกปฏิบัติในเรื่องต่าง ๆ เพื่อนาข้อมูล รายละเอียด
ตา่ ง ๆ มาจดั ทารายละเอยี ดคาอธิบายรายวชิ า จากน้ัน จึงให้ผู้รู้ ภูมิปัญญา ในอาชีพน้ัน ๆมาแลกเปล่ียนเรียนรู้
ชี้แนะ เพ่ือกาหนดเน้ือหา และพัฒนาเป็นรายวิชาเลือก กาหนดจานวนหน่วยกิต และจัดเป็นแผนการเรียนรู้
รายบคุ คล จึงสามารถจดั ทารายวชิ าเลอื กเป็น 3 วิชา ดงั นี้
1. การสระผมและการนวดศรี ษะ และการเซ็ทผม 3 หน่วยกิต
2. การออกแบบทรงผมเบ้ืองตน้ 3 หน่วยกติ
3. การจัดการธรุ กิจรา้ นเสรมิ สวย 2 หน่วยกิต
ตัวอย่างผังมโนท
แผนการเรยี นรู้รายบุคคล ชา่ งเสรมิ สวย
เรื่องท่ี 1 ความรูพ้ ้นื ฐานในการสระผม 20 ชม.
เรือ่ งที่ 2 โครงสร้างของศรี ษะลักษณะเสน้ ผมและหนังศรี ษะ 30 ชม.
เรื่องท่ี 3 การปอ้ งกันโรคเกย่ี วกับเสน้ ผมและหนังศีรษะ 20 ชม.
เรอ่ื งท่ี 4 การบารุงรกั ษาเส้นผมและหนงั ศีรษะ 30 ชม.
เรื่องที่ 5 วัสดอุ ุปกรณแ์ ละผลิตภัณฑท์ ีเ่ หมาะสมกับงานสระผม 20 ชม.
การสระผมและการนวดศีรษะและเซท็ ผม ชา่ งเสริมสวย
จานวน 3 หนว่ ยกิต 120 ช่วั โมง
การออกแบบทรงผมขน้ั
จานวน 3 หน่วยกติ 120
เรอ่ื งที่ 1 ประวัติและววิ ัฒ
เรื่องที่ 2 ความร้พู น้ื ฐานใน
เรอ่ื งท่ี 3 โครงสรา้ งของศีร
เรื่องที่ 4 การวเิ คราะห์แบ
เรอื่ งท่ี 5 หลักการวิธีการอ
เร่อื งท่ี 6 การออกแบบทร
36
ทัศน์รายวิชาเลอื กเสรี
ย ระดับประถมศกึ ษา จานวน 8 หน่วยกติ
เร่ืองที่ 1 วิธีการจดั ต้งั และเรม่ิ ต้นธรุ กิจ 20 ชม.
เรอื่ งที่ 2 การเลือกทาเลท่ีตั้งร้านเสริมสวย 10 ชม.
เรื่องท่ี 3 การจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อมร้านเสริมสวย 20 ชม.
เรอ่ื งท่ี 4 ความร้พู ้นื ฐานทางการตลาด 10 ชม.
เรอ่ื งที่ 5 ทกั ษะการใหบ้ ริการ 20 ชม.
ย การจดั การธรุ กิจรา้ นเสรมิ สวย
จานวน 2 หน่วยกติ 80 ชั่วโมง
นพน้ื ฐาน
0 ช่ัวโมง
ฒนาการการออกแบบทรงผม 10 ชม.
นการออกแบบทรงผม 10 ชม.
รษะรปู หน้าและลกั ษณะของเส้นผม 30 ชม.
บบผมและรูปหน้า 30 ชม.
ออกแบบทรงผม 20 ชม.
รงผมแบบตา่ ง ๆ 20 ชม.
37
ตวั อย่างคาอธบิ ายรายวิชา การจัดการธรุ กิจรา้ นเสริมสวย จานวน 3 หนว่ ยกติ (120 ชวั่ โมง)
สาระการประกอบอาชีพ ระดบั ประถมศกึ ษา
มาตรฐานการเรยี นรู้ระดับ
มีความรู้ ความเข้าใจ และเจตคติที่ดีในงานอาชีพ วิเคราะห์ลักษณะงาน ขอบข่ายงานอาชีพในชุมชน
สังคม ประเทศ และภูมภิ าค 5 ทวีป ได้แก่ ทวีปเอเชีย ทวีปออสเตรเลีย ทวีปอเมริกา ทวีปยุโรปและทวีปอัฟริกาที่
เหมาะสมกับศักยภาพ 5 ด้าน ได้แก่ ศักยภาพของทรัพยากรธรรมชาติของพ้ืนที่ตามลักษณะภูมิอากาศ ศักยภาพ
ของภูมิประเทศ และทาเลท่ีต้ังของแต่ละพื้นที่ ศักยภาพของศิลปะ วัฒนธรรมประเพณีและวิถีชีวิตของแต่ละพื้นท่ี
ศักยภาพของทรัพยากรมนษุ ย์ในแต่ละพ้นื ที่เพ่ือการเขา้ สอู่ าชีพ
ศกึ ษาและฝึกทักษะเกี่ยวกบั เร่ืองต่อไปน้ี
วิธกี ารจดั ตง้ั และเริม่ ต้นธรุ กจิ ลกั ษณะธุรกิจ วิธีการจัดต้ังและเริ่มต้นธุรกิจ ภาษีเงินได้ ภาษีป้ายกฎหมาย
และระเบียบเฉพาะธุรกิจ การปิดป้ายแสดงราคาค่าบริการ วิเคราะห์ ข้อดี ข้อด้อย โอกาสและอุปสรรค ( SWOT)
การเลือกทาเลที่ตั้งร้านเสริมสวย ความสาคัญของทาเลท่ีตั้ง การเลือกส่ิงแวดล้อมปัจจัยในการวิเคราะห์ทาเลที่ต้ัง
การจัดการอนามัยสิ่งแวดล้อมร้านเสริมสวย การอนามัยส่ิงแวดล้อมอาคารสถานบริการเสริมสวย อุปกรณ์
เครื่องมือ เครื่องใช้ และเคร่ืองสาอาง สุขวิทยาส่วนบุคคลของช่าง/ผู้ช่วยช่างความรู้พ้ืนฐานทางการตลาด การทา
ฐานขอ้ มูลลกู คา้ ทีใ่ ช้บรกิ าร/คู่แข่งขนั ทางการตลาด ประชาสมั พันธ์ การส่งเสริมการขาย การให้บริการ ความหมาย
ความสาคัญ หลักการให้บริการ (คุณสมบัติของผู้ให้บริการ คุณลักษณะท่ีเหมาะสมของผู้ให้บริการ ทัศนคติที่ดีต่อ
งานของผู้ ให้บริการ จิตบริการของผู้ให้บริการ มารยาทและจรรยาบรรณของผู้ให้บริการ) บุคลิกภาพของผู้
ใหบ้ รกิ าร
การจดั ประสบการณ์การเรยี นรู้
ให้ผู้เรียน ศึกษา ค้นคว้า อธิบาย อภิปราย นาเสนอด้วยการจัดกระบวนการเรียนรู้ด้วยการพบกลุ่ม การ
เรียนรู้ด้วยตนเอง การศึกษาจากแหล่งเรียนรู้ ประสบการณ์ตรงโดยใช้สถานการณ์จริง และประสบการณ์จาก
ผู้เรียน
การวดั และประเมนิ ผล
ประเมนิ จากการสงั เกต การสัมภาษณ์ ทกั ษะปฏบิ ัติ การมีส่วนร่วมในกจิ กรรมการเรยี นรู้ โครงงาน ผลงาน
การประเมิน การนาไปใชป้ ระโยชน์ในชีวิตประจาวัน
38
ตวั อย่างรายละเอียดคาอธิบายรายวิชา.................. การจดั การธรุ กิจร้านเสริมสวย
สาระการประกอบอาชีพ ระดบั ประถมศึกษา จานวน 3 หน่วยกิต (120 ชวั่ โมง)
มาตรฐานการเรยี นรูร้ ะดับ
มคี วามรู้ ความเขา้ ใจและเจตคติท่ดี ใี นงานอาชีพ วิเคราะหล์ กั ษณะงาน ขอบข่ายงานอาชีพในชุมชน สังคม
ประเทศ และภูมิภาค 5 ทวีป ได้แก่ ทวีปเอเชีย ทวีปออสเตรเลีย ทวีปอเมริกา ทวีปยุโรป และทวีปอัฟริกา ที่
เหมาะสมกับศักยภาพ 5 ด้าน ได้แก่ ศักยภาพของทรัพยากรธรรมชาติของพ้ืนท่ีตามลักษณะภูมิอากาศ ศักยภาพ
ของภมู ิประเทศ และทาเลที่ตง้ั ของแต่ละพื้นท่ี ศักยภาพของศิลปะ วัฒนธรรมประเพณี และวิถีชีวิตของแต่ละพ้ืนท่ี
ศักยภาพของทรพั ยากรมนษุ ย์ในแตล่ ะพื้นท่ีเพ่ือการเข้าสู่อาชีพ
ท่ี หัวเรื่อง ตัวช้วี ัด เนอ้ื หา จานวน
1 วิธกี ารจัดตงั้ (ชว่ั โมง)
1. สามารถบอกวธิ ีการจดั ต้ังและ
และเรม่ิ ตน้ เร่มิ ต้นธรุ กจิ ได้ 1. ลกั ษณะธุรกจิ 20
ธุรกจิ
2. สามารถประยุกตใ์ ช้ในอาชีพ 2. วธิ กี ารจดั ตั้งและเร่มิ ต้นธรุ กิจ
2 การเลอื กทาเล ของตนเองได้
ทตี่ ั้งรา้ น 3. ภาษีเงินได้
เสริมสวย 3. สามารถวิเคราะห์ธุรกิจ
รา้ นเสรมิ สวยของตนเองได้ 4. ภาษปี ้าย
3 การจดั การ
อนามัย 4. สามารถอธิบายการเสียภาษี 5. กฎหมายและระเบยี บเฉพาะธุรกจิ
ส่ิงแวดล้อม ในธรุ กจิ ร้านเสริมสวยได้
ร้านเสริมสวย 6. การปิดป้ายแสดงราคาค่าบรกิ าร
สามารถวเิ คราะหท์ าเลทีต่ ้ัง
รา้ นเสรมิ สวยได้ 7. วิเคราะห์ ขอ้ ดี ข้อด้อย โอกาส
อธบิ ายหลักในการการจัดการ และอุปสรรค์ (SWOT)
อนามยั สิง่ แวดล้อมร้านเสรมิ สวย
สะอาด ปลอดภยั น่าใชบ้ รกิ ารได้ 1. ความสาคญั ของทาเลทีต่ ัง้ 10
2. การเลอื กสงิ่ แวดล้อม
3. ปัจจยั ในการวิเคราะห์ทาเลท่ตี ัง้
1. การอนามัยสงิ่ แวดลอ้ ม 20
2. อาคารสถานบริการเสรมิ สวย
3. อุปกรณ์ เคร่ืองมอื เครื่องใช้
และเครือ่ งสาอาง
4. สุขวทิ ยาส่วนบคุ คลของช่าง/
ผ้ชู ่วยช่าง
39
ที่ หัวเรือ่ ง ตัวชวี้ ัด เน้อื หา จานวน
(ชวั่ โมง)
4 ความรู้พน้ื ฐาน 1.อธิบายความรู้ทางด้านคู่
ทางการตลาด แข่งขันได้ 1. การทาฐานข้อมูลลูกค้าทใี่ ช้ 10
2.อธิบายความรู้ด้านลกู คา้ ได้
บรกิ าร/คู่แข่งขันทางการตลาด
2. ประชาสมั พนั ธ์
3. การส่งเสรมิ การขายและการบริการ
5 การให้บรกิ าร 1. สามารถบอกความหมาย 1. ความหมาย ความสาคัญ 20
ความสาคัญของการใหบ้ ริการ ของการให้บริการ
2. สามารถบอกหลักการให้ 2. หลกั การใหบ้ รกิ าร
บรกิ ารได้ - คุณสมบตั ิของผู้ใหบ้ ริการ
- คุณลักษณะทเ่ี หมาะสม
3. สามารถอธิบายบุคลิกภาพ ของผู้ใหบ้ รกิ าร
ของผูใ้ ห้บรกิ ารได้ - ทศั นคติที่ดตี อ่ งาน
ของผใู้ ห้บรกิ าร
4. สามารถประยุกตใ์ ช้ในการ - จิตบริการของผูใ้ ห้บรกิ าร
ให้บรกิ ารในงานอาชีพ - มารยาทและจรรยาบรรณ
ของตนเองได้ ของผใู้ หบ้ รกิ าร
3. บุคลกิ ภาพของผใู้ หบ้ ริการ
เม่ือพัฒนารายวิชาเลือก และเขียนคาอธิบายรายวิชาเรียบร้อยแล้ว ครูจะต้องกาหนดเกณฑ์วิธีการวัดและ
ประเมินผลในแต่ละหัวเร่ือง ซึ่งวิธีการประเมินอาจทาได้หลากหลายรูปแบบ เช่น การสอบอัตนัย การสอบ การ
สัมภาษณ์ เปน็ ต้น ดงั ตวั อยา่ ง