The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายงานการจัดทำแผนการเรียนรู้รายบุคคล หลักสูตรรายวิชาเลือกเสรีของสถานศึกษาในภาคตะวันออก

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

รายงานการจัดทำแผนการเรียนรู้รายบุคคล หลักสูตรรายวิชาเลือกเสรีของสถานศึกษาในภาคตะวันออก

รายงานการจัดทำแผนการเรียนรู้รายบุคคล หลักสูตรรายวิชาเลือกเสรีของสถานศึกษาในภาคตะวันออก

Keywords: E-Book วิจัยแผนการเรียนรู้รายบุคคลฯ

40

ตัวอยา่ งการกาหนดวธิ ีและสัดสว่ นคะแนนการวดั ผลประเมนิ ผล
วิชา ธรุ กิจร้านเสรมิ สวย สาระการประกอบอาชีพ
ระดบั ประถมศกึ ษา จานวน 3 หน่วยกิต (80 ช่ัวโมง)

มาตรฐานการเรียนรู้ระดบั
มีความรู้ ความเข้าใจ และเจตคตทิ ด่ี ใี นงานอาชพี วเิ คราะหล์ กั ษณะงาน ขอบขา่ ยงานอาชีพในชุมชน สังคม
ประเทศ และภูมิภาค 5 ทวีป ได้แก่ ทวีปเอเชีย ทวีปออสเตรเลีย ทวีปอเมริกา ทวีปยุโรป และทวีปอัฟริกาที่
เหมาะสมกับศักยภาพ 5 ด้าน ได้แก่ ศักยภาพของทรัพยากรธรรมชาติของพื้นท่ีตามลักษณะภูมิอากาศ ศักยภาพ
ของภมู ิประเทศ และทาเลที่ต้ังของแต่ละพื้นท่ี ศักยภาพของศิลปะ วัฒนธรรมประเพณี และวิถีชีวิตของแต่ละพ้ืนท่ี
ศักยภาพของทรัพยากรมนุษย์ในแต่ละพื้นท่เี พื่อการเขา้ ส่อู าชีพ

ที่ หวั เรื่อง ตัวช้วี ดั เนื้อหา จานวน วธิ ีการ
(ชัว่ โมง) ประเมินและ
สัดสว่ นคะแนน

1 วิธีการจัดตัง้ 1. สามารถบอกวิธีการ 1. ลักษณะธรุ กิจ 20 ข้อสอบอตั นัย

และเริม่ ต้นธรุ กิจ จดั ตง้ั และเริม่ ต้น 2. วิธกี ารจดั ตง้ั และเร่มิ ต้น 25%

ธุรกจิ ได้ ธุรกิจ

2. สามารถประยุกต์ใช้ 3. ภาษีเงินได้

ในอาชพี ของตนเองได้ 4. ภาษีปา้ ย

3. สามารถวิเคราะห์ธรุ กิจ 5. กฎหมายและระเบยี บ

รา้ นเสรมิ สวยของ เฉพาะธุรกจิ

ตนเองได้ 6. การปิดปา้ ยแสดงราคา

4. สามารถอธบิ ายการ คา่ บริการ

เสยี ภาษใี นธรุ กิจ 7. วเิ คราะห์ ข้อดี ข้อด้อย

รา้ นเสรมิ สวยได้ โอกาส และอุปสรรค

(SWOT)

2 การเลอื ก สามารถวิเคราะห์ทาเล 1. ความสาคัญของทาเลท่ีตงั้ 10 ขอ้ สอบอตั นยั
15%
ทาเลทต่ี ้งั ท่ีตงั้ ร้านเสรมิ สวยได้ 2. การเลอื กสงิ่ แวดล้อม

ร้านเสรมิ สวย 3. ปัจจัยในการวิเคราะห์

ทาเลทตี่ ั้ง

41

ท่ี หวั เร่อื ง ตวั ช้วี ัด เนือ้ หา จานวน วิธีการ
3 การจัดการ (ช่วั โมง) ประเมินและ
สดั สว่ นคะแนน
อนามัย อธบิ ายหลักในการ 1. การอนามัยสงิ่ แวดลอ้ ม 20 ขอ้ สอบอัตนัย
สง่ิ แวดลอ้ ม 10
ร้านเสรมิ สวย จดั การอนามยั 2. อาคารสถานบริการ 20 20%

4 ความรู้พืน้ ฐาน ส่งิ แวดลอ้ ม รา้ นเสรมิ เสรมิ สวย ข้อสอบ/
ทางการตลาด สมั ภาษณ์
สวย สะอาด ปลอดภยั 3. อปุ กรณ์ เคร่ืองมอื เคร่ืองใช้
5 การให้บริการ 15%
น่าใชบ้ ริการได้ และเคร่อื งสาอาง
ข้อสอบอัตนัย
4. สขุ วิทยาสว่ นบคุ คลของช่าง/ 25%

ผชู้ ว่ ยชา่ ง

1. อธบิ ายความรู้ 1. การทาฐานข้อมูลลูกค้า

ทางด้านคูแ่ ข่งขันได้ ท่ีใช้บรกิ าร/คู่แข่งขนั ทาง

2. อธิบายความรู้ การตลาด

ดา้ นลกู ค้าได้ 2. ประชาสัมพนั ธ์

3. การสง่ เสริมการขาย

และการบรกิ าร

1. สามารถบอก 1. ความหมาย ความสาคัญ

ความหมาย ความสาคัญ ของการใหบ้ ริการ

ของการให้บริการ 2. หลักการใหบ้ ริการ

2. สามารถบอกหลักการ -คณุ สมบตั ิของผู้ใหบ้ รกิ าร

ใหบ้ รกิ ารได้ -คณุ ลักษณะที่เหมาะสม

3. สามารถอธิบาย ของผู้ให้บรกิ าร

บุคลกิ ภาพของ -ทัศนคติท่ีดตี ่องานของ

ผ้ใู ห้บริการได้ ผใู้ หบ้ รกิ าร

4. สามารถประยุกต์ใช้ใน -จติ บรกิ ารของผู้ใหบ้ ริการ

การใหบ้ รกิ ารในงาน -มารยาทและจรรยาบรรณ

อาชีพของตนเองได้ ของผ้ใู หบ้ ริการ

3. บุคลิกภาพของผ้ใู ห้บริการ

42

ตอนที่ 5 การจดั ทาแผนการเรียนรู้

การจัดทาแผนการเรียนรู้ ถือว่าเป็นสิ่งสาคัญอย่างย่ิงซึ่งครูผู้สอนจะต้องมีการเตรียมแผนการเรียนรู้หรือ
กาหนดกจิ กรรมการเรียนรไู้ วล้ ่วงหนา้ อยา่ งเป็นระบบและจัดทาไว้เปน็ ลายลกั ษณ์อักษร โดยมกี ารรวบรวมข้อมูลต่าง
ๆ มากาหนดกิจกรรมการเรียนการสอนเพอ่ื ให้ผูเ้ รียนบรรลุจดุ มุง่ หมายท่กี าหนดไว้ (สุวิทย์ มูลคา, 2549: 58) ในการจัด
กระบวนการเรียนรู้ ครูและผู้เรียนต้องรู้และเข้าใจหลักสูตร จุดมุ่งหมาย และเป้าหมายของหลักสูตร ซ่ึงทาให้ครู
และผู้เรียนสามารถร่วมกันวางแผนการเรียนรู้และการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้ตอบสนองต่อความต้องการของ
ผเู้ รียนและครอบคลมุ เน้ือหา หลกั สตู ร ตามระยะเวลาทห่ี ลักสตู รกาหนด การจัดทาแผนการเรียนรู้สามารถทาให้ครู
และผูเ้ รียนจัดกิจกรรมการเรยี นรูใ้ ห้บรรลุจุดมงุ่ หมายและเน้ือหาของหลักสูตร และตอบสนองต่อสภาพปัญหาและ
ความต้องการของผูเ้ รยี นได้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ เพอ่ื ใหก้ ารจัดทาแผนการเรียนรู้บรรลุจุดมุ่งหมายตามแนวทางการ
จัดกระบวนการเรยี นรู้

5.1 การพัฒนาการจัดการเรียนรู้
กรมการศึกษานอกโรงเรยี น (2544ข : 17) กลา่ วถงึ การพฒั นาการจัดการเรยี นรู้ ประกอบด้วย 4 ด้าน

คือ การสารวจและวิเคราะห์สภาพปัญหาและความต้องการของผู้เรียน การศึกษาและวิเคราะห์หลักสูตร การ
วางแผนการจัดการเรียนรู้ และการจดั ทาแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ดงั นี้

1) การสารวจและวเิ คราะหส์ ภาพปัญหาและความต้องการของผเู้ รียน
การเรียนรู้จาเปน็ ตอ้ งพัฒนาอยา่ งตอ่ เนอื่ ง คนสามารถเรียนรูเ้ รอ่ื งใกล้ตวั นา่ สนใจ และตรงกับ

ความต้องการของตนเอง อาจเรียนได้หลายระดับ คือ เรียนเพื่อรู้ เรียนเพ่ือนาไปปฏิบัติจริง เรียนเพ่ือนาความรู้ไป
ประกอบอาชีพ เรยี นเพอื่ เปน็ พน้ื ฐานความรู้ไปศึกษาตอ่ ดงั น้ัน การจดั กระบวนการเรียนรู้เพือ่ จะให้ตอบสนองความ
ต้องการและความสนใจของผ้เู รยี น ขัน้ ตอนทีด่ าเนินงานที่สาคญั อยา่ งหนึง่ คอื การสารวจและวิเคราะห์สภาพปัญหา
และความต้องการของผู้เรียนในทุกด้าน เช่น วิเคราะห์ช่วงเวลาว่างของผู้เรียนให้เหมาะกับเวลาทากิจกรรม
วิเคราะห์สถานที่ให้เหมาะกับระยะการเดินทาง (กรมการศึกษานอกโรงเรียน, 2543ข : 11) และเพ่ือให้สอดคล้อง
กับพระราชบญั ญตั กิ ารศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ยึดแนวทางการจัดการเรียนรู้ตามหมวด 4 คือ การจัดการเรียนรู้
ท่ียึดผู้เรียนเป็นสาคัญท่ีสุด (กรมวิชาการ, 2544 : 18) ซ่ึงจะต้องสอดคล้องกับสภาพปัญหา ความสนใจ ความต้องการ
ความถนดั ของผ้เู รยี น โดยคานึงถึงความแตกต่างระหวา่ งบุคคล นาไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิต การประกอบอาชีพ
พัฒนาชุมชน สังคมและส่ิงแวดล้อม ผู้เรียนมีบทบาทสาคัญในการคิด วิเคราะห์ ตัดสินใจ วางแผนการเรียน
กาหนดจุดมุ่งหมาย มีส่วนในการกาหนดรูปแบบ วิธีการเรียนรู้ท่ีเหมาะสมกับตนเองเป็นการเรียนรู้ท่ีมีคุณภาพ
ยดื หย่นุ ตามความตอ้ งการของผเู้ รยี น ผเู้ รียนผสู้ อนมสี ่วนรว่ มในการวดั ผลประเมนิ ผล (กรมการศึกษานอกโรงเรียน,
2544ข : 13) การวิเคราะห์ผู้เรียนเพ่ือครูจะได้รู้จักข้อมูลของผู้เรียน เช่น ประวัติ อาชีพ ความสามารถพิเศษ ครู
จาเป็นตอ้ งมีข้อมูลเกย่ี วกับผ้เู รียนในด้านประวัติการศึกษา อาชีพ ความมุ่งหมายในการเรียน อายุ เวลาว่าง วิธีการ
แสวงหาความรู้ แหล่งเรียนรู้ (กรมการศึกษานอกโรงเรียน, 2544ข : 19) ให้สอดคล้องกับความต้องการของ
ผู้เรียน การวเิ คราะหค์ วามต้องการของผเู้ รียนเพื่อให้ครไู ดร้ จู้ ักขอ้ มลู ของผู้เรยี น ประวิติ อาชีพ ความสามารถพิเศษ
เวลาว่าง พื้นฐานความรู้ แหล่งเรียนรู้ โดยใช้วิธีการเก็บหลายอย่าง เพ่ือนามากาหนดแผนการเรียนรู้ให้สอดคล้อง

43

กับความต้องการของผู้เรียน การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ผู้สอนและผู้เรียนต้องทาร่วมกัน ต้องมีส่วนร่วมใน
กระบวนการต่าง ๆ โดยนาข้อมูลที่วิเคราะห์แล้วมาวางแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้เหมาะส มกับผู้เรียน
(กรมการศกึ ษานอกโรงเรียน, 2544ข : 28-29)

สรุปไดว้ ่า การวเิ คราะห์ความต้องการของผเู้ รียนเปน็ สว่ นหน่ึงของการวางแผนการเรียนรู้ท่ีครูต้อง
ยึดหลักผู้เรียนเป็นสาคัญ ต้องมีการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับผู้เรียนทุกด้าน คือ ข้อมูลพื้นฐาน ความรู้เดิม อายุ
อาชีพ เวลาว่าง แหล่งเรียนรู้ ความสามารถพิเศษ ประวัติการศึกษา จะได้นาข้อมูลมาวิเคราะห์ในการจัดกลุ่ม
ผ้เู รียน จัดกิจกรรมการเรยี นรแู้ ละพัฒนาผู้เรยี น

2) การวเิ คราะห์และศึกษาหลักสตู ร
วชิ ติ สุรัตนเ์ รืองชยั (2540 : 152) กลา่ วถึงการวิเคราะห์หลกั สตู รวา่ หลักสตู รเปน็ หัวใจสาคญั

ของการจดั การเรยี นการสอน การเตรียมการสอนจึงควรเร่ิมท่ีการศึกษาหลักสูตร ซ่ึงมักเป็นเอกสารท่ีได้มีการจัดทา
ไว้แล้วจากผู้รับผิดชอบในการจัดการศึกษาระดับต่าง ๆ การศึกษาหลักสูตรเพ่ือให้เข้าใจถึงจุดมุ่งหมายทั่วไปของ
หลักสตู ร จุดมุง่ หมายรายวิชาท่ีทาการสอนและเนือ้ หาวชิ า รวมท้ังแนวทางการจัดกิจกรรม แนวทางการประเมินผล
ซง่ึ มักระบอุ ยใู่ นเอกสารหลักสตู รเรยี บรอ้ ยแล้ว เม่ือเข้าใจสาระต่าง ๆ ในหลักสูตรแล้ว จึงทาการวิเคราะห์หลักสูตร
เพื่อยอ่ ยหลกั สตู รใหช้ ดั เจนในทางปฏบิ ัติมากขึน้ เพราะหลักสตู รมักกาหนดสัดส่วนต่าง ๆ ไว้กว้าง ๆ ยังไม่สามารถ
นาไปใช้สอนได้ทันที การวิเคราะห์หลักสูตรจึงเป็นวิธีการทาให้หลักสูตรชัดเจนข้ึนในทางปฏิบัติ ผลที่ได้จากการ
วิเคราะห์หลักสูตร นอกจากทาให้ครูผู้สอนเข้าใจสาระต่าง ๆ ของหลักสูตรแล้วยังจะเป็นแนวทางในการจัดทา
กาหนดการสอนด้วย การวิเคราะห์หลักสูตรเพ่ือจัดทากาหนดการสอนควรทาเป็นกลุ่ม โดยข้ันตอนการวิเคราะห์
หลกั สูตรเพื่อจัดทากาหนดการสอน มีดงั นี้ (1) อา่ นหลกั สตู รอยา่ งละเอียด โดยเฉพาะจดุ มุง่ หมายและเน้ือหาวชิ า
(2) สร้างตารางวเิ คราะหห์ ลักสตู ร แนวตั้งเปน็ ชอ่ งสาหรบั จุดม่งุ หมาย แนวนอนเปน็ ชอ่ งสาหรบั เขยี นเน้อื หาวชิ า (3)
นาเน้ือหาวิชาและจุดมุ่งหมายรายวิชาที่ต้องการทากาหนดการสอน เขียนใส่ในตารางวิเคราะห์หลักสูตรที่สร้างขึ้น
ในกรณีทหี่ ลักสูตรไม่ได้กาหนดรายละเอยี ดของเน้อื หาวชิ าไว้ ผู้วเิ คราะห์ต้องกาหนดเนื้อหาวิชาเอง ตามจุดมุ่งหมาย
รายวิชาท่ีหลักสูตรกาหนดไว้ โดยเรียงลาดับเน้ือหาตามลาดับก่อนหลังท่ีควรสอน (4) ผู้วิเคราะห์แต่ละคนให้ค่า
น้าหนักเนื้อหาวิชาในแต่ละเรื่อง โดยพิจารณาว่าเนื้อหาวิชาแต่ละเร่ืองสนองจุดมุ่งหมายข้อใดบ้าง โดยให้เป็นค่า
น้าหนักคะแนนในชอ่ งจดุ มงุ่ หมายข้อละ 10 คะแนน (หรอื กี่คะแนนกไ็ ด้) (5) เฉลี่ยคะแนนของผวู้ เิ คราะห์แต่ละคน
ในแต่ละช่องและรวมคะแนนในแต่ละชอ่ งตามแนวนอน จากน้ันรวมคะแนนรวมท้ังหมดใส่ไว้ช่องสุดท้ายของตาราง
โดยคะแนนรวมแต่ละช่องจะทาให้ทราบว่าเนือ้ หาวชิ าเรอื่ งใดมีค่านาหนักมากท่ีสุด แสดงว่ามีความสาคัญมากที่สุด
เพราะสนองจุดมุ่งหมายของหลักสูตรรายวิชาได้มาก (6) คานวณเวลาท่ีจะใช้สอนสาหรับแต่ละเนื้อหาวิชา โดยนา
จานวนช่ัวโมงหรือจานวนคาบเวลาท้ังหมดที่กาหนดไว้สาหรับรายวิชานั้น ๆ ไปเทียบบัญญัติไตรยางค์ ก็จะทราบ
เน้ือหาวิชานั้น ๆ ต้องใช้เวลาสอนเท่าไรจึงจะเหมาะสม และสอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ ตามท่ีหลักสูตร
กาหนด (7) นาผลการวิเคราะห์หลกั สตู รไปจดั ทากาหนดการสอนตอ่ ไป

44

กรมการศึกษานอกโรงเรียน (2542 : 34) ได้กล่าวถึงการศึกษาและวิเคราะห์หลักสูตรว่าครู ผู้เรียน
ชุมชน และผู้เกี่ยวข้องต้องศึกษาวัตถุประสงค์ของขอบข่ายเน้ือหาวิชา กิจกรรมการเรียนรู้ และการประเมินผลที่
เหมาะสมโดยวิธีการหลากหลายตามสภาพและข้อจากัดแต่ละแห่ง ประชุมศึกษาวิเคราะห์ร่วมกันหรือจัดประชุม
ปฏิบตั ิการ โดยสถานศึกษาเปน็ ผู้สนับสนนุ อานวยความสะดวกในการดาเนินงานทุกขน้ั ตอน จัดเตรียมเอกสาร คู่มือ
และหลกั สูตรทจ่ี าเปน็ ส่วนผูเ้ รยี นต้องศกึ ษาสภาพปัญหาและความต้องการของชุมชนท้องถิ่นของตนเอง ตลอดจน
ศึกษาเน้ือหาวชิ าท่ตี นลงทะเบยี นเรยี น ซ่งึ การศึกษาและวิเคราะห์หลักสูตรตอ้ งทาก่อนเปิดภาคเรยี น

สพุ ล วงั สนิ ธ์ (2544 : 25) ได้แสนอแนะขนั้ ตอนการวิเคราะห์หลักสูตร เพ่ือการจัดทาแผนการเรียนรู้
ไว้คือ (1) ศึกษาหลักสูตร ต้องศึกษาหลักสูตรอย่างกว้างขวาง และอย่างลึกซ้ึงในวิชาและรายวิชาที่สอน เช่น
ศึกษาโครงสร้างชุดวิชา จุดประสงค์ของวิชา ส่ือการเรียนการสอนที่กาหนดในรายวิชา คาอธิบายรายวิ ชา และ
ธรรมชาติของวิชา เป็นต้น (2) วิเคราะห์จุดประสงค์การเรียนรู้ เนื้อหา เวลา และกิจกรรม วิเคราะห์ได้จาก
คาอธบิ ายรายวิชาโดยให้สมั พนั ธก์ ับจดุ ประสงคข์ องวชิ าและจุดประสงค์ของหลักสตู ร

สรุปไดว้ า่ การวิเคราะห์หลกั สูตรเป็นการศึกษาขอบเขตของเนื้อหา จุดประสงค์ จุดมุ่งหมายของ
หลักสูตรที่เขียนอยา่ งกว้าง ๆ เพื่อนามาเป็นแนวทางในการจัดทาแผนการเรียนรู้ การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
และการจดั ทากาหนดการสอนให้สอดคลอ้ งกบั เนื้อหาวชิ า เวลา และจุดประสงคก์ ารเรียนร้ตู ามทีห่ ลักสูตรกาหนด

3) การวางแผนการจัดการเรียนรู้
แผนการจดั การเรยี นรู้ หรือแผนการเรยี นรู้ เป็นคาใหม่ท่นี ามาใช้ในหลักสูตรการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน

พุทธศักราช 2544 เหตุที่ใช้คา “แผนการจัดการเรียนรู้” แทนคา “แผนการสอน” เพราะต้องการให้ผู้สอนมุ่งจัด
กิจกรรมการเรียนการสอนโดยเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายของการจัดการศึกษาที่บ่งไว้ใน
มาตรา 22 ของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 ท่ีกล่าวไว้ว่า “การจัดการศึกษาต้องยึดหลัก
ว่าผ้เู รียนทกุ คนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ และถือวา่ ผู้เรยี นสาคญั ที่สดุ ” (อาภรณ์ ใจเท่ียง, 2546 : 213)

เอกรินทร์ สมี่ หาศาล (2545 : 409) กลา่ วว่า แผนการจดั การเรียนรู้ (Lesson Plan) เป็นวัสดุ
หลักสูตรทพี่ ฒั นามาจากหน่วยการเรียนรู้ (UNIT PLAN) ที่กาหนด ไว้ เพ่อื ให้การจัดการสอนบรรลุเป้าประสงค์ตาม
มาตรฐานการเรยี นร้ขู องหลกั สตู ร หนว่ ยการเรียนรจู้ งึ เปรยี บเสมอื นโครงร่างหรือพิมพ์เขียว ส่วนแผนการเรียนรู้จะ
แสดงการจัดการเรียนรู้ตามบทเรียน (lesson) และประสบการณ์การเรียนรู้เป็นรายวัน หรือรายสัปดาห์ ดังน้ัน
แผนการจดั การเรยี นรู้ จึงเป็นเครอื่ งมือหรอื แนวทางในการจดั ประสบการณ์การเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียนตามกาหนดไว้ใน
สาระการเรยี นรขู้ องแตล่ ะกลมุ่

กรมวิชาการ (2546 : 1-2) กล่าวว่า แผนการจัดการเรียนรู้ เป็นแผนซ่ึงครูเตรียมการจัดการเรียนรู้ ให้แก่
นักเรียน โดยวางแผนการจัดการเรียนรู้ แผนการใช้สื่อการเรียนรู้หรือแหล่งเรียนรู้ แผนการวัดผลประเมินผล โดย
การวิเคราะห์จากคาอธิบายรายวิชาหรือหน่วยการเรียนรู้ ซึ่งยึดผลการเรียนรู้ท่ีคาดหวังและสาระการเรียนรู้ที่
กาหนดอนั สอดคล้องกับมาตรฐานการเรียนร้ชู ว่ งช้ัน

45

สานักงานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั (2552 : 16) กล่าวว่า แผนการ
เรียนรู้ หรือแผนการจดั การเรียนรู้ (Lesson Plan) วา่ เป็นแผนหรือแนวทางการจัดการเรียนรู้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ
หน่วยการเรียนรู้ เม่ือดาเนินการเรียนรู้ครบทุกแผนของแต่ละหน่วยการเรียนรู้ ผู้เรียนจะได้พัฒนาคุณภาพบรรลุ
ตามมาตรฐานท่ีกาหนดเปน็ เปา้ หมายของแตล่ ะหน่วยการเรยี นรู้

สาลี รกั สทุ ธี และคณะ (2544 : 42) กล่าววา่ การวางแผนการเรยี นรเู้ ปน็ การกาหนดไว้ลว่ งหน้า
วา่ จะสอนใคร ในเนอ้ื หาใด สอนเมอ่ื ใด สอนอย่างไร และเพอ่ื ให้เกดิ อะไร ซงึ่ เม่ือถึงเวลาดังกล่าวจะดาเนินการสอน
ตามท่ีวางแผนไว้ ผู้สอนจึงต้องคิดวางแผนและเตรียมการสอนล่วงหน้าอย่างละเอียดรอบคอบ เหมาะสม เพื่อให้
สามารถดาเนินการสอนตามที่ได้กาหนดไว้อย่างได้ผลดี การวางแผนและเตรียมการสอนมีหลายลักษณะ เช่น
การวางแผนระยะสั้น ระยะปานกลาง ระยะยาว ในการวางแผนโดยท่ัวไป เพ่ือให้ได้แผนที่ดี สามารถนาไปใช้ได้
อย่างมีประสทิ ธิภาพ ควรยดึ หลกั ดงั นี้ (1) ใชเ้ วลาในการวางแผนลว่ งหนา้ อย่างเพยี งพอ ไม่วางแผนในเวลาท่ีจากัด
รีบเร่ง หรือกระชั้นเกินไป การวางแผนและเตรียมพร้อมในระยะเวลานานเพียงพอจะช่วยให้ได้แผนท่ีดีมีความ
บกพร่องนอ้ ย (2) วางแผนทง้ั ระยะส้ันและระยะยาว โดยเร่ิมจากการวางแผนระยะยาว จากน้นั จึงวางแผนอย่าง
ละเอียดในระยะสั้น ซึ่งจะทาให้ได้แผนมีความเหมาะสมมากยิ่งข้ึน ในด้านการเรียนการสอนรายวิชาต่าง ๆ การ
วางแผนระยะยาว หมายถึง การวางแผนการสอนวิชาน้ัน ๆ ท้ังวิชา ตลอดภาคเรียน ส่วนการวางแผนระยะสั้น
หมายถงึ การวางแผนการสอนในแตล่ ะคร้งั หรอื แตล่ ะคาบเรียน (3) วางแผนให้ครบทกุ องค์ประกอบ กลา่ วคือ
สามารถทราบไดช้ ัดเจนว่า จะทาอะไรกบั ใคร เมื่อไร ที่ไหน อย่างไร เพื่ออะไร เป็นต้น (4) พยายามจัดทาในรูปของ
คณะกรรมการ กล่าวคือ มีหลายคนมาร่วมช่วยกันวางแผนซึ่งจะดีกว่าการคิดและทาเพียงคนเดียว (5) ยึดความ
เป็นไปได้สูงสุด นั่นคือ เวลานาแผนไปใช้จริง สามารถดาเนินการตามแผนได้อย่างเหมาะสม เกิดประสิทธิภาพ
บรรลวุ ตั ถุประสงค์อย่างดียง่ิ ผู้วางแผนจงึ ตอ้ งวางแผนโดยพิจารณาถงึ ความเปน็ ไปไดด้ ว้ ย

สรุปไดว้ ่า การวางแผนการเรยี นร้เู ปน็ การกาหนดไวล้ ว่ งหน้าวา่ จะสอนใคร เน้ือหาใด สอนเมื่อไหร่
อย่างไร และเพื่อให้เกิดอะไร เมื่อถึงเวลาจะดาเนินการสอนตามท่ีวางแผนไว้ ผู้สอนจึงต้องคิดวางแผนและ
เตรยี มการสอนล่วงหนา้ อยา่ งละเอียดรอบคอบและเหมาะสม

4) การจัดทาแผนการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้จัดขึ้นเพื่อช่วยให้การใช้หลักสูตรบรรลุวัตถุประสงค์ หลักสูตรทุก

หลกั สูตรจะไม่บรรลวุ ัตถปุ ระสงค์ ถ้าไม่มกี ารจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ (ลาสี รักสุทธี และคณะ, 2544 : 73) กล่าวถึง
การกาหนดกิจกรรมการเรียนรู้ในข้นั ตอนนีส้ าคญั มาก เพราะจดุ ประสงค์จะกาหนดไวเ้ พียงใด หากการจัดกิจกรรม
ไม่ดี ไม่เป็นรูปแบบ ผู้เรียนไม่ได้ปฏิบัติจริง การเรียนรู้อาจไม่เป็นไปตามเป้าหมายก็ได้ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้
และแบบการเรยี นรู้มลี กั ษณะคล้ายคลงึ กนั

กรมการศึกษานอกโรงเรียน (2543ข : 22) กล่าวว่า การจัดทาแผนการจัดการเรียนรู้ ครูและ
ผู้เรียนต้องร่วมกันวางแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้ครอบคลุมจุดประสงค์การเรียนรู้ นาข้อมูลเนื้อหาหมวด
วชิ าทีว่ ิเคราะห์และแบ่งเน้อื หาตามความยากง่ายนามาวางแผนการจดั การเรยี นรู้ จดั กิจกรรมการเรยี นรใู้ ห้ตลอด

46

ภาคเรียน การวางแผนการจัดการเรียนรู้น้ัน แบ่งการวางแผนจัดการเรียนรู้ออกเป็น 2 อย่างคือ การวางแผนการ
เรียนรขู้ องครู และการวางแผนการเรียนร้ขู องผู้เรยี น ได้กาหนดไวด้ งั น้ี (1) ชว่ งเวลาทีเ่ รยี น ต้องรว่ มกันวิเคราะห์ให้
เหมาะสมกบั เน้อื หา และเหมาะสมกบั การทากิจกรรม เพอื่ ใหม้ ีเวลาเพยี งพอทีจ่ ะเขา้ ไปสมั ผัสโลกแห่งการเรยี นรู้
ของตนเอง เวลาว่าง (2) การใช้สถานท่ี ครตู ้องไมจ่ ากดั อยู่เฉพาะห้องเรยี นส่ีเหลยี่ มเดิม ๆ แต่ควรจะใชส้ นามโรงเรียน
หมูบ่ ้าน รอบโรงเรียน หรอื แมแ้ ต่การสอ่ื สารออกไปสู่ทอ่ี ่นื ๆ เพื่อจัดการเรียนรู้ให้กับผู้เรียน (3) กิจกรรมการเรียนรู้
ต้องจัดให้เหมาะสมสอดคล้องกับเน้ือหาและวัตถุประสงค์ อุปกรณ์การสอน ครูต้องผสมผสานส่ิงที่กาหนดใน
หลักสูตรให้เข้ากับความเข้าใจของตนเอง เกี่ยวกับชุมชนชีวิตของผู้เรียน เทคโนโลยี ที่หามาได้ ส่ิงต่าง ๆ ที่อยู่ใน
ชีวิตประจาวัน หรือเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นมา สอดคล้องกับเนื้อหาและกิจกรรมท่ีน่าสนใจ (4) การใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น ครูใช้
คนในหมู่บ้าน ครอบครัวของผู้เรียน ผู้สันทัดกรณีจากส่วนราชการ ใกล้โรงเรียน ผู้นาศาสนา หรือศิลปินในท้องถิ่น
บุคคลเหล่านี้ได้มีโอกาสเข้ามาพูดคุย นาเสนอสิ่งที่แต่ละคนถนัดให้ผู้เรียนได้รับรู้ ความคิดของบุคคลเหล่าน้ี (5)
วิทยากรผู้ให้การเรียนรู้ วิทยากรเป็นผู้ชานาญการเฉพาะเร่ือง ครู ผู้เรียน ไม่สามารถจะเรียนรู้ด้วยตนเองได้ ถ้า
สามารถเชิญวิทยากรผู้มีความชานาญเฉพาะเรื่องอาจจะอยู่ในหรือนอกท้องถิ่นก็ได้ (6) แหล่งเรียนรู้ ครูต้องจัดทา
ทาเนียบแหล่งเรียนรู้ เพ่ือสะดวกในการค้นหาแหล่งเรียนรู้ เช่น ห้องสมุด พิพิธภัณฑ์ ท่ีอ่านหนังสือ ป้ายประกาศ
หมูบ่ ้าน วัด โรงเรียน เปน็ ต้น (7) จัดหาสอื่ กระจายส่ือ จดั ทาทาเนียบ ลงทะเบียนส่ือ บริการครูและผู้เรียน เพราะส่ือมี
ความสาคัญดังท่ี Ericson และ Curl (1972 : 163) กล่าวว่า การใช้ส่ือเพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ
และ Brown (1983 : 10) กลา่ วไว้ว่า สอื่ เป็นอุปกรณ์ท่ีสามารถช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ท่ีดี ได้แก่ อุปกรณ์หรือ
เครือ่ งมือ อาจจะไปศกึ ษานอกสถานท่ี การแสดง การสาธิต การทดลอง หรือการสารวจ

สานกั งานสง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั (ม.ป.ป.: 62-67) กล่าวถงึ การ
นาหลักสูตรสู่การจัดการเรียนรู้ให้มีคุณภาพ ครูเป็นผู้มีบทบาทสาคัญในการเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ ซ่ึงมีแนว
ทางการดาเนินการ ดังนี้ (1) ศึกษาและทาความเข้าใจหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน
พุทธศักราช 2551 และเอกสารประกอบหลักสูตรให้ชัดเจน (2) ครูและผู้เรียน ศึกษาและวิเคราะห์คาอธิบาย
รายวิชาและรายละเอียดคาอธิบายรายวิชา โดยดาเนินการศึกษาเป็นรายวิชา เพื่อให้ครูวางแผนเกี่ยวกับขอบข่าย
จัดลาดับการจัดการเรียนรู้ การวัดและประเมินผลของแต่ละรายวิชา เพื่อให้มองเห็นภาพรวมในการจัดการเรียนรู้ได้
อย่างชัดเจนหรือจัดทาหน่วยการเรียนรู้แบบบูรณาการ (3) เขียนแผนการจัดการเรียนรู้ โดยมุ่งเน้นให้ผู้เรียนบรรลุ
มาตรฐานการเรียนรู้ ผลการเรียนร้ทู ี่คาดหวัง และตัวชวี้ ัด ควรออกแบบการจัดการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ มี
กจิ กรรมการเรียนรู้ท่ีหลากหลาย ใหผ้ ู้เรียนได้ฝึกปฏิบตั ิ และมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ท่ีเช่ือมโยงกับวิถีชีวิต โดยใช้สื่อ
และแหล่งการเรียนรู้ท่ีเน้นให้ผู้เรียนแสวงหาความรู้ได้ด้วยตนเองและมีความหลากหลาย ได้แก่ สื่อส่ิงพิมพ์ ส่ือ
อเิ ล็กทรอนิกส์ สอ่ื บุคคล ภมู ิปญั ญา แหล่งเรียนรทู้ ่มี อี ยใู่ นท้องถิ่น ชุมชน และแหลง่ เรยี นรอู้ ่นื ๆ

สรุปได้ว่า การจดั ทาแผนการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ครูและผู้เรียนตอ้ งรว่ มกนั วางแผนจดั กจิ กรรม
การเรยี นรใู้ ห้ครอบคลุมจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ เนน้ ผู้เรียนเป็นสาคัญ มกี จิ กรรมการเรยี นรทู้ หี่ ลากหลาย ใหผ้ ู้เรียนได้
ฝกึ ปฏบิ ตั ิ และมกี ารแลกเปลย่ี นเรียนรู้ที่เช่ือมโยงกับวิถีชีวิต โดยใช้ส่ือและแหล่งการเรียนรู้ที่เน้นให้ผู้เรียนแสวงหา
ความรูไ้ ด้ด้วยตนเองและมีความหลากหลาย

47

5.2 ความสาคญั ของแผนการเรียนรู้
5.2.1 ทาให้เกดิ การวางแผนการเรยี นรทู้ ี่ดี ผสมผสานความรู้และจติ วิทยาการศกึ ษา
5.2.2 ช่วยให้ครูมีคูม่ อื การสอนที่ทาดว้ ยตนเองลว่ งหนา้ มคี วามมั่นใจในการสอน
5.2.3 สง่ เสริมใหค้ รมู ีความร้คู วามเขา้ ใจหลักสูตร วธิ ีการสอน สื่อการเรียน การวัดผลและประเมินผล
5.2.4 เป็นคู่มือสาหรับผู้ทท่ี าการสอนแทน
5.2.5 เปน็ หลักฐานแสดงข้อมูลที่ถูกต้องเทย่ี งตรง
5.2.6 เป็นผลงานทางวชิ าการแสดงความชานาญ ความเชีย่ วชาญ

5.3 ลักษณะของแผนการเรยี นร้ทู ี่ดี
แผนการเรียนรู้ท่ีดีต้องสอดคล้องกับหลักสูตร นาไปใช้จัดการเรียนรู้ได้จริงและมีประสิทธิภาพ เขียน

ถูกต้องตามหลักวิชา เหมาะสมกับผู้เรียนและระยะเวลาท่ีกาหนด มีความกระจ่างชัด ทาให้เข้าใจง่ายและเข้าใจ
ตรงกัน มีรายละเอียดมากพอท่ีจะทาให้ผู้อ่านสามารถนาไปใช้จัดการเรียนรู้ได้ มีกิจกรรมท่ีผู้เรียนลงมือปฏิบัติมาก
ท่ีสุด เปิดโอกาสให้ผู้เรียนเป็นผู้ค้นพบคาตอบหรือผลสาเร็จด้วยตนเอง เน้นทักษะกระบวนการ เน้นผู้เรียนเป็น
สาคญั นาไปใชไ้ ดจ้ รงิ และสง่ เสรมิ ใหใ้ ชว้ สั ดอุ ปุ กรณ์ทสี่ ามารถจัดหาได้ในทอ้ งถ่นิ ราคาไม่แพง

5.4 ขั้นตอนการจดั ทาแผนการเรียนรู้

ขัน้ ตอนท่ี 1 ครศู ึกษาหลกั สตู ร/แผนการลงทะเบยี น หลักสตู รการศกึ ษานอกระบบระดับ
ขน้ั ตอนที่ 2 ของผเู้ รียนแต่ละภาคเรียน การศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551/
หลกั สูตรสถานศึกษา
ขนั้ ตอนที่ 3 วิเคราะห์คาอธบิ ายรายวชิ า ตัวช้ีวัด และเนือ้ หา ตารางวเิ คราะห์ สาระการเรยี นรู้
รายวิชา เพอื่ วิเคราะหเ์ นอื้ หายาก ปานกลาง ง่าย รายวิชา แบบฟอร์มการจัดทา
ขน้ั ตอนท่ี 4 นาเน้อื หาที่วิเคราะหร์ ะดับปานกลาง มาจดั ทา แผนการเรียนรรู้ ายภาค
ขัน้ ตอนท่ี 5 ปฏิทนิ การเรียนรู้ (แผนการเรียนรรู้ ายภาค)
แบบฟอร์มการจดั ทา
นาปฏทิ นิ การเรียนรู้ (แผนการเรียนรรู้ ายภาค) แผนการเรยี นรูร้ ายสปั ดาห์
มาเขยี นรายละเอียดของขนั้ ตอนการทา
กิจกรรมการเรียนร้โู ดยจัดทา แบบฟอรม์ การจดั ทา
แผนการเรียนรูร้ ายสัปดาห์ แผนการเรียนรู้ด้วยตนเอง (กรต.)
แบบฟอรม์ การจัดทาแผนสอนเสรมิ
นาเน้อื หาทวี่ เิ คราะหร์ ะดบั ง่าย
มาจดั ทาแผนการเรียนรูด้ ้วยตนเอง

นาเนอื้ หาทวี่ เิ คราะหร์ ะดบั ยาก
มาจดั ทาแผนสอนเสริม

หมายเหตุ ครูและผู้เรียนทาแผนการเรยี นรูร้ ายสปั ดาห์ (โดยออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ทีเ่ นน้ ผ้เู รียนเป็นสาคญั )
เสนอผู้บริหารสถานศกึ ษาอนุมตั ิ

48

5.5 องคป์ ระกอบแผนการเรยี นรู้
องค์ประกอบของแผนการเรียนรู้ ได้แก่ รายวิชา/หัวเร่ือง ตัวช้ีวัด เนื้อหา การจัดกระบวนการเรียนรู้

สื่อและแหล่งเรียนรู้ การวัดและประเมินผล (สานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย,
2553 : 72-76) ดังน้ี

แผนการเรยี นรู้
ระดับ..................................ภาคเรยี นท.่ี ..........กลุ่ม...................
ชอ่ื หนว่ ยการเรยี นรู้............................................เรอื่ ง...................................................สปั ดาห์ท.่ี ..............

รายวชิ า/หวั เรอื่ ง ตวั ชว้ี ดั เน้ือหา การจดั ส่ืออปุ กรณแ์ ละ การวัดและ
กระบวนการเรยี นรู้ แหลง่ เรียนรู้ ประเมนิ ผล

การกาหนดแผนการเรียนรู้ ให้ระบุระดับ ภาคเรียนท่ี กลุ่ม หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง สัปดาห์ที่ และจัด
แผนการเรยี นรู้ลงในตารางด้านบน ดังน้ี

1) การกาหนดรายวชิ า/หัวเรื่อง ตัวชีว้ ดั และเน้อื หา
รายวิชา/หัวเรอื่ ง ตัวช้ีวัดและเนื้อหา ใหน้ ามาจากรายละเอียดคาอธิบายรายวิชาทีไ่ ดก้ าหนดไว้

2) การจัดกระบวนการเรียนรู้
การจดั กระบวนการเรียนรู้ ตามหลักสตู รการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาขั้นพื้นฐาน พทุ ธศักราช

2551 มุ่งพัฒนาผู้เรียนสู่ความเป็นคน “คิดเป็น” โดยเน้นพัฒนาทักษะการแสวงหาความรู้ ประยุกต์ใช้ความรู้ และ
สร้างองค์ความรู้สาหรับตนเอง ชุมชน และสังคม จึงกาหนดรูปแบบการจัดกระบวนการเรียนรู้ กศน. หรือ ONIE
MODEL ซึง่ เป็นกระบวนการจดั การเรียนรู้ท่ีจัดขึ้นอย่างเป็นระบบตามปรัชญา “คิดเป็น” ประกอบด้วย 4 ขั้นตอน
ซึ่งสถานศึกษาต้องสร้างความเข้าใจกับครู กรรมการสถานศึกษา ตัวแทนนักศึกษา โดยการอบรมบุคลากรดังกล่าว
ให้เป็นแกนนาก่อน เพ่ือจัดทาแผนการเรียนรู้แบบบูรณาการท่ีสถานศึกษาจะไปทากับผู้เรียน แกนนาเหล่านั้นจะ
สามารถเป็นวทิ ยากรชว่ ยเหลือครใู นแต่ละกลุ่มได้เป็นอย่างดี ทาใหส้ ามารถทาแผนได้อยา่ งรวดเรว็ โดยมขี ั้นตอนดงั นี้

(1) ขั้นกาหนดสภาพ ปัญหา ความตอ้ งการในการเรียนรู้ (O : Orientation)
(2) ขั้นแสวงหาข้อมูลและจัดการเรียนรู้ (N : New ways of learning)
(3) ข้นั ปฏิบัตแิ ละนาไปประยุกตใ์ ช้ (I : implementation)
(4) ขัน้ ประเมินผลการเรียนรู้ (E : Evaluation)

49

ข้นั ที่ 1 กาหนดสภาพ ปญั หา ความตอ้ งการในการเรียนรู้ (O : Orientation)
เป็นการเรียนรูจ้ ากสภาพ ปัญหา หรอื ความต้องการของผู้เรียน และชุมชน สังคม โดยให้

เชอื่ มโยงกบั ประสบการณเ์ ดิม และสอดคล้องกบั มาตรฐานการเรียนร้ขู องหลักสตู ร
ขั้นตอนการเรียนรู้
-ครูและผู้เรียนร่วมกันกาหนดสภาพ ปัญหา ความต้องการในการเรียนรู้ ซ่ึงอาจจะได้มา

จากสถานการณใ์ นขณะนน้ั หรอื เปน็ เร่อื งที่เกดิ ข้นึ ในชีวติ จริง หรอื เป็นประเด็นที่กาลังขัดแย้ง และกาลังอยู่ในความ
สนใจของชมุ ชน ซง่ึ จะช่วยกระตนุ้ ใหผ้ ู้เรียนกระตอื รือร้นทคี่ ิดจะหาทางออกของปัญหา หรือความตอ้ งการน้นั ๆ

-ทาความเข้าใจกับสภาพ ปัญหา ความต้องการในส่ิงที่ต้องการเรียนรู้ โดยดึงความรู้และ
ประสบการณ์เดิมของผู้เรียน เน้นการมีส่วนร่วม มีการแลกเปล่ียนเรียนรู้สะท้อนความคิดและอภิปรายโดยให้
เชื่อมโยงกบั ความรู้ใหม่

-วางแผนการเรยี นรูท้ เี่ หมาะสม โดยกิจกรรมการเรียนรู้ที่กาหนดสามารถเห็นแนวทางใน
การคน้ พบความรูห้ รือคาตอบไดด้ ว้ ยตนเอง

ข้ันที่ 2 ขัน้ แสวงหาขอ้ มูลและจัดการเรียนรู้ (N : New ways of learning)
การแสวงหาข้อมูลและจัดการเรียนรู้ โดยศึกษา ค้นคว้าหาความรู้ และรวบรวมข้อมูล

ของตนเอง ขอ้ มลู ของชมุ ชน สงั คม และข้อมลู ทางวิชาการ จากส่อื และแหล่งความรู้ท่ีหลากหลาย มีการระดมความ
คดิ เห็น วเิ คราะห์ สังเคราะห์ขอ้ มลู และสรุปเปน็ องคค์ วามรู้

ขั้นตอนการเรยี นรู้
-ผู้เรียนแสวงหาความรู้ตามแผนการเรียนรู้ท่ีกาหนดไว้ โดยการเรียนรู้ด้วยตนเอง การ
เรียนรผู้ า่ นประสบการณ์ กระบวนการกล่มุ ศกึ ษาจากผ้รู /ู้ ภมู ปิ ัญญา และวธิ ีอ่นื ๆ ที่เหมาะสม
-ครูและผู้เรียนร่วมกันแลกเปล่ียนเรียนรู้ และสรุปความรู้เบื้องต้น โดยใช้คาถาม
ปลายเปิดในการชวนคิด ชวนคุย เป็นเครื่องมือ ด้วยกระบวนการระดมสมอง สพท้อนความคิดและอภิปราย ซ่ึงจะ
ได้ความรู้ใหม่ ๆ เพ่อื ใช้ปฏิบตั แิ ละนาไปประยกุ ตใ์ ช้
-ผู้เรยี นนาความรู้ที่ได้ไปตรวจสอบความถูกต้อง เพอ่ื ประเมินความเป็นไปได้โดยวิธีต่าง ๆ
เช่น การทดลอง การทดสอบ การตรวจสอบกบั ผรู้ ู้
ขั้นที่ 3 การปฏิบัตแิ ละนาไปประยุกตใ์ ช้ (I : implementation)
นาความรทู้ ่ไี ด้ปฏบิ ัติและประยุกตใ์ ชใ้ ห้สอดคล้องกบั สถานการณ์ เหมาะสมกับวัฒนธรรม
และสังคม
ข้ันตอนการเรียนรู้
-ผู้เรียนนาความรไู้ ปปฏบิ ตั ิใหส้ อดคลอ้ งกับวิถีชีวิต โดยสังเกตปรากฏการณ์ จดบันทึกผล
การนาไปใช้
-ปฏิบัติการแก้ไขขอ้ บกพรอ่ ง สรปุ จัดทารายงานและรวบรวมไว้ในแฟม้ สะสมงาน

50

ขน้ั ท่ี 4 การประเมินผลการเรียนรู้ (E : Evaluation)
ประเมิน ทบทวน แก้ไขข้อบกพร่อง ผลจากการนาความรู้ไปประยุกต์ใช้แล้วสรุปเป็น

ความรู้ใหม่ พร้อมกับเผยแพร่ผลงาน
ขัน้ ตอนการเรียนรู้
-ครูและผู้เรียนนาแฟ้มสะสมงาน และผลงานท่ีได้จากการปฏิบัติมาสรุปเป็นองค์ความรู้

ใช้เป็นสารสนเทศ เพื่อนาเสนอต่อสาธารณชน โดยประเมินคุณภาพการเรียนรู้ ได้แก่ ประเมินผลการเรียนรู้
กระบวนการปฏิบตั งิ าน แหล่งเรยี นรู้ และสารสนเทศทนี่ ามาใช้

-ครแู ละผู้เรยี นร่วมกนั สร้างเกณฑก์ ารประเมนิ คุณภาพการเรียนรู้
-ครู ผู้เรียน และผู้เกี่ยวข้องร่วมกันประเมิน พัฒนาการเรียนรู้ให้เป็นไปตามเกณฑ์
คุณภาพการเรียนรู้
ทั้ง 4 ข้ันตอนข้างต้น เป็นวงจรของกระบวนการเรียนรู้ ตามปรัชญาคิดเป็น ซึ่ง
สถานศกึ ษาสามารถนาหลักการ การจัดกระบวนการเรียนรู้ทั้ง 4 ข้ันตอน ใช้เป็นหลักในการจัดแผนการเรียนรู้โดย
ปรบั ใชข้ น้ั ตอนการเรียนรู้ไดอ้ ย่างเหมาะสมตามสภาพของรายวิชา หรือเง่ือนไขอ่นื ๆ ตามความตอ้ งการของผเู้ รียน
3) สอ่ื อปุ กรณ์และแหลง่ เรยี นรู้
สอื่ และแหลง่ เรียนรู้จะชว่ ยให้การจดั กระบวนการเรยี นรมู้ ปี ระสิทธภิ าพ การที่จะใช้สื่อใดนนั้ ขึน้ อยู่
กบั การจดั กระบวนการเรียนรู้ วา่ มสี ่ืออะไรบ้างทเี่ ก่ยี วขอ้ งทนี่ ามาใชใ้ นการเรียนรู้ เช่น เอกสารหนังสือ ตารา ใบงาน
ใบความรู้ แบบทดสอบ สอ่ื สง่ิ ของ ส่ือบุคคล สื่อสถานที่ เปน็ ต้น
4) การวัดและประเมินผล
การวัดและประเมนิ ผล ตามหลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศึกษาข้ันพ้นื ฐาน พุทธศักราช
2551 น้ี เน้นการวัดและประเมินจากสภาพจริง เช่น การสังเกต การฝึกปฏิบัติ การพิจารณาจากผลงาน ท้ังน้ี ต้อง
ใหบ้ รรลุตวั ช้วี ัดท่กี าหนดไวใ้ นแต่ละรายวชิ า
ตัวอย่างแผนการเรียนรู้รายภาคเรียน ตัวอย่างแผนการเรียนรู้รายสัปดาห์ และตัวอย่างใบกิจกรรม
(สานกั งานส่งเสรมิ การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย, ม.ป.ป. : 87-96) ดงั น้ี

51

ตัวอยา่ งแผนการเรียนรู้รายภาคเรยี น

วิชา วิทยาศาสตร์ (พว21001) สาระความรู้พื้นฐาน

ระดับมัธยมศึกษาตอนตน้ ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2556

ครั้ง วัน เดอื น ปี ตวั ชวี้ ดั เนอื้ หา กิจกรรม การ จานวน

ที่ ประเมนิ ผล ช่วั โมง

1 3 พ.ย.56 1.อธิบายรายละเอียด ปฐมนิเทศ -เกมแนะนาตวั 1.การสงั เกต 3

คาอธิบายรายวชิ า 1.แนะนาครูผ้สู อน -ศึกษา 2.การตอบ

วทิ ยาศาสตร์และ 2.แนะนาผ้เู รียน ใบความรู้ คาถาม

วิทยาศาสตร์เพ่ือชีวติ 3.รายละเอยี ดหลกั สตู ร -อภิปรายกลุ่ม 3.แบบทดสอบ

2.บอกเกณฑก์ ารวดั ผล รายวิชา พว21001

ประเมินผล และ พว03011

3.อธบิ ายแผนการเรียน 4.การเรยี นการสอน

การสอน 5.การวัดผลประเมินผล

6.การวิเคราะห์เนอื้ หา

วชิ าและการวางแผน

การเรยี นการสอน

2 10 พ.ย.56 1.อธิบายธรรมชาติ กระบวนการทาง 1.ศึกษาใบ 1.การสังเกต 9

และความสาคญั ของ วิทยาศาสตร์และ ความรู้ 2.การนาเสนอ

วทิ ยาศาสตร์และ ความสาคญั ของ 2.อภปิ รายกล่มุ ของกลุ่ม

เทคโนโลยี เทคโนโลยีตอ่ ชวี ติ 3.ทดลอง 3.แบบทดสอบ

2.อธิบายกระบวนการ และสังคม 4.ศึกษาด้วย 4.รายงาน

ทางวิทยาศาสตร์ วิธี ตนเอง

การทางวทิ ยาศาสตร์

ทกั ษะกระบวนการ

ทางวทิ ยาศาสตร์

และเจตคติทาง

วทิ ยาศาสตร์

3.อธบิ ายการนา

กระบวนการทาง

วิทยาศาสตร์ไปใช้

แกป้ ญั หาต่าง ๆ

52

ตวั อยา่ งแผนการเรยี นรรู้ ายภาคเรยี น

วชิ า วทิ ยาศาสตร์ (พว21001) สาระความรู้พื้นฐาน

ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2556

ครั้ง วัน เดอื น ปี ตวั ช้วี ดั เน้อื หา กจิ กรรม การ จานวน

ที่ ประเมินผล ช่วั โมง

2 4.อธบิ ายความหมายความสาคญั

(ตอ่ ) ความสัมพันธข์ อง เทคโนโลยีตอ่

ชีวิตและสงั คม

5.อธิบายการนาความรแู้ ละเลอื ก

ใชเ้ ทคโนโลยไี ดอ้ ยา่ งเหมาะสม

6.อธิบายการเลอื กใชว้ สั ดุอุปกรณ์

ทางวทิ ยาศาสตร์ได้อยา่ งถูกตอ้ ง

และเหมาะสม

3 17 พ.ย.56 1.อธบิ ายประเภทและประโยชน์ โครงงาน 1.ศกึ ษา 1.การสังเกต 3

ของโครงงาน วทิ ยาศาสตร์ ใบความรู้ 2.การนาเสนอ

2.อธิบายขน้ั ตอนการทาโครงงาน 2.อภิปรายกลมุ่ 3.แบบฝึกหดั

3.อธบิ ายการนาความรู้เก่ยี วกับ 3.ฝึกปฏิบัติ 4.โครงงาน

กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ 4.ศึกษาดว้ ยตนเอง

และโครงงานไปใช้ในชวี ติ ประจาวนั

4 - 17 ................ ............................................... ................ ........................ ..................... ...........

18 2 ม.ี ค.57 1.อธบิ ายความหมายและแยก สมนุ ไพร 1.ศกึ ษา 1.การสงั เกต 3

ประเภทของสมุนไพร ใกล้ตวั ใบความรู้ 2.การนาเสนอ

2.บอกประโยชน์ของสมนุ ไพร 2.อภปิ รายกลุ่ม 3.แบบทดสอบ

ด้านต่าง ๆ 3. ศกึ ษาด้วยตนเอง

3.อธบิ ายวธิ กี ารนาสมุนไพรมาใช้

ประโยชน์

4.อธิบายลกั ษณะคณุ สมบตั แิ ละ

วธิ ีปลกู พชื สมนุ ไพรรอบบ้าน

19 ปัจฉมิ นเิ ทศ

20 สอบปลายภาค

53

ตัวอย่างแผนการเรียนรรู้ ายสัปดาห์
แผนการจดั การเรยี นการสอนท่ี 1
วชิ า วทิ ยาศาสตร์ (พว21001) ระดับมัธยมศึกษาตอนตน้
วนั ที่ 10 เดอื น พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 จานวน 3 ชวั่ โมง
เรอื่ ง กระบวนการทางวิทยาศาสตรแ์ ละความสาคญั ของเทคโนโลยีตอ่ ชวี ติ และสังคม

1. เนอ้ื หา
1.1 กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
1) ความหมายและความสาคญั ของวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
2) กระบวนการทางวิทยาศาสตร์
(1) วธิ กี ารทางวิทยาศาสตร์
(2) ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
1.2 ความสาคัญของเทคโนโลยตี อ่ ชวี ิตและสังคม
1) ความหมาย และความสมั พนั ธข์ องวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยตี อ่ ชีวิตและสังคม
2) ความกา้ วหน้าของเทคโนโลยใี นปจั จุบนั
3) เทคโนโลยกี ับการประกอบอาชีพ และการนาเทคโนโลยีไปใชใ้ นชวี ติ
4) วัสดุ และอปุ กรณท์ างวทิ ยาศาสตร์

2. ตวั ช้ีวัด
2.1 อธิบายธรรมชาติและความสาคัญของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
2.2 อธิบายกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ วิธีการทางวิทยาศาสตร์และทักษะกระบวนการทาง

วทิ ยาศาสตร์
2.3 อธบิ ายการนากระบวนการทางวิทยาศาสตรไ์ ปใช้แก้ปญั หาต่าง ๆ
2.4 อธิบายความหมาย ความสาคัญ และความสัมพันธ์ของเทคโนโลยตี อ่ ชวี ติ และสงั คม
2.5 บอกวธิ ีเลอื กใช้เทคโนโลยไี ดอ้ ย่างเหมาะสม
2.6 อธิบายวธิ กี ารเลือกใชว้ สั ดุ และอปุ กรณท์ างวิทยาศาสตร์ไดอ้ ยา่ งถูกต้องและเหมาะสม

3. กิจกรรมการเรยี นการสอน
3.1 ขัน้ นาเขา้ สู่บทเรียน
ครูสนทนากับผู้เรียนให้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีและส่ิงอานวยความสะดวกใน

ชีวิตประจาวัน เชน่ การใช้อินเทอรเ์ นต็ โทรศัพทม์ ือถือ เทคโนโลยดี ้านการแพทย์ และเทคโนโลยีด้านอวกาศ เปน็ ตน้
3.2 ข้นั การจัดกจิ กรรมการเรียนการสอน
1) ครูใหผ้ ูเ้ รยี นทาแบบทดสอบก่อนเรียนเรื่อง กระบวนการทางวิทยาศาสตร์

54

2) ครใู หผ้ ู้เรียนแบ่งกลุ่ม ๆ ละ 3-5 คน ศกึ ษาความรู้เรื่อง ทักษะทางวทิ ยาศาสตร์และกระบวนการ
ทางวิทยาศาสตรจ์ ากหนังสอื เรียนวิชาวทิ ยาศาสตร์ (พว21001) ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนต้น หน้า 9-20 แล้วอภิปราย
สรุปตามประเด็นในใบกิจกรรมที่ 1 เรื่องทักษะทางวิทยาศาสตร์และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และตัวแทน
ผู้เรียนแต่ละกลมุ่ นาเสนอผลการทาใบกจิ กรรมท่ี 1

3) ครูให้ผู้เรียนทาแบบทดสอบทักษะวิทยาศาสตร์ และกิจกรรมที่ 1 กระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์ หนงั สอื เรยี นวิชาวทิ ยาศาสตร์ (พว21001) ระดับมัธยมศึกษาตอนตน้ หนา้ 21-22

4) ครูสนทนากับผ้เู รยี นเกย่ี วกบั ความสาคญั ของวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยตี ่อชวี ิตและสงั คม
5) แบ่งกลุ่มผู้เรียนกลุ่มละ 3-5 คน ให้ศึกษาความรู้เรื่องเทคโนโลยี จากหนังสือเรียนวิชา
วิทยาศาสตร์ (พว21001) ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น หน้า 23-31 และตัวแทนผู้เรียนแต่ละกลุ่มนาเสนอผลการทา
ใบกจิ กรรมที่ 2
3.3 ขนั้ สรุป
ผู้เรียนและครูร่วมกันสรุปเร่ืองกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์และ
ความสาคัญของเทคโนโลยีต่อชีวิตและสังคม ผู้เรียนทาแบบทดสอบหลังเรียนเร่ือง กระบวนการทางวิทยาศาสตร์
ครูและผู้เรียนร่วมกันเฉลยแบบทดสอบ และมอบหมายให้ผู้เรียนไปศึกษาด้วยตนเองโดยการเขียนสรุปย่อเน้ือหา
เรื่องทักษะทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ จากหนังสือเรียนสาระทักษะความรู้พื้นฐานรายวิชา
วทิ ยาศาสตร์ (พว21001) ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนต้น ส่งครใู นการพบกลมุ่ ครงั้ ต่อไป
4. สอื่ อปุ กรณ์และแหล่งเรียนรู้
4.1 หนังสือเรียนสาระทักษะความรพู้ ื้นฐานรายวิชาวทิ ยาศาสตร์ (พว21001) ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนต้น
4.2 ใบกจิ กรรมที่ 1
4.3 เมลด็ ถั่ว ถว้ ยพลาสติก กระดาษทิชชู น้า กระดาษสดี า
4.4 แบบทดสอบก่อนเรยี นและหลังเรยี น
5. การวดั และประเมนิ ผล
5.1 การซกั ถาม
5.2 การสังเกต
5.3 แบบทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียน

55

ตัวอย่างใบกิจกรรมท่ี 1
เร่ือง กระบวนการทางวิทยาศาสตร์
ใชป้ ระกอบแผนการจดั การเรียนการสอนท่ี 2
วชิ า วทิ ยาศาสตร์ (พว21001) ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น

คาช้ีแจง
ให้ผู้เรียนรวมกลุ่ม กลุ่มละ 3-5 คน ศึกษาความรู้เร่ือง ทักษะทางวิทยาศาสตร์และกระบวนการทาง

วิทยาศาสตร์จากหนังสือเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ (พว21001) ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น หน้า 9-20 และช่วยกัน
อภปิ รายในหวั ขอ้ ตอ่ ไปน้ี แลว้ สง่ ตัวแทนนาเสนอตอ่ กลุ่มใหญ่

1. นักวิทยาศาสตร์ค้นพบความรู้ต่าง ๆ และนามาประดิษฐ์เครื่องใช้เพื่ออานวยความสะดวกในการ
ดารงชีวิตของมนุษยไ์ ดอ้ ย่างไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2. การสังเกตเป็นประโยชน์ต่องานด้านวิทยาศาสตรเ์ พยี งอยา่ งเดียวหรอื ไม่ เราสามารถนาไปใช้ประโยชน์
ในชีวิตประจาวันไดห้ รอื ไม่อย่างไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

3. ผเู้ รียนท่ีมจี ิตวิทยาศาสตร์ควรมีคณุ ลกั ษณะอย่างไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

4. ผูเ้ รยี นจะใช้วิธกี ารทางวิทยาศาสตร์ในการแกป้ ญั หาในชวี ิตประจาวนั อย่างไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

56

ตอนที่ 6 บริบทศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอ

6.1 บทบาทหน้าท่ีของศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาเภอ
ตามประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เร่ืองการกาหนดอานาจหน้าท่ีของสถานศึกษา อาศัยอานาจตาม

ความในมาตรา 18 วรรค 3 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย พ.ศ. 2551
โดยศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอ/เขต มีอานาจหน้าท่ี (สานักงานเลขาธิการ
คณะรฐั มนตร,ี 2551 : 2-3) ดังตอ่ ไปน้ี

1) จดั การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั
2) ส่งเสริม สนับสนุน และประสานภาคีเครือข่าย เพ่ือการจัดการศึกษานอกระบบและ การศึกษา
ตามอธั ยาศัย
3) ดาเนินการตามนโยบายพเิ ศษของรัฐบาลและงานเสรมิ สรา้ งความมนั่ คงของชาติ
4) จดั ส่งเสริม สนับสนนุ และประสานงานการจัดการศึกษาตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดาริ
ในพ้นื ที่
5) จดั ส่งเสรมิ สนบั สนนุ พัฒนาแหลง่ เรยี นรู้และภมู ิปญั ญาท้องถิ่น
6) วิจยั และพฒั นาคณุ ภาพหลกั สตู ร สอื่ กระบวนการเรยี นรู้ และมาตรฐานการศกึ ษานอกระบบ
7) ดาเนนิ การเทยี บโอนผลการเรียน การเทยี บโอนความรแู้ ลประสบการณ์
8) กากบั ดูแล ตรวจสอบ นิเทศภายใน ติดตามประเมินผลและรายงานผลการดาเนินงานการศึกษา
นอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั
9) พฒั นาครูและบุคลากรทางการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย
10) ระดมทรัพยากรเพ่ือใชใ้ นการจดั และพฒั นาการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย
11) ดาเนนิ การประกนั คุณภาพภายในให้สอดคล้องกบั ระบบ หลักเกณฑ์และวิธีการทกี่ าหนด
12) ปฏิบตั งิ านอื่น ๆ ตามทีไ่ ด้รบั มอบหมาย

57

สานักงานส่งเสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั ไดก้ าหนดโครงสรา้ งศูนย์การศึกษา
นอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย (กศน.อาเภอ/เขต) ดังแสดงในแผนภูมิท่ี 1 ดงั น้ี

ผูบ้ รหิ ารสถานศึกษา

รองผอู้ านวยการ คณะกรรมการสถานศกึ ษา

กล่มุ อานวยการ กลุม่ การจดั การศกึ ษานอกระบบ กลมุ่ ประสานภาคีเครือขา่ ย
และการศกึ ษาตามอัธยาศัย และกจิ การพเิ ศษ
1. งานธรุ การและสารบรรณ
2. งานการเงินและบญั ชี 1. งานสง่ เสรมิ การร้หู นังสือ 1. สง่ เสรมิ สนบั สนุนภาคีเครอื ขา่ ย
3. งานงบประมาณและระดม 2. งานการศึกษาขน้ั พืน้ ฐานนอกระบบ 2. งานกจิ การพเิ ศษ
3. งาน ปวช. กศน. 3. งานปอ้ งกนั แกไ้ ขปัญหายาเสพตดิ /
ทรพั ยากร 4. งานการศกึ ษาตอ่ เนื่อง
4. งานพัสดุ 5. งานการศกึ ษาเพอื่ พัฒนาอาชีพ โรคเอดส์
5. งานบคุ ลากร 6. งานการศึกษาเพอ่ื พฒั นาทกั ษะชวี ิต 4. งานสง่ เสริมกิจกรรมประชาธปิ ไตย
6. งานอาคารสถานทแ่ี ละ 7. งานการศึกษาเพอื่ พฒั นาสังคมและชมุ ชน 5. งานสนับสนุนส่งเสริมนโยบาย
8. งานการศกึ ษาตามอัธยาศัย
ยานพาหนะ 9. งานหอ้ งสมดุ ประชาชน จงั หวดั /อาเภอ
7. งานแผนงานและโครงการ 10. งานจัดและพัฒนาแหล่งเรยี น และ 6. งานกจิ การลกู เสือ ยวุ กาชาด
8. งานประชาสัมพนั ธ์ 7. งานกองทุนกู้ยมื เพ่อื การศึกษา
9. งานสวัสดกิ าร ภูมปิ ัญญาทอ้ งถิน่
10. งานข้อมลู สารสนเทศและ 11. งานจัดและพฒั นาศนู ยก์ ารเรยี นชมุ ชน
12. งานการศกึ ษาเคลื่อนที่
การรายงาน 13. งานการศกึ ษาทางส่ือสารมวลชล
11. ศนู ย์ราชการใสสะอาด 14. งานพัฒนาหลักสูตร สื่อนวัตกรรมและ
12. งานควบคุมภายใน
13. งานนเิ ทศ ติดตาม และ เทคโนโลยที างการศึกษา
15. งานทะเบียนและวดั ผล
ประเมินผล 16. งานศนู ยบ์ ริการใหค้ าปรึกษาแนะแนว
14. งานเลขานกุ ารคณะกรรมการ 17. งานกิจการนักศกึ ษา
*18. งานการศึกษาตามหลกั ปรชั ญา
สถานศกึ ษา
15. งานประกนั คณุ ภาพ ของเศรษฐกจิ พอเพียง
*19. งานเทียบระดบั การศึกษา
ภายในสถานศึกษา *20. ศนู ยใ์ หค้ าปรกึ ษา (Advice center)
*21. งานวจิ ยั และพฒั นาคุณภาพ

การจัดการเรียนการสอน

แผนภมู ทิ ่ี 2 โครงสร้างการบริหารงานศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอ
ท่มี า : ปรบั ปรุงจากสานกั งานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั (2551)

58

6.2 การดาเนนิ งาน กศน.ตาบล

การบรหิ ารจัดการ มีแนวทางในการดาเนินงาน ดงั นี้
1) ด้านอาคารสถานที่ ปรบั ปรุงอาคารสถานทที่ ั้งภายใน และภายนอกใหม้ ีความพร้อมในการให้

บริการให้มีความสะอาด ร่มรื่น สวยงาม ปลอดภัย เหมาะสม และมีบรรยากาศเอื้อต่อการส่งเสริมการจัดกิจกรรม
การเรียนรู้

2) ดา้ นวัสดุ ครุภณั ฑ์ จดั หา วสั ดุและครภุ ณั ฑ์ พ้ืนฐานเพอื่ การเรียนรทู้ ที่ ันสมัย เพียงพอกับความ
ต้องการ เช่น คอมพิวเตอร์สาหรับบริการสืบค้นข้อมูล โปรเจคเตอร์ เคร่ืองเล่นดีวีดี อุปกรณ์รับสัญญาณดาวเทียม
วทิ ยุ ฯลฯ และดูแล บารุงรักษาวัสดุและครภุ ณั ฑใ์ ห้อย่ใู นสภาพทพ่ี รอ้ มใชง้ าน

3) ดา้ นสอื่ การเรียนรู้ จดั หาสื่อการเรยี นรู้ประเภทต่าง ๆ ทัง้ สอื่ เอกสารสิ่งพิมพ์ และส่อื อเิ ลก็ ทรอนิกส์
4) ด้านบคุ ลากร ประกอบดว้ ย

หวั หนา้ กศน. ตาบล ดาเนินการส่งเสรมิ สนบั สนนุ และประสานการทางานกบั ครู ศรช. ชมุ ชน
และภาคีเครือข่าย ปฏิบัติหน้าที่ประจา ในพ้ืนที่ กศน. ตาบล ท่ีรับผิดชอบได้รับการอบรมพัฒนาอย่างเป็นระบบ
และตอ่ เน่ืองตามแผนที่ อาเภอหรือจังหวดั กาหนด

ครู กศน. จัดกิจกรรม กศน. ในหมู่บ้าน/ชุมชน ที่รับผิดชอบ ประสานการทางานร่วมกับ
หัวหน้า กศน.ตาบล ชมุ ชนและภาคีเครอื ขา่ ย

คณะกรรมการ กศน. ตาบล ดาเนินการสรรหา คณะกรรมการ กศนตาบล ตามหลักเกณฑ์ที่
สานักงาน กศน. กาหนด สร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่คณะกรรมการ กศน. ตาบล เกี่ยวกับการดาเนินงาน กศน.
ตาบล เสริมสร้างแรงจูงใจและความพร้อมในการเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรม กศน. ตาบล. ทาหน้าท่ีเป็น
เลขานุการ ในการจดั ประชุมคณะกรรมการ กศน. ตาบล

อาสาสมัคร กศน. ตาบล ดาเนนิ การสรรหาและเสรมิ สร้างแรงจูงใจ ในการเข้ามามีส่วนร่วม
ในการจดั กจิ กรรม กศน. ตาบล

ภาคีเครือข่าย แสวงหา รวบรวมและจัดทาทาเนียบภาคีเครือข่ายในระดับตาบล สร้างความ
เข้าใจให้แก่ภาคีเครือข่ายเกี่ยวกับการดาเนินงาน กศน.ตาบล เสริมสร้างแรงจูงใจและความพร้อมในการเข้ามามี
สว่ นรว่ มในการจัดกิจกรรม กศน.ตาบล

กศน.ตาบล มีบทบาทสาคัญในการจัดและส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตของประชาชน และ
สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ในชุมชน โดยมีหัวหน้า กศน.ตาบล เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนและมีหน่วยงานท่ี
เกี่ยวข้องทาหน้าที่สง่ เสรมิ และสนับสนุนการดาเนนิ งาน กศน.ตาบล ดังนี้

6.2.1 บทบาทหนา้ ที่ของหัวหน้า กศน. ตาบล
1) การวางแผนจัดทาฐานข้อมูลชุมชน จัดทาแผนพัฒนา กศน. ตาบล และจัดทาแผนปฏิบัติ

การประจาปี
2) การจดั และสง่ เสริมการศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัย

59

-จัดและส่งเสริมการศึกษานอกระบบ ได้แก่ การส่งเสริมการรู้หนังสือการศึกษานอกระบบ
ระดบั การศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน และการศึกษาตอ่ เนอ่ื ง

-จัดและส่งเสริมการศึกษาตามอัธยาศัย ได้แก่ ส่งเสริมการอ่าน จัดและพัฒนาแหล่งเรียนรู้
บริการข่าวสารข้อมูล และส่ือท่ีหลากหลาย จัดและส่งเสริมกิจกรรมห้องสมุดประชาชนตาบล ห้องสมุดชุมชน มุม
หนังสือบา้ น

3) สร้างและพัฒนาภาคเี ครอื ขา่ ยการเรียนรใู้ นชุมชน โดยการประสานขอความร่วมมือจากภาคี
เครือข่าย องค์กรชุมชนผู้รู้ ผู้ทรงคุณวุฒิ ตลอดจนภูมิปัญญาท้องถ่ิน เพื่อร่วมเป็นอาสาสมัคร กศน. อาสาสมัคร
ส่งเสรมิ การอา่ น เปน็ ต้น

4) ประชาสัมพันธ์และเผยแพร่แผนงาน โครงการ กิจกรรมและผลการดาเนินงานของ กศน. ตาบล
ในรูปแบบตา่ ง ๆ

5) รายงานผลการปฏิบัติงาน รายงานข้อมูลที่เก่ียวข้องตามแบบรายงานและระยะเวลาท่ีกาหนด
และรายงานผลการปฏิบัตงิ านประจาปขี อง กศน. ตาบล

6.2.2 บทบาทหนา้ ทข่ี องกศน. อาเภอ/เขต ทม่ี ีตอ่ กศน. ตาบล
1) สรา้ งความรูค้ วามเขา้ ใจเก่ียวกับนโยบายจดุ เนน้ ของ สานักงาน กศน.
2) สนับสนนุ งบประมาณตามแผนปฏิบตั งิ านประจาปี ของ กศน. ตาบล
3) จดั ซื้อ จัดหาสอื่ วสั ดุ อปุ กรณ์ ที่จาเปน็ ต่อการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้และการใหบ้ รกิ าร
4) พัฒนาหัวหน้า กศน. ตาบล อาสาสมัคร กศน. ตาบล และคณะกรรมการ กศน. ตาบล
5) ประสานภาคเี ครอื ข่ายเข้าร่วมจดั กิจกรรมระดบั ตาบล
6) ร่วมกบั กศน. ตาบล จดั กจิ กรรมการเรยี นรู้
7) จดั และพัฒนาระบบงานธุรการของ กศน. ตาบล
8) นเิ ทศ ตดิ ตามและประเมนิ ผลการดาเนนิ งาน กศน. ตาบล
9) สรปุ วิเคราะห์ ผลการดาเนนิ งาน กศน. ตาบล ในระดับอาเภอ รายงานสานกั งาน กศน.
10) เสริมสร้างแรงจงู ใจในการปฏิบตั ิงานในรปู แบบตา่ ง ๆ

6.2.3 บทบาทหน้าทีข่ องสานกั งาน กศน. จังหวัด/กทม. ทีม่ ตี อ่ กศน. ตาบล
1) ชแี้ จงนโยบายจดุ เนน้ การดาเนนิ งาน
2) สนับสนนุ งบประมาณตามแผนปฏิบตั ิงานประจาปี ของ กศน. ตาบล
3) พฒั นาหวั หนา้ กศน. ตาบล อาสาสมคั ร กศน. ตาบล และคณะกรรมการ กศน. ตาบล
4) ประสานภาคเี ครอื ข่ายระดบั จงั หวัดเขา้ ร่วมจดั กิจกรรมระดับตาบล
5) จดั และพัฒนาระบบงานธรุ การของ กศน. ตาบล
6) กากับ ติดตามและประเมนิ ผลการดาเนนิ งาน กศน. ตาบล
7) เสรมิ สร้างแรงจงู ใจในการปฏบิ ตั ิงาน ในรปู แบบต่าง ๆ

60

6.2.4 บทบาทหน้าทขี่ องสถาบนั กศน. ภาค ทม่ี ตี ่อ กศน. ตาบล
1) สนับสนุนสอื่ การเรยี นรู้
2) ร่วมพฒั นาหลกั สูตรการจดั การศึกษานอกระบบ
3) จัดเวทแี สดงผลงานทางวชิ าการระดับภาค
4) ร่วมพฒั นาครู กศน. ตาบล
5) วจิ ยั เพ่ือการพัฒนาการดาเนนิ งาน กศน. ตาบล

ตอนท่ี 7 งานวจิ ยั ทเี่ กย่ี วขอ้ ง

กอบแก้ว จริงจิตร (2546 : บทคัดย่อ) ได้ทาการวิจัยเรื่อง การจัดทาแผนการเรียนรู้ของศูนย์บริการ
การศึกษานอกโรงเรียนอาเภอในพ้ืนที่นาร่อง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพและปัญหาการจัดทาแผนการ
เรียนรู้ของศนู ย์การศึกษานอกโรงเรียนอาเภอในพ้นื ทีน่ าร่อง ผลการวิจัยพบว่า 1) การศึกษาและวิเคราะห์หลักสูตร
ขั้นเตรียมการ ครูประจากลุ่มได้ศึกษาหลักสูตรและจัดหาเอกสารตามขอบข่ายเน้ือหาแต่ละหมวดวิชา ชุมชน
สนับสนนุ ข้อมูลท้องถิ่นที่จาเป็นในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ผู้มีส่วนร่วมในการวิเคราะห์หลักสูตร คือ ครูประจากลุ่ม
ในการวิเคราะห์หลักสูตรครูประจากลุ่มศึกษาวิธีการจัดการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับเน้ือหา 2) การสารวจและ
วิเคราะห์สภาพปัญหาและความต้องการของผู้เรียน มีการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาแหล่งเรียนรู้ด้วยตนเอง
เคร่อื งมอื ทีใ่ ช้ในการเก็บขอ้ มูล ใช้การเขียนประวัติส่วนตัวตามหัวข้อที่กาหนด ช่วงเวลาในการเก็บข้อมูล เก็บวันพบกลุ่ม
วันแรก การดาเนินการเก่ียวกับข้อมูลของผู้เรียน ศึกษาเก่ียวกับข้อมูลผู้เรียน 3) เรื่องท่ีครูประจากลุ่มร่วมกัน
วางแผนจัดการเรียนรู้ คือ จุดประสงค์ของหลักสูตรและเนื้อหาวิชา ผู้มีส่วนร่วมการวางแผน ได้แก่ ผู้เรียน และ
ผบู้ ริหาร เรื่องที่ครูประจากลุ่มวางแผนการเรียนรู้ คือ ร่วมวางแผนวิธีการเรียนรู้ การกาหนดวิธีการเรียนรู้ระหว่าง
ครูประจากลุ่มกับผู้เรียน ได้กาหนดเนื้อหาที่สามารถส่งเสริมกระบวนการคิด การตัดสินใจ การแก้ปัญหา และ
แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ร่วมกันวางแผนโดยใช้วิธีการเรียนรู้เป็นกลุ่ม 4) การจัดทาแผนกิจกรรมการเรียนรู้ของ
ศนู ยบ์ รกิ ารการศกึ ษานอกโรงเรยี น ได้อานวยความสะดวกในการเตรยี มส่อื ต่าง ๆ แหลง่ เรียนรู้มีการกาหนดใหผ้ ู้เรยี น
ไปศึกษาเพื่อใช้จัดทาแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยตนเอง ศึกษาค้นคว้าในห้องสมุด กิจกรรมท่ีผู้เรียนเ รียนรู้
ด้วยตนเองในการจัดทาแผนการเรียนรู้ คือ การศึกษาจากใบงาน และลงมือปฏิบัติตามใบงาน วิธีการจัดกิจกรรม
การเรียนรู้เป็นกลุ่มใช้วิธีระดมความคิด ส่วนปัญหาของครูประจากลุ่มในการจัดทาแผนการเรียนรู้ คือ ไม่มีคู่มือที่
ชัดเจนเกย่ี วกับการจดั ทาแผนการเรยี นรู้ ผูเ้ รียนไม่ใช่คนในท้องถิ่นจึงไม่สามารถจัดทาแผนการเรียนรู้ ไม่ได้รับการ
สนบั สนุนสือ่ และอุปกรณ์ในการจดั ทาแผนการเรียนรู้ และผแู้ ทนชุมชนไมเ่ ขา้ รว่ มจัดทาแผนการเรียนรู้

61

ธนาภรณ์ พาขนุ ทด (2550 : บทคดั ยอ่ ) ไดท้ าการวจิ ัยเรื่อง การพัฒนาแผนการเรียนรู้โดยใช้โครงงาน กลุ่ม
สาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยีเร่ืองการมัดย้อมผ้า ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 2 โดยมุ่งหวังให้นักเรียนมี
ความรู้ความสามารถ พัฒนาความรู้ ทักษะ เจตคติ เพ่ือคิดเป็น ทาเป็น และแก้ปัญหาเป็น การสอนโดยเน้นผู้เรียน
เปน็ สาคัญ จะช่วยใหน้ ักเรียนค้นพบความรู้ต่าง ๆ โดยการสร้างองค์ความรู้จากการได้ลงมือปฏิบัติกิจกรรม จนเกิด
การเรียนรู้ดว้ ยตนเอง ผลการวิจัยพบว่า แผนการเรียนรู้โดยโครงงาน กลุ่มสาระการงานอาชีพและเทคโนโลยี เรื่อง
การมัดย้อมผ้า ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 2 ที่พัฒนาข้ึนมีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ที่ต้ังไว้ และนักเรียนมีความพึงพอใจ
ต่อการเรยี นรดู้ ้วยแผนการเรียนรู้โดยโครงงานกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยีเร่ืองการมัดย้อมผ้า
ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 2 โดยรวมและรายด้านทุกด้านอยู่ในระดับมาก กล่าวโดยสรุป การจัดกิจกรรมโดยรวมและรายด้าน
ทุกด้านด้วยแผนการเรียนรู้โดยโครงงาน ทาให้นักเรียนได้พัฒนาทักษะในการทางาน รู้จักการวางแผนการทางาน
การทางานร่วมกับผู้อ่ืน การแสวงหาความรู้ และสร้างองค์ความรู้ การคิดสืบค้นความรู้ใหม่ ๆ จากแหล่งเรียนรู้อื่น
ไดด้ ว้ ยตนเอง ซ่งึ ควรสนับสนุนให้ครูนาไปใช้ในการจัดการเรยี นการสอนตอ่ ไป

สุนทร บุญอรัญ (2552 : บทคัดย่อ) ได้ทาการวิจัยเรื่อง การพัฒนาครูด้านการเขียนแผนการเรียนรู้ท่ีเน้น
ผเู้ รยี นเป็นสาคัญ โรงเรียนบ้านหนองกุงใหญ่ สานักงานเขตพื้นที่การศึกษากาฬสินธุ์ เขต 1 โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือ
พัฒนาครูผู้สอนให้มีความรู้ความเข้าใจด้านการเขียนแผนการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ และสามารถเขียน
แผนการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญได้ โดยใช้กระบวนการวิจัยเชิงปฏิบัติการ กลยุทธ์ท่ีใช้ในการพัฒนา
ประกอบด้วย การศึกษาเอกสาร การอบรมเชิงปฏิบัติการ และการนิเทศภายใน ผลการวิจัยพบว่า การพัฒนา
ครผู ้สู อนด้านการเขียนแผนการเรยี นรู้ทเี่ นน้ ผูเ้ รยี นเป็นสาคัญ ตอ้ งอาศัยกระบวนการอบรมเชิงปฏิบัติการ การนิเทศ
ภายใน เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจ และสามารถเขียนแผนการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญได้อย่างถูกต้อง
เหมาะสมกับผเู้ รยี น

โศภิษฐ์ ศรีนวล (2553 : บทคดั ย่อ) ไดท้ าการวิจัยเรอื่ ง การพฒั นาแผนการเรียนรู้ด้านสิ่งแวดล้อมโดยการ
มีส่วนร่วมของชุมชน เน่ืองจากการมีส่วนร่วมของชุมชนและโรงเรียนในการจัดการศึกษาจัดเป็นกลไกหลัก ที่ทาให้
ทุกฝ่ายท่ีเก่ียวข้องกับการจัดการศึกษาในโรงเรียนเกิดความรู้สึกว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของโรงเรียน มีบทบาทใน
การเปน็ เจา้ ของโรงเรยี นด้วยการเข้ามามีสว่ นร่วมในการดาเนินกจิ กรรมตา่ ง ๆ ในโรงเรียนทุกด้าน ถือเป็นการระดม
ทุนทางสติปัญญา ทรัพยากรและแหล่งเรียนรู้ที่มีในชุมชน ผลการวิจัยพบว่า ประสิทธิภาพของแผนการจัดการ
เรียนรดู้ า้ นสงิ่ แวดลอ้ มโดยการมสี ่วนร่วมของชุมชนเป็นไปตามเกณฑ์ท่กี าหนดไว้ กลา่ วโดยสรุป แผนการเรียนรู้ด้าน
สิ่งแวดล้อมโดยการมีส่วนร่วมของชุมชนมีประสิทธิภาพท่ีเหมาะสม สามารถนาไปจัดการเรียนการสอนเรื่อง
สิ่งแวดล้อม เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนและเจตคติต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้กจิ กรรมทจี่ ดั ยังสามารถส่งเสริมให้ผ้เู รยี นมคี วามรู้ มีความเข้าใจเกี่ยวกบั การใชป้ ระโยชน์ของแหล่งเรียนรู้
ในชมุ ชนเพอื่ การเรียนร้สู ่ิงแวดลอ้ มได้เปน็ อย่างดี

62

เขมกร ดวงปูนันท์ (2557 : บทคัดย่อ) ได้ทาการวิจัยเรื่อง การพัฒนาแผนการเรียนรู้แบบโครงงานเรื่อง
สิ่งประดษิ ฐ์จากกระดาษรีไซเคลิ สาหรับนักเรียนชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 6 โดยมวี ัตถปุ ระสงค์เพ่ือพัฒนาแผนการเรียนรู้
แบบโครงงานและเพ่ือศึกษาผลการใช้แผนการเรียนรู้แบบโครงงานเร่ือง ส่ิงประดิษฐ์จากกระดาษรีไซเคิลสาหรับ
นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีท่ี 6 ผลการวิจัยพบว่า แผนการเรียนรู้แบบโครงงานเร่ือง สิ่งประดิษฐ์จากกระดาษ
รีไซเคิลสาหรับนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ 6 จานวน 6 แผน เวลารวมท้ังสิ้น 18 ช่ัวโมง สามารถพัฒนาความรู้
ความสามารถในการเรียนของนักเรียนได้ และนักเรียนมีความรู้ความเข้าใจเรื่องการผลิตกระดาษและการใช้
กระดาษ การเรียนแบบโครงงาน การทาโครงงาน และต้องการท่ีจะเรียนเนื้อหาเพ่ิมเติมเกี่ยวกับการดาษแผ่นใหม่
การย้อมสีและการตกแต่งกระดาษ นักเรียนมีส่วนร่วมในการปฏิบัติกิจกรรม สามารถปฏิบัติกิจกรรมตามขั้นตอน
การทากระดาษได้อย่างถูกต้อง นักเรียนชอบการเรียนรู้แบบโครงงานเพราะมีความสนุกสนานเกิดความภาคภูมิใจ
ในงานประดิษฐ์ นามาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจาวัน ครูใช้ส่ือที่หลากหลายและเหมาะสมกับเน้ือหา
กิจกรรม นักเรียนมีส่วนร่วมในการใช้ส่ือการเรียนการสอนและกิจกรรม สามารถคิดโครงงานส่ิงประดิษฐ์ที่
หลากหลายตามความต้องการของตนเอง และสมาชิกในกลุ่มสามารถนาวัสดุและเศษวัสดุจากท้องถิ่นมาใช้ให้เกิด
ประโยชนไ์ ด้

63

บทท่ี 3
วธิ ีดาเนินการวิจัย

การวิจัยน้ีเป็นการวิจัยการจัดทาแผนการเรียนรู้รายบุคคลหลักสูตรรายวิชาเลือกเสรีของสถานศึกษาใน
ภาคตะวนั ออก โดยใชว้ ิธวี ิจัยเชงิ พรรณนา (Descriptive Research) ได้กาหนดแนวทางการศึกษา มรี ายละเอียดดังน้ี

ประชากรและกลุ่มตวั อยา่ ง

ประชากรในการวิจยั ครงั้ น้ี คือ ครูการศกึ ษานอกโรงเรยี นทปี่ ฏบิ ตั ิงานสอนในศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและ
การศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอ สังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัด 9
จังหวัดในภาคตะวันออก ประกอบด้วย จังหวัดจันทบุรี จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดชลบุรี จังหวัดตราด จังหวัด
นครนายก จงั หวดั ปราจีนบรุ ี จงั หวัดระยอง จงั หวัดสมุทรปราการ และจังหวัดสระแก้ว จานวนทัง้ สิ้น 1,108 คน

กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งน้ี คือ ครูการศึกษานอกโรงเรียนท่ีปฏิบัติงานสอนในศูนย์การศึกษานอก
ระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอ สังกัดสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
จังหวัด 9 จังหวัดในภาคตะวันออก ประกอบด้วย จังหวัดจันทบุรี จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดชลบุรี จังหวัดตราด
จงั หวดั นครนายก จังหวดั ปราจีนบุรี จังหวดั ระยอง จังหวัดสมุทรปราการ และจังหวัดสระแก้ว โดยการสุ่มอย่างง่ายด้วย
ตารางกาหนดกลุ่มตัวอย่างของเครจซี่ และมอร์แกน (Krejcie & Morgan, 1970 : 607-610 อ้างถึงใน บุญชม ศรีสะอาด,
2545 : 43-44) ได้กลุ่มตัวอย่างจานวน 971 คน ซึ่งได้มาโดยวิธีการสุ่มแบบแบ่งชั้น (Stratified Random Sampling) จาก
ประชากรในระดับความเช่ือม่ัน 95% โดยใช้จังหวัดเป็นชั้น ทั้งนี้ผู้วิจัยสามารถเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง จานวน
971 คน ซึ่งถอื ได้ว่าเกนิ จากจานวนทก่ี าหนดไว้ ดงั ตารางที่ 1

ตารางท่ี 1 จานวนประชากรและกล่มุ ตวั อยา่ ง

ลาดบั ที่ กลมุ่ ศูนย์ จังหวดั ประชากร กลุม่ ตวั อย่าง

1 เบญจบรู พา 1.1 ฉะเชงิ เทรา 159 149
2 สุดฝัง่ บรู พา 1.2 นครนายก 67 62
1.3 ปราจีนบรุ ี 102 107
รวม 1.4 สมุทรปราการ 113 112
1.5 สระแกว้ 133 131
2.1 จันทบรุ ี 114 109
2.2 ชลบรุ ี 184 148
2.3 ตราด 61 43
2.4 ระยอง 175 110
1,108 971

64

เครื่องมือทีใ่ ช้ในการวิจัย

เครือ่ งมอื การวจิ ยั
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งน้ี ผู้วิจัยได้ศึกษาเอกสารเก่ียวกับแนวคิด ทฤษฎี และผลงานวิจัยท่ี

เกยี่ วข้องกับตวั แปร เพ่อื ใช้เปน็ แนวทางในการกาหนดนิยามศัพท์เฉพาะตัวแปร แล้วสร้างข้อคาถามท่ีสอดคล้องกับ
นิยามศัพท์เฉพาะของตัวแปร เป็นแบบสอบถามการจัดทาแผนการเรียนรู้รายบุคคลหลักสูตรรายวิชาเลือกเสรีของ
สถานศกึ ษาในภาคตะวนั ออก สาหรับครูผู้สอน มีจานวน 4 ตอน ดงั น้ี

ตอนท่ี 1 สถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถาม เป็นข้อคาถามเก่ียวกับสถานภาพ เพศ อายุ วุฒิ
การศึกษา ประเภทของครผู ู้สอน และระยะเวลาในการทาหน้าที่ครูผสู้ อน

ตอนที่ 2 การจัดทาแผนการเรียนรู้รายบุคคลหลักสูตรรายวิชาเลือกเสรีของศูนย์การศึกษานอกระบบ
และการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอ (กศน.อาเภอ) แบ่งออกเปน็ 4 ดา้ น ประกอบด้วย

ด้านท่ี 1 การสารวจและวิเคราะห์สภาพปัญหาและความต้องการของผูเ้ รยี น จานวน 4 ข้อ
ด้านที่ 2 การวิเคราะหห์ ลักสูตรรายวชิ าเลอื กเสรี จานวน 6 ข้อ
ดา้ นท่ี 3 การวางแผนการจดั การเรยี นรูร้ ายบคุ คลหลักสตู รรายวชิ าเลือกเสรี จานวน 5 ข้อ
ด้านท่ี 4 การจดั ทาแผนการเรียนร้รู ายบคุ คลหลกั สูตรรายวิชาเลอื กเสรี จานวน 5 ข้อ
ตอนท่ี 3 ปัญหาการจัดทาแผนการเรียนรู้รายบุคคลหลักสูตรรายวิชาเลือกเสรีของ กศน.อาเภอ
จานวน 10 ขอ้
ตอนท่ี 4 ปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะ ในการจัดทาแผนการเรียนรู้รายบุคคลหลักสูตรรายวิชา
เลือกเสรีของ กศน.อาเภอ จานวน 2 ข้อ

การตรวจสอบคณุ ภาพเครือ่ งมือการวจิ ยั
การตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือการวิจัย ด้วยการหาค่าความเที่ยงตรง (Validity) ของเครื่องมือวิจัย โดย
นาแบบสอบถามทสี่ รา้ งข้ึนไปให้ผูท้ รงคณุ วฒุ ิ จานวน 7 ทา่ น เพ่อื ตรวจสอบความเที่ยงตรงเชิงเน้ือหา สานวนภาษา
และหาดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อคาถามกับวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรมหรือคุณลักษณะท่ีต้องการวัดตามที่
กาหนดไว้ในนิยาม ( Index of Item Objective Congruence : IOC) โดยผู้เช่ียวชาญทาการประเมินตามเกณฑ์
การให้คะแนน 3 ระดบั (สวุ ิมล ตริ กานนั ท,์ 2551 : 165) คือ

+1 = สอดคลอ้ ง
0 = ไมแ่ น่ใจ
1 = ไมส่ อดคลอ้ ง

65

จากน้นั ทาการแทนคา่ ในสูตรเพอื่ วเิ คราะห์หาค่า IOC โดยจะเลอื กข้อคาถามทมี่ คี ่าดชั นคี วาม

สอดคลอ้ งตง้ั แต่ .50 ขนึ้ ไป ดังรายนามตอ่ ไปนี้

1. นายวราวธุ พยัคฆพงษ์ ผอู้ านวยการเชย่ี วชาญ สถาบนั กศน.ภาคตะวนั ออก

2. นายเอกวฒั น์ บุญใบ รองผู้อานวยการชานาญการ สถาบนั กศน.ภาคตะวันออก

3. นางสาวพชั ยา ทบั ทิม ผู้อานวยการชานาญการพเิ ศษ กศน.อาเภอทา่ ตะเกยี บ ฉะเชงิ เทรา

4. นายสาธิต เจรีรัตน์ ครเู ชี่ยวชาญ สถาบนั กศน.ภาคตะวนั ออก

5. นางกุลธดิ า รัตนโกศล ครเู ชี่ยวชาญ สถาบัน กศน.ภาคตะวนั ออก

6. นางสาวสมทรง นิลนอ้ ย ครูชานาญการพิเศษ สถาบนั กศน.ภาคตะวันออก

7. นางสาวอรทยั ปานขาว ครูชานาญการพเิ ศษ สถาบนั กศน.ภาคตะวันออก

ผลการพิจารณาความสอดคล้องของข้อคาถามกับวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม หรือคุณลักษณะท่ี

ต้องการวดั และความเหมาะสมของรปู แบบการตอบสนองของแต่ละข้อคาถามในแบบสอบถาม พบว่า ค่าดัชนีความ

สอดคล้อง IOC (Item – Objective Congruence Index) ของข้อคาถามทุกข้อมีค่า1.00 (รายละเอียดปรากฏใน

ภาคผนวก ข หน้า 121-127) นาแบบสอบถามมาปรบั ปรุงแกไ้ ขตามที่ผู้เช่ียวชาญเสนอแนะ และคัดเลือกข้อคาถาม

ตามจานวนท่ีเหมาะสมในแต่ละตอน แล้วนาแบบสอบถามที่ปรับปรุงแก้ไขแล้ว ไปทดลอง (Try Out) เพ่ือทดสอบ

คณุ ภาพและความเหมาะสมของแบบสอบถามกับครูผ้สู อนในสถานศึกษา กศน. ภาคตะวันออก กลุ่มศูนย์ละ 1 แห่ง

รวม 2 แห่ง ดงั นี้

1. กลุ่มศูนย์สุดฝั่งบูรพา ได้แก่ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอเมือง

จงั หวัดระยอง จานวน 30 คน ในวันท่ี 24 มกราคม 2560

2. กลุ่มศนู ย์เบญจบูรพา ได้แก่ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอท่าตะเกียบ

จังหวัดฉะเชิงเทรา จานวน 8 คน ในวนั ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2560

การเกบ็ รวบรวมข้อมูล

การเก็บรวบรวมข้อมลู ได้ดาเนินการตามขนั้ ตอน ดังน้ี
1. ประสานงานเพื่อขอความร่วมมือในการเกบ็ ข้อมูลกับสานกั งานสง่ เสริมการศึกษานอกระบบและ
การศึกษาตามอธั ยาศยั จังหวัด 9 แหง่ ในภาคตะวันออกในเบือ้ งต้น
2. ส่งแบบสอบถามให้สานักงานส่งเสริมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จังหวดั 9 แห่ง
ในภาคตะวนั ออก วันที่ 14-16 กมุ ภาพันธ์ 2560 โดยจดั สง่ ทั้งทางไปรษณียแ์ ละหนว่ ยงานมารบั ดว้ ยตนเอง
3. รับแบบสอบถามกลบั ทง้ั ทางไปรษณยี แ์ ละสานักงานสง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม
อธั ยาศัยจังหวดั มาสง่ ด้วยตนเอง ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์–มีนาคม 2560 จานวน 971 ฉบับ คิดเป็นร้อยละ 87.64
4. ตรวจสอบความสมบรู ณข์ องแบบสอบถามเพ่ือนาไปวเิ คราะหข์ ้อมลู ตอ่ ไป

66

การวิเคราะห์ขอ้ มลู และสถติ ทิ ใ่ี ช้

การวเิ คราะหข์ อ้ มูล ได้ดาเนนิ การตามข้นั ตอน ดังนี้
1. นาแบบสอบถามที่สมบูรณ์มาลงรหัส ให้คะแนนตามน้าหนักคะแนนแต่ละข้อ และบันทึกข้อมูลลง
คอมพวิ เตอร์ เพื่อวิเคราะห์ข้อมลู โดยใชโ้ ปรแกรมคานวณสาเรจ็ รูปทางสถติ ิ
2. วิเคราะหข์ ้อมูลและนาผลการคานวณมาวิเคราะห์ขอ้ มูลตามวัตถุประสงค์ของการวิจัยโดยใช้โปรแกรม
คานวณสาเรจ็ รูปทางสถติ ิ โดยดาเนินการวเิ คราะห์ขอ้ มูลใน 2 ลักษณะ คอื

2.1 ขอ้ มลู เชงิ ปริมาณ โดยใช้ค่าสถติ พิ ื้นฐาน ได้แก่ การแจกแจงความถี่ ร้อยละ
2.2 ขอ้ มลู เชงิ คุณภาพ โดยใชว้ ิธกี ารวเิ คราะห์เนอื้ หา (Content Analysis) ในลักษณะของการสรุป
ข้อความตามประเด็นท่ีกาหนด เพอ่ื ขยายรายละเอียดผลการวเิ คราะห์เชงิ ปริมาณให้สมบูรณ์ยง่ิ ขน้ึ

67

บทท่ี 4
ผลการวิเคราะหข์ อ้ มูล

ในการวเิ คราะหข์ ้อมลู ผู้ศึกษาได้เสนอการวิเคราะห์ข้อมลู ตามลาดับ ดงั น้ี
1. สญั ลกั ษณ์ท่ใี ช้ในการเสนอผลการวิเคราะหข์ อ้ มลู
2. ลาดับขนั้ ในการเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมลู
3. ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มูล

สญั ลกั ษณท์ ีใ่ ช้ในการเสนอผลการวิเคราะหข์ ้อมลู

n แทน จานวนกลุม่ ตวั อย่างครูผูส้ อน

ลาดับข้นั ในการเสนอผลการวเิ คราะหข์ ้อมลู

ผู้ศกึ ษาได้วิเคราะห์ข้อมลู โดยใช้โปรแกรมคานวณสาเร็จรูป และนาเสนอผลการวิเคราะหข์ ้อมูลตามลาดบั ดงั น้ี
ตอนที่ 1 ข้อมูลทวั่ ไปของผตู้ อบแบบสอบถาม

โดยจาแนกตามตัวแปรจังหวัด เพศ อายุ วุฒิการศึกษา ประเภทของครูผสู้ อน และระยะเวลาในการ
ทางาน ด้วยการวเิ คราะห์หาคา่ ความถี่ และคา่ ร้อยละ

ตอนที่ 2 การจัดทาแผนการเรียนรู้รายบุคคลหลักสูตรรายวิชาเลือกเสรีของศูนย์การศึกษานอกระบบและ
การศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอ (กศน.อาเภอ)

โดยจาแนกเป็น 4 ด้าน ประกอบด้วย ด้านการสารวจและวิเคราะห์สภาพปัญหาและความ
ต้องการของผู้เรียน ด้านการวิเคราะห์หลักสูตรรายวิชาเลือกเสรี ด้านการวางแผนการจัดการเรียนรู้รายบุคคล
หลักสูตรรายวิชาเลือกเสรี และด้านการจัดทาแผนการจัดการเรียนรู้รายบุคคลหลักสูตรรายวิชาเลือกเสรี ด้วยการ
วิเคราะห์หาค่าความถี่ และค่าร้อยละ

ตอนท่ี 3 ปัญหาการจัดทาแผนการเรียนรู้รายบุคคลหลักสูตรรายวิชาเลือกเสรีของศูนย์การศึกษานอก
ระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอ (กศน.อาเภอ)

โดยจาแนกตามประเด็นปัญหาท่ปี ระสบ ด้วยการวเิ คราะหห์ าค่าความถี่ และคา่ ร้อยละ
ตอนท่ี 4 ปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะ ในการจัดทาแผนการเรียนรู้รายบุคคลหลักสูตรรายวิชาเลือก
เสรขี องศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาเภอ (กศน.อาเภอ)

โดยจาแนกตามประเด็นปัญหาและอุปสรรคในการจัดทาแผนการเรียนรู้รายบุคคลหลักสูตร
รายวิชาเลือกเสรีของ กศน.อาเภอ และข้อเสนอแนะในการจัดทาแผนการเรียนรู้รายบุคคลหลักสูตรรายวิชาเลือก
เสรขี อง กศน.อาเภอ ด้วยการวเิ คราะห์เน้ือหา (Content Analysis) และจดั ลาดับด้วยการวิเคราะห์หาค่าความถ่ี

68

ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มูล

ตอนที่ 1 ข้อมลู ท่วั ไปของผูต้ อบแบบสอบถาม
ขอ้ มูลทว่ั ไปของผตู้ อบแบบสอบถาม ผลการวเิ คราะหข์ ้อมูลได้เสนอไวใ้ นตารางที่ 2-3

ตารางที่ 2 ความถ่แี ละร้อยละของผตู้ อบแบบสอบถามตามตัวแปรจังหวดั ในภาคตะวนั ออก

ตัวแปร ความถี่ (คน) รอ้ ยละ
11.23
1. สานกั งาน กศน.จงั หวดั จันทบุรี 109 15.35
15.24
สถานศกึ ษา กศน.อาเภอในสงั กดั จานวน 10 อาเภอ 4.43
6.39
2. สานักงาน กศน.จังหวดั ฉะเชงิ เทรา 149 11.02
11.33
สถานศกึ ษา กศน.อาเภอในสงั กดั จานวน 11 อาเภอ 11.53
13.49
3. สานักงาน กศน.จงั หวัดชลบุรี 148 100.00

สถานศกึ ษา กศน.อาเภอในสงั กดั จานวน 11 อาเภอ

4. สานกั งาน กศน.จงั หวัดตราด 43

สถานศึกษา กศน.อาเภอในสงั กัด จานวน 7 อาเภอ

5. สานักงาน กศน.จงั หวดั นครนายก 62

สถานศกึ ษา กศน.อาเภอในสังกัด จานวน 4 อาเภอ

6. สานกั งาน กศน.จังหวัดปราจนี บรุ ี 107

สถานศึกษา กศน.อาเภอในสังกดั จานวน 7 อาเภอ

7. สานักงาน กศน.จังหวดั ระยอง 110

สถานศกึ ษา กศน.อาเภอในสังกัด จานวน 8 อาเภอ

8. สานักงาน กศน.จังหวัดสมุทรปราการ 112

สถานศกึ ษา กศน.อาเภอในสงั กดั จานวน 6 อาเภอ

9. สานกั งาน กศน.จงั หวดั สระแกว้ 131

สถานศกึ ษา กศน.อาเภอในสงั กัด จานวน 9 อาเภอ

รวม 9 จังหวัด 73 อาเภอ 971

จากตารางท่ี 2 พบวา่ กล่มุ ตัวอย่างผู้ตอบแบบสอบถามเป็นครูผู้สอนสังกัด สานักงาน กศน.จังหวัดในภาค
ตะวนั ออก มคี รบทง้ั 9 จังหวัด จานวน 73 อาเภอ โดยเรยี งลาดบั ตามค่าร้อยละจากมากไปหานอ้ ย ได้แก่ ครูผู้สอน
สังกัดสานักงาน กศน.จังหวัดฉะเชิงเทรา (ร้อยละ 15.35) สานักงาน กศน.จังหวัดชลบุรี (ร้อยละ 15.24)
สานักงาน กศน.จังหวัดสระแก้ว (ร้อยละ 13.49) สานักงาน กศน.จังหวัดสมุทรปราการ (ร้อยละ 11.53)
สานักงาน กศน.จงั หวัดระยอง (ร้อยละ 11.33) สานักงาน กศน.จังหวัดจันทบุรี (ร้อยละ 11.23) สานักงาน กศน.
จังหวัดปราจีนบุรี (ร้อยละ 11.02) สานักงาน กศน.จังหวัดนครนายก (ร้อยละ6.39) และสานักงาน กศน.จังหวัด
ตราด (ร้อยละ 4.43)

69

ตารางท่ี 3 ความถแ่ี ละร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถามตามตัวแปรดา้ นเพศ อายุ วุฒิการศกึ ษา ประเภทของครูผู้สอน

และระยะเวลาในการทางาน

ตวั แปร (n=971) ระดบั ความถ่ี ร้อยละ

1. เพศ 1. ชาย 239 24.61

2. หญงิ 732 75.39

2. อายุ 1. น้อยกวา่ 30 ปี 144 14.83

2. 30 – 39 ปี 455 46.86

3. 40 – 49 ปี 236 24.30

4. มากกวา่ 49 ปี 136 14.01

3. วฒุ ิการศกึ ษาสูงสุด 1. ปริญญาตรี 863 88.88

2. ปริญญาโท 103 10.61

3. ปริญญาเอก 5 0.51

4. ประเภทของครูผูส้ อน 1. ขา้ ราชการครู 74 7.62

2. ครอู าสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน 141 14.52

3. ครู กศน.ตาบล 496 51.08

4. ครูศูนยก์ ารเรยี นชุมชน 197 20.29

5. ครู ปวช. 9 0.93

6. ครผู ้สู อนคนพิการ 54 5.56

5. ระยะเวลาในการทางาน 1. ภายใน 1 ปี 133 13.70

หนา้ ทีค่ รผู ู้สอน 2. 2 – 3 ปี 164 16.89

3. 4 – 6 ปี 241 24.82

4. 7 – 10 ปี 183 18.85

5. 11 – 14 ปี 92 9.47

6. มากกว่า 14 ปีขึน้ ไป 158 16.27

รวม 971 100.00

จากตารางที่ 3 พบว่า กลุ่มตัวอย่างครูผู้ตอบแบบสอบถามเป็นเพศหญิงมากกว่าเพศชาย โดยเพศหญิง

(ร้อยละ 75.39) เพศชาย (รอ้ ยละ 24.61) มีอายุระหวา่ ง 30 – 39 ปี มากทีส่ ุด (ร้อยละ 46.86) รองลงมาคือ อายุ 40–49 ปี

(ร้อยละ 24.30) อายุน้อยกว่า 30 ปี (ร้อยละ 14.83) และอายุมากกว่า 49 ปี (ร้อยละ 14.01) ส่วนใหญ่จบการศึกษาระดับ

ปริญญาตรี (รอ้ ยละ 88.88) รองลงมา คือ ระดับปริญญาโท (ร้อยละ 10.61) และปริญญาเอก (ร้อยละ 0.51) เป็น

ครู กศน.ตาบล มากที่สุด (ร้อยละ 51.08) รองลงมาคือ ครูศูนย์การเรียนชุมชน (ร้อยละ 20.29) ครูอาสาสมัคร

การศึกษานอกโรงเรียน (ร้อยละ 14.52) ข้าราชการครู (ร้อยละ 7.62) ครูผู้สอนคนพิการ (ร้อยละ 5.56) และครู ปวช.

(รอ้ ยละ 0.93) การทาหนา้ ทคี่ รูผู้สอนอยใู่ นระยะเวลา 4-6 ปี มากทีส่ ุด (ร้อยละ 24.82) รองลงมา 7 – 10 ปี (รอ้ ยละ 18.85)

2 – 3 ปี (รอ้ ยละ 16.89) มากกวา่ 14 ปขี ้ึนไป (ร้อยละ 16.27) ภายใน 1 ปี (ร้อยละ 13.70) และ 11 – 14 ปี (รอ้ ยละ 9.47)

70

ตอนที่ 2 การจัดทาแผนการเรียนรู้รายบุคคลหลักสูตรรายวิชาเลือกเสรีของศูนย์การศึกษานอกระบบ
และการศกึ ษาตามอัธยาศยั อาเภอ (กศน.อาเภอ)

การจดั ทาแผนการเรียนร้รู ายบุคคลหลักสูตรรายวิชาเลือกเสรีของ กศน.อาเภอในภาคตะวันออก
จานวน 9 หวัด 73 อาเภอ ผลการวเิ คราะหก์ ารจดั ทาแผนการเรียนรู้รายบุคคลประกอบด้วย องคป์ ระกอบ 4 ดา้ น คือ
ด้านการสารวจและวิเคราะห์สภาพปัญหาและความต้องการของผู้เรียน ด้านการวิเคราะห์หลักสูตรรายวิชา
เลือกเสรี ด้านการวางแผนการจัดการเรียนรู้รายบุคคลหลักสูตรรายวิชาเลือกเสรี และด้านการจัดทาแผนการ
จดั การเรยี นรรู้ ายบคุ คลหลกั สูตรรายวิชาเลอื กเสรี ผลการวิเคราะหข์ ้อมูลได้เสนอไว้ในตารางท่ี 4-23

2.1 ด้านการสารวจและวิเคราะห์สภาพปัญหาและความต้องการของผู้เรียน

การสารวจและวิเคราะห์สภาพปัญหาและความต้องการของผู้เรียน ได้แก่ การเก็บข้อมูล

ของผู้เรียนในการจัดการเรียนรู้ การเก็บข้อมูลเกี่ยวกับสภาพปัญหาและความต้องการของผู้เรียน การใช้

เครื่องมือในการเก็บข้อมูลของผู้เรียน และระยะเวลาในการเก็บข้อมูลของผู้เรียน ผลการวิเคราะห์ข้อมูลได้

เสนอไว้ในตารางที่ 4-7

ตารางที่ 4 ความถีแ่ ละร้อยละการเกบ็ ข้อมูลของผู้เรียนในการจดั การเรียนรู้

(n=971)

การเก็บขอ้ มูลของผ้เู รียนในการจัดการเรียนรู้ ความถี่ ร้อยละ ลาดบั

1. ข้อมูลท่วั ไป 951 97.94 1

2. ขอ้ มลู อาชีพ 901 92.79 2

3. ข้อมูลการศกึ ษา 889 91.56 3

4. ขอ้ มูลความสามารถพิเศษ 823 84.76 5

5. วธิ ีการเรยี นรู้ทตี่ อ้ งการ 829 85.38 4

6. ขอ้ จากัดด้านการเรียนรู้ 721 74.25 7

7. เป้าหมายในชีวติ เมอื่ จบการศึกษาจาก กศน. 797 82.08 6

8. อ่นื ๆ 63 6.49 8

หมายเหตุ : ตอบได้มากกวา่ 1 คาตอบ

จากตารางที่ 4 พบว่า การเกบ็ ขอ้ มูลของผเู้ รยี นในการจัดการเรียนรู้ของครูผู้สอน โดยเก็บข้อมูลท่ัวไปมากท่ีสุด
(ร้อยละ 97.94) รองลงมาคือ ข้อมูลอาชีพ (ร้อยละ 92.79) ข้อมูลการศึกษา (ร้อยละ 91.56) วิธีการเรียนรู้ท่ี
ตอ้ งการ (รอ้ ยละ 85.38) ข้อมลู ความสามารถพิเศษ (ร้อยละ 84.76) เป้าหมายในชีวิตเมอื่ จบการศกึ ษาจาก กศน. (ร้อยละ
82.08) และข้อจากดั ดา้ นการเรียนรู้ (ร้อยละ 74.25) ตามลาดับ

71

ตารางท่ี 5 ความถ่แี ละร้อยละการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับสภาพปัญหาและความต้องการของผู้เรียน

(n=971)

การเก็บข้อมูลเก่ียวกับสภาพปัญหาและความต้องการของผู้เรียน ความถี่ ร้อยละ ลาดับ

1. การฟัง 660 67.97 5

2. การพดู 672 69.21 4

3. การอา่ น 679 69.93 3

4. การเขียน 692 71.27 2

5. เวลาในการพบกลุ่ม 837 86.20 1

6. การเขา้ ร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ท่หี ลักสูตรกาหนด 613 63.13 6

7. การใช้แหลง่ เรยี นร้ใู นชุมชน 548 56.44 7

8. สอื่ วสั ดอุ ปุ กรณใ์ นการจัดการเรียนรู้ 503 51.80 10

9. สถานท่จี ัดกิจกรรมการเรยี นรู้ 545 56.13 9

10. วิธีการเรียนรู้ 538 55.41 8

11. อ่ืน ๆ 54 5.56 11

หมายเหตุ : ตอบได้มากกว่า 1 คาตอบ

จากตารางท่ี 5 พบว่า การเก็บข้อมูลเก่ียวกับสภาพปัญหาและความต้องการของผู้เรียนของครูผู้สอน โดย
เก็บข้อมูลเวลาในการพบกลุ่มมากที่สุด (ร้อยละ 86.20) รองลงมา คือ การเขียน (ร้อยละ 71.27) การอ่าน (ร้อยละ
69.93) การพูด (ร้อยละ 69.21) การฟัง (ร้อยละ 67.97) การเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีหลักสูตรกาหนด (ร้อยละ
63.13) การใชแ้ หล่งเรยี นรใู้ นชมุ ชน (รอ้ ยละ 56.44) วิธีการเรยี นรู้ (รอ้ ยละ 55.41) สถานท่ีจัดกิจกรรมการเรียนรู้ (ร้อย
ละ 56.13) และสอ่ื วัสดุอุปกรณ์ในการจดั การเรยี นรู้ (รอ้ ยละ 51.80) ตามลาดบั

72

ตารางที่ 6 ความถ่ีและร้อยละการใช้เคร่ืองมือในการเก็บข้อมูลของผู้เรียน (n=971)
ความถ่ี รอ้ ยละ ลาดับ
การใช้เคร่ืองมือในการเก็บข้อมูลของผู้เรียน 671 69.10 2
1. การใช้แบบสัมภาษณ์ 646 66.53 3
2. การใชแ้ บบสอบถาม 623 64.16 4
3. การสงั เกตและบันทึก 802 82.60 1
4. การพดู คยุ ซักถาม 439 45.21 5
5. การสนทนากลุ่ม
6. อื่น ๆ 46 4.74 6
หมายเหตุ : ตอบได้มากกวา่ 1 คาตอบ

จากตารางที่ 6 พบว่า เคร่ืองมือในการเก็บข้อมูลของผู้เรียนของครูผู้สอน โดยใช้การพูดคุยซักถามมากท่ีสุด
(ร้อยละ 82.60) รองลงมา คือ การใช้แบบสัมภาษณ์ (ร้อยละ 69.10) การใช้แบบสอบถาม (ร้อยละ 66.53) การ
สงั เกตและบันทึก (รอ้ ยละ 64.16) และการสนทนากล่มุ (ร้อยละ 45.21) ตามลาดบั

ตารางที่ 7 ความถ่แี ละร้อยละระยะเวลาในการเก็บข้อมูลของผู้เรียน (n=971)
ความถี่ ร้อยละ ลาดับ
ระยะเวลาในการเก็บข้อมูลของผู้เรียน 806 83.01 1
1. วันรบั สมัคร 380 39.13 4
2. วนั ลงทะเบียน 391 40.27 3
3. วันปฐมนิเทศ 724 74.56 2
4. วันพบกล่มุ
5. อื่น ๆ 46 4.74 5
หมายเหตุ : ตอบได้มากกวา่ 1 คาตอบ

จากตารางท่ี 7 พบว่า การเก็บข้อมูลของผู้เรียนของครูผู้สอน โดยใช้ระยะเวลาในวันรับสมัครมากท่ีสุด (ร้อยละ
83.01) รองลงมา คือ วันพบกลุ่ม (ร้อยละ 74.56) วันปฐมนิเทศ (ร้อยละ 40.27) และวันลงทะเบียน (ร้อยละ
39.13) ตามลาดบั

73

2.2 ด้านการวิเคราะห์หลักสูตรรายวิชาเลือกเสรี
การวเิ คราะห์หลกั สูตรรายวิชาเลือกเสรี ไดแ้ ก่ การเตรยี มการวิเคราะห์หลักสูตรรายวิชาเลือกเสรี

การให้ผ้เู รียนมสี ว่ นรว่ มในการเตรียมการวเิ คราะหห์ ลกั สตู รรายวิชาเลือกเสรี เร่ืองทรี่ ่วมทาในการวิเคราะห์หลักสูตร
รายวิชาเลือกเสรี การใช้กระบวนการในการวิเคราะห์หลักสตู รรายวิชาเลือกเสรี การได้รับความสนับสนุนจาก กศน.
อาเภอในการวิเคราะห์หลักสูตรรายวชิ าเลือกเสรี และผ้มู ีสว่ นร่วมในการวิเคราะห์หลักสตู รรายวิชาเลือกเสรี ผลการ
วิเคราะหข์ ้อมูลได้เสนอไว้ในตารางท่ี 8-13

ตารางที่ 8 ความถี่และร้อยละการเตรยี มการวิเคราะห์หลักสตู รรายวิชาเลือกเสรี

การเตรียมการวิเคราะหห์ ลักสูตรรายวิชาเลอื กเสรี ความถ่ี (n=971)
1. ศึกษาหลกั สตู ร 793 รอ้ ยละ ลาดับ
2. จดั ทาจดุ ประสงค์การเรยี นร้แู ตล่ ะรายวิชา 710 81.67 1
3. จดั หาส่อื เอกสารตามขอบขา่ ยเน้ือหาแต่ละรายวชิ า 626 73.12 2
4. อ่นื ๆ 50 64.47 3
หมายเหตุ : ตอบได้มากกว่า 1 คาตอบ 5.15 4

จากตารางท่ี 8 พบว่า การเตรียมการวิเคราะห์หลักสูตรรายวิชาเลือกเสรีของครูผู้สอน โดยศึกษาหลักสูตรมาก
ที่สุด (ร้อยละ 81.67) รองลงมา คือ จัดทาจุดประสงค์การเรียนรู้แต่ละรายวิชา (ร้อยละ 73.12) และจัดหาส่ือ
เอกสารตามขอบข่ายเนือ้ หาแตล่ ะรายวิชา (รอ้ ยละ 64.47) ตามลาดบั

ตารางที่ 9 ความถแี่ ละร้อยละการใหผ้ เู้ รียนมสี ว่ นร่วมในการเตรียมการวิเคราะหห์ ลกั สตู รรายวิชาเลอื กเสรี

(n=971)

การใหผ้ ู้เรียนมีสว่ นร่วมในการเตรียมการวเิ คราะห์หลักสูตรรายวิชาเลอื กเสรี ความถ่ี รอ้ ยละ ลาดับ

1. เตรยี มขอ้ มูลรายบุคคลของผู้เรียน 807 83.11 1

2. ศกึ ษาสภาพปัญหาและความต้องการของชุมชน 621 63.95 3

3. ศกึ ษาความรูแ้ ละประสบการณ์ของผู้เรยี น 739 76.11 2

4. ศกึ ษาเนื้อหารายวชิ าเลือกเสรี 574 59.11 4

5. อ่ืน ๆ 43 4.43 5

หมายเหตุ : ตอบได้มากกวา่ 1 คาตอบ

จากตารางท่ี 9 พบว่า การให้ผเู้ รยี นมีสว่ นร่วมในการเตรยี มการวเิ คราะห์หลกั สตู รรายวชิ าเลือกเสรีของครผู สู้ อน
โดยให้เตรียมข้อมูลรายบุคคลของผู้เรียนมากท่ีสุด (ร้อยละ 83.11) รองลงมา คือ ศึกษาความรู้และประสบการณ์
ของผู้เรียน (ร้อยละ 76.11) ศึกษาสภาพปัญหาและความต้องการของชุมชน (ร้อยละ 63.95) และศึกษาเนื้อหา
รายวชิ าเลือกเสรี (ร้อยละ 59.11) ตามลาดับ

74

ตารางท่ี 10 ความถแี่ ละร้อยละเรอ่ื งที่รว่ มทาในการวเิ คราะหห์ ลักสูตรรายวชิ าเลอื กเสรี

(n=971)

เรอ่ื งที่ร่วมทาในการวเิ คราะห์หลักสตู รรายวชิ าเลือกเสรี ความถี่ รอ้ ยละ ลาดบั

1. ศกึ ษาโครงสร้างหลักสูตร 745 76.73 1

2. ศึกษาจุดประสงค์การเรียนรู้ 729 75.08 3

3. ศกึ ษาเน้ือหาของรายวิชา 732 75.39 2

4. ศึกษาวธิ ีการจดั การเรยี นรู้และการใช้สื่อใหเ้ หมาะกับเน้ือหาในแตล่ ะ 672 69.21 4

รายวชิ า

5. ศึกษาวิธกี ารวัดผลและประเมินผล 563 57.98 5

6. อนื่ ๆ 37 3.81 6

หมายเหตุ : ตอบได้มากกว่า 1 คาตอบ

จากตารางท่ี 10 พบว่า เรื่องท่ีร่วมทาในการวิเคราะห์หลักสูตรรายวิชาเลือกเสรีของครูผู้สอน โดยศึกษา
โครงสร้างหลักสูตรมากที่สุด (ร้อยละ76.73) รองลงมา คือ ศึกษาเน้ือหาของรายวิชา (ร้อยละ 75.39) ศึกษา
จุดประสงค์การเรียนรู้ (ร้อยละ 75.08) ศึกษาวิธีการจัดการเรียนรู้และการใช้ส่ือให้เหมาะกับเน้ือหาในแต่ละ
รายวชิ า (ร้อยละ 69.21) และศกึ ษาวธิ ีการวดั ผลและประเมนิ ผล (ร้อยละ 57.98) ตามลาดับ

ตารางที่ 11 ความถ่ีและร้อยละการใช้กระบวนการในการวิเคราะห์หลกั สตู รรายวิชาเลอื กเสรี

การใชก้ ระบวนการในการวิเคราะห์หลกั สตู รรายวิชาเลือกเสรี ความถี่ รอ้ ยละ (n=971)
1. การอบรม 588 60.55 ลาดับ
2. การอภิปราย 447 46.04
3. การระดมสมอง 600 61.79 3
4. การประชุมปฏิบัติการ 631 64.98 4
5. การทาแผนท่ีความคดิ 440 45.31 2
6. อื่น ๆ 25 2.57 1
หมายเหตุ : ตอบได้มากกว่า 1 คาตอบ 5
6

จากตารางที่ 11 พบว่า การใช้กระบวนการในการวิเคราะห์หลักสูตรรายวิชาเลือกเสรีของครูผู้สอน โดยการ
ประชุมปฏิบัติการมากท่ีสุด (ร้อยละ 64.98) รองลงมา คือ การระดมสมอง (ร้อยละ 61.79) การอบรม (ร้อยละ
60.55) การอภปิ ราย (รอ้ ยละ 46.04) และการทาแผนท่ีความคดิ (ร้อยละ 45.31) ตามลาดับ

75

ตารางท่ี 12 ความถ่แี ละร้อยละการไดร้ ับความสนับสนุนจาก กศน.อาเภอในการวเิ คราะห์หลกั สูตรรายวิชาเลือกเสรี
(n=971)

การไดร้ บั ความสนับสนนุ จาก กศน.อาเภอในการวิเคราะหห์ ลกั สูตรรายวชิ าเลือกเสรี ความถี่ รอ้ ยละ ลาดบั

1. การจดั หาสถานที่ 606 62.41 3

2. การจดั หาหลักสูตร 682 70.24 1

3. การจัดหาส่อื เอกสารท่เี กี่ยวขอ้ งในการจัดทาหลักสตู ร 663 68.28 2

4. การจัดหางบประมาณ 431 44.39 6

5. การจัดหาวสั ดุอปุ กรณ์ 528 54.38 4

6. การจดั หาบคุ คลที่เก่ียวข้อง 479 49.33 5

7. อืน่ ๆ 53 5.46 7

หมายเหตุ : ตอบได้มากกวา่ 1 คาตอบ

จากตารางที่ 12 พบวา่ การได้รับความสนบั สนุนจาก กศน.อาเภอในการวเิ คราะหห์ ลักสูตรรายวิชาเลือกเสรีของ
ครูผู้สอน โดยการจัดหาหลักสูตรมากที่สุด (ร้อยละ70.24) รองลงมา คือ การจัดหาสื่อเอกสารที่เก่ียวข้องในการ
จัดทาหลักสูตร (ร้อยละ68.28) การจัดหาสถานท่ี (ร้อยละ62.41) การจัดหาวัสดุอุปกรณ์ (ร้อยละ54.38) การ
จดั หาบคุ คลท่ีเก่ยี วข้อง (รอ้ ยละ49.33) และการจดั หางบประมาณ (ร้อยละ44.39) ตามลาดับ

ตารางที่ 13 ความถ่แี ละรอ้ ยละผ้มู สี ่วนร่วมในการวิเคราะหห์ ลักสตู รรายวิชาเลือกเสรี (n=971)

ผูม้ สี ่วนร่วมในการวิเคราะห์หลักสูตรรายวิชาเลือกเสรี ความถี่ ร้อยละ ลาดบั
1. ผูบ้ รหิ ารสถานศกึ ษา 822 84.65 2
2. ขา้ ราชการครู 819 84.35 3
3. ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน 786 80.95 4
4. ครู กศน.ตาบล 895 92.17 1
5. ครูศนู ยก์ ารเรยี นชุมชน 743 76.52 5
6. ครู ปวช. 252 25.95 10
7. ครูผู้สอนคนพิการ 360 37.08 9
8. ผเู้ รยี น 547 56.33 6
9. ผรู้ ้/ู ภูมปิ ัญญาท้องถิน่ 427 43.98 7
10. กรรมการสถานศกึ ษา 384 39.55 8
11. อื่น ๆ 36 3.71 11
หมายเหตุ : ตอบได้มากกว่า 1 คาตอบ

จากตารางท่ี 13 พบวา่ ผ้มู สี ว่ นรว่ มในการวเิ คราะห์หลักสูตรรายวิชาเลือกเสรีของครูผู้สอน โดยครู กศน.ตาบล
มากที่สุด (ร้อยละ 92.17) รองลงมา คือ ผู้บริหารสถานศึกษา (ร้อยละ 84.65) ข้าราชการครู (ร้อยละ 84.35) ครู
อาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน (ร้อยละ80.95) ครูศูนย์การเรียนชุมชน (ร้อยละ76.52) ผู้เรียน (ร้อยละ56.33)
ผู้รู้/ภมู ิปัญญาทอ้ งถิน่ (ร้อยละ43.98) กรรมการสถานศึกษา (รอ้ ยละ39.55) ครูผู้สอนคนพกิ าร (รอ้ ยละ37.08) และ
ครู ปวช. (ร้อยละ25.95) ตามลาดบั

76

2.3 ด้านการวางแผนการจดั การเรยี นรู้รายบคุ คลหลักสตู รรายวชิ าเลือกเสรี
การวางแผนการจัดการเรียนรรู้ ายบคุ คลหลักสตู รรายวชิ าเลือกเสรี ได้แก่ การนาข้อมลู เก่ียวกับ

ผู้เรียนมาดาเนินการ การนาข้อมูลเก่ียวกับผู้เรียนที่วิเคราะห์แล้วมาใช้ประโยชน์ การได้ร่วมวางแผนการจัดการ
เรียนรู้รายบุคคลกับบุคคลอ่ืน การได้ร่วมวางแผนการจัดการเรียนรู้รายบุคคลในเร่ืองต่าง ๆ การให้ผู้เรียนมีส่วน
รว่ มในการวางแผนการจัดการเรยี นรู้รายบคุ คลในเรื่องต่าง ๆ ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มลู ไดเ้ สนอไว้ในตารางที่ 14-18

ตารางที่ 14 ความถ่ีและร้อยละการนาข้อมูลเก่ียวกับผเู้ รยี นมาดาเนินการ

(n=971)

การนาข้อมูลเกี่ยวกบั ผเู้ รียนมาดาเนินการ ความถี่ รอ้ ยละ ลาดับ

1. จัดหมวดหมู่ขอ้ มูล 596 61.38 2

2. ศกึ ษาข้อมลู เพื่อร้จู กั ผ้เู รยี น 834 85.89 1

3. อื่น ๆ 53 5.46 3

หมายเหตุ : ตอบได้มากกว่า 1 คาตอบ

จากตารางท่ี 14 พบว่า การนาข้อมูลเกยี่ วกับผเู้ รยี นมาดาเนินการของครูผสู้ อน โดยการศึกษาข้อมูลเพอื่ รู้จัก
ผู้เรยี นมากท่สี ดุ (ร้อยละ85.89) รองลงมา คอื จดั หมวดหมู่ข้อมลู (ร้อยละ 61.38) และอ่ืน ๆ (รอ้ ยละ 5.46)
ตามลาดับ

ตารางที่ 15 ความถแ่ี ละร้อยละการนาข้อมูลเกย่ี วกบั ผเู้ รยี นท่วี เิ คราะห์แล้วมาใชป้ ระโยชน์

การนาข้อมูลเกี่ยวกับผเู้ รยี นทวี่ ิเคราะห์แล้วมาใช้ประโยชน์ ความถี่ รอ้ ยละ (n=971)
1. จดั กลุ่มผู้เรียน 743 76.52 ลาดับ
2. จัดเวลาพบกลมุ่ 712 73.33
3. จดั สถานทพี่ บกลุ่ม 474 48.82 2
4. จัดวิธีการเรยี นรู้ 760 78.27 4
5. จดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ 722 74.36 5
6. อ่นื ๆ 32 3.30 1
หมายเหตุ : ตอบได้มากกว่า 1 คาตอบ 3
6

จากตารางที่ 15 พบว่า การนาข้อมูลเก่ียวกับผู้เรียนท่ีวิเคราะห์แล้วมาใช้ประโยชน์ของครูผู้สอน โดยการจัด
วิธีการเรียนรมู้ ากทสี่ ดุ (รอ้ ยละ 78.27) รองลงมา คอื จัดกลุ่มผเู้ รียน (รอ้ ยละ 76.52) จัดกิจกรรมการเรยี นรู้
(รอ้ ยละ 74.36) จดั เวลาพบกลุ่ม (รอ้ ยละ 73.33) และจดั สถานท่ีพบกลมุ่ (ร้อยละ 48.82) ตามลาดับ

77

ตารางที่ 16 ความถแ่ี ละร้อยละการไดร้ ่วมวางแผนการจดั การเรียนรรู้ ายบุคคลกบั บคุ คลอ่นื (n=971)

การได้ร่วมวางแผนการจดั การเรยี นรรู้ ายบคุ คลกับบุคคลอ่นื ความถี่ รอ้ ยละ ลาดบั
1. ผบู้ รหิ ารสถานศึกษา
2. ผเู้ รยี น 681 70.13 2
3. ผ้รู ้/ู ภูมปิ ญั ญาท้องถนิ่
4. ผปู้ กครอง 866 89.19 1
5. กรรมการสถานศกึ ษา
6. อนื่ ๆ 476 49.02 3
หมายเหตุ : ตอบได้มากกว่า 1 คาตอบ
253 26.06 5

338 34.81 4

38 3.91 6

จากตารางที่ 16 พบว่า การไดร้ ่วมวางแผนการจัดการเรียนร้รู ายบคุ คลกับบุคคลอน่ื ของครูผสู้ อน โดยมผี ูเ้ รยี น
มากทสี่ ดุ (รอ้ ยละ 89.19) รองลงมา คือ ผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา (ร้อยละ 70.13) ผรู้ /ู้ ภมู ปิ ัญญาท้องถ่ิน (รอ้ ยละ 49.02)
กรรมการสถานศกึ ษา (ร้อยละ 34.81) และผู้ปกครอง (ร้อยละ 26.06)

ตารางที่ 17 ความถี่และร้อยละการได้ร่วมวางแผนการจดั การเรยี นรู้รายบุคคลในเรื่องตา่ ง ๆ (n=971)

การได้ร่วมวางแผนการจัดการเรียนรรู้ ายบุคคลในเรอื่ งต่าง ๆ ความถี่ รอ้ ยละ ลาดบั

1. ข้อมูลผเู้ รียนรายบุคคล 855 88.05 1
2. จุดประสงคข์ องหลกั สูตรและเน้ือหารายวชิ า 736 75.80 2

3. เวลาในการเรยี นรู้ 672 69.21 5

4. สถานท่ีจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ 526 54.17 9

5. กิจกรรมการเรยี นรู้ 723 74.46 3

6. วิธีการเรียนรู้ 711 73.22 4
7. สื่อ วสั ดุอุปกรณ์ 562 57.88 7

8. แหลง่ เรียนรู้ในชมุ ชน 561 57.78 8

9. ผู้ร้/ู ภมู ิปญั ญาทอ้ งถิ่น 445 45.83 11

10. วธิ กี ารวัดผลและประเมนิ ผล 618 63.65 6

11. วิธีการเทียบโอนผลการเรียน/ความรู้และประสบการณ์ 446 45.93 10
12. อืน่ ๆ 22 2.27 12

หมายเหตุ : ตอบได้มากกวา่ 1 คาตอบ
จากตารางท่ี 17 พบว่า การได้ร่วมวางแผนการจัดการเรียนรู้รายบุคคลในเร่ืองต่าง ๆ ของครูผู้สอน โดยเป็น

ข้อมูลผู้เรียนรายบุคคลมากที่สุด (ร้อยละ 88.05) รองลงมา คือ จุดประสงค์ของหลักสูตรและเน้ือหารายวิชา (ร้อยละ

75.80) กิจกรรมการเรียนรู้ (ร้อยละ 74.46) วิธีการเรียนรู้ (ร้อยละ 73.22) เวลาในการเรียนรู้ (ร้อยละ 69.21)

วิธีการวัดผลและประเมินผล (ร้อยละ 63.65) สื่อ วัสดุอุปกรณ์ (ร้อยละ 57.88) แหล่งเรียนรู้ในชุมชน (ร้อยละ

57.78) สถานท่ีจัดกิจกรรมการเรียนรู้ (ร้อยละ 54.17) วิธีการเทียบโอนผลการเรียน/ความรู้และประสบการณ์

(ร้อยละ 45.93) ผ้รู ู้/ภูมปิ ัญญาท้องถน่ิ (รอ้ ยละ 45.83) ตามลาดับ

78

ตารางที่ 18 ความถี่และรอ้ ยละการให้ผู้เรยี นมีสว่ นร่วมในการวางแผนการจัดการเรียนรรู้ ายบุคคลในเรื่องตา่ ง ๆ

(n=971)

การให้ผเู้ รียนมสี ว่ นร่วมในการวางแผนการจดั การเรยี นรรู้ ายบคุ คล ความถี่ รอ้ ยละ ลาดบั

ในเร่ืองต่าง ๆ

1. เนื้อหาการเรยี นรู้ 684 70.44 4

2. เวลาในการเรยี นรู้ 698 71.88 3

3. กจิ กรรมการเรียนรู้ 773 79.61 1

4. วธิ กี ารเรยี นรู้ 718 73.94 2

5. แหลง่ เรียนรใู้ นชมุ ชน 530 54.58 5

6. ผูร้ ู้/ภูมปิ ัญญาท้องถน่ิ 415 42.74 7

7. วธิ ีการวัดผลและประเมนิ ผล 466 47.99 6

8. อ่ืน ๆ 28 2.88 8

หมายเหตุ : ตอบได้มากกว่า 1 คาตอบ

จากตารางที่ 18 พบว่า การให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการวางแผนการจัดการเรียนรู้รายบุคคลในเร่ืองต่าง ๆ ของ
ครูผู้สอน โดยเปน็ กิจกรรมการเรียนร้มู ากท่สี ดุ (ร้อยละ79.61) รองลงมา คือ วิธีการเรียนรู้ (ร้อยละ73.94) เวลาใน
การเรียนรู้ (ร้อยละ71.88) เน้ือหาการเรียนรู้ (ร้อยละ70.44) แหล่งเรียนรู้ในชุมชน (ร้อยละ54.58) วิธีการวัดผล
และประเมินผล (ร้อยละ47.99) ผูร้ /ู้ ภูมิปญั ญาท้องถิน่ (ร้อยละ42.74) ตามลาดับ

79

2.4 ด้านการจดั ทาแผนการจัดการเรยี นรูร้ ายบคุ คลหลักสตู รรายวชิ าเลือกเสรี
การจัดทาแผนการจัดการเรียนรู้รายบุคคลหลักสูตรรายวิชาเลือกเสรี ได้แก่ การดาเนินการ

ของ กศน.อาเภอในการจัดทาแผนการจัดการเรียนรู้รายบุคคล การจัดทาแผนการจัดการเรียนรู้รายบุคคลที่
กาหนดให้ผู้เรียนศึกษาจากแหล่งเรียนรู้ การจัดทาแผนการเรียนรู้รายบุคคลท่ีให้ผู้เรียนเรียนรู้จากกิจกรรม การได้
จัดทาหลักสูตรรายวิชาเลือกเสรีภาคเรียนท่ี 2/2559 ในกลุ่มอาชีพหลัก การดาเนินการจัดทาหลักสูตรรายวิชา
เลือกเสรีในภาคเรียนท่ี 2/2559 ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มูลไดเ้ สนอไว้ในตารางที่ 19-23

ตารางท่ี 19 ความถ่ีและร้อยละการดาเนินการของ กศน.อาเภอในการจดั ทาแผนการจดั การเรียนร้รู ายบุคคล

(n=971)

การดาเนนิ การของ กศน.อาเภอในการจดั ทาแผนการจดั การเรยี นรู้ ความถ่ี รอ้ ยละ ลาดบั

รายบคุ คล

1. ประชุมทาความเขา้ ใจกับผู้เก่ียวข้อง 855 88.05 1

2. ประสานผรู้ ู้ ภูมปิ ญั ญาทอ้ งถ่นิ 573 59.01 2

3. ประสานแหล่งเรียนร้ใู นชมุ ชน 553 56.95 4

4. จดั ทาทาเนียบผรู้ ู้ ภมู ิปญั ญาทอ้ งถิ่น 510 52.52 7

5. จดั ทาทาเนียบแหล่งเรียนรู้ในชมุ ชน 522 53.76 6

6. จัดเตรียมสถานที่จดั การเรียนรู้ 556 57.26 3

7. จัดเตรียมสอ่ื วัสดุอปุ กรณต์ ่าง ๆ 546 56.23 5

8. อืน่ ๆ 32 3.30 8

หมายเหตุ : ตอบได้มากกวา่ 1 คาตอบ

จากตารางที่ 19 พบว่า การดาเนินการของ กศน.อาเภอในการจัดทาแผนการจัดการเรียนรู้รายบุคคลของ
ครูผูส้ อน โดยประชมุ ทาความเขา้ ใจกับผ้เู กีย่ วข้องมากที่สุด (ร้อยละ88.05) ประสานผู้รู้ ภูมิปัญญาท้องถ่ิน (ร้อยละ
59.01) จัดเตรียมสถานทจี่ ดั การเรยี นรู้ (รอ้ ยละ57.26) ประสานแหลง่ เรยี นรู้ในชุมชน (ร้อยละ56.95) จัดเตรียม
สือ่ วัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ (รอ้ ยละ56.23) จดั ทาทาเนยี บแหล่งเรยี นรู้ในชุมชน (ร้อยละ53.76) และจัดทาทาเนียบผู้รู้
ภมู ิปญั ญาทอ้ งถิ่น (ร้อยละ52.52) ตามลาดบั

80

ตารางท่ี 20 ความถีแ่ ละรอ้ ยละการจัดทาแผนการจัดการเรยี นรู้รายบคุ คลท่กี าหนดให้ผเู้ รียนศกึ ษาจากแหล่งเรียนรู้

(n=971)

การจัดทาแผนการจัดการเรยี นร้รู ายบุคคลทก่ี าหนดให้ผเู้ รียน ความถ่ี รอ้ ยละ ลาดับ

ศึกษาจากแหลง่ เรยี นรู้

1. ผูร้ ู้ เพอ่ื น หรอื ภมู ปิ ัญญาท้องถ่นิ ในชุมชน 782 80.54 2

2. หอ้ งสมดุ 811 83.52 1

3. ศนู ยก์ ารเรียนชมุ ชน 760 78.27 3

4. โรงเรยี น 432 44.49 8

5. วัด 447 46.04 7

6. สถานทปี่ ระกอบการ 502 51.70 6

7. ที่อา่ นหนังสอื ประจาหม่บู า้ น/ชุมชน 504 51.91 5

8. ปา้ ยประกาศในหมู่บา้ น/ชุมชน 313 32.23 11

9. โรงพยาบาลสง่ เสริมสุขภาพตาบล 367 37.80 9

10. อนิ เทอร์เน็ต 748 77.03 4

11. รายการวทิ ยุ/โทรทศั น์ 357 36.77 10

12. อนื่ ๆ 35 3.60 12

หมายเหตุ : ตอบได้มากกวา่ 1 คาตอบ

จากตารางที่ 20 พบว่า การจัดทาแผนการจัดการเรียนรู้รายบคุ คลที่กาหนดให้ผู้เรียนศึกษาจากแหล่งเรียนรู้ของ
ครูผู้สอน โดยเป็นห้องสมุดมากที่สุด (ร้อยละ 83.52) รองลงมา คือ ผู้รู้ เพ่ือน หรือภูมิปัญญาท้องถ่ินในชุมชน (ร้อยละ
80.54) ศนู ย์การเรียนชมุ ชน (ร้อยละ 78.27) อินเทอร์เน็ต (ร้อยละ 77.03) ท่ีอ่านหนังสือประจาหมู่บ้าน/ชุมชน
(ร้อยละ 51.91) สถานท่ีประกอบการ (ร้อยละ 51.70) วัด (ร้อยละ 46.04) โรงเรียน (ร้อยละ 44.49)
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบล (ร้อยละ 37.80) รายการวิทยุ/โทรทัศน์ (ร้อยละ 36.77) และป้ายประกาศใน
หมบู่ ้าน/ชุมชน (รอ้ ยละ 32.23) ตามลาดับ

81

ตารางที่ 21 ความถ่แี ละรอ้ ยละการจดั ทาแผนการเรยี นร้รู ายบุคคลทีใ่ หผ้ ้เู รียนเรยี นร้จู ากกจิ กรรม

(n=971)

การจัดทาแผนการเรยี นร้รู ายบคุ คลที่ใหผ้ ู้เรียนเรยี นรจู้ ากกิจกรรม ความถี่ ร้อยละ ลาดับ

1. การจัดทาโครงงาน 715 73.64 3

2. การศึกษาจากแหล่งเรยี นรู้และทารายงาน/บันทึกความรู้ 769 79.20 1

3. การศกึ ษาจากใบงาน และลงมอื ปฏบิ ัติตามใบงาน 752 77.45 2

4. การศกึ ษาจากแบบเรียน/เอกสารและจดบันทึกความรู้ 642 66.12 4

5. การศึกษาจากสื่อวิทยุ โทรทศั น์ วดี โิ อ อนิ เทอรเ์ นต็ แลว้ จดบนั ทกึ 574 59.11 5

ความรู้และตั้งข้อสังเกตหรอื ข้อเสนอแนะ

6. การศกึ ษาจากบุคคลทีป่ ระสบผลสาเร็จ 514 52.94 7

7. การศึกษาจากประสบการณจ์ รงิ 566 58.29 6

8. อืน่ ๆ 35 3.60 8

หมายเหตุ : ตอบได้มากกวา่ 1 คาตอบ

จากตารางท่ี 21 พบว่า การจัดทาแผนการเรียนรู้รายบุคคลที่ให้ผู้เรียนเรียนรู้จากกิจกรรมของครูผู้สอน โดย
การศึกษาจากแหล่งเรียนรู้และทารายงาน/บันทึกความรู้มากท่ีสุด (ร้อยละ 79.20) รองลงมา คือ การศึกษาจาก
ใบงานและลงมือปฏบิ ัติตามใบงาน (ร้อยละ 77.45) การจัดทาโครงงาน (ร้อยละ 73.64) การศึกษาจากแบบเรียน/
เอกสารและจดบันทึกความรู้ (ร้อยละ 66.12) การศึกษาจากส่ือวิทยุ โทรทัศน์ วีดิโอ อินเทอร์เน็ตแล้วจดบันทึก
ความรู้และต้ังข้อสังเกตหรือข้อเสนอแนะ (ร้อยละ 59.11) การศึกษาจากประสบการณ์จริง (ร้อยละ 58.29) และ
การศกึ ษาจากบุคคลท่ปี ระสบผลสาเรจ็ (ร้อยละ 52.94)

82

ตารางท่ี 22 ความถ่ีและร้อยละการจดั ทาหลกั สูตรรายวชิ าเลือกเสรีภาคเรียนท่ี 2/2559 ในกลมุ่ อาชีพหลัก

(n=971)

การจดั ทาหลักสตู รรายวิชาเลือกเสรภี าคเรียนท่ี 2/2559 ในกล่มุ อาชีพหลกั ความถี่ รอ้ ยละ ลาดบั

1. กลมุ่ เกษตรกรรม 650 66.94 1

2. กลุ่มอตุ สาหกรรม 369 38.00 3

3. กลุม่ พาณชิ ยกรรม 385 39.65 2

4. กลมุ่ ความคิดสร้างสรรค์ 294 30.28 5

5. กลุ่มบรหิ ารจดั การและบริการ 299 30.79 4

6. อื่น ๆ 40 4.12 6

หมายเหตุ : ตอบได้มากกวา่ 1 คาตอบ

จากตารางที่ 22 พบว่า การจดั ทาหลกั สูตรรายวิชาเลอื กเสรีภาคเรียนที่ 2/2559 ในกลุม่ อาชพี หลักของครผู ูส้ อน
โดยเป็นกลุ่มเกษตรกรรมมากที่สุด (ร้อยละ 66.94) รองลงมา คือ กลุ่มพาณิชยกรรม (ร้อยละ 39.65) กลุ่ม
อุตสาหกรรม (รอ้ ยละ 38.00) กล่มุ บรหิ ารจดั การและบรกิ าร (รอ้ ยละ 30.79) และกลุ่มความคิดสรา้ งสรรค์ (ร้อยละ
30.28) ตามลาดับ

ตารางท่ี 23 ความถแ่ี ละรอ้ ยละการดาเนนิ การจดั ทาหลักสตู รรายวิชาเลอื กเสรีในภาคเรยี นท่ี 2/2559 (n=971)

การดาเนนิ การจัดทาหลักสูตรรายวชิ าเลือกเสรใี นภาคเรียนท่ี 2/2559 ความถ่ี ร้อยละ ลาดับ

1. นามาจากหลักสูตรรายวชิ าเลอื กเสรีของสถานศึกษาท่สี านักงาน กศน.ไดจ้ ดั ทาไว้แลว้ 390 40.16 1

2. นามาจากหลกั สูตรรายวชิ าเลอื กเสรีของสถานศึกษาที่หน่วยงานของตนได้จัดทา/ 166 17.10 2

พัฒนาไวแ้ ลว้

3. นามาจากหลกั สูตรรายวิชาเลือกเสรีของสถานศกึ ษาท่ขี อใชจ้ ากหนว่ ยงานอ่นื 94 9.68 4

ไดจ้ ัดทา/พัฒนาไว้แลว้

4. จดั ทา/พัฒนาหลกั สูตรรายวิชาเลือกเสรีของสถานศึกษาข้ึนมาใหม่ 153 15.76 3

5. อ่นื ๆ 35 3.60 5

หมายเหตุ : ตอบได้มากกวา่ 1 คาตอบ

จากตารางที่ 23 พบว่า การดาเนินการจัดทาหลักสูตรรายวิชาเลือกเสรีในภาคเรียนท่ี 2/2559 ของครูผู้สอน

โดยนามาจากหลกั สูตรรายวิชาเลือกเสรีของสถานศึกษาท่ีสานักงาน กศน.ได้จัดทาไว้แล้วมากท่ีสุด (ร้อยละ 40.16)

รองลงมา คือ นามาจากหลักสูตรรายวิชาเลือกเสรีของสถานศึกษาที่หน่วยงานของตนได้จัดทา/พัฒนาไว้แล้ว (ร้อยละ

17.10) จัดทา/พฒั นาหลกั สตู รรายวิชาเลือกเสรขี องสถานศกึ ษาขน้ึ มาใหม่ (รอ้ ยละ 15.76) และนามาจากหลักสูตร

รายวชิ าเลอื กเสรีของสถานศกึ ษาทขี่ อใชจ้ ากหนว่ ยงานอน่ื ได้จดั ทา/พัฒนาไวแ้ ล้ว (ร้อยละ 9.68) ตามลาดับ

83

ตอนที่ 3 ปัญหาการจัดทาแผนการเรียนรู้รายบุคคลหลักสูตรรายวิชาเลือกเสรีของศูนย์การศึกษานอก
ระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอ (กศน.อาเภอ)

ปัญหาการจัดทาแผนการเรียนรู้รายบุคคลหลักสูตรรายวิชาเลือกเสรีของ กศน.อาเภอ ผลการวิเคราะห์
ขอ้ มลู ได้เสนอไว้ในตารางท่ี 24

ตารางที่ 24 ความถีแ่ ละร้อยละปญั หาการจดั ทาแผนการเรียนรรู้ ายบคุ คลหลกั สตู รรายวชิ าเลอื กเสรขี อง กศน.อาเภอ

(n=971)

ปญั หาการจดั ทาแผนการเรยี นรรู้ ายบุคคลหลักสตู รรายวิชาเลอื กเสรี ความถี่ ร้อยละ ลาดับ

ของ กศน.อาเภอ

1. คู่มอื การจดั ทาแผนการเรียนรรู้ ายบุคคลยังไม่ละเอยี ดชดั เจน 613 63.13 5

2. การจัดทาแผนการเรียนรรู้ ายบคุ คลมีข้ันตอนทยี่ งุ่ ยากเกินไป 626 64.47 4

3. ระยะเวลาในการอบรมเพ่ือจดั ทาแผนการเรียนร้รู ายบุคคลนอ้ ยเกินไป 600 61.79 7

4. การถ่ายทอดความรู้จากวิทยากรที่มาอบรมยังไม่ละเอียดชัดเจน 501 51.60 8

5. การขาดความรู้ความเข้าใจในการทาหลกั สูตรรายวชิ าเลือกเสรี 647 66.63 3

6. ชว่ งเวลาท่ีจัดทาแผนการเรยี นร้รู ายบุคคลไม่สามารถทาก่อนเปดิ ภาคเรียนได้ทนั 738 76.00 2

7. ระบบ IT ขาดความพร้อมในการพัฒนาหลกั สตู รรายวชิ าเลือกเสรี 608 62.62 6

8. พนื้ ฐานความร้ขู องผู้เรียนแตกตา่ งกนั เปน็ อุปสรรคในการจดั ทาแผนการเรียนรู้ 768 79.09 1

รายบคุ คล

9. ทา่ นไมม่ ีขอ้ มลู เก่ยี วกบั ผ้รู ู้ หรอื ภูมิปัญญาท้องถิ่น 314 32.34 10

10. ท่านไมเ่ คยนาวธิ ีการเรียนรูอ้ ย่างอ่ืนมาจัดทาแผนการเรียนรรู้ ายบคุ คล 359 36.97 9

นอกจากการเรียนรู้แบบพบกลุ่ม

จากตารางท่ี 24 พบว่า ปัญหาการจัดทาแผนการเรียนรู้รายบุคคลหลักสูตรรายวิชาเลือกเสรีของ กศน.
อาเภอของครูผูส้ อน โดยพนื้ ฐานความรู้ของผู้เรียนแตกต่างกันเป็นอุปสรรคในการจัดทาแผนการเรียนรู้รายบุคคลมี
มากที่สุด (ร้อยละ 79.09) รองลงมา คือ ช่วงเวลาท่ีจัดทาแผนการเรียนรู้รายบุคคลไม่สามารถทาก่อนเปิดภาคเรียนได้
ทัน (ร้อยละ 76.00) การขาดความรู้ความเข้าใจในการทาหลักสูตรรายวิชาเลือกเสรี (ร้อยละ 66.63) การจัดทา
แผนการเรียนรู้รายบุคคลมีขั้นตอนที่ยุ่งยากเกินไป (ร้อยละ 64.47) คู่มือการจัดทาแผนการเรียนรู้รายบุคคลยังไม่
ละเอียดชดั เจน (รอ้ ยละ 63.13) ระบบ IT ขาดความพร้อมในการพัฒนาหลักสูตรรายวิชาเลือกเสรี (ร้อยละ 62.62)
ระยะเวลาในการอบรมเพื่อจัดทาแผนการเรียนรู้รายบุคคลน้อยเกินไป (ร้อยละ 61.79) การถ่ายทอดความรู้จาก
วิทยากรท่ีมาอบรมยังไม่ละเอียดชัดเจน (ร้อยละ 51.60) การไม่เคยนาวิธีการเรียนรู้อย่างอื่นมาจัดทาแผนการ
เรียนรู้รายบุคคลนอกจากการเรียนรู้แบบพบกลุ่ม (ร้อยละ 36.97) และการไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับผู้รู้ หรือภูมิปัญญา
ทอ้ งถิน่ (ร้อยละ 32.34) ตามลาดับ

84

ตอนท่ี 4 ปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะ ในการจัดทาแผนการเรียนรู้รายบุคคลหลักสูตรรายวิชา
เลือกเสรีของศูนย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอ (กศน.อาเภอ)

ปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะ ในการจัดทาแผนการเรียนรู้รายบุคคลหลักสูตรรายวิชาเลือกเสรีของ
กศน.อาเภอ ผลการวิเคราะหข์ ้อมูลได้เสนอไวใ้ นตารางท่ี 25-30

ตารางที่ 25 สรปุ ประเดน็ ปัญหาและอปุ สรรคในการจดั ทาแผนการเรียนรูร้ ายบุคคลหลกั สูตรรายวชิ าเลอื กเสรีของ
กศน.อาเภอ (ด้านการบริหารจัดการ)

ปญั หาและอปุ สรรคในการจดั ทาแผนการเรียนรูร้ ายบคุ คลหลักสตู รรายวิชาเลือกเสรีของ กศน.อาเภอ
ดา้ นการบรหิ ารจดั การ

1. การจัดทาแผนการเรียนรรู้ ายบคุ คลมีการจดั อบรมใหก้ บั ครผู สู้ อน แต่วิธกี ารอบรมดงั กล่าวไมส่ ามารถทาให้ครู
เข้าใจในกระบวนการจัดทาแผนการเรียนรรู้ ายบุคคลได้ สง่ ผลในการจัดทาแผนการเรยี นรูร้ ายบคุ คลของครู
และการทค่ี รรู ับผดิ ชอบผูเ้ รยี น 60 คนทีจ่ ะตอ้ งดูเป็นรายบุคคล ทาให้เกดิ ปัญหาในเรอื่ งความทั่วถึงต่อการ
จัดการเรียนการสอน

2. วทิ ยากรท่ีจัดกระบวนการเรียนรูย้ งั ขาดความรู้ความเข้าใจ และไมช่ ัดเจนในการจัดทาแผนการเรียนรรู้ ายบคุ คล
3. ผ้ทู ่มี าถา่ ยทอดยังไมม่ ีความร้ทู ี่ชัดเจน ทาให้อธิบายไม่เข้าใจและตอบคาถามไม่ได้ และใหค้ รูคิด หา และทาเอง

ซง่ึ หาขอ้ สรปุ ที่เป็นไปในทางเดียวกนั ยงั ไม่ได้ ต้องย้อนกลบั ไปถึงผ้ถู า่ ยทอดครั้งแรก
4. การจัดอบรมใหค้ รผู ้สู อนจดั ทาแผนการเรียนรูร้ ายบคุ คล ครยู งั ไม่เข้าใจในการจัดทาหลกั สูตรรายวิชาเลอื กเสรี
5. ระยะเวลาในการอบรมจดั ทาแผนการเรยี นรรู้ ายบุคคลหลกั สูตรรายวิชาเลือกเสรีมีน้อยเกนิ ไป
6. ระยะเวลาในการอบรมจดั ทาแผนการเรยี นรู้รายบุคคลสั้นเกินไป ทาให้ครยู งั ไมม่ ีความพร้อมท่ีจะจดั ทา
7. การอบรมครใู นเรื่องต่าง ๆ และงานอื่น ๆ มีเขา้ มามาก ทาใหค้ รูไม่ค่อยมีเวลาทาแผนการเรยี นรรู้ ายบุคคล
8. ไมม่ ีคู่มือทีช่ ัดเจนทาใหเ้ รียนร้กู ารทาหลักสูตรวชิ าเลอื กเสรีเป็นไปด้วยความยากลาบาก
9. ตัวอย่างส่ือประกอบการเรยี นรไู้ ม่หลากหลาย และขาดรายละเอียดในการฝึกปฏิบัติ
10. ยงั ไม่ได้รบั คูม่ อื การดาเนินการจากการอนุมตั ิให้ใช้อย่างเปน็ ทางการ ไม่สามารถอา้ งถึงได้
11. ขาดความแน่นอนของรปู แบบและวิธีการที่ชดั เจนจากสว่ นกลาง
12. ขาดระบบท่ชี ดั เจน ไมเ่ อือ้ ต่อการทางานปกติ และไมไ่ ด้รับการสนบั สนุนในการปฏบิ ัตจิ ริงจากผ้บู ริหารช้นั ตน้

เทา่ ทค่ี วร รู้สึกว่ายงุ่ ยากซบั ซอ้ น
13. หลักสูตรรายวชิ าเลือกทีส่ านักงาน กศน.จดั ทายังไม่มีความชดั เจนและยังไมต่ รวจทานความถกู ต้อง ชื่อวชิ าและ

รหัสวิชาไมต่ รง และรายวชิ ายังไมค่ รอบคลมุ มากนัก
14. เกณฑ์การประเมินและเทียบโอนไม่ชดั เจน หรือควรมกี ารจัดทาก่อนรับสมคั รนักศึกษาใหม่ เพอ่ื ความชดั เจน

ต่อการจดั กระบวนการการเรียนรู้

85

ตารางท่ี 25 (ต่อ)

ปัญหาและอุปสรรคในการจดั ทาแผนการเรียนรู้รายบคุ คลหลกั สูตรรายวิชาเลือกเสรีของ กศน.อาเภอ
ดา้ นการบรหิ ารจัดการ

15. เนอื้ หาท่ีจะนามาทาแผนการเรยี นรู้รายวิชาเลือกไม่มี แตใ่ หส้ ถานศกึ ษาคิดเองทาเอง ซ่ึงยังไม่พรอ้ มทีจ่ ะทา
และวทิ ยากรท่ีใหค้ วามร้กู ็ตอบคาถามไมช่ ดั เจน ทาให้ผ้จู ัดทาแผนการเรียนรไู้ ม่เข้าใจ ยากต่อการปฏบิ ัติ

16. เนื้อหาในการจดั ทาหลกั สูตรรายวชิ าเลอื กเสรีหายาก
17. บคุ ลากรทม่ี ีความรูค้ วามสามารถในการจดั ทาหลกั สตู รมนี ้อยมาก
18. ภาระงานของอาเภอมีมาก แตจ่ านวนบุคลากรมนี อ้ ย ทาใหง้ านบางอยา่ งอยู่ในคน ๆ เดยี ว ทาหลายหนา้ ที่

ส่งผลใหก้ ารทางานผิดพลาดและมปี ระสทิ ธภิ าพนอ้ ย
19. ครูได้รับข้อมลู เกยี่ วกับการทาแผนการเรยี นร้รู ายบุคคลยังไมช่ ัดเจนพอ จึงไม่สามารถปฏิบตั งิ านได้ตรงตาม

วตั ถุประสงค์
20. แผนการเรียนรู้รายบุคคลไม่เหมาะสมกบั ผเู้ รยี น กศน. เนื่องจากความเป็นจรงิ กศน. ไม่สามารถจัดไดต้ าม

ความต้องการของผูเ้ รียนที่แทจ้ ริง เพราะขาดท้ังผู้สอน หลักสตู ร งบประมาณ และทีส่ าคัญบางวิชามีจานวน
ผู้เรียนแค่ 1 คน ทาให้รายวิชามมี ากเกินความจาเปน็ ยากต่อการบริหารจัดการ และไม่ประสบผลสาเรจ็

จากตารางที่ 25 พบว่า ปัญหาและอุปสรรคในการจัดทาแผนการเรียนรู้รายบุคคลหลักสูตรรายวิชาเลือกเสรี
ของ กศน.อาเภอในภาคตะวันออก ด้านการบริหารจัดการ ในภาพรวมมีสภาพปัญหาและอุปสรรคคล้าย ๆ กัน คือ
กระบวนการอบรมการจัดทาแผนการเรียนรู้รายบุคคลที่จัดให้กับครูมีระยะเวลาในการอบรมจัดทาแผนการเรียนรู้
รายบุคคลส้ันเกินไป หัวข้อการจัดทาแผนการเรียนรู้รายบุคคลหลักสูตรรายวิชาเลือกเสรีมีน้อยเกินไปจึงทาให้ครู
ขาดความรู้ความเข้าใจท่ีชัดเจน ตัวอย่างสื่อประกอบการเรียนรู้ไม่หลากหลาย และขาดรายละเอียดในการฝึก
ปฏบิ ตั ิ นอกจากนัน้ ยงั พบวา่ บางแหง่ วิทยากรผทู้ ม่ี าถ่ายทอดยังไม่มีความรู้ท่ีชัดเจน ทาให้อธิบายไม่เข้าใจและตอบ
คาถามไม่ได้ และให้ครูคิด หา และทาเอง

86

ตารางท่ี 26 สรปุ ประเด็นปัญหาและอปุ สรรคในการจดั ทาแผนการเรยี นรรู้ ายบคุ คลหลกั สูตรรายวชิ าเลือกเสรีของ
กศน.อาเภอ (ดา้ นครผู ู้สอน)

ปญั หาและอุปสรรคในการจัดทาแผนการเรยี นร้รู ายบุคคลหลกั สูตรรายวชิ าเลอื กเสรีของ กศน.อาเภอ
ดา้ นครผู สู้ อน

1. ครผู สู้ อนขาดความรู้ความเขา้ ใจในการจดั ทาแผนการเรยี นรรู้ ายบคุ คล
2. ครผู ู้สอนขาดความรู้ความเขา้ ใจที่ต้องใชใ้ นการจัดทาหลกั สูตรและส่ือรายวิชาเลือกเสรี
3. ครผู สู้ อนขาดความรู้ความเข้าใจในเนอ้ื หาเก่ยี วกบั วิชาเลอื กเสรีท่กี าหนด
4. ครสู ว่ นใหญข่ าดทกั ษะดา้ นวชิ าการและยงั ขาดความรู้ความเขา้ ใจในการจดั ทาแผนการเรียนรู้รายบคุ คล
5. ครยู งั ขาดความเข้าใจในการจัดทาแผนโครงการวเิ คราะหผ์ เู้ รียน
6. ครผู สู้ อนไม่ได้มีความรอบรทู้ กุ สาขา ทกุ เรอ่ื ง ทุกวิชา และมีงานมากมายทตี่ อ้ งทา เชน่ สอนขั้นพนื้ ฐาน จัดทา

โครงการ จัดทาอาชีพ ฯลฯ
7. ครผู สู้ อนขาดข้อมูลเก่ยี วกบั มาตรฐานการเรยี นรู้ ผลการเรียนรู้ทคี่ าดหวังของวชิ าเลอื กเสรีทจ่ี ดั ทาใหม่
8. ครผู ้สู อนไม่ได้ใหค้ วามสาคัญในการจดั ทาหลักสตู รรายวิชาเลอื กเสรเี ท่าที่ควร
9. ครขู าดความร้คู วามเข้าใจในการจัดทาหลกั สูตรรายวิชาเลือกเสรขี อผเู้ รียน และในการสัมภาษณ์/สอบถาม

ผู้เรียนนัน้ ขอ้ มลู ท่ไี ด้ไม่ค่อยเป็นความจริง
10. ครทู ี่จดั ทาแผนการเรียนรู้รายวชิ ามคี วามรู้ทีไ่ มต่ รงสายรายวิชา ไม่สามารถอธิบายให้เป็นภาษาทางวชิ าการได้

และมาตรฐานความรขู้ องครูที่นามาเปน็ เกณฑว์ ัดผลในรายวิชาไมต่ รงกนั เปน็ การประเมินตามความคิดของครู
ผทู้ า ไม่มีการประเมินผลทเ่ี ป็นมาตรฐานและมีลายลักษณอ์ ักษร
11. พน้ื ฐานความเขา้ ใจในการจัดทาแผนการเรียนรู้รายบุคคลหลักสูตรรายวิชาเลอื กเสรีของครูผู้สอนไม่เทา่ กัน
12. ตอ้ งวเิ คราะห์ผู้เรียนเป็นรายบคุ คลเพราะผู้เรียนแต่ละคนมพี น้ื ฐานทต่ี า่ งกันจงึ ตอ้ งจดั ทาแผนการเรียนรู้
รายบคุ คลทแ่ี ตกตา่ งกัน
13. ครูยังไม่มีความรู้ความเข้าใจในการจดั ทาแผนการเรียนรู้รายบคุ คล ทาให้เกดิ ความยุ่งยากในการจดั กระบวน
การเรียนรู้ และ กศน.อาเภอ บุคลากรมนี ้อยแตง่ านมมี าก ทาให้ไม่มเี วลาจัดทาแผนการเรียนรูร้ ายบคุ คล
14. ครมู ีภาระงานมากมาย ไม่มีเวลาเพยี งพอในการจัดทาหลกั สตู รรายวชิ าเลือกเสรี
15. ครูมงี านในหนา้ ทม่ี ากเกินไป จงึ ไม่สามารถทาหลักสตู รรายวิชาเลอื กเสรีได้สมบรู ณ์
16. การจัดทามีความยุ่งยากซบั ซอ้ น เพ่มิ ภาระครูผสู้ อนในการจดั การการเรยี นการสอน
17. ในการทาหลกั สตู รวิชาศิลปะการแสดง เน่ืองจากผ้สู อนไม่มีความรใู้ นการถา่ ยทอดตามเนอ้ื หาวิชานีโ้ ดยตรง
ตอ้ งศกึ ษาเพม่ิ เตมิ มากเป็นเศษ เพอื่ นาความรู้มาถ่ายทอดแก่ผู้เรยี น ครูผู้สอนอาจจะตอ้ งไปอบรมเพม่ิ เติม

87

ตารางที่ 26 (ตอ่ )

ปญั หาและอปุ สรรคในการจัดทาแผนการเรียนรรู้ ายบคุ คลหลักสตู รรายวชิ าเลอื กเสรีของ กศน.อาเภอ
ด้านครผู ูส้ อน

18. ปัญหาที่เกดิ ข้ึนคือ ไม่มีความรใู้ นวิชาทจี่ ะทาอย่างถ่องแท้ จงึ ไมส่ ามารถถา่ ยทอดวิชาให้กบั ผูเ้ รยี นได้ การทา
แผนการเรยี นรู้รายบคุ คลเปน็ เร่ืองทท่ี าใหเ้ กิดขึ้นจริงอย่างมีประสทิ ธิภาพได้ยากมาก เพราะผ้เู รียนมพี ้ืนฐาน
ในการรับรไู้ มเ่ ทา่ กัน ความต้องการเรยี นและสนใจไม่มากพอ ผู้เรียนช่วงวัยรนุ่ บางคนยงั ไม่ร้วู า่ ถนัดอะไร
เรยี นไปตามเพือ่ นหรอื แค่เรียนให้จบ ๆ ไป และครไู ม่มีความถนดั หรอื ยงั มีความรู้ไม่มากพอท่จี ะถ่ายทอดวิชาได้

19. ครผู ู้สอนคนพกิ ารมีแผนการเรยี นรแู้ ละเปา้ หมายทอี่ ยากจะเป็น ซึง่ คล้ายกับการจัดทาแผนเรยี นรรู้ ายบุคคล
ทาให้เกดิ ความสับสนในการใชแ้ ผนการเรียนรู้

20. เนอื่ งจากมผี เู้ รียนในความรับผดิ ชอบจานวนเปน็ รอ้ ยคน ทาให้ครูประจากลมุ่ จัดรายบุคคลไดย้ าก เพราะ
ภารกจิ ของครู กศน.มีมากมายหลายดา้ น จงึ เปน็ ปญั หาในการจัดทาแผนการเรียนรายบคุ คล และผูเ้ รยี น
มีหลากหลายอาชพี ภูมปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ ไม่ครอบคลุมกบั อาชีพของผู้เรียน

จากตารางท่ี 26 พบว่า ปัญหาและอุปสรรคในการจัดทาแผนการเรียนรู้รายบุคคลหลักสูตรรายวิชาเลือกเสรี
ของ กศน.อาเภอในภาคตะวนั ออก ดา้ นครูผู้สอน ในภาพรวมมีสภาพปัญหาและอุปสรรคคล้าย ๆ กัน คือ ครูผู้สอน
บางส่วนยังขาดความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับการจัดทาแผนการเรียนรู้รายบุคคล การจัดทาหลักสูตรและส่ือรายวิชา
เลือกเสรี นอกจากนั้นครูยังเห็นว่าการจัดทาแผนการเรียนรู้รายบุคคลมีความยุ่งยากซับซ้อน เป็นการเพิ่มภาระ
ครูผู้สอนในการจัดการการเรียนการสอน เนื่องจากครูมีภาระงานมากมาย ไม่มีเวลาเพียงพอในการจัดทาหลักสูตร
รายวชิ าเลอื กเสรีได้สมบรู ณ์

88

ตารางที่ 27 สรุปประเดน็ ปญั หาและอปุ สรรคในการจดั ทาแผนการเรียนรู้รายบุคคลหลกั สูตรรายวชิ าเลือกเสรขี อง
กศน.อาเภอ (ดา้ นผ้เู รยี น)

ปญั หาและอุปสรรคในการจดั ทาแผนการเรียนรู้รายบคุ คลหลกั สูตรรายวิชาเลือกเสรีของ กศน.อาเภอ
ด้านผ้เู รยี น

1. ผเู้ รยี นมีอาชีพที่หลากหลายมาก การท่ีจะจดั ให้เรียนรตู้ ามประสบการณ์หรอื อาชพี จะมีปญั หาในเรอ่ื งการ
ประเมินผล เพราะมกี ระบวนการมากและรายละเอยี ดต้องอาศัยผูเ้ ช่ียวชาญ ซง่ึ กศน.อาเภอไม่สามารถปฏบิ ตั ิได้
สมบูรณห์ รืออาจจะเกดิ การล้มเหลวในการจัดการเรียนรู้ได้ และทสี่ าคญั ครยู งั ไมม่ คี วามเข้าใจดีพอในการจัดทา
แผนการเรียนรู้รายบุคคล

2. ผเู้ รียนมีความแตกต่างทางด้านอาชพี อายุ ประสบการณ์ แผนการเรยี นร้รู ายบุคคลจงึ เกิดความหลากหลาย
เกิดปัญหาอุปสรรค หลักสตู รและเนอื้ หารายวชิ า วิธกี าร กิจกรรมการเรียนรู้ วิธีการจดั แผนและประเมินผล
ซ่งึ เปน็ กระบวนการที่ต่อเนื่อง

3. ผูเ้ รียนมอี าชีพท่ีหลากหลาย ไม่สามารถที่จะจดั การเรยี นการสอนให้ครบถ้วนทุกคน วชิ าเลือกมมี ากเกนิ ไป
ครู 1 คน รบั ผิดชอบผูเ้ รยี นมาก และมกี จิ กรรมอ่นื ๆ อีกมากมาย ไม่สามารถดูแลแตข่ ัน้ พ้ืนฐานให้ดไี ด้

4. ผู้เรียนมอี าชพี ทีห่ ลากหลาย และผูเ้ รยี นมัธยมศกึ ษาตอนตน้ สว่ นมากจะว่างงาน ยากตอ่ การลงวิชาเลือกเสรี
เพราะลงให้แล้วอาจจะไมส่ ามารถไปเรยี นได้

5. ผู้เรียนมอี าชพี ทห่ี ลากหลายมาก ยากต่อการจัดแผนการเรียนร้รู ายบุคคลและผู้เรียนบางคนเปลี่ยนอาชีพ จากที่
เคยสัมภาษณ์พอจดั ใหล้ งก็ไมต่ รงกบั อาชพี ท่ีทา บางคนอยากเรยี นเหมือนกนั แต่คนละอาชพี

6. บางครงั้ ผเู้ รียนไมส่ ามารถตอบไดว้ ่ามีความตอ้ งการเรียนอะไร ชอบอะไร ขอ้ มูลทไ่ี ด้จากผเู้ รียนจงึ ยงั ไมช่ ัดเจน
ครบถว้ นสมบรู ณ์

7. ผู้เรียนสว่ นมากไมไ่ ดต้ ้องการเรยี นจบแลว้ นาไปประกอบอาชีพ แตต่ อ้ งการจบแล้วต้องการเรียนต่อบางคน
ก็ยังไมส่ ามารถระบุไดว้ ่าจบแลว้ จะทาอะไร ทาใหก้ ารเลือกแผนการเรียนไม่ชัดเจน ดงั นนั้ ผู้เรยี นเลือกแผน
ท่ีจะนาไปศกึ ษาต่อไว้ก่อน ทาให้แผนการเรยี นรูร้ ะบบ กศน.ไม่ประสบผลสาเรจ็ บางคนเลือกแผนไปแลว้
1 ภาคเรยี น แตป่ ระสงคจ์ ะเปล่ยี นแผนในภาคเรียนต่อไป

8. ผเู้ รยี นบางสว่ นมีความตอ้ งการต่างกนั และบางคนไมไ่ ด้ทางาน ยงั วางอนาคตของตนเองไมไ่ ด้ ทาใหก้ ารจัดทา
หลกั สตู รรายวชิ าเลือกเสรีใหต้ รงกับผูเ้ รียนเป็นไปคอ่ นข้างยาก

9. ผเู้ รียนส่วนใหญจ่ ะอยูช่ ว่ งวยั รนุ่ ไมม่ ีงานทาท่แี นน่ อน การจัดการศกึ ษาหลกั สตู รรายวิชาเลอื กเสรีมงุ่ เนน้ ใหจ้ ัด
รายวิชาที่ตรงกบั อาชีพของผ้เู รียนซ่ึงยากตอ่ การจัดการศึกษาให้ตรงตามอาชีพนั้น ๆ ของผเู้ รียน

10. ผู้เรียนอยากเปล่ยี นโปรแกรมวิชาเลอื ก แตข่ าดหนังสอื และคู่มือในการเรยี นการสอน

89

ตารางที่ 27 (ตอ่ )

ปญั หาและอปุ สรรคในการจดั ทาแผนการเรยี นรรู้ ายบคุ คลหลักสูตรรายวชิ าเลอื กเสรีของ กศน.อาเภอ
ดา้ นผูเ้ รยี น

11. บางครงั้ ผู้เรียนปัจจุบนั ประกอบอาชพี เดมิ อยู่ แต่ในอนาคตผเู้ รยี นมีความตอ้ งการเปล่ยี นอาชีพใหม่ก็ไม่สามารถ
เปลยี่ นแผนการเรยี นได้

12. ผู้เรียนไม่ไดป้ ระกอบอาชพี เหมอื นกนั ทุกคน และเวลากไ็ ม่ตรงกัน
13. ผู้เรยี นมีประสบการณ์ต่างกนั ยากต่อการจัดกลุม่
14. ผู้เรียนมีความหลากหลาย ทาให้ต้องทาหลายโปรแกรม
15. ผู้เรยี นบางคนไมส่ ามารถติดตอ่ ได้ ทาให้ไมส่ ามารถจดั ทาแผนการเรียนรู้รายบคุ คลได้
16. ผเู้ รยี นอาจมีการเปลี่ยนแปลงการประกอบอาชพี และทาให้รายวิชาเลอื กท่ีลงไว้อาจไม่ตรง
17. ผู้เรียนท่ีทาแผนการเรียนรู้รายบคุ คลไวไ้ ม่ค่อยมาพบกลุ่ม และตดิ ต่อไม่ได้
18. ผเู้ รยี นมคี วามหลากหลายเป็นการยากในการจัดทาแผนการเรยี นรูร้ ายบุคคลใหค้ รอบคลุมทกุ คน และ

ระยะเวลามอี ย่างจากัดไมส่ ามารถทาแผนการเรยี นการสอนไดท้ ันตามความตอ้ งการของผูเ้ รียน
19. ปญั หาการเขา้ ถงึ ผู้เรียน เนื่องจากผเู้ รียนบางคนอาจจะมีเวลาน้อย เพราะต้องทางานเวลาไมต่ รงกนั จงึ ตอ้ ง

พบกลมุ่ และใช้เวลาท่ีผเู้ รียนว่าง ทาให้ครูมเี วลาในการวิเคราะหผ์ ้เู รยี นไมท่ ่วั ถึง
20. ผเู้ รียนไม่ค่อยมเี วลามาพบกลุ่มพร้อม ๆ กนั
21. ผเู้ รียนเลอื กวิชาเลอื กเสรโี ดยไม่เข้าใจความหมายของรายวิชา
22. ผเู้ รียนบางรายยงั ขาดความตั้งใจในการเรยี นรู้ จึงทาให้การจดั ทาแผนการเรียนร้บู กพรอ่ ง ครผู ้สู อนไดจ้ ัดทา

แผนแล้วผูเ้ รยี นไมม่ าพบกลุ่ม
23. ผเู้ รียนทีล่ งเรียนแผนการเรียนรู้รายบคุ คลหลักสตู รรายวชิ าเลอื กเสรี ไม่เข้าใจกระบวนการเรียนรู้และครูก็ไม่

ค่อยเข้าใจ รายวชิ ามมี ากเกนิ ไป ในบางครั้งวชิ าเลอื กบางวชิ ากไ็ ม่ควรนามาเปน็ รายวชิ าเลือกเสรี เพราะที่มี
ก็มากพอแล้ว
24. ผเู้ รยี นตอบข้อมูลไม่ชดั เจน ทาให้การจดั ทาแผนการเรยี นรู้รายบุคคลไมส่ มบูรณ์

จากตารางที่ 27 พบว่า ปญั หาและอปุ สรรคในการจัดทาแผนการเรียนรู้รายบุคคลหลักสูตรรายวิชาเลือกเสรี
ของ กศน.อาเภอในภาคตะวันออก ด้านผู้เรียนในภาพรวมมีสภาพปัญหาและอุปสรรคคล้าย ๆ กัน คือ ผู้เรียนมี
ความหลากหลายเป็นการยากในการจัดทาแผนการเรียนรู้รายบุคคลให้ครอบคลุมทุกคน บางคร้ังผู้เรียนไม่สามารถ
ตอบได้ว่ามีความต้องการเรียนอะไร ชอบอะไร ข้อมูลท่ีได้จากผู้เรียนจึงยังไม่ชัดเจนและระยะเวลามีอย่างจากัดไม่
สามารถทาแผนการเรยี นการสอนไดท้ ันตามความต้องการของผเู้ รียน


Click to View FlipBook Version