The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รวม ก.ม.-การพิจารณาคดีอิเล็กทรอนิกส์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

รวม ก.ม.-การพิจารณาคดีอิเล็กทรอนิกส์

รวม ก.ม.-การพิจารณาคดีอิเล็กทรอนิกส์

รวมกฎหมายเกี่กี่ กี่ ย กี่ ยวกักั กั บ กั บ การพิพิ พิพิ จารณาคดีดี ดีดี ทางอิอิ อิ เ อิ เล็ล็ ล็ ก ล็ กทรอนินิ นิ ก นิ กส์ส์ ส์ส์ รวบรวมโดย ส่ส่ส่วส่นส่ส่ส่งส่เสริริริมริพัพัพัพัฒนางานศาลดิดิดิจิดิจิจิทัจิทัทัลทัและนวัวัวัตวั กรรม สำสำสำสำนันันักนั ส่ส่ส่งส่เสริริริมริ งานตุตุตุลตุาการ สำสำสำสำนันันักนั งานศาลยุยุยุติยุติติธติรรม ข้ข้ข้อข้มูมูมูลมูณ วัวัวันวั ที่ที่ที่ที่๙ กักักันกั ยายน ๒๕๖๕


กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ก สารบัญ เรื่อง หน้า วิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ 1. ข้อก าหนดของประธานศาลฎีกาว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๓ 1 หมวด 1 บททั่วไป 3 หมวด 2 การจัดท าเอกสารในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ 3 หมวด 3 การนั่งพิจารณาโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ 4 หมวด 4 การรับฟังพยานหลักฐาน 5 หมวด 5 ค าพิพากษา 5 หมวด 6 การประชุมในศาลชั้นอุทธรณ์และศาลฎีกาโดยวิธีการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ 6 หมวด 7 อุทธรณ์และฎีกา 6 หมวด 8 อื่นๆ 7 2. ข้อพิจารณาข้อก าหนดของประธานศาลฎีกาว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์พ.ศ. ๒๕๖๓ ๘ ส่วนที่ ๑ ที่มาและหลักการด าเนินกระบวนพิจารณาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ๘ 1. ที่มาของการด าเนินกระบวนพิจารณาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ 2. หลักการด าเนินกระบวนพิจารณาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ๒.๑ วิธีพิจารณาคดีแพ่งทั่วไปกับวิธีพิจารณาคดีด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ๒.๒ วัตถุประสงค์ของการใช้วิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๒.๓ ความสามารถในการเข้าถึงเทคโนโลยีของคู่ความ ๒.๔ ความไม่เคร่งครัดในกระบวนพิจารณา ส่วนที่ ๒ กระบวนพิจารณาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ 10 ๑. การเริ่มกระบวนพิจารณา ๒. การด าเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบหรือผิดหลง ๓. การย่นหรือขยายระยะเวลา ๔. การยื่น ส่งหรือรับเอกสารในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์หรือข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ๕. การจัดท าเอกสารในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ๖. การลงลายมือชื่อในเอกสารในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนที่ ๓ การนั่งพิจารณาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ๒4 ๑. การบันทึกค าพยาน ๒. การจัดท ารายงานกระบวนพิจารณาในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ท่านสามารถ Click ที่ Smart Link (ตัวอักษรสีน ้าเงิน) เพื่อไปยังส่วนที่ต้องการได้ทันที


กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ข สารบัญ เรื่อง หน้า ส่วนที่ ๔ การรับฟังพยานหลักฐานในกระบวนพิจารณาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ๒9 ๑. การรับฟังและการชั่งน าหนักพยานหลักฐาน ๒. นิติกรรมที่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ ท าเป็นหนังสือหรือมีเอกสารมาแสดง และการปิดอากรแสตมป์ ๓. ความเป็นต้นฉบับของเอกสาร ส่วนที่ ๕ การพิพากษาคดีในกระบวนพิจารณาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ 35 3. ประกาศส านักงานศาลยุติธรรมเรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขเกี่ยวกับ 37 การใช้วิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ หมวด 1 บททั่วไป 39 หมวด 2 การจัดท าเอกสารในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ 39 หมวด 3 การนั่งพิจารณาโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ 40 ส่วนที่ 1 การนั่งพิจารณาทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนที่ 2 การบันทึกค าเบิกความพยานโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ หมวด 4 ค าพิพากษา 45 หมวด 5 การระงับใช้ระบบ 45 4. ระเบียบราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรมว่าด้วยการด าเนินคดีอาญา ๔8 ในระหว่างที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Coronavirus Disease : COVID-19) พ.ศ. ๒๕๖๔ 5. ข้อพิจารณาเกี่ยวกับระเบียบราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม 51 ว่าด้วยการด าเนินคดีอาญาในระหว่างที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Coronavirus Disease : COVID-19) พ.ศ. ๒๕๖๔ 6. ระเบียบราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรมว่าด้วยการด าเนินคดีแพ่งระหว่าง 63 ที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Coronavirus Disease : COVID-19) พ.ศ. ๒๕๖๔ 7. ข้อบังคับของประธานศาลฎีกา ว่าด้วยการบันทึกค าเบิกความพยานในคดีอาญา 68 โดยใช้วิธีการบันทึกลงในวัสดุซึ่งสามารถถ่ายทอดออกเป็นภาพและเสียง พ.ศ. 2564 8. แนวทางการนั่งพิจารณาโดยใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์นอกที่ท าการ 70 ท่านสามารถ Click ที่ Smart Link (ตัวอักษรสีน ้าเงิน) เพื่อไปยังส่วนที่ต้องการได้ทันที


กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ค สารบัญ เรื่อง หน้า การด าเนินคดีอาญาในลักษณะการประชุมทางจอภาพ 1. ข้อบังคับของประธานศาลฎีกา ว่าด้วยการสอบถามผู้ต้องหาหรือท าการ 72 ไต่สวนพยานหลักฐานในการออกหมายขังผู้ต้องหาในลักษณะการประชุม ทางจอภาพ พ.ศ. 2556 2. ข้อบังคับของประธานศาลฎีกา ว่าด้วยการสืบพยานคดีอาญาในลักษณะ 74 การประชุมทางจอภาพ พ.ศ. 2556 การยื่น ส่ง และรับค าคู่ความและเอกสารทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ (e-Filing) และระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม (CIOS) 1. ข้อก าหนดประธานศาลฎีกา ว่าด้วยการยื่น ส่ง และรับค าคู่ความและเอกสาร 77 ทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 ส่วนที่ ๑ การลงทะเบียน 77 ส่วนที่ ๒ การยื่น ส่ง และรับค าคู่ความหรือเอกสารทางคดี 78 ส่วนที่ ๓ การส่งหมายทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ 79 ส่วนที่ ๔ การช าระเงินผ่านระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ 79 ส่วนที่ ๕ อื่น ๆ 80 2. ประกาศส านักงานศาลยุติธรรม เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการยื่น ส่ง 81 และรับค าคู่ความและเอกสารทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์และที่แก้ไขเพิ่มเติม หมวด 1 บททั่วไป 83 หมวด 2 ระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ (e-Filing System) 84 ส่วนที่ 1 การลงทะเบียน ส่วนที่ 2 การยื่นค าฟ้อง ค าคู่ความและเอกสารทางคดี ส่วนที่ 3 การช าระเงิน ส่วนที่ 4 การด าเนินการของศาลและเจ้าหน้าที่ หมวด 3 ระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม (Court Integral Online Service : CIOS) 88 ส่วนที่ 1 การลงทะเบียน ส่วนที่ 2 การยื่นค าคู่ความและเอกสารทางคดี ส่วนที่ 3 การช าระเงิน ส่วนที่ 4 การด าเนินการของเจ้าหน้าที่ ท่านสามารถ Click ที่ Smart Link (ตัวอักษรสีน ้าเงิน) เพื่อไปยังส่วนที่ต้องการได้ทันที


กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ง สารบัญ เรื่อง หน้า หมวด 4 การยื่นค าขอรับเอกสารผ่านระบบ 90 ส่วนที่ 1 การขอคัดถ่ายเอกสาร ส่วนที่ 2 การขอใบส าคัญเพื่อแสดงว่าค าพิพากษาหรือค าสั่งได้ถึงที่สุดแล้ว หมวด 5 การเงิน 92 หมวด 6 การจัดท าสิ่งพิมพ์ออกจากระบบ 93 หมวด 7 การระงับใช้ระบบ 93 3. ประกาศส านักงานศาลยุติธรรมเรื่อง การก าหนดอักษรย่อของส านวนความในศาล 97 (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๓ 4. ประกาศส านักงานศาลยุติธรรม เรื่อง คู่ความที่มีสิทธิลงทะเบียนเพื่อใช้งาน 98 ระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ (e-Filing System) 5. ประกาศส านักงานศาลยุติธรรม เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการในการพิสูจน์ตัวตน 99 ของผู้ใช้ระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม (Court Integral Online Service : CIOS) 6. ประกาศส านักงานศาลยุติธรรม เรื่องหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการยื่น ส่ง 101 และรับค าคู่ความและเอกสารในคดีครอบครัวทางระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม 7. ประกาศส านักงานศาลยุติธรรม เรื่อง การก าหนดอักษรย่อของส านวนความในศาล 103 (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๔ 8. ประกาศส านักงานศาลยุติธรรม เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขเกี่ยวกับ 104 การใช้วิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ในคดีซื้อขายออนไลน์ หมวด 1 บททั่วไป 104 หมวด 2 การไกล่เกลี่ยและการนั่งพิจารณา 106 หมวด 3 ค าพิพากษา 106 9. ประกาศส านักงานศาลยุติธรรม เรื่อง การขอปล่อยชั่วคราวทางสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศ 107 หมวด 1 บททั่วไป 108 หมวด 2 การลงทะเบียนเข้าใช้ระบบ 109 หมวด 3 การยื่นค าร้อง 109 หมวด 4 การด าเนินการของเจ้าหน้าที่ 110 หมวด 5 การท าสัญญาประกัน 110 หมวด 6 การวางหลักประกัน 111 ท่านสามารถ Click ที่ Smart Link (ตัวอักษรสีน ้าเงิน) เพื่อไปยังส่วนที่ต้องการได้ทันที


กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ จ สารบัญ เรื่อง หน้า การส่งเอกสารและการประกาศนัดไต่สวนโดยวิธีลงโฆษณาทางสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศ 1. ค าแนะน าของประธานศาลฎีกา ว่าด้วยการส่งเอกสารและการประกาศนัดไต่สวน 112 โดยวิธีลงโฆษณาทางสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศ พ.ศ. 2561 2. ประกาศส านักงานศาลยุติธรรม เรื่อง หลักเกณฑ์ และวิธีการส่งเอกสารและ 114 การประกาศนัดไต่สวนโดยวิธีลงโฆษณาทางสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศ อื่น ๆ ข้อพิจารณาในการลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ในสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีแพ่ง 117 ท่านสามารถ Click ที่ Smart Link (ตัวอักษรสีน ้าเงิน) เพื่อไปยังส่วนที่ต้องการได้ทันที


กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๑ ข้อก าหนดของประธานศาลฎีกา ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๓ ______________ โดยที่เป็นการสมควรให้มีข้อก าหนดของประธานศาลฎีกาว่าด้วยวิธีพิจารณาคดี ทางอิเล็กทรอนิกส์ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๓๔/๑ มาตรา ๕๑ วรรคสอง และมาตรา ๖๘ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ๒๘) พ.ศ. ๒๕๕๘ ประธานศาลฎีกาโดยความเห็นชอบ ของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาออกข้อก าหนดไว้ ดังต่อไปนี ข้อ ๑ ข้อก าหนดนี เรียกว่า “ข้อก าหนดของประธานศาลฎีกาว่าด้วยวิธีพิจารณาคดี ทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๓” ข้อ ๒ ข้อก าหนดนี ให้ใช้บังคับตั งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในข้อก าหนดนี เว้นแต่ข้อความจะแสดงให้เห็นเป็นอย่างอื่นและที่ได้บัญญัติไว้ ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง “ศาล” หมายความว่า ศาลยุติธรรมหรือผู้พิพากษาที่มีอ านาจพิจารณาพิพากษาคดี “เจ้าหน้าที่” หมายความว่า เจ้าหน้าที่ศาลยุติธรรมที่ได้รับมอบหมายให้มีหน้าที่ “เอกสาร” หมายความว่า บรรดาเอกสารในส านวนความ เช่น รายงานและเอกสาร ที่ส่งต่อศาลหรือศาลท าขึ น ค าพิพากษา ค าสั่ง ค าสั่งชี ขาดคดี พยานเอกสาร แผนที่ ภาพถ่าย ภาพถ่ายพยานวัตถุค าบังคับ หมายบังคับคดี และให้หมายความรวมถึงหลักฐานการรับจ่ายเงินที่เกี่ยวกับคดี “ข้อความ” หมายความว่า เรื่องราว หรือข้อเท็จจริง ไม่ว่าจะปรากฏในรูปแบบของตัวอักษร ตัวเลข เสียง ภาพ หรือรูปแบบอื่นใดที่สื่อความหมายได้โดยสภาพของสิ่งนั นเองหรือโดยผ่านวิธีการใด ๆ “อิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า การประยุกต์ใช้วิธีการทางอิเล็กตรอนไฟฟ้า คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือวิธีอื่นใดในลักษณะคล้ายกัน และให้หมายความรวมถึงการประยุกต์ใช้วิธีการ ทางแสง วิธีการทางแม่เหล็ก หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการประยุกต์ใช้วิธีต่าง ๆ เช่นว่านั น “ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า ข้อความที่ได้สร้าง ส่ง รับ เก็บรักษา หรือ ประมวลผลด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ “ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า อักษร อักขระ ตัวเลข เสียง หรือสัญลักษณ์ อื่นใดที่สร้างขึ นให้อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งน ามาใช้ประกอบกับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เพื่อแสดง ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลกับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อระบุตัวบุคคลผู้เป็นเจ้าของ ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั น และเพื่อแสดงว่าบุคคลดังกล่าวยอมรับ ข้อความในข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั น “เจ้าของลายมือชื่อ” หมายความว่า ผู้ซึ่งถือข้อมูลส าหรับใช้สร้างลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ และสร้างลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์นั นในนามของตนเองหรือแทนบุคคลอื่น


กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๒ “ระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า ระบบงานของศาลเพื่อรองรับการยื่น ส่ง และรับค าฟ้อง ค าคู่ความ ค าสั่งศาล หมายเรียก หมายอื่น ๆ รวมทั งเอกสารทางคดีในรูปแบบข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์ตามที่ก าหนดไว้ในประกาศส านักงานศาลยุติธรรม “สื่ออิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า สื่อบันทึกข้อมูลหรือสารสนเทศใด ๆ ที่ใช้วิธีการ ทางอิเล็กทรอนิกส์โดยการประยุกต์ใช้วิธีการทางอิเล็กตรอน ไฟฟ้า คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือวิธีอื่นใด ในลักษณะคล้ายกัน และให้หมายความรวมถึงการประยุกต์ใช้วิธีการทางแสง วิธีการทางแม่เหล็ก หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการประยุกต์ใช้วิธีการต่าง ๆ เช่นว่านั น “การประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า การประชุมที่ได้กระท าผ่าน สื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยผู้เข้าร่วมประชุมทั งหมดไม่จ าเป็นต้องอยู่ในที่ประชุมแห่งเดียวกัน ซึ่งผู้เข้าร่วม ประชุมสามารถประชุมปรึกษาหารือและแสดงความคิดเห็นระหว่างกันได้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ “ประธาน” หมายความว่า ประธานศาลฎีกา ประธานศาลอุทธรณ์ ประธานศาลอุทธรณ์ภาค ประธานศาลอุทธรณ์คดีช านัญพิเศษ ประธานแผนกคดีในศาลฎีกา ประธานแผนกคดีในศาลอุทธรณ์ ประธานแผนกคดีในศาลอุทธรณ์ภาค และรองประธานศาลอุทธรณ์คดีช านัญพิเศษ “การประชุม” หมายความว่า การประชุมใหญ่หรือการประชุมแผนกคดีในศาลชั นอุทธรณ์ และศาลฎีกา เพื่อพิจารณาปัญหาข้อกฎหมายหรือปัญหาอื่นใดที่ประธานเห็นสมควร หรือกรณีที่มี กฎหมายก าหนดว่าต้องได้รับความเห็นชอบของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา “เลขานุการ” หมายความว่า ข้าราชการตุลาการซึ่งประธานก าหนดให้ท าหน้าที่ เลขานุการในการประชุม “ผู้เข้าร่วมประชุม” หมายความว่า ประธาน องค์ประชุม เลขานุการ ผู้ช่วยเลขานุการ หรือข้าราชการตุลาการซึ่งประธานมีค าสั่งให้เข้าประชุม และให้หมายความรวมถึงผู้ซึ่งต้องชี แจงแสดง ความคิดเห็นต่อการประชุม “ความมั่นคงปลอดภัย” หมายความว่า การธ ารงไว้ซึ่งความลับ (confidentiality) ความถูกต้องครบถ้วน (integrity) และสภาพพร้อมใช้งาน (availability) ของระบบควบคุมการประชุม รวมทั งคุณสมบัติอื่น ได้แก่ ความถูกต้องแท้จริง (authenticity) ความรับผิด (accountability) การห้ามปฏิเสธความรับผิด (non-repudiation) และความน่าเชื่อถือ (reliability) ของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ที่เกี่ยวข้องหรือเกิดจากการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ “ระบบควบคุมการประชุม” หมายความว่า ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ และ/หรือ อุปกรณ์สื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ใด ๆ ทั งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่เชื่อมโยงกันเป็นเครือข่าย และมีการ สื่อสารข้อมูลกันโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และ/หรือการโทรคมนาคม เพื่อให้ผู้เข้าร่วม ประชุมสามารถเข้าถึงและใช้งานส าหรับการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ได้ไม่ว่าจะเป็นการประชุม ด้วยเสียงหรือทั งเสียงและภาพ


กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๓ หมวด ๑ บททั่วไป ข้อ ๔ เพื่อให้การด าเนินกระบวนพิจารณาเป็นไปโดยสะดวก รวดเร็ว และเที่ยงธรรม เมื่อศาลเห็นสมควรหรือคู่ความร้องขอ ศาลอาจก าหนดให้ด าเนินกระบวนพิจารณาด้วยวิธีการตามข้อก าหนดนี โดยค านึงถึงความสะดวกและประหยัดส าหรับคู่ความที่ยังไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีด้วย ทั งนี ประเภทคดี หลักเกณฑ์และวิธีการให้เป็นไปตามที่ส านักงานศาลยุติธรรมประกาศก าหนด ข้อ ๕ ศาลอาจสั่งให้คู่ความที่ด าเนินกระบวนพิจารณาผิดระเบียบหรือผิดหลงท าการแก้ไข ให้ถูกต้องได้ภายในระยะเวลาและเงื่อนไขที่ศาลเห็นสมควรก าหนด เว้นแต่ข้อผิดระเบียบหรือผิดหลงดังกล่าว เกิดจากความไม่สุจริตของคู่ความฝ่ายนั น ข้อ ๖ ระยะเวลาตามที่ก าหนดไว้ในข้อก าหนดนี หรือตามที่ศาลก าหนด เมื่อศาลเห็นสมควร หรือเมื่อคู่ความร้องขอ ศาลมีอ านาจย่นหรือขยายได้ตามความจ าเป็นและเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ข้อ ๗ การยื่น ส่ง หรือรับเอกสารในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์หรือข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ที่จัดท าขึ นตามข้อก าหนดนี อาจด าเนินการโดยทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์หรือสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศอื่นใด หรือวิธีการใด ๆ ก็ได้ ทั งนี หลักเกณฑ์และวิธีการให้เป็นไปตามที่ส านักงานศาลยุติธรรมประกาศก าหนด ข้อ ๘ เอกสารที่ได้ยื่น ส่ง และรับทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ตามข้อก าหนดของ ประธานศาลฎีกา ว่าด้วยการยื่น ส่ง และรับค าคู่ความและเอกสารทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้ถือว่าเป็นเอกสารที่ได้จัดท าในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามข้อก าหนดนี เอกสารที่จัดท าในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามข้อก าหนดนี ให้เจ้าหน้าที่ด าเนินการ รวบรวมและเก็บรักษาเอกสารนั นตามวิธีการที่ก าหนดในข้อก าหนดของประธานศาลฎีกาว่าด้วย การจัดท าสารบบความ สารบบค าพิพากษา และการรวบรวมเก็บรักษาเอกสารในส านวนความ ในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๒ สิ่งพิมพ์ออกของเอกสารตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ให้ถือว่าเป็นส าเนาที่ได้รับรอง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และให้ใช้แทนต้นฉบับได้ หมวด ๒ การจัดท าเอกสารในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๙ ภายใต้บังคับข้อก าหนดของประธานศาลฎีกาว่าด้วยการยื่น ส่ง และรับค าคู่ความ และเอกสารทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๐ ศาล คู่ความ หรือผู้เกี่ยวข้อง อาจจัดท าเอกสาร ในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ โดยข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั นต้องสามารถเข้าถึงและน ากลับมาใช้ได้ โดยความหมายไม่เปลี่ยนแปลง และให้ถือเป็นต้นฉบับและถือว่าได้ท าเป็นหนังสือตามที่ประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความแพ่งก าหนด ข้อ ๑๐ ในกรณีที่ต้องลงลายมือชื่อในเอกสารในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ อาจใช้ ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือให้ถือว่าได้มีการลงลายมือชื่อแล้ว ถ้า (๑) ใช้วิธีการที่สามารถระบุตัวเจ้าของลายมือชื่อ และสามารถแสดงเจตนาของเจ้าของ ลายมือชื่อเกี่ยวกับข้อความในข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ และ


กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๔ (๒) ใช้วิธีการในลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี (ก) วิธีการที่เชื่อถือได้โดยเหมาะสมกับวัตถุประสงค์ของการสร้างหรือส่งข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์ โดยค านึงถึงพฤติการณ์แวดล้อมทั งปวง รวมถึงข้อตกลงใด ๆ ที่เกี่ยวข้อง หรือ (ข) วิธีการอื่นใดที่สามารถยืนยันตัวเจ้าของลายมือชื่อและสามารถแสดงเจตนา ของเจ้าของลายมือชื่อตาม (๑) ได้ด้วยวิธีการนั นเองหรือประกอบพยานหลักฐานอื่น ข้อ ๑๑ เมื่อศาลสั่งให้มีการด าเนินกระบวนพิจารณาตามข้อ ๔ แล้ว ถ้า (๑) กรณีที่คู่ความไม่สามารถจัดท าเอกสารในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ให้คู่ความ จัดท าเป็นกระดาษเพื่อใช้แทนรูปแบบดังกล่าว กรณีนี หากศาลเห็นว่าข้ออ้างนั นไม่มีเหตุอันสมควร ศาลอาจปฏิเสธการรับเอกสารนั นก็ได้ (๒) มีเหตุจ าเป็นเร่งด่วน คู่ความอาจยื่นเอกสารที่เป็นกระดาษต่อศาลได้ แต่คู่ความ ยังคงมีหน้าที่แปลงเอกสารนั นในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เพื่อยื่นผ่านระบบที่ส านักงานศาลยุติธรรม ก าหนดโดยเร็ว กรณีนี ถ้าคู่ความไม่ยื่นเอกสารผ่านระบบดังกล่าวโดยไม่มีเหตุอันสมควร ศาลอาจปฏิเสธ การรับเอกสารนั นก็ได้ (๓) คู่ความต้องจัดท าเอกสารในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ให้มีข้อความที่ถูกต้อง ตรงกันกับเอกสารต้นฉบับ ในกรณีที่ข้อมูลในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์และในเอกสารต้นฉบับแตกต่างกัน ศาลอาจปฏิเสธการรับเอกสารนั นก็ได้ (๔) คู่ความอาจมอบหมายให้บุคคลอื่นเป็นผู้ยื่นเอกสารผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์แทนได้ โดยให้ถือว่าคู่ความดังกล่าวยอมรับความถูกต้องสมบูรณ์ของเอกสารที่ยื่นต่อศาลแล้ว ข้อ ๑๒ รายงานกระบวนพิจารณาที่จัดท าในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ หากได้กระท า ต่อหน้าคู่ความหรือพยานที่อยู่ในห้องพิจารณาหรือถือว่าได้อยู่ในห้องพิจารณาในการพิจารณาโดยระบบ การประชุมทางจอภาพ เมื่อศาลได้อ่านรายงานกระบวนพิจารณาให้คู่ความหรือพยานได้รับฟัง และคู่ความ หรือพยานดังกล่าวได้ด าเนินการตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ส านักงานศาลยุติธรรมประกาศก าหนด ให้ถือว่าบุคคลนั นได้ทราบและลงลายมือชื่อในรายงานกระบวนพิจารณานั นแล้ว หมวด ๓ การนั่งพิจารณาโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๑๓ ศาลอาจก าหนดให้มีการนั่งพิจารณาและบันทึกค าเบิกความพยานโดยวิธีการ ทางอิเล็กทรอนิกส์ทั งหมดหรือบางส่วนก็ได้ เพื่อให้การพิจารณาเป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว และเที่ยงธรรม โดยต้องไม่ท าให้สิทธิในการต่อสู้คดีของคู่ความลดน้อยลง ทั งนี หลักเกณฑ์และวิธีการให้เป็นไปตามที่ ส านักงานศาลยุติธรรมประกาศก าหนด ข้อ ๑๔ การบันทึกค าเบิกความพยานโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งคู่ความหรือพยาน สามารถตรวจสอบความถูกต้องได้ ศาลไม่จ าต้องอ่านค าเบิกความให้พยานฟังอีก กรณีศาลเป็นผู้บันทึกค าเบิกความพยานเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ในรูปแบบตัวอักษร (Text file) หากคู่ความหรือพยานไม่สามารถตรวจสอบความถูกต้องได้ ศาลต้องอ่านค าเบิกความให้พยานฟัง เมื่อศาลเห็นสมควร อาจสั่งให้เจ้าหน้าที่จัดท าสิ่งพิมพ์ออกของบันทึกค าเบิกความพยาน ทั งหมดหรือบางส่วน เพื่อเก็บไว้เป็นส านวนของศาล หรือเพื่อการอื่นใดก็ได้


กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๕ หมวด ๔ การรับฟังพยานหลักฐาน ข้อ ๑๕ ห้ามมิให้ปฏิเสธการรับฟังข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เป็นพยานหลักฐานในกระบวนการ พิจารณาคดีตามกฎหมายเพียงเพราะเหตุว่าเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ในการชั่งน าหนักพยานหลักฐานว่าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์จะเชื่อถือได้หรือไม่เพียงใดนั น ให้พิเคราะห์ถึงความน่าเชื่อถือของลักษณะหรือวิธีการที่ใช้สร้าง เก็บรักษา หรือสื่อสารข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ลักษณะหรือวิธีการเก็บรักษา ความครบถ้วน และไม่มีการเปลี่ยนแปลงของข้อความ ลักษณะ หรือวิธีการ ที่ใช้ในการระบุหรือแสดงตัวผู้ส่งข้อมูล รวมทั งพฤติการณ์ที่เกี่ยวข้องทั งปวง ข้อ ๑๖ ในกรณีที่กฎหมายก าหนดให้การใดต้องท าเป็นหนังสือ มีหลักฐานเป็นหนังสือ หรือมีเอกสารมาแสดง หรือก าหนดผลทางกฎหมายกรณีไม่ท าเป็นหนังสือ ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ หรือไม่มีเอกสารมาแสดง ถ้าได้มีการจัดท าข้อความขึ นเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถเข้าถึงและ น ากลับมาใช้ได้โดยความหมายไม่เปลี่ยนแปลง ให้ถือว่าข้อความนั นได้ท าเป็นหนังสือ มีหลักฐานเป็นหนังสือ หรือมีเอกสารมาแสดงตามที่กฎหมายก าหนด ในกรณีที่กฎหมายก าหนดให้ต้องมีการปิดอากรแสตมป์ หากได้มีการช าระเงินแทน หรือด าเนินการอื่นใดด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ให้ถือว่าหนังสือ หลักฐานเป็นหนังสือ หรือเอกสาร ซึ่งมีลักษณะเป็นตราสารนั นได้มีการปิดอากรแสตมป์และขีดฆ่าตามกฎหมายนั นแล้ว ทั งนี หลักเกณฑ์ และวิธีการให้เป็นไปตามที่ส านักงานศาลยุติธรรมประกาศก าหนด ข้อ ๑๗ ในกรณีที่กฎหมายก าหนดให้น าเสนอหรือเก็บรักษาข้อความใดในสภาพ ที่เป็นมาแต่เดิมอย่างเอกสารต้นฉบับ ถ้าได้น าเสนอหรือเก็บรักษาในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ โดยใช้ วิธีการที่เชื่อถือได้ในการรักษาความถูกต้องของข้อความตั งแต่การสร้างข้อความเสร็จสมบูรณ์ และ สามารถแสดงข้อความนั นในภายหลัง ให้ถือว่าได้มีการน าเสนอหรือเก็บรักษาเป็นเอกสารต้นฉบับ ตามกฎหมายแล้ว ข้อ ๑๘ พยานเอกสารและพยานวัตถุที่คู่ความประสงค์จะอ้างอิง ให้ยื่นในรูปแบบ ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ และให้ถือว่าพยานเอกสารและพยานวัตถุดังกล่าว เป็นต้นฉบับหรือเอกสารเทียบเท่าฉบับเดิม กรณีการยื่นพยานเอกสารตามวรรคหนึ่ง คู่ความไม่ต้องส่งส าเนาให้คู่ความฝ่ายอื่น เว้นแต่คู่ความฝ่ายนั นไม่อาจเข้าถึงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั นได้ หมวด ๕ ค าพิพากษา ข้อ ๑๙ เมื่อเสร็จการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ให้ศาลท าค าพิพากษาหรือค าสั่ง และลงลายมือชื่อในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ตามวิธีการที่ส านักงานศาลยุติธรรมประกาศก าหนด และให้ถือว่า ค าพิพากษาหรือค าสั่งได้ท าเป็นหนังสือและลงลายมือชื่อตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๑ แล้ว การท าความเห็นแย้ง รวมทั งการจดแจ้งเหตุกรณีที่ผู้พิพากษาลงลายมือชื่อในค าพิพากษา หรือค าสั่งไม่ได้ ให้ใช้วิธีการตามวรรคหนึ่งโดยอนุโลม


กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๖ การอ่านค าพิพากษาหรือค าสั่งในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ให้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๐ (๓) เว้นแต่จะได้ปฏิบัติตามวิธีการที่ส านักงานศาลยุติธรรมประกาศ ก าหนด หมวด ๖ การประชุมในศาลชั้นอุทธรณ์และศาลฎีกาโดยวิธีการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๒๐ ในกรณีมีเหตุจ าเป็นไม่อาจจัดการประชุมตามวิธีการปกติ เมื่อประธานเห็นสมควร จะก าหนดให้ประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ และให้มีผลเช่นเดียวกับการประชุมตามวิธีการที่บัญญัติ ไว้ในกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง เมื่อประธานก าหนดให้ประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ตามวรรคหนึ่ง ให้เลขานุการแจ้ง ผู้เข้าร่วมประชุมทราบล่วงหน้าว่าการประชุมครั งนั นจะกระท าผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ และแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับ ระบบควบคุมการประชุมและวิธีการที่ใช้ในการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๒๑ การจัดประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ อย่างน้อยต้องมีกระบวนการ ดังต่อไปนี (๑) การแสดงตนของผู้เข้าร่วมประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ก่อนการประชุม (๒) การสื่อสารหรือมีปฏิสัมพันธ์กันได้สองทางด้วยเสียงหรือทั งเสียงและภาพ (๓) การเข้าถึงเอกสารประกอบการประชุมของผู้เข้าร่วมประชุม (๔) การลงคะแนนของผู้เข้าร่วมประชุมที่มีสิทธิลงคะแนน ทั งการลงคะแนนโดยเปิดเผย และการลงคะแนนลับ (๕) การจัดเก็บข้อมูลหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งรวมถึงการบันทึกเสียง หรือทั งเสียงและภาพ แล้วแต่กรณี ของผู้เข้าร่วมประชุมทุกคนตลอดระยะเวลา ที่มีการประชุม (๖) การจัดเก็บข้อมูลจราจรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้เข้าร่วมประชุมทุกคนไว้เป็นหลักฐาน (๗) การแจ้งเหตุขัดข้องในระหว่างการประชุม (๘) มาตรการรักษาความปลอดภัยเพื่อป้องกันมิให้บุคคลที่ไม่มีสิทธิร่วมประชุมรู้หรือ ล่วงรู้ถึงข้อมูลการประชุมในเรื่องลับ ทั งเอกสารประกอบการประชุม ข้อมูลที่น าเสนอในระหว่างการประชุม หรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องลับ ข้อ ๒๒ หลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ รวมทั ง มาตรฐานการรักษาความมั่นคงปลอดภัย ให้เป็นไปตามที่ระเบียบราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรมก าหนด หมวด ๗ อุทธรณ์และฎีกา ข้อ ๒๓ ข้อก าหนดนี ให้ใช้บังคับแก่การพิจารณาและการชี ขาดตัดสินคดีในชั นอุทธรณ์ และฎีกาโดยอนุโลม


กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๗ หมวด ๘ อื่น ๆ ข้อ ๒๔ ให้ส านักงานศาลยุติธรรมจัดให้มีระบบอิเล็กทรอนิกส์ส าหรับศาลในการด าเนินงาน เพื่อให้เป็นไปตามข้อก าหนดนี ระบบดังกล่าวอย่างน้อยต้องมีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม โดยต้องจัดให้มีระบบฐานข้อมูลที่มีความมั่นคงปลอดภัยและมีพื นที่เพียงพอต่อการจัดเก็บข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ตามข้อก าหนดนี รวมทั งจัดให้มีระบบส ารองข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (Backup) และระบบการกู้คืนข้อมูล (Data recovery) ที่เหมาะสม ข้อ ๒๕ หากเจ้าหน้าที่พบว่ามีเหตุที่อาจท าให้เกิดความไม่มั่นคงปลอดภัยในการใช้ระบบ ตามข้อก าหนดนี หรือมีเหตุจ าเป็นอย่างอื่น เจ้าหน้าที่อาจด าเนินการปิดระบบดังกล่าวเป็นการชั่วคราวได้ทันที เพื่อซ่อมแซม บ ารุงรักษา หรือรักษาความปลอดภัยของระบบ โดยปฏิบัติตามขั นตอนที่ก าหนดไว้ใน ประกาศส านักงานศาลยุติธรรม ข้อ ๒๖ กรณีมีปัญหาต้องวินิจฉัยชี ขาดเกี่ยวกับการใดในข้อก าหนดนี ให้ศาลเป็นผู้พิจารณาสั่ง ข้อ ๒๗ ให้ส านักงานศาลยุติธรรมออกประกาศก าหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไข เกี่ยวกับการด าเนินงานเพื่อให้เป็นไปตามข้อก าหนดนี ในกรณีจ าเป็นต้องมีวิธีการใดในทางธุรการเพื่อให้การปฏิบัติตามข้อก าหนดนี เป็นไป โดยเรียบร้อย ให้เลขาธิการส านักงานศาลยุติธรรมเป็นผู้ก าหนดวิธีการนั น ข้อ ๒๘ เมื่อศาลใดมีความพร้อมที่จะด าเนินการตามข้อก าหนดนี ให้ออกประกาศของศาล แจ้งให้ทราบทั่วกันและอาจก าหนดแนวทางปฏิบัติของศาลนั นได้เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับข้อก าหนดนี ข้อ ๒๙ ข้อก าหนดนี ให้ใช้กับคดีอื่นที่มีกฎหมายบัญญัติให้น าประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความแพ่งไปใช้บังคับโดยอนุโลมด้วย ข้อ ๓๐ ให้ประธานศาลฎีกาเป็นผู้รักษาการตามข้อก าหนดนี ประกาศ ณ วันที่ 18 กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๓ (ลงชื่อ) ไสลเกษ วัฒนพันธุ์ (นายไสลเกษ วัฒนพันธุ์) ประธานศาลฎีกา


กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๘ ข้อพิจารณา ข้อก าหนดของประธานศาลฎีกา ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์พ.ศ. ๒๕๖๓ _____________ ส่วนที่ ๑ ที่มาและหลักการด าเนินกระบวนพิจารณาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ๑. ที่มาของการด าเนินกระบวนพิจารณาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ศาลยุติธรรมเริ่มเข้าสู่ระบบศาลอิเล็กทรอนิกส์ นับแต่มีพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ๒๘) พ.ศ. ๒๕๕๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๓๔/๑ มาตรา ๕๑ วรรคสอง และมาตรา ๖๘ ให้ประธานศาลฎีกามีอ านาจ ออกข้อก าหนดโดยความเห็นชอบของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา เพื่อเป็นอนุบัญญัติหรือข้อก าหนดกลาง ก าหนดหลักการรองรับให้การด าเนินกระบวนพิจารณาของศาลในทุกขั้นตอน นับตั้งแต่การฟ้องคดี การยื่นและส่งค าคู่ความและเอกสารการแจ้งค าสั่งของศาล การจัดท าสารบบความหรือสารบบค าพิพากษา การสืบพยานและการรับฟังพยานหลักฐาน การวินิจฉัยคดี การด าเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ สามารถ ด าเนินการโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือกระท าในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ให้การพิจารณาพิพากษาคดีและการให้บริการประชาชน ผู้มีอรรถคดีเป็นไปด้วยความสะดวกรวดเร็ว ในช่วงเริ่มต้น ประธานศาลฎีกาได้ออกข้อก าหนดของประธานศาลฎีกา ว่าด้วยการยื่น ส่ง และรับค าคู่ความและเอกสารทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๐ ก าหนดหลักการให้การยื่นฟ้องคดี สามารถท าได้ผ่านระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ (e-Filing) โดยให้ถือว่า ค าฟ้องและเอกสารที่ได้ยื่นและส่ง ทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ตลอดจนค าสั่งหรือการอื่นใดที่กระท าโดยผู้พิพากษาหรือเจ้าหน้าที่ ถือว่า มีการลงลายมือชื่อโดยผู้ที่เกี่ยวข้องซึ่งเป็นผู้ท ารายการ (ข้อ ๙) และสิ่งพิมพ์ออกจากระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ ให้ถือว่าเป็นส าเนาที่ได้รับการรับรองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งแล้ว (ข้อ ๑๗) ต่อมาประธานศาลฎีกาได้ออกข้อก าหนดของประธานศาลฎีกา ว่าด้วยการจัดท าสารบบความ สารบบค าพิพากษา และการรวบรวมเก็บรักษาเอกสารในส านวนความในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๒ ก าหนดหลักการให้จัดท าสารบบความและสารบบค าพิพากษา หรือส านวนความในรูปแบบ อิเล็กทรอนิกส์ได้ รวมถึงสิ่งพิมพ์ออกให้ถือว่าเป็นส าเนาที่ได้รับรองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความแพ่งและให้ใช้แทนต้นฉบับได้ (ข้อ ๑๖) ท าให้ไม่ต้องขอคัดส าเนาและรับรองตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความแพ่ง ตามมาตรา ๕๔ การรับส่งส านวนความและเอกสารที่ได้รวบรวมเก็บรักษาในรูปแบบ ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามข้อก าหนดดังกล่าวระหว่างศาลยังอาจใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ (ข้อ ๑๕) การพัฒนาระบบอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวของศาลยุติธรรมช่วยลดปัญหาการจัดการคดี ของศาลยุติธรรมที่มีจ านวนมาก ลดการมาศาลของประชาชนที่ต้องมายื่นฟ้องคดี ลดความแออัด อันเนื่องมาจากพื้นที่ของศาลแต่ละแห่งที่มีอยู่อย่างจ ากัด ลดภาระในการดูแลและจัดเก็บส านวนความ ซึ่งมีเป็นจ านวนมาก ท าให้พื้นที่ศาลที่มีอยู่ไม่เพียงพอต่อการเพิ่มขึ้นของส านวนความในทุกปี


กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๙ นอกจากข้อก าหนดของประธานศาลฎีกาทั้งสองฉบับแล้ว ยังเหลือกระบวนพิจารณา ของศาลในขั้นตอนสุดท้ายที่ยังไม่มีข้อก าหนดให้จัดท าในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ คือ การพิจารณา พิพากษาคดี ไม่ว่าจะเป็นการสืบพยาน หรือการท าค าพิพากษา จนถึงการพิจารณาพิพากษาของ ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกา ประธานศาลฎีกาจึงได้ออกข้อก าหนดของประธานศาลฎีกา ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดี ทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๓ เพื่อรองรับกระบวนพิจารณาของศาลให้สามารถท าในรูปแบบ อิเล็กทรอนิกส์ได้จนเสร็จสิ้นไปทั้งคดี ข้อก าหนดของประธานศาลฎีกาฉบับนี้ ประกาศราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓ และมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๓ เป็นต้นมา ๒. หลักการด าเนินกระบวนพิจารณาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๓๔/๑ และข้อ ๔ ของข้อก าหนด ของประธานศาลฎีกา ว่าด้วยการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๓ ก าหนดวัตถุประสงค์ ในการด าเนินกระบวนพิจารณาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ว่าจะต้องเป็นไปเพื่อให้การด าเนินกระบวน พิจารณาเป็นไปโดยสะดวก รวดเร็วและเที่ยงธรรม ซึ่งการด าเนินกระบวนพิจารณาด้วยวิธีดังกล่าว มีข้อที่ต้องพิจารณา ดังนี้ ๒.๑ วิธีพิจารณาคดีแพ่งทั่วไปกับวิธีพิจารณาคดีด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ การด าเนินกระบวนพิจารณาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นการยอมรับให้ กระบวนพิจารณาแบบเดิม สามารถท าในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์หรือข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ได้ตามเทคโนโลยี ที่เปลี่ยนแปลงไปโดยเฉพาะเทคโนโลยีดิจิทัล ส่วนขั้นตอนการพิจารณาต่าง ๆ ของศาลและหลัก กฎหมายวิธีพิจารณาความ ยังคงเป็นไปตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง หรือหากมี กฎหมายก าหนดวิธีพิจารณาคดีนั้น ๆ ไว้เป็นการเฉพาะ เช่น คดีมโนสาเร่ คดีผู้บริโภค ก็ต้องน าวิธีพิจารณาคดี ดังกล่าวมาใช้บังคับ เพียงแต่ข้อก าหนดนี้ได้ก าหนดรายละเอียดของการด าเนินกระบวนพิจารณาด้วย วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อความสะดวกรวดเร็วและผ่อนคลายความเคร่งครัดของกระบวนพิจารณา รูปแบบเดิมบางเรื่องมากขึ้น อันเนื่องมาจากปัจจัยด้านเทคโนโลยีและผู้ใช้งาน ๒.๒ วัตถุประสงค์ของการใช้วิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ การด าเนินกระบวนพิจารณาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ การด าเนินกระบวนพิจารณาเป็นไปโดยสะดวก รวดเร็ว และเที่ยงธรรม และต้องไม่ท าให้สิทธิในการต่อสู้คดี ของคู่ความลดน้อยลง โดยหลักการดังกล่าวปรากฏอยู่ในข้อก าหนดของประธานศาลฎีกา ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดี ทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๓ ข้อ ๔ และข้อ ๑๓ ๒.๓ ความสามารถในการเข้าถึงเทคโนโลยีของคู่ความ เนื่องจากความเป็นจริงที่ว่า การเข้าถึงเทคโนโลยีของคู่ความแต่ละคนแตกต่างกัน และเป็นเรื่องเฉพาะตัว บางคนอาจมีความคุ้นเคยกับการใช้งานระบบอิเล็กทรอนิกส์ ก็จะสามารถใช้งาน


กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๑๐ ระบบอิเล็กทรอนิกส์ในการรับส่งหรือตรวจดูข้อมูลต่าง ๆ ในระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้รวดเร็วหรือสะดวกกว่า คนที่ไม่คุ้นเคยหรือไม่ได้ใช้งานระบบอิเล็กทรอนิกส์เป็นประจ า ดังนั้น การพิจารณาสั่งค าร้องค าขอหรือ มีค าสั่งใด ๆ ภายใต้การด าเนินกระบวนพิจารณาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์นี้เอง ศาลจึงควรค านึงถึง คู่ความที่ยังไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีด้วยว่า การใช้วิธีพิจารณาคดีอิเล็กทรอนิกส์ตามข้อก าหนดนี้ จะต้องไม่ท าให้สิทธิในการต่อสู้คดีของคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งลดลง อันจะท าให้เกิดความได้เปรียบ เสียเปรียบในทางคดี เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่คู่ความทั้งสองฝ่าย ๒.๔ ความไม่เคร่งครัดในกระบวนพิจารณา ข้อก าหนดนี้มีบทบัญญัติที่ผ่อนคลายความเคร่งครัดของการด าเนินกระบวนพิจารณา รูปแบบเดิมที่เป็นการใช้กระดาษ เช่น การย่นหรือขยายระยะเวลา ซึ่งได้บัญญัติไว้แล้วตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๓ หรือการด าเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบหรือผิดหลง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๗ เพียงแต่การใช้งานระบบอิเล็กทรอนิกส์นั้น อาจเกิดความผิดพลาดได้ ไม่ว่าจะเป็นด้วยตัวผู้ใช้งานเองหรือระบบอิเล็กทรอนิกส์ หากเคร่งครัดกับ วิธีพิจารณาความแบบเดิมอาจท าให้ไม่สอดคล้องกับพฤติการณ์ที่เกิดขึ้น บทบัญญัติดังกล่าวจึงเป็นเพียง ให้อ านาจศาลใช้ดุลพินิจที่ผ่อนคลายมากขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูความสุจริตของคู่ความที่อ้างเหตุนั้นด้วย ส่วนที่ ๒ กระบวนพิจารณาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ๑. การเริ่มกระบวนพิจารณา ข้อ ๔ เพื่อให้การด าเนินกระบวนพิจารณาเป็นไปโดยสะดวก รวดเร็ว และเที่ยงธรรม เมื่อศาลเห็นสมควรหรือคู่ความร้องขอ ศาลอาจก าหนดให้ด าเนินกระบวนพิจารณาด้วยวิธีการตาม ข้อก าหนดนี้ โดยค านึงถึงความสะดวกและประหยัดส าหรับคู่ความที่ยังไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีด้วย ทั้งนี้ ประเภทคดีหลักเกณฑ์และวิธีการให้เป็นไปตามที่ส านักงานศาลยุติธรรมประกาศก าหนด ๑) การด าเนินกระบวนพิจารณาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ศาลต้องค านึงถึงความสะดวก และประหยัดในการเข้าถึงเทคโนโลยีของคู่ความด้วย โดยใช้ดุลพินิจพิเคราะห์เป็นรายกรณีว่า มีเหตุผลสมควร ให้มีการด าเนินกระบวนพิจารณาตามข้อก าหนดนี้หรือไม่ หลักการข้อนี้มีลักษณะเช่นเดียวกับพระราชบัญญัติ วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๖ วรรคหนึ่ง กล่าวคือ ในคดีผู้บริโภคนั้น คู่ความฝ่ายหนึ่งจะเป็น ผู้ประกอบธุรกิจและอีกฝ่ายหนึ่งเป็นผู้บริโภค ซึ่งมีความไม่เท่าเทียมกันอยู่แล้ว การก าหนดให้ใช้กระบวน พิจารณาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์จึงต้องไม่ท าให้สิทธิในการต่อสู้คดีของคู่ความลดน้อยลงเช่นเดียวกับ การเข้าถึงเทคโนโลยีของคู่ความแต่ละฝ่ายก็อาจไม่เท่ากัน ศาลจึงต้องค านึงถึงความสามารถในการเข้าถึง เทคโนโลยี ซึ่งอีกนัยหนึ่งก็คือ คู่ความยังคงต่อสู้คดีได้เต็มที่และไม่ให้คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้เปรียบ เสียเปรียบกัน


กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๑๑ ๒) ขอบเขตของข้อก าหนดนี้มิได้ใช้บังคับกับการด าเนินกระบวนพิจารณาภายหลังฟ้อง เท่านั้น ศาลจึงสามารถน ามาใช้ตั้งแต่การด าเนินกระบวนพิจารณาก่อนฟ้องคดี เช่น วิธีการชั่วคราว ก่อนพิพากษาได้ด้วย ส่วนการพิจารณาว่าสมควรใช้กระบวนพิจารณานี้หรือไม่อาจเกิดได้ ๒ กรณี กรณีแรก ศาลเห็นสมควร โดยพิจารณาจากความพร้อมของคู่ความ ไม่ว่าจะเป็นตัว ความ ผู้รับมอบอ านาจ (ถ้ามี) หรือทนายความ ในการใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ เช่น ก่อนวันนัดพิจารณา หรือนัดไต่สวน คู่ความทั้งสองฝ่ายมีการยื่นค าฟ้อง ค าให้การหรือเอกสารต่าง ๆ ค าร้อง ค าขอ ผ่านระบบรับส่ง อิเล็กทรอนิกส์ (e-Filing) หรือระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม (Court Integral Online Service : CIOS) อาจเป็นเหตุที่ท าให้ศาลเห็นได้ว่า คู่ความทั้งสองฝ่ายมีความพร้อมที่จะให้ด าเนินกระบวนพิจารณาตาม ข้อก าหนดนี้ กรณีที่สอง คู่ความร้องขอ ซึ่งอาจเกิดจากฝ่ายโจทก์หรือฝ่ายจ าเลยหรือทั้งสองฝ่ายก็ได้ แต่หากเป็นกรณีที่คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งร้องขอ ในการใช้ดุลพินิจอนุญาตให้ใช้การด าเนินกระบวนพิจารณานี้ กับคู่ความอีกฝ่าย ศาลก็ต้องพิจารณาตามหลักเกณฑ์ข้างต้นด้วยว่า คู่ความอีกฝ่ายนั้นมีความพร้อมและ ต้องค านึงถึงสะดวกและประหยัดของคู่ความนั้นด้วย ในการนั่งพิจารณาโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น การสืบพยานทางออนไลน์ หากมีเพียง คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งร้องขอใช้วิธีนั่งพิจารณาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ศาลอาจอนุญาตเฉพาะ คู่ความที่ขอ ส่วนคู่ความที่ไม่ได้ขอก็ยังคงมีหน้าที่ต้องมาศาลด าเนินกระบวนพิจารณาตามปกติ ๓) ในการก าหนดให้ใช้วิธีนั่งพิจารณาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์นี้ เมื่อมีคู่ความร้องขอ ศาลอาจสอบถามคู่ความอีกฝ่ายเพื่อทราบความประสงค์ว่าต้องการใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ด้วยหรือไม่ เพราะขณะนั้นอาจยังไม่ทราบว่าคู่ความอีกฝ่ายมีความประสงค์ที่จะใช้วิธีการดังกล่าวและมีความพร้อม ในการเข้าถึงเทคโนโลยีหรือไม่ หากศาลก าหนดให้สืบพยานด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (สืบพยานทางออนไลน์) ควรมีค าสั่งก่อนวันนัดสืบพยานเป็นเวลาพอสมควร เนื่องจากตามประกาศส านักงานศาลยุติธรรม เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขเกี่ยวกับการใช้วิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ลงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ข้อ ๒๗ ก าหนดว่า “ให้เจ้าหน้าที่แจ้งให้ผู้เกี่ยวข้องทราบถึงระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ ศาลก าหนดให้ใช้ในการนั่งพิจารณา และตรวจความพร้อมของระบบอิเล็กทรอนิกส์ ระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ สถานที่ที่ใช้ระบบและอุปกรณ์สื่อสารของผู้เกี่ยวข้อง เพื่อให้การนั่งพิจารณาทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ เป็นไปโดยเรียบร้อย แล้วรายงานความพร้อมให้ศาลทราบก่อนวันนัด” ทั้งนี้ ก็เพื่อให้เจ้าหน้าที่มีระยะเวลา พอสมควรในการจัดเตรียมและรายงานให้ศาลทราบ ๔) ส านักงานศาลยุติธรรมออกประกาศส านักงานศาลยุติธรรม เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการใช้วิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Coronavirus Disease : COVID-19) (ฉบับที่ ๑ - ๔) ซึ่งใช้ส าหรับการนั่งพิจารณาคดีแพ่ง ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ต่อมาได้ยกเลิกประกาศทั้งสี่ฉบับดังกล่าว


กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๑๒ เพื่อปรับปรุงเนื้อหาใหม่โดยน าหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขตามประกาศส านักงานศาลยุติธรรม เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขเกี่ยวกับการใช้วิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ในสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Coronavirus Disease : COVID-19) (ฉบับที่ ๔) เกี่ยวกับการนั่งพิจารณาทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ มาก าหนดไว้ในหมวด ๓ การนั่งพิจารณาโดยวิธีการทาง อิเล็กทรอนิกส์ของประกาศส านักงานศาลยุติธรรม เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขเกี่ยวกับการใช้ วิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ลงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๔1 เพื่อรวมในประกาศฉบับเดียว ๒. การด าเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบหรือผิดหลง ข้อ ๕ ศาลอาจสั่งให้คู่ความที่ด าเนินกระบวนพิจารณาผิดระเบียบหรือผิดหลง ท าการแก้ไขให้ถูกต้องได้ภายในระยะเวลาและเงื่อนไขที่ศาลเห็นสมควรก าหนด เว้นแต่ข้อผิด ระเบียบหรือผิดหลงดังกล่าวเกิดจากความไม่สุจริตของคู่ความฝ่ายนั้น ๑) การด าเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบหรือผิดหลงตามข้อก าหนดนี้เป็นหลักการ เดียวกับที่บัญญัติไว้ในคดีผู้บริโภคตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๙ ส่วนคดีแพ่งนั้น โดยหลักแล้วการเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบจะเป็นไปตามประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๗ ซึ่งหลักเกณฑ์ดังกล่าวยังคงน ามาใช้กับการด าเนินกระบวน พิจารณาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ อย่างไรก็ตาม ข้อ ๕ ของข้อก าหนดนี้ ก าหนดหลักการที่ผ่อน คลายกว่าตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๗ กล่าวคือ ให้ดุลพินิจที่กว้างขึ้นและ ไม่เคร่งครัดแก่ศาลในการแก้ไขกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบหรือผิดหลงที่เกิดขึ้นในกระบวนพิจารณา ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยศาลไม่ตกอยู่ภายใต้ข้อจ ากัดเรื่องเวลาหรือแม้แต่คู่ความฝ่ายนั้น ด าเนินการอันใดขึ้นใหม่หลังจากที่ได้ทราบเรื่องที่ผิดระเบียบแล้วหรือให้สัตยาบันต่อการผิดระเบียบ เพราะเป็นเรื่องที่ศาลจะสั่งให้แก้ไขเองได้ ๒) อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบทบัญญัตินี้อยู่ในข้อก าหนดของประธานศาลฎีกา ว่าด้วย วิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๓ ดังนั้น ข้อผิดระเบียบหรือข้อผิดหลงในที่นี้จึงต้องเกี่ยวข้อง กับการใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ในการด าเนินกระบวนพิจารณา และการใช้ดุลพินิจของศาลให้แก้ไข กระบวนพิจารณานั้น ศาลต้องพิจารณาว่าข้อผิดระเบียบหรือผิดหลงดังกล่าวเกิดจากความไม่สุจริตของ คู่ความฝ่ายนั้นหรือไม่ด้วย หากคู่ความกระท าลงโดยรู้อยู่แล้วหรือจงใจอาศัยช่องว่างของเทคโนโลยี ก็แสดงให้เห็นว่าไม่สุจริต ศาลก็อาจไม่สั่งให้แก้ไขได้ ตัวอย่างเช่น ในคดีแพ่ง จ าเลยยื่นค าให้การผ่านระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ แต่เกิดเหตุไฟฟ้า หรือสัญญาณอินเตอร์เน็ตล่ม ท าให้ค าให้การในรูปข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ไม่เข้าสู่ระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ โดยจ าเลยไม่ทราบข้อขัดข้องดังกล่าวมาก่อน ต่อมาในวันนัด ศาลตรวจส านวนในระบบแล้วไม่พบค าให้การ จึงพิพากษาคดีไปฝ่ายเดียวโดยถือว่าจ าเลยขาดนัดยื่นค าให้การ ดังนี้ หากจ าเลยมาศาลแจ้งว่า จ าเลย 1 หนังสือส านักงานศาลยุติธรรม ด่วนที่สุด ที่ ศย ๐๑๖/ว ๗๙๖ ลงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๔


กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๑๓ ยื่นค าให้การแล้ว การที่ศาลพิจารณาพิพากษาคดีไปฝ่ายเดียวโดยจ าเลยขาดนัดยื่นค าให้การ จึงเป็น กระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ ศาลสั่งเพิกถอนกระบวนพิจารณาและอนุญาตให้จ าเลยยื่นค าให้การใหม่ได้ ๓. การย่นหรือขยายระยะเวลา ข้อ ๖ ระยะเวลาตามที่ก าหนดไว้ในข้อก าหนดนี้หรือตามที่ศาลก าหนด เมื่อศาลเห็นสมควร หรือเมื่อคู่ความร้องขอ ศาลมีอ านาจย่นหรือขยายได้ตามความจ าเป็นและเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ๑) การย่นหรือขยายระยะเวลาตามข้อก าหนดนี้ เป็นหลักการเดียวกับที่บัญญัติไว้ใน คดีผู้บริโภคตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๑๕ ส่วนคดีแพ่งนั้น จะเป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๓ ซึ่งในการมีค าสั่งนั้นก็ต้องแยกพิจารณาว่า เป็นคดีประเภทใด หากเป็นคดีผู้บริโภคแล้วหลักเกณฑ์ก็จะเป็นไปตามตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดี ผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๑๕ ซึ่งมีลักษณะเช่นเดียวกับข้อ ๖ ของข้อก าหนดนี้ และในส่วนคดีแพ่งนั้น หลักเกณฑ์ก็จะเป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๓ ซึ่งยังคงน ามาใช้กับการ ด าเนินกระบวนพิจารณาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ กล่าวคือ การขยายหรือย่นระยะเวลา คู่ความ ต้องมีค าขอหรือศาลได้มีค าสั่งก่อนสิ้นระยะเวลา และจะท าได้ต่อเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษ เว้นแต่ในกรณีที่ มีเหตุสุดวิสัย ๒) อย่างไรก็ตาม หากเป็นการด าเนินกระบวนพิจารณาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์แล้ว ข้อ ๖ ของข้อก าหนดนี้ ก าหนดหลักการที่ผ่อนคลายกว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๗ กล่าวคือ ในการพิจารณาถึงพฤติการณ์พิเศษหรือเหตุสุดวิสัย ให้ศาลพิจารณาจากความจ าเป็นและ เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมด้วย ทั้งนี้ ดังที่ได้กล่าวไปแล้วว่า กระบวนพิจารณาด้วยวิธีการทาง อิเล็กทรอนิกส์มีข้อจ ากัดทั้งในแง่ของเทคโนโลยีหรือผู้ใช้งานเอง ศาลจึงควรค านึงถึงเหตุปัจจัยต่าง ๆ ด้วย ตัวอย่างเช่น คอมพิวเตอร์จ าเลยเสียหายเนื่องจากติดไวรัสคอมพิวเตอร์ ท าให้ไม่มี คอมพิวเตอร์ที่จะจัดท าค าให้การ หรือระบบไฟฟ้าขัดข้อง ไม่อาจใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้ จึงยื่น ค าให้การไม่ทัน และเลยเวลาท าการของศาลที่จะมายื่นค าให้การในรูปแบบกระดาษแล้ว หรือแม้ว่า เอกสารที่โจทก์อ้างจะมีจ านวนไม่มาก แต่จ าเลยไม่สามารถอ่านเอกสารในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ได้ โดยต้องจัดพิมพ์ออกมาซึ่งต้องจัดหาอุปกรณ์เพิ่มเติม จึงใช้เวลานาน ท าให้ไม่สามารถยื่นค าให้การได้ทัน ภายในก าหนด หรือโจทก์ประสงค์จะอ้างอิงบันทึกค าพยานในคดีอื่น แต่มีการจัดเก็บบันทึกค าพยาน ในรูปภาพและเสียงท าให้โจทก์ต้องถอดข้อความออกมาก่อน จึงยื่นไม่ทัน เหล่านี้ต่างเป็นข้อจ ากัด อันเนื่องมาจากปัญหาทางเทคโนโลยีและผู้ใช้งานเกี่ยวกับระบบอิเล็กทรอนิกส์ ในบางครั้งบางกรณี อาจมิใช่พฤติการณ์พิเศษหรือเหตุสุดวิสัยหากเป็นกรณีกระบวนพิจารณาโดยใช้กระดาษแบบเดิม แต่อาจ เป็นพฤติการณ์พิเศษหรือเหตุสุดวิสัยได้หากเป็นกระบวนพิจารณาทางอิเล็กทรอนิกส์ การใช้ดุลพินิจ จึงค านึงถึงความจ าเป็นหรือเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมในส่วนนี้ด้วย


กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๑๔ ๔. การยื่น ส่งหรือรับเอกสารในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์หรือข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๗ การยื่น ส่ง หรือรับเอกสารในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์หรือข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ที่จัดท าขึ้นตามข้อก าหนดนี้ อาจด าเนินการโดยทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์หรือสื่อเทคโนโลยี สารสนเทศอื่นใด หรือวิธีการใด ๆ ก็ได้ ทั้งนี้ หลักเกณฑ์และวิธีการให้เป็นไปตามที่ส านักงานศาลยุติธรรม ประกาศก าหนด ประกาศส านักงานศาลยุติธรรม เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขเกี่ยวกับการใช้ วิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ลงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ก าหนดว่า ข้อ ๗ การยื่น ส่ง หรือรับเอกสารในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์หรือข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ที่จัดท าขึ้นตามประกาศนี้ ให้คู่ความและเจ้าหน้าที่ด าเนินการโดยทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ (ระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ (e-Filing) หรือระบบบริการข้อมูลคดีศาลยุติธรรม (Court Integral Online Service : CIOS)) หรือระบบอิเล็กทรอนิกส์อื่นของส านักงานศาลยุติธรรม การส่งหมายนัดหรือเอกสารทางคดีหรือการแจ้งค าสั่งศาลหรือข้อความใดให้แก่คู่ความ อาจด าเนินการโดยทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์โดยจัดท าเอกสารหรือข้อความนั้นในรูปแบบข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์ แล้วส่งไปยังที่อยู่ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ของคู่ความดังกล่าวตามที่ได้แจ้งไว้ต่อศาล โดยให้ถือว่าเป็นการส่งโดยคู่ความนั้นได้ทราบข้อความนับแต่เวลาที่เอกสารหรือข้อความเช่นว่านั้นไปถึง คู่ความตามที่อยู่ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ที่ได้แจ้งต่อศาลไว้ มีตัวอย่างกรณีฟื้นฟูกิจการของบริษัท การบินไทย จ ากัด (มหาชน) ที่ศาลล้มละลาย กลางก าหนดวิธีส่งส าเนาค าร้องฟื้นฟูกิจการ จ านวน ๒๙๒ หน้า ถึงเจ้าหนี้กว่า ๒.๕ ล้านราย ซึ่งเป็น คดีแรกที่ศาลให้ส่งค าร้องทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์กล่าวคือ ศาลล้มละลายกลางมีค าสั่งรับค าร้องขอฟื้นฟู กิจการของบริษัทการบินไทย จ ากัด (มหาชน) ว่าจากที่ศาลนัดไต่สวนวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๓ ซึ่งศาล มีค าสั่งอนุญาตให้ส่งส าเนาค าร้องทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ได้ตามกรอบรายละเอียดและวิธีการที่ก าหนด เนื่องจากเจ้าหนี้ในคดีมีเป็นจ านวนมาก เพื่อให้การด าเนินคดีเป็นไปโดยรวดเร็วและเป็นธรรม สอดคล้อง กับวัตถุประสงค์ในคดีฟื้นฟูฯ เพิ่มเติมจากที่ศาลได้มีค าสั่งให้ส่งส าเนาค าร้องขอฟื้นฟูฯ ทางไปรษณีย์ ให้แก่เจ้าหนี้บางส่วนแล้ว และการบินไทยได้เริ่มส่งค าร้องขอฟื้นฟูฯ ทางอีเมล์และทาง SMS ด้วย ตั้งแต่ วันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๓ ทั้งนี้ เป็นการส่งตามข้อก าหนดคดีล้มละลาย (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๓ ข้อ ๔ ก าหนด ว่า “เพื่อให้กระบวนพิจารณาเป็นไปโดยสะดวก รวดเร็ว และเที่ยงธรรม การติดต่อระหว่างศาลล้มละลายกลาง กับศาลอื่น หรือระหว่างศาลล้มละลายกับคู่ความ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เจ้าพนักงานบังคับคดี หรือ ผู้เกี่ยวข้องในคดี อาจท าโดยทางโทรสาร สื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือสื่อทางเทคโนโลยีสารสนเทศประเภท อื่นแทนการติดต่อโดยทางไปรษณีย์ด่วนพิเศษหรือประกอบกันก็ได้ โดยค านึงถึงความจ าเป็นเร่งด่วน และความเหมาะสมแก่ลักษณะเนื้อหาของเรื่องที่ท าการติดต่อ รวมถึงจ านวนและลักษณะของเอกสาร หรือวัตถุอื่นที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ศาลก าหนด” และประกาศศาลล้มละลายกลาง


กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๑๕ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการติดต่อระหว่างศาลล้มละลายกลางกับศาลอื่น หรือระหว่างศาลล้มละลายกลาง กับคู่ความ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ หรือผู้เกี่ยวข้องในคดี ประกาศ ณ วันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๓ ข้อ ๘ เอกสารที่ได้ยื่น ส่ง และรับทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ตามข้อก าหนดของ ประธานศาลฎีกา ว่าด้วยการยื่น ส่ง และรับค าคู่ความและเอกสารทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๐ ให้ถือว่าเป็นเอกสารที่ได้จัดท าในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามข้อก าหนดนี้ เอกสารที่จัดท าในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามข้อก าหนดนี้ ให้เจ้าหน้าที่ ด าเนินการรวบรวมและเก็บรักษาเอกสารนั้นตามวิธีการที่ก าหนดในข้อก าหนดของประธานศาลฎีกา ว่าด้วยการจัดท าสารบบความ สารบบค าพิพากษา และการรวบรวมเก็บรักษาเอกสารในส านวนความ ในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๒ สิ่งพิมพ์ออกของเอกสารตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ให้ถือว่าเป็นส าเนาที่ได้รับรอง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และให้ใช้แทนต้นฉบับได้ ๑) เนื่องจากการยื่น ส่งหรือรับเอกสารเดิมนั้น ถูกจ ากัดอยู่ในรูปของกระดาษเท่านั้น ไม่สอดคล้องกับการด าเนินกระบวนพิจารณาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว ประหยัดค่าใช้จ่าย การถ่ายส าเนาเอกสารจ านวนมากนอกจากจะเป็นการสิ้นเปลืองแล้ว ยังมีภาระ ในการจัดส่งด้วย ข้อก าหนดนี้จึงน ามาใช้เพื่อลดข้อจ ากัดดังกล่าว หลักการข้อนี้มีลักษณะเช่นเดียวกับ พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๑๖ โดยปัจจุบันส านักงานศาลยุติธรรม ได้ก าหนดวิธีการยื่นส่งหรือรับเอกสารในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์หรือข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ได้ ๒ ระบบ คือ ระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ (e-Filing) และระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม (CIOS) ซึ่งคู่ความสามารถ ยื่นค าร้อง ค าขอ ค าแถลงต่าง ๆ ในรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ได้ทั้งแบบไม่มีการช าระค่าธรรมเนียมและ ช าระค่าธรรมเนียม ๒) เหตุที่ต้องก าหนดรายละเอียดตามข้อ ๘ ไว้ เนื่องจากเอกสารที่จัดท าขึ้นตาม ข้อก าหนดของประธานศาลฎีกาอีกสองฉบับ คือ การยื่นฟ้องทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์และ การจัดท าสารบบความและสารบบค าพิพากษาในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์นั้น ต่างก็เป็นเอกสารที่จัดท า ในรูปข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เดียวกันกับที่ใช้ตามข้อก าหนดนี้ ทั้งนี้ ก็เพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงกันของ เอกสารทั้งสามส่วนดังกล่าว ๓) การจัดเก็บเอกสารที่จัดท าในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้น จะเป็นไปตามข้อก าหนด ของประธานศาลฎีกา ว่าด้วยการจัดท าสารบบความ สารบบค าพิพากษา และการรวบรวมเก็บรักษา เอกสารในส านวนความในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยถือว่าเอกสารที่ได้จัดท าดังกล่าว และน าเข้าสู่ระบบอิเล็กทรอนิกส์แล้ว เช่น รายงานกระบวนพิจารณา ซึ่งมิได้จัดท าเป็นสิ่งพิมพ์ออก มาเป็นเอกสารที่ได้จัดเก็บรักษาตามข้อก าหนดดังกล่าวแล้ว


กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๑๖ ในส่วนของสิ่งพิมพ์ออกของเอกสารที่ได้จัดท าในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ก็จะถูกก าหนด ไว้เช่นเดียวกับข้อก าหนดของประธานศาลฎีกาที่ออกไปก่อนหน้านี้ คือ ได้รับการรับรองให้ถือว่าเป็น ส าเนาที่ได้รับรองและให้ใช้แทนต้นฉบับได้ ตามที่ก าหนดไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๕๑ วรรคสอง โดยก าหนดมาตรฐานให้ต้องมีลายน้ า (watermark) หรือซ่อนรหัสในสิ่งพิมพ์ออก (hidden code) เพื่อสามารถใช้ยืนยันหรืออ้างอิงได้กับบุคคลภายนอก ๕. การจัดท าเอกสารในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๙ ภายใต้ข้อก าหนดของประธานศาลฎีกา ว่าด้วยการยื่น ส่ง และรับค าคู่ความ และเอกสารทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์พ.ศ. ๒๕๖๐ ศาล คู่ความ หรือผู้เกี่ยวข้อง อาจจัดท าเอกสาร ในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ โดยข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้นต้องสามารถเข้าถึงและน ากลับมาใช้ได้ โดยความหมายไม่เปลี่ยนแปลง และให้ถือเป็นต้นฉบับและถือว่าได้ท าเป็นหนังสือตามที่ประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความแพ่งก าหนด ๑) ตามข้อ ๙ นี้ ก าหนดหลักการรองรับให้ เอกสารในส านวนความที่ปัจจุบันท าใน รูปแบบกระดาษ เช่น ค าคู่ความ รายงานเจ้าหน้าที่ รายงานกระบวนพิจารณา ค าพิพากษาหรือเอกสาร ทางคดีอื่น ไม่ว่าจะยื่นมาพร้อมกับการยื่นฟ้องทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ (e-Filing) หรือฟ้องคดี ในรูปแบบเดิม หรือจัดท าขึ้นในภายหลัง ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งให้ใช้กระดาษ ให้สามารถท าในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ได้ โดยใช้มาตรฐานในการจัดท าเอกสารอย่างเดียวกับ ที่ใช้ในการจัดท าเอกสารในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามข้อก าหนดของประธานศาลฎีกา ว่าด้วยการยื่น ส่ง และรับค าคู่ความและเอกสารทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๐ และประกาศส านักงาน ศาลยุติธรรมที่เกี่ยวข้อง ซึ่งก าหนดวิธีการเกี่ยวกับการจัดท าเอกสารไว้โดยเฉพาะ เช่น จะต้องจัดท า ในรูปแบบไฟล์ PDF/A ตามขนาดที่ก าหนด ๒) อย่างไรก็ตาม ข้อ ๙ ของข้อก าหนดนี้ ก าหนดเงื่อนไขในการจัดท าเอกสารในรูปแบบ ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ว่า จะต้องสามารถเข้าถึงและน ากลับมาใช้ได้โดยความหมายไม่เปลี่ยนแปลง รวมถึง ก าหนดให้เอกสารที่ได้จัดท าขึ้นในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ถือเป็นต้นฉบับ และถือว่าได้ท าเป็น หนังสือตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งก าหนด เพื่อรับรองสถานะทางกฎหมายของ เอกสารที่จัดท าในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นี้ มิให้มีการโต้แย้งว่ามิใช่เอกสารตามกฎหมาย ทั้งนี้ หลักการรองรับความเป็นต้นฉบับของเอกสารในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์จะเป็นไปตามพระราชบัญญัติ ว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๔ มาตรา ๘ ซึ่งน ามาบัญญัติไว้ในข้อก าหนดนี้ด้วยเนื่องจาก พระราชบัญญัติดังกล่าวไม่ครอบคลุมถึงการพิจารณาพิพากษาอรรถคดีของศาล (มาตรา ๓๕) อนึ่ง ตามประกาศส านักงานศาลยุติธรรม เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขเกี่ยวกับ การใช้วิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ข้อ ๒๔ ก าหนดวิธีจัดท าเอกสารที่จะใช้ในการสืบพยานทาง ระบบออนไลน์ว่า


กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๑๗ “เอกสารหรือภาพถ่ายที่ใช้สืบประกอบค าเบิกความของพยานบุคคลทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ ให้ใช้เอกสารในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่คู่ความส่งเข้ามาในระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ เอกสารในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามวรรคหนึ่งถือเป็นเอกสารต้นฉบับหรือ เอกสารเทียบเท่าฉบับเดิมตามข้อ ๑๘ แห่งข้อก าหนดของประธานศาลฎีกา ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีทาง อิเล็กทรอนิกส์พ.ศ. ๒๕๖๓ ในกรณีที่ต้องจัดท าสิ่งพิมพ์ออกของเอกสารดังกล่าวเพื่อจัดเก็บเป็นส านวน ความ ให้คู่ความที่อ้างเอกสารเป็นผู้รับผิดชอบค่าจัดท าเอกสาร หากจ าเป็นต้องใช้ต้นฉบับอาจก าหนดให้ คู่ความที่อ้างเอกสารนั้นน ามาส่งต่อศาลภายในเวลาที่ศาลเห็นสมควร เพื่อประโยชน์ในการสืบพยาน ศาลอาจก าหนดให้มีการนั่งพิจารณาทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ ก่อนวันนัดสืบพยานเพื่อตรวจความพร้อมของเอกสารที่คู่ความจะใช้ในการสืบพยาน” ข้อ ๑๑ เมื่อศาลสั่งให้มีการด าเนินกระบวนพิจารณาตามข้อ ๔ แล้ว ถ้า (๑) กรณีที่คู่ความไม่สามารถจัดท าเอกสารในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ให้คู่ความ จัดท าเป็นกระดาษเพื่อใช้แทนรูปแบบดังกล่าว กรณีนี้หากศาลเห็นว่าข้ออ้างนั้นไม่มีเหตุอันสมควร ศาลอาจปฏิเสธการรับเอกสารนั้นก็ได้ (๒) มีเหตุจ าเป็นเร่งด่วน คู่ความอาจยื่นเอกสารที่เป็นกระดาษต่อศาลได้ แต่คู่ความ ยังคงมีหน้าที่แปลงเอกสารนั้นในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เพื่อยื่นผ่านระบบที่ส านักงานศาลยุติธรรม ก าหนดโดยเร็วกรณีนี้ถ้าคู่ความไม่ยื่นเอกสารผ่านระบบดังกล่าวโดยไม่มีเหตุอันสมควร ศาลอาจปฏิเสธ การรับเอกสารนั้นก็ได้ (๓) คู่ความต้องจัดท าเอกสารในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ให้มีข้อความที่ถูกต้อง ตรงกันกับเอกสารต้นฉบับ ในกรณีที่ข้อมูลในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์และในเอกสารต้นฉบับแตกต่างกัน ศาลอาจปฏิเสธการรับเอกสารนั้นก็ได้ (๔) คู่ความอาจมอบหมายให้บุคคลอื่นเป็นผู้ยื่นเอกสารผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ แทนได้โดยให้ถือว่าคู่ความดังกล่าวยอมรับความถูกต้องสมบูรณ์ของเอกสารที่ยื่นต่อศาลแล้ว การด าเนินคดีแพ่งมีความจ าเป็นต้องใช้เอกสาร เช่น ค าคู่ความ ค าร้อง ค าขอต่าง ๆ ทางคดี ที่ศาลหรือคู่ความจัดท า รวมถึงเอกสารที่ต้องใช้เป็นพยานหลักฐาน ซึ่งในคดีที่ศาลมีค าสั่งให้ด าเนิน กระบวนพิจารณาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยค านึงถึงความพร้อมของคู่ความทุกฝ่าย ตามข้อก าหนด ของประธานศาลฎีกาฯ ข้อ ๔ แล้ว หากให้มีการยื่นหรือจัดท าเอกสารในรูปแบบกระดาษย่อมเกิดความ ไม่สะดวก และไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการใช้วิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ข้อก าหนดของ ประธานศาลฎีกาฯ ข้อ ๑๑ จึงก าหนดหลักการเป็นบทบังคับคู่ความในการจัดท าเอกสารที่จะยื่นหรือ ส่งต่อศาล โดยมีสภาพบังคับในทางวิธีพิจารณาความด้วยการให้อ านาจศาลปฏิเสธการรับเอกสาร ที่ไม่ได้จัดท าให้ถูกต้องตามรูปแบบที่ก าหนด


กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๑๘ ๑) แม้ว่าการด าเนินกระบวนพิจารณาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ต้องการให้การด าเนินการ เกี่ยวกับการจัดท าเอกสารอยู่ในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ก็ตาม แต่อาจเกิดกรณีมีเหตุจ าเป็นหรือ มีเหตุขัดข้องท าให้คู่ความไม่สามารถจัดท าเอกสารในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ได้ ข้อก าหนดนี้ จึงก าหนดข้อยกเว้นไว้เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยอาจแบ่งได้เป็น ๒ กรณี คือ กรณีแรก คู่ความไม่สามารถจัดท าเอกสารในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ได้ อาจเป็นเพราะ เอกสารที่อยู่ในรูปแบบกระดาษนั้นเก่ามากหรือจางมาก จนท าให้ไม่สามารถน ามาจัดท าในรูปแบบข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์ได้ หรือถึงแม้จะท าได้ก็อาจมองได้ไม่ชัดเจน คู่ความสามารถยื่นเอกสารในรูปแบบ กระดาษแทนได้ กรณีที่สอง เป็นกรณีที่มีเหตุจ าเป็นเร่งด่วน ตัวอย่างเช่น เอกสารดังกล่าวมีเป็นจ านวนมาก และศาลก าหนดวันนัดเร็ว ท าให้ไม่สามารถจัดท าในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ได้ทันภายในวันนัด หรือในการสืบพยานอาจเพิ่งพบว่าจ าเป็นต้องอ้างเอกสารนั้นเป็นพยานเนื่องจากคู่ความอีกฝ่ายถามค้าน ถึงพยานเอกสารดังกล่าว จึงอาจขออ้างส่งในรูปแบบกระดาษต่อศาลไปก่อน อย่างไรก็ตาม ข้อยกเว้น กรณีที่สองนี้ ไม่ใช่ข้อยกเว้นเด็ดขาด โดยคู่ความฝ่ายที่อ้างเอกสารดังกล่าวยังมีหน้าที่ในการแปลง เอกสารเป็นในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เพื่อยื่นผ่านระบบที่ส านักงานศาลยุติธรรมก าหนดโดยเร็ว ศาลจึงควรมีค าสั่งก าหนดระยะเวลาให้คู่ความแปลงเอกสารแล้วยื่นผ่านระบบภายในระยะเวลาที่ก าหนดด้วย ๒) อย่างไรก็ตาม หากศาลเห็นว่า ข้ออ้างที่จะขอส่งเอกสารกระดาษแทนการจัดท าในรูปแบบ ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ไม่มีเหตุอันสมควรหรือคู่ความยื่นเอกสารที่เป็นกระดาษต่อศาลแล้วไม่แปลงเอกสาร ในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์แล้วยื่นผ่านระบบที่ส านักงานศาลยุติธรรมก าหนดโดยเร็ว ข้อก าหนดนี้ ยังก าหนดในลักษณะบทตัดพยานไว้ ให้ศาลมีอ านาจที่จะปฏิเสธการรับเอกสารนั้นก็ได้ แต่ก็มิได้เป็น บทบังคับเด็ดขาด โดยศาลอาจใช้ดุลพินิจรับฟังเอกสารที่เป็นกระดาษก็ได้ หากเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่ง ความยุติธรรมหรือเป็นพยานหลักฐานอันส าคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อส าคัญในคดี ท านองเดียวกับที่บัญญัติ ไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๘๖ และมาตรา ๘๘ ๓) ส าหรับเอกสารกระดาษ ซึ่งจะน ามาท าให้เป็นในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์นั้น ใน (๓) ยังก าหนดหน้าที่ของคู่ความให้ใช้ความระมัดระวังในการจัดท า ให้เอกสารดังกล่าวมีข้อความที่ถูกต้อง ตรงกันด้วย เนื่องจากเอกสารกระดาษที่คู่ความจะยื่นและส่งนั้น อาจมีการแก้ไขเพิ่มเติมหรือมีหลายฉบับ ก่อนจัดท าในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ คู่ความจึงต้องตรวจสอบก่อน อันถือเป็นความรับผิดชอบของ คู่ความฝ่ายนั้น หากภายหลังมีการโต้แย้งหรือตรวจพบว่า เอกสารกระดาษไม่ตรงกับเอกสารในรูปแบบ ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ให้ศาลอาจปฏิเสธการรับเอกสารนั้นก็ได้ ๖. การลงลายมือชื่อในเอกสารในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๑๐ ในกรณีที่ต้องลงลายลายมือชื่อในเอกสารในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ อาจใช้ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือให้ถือว่าได้มีการลงลายมือชื่อแล้ว ถ้า


กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๑๙ (๑) ใช้วิธีการที่สามารถระบุตัวเจ้าของลายมือชื่อ และสามารถแสดงเจตนาของ เจ้าของลายมือชื่อเกี่ยวกับข้อความในข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ และ (๒) ใช้วิธีการในลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (ก) วิธีการที่เชื่อถือได้โดยเหมาะสมกับวัตถุประสงค์ของการสร้างหรือส่งข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์ โดยค านึงถึงพฤติการณ์แวดล้อมทั้งปวง รวมถึงข้อตกลงใด ๆ ที่เกี่ยวข้อง หรือ (ข) วิธีการอื่นใดที่สามารถยืนยันตัวเจ้าของลายมือชื่อและสามารถแสดงเจตนา ของเจ้าของลายมือชื่อตาม (๑) ได้ด้วยวิธีการนั้นเองหรือประกอบพยานหลักฐานอื่น ๑) ในวิธีพิจารณาคดีอิเล็กทรอนิกส์ ศาล คู่ความ ทนายความ พยาน และบุคคลที่เกี่ยวข้อง กับกระบวนพิจารณาอาจลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ลงในเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งการกระท าดังกล่าว มีผลทางกฎหมายเทียบเท่ากับลายมือชื่อที่ท าลงในเอกสารกระดาษ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อระบุตัวบุคคล ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้น และเพื่อแสดงว่าบุคคลดังกล่าวยอมรับข้อความในข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์นั้น ทั้งนี้ ตามนิยามของค าว่า “ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์” ในข้อ ๓ ของข้อก าหนดนี้ ๒) ตามข้อ ๑๐ นี้ ก าหนดหลักการทั่วไปของวิธีการลงลายมือชื่อในเอกสารในรูปแบบ ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีหลักการสอดคล้องกับพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๔ มาตรา ๙ กล่าวคือ ไม่ได้มีการก าหนดเทคโนโลยีเฉพาะเจาะจงที่ใช้ในการลงลายมือชื่อ จึงท าให้เกิดความเป็นกลางทางเทคโนโลยี(technology neutrality) เพื่อให้รองรับรูปแบบของลายมือชื่อ อิเล็กทรอนิกส์ที่สร้างขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ ได้ ดังนั้น หากลายมือชื่อที่สร้างขึ้นเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ที่กฎหมายก าหนด ก็ถือว่าเป็นการลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ตามกฎหมาย ๓) ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์อาจแบ่งได้เป็น ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ทั่วไป คือ ลายมือชื่อ อิเล็กทรอนิกส์ในรูปแบบใด ๆ ที่มีลักษณะตามที่ก าหนดในพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๔ มาตรา ๙ เช่น การพิมพ์ชื่อไว้ท้ายเนื้อหาของจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ การสแกนภาพของ ลายมือชื่อที่เขียนด้วยมือและแนบไปกับเอกสาร การใช้ปากกาสไตลัส (Stylus) เขียนลายมือชื่อด้วยมือ ลงบนหน้าจอและบันทึกไว้ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ การคลิกปุ่มแสดงการยอมรับหรือตกลง การท า เครื่องหมายในช่องแสดงการยอมรับ และลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่เชื่อถือได้ที่มีลักษณะตามที่ก าหนด ในพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๔ มาตรา ๒๖ และมาตรา ๒๘ เช่น ลายมือชื่อดิจิทัลที่อาศัยโครงสร้างพื้นฐานกุญแจสาธารณะ (Public Key Infrastructure : PKI) หรือ ที่มีใบรับรองที่ออกโดยผู้ให้บริการออกใบรับรองเพื่อสนับสนุนลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ หลักเกณฑ์ของลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่เชื่อถือได้ คือ ข้อมูลที่ใช้สร้างลายมือชื่อต้อง เชื่อมโยงไปถึงเจ้าของลายมือชื่อได้ ข้อมูลที่ใช้สร้างลายมือชื่ออยู่ภายใต้การควบคุมของเจ้าของลายมือชื่อ และต้องสามารถตรวจพบการเปลี่ยนแปลงของลายมือชื่อและข้อความได้ ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ ที่เชื่อถือได้ตามมาตรา ๒๖ คือ ลายมือชื่อดิจิทัล (Digital Signature) ซึ่งเป็นลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ ที่ได้จากกระบวนการเข้ารหัสลับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ที่ช่วยให้สามารถยืนยันตัวเจ้าของลายมือชื่อและ


กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๒๐ ตรวจพบการเปลี่ยนแปลงของข้อความและลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ได้ รวมถึงการท าให้เจ้าของลายมือชื่อ ไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดจากข้อความที่ตนเองลงลายมือชื่อได้ ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ทั่วไปนั้น มีผลทางกฎหมายเช่นเดียวกับการเป็นลายมือชื่อ อิเล็กทรอนิกส์ที่เชื่อถือได้ แต่การเป็นลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ทั่วไป ผู้อ้างว่าลายมือชื่อนั้นน่าเชื่อถือ ต้องหาหลักฐานมาพิสูจน์ว่าลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์นั้นน่าเชื่อถืออย่างไร แต่หากเป็นลายมือชื่อ อิเล็กทรอนิกส์ที่เชื่อถือได้ตามมาตรา ๒๖ จะได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐานตามกฎหมายว่าลายมือ ชื่ออิเล็กทรอนิกส์นั้นน่าเชื่อถือ และผู้ที่โต้แย้งว่าลายมือชื่อไม่น่าเชื่อถือจะต้องหาหลักฐานมาพิสูจน์ว่า ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวไม่น่าเชื่อถืออย่างไร ๔) การลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ในค าคู่ความหรือเอกสารทางคดี อาจแยกพิจารณาได้ ดังนี้ ๔.๑) การลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ในค าคู่ความหรือเอกสารที่ยื่นทางระบบรับส่ง อิเล็กทรอนิกส์ของส านักงานศาลยุติธรรม ซึ่งแบ่งออกได้เป็น ๒ ระบบ คือ ระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ (e-Filing) และระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม (CIOS) ซึ่งการลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์จะใช้ใน ระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ (e-Filing) เนื่องจากศาลจ าเป็นต้องเข้าไปสั่งในระบบ ขณะที่การสั่งในระบบ บริการออนไลน์ศาลยุติธรรม (CIOS) เจ้าหน้าที่ศาลจะจัดท าสิ่งพิมพ์ออกมาให้ศาลสั่งค าร้องและแจ้ง ค าสั่งศาลผ่านระบบเท่านั้น ไม่ได้มีการเข้าไปสั่งในระบบ ในการใช้งานยังแบ่งการลงลายมือชื่อได้เป็น ๒ กรณี คือ (๑) การลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ของผู้ใช้ระบบ ผู้ใช้ระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ที่ลงทะเบียนต่อศาลแล้ว จะได้รับชื่อผู้ใช้ระบบ และรหัสผ่าน เพื่อใช้เข้าสู่ระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ โดยชื่อผู้ใช้ระบบและรหัสผ่านเป็นหลักฐานแสดง การลงลายมือชื่อของผู้ใช้ระบบในการติดต่อกับศาลหรือคู่ความอื่นผ่านระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ และ การระบุชื่อผู้ใช้ระบบและรหัสผ่านลงในระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเข้าใช้ระบบถือเป็นการยืนยันตัว ผู้ใช้ระบบและการรับรองข้อความในข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ดังนั้น การที่ผู้ใช้ระบบยื่นค าฟ้องและเอกสาร ทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีการพิมพ์ชื่อและชื่อสกุลหรือลงลายมือชื่อในเอกสารที่ส่งผ่านระบบ ถือว่ามีการลงลายมือชื่อแล้ว ตามข้อก าหนดของประธานศาลฎีกาว่าด้วยการยื่น ส่งและรับค าคู่ความ และเอกสารทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๐ ข้อ ๕ ส าหรับเอกสารที่บุคคลภายนอก ซึ่งมิใช่ผู้ใช้ระบบต้องลงลายมือชื่อ เช่น หนังสือมอบอ านาจ ใบแต่งทนายความ เนื่องจากบุคคลภายนอกไม่ได้ลงทะเบียนและยืนยันตัวตน เพื่อใช้ระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ ดังนั้น บุคคลภายนอกจึงต้องลงลายมือชื่อในเอกสารดังกล่าวให้ครบถ้วน เสียก่อนแล้วจึงจัดท าเป็นเอกสารในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ และให้ผู้ใช้ระบบอัปโหลด (Upload) เอกสารผ่านระบบได้ โดยถือว่า ผู้ใช้ระบบได้รับรองแล้วว่า ผู้ใช้ระบบมีเอกสารดังกล่าวอันเป็นต้นฉบับ


กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๒๑ อยู่ในครอบครอง ตามประกาศส านักงานศาลยุติธรรม เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการยื่น ส่งและรับค าคู่ความและเอกสารทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ ลงวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๓ ข้อ ๖ วรรคสอง (๒) การลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ของผู้พิพากษา การลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ของผู้พิพากษาเพื่อเข้าใช้งานในระบบรับส่ง อิเล็กทรอนิกส์ (e-Filing) นั้น ผู้พิพากษาที่ใช้ระบบจะต้องผ่านกระบวนการพิสูจน์และยืนยันตัวตนก่อน และเมื่อเข้าใช้งานให้ด าเนินการโดยใช้รหัสผ่าน (password) ร่วมกับรหัสผ่านแบบใช้ครั้งเดียว (One Time Password หรือ OTP) ที่มาจาก Mobile Application และมีการรับรองประทับตรา (Stamp Certificate) ลงในเอกสารด้วยระบบจัดการกุญแจส่วนตัว (Private Key) เมื่อผู้พิพากษามีค าสั่งเกี่ยวกับค าฟ้องทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์จะต้อง ลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่เชื่อถือได้ พร้อมทั้งมีการประทับรับรองเวลา (Time Stamp) โดยสามารถ ตรวจสอบลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่สร้างขึ้นนั้นด้วยกุญแจสาธารณะ (Public Key) ในใบรับรอง อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งค าสั่งหรือการอื่นใดที่กระท าโดยผู้พิพากษาหรือเจ้าหน้าที่ในระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ ถือว่ามีการลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ในระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์แล้ว ตามประกาศส านักงานศาลยุติธรรม เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการยื่น ส่งและรับค าคู่ความและเอกสารทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ ลงวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๓ ข้อ ๒๗ ๔.๒) การลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ในเอกสารอื่นที่ท าขึ้นกระบวนพิจารณาของศาล อาจท าโดยการลงลายมือชื่อในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ซึ่งท าให้ปรากฏภาพลายมือชื่อดังกล่าวในเอกสาร ในเวลาที่มีการลงลายมือชื่อนั้น หรือท าการใด ๆ บนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อันแสดงได้ว่าผู้ท าได้ยอมรับความ ถูกต้องของข้อมูลหรือข้อความที่เกี่ยวข้อง เช่น การสแกนใบหน้ าหรือลายพิมพ์นิ้วมือ หรือ ลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ส านักงานศาลยุติธรรมก าหนด ทั้งนี้ คู่ความ พยาน และบุคคลที่เกี่ยวข้องในกระบวนพิจารณาที่จะลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ ต้องด าเนินการลงทะเบียน พิสูจน์และยืนยันตัวตนเพื่อใช้ระบบตามวิธีการที่ส านักงานศาลยุติธรรมประกาศก าหนด ตามประกาศ ส านักงานศาลยุติธรรม เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขเกี่ยวกับการใช้วิธีพิจารณาคดีทาง อิเล็กทรอนิกส์ ลงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ข้อ ๙ เอกสารที่ท าขึ้นในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ในกระบวนพิจารณาคดีของศาล อาจจะใช้การลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่างประเภทกัน ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม ชั้นของความลับและ ความปลอดภัยของเอกสารแต่ละประเภท เช่น การลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ในค าเบิกความพยานหรือ รายงานกระบวนพิจารณาที่ท าขึ้นในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ อาจจะใช้การลงลายมือชื่อในอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งท าให้ปรากฏภาพลายมือชื่อดังกล่าวในเอกสารในเวลาที่มีการลงลายมือชื่อนั้น เช่น การลงลายมือชื่อโดยใช้ปากกาสไตลัส (Stylus) ท าให้ปรากฏภาพลายมือชื่อในอุปกรณ์ (Electronic Signature Pad) เนื่องจากเป็นกรณีที่เจ้าของลายมือชื่อปรากฏต่อหน้าศาลอยู่แล้ว


กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๒๒ ข้อสังเกต การลงลายมือชื่อของผู้พิพากษาแล้วบันทึกในค าพิพากษาอาจใช้ลายมือชื่อ อิเล็กทรอนิกส์ได้ไม่ว่าจะเป็นคดีที่มีองค์คณะผู้พิพากษาคนเดียวหรือหลายคน ซึ่งข้อก าหนดของ ประธานศาลฎีกา ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๓ ข้อ ๑๙ ก าหนดว่า ให้ศาลท า ค าพิพากษาหรือค าสั่งและลงลายมือชื่อในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ตามวิธีการที่ส านักงานศาลยุติธรรม ประกาศก าหนด ซึ่งในระยะเริ่มต้นส านักงานศาลยุติธรรมได้ก าหนดวิธีการท าค าพิพากษาโดยการลงลายมือชื่อ อิเล็กทรอนิกส์ในค าพิพากษาที่มีผู้พิพากษาคนเดียวลงลายมือชื่อมารองรับตามประกาศส านักงานศาลยุติธรรม เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขเกี่ยวกับการใช้วิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ลงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ข้อ ๓๗ ก าหนดว่า ผู้พิพากษาอาจจัดท าค าพิพากษาหรือค าสั่งในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ โดยบันทึกข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เป็นไฟล์ประเภท PDF หรือ PDF/A แล้วลงลายมือชื่อผ่านอุปกรณ์ (electronic signature pad) และประทับตราประจ าชาดในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ จากนั้น จึงอัปโหลด (upload) ค าพิพากษาหรือค าสั่งดังกล่าวเข้าสู่ระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์หลังจากการอ่าน หรือถือว่าได้อ่านค าพิพากษาหรือค าสั่งนั้นตามกฎหมายแล้วได้ ทั้งนี้ ผู้พิพากษาจะต้องลงทะเบียนและ พิสูจน์ยืนยันตัวตนแล้ว เพื่อให้แน่ใจว่าผู้พิพากษาที่ลงลายมือชื่อเป็นผู้พิพากษาเจ้าของส านวนที่มีอ านาจ ในการพิจารณาพิพากษาคดีดังกล่าวจริง ในสถานการณ์ที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ส านักงาน ศาลยุติธรรมได้ออกข้อพิจารณาในการลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ในสัญญาประนีประนอมยอมความ ในคดีแพ่ง2 ส าหรับเป็นแนวทางปฏิบัติในการลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ของคู่ความในสัญญา ประนีประนอมยอมความที่ท าขึ้นในการนั่งพิจารณาทางออนไลน์ ดังนี้ ตามที่ได้มีประกาศส านักงานศาลยุติธรรม เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขเกี่ยวกับ การใช้วิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Coronavirus Disease : COVID-19) (ฉบับที่ ๑ - ๔) ก าหนดให้มีการนั่งพิจารณาคดีแพ่งโดยวิธีการ ทางอิเล็กทรอนิกส์ ท าให้อาจมีกรณีที่คู่ความประสงค์ที่จะท าสัญญาประนีประนอมยอมความและขอให้ ศาลพิพากษาไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความโดยคู่ความไม่ต้องเดินทางมาศาลซึ่งกระบวน พิจารณาดังกล่าวสามารถด าเนินการได้โดยใช้วิธีการลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ในสัญญาประนีประนอม ยอมความที่จัดท าเป็นเอกสารในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่ส่งผ่านออนไลน์ ภายใต้หลักการ ๔ ประการ ดังนี้ ๑. การลงลายมือชื่อของคู่ความในสัญญาประนีประนอมยอมความคดีแพ่งต้องกระท า ต่อหน้าศาลที่นั่งพิจารณา การลงลายมือชื่อของคู่ความในสัญญาประนีประนอมยอมความคดีแพ่ง ต้องกระท าต่อหน้าศาลที่นั่งพิจารณา ในกรณีที่ศาลก าหนดให้นั่งพิจารณาทางออนไลน์และคู่ความ ที่อยู่นอกศาลประสงค์ท าสัญญาประนีประนอมยอมความโดยลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ในสัญญา 2 หนังสือส านักงานศาลยุติธรรม ด่วนที่สุด ที่ ศย ๐๑๖/ว ๕๗๘ ลงวันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๖๔


กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๒๓ ประนีประนอมยอมความที่เป็นเอกสารในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ก่อนเริ่มกระบวนการลงลายมือชื่อ เจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบให้คู่ความทุกฝ่ายอยู่พร้อมหน้ากันในการนั่งพิจารณาทางออนไลน์ คู่ความทุกฝ่าย ต้องเปิดกล้องให้ทุกคนเห็นซึ่งกันและกันทางจอภาพตลอดเวลาที่พิจารณาคดี ทั้งนี้ ศาลอาจบันทึก ภาพและเสียง (Video) กระบวนการที่คู่ความได้ลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ในสัญญาประนีประนอม ยอมความไว้เป็นหลักฐาน ๒. มีการพิสูจน์และยืนยันตัวตนของคู่ความที่จะลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ ในสัญญาประนีประนอมยอมความ การท าสัญญาประนีประนอมยอมความในการนั่งพิจารณาทางออนไลน์ ก่อนที่คู่ความ ซึ่งอยู่นอกศาลจะลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ในสัญญาประนีประนอมยอมความ ให้คู่ความแสดงตัวตน อีกครั้ง โดยแสดงบัตรประจ าตัวประชาชนให้ปรากฏทางจอภาพของโปรแกรมหรือแอปพลิเคชันที่ใช้ใน การนั่งพิจารณา และให้เจ้าหน้าที่บันทึกภาพใบหน้าของคู่ความพร้อมกับภาพบัตรประจ าตัวประชาชน ที่มีข้อมูลบนบัตรครบถ้วนชัดเจน แล้วน าไปแนบไว้กับสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าว ๓. ปรากฏลายมือชื่อของคู่ความทั้งสองฝ่ายในรูปแบบของลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งแสดงถึงเจตนาในการลงลายมือชื่อในสัญญาประนีประนอมยอมความ3 หลังจากที่ศาลตรวจสอบความถูกต้องของสัญญาประนีประนอมยอมความแล้ว ให้ด าเนินการดังต่อไปนี้ ๑) กรณีคู่ความทั้งสองฝ่ายเข้าร่วมกระบวนพิจารณาทางอิเล็กทรอนิกส์ (๑) เจ้าหน้าที่ศาลจัดส่งไฟล์สัญญาประนีประนอมยอมความในรูปแบบข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์ (ไฟล์เอกสาร PDF หรือไฟล์รูปภาพเอกสาร JPEG) เข้าสู่แอปพลิเคชันที่ใช้ในการพิจารณาคดี เพื่อให้คู่ความฝ่ายแรกลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ในไฟล์เอกสารดังกล่าว (๒) ให้คู่ความฝ่ายแรกเปิดโปรแกรมหรือแอปพลิเคชันอื่นใดส าหรับลงลายมือชื่อ อิเล็กทรอนิกส์แล้วเปิดไฟล์สัญญาประนีประนอมยอมความขึ้นมาแสดงให้ปรากฏทางจอภาพของแอปพลิเคชัน ที่ใช้ในการพิจารณาคดี(share screen) หลังจากนั้น ให้ลงลายมือชื่อด้วยวิธีการพิมพ์ชื่อหรือสแกนภาพ ลายมือชื่อ หรือเขียนลายมือชื่อบนหน้าจออุปกรณ์ (๓) เมื่อคู่ความฝ่ายแรกลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ในสัญญาประนีประนอม ยอมความแล้ว ให้ส่งไฟล์นั้นแก่คู่ความคนถัดไปผ่านแอปพลิเคชันที่ใช้ในการพิจารณาคดี หรือแอปพลิเคชันอื่น เพื่อลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ด้วยวิธีการเดียวกันจนลงลายมือชื่อครบทุกคน 3 การลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ของคู่ความในสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีแพ่ง เป็นการด าเนินกระบวนพิจารณาตามข้อก าหนดของ ประธานศาลฎีกาว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๓ แต่ทั้งนี้ มีข้อสังเกตว่าพระราชกฤษฎีกาก าหนดประเภทธุรกรรมในทางแพ่ง และพาณิชย์ที่ยกเว้นมิให้น ากฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์มาใช้บังคับ พ.ศ. ๒๕๔๙ ซึ่งออกตามความในมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติ ว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๔ ได้ก าหนดมิให้น าบทบัญญัติตามกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์มาใช้บังคับแก่ธุรกรรม เกี่ยวกับครอบครัวและมรดก เนื่องจากยังไม่เหมาะสมที่จะให้กระท าได้ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยยังคงต้องท าตามรูปแบบที่ประมวลกฎหมาย แพ่งและพาณิชย์ได้ก าหนดไว้


กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๒๔ (๔) เมื่อคู่ความทุกฝ่ายลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ครบทุกคนแล้ว ให้คู่ความ ที่ลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์คนสุดท้ายส่งไฟล์แก่เจ้าหน้าที่ศาลผ่านแอปพลิเคชันที่ใช้ในการพิจารณาคดี หรือแอปพลิเคชัน ๒) กรณีคู่ความฝ่ายหนึ่งเข้าร่วมกระบวนพิจารณาทางอิเล็กทรอนิกส์ และคู่ความ อีกฝ่ายมาที่ศาล (๑) ให้เจ้าหน้าที่ด าเนินการเช่นเดียวกับข้อ ๑) (๑) (๒) (๓) และ (๔) ส าหรับ คู่ความฝ่ายที่เข้าร่วมกระบวนพิจารณาทางอิเล็กทรอนิกส์ (๒) ให้เจ้าหน้าที่จัดท าไฟล์เอกสารที่มีลายมือชื่อของคู่ความที่เข้าร่วม กระบวนพิจารณาทางอิเล็กทรอนิกส์ครบถ้วนแล้วเป็นสิ่งพิมพ์ออก แล้วให้คู่ความที่มาศาลลงลายมือชื่อ ในสัญญาประนีประนอมยอมความในเอกสารนั้น ๔. ยืนยันและบันทึกหลักฐานในการท าสัญญาประนีประนอมยอมความเพื่อรักษา ความครบถ้วนของข้อมูล ให้ด าเนินการได้ดังนี้ ๑) ให้เจ้าหน้าที่แสดงภาพสัญญาประนีประนอมยอมความที่มีลายมือชื่อทุกคน ครบถ้วน (share screen) ที่หน้าจอของโปรแกรมหรือแอปพลิเคชันที่ใช้ในการนั่งพิจารณาทางออนไลน์ เพื่อให้คู่ความทุกฝ่ายตรวจสอบอีกครั้ง แล้วให้เจ้าหน้าที่บันทึกภาพเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นหลักฐาน รวมไว้ในส านวน ๒) ให้เจ้าหน้าที่จัดท าสิ่งพิมพ์ออกของสัญญาประนีประนอมยอมความที่เป็นเอกสาร ในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เสนอให้ผู้พิพากษาลงลายมือชื่อ เพื่อจัดเก็บเป็นเอกสารในส านวนความ แล้วจัดท ารายงานเจ้าหน้าที่ระบุวิธีการที่คู่ความใช้ในการลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ รายงานประวัติ การใช้งานระบบในการลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ในสัญญาประนีประนอมยอมความ แนบไว้กับสัญญา ประนีประนอมยอมความดังกล่าว ส่วนที่ ๓ การนั่งพิจารณาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ส านักงานศาลยุติธรรมได้ออกประกาศส านักงานศาลยุติธรรม เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและ เงื่อนไขเกี่ยวกับการใช้วิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Coronavirus Disease : COVID-19) (ฉบับที่ ๑ - ๔) ก าหนดให้น าวิธีพิจารณาคดี ทางอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในการนั่งพิจารณาคดีแพ่ง เพื่ออ านวยความสะดวกแก่คู่ความในช่วงสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ต่อมาได้ยกเลิกประกาศทั้งสี่ฉบับดังกล่าวเพื่อปรับปรุง เนื้อหาใหม่โดยน าหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขตามประกาศส านักงานศาลยุติธรรม เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขเกี่ยวกับการใช้วิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Coronavirus Disease: COVID-19) (ฉบับที่ ๔) เกี่ยวกับการนั่งพิจารณาทาง ระบบอิเล็กทรอนิกส์ มาก าหนดไว้ในหมวด ๓ การนั่งพิจารณาโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์


กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๒๕ ของประกาศส านักงานศาลยุติธรรม เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขเกี่ยวกับการใช้วิธีพิจารณาคดี ทางอิเล็กทรอนิกส์ลงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๔ เพื่อรวมในประกาศฉบับเดียว ๑. การบันทึกค าพยาน ข้อ ๑๓ ศาลอาจก าหนดให้มีการนั่งพิจารณาและบันทึกค าเบิกความพยานโดย วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดหรือบางส่วนก็ได้ เพื่อให้การพิจารณาเป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว และเที่ยงธรรม โดยต้องไม่ท าให้สิทธิในการต่อสู้คดีของคู่ความลดน้อยลง ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ และวิธีการให้เป็นไปตามที่ส านักงานศาลยุติธรรมประกาศก าหนด ๑) ตามข้อ ๑๓ นี้ ก าหนดหลักการให้ศาลอาจใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์กับการนั่งพิจารณา และบันทึกค าเบิกความพยานทั้งหมดหรือบางส่วนก็ได้ จึงเป็นดุลพินิจของศาล โดยไม่จ าเป็นต้องให้ คู่ความร้องขอ ๒) อย่างไรก็ตาม การใช้ดุลพินิจของศาล ต้องค านึงถึงว่า การใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์นั้น ต้องไม่ท าให้สิทธิในการต่อสู้คดีของคู่ความลดน้อยลง หรืออาจกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ คู่ความทั้งสองฝ่าย ต้องเข้าถึงเทคโนโลยีได้ โดยอาจพิจารณาจาก คู่ความทั้งสองฝ่ายได้ยื่นค าฟ้อง ค าให้การ และเอกสาร ผ่านระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ (e-Filing) หรือได้ยื่นค าคู่ความและเอกสารผ่านระบบบริการออนไลน์ ศาลยุติธรรม (CIOS) หรือคู่ความทั้งสองฝ่ายร้องขอหรือตกลงยินยอมให้ศาลด าเนินกระบวนพิจารณา ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ ศาลอาจใช้ดุลพินิจสอบถามคู่ความทั้งสองฝ่ายเพื่อให้มีข้อมูล เพียงพอเกี่ยวกับความพร้อมและความสามารถในการเข้าถึงเทคโนโลยีของคู่ความในคดี และหากศาลมี ค าสั่งหรืออนุญาตตามค าร้องให้ด าเนินกระบวนพิจารณาด้วยวิธีการดังกล่าวแล้ว ก็อาจสั่งไว้ในรายงานกระบวน พิจารณาเพื่อเป็นหลักฐานปรากฏในส านวน ๓) การนั่งพิจารณาคดีและบันทึกค าเบิกความพยานโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ไม่จ ากัดเฉพาะคดีที่ยื่นฟ้องผ่านระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์หรือจัดเก็บส านวนความในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ เท่านั้น การยื่นฟ้องแบบเดิมที่ท าค าฟ้องเป็นกระดาษหรือจัดเก็บส านวนแบบเป็นกระดาษ ศาลก็อาจใช้วิธีการ ทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ หากเห็นว่าจะท าให้การพิจารณาคดีเป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว และเที่ยงธรรม ๔) การนั่งพิจารณาคดีและบันทึกค าเบิกความพยานโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ศาลอาจ ด าเนินการทั้งหมดหรือบางส่วนก็ได้ เช่น หากศาลเห็นว่าพยานบางปากมีความส าคัญอย่างยิ่งและ ค าเบิกความพยานอาจน าไปสู่ผลแพ้ชนะของคดี แต่ประเด็นที่พยานจะเบิกความเกี่ยวข้องกับการแพทย์ หรืองานวิศวกรรม ซึ่งมีข้อเท็จจริงที่ยุ่งยากซับซ้อน อาจท าให้การบันทึกค าพยานโดยศาลล่าช้า ศาลอาจจะ ด าเนินการสืบพยานโดยวิธีการบันทึกภาพและเสียงเฉพาะพยานปากนั้นก็ได้ ส่วนพยานปากอื่น อาจจะให้ส่งบันทึกถ้อยค าแทนการสืบพยาน หรือสืบพยานในรูปแบบการบันทึกค าพยานโดยศาลก็ได้


กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๒๖ ข้อ ๑๔ การบันทึกค าเบิกความพยานโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งคู่ความหรือ พยานสามารถตรวจสอบความถูกต้องได้ ศาลไม่จ าต้องอ่านค าเบิกความให้พยานฟังอีก กรณีศาลเป็นผู้บันทึกค าเบิกความพยานเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ในรูปแบบตัวอักษร (Text file) หากคู่ความหรือพยานไม่สามารถตรวจสอบความถูกต้องได้ ศาลต้องอ่านค าเบิกความ ให้พยานฟัง เมื่อศาลเห็นสมควร อาจสั่งให้เจ้าหน้าที่จัดท าสิ่งพิมพ์ออกของบันทึกค าเบิกความพยาน ทั้งหมดหรือบางส่วน เพื่อเก็บไว้เป็นส านวนของศาล หรือเพื่อการอื่นใดก็ได้ ๑) การสืบพยานโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ศาลอาจใช้วิธีบันทึกค าเบิกความพยาน โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งสามารถถ่ายทอดออกเป็นภาพและเสียงได้อย่างต่อเนื่อง โดยคู่ความ และพยานสามารถตรวจสอบถึงความถูกต้องของค าเบิกความพยานได้ โดยอย่างน้อยต้องปรากฏภาพ ของพยานและคู่ความในห้องพิจารณา การอ้างส่งพยานหลักฐานในระหว่างการสืบพยาน และเสียง การถามพยานและค าเบิกความพยาน เมื่อพยานเบิกความเสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่จะจัดเก็บค าเบิกความพยาน ดังกล่าวไว้ในส านวนความในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ โดยพยานไม่ต้องลงลายมือชื่อในบันทึก ค าเบิกความพยานดังกล่าว ส่วนการขอตรวจดูบันทึกค าเบิกความพยานที่บันทึกลงในระบบอิเล็กทรอนิกส์ ให้กระท าในศาลและอยู่ในความควบคุมดูแลของเจ้าหน้าที่เท่านั้น โดยมิให้บันทึกภาพหรือเสียงค าเบิกความ พยานหรือท าซ้ าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าว ทั้งนี้ ตามประกาศส านักงานศาลยุติธรรม เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขเกี่ยวกับการใช้วิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ลงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ข้อ ๑๘ ๒) นอกจากการสืบพยานด้วยวิธีดังกล่าวแล้ว ยังอาจบันทึกค าเบิกความพยานโดยวิธีการ แปลงเสียงเป็นข้อความ (voice to text) โดยอาจเป็นการแปลงเสียงค าเบิกความของพยานเป็นข้อความ หรืออาจใช้กับการบันทึกค าพยานแบบอมความที่แปลงเสียงผู้พิพากษาที่บันทึกค าเบิกความพยาน เป็นข้อความก็ได้ ซึ่งระบบการแปลงเสียงเป็นข้อความดังกล่าวอาจใช้กับการจัดท ารายงานกระบวนพิจารณา ของศาลได้เช่นกัน ๓) ปัจจุบันศาลยุติธรรมมีห้องสืบพยานทั้งระบบ e-Hearing มีในศาลแพ่งและ ศาลอาญาในกรุงเทพมหานคร ศาลจังหวัด ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ และศาลช านัญพิเศษ ยกเว้นศาลแขวง ศาลแรงงานภาค และศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัด และระบบ e-Courtroom ซึ่งสามารถด าเนินการนั่งพิจารณาคดีโดยการบันทึกภาพและเสียงลงวัสดุได้ ๔)การสืบพยานบุคคลที่อยู่นอกศาลโดยระบบการประชุมทางจอภาพ (video conference) อาจใช้วิธีบันทึกค าเบิกความพยานลงในระบบอิเล็กทรอนิกส์ตามความในข้อนี้ได้ ส่วนการสืบพยานต้อง ด าเนินการอย่างใดจะเป็นไปตามข้อก าหนดของประธานศาลฎีกา ว่าด้วยแนวทางการน าสืบพยานหลักฐาน และการสืบพยานบุคคลที่อยู่นอกศาลโดยระบบการประชุมทางจอภาพ พ.ศ. ๒๕๕๖


กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๒๗ ๕) โดยหลักแล้ว การนั่งพิจารณาต้องกระท าในศาลต่อหน้าคู่ความที่มาศาลตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๓๖ เว้นแต่เป็นกรณีการสืบพยานบุคคลที่อยู่นอกศาลโดยระบบการประชุม ทางจอภาพ ซึ่งใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ในลักษณะการประชุมทางจอภาพที่ส านักงานศาลยุติธรรมจัดวาง ระบบให้แก่ศาล อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Coronavirus Disease : COVID-19) ส านักงานศาลยุติธรรมจึงออกประกาศส านักงานศาลยุติธรรม เรื่องหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขเกี่ยวกับการใช้วิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ในสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Coronavirus Disease : COVID-19) (ฉบับที่ ๑ - ๔) ก าหนดให้น าวิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในการนั่งพิจารณาคดีแพ่ง เพื่ออ านวยความสะดวก แก่คู่ความในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ โดยถือว่าคู่ความหรือบุคคล ที่ใช้ระบบอยู่นอกศาลได้มาด าเนินกระบวนพิจารณาในศาล ต่อมาได้ยกเลิกประกาศทั้งสี่ฉบับดังกล่าว เพื่อปรับปรุงเนื้อหาใหม่โดยน าหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขตามประกาศส านักงานศาลยุติธรรม เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขเกี่ยวกับการใช้วิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ในสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Coronavirus Disease : COVID-19) (ฉบับที่ ๔) เกี่ยวกับการนั่งพิจารณา ทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ มาก าหนดไว้ในหมวด ๓ การนั่งพิจารณาโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ของประกาศ ส านักงานศาลยุติธรรม เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขเกี่ยวกับการใช้วิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ลงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๔ เพื่อรวมหลักเกณฑ์วิธีการในการนั่งพิจารณาโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ไว้ในประกาศฉบับเดียว โดยระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในการนั่งพิจารณาโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ แอปพลิเคชัน Google Meet, Cisco Webex และ Zoom แต่ทั้งนี้ การไต่สวนค าร้องขอตั้งผู้จัดการมรดก หรือค าร้องขอตั้งต้นคดีประเภทอื่น การนั่งพิจารณาคดีผู้บริโภค คดีมโนสาเร่ คดีไม่มีข้อยุ่งยาก หรือการไต่สวน ค าร้องในคดีแพ่ง เช่น ค าร้องขอสวมสิทธิเป็นเจ้าหนี้ตามค าพิพากษา ค าร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ ค าร้องขอรับช าระ หนี้จ านอง เป็นต้น อาจด าเนินการทางแอปพลิเคชันอื่นที่สามารถสื่อสารภาพและเสียงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการสืบพยานผ่านทางแอปพลิเคชัน เช่น Google Meet สามารถใช้ระบบบันทึกภาพและเสียงค าเบิกความ พยานตามความในข้อนี้ได้เช่นกัน ๖) โดยทั่วไป ในการนั่งพิจารณาคดีทุกครั้ง เมื่อพยานคนใดเบิกความแล้ว ให้ศาลอ่าน ค าเบิกความนั้นให้พยานฟัง และให้พยานลงลายมือชื่อไว้ เว้นแต่กรณีใช้บันทึกถ้อยค าแทนการเบิกความ ของพยาน หรือการสืบพยานโดยใช้ระบบการประชุมทางจอภาพ หรือกรณีที่มีการบันทึกการเบิกความ ของพยาน โดยใช้วิธีการบันทึกลงในวัสดุ ซึ่งสามารถถ่ายทอดออกเป็นภาพหรือเสียงหรือโดยใช้วิธีการอื่นใด ซึ่งคู่ความและพยานสามารถตรวจสอบถึงความถูกต้องของบันทึกการเบิกความนั้นได้ตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๒๑ ดังนั้น การบันทึกค าเบิกความพยานโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ของศาลนี้เอง หากคู่ความหรือพยานสามารถตรวจสอบความถูกต้องได้ จึงเป็นกรณีข้อยกเว้นที่ศาล ไม่จ าต้องอ่านค าเบิกความให้พยานฟังอีก


กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๒๘ ๗) ส าหรับกรณีที่ศาลบันทึกค าพยานโดยใช้วิธีการแปลงเสียงเป็นข้อความ (voice to text) หากคู่ความสามารถตรวจสอบความถูกต้องของค าเบิกความที่บันทึกได้ เช่น มีการแสดงผลเป็นตัวอักษร ผ่านหน้าจอให้คู่ความสามารถตรวจสอบได้ทันที ก็เข้าข้อยกเว้นที่ศาลไม่ต้องอ่านค าเบิกความพยานได้ แต่หากเป็นกรณีที่ศาลเป็นผู้บันทึกค าเบิกความพยานเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ในรูปแบบตัวอักษร (text file) โดยใช้เครื่องบันทึกค าเบิกความพยาน หรือใช้ระบบแปลงเสียงเป็นข้อความ (voice to text) โดยไม่มี การแสดงผลทันทีไปที่หน้าจอของพยานและคู่ความทั้งสองฝ่าย กรณีเช่นนี้ ศาลยังต้องอ่านค าเบิกความ ให้พยานฟัง ๘) ค าเบิกความพยานที่บันทึกไว้โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์นี้ พยานไม่ต้องลงลายมือชื่อ ในบันทึกค าเบิกความพยาน ตามประกาศส านักงานศาลยุติธรรม เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขเกี่ยวกับ การใช้วิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ลงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ข้อ ๓๒ วรรคสาม เนื่องจาก ค าเบิกความพยานดังกล่าวอยู่ในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ คือไฟล์ภาพและเสียง แต่ศาลอาจสั่งให้เจ้าหน้าที่ จัดท าค าเบิกความพยานทั้งหมด (ถอดเทป) หรือสรุปบางส่วน เพื่อเก็บไว้ในส านวนของศาลหรือเพื่อการอื่นใดก็ได้ ๙) ส าหรับการขอตรวจดูบันทึกค าเบิกความของพยานที่บันทึกลงในระบบอิเล็กทรอนิกส์ ให้กระท าในศาล และอยู่ในความควบคุมดูแลของเจ้าหน้าที่ โดยมิให้บันทึกภาพหรือเสียงค าเบิกความพยานหรือ ท าซ้ าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าว ตามประกาศส านักงานศาลยุติธรรม เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและ เงื่อนไขเกี่ยวกับการใช้วิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ลงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ข้อ ๓๒ วรรคท้าย ๒. การจัดท ารายงานกระบวนพิจารณาในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๑๒ รายงานกระบวนพิจารณาที่จัดท าในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ หากได้ กระท าต่อหน้าคู่ความหรือพยานที่อยู่ในห้องพิจารณาหรือถือว่าได้อยู่ในห้องพิจารณาในการพิจารณา โดยระบบการประชุมทางจอภาพ เมื่อศาลได้อ่านรายงานกระบวนพิจารณาให้คู่ความหรือพยาน ได้รับฟัง และคู่ความหรือพยานดังกล่าวได้ด าเนินการหลักเกณฑ์และวิธีการที่ส านักงานศาลยุติธรรม ประกาศก าหนด ให้ถือว่าบุคคลนั้นได้ทราบและลงลายมือชื่อในรายงานกระบวนพิจารณานั้นแล้ว ตามข้อ ๑๒ นี้ ก าหนดหลักการรองรับให้สามารถจัดท ารายงานกระบวนพิจารณาในรูปแบบ ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์รวมถึงการลงลายมือชื่อในรายงานกระบวนพิจารณาโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อไม่ต้องจัดท าในรูปแบบกระดาษอีก โดยหากรายงานกระบวนพิจารณาในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ได้กระท าต่อหน้าคู่ความหรือพยานที่อยู่ในห้องพิจารณาหรือถือว่าได้อยู่ในห้องพิจารณาในการพิจารณา โดยระบบการประชุมทางจอภาพ เมื่อศาลได้อ่านรายงานกระบวนพิจารณาให้คู่ความหรือพยานได้รับฟัง และคู่ความหรือพยานดังกล่าวได้ด าเนินการลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ที่ส านักงานศาลยุติธรรมประกาศก าหนด ก็ให้ถือว่าบุคคลนั้นได้ทราบและลงลายมือชื่อในรายงาน กระบวนพิจารณานั้นแล้ว โดยไม่ต้องจัดท าสิ่งพิมพ์ออก


กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๒๙ ตัวอย่างตามประกาศส านักงานศาลยุติธรรม เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขเกี่ยวกับ การใช้วิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ลงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ข้อ ๑๙ “รายงานกระบวนพิจารณาและเอกสารที่ศาลท าขึ้นในการนั่งพิจารณาทางระบบ อิเล็กทรอนิกส์อาจจัดท าในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ และให้ผู้เกี่ยวข้องลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์” ข้อ ๒๐ “การลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ของคู่ความหรือบุคคลใดในรายงานกระบวน พิจารณาและเอกสารที่ศาลท าขึ้นในการนั่งพิจารณาทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ อาจกระท าโดยให้บุคคลดังกล่าว พิมพ์ชื่อเพื่อแสดงรับรู้หรือรับรองลงในเอกสารในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่เจ้าหน้าที่ส่งไปทางระบบ และให้ใช้ระบบบันทึกภาพต่อเนื่องของขั้นตอนการลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐาน” ข้อ ๒๖ “เมื่อพยานเบิกความเสร็จและองค์คณะผู้พิพากษาอ่านบันทึกค าเบิกความพยานแล้ว ให้เจ้าหน้าที่จัดให้คู่ความที่อยู่ในห้องพิจารณาลงลายมือชื่อ แล้วแปลงบันทึกค าเบิกความพยานดังกล่าว ให้อยู่ในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์น าเข้าระบบอิเล็กทรอนิกส์ ให้คู่ความและบุคคลที่เกี่ยวข้องที่อยู่นอกศาล ตรวจดูทางจอภาพและลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์แสดงรับรู้หรือรับรองในเอกสารนั้น หากไม่สามารถ ลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ได้ถือว่าเป็นกรณีที่บุคคลดังกล่าวลงลายมือชื่อไม่ได้ ความในวรรคก่อนให้น าใช้บังคับแก่การลงลายมือชื่อของคู่ความในรายงานกระบวนพิจารณา โดยอนุโลม” ส่วนที่ ๔ การรับฟังพยานหลักฐานในกระบวนพิจารณาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ๑. การรับฟังและการชั่งน้ าหนักพยานหลักฐาน ข้อ ๑๕ ห้ามมิให้ปฏิเสธการรับฟังข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เป็นพยานหลักฐานในกระบวน การพิจารณาคดีตามกฎหมายเพียงเพราะเหตุว่าเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ในการชั่งน้ าหนักพยานหลักฐานว่าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์จะเชื่อถือได้หรือไม่เพียงใดนั้น ให้พิเคราะห์ถึงความน่าเชื่อถือของลักษณะหรือวิธีการที่ใช้สร้าง เก็บรักษา หรือสื่อสารข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ลักษณะหรือวิธีการเก็บรักษา ความครบถ้วน และไม่มีการเปลี่ยนแปลงของข้อความ ลักษณะ หรือ วิธีการที่ใช้ในการระบุหรือแสดงตัวผู้ส่งข้อมูล รวมทั้งพฤติการณ์ที่เกี่ยวข้องทั้งปวง ๑) ตามข้อ ๑๕ วรรคหนึ่ง นี้เป็นการรับรองสถานะของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ว่า ให้ศาล สามารถรับฟังข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้นเป็นพยานหลักฐานในการวินิจฉัยปัญหาข้อเท็จจริงในคดีได้ ซึ่งหลักการดังกล่าวเป็นการบัญญัติเพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๔ มาตรา ๑๑ อันเป็นกฎหมายที่มีสาระส าคัญในการรองรับสถานะของการท าธุรกรรมในทาง แพ่งและพาณิชย์โดยอยู่ในรูปแบบของอิเล็กทรอนิกส์ อีกทั้งยังมีบทบัญญัติแห่งกฎหมายให้รับฟัง พยานหลักฐานในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ด้วย ซึ่งหากธุรกรรมหรือนิติกรรมทางแพ่งและพาณิชย์ ได้กระท าลงในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์และมีผลสมบูรณ์ คู่ความย่อมสามารถน าข้อมูลดังกล่าวอ้างเป็นพยาน


กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๓๐ ต่อศาลเพื่อสนับสนุนค าคู่ความของตนได้ แต่เนื่องจากพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๔ มาตรา ๔ ก าหนดค านิยามว่า “หน่วยงานของรัฐ” หมายความรวมถึงศาลในส่วนที่ไม่เกี่ยวกับ การพิจารณาอรรถคดี จึงมีความจ าเป็นต้องออกข้อก าหนดของประธานศาลฎีกา ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดี ทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๓ เพื่อให้ครอบคลุมถึงวิธีพิจารณาคดีอิเล็กทรอนิกส์ของศาลด้วย ซึ่งปัจจุบันข้อก าหนดของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง พ.ศ. ๒๕๔๐ ข้อ ๓๓ และข้อก าหนดศาลล้มละลายกลาง พ.ศ. ๒๕๔๒ ข้อ ๑๘ ได้ออกมารองรับการรับฟังพยานหลักฐาน ในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เช่นกัน ๒) แม้ว่าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์จะมีกฎหมายให้รับฟังเป็นพยานหลักฐานในศาลได้ แต่มิได้หมายความว่าพยานหลักฐานในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์จะมีน้ าหนักให้รับฟังน่าเชื่อเสมอไป ความในข้อ ๑๕ วรรคสอง จึงให้เป็นดุลพินิจแก่ศาลในการชั่งน้ าหนักพยานหลักฐานว่าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้น มีน้ าหนักน่าเชื่อหรือไม่ เพียงใด โดยมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณา ดังนี้ ๒.๑) ความน่าเชื่อถือของลักษณะหรือวิธีการที่ใช้สร้าง เก็บรักษา หรือสื่อสารข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์ ๒.๒)ลักษณะหรือวิธีการเก็บรักษา ความครบถ้วน และไม่มีการเปลี่ยนแปลงของข้อความ ๒.๓) ลักษณะ หรือวิธีการที่ใช้ในการระบุหรือแสดงตัวผู้ส่งข้อมูล ๒.๔) พฤติการณ์ที่เกี่ยวข้องทั้งปวง ๓) การที่ศาลจะวินิจฉัยชั่งน้ าหนักพยานหลักฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ได้นั้น อาจต้องใช้ พยานผู้เชี่ยวชาญที่ศาลเห็นสมควรเรียกมาสืบหรือคู่ความยื่นค าขออ้างพยานผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ศาลแต่งตั้ง และน าสืบพยานผู้เชี่ยวชาญให้ศาลเห็นถึงความน่าเชื่อถือของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๙๙ ซึ่งอาจพิจารณาได้จากความน่าเชื่อถือของวิธีการสร้างหรือเก็บรักษา ข้อมูลนั้น หรือข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์สามารถแสดงข้อความได้โดยเนื้อความไม่เปลี่ยนแปลงหรือสามารถ ระบุถึงตัวผู้ส่งข้อมูลได้ รวมถึงพฤติการณ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ๒. นิติกรรมที่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ ท าเป็นหนังสือหรือมีเอกสารมาแสดง และ การปิดอากรแสตมป์ ข้อ ๑๖ ในกรณีที่กฎหมายก าหนดให้การใดต้องท าเป็นหนังสือ มีหลักฐานเป็น หนังสือหรือมีเอกสารมาแสดง หรือก าหนดผลทางกฎหมายกรณีไม่ท าเป็นหนังสือ ไม่มีหลักฐานเป็น หนังสือ หรือไม่มีเอกสารมาแสดง ถ้าได้มีการจัดท าข้อความขึ้นเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถ เข้าถึงและน ากลับมาใช้ได้โดยความหมายไม่เปลี่ยนแปลง ให้ถือว่าข้อความนั้นได้ท าเป็นหนังสือ มีหลักฐานเป็นหนังสือ หรือมีเอกสารมาแสดงตามที่กฎหมายก าหนด ในกรณีที่กฎหมายก าหนดให้ต้องมีการปิดอากรแสตมป์ หากได้มีการช าระเงินแทน หรือด าเนินการอื่นใดด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ให้ถือว่าหนังสือ หลักฐานเป็นหนังสือ หรือเอกสาร


กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๓๑ ซึ่งมีลักษณะเป็นตราสารนั้นได้มีการปิดอากรแสตมป์และขีดฆ่าตามกฎหมายนั้นแล้ว ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ และวิธีการให้เป็นไปตามที่ส านักงานศาลยุติธรรมประกาศก าหนด ๑) ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ธุรกรรมที่กฎหมายก าหนดให้ต้องท าเป็นหนังสือ หรือมีหลักฐานเป็นหนังสือ หรือมีเอกสารมาแสดงนั้นมีหลายกรณี เช่น สัญญาซื้อขายสังหาริมทรัพย์ ที่ได้ตกลงราคากันตั้งแต่ ๒๐,๐๐๐ บาท ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือตามมาตรา ๔๕๖ สัญญาเช่าซื้อ ต้องท าเป็นหนังสือตามมาตรา ๔๗๒ เป็นต้น ธุรกรรมเหล่านี้จึงสามารถกระท าได้โดยใช้ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ แทนเอกสารธรรมดา ๒) อย่างไรก็ตาม ธุรกรรมที่กระท าโดยใช้ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์จะได้รับการรับรองผลทาง กฎหมายว่าได้ท าเป็นหนังสือ มีหลักฐานเป็นหนังสือ หรือมีเอกสารมาแสดงก็ต่อเมื่อได้ปฏิบัติตามหลักการที่ “สามารถเข้าถึงและน ากลับมาใช้ได้โดยความหมายไม่เปลี่ยนแปลง” กล่าวคือ ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้น ต้องอยู่ในสภาพที่สามารถอ่านได้และแปลความหมายได้หากมีการเข้ารหัสเพื่อรักษาความปลอดภัยของ ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ไว้ ข้อมูลนั้นต้องอยู่ในสภาพที่พร้อมที่จะถอดรหัสเพื่อให้เข้าใจได้ด้วย รวมถึงข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์สามารถน ากลับมาใช้ได้ในภายหลังโดยความหมายไม่เปลี่ยนแปลง โดยน าหลักการมาจาก พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๔ มาตรา ๘ วรรคหนึ่ง เช่น คู่กรณีตกลงกัน ท าสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยท าสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวในรูปแบบไฟล์ PDF และลงลายมือชื่อในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งสองฝ่ายต่างเก็บไฟล์สัญญาประนีประนอมยอมความไว้ โดยไฟล์นั้นสามารถเปิดอ่านได้โดยข้อความไม่เปลี่ยนแปลง เป็นต้น ๓) ตัวอย่างคดีที่ศาลฎีกาน าพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๔ มาปรับใช้ โดยวินิจฉัยว่าเป็นกรณีที่มีหลักฐานเป็นหนังสือแล้ว เช่น ค าพิพากษาศาลฎีกาที่ ๘๐๘๙/๒๕๕๖ การที่จ าเลยน าบัตรกดเงินสดควิกแคชไปถอนเงินและใส่รหัสส่วนตัวเปรียบได้กับ การลงลายมือชื่อตนเอง ท ารายการเบิกถอนเงินตามที่จ าเลยประสงค์ และกดยืนยันท ารายการพร้อมรับ เงินสดและสลิป การกระท าดังกล่าวถือเป็นหลักฐานการกู้ยืมเงินจากโจทก์ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วย ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๔ มาตรา ๗, ๘ และมาตรา ๙ ประกอบกับคดีนี้จ าเลยมีการขอ ขยายระยะเวลาผ่อนช าระหนี้สินเชื่อเงินสดควิกแคชที่จ าเลยค้างช าระแก่โจทก์ ซึ่งโจทก์มีเอกสารซึ่งมี ข้อความชัดว่าจ าเลยรับว่าเป็นหนี้โจทก์ขอขยายเวลาช าระหนี้ โดยจ าเลยลงลายมือชื่อมาแสดง จึงรับฟัง เป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมอีกโสดหนึ่ง โจทก์จึงมีอ านาจฟ้อง ค าพิพากษาศาลฎีกาที่ ๖๗๕๗/๒๕๖๐ ข้อความที่โจทก์ส่งถึงจ าเลยทางเฟสบุ๊ค มีใจความว่า เงินทั้งหมด ๖๗๐,๐๐๐ บาท ไม่ต้องส่งคืนให้แล้ว ยกให้หมดไม่ต้องส่งดอกอะไรมาให้ จะได้ไม่ต้องมีภาระหนี้สินติดตัว การส่งข้อมูล ดังกล่าวเป็นการสนทนาผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ถือว่าเป็นการส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์


กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๓๒ จึงต้องน าพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๔ มาใช้บังคับด้วย ตามมาตรา ๗ บัญญัติว่า ห้ามมิให้ปฏิเสธความมีผลผูกพันและการบังคับใช้ทางกฎหมายของข้อความใดเพียงเพราะเหตุที่ ข้อความนั้นอยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์และมาตรา ๘ บัญญัติว่า ภายใต้บังคับบทบัญญัติแห่งมาตรา ๙ ในกรณีที่กฎหมายก าหนดให้การใดต้องท าเป็นหนังสือ มีหลักฐานเป็นหนังสือ หรือมีเอกสารมาแสดง ถ้าได้มีการจัดท าข้อความขึ้นเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถเข้าถึงและน ากลับมาใช้ได้ โดยความหมายไม่เปลี่ยนแปลง ให้ถือว่าข้อความนั้นได้ท าเป็นหนังสือ มีหลักฐานเป็นหนังสือหรือ มีเอกสารมาแสดงแล้ว ดังนั้น ข้อความดังกล่าวที่โจทก์ส่งถึงจ าเลยทางเฟสบุ๊ค แม้จะไม่มีการลงลายมือชื่อ โจทก์ก็ตามแต่การส่งข้อความของโจทก์ทางเฟสบุ๊คจะปรากฏชื่อผู้ส่งด้วยและโจทก์ก็ยอมรับว่าได้ส่ง ข้อความดังกล่าวทางเฟสบุ๊คถึงจ าเลยจริงข้อความการสนทนาดังกล่าวจึงรับฟังได้ว่าเป็นการแสดงเจตนา ปลดหนี้ให้แก่จ าเลยโดยมีหลักฐานเป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๔๐ แล้ว หนี้ตามสัญญากู้ยืมย่อมระงับ ที่โจทก์อ้างว่า โจทก์ไม่มีเจตนาที่จะปลดหนี้ให้จ าเลย แต่ท าไปเพราะ ความเครียดต้องการประชดประชันจ าเลยนั้นโจทก์ไม่อาจยกเหตุดังกล่าวขึ้นอ้างเพื่อให้เจตนาที่แสดง ออกไปนั้นตกเป็นโมฆะ เพราะไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าจ าเลยได้รู้ถึงเจตนาที่ซ่อนอยู่ภายในของโจทก์ พยานหลักฐานของจ าเลยมีน้ าหนักให้รับฟังได้มากกว่าพยานหลักฐานของโจทก์ ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่า จ าเลยได้รับการปลดหนี้จากการกู้ยืมเงินตามสัญญากู้ยืมเงินแล้ว จ าเลยจึงไม่ต้องรับผิดช าระหนี้แก่โจทก์ ๔) ความในข้อ ๑๖ วรรคสอง เป็นหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการปิดอากรแสตมป์ด้วยวิธีการ ทางอิเล็กทรอนิกส์ น าหลักการมาจากพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๔ มาตรา ๘ วรรคสอง โดยบทบัญญัติในวรรคสองถูกเพิ่มเข้าไปตามพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทาง อิเล็กทรอนิกส์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ เพื่อรองรับการช าระเงินแทนหรือด าเนินการอื่นใดด้วยวิธีทาง อิเล็กทรอนิกส์ให้มีผลถือว่ามีการปิดอากรแสตมป์และขีดฆ่าตามกฎหมายแล้ว ซึ่งกรมสรรพากรจัดท า ระบบการช าระอากรแสตมป์เป็นตัวเงินส าหรับตราสารอิเล็กทรอนิกส์ อ.ส.๙ หรือ e-Stamp Duty รองรับการท าธุรกรรม ๕ ตราสาร ทั้งนี้ ต้องเป็นตราสารที่จัดท าขึ้นตั้งแต่วันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ ประกอบด้วยตราสาร ๕ ลักษณะ ได้แก่ ๑. สัญญาจ้างท าของ ๒. สัญญากู้ยืมเงินหรือสัญญาการตกลงให้เบิกเงินเกินบัญชีจากธนาคาร ๓. ใบมอบอ านาจ ๔. ใบมอบฉันทะส าหรับให้ลงมติในที่ประชุมของบริษัท ๕. สัญญาค้ าประกัน เมื่อกรมสรรพากรได้ออกรหัสรับรองการเสียอากรแสตมป์พร้อมใบเสร็จรับเงินตาม จ านวนเงินค่าอากร และเจ้าหน้าที่รับช าระเงินได้ลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ให้ผู้เสียอากรแล้ว ถือว่าตราสาร ตามรายการข้อมูลในแบบขอเสียอากรแสตมป์เป็นตัวเงินส าหรับตราสารอิเล็กทรอนิกส์ (อ.ส.๙) ได้ปิดแสตมป์


กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๓๓ บริบูรณ์แล้ว ซึ่งข้อก าหนดนี้ ข้อ ๑๖ วรรคสอง ให้ถือว่า มีการปิดอากรแสตมป์และขีดฆ่าตามกฎหมายแล้ว จึงใช้อ้างเป็นพยานหลักฐานต่อศาลในคดีแพ่งได้ตามประมวลรัษฎากร มาตรา ๑๑๘ สาเหตุที่เลือก ตราสาร ๕ ประเภทนี้เป็นล าดับแรก มีเหตุผลอันเนื่องมาจากความนิยมหรือจ านวนผู้ใช้ตราสารดังกล่าว ในการท าธุรกรรมกับหน่วยงานต่าง ๆ เช่น ธนาคารพาณิชย์ ส านักงานคณะกรรมการหลักทรัพย์และ ตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เป็นต้น มีเป็นจ านวนมาก การใช้ตราสารในรูปของกระดาษในการช าระอากร เป็นตัวเงินด้วยแบบ อ.ส. ๔ จึงไม่อ านวยความสะดวกให้ผู้มีหน้าที่เสียอากรและไม่สร้างความสมัครใจ ในการเสียอากรเป็นอย่างยิ่ง ส่วนเอกสารอื่น ๆ นอกเหนือจากเอกสาร ๕ ประเภทที่กล่าวมายังคงต้อง ปิดอากรแสตมป์ในรูปแบบเดิม คือ ต้องซื้ออากรแสตมป์ปิดลงในตราสารโดยเสียตามบัญชีอัตราอากร แสตมป์ของกรมสรรพากร ประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับอากรแสตมป์ (ฉบับที่ ๕๘) เรื่อง ก าหนดวิธีการ ช าระอากรเป็นตัวเงินส าหรับตราสารอิเล็กทรอนิกส์ ประกาศ ณ วันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๒ ข้อ ๗ “เมื่อผู้มีหน้าที่เสียอากรได้ยื่นขอเสียอากรเป็นตัวเงินผ่านระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต โดยได้โอนเงินค่าอากรเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของกรมสรรพากร และกรมสรรพากรได้ออกรหัสรับรอง การเสียอากรแสตมป์ พร้อมใบเสร็จรับเงินตามจ านวนเงินซึ่ง “เจ้าหน้าที่รับช าระเงินภาษีอากร” ได้ลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ให้ผู้มีหน้าที่เสียอากรแล้ว ให้ถือว่าตราสารอิเล็กทรอนิกส์ตามรายการข้อมูล ในแบบขอเสียอากรแสตมป์เป็นตัวเงินส าหรับตราสารอิเล็กทรอนิกส์ (อ.ส.๙) ได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์แล้ว ๓. ความเป็นต้นฉบับของเอกสาร ข้อ ๑๗ ในกรณีที่กฎหมายก าหนดให้น าเสนอหรือเก็บรักษาข้อความใดในสภาพ ที่เป็นมาแต่เดิมอย่างเอกสารต้นฉบับ ถ้าได้น าเสนอหรือเก็บรักษาในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ โดยใช้วิธีการที่เชื่อถือได้ในการรักษาความถูกต้องของข้อความตั้งแต่การสร้างข้อความเสร็จสมบูรณ์ และสามารถแสดงข้อความนั้นในภายหลัง ให้ถือว่าได้มีการน าเสนอหรือเก็บรักษาเป็นเอกสาร ต้นฉบับตามกฎหมายแล้ว ข้อ ๑๘ พยานเอกสารและพยานวัตถุที่คู่ความประสงค์จะอ้างอิง ให้ยื่นในรูปแบบ ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ และให้ถือว่าพยานเอกสารและพยานวัตถุ ดังกล่าวเป็นต้นฉบับหรือเอกสารเทียบเท่าฉบับเดิม กรณีการยื่นพยานเอกสารตามวรรคหนึ่ง คู่ความไม่ต้องส่งส าเนาให้คู่ความฝ่ายอื่น เว้นแต่คู่ความฝ่ายนั้นไม่อาจเข้าถึงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้นได้ ๑) การน าเสนอหรือเก็บรักษาเอกสารในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์แทนกระดาษ ข้อก าหนดนี้ในข้อ ๑๗ ก าหนดรับรองให้ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้นมีสถานะเป็น “ต้นฉบับ” เมื่อได้ปฏิบัติ ตามเกณฑ์ขั้นต่ า ๒ ประการ เพื่อให้ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ได้รับการยอมรับทางกฎหมายว่าเป็นต้นฉบับ คือ


กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๓๔ ๑.๑) ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้นใช้วิธีการที่เชื่อถือได้ในการรักษาความถูกต้องของ ข้อความตั้งแต่การสร้างข้อความเสร็จสมบูรณ์ และ ๑.๒) สามารถแสดงข้อความในภายหลังได้ โดยน าหลักการดังกล่าวมาจากพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๔ มาตรา ๑๐ ๒) ข้อก าหนดฯ ข้อ ๑๗ ก าหนดขึ้นเพื่อให้สอดรับกับหลักกฎหมายพยานหลักฐาน เกี่ยวกับการรับฟังพยานเอกสารที่เป็นต้นฉบับ ซึ่งในการท าธุรกรรมในปัจจุบันมีการท าในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ มากขึ้นโดยไม่ใช้กระดาษ (paperless) จึงต้องมีหลักเกณฑ์รองรับความเป็นต้นฉบับเอกสารของข้อความ ที่อยู่ในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เหล่านั้น ๓) ตามข้อ ๑๘ นี้ พยานเอกสารหรือพยานวัตถุที่ท าขึ้นหรือเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ การยื่นพยานเอกสารและพยานวัตถุในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ก็ต้องด าเนินการผ่านระบบรับส่ง อิเล็กทรอนิกส์ของส านักงานศาลยุติธรรม ซึ่งปัจจุบัน ได้แก่ ระบบ e-Filing (ระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์) และระบบ CIOS (ระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม) ซึ่งหากด าเนินการให้เป็นไปตามความในข้อ ๑๘ วรรคหนึ่ง แล้ว ให้ถือว่าพยานเอกสารและพยานวัตถุที่ยื่นในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เป็นต้นฉบับ หรือเอกสารเทียบเท่าฉบับเดิม ทั้งนี้ ในการยื่นพยานเอกสารและพยานวัตถุดังกล่าวผ่านระบบรับส่ง อิเล็กทรอนิกส์ ก็จะต้องอ้างในบัญชีระบุพยานและศาลยังคงมีหน้าที่สั่งรับหรือไม่รับพยานเอกสารและ พยานวัตถุในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๘๘ ๔) ในการรับฟังและโต้แย้งพยานเอกสารในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้น ยังคงต้อง พิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ลักษณะ ๔ พยานหลักฐาน เช่น ไม่ตัดสิทธิคู่ความ อีกฝ่ายในอันที่จะกล่าวอ้างและน าพยานบุคคลมาสืบประกอบข้ออ้างว่า พยานเอกสารในรูปแบบข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์ที่แสดงนั้นเป็นเอกสารปลอมหรือไม่ถูกต้องทั้งหมด หรือแต่บางส่วน หรือสัญญาหรือ หนี้อย่างอื่นที่ระบุไว้ในเอกสารนั้นไม่สมบูรณ์ หรือคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตีความหมายผิด ตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๙๔ วรรคสอง และมาตรา ๑๒๕ หากคู่ความอีกฝ่ายคัดค้านข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ว่าไม่มีต้นฉบับหรือต้นฉบับนั้นปลอมทั้งฉบับหรือบางส่วน คู่ความฝ่ายที่อ้างข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ก็จ าต้อง น าพยานหลักฐานมาน าสืบพิสูจน์ตามข้อกล่าวอ้างของตน ๕) เนื่องจากการยื่นและส่งเอกสารในระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์นั้น ถ้าคู่ความอีกฝ่ายหนึ่ง เป็นผู้ใช้ระบบด้วยย่อมสามารถเข้าถึงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวในระบบได้ การจัดส่งเอกสารในระบบ รับส่งอิเล็กทรอนิกส์ จึงถือได้ว่าคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งได้รับส าเนาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๙๐ แล้ว ข้อก าหนดนี้จึงก าหนดให้ไม่จ าต้องส่งส าเนาเอกสารในรูปแบบกระดาษให้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่ง อันเป็นการลดภาระความยุ่งยากและยังประหยัดค่าใช้จ่ายแก่คู่ความ แต่มีข้อยกเว้นว่า หากคู่ความอีกฝ่ายหนึ่ง ไม่อาจเข้าถึงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้นได้ เช่น ไม่ได้เป็นผู้ใช้ระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ คู่ความที่อ้างเอกสาร ก็ยังต้องจัดส่งส าเนาในรูปแบบกระดาษให้คู่ความอีกฝ่ายหนึ่ง


กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๓๕ ๖) ในทางปฏิบัติ เดิมการยื่นฟ้องทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ (e-Filing) โจทก์ยังต้อง เสียค่าจัดท าเอกสารท้ายฟ้องเพื่อส่งให้แก่จ าเลย เนื่องจากเอกสารท้ายฟ้องมีจ านวนมาก การจัดส่งหมายเรียก และส าเนาค าฟ้องรวมถึงเอกสารท้ายฟ้องจึงมีภาระค่าใช้จ่ายสูงไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ในการใช้วิธีการ ทางอิเล็กทรอนิกส์ในการด าเนินคดีที่ต้องการให้ประหยัดค่าใช้จ่าย ดังนั้น ตามประกาศส านักงานศาลยุติธรรม เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขเกี่ยวกับการใช้วิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ลงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ข้อ ๑๑ จึงก าหนดให้มีวิธีการจัดส่งเอกสารท้ายค าฟ้องในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ให้แก่จ าเลยในคดีที่ยื่นฟ้อง ในระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ (e-Filing) โดยในหมายเรียกที่ส่งให้แก่จ าเลยนั้นจะปรากฏ QR Code ซึ่งจ าเลยสามารถสแกนแล้วจะปรากฏเอกสารท้ายค าฟ้องเพื่อเรียกดูได้ โดยโจทก์จะต้องยื่นค าร้องพร้อมระบุ เหตุผลที่แสดงว่าจ าเลยสามารถเข้าถึงเอกสารในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ได้ เช่น จ าเลยมีอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์สมาร์ทโฟน สัญญาณอินเตอร์เน็ต ที่อยู่ส าหรับจัดส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หรือโจทก์และจ าเลย เคยติดต่อสื่อสารกันโดยอาศัยช่องทางเทคโนโลยีดิจิทัล เช่น การส่งข้อความผ่านแอปพลิเคชันไลน์ หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ อย่างไรก็ตาม การด าเนินการดังกล่าวเป็นคนละกรณีกับข้อ ๑๘ วรรคสอง ของข้อก าหนดนี้ ส่วนที่ ๕ การพิพากษาคดีในกระบวนพิจารณาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๑๙ เมื่อเสร็จการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ให้ศาลท าค าพิพากษาหรือค าสั่ง และลงลายมือชื่อในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ตามวิธีการที่ส านักงานศาลยุติธรรมประกาศก าหนด และให้ถือว่า ค าพิพากษาหรือค าสั่งได้ท าเป็นหนังสือและลงลายมือชื่อตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๑ แล้ว การท าความเห็นแย้ง รวมทั้งการจดแจ้งเหตุกรณีที่ผู้พิพากษาลงลายมือชื่อใน ค าพิพากษาหรือค าสั่งไม่ได้ ให้ใช้วิธีการตามวรรคหนึ่งโดยอนุโลม การอ่านค าพิพากษาหรือค าสั่งในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ให้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๑๔๐ (๓) เว้นแต่จะได้ปฏิบัติตามวิธีการที่ส านักงานศาลยุติธรรมก าหนด ๑) เมื่อคดีที่ด าเนินการโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เสร็จการพิจารณา ศาลสามารถท า ค าพิพากษาหรือค าสั่งในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ และลงลายมือชื่อโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยถือว่ามีผลตามกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๑ แต่จะต้องเป็นไป ตามวิธีการที่ส านักงานศาลยุติธรรมประกาศก าหนด ๒) ตามประกาศส านักงานศาลยุติธรรม เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขเกี่ยวกับ การใช้วิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ลงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ข้อ ๓๗ ก าหนดให้คดีที่อยู่ใน อ านาจพิจารณาพิพากษาของผู้พิพากษาคนเดียวตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม ผู้พิพากษาอาจจัดท า ค าพิพากษาหรือค าสั่งในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์โดยบันทึกข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เป็นไฟล์ประเภท


กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๓๖ PDF หรือ PDF/A เพราะค าพิพากษาหรือค าสั่งของศาลส่วนมากได้จัดท าในรูปแบบไฟล์ WORD ที่สามารถ บันทึกในรูปแบบไฟล์ PDF หรือ PDF/A ๓) ในการจัดท าค าพิพากษาหรือค าสั่งในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ผู้พิพากษาจะลงลายมือ ชื่ออิเล็กทรอนิกส์ด้วยวิธีการตามประกาศส านักงานศาลยุติธรรมดังกล่าวในข้อ ๙ และประทับตราประจ าชาด ในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการส าคัญของการลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ ที่ต้องสามารถระบุตัวเจ้าของลายมือชื่อเกี่ยวกับข้อความที่ตนได้ลงลายมือชื่อไป และรักษาความลับของ ค าพิพากษาหรือค าสั่ง จึงก าหนดให้ผู้พิพากษาที่ท าค าพิพากษาต้องอัปโหลด (Upload) ค าพิพากษาหรือ ค าสั่งเข้าสู่ระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ส านักงานศาลยุติธรรมก าหนดด้วยตนเอง โดยให้ด าเนินการหลังจากที่ ได้อ่านหรือถือว่าได้อ่านค าพิพากษาหรือค าสั่งนั้นตามกฎหมายแล้ว ๔) การลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์อาจเลือกด าเนินการได้ ๒ รูปแบบ ได้แก่ รูปแบบแรก เป็นการกดปุ่มยอมรับหรือลงลายมือชื่อบนหน้าจอของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งท าให้ปรากฏภาพลายมือชื่อในเอกสารในเวลาที่มีการลงลายมือชื่อนั้น เช่น การใช้ปากกาสไตลัส (stylus) เขียนลายมือชื่อด้วยมือลงบนหน้าจอและบันทึกไว้ในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งระบบ จะสร้างลายมือชื่อดิจิทัลหรือลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ขึ้นเพื่อน าไปใช้ หรือ รูปแบบที่สอง เป็นการสแกนค าพิพากษาหรือค าสั่งในระบบจากนั้นระบบจะสร้าง วิธีการลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือวิธีการอัปโหลด (Upload) ค าพิพากษาหรือค าสั่งดังกล่าวเข้าสู่ ระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ส านักงานศาลยุติธรรมก าหนด ๕) ปัจจุบันส านักงานศาลยุติธรรมยังมิได้ก าหนดวิธีการอ่านค าพิพากษาหรือค าสั่ง ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ไว้ การอ่านค าพิพากษาหรือค าสั่งในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์จึงต้องถือปฏิบัติตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๐ (๓) คือ การอ่านค าพิพากษาหรือค าสั่งโดยเปิดเผย ต่อหน้าคู่ความทั้งสองฝ่าย หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือถ้าคู่ความไม่มาศาล ศาลจะงดอ่านค าพิพากษาหรือ ค าสั่งก็ได้ ส านักกฎหมายและวิชาการศาลยุติธรรม ส านักงานศาลยุติธรรม กันยายน ๒๕๖๔


กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๓๗ (ส าเนา) ประกาศส านักงานศาลยุติธรรม เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขเกี่ยวกับการใช้วิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ____________________ โดยที่เป็นการสมควรก าหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขเกี่ยวกับการใช้วิธีพิจารณาคดี ทางอิเล็กทรอนิกส์ และแนวทางปฏิบัติทางธุรการในการด าเนินการที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การบังคับใช้ วิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ในเรื่องการจัดท าเอกสารในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ การนั่งพิจารณา โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ การท าค าพิพากษาหรือค าสั่งและการลงลายมือชื่อในเอกสารในรูปแบบ ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นระเบียบเดียวกัน อาศัยอ านาจตามความในข้อ ๔ ข้อ ๑๒ ข้อ ๑๓ และข้อ ๒๗ ของข้อก าหนดของ ประธานศาลฎีกาว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๓ ส านักงานศาลยุติธรรมออกประกาศ ก าหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขเกี่ยวกับการใช้วิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิก (๑) ประกาศส านักงานศาลยุติธรรม เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขเกี่ยวกับการใช้ วิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ประกาศ ณ วันที่ ๑๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ (๒) ประกาศส านักงานศาลยุติธรรม เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขเกี่ยวกับการใช้ วิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ (ฉบับที่ ๒) ประกาศ ณ วันที่ ๑๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ (๓) ประกาศส านักงานศาลยุติธรรม เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขเกี่ยวกับการใช้ วิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ (ฉบับที่ ๓) ประกาศ ณ วันที่ ๒๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๔ (๔) ประกาศส านักงานศาลยุติธรรม เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขเกี่ยวกับการใช้ วิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Coronavirus Disease : COVID-19) (ฉบับที่ ๑) ประกาศ ณ วันที่ ๙ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๔ (๕) ประกาศส านักงานศาลยุติธรรม เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขเกี่ยวกับการใช้ วิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Coronavirus Disease : COVID-19) (ฉบับที่ ๒) ประกาศ ณ วันที่ ๑๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๔ (๖) ประกาศส านักงานศาลยุติธรรม เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขเกี่ยวกับการใช้ วิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Coronavirus Disease : COVID-19) (ฉบับที่ ๓) ประกาศ ณ วันที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๔


กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๓๘ (๗) ประกาศส านักงานศาลยุติธรรม เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขเกี่ยวกับการใช้ วิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Coronavirus Disease : COVID-19) (ฉบับที่ ๔) ประกาศ ณ วันที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ทั้งนี้ มิให้กระทบกระเทือนถึงการใดที่ได้กระท าเสร็จไปแล้วตามประกาศข้างต้น ที่ถูกยกเลิก โดยถือว่าการนั้นเป็นอันสมบูรณ์ ข้อ ๒ ในประกาศฉบับนี้ “ศาล” หมายความว่า ศาลยุติธรรมหรือผู้พิพากษาที่มีอ านาจพิจารณาพิพากษาคดี “การนั่งพิจารณา” หมายความว่า การที่ศาลออกนั่งเกี่ยวกับการพิจารณาคดี เช่น ชี้สองสถาน สืบพยาน ท าการไต่สวน ฟังค าขอต่าง ๆ และฟังค าแถลงการณ์ด้วยวาจา รวมถึงด าเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ ต่อคู่ความหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องในคดี “เจ้าหน้าที่” หมายความว่า เจ้าหน้าที่ศาลยุติธรรมที่ได้รับมอบหมายให้มีหน้าที่ “เอกสาร” หมายความว่า บรรดาเอกสารในส านวนความ เช่น รายงานและเอกสารที่ส่งต่อศาล หรือศาลท าขึ้น ค าพิพากษา ค าสั่ง ค าสั่งชี้ขาดคดี พยานเอกสาร แผนที่ ภาพถ่าย ภาพถ่ายพยานวัตถุ ค าบังคับ หมายบังคับคดี และให้หมายความรวมถึงหลักฐานการรับจ่ายเงินที่เกี่ยวกับคดี “ข้อความ” หมายความว่า เรื่องราว หรือข้อเท็จจริง ไม่ว่าจะปรากฏในรูปแบบของตัวอักษร ตัวเลข เสียง ภาพ หรือรูปแบบอื่นใดที่สื่อความหมายได้โดยสภาพของสิ่งนั้นเองหรือโดยผ่านวิธีการใด ๆ “อิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า การประยุกต์ใช้วิธีการทางอิเล็กตรอนไฟฟ้า คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือวิธีอื่นใดในลักษณะคล้ายกัน และให้หมายความรวมถึงการประยุกต์ใช้วิธีการทางแสง วิธีการทางแม่เหล็ก หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการประยุกต์ใช้วิธีต่าง ๆ เช่นว่านั้น “ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์”หมายความว่า ข้อความที่ได้สร้าง ส่ง รับ เก็บรักษา หรือประมวลผล ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ “ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า อักษร อักขระ ตัวเลข เสียงหรือสัญลักษณ์อื่นใด ที่สร้างขึ้นให้อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งน ามาใช้ประกอบกับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เพื่อแสดงความสัมพันธ์ ระหว่างบุคคลกับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อระบุตัวบุคคลผู้เป็นเจ้าของลายมือชื่อ อิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้น และเพื่อแสดงว่าบุคคลดังกล่าวยอมรับข้อความ ในข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้น “ระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า ระบบงานของศาลเพื่อรองรับการยื่น ส่ง และ รับค าฟ้อง ค าคู่ความ ค าสั่งศาล หมายเรียก หมายอื่น ๆ รวมทั้งเอกสารทางคดีในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๓ ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศเป็นต้นไป


กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๓๙ ข้อ ๔ เลขาธิการส านักงานศาลยุติธรรมมีอ านาจตีความและวินิจฉัยปัญหาการปฏิบัติงาน ทางธุรการตามประกาศนี้ หมวด ๑ บททั่วไป ข้อ ๕ ให้ใช้วิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์กับคดีแพ่งทุกประเภทและคดีที่มีกฎหมาย ก าหนดให้น าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งไปใช้บังคับ โดยให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ตามที่ก าหนดในประกาศนี้ ข้อ ๖ เมื่อศาลก าหนดให้ด าเนินกระบวนพิจารณาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ให้เจ้าหน้าที่จัดเตรียมความพร้อมในการด าเนินกระบวนพิจารณาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่ก าหนดไว้ในประกาศนี้ ข้อ ๗ การยื่น ส่ง หรือรับเอกสารในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์หรือข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ที่จัดท าขึ้นตามประกาศนี้ ให้คู่ความและเจ้าหน้าที่ด าเนินการโดยทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ (ระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ (e-Filing) หรือระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม (Court Integral Online Service : CIOS) หรือระบบอิเล็กทรอนิกส์อื่นของส านักงานศาลยุติธรรม การส่งหมายนัดหรือเอกสารทางคดีหรือการแจ้งค าสั่งศาลหรือข้อความใดให้แก่คู่ความ อาจด าเนินการโดยทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์โดยจัดท าเอกสารหรือข้อความนั้นในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ แล้วส่งไปยังที่อยู่ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ของคู่ความดังกล่าวตามที่ได้แจ้งไว้ต่อศาล โดยให้ถือว่าเป็นการส่ง โดยคู่ความนั้นได้ทราบข้อความนับแต่เวลาที่เอกสารหรือข้อความเช่นว่านั้นไปถึงคู่ความตามที่อยู่ไปรษณีย์ อิเล็กทรอนิกส์ที่ได้แจ้งต่อศาลไว้ หมวด ๒ การจัดท าเอกสารในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๘ การจัดท าเอกสารในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ ที่ก าหนดไว้ในประกาศส านักงานศาลยุติธรรม เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการยื่น ส่ง และรับค าคู่ความและเอกสารทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ และประกาศส านักงานศาลยุติธรรม เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการจัดท าสารบบความ สารบบค าพิพากษา และการรวบรวมเก็บรักษาเอกสาร ในส านวนความในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ แล้วแต่กรณี ข้อ ๙ การลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ในเอกสารในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ อาจด าเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งโดย (๑) ลงลายมือชื่อในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ซึ่งท าให้ปรากฏภาพลายมือชื่อดังกล่าว ในเอกสารในเวลาที่มีการลงลายมือชื่อนั้น


กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๔๐ (๒) ท าการใด ๆ บนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อันแสดงได้ว่าผู้ท าได้ยอมรับความถูกต้อง ของข้อมูลหรือข้อความที่เกี่ยวข้อง เช่น การสแกนใบหน้าหรือลายพิมพ์นิ้วมือ (๓) ลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ส านักงานศาลยุติธรรม ก าหนด คู่ความ พยาน และบุคคลที่เกี่ยวข้องในกระบวนพิจารณาที่จะลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ ตาม (๓) ต้องด าเนินการลงทะเบียนพิสูจน์และยืนยันตัวตนเพื่อใช้ระบบตามวิธีการที่ส านักงาน ศาลยุติธรรมก าหนด ข้อ ๑๐ ในกรณีที่รายงานกระบวนพิจารณาได้กระท าต่อหน้าคู่ความหรือพยานที่อยู่ใน ห้องพิจารณาหรือถือว่าได้อยู่ในห้องพิจารณาในการพิจารณาโดยระบบการประชุมทางจอภาพหรือ ทางระบบอิเล็กทรอนิกส์อื่น เมื่อศาลได้อ่านรายงานกระบวนพิจารณาให้คู่ความหรือพยานได้รับฟัง และคู่ความหรือพยานได้ลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ตามข้อ ๙ ให้ถือว่าบุคคลนั้นได้ทราบและลงลายมือชื่อ ในรายงานกระบวนพิจารณานั้นแล้ว ความในวรรคหนึ่งให้ใช้กับบันทึกค าเบิกความพยานโดยอนุโลม ข้อ ๑๑ การจัดท าเอกสารท้ายค าฟ้องส่งให้แก่จ าเลยในคดีที่ยื่นฟ้องทางระบบรับส่ง อิเล็กทรอนิกส์ อาจจัดท าเป็นเอกสารในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งสามารถเข้าถึงได้ผ่านทางคิวอาร์โค้ด ที่ส่งไปพร้อมกับหมายเรียก และถือว่าจ าเลยได้รับเอกสารนั้นในวันที่ได้รับหมายเรียก การขอให้ส่งเอกสารให้แก่จ าเลยด้วยวิธีการตามความในวรรคหนึ่ง โจทก์ต้องระบุเหตุผล ที่แสดงว่าจ าเลยสามารถเข้าถึงเอกสารในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ได้มาในค าร้อง และไม่ต้องเสีย ค่าจัดท าเอกสารดังกล่าว ก่อนหรือในวันนัดพิจารณา ถ้าจ าเลยแจ้งต่อศาลหรือศาลมีเหตุสงสัยว่าจ าเลยไม่สามารถ เข้าถึงเอกสารในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ และศาลมีค าสั่งให้ส่งเอกสารให้จ าเลยใหม่ในรูปแบบกระดาษ ให้โจทก์มีหน้าที่จัดท าส าเนาเอกสารดังกล่าวเพื่อส่งให้แก่จ าเลย หมวด ๓ การนั่งพิจารณาโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนที่ ๑ การนั่งพิจารณาทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๑๒ เมื่อศาลเห็นสมควรหรือคู่ความร้องขอ ไม่ว่าคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งขาดนัด หรือไม่ก็ตาม ศาลอาจก าหนดให้มีการนั่งพิจารณาโดยที่คู่ความหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องในคดีอยู่นอกศาล โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์


กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๔๑ ความในวรรคหนึ่งไม่ใช้บังคับแก่การพิจารณาโดยไม่เปิดเผยตามมาตรา ๓๖ แห่ง ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ข้อ ๑๓ การร้องขอให้มีการนั่งพิจารณาโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ คู่ความอาจร้องขอ ในเวลาที่ยื่นค าคู่ความหรือในระหว่างการพิจารณา โดยต้องระบุระบบอิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์สื่อสาร และสถานที่ที่คู่ความหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องในคดีจะใช้ระบบมาด้วย ข้อ ๑๔ การนั่งพิจารณาที่คู่ความหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องในคดีอยู่นอกศาลโดยวิธีการทาง อิเล็กทรอนิกส์ ให้ด าเนินการทางระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือแอปพลิเคชันที่ส านักงานศาลยุติธรรมก าหนด ที่สามารถสื่อสารภาพและเสียงได้อย่างชัดเจนและต่อเนื่อง โดยถือว่าบุคคลนั้นได้มาด าเนินกระบวน พิจารณาที่ศาล ข้อ ๑๕ สถานที่ที่คู่ความหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องในคดีใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์นอกศาล ต้องเป็นสถานที่ที่เหมาะสม ไม่มีเสียงรบกวน ไม่ใช่ที่สาธารณะและเป็นพื้นที่ปิดที่ไม่มีบุคคลอื่นที่ไม่ได้รับ อนุญาตจากศาลเข้าออกในบริเวณดังกล่าว ข้อ ๑๖ การถ่ายทอดภาพและเสียงของคู่ความหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องในคดีจากสถานที่ ที่ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ไปยังห้องพิจารณาต้องมีสัญญาณถ่ายทอดภาพและเสียงได้อย่างชัดเจนและ ต่อเนื่องตลอดระยะเวลาที่นั่งพิจารณา ข้อ ๑๗ การแสดงตนของคู่ความหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องในคดีในการพิจารณาคดี ทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ ให้ด าเนินการโดยให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบบุคคลที่ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ว่าตรงกับ คู่ความหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องในคดีหรือไม่ โดยให้บุคคลดังกล่าวแสดงบัตรประจ าตัวประชาชนให้ปรากฏ ทางจอภาพของระบบ และให้เจ้าหน้าที่ท าการบันทึกภาพใบหน้าบุคคลนั้นพร้อมกับบัตรประจ าตัวประชาชน ที่ปรากฏข้อมูลบนบัตรประจ าตัวประชาชนอย่างชัดเจนเสนอศาลเพื่อเป็นหลักฐานรวมไว้ในส านวน ข้อ ๑๘ ในการนั่งพิจารณาทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ ศาลอาจสั่งให้ใช้ระบบบันทึกภาพ และเสียงกระบวนพิจารณาทั้งหมดหรือบางส่วนในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ และน าไปจัดเก็บไว้ใน ระบบการจัดท าสารบบและส านวนความอิเล็กทรอนิกส์ของส านักงานศาลยุติธรรม ห้ามมิให้คู่ความหรือบุคคลใดบันทึก เผยแพร่ หรือแพร่เสียงแพร่ภาพ ภาพหรือเสียง กระบวนพิจารณาโดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาล การขอตรวจดูภาพและเสียงกระบวนพิจารณาที่บันทึกไว้ตามวรรคหนึ่งให้กระท าในศาล และอยู่ในความควบคุมดูแลของเจ้าหน้าที่ โดยมิให้บันทึกภาพหรือเสียงหรือท าซ้ าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ดังกล่าว


กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๔๒ ข้อ ๑๙ รายงานกระบวนพิจารณาและเอกสารที่ศาลท าขึ้นในการนั่งพิจารณาทางระบบ อิเล็กทรอนิกส์อาจจัดท าในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ และให้ผู้เกี่ยวข้องลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๒๐ การลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ของคู่ความหรือบุคคลใดในรายงานกระบวนพิจารณา และเอกสารที่ศาลท าขึ้นในการนั่งพิจารณาทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ อาจกระท าโดยให้บุคคลดังกล่าว พิมพ์ชื่อเพื่อแสดงรับรู้หรือรับรองลงในเอกสารในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่เจ้าหน้าที่ส่งไปทางระบบ และให้ใช้ระบบบันทึกภาพต่อเนื่องของขั้นตอนการลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐาน ข้อ ๒๑ การนั่งพิจารณาทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ให้ด าเนินการในห้องพิจารณา โดยให้ถ่ายทอดภาพและเสียงของคู่ความหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องในคดีที่ใช้ระบบอยู่นอกศาลมาเผยแพร่ ในห้องพิจารณาอย่างเปิดเผย ข้อ ๒๒ ระหว่างการนั่งพิจารณาทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ หากมีเหตุอันควรสงสัยว่า คู่ความหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องในคดีที่ใช้ระบบไม่ได้รับความปลอดภัยหรือการด าเนินกระบวนพิจารณา ไม่เป็นไปโดยสุจริต ศาลอาจสั่งให้ท าการตรวจสอบสภาพแวดล้อมของสถานที่ที่บุคคลนั้นใช้ระบบ หรือมีค าสั่งอื่นใดตามที่เห็นสมควร ข้อ ๒๓ การสืบพยานบุคคลที่อยู่นอกศาลทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ บัตรประจ าตัวประชาชนของพยานและล่าม (ถ้ามี) แล้วให้น าพยานและล่ามสาบานตนหรือกล่าวค าปฏิญาณ ต่อหน้าศาลที่นั่งพิจารณาในห้องพิจารณา ในกรณีมีเหตุขัดข้องระหว่างการนั่งพิจารณาที่ท าให้ไม่อาจสืบพยานบุคคลทางระบบ อิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างต่อเนื่อง ศาลอาจก าหนดวิธีการเท่าที่ไม่ขัดกับประกาศนี้เพื่อให้สามารถสืบพยาน บุคคลได้จนเสร็จสิ้น โดยบันทึกเหตุขัดข้องและวิธีการดังกล่าวไว้ในรายงานกระบวนพิจารณา ข้อ ๒๔ เอกสารหรือภาพถ่ายที่ใช้สืบประกอบค าเบิกความของพยานบุคคลทางระบบ อิเล็กทรอนิกส์ ให้ใช้เอกสารในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่คู่ความส่งเข้ามาในระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ เอกสารในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามวรรคหนึ่งถือเป็นเอกสารต้นฉบับหรือเอกสาร เทียบเท่าฉบับเดิมตามข้อ ๑๘ แห่งข้อก าหนดของประธานศาลฎีกาว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๓ ในกรณีที่ต้องจัดท าสิ่งพิมพ์ออกของเอกสารดังกล่าวเพื่อจัดเก็บเป็นส านวนความ ให้คู่ความ ที่อ้างเอกสารเป็นผู้รับผิดชอบค่าจัดท าเอกสาร หากจ าเป็นต้องใช้ต้นฉบับอาจก าหนดให้คู่ความที่อ้าง เอกสารนั้นน ามาส่งต่อศาลภายในเวลาที่ศาลเห็นสมควร เพื่อประโยชน์ในการสืบพยาน ศาลอาจก าหนดให้มีการนั่งพิจารณาทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ ก่อนวันนัดสืบพยานเพื่อตรวจความพร้อมของเอกสารที่คู่ความจะใช้ในการสืบพยาน


กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๔๓ ข้อ ๒๕ ในการสืบพยาน ให้คู่ความที่น าสืบเอกสารหรือภาพถ่ายเปิดไฟล์เอกสารหรือ ภาพถ่ายนั้นในระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ แล้วแสดงภาพเอกสารในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าว ทางจอภาพของระบบอิเล็กทรอนิกส์ให้ศาล พยานและคู่ความทุกฝ่ายตรวจดู (share screen) หรือ แสดงต้นฉบับเอกสารหรือวัตถุพยานให้ปรากฏทางจอภาพของระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้ตรวจสอบ ความถูกต้องกับส าเนาเอกสารหรือภาพถ่ายที่ได้ยื่นไว้ในส านวนแล้ว คู่ความที่น าเอกสารหรือภาพถ่ายมาใช้ถามค้านพยานต้องแปลงเอกสารหรือภาพถ่าย ให้อยู่ในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ แล้วแสดงภาพเอกสารในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าว ทางจอภาพของระบบอิเล็กทรอนิกส์ให้ศาล พยานและคู่ความทุกฝ่ายตรวจดู (share screen) และต้องส่ง เอกสารหรือภาพถ่ายในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั้นให้ศาลทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ภายใน เวลาที่ศาลเห็นสมควรเพื่อจัดเก็บเป็นส านวนความ ข้อ ๒๖ เมื่อพยานเบิกความเสร็จและองค์คณะผู้พิพากษาอ่านบันทึกค าเบิกความพยานแล้ว ให้เจ้าหน้าที่จัดให้คู่ความที่อยู่ในห้องพิจารณาลงลายมือชื่อ แล้วแปลงบันทึกค าเบิกความพยานดังกล่าว ให้อยู่ในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์น าเข้าระบบอิเล็กทรอนิกส์ ให้คู่ความและบุคคลที่เกี่ยวข้องที่อยู่นอกศาล ตรวจดูทางจอภาพและลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์แสดงรับรู้หรือรับรองในเอกสารนั้น หากไม่สามารถ ลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ได้ถือว่าเป็นกรณีที่บุคคลดังกล่าวลงลายมือชื่อไม่ได้ ความในวรรคก่อนให้น ามาใช้บังคับแก่การลงลายมือชื่อของคู่ความในรายงานกระบวน พิจารณาโดยอนุโลม ข้อ ๒๗ ให้เจ้าหน้าที่แจ้งให้ผู้เกี่ยวข้องทราบถึงระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ศาลก าหนดให้ใช้ ในการนั่งพิจารณา และตรวจความพร้อมของระบบอิเล็กทรอนิกส์ ระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ สถานที่ที่ใช้ระบบ และอุปกรณ์สื่อสารของผู้เกี่ยวข้อง เพื่อให้การนั่งพิจารณาทางระบบอิเล็กทรอนิกส์เป็นไปโดยเรียบร้อย แล้วรายงานความพร้อมให้ศาลทราบก่อนวันนัด ข้อ ๒๘ ให้เจ้าหน้าที่จัดท ารายงานเกี่ยวกับระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในการนั่งพิจารณา ชื่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ชื่อผู้ใช้ระบบ สถานที่ วัน เวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดในการใช้ระบบของทุกฝ่าย และเหตุขัดข้องที่เกิดขึ้นระหว่างการพิจารณา (ถ้ามี) เสนอศาลเพื่อมีค าสั่งตามที่เห็นสมควร ข้อ ๒๙ ก่อนศาลออกนั่งพิจารณา ให้เจ้าหน้าที่เชื่อมสัญญาณระบบอิเล็กทรอนิกส์ ระหว่างศาลกับผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ระบบ ตรวจความเหมาะสมของอุปกรณ์สื่อสารและสถานที่ที่ใช้ระบบ และแจ้งขั้นตอนตลอดจนวิธีการปฏิบัติตนในการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ให้ผู้เกี่ยวข้องทราบ ข้อ ๓๐ ระหว่างศาลออกนั่งพิจารณา ให้เจ้าหน้าที่ควบคุมการใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ และระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ให้เป็นไปตามค าสั่งศาล เช่น เปิดไฟล์ภาพเอกสารจากระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ แล้วน าไปแสดงทางจอภาพของระบบอิเล็กทรอนิกส์ (share screen) บันทึกภาพและเสียงกระบวนพิจารณา


กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๔๔ ข้อ ๓๑ ในระหว่างการพิจารณาหากพบปัญหา ความบกพร่อง หรือพบเหตุที่ท าให้เกิด ความไม่ปลอดภัยในการใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ ให้เจ้าหน้าที่รายงานศาลโดยเร็ว ส่วนที่ ๒ การบันทึกค าเบิกความพยานโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๓๒ การสืบพยานในศาลหรือการสืบพยานบุคคลที่อยู่นอกศาลโดยระบบการประชุม ทางจอภาพหรือทางระบบอิเล็กทรอนิกส์อาจใช้วิธีบันทึกค าเบิกความพยานลงในระบบอิเล็กทรอนิกส์ซึ่ง สามารถถ่ายทอดออกเป็นภาพและเสียงที่สามารถน าออกถ่ายทอดได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งคู่ความและพยาน สามารถตรวจสอบถึงความถูกต้องของบันทึกค าเบิกความนั้นได้ การบันทึกค าเบิกความพยานโดยวิธีการตามวรรคหนึ่ง อย่างน้อยต้องปรากฏภาพของ พยานและคู่ความในห้องพิจารณา การอ้างส่งพยานหลักฐานในระหว่างการสืบพยาน และบันทึกเสียง การถามพยานและค าเบิกความของพยาน เมื่อพยานเบิกความเสร็จแล้ว ให้เจ้าหน้าที่รวบรวมบันทึกค าเบิกความพยานไว้ในส านวนความ ในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ พยานไม่ต้องลงลายมือชื่อในบันทึกค าเบิกความพยานดังกล่าว การขอตรวจดูบันทึกค าเบิกความของพยานที่บันทึกลงในระบบอิเล็กทรอนิกส์ให้กระท าในศาล และอยู่ในความควบคุมดูแลของเจ้าหน้าที่ โดยมิให้บันทึกภาพหรือเสียงค าเบิกความพยานหรือท าซ้ า ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าว ข้อ ๓๓ กรณีที่ต้องมีการนั่งพิจารณาโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นการสืบพยานบุคคล ที่อยู่นอกศาลโดยระบบการประชุมทางจอภาพหรือทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ให้เจ้าหน้าที่สอบถามผู้ดูแล สถานที่นั้นถึงความพร้อมเกี่ยวกับวันเวลานัดสืบพยานเสียก่อน แล้วมีหนังสือแจ้งก าหนดวัน เวลา และ สถานที่ที่จะด าเนินกระบวนพิจารณาทางอิเล็กทรอนิกส์ให้ชัดเจน เพื่อจัดเตรียมความพร้อมของห้อง พิจารณาคดีโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๓๔ ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบและจัดเตรียมความพร้อมของอุปกรณ์และสถานที่ และรายงานความพร้อมของบุคคล อุปกรณ์ และสถานที่ที่ใช้ในการนั่งพิจารณาโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ให้ศาลทราบก่อนวันนัด ข้อ ๓๕ ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบดูแลการบันทึกค าเบิกความพยานโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ภายใต้การควบคุมของผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณา เช่น การกดปุ่ม Bookmark ในส่วนค าเบิกความหรือ ขั้นตอนการสืบพยานส่วนที่มีความส าคัญ การเริ่มหรือหยุดบันทึกค าเบิกความพยานด้วยภาพและเสียง ทั้งหมดหรือส่วนใดส่วนหนึ่งตลอดการสืบพยาน ทั้งนี้ อาจมีการจัดท าเอกสารในลักษณะสรุปค าเบิกความไว้ เพื่อความสะดวกแก่การพิจารณาคดีตามค าสั่งศาล ข้อ ๓๖ ให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการใช้ระบบบันทึกค าเบิกความพยานโดยวิธีการ ทางอิเล็กทรอนิกส์ ด าเนินการที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้


Click to View FlipBook Version