กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๔๕ (๑) แจ้งให้พยานทราบถึงวิธีการสืบพยานและจัดให้พยานลงลายมือชื่อรับรู้ไว้ในรายงาน เจ้าหน้าที่เพื่อเสนอศาลพิจารณาสั่งรวมไว้ในส านวน (๒) เข้าระบบการบันทึกค าเบิกความพยานโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์โดยใส่ชื่อผู้ใช้ และรหัสผ่านตามที่นักวิชาการคอมพิวเตอร์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากหัวหน้าหน่วยงานก าหนด (๓) ตรวจสอบความพร้อมของข้อมูลและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง และจัดเตรียมข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์ (๔) บันทึกภาพและเสียงการสืบพยาน (๕) ตรวจทานความถูกต้องของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ จัดเก็บ ส ารองและดูแลรักษาระบบ บันทึกค าเบิกความพยานด้วยภาพและเสียงให้อยู่ในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (๖) ป้องกันไม่ให้บุคคลใดสามารถเข้าถึงรหัสผ่าน ข้อมูลและอุปกรณ์ (๗) ส่งมอบรหัสการเข้าถึงไฟล์ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่บันทึกไว้ให้ผู้พิพากษาปิดผนึก ลงลายมือชื่อก ากับรวมไว้ในส านวนคดี และน าส่งข้อมูลให้แก่ผู้พิพากษา รวมถึงด าเนินการเพื่อให้การบันทึก ค าเบิกความพยานโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ของผู้พิพากษาเป็นไปโดยเรียบร้อยและปลอดภัย หมวด ๔ ค าพิพากษา ข้อ ๓๗ คดีที่อยู่ในอ านาจพิจารณาพิพากษาของผู้พิพากษาคนเดียวตามพระธรรมนูญ ศาลยุติธรรม ผู้พิพากษาอาจจัดท าค าพิพากษาหรือค าสั่งในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์โดยบันทึกข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์เป็นไฟล์ประเภท PDF หรือ PDF/A แล้วลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ของผู้พิพากษา ที่พิพากษาหรือท าค าสั่งตามข้อ ๙ และประทับตราประจ าชาดในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ แล้วอัปโหลด (Upload) ค าพิพากษาหรือค าสั่งดังกล่าวเข้าสู่ระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ส านักงานศาลยุติธรรมก าหนด หลังจากอ่านหรือถือว่าได้อ่านค าพิพากษาหรือค าสั่งนั้นตามกฎหมายแล้ว หมวด ๕ การระงับใช้ระบบ ข้อ ๓๘ หากผู้ใช้ระบบพบปัญหาหรือความบกพร่องในระบบบันทึกค าเบิกความพยาน ด้วยภาพและเสียง หรือระบบลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น ชื่อผู้ใช้ระบบและรหัสผ่านของตนอาจถูก บุคคลอื่นน าไปใช้ หรือพบเหตุที่ท าให้เกิดความไม่มั่นคงปลอดภัยในการใช้ระบบดังกล่าว ให้ผู้ใช้ระบบ แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลระบบทันที
กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๔๖ ข้อ ๓๙ กรณีมีเหตุจ าเป็น เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลระบบอาจด าเนินการปิดระบบเพื่อระงับการใช้ ระบบบันทึกค าเบิกความพยานด้วยภาพและเสียง หรือระบบลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยได้รับอนุญาต จากผู้รับผิดชอบราชการศาลหรือเลขาธิการส านักงานศาลยุติธรรม เว้นแต่ในกรณีจ าเป็นเร่งด่วน ให้เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลระบบปิดระบบชั่วคราวได้ แต่ต้องรายงานให้ผู้รับผิดชอบราชการศาลหรือเลขาธิการ ส านักงานศาลยุติธรรม แล้วแต่กรณี ทราบทันที ประกาศ ณ วันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ (ลงชื่อ) พงษ์เดช วานิชกิตติกูล (นายพงษ์เดช วานิชกิตติกูล) เลขาธิการส านักงานศาลยุติธรรม
กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๔๗ บัญชีแนบท้ายประกาศ ระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในการนั่งพิจารณาโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่แอปพลิเคชัน ๑. Google Meet ๒. Cisco Webex ๓. Zoom ทั้งนี้ การไต่สวนค าร้องขอตั้งผู้จัดการมรดกหรือค าร้องขอตั้งต้นคดีประเภทอื่น การนั่งพิจารณา คดีผู้บริโภค คดีมโนสาเร่ คดีไม่มีข้อยุ่งยาก หรือการไต่สวนค าร้องในคดีแพ่ง เช่น ค าร้องขอสวมสิทธิ เป็นเจ้าหนี้ตามค าพิพากษา ค าร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ ค าร้องขอรับช าระหนี้จ านอง เป็นต้น อาจด าเนินการ ทางแอปพลิเคชันอื่นที่สามารถสื่อสารภาพและเสียงอย่างต่อเนื่อง
กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๔๘ (ส าเนา) ระเบียบราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ว่าด้วยการด าเนินคดีอาญาในระหว่างที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Coronavirus Disease : COVID-19) พ.ศ. ๒๕๖๔ ____________________ โดยที่ปรากฏสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ซึ่งส่งผลกระทบ ต่อความปลอดภัยในการด าเนินชีวิตของประชาชนเป็นอย่างมาก การติดต่อสื่อสารระหว่างกันไม่อาจด าเนินการ ได้ตามปกติเหมือนที่ผ่านมา ศาลยุติธรรมจึงจ าเป็นต้องปรับระบบการท างานในวิถีใหม่โดยค านึงถึงความปลอดภัย ของผู้มาติดต่อราชการเป็นส าคัญโดยการน าวิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์มาปรับใช้กับกระบวนพิจารณาต่าง ๆ ในคดีอาญาให้สามารถด าเนินการต่อไปได้เพื่อมิให้เกิดความล่าช้าอันอาจส่งผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพ ของประชาชนและความปลอดภัยของสังคม อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๕ แห่งพระธรรมนูญศาลยุติธรรม ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระธรรมนูญศาลยุติธรรม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๑ ประธานศาลฎีกา จึงวางระเบียบราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ว่าด้วยการด าเนินคดีอาญา ในระหว่างที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Coronavirus Disease : COVID-19) พ.ศ. ๒๕๖๔ ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศเป็นต้นไป ข้อ ๓ ให้ยกเลิก (๑) ระเบียบราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ว่าด้วยการด าเนินคดีอาญาในศาลที่เกี่ยวกับ ผู้ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจ าหรือสถานที่กักขังในระหว่างที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Coronavirus Disease : COVID-19) พ.ศ. ๒๕๖๓ (๒) ระเบียบราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ว่าด้วยการด าเนินคดีอาญาในศาลที่เกี่ยวกับ ผู้ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจ าหรือสถานที่กักขังในระหว่างที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Coronavirus Disease : COVID-19) (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๔
กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๔๙ ข้อ ๔ ระเบียบนี้ให้ใช้เฉพาะในช่วงที่ยังมีวิกฤตการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ และการด าเนินการต่อผู้ต้องหาหรือจ าเลยในขณะถูกคุมขังจะต้องกระท าโดยเปิดเผย ให้ผู้ที่ถูกคุมขัง เข้าใจในเรื่องนั้น ๆ อย่างแท้จริงและมีโอกาสในการโต้แย้งคัดค้านได้อย่างเต็มที่ ข้อ ๕ การนั่งพิจารณาและการอ่านค าพิพากษาหรือค าสั่งให้คู่ความฟัง ศาลอาจด าเนินการ โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ตามหลักเกณฑ์ที่ก าหนดไว้ในระเบียบนี้ และในกรณีที่มีการถ่ายทอดภาพและเสียง ของคู่ความหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องมายังศาลในลักษณะการประชุมทางจอภาพหรือผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือแอปพลิเคชันอื่น ให้ถือว่าเป็นการด าเนินกระบวนพิจารณาในศาลนั้น ข้อ ๖ การด าเนินการตามข้อ ๕ ให้น าข้อก าหนดของประธานศาลฎีกาว่าด้วยวิธีพิจารณาคดี ทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๓ และประกาศส านักงานศาลยุติธรรมที่เกี่ยวข้องมาใช้บังคับเท่าที่พอจะ ใช้บังคับได้ การติดต่อระหว่างศาลกับพนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ ทนายความ คู่ความในคดี และเจ้าพนักงานเรือนจ าหรือเจ้าหน้าที่สถานที่กักขัง อาจกระท าโดยทางโทรสาร สื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือสื่อทางเทคโนโลยีสารสนเทศอื่นใด ข้อ ๗ การสอบถามผู้ต้องหาหรือท าการไต่สวนพยานหลักฐานในการออกหมายขังผู้ต้องหา ศาลพึงพิจารณาด าเนินการให้มีการสอบถามโดยถ่ายทอดภาพและเสียงในลักษณะการประชุมทางจอภาพ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๘๗/๑ และข้อบังคับของประธานศาลฎีกาว่าด้วย การสอบถามผู้ต้องหาหรือท าการไต่สวนพยานหลักฐานในการออกหมายขังผู้ต้องหาในลักษณะการประชุม ทางจอภาพ พ.ศ. ๒๕๕๖ และพึงอนุโลมใช้กับการยื่นค าร้องขอหมายขังและการสอบถามผู้ต้องหาตั้งแต่ ครั้งแรกด้วย ข้อ ๘ ในคดีที่จ าเลยถูกคุมขัง การด าเนินการเกี่ยวกับการตั้งทนายความ การอ่านและอธิบายฟ้อง ให้จ าเลยฟัง การสอบค าให้การ การตรวจพยานหลักฐาน หรือการด าเนินกระบวนพิจารณาอย่างอื่น ที่ไม่อยู่ในบังคับของวรรคสอง หากจ าเลยไม่คัดค้าน ให้ด าเนินการโดยวิธีถ่ายทอดภาพและเสียงในลักษณะ การประชุมทางจอภาพได้ การสืบพยานในกรณีที่จ าเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องหรือกรณีอื่น ถ้าจ าเลยให้ความยินยอม และในกรณีที่จ าเลยมีทนายความ ทนายความนั้นสามารถท าหน้าที่ว่าความให้แก่จ าเลยได้ ศาลจะด าเนินการ โดยวิธีถ่ายทอดภาพและเสียงในลักษณะการประชุมทางจอภาพได้ หากเห็นว่าการด าเนินการเช่นนั้น จะไม่เป็นที่เสียหายหรือก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมแก่จ าเลย การด าเนินการตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ให้มีการบันทึกภาพและเสียงไว้ ข้อ ๙ ในคดีที่จ าเลยถูกคุมขัง เพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้าในการอ่านค าพิพากษาหรือค าสั่งของศาล ถ้าจ าเลยยินยอมและศาลเห็นว่าเป็นประโยชน์แก่ทุกฝ่าย ศาลจะอ่านค าพิพากษาหรือค าสั่งให้จ าเลยฟัง
กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๕๐ โดยวิธีถ่ายทอดภาพและเสียงในลักษณะการประชุมทางจอภาพไปยังสถานที่คุมขังก็ได้ ทั้งนี้ ให้มีการบันทึก ภาพและเสียงไว้และด าเนินการตามค าพิพากษาหรือค าสั่งโดยเร็ว ข้อ ๑๐ ในกรณีที่สถานที่คุมขังแห่งใดมีมาตรการควบคุมการเคลื่อนย้ายผู้ต้องขังเพื่อจ ากัดวง ของการแพร่ระบาดของโรค ท าให้ไม่สามารถด าเนินการในลักษณะการประชุมทางจอภาพตามข้อ ๗ ข้อ ๘ หรือข้อ ๙ ได้ ก็ให้ด าเนินการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือแอปพลิเคชันอื่นที่ส านักงานศาลยุติธรรม ก าหนด ข้อ ๑๑ ในคดีที่จ าเลยไม่ถูกคุมขัง การตรวจพยานหลักฐาน ศาลจะด าเนินการโดยวิธี ถ่ายทอดภาพและเสียงในลักษณะการประชุมทางจอภาพหรือผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือแอปพลิเคชันอื่น ที่ส านักงานศาลยุติธรรมก าหนดก็ได้ หากเห็นว่ามีความเหมาะสมและคู่ความสามารถตรวจสอบและ แถลงถึงแนวทางการเสนอพยานหลักฐานต่อศาลได้ตามกฎหมาย ข้อ ๑๒ การไต่สวนมูลฟ้องคดีอาญาที่ราษฎรเป็นโจทก์ ถ้าศาลเห็นว่ามีความจ าเป็น ต้องด าเนินการโดยวิธีถ่ายทอดภาพและเสียงในลักษณะการประชุมทางจอภาพหรือผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือแอปพลิเคชันอื่นที่ส านักงานศาลยุติธรรมก าหนด ให้แจ้งให้โจทก์ทราบและบอกกล่าวไปยังจ าเลย พร้อมกับการแจ้งวันนัดไต่สวน หากจ าเลยประสงค์จะใช้สิทธิตามกฎหมายในชั้นนี้ ก็ให้ด าเนินการผ่านระบบ อิเล็กทรอนิกส์หรือแอปพลิเคชันดังกล่าว การด าเนินการตามวรรคหนึ่ง ให้ศาลค านึงถึงความสามารถในการเข้าถึงเทคโนโลยีของ โจทก์และจ าเลยด้วย ข้อ ๑๓ เพื่อให้การปฏิบัติตามระเบียบนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ศาลอาจก าหนด แนวทางปฏิบัติของแต่ละศาลได้เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ ข้อ ๑๔ ในกรณีมีความจ าเป็นต้องมีวิธีการอย่างหนึ่งอย่างใดในทางธุรการเพื่อให้การปฏิบัติ ตามระเบียบนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ให้เลขาธิการส านักงานศาลยุติธรรมอ านวยความสะดวกและ ก าหนดวิธีการนั้น ประกาศ ณ วันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ (ลงชื่อ) เมทินี ชโลธร (นางเมทินี ชโลธร) ประธานศาลฎีกา
กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๕๑ ข้อพิจารณาเกี่ยวกับระเบียบราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ว่าด้วยการด าเนินคดีอาญาในระหว่างที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Coronavirus Disease : COVID-19) พ.ศ. ๒๕๖๔ ______________ โดยที่ปรากฏสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ส่งผลกระทบ ต่อความปลอดภัยในการด าเนินชีวิตของประชาชนเป็นอย่างมาก การติดต่อสื่อสารระหว่างกันไม่อาจด าเนินการ ได้ตามปกติเหมือนที่ผ่านมา ศาลยุติธรรมจ าเป็นต้องปรับระบบการท างานในวิถีใหม่โดยค านึงถึงความปลอดภัย ของคู่ความและผู้มาติดต่อราชการเป็นส าคัญ โดยการน าวิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์มาปรับใช้กับ กระบวนพิจารณาต่าง ๆ ให้สามารถด าเนินการต่อไปได้เพื่อมิให้เกิดความล่าช้าอันอาจส่งผลกระทบต่อสิทธิ เสรีภาพของประชาชนผู้มีอรรถคดีและความปลอดภัยของสังคม ปัจจุบันได้มีข้อก าหนดของประธานศาลฎีกา ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๓1 ก าหนดหลักการเพื่อรองรับให้กระบวนพิจารณาของศาล ทั้งในคดีแพ่งและคดีอื่นที่มีกฎหมายบัญญัติให้น าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งไปใช้บังคับ เช่น คดีอาญา ไม่ว่าจะเป็นการนั่งพิจารณา การสืบพยาน หรือการอ่านค าพิพากษา สามารถกระท าโดยวิธีการทาง อิเล็กทรอนิกส์ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ส านักงานศาลยุติธรรมประกาศก าหนดได้จนเสร็จสิ้นไปทั้งคดี ทั้งนี้ ในส่วนการด าเนินคดีอาญาในระหว่างที่มีการแพร่ระบาดดังกล่าว ประธานศาลฎีกาได้วางระเบียบราชการ ฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ว่าด้วยการด าเนินคดีอาญาในระหว่างที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา ๒๐๑๙ (Coronavirus Disease : COVID-19) พ.ศ. ๒๕๖๔ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๕ 2 แห่งพระธรรมนูญศาลยุติธรรม ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระธรรมนูญ ศาลยุติธรรม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยมีข้อพิจารณาตามระเบียบรายข้อ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ว่าด้วยการด าเนิน คดีอาญาในระหว่างที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Coronavirus Disease : COVID-19) พ.ศ. ๒๕๖๔” ระเบียบว่าด้วยการด าเนินคดีอาญาในระหว่างที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา ๒๐๑๙ ใช้กับการด าเนินคดีอาญา ทั้งกรณีที่ผู้ต้องหาหรือจ าเลยถูกคุมขังอยู่ในเรือนจ าหรือ สถานที่กักขัง และกรณีที่ผู้ต้องหาหรือจ าเลยไม่ถูกคุมขังหรือได้รับการปล่อยชั่วคราวด้วย3 1 ประกาศราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓ และมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๓ เป็นต้นมา 2 ให้ประธานศาลฎีกามีหน้าที่วางระเบียบราชการฝ่ายตุลาการของศาลยุติธรรม เพื่อให้กิจการของศาลยุติธรรมด าเนินไปโดยเรียบร้อยและ เป็นระเบียบเดียวกัน ... 3 ระเบียบราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ว่าด้วยการด าเนินคดีอาญาในศาลที่เกี่ยวกับผู้ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจ าหรือสถานที่กักขังในระหว่าง ที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Coronavirus Disease : COVID-19) พ.ศ. ๒๕๖๓ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๔ ซึ่งถูกยกเลิกโดยระเบียบนี้ ก าหนดให้ใช้กับการด าเนินคดีอาญาในศาลเฉพาะกรณีที่ผู้ต้องหาหรือจ าเลยถูกคุมขังอยู่ในเรือนจ าหรือสถานที่กักขังเท่านั้น
กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๕๒ ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศเป็นต้นไป ประกาศให้ใช้บังคับ ณ วันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๖๔ เป็นต้นไป และประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๘ ตอนที่ ๕๑ ก วันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ข้อ ๓ ให้ยกเลิก (๑) ระเบียบราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ว่าด้วยการด าเนินคดีอาญาในศาลที่เกี่ยวกับ ผู้ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจ าหรือสถานที่กักขังในระหว่างที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Coronavirus Disease : COVID-19) พ.ศ. ๒๕๖๓ (๒) ระเบียบราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ว่าด้วยการด าเนินคดีอาญาในศาลที่เกี่ยวกับ ผู้ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจ าหรือสถานที่กักขังในระหว่างที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Coronavirus Disease : COVID-19) (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๔ รายละเอียดตามที่กล่าวไว้ในข้อ ๑ ข้อ ๔ ระเบียบนี้ให้ใช้เฉพาะในช่วงที่ยังมีวิกฤตการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ และการด าเนินการต่อผู้ต้องหาหรือจ าเลยในขณะถูกคุมขังจะต้องกระท าโดยเปิดเผย ให้ผู้ที่ถูกคุมขัง เข้าใจในเรื่องนั้น ๆ อย่างแท้จริงและมีโอกาสในการโต้แย้งคัดค้านได้อย่างเต็มที่ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับกับการด าเนินคดีอาญาเฉพาะในช่วงสถานการณ์ที่ยังมีการแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เท่านั้น เพื่อมิให้เกิดความล่าช้าอันอาจส่งผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพ ของประชาชนผู้มีอรรถคดีและความปลอดภัยของสังคม โดยสามารถพิจารณาสถานการณ์ดังกล่าวได้ จากประกาศของหน่วยงานภาครัฐหรือข่าวคณะอนุกรรมการศึกษา ติดตามและแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการคดี ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Coronavirus Disease : COVID-19) นอกจากนี้ ระเบียบได้ก าหนดหลักการเพื่อคุ้มครองสิทธิในกระบวนพิจารณาตามกฎหมายของผู้ต้องหา หรือจ าเลยในขณะถูกคุมขังตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ และประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๗๒4 กล่าวคือ ต้องกระท าโดยเปิดเผย ให้ผู้ที่ถูกคุมขังได้เข้าใจในเรื่องนั้น ๆ อย่างแท้จริงและมีโอกาสโต้แย้งคัดค้านได้อย่างเต็มที่ ข้อ ๕ การนั่งพิจารณาและการอ่านค าพิพากษาหรือค าสั่งให้คู่ความฟัง ศาลอาจด าเนินการ โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ตามหลักเกณฑ์ที่ก าหนดไว้ในระเบียบนี้ และในกรณีที่มีการถ่ายทอด ภาพและเสียงของคู่ความหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องมายังศาลในลักษณะการประชุมทางจอภาพหรือ ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือแอปพลิเคชันอื่น ให้ถือว่าเป็นการด าเนินกระบวนพิจารณาในศาลนั้น 4 การพิจารณาและสืบพยานในศาล ให้ท าโดยเปิดเผยต่อหน้าจ าเลย...
กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๕๓ ข้อ ๖ การด าเนินการตามข้อ ๕ ให้น าข้อก าหนดของประธานศาลฎีกาว่าด้วยวิธีพิจารณาคดี ทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๓ และประกาศส านักงานศาลยุติธรรมที่เกี่ยวข้องมาใช้บังคับเท่าที่พอจะ ใช้บังคับได้ การติดต่อระหว่างศาลกับพนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ ทนายความ คู่ความในคดี และเจ้าพนักงานเรือนจ าหรือเจ้าหน้าที่สถานที่กักขัง อาจกระท าโดยทางโทรสาร สื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือสื่อทางเทคโนโลยีสารสนเทศอื่นใด ก าหนดหลักการทั่วไปเพื่อรองรับให้การนั่งพิจารณาของศาล5 และการอ่านค าพิพากษา หรือค าสั่งให้คู่ความฟัง สามารถกระท าโดยวิธีการตามอิเล็กทรอนิกส์ตามหลักเกณฑ์ที่ก าหนดไว้ในระเบียบนี้ ซึ่งอาจท าในลักษณะการประชุมทางจอภาพหรือผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือแอปพลิเคชันอื่นซึ่งต้อง พิจารณาประกอบกับระเบียบฯ ข้อ ๗ ข้อ ๘ ข้อ ๙ และข้อ ๑๐ ด้วย โดยให้น าข้อก าหนดของประธานศาลฎีกา ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๓ และประกาศส านักงานศาลยุติธรรมที่เกี่ยวข้อง6 ซึ่งได้แก่ ประกาศส านักงานศาลยุติธรรม เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขเกี่ยวกับการใช้วิธีพิจารณาคดี ทางอิเล็กทรอนิกส์ มาใช้บังคับเท่าที่พอจะใช้บังคับได้ เช่น - การจัดท าเอกสารในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (ประกาศฯ ข้อ ๘) - การส่งหมายนัดหรือเอกสารทางคดีหรือการแจ้งค าสั่งศาลหรือข้อความใดในรูปแบบ ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ให้แก่คู่ความโดยทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) ตามที่อยู่ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-mail address) ที่คู่ความนั้นได้แจ้งต่อศาลไว้ (ประกาศฯ ข้อ ๗ วรรคสอง) -การแสดงตนของคู่ความหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องในคดีในการพิจารณาคดีทางระบบ อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบบุคคลที่ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ว่าตรงกับคู่ความหรือบุคคล ที่เกี่ยวข้องในคดีหรือไม่ (ประกาศฯ ข้อ ๑๗) -การลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ในบันทึกค าเบิกความพยานหรือรายงานกระบวนพิจารณา ของคู่ความและบุคคลที่เกี่ยวข้องที่อยู่นอกศาล ซึ่งหากไม่สามารถลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ได้ถือว่า เป็นกรณีที่บุคคลดังกล่าวลงลายมือชื่อไม่ได้ (ประกาศฯ ข้อ ๒๖) - การขอตรวจดูภาพและเสียงกระบวนพิจารณาที่บันทึกไว้ให้กระท าในศาล และอยู่ใน ความควบคุมดูแลของเจ้าหน้าที่ โดยมิให้บันทึกภาพหรือเสียงหรือท าซ้ าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าว (ประกาศฯ ข้อ ๑๘ วรรคสาม) -การถ่ายทอดภาพและเสียงของคู่ความหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องในคดีที่ใช้ระบบอยู่นอกศาล มาเผยแพร่ในห้องพิจารณาโดยเปิดเผย เพื่อรองรับหลักการพิจารณาคดีโดยเปิดเผย (ประกาศฯ ข้อ ๒๑) 5 การที่ศาลออกนั่งเกี่ยวกับการพิจารณาคดี เช่น ชี สองสถาน สืบพยาน ท าการไต่สวน ฟังค าขอต่าง ๆ และฟังค าแถลงการณ์ด้วยวาจา รวมถึง ด าเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ ต่อคู่ความหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องในคดี 6 หนังสือส านักงานศาลยุติธรรม ด่วนที่สุด ที่ ศย ๐๑๖/ว ๗๙๖ ลงวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๔
กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๕๔ นอกจากนี้ การพิจารณาคดีในลักษณะการประชุมทางจอภาพ (Video Conference) หรือผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือแอปพลิเคชันอื่น แล้วแต่กรณี ถือว่าเป็นการด าเนินกระบวนพิจารณาในศาล ดังนั้น คู่ความหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องในคดีต้องปฏิบัติตนตามข้อก าหนดของศาลโดยเคร่งครัดเสมือนว่าได้มา ปรากฏอยู่ต่อหน้าศาลในห้องพิจารณา เช่น คู่ความหรือพยานต้องแต่งกายสุภาพเรียบร้อย ส ารวมอากัปกิริยา ทนายความต้องสวมครุยเพื่อว่าความ7 และต้องอยู่ในสถานที่ที่เหมาะสม พยานต้องสาบานหรือ กล่าวค าปฏิญาณตนก่อนเบิกความ คู่ความและบุคคลเกี่ยวข้องในคดีต้องเปิดหน้าจอภาพของระบบ ตลอดเวลาที่ศาลนั่งพิจารณา และให้ปิดไมโครโฟน เมื่อต้องการพูดให้เปิดไมโครโฟนและขออนุญาตศาลก่อน เป็นต้น และศาลมีอ านาจใช้มาตรการเรื่องละเมิดอ านาจศาลในกรณีที่มีการประพฤติตนไม่เรียบร้อย ในระหว่างที่นั่งพิจารณาได้ อย่างไรก็ตาม การนั่งพิจารณาและการอ่านค าพิพากษาหรือค าสั่งให้คู่ความฟัง ต้องอยู่ ภายใต้บังคับตามหลักเกณฑ์ที่ก าหนดไว้โดยเฉพาะในระเบียบนี้ด้วย เช่น ระเบียบฯ ข้อ ๘ ข้อ ๙ และข้อ ๑๐ ในคดีที่จ าเลยถูกคุมขัง การตั้งทนายความ การอ่านและอธิบายฟ้องให้จ าเลยฟัง การสอบค าให้การ การตรวจ พยานหลักฐานการสืบพยานในกรณีที่จ าเลยให้รับสารภาพตามฟ้องหรือกรณีอื่น หรือการอ่านค าพิพากษา หรือค าสั่งของศาลหากจ าเลยยินยอมหรือไม่คัดค้าน ก็ให้ศาลด าเนินการโดยวิธีถ่ายทอดภาพและเสียง ในลักษณะการประชุมทางจอภาพ และบันทึกภาพและเสียงไว้ เว้นแต่สถานที่คุมขังแห่งนั้นจะก าหนด มาตรการควบคุมการเคลื่อนย้ายผู้ต้องขังเพื่อจ ากัดวงของการแพร่ระบาดของโรค ท าให้ไม่สามารถ ด าเนินการในลักษณะการประชุมทางจอภาพได้ก็ให้ด าเนินการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือแอปพลิเคชันอื่น ที่ส านักงานศาลยุติธรรมก าหนด ได้แก่ Google Meet, Cisco Webex หรือ ZOOM เท่านั้น ไม่สามารถ ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือแอปพลิเคชันอื่นนอกเหนือจากที่ส านักงานศาลยุติธรรมก าหนดเช่น LINE เป็นต้น ส าหรับการสืบพยานในกรณีที่จ าเลยไม่ถูกคุมขัง ศาลอาจสั่งให้ด าเนินการโดยวิธีการ ทางอิเล็กทรอนิกส์ตามระเบียบฯ ข้อ ๕ ก็ได้ เนื่องจากเป็นการนั่งพิจารณาอย่างหนึ่ง ตามหนังสือ ส านักงานศาลยุติธรรม เรื่อง ซักซ้อมการปฏิบัติตามระเบียบราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ว่าด้วย การด าเนินคดีอาญาในระหว่างที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Coronavirus Disease : COVID-19) พ.ศ. ๒๕๖๔8 ระเบียบฯ ข้อ ๖ วรรคสอง ก าหนดวิธีการเพื่อให้การติดต่อส่งข้อมูลหรือเอกสารกัน ระหว่างศาลกับบุคคลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นไปด้วยความสะดวกรวดเร็ว เช่น การส่งเอกสารทางคดี หรือแจ้งค าสั่งของศาลหรือข้อความอื่นใด สามารถกระท าโดยทางโทรสาร สื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือสื่อทาง เทคโนโลยีสารสนเทศอื่นใดก็ได้ 7 ในกรณีที่ศาลก าหนดให้มีการนั่งพิจารณาโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์นอกที่ท าการ ให้ทนายความแต่งกายเช่นเดียวกับการด าเนินกระบวนพิจารณา ในห้องพิจารณาของศาล แต่ไม่ต้องสวมครุย 8 หนังสือส านักงานศาลยุติธรรม ด่วนที่สุด ที่ ศย ๐๑๖/ว ๑๐๗ (ป) ลงวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔
กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๕๕ ตัวอย่างขั้นตอนการพิจารณาคดีโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ของศาลอาญาในระหว่าง ที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ มีดังนี้9 ๑) คดีที่สามารถพิจารณาโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ การไต่สวนมูลฟ้องในคดีที่ ราษฎรเป็นโจทก์ คดีนัดสืบพยานประกอบค ารับสารภาพของจ าเลย คดีที่จ าเลยให้การปฏิเสธ คดีนัดตรวจ พยานหลักฐาน คดีนัดคุ้มครองสิทธิฯ คดีนัดพร้อม ๒) คู่ความที่ประสงค์ให้ศาลพิจารณาคดีโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ สามารถแจ้ง ความประสงค์ผ่านทาง QR Code ประกอบด้วยข้อมูล ได้แก่ - ชื่อ-สกุล - ประเภทคู่ความ ได้แก่อัยการโจทก์ ทนายโจทก์ จ าเลย ทนายจ าเลย หรืออื่น ๆ - หมายเลขคดีด า/แดง - ประเภทการนัด ได้แก่ ไต่สวนมูลฟ้อง สืบประกอบ สอบค าให้การ ตรวจพยานหลักฐาน หรืออื่น ๆ - วัน/เวลาที่นัด - แจ้งความประสงค์นัดพิจารณาทางอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ ประสงค์ ไม่ประสงค์ - ช่องทางนัดพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ต้องการใช้ ได้แก่ Video.Conference, Google Meet, Cisco Webex หรือ ZOOM - หมายเลขโทรศัพท์, ID LINE หรือโทรศัพท์ติดต่อที่ศูนย์นัดความ ๓) เจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์และศูนย์นัดความประสานคู่ความอีกฝ่ายเพื่อสอบถามถึง ความพร้อมที่จะใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยโทรศัพท์ ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) หรือ แอปพลิเคชัน LINE ๔) เมื่อคู่ความทุกฝ่ายพร้อมพิจารณาผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ศาลจะแจ้งก าหนดวัน นัดและแนะน าขั้นตอนในการพิจารณาคดีโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยสามารถตรวจสอบก าหนด นัดพิจารณาใหม่ผ่านทาง QR Code ๕) คู่ความและผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเข้าสู่การพิจารณาโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านระบบประชุมทางจอภาพ (Video.Conference) หรือผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือแอปพลิเคชัน ที่ส านักงานศาลยุติธรรมก าหนด ได้แก่ Google Meet, Cisco Webex หรือ ZOOM ข้อ ๗ การสอบถามผู้ต้องหาหรือท าการไต่สวนพยานหลักฐานในการออกหมายขังผู้ต้องหา ศาลพึงพิจารณาด าเนินการให้มีการสอบถามโดยถ่ายทอดภาพและเสียงในลักษณะการประชุมทางจอภาพ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๘๗/๑10 และข้อบังคับของประธานศาลฎีกา 9 ข้อมูลจากเว็บไซต์ศาลอาญา https://crimc.coj.go.th/ 10 เมื่อพนักงานอัยการหรือพนักงานสอบสวนร้องขอและผู้ต้องหามิได้คัดค้าน หากศาลเห็นสมควร ศาลอาจอนุญาตให้น าผู้ต้องหาหรือ พยานหลักฐานไปยังสถานที่ท าการของทางราชการ หรือสถานที่แห่งอื่นที่ศาลเห็นสมควรซึ่งสามารถสอบถามผู้ต้องหาหรือท าการไต่สวน โดยจัดให้มี
กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๕๖ ว่าด้วยการสอบถามผู้ต้องหาหรือท าการไต่สวนพยานหลักฐานในการออกหมายขังผู้ต้องหาในลักษณะ การประชุมทางจอภาพ พ.ศ. ๒๕๕๖ และพึงอนุโลมใช้กับการยื่นค าร้องขอหมายขังและการสอบถาม ผู้ต้องหาตั้งแต่ครั้งแรกด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๘๗/๑ และข้อบังคับของประธานศาลฎีกา ที่เกี่ยวข้อง ก าหนดหลักเกณฑ์และวิธีการว่าด้วยการสอบถามผู้ต้องหาหรือท าการไต่สวนพยานหลักฐาน ในการออกหมายขังผู้ต้องหาในลักษณะการประชุมทางจอภาพ เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยในการควบคุม ผู้ต้องหา อันจะเป็นหลักประกันในการมีตัวผู้ต้องหาเพื่อท าการสอบสวนหรือฟ้องคดี ตลอดจนเป็น หลักประกันการคุ้มครองสิทธิของผู้ต้องหา โดยการด าเนินการดังกล่าวจะกระท าได้ต่อเมื่อเป็นการยื่นค าร้อง ขอหมายขังผู้ต้องหาตั้งแต่ครั้งที่สองเป็นต้นไป เว้นแต่โดยลักษณะของความผิด ฐานะของผู้ต้องหา จ านวนผู้ต้องหา ความรู้สึกของประชาชนส่วนมากแห่งท้องถิ่นนั้น หรือเหตุผลอย่างอื่น อาจท าให้มีการ ขัดขวางต่อการสอบถามผู้ต้องหา หรือน่ากลัวว่าจะเกิดความไม่สงบหรือเหตุร้ายอย่างอื่นขึ้น และ ผู้ต้องหาไม่คัดค้าน ศาลจะมีค าสั่งให้สอบถามผู้ต้องหาในลักษณะการประชุมทางจอภาพ ในการยื่นค าร้องขอ หมายขังผู้ต้องหาครั้งแรกก็ได้ ซึ่งกรณีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ นั้น ได้ส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนย้ายผู้ต้องหามายังศาล และมีความจ าเป็นที่ศาลจะต้องก าหนดมาตรการ เพื่อลดจ านวนผู้ที่จะมาศาลให้เหลือเท่าที่จ าเป็นและลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาด ย่อมถือเป็น พฤติการณ์พิเศษและเหตุจ าเป็น ตามระเบียบฯข้อ ๗ จึงก าหนดให้พึงอนุโลมใช้กับการยื่นค าร้องขอ หมายขังและการสอบถามผู้ต้องหาตั้งแต่ครั้งแรกด้วย รายละเอียดปรากฏตามหนังสือส านักงานศาลยุติธรรม ด่วนที่สุด ที่ ศย ๐๒๕/ว ๒๗๓ ลงวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๖๓ เรื่อง แนวทางปฏิบัติงานการสอบถาม ผู้ต้องหาหรือท าการไต่สวนพยานหลักฐานในการออกหมายขังผู้ต้องหาในลักษณะการประชุมทางจอภาพ หรือสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศอื่นตั้งแต่ครั้งแรก เช่น ในการสอบถามผู้ต้องหาหรือท าการไต่สวน พยานหลักฐานในการออกหมายขังผู้ต้องหาครั้งแรก ศาลอาจใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของส านัก เทคโนโลยีสารสนเทศของส านักงานศาลยุติธรรมหรือระบบประชุมทางจอภาพ (Video Conference) แต่ในกรณีที่ไม่สามารถด าเนินการได้หรือหากการด าเนินการผ่านระบบดังกล่าวจะท าให้คดีเกิดความล่าช้า ศาลอาจด าเนินการผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ใด ๆ ที่สามารถถ่ายทอดภาพและเสียงระหว่างศาลและสถานที่ ซึ่งท าการผัดฟ้อง/ฝากขัง เช่น Skype, Facetime, Messenger, LINE, WhatsApp, ZOOM เป็นต้น ข้อ ๘ ในคดีที่จ าเลยถูกคุมขัง การด าเนินการเกี่ยวกับการตั้งทนายความ การอ่านและ อธิบายฟ้องให้จ าเลยฟัง การสอบค าให้การ การตรวจพยานหลักฐาน หรือการด าเนินกระบวนพิจารณา อย่างอื่นที่ไม่อยู่ในบังคับของวรรคสอง หากจ าเลยไม่คัดค้าน ให้ด าเนินการโดยวิธีถ่ายทอดภาพและเสียง ในลักษณะการประชุมทางจอภาพได้ การถ่ายทอดภาพและเสียงในลักษณะการประชุมทางจอภาพได้ การด าเนินการดังกล่าวให้เป็นไปตามข้อบังคับของประธานศาลฎีกา... การไต่สวน ตามวรรคหนึ่งให้ถือเสมือนว่าเป็นการไต่สวนในห้องพิจารณาของศาล
กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๕๗ การสืบพยานในกรณีที่จ าเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องหรือกรณีอื่น ถ้าจ าเลยให้ ความยินยอมและในกรณีที่จ าเลยมีทนายความ ทนายความนั้นสามารถท าหน้าที่ว่าความให้แก่จ าเลยได้ ศาลจะด าเนินการโดยวิธีถ่ายทอดภาพและเสียงในลักษณะการประชุมทางจอภาพได้ หากเห็นว่า การด าเนินการเช่นนั้นจะไม่เป็นที่เสียหายหรือก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมแก่จ าเลย การด าเนินการตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ให้มีการบันทึกภาพและเสียงไว้ การด าเนินกระบวนพิจารณาในกรณีที่จ าเลยถูกคุมขัง ได้แก่ การอ่านและอธิบายฟ้อง การตั้งทนายความให้จ าเลย การสอบถามค าให้การ ให้สามารถด าเนินการโดยวิธีถ่ายทอดภาพและเสียง ในลักษณะการประชุมทางจอภาพได้ หากจ าเลยไม่คัดค้าน และให้มีการบันทึกภาพและเสียงไว้ ดังนี้ ๑. ให้ด าเนินการต่อหน้าคู่ความทุกฝ่ายโดยวิธีการถ่ายทอดภาพและเสียงจากสถานที่คุมขัง ในลักษณะการประชุมทางจอภาพมายังศาล ส่วนฝ่ายโจทก์อาจด าเนินการอย่างเดียวกันโดยถ่ายทอด ภาพและเสียงจากสถานที่ท างานก็ได้ และให้บันทึกภาพและเสียงหลายคดีต่อเนื่องกันในไฟล์เดียวกันได้ และให้เก็บรักษาไฟล์ดังกล่าวไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายของศาลตามหนังสือส านักงานศาลยุติธรรม ด่วนที่สุด ที่ ศย ๐๑๖/ว ๘๙ (ป) ลงวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๔11 อนึ่ง การจัดเก็บไฟล์ที่บันทึกภาพและเสียงไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายของศาล อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบภายนอกหรือ Nas Storage เป็นอุปกรณ์ต่อพ่วงที่ท างานเชื่อมต่อกับเครื่อง คอมพิวเตอร์แม่ข่ายของศาล ซึ่งทั้งสองอุปกรณ์สามารถท างานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงถือว่า อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบภายนอกหรือ Nas Storage เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่าย และ สามารถใช้จัดเก็บไฟล์ที่บันทึกภาพและเสียงได้12 ๒. กรณีที่จ าเลยถูกคุมขังอยู่ ณ ที่ท าการของพนักงานสอบสวน (คดีอาญาที่อยู่ในอ านาจ ศาลแขวง) สามารถด าเนินการตามข้อ ๑. ได้เช่นกันโดยวิธีการถ่ายทอดภาพและเสียงจ าเลยจากสถานที่ ดังกล่าวมายังศาล และเพื่อความสะดวกอาจก าหนดนัดเหลื่อมเวลากันส าหรับพนักงานสอบสวนแต่ละแห่ง และก่อนเริ่มด าเนินการใด ๆ ต้องให้โจทก์ยืนยันตัวตนบุคคลที่ปรากฏทางจอภาพว่าเป็นจ าเลยด้วย13 ๓. การตั้งทนายความให้จ าเลย ศาลอาจตั้งทนายความซึ่งประจ าอยู่ที่ศาลหรือที่ท าการ ของพนักงานสอบสวน แล้วแต่กรณี และต้องให้จ าเลยสามารถปรึกษากับทนายความโดยอาจสื่อสาร ผ่านทางสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศหรือแอปพลิเคชันใดก็ได้ อย่างเป็นการเฉพาะตัว รวมถึงจดแจ้งชื่อ ทนายความไว้ส าหรับการตรวจจ่ายเงินรางวัลและค่าใช้จ่ายในภายหลัง14 ๔. การอ่านอธิบายฟ้องและสอบถามค าให้การจ าเลย 11 หนังสือส านักงานศาลยุติธรรม ด่วนที่สุด ที่ ศย ๐๑๖/ว ๑๐๗ (ป) ลงวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ข้อ ๑.๑ 12 หนังสือส านักงานศาลยุติธรรม ที่ ศย ๐๑๖/๑๐๓๔๐ ลงวันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๔ เรื่อง หารือการจัดเก็บไฟล์ที่บันทึกภาพและเสียงไว้ใน เครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายของศาล 13 อ้างแล้วล าดับ ๑๑ ข้อ ๑.๒ 14 อ้างแล้วล าดับ ๑๑ ข้อ ๑.๓
กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๕๘ ๑) ถ้าจ าเลยให้การปฏิเสธ ก็ให้นัดตรวจพยานหลักฐานโดยวิธีถ่ายทอดภาพและเสียง ในลักษณะการประชุมทางจอภาพ และให้พิจารณาด้วยว่าจะปล่อยชั่วคราวโดยก าหนดเงื่อนไขและ ใช้มาตรการก ากับดูแลหรือให้รายงานตัวต่อเจ้าพนักงานต ารวจศาลได้หรือไม่ ถ้าปล่อยชั่วคราวได้ ก็ให้ สั่งปล่อยชั่วคราวจ าเลยโดยให้จ าเลยรายงานตัวต่อผู้ก ากับดูแลหรือเจ้าพนักงานต ารวจศาลในวันรุ่งขึ้น ถ้าจะต้องท าสัญญาประกันหรือมีหลักประกันด้วย อาจสั่งให้ด าเนินการในวันนั้นหรือภายในระยะเวลาที่ศาล ก าหนดก็ได้ แต่ถ้าไม่อาจปล่อยชั่วคราว ก็ให้มีค าสั่งออกหมายขังและด าเนินการต่อไป15 ๒) ถ้าจ าเลยให้การรับสารภาพ หากเป็นคดีที่ต้องสืบพยานประกอบค ารับสารภาพ ก็ให้ก าหนดวันนัดสืบพยาน ส่วนคดีอื่นที่ศาลมีค าพิพากษาลงโทษ ให้ด าเนินการ ดังนี้16 - กรณีลงโทษปรับ ผู้ต้องโทษปรับสามารถโอนเงินเข้าบัญชีศาลเพื่อช าระค่าปรับ แต่ถ้าผู้ต้องโทษปรับอยู่ในเกณฑ์ที่จะท างานบริการสังคมหรือท างานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับได้ และผู้ต้องโทษปรับยินยอม ศาลจะสั่งให้ผู้ต้องโทษปรับนั้นท างานบริการสังคมหรือท างานสาธารณประโยชน์ แทนค่าปรับก็ได้โดยไม่ต้องมีการยื่นค าร้อง และสั่งให้ผู้ต้องโทษปรับไปพบพนักงานคุมประพฤติหรือผู้รับดูแล ในวันรุ่งขึ้น - กรณีให้คุมความประพฤติ ควรมีค าสั่งให้จ าเลยไปพบพนักงานคุมประพฤติ ในวันรุ่งขึ้นหรือภายในเวลาที่เห็นสมควร ทั้งนี้ ในช่วงสถานการณ์ปัจจุบันส านักงานคุมประพฤติได้ก าหนด แนวทางโดยเพิ่มวิธีการรับรายงานตัวทางจอภาพผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยให้มีการยืนยันตัวตนและ บันทึกหน้าจอเป็นหลักฐาน17 - กรณีลงโทษจ าคุกหรือกักขัง ให้ออกหมายจ าคุกหรือหมายกักขังส่งไปยังเรือนจ า แต่ถ้าเป็นกรณีตามข้อ ๒. ให้ส่งส าเนาหมายดังกล่าวพร้อมภาพถ่ายจ าเลยไปยังที่ท าการของพนักงานสอบสวน โดยทางโทรสาร สื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศอื่นใดเพื่อให้พนักงานสอบสวนควบคุมตัว จ าเลยไปส่งที่เรือนจ า การขอปล่อยชั่วคราวในชั้นนี้ให้ด าเนินการตามปกติ ๓)การบันทึกภาพและเสียงการด าเนินการเกี่ยวกับการตรวจพยานหลักฐาน การสืบพยาน ประกอบค ารับสารภาพของจ าเลย ให้บันทึกเป็นรายคดีโดยน าไฟล์ไปอัปโหลดจัดเก็บในระบบการจัดท า สารบบและส านวนคดีอิเล็กทรอนิกส์ (E-CMS) 18 ๕. ในกรณีที่จ าเลยไม่ถูกคุมขัง จ าเลยต้องมาศาล โดยศาลต้องด าเนินการตามมาตรการ ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ในห้องพิจารณาคดีอย่างเคร่งครัด 15 อ้างแล้วล าดับ ๑๑ ข้อ ๑.๔ (๑) 16 อ้างแล้วล าดับ ๑๑ ข้อ ๑.๔ (๒) 17 หนังสือกรมคุมประพฤติ ด่วนที่สุด ที่ ยธ ๐๓๐๓/ว ๕๑๕ ลงวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔ เรื่อง แนวปฏิบัติในการคุมประพฤติในสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) และหนังสือกรมคุมประพฤติ ที่ ยธ ๐๓๐๓/๑๕๕๔ ลงวันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๖๔ เรื่อง ขอความร่วมมือน าระบบการประชุมทางจอภาพผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์มาใช้สนับสนุนการปฏิบัติงานของกรมคุมประพฤติในสถานการณ์ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID 19) 18 หนังสือส านักงานศาลยุติธรรม ด่วนที่สุด ที่ ศย ๐๑๖/ว ๘๙ (ป) ลงวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๔
กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๕๙ ๖. ในกรณีที่จ าเลยไม่ถูกคุมขังและให้การปฏิเสธ การตรวจพยานหลักฐานสามารถด าเนินการ โดยวิธีถ่ายทอดภาพและเสียงในลักษณะการประชุมทางจอภาพหรือผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือ แอปพลิเคชันอื่นที่ส านักงานศาลยุติธรรมก าหนดก็ได้ หากเห็นว่ามีความเหมาะสมและคู่ความสามารถ ตรวจสอบและแถลงถึงแนวทางการเสนอพยานหลักฐานต่อศาลได้ตามกฎหมาย (ระเบียบฯ ข้อ ๑๑) ๗. การสืบพยานในคดีที่จ าเลยถูกคุมขัง ไม่ว่ากรณีที่จ าเลยให้การรับสารภาพหรือให้การ ปฏิเสธหรือการไต่สวนในกรณีอื่นใดที่ต้องท าต่อหน้าจ าเลย หากจ าเลยให้ความยินยอม และในกรณีที่ จ าเลยมีทนายความ ทนายความนั้นสามารถท าหน้าที่ว่าความให้แก่จ าเลยได้ ศาลจะด าเนินการโดยวิธีถ่ายทอด ภาพและเสียงในลักษณะการประชุมทางจอภาพก็ได้ หากศาลเห็นว่าการด าเนินการเช่นนั้นจะไม่เป็นที่เสียหาย หรือก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมแก่จ าเลย โดยจะต้องจัดช่องทางหรืออุปกรณ์สื่อสารให้จ าเลยสามารถใช้ สิทธิปรึกษากับทนายความเป็นการเฉพาะตัว โดยศาลอาจประสานความพร้อมไปยังสถานที่คุมขังจ าเลย ในเบื้องต้นเพื่อให้จ าเลยสามารถใช้สิทธิดังกล่าวได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ เนื่องจากการสืบพยานโดยวิธีถ่ายทอด ภาพและเสียงในลักษณะการประชุมทางจอภาพในกรณีที่จ าเลยถูกคุมขังต้องปรากฏว่าจ าเลยนั้นยินยอม กับวิธีการดังกล่าวตลอดการพิจารณาคดี จึงควรอธิบายให้จ าเลยเข้าถึงใจขั้นตอนและวิธีการดังกล่าว อย่างถ่องแท้และบันทึกความยินยอมของจ าเลยให้ปรากฏในส านวนด้วย ๘. หลักเกณฑ์และวิธีการสืบพยานโดยทุกฝ่ายใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งศาล คู่ความ และพยานอยู่ในสถานที่ต่างกัน ซึ่งถือว่าเป็นการด าเนินกระบวนพิจารณาในศาล (ระเบียบฯ ข้อ ๕) แตกต่างกันกับการสืบพยานในลักษณะการประชุมทางจอภาพตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๓๐/๑19 และข้อบังคับของประธานศาลฎีกา ว่าด้วยการสืบพยานคดีอาญาในลักษณะการประชุม ทางจอภาพ พ.ศ. ๒๕๕๖ ซึ่งเป็นการสืบพยานบุคคลที่อยู่นอกศาลในกรณีที่มีเหตุจ าเป็นอันไม่อาจน าพยาน มาเบิกความในศาลได้ ซึ่งในกรณีดังกล่าวเป็นกรณีที่คู่ความทุกฝ่ายต้องเดินทางไปศาลที่พิจารณาคดี แต่พยานที่มีเหตุจ าเป็นสามารถเดินทางไปเบิกความที่ศาลอื่นหรือสถานที่ท าการของทางราชการหรือ สถานที่แห่งอื่นนอกศาลนั้น ข้อ ๙ ในคดีที่จ าเลยถูกคุมขัง เพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้าในการอ่านค าพิพากษาหรือค าสั่ง ของศาล ถ้าจ าเลยยินยอมและศาลเห็นว่าเป็นประโยชน์แก่ทุกฝ่าย ศาลจะอ่านค าพิพากษาหรือค าสั่ง ให้จ าเลยฟังโดยวิธีถ่ายทอดภาพและเสียงในลักษณะการประชุมทางจอภาพไปยังสถานที่คุมขังก็ได้ ทั้งนี้ ให้มีการบันทึกภาพและเสียงไว้และด าเนินการตามค าพิพากษาหรือค าสั่งโดยเร็ว 19 ในกรณีที่มีเหตุจ าเป็นอันไม่อาจน าพยานมาเบิกความในศาลได้ เมื่อคู่ความร้องขอหรือศาลเห็นสมควร ศาลอาจอนุญาตให้พยานดังกล่าวเบิก ความที่ศาลอื่น หรือสถานที่ท าการของทางราชการหรือสถานที่แห่งอื่นนอกศาลนั้น โดยจัดให้มีการถ่ายทอดภาพและเสียงในลักษณะการประชุม ทางจอภาพได้ ทั้งนี้ภายใต้การควบคุมของศาลที่มีเขตอ านาจเหนือท้องที่นั้นตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ก าหนดในข้อบังคับของประธานศาลฎีกา... การเบิกความตามวรรคหนึ่งให้ถือเสมือนว่าพยานเบิกความในห้องพิจารณาของศาล
กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๖๐ ๑. กรณีจ าเลยถูกคุมขัง ศาลสามารถอ่านค าพิพากษาหรือค าสั่งให้จ าเลยที่ถูกคุมขังฟัง โดยวิธีถ่ายทอดภาพและเสียงในลักษณะการประชุมทางจอภาพไปยังสถานที่คุมขัง และให้มีการบันทึกภาพ และเสียงไว้และด าเนินการตามค าพิพากษาหรือค าสั่งโดยเร็ว ส่วนวิธีปฏิบัติเป็นไปตามระเบียบราชการ ฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ว่าด้วยการอ่านค าพิพากษาหรือค าสั่งของศาลสูงในลักษณะการประชุมทางจอภาพ พ.ศ. ๒๕๖๒ และประกาศส านักงานศาลยุติธรรมที่เกี่ยวข้อง20 หรือระเบียบราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ว่าด้วยการอ่านค าพิพากษาหรือค าสั่งศาลสูงในคดีอาญาและคดีแพ่งที่ศาลสูงโดยจัดให้มีการถ่ายทอด ภาพและเสียงผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๔ และแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง21 แล้วแต่กรณี ๒. การบันทึกภาพและเสียงการด าเนินการเกี่ยวกับการอ่านค าพิพากษา ให้บันทึกเป็นรายคดี โดยน าไฟล์ไปอัปโหลดจัดเก็บในระบบการจัดท าสารบบและส านวนคดีอิเล็กทรอนิกส์ (E-CMS) 22 ๓. กรณีที่จ าเลยไม่ถูกคุมขัง จ าเลยต้องมาศาลเพื่อฟังค าพิพากษาหรือค าสั่งตามปกติ โดยคู่ความสามารถขอคัดถ่ายค าพิพากษาหรือค าสั่งของศาลในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์หรือไฟล์ PDF อัตโนมัติบนระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม (CIOS) ได้ทันทีโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ส าหรับคดีที่รับฟ้อง ตั้งแต่วันที่ ๔ มกราคม ๒๕๖๔ เป็นต้นไป23 ข้อ ๑๐ ในกรณีที่สถานที่คุมขังแห่งใดมีมาตรการควบคุมการเคลื่อนย้ายผู้ต้องขัง เพื่อจ ากัดวงของการแพร่ระบาดของโรค ท าให้ไม่สามารถด าเนินการในลักษณะการประชุมทางจอภาพ ตามข้อ ๗ ข้อ ๘ หรือข้อ ๙ ได้ ก็ให้ด าเนินการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือแอปพลิเคชันอื่นที่ส านักงาน ศาลยุติธรรมก าหนด ก าหนดวิธีการรองรับในกรณีที่สถานที่คุมขังมีมาตรการควบคุมการเคลื่อนย้ายผู้ต้องขัง เพื่อจ ากัดวงของการแพร่ระบาดของโรค ซึ่งท าให้ศาลไม่สามารถด าเนินการในลักษณะการประชุมทางจอภาพ ตามข้อ ๗ ข้อ ๘ หรือข้อ ๙ แล้วแต่กรณี ก็ให้ด าเนินการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือแอปพลิเคชันอื่น ที่ส านักงานศาลยุติธรรมก าหนด ได้แก่ Google Meet, Cisco Webex หรือ ZOOM24 โดยต้องบันทึก ภาพและเสียงไว้ ปัจจุบันศาลยุติธรรมและเรือนจ าได้มีระบบการประชุมทางจอภาพ (VideoConference) เชื่อมต่อกับทุกเรือนจ า แต่เมื่อเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ท าให้ เกิดความไม่สะดวกในการน าตัวผู้ต้องขังมายังจุดที่ติดตั้งระบบการประชุมทางจอภาพของเรือนจ าได้ ตามที่เรือนจ ามีหนังสือขอความอนุเคราะห์ไปยังศาลยุติธรรมเกี่ยวกับมาตรการลดการเคลื่อนย้าย ผู้ต้องขังในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙25 ดังนั้น จึงให้ด าเนินการ 21 หนังสือส านักงานศาลยุติธรรม ด่วนที่สุด ที่ ศย ๐๑๖/ว ๘๗๕ ลงวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๔ 22 หนังสือส านักงานศาลยุติธรรม ด่วนที่สุด ที่ ศย ๐๑๖/ว ๘๙ (ป) ลงวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๔ 23 หนังสือส านักงานศาลยุติธรรม ด่วนที่สุด ที่ ศย ๐๑๓/ว ๙๑๓ ลงวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๔ 25 หนังสือส านักงานศาลยุติธรรม ด่วนที่สุด ที่ ศย ๐๑๖/ว ๔๙๗ (ป) ลงวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๔ เรื่อง มาตรการลดการคุมขังและการเคลื่อนย้าย ผู้ต้องขังในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๖๑ ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือแอปพลิเคชันอื่นที่ส านักงานศาลยุติธรรมก าหนดได้ซึ่งท าให้สามารถขยาย จุดเชื่อมสัญญาณภายในเรือนจ าได้มากขึ้น ข้อ ๑๑ ในคดีที่จ าเลยไม่ถูกคุมขัง การตรวจพยานหลักฐาน ศาลจะด าเนินการโดยวิธี ถ่ายทอดภาพและเสียงในลักษณะการประชุมทางจอภาพหรือผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือแอปพลิเคชันอื่น ที่ส านักงานศาลยุติธรรมก าหนดก็ได้ หากเห็นว่ามีความเหมาะสมและคู่ความสามารถตรวจสอบและแถลงถึง แนวทางการเสนอพยานหลักฐานต่อศาลได้ตามกฎหมาย กรณีที่จ าเลยไม่ถูกคุมขัง จ าเลยต้องมาศาล โดยให้ศาลด าเนินการตามมาตรการป้องกัน การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ในห้องพิจารณาคดีอย่างเคร่งครัด อย่างไรก็ตาม เมื่อศาลเห็น ว่ามีความเหมาะสมและคู่ความสามารถตรวจสอบและแถลงถึงแนวทางการเสนอพยานหลักฐานต่อศาล ได้ตามกฎหมาย ศาลจะด าเนินการโดยวิธีถ่ายทอดภาพและเสียงในลักษณะการประชุมทางจอภาพหรือ ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือแอปพลิเคชันอื่นที่ส านักงานศาลยุติธรรมก าหนดก็ได้ ส่วนจะบันทึกภาพและเสียง กระบวนพิจารณาหรือไม่ เป็นดุลพินิจของศาล ข้อ ๑๒ การไต่สวนมูลฟ้องคดีอาญาที่ราษฎรเป็นโจทก์ ถ้าศาลเห็นว่ามีความจ าเป็น ต้องด าเนินการโดยวิธีถ่ายทอดภาพและเสียงในลักษณะการประชุมทางจอภาพหรือผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือแอปพลิเคชันอื่นที่ส านักงานศาลยุติธรรมก าหนด ให้แจ้งให้โจทก์ทราบและบอกกล่าวไปยังจ าเลย พร้อมกับการแจ้งวันนัดไต่สวน หากจ าเลยประสงค์จะใช้สิทธิตามกฎหมายในชั้นนี้ ก็ให้ด าเนินการผ่านระบบ อิเล็กทรอนิกส์หรือแอปพลิเคชันดังกล่าว การด าเนินการตามวรรคหนึ่ง ให้ศาลค านึงถึงความสามารถในการเข้าถึงเทคโนโลยี ของโจทก์และจ าเลยด้วย การไต่สวนมูลฟ้องเป็นการด าเนินกระบวนพิจารณาระหว่างศาลกับโจทก์ เพื่อพิเคราะห์รูปคดี และพยานหลักฐานของโจทก์ว่ามีมูลเพียงพอทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่ศาลจะประทับฟ้องของโจทก์ ไว้พิจารณาได้หรือไม่ โดยการไต่สวนมูลฟ้องในคดีที่ราษฎรเป็นโจทก์ เมื่อศาลเห็นว่ามีความจ าเป็นจะด าเนินการ โดยวิธีถ่ายทอดภาพและเสียงในลักษณะการประชุมทางจอภาพหรือผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือ แอปพลิเคชันอื่นที่ส านักงานศาลยุติธรรมก าหนด โดยให้ค านึงถึงความสามารถในการเข้าถึงเทคโนโลยี ของโจทก์และจ าเลยด้วย กล่าวคือ โจทก์และจ าเลยต้องมีอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์สมาร์ทโฟน สัญญาณอินเตอร์เน็ต รวมถึงมีความสามารถในการใช้งานอุปกรณ์และแอปพลิเคชันที่จ าเป็น ทั้งนี้ ให้ศาล แจ้งให้โจทก์ทราบและบอกกล่าวไปยังจ าเลยพร้อมกับการแจ้งวันนัดไต่สวน หากจ าเลยประสงค์จะใช้สิทธิ ตามกฎหมายในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ก็ให้ด าเนินการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือแอปพลิเคชันดังกล่าว ในกรณีที่จ าเลยไม่มีความพร้อมทางเทคโนโลยี แต่ประสงค์จะใช้สิทธิในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง จ าเลยต้อง เดินทางมาที่ศาล ส่วนโจทก์สามารถด าเนินการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้
กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๖๒ ข้อ ๑๓ เพื่อให้การปฏิบัติตามระเบียบนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ศาลอาจก าหนด แนวทางปฏิบัติของแต่ละศาลได้เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ในแต่ละพื้นที่ อาจแตกต่างกัน ศาลแต่ละแห่งจึงอาจใช้ดุลพินิจออกประกาศก าหนดแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการด าเนิน คดีอาญาในระหว่างที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ได้เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับ ระเบียบนี้ เพื่อประกาศแจ้งให้คู่ความและผู้มาติดต่อราชการในท้องที่ทราบและถือปฏิบัติตามความเหมาะสม ในแต่ละพื้นที่ และเป็นไปในแนวทางเดียวกันทั่วประเทศ ข้อ ๑๔ ในกรณีมีความจ าเป็นต้องมีวิธีการอย่างหนึ่งอย่างใดในทางธุรการเพื่อให้การปฏิบัติ ตามระเบียบนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ให้เลขาธิการส านักงานศาลยุติธรรมอ านวยความสะดวก และก าหนดวิธีการนั้น ปัจจุบันได้มีหนังสือส านักงานศาลยุติธรรม ด่วนที่สุด ที่ ศย ๐๑๖/ว ๘๙ (ป) ลงวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๔ เรื่อง วิธีการจัดเก็บไฟล์ที่บันทึกภาพและเสียง และการตรวจดูบันทึกภาพและเสียง ตามระเบียบราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ว่าด้วยการด าเนินคดีอาญาในศาลที่เกี่ยวกับผู้ถูกคุมขังอยู่ ในเรือนจ าหรือสถานที่กักขังในระหว่างที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Coronavirus Disease : COVID-19) (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๔26 หนังสือส านักงานศาลยุติธรรม ด่วนที่สุด ที่ ศย ๐๑๖/ว ๑๐๗ (ป) ลงวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๔ เรื่อง ซักซ้อมการปฏิบัติตามระเบียบราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ว่าด้วยการด าเนินคดีอาญาในระหว่างที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Coronavirus Disease : COVID-19) พ.ศ. ๒๕๖๔ และระเบียบราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ว่าด้วยการด าเนินคดีแพ่ง ในระหว่างที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Coronavirus Disease : COVID-19) พ.ศ. ๒๕๖๔ และหนังสือส านักงานศาลยุติธรรม ด่วนที่สุด ที่ ศย ๐๑๖/ว ๘๔๐ เรื่อง แจ้งแนวทางการนั่งพิจารณา โดยใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์นอกที่ท าการ โดยสามารถสืบค้นได้ที่เว็บไซต์ส านักกฎหมายและวิชาการ ศาลยุติธรรม https://jla.coj.go.th/ ส านักกฎหมายและวิชาการศาลยุติธรรม ส านักงานศาลยุติธรรม สิงหาคม ๒๕๖๔ 26 ระเบียบราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ว่าด้วยการด าเนินคดีอาญาในศาลที่เกี่ยวกับผู้ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจ าหรือสถานที่กักขังในระหว่างที่มี การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Coronavirus Disease : COVID-19) (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๔ ถูกยกเลิกโดยระเบียบราชการ ฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ว่าด้วยการด าเนินคดีอาญาในระหว่างที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Coronavirus Disease : COVID-19) พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามข้อ ๓ (๒) แต่ทั้งนี้ ไม่กระทบกับวิธีการจัดเก็บไฟล์ที่บันทึกภาพและเสียงที่ก าหนดไว้ในหนังสือส านักงานศาลยุติธรรมฉบับนี้
กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๖๓ (ส าเนา) ระเบียบราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ว่าด้วยการด าเนินคดีแพ่งระหว่างที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Coronavirus Disease : COVID-19) พ.ศ. ๒๕๖๔ ____________________ โดยที่ปรากฏสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ซึ่งส่งผลกระทบ ต่อความปลอดภัยในการด าเนินชีวิตของประชาชนเป็นอย่างมาก การติดต่อสื่อสารระหว่างกันไม่อาจ ด าเนินการได้ตามปกติ ศาลยุติธรรมจึงจ าเป็นต้องปรับระบบการด าเนินคดีแพ่งในวิถีใหม่โดยค านึงถึง ความปลอดภัยของคู่ความหรือผู้มาติดต่อราชการเป็นส าคัญ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๕ แห่งพระธรรมนูญศาลยุติธรรม ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระธรรมนูญศาลยุติธรรม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๑ ประธานศาลฎีกา จึงวางระเบียบราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรมว่าด้วย การด าเนินคดีแพ่งระหว่างที่มีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Coronavirus Disease : COVID-19) พ.ศ. ๒๕๖๔” ข้อ ๒ ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศเป็นต้นไป ข้อ ๓ ระเบียบนี้ให้ใช้เฉพาะในช่วงที่ยังมีวิกฤตการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา ๒๐๑๙ ข้อ ๔ การยื่นค าฟ้อง การนั่งพิจารณาและการอ่านค าพิพากษาหรือค าสั่งให้คู่ความฟัง พึงใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก และในกรณีที่มีการถ่ายทอดภาพและเสียงของคู่ความหรือบุคคล ที่เกี่ยวข้องมายังศาลในลักษณะการประชุมทางจอภาพหรือผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือแอปพลิเคชันอื่น ให้ถือว่าเป็นการด าเนินกระบวนพิจารณาในศาลนั้น ข้อ ๕ การด าเนินการตามข้อ ๔ ให้ปฏิบัติตามข้อก าหนดของประธานศาลฎีกา ว่าด้วย วิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๓ และประกาศส านักงานศาลยุติธรรมที่เกี่ยวข้อง มาใช้บังคับเท่าที่พอจะใช้บังคับได้
กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๖๔ ข้อ ๖ การส่งหมายหรือเอกสารไปยังคู่ความหรือบุคคลใด ๆ อาจส่งไปยังที่อยู่ไปรษณีย์ อิเล็กทรอนิกส์ตามที่คู่ความหรือบุคคลดังกล่าวได้แจ้งไว้ต่อศาล ข้อ ๗ ในประกาศนัดไต่สวนคดีไม่มีข้อพิพาทและหมายเรียกให้จ าเลยยื่นค าให้การ ให้ระบุวิธียื่นค าคัดค้านหรือค าให้การผ่านทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ให้ทราบด้วย คดีไม่มีข้อพิพาท ข้อ ๘ การยื่นค าร้องขอจัดการมรดก ไม่ว่าจะยื่นผ่านทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์หรือมายื่น ณ ที่ท าการศาล สามารถขอให้ไต่สวนค าร้องขอโดยใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ และให้ด าเนินการดังนี้ (๑) ให้ก าหนดวันนัดไต่สวนเมื่อพ้น ๑๕ วัน นับแต่วันยื่นค าร้องขอหรือระยะเวลาที่ยาวกว่า แล้วแต่ศาลจะเห็นสมควร และประกาศนัดไต่สวนให้บุคคลทั่วไปทราบทางสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศของ ส านักงานศาลยุติธรรมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย (๒) ผู้คัดค้านอาจยื่นค าคัดค้านทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์หรือมายื่น ณ ที่ท าการศาลก็ได้ (๓) การไต่สวน ให้ใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ เว้นแต่กรณีมีผู้คัดค้านและผู้คัดค้านไม่มี ความพร้อมที่จะใช้วิธีการดังกล่าว ก็ให้ด าเนินกระบวนพิจารณาโดยใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เท่าที่ท าได้ และจะบันทึกค าเบิกความของพยานแต่เพียงโดยย่อไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาก็ได้ คดีไม่มีข้อพิพาทกรณีอื่น ให้ใช้วิธีการเดียวกัน แต่กรณีมีผู้คัดค้าน ให้ด าเนินการตาม ข้อ ๑๑ และข้อ ๑๒ คดีมีข้อพิพาท ข้อ ๙ เมื่อโจทก์ยื่นค าฟ้อง ให้แจ้งโจทก์ว่าศาลจะพิจารณาคดีโดยใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ และให้ก าหนดวันนัดเฉพาะกรณีที่ฝ่ายโจทก์พร้อมที่จะใช้วิธีการดังกล่าว โดยการออกหมายเรียกให้ระบุว่า ศาลจะน าวิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์มาใช้เพื่อให้จ าเลยเตรียมความพร้อมไว้ล่วงหน้าและจ าเลย อาจยื่นค าให้การผ่านทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ การส่งหมายเรียกในชั้นนี้ให้ใช้วิธีปกติ กรณีที่โจทก์ยังไม่พร้อมที่จะใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ให้รับค าฟ้องไว้แต่ยังไม่ก าหนด วันนัด เมื่อโจทก์แจ้งว่าพร้อมแล้วจึงจะก าหนดวันนัดและออกหมายเรียกไปยังจ าเลย ทั้งนี้ ให้เจ้าหน้าที่ ประสานงานสอบถามความพร้อมเป็นระยะ ๆ ข้อ ๑๐ ไม่ว่าจ าเลยจะได้ยื่นค าให้การไว้หรือไม่ หากจ าเลยไม่เข้าสู่ระบบอิเล็กทรอนิกส์ และไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานนัดแรกหรือวันนัดพิจารณาซึ่งถือว่าจ าเลยขาดนัด ให้ด าเนินคดีไปฝ่ายเดียว เพื่อความรวดเร็วในการน าสืบพยานเอกสารในคดีซึ่งจ าเลยอาจขาดนัดตามวรรคหนึ่ง (คดีจัดการพิเศษ) อาจให้โจทก์แนบส าเนาเอกสารดังกล่าวมาท้ายฟ้องและน าต้นฉบับมาให้เจ้าหน้าที่ศาล ตรวจสอบในวันยื่นฟ้องหรือก่อนถึงวันนัด และให้ท าบันทึกการตรวจสอบเสนอศาลเพื่อรวมไว้ ในส านวนแต่ถ้ายังมีความจ าเป็นต้องสืบพยานบุคคลเพื่อรับรองเอกสารจะบันทึกค าเบิกความของพยาน แต่เพียงโดยย่อไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาก็ได้
กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๖๕ ข้อ ๑๑ ถ้าจ าเลยมาศาลในวันนัดครั้งแรก (๑) หากคู่ความประสงค์จะท าสัญญาประนีประนอมยอมความ ก็ให้ด าเนินการโดย วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือโดยวิธีปกติ แล้วแต่ศาลจะเห็นสมควร (๒) หากคู่ความประสงค์จะเจรจา ให้เจ้าหน้าที่ขอที่อยู่ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) และบัญชีผู้ใช้แอปพลิเคชันที่สามารถใช้ติดต่อสื่อสารกับจ าเลย พร้อมกับจัดท ารายงานเจ้า หน้าที่ ให้จ าเลยลงชื่อไว้ เพื่อด าเนินการนัดไกล่เกลี่ยทางออนไลน์ต่อไป แล้วเสนอรายงานดังกล่าวต่อศาลเพื่อ จดรายงานกระบวนพิจารณาในภายหลัง ถ้าไม่อาจตกลงหรือยอมความกันให้ด าเนินการต่อไปตาม (๓) (๓) หากจ าเลยประสงค์จะต่อสู้คดี ให้ด าเนินการต่อไปตามข้อ ๑๒ ให้น าวิธีการลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในการท าสัญญาประนีประนอมยอมความ ส าหรับคู่ความที่ไม่สามารถเดินทางมาศาล ข้อ ๑๒ กรณีตามข้อ ๑๑ (๓) ให้เจ้าหน้าที่ด าเนินการดังนี้ (๑) ขอที่อยู่ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) และบัญชีผู้ใช้แอปพลิเคชันที่สามารถใช้ ติดต่อสื่อสารกับจ าเลย (๒) สอบถามจ าเลยว่าพร้อมที่จะด าเนินคดีโดยใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือไม่และ บันทึกไว้ (๓) ก าหนดวันนัดครั้งต่อไป (นัดพิจารณา/นัดชี้สองสถาน/นัดสืบพยาน) โดยประสานงาน กับโจทก์ด้วย (๔) จัดท ารายงานเจ้าหน้าที่และให้จ าเลยลงชื่อไว้ แล้วเสนอรายงานดังกล่าวต่อศาล เพื่อจดรายงานกระบวนพิจารณาในภายหลัง กรณีที่จ าเลยไม่มีความพร้อมในการใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ก่อนถึงวันนัด ให้ประสานงานสอบถามจ าเลย หากยังไม่พร้อม ให้แจ้งจ าเลยมาศาลตามปกติ และเมื่อถึงวันนัด ให้ศาล ด าเนินกระบวนพิจารณาต่อไปโดยใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เท่าที่ท าได้ ข้อ ๑๓ ให้จัดท าบัญชีคุมคดีที่ยังไม่มีวันนัดทั้งหมด และเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาด ได้คลี่คลายลง ให้ตรวจสอบว่าแต่ละคดีต้องใช้วันนัดสืบพยานกี่วันแล้วกันวันนัดที่มีเหลืออยู่ในบัญชี ศูนย์นัดความให้คดีเหล่านั้นได้รับการพิจารณาโดยเร็วที่สุด ข้อ ๑๔ เมื่อศาลมีค าพิพากษาหรือค าสั่งใดๆ แล้ว ให้เจ้าหน้าที่น าเข้าข้อมูลค าพิพากษา หรือค าสั่งนั้นลงในระบบอิเล็กทรอนิกส์ของศาลให้ครบถ้วนและเป็นปัจจุบัน เพื่อให้คู่ความตรวจดูและ ขอคัดส าเนาค าพิพากษาหรือค าสั่งในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ได้ทางระบบดังกล่าวโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ข้อ ๑๕ เพื่อให้การปฏิบัติตามระเบียบนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ศาลอาจก าหนด แนวทางปฏิบัติของแต่ละศาลได้เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้
กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๖๖ ข้อ ๑๖ ในกรณีมีความจ าเป็นต้องมีวิธีการอย่างหนึ่งอย่างใดในทางธุรการเพื่อให้ การปฏิบัติตามระเบียบนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ให้เลขาธิการส านักงานศาลยุติธรรมอ านวยความสะดวก และก าหนดวิธีการนั้น ประกาศ ณ วันที่ ๒๓ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ (ลงชื่อ) เมทินี ชโลธร (นางเมทินี ชโลธร) ประธานศาลฎีกา
กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๖๗ ประกาศศาล... เรื่อง การนั่งพิจารณาโดยใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์นอกที่ท าการ ด้วยเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (Coronavirus Disease : COVID-19) ขึ้น และปรากฏว่ามีบุคลากรของศาลเป็นผู้ติดเชื้อ ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยของ คู่ความและบุคลากร กรณีเป็นการจ าเป็นที่ศาลต้องนั่งพิจารณาโดยใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์นอกที่ท าการ ในช่วงสถานการณ์ดังกล่าว อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๓๕ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง จึงมีค าสั่งก าหนดการนั่งพิจารณาคดีตามบัญชีนัดความท้ายประกาศนี้นอกที่ท าการศาล อนึ่ง ประชาชนสามารถเข้าฟังการพิจารณาคดีในห้องพิจารณาคดีของศาล โดยต้องปฏิบัติ ตามมาตรการด้านความปลอดภัยในห้องพิจารณาตามที่ศาลก าหนดอย่างเคร่งครัด ประกาศ ณ วันที่
กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๖๘ ข้อบังคับของประธานศาลฎีกา ว่าด้วยการบันทึกค าเบิกความพยานในคดีอาญาโดยใช้วิธีการบันทึกลงในวัสดุ ซึ่งสามารถถ่ายทอดออกเป็นภาพและเสียง พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยที่เป็นการสมควรก าหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขว่าด้วยการบันทึก ค าเบิกความพยานในคดีอาญาโดยใช้วิธีการบันทึกลงในวัสดุซึ่งสามารถถ่ายทอดออกเป็นภาพและเสียง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรับฟังพยานหลักฐานอันเป็นหลักประกันให้การพิจารณาพิพากษาคดีเป็นไป โดยเที่ยงธรรมและสามารถตรวจสอบถึงความถูกต้องได้ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๑๗๒ วรรคสี่ และวรรคห้า แห่งประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา (ฉบับที่ ๒๘) พ.ศ. ๒๕๕๑ ประธานศาลฎีกาโดยความเห็นชอบจากที่ประชุมใหญ่ของศาลฎีกา จึงออกข้อบังคับไว้ดังต่อไปนี ข้อ ๑ ข้อบังคับนี เรียกว่า “ข้อบังคับของประธานศาลฎีกาว่าด้วยการบันทึกค าเบิกความพยาน ในคดีอาญาโดยใช้วิธีการบันทึกลงในวัสดุซึ่งสามารถถ่ายทอดออกเป็นภาพและเสียง พ.ศ. ๒๕๖๔” ข้อ ๒ ข้อบังคับนี ให้ใช้บังคับตั งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ เมื่อศาลเห็นสมควร ไม่ว่ามีคู่ความร้องขอหรือไม่ก็ตาม ศาลอาจสั่งให้มีการบันทึก ค าเบิกความพยานโดยใช้วิธีการบันทึกภาพและเสียงได้โดยเฉพาะคดีอาญาดังต่อไปนี (๑) คดีที่มีความส าคัญเป็นพิเศษซึ่งต้องอาศัยความรู้เห็นของพยานบุคคล เช่น คดีความผิดเกี่ยวกับชีวิต คดีความผิดเกี่ยวกับเพศ คดีความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้าย คดีความผิด เกี่ยวกับความมั่นคง คดีค้ามนุษย์ คดีทุจริตและประพฤติมิชอบ (๒) คดีซึ่งเป็นที่สนใจของประชาชน เช่น คดีที่มีความส าคัญเกี่ยวกับตัวบุคคล คดีที่พฤติการณ์การกระท าความผิดร้ายแรงซึ่งมีผลกระทบต่อความรู้สึกของประชาชน (๓) คดีซึ่งโดยความส าคัญหรือลักษณะของพยานบุคคลสมควรที่จะบันทึกค าเบิกความ ไว้ตามข้อบังคับนี เช่น ในกรณีที่มีความจ าเป็นต้องสังเกตอากัปกิริยาของพยานขณะเบิกความ หรือ ข้อเท็จจริงที่พยานเบิกความมีความยุ่งยากซับซ้อนหรือเป็นเรื่องทางเทคนิค หรือพยานต้องเบิกความผ่านล่าม ความในวรรคหนึ่งให้ใช้กับการสืบพยานก่อนฟ้องคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา มาตรา ๒๓๗ ทวิและมาตรา ๒๓๗ ตรีด้วย ข้อ ๔ ให้น าข้อก าหนดของประธานศาลฎีกาว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๓ และประกาศส านักงานศาลยุติธรรมที่เกี่ยวข้องมาใช้บังคับแก่การบันทึกค าเบิกความพยาน โดยใช้วิธีการบันทึกภาพและเสียงตามข้อบังคับนี เท่าที่พอจะใช้บังคับได้ ข้อ ๕ เมื่อศาลมีค าสั่งให้บันทึกค าเบิกความพยานบุคคลปากใดโดยใช้วิธีการบันทึกภาพ และเสียง ต้องแจ้งให้คู่ความและพยานทราบล่วงหน้าก่อนวันสืบพยานปากนั น เว้นแต่กรณีมีเหตุจ าเป็น อันไม่อาจก้าวล่วงได้
กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๖๙ ข้อ ๖ การบันทึกค าเบิกความพยานโดยใช้วิธีการบันทึกภาพและเสียงตามข้อบังคับนี ให้ด าเนินการตั งแต่พยานบุคคลเริ่มเบิกความต่อเนื่องติดต่อกันไปจนกว่าจะเสร็จสิ นการสืบพยานปากนั น ในกรณีที่มีเหตุจ าเป็นหรือมีข้อขัดข้องท าให้ไม่อาจด าเนินการตามวรรคหนึ่ง ศาลอาจสืบพยานต่อไปโดยใช้วิธีการบันทึกถ้อยค าพยานแบบเก็บใจความส าคัญแล้วให้คู่ความและ พยานลงลายมือชื่อไว้เป็นส าคัญ ข้อ ๗ การสืบพยานโดยใช้วิธีการบันทึกภาพและเสียง ศาลไม่ต้องบันทึกค าเบิกความพยาน แบบเก็บใจความส าคัญ อีก และให้ถือว่าภาพและเสียงค าเบิกความของพยานที่บันทึกไว้นั นเป็นค าเบิกความ ของพยานโดยไม่ต้องจัดพิมพ์เป็นเอกสารเพื่ออ่านให้พยานหรือคู่ความฟัง คู่ความหรือพยานสามารถขออนุญาตศาลตรวจดูบันทึกภาพและเสียงดังกล่าวได้ภายใต้ การควบคุมดูแลของเจ้าหน้าที่ แต่ไม่สามารถบันทึกภาพและเสียงหรือท าซ าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั น ข้อ ๘ ถ้าความปรากฏภายหลังว่าภาพหรือเสียงค าเบิกความพยานที่บันทึกไว้เกิดเสียหาย ทั งหมดหรือแต่บางส่วน อันเป็นอุปสรรคต่อการชี ขาดตัดสินคดี เมื่อศาลเห็นสมควรหรือคู่ความฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่งร้องขอ ศาลอาจด าเนินการสืบพยานโดยใช้วิธีการบันทึกภาพและเสียงใหม่อีกครั งหนึ่ง หรือ มีค าสั่งอย่างอื่นตามที่เห็นสมควรเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ข้อ ๙ เพื่อประโยชน์แก่การพิจารณาคดี การท าค าพิพากษา และการอุทธรณ์ฎีกา ให้เจ้าหน้าที่จัดท าสรุปค าเบิกความแบบเก็บใจความส าคัญของพยานจากภาพและเสียงที่ได้บันทึกไว้ หรืออาจจะสรุปค าเบิกความดังกล่าวทันทีในขณะที่พยานเบิกความแล้วจึงให้เจ้าหน้าที่จัดพิมพ์ขึ น โดยเร็วในภายหลังก็ได้แต่คดีที่เป็นการสืบพยานประกอบค ารับสารภาพ ให้จัดท าสรุปค าเบิกความ ดังกล่าวเฉพาะกรณีเมื่อคดีต้องขึ นสู่ศาลสูง สรุปค าเบิกความที่จัดท าขึ นตามวรรคหนึ่งเป็นเพียงเอกสารเพื่อความสะดวกในการที่จะ ทราบถึงสาระส าคัญที่พยานเบิกความ และช่วยให้การย้อนกลับไปดูภาพและเสียงของพยานที่บันทึกไว้ เป็นไปได้อย่างรวดเร็วเท่านั น โดยมิให้ถือว่าเป็นบันทึกค าเบิกความของพยานดังกล่าว คู่ความหรือพยานสามารถขอตรวจดูและคัดถ่ายสรุปค าเบิกความของพยานดังกล่าวได้ ภายใต้บทบัญญัติแห่งกฎหมายเกี่ยวกับการตรวจเอกสารและคัดถ้อยค าพยานมาใช้บังคับโดยอนุโลม ข้อ ๑๐ ให้ส านักงานศาลยุติธรรมจัดสรรงบประมาณและอัตราก าลังเจ้าหน้าที่แก่ศาล ให้เพียงพอต่อการด าเนินการตามข้อบังคับนี และในกรณีที่มีความจ าเป็นต้องมีวิธีการอย่างหนึ่งอย่างใด ในทางธุรการเพื่อให้การปฏิบัติตามข้อบังคับนี เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ให้เลขาธิการส านักงานศาลยุติธรรม เป็นผู้ก าหนดวิธีการนั น ประกาศ ณ วันที่ ๒๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๖๔ (ลงชื่อ) เมทินี ชโลธร (นางเมทินี ชโลธร) ประธานศาลฎีกา
กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๗๐ แนวทางการนั่งพิจารณาโดยใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์นอกที่ท าการ การด าเนินการก่อนวันนัด ๑. ศาลออกประกาศศาลก าหนดการนั่งพิจารณาโดยใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ นอกที่ท าการ ระบุคดีและวันเวลาที่จะนั่งพิจารณา ๒. ก าหนดองค์คณะผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาโดยใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์นอกที่ท าการ และมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ท าหน้าที่ host ในการนั่งพิจารณาทางอิเล็กทรอนิกส์ ๓. หลังจากผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจ่ายส านวนแล้ว ให้เจ้าหน้าที่จัดท าส านวนความ อิเล็กทรอนิกส์ก่อนมอบส านวนให้ผู้พิพากษาเจ้าของส านวน กรณีเป็นส านวนที่ฟ้องทางระบบ e-Filing สามารถมอบส านวนให้ผู้พิพากษาเจ้าของส านวนและองค์คณะผ่านระบบ JIS ๔. เจ้าหน้าที่ประสานความพร้อมกับคู่ความทุกฝ่ายในการใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ หากมีเหตุขัดข้องให้รายงานศาลโดยเร็ว การด าเนินการในวันนัด ๑. ก่อนถึงเวลานัด ให้เจ้าหน้าที่ (host) เชื่อมสัญญาณระหว่างคู่ความ พยานและ ผู้พิพากษาและองค์คณะให้พร้อม (กรณีใช้แอบพลิเคชัน Google meet สามารถใช้ breakout room ได้) และให้เจ้าหน้าที่จัดเตรียมส านวนความอิเล็กทรอนิกส์ส าหรับเจ้าหน้าที่หรือคู่ความใช้ในห้องพิจารณา ๒. ก่อนศาลออกนั่งพิจารณา ให้จัดให้คู่ความและผู้เกี่ยวข้องที่ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ แสดงตนและบันทึกภาพเพื่อรวมไว้ในส านวน เมื่อศาลออกนั่งพิจารณาให้เจ้าหน้าที่ (host) แจ้งให้ทุกคนปรากฏตัวพร้อมกันทางจอภาพ แล้วให้บันทึกภาพที่ปรากฏภาพผู้ใช้ระบบทุกคนในหน้าจอเดียวกันอีกครั้งเพื่อรวมไว้ในส านวน ๓. คู่ความและผู้เกี่ยวข้องต้องเปิดหน้าจอภาพของระบบตลอดเวลาที่ศาลนั่งพิจารณา และให้ปิดไมโครโฟน เมื่อต้องการพูดให้เปิดไมโครโฟนและขออนุญาตศาลก่อน ๔. ศาลอาจสั่งให้เจ้าหน้าที่ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือแอปพลิเคชันบันทึกภาพและ เสียง (วิดีโอ) กระบวนพิจารณาบางส่วนหรือทั้งหมดไว้ หรือใช้วิธีบันทึกค าพยานด้วยภาพและเสียง โดยให้ปฏิบัติ ตามข้อก าหนดของประธานศาลฎีกา ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.๒๕๖๓ และประกาศ ส านักงานศาลยุติธรรม เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขเกี่ยวกับการใช้วิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๕. ระหว่างที่ศาลด าเนินกระบวนพิจารณาทางออนไลน์ ให้ถ่ายทอดภาพและเสียง การนั่งพิจารณามาเผยแพร่ในห้องพิจารณาด้วย
กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๗๑ ๖. การบันทึกรายงานกระบวนพิจารณา ศาลอาจจดบันทึกเองหรือให้เจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่ที่ศาล พิมพ์รายงานกระบวนพิจารณา ๗. เจ้าหน้าที่น ารายงานกระบวนพิจารณา Share Screen ให้คู่ความและบุคคลที่ใช้ระบบ ตรวจดูทางจอภาพ ๘. เจ้าหน้าที่จัดให้คู่ความที่ใช้ระบบลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ในรายงานกระบวนพิจารณา ๙. หากไม่สามารถจัดให้ลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ตามวิธีการในข้อ ๗ และ ๘ ได้ ให้ด าเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๕๐ (๒) ๑๐. ในกรณีที่มีคู่ความบางฝ่ายมาศาล ให้เจ้าหน้าที่จัดพิมพ์รายงานกระบวนพิจารณา ให้คู่ความหรือบุคคลที่อยู่ในห้องพิจารณาลงลายมือชื่อ ๑๑. การจัดท าและลงลายมือชื่อในบันทึกค าเบิกความพยาน ให้ด าเนินการตามข้อ ๖ ถึงข้อ ๑๐ ๑๒. ในกรณีที่ผู้พิพากษาเจ้าของส านวนจดรายงานกระบวนพิจารณาเอง ให้เจ้าหน้าที่ น ารายงานกระบวนพิจารณาให้ผู้พิพากษาที่เป็นองค์คณะลงลายมือชื่อก่อนรวบรวมไว้ในส านวน ๑๓. หากคดีเสร็จการพิจารณา ศาลอาจอ่านค าพิพากษาหรือค าสั่งโดยใช้วิธีการ ทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ การด าเนินการหลังเสร็จการพิจารณา เมื่อผู้พิพากษาลงนามในค าพิพากษาหรือค าสั่งที่อ่านหรือถือว่าได้อ่านแล้ว ให้เจ้าหน้าที่ แปลงเอกสารให้อยู่ในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ (สแกน) แล้วจัดเก็บไว้ในส านวนความอิเล็กทรอนิกส์ หมายเหตุ การแต่งกายในกรณีที่ศาลนั่งพิจารณาโดยใช้วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์นอกที่ท าการ ๑. ผู้พิพากษาและทนายความแต่งกายเช่นเดียวกับการด าเนินกระบวนพิจารณา ในห้องพิจารณาของศาล แต่ไม่ต้องสวมครุย ๒. คู่ความและพยานแต่งกายสุภาพเรียบร้อย
กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๗๒ ข้อบังคับของประธานศาลฎีกา ว่าด้วยการสอบถามผู้ต้องหาหรือท าการไต่สวนพยานหลักฐานในการออกหมายขังผู้ต้องหา ในลักษณะการประชุมทางจอภาพ พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยที่เป็นการสมควรก าหนดหลักเกณฑ์และวิธีการว่าด้วยการสอบถามผู้ต้องหาหรือ ท าการไต่สวนพยานหลักฐานในการออกหมายขังผู้ต้องหาในลักษณะการประชุมทางจอภาพ ให้เป็นไป อย่างเหมาะสมเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยในการควบคุมผู้ต้องหา อันจะเป็นหลักประกันในการมีตัว ผู้ต้องหาเพื่อท าการสอบสวนหรือฟ้องคดี ตลอดจนเป็นหลักประกันการคุ้มครองสิทธิของผู้ต้องหา อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๘๗/๑ วรรคหนึ่ง แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา ประธานศาลฎีกาโดยความเห็นชอบจากที่ประชุมใหญ่ของศาลฎีกา จึงออกข้อบังคับไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ข้อบังคับนี้เรียกว่า “ข้อบังคับของประธานศาลฎีกา ว่าด้วยการสอบถามผู้ต้องหา หรือท าการไต่สวนพยานหลักฐานในการออกหมายขังผู้ต้องหาในลักษณะการประชุมทางจอภาพ พ.ศ. ๒๕๕๖” ข้อ ๒ ข้อบังคับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ การร้องขอให้ศาลสอบถามผู้ต้องหาหรือท าการไต่สวนพยานหลักฐานในการออก หมายขังผู้ต้องหาในลักษณะการประชุมทางจอภาพ จะกระท าได้ต่อเมื่อเป็นการยื่นค าร้องขอหมายขัง ผู้ต้องหาตั้งแต่ครั้งที่สองเป็นต้นไป เว้นแต่โดยลักษณะของความผิด ฐานะของผู้ต้องหา จ านวนผู้ต้องหา ความรู้สึกของประชาชนส่วนมากแห่งท้องถิ่นนั้น หรือเหตุผลอย่างอื่น อาจท าให้มีการขัดขวางต่อ การสอบถามผู้ต้องหา หรือน่ากลัวว่าจะเกิดความไม่สงบหรือเหตุร้ายอย่างอื่นขึ้น และผู้ต้องหามิได้ คัดค้านศาลจะมีค าสั่งให้สอบถามผู้ต้องหาในลักษณะการประชุมทางจอภาพ ในการยื่นค าร้องขอหมายขัง ผู้ต้องหาครั้งแรกก็ได้ ข้อ ๔ ในการร้องขอให้ศาลสอบถามผู้ต้องหาหรือท าการไต่สวนพยานหลักฐาน ในลักษณะการประชุมทางจอภาพ ให้พนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการแสดงความประสงค์ ล่วงหน้ารวมมาในค าร้อง ขอหมายขังผู้ต้องหาครั้งแรก หรือครั้งอื่นในกรณีที่ไม่ได้แสดงความประสงค์ รวมมาในค าร้องขอหมายขังครั้งแรก โดยระบุสถานที่มาในค าร้องด้วย เมื่อได้รับค าร้องตามวรรคหนึ่งแล้ว ให้ศาลสอบถามผู้ต้องหาว่าจะคัดค้านหรือไม่ หากผู้ต้องหาไม่คัดค้าน และศาลเห็นสมควร ศาลจะอนุญาตตามค าร้องนั้นก็ได้ ข้อ ๕ วิธีการสอบถามหรือไต่สวนค าร้องขอออกหมายขังผู้ต้องหาในลักษณะ การประชุมทางจอภาพ ให้ศาลมอบหมายให้เจ้าพนักงานศาลหรือบุคคลภายนอกที่ศาลขึ้นทะเบียนไว้ หรือบุคคลที่ผู้ต้องหาร้องขอไปเป็นสักขีพยาน ณ สถานที่ตามข้อ ๔ เว้นแต่มีเหตุขัดข้องที่เจ้าพนักงานศาล
กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๗๓ บุคคลภายนอกหรือบุคคลที่ผู้ต้องหาร้องขอ ไม่อาจไปเป็นสักขีพยาน ณ สถานที่ดังกล่าว ศาลจะ มอบหมายให้บุคคลอื่นเป็นสักขีพยานแทนก็ได้ ข้อ ๖ ก่อนเริ่มสอบถามผู้ต้องหาหรือท าการไต่สวนพยานหลักฐาน ให้ศาลสอบถาม สักขีพยานถึงความพร้อมในการด าเนินการประชุมทางจอภาพ หากผู้เป็นสักขีพยานเห็นว่าการสอบถาม ผู้ต้องหาหรือท าการไต่สวนพยานหลักฐานในลักษณะการประชุมทางจอภาพมีเหตุที่อาจกระทบต่อสิทธิ ของผู้ต้องหา ก็ให้รายงานเหตุนั้นต่อศาลโดยพลันเพื่อให้ศาลใช้ประกอบดุลพินิจว่าสมควรที่จะสอบถาม ผู้ต้องหาหรือท าการไต่สวนพยานหลักฐานในลักษณะการประชุมทางจอภาพต่อไปหรือไม่ และผู้เป็นสักขีพยาน ต้องอยู่ในระหว่างการสอบถามผู้ต้องหาหรือท าการไต่สวนพยานหลักฐานนั้น ข้อ ๗ วิธีการสอบถามและไต่สวนให้เป็นไปตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เมื่อศาลสอบถามผู้ต้องหาหรือท าการไต่สวนพยานหลักฐานเสร็จแล้ว ให้พนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ ทนายความหรือพยานที่อยู่ในห้องพิจารณาลงลายมือชื่อในค าร้องหรือรายงานกระบวนพิจารณา และให้ศาล จดบันทึกให้ปรากฏด้วยว่าได้สอบถามผู้ต้องหาหรือท าการไต่สวนพยานหลักฐานผ่านระบบการประชุม ทางจอภาพ ณ สถานที่ตามข้อ ๔ โดยมีสักขีพยานอยู่ด้วยในขณะนั้น ข้อ ๘ ให้ศาลมีอ านาจก าหนดระเบียบและวิธีปฏิบัติของศาลนั้นได้เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้ง กับข้อบังคับนี้ ข้อ ๙ ในกรณีมีความจ าเป็นต้องมีวิธีการอย่างหนึ่งอย่างใดในทางธุรการเพื่อให้การ ปฏิบัติตามข้อบังคับนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ให้เลขาธิการส านักงานศาลยุติธรรมเป็นผู้ก าหนดวิธีการนั้น ประกาศ ณ วันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๖ (ลงชื่อ) ไพโรจน์ วายุภาพ (นายไพโรจน์ วายุภาพ) ประธานศาลฎีกา
กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๗๔ ข้อบังคับของประธานศาลฎีกา ว่าด้วยการสืบพยานคดีอาญาในลักษณะการประชุมทางจอภาพ พ.ศ. ๒๕๕๖ โดยที่เป็นการสมควรก าหนดหลักเกณฑ์และวิธีการว่าด้วยการสืบพยานคดีอาญาในลักษณะ การประชุมทางจอภาพ ในกรณีที่มีเหตุจ าเป็นไม่อาจน าพยานมาเบิกความในศาลที่พิจารณาคดีได้ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๒๓๐/๑ วรรคหนึ่ง แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา ประธานศาลฎีกาโดยความเห็นชอบจากที่ประชุมใหญ่ของศาลฎีกา จึงออกข้อบังคับไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ข้อบังคับนี้เรียกว่า “ข้อบังคับของประธานศาลฎีกา ว่าด้วยการสืบพยาน คดีอาญาในลักษณะการประชุมทางจอภาพ พ.ศ. ๒๕๕๖” ข้อ ๒ ข้อบังคับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในข้อบังคับนี้“เจ้าพนักงานศาล” หมายความว่า ข้าราชการศาลยุติธรรม ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ด้านกฎหมายระดับช านาญการขึ้นไป หรือส าเร็จการศึกษาระดับปริญญาโททางกฎหมาย หรือส าเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีทางกฎหมาย และเป็นสามัญสมาชิกแห่งเนติบัณฑิตยสภา ในกรณี ที่ไม่มีข้าราชการศาลยุติธรรมดังกล่าว ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลอาจมอบหมายให้ข้าราชการศาลยุติธรรม คนหนึ่งไปท าหน้าที่เจ้าพนักงานศาลก็ได้ ข้อ ๔ ในกรณีที่ศาลก าหนดให้มีวันตรวจพยานหลักฐาน เมื่อถึงวันนัดดังกล่าวให้ศาล สอบถามคู่ความที่มาศาลด้วยว่ามีพยานบุคคลที่อยู่นอกศาลหรือไม่ หากมีและมีเหตุจ าเป็นอันไม่อาจ น าพยานมาเบิกความในศาลได้ ถ้าคู่ความฝ่ายที่อ้างพยานร้องขอหรือศาลเห็นสมควร และสถานที่ที่จะ ให้พยานไปเบิกความในลักษณะการประชุมทางจอภาพได้จัดวางระบบรองรับไว้แล้ว ศาลอาจอนุญาตให้ พยานดังกล่าวเบิกความที่ศาลอื่นหรือสถานที่ท าการของทางราชการหรือสถานที่แห่งอื่นนอกศาลได้ โดยก าหนดวันเวลาและสถานที่ที่จะให้พยานไปเบิกความให้ชัดเจน การร้องขอสืบพยานบุคคลที่อยู่นอกศาลในลักษณะการประชุมทางจอภาพในกรณีอื่น ให้น าความในวรรคหนึ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลม ข้อ ๕ ให้ศาลใช้ดุลพินิจให้สืบพยานที่อยู่นอกศาลในลักษณะการประชุมทางจอภาพ เฉพาะในกรณีมีเหตุจ าเป็น โดยต้องค านึงถึงความจ าเป็นของพยานที่ไม่อาจเดินทางมายังศาลได้กับการที่ จะได้รับการพิจารณาที่เป็นธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิทธิของจ าเลยในการต่อสู้คดีและในการใช้ค าถาม กับพยานโดยตรงซึ่งอาจท าให้จ าเลยได้รับผลกระทบจากการที่พยานไม่ได้อยู่ในห้องพิจารณาคดี เหตุจ าเป็นในวรรคหนึ่งอาจเกิดจากการที่พยานเจ็บป่วย หรือมีถิ่นที่อยู่ห่างไกลจากศาล ที่พิจารณาคดี หรือมีถิ่นที่อยู่ในต่างประเทศ หรือมีเหตุจ าเป็นอย่างอื่นอันมิอาจก้าวล่วงเสียได้
กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๗๕ ให้ศาลจดแจ้งข้อเท็จจริงที่เป็นเหตุให้มีการสืบพยานบุคคลนอกศาลในลักษณะ การประชุมทางจอภาพไว้ในรายงานกระบวนพิจารณา ข้อ ๖ ถ้ามีเอกสารหรือวัตถุพยานที่จะต้องสืบประกอบค าเบิกความของพยานบุคคล ศาลอาจกระท าโดยผ่านระบบการประชุมทางจอภาพ หรือส่งส าเนาเอกสารหรือภาพถ่ายวัตถุพยานที่ คู่ความทุกฝ่ายรับรองแล้วไปให้พยานตรวจดู เว้นแต่มีความจ าเป็นต้องให้พยานยืนยันความถูกต้อง แท้จริงของเอกสารหรือวัตถุพยานที่จะให้พยานเบิกความประกอบ ก็ให้ส่งเอกสารหรือวัตถุพยานนั้นไป ข้อ ๗ ในกรณีที่สถานที่ท าการสืบพยานบุคคลที่อยู่นอกศาลเป็นศาลอื่น ให้ศาลที่ พิจารณาคดีสอบถามศาลนั้นถึงความพร้อมเกี่ยวกับวันเวลานัดสืบพยานเสียก่อน แล้วมีหนังสือแจ้ง ยืนยันวันเวลานัดสืบพยาน ชื่อและจ านวนพยานบุคคล พร้อมด้วยส าเนาเอกสารและภาพถ่ายวัตถุพยาน อันจ าเป็นในการเบิกความของพยาน ถ้าหากมีไปยังศาลที่พยานจะไปเบิกความทราบ ข้อ ๘ ให้คู่ความฝ่ายที่อ้างพยานบุคคลที่อยู่นอกศาลน าพยานมาเบิกความตามวันเวลา และศาลที่ก าหนดให้พยานเบิกความในลักษณะการประชุมทางจอภาพ แต่หากไม่สามารถน าพยาน มาศาลนั้นได้เอง ให้คู่ความฝ่ายที่อ้างพยานร้องขอต่อศาลที่พิจารณาคดีให้ออกหมายเรียกพยานโดยระบุ ชื่อศาลที่พยานจะต้องไปเบิกความให้ชัดเจน แล้วส่งหมายนั้นไปยังศาลที่พยานจะไปเบิกความเพื่อให้ สลักหลังหมายและด าเนินการส่งหมายให้แก่พยานต่อไป เมื่อศาลที่พยานจะไปเบิกความได้รับรายงานผลการส่งหมายแล้ว ให้แจ้งศาลที่พิจารณาคดี ทราบด้วย ข้อ ๙ ในวันสืบพยาน ให้องค์คณะผู้พิพากษาและคู่ความรวมทั้งทนายความท าการ สืบพยานภายในห้องพิจารณาของศาลที่พิจารณาคดี โดยมีการถ่ายทอดภาพและเสียงระหว่างศาลที่ พิจารณาคดีกับศาลที่พยานไปเบิกความในเวลาเดียวกันตั้งแต่เริ่มต้น จนเสร็จสิ้นการสืบพยาน ให้ศาลที่พยานไปเบิกความมอบหมายเจ้าพนักงานศาลอยู่เป็นสักขีพยานตลอดการ สืบพยานและให้ศาลที่พิจารณาคดีจดแจ้งชื่อ และสกุลของสักขีพยานไว้ในรายงานกระบวนการพิจารณาด้วย ข้อ ๑๐ เมื่อพยานเบิกความต่อศาลแล้วให้ศาลอ่านบันทึกค าเบิกความให้พยานและ คู่ความฟังแล้วให้คู่ความทุกฝ่ายลงลายมือชื่อในบันทึกค าเบิกความของพยาน ทั้งนี้ ค าเบิกความของพยาน ต้องบันทึกให้ปรากฏข้อความด้วยว่าพยานเบิกความผ่านระบบการประชุมทางจอภาพ ความในวรรคหนึ่งไม่ใช้บังคับกับกรณีที่มีการบันทึกการเบิกความของพยานโดยใช้ วิธีการบันทึกลงในวัสดุซึ่งสามารถถ่ายทอดออกเป็นภาพหรือเสียงหรือโดยใช้วิธีการอื่นใดซึ่งคู่ความและ พยานสามารถตรวจสอบถึงความถูกต้องของบันทึกการเบิกความนั้นได้ ข้อ ๑๑ ให้ศาลที่พิจารณาคดีสั่งจ่ายค่าพาหนะ ค่าป่วยการ และค่าเช่าที่พักที่จ าเป็น และสมควรแก่พยานซึ่งมาศาลตามหมายเรียก โดยให้ศาลที่พยานไปเบิกความเบิกจ่ายเงินแก่พยานในวัน ดังกล่าวแล้วส่งส าเนาหลักฐานการเบิกจ่ายกลับไปยังศาลที่พิจารณาคดี
กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๗๖ การจ่ายค่าตอบแทนแก่นักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะห์ ให้น าความในวรรคหนึ่ง มาใช้บังคับโดยอนุโลม การจ่ายค่าป่วยการ ค่าพาหนะเดินทาง และค่าเช่าที่พักแก่ล่าม ให้เป็นไปตามระเบียบ ส านักงานศาลยุติธรรม ว่าด้วยการจ่ายค่าป่วยการ ค่าพาหนะเดินทาง และค่าเช่าที่พักแก่ล่ามที่ศาล จัดหาให้ ข้อ ๑๒ ในกรณีที่สถานที่ท าการสืบพยานบุคคลที่อยู่นอกศาลเป็นสถานที่ท าการของ ทางราชการหรือสถานที่แห่งอื่น ให้ศาลที่พิจารณาคดีมีหนังสือแจ้งการสืบพยานบุคคลที่อยู่นอกศาล ในลักษณะการประชุมทางจอภาพพร้อมก าหนดวันเวลาสืบพยาน ชื่อและจ านวนพยานบุคคลไปยัง ผู้มีอ านาจหน้าที่ดูแลสถานที่นั้นทราบ เพื่อจัดเตรียมความพร้อมของห้องพิจารณาและระบบการประชุม ทางจอภาพ ให้ศาลที่พิจารณาคดีมีหนังสือแจ้งการสืบพยานบุคคลที่อยู่นอกศาลในลักษณะ การประชุมทางจอภาพ วันเวลานัดสืบพยาน ชื่อและจ านวนพยานบุคคลพร้อมด้วยส าเนาเอกสารและ ภาพถ่ายวัตถุพยานอันจ าเป็นในการเบิกความของพยาน ถ้าหากมี ไปยังศาลที่มีเขตอ านาจเหนือท้องที่ ตามวรรคหนึ่งเพื่อมอบหมายให้เจ้าพนักงานศาลท าหน้าที่ตามข้อ ๙ วรรคสอง ตลอดจนดูแล การสืบพยานให้ด าเนินไปโดยเรียบร้อย และให้น าความในข้อ ๖ และ ๘ ถึง ๑๑ มาใช้บังคับโดยอนุโลม ข้อ ๑๓ ในกรณีที่พยานมีถิ่นที่อยู่ในต่างประเทศ ศาลที่พิจารณาคดีอาจให้พยาน เบิกความ ณ สถานที่ที่เหมาะสม และมีความพร้อมที่จะให้พยานเบิกความในลักษณะการประชุม ทางจอภาพก็ได้ ทั้งนี้ ศาลนั้นอาจมอบหมายให้บุคคลที่ศาลเห็นสมควรเป็นสักขีพยาน และให้น าความ ในข้อ ๔ ถึง ๑๒ มาใช้บังคับโดยอนุโลม หากสถานที่ตามวรรคหนึ่งเป็นศาลในต่างประเทศ ให้ด าเนินการตามข้อตกลงระหว่างกัน หรือธรรมเนียมปฏิบัติระหว่างประเทศ แล้วแต่กรณี ข้อ ๑๔ ให้ศาลที่พยานจะไปเบิกความในลักษณะการประชุมทางจอภาพก าหนด แนวทางปฏิบัติของศาลนั้นได้เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับข้อบังคับนี้ ข้อ ๑๕ ในกรณีมีความจ าเป็นต้องมีวิธีการอย่างหนึ่งอย่างใดในทางธุรการเพื่อให้การ ปฏิบัติตามข้อบังคับนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ให้เลขาธิการส านักงานศาลยุติธรรมเป็นผู้ก าหนดวิธีการนั้น ประกาศ ณ วันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๖ (ลงชื่อ) ไพโรจน์ วายุภาพ (นายไพโรจน์ วายุภาพ) ประธานศาลฎีกา
กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๗๗ ข้อก าหนดของประธานศาลฎีกา ว่าด้วยการยื่น ส่ง และรับค าคู่ความและเอกสารทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยที่เป็นการสมควรให้มีข้อก าหนดของประธานศาลฎีกา ว่าด้วยการยื่น ส่ง และรับ ค าคู่ความและเอกสารทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ อาศัยอ านาจตามความในมาตรา ๓๔/๑ และมาตรา ๖๘ แห่งประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความแพ่ง ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความแพ่ง พ.ศ. ๒๕๕๘ (ฉบับที่ ๒๘) ประธานศาลฎีกาโดยความเห็นชอบของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ออกข้อก าหนดไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ข้อก าหนดนี้เรียกว่า “ข้อก าหนดของประธานศาลฎีกาว่าด้วยการยื่น ส่ง และ รับค าคู่ความและเอกสารทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๐” ข้อ ๒ 1 ข้อก าหนดนี้ให้ใช้บังคับนับแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในข้อก าหนดนี้ เว้นแต่ข้อความจะแสดงให้เห็นเป็นอย่างอื่นและที่ได้บัญญัติไว้ใน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง “เจ้าหน้าที่” หมายความว่า เจ้าหน้าที่ศาลยุติธรรมที่ได้รับมอบหมายให้มีหน้าที่ “ผู้ใช้ระบบ” หมายความว่า คู่ความหรือทนายความที่ได้ลงทะเบียนขอใช้ระบบรับส่ง อิเล็กทรอนิกส์ไว้ต่อศาล “ระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า ระบบงานของศาลเพื่อรองรับการยื่น ส่ง และรับค าฟ้อง ค าคู่ความ ค าสั่งศาล หมายเรียก หมายอื่น ๆ รวมทั้งเอกสารทางคดี ในรูปแบบข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์ตามที่ก าหนดไว้ในประกาศส านักงานศาลยุติธรรม “สิ่งพิมพ์ออก” หมายความว่า สิ่งพิมพ์ออกของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่มีการน าเสนอ หรือเก็บรักษาไว้ในระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนที่ ๑ การลงทะเบียน ข้อ ๔ ผู้ที่มีความประสงค์จะใช้ระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ต้องด าเนินการลงทะเบียนต่อศาล โดยยื่นค าขอใช้ระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ต่อเจ้าหน้าที่ด้วยตนเอง พร้อมแสดงหลักฐาน ดังต่อไปนี้ (๑) บัตรประจ าตัวประชาชน หรือบัตรประจ าตัวข้าราชการ หรือหนังสือเดินทาง หรือ บัตรประจ าตัวสมาชิกสภาทนายความ หรือใบอนุญาตให้เป็นทนายความ (๒) เอกสารหรือหลักฐานอื่นใดตามที่ได้ก าหนดไว้ในประกาศส านักงานศาลยุติธรรม 1 ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๔/ตอนที่ ๔๙ ก/หน้า ๓๗/๓ พฤษภาคม ๒๕๖๐
กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๗๘ ในการลงทะเบียนผู้ยื่นค าขอต้องเตรียมส าเนาเอกสารข้างต้นมามอบแก่เจ้าหน้าที่ เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานแห่งการลงทะเบียน และต้องกรอกข้อมูลในค าขอใช้ระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ ให้ถูกต้องครบถ้วนโดยการกรอกข้อมูลดังกล่าว ถือว่าผู้ยื่นค าขอได้รับรองความถูกต้องของข้อมูลทั้งหมดแล้ว ข้อ ๕ เมื่อผู้ยื่นค าขอใช้ระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ได้รับอนุญาตให้เป็นผู้ใช้ระบบตาม เงื่อนไขและวิธีการที่ก าหนดไว้ในประกาศส านักงานศาลยุติธรรมแล้ว จะได้รับชื่อผู้ใช้ระบบและรหัสผ่าน เพื่อใช้เข้าสู่ระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ ชื่อผู้ใช้ระบบและรหัสผ่านเป็นหลักฐานแสดงการลงลายมือชื่อของผู้ใช้ระบบในการ ติดต่อกับศาลหรือคู่ความอื่นผ่านระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ ผู้ใช้ระบบต้องเก็บรักษาชื่อผู้ใช้ระบบและ รหัสผ่านไว้เป็นความลับ การระบุชื่อผู้ใช้ระบบและรหัสผ่านลงในระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเข้าใช้ ระบบตามข้อก าหนดนี้ ถือเป็นการยืนยันตัวผู้ใช้ระบบและการรับรองข้อความในข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๖ หากข้อมูลที่ลงทะเบียนไว้ เช่น ชื่อ ที่อยู่จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หมายเลข โทรศัพท์มีการเปลี่ยนแปลงไป หรือผู้ใช้ระบบไม่ประสงค์จะใช้ระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์อีกต่อไป ผู้ใช้ระบบมีหน้าที่ต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบโดยเร็ว การติดต่อผู้ใช้ระบบไปยังที่อยู่หรือหมายเลขโทรศัพท์ที่ได้รับแจ้งไว้ ถือว่าเป็นการติดต่อ โดยชอบจนกว่าจะได้มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อมูลที่ลงทะเบียนไว้ตามวรรคหนึ่ง ส่วนที่ ๒ การยื่น ส่ง และรับค าคู่ความหรือเอกสารทางคดี ข้อ ๗ ผู้ใช้ระบบอาจยื่นค าฟ้องตั้งต้นคดีทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ได้ตลอดเวลา ที่ระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์เปิดใช้งาน โดยช าระค่าธรรมเนียมศาลและค่าใช้จ่ายในการด าเนินคดีขั้นต่ า ตามที่ส านักงานศาลยุติธรรมประกาศก าหนด การยื่นค าฟ้องตามวรรคหนึ่ง ให้ถือว่าเสร็จสมบูรณ์ต่อเมื่อผู้ใช้ระบบได้ปฏิบัติถูกต้อง ตามขั้นตอนและช าระค่าธรรมเนียมศาลและค่าใช้จ่ายในการด าเนินคดีครบถ้วนตามขั้นตอนที่ก าหนดไว้ ในระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ การยื่นค าฟ้องตามวรรคหนึ่ง หากกระท าเสร็จสมบูรณ์นอกเวลาท าการปกติหรือ นอกวันท าการปกติของศาล ให้ถือว่าเป็นการยื่นในเวลาแรกหรือวันท าการแรกที่ศาลเปิดท าการปกติถัดไป ทั้งนี้ ให้ถือตามเวลาของระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๘ ค าฟ้องและเอกสารที่ยื่นผ่านระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์จะต้องจัดท าตาม ประเภทรูปแบบ และขนาด ตามที่ก าหนดไว้ในประกาศส านักงานศาลยุติธรรม มิฉะนั้น ระบบรับส่ง อิเล็กทรอนิกส์จะปฏิเสธและถือว่ามิได้มีการยื่นค าฟ้องหรือเอกสารดังกล่าว
กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๗๙ ข้อ ๙ ค าฟ้องและเอกสารที่ได้ยื่นและส่งทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนค าสั่ง หรือการอื่นใดที่กระท าโดยผู้พิพากษาหรือเจ้าหน้าที่ ถือว่ามีการลงลายมือชื่อโดยผู้ที่เกี่ยวข้องซึ่งเป็น ผู้ท ารายการจนเสร็จสมบูรณ์ในระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๑๐ การแจ้งค าสั่งของศาลหรือข้อความอื่นใดอันเกี่ยวกับการยื่น ส่ง หรือรับ ค าคู่ความและเอกสารทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้ใช้ระบบ อาจด าเนินการโดยทางจดหมาย อิเล็กทรอนิกส์หรือสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศอื่นใดก็ได้ โดยให้ถือว่าผู้ใช้ระบบได้ทราบค าสั่งนับแต่ค าสั่ง เช่นว่านั้นไปถึงผู้ใช้ระบบตามที่อยู่ที่ได้ลงทะเบียนไว้ ข้อ ๑๑ กรณีที่ผู้ใช้ระบบได้ยื่นค าฟ้องทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ตามข้อ ๗ แล้ว ถือเป็นการแสดงเจตนายอมรับค าคู่ความหรือเอกสารจากคู่ความอีกฝ่ายในคดีนั้นทางระบบรับส่ง อิเล็กทรอนิกส์ด้วยเช่นกัน ข้อ ๑๒ การยื่นค าให้การ ค าคู่ความอื่น ๆ หรือเอกสารทางคดีอื่นใด อันนอกเหนือจาก ค าฟ้องตั้งต้นคดี ตามที่ได้ก าหนดไว้เพิ่มเติมในประกาศส านักงานศาลยุติธรรมทางระบบรับส่ง อิเล็กทรอนิกส์ให้น าขั้นตอนและวิธีการในการยื่นค าฟ้องมาบังคับใช้โดยอนุโลม ส่วนที่ ๓ การส่งหมายทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๑๓ ผู้ใช้ระบบอาจร้องขอให้ส่งหมายเรียกและส าเนาค าฟ้องพร้อมช าระ ค่าธรรมเนียมผ่านระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ได้โดยปฏิบัติตามขั้นตอนที่ก าหนดไว้ในประกาศส านักงาน ศาลยุติธรรมเมื่อด าเนินการและระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ยืนยันแล้ว ให้ถือว่าเป็นการร้องขอให้ส่ง หมายเรียกและส าเนาค าฟ้องโดยชอบแล้ว ส่วนที่ ๔ การช าระเงินผ่านระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๑๔ ผู้ใช้ระบบสามารถเลือกวิธีการช าระเงินผ่านระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ได้ ดังต่อไปนี้ (๑) ช าระผ่านบัตรเครดิตหรือเดบิต (๒) ช าระผ่านทางบัญชีธนาคาร (๓) วิธีการอื่นใดซึ่งได้ก าหนดไว้ในประกาศส านักงานศาลยุติธรรม ข้อ ๑๕ การช าระเงินผ่านระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์จะสมบูรณ์ต่อเมื่อศาลได้รับเงิน ครบถ้วนจากผู้ให้บริการในการช าระเงินแล้ว ทั้งนี้ ตามข้อตกลงระหว่างส านักงานศาลยุติธรรมและ ผู้ให้บริการตามหลักเกณฑ์ที่ส านักงานศาลยุติธรรมประกาศก าหนด
กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๘๐ ส่วนที่ ๕ อื่น ๆ ข้อ ๑๖ หากเจ้าหน้าที่พบว่ามีเหตุที่อาจท าให้เกิดความไม่มั่นคงปลอดภัยในการใช้ ระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์หรือมีเหตุจ าเป็นอย่างอื่น เจ้าหน้าที่อาจด าเนินการปิดระบบรับส่ง อิเล็กทรอนิกส์เป็นการชั่วคราวได้ทันที เพื่อซ่อมแซม บ ารุงรักษา หรือรักษาความปลอดภัยของระบบ รับส่งอิเล็กทรอนิกส์ โดยปฏิบัติตามขั้นตอนที่ก าหนดไว้ในประกาศส านักงานศาลยุติธรรม ข้อ ๑๗ การจัดท าสิ่งพิมพ์ออกจากระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์โดยผู้ใช้ระบบหรือ เจ้าหน้าที่ให้ถือว่าเป็นส าเนาที่ได้รับการรับรองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งแล้ว ข้อ ๑๘ กรณีมีปัญหาต้องวินิจฉัยชี้ขาดเกี่ยวกับการยื่น ส่งหรือรับค าคู่ความและ เอกสารทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ให้ศาลเป็นผู้พิจารณาสั่ง ข้อ ๑๙ ให้ส านักงานศาลยุติธรรมออกประกาศก าหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และ เงื ่อนไขในการยื่น ส่ง และรับค าคู่ความและเอกสารทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้เป็นไปตาม ข้อก าหนดนี้ ในกรณีจ าเป็นต้องมีวิธีการใดในทางธุรการเพื่อให้การปฏิบัติตามข้อก าหนดนี้เป็นไป โดยเรียบร้อย ให้เลขาธิการส านักงานศาลยุติธรรมเป็นผู้ก าหนดวิธีการนั้น ข้อ ๒๐ เมื่อศาลใดมีความพร้อมที่จะด าเนินการตามข้อก าหนดนี้ ให้ออกประกาศของศาล แจ้งให้ทราบทั่วกันและอาจก าหนดแนวทางปฏิบัติของศาลนั้นได้เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับข้อก าหนดนี้ ข้อ ๒๐/๑2 ข้อก าหนดนี้ให้ใช้กับคดีอื่นที่มีกฎหมายบัญญัติให้น าประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความแพ่งไปใช้บังคับโดยอนุโลมด้วย ข้อ ๒๑ ให้ประธานศาลฎีการักษาการตามข้อก าหนดนี้ ประกาศ ณ วันที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๐ (ลงชื่อ) วีระพล ตั้งสุวรรณ (นายวีระพล ตั้งสุวรรณ) ประธานศาลฎีกา 2 ข้อ ๒๐/๑ เพิ่มโดยข้อก าหนดของประธานศาลฎีกา ว่าด้วยการยื่น ส่ง และรับค าคู่ความและเอกสารทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ (ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๓๖/ตอนที่ ๑๔๐ ก/หน้า ๒๐/๒๓ ธันวาคม ๒๕๖๒)
กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๘๑ (ส าเนา) ประกาศส านักงานศาลยุติธรรม เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการยื่น ส่ง และรับค าคู่ความและเอกสาร ทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ ___________________ ตามที่ศาลยุติธรรมได้น าระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ (e-Filing System) และระบบ บริการออนไลน์ศาลยุติธรรม (Court Integral Online Service : CIOS) มาใช้เพื่อให้บริการแก่คู่ความ หรือทนายความที่ลงทะเบียนในการยื่น ส่ง และรับค าคู่ความและเอกสาร การขอคัดถ่ายเอกสารและ การขอใบส าคัญเพื่อแสดงว่าค าพิพากษาหรือค าสั่งได้ถึงที่สุดแล้วผ่านระบบดังกล่าว โดยออกประกาศ ส านักงานศาลยุติธรรมเป็นจ านวนหลายฉบับ จึงเห็นสมควรปรับปรุงและเรียบเรียงเนื อหาของประกาศ ส านักงานศาลยุติธรรมดังกล่าวขึ นใหม่ให้เป็นประกาศฉบับเดียวกัน เพื่อประโยชน์ในการสืบค้นอ้างอิง และความสะดวกในการท างาน อาศัยอ านาจตามความในข้อ ๑๙ ของข้อก าหนดของประธานศาลฎีกา ว่าด้วยการยื่น ส่ง และรับค าคู่ความและเอกสารทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๐ ส านักงานศาลยุติธรรมจึงออก ประกาศก าหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการยื่น ส่ง และรับค าคู่ความและเอกสารทางระบบ รับส่งอิเล็กทรอนิกส์ไว้ดังต่อไปนี ข้อ ๑ ให้ยกเลิก (๑) ประกาศส านักงานศาลยุติธรรม เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการยื่น ส่ง และรับค าคู่ความ และเอกสารทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ ประกาศ ณ วันที่ ๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ และที่แก้ไข เพิ่มเติมรวม ๔ ฉบับ (๒) ประกาศส านักงานศาลยุติธรรม เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการยื่น ส่ง และรับค าคู่ความและเอกสารทางระบบบริการข้อมูลคดีศาลยุติธรรม (Case Information Online Service : CIOS) ประกาศ ณ วันที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ (๓) ประกาศส านักงานศาลยุติธรรม เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการ ให้บริการขอใบส าคัญเพื่อแสดงว่าค าพิพากษาหรือค าสั่งได้ถึงที่สุดแล้วผ่านระบบบริการข้อมูลคดี ศาลยุติธรรม (Case Information Online Service : CIOS) ประกาศ ณ วันที่ ๒๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ (๔) ประกาศส านักงานศาลยุติธรรม เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการให้บริการ คัดถ่ายเอกสารในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบบริการข้อมูลคดีศาลยุติธรรม (CaseInformation Online Service : CIOS) ประกาศ ณ วันที่ ๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ทั งนี มิให้กระทบกระเทือนถึงการใดที่ได้กระท าเสร็จไปแล้วตามประกาศข้างต้น ที่ถูกยกเลิก โดยถือว่าการนั นเป็นอันสมบูรณ์
กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๘๒ ข้อ ๒ ประกาศนี ให้ใช้บังคับตั งแต่วันประกาศเป็นต้นไป ข้อ ๓ ในประกาศนี “อิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า การประยุกต์ใช้วิธีการทางอิเล็กตรอนไฟฟ้า คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือวิธีอื่นใดในลักษณะคล้ายกัน และให้หมายความรวมถึงการประยุกต์ใช้วิธีการ ทางแสง วิธีการทางแม่เหล็ก หรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการประยุกต์ใช้วิธีต่าง ๆ เช่นว่านั น “ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า ข้อความที่ได้สร้าง ส่ง รับ เก็บรักษา หรือ ประมวลผลด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ “ระบบ” หมายความว่า ระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ของส านักงานศาลยุติธรรม ได้แก่ ระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ (e-Filing System) หรือระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม (Court Integral Online Service : CIOS) แล้วแต่กรณี “ระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า ระบบงานของศาลที่ส านักงานศาลยุติธรรม จัดให้มีขึ นเพื่อรองรับการยื่น ส่ง และรับค าฟ้อง ค าคู่ความ ค าสั่งศาล หมายเรียก หมายอื่น ๆ รวมทั ง เอกสารทางคดีในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ “ระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม” หมายความว่า ระบบยื่น ส่ง และรับค าคู่ความ และเอกสาร ระบบบริการข้อมูลคดี วันนัดพิจารณา ผลการส่งหมายและค าสั่งศาลผ่านอินเทอร์เน็ต การให้บริการคัดถ่ายเอกสารในส านวนคดีออนไลน์ การให้บริการขอใบส าคัญเพื่อแสดงว่าค าพิพากษา หรือค าสั่งได้ถึงที่สุดแล้ว การยื่นค าร้องขอไกล่เกลี่ยก่อนฟ้อง ระบบทนายความขอแรง รวมถึง การให้บริการออนไลน์และการลงทะเบียนอื่น ๆ ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของส านักงานศาลยุติธรรม “ผู้ใช้ระบบ” หมายความว่า คู่ความ ทนายความ หรือพนักงานอัยการที่ลงทะเบียน ขอใช้ระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ไว้ต่อศาล และคู่ความ ทนายความ หรือบุคคลอื่นที่ได้รับอนุญาตจากศาล ที่ลงทะเบียนขอใช้ระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรมไว้ต่อศาลหรือส านักงานศาลยุติธรรม แล้วแต่กรณี “เจ้าหน้าที่” หมายความว่า เจ้าหน้าที่ศาลที่ได้รับมอบหมายให้มีหน้าที่ “ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า อักษร อักขระ ตัวเลข เสียงหรือ สัญลักษณ์อื่นใด ที่สร้างขึ นให้อยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งน า มาใช้ประกอบกับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เพื่อแสดง ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลกับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อระบุตัวบุคคลผู้เป็นเจ้าของ ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั นและเพื่อแสดงว่าบุคคลดังกล่าวยอมรับ ข้อความในข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั น “กุญแจส่วนตัว (Private Key)” หมายความว่า กุญแจที่ใช้ในการสร้างลายมือชื่อ อิเล็กทรอนิกส์ที่เชื่อถือได้ และสามารถน าไปใช้ในการถอดรหัสลับเมื่อมีการเข้ารหัสลับข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้สามารถเข้าใจความหมายของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่มีการเข้ารหัสลับนั นได้ “กุญแจสาธารณะ (Public Key)” หมายความว่า กุญแจที่ใช้ในการตรวจสอบลายมือชื่อ อิเล็กทรอนิกส์ที่เชื่อถือได้ และสามารถน าไปใช้ในการถอดรหัสลับ เพื่อมิให้สามารถเข้าใจความหมาย ของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่มีการเข้ารหัสลับนั นได้ เพื่อประโยชน์ในการรักษาความลับของข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์นั น “การประทับรับรองเวลา (Time Stamp)” หมายความว่า วิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่ได้กระท าต่อข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อรับรองความมีอยู่ของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ ขณะที่มีการ รับรอง และสามารถตรวจพบได้หากมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นับแต่ที่ได้มีการรับรอง
กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๘๓ “ใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์หรือการบันทึกอื่นใด ซึ่งยืนยันความเชื่อมโยงระหว่างเจ้าของลายมือชื่อกับข้อมูลส าหรับใช้สร้างลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ “ค่าจัดท าเอกสาร” หมายความว่า ค่าใช้จ่ายที่จ าเป็นในการจัดพิมพ์ค าคู่ความและ/หรือ เอกสารในรูปแบบกระดาษเพื่อด าเนินกระบวนพิจารณาตามขั นตอนวิธีการอิเล็กทรอนิกส์ “หลักฐานการช าระเงิน” หมายความว่า เอกสารหรือหลักฐานที่ธนาคารหรือหน่วยงาน ที่ท าแทนออกให้ หรือเอกสารหรือหลักฐานที่ออกจากระบบที่มีการยืนยันการช าระเงินแล้ว หมวด ๑ บททั่วไป ข้อ ๔ ชื่อผู้ใช้ระบบและรหัสผ่านเป็นหลักฐานแสดงการลงลายมือชื่อของผู้ใช้ระบบ ในการติดต่อกับศาลหรือคู่ความอื่นผ่านระบบ ผู้ใช้ระบบต้องเก็บรักษาชื่อผู้ใช้ระบบและรหัสผ่านไว้ เป็นความลับ การระบุชื่อผู้ใช้ระบบและรหัสผ่านลงในระบบเพื่อเข้าใช้ระบบ ถือเป็นการยืนยันตัวตน ผู้ใช้ระบบและการรับรองข้อความในข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๕ การจัดท าหรือแปลงเอกสารและข้อความให้อยู่ในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อยื่นค าคู่ความและ/หรือเอกสารทางระบบ ผู้ใช้ระบบต้องบันทึกข้อมูลเป็นไฟล์ประเภท PDF หรือ PDF/A ส่วนรูปภาพให้บันทึกเป็นไฟล์ประเภท JPEG โดยไฟล์เอกสารทั งหมดที่ยื่นทางระบบต้องมีขนาดรวมกัน ไม่เกินจ านวนที่ส านักงานศาลยุติธรรมก าหนด ด้วยมาตรฐานขั นต่ าส าหรับความละเอียดของภาพ (Resolution) ของภาพลายเส้นหรือภาพขาวด า อย่างน้อย ๒๐๐ จุดต่อนิ ว (dot per inch หรือ dpi) โดยถือว่าผู้ใช้ระบบได้ตรวจสอบและรับรองแล้วว่าข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั นมีความหมายหรือรูปแบบ เหมือนกับเอกสารและข้อความเดิม หากผู้ใช้ระบบมิได้ด าเนินการตามเงื่อนไขที่ก าหนดไว้ในวรรคหนึ่ง ระบบจะปฏิเสธและ ให้ถือว่าผู้ใช้ระบบไม่ได้ยื่นค าคู่ความและ/หรือเอกสารดังกล่าว ข้อ ๖ ให้ผู้ใช้ระบบพิมพ์ชื่อและชื่อสกุลหรือลงลายมือชื่อของตนในค าฟ้อง ค าคู่ความ และเอกสารทางคดีให้ครบถ้วน และจัดเตรียมเอกสารให้มีลักษณะตามข้อ ๕ แล้วจึงอัปโหลด (Upload) บนระบบ หรือในกรณีที่ระบบก าหนดให้กรอกข้อความลงในแบบฟอร์มออนไลน์ (Online Form) บนระบบ ให้ผู้ใช้ระบบพิมพ์ชื่อและชื่อสกุลของตนให้ครบถ้วน และด าเนินการตามขั นตอนที่ก าหนดไว้ในระบบ เอกสารที่บุคคลภายนอกซึ่งมิใช่ผู้ใช้ระบบ ต้องลงลายมือชื่อ เช่น หนังสือมอบอ านาจ หรือใบแต่งทนายความ ต้องมีการลงลายมือชื่อของบุคคลภายนอกครบถ้วนแล้วก่อนจัดท าเป็นเอกสาร ในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ผู้ใช้ระบบจึงจะอัปโหลด (Upload) เอกสารบนระบบได้และถือว่าผู้ใช้ระบบ ได้รับรองแล้วว่าผู้ใช้ระบบมีเอกสารดังกล่าวอันเป็นต้นฉบับอยู่ในครอบครอง ข้อ ๗ การยื่นค าคู่ความและ/หรือเอกสารทางระบบ หากกระท าเสร็จสมบูรณ์นอกเวลา ท าการปกติหรือนอกวันท าการปกติของศาล ให้ถือว่าเป็นการยื่นในเวลาแรกหรือวันท าการแรกที่ศาล เปิดท าการปกติถัดไป ทั งนี ให้ถือตามเวลาของระบบ ข้อ ๘ ค าคู่ความและเอกสารที่ได้ยื่นทางระบบ ให้ถือเป็นการยื่นเป็นหนังสือตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และถือว่าผู้ใช้ระบบได้ลงลายมือชื่อตามข้อ ๔
กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๘๔ ค าสั่งหรือการอื่นใดที่กระท าโดยผู้พิพากษาหรือเจ้าหน้าที่ ให้ถือว่ามีการลงลายมือชื่อ โดยผู้เกี่ยวข้องซึ่งเป็นผู้ท ารายการจนเสร็จสมบูรณ์ในระบบ ข้อ ๙ กรณีมีปัญหาต้องวินิจฉัยชี ขาดเกี่ยวกับการยื่น ส่ง หรือรับค าคู่ความและเอกสาร ทางระบบ ให้ศาลเป็นผู้พิจารณาสั่ง ข้อ ๑๐ เลขาธิการส านักงานศาลยุติธรรมมีอ านาจตีความและวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับ การปฏิบัติงานทางธุรการตามประกาศนี หมวด ๒ ระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ (e-Filing System) ข้อ ๑๑ เมื่อศาลใดได้รับการติดตั้งระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์จากส านักงานศาลยุติธรรม และมีความพร้อมในการให้บริการยื่นค าคู่ความ ค าร้องและเอกสารทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์แล้ว ให้ศาลนั้นออกประกาศของศาลแจ้งให้ทราบทั่วกัน ส่วนที่ ๑ การลงทะเบียน ข้อ ๑๒ ผู้มีสิทธิลงทะเบียนเข้าใช้ระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ (๑) คู่ความตามที่ส านักงานศาลยุติธรรมประกาศก าหนด (๒) ทนายความ (๓) พนักงานอัยการ ข้อ ๑๓ ทนายความที่มีสิทธิลงทะเบียนเข้าใช้ระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ ทนายความซึ่งได้จดทะเบียนกับสภาทนายความและได้รับใบอนุญาตให้เป็นทนายความ และไม่เป็น ผู้ซึ่งขาดจากการเป็นทนายความหรือต้องห้ามท าการเป็นทนายความ ข้อ ๑๔ การลงทะเบียนเพื่อใช้ระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ ผู้ขอใช้ระบบต้องปฏิบัติตาม ขั นตอนดังต่อไปนี (๑) ผู้ขอใช้ระบบต้องกรอกข้อมูลในค าขอลงทะเบียนเพื่อใช้ระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ ให้ถูกต้องครบถ้วนบนระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ที่ส านักงานศาลยุติธรรมเปิดให้บริการ และ (๒) แนบเอกสารประกอบการลงทะเบียนโดยการอัปโหลด (Upload) บนระบบรับส่ง อิเล็กทรอนิกส์ ตามรายละเอียดขั นตอนที่ก าหนดไว้ในระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ เอกสารประกอบการลงทะเบียนเข้าใช้ระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ มีดังนี ก) รูปถ่ายสี ข) บัตรประจ าตัวประชาชน ค) บัตรประจ าตัวสมาชิกสภาทนายความหรือใบอนุญาตให้เป็นทนายความ (ในกรณีที่ ผู้ขอใช้ระบบเป็นทนายความ) หรือบัตรประจ าตัวข้าราชการ (ในกรณีที่ผู้ขอใช้ระบบเป็นพนักงานอัยการ)
กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๘๕ (๓) เมื่อลงทะเบียนเสร็จสมบูรณ์ จะได้รับอนุญาตให้เป็นผู้ใช้ระบบโดยระบบส่งชื่อผู้ใช้ระบบ (Username) และรหัสผ่าน (Password) ไปยังจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) และหมายเลข โทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้ใช้ระบบที่ได้ลงทะเบียนไว้ การเข้าใช้ระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ในแต่ละครั ง ผู้ใช้ระบบต้องน าชื่อผู้ใช้ระบบและ รหัสผ่านตามวรรคหนึ่ง มาใช้ร่วมกับรหัสผ่านแบบใช้ครั งเดียว (OTP) ที่ส่งจากระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ ไปยังจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) และหมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้ใช้ระบบที่ได้ลงทะเบียนไว้ เพื่อเข้าสู่ระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๑๕ เมื่อผู้ใช้ระบบด าเนินการตามข้อ ๑๔ แล้ว ให้น าเอกสารประกอบการลงทะเบียน ตามข้อ ๑๔ (๒) มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ด้วยตนเองพร้อมให้ตัวอย่างลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐานภายใน วันนัดแรกของคดีที่ผู้ใช้ระบบได้ยื่นค าฟ้องทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์เป็นคดีแรกที่ต้องไปด าเนิน กระบวนพิจารณาที่ศาล ข้อ ๑๖ หากข้อมูลที่ลงทะเบียนไว้ เช่น ชื่อ ที่อยู่จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) หมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้ใช้ระบบมีการเปลี่ยนแปลงไป หรือผู้ใช้ระบบไม่ประสงค์จะใช้ระบบ รับส่งอิเล็กทรอนิกส์อีกต่อไป ผู้ใช้ระบบมีหน้าที่ต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบโดยเร็ว การติดต่อผู้ใช้ระบบไปยังจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) หรือหมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ ของผู้ใช้ระบบที่ลงทะเบียนไว้ ให้ถือว่าเป็นการติดต่อโดยชอบจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อมูลดังกล่าว ข้อ ๑๗ ผู้ใช้ระบบต้องต่ออายุการลงทะเบียนตามก าหนดเวลาและวิธีการที่ก าหนดไว้ใน ระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ หรือก่อนวันที่ใบอนุญาตให้เป็นทนายความสิ นอายุ แล้วแต่กรณี ส่วนที่ ๒ การยื่นค าฟ้อง ค าคู่ความและเอกสารทางคดี ข้อ ๑๘ คดีที่อาจยื่นค าฟ้องหรือค าร้องขอตั งต้นคดีในศาลชั นต้นทางระบบรับส่ง อิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ คดีแพ่ง คดีผู้บริโภค รวมถึงคดีแพ่งที่อยู่ในอ านาจพิจารณาพิพากษาของศาลช านัญพิเศษ ยกเว้นคดีที่อยู่ในอ านาจพิจารณาพิพากษาของศาลเยาวชนและครอบครัว คดีที่มีการยื่นค าคู่ความตามวรรคหนึ่ง อาจยื่นค าให้การหรือค าคัดค้านทางระบบรับส่ง อิเล็กทรอนิกส์ได้ การยื่นค าคู่ความอื่นทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ให้เป็นไปตามที่ส านักงานศาลยุติธรรม ประกาศก าหนด ข้อ ๑๙ ผู้ใช้ระบบอาจยื่นค าฟ้องหรือค าร้องขอตั งต้นคดีทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ ได้ตลอดเวลาที่ระบบเปิดใช้งาน โดยให้ถือว่าการยื่นค าฟ้องหรือค าร้องขอตั งต้นคดีนั นเสร็จสมบูรณ์ ต่อเมื่อผู้ใช้ระบบได้ปฏิบัติถูกต้องตามขั นตอน และช าระค่าธรรมเนียมศาลและค่าใช้จ่ายในการด าเนินคดี ครบถ้วนตามขั นตอนที่ก าหนดไว้ในระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๑๙/๑1 ในกรณีที่ผู้ใช้ระบบได้รับยกเว้นไม่ต้องช าระค่าฤชาธรรมเนียมตามกฎหมาย เช่น บุคคลธรรมดาที่เป็นผู้บริโภคยื่นค าฟ้องคดีผู้บริโภค ให้ถือว่าการยื่นค าฟ้องหรือค าร้องขอตั งต้นคดีนั น 1 แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศส านักงานศาลยุติธรรมฯ (ฉบับที่ ๒) ลงวันที่ ๒๒ ก.พ. ๖๔
กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๘๖ เสร็จสมบูรณ์ต่อเมื่อผู้ใช้ระบบได้ปฏิบัติถูกต้องตามขั นตอนที่ก าหนด และได้แสดงการยืนยันเพื่อยื่น ค าฟ้องหรือค าร้องตั งต้นคดีนั นทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ ข้อ ๒๐ การยื่นค าฟ้องทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ ผู้ใช้ระบบต้องปฏิบัติตามขั นตอน การท างานของระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ตามแต่ละประเภทคดี โดยเลือกศาลที่ประสงค์จะยื่นค าฟ้อง และด าเนินการตามที่ระบบก าหนดดังต่อไปนี (๑) กรอกหรือน าเข้าข้อมูลรายละเอียดเบื องต้นเกี่ยวกับการยื่นค าฟ้องในระบบรับส่ง อิเล็กทรอนิกส์ และด าเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี (๑.๑) กรอกข้อความในแบบพิมพ์ค าฟ้องและเอกสารประกอบการยื่นค าฟ้อง เช่น บัญชีระบุพยานหรือค าร้องต่าง ๆ พร้อมทั งพิมพ์ชื่อและชื่อสกุลหรือลงลายมือชื่อของผู้ใช้ระบบ ในค าฟ้องและเอกสารที่ต้องได้รับการลงลายมือชื่อโดยผู้ใช้ระบบให้ครบถ้วน และจัดเตรียมเอกสาร ดังกล่าวให้มีลักษณะตามข้อ ๕ แล้วจึงอัปโหลด (Upload) บนระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ หรือ (๑.๒) กรอกข้อความบนระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ในรูปแบบของแบบฟอร์มค าฟ้อง ออนไลน์ (Online Form) พร้อมทั งพิมพ์ชื่อและชื่อสกุลของผู้ใช้ระบบให้ครบถ้วน และจัดท าเอกสาร ประกอบการยื่นค าฟ้องบนระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ ตามขั นตอนที่ก าหนดไว้ในระบบรับส่ง อิเล็กทรอนิกส์ (๒) ช าระค่าธรรมเนียมศาล ค่าส่งหมายเรียกและส าเนาค าฟ้องแก่จ าเลย รวมถึงค่า จัดท าส าเนาค าฟ้องและเอกสารเพื่อส่งให้แก่จ าเลยให้ครบถ้วน ตามขั นตอนที่ก าหนดไว้ในระบบรับส่ง อิเล็กทรอนิกส์ทั งนี ตามอัตราที่ก าหนดไว้ในตารางแนบท้ายประกาศ ข้อ ๒๑ ภายหลังจากผู้พิพากษามีค าสั่งรับฟ้องในค าฟ้องที่ยื่นทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์แล้ว ผู้ใช้ระบบอาจเข้าตรวจสอบและจัดพิมพ์ใบรับเงินในราชการศาลยุติธรรมเพื่อเป็นหลักฐานได้ ข้อ ๒๒ ค าคู่ความและ/หรือเอกสารทางคดีที่อาจยื่นทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ นอกเหนือจากค าฟ้องหรือค าร้องขอตั งต้นคดีและเอกสารประกอบ ให้เป็นไปตามที่ระบบก าหนดและ น าขั นตอนและวิธีการตามที่ก าหนดไว้ในข้อ ๑๘ ถึงข้อ ๒๐ มาบังคับใช้โดยอนุโลม เฉพาะในส่วนที่ต้อง ด าเนินการเกี่ยวกับการยื่นค าคู่ความและ/หรือเอกสารทางคดี ในกรณีที่ต้องมีการจัดท าเอกสารตามวรรคหนึ่ง เพื่อส่งให้แก่คู่ความฝ่ายอื่นตาม กฎหมายหรือค าสั่งศาล ให้ผู้ใช้ระบบดังกล่าวเป็นผู้ช าระค่าจัดท าเอกสาร ทั งนี ตามอัตราที่ก าหนดไว้ใน ตารางแนบท้ายประกาศ ข้อ ๒๓ ผู้ใช้ระบบที่ได้ยื่นค าคู่ความและ/หรือเอกสารทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์แล้ว ถือเป็นการแสดงเจตนายอมรับค าคู่ความและ/หรือเอกสารจากคู่ความฝ่ายอื่นทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนที่ ๓ การช าระเงิน ข้อ ๒๔ ผู้ใช้ระบบสามารถเลือกวิธีการช าระเงินผ่านระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ด้วยวิธีการ ดังต่อไปนี (1) ช าระผ่านบัตรเครดิตหรือเดบิต (๒) ช าระผ่าน QR Code พร้อมเพย์
กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๘๗ (๓) ช าระผ่านบัญชีธนาคารกรุงไทย (๔) ช าระผ่านเคาน์เตอร์หรือ ATM Barcode ของธนาคารกรุงไทย (๕) วิธีอื่นตามที่ส านักงานศาลยุติธรรมประกาศก าหนด ข้อ ๒๕ เมื่อผู้ใช้ระบบได้ปฏิบัติถูกต้องตามขั นตอนที่ก าหนดไว้ในระบบรับส่ง อิเล็กทรอนิกส์แล้ว ระบบจะแสดงข้อความยืนยันการรับเอกสารและรับเงินเข้าสู่ระบบ ซึ่งข้อความยืนยัน ดังกล่าวจะมีรายละเอียดเกี่ยวกับเอกสารที่ยื่นทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์และจ านวนเงินที่ช าระ ผ่านระบบทั งหมด รวมถึงวันเวลาที่ผู้ใช้ระบบยื่นค าฟ้องเสร็จสมบูรณ์ โดยให้ถือเป็นหลักฐานในการยื่น เอกสารและช าระเงินทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนที่ ๔ การด าเนินการของศาลและเจ้าหน้าที่ ข้อ ๒๖ การยืนยันตัวตนกับระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเข้าใช้งาน ให้ด าเนินการ โดยใช้รหัสผ่าน (Password) ร่วมกับรหัสผ่านแบบใช้ครั งเดียว (OTP) ที่มาจาก Mobile Application และการรับรองประทับตรา(Stamp Certificate) ลงในเอกสารด้วยระบบจัดการกุญแจส่วนตัว(Private Key) ที่ส านักงานศาลยุติธรรมก าหนด ข้อ ๒๗ ค าสั่งเกี่ยวกับค าฟ้องที่กระท าโดยผู้พิพากษาทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ ให้ถือว่าสมบูรณ์ต่อเมื่อผู้พิพากษาได้ลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่เชื่อถือได้ พร้อมทั งมีการประทับ รับรองเวลา (Time Stamp) และสามารถตรวจสอบลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่สร้างขึ นนั นด้วยกุญแจ สาธารณะ (Public Key) ในใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์ที่ส านักงานศาลยุติธรรมก าหนด ข้อ ๒๘ เมื่อศาลมีค าสั่งเกี่ยวกับค าฟ้อง ค าคู่ความ หรือเอกสารทางคดีแล้ว ระบบรับส่ง อิเล็กทรอนิกส์จะแจ้งค าสั่งของศาลหรือข้อความอื่นใดเกี่ยวกับการยื่น ส่ง หรือรับค าคู่ความและเอกสาร ทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ โดยการส่งข้อความสั น (SMS) ไปยังจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) และหมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้ใช้ระบบ และให้ถือว่าผู้ใช้ระบบทราบค าสั่งแล้ว ข้อ ๒๙ เมื่อศาลมีค าสั่งรับฟ้องแล้ว ให้เจ้าหน้าที่จัดท าสิ่งพิมพ์ออก ได้แก่ ค าฟ้อง เอกสารท้ายฟ้อง หมายเรียก และเอกสารอื่นที่ศาลเห็นสมควร เพื่อส่งให้แก่จ าเลย ในคดีที่ไม่มีข้อพิพาทซึ่งไม่มีบุคคลอื่นใดยื่นค าคัดค้านหรือในคดีที่มีข้อพิพาทซึ่งจ าเลยทุกคน ขาดนัดยื่นค าให้การหรือไม่ประสงค์ยื่นค าให้การ เจ้าหน้าที่ไม่ต้องจัดพิมพ์เอกสารเพื่อเก็บไว้เป็นส านวน ของศาล เว้นแต่ศาลเห็นสมควรสั่งเป็นอย่างอื่น ในคดีที่ไม่มีข้อพิพาทซึ่งมีผู้ยื่นค าคัดค้านเข้ามาในคดีหรือในคดีที่มีข้อพิพาทซึ่งจ าเลย ยื่นค าให้การผ่านระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ หรือในกรณีคู่ความตกลงให้ใช้ส านวนความในรูปแบบข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์ เจ้าหน้าที่ไม่ต้องจัดพิมพ์เอกสารดังกล่าว เว้นแต่ศาลเห็นสมควรให้จัดพิมพ์เอกสารเพื่อ เก็บไว้เป็นส านวนของศาล ให้เจ้าหน้าที่จัดท าสิ่งพิมพ์ออก ได้แก่ ค าคู่ความ ใบแต่งทนาย บัญชีระบุพยาน บันทึกค าให้การพยาน รายงานกระบวนพิจารณา ค าพิพากษา ค าบังคับ หมายตั งเจ้าพนักงานบังคับคดี หรือเอกสารอื่นที่จ าเป็นที่ศาลเห็นสมควร
กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๘๘ ข้อ ๓๐ การจัดท าเอกสารท้ายค าฟ้องส่งให้แก่จ าเลยในคดีผู้บริโภคที่ยื่นฟ้องทางระบบ รับส่งอิเล็กทรอนิกส์ อาจจัดท าเป็นเอกสารในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งสามารถเข้าถึงได้ผ่านทาง คิวอาร์โค้ดที่ส่งไปพร้อมกับหมายเรียก และถือว่าจ าเลยได้รับเอกสารนั นในวันที่ได้รับหมายเรียก การขอให้ส่งเอกสารให้แก่จ าเลยด้วยวิธีการตามความในวรรคหนึ่ง โจทก์ต้องระบุเหตุผล ที่แสดงว่าจ าเลยสามารถเข้าถึงเอกสารในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ได้มาในค าร้อง และไม่ต้องเสีย ค่าจัดท าเอกสารดังกล่าว ก่อนหรือในวันนัดพิจารณา ถ้าจ าเลยแจ้งต่อศาลหรือศาลมีเหตุสงสัยว่าจ าเลยไม่สามารถ เข้าถึงเอกสารในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ และศาลมีค าสั่งให้ส่งเอกสารให้จ าเลยใหม่ในรูปแบบกระดาษ ให้โจทก์มีหน้าที่จัดท าส าเนาเอกสารดังกล่าวเพื่อส่งให้แก่จ าเลย หมวด ๓ ระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม (Court Integral Online Service : CIOS) ส่วนที่ 1 การลงทะเบียน ข้อ ๓๑ คู่ความ ทนายความ หรือบุคคลอื่นที่ได้รับอนุญาตจากศาลที่มีความประสงค์ จะเข้าใช้ระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม ต้องด าเนินการลงทะเบียนใช้งานระบบและลงทะเบียน ความเกี่ยวข้องในคดีในระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม ตามรายละเอียดและขั นตอนที่ก าหนดไว้ใน ระบบที่เว็บไซต์ https://cios.coj.go.th/ การลงทะเบียนของผู้ใช้ระบบถือได้ว่าเป็นการยอมรับหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และ ผลของการลงทะเบียนตามประกาศนี ผู้ใช้ระบบต้องต่ออายุการลงทะเบียนตามก าหนดเวลาและวิธีการที่ก าหนดไว้ในระบบ บริการออนไลน์ศาลยุติธรรม หรือก่อนวันที่ใบอนุญาตให้เป็นทนายความสิ นอายุ แล้วแต่กรณี ส่วนที่ 2 การยื่นค าคู่ความและเอกสารทางคดี ข้อ ๓๒2 ผู้ใช้ระบบที่พิสูจน์ตัวตนตามวิธีการที่ส านักงานศาลยุติธรรมก าหนดแล้ว อาจยื่นค าคู่ความและ/หรือเอกสารทางคดีได้ทุกประเภททางระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม ได้ตลอดเวลาที่ระบบเปิดใช้งาน ยกเว้นเฉพาะค าฟ้องและค าร้องขอตั งต้นคดี การยื่นค าคู่ความหรือเอกสารตามวรรคหนึ่ง ถ้าเป็นอุทธรณ์หรือฎีกาของจ าเลย ในคดีอาญา จ าเลยยังคงมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ก าหนดไว้ในกฎหมาย และข้อบังคับเกี่ยวกับการแสดงตนของจ าเลยต่อเจ้าพนักงานศาลในขณะยื่นอุทธรณ์หรือฎีกา ในกรณีที่มีการยื่นฟ้องคดีใดผ่านระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์แล้ว ผู้ใช้ระบบไม่สามารถ ยื่นค าคู่ความและ/หรือเอกสารในคดีนั นผ่านระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรมได้ จะต้องด าเนินการ ยื่นทางระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์เท่านั น 2 แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศส านักงานศาลยุติธรรมฯ (ฉบับที่ ๓) ลงวันที่ ๑๙ มี.ค. ๖๔
กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๘๙ ข้อ ๓๓ การยื่นค าคู่ความและ/หรือเอกสารทางระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม ให้ผู้ใช้ระบบลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ และยื่นค าคู่ความและ/หรือเอกสารตามวิธีการที่ระบบก าหนด โดยการแนบไฟล์ของค าคู่ความและ/หรือเอกสารที่ต้องการยื่น หรือกรอกข้อความลงในแบบฟอร์มออนไลน์ (Online Form) บนระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม ในกรณีที่ผู้ใช้ระบบยังไม่ได้ลงทะเบียนความเกี่ยวข้องในคดี จะต้องแนบไฟล์ส าเนา บัตรประจ าตัวประชาชนหรือบัตรประจ าตัวสมาชิกสภาทนายความด้วย เพื่อตรวจสอบว่ามีความเกี่ยวข้องในคดี จากนั นท าการบันทึกข้อมูลดังกล่าวในระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม โดยให้ถือว่าการยื่นค าคู่ความ และ/หรือเอกสารนั นเสร็จสมบูรณ์ต่อเมื่อระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรมได้ยืนยันการรับเอกสารไว้แล้ว ข้อ ๓๔ เมื่อผู้ใช้ระบบได้ปฏิบัติถูกต้องตามขั นตอนที่ก าหนดไว้ในระบบบริการออนไลน์ ศาลยุติธรรมแล้ว ระบบจะแสดงหมายเลขอ้างอิงของการยื่นค าคู่ความและ/หรือเอกสารดังกล่าวเพื่อแสดงว่า ได้รับค าคู่ความและ/หรือเอกสารเข้าสู่ระบบแล้วและส าหรับใช้ในการตรวจสอบติดตามค าสั่งศาลต่อไป ข้อ ๓๕ ผู้ใช้ระบบมีหน้าที่ติดตามผลค าสั่งเกี่ยวกับค าคู่ความและ/หรือเอกสารที่ผู้ใช้ระบบยื่นทาง ระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม และเมื่อมีการแจ้งค าสั่งผ่านระบบดังกล่าวแล้วให้ถือว่าผู้ใช้ระบบทราบค าสั่งนั น หากผู้ใช้ระบบประสงค์จะได้ส าเนาค าสั่งของศาลตามวรรคหนึ่ง ผู้ใช้ระบบต้องด าเนินการ ขอคัดถ่ายเอกสารผ่านระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม ข้อ ๓๖ การจัดท าเอกสารออกจากระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม ให้เรียกเก็บค่าจัดท า เอกสารในอัตราหน้าละ 1 บาท ยกเว้นกรณีค าคู่ความและ/หรือเอกสารที่ต้องจัดท านั นมีจ านวนไม่เกิน 10 หน้า หรือการยื่นค าคู่ความและ/หรือเอกสารในคดีอาญา ส่วนที่ ๓ การช าระเงิน ข้อ ๓๗ การยื่นค าคู่ความและ/หรือเอกสารที่ต้องมีการช าระค่าธรรมเนียม ค่าใช้จ่ายในการ ด าเนินคดี การวางเงินต่อศาล หรือค่าจัดท าเอกสาร ผู้ใช้ระบบต้องช าระเงินให้ครบถ้วนตามขั นตอน ที่ก าหนดไว้ในระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม ทั งนี ในกรณีที่ผู้ใช้ระบบเลือกวิธีการช าระเงินตามข้อ ๓๘ (๑) หรือ (๒) ให้ส่งหลักฐานการช าระเงินทางระบบภายในสามวันท าการนับแต่ได้รับแจ้งจ านวนเงินที่ต้องช าระ โดยให้ถือว่าการช าระเงินนั นสมบูรณ์ต่อเมื่อศาลได้รับหลักฐานการช าระเงินจากผู้ใช้ระบบแล้ว หากผู้ใช้ระบบไม่ด าเนินการตามวรรคหนึ่ง ให้ถือว่าผู้ใช้ระบบไม่ประสงค์ให้ด าเนินการ ต่อไประบบจะยกเลิกการยื่นค าคู่ความและ/หรือเอกสารดังกล่าวนั นทันที ข้อ ๓๘ ผู้ใช้ระบบสามารถเลือกวิธีการช าระเงินผ่านระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม ด้วยวิธีการดังต่อไปนี (๑) ช าระผ่านเคาน์เตอร์หรือตู้ ATM ของธนาคาร (๒) ช าระผ่านทางอินเทอร์เน็ตแบงก์กิ ง (ทาง Website และ Mobile Applicationของธนาคาร) (๓) ช าระผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิสในร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น (๔) ช าระผ่าน Application Counter Service Pay (๕) วิธีอื่นที่ส านักงานศาลยุติธรรมประกาศก าหนด ทั งนี วิธีการช าระเงินตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามวิธีการและขั นตอนที่ระบบเปิดให้บริการ
กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๙๐ ข้อ ๓๙ เมื่อผู้ใช้ระบบได้ช าระเงินถูกต้องครบถ้วนแล้ว ศาลจะออกใบรับเงินในราชการ ศาลยุติธรรมให้แก่ผู้ใช้ระบบเพื่อเป็นหลักฐานการรับเงิน ผู้ใช้ระบบสามารถจัดท าสิ่งพิมพ์ออกใบรับเงิน ในราชการศาลยุติธรรมได้ทางระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม ทั งนี หากผู้ใช้ระบบประสงค์จะขอใบ รับเงินในราชการศาลยุติธรรมต้นฉบับ จะต้องด าเนินการขอเอกสารด้วยตนเอง ส่วนที่ ๔ การด าเนินการของเจ้าหน้าที่ ข้อ ๔๐ เมื่อเจ้าหน้าที่ได้รับค าคู่ความและ/หรือเอกสารที่ส่งทางระบบบริการออนไลน์ ศาลยุติธรรมแล้ว ให้ตรวจสอบความเกี่ยวข้องในคดี ข้อมูลเบื องต้นของค าคู่ความและ/หรือเอกสารที่ส่ง และค่าธรรมเนียม ค่าใช้จ่ายในการด าเนินคดี การวางเงินต่อศาล หรือค่าจัดท าเอกสาร หากเป็นกรณีการยื่นค าคู่ความและ/หรือเอกสารที่ต้องมีการช าระค่าธรรมเนียม ค่าใช้จ่าย ในการด าเนินคดี การวางเงินต่อศาล หรือค่าจัดท าเอกสาร ให้เจ้าหน้าที่แจ้งจ านวนเงินและรายละเอียด การช าระเงินให้ผู้ใช้ระบบด าเนินการช าระ พร้อมทั งตรวจสอบการช าระเงินดังกล่าวและออกใบรับเงินในราชการ ศาลยุติธรรมตามระเบียบส่งให้ผู้ใช้ระบบทางระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม เมื่อเจ้าหน้าที่ด าเนินการดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ต้องจัดท าสิ่งพิมพ์ออกโดยเร็ว แต่ไม่เกินสามวันท าการนับแต่วันได้รับหลักฐานการช าระเงิน และด าเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อน าเสนอ ต่อศาลโดยเร็วเมื่อศาลมีค าสั่งประการใด ให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามค าสั่งของศาลต่อไป ข้อ ๔๑ เจ้าหน้าที่ต้องด าเนินการน าเข้าข้อมูลในระบบเพื่อแจ้งค าสั่งของศาลหรือข้อความอื่นใด เกี่ยวกับการยื่น ส่ง หรือรับค าคู่ความและ/หรือเอกสารทางระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรมให้ผู้ใช้ระบบทราบ หมวด ๔ การยื่นค าขอรับเอกสารผ่านระบบ ข้อ ๔๒ การยื่นค าขอคัดถ่ายเอกสารและค าขอใบส าคัญเพื่อแสดงว่าค าพิพากษาหรือค าสั่ง ได้ถึงที่สุดแล้วผ่านระบบ ให้ถือว่าสมบูรณ์ต่อเมื่อผู้ใช้ระบบได้ปฏิบัติถูกต้องตามขั นตอนที่ก าหนดไว้ในระบบแล้ว ส่วนที่ ๑ การขอคัดถ่ายเอกสาร ข้อ ๔๓ ผู้ใช้ระบบอาจขอคัดถ่ายเอกสารผ่านระบบได้ตลอดเวลาที่ระบบเปิดใช้งาน แต่เจ้าหน้าที่จะด าเนินการตามค าขอในวันและเวลาราชการ การขอคัดถ่ายเอกสารในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เป็นการให้บริการที่ไม่เรียกเก็บ ค่าใช้จ่าย เว้นแต่ส านักงานศาลยุติธรรมประกาศก าหนดเป็นอย่างอื่น ข้อ ๔๔ การยื่นค าขอคัดถ่ายเอกสารผ่านระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ ระบบจะส่งไฟล์ข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์โดยทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) เพื่อให้ผู้ใช้ระบบที่ขอรับบริการดาวน์โหลด(Download) ข้อ ๔๕ การยื่นค าขอคัดถ่ายเอกสารผ่านระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม ให้ผู้ใช้ระบบ ระบุรายละเอียดของคดีและเลือกการรับเอกสาร ได้แก่ รับเอกสารด้วยตนเอง หรือให้จัดส่งทางไปรษณีย์ หรือรับเอกสารในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ทั งนี วิธีการและขั นตอนให้เป็นไปตามที่ระบบก าหนด
กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๙๑ การยื่นค าขอคัดถ่ายเอกสารในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ผู้ใช้ระบบจะยื่นค าขอได้ ไม่เกินสามครั ง และเมื่อศาลอนุญาตตามค าขอแล้ว เจ้าหน้าที่จะส่งไฟล์ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เข้าระบบ บริการออนไลน์ศาลยุติธรรม เพื่อให้ผู้ใช้ระบบที่ขอรับบริการดาวน์โหลด (Download) ผู้ใช้ระบบต้องรับไฟล์ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่เจ้าหน้าที่ส่งข้อมูล เข้าระบบ หากไม่รับไฟล์ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ภายในก าหนดเวลาดังกล่าว ให้ถือว่าผู้ใช้ระบบไม่ติดใจ การขอคัดถ่ายเอกสารในครั งนั น และผู้ใช้ระบบยินยอมให้ศาลน าไฟล์ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าว ออกจากระบบได้ทันทีเมื่อพ้นก าหนดเวลาดังกล่าว ทั งนี ผู้ใช้ระบบจะเรียกร้องให้ศาลส่งไฟล์ข้อมูล อิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวในระบบอีกครั งโดยผู้ใช้ระบบไม่ยื่นค าขอใหม่ไม่ได้ ข้อ 4๖ ผู้ใช้ระบบสามารถตรวจสอบความถูกต้องของไฟล์ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ได้ ด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่ง ดังต่อไปนี (1) อัปโหลด (Upload) ไฟล์ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เพื่อตรวจสอบผ่านระบบบริการออนไลน์ ศาลยุติธรรม (2) สแกน QR Code จากไฟล์ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เพื่อตรวจสอบ (3) สิ่งพิมพ์ออกจากระบบ มีลายน าแสดงสัญลักษณ์ของการพิมพ์ออกจากระบบรับส่ง อิเล็กทรอนิกส์หรือระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม แล้วแต่กรณีตามตัวอย่างแนบท้ายประกาศนี และมีข้อความระบุว่า “สิ่งพิมพ์ออกจากระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ของศาล ถือเป็นส าเนาที่ได้รับการรับรอง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง” โดยปรากฏชื่อผู้จัดพิมพ์และวันเวลาที่จัดพิมพ์ (4) วิธีอื่นที่ส านักงานศาลยุติธรรมประกาศก าหนด ส่วนที่ ๒ การขอใบส าคัญเพื่อแสดงว่าค าพิพากษาหรือค าสั่งได้ถึงที่สุดแล้ว ข้อ ๔๗ ผู้ใช้ระบบอาจขอใบส าคัญเพื่อแสดงว่าค าพิพากษาหรือค าสั่งได้ถึงที่สุดแล้ว ผ่านระบบได้ตลอดเวลาที่ระบบเปิดใช้งาน หากผู้ใช้ระบบยื่นค าขอภายหลังเวลา 16.30 นาฬิกา เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวในวันเวลาท าการถัดไปหรือวันท าการแรกที่ศาลเปิดท าการปกติ ข้อ ๔๘ การยื่นค าขอใบส าคัญเพื่อแสดงว่าค าพิพากษาหรือค าสั่งได้ถึงที่สุดแล้ว ผ่านระบบผู้ใช้ระบบอาจเลือกรับเอกสารด้วยตนเอง หรือให้จัดส่งทางไปรษณีย์ หรือรับเอกสาร ในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ทั งนี วิธีการและขั นตอนให้เป็นไปตามที่ระบบก าหนด ข้อ ๔๙ การยื่นค าขอใบส าคัญเพื่อแสดงว่าค าพิพากษาหรือค าสั่งได้ถึงที่สุดแล้ว โดยผู้ใช้ระบบเลือกรับเอกสารในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ระบบจะส่งไฟล์ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้ผู้ใช้ระบบที่ขอรับบริการดาวน์โหลด (Download) ทั งนี วิธีการและขั นตอนให้เป็นไปตามที่ระบบก าหนด ข้อ ๕๐ การยื่นค าขอใบส าคัญเพื่อแสดงว่าค าพิพากษาหรือค าสั่งได้ถึงที่สุดแล้วผ่านระบบ ศาลจะแจ้งค าสั่งพร้อมระบุค่าใช้จ่ายให้ผู้ใช้ระบบทราบผ่านระบบ และเมื่อศาลแจ้งค าสั่งดังกล่าวให้ถือว่า ผู้ใช้ระบบทราบค าสั่งแล้ว ค่าใช้จ่ายตามวรรคหนึ่ง ประกอบด้วย ค่าธรรมเนียมในการขอใบส าคัญเพื่อแสดงว่า ค าพิพากษาหรือค าสั่งได้ถึงที่สุดแล้วตามอัตราที่ก าหนดไว้ในตาราง 2 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๙๒ ความแพ่ง และค่าส่งไปรษณีย์ในกรณีที่ผู้ใช้ระบบแจ้งความประสงค์ให้ศาลจัดส่งใบส าคัญให้ทางไปรษณีย์ ตามอัตราที่ผู้ให้บริการก าหนด ข้อ ๕๑ การยื่นค าขอใบส าคัญเพื่อแสดงว่าค าพิพากษาหรือค าสั่งได้ถึงที่สุดแล้ว ผ่านระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม หากผู้ใช้ระบบไม่ด าเนินการช าระค่าใช้จ่ายและส่งหลักฐาน การช าระเงิน ให้ถือว่าผู้ใช้ระบบไม่ประสงค์ให้ด าเนินการต่อไป ศาลจะยกเลิกรายการค าขอใบส าคัญ เพื่อแสดงว่าค าพิพากษาหรือค าสั่งได้ถึงที่สุดนั นทันที กรณีผู้ใช้ระบบช าระค่าใช้จ่ายภายหลังศาลยกเลิกการท ารายการแล้ว หากผู้ใช้ระบบ ประสงค์จะขอรับเงินค่าใช้จ่ายคืน จะต้องมาด าเนินการที่ศาลด้วยตนเอง กรณีที่มีการช าระค่าใช้จ่ายแล้ว แต่ภายหลังผู้ใช้ระบบยกเลิกค าขอหรือไม่ประสงค์ จะรับใบส าคัญอีกต่อไป ผู้ใช้ระบบจะขอเงินค่าใช้จ่ายที่ได้ช าระแล้วคืนจากศาลไม่ได้ กรณีศาลมีค าสั่งไม่อนุญาตตามค าขอ ศาลจะด าเนินการคืนค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้ใช้ระบบต่อไป ข้อ ๕๒ กรณีตามข้อ ๕๑ หากผู้ใช้ระบบไม่มารับใบส าคัญที่ศาลภายในสามสิบวัน นับแต่วันนัดให้มารับใบส าคัญหรือไม่ยอมรับใบส าคัญที่ส่งทางไปรษณีย์นับแต่วันที่ใบส าคัญส่งไปถึงที่อยู่ ของผู้ใช้ระบบ ให้ถือว่าผู้ใช้ระบบไม่ติดใจการขอใบส าคัญในครั งนั น กรณีมีเหตุจ าเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้หรือมีเหตุอันควร ผู้ใช้ระบบสามารถยื่น ขอเลื่อนวันนัดรับใบส าคัญเกินก าหนดระยะเวลาตามวรรคสองได้หนึ่งครั ง แต่ทั งนี ต้องไม่เกินหกสิบวัน นับแต่วันนัดให้มารับใบส าคัญหรือวันที่ใบส าคัญส่งทางไปรษณีย์ไปถึงที่อยู่ของผู้รับ ข้อ ๕๓ กรณีผู้ใช้ระบบไม่มารับใบส าคัญที่ศาลหรือไม่ยอมรับใบส าคัญที่ส่งทางไปรษณีย์ ไปถึงที่อยู่ของผู้รับภายในก าหนดเวลาตามข้อ ๕๒ ผู้ใช้ระบบยินยอมให้ศาลท าลายเอกสารดังกล่าว ได้ทันทีเมื่อพ้นก าหนดเวลาดังกล่าว ทั งนี ผู้ใช้ระบบจะเรียกร้องให้ศาลออกใบส าคัญนั นใหม่โดยผู้ยื่นค าขอ ไม่ช าระค่าใช้จ่ายอีกครั งไม่ได้ หมวด ๕ การเงิน ข้อ ๕๔ ใบรับเงินซึ่งสร้างและจัดเก็บไว้ในระบบ อย่างน้อยต้องมีรายละเอียดตามที่ก าหนดไว้ ในระเบียบคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรมว่าด้วยเงินค่าธรรมเนียมศาล เงินค่าปรับและเงินกลาง พ.ศ. ๒๕๕๖ และถือเป็นใบรับเงินในราชการศาลยุติธรรม ใบรับเงินตามวรรคหนึ่งต้องมีปีงบประมาณก ากับและให้มีเลขที่เรียงกันไปในปีหนึ่ง ๆ เมื่อขึ นปีงบประมาณใหม่ระบบจะก าหนดปีงบประมาณใหม่และเลขที่ใหม่ ส าหรับล าดับที่ให้เรียงล าดับ กันไปในวันหนึ่ง ๆ ข้อ ๕๕ ให้เจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้เข้าระบบและเป็นผู้รับเงินในใบรับเงินในราชการ ศาลยุติธรรม จัดพิมพ์ใบรับเงินในราชการศาลยุติธรรมที่มีผู้มาช าระเงินส่งให้ส่วนคลังเพื่อใช้ส าหรับการบัญชี ข้อ ๕๖ กรณีที่ต้องมีการคืนเงินที่ผู้ใช้ระบบช าระแล้วทั งหมดหรือบางส่วน เช่น ศาลไม่อนุญาต ตามค าร้อง หรือผู้ใช้ระบบช าระเงินภายหลังระบบยกเลิกการท ารายการแล้ว หรือผู้ใช้ระบบช าระเงิน เกินจ านวน เป็นต้น ให้ผู้ใช้ระบบด าเนินการขอรับเงินคืนทางระบบ
กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๙๓ ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอกสารการขอคืนเงินที่ผู้ใช้ระบบยื่นทางระบบ และด าเนินการ โอนคืนเงินให้แก่ผู้ใช้ระบบตามแนวทางการจ่ายคืนเงินค่าธรรมเนียมศาล เงินค่าปรับและเงินกลางในคดี ให้แก่คู่ความต่อไป พร้อมทั งแจ้งให้ผู้ใช้ระบบทราบถึงการโอนคืนเงินนั นทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์(E-mail) และหมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้ใช้ระบบ หรือทางระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม แล้วแต่กรณี หมวด ๖ การจัดท าสิ่งพิมพ์ออกจากระบบ ข้อ ๕๗ การจัดท าสิ่งพิมพ์ออกจากระบบ ต้องจัดท าบนกระดาษสีขาวว่างเปล่า ขนาด A4 ที่มีความหนาไม่น้อยกว่า ๘๐ แกรม ด้วยเครื่องพิมพ์ที่มีความละเอียดไม่น้อยกว่า ๓๐๐ จุดต่อนิ ว (dot per inch หรือ dpi) โดยใช้หมึกสีด า สิ่งพิมพ์ออกตามวรรคหนึ่งต้องมีลายน าแสดงสัญลักษณ์ของการพิมพ์ออกจากระบบ รับส่งอิเล็กทรอนิกส์หรือระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม แล้วแต่กรณี ตามตัวอย่างแนบท้ายประกาศนี และมีข้อความระบุว่า “สิ่งพิมพ์ออกจากระบบรับส่งอิเล็กทรอนิกส์ของศาล ถือเป็นส าเนาที่ได้รับการรับรอง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง” โดยปรากฏชื่อผู้จัดพิมพ์และวันเวลาที่จัดพิมพ์ ข้อ ๕๘ สิ่งพิมพ์ออกจากระบบตามข้อ ๕๗ ให้ถือว่าเป็นส าเนาที่ได้รับการรับรองตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งแล้ว และให้ใช้แทนต้นฉบับได้โดยให้ถือว่ามีการลงลายมือชื่อ โดยผู้ที่เกี่ยวข้องซึ่งเป็นผู้ท ารายการจนเสร็จสมบูรณ์แล้ว ผู้ใช้ระบบอาจน าสิ่งพิมพ์ออกจากระบบไปใช้เพื่อยืนยันเป็นหลักฐานได้ หมวด ๗ การระงับใช้ระบบ ข้อ ๕๙ หากผู้ใช้ระบบพบปัญหาหรือความบกพร่องในระบบ เช่น ชื่อผู้ใช้ระบบและ รหัสผ่านของตนอาจถูกผู้อื่นน าไปใช้ หรือพบเหตุที่อาจท าให้เกิดความไม่มั่นคงปลอดภัยในการใช้ระบบ ให้ผู้ใช้ระบบแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ทันที ข้อ ๖๐ หากผู้ใช้ระบบได้ใช้ระบบอย่างไม่เหมาะสม หรือไม่เป็นไปตามเงื่อนไขการใช้บริการ ของระบบ หรือกระท าการใดอันอาจก่อให้เกิดความขัดข้อง หรืออาจก่อให้เกิดความไม่มั่นคงปลอดภัย ในการใช้ระบบ หรือผู้ใช้ระบบขาดคุณสมบัติในการเป็นผู้ใช้ระบบ ศาลหรือส านักงานศาลยุติธรรม อาจระงับหรือเพิกถอนสิทธิในการเข้าใช้ระบบของผู้ใช้ระบบได้ ข้อ ๖๑ กรณีมีเหตุจ าเป็น เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลระบบอาจด าเนินการปิดระบบโดยได้รับอนุญาต จากเลขาธิการส านักงานศาลยุติธรรม เว้นแต่ในกรณีจ าเป็นเร่งด่วน ให้เจ้าหน้าผู้ดูแลระบบปิดระบบ ชั่วคราวได้ แต่ต้องรายงานให้เลขาธิการส านักงานศาลยุติธรรมทราบทันที ประกาศ ณ วันที่ ๓๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ (ลงชื่อ) พงษ์เดช วานิชกิตติกูล (นายพงษ์เดช วานิชกิตติกูล) เลขาธิการส านักงานศาลยุติธรรม
กลับไปหน้าสารบัญ กฎหมายเกี่ยวกับการพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ ๙๔ ตารางแนบท้าย ๑. ค่าธรรมเนียมศาล (ค่าขึ้นศาล) ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ลักษณะของคดี ทุนทรัพย์ อัตรา หมายเหตุ (๑) คดีที่มีค าขอให้ปลดเปลื องทุกข์อันอาจ ค านวณเป็นราคาเงินได้ ให้คิดค่าขึ นศาล ตามทุนทรัพย์ ไม่เกินห้าสิบล้านบาท ส่วนที่เกิน ห้าสิบล้านบาทขึ นไป ร้อยละ ๒ แต่ไม่เกิน สองแสนบาท ร้อยละ ๐.๑ ค่าธรรมเนียมถ้ารวมแล้ว มีเศษไม่ถึงหนึ่งบาท ให้ปัดทิ ง (๒) คดีที่มีค าขอให้ปลดเปลื องทุกข์อันไม่อาจ ค านวณเป็นราคาเงินได้ เรื่องละ ๒๐๐ บาท (๓) คดีที่มีค าขอให้ปลดเปลื องทุกข์อันอาจ ค านวณเป็นราคาเงินได้ และไม่อาจ ค านวณเป็นราคาเงินได้รวมอยู่ด้วย ให้คิดค่าขึ นศาล ตามอัตราใน (๑) แต่ไม่ให้น้อยกว่า อัตราใน (๒) (๔) คดีที่ขอให้ช าระค่าเสียหาย ค่าอุปการะเลี ยงดู หรือค่าเลี ยงชีพ ก็ดี เงินปี เงินเดือน เงินเบี ยบ านาญ ค่าบ ารุงรักษาหรือเงินอื่น ๆ ก็ดี บรรดาที่ให้จ่ายมีก าหนดเป็นระยะเวลา ในอนาคตนอกจากดอกเบี ย ค่าเช่า หรือ ค่าเสียหายที่ศาลมีอ านาจพิพากษาหรือสั่ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความแพ่ง มาตรา ๑๔๒ อยู่แล้ว ถ้าคดีนั นมีค าขอให้ช าระหนี ในเวลา ปัจจุบัน หรือมีค าขอให้ข้อก่อน ๆ รวมอยู่ด้วย ให้คิดค่าขึ นศาลส าหรับ ค าขอในข้อนี เป็นอีกส่วนหนึ่ง ๑๐๐ บาท ปรากฏตามระบบการค านวณค่าธรรมเนียมศาล https://fees.coj.go.th/courtfees ๒. ค่าส่งหมายเรียกและส าเนาค าฟ้องให้จ าเลย ปรากฏตามระบบค้นหาอัตราค่าน าหมายศาลยุติธรรม http://exp.coj.go.th/sentnotice/ ๓. ค่าจัดพิมพ์ส าเนาค าฟ้องและเอกสารอื่นใดเพื่อส่งให้แก่คู่ความ ให้เรียกเก็บในอัตราหน้าละ ๑ บาท