The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติด้านการเกษตร

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sr.industrial.office, 2022-10-27 22:28:50

คู่มือการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติด้านการเกษตร

คู่มือการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติด้านการเกษตร

มาตรา ๓๗ เมื่อเกิดหรือคาดว่าจะเกิดสาธารณภัยขึ้นในเขตกรุงเทพมหานคร ให้ผู้ช่วยผู้อ�ำนวยการ
กรงุ เทพมหานครมหี นา้ ทเ่ี ขา้ ดำ� เนนิ การปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั โดยเรว็ และแจง้ ใหผ้ อู้ ำ� นวยการกรงุ เทพมหานคร
และรองผอู้ ำ� นวยการกรุงเทพมหานครทราบทันที

ใหน้ �ำความในมาตรา ๒๑ วรรคสอง มาตรา ๒๒ วรรคสามและวรรคสี่ มาตรา ๒๔ มาตรา ๒๕ มาตรา ๒๖
มาตรา ๒๗ มาตรา ๒๘ มาตรา ๒๙ และมาตรา ๓๐ มาใช้บังคับกับการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในเขต
กรุงเทพมหานครด้วยโดยอนโุ ลม

มาตรา ๓๘ ในกรณที มี่ คี วามจำ� เปน็ ทจ่ี ะตอ้ งไดร้ บั ความชว่ ยเหลอื จากเจา้ หนา้ ทขี่ องรฐั ผใู้ ดหรอื หนว่ ยงาน
ของรฐั ใดในการปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั ทเี่ กดิ ขนึ้ ในเขตกรงุ เทพมหานคร ใหผ้ อู้ ำ� นวยการกรงุ เทพมหานครแจง้ ให้
เจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ผนู้ น้ั หรอื หนว่ ยงานของรฐั นนั้ ทราบ และเมอื่ เจา้ หนา้ ทข่ี องรฐั ผนู้ น้ั หรอื หนว่ ยงานของรฐั นนั้ แลว้ แตก่ รณี
ไดร้ ับแจง้ แลว้ ใหเ้ ปน็ หน้าทีท่ จี่ ะต้องดำ� เนินการให้ความช่วยเหลือในการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั ที่เกิดขึ้นในเขต
กรงุ เทพมหานครตามที่ไดร้ ับแจ้งโดยเรว็

หมวด ๔

เจ้าพนกั งานและอาสาสมัคร

มาตรา ๓๙ ใหผ้ อู้ ำ� นวยการมอี ำ� นาจแต่งต้ังเจา้ พนกั งานเพอื่ ปฏบิ ตั ิหน้าทีด่ ังตอ่ ไปน้ี
(๑) ผอู้ �ำนวยการกลาง มอี ำ� นาจแต่งตัง้ เจา้ พนกั งานให้ปฏิบัตหิ น้าที่ได้ท่ัวราชอาณาจักร
(๒) ผู้อ�ำนวยการจงั หวดั มอี �ำนาจแตง่ ตง้ั เจ้าพนักงานให้ปฏิบัตหิ นา้ ท่ไี ดใ้ นเขตจังหวัด
(๓) ผอู้ ำ� นวยการอำ� เภอ มีอำ� นาจแต่งตั้งเจ้าพนักงานให้ปฏิบตั ิหน้าท่ไี ด้ในเขตอ�ำเภอ
(๔) ผอู้ ำ� นวยการทอ้ งถน่ิ มอี ำ� นาจแตง่ ตงั้ เจา้ พนกั งานใหป้ ฏบิ ตั หิ นา้ ทไ่ี ดใ้ นเขตองคก์ รปกครอง
สว่ นท้องถ่ินแหง่ พ้ืนท่ี
(๕) ผู้อ�ำนวยการกรุงเทพมหานคร มีอ�ำนาจแต่งตั้งเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติหน้าท่ีได้ในเขต
กรุงเทพมหานคร

หลักเกณฑ์การแต่งตั้งและการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานให้เป็นไปตามระเบียบท่ีกระทรวงมหาดไทย
ก�ำหนด

มาตรา ๔๐ ในกรณที ผ่ี อู้ ำ� นวยการหรอื เจา้ พนกั งานพบเหน็ วา่ อาคารหรอื สถานทใี่ ดมสี ภาพทอ่ี าจกอ่ ใหเ้ กดิ
สาธารณภัยได้โดยง่ายหรือมีวัสดุหรือส่ิงของใดในอาคารหรือสถานท่ีใด ท่ีอาจก่อให้เกิดสาธารณภัยได้ ให้แจ้งพนักงาน
เจ้าหนา้ ทตี่ ามกฎหมายว่าด้วยการน้นั ทราบ เพ่ือตรวจสอบตามอำ� นาจหนา้ ท่ตี อ่ ไป

มาตรา ๔๑ ใหผ้ ู้อ�ำนวยการจัดใหม้ อี าสาสมัครในพ้นื ทท่ี ี่รบั ผิดชอบ เพือ่ ปฏิบัตหิ นา้ ทด่ี ังตอ่ ไปนี้
(๑) ใหค้ วามช่วยเหลือเจา้ พนักงานในการปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัย
(๒) ปฏิบัติหน้าท่ีอ่ืนตามท่ีผู้อ�ำนวยการมอบหมายและตามระเบียบที่กระทรวงมหาดไทย
กำ� หนด

การบรหิ ารและก�ำกับดแู ลอาสาสมัคร การคัดเลือก การฝึกอบรม สิทธิ หนา้ ที่ และวนิ ยั ของอาสาสมคั ร
ให้เป็นไปตามระเบียบทกี่ ระทรวงมหาดไทยก�ำหนด

คูม่ อื การใหค้ วามช่วยเหลือผปู้ ระสบภยั พิบัติด้านการเกษตร 47


มาตรา ๔๒ ในกรณที อี่ งคก์ ารสาธารณกศุ ลหรอื บคุ คลใดเขา้ มาชว่ ยเหลอื การปฏบิ ตั หิ นา้ ทขี่ องเจา้ พนกั งาน
ในระหว่างเกิดสาธารณภัย ให้ผู้อ�ำนวยการหรือเจ้าพนักงานท่ีได้รับมอบหมาย มีอ�ำนาจมอบหมายภารกิจหรือจัดสถานที่
ให้องคก์ ารสาธารณกุศลและบุคคลดังกล่าวในการใหค้ วามช่วยเหลือได้ตามท่ีเห็นสมควร

เพ่ือให้การช่วยเหลือหรือบรรเทาสาธารณภัยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ให้ผู้อ�ำนวยการแจ้งให้องค์การ
สาธารณกศุ ลและบคุ คล ทม่ี วี ตั ถปุ ระสงคใ์ นการใหค้ วามชว่ ยเหลอื ผปู้ ระสบภยั ทอี่ ยใู่ นพน้ื ทที่ ร่ี บั ผดิ ชอบ ทราบถงึ แนวทาง
การปฏิบัติตามแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด หรือแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
กรุงเทพมหานคร และวธิ กี าร ประสานงานในการปฏิบตั หิ น้าท่ี

หมวด ๕

เบด็ เตล็ด

มาตรา ๔๓ ให้ผู้บัญชาการ รองผู้บัญชาการ ผู้อ�ำนวยการ รองผู้อ�ำนวยการ ผู้ช่วยผู้อ�ำนวยการ และ
เจ้าพนักงานซ่ึงปฏิบัติการตามหน้าที่ในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ตามพระราชบัญญัติน้ี เป็นเจ้าพนักงาน
ตามประมวลกฎหมายอาญา และในการปฏิบัติการตามหน้าท่ีดังกล่าว หากได้ด�ำเนินการไปตามอ�ำนาจหน้าที่
และได้กระท�ำไปพอสมควรแก่เหตุและมิได้ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ให้ผู้กระท�ำการน้ันพ้นจากความผิดและ
ความรับผิดทง้ั ปวง

ในการด�ำเนินการตามวรรคหน่ึง หากเกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินของผู้ใดซ่ึงมิใช่เป็นผู้ได้รับประโยชน์
จากการบ�ำบัดภยันตรายจากสาธารณภัยนั้น ให้ทางราชการชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นให้แก่ผู้นั้นตามหลักเกณฑ์
และวธิ กี ารท่ีก�ำหนดในกฎกระทรวง

มาตรา ๔๔ ในกรณที ขี่ อ้ เทจ็ จรงิ เกย่ี วกบั สาธารณภยั หรอื การปอ้ งกนั และบรรเทา สาธารณภยั ทไ่ี ดก้ ำ� หนด
ไว้ในแผนต่าง ๆ ตามพระราชบัญญัตินี้เปลี่ยนแปลงไปหรือแผนดังกล่าวได้ใช้มาครบห้าปีแล้ว ให้เป็นหน้าที่ของผู้ซึ่ง
รับผดิ ชอบในการจัดทำ� แผน ปรบั ปรุง หรอื ทบทวนแผนทอ่ี ยู่ในความรับผิดชอบของตนโดยเร็ว

มาตรา ๔๕ ให้มีเครื่องแบบ เครื่องหมาย และบัตรประจ�ำตัว ส�ำหรับเจ้าพนักงานและอาสาสมัครเพื่อ
แสดงตวั ขณะปฏบิ ัติหน้าทีใ่ นการปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัย

เครอ่ื งแบบ เครอื่ งหมาย และบตั รประจำ� ตวั ตามวรรคหนงึ่ ใหเ้ ปน็ ไปตามแบบ ทก่ี ระทรวงมหาดไทยกำ� หนด
ในกรณที ผี่ บู้ ญั ชาการ รองผ้บู ญั ชาการ ผูอ้ �ำนวยการ หรือผชู้ ่วยผอู้ ำ� นวยการ ประสงคจ์ ะแต่งเครอ่ื งแบบ
กใ็ หก้ ระท�ำไดต้ ามแบบที่กระทรวงมหาดไทยก�ำหนด
มาตรา ๔๖ การด�ำเนินการตามมาตรา ๒๑ มาตรา ๒๒ มาตรา ๒๕ มาตรา ๒๘ หรือมาตรา ๒๙
ภายในเขตทหารหรือที่เก่ียวกับกิจการ เจ้าหน้าท่ี หรือทรัพย์สินในราชการทหารให้เป็นไปตามความตกลงเป็นหนังสือ
รว่ มกนั ระหวา่ งผอู้ ำ� นวยการจงั หวดั หรอื ผอู้ ำ� นวยการกรงุ เทพมหานครและผบู้ งั คบั บญั ชาของทหารในเขตพนื้ ทที่ เี่ กย่ี วขอ้ ง
เว้นแตเ่ ปน็ กรณีการสงั่ การของนายกรฐั มนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีตามมาตรา ๓๑
มาตรา ๔๗ บรรดาค่าปรับตามพระราชบัญญัติน้ีให้เป็นรายได้ของท้องถ่ินเพื่อน�ำไปใช้จ่ายเก่ียวกับ
การป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัยของท้องถน่ิ น้ัน
มาตรา ๔๘ หา้ มมใิ หบ้ คุ คลทปี่ ฏบิ ตั หิ นา้ ทใี่ นการปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั นำ� เอาความลบั ซงึ่ ตนได้
มาในฐานะนั้น ๆ ไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัว หรือเปิดเผยความลับน้ันแก่ผู้อ่ืนโดยไม่มีอ�ำนาจโดยชอบด้วยกฎหมายใน
ประการทน่ี ่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้หนง่ึ ผใู้ ด หรอื แก่การประกอบอาชีพของผู้นนั้

48 คมู่ อื การให้ความชว่ ยเหลือผปู้ ระสบภัยพบิ ัตดิ า้ นการเกษตร


หมวด ๖

บทก�ำหนดโทษ

มาตรา ๔๙ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามค�ำสั่งหรือขัดขวางการปฏิบัติหน้าท่ีของผู้อ�ำนวยการ ตามมาตรา ๒๑
ตอ้ งระวางโทษจำ� คกุ ไมเ่ กนิ สามเดือน หรอื ปรบั ไมเ่ กนิ หกพนั บาท หรอื ทงั้ จำ� ทง้ั ปรบั

มาตรา ๕๐ ผู้ใดขัดขวางการด�ำเนินการของเจ้าพนักงานตามมาตรา ๒๔ หรือการปฏิบัติตามค�ำสั่งของ
ผอู้ ำ� นวยการตามมาตรา ๒๕ หรอื ขดั ขวางการปฏิบัตหิ นา้ ทข่ี องเจา้ พนกั งานตามมาตรา ๒๖ วรรคสาม ต้องระวางโทษจำ� คกุ
ไมเ่ กินหนึง่ ปี หรือปรับไมเ่ กนิ สองหม่นื บาท หรอื ท้งั จ�ำทั้งปรบั

มาตรา ๕๑ ผู้ใดเข้าไปในพ้ืนที่ที่ปิดกั้นตามมาตรา ๒๗ (๓) โดยไม่มีอ�ำนาจหน้าที่ตามกฎหมายหรือ
ตามคำ� สัง่ ของผู้อ�ำนวยการ ตอ้ งระวางโทษจำ� คุกไมเ่ กินสามเดอื น หรือปรับไมเ่ กินหกพันบาท หรอื ทั้งจ�ำท้ังปรบั

ในกรณีที่ผู้กระท�ำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารหรือสถานที่ท่ีอยู่ในพ้ืนท่ี
ที่ปิดกั้นตามมาตรา ๒๗ (๓) ผู้อ�ำนวยการหรือเจ้าพนักงานซึ่งได้รับมอบหมายจากผู้อ�ำนวยการจะเรียกบุคคลดังกล่าว
มาตกั เตือนแทนการดำ� เนนิ คดีกไ็ ด้

มาตรา ๕๒ ผู้ใดฝา่ ฝืนหรอื ไมป่ ฏิบตั ติ ามคำ� สง่ั อพยพบคุ คลออกจากพ้ืนทตี่ ามมาตรา ๒๘ ถา้ คำ� สั่งอพยพน้นั
เพ่ือเป็นการป้องกันการกีดขวางการปฏิบัติหน้าท่ีในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือฝ่าฝืนค�ำส่ังตาม
มาตรา ๒๙ ตอ้ งระวางโทษจำ� คกุ ไมเ่ กนิ หนงึ่ เดือน หรอื ปรบั ไม่เกนิ สองพันบาท หรือทงั้ จำ� ทัง้ ปรบั

มาตรา ๕๓ ในขณะเกิดสาธารณภัย ผู้ใดแต่งเคร่ืองแบบหรือประดับเครื่องหมายของอาสาสมัครหรือ
ขององคก์ ารสาธารณกศุ ล และเขา้ ไปในพน้ื ทที่ เี่ กดิ สาธารณภยั โดยมไิ ดเ้ ปน็ อาสาสมคั รหรอื สมาชกิ องคก์ ารสาธารณกศุ ล
ดังกล่าว เพื่อให้บุคคลอน่ื เช่อื วา่ ตนเปน็ บคุ คลดังกลา่ ว ตอ้ งระวางโทษจ�ำคกุ ไม่เกนิ สามเดอื น หรือปรับไม่เกนิ หกพนั บาท
หรอื ทงั้ จำ� ทง้ั ปรบั

มาตรา ๕๔ ผู้ใดเร่ียไรหรือหาประโยชน์อ่ืนใดส�ำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ โดยแสดงตนว่าเป็น
อาสาสมคั ร เจา้ พนกั งานหรอื ผดู้ ำ� รงตำ� แหนง่ อนื่ ใดในหนว่ ยงานทเ่ี กย่ี วกบั การปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั หรอื ใชช้ อ่ื
ของหน่วยงานที่เก่ียวกับการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในการด�ำเนินการดังกล่าว ต้องระวางโทษจ�ำคุกไม่เกินหนึ่งปี
หรือปรับไมเ่ กินสองหมนื่ บาท หรอื ทงั้ จ�ำทง้ั ปรับ

มาตรา ๕๕ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๔๘ ต้องระวางโทษจ�ำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินสองพันบาท
หรือทง้ั จำ� ทัง้ ปรับ

คู่มือการให้ความช่วยเหลอื ผปู้ ระสบภยั พบิ ัติดา้ นการเกษตร 49


บทเฉพาะกาล

มาตรา ๕๖ ให้หน่วยงานหรือบุคคลท่ีมีหน้าที่จัดท�ำแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยตาม
พระราชบัญญัตินี้ ด�ำเนินการจัดท�ำแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยตามพระราชบัญญัตินี้ให้แล้วเสร็จภายใน
สองปีนับแต่วันท่ีพระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับการด�ำเนินการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในระหว่างที่ยังจัดท�ำแผน
ดังกลา่ วไมแ่ ล้วเสรจ็ ให้เปน็ ไปตามแผนทีเ่ ก่ียวข้องทใ่ี ช้บังคับอยู่ในวันก่อนวนั ที่พระราชบัญญัตนิ ใ้ี ช้บังคับ

มาตรา ๕๗ ให้บรรดาศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเป็น
ศนู ยป์ อ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั ท่ีจดั ตัง้ ข้นึ ตามมาตรา ๑๑ วรรคสี่ แหง่ พระราชบญั ญตั ินี้

มาตรา ๕๘ บรรดากฎกระทรวง ระเบยี บ ขอ้ บงั คบั ประกาศ หรอื คำ� สงั่ ทอ่ี อกตามพระราชบญั ญตั ปิ อ้ งกนั ภยั
ฝ่ายพลเรือน พ.ศ. ๒๕๒๒ และพระราชบัญญัติป้องกันและระงับอัคคีภัย พ.ศ. ๒๕๔๒ ซ่ึงใช้บังคับอยู่ในวันที่
พระราชบญั ญัตนิ ้ใี ช้บังคับ ให้ยงั ใชบ้ ังคบั ไดต้ อ่ ไปเท่าทไ่ี ม่ขัดหรอื แยง้ กับบทบญั ญตั ิแห่งพระราชบัญญัตินี้

ผรู้ บั สนองพระบรมราชโองการ
พลเอก สรุ ยุทธ์ จลุ านนท์
นายกรฐั มนตรี

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญตั ฉิ บับน้ี คอื เนื่องจากการปฏริ ูประบบราชการตามพระราชบญั ญตั ิ
ปรับปรุง กระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. ๒๕๔๕ ได้จัดต้ังกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยขึ้นเป็นส่วนราชการสังกัด
กระทรวงมหาดไทย มภี ารกจิ หลกั ในการดำ� เนนิ การปอ้ งกนั บรรเทา ฟน้ื ฟสู าธารณภยั และอบุ ตั ภิ ยั ซง่ึ มผี ลทำ� ใหง้ านดา้ น
สาธารณภยั และงานดา้ นอบุ ตั ภิ ยั ทเ่ี ดมิ ดำ� เนนิ การโดยกองปอ้ งกนั ภยั ฝา่ ยพลเรอื น กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย
และส�ำนักงานคณะกรรมการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติส�ำนักงานปลัดส�ำนักนายกรัฐมนตรี ส�ำนักนายกรัฐมนตรี มารวม
อยู่ในความรบั ผดิ ชอบของหน่วยงานเดยี วกนั นอกจากนกี้ ฎหมายว่าด้วยการป้องกันและระงบั อคั คีภยั เปน็ กฎหมายที่มี
สาระส�ำคญั และรายละเอยี ดเกย่ี วกบั การป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัยในดา้ นของอคั คีภัย รวมทง้ั หน่วยงานทีจ่ ะต้อง
ปฏบิ ตั เิ พอื่ ใหเ้ ปน็ ไปตามกฎหมายดงั กลา่ วกเ็ ปน็ หนว่ ยงานเดยี วกนั เพอ่ื ใหก้ ารปฏบิ ตั งิ านเปน็ ไปอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพและ
แนวทางเดียวกัน ตลอดจนเพ่ือให้เกิดความเป็นเอกภาพในการอ�ำนวยการและบริหารจัดการเกี่ยวกับการป้องกันและ
บรรเทาสาธารณภยั จงึ เห็นสมควรนำ� กฎหมายวา่ ด้วยการปอ้ งกนั ภัยฝา่ ยพลเรอื น และกฎหมายวา่ ดว้ ยการป้องกนั และ
ระงับอคั คีภยั มาบญั ญตั ไิ ว้รวมกนั จงึ จ�ำเปน็ ตอ้ งตราพระราชบญั ญัตนิ ี้

๑] ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๑๒๔ ตอนท่ี ๕๒ ก หนา้ ๑ – ๒๓ ลงวนั ที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๐

50 คมู่ ือการใหค้ วามช่วยเหลือผู้ประสบภยั พิบตั ดิ า้ นการเกษตร


พระราชบัญญัติ
โรคระบาดสัตว์
พ.ศ. ๒๕๕๘

ภูมพิ ลอดยุ เดช ป.ร.
ใหไ้ ว้ ณ วันท่ี ๒๘ กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๘

เป็นปที ี่ ๗๐ ในรชั กาลปจั จุบนั

___________________________

พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ เดช มพี ระบรมโองการโปรดเกล้า ฯ ใหป้ ระกาศว่า
โดยทีเ่ ป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยโรคระบาดสัตว์
จงึ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหต้ ราพระราชบญั ญัตขิ ้นึ ไว้โดยค�ำแนะน�ำและยนิ ยอมของสภานิตบิ ญั ญัติ
แหง่ ชาติ ดงั ต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบญั ญตั โิ รคระบาดสตั ว์ พ.ศ. ๒๕๕๘”
มาตรา ๒ พระราชบญั ญตั นิ ้ีให้ใช้บังคบั ตง้ั แตว่ นั ถัดจากวนั ประกาศในราชกจิ จานุเบกษา เปน็ ตน้ ไป
มาตรา ๓ ใหย้ กเลิก

(๑) พระราชบัญญตั โิ รคระบาดสัตว์ พ.ศ. ๒๔๙๙
(๒) พระราชบญั ญตั ิโรคระบาดสัตว์ (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๒
มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตินี้
“สตั ว”์ หมายความว่า
(๑) ชา้ ง ม้า โค กระบือ ลา ล่อ แพะ แกะ กวาง สุกร หมปู า่ สุนขั แมว กระตา่ ย ลงิ ชะนี

และให้หมายความรวมถึงนำ้� เช้อื ผสมพนั ธแุ์ ละเอม็ บรโิ อของสตั ว์เหล่านด้ี ว้ ย
(๒) สัตวป์ กี จำ� พวกนก ไก่ เป็ด ห่าน และใหห้ มายความรวมถงึ น้ำ� เชือ้ ส�ำหรบั ผสมพนั ธแุ์ ละ

ไข่สำ� หรบั ใช้ทำ� พนั ธด์ุ ้วย
(๓) สตั วช์ นดิ อน่ื ตามทร่ี ฐั มนตรปี ระกาศกำ� หนด และใหค้ วามรวมถงึ นำ�้ เชอ้ื สำ� หรบั ผสมพนั ธ์ุ

เอม็ บรโิ อ และไข่ส�ำหรบั ใชท้ �ำพันธ์ุของสตั วช์ นิดนน้ั ดว้ ย
“เอม็ บริโอ” หมายความวา่ ตัวอ่อนของสตั วท์ ่ียังไมเ่ จรญิ เตบิ โตจนถึงขนั้ ทมี่ อี วยั วะ และยงั ไม่ฝังตวั ทีผ่ นงั
มดลกู ของสตั ว์นน้ั

คมู่ ือการให้ความช่วยเหลอื ผปู้ ระสบภัยพิบตั ิด้านการเกษตร 51


“ซากสัตว์” หมายความว่า ร่างกายหรือส่วนของร่างกายสัตว์ท่ีตายแล้ว ส่ิงใด ๆ ท่ีได้จากสัตว์ที่มีชีวิต
หรือสัตว์ทตี่ ายแล้ว และให้หมายความรวมถงึ อาหารสกุ ท่ีทำ� ประกอบ หรือปรงุ จากซากสตั ว์หรอื สิ่งประดษิ ฐ์สำ� เรจ็ รูป
ที่ทำ� จากสตั ว์ตามท่รี ฐั มนตรีประกาศก�ำหนด

“โรคระบาด” หมายความวา่ กาฬโรคเปด็ โรคไขห้ วัดนก โรคแซลโมเนลลา โรคทริคิเนลลา โรคนวิ คาสเซลิ
โรคบรูเซลลา โรคปากและเท้าเปื่อย โรคพิษสุนัขบ้า โรครินเดอร์เปสต์ โรคเลปโทสไปรา โรคโลหิตจางติดเช้ือในม้า
โรควัวบ้า โรคสมองอักเสบนิปาห์ โรคอหิวาต์สุกร โรคแอนแทรกซ์ โรคเฮโมรายิกเซปทิซิเมีย วัณโรค และโรคอ่ืน
ตามทร่ี ฐั มนตรปี ระกาศก�ำหนด

“พาหะของโรคระบาด” หมายความว่า
สัตว์ไม่ปรากฏอาการของโรคระบาดแต่มีเช้ือโรคระบาด หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าได้รับเชื้อโรคระบาด
ซงึ่ อาจติดต่อคนหรอื สตั วอ์ ่ืนได้
ซากสตั ว์ของสัตว์ท่เี ป็นโรคระบาดหรอื ของสัตว์ตาม (๑)
ซากสตั ว์ท่มี เี หตุอนั ควรสงสยั วา่ มีเชื้อโรคระบาด
“เขตควบคมุ โรคระบาด” หมายความว่า ทอ้ งท่ที ี่ดำ� เนนิ การป้องกนั และควบคมุ มิให้มีโรคระบาดหรอื เชอ้ื
โรคระบาดชนิดหนึ่งหรอื หลายชนิด เพ่ือก�ำหนดเป็นเขตปลอดโรคระบาด
“เขตกนั ชนโรคระบาด” หมายความวา่ ทอ้ งทที่ ดี่ ำ� เนนิ การปอ้ งกนั และควบคมุ มใิ หโ้ รคระบาดหรอื เชอ้ื โรค
ระบาดชนิดหน่งึ หรอื หลายชนดิ แพรก่ ระจายเข้าเขตปลอดโรคระบาดหรอื เขา้ ในราชอาณาจกั ร
“เครอื่ งหมายประจำ� ตวั สตั ว”์ หมายความวา่ เครอื่ งหมายซึ่งพนักงานเจา้ หนา้ ท่ี สารวัตร หรือสัตวแพทย์
ทำ� หรอื สง่ั ใหเ้ จา้ ของทำ� ไวท้ ตี่ วั สตั วห์ รอื ซากสตั ว์ หรอื ยานพาหนะ อาคารสถานที่ ภาชนะ สงิ่ หอ่ หมุ้ หรอื กกั ขงั เพอ่ื ประโยชน์
ในการจ�ำแนกหรอื ตรวจสอบสัตว์หรอื ซากสตั ว์
“เจา้ ของ” หมายความวา่ เจ้าของกรรมสิทธิ์และผคู้ รอบครอง ในกรณขี องสัตว์หากไมป่ รากฏเจ้าของหรอื
ไมส่ ามารถหาเจา้ ของได้ ให้หมายความรวมถงึ ผู้เลีย้ ง ผูใ้ ห้ท่ีอยอู่ าศัยและผู้ควบคมุ สตั วด์ ้วย
“ดา่ นกกั กนั สตั ว”์ หมายความวา่ ทสี่ ำ� หรบั กกั สตั วห์ รอื ซากสตั วเ์ พอื่ ตรวจโรคระบาดตามทอ่ี ธบิ ดปี ระกาศ
กำ� หนด
“อายดั ” หมายความว่า หา้ มจำ� หนา่ ย จา่ ย โอนหรือเคลือ่ นย้าย
“สัตวแพทย์” หมายความวา่
(๑) นายสัตวแพทยแ์ ละสัตวแพทยข์ องกรมปศสุ ตั ว์
(๒) ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งต้ังให้เป็นสัตวแพทย์เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติน้ี และต้องมีคุณสมบัติ
ตามท่รี ฐั มนตรีประกาศกำ� หนด
“สารวัตร” หมายความว่า ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งต้ังให้เป็นสารวัตรเพ่ือปฏิบัติการตามพระราชบัญญัติน้ี
และต้องมีคณุ สมบตั ติ ามท่ีรัฐมนตรีประกาศกำ� หนด
“นายทะเบียน” หมายความว่า ผซู้ ึ่งรัฐมนตรแี ต่งตงั้ ให้เปน็ นายทะเบียน
“พนกั งานเจา้ หน้าที่” หมายความว่า ผู้ซ่ึงรัฐมนตรีแต่งตั้งเพอื่ ปฏิบตั กิ ารตามพระราชบญั ญตั นิ ี้
“ผวู้ ่าราชการจงั หวดั ” หมายความรวมถงึ ผู้ว่าราชการกรงุ เทพมหานคร
“อธิบด”ี หมายความวา่ อธิบดกี รมปศสุ ัตว์
“รฐั มนตร”ี หมายความว่า รฐั มนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญตั ิน้ี

52 ค่มู อื การใหค้ วามชว่ ยเหลือผปู้ ระสบภัยพบิ ัตดิ า้ นการเกษตร


มาตรา ๕ ใหร้ ฐั มนตรวี า่ การกระทรวงเกษตรและสหกรณร์ กั ษาการตามพระราชบญั ญตั นิ ี้ และใหม้ อี ำ� นาจ
แตง่ ตง้ั พนกั งานเจา้ หนา้ ที่ นายทะเบยี น สารวตั ร และสตั วแพทย์ ออกกฎกระทรวงกำ� หนดคา่ ธรรมเนยี มไมเ่ กนิ อตั ราทา้ ย
พระราชบัญญัตินี้ ยกเว้นค่าธรรมเนียม และก�ำหนดกิจการอื่น กับออกประกาศและระเบียบเพื่อปฏิบัติการตาม
พระราชบญั ญัติน้ี

กฎกระทรวง ประกาศและระเบียบน้นั เมือ่ ได้ประกาศในราชกิจจานเุ บกษาแลว้ ใหใ้ ช้บังคับได้
มาตรา ๖ ใหอ้ ธบิ ดมี อี ำ� นาจออกประกาศและระเบยี บเพอ่ื ปฏบิ ตั กิ ารตามพระราชบญั ญตั นิ ป้ี ระกาศและ
ระเบยี บน้นั เมอ่ื ไดป้ ระกาศในราชกจิ จานุเบกษาแลว้ ใหใ้ ชบ้ ังคับได้

หมวด ๑

การป้องกันและควบคุมโรคระบาด

ส่วนท่ี ๑

บททัว่ ไป

มาตรา ๗ เพื่อประโยชน์ในการป้องกันและควบคุมโรคระบาด ให้เจ้าของสัตว์ ดังต่อไปน้ี ปฏิบัติตาม
ระบบการปอ้ งกนั และควบคุมโรคระบาด

(๑) ชา้ ง ม้า โค กระบอื แพะ แกะ กวาง สุกร หมปู ่า
(๒) สุนัข แมว
(๓) นก ไก่ เปด็ ห่าน
(๔) สตั ว์ชนิดอื่นตามที่รฐั มนตรีประกาศกำ� หนด
ระบบการป้องกันและควบคุมโรคระบาดตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่
กำ� หนดในกฎกระทรวง ทง้ั นี้ ในกฎกระทรวงดงั กลา่ วใหค้ ำ� นงึ ถงึ ความเหมาะสมเกย่ี วกบั สภาพของสตั วแ์ ละวตั ถปุ ระสงค์
ของการเลี้ยงสตั วแ์ ตล่ ะชนดิ
มาตรา ๘ เพื่อประโยชน์ในการป้องกันและควบคุมโรคระบาด ให้เจ้าของสัตว์หรือซากสัตว์ดังต่อไปน้ี
ปฏบิ ตั ติ ามหลกั เกณฑ์ วธิ กี ารและเงอื่ นไขทอี่ ธบิ ดปี ระกาศกำ� หนดจำ� นวนสตั วห์ รอื ซากสตั ว์ ลกั ษณะของยานพาหนะและ
อปุ กรณ์ในการเคล่อื นย้ายสัตวห์ รือซากสัตว์
(๑) ชา้ ง ม้า โค กระบือ แพะ แกะ กวาง สกุ ร หมปู า่
(๒) นก ไก่ เปด็ ห่าน รวมถงึ ไข่ส�ำหรับใชท้ ำ� พนั ธุ์
(๓) ซากสตั ว์ของสัตว์ตาม (๑) หรอื (๒)
(๔) สตั วห์ รอื ซากสตั ว์ชนดิ อืน่ ตามทีร่ ัฐมนตรีประกาศก�ำหนด

คมู่ ือการใหค้ วามช่วยเหลอื ผูป้ ระสบภยั พบิ ัตดิ า้ นการเกษตร 53


มาตรา ๙ ในทอ้ งทใี่ ดเมอื่ อธบิ ดเี หน็ สมควรใหม้ กี ารปอ้ งกนั และควบคมุ โรคระบาดในสตั วช์ นดิ ใด ใหอ้ ธบิ ดี
ประกาศก�ำหนดให้ท้องท่ีนั้นท้ังหมดหรือบางส่วนของท้องท่ีต้องมีการท�ำเครื่องหมายประจ�ำตัวสัตว์ส�ำหรับสัตว์หรือ
ซากสัตวช์ นิดน้นั

การท�ำเครื่องหมายประจ�ำตัวสัตว์ ลักษณะ ราคาและการยกเว้นราคาเคร่ืองหมายประจ�ำตัวสัตว์
และการดำ� เนนิ การก่อนหรือหลังการทำ� เคร่อื งหมายประจำ� ตัวสัตว์ ใหเ้ ป็นไปตามหลกั เกณฑ์ วิธีการและเง่ือนไขท่ีอธบิ ดี
ประกาศก�ำหนด

ในกรณีท่ีประกาศตามวรรคสองก�ำหนดให้เจ้าของสัตว์หรือซากสัตว์มีหน้าที่ทำ� เครื่องหมายประจ�ำตัวสัตว์
หรอื ดำ� เนนิ การกอ่ นหรอื หลงั การทำ� เครอ่ื งหมายประจำ� ตวั สตั ว์ ใหเ้ จา้ ของสตั วห์ รอื ซากสตั วป์ ฏบิ ตั ใิ หเ้ ปน็ ไปตามประกาศ
ดังกลา่ ว

มาตรา ๑๐ หา้ มมใิ หผ้ ใู้ ด
(๑) ท�ำเครื่องหมายประจ�ำตัวสัตว์ปลอม หรือแปลงหรือแก้ไขเคร่ืองหมายประจ�ำตัวสัตว์
ที่แท้จริงเพ่ือให้เข้าใจวา่ เป็นเครอ่ื งหมายประจ�ำตัวสตั ว์ตามพระราชบัญญัตนิ ี้
(๒) ใชเ้ ครอื่ งหมายประจำ� ตวั สตั วป์ ลอม หรอื เครอ่ื งหมายประจำ� ตวั สตั วท์ ม่ี กี ารเปลยี่ นแปลง
หรอื แกไ้ ข
(๓) ท�ำลายเคร่ืองหมายประจ�ำตัวสัตว์ ใช้หรือยินยอมให้ผู้อ่ืนใช้เคร่ืองหมายประจ�ำตัวสัตว์
เพอ่ื ใหเ้ กิดความเข้าใจผิดในการจ�ำแนกหรือตรวจสอบสัตวห์ รือซากสตั ว์

มาตรา ๑๑ ใหเ้ จ้าของสตั ว์แจง้ ต่อพนักงานเจา้ หน้าท่ี สารวัตร หรือสัตวแพทย์ ภายในเวลาสบิ สองช่ัวโมง
นบั แตเ่ วลาท่ที ราบว่าสัตวป์ ว่ ยหรือตาย เมือ่ มกี รณี ดังต่อไปน้ี

(๑) มสี ัตว์ปว่ ยหรอื ตายโดยรูว้ า่ เป็นโรคระบาด
(๒) มีสัตวป์ ่วยหรอื ตายโดยไม่รสู้ าเหตุ
(๓) ในหมู่บ้านเดียวกัน หรือบริเวณใกล้เคียงกัน มีสัตว์ป่วยหรือตายมีอาการคล้ายคลึงกัน

ในระยะเวลาหา่ งกันไมเ่ กนิ เจ็ดวนั
การแจง้ และการดำ� เนนิ การกบั สตั วป์ ว่ ยหรอื ตายตามวรรคหนง่ึ และการกำ� หนดชนดิ จำ� นวน และลกั ษณะ
การปว่ ยหรอื ตายของสตั ว์ตาม (๒) และ (๓) ใหเ้ ปน็ ไปตามทอ่ี ธบิ ดปี ระกาศก�ำหนด
เมอ่ื สตั วต์ ามวรรคหนงึ่ ปว่ ย ใหเ้ จา้ ของสตั วค์ วบคมุ สตั วป์ ว่ ยทง้ั หมดไวภ้ ายในบรเิ วณทสี่ ตั วอ์ ยู่ และหา้ มมใิ ห้
เจ้าของสัตว์หรือบุคคลอ่ืนใดเคลื่อนย้ายสัตว์ป่วยไปจากบริเวณนั้น เมื่อมีสัตว์ตามวรรคหน่ึงตายให้เจ้าของสัตว์ควบคุม
ซากสตั ว์นัน้ ให้คงอยู่ ณ ท่ที ี่สตั วน์ ั้นตายและหา้ มมใิ ห้เจา้ ของสตั ว์หรอื บคุ คลอนื่ ใด เคลอ่ื นยา้ ย ชำ� แหละ หรอื กระทำ� การ
อื่นใดแก่ซากสัตว์นั้น เว้นแต่มีการด�ำเนินการกับสัตว์ป่วยหรือตายตามที่อธิบดีประกาศก�ำหนดตามวรรคสอง
หรือสัตวแพทยไ์ ด้ตรวจพิสูจน์แล้วว่าสัตวน์ ้ันมิไดป้ ่วยหรอื ตายโดยโรคระบาด หรือสัตวแพทยส์ ่ังเป็นอยา่ งอ่นื
มาตรา ๑๒ เม่ือได้มกี ารแจง้ ตามมาตรา ๑๑ หรือมเี หตอุ ันควรสงสัยวา่ มสี ตั ว์ป่วยหรอื ตายโดยโรคระบาด
พนกั งานเจ้าหนา้ ท่ี หรอื สารวตั รมีอ�ำนาจออกคำ� ส่ังเป็นหนงั สอื ให้เจา้ ของสตั วจ์ ัดการดังตอ่ ไปนี้

(๑) กักขงั แยก หรือย้ายสตั ว์ปว่ ยหรือสงสัยวา่ ป่วยไว้ภายในเขตตามวธิ กี ารทก่ี �ำหนด
(๒) ฝัง หรือเผาซากสัตว์นั้น ณ ที่ที่ก�ำหนด ถ้าการฝังหรือเผาไม่อาจท�ำได้ให้ท�ำลาย

โดยวิธอี น่ื ตามท่เี ห็นสมควร

54 คู่มอื การให้ความช่วยเหลอื ผูป้ ระสบภัยพบิ ัตดิ ้านการเกษตร


(๓) กักขัง แยก หรือย้ายสัตว์ท่ีอยู่ร่วมฝูงหรือเคยอยู่ร่วมฝูงกับสัตว์ท่ีป่วยหรือสงสัยว่าป่วย
หรือตายไวภ้ ายในเขตตามวิธีการท่ีกำ� หนด

มาตรา ๑๓ เมอ่ื ไดม้ ีการแจ้งตามมาตรา ๑๑ หรอื ตรวจพบ หรอื มีเหตอุ นั ควรสงสยั วา่ มสี ัตว์ป่วยหรือตาย
โดยโรคระบาด นอกจากสตั วแพทยม์ อี ำ� นาจตามมาตรา ๔๐ แล้ว ให้มีอ�ำนาจตรวจสตั ว์หรือซากสัตว์ รวมทงั้ ออกคำ� สง่ั
เปน็ หนงั สอื ให้เจา้ ของสัตว์หรอื ซากสตั ว์จัดการ ดังตอ่ ไปน้ี

(๑) กกั ขงั แยก หรือยา้ ยสัตวป์ ว่ ยหรือสงสัยวา่ ป่วยไว้ภายในเขตตามวธิ ีการท่ีกำ� หนด หรอื
ให้ได้รบั การรักษาตามท่ีเหน็ สมควร

(๒) ฝัง หรือเผาเศษซากสัตว์นั้นท้ังหมดหรือแต่บางส่วน ณ ที่ที่ก�ำหนด ถ้าการฝังหรือเผา
ไมอ่ าจทำ� ได้ให้ทำ� ลายโดยวิธีอนื่ ตามที่เหน็ สมควร

(๓) กักขัง แยก หรือย้ายสัตว์ที่อยู่ร่วมฝูงหรือเคยอยู่ร่วมฝูงกับสัตว์ท่ีป่วยหรือสงสัยว่าป่วย
หรอื ตายไวภ้ ายในเขตตามวธิ กี ารทกี่ ำ� หนด หรอื ใหไ้ ดร้ บั การปอ้ งกนั โรคระบาดตามทเี่ หน็
สมควร

(๔) ท�ำลายสัตว์ท่ีเป็นโรคระบาดหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคระบาด หรือสัตว์หรือ
ซากสัตว์ท่เี ป็นพาหะของโรคระบาด ตามหลกั เกณฑ์และวธิ กี ารทอี่ ธบิ ดปี ระกาศก�ำหนด
ทั้งนี้ ให้ชดใช้ราคาแก่เจ้าของสัตว์หรือซากสัตว์ไม่ต่�ำกว่าสามในส่ีของราคาสัตว์หรือ
ซากสัตว์ซึ่งอาจขายได้ในตลาดท้องท่ีก่อนเกิดโรคระบาด ตามหลักเกณฑ์และวิธีการ
ทก่ี ำ� หนดในกฎกระทรวง เวน้ แตก่ รณที เี่ จา้ ของสตั วห์ รอื ซากสตั วไ์ ดจ้ งใจกระทำ� ความผดิ
ต่อบทบญั ญตั แิ หง่ พระราชบัญญัตินี้

(๕) ก�ำจดั เช้อื โรคทีอ่ าหารสตั วห์ รือซากสตั ว์ท่ีเป็นพาหะของโรคระบาดตามวิธีการท่กี �ำหนด
(๖) ท�ำความสะอาดและท�ำลายเช้ือโรคระบาดในท่ีท่ีมีเชื้อโรคระบาดหรือสงสัยว่ามี

เชื้อโรคระบาดตามวธิ ีการทก่ี �ำหนด
มาตรา ๑๔ เม่ือมีสัตว์ที่ไม่ปรากฏเจ้าของป่วยหรือตายในท่ีดินของบุคคลโดยรู้ว่าเป็นโรคระบาดหรือ
โดยไมร่ ้สู าเหตุ ใหเ้ จ้าของทด่ี นิ นั้นมหี น้าที่แจ้งตอ่ พนกั งานเจา้ หน้าที่ สารวตั ร หรอื สตั วแพทย์ ภายในเวลาสิบสองชั่วโมง
นับแต่เวลาท่ีทราบว่าสัตว์ป่วยหรือตาย และให้น�ำความในมาตรา ๑๑ วรรคสอง มาใช้บังคับกับเจ้าของที่ดินด้วย
โดยอนโุ ลม
ห้ามมิให้บุคคลใดเคล่ือนย้าย ช�ำแหละ หรือกระท�ำการอื่นใดแก่สัตว์หรือซากสัตว์ตามวรรคหนึ่ง
เว้นแต่มีการด�ำเนินการกับสัตว์ป่วยหรือตายตามที่อธิบดีประกาศก�ำหนดตามมาตรา ๑๑ วรรคสอง หรือสัตวแพทย์ได้
ตรวจพิสูจน์แล้ววา่ สตั วน์ นั้ มิได้ปว่ ยหรือตายโดยโรคระบาด หรอื สตั วแพทย์ส่ังเปน็ อย่างอ่นื
ในกรณีท่ีสัตว์หรือซากสัตว์ตามวรรคหน่ึง เป็นโรคระบาดหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคระบาดให้
สัตวแพทย์ท�ำลายสัตว์หรือซากสัตว์นั้น และสัตว์หรือซากสัตว์อื่นท่ีเป็นพาหะของโรคระบาด หรือจัดการโดยวิธีอื่น
ตามที่เหน็ สมควรเพ่ือปอ้ งกนั มิใหโ้ รคระบาดแพร่กระจายตอ่ ไป
เมอื่ ปรากฏเจา้ ของสตั วใ์ นภายหลงั ใหก้ รมปศสุ ตั วห์ รอื เจา้ ของทดี่ นิ มสี ทิ ธเิ รยี กรอ้ งคา่ ใชจ้ า่ ยทจ่ี ำ� เปน็ เทา่ ที่
จา่ ยจรงิ จากเจ้าของสัตวไ์ ด้ตามหลกั เกณฑแ์ ละวิธกี ารทอ่ี ธิบดปี ระกาศก�ำหนด

ค่มู ือการใหค้ วามชว่ ยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติด้านการเกษตร 55


มาตรา ๑๕ เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ สารวัตร หรือสัตวแพทย์ได้รับแจ้งหรือตรวจพบว่ามีสัตว์ป่วยหรือ
ตายโดยรวู้ า่ เปน็ โรคระบาดหรอื โดยไมร่ สู้ าเหตใุ นทสี่ าธารณะ หรอื ในทด่ี นิ ทไี่ มป่ รากฏเจา้ ของ พนกั งานเจา้ หนา้ ท่ี สารวตั ร
หรอื สัตวแพทย์มอี �ำนาจกักสตั ว์ท่ีปว่ ยหรอื ตายนนั้ ไวต้ ามทีเ่ หน็ สมควรภายในบริเวณนั้น

ห้ามมิให้บุคคลใดเคลื่อนย้าย ช�ำแหละ หรือกระท�ำการอื่นใดแก่สัตว์หรือซากสัตว์ตามวรรคหนึ่งจนกว่า
สัตวแพทย์ไดพ้ สิ จู น์แลว้ วา่ สัตวน์ ้ันมิไดป้ ่วยหรือตายโดยโรคระบาดหรอื สัตวแพทยส์ ั่งเปน็ อยา่ งอ่นื

ในกรณีที่สัตว์หรือซากสัตว์ตามวรรคหนึ่ง เป็นโรคระบาดหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคระบาด
ให้สัตวแพทย์ท�ำลายสัตว์หรือซากสัตว์น้ัน และสัตว์หรือซากสัตว์อื่นที่เป็นพาหะของโรคระบาด หรือจัดการโดยวิธีอื่น
ตามทเี่ หน็ สมควรเพื่อปอ้ งกนั มิใหโ้ รคระบาดแพร่กระจายต่อไป

เม่ือปรากฏเจ้าของสัตว์ในภายหลัง ให้กรมปศุสัตว์มีสิทธิเรียกร้องค่าใช้จ่ายที่จ�ำเป็นเท่าท่ีจ่ายจริง
จากเจ้าของสัตว์ได้ตามหลกั เกณฑแ์ ละวิธกี ารทีอ่ ธิบดีประกาศก�ำหนด

มาตรา ๑๖ ห้ามมิให้บุคคลใดขุดซากสัตว์ที่ฝังไว้แล้วตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้เว้นแต่ได้รับ
อนญุ าตเปน็ หนงั สอื จากสตั วแพทย์ หรอื เป็นการด�ำเนินการโดยสัตวแพทย์

สว่ นท่ี ๒

เขตปลอดโรคระบาด

มาตรา ๑๗ ในท้องที่ใดเมื่อรัฐมนตรีเห็นสมควรให้มีการป้องกันการเกิดโรคระบาดโรคใดในสัตว์ชนิดใด
ให้รัฐมนตรีประกาศก�ำหนดท้องท่ีน้ันทั้งหมดหรือบางส่วนเป็นเขตปลอดโรคระบาดหรือเขตกันชนโรคระบาดส�ำหรับ
โรคนนั้ ในสตั ว์ชนดิ นนั้ และให้ระบชุ นดิ ของสัตวแ์ ละซากสตั ว์ทห่ี า้ มเคล่ือนย้ายไว้ในประกาศด้วย

กอ่ นการประกาศใหท้ อ้ งทใี่ ดเปน็ เขตปลอดโรคระบาดตามวรรคหนง่ึ ใหร้ ฐั มนตรปี ระกาศกำ� หนดทอ้ งทน่ี น้ั
เป็นเขตควบคมุ โรคระบาด และให้ระบุชนดิ ของสตั ว์และโรคระบาด รวมทั้งชนดิ ของสัตว์และซากสัตว์ทห่ี า้ มเคลอื่ นยา้ ย
ไวใ้ นประกาศด้วย

เม่ือได้ประกาศเป็นเขตควบคุมโรคระบาดตามวรรคสองแล้ว ให้อธิบดีประกาศก�ำหนดหลักเกณฑ์วิธีการ
และเงอ่ื นไขเพ่ือใหม้ ีการประกาศเป็นเขตปลอดโรคระบาด

มาตรา ๑๘ เม่ือได้ประกาศเขตควบคุมโรคระบาด เขตปลอดโรคระบาด หรือเขตกันชนโรคระบาด
ตามมาตรา ๑๗ แล้ว ห้ามมิให้ผู้ใดเคล่ือนย้ายสัตว์หรือซากสัตว์ตามท่ีระบุในประกาศดังกล่าวเข้าในหรือผ่านเขตน้ัน
เว้นแต่ไดร้ บั อนญุ าตเป็นหนงั สอื จากอธบิ ดีหรือสัตวแพทย์ซึง่ อธิบดีมอบหมายทุกครงั้ ทมี่ กี ารเคลือ่ นยา้ ย

มาตรา ๑๙ ภายในเขตควบคุมโรคระบาด เขตปลอดโรคระบาดหรือเขตกันชนโรคระบาด ถ้าปรากฏว่า
มโี รคระบาด หรอื มเี หตุอนั ควรสงสยั วา่ มโี รคระบาด สตั วแพทย์จะประกาศเขตโรคระบาดชัว่ คราวตามมาตรา ๒๐ หรอื
ผู้วา่ ราชการจงั หวัดจะประกาศเขตโรคระบาดหรือเขตเฝา้ ระวงั โรคระบาดตามมาตรา ๒๑ แล้วแตก่ รณี ก็ได้

เมื่อสามารถควบคุมโรคระบาดนั้นในเขตโรคระบาดได้ หรือไม่มีเหตุอันควรสงสัยว่ามีโรคระบาดน้ัน
ในเขตเฝา้ ระวงั โรคระบาด แลว้ แตก่ รณี ใหผ้ วู้ า่ ราชการจงั หวดั สง่ั ยกเลกิ ประกาศเขตโรคระบาดหรอื เขตเฝา้ ระวงั โรคระบาด
ตามวรรคหนง่ึ โดยเรว็ และปดิ ประกาศใหป้ ระชาชนในทอ้ งทนี่ น้ั ทราบ ในกรณที เ่ี ขตดงั กลา่ วเคยเปน็ เขตปลอดโรคระบาด
ตามมาตรา ๑๗ วรรคหน่ึง ใหถ้ อื วา่ เขตนั้นเปน็ เขตควบคมุ โรคระบาดตามมาตรา ๑๗ วรรคสอง

56 คูม่ อื การให้ความชว่ ยเหลอื ผูป้ ระสบภัยพบิ ัติดา้ นการเกษตร


สว่ นท่ี ๓

เขตโรคระบาด

มาตรา ๒๐ ในกรณีสัตวแพทย์เห็นว่า โรคระบาดที่ตรวจพบในท้องท่ีท่ีรับผิดชอบจะระบาดออกไป
หรือท้องที่อ่ืนที่ติดต่อกับท้องท่ีน้ันจะระบาดเข้ามา และท้องท่ีรับผิดชอบนั้นยังไม่มีการประกาศให้เป็นเขตโรคระบาด
หรือเขตเฝ้าระวังโรคระบาดตามมาตรา ๒๑ ให้สัตวแพทย์มีอ�ำนาจประกาศก�ำหนดเขตโรคระบาดชั่วคราวในท้องท่ี
ทรี่ บั ผดิ ชอบมรี ศั มไี มเ่ กนิ หา้ กโิ ลเมตรจากทที่ ตี่ รวจพบโรคระบาดนน้ั และใหร้ ะบชุ นดิ ของสตั วแ์ ละโรคระบาด รวมทงั้ สตั ว์
และซากสัตว์ทห่ี า้ มเคลอ่ื นย้ายไวใ้ นประกาศดว้ ย

ประกาศตามวรรคหนงึ่ ให้ใชบ้ งั คับได้สามสิบวนั นบั แต่วันประกาศและให้ปดิ ไว้ ณ สำ� นกั งานเขต ที่วา่ การ
อำ� เภอ ทที่ ำ� การองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บล สำ� นกั งานเทศบาล ทท่ี ำ� การกำ� นนั ทที่ ำ� การผใู้ หญบ่ า้ น และทช่ี มุ นมุ ชนภายใน
ท้องทนี่ ้ัน

มาตรา ๒๑ ในทอ้ งทจ่ี งั หวดั ใดมหี รอื สงสยั วา่ มโี รคระบาด ใหผ้ วู้ า่ ราชการจงั หวดั มอี ำ� นาจประกาศกำ� หนด
ท้องท่ีจงั หวดั นั้นทงั้ หมดหรือบางสว่ นเป็นเขตโรคระบาด หรือเขตเฝ้าระวงั โรคระบาด แล้วแต่กรณี และใหร้ ะบชุ นิดของ
สตั วแ์ ละโรคระบาด รวมทง้ั สตั ว์และซากสัตวท์ ี่ห้ามเคลื่อนยา้ ยไว้ในประกาศดว้ ย

ประกาศตามวรรคหนึ่ง ให้ปิดไว้ ณ ศาลากลางจังหวัด ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ศาลาว่าการ
เมืองพัทยา ส�ำนักงานเขต ที่ว่าการอ�ำเภอ ท่ีท�ำการองค์การบริหารส่วนจังหวัด ท่ีท�ำการองค์การบริหารส่วนต�ำบล
ส�ำนักงานเทศบาล ที่ท�ำการก�ำนัน ที่ท�ำการผู้ใหญ่บ้าน ท่ีชุมนุมภายในท้องท่ีน้ัน และที่ท�ำการองค์กรปกครอง
ส่วนท้องถ่นิ ที่มีกฎหมายจัดตง้ั

มาตรา ๒๒ เมื่อได้ประกาศก�ำหนดเขตโรคระบาดชั่วคราวตามมาตรา ๒๐ หรือประกาศก�ำหนดเขต
โรคระบาดหรอื เขตเฝา้ ระวงั โรคระบาดตามมาตรา ๒๑ หา้ มมใิ หผ้ ใู้ ดเคลอ่ื นยา้ ยสตั วห์ รอื ซากสตั วต์ ามทก่ี ำ� หนดในประกาศ
ดังกล่าว เขา้ ออก ผา่ น หรอื ภายในเขตน้ัน เวน้ แตไ่ ด้รบั อนุญาตเป็นหนงั สอื จากสตั วแพทย์ผู้มีหนา้ ท่รี ับผดิ ชอบประจำ�
เขตนนั้ ทกุ ครงั้ ที่มกี ารเคล่ือนยา้ ย

มาตรา ๒๓ ภายในเขตโรคระบาด หรือเขตเฝ้าระวังโรคระบาดตามมาตรา ๒๑ เม่ือสามารถควบคุมโรค
ระบาดน้ันในเขตโรคระบาดได้ หรือไม่มีเหตุอันควรสงสัยว่ามีโรคระบาดน้ันในเขตเฝ้าระวังโรคระบาด แล้วแต่กรณี
ใหผ้ วู้ า่ ราชการจงั หวดั สง่ั ยกเลกิ ประกาศเขตโรคระบาดหรอื เขตเฝา้ ระวงั โรคระบาดโดยเรว็ และปดิ ประกาศใหป้ ระชาชน
ในทอ้ งท่ีนนั้ ทราบ

คมู่ ือการใหค้ วามช่วยเหลอื ผู้ประสบภยั พิบตั ดิ า้ นการเกษตร 57


หมวด ๒

การขออนุญาต การออกใบอนญุ าต
และหน้าทขี่ องผรู้ ับใบอนุญาต

มาตรา ๒๔ เพ่ือประโยชน์ในการป้องกันและควบคุมโรคระบาดอันเกิดจากการค้าสัตว์หรือซากสัตว์
ผ้ใู ดทำ� การคา้ หรือหาก�ำไรในลักษณะคนกลางซ่งึ สตั ว์หรอื ซากสตั วด์ งั ตอ่ ไปน้ี ตอ้ งไดร้ บั ใบอนญุ าตจากนายทะเบียน

(๑) ชา้ ง ม้า โค กระบือ แพะ แกะ กวาง สกุ ร หมูปา่ สนุ ขั แมว
(๒) นก ไก่ เป็ด หา่ น รวมถึงไข่ส�ำหรบั ใชท้ �ำพนั ธุ์
(๓) ซากสัตว์ของสัตวต์ าม (๑) หรอื (๒)
(๔) สตั ว์หรือซากสตั วช์ นิดอนื่ ตามทีร่ ัฐมนตรีประกาศก�ำหนด
การขออนญุ าตและการออกใบอนญุ าต ใหเ้ ปน็ ไปตามหลกั เกณฑ์ วธิ กี ารและเงอื่ นไขทอี่ ธบิ ดปี ระกาศกำ� หนด
มาตรา ๒๕ เพื่อประโยชน์ในการป้องกันและควบคุมโรคระบาดอันเกิดจากน�้ำเช้ือส�ำหรับผสมพันธุ์หรือ
เอม็ บรโิ อของสตั ว์ ผใู้ ดขาย จำ� หนา่ ย จา่ ย แจก แลกเปลยี่ น หรอื มไี วเ้ พอื่ ขายซง่ึ นำ�้ เชอ้ื สำ� หรบั ผสมพนั ธห์ุ รอื เอม็ บรโิ อของ
ช้าง มา้ โค กระบอื แพะ แกะ กวาง สุกร หมปู า่ หรอื สัตว์ชนิดอ่นื ตามท่ีรัฐมนตรปี ระกาศก�ำหนดหรือมีพอ่ พันธข์ุ องสตั ว์
ดังกล่าวเพ่ือใหบ้ ริการผสมพนั ธ์แุ ก่สัตว์ของบุคคลอื่นโดยวธิ ีธรรมชาตติ ้องไดร้ บั ใบอนุญาตจากนายทะเบียน
การขออนญุ าตและการออกใบอนญุ าต ใหเ้ ปน็ ไปตามหลกั เกณฑ์ วธิ กี ารและเงอ่ื นไขทอี่ ธบิ ดปี ระกาศกำ� หนด
มาตรา ๒๖ ใบอนญุ าตตามมาตรา ๒๔ และมาตรา ๒๕ ให้มอี ายุหนง่ึ ปนี บั แต่วันทอี่ อกใบอนญุ าต ถา้ ผรู้ ับ
ใบอนุญาตประสงค์จะขอต่ออายุใบอนุญาต ให้ย่ืนค�ำขอก่อนใบอนุญาตส้ินอายุ เม่ือได้ย่ืนค�ำขอแล้วให้ประกอบกิจการ
ต่อไปได้จนกว่านายทะเบยี นจะส่งั ไมอ่ นุญาตใหต้ อ่ อายุใบอนุญาตนัน้
การขอตอ่ อายใุ บอนญุ าตและการอนญุ าต ใหเ้ ปน็ ไปตามหลกั เกณฑ์ วธิ กี ารและเงอ่ื นไขทอี่ ธบิ ดปี ระกาศกำ� หนด
มาตรา ๒๗ ในกรณีท่ีผู้รับใบอนุญาตประสงค์จะโอนใบอนุญาตตามมาตรา ๒๔ หรือมาตรา ๒๕ ให้ย่ืน
คำ� ขอตอ่ นายทะเบยี น และใหก้ ารโอนมผี ลเม่ือไดร้ บั อนุญาตจากนายทะเบียน
การขอโอนใบอนญุ าตและการอนญุ าต ใหเ้ ปน็ ไปตามหลกั เกณฑ์ วธิ กี ารและเงอ่ื นไขทอ่ี ธบิ ดปี ระกาศกำ� หนด
มาตรา ๒๘ ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตตามมาตรา ๒๔ หรือ มาตรา ๒๕ ตาย และมีทายาทหรือผู้ได้รับ
ความยินยอมจากทายาทย่ืนค�ำขอแสดงความจ�ำนงต่อนายทะเบียนภายในสามสิบวันนับแต่วันท่ีผู้รับใบอนุญาตตาย
เพื่อขอประกอบกิจการที่ผู้ตายได้รับอนุญาตนั้นต่อไป เม่ือได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนแล้วให้ผู้แสดงความจ�ำนงน้ัน
ประกอบกิจการต่อไปได้จนกว่าใบอนุญาตน้ันส้ินอายุ ในกรณีเช่นว่านี้ให้ถือว่าผู้แสดงความจ�ำนงเป็นผู้รับใบอนุญาต
ตามมาตรา ๒๔ หรอื มาตรา ๒๕ แลว้ แต่กรณี ต้ังแตว่ นั ทผ่ี ู้รบั ใบอนุญาตตาย
การขอแสดงความจำ� นงและการอนญุ าต ใหเ้ ปน็ ไปตามหลกั เกณฑ์ วธิ กี ารและเงอื่ นไขทอี่ ธบิ ดปี ระกาศกำ� หนด
มาตรา ๒๙ ในกรณีท่ีใบอนุญาตตามมาตรา ๒๔ หรือ ๒๕ สูญหาย ช�ำรุดหรือถูกท�ำลายในสาระส�ำคัญ
ใหผ้ รู้ บั ใบอนญุ าตแจง้ ตอ่ นายทะเบยี นและยนื่ คำ� ขอรบั ใบแทนใบอนญุ าตภายในสามสบิ วนั นบั แตว่ นั ทไี่ ดท้ ราบการสญู หาย
ช�ำรุดหรือถกู ทำ� ลายดังกล่าว
การขอและการออกใบแทนใบอนญุ าต ใหเ้ ปน็ ไปตามหลกั เกณฑ์ วธิ กี ารและเงอื่ นไขทอ่ี ธบิ ดปี ระกาศกำ� หนด

58 คมู่ ือการใหค้ วามช่วยเหลอื ผู้ประสบภยั พิบตั ิดา้ นการเกษตร


มาตรา ๓๐ ในกรณที ผ่ี รู้ บั ใบอนญุ าตตามมาตรา ๒๔ หรอื มาตรา ๒๕ ประสงคจ์ ะเปลย่ี นแปลงแกไ้ ขรายการ
ในใบอนุญาต ใหย้ ืน่ ค�ำขอต่อนายทะเบยี น

การขอและการอนุญาตแก้ไขรายการในใบอนุญาต และรายละเอียดของรายการท่ีขอเปล่ียนแปลงแก้ไข
ใหเ้ ปน็ ไปตามหลักเกณฑ์ วธิ ีการและเง่อื นไขท่อี ธบิ ดปี ระกาศกำ� หนด

มาตรา ๓๑ เพ่ือประโยชน์ในการป้องกันและควบคุมโรคระบาด ผู้ใดน�ำเข้า ส่งออก หรือน�ำผ่าน
ราชอาณาจกั รซ่ึงสัตวห์ รือซากสัตว์ ต้องไดร้ บั ใบอนุญาตจากอธบิ ดหี รอื ผซู้ งึ่ อธบิ ดีมอบหมายทุกคร้งั ท่ีน�ำเข้า สง่ ออกหรอื
น�ำผ่านราชอาณาจักร

การขออนุญาต การออกใบอนุญาต และวิธีการน�ำเข้า ส่งออก หรือน�ำผ่านราชอาณาจักรให้เป็นไปตาม
หลกั เกณฑ์ วธิ ีการและเงอื่ นไขทอี่ ธบิ ดีประกาศก�ำหนด

มาตรา ๓๒ ให้ผู้รบั ใบอนญุ าตตามมาตรา ๓๑ ปฏบิ ตั ดิ ังตอ่ ไปน้ี
(๑) ท�ำเคร่อื งหมายประจำ� ตัวสัตวก์ อ่ นการนำ� เข้า สง่ ออก หรอื น�ำผา่ นราชอาณาจักรซ่งึ สัตว์
หรือซากสัตว์ และให้น�ำความในมาตรา ๙ วรรคสอง และวรรคสาม มาใช้บังคับ
โดยอนโุ ลม
(๑) น�ำสตั วห์ รอื ซากสัตว์ทไ่ี ดด้ �ำเนนิ การตาม (๑) เข้า ออกหรอื ผ่านทา่ เข้าหรอื ทา่ ออกตามที่
รัฐมนตรีประกาศก�ำหนด และให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขที่ก�ำหนด
ในกฎกระทรวง

มาตรา ๓๓ เม่ือปรากฏว่าท้องท่ีใดภายนอกราชอาณาจักรมีหรือสงสัยว่ามีโรคระบาด ให้อธิบดีมีอ�ำนาจ
ประกาศเพื่อชะลอการน�ำเข้าหรือน�ำผ่านราชอาณาจักรซ่ึงสัตว์หรือซากสัตว์จากท้องที่นั้นได้คร้ังละไม่เกินเก้าสิบวัน
หากรัฐมนตรีเห็นสมควรอาจประกาศก�ำหนดห้ามการน�ำเข้า หรือน�ำผ่านราชอาณาจักรซึ่งสัตว์หรือซากสัตว์จาก
ทอ้ งทน่ี ้ันได้

มาตรา ๓๔ ภายใต้บังคบั มาตรา ๑๘ และมาตรา ๒๒ เพ่ือประโยชนใ์ นการปอ้ งกนั และควบคุมโรคระบาด
ผู้ใดน�ำสัตว์หรือซากสัตว์ดังต่อไปน้ีไปยังท้องที่จังหวัดอ่ืนต้องท�ำเครื่องหมายประจ�ำตัวสัตว์และให้น�ำความในมาตรา ๙
วรรคสอง และวรรคสาม มาใช้บงั คับโดยอนโุ ลม และตอ้ งได้รบั ใบอนุญาตจากสัตวแพทยป์ ระจำ� ทอ้ งที่ต้นทางทุกคร้งั

(๑) ชา้ ง มา้ โค กระบอื แพะ แกะ กวาง สกุ ร หมปู า่ หรอื นำ้� เชอ้ื สำ� หรบั ผสมพนั ธห์ุ รอื เอม็ บรโิ อ
ของสตั ว์ดังกล่าว

(๒) นก ไก่ เปด็ ห่าน หรือนำ�้ เช้อื สำ� หรับผสมพันธุ์ หรอื ไขส่ �ำหรบั ใช้ท�ำพันธ์ุ
(๓) ซากสัตวข์ องสัตวต์ าม (๑) หรอื (๒)
(๔) สัตวห์ รอื ซากสัตวช์ นดิ อน่ื ตามท่รี ัฐมนตรปี ระกาศก�ำหนด
การขออนุญาตและการออกใบอนุญาต การตรวจโรคและท�ำลายเช้ือโรคจากสัตว์หรือซากสัตว์
ตามวรรคหน่ึง ใหเ้ ป็นไปตามหลักเกณฑ์ วธิ กี ารและเง่อื นไขท่ีอธบิ ดีประกาศก�ำหนด
การออกใบอนุญาตตามวรรคสอง สัตวแพทย์จะก�ำหนดเงื่อนไขเก่ียวกับยานพาหนะและการใช้เส้นทาง
หรอื เง่ือนไขอืน่ ตามทจ่ี �ำเปน็ ไว้ในใบอนุญาตกไ็ ด้
มาตรา ๓๕ ผรู้ ับใบอนุญาตตามมาตรา ๓๔ ตอ้ งน�ำสัตวห์ รอื ซากสตั ว์ผา่ นด่านกักกันสตั ว์ ทงั้ นี้ ให้ปฏิบตั ิ
ตามหลักเกณฑ์ วิธกี ารและเงื่อนไขทอ่ี ธิบดีประกาศกำ� หนด

คูม่ ือการใหค้ วามช่วยเหลอื ผู้ประสบภยั พบิ ัติดา้ นการเกษตร 59


มาตรา ๓๖ ผใู้ ดประสงคจ์ ะใหม้ กี ารดำ� เนนิ การเกย่ี วกบั การขออนญุ าตตามพระราชบญั ญตั นิ ใี้ นตา่ งประเทศ
หรอื นอกสถานทที่ ำ� การโดยปกตใิ นวนั หยดุ ราชการหรอื นอกเวลาราชการ ใหผ้ นู้ นั้ จดั หายานพาหนะและรบั ผดิ ชอบชำ� ระ
คา่ ปว่ ยการและค่าใช้จ่ายอน่ื ทีจ่ ำ� เป็นตอ้ งจ่ายเน่ืองในการปฏบิ ัติงานดังกล่าวตามอัตราทก่ี �ำหนดในกฎกระทรวง

การจ่ายค่าป่วยการและค่าใช้จ่ายอื่นที่จ�ำเป็นต้องจ่ายเนื่องในการปฏิบัติงานให้แก่ผู้ปฏิบัติงานตามวรรค
หนึ่ง ให้เปน็ ไปตามหลกั เกณฑ์ วธิ กี ารและเงือ่ นไขท่อี ธิบดีประกาศก�ำหนด

มาตรา ๓๗ ค่าธรรมเนยี มทเ่ี รียกเกบ็ จากใบอนญุ าตนำ� สัตว์หรือซากสัตว์เข้า ออก หรือผา่ นราชอาณาจักร
และค่าที่พักสัตว์หรือซากสัตว์ท่ีน�ำเข้ามาในหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ให้หักไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการตรวจ
หรอื ควบคมุ การนำ� สตั วห์ รอื ซากสตั วเ์ ขา้ ออก หรอื ผา่ นราชอาณาจกั รเปน็ จำ� นวนไมเ่ กนิ รอ้ ยละหา้ สบิ ของเงนิ คา่ ธรรมเนยี ม
ดังกล่าว ส่วนท่ีเหลือให้น�ำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน ท้ังน้ี ตามระเบียบที่อธิบดีก�ำหนดโดยความเห็นชอบของกระทรวง
การคลัง

หมวด ๓

การพักใชแ้ ละการเพกิ ถอนใบอนุญาต

มาตรา ๓๘ เมื่อปรากฏว่าผู้รับใบอนุญาตตามมาตรา ๒๔ หรือมาตรา ๒๕ ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติ
ตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเง่ือนไขท่ีอธิบดีประกาศก�ำหนดมาตรา ๒๔ หรือมาตรา ๒๕ แล้วแต่กรณี หากสัตวแพทย์
เห็นสมควร ให้เสนอความเห็นต่อนายทะเบียนเพอ่ื พจิ ารณาสง่ั พกั ใชห้ รอื เพกิ ถอนใบอนญุ าต และนายทะเบยี นมอี ำ� นาจ
สงั่ พกั ใชใ้ บอนญุ าตไดค้ รง้ั ละไมเ่ กนิ เกา้ สบิ วนั ทง้ั น้ี ในคำ� สง่ั ดงั กลา่ วจะกำ� หนดเงอื่ นไขเทา่ ทจี่ ำ� เปน็ ใหผ้ ถู้ กู พกั ใชใ้ บอนญุ าต
ต้องปฏิบัติไว้ด้วยกไ็ ด้

ในกรณที ม่ี กี ารฟอ้ งผรู้ บั ใบอนญุ าตดงั กลา่ วตอ่ ศาลวา่ ฝา่ ฝนื หรอื ไมป่ ฏบิ ตั ติ ามหลกั เกณฑ์ วธิ กี ารและเงอ่ื นไข
ที่อธิบดีก�ำหนดตามมาตรา ๒๔ หรือมาตรา ๒๕ แล้วแต่กรณี นายทะเบียนจะส่ังพักใช้ใบอนุญาตนั้นไว้จนกว่าศาล
จะมีคำ� พพิ ากษาถงึ ท่ีสุดก็ได้

ห้ามมิให้ผู้รับใบอนุญาตตามมาตรา ๒๔ หรือมาตรา ๒๕ ซึ่งถูกส่ังพักใช้ใบอนุญาตประกอบกิจการ
ตามใบอนญุ าตทถี่ กู ส่งั พักใชน้ ั้น

ให้นายทะเบียนมีอ�ำนาจส่ังเพิกถอนใบอนุญาตในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตฝ่าฝืนค�ำสั่งพักใช้ใบอนุญาต
ตามวรรคหนึ่ง หรือกรณีท่ีจะก่อใหเ้ กดิ ความเสียหายรา้ ยแรงตามท่อี ธิบดีประกาศกำ� หนด

มาตรา ๓๙ นายทะเบยี นมอี ำ� นาจสงั่ เพกิ ถอนคำ� สง่ั พกั ใชใ้ บอนญุ าตกอ่ นกำ� หนดเวลาได้ เมอื่ ปรากฏวา่ ผรู้ บั
ใบอนญุ าตไดป้ ฏิบตั ิตามหลักเกณฑ์ วิธกี ารและเง่อื นไขทอี่ ธิบดปี ระกาศกำ� หนดตามมาตรา ๒๔ หรือมาตรา ๒๕ และได้
ปฏบิ ัติตามเงอ่ื นไขท่ีนายทะเบียนก�ำหนดตามมาตรา ๓๘ วรรคหนง่ึ แล้ว

60 คมู่ อื การให้ความชว่ ยเหลอื ผู้ประสบภัยพบิ ตั ดิ ้านการเกษตร


หมวด ๔

อ�ำนาจหน้าที่ของสตั วแพทยแ์ ละสารวตั ร

มาตรา ๔๐ เพื่อประโยชน์ในการป้องกันและควบคุมโรคระบาด เม่ือปรากฏว่ามีหรือสงสัยว่ามีเช้ือโรค
ระบาด หรอื พาหะของโรคระบาด ใหส้ ตั วแพทยม์ อี �ำนาจ ดงั ต่อไปน้ี

(๑) ออกประกาศหรอื สงั่ เปน็ หนงั สอื ใหเ้ จา้ ของสตั วห์ รอื ซากสตั วแ์ จง้ จำ� นวนสตั วห์ รอื ซากสตั ว์
และถ้าเห็นสมควรจะให้น�ำสัตว์หรือซากสัตว์นั้นมาเพื่อให้สัตวแพทย์ท�ำการตรวจโรค
เกบ็ ตัวอย่างปอ้ งกนั โรคระบาด หรือท�ำเครอ่ื งหมายประจ�ำตัวสตั ว์ กไ็ ด้

(๒) สั่งเป็นหนังสือให้เจ้าของสัตว์หรือซากสัตว์กักสัตว์หรือซากสัตว์ไว้ ณ ที่ท่ีเห็นสมควร
ตามความจำ� เป็นเพอ่ื ตรวจโรค

(๓) เรยี กตรวจยานพาหนะ หรอื เขา้ ไปในอาคาร หรอื สถานทอี่ นื่ ใดเพอ่ื ตรวจโรค เกบ็ ตวั อยา่ ง
ป้องกันโรคระบาด หรือท�ำเครื่องหมายประจ�ำตัวสัตว์ ในการน้ีให้สัตวแพทย์มีอ�ำนาจ
ส่ังเป็นหนังสือให้เจ้าของยานพาหนะ อาคารหรือสถานท่ีอื่นใด ท�ำความสะอาด
และท�ำลายเชื้อโรคระบาดหรือพาหะของโรคระบาดในท่ีที่มีเชื้อโรคระบาดหรือสงสัยว่า
มีเชื้อโรคระบาด ตามวิธีการที่ก�ำหนด ทั้งนี้ การเข้าไปในอาคารหรือสถานที่ดังกล่าว
ใหก้ ระทำ� ไดร้ ะหวา่ งพระอาทติ ยข์ น้ึ และตก หรอื ในเวลาทำ� การของอาคารหรอื สถานทนี่ น้ั
และหากยังด�ำเนินการไม่แลว้ เสร็จ จะดำ� เนินการต่อไปจนแลว้ เสรจ็ กไ็ ด้

(๔) ตรวจสัตว์หรือซากสัตว์ หรือสิ่งของใด ๆ ที่เป็นของกลางและถูกยึดหรืออายัดไว้ตาม
พระราชบญั ญตั นิ หี้ รอื ตามกฎหมายอน่ื ในกรณที ส่ี ตั วห์ รอื ซากสตั วด์ งั กลา่ วเปน็ โรคระบาด
หรือเป็นพาหะของโรคระบาด ให้มีอ�ำนาจด�ำเนินการกับสัตว์หรือซากสัตว์น้ันตาม
ระเบียบท่ีอธิบดีก�ำหนด ค่าใช้จ่ายในการตรวจหรือการด�ำเนินการดังกล่าว ให้เจ้าของ
สตั วห์ รือซากสัตว์เป็นผูร้ บั ผิดชอบ

(๕) ท�ำลายส่ิงของใด ๆ ท่ีมีเชื้อโรคระบาดหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีเชื้อโรคระบาด
ตามหลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี ารทอี่ ธบิ ดปี ระกาศกำ� หนด ทงั้ นี้ ใหช้ ดใชร้ าคาสงิ่ ของแกเ่ จา้ ของ
ตามหลักเกณฑ์และวิธีการท่ีก�ำหนดในกฎกระทรวง เว้นแต่กรณีที่เจ้าของจงใจกระท�ำ
ความผดิ ต่อบทบญั ญตั ิแห่งพระราชบญั ญตั ิน้ี

การดำ� เนินการของสตั วแพทย์ตามวรรคหนึ่ง ให้ผทู้ เ่ี กี่ยวขอ้ งอำ� นวยความสะดวกตามสมควร
ในการปฏบิ ัติการตามพระราชบัญญตั นิ ้ี ให้สตั วแพทย์เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๔๑ ในการปฏบิ ัติการตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี ใหส้ ารวัตรมอี ำ� นาจ ดังต่อไปนี้

(๑) เข้าไปในส�ำนักงานหรือสถานประกอบการของผู้รับใบอนุญาตตามมาตรา ๒๔ หรือ
มาตรา ๒๕ เพือ่ ตรวจหรอื ควบคุมใหก้ ารเป็นไปตามพระราชบัญญตั ิน้ี

คมู่ อื การใหค้ วามชว่ ยเหลือผู้ประสบภยั พบิ ตั ิดา้ นการเกษตร 61


(๒) เขา้ ไปในอาคาร หรอื สถานท่ีอนื่ ใด ในกรณที ่มี เี หตุอนั ควรสงสยั ว่าจะมีการฝา่ ฝืนหรอื ไม่
ปฏบิ ตั ติ ามพระราชบญั ญตั นิ ้ี เพอ่ื ตรวจคน้ และยดึ หรอื อายดั สตั วห์ รอื ซากสตั วท์ เี่ กยี่ วกบั
การกระทำ� ความผดิ ตามพระราชบญั ญตั นิ ี้ หรอื พยานหลกั ฐานอน่ื ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง หรอื จบั กมุ
ผกู้ ระท�ำความผดิ ตามพระราชบญั ญัตินี้ โดยไมต่ ้องมหี มายค้น ในกรณี ดังต่อไปนี้
(ก) เมอื่ ปรากฏความผิดซ่งึ หน้ากำ� ลังกระทำ� ในอาคารหรือสถานทนี่ ้นั
(ข) เม่ือบุคคลที่ได้กระท�ำความผิดซ่ึงหน้า ขณะท่ีถูกไล่จับหนีเข้าไป หรือมีเหตุ
อันแนน่ แฟ้น ควรสงสยั ว่าได้เข้าไปซุกซอ่ นตวั อยใู่ นอาคารหรือสถานท่นี น้ั
(ค) เมอื่ มพี ยานหลกั ฐานตามสมควรวา่ สตั วห์ รอื ซากสตั วท์ เ่ี กยี่ วกบั การกระทำ� ความผดิ
ตามพระราชบญั ญัตินี้ หรือพยานหลักฐานอนื่ ที่เกยี่ วขอ้ ง ได้ซ่อนหรอื อยู่ในอาคาร
หรอื สถานทน่ี น้ั ประกอบกบั ตอ้ งมเี หตอุ นั ควรเชอ่ื วา่ เนอื่ งจากการเนน่ิ ชา้ กวา่ จะเอา
หมายคน้ มาได้ สตั วห์ รอื ซากสตั วห์ รอื พยานหลกั ฐานนนั้ จะถกู โยกยา้ ย ทำ� ลาย หรอื
ท�ำใหเ้ ปล่ยี นสภาพไปจากเดมิ
(ง) เม่ือผู้จะต้องถูกจับเป็นเจ้าของอาคารหรือสถานท่ี และการจับนั้นมีหมายจับหรือ
จับได้ โดยไมต่ ้องมีหมายตามท่ปี ระมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญาบัญญตั ไิ ว้

(๓) ส่ังเจ้าของหรือผู้ควบคุมยานพาหนะให้หยุดหรือจอด เพื่อตรวจหรือควบคุมให้
การเป็นไปตามพระราชบัญญัติน้ี หรือเพื่อตรวจค้นยานพาหนะในกรณีท่ีมีเหตุอันควร
สงสัยวา่ จะมีการฝา่ ฝืนหรอื ไมป่ ฏบิ ตั ติ ามพระราชบัญญตั ิน้ี

(๔) จับกุมผู้กระท�ำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้โดยไม่ต้องมีหมายจับ เม่ือปรากฏว่า
มีการกระท�ำความผิดซึ่งหน้า หรือมีเหตุอื่นที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
บัญญัติไว้ เพ่ือส่งพนักงานสอบสวนด�ำเนินการต่อไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา
ความอาญา

(๕) ตรวจสัตว์หรือซากสัตว์ เอกสาร หรือพยานหลักฐานอ่ืนท่ีเก่ียวข้องเพื่อให้การเป็นไป
ตามพระราชบัญญัติน้ี หรือในกรณีท่ีมีเหตุอันควรสงสัยว่าจะมีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติ
ตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี

(๖) ยดึ หรอื อายดั สัตวห์ รือซากสตั ว์ ยานพาหนะ เอกสาร หรือพยานหลักฐานอนื่ ที่เก่ียวขอ้ ง
กบั การกระทำ� ความผดิ ตามพระราชบญั ญตั นิ ี้ ทงั้ น้ี ไมร่ วมถงึ สตั วห์ รอื ซากสตั วต์ ามมาตรา
๔๒ วรรคสาม

ในการน้ีให้สารวัตรมีอ�ำนาจสอบถามข้อเท็จจริง หรือเรียกเอกสารหรือพยานหลักฐานอ่ืนที่เกี่ยวข้อง
จากเจา้ ของอาคารสถานท่ี หรือเจ้าของหรอื ผคู้ วบคมุ ยานพาหนะน้นั ได้

การด�ำเนินการตาม (๑) หรือ (๒) ให้กระท�ำได้ระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นและตกหรือในเวลาท�ำการของ
ส�ำนักงานหรือสถานประกอบการของผู้รับใบอนุญาตตามมาตรา ๒๔ หรือมาตรา ๒๕ หรือของอาคารหรือสถานท่ีนั้น
ท้งั นี้ หากยงั ดำ� เนนิ การไม่แล้วเสร็จ จะด�ำเนนิ การต่อไปจนแล้วเสร็จกไ็ ด้

การดำ� เนินการตาม (๑) ใหป้ ฏบิ ตั ิตามระเบียบทีอ่ ธบิ ดีก�ำหนด ระเบยี บดังกล่าวอย่างน้อยต้องกำ� หนดถึง
การแสดงความบริสุทธิ์ก่อนการเข้าไป การมอบบันทึกเหตุผลในการเข้าไปแก่เจ้าของสำ� นักงานหรือสถานประกอบการ
และการรายงานผลการปฏิบตั ิหนา้ ทต่ี อ่ ผบู้ ังคับบัญชา

62 คูม่ ือการใหค้ วามช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัตดิ า้ นการเกษตร


การคน้ และการจับตามมาตราน้ี ให้สารวัตรปฏิบตั ติ ามประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความอาญา
การดำ� เนนิ การของสารวัตรตามมาตราน้ี ให้ผู้ทเ่ี ก่ยี วข้องอ�ำนวยความสะดวกตามสมควร
มาตรา ๔๒ ให้สารวัตรมีอ�ำนาจยึดหรืออายัดสัตว์หรือซากสัตว์ท่ีน�ำเข้าหรือน�ำผ่านราชอาณาจักร
เม่อื สัตว์หรอื ซากสัตว์ดงั กล่าวมเี หตอุ ันควรสงสยั ว่าเปน็ โรคระบาดหรอื เปน็ พาหะของโรคระบาด
ในกรณีท่ีสัตว์หรือซากสัตวต์ ามวรรคหน่ึง เปน็ โรคระบาดหรอื พาหะของโรคระบาด ให้สัตวแพทย์ท�ำลาย
สัตวห์ รือซากสัตว์น้ัน หรอื จัดการโดยวธิ ีอ่ืนตามระเบยี บท่ีอธบิ ดีก�ำหนด
ในกรณีที่สัตว์หรือซากสัตว์ตามวรรคหน่ึงได้น�ำเข้า หรือน�ำผ่านราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตตาม
มาตรา ๓๑ หรอื ไม่ปฏิบตั ติ ามมาตรา ๓๒ หรอื มาตรา ๓๓ ใหด้ �ำเนินการ ดงั ตอ่ ไปนี้

(๑) กรณีที่สัตว์หรือซากสัตว์ดังกล่าวมิได้เป็นโรคระบาดหรือมิได้เป็นพาหะของโรคระบาด
ใหส้ ารวตั รมีอำ� นาจส่ังใหเ้ จา้ ของ ผ้นู �ำเข้าหรือน�ำผ่านสง่ กลับสตั ว์หรอื ซากสัตว์นัน้ ไปยงั
ประเทศตน้ ทาง ทงั้ นี้ การดำ� เนนิ การสง่ กลบั ใหเ้ ปน็ ไปตามหลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี ารทอี่ ธบิ ดี
ประกาศก�ำหนด

(๒) กรณีที่วิธีการตรวจพิสูจน์ไม่อาจกระท�ำได้โดยง่ายหรือไม่คุ้มค่าในอันท่ีจะพิสูจน์ว่าสัตว์
หรอื ซากสตั วด์ งั กลา่ วเปน็ โรคระบาดหรอื พาหะของโรคระบาด ใหส้ ตั วแพทยท์ ำ� ลายสตั ว์
หรือซากสัตวน์ น้ั หรือจัดการโดยวธิ อี ื่นตามระเบียบท่อี ธบิ ดกี �ำหนด

คา่ ใชจ้ า่ ยเกย่ี วกบั การยดึ อายดั หรอื ทำ� ลาย ใหเ้ จา้ ของ ผนู้ ำ� เขา้ หรอื นำ� ผา่ นสตั วห์ รอื ซากสตั วเ์ ปน็ ผรู้ บั ผดิ ชอบ
มาตรา ๔๓ สัตวห์ รือซากสตั ว์ตามมาตรา ๔๒ วรรคสาม (๑) ใหต้ กเป็นของกรมปศสุ ตั ว์ในกรณี ดงั ต่อไปน้ี

(๑) ไม่ปรากฏเจ้าของ ผู้น�ำเข้าหรือน�ำผ่าน หรือไม่มีผู้มาแสดงตัวเป็นเจ้าของผู้น�ำเข้าหรือ
นำ� ผา่ นภายในสสี่ บิ หา้ วนั นบั แตว่ นั ทไ่ี ดม้ กี ารประกาศหาตวั บคุ คลดงั กลา่ ว ทง้ั นี้ การออก
ประกาศให้เปน็ ไปตามหลักเกณฑ์และวธิ กี ารท่อี ธบิ ดปี ระกาศก�ำหนด

(๒) เจา้ ของ ผนู้ ำ� เขา้ หรอื นำ� ผา่ นไมส่ ง่ กลบั หรอื ไมส่ ามารถสง่ กลบั ไปยงั ประเทศตน้ ทางภายใน
เวลาสีส่ ิบหา้ วนั นับแตว่ ันทที่ ราบค�ำส่งั ให้ส่งกลับ

ในกรณที ีส่ ัตวห์ รอื ซากสตั ว์ตามมาตรา ๔๒ วรรคสาม (๑) เปน็ ของเสียงา่ ยหรือถา้ เก็บไว้จะเปน็ การเส่ยี ง
ต่อความเสียหาย หรือจะเสียค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาเกินค่าของสิ่งน้ัน สารวัตรที่ได้รับมอบหมายจากอธิบดีจะจัดการ
ขายทอดตลาดเสียก่อนท่ีสิ่งนั้นจะตกเป็นของกรมปศุสัตว์ก็ได้ ท้ังนี้ ให้นำ� ความในมาตรา ๔๖ วรรคสอง มาใช้บังคับ
โดยอนุโลม

เมื่อพ้นก�ำหนดเวลาตามวรรคหน่ึงแล้ว ให้สารวัตรที่ได้รับมอบหมายจากอธิบดีมีอ�ำนาจจัดการ
ขายทอดตลาดสัตว์หรือซากสัตวต์ ามวรรคหน่ึง ทั้งนี้ ให้นำ� ความในมาตรา ๔๗ มาใชบ้ งั คับโดยอนุโลม

มาตรา ๔๔ ในการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติน้ี ให้สารวัตรเป็นพนักงานฝ่ายปกครอง หรือต�ำรวจ
ตามประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความอาญา

มาตรา ๔๕ ในการปฏิบัติหนา้ ทีข่ องสตั วแพทยห์ รอื สารวัตรตามพระราชบัญญตั นิ ี้ ให้แสดงบตั รประจ�ำตวั
ต่อบคุ คลที่เกี่ยวขอ้ ง

บตั รประจ�ำตวั ตามวรรคหนึ่ง ใหเ้ ปน็ ไปตามแบบท่อี ธิบดีประกาศก�ำหนด

ค่มู ือการใหค้ วามชว่ ยเหลอื ผปู้ ระสบภัยพิบัตดิ ้านการเกษตร 63


หมวด ๕

การขายทอดตลาด และการจา่ ยเงนิ สนิ บน

มาตรา ๔๖ สงิ่ ท่ียดึ หรืออายดั ไวต้ ามมาตรา ๔๑ (๖) ใหต้ กเปน็ ของกรมปศุสตั ว์ ในกรณดี งั ต่อไปน้ี
(๑) ไม่ปรากฏเจ้าของ หรือไม่มีผู้มาแสดงตัวเป็นเจ้าของภายในสี่สิบห้าวันนับแต่วันที่ได้มี
การประกาศหาตัวเจา้ ของ ทัง้ นี้ การออกประกาศดงั กลา่ วใหเ้ ป็นไปตามหลักเกณฑ์และ
วิธีการทอ่ี ธบิ ดีประกาศกำ� หนด
(๒) ไม่มีการด�ำเนินคดีและผู้เป็นเจ้าของมิได้ร้องคืนภายในส่ีสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้ง
คำ� ส่ังวา่ ไม่มีการด�ำเนินคดี
(๓) มีการด�ำเนินคดีและพนักงานอัยการมีค�ำส่ังเด็ดขาดไม่ฟ้องคดีหรือศาลไม่ได้พิพากษา
ให้รบิ และผ้เู ปน็ เจ้าของมไิ ดร้ อ้ งขอคืนภายในสี่สบิ หา้ วนั นับแต่วนั ทที่ ราบค�ำสง่ั เด็ดขาด
ไม่ฟอ้ งคดี หรอื วนั ทีศ่ าลมีค�ำพิพากษาถึงท่ีสุด แล้วแตก่ รณี

ในกรณีท่ีสิ่งท่ียึดหรืออายัดไว้ตามมาตรา ๔๑ (๖) เป็นของเสียง่าย หรือถ้าเก็บไว้จะเป็นการเส่ียงต่อ
ความเสียหาย หรือจะเสียค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาเกินค่าของสิ่งนั้น สารวัตรที่ได้รับมอบหมายจากอธิบดีจะจัดการ
ขายทอดตลาดเสยี กอ่ นคดีถงึ ท่ีสุด หรือก่อนท่สี ่ิงนน้ั จะตกเปน็ ของกรมปศสุ ัตว์กไ็ ด้ เงินคา่ ของส่ิงน้นั เมอื่ หักค่าใช้จา่ ยแลว้
เหลอื เงนิ จำ� นวนสทุ ธเิ ทา่ ใดใหย้ ดึ ไวแ้ ทนสงิ่ นน้ั โดยฝากไวก้ บั ธนาคารของรฐั หรอื ธนาคารพาณชิ ยต์ ามทต่ี กลงกบั กระทรวง
การคลงั

มาตรา ๔๗ ส่ิงท่ียึดหรืออายัดไว้ตามมาตรา ๔๑ (๖) เฉพาะในส่วนที่ตกเป็นของกรมปศุสัตว์ตามมาตรา
๔๖ วรรคหน่ึง สารวตั รที่ได้รบั มอบหมายจากอธิบดีมีอ�ำนาจจัดการขายทอดตลาด และใหห้ ักเงินท่ขี ายได้เป็นคา่ ใช้จา่ ย
ตามทจี่ า่ ยจรงิ ในการดำ� เนนิ การใด ๆ เพอ่ื ใหส้ ตั วห์ รอื ซากสตั วข์ องกลางปลอดจากโรคระบาด เหลอื เทา่ ใดใหห้ กั ไวไ้ มเ่ กนิ
ก่ึงหน่ึงเพื่อหักเป็นเงินสินบน ส่วนท่ีเหลือให้น�ำส่งเป็นเงินรายได้แผ่นดิน การจ่ายเงินสินบนให้เป็นไปตามระเบียบที่
รัฐมนตรกี �ำหนดโดยความเหน็ ชอบของกระทรวงการคลัง

มาตรา ๔๘ ในกรณีท่ีมีการจับกุมผู้กระท�ำความผิด เมื่อพนักงานอัยการร้องขอให้ศาลสั่งจ่ายเงินสินบน
แก่ผู้น�ำจับร้อยละยี่สิบห้าของจ�ำนวนเงินสุทธิจากการขายทอดตลาดของกลางที่ศาลสั่งริบส่วนท่ีเหลือให้น�ำส่งเป็นเงิน
รายได้แผ่นดิน

มาตรา ๔๙ การขายทอดตลาดตามมาตรา ๔๖ วรรคสอง มาตรา ๔๗ หรือมาตรา ๔๘ ให้เปน็ ไปตามหลักเกณฑ์
วิธีการและเงอ่ื นไขทรี่ ัฐมนตรปี ระกาศก�ำหนด

มาตรา ๕๐ ในกรณีท่ีมีของกลางตามมาตรา ๔๗ หรือมาตรา ๔๘ แต่ขายทอดตลาดของกลางไม่ได้
หรือในกรณที ไี่ มม่ ขี องกลาง ให้จา่ ยเงินสินบนจากเงนิ คา่ ปรบั ที่ได้ชำ� ระต่อศาลหรอื คา่ ปรับจากการเปรียบเทยี บไมเ่ กนิ กง่ึ หนึง่
ของจ�ำนวนเงินค่าปรับดังกล่าว การจ่ายเงินสินบนให้เป็นไปตามระเบียบท่ีรัฐมนตรีก�ำหนดโดยความเห็นชอบของกระทรวง
การคลัง

มาตรา ๕๑ ในกรณีท่ีไม่มีผู้มารับเงินสินบนตามมาตรา ๔๗ มาตรา ๔๘ หรือมาตรา ๕๐ ภายในห้าปี
ให้น�ำส่งเปน็ เงินรายไดแ้ ผ่นดนิ

64 คมู่ อื การใหค้ วามช่วยเหลอื ผูป้ ระสบภัยพบิ ตั ดิ า้ นการเกษตร


หมวด ๖

การอทุ ธรณ์

มาตรา ๕๒ ในกรณที น่ี ายทะเบยี นไมอ่ อกใบอนญุ าตตามมาตรา ๒๔ หรอื มาตรา ๒๕ ไมต่ อ่ อายใุ บอนญุ าต
มาตรา ๒๖ หรอื ไมอ่ อกใบแทนใบอนญุ าตตามมาตรา ๒๙ ผยู้ น่ื คำ� ขอมสี ทิ ธอิ ทุ ธรณค์ ำ� สงั่ ดงั กลา่ วเปน็ หนงั สอื ตอ่ รฐั มนตรี
ภายในสามสิบวนั นับแต่วนั ทไ่ี ด้รับหนังสือแจง้ คำ� ส่งั นั้น

ค�ำวินจิ ฉัยของรฐั มนตรีใหเ้ ป็นที่สดุ
ในกรณที นี่ ายทะเบยี นไมอ่ นญุ าตใหต้ อ่ อายใุ บอนญุ าต กอ่ นทร่ี ฐั มนตรจี ะมคี ำ� วนิ จิ ฉยั อทุ ธรณต์ ามวรรคสอง
รัฐมนตรีอาจพิจารณาอนญุ าตให้ประกอบกจิ การไปพลางกอ่ นไดเ้ ม่อื มีคำ� ขอของผ้อู ุทธรณ์
มาตรา ๕๓ ในกรณีที่นายทะเบียนมีค�ำสั่งพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาตตามมาตรา ๓๘ ผู้รับใบอนุญาต
ซ่งึ ถกู สงั่ พักใชห้ รือเพิกถอนใบอนุญาต มสี ทิ ธอิ ุทธรณเ์ ป็นหนงั สือตอ่ รฐั มนตรภี ายในสามสิบวนั นบั แต่วันที่ทราบค�ำสัง่
การอุทธรณ์ตามวรรคหนง่ึ ย่อมไม่เป็นการทุเลาการบงั คบั ตามคำ� สั่งพักใชห้ รือคำ� สัง่ เพกิ ถอนใบอนญุ าต
ค�ำวนิ จิ ฉัยรัฐมนตรีให้เป็นที่สดุ
มาตรา ๕๔ การพจิ ารณาอทุ ธรณต์ ามมาตรา ๕๒ และมาตรา ๕๓ ใหร้ ฐั มนตรพี จิ ารณาอทุ ธรณใ์ หแ้ ลว้ เสรจ็
ภายในสามสิบวันนับแต่วันท่ีได้รับค�ำอุทธรณ์ ถ้ามีเหตุผลจ�ำเป็นไม่อาจพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาดังกล่าว
ใหม้ หี นงั สอื แจ้งให้ผอู้ ทุ ธรณ์ทราบกอ่ นครบกำ� หนดระยะเวลาน้ัน ในการนีใ้ ห้ขยายระยะเวลาพิจารณาอทุ ธรณอ์ อกไปได้
อกี ไมเ่ กนิ สองครงั้ ครัง้ ละไม่เกินสามสบิ วันนบั แตว่ ันที่ครบกำ� หนดระยะเวลาดังกลา่ ว

หมวด ๗

บทก�ำหนดโทษ

มาตรา ๕๕ เจา้ ของสตั วผ์ ใู้ ดไมป่ ฏบิ ตั ติ ามมาตรา ๗ ตอ้ งระวางโทษจำ� คกุ ไมเ่ กนิ หนงึ่ เดอื น หรอื ปรบั ไมเ่ กนิ
หน่ึงหมื่นบาท หรือท้งั จ�ำท้งั ปรบั และปรบั เปน็ รายวนั อกี วนั ละไมเ่ กนิ หน่ึงพันบาทจนกวา่ จะไดป้ ฏิบตั ิให้ถูกต้อง

มาตรา ๕๖ เจ้าของสัตว์หรือซากสัตว์ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๘ ต้องระวางโทษจ�ำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน
หรอื ปรับไม่เกินหนงึ่ หมนื่ บาท หรอื ทัง้ จ�ำท้งั ปรับ

มาตรา ๕๗ เจ้าของสัตว์หรือซากสัตว์ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๙ วรรคสาม ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน
หนงึ่ หม่นื บาท

มาตรา ๕๘ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๑๐ ต้องระวางโทษจ�ำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท
หรอื ทง้ั จ�ำท้งั ปรับ

มาตรา ๕๙ เจ้าของสัตว์ผใู้ ดไมป่ ฏิบตั ิตามมาตรา ๑๑ วรรคหนงึ่ ไมด่ ำ� เนนิ การตามมาตรา ๑๑ วรรคสอง
หรือไม่ปฏิบตั ติ ามมาตรา ๑๑ วรรคสาม ต้องระวางโทษจ�ำคกุ ไม่เกินหนงึ่ เดอื น หรอื ปรับไม่เกินหนึง่ หมนื่ บาท หรอื ท้ังจ�ำทงั้ ปรบั

คมู่ ือการให้ความชว่ ยเหลือผปู้ ระสบภัยพิบัติดา้ นการเกษตร 65


มาตรา ๖๐ ผูใ้ ดฝ่าฝืนมาตรา ๑๑ วรรคสาม มาตรา ๑๔ วรรคสอง หรอื มาตรา ๑๕ วรรคสอง ตอ้ งระวาง
โทษจำ� คกุ ไม่เกินหน่ึงเดือน หรอื ปรับไม่เกนิ หน่ึงหมน่ื บาท หรือทง้ั จ�ำทงั้ ปรบั

มาตรา ๖๑ เจ้าของสัตว์ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามค�ำส่ังของพนักงานเจ้าหน้าท่ี หรือสารวัตรตามมาตรา ๑๒
ต้องระวางโทษจำ� คกุ ไม่เกินหนึ่งเดอื น หรอื ปรับไมเ่ กนิ หน่ึงหม่นื บาท หรอื ทง้ั จ�ำทั้งปรบั

มาตรา ๖๒ เจา้ ของสัตวห์ รอื ซากสัตว์ผูใ้ ดไม่ปฏิบัตติ ามคำ� สง่ั ของสัตวแพทยต์ ามมาตรา ๑๓ หรือประกาศ
หรือค�ำสัง่ ของสตั วแพทย์ตามมาตรา ๔๐ (๑) หรือ (๒) ตอ้ งระวางโทษจำ� คกุ ไมเ่ กนิ หนง่ึ ปี หรอื ปรบั ไมเ่ กินสองหมืน่ บาท
หรอื ท้ังจำ� ทัง้ ปรบั

มาตรา ๖๓ เจ้าของทด่ี นิ ผู้ใดไมป่ ฏิบัติตามมาตรา ๑๔ วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษปรับไม่เกนิ หน่งึ หม่ืนบาท
มาตรา ๖๔ ผู้ใดฝา่ ฝนื มาตรา ๑๖ ตอ้ งระวางโทษจ�ำคุกไม่เกินหน่ึงปี หรือปรับไมเ่ กนิ สองหมื่นบาท หรอื
ทั้งจำ� ทัง้ ปรับ
มาตรา ๖๕ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๑๘ หรือมาตรา ๒๒ ต้องระวางโทษจ�ำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกิน
สหี่ มื่นบาท หรอื ทง้ั จำ� ทั้งปรบั
มาตรา ๖๖ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๒๔ วรรคหน่ึง หรือมาตรา ๒๕ วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจ�ำคุก
ไมเ่ กินหนึง่ ปี หรือปรบั ไมเ่ กินสองหมืน่ บาท หรอื ท้งั จ�ำท้ังปรบั
ผู้รับใบอนุญาตตามมาตรา ๒๔ หรอื มาตรา ๒๕ ผใู้ ดไม่ปฏบิ ัติตามหลกั เกณฑ์ วธิ กี ารและเงอ่ื นไขที่อธิบดี
ประกาศก�ำหนดมาตรา ๒๔ วรรคสอง หรือมาตรา ๒๕ วรรคสอง แล้วแต่กรณีต้องระวางโทษจ�ำคุกไม่เกินหน่ึงเดือน
หรอื ปรบั ไม่เกินหนงึ่ หมน่ื บาท หรือท้งั จ�ำทั้งปรับ
มาตรา ๖๗ ผู้รับใบอนุญาตตามมาตรา ๒๔ หรือมาตรา ๒๕ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๒๙ วรรคหนึ่ง
หรอื มาตรา ๓๐ ต้องระวางโทษปรบั ไม่เกนิ หนง่ึ หมน่ื บาท
มาตรา ๖๘ ผู้ใดน�ำเข้า ส่งออกหรือน�ำผ่านราชอาณาจักรซ่ึงสัตว์หรือซากสัตว์โดยไม่ได้รับใบอนุญาต
ตามมาตรา ๓๑ วรรคหนึง่ ต้องระวางโทษจ�ำคุกไมเ่ กินสองปี หรอื ปรับไมเ่ กนิ สองแสนบาท หรอื ทงั้ จำ� ทัง้ ปรับ
มาตรา ๖๙ ผู้รับใบอนุญาตตามมาตรา ๓๑ ผู้ใดไมป่ ฏบิ ัตติ ามมาตรา ๓๒ หรือฝ่าฝืนประกาศของอธบิ ดี
ท่อี อกตามประกาศ ๓๓ ต้องระวางโทษจ�ำคุกไมเ่ กนิ หนงึ่ ปี หรือปรบั ไม่เกนิ สองหมื่นบาท หรอื ท้งั จำ� ท้งั ปรบั
มาตรา ๗๐ ผู้ใดฝ่าฝืนประกาศของรัฐมนตรีที่ออกตามมาตรา ๓๓ ต้องระวางโทษจ�ำคุกไม่เกินสองปี
หรือปรบั ไมเ่ กินสหี่ มน่ื บาท หรอื ทั้งจำ� ทงั้ ปรบั
มาตรา ๗๑ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๓๔ วรรคหน่ึง ต้องระวางโทษจ�ำคุกไม่เกินหน่ึงปี หรือปรับไม่เกิน
สองหมืน่ บาท หรอื ทั้งจ�ำทั้งปรับ
ผู้รับใบอนุญาตตามมาตรา ๓๔ ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่สัตวแพทย์ก�ำหนดในใบอนุญาต
ตามมาตรา ๓๔ วรรคสาม ตอ้ งระวางโทษจ�ำคุกไมเ่ กนิ หน่งึ เดอื น หรอื ปรับไมเ่ กินหนงึ่ หมน่ื บาท หรือทง้ั จำ� ทงั้ ปรับ
มาตรา ๗๒ ผู้รับใบอนุญาตตามมาตรา ๓๔ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๓๕ ต้องระวางโทษจ�ำคุกไม่เกิน
หนึ่งเดอื น หรอื ปรับไม่เกินหนง่ึ หมนื่ บาท หรือท้งั จำ� ทั้งปรับ
มาตรา ๗๓ ผ้รู บั ใบอนุญาตตามมาตรา ๒๔ หรือมาตรา ๒๕ ผใู้ ดฝ่าฝนื มาตรา ๓๘ วรรคสาม ตอ้ งระวาง
โทษจ�ำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกนิ สองหมื่นบาท หรือท้งั จ�ำทงั้ ปรบั
มาตรา ๗๔ เจา้ ของยานพาหนะ อาคารหรอื สถานทผี่ ใู้ ดไมป่ ฏบิ ตั ติ ามคำ� สงั่ ของสตั วแพทยต์ ามมาตรา ๔๐ (๓)
ตอ้ งระวางโทษจ�ำคกุ ไม่เกินหนง่ึ ปี หรอื ปรับไม่เกนิ สองหมนื่ บาท หรือทง้ั จำ� ทัง้ ปรับ

66 คมู่ อื การให้ความช่วยเหลือผปู้ ระสบภัยพิบัตดิ ้านการเกษตร


มาตรา ๗๕ ผู้ใดต่อสู้หรือขัดขวางการปฏิบัติหน้าท่ีของพนักงานเจ้าหน้าที่ สารวัตรหรือสัตวแพทย์ตาม
พระราชบญั ญตั ินี้ ต้องระวางโทษจ�ำคุกไม่เกินหน่ึงปี หรือปรบั ไม่เกนิ สองหมน่ื บาท หรอื ทง้ั จ�ำทั้งปรับ

ผู้ใดไม่อ�ำนวยความสะดวกตามสมควรในการปฏิบัติหน้าที่ของสัตวแพทย์ตามมาตรา ๔๐ วรรคสอง
หรือสารวัตรตามมาตรา ๔๑ วรรคหก หรือไม่ใหถ้ ้อยค�ำ ไม่ส่งเอกสารหรือพยานหลักฐานอนื่ ที่เกี่ยวข้องตามมาตรา ๔๑
วรรคสอง ตอ้ งระวางโทษจำ� คกุ ไม่เกินหนึง่ เดือน หรอื ปรบั ไมเ่ กินหนึ่งหมน่ื บาท หรอื ทงั้ จ�ำทงั้ ปรับ

มาตรา ๗๖ ในกรณีท่ีผู้กระท�ำความผิดซึ่งต้องรับโทษตามพระราชบัญญัติน้ีเป็นนิติบุคคล ถ้าการ
กระท�ำความผิดของนิติบุคคลนั้นเกิดจากการส่ังการ หรือการกระท�ำของบุคคลใด หรือไม่ส่ังการ หรือไม่กระท�ำการ
อันเป็นหน้าท่ีท่ีต้องกระท�ำของกรรมการผู้จัดการ ผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการด�ำเนินงานของ
นิตบิ คุ คลนน้ั ผู้นน้ั ต้องรับโทษตามที่บัญญตั ิไวส้ ำ� หรับความผดิ นน้ั ๆ ดว้ ย

มาตรา ๗๗ ความผิดตามพระราชบัญญัติน้ีท่ีมีโทษปรับสถานเดียวหรือโทษจ�ำคุกไม่เกินหน่ึงปี ให้อธิบดี
หรอื ผซู้ ึ่งอธบิ ดมี อบหมายมีอ�ำนาจเปรียบเทยี บได้ และเมอื่ ผู้ตอ้ งหาไดช้ �ำระเงนิ คา่ ปรบั ตามจำ� นวนทเี่ ปรยี บเทียบภายใน
ระยะเวลาท่กี �ำหนดแล้ว ใหถ้ ือว่าคดเี ลกิ กันตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวธิ พี ิจารณาความอาญา

การเปรียบเทียบตามวรรคหนึง่ ให้เปน็ ไปตามระเบียบทอ่ี ธบิ ดกี �ำหนด
มาตรา ๗๘ เมอ่ื ศาลได้พพิ ากษาลงโทษผู้ใดเน่ืองจากกระท�ำความผดิ ตามมาตรา ๕๘ มาตรา ๖๕ มาตรา ๖๖
มาตรา ๖๘ มาตรา ๖๙ มาตรา ๗๐ มาตรา ๗๑ และมาตรา ๗๒ ให้ศาลมีอ�ำนาจสั่งริบสัตว์ ซากสัตว์ ยานพาหนะ
เครอื่ งหมายประจ�ำตวั สตั ว์ เครอื่ งมือ เครือ่ งใช้ ภาชนะบรรจุ หรอื อุปกรณ์ทเ่ี ก่ียวข้องกับการกระทำ� ความผดิ เสียทัง้ ส้ิน
เวน้ แตท่ รัพย์สนิ ดงั กลา่ วเปน็ ของผู้อ่นื ซึง่ มิไดร้ ูเ้ หน็ เปน็ ใจดว้ ยในการกระทำ� ความผดิ
ในกรณที ศ่ี าลสงั่ ใหร้ บิ ทรพั ยส์ นิ ตามวรรคหนง่ึ แลว้ หากปรากฏในภายหลงั โดยคำ� รอ้ งของเจา้ ของแทจ้ รงิ วา่
ผเู้ ปน็ เจา้ ของแทจ้ รงิ มไิ ดร้ เู้ หน็ เปน็ ใจดว้ ยในการกระทำ� ความผดิ ใหศ้ าลสง่ั ใหค้ นื ทรพั ยส์ นิ ดงั กลา่ วแตค่ ำ� รอ้ งขอของเจา้ ของ
ทแี่ ท้จรงิ นนั้ ต้องกระทำ� ต่อศาลภายในสามสบิ วนั นบั แต่วันท่ีศาลมคี �ำพพิ ากษาถึงทส่ี ุด
สงิ่ ทศ่ี าลสง่ั รบิ ตามวรรคหนงึ่ ใหต้ กเปน็ ของกรมปศสุ ตั ว์ และใหส้ ารวตั รทไ่ี ดร้ บั มอบหมายจากอธบิ ดมี อี ำ� นาจ
ด�ำเนินการขายทอดตลาดตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเง่ือนไขท่ีรัฐมนตรีประกาศก�ำหนดตามมาตรา ๔๙ หรือจัดการ
อย่างอนื่ ตามระเบยี บทอี่ ธิบดกี �ำหนด

คู่มอื การให้ความช่วยเหลือผูป้ ระสบภยั พบิ ัติด้านการเกษตร 67


บทเฉพาะกาล

มาตรา ๗๙ ใบอนุญาตท่ไี ด้ออกให้ตามพระราชบัญญัติโรคระบาดสตั ว์ พ.ศ. ๒๔๙๙ ใหใ้ ช้ได้ตอ่ ไปจนกว่า
จะส้ินอายุ และถ้าจะต่ออายุใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติน้ี ใหย้ ่นื ค�ำขอก่อนใบอนุญาตส้นิ อายุ

มาตรา ๘๐ ค�ำขออนุญาตใด ท่ีได้ย่ืนไว้ตามพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. ๒๔๙๙ และยังอยู่ใน
ระหวา่ งการพจิ ารณา ใหถ้ อื วา่ เปน็ คำ� ขออนญุ าตตามพระราชบญั ญตั นิ โี้ ดยอนโุ ลม และถา้ คำ� ขออนญุ าตดงั กลา่ วมขี อ้ ความ
แตกต่างไปจากค�ำขออนุญาตตามพระราชบัญญัติน้ี นายทะเบียนมีอ�ำนาจสั่งให้แก้ไขเพ่ิมเติมค�ำขออนุญาตเพื่อให้การ
เปน็ ไปตามพระราชบัญญตั ินไี้ ด้

มาตรา ๘๑ กฎกระทรวง ประกาศ หรอื ระเบียบ ทีอ่ อกตามพระราชบญั ญัตโิ รคระบาดสัตว์ พ.ศ. ๒๔๙๙
ที่ใช้อยู่ในวันท่ีพระราชบัญญัติน้ีใช้บังคับให้คงใช้บังคับต่อไปเท่าท่ีไม่ขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติน้ี
จนกวา่ จะมีกฎกระทรวง ประกาศ หรือระเบยี บทีอ่ อกตามพระราชบัญญัตินีข้ ึ้นใช้บังคับ

การด�ำเนินการออกกฎกระทรวง ประกาศ หรือระเบียบตามวรรคหนึ่ง ให้ด�ำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน
หนงึ่ ปนี บั แต่วันทพี่ ระราชบัญญตั นิ ใี้ ช้บังคับ หากไมส่ ามารถด�ำเนนิ การได้ ใหร้ ัฐมนตรีรายงานเหตผุ ลท่ีไมอ่ าจดำ� เนนิ การ
ได้ตอ่ คณะรฐั มนตรีเพอ่ื ทราบ

ผูร้ บั สนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ประยุทธ์ จนั ทร์โอชา

นายกรฐั มนตรี

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับน้ี คือ โดยที่พระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. ๒๔๙๙
โดยใช้บังคับมาเป็นเวลานาน สมควรปรับปรุงบทบัญญัติบางประการให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ปัจจุบัน เพ่ือให้การ
ปอ้ งกนั และควบคมุ โรคระบาดทเี่ กดิ กบั สตั ว์ และการทำ� งานของสตั วแพทย์ สารวตั รและพนกั งานเจา้ หนา้ ทมี่ ปี ระสทิ ธภิ าพ
มากยิ่งขึ้น อันเป็นการคุ้มครองความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินประชาชน และเพ่ือประโยชน์ในทางเศรษฐกิจ
ของประเทศ รวมทั้งการปรับปรุงบทก�ำหนดโทษและอัตราค่าธรรมเนียมให้เหมาะสมยิ่งขึ้น จึงจ�ำเป็นต้องตราพระราช
บัญญตั นิ ้ี

68 คู่มอื การให้ความชว่ ยเหลือผู้ประสบภัยพิบตั ดิ ้านการเกษตร


กฎกระทรวง
ก�ำหนดคา่ ธรรมเนยี มและยกเวน้ ค่าธรรมเนียมตามกฎหมายว่าดว้ ยโรคระบาดสตั ว์

พ.ศ. ๒๕๕๙

___________________________

อาศยั อ�ำนาจตามความในมาตรา ๕ วรรคหนงึ่ แหง่ พระราชบญั ญัติโรคระบาดสตั ว์ พ.ศ. ๒๕๕๘ รฐั มนตรี
วา่ การกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ออกกฎกระทรวงไว้ ดงั ต่อไปนี้

ขอ้ ๑ ใหก้ �ำหนดคา่ ธรรมเนียม ดงั ตอ่ ไปน้ี

ล�ำดับ รายการ บาท หมายเหตุ

๑ ค�ำขออนุญาต หรือค�ำขอต่ออายุใบอนุญาตตาม ฉบับละ ๕๐
มาตรา ๒๔ หรือมาตรา ๒๕

๒ ใบอนุญาตท�ำการค้าหรือหาก�ำไรในลักษณะคนกลาง
ซึ่งสตั ว์ ตามมาตรา ๒๔
(ก) นำ� เข้าในราชอาณาจักร ฉบบั ละ ๕,๐๐๐
(ข) สง่ ออกนอกราชอาณาจักร ฉบบั ละ ๕,๐๐๐
(ค) นำ� เข้ามาส่งออกนอกราชอาณาจักร ฉบบั ละ ๗,๕๐๐
(ง) ภายในราชอาณาจักร ฉบับละ ๑,๐๐๐
(จ) ภายในจังหวัด ฉบบั ละ
๒๕๐

๓ ใบอนุญาตท�ำการค้าหรือหาก�ำไรในลักษณะคนกลาง
ซ่งึ ซากสัตว์ ตามมาตรา ๒๔
(ก) นำ� เข้าในราชอาณาจกั ร ฉบับละ ๑,๐๐๐
(ข) ส่งออกนอกราชอาณาจักร ฉบับละ ๑,๐๐๐
(ค) น�ำเขา้ ในและสง่ ออกนอกราชอาณาจักร ฉบับละ ๑,๒๕๐
(ง) ภายในราชอาณาจักร ฉบับละ
(จ) ภายในจงั หวดั ฉบบั ละ ๒๔๐
๕๐

คมู่ ือการใหค้ วามชว่ ยเหลือผูป้ ระสบภยั พบิ ตั ดิ า้ นการเกษตร 69


ลำ� ดับ รายการ ฉบับละ บาท หมายเหตุ
๔ ใบอนญุ าตขาย จำ� หนา่ ย จา่ ย แจก แลกเปลย่ี น หรือ ฉบบั ละ
มไี วเ้ พอื่ ขายซง่ึ นำ้� เชอ้ื สำ� หรบั ผสมพนั ธ์ุ เอม็ บรโิ อ หรอื เชือกละ ๒,๐๐๐
มพี อ่ พนั ธข์ุ องสตั วเ์ พอื่ ใหบ้ รกิ ารผสมพนั ธแ์ กส่ ตั วข์ อง ๕๐๐
บุคคลอน่ื โดยวธิ ีธรรมชาตติ ามมาตรา ๒๕ ตัวละ
(ก) ส่งออกนอกราชอาณาจกั ร ตวั ละ ๑,๒๕๐
(ข) ภายในราชอาณาจักร ตวั ละ ๒๕๐
๕ ใบอนญุ าตน�ำสัตว์เขา้ มาในราชอาณาจักร ตัวละ ๕๐๐
(ก) ชา้ ง ตัวละ ๕๐ ในกรณีที่ไม่สะดวกใน
(ข) ม้า โค กระบอื ลา ลอ่ แพะ แกะ สุกร โดสละ ๒๕ การนบั จ�ำนวนใหค้ ิดเปน็
(ค) สนุ ขั แมว กระตา่ ย ลิง ชะนี ตัวละ ๒๐๐ กโิ ลกรมั ละ ๒๐๐ บาท
(ง) นกกระจอกเทศ นกอีมู ฟองละ ๑๐
(จ) ไก่ เปด็ หา่ น และสัตว์ปกี ชนิดอน่ื ฟองละ ๑๐๐
(ฉ) สัตว์ชนดิ อนื่ เชอื กละ ๒๕๐
(ช) นำ�้ เชอ้ื ส�ำหรับผสมพันธุ์ ตัวละ ๒๕
(ซ) เอ็มบริโอ ตัวละ
(ฌ) ไขน่ กกระจอกเทศ ไขน่ กอมี ู สำ� หรบั ใช้ทำ� พนั ธุ์ ตัวละ ๒๕๐,๐๐๐
(ญ) ไข่สำ� หรบั ใช้ทำ� พันธุ์ ตัวละ ๒๐๐
๖ ใบอนุญาตน�ำสัตว์ออกนอกราชอาณาจกั ร ตวั ละ ๒๕๐
(ก) ชา้ ง โดสละ ๒๕๐ ในกรณที ี่ไม่สะดวกใน
(ข) ม้า โค กระบือ ลา ลอ่ แพะ แกะ สกุ ร ตวั ละ ๒๕ การนับจ�ำนวนให้คดิ เปน็
(ค) สุนขั แมว กระตา่ ย ลงิ ชะนี ฟองละ ๕๐๐ กโิ ลกรัมละ ๕๐๐ บาท
(ง) นกกระจอกเทศ นกอีมู ฟองละ ๕
(จ) ไก่ เป็ด หา่ น และสตั วป์ ีกชนิดอ่นื ๕๐
(ฉ) สัตวช์ นดิ อื่น ๒๕
(ช) น้�ำเชอื้ สำ� หรับผสมพนั ธุ์ ๑๐
(ซ) เอม็ บรโิ อ
(ฌ) ไขน่ กกระจอกเทศ ไขน่ กอีมู ส�ำหรับใชท้ �ำพนั ธุ์
(ญ) ไขส่ ำ� หรับใช้ท�ำพนั ธ์ุ

70 ค่มู อื การให้ความชว่ ยเหลอื ผูป้ ระสบภัยพิบัตดิ า้ นการเกษตร


ล�ำดับ รายการ บาท หมายเหตุ

๗ ใบอนุญาตนำ� สัตวผ์ ่านราชอาณาจักร เชอื กละ ๑๐๐,๐๐๐
(ก) ช้าง ตวั ละ ๕๐๐
(ข) มา้ โค กระบอื ลา ลอ่ แพะ แกะ สกุ ร ตัวละ ๒๕๐
(ค) สุนขั แมว กระต่าย ลิง ชะนี ตัวละ ๑๒๕ ในกรณีทไ่ี ม่สะดวกใน
(ง) นกกระจอกเทศ นกอีมู ตวั ละ ๒๕ การนบั จำ� นวนให้คิดเปน็
(จ) ไก่ เปด็ หา่ น และสัตว์ปีกชนดิ อน่ื ตัวละ ๒๕๐ กิโลกรัมละ ๒๕๐ บาท
(ฉ) สตั วช์ นดิ อ่ืน โดสละ ๒๕
(ช) น�ำ้ เชอ้ื สำ� หรับผสมพันธ์ุ ตัวละ ๑๐๐
(ซ) เอ็มบรโิ อ ฟองละ ๒๕
(ฌ) ไข่นกกระจอกเทศ ไขน่ กอมี ู สำ� หรบั ใช้ทำ� พันธ์ุ ฟองละ ๕
(ญ) ไขส่ �ำหรับใช้ท�ำพนั ธ์ุ

๘ ใบอนญุ าตน�ำซากสัตวเ์ ขา้ มาในราชอาณาจักร กโิ ลกรัมละ ๗
(ก) ซากสตั ว์เพอ่ื การบริโภคของคนหรือสัตว์ กโิ ลกรัมละ ๓
(ข) ซากสัตวท์ ีไ่ ม่ใช่เพ่ือการบริโภค

๙ ใบอนญุ าตนำ� ซากสัตวอ์ อกนอกราชอาณาจกั ร กิโลกรมั ละ ๕
(ก) ซากสตั ว์เพ่ือการบรโิ ภคของคนหรือสัตว์ กิโลกรัมละ ๒
(ข) ซากสัตว์ทีไ่ ม่ใช่เพื่อการบรโิ ภค

๑๐ ใบอนญุ าตนิ ำ� ซากสตั ว์ผา่ นราชอาณาจักร กิโลกรัมละ ๒

๑๑ ใบแทนใบอนุญาตตามมาตรา ๒๔ หรอื มาตรา ๒๕ ฉบับละ ๒๐

๑๒ การตอ่ อายใุ บอนญุ าตตามมาตรา ๒๔ หรอื มาตรา ๒๕ ครั้งละ เทา่ กบั คา่ ธรรมเนยี มสำ� หรบั ใบอนญุ าตนน้ั

๑๓ การโอนใบอนุญาตตามมาตรา ๒๔ หรอื มาตรา ๒๕ ครง้ั ละ ๑๐๐

๑๔ การเปล่ียนแปลงแก้ไขรายการในใบอนุญาตตาม ๑๐๐
มาตรา ๒๔ หรือมาตรา ๒๕ ครั้งละ

๑๕ ค่าทำ� ลายเชอ้ื โรคผ่านด่านกกั กันสตั ว์ ตวั ละ ๕๐ ในกรณีทีไ่ ม่สะดวกใน
(ก) สัตว์ กโิ ลกรัมละ การนบั จ�ำนวนใหค้ ิดเปน็
(ข) ซากสตั ว์ กิโลกรัมละ ๕๐ บาท



คมู่ ือการให้ความชว่ ยเหลือผู้ประสบภัยพิบตั ิดา้ นการเกษตร 71


ล�ำดับ รายการ เชือกละ บาท หมายเหตุ
๑๖ คา่ ทพ่ี ักสตั ว์ที่นำ� เขา้ มาหรือสง่ ออกไปนอก ตวั ละ
ตวั ละ ๕,๐๐๐
ราชอาณาจกั ร ตัวละ ๑๐๐ ในกรณที ่ีไม่สะดวกใน
(ก) ช้าง ตัวละ ๔๐ การนบั จำ� นวนใหค้ ิดเปน็
(ข) ม้า โค กระบอื ตวั ละ
(ค) สกุ ร ตวั ละ ๑,๐๐๐ กโิ ลกรัมละ ๕๐๐ บาท
(ง) สนุ ัข แมว ๕๐
(จ) แพะ แกะ กิโลกรัมละ ๕
(ฉ) ไก่ เป็ด ห่าน และสตั วป์ ีกชนดิ อื่นๆ กโิ ลกรมั ละ ๕๐๐
(ช) สตั วช์ นดิ อนื่ ๆ กิโลกรัมละ
๑๗ คา่ ทพี่ ักซากสัตวท์ น่ี �ำเขา้ มาในหรอื สง่ ออกไปนอก กโิ ลกรมั ละ ๕
ราชอาณาจักร ๓
(ก) โค กระบือ สกุ ร ฉบับละ ๓
(ข) แพะ แกะ ๕
(ค) ไก่ เป็ด ห่าน และสตั วป์ ีกชนิดอนื่ ๆ ๑๐
(ง) สตั ว์ชนดิ อืน่ ๆ
๑๘ ค�ำขออืน่ ๆ

ขอ้ ๒ ในการค�ำนวณนำ้� หนกั ของสัตว์หรอื ซากสตั วต์ ามข้อ ๑ ถ้ามีเศษของกิโลกรัมต้งั แต่ ๕๐๐ กรมั ข้นึ ไป
ให้คดิ เปน็ ๑ กิโลกรมั ถา้ ไม่ถึง ๕๐๐ กรัมให้ปดั ทิ้ง

ขอ้ ๓ ให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตน�ำสัตว์เข้ามาในราชอาณาจักรหรือใบอนุญาตน�ำซากสัตว์
เขา้ มาในราชอาณาจักร สำ� หรบั สัตวห์ รือซากสตั ว์ ดังต่อไปน้ี

(๑) ชา้ งทอ่ี อกนอกราชอาณาจกั รและนำ� กลบั เขา้ มาในราชอาณาจกั รภายในกำ� หนดเวลาไมเ่ กนิ
สามรอ้ ยหกสิบหา้ วนั

(๒) สัตว์ท่ีน�ำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อการผสมพันธุ์ซึ่งมีใบรับรองพันธุ์ประวัติหรือสายพันธุ์
(pedigree) ซ่ึงสัตวแพทย์ประจ�ำด่านกักกันสัตว์เห็นว่าเหมาะสมส�ำหรับการผสมพันธุ์
ส�ำหรับไข่ของสัตว์ปีกส�ำหรับใช้ท�ำพันธุ์นั้นจะต้องน�ำเข้ามาใช้ฟักเป็นพ่อแม่พันธุ์ (parent
stock) หรือปู่ย่าพันธุ์ (grand parent stock) เท่านั้น ท้ังนี้ ไม่รวมถึงไข่ฟักปลอดเชื้อ
(specific pathogen free eggs)

(๓) สัตว์ทเี่ จ้าของน�ำข้ามแดนไปมาเพื่อใช้แรงงาน บรรทกุ สิ่งของ ขบั ขี่ หรอื นำ� ไปเลยี้ งเป็นครั้ง
คราวระหวา่ งต�ำบลชายแดน

(๔) สตั ว์หรือซากสตั ว์ท่ีเจ้าของนำ� เขา้ มาในราชอาณาจักรเน่ืองจากการอพยพครอบครัว
(๕) สัตว์หรือซากสัตว์ที่เจ้าของน�ำหลบหนีภัยจากการสู้รบเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการ

ชวั่ คราว

72 ค่มู อื การใหค้ วามชว่ ยเหลอื ผู้ประสบภยั พิบตั ิด้านการเกษตร


(๖) การนำ� เข้ามาในราชอาณาจกั รซึง่ สตั ว์หรือซากสัตวข์ องพระมหากษตั ริยห์ รอื ทางราชการ
(๗) สัตว์หรือซากสัตว์ที่น�ำเข้ามาในราชอาณาจักรเพ่ือใช้เป็นอาหารประจ�ำยานพาหนะ

ตามสมควร
(๘) สตั ว์หรอื ซากสตั วท์ ีน่ �ำตดิ ตวั เขา้ มาในราชอาณาจักรเพื่อใชเ้ ป็นอาหารตามสมควร
(๙) สัตว์หรือซากสัตว์ที่น�ำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยการรับบริจาคจากต่างประเทศเพ่ือช่วย

เหลือบรรเทาทกุ ขผ์ ู้ประสบเหตภุ ัยพบิ ัติ
(๑๐) สตั วห์ รอื ซากสตั วท์ น่ี ำ� เขา้ มาในราชอาณาจกั รเพอื่ การศกึ ษาวจิ ยั ทางวชิ าการตามหลกั เกณฑ์

วิธีการ และเงือ่ นไขท่ีอธบิ ดปี ระกาศก�ำหนด
(๑๑) ไขข่ องสัตว์ปกี เพอื่ การบริโภคท่นี �ำเข้ามาในราชอาณาจกั ร
(๑๒) โค กระบือ ท่ีนำ� เข้ามาในราชอาณาจักรตามแนวชายแดนจากประเทศที่มีอาณาเขตติดต่อ

กับราชอาณาจักรไทย
(๑๓) ผึง้ และซากของผง้ึ ทีน่ �ำเข้ามาในราชอาณาจักร
(๑๔) ซากสัตว์ท่ีผลิตในราชอาณาจักร เมื่อส่งออกไปนอกราชอาณาจักรแล้วไม่สามารถน�ำเข้า

ประเทศผรู้ ับซอ้ื ไดแ้ ละมีความจำ� เป็นต้องนำ� กลับเข้ามาในราชอาณาจักร
(๑๕) หนงั โค กระบอื และสกุ ร ทนี่ ำ� เขา้ มาในราชอาณาจกั รโดยไมไ่ ดม้ วี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอื่ การบรโิ ภค
(๑๖) เคร่ืองในสัตว์ที่น�ำเข้ามาในราชอาณาจักรส�ำหรับใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตอาหารสัตว์

เพือ่ การส่งออกไปจ�ำหนา่ ยนอกราชอาณาจกั ร
(๑๗) ไขมันสุกรแข็ง (back fat) ไส้แกะ และไส้สุกรที่น�ำเข้ามาในราชอาณาจักรส�ำหรับใช้

ในอตุ สาหกรรมการผลติ อาหารเพอ่ื การส่งออก ไปจ�ำหน่ายนอกราชอาณาจกั ร
(๑๘) กระดกู (bone and cartilage) โค กระบอื แพะ แกะ และสกุ ร ทน่ี �ำเข้ามาในราชอาณาจักร
(๑๙) ขนแกะท�ำความสะอาดขน้ั ต้นแล้ว (scoured wool) ทีน่ �ำเขา้ มาในราชอาณาจกั ร
(๒๐) การน�ำเข้ามาในราชอาณาจักรซ่งึ สัตว์และซากสตั วท์ ่ีอยใู่ นการควบคมุ ดแู ลของกรมประมง
ข้อ ๔ ใหย้ กเวน้ คา่ ธรรมเนยี มใบอนญุ าตนำ� สตั วอ์ อกนอกราชอาณาจกั รหรอื ใบอนญุ าตนำ� ซากสตั วอ์ อก
นอกราชอาณาจกั ร สำ� หรับสตั ว์หรือซากสตั ว์ ดงั ต่อไปนี้
(๑) ช้างท่ีน�ำออกนอกราชอาณาจักรไม่เกินสามร้อยหกสิบห้าวันและน�ำกลับเข้ามาในราช

อาณาจกั ร ภายในก�ำหนดระยะเวลานั้น โดยการค�ำนวณระยะเวลาดงั กล่าวใหย้ ึดถอื เอาวนั
ท่ีอธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายออกใบอนุญาตน�ำสัตว์ออกนอกราชอาณาจักรจนถึงวันท่ี
ออกใบอนุญาตนำ� สตั วเ์ ขา้ มาในราชอาณาจกั รเปน็ ส�ำคญั
สตั วแพทยป์ ระจำ� ดา่ นกกั กนั สตั วม์ อี ำ� นาจเรยี กเกบ็ คา่ ธรรมเนยี มใบอนญุ าตนำ� สตั วอ์ อกนอกราชอาณาจกั ร
จากเจา้ ของชา้ งเพ่ือเปน็ หลักประกันได้ ในกรณีที่เจ้าของชา้ งน�ำช้างกลบั เข้ามาในราชอาณาจกั รไดท้ ันก�ำหนดระยะเวลา
ตามวรรคหนึ่ง ให้เจ้าของช้างยืน่ เรอ่ื งขอรับคนื หลกั ประกนั ท้ังนี้ การเกบ็ รกั ษาและการคืนหลกั ประกนั ใหเ้ ป็นไปตามท่ี
อธบิ ดีประกาศก�ำหนด
(๒) สัตว์ท่ีเจ้าของน�ำข้ามแดนไปมาเพื่อใช้แรงงาน บรรทุกส่ิงของ ขับข่ี หรือน�ำไปเล้ียงเป็น
คร้งั คราวระหวา่ งตำ� บลชายแดน

คมู่ ือการให้ความชว่ ยเหลอื ผู้ประสบภยั พบิ ัติด้านการเกษตร 73


(๓) สตั วห์ รอื ซากสัตว์ทเ่ี จ้าของน�ำออกนอกราชอาณาจักรเน่อื งจากการอพยพครอบครวั
(๔) สัตว์หรือซากสัตว์ที่เจ้าของน�ำหลบหนีภัยจากการสู้รบเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการ

ช่ัวคราวและนำ� ออกนอกราชอาณาจกั ร
(๕) การนำ� ออกนอกราชอาณาจกั รซงึ่ สตั วห์ รอื ซากสตั วข์ องพระมหากษตั รยิ ห์ รอื ของทางราชการ
(๖) สัตว์หรือซากสัตว์ท่ีน�ำออกนอกราชอาณาจักรเพื่อใช้เป็นอาหารประจ�ำยานพาหนะตาม

สมควร
(๗) สตั วห์ รอื ซากสตั วท์ นี่ ำ� ออกนอกในราชอาณาจกั รเพอื่ ชว่ ยเหลอื บรรเทาทกุ ขผ์ ปู้ ระสบภยั พบิ ตั ิ

ในต่างประเทศ
(๘) สุกร สัตวป์ ีก และซากสัตว์ดังกลา่ วทส่ี ่งออกไปนอกราชอาณาจักร
(๙) กระดกู โคและกระบือ บดแตกแชก่ รดตากแหง้ (ossein) ทสี่ ่งออกไปนอกราชอาณาจกั ร
(๑๐) หนังโคและกระบอื ทีส่ ่งออกไปนอกราชอาณาจกั ร
(๑๑) สตั ว์หรอื ซากสัตว์ทีต่ ้องถกู สง่ กลับไปยังประเทศต้นทางตามมาตรา ๔๒ (๑)
(๑๒) ไข่ของสตั ว์ปีกเพอื่ การบรโิ ภคท่นี ำ� ออกนอกราชอาณาจกั ร
(๑๓) ผึง้ และซากของผ้ึงท่ีน�ำออกนอกราชอาณาจักร
(๑๔) การสง่ ออกไปนอกราชอาณาจกั รซงึ่ สตั วแ์ ละซากสตั วท์ อี่ ยใู่ นการควบคมุ ดแู ลของกรมประมง
ขอ้ ๕ ให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตน�ำสัตว์ผ่านราชอาณาจักรหรือใบอนุญาตน�ำซากสัตว์ผ่านเข้า
มาในราชอาณาจักร ส�ำหรับสัตว์หรือซากสัตว์ ดังตอ่ ไปนี้
(๑) สตั ว์หรือซากสตั วท์ เี่ จ้าของนำ� ผา่ นราชอาณาจักรเนอ่ื งจากการอพยพครอบครัว
(๒) สตั วห์ รอื ซากสตั วท์ น่ี ำ� ผา่ นราชอาณาจกั รเพอื่ ใชเ้ ปน็ อาหารประจำ� ยานพาหนะทน่ี ำ� ผา่ นราช

อาณาจักรตามสมควร
(๓) สตั วห์ รอื ซากสตั วท์ นี่ ำ� ผา่ นราชอาณาจกั รเพอื่ ชว่ ยเหลอื บรรเทาทกุ ขผ์ ปู้ ระสบภยั พบิ ตั ใิ นตา่ ง

ประเทศ
(๔) สัตว์หรอื ซากสัตวท์ ต่ี ้องถูกส่งกลบั ไปยังประเทศตน้ ทางตามมาตรา ๔๒ (๑)
(๕) การน�ำผ่านราชอาณาจกั รซ่ึงสตั วแ์ ละซากสตั ว์ท่อี ยใู่ นการควบคุมดูแลของกรมประมง
ขอ้ ๖ ใหย้ กเว้นคา่ ธรรมเนียมการทำ� ลายเชอ้ื โรคผ่านดา่ นกกั กนั สตั ว์

ให้ไว้ ณ วันท่ี ๒๘ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๙
พลเอก ฉัตรชยั สาริกลั ยะ

รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

74 คมู่ ือการให้ความชว่ ยเหลือผปู้ ระสบภัยพบิ ัตดิ า้ นการเกษตร


พระราชบัญญตั กิ ักพืช พ.ศ. ๒๕๐๗
แกไ้ ขเพ่ิมเติมโดย พระราชบญั ญัติกกั พืช (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๒

และพระราชบญั ญัตกิ ักพชื (ฉบับท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๕๑

ภูมพิ ลอดุลยเดช ป.ร.
ใหไ้ ว้ ณ วนั ท่ี ๑๓ มีนาคม ๒๕๐๗
เปน็ ปีท่ี ๑๙ ในรัชกาลปัจจบุ นั

---------------------------------------

พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช มพี ระบรมราชโองการโปรดเกลา้ ฯ ใหป้ ระกาศว่า
โดยท่ีเปน็ การสมควรมกี ฎหมายวา่ ด้วยการกกั พชื
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติข้ึนไว้โดยค�ำแนะน�ำและยินยอมของ
สภาร่างรฐั ธรรมนูญในฐานะรัฐสภาดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชบัญญตั นิ ี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติกกั พืช พ.ศ. ๒๕๐๗”
มาตรา ๒ พระราชบญั ญตั นิ ใ้ี หใ้ ชบ้ งั คบั เมอ่ื พน้ กำ� หนดเกา้ สบิ วนั นบั แตว่ นั ทป่ี ระกาศในราชกจิ จานเุ บกษา
เป็นต้นไป
มาตรา ๓ ให้ยกเลกิ พระราชบัญญตั ปิ ้องกันโรคและศตั รูพืช พ.ศ. ๒๔๙๕
(มาตรา ๔ ถูกยกเลิกโดยมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติกักพืช (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๒ และ
ใหใ้ ชค้ วามต่อไปน้ีแทน)
มาตรา ๔ ในพระราชบญั ญัตนิ ้ี
“พืช” หมายความวา่ พันธ์พุ ืชทุกชนิดทั้งพืชบก พืชน�ำ้ และพืชประเภทอนื่ รวมทงั้ สว่ นหนึง่ สว่ นใดของพืช
เชน่ ตน้ ตา ตอ แขนง หนอ่ กง่ิ ใบ ราก เหงา้ หวั ดอก ผล เมลด็ เช้อื และสปอร์ของเหด็ ไม่ว่าทย่ี งั ทำ� พันธไ์ุ ด้หรอื ตายแล้ว
และใหห้ มายความรวมถงึ ตัวหำ้� ตัวเบยี น ตวั ไหม ไขไ่ หม รังไหม ผึง้ รังผึง้ และจลุ ินทรยี ์ด้วย
“พชื ควบคุม” หมายความว่า พชื ท่รี ฐั มนตรีประกาศกำ� หนดในราชกิจจานุเบกษาให้เป็นพืชควบคุม
(“พชื ควบคมุ เฉพาะ” เพิ่มโดยมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติกกั พืช (ฉบบั ท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๕๑ ดงั นี้)
“พืชควบคุมเฉพาะ” หมายความว่า พืชท่ีรัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้เป็นพืชท่ีต้องมีการ
ก�ำหนดมาตรการในการควบคุมและตรวจสอบเชื้อจุลินทรีย์หรือส่ิงอ่ืนใดที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์ตาม
ขอ้ กำ� หนดของประเทศผนู้ ำ� เข้าก่อนสง่ ออกไปนอกราชอาณาจักร

คมู่ ือการใหค้ วามช่วยเหลอื ผปู้ ระสบภัยพบิ ัติดา้ นการเกษตร 75


“เชื้อพันธุ์พืช” หมายความว่า กลุ่มเซลล์ที่มีหน่วยพันธุกรรมหลากหลายซึ่งถ่ายทอดได้ท่ีรวมตัวกันเป็น
ชิ้นส่วนของพืชที่ยังมีชีวิตและขยายพันธุ์ได้ ไม่ว่าจะอยู่ในรูปของเมล็ด เนื้อเย่ือหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของพืช และให้
หมายความรวมถงึ สารพนั ธกุ รรม ซง่ึ สามารถถา่ ยทอดลกั ษณะทสี่ ารพนั ธกุ รรมนนั้ ควบคมุ อยไู่ ด้ ทงั้ นี้ เฉพาะทใ่ี ชป้ ระโยชน์
ในการปรบั ปรงุ พนั ธ์ุ

“ดิน” หมายความว่า ดนิ ชนดิ ทีม่ ีอินทรยี ว์ ัตถหุ รือเปน็ ท่อี าศยั ของศตั รพู ชื ได้
“ศตั รพู ชื ” หมายความว่า สิง่ ซึง่ เป็นอนั ตรายแก่พชื เชน่ เช้ือโรคพืช แมลง สตั วห์ รือพืชทอี่ าจกอ่ ใหเ้ กดิ
ความเสียหายแก่พชื
“พาหะ” หมายความวา่ เครือ่ งปลูก ดิน ทราย ภาชนะ หรอื สิ่งอืน่ ทใ่ี ชห้ ่อห้มุ มาพร้อมกับพชื ปยุ๋ อนิ ทรยี ์
หรอื สง่ิ อืน่ ใดท่อี าจเปน็ สอื่ นำ� ศตั รูพชื
“ส่ิงต้องห้าม” หมายความว่า พืช ศัตรูพืชและพาหะที่รัฐมนตรีประกาศก�ำหนดในราชกิจจานุเบกษา
ใหเ้ ปน็ สิ่งตอ้ งห้าม
“สิ่งก�ำกัด” หมายความว่า พืช ศัตรูพืชและพาหะที่รัฐมนตรีประกาศก�ำหนดในราชกิจจานุเบกษา
ใหเ้ ป็นส่ิงกำ� กัด
“สิ่งไมต่ อ้ งหา้ ม” หมายความว่า พชื อยา่ งอื่นที่ไมเ่ ปน็ สง่ิ ต้องหา้ มหรอื สิง่ ก�ำกัด
“เจ้าของ” หมายความรวมถึง ตัวแทนเจ้าของ ผู้ครอบครองสิ่งของและผู้ควบคุมยานพาหนะขนส่ง
ส่งิ ของนั้นด้วย
(“การวิเคราะห์ความเสี่ยงศัตรูพืช” เพิ่มโดยมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติกักพืช (ฉบับท่ี ๓)
พ.ศ. ๒๕๕๑ ดังน)้ี
“การวิเคราะห์ความเสี่ยงศัตรูพืช” หมายความว่า กระบวนการประเมินหลักฐานด้านชีววิทยา หรือ
ด้านวิทยาศาสตรอ์ ่ืน และด้านเศรษฐกจิ เพ่อื บ่งช้วี า่ ศตั รูพืชชนิดใดควรจะต้องมีการควบคมุ และระดับความเข้มงวดของ
มาตรการสุขอนามัยพชื ทีจ่ ะน�ำมาใช้ในการควบคุมศตั รพู ืชชนิดน้นั
“นำ� เขา้ ” หมายความวา่ นำ� หรอื สงั่ ใหส้ ่งเขา้ มาในราชอาณาจกั รไม่ว่าด้วยวิธีใดๆ
(“นำ� ผา่ น” ถกู ยกเลกิ โดยมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติกกั พชื (ฉบับท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๕๑ และให้ใชค้ วาม
ตอ่ ไปน้แี ทน)
“นำ� ผา่ น” หมายความวา่ นำ� หรอื สง่ ผา่ นราชอาณาจกั รไมว่ า่ จะมกี ารเปลย่ี นถา่ ยยานพาหนะหรอื ไมก่ ต็ าม
“สง่ ออก” หมายความวา่ นำ� หรือส่งออกไปนอกราชอาณาจกั รไมว่ ่าดว้ ยวธิ ีใด ๆ
“ด่านตรวจพืช” หมายความว่า ด่านตามที่รัฐมนตรีประกาศก�ำหนดในราชกิจจานุเบกษาเพ่ือตรวจพืช
สง่ิ ตอ้ งห้าม สงิ่ ก�ำกัด และเชือ้ พันธุ์พืชที่น�ำเข้าหรือนำ� ผา่ น
“สถานกักพืช” หมายความว่า สถานท่ีท่ีรัฐมนตรีประกาศก�ำหนดในราชกิจจานุเบกษาให้เป็นที่ส�ำหรับ
กักพชื สิ่งต้องหา้ ม ส่ิงกำ� กดั และเช้ือพนั ธพ์ุ ชื เพ่อื สังเกตตรวจสอบและวิจยั
“เขตควบคมุ ศตั รพู ชื ” หมายความวา่ ทอ้ งทท่ี อี่ ธบิ ดปี ระกาศกำ� หนดในราชกจิ จานเุ บกษาใหเ้ ปน็ เขตปอ้ งกนั
หรือกำ� จัดศตั รูพืช
(“ใบรบั รองสุขอนามยั พชื ” เพ่ิมโดยมาตรา ๖ แห่งพระราชบญั ญตั ิกักพืช (ฉบบั ท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๕๑ ดังนี้)
“ใบรับรองสุขอนามัยพืช” หมายความว่า หนังสือส�ำคัญที่ออกโดยหน่วยงานผู้มีอ�ำนาจของประเทศ
ทสี่ ง่ ออกซงึ่ พชื เชอ้ื พนั ธพ์ุ ชื หรอื พาหะเพอ่ื รบั รองวา่ พชื เชอ้ื พนั ธพ์ุ ชื หรอื พาหะทสี่ ง่ ออกปลอดจากศตั รพู ชื ตามขอ้ กำ� หนด
ของประเทศผูน้ �ำเข้า
(“ใบรับรองสุขอนามัยพืชส�ำหรับการส่งต่อ” เพ่ิมโดยมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติกักพืช (ฉบับท่ี ๓)
พ.ศ. ๒๕๕๑ ดังน้ี)

76 คู่มือการให้ความชว่ ยเหลอื ผปู้ ระสบภยั พบิ ัติด้านการเกษตร


“ใบรบั รองสขุ อนามยั พชื สำ� หรบั การสง่ ตอ่ ” หมายความวา่ หนงั สอื สำ� คญั ทอ่ี อกโดยหนว่ ยงานผมู้ อี ำ� นาจ
ของประเทศท่ีส่งออกซ่ึงพืช เชื้อพันธุ์พืช หรือพาหะเพ่ือรับรองว่าพืช เชื้อพันธุ์พืช หรือพาหะท่ีได้น�ำหรือส่งเข้ามา
ในราชอาณาจกั ร และถูกส่งตอ่ ไปประเทศอ่นื ปลอดจากศัตรูพืชของประเทศไทยตามขอ้ กำ� หนดของประเทศผ้นู �ำเข้า

(“ใบรบั รองสุขอนามยั ” เพ่มิ โดยมาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัตกิ กั พืช (ฉบบั ท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๕๑ ดงั นี้)
“ใบรับรองสุขอนามยั ” หมายความวา่ หนงั สอื ส�ำคญั ท่อี อกโดยหนว่ ยงานผู้มีอำ� นาจของประเทศท่สี ่งออก
พชื ควบคมุ เฉพาะเพอื่ รบั รองวา่ พชื ควบคมุ เฉพาะทสี่ ง่ ออกปลอดจากเชอ้ื จลุ นิ ทรยี ห์ รอื สง่ิ อน่ื ใดทเี่ ปน็ อนั ตรายตอ่ สขุ ภาพ
ของมนุษย์ตามขอ้ ก�ำหนดของประเทศผ้นู �ำเขา้
“คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการกกั พชื
“อธิบด”ี หมายความว่า อธิบดีกรมวิชาการเกษตร
“พนักงานเจ้าหนา้ ที”่ หมายความวา่ อธบิ ดแี ละผซู้ งึ่ รัฐมนตรแี ต่งต้ังให้ปฏบิ ัตกิ ารตามพระราชบญั ญตั ิน้ี
“รัฐมนตร”ี หมายความว่า รฐั มนตรผี ้รู ักษาการตามพระราชบญั ญัติน้ี
มาตรา ๕ พนักงานเจ้าหน้าท่ีต้องมีบัตรประจ�ำตัวตามแบบที่ก�ำหนดในกฎกระทรวงและในการปฏิบัติ
ตามความในพระราชบัญญัติน้ี ต้องแสดงบตั รประจ�ำตัวเมื่อบคุ คลที่เก่ียวขอ้ รอ้ งขอ
(ความในมาตรา ๕ ทวิ เพม่ิ โดยมาตรา ๔ แห่งพระราชบญั ญตั ิกักพืช (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๒ ดงั น)ี้
มาตรา ๕ ทวิ ให้มคี ณะกรรมการคณะหนึ่งเรยี กวา่ “คณะกรรมการกักพืช” ประกอบด้วยปลัดกระทรวง
เกษตรและสหกรณ์เป็นประธานกรรมการ อธิบดีกรมประมงหรือผแู้ ทน อธิบดกี รมปศุสตั วห์ รือผูแ้ ทน อธิบดีกรมปา่ ไม้
หรือผแู้ ทน อธิบดกี รมวชิ าการเกษตรหรอื ผแู้ ทน อธิบดกี รมศุลกากรหรือผ้แู ทน อธบิ ดีกรมสง่ เสรมิ การเกษตรหรือผูแ้ ทน
เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดหรือผู้แทน ผู้อ�ำนวยการท่าเรือแห่งประเทศไทยหรือผู้แทน
ผู้ว่าการการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยหรือผู้แทน ผู้ว่าการการส่ือสารแห่งประเทศไทยหรือผู้แทน ผู้อ�ำนวยการ
ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติหรือผู้แทน ผู้แทนกระทรวงพาณิชย์และผู้แทนกระทรวงมหาดไทย
แห่งละหนึ่งคน และผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งอีกไม่เกินส่ีคน เป็นกรรมการ และให้ผู้อ�ำนวยการกองควบคุมพืช
และวัสดุการเกษตร กรมวิชาการเกษตร เปน็ กรรมการและเลขานกุ าร
ให้กรมวิชาการเกษตรท�ำหน้าที่ปฏิบัติงานเกี่ยวกับงานวิชาการ งานธุรการ และด�ำเนินงานตามมติของ
คณะกรรมการให้แก่คณะกรรมการ
(ความในมาตรา ๕ ตรี เพิม่ โดยมาตรา ๔ แหง่ พระราชบญั ญตั ิกกั พชื (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๒ ดังนี้)
มาตรา ๕ ตรี กรรมการผูท้ รงคณุ วฒุ ิมีวาระอยูใ่ นตำ� แหนง่ คราวละสองปี แตอ่ าจไดร้ ับแตง่ ต้งั อกี ได้
ในกรณีท่ีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากต�ำแหน่งก่อนวาระหรือในกรณีท่ีรัฐมนตรีแต่งต้ังกรรมการผู้ทรง
คณุ วฒุ เิ พม่ิ ขนึ้ ในระหวา่ งทกี่ รรมการซง่ึ แตง่ ตงั้ ไวแ้ ลว้ ยงั มวี าระอยใู่ นตำ� แหนง่ ใหผ้ ไู้ ดร้ บั ตำ� แหนง่ ใหด้ ำ� รงตำ� แหนง่ แทนหรอื
ให้เป็นกรรมการผทู้ รงคุณวุฒเิ พิ่มขึ้นอยู่ในต�ำแหนง่ เทา่ กับวาระท่ีเหลืออยู่ของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒซิ ง่ึ ไดแ้ ต่งตง้ั ไวแ้ ลว้
(ความในมาตรา ๕ จัตวา เพิ่มโดยมาตรา ๔ แหง่ พระราชบญั ญัติกักพชื (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๒ ดังน้ี)
มาตรา ๕ จตั วา นอกจากการพน้ จากตำ� แหนง่ ตามวาระตามมาตรา ๕ ตรี กรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ ซิ ง่ึ รฐั มนตรี
แตง่ ต้ังพ้นจากต�ำแหน่งเม่ือ

(๑) ตาย
(๒) ลาออก
(๓) รฐั มนตรีใหอ้ อก

คมู่ ือการให้ความชว่ ยเหลือผูป้ ระสบภยั พิบตั ดิ า้ นการเกษตร 77


(๔) เป็นคนไรค้ วามสามารถหรอื เสมือนไรค้ วามสามารถ
(๕) ได้รับโทษจ�ำคุกโดยค�ำพิพากษาถึงที่สุดให้จ�ำคุก เว้นแต่เป็นโทษส�ำหรับความผิดที่ได้

กระท�ำโดยประมาทหรือความผดิ ลหโุ ทษ
(ความในมาตรา ๕ เบญจ เพม่ิ โดยมาตรา ๔ แหง่ พระราชบัญญัตกิ กั พชื (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๒ ดังนี)้
มาตรา ๕ เบญจ ในการประชุมของคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่าก่ึงหนึ่งของ
กรรมการท้ังหมดจึงจะเป็นองค์ประชุม ถ้าประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้กรรมการ
ที่มาประชุมเลอื กกรรมการคนหนงึ่ เปน็ ประธานในทปี่ ระชมุ
การวินิจฉัยช้ีขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก กรรมการคนหนึ่งให้มีเสียงหน่ึงในการลงคะแนน
ถา้ คะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมออกเสยี งเพิม่ ขน้ึ อีกเสียงหนง่ึ เปน็ เสียงชีข้ าด
(ความในมาตรา ๕ ฉ เพ่ิมโดยมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญตั กิ ักพืช (ฉบบั ท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๒ ดงั น้ี)
(ความในมาตรา ๕ ฉ ถูกยกเลิกโดยมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติกักพืช (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๑
และใหใ้ ช้ความต่อไปนีแ้ ทน)
มาตรา ๕ ฉ ให้คณะกรรมการมีอำ� นาจหน้าทีด่ ังต่อไปนี้

(๑) ให้ค�ำแนะน�ำแก่รัฐมนตรีในการก�ำหนดชื่อพืช ศัตรูพืช หรือพาหะเป็นสิ่งต้องห้ามหรือ
สิ่งก�ำกัด และการก�ำหนดช่ือเช้ือพันธุ์พืชท่ีจะควบคุม การก�ำหนดพืชควบคุมและ
พืชควบคมุ เฉพาะ

(๒) ให้คำ� แนะนำ� แกร่ ัฐมนตรีในการกำ� หนดด่านตรวจพชื และสถานกักพชื
(๓) ให้ค�ำแนะน�ำแก่อธิบดีในการก�ำหนดกิจการที่สามารถน�ำเข้าหรือน�ำผ่านซึ่งส่ิงต้องห้าม

ได้ตามมาตรา ๘ (๒) และการกำ� หนดหลักเกณฑ์ วิธกี าร และเงื่อนไขในการนำ� เข้าหรอื
น�ำผา่ นซึง่ สง่ิ ตอ้ งห้าม เพอ่ื การคา้ หรือเพอื่ กจิ การอื่นตามมาตรา ๘ (๒)
(๔) ให้คำ� แนะนำ� แก่อธบิ ดีในการกำ� หนดหลักเกณฑ์ วธิ ีการ และเงือ่ นไข ในการนำ� เขา้ หรอื
น�ำผา่ นซงึ่ สงิ่ ตอ้ งหา้ ม หรือส่ิงกำ� กัดตามมาตรา ๑๐ และก�ำหนดค่าใชจ้ า่ ยในการตรวจ
สอบศัตรพู ชื และก�ำจดั ศตั รูพืช การขอใบรับรองสขุ อนามยั พชื หรือใบรบั รองสุขอนามัย
พชื ส�ำหรบั การสง่ ตอ่ และการออกใบรับรองตามมาตรา ๑๕
(๕) ให้ค�ำแนะน�ำแก่อธิบดีในการก�ำหนดค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบพืชควบคุมเฉพาะท่ีจะ
ส่งออกไปนอกราชอาณาจกั ร และหลักเกณฑ์ วธิ กี าร และเง่ือนไขการขอและการออก
ใบรับรองสุขอนามัยตามมาตรา ๑๕ ฉ
(๖) ให้ค�ำแนะน�ำแก่รฐั มนตรใี นการออกกฎกระทรวงตามพระราชบญั ญตั ินี้
(๗) เสนอแนะตอ่ รัฐมนตรหี รืออธิบดใี หม้ กี ารแกไ้ ขพระราชบัญญตั นิ ี้ กฎกระทรวง ระเบียบ
ประกาศ หรือหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการกักพืชตามพระราชบัญญัตินี้ หรือกฎหมายอ่ืน
ทีม่ ผี ลกระทบตอ่ การด�ำเนนิ การเพ่อื การกักพชื
(๘) ปฏิบัติการอ่ืนใดตามที่พระราชบัญญัติน้ีหรือกฎหมายอื่นก�ำหนดให้เป็นอ�ำนาจหน้าที่
ของคณะกรรมการ
(ความในมาตรา ๕ สัตต เพ่ิมโดยมาตรา ๔ แหง่ พระราชบญั ญตั ิกักพืช (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๒ ดงั นี)้

78 คู่มอื การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภยั พิบัตดิ ้านการเกษตร


มาตรา ๕ สัตต คณะกรรมการมีอ�ำนาจแต่งตั้งอนุกรรมการคณะหนึ่งหรือหลายคณะเพ่ือปฏิบัติการ
อย่างหน่ึงอย่างใดตามทค่ี ณะกรรมการมอบหมาย

ให้นำ� มาตรา ๕ เบญจ มาใชบ้ ังคบั แก่การประชมุ ของคณะอนุกรรมการโดยอนโุ ลม
(ความในมาตรา ๖ ถูกยกเลิกโดยมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติกักพืช (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๒
และใหใ้ ชค้ วามต่อไปนแี้ ทน)
(ความในวรรคหนึ่งของมาตรา ๖ ถูกยกเลิกโดยมาตรา ๘ แห่งพระราชบัญญัติกักพืช (ฉบับที่ ๓)
พ.ศ. ๒๕๕๑ และให้ใชค้ วามต่อไปน้ีแทน)
มาตรา ๖ เมื่อกรณีจ�ำเป็นจะต้องป้องกันศัตรูพืชชนิดใดมิให้ระบาดเข้ามาในราชอาณาจักร หรือ
เพื่อประโยชน์ในการป้องกันอันตรายที่อาจเกิดต่อสิ่งแวดล้อมหรือสุขภาพของมนุษย์ ให้รัฐมนตรีโดยค�ำแนะน�ำของ
คณะกรรมการมอี ำ� นาจประกาศในราชกจิ จานเุ บกษากำ� หนดชอ่ื พชื ศตั รพู ชื หรอื พาหะเปน็ สง่ิ ตอ้ งหา้ มหรอื สง่ิ กำ� กดั ตาม
พระราชบัญญัตินี้ แล้วแต่กรณี โดยประกาศน้ันจะระบุชื่อพืช ศัตรูพืช หรือพาหะชนิดใดหรือแหล่งก�ำเนิดของพืช
ศัตรูพชื หรือพาหะดังกลา่ ว หรอื จะกำ� หนดขอ้ ยกเว้นหรอื เงื่อนไขใด ๆ ไว้ด้วยกไ็ ด้
ในการกำ� หนดเงอ่ื นไขเพอ่ื ปอ้ งกนั ศตั รพู ชื ชนดิ ใดโดยเฉพาะมใิ หร้ ะบาดเขา้ มาในราชอาณาจกั รนน้ั รฐั มนตรี
จะกำ� หนดใหผ้ เู้ ดนิ ทางมาจากแหลง่ ทมี่ ศี ตั รพู ชื ชนดิ นน้ั กำ� ลงั ระบาดอยแู่ จง้ ตอ่ พนกั งานเจา้ หนา้ ทต่ี ามแบบทอี่ ธบิ ดกี ำ� หนด
ไว้อีกดว้ ยก็ได้
สิ่งต้องห้ามหรือสิ่งก�ำกัดดังกล่าวในวรรคหนึ่ง เม่ือหมดความจ�ำเป็นแล้วให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เพิกถอนเสีย
(ความในมาตรา ๖ ทวิ เพ่มิ โดยมาตรา ๖ แห่งพระราชบญั ญัตกิ กั พชื (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๒ ดงั น)้ี
มาตรา ๖ ทวิ เพอ่ื ควบคมุ และปอ้ งกนั การระบาดของศตั รพู ชื ใหร้ ฐั มนตรโี ดยคำ� แนะนำ� ของคณะกรรมการ
มอี ำ� นาจประกาศในราชกจิ จานเุ บกษากำ� หนดชอื่ เช้อื พนั ธพุ์ ชื ท่ีจะควบคุม
(ความในวรรคสองมาตรา ๖ ทวิ ถกู ยกเลกิ โดยมาตรา ๙ แหง่ พระราชบญั ญตั กิ กั พชื (ฉบบั ท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๕๑
และใหใ้ ช้ความต่อไปนีแ้ ทน)
ห้ามมิให้ผู้ใดน�ำเข้าหรือส่งออกซ่ึงเช้ือพันธุ์พืชท่ีรัฐมนตรีประกาศตาม วรรคหน่ึง เว้นแต่จะได้รับอนุญาต
จากอธิบดี และในการนำ� เข้าต้องมีใบรบั รองสขุ อนามัยพืชกำ� กบั มาดว้ ย
การขออนญุ าตและการอนญุ าตตามวรรคสองใหเ้ ปน็ ไปตามหลกั เกณฑ์ วธิ กี าร และเงอื่ นไขทอี่ ธบิ ดกี ำ� หนด
(ความในมาตรา ๖ ตรี เพิ่มโดยมาตรา ๖ แหง่ พระราชบัญญตั กิ ักพืช (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๒ ดังนี้)
มาตรา ๖ ตรี ให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีมีอ�ำนาจเข้าไปในแหล่งปลูกพืช สถานที่รวบรวมหรือเก็บรักษา
เช้ือพันธพ์ุ ชื ท่ีรัฐมนตรีประกาศก�ำหนดตามมาตรา ๖ ทวิ วรรคหนึ่ง ในระหวา่ งพระอาทติ ย์ข้นึ และพระอาทติ ยต์ กหรอื
ในเวลาท�ำการ เพ่ือตรวจสอบและศึกษาการใช้ประโยชน์ของเชื้อพันธุ์พืช ในการนี้ให้มีอ�ำนาจสอบถามข้อเท็จจริงหรือ
เรยี กใบอนญุ าตหรือหลกั ฐานท่ีเก่ียวขอ้ งจากเจ้าของหรือผคู้ รอบครองแหล่งปลูกพชื หรือสถานทนี่ ้ันได้
(ความในมาตรา ๗ ถูกยกเลิกโดยมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติกักพืช (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๒
และให้ใช้ความต่อไปนแ้ี ทน)
มาตรา ๗ ให้รัฐมนตรีโดยค�ำแนะน�ำของคณะกรรมการมีอ�ำนาจประกาศในราชกิจจานุเบกษาก�ำหนด
ท่าเรือ ทา่ อากาศยาน หรือสถานท่แี ห่งใดอันมีเขตก�ำหนดเปน็ ด่านตรวจพชื หรอื สถานกกั พชื ก็ได้
(ความในมาตรา ๘ ถูกยกเลิกโดยมาตรา ๑๐ แห่งพระราชบัญญัติกักพืช (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๑
และให้ใชค้ วามตอ่ ไปนแ้ี ทน)

คู่มอื การใหค้ วามช่วยเหลือผปู้ ระสบภัยพิบตั ดิ ้านการเกษตร 79


มาตรา ๘ บคุ คลใดนำ� เขา้ หรอื นำ� ผา่ นซงึ่ สงิ่ ตอ้ งหา้ มตอ้ งไดร้ บั ใบอนญุ าตจากอธบิ ดี และตอ้ งปฏบิ ตั ดิ งั ตอ่ ไปน้ี
(๑) การน�ำเข้าหรือน�ำผ่านเพ่ือการทดลองหรือวิจัย ต้องมีใบรับรองสุขอนามัยพืชก�ำกับ
มาดว้ ย หรอื ในกรณกี ารนำ� เขา้ หรอื นำ� ผา่ นสงิ่ ตอ้ งหา้ มซง่ึ เปน็ ศตั รพู ชื หรอื พาหะทไ่ี มใ่ ชพ่ ชื
ต้องมีหนังสือรับรองส่ิงต้องห้ามของหน่วยงานผู้มีอ�ำนาจของประเทศ ที่ส่งออก
ซง่ึ สิ่งตอ้ งหา้ มนั้นกำ� กบั มาดว้ ย
(๒) การน�ำเข้าหรือน�ำผ่านเพ่ือการค้า หรือเพ่ือกิจการอ่ืนตามท่ีอธิบดีประกาศก�ำหนด
โดยคำ� แนะนำ� ของคณะกรรมการ จะตอ้ งมใี บรบั รองสขุ อนามยั พชื กำ� กบั มาดว้ ย และตอ้ ง
ผา่ นการวเิ คราะหค์ วามเสย่ี งศตั รพู ชื และตอ้ งปฏบิ ตั ติ ามหลกั เกณฑ์ วธิ กี าร และเงอื่ นไข
ทอี่ ธิบดีก�ำหนดโดยคำ� แนะน�ำของคณะกรรมการโดยประกาศในราชกิจจานเุ บกษา

(ความในมาตรา ๙ ถูกยกเลิกโดยมาตรา ๑๑ แห่งพระราชบัญญัติกักพืช (ฉบับท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๕๑
และให้ใช้ความต่อไปน้ีแทน)

มาตรา ๙ หา้ มมใิ หบ้ คุ คลใดนำ� เขา้ หรอื นำ� ผา่ นซง่ึ สง่ิ กำ� กดั เวน้ แตจ่ ะมใี บรบั รองสขุ อนามยั พชื กำ� กบั มาดว้ ย
(ความในมาตรา ๑๐ ถูกยกเลิกโดยมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติกักพืช (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๑
และให้ใชค้ วามตอ่ ไปนี้แทน)
มาตรา ๑๐ การนำ� เข้าหรอื น�ำผา่ นซ่งึ สงิ่ ตอ้ งหา้ มหรือสงิ่ ก�ำกัดน้นั จะตอ้ งนำ� เข้าหรอื น�ำผ่านทางด่านตรวจพชื
เพ่ือให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีตรวจ และต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขท่ีอธิบดีก�ำหนดโดยค�ำแนะน�ำของ
คณะกรรมการโดยประกาศในราชกิจจานเุ บกษา
(ความในมาตรา ๑๑ ถูกยกเลิกโดยมาตรา ๑๓ แห่งพระราชบัญญัติกักพืช (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๑
และใหใ้ ช้ความต่อไปน้ีแทน)
มาตรา ๑๑ ผใู้ ดนำ� เขา้ หรอื นำ� ผา่ นซงึ่ สง่ิ ไมต่ อ้ งหา้ มตอ้ งมใี บรบั รองสขุ อนามยั พชื กำ� กบั มาดว้ ยและตอ้ งแจง้
ต่อพนักงานเจ้าหนา้ ทีต่ ามแบบทอ่ี ธบิ ดกี ำ� หนด
(ความในมาตรา ๑๒ ถูกยกเลิกโดยมาตรา ๑๔ แห่งพระราชบัญญัติกักพืช (ฉบับท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๕๑
และให้ใชค้ วามตอ่ ไปนแี้ ทน)
มาตรา ๑๒ ในการปฏบิ ัตติ ามพระราชบญั ญตั นิ ้ี ใหพ้ นักงานเจา้ หน้าทมี่ ีอำ� นาจดังต่อไปน้ี

(๑) ตรวจคน้ คลงั สินคา้ ยานพาหนะ หบี ห่อ ตลอดจนตัวบคุ คลภายในเขตดา่ นตรวจพืชหรอื
เขตควบคมุ ศัตรพู ชื เมอื่ มเี หตุอนั ควรสงสยั วา่ มกี ารน�ำเขา้ หรือนำ� ผา่ นซึ่งพืช สง่ิ ต้องห้าม
สง่ิ กำ� กดั หรอื สงิ่ ไมต่ อ้ งหา้ ม อนั เปน็ การฝา่ ฝนื หรอื ไมป่ ฏบิ ตั ติ ามบทบญั ญตั แิ หง่ พระราช
บญั ญตั นิ ี้

(๒) ตรวจคน้ สถานที่ บคุ คล หรอื ยานพาหนะใด ๆ นอกเขตดา่ นตรวจพชื หรอื นอกเขตควบคมุ
ศัตรูพืชในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ข้ึนจนถึงพระอาทิตย์ตก หรือในเวลาท�ำการของ
สถานท่นี ั้น ในกรณีที่มีเหตุอนั ควรสงสยั ตามสมควรวา่ พืช สิ่งตอ้ งห้าม สง่ิ กำ� กัด หรอื
สิ่งไม่ต้องห้ามท่ีอยู่ในความครอบครองเป็นหรือมีศัตรูพืชที่อาจก่อให้เกิดความเสียหาย
ร้ายแรงมาก และกรณีมีเหตุอันควรเช่ือได้ว่าหากเนิ่นช้ากว่าจะเอาหมายค้นมาได้
ส่ิงดังกล่าว หรือสิ่งทเี่ กี่ยวขอ้ งกบั ผกู้ ระท�ำความผิดจะถกู ยักย้าย ซกุ ซอ่ น ท�ำลาย ท�ำให้
เปลย่ี นสภาพไปจากเดมิ และถา้ การคน้ ในเวลาดงั กลา่ วยงั ไมแ่ ลว้ เสรจ็ จะกระทำ� ตอ่ ไปกไ็ ด้

80 คมู่ ือการให้ความชว่ ยเหลือผ้ปู ระสบภัยพิบตั ิดา้ นการเกษตร


(๓) เกบ็ หรอื นำ� พืช สง่ิ ต้องหา้ ม ส่งิ ก�ำกัด สงิ่ ไม่ตอ้ งห้าม หรอื สง่ิ ใด ๆ ที่เก่ยี วขอ้ งในปริมาณ
พอสมควรไปเป็นตัวอย่าง เพื่อตรวจสอบหรือวิเคราะห์ เม่ือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็น
หรอื มีศตั รพู ืชท่อี าจกอ่ ให้เกดิ ความเสยี หายร้ายแรงมาก

(๔) ยดึ หรอื กักไว้ซง่ึ พชื สิ่งต้องห้าม ส่ิงกำ� กดั สิง่ ไม่ตอ้ งห้าม หรือสิ่งใด ๆ ท่ีเก่ียวข้องตาม
ก�ำหนดเวลาที่เห็นจ�ำเป็น เมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นหรือมีศัตรูพืชท่ีอาจก่อให้เกิด
ความเสียหายรา้ ยแรงมาก

(ความในมาตรา ๑๓ ถูกยกเลิกโดยมาตรา ๘ แห่งพระราชบัญญัติกักพืช (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๒
และใหใ้ ช้ความตอ่ ไปนี้แทน)

(ความในมาตรา ๑๓ ถูกยกเลิกโดยมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติกักพืช (ฉบับท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๕๑
และใหใ้ ช้ความตอ่ ไปนแ้ี ทน)

มาตรา ๑๓ เพ่ือป้องกันศัตรูพืชมิให้ระบาดเข้ามาในราชอาณาจักรให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีมีอ�ำนาจ
ปฏบิ ตั ิการเก่ยี วกบั พชื สิ่งตอ้ งห้าม สิง่ ก�ำกดั สงิ่ ไม่ตอ้ งหา้ ม หรือเช้ือพนั ธุ์พชื ที่น�ำเข้าหรือนำ� ผ่านดงั ตอ่ ไปนี้

(๑) ตรวจวินิจฉัยศัตรูพืช รมยา พ่นยา หรือใช้วิธีการอ่ืนใดตามท่ีเห็นว่าจ�ำเป็นโดยเจ้าของ
หรือผูค้ รอบครองเป็นผ้อู อกคา่ ใช้จา่ ย

(๒) ยึดหรือกกั ไว้ ณ สถานกักพืช หรือ ณ ที่ใด ๆ ตามก�ำหนดเวลาที่เหน็ วา่ จำ� เป็น
(๓) สั่งให้ผู้น�ำเข้าซ่ึงพืช ส่ิงต้องห้าม สิ่งก�ำกัด สิ่งไม่ต้องห้าม หรือเช้ือพันธุ์พืชท่ีมีศัตรูพืช

ติดเขา้ มาดว้ ย ส่งสงิ่ น้นั ออกไปนอกราชอาณาจักร
(๔) ท�ำลายเท่าท่ีเห็นว่าจ�ำเป็น ในกรณีท่ีมีเหตุอันควรเช่ือว่ามีศัตรูพืชท่ีอาจก่อให้เกิด

ความเสียหายรา้ ยแรงมากและไมอ่ าจด�ำเนนิ การแก้ไขโดยวิธตี าม (๑) ได้
(ความในมาตรา ๑๓/๑ เพม่ิ โดยมาตรา ๑๖ แหง่ พระราชบัญญัตกิ กั พืช (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๑ ดังน้ี)
มาตรา ๑๓/๑ บรรดาสิ่งที่เก็บ ยดึ หรอื กกั ไวต้ ามมาตรา ๑๒ (๓) และ (๔) และมาตรา ๑๓ (๒) ถา้ ไมป่ รากฏ
เจ้าของหรือผู้ครอบครอง หรือพนักงานอัยการสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดี หรือศาลมีค�ำพิพากษาถึงท่ีสุดไม่ให้ริบ และผู้เป็น
เจา้ ของหรอื ผคู้ รอบครองมไิ ดร้ อ้ งขอรบั คนื ภายในเกา้ สบิ วนั นบั แตว่ นั ทย่ี ดึ หรอื กกั หรอื วนั ทท่ี ราบคำ� สงั่ เดด็ ขาดไมฟ่ อ้ งคดี
หรือวนั ท่ีศาลพิพากษาถึงที่สุดไม่ให้ริบ แลว้ แต่กรณี ให้ตกเป็นของกรมวชิ าการเกษตร
ถา้ สง่ิ ทเ่ี กบ็ ยดึ หรอื กกั ไวต้ ามวรรคหนงึ่ เปน็ ของเสยี หายงา่ ย หรอื ถา้ เกบ็ ไวจ้ ะเปน็ การเสย่ี งตอ่ ความเสยี หาย
หรอื จะเสยี คา่ ใชจ้ า่ ยในการเกบ็ รกั ษาเกนิ คา่ ของสง่ิ นน้ั ใหอ้ ธบิ ดมี อี ำ� นาจสง่ั ทำ� ลาย หรอื จดั การอยา่ งอน่ื ตามทเ่ี หน็ สมควร
(ความในมาตรา ๑๔ ถูกยกเลิกโดยมาตรา ๘ แห่งพระราชบัญญัติกักพืช (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๒
และให้ใช้ความต่อไปนีแ้ ทน)
มาตรา ๑๔ ห้ามมิให้บุคคลใดน�ำพืช สิ่งต้องห้าม สิ่งก�ำกัด หรือเช้ือพันธุ์พืชออกไปจากด่านตรวจพืช
สถานกักพืช หรือยานพาหนะในกรณีน�ำผ่านราชอาณาจักร หรือจากที่ใด ๆ ซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ส่ังยึดหรือกักไว้
เวน้ แตไ่ ดร้ ับอนญุ าตเป็นหนงั สือจากพนักงานเจา้ หน้าที่
(ความในมาตรา ๑๕ ถูกยกเลิกโดยมาตรา ๘ แห่งพระราชบัญญัติกักพืช (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๒
และให้ใช้ความต่อไปนแ้ี ทน)
(ความในมาตรา ๑๕ ถูกยกเลิกโดยมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติกักพืช (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๑
และใหใ้ ชค้ วามต่อไปนี้แทน)

คู่มอื การใหค้ วามช่วยเหลือผูป้ ระสบภัยพบิ ัตดิ า้ นการเกษตร 81


มาตรา ๑๕ บุคคลใดประสงคจ์ ะขอใบรับรองสขุ อนามัยพชื หรือใบรับรองสขุ อนามัยพืชสำ� หรับการสง่ ต่อ
ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบศัตรูพืชและก�ำจัดศัตรูพืชตามอัตราท่ีอธิบดีก�ำหนดโดยค�ำแนะน�ำของคณะกรรมการ
โดยประกาศในราชกจิ จานุเบกษา

ให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีมีอ�ำนาจออกใบรับรองสุขอนามัยพืชและใบรับรองสุขอนามัยพืชส�ำหรับการส่งต่อ
ให้แก่ผู้ยื่นค�ำขอตามวรรคหนึ่ง และให้พนักงานเจ้าหน้าที่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมใบรับรองสุขอนามัยพืชหรือใบรับรอง
สุขอนามยั พืชส�ำหรับการส่งต่อแลว้ แตก่ รณตี ามอัตราที่ก�ำหนดในกฎกระทรวง

การขอใบรับรองสุขอนามัยพืชหรือใบรับรองสุขอนามัยพืชส�ำหรับการส่งต่อและการออกใบรับรอง
สขุ อนามยั พชื หรอื ใบรบั รองสขุ อนามยั พชื สำ� หรบั การสง่ ตอ่ ใหเ้ ปน็ ไปตามหลกั เกณฑ์ วธิ กี าร และเงอ่ื นไขทอ่ี ธบิ ดกี ำ� หนด
โดยค�ำแนะน�ำของคณะกรรมการ โดยประกาศในราชกจิ จานุเบกษา

(ความในมาตรา ๑๕ ทวิ เพิ่มโดยมาตรา ๙ แหง่ พระราชบญั ญัตกิ กั พืช (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๒ ดงั น้ี)
มาตรา ๑๕ ทวิ เพื่อประโยชน์ในการป้องกันมิให้ศัตรูพืชระบาดออกไปนอกราชอาณาจักร ให้รัฐมนตรี
โดยค�ำแนะน�ำของคณะกรรมการมอี ำ� นาจประกาศในราชกจิ จานุเบกษาก�ำหนดชอ่ื พชื ชนดิ ใดเป็นพชื ควบคมุ ได้
(ความในมาตรา ๑๕ ทวิ ถูกยกเลิกโดยมาตรา ๑๘ แหง่ พระราชบัญญัติกกั พืช (ฉบบั ท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๕๑
และใหใ้ ชค้ วามต่อไปนีแ้ ทน)
บคุ คลใดประสงค์จะส่งออกพืชควบคุมตามวรรคหนงึ่ ต้องมีใบรับรองสุขอนามัยพืชก�ำกับไปด้วย
(ความในมาตรา ๑๕ ทวิ เพิ่มโดยมาตรา ๙ แห่งพระราชบัญญตั ิกกั พชื (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๒ ดังนี)้
(ความในมาตรา ๑๕ ตรี ถูกยกเลิกโดยมาตรา ๑๙ แหง่ พระราชบัญญัติกกั พชื (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๑
และใหใ้ ช้ความตอ่ ไปน้ีแทน)
มาตรา ๑๕ ตรี ในกรณที ่ใี บรบั รองสขุ อนามยั พืช ใบรบั รองสขุ อนามัยพชื สำ� หรบั การสง่ ต่อ หรอื ใบรบั รอง
สุขอนามัย สูญหายหรือถูกท�ำลายในสาระส�ำคัญและผู้รับใบรับรองดังกล่าวต้องการใบแทน ให้ยื่นค�ำขอรับใบแทน
ต่อพนักงานเจ้าหนา้ ท่ี
การขอรบั ใบแทน และการออกใบแทนตามวรรคหนง่ึ ใหเ้ ปน็ ไปตามหลกั เกณฑ์ วธิ กี าร และเงอ่ื นไขทอี่ ธบิ ดี
ก�ำหนด
(ความในมาตรา ๑๕ จตั วา เพ่ิมโดยมาตรา ๙ แหง่ พระราชบัญญัติกักพชื (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๒ ดังน้ี)
มาตรา ๑๕ จตั วา เพอื่ ประโยชนใ์ นการอำ� นวยความสะดวกแกผ่ ปู้ ลกู พชื เพอ่ื การสง่ ออก บคุ คลใดประสงค์
จะขอให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีออกไปตรวจหรือให้ค�ำแนะน�ำเกี่ยวกับการก�ำจัดศัตรูพืชในโรงเรือนปลูกพืชหรือแปลง
ปลูกพืชเพื่อการสง่ ออก ให้ย่นื ค�ำขอเพอื่ ขึน้ ทะเบียนสถานท่เี พาะปลูกพืชเพือ่ การส่งออกต่อกรมวชิ าการเกษตร
การขอขน้ึ ทะเบียนและการขนึ้ ทะเบียนใหเ้ ปน็ ไปตามหลักเกณฑ์ วธิ ีการ และเง่อื นไขทอี่ ธบิ ดกี �ำหนด
(ความในมาตรา ๑๕ เบญจ เพม่ิ โดยมาตรา ๒๐ แหง่ พระราชบญั ญตั ิกกั พชื (ฉบบั ที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๑ ดังน้)ี
มาตรา ๑๕ เบญจ เพ่ือประโยชน์ในการควบคุมพืชท่ีจะส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ให้รัฐมนตรี
โดยค�ำแนะน�ำของคณะกรรมการมีอ�ำนาจประกาศในราชกิจจานุเบกษาก�ำหนดให้พืชใดเป็นพืชควบคุมเฉพาะ
โดยก�ำหนดชือ่ ประเภท ชนิด หรือลกั ษณะของพืช เชอื้ จุลนิ ทรีย์ หรอื ส่งิ อน่ื ใดซึง่ เปน็ อันตรายต่อสขุ ภาพของมนุษย์ตาม
ขอ้ ก�ำหนดของประเทศผู้นำ� เขา้ ไวด้ ว้ ยกไ็ ด้
(ความในมาตรา ๑๕ ฉ เพิม่ โดยมาตรา ๒๐ แหง่ พระราชบัญญัติกกั พืช (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๑ ดงั นี)้

82 คู่มอื การให้ความช่วยเหลอื ผู้ประสบภยั พิบัติด้านการเกษตร


มาตรา ๑๕ ฉ บุคคลใดประสงค์จะส่งออกพืชควบคุมเฉพาะ ต้องมีใบรับรองสุขอนามัยก�ำกับไปด้วย
และตอ้ งเสยี คา่ ใชจ้ า่ ยในการตรวจสอบตามอตั ราทอ่ี ธบิ ดกี ำ� หนดโดยคำ� แนะนำ� ของคณะกรรมการโดยประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา

ให้พนักงานเจ้าหน้าท่ีมีอ�ำนาจออกใบรับรองสุขอนามัยให้แก่ผู้ย่ืนค�ำขอตามวรรคหนึ่ง และให้พนักงาน
เจ้าหนา้ ทเี่ รยี กเก็บค่าธรรมเนยี มใบรับรองสุขอนามยั ตามอัตราที่ก�ำหนดในกฎกระทรวง

การขอใบรบั รองสขุ อนามยั และการออกใบรบั รองสขุ อนามยั ใหเ้ ปน็ ไปตามหลกั เกณฑ์ วธิ กี าร และเงอื่ นไข
ท่ีอธิบดกี �ำหนดโดยค�ำแนะนำ� ของคณะกรรมการโดยประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา

(ความในมาตรา ๑๖ ถูกยกเลิกโดยมาตรา ๑๐ แห่งพระราชบัญญัติกักพืช (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๒
และให้ใชค้ วามต่อไปนี้แทน)

มาตรา ๑๖ บคุ คลใดประสงค์จะให้พนักงานเจ้าหนา้ ท่ปี ฏิบัติงานตามพระราชบญั ญัตินใ้ี นวนั หยดุ ราชการ
หรอื นอกเวลาราชการ หรอื นอกสถานทรี่ าชการไมว่ า่ ในหรอื นอกเวลาราชการจะตอ้ งเสยี คา่ ปว่ ยการสำ� หรบั การทพี่ นกั งาน
เจ้าหน้าที่ท่ีได้ปฏิบัติงานดังกล่าวตามอัตราที่ก�ำหนดในกฎกระทรวงและต้องจ่ายค่าพาหนะเดินทางให้แก่พนักงาน
เจ้าหน้าทีเ่ ทา่ ทจี่ ำ� เป็นและใชจ้ ่ายไปจรงิ

หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงอ่ื นไขในการจา่ ยค่าป่วยการและคา่ พาหนะเดินทางตามวรรคหนึ่ง ใหเ้ ป็นไปตาม
ระเบียบทร่ี ฐั มนตรีกำ� หนด

มาตรา ๑๗ เมือ่ มศี ตั รูพืชชนิดทอี่ าจกอ่ ความเสยี หายรา้ ยแรงปรากฏขนึ้ ในทอ้ งทใ่ี ด หรอื มีเหตอุ ันสมควร
ควบคุมศัตรูพืชในท้องที่ใด ให้อธิบดีมีอ�ำนาจประกาศก�ำหนดท้องท่ีน้ันเป็นเขตควบคุมศัตรูพืชและประกาศระบุชื่อ
ชนดิ ของพชื ศตั รแู ละพาหะทีค่ วบคุมและใหก้ ำ� หนดสถานตรวจพืชเฉพาะถิน่ ขน้ึ เท่าทจ่ี �ำเปน็ ประกาศดังกล่าวใหป้ ิดไว้
ณ ศาลากลางจงั หวดั ที่ว่าการอ�ำเภอ ทท่ี �ำการของกำ� นนั และทที่ �ำการของผูใ้ หญบ่ า้ นในท้องทีน่ นั้

มาตรา ๑๘ เมื่อได้ประกาศก�ำหนดเขตควบคุมศัตรูพืชตามมาตรา ๑๗ แล้ว ห้ามมิให้บุคคลใดน�ำพืช
ศัตรูพืชหรือพาหะออกไปนอกหรือน�ำเข้ามาในเขตควบคุมศัตรูพืชตามท่ีประกาศระบุไว้ เว้นแต่จะได้ผ่านการตรวจและ
ได้รบั อนญุ าตเป็นหนงั สอื จากพนกั งานเจ้าหนา้ ที่

มาตรา ๑๙ บทบัญญตั ใิ นมาตรา ๑๒ และมาตรา ๑๓ ให้ใช้บังคบั ในกรณีพชื ศัตรูพชื และพาหะตามท่รี ะบุ
ไว้ในมาตรา ๑๗ ภายในเขตควบคุมศตั รพู ชื หรอื ทีจ่ ะนำ� ออกไปนอกหรอื นำ� เข้ามาในเขตควบคมุ ศตั รพู ืชโดยอนโุ ลม

(ความในมาตรา ๑๙ วรรคสอง ถูกยกเลิกโดยมาตรา ๑๑ แห่งพระราชบัญญัติกักพืช (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๔๒ และใหใ้ ชค้ วามต่อไปนี้แทน)

ในกรณีท่ีมีศัตรูพืชชนิดที่อาจก่อความเสียหายร้ายแรงมาก ซ่ึงหากไม่รีบท�ำลายเสียอาจจะระบาดลุกลาม
ท�ำความเสียหายได้มาก พนักงานเจ้าหน้าที่มีอ�ำนาจสั่งให้เจ้าของจัดการท�ำลายพืช ศัตรูพืช และพาหะนั้นเสีย
หรอื ในกรณจี ำ� เปน็ พนกั งานเจา้ หนา้ ทจี่ ะจดั การทำ� ลายเสยี เอง โดยอธบิ ดจี ะสงั่ ใหเ้ จา้ ของเปน็ ผเู้ สยี คา่ ใชจ้ า่ ยในการทำ� ลาย
เท่าที่จำ� เปน็ และใชจ้ ่ายไปจรงิ กไ็ ด้

มาตรา ๒๐ เม่ืออธิบดเี หน็ วา่ ศตั รพู ืชทีไ่ ดป้ ระกาศตามมาตรา ๑๗ ถูกทำ� ลายหมดสิน้ แล้ว หรือเหน็ วา่ หมด
ความจ�ำเป็นแลว้ ให้อธบิ ดปี ระกาศเพิกถอนประกาศตามมาตรา ๑๗ นั้นเสีย

(ความในมาตรา ๒๐ ทวิ เพม่ิ โดยมาตรา ๑๒ แหง่ พระราชบัญญตั กิ กั พชื (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๒ ดังนี้)
มาตรา ๒๐ ทวิ เงินที่ได้จากค่าตรวจสอบศัตรูพืชตามมาตรา ๑๕ และค่าป่วยการตามมาตรา ๑๖
มใิ หถ้ อื วา่ เปน็ รายรบั ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยวธิ กี ารงบประมาณ และใหน้ ำ� ไปใชจ้ า่ ยในกจิ การทบ่ี ญั ญตั ไิ วใ้ นพระราชบญั ญตั ิ
น้ีโดยเฉพาะ จะจ่ายเพ่อื การอ่นื มไิ ด้

คมู่ ือการใหค้ วามช่วยเหลอื ผปู้ ระสบภัยพิบัติด้านการเกษตร 83


(ความในมาตรา ๒๐ ตรี เพมิ่ โดยมาตรา ๑๒ แหง่ พระราชบัญญตั กิ กั พืช (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๒ ดังน้ี)
มาตรา ๒๐ ตรี ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๖ วรรคสอง หรือฝ่าฝืนมาตรา ๖ ทวิ วรรคสอง มาตรา ๙
หรอื มาตรา ๑๘ ต้องระวางโทษปรบั ไมเ่ กินสองหมนื่ บาท
(ความในมาตรา ๒๐ จัตวา เพ่มิ โดยมาตรา ๑๒ แหง่ พระราชบญั ญัตกิ กั พืช (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๒ ดงั น้)ี
มาตรา ๒๐ จตั วา ผู้ใดขัดขืนหรือขัดขวางมใิ หพ้ นกั งานเจ้าหน้าท่ปี ฏิบตั ิตามมาตรา ๖ ตรี ต้องระวางโทษ
ปรับไม่เกนิ หน่งึ หมืน่ บาท
(ความในมาตรา ๒๑ ถูกยกเลิกโดยมาตรา ๑๓ แห่งพระราชบัญญัติกักพืช (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๒
และให้ใชค้ วามตอ่ ไปน้แี ทน)
(ความในมาตรา ๒๑ ถูกยกเลิกโดยมาตรา ๒๑ แห่งพระราชบัญญัติกักพืช (ฉบับท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๕๑
และใหใ้ ช้ความต่อไปนแ้ี ทน)
มาตรา ๒๑ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา ๘ มาตรา ๑๐ มาตรา ๑๕ ทวิ วรรคสอง หรือมาตรา ๑๕ ฉ
หรือฝา่ ฝนื มาตรา ๑๔ ตอ้ งระวางโทษจ�ำคกุ ไม่เกนิ หนึง่ ปี หรอื ปรับไมเ่ กินสองหมน่ื บาท หรือทั้งจ�ำทง้ั ปรบั
(ความในมาตรา ๒๒ ถูกยกเลิกโดยมาตรา ๑๓ แห่งพระราชบัญญัติกักพืช (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๒
และให้ใชค้ วามตอ่ ไปนแ้ี ทน)
(ความในมาตรา ๒๒ ถูกยกเลิกโดยมาตรา ๒๑ แห่งพระราชบัญญัติกักพืช (ฉบับท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๕๑
และให้ใช้ความต่อไปนแ้ี ทน)
มาตรา ๒๒ ผู้ใดไมป่ ฏิบัตติ ามมาตรา ๑๑ ต้องระวางโทษปรบั ไมเ่ กินสี่พนั บาท
(ความในมาตรา ๒๓ ถูกยกเลิกโดยมาตรา ๑๓ แห่งพระราชบัญญัติกักพืช (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๒
และให้ใช้ความตอ่ ไปนแ้ี ทน)
มาตรา ๒๓ ผู้ใดขัดขืนหรือขดั ขวางมใิ ห้พนักงานเจ้าหนา้ ทป่ี ฏบิ ตั ิตามมาตรา ๑๒ หรือมาตรา ๑๓ (๑) (๒)
หรอื (๔) หรอื ไมป่ ฏิบัติตามค�ำสงั่ ของพนักงานเจ้าหน้าทีท่ ีส่ ่งั ตามมาตรา ๑๓ (๓) ต้องระวางโทษจำ� คุกไม่เกินหกเดอื น
หรือปรบั ไมเ่ กินหน่ึงหมืน่ บาท หรือท้งั จำ� ทงั้ ปรบั
(ความในมาตรา ๒๔ ทวิ ถูกยกเลกิ โดยมาตรา ๑๓ แห่งพระราชบัญญัตกิ ักพชื (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๒
และให้ใชค้ วามต่อไปนีแ้ ทน)
มาตรา ๒๔ ผใู้ ดขดั คำ� สงั่ หรอื ขดั ขวางการกระทำ� ของพนกั งานเจา้ หนา้ ทท่ี ป่ี ฏบิ ตั ติ ามมาตรา ๑๙ วรรคสอง
ต้องระวางโทษจำ� คุกไมเ่ กินหกเดือน หรือปรับไม่เกนิ หนึ่งหม่นื บาท หรอื ท้ังจ�ำทง้ั ปรับ
(ความในมาตรา ๒๕ ถูกยกเลิกโดยมาตรา ๑๓ แห่งพระราชบัญญัติกักพืช (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๒
และให้ใช้ความตอ่ ไปนี้แทน)
มาตรา ๒๕ บรรดาความผดิ ตามพระราชบญั ญตั นิ มี้ โี ทษปรบั สถานเดยี ว ใหอ้ ธบิ ดหี รอื ผซู้ ง่ึ อธบิ ดมี อบหมาย
มีอำ� นาจเปรียบเทียบปรับได้
(ความในมาตรา ๒๖ ถูกยกเลิกโดยมาตรา ๑๓ แห่งพระราชบัญญัติกักพืช (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๒
และให้ใชค้ วามตอ่ ไปนแ้ี ทน)

84 คู่มือการให้ความชว่ ยเหลือผู้ประสบภยั พิบตั ิด้านการเกษตร


มาตรา ๒๖ บรรดาพืช ศัตรูพืช หรือพาหะภายใต้บังคับแห่งพระราชบัญญัติน้ีท่ีมิได้น�ำเข้ามาทาง
ด่านตรวจพืชก็ดี หรือน�ำเข้าหรือน�ำผ่านราชอาณาจักรโดยไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติน้ีประการใด ๆ ก็ดี หรือพืช
ศัตรูพชื หรือพาหะ ซึง่ เปน็ วัตถุแหง่ การกระทำ� ผิดเก่ยี วกบั เขตควบคุมพืชตามท่รี ะบไุ ว้ในมาตรา ๘ มาตรา ๙ มาตรา ๑๔
หรือมาตรา ๑๘ ให้ริบเสียท้ังส้ิน ไม่ว่าจะมีผู้ถูกลงโทษตามค�ำพิพากษาหรือไม่ บรรดาสิ่งท่ีศาลส่ังริบให้ตกเป็นของ
กรมวชิ าการเกษตร เพื่อจัดการตามทเ่ี หน็ สมควร

(ความในมาตรา ๒๗ ถูกยกเลิกโดยมาตรา ๑๔ แห่งพระราชบัญญัติกักพืช (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๒
และให้ใชค้ วามตอ่ ไปนแ้ี ทน)

มาตรา ๒๗ ใหร้ ฐั มนตรวี า่ การกระทรวงเกษตรและสหกรณร์ กั ษาการตามพระราชบญั ญตั นิ แี้ ละใหม้ อี ำ� นาจ
แตง่ ตงั้ พนกั งานเจา้ หนา้ ทอี่ อกกฎกระทรวงกำ� หนดคา่ ธรรมเนยี มไมเ่ กนิ อตั ราทา้ ยพระราชบญั ญตั นิ ี้ กำ� หนดคา่ ตรวจสอบ
ศตั รพู ชื และค่าป่วยการยกเว้นค่าธรรมเนียม และก�ำหนดกิจการอน่ื เพื่อปฏิบัตติ ามพระราชบัญญตั นิ ี้

กฎกระทรวงน้ัน เมือ่ ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแลว้ ใหใ้ ช้บงั คับได้
(บัญชอี ตั ราค่าธรรมเนียม ถกู ยกเลิกโดยมาตรา ๑๕ แหง่ พระราชบญั ญตั ิกักพชื (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๒
และใหใ้ ช้ความต่อไปนแี้ ทน)
(บัญชอี ัตราคา่ ธรรมเนียม ถูกยกเลกิ โดยมาตรา ๒๒ แห่งพระราชบัญญตั กิ ักพืช (ฉบับท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๕๑
และใหใ้ ช้ความตอ่ ไปนแ้ี ทน)

อัตราค่าธรรมเนยี ม

(๑) ใบอนุญาตนำ� เข้าหรอื น�ำผา่ นสิง่ ตอ้ งห้ามฉบบั ละ ๒๐๐ บาท
(๒) ใบอนุญาตนำ� เขา้ หรือสง่ ออกเชื้อพันธุพ์ ชื ฉบบั ละ ๒๐๐ บาท
(๓) ใบรบั รองสขุ อนามยั พชื ฉบบั ละ ๒๐๐ บาท
(๔) ใบรับรองสุขอนามัยพชื สำ� หรับการสง่ ออกฉบับละ ๒๐๐ บาท
(๕) ใบรับรองสุขอนามัย ฉบบั ละ ๒๐๐ บาท
(๖) ใบแทนใบรับรองสขุ อนามัยพืช ฉบบั ละ ๑๐๐ บาท
(๗) ใบแทนใบรับรองสุขอนามัยพืชส�ำหรับการสง่ ตอ่ ฉบับละ ๑๐๐ บาท
(๘) ใบแทนใบรับรองสุขอนามยั ฉบบั ละ ๑๐๐ บาท

ผรู้ บั สนองพระราชโองการ
จอมพลถนอม กติ ติขจร

นายกรัฐมนตรี

คู่มือการใหค้ วามช่วยเหลือผู้ประสบภยั พบิ ัตดิ ้านการเกษตร 85


หมายเหตุ :
เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ. ๒๕๐๗ คือ โดยท่ีพระราชบัญญัติป้องกันโรคและ

ศัตรูพืช พ.ศ. ๒๕๙๕ ได้บัญญัติให้อ�ำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่ท�ำการควบคุมและกักพืชได้ต่อเมื่อพืชท่ีได้น�ำเข้ามาใน
ราชอาณาจกั รเปน็ ศัตรพู ชื ตามที่ไดก้ ำ� หนดในกฎกระทรวง ซง่ึ อาจจะทำ� ใหโ้ รคพชื ตา่ ง ๆ ระบาดแพรห่ ลายได้ในระหว่าง
น�ำพืชนั้นเข้ามาในราชอาณาจักรก่อนที่จะมีการควบคุมและกักพืชไว้ ไม่บังเกิดผลสมความมุ่งหมายท่ีจะป้องกันโรค
และศัตรูพืชให้มีประสิทธิภาพตามข้อตกลงท่ีประเทศไทยเป็นภาคีสมาชิกร่วมอยู่ในอนุสัญญาระหว่างประเทศ
สมควรทจี่ ะขยายการควบคมุ และกกั พชื ใหก้ วา้ งขวางออกไปอกี ทง้ั การนำ� เขา้ หรอื นำ� ผา่ นราชอาณาจกั ร ไมว่ า่ จะทางบก
ทางทะเล หรือทางอากาศ เพ่ือให้การป้องกันโรคและศัตรูพืชได้ผลสมตามเจตนา ฉะน้ัน จึงจ�ำเป็นที่จะต้องยกเลิก
พระราชบัญญตั ปิ อ้ งกันโรคและศัตรพู ชื พ.ศ. ๒๔๙๕ และตราพระราชบญั ญัติกักพืชขึ้นใหมใ่ ช้บงั คับแทน

เหตผุ ลในการประกาศใชพ้ ระราชบญั ญตั ิกกั พืช (ฉบบั ที่ ๒) พ.ศ.๒๕๔๒ คือ โดยที่พระราชบัญญัติกกั พืช
พ.ศ. ๒๕๐๗ มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับมาตรการในการป้องกันและควบคุมการระบาดของศัตรูพืชไม่เหมาะสม
และสอดคลอ้ งกบั สถานการณใ์ นปัจจบุ นั ทำ� ใหก้ ารควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของศัตรพู ืชไม่เหมาะสมและขาด
ประสิทธภิ าพ สมควรแก้ไขเพิ่มเตมิ บทบญั ญตั บิ างมาตราเพ่ือกำ� หนดใหม้ ีคณะกรรมการกกั พชื ขึ้นท�ำหน้าท่ใี ห้ค�ำแนะน�ำ
แก่รัฐมนตรใี นการปฏิบตั ิการตามพระราชบญั ญตั ิดังกล่าว และเพม่ิ มาตรการเกีย่ วกับการควบคุม และตรวจสอบการน�ำ
เข้าและส่งออกซึ่งพืชและเช้ือพันธุ์พืช การตรวจสอบและควบคุมเชื้อพันธุ์พืช การก�ำหนดให้มีการจดทะเบียนสถานที่
เพาะพชื เพอื่ การสง่ ออก การออกใบรบั รองปลอดศตั รพู ชื ตลอดจนแกไ้ ขเพมิ่ เตมิ บทกำ� หนดโทษและอำ� นาจในการเปรยี บ
เทียบปรับให้เหมาะสมยิ่งข้ึน นอกจากนี้ ได้ก�ำหนดให้แยกค่าป่วยการของพนักงานเจ้าหน้าที่และค่าตรวจสอบศัตรูพืช
ออกจากค่าธรรมเนียมทั่วไปเพื่อให้สามารถน�ำไปใช้ได้ในกิจการที่ก�ำหนดไว้ในพระราชบัญญัติกับได้ปรับปรุงอัตราค่า
ธรรมเนียมให้เหมาะสมกบั สภาพการณใ์ นปัจจบุ ัน จงึ จำ� เป็นตอ้ งตราพระราชบญั ญตั ินี้

เหตผุ ลในการประกาศใช้พระราชบัญญตั กิ ักพชื (ฉบับท่ี ๓) พ.ศ.๒๕๕๑ คอื โดยท่ีเป็นการสมควรแกไ้ ขเพ่ิม
เตมิ กฎหมายวา่ ดว้ ยการกกั พชื เพอ่ื กำ� หนดหลกั เกณฑใ์ นการประกาศใหพ้ ชื ศตั รพู ชื และพาหะเปน็ สงิ่ ตอ้ งหา้ ม และแกไ้ ข
หลกั เกณฑก์ ารนำ� เขา้ หรอื นำ� ผา่ นซงึ่ สงิ่ ตอ้ งหา้ ม สงิ่ กำ� กดั และสงิ่ ไมต่ อ้ งหา้ ม รวมทงั้ เพมิ่ เตมิ การควบคมุ ดแู ลพชื ทส่ี ง่ ออก
ไปนอกราชอาณาจักรให้เหมาะสม สอดคล้องกับสภาพการณ์ในปัจจุบันและอนุสัญญาว่าด้วยการอารักขาพืชระหว่าง
ประเทศ ตลอดจนแกไ้ ขอำ� นาจของพนกั งานเจา้ หนา้ ทใ่ี นการปอ้ งกนั และควบคมุ โรคและศตั รพู ชื ใหม้ คี วามเหมาะสมและ
มีประสิทธภิ าพยิ่งข้นึ รวมทั้งเพิม่ เติมคา่ ธรรมเนยี มใบรบั รองที่กำ� หนดขน้ึ ใหม่ จ�ำเป็นตอ้ งตราพระราชบญั ญัตินี้

86 คมู่ ือการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภยั พบิ ตั ิด้านการเกษตร


ระเบียบกรมประมง
ว่าด้วยการจา่ ยเงินชว่ ยเหลือเกษตรกรผ้เู พาะเล้ยี งสัตว์นำ้�

หรอื ชาวประมงท่ีประสบภยั ธรรมชาติ
พ.ศ. ๒๕๔๑

___________________________

โดยทเี่ ปน็ การสมควรปรบั ปรงุ ระเบยี บเกยี่ วกบั การจา่ ยเงนิ งบกลางรายการเงนิ สำ� รองจา่ ยเพอื่ กรณฉี กุ เฉนิ
หรอื จำ� เปน็ เกยี่ วกบั การชว่ ยเหลอื ผปู้ ระสบภยั ธรรมชาตทิ มี่ อี ยใู่ หเ้ หมาะสมรดั กมุ ยง่ิ ขนึ้ และสอดคลอ้ งกบั สภาพการทำ� การ
ประมงในปจั จบุ ัน กรมประมงจึงวางระเบียบไวด้ ังตอ่ ไปน้ี

ข้อ ๑ ระเบยี บนเี้ รยี กวา่ “ระเบยี บกรมประมงวา่ ดว้ ยการจา่ ยเงนิ ชว่ ยเหลอื เกษตรกรผเู้ พาะเลยี้ งสตั วน์ ำ�้
หรือชาวประมงทีป่ ระสบภัยธรรมชาติ พ.ศ. ๒๕๔๑”

ข้อ ๒ ระเบียบนใี้ หใ้ ชบ้ งั คับต้งั แต่วันที่ออกประกาศตามระเบียบน้ีเปน็ ตน้ ไป
ข้อ ๓ ใหย้ กเลิก

๓.๑ ระเบียบกรมประมงว่าด้วยการจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้เพาะเล้ียงสัตว์น�้ำหรือ
ชาวประมงทีป่ ระสบภัยธรรมชาติ พ.ศ. ๒๕๓๖

๓.๒ ระเบียบกรมประมงว่าด้วยการจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น�้ำหรือ
ชาวประมงทปี่ ระสบภัยธรรมชาติ (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๓๗

ขอ้ ๔ ในระเบียบน้ี
“ภยั ธรรมชาติ” หมายความว่า ภัยท่ีเกดิ ขึน้ โดยธรรมชาติ เชน่ ภยั แล้ง อทุ กภยั วาตภัย โรคระบาดสตั ว์น้�ำ
เปน็ ตน้ รวมทงั้ ปรากฏการณธ์ รรมชาตทิ เ่ี กดิ ขนึ้ โดยผดิ ปกติ ซงึ่ เปน็ เหตหุ รอื มผี ลกระทบใหเ้ กดิ ความเสยี หายแกท่ รพั ยากร
สัตว์น�้ำ หรือผลผลิตสัตว์น�้ำของแหล่งน�้ำธรรมชาติ และบ่อเล้ียงสัตว์น�้ำของเกษตรกรประมง ตลอดจนเป็นเหตุให้เกิด
ความเสียหายแก่เรือประมงหรือชาวประมง และให้หมายความรวมถึงภัยธรรมชาติที่เกิดข้ึนนอกเขตน่านน้�ำไทย
ซึง่ เป็นเหตุก่อใหเ้ กดิ ความเสยี หายแก่เรอื ประมงหรือชาวประมงดว้ ย
“แหลง่ นำ�้ ตา่ งๆ” หมายความวา่ แมน่ ำ�้ ลำ� คลอง หนอง บงึ บอ่ และแหลง่ นำ�้ อนื่ ใดบรรดาซง่ึ เปน็ สาธารณสมบตั ิ
ของแผ่นดิน รวมท้ังบรรดาแหล่งน�้ำดังกล่าวที่เกิดจากการบูรณะปรับปรุงเพ่ือประโยชน์ด้านการประมงหรือ
เพาะเลี้ยงสัตว์น้�ำ
“เกษตรกรประมง” หมายความวา่ เกษตรกรผเู้ พาะเลย้ี งสตั วน์ ำ้� จดื และเกษตรกรผเู้ พาะเลยี้ งสตั วน์ ำ�้ ชายฝง่ั
ทุกชนิด โดยต้องเปน็ ผมู้ ีรายชื่ออยใู่ นทะเบียนผ้เู พาะเล้ยี งสัตวน์ ำ�้ ของจงั หวัด
“ชาวประมง” หมายความวา่ เจา้ ของเรอื ประมงหรือลกู เรือประมง

คู่มือการให้ความชว่ ยเหลือผู้ประสบภัยพิบตั ดิ า้ นการเกษตร 87


“เรือประมง” หมายความวา่ เรือท่ีใชส้ �ำหรบั ท�ำการประมงในทะเล
“ทายาท” หมายความว่า ทายาทตามกฎหมายแพ่งของเจ้าของเรือประมงหรือลูกเรือประมงที่ถึงแก่
ความตายหรือสูญหายอนั เนอ่ื งมาจากการประสบภยั ธรรมชาติ และให้หมายความรวมถงึ คู่สมรสของเจา้ ของเรือประมง
หรอื ลกู เรอื ประมงดงั กลา่ วดว้ ย และคสู่ มรสหรอื ทายาทตามกฎหมายแพง่ ใหถ้ อื วา่ เปน็ ทายาทเจา้ ของเรอื หรอื ลกู เรอื ประมง
ทสี่ ญู หายตามระเบียบน้ี
“คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการทอี่ ธบิ ดีกรมประมงหรอื ผซู้ ึง่ อธบิ ดีกรมประมงมอบหมาย
ได้แตง่ ตัง้ ข้ึนเพอื่ ด�ำเนนิ การตามอำ� นาจหน้าทใ่ี นระเบียบนี้
“สว่ นราชการในตา่ งประเทศ” หมายความวา่ สถานเอกอคั รราชทตู สถานทตู สถานกงสลุ หรอื สำ� นกั งาน
คณะทูตถาวร
ข้อ ๕ คณุ สมบตั แิ ละหลกั เกณฑก์ ารพจิ ารณาของเกษตรกรประมงและแหลง่ นำ้� ธรรมชาตแิ ละชาวประมง
ที่ประสบภัยธรรมชาติทส่ี มควรได้รับความชว่ ยเหลือ ดงั นี้

๕.๑ เปน็ เกษตรกรประมงทม่ี รี ายชอ่ื อยใู่ นบญั ชที ะเบยี นผเู้ พาะเลยี้ งสตั วน์ ำ้� ของจงั หวดั และเปน็
ชาวประมงท่ีประสบภัยธรรมชาติ ซึ่งคณะกรรมการด�ำเนินงานให้ความช่วยเหลือราษฎร
ท่ีประสบภัยธรรมชาติอ�ำเภอ กิ่งอ�ำเภอ และจังหวัด ซ่ึงเรียกโดยย่อว่า “ก.ช.ภ.อ.”
“ก.ช.ภ.กอ.” และ “ก.ช.ภ.จ.” ตามลำ� ดบั ไดพ้ จิ ารณารบั รองและเสนอขอ้ รบั ความชว่ ยเหลอื
ไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดในกรณีความช่วยเหลือฉุกเฉินเฉพาะหน้าขณะเกิดวิกฤตการณ์
หรือขอรับความช่วยเหลือมายังกรมประมงในกรณีความช่วยเหลือภายหลังผ่านพ้น
วกิ ฤตการณ์

๕.๒ เป็นแหล่งน�้ำธรรมชาติต่าง ๆ ท่ีได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติต่าง ๆ ซึ่งก่อให้เกิด
ความเสียหายแก่ทรัพยากรสัตว์น�้ำหรือผลผลิตสัตว์น้�ำของแหล่งน�้ำธรรมชาติหรือ
สิ่งแวดลอ้ มทางน้ำ�

๕.๓ เป็นเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้�ำจืดหรือเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้�ำชายฝั่งรายย่อย
ซง่ึ มพี นื้ ทเ่ี พาะเลยี้ งสตั วน์ ำ�้ ชายฝง่ั รายยอ่ ย ซง่ึ มพี น้ื ทเี่ พาะเลย้ี งสตั วน์ ำ�้ เสยี หายไมเ่ กนิ ๕ ไร่

๕.๔ ชาวประมงผู้มสี ทิ ธไิ ด้รับเงนิ ชว่ ยเหลือ
(๑) เจ้าของเรือประมงหรือทายาทของเจ้าของเรือประมงซ่ึงเรือประมงของตนได้รับ
ความเสยี หายเนื่องจากประสบภยั ธรรมชาติ
(๒) ลกู เรอื ประมง หรือทายาทของลูกเรือประมง ในกรณีที่ลูกเรอื ประมงบาดเจ็บ ถึงแก่
ความตาย หรือสญู หายไมส่ ามารถหาตัวพบได้ อนั เนอ่ื งมาจากประสบภัยธรรมชาติ
(๓) เจ้าของเรือประมงหรือทายาทของเจ้าของเรือประมง ในกรณีท่ีเจ้าของเรือประมง
บาดเจบ็ ถงึ แกค่ วามตาย หรอื สญู หายไมส่ ามารถหาตวั พบได้ อนั เนอื่ งมาจากประสบ
ภยั ธรรมชาติ

ข้อ ๖ ความชว่ ยเหลอื แกเ่ กษตรกรประมง แหลง่ น�้ำธรรมชาติและชาวประมงที่ประสบภัยธรรมชาติ
๖.๑ กรณเี ปน็ เกษตรกรผเู้ พาะเลยี้ งสตั วน์ ำ�้ จดื จะไดร้ บั การชว่ ยเหลอื เปน็ พนั ธส์ุ ตั วน์ ำ�้ อาหารสตั วน์ ำ้�
วัสดุอุปกรณ์การประมง หรือวัสดุวิทยาศาสตร์ เช่น อวน ปูนขาว ยารักษาโรค เป็นต้น
โดยให้ได้รับการช่วยเหลืออย่างใดอย่างหน่ึงหรือท้ังหมด หรือตามแต่กรณีอันควร โดยมี

88 คมู่ ือการให้ความช่วยเหลอื ผู้ประสบภัยพิบัติด้านการเกษตร


จ�ำนวนคิดเป็นมูลค่าเท่ากับมูลค่าของจ�ำนวนพันธุ์สัตว์น�้ำท่ีเหมาะสมในการปล่อยเล้ียง
ตามหลักวิชาการและอาหารสัตว์น�้ำท่ีเพียงพอในการเล้ียงเป็นเวลา ๑ เดือน ทั้งน้ี
ตอ้ งไมเ่ กินมูลคา่ ความเสียหายจริง
๖.๒ กรณีเป็นเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น�้ำชายฝั่งจะได้รับการช่วยเหลือเป็นพันธุ์สัตว์น�้ำหรือ
อาหารสัตว์นำ�้ หรอื วัสดอุ ุปกรณก์ ารเกษตร เชน่ หลักซีเมนต์ รว้ั ไมไ้ ผ่ อวน เป็นตน้ โดยให้
ไดร้ ับการช่วยเหลืออย่างใดอย่างหนงึ่ หรอื ท้ังหมด หรือตามแต่กรณีอนั ควร โดยมีจำ� นวน
คดิ เปน็ มลู คา่ เทา่ กบั มลู คา่ ของสตั วน์ ำ�้ และอาหารสตั วน์ ำ้� หรอื ไดร้ บั การชว่ ยเหลอื อยา่ งหนงึ่
อย่างใด หรือท้ังสองกรณีโดยมีมูลค่ารวมเท่ากับค่าพันธุ์สัตว์น�้ำท่ีเหมาะสมในการปล่อย
ตามหลักวิชาการ และอาหารทเ่ี พยี งพอในการเลี้ยงเปน็ เวลา ๑ เดอื น ทั้งนี้ มีมูลค่ารวม
ไมเ่ กินมลู คา่ ความเสยี หายจริง
๖.๓ กรณีแหล่งน้�ำต่าง ๆ ซ่ึงเป็นแหล่งอาหารโปรตีนของราษฎรทั่วไปได้รับความเสียหาย
การชดเชยความเสียหายจะกระท�ำโดยการปล่อยสัตว์น้�ำลงในแหล่งน�้ำดังกล่าวภายใต้
การประเมินความเสียหายทางวชิ าการของกรมประมง
๖.๔ กรณีเป็นเจ้าของเรือประมงหรือทายาทของเจ้าของเรือประมงท่ีเรือประมงของตนได้รับ
ความเสยี หายใหจ้ ่ายเงินช่วยเหลอื โดยมหี ลักเกณฑ์ ดงั นี้
(๑) ส�ำหรับเรือประมงที่มีขนาดความยาวตลอดล�ำไม่เกิน ๑๐ เมตร จะได้รับการช่วย

เหลอื ดังน้ี
(๑.๑) กรณเี รอื ประมงไดร้ บั ความเสยี หาย จะไดร้ บั การชว่ ยเหลอื เปน็ คา่ ซอ่ มแซม

เรือและอปุ กรณเ์ ทา่ ทเ่ี สียหายจรงิ แต่ไม่เกินลำ� ละ ๒๐,๐๐๐ บาท
(๑.๒) กรณเี รอื ประมงจมและกขู้ น้ึ มาซอ่ มแซมใหใ้ ชก้ ารได้ จะไดร้ บั การชว่ ยเหลอื

เปน็ คา่ กู้เรอื เท่าทจี่ า่ ยจรงิ แตไ่ มเ่ กินล�ำละ ๑๐,๐๐๐ บาท คา่ ซ่อมแซมเรือ
ประมงและอปุ กรณ์เท่าท่ีจ่ายจรงิ แตไ่ ม่เกนิ ล�ำละ ๒๐,๐๐๐ บาท
(๒) สำ� หรับเรอื ประมงทมี่ ีขนาดความยาวตลอดล�ำเกนิ กว่า ๑๐ เมตร จะไดร้ ับเงินช่วย
เหลอื ดงั น้ี
(๒.๑) กรณีเรือประมงได้รับความเสียหาย จะได้รับเงินช่วยเหลือตามความเป็น
จรงิ แต่ไมเ่ กินล�ำละ ๗๐,๐๐๐ บาท
(๒.๒) กรณเี รอื ประมงจมและกขู้ น้ึ มาซอ่ มแซมใหใ้ ชก้ ารได้ จะไดร้ บั การชว่ ยเหลอื
เป็นค่ากู้เรือเท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินล�ำละ ๒๕,๐๐๐ บาท ค่าซ่อมแซม
เรือประมงและอปุ กรณเ์ ท่าทจี่ า่ ยจริง แตไ่ ม่เกนิ ลำ� ละ ๗๐,๐๐๐ บาท
(๒.๓) กรณีเรือประมงสูญหาย หรือเสียหายหมดจนไม่สามารถซ่อมแซมให้ใช้
การได้ดงั เดมิ จะไดร้ ับเงนิ ช่วยเหลอื ลำ� ละไมเ่ กนิ ๒๐๐,๐๐๐ บาท
๖.๕ การจ่ายเงนิ ช่วยเหลอื สำ� หรับชาวประมง ใหช้ ว่ ยเหลือโดยมหี ลักเกณฑ์ ดังน้ี
(๑) เจ้าของเรือประมงหรือลูกเรือประมงตาย หรือสูญหายหาตัวไม่พบทายาทจะได้รับ
เงินคา่ ทำ� ศพรายละ ๑๐,๐๐๐ บาท

ค่มู อื การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภยั พบิ ัติด้านการเกษตร 89


(๒) เจ้าของเรือประมงหรือลูกเรือประมงที่บาดเจ็บ จะได้รับเงินช่วยเหลือเป็นค่ารักษา
พยาบาลและคา่ บำ� รุงขวญั รายละ ๑,๐๐๐ บาท

๖.๖ กรณีเป็นเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น�้ำซึ่งได้รับความเสียหายจากโรคระบาดสัตว์น�้ำ
หลกั เกณฑก์ ารช่วยเหลือใหเ้ ปน็ ไปเชน่ เดียวกันกับข้อ ๕.๑ และ ๕.๓

ขอ้ ๗ หลักเกณฑ์การย่ืนคำ� ขอรับเงินช่วยเหลือส�ำหรบั เรือประมงให้ปฏบิ ตั ิ ดงั นี้
๗.๑ ให้เจ้าของเรือประมงหรือทายาทเจ้าของเรือประมง ย่ืนค�ำขอต่อประมงจังหวัดในท้องที่
ท่ีประสบภัยธรรมชาติหรือในท้องที่ท่ีเจ้าของเรือประมงมีภูมิล�ำเนา การยื่นขอรับเงิน
คา่ กู้เรอื ประมงและคา่ ซอ่ มแซมเรอื ประมง ให้ย่ืนค�ำขอแยกเป็น ๒ ฉบบั และ
๗.๒ ให้เจ้าของเรือประมงหรอื ทายาทของเจ้าของเรอื ประมงที่ได้รับความเสยี หายตามข้อ ๖.๔
ยนื่ คำ� ขอรบั เงินชว่ ยเหลือพร้อมเอกสาร ดังน้ี
(๑) ส�ำเนาทะเบยี นเรือไทย
(๒) ส�ำเนาอาชญาบัตรที่ยังไม่หมดอายุในขณะท�ำการประมงและประสบภัยธรรมชาติ
ส�ำหรบั กรณีทจี่ ะตอ้ งมอี าชญาบตั รตามกฎหมายว่าดว้ ยการประมง และ
(๓) หนังสือรับรองจากประมงจังหวัดหน่งึ ฉบบั และจากสมาคมประมงหรือกลุ่มทำ� การ
ประมง หรือสมาชกิ สหกรณ์ประมงทเี่ จา้ ของเรอื ประมงเปน็ สมาชิก หรือจากกำ� นัน
ในท้องที่ที่เกิดภยั ธรรมชาติ หรอื ในทอ้ งทที่ ่เี จา้ ของเรอื ประมงมภี ูมิลำ� เนา หรอื จาก
หวั หนา้ สว่ นราชการในตา่ งประเทศสำ� หรบั กรณปี ระสบภยั ธรรมชาตนิ อกนา่ นนำ้� ไทย
ว่าเป็นเรือประมงท่ีประสบภัยธรรมชาติหรือสูญหายในขณะท�ำการประมงจริง
อย่างใดอยา่ งหนึ่งแล้วแตก่ รณอี ีกหน่งึ ฉบบั

ขอ้ ๘ หลักเกณฑก์ ารย่ืนคำ� ขอรบั เงนิ ชว่ ยเหลือส�ำหรบั ชาวประมงให้ปฏบิ ัติ ดงั นี้
๘.๑ กรณชี าวประมงถงึ แก่ความตายหรือสญู หาย
(๑) ใหท้ ายาทยน่ื คำ� ขอรบั เงนิ ชว่ ยเหลอื ตอ่ ประมงจงั หวดั ในทอ้ งทที่ ป่ี ระสบภยั ธรรมชาติ
หรือในทอ้ งทีท่ ่ีชาวประมงมภี ูมลิ ำ� เนาอยู่
(๒) ใหท้ ายาทย่นื ค�ำขอรบั เงินช่วยเหลือพรอ้ มกบั เอกสาร ดงั น้ี
(๒.๑) ส�ำเนาใบมรณบัตร หรือส�ำเนาบันทึกการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ฝ่าย
ปกครองท้องที่หรือพนักงานสอบสวน หรือหนังสือรับรองจากหัวหน้า
ส่วนราชการในต่างประเทศอย่างใดอย่างหนึ่ง ส�ำหรับกรณีประสบภัย
ธรรมชาตนิ อกเขตนา่ นนำ้� ไทยวา่ ชาวประมงนนั้ ถงึ แกค่ วามตายหรอื สญู หาย
(๒.๒) ส�ำเนาทะเบยี นบ้านของชาวประมงผู้ถงึ แก่ความตายหรือสญู หาย
(๒.๓) กรณีเป็นทายาทของเจ้าของเรือประมงให้ย่ืนหนังสือรับรองจากก�ำนัน
ในท้องทที่ ่เี จ้าของเรือประมงมภี ูมลิ ำ� เนาวา่ เปน็ เจา้ ของเรือประมงที่ถึงแก่
ความตายหรือสูญหาย
(๒.๔) กรณีเป็นทายาทของลูกเรือประมง ให้ย่ืนหนังสือรับรองจากเจ้าของ
เรือประมงว่าลูกเรือประมงท่ีตาย หรือสูญหายเป็นลูกเรือประมงของตน
และได้ประสบภัยธรรมชาติพร้อมกบั เรอื ของตนจรงิ

90 คูม่ อื การให้ความช่วยเหลือผ้ปู ระสบภัยพิบตั ดิ า้ นการเกษตร


เว้นแต่กรณีปรากฏว่าเจ้าของเรือประมงนั้นถึงแก่ความตายหรือสูญหาย ให้ย่ืนหนังสือรับรองจากก�ำนัน
ในท้องท่ีที่ลูกเรือประมงมีภูมิล�ำเนาอยู่ว่าเป็นลูกเรือประมงที่ถึงแก่ความตายหรือสูญหายจากการท่ีเรือประมง
ประสบภัยธรรมชาตแิ ทน

๘.๒ กรณชี าวประมงบาดเจบ็
(๑) ใหช้ าวประมงยนื่ คำ� ขอรบั เงนิ ชว่ ยเหลอื ตอ่ ประมงจงั หวดั ในทอ้ งทท่ี เี่ กดิ ภยั ธรรมชาติ
หรอื ในทอ้ งท่ีทชี่ าวประมงมภี ูมลิ �ำเนา และ
(๒) ให้ชาวประมงยนื่ คำ� ขอรับเงนิ ช่วยเหลอื พรอ้ มเอกสาร ดงั นี้
(๒.๑) สำ� เนาทะเบยี นบ้านของชาวประมงผบู้ าดเจบ็
(๒.๒) กรณีเป็นเจ้าของเรือประมง ให้ยื่นหนังสือรับรองจากประมงจังหวัด
และกำ� นนั ในทอ้ งทที่ ปี่ ระสบภยั ธรรมชาตหิ รอื ในทอ้ งทที่ เี่ จา้ ของเรอื ประมง
มีภูมิล�ำเนายืนยันว่าเป็นเจ้าของเรือประมงท่ีได้รับบาดเจ็บจากการที่
เรอื ประมงของตนประสบภยั ธรรมชาติ
(๒.๓) กรณเี ป็นลกู เรอื ประมง ใหย้ นื่ หนงั สือรับรองจากเจา้ ของเรอื ประมงว่าเปน็
ลูกเรือประมงท่ีได้รับบาดเจ็บจากการที่เรือประมงของตนประสบภัย
ธรรมชาติ

เว้นแต่กรณีปรากฏว่าเจ้าของเรือประมงน้ันถึงแก่ความตายหรือสูญหายให้ยื่นหนังสือรับรองจากก�ำนัน
ในทอ้ งทท่ี ลี่ ูกเรอื ประมงมภี ูมิลำ� เนาว่า เป็นลกู เรอื ประมงท่ไี ดร้ ับบาดเจบ็ จากการทีเ่ รือประมงประสบภัยธรรมชาติแทน

(๒.๔) ใบรับรองแพทย์
(๒.๕) เอกสารอ่นื ๆ ทีเ่ ก่ียวข้อง
ข้อ ๙ ใหม้ คี ณะกรรมการตามระเบยี บกรมประมงวา่ ดว้ ยการจา่ ยเงนิ ชว่ ยเหลอื เกษตรกรผเู้ พาะเลย้ี งสตั ว์
น�้ำหรือชาวประมงที่ประสบภัยธรรมชาติขึ้นคณะหน่ึง ตามที่อธิบดีกรมประมงได้แต่งต้ังขึ้นหรือวิธีการอื่นตามที่อธิบดี
กรมประมงจะมคี �ำสง่ั
ขอ้ ๑๐ ใหค้ ณะกรรมการตามขอ้ ๙ มีอ�ำนาจและหนา้ ที่ ดงั นี้
๑๐.๑ พิจารณาก�ำหนดค่าความช่วยเหลือจากความเสียหายที่เกษตรกรผู้เพาะเล้ียงสัตว์น�้ำ
ประสบภยั ธรรมชาตหิ รือเกดิ โรคระบาดสตั ว์น�้ำ
๑๐.๒ พิจารณาและตรวจสอบหลักฐานการกู้เรือ การซ่อมเรือ ความเสียหายของเรือ รวมถึง
การพิจารณาตรวจสอบหลักฐานที่แสดงว่า เรือจมหรือสูญหาย ตามหลักฐาน
การตรวจสอบในระดบั จงั หวัด
๑๐.๓ กำ� หนดวงเงนิ ให้ความช่วยเหลือแกเ่ จา้ ของเรือทป่ี ระสบภัยธรรมชาติหรือสูญหาย
๑๐.๔ พจิ ารณาและตรวจสอบหลกั ฐานการจา่ ยเงนิ ใหแ้ กเ่ กษตรกรผปู้ ระสบภยั ธรรมชาตใิ นกรณี
ต่าง ๆ เชน่ คา่ ซอ่ มแซมเรือ ค่าทำ� ศพ ค่ารกั ษาพยาบาล เป็นต้น
ข้อ ๑๑ การประชุมคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจ�ำนวนกรรมการ
ท้ังหมดจึงจะเป็นองค์ประชุมถ้าประธานกรรมการไม่อยู่ในที่ประชุมให้กรรมการซ่ึงมาประชุมเลือกกรรมการคนหน่ึง
เป็นประธานในท่ีประชมุ

คูม่ อื การใหค้ วามช่วยเหลือผ้ปู ระสบภยั พบิ ตั ิดา้ นการเกษตร 91


การวินิจฉัยชี้ขาดของท่ีประชุมให้ถือเสียงข้างมากกรรมการคนหนึ่งให้มีเสียงหน่ึงเสียงในการลงคะแนน
ถ้าคะแนนเสียงเท่ากนั ให้ประธานในทป่ี ระชมุ ออกเสยี งเพม่ิ ขนึ้ อีกเสยี งหนึง่ เปน็ เสยี งชีข้ าด

ขอ้ ๑๒ ให้คณะกรรมการมีอ�ำนาจแต่งต้ังอนุกรรมการเพ่ือพิจารณาหรือปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใด
ตามที่คณะกรรมการมอบหมายก็ได้

ให้คณะกรรมการก�ำหนดองคป์ ระชุมและวิธดี �ำเนนิ งานของอนุกรรมการไดต้ ามความเหมาะสม
ข้อ ๑๓ การจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น�้ำหรือชาวประมงที่ประสบภัยธรรมชาติ
ตามระเบยี บน�้ำใหจ้ า่ ยได้ก็ต่อเม่อื ได้รับความเหน็ ชอบจากคณะกรรมการตามระเบยี บนห้ี รอื จากอธบิ ดีกรมประมง
ขอ้ ๑๔ การกำ� หนดราคาพันธุ์สัตวน์ ำ้� อาหารสตั วน์ �ำ้ วัสดอุ ปุ กรณ์การเกษตร การจดั ซื้อจดั จ้างให้เป็นไป
ตามระเบยี บส�ำนักนายกรัฐมนตรวี า่ ด้วยการพัสดุและทีก่ รมประมงก�ำหนด แล้วแตก่ รณี
ข้อ ๑๕ การเบิกจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน ให้เป็นไปตามระเบียบกระทรวงการคลังและระเบียบที่
กรมประมงก�ำหนด
ข้อ ๑๖ ใหอ้ ธิบดกี รมประมงเป็นผู้รักษาการตามระเบยี บนี้ และเป็นผูม้ ีอำ� นาจตคี วามและวินจิ ฉยั ปญั หา
เกี่ยวกบั การปฏบิ ตั ิตามระเบยี บน้ี
ใหผ้ อู้ �ำนวยการกองส่งเสรมิ การประมงเป็นผู้ก�ำกบั ดูแลและดำ� เนินการใหเ้ ปน็ ไปตามระเบียบนี้

ประกาศ ณ วันท่ี ๓๐ มิถนุ ายน พ.ศ.๒๕๔๑
ลงชือ่ ธ�ำมรงค์ ประกอบบุญ
(นายธ�ำมรงค์ ประกอบบญุ )
อธิบดกี รมประมง

92 คู่มอื การให้ความช่วยเหลอื ผ้ปู ระสบภัยพบิ ัติดา้ นการเกษตร


ระเบยี บกระทรวงมหาดไทย
ว่าดว้ ยค่าใช้จา่ ยเพอื่ ชว่ ยเหลอื ประชาชนตามอ�ำนาจหน้าทข่ี ององคก์ รปกครองส่วนท้องถน่ิ

พ.ศ. ๒๕๖๐

___________________________
โดยที่เป็นการสมควรก�ำหนดระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยค่าใช้จ่ายเพื่อช่วยเหลือประชาชน
ตามอำ� นาจหน้าที่ขององคก์ รปกครองสว่ นท้องถิน่ พ.ศ. ๒๕๖๐
อาศยั อ�ำนาจตามความในมาตรา ๖ และมาตรา ๗๔ (๙) แหง่ พระราชบญั ญัตอิ งค์การบริหารส่วนจังหวัด
พ.ศ. ๒๕๔๐ มาตรา ๖๗ (๙) แหง่ พระราชบญั ญัตเิ ทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖ ซึ่งแกไ้ ขเพิม่ เตมิ โดยพระราชบัญญตั ิเทศบาล
(ฉบับท่ี ๔) พ.ศ. ๒๕๐๕ มาตรา ๗๗ แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. ๒๔๙๖ มาตรา ๕ และมาตรา ๘๕ (๑๐)
แห่งพระราชบัญญัติสภาต�ำบล และองค์การบริหารส่วนต�ำบล พ.ศ. ๒๕๓๗ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
จึงออกระเบยี บไว้ดงั น้ี
ขอ้ ๑ ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยค่าใช้จ่ายเพ่ือช่วยเหลือประชาชน
ตามอำ� นาจหนา้ ทีข่ ององค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน พ.ศ. ๒๕๖๐”
ข้อ ๒ ระเบยี บนใี้ ห้ใชบ้ ังคบั ตัง้ แตว่ ันถดั จากวันประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาเปน็ ตน้ ไป
ข้อ ๓ ในระเบยี บน้ี
“การช่วยเหลือประชาชน” หมายความว่า การให้ความช่วยเหลือประชาชนท่ีได้รับความเดือดร้อน
หรือไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ในการด�ำรงชีพ โดยอาจให้เป็นสิ่งของหรือจ่ายเป็นเงินหรือการจัดบริการสาธารณะ
เพือ่ ให้การชว่ ยเหลือประชาชนในระดับเขตพน้ื ทหี่ รอื ท้องถนิ่ ตามอ�ำนาจหนา้ ท่ขี ององค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ
“องคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถน่ิ ” หมายความว่า องค์การบริหารส่วนจงั หวดั เทศบาลและองคก์ ารบริหาร
สว่ นตำ� บล
“ผูบ้ ริหารท้องถ่ิน” หมายความว่า นายกองคก์ ารบริหารสว่ นจังหวดั นายกเทศมนตรแี ละนายกองคก์ าร
บรหิ ารส่วนต�ำบล
“คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการช่วยเหลือประชาชนขององคก์ รปกครองส่วนท้องถ่ิน
“บุคลากร” หมายความว่า บุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน หรือประชาชนท่ีองค์กรปกครอง
ส่วนท้องถน่ิ มอบหมายให้ปฏิบตั ิงาน
“สาธารณภยั ” หมายความวา่ สาธารณภัยตามกฎหมายวา่ ด้วยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

คู่มอื การใหค้ วามช่วยเหลอื ผูป้ ระสบภัยพิบัติด้านการเกษตร 93


“การสง่ เสรมิ และพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ ” หมายความวา่ การสง่ เสรมิ และพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ ตามกฎหมาย
ว่าด้วยการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการ และให้หมายรวมถึงการช่วยเหลือเด็ก เยาวชน ผู้สูงอายุ ผู้ยากไร้ ผู้ด้อยโอกาส
ผไู้ ร้ทพ่ี ึง่ ดว้ ย

“โรคติดตอ่ ” หมายความว่า โรคตดิ ต่อตามกฎหมายว่าดว้ ยโรคติดต่อ
“โรคตดิ ต่ออนั ตราย” หมายความว่า โรคตดิ ต่ออนั ตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคตดิ ต่อ
“โรคตดิ ต่อทต่ี อ้ งเฝ้าระวงั ” หมายความวา่ โรคตดิ ตอ่ ทีต่ ้องเฝา้ ระวงั ตามกฎหมายว่าด้วยโรคตดิ ต่อ
“โรคระบาด” หมายความวา่ โรคระบาดตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ และโรคระบาดตามกฎหมายวา่
ด้วยโรคระบาดสัตว์
“ยา” หมายความวา่ ยาตามกฎหมายวา่ ดว้ ยยา
ข้อ ๔ ให้ปลดั กระทรวงมหาดไทยรักษาการตามระเบยี บนี้ และมีอำ� นาจตีความวินจิ ฉยั ปญั หา ก�ำหนด
หลกั เกณฑแ์ ละวิธปี ฏบิ ัตเิ พ่อื ด�ำเนนิ การให้เปน็ ไปตามระเบยี บนี้

หมวด ๑

หลกั การช่วยเหลือประชาชน

ขอ้ ๕ การช่วยเหลือประชาชนตามระเบียบนี้ จะต้องด�ำเนินการในขอบเขตอ�ำนาจหน้าท่ีขององค์กร
ปกครองส่วนทอ้ งถิ่นตามกฎหมาย โดยคำ� นงึ ถงึ สถานะทางการคลงั และความจำ� เป็นเหมาะสม

ขอ้ ๖ ในกรณีองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินใดเกิดสาธารณภัยในพ้ืนท่ีของตน และต้องด�ำเนินการ
ช่วยเหลือโดยฉับพลันทันที ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินนั้นสามารถให้ความช่วยเหลือได้ภายในขอบอ�ำนาจหน้าท่ี
ตามกฎหมาย โดยไมต่ อ้ งเสนอคณะกรรมการพจิ ารณา

ในกรณกี ารชว่ ยเหลอื ประชาชนขององคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ สำ� หรบั การใหค้ วามชว่ ยเหลอื เพอ่ื เยยี วยา
และฟื้นฟูหลังเกิดภัย การสง่ เสรมิ และพัฒนาคุณภาพชีวติ หรอื การปอ้ งกันและระงับโรคตดิ ต่อตอ้ งเสนอคณะกรรมการ
ให้ความเห็นชอบกอ่ น

ข้อ ๗ ใหอ้ งค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ ทเี่ กิดสาธารณภัยตามข้อ ๖ ประสานกับส่วนราชการ หนว่ ยงานอ่ืน
ของรัฐ องค์กรปกครองส่วนทอ้ งถนิ่ อ่นื เอกชน และองค์กรการกุศลทเี่ ก่ียวขอ้ ง เพ่ือใหก้ ารชว่ ยเหลือ

ในกรณีการช่วยเหลือตามวรรคหน่ึงไม่เพียงพอ หรือมีความจ�ำเป็นต้องช่วยเหลือผู้ประสบภัยเพิ่มเติม
ใหเ้ สนอคณะกรรมการพิจารณา ท้งั น้ี ไมเ่ กนิ หลักเกณฑ์ที่ก�ำหนดในระเบียบน้ี

องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใดมีความจ�ำเป็นต้องช่วยเหลือประชาชนนอกเหนือจากหลักเกณฑ์
การชว่ ยเหลือตามระเบียบน้ี ให้ขอความเห็นชอบจากปลดั กระทรวงมหาดไทยกอ่ นให้การช่วยเหลือ

94 คมู่ ือการให้ความช่วยเหลือผปู้ ระสบภัยพบิ ัติด้านการเกษตร


หมวด ๒

คณะกรรมการช่วยเหลอื ประชาชน

ขอ้ ๘ ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแต่งต้ังคณะกรรมการช่วยเหลือประชาชน คณะหน่ึง เรียกว่า
“คณะกรรมการชว่ ยเหลอื ประชาชนขององค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ ”

(๑) กรณีองคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวดั ประกอบดว้ ย เปน็ ประธานกรรมการ
(ก) นายกองคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวัด
หรือรองนายกองคก์ ารบริหารส่วนจังหวดั
ท่ไี ดร้ ับมอบหมายจากนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด

(ข) ทอ้ งถ่นิ จงั หวัด เปน็ กรรมการ

(ค) ผแู้ ทนสว่ นราชการท่ีไดร้ ับมอบหมาย เปน็ กรรมการ
จากผู้วา่ ราชการจังหวดั จ�ำนวนไมเ่ กนิ ๒ คน

(ง) ผูแ้ ทนประชาคมที่นายกองค์การบรหิ ารส่วนจงั หวดั เป็นกรรมการ
คัดเลอื กจ�ำนวนไมเ่ กิน ๓ คน

(จ) ปลัดองคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวัด เป็นกรรมการและเลขานุการ

(ฉ) หวั หน้าหนว่ ยงานขององคก์ ารบริหารส่วนจงั หวดั เป็นกรรมการและผู้ชว่ ยเลขานกุ าร
ทีไ่ ดร้ ับมอบหมายจากนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด
จ�ำนวนไมเ่ กนิ ๒ คน

(๒) กรณีเทศบาล ประกอบดว้ ย เป็นประธานกรรมการ
(ก) นายกเทศมนตรี หรอื รองนายกเทศมนตรี
ที่ได้รับมอบหมายจากนายกเทศมนตรี

(ข) ข้าราชการสำ� นักงานสง่ เสริมการปกครองท้องถ่ินจังหวัด เป็นกรรมการ
ที่ทอ้ งถน่ิ จงั หวัดมอบหมาย

(ค) ผ้แู ทนส่วนราชการทไ่ี ดร้ ับมอบหมายจากนายอ�ำเภอ เป็นกรรมการ
จำ� นวนไมเ่ กิน ๒ คน

(ง) ผู้แทนประชาคมท่ีนายกรัฐมนตรีคัดเลอื ก เปน็ กรรมการ
จำ� นวนไมเ่ กนิ ๓ คน

(จ) ปลัดเทศบาล เป็นกรรมการและเลขานกุ าร

(ฉ) หัวหน้าหนว่ ยงานของเทศบาล ท่ีได้รบั มอบหมาย เปน็ กรรมการ
จากนายกเทศมนตรี จ�ำนวนไม่เกนิ ๒ คน และผชู้ ว่ ยเลขานกุ าร

คมู่ ือการให้ความช่วยเหลอื ผู้ประสบภยั พิบตั ิดา้ นการเกษตร 95


(๓) กรณอี งค์การบริหารส่วนต�ำบล ประกอบด้วย เปน็ ประธานกรรมการ
(ก) นายกองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บล
หรือผทู้ ไี่ ด้รับมอบหมาย เปน็ กรรมการ
จากนายกองคก์ ารบริหารสว่ นต�ำบล เป็นกรรมการ
(ข) ข้าราชการสำ� นักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจงั หวัด เปน็ กรรมการ
ทที่ ้องถิน่ จงั หวดั มอบหมาย เปน็ กรรมการและเลขานุการ
(ค) ผแู้ ทนส่วนราชการท่ีไดร้ บั มอบหมายจากนายอำ� เภอ เปน็ กรรมการ
จ�ำนวนไม่เกิน ๒ คน และผ้ชู ว่ ยเลขานกุ าร
(ง) ผู้แทนประชาคม ทน่ี ายกองค์การบริหารส่วนตำ� บลคดั เลอื ก
จ�ำนวนไม่เกิน ๓ คน
(จ) ปลดั องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตำ� บล
(ฉ) หัวหน้าหน่วยงานขององค์การบรหิ ารส่วนตำ� บล
ทนี่ ายกองค์การบรหิ ารส่วนต�ำบลมอบหมาย
จ�ำนวนไม่เกนิ ๒ คน

ข้อ ๙ ให้คณะกรรมการชว่ ยเหลือประชาชนขององคก์ รปกครองสว่ นท้องถน่ิ มอี ำ� นาจหน้าที่ ดังนี้
(๑) ใหน้ ำ� รายชอื่ ของประชาชนทไี่ ดร้ บั ความเดอื ดรอ้ นทส่ี ำ� รวจโดยหนว่ ยงานของรฐั และรายชอื่
ประชาชนทย่ี น่ื ลงทะเบยี นขอรบั ความชว่ ยเหลอื ตอ่ องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ ตามขอ้ ๑๒
มาใชใ้ นการพิจารณาชว่ ยเหลอื ประชาชนตามระเบียบนี้
(๒) ปดิ ประกาศรายชอ่ื ประชาชนตาม (๑) ทจี่ ะไดร้ บั การชว่ ยเหลอื ณ สำ� นกั งานองคก์ รปกครอง
ส่วนท้องถิ่น และท่ีท�ำการหมบู่ ้าน ชมุ ชนให้ทราบ เป็นเวลาไมน่ ้อยกวา่ ๑๕ วนั
(๓) รายงานผลการพจิ ารณาใหอ้ งคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ เพอ่ื ดำ� เนนิ การตามอำ� นาจหนา้ ทตี่ อ่ ไป
(๔) ควบคุมการปฏบิ ตั ิให้เป็นไปตามวตั ถุประสงค์และเปน็ ธรรม
(๕) การปฏบิ ตั ิหน้าที่อืน่ ๆ ตามที่ก�ำหนดไว้ในระเบยี บน้ี

ข้อ ๑๐ การประชุมคณะกรรมการตามข้อ ๗ ต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหน่ึงของจ�ำนวน
กรรมการท้ังหมด จึงจะเป็นองค์ประชมุ

ในการประชมุ คราวใด ถา้ ประธานกรรมการไมม่ าประชมุ หรอื ไมอ่ าจปฏบิ ตั หิ นา้ ทไี่ ดใ้ หก้ รรมการทม่ี าประชมุ
เลือกกรรมการคนหนง่ึ เป็นประธานในที่ประชุม

มติของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก กรณีมีคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานในท่ีประชุมลงคะแนนเพิ่มข้ึน
อกี หนึ่งเสยี งเปน็ เสียงชี้ขาด

96 ค่มู อื การให้ความช่วยเหลอื ผู้ประสบภยั พิบตั ดิ ้านการเกษตร


Click to View FlipBook Version