The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

โครงสร้างและแผนการสอนรายวิชาวิทยาศาสตร์ ป.1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by mild_nartlada_26, 2022-10-20 23:01:01

โครงสร้างและแผนการสอนรายวิชาวิทยาศาสตร์ ป.1

โครงสร้างและแผนการสอนรายวิชาวิทยาศาสตร์ ป.1

ขั้นอธบิ ายความรู้ (Explain)
1. ครูสุ่มนกั เรียน 4-5 คน แล้วใหน้ ำผลการบนั ทึกกจิ กรรมออกมานำเสนอหน้าชัน้ เรียนเพ่ือแลกเปล่ียน
ความคิดเห็น
2. ครูตงั้ คำถามถามนกั เรียนวา่ เมอื่ เกณฑ์ท่ีใช้ในการแบง่ กลมุ่ เปลี่ยนไปของเล่นและของใช้ท่ีอยู่ในกลุ่ม
ยงั คงเหมอื นเดิมหรือเปลย่ี นแปลง โดยใหน้ ักเรยี นตอบคำถามอย่างอิสระ
(แนวตอบ :ขน้ึ อยกู่ ับดุลยพนิ จิ ของครูผู้สอน)
3. ครูนำผลการทำกิจกรรมของนักเรียนที่จัดกลุ่มวัสดุ มาอธิบายให้นกั เรียนเข้าใจเกยี่ วกับการจัดกลุ่มวัสดุ ท่ี
สามารถใช้เกณฑ์ในการจัดกลุ่มวัสดุได้หลากหลายแล้วเขียนไว้บนกระดาน เช่น วสั ดุท่ีใชร้ ูปร่างเปน็ เกณฑ์

คาบที่ 4

ขน้ั สรุป

ข้ันขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
1. นักเรียนแบ่งกลุ่มกลุ่มละ 3-4 คน จากนั้นตั้งชื่อกลุ่ม แล้วร่วมกันสรุปเกี่ยวกับเกณฑ์ต่างๆที่ใช้ใน
การจัดกลุ่มของวัสดุโดยให้นกั เรยี นช่วยกันสรุปเปน็ แผนผังความคิดเก่ียวกบั เกณฑ์ท่ีใช้ในการจำแนกกลุ่ม
วัสดพุ รอ้ มตกแต่งให้สวยงามโดยทำลงในกระดาษปอนด์
2. แต่ละกลมุ่ เตรียมความพร้อมและตรวจสอบความถูกต้องของผลงานเพื่อนำเสนอผลการทำกิจกรรมหน้าช้ัน
เรียน
3. ครูสุ่มรายชื่อกลุ่มจากการจับฉลากให้นำผลงานออกมานำเสนอหน้าชั้นทีละกลุ่มเพื่อแลกเปลี่ยนความคิด
กัน จนครบทุกกลมุ่
4. นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น โดยครูแนะนำในสว่ นท่ีบกพร่องหรือควรเพิ่มเติม

(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมนิ นักเรียน โดยใช้แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุม่ )

ขน้ั ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครใู ห้นักเรยี นร่วมกนั สรปุ เกี่ยวกับเกณฑ์ท่ีใชใ้ นการจำแนกกลุม่ วัสดุ
2. ครปู ระเมนิ ผลนักเรยี น โดยการสังเกตพฤตกิ รรมการตอบคำถาม พฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล
พฤติกรรมการทำงานกลุ่ม และจากการนำเสนอผลการทำกจิ กรรมหน้าชนั้ เรียน

6. ก 6. การวัดและประเมินผล

การวัดและประเมนิ ผล วธิ ีการวดั ผล เคร่ืองมอื วัด เกณฑ์การ
จดุ ประสงค์ ประเมินผล
1.คำถามกระต้นุ 60% ข้นึ ไป ถือวา่
ความรคู้ วาม 1.ระบเุ กณฑใ์ นการจำแนกได้ ความคิด ผ่านเกณฑก์ าร
เขา้ ใจ (K) ประเมิน
1. ใบงาน
ทักษะ/ 1.จดั กลุ่มวัตถุตา่ งๆ ได้ 60% ขึ้นไป ถือวา่
กระบวนการ (P) 1. แบบสงั เกต ผา่ นเกณฑ์การ
พฤตกิ รรม ประเมิน
คุณลักษณะนสิ ยั (A) 1.รับผดิ ชอบตอ่ หน้าทีท่ ไี่ ดร้ ับ 2. แบบประเมนิ
มอบหมาย คุณลักษณะอันพงึ 60% ขึ้นไป ถอื ว่า
2.สงั เกตความมวี นิ ัย ใฝ่เรียนรู้ ประสงค์ ผา่ นเกณฑก์ าร
และมงุ่ มั่นในการทำงาน ประเมนิ

7. สือ่ /แหลง่ การเรียนรู้
7.1 ส่ือการเรยี นรู้

1) หนงั สือเรียนวทิ ยาศาสตร์ ป.1 หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 3 วัสดแุ ละการเกดิ เสยี ง
2) แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ป.1 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 3 วสั ดุและการเกดิ เสยี ง
3) วสั ด-ุ อปุ กรณ์ เช่น กระดาษปอนด์ เป็นต้น

7.2 แหลง่ การเรียนรู้

1) หอ้ งสมุด
2) หอ้ งเรียน
3) อินเทอรเ์ น็ต

8. กจิ กรรมเสนอแนะ
……………………………………………………………………………………………………………………………………...
………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงช่ือ...............................................ผสู้ อน ลงช่ือ....................................ฝา่ ยวิชาการ
(………………………………………) (………………………………………)

ลงชอ่ื ....................................................ผูบ้ ริหาร
(………………………………………)

ใบงาน เรื่องการจำแนกวสั ดุโดยใชร้ ูปรา่ งเปน็ เกณฑ์

คำชแ้ี จง ให้นกั เรียนติดภาพของเลน่ และของใช้ อยา่ งละ 2 ภาพ ลงในกรอบตามเกณฑ์ที่กำหนด
กล่มุ ของเล่นที่มีรูปร่างกลม

กลมุ่ ของเล่นทม่ี รี ูปรา่ งสีเ่ หลยี่ ม

กลุ่มของใช้ที่มีรูปรา่ งกลม

กลุ่มของใช้ทม่ี รี ปู รา่ งส่ีเหลยี่ ม

สัปดาห์ท่ี …6……

โรงเรียนขจรเกยี รติพฒั นา

แผนการจดั การเรยี นรู้

ภาคเรียนที่ 2/……….. ชื่อผูส้ อน………………………………………….
กลุม่ สาระ วิทยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปีที่ 1 จำนวน 4 คาบ
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 วสั ดแุ ละการเกิดเสียง เร่อื ง เกณฑ์ที่ใช้จดั กลมุ่ วัสดุ

(การจำแนกสีเป็นเกณฑ์)

1.มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชวี้ ัด

มาตรฐานท่ี ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธร์ ะหวา่ งสมบัตขิ องสารกับ
โครงสรา้ งและแรงยึดเหนีย่ วระหวา่ งอนุภาคหลักและธรรมชาตขิ องการเปลีย่ นแปลงสถานะของสารการเกิดสารละลาย
และการเกดิ ปฏกิ ิริยาเคมี

มาตรฐานที่ ว 8.2 เขา้ ใจและใชแ้ นวคิดเชงิ คำนวณในการแก้ปัญหาทีพ่ บในชวี ิตจรงิ อย่างเป็นข้นั ตอนและเปน็
ระบบใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสือ่ สารในการเรยี นรู้ การทำงานและการแกป้ ญั หาได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ ร้เู ทา่ ทนั
และมจี ริยธรรม

ตัวชว้ี ัดที่ ป.1/1 อธบิ ายสมบตั ทิ ่ีสงั เกตได้ของวสั ดุท่ใี ช้ทำวตั ถซุ ่งึ ทำจากวัสดุชนิดเดยี วหรอื หลายชนดิ ประกอบ
กันโดยใช้หลกั ฐานเชิงประจกั ษ์

ตวั ช้ีวัดท่ี ป. 1/2 ระบชุ นดิ ของวัสดแุ ละจดั กลุ่มวสั ดุตามสมบตั ิทีส่ งั เกตได้

2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด

ของเลน่ และของใชร้ อบตวั เราทำจากวสั ดุต่างๆหลายชนดิ เช่นผ้า กระดาษ ไม้ โลหะ พลาสติก
เป็นต้นซง่ึ วัสดุเหลา่ นี้อาจมีลักษณะบางอย่างเหมือนกันและอาจมบี างอยา่ งแตกต่างกัน

3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

1. เปรยี บเทยี บลักษณะของวัสดไุ ด้ (K)
2. จดั กลุ่มวัสดไุ ด้ (P)
3. มคี วามสนใจใฝเ่ รยี นรู้ (A)

4. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถนิ่
พิจารณาตามหลกั สูตรของสถานศึกษา
สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง
การจัดกล่มุ ของวัสดุตามเกณฑต์ ่างๆ ท่กี ำหนด

5.กจิ กรรมการเรยี นรู้ คาบท่ี 1
ขน้ั นำ

ข้ันกระตนุ้ ความสนใจ (Engage)
1. ครูนำบัตรคำช่ือของเลน่ และของใช้ มาวางไว้หนา้ ช้ันเรียน ดงั นี้

บัตรคำ ช้อนโลหะ
กล่องดินสอโลหะ แก้วนำ้
กระเป๋าผ้า ห่นุ ยนต์
ยางลบ หนงั สือเรียน
ลูกบอลพลาสติก เงินเหรียญ
ลกู แกว้

2. ครูชบู ัตรคำใหน้ กั เรยี นอ่านพรอ้ มกันทีละแผ่น จากนัน้ ถามคำถามเพ่อื กระต้นุ ให้นกั เรียนชว่ ยกนั ยกมอื
ตอบ ดงั น้ี

●ยางลบทำจากวสั ดอุ ะไร
(แนวตอบ : ทำจากยาง)
●ยางจัดเปน็ โลหะหรอื ไม่
(แนวตอบ : ไม่ใช่)
●โลหะกับยางแตกต่างกันอย่างไร
(แนวตอบ : ยางมีความยดื หยุ่นแต่โลหะมีความแข็ง)
●หนังสอื ทำจากวัสดอุ ะไร
(แนวตอบ : ทำจากกระดาษ)
●กระดาษเป็นโลหะหรือไม่
(แนวตอบ : ไม่เป็น)
●ของเลน่ หรือของใช้อะไรบ้างที่ทำจากโลหะ
(แนวตอบ : กลอ่ งดินสอโลหะ ช้อนโลหะ)
●สิง่ ของอะไรบา้ งที่ไม่ได้ทำจากโลหะ
(แนวตอบ : ขนึ้ อย่กู ับคำตอบของนักเรียน)

●ส่งิ ของเหล่านั้นมีสีอะไรบ้าง
(แนวตอบ : ข้ึนอยกู่ ับคำตอบของนกั เรียน)
3. ครแู บ่งนกั เรียนออกเป็นสองฝ่ายตามความเหมาะสมจากนัน้ ใหน้ ักเรยี นแข่งขันเล่นเกม แบ่งสมบตั ิโดยครอู ธิบายกติกา
การแข่งขนั คือ
1) ครเู ขยี นข้อความไว้บนกระดานว่า สีเหลือง สีเขยี ว สีแดง สีชมพู สีดำ เป็นต้น
2) ให้แต่ละฝ่ายส่งตัวแทนฝ่ายละ 5 คน ออกมาเป็นตัวแทน
3) แต่ละฝ่ายจับสลากว่า สีแดง สีเหลือง สีชมพู สีดำ สีม่วง เป็นตน้
4) ครูวางบัตรคำรวมกันไว้บนโต๊ะหน้าชั้นเรียน โดยแต่ละกลุ่มออกมาเลือกบัตรคำของตนเ องไปติดบน

กระดานตามที่จับฉลากได้ทีละคนแล้ววิ่งกลับมาแตะที่มือเพื่อนคนต่อไปจนครบทั้ง 5 คน กลุ่ม
ไหนเสรจ็ ก่อนให้นัง่ ลง และฝ่ายใดถูกต้องและใช้เวลาเรว็ กว่าจะเปน็ ฝ่ายชนะ
4. นกั เรยี นทุกคนรว่ มกันสรุปความรู้ท่ไี ด้จากการเล่นเกม
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนกั เรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุม่ )

คาบที่ 2

ขน้ั สอน

ข้นั สำรวจค้นหา (Explore)
1. นกั เรียนร่วมกันดูภาพและอา่ นหนงั สอื เรยี นวิทยาศาสตร์ ป.1 จากนนั้ ครูถามคำถาม
นกั เรยี นจากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ว่า เพ่อื นๆ จะจดั กลุ่มวัตถุเหล่าน้ีไดอ้ ย่างไรบ้าง
(แนวตอบ : เชน่ จัดกลุ่มโดยใช้เกณฑ์สีของเล่นของใช้ เปน็ ต้น)
2. ครนู ำตวั อยา่ งวตั ถุมา 5-6 ชน้ิ ทมี่ ีลักษณะภายนอกเหมอื นกันมาใหน้ กั เรียนดู

ตวั อย่างวัตถุ
กล่องดินสอ ลงั กระดาษ แก้วนำ้ ลูกโป่ง ลกู แก้ว ลูกบอล เปน็ ต้น

3. นกั เรียนช่วยกันจัดกลุ่มวัสดุตามเกณฑ์ที่ครกู ำหนดให้

ตัวอย่าง เกณฑ์ทใ่ี ช้ในการจัดกลุ่มวัสดุ
ใช้สีเปน็ เกณฑ์ (จำแนกได้เป็น สแี ดง สีเหลือง สีเขียว เป็นต้น)

4. นกั เรียนแต่ละคนบันทึกข้อมูลการจัดกลุ่มวัสดุและบอกเกณฑท์ ่ีใช้ในการจัดกลมุ่ วัสดุลงในใบงาน
(หมายเหตุ : ครเู ริ่มประเมนิ นักเรียน โดยใชแ้ บบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล)

คาบที่ 3

ขนั้ อธิบายความรู้ (Explain)
1. ครูสุ่มนกั เรียน 4-5 คน แล้วให้นำผลการบันทึกกจิ กรรมออกมานำเสนอหน้าช้ันเรียนเพื่อแลกเปลี่ยน
ความคิดเห็น
2. ครูตัง้ คำถามถามนกั เรียนว่า เม่อื เกณฑ์ที่ใช้ในการแบง่ กลมุ่ เปลี่ยนไปของเลน่ และของใช้ท่อี ยู่ในกลุม่
ยงั คงเหมือนเดิมหรือเปล่ียนแปลง โดยใหน้ ักเรียนตอบคำถามอย่างอิสระ
(แนวตอบ :ขึ้นอยู่กับดุลยพนิ จิ ของครผู ู้สอน)
3. ครูนำผลการทำกิจกรรมของนักเรียนที่จัดกลุ่มวัสดุ มาอธิบายให้นักเรียนเข้าใจเกี่ยวกับการจัดกลุ่มวัสดุ ที่
สามารถใช้เกณฑ์ในการจัดกลุ่มวัสดุได้หลากหลายแล้วเขยี นไว้บนกระดาน เช่น วสั ดทุ ี่ใชส้ ีเป็นเกณฑ์

คาบที่ 4

ขน้ั สรปุ

ขั้นขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
1. นักเรียนแบ่งกลุ่มกลุ่มละ 3-4 คน จากนั้นตั้งชื่อกลุ่ม แล้วร่วมกันสรุปเกี่ยวกับเกณฑ์ต่างๆที่ใช้ใน
การจัดกลุ่มของวัสดุโดยให้นักเรียนช่วยกันสรุปเป็นแผนผังความคิดเกี่ยวกับเกณฑ์ที่ใช้ในการจำแนกกลุ่มวัสดุ
พรอ้ มตกแต่งให้สวยงามโดยทำลงในกระดาษปอนด์
2. แต่ละกลุ่มเตรยี มความพร้อมและตรวจสอบความถกู ตอ้ งของผลงานเพือ่ นำเสนอผลการทำกิจกรรมหนา้ ชัน้ เรียน
3. ครูสุ่มรายชื่อกลุม่ จากการจับฉลากให้นำผลงานออกมานำเสนอหน้าชั้นทลี ะกลุม่ เพือ่ แลกเปลี่ยนความคิดกนั จน
ครบทุกกลุ่ม
4. นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเหน็ โดยครูแนะนำในส่วนที่บกพรอ่ งหรือควรเพิม่ เติม

(หมายเหตุ : ครูเร่มิ ประเมนิ นักเรียน โดยใชแ้ บบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม)

ข้ันตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครใู ห้นักเรียนร่วมกนั สรปุ เก่ียวกบั เกณฑ์ที่ใชใ้ นการจำแนกกลุม่ วัสดุ
2. ครูประเมนิ ผลนักเรยี น โดยการสงั เกตพฤตกิ รรมการตอบคำถาม พฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล
พฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่ และจากการนำเสนอผลการทำกิจกรรมหน้าช้ันเรยี น

6. ก 6. การวัดและประเมนิ ผล

การวดั และประเมนิ ผล วธิ ีการวดั ผล เครอื่ งมอื วดั เกณฑ์การ
จุดประสงค์ ประเมินผล
1.คำถามกระตุ้น
ความร้คู วาม 1.ระบเุ กณฑใ์ นการจำแนกได้ ความคดิ 60% ขนึ้ ไป ถือว่า
เขา้ ใจ (K) ผ่านเกณฑ์การ
1. ใบงาน ประเมิน
ทักษะ/ 1.จดั กลุ่มวตั ถุตา่ งๆ ได้
กระบวนการ (P) 1. แบบสังเกต 60% ขึ้นไป ถือวา่
พฤติกรรม ผา่ นเกณฑ์การ
คณุ ลกั ษณะนสิ ัย (A) 1.รับผดิ ชอบต่อหน้าทท่ี ่ไี ด้รับ 2. แบบประเมิน ประเมนิ
มอบหมาย คุณลกั ษณะอนั พึง
2.สงั เกตความมวี นิ ยั ใฝ่เรียนรู้ ประสงค์ 60% ขน้ึ ไป ถอื วา่
และมงุ่ มนั่ ในการทำงาน ผ่านเกณฑก์ าร
ประเมิน

7. ส่ือ /แหล่งการเรียนรู้
7.1 ส่อื การเรยี นรู้

1) หนังสอื เรยี นวิทยาศาสตร์ ป.1 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 3 วสั ดแุ ละการเกดิ เสยี ง
2) แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ ป.1 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 3 วสั ดุและการเกิดเสยี ง
3) วสั ด-ุ อุปกรณ์ เชน่ กระดาษปอนด์ เป็นตน้

7.2 แหล่งการเรียนรู้

1) ห้องสมดุ
2) ห้องเรียน
3) อนิ เทอร์เน็ต

8. กจิ กรรมเสนอแนะ
……………………………………………………………………………………………………………………………………...
………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชื่อ...............................................ผสู้ อน ลงชอ่ื ....................................ฝา่ ยวชิ าการ
(………………………………………) (………………………………………)

ลงชือ่ ....................................................ผบู้ รหิ าร
(………………………………………)

ใบงานเร่อื ง การจำแนกวัสดุโดยใชส้ ีเปน็ เกณฑ์
คำชี้แจง ให้นักเรียนตดิ ภาพของเลน่ และของใช้ อยา่ งละ 2 ภาพ ลงในกรอบตามเกณฑ์ทก่ี ำหนด

กลมุ่ ของเล่นทมี่ สี ีแดง
กลมุ่ ของเลน่ ทม่ี สี ีเหลอื ง
กลมุ่ ของใชท้ ี่มสี ีแดง
กลมุ่ ของใช้ท่ีมีสีเหลือง

บตั รภาพ

ภาพฟองนำ้ ภาพถุงเทา้ ภาพชอ้ น

ภาพลกู โปง่ ภาพเป็ดยางลอยนำ้ ภาพกบเหลาดนิ สอ

ภาพขวดนำ้ ภาพหลอดดูดยา ภาพหมวก

สัปดาหท์ ี่ …7……

โรงเรียนขจรเกยี รตพิ ฒั นา

แผนการจดั การเรยี นรู้

ภาคเรียนท่ี 2/……….. ชอื่ ผสู้ อน………………………………………….

กลุ่มสาระ วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 1 จำนวน 4 คาบ

หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 3 วสั ดแุ ละการเกิดเสียง เร่อื ง เกณฑ์ที่ใชจ้ ดั กล่มุ วัสดุ

1.มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชว้ี ดั (การจำแนกขนาดเปน็ เกณฑ์)

มาตรฐานที่ ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งสมบัตขิ องสารกบั

โครงสร้างและแรงยึดเหนย่ี วระหว่างอนภุ าคหลกั และธรรมชาติของการเปล่ียนแปลงสถานะของสารการเกิดสารละลาย

และการเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมี

มาตรฐานที่ ว 8.2 เข้าใจและใช้แนวคดิ เชงิ คำนวณในการแกป้ ัญหาท่พี บในชวี ติ จรงิ อยา่ งเป็นข้นั ตอนและเปน็

ระบบใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สารในการเรยี นรู้ การทำงานและการแกป้ ญั หาได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพ รเู้ ท่าทนั

และมีจริยธรรม

ตัวชี้วัดที่ ป.1/1 อธิบายสมบัตทิ ี่สงั เกตได้ของวสั ดทุ ี่ใช้ทำวตั ถซุ ง่ึ ทำจากวสั ดุชนิดเดยี วหรือหลายชนิดประกอบ
กันโดยใชห้ ลักฐานเชิงประจักษ์

ตัวชี้วัดที่ ป. 1/2 ระบชุ นิดของวสั ดแุ ละจัดกลมุ่ วสั ดุตามสมบัติท่ีสงั เกตได้

2.สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด

ของเล่นและของใชร้ อบตวั เราทำจากวสั ดุต่างๆหลายชนดิ เช่นผ้า กระดาษ ไม้ โลหะ พลาสติก
เปน็ ต้นซ่ึงวสั ดุเหล่านอ้ี าจมีลกั ษณะบางอย่างเหมือนกันและอาจมีบางอย่างแตกตา่ งกนั

3. จุดประสงค์การเรียนรู้

1. เปรียบเทียบลักษณะของวสั ดุได้ (K)
2. จดั กลุ่มวัสดุได้ (P)
3. มีความสนใจใฝเ่ รยี นรู้ (A)

4. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรูท้ อ้ งถ่นิ
พิจารณาตามหลกั สูตรของสถานศกึ ษา
สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง
การจัดกลุ่มของวัสดุตามเกณฑ์ต่างๆ ที่กำหนด

5.กิจกรรมการเรยี นรู้ คาบที่ 1
ขน้ั นำ

ข้นั กระตนุ้ ความสนใจ (Engage)
1. ครูนำบัตรคำช่อื ของเลน่ และของใช้ มาวางไว้หนา้ ชั้นเรยี น ดงั น้ี

บตั รคำ ตุ๊กตา
กล่องดินสอโลหะ แก้วน้ำ
กระเปา๋ ผ้า หุน่ ยนต์
ยางลบ สมุด
ลกู บอลพลาสติก เงนิ เหรียญ
ลกู แกว้

2. ครชู บู ัตรคำให้นักเรยี นอ่านพร้อมกนั ทีละแผน่ จากน้นั ถามคำถามเพือ่ กระตุน้ ให้นกั เรียนชว่ ยกันยกมือ
ตอบ ดงั น้ี

●ยางลบทำจากวัสดุอะไร
(แนวตอบ : ทำจากยาง)
●ยางจัดเป็นโลหะหรอื ไม่
(แนวตอบ : ไม่ใช่)
●โลหะกับยางแตกต่างกันอย่างไร
(แนวตอบ : ยางมีความยดื หยนุ่ แต่โลหะมีความแข็ง)
●หนังสอื ทำจากวัสดุอะไร
(แนวตอบ : ทำจากกระดาษ)
●กระดาษเปน็ โลหะหรือไม่
(แนวตอบ : ไม่เปน็ )
●ของเล่นหรอื ของใช้อะไรบ้างท่ีทำจากโลหะ
(แนวตอบ : กล่องดนิ สอโลหะ ช้อนโลหะ)
●ส่งิ ของอะไรบา้ งทไ่ี ม่ได้ทำจากโลหะ
(แนวตอบ : ขนึ้ อยู่กับคำตอบของนักเรยี น)
●ส่ิงของเหล่านัน้ มีขนาดอย่างไร

(แนวตอบ : ขนึ้ อยู่กับคำตอบของนักเรียน)
3. ครแู บ่งนักเรียนออกเป็นสองฝ่ายตามความเหมาะสมจากน้ันให้นักเรยี นแขง่ ขันเลน่ เกม แบ่งสมบตั ิโดยครอู ธิบายกตกิ า
การแขง่ ขนั คือ

1) ครูเขยี นข้อความไว้บนกระดานว่า ขนาดเล็ก กับ ขนาดใหญ่
2) ให้แต่ละฝ่ายสง่ ตัวแทนฝ่ายละ 5 คน ออกมาเป็นตัวแทน
3) แต่ละฝ่ายจับสลากว่า ขนาดเลก็ ขนาดใหญ่ เป็นต้น
4) ครูวางบัตรคำรวมกันไว้บนโต๊ะหน้าชั้นเรียน โดยแต่ละกลุ่มออกมาเลือกบัตรคำของตนเ องไปติดบน
กระดานตามที่จับฉลากได้ทีละคนแล้ววิ่งกลับมาแตะที่มือเพื่อนคนต่อไปจนครบทั้ง 5 คน กลุ่ม

ไหนเสร็จก่อนให้นั่งลง และฝ่ายใดถูกตอ้ งและใช้เวลาเรว็ กว่าจะเป็นฝ่ายชนะ
4. นกั เรียนทุกคนร่วมกนั สรุปความรู้ทีไ่ ด้จากการเลน่ เกม

(หมายเหตุ : ครเู ร่มิ ประเมินนักเรียน โดยใชแ้ บบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุม่ )

คาบท่ี 2

ขน้ั สอน

ขั้นสำรวจคน้ หา (Explore)
1. นักเรียนร่วมกนั ดูภาพและอ่านหนังสือเรียนวทิ ยาศาสตร์ ป.1 จากนน้ั ครถู ามคำถาม
นกั เรยี นจากหนังสือเรยี นวิทยาศาสตร์ว่า เพือ่ นๆ จะจดั กลมุ่ วตั ถุเหล่าน้ไี ด้อย่างไรบ้าง
(แนวตอบ : เชน่ จัดกลมุ่ โดยใชเ้ กณฑ์สขนาดของเลน่ ของใช้ เป็นตน้ )
2. ครูนำตัวอย่างวตั ถมุ า 5-6 ชิ้น ทีม่ ลี กั ษณะภายนอกเหมือนกนั มาให้นักเรียนดู

ตวั อย่างวัตถุ
ตะกร้า ก้อนหิน แกว้ น้ำ ลูกโป่ง ลูกแก้ว ลกู บอล เปน็ ตน้

3. นักเรียนช่วยกันจดั กลุ่มวัสดุตามเกณฑ์ที่ครูกำหนดให้

ตัวอยา่ ง เกณฑ์ทีใ่ ชใ้ นการจัดกลุ่มวัสดุ
ใช้ขนาดเปน็ เกณฑ์ (จำแนกได้เป็นขนาดเลก็ ขนาดใหญ่ เปน็ ตน้ )

4. นักเรยี นแต่ละคนบนั ทึกข้อมูลการจัดกลุ่มวัสดแุ ละบอกเกณฑ์ท่ีใช้ในการจัดกลมุ่ วัสดุลงในใบงาน
(หมายเหตุ : ครูเร่ิมประเมนิ นกั เรียน โดยใชแ้ บบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล)

คาบท่ี 3

ขั้นอธบิ ายความรู้ (Explain)
1. ครูสุ่มนกั เรียน 4-5 คน แลว้ ให้นำผลการบนั ทึกกจิ กรรมออกมานำเสนอหนา้ ช้นั เรียนเพ่ือแลกเปลยี่ น
ความคิดเห็น
2. ครูตัง้ คำถามถามนกั เรียนวา่ เมอ่ื เกณฑ์ที่ใช้ในการแบ่งกลมุ่ เปลี่ยนไปของเล่นและของใช้ที่อยู่ในกลุ่ม
ยังคงเหมอื นเดิมหรือเปลี่ยนแปลง โดยให้นักเรียนตอบคำถามอย่างอิสระ
(แนวตอบ :ขึน้ อยกู่ ับดุลยพินจิ ของครผู สู้ อน)
3. ครูนำผลการทำกิจกรรมของนักเรียนที่จัดกลุ่มวัสดุ มาอธิบายให้นักเรียนเข้าใจเกี่ยวกับการจัดกลุ่มวัสดุ ที่
สามารถใช้เกณฑ์ในการจัดกลุ่มวัสดุได้หลากหลายแล้วเขียนไว้บนกระดาน เช่น วสั ดุท่ีใชข้ นาดเป็นเกณฑ์

คาบที่ 4

ขน้ั สรปุ

ขั้นขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
1. นักเรียนแบ่งกลุ่มกลุ่มละ 3-4 คน จากนั้นตั้งชื่อกลุ่ม แล้วร่วมกันสรุปเกี่ยวกับเกณฑ์ต่างๆที่ใช้ใน
การจัดกลุ่มของวัสดุโดยให้นักเรียนช่วยกันสรุปเป็นแผนผังความคิดเกี่ยวกับเกณฑ์ท่ีใช้ในการจำแนกกลุ่มวัสดุ
พรอ้ มตกแตง่ ใหส้ วยงามโดยทำลงในกระดาษปอนด์
2. แต่ละกล่มุ เตรยี มความพร้อมและตรวจสอบความถูกตอ้ งของผลงานเพอื่ นำเสนอผลการทำกิจกรรมหน้าชน้ั เรียน
3. ครูสุ่มรายชื่อกลุ่มจากการจับฉลากให้นำผลงานออกมานำเสนอหน้าชั้นทลี ะกลุม่ เพือ่ แลกเปลี่ยนความคิดกนั จน
ครบทกุ กลมุ่
4. นักเรียนรว่ มกนั แสดงความคิดเห็น โดยครูแนะนำในสว่ นที่บกพรอ่ งหรือควรเพิ่มเติม

(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมนิ นกั เรยี น โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม)

ขน้ั ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครใู ห้นักเรยี นรว่ มกันสรุปเกยี่ วกับเกณฑท์ ่ีใชใ้ นการจำแนกกลุ่มวัสดุ
2. ครปู ระเมินผลนักเรียน โดยการสงั เกตพฤตกิ รรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล
พฤติกรรมการทำงานกล่มุ และจากการนำเสนอผลการทำกจิ กรรมหนา้ ช้ันเรยี น

6. ก 6. การวดั และประเมินผล

การวดั และประเมนิ ผล วธิ ีการวดั ผล เครอื่ งมอื วดั เกณฑก์ าร
จุดประสงค์ ประเมินผล
1.คำถามกระตุ้น 60% ขนึ้ ไป ถอื วา่
ความร้คู วาม 1.ระบเุ กณฑใ์ นการจำแนกได้ ความคดิ ผ่านเกณฑ์การ
เขา้ ใจ (K) ประเมิน
1. ใบงาน
ทักษะ/ 1.จดั กลุ่มวตั ถุตา่ งๆ ได้ 60% ขึ้นไป ถือว่า
กระบวนการ (P) 1. แบบสังเกต ผา่ นเกณฑ์การ
พฤติกรรม ประเมนิ
คณุ ลกั ษณะนสิ ัย (A) 1.รับผดิ ชอบต่อหน้าทท่ี ่ไี ด้รับ 2. แบบประเมิน
มอบหมาย คุณลกั ษณะอนั พึง 60% ขน้ึ ไป ถือวา่
2.สงั เกตความมวี นิ ยั ใฝ่เรียนรู้ ประสงค์ ผ่านเกณฑก์ าร
และมงุ่ มนั่ ในการทำงาน ประเมิน

7. ส่ือ /แหล่งการเรียนรู้
7.1 ส่อื การเรยี นรู้

1) หนังสอื เรยี นวิทยาศาสตร์ ป.1 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 3 วสั ดแุ ละการเกดิ เสยี ง
2) แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์ ป.1 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 3 วสั ดุและการเกิดเสยี ง
3) วสั ด-ุ อุปกรณ์ เชน่ กระดาษปอนด์ เป็นตน้

7.2 แหล่งการเรียนรู้

1) ห้องสมุด
2) หอ้ งเรียน
3) อินเทอรเ์ นต็

8. กจิ กรรมเสนอแนะ
……………………………………………………………………………………………………………………………………...
………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชอ่ื ...............................................ผสู้ อน ลงช่อื ....................................ฝา่ ยวิชาการ
(………………………………………) (………………………………………)

ลงชือ่ ....................................................ผ้บู ริหาร
(………………………………………)

ใบงาน เร่ืองการจำแนกวัสดโุ ดยใชข้ นาดเปน็ เกณฑ์
คำช้ีแจง ใหน้ กั เรยี นดูภาพ แล้ว ล้อมรอบภาพตามประเดน็ ทีก่ ำหนด

1. ขนาดเล็ก
2. ขนาดปานกลาง
3. ขนาดเลก็
4. ขนาดใหญ่

สปั ดาห์ท่ี …8……

โรงเรียนขจรเกียรตพิ ฒั นา

แผนการจดั การเรยี นรู้

ภาคเรยี นที่ 2/……….. ช่ือผู้สอน………………………………………….
กลุ่มสาระ วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 1 จำนวน 4 คาบ
หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 3 วัสดุและการเกดิ เสยี ง เรอ่ื ง เกณฑ์ทีใ่ ช้จดั กล่มุ วัสดุ

1.มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชีว้ ดั (การจำแนกพ้ืนผวิ เป็นเกณฑ์)

มาตรฐานท่ี ว 2.1 เขา้ ใจสมบตั ขิ องสาร องคป์ ระกอบของสสาร ความสมั พนั ธ์ระหว่างสมบตั ิของสารกบั
โครงสร้างและแรงยึดเหนย่ี วระหว่างอนภุ าคหลกั และธรรมชาติของการเปลีย่ นแปลงสถานะของสารการเกิด
สารละลาย และการเกิดปฏิกริ ยิ าเคมี

มาตรฐานที่ ว 8.2 เขา้ ใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแกป้ ัญหาที่พบในชีวติ จรงิ อย่างเป็นขนั้ ตอนและ

เป็นระบบใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สารในการเรียนรู้การทำงานและการแกป้ ญั หาไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ

รู้เทา่ ทนั และมจี รยิ ธรรม

ตัวชวี้ ัดท่ี ป.1/1 อธบิ ายสมบัติท่ีสงั เกตได้ของวัสดุทีใ่ ช้ทำวตั ถุซ่ึงทำจากวสั ดชุ นิดเดยี วหรอื หลายชนิด
ประกอบกันโดยใช้หลกั ฐานเชงิ ประจักษ์

ตัวช้วี ดั ที่ ป. 1/2 ระบุชนดิ ของวสั ดแุ ละจัดกลมุ่ วสั ดุตามสมบัติทสี่ ังเกตได้

2.สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด

ของเลน่ และของใชร้ อบตัวเราทำจากวัสดตุ ่างๆหลายชนดิ เชน่ ผา้ กระดาษ ไม้ โลหะ พลาสตกิ
เปน็ ต้นซงึ่ วัสดเุ หล่านอี้ าจมีลักษณะบางอยา่ งเหมือนกนั และอาจมีบางอย่างแตกต่างกนั

3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

1. เปรยี บเทยี บลักษณะของวสั ดุได้ (K)
2. จดั กลมุ่ วัสดุได้ (P)
3. มคี วามสนใจใฝ่เรียนรู้ (A)

4. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรยี นร้แู กนกลาง สาระการเรยี นรูท้ ้องถน่ิ
การจดั กลุ่มของวสั ดุตามเกณฑต์ า่ งๆ ท่กี ำหนด พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศกึ ษา

5.กจิ กรรมการเรยี นรู้ คาบที่ 1
ขน้ั นำ

ขน้ั กระตนุ้ ความสนใจ (Engage)
1. ครูนำบัตรคำช่ือของเล่นและของใช้ มาวางไว้หนา้ ชั้นเรียน ดังน้ี

บตั รคำ ตุ๊กตาผา้
ยางรถยนต์ กอ้ นหิน
ผา้ เช็ดหนา้ หุน่ ยนต์
ยางลบ สมุด
ลกู บอลพลาสติก โตะ๊ ไม้
ลูกแกว้

2. ครูชูบัตรคำให้นักเรยี นอ่านพร้อมกนั ทีละแผน่ จากนนั้ ถามคำถามเพือ่ กระตนุ้ ให้นกั เรียนชว่ ยกันยกมือ
ตอบ ดังนี้

●ยางลบทำจากวสั ดอุ ะไร
(แนวตอบ : ทำจากยาง)
●ยางจัดเป็นโลหะหรอื ไม่
(แนวตอบ : ไม่ใช่)
●โลหะกับยางแตกต่างกนั อย่างไร
(แนวตอบ : ยางมีความยดื หยนุ่ แต่โลหะมีความแข็ง)
●สมุดทำจากวัสดุอะไร
(แนวตอบ : ทำจากกระดาษ)
●กระดาษเปน็ โลหะหรือไม่
(แนวตอบ : ไม่เป็น)
●ของเล่นหรอื ของใช้อะไรบ้างท่ีทำจากโลหะ

(แนวตอบ : กล่องดนิ สอโลหะ ชอ้ นโลหะ)
●สิง่ ของอะไรบา้ งทไ่ี มไ่ ด้ทำจากโลหะ
(แนวตอบ : ข้ึนอยู่กับคำตอบของนักเรียน)
●ส่ิงของเหล่านน้ั มีพนื้ ผิวเป็นอย่างไร
(แนวตอบ : ขนึ้ อย่กู ับคำตอบของนกั เรียน)
3. ครแู บง่ นกั เรียนออกเปน็ สองฝ่ายตามความเหมาะสมจากน้ันให้นกั เรยี นแขง่ ขันเล่นเกม แบง่ สมบตั ิโดยครูอธิบายกติกา
การแข่งขันคือ
1) ครูเขยี นข้อความไว้บนกระดานว่า เรียบ กับ ขรุขระ
2) ให้แต่ละฝ่ายส่งตัวแทนฝ่ายละ 5 คน ออกมาเป็นตวั แทน
3) แต่ละฝ่ายจับสลากวา่ เรียบ ขรุขระ เป็นตน้
4) ครูวางบัตรคำรวมกันไว้บนโต๊ะหน้าชั้นเรียน โดยแต่ละกลุ่มออกมาเลือกบัตรคำของตนเ องไปติดบน
กระดานตามที่จับฉลากได้ทีละคนแล้ววิ่งกลับมาแตะที่มือเพื่อนคนต่อไปจนครบทั้ง 5 คน กลุ่ม

ไหนเสร็จกอ่ นใหน้ ง่ั ลง และฝา่ ยใดถูกต้องและใช้เวลาเร็วกว่าจะเปน็ ฝ่ายชนะ
4. นกั เรียนทุกคนร่วมกนั สรุปความรู้ท่ีได้จากการเล่นเกม

(หมายเหตุ : ครเู ร่มิ ประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม)

คาบที่ 2

ขน้ั สอน

ข้นั สำรวจคน้ หา (Explore)
1. นกั เรียนรว่ มกนั ดูภาพและอ่านหนงั สอื เรียนวทิ ยาศาสตร์ ป.1 จากนั้นครถู ามคำถาม
นักเรยี นจากหนงั สอื เรยี นวทิ ยาศาสตรว์ ่า เพอ่ื นๆ จะจัดกลุ่มวตั ถุเหล่านไ้ี ดอ้ ย่างไรบ้าง
(แนวตอบ : เช่นจัดกลมุ่ โดยใช้เกณฑ์พื้นผิวของเลน่ ของใช้ เป็นต้น)
2. ครนู ำตวั อยา่ งวตั ถุมา 5-6 ชิ้น ทมี่ ลี ักษณะภายนอกเหมอื นกันมาให้นกั เรียนดู

ตวั อย่างวัตถุ
ตะกร้าพลาสติก กอ้ นหิน แกว้ นำ้ ลกู โปง่ ลกู แกว้ ผ้าขนหนู เป็นตน้

3. นกั เรียนช่วยกันจดั กลุ่มวัสดุตามเกณฑท์ ่ีครกู ำหนดให้

ตวั อย่าง เกณฑท์ ่ใี ช้ในการจัดกลุ่มวัสดุ
ใช้พนื้ ผวิ เป็นเกณฑ์ (จำแนกได้เป็นพืน้ ผวิ เรียบ พ้ืนผวิ ขรขุ ระ เปน็ ต้น

4. นกั เรียนแต่ละคนบันทึกข้อมูลการจดั กลุ่มวัสดแุ ละบอกเกณฑท์ ่ีใช้ในการจัดกลมุ่ วัสดุลงในใบงาน
(หมายเหตุ : ครูเริม่ ประเมนิ นักเรยี น โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล)

คาบท่ี 3

ขั้นอธบิ ายความรู้ (Explain)
1. ครูสุ่มนักเรียน 4-5 คน แล้วให้นำผลการบันทึกกจิ กรรมออกมานำเสนอหน้าชนั้ เรียนเพื่อแลกเปล่ยี น
ความคิดเห็น
2. ครูตัง้ คำถามถามนักเรียนวา่ เมอ่ื เกณฑ์ท่ีใช้ในการแบง่ กลมุ่ เปล่ียนไปของเลน่ และของใช้ท่ีอยู่ในกล่มุ
ยงั คงเหมอื นเดิมหรือเปลี่ยนแปลง โดยให้นกั เรียนตอบคำถามอย่างอิสระ
(แนวตอบ :ขนึ้ อย่กู ับดุลยพนิ จิ ของครูผสู้ อน)
3. ครูนำผลการทำกิจกรรมของนักเรียนที่จัดกลุ่มวัสดุ มาอธิบายให้นักเรียนเข้าใจเกี่ยวกับการจัดกลุ่มวัสดุ ท่ี
สามารถใช้เกณฑ์ในการจัดกลุม่ วัสดุได้หลากหลายแล้วเขยี นไว้บนกระดาน เชน่ วสั ดุที่ใช้พ้นื ผวิ เปน็ เกณฑ์

คาบท่ี 4
ขน้ั สรปุ

ขัน้ ขยายความเข้าใจ (Elaborate)
1. นักเรียนแบ่งกลุ่มกลุ่มละ 3-4 คน จากนั้นตั้งชื่อกลุ่ม แล้วร่วมกันสรุปเกี่ยวกับเกณฑ์ต่างๆที่ใช้ใน
การจัดกลุ่มของวัสดุโดยให้นักเรียนช่วยกันสรุปเป็นแผนผังความคิดเกี่ยวกับเกณฑ์ที่ใช้ในการจำแนกกลุ่มวัสดุ
พร้อมตกแตง่ ใหส้ วยงามโดยทำลงในกระดาษปอนด์
2. แตล่ ะกลุ่มเตรยี มความพร้อมและตรวจสอบความถูกตอ้ งของผลงานเพอ่ื นำเสนอผลการทำกิจกรรมหนา้ ช้นั เรียน
3. ครูสุ่มรายชื่อกลุม่ จากการจับฉลากให้นำผลงานออกมานำเสนอหน้าชั้นทลี ะกลุ่มเพือ่ แลกเปลี่ยนความคิดกนั จน
ครบทุกกลุ่ม
4. นกั เรียนรว่ มกนั แสดงความคิดเห็น โดยครูแนะนำในสว่ นที่บกพร่องหรอื ควรเพ่มิ เติม

(หมายเหตุ : ครูเรม่ิ ประเมินนกั เรยี น โดยใชแ้ บบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม)

ขัน้ ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครูให้นักเรียนรว่ มกันสรปุ เกี่ยวกบั เกณฑท์ ่ีใช้ในการจำแนกกลุม่ วัสดุ
2. ครูประเมินผลนักเรยี น โดยการสงั เกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบคุ คล
พฤติกรรมการทำงานกล่มุ และจากการนำเสนอผลการทำกิจกรรมหนา้ ช้ันเรียน

6. ก 6. การวัดและประเมนิ ผล

การวดั และประเมนิ ผล วธิ กี ารวัดผล เคร่อื งมือวดั เกณฑก์ าร
จุดประสงค์ ประเมินผล
1.คำถามกระตนุ้
ความรคู้ วาม 1.ระบเุ กณฑ์ในการจำแนกได้ ความคิด 60% ขึ้นไป ถอื ว่า
เขา้ ใจ (K) ผา่ นเกณฑ์การ
1. ใบงาน ประเมนิ
ทกั ษะ/ 1.จัดกลมุ่ วัตถุตา่ งๆ ได้ 60% ขน้ึ ไป ถอื วา่
กระบวนการ (P) 1. แบบสงั เกต ผ่านเกณฑ์การ
พฤตกิ รรม ประเมนิ
คณุ ลกั ษณะนิสยั (A) 1.รบั ผิดชอบตอ่ หนา้ ท่ที ี่ได้รบั 2. แบบประเมิน
มอบหมาย คุณลกั ษณะอนั พึง 60% ขึ้นไป ถอื วา่
2.สงั เกตความมวี ินัย ใฝ่เรียนรู้ ประสงค์ ผา่ นเกณฑก์ าร
และมงุ่ มั่นในการทำงาน ประเมิน

7. สือ่ /แหล่งการเรยี นรู้
7.1 ส่ือการเรยี นรู้

1) หนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ป.1 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 วสั ดแุ ละการเกดิ เสียง
2) แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ป.1 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 วสั ดแุ ละการเกดิ เสียง
3) วัสด-ุ อปุ กรณ์ เชน่ กระดาษปอนด์ เปน็ ตน้

7.2 แหล่งการเรียนรู้

1) หอ้ งสมุด
2) หอ้ งเรียน
3) อินเทอรเ์ น็ต

8. กจิ กรรมเสนอแนะ
……………………………………………………………………………………………………………………………………...
………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงช่ือ...............................................ผสู้ อน ลงช่ือ....................................ฝา่ ยวิชาการ
(………………………………………) (………………………………………)

ลงชอ่ื ....................................................ผู้บริหาร
(………………………………………)

ใบงานเรื่อง การจำแนกวสั ดุโดยใชพ้ ้นื ผิวเปน็ เกณฑ์

คำชแ้ี จง ให้นักเรียนตดิ ภาพของเลน่ และของใช้ ลงในกรอบตามเกณฑท์ กี่ ำหนด
กลุ่มของใช้ท่มี ีพน้ื ผวิ เรยี บ

กลุ่มของใชท้ ่ีมพี ้ืนผวิ ไมเ่ รียบ

สปั ดาห์ท่ี …9……

โรงเรียนขจรเกียรตพิ ฒั นา

ภาคเรียนที่ 2/……….. แผนการจดั การเรยี นรู้
กลุ่มสาระ วทิ ยาศาสตร์
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 3 วัสดแุ ละการเกดิ เสยี ง ชอ่ื ผู้สอน………………………………………….
ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 1 จำนวน 4 คาบ
เร่ือง เกณฑ์ที่ใช้จัดกลมุ่ วัสดุ

(การจำแนกความแขง็ เปน็ เกณฑ)์

1.มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้ีวัด

มาตรฐานที่ ว 2.1 เขา้ ใจสมบตั ขิ องสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหวา่ งสมบัติของสารกับ
โครงสรา้ งและแรงยึดเหนีย่ วระหวา่ งอนุภาคหลกั และธรรมชาตขิ องการเปลีย่ นแปลงสถานะของสารการเกิด
สารละลาย และการเกิดปฏิกริ ยิ าเคมี

มาตรฐานท่ี ว 8.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแกป้ ญั หาทีพ่ บในชวี ติ จรงิ อยา่ งเป็นขน้ั ตอนและ

เปน็ ระบบใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สารในการเรยี นรู้การทำงานและการแก้ปญั หาได้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ

รู้เทา่ ทัน และมจี รยิ ธรรม

ตัวชีว้ ดั ที่ ป.1/1 อธบิ ายสมบัติท่ีสงั เกตไดข้ องวสั ดทุ ีใ่ ชท้ ำวตั ถุซงึ่ ทำจากวัสดุชนดิ เดยี วหรือหลายชนดิ
ประกอบกนั โดยใชห้ ลักฐานเชิงประจักษ์

ตัวชวี้ ัดที่ ป. 1/2 ระบชุ นดิ ของวสั ดแุ ละจัดกลมุ่ วัสดตุ ามสมบตั ิทสี่ ังเกตได้

2.สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด

ของเล่นและของใช้รอบตัวเราทำจากวสั ดุตา่ งๆหลายชนดิ เช่นผา้ กระดาษ ไม้ โลหะ พลาสตกิ
เป็นตน้ ซึง่ วสั ดเุ หลา่ น้อี าจมีลักษณะบางอยา่ งเหมือนกนั และอาจมีบางอย่างแตกตา่ งกัน

3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

1. เปรียบเทยี บลกั ษณะของวสั ดุได้ (K)
2. จัดกลุ่มวสั ดุได้ (P)
3. มคี วามสนใจใฝเ่ รยี นรู้ (A)

4. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรูท้ อ้ งถิ่น
การจัดกลมุ่ ของวสั ดุตามเกณฑต์ า่ งๆ ทีก่ ำหนด พจิ ารณาตามหลักสูตรของสถานศึกษา

5.กิจกรรมการเรยี นรู้ คาบที่ 1
ขน้ั นำ

ขน้ั กระตนุ้ ความสนใจ (Engage)
1. ครูนำบัตรคำช่ือของเล่นและของใช้ มาวางไว้หนา้ ชั้นเรยี น ดังนี้

บตั รคำ ตุ๊กตาผ้า
ยางรถยนต์ กอ้ นหนิ
ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว
ยางลบ หมอน
ลูกบอลพลาสติก โตะ๊ ไม้
ลกู แกว้

2. ครชู ูบัตรคำใหน้ ักเรียนอ่านพร้อมกนั ทีละแผ่น จากนน้ั ถามคำถามเพื่อกระตุ้นให้นกั เรยี นช่วยกันยกมอื
ตอบ ดังน้ี

●ผ้าเช็ดตัวทำจากวัสดุอะไร
(แนวตอบ : ทำจากผ้า)
●ยางรถยนต์จัดเป็นโลหะหรือไม่
(แนวตอบ : ไม่ใช่)
●ผ้าเช็ดตัวกบั ยางรถยนต์แตกต่างกนั อย่างไร
(แนวตอบ : ผ้าเช็ดตัวนุ่มแต่ยางรถยนตม์ ีความแข็ง)
●โตะ๊ ทำจากวัสดุอะไร
(แนวตอบ : ทำจากไม้)
●ไม้เปน็ โลหะหรอื ไม่
(แนวตอบ : ไม่เป็น)
●ของเลน่ หรือของใช้อะไรบ้างที่ทำจากไม้
(แนวตอบ : โต๊ะ เก้าอ้ี)
●ส่งิ ของอะไรบ้างท่ไี ม่ได้ทำจากไม้
(แนวตอบ : ขน้ึ อยกู่ ับคำตอบของนักเรียน)

●สงิ่ ของเหลา่ น้นั มีความแข็งหรอื ไม่
(แนวตอบ : ขึ้นอยกู่ ับคำตอบของนกั เรียน)
3. ครแู บง่ นกั เรียนออกเป็นสองฝ่ายตามความเหมาะสมจากนนั้ ให้นักเรียนแขง่ ขันเล่นเกม แบ่งสมบัติโดยครูอธิบาย
กติกาการแข่งขันคอื
1) ครูเขียนข้อความไว้บนกระดานว่า แขง็ กับ อ่อนนมุ่
2) ให้แต่ละฝ่ายสง่ ตัวแทนฝ่ายละ 5 คน ออกมาเป็นตวั แทน
3) แต่ละฝ่ายจับสลากว่า แข็ง อ่อนนมุ่ เป็นตน้
4) ครูวางบัตรคำรวมกันไว้บนโต๊ะหน้าชั้นเรียน โดยแต่ละกลุ่มออกมาเลือกบัตรคำของตนเองไปติดบน

กระดานตามที่จับฉลากได้ทีละคนแล้ววิ่งกลับมาแตะที่มือเพื่อนคนต่อไปจนครบทั้ง 5 คน กลุ่ม
ไหนเสรจ็ ก่อนให้นงั่ ลง และฝ่ายใดถูกตอ้ งและใช้เวลาเร็วกว่าจะเปน็ ฝ่ายชนะ
4. นักเรียนทุกคนร่วมกนั สรุปความรู้ทไ่ี ด้จากการเลน่ เกม
(หมายเหตุ : ครูเร่ิมประเมินนกั เรยี น โดยใชแ้ บบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม)

คาบท่ี 2

ขน้ั สอน

ขนั้ สำรวจคน้ หา (Explore)
1. นักเรียนร่วมกนั ดูภาพและอ่านหนังสือเรียนวทิ ยาศาสตร์ ป.1 จากนน้ั ครถู ามคำถาม
นักเรยี นจากหนงั สือเรยี นวทิ ยาศาสตร์ว่า เพอ่ื นๆ จะจดั กลุ่มวัตถุเหล่านไี้ ดอ้ ย่างไรบ้าง
(แนวตอบ : เชน่ จัดกล่มุ โดยใช้เกณฑ์ความแข็งของของเล่นของใช้ เปน็ ต้น)
2. ครูนำตวั อย่างวตั ถุมา 5-6 ชน้ิ ทีม่ ลี กั ษณะภายนอกเหมอื นกันมาให้นักเรียนดู

ตัวอยา่ งวัตถุ
เสื้อผ้า ก้อนหนิ แก้วน้ำ ตุ๊กตาผ้า ลูกแก้ว ผ้าขนหนู เป็นต้น

3. นกั เรียนช่วยกนั จัดกลุ่มวัสดุตามเกณฑ์ที่ครูกำหนดให้

ตวั อย่าง เกณฑท์ ีใ่ ชใ้ นการจัดกลุ่มวัสดุ
ใช้ความแข็งเปน็ เกณฑ์ (จำแนกได้เปน็ แขง็ อ่อนนุม่ เป็นตน้

4. นกั เรยี นแต่ละคนบนั ทกึ ข้อมูลการจัดกลุ่มวัสดแุ ละบอกเกณฑท์ ี่ใช้ในการจัดกลมุ่ วัสดุลงในใบงาน
(หมายเหตุ : ครูเริม่ ประเมนิ นักเรยี น โดยใชแ้ บบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล)

คาบที่ 3

ข้ันอธบิ ายความรู้ (Explain)
1. ครูสุ่มนักเรียน 4-5 คน แลว้ ให้นำผลการบนั ทึกกิจกรรมออกมานำเสนอหน้าชน้ั เรียนเพ่ือแลกเปลี่ยนความ
คดิ เห็น
2. ครูตัง้ คำถามถามนกั เรียนวา่ เม่ือเกณฑ์ที่ใช้ในการแบ่งกลมุ่ เปล่ียนไปของเลน่ และของใช้ท่ีอยู่ในกลุ่ม
ยังคงเหมือนเดิมหรือเปล่ยี นแปลง โดยให้นักเรียนตอบคำถามอย่างอิสระ
(แนวตอบ :ขึน้ อยู่กับดุลยพินิจของครูผสู้ อน)
3.ครูนำผลการทำกิจกรรมของนักเรียนที่จัดกลุ่มวัสดุ มาอธิบายให้นักเรียนเข้าใจเกี่ยวกับการจัดกลุ่มวัสดุ ที่
สามารถใช้เกณฑ์ในการจัดกล่มุ วัสดุได้หลากหลายแล้วเขยี นไว้บนกระดาน เช่น วสั ดทุ ใ่ี ชค้ วามแข็งเป็นเกณฑ์

คาบท่ี 4

ขน้ั สรปุ

ขั้นขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
1. นักเรียนแบ่งกลุ่มกลุ่มละ 3-4 คน จากนั้นตั้งชื่อกลุ่ม แล้วร่วมกันสรุปเกี่ยวกับเกณฑ์ต่างๆที่ใช้ใน
การจัดกลุ่มของวัสดุโดยใหน้ ักเรียนช่วยกันสรุปเป็นแผนผังความคิดเก่ียวกับเกณฑ์ที่ใชใ้ นการจำแนกกลุ่มวัสดุ
พร้อมตกแต่งใหส้ วยงามโดยทำลงในกระดาษปอนด์
2. แต่ละกลุ่มเตรียมความพร้อมและตรวจสอบความถูกต้องของผลงานเพื่อนำเสนอผลการทำกิจกรรมหน้าช้ัน
เรยี น
3. ครูสุ่มรายชือ่ กลุ่มจากการจบั ฉลากใหน้ ำผลงานออกมานำเสนอหนา้ ชนั้ ทีละกลุ่มเพื่อแลกเปลย่ี นความคิดกนั จน
ครบทกุ กลุม่
4. นกั เรยี นร่วมกันแสดงความคิดเหน็ โดยครูแนะนำในสว่ นที่บกพรอ่ งหรอื ควรเพิ่มเติม

(หมายเหตุ : ครูเริม่ ประเมนิ นักเรยี น โดยใชแ้ บบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม)

ข้ันตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครูใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั สรปุ เกี่ยวกับเกณฑท์ ี่ใชใ้ นการจำแนกกล่มุ วัสดุ
2. ครปู ระเมนิ ผลนักเรยี น โดยการสังเกตพฤตกิ รรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบคุ คล
พฤติกรรมการทำงานกลุ่ม และจากการนำเสนอผลการทำกจิ กรรมหน้าชัน้ เรยี น

6. ก 6. การวัดและประเมนิ ผล

การวดั และประเมนิ ผล

จุดประสงค์ วธิ กี ารวัดผล เคร่อื งมือวดั เกณฑ์การ

ประเมินผล

ความรคู้ วาม 1.ระบเุ กณฑ์ในการจำแนกได้ 1.คำถามกระต้นุ 60% ขนึ้ ไป ถือวา่

เขา้ ใจ (K) ความคดิ ผ่านเกณฑ์การ

ประเมิน

ทักษะ/ 1.จดั กลมุ่ วตั ถุตา่ งๆ ได้ 1. ใบงาน 60% ขนึ้ ไป ถอื ว่า

กระบวนการ (P) ผา่ นเกณฑก์ าร

ประเมิน

คุณลักษณะนิสยั (A) 1.รับผิดชอบตอ่ หนา้ ท่ีท่ีได้รับ 1. แบบสงั เกต 60% ขึ้นไป ถือว่า

มอบหมาย พฤติกรรม ผา่ นเกณฑก์ าร

2.สังเกตความมวี ินยั ใฝ่เรยี นรู้ 2. แบบประเมนิ ประเมนิ

และม่งุ มัน่ ในการทำงาน คุณลกั ษณะอันพงึ

ประสงค์

7. สื่

7. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
7.1 สื่อการเรียนรู้

1) หนังสอื เรยี นวิทยาศาสตร์ ป.1 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 วสั ดแุ ละการเกิดเสยี ง

2) แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ป.1 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 3 วสั ดแุ ละการเกดิ เสยี ง

3) วสั ดุ-อุปกรณ์ เชน่ กระดาษปอนด์ เปน็ ตน้

7.2 แหล่งการเรยี นรู้
1) ห้องสมดุ
2) ห้องเรียน
3) อินเทอรเ์ นต็

8.
8. กิจกรรมเสนอแนะ

… …………………………………………………………………………………………………………………………………...
… ……………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชอื่ ...............................................ผู้สอน ลงชือ่ ....................................ฝา่ ยวชิ าการ
(………………………………………) (………………………………………)

ลงชื่อ....................................................ผู้บรหิ าร
(………………………………………)

ใบงานเรอื่ ง การจำแนกวัสดุโดยใชค้ วามแข็งเปน็ เกณฑ์
คำช้แี จง ใหน้ ักเรยี นวาดภาพของเลน่ และของใช้ อยา่ งละ 2 ภาพ ลงในกรอบตามเกณฑ์ทีก่ ำหนด
กลุ่มของเลน่ ทมี่ ีความแข็ง

กลมุ่ ของเลน่ ท่ีมีความ
ออ่ นนุม่

กล่มุ ของใช้ที่มีความแข็ง

กลมุ่ ของใช้ทม่ี คี วาม
อ่อนน่มุ

สัปดาหท์ ่ี …11……

โรงเรียนขจรเกยี รตพิ ฒั นา

แผนการจดั การเรยี นรู้

ภาคเรียนที่ 2/…………. ชื่อผู้สอน………………………………………….
กลุ่มสาระ วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 1 จำนวน 2 คาบ
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 วสั ดแุ ละการเกิดเสียง เรือ่ ง การเกิดเสียง

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวช้วี ดั

มาตรฐานที่ ว 2.3 เขา้ ใจความหมายของพลังงาน การเปลยี่ นแปลงและการถา่ ยโอนพลังงาน ปฏิสัมพนั ธ์
ระหว่างสสารและพลังงาน พลงั งานในชีวติ ประจำวัน ธรรมชาตขิ องคลน่ื ปรากฏการณท์ เ่ี กยี่ วข้องกบั เสียง แสง และคล่ืน
แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ รวมทงั้ นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์

มาตรฐานที่ ว 8.2 เข้าใจและใช้แนวคดิ เชิงคำนวณในการแกป้ ัญหาทพ่ี บในชีวิตจรงิ อยา่ งเปน็ ขนั้ ตอนและเป็น
ระบบใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สารในการเรยี นรู้ การทำงานและการแกป้ ญั หาไดอ้ ยา่ งมี
ประสทิ ธิภาพ รู้เทา่ ทัน และมจี ริยธรรม

ตัวช้ีวดั ที่ ป.1/1 บรรยายการเกิดเสยี งและทศิ ทางการเคลอื่ นท่ีของเสียงจากหลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์

2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด

เสยี งเป็นพลังงานรูปหนึง่ ทเี่ ราสามารถรับรู้ได้ โดยการฟงั ผ่านทางหู เสียงเกิดจากการส่ันสะเทอื น

ของวตั ถุ

3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

1. บรรยายการเกิดเสียงได้ (K)

2. ทดลองเกยี่ วกบั การเกิดเสียงได้ (P)

3. มีความสนใจใฝ่เรยี นรู้ (A)

4. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง สาระการเรียนรทู้ อ้ งถ่ิน
การเกดิ เสยี ง พจิ ารณาตามหลกั สูตรของสถานศกึ ษา

5. กิจกรรมการเรยี นรู้

คาบท่ี 1
ขน้ั นำ

ขั้นที่ 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engage)
1. ครูทกั ทายกบั นักเรยี น แล้วแจ้งผลการเรียนรู้ทีจ่ ะเรยี นในวนั นใ้ี หน้ ักเรยี นทราบ
2. ครูกระต้นุ ความสนใจของนกั เรยี นเก่ยี วกบั เร่อื งทีจ่ ะเรยี นในวนั น้ี โดยใหน้ ักเรียนดูภาพในหนังสอื เรียน

วทิ ยาศาสตร์ป.1จากนัน้ ครูถามคำถามสำคญั ประจำบทจากหนงั สอื เรียนวทิ ยาศาสตร์ว่าเสยี งเกิดขน้ึ ได้อยา่ งไร
(แนวตอบ : เสียงเกิดจากการสั่นสะเทอื นของวัตถุทีเ่ ป็นแหล่งกำเนดิ เสยี ง)

3. ครใู หร้ างวลั หรือคำชมกับนักเรยี นที่ตอบคำถามเพอ่ื เป็นการเสริมแรงในการเรยี นรู้

4.นกั เรียนเรียนร้คู ำศพั ทท์ ี่เก่ียวขอ้ งกับการเรยี นจากหนังสือเรียนวิทยาศาสตรโ์ ดยครเู ป็นผู้อา่ นนำและให้
นักเรยี นอา่ นตาม ดงั น้ี

music (ˋมวิ ซคิ ) เสียงดนตรี
sound (ซาวนด) เสียง
hearing การได้ยนิ
(เฮียรงิ )
vibration (ไวˋเบรชนั ) การส่นั สะเทอื น
sound source (ซาวนด ซอส) แหลง่ กำเนดิ เสียง

ขน้ั สอ5น. นกั เรียนวาดภาพท่ที ำใหเ้ กิดเสยี งได้ทำกิจกรรมนำส่กู ารเรยี นในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ป.1

(หมายเหตุ : ครูเร่ิมประเมนิ นักเรยี น โดยใช้แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานรายบคุ คล)

ขั้นสำรวจคน้ หา (Explore)
1. ครูตั้งคำถามถามนักเรยี นว่า ในตอนเชา้ นักเรยี นจะไดย้ ินเสยี งอะไรเปน็ เสยี งแรกของวนั และเสียง

เหล่าน้ันเกิดข้ึนไดอ้ ยา่ งไร จากนนั้ สุม่ เลือกนักเรยี นตอบคำถาม 3-4 คน

(แนวตอบ : เสยี งไก่ขนั นาฬกิ าปลกุ เสยี งเกดิ จากการส่ันสะเทือนของวัตถทุ ่ีเปน็ แหล่งกำเนิดเสยี ง)

2. นักเรยี นทกุ คนศกึ ษาภาพและข้อมูลจากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ จากนนั้ ครถู ามคำถามจากหนังสือเรียน

วทิ ยาศาสตร์ว่า เสยี งในชีวติ ประจำวันเกิดมาจากแหล่งใดบ้าง

(แนวตอบ : แหลง่ กำเนดิ เสียงตามธรรมชาตเิ ชน่ เสยี งคน เสยี งสัตว์ เสียงฟ้าร้องเปน็ ต้น
แหล่งกำเนดิ เสียงท่ีมนุษย์สรา้ งขึน้ เชน่ เสยี งยานพาหนะ เสยี งเคร่ืองดนตรี เสยี งพลุ)

3. นักเรียนชว่ ยกันทำการทดลองในกิจกรรม เรอ่ื ง การเกิดเสียง ในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ โดยใหน้ ักเรียน
วางมือหน่ึงข้างบนโต๊ะ แล้วใชด้ นิ สอเคาะโตะ๊ ใกล้ๆ กับมือท่ีวางไว้ จากนัน้ สังเกตการเกิดเสียงและการสนั่ สะเทอื นท่ี
เกิดขึ้นแล้วครูถามคำถามเพื่อนำเข้าสูก่ ารทำกิจกรรม ดงั น้ี

• เมอื่ เคาะโต๊ะ ใหน้ ักเรียนสงั เกตโดยใช้ประสาทสัมผสั ทางตา หู และผิวสัมผัสได้ข้อมูลอย่างไรบ้าง
(แนวตอบ : เห็นดินสอกระทบกับโตะ๊ ได้ยินเสยี ง รู้สกึ ถงึ การสัน่ ของดนิ สอ)

• นักเรียนคิดว่าเสยี งที่เกิดขึ้นเกิดจากอะไร
(แนวตอบ : ดนิ สอกระทบกับโตะ๊ แล้วสั่นสะเทอื น)
• นกั เรียนจะอธิบายการทดลองเพื่ออธิบายการเกิดเสยี งได้อย่างไร
(แนวตอบ : เสียงเกิดจากการสน่ั สะเทือนของวัตถุ)
4. บนั ทึกผลการทำกิจกรรมลงในสมดุ ประจำตัวนักเรยี น
5. นักเรียนทุกคนปฏิบัติตามกิจกรรมทีละอย่าง ดงั น้ี
• ใชม้ ือแตะลำคอของตัวเองขณะพูดและหยุดพดู สงั เกตและบันทึกผลลงในสมดุ ประจำตัวนกั เรียน
หรอื ในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์

• ใชน้ ้วิ หัวแม่มือและน้วิ ชี้ขึงหนังยางใหต้ ึง จากนั้นใช้มอื อีกข้างดงึ หนังยางแล้วปล่อย สังเกตและ
บนั ทึกผลลงในสมุดประจำตัวนักเรยี น หรอื ลงในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์

6. นกั เรียนทกุ คนชว่ ยกันเปรียบเทียบการเกิดเสยี งและสิง่ ที่ทำให้เกิดเสียงทง้ั 2 กิจกรรม แล้วบันทกึ ผลลงใน
สมุดประจำตวั นกั เรยี น หรอื ลงในแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ (หมายเหตุ : ครูเรม่ิ ประเมินนักเรียน โดยใชแ้ บบสังเกต
พฤติกรรมการทำงานกลุ่ม)

คาบที่ 2
ขน้ั สอน

ขนั้ อธิบายความรู้ (Expain)
1. นักเรียนแต่ละกลุ่มรว่ มกันอภปิ รายและสรุปผลเร่ืองลักษณะการเกิดเสียงและวัตถุท่ีทำให้เกดิ เสียง
2.ครูสมุ่ เลอื กตวั แทนของแต่ละกลุ่มให้ออกมานำเสนอผลการทำกจิ กรรมหนา้ ชัน้ เรียนเพื่อแลกเปล่ียนความ

คดิ เหน็ เกยี่ วกับลักษณะการเกิดเสยี งและวตั ถุทท่ี ำใหเ้ กิดเสยี งหนา้ ชั้นเรียน (หมายเหตุ : ครูเรม่ิ ประเมินนกั เรยี น
โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม)

ขน้ั สรุป

ขนั้ ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)

1. นักเรียนทุกคนดคู ลิปวิดีโอลกั ษณะการเกิดเสียงจากส่อื ต่างๆ ในอินเทอรเ์ นต็ เพอ่ื ขยายความเขา้ ใจเก่ยี วกบั
การเกิดเสยี งมากขึน้ จากนั้นใหน้ ักเรียนแสดงความคิดเห็นร่วมกนั เกี่ยวกับส่ิงทไี่ ด้ดู

2. นกั เรียนทุกคนรว่ มกันแลกเปลี่ยนความคิดเหน็ เก่ียวกับการเกิดเสียงในชีวิตประจำวันทร่ี บกวนการทำงานหรอื
การใชช้ วี ิตของนกั เรียน โดยมีครูคอยแนะนำเพมิ่ เติม

3. นักเรยี นรว่ มกันอภปิ รายและแสดงความคดิ เหน็ โดยครูถามคำถามดงั น้ี
• ถา้ นักเรียนตอ้ งการควบคุมการเกดิ เสียง นักเรยี นจะทำไดอ้ ย่างไร
(แนวตอบ : ควบคมุ การส่นั ของวตั ถทุ ่ีทำให้เกดิ เสียง)

4. นักเรียนทกุ คนทำกิจกรรมหนตู อบไดจ้ ากหนงั สือเรียนวิทยาศาสตร์
(หมายเหตุ : ครูเร่มิ ประเมนิ นกั เรียน โดยใชแ้ บบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล)

ข้นั ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครใู หน้ ักเรียนร่วมกนั สรุปความรู้เก่ียวกบั การเกดิ เสยี ง
2. ครปู ระเมินผลนักเรยี น โดยการสงั เกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล

พฤตกิ รรมการทำงานกลุม่ และจากการนำเสนอผลการทำกจิ กรรมหนา้ ชั้นเรียน
3. ครตู รวจสอบผลการทำกจิ กรรมนำส่กู ารเรียนในสมุดประจำตัวนกั เรยี นหรอื ในแบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์
4. ครตู รวจสอบผลการทำกจิ กรรมเรือ่ ง การเกดิ เสยี ง ในสมดุ ประจำตวั นกั เรียนหรอื ในแบบฝึกหัด

วทิ ยาศาสตร์
5. ครูตรวจสอบผลการทำแบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์

6. การวดั และประเมินผล

การวัดและประเมนิ ผล วธิ ีการวดั ผล เครอ่ื งมอื วัด เกณฑก์ าร
จดุ ประสงค์ ประเมนิ ผล
60% ขึ้นไป ถือวา่
ความร้คู วาม 1. บรรยายการเกดิ เสยี งได้ 1.คำถามกระตนุ้ ผา่ นเกณฑก์ าร
เข้าใจ (K) ความคดิ ประเมิน

ทกั ษะ/ 1.ทดลองเกย่ี วกับการเกดิ เสียงได้ 1. ใบงาน 60% ขึ้นไป ถือว่า
กระบวนการ (P) ผ่านเกณฑก์ าร
ประเมนิ
คณุ ลักษณะนสิ ัย (A) 1.รบั ผดิ ชอบตอ่ หนา้ ท่ที ่ีได้รบั 1. แบบสงั เกต 60% ข้ึนไป ถือว่า
มอบหมาย พฤตกิ รรม ผา่ นเกณฑก์ าร
2.สังเกตความมีวนิ ยั ใฝ่เรยี นรู้ 2. แบบประเมนิ ประเมิน
และม่งุ มน่ั ในการทำงาน คณุ ลกั ษณะอันพึง
ประสงค์

7. ส่ือ/แหลง่ การเรยี นรู้
7.1 สอื่ การเรยี นรู้

1) หนงั สอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์ ป.1 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 วัสดุและการเกิดเสยี ง

2) แบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ ป.1 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 3 วสั ดุและการเกิดเสียง

3) วัสด-ุ อุปกรณ์ เชน่ กระดาษปอนด์ เป็นตน้

7.2 แหลง่ การเรยี นรู้
1) ห้องสมดุ
2) ห้องเรยี น
3) อินเทอร์เน็ต

8. กิจกรรมเสนอแนะ
…………………………………………………………………………………………………………………………………...
…………………………………………………………………………………………………………………………………...
…………………………………………………………………………………………………………………………………...

ลงช่อื ...............................................ผ้สู อน ลงชือ่ ....................................ฝ่ายวชิ าการ
(………………………………………) (………………………………………)

ลงช่อื ....................................................ผู้บริหาร
(………………………………………)

สัปดาหท์ ี่ …11……

โรงเรียนขจรเกยี รตพิ ัฒนา

แผนการจดั การเรยี นรู้

ภาคเรยี นท่ี 2/……………. ชื่อผ้สู อน………………………………………….
กลุม่ สาระ วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 1 จำนวน 2 คาบ
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3 วัสดุและการเกดิ เสียง เรอ่ื ง แหล่งกำเนิดเสยี ง

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชีว้ ัด

มาตรฐานท่ี ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปล่ยี นแปลงและการถา่ ยโอนพลังงาน ปฏสิ มั พนั ธ์
ระหวา่ งสสารและพลงั งาน พลังงานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาติของคลืน่ ปรากฏการณ์ท่ีเกย่ี วขอ้ งกับเสียง แสง และคลนื่
แม่เหลก็ ไฟฟา้ รวมทง้ั นำความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์

มาตรฐานท่ี ว 8.2 เข้าใจและใชแ้ นวคดิ เชิงคำนวณในการแก้ปัญหาท่พี บในชีวิตจริงอยา่ งเป็นขน้ั ตอนและเปน็
ระบบใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สารในการเรยี นรู้ การทำงานและการแก้ปญั หาได้อยา่ งมี
ประสิทธภิ าพ รเู้ ท่าทัน และมจี รยิ ธรรม

ตวั ชี้วดั ที่ ป.1/1 บรรยายการเกดิ เสียงและทิศทางการเคล่ือนท่ขี องเสียงจากหลักฐานเชงิ ประจักษ์

2.สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด

แหล่งกำเนดิ เสยี ง คอื ส่ิงที่ทำให้เกิดเสียงเมือ่ ส่ิงนน้ั มกี ารส่ันสะเทือน การทำใหส้ ่งิ ตา่ งๆ เกิดเสียงได้มี
หลายวิธดี ว้ ยกนั เช่น ดีด สี ตี เปา่ เปน็ ตน้ ซ่งึ แหลง่ กำเนิดเสียงแบง่ ได้ 2 ประเภท ได้แก่ แหลง่ กำเนดิ เสยี ง
ตามธรรมชาติ และแหลง่ กำเนิดเสียงที่มนุษย์สร้างขึ้น

3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

1) ระบุชอื่ แหลง่ กำเนิดเสยี งได้ (K)
2) จำแนกประเภทของแหลง่ กำเนิดเสียงได้ (P)
3) มคี วามสนใจใฝเ่ รยี นรู้ (A)

4.สาระการเรียนรู้

สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถ่นิ
แหลง่ กำเนิดเสยี ง พจิ ารณาตามหลักสูตรของสถานศกึ ษา

5. กิจกรรมการเรยี นรู้ คาบท่ี 1
ขน้ั นำ

ขัน้ กระต้นุ ความสนใจ (Engage)
1. ครูแจง้ ผลการเรยี นรใู้ ห้นักเรยี นทราบ
2. ให้นกั เรียนนง่ั สมาธิโดยหลบั ตาประมาณ 1 นาที จากนนั้ ครูเคาะโตะ๊ หน้าช้ันเรยี น 1 ครง้ั หรอื เปิด

เสยี งสนุ ขั เหา่ จากโทรศัพท์มือถอื หรอื คอมพิวเตอร์
3. ใหน้ ักเรยี นลืมตา จากน้ันครถู ามคำถามวา่ ในระหว่างหลับตาทำสมาธนิ ักเรยี นไดย้ นิ เสียงหรือไม่และ

มาจากแหลง่ ใด
4. ครสู ุม่ เรียกชอ่ื นกั เรยี นเปน็ รายบคุ คลประมาณ 4-5 คน ใหแ้ หลง่ ทม่ี าของเสยี งทีไ่ ด้ยนิ
5. ครใู ห้รางวัลหรือคำชมกับนกั เรียนทีต่ อบคำถามเพื่อเป็นการเสริมแรงในการเรียนรู้

(หมายเหตุ : ครเู รมิ่ ประเมินนกั เรยี น โดยใช้แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล)

ข้ันสำรวจค้นหา (Explore)
1. ครูสนทนากบั นักเรียนเกยี่ วกับเรือ่ งการเกิดเสียงในชว่ั โมงที่ผา่ นมา จากนน้ั ครูถามนักเรยี นโดยให้

นกั เรียนช่วยกนั ตอบ ดงั นี้
• เสียงเกิดจากการสั่นสะเทือนของวัตถุ แลว้ วัตถทุ ่ีทำให้เกิดเสียงได้ เราเรียกว่าอะไร
(แนวตอบ : แหลง่ กำเนิดเสียง)

• แหล่งกำเนดิ เสียงแบ่งได้เป็นก่ีประเภท อะไรบ้าง
(แนวตอบ : แหล่งกำเนิดเสยี ง แบง่ ไดเ้ ปน็ 2 ประเภท คือแหล่งกำเนิดเสียงตามธรรมชาติและแหลง่ กำเนิดเสียง
ทมี่ นุษยส์ รา้ งข้นึ )

2. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กล่มุ ละ 3-4 คน โดยคละตามความสามารถ
3. นักเรียนแต่ละกลุ่มชว่ ยกันศึกษาภาพและข้อมูลจากหนงั สอื เรยี นวิทยาศาสตร์ ป.1 เรื่อง การเกิดเสียง
4. ครูนำบัตรภาพแหล่งกำเนิดเสียงมาให้นักเรียนแต่ละกลุ่ม กลุ่มละ 1 ชุด ชุดละ 8 ใบจากนั้นให้นักเรียน
ชว่ ยกันจำแนกประเภทของแหล่งกำเนิดเสียง

(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมนิ นกั เรียน โดยใชแ้ บบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม)

คาบที่ 2

ขนั้ อธบิ ายความรู้ (Expain)
1. นกั เรียนร่วมกนั อภิปรายข้อมูลจากการจำแนกประเภทของแหล่งกำเนิดเสยี งท่ีกลุ่มตนเองทำไว้
2. นกั เรียนแต่ละกลมุ่ สรุปผลการทำกิจกรรมร่วมกัน
3. ครูให้ความรู้ความเข้าใจนกั เรียนเพิ่มเติมว่า การทำใหแ้ หลง่ กำเนิดเสียงเกิดการสนั่ สะเทือนไดน้ นั้ มี

หลายวธิ ี เช่น การดีด การสี การตี การเป่า การเคาะ เป็นต้น
(หมายเหตุ : ครเู ริ่มประเมนิ นักเรียน โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม)

ข้นั สรปุ

ขน้ั ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)

1. ครขู ออาสาสมัครนักเรียน 2 คน ให้ออกมาหนา้ ชน้ั เรียน จากน้นั ให้คนท่ี 1 เดนิ ไปเคาะโตะ๊ เรียน
จากนน้ั ให้คนที่ 2 พดู คำวา่ สวสั ดี

2. ครตู ้งั คำถามถามนกั เรียนวา่ ได้ยนิ เสียงหรือไม่ และเสียงน้นั มาจากแหล่งกำเนดิ เสยี งใดบ้าง
(แนวตอบ : ไดย้ ิน แหล่งกำเนิดเสียงตามธรรมชาติ คอื เสียงพดู คำวา่ สวัสดี และแหลง่ กำเนิดเสยี งท่มี นษุ ย์สร้าง
ขนึ้ คอื เสียงเคาะโตะ๊ เรยี น)

3. นกั เรียนทกุ คนแลกเปลย่ี นความคิดเหน็ เกี่ยวกับแหลง่ กำเนดิ เสยี งท่ีพบเหน็ ในชีวติ ประจำวนั โดยมีครู
คอยแนะนำเพมิ่ เติมในส่วนท่ีบกพร่อง

4. นักเรียนแตล่ ะคนทำใบงาน เรอ่ื ง แหล่งกำเนิดเสยี ง จากนัน้ ให้นักเรยี นจับคู่กับเพ่อื น

5. นักเรียนจับคกู่ ับเพือ่ น แล้วให้ผลัดกันตรวจสอบคำตอบของใบงานเรือ่ ง แหล่งกำเนดิ เสียง
6. ครสู ุ่มตัวแทนของแตล่ ะคู่ 3-4 คู่ จากนั้นใหอ้ อกมาเฉลยคำตอบหนา้ ช้นั เรียน โดยครคู อยตรวจสอบ
ความถูกต้อง
7. นกั เรียนแต่ละคนทำกจิ กรรมพัฒนาการเรยี นรู้จากหนงั สือเรยี นวิทยาศาสตร์ ให้นกั เรยี นทำในใบงาน
เร่ือง เสยี งจากนนั้ นำมาสง่ ในชวั่ โมงถัดไป

ขัน้ ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครใู หน้ กั เรยี นสรปุ ความรู้จากการเรยี นจนได้ข้อสรปุ ร่วมกนั ว่า แหลง่ กำเนดิ เสียงแบง่ ได้ 2 ประเภท

คอื แหล่งกำเนิดเสียงตามธรรมชาติ เช่น เสียงคน เสยี งสัตว์ ฝนตก เปน็ ต้น และแหลง่ กำเนดิ เสียงท่ีมนุษยส์ รา้ ง
ข้ึน เช่น เสียงวทิ ยุ เสียงตกี ลอง เสยี งเคร่อื งจกั รในโรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น

2. ครูประเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล
พฤติกรรมการทำงานกลุ่ม และจากการนำเสนอผลการทำกิจกรรมหนา้ ชัน้ เรียน

3. ครตู รวจสอบผลการทำกจิ กรรมการจำแนกประเภทของแหลง่ กำเนิดเสยี ง
4. ครูตรวจสอบผลการทำใบงานเร่ือง แหลง่ กำเนดิ เสียง และใบงาน เรือ่ ง เสียง

6.การวดั และประเมนิ ผล วธิ ีการวัดผล เครอ่ื งมอื วดั

การวดั และประเมนิ ผล
จุดประสงค์

ความร้คู วาม 1. ระบชุ อื่ แหล่งกำเนิดเสยี งได้ 1.คำถามกระตนุ้ เกณฑ์การ
เขา้ ใจ (K) ความคิด ประเมนิ ผล

ทักษะ/ 1.จำแนกประเภทของแหล่งกำเนิด 1. ใบงาน 60% ข้ึนไป ถือวา่
กระบวนการ (P) เสียงได้ ผา่ นเกณฑก์ าร
ประเมนิ
คณุ ลกั ษณะนิสัย (A) 1.รบั ผิดชอบต่อหน้าท่ที ไ่ี ด้รับ 1. แบบสังเกต 60% ขึ้นไป ถอื ว่า
มอบหมาย พฤติกรรม ผ่านเกณฑก์ าร
2.สงั เกตความมีวนิ ัย ใฝ่เรยี นรู้ 2. แบบประเมนิ ประเมิน
และมุง่ มน่ั ในการทำงาน คณุ ลักษณะอนั พงึ
ประสงค์ 60% ขึ้นไป ถือวา่
ผา่ นเกณฑก์ าร
ประเมนิ

7. สอื่ /แหลง่ การเรียนรู้

7.1 ส่อื การเรยี นรู้
1) หนงั สอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์ ป.1 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 วัสดแุ ละการเกิดเสียง

2) แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ป.1 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 3 วสั ดุและการเกิดเสยี ง

3) ใบงาน เรื่อง แหล่งกำเนดิ เสียง

4) ใบงาน เรอื่ ง เสียง

5) บตั รภาพแหลง่ กำเนดิ เสยี ง

7.2 แหล่งการเรยี นรู้
1) ห้องสมุด
2) แหล่งชุมชน

8. กจิ กรรมเสนอแนะ
…………………………………………………………………………………………………………………………………...
…………………………………………………………………………………………………………………………………...
…………………………………………………………………………………………………………………………………...

ลงช่อื ...............................................ผสู้ อน ลงชอื่ ....................................ฝา่ ยวชิ าการ
(………………………………………) (………………………………………)

ลงช่อื ....................................................ผบู้ ริหาร
(………………………………………)

ใบงาน

เรอื่ ง แหลง่ กำเนิดเสียง
คำช้แี จง : ให้นักเรยี นดูภาพ แลว้ ตอบคำถาม

เป็นแหลง่ กำเนดิ เสียงประเภทใด
แหล่งกำเนิดเสยี งน้คี ืออะไร
เสียงเกิดจาก

เปน็ แหลง่ กำเนิดเสียงประเภทใด
แหลง่ กำเนิดเสยี งนีค้ ืออะไร
เสยี งเกิดจาก

เป็นแหลง่ กำเนิดเสียงประเภทใด
แหล่งกำเนดิ เสยี งนี้คืออะไร
เสียงเกิดจาก

ใบงาน
เรือ่ ง เสียง

คำชีแ้ จง : ใหน้ ักเรยี นตอบคำถามตอ่ ไปน้ี

1) ยกตัวอยา่ งเสียงท่ีไดย้ นิ ในบริเวณบ้านหรือชุมชนของตนเองมา 2 เสยี ง พร้อมบอกความรสู้ ึกท่ีได้ฟังเสียงนั้น
………………………………………………………………………………………….………
………………………………………………………………………………….

2) แหล่งกำเนิดเสียงแบ่งออกเป็นก่ีประเภท อะไรบา้ ง
………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………

3) สงั เกตภาพ แลว้ บันทกึ ขอ้ มูล

เกิดเสียงหรือไม.่ ......................... เกิดเสียงหรอื ไม่............................ เกดิ เสียงหรอื ไม.่ .........................
สังเกตจาก.................................. สังเกตจาก.................................. สังเกตจาก..................................

เกดิ เสียงหรือไม.่ ......................... เกดิ เสยี งหรอื ไม่.......................... เกิดเสียงหรอื ไม.่ .........................
สงั เกตจาก.................................. สงั เกตจาก.................................. สังเกตจาก..................................

บตั รภาพแหล่งกำเนิดเสยี ง

บตั รภาพแหล่งกำเนิดเสยี ง

บตั รภาพแหล่งกำเนิดเสยี ง

บตั รภาพแหล่งกำเนิดเสยี ง


Click to View FlipBook Version