The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

โครงสร้างและแผนการสอนรายวิชาวิทยาศาสตร์ ป.1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by mild_nartlada_26, 2022-10-20 23:01:01

โครงสร้างและแผนการสอนรายวิชาวิทยาศาสตร์ ป.1

โครงสร้างและแผนการสอนรายวิชาวิทยาศาสตร์ ป.1

สปั ดาห์ท่ี …12……

โรงเรยี นขจรเกียรตพิ ฒั นา

แผนการจดั การเรยี นรู้

ภาคเรียนที่ 2/…………….. ช่ือผู้สอน………………………………………….
กลมุ่ สาระ วิทยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 4 คาบ
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 3 วสั ดุและการเกดิ เสยี ง เรอื่ ง การเคลื่อนท่ีของเสยี ง

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชวี้ ดั

มาตรฐานท่ี ว 2.3 เขา้ ใจความหมายของพลงั งาน การเปล่ียนแปลงและการถา่ ยโอนพลังงาน ปฏสิ ัมพันธ์
ระหวา่ งสสารและพลังงาน พลงั งานในชวี ติ ประจำวนั ธรรมชาตขิ องคลื่น ปรากฏการณท์ ่ีเกี่ยวข้องกับเสยี ง แสง และคล่ืน
แม่เหลก็ ไฟฟ้า รวมท้งั นำความรู้ไปใช้ประโยชน์

มาตรฐานท่ี ว 8.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชงิ คำนวณในการแก้ปญั หาท่พี บในชวี ิตจริงอย่างเปน็ ข้ันตอนและ
เปน็ ระบบใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สารในการเรยี นรู้ การทำงานและการแกป้ ัญหาได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ รู้เท่า
ทนั และมจี รยิ ธรรม

ตัวช้ีวัดที่ ป.1/1 บรรยายการเกิดเสียงและทศิ ทางการเคล่อื นท่ีของเสียงจากหลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์

2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด

เสยี งจะเคลอ่ื นทีอ่ อกจากแหล่งกำเนดิ เสียงและเคลื่อนทไ่ี ปในทกุ ทิศทาง โดยอาศยั ตัวกลางของเสยี ง

3. จุดประสงค์การเรยี นรู้

1. บรรยายทิศทางการเคลือ่ นทข่ี องเสยี งจากแหลง่ กำเนิดเสียงได้ (K)
2. ทดลองเพอื่ อธบิ ายทิศทางการเคลื่อนทข่ี องเสยี งจากแหล่งกำเนิดเสยี งได้ (P)
3. มคี วามกระตือรือร้นในการทำงาน (A)

4.สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นร้ทู อ้ งถ่นิ
พจิ ารณาตามหลกั สูตรของสถานศกึ ษา
สาระการเรียนรู้แกนกลาง
ทิศทางการเคล่ือนที่ของเสยี ง

5.กิจกรรมการเรียนรู้

คาบท่ี 1
ขน้ั นำ

ข้นั กระตนุ้ ความสนใจ (Engage)
1. ครูทักทายนักเรยี น จากน้นั สนทนากบั นักเรียนเกยี่ วกบั เรอ่ื งแหล่งกำเนดิ เสียงเพ่อื ทบทวนความรู้

2. ครูแจ้งผลการเรยี นรทู้ ่จี ะเรยี นในวนั นใี้ ห้นกั เรียนทราบ

3. ครเู ปดิ เพลงจากโทรศพั ท์มือถอื หรือส่นั กระด่ิงหน้าช้นั เรียนแลว้ สนทนากับนกั เรียนวา่ ใหน้ ักเรยี นทไี่ ม่ไดย้ ิน

เสยี งเพลงท่ีเปิดหรอื เสียงกระดงิ่ ทค่ี รูส่นั ให้ยกมือขึ้น

4. ครเู ปลีย่ นตำแหนง่ ในการยืนเปิดเพลงหรือสั่นกระด่งิ และถอื โทรศัพทม์ ือถือหรอื กระด่งิ ไวด้ า้ นหลงั พรอ้ มกบั
ถามคำถามดงั น้ี

• นักเรียนคนใด ไม่ไดย้ นิ เสยี งเพลงท่เี ปดิ หรอื เสยี งกระดง่ิ ที่ครสู น่ั บา้ ง

(แนวตอบ : ขึ้นอยกู่ ับการไดย้ ินเสียงของนกั เรยี น)

• นักเรยี นคดิ ว่า เสยี งเพลงทเ่ี ปิดหรือเสียงจากกระดิ่งทค่ี รูสั่นมีการเคลื่อนท่ีออกจากแหล่งกำเนิดเสยี งไปใน

ทิศทางใดบา้ ง

(แนวตอบ : เสยี งเพลงหรอื เสยี งจากกระด่งิ จะเคลอ่ื นทอี่ อกจากแหล่งกำเนดิ เสยี งและเคลอ่ื นทไ่ี ปในทุกทิศทาง )

(หมายเหตุ : ครูประเมินนกั เรยี น โดยใช้แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล)

5. ครูอธิบายเช่ือมโยงให้นกั เรียนเขา้ ใจว่า จากบทเรยี นทผ่ี ่านมานกั เรียนทราบแลว้ วา่ เสียงเกิดข้นึ ได้อยา่ งไร และ

เมอ่ื ครสู น่ั กระดิง่ ไมว่ ่าจะอยตู่ ำแหนง่ ใดกต็ าม นักเรียนทุกคนยังคงไดย้ ินเสยี งกระดิง่ ดังน้นั ในวนั นีเ้ ราจะศึกษาทศิ

ทางการเคลื่อนท่ีของเสยี ง คาบที่ 2

ขน้ั สอน

ข้นั สำรวจคน้ หา (Explore)

1. นกั เรียนแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ 6 คน โดยให้ 1 คน ยืนตรงกลาง และใหอ้ ีก 5 คน ยืนล้อมเปน็ วงกลมโดยครูทำ
สญั ลักษณ์กำหนดจุดยืนตำแหนง่ ท่ี 1-5 ตามกิจกรรมเรื่อง การเคลื่อนท่ีของเสียงจากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ป.1

2. นกั เรียนชว่ ยกันคาดคะเนว่าหากนักเรียนทอี่ ยู่กลางวงปรบมือ 1 ครง้ั นักเรยี นทอี่ ยู่ตำแหนง่ ใดบ้างจะไดย้ ินเสียง
ปรบมอื

3. นกั เรียนท่อี ยู่กลางวงปรบมือไปเร่ือยๆ สว่ นนักเรียนอกี 5 คน ฟงั เสียงปรบมอื และสลับท่ีของตนเองวนไปยงั

ตำแหนง่ ต่างๆ จนครบ 5 ตำแหน่ง บนั ทึกผลการสังเกต พร้อมวาดภาพแสดงทิศทางการเคลื่อนที่ของเสียงลงในแบบฝึกหดั

วทิ ยาศาสตร์ ป.1

(หมายเหตุ : ครเู รมิ่ ประเมินนกั เรยี น โดยใชแ้ บบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม)

คาบท่ี 3
ขน้ั สอน

ข้นั อธบิ ายความรู้ (Expain)
1. นกั เรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภปิ รายและสรปุ ผลการทำกจิ กรรม เรอื่ ง การเคล่อื นทข่ี องเสยี ง จากนน้ั เลือกตัวแทน

เพ่ือให้ออกมานำเสนอผลการทำกิจกรรมหนา้ ช้ันเรียน
2. นักเรียนตัวแทนของแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลการทำกจิ กรรมหน้าชัน้ เรยี นจากนัน้ ร่วมกันแลกเปลี่ยนความ

คดิ เหน็ โดยมคี รูคอยแนะนำเพ่ิมเติม
3. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มร่วมกันสรปุ ผลการทำกิจกรรม เรอื่ ง การเคลอื่ นทขี่ องเสยี ง จนได้ข้อสรุปว่า เมอื่ นักเรียนที่

อยกู่ ลางวงปรบมือ นักเรยี นท่ีอยู่ตำแหนง่ ตา่ งๆ จะได้ยนิ เสียงกนั แสดงว่า เสียงมีการเคลือ่ นทอี่ อกจากแหลง่ กำเนิดเสยี ง
ในทกุ ทิศทาง

(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนกั เรยี น โดยใช้แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม)

คาบที่ 4

ขน้ั สอน

ขน้ั ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)

1. นักเรยี นทุกคนร่วมกันอภิปรายและแสดงความคิดเหน็ โดยครถู ามคำถามว่าจากการทดลองนักเรยี นจะอธิบายทิศ
ทางการเคล่ือนที่ของเสียงไดอ้ ย่างไร

(แนวตอบ : เสยี งเคลอ่ื นทีไ่ ปในทกุ ทิศทาง)

2. นกั เรยี นแต่ละคนทำกิจกรรมหนูตอบได้ในหนังสอื เรยี นวิทยาศาสตร์ลงในสมุดประจำตวั นักเรยี นหรอื ให้ทำใน
แบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์

ขั้นตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครูสุ่มนักเรยี น 4-5 คน จากน้นั ใหส้ รุปความรทู้ ี่ไดจ้ ากการทำกิจกรรมจนได้ขอ้ สรุปวา่ เสยี งจะเคลอ่ื นท่ีออกจาก

แหลง่ กำเนิดเสยี งและเคล่ือนทีไ่ ปในทกุ ทิศทาง

2. ครปู ระเมินผลนักเรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล พฤติกรรมการ
ทำงานกล่มุ และจากการนำเสนอผลการทำกิจกรรมหน้าช้ันเรียน

3. ครูตรวจผลการทำกิจกรรม เรอ่ื งการเคลอื่ นที่ของเสยี งในแบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์

4. ครูตรวจสอบผลการทำกจิ กรรมหนูตอบได้ในแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์

6. การวดั และประเมินผล D

การวดั และประเมนิ ผล วธิ ีการวัดผล เครอื่ งมือวดั เกณฑ์การ
จดุ ประสงค์ ประเมินผล
60% ขนึ้ ไป ถอื ว่า
ความร้คู วาม 1. บรรยายทศิ ทางการเคล่ือนที่ 1.คำถามกระตุ้น ผ่านเกณฑก์ าร
เขา้ ใจ (K) ของเสยี งจากแหลง่ กำเนิดเสยี งได้ ความคิด ประเมิน
60% ขน้ึ ไป ถอื วา่
ทักษะ/ 1.ทดลองเพ่ืออธิบายทิศทางการ 1. ใบงาน ผา่ นเกณฑ์การ
ประเมิน
ข้นั กสรอะบนวนการ (P) เคลอ่ื นที่ของเสียงจากแหล่งกำเนดิ
60% ขน้ึ ไป ถอื วา่
คุณลกั ษณะนสิ ยั (A) เสยี งได้ ผา่ นเกณฑก์ าร
ประเมนิ
1.รบั ผดิ ชอบตอ่ หนา้ ท่ที ไี่ ดร้ บั 1. แบบสงั เกต

มอบหมาย พฤติกรรม

2.สังเกตความมีวินัย ใฝ่เรยี นรู้ 2. แบบประเมิน

และมงุ่ ม่นั ในการทำงาน คุณลกั ษณะอันพึง

ประสงค์

7. ส่ือ/แหลง่ การเรียนรู้

7.1 สื่อการเรียนรู้
1) หนงั สือเรยี นวิทยาศาสตร์ ป.1 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 3 วสั ดุและการเกดิ เสยี ง
2) แบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์ ป.1 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 วัสดุและการเกิดเสยี ง
3) วสั ด-ุ อปุ กรณ์การทดลองในกจิ กรรม เชน่ วทิ ยหุ รอื โทรศัพท์มอื ถอื กระด่งิ เปน็ ต้น

7.2 แหลง่ การเรียนรู้
1) ห้องสมุด
2) ห้องเรียน
3) อินเทอร์เน็ต

8. กจิ กรรมเสนอแนะ
…………………………………………………………………………………………………………………………………...
…………………………………………………………………………………………………………………………………...
…………………………………………………………………………………………………………………………………...

ลงช่ือ...............................................ผู้สอน ลงชอ่ื ....................................ฝา่ ยวชิ าการ
(………………………………………) (………………………………………)

ลงช่ือ....................................................ผูบ้ ริหาร
(………………………………………)

สปั ดาหท์ ่ี …13……

โรงเรยี นขจรเกยี รตพิ ัฒนา

แผนการจดั การเรยี นรู้

ภาคเรยี นที่ 2/………… ชอื่ ผูส้ อน………………………………………….
กล่มุ สาระ วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 1 จำนวน 4 คาบ
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 วัสดแุ ละการเกดิ เสยี ง เร่ือง ทิศทางการเคล่อื นทขี่ องเสยี ง

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชีว้ ดั

มาตรฐานท่ี ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลีย่ นแปลงและการถ่ายโอนพลงั งาน ปฏสิ มั พนั ธร์ ะหว่าง
สสารและพลังงาน พลงั งานในชวี ติ ประจำวนั ธรรมชาตขิ องคล่นื ปรากฏการณ์ที่เก่ียวข้องกบั เสียง แสง และคลืน่
แม่เหลก็ ไฟฟ้า รวมทง้ั นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์

มาตรฐานท่ี ว 8.2 เข้าใจและใชแ้ นวคิดเชิงคำนวณในการแกป้ ัญหาทพี่ บในชวี ติ จรงิ อยา่ งเปน็ ขน้ั ตอนและเปน็
ระบบใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือ่ สารในการเรียนรู้ การทำงาน และการแกป้ ญั หาได้อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ รเู้ ท่าทนั
และมจี รยิ ธรรม

ตวั ชี้วดั ท่ี ป.1/1 บรรยายการเกิดเสียงและทิศทางการเคลอ่ื นที่ของเสียงจากหลกั ฐานเชงิ ประจักษ์

2.สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด

เสยี งจะเคล่อื นทอี่ อกจากแหล่งกำเนดิ เสียงและเคลอ่ื นทีไ่ ปในทกุ ทิศทาง โดยอาศยั ตวั กลางของเสียง

3. จุดประสงค์การเรยี นรู้

1. บรรยายทิศทางการเคล่อื นทข่ี องเสียงได้ (K)
2. สืบค้นขอ้ มลู เพื่ออธบิ ายทศิ ทางการเคล่ือนท่ีของเสยี งได้ (P)
3. มคี วามสนใจใฝ่เรียนรู้ (A)

4.สาระการเรยี นรู้

สาระการเรียนร้แู กนกลาง สาระการเรียนรทู้ ้องถ่ิน
ทิศทางการเคลื่อนทข่ี องเสียง พิจารณาตามหลกั สูตรของสถานศึกษา

5.กิจกรรมการเรียนรู้

คาบท่ี 1

ขน้ั นำ

ขั้นกระตุ้นความสนใจ (Engage)
1.ครูทักทายนกั เรียน จากนนั้ ครแู จง้ ผลการเรียนร้ขู องการเรยี นในวนั นใ้ี ห้นกั เรยี นทราบ

2. ครทู ำกจิ กรรมเพอื่ กระตุน้ ความสนใจของนักเรียนโดยนำบัตรภาพวัตถุต่างๆ มาใหน้ กั เรยี นสงั เกต จากนั้น
ถามนกั เรยี นว่า วัตถุช้นิ นีส้ ามารถเกิดเสยี งได้หรือไม่ และเกดิ ได้อย่างไร โดยนับ 1-3 แล้วใหน้ ักเรียนยกมือแย่งกัน
ตอบ หากนักเรียนตอบถูกจะได้รับของรางวลั ทีค่ รูเตรยี มไว้

(หมายเหตุ : ครเู ริม่ ประเมนิ นักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบคุ คล)

ขน้ั สำรวจคน้ หา (Explore)
1. นักเรียนแบง่ กลุม่ ออกเปน็ กลุ่มละ 3-4 คน จากน้นั ทุกกลมุ่ ชว่ ยกันศกึ ษาข้อมลู เกยี่ วกับเรอ่ื งทิศทางการ

เคลื่อนที่ของเสียงจากหนงั สอื เรยี นวิทยาศาสตร์ ป.1
2. นักเรียนจับคกู่ ับเพ่ือนแลว้ ช่วยกันเรยี นรู้ขอ้ มลู เก่ียวกบั ทิศทางการเคล่ือนทีข่ องเสียงเพ่มิ เติมจากสอ่ื ดิจิทลั ใน

หนังสือเรียนวทิ ยาศาสตร์ โดยใช้โทรศัพท์มือถอื สแกน QR Code เร่ืองทศิ ทางการเคลอ่ื นทข่ี องเสียง
(หมายเหตุ : ครเู รม่ิ ประเมนิ นกั เรยี น โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม)

คาบท่ี 2

ข้ันอธบิ ายความรู้ (Expain)
1.ครูสุ่มเลือกนกั เรยี นแตล่ ะคนให้ออกมาสรุปความรู้ทีไ่ ดจ้ ากการศึกษาขอ้ มลู จากหนงั สอื เรยี นวิทยาศาสตร์

และความรู้จากการสแกน QR Code เร่ือง ทิศทางการเคลื่อนทีข่ องเสยี งหน้าช้นั เรียน
2. ครคู อยอธิบายเพม่ิ เติมในส่วนทีบ่ กพรอ่ ง
(หมายเหตุ : ครูเร่มิ ประเมนิ นักเรียน โดยใชแ้ บบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม)

คาบที่ 3

ข้ันขยายความเข้าใจ (Elaborate)

1. นกั เรียนแต่ละคนทำสรปุ ความรลู้ งในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ ป.1
2. นักเรียนแตล่ ะคนทำกิจกรรมฝึกฝนทักษะจากหนงั สือเรยี นวทิ ยาศาสตร์ลงในแบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์
3. นกั เรียนแตล่ ะคนทำกิจกรรมทา้ ทายการคิดขนั้ สงู ลงในแบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์
4. นกั เรยี นแบ่งกลมุ่ ออกเป็นกลุ่มละ 3-5 คน จากนน้ั ช่วยกันทำกจิ กรรมสรา้ งสรรคผ์ ลงานจากหนงั สอื เรยี น
วิทยาศาสตรห์ รอื จากแบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์ แล้วใหน้ ำเสนอผลงานแบบจำลองโทรศัพท์หน้าชน้ั เรียน
5. นักเรยี นแตล่ ะคนอา่ นสรปุ สาระสำคญั จากหนงั สอื เรยี นวิทยาศาสตร์แลว้ ครขู ออาสาสมัคร 1-2 คน ออกมา
สรปุ ความรทู้ ไ่ี ด้ให้เพอ่ื นฟงั หน้าชัน้ เรียน
6. นักเรียนแต่ละคนทำทบทวนท้ายหน่วยลงในแบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์
7. นักเรยี นแตล่ ะคนทำแบบทดสอบหลังเรยี นหนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 3 เร่ือง วัสดุและการเกิดเสยี ง

คาบที่ 4

ข้นั ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ให้นกั เรียนดูตารางตรวจสอบตนเอง จากหนงั สอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์จากนน้ั ครูถามนกั เรียนเป็นรายบุคคล

ตามรายการข้อ 1-5 จากตาราง เพอ่ื เปน็ การตรวจสอบความรู้ความเข้าใจของนักเรยี นหลังจากการเรียน หาก
นกั เรยี นคนใดตรวจสอบตนเองโดยใหอ้ ยใู่ นเกณฑ์ท่คี วรปรบั ปรงุ ใหค้ รทู บทวนบทเรียนหรือหากจิ กรรมอ่นื ซ่อมเสรมิ
เพือ่ ใหน้ กั เรยี นมีความรคู้ วามใจในบทเรยี นมากข้นึ

2. ครปู ระเมินผลนกั เรียน โดยการสังเกตพฤตกิ รรมการตอบคำถาม พฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล
พฤติกรรมการทำงานกลุ่ม และจากการนำเสนอผลการทำกิจกรรมหนา้ ชน้ั เรยี น

3. ครูตรวจสอบผลการทำสรุปความรู้ในแบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์
4. ครูตรวจสอบผลการทำกิจกรรมฝกึ ฝนทักษะในแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์
5. ครูตรวจสอบผลการทำกิจกรรมทา้ ทายการคิดขน้ั สูงในแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์
6. ครตู รวจชน้ิ งานแบบจำลองโทรศัพท์ และการนำเสนอชน้ิ งาน/ผลงานหนา้ ช้ันเรียน
7. ครตู รวจสอบผลการทำทบทวนท้ายหนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 เรอื่ ง วสั ดแุ ละการเกิดเสียงในแบบฝกึ หดั
วทิ ยาศาสตร์
8. ครูตรวจสอบผลการทำแบบทดสอบหลังเรียนหน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 3 เรอ่ื ง วัสดุและการเกิดเสียง

6. การวัดและประเมินผล วิธีการวดั ผล เครื่องมือวัด เกณฑก์ าร
ประเมินผล
การวัดและประเมนิ ผล 60% ข้นึ ไป ถือวา่
จดุ ประสงค์ ผ่านเกณฑก์ าร
ประเมนิ
ความรูค้ วาม 1. บรรยายทิศทางการเคลอ่ื นท่ี 1.คำถามกระตนุ้ 60% ขึ้นไป ถือวา่
เขา้ ใจ (K) ผ่านเกณฑ์การ
ของเสยี งได้ ความคดิ ประเมิน
60% ขน้ึ ไป ถือวา่
ทักษะ/ 1.สืบคน้ ข้อมูลเพื่ออธิบายทิศ 1. ใบงาน ผา่ นเกณฑ์การ
กระบวนการ (P) ทางการเคล่อื นทข่ี องเสยี งได้ ประเมนิ

คุณลกั ษณะนสิ ยั (A) 1.รับผดิ ชอบต่อหนา้ ทีท่ ีไ่ ดร้ ับ 1. แบบสงั เกต 7.
มอบหมาย พฤติกรรม
2.สงั เกตความมีวนิ ยั ใฝ่เรยี นรู้ 2. แบบประเมิน
และม่งุ มน่ั ในการทำงาน คุณลักษณะอันพงึ
ประสงค์

สอ่ื /แหลง่ การเรียนรู้

7.1 ส่ือการเรียนรู้
1) หนังสอื เรยี นวิทยาศาสตร์ ป.1 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 วัสดุและการเกดิ เสยี ง
2) แบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์ ป.1 หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 3 วสั ดแุ ละการเกิดเสยี ง
3) บตั รภาพวัตถตุ า่ งๆ

7.2 แหล่งการเรียนรู้
1) ห้องสมุด
2) ห้องเรียน
3) อินเทอร์เน็ต

8. กิจกรรมเสนอแนะ
…………………………………………………………………………………………………………………………………...
…………………………………………………………………………………………………………………………………...
…………………………………………………………………………………………………………………………………...

ลงชอ่ื ...............................................ผสู้ อน ลงชื่อ....................................ฝ่ายวชิ าการ
(………………………………………) (………………………………………)

ลงชือ่ ....................................................ผู้บริหาร
(………………………………………)

บตั รภาพวตั ถุ

บตั รภาพวตั ถุ

บตั รภาพวตั ถุ

โรงเรียนขจรเกียรตพิ ัฒนา สัปดาหท์ ่ี …14…

แผนการจดั การเรยี นรู้

ภาคเรยี นท่ี 2/………… ชื่อผูส้ อน………………………………………….
กลมุ่ สาระ วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 1 จำนวน 4 คาบ
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 4 หนิ และทอ้ งฟา้ เรอ่ื ง รจู้ ักหิน

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วัด

มาตรฐานท่ี ว 3.2 เขา้ ใจองค์ประกอบและความสมั พนั ธข์ องระบบโลก กระบวนการเปลยี่ นแปลงภายในโลกและ
บนผิวโลก ธรณีพบิ ัติภยั กระบวนการเปล่ยี นแปลงลม ฟ้า อากาศ และภมู อิ ากาศโลก รวมท้งั ผลตอ่ สง่ิ มีชวี ติ และ
สิง่ แวดลอ้ ม

มาตรฐานท่ี ว 8.2 เขา้ ใจและใชแ้ นวคดิ เชงิ คำนวณในการแกป้ ัญหาท่ีพบในชวี ติ จริงอยา่ งเปน็ ขั้นตอนและเป็น
ระบบใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สารในการเรียนรู้ การทำงานและการแกป้ ัญหาได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ รู้เท่าทนั
และมีจริยธรรม

ตัวชี้วดั ท่ี ป.1/1 อธบิ ายลกั ษณะภายนอกของหินจากลกั ษณะเฉพาะตัวทส่ี งั เกตได้

2.สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด

หินจดั เป็นทรพั ยากรธรรมชาติอยา่ งหนึง่ ซ่งึ สามารถพบไดบ้ รเิ วณที่มภี ูเขาและตามแหลง่ ธรรมชาตอิ ื่นๆ ซงึ่ หิน
แต่ละกอ้ นอาจมลี กั ษณะภายนอกเหมอื นกันหรอื แตกต่างกนั ออกไป

3. จุดประสงค์การเรยี นรู้

1. สังเกตและบรรยายลกั ษณะภายนอกของหินได้ (K)
2. สืบคน้ ขอ้ มูลเก่ยี วกบั หินและลกั ษณะภายนอกของหินได้ (K)
3. วาดภาพลกั ษณะภายนอกของหินได้ (P)

4. มีความสนใจใฝเ่ รียนรู้ (A) สาระการเรียนรู้ท้องถ่ิน
พจิ ารณาตามหลักสูตรของสถานศึกษา
4.สาระการเรียนรู้

สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
หนิ และลักษณะภายนอกของหิน

5. กิจกรรมการเรยี นรู้

คาบที่ 1
ขน้ั นำ

ขนั้ กระตนุ้ ความสนใจ (Engage)

1. ครแู จ้งจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรใู้ ห้นกั เรยี นทราบ

2. ครูให้นักเรยี นทุกคนทำแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 หินและท้องฟ้า เพื่อตรวจสอบความรู้

เบือ้ งตน้ กอ่ นเข้าสูเ่ นือ้ หาทจี่ ะเรยี นตอ่ ไป

3. ครูสนทนากับนักเรียนเก่ียวกบั ภาพในหนงั สือเรียนวทิ ยาศาสตร์ ป.1 โดยครตู ั้งคำถาม ดังน้ี

• นักเรยี นเห็นภาพอะไรในหน้านี้บา้ ง

(แนวตอบ : ภาพกอ้ นหนิ และพระอาทติ ย์บนท้องฟ้า)

•นักเรียนคดิ วา่ หินในภาพนแี้ ตกต่างจากหนิ ชนิดอื่นๆ ทีอ่ ยใู่ นธรรมชาติหรอื ไม่ อยา่ งไร

(แนวตอบ : แตกต่าง เพราะหนิ ในธรรมชาติมีหลายชนิดมีหลายสี หลายขนาด)

(หมายเหตุ : ครูเริม่ ประเมนิ นักเรยี น โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล)

แล้วให้นักเรยี นชว่ ยกนั แสดงความคิดเห็นเพือ่ ตอบคำถามทค่ี รูตง้ั ไว้

4. นักเรียนอ่านสาระสำคญั ในหนังสือเรยี นวิทยาศาสตร์ จากน้ันครูอธบิ ายเพ่ิมเติมว่า ในบทน้ี นักเรียนจะได้

เรยี นรเู้ กี่ยวกับเรือ่ งลกั ษณะภายนอกของหนิ

5. ครูใหน้ กั เรียนเรยี นรแู้ ละอ่านคำศพั ท์ทางวทิ ยาศาสตร์ที่เกย่ี วข้องในเรอื่ งหินในธรรมชาตจิ ากหนังสอื เรยี น

วิทยาศาสตร์ดังนี้

rock (ร็อค) หิน

rocktexture (ร็อค `เท็คซเชอ) เนอ้ื หิน

tracery (เทร'เซอรี) ลวดลาย

colour ('คัลเลอ) สี

weight (เวท) น้ำหนัก

hardness ('ฮาดนิส) ความแข็ง

6. ครูตง้ั คำถามว่า หินท่ีพบในธรรมชาติมีลักษณะอยา่ งไรบา้ ง แล้วให้นักเรยี นช่วยกนั แสดงความคิดเห็น
(แนวตอบ : หินในธรรมชาติมีลกั ษณะแตกตา่ งกัน เชน่ สตี ่างกนั ขนาดตา่ งกัน ลวดลายตา่ งกนั เป็นตน้ )

7. ครูนำบัตรภาพหินจากสถานท่ีต่างๆ มาให้นักเรียนดูจากน้ันให้นักเรียนเขียนตอบลงในใบงาน นักเรียนวา่
หนิ ในแต่ละภาพมีลักษณะอย่างไร หรอื ใหน้ ักเรยี นทำกิจกรรมนำสู่การเรยี นในแบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์ ป.1

คาบท่ี 2
ขน้ั สอน

ข้ันสำรวจค้นหา (Explore)
1. ครูให้นักเรียนดูวิดีโอที่เกี่ยวกับการเกิดหินหรือหินในสถานที่ต่างๆ จากสื่อต่าง ๆ เช่น จาก Twig:

www.twig-aksorn.com/film/rock-types-7967/ หรือจาก YouTube เป็นต้นแล้วให้นักเรียนร่วมกันอภิปราย
ความรทู้ ่ไี ด้จากการดวู ดิ โี อน้ี

2. นักเรียนเปิดหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์แล้วศึกษาขอ้ มูลในหนา้ น้ี จากน้ันครูอธบิ ายความรู้จากเนอ้ื หาในกรอบ
เกร็ดวทิ ยน์ ่ารู้เพิ่มเติมเพื่อใหน้ ักเรยี นเกดิ องค์ความรู้ใหม่

3. ครูตั้งคำถามว่าหินในบริเวณบ้านหรือชุมชนของนักเรียนมีลักษณะเหมือนกับหินที่อยู่ในหนังสือเรียน
วิทยาศาสตร์หนา้ น้ีหรือไม่ อยา่ งไรให้นักเรยี นชว่ ยกนั แสดงความคิดเหน็

(แนวตอบ : ข้นึ อยกู่ บั คำตอบของนักเรยี น)
(หมายเหตุ : ครูเร่ิมประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล)
4. ครูตั้งคำถามอีกว่า หากตอ้ งการจำแนกหินต่าง ๆ จะใชส้ ่งิ ใดเป็นเกณฑไ์ ดบ้ ้างให้นักเรียนร่วมกันแสดงความ
คดิ เห็น
(แนวตอบ : เกณฑ์ที่ใชจ้ ำแนกหนิ ไดแ้ ก่ สี ขนาด ลวดลาย เนอ้ื หิน ความแขง็ และน้ำหนัก)

คาบที่ 3

ขน้ั สอน

ขั้นอธิบายความรู้ (Expain)
1. ครูทบทวนเก่ยี วกับคำศัพท์เรอ่ื งหินทนี่ กั เรียนไดเ้ รยี นไปเมื่อชวั่ โมงทแ่ี ลว้
2. ครูใช้รูปแบบการเรียนรูแ้ บบร่วมมือเทคนคิ GI โดยใหน้ ักเรียนแบง่ กลมุ่ กลุ่มละ 3-4 คน คละความสามารถ

กัน (เกง่ -กลาง-ออ่ น)
3. ครแู จกใบงาน เร่อื ง ลกั ษณะภายนอกของหนิ โดยให้สมาชกิ ทกุ คนในกลมุ่ สังเกตภาพก้อนหินในใบงาน

แล้วให้แต่ละคนเลอื กหวั ขอ้ ในการสบื คน้ ข้อมูล มาคนละ 1 หัวข้อ โดยให้นักเรยี นที่มีผลการเรยี นอ่อนท่สี ุดในกลมุ่
เป็นผู้เลอื กหวั ขอ้ กอ่ น ดังนี้

3.1 ความแขง็ ของหิน 3.2 ลวดลายของหนิ
3.3 นำ้ หนกั ของหนิ 3.4 สีของหนิ
3.5 เนือ้ ของหนิ

4. เม่อื นกั เรียนแต่ละคนสืบค้นขอ้ มูลเสร็จแล้ว ให้นำขอ้ มูลท่ไี ดม้ าเขยี นอธิบายลักษณะภายนอกของหินในภาพ

ท่ีอยู่ตรงกบั หัวข้อท่ีนักเรียนไดส้ บื คน้ มา

5. จากนนั้ ให้สมาชิกทุกคนภายในกลมุ่ นำขอ้ มูลทไี่ ดจ้ ากการสบื ค้นมาสรุปร่วมกนั

(หมายเหตุ : ครเู ร่ิมประเมินนักเรียนโดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกล่มุ และแบบประเมนิ การนำเสนอ

หน้าช้นั เรยี น) คาบท่ี 4

ขน้ั สรปุ

ขั้นขยายความเข้าใจ (Elaborate)
1. ใหแ้ ต่ละกลุ่มนำขอ้ มูลทไี่ ด้จากการสรปุ มาวาดภาพและเขียนบรรยายลกั ษณะภายนอกของหินทส่ี ำรวจพบ

ลงในกระดาษแข็งแผ่นใหญท่ ่คี รูเตรยี มไวใ้ ห้ พรอ้ มตกแตง่ ใหส้ วยงามแลว้ นำเสนอผลงานหนา้ ชั้นเรียน
2. นักเรียนที่เป็นตัวแทนของแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลการทำกิจกรรมหน้าชั้นเรียน เพื่อแลกเปลี่ยน

ความร้แู ละแสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกบั ลักษณะภายนอกของหิน

ขนั้ ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. นกั เรียนร่วมกนั สรุปความรเู้ กยี่ วกบั หินในธรรมชาตแิ ละลักษณะของหนิ ที่ไดจ้ ากการของสืบค้น
2. ครูตรวจสอบผลการทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี น หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 4 เรอื่ งหินและทอ้ งฟ้า
3. ครปู ระเมนิ ผลนกั เรียนโดยการสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล พฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่ และ

การออกมานำเสนอผลการทำกิจกรรมหน้าช้นั เรยี น
4. ครตู รวจสอบผลการทำกจิ กรรมนำส่กู ารเรียนในสมดุ ประจำตัวนกั เรยี นหรือแบบฝกึ หัดวิทยาศาสตร์
5. ครูตรวจสอบผลการทำใบงาน เรอ่ื งลักษณะภายนอกของหนิ

6. การวัดและประเมนิ ผล วธิ ีการวัดผล เครอ่ื งมอื วัด เกณฑก์ าร
ประเมนิ ผล
การวัดและประเมนิ ผล 1.คำถามกระตุน้
จดุ ประสงค์ ความคดิ 60% ขน้ึ ไป ถือว่า
ผ่านเกณฑ์การ
ความร้คู วาม 1. สงั เกตและบรรยายลกั ษณะ ประเมิน
เขา้ ใจ (K) ภายนอกของหนิ ได้

ทักษะ/ 1.วาดภาพลกั ษณะภายนอกของ 1. ใบงาน 60% ขน้ึ ไป ถือวา่
กระบวนการ (P) หินได้ ผา่ นเกณฑ์การ
ประเมิน
คณุ ลกั ษณะนิสัย (A) 1.รับผิดชอบตอ่ หน้าที่ทไี่ ดร้ ับ 1. แบบสงั เกต
มอบหมาย พฤตกิ รรม 60% ขึ้นไป ถือว่า
2.สงั เกตความมีวนิ ัย ใฝ่เรียนรู้ 2. แบบประเมิน ผ่านเกณฑก์ าร
และมุ่งมน่ั ในการทำงาน คณุ ลักษณะอนั พงึ ประเมนิ
ประสงค์

7. สอื่ /แหลง่ การเรยี นรู้

7.1 สือ่ การเรยี นรู้
1) หนังสือเรยี นวทิ ยาศาสตรว์ ทิ ยาศาสตร์ ป.1 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 หินและทอ้ งฟา้
2) แบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์วิทยาศาสตร์ ป.1 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 4 หินและทอ้ งฟา้
3) ใบงานเรอื่ ง ลักษณะภายนอกของหิน
4) ตัวอย่างหิน 4-5 ก้อน
5) กระดาษแขง็ แผ่นใหญ่
6) บตั รภาพหินจากสถานท่ีตา่ ง ๆ
7) VDO เกี่ยวกับการเกิดหนิ หรือหนิ ในสถานท่ีตา่ ง ๆ

7.2 แหลง่ การเรียนรู้
1) ห้องเรยี น
2) ห้องสมดุ
3) อนิ เทอรเ์ นต็

8. กิจกรรมเสนอแนะ
…………………………………………………………………………………………………………………………………...
…………………………………………………………………………………………………………………………………...
…………………………………………………………………………………………………………………………………...

ลงช่อื ...............................................ผสู้ อน ลงชอื่ ....................................ฝา่ ยวชิ าการ
(………………………………………) (………………………………………)

ลงช่อื ....................................................ผบู้ ริหาร
(………………………………………)

บตั รภาพหนิ

ใบงาน
เรอ่ื ง ลักษณะภายนอกของหิน

คำชแ้ี จง : ให้นกั เรียนสังเกตภาพกอ้ นหนิ แล้วสบื ค้นขอ้ มูลเก่ยี วกับลักษณะภายนอกของหิน ตามหวั ข้อทก่ี ำหนดให้

ภาพหิน ลกั ษณะภายนอกของหิน

1. ลวดลายของหนิ
หินแต่ละชนิดอาจมลี วดลายไมเ่ หมอื นกนั หินบางกาจมีลวดลาย

เป็นช้นั สีหลายสี หินบางกอ้ นอาจมลี วดลายสีผสมกนั . .

2. ความแข็งของหนิ

หินแต่ละชนิดอาจมีลวดลายไม่เหมอื นกนั หินบางกาจมลี วดลาย

เป็นช้นั สีหลายสี หินบางกอ้ นอาจมลี

3. นำ้ หนกั ของหนิ
หินแต่ละชนิดอาจมลี วดลายไมเ่ หมือนกนั หินบางกาจมลี วดลาย
เป็นช้นั สีหลายสี หินบางกอ้ นอาจมลี วดลายสีผสมกนั .

4. สขี องหิน
หินแตล่ ะชนิดอาจมีลวดลายไม่เหมอื นกนั หินบางกาจมีลวดลาย
เป็นช้นั สีหลายสี หินบางกอ้ นอาจมลี วดลายสีผสมกนั .

5. เนอื้ ของหิน
หินแตล่ ะชนิดอาจมลี วดลายไมเ่ หมือนกนั หินบางกาจมี
หินแต่ละชนิดอาจมีลวดลายไม่เหมือนกนั หินบางกาจมี

โรงเรียนขจรเกยี รตพิ ฒั นา สปั ดาหท์ ่ี …15…

แผนการจดั การเรยี นรู้

ภาคเรยี นที่ 2/…………. ช่ือผูส้ อน………………………………………….
กลมุ่ สาระ วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 1 จำนวน 4 คาบ

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 4 หินและท้องฟ้า เรื่อง ลกั ษณะภายนอกของหิน
1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้ีวัด

มาตรฐานที่ ว 3.2 เข้าใจองค์ประกอบและความสมั พนั ธข์ องระบบโลก กระบวนการเปลยี่ นแปลงภายในโลก

และบนผิวโลก ธรณพี ิบัติภัย กระบวนการเปลีย่ นแปลงลม ฟา้ อากาศ และภมู อิ ากาศโลก รวมท้ังผลต่อสงิ่ มีชวี ิตและ

ส่ิงแวดล้อม

มาตรฐานที่ ว 8.2 เข้าใจและใชแ้ นวคดิ เชิงคำนวณในการแก้ปญั หาทพ่ี บในชีวิตจรงิ อยา่ งเปน็ ขน้ั ตอนและเป็น
ระบบใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสารในการเรยี นรู้ การทำงานและการแกป้ ัญหาไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธิภาพ ร้เู ทา่
ทนั และมีจริยธรรม

ตวั ชว้ี ดั ท่ี ป.1/1 อธิบายลกั ษณะภายนอกของหนิ จากลักษณะเฉพาะตวั ท่ีสงั เกตได้

2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด

หินท่อี ยู่ในธรรมชาติมีลกั ษณะภายนอกเฉพาะตัวที่สงั เกตได้ เช่น สี ลวดลาย น้ำหนกั ความแขง็ เนือ้ หิน เป็น
ตน้

3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้

1. อธิบายลักษณะภายนอกของหนิ ได้ (K)
2. สังเกตและเปรยี บเทียบลกั ษณะภายนอกของหนิ ได้ (K)
3. สำรวจและเกบ็ ตัวอย่างก้อนหินทมี่ ลี ักษณะแตกตา่ งกนั ได้ (P)
4. วาดลักษณะภายนอกของหินจากลักษณะเฉพาะตัวได้ (P)
5. ทำงานร่วมกบั ผู้อื่นไดอ้ ย่างสรา้ งสรรค์ (A)

4.สาระการเรยี นรู้

สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง สาระการเรียนรูท้ อ้ งถนิ่
ลกั ษณะภายนอกของหิน พจิ ารณาตามหลักสูตรของสถานศกึ ษา

5. กิจกรรมการเรยี นรู้ คาบท่ี 1
ขน้ั นำ

ขน้ั กระต้นุ ความสนใจ (Engage)
1. ครแู จ้งจดุ ประสงค์การเรยี นร้ใู หน้ ักเรยี นทราบ จากน้ันครสู นทนากับนักเรียนเกย่ี วกบั เรอื่ งทเี่ รียนผ่านมา
2. ครูนำตัวอยา่ งหินมาใหน้ กั เรยี นดู 2-4 ตัวอยา่ ง จากนั้นให้นกั เรยี นชว่ ยกนั ตอบว่า ลักษณะหนิ ท่ีนักเรยี น

สงั เกตมีลกั ษณะภายนอกเหมอื นกันหรือตา่ งกันอย่างไร โดยครูยังไมเ่ ฉลยคำตอบ (แนวตอบ : ข้นึ อย่กู ับหินทค่ี รู
เตรียมมาเปน็ ตวั อยา่ ง)

ขน้ั สอน

ขั้นสำรวจคน้ หา (Explore)

1.ครูใช้เกมผึ้งแตกรงั ในการแบ่งกลุ่มนกั เรยี น กลมุ่ ละ 4-5 คน จากน้ันใหน้ กั เรยี นแต่ละกลมุ่ ศกึ ษาการทำ
กจิ กรรมเรือ่ ง ลักษณะภายนอกของหิน จากหนังสือเรยี นวทิ ยาศาสตร์ หรือในแบบฝึกหดั วิทยาศาสตรโ์ ดยปฏบิ ัติ
กจิ กรรม ดังน้ี

1) นักเรยี นร่วมกนั แสดงความคิดเหน็ เกีย่ วกับบริเวณท่ีสามารถพบหินภายในโรงเรยี นได้
2) ตวั แทนนักเรยี นแต่ละกลุม่ ออกมาแบง่ พ้นื ทส่ี ำรวจก้อนหนิ จากน้นั ใหแ้ ต่ละกลุ่มออกไปเก็บตัวอย่างกอ้ นหนิ
ทม่ี ลี ักษณะแตกต่างกันภายในบริเวณโรงเรียน มากลมุ่ ละ 5 ก้อน
3) ให้แต่ละกลุ่มใช้แวน่ ขยายในการสังเกตลกั ษณะภายนอกของหินได้แก่ สี ลวดลาย และเนอ้ื หินของหินทกุ
ก้อน จากน้นั สงั เกตลกั ษณะภายนอกอ่นื ๆ เพิ่มเตมิ เช่น น้ำหนกั ความแขง็ เป็นตน้ แล้วบนั ทึกข้อมูลลงในแบบฝึกหัด
วทิ ยาศาสตร์
4) ใหแ้ ต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายและสรปุ ผลเก่ียวกบั ลกั ษณะภายนอกของหนิ ที่สำรวจพบในบริเวณโรงเรียน

ขน้ั สอน (หมายเหตุ : ครูเรมิ่ ประเมินนักเรยี น โดยใช้แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม)

คาบท่ี 2

ขน้ั อธบิ ายความรู้ (Expain)

1. ครูให้นกั เรียนจบั กลุ่มเดมิ ในช่วั โมงท่ีแล้ว จากน้ันใหแ้ ต่ละกลุ่มนำข้อมูลทไ่ี ด้จากการทำกิจกรรมมาจัด
กระทำในรูปแบบต่างๆ เชน่ วาดภาพ แผนผงั เป็นตน้ ลงในกระดาษแข็งแผ่นใหญท่ ่คี รูแจกให้หรอื ในแบบฝึกหัด
วิทยาศาสตร์แล้วตกแต่งให้สวยงาม เพื่อนำเสนอข้อมูลหนา้ ช้ันเรยี นโดยครูกำหนดเวลาในการจัดกระทำขอ้ มูลกลุ่มละ
30 นาที

(หมายเหตุ : ครเู ร่มิ ประเมนิ นกั เรยี น โดยใชแ้ บบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกล่มุ )
2. ครสู ุ่มเลอื กตัวแทนของแตล่ ะกลุ่มให้ออกมานำเสนอผลการทำกิจกรรมหนา้ ช้นั เรียน
3. ใหต้ วั แทนของแตล่ ะกลมุ่ ออกมานำเสนอผลการทำกิจกรรมเพอ่ื แลกเปล่ยี นขอ้ มูลเกี่ยวกับลกั ษณะ
ภายนอกของหนิ แต่ละชนิดที่สงั เกตไดใ้ ห้กับกลมุ่ อน่ื ฟัง โดยใช้เวลาในการนำเสนอกล่มุ ละ 5-10 นาที

(หมายเหตุ : ครูเร่มิ ประเมนิ นกั เรยี นโดยใช้แบบประเมนิ การนำเสนอหนา้ ชน้ั เรียน)
4. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั สรุปข้อมูลเกย่ี วกับลักษณะภายนอกของหนิ ทไี่ ด้จากการทำกิจกรรม

คาบที่ 3

ขน้ั สรุป

ขั้นขยายความเข้าใจ (Elaborate)

1. ครูสนทนากับนกั เรยี นเกีย่ วกบั ลกั ษณะภายนอกของหนิ ทีไ่ ด้เรยี นจากชั่วโมงท่ีแลว้
2. นักเรียนศึกษาข้อมูลเกย่ี วกับลักษณะภายนอกของหนิ จากหนงั สือเรียนวิทยาศาสตร์ หรอื ครอู าจเปดิ
PowerPoint เรือ่ ง ลักษณะภายนอกของหนิ ประกอบในการสอนดว้ ย
3. จากนั้นใหแ้ ต่ละคนสรุปความรู้เรือ่ งลกั ษณะภายนอกของหนิ จากข้อมูลทีศ่ ึกษาเป็นแผนผังความคิดลงในใบงาน เร่อื ง
หนิ ในธรรมชาติแล้วตกแต่งให้สวยงาม หรือในแบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์
(หมายเหตุ : ครูเร่ิมประเมินนักเรยี น โดยใช้แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานรายบคุ คล)

คาบที่ 4
ขน้ั สรุป

1. จากคาบที่ผ่านมาเมือ่ ทุกคนทำใบงานหรือในแบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์เสร็จแลว้ ครูสุ่มเลือกนักเรยี น 2-4 คน
ให้ออกมานำเสนอหนา้ ชั้นเรียน โดยใชเ้ วลาในการนำเสนอคนละ 3-5 นาที

(หมายเหตุ : ครูเร่มิ ประเมินนักเรียนโดยใช้แบบประเมนิ การนำเสนอหน้าช้นั เรียน)
2.ครูสรปุ เกย่ี วกับลกั ษณะภายนอกของหินทน่ี ักเรยี นออกมานำเสนอ ใหน้ กั เรยี นทุกคนฟังอีกคร้ังเพอ่ื ให้เกดิ
ความเข้าใจมากยิ่งข้ึน
3.นกั เรยี นทำกจิ กรรมหนูตอบไดใ้ นหนังสอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์

ขัน้ ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. นักเรยี นร่วมกนั สรุปความรู้เก่ียวกับลักษณะภายนอกของหนิ ท่ีสังเกตได้

2. ครปู ระเมนิ ผลนักเรยี นโดยการสงั เกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล พฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม และการ
ออกมานำเสนอผลการทำกิจกรรมหน้าชั้นเรียน

3. ครูตรวจสอบผลการทำกจิ กรรมเร่ืองลักษณะภายนอกของหนิ ในแบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์
4. ครตู รวจสอบผลการทำกิจกรรมหนตู อบไดใ้ นแบบฝึกหดั วทิ ยาศาสตร์
5. ครตู รวจสอบผลการทำใบงานเร่อื งหินในธรรมชาติ

6. การวดั และประเมินผล วิธกี ารวัดผล เครื่องมือวัด เกณฑก์ าร
ประเมนิ ผล
การวัดและประเมนิ ผล 60% ขึน้ ไป ถอื ว่า
จดุ ประสงค์ ผา่ นเกณฑ์การ
ประเมนิ
ความรู้ความ 1. อธบิ ายลกั ษณะภายนอกของหนิ 1.คำถามกระตนุ้
เข้าใจ (K) 60% ขึ้นไป ถอื ว่า
ได้ ความคิด ผ่านเกณฑก์ าร
ทกั ษะ/ ประเมิน
กระบวนการ (P) 2.สังเกตและเปรยี บเทียบลกั ษณะ
60% ขึ้นไป ถือวา่
คณุ ลักษณะนิสัย (A) ภายนอกของหนิ ได้ ผ่านเกณฑก์ าร
ประเมนิ
1.สำรวจและเกบ็ ตวั อย่างกอ้ นหิน 1. ใบงาน

ที่มีลักษณะแตกต่างกันได้

2.วาดลกั ษณะภายนอกของหิน

จากลกั ษณะเฉพาะตัวได้

1.รับผิดชอบตอ่ หน้าทีท่ ี่ได้รบั 1. แบบสงั เกต

มอบหมาย พฤติกรรม

2.สังเกตความมวี นิ ยั ใฝ่เรียนรู้ 2. แบบประเมิน

และมุ่งมั่นในการทำงาน คณุ ลกั ษณะอนั พงึ

ประสงค์

7. สือ่ /แหล่งการเรยี นรู้

7.1 ส่อื การเรียนรู้
1) หนังสอื เรียนวทิ ยาศาสตร์ ป.1 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 4 หินและท้องฟา้
2) แบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์ ป.1 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 4 หินและทอ้ งฟา้
3) วสั ด-ุ อปุ กรณ์การทดลองในกิจกรรม เชน่ แว่นขยาย สีไม้ เป็นตน้
4) PowerPoint เร่ืองลกั ษณะภายนอกของหิน
5) ใบงาน เรือ่ ง หนิ ในธรรมชาติ
6) กระดาษแข็งแผ่นใหญ่
7) ตวั อยา่ งหนิ 2-4 กอ้ น

7.2 แหล่งการเรียนรู้
1) หอ้ งสมดุ
2) หอ้ งเรียน
3) อนิ เทอร์เน็ต

8. กจิ กรรมเสนอแนะ
…………………………………………………………………………………………………………………………………...
…………………………………………………………………………………………………………………………………...
…………………………………………………………………………………………………………………………………...

ลงชื่อ...............................................ผ้สู อน ลงชือ่ ....................................ฝ่ายวิชาการ
(………………………………………) (………………………………………)

ลงชื่อ....................................................ผูบ้ รหิ าร
(………………………………………)

ใบงาน
เร่ือง หนิ ในธรรมชาติ

คำช้แี จง :ใหน้ ักเรยี นสรปุ ความรเู้ กี่ยวกับลักษณะภายนอกของหินที่สังเกตได้ เป็นแผนผงั ความคิดพร้อมตกแตง่ ให้สวยงาม

ใบงาน เฉลย
เรอ่ื ง หินในธรรมชาติ

คำชี้แจง : ให้นักเรียนสรุปความรูเ้ กี่ยวกับลักษณะภายนอกของหินที่สังเกตได้ เป็นแผนผังความคิดพร้อมตกแต่งให้สวยงาม
(ตัวอยา่ ง)

เราสามารถทดสอบความ

หินสี แข็งของหนิ ไดจ้ ากการนำหินมา
ขูดกนั ถ้าหนิ กอ้ นใดเกดิ รอยบน
แดง เน้ือหิน แสดงวา่ หนิ ก้อนน้ำมี หนิ เนอื้ หยาบ
หนิ เนอ้ื ละเอยี ด
ความแข็งนอ้ ยกวา่ หินอีกก้อน

หินสี
ขาว ความแขง็

โรงเรียนขจรเกยี รติพฒั นา สปั ดาหท์ ี่ …16…

แผนการจดั การเรยี นรู้

ภาคเรยี นท่ี 2/………… ชื่อผู้สอน………………………………………….
กลุม่ สาระ วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 1 จำนวน 4 คาบ
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 4 หนิ และท้องฟา้ เรือ่ ง การจำแนกหิน

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด

มาตรฐานท่ี ว 3.2 เขา้ ใจองค์ประกอบและความสมั พันธข์ องระบบโลก กระบวนการเปลยี่ นแปลงภายใน
โลกและบนผวิ โลก ธรณีพบิ ัติภัย กระบวนการเปล่ียนแปลงลม ฟ้า อากาศ และภูมิอากาศโลก รวมทั้งผลต่อสง่ิ มชี ีวติ
และสิง่ แวดล้อม

มาตรฐานท่ี ว 8.2 เขา้ ใจและใชแ้ นวคิดเชงิ คำนวณในการแก้ปญั หาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็นขน้ั ตอน
และเป็นระบบใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สารในการเรียนรู้ การทำงานและการแก้ปญั หาได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ รูเ้ ท่าทัน และมีจรยิ ธรรม

ตัวชว้ี ัดที่ ป.1/1 อธิบายลักษณะภายนอกของหนิ จากลักษณะเฉพาะตัวท่สี ังเกตได้

2.สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด

หินท่ีอยู่ในธรรมชาติมีลักษณะภายนอกเฉพาะตวั ทส่ี ังเกตได้ ไดแ้ ก่ สี ลวดลาย น้ำหนกั ความแข็ง และเน้อื หิน ซง่ึ เรา
สามารถจำแนกหนิ โดยใช้ลักษณะภายนอกท่ีสงั เกตได้เป็นเกณฑ์

3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้

1. สังเกตและอธิบายลักษณะภายนอกของหินได้ (K)
2. เปรียบเทียบและจำแนกลักษณะภายนอกของหินได้ (K)
3. กำหนดเกณฑท์ ่ีใช้ในการจำแนกหินได้ (K)
4. บอกเกณฑท์ ใี่ ชใ้ นการจำแนกหนิ ได้ (P)
5. ทำงานร่วมกับผ้อู นื่ อยา่ งสรา้ งสรรค์ (A)

1. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรยี นร้แู กนกลาง สาระการเรียนรู้ทอ้ งถิน่
1) ลักษณะภายนอกของหนิ พิจารณาตามหลกั สูตรของสถานศกึ ษา
2) การจำแนกหินโดยใช้ลกั ษณะภายนอกของหนิ
คาบที่ 1
5.กิจกรรมการเรียนรู้

ขน้ั นำ

ขนั้ กระตนุ้ ความสนใจ (Engage)
1. ครแู จง้ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรใู้ หน้ ักเรยี นทราบ จากนนั้ ครูสนทนากับนกั เรยี นเกย่ี วกบั เรอ่ื งทเ่ี รยี นผา่ น

มา
2. ครูนำตวั อย่างหินทม่ี ีลกั ษณะตา่ งๆ มาให้นกั เรียนดู 5-10 ก้อน จากนน้ั ใหน้ ักเรียนชว่ ยกนั แสดงความ

คดิ เห็นวา่ เราจะสามารถจำแนกหนิ เหล่าน้โี ดยใช้เกณฑ์อะไรได้บา้ ง
3. นักเรยี นช่วยกนั แสดงความคดิ เห็นอยา่ งอิสระ โดยครูคอยสังเกตนกั เรยี นอยา่ งใกล้ชิด พรอ้ มคอย

อธิบายเสริมเพือ่ เปน็ การช้นี ำสู่ประเด็นในการแสดงความคิดเหน็ ในหวั ข้อต่อ ๆ ไป

ขน้ั สอน

ขั้นสำรวจค้นหา (Explore)

1. ครูใหน้ กั เรยี นแบง่ กลมุ่ กลุ่มละ 3-4 คน จากน้นั ให้แต่ละกลมุ่ ทำใบงาน เรอื่ ง การจำแนกหิน
2. ให้แต่ละกลมุ่ ช่วยกนั จำแนกหนิ ที่ครเู ตรียมไว้หนา้ ชนั้ เรียน โดยกำหนดเกณฑ์ทใ่ี ช้ในการจำแนกหิน กลุ่ม
ละ 1 เกณฑ์

(หมายเหตุ : ครูเริม่ ประเมนิ นกั เรียน โดยใช้แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม)
3. ใหแ้ ต่ละกลุ่มช่วยกันจำแนกหนิ โดยใช้เกณฑ์ท่กี ลุ่มต้ังขน้ึ โดยครูคอยให้คำแนะนำอยา่ งใกล้ชดิ

4. เม่ือแต่ละกลุ่มทำใบงานเสร็จแล้ว ให้รว่ มกันสรุปผลจากการทำใบงาน และเตรียมตัวนำเสนอหน้าชั้น
เรียนในช่ัวโมงถัดไป

ขน้ั สอน คาบท่ี 2

ขั้นอธบิ ายความรู้ (Expain)
1. ครูให้นักเรียนเข้ากลุ่มเดมิ จากชัว่ โมงที่แล้ว แลว้ ให้แตล่ ะกลมุ่ เตรยี มตวั เพือ่ นำเสนอผลจากการทำ

กิจกรรมใบงาน
(หมายเหตุ : ครเู ร่ิมประเมนิ นักเรียนโดยใชแ้ บบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่ และแบบประเมินการ

นำเสนอหนา้ ชน้ั เรยี น)
2. ครสู ุ่มเลือกตวั แทนของแตล่ ะกลุ่มให้ออกมานำเสนอผลการทำกจิ กรรมหน้าชัน้ เรียน
3. ตัวแทนของทกุ กลมุ่ ออกมานำเสนอผลการทำกจิ กรรม เพ่ือแลกเปล่ยี นความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั การจำแนก
หนิ โดยใช้เกณฑ์ทแ่ี ต่ละกลุ่มกำหนดได้
4. ครสู รปุ เกณฑ์ทแ่ี ต่ละกลุ่มใช้ในการจำแนกหนิ ใหน้ กั เรียนไดเ้ ข้าใจอีกครัง้
5. เปิดหนงั สือเรยี นวทิ ยาศาสตรจ์ ากน้ันให้แต่ละคนทำกจิ กรรมพฒั นาการเรยี นรู้ โดยสังเกตลกั ษณะ
ภายนอกนกั เรยี นของหนิ แล้วกำหนดเกณฑม์ า 1 เกณฑ์ เพือ่ จดั กล่มุ หินออกเป็น 2 กลุ่ม ลงในสมุดประจำตัว
นักเรยี น
(แนวตอบ : เกณฑ์ที่ใช้ในการจำแนกหิน เชน่ เนอื้ ของหนิ สีของหิน ลวดลายของหนิ เปน็ ต้น)
5. เมอ่ื นกั เรียนจัดกลุ่มหนิ เสร็จแลว้ ครสู มุ่ เรียกนักเรยี น 2-3 คน ใหอ้ อกมานำเสนอการจัดกล่มุ หิน เพอ่ื
เปน็ การแลกเปลยี่ นข้อมูลและร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการจัดกลุม่ หิน

6. ใหน้ ักเรยี นทำกจิ กรรมทา้ ทายการคดิ ขั้นสงู ในแบบฝึกหดั วิทยาศาสตรแ์ ล้วนำมาสง่ ในชั่วโมงถัดไป

ขน้ั สรุป คาบท่ี 3

ข้นั ขยายความเข้าใจ (Elaborate)

1. ครูและนักเรียนช่วยกนั สรุปเก่ยี วกับเกณฑ์ท่ใี ชใ้ นการจำแนกหินทไี่ ดท้ ำในชว่ั โมงท่แี ลว้
2. ให้นักเรยี นจบั คูก่ บั เพือ่ น แล้วทำกิจกรรมสร้างสรรค์ผลงานจากหนงั สือเรยี นวิทยาศาสตร์หรือ
แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์โดยปฏบิ ตั กิ จิ กรรม ดังนี้

1) ให้แต่ละคู่ช่วยกนั สืบคน้ ข้อมลู เกย่ี วกบั หนิ ทม่ี สี ีหรอื รูปรา่ งต่าง ๆ
2) วาดภาพหินทีส่ นใจลงในกระดาษแขง็ พร้อมเขียนบรรยายลกั ษณะของหนิ แลว้ ตกแตง่ ให้สวยงาม
โดยครกู ำหนดเวลาในการสรา้ งผลงาน 20 นาที และคอยสงั เกตการทำกิจกรรมอย่างใกล้ชดิ
(หมายเหตุ : ครูเร่ิมประเมินนักเรยี นโดยใช้แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม)
3. ครูส่มุ นกั เรียน 2 คู่ ให้ออกมานำเสนอข้อมูลหน้าช้ันเรียนเพื่อร่วมกนั แสดงความคดิ เหน็ โดยครูคอย
สงั เกตการแสดงความคดิ เห็นอย่างใกล้ชิด
(หมายเหตุ : ครปู ระเมนิ นกั เรียนโดยใช้แบบประเมนิ การนำเสนอหน้าช้นั เรยี น)
4. ใหน้ ักเรยี นแต่ละคนู่ ำผลงานไปตดิ แสดงทป่ี า้ ยนเิ ทศของหอ้ งเรยี น เพื่อเปน็ แหล่งศึกษาขอ้ มลู เพม่ิ เตมิ

คาบท่ี 4
ขน้ั สรุป

1.
2. 1.ใหแ้ ตล่ ะคู่ช่วยกนั สบื ค้นข้อมูลเพิม่ เตมิ จากแหลง่ ขอ้ มูลต่างๆ เกย่ี วกับการนำหินไปใช้ประโยชน์ในด้าน

ตา่ งๆ แลว้ บันทกึ ข้อมูล

2. ครูสุ่มเรยี กนักเรียน 5 คู่ แลว้ ให้ตอบว่า หินมีประโยชน์ในด้านใดบ้าง โดยให้แต่ละค่ตู อบมา 1 คำตอบ และ
คำตอบห้ามซ้ำกนั

3. ครูและนกั เรียนรว่ มกันสรุปเกีย่ วกบั การนำหินไปใช้ประโยชนใ์ นดา้ นต่างๆ

4. นักเรยี นแตล่ ะคนทำกจิ กรรมฝกึ ทกั ษะจากหนงั สือเรยี นวทิ ยาศาสตร์

ข้ันตรวจสอบผล (Evaluate)
1. นักเรียนร่วมกนั สรปุ ความร้เู กี่ยวกับการจำแนกหนิ โดยใช้ลักษณะภายนอกของหินท่ีสังเกตได้เป็นเกณฑ์
2. ครูประเมนิ ผลนกั เรียนโดยการสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ และการออกมานำเสนอผลการทำ

กจิ กรรมหนา้ ชั้นเรียน
3. ครตู รวจสอบผลการทำใบงานเรอื่ ง การจำแนกหนิ
4. ครูตรวจสอบผลการทำกิจกรรมพฒั นาการเรียนรู้จากหนังสือเรยี นวิทยาศาสตร์

5. ครตู รวจสอบผลการทำกจิ กรรมคำถามทา้ ทายการคดิ ขัน้ สงู ในแบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์
6. ครูตรวจสอบผลการทำกจิ กรรมสร้างสรรค์ผลงานจากหนงั สือเรียนหรอื ในแบบฝึกหดั วิทยาศาสตร์
7. ครตู รวจสอบผลการทำกจิ กรรมฝึกทักษะในแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์

6. การวัดและประเมนิ ผล วธิ กี ารวดั ผล เครอ่ื งมอื วดั เกณฑ์การ
ประเมนิ ผล
การวดั และประเมินผล 60% ขน้ึ ไป ถอื ว่า
จุดประสงค์ ผา่ นเกณฑก์ าร
ประเมนิ
ความรูค้ วาม 1. สังเกตและอธบิ ายลกั ษณะ 1.คำถามกระตุ้น
เข้าใจ (K) 60% ข้ึนไป ถือวา่
ภายนอกของหินได้ ความคิด ผ่านเกณฑก์ าร
ทักษะ/ ประเมิน
กระบวนการ (P) 2.เปรยี บเทียบและจำแนกลกั ษณะ 60% ขน้ึ ไป ถอื วา่
ผ่านเกณฑ์การ
ภายนอกของหนิ ได้ ประเมิน

3.กำหนดเกณฑ์ที่ใชใ้ นการจำแนก

หนิ ได้

1.บอกเกณฑ์ที่ใชใ้ นการจำแนกหนิ 1. ใบงาน

ได้

คณุ ลักษณะนสิ ัย (A) 1.รบั ผดิ ชอบตอ่ หนา้ ท่ที ี่ได้รับ 1. แบบสงั เกต
มอบหมาย พฤตกิ รรม
2.สังเกตความมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ 2. แบบประเมิน
และมุ่งมนั่ ในการทำงาน คณุ ลักษณะอันพงึ
ประสงค์
7.

สื่อ/อุปกรณ์ /แหล่งการเรียนรู้

7.1 สื่อการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียนวทิ ยาศาสตร์ ป.1 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 4 หินและท้องฟา้
2) แบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์ ป.1 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 4 หนิ และทอ้ งฟ้า
3) ใบงานเร่ือง การจำแนกหนิ
4) ตัวอย่างหิน 5-10 กอ้ น
5) วสั ด-ุ อุปกรณ์ท่ใี ชใ้ นกิจกรรมสรา้ งสรรคผ์ ลงาน เชน่ กระดาษแข็ง สีไม้ เปน็ ต้น

7.2 แหล่งการเรียนรู้
1) ห้องสมุด
2) หอ้ งเรยี น

3) ป้ายนเิ ทศ
4) อนิ เทอรเ์ น็ต

8. กิจกรรมเสนอแนะ
…………………………………………………………………………………………………………………………………...
…………………………………………………………………………………………………………………………………...
…………………………………………………………………………………………………………………………………...

ลงชอ่ื ...............................................ผู้สอน ลงช่อื ....................................ฝา่ ยวชิ าการ
(………………………………………) (………………………………………)

ลงช่อื ....................................................ผู้บรหิ าร
(………………………………………)

ใบงาน
เรอื่ ง การจำแนกหิน
คำช้แี จง : ใหน้ กั เรียนกำหนดเกณฑก์ ารจำแนกหิน แล้วเขียนแผนผงั เพ่อื อธบิ ายการจำแนกหินตามเกณฑน์ ้นั

เกณฑ์ทใ่ี ชจ้ ำแนกหนิ คือ “ ”

ใบงาน เฉลย
เรือ่ ง การจำแนกหิน

คำชี้แจง : ให้นักเรยี นกำหนดเกณฑก์ ารจำแนกหิน แล้วเขียนแผนผังเพือ่ อธิบายการจำแนกหนิ ตามเกณฑน์ ้นั

เกณฑท์ ใี่ ชจ้ ำแนกหินคือ สขี องหนิ (ตัวอยา่ ง)

หนิ สีแดง หินสีดำ

สีของหิน

หินสนี ้ำตาล หินสขี าว

โรงเรียนขจรเกียรติพฒั นา สปั ดาห์ท่ี …17…

แผนการจดั การเรยี นรู้

ภาคเรียนที่ 2/……….. ชอ่ื ผสู้ อน………………………………………….
กลุม่ สาระ วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 1 จำนวน 4 คาบ
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 หินและท้องฟา้ เร่อื ง ท้องฟา้ ในเวลากลางวนั

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชว้ี ัด

มาตรฐานท่ี ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลกั ษณะ กระบวนการเกดิ และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแลก็ ซี
ดาวฤกษ์ และระบบสรุ ิยะ รวมทัง้ ปฏสิ มั พันธ์ภายในระบบสุริยะที่สง่ ผลตอ่ สิ่งมีชวี ติ และการประยกุ ตใ์ ช้เทคโนโลยอี วกาศ

มาตรฐานท่ี ว 8.2 เขา้ ใจและใช้แนวคดิ เชิงคำนวณในการแก้ปญั หาทีพ่ บในชีวติ จรงิ อย่างเป็นขัน้ ตอนและ
เป็นระบบใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สารในการเรียนรู้ การทำงานและการแก้ปัญหาไดอ้ ยา่ ง มีประสิทธภิ าพ
รู้เทา่ ทัน และมีจรยิ ธรรม

ตัวชวี้ ัดท่ี ป.1/1 ระบุดาวที่ปรากฏบนทอ้ งฟ้าในเวลากลางวนั และกลางคืนจากขอ้ มูลทร่ี วบรวมได้
ตัวช้วี ัดที่ ป. 1/2 อธบิ ายสาเหตุท่มี องไม่เห็นดาวส่วนใหญใ่ นเวลากลางวันจากหลักฐานเชิงประจักษ์

2.สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด

ในเวลากลางวันทอ้ งฟา้ ได้รับแสงจากดวงอาทิตย์ ทอ้ งฟ้าจงึ มคี วามสว่าง ส่วนในเวลากลางคืนท้องฟ้าจะมดื
เน่ืองจากไม่ไดร้ ับแสงจากดวงอาทิตย์ และในเวลากลางคนื เราสามารถมองเห็นดวงจันทร์และดาวได้เกอื บทุกคนื

3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

1. สังเกตและระบดุ าวทป่ี รากฏบนทอ้ งฟ้าในเวลากลางวนั ได้ (K)
2. วาดภาพทอ้ งฟ้าในเวลากลางวนั ได้ (P)
3. เขียนแผนภาพหรอื สรา้ งชนิ้ งานแบบจำลองท้องฟา้ ในเวลากลางวนั ได้ (P)
4. มีความสนใจใฝเ่ รียนรู้ (A)

4. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถน่ิ
ดาวท่ปี รากฏบนทอ้ งฟ้าในเวลากลางวนั พจิ ารณาตามหลักสูตรของสถานศกึ ษา

5. กิจกรรมการเรยี นรู้ คาบที่ 1
ขน้ั นำ

ข้นั กระตุ้นความสนใจ (Engage)
1. ครแู จ้งจุดประสงค์การเรยี นรูใ้ หน้ ักเรยี นทราบ
2. ครูสนทนากับนกั เรยี นเกีย่ วกบั เรอื่ งท่ีจะเรียนในชั่วโมงนว้ี า่ นกั เรยี นเคยสงั เกตหรือไมว่ ่า บนท้องฟา้ มีอะไรบ้าง

โดยให้นักเรียนช่วยกนั แสดงความคิดเห็น
(แนวตอบ : บนท้องฟ้ามี ดวงอาทติ ย์ ดวงจนั ทร์ ดาว)

3. ครฝู กึ ให้นกั เรียนเรยี นรแู้ ละอา่ นคำศัพท์วิทยาศาสตร์ ในหนังสอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์ ดังนี้

sky (สไก) ทอ้ งฟ้า
star (สตา) ดาว
sun (ซัน) ดวงอาทิตย์
moon (มนู ) ดวงจนั ทร์

4. ครูให้นกั เรียนดูภาพในหนงั สือเรียนวิทยาศาสตร์จากนน้ั ครตู ้ังคำถามว่าภาพทน่ี ักเรยี นเห็นคือช่วงเวลาใด
แลว้ มีความเหมือนกนั หรือแตกต่างกนั อย่างไร ให้นักเรยี นตอบและแสดงความคิดเหน็ ตามความสมัครใจ

(แนวตอบ : ในภาพเปน็ ท้องฟ้าช่วงเวลากลางวนั และเวลากลางคืน ภาพมคี วามแตกต่างกัน เพราะชว่ งเวลา
กลางวันเราจะเหน็ ดวงอาทติ ย์ ส่วนเวลากลางคนื เราจะเหน็ ดวงจนั ทรแ์ ละดาวในบางวัน)

5. นักเรียนศึกษาขอ้ มูลในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์เพอ่ื ทำความเข้าใจเกยี่ วกบั เรือ่ งทจ่ี ะเรยี นมากยิ่งขน้ึ
6. จากน้ันครูนำภาพทศั นียภาพในช่วงเวลากลางวันและกลางคนื มาให้นักเรยี นดแู ล้วใหร้ ่วมกนั บอกความ
แตกตา่ งจากภาพหรือใหน้ ักเรยี นทำกิจกรรมนำสู่การเรยี นในแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์

ข้นั สำรวจคน้ หา (Explore)
1. ครูใชร้ ูปแบบการเรียนรู้แบบรว่ มมือเทคนคิ เพอ่ื นคู่คิด โดยให้นกั เรยี นจบั คู่กับเพ่ือนแลว้ ทำกจิ กรรมเรอื่ ง

สงั เกตทอ้ งฟ้าเวลากลางวนั จากหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์โดยปฏบิ ตั ิกิจกรรมดังน้ี
1) ให้แต่ละคนออกไปสงั เกตท้องฟ้าในช่วงเวลากลางวนั ต้องระมัดระวังไมม่ องไปที่ดวงอาทิตย์โดยตรง เพราะ

อาจทำให้ตาบอดจากแสงของดวงอาทิตย์ท่ีส่องลงมาได้
2) นำขอ้ มูลท่ีได้จากการสังเกตมาวาดภาพลงในแบบฝึกหัด วทิ ยาศาสตรพ์ ร้อมระบายสีให้สวยงาม
3) ให้นกั เรียนกลบั มาจับคกู่ นั เหมือนเดิม แล้วรว่ มกันอภปิ รายและสรุปผลจากการสงั เกตท้องฟ้าในเวลากลางวนั

2. ครูให้นกั เรียนจับคู่กันเหมือนเดิมท่ีทำกิจกรรมในชั่วโมงท่ีแล้ว
3. จากนัน้ ให้แต่ละคนู่ ำขอ้ มูลทไี่ ด้จากการสงั เกตท้องฟ้ามาออกแบบเขยี นแผนภาพหรอื สร้างชน้ิ งาน เพ่อื
จำลองลักษณะทอ้ งฟ้าในช่วงเวลากลางวนั พรอ้ มตกแต่งให้สวยงาม
(หมายเหตุ : ครูเร่ิมประเมินนักเรยี นโดยการใช้แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกล่มุ )
4. ครูให้เวลาแต่ละคู่ในการทำแผนภาพหรือสร้างชิ้นงานลงในกระดาษแข็งตามที่ได้วางแผนไว้เป็น
เวลา 30 นาที
5. เม่ือแต่ละคู่สร้างชิ้นงานเสร็จแล้ว ใหน้ ักเรียนแต่ละคู่เตรียมตวั นำเสนอผลงาน เพือ่ เปรยี บเทยี บและรว่ มกนั
แสดงความคิดเหน็ เกย่ี วกับลักษณะท้องฟ้าในช่วงเวลากลางวนั กับเพื่อนคอู่ ่ืนๆ
6. ครูสุ่มเรียกเลขที่ แลว้ ใหแ้ ต่ละคู่ออกมานำเสนอผลงาน โดยใช้เวลาในการนำเสนอคู่ละ 5 นาที
(หมายเหตุ : ครเู ร่ิมประเมนิ นกั เรียนโดยการใช้แบบประเมินผลการนำเสนอ)
7. ครูและนกั เรยี นรว่ มกันแสดงความคิดเห็นและเสนอแนะข้อบกพร่องของเพื่อนท่ีออกมานำเสนอ และปรบมือ
เม่อื เพอ่ื นำเสนอเสร็จ เพ่ือเป็นการเสรมิ แรง

ข้นั สอน คาบท่ี 2

ขั้นอธิบายความรู้ (Expain)
1. ครูเขยี นเนือ้ เพลงพระอาทิตย์ยมิ้ แฉง่ ไว้บนกระดาน
เพลงพระอาทติ ย์ย้ิมแฉ่ง

โผล่มาจาก ขอบฟา้ ...เขามาในยามเช้า ส่องแสงให้...เรา อบอนุ่ สบาย
เขาลอยข้ามเราไป จมหายไปในยามเยน็ พรุ่งนเี้ ราก็จะเหน็ เขาโผลอ่ ีกท.ี ..ทเี่ ดมิ
พระอาทิตย์ ย้มิ แฉง่ แก้มแด๊ง...แดง แต่งตวั ทาแป้งโผล่มา ยามเชา้ ตรู่ ฮู้ ฮู
พระอาทติ ย์ ยิม้ แฉง่ แก้มแด๊ง...แดง แตง่ ตวั ทาแปง้ โผลม่ า ส่งย้ิมให้คุณหนู...ยมิ้ น้อยยิ้มใหญ่

ทม่ี า : เพลงสอนเดก็

2. ครูรอ้ งเพลงให้นักเรียนฟงั แล้วให้นกั เรยี นช่วยกนั แสดงความคิดเห็นว่า เนอื้ เพลงกลา่ วถึงส่ิงใดบนท้องฟ้า

(แนวตอบ : พระอาทิตย)์ แล้วครตู ้งั คำถามอีกว่า สง่ิ ที่กล่าวในเพลงเราจะเห็นในชว่ งเวลาใด (แนวตอบ : ตอนเช้า)

3. นักเรยี นเปดิ หนังสอื เรียนวทิ ยาศาสตรแ์ ลว้ ศกึ ษาเน้อื หาในหน้าน้ี โดยครูตั้งคำถาม ดงั น้ี

• นกั เรียนกำลังศกึ ษาข้อมลู เก่ียวกบั ส่ิงใด (แนวตอบ : ดวงอาทิตย)์

• เราสามารถเหน็ ดวงอาทิตย์ได้ในเวลาใด (แนวตอบ : ในชว่ งเวลากลางวัน)

• ดวงอาทิตย์มีลักษณะอย่างไร (แนวตอบ : เป็นดาวรูปร่างทรงกลม มีขนาดใหญ่ มีแสงสว่างในตัวเอง ให้

พลงั งานแสงและพลังงานความร้อนแก่โลกของเรา)

4. ครใู ชว้ ธิ ีการสอนโดยใชก้ ารแสดงบทบาทสมมติ โดยให้นักเรยี นแบง่ กลุม่ กลุ่มละ 3-4 คน จากนน้ั ให้

นกั เรยี นช่วยกันสืบคน้ เกย่ี วกบั กิจกรรมต่าง ๆ ในชวี ิตประจำวนั ท่ีเกดิ ข้นึ ในช่วงเวลากลางวัน

(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมนิ นกั เรยี นโดยการใช้แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกล่มุ )

5. ให้นกั เรยี นแตล่ ะกล่มุ ชว่ ยกนั อภิปรายและสรปุ กิจกรรมท่ีเกดิ ขึ้นในชว่ งเวลากลางวัน แลว้ เลือกกิจกรรม

มา 1 กิจกรรม

6. ให้แต่ละกลมุ่ วางแผนและซ้อมการแสดงบทบาทสมมตุ ิกิจกรรมที่แต่ละกลุม่ ไดเ้ ลือกไว้ เพือ่ ทำการแสดง

บทบาทสมมติในชวั่ โมงถัดไป คาบที่ 3

ข้ันสรุป

ขัน้ ขยายความเข้าใจ (Elaborate)

1. ครูให้นักเรยี นจับกลุ่มเดมิ ในช่ัวโมงท่ีแล้ว แล้วเตรียมตัวเพ่ือแสดงบทบาทสมมติเก่ยี วกบั กิจกรรมที่
เกิดขึน้ ในช่วงเวลากลางวัน

(หมายเหตุ : ครูเร่ิมประเมินนกั เรยี นโดยการใช้แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม)
2. ครใู หแ้ ต่ละกลมุ่ ออกมาแสดงบทบาทสมมติ โดยใชเ้ วลาในการแสดงบทบาทสมมติกลมุ่ ละ 5-10 นาที
เมอ่ื กล่มุ นนั้ แสดงบทบาทสมมตเิ สร็จแล้ว ใหเ้ พือ่ นกลมุ่ อ่ืนๆ ยกมอื ขน้ึ เพ่อื ทายวา่ เปน็ กจิ กรรมทีม่ ีช่ือวา่ อะไรแล้ว
เกิดข้นึ ในช่วงเวลาใด (ช่วงเชา้ ชว่ งเที่ยง ช่วงเยน็ ) ถา้ กลมุ่ ใดตอบถูกครจู ะใหค้ ะแนน ซึง่ กล่มุ ทไี่ ดค้ ะแนนมาก
ที่สดุ จะได้รบั ของรางวลั จากครู
3. เม่ือทุกกลมุ่ แสดงบทบาทสมมติเสรจ็ แลว้ ครสู รุปกิจกรรมท่ีเกิดข้นึ ในช่วงเวลากลางวันท่ีแต่ละกลุ่มได้
แสดงไป เพอื่ ใหน้ กั เรยี นเกิดความเข้าใจมากย่ิงข้นึ

คาบที่ 4
ข้นั สรปุ

1.จากชั่วโมงท่ีแลว้ ให้นักเรยี นแต่ละคนทำกิจกรรมหนตู อบได้จากหนงั สือเรยี นวิทยาศาสตร์
2.เมอ่ื นกั เรียนทำกิจกรรมหนูตอบได้เสร็จเรียบรอ้ ยให้นำแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์ มาสง่ ครูหนา้ ชัน้ เรยี น

ข้นั ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครสู ่มุ นกั เรียน1 คน ใหอ้ อกมาสรปุ เก่ียวกบั ทอ้ งฟา้ เวลากลางวนั ให้เพื่อนๆ ฟัง แลว้ ช่วยกันแสดงความ

คิดเห็นและปรบมือให้เพอื่ น เพ่อื เปน็ การเสรมิ แรง
2. ครูประเมินผลนักเรียนโดยการสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม และการออกมานำเสนอผลการทำ

กิจกรรมหน้าชั้นเรียน
3. ครูตรวจสอบผลการทำกจิ กรรมนำสกู่ ารเรยี นในแบบฝกึ หดั วทิ ยาศาสตร์
4. ครูตรวจสอบผลการทำกิจกรรมสังเกตท้องฟา้ เวลากลางวันในแบบฝกึ หัดวทิ ยาศาสตร์
5. ครตู รวจสอบผลการทำกิจกรรมหนตู อบไดใ้ นแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์

6. การวดั และประเมนิ ผล วธิ ีการวัดผล เครื่องมือวัด เกณฑ์การ
ประเมินผล
การวัดและประเมินผล 60% ข้นึ ไป ถือว่า
จดุ ประสงค์ ผ่านเกณฑก์ าร
ประเมิน
ความรคู้ วาม 1. สังเกตและระบดุ าวท่ปี รากฏบน 1.คำถามกระตนุ้ 60% ขน้ึ ไป ถือว่า
เข้าใจ (K) ผ่านเกณฑ์การ
ทอ้ งฟา้ ในเวลากลางวนั ได้ ความคิด ประเมนิ

ทกั ษะ/ 1.วาดภาพทอ้ งฟา้ ในเวลากลางวนั 1. ใบงาน 60% ขึน้ ไป ถอื ว่า
กระบวนการ (P) ผ่านเกณฑก์ าร
ได้ ประเมนิ
คุณลักษณะนิสัย (A)
2.เขยี นแผนภาพหรอื สรา้ งช้นิ งาน

แบบจำลองทอ้ งฟ้าในเวลากลางวัน

ได้

1.รบั ผิดชอบต่อหนา้ ท่ที ่ไี ดร้ ับ 1. แบบสงั เกต

มอบหมาย พฤตกิ รรม

2.สังเกตความมวี นิ ยั ใฝ่เรียนรู้ 2. แบบประเมนิ

และม่งุ ม่นั ในการทำงาน คณุ ลกั ษณะอันพงึ

ประสงค์

7. สื่อ/อปุ กรณ์ /แหล่งการเรยี นรู้

7.1 สอ่ื การเรยี นรู้
1) หนังสอื เรยี นวิทยาศาสตร์ ป.1 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 4 หนิ และทอ้ งฟ้า

2) แบบฝึกหัด วทิ ยาศาสตร์ ป.1 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 4 หินและท้องฟา้
3) วัสดุ - อุปกรณ์ท่ีใช้ในการทำกิจกรรม เช่น กระดาษแข็ง สีไม้ เป็นต้น
4) บัตรภาพทัศนียภาพในเวลากลางวันและกลางคนื
5) เพลงพระอาทติ ย์ยมิ้ แฉ่ง
7.2 แหล่งการเรียนรู้
1) ห้องเรยี น
2) อนิ เทอร์เนต็

8. กจิ กรรมเสนอแนะ
…………………………………………………………………………………………………………………………………...
…………………………………………………………………………………………………………………………………...
…………………………………………………………………………………………………………………………………...

ลงช่ือ...............................................ผ้สู อน ลงชอ่ื ....................................ฝ่ายวิชาการ
(………………………………………) (………………………………………)

ลงชอ่ื ....................................................ผู้บริหาร
(………………………………………)

บตั รภาพ



ดวงอาทิตย์
ดวงอาทิตย์

บตั รภาพ 

ดวงจันทร์
ดวงจนั ทร์

โรงเรยี นขจรเกียรติพัฒนา สปั ดาหท์ ่ี …18…

แผนการจดั การเรยี นรู้

ภาคเรยี นที่ 2/……….. ช่ือผูส้ อน………………………………………….
กลมุ่ สาระ วทิ ยาศาสตร์ ชั้น ประถมศึกษาปีท่ี 1 จำนวน 4 คาบ
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 4 หินและทอ้ งฟ้า เร่ือง ท้องฟ้าในเวลากลางคืน

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชว้ี ัด

มาตรฐานที่ ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลกั ษณะ กระบวนการเกดิ และววิ ัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาว
ฤกษ์ และระบบสรุ ิยะ รวมท้ังปฏสิ มั พันธภ์ ายในระบบสรุ ิยะท่ีสง่ ผลตอ่ สิง่ มีชวี ิตและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอวกาศ

มาตรฐานที่ ว 8.2 เขา้ ใจและใชแ้ นวคดิ เชิงคำนวณในการแก้ปัญหาทีพ่ บในชีวติ จริงอย่างเปน็ ขน้ั ตอนและ
เป็นระบบใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สารในการเรยี นรู้ การทำงาน และการแกป้ ญั หาไดอ้ ย่างมีประสทิ ธภิ าพ
ร้เู ท่าทัน และมจี ริยธรรม

ตัวชวี้ ัดท่ี ป.1/1 ระบดุ าวท่ีปรากฏบนท้องฟา้ ในเวลากลางวนั และกลางคืนจากขอ้ มูลทีร่ วบรวมได้

2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด

ในเวลากลางวนั ท้องฟา้ ได้รับแสงจากดวงอาทติ ย์ ทอ้ งฟา้ จึงมีความสว่าง สว่ นในเวลากลางคืนทอ้ งฟา้ จะมืด
เนือ่ งจากไมไ่ ดร้ ับแสงจากดวงอาทิตย์ และในเวลากลางคนื เราสามารถมองเหน็ ดวงจนั ทร์และดาวได้เกอื บทุกคนื

3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้

1) สังเกตและระบุดาวท่ปี รากฏบนท้องฟ้าในเวลากลางคนื ได้ (K)
2) เปรยี บเทียบทอ้ งฟา้ ในเวลากลางวันและเวลากลางคนื ได้ (K)
3) วาดภาพทอ้ งฟ้าในเวลากลางคืนได้ (P)
4) เขียนแผนภาพหรือสรา้ งช้ินงานแบบจำลองทอ้ งฟ้าในเวลากลางคืนได้ (P)
5) มคี วามสนใจใฝ่เรยี นรู้ (A)

4.สาระการเรียนรู้

สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง สาระการเรียนรทู้ ้องถน่ิ
ดาวที่ปรากฏบนท้องฟ้าในเวลากลางคนื พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศึกษา

5.กจิ กรรมการเรียนรู้ คาบที่ 1
ขน้ั นำ

ขั้นกระต้นุ ความสนใจ (Engage)

1. ครูเขยี นเน้ือเพลง ดวงจันทร์ ไว้บนกระดาน

เพลง ดวงจันทร์

ดวงจนั ทรท์ อแสงนวลใย สกุ ใสอยู่ในท้องฟ้า

เราเห็นดวงจันทรา แสงพราวตาเวลาคำ่ คนื

ทีม่ า : เพลงอนุบาลเดก็ เลก็ -ชดุ ลูกสัตว์
2. ครูร้องเพลงดวงจันทร์ ให้นักเรยี นฟงั 2-3 รอบ พรอ้ มใหน้ กั เรยี นชว่ ยกนั ปรบมอื ใหจ้ ังหวะ
จากนนั้ ครถู ามนักเรยี นว่า ในเนื้อเพลงพดู ถึงดาวดวงใด (แนวตอบ : ดวงจันทร์) แลว้ เราจะสามารถ

ขน้ั สอนเห็นดวงจันทร์ได้ในเวลาใด (แนวตอบ : เวลากลางคนื )

ขัน้ สำรวจค้นหา (Explore)
1. ครูใช้รูปแบบการเรยี นรู้แบบร่วมมอื เทคนคิ เพื่อนคู่คดิ โดยใหน้ ักเรยี นจบั คกู่ นั แล้วทำกิจกรรม

เรือ่ งสงั เกตทอ้ งฟ้าเวลากลางคืน จากหนังสอื เรียนวทิ ยาศาสตร์โดยปฏบิ ตั กิ ิจกรรม ดังน้ี
1) ให้นักเรียนแต่ละคนไปสงั เกตทอ้ งฟ้าในเวลากลางคืน จากชว่ั โมงท่ีแล้ว
2) บันทึกขอ้ มูลจากการสังเกตลงในแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์ พร้อมตกแตง่ ให้สวยงาม ครอู าจให้เวลา

นกั เรียนในการบันทึกข้อมูลให้สมบรู ณอ์ กี 5-10 นาที
(หมายเหตุ : ครูเร่ิมประเมนิ นกั เรียน โดยใชแ้ บบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกล่มุ )

คาบท่ี 2

1.ให้นกั เรยี นจับค่กู ันแลว้ น้ำขอ้ มูลทีไ่ ด้จากการสังเกตมารว่ มกนั อภิปรายและสรุปผลเกย่ี วกับการ

สังเกตท้องฟ้าในเวลากลางคนื

ขน้ัลงสใอนกน2ร.ะจดากานษน้ัแขนง็ำข้อโดมยูลคมราูกเขำหยี นนเดปเวน็ ลแาผในนภกาาพรสหรรา้ ืองสแรบ้าบงจชำิ้นลงอางนคเพู่ละื่อจำ3ล0องนลาักทษี ณแะลทะอ้ เตงฟรยีา้ มในตเัววเลพาือ่ กนลำาเงสคนืนอ

ชน้ิ งานในชัว่ โมงถัดไป คาบที่ 3

ข้นั อธิบายความรู้ (Expain)
1. ครูให้นักเรียนจับคกู่ ันเหมือนเดิมในชัว่ โมงท่ีแล้ว แล้วเตรยี มตัวเพอ่ื นำเสนอแบบจำลองลักษณะ

ทอ้ งฟ้าในชว่ งเวลากลางคืน
2. ครูสมุ่ เรียกนกั เรียน 4-5 คู่ ให้ออกมานำเสนอแบบจำลองลักษณะท้องฟ้าในเวลากลางคืน โดยให้แต่

ละคู่ใช้เวลาในการนำเสนอคู่ละ 4-5 นาที
(หมายเหตุ : ครูเรมิ่ ประเมนิ นกั เรยี นโดยการใช้แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ )
3. ครแู ละนักเรียนร่วมกนั อภปิ รายและแสดงความคิดเหน็ ภายในชั้นเรียนเกยี่ วกบั ความ แตกตา่ งของ
ท้องฟา้ กลางวันกับทอ้ งฟ้าเวลากลางคืน
4. ครูให้นกั เรียนทำกิจกรรมหนตู อบได้ จากหนังสือเรยี นวิทยาศาสตร์ลงในแบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์แล้วครู
จะทำการสุ่มเรียกนักเรียนให้ออกมาเฉลยคำตอบใหเ้ พ่ือน ๆ คนอน่ื ฟงั
5. เมือ่ นกั เรียนทำกิจกรรมหนูตอบได้เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรยี กนกั เรียน2 คน ให้ออกมาเฉลยคำตอบของ
ข้อ 1. และขอ้ 2. โดยครูคอยเสริมหรอื แก้ไขในส่วนทบี่ กพรอ่ ง
6. ครูสมุ่ เรยี กนักเรียนอกี 2 คนใหอ้ อกมาเฉลยข้อ 3. โดยทงั้ 2 คนต้องตอบไม่เหมือนกนั หลังจากทนี่ ักเรียน
ทัง้ 2 คน โดยครูคอยเสริมหรือแกไ้ ขในสว่ นที่บกพร่อง พร้อมกบั อธิบายเพิ่มเติมในสว่ นของคำตอบข้อ 3. เพื่อให้
นักเรยี นเกดิ ความเข้าใจมากยิง่ ขึ้น

คาบท่ี 4

ขน้ั สรปุ

ขัน้ ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)

1. ครทู บทวนเกีย่ วกับเรอื่ งดาวท่ปี รากฏบนทอ้ งฟ้าในเวลากลางวนั ใหน้ ักเรยี นเข้าใจอกี รอบ
2. ครูใหน้ ักเรียนแบ่งกล่มุ กลมุ่ ละ 3-4 คน แลว้ ให้แต่ละกล่มุ เปิดหนงั สอื เรยี นวิทยาศาสตร์เพ่ือทำ
กจิ กรรมคำถามท้าทายการคิดขน้ั สงู

(หมายเหตุ : ครูเรมิ่ ประเมนิ นักเรยี นโดยการใช้แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุม่ )
3. โดยให้แต่ละกล่มุ สบื คน้ ข้อมูลจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ เช่น อินเทอร์เนต็ หนงั สือเรียน เป็นต้น เพื่อ
ตอบคำถามว่า หากดวงจนั ทรไ์ ม่ได้รับแสงสวา่ งจากดวงอาทิตย์จะส่งผลต่อโลกของเราอย่างไร แล้วบันทึก
ขอ้ มูลโดยให้แต่ละกลุ่มใช้เวลาในการสบื คน้ กลุ่มละ 20 นาที
4. จากน้ันใหแ้ ต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายและสรุปขอ้ มูลทไ่ี ด้จากการสบื คน้ เพ่ือเตรยี มตัว นำเสนอ
ข้อมูลหน้าชน้ั เรียน
5. ครูสุ่มเรียกนักเรยี นมา 2-3 กลุม่ ใหอ้ อกมานำเสนอหน้าชัน้ เรียน
6. จากนั้นครูอธบิ ายเพม่ิ เติมใหน้ กั เรียนเข้าใจวา่ การเรยี นรเู้ ก่ียวกบั ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาว
มีความจำเป็นเนือ่ งจากดวงดาวเหลา่ นี้ มีความสมั พนั ธ์กับการเกดิ ปรากฏการณ์ตา่ งๆ บนโลก เราจึงควร
เรียนรแู้ ละควรทำความเข้าใจเพ่ือให้สามารถนำไปใชป้ ระโยชนใ์ นการดำเนินชวี ติ ได้

7. นักเรยี นทำกจิ กรรมคำถามท้าทายการคิดขั้นสูงในแบบฝึกหัดวทิ ยาศาสตร์แล้วนำมาส่งในช่ัวโมงถัดไป

ขน้ั ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. นกั เรยี นรว่ มกนั สรุปเรือ่ งการสังเกตท้องฟ้าในเวลากลางคนื
2. ครูประเมนิ ผลนกั เรียน โดยการสังเกตพฤติกรรมการทำงานรายบคุ คล พฤตกิ รรมการทำงานกลุม่

และการออกมานำเสนอผลการทำกจิ กรรมหน้าชั้นเรยี น
3. ครูตรวจสอบผลการทำกิจกรรมเรอ่ื งสงั เกตท้องฟา้ เวลากลางคนื ในสมุดประจำตัวนักเรยี นหรอื

แบบฝึกหัดวิทยาศาสตร์
4. ครูตรวจสอบผลการทำกจิ กรรมหนูตอบไดจ้ ากสมดุ ประจำตัวนักเรียนหรือแบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์

6. การวัดและประเมนิ ผล วธิ กี ารวัดผล เครื่องมอื วัด เกณฑ์การ
ประเมินผล
การวดั และประเมนิ ผล 60% ขึ้นไป ถือว่า
จุดประสงค์ ผา่ นเกณฑ์การ
ประเมนิ
ความรู้ความ 1. สงั เกตและระบุดาวที่ปรากฏบน 1.คำถามกระตุ้น
เข้าใจ (K) 60% ขึ้นไป ถือว่า
ท้องฟา้ ในเวลากลางคนื ได้ ความคิด ผา่ นเกณฑ์การ
ทักษะ/ ประเมิน
กระบวนการ (P) 2.เปรยี บเทียบทอ้ งฟ้าในเวลา
60% ข้นึ ไป ถือว่า
คณุ ลกั ษณะนสิ ยั (A) กลางวันและเวลากลางคืนได้ ผา่ นเกณฑ์การ
ประเมนิ
1.วาดภาพท้องฟา้ ในเวลากลางคืน 1. ใบงาน
7.
ได้

2. เขยี นแผนภาพหรือสร้างชิน้ งาน

แบบจำลองท้องฟา้ ในเวลากลางคนื

ได้

1.รับผดิ ชอบตอ่ หน้าท่ที ่ไี ดร้ บั 1. แบบสงั เกต

มอบหมาย พฤตกิ รรม

2.สงั เกตความมีวนิ ัย ใฝ่เรียนรู้ 2. แบบประเมิน

และม่งุ มั่นในการทำงาน คณุ ลักษณะอันพงึ

ประสงค์

ส่ือ/แหลง่ การเรยี นรู้

7.1 สือ่ การเรียนรู้
1) หนงั สอื เรียนวิทยาศาสตร์ ป.1 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 4 หนิ และท้องฟ้า
2) แบบฝกึ หดั วิทยาศาสตร์ ป.1 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 4 หินและทอ้ งฟา้

3) วสั ด-ุ อปุ กรณ์การทดลองในกิจกรรม เชน่ กระดาษแข็ง สไี ม้ เป็นต้น
7.2 แหล่งการเรียนรู้

1) ห้องสมุด
2) ห้องเรียน
3) อินเทอร์เน็ต

8. กจิ กรรมเสนอแนะ
…………………………………………………………………………………………………………………………………...
…………………………………………………………………………………………………………………………………...
…………………………………………………………………………………………………………………………………...

ลงชอ่ื ...............................................ผู้สอน ลงช่ือ....................................ฝา่ ยวิชาการ
(………………………………………) (………………………………………)

ลงชือ่ ....................................................ผู้บริหาร
(………………………………………)

โรงเรียนขจรเกยี รติพัฒนา สัปดาห์ท่ี …19…

แผนการจดั การเรยี นรู้

ภาคเรยี นที่ 2/………… ช่ือผสู้ อน………………………………………….
กลุม่ สาระ วิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 1 จำนวน 4 คาบ
หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 4 หนิ และทอ้ งฟ้า เรื่อง ดาวบนท้องฟา้

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วัด

มาตรฐานท่ี ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลกั ษณะ กระบวนการเกิด และววิ ัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาว
ฤกษแ์ ละระบบสรุ ิยะ รวมทงั้ ปฏิสัมพนั ธ์ภายในระบบสุรยิ ะทส่ี ง่ ผลตอ่ ส่ิงมีชีวิตและการประยกุ ตใ์ ช้เทคโนโลยอี วกาศ

มาตรฐานท่ี ว 8.2 เข้าใจและใชแ้ นวคดิ เชงิ คำนวณในการแกป้ ญั หาท่ีพบในชวี ิตจริงอย่างเปน็ ขั้นตอนและ
เปน็ ระบบใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่ือสารในการเรียนรู้ การทำงานและการแกป้ ัญหาได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ รูเ้ ทา่
ทนั และมีจริยธรรม

ตัวชีว้ ัดที่ ป.1/1 ระบดุ าวที่ปรากฏบนท้องฟ้าในเวลากลางวนั และกลางคืนจากข้อมลู ท่รี วบรวมได้
ตัวชีว้ ดั ที่ ป. 1/2 อธิบายสาเหตุท่มี องไมเ่ ห็นดาวสว่ นใหญใ่ นเวลากลางวันจากหลักฐานเชิงประจกั ษ์

2.สาระสำคัญ /ความคิดรวบยอด

ในเวลากลางวนั เราไม่สามารถมองเหน็ ดาวไดเ้ นื่องจากแสงของดวงอาทิตย์สวา่ งกวา่ จงึ กลบแสงของดาว ส่วน
ในเวลากลางคนื จะมองเหน็ ดาวและมองเห็นดวงจนั ทร์เกอื บทกุ คนื


Click to View FlipBook Version