The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ปกรายงานผลการใช้เกมกลางแจ้ง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by puy1818, 2021-12-16 01:59:54

งานวิจัย

ปกรายงานผลการใช้เกมกลางแจ้ง

ชอื่ งานวิจยั ผลการใชเ้ กมกลางแจง้ เพ่ือพฒั นากลา้ มเนือ้ ใหญข่ องเดก็ ปฐมวยั ช้นั อนุบาลปีที่ 3
ผู้วิจัย นางนนั ทพร ทองอยยู่ ง
ปกี ารศกึ ษา 2562

บทคัดยอ่

การศึกษาในคร้ังนี้ มีวตั ถปุ ระสงค์เพือ่ เพอ่ื พฒั นากลา้ มเนื้อใหญ่ของเด็กปฐมวยั โดยใช้

เกมกลางแจง้ และเปรยี บเทยี บผลพฒั นากลา้ มเน้ือใหญ่ก่อนและหลังการใชเ้ กมกลางแจ้งเพ่อื พฒั นา
กลา้ มเน้อื ใหญข่ องเด็กปฐมวยั ชนั้ อนบุ าลปีท่ี 3 กลมุ่ เปา้ หมายท่ใี ช้ในการศกึ ษา คอื เดก็ ปฐมวัยทีม่ ี
อายุระหว่าง 5 - 6 ปี ท่ีกำลงั ศึกษาอยู่ช้ันอนุบาลปที ี่ 3/1 ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2562 โรงเรียน
อนุบาลสระบรุ ี จำนวน 31 คน ชาย 15 คน หญงิ 16 คน โดยวธิ ีการเลอื กแบบเจาะจง (purposive
sampling) สถติ ิทใ่ี ช้ในการวเิ คราะห์ข้อมูล ไดแ้ ก่ ค่ารอ้ ยละ คา่ เฉลี่ย ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน และ
การทดสอบคา่ ที

ผลการวิจัยปรากฏว่า ผลพัฒนากล้ามเนื้อใหญ่ของเด็กปฐมวัย ชั้นอนุบาลปีที่ 3 โดยรวม
และรายสภาพท่ีพงึ ประสงค์ ไดแ้ ก่ สภาพทพี่ ึงประสงค์ 2.1.1 เดนิ ต่อเทา้ ถอยหลงั เปน็ เส้นตรงได้โดยไม่
ตอ้ งกางแขน สภาพทพ่ี ึงประสงค์ 2.1.2 กระโดดขาเดียวไปขา้ งหน้าไดอ้ ยา่ งต่อเนอื่ งโดยไมเ่ สยี การทรง
ตวั สภาพท่ีพงึ ประสงค์ 2.1.3 วิ่งหลบหลกี สิ่งกีดขวางไดอ้ ยา่ งคล่องแคลว่ สภาพท่พี ึงประสงค์ 2.1.4
รับลูกบอลที่กระดอนขึ้นจากพื้นได้ พบว่า ผลพัฒนากล้ามเนื้อใหญ่ของเด็กปฐมวัยหลังการใช้เกม
กลางแจ้งสูงกว่ากอ่ นการใช้เกมกลางแจง้ อย่างมีนัยสำคญั ทางสถิติทรี่ ะดับ .05

กติ ติกรรมประกาศ

การศึกษาฉบบั นส้ี ำเร็จลลุ ่วงไปได้ด้วยดี เพราะได้รบั ความกรุณายิง่ จาก ผอู้ ำนวยการโรงเรียน
อนุบาลสระบุรี และคณะครูปฐมวัยโรงเรียนอนุบาลสระบุรีทุกท่านท่ีให้การสนับสนุน ให้คำปรึกษา
เกี่ยวกับงานวจิ ัย และให้กำลังใจในการทำการศึกษาครัง้ นี้ ผู้รายงานรู้สึกซาบซึง้ ในความกรุณา และ
ขอขอบพระคุณทกุ ท่านเป็นอยา่ งสูงไว้ ณ ทน่ี ี้

ผู้รายงานขอขอบพระคุณผู้เชี่ยวชาญทุกท่านที่ได้กรุณาตรวจสอบเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
เพื่อเปน็ ประโยชนใ์ นการทำวจิ ยั ใหส้ มบูรณม์ ากยิง่ ข้นึ

ขอกราบขอบพระคุณ คณะครูปฐมวัยโรงเรียนที่ตอบรับการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการ
ท้ายสุดนี้ประโยชน์และคุณค่า อันพึงมีจากการศึกษาฉบับนี้ ผู้รายงานขอมอบเป็นเครื่องบูชาแด่
พระคุณบิดา มารดา และครู อาจารย์ ในทุกระดับการศึกษาของผู้รายงานที่ได้ร่วมกันประสิทธ์ิ
ประสาทความรู้แกผ่ รู้ ายงานวางรากฐานสำคญั ที่ทำใหผ้ ู้รายงานประสบความสำเรจ็

นนั ทพร ทองอย่ยู ง

สารบญั

หนา้

บทคดั ยอ่ ................................................................................................................................... ก
กิตตกิ รรมประกาศ.................................................................................................................... ข
สารบัญ...................................................................................................................................... ค
สารบญั ตาราง........................................................................................................................... จ
สารบญั ภาพ.............................................................................................................................. ช
บทที่ 1 บทนำ.......................................................................................................................... 1

1.1. ความเปน็ มาและความสำคัญของปัญหา............................................................... 1
1.2. วัตถุประสงคข์ องการศึกษา................................................................................... 5

1.3. ขอบเขตของการศกึ ษา.......................................................................................... 5
1.4. สมมติฐานการศกึ ษา.............................................................................................. 6
1.5. นิยามศพั ทเ์ ฉพาะ.................................................................................................. 6
1.6. ประโยชน์ทีค่ าดวา่ จะได้รับ.................................................................................... 7
1.7. กรอบแนวคดิ ในการศกึ ษา..................................................................................... 7
บทที่ 2 เอกสารและงานวิจยั ท่เี ก่ียวขอ้ ง................................................................................. 8
2.1. หลักสตู รการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560....................................................... 8
2.2. เอกสารและงานวจิ ยั ทเ่ี กี่ยวข้องกบั เกมกลางแจง้ ................................................... 30
2.3. เอกสารและงานวจิ ัยท่ีเกี่ยวข้องกับกล้ามเนื้อใหญ่................................................. 40
2.4. งานวจิ ยั ท่ีเกี่ยวขอ้ ง............................................................................................... 45
บทท่ี 3 วธิ ดี ำเนินการศกึ ษา.................................................................................................... 47
3.1. กลุ่มเป้าหมายทใี่ ชใ้ นการศึกษา............................................................................. 47
3.2. ตวั แปรทีศ่ กึ ษา....................................................................................................... 47
3.3. เคร่อื งมอื ท่ใี ชใ้ นการศกึ ษา..................................................................................... 47
3.4. วธิ ดี ำเนินการศึกษาและเกบ็ รวบรวมข้อมูล............................................................ 56
3.5. การวเิ คราะห์ขอ้ มูลและสถิติที่ใช้ในการวิเคราะหข์ ้อมูล......................................... 57
บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล................................................................................................ 60
4.1. การนำเสนอผลการวิเคราะห์ขอ้ มูล........................................................................ 60
4.2. ผลการวิเคราะห์ขอ้ มูล........................................................................................... 61

สารบัญ (ตอ่ )

หน้า

บทที่ 5 สรปุ ผล อภิปรายผล และขอ้ เสนอแนะ...................................................................... 69
5.1 วัตถปุ ระสงคข์ องการศึกษา..................................................................................... 69
5.2 สรุปผลการศกึ ษา.................................................................................................... 69
5.3 อภปิ รายผล............................................................................................................ 70
5.4 ขอ้ เสนอแนะ........................................................................................................... 75

บรรณานกุ รม............................................................................................................................ 77
ภาคผนวก................................................................................................................................. 79

ภาคผนวก ก รายชอ่ื ผ้เู ชยี่ วชาญตรวจสอบเคร่อื งมือ.......................................................... 80
ภาคผนวก ข ผลการวเิ คราะห์ขอ้ มลู .................................................................................. 92
แบบประเมนิ เครื่องมอื ที่ใชใ้ นการศกึ ษาของผ้เู ช่ยี วชาญ
ภาคผนวก ค ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มลู .................................................................................. 108
การศกึ ษาผลการใชเ้ กมกลางแจ้งเพอ่ื พัฒนากลา้ มเนอื้ ใหญข่ องเด็กปฐมวยั
ช้นั อนุบาลปีที่ 3
ภาคผนวก ง...................................................................................................................... 125
คมู่ อื และเกมกลางแจ้งเพ่ือพัฒนากลา้ มเน้อื ใหญข่ องเดก็ ปฐมวยั ............................................ 126
ชนั้ อนบุ าลปีที่ 3
ตวั อย่างแผนการจดั ประสบการณ์ กจิ กรรมกลางแจ้ง.............................................................. 148
ภาคผนวก จ การเผยแพรผ่ ลงานทางวชิ าการ.................................................................... 172

สารบญั ตาราง

หนา้

ตารางท่ี 4.1 ค่ารอ้ ยละของจำนวนเดก็ ปฐมวยั ช้ันอนบุ าลปที ่ี 3.................................. 61
ทม่ี ผี ลพฒั นากลา้ มเนอ้ื ใหญร่ ะดบั 3 ตามสภาพท่ีพงึ ประสงค์ 2.1.1
เดนิ ต่อเทา้ ถอยลงเปน็ เสน้ ตรงได้โดยไมต่ อ้ งกางแขน ฯ
ตารางท่ี 4.2 จำนวนและรอ้ ยละของเด็กปฐมวยั ชั้นอนบุ าลปที ี่ 3................................ 62
ทม่ี ีผลพัฒนากล้ามเนือ้ ใหญร่ ะดบั 3 ตามสภาพที่พึงประสงค์ 2.1.2
กระโดดขาเดยี วไปขา้ งหน้าไดอ้ ย่างตอ่ เนอ่ื งโดยไมเ่ สียการทรงตวั ฯ
ตารางที่ 4.3 จำนวนและรอ้ ยละของเดก็ ปฐมวัย ชั้นอนบุ าลปีท่ี 3................................ 63
ท่ีมผี ลพฒั นากล้ามเนื้อใหญ่ระดับ 3 ตามสภาพที่พงึ ประสงค์ 2.1.3
วง่ิ หลบหลกี สิง่ กีดขวาง ฯ
ตารางท่ี 4.4 จำนวนและร้อยละของเดก็ ปฐมวัย ชั้นอนบุ าลปที ่ี 3................................ 65
ทมี่ ผี ลพฒั นากลา้ มเนอื้ ใหญ่ระดบั 3 ตามสภาพท่ีพึงประสงค์ 2.1.4
รับลูกบอลที่กระดอนขึน้ จากพืน้ ได้ ฯ
ตารางท่ี 4.6 เปรียบเทยี บคา่ ร้อยละของจำนวนเด็กปฐมวยั ชน้ั อนบุ าลปีท่ี 3............... 67
ท่มี ผี ลพฒั นาล้ามเนื้อใหญ่ ระดับ 3 ฯ
ตารางที่ 4.7 ค่าเฉลย่ี ส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐาน และค่า t-test...................................... 68
ของการเปรยี บเทยี บคะแนนกอ่ น การใช้เกมกลางแจง้
และหลังการใชเ้ กมกลางแจง้ ฯ โดยรวม 4 สภาพท่พี งึ ประสงค์
ตารางท่ี 5 ค่าเฉล่ียและค่าเบ่ียงเบนมาตรฐานของคะแนนผลพัฒนา........................... 109
กลา้ มเนอื้ ใหญข่ องเด็กฯ ตามสภาพท่ีพึงประสงค์ 2.1.1เดินต่อเท้าถอยหลงั
เป็นเสน้ ตรงได้โดยไม่ต้องกางแขน ฯ
ตารางที่ 6 ค่าเฉลีย่ และค่าเบีย่ งเบนมาตรฐานของคะแนนผลพัฒนา........................... 110
กล้ามเนอ้ื ใหญข่ องเด็กปฐมวยั ฯ ตามสภาพทพ่ี งึ ประสงค์ 2.1.2
กระโดดขาเดยี วไปข้างหนา้ ได้อยา่ งต่อเน่อื งโดยไมเ่ สยี การทรงตัว ฯ
ตารางที่ 7 ค่าเฉลย่ี และค่าเบย่ี งเบนมาตรฐานของคะแนนผลพัฒนา........................... 111
กล้ามเนอ้ื ใหญ่ของเด็กปฐมวัย ฯ ตามสภาพท่พี งึ ประสงค์ 2.1.3
ว่งิ หลบหลกี ส่งิ กีดขวางได้อย่างคล่องแคล่ว ฯ

สารบัญตาราง (ต่อ)

หน้า

ตารางที่ 8 ค่าเฉลยี่ และค่าเบยี่ งเบนมาตรฐานของคะแนนผลพัฒนา........................... 112
กล้ามเนอื้ ใหญ่ของเดก็ ปฐมวัย ฯ ตามสภาพทพ่ี ึงประสงค์ 2.1.4 ฯ
ตารางท่ี 9 เปรียบเทยี บผลพฒั นากล้ามเนอื้ ใหญ่กอ่ นและหลัง..................................... 113
การใช้เกม ฯ ตามสภาพทพ่ี ึงประสงค์ 2.1.1 ฯ เป็นรายบุคคล
ตารางท่ี 10 เปรียบเทยี บผลพฒั นากล้ามเนื้อใหญ่กอ่ นและหลัง................................... 115
การใชเ้ กมกลางแจ้ง ฯ ตามสภาพท่พี ึงประสงค์ 2.1.2 ฯ เป็นรายบุคคล
ตารางที่ 11 เปรียบเทยี บผลพฒั นากลา้ มเน้ือใหญ่กอ่ นและหลัง................................... 117
การใช้เกม ฯ ตามสภาพท่ีพงึ ประสงค์ 2.1.3 ฯ เป็นรายบคุ คล
ตารางท่ี 12 เปรยี บเทยี บผลพฒั นากล้ามเนื้อใหญ่ก่อนและหลงั ................................... 119
การใช้เกม ฯ ตามสภาพที่พงึ ประสงค์ 2.1.4 ฯ เป็นรายบุคคล
ตารางท่ี 13 เปรยี บเทียบผลพัฒนากลา้ มเนอื้ ใหญ่กอ่ นและหลงั ................................... 121
การใช้เกม ฯ โดยรวม 4 สภาพที่พึงประสงค์รายบคุ คล
ตารางท่ี 14 เปรยี บเทียบผลพัฒนากล้ามเนอื้ ใหญ่กอ่ นและหลงั ................................... 123
การใช้เกม ฯ โดยรวมและรายสภาพทพ่ี ึงประสงค์

สารบญั ภาพ

หน้า

กรอบแนวคดิ ในการศึกษา............................................................................................ 7
แผนการศกึ ษา.............................................................................................................. 56
กราฟที่ 4.1 ค่าร้อยละของจำนวนเด็กทม่ี ีผลพฒั นากล้ามเน้อื ใหญ่ ระดบั 3................. 61
ตามสภาพทพ่ี ึงประสงค์ 2.1.1
กราฟท่ี 4.2 ค่ารอ้ ยละของจำนวนเด็กท่มี ีผลพัฒนากล้ามเนอ้ื ใหญ่ ระดับ 3................. 63
ตามสภาพท่พี ึงประสงค์ 2.1.2
กราฟที่ 4.3 คา่ ร้อยละของจำนวนเด็กท่มี ีผลพัฒนากลา้ มเนือ้ ใหญ่ ระดับ 3................. 64
ตามสภาพทพ่ี งึ ประสงค์ 2.1.3
กราฟท่ี 4.4 ค่าร้อยละของจำนวนเดก็ ท่ีมีผลพัฒนากลา้ มเนอ้ื ใหญ่ ระดบั 3................. 65
ตามสภาพท่พี งึ ประสงค์ 2.1.4
กราฟท่ี 4.5 แสดงค่ารอ้ ยละของจำนวนเด็กปฐมวัย ชน้ั อนุบาลปีท่ี 3 ......................... 66
ทีม่ ีผลพฒั นากลา้ มเนือ้ ใหญ่ ระดับ 3 โดยรวม 4 สภาพท่พี ึงประสงค์ก่อน ระหว่าง
และหลงั การจดั ประสบการณ์กจิ กรรม กลางแจง้ โดยใช้เกมกลางแจง้ เพอ่ื พฒั นา
กล้ามเน้อื ใหญ่
กราฟท่ี 4.6 เปรยี บเทยี บค่ารอ้ ยละของจำนวนเด็กปฐมวยั ช้ันอนุบาลปีท่ี 3................ 67
ทม่ี ผี ลพัฒนากลา้ มเนอ้ื ใหญ่ ระดบั 3 รวม 4 สภาพท่พี ึงประสงค์ กอ่ นและหลงั
การจดั ประสบการณก์ จิ กรรมกลางแจง้ โดยใช้เกมกลางแจง้ เพอื่ พฒั นากล้ามเน้ือใหญ่

บทท่ี 1

บทนำ

1.1 ความเปน็ มาและความสำคญั ของปัญหา

จากสภาพสังคม และส่งิ แวดลอ้ มในยคุ ไรพ้ รมแดนของโลกปจั จุบัน มีสอื่ จำนวนมาก
ท่ดี งึ ดดู เวลา และความสนใจในการเรยี นรู้ของเด็กไปในทิศทางท่ไี ม่ถกู ตอ้ ง การท่ีพ่อแม่ ผปู้ กครองไม่
มเี วลาอบรมเล้ียงดู และไม่เขา้ ใจธรรมชาติของเด็กในวัยนี้ ทำให้เดก็ ขาดโอกาสในการพัฒนาอยา่ ง
ถกู ตอ้ งและเหมาะสม ซง่ึ ธรรมชาตขิ องเด็กในวัยน้ี เป็นวัยที่ไม่อยู่นิ่ง ชอบลองผดิ ลองถกู อยากรู้อยาก
เหน็ ดงั ท่ี พัชรี ผลโยธิน (2552, อา้ งถงึ ใน กณั ตภณ วิชยั ทา, 2558) กล่าวว่า เมอ่ื กลา่ วถงึ เด็กย่อม
หมายถงึ การเคลอ่ื นไหว โดยเฉพาะลกั ษณะธรรมชาตขิ องเดก็ ปฐมวัยตอ้ งการการเคลือ่ นไหวดว้ ยการ
ออกกำลังกาย การให้เดก็ ได้ออกกำลงั กายผา่ นการเลน่ กลางแจง้ น้ันเป็นการพัฒนาเดก็ ทางดา้ น
รา่ งกาย ซ่ึงชว่ ยให้เด็กเกิดประสบการณ์ความคิดรวบยอด อันเป็นกระบวนการนำไปสู่

การพฒั นาสติปัญญา อีกทงั้ การเคลอ่ื นไหวยงั ช่วยใหเ้ ด็กได้พฒั นาสมรรถภาพทางรา่ งกาย ซ่ึงมีผลต่อ
ความเช่ือมั่นในตนเอง เกิดการเรียนรู้ในการแก้ไขปัญหา เกดิ ทักษะการคิด ความคิดสร้างสรรค์ และมี
แนวโน้มจะเกิดคุณลักษณะที่ดีทางสงั คมอกี ดว้ ย ถ้าหากเดก็ ไดแ้ ต่กินๆ น่ังๆ แลว้ กน็ อน ร่างกาย
อาจจะไม่แขง็ แรงเทา่ ทคี่ วร หรอื มีการเจริญเตบิ โตชา้ โดยจะสงั เกตเหน็ ได้ชัดจากการเปลย่ี นแปลงที่
ปรากฏให้เหน็ ทางร่างกาย เชน่ ขนาด รูปร่างสัดส่วน โครงสรา้ งของกระดกู กล้ามเนือ้ และสมองซ่ึง
จะมีการเจรญิ เตบิ โต และมีพฒั นาการดา้ นทักษะชา้ กวา่ เดก็ ที่ไดอ้ อกกำลงั กาย และมกี ารเลน่

ในกจิ กรรมตา่ ง ๆ อยา่ งเหมาะสมกบั วัย เมอ่ื เดก็ ได้เลน่ หรอื ออกกำลงั กาย จะสง่ ผลใหจ้ ติ ใจร่าเริง
แจม่ ใส และมสี ุขภาพจติ ดตี ามไปดว้ ย (พิสนิ ี อมรกานต์, 2556)

หลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 ได้กำหนดจดุ หมายเพื่อใหเ้ กดิ กับเด็ก
คอื ร่างกายเจรญิ เติบโตตามวยั แข็งแรง และมีสุขนิสยั ท่ีดี สว่ นมาตรฐานคุณลักษณะทพ่ี งึ ประสงค์
สำหรบั เดก็ อายุ 3 - 6 ปี ทเี่ กยี่ วขอ้ งกับพฒั นาการทางด้านร่างกาย กำหนดไว้ 2 มาตรฐาน คอื
1) ร่างกายเจรญิ เตบิ โตตามวยั และมีสขุ นสิ ัยทด่ี ี 2) กลา้ มเนอ้ื ใหญ่และกล้ามเนื้อเล็กแขง็ แรง ใชไ้ ด้
อยา่ งคล่องแคล่วและประสานสัมพันธก์ ัน ซ่งึ จดุ หมายและมาตรฐานคณุ ลกั ษณะท่ีพงึ ประสงคท์ ัง้ 2 ข้อ
น้ี เดก็ ทกุ คนควรได้รบั การพฒั นาอย่างตอ่ เนอ่ื ง เพอ่ื เปน็ พนื้ ฐานอนั จะนำไปสูก่ ารพัฒนาในด้านอน่ื ๆ

สอดคลอ้ งกับปรชั ญาการศกึ ษาปฐมวยั ทวี่ ่าการศกึ ษาปฐมวัยเป็นการพฒั นาเดก็ ต้ังแต่แรกเกิดถงึ 6 ปี
บรบิ ูรณ์ อยา่ งเปน็ องคร์ วมบนพืน้ ฐานการอบรมเลยี้ งดู และการสง่ เสรมิ กระบวนการ

เรียนรู้ที่สนองต่อธรรมชาติ และพัฒนาการตามวยั ของเด็กแต่ละคนให้เต็มตามศักยภาพ ภายใตบ้ รบิ ท
สังคมและวัฒนธรรมท่เี ดก็ อาศัยอยู่ ดว้ ยความรัก ความเออ้ื อาทร และความเขา้ ใจของทุกคน เพ่ือ
สรา้ งรากฐานคุณภาพชวี ิตใหเ้ ด็กพัฒนาไปสู่ความเปน็ มนษุ ย์ที่สมบรู ณ์ เกิดคุณคา่ ตอ่ ตนเอง ครอบครัว
สังคม และประเทศชาติ นอกจากน้ี หลักสูตรยังไดก้ ำหนดประสบการณส์ ำคัญท่สี ่งเสรมิ พฒั นาการ
ทางด้านรา่ งกายเอาไว้ 5 ข้อ ได้แก่ 1) การใช้กล้ามเนือ้ ใหญ่ ประกอบด้วยการเคลื่อนไหวอยกู่ ับที่
การเคล่ือนไหวเคลอ่ื นที่ การเคลือ่ นไหวพรอ้ มวสั ดุอุปกรณ์ การเคลอ่ื นไหวทีใ่ ชก้ ารประสานสมั พนั ธ์
ของการใช้กลา้ มเนอ้ื ใหญ่ในการขว้าง การจบั การโยน การเตะ การเล่น เคร่อื งเล่นสนามอย่างอสิ ระ
2) การใชก้ ล้ามเนื้อเล็ก ประกอบดว้ ย การเล่นเครื่องเล่นสมั ผัสและการสร้างจากแท่งไมบ้ ลอ็ ก การ
เขียนภาพและการเลน่ กบั สี การปน้ั การประดษิ ฐ์ส่งิ ต่าง ๆ ดว้ ยเศษวัสดุ การหยิบจบั การใชก้ รรไกร
การฉีก การตดั การปะ และการรอ้ ยวสั ดุ 3) การรักษาสุขภาพอนามยั สว่ นตวั ประกอบด้วย การ
ปฏบิ ตั ิตนตามสขุ อนามัย สุขนิสัยที่ดีในกิจวตั รประจำวัน 4) การรกั ษา

ความปลอดภัย ประกอบด้วย การปฏิบตั ิตนให้ปลอดภัยในกิจวตั รประจาวัน การฟงั นิทาน เรื่องราว
เหตกุ ารณ์ เก่ียวกับการป้องกนั และรักษาความปลอดภัย การเลน่ เครือ่ งเล่นอย่างปลอดภยั การเล่น
บทบาทสมมติเหตุการณ์ตา่ งๆ และ 5) การตระหนักรูเ้ กี่ยวกับรา่ งกายตนเอง ประกอบดว้ ย

การเคลื่อนไหวโดยควบคุมตนเองไปในทิศทาง ระดบั และพน้ื ที่ กาเคล่อื นไหวขา้ มสิง่ กีดขวาง

จากท่ีกล่าวมาขา้ งตน้ แสดงใหเ้ ห็นวา่ หลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั พทุ ธศกั ราช 2560 มีจดุ มุง่ หมาย

ให้เด็กได้รับการพัฒนาทางดา้ นรา่ งกายอย่างเหมาะสมตามวัยเพ่ือเปน็ พื้นฐานในการพฒั นาด้านอน่ื ๆ
ต่อไป

ในช่วงอายุ 3-5 ปี เป็นชว่ งวยั ทม่ี ีความสำคญั ในการวางพืน้ ฐานชวี ิต เนือ่ งด้วยเปน็ วยั
กำลงั พัฒนาในทุกๆด้าน ในการเตรียมความพรอ้ มและการจดั ประสบการณ์ใหก้ บั เดก็ ในวัยน้ี ผู้ที่
เกย่ี วขอ้ งจำเปน็ ตอ้ งมีความรคู้ วามใจเกยี่ วกับพฒั นาการของเด็ก ซงึ่ สจุ นิ ดา ขจรรุ่งศลิ ป์ (2552, น.
7-6) ไดก้ ล่าวว่า เด็กแต่ละชว่ งอายมุ ีความแตกต่างกนั ทง้ั ทางด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สงั คม และ
สติปญั ญา แต่สงิ่ ทเ่ี หน็ ไดอ้ ยา่ งชดั เจนที่สดุ คือ ความแตกต่างทางดา้ นร่างกาย ซึ่งสามารถสังเกตได้
จากลกั ษณะทางกายโดยท่ัวไป ดงั ท่ี แทนเนอร์ (Tanner, 1978, p. 116, อ้างถึงใน สุจนิ ดา
ขจรร่งุ ศลิ ป์, 2552, น. 7-9) ได้กลา่ ววา่ “เนอ่ื งจากการเคล่ือนไหวสว่ นใหญ่ของร่างกายสกุ งอม

เป็นอนั ดับแรก ความสามารถในการเคล่อื นไหวของกล้ามเน้อื ใหญ่เกดิ ก่อนการเคลอื่ นไหวของ
กลา้ มเนอ้ื เล็ก และพฒั นาการของภาษา ดังนั้นการเลน่ ทางกายภาพจึงเป็นสง่ิ จำเปน็ สำหรับเดก็
นอกจากนี้ การพัฒนาด้านร่างกาย และอารมณจ์ ิตใจ และการเลน่ ทางกายภาพ ยงั เปน็ ประตูทางเข้า
ที่ตรงทสี่ ุด และเป็นพาหนะธรรมชาตทิ ่ใี ช้ในการส่งเสรมิ พฒั นาการดา้ นสตปิ ญั ญาของเดก็ ”
เช่นเดยี วกับที่ อารมณ์ สวุ รรณปาล (2552, น. 7-21) ไดก้ ล่าวไวว้ า่ พฒั นาการทางดา้ นรา่ งกาย

เปน็ พฒั นาการด้านหนงึ่ ทส่ี ำคญั ถ้าเดก็ มสี ุขภาพรา่ งกายดจี ะสง่ ผลให้พัฒนาการดา้ นสตปิ ัญญา
อารมณ์ จติ ใจ และสงั คมดีด้วย

การทเี่ ดก็ มีสุขภาพร่างกายแขง็ แรงสมบรู ณ์ มกี ารเจริญเตบิ โตตามวยั มีน้ำหนักส่วนสงู
ตามเกณฑม์ าตรฐาน ไม่มีโรคภยั ไขเ้ จ็บท่ีบนั่ ทอนสุขภาพนั้น จะนำไปสู่การเสริมสรา้ งพฒั นาการ
ในดา้ นอ่นื ๆ ท้งั ทางดา้ นอารมณ์ สงั คม และสติปัญญา ดังน้นั การเลน่ เพ่อื พฒั นากล้ามเนื้อใหญ่ จึงมี
ความสำคัญอย่างย่ิง การเคลื่อนไหวของท้งั รา่ งกาย หรือสว่ นใหญ่ของร่างกาย การทำงานของ
กล้ามเน้ือใหญส่ ่วนตา่ งๆ เช่น การคืบ คลาน กล้ิงหรือม้วนตวั กระโดด ขวา้ งปา ซ่งึ การเคล่อื นไหวของ
รา่ งกายจะครอบคลุมถงึ ความสมดุล ความว่องไว ความแข็งขัน ความกระฉบั กระเฉง การทำงาน
ประสานกัน การยดื หยุ่น ความแขง็ แกร่ง ความเร็ว และความทนทานของพัฒนาการกล้ามเนอ้ื ใหญ่
แมว้ า่ พัฒนาการของกล้ามเนอื้ ใหญจ่ ะมีขั้นตอนตอ่ เน่อื ง แตอ่ ัตราการพัฒนาแตกต่างกัน พฒั นาการ
ของกล้ามเนอ้ื ใหญจ่ ะพัฒนาก่อนกลา้ มเนอื้ เลก็ การพัฒนากล้ามเน้อื ใหญส่ ามารถกระทำได้

ถ้าผู้เกย่ี วขอ้ ง จัดกจิ กรรมส่งเสรมิ ให้เดก็ พฒั นาได้ถกู ทศิ ทาง กิจกรรมพัฒนากลา้ มเนือ้ ใหญ่จึงเป็น
กิจกรรมทมี่ ุง่ ใหเ้ ดก็ ได้พฒั นาความสามารถในการควบคมุ การเคล่ือนไหวกลา้ มเนือ้ แขน กล้ามเน้ือขา
การเคลอื่ นไหวของลำตวั และความ สามารถในการควบคมุ การเคล่อื นไหวของกล้ามเนื้อแขน ขา และ
ลำตัวอยา่ งประสานสัมพันธ์ ซ่ึงโดยธรรมชาตขิ องเดก็ ปฐมวยั จะมีความกระตอื รือร้น และชอบการ
เคล่อื นไหวมาก เดก็ จะชอบเล่นด้วยการใช้ส่วนตา่ ง ๆ ของร่างกาย เชน่ การวิ่ง การกระโดด

การม้วนตวั การไถล การควบม้า ปีนป่าย เล่นเครอื่ งเล่นสนาม และชอบเล่นกบั เพ่อื นเป็นกล่มุ ดังนัน้
กิจกรรมทสี่ ง่ เสรมิ การพัฒนากล้ามเนื้อใหญ่ให้กับเด็กในวัยน้ี ได้แก่ กจิ กรรมการเล่นกลางแจ้ง
กจิ กรรมการเลน่ การออกกำลังกาย และการเคล่ือนไหวรา่ งกาย ซง่ึ พัฒนาการและการเรียนรู้

ของเด็กปฐมวยั สว่ นใหญ่เปน็ ผลมาจากการเล่น

การส่งเสริมพฒั นาการด้านร่างกายของเด็กปฐมวยั ถอื เปน็ หน้าทสี่ ำคัญประการหนง่ึ ของ
ครู ทจ่ี ะต้องจัดประสบการณใ์ ห้เด็กปฐมวัยมพี ัฒนาทางด้านรา่ งกายที่แข็งแรง เม่อื ร่างกายแขง็ แรง

สมบรู ณ์แล้วพัฒนาการด้านอ่ืนๆจะสมบูรณต์ ามไปด้วย พฒั นาการทางดา้ นรา่ งกายประกอบด้วย
กลา้ มเน้ือใหญ่ สามารถประเมนิ ได้จากพฤตกิ รรม การยืน การเดิน การวิ่ง การกระโดด การโยน และ
การเตะลูกบอล (สำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ, 2541) เด็กท่มี พี ัฒนาการท้ัง
กล้ามเนือ้ ใหญ่สมบูรณ์ตามวยั สามารถเคลือ่ นไหวอย่างคล่องแคลว่ ชว่ ยตัวเอง

ในการบงั คบั และควบคมุ กล้ามเนอ้ื ได้หลาย ๆ อย่างเชน่ กระโดดข้าม เขยง่ ปลายเท้า ยนื ขาเดยี ว
เรยี นรกู้ ารออกกาลังกาย พัฒนาการทางกลา้ มเนื้อจงึ เป็นสิง่ สำคัญ และครคู วรส่งเสรมิ ใหน้ กั เรียน

มีพัฒนาการทางดา้ นร่างกายทดี่ ี การส่งเสรมิ พฒั นาด้านรา่ งกายน้ันสามารถกระทำไดห้ ลายกิจกรรม

เชน่ กิจกรรมการเล่นกลางแจง้ กิจกรรมการเคลือ่ นไหว เนื่องด้วยกิจกรรมดงั กล่าวสอดคลอ้ งกับ
พัฒนาและความสนใจของเดก็ เพราะทำให้เดก็ ได้เล่น การนำการเล่นในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อใหเ้ ดก็

ได้เรยี นรเู้ ปน็ กิจกรรมทีม่ ีคณุ คา่ และเหมาะสมกบั วยั ของเดก็

ทักษะกลา้ มเน้ือใหญใ่ นเดก็ ปฐมวัย เช่น การยนื เดิน วง่ิ ปนี ปา่ ย กล้งิ กระโดด โดย
การใช้แขน ขา เท้า และลำตวั ในการเคลอ่ื นไหวอยา่ งคลอ่ งแคล่ว จะทำให้เดก็ ปฐมวยั เรยี นรู้ ส่ิง
ตา่ งๆ รอบตัวไดด้ กี ว่าเด็กปฐมวยั ท่ีเคล่ือนไหวอย่างเชื่องช้า ดงั นน้ั ผูส้ อนจะตอ้ งเปิดโอกาส

ให้เด็กปฐมวัยได้ออกไปว่ิงเลน่ ออกกาลังกาย ไมใ่ ช่ใชเ้ วลาให้หมดไปกับการน่ังโตะ๊ เขยี นหนงั สือ หรือ
อา่ นหนงั สอื (สมศักดิ์ สินธุระเวชญ์, 2547 : 22)

การจดั กิจกรรมเพือ่ พฒั นาเดก็ ด้านร่างกายสามารถจัดได้อยา่ งหลากหลาย เชน่ การ
เล่นกลางแจ้ง (outdoor play) การเล่นในร่ม (indoor play) การออกกำลงั กาย (exercises) และ
การเคล่ือนไหวรา่ งกาย (physical movement) โดยทว่ั ไปแล้วการจดั กจิ กรรมในโรงเรยี น เพอื่
พัฒนาเด็กดา้ นร่างกายใหเ้ ด็กเล่นอสิ ระ และเล่นกับอปุ กรณ์ เช่น เลน่ ลกู บอล เลน่ เครื่องเลน่ ปีนปา่ ย
รวมไปถึงการเล่นเกมการละเล่นพื้นบา้ น ซึง่ ทีก่ ล่าวมาทัง้ หมดนลี้ ว้ นเป็นกจิ กรรมท่ีช่วยสง่ เสรมิ และ
พัฒนาด้านร่างกายของเด็กทง้ั ส้นิ

กิจกรรมเกมกลางแจ้ง เป็นกิจกรรมท่ีเนน้ ใหเ้ ด็กได้พฒั นากลา้ มเนอื้ ใหญ่เปน็ หลัก
เนอ่ื งจากเด็กได้เคล่ือนไหวร่างกายทุกสว่ นท้ังแขน ขา ลาตัว และการประสานสัมพันธ์

ในการเคลือ่ นไหวท่มี ปี ระสทิ ธภิ าพ ซึ่งในแต่ละวนั ครูจดั ให้เดก็ ได้เลน่ กลางแจง้ วนั ละประมาณ 40 –
60 นาที โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ การเลน่ เครื่องเลน่ สนามอยา่ งอิสระและการเล่นเกมพลศึกษา
สำหรบั การเล่นเคร่อื งเล่นสนาม ซึง่ ทางโรงเรยี นจดั ไวใ้ ห้ เชน่ ชงิ ช้า ม้าหมุน ราวไต่ โครงไต่

กระดานลื่น บ้านจำลอง บอ่ ทราย เปน็ ต้น เมือ่ เด็กได้เลน่ อปุ กรณเ์ ครื่องเลน่ เหล่าน้ี จะทำใหเ้ ดก็

ได้พฒั นาทง้ั กล้ามเนื้อแขน ขา และลำตวั สว่ นเกมพลศกึ ษาเป็นกจิ กรรมท่คี รูจัดให้กับเดก็ เพื่อพฒั นา
กล้ามเน้อื ใหญ่ ซ่ึงลักษณะของกิจกรรมเกมดังกลา่ วจะเนน้ การเลน่ ทมี่ ขี ้นั ตอนการเลน่ มีกฎ กตกิ า
ขอ้ ตกลง มกี ารแข่งขันแบบทมี เชน่ เกมการว่ิงเก็บของ เกมการโยนลกู บอลลงตะกรา้ เกมโยนลูกช่วง
เกมแข่งขนั การเดินทรงตัวบนกระดานทรงตวั เปน็ ต้น

จากท่กี ล่าวมาจะเห็นได้วา่ กิจกรรมต่างๆทไ่ี ดใ้ ช้ทักษะการเคลือ่ นไหวรา่ งกาย

ในลักษณะต่างๆ สามารถพัฒนากล้ามเนื้อใหญ่ของเดก็ ซงึ่ นำไปสู่การพัฒนาด้านอ่ืนๆต่อไป การจดั
กิจกรรมกลางแจ้งเพ่อื ตอบสนองการเคล่อื นไหวของเด็กผา่ นเกมที่หลากหลาย ทา้ ทายความสามารถ
เดก็ ไดค้ ิด ตัดสินใจ และลงมอื ปฏบิ ตั ิดว้ ยตนเอง กระตนุ้ เด็กใหไ้ ด้รบั ประสบการณท์ สี่ อดคลอ้ งกับ
ลักษณะธรรมชาตกิ ารเรยี นรู้ ซงึ่ จะชว่ ยใหพ้ ัฒนากล้ามเนื้อใหญ่ของเด็กแต่ละบุคคล ได้เคล่ือนไหว
อยา่ งเต็มศักยภาพ และจากผลการประเมนิ พัฒนาการของเดก็ ปฐมวัย ช้นั อนุบาลปีที่ 2/1 โรงเรยี น
อนุบาลสระบุรี ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2562 พบว่า ภาพรวมของพัฒนาการด้านร่างกาย

ดา้ นอารมณ์ จิตใจ ด้านสังคม และด้านสติปัญญา มีคะแนนเฉลี่ย ร้อยละ รอ้ ยละ 80.00, 97.50,
95.00 และ 87.50 ตามลำดบั (บัญชเี รยี กชอ่ื และสมดุ บันทกึ พัฒนาการนักเรยี น ตามหลักสตู ร
การศึกษาปฐมวยั พทุ ธศักราช 2560 อบ. 02) เม่ือพจิ ารณาจากคะแนนเฉลยี่ ผลการประเมนิ
พัฒนาการเป็นรายดา้ นแลว้ พบว่า พฒั นาการด้านร่างกายมีคะแนนเฉล่ียนอ้ ยทสี่ ดุ ด้วยเหตนุ ี้
ผรู้ ายงานจึงสนใจทจี่ ะศึกษาผลการใชเ้ กมกลางแจ้งเพื่อพฒั นากล้ามเน้ือใหญข่ องเดก็ ปฐมวัย

ชั้นอนุบาลปีที่ 3 โรงเรยี นอนุบาลสระบุรี เพอ่ื นำไปใช้ในการส่งเสรมิ พัฒนาการดา้ นรา่ งกาย และ
สามารถประเมินพัฒนากล้ามเนอ้ื ใหญต่ าม 4 สภาพท่ีพงึ ประสงค์ ตามหลักสูตรการศกึ ษาปฐมวยั
พุทธศักราช 2560 ในภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2562 ใหด้ ีขนึ้ ตอ่ ไปได้

1.2 วัตถุประสงค์ของการศกึ ษา

เพือ่ พฒั นากล้ามเน้ือใหญ่ของเด็กปฐมวยั โดยใช้เกมกลางแจง้ และเปรียบเทยี บผลพฒั นา

กลา้ มเนอ้ื ใหญ่กอ่ นและหลังการใชเ้ กมกลางแจง้ เพ่ือพฒั นากลา้ มเนื้อใหญข่ องเดก็ ปฐมวยั ชน้ั อนบุ าลปี
ที่ 3

1.3 ขอบเขตของการศกึ ษา

1.3.1 กลุม่ เป้าหมาย กลุ่มเป้าหมายท่ีใช้ในการศึกษา คือ เด็กปฐมวัยทม่ี อี ายรุ ะหวา่ ง 5 - 6
ปี ที่กำลังศกึ ษาอยชู่ ้นั อนบุ าลปีที่ 3/1 ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2562 โรงเรียนอนบุ าลสระบุรี
จำนวน 31 คน ชาย 15 คน หญิง 16 คน โดยวธิ ีการเลือกแบบเจาะจง (purposive sampling)

1.3.2 กิจกรรมที่ใช้ในการทดลอง ไดแ้ ก่ กจิ กรรมกลางแจง้

1.3.3 ระยะเวลาท่ีใชใ้ นการทดลอง ดำเนินการทดลองในภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2562
เปน็ เวลา 16 สปั ดาห์ สปั ดาห์ละ 5 วัน วันละประมาณ 45 นาที โดยวนั จันทร์ วันองั คาร วนั พุธ และ
วันพฤหัสบดี จะให้เดก็ เลน่ เกมกลางแจ้งเพอ่ื พฒั นากลา้ มเนื้อใหญ่ และวนั ศกุ ร์ จะดำเนินการประเมนิ
พัฒนาการตามสภาพท่ีพงึ ประสงค์ เพ่ือประเมินความกา้ วหนา้ ของเดก็

1.3.4 ตัวแปรท่ีศึกษา

ตวั แปรต้น คอื เกมกลางแจง้ จำนวน 80 เกม

ตัวแปรตาม คือ พัฒนากล้ามเน้ือใหญ่ ดว้ ยวิธีการวัดและประเมนิ ผลตามมาตรฐานที่
2 ตวั บง่ ชีท้ ี่ 1 มี 4 สภาพที่พงึ ประสงค์ คือ

1) สภาพทพ่ี งึ ประสงค์ 2.1.1 เดินตอ่ เท้าถอยหลังเปน็ เส้นตรงได้โดยไม่ต้องกาง
แขน

2) สภาพท่ีพึงประสงค์ 2.1.2 กระโดดขาเดียวไปข้างหนา้ ไดอ้ ย่างตอ่ เนื่องโดยไม่

เสียการทรงตัว

3) สภาพทีพ่ งึ ประสงค์ 2.1.3 วงิ่ หลบหลีก ส่ิงกีดขวางได้อย่างคล่องแคล่ว

4) สภาพทพี่ งึ ประสงค์ 2.1.4 รบั ลูกบอลท่ีกระดอนขนึ้ จากพ้นื ได้

1.4 สมมตฐิ านการศึกษา

เด็กปฐมวยั ช้นั อนุบาลปีที่ 3 โรงเรียนอนบุ าลสระบุรี ทไ่ี ด้ปฏิบตั ิกจิ กรรมกลางแจ้ง โดยใช้
เกมกลางแจง้ เพอ่ื พฒั นากล้ามเนื้อใหญข่ องเด็กปฐมวยั ช้นั อนุบาลปีท่ี 3 ทำใหก้ ล้ามเนื้อใหญ่มีการ
พัฒนาสงู ข้นึ หลังจากใช้เกมกลางแจ้ง

1.5 นยิ ามศัพท์เฉพาะ

1.5.1 เด็กปฐมวัย ชนั้ อนบุ าลปีที่ 3 หมายถึง เดก็ ชาย-หญิง ทมี่ ีอายุระหว่าง 5-6 ปี ศกึ ษา
อยใู่ นชน้ั อนบุ าลปีท่ี 3/1 ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศึกษา 2562 โรงเรยี นอนุบาลสระบรุ ี จำนวน 31 คน
ชาย 15 คน หญิง 16 คน

1.5.2 เกมกลางแจ้ง หมายถึง กิจกรรมที่เลน่ ในท่ีโลง่ แจ้ง มีบริเวณให้เด็กเลน่ อยา่ งอสิ ระ มี
อุปกรณ์ประกอบการเล่นเปน็ ของเลน่ และเครื่องเล่นสนาม หรือเปน็ เกมการละเล่นพน้ื บ้านที่ช่วยให้
เด็กได้พฒั นากล้ามเนอื้ ใหญ่ โดยมกี ฎ และกติกา การเล่นงา่ ยๆ สามารถเล่นได้เปน็ รายบุคคลหรอื เปน็
กล่มุ โดยไม่มุ่งการแขง่ ขัน ทั้งยงั เป็นกจิ กรรมทีส่ อดคลอ้ งกับประสบการณ์สำคัญ ดา้ นรา่ งกาย เรอื่ ง
การทรงตวั และการประสานสมั พันธ์ของกลา้ มเนอ้ื ใหญ่ คือ การเคล่ือนไหวอยกู่ ับที่ การเคล่ือนไหว
เคลื่อนท่ี การเคลื่อนไหวพร้อมวสั ดุอุปกรณ์ การเลน่ เครื่องเล่นสนาม

1.5.3 พัฒนากล้ามเน้อื ใหญ่ หมายถึง การควบคุมกลา้ มเนื้อบริเวณลำตวั แขน ขา รวมไปถึง
การทรงตวั และการประสานสมั พนั ธ์ของกล้ามเน้ือใหญ่ เป็นการสร้างความสมดุลใหก้ ับรา่ งกาย อยู่ใน
สภาวะสภาพท่ีดี เคล่ือนไหวไดอ้ ย่างคลอ่ งแคลว่ มีความแขง็ แรง มคี วามทะมดั ทะแมง ความไวในการ
เปลี่ยนท่าทาง และทำให้สามารถปฏิบัติกิจวัตรประจำวันได้อย่างมีประสิทธภิ าพ ด้วยวิธีการวัดและ
ประเมินผลตามมาตรฐานท่ี 2 ตวั บ่งชที้ ่ี 1 มี 4 สภาพท่ีพึงประสงค์ คอื

1) สภาพที่พงึ ประสงค์ 2.1.1 เดนิ ต่อเทา้ ถอยหลังเปน็ เสน้ ตรงได้โดยไม่ต้องกาง
แขน พัฒนาการทรงตวั

2) สภาพท่พี ึงประสงค์ 2.1.2 กระโดดขาเดยี วไปข้างหน้าไดอ้ ย่างต่อเนอื่ งโดยไม่
เสียการทรงตวั พัฒนากความคลอ่ งแคล่ว และการทรงตวั

3) สภาพที่พึงประสงค์ 2.1.3 วิ่งหลบหลีก สิ่งกีดขวางได้อย่างคล่องแคล่ว
พฒั นาความคล่องแคล่ว และการทรงตวั

4) สภาพที่พงึ ประสงค์ 2.1.4 รับลูกบอลท่ีกระดอนขึน้ จากพื้นได้ การประสาน
สัมพนั ธ์กันของกล้ามเน้ือ

1.6 ประโยชนท์ ีค่ าดว่าจะได้รบั

1.6.1 ไดพ้ ัฒนากลา้ มเนือ้ ใหญข่ องเดก็ ปฐมวยั
1.6.2 ไดเ้ กมกลางแจง้ ทีส่ ามารถพัฒนากลา้ มเนอื้ ใหญ่ของเดก็ ปฐมวัย
1.6.3 ได้แนวทางการพัฒนากลา้ มเนอื้ ใหญใ่ หแ้ กเ่ ด็กปฐมวัย ช้ันอนบุ าลปีที่ 3 ด้วยวิธกี ารวัด
และประเมินผลตามมาตรฐานที่ 2 ตวั บ่งช้ที ี่ 1 มี 4 สภาพท่ีพงึ ประสงค์
1.6.4 ไดส้ ่งเสริมพฒั นาการดา้ นอารมณ์ จิตใจ สังคม และสตปิ ญั ญา

1.7 กรอบแนวคิดในการศึกษา

การศกึ ษามีกรอบแนวคิดเกี่ยวกับกจิ กรรมเกมกลางแจ้งเพ่อื พัฒนากลา้ มเน้อื ใหญต่ าม
หลักสูตรการศกึ ษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560

ตวั แปรต้น ตัวแปรตาม

เกมกลางแจง้ พัฒนากลา้ มเนื้อใหญ่ ด้วยวธิ ีการวัดและประเมินผลตาม
จำนวน 80 เกม มาตรฐานที่ 2 ตัวบ่งชี้ที่ 1 มี 4 สภาพที่พึงประสงค์
คอื

2.1.1 เดินต่อเท้าถอยหลังเป็นเส้นตรงได้โดยไม่ต้องกาง
แขน

2.1.2 กระโดดขาเดยี วไปข้างหนา้ ได้อย่างตอ่ เน่ืองโดยไม่
เสียการทรงตวั

2.1.3 ว่งิ หลบหลีก สิ่งกดี ขวางได้อยา่ งคลอ่ งแคล่ว

2.1.4 รับลกู บอลท่ีกระดอนขนึ้ จากพืน้ ได้

ภาพท่ี 1 กรอบแนวคดิ ในการศึกษา

บทท่ี 2
เอกสารและงานวจิ ัยทีเ่ ก่ียวขอ้ ง

การศึกษาเรื่อง ผลการใช้กจิ กรรมเกมกลางแจ้งเพื่อพัฒนากลา้ มเน้ือใหญข่ องเดก็ ปฐมวัย
ชัน้ อนบุ าลปที ี่ 3 โรงเรยี นอนุบาลสระบุรี ผู้รายงานได้ศกึ ษาเอกสารและงานวจิ ัยที่เกี่ยวข้อง ดังต่อไปนี้

2.1 หลักสตู รการศึกษาปฐมวยั พุทธศักราช 2560
2.1.1 ปรัชญาการศึกษาปฐมวยั
2.1.2 หลกั การ
2.1.3 จดุ หมาย
2.1.4 มาตรฐานคุณลกั ษณะทพี่ ึงประสงค์
2.1.5 ตัวบง่ ช้ี สภาพทีพ่ ึงประสงค์ สาระการเรียนรู้
2.1.6 การจัดประสบการณ์
2.1.7 การประเมนิ พฒั นาการ

2.2 เอกสารและงานวจิ ยั ท่ีเก่ียวข้องกบั เกมกลางแจ้ง
2.2.1 ความหมายของเกมกลางแจ้ง
2.2.2 ความสำคัญของเกมกลางแจ้ง
2.2.3 ประเภทของเกมกลางแจ้ง
2.2.4 การจดั กจิ กรรมกลางแจง้ โดยใช้เกมกลางแจ้ง
2.2.5 ประโยชนข์ องเกมกลางแจ้ง

2.3 เอกสารและงานวิจยั ที่เก่ยี วข้องกบั กลา้ มเนอ้ื ใหญ่
2.3.1 ความหมายของกลา้ มเนอ้ื ใหญ่
2.3.2 ความสำคัญของกลา้ มเนื้อใหญ่

2.3.3 การพัฒนากล้ามเน้ือใหญ่

2.3.4 แนวคิดและทฤษฎีท่ีเก่ยี วขอ้ งกบั พัฒนาการดา้ นร่างกาย

2.4 งานวิจัยท่เี กี่ยวข้อง

2.1 หลกั สูตรการศกึ ษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560

หลักสตู รการศกึ ษาปฐมวยั พุทธศกั ราช 2560 จดั ทำข้นึ เพอ่ื ให้พ่อแม่ ผูป้ กครอง ผดู้ ูแล
เด็ก และผู้สอนใชเ้ ป็นแนวทางในการอบรมเล้ียงดเู ด็ก และเพ่อื ให้สถานศกึ ษา และสถานพัฒนาเด็ก
ปฐมวัยทกุ หนว่ ยงาน ทุกสังกัดทเ่ี ก่ียวขอ้ งใชเ้ ปน็ แนวทางในการจดั การศึกษาให้มีประสิทธิภาพและ
มาตรฐานเดียวกนั เพอื่ เสริมสร้างใหเ้ ด็กปฐมวยั มีพัฒนาการทกุ ดา้ นอยา่ งสมดุล เหมาะสมกับวัย เป็น
คนดี คนเกง่ และมคี วามสขุ เติบโตเป็นพลเมืองท่ีมคี ุณภาพต่อไป

2.1.1 ปรัชญาการศึกษาปฐมวยั

การศึกษาปฐมวัยเป็นการพัฒนาเด็กตง้ั แตแ่ รกเกิดถึง 6 ปบี รบิ รู ณ์ อย่างเป็นองค์
รวม บนพน้ื ฐานการอบรมเล้ยี งดู และการส่งเสรมิ กระบวนการเรียนร้ทู ่ีสนองตอ่ ธรรมชาติ และ
พัฒนาการตามวัยของเดก็ แต่ละคนใหเ้ ตม็ ตามศักยภาพ ภายใตบ้ รบิ ทสังคมและวฒั นธรรมที่เดก็ อาศยั
อยู่ ด้วยความรกั ความเอือ้ อาทร และความเข้าใจของทุกคน เพอื่ สร้างรากฐานคุณภาพชีวิตให้เด็ก
พัฒนาไปสู่ความเป็นมนษุ ยท์ ี่สมบูรณ์ เกดิ คุณคา่ ต่อตนเอง ครอบครวั สังคม และประเทศชาติ

สรุป ปรชั ญาการศึกษาปฐมวยั เปน็ แนวคิด ท่แี สดงใหเ้ หน็ ถึงแนวทางหรือวิธกี าร
ในการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ กระบวนการเรียนรู้ แนวทางในการดูแล อบรมเลี้ยงดู เพื่อใหพ้ ัฒนาการ
ของเด็กมคี วามสมบรู ณ์

2.1.2 หลกั การ

เดก็ ทุกคนมีสิทธิ์ทจ่ี ะได้รบั การอบรมเลย้ี งดูและส่งเสรมิ พฒั นาการตามอนุสัญญา
วา่ ดว้ ยสทิ ธเิ ด็ก ตลอดจนไดรบั การจดั ประสบการณก์ ารเรียนรู้อย่างเหมาะสม ดว้ ยปฏิสัมพันธ์ทดี่ ี
ระหว่างเด็กกับพ่อแม่ เด็กกับผู้สอน เดก็ กับผู้เลี้ยงดหู รือผทู้ ีเ่ ก่ยี วข้องในการอบรมเล้ยี งดู การพัฒนา
และให้การศกึ ษาแก่เด็กปฐมวยั เพื่อใหเ้ ด็กมีโอกาสพัฒนาตนเองตามลำดับข้ันของพัฒนาการทุกด้าน
อย่างเป็นองคร์ วม มีคุณภาพ และเตม็ ตามศักยภาพโดยมีหลักการดงั นี้

1. สง่ เสรมิ กระบวนการเรยี นรูแ้ ละพฒั นาการทค่ี รอบคลมุ เด็กปฐมวัยทุกคน

2. ยดึ หลักการอบรมเล้ียงดูและใหก้ ารศกึ ษาที่เนน้ เด็กเปน็ สำคัญ โดยคำนงึ ถึง
ความแตกตา่ งระหว่างบุคคลและวิถชี วี ิตของเด็กตามบรบิ ทของชมุ ชน สังคม และวัฒนธรรมไทย

3. ยดึ พัฒนาการและการพัฒนาเดก็ โดยองคร์ วมผ่านการเลน่ อย่างมีความหมาย
และมีกจิ กรรมที่หลากหลาย ได้ลงมือกระทำในสภาพแวดลอ้ มทีเ่ อ้ือต่อการเรียนรู้ เหมาะสมกับวยั
และมีการพกั ผ่อนท่เี พียงพอ

4. จัดประสบการณ์การเรยี นรู้ใหเ้ ดก็ มที กั ษะชีวติ และสามารถปฏิบตั ติ นตามหลกั
ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง เป็นคนดี มวี ินัย และมคี วามสุข

5. สร้างความรู้ ความเขา้ ใจและประสานความร่วมมือในการพฒั นาเด็กระหวา่ ง
สถานศกึ ษากับพ่อแม่ ครอบครัว ชุมชนและทุกฝ่ายที่เกย่ี วขอ้ งกบั การพัฒนาเด็กปฐมวัย

(หลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวัย, 2560)

สรุป หลักการเปน็ ส่วนท่แี สดงถึงหลักการจดั ประสบการณส์ ำหรบั เด็กปฐมวัยที่
สอดคล้องกบั หลกั ปรชั ญาการศกึ ษาปฐมวยั

2.1.3 จุดหมาย

หลกั สตู รการศึกษาปฐมวัย มุ่งให้เด็กมีพัฒนาการตามวยั เต็มตามศักยภาพ และมี
ความพร้อมในการเรยี นร้ตู ่อไป จึงกำหนดจดุ หมายเพ่ือให้เกดิ กบั เดก็ เมอ่ื เดก็ จบการศกึ ษาระดบั
ปฐมวัย ดังนี้

1. มีรา่ งกายเจรญิ เตบิ โตตามวยั แขง็ แรง และมสี ขุ นสิ ยั ทด่ี ี

2. มสี ขุ ภาพจิตดี มีสุนทรยี ภาพ มีคุณธรรม จรยิ ธรรมและจิตใจท่ีดีงาม

3. มที กั ษะชีวิตและปฏิบัตติ นตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง มีวินยั และ
อยรู่ ่วมกบั ผู้อืน่ ได้อย่างมคี วามสุข

4. มที กั ษะการคดิ การใช้ภาษาส่ือสาร และการแสวงหาความร้ไู ด้เหมาะสมกับวัย

สรุป จดุ หมายถอื เปน็ มาตรฐานลกั ษณะที่พงึ ประสงค์ที่ม่งุ ให้เดก็ มพี ัฒนาการด้าน

ร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญาทีเ่ หมาะสมกบั วยั ความสามารถ และความแตกตา่ ง
ระหวา่ งบคุ คล

2.1.4 มาตรฐานคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์
หลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั กำหนดมาตรฐานคุณลักษณะทพี่ งึ ประสงค์จำนวน ๑๒

มาตรฐาน ประกอบด้วย
1. พฒั นาการดา้ นร่างกาย ประกอบด้วย 2 มาตรฐานคอื
มาตรฐานท่ี 1 ร่างกายเจริญเติบโตตามวัยและมสี ุขนิสัยท่ดี ี
มาตรฐานที่ 2 กล้ามเน้อื ใหญแ่ ละกล้ามเนอ้ื เล็กแข็งแรงใชไ้ ด้อยา่ งคลอ่ งแคล่ว

และประสานสัมพนั ธก์ ัน
2. พฒั นาการดา้ นอารมณ์ จติ ใจ ประกอบดว้ ย 3 มาตรฐานคือ
มาตรฐานท่ี 3 มสี ุขภาพจติ ดแี ละมคี วามสขุ
มาตรฐานท่ี 4 ช่นื ชมและแสดงออกทางศิลปะ ดนตรี และการเคลือ่ นไหว
มาตรฐานท่ี 5 มีคุณธรรม จริยธรรม และมีจิตใจท่ีดีงาม
3. พัฒนาการดา้ นสังคม ประกอบดว้ ย 3 มาตรฐานคอื
มาตรฐานท่ี 6 มที กั ษะชีวิตและปฏบิ ตั ติ นตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
มาตรฐานท่ี 7 รักธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม วฒั นธรรม และความเปน็ ไทย
มาตรฐานท่ี 8 อยรู่ ว่ มกบั ผู้อ่ืนได้อย่างมคี วามสขุ และปฏิบัติตนเป็นสมาชิกที่ดีของ

สงั คมในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตรยิ ์ทรงเป็นประมุข
4. พฒั นาการดา้ นสติปญั ญา ประกอบด้วย 4 มาตรฐานคือ
มาตรฐานท่ี 9 ใช้ภาษาสอ่ื สารได้เหมาะสมกบั วัย
มาตรฐานท่ี 10 มคี วามสามารถในการคิดที่เปน็ พนื้ ฐานการเรียนรู้
มาตรฐานท่ี 11 มีจนิ ตนาการและความคดิ สร้างสรรค์
มาตรฐานท่ี 12 มเี จตคติทดี่ ีตอ่ การเรียนรู้และมคี วามสามารถในการแสวงหา

ความรไู้ ด้เหมาะสมกบั วัย

2.1.5 ตัวบ่งชี้ สภาพที่พึงประสงค์ สาระการเรยี นรู้

ตัวบง่ ชี้

ตัวบ่งชี้เปน็ เป้าหมายในการพัฒนาเดก็ ท่ีมคี วามสมั พนั ธส์ อดคล้องกับมาตรฐาน
คณุ ลักษณะท่พี งึ ประสงค์

สภาพทีพ่ งึ ประสงค์

สภาพทีพ่ ึงประสงคเ์ ปน็ พฤติกรรมหรือความสามารถตามวัยท่ีคาดหวงั ให้เดก็ เกิด
บนพ้ืนฐานพฒั นาการตามวัยหรือความสามารถตามธรรมชาตใิ นแต่ละระดับอายุ เพ่ือนำไปใช้ในการ
กำหนดสาระเรียนรูใ้ นการจดั ประสบการณ์ และประเมนิ พฒั นาการเดก็ โดยมีรายละเอียดของ
มาตรฐานคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ ตัวบง่ ช้ี และสภาพทพ่ี งึ ประสงค์ ดังน้ี

มาตรฐานท่ี 1 รา่ งกายเจริญเติบโตตามวยั เด็กมีสุขนิสยั ท่ีดี

ตวั บ่งช้ีท่ี สภาพทพ่ี งึ ประสงค์

อายุ 4-5 ปี อายุ 5-6 ปี

1.1 มีน้ำหนกั และสว่ นสูง -นำ้ หนกั และสว่ นสงู ตาม -นำ้ หนกั และสว่ นสงู ตามเกณฑ์
ของกรมอนามยั
ตามเกณฑ์ เกณฑ์ของกรมอนามยั

1.2 มสี ุขภาพอนามัย สุข -รบั ประทานอาหารทม่ี ี -รบั ประทานอาหารท่มี ี
นิสยั ท่ดี ี ประโยชน์และดม่ื นำ้ สะอาด ประโยชนไ์ ด้หลายชนิดและดม่ื
ดว้ ยตนเอง น้ำสะอาดได้ด้วยตนเอง

-ล้างมือก่อนรบั ประทาน -ลา้ งมอื ก่อนรบั ประทานอาหาร

อาหารและหลังจากใชห้ อ้ งนำ้ และหลังจากใชห้ อ้ งนำ้ หอ้ งสว้ ม

ห้องส้วมด้วยตนเอง ดว้ ยตนเอง

-นอนพกั ผอ่ นเป็นเวลา -นอนพักผ่อนเป็นเวลา

-ออกกำลงั กายเปน็ เวลา -ออกกำลังกายเปน็ เวลา

1.3 รักษาความปลอดภัย -เลน่ และทำกิจกรรมอยา่ ง -เลน่ และทำกิจกรรมและปฏบิ ตั ิ

ของตนเองและผู้อ่นื ปลอดภยั ด้วยตนเอง ต่อผอู้ ื่นอย่างปลอดภัย

มาตรฐานท่ี 2 กลา้ มเน้อื ใหญ่และกลา้ มเนอื้ เลก็ แข็งแรงใชไ้ ด้อย่างคล่องแคลว่ และประสานสมั พันธ์กัน

ตวั บ่งชที้ ่ี สภาพท่ีพึงประสงค์

อายุ 4-5 ปี อายุ 5-6 ปี

2.1 เคล่ือนไหว -เดินตอ่ เท้าไปขา้ งหนา้ เปน็ -เดนิ ตอ่ เท้าถอยหลงั เปน็ เส้นตรงได้
ร่างกายอย่าง เสน้ ตรงไดโ้ ดยไมต่ อ้ งกางแขน โดยไมต่ ้องกางแขน
คลอ่ งแคล่วประสาน
สมั พนั ธแ์ ละทรงตวั -กระโดดขาเดียวอยู่กับท่ไี ดโ้ ดยไม่ -กระโดดขาเดียว ไปข้างหนา้ ได้
ได้ เสียการทรงตวั อย่างตอ่ เนื่องโดยไมเ่ สยี การทรงตวั

-วง่ิ หลบหลีกส่งิ กีดขวางได้ -วิง่ หลบหลกี สงิ่ กีดขวางไดอ้ ยา่ ง
คลอ่ งแคล่ว

-รบั ลกู บอลไดด้ ว้ ยมอื ท้ังสองขา้ ง -รับลกู บอลทก่ี ระดอนขึน้ จากพ้นื ได้

2.2 ใชม้ อื -ตา -เขยี นรูปสีเ่ หลย่ี มตามแบบได้ -เขียนรปู สามเหล่ียมตามแบบได้
อยา่ งมมี มุ ชัดเจน
ประสานสัมพันธก์ ัน อย่างมมี มุ ชัดเจน

-ร้อยวสั ดทุ ี่มีรูขนาดเส้นผ่านศูนย์ -ร้อยวสั ดุทม่ี รี ขู นาดเส้นผ่าน

0.5 ซม.ได้ ศนู ย์กลาง0.25 ซม.ได้

-ใชก้ รรไกรตดั กระดาษตามแนว -ใชก้ รรไกรตัดกระดาษตามแนวเสน้

เส้นตรงได้ โค้งได้

มาตรฐานที่ 3 มีสขุ ภาพจิตดีและมีความสุข

ตวั บ่งชีท้ ่ี สภาพที่พึงประสงค์

อายุ 4-5 ปี อายุ 5-6 ปี

3.1 แสดงออก -แสดงอารมณ์ ความรสู้ ึกได้ตาม -แสดงอารมณ์ ความรสู้ ึกได้
ทางอารมณ์อยา่ ง สถานการณ์ สอดคล้องกบั สถานการณ์อย่าง
เหมาะสม เหมาะสม

3.2 มีความรู้สึกท่ี -กล้าพดู กล้าแสดงออกอย่าง -กลา้ พดู กล้าแสดงออกอยา่ ง
ดตี อ่ ตนเองและ เหมาะสมบางสถานการณ์ เหมาะสมตามสถานการณ์
ผ้อู ่ืน
-แสดงความพอใจในผลงานและ -แสดงความพอใจในผลงานและ
ความสามารถของตนเอง ความสามารถของตนเองและผู้อ่นื

มาตรฐานที่ 4 ชน่ื ชมและแสดงออกทางศิลปะ ดนตรี และการเคลอ่ื นไหว

ตวั บ่งชท้ี ี่ สภาพทีพ่ ึงประสงค์

อายุ 4-5 ปี อายุ 5-6 ปี

4.1 สนใจและมี -สนใจและมคี วามสุขและแสดงออก -สนใจและมีความสุขและแสดงออก
ความสุขและ
แสดงออกผ่านงาน ผา่ นงานศิลปะ ผา่ นงานศลิ ปะ
ศิลปะ ดนตรีและ
การเคลอื่ นไหว -สนใจ มีความสุขและแสดงออก -สนใจ มีความสุขและแสดงออกผ่าน

ผา่ นเสียงเพลงดนตรี เสียงเพลงดนตรี

-สนใจ มีความสุขและแสดงทา่ ทาง/ -สนใจ มีความสุขและแสดงท่าทาง/

เคลือ่ นไหวประกอบเพลง จังหวะ เคลอื่ นไหวประกอบเพลง จังหวะ

และ ดนตรี และ ดนตรี

มาตรฐานที่ 5 มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและมจี ิตใจที่ดีงาม

ตวั บ่งช้ที ่ี สภาพที่พงึ ประสงค์

อายุ 4-5 ปี อายุ 5-6 ปี

5.1 ซอ่ื สัตย์ สุจริต - ขออนุญาตหรอื รอคอยเมอื่ - ขออนญุ าตหรอื รอคอยเมือ่ ต้องการ
ตอ้ งการส่ิงของของผอู้ ่ืนเมือ่ มีผู้ สิ่งของของผูอ้ ่ืนด้วยตนเอง
ชี้แนะ

5.2 มีความเมตตา -แสดงความรักเพื่อนและมเี มตตา -แสดงความรกั เพื่อนและมีเมตตา

กรณุ า มนี ำ้ ใจและ สัตวเ์ ลยี้ ง สตั ว์เลีย้ ง

ชว่ ยเหลอื แบง่ ปนั -ช่วยเหลือและแบง่ ปันผอู้ ่ืนไดเ้ มอ่ื มี -ช่วยเหลือและแบง่ ปันผู้อนื่ ได้ด้วย

ผู้ชีแ้ นะ ตนเอง

5.3 มคี วามเห็น -แสดงสหี นา้ หรือท่าทางรบั รู้ -แสดงสหี น้าหรอื ทา่ ทางรับรู้
อกเหน็ ใจผอู้ ื่น ความรู้สกึ ผอู้ นื่ ความรสู้ กึ ผ้อู ื่นอย่างสอดคล้องกบ
สถานการณ์

5.4 มคี วาม -ทำงานทไ่ี ดร้ ับมอบหมายจนสำเร็จ -ทำงานที่ไดร้ บั มอบหมายจนสำเร็จ
รับผิดชอบ
เมอ่ื มีผชู้ แ้ี นะ ด้วยตนเอง

มาตรฐานที่ 6 มีทักษะชีวิตและปฏิบตั ติ นตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง

ตัวบง่ ชีท้ ่ี สภาพที่พงึ ประสงค์

อายุ 4-5 ปี อายุ 5-6 ปี

6.1 ชว่ ยเหลือ - แตง่ ตัวดว้ ยตนเอง - แตง่ ตัวดว้ ยตนเองได้อยา่ ง
ตนเองในการ -รับประทานอาหารดว้ ยตนเอง คล่องแคล่ว
ปฏิบตั กิ จิ วตั ร
ประจำวัน - รับประทานอาหารดว้ ยตนเองอยา่ ง
ถกู วธิ ี

-ใชห้ ้องนำ้ ห้องส้วมดว้ ยตนเอง -ใช้และทำความสะอาดหลงั ใช้
ห้องนำ้ หอ้ งสว้ มด้วยตนเอง

6.2 มวี ินัยในตนอง -เกบ็ ของเล่นของใชเ้ ข้าที่ด้วย -เกบ็ ของเล่นของใช้เขา้ ทีอ่ ย่าง
ตนเอง เรียบร้อยด้วยตนเอง

-เข้าแถวตาลำดับก่อนหลังได้ดว้ ย -เขา้ แถวตาลำดบั กอ่ นหลังไดด้ ว้ ย
ตนเอง ตนเอง

6.3 ประหยดั และ -ใช้ส่งิ ของเครอ่ื งใช้อยา่ งประหยัด -ใช้สง่ิ ของเคร่ืองใชอ้ ย่างประหยดั

พอเพยี ง และพอเพียงเม่อื มผี ู้ช้ีแนะ และพอเพยี งด้วยตนเอง

มาตรฐานท่ี 7 รกั ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม วฒั นธรรม และความเป็นไทย

ตวั บ่งชี้ที่ สภาพทพ่ี ึงประสงค์

อายุ 4-5 ปี อายุ 5-6 ปี

7.1 ดูแลรักษา -มสี ่วนรว่ มในการดแู ลรักษา -มสี ว่ นร่วมในการดูแลรักษา
ธรรมชาตแิ ละ ธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ มเมอ่ื มีผู้ ธรรมชาติและสงิ่ แวดล้อมดว้ ยตนเอง
สิง่ แวดล้อม ชีแ้ นะ

-ทง้ิ ขยะไดถ้ กู ท่ี -ทิ้งขยะไดถ้ กู ท่ี

7.2 มีมารยาทตาม -ปฏบิ ตั ติ นตามมารยาทไทยได้ด้วย -ปฏิบัตติ นตามมารยาทไทยได้ ตาม
วัฒนธรรมไทยและ ตนเอง กาลเทศะ
รกั ความเปน็ ไทย
-กลา่ วคำขอบคุณและขอโทษดว้ ย -กล่าวคำขอบคุณและขอโทษดว้ ย
ตนเอง ตนเอง

-หยดุ เมอื่ ไดย้ นิ เพลงชาตไิ ทยและ -ยืนตรงและรว่ มรอ้ งเพลงชาตไิ ทย

เพลงสรรเสริญพระบารมี และเพลงสรรเสรญิ พระมารมี

มาตรฐานท่ี 8 อยู่รว่ มกบั ผู้อื่นได้อยา่ งมคี วามสุขและปฏิบตั ิตนเป็นสมาชกิ ท่ีดีของสังคมใน
ระบอบประชาธิปไตยอันมพี ระมหากษัตรยิ ท์ รงเปน็ ประมขุ

ตวั บง่ ชที้ ่ี สภาพท่ีพงึ ประสงค์

อายุ 4-5 ปี อายุ 5-6 ปี

8.1 ยอมรบั ความ -เลน่ และทำกิจกรรมรว่ มกบั กลุ่ม -เลน่ และทำกิจกรรมรว่ มกบั เด็กท่ี
เหมือนและความ เด็กทแี่ ตกต่างไปจากตน แตกตา่ งไปจากตน
แตกตา่ งระหว่าง
บุคคล

8.2 มีปฏิสัมพันธท์ ี่ -เลน่ หรอื ทำงานร่วมกับเพอื่ นเป็น -เล่นหรือทำงานรว่ มกับเพื่อนอย่างมี

ดกี ับผู้อ่ืน กลมุ่ เป้าหมาย

-ยิ้มหรอื ทักทายหรอื พูดคุยกับ -ยมิ้ หรอื ทักทายหรอื พดู คุยกับผู้ใหญ่
ผ้ใู หญแ่ ละบคุ คลทค่ี ุ้นเคยได้ด้วย และบุคคลที่คนุ้ เคยไดเ้ หมาะสมกับ
ตนเอง สถานการณ์

8.3 ปฏบิ ัตติ น -มีส่วนร่วมสรา้ งข้อตกลงและ -มสี ่วนรว่ มสร้างขอ้ ตกลงและปฏิบัติ

เบื้องต้นในการเปน็ ปฏิบัตติ ามข้อตกลงเมอ่ื มีผู้ช้ีแนะ ตามข้อตกลงด้วยตนเอง

สมาชกิ ท่ีดขี อง -ปฏบิ ตั ติ นเป็นผู้นำและผู้ตามที่ดไี ด้ -ปฏบิ ตั ติ นเปน็ ผู้นำและผูต้ ามได้
สังคม
ด้วยตนเอง เหมาะสมกบั สถานการณ์

-ประนีประนอมแกไ้ ขปัญหาโดย -ประนปี ระนอมแกไ้ ขปญั หาโดย
ปราศจากการใชค้ วามรุนแรงเม่อื มี ปราศจากการใชค้ วามรุนแรงดว้ ย
ผชู้ ี้แนะ ตนเอง

มาตรฐานท่ี 9 ใชภ้ าษาส่ือสารไดเ้ หมาะสมกบั วยั

ตัวบง่ ช้ที ่ี สภาพทีพ่ ึงประสงค์

อายุ 4-5 ปี อายุ 5-6 ปี

9.1 สนทนาโต้ตอบ -ฟังผอู้ น่ื พูดจนจบและสนทนา -ฟงั ผู้อน่ื พูดจนจบและสนทนาโต้ตอบ
และเลา่ เร่อื งให้ผอู้ ่ืน โต้ตอบสอดคล้องกับเร่ืองที่ฟัง อยา่ งต่อเนื่องเชื่อมโยงกับเร่ืองท่ฟี ัง
เข้าใจ -เลา่ เรื่องเปน็ ประโยคอย่างต่อเนอื่ ง -เลา่ เปน็ เร่อื งราวต่อเนือ่ งได้

9.2 อ่าน เขียนภาพ -อ่านภาพ สญั ลักษณ์ คำ พร้อมท้ัง -อ่านภาพ สัญลกั ษณ์ คำ ดว้ ยการช้ี
และสัญลักษณไ์ ด้ ชี้ หรือกวาดตามองขอ้ ความตาม หรอื กวาดตามองจุดเริ่มตน้ และจุด

บรรทัด จบของข้อความ

-เขยี นคล้ายตัวอักษร -เขยี นช่ือของตนเอง ตามแบบ

เขียนข้อความดว้ ยวธิ ที ่ีคิดขึ้นเอง

มาตรฐานที่ 10 มคี วามสามารถในการคิดท่ีเปน็ พืน้ ฐานในการเรียนรู้

ตวั บง่ ชี้ท่ี สภาพทพ่ี ึงประสงค์

10.1 มี อายุ 4-5 ปี อายุ 5-6 ปี
ความสามารถใน
การคิดรวบยอด -บอกลกั ษณะและส่วนประกอบ -บอกลักษณะ สว่ นประกอบ การ

ของสงิ่ ของต่างๆจากการสังเกตโดย เปลยี่ นแปลง หรือความสัมพันธข์ อง

ใชป้ ระสาทสัมผัส ส่งิ ของต่างๆจากการสงั เกตโดยใช้

ประสาทสัมผัส

-จบั คู่และเปรยี บเทียบความ -จับคแู่ ละเปรียบเทยี บความแตกตา่ ง
แตกตา่ งหรือความเหมอื นของสิ่ง หรอื ความเหมอื นของสิ่งตา่ งๆโดยใช้
ต่างๆโดยใช้ลกั ษณะทส่ี ังเกตพบ ลักษณะทสี่ ังเกตพบสองลักษณะขึน้
เพยี งลักษณะเดียว ไป

-จำแนกและจัดกล่มุ สง่ิ ต่างๆโดยใช้ -จำแนกและจดั กลุ่มสง่ิ ต่างๆโดยใช้
อย่างน้อยหนงึ่ ลักษณะเปน็ เกณฑ์ ตัง้ แตส่ องลกั ษณะขนึ้ ไปเปน็ เกณฑ์

-เรียงลำดบั สง่ิ ของหรือเหตุการณ์ -เรียงลำดบั ส่งิ ของหรอื เหตกุ ารณ์

อย่างน้อย ๔ ลำดบั อยา่ งนอ้ ย ๕ ลำดับ

ตัวบ่งช้ที ี่ สภาพทีพ่ ึงประสงค์

อายุ 4-5 ปี อายุ 5-6 ปี

10.2 มี -ระบุสาเหตุหรือผลท่เี กิดข้นึ ใน -อธิบายเชือ่ มโยงสาเหตุและผลที่
ความสามารถใน เหตุการณ์หรอื การกระทำเม่ือมีผู้ เกดิ ขนึ้ ในเหตกุ ารณ์หรอื การกระทำ
การคิดเชงิ เหตุผล ชี้แนะ ด้วยตนเอง

-คาดเดา หรือคาดคะเนสง่ิ ที่อาจจะ -คาดคะเนสง่ิ ทีอ่ าจจะเกดิ ขน้ึ และมี

เกิดข้นึ หรือมสี ว่ นร่วมในการลง ส่วนรว่ มในการลงความเหน็ จาก

ความเหน็ จากขอ้ มูล ขอ้ มลู อย่างมเี หตุผล

-ตดั สินใจในเรื่องง่ายๆและเรมิ่ -ตดั สนิ ใจในเรอื่ งงา่ ยๆและยอมรบั
เรยี นรผู้ ลท่เี กดิ ข้ึน ผลท่ีเกิดขึน้

10.3 มี -ระบุปญั หา และแกป้ ัญหาโดยลอง -ระบปุ ญั หาสร้างทางเลือกและเลือก
ความสามารถใน
การคดิ แก้ปัญหา ผิดลองถกู วิธแี ก้ปญั หา
และตัดสนิ ใจ

มาตรฐานท่ี 11 มีจนิ ตนาการและความคิดสร้างสรรค์

ตวั บ่งช้ีท่ี สภาพทีพ่ ึงประสงค์

อายุ 4-5 ปี อายุ 5-6 ปี

11.1 เลน่ /ทำงาน -สรา้ งผลงานศิลปะเพ่ือสอื่ สาร -สรา้ งผลงานศิลปะเพ่อื สื่อสาร
ความคดิ ความรู้สกึ ของตนเองโดยมี
ศิลปะตาม ความคิด ความรู้สกึ ของตนเองโดย การดดั แปลงและแปลกใหม่จากเดมิ
และมรี ายละเอยี ดเพม่ิ ขน้ึ
จินตนาการและ มกี ารดดั แปลงและแปลกใหม่จาก

ความคดิ สรา้ งสรรค์ เดิมหรอื มรี ายละเอียดเพ่ิมขึน้

11.2 แสดงท่าทาง/ -เคลอ่ื นไหวท่าทางเพื่อส่ือสาร -เคลื่อนไหวทา่ ทางเพ่ือส่ือสาร
เคลอื่ นไหวตาม ความคดิ ความรู้สกึ ของตนเอง ความคดิ ความรสู้ กึ ของตนเอง
จินตนาการอย่าง อยา่ งหลากหลายหรอื แปลกใหม่
สรา้ งสรรค์ อยา่ งหลากหลายและแปลกใหม่

มาตรฐานที่ 12 มเี จตคติท่ีดีต่อการเรยี นรู้ และมคี วามสามารถในการแสวงหาความร้ไู ด้เหมาะสม
กับวัย

ตวั บง่ ช้ที ี่ สภาพท่ีพึงประสงค์

อายุ 4-5 ปี อายุ 5-6 ปี

12.1 มเี จตคตทิ ด่ี ีต่อ -สนใจซักถามเก่ยี วกับสญั ลกั ษณ์ -หยิบหนังสือมาอ่านและเขียนสอ่ื
ความคดิ ดว้ ยตนเองเป็นประจำ
การเรียนรู้ หรอื ตัวหนังสือทีพ่ บเหน็ อย่างตอ่ เนื่อง

-กระตือรือรน้ ในการเขา้ ร่วม -กระตอื รือร้นในการร่วมกจิ กรรม
กิจกรรม ต้ังแต่ตน้ จนจบ

12.2 มีความสามารถ -คน้ หาคำตอบของข้อสงสยั ตา่ งๆ -คน้ หาคำตอบของขอ้ สงสัยต่างๆ
ในการแสวงหา ตามวิธกี ารของตนเอง ตามวิธีการท่หี ลากหลายด้วย
ความรู้ ตนเอง

-ใช้ประโยคคำถามว่า “ที่ไหน” -ใชป้ ระโยคคำถามว่า “เมือ่ ไร”
“ทำไม” ในการค้นหาคำตอบ อยา่ งไร” ในการค้นหาคำตอบ

สาระการเรียนรู้

สาระการเรียนรู้ เปน็ สอ่ื ลางในการจัดประสบการณ์ให้กบั เดก็ เพอ่ื สง่ เสรมิ
พัฒนาการเดก็ ทกุ ด้านให้เปน็ ไปตามจุดหมายของหลักสูตรท่ีกำหนด ประกอบด้วย ประสบการณ์
สำคญั และสาระที่ควรเรียนรู้ ดังนี้

1. ประสบการณ์สำคญั

ประสบการณส์ ำคญั เปน็ แนวทางสำหรับผูส้ อนไปใชใ้ นการออกแบบการจัด
ประสบการณ์ ให้เดก็ ปฐมวัยเรยี นรู้ ลงมอื ปฏิบัติ และไดร้ บั การส่งเสริมพฒั นาการครอบคลมุ ทกุ ด้าน
ดังน้ี

1.1 ประสบการณ์สำคัญท่สี ่งเสรมิ พัฒนาการด้านรา่ งกาย เป็นการสนับสนนุ ให้
เด็กไดม้ โี อกาสพฒั นาการใชก้ ล้ามเน้ือใหญ่ กลา้ มเน้ือเล็ก และการประสานสัมพนั ธ์ระหวา่ งกล้ามเน้ือ
และระบบประสาท ในการทำกจิ วตั รประจำวันหรือทำกจิ กรรมต่างๆและสนบั สนุนใหเ้ ด็กมโี อกาสดูแล
สขุ ภาพและสุขอนามัย และการรกั ษาความปลอดภัย ดงั น้ี

1.1.1 การใช้กล้ามเน้อื ใหญ่
(1) การเคลื่อนไหวอยู่กับท่ี
(2) การเคล่อื นไหวเคลือ่ นที่
(3) การเคลือ่ นไหวพร้อมวัสดุอุปกรณ์
(4) การเคล่ือนไหวที่ใชก้ ารประสานสัมพันธข์ องการใช้กล้ามเนอ้ื มัด

ใหญใ่ นการขวา้ ง การจับ การโยน การเตะ
(5) การเลน่ เครือ่ งเลน่ สนามอยา่ งอสิ ระ

1.1.2 การใช้กล้ามเนือ้ เล็ก
(1) การเลน่ เคร่ืองเลน่ สมั ผัสและการสรา้ งจากแท่งไม้ บล็อก
(2) การเขยี นภาพและการเล่นกับสี
(3) การป้ัน
(4) การประดษิ ฐส์ ่ิงตา่ งๆดว้ ย เศษวัสดุ
(5) การหยบิ จับ การใช้กรรไกร การฉีก การตดั การปะ และการร้อย

วัสดุ
1.2.3 การรกั ษาสขุ ภาพอนามยั ส่วนตวั
(1) การปฏิบตั ติ นตามสุขอนามัย สุขนสิ ัยท่ีดีในกจิ วตั รประจำวัน
1.2.4 การรกั ษาความปลอดภัย
(1) การปฏบิ ัตติ นใหป้ ลอดภัยในกิจวตั รประจำวัน

(2) การฟังนิทาน เรอ่ื งราว เหตกุ ารณ์ เกี่ยวกบั การป้องกันและรกั ษา

ความปลอดภยั

(3) การเล่นเคร่ืองเล่นอยา่ งปลอดภัย

(4) การเลน่ บทบาทสมมติเหตุการณ์ต่างๆ

1.2.5 การตระหนักรู้เกยี่ วกับรา่ งกายตนเอง

(1) การเคลื่อนไหวเพอ่ื ควบคุมตนเองไปในทิศทาง ระดบั และพนื้ ที่

(2) การเคลอื่ นไหวขา้ มส่ิงกดี ขวาง

1.2 ประสบการณส์ ำคญั ท่สี ่งเสรมิ พฒั นาการดา้ นอารมณ์ จติ ใจเปน็ การสนับสนนุ
ใหเ้ ดก็ ได้แสดงออกทางอารมณ์และความรู้สึกของตนเองทเ่ี หมาะสมกบั วยั ตระหนักถึงลกั ษณะพิเศษ
เฉพาะที่เป็นอตั ลักษณ์ ความเป็นตวั ของตวั เอง มคี วามสุข ร่าเริงแจ่มใส การเหน็ อกเหน็ ใจผอู้ ื่นได้
พฒั นาคุณธรรม จริยธรรม สุนทรียภาพ ความรู้สึกทดี่ ีต่อตนเอง และความเชือ่ มนั่ ในตนเองขณะปฏบิ ัติ
กจิ กรรมต่างๆ ดังนี้

1.2.1 สนุ ทรียภาพดนตรี

(1) การฟงั เพลง การรอ้ งเพลง และการแสดงปฏิกิรยิ าโตต้ อบ

เสียงดนตรี

(2) การเคลื่อนไหวตามเสยี งเพลง/ดนตรี

(3) การเล่นบทบาทสมมติ

(4) การทำกจิ กรรมศิลปะต่างๆ

(5) การสร้างสรรคส์ ิ่งสวยงาม

1.2.2 การเลน่

(1) การเล่นอิสระ

(2) การเลน่ รายบคุ คล กลุ่มยอ่ ย กล่มุ ใหญ่

(3) การเลน่ ตามมมุ ประสบการณ์

(4) การเลน่ นอกห้องเรยี น
1.2.3 คุณธรรม จริยธรรม

(1) การปฏบิ ัตติ นตามหลกั ศาสนาท่นี ับถอื
(2) การฟงั นิทานเกี่ยวกับคณุ ธรรม จริยธรรม
(3) การร่วมสนทนาแลกเปล่ียนความคดิ เห็นเชงิ จรยิ ธรรม
1.2.4 การแสดงออกทางอารมณ์
(1) การสะทอ้ นความรสู้ ึกของตนเองและผอู้ นื่
(2) การเลน่ บทบาทสมมติ
(3) การเคล่ือนไหวตามเสียงเพลง/ดนตรี
(4) การร้องเพลง
(5) การทำงานศิลปะ
1.2.5 การมอี ัตลกั ษณ์เฉพาะตนและเชือ่ ว่าตนเองมคี วามสามารถ
(1) การปฏิบัติกจิ กรรมตา่ งๆตามความสามารถของตนเอง
(2) การเห็นอกเหน็ ใจผู้อืน่
(3) การแสดงความยนิ ดีเมอื่ ผอู้ ่นื มีความสขุ เห็นอกเห็นใจเมื่อผ้อู นื่
เศร้าหรือเสยี ใจ และการช่วยเหลอื ปลอบโยนเมื่อผ้อู ่ืนได้รบั บาดเจ็บ
1.3 ประสบการณ์สำคัญทส่ี ่งเสริมพฒั นาการด้านสงั คมเปน็ การสนบั สนุนใหเ้ ดก็
ไดม้ ีโอกาสปฏสิ ัมพันธ์กบั บุคลและสิง่ แวดลอ้ มต่างๆรอบตัวจากการปฏิบตั ิกิจกรรมต่างๆผ่านการ
เรยี นร้ทู างสังคม เช่น การเลน่ การทำงานกับผอู้ น่ื การปฏบิ ัตกิ จิ วัตรประจำวนั การแกป้ ัญหาข้อ
ขดั แยง้ ต่างๆ
1.3.1 การปฏิบตั กิ จิ วตั รประจำวัน
(1) การช่วยเหลือตนเองในกิจวตั รประจำวัน

(2) การปฏบิ ัติตนตามแนวทางหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
1.3.2 การดแู ลรกั ษาธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ ม

(1) การมสี ว่ นรว่ มรบั ผดิ ชอบดแู ลรกั ษาสิ่งแวดล้อมท้งั ภายในและ
ภายนอกห้องเรียน

(2) การทำงานศลิ ปะทใี่ ช้วัสดุหรือสงิ่ ของท่ใี ชแ้ ลว้ มาใช้ซ้ำหรอื แปรรูป
แลว้ นำกลับมาใช้ใหม่

(3) การเพาะปลูกและดูแลต้นไม้
(4) การเลี้ยงสตั ว์
(5) การสนทนาข่าวและเหตกุ ารณ์ทเี่ ก่ยี วกบั ธรรมชาติและสงิ่ แวดล้อม
ในชีวติ ประจำวนั
1.3.3 การปฏบิ ัติตามวัฒนธรรมทอ้ งถ่นิ ที่อาศัยและความเปน็ ไทย
(1) การเล่นบทบาทสมมุติการปฏิบตั ิตนในความเปน็ คนไทย
(2) การปฏิบัตติ นตามวัฒนธรรมท้องถ่ินท่อี าศัยและประเพณไี ทย
(3) การประกอบอาหารไทย
(4) การศึกษานอกสถานที่
(5) การละเลน่ พ้นื บ้านของไทย
1.3.4 การมีปฏิสัมพนั ธ์ มีวนิ ยั มีสวนรว่ ม และบทบาทสมาชกิ ของสังคม
(1) การร่วมกำหนดข้อตกลงของห้องเรยี น
(2) การปฏิบัติตนเปน็ สมาชิทดี่ ีของห้องเรยี น
(3) การให้ความร่วมมอื ในการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมตา่ ง ๆ
(4) การดแู ลหอ้ งเรียนร่วมกัน

(5) การร่วมกิจกรรมวนั สำคัญ
1.3.5 การเล่นแบบรว่ มมอื รว่ มใจ

(1) การรว่ มสนทนาและแลกเปล่ยี นความคิดเห็น
(2) การเลน่ และทำงานรว่ มกบั ผอู้ นื่
(3) การทำศิลปะแบบรว่ มมือ
1.3.6 การแกป้ ัญหาความขัดแยง้
(1) การมีสว่ นร่วมในการเลอื กวิธกี ารแก้ปัญหา
(2) การมีสว่ นร่วมในการแก้ปัญหาความขดั แย้ง
1.3.7 การยอมรับในความเหมอื นและความแตกต่างระหว่างบคุ คล
(1) การเล่นหรือ ทำกิจกรรมรว่ มกบั กลุ่มเพือ่ น
1.4 ประสบการณ์สำคัญทส่ี ง่ เสรมิ พฒั นาการดา้ นสติปญั ญา เปน็ การสนับสนนุ ให้
เดก็ ได้รับรู้ เรยี นร้สู งิ่ ต่างๆรอบตัวผา่ นการมีปฏิสมั พันธก์ ับสิง่ แวดล้อม บคุ คลและสื่อตา่ งๆ ดว้ ย
กระบวนการเรยี นรู้ที่หลากหลาย เพื่อเปิดโอกาสใหเ้ ดก็ พฒั นาการใช้ภาษา จนิ ตนาการความคิด
สร้างสรรค์การแก้ปญั หา การคิดเชิงเหตุผล และการคิดรวบยอดเกย่ี วกับสิง่ ต่างๆ รอบตวั และมี
ความคดิ รวบยอดทางคณิตศาสตรท์ ี่เปน็ พน้ื ฐานของการเรยี นรูใ้ นระดับทส่ี งู ขน้ึ ต่อไป
1.4.1 การใช้ภาษา
(1) การฟังเสยี งต่างๆ ในส่ิงแวดลอ้ ม
(2) การฟงั และปฏิบตั ิตามคำแนะนำ
(3) การฟังเพลง นิทาน คำคลอ้ งจอง บทรอ้ ยกรงหรือเรือ่ งราวต่างๆ
(4) การแสดงความคิด ความรู้สกึ และความตอ้ งการ
(5) การพดู กับผู้อืน่ เกยี่ วกับประสบการณข์ องตนเอง หรือพดู เลา่
เรือ่ งราวเกี่ยวกบั ตนเอง

ต่างๆ (6) การพูดอธบิ ายเก่ียวกบั สิ่งของ เหตกุ ารณ์ และความสัมพันธ์ของส่ิง

ขวา จากบนลงล่าง (7) การพดู อยา่ งสรา้ งสรรค์ในการเลน่ และการกระทำต่างๆ
ผใู้ หญ่ (8) การรอจงั หวะท่เี หมาะสมในการพดู
เพลง คำคลอ้ งจอง (9) การพูดเรียงลำดบั เพ่อื ใช้ในการส่ือสาร
(10) การอ่านหนังสอื ภาพ นิทาน หลากหลายประเภท/รูปแบบ
(11) การอา่ นอิสระตามลำพงั การอา่ นรว่ มกนั การอา่ นโดยมีผชู้ ีแ้ นะ
(12) การเห็นแบบอย่างของการอ่านทถ่ี ูกต้อง
(13) การสงั เกตทิศทางการอ่านตัวอักษร คำ และข้อความ
(14) การอ่านและชี้ขอ้ ความ โดยกวาดสายตาตามบรรทดั จากซ้ายไป

(15) การสงั เกตตวั อักษรในช่ือของตน หรือคำคุน้ เคย
(16) การสงั เกตตัวอกั ษรที่ประกอบเปน็ คำผ่านการอา่ นหรอื เขยี นของ

(17) การคาดเดาคำ วลี หรือประโยค ทม่ี ีโครงสรา้ งซำ้ ๆกัน จากนทิ าน

(18) การเลน่ เกมทางภาษา
(19) การเห็นแบบอยา่ งของการเขยี นทีถ่ ูกตอ้ ง
(20) การเขยี นร่วมกนั ตามโอกาส และการเขยี นอิสระ
(21) การเขียนคำที่มีความหมายกบั ตวั เด็ก/คำค้นุ เคย
(22) การคดิ สะกดคำและเขียนเพือ่ สอ่ื ความหมายดว้ ยตนเองอย่างอิสระ
1.4.2 การคดิ รวบยอด การคิดเชงิ เหตุผล การตัดสินใจและแกป้ ญั หา

(1) การสงั เกตลกั ษณะ ส่วนประกอบ การเปล่ียนแปลง และ

ความสมั พันธ์ของสิง่ ต่างๆ โดยใช้ประสาทสัมผัสอยา่ งเหมาะสม

(2) การสงั เกตสิง่ ตา่ งๆ และสถานท่ีจากมุมมองท่ีต่างกัน

(3) การบอกและแสดงตำแหน่ง ทศิ ทาง และระยะทางของส่ิงต่างๆ
ดว้ ยการกระทำ ภาพวาด ภาพถา่ ย และรูปภาพ

(4) การเล่นกับส่ือตา่ งๆท่เี ปน็ ทรงกลม ทรงส่ีเหลีย่ มมุมฉาก

ทรงกระบอก กรวย

(5) การคดั แยก การจัดกลมุ่ และการจำแนกสงิ่ ตา่ งๆตามลักษณะและ

รูปร่าง รูปทรง

(6) การตอ่ ของชน้ิ เลก็ เตมิ ในชิ้นใหญ่ให้สมบูรณ์ และการแยกชิ้นสว่ น

(7) การทำซ้ำ การต่อเติม และการสร้างแบบรูป

(8) การนับและแสดงจำนวนของสิง่ ตา่ งๆในชวี ิตประจำวัน

(9) การเปรยี บเทยี บและเรยี งลำดบั จำนวนของสงิ่ ต่างๆ

(10) การรวมและการแยกส่ิงตา่ งๆ

(11) การบอกและแสดงอนั ดบั ทีข่ องสิง่ ตา่ งๆ

(12) การช่งั ตวง วัดส่ิงต่างๆโดยใช้เคร่ืองมือและหน่วยที่ไม่ใชห่ น่วย

มาตรฐาน

(13) การจบั คู่ การเปรยี บเทียบ และการเรยี งลำดับ สงิ่ ต่างๆ ตาม
ลกั ษณะความยาว/ความสูงน้ำหนัก ปริมาตร

(14) การบอกและเรียงลำดบั กิจกรรมหรือเหตกู ารณ์ตามช่วงเวลา

(15) การใชภ้ าษาทางคณิตศาสตร์กับเหตกุ ารณใ์ นชีวติ ประจำวัน

(16) การอธิบายเช่ือมโยงสาเหตแุ ละผลท่ีเกดิ ขน้ึ ในเหตุการณ์หรือการ
กระทำ

(17) การคาดเดาหรือการคาดคะเนสิ่งทอี่ าจเกดิ ขนึ้ อย่างมเี หตุผล
(18) การมีสว่ นรว่ มในการลงความเหน็ จากขอ้ มลู อยา่ งมเี หตผุ ล
(19) การตัดสินใจและมีสว่ นร่วมในกระบวนการแก้ปญั หา
1.4.3 จินตนาการและความคิดสรา้ งสรรค์
(1) การรับรู้ และแสดงความคดิ ความรู้สึกผ่านสือ่ วัสดุ ของเลน่ และ
ชิ้นงาน
(2) การแสดงความคิดสร้างสรรค์ผ่านภาษา ท่าทาง การเคลอ่ื นไหว
และศิลปะ
(3) การสร้างสรรค์ชน้ิ งานโดยใชร้ ปู รา่ งรปู ทรงจากวสั ดทุ หี่ ลากหลาย
1.4.4 เจตคติทด่ี ีตอ่ การเรียนรู้และการแสวงหาความรู้
(1) การสำรวจสิ่งต่างๆ และแหล่งเรยี นรู้รอบตวั
(2) การตงั้ คำถามในเรอ่ื งท่สี นใจ
(3) การสบื เสาะหาความรู้เพื่อคน้ หาคำตอบของขอ้ สงสัยต่างๆ
(4) การมีส่วนรว่ มในการรวบรวมขอ้ มูลและนำเสนอข้อมลู จากการสืบ
เสาะหาความรู้ในรูปแบบต่างๆและแผนภมู ิอย่างง่าย
2. สาระท่ีควรเรียนรู้
สาระท่คี วรเรียนรู้ เป็นเร่ืองราวรอบตวั เด็กที่นำมาเป็นสือ่ กลางในการจดั กจิ กรรม
ให้เด็กเกดิ แนวคิดหลังจากนำสาระการเรยี นรนู้ ้ัน ๆ มาจดั ประสบการณใ์ ห้เด็ก เพอื่ ให้บรรลจุ ดั หมายท่ี
กำหนดไว้ทั้งนี้ ไม่เนน้ การทอ่ งจำเนือ้ หา ครูสามารถกำหนดรายละเอียดข้ึนเองให้สอดคล้องกับวยั
ความต้องการ และความสนใจของเดก็ โดยใหเ้ ด็กไดเ้ รียนรู้ผา่ นประสบการณส์ ำคัญ ท้งั น้ี อาจยดื หยุ่น
เน้ือหาได้โดยคำนึงถึงประสบการณแ์ ละสง่ิ แวดล้อมในชีวิตจริงของเด็ก ดังนี้
2.1 เร่ืองราวเกี่ยวกับตัวเดก็ เดก็ ควรรจู้ ักชอ่ื นามสกุล รปู ร่างหน้าตา รจู้ กั
อวัยวะต่างๆ วิธีระวังรกั ษารา่ งกายใหส้ ะอาดและมีสขุ ภาพอนามัยทด่ี ี การรบั ประทานอาหารท่ีเป็น

ประโยชน์ การระมดั ระวังความปลอดภยั ของตนเองจากผู้อื่นและภัยใกลต้ วั รวมทงั้ การปฏบิ ตั ิตอ่ ผู้อน่ื
อย่างปลอดภัย การรจู้ ักความเปน็ มาของตนเองและครอบครวั การปฏิบัติตนเป็นสมาชิกที่ดขี อง
ครอบครวั และโรงเรียน การเคารพสทิ ธขิ องตนเองและผอู้ ื่น การรู้จักแสดงความคิดเหน็ ของตนเองและ
รบั ฟงั ความคิดเห็นของผู้อนื่ การกำกับตนเอง การเลน่ และทำสง่ิ ตา่ งๆดว้ ยตนเองตามลำพังหรอื กบั
ผู้อื่น การตระหนักรเู้ กย่ี วกบั ตนเอง ความภาคภูมิใจในตนเอง การสะท้อนการรบั รู้อารมณ์และ
ความรสู้ กึ ของตนเองและผู้อ่นื การแสดงออกทางอารมณ์และความรู้สกึ อย่างเหมาะสม การแสดง
มารยาทท่ดี ี การมคี ุณธรรมจริยธรรม

2.2 เรอื่ งราวเก่ยี วกับบุคคลและสถานท่ีแวดลอ้ มเด็ก เด็กควรเรยี นรเู้ กีย่ วกบั
ครอบครัว สถานศึกษา ชุมชน และบุคคลต่างๆ ที่เดก็ ต้องเกยี่ วข้องหรือใกลช้ ิดและมปี ฏสิ มั พันธ์ใน
ชวี ติ ประจำวนั สถานที่สำคัญ วันสำคญั อาชพี ของคนในชมุ ชน ศาสนา แหลง่ วฒั นาธรรมในชุมชน
สญั ลักษณส์ ำคัญของชาตไิ ทยและการปฏบิ ตั ติ ามวัฒนธรรมทอ้ งถ่นิ และความเปน็ ไทย หรอื แหล่ง
เรยี นร้จู ากภูมิปญั ญาท้องถ่ินอืน่ ๆ

2.3 ธรรมชาตริ อบตัว เดก็ ควรเรียนรู้เกยี่ วกบั ชื่อ ลกั ษณะ ส่วนประกอบ การ
เปล่ยี นแปลงและความสัมพันธ์ของมนุษย์ สัตว์ พืช ตลอดจนการรจู้ กั เก่ียวกับดนิ นำ้ ทอ้ งฟ้า สภาพ
อากาศ ภัยธรรมชาติ แรง และพลังงานในชีวติ ประจำวันทีแ่ วดลอ้ มเด็ก รวมท้ังการอนุรักษส์ งิ่ แวดล้อม
และการรกั ษาสาธารณสมบัติ

2.4 สิง่ ต่างๆรอบตัวเด็ก เด็กควรเรยี นรู้เกยี่ วกับการใชภ้ าษาเพื่อสือ่
ความหมายในชีวติ ประจำวนั ความรพู้ น้ื ฐานเกย่ี วกับการใชห้ นังสือและตัวหนังสือ รจู้ กั ชื่อ ลกั ษณะ สี
ผวิ สัมผัส ขนาด รปู รา่ ง รปู ทรง ปริมาตร น้ำหนัก จำนวน สว่ นประกอบ การเปลีย่ นแปลงและ
ความสมั พนั ธ์ของสิง่ ต่างๆรอบตัว เวลา เงิน ประโยชน์ การใช้งาน และการเลือกใช้สงิ่ ของเคร่ืองใช้
ยานพาหนะ การคมนาคม เทคโนโลยีและการสอื่ สารต่างๆ ท่ีใช้อยู่ในชีวติ ประจำวนั อย่างประหยัด
ปลอดภยั และรักษาส่งิ แวดล้อม

2.1.6 การจัดประสบการณ์

การจัดประสบการณ์สำหรบั เด็กปฐมวัยอายุ 3 - 6 ปี เป็นการจัดกจิ กรรมใน
ลักษณะบรู ณาการผ่านการเล่น การลงมอื กระทำจากประสบการณต์ รงอยา่ งหลากหลาย เกิดความรู้
ทกั ษะ คุณธรรม จรยิ ธรรม รวมทงั้ เกดิ การพัฒนาท้ังด้านรา่ งกาย อารมณ์ จติ ใจ สังคม และสติปญั ญา
ไมจ่ ัดเปน็ รายวชิ าโดยมีหลักการ และแนวทางการจดั ประสบการณ์ ดงั นี้

1. หลกั การจดั ประสบการณ์

1.1 จัดประสบการณก์ ารเลน่ และการเรยี นรู้หลากหลาย เพ่ือพัฒนาเด็กโดย
องคร์ วมอย่างสมดุลและต่อเนื่อง

1.2 เน้นเด็กเปน็ สำคญั สนองความตอ้ งการ ความสนใจ ความแตกต่าง
ระหว่างบคุ คลและบริบทของสงั คมที่เดก็ อาศัยอยู่

1.3 จดั ให้เด็กได้รับการพฒั นา โดยใหค้ วามสำคัญกับกระบวนการเรยี นรู้และ
พัฒนาการของเด็ก

1.4 จัดการประเมินพฒั นาการให้เปน็ กระบวนการอยา่ งตอ่ เน่ือง และเปน็ สว่ น
หนง่ึ ของการจัดประสบการณ์ พรอ้ มทงั้ นำผลการประเมนิ มาพฒั นาเดก็ อย่างต่อเนื่อง

1.5 ใหพ้ ่อแม่ ครอบครัว ชุมชน และทกุ ฝา่ ยท่ีเก่ียวข้องมสี ว่ นร่วมในการ

พัฒนาเด็ก

2. แนวทางการจดั ประสบการณ์

2.1 จัดประสบการณ์ใหส้ อดคลอ้ งกับจติ วิทยาพฒั นาการและการทำงานของ
สมองท่ีเหมาะสมกับอายุ วุฒภิ าวะและระดับพฒั นาการ เพอ่ื ใหเ้ ด็กทุกคนได้พัฒนาเต็มตามศกั ยภาพ

2.2 จดั ประสบการณ์ให้สอดคลอ้ งกบั แบบการเรยี นรู้ของเด็ก เด็กไดล้ งมือ
กระทำเรยี นรู้ผ่านประสาสัมผสั ทง้ั หา้ ไดเ้ คลอื่ นไหว สำรวจ เลน่ สงั เกต สบื ค้น ทดลอง และคิด
แกป้ ญั หาด้วยตนเอง

2.3 จดั ประสบการณ์แบบบูรณาการ โดยบูรณาการท้ังกจิ กรรมทักษะและ

สาระการเรยี นรู้

2.4 จดั ประสบการณ์ใหเ้ ด็กไดร้ ิเร่มิ คิด วางแผน ตัดสนิ ใจลงมือกระทำและ
นำเสนอความคิดโดยครูหรอื ผู้จัดประสบการณ์เป็นผูส้ นับสนนุ อำนวยความสะดวก และเรยี นรู้ร่วมกบั
เดก็

2.5 จัดประสบการณ์ให้เด็กมีปฏิสมั พันธก์ ับเดก็ อื่นกบั ผูใ้ หญ่ ภายใต้
สภาพแวดลอ้ มท่เี ออ้ื ตอ่ การเรียนรู้ ในบรรยากาศท่อี บอุน่ มีความสุขและเรียนรกู้ ารทำกิจกรรมแบบ
รว่ มมอื ในลกั ษณะต่างๆกัน

2.6 จดั ประสบการณ์ใหเ้ ดก็ มีปฏิสัมพนั ธ์กับสือ่ และแหลง่ การเรยี นรี่
หลากหลายและอยู่ในวิถชี ีวิตของเดก็

2.7 จดั ประสบการณ์ทส่ี ่งเสรมิ ลกั ษณะนสิ ัยท่ีดีและทักษะการใช้
ชวี ติ ประจำวันตลอดจนสอดแทรกคุณธรรมจรยิ ธรรมให้เป็นส่วนหนงึ่ ของการจัดประสบการณ์การ
เรียนรอู้ ย่างตอ่ เนอ่ื ง

2.8 จัดประสบการณ์ทง้ั ในลักษณะท่ีดีการวางแผนไว้ล่วงหน้าและแผนที่
เกดิ ขึน้ ในสภาพจริงโดยไมไ่ ดค้ าดการณไ์ ว้

2.9 จดั ทำสารนิทศั น์ดว้ ยการรวบรวมขอ้ มูลเกยี่ วกับพัฒนาการและการเรยี นรู้
ของเดก็ เป็นรายบคุ คล นำมาไตรต่ รองและใช้ใหเ้ ป็นประโยชน์ตอ่ การพฒั นาเดก็ และการวิจยั ในชั้น
เรียน

2.10 จัดประสบการณโ์ ดยให้พอ่ แม่ ครอบครวั และชุมชนมีสว่ นร่วมทงั้ การ
วางแผน การสนบั สนุนสอื่ แหลง่ เรียนรู้ การเข้ารว่ มกจิ กรรม และการประเมินพัฒนาการ

3. การจดั กิจกรรมประจำวนั

กจิ กรรมสำหรบั เด็กอายุ ๓ – ๖ ปีบริบูรณ์ สามารถนำมาจัดเป็นกิจกรรม
ประจำวนั ไดห้ ลายรูปแบบเป็นการชว่ ยให้ครูผู้สอนหรือผู้จดั ประสบการณท์ ราบว่าแตล่ ะวนั จะทำ
กจิ กรรมอะไร เมือ่ ใด และอยา่ งไร ทัง้ นี้ การจัดกิจกรรมประจำวนั สามารถจัดได้หลายรูปแบบ ขน้ึ อยู่
กบั ความเหมาะสมในการนำไปใชข้ องแต่ละหน่วยงานและสภาพชมุ ชน ที่สำคญั ครูผ้สู อนต้องคำนึงถึง
การจัดกิจกรรมใหค้ รอบคลมุ พัฒนาการทุกดา้ นการจัดกจิ กรรมประจำวนั มีหลกั การจดั และขอบข่าย
กิจกรรมประจำวัน ดงั นี้

3.1 หลกั การจัดกจิ กรรมประจำวนั

3.1.1 กำหนดระยะเวลาในการจดั กจิ กรรมแต่ละกิจกรรมใหเ้ หมาะสมกับ
วัยของเด็กในแต่ละวนั แตย่ ดื หยนุ่ ได้ตามความตอ้ งการและความสนใจของเด็ก เช่น

วัย 3 - 4 ปี มีความสนใจช่วงสัน้ ประมาณ 8 - 12 นาที

วยั 4 - 5 ปี มคี วามสนใจอยู่ไดป้ ระมาณ 12 -15 นาที

วยั 5 - 6 ปี มคี วามสนใจอยไู่ ดป้ ระมาณ 15 - 20 นาที

3.1.2 กจิ กรรมทต่ี อ้ งใช้ความคดิ ท้ังในกล่มุ เล็กและกลมุ่ ใหญ่ ไม่ควรใช้
เวลาตอ่ เนอื่ งนานเกินกวา่ 20 นาที

3.1.3 กจิ กรรมทเ่ี ด็กมอี สิ ระเลือกเลน่ เสรี เพือ่ ช่วยใหเ้ ดก็ รู้จักเลือก
ตัดสินใจ คดิ แก้ปญั หา คิดสรา้ งสรรค์ เช่น การเล่นตามมมุ การเล่นกลางแจง้ ฯลฯใชเ้ วลาประมาณ

40 - 60 นาที

3.1.4 กิจกรรมควรมีความสมดุลระหวา่ งกิจกรรมในหอ้ งและนอกหอ้ ง
กิจกรรมทใ่ี ชก้ ลา้ มเนือ้ ใหญ่และกลา้ มเนื้อเล็ก กิจกรรมที่เป็นรายบคุ คล กลุ่มยอ่ ยและกลุ่มใหญ่
กจิ กรรมท่ีเด็กเป็นผูร้ เิ ร่ิมและครูผสู้ อนหรือผจู้ ัดประสบการณเ์ ป็นผรู้ ิเริ่ม และกิจกรรมทใี่ ช้กำลงั และไม่
ใช้กำลงั จัดให้ครบทุกประเภท ทัง้ นี้ กจิ กรรมท่ตี ้องออกกำลังกายควรจดั สลับกับกิจกรรมทไ่ี ม่ต้องออก
กำลังมากนัก เพื่อเด็กจะได้ไม่เหน่ือยเกนิ ไป

3.2 ขอบขา่ ยของกิจกรรมประจำวัน

การเลอื กกิจกรรมท่ีจะนำมาจดั ในแต่ละวันสามารถจดั ได้หลายรปู แบบ ทัง้ นี้
ข้นึ อยกู่ บั ความเหมาะสมในการนำไปใชข้ องแต่ละหน่วยงานและสภาพชุมชน ทส่ี ำคญั ครูผู้สอนตอ้ งคำ
นึกถงึ การจัดกจิ กรรมใหค้ รอบคลุมพัฒนาการทกุ ด้าน ดังต่อไปนี้

3.2.1 การพฒั นากล้ามเน้อื ใหญ่ เป็นการพฒั นาความแขง็ แรง การทรงตวั
ความยืดหยนุ่ ความคลอ่ งแคล่วในการใช้อวยั วะต่าง ๆ และจงั หวะการเคล่ือนไหวในการใช้กลา้ มเน้ือ
ใหญ่ โดยจัดกิจกรรมให้เดก็ ไดเ้ ลน่ อิสระกลางแจง้ เลน่ เคร่ืองเล่นสนาม ปีนป่ายเลน่ อิสระ เคลอ่ื นไหว
รา่ งกายตามจงั หวะดนตรี

3.2.2 การพฒั นาการกล้ามเน้อื เล็ก เปน็ การพัฒนาความแขง็ แรงของ
กล้ามเนอื้ เลก็ กลา้ มเนื้อมอื -น้ิวมอื การประสานสมั พันธร์ ะหว่างกลา้ มเนื้อมือและระบบประสาทตามือ
ได้อยา่ งคลอ่ งแคลว่ และประสานสมั พันธ์ โดยจัดกิจกรรมใหเ้ ด็กได้เล่นเคร่ืองสัมผสั เลน่ เกมการศึกษา
ฝึกชว่ ยเหลือตนเองในการแต่งกาย หยบิ จบั ชอ้ นส้อม และใชอ้ ุปกรณ์ศลิ ปะ เช่น สีเทียน กรรไกร พกู่ นั
ดนิ เหนียว ฯลฯ

3.2.3 การพฒั นาการอารมณ์ จิตใจ และปลกู ฝังคุณธรรม จรยิ ธรรม เปน็
การปลกู ฝงั ให้เดก็ มีความรูส้ กึ ที่ดีต่อตนเองและผู้อ่ืน มีความเชื่อม่นั กล้าแสดงออก มวี ินัย รับผิดชอบ
ซือ่ สตั ย์ ประหยัด เมตตากรุณา เออ้ื เฟ้อื แบ่งปัน มีมารยาทและปฏิบัตติ นตามวัฒนธรรมไทยและ

ศาสนาทีน่ บั ถือโดยจดั กิจกรรมต่างๆ ผ่านการเลน่ ใหเ้ ด็กได้มโี อกาสตดั สนิ ใจเลือก ได้รบั การตอบสนอง
ตาความตอ้ งการได้ฝึกปฏบิ ัตโิ ดยสอดแทรกคุณธรรม จรยิ ธรรมอยา่ งตอ่ เนือ่ ง

3.2.4 การพฒั นาสังคมนิสัย เป็นการพัฒนาใหเ้ ดก็ มีลกั ษณะนสิ ัยที่ดี
แสดงออกอยา่ งเหมาะสมและอยู่ร่วมกับผอู้ ่นื ได้อย่างมีความสขุ ช่วยเหลอื ตนเองในการทำกจิ วตั ร
ประจำวนั มีนิสัยรกั การทำงาน ระมดั ระวงั ความปลอดภัยของตนเองและผ้อู ื่น โดยรวมทงั้ ระมัดระวงั
อันตรายจากคนแปลกหน้า ใหเ้ ด็กไดป้ ฏิบัตกิ จิ วัตรประจำวันอย่างสม่ำเสมอ เช่น รบั ประทานอาหาร
พกั ผอ่ นนอนหลับ ขบั ถา่ ย ทำความสะอาดร่างกาย เล่นและทำงานรว่ มกับผอู้ ืน่ ปฏิบัตติ ามกฎกติกา
ขอ้ ตกลงของร่วมรวม เกบ็ ของเข้าท่ีเมอ่ื เล่นหรือทำงานเสรจ็

3.2.5 การพฒั นาการคิด เป็นการพัฒนาใหเ้ ดก็ มคี วามสามารถในการคิด
แกป้ ญั หาความคิดรวบยอดทางคณติ ศาสตร์ และคดิ เชิงเหตุผลทางคณิตศาสตรแ์ ละวิทยาศาสตรโ์ ดย
จดั กจิ กรรมใหเ้ ดก็ ไดส้ นทนา อภปิ รายและเปลีย่ นความคดิ เห็น เชิญวิทยากรมาพูดคุยกบั เด็ก ศึกษา
นอกสถานที่เล่นเกมการศึกษา ฝึกการแกป้ ัญหาในชีวติ ประจำวัน ฝกึ ออกแบบและสรา้ งช้ินงาน และ
ทำกจิ กรรมท้ังเปน็ กลมุ่ ยอ่ ย กลมุ่ ใหญ่และรายบุคคล

3.2.6 การพฒั นาภาษา เป็นการพัฒนาให้เดก็ ใชภ้ าษาสอื่ สารถา่ ยทอด
ความรสู้ ึกนกึ คดิ ความรคู้ วามเข้าใจในส่ิงต่างๆ ท่ีเด็กมปี ระสบการณโ์ ดยสามารถต้ังคำถามในส่งิ ที่
สงสัยใคร่รู้ จัดกิจกรรมทางภาษาใหม้ ีความหลากหลายในสภาพแวดลอ้ มที่เอื้อต่อการเรยี นรู้ มงุ่
ปลกู ฝงั ใหเ้ ด็กได้กล้าแสดงออกในการฟัง พดู อ่าน เขียน มีนิสัยรกั การอา่ น และบคุ คลแวดล้อมตอ้ ง
เปน็ แบบอย่างท่ีดีในการใช้ภาษา ท้งั นตี้ ้องคำนึกถึงหลกั การจดั กิจกรรมทางภาษาท่ีเหมาะสมกับเด็ก
เป็นสำคัญ

3.2.7 การสง่ เสรมิ จินตนาการและความคดิ สรา้ งสรรค์ เปน็ การส่งเสรมิ ให้
เด็กมคี วามคิดริเร่มิ สรา้ งสรรค์ ไดถ้ ่ายทอดอารมณ์ความรู้สกึ และเห็นความสวยงามของสิง่ ต่างๆ โดย
จัดกจิ กรรมศลิ ปะสร้างสรรค์ดนตรี การเคลือ่ นไหวและจังหวะตามจินตนาการ ประดิษฐส์ ิง่ ต่างๆ อย่าง
อิสระ เลน่ บทบาทสมมุติ เล่นน้ำ เล่นทราย เลน่ บลอ็ ก และเล่นกอ่ สร้าง

2.1.7 การประเมนิ พฒั นาการ

การประเมนิ พัฒนาการเด็กอายุ 3 - 6 ปี เปน็ การประเมินพัฒนาการทางดา้ น
รา่ งกาย อารมณ์ จิตใจ สงั คม และสติปัญญาของเด็ก โดยถอื เป็นกระบวนการตอ่ ตนเอง และเปน็ ส่วน
หนึง่ ของกิจกรรมปกตทิ ีจ่ ดั ให้เด็กในแต่ละวัน ผลที่ไดจ้ ากการสังเกตพัฒนาการเด็กต้องนำมาจดั ทำสาร

นิทศั นห์ รือจัดทำข้อมูลหลกั ฐานหรอื เอกสารอยา่ งเป็นระบบ ดว้ ยการวบรวมผลงานสำหรบั เด็กเปน็
รายบคุ คลท่ีสามารถบอกเรื่องราวหรอื ประสบการณ์ท่เี ด็กไดร้ บั ว่าเดก็ เกิดการเรียนรูแ้ ละมี
ความก้าวหนา้ เพยี งใด ทั้งนี้ ใหน้ ำขอ้ มูลผลการประเมนิ พฒั นาการเดก็ มาพิจารณา ปรบั ปรุงวางแผล
การจดั กจิ กรรม และสง่ เสรมิ ใหเ้ ดก็ แต่ละคนได้รับการพัฒนาตามจุดหมายของหลกั สูตรอยา่ งตอ่ เนื่อง
การประเมนิ พัฒนาการควรยดึ หลัก ดังน้ี

1. วางแผนการประเมินพัฒนาการอย่างเปน็ ระบบ

2. ประเมินพัฒนาการเดก็ ครบทุกดา้ น

3. ประเมินพัฒนาการเด็กเปน็ รายบุคคลอย่างสม่ำเสมอตอ่ เน่อื งตลอดปี

4. ประเมนิ พัฒนาการตามสภาพจริงจากกิจกรรมประจำวันด้วยเครอื่ งมอื และ
วิธกี ารทหี่ ลากหลายไมค่ วรใช้แบบทดสอบ

5. สรุปผลการประเมิน จัดทำขอ้ มูลและนำผลการประเมินไปใช้พฒั นาเด็ก

สำหรับวิธกี ารประเมินท่ีเหมาะสมและควรใชก้ ับเดก็ อายุ ๓ – ๖ ปี ได้แก่ การ
สงั เกต การบนั ทกึ พฤตกิ รรม การสนทนากับเด็ก การสัมภาษณ์ การวิเคราะห์ขอ้ มูลจากผลงานเดก็ ที่
เก็บอย่างมีระบบ

สรุป การประเมินพฒั นาการ เป็นการประเมนิ พฒั นาการทุกด้านอยา่ งเปน็ กระบวนการ
ตอ่ เนอ่ื งตามสภาพจริงด้วยวธิ ีท่หี ลากหลาย เหมาะสมกบั เดก็ ได้แก่ การสงั เกต การบนั ทึก พฤตกิ รรม
การสนทนา การสัมภาษณ์ การวิเคราะห์ขอ้ มูลจากผลงานเดก็ ทีเ่ กบ็ อย่างมีระบบ โดยไม่ควรใชก้ าร
สอบ

2.2 เอกสารและงานวิจยั ทีเ่ กี่ยวข้องกับเกมกลางแจง้

2.2.1 ความหมายของเกมกลางแจ้ง

เมื่อพดู ถึงคาวา่ เกมกลางแจง้ จะเหน็ ได้วา่ ประกอบด้วยคา 2 คำ คือ คำว่า
“เกม”และ “กลางแจ้ง” ซ่ึง พจนานกุ รมราชบณั ฑติ ยสถาน (2542, น. 139 และ 79 อ้างถงึ ใน

กันตภณ วิชยั ทา, 2558) ได้ให้ความหมายไว้ดงั น้ี

เกม หมายถึง การแข่งขนั ที่มกี ตกิ ากำหนด เชน่ เกมกีฬา การเล่นเพือ่ ความ
สนกุ สนาน เช่น เกมคอมพิวเตอร์ การแสดงเพอื่ สาธิตกิจกรรม เชน่ เกมการบรหิ าร

เกม ความหมายโดยทัว่ ไปแล้ว เป็นกิจกรรมท่ีใช้สำหรับยามว่าง หรือใช้
นันทนาการเด็ก มีจดุ มุ่งหมายในการเลน่ แต่ละครั้งไมเ่ หมอื นกนั ขน้ึ อยูก่ ับความเหมาะสมในแต่ละช่วง
วัย ซงึ่ การเลน่ เกมของเดก็ ในแตล่ ะคร้ังน้นั มสี ง่ิ ท่ีเด็กตอ้ งคิดและแกป้ ัญหาอยตู่ ลอดเวลา

เกม ความหมายโดยท่ัวไปแล้ว เปน็ กิจกรรมท่ีใช้สำหรบั ยามว่าง หรอื ใชน้ ันทนาการเดก็ มีจุดม่งุ หมาย
ในการเลน่ แต่ละครง้ั ไม่เหมอื นกนั ขนึ้ อยกู่ บั ความเหมาะสมในแต่ละชว่ งวยั ซ่ึงการเล่นเกมของเด็กใน
แต่ละครงั้ น้ัน มีสงิ่ ที่เด็กตอ้ งคดิ และแก้ปญั หาอยตู่ ลอดเวลา

กลางแจง้ หมายถึง นอกร่มไมช้ ายคา ดงั น้นั เมอื่ รวมคาว่า “เกม” กบั
“กลางแจง้ ” เข้าดว้ ยกัน

เกมกลางแจง้ จงึ หมายถึง การเล่นกลางแจง้ ทีม่ ี กฎ กติกา กำหนดไวเ้ พ่อื ทำให้
เกิดความสนกุ สนาน เพลิดเพลิน

พีระพงศ์ บุญศิริ และมาลี สรุ พงศ์ (2536, น. 3-5 อา้ งถงึ ใน กันตภณ วชิ ัยทา,
2558) กล่าวถงึ ความหมายของเกมกลางแจ้งไวอ้ ย่างหลากหลายดังนี้

1. เกมกลางแจง้ หมายถงึ กิจกรรมทางพลศกึ ษาแขนงหนึ่ง ที่วา่ ดว้ ยการเล่นท่ีไม่
มกี ฎกตกิ าสลบั ซบั ซอ้ นมากนกั และเป็นการเลน่ ท่ีสง่ เสรมิ ให้มกี ารพัฒนาทักษะการเคลื่อนไหวขนั้ มูล
ฐาน เพื่อพฒั นาไปส่ทู ักษะกีฬาประเภทอ่นื ๆ

2. เกมกลางแจง้ หมายถึง การเลน่ ที่มรี ะเบียบ มรี ะบบ มกี ฎเกณฑ์ ทุกสิง่ มี
เง่ือนไข หรือข้อตกลงร่วมกันที่ไม่ยงุ่ ยากซบั ซ้อนมากนัก ทาใหเ้ กิดความสนกุ สนาน ร่าเรงิ และเป็นการ
ออกกาลังกายเพื่อพัฒนาความคดิ ริเริ่มสร้างสรรค์ ส่งเสริมให้เกิดคณุ ธรรม เชน่ การให้อภยั เสียสละ
อดทน อดกลั้น ความสามัคคี ความกล้าหาญ ไม่เหน็ แกต่ ัวและเป็นกจิ กรรมท่เี ลน่ ไดท้ กุ เพศ ทุกวัย ไม่
ว่าการเล่นน้นั เปน็ รายบุคคล หรือเปน็ กลุ่ม

3. เกมกลางแจง้ หมายถงึ กิจกรรมเพอื่ ความสนกุ สนาน และเป็นการเล่นในท่ี
กว้าง มีการแขง่ ขนั เลน่ เงยี บๆ หรือน่งั เลน่ กันเป็นกลมุ่ ไม่ว่าจะอยู่ในรม่ หรือกลางแจ้ง

4. เกมกลางแจ้ง หมายถึง กิจกรรมที่จัดเพือ่ ใหไ้ ด้ออกกาลังกาย และเกดิ การ
พฒั นาทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคม

5. เกมกลางแจ้ง หมายถึง การเล่นเบด็ เตล็ดตามแต่โอกาส และเวลาที่จะอานวย
ให้หลงั จากว่างจากงานประจา หรอื เป็นกิจกรรมสาหรับเด็กได้เล่นร่วมกันในยามวา่ ง

เกมกลางแจ้งเปน็ กิจกรรมหน่งึ ทีม่ บี ุคคลตงั้ แต่ 2 คนขน้ึ ไปนำมาเล่นเพอื่ อกกำลัง
กาย ดงั น้ันการออกกำลังกายเป็นสง่ิ สำคัญและจำเปน็ อย่างยง่ิ ตอ่ การดำรงชีวติ อย่างปกตสิ ุข การเล่น
เกมเปน็ กจิ กรรมหนึ่งใชเ้ ป็นสื่อทำใหบ้ ุคคลวัยต่างๆ ได้ออกกำลงั กาย ซง่ึ เปน็ การชว่ ยสนองความ
ตอ้ งการของร่ากายตามหลักสรีรวทิ ยา ดังนนั้ การออกกำลงั กายประจำของบคุ คลในวัยต่างๆ สามารถ
ใชเ้ กมเป็นส่ือ เพื่อสนองความตอ้ งการของรา่ งกายได้เปน็ อย่างดี เกม (Games) ซึ่งเป็นแบบหนง่ึ ของ
การเคลือ่ นไหว (Movement) มกี ารผจญภยั (Adventure) ได้รับความประหลาดใจ (Surprise) ให้
โอกาส (Chance) เสรมิ สรา้ งทกั ษะ (Skill) ส่งเสริมความรว่ มมอื (Co-operation) ใหม้ ีประสบการณ์
ในการแขง่ ขัน (Competition) ได้รับความสนบั สนนุ รา่ เริง (Joy)และสง่ เสรมิ มิตรภาพให้กว้างขวาง
ยิ่งขน้ึ (Extension of friend ship)

เกม เปน็ กจิ กรรมที่เด็กได้เคล่ือนไหวรา่ งกายและเป็นการเล่นทด่ี ีจะต้องไดร้ ับการ
อธิบาย แนะนำ และสาธิตใหเ้ ดก็ ยอมรบั เพอ่ื ให้เกิดความเข้าใจในการเลน่ อยา่ งถกู วิธี ยอมปฏิบัติตาม
กฎ กตกิ าและร่วมเล่นกันอย่างมีระเบยี บแบบแผน แต่ท่ีสำคัญคือ การเล่นเกมต้องทำ ให้เด็กเกิดความ
สนุกสนาน ร่าเรงิ และชว่ ยเสรมิ สรา้ งสุขภาพทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสงั คม ไปพร้อม ๆ กนั
ด้วย เกม เปน็ กิจกรรมท่ีนำ มาใช้เพื่อความสนุกรื่นเริง ผ่อนคลายอารมณ์ เป็นกจิ กรรมนอก แบบท่ี
สามารถนำ มาประยุกต์ดดั แปลงใชใ้ ห้เหมาะกับโอกาส เวลา หรือช่วงจงั หวะท่ีอำ นวยให้ ซ่ึงกจิ กรรม
นนั้ ๆ สามารถนำ มาประยุกต์ดัดแปลงจัดใหผ้ ู้เรยี นได้มีการแสดงออก โดยมงุ่ หมาย เพอื่ ใหเ้ กิดความ
สนุกสนานเพลิดเพลิน ตลอดจนไดร้ บั ทกั ษะต่าง ๆ ท่ีสามารถนำ ไปสกู่ ารพฒั นา ในดา้ นต่าง ๆ ทัง้ ดา้ น
ร่างกาย จติ ใจ อารมณ์ สังคม และสติปญั ญา (คมู่ ือผนู้ ำนนั ทนาการ, 2557)

สรุป เกมกลางแจ้ง เปน็ กิจกรรมการเลน่ ในท่โี ลง่ แจง้ มีบรเิ วณให้เดก็ เลน่ อยา่ งอสิ ระหรือ
มีอปุ กรณ์ประกอบการเล่น เป็น เครื่องเลน่ สนาม หรอื เป็นเกมการละเล่นพ้ืนบ้านทช่ี ว่ ยใหเ้ ดก็ ได้
พฒั นากลา้ มเนอื้ ใหญ่ กจิ กรรมการเลน่ กลางแจง้ เปน็ กิจกรรมท่ที ำใหเ้ ด็กได้มีโอกาสเคล่อื นไหวร่างกาย
ผา่ นการเลน่ อย่างสนุกสนาน เลน่ อยา่ งเตม็ ที่ ได้เห็นสิ่งตา่ งๆ ไดร้ บั ประสบการณ์แปลกใหม่ ครูจึงไม่
ควรละเลยจดั ให้เด็กไดเ้ ล่นกลางแจง้ เพราะการเล่นกลางแจง้ มีความสำคัญตอ่ การพัฒนา อกี ทง้ั ยงั ชว่ ย
เสรมิ สร้างสุขภาพร่างกายให้แขง็ แรง โดยการจัดสภาพแวดลอ้ ม อุปกรณ์ เครอื่ งเลน่ กระตนุ้ ให้เด็กได้
เกดิ ความอยากร้อู ยากเหน็ เกิดการสำรวจ คน้ ควา้ ดว้ ยตนเองภายใตบ้ รรยากาศทเี่ ป็นอิสระ เพอื่ เปน็
พ้นื ฐานในการเรยี นรตู้ ่อไป นอกจากน้ีการเลน่ เกมกลางแจ้งทีก่ ระตุ้นและพฒั นาให้เดก็ ได้เคลอ่ื นไหว
ร่างกายอย่างมีจดุ มุง่ หมาย เพอ่ื นำไปสู่การพัฒนาสมรรถภาพทางกายแล้ว ยงั เป็นพนื้ ฐานท่ีสำคัญของ
การพัฒนาด้านอื่นๆ อยา่ งเต็มศักยภาพของเดก็ แตล่ ะบุคคล การเล่นกลางแจง้ ยังมีความสำคญั มากใน

การพัฒนาการดา้ นสงั คม เพราะเดก็ ได้เรียนรูถ้ ึงการทำงานรว่ มกนั การเลน่ ร่วมกัน วธิ กี ารแบ่งปัน
การรอคอยตามลำดบั ซ่ึงสง่ิ เหล่านจี้ ะช่วยในการส่งเสรมิ ปรับปรงุ เปลยี่ นแปลงพฤตกิ รรมทางสังคมที่
พงึ ประสงค์ เพ่อื ให้เด็กสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อยา่ งมีความสุข และเปน็ บุคคลท่เี ปน็ ทต่ี อ้ งการของ
สังคมเมือ่ เติบโตเป็นผู้ใหญใ่ นโอกาสต่อไป

2.2.2 ความสำคัญของเกมกลางแจ้ง

จรินทร์ ธานีรตั น์ ใหค้ วามสำคญั ของเกมไวว้ า่ ตามปกติแลว้ ทกุ คนทุกเพศทุกวัย

ต้องการการเคล่อื นไหวเพราะเป็นลกั ษณะของความตอ้ งการทางสรีรศาสตร์ หากการเคลื่อนไหวนัน้
เป็นการเคล่ือนไหวทม่ี คี วามหมาย และมีความสนุกสนานรา่ เรงิ ด้วยแลว้ ย่ิงเพิ่มความตอ้ งการย่ิงขึ้น
โดยเฉพาะเด็กทอ่ี ยู่ในวยั แหง่ ความเจริญเติบโต ย่อมตอ้ งการกจิ กรรมแห่งการเคลอ่ื นไหว เพื่อให้
กระดกู และกล้ามเน้อื สว่ นต่าง ๆ ได้เจริญเตบิ โตอย่างมสี ัดส่วน

นอกจากนน้ั เกมการเลน่ ตา่ ง ๆ ยังมีความสำคญั ต่อสขุ ภาพทางจิตของเด็กอีกด้วย

เพราะชว่ ยผอ่ นคลายความตงึ เครียดทางสมองได้เปน็ อย่างดี และทำใหเ้ ด็กรู้จกั การคบค้าสมาคมกับ
เพ่ือนฝูงได้ดียง่ิ ขึ้นโดยใช้เกมเล่นเป็นตวั กลาง

รังสฤษฎ์ เสรีวุฒชิ ยั ได้เรยี บเรียงความสำคญั ของเกมไว้ดังตอ่ ไปนี้

เกม เป็นกิจกรรมหนึ่งท่มี ีบคุ คลตั้งแต่ 2 คนขน้ึ ไปนำมาเลน่ เพอ่ื ออกกำลังกาย

ดงั นัน้ การออกกำลงั กายเป็นส่ิงสำคัญและจำเป็นอยา่ งย่ิงต่อการดำรงชีวิตอย่างปกตสิ ขุ การเล่นเกม
เป็นกิจกรรมหน่ึงใช้เป็นสื่อทำให้บคุ คลต่าง ๆ ไดอ้ อกกำลังกาย ซึ่งเป็นการช่วยสนองความตอ้ งการ
ของรา่ งกายตามหลักสรรี วิทยา ดงั นน้ั การออกกำลังกายประจำของบคุ คลในวัยต่าง ๆ สามารถใช้เกม
เป็นสอื่ เพ่อื สนองความตอ้ งการของรา่ งกายไดเ้ ปน็ อย่างดี เกม ซึ่งเป็นแบบหนึ่งของการเคล่ือนไหว มี
การผจญภัย ได้รบั ความประหลาดใจ ใหโ้ อกาส เสรมิ ทกั ษะ สง่ เสรมิ ความร่วมมือ ให้มีประสบการณ์
ในการแขง่ ขนั ไดร้ ับความสนบั สนุนรา่ เรงิ และส่งเสรมิ มิตรภาพให้กวา้ งขวางยิ่งขนึ้

การเล่นเกมกลางแจ้ง นอกจากจะทา้ ทายความสามารถของเด็กแลว้ ยงั เป็นการ
เปิดโอกาสให้เด็กได้เคลอ่ื นไหวรา่ งกายอย่างอสิ ระและมแี บบแผน ไม่ม่งุ หวังเอาผลการแข่งขัน
บางคร้งั อาจมกี ฎ กตกิ า ท่ไี มย่ ุ่งยากซับซอ้ น และเด็กสามารถเขา้ ใจไดง้ ่าย ซึง่ วรดนู จรี ะเดชากุล
(2551, น. 143-144) ไดก้ ลา่ วถงึ จุดม่งุ หมายในการเล่นเกมของเด็กไว้ดงั น้ี

1. เพื่อให้เดก็ ไดเ้ กดิ ความสนุกสนานเพลิดเพลิน

2. เพื่อส่งเสรมิ พฒั นาการทางนิสยั การเล่นทีด่ ี มนี ้าใจนกั กีฬา

3. เพื่อฝึกทา่ ทางบุคลิกภาพและเสริมสรา้ งสขุ ภาพ ทรวดทรงทสี่ วยงาม

4. เพื่อกระตุ้นระบบประสาทการตอบสนองรับรู้ในสว่ นต่างๆ ของร่างกายให้เด็ก
มคี วามตนื่ ตัว มีความพร้อมตอ่ การเรียนรู้

5. เพื่อสง่ เสริมความเชอื่ ม่นั ในตนเองของเดก็

6. เพือ่ ฝกึ ความรว่ มมอื ในหมู่คณะ

นอกจากนี้ วฒั นา ปญุ ญฤทธ์ิ เต็มสริ ิ เนาวรังสี และธนวดี ศุภระกาญจน์ (2550,
น. 5) ยังไดก้ ล่าววา่ การเล่นเกมกลางแจ้ง เดก็ จะได้รบั การพัฒนาในเร่ืองตา่ งๆ ดงั นี้

1. การมีอารมณท์ ี่รา่ เริง สนกุ สนาน เบิกบาน ทาใหส้ ขุ ภาพจิตดี

2. การเลน่ ร่วมกบั เพอ่ื นทาใหไ้ ดแ้ ลกเปลยี่ นความคดิ เห็น

3. การเล่นทม่ี ีข้นั ตอน กติกา ฝึกใหร้ ู้จักการทางานเปน็ ระบบและเคารพกตกิ า

4. การเลน่ ทฝ่ี ึกใหร้ ู้จักยอมรับผลของการกระทา ท้งั ผลบวก หรือผลทไี่ มไ่ ด้

คาดหวงั

5. การเลน่ ที่ฝกึ ใหร้ จู้ ักคิดหาเหตผุ ล นาประสบการณ์เดิมมาเปน็ พืน้ ฐานในการ

แกป้ ญั หา

6. การเล่นทส่ี อนให้รู้จกั แพ้ ชนะ ใหอ้ ภยั

7. การเลน่ ที่นามาซงึ่ ความภาคภูมิใจแหง่ ผลท่ีไดร้ ับ

8. การเล่นทส่ี ่งเสริมการคิด จินตนาการ และการสร้างสรรค์

9. การฝึกฝนใหเ้ ป็นผู้ทมี่ เี จตคติท่ีดีตอ่ โลก

สรปุ ความสำคัญของเกมกลางแจ้ง เกมกลางแจง้ มคี วามสำคัญตอ่ การพัฒนาดา้ น

รา่ งกาย ทำใหร้ า่ งกายแขง็ แรง เกมกลางแจง้ เปน็ ตัวกลางที่สามารถตอบสนองความตอ้ งการ

ตามธรรมชาติของเดก็ ที่ต้องเคลอ่ื นไหวร่างกายอยู่ตลอดเวลา เด็กวัยนี้อยนู่ ง่ิ ไม่ได้ เกมกลางแจ้งจึงชว่ ย
ให้เดก็ ไดม้ โี อกาสเคลอ่ื นไหวรา่ งกายอยา่ งอิสระผ่านการเลน่ ช่วยใหเ้ ดก็ ได้พฒั นากลา้ มเน้อื กระดกู
และสมรรถภาพทางกาย นอกจากนี้เกมกลางแจ้งยังสามารถพฒั นาส่งเสริมและปลกู ฝงั คุณค่าทางด้าน
จิตใจ อารมณ์ สังคม จริยธรรมและสติปญั ญาใหก้ ับเดก็ ได้เป็นอย่างดี

2.2.3 ประเภทของเกมกลางแจ้ง

ศกั ดิ์ อนิ พิรุด (2539 : น. 4-7 อ้างถึงใน คมู่ อื ผู้นำนันทนาการ กรมพลศึกษา,

2557) ได้จัดประเภทของเกมไวห้ ลายประเภท ดงั น้ี

ถ้าแบง่ ตามสถานท่จี ัด แบ่งออกเปน็ 2 ประเภท คือ
1. เกมในรม่ (Indoor Games) หมายถงึ เกมท่ีใช้กิจกรรมการเคลื่อนไหว
เลก็ นอ้ ยและสามารถจัดในพ้ืนทห่ี รือบริเวณแคบ ๆ ได้ เช่น จัดในหอ้ งเรียน หอ้ งประชมุ เปน็ ตน้
2. เกมกลางแจง้ (Outdoor Games) เกมท่ีใช้กิจกรรมการเคลอื่ นไหวมาก ๆ
ตอ้ งการพนื้ ที่ หรือสนามในการจัดกวา้ ง ๆ ไมส่ ามารถจดั ในท่แี คบได้ ถ้าแบ่งตามลกั ษณะของเกม แบ่ง
ออกเป็น 2 ประเภท คอื
1. เกมเบ็ดเตล็ด (Low Organized Games) หมายถึง กิจกรรมการเลน่ ส้ัน ๆ
ง่าย ๆ มกี ฎ กตกิ าไม่มาก ไมส่ ลบั ซบั ซ้อน และกติกาสามารถยืดหยุ่นได้ตามสถานการณ์และ
สง่ิ แวดล้อม ได้แบง่ ออกเป็น 11 ประเภท คือ

1.1 เกมเล่นเป็นนิยาย (Story Play Games)
1.2 เกมเลยี นแบบ (Imitation or Mimetic Games)
1.3 เกมท่ีมีจุดหมายหรือชงิ ทห่ี มาย (Goal Game or It Games)
1.4 เกมหนีไลจ่ บั หรอื หนีไลแ่ ตะ (Tag Game or Hunting Games)
1.5 เกมแข่งขันเป็นรายบคุ คล (Individual Games)
1.6 เกมแขง่ ขันเป็นทมี (Team Games)
1.7 เกมแข่งขนั แบบผลัด (Relay Games)
1.8 เกมทดสอบประสาท (Sense Games)
1.9 เกมทดสอบ (Test Games)
1.10 เกมท่ีใช้จังหวะหรอื เสียงเพลงประกอบ (Singing Games)
1.11 เกมเงียบ (Quiet Games)


Click to View FlipBook Version