2. เกมนำ (Lead-up Games) หมายถงึ กิจกรรมท่มี ีกฎ กติกามากกว่าเกม
เบด็ เตลด็ โดยมีจุดมงุ่ หมายเพ่ือฝึกทกั ษะพนื้ ฐานการเรียนรู้ กฎ กตกิ าของกรีฑา และกฬี าประเภท
ต่าง ๆ เกมเล่นเปน็ นยิ าย (Story Play Games)
สรุป ประเภทของเกมกลางแจ้ง เปน็ กจิ กรรมท่ีใหเ้ ลน่ อิสระ เลน่ ทม่ี กี ฎเกณฑ์ กติกาส้ัน
ๆ งา่ ย ๆ ไม่สลับซับซ้อนจนเกินไป เช่น เกมเบ็ดเตล็ด เกมการละเล่นพื้นเมอื ง
2.2.4 การจัดกจิ กรรมกลางแจง้ โดยใช้เกมกลางแจง้
ดร.กลุ ยา ตันติผลาชวี ะ (2551) อธิบายหลกั การจัดกจิ กรรมพัฒนากลา้ มเน้ือ
ใหญ่ไวว้ ่า ปฐมวยั แตกตา่ งจากเดก็ ในระดบั ประถมศกึ ษา กล่าวคือ เด็กปฐมวัยยงั เป็นวยั เด็กเลก็
ทม่ี ีการหยิบจบั สิ่งใดไมค่ ล่องตวั กล้ามเนอ้ื ตอ้ งการสร้างเสริมความแข็งแรง เดก็ ตอ้ งการการแสดงออก
การเลน่ ตอ้ งใช้อุปกรณเ์ ข้าช่วย พฒั นาการท่ีสำคญั ตามวยั คือการรจู้ ักขอบเขตของตนเอง การมี
ปฏิสมั พันธท์ างสงั คม เดก็ จะชอบเลน่ มากเปน็ โลกแหง่ สงั คมเดก็ โดยเฉพาะการเลน่ ทตี่ ้องมีการแข่งขนั
เช่น การเลน่ เกม ซึ่งการเล่นเกมจะเปน็ การสร้างความสัมพันธแ์ ละการตอ่ รองที่ดี เดก็ สามารถเรียนรู้
สภาวะร่างกาย กจิ กรรมทางสงั คม กฎ และบทบาทของตนในการเลน่ เกม ในการจัดกจิ กรรมพฒั นา
กล้ามเนอ้ื ใหญ่นั้น ส่งิ ทคี่ รปู ฐมวัยต้องตระหนกั เสมอ คือ การกระทำให้เด็กเกดิ การเรยี นรูจ้ ากกิจกรรม
ทใ่ี หเ้ ดก็ กระทำให้มากท่ีสุด โดยไม่มีการสอนอย่างเป็นทางการ โดยเฉพาะการบรรยาย หรอื การส่งั
สอนที่ครมู ักจะเคยชิน เด็กเล็กเปน็ สิง่ ท่ตี อ้ งใหก้ ารเรยี นรู้แบบแทรกซึม
ฉัตรสุดา เธียรปรชี า (2543: 130 อา้ งถงึ ใน ฐิตมิ าพร ชยั สมุทร, 2556) กลา่ วถงึ
การจัดกจิ กรรมกลางแจง้ วา่ เปน็ การเปิดโอกาสให้เด็กได้เลน่ อย่างอสิ ระ ทงั้ กลุ่มและเด่ียว ท้งั กลางแจง้
และในรม่ เพ่อื สง่ เสรมิ พัฒนาการทางดา้ นร่างกาย ท่เี ดก็ ไดเ้ คลือ่ นไหวตามความสามารถและความพึง
พอใจ และไดเ้ ลน่ กบั เพื่อนเป็นกลุ่ม ซ่ึงเป็นการชว่ ยส่งเสริมพฒั นาการทางสงั คมและอารมณ์ จิตใจอีก
ดว้ ย
บญุ เยย่ี ม จิตรดอน และอารมณ์ สวุ รรณปาล (2532: 170 อา้ งถงึ ใน ฐิตมิ าพร
ชัยสมทุ ร, 2556) ไดก้ ล่าวถงึ หลกั การจัดพลศึกษา ซงึ เปน็ กจิ กรรมหนึง่ ของกจิ กรรมกลางแจ้ง ดังน้ี
1. การจัดกจิ กรรมพลศึกษาตอ้ งพจิ ารณาความตอ้ งการ ความสนใจ และ
ความสามารถของเด็ก
2. การจัดกจิ กรรมพลศึกษาตอ้ งเปน็ กจิ กรรมท่ีพฒั นากลา้ มเนือ้ เลก็ และใหญ่
พฒั นาจิตใจ อารมณ์ สงั คม และสติปญั ญา
3. วัสดุอุปกรณพ์ ลศึกษาเปน็ ความรบั ผิดชอบของสถานศึกษาทจี่ ะตอ้ งจดั หา
เพ่ือสนองความตอ้ งการและพัฒนาการของเดก็ และมีความพรอ้ มสำหรับเด็กแตล่ ะคน
4. การจัดกิจกรรมพลศึกษาตอ้ งคำนึงถึงความแตกต่างของเด็กแต่ละคน
5. การจัดกจิ กรรพลศึกษาตอ้ งเสรมิ สร้างลักษณะนิสัยเด็กให้ใชเ้ วลาว่างให้
เปน็ ประโยชน์
6. การจดั กจิ กรรมพลศกึ ษาต้องคำนงึ ถงึ ความต้องการของชมุ ชนและ
ผปู้ กครอง
7. การจดั กิจกรรมพลศกึ ษาตอ้ งคำนึงถึงเด็กทม่ี ีความผิดปกติทางสมองและ
ร่างกาย
8. กจิ กรรมพลศกึ ษาควรประสานสมั พันธก์ บั ประสบการณ์อืน่
9. การประเมนิ ผลดา้ นพลศกึ ษาตอ้ งประเมินในด้านการเจรญิ เติบโตด้าน
รา่ งกายของเด็กเปน็ หลัก ส่วนดา้ นอ่ืนเปน็ ส่วนประกอบ
รปู แบบและวิธีการจดั กจิ กรรมกลางแจง้
หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศกั ราช 2560 กล่าวถึงรูปแบบและวิธกี าร
จัดกจิ กรรมกลางแจง้ ไวว้ า่ กจิ กรรมการเลน่ กลางแจ้ง เปน็ กิจกรรมที่จัดให้เดก็ ได้มีโอกาสออกไปนอก
หอ้ งเรยี นเพื่อเคลื่อนไหว รา่ งกายออกกำลัง และแสดงออกอย่างอสิ ระ โดยยดึ ความสนใจและ
ความสามารถของเด็กแต่ละคนเป็นหลกั โดยจัดใหส้ อดคล้องกบั จดุ ประสงค์ ดงั น้ี
จดุ ประสงค์
1. เพื่อพฒั นากล้ามเนือ้ ใหญ่ กล้ามเนือ้ เล็ก และการประสานสมั พันธข์ อง
อวัยวะต่าง ๆ
2. เพือ่ สง่ เสรมิ ให้มรี ่างกายแข็งแรง สขุ ภาพดี
3. เพอ่ื สง่ เสรมิ ใหเ้ กิดความสนุกสนาน ผอ่ นคลายความเครียด
4. เพื่อปรับตวั เลน่ และทำงานร่วมกับผ้อู ่ืน
5. เพอ่ื เรียนรู้การระมดั ระวัง รักษาความปลอดภยั ทง้ั ของตนเองและผูอ้ นื่
6. เพอื่ ฝกึ การตัดสินใจ และแกป้ ญั หาดว้ ยตนเอง
7. เพอ่ื สง่ เสรมิ ให้มีความอยากร้อู ยากเห็นสิ่งต่างๆทแ่ี วดล้อมรอบตัว
8. เพื่อพฒั นาทักษะการเรียนร้ตู า่ งๆ เชน่ การสังเกต การเปรียบเทียบ การ
จำแนก ฯลฯ
ขอบข่ายของกจิ กรรมการเลน่ กลางแจง้
ลักษณะกจิ กรรมการเล่นกลางแจ้งทคี่ รูควรจดั ให้เด็กไดเ้ ลน่ ไดแ้ ก่
1. การเลน่ เคร่อื งเลน่ สนาม
เคร่ืองเลน่ สนาม หมายถงึ เครอื่ งเล่นทีเ่ ด็กอาจปนี ป่าย หมนุ ซ่ึงทำออกมา
ในรูปแบบต่าง ๆ เชน่
1.) เครื่องเลน่ สำหรับปนี ปา่ ย หรอื ตาข่ายสำหรับปีนเลน่
2.) เครอ่ื งเล่นสำหรบั โยกหรือไกว เชน่ มา้ ไม้ ชิงช้า มา้ นัง่ โยก ไม้กระดก
3.) เคร่อื งเลน่ สำหรับหมุน เชน่ ม้าหมนุ พวงมาลัยรถสำหรบั หมุนเลน่
4.) ราวโหนขนาดเล็กสำหรับเดก็
5.) ตน้ ไม้สำหรบั เดนิ ทรงตวั หรือไมก้ ระดานแผ่นเดียว
6.) เคร่อื งเลน่ ประเภทล้อเลือ่ น เชน่ รถสามล้อ รถลากจงู
2. การเล่นทราย
ทรายเป็นสง่ิ ทเ่ี ดก็ ๆ ชอบเลน่ ทง้ั ทรายแห้ง ทรายเปียก นำมาก่อเป็นรปู
ตา่ ง ๆ ได้ และสามารถนำวัสดุอนื่ มาประกอบการเลน่ ตกแต่งได้ เช่น กิ่งไมด้ อกไม้ เปลอื กหอย พิมพ์
ขนม ที่ตักทราย ปกตบิ ่อทรายจะอยกู่ ลางแจ้ง โดยอาจจดั ให้อยใู่ ตร้ ม่ เงาของตน้ ไม้หรือสรา้ งหลังคา
ทำขอบกั้น เพอื่ มิให้ทรายกระจัดกระจาย บางโอกาสอาจพรมน้ำให้ชน้ื เพ่อื เด็กจะไดก้ ่อเล่น นอกจากน้ี
ควรมี วธิ กี ารปิดกน้ั มิใหส้ ัตว์เล้ียงลงไปทำความสกปรกในบอ่ ทรายได้
3. การเลน่ น้ำ
เดก็ ท่วั ไปชอบเล่นน้ำมาก การเลน่ น้ำนอกจากสรา้ งความพอใจและคลาย
ความเครียด ให้เดก็ แลว้ ยังทำใหเ้ ดก็ เกิดการเรยี นรู้อกี ด้วย เช่น เรียนร้ทู ักษะการสงั เกต จำแนก
เปรียบเทียบปริมาตร
อปุ กรณท์ ใี่ ส่น้ำอาจเป็นถงั ที่สร้างข้นึ โดยเฉพาะหรืออ่างน้ำวางบนขาต้งั ที่
มั่นคง ความสงู พอที่เด็กจะยืนไดพ้ อดี และควรมผี ้าพลาสตกิ กันเสอ้ื ผา้ เปยี กให้เดก็ ใช้คลมุ ระหวา่ งเล่น
4. การเล่นสมมติในบ้านต๊กุ ตาหรือบ้านจำลอง
เปน็ บ้านจำลองสำหรบั ใหเ้ ด็กเลน่ จำลองแบบจากบา้ นจริง ๆ อาจทำด้วย
เศษวัสดุ ประเภทผ้าใบ กระสอบปา่ น ของจริงท่ีไมใ่ ช้แล้ว เชน่ หมอ้ เตา ชาม อ่าง เตารีด เครื่องครัว
ตุ๊กตาสมมติ เปน็ บุคคลในครอบครัว เสอ้ื ผ้าผูใ้ หญ่ที่ไม่ใช้แลว้ สำหรบั ผลัดเปลี่ยน มีการตกแตง่ บรเิ วณ
ใกลเ้ คยี งให้เหมือนบา้ น จรงิ ๆ บางคร้ังอาจจัดเป็นรา้ นขายของ สถานทที่ ำการต่าง ๆ เพือ่ ให้เดก็ เล่น
สมมตติ ามจินตนาการของเด็กเอง
5. การเล่นในมมุ ชา่ งไม้
เดก็ ต้องการออกแรงเคาะ ตอก กิจกรรมการเล่นในมุมชา่ งไมน้ ้จี ะชว่ ยใน
การพัฒนากลา้ มเนอ้ื ให้แขง็ แรง ช่วยฝกึ การใชม้ อื และการประสานสัมพนั ธร์ ะหวา่ งมอื กับตา
นอกจากนีย้ งั ฝึกให้รักงาน และสง่ เสริมความคดิ สรา้ งสรรคอ์ กี ดว้ ย
6. การเลน่ เกมการละเล่น
กจิ กรรมการเลน่ เกมการละเลน่ ทจ่ี ัดใหเ้ ด็กเล่น เช่น เกมการละเล่นของไทย
เกม การละเล่นของท้องถ่นิ เชน่ มอญซ่อนผ้า รีรขี ้าวสาร แม่งู โพงพาง ฯลฯ การละเลน่ เหล่าน้ี ต้อง
ใช้บริเวณทก่ี วา้ ง การเล่นอาจเลน่ เปน็ กลมุ่ เลก็ /กลุ่มใหญ่ก็ได้ ก่อนเล่นครูอธิบายกติกาและสาธิตให้
เดก็ เขา้ ใจ ไม่ควรนำเกมการละเลน่ ทีม่ ีกตกิ ายุง่ ยากและเนน้ การแขง่ ขันแพ้ชนะ มาจัดกิจกรรมให้กับ
เดก็ วัยนี้ เพราะเด็กจะเกดิ ความเครียดและสร้างความรสู้ กึ ทไ่ี ม่ดตี ่อตนเอง
แนวการจดั กจิ กรรม
1. เดก็ และครูร่วมกันสรา้ งข้อตกลง
2. จดั เตรยี มวัสดุอปุ กรณ์ประกอบการเลน่ ใหพ้ รอ้ ม
3. สาธติ การเล่นเครอ่ื งเลน่ สนามบางชนิด
4. ให้เดก็ เลอื กเล่นอิสระตามความสนใจและให้เวลาเล่นนานพอควร
5. ครูควรจดั กจิ กรรมใหเ้ หมาะสมกับวยั (ไม่ควรจัดกจิ กรรมพลศึกษา) เช่น
การเลน่ น้ำเลน่ ทราย เล่นบ้านตกุ๊ ตา เลน่ ในมุมช่างไม้ เลน่ บล็อกกลวง เครื่องเล่นสนาม เกมการละเล่น
เลน่ อปุ กรณ์กีฬา สำหรับเด็ก เลน่ เครือ่ งเลน่ ประเภทลอ้ เลื่อน เล่นของเลน่ พื้นบา้ น (เดินกะลา ฯลฯ)
6. ขณะเด็กเล่นครูต้องคอยดูแลความปลอดภยั และสังเกตพฤตกิ รรมการ
เลน่ การอยู่รว่ มกัน กับเพ่อื นของเดก็ อยา่ งใกล้ชิด
7. เมอื่ หมดเวลาควรใหเ้ ด็กเกบ็ ของใช้หรือของเล่นใหเ้ รยี บร้อย
8. ใหเ้ ดก็ ทำความสะอาดรา่ งกายและดแู ลเครือ่ งแตง่ กายให้เรียบร้อยหลัง
เลน่
ขอ้ เสนอแนะ
1. หม่ันตรวจตราเครอื่ งเลน่ สนามและอุปกรณป์ ระกอบใหอ้ ย่ใู นสภาพท่ี
ปลอดภัยและใช้การ ได้ดีอยู่เสมอ
2. ใหโ้ อกาสเด็กเลอื กเล่นกลางแจง้ อย่างอิสระทุกวนั อย่างนอ้ ยวนั ละ ๓๐
นาที
3. ขณะเด็กเล่นกลางแจ้ง ครูต้องคอยดแู ลอย่างใกล้ชดิ เพ่อื ระมัดระวังความ
ปลอดภยั ในการ เล่น หากพบว่าเด็กแสดงอาการเหน่ือย ออ่ นล้า ควรให้เดก็ หยุดพัก
4. ไมค่ วรนำกจิ กรรมพลศึกษาสำหรับเด็กระดบั ประถมศกึ ษามาใช้สอนกับ
เดก็ ระดบั ปฐมวยั เพราะยังไม่เหมาะสมกบั วยั
5. หลังจากเลิกกจิ กรรมกลางแจง้ ควรให้เดก็ ได้พกั ผ่อน หรอื นั่งพัก ไม่ควร
ใหเ้ ด็กรับประทาน อาหารกลางวันหรอื ด่มื นมทนั ที เพราะอาจทำใหเ้ ด็กอาเจยี น เกิดอาการจกุ แนน่ ได้
สรปุ การจัดกิจกรรมกลางแจง้ โดยใช้เกมกลางแจง้ คือ การจัดกิจกรรมในเนอ้ื ทกี่ วา้ งขวาง
หรอื ที่โล่งแจง้ เช่น บริเวณนอกห้องเรียน ในสนาม หรือตามร่มไม้ โดยใหเ้ ด็กเลน่ เกมต่าง ๆ ที่เนน้
การพัฒนากล้ามเนอื้ ใหญ่ และการเจริญเติบโตตามที่ควรจะเป็นให้มากที่สุดเทา่ ท่ีจะมากได้ โดยมี
รปู แบบและวิธกี ารจดั กจิ กรรมกลางแจ้งในทุก ๆ วนั อย่างน้อยวันละ 45 นาที เพอื่ ส่งเสริมและพัฒนา
ความแขง็ แรงของกลา้ มเน้ือใหญ่
ผู้วจิ ัยสรุปขน้ั ตอนและวธิ กี ารจัดกิจกรรมกลางแจง้ โดยใช้เกมกลางแจ้งเพอ่ื พัฒนากล้ามเนอ้ื
ใหญข่ องเดก็ ปฐมวยั ท่ีเขา้ ใจงา่ ยและเหมาะสมกับวยั ของเด็ก โดยแบง่ ขนั้ ตอนการจดั กิจกรรมออกเป็น
3 ขน้ั ตอน ดังน้ี
ขั้นตอนท่ี 1 ขัน้ อบอ่นุ และเตรยี มความพร้อมให้กับรา่ งกาย
การเตรียมรา่ งกายและสมองให้ต่ืนตวั ดว้ ยกิจกรรมอบอุ่นรา่ งกาย คอื กิจกรรมกาย
บรหิ ารทั้งแบบอยู่กับทแ่ี ละแบบเคลอ่ื นท่ี เช่น กระโดดตบ หมุนเอว หมุนขอ้ มอื และขอ้ เทา้ การหมนุ
แขน การว่ิงสไลดไ์ ปด้านข้าง การกระโดดแบบฮ๊อป เป็นตน้ ข้ันตอนนเ้ี ปน็ การเตรียมความพร้อม
ทางด้านร่างกายให้กบั เดก็ กอ่ นที่จะเลน่ กจิ กรรมเกมกลางแจ้ง หรอื ร้องเพลง ท่องคำคลอ้ งจองเกี่ยวกบั
เกมที่จะเล่น
ข้ันตอนที่ 2 ขน้ั ดำเนนิ การจดั กิจกรรมกลางแจง้ โดยใช้เกมกลางแจง้ เพ่อื พัฒนากล้ามเนอื้ ใหญ่
ของเด็กปฐมวยั มีข้ันตอนในการเล่น ดังน้ี
2.1 การอธิบายและสาธติ วิธีการเลน่ เกม
แนะนำอุปกรณใ์ นการเล่นเกม อธิบายวธิ กี ารเล่นเกม และสาธิตวธิ ีการเล่นเกมให้
เด็กได้ดู รวมไปถึงเปิดโอกาสใหเ้ ด็กได้ซกั ถามขอ้ สงสัยต่าง ๆ เกยี่ วกบั วิธกี ารเลน่ เกม พรอ้ มท้ังอธิบาย
ขอ้ ควรระวงั ในการเลน่ เกมให้ปลอดภัยต่อตนเองและผอู้ นื่
2.2 การเล่นเกม
เด็กเล่นเกมกลางแจ้งภายใต้กฎ และกตกิ าของเกมโดยที่ครคู อยดูแลอยา่ งใกล้ชดิ ให้
คาแนะนำเมอื่ เด็กเลน่ ไม่ถกู ตอ้ ง ครูอธิบายวธิ กี ารเล่นเกมใหมอ่ ีกครง้ั แล้วจึงเรม่ิ เกมใหม่
ขน้ั ตอนท่ี 3 ขั้นสรุปกิจกรรม
หลังจากเล่นเกมเสร็จแลว้ ให้เดก็ นงั่ ผอ่ นคลายพร้อมทั้งสนทนาซักถามใหเ้ ดก็ เสนอ
ความคดิ เหน็ เกยี่ วกับเกม เช่น เกมทเี่ ลน่ เป็นอยา่ งไร สิง่ ทเี่ ดก็ ชอบในการเลน่ เกม เปน็ ต้น
2.2.5 ประโยชน์ของเกมกลางแจ้ง
บปุ ผา พรหมศร (2542, น. 59-60 อ้างถงึ ใน สมุ าลี บวั หลวง, 2557) กลา่ วถึง
ประโยชน์ของเกมกลางแจ้ง คือ เกมกลางแจง้ เปน็ กจิ กรรมท่ชี ่วยส่งเสรมิ พฒั นาการทางด้านรา่ งกาย
และสุขภาพของเด็ก เพราะในขณะทเ่ี ลน่ เกม เดก็ ไดเ้ คลอื่ นไหวทุกสว่ นของร่างกาย เช่น วิ่ง กระโดด
กม้ ตวั ดึง ลาก ผลกั เครือ่ งเล่น การกระทำเหล่าน้เี ปน็ การชว่ ยให้กล้ามเนือ้ ทกุ สว่ นของเดก็ ได้รบั การ
พัฒนาและทำงานประสานสมั พันธ์กันอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ นอกจากน้ี เดก็ ที่มีร่างกายสมบรู ณแ์ ขง็ แรง
จะมีพลังมากเกนิ กว่าทีจ่ ะใชใ้ ห้หมดในแตล่ ะวนั การเลน่ เกมจะช่วยให้เดก็ ได้ใชพ้ ลังงานส่วนเกนิ น้ี ถา้
เด็กไมม่ โี อกาสได้สนุกสนานเพลดิ เพลินกบั การเล่นเกม เดก็ จะใช้พลังงานส่วนเกนิ นีช้ ่วยให้ตวั เอง
เพลิดเพลินดว้ ยวิธีอื่นทีอ่ าจจะทำให้ไดร้ ับอันตราย หรืออาจแสดงออกทางพฤติกรรมที่ไมเ่ หมาะสม
เชน่ รังแกคน รงั แกสัตว์ ซงึ่ เปน็ พฤตกิ รรมที่ไมด่ ีอย่างยง่ิ
สรปุ เกมกลางแจง้ มีประโยชน์ตอ่ เด็ก ช่วยในการส่งเสริมพัฒนาการทัง้ ดา้ นร่างกาย
อารมณ์ จิตใจ สงั คม และสติปญั ญา พัฒนากลา้ มเน้อื มัดใหญ่ ให้สามารถเคลอ่ื นไหวได้คลอ่ งแคลว่
เกิดความสนุกสนาน ผอ่ นคลายความเครยี ด สง่ เสริมการปรับตัวในการเล่น การทำงานรว่ มกบั ผอู้ นื่
รู้จักเสียสละ ใหอ้ ภัย การแบง่ ปันอปุ กรณ์การเล่น
2.3 เอกสารและงานวจิ ัยทีเ่ กย่ี วข้องกบั กลา้ มเนือ้ ใหญ่
2.3.1 ความหมายของกล้ามเนื้อใหญ่
กล้ามเนอื้ ใหญ่ หมายถึง มัดเน้อื มัดใหญๆ่ ในกล้ามเนื้อลายท่ีมีสว่ นเก่ียวขอ้ งกบั
การเคลื่อนไหว เชน่ กล้ามเนื้อศีรษะและลำคอ กล้ามเน้อื สว่ นตัว กล้ามเนอื้ ส่วนขา และกล้ามเนื้อส่วน
แขน (ศิรนิ ทร กาญจนั ดา, 2553)
กลา้ มเนอื้ มัดใหญ่ คือ กลา้ มเนอื้ มดั ใหญๆ่ ในกล้ามเนอื้ ลายท่ีมีส่วนเกย่ี วขอ้ งกบั
การเคล่ือนไหว เชน่ กล้ามเน้ือศรี ษะ และลำคอ กล้ามเนอ้ื ส่วนลำตัว กลา้ มเนอื้ สว่ นขาและกลา้ มเน้ือ
สว่ นแขน เปน็ สว่ นประกอบส่วนใหญ่ของรา่ งกายมนษุ ย์ และเปน็ ส่วนสำคญั ที่สุดท่ีทำหน้าท่ีในขณะทม่ี ี
การเคลื่อนไหวของรา่ งกายเพียงบางส่วนหรือทุกสว่ น กล้ามเนือ้ สว่ นใหญอ่ ย่รู อบแขนและขา ซงึ่ ยึด
ตดิ กนั ได้โดยข้อตอ่ และเอน็ ที่ประกอบเปน็ รปู ร่างและทรวดทรงอย่างเหมาะ (ยพุ ิน สแี ก่, 2555: 15)
สรุป กล้ามเนอื้ ใหญ่ หมายถงึ กล้ามเนือ้ บริเวณ แขน ขา ลำตวั รวมไปถึงความสัมพันธ์
ของอวยั วะตา่ ง ๆ ในร่างกายท่ีสามารถทำให้เคลือ่ นไหวไดอ้ ย่างคล่องแคลว่ เช่น การวิง่ การเดิน การ
ทรงตวั การออกกำลงั กาย และการเล่นกีฬาต่าง ๆ เปน็ ตน้
2.3.2 ความสำคัญของกล้ามเน้ือใหญ่
กลา้ มเนอ้ื มดั ใหญ่ มีหนา้ ท่ีสำคัญในการเคล่ือนไหวอวยั วะหรอื ส่วนต่าง ๆ ของ
ร่างกาย และยังชว่ ยในการทรงตวั เพ่ือทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การเดิน การว่งิ การกระโดดจงึ จำเปน็
อยา่ งยิ่งท่จี ะต้องฝกึ กล้ามเนื้อให้แข็งแรง เพือ่ ที่จะสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ไดอ้ ย่างมีประสทิ ธิภาพ
ยิ่งขนึ้ (สุวิมล อุดมพิริยะศกั ดิ์, 2548 อ้างใน นธั น์ชนัน วรัมมานสุ ัย, 2559)
การเคลอ่ื นไหวตา่ ง ๆ ของร่างกายจำเป็นตอ้ งอาศัยการทำงานของระบบ
กลา้ มเน้อื และระบบกระดูก ประกอบด้วยโครงร่างของรา่ งกาย หากปราศจากกล้ามเน้อื กระดกู และ
ข้อตา่ งๆแล้ว รา่ งกายจะ ไมสามารถเคลอื่ นไหวไปได้เลย ดังนนั้ ระบบกระดกู และระบบกลา้ มเนอื้
จะตอ้ งทำงานรว่ มกันเสมอ การทำงานของกล้ามเนอ้ื เช่น การหดตัวขยายตวั หรือการยดื หยุ่น ไม่ใช่
หมายถึง การเคล่อื นไหวเพยี งเฉพาะภายนอกรา่ งกาย เช่น แขน ขา มอื หรอื ลำตัว ฯลฯ แตย่ ัง
หมายถงึ การทำงานของอวัยวะภายในร่างกาย เชน่ การทำงานของปอด การเตนของหัวใจ การ
ทำงานระบบยอ่ ยอาหาร การหดรดั ตัวของหลอดเลอื ด และหลอดน้ำเหลอื ง เปน็ ตน้ (ศกั ดา ประจุศิลป
และ สุกัญญา แสงมขุ . 2530: 47 อ้างถึงใน ศริ ินทร กาญจนั ดา, 2553) ความสามารถของเด็ก
ในการใช้แขน ขา ลำตัว ซึง่ เปน็ การประสานกนั ของกลไกทางสมอง และกายภาพน้นั มคี วามสำคัญ
อยา่ งยิ่งตอ่ การเคล่ือนไหว (เยาวพา เดชะคปุ ต. 2528:123 อ้างถึงใน ศริ ินทร กาญจนั ดา, 2553)
กลา่ วว่า ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งกล้ามเน้ือแขน ขา ลำตวั มีความจำเปน็ และสำคัญยงิ่ ตอ่ การ
เคล่อื นไหว และการทรงตัว เดก็ จะสามารถเคลอื่ นไหว และทรงตัวได้ก็ตอ่ เมอ่ื มีความสามารถในการใช้
กลา้ มเนื้อใหญ่ไดด้ ี ซ่ึงความสามารถดังกลา่ วเปน็ การเตรียมความพร้อมท่ีจะนำไปสู่การเรียนในชน้ั
ประถมศกึ ษา ท้ังนี้การเคลอื่ นไหวมิไดหมายถงึ การเคลอื่ นไหว พน้ื ฐานธรรมดาทั่วไป แต่การท่ีเด็ก
สามารถบงั คับการควบคุมการเคล่ือนไหวของกลา้ มเนื้อมดั ใหญ่ในลกั ษณะตา่ ง ๆ ได้ คอื เปน็
ความสามารถข้นั เริม่ ต้น จะนำไปสู่การเคล่ือนไหวท่ีแขง็ แรงมั่นคง (ชัยณรงค เจริญพานชิ ย. 2523:
90-92 อ้างถงึ ใน ศริ นิ ทร กาญจนั ดา, 2553) ความสามารถในการใชก้ ล้ามเน้ือมัดใหญ่มีความสำคญั
ต่อเดก็ คอื เด็กที่สามารถเคล่อื นไหวกลา้ มเนอ้ื มดั ใหญ่ แขน ขา ลำตัว จะทำให้สามารถเคล่อื นไหว
และทรงตัวไดดนี นั่ คือ ความสามารถในการใช้กล้ามเน้ือมดั ใหญ่ท่มี คี วามสำคัญต่อพืน้ ฐานในการ
พัฒนาความสามารถ ในการเคลอ่ื นไหว และการทรงตวั ในข้นั ต่อไป (ปรมพร ดอนไพรธรรม.2550: 13
อา้ งถงึ ใน ศริ นิ ทร กาญจนั ดา, 2553)
สรุป ความสำคัญของกลา้ มเนอ้ื ใหญ่ กลา้ มเน้ือใหญ่เปรียบเสมอื นรากฐานสำคญั ของ
ระบบการเรยี นรู้ท้ังหมด เพราะหากพื้นฐานทางรา่ งกายไมแ่ ขง็ แรง ก็ยากทรี่ ะบบการเรียนร้ขู อง
ร่างกายในสว่ นต่าง ๆ จะทำงานไดเ้ ตม็ ท่ี กลา้ มเนื้อใหญม่ ีความสำคญั ต่อรา่ งกายของเดก็ มาก และ
เดก็ จะมีพฒั นาการใช้กลา้ มเนอ้ื ใหญ่ได้ดี ขนึ้ อยู่กับอายุและการพัฒนาท่ตี อ่ เน่อื ง สม่ำเสมอ และการ
ไดร้ ับการพัฒนาจากการแยกย่อย ขนั้ ตอนทเ่ี หมาะสม
2.3.3 การพฒั นากลา้ มเนื้อใหญ่
กุลยา ตนั ติผลาชวี ะ (2542: 107) อธิบายว่า การส่งเสริมพัฒนาการกลา้ มเน้ือมดั
ใหญ่ เป็นการสร้างความคลอ่ งตัวด้วยการใช้สว่ นตา่ ง ๆ ของร่างกายใหป้ ระสานสัมพนั ธ์ เชน่ การเดิน
การวง่ิ การยนื การกระโดด การนั่ง และการทรงตวั ทเ่ี คลื่อนไหวอย่างอสิ ระ เป็นการพฒั นาทักษะการ
ควบคมุ การเคลอื่ นไหว โดยใชร้ ่างกายส่วนตา่ งๆทีม่ ที กั ษะกลไก และระดบั การประสานงานของ
กล้ามเนอื้ ทช่ี ัดเจน
อรณุ ี หรดาล (2552, น. 2-15) ทกี่ ล่าววา่ การให้เดก็ ออกกำลังกายด้วยการเล่น
และเคลอ่ื นไหวร่างกายอย่างสม่ำเสมอ มีผลตอ่ การเจรญิ เติบโต และการมสี ุขภาพอนามัยที่ดี เด็กควร
ได้ฝึกการสมดุล จังหวะ และการทำงานทป่ี ระสานกนั ของอวยั วะ รวมทั้งการออกกำลงั กาย และการ
บริหารสว่ นตา่ งๆของร่างกาย เปิดโอกาสให้เดก็ ได้ใช้ความสามารถทางด้านร่างกายอยา่ งเต็มศักยภาพ
ของแต่ละบคุ คล เด็กปฐมวัยกลุ่มเป้าหมายนี้ได้เล่นเกมกลางแจ้งด้วยวธิ กี ารเดิน กระโดด ว่งิ และการ
ใชม้ อื รับลูกบอล ซึง่ เป็นกิจกรรมเคล่ือนไหวรา่ งกาย และออกกำลงั กายอย่างต่อเน่ืองทุกวัน ย่อมมี
ความก้าวหน้าทางพัฒนาการการใช้กลา้ มเน้ือใหญ่ทีด่ ีขน้ึ
สิริมา ภญิ โญอนันตพงษ์ (2557) กลา่ ววา่ วยั ของเดก็ 5 - 6 ปีน้ันเปน็ วยั ท่ชี อบ
กระโดด การที่เด็กไดร้ ับการเสรมิ สรา้ งจากการทำกิจกรรมเคลอ่ื นไหวร่างกายทด่ี ีเหมาะสมกับวยั จะ
สง่ ผลทำให้ผลพฒั นากลา้ มเนื้อใหญข่ องเด็กมีพัฒนาการท่ีดีตามไปดว้ ย ซึ่งเดก็ วัยนี้จะสามารถบงั คับ
การเคล่ือนไหวของรา่ งกายในการกระโดดไดอ้ ย่างคลอ่ งแคล่ว สามารถใช้กลา้ มเนอ้ื ขาได้ดีขนึ้ ตามอายุ
เราจะตอ้ งคำนงึ ถงึ ความแตกต่างระหว่างบุคคล บางคนอาจชา้ บางคนอาจเร็ว
วลั ลีย์ ภัทโรภาส (2553, น. 6) ไดอ้ ธบิ ายว่า ความแข็งแรงของกลา้ มเนอ้ื เปน็
ความสามารถของร่างกายหรือสว่ นใดส่วนหนง่ึ ของ รา่ งกายในการต้านทานแรงท่ีมาจากการกระทำ
ภายนอกโดยไมล่ ม้ หรือสูญเสยี การทรงตัวไป ความคล่องแคลว่ ว่องไว เป็นความสามารถในการ
เคล่ือนไหวเพื่อเปลย่ี นทิศทางการเคลอ่ื นทีไ่ ด้อยา่ งรวดเรว็ โดยไม่เสยี การทรงตัว ในขณะท่กี ำลัง
เคลอ่ื นไหวและใช้ความเรว็ ไดอ้ ย่างเตม็ ท่ี เป็นความสามารถในการเปลย่ี นทิศทางและตำแหน่งร่างกาย
ในขณะทีก่ ำลงั เคล่ือนไหวโดยใชค้ วามเร็วอยา่ งเต็มที่ จัดเปน็ สมรรถภาพทางกลไกที่จำเปน็ ในการ
นำไปสู่การเคลอ่ื นไหวข้ันพื้นฐานสำหรับทกั ษะการเคลื่อนไหวทสี่ ูงข้ึน
สริ มิ า ภญิ โญอนนั ตพงษ์ (2553:115-116) อธบิ ายว่า ความสามารถในการใช้
กล้ามเนือ้ มัดใหญ่ท่มี ีความสำคญั ต่อพื้นฐาน ในการพัฒนาความสามารถในการเคล่อื นไหวและการทรง
ตัวในขัน้ ตอ่ ไป การพัฒนาด้านร่างกายใหไ้ ด้ผลดนี ั้น เดก็ ควรได้ออกกำลงั กายอย่างเพยี งพอ เพือ่ ชว่ ย
พัฒนากลา้ มเนอื้ มัดใหญ่
หลักสูตรการศึกษาปฐมวยั 2560 ได้อธิบายว่า การพัฒนากล้ามเน้ือใหญ่ เป็น
การพัฒนาความแขง็ แรง การทรงตัว ความยืดหยุ่น ความคล่องแคลว่ ในการใชอ้ วยั วะตา่ ง ๆ และ
จังหวะการเคลื่อนไหวในการใชก้ ล้ามเนอื้ ใหญ่ โดยจัดกิจกรรมใหเ้ ด็กไดเ้ ลน่ อสิ ระกลางแจ้ง เล่นเคร่อื ง
เลน่ สนาม ปีนป่ายเลน่ อิสระ ซึง่ ในหลักสตู รการศึกษาปฐมวัย 2560 ได้กำหนดมาตรฐานคุณลกั ษณะท่ี
พึงประสงค์ ตวั บ่งชี้ และสภาพท่ีพงึ ประสงค์ ในพัฒนาการดา้ นร่างกายของเดก็ ปฐมวัย คือ เคลอ่ื นไหว
รา่ งกายอย่างคลอ่ งแคล่ว ประสานสัมพนั ธ์กัน และทรงตัวได้
2.3.4 แนวคิดและทฤษฎที เี่ กยี่ วข้องกับพฒั นาการด้านรา่ งกาย
ทฤษฎพี ัฒนาการของกีเซลล์ (Gesell, 1929 อา้ งถงึ ใน ฐติ มิ าพร ชยั สมทุ ร,
2556) ได้ศึกษาเด็กตั้งแต่แรกเกิด และตดิ ตามจนเข้าสู่วัยรนุ่ ระยะเวลาท่ีศึกษา คือ ระหวา่ ง ค.ศ.
1911 - 1948) รวมเวลา 7 ปี จากผลการศกึ ษาเดก็ ระยะยาว กีเซลลไ์ ด้สรุปหลักการพัฒนาการ
ไว้ (UNECO, 1976 อา้ งถึงใน ฐิตมิ าพร ชยั สมุทร, 2556) คือ พัฒนาการเปน็ กระบวนการท่มี ีการ
ประสานงานกนั พร้อมกันไปหมดท้ังร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสตปิ ญั ญา จะมี
ความสัมพนั ธ์เกี่ยวเนอ่ื งกนั อยา่ งใกล้ชดิ เพราะฉะน้ัน การศกึ ษาพฒั นาการเดก็ จงึ ตอ้ งศึกษาทง้ั หมด
มิใช่แยกส่วนใดส่วนหนงึ่ แตเ่ ด็กแต่ละคนจะมีการเจริญเตบิ โตและพฒั นาการทม่ี ลี ักษณะพเิ ศษ
แตกตา่ งกัน กลา่ วคือ เดก็ ทุกคนจะต้องน่ังได้ก่อนท่จี ะคลาน และยนื ได้กอ่ นท่ีจะเดิน แต่บางคน
อาจเดินไดต้ อน 11 เดือน บางคนเดินได้ตอน 16 เดือน หรือ 18 เดือน แต่ไปโตทันเด็กอื่นใน
ระยะต่อไปก็มี
กีเซลล์ ไดร้ ายงานลักษณะพฤติกรรม พฒั นาการของเด็กวัยต่างๆ ไว้วา่ เดก็ แรก
เกดิ จะหลับเกือบตลอดเวลา พยายาท่จี ะยกศรี ษะ อายุ 40 สัปดาห์ เดก็ เร่ิมคลาน พยุงตัวลุกนัง่
เรม่ิ หัดตงั้ ไขไ่ ด้ อายุ 1 ปี จะสามารถเหนย่ี วตวั ยืนขึน้ ไดเ้ อง อายุ 1 ปี 6 เดือน ร้จู กั อวยั วะของ
คนเอง อายุ 2 ปี สามารถขึ้น ลงบันไดได้ กระโดด เตะบอล อายุ 3 ปี วยั นี้เดก็ จะมคี วามสมดุล
มากขึน้ การใชก้ ลา้ มเน้ือดขี ้ึน การทรงตัวดีขึ้น สามารถยนื ขาเดียวได้ 1 วนิ าที อายุ 5 ปี เด็ก
วัยนี้มีการควบคมุ การทรงตัวดีข้ึน เดนิ ตามเสน้ ตรงได้ ชอบกระโดด ชอบปีนป่าย และเมื่ออายุ 6
ปี เดก็ จะมีการเปลีย่ นแปลงมากโดยเฉพาะทางรา่ งกาย และอารมณ์ จิตใจ
กีเซลล์ ไดแ้ บ่งพัฒนาการตามพฤตกิ รรมของเด็กออกเป็น 4 ดา้ น (สิริมา
ภญิ โญอนนั ตพงษ์, 2547 อา้ งถงึ ใน สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, 2560) ดังนี้
1. พฤตกิ รรมด้านการเคลอื่ นไหว (Motor behavior) เป็นความสามารถ
ของรา่ งกายในการบงั คับอวยั วะต่าง ๆ ของรา่ งกายและความสมั พนั ธ์ทางดา้ นการเคลื่อนไหวท้งั หมด
ของร่างกาย พฒั นาการด้านร่างกายของเด็กปฐมวัย: แนวทางการส่งเสริมและพฒั นา
2. พฤตกิ รรมดา้ นการปรบั ตวั (Adaptive behavior) เปน็ ความสามารถ
ในการทำงานประสานกนั ระหว่างระบบการเคลอ่ื นไหวกับระบบความรูส้ ึก เชน่ การประสาน
ความสมั พันธ์ของการใช้มือและตา ซ่ึงดูได้จากความสามารถในการใชม้ อื ของเดก็ เชน่ การแกว่งกำไล
การสั่นกระดิ่ง
3. พฤตกิ รรมดา้ นภาษา (Language behavior) ประกอบด้วยวิธีสอ่ื สารทุกชนดิ
เช่น การแสดงออกทางหนา้ ตาทา่ ทางการเคลอื่ นไหวความสามารถในการเปล่งเสียง ภาษาพดู ภาษา
เขียน ความเข้าใจในการสือ่ สารกบั ผู้อ่นื
4. พฤตกิ รรมดา้ นนสิ ัยส่วนตวั และสงั คม (Personalsocial behavior)
เป็นความสามารถในการปรับตวั ของเดก็ ระหว่างบคุ คลกับบุคคล และบคุ คลกับกลุม่ ภายใต้ภาวะ
แวดล้อมและสภาพความเปน็ จริง นบั เป็นการปรับตัวท่ี ต้องอาศยั การเจริญเติบโตของสมอง และ
ระบบการเคลอื่ นไหวในส่วนท่ีเก่ียวข้องกับความสามารถในการใช้กล้ามเนอื้ เลก็ ประกอบกนั
ครอบคลุมท้ังการปฏิบัติกิจวัตรประจำวันสว่ นตัว เชน่ การรับประทานอาหาร การขับถ่าย และการ
ปฏิบตั ิกจิ กรรมทางสังคม เช่น การเลน่ การทำงานรว่ มกับผอู้ ื่น
จากแนวคดิ ทฤษฎีของกเี ซลล์ (สิริมา ภญิ โญอนนั ตพงษ์, 2553: 41-42) กลา่ วว่า
คุณลกั ษณะตามวัยเป็นความสามารถตามวัย หรือ พัฒนาการตามธรรมชาติเมือ่ เด็กมอี ายถุ ึงวยั น้นั ๆ
ผู้สอนจำเปน็ ตอ้ งทำความเขา้ ใจคุณลักษณะตามวัยของเด็กอายุ 3-5 ปี เพื่อนนำไปพิจารณาจดั
ประสบการณ์ใหเ้ ดก็ แตล่ ะวัยได้อยา่ งถกู ต้องเหมาะสม ขณะเดยี วกันจะต้องสงั เกตเด็กแต่ละคนซึ่งมี
ความแตกต่างระหว่างบคุ คล เพ่อื นำขอ้ มูลไปช่วยในการพฒั นาเดก็ ให้เตม็ ตามความสามารถและ
ศักยภาพ พัฒนาการเด็กในแต่ละช่วงอายุอาจเรว็ หรอื ช้ำกว่าเกณฑ์ทีก่ ำหนดไว้ และการพฒั นาจะ
เป็นไปอย่าตอ่ เนอ่ื ง ถา้ สงั เกตพบว่าเด็กไม่มีความกา้ วหน้าอยา่ งชดั เจนต้องพาเดก็ ไปปรกึ ษา
ผเู้ ช่ียวชาญหรือแพทยเ์ พื่อชว่ ยเหลือและแก้ไขได้ทันทว่ งที
กลุ ยา ตนั ติผลาชีวะ. (2556) คมู่ ือพอ่ แมม่ ือใหมเ่ ลี้ยงลูกวยั อนบุ าล อธิบายว่าการ
เจริญเติบโตและพฒั นาการด้านรา่ งกาย เด็กจะเติบโตเป็นไปอย่างสม่ำเสมอโดยเฉลย่ี มีนำ้ หนกั ตัว
เพ่ิมข้ึนปลี ะ 2-2.5 กโิ ลกรัม และมีส่วนสูงเพิม่ ปลี ะ 6-8 เซนตเิ มตร เดก็ วยั นจี้ งึ ดผู อมลงและสูงขนึ้
กล้ามเนอ้ื มดั ใหญเ่ จรญิ พัฒนาขนึ้ มาก ควบคุมการเคลื่อนไหวและทรงตวั ในทา่ ตา่ งๆ ได้ดี ชอบหอ้ ย
โหน ปนี ปา่ ย ลืน่ ไถล อายุ 3 ปี เด็กสามารถยืนขาเดยี วได้ชวั่ ครู่ วง่ิ แล้วหมุนตวั ได้โดยไม่ลม้ ขนึ้ บนั ได
สลับเท้าได้ขี่จักรยานสามลอ้ เมอื่ อายุ 4 ปี เดก็ จะสามารถกระโดดขาเดยี ว เดินลงบนั ไดสลบั เท้าไดป้ ีน
ต้นไม้ และเมอื่ อายุ 5 ปี จะสามารถกระโดดสลบั เทา้ กระโดดข้ามส่ิงกดี ขวางเตีย้ ๆได้ เดนิ ตอ่ เท้า
เปน็ เสน้ ตรงไดโ้ ดยไม่ล้ม อายุ 6 ปี เดนิ บนสน้ เท้า ใช้ 2 มือรับลกู บอลทโ่ี ยนมา และกระโดดไกลได้
ประมาณ 120 ซม. การออกกำลงั กายในวัย 3-6 ปี จะเปน็ รากฐานสำคัญต่อชีวิตเดก็ ไปตลอด การ
ออกกำลังกายจะสง่ เสรมิ การพฒั นาระบบประสาท กระดกู และกล้ามเน้อื ท่ีเกี่ยวข้องทงั้ กลา้ มเนอื้ มัด
ใหญ่ และกลา้ มเนอ้ื มัดเลก็ นอกจากน้ียังกระตุน้ การทำงานของสมองส่งผลต่อการเจริญเติบโต และ
พฒั นาความสามารถรอบดา้ นท้งั ทางรา่ งกาย อารมณ์ สงั คม และสติปัญญา ดังน้นั พ่อแม่ และครจู ึง
ควรสง่ เสรมิ การออกกำลังกายของเด็กวัยอนุบาลอยา่ งจรงิ จงั และสม่ำเสมอ เด็กวยั นีต้ ้องการการเล่น
อสิ ระกลางแจ้งอย่างนอ้ ยวนั ละ 30 นาที และไม่ควรปล่อยใหเ้ ด็กอยูก่ บั ส่อื อเิ ล็กทรอนกิ ส์เป็นเวลานาน
เกนิ 1 ช่ัวโมงต่อวัน จนขาดโอกาสออกกำลังกาย เด็กวยั น้มี ีการพฒั นาการทำงานของกล้ามเน้อื ทด่ี ขี ้ึน
เคล่ือนไหวไดเ้ รว็ และคล่องแคลว่ ทรงตัวได้ดีรับ และส่งบอลได้ตรงเปา้ หมาย กระโดดไดไ้ กล ปนี ปา่ ย
ไดเ้ ก่ง ประกอบกับการเล่นเป็นธรรมชาติของเด็กวัยนี้ดังนน้ั เขาจึงมกั จะมีแรงจูงใจในการออกกำลงั
กายอยแู่ ลว้ ขอเพียงได้รบั การสง่ เสรมิ จากพ่อแม่และครจู ดั กิจกรรมใหเ้ ขาได้ออกกำลังกาย เขามักจะ
ร่วมมือไดไ้ มย่ ากนกั
อรุณี หรดาล (2555: บทคัดยอ่ ) พฒั นาการดา้ นร่างกายเป็นกระบวนการ
เปล่ยี นแปลงโครงสร้างของรา่ งกาย การเจรญิ เติบโต และความสามารถในการใช้กล้ามเน้อื ใหญ่
กลา้ มเนอื้ เล็ก และการทำงานประสานสัมพนั ธ์ของกล้ามเนื้อส่วนตา่ ง ๆ ในการเคลอื่ นไหวท่ีเดก็ วยั น้ี
ใช้เป็นเครื่องมือในการสำรวจตนเอง และโลกรอบตัว การส่งเสรมิ และพัฒนาด้านรา่ งกายให้แกเ่ ด็ก
ปฐมวยั นอกจากจะช่วยให้เดก็ เจรญิ เติบโตมีโครงสรา้ งพืน้ ฐานของรา่ งกายสมวยัแลว้ ยงั ช่วยเสรมิ สรา้ ง
กระดกู และกล้ามเนื้อใหแ้ ข็งแรงทำงานไดอ้ ย่างประสานสมั พนั ธ์กัน ช่วยการเช่อื มโยงของเซลล์
ประสาท กระตนุ้ การทำงานของสมองน้อย และยังช่วยเตรยี มความพร้อมในการเขียนให้แก่เด็ก การ
จดั ประสบการณ์เพอ่ื พฒั นาดา้ น รา่ งกายให้แกเ่ ดก็ ปฐมวยั ควรมคี วามเหมาะสมกบั วุฒภิ าวะหรือความ
พรอ้ มของแตล่ ะบคุ คลโดยมแี นวทางการจดั ที่เน้นผู้เรียนเปน็ สำคญั คำนงึ ถึงความปลอดภัยและให้เดก็
เรียนรอู้ ย่างมคี วามสุข
วิลาวัณย์ เผอื กพ่วง (2536: 1 อ้างถึงใน ฐติ มิ าพร ชัยสมุทร, 2556) ได้กลา่ วถึง
พฒั นาการด้านร่างกายของเด็กปฐมวยั เมือ่ เดก็ ย่างเขา้ สู่วยั 3 – 5 ปี พัฒนาการทางกายจะปรากฏใน
รูปของความสามารถ ในรูปของอวยั วะต่าง ๆ ของรา่ งกายได้ชัดเจนขนึ้ ทง้ั ความสามารถในการทำงาน
ประสานกันของกลา้ มเนื้อใหญ่ การพัฒนาความสามารถในการบงั คับกล้ามเนอื้ ที่ใช้ในการเคลื่อนไหว
ของร่างกาย ได้แก่ การเดิน การวงิ่ การกระโดด การเตลูกบอล เปน็ ตน้ การพฒั นากลา้ มเนื้อน้สี ง่ ผล
ไปยังการทำงานของสมองของเด็ก แต่การทเ่ี ด็กจะทำงาน เลน่ คนเดียวได้นน้ั เป็นการผดิ ปกติ เพราะ
สังคมของเดก็ จะตอ้ งมีการเล่นและทำงานให้บรรลุเปา้ ประสงค์รว่ มกันได้ตอ้ งใช้การทำงานเปน็ กลุ่ม
สุวรรณี สร้อยเสนา และ สิรมิ า ภิญโญอนันตพงษ์ (2557) กล่าวว่า การฝกึ
ทกั ษะทางกายให้เดก็ ควรคอ่ ยทำไปทีละนอ้ ย เดก็ ย่ิงเจริญเติบโตขนึ้ ทกั ษะในการเคลอ่ื นไหวย่ิงมี
ความสำคญั ต่อบคุ ลิกภาพของเด็กมากยิง่ ข้นึ กจิ กรรมท่ีชว่ ยสง่ เสริมพัฒนาการด้านร่างกายของเดก็
โดยตรงกค็ ือ กิจกรรมกลางแจง้ เนอื่ งจากสามารถพฒั นาเดก็ ทางด้านร่างกายในเร่ืองความแข็งแรง
คล่องแคลว่ วอ่ งไว อวัยวะส่วนต่าง ๆ ทำงานสัมพนั ธก์ ันไดเ้ ปน็ อยา่ งดี พฒั นาการของเด็กปฐมวยั ท่ี
ชอบเคลื่อนไหว เด็กจะไดเ้ คล่ือนไหวสว่ นตา่ งๆของรา่ งกาย เปน็ การส่งเสริมพัฒนาการทางรา่ งกาย
ด้านทักษะการเดิน ทักษะการยืน และ ทกั ษะการกระโดดของเดก็ ให้มีความมนั่ คง แมน่ ยำ และมี
ความคลอ่ งแคล่ว ยืดหย่นุ ของอวยั วะตา่ ง ๆ ทำให้โครงสรา้ งรา่ งกายยืดตัว เตบิ โตข้นึ
แนวคดิ ของ ธอร์นไดค์ (Thorndike, n.d. อ้างถงึ ใน สุวรรณี สร้อยเสนา และ
สริ ิมา ภญิ โญอนนั ตพงษ์, 2557) ท่ีกล่าววา่ เดก็ จะเรียนรูจ้ ากการกระทำซำ้ ๆกนั หลายๆคร้ัง ซง่ึ จะทำ
ให้ระบบประสาท และกลา้ มเนื้อทำงานสัมพันธ์กันดี อันเป็นผลจากกฎแห่งการฝกึ หัด (Law of
Exercise) รวมทงั้ กฎแหง่ ผล (Law of Effect) ทำใหเ้ ด็กเรยี นรู้ไดด้ ขี ึ้น ถา้ ผลของการกระทำน้นั
เปน็ ไปในทางบวกหรือทางท่ีดี ซึง่ จะทำให้เดก็ เกดิ ความสนใจ เกดิ ทกั ษะ ทำให้เด็กมคี วามสนกุ สนาน
และมคี วามพอใจ สง่ ผลใหเ้ ด็กมพี ัฒนาการทางรา่ งกายดา้ นทกั ษะการเดินดขี นึ้ อยา่ งมาก
2.4 งานวิจัยทีเ่ กีย่ วขอ้ ง
ฐิตมิ าพร ชยั สมุทร (2556: บทคัดยอ่ ) ผลของการใชก้ จิ กรรมการเลน่ กลางแจ้งท่ีมีตอ่
ความพร้อมในการใช้กล้ามเนอื้ ใหญ่ของเดก็ ปฐมวัยช้ันปีที่ 1 โรงเรียนอันนาลัย อำเภอเมือง จังหวดั
สมทุ รสาคร ผลการวิจัยพบวา่ ความพร้อมในการใช้กล้ามเนือ้ ใหญข่ องเด็กปฐมวยั ช้นั ปีท่ี 1 ดา้ นการ
เคลอื่ นไหวอย่กู บั ท่ี การเคล่อื นไหวเคลอื่ นท่ี การเคลอื่ นไหวพรอ้ มอุปกรณ์ คุณลกั ษณะของการใช้
กลา้ มเน้อื ใหญ่ และโดยรวมหลงั การจดั กิจกรรมการเลน่ กลางแจ้งสงู กวา่ ก่อนการทดลอง อย่างมี
นยั สำคญั ทางสถิตทิ รี่ ะดับ 0.01
อรวรรณ คำสัตย์ (2559: บทคดั ยอ่ ) ผลการใชก้ ิจกรรมเกมกลางแจ้งเพ่อื พฒั นาความ
พร้อมทางรา่ งกายด้านกล้ามเน้อื ใหญ่ ของเดก็ ปฐมวยั ช้ันปที ่ี 2 พบว่า เด็กปฐมวัยชน้ั ปีท่ี 2 โรงเรยี น
อนบุ าลศขี รภมู ิ สำนกั งานเขตพ้นื ท่กี ารศึกษาประถมศึกษาสรุ ินทร์ เขต 1 ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา
2558 ที่ได้รับการจัดประสบการณ์การเรียนร้กู ารใชก้ จิ กรรมเกมกลางแจ้งเพ่ือพัฒนาความพร้อมทาง
รา่ งกายดา้ นกล้ามเน้ือใหญ่ มคี ะแนนเฉล่ยี ก่อนการทดลองเท่ากบั 6.24 สว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐาน
เท่ากบั 0.93 และคะแนนเฉล่ยี หลังการทดลองเทา่ กบั 12.38 ส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐาน
เทา่ กบั 1.23 ดังนั้นเดก็ ปฐมวัยชน้ั ปีท่ี 2 มีคะแนนหลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลอง โดยเฉลีย่
เท่ากับ 6.14 สว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐานเท่ากับ 1.13 อย่างมนี ยั สำคญั ทางสถิติท่ีระดบั .01
กนกเลขา โชคสวัสด์ิ (2559: 37) ได้ศึกษา และเปรียบเทยี บทักษะของการใช้กลา้ มเน้ือ
มดั ใหญข่ องเด็กปฐมวยั กอ่ นและหลังการจัดกจิ กรรมเกมเบ็ดเตลด็ กลมุ่ ตัวอย่างในการวิจยั คือ
นกั เรยี นชน้ั อนุบาล 2/1 ภาคเรยี นที่2 ปกี ารศกึ ษา2558 โรงเรียนเทศบาลศรีสวัสดิว์ ทิ ยา จำนวน 18
คน พบวา่ เดป็ ฐมวัยที่ได้รบั การจดั กิจกรรมเกมเบ็ดเตล็ดมที ักษะของการใช้กล้ามเน้อื มัดใหญ่มีคะแนน
ค่าเฉล่ยี กอ่ นการทดลองเท่ากับ 21.11 คะแนนคา่ เฉลีย่ หลงั การทดลองเท่ากับ 27.89 มีระดับ
พัฒนาการทกั ษะของการใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ในระดับสงู และเด็กปฐมวัยท่ไี ดร้ บั การจดั กจิ กรรมเกม
เบด็ เตลด็ มีทกั ษะของการใชก้ ล้ามเนอื้ มัดใหญห่ ลงั การจัดกจิ กรรมสงู กว่าก่อนการจัดกจิ กรรมโดย
คา่ เฉลีย่ หลังการทดลองสงู กวา่ กอ่ นการทดลองอย่างมีนยั สำคญั ทางสถิติท่ีระดับ .05
จากการศกึ ษางานวิจัยท่ีเกีย่ วข้อง พบวา่ ส่วนใหญ่เด็กมผี ลพัฒนากล้ามเนอ้ื ใหญ่ท่ดี ขี น้ึ
หลงั จากไดร้ ับการจัดกจิ กรรมกลางแจง้ เพราะการพัฒนากลา้ มเนื้อใหญ่เป็นส่งิ สำคญั สำหรับเดก็
ปฐมวัย การเคลอื่ นไหวสวนตางๆของร่างกายตองอาศยั การทำงานของระบบกล้ามเนื้อทมี่ ี
ประสิทธภิ าพ ดังน้นั ผรู้ ายงานจึงมีความสนใจท่ีจะศกึ ษาการใช้เกมกลางแจง้ ซง่ึ เป็นกจิ กรรมเกยี่ วกบั
การเลน่ เป็นกจิ กรรมทส่ี ่งเสริมพฒั นากลา้ มเนอื้ ใหญ่ของเด็กปฐมวัยใหม้ ีความแข็งแรง คลอ่ งแคล่ว
เพราะพื้นฐานของความแขง็ แรงของกล้ามเนอื้ ทีด่ ี เปน็ องคประกอบสำคญั ในการเรยี นรูของเดก็ ใน
ระดบั ตอไป
บทท่ี 3
วธิ ีดำเนนิ การศกึ ษา
การศึกษาผลการใช้เกมกลางแจ้งเพื่อพัฒนากล้ามเนอ้ื ใหญข่ องเดก็ ปฐมวยั ชนั้ อนบุ าลปี
ท่ี 3 เปน็ การศึกษากลุ่มเป้าหมาย โดยเลอื กแบบเจาะจง (purposive sampling) ผ้รู ายงานได้
ดำเนนิ การศึกษาโดยมีรายละเอียดดังน้ี
3.1 กลมุ่ เปา้ หมายที่ใชใ้ นการศกึ ษา
กลมุ่ เป้าหมาย กลุ่มเปา้ หมายที่ใชใ้ นการศึกษา คือ เดก็ ปฐมวัยที่มีอายุระหว่าง 5 - 6 ปี
ทีก่ ำลงั ศึกษาอยู่ชน้ั อนบุ าลปีที่ 3/1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2562 โรงเรียนอนุบาลสระบุรี จำนวน
31 คน ชาย 15 คน หญิง 16 คน โดยวิธีการเลอื กแบบเจาะจง (purposive sampling)
3.2 ตัวแปรทีศ่ ึกษา
ตัวแปรตน้ คือ เกมกลางแจง้ จำนวน 80 เกม
ตวั แปรตาม คือ พัฒนากล้ามเนื้อใหญ่ ด้วยวิธีการวัดและประเมนิ ผลตามมาตรฐานที่ 2
ตวั บง่ ช้ที ี่ 1 มี 4 สภาพทพี่ งึ ประสงค์ คอื
1) สภาพทพี่ งึ ประสงค์ 2.1.1 เดินต่อเท้าถอยหลงั เป็นเสน้ ตรงได้โดยไม่ต้องกางแขน
2) สภาพทพี่ ึงประสงค์ 2.1.2 กระโดดขาเดียวไปขา้ งหน้าได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่เสีย
การทรงตัว
3) สภาพทพี่ งึ ประสงค์ 2.1.3 วิ่งหลบหลกี ส่งิ กีดขวางไดอ้ ยา่ งคลอ่ งแคล่ว
4) สภาพที่พงึ ประสงค์ 2.1.4 รบั ลูกบอลทกี่ ระดอนขึน้ จากพน้ื ได้
3.3 เครื่องมอื ท่ีใช้ในการศกึ ษา
3.3.1 เคร่ืองมือทใี่ ช้ในการศกึ ษา ได้แก่
3.3.1.1 เกมกลางแจง้ เพอื่ พัฒนากลา้ มเนอื้ ใหญข่ องเด็กปฐมวยั ชั้นอนบุ าล
ปีท่ี 3 จำนวน 80 เกม
3.3.1.2 คมู่ ือเกมกลางแจง้ เพ่ือพัฒนากล้ามเน้ือใหญข่ องเด็กปฐมวยั
ชน้ั อนบุ าลปที ่ี 3
3.3.1.3 แผนการจัดประสบการณ์กิจกรรมกลางแจ้ง ช้ันอนุบาลปที ่ี 3 จำนวน
16 แผน
3.3.1.4 แบบประเมินผลพฒั นากลา้ มเน้ือใหญ่ก่อนและหลงั การใชเ้ กม
กลางแจ้งเพือ่ พัฒนากล้ามเนื้อใหญ่ ชั้นอนบุ าลปที ี่ 3
3.3.2 การสร้างและหาคณุ ภาพเครอื่ งมอื
ผูร้ ายงานได้กำหนดข้นั ตอนในการดำเนนิ การสรา้ งเครอื่ งมอื ดังน้ี
1) การสรา้ งและหาคณุ ภาพเกมกลางแจง้ เพื่อพฒั นากล้ามเน้ือใหญ่ของเด็ก
ปฐมวัย ชน้ั อนบุ าลปที ี่ 3
(1.1) ศกึ ษาเอกสาร งานวิจัย และหนังสอื ทเ่ี กีย่ วขอ้ งกบั เกมกลางแจ้งของ
วัฒนา ปุญญฤทธ์ิ, เตม็ ศิริ เนาวรงั สี และธนวดี ศุกระกาญจน์ (2550), นชุ นาฏ เนตรประเสริฐศรี
(2550), จิตรลดา ภูถาวร (2555), ฐติ มิ าพร ชยั สมทุ ร (2556), คู่มอื ผนู้ ำนนั ทนาการ กรมพลศึกษา
(2557), สมุ าลี บวั หลวง (2557), ฟาลาตี หมาดเต๊ะ (2557), กนั ตภณ วิชัยทา (2558) เพ่อื เปน็ แนว
ทางการสรา้ งเกมกลางแจ้งเพอื่ พฒั นากลา้ มเนอื้ ใหญ่ของเดก็ ปฐมวยั ช้ันอนุบาลปีที่ 3
(1.2) สรา้ งเกมกลางแจง้ เพื่อพฒั นากลา้ มเนอื้ ใหญ่ของเด็กปฐมวยั ชัน้ อนบุ าล
ปที ี่ 3 จำนวน 80 เกม ให้สอดคลอ้ งกบั หน่วยการจดั ประสบการณ์ ซงึ่ มขี น้ั ตอนการเล่นง่ายๆ เข้าใจ
ง่าย มีประโยชน์ตอ่ รา่ งกาย สามารถพัฒนากล้ามเนอ้ื ใหญ่ของเดก็ ปฐมวัย และมีความเหมาะสมกับ
เดก็ อายุ 5 – 6 ปี มากที่สุด โดยมกี ารดดั แปลงและพฒั นามาจากเอกสาร งานวจิ ัย และหนังสือท่ี
เก่ยี วขอ้ งกับเกมกลางแจง้ ในข้อ 1.1 ประกอบด้วย ระยะเวลา วัตถุประสงค์ อุปกรณ์ และวิธีการเลน่
(1.3) นำเกมกลางแจ้งเพือ่ พฒั นากลา้ มเนื้อใหญ่ของเด็กปฐมวยั ช้ันอนุบาลปี
ท่ี 3 ท้ัง 80 เกม เสนอตอ่ ผู้เช่ียวชาญจำนวน 5 ทา่ น ซ่ึงประกอบด้วย
1. นายสมบัติ เนตรสว่าง ตำแหน่ง ศกึ ษานเิ ทศก์ชำนาญการพิเศษ
สำนกั งานเขตพื้นทกี่ ารศึกษาประถมศึกษาสระบุรี เขต 1
2. นางนริ ามยั ไอยรานภารกั ษ์ ตำแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ชำนาญการพิเศษ
โรงเรียนอนุบาลสระบุรี
3. นางศศธิ ร ค้าเจรญิ สำนักงานเขตพื้นท่กี ารศกึ ษาประถมศึกษาสระบรุ ี เขต 1
ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ชำนาญการพเิ ศษ
โรงเรียนอนุบาลสระบรุ ี
สำนกั งานเขตพื้นทีก่ ารศกึ ษาประถมศึกษาสระบรุ ี เขต 1
4. นางวนดิ า สวัสดผิ ล ตำแหนง่ ครู วิทยฐานะ ชำนาญการพเิ ศษ
โรงเรยี นวัดหว้ ยบง (บริษทั ขา้ วไทยจำกัดสงเคราะห์ 3)
สำนักงานเขตพื้นทก่ี ารศกึ ษาประถมศกึ ษาสระบรุ ี เขต 1
5. นางวิไลพร อินทเคหะ ตำแหน่ง ครู วทิ ยฐานะ ชำนาญการพิเศษ
โรงเรยี นอนบุ าลเสาไห้
สำนักงานเขตพน้ื ท่ีการศึกษาประถมศึกษาสระบุรี เขต 1
พิจารณาตรวจสอบความเหมาะสม แล้วนำไปปรับปรงุ แก้ไขข้อบกพรอ่ งตามที่ผู้เช่ียวชาญเสนอแนะ
โดยการหาค่าความเหมาะสมด้วยค่าเฉล่ีย และคา่ เบย่ี งเบนมาตรฐาน กำหนดให้ค่าเฉลย่ี 3.51 ขน้ึ ไป
เป็นเกณฑ์พิจารณา และยอมรบั วา่ เปน็ เกมกลางแจ้งท่นี ำไปใช้ได้ และค่าเบี่ยงเบยี นมาตรฐานไม่เกนิ
1.00 ประเมินผล ตามวธิ ขี องลิเคอร์ท (Likert) เป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scale) 5
ระดบั กำหนดคะแนนการประเมินระดับความเหมาะสม ดังนี้
ระดบั 5 หมายถึง มคี วามคิดเห็นเหมาะสมมากท่ีสุด
ระดับ 4 หมายถึง มคี วามคิดเหน็ เหมาะสมเหมาะสมมาก
ระดบั 3 หมายถงึ มคี วามคิดเห็นเหมาะสมปานกลาง
ระดบั 2 หมายถงึ มคี วามคิดเหน็ เหมาะสมเหมาะสมน้อย
ระดบั 1 หมายถงึ มคี วามคิดเหน็ เหมาะสมน้อยที่สุด
(1.4) นำความคดิ เห็นของผู้เชยี่ วชาญทง้ั 5 ท่านมาวิเคราะห์ แล้วนำไปเทียบ
กับเกณฑ์เพือ่ หาระดับคุณภาพความเหมาะสม ดังนี้ (บุญชม ศรีสะอาด, 2556 : 121)
คะแนนเฉลีย่ 4.51 - 5.00 หมายถึง ระดบั ความคิดเห็นเหมาะสมมากท่ีสุด
คะแนนเฉลี่ย 3.51 - 4.50 หมายถึง ระดับความคิดเหน็ เหมาะสมมาก
คะแนนเฉล่ยี 2.51 - 3.50 หมายถงึ ระดบั ความคิดเห็นเหมาะสมปานกลาง
คะแนนเฉลี่ย 1.51 - 2.50 หมายถงึ ระดบั ความคิดเห็นเหมาะสมน้อย
คะแนนเฉล่ยี 0.00 - 1.50 หมายถงึ ระดับความคิดเหน็ เหมาะสมน้อยทีส่ ุด
สำหรับเกมกลางแจ้งเพื่อพัฒนากล้ามเนื้อใหญ่ของเดก็ ปฐมวัย ชน้ั อนุบาลปที ี่ 3 มี
คา่ เฉลย่ี ( ) ความคิดเห็น เท่ากบั 4.58 มีคุณภาพอยใู่ นระดับเหมาะสมมากที่สุด คา่ เบีย่ งเบน
มาตรฐาน 0.34
(1.5) ปรบั ปรงุ แก้ไขตามคำแนะนำของผเู้ ช่ียวชาญ โดยได้แกไ้ ขปรับปรุงตาม
คำแนะนำ ดังน้ี
1. ปรบั ปรุงเกมกลา้ งแจ้งเพื่อพฒั นากล้ามเนอ้ื ใหญ่ของเดก็ ปฐมวัย ชน้ั
อนุบาลปที ี่ 3 แต่ละเกม ให้มขี ั้นตอนการเล่นที่สอดคล้องกับวัตถปุ ระสงค์ เป็นเกมท่ไี มไ่ ดเ้ ป็นการ
แข่งขันแพ้ชนะ
2. ปรบั ปรงุ ภาษาที่ใช้ในวธิ ีการเล่น ควรใช้ใหเ้ หมาะสมกับวัยของ
เด็ก เพื่อใหเ้ ด็กเข้าใจในกติกาการเล่นท่ชี ัดเจน
3. ปรบั ปรงุ เกมในแต่ละเกมโดยใส่ภาพประกอบตามวิธีการเลน่ เกมตาม
ขอ้ ท่ีอธบิ าย และบรรยายใต้ภาพ
2) การสรา้ งและหาคุณภาพคมู่ อื เกมกลางแจ้งเพอ่ื พัฒนากลา้ มเนอ้ื ใหญข่ อง
เดก็ ปฐมวัย ช้นั อนบุ าลปที ่ี 3
(2.1) ศึกษาคู่มอื และหลักสตู รการศึกษาปฐมวัย พทุ ธศักราช 2560 และ
หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนอนุบาลสระบุรี
(2.2) สรา้ งคู่มอื เกมกลางแจง้ เพื่อพัฒนากล้ามเนอื้ ใหญ่ของเดก็ ปฐมวัย ชั้น
อนุบาลปที ี่ 3 ทีม่ ีความเหมาะสมกับเด็กอายุ 5 – 6 ปี โดยสร้างคำชีแ้ จง ข้อมูลเก่ยี วกับคู่มอื เกม
กลางแจ้งเพอื่ พฒั นากลา้ มเน้อื ใหญ่ของเดก็ ปฐมวัย ชั้นอนบุ าลปที ี่ 3 ไดแ้ ก่ ความเป็นมาและ
ความสำคญั วตั ถุประสงค์ แนวคิดและลกั ษณะการจดั กจิ กรรมกลางแจ้ง ขน้ั ตอนในการจดั กิจกรรม
กลางแจง้ บทบาทครปู ฐมวัย การวดั และประเมินผล
(2.3) นำคู่มอื เกมกลางแจง้ เพื่อพัฒนากล้ามเนื้อใหญข่ องเดก็ ปฐมวยั ชน้ั
อนบุ าลปที ่ี 3 เสนอต่อผู้เชีย่ วชาญจำนวน 5 ท่าน พจิ ารณาตรวจสอบความเหมาะสม แลว้ นำไป
ปรับปรงุ แก้ไขขอ้ บกพร่องตามท่ผี ู้เช่ียวชาญเสนอแนะ โดยการหาคา่ ความเหมาะสมด้วยคา่ เฉลย่ี และ
คา่ เบยี่ งเบนมาตรฐาน กำหนดให้ค่าเฉล่ีย 3.51 ข้ึนไป เป็นเกณฑ์พิจารณา และยอมรับวา่ เป็นคมู่ ือ
แผนการจดั ประสบการณ์กิจกรรมกลางแจ้งทน่ี ำไปใช้ได้ และค่าเบย่ี งเบยี นมาตรฐานไมเ่ กิน 1.00
ประเมนิ ผล ตามวธิ ีของลิเคอรท์ (Likert) เปน็ แบบมาตราสว่ นประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดบั
กำหนดคะแนนการประเมนิ ระดับความเหมาะสม ดงั น้ี
ระดับ 5 หมายถึง มคี วามคิดเหน็ เหมาะสมมากทสี่ ุด
ระดบั 4 หมายถงึ มคี วามคิดเหน็ เหมาะสมเหมาะสมมาก
ระดับ 3 หมายถงึ มคี วามคิดเห็นเหมาะสมปานกลาง
ระดบั 2 หมายถงึ มคี วามคิดเห็นเหมาะสมเหมาะสมนอ้ ย
ระดบั 1 หมายถึง มคี วามคิดเหน็ เหมาะสมนอ้ ยที่สดุ
(2.4) นำความคดิ เหน็ ของผเู้ ช่ยี วชาญท้ัง 5 ทา่ นมาวิเคราะห์ แลว้ นำไปเทยี บ
กับเกณฑ์เพอ่ื หาระดับคุณภาพความเหมาะสม ดงั น้ี (บญุ ชม ศรีสะอาด, 2556 : 121)
คะแนนเฉลย่ี 4.51 - 5.00 หมายถงึ ระดับความคิดเห็นเหมาะสมมากท่ีสดุ
คะแนนเฉล่ีย 3.51 - 4.50 หมายถึง ระดับความคิดเหน็ เหมาะสมมาก
คะแนนเฉลี่ย 2.51 - 3.50 หมายถึง ระดับความคิดเหน็ เหมาะสมปานกลาง
คะแนนเฉลย่ี 1.51 - 2.50 หมายถึง ระดับความคิดเหน็ เหมาะสมนอ้ ย
คะแนนเฉลี่ย 0.00 - 1.50 หมายถึง ระดบั ความคิดเห็นเหมาะสมนอ้ ยที่สุด
สำหรับคมู่ ือเกมกลางแจง้ เพือ่ พัฒนากล้ามเนอ้ื ใหญข่ องเด็กปฐมวยั ชน้ั อนบุ าลปีที่ 3
มีค่าคะแนนเฉลยี่ ( ) ความคิดเห็น เท่ากับ 4.60 มคี ณุ ภาพอยใู่ นระดับเหมาะสมมากที่สดุ
คา่ เบ่ียงเบนมาตรฐาน 0.53
(2.5) ปรบั ปรุงแกไ้ ขตามคำแนะนำของผู้เชย่ี วชาญ โดยไดแ้ ก้ไขปรับปรุงตาม
คำแนะนำ คือ ปรับปรุงขั้นตอนในการจดั กิจกรรมกลางแจง้ ใหช้ ัดเจนมากขน้ึ
3) การสร้างและหาคณุ ภาพแผนการจัดประสบการณ์กิจกรรมกลางแจ้ง
(3.1) ศกึ ษาคู่มือ และหลกั สูตรการศึกษาปฐมวัย พทุ ธศักราช 2560 และ
หลักสตู รสถานศึกษา โรงเรยี นอนบุ าลสระบุรี
(3.2) นำเกมกลางแจง้ เพือ่ พัฒนากล้ามเน้ือใหญ่ของเด็กปฐมวัย ชนั้ อนบุ าลปี
ท่ี 3 ฉบับทีส่ มบรู ณ์ มาเขียนแผนการจัดประสบการณ์กจิ กรรมกลางแจง้ ซ่ึงประกอบด้วย สาระสำคัญ
จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ ประสบการณส์ ำคัญ วิธีดำเนินกิจกรรม สื่อและแหล่งเรียนรู้
การวดั และประเมนิ ผล จำนวน 16 สัปดาห์ 80 กิจกรรม
(3.3) นำแผนการจัดประสบการณ์กจิ กรรมกลางแจง้ เสนอตอ่ ผู้เช่ยี วชาญ
จำนวน 5 ทา่ น พิจารณาตรวจสอบความเหมาะสมทจี่ ะนำไปจดั กจิ กรรม แล้วนำไปปรับปรงุ แก้ไข
ข้อบกพร่องตามทผ่ี ู้เช่ียวชาญโดยการหาค่าความเหมาะสมดว้ ยคา่ เฉลี่ย และค่าเบีย่ งเบนมาตรฐาน
กำหนดให้คา่ เฉล่ีย 3.51 ขนึ้ ไป เป็นเกณฑ์พิจารณา และยอมรบั วา่ เปน็ คมู่ ือแผนการจดั ประสบการณ์
กิจกรรมกลางแจ้งที่นำไปใช้ได้ และค่าเบยี่ งเบียนมาตรฐานไม่เกนิ 1.00 ประเมนิ ผล ตามวธิ ขี อง
ลิเคอรท์ (Likert) เป็นแบบมาตราสว่ นประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ กำหนดคะแนนการ
ประเมนิ ระดบั ความเหมาะสม ดงั นี้
ระดับ 5 หมายถึง มคี วามคิดเหน็ เหมาะสมมากทสี่ ุด
ระดับ 4 หมายถงึ มคี วามคิดเหน็ เหมาะสมเหมาะสมมาก
ระดบั 3 หมายถงึ มคี วามคิดเห็นเหมาะสมปานกลาง
ระดบั 2 หมายถงึ มคี วามคิดเหน็ เหมาะสมเหมาะสมน้อย
ระดบั 1 หมายถึง มคี วามคิดเหน็ เหมาะสมนอ้ ยท่ีสดุ
(3.4) นำความคิดเห็นของผ้เู ช่ียวชาญทัง้ 5 ท่านมาวิเคราะห์ แล้วนำไปเทียบ
กบั เกณฑ์เพือ่ หาระดับคุณภาพความเหมาะสม ดงั นี้ (บญุ ชม ศรีสะอาด, 2556 : 121)
คะแนนเฉลี่ย 4.51 - 5.00 หมายถึง ระดับความคิดเห็นเหมาะสมมากทีส่ ดุ
คะแนนเฉลี่ย 3.51 - 4.50 หมายถงึ ระดับความคิดเหน็ เหมาะสมมาก
คะแนนเฉล่ีย 2.51 - 3.50 หมายถงึ ระดบั ความคิดเหน็ เหมาะสมปานกลาง
คะแนนเฉลย่ี 1.51 - 2.50 หมายถึง ระดบั ความคิดเหน็ เหมาะสมนอ้ ย
คะแนนเฉลย่ี 0.00 - 1.50 หมายถึง ระดบั ความคิดเหน็ เหมาะสมนอ้ ยที่สุด
สำหรับแผนการจดั ประสบการณก์ ิจกรรมกลางแจ้ง มีคา่ คะแนนเฉลย่ี ( ) ความ
คดิ เห็น เท่ากับ 4.70 มีคุณภาพอยใู่ นระดับเหมาะสมมากท่ีสุด ค่าเบีย่ งเบนมาตรฐาน 0.31
คำแนะนำ ดังนี้ (3.5) ปรบั ปรงุ แกไ้ ขตามคำแนะนำของผู้เชย่ี วชาญ โดยไดแ้ กไ้ ขปรับปรงุ ตาม
ประสงค์ 1. ปรบั ปรงุ สาระสำคญั ของแผน
ดา้ นร่างกาย 2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ให้สอดคลอ้ งกับการประเมนิ ตาม 4 สภาพท่พี ึง
3. เพิม่ สาระทค่ี วรเรยี นรู้ และปรบั ปรุงประสบการณ์สำคญั ให้มเี ฉพาะ
4. ปรับปรุงวธิ ดี ำเนินกิจกรรม ข้นั นำ นำเข้าสบู่ ทเรียน ควรใช้วิธีการท่ี
หลากหลาย เป็น เพลง คำคล้องจอง เพอื่ กระตนุ้ เรา้ ความสนใจ จากน้นั สรา้ งข้อตกลงในการเลน่ เกม
เพือ่ ความปลอดภยั และหลังจากเล่นเกมแล้วต้องปฏิบตั ิอยา่ งไร เช่น เกบ็ อุปกรณ์สิ่งของเขา้ ที่ และทำ
ความสะอาดร่างกายหลงั จากการทำกิจกรรม ขนั้ สรุป เด็กและครูสนทนารว่ มกันถึงประโยชน์ตอ่
รา่ งกาย และควรสอดแทรกเรอื่ ง ความมีระเบยี บวินัย การเคารพกฎกติกา การแบง่ ปัน การรอคอย
การเสียสละ ความซอื่ สัตย์ เปน็ ต้น เพอ่ื นำไปบันทึกหลงั การจัดกจิ กรรม
5. นำแผนการจดั ประสบการณก์ ิจกรรมกลางแจง้ ที่ปรบั ปรุงแกไ้ ข
ขอ้ บกพร่องแลว้ จัดทำเป็นฉบับจรงิ เพ่ือนำไปใช้จัดกิจกรรมกบั เด็กปฐมวยั ชนั้ อนุบาลปีที่ 3 ภาค
เรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2562 โรงเรียนอนุบาลสระบรุ ี จำนวน 31 คน ชาย 15 คน หญงิ 16 คน ซง่ึ
เป็นกลมุ่ เปา้ หมายทใี่ ชใ้ นการศกึ ษา
4) การสรา้ งและหาคุณภาพแบบประเมินผลพัฒนากล้ามเนอ้ื ใหญ่กอ่ นและ
หลังการใชเ้ กมกลางแจ้งเพอ่ื พัฒนากล้ามเนอ้ื ใหญ่ ชน้ั อนบุ าลปที ่ี 3
(4.1) ศกึ ษาคมู่ อื หลกั สตู รการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 และคู่มอื
บันทกึ ข้อมลู การประเมินพฒั นาการนกั เรยี นทจ่ี บหลักสตู รการศึกษาปฐมวยั พุทธศักราช 2560 ปี
การศกึ ษา 2561
(4.2) สรา้ งแบบประเมนิ ผลพฒั นากล้ามเนอื้ ใหญ่กอ่ นและหลงั การใช้เกม
กลางแจง้ เพ่อื พฒั นากล้ามเนอื้ ใหญ่ของเด็กปฐมวัย ชัน้ อนุบาลปีท่ี 3 โดยใชว้ ิธีการประเมนิ ผลตาม
มาตรฐานที่ 2 ตัวบง่ ชี้ที่ 1 มี 4 สภาพทีพ่ ึงประสงค์ คอื
สภาพทพี่ งึ ประสงค์ 2.1.1 เดนิ ต่อเทา้ ถอยหลังเป็นเสน้ ตรงได้โดยไมต่ ้องกางแขน
สภาพที่พงึ ประสงค์ 2.1.2 กระโดดขาเดียวไปข้างหน้าได้อย่างตอ่ เน่อื งโดยไม่เสีย
การทรงตวั
สภาพทีพ่ ึงประสงค์ 2.1.3 ว่งิ หลบหลกี สง่ิ กีดขวางได้อยา่ งคล่องแคล่ว
สภาพที่พึงประสงค์ 2.1.4 รับลูกบอลทก่ี ระดอนข้นึ จากพ้ืนได้
ผรู้ ายงานไดส้ รา้ งแบบมาตราส่วนประมาณคา่ กำหนดตัวเลข (Numerical
Rating Scale) 3 ระดบั เป็นเกณฑก์ ารให้คะแนน ดงั น้ี
สภาพท่พี ึงประสงค์ 2.1.1 เดนิ ต่อเท้าถอยหลงั เปน็ เส้นตรงได้โดยไมต่ อ้ งกางแขน
เกณฑ์การประเมนิ
ระดับ 3 เดนิ ต่อเท้าถอยหลังเป็นเสน้ ตรงได้อยา่ งตอ่ เนื่อง โดยไม่ต้องกางแขน
ระดบั 2 เดินต่อเท้าถอยหลงั ตามแนวเสน้ ไดอ้ ยา่ งต่อเนื่อง แตก่ างแขนชว่ ยการทรงตัว
ระดับ 1 เดนิ ตอ่ เท้าถอยหลังตามแนวเส้นอย่างต่อเนือ่ ง ไม่ได้
สภาพท่พี งึ ประสงค์ 2.1.2 กระโดดขาเดยี วไปข้างหน้าไดอ้ ย่างต่อเน่อื งโดยไมเ่ สยี
การทรงตัว
เกณฑก์ ารประเมนิ
ระดบั 3 กระโดดขาเดียวไปข้างหน้าด้วยขาท่ีถนดั ไดอ้ ยา่ งตอ่ เนือ่ ง คล่องแคลว่ โดยไม่
เสียการทรงตวั
ระดบั 2 กระโดดขาเดยี วไปข้างหนา้ ด้วยขาที่ถนดั ไดอ้ ย่างต่อเน่ือง แต่ไมค่ ลอ่ งแคลว่ มี
การหยุด ระหว่างกระโดด
ระดับ 1 กระโดดขาเดยี วไปข้างหนา้ ด้วยขาที่ถนดั ได้แต่ไมต่ อ่ เนือ่ ง มีการหยดุ ระหวา่ ง
กระโดด และเสยี การทรงตวั
สภาพท่พี งึ ประสงค์ 2.1.3 วง่ิ หลบหลีก ส่ิงกดี ขวางได้อย่างคลอ่ งแคล่ว
เกณฑก์ ารประเมิน
ระดับ 3 วิ่งหลบหลีกส่ิงกีดขวางไดอ้ ยา่ งคลอ่ งแคล่ว วอ่ งไว และไมเ่ สยี การทรงตัว
ระดับ 2 วิ่งหลบหลกี ส่งิ กดี ขวางได้ ไม่เสียการทรงตัว แตไ่ ม่คล่องแคล่ว
ระดับ 1 วงิ่ หลบหลีกสงิ่ กีดขวางได้ไม่คลอ่ งแคล่ว และเสยี การทรงตวั
สภาพที่พงึ ประสงค์ 2.1.4 รบั ลูกบอลทกี่ ระดอนขึ้นจากพน้ื ได้
เกณฑก์ ารประเมิน
ระดบั 3 รับลูกบอลท่ีกระดอนขึน้ จากพ้ืนด้วยมือท้งั สองข้างได้ โดยไมใ่ ช้ลำตวั ช่วยและ
ลกู บอลไมต่ กลงพ้ืน
ระดับ 2 รับลกู บอลทกี่ ระดอนขึ้นจากพน้ื ดว้ ยมือท้งั สองข้างได้ โดยใชล้ ำตัวช่วยและลกู
บอลไมต่ กลงพื้น
ระดับ 1 รับลูกบอลท่ีกระดอนขึ้นจากพื้นด้วยมือทงั้ สองข้างไมไ่ ด้
นำคะแนนมาหาค่าเฉลย่ี และแปลผลเป็นระดับคุณภาพของสภาพทพ่ี งึ ประสงค์
(บญั ชเี รียกช่ือ และสมุดบันทกึ พฒั นาการนักเรยี น ตามหลักสตู รการศึกษาปฐมวยั พทุ ธศกั ราช 2560
อบ. 02) ดงั น้ี
ผลค่าเฉล่ีย 2.50 – 3.00 ระดับคุณภาพ 3 มีพัฒนาการตามสภาพทีพ่ งึ ประสงค์ทก่ี ำหนด
โดยไมต่ อ้ งช้ีแนะ
ผลค่าเฉล่ีย 1.50 – 2.49 ระดบั คณุ ภาพ 2 มีพฒั นาการตามสภาพท่ีพึงประสงค์ที่กำหนด
แต่ตอ้ งมกี ารชี้แนะในบางครงั้
ผลค่าเฉลย่ี 1.00 – 1.49 ระดับคุณภาพ 1 มีพัฒนาการตามสภาพทพ่ี ึงประสงค์ทกี่ ำหนด
เมอื่ มกี ารชี้แนะ
ซ่งึ การผา่ นเกณฑ์การประเมนิ พัฒนาการน้ันจะตอ้ งอย่ใู นระดบั คณุ ภาพ 3
(4.3) นำแบบประเมินผลพฒั นากลา้ มเนอ้ื ใหญ่ก่อนและหลงั การใชเ้ กม
กลางแจ้งเพอื่ พัฒนากลา้ มเนื้อใหญ่ของเด็กปฐมวยั ชั้นอนุบาลปที ี่ 3 เสนอต่อผู้เชี่ยวชาญจำนวน 5
ทา่ น เพ่ือประเมินหาคา่ ดัชนีความสอดคล้องระหวา่ งพัฒนาการตามสภาพท่ีพึงประสงค์กบั จดุ ประสงค์
การเรยี นรู้ (IOC) โดยกำหนดเกณฑใ์ นการพิจารณา ดังน้ี (สุรพงษ์ คงสัตย์ และ ธีรชาติ ธรรมวงศ์,
2551)
+1 หมายถงึ ผเู้ ชยี่ วชาญมคี วามเหน็ ว่าพัฒนาการตามสภาพที่พึงประสงค์
สอดคล้องกบั จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
0 หมายถึง ผูเ้ ชี่ยวชาญมีความเหน็ ว่าไม่แนใ่ จพัฒนาการตามสภาพที่พึง
ประสงค์สอดคลอ้ งกับจุดประสงค์การเรยี นรู้
-1 หมายถึง ผู้เชี่ยวชาญมคี วามเห็นว่าพัฒนาการตามสภาพทพ่ี งึ ประสงค์ไม่
สอดคลอ้ งกบั จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
นำคะแนนทไ่ี ดจ้ าการลงความเห็นของผูเ้ ชี่ยวชาญ ทง้ั 5 ทา่ น มาวิเคราะห์หา
คา่ ดัชนีความสอดคล้องระหว่างพัฒนาการตามสภาพท่พี งึ ประสงค์กับจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ซึ่ง
การศึกษาครง้ั นไี้ ด้ IOC โดยใช้เกณฑ์ IOC มากกวา่ หรอื เทา่ กบั 0.5 จึงถอื วา่ แบบประเมนิ ผลพฒั นา
กลา้ มเน้ือใหญ่กอ่ นและหลงั การใช้เกมกลางแจ้งเพือ่ พัฒนากลา้ มเนอื้ ใหญ่ ชน้ั อนุบาลปที ่ี 3 ใช้ได้
(สมนกึ ภัททยิ ธน.ี 2553 : 220) ซึ่งสรุปความเห็นของผู้เช่ยี วชาญทงั้ 5 ท่าน มคี ่าดชั นีความสอดคล้อง
ทกุ ข้อ พบว่า มีค่า 1.00 หมายความว่า แบบประเมินผลพัฒนากล้ามเนอื้ ใหญ่ก่อนและหลงั การใชเ้ กม
กลางแจง้ เพ่อื พัฒนากลา้ มเนือ้ ใหญ่ ชัน้ อนบุ าลปีที่ 3 มคี วามเท่ียงตรงกับจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
(4.4) ปรบั ปรงุ แก้ไขแบบประเมินผลพฒั นากลา้ มเนื้อใหญ่กอ่ นและหลังการ
ใชเ้ กมกลางแจง้ เพ่อื พัฒนากลา้ มเนือ้ ใหญข่ องเด็กปฐมวัย ชั้นอนบุ าลปีท่ี 3 ตามคำแนะนำของ
ผู้เช่ียวชาญ ดงั นี้
1. การประเมนิ สภาพที่พึงประสงค์ เรม่ิ ประเมินจากกาเดนิ ต่อเท้า
ถอยหลังเป็นเส้นตรงได้ โดยไมต่ ้องกางแขน กระโดดขาเดยี วไปขา้ งหนา้ ไดอ้ ยา่ งต่อเน่ืองโดยไม่เสยี
การทรงตวั การว่ิงหลบหลีก สงิ่ กีดขวางได้อย่างคล่องแคลว่ และการรับลูกบอลทก่ี ระดอนขน้ึ จากพืน้
ได้ ตามลำดบั ประเมนิ ตามสภาพทีพ่ งึ ประสงค์ของเดก็ 5 – 6 ปี
2. ตงั้ เกณฑ์การวัดและประเมนิ ผลโดยคำนึงถึงความสามารถของเด็ก
ไม่ควรตั้งเกณฑ์สูงเกนิ ไป
(4.5) นำแบบประเมินผลพฒั นากล้ามเนื้อใหญ่กอ่ นและหลงั การใชเ้ กม
กลางแจ้งเพอื่ พฒั นากลา้ มเนือ้ ใหญ่ของเด็กปฐมวัย ช้นั อนุบาลปที ่ี 3 ท่ีปรบั ปรุงแก้ไขแล้วไปใช้กบั เด็ก
กล่มุ เปา้ หมาย คือ เดก็ ปฐมวยั ทมี่ อี ายุระหว่าง 5 - 6 ปี ที่กำลังศึกษาอยู่ช้ันอนบุ าลปีที่ 3/1 ภาคเรยี น
ที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2562 โรงเรียนอนบุ าลสระบุรี จำนวน 31 คน ชาย 15 คน หญงิ 16 คน โดย
ดำเนินการตามแผนการวจิ ัยดังนี้
ประเมินผลพฒั นาการตามสภาพท่พี ึง จดั กิจกรรมเกม ประเมนิ ผลพัฒนาการตามสภาพท่ี
ประสงค์ กลางแจง้ เพอื่ พัฒนา พงึ ประสงค์
กลา้ มเน้อื ใหญ่ของเดก็
2.1.1 เดินต่อเทา้ ถอยหลงั เปน็ เส้นตรง ปฐมวัย ช้ันอนุบาลปี 2.1.1 เดินต่อเท้าถอยหลั งเป็น
ได้โดยไมต่ ้องกางแขน ท่ี 3 ตามคมู่ ือแผนการ เสน้ ตรงไดโ้ ดยไมต่ ้องกางแขน
จดั ประสบการณ์
2.1.2 กระโดดขาเดียวไปข้างหน้าได้ กิจกรรมกลางแจ้ง 2.1.2 กระโดดขาเดียวไปข้างหน้าได้
อยา่ งต่อเน่ืองโดยไม่เสียการทรงตวั และแผนการจัด อย่างตอ่ เน่อื งโดยไมเ่ สียการทรงตัว
ประสบการณ์กจิ กรรม
2.1.3 ว่งิ หลบหลีก ส่ิงกดี ขวางไดอ้ ยา่ ง กลางแจ้ง เป็นเวลา 2.1.3 วิ่งหลบหลีก สิ่งกีดขวางได้
คลอ่ งแคล่ว 16 สัปดาห์ 80 อยา่ งคล่องแคลว่
กจิ กรรม
2.1.4 รับลูกบอลที่กระดอนข้ึนจาก 2.1.4 รับลูกบอลที่กระดอนขึ้นจาก
พื้นได้ พนื้ ได้
กอ่ นการจัดกจิ กรรม ภาพที่ 2 แผนการศึกษา หลังการจัดกิจกรรม
3.4 วธิ ีดำเนินการศึกษาและเก็บรวบรวมขอ้ มลู
3.4.1 แบบแผนการศึกษา
การศึกษานี้ ผู้รายงานดำเนินการเปน็ แบบก่ึงทดลองทใ่ี ช้กลุ่มเป้าหมายเพยี งกลมุ่
เดียว ผ้รู ายงานดำเนินการศกึ ษาตามแผนการทดลองแบบ One Group Pretest-Posttest Design
(ลวน สายยศ และ องั คณา สายยศ, 2538:249) ดังนี้
กลมุ่ เปา้ หมาย ก่อนทำกิจกรรม ระหว่างทำกิจกรรม หลังทำกจิ กรรม
N T1 X T2
N แทน กลุ่มเปา้ หมาย
X แทน การจดั ประสบการณ์กจิ กรรมกลางแจง้ โดยการใช้เกมกลางแจง้ เพ่อื พัฒนา
กลา้ มเน้ือใหญ่ของเดก็ ปฐมวัย ชั้นอนบุ าลปีที่ 3
T1 แทน จำนวนของเด็กปฐมวัย ชน้ั อนุบาลปีที่ 3 ทม่ี ผี ลพฒั นากล้ามเน้ือใหญ่ ระดับ 3
ก่อนการใชเ้ กมเกมกลางแจ้งเพ่ือพฒั นากล้ามเน้ือใหญ่ของเด็กปฐมวัย ชน้ั อนบุ าลปีที่ 3
T2 แทน จำนวนของเด็กปฐมวัย ชนั้ อนุบาลปีท่ี 3 ที่มผี ลพัฒนากลา้ มเนื้อใหญ่ ระดบั 3
หลังการใชเ้ กมเกมกลางแจ้งเพือ่ พัฒนากลา้ มเนื้อใหญ่ของเด็กปฐมวัย ช้นั อนุบาลปีท่ี 3
3.4.2 วิธดี ำเนนิ การศกึ ษาและการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู
การศกึ ษาน้ี ผรู้ ายงานดำเนินการในภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 2562 โดยมี
วธิ ดี ำเนนิ การดังนี้
1) จัดเตรยี มสถานท่ีนอกห้องเรียนทที่ ำการจัดกิจกรรมใหเ้ หมาะสม
2) นำแบบประเมินพฒั นากล้ามเนือ้ ใหญ่ของเดก็ ปฐมวัย ช้ันอนบุ าลปีที่ 3 ตาม 4
สภาพท่พี ึงประสงค์ ไปประเมนิ พฒั นาการของเดก็ กลมุ่ เปา้ หมาย ก่อนการใช้เกมกลางแจง้ เพือ่ พัฒนา
กลา้ มเนื้อใหญ่ของเด็กปฐมวยั ชนั้ อนบุ าลปีท่ี 3 เปน็ เวลา 1 วัน
3) ดำเนินการจดั ประสบการณ์กิจกรรมกลางแจ้ง โดยใช้เกมกลางแจง้ เพื่อพัฒนา
กลา้ มเน้ือใหญ่ของเด็กปฐมวัย ชัน้ อนุบาลปีท่ี 3 ของกลุ่มเป้าหมาย จำนวน 31 คน เปน็ เวลา 16
สัปดาห์ สัปดาห์ละ 5 วนั ไดแ้ ก่ วนั จนั ทร์ วนั อังคาร วันพธุ วันพฤหัสบดี และวนั ศุกร์ วันละประมาณ
45 นาที ในชว่ งเวลา 9.00-9.45 น. จำนวนเกมที่ใช้ 80 เกม
4) ระหว่างจัดกิจกรรม ผ้รู ายงานจะเกบ็ ข้อมูลจำนวนนกั เรยี นที่มีผลพัฒนา
กล้ามเนื้อใหญ่ในระดับคณุ ภาพต่างๆของกลุ่มเปา้ หมาย ตาม 4 สภาพท่ีพงึ ประสงค์ ซ่ึงลงบันทกึ ไว้
หลังจัดกิจกรรมในวนั ที่ 5 ของทกุ สปั ดาห์ เพือ่ นำมาเปน็ ขอ้ มลู เชิงสถติ ิทกุ สัปดาห์
5) เมือ่ สิ้นสดุ การทำกจิ กรรม 16 สปั ดาห์ ทำการประเมินพัฒนาการหลังการใชเ้ กม
กลางแจ้งเพ่ือพฒั นากลา้ มเนือ้ ใหญ่ของเดก็ ปฐมวัย ชน้ั อนบุ าลปีท่ี 3
6) นำจำนวนเดก็ ปฐมวัย ทมี่ ีผลการประเมินพัฒนาการกอ่ นและหลงั การใช้เกม
กลางแจง้ เพื่อพฒั นากล้ามเนอ้ื ใหญข่ องเด็กปฐมวัย ชน้ั อนุบาลปที ี่ 3 ทีไ่ ด้ระดบั 3 มาหาคา่ ร้อยละ
และนำผลคะแนนการประเมินมาหาค่าเฉลยี่ ( ) คา่ เบีย่ งเบนมาตรฐาน เพ่ือนำไปวเิ คราะหข์ ้อมลู
ดว้ ยวธิ ีการทางสถิติ
3.5 การวิเคราะห์ขอ้ มูล และสถติ ิทใ่ี ชใ้ นการวิเคราะหข์ อ้ มูล
การวเิ คราะห์ข้อมูลครั้งน้ี ผู้รายงานจะใช้สถติ เิ พื่อการวเิ คราะห์ขอ้ มูลดังต่อไปน้ี
3.5.1 สถิติพ้ืนฐาน
วเิ คราะหผ์ ลการประเมนิ คุณภาพของเกมกลางแจ้งเพื่อพัฒนากลา้ มเน้ือใหญ่ของเดก็
ปฐมวัย ชั้นอนุบาลปที ี่ 3 คมู่ ือแผนการจัดประสบการณก์ ิจกรรมเกมกลางแจ้ง แผนการจัด
ประสบการณก์ ิจกรรมกลางแจง้ และคะแนนผลการประเมินพฒั นาการกอ่ นและหลังการใชเ้ กม
กลางแจ้งเพื่อพัฒนากล้ามเนอื้ ใหญข่ องเดก็ ปฐมวัย ชน้ั อนบุ าลปีที่ 3 โดยใช้ค่าร้อยละ ค่าเฉล่ีย และ
สว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐาน โดยใชส้ ูตร (พิศษิ ฐ ตัณฑวณชิ , 2553, น. 58) ดังนี้
3.5.1.1 สถิตคิ ่าร้อยละ (Percentage)
สูตร P = F x 100
n
เม่อื P แทน คา่ รอ้ ยละ
F แทน จำนวนกลมุ่ เปา้ หมายทีต่ ้องการหาคา่ รอ้ ยละ
n แทน จำนวนกลมุ่ เปา้ หมาย
3.5.1.2 ค่าเฉลี่ย
เมื่อ แทน คะแนนเฉลยี่
แทน ผลรวมของคะแนนความคิดเห็นทั้งหมด
แทน จำนวนผเู้ ชย่ี วชาญ
3.5.1.3 ส่วนเบ่ียงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)
S.D. =
เม่อื S.D. แทน ความเบีย่ งเบนมาตรฐาน
X แทน คะแนนทงั้ หมด
แทน คะแนนเฉล่ีย
N แทน จำนวนนักเรยี นของกลมุ่ เปา้ หมาย
3.5.2 สถติ ทิ ี่ใช้ในการตรวจสอบคุณภาพเครือ่ งมือวิจยั
การหาคุณภาพแบบประเมินผลพฒั นาการ โดยวธิ ีหาคา่ ดัชนีความสอดคล้อง ใช้สูตร
ดงั น้ี (นวลศรี ชำนาญกิจ, 2555, น. 61)
สตู ร IOC = ∑R
N
เมื่อ IOC แทน ดชั นีความสอดคล้อง
∑R แทน ผลรวมคะแนนความคดิ เห็นของผู้เชย่ี วชาญ
N แทน จำนวนผู้เช่ยี วชาญทัง้ หมด
3.5.3 สถิติทใ่ี ชใ้ นการทดสอบสมมติฐาน ไดแ้ ก่
เปรียบเทียบคะแนนเฉลย่ี กอ่ นและหลงั การใชเ้ กมกลางแจ้งเพ่ือพัฒนากลา้ มเน้ือใหญ่
ของเด็กปฐมวัย ช้ันอนบุ าลปที ี่ 3 ของกลุ่มเป้าหมาย โดยใช้การทดสอบค่าที ของกลุ่มเปา้ หมายที่
เก่ียวเน่ืองกนั t-test แบบ (Dependent Sample) โดยใช้สตู ร (พิชิต ฤทธจ์ิ รญู , 2551, น. 80) ดงั นี้
t = D ; df = n-1
N D2 − ( D)2
N −1
เม่อื t แทน คา่ ความแตกตา่ งของคะแนนกอ่ นและหลงั การจดั
D กจิ กรรมของแตล่ ะคน
แทน ความแตกตา่ งของคะแนนแต่ละคู่
D แทน ผลรวมของผลต่างระหว่างคะแนนกอ่ นการจดั กิจกรรม
และคะแนนหลังการจัดกจิ กรรมของแต่ละคน
D2 แทน ผลรวมของผลต่างระหวา่ งคะแนนก่อนการจัดกจิ กรรม
และคะแนนก่อนการจัดกจิ กรรมยกกำลังสอง
N แทน จำนวนนักเรียน
บทท่ี 4
ผลการวิเคราะหข์ ้อมลู
การศึกษาผลการใชเ้ กมกลางแจง้ เพอ่ื พัฒนากล้ามเน้ือใหญ่ของเดก็ ปฐมวัย ชัน้ อนบุ าลปี
ที่ 3 ผู้รายงานไดก้ ำหนดสญั ลักษณ์ท่ีใชใ้ นการวเิ คราะห์ข้อมูลและเสนอผลการวิเคราะหข์ ้อมูล ดงั นี้
N แทน จำนวนของเดก็ ปฐมวยั ทเ่ี ป็นกลมุ่ เป้าหมาย
P แทน คา่ รอ้ ยละ
F แทน จำนวนทต่ี อ้ งการหาคา่ ร้อยละ
แทน ค่าเฉลี่ยของคะแนน
S.D. แทน คา่ เบย่ี งเบนมาตรฐาน
แทน คาเฉล่ยี ของผลต่างของคะแนนกอนทดลองและหลังทดลอง
t แทน สถิตทิ ่ีใช้ในพจิ ารณา t – test (Dependent Sample)
* แทน มีนยั สำคัญทางสถิติทรี่ ะดบั .05
4.1 การนำเสนอผลการวิเคราะห์ขอ้ มูล
การนำเสนอผลการวเิ คราะห์ผลพัฒนากลา้ มเนอื้ ใหญ่ของเด็กปฐมวยั ช้นั อนุบาลปีที่ 3
ตามลำดบั ดังนี้
4.1.1 การวเิ คราะห์จำนวนของเด็กจากการประเมินผลพฒั นากลา้ มเนื้อใหญ่กอ่ น
และหลังการใชเ้ กมกลางแจง้ เพ่อื พฒั นากลา้ มเนอื้ ใหญข่ องเด็กปฐมวยั ชน้ั อนุบาลปีท่ี 3
1) การวเิ คราะห์ค่าร้อยละของจำนวนเด็กปฐมวัย ช้นั อนุบาลปีที่ 3 ทีม่ ีผล
พัฒนากลา้ มเนือ้ ใหญ่ระดับ 3 รายสภาพท่พี ึงประสงค์ ก่อนและระหวา่ งการจัดประสบการณก์ ิจกรรม
กลางแจง้ โดยใช้เกมกลางแจง้ เพ่อื พฒั นากล้ามเนอ้ื ใหญ่
2) การวิเคราะห์คา่ ร้อยละของจำนวนเด็กปฐมวยั ชนั้ อนุบาลปีท่ี 3 ทีม่ ีผล
พัฒนากล้ามเนื้อใหญ่ระดับ 3 โดยรวม ก่อน ระหวา่ ง และหลังการจดั ประสบการณก์ ิจกรรมกลางแจ้ง
โดยใชเ้ กมกลางแจ้งเพือ่ พฒั นากล้ามเนอื้ ใหญ่
4.1.2 การวเิ คราะห์เปรียบเทยี บคา่ ร้อยละของจำนวนเดก็ ปฐมวัย ช้ันอนุบาลปที ่ี 3
ทมี่ ีผลพัฒนากล้ามเน้ือใหญ่ระดบั 3 รวม 4 สภาพทพ่ี ึงประสงค์ ก่อนและระหว่างการจดั
ประสบการณก์ ิจกรรมกลางแจ้ง โดยใช้เกมกลางแจ้งเพอื่ พัฒนากล้ามเนือ้ ใหญ่
4.2 ผลการวิเคราะหข์ ้อมูล
4.2.1 การวเิ คราะห์จำนวนเด็กปฐมวัย ช้นั อนุบาลปที ่ี 3 ท่มี ผี ลพฒั นากล้ามเนือ้
ใหญ่ระดับ 3 รายสภาพท่พี ึงประสงค์ ก่อนและระหว่างการจดั ประสบการณ์กิจกรรมกลางแจง้ โดยใช้
เกมกลางแจง้ เพอ่ื พัฒนากล้ามเนือ้ ใหญ่ ซง่ึ บันทกึ ไว้หลงั จดั กจิ กรรมในวันที่ 5 ของทุกสปั ดาห์ เพอ่ื
นำมาเปน็ ขอ้ มลู เชิงสถติ ิทุกสปั ดาห์
ผู้รายงานได้นำจำนวนของเดก็ ปฐมวยั ชั้นอนุบาลปที ่ี 3 ทม่ี ีผลพัฒนากล้ามเน้ือใหญ่
ระดบั 3 ท้ัง 16 สัปดาห์ มาวเิ คราะหห์ าค่ารอ้ ยละ ปรากฏผลดงั แสดงในตารางท่ี 4.1 – 4.4 และ
กราฟที่ 4.1 – 4.4
ตารางที่ 4.1 คา่ ร้อยละของจำนวนเดก็ ปฐมวยั ชั้นอนุบาลปีที่ 3 ท่มี ีผลพฒั นากล้ามเนอื้ ใหญ่ระดับ 3
ตามสภาพที่พงึ ประสงค์ 2.1.1 เดินตอ่ เทา้ ถอยหลังเป็นเสน้ ตรงไดโ้ ดยไมต่ ้องกางแขน กอ่ นและ
ระหวา่ งการจดั ประสบการณ์กิจกรรมกลางแจ้ง โดยใชเ้ กมกลางแจ้ง เพ่อื พฒั นากล้ามเนือ้ ใหญ่ เปน็
รายสปั ดาห์ (N = 31)
สภาพทพี่ งึ ประสงค์ 2.1.1 เดนิ ตอ่ เท้าถอย กอ่ น ระยะเวลา (สัปดาหท์ )ี่
หลงั เปน็ เส้นตรงไดโ้ ดยไมต่ ้องกางแขน ใช้เกม 1 234
F 4 6 11 19 27
P 12.90 19.35 35.48 61.29 87.10
กราฟท่ี 4.1 ค่าร้อยละของจำนวนเด็กปฐมวยั ชน้ั อนุบาลปีที่ 3 ที่มีผลพฒั นากลา้ มเนื้อใหญ่ระดับ 3
ตามสภาพท่พี ึงประสงค์ 2.1.1 เดินต่อเท้าถอยหลังเปน็ เส้นตรงได้โดยไม่ตอ้ งกางแขน กอ่ นและ
ระหว่างการจดั ประสบการณก์ จิ กรรมกลางแจ้ง โดยใชเ้ กมกลางแจง้ เพอ่ื พัฒนากล้ามเนือ้ ใหญ่ เป็น
รายสปั ดาห์
จากตารางที่ 4.1 และกราฟที่ 4.1 แสดงใหเ้ หน็ ว่าจำนวนและคา่ ร้อยละของเด็กปฐมวยั
ชนั้ อนุบาลปที ่ี 3 ทม่ี ีผลพัฒนากลา้ มเน้ือใหญ่ระดบั 3 ตามสภาพท่พี ึงประสงค์ 2.1.1 เดนิ ต่อเทา้ ถอย
หลังเป็นเส้นตรงได้โดยไม่ต้องกางแขน กอ่ นจากการใชเ้ กมกลางแจ้ง มีจำนวน 4 คน คิดเปน็ ร้อยละ
12.90 และระหวา่ งการจดั ประสบการณก์ จิ กรรมกลางแจ้ง โดยใช้เกมกลางแจง้ เพอ่ื พฒั นากล้ามเน้ือ
ใหญ่ เป็นรายสปั ดาห์ มีจำนวน 6 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 19.35, จำนวน 11 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 35.48,
จำนวน 19 คน คิดเปน็ ร้อยละ 61.29 และ จำนวน 27 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 87.10 ตามลำดบั แสดง
วา่ ต้ังแต่สัปดาหท์ ี่ 1 ถึง สัปดาห์ที่ 4 มจี ำนวนเดก็ โดยคิดเป็นค่าร้อยละมีผลพฒั นากล้ามเนอื้ ใหญ่
แนวโนม้ เพิม่ ขน้ึ ตลอดชว่ งเวลาจัดกิจกรรม
ตารางท่ี 4.2 จำนวนและร้อยละของเด็กปฐมวัย ช้ันอนุบาลปที ่ี 3 ท่ีมีผลพัฒนากลา้ มเนอ้ื ใหญ่ระดับ 3
ตามสภาพท่ีพงึ ประสงค์ 2.1.2 กระโดดขาเดยี วไปข้างหนา้ ได้อย่างตอ่ เนอื่ งโดยไมเ่ สยี การทรงตัว กอ่ น
และระหวา่ งการจดั ประสบการณก์ จิ กรรมกลางแจ้ง โดยใชเ้ กมกลางแจง้ เพอื่ พัฒนา
กล้ามเน้อื ใหญ่ เป็นรายสัปดาห์ (N = 31)
สภาพที่พึงประสงค์ 2.1.2 กระโดด ระยะเวลา (สัปดาห์)
ขาเดียวไปขา้ งหน้าได้อยา่ งตอ่ เน่อื ง กอ่ น
ใช้เกม 5 6 7 8
โดยไมเ่ สียการทรงตัว
F 7 11 19 25 31
P 22.58 35.48 61.29 80.65 100.00
กราฟท่ี 4.2 ค่าร้อยละของจำนวนเดก็ ปฐมวยั ชั้นอนุบาลปีที่ 3 ทม่ี ีผลพัฒนากล้ามเนื้อใหญ่ระดบั 3
ตามสภาพทพ่ี ึงประสงค์ 2.1.2 กระโดดขาเดยี วไปขา้ งหน้าได้อย่างต่อเนือ่ งโดยไมเ่ สียการทรงตัว ก่อน
และระหว่างการจัดประสบการณก์ ิจกรรมกลางแจ้ง โดยใชเ้ กมกลางแจง้ เพอ่ื พัฒนากล้ามเน้อื ใหญ่
เปน็ รายสัปดาห์
จากตารางท่ี 4.2 และกราฟท่ี 4.2 แสดงใหเ้ ห็นว่าจำนวนและคา่ ร้อยละของเด็กปฐมวยั
ชั้นอนุบาลปที ี่ 3 ทมี่ ีผลพฒั นากลา้ มเนอ้ื ใหญ่ระดบั 3 ตามสภาพท่พี ึงประสงค์ 2.1.2 กระโดดขาเดียว
ไปขา้ งหน้าไดอ้ ยา่ งต่อเนื่องโดยไมเ่ สียการทรงตัว กอ่ นจากการใช้เกมกลางแจง้
มจี ำนวน 7 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 22.58 และระหว่างการจดั ประสบการณ์กจิ กรรมกลางแจ้ง โดยใช้เกม
กลางแจ้ง เพ่อื พฒั นากล้ามเนื้อใหญ่ เป็นรายสปั ดาห์ มีจำนวน 11 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 35.48, จำนวน
19 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 61.29, จำนวน 25 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 80.65 และจำนวน 31 คน คิดเปน็ รอ้ ย
ละ 100.00 ตามลำดบั แสดงว่าตงั้ แต่สัปดาหท์ ี่ 5 ถึง สัปดาห์ที่ 8 มีจำนวนเด็กโดยคดิ เป็นคา่ รอ้ ยละมี
ผลพัฒนากล้ามเนือ้ ใหญแ่ นวโนม้ เพ่มิ ขึ้นตลอดชว่ งเวลาจดั กิจกรรม
ตารางท่ี 4.3 จำนวนและร้อยละของเด็กปฐมวัย ช้นั อนุบาลปีท่ี 3 ท่มี ีผลพัฒนากล้ามเนอ้ื ใหญ่ระดบั 3
ตามสสภาพท่พี งึ ประสงค์ 2.1.3 ว่ิงหลบหลีก ส่งิ กดี ขวางไดอ้ ยา่ งคลอ่ งแคลว่ กอ่ นและระหว่างการจดั
ประสบการณ์กจิ กรรมกลางแจง้ โดยใช้เกมกลางแจ้ง เพอื่ พฒั นากล้ามเน้ือใหญ่ เปน็ รายสัปดาห์ (N =
31)
สภาพท่ีพงึ ประสงค์ 2.1.3 วิ่งหลบหลกี ก่อน ระยะเวลา (สัปดาห)์
สิง่ กีดขวางไดอ้ ย่างคลอ่ งแคลว่ ใชเ้ กม 9 10 11 12
F 8 10 17 25 31
P 25.81 32.26 54.84 80.65 100.00
กราฟท่ี 4.3 คา่ ร้อยละของจำนวนเดก็ ปฐมวัย ชัน้ อนุบาลปที ี่ 3 ท่ีมีผลพฒั นากลา้ มเนื้อใหญ่ระดบั 3
ตามสภาพที่พึงประสงค์ 2.1.3 วิง่ หลบหลีก ส่งิ กีดขวางไดอ้ ย่างคล่องแคลว่ ก่อนและระหวา่ งการจัด
ประสบการณก์ จิ กรรมกลางแจง้ โดยใช้เกมกลางแจง้ เพ่อื พัฒนากล้ามเนอื้ ใหญ่ เป็นรายสปั ดาห์
จากตารางท่ี 4.3 และกราฟท่ี 4.3 แสดงให้เหน็ ว่าจำนวนและคา่ รอ้ ยละของเดก็ ปฐมวยั
ชัน้ อนุบาลปที ่ี 3 ท่ีมีผลพฒั นากลา้ มเน้ือใหญ่ระดับ 3 ตามสภาพทีพ่ ึงประสงค์ 2.1.3 ว่งิ หลบหลกี สิ่ง
กีดขวางไดอ้ ย่างคล่องแคลว่ ก่อนจากการใช้เกมกลางแจ้ง มจี ำนวน 8 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 25.81 และ
ระหว่างการจดั ประสบการณ์กจิ กรรมกลางแจ้ง โดยใชเ้ กมกลางแจง้ เพอ่ื พัฒนากล้ามเนื้อใหญ่ เปน็
รายสัปดาห์ มจี ำนวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 32.26, จำนวน 17 คน แ100.00 ตามลำดับ แสดงว่า
ตงั้ แต่สปั ดาห์ที่ 9 ถงึ สัปดาหท์ ่ี 12 มจี ำนวนเดก็ โดยคดิ เป็นคา่ ร้อยละมผี ลพฒั นากลา้ มเนอื้ ใหญ่
แนวโนม้ เพม่ิ ข้ึนตลอดชว่ งเวลาจัดกิจกรรม
ตารางที่ 4.4 จำนวนและร้อยละของเดก็ ปฐมวยั ชั้นอนุบาลปีท่ี 3 ทมี่ ีผลพฒั นากล้ามเนอ้ื ใหญ่ระดับ 3
ตามสสภาพทีพ่ ึงประสงค์ 2.1.4 รบั ลกู บอลที่กระดอนขึ้นจากพื้นได้ ก่อนและระหวา่ งการจดั
ประสบการณ์กิจกรรมกลางแจง้ โดยใช้เกมกลางแจง้ เพ่อื พฒั นากล้ามเนื้อใหญ่ เปน็ รายสปั ดาห์ (N =
31)
สภาพทพ่ี งึ ประสงค์ 2.1.4 รบั ลูกบอล ก่อน ระยะเวลา (สัปดาห)์
ที่กระดอนข้นึ จากพื้นได้ ใชเ้ กม 13 14 15 16
F 9 12 17 24 28
P 29.03 38.71 54.84 77.42 90.32
กราฟท่ี 4.4 คา่ ร้อยละของจำนวนเดก็ ปฐมวัย ช้ันอนุบาลปที ี่ 3 ท่มี ีผลพฒั นากล้ามเนื้อใหญ่ระดบั 3
ตามสภาพทีพ่ งึ ประสงค์ 2.1.4 รบั ลูกบอลท่กี ระดอนขนึ้ จากพื้นได้ ก่อนและระหวา่ งการจดั
ประสบการณก์ ิจกรรมกลางแจ้ง โดยใช้เกมกลางแจง้ เพื่อพัฒนากล้ามเนื้อใหญ่ เป็นรายสัปดาห์
จากตารางท่ี 4.4 และกราฟที่ 4.4 แสดงใหเ้ ห็นว่าจำนวนและค่ารอ้ ยละของเด็กปฐมวัย
ช้นั อนุบาลปีท่ี 3 ท่ีมีผลพฒั นากล้ามเนื้อใหญ่ระดับ 3 ตามสภาพทพี่ งึ ประสงค์ 2.1.4 รบั ลูกบอลท่ี
กระดอนขึ้นจากพ้ืนได้ ก่อนจากการใชเ้ กมกลางแจง้ มจี ำนวน 9 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 29.03 และ
ระหว่างการจดั ประสบการณก์ จิ กรรมกลางแจ้ง โดยใชเ้ กมกลางแจ้ง เพอ่ื พัฒนากล้ามเนอ้ื ใหญ่ เปน็
รายสปั ดาห์ มจี ำนวน 12 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 38.71, จำนวน 17 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 54.84, จำนวน
24 คน คิดเปน็ ร้อยละ 77.42 แลจำนวน 28 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 90.32 ตามลำดบั แสดงว่าตงั้ แต่
สัปดาห์ท่ี 13 ถึง สปั ดาหท์ ่ี 16 มีจำนวนเด็กโดยคิดเป็นค่าร้อยละมผี ลพฒั นากลา้ มเน้อื ใหญ่แนวโนม้
เพิม่ ข้ึนตลอดชว่ งเวลาจดั กจิ กรรม
4.2.2 การวิเคราะห์คา่ รอ้ ยละของจำนวนเดก็ ปฐมวยั ชนั้ อนุบาลปีท่ี 3 ที่มีผล
พัฒนากลา้ มเน้ือใหญ่ระดบั 3 โดยรวม กอ่ นและระหวา่ งการจัดประสบการณก์ จิ กรรมกลางแจง้ โดย
ใช้เกมกลางแจง้ เพือ่ พัฒนากล้ามเนอ้ื ใหญ่ ปรากฏผลดังแสดงในกราฟท่ี 4.5
กราฟท่ี 4.5 แสดงค่าร้อยละของจำนวนเด็กปฐมวัย ชั้นอนุบาลปที ่ี 3 ท่ีมีผลพฒั นากลา้ มเนื้อใหญ่
ระดับ 3 โดยรวม 4 สภาพที่พึงประสงค์ กอ่ น ระหว่าง และหลัง การจัดประสบการณก์ จิ กรรม
กลางแจ้ง โดยใช้เกมกลางแจ้งเพื่อพฒั นากล้ามเน้อื ใหญ่
กราฟแสดงจานวนเดก็ ท่ีมผี ลพัฒนากล้ามเน้อื ใหญ่ระดับ 3
โดยรวม 4 สภาพท่ีพึงประสงค์
120
100
80
60
40
20
0
ก่อนการใช้เกม ครั้งที่ 1 คร้งั ที่ 2 ครงั้ ท่ี 3 ครั้งท่ี 4 หลงั การใชเ้ กม
สภาพที่พงึ ประสงค์ 2.1.1 สภาพทพ่ี งึ ประสงค์ 2.1.2 สภาพท่พี ึงประสงค์ 2.1.3 สภาพที่พึงประสงค์ 2.1.4
จากกราฟที่ 4.5 แสดงใหเ้ หน็ ว่าจำนวนและคา่ ร้อยละของเดก็ ปฐมวยั ชนั้ อนุบาลปที ่ี 3
ทีม่ ีผลพฒั นากลา้ มเนือ้ ใหญ่ระดับ 3 เด็กได้รับการพัฒนากลา้ มเนอ้ื ใหญ่สงู ขน้ึ โดยรวม ทัง้ 4 สภาพที่
พึงประสงค์
4.2.3 การวิเคราะห์เปรียบเทียบรอ้ ยละของเดก็ ปฐมวยั ชน้ั อนบุ าลปีที่ 3 ท่ีมีผลพัฒนา
กล้ามเน้ือใหญ่ ระดบั 3 ก่อนและหลงั การใชเ้ กมกลางแจง้ เพอื่ พัฒนากลา้ มเนื้อใหญข่ องเดก็ ปฐมวยั
ชั้นอนบุ าลปที ี่ 3 โดยรวมและรายสภาพที่พึงประสงค์ โดยใช้สถิตริ ้อยละ (Percentage) ปรากฏผลดัง
แสดงในตารางที่ 4.6 และกราฟที่ 4.6
ตารางที่ 4.6 เปรยี บเทียบค่ารอ้ ยละของจำนวนเด็กปฐมวัย ชนั้ อนุบาลปีที่ 3 ทมี่ ีผลพัฒนากลา้ มเน้ือ
ใหญ่ ระดับ 3 ก่อนและหลังการใชเ้ กมกลางแจง้ เพ่ือพฒั นากล้ามเนอ้ื ใหญ่ของเด็กปฐมวัย โดยรวม
และรายสภาพทพ่ี ึงประสงค์ (N = 31)
สภาพท่ีพงึ ประสงค์ จำนวนเดก็ กอ่ น จำนวนเด็ก หลัง
ปฐมวัยทไ่ี ด้ การใช้เกม ปฐมวัยท่ีได้ การใช้เกม
ระดบั 3 (คิดเป็นร้อยละ) ระดับ 3 (คดิ เปน็ ร้อยละ)
(ก่อน) (กอ่ น)
2.1.1 เดนิ ตอ่ เทา้ ถอยหลังเปน็ 4 12.90 28 90.32
เส้นตรงไดโ้ ดยไมต่ อ้ งกางแขน
2.1.2 กระโดดขาเดียวไป 7 22.58 31 100.00
ขา้ งหนา้ ได้อยา่ งต่อเนื่องโดยไม่
เสยี การทรงตัว
2.1.3 วิ่งหลบหลีก สง่ิ กดี ขวางได้ 8 25.81 31 100.00
อย่างคลอ่ งแคลว่
2.1.4 รับลูกบอลทก่ี ระดอนขึ้น 9 29.03 28 90.32
จากพ้ืนได้
รวม 4 สภาพที่พงึ ประสงค์ 10 32.26 31 100.00
กราฟท่ี 4.6 เปรยี บเทียบค่ารอ้ ยละของจำนวนเดก็ ปฐมวัย ช้นั อนุบาลปีท่ี 3 ที่มผี ลพฒั นา
กล้ามเนื้อใหญ่ระดับ 3 รวม 4 สภาพทีพ่ ึงประสงค์ ก่อนและระหว่างการจดั ประสบการณ์กจิ กรรม
กลางแจง้ โดยใช้เกมกลางแจง้ เพื่อพัฒนากล้ามเนื้อใหญ่
จากตารางท่ี 4.5 และกราฟที่ 4.5 แสดงให้เห็นว่าจำนวนและค่าร้อยละของเด็กปฐมวยั
ชน้ั อนุบาลปีที่ 3 ท่มี ีผลพฒั นากลา้ มเน้ือใหญ่ระดับ 3 รวม 4 สภาพที่พึงประสงค์ กอ่ นการใชเ้ กม
กลางแจง้ มจี ำนวน 10 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 32.26 และหลังการใชเ้ กมกลางแจง้ มี 31 คน คิดเปน็ รอ้ ย
ละ 100.00 แสดงว่าเด็กปฐมวยั ชั้นอนุบาลปีท่ี 3 มีจำนวนเด็กโดยคดิ เปน็ ค่ารอ้ ยละมีผลพัฒนา
กลา้ มเน้อื ใหญ่แนวโน้มเพิม่ ขนึ้ ตลอดช่วงเวลาจัดกิจกรรม
ตารางท่ี 4.7 ค่าเฉลยี่ สว่ นเบีย่ งเบนมาตรฐาน และคา่ t-test ของการเปรยี บเทียบคะแนนก่อนการ
ใช้เกมกลางแจ้ง และหลงั การใช้เกมกลางแจง้ เพอ่ื พัฒนากลา้ มเนื้อใหญ่ของเดก็ ปฐมวยั ช้ันอนุบาลปีที่
3 โดยรวม 4 สภาพที่พงึ ประสงค์
สภาพท่พี ึงประสงค์ คะแนนกอ่ น คะแนนหลงั t
N การใชเ้ กม การใชเ้ กม
S.D. S.D.
รวม 4 สภาพท่พี ึงประสงค์ 31 2.26 0.58 3.00 0.00 0.74 7.18*
*มีนัยสำคญั ทางสถิติทร่ี ะดับ .05
จากตารางที่ 4.7 แสดงให้เหน็ ว่าคะแนนผลพัฒนากล้ามเนอ้ื ใหญ่ของเดก็ ปฐมวยั ชน้ั
อนบุ าลปที ี่ 3 หลงั การใชเ้ กมกลางแจ้งสงู กวา่ กอ่ นการใช้เกมกลางแจง้ โดยมีคา่ เฉลีย่ ของคะแนนผล
พัฒนาการก่อนและหลังการใชเ้ กม เท่ากับ 2.26 และ 3.00 ตามลำดับ ค่าเบย่ี งเบนมาตรฐานก่อนและ
หลังการใชเ้ กม เท่ากับ 0.58 และ 0.00 ตามลำดับ แตกตา่ งกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติทร่ี ะดบั .05
สอดคลอ้ งกับวัตถุประสงค์ของการศึกษาและเปน็ ไปตามสมมตฐิ านท่ีตัง้ ไว้
บทที่ 5
สรุปผล อภปิ รายผล และขอ้ เสนอแนะ
การศกึ ษาผลการใชเ้ กมกลางแจง้ เพื่อพัฒนากล้าเนื้อใหญ่ของเดก็ ปฐมวัย ชนั้ อนุบาลปีท่ี
3 ครั้งนี้ มีวัตถปุ ระสงค์ คอื เพือ่ พฒั นากล้ามเนอ้ื ใหญ่ของเด็กปฐมวยั โดยใช้เกมกลางแจง้ และ
เปรียบเทียบผลพัฒนากลา้ มเนื้อใหญก่ อ่ นและหลงั การใช้เกมกลางแจ้งเพือ่ พัฒนากล้ามเน้ือใหญ่ของ
เด็กปฐมวยั ชัน้ อนบุ าลปีที่ 3 กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการศึกษา เป็นเดก็ ปฐมวัย อายุระหวา่ ง 5 – 6 ปี
กำลงั ศกึ ษาอยู่ระดบั ชั้นอนบุ าลปีท่ี 3/1 ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2562 โรงเรยี นอนบุ าลสระบรุ ี
สำนักงานเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษาประถมศึกษาสระบุรี เขต 1 จำนวน 30 คน ซงึ่ ได้มาโดยการเลอื กแบบ
เจาะจง (purposive sampling)
การศึกษาครง้ั นี้เป็นการศกึ ษากง่ึ ทดลอง (Quasi – Experimental Design) โดยมี
เคร่อื งมอื ทใ่ี ชใ้ นการศึกษา คอื เกมกลางแจ้งเพอ่ื พัฒนากลา้ มเน้อื ใหญ่ของเดก็ ปฐมวยั ชน้ั อนุบาลปีที่
3 จำนวน 80 เกม คมู่ ือเกมกลางแจง้ เพ่อื พัฒนากล้ามเนือ้ ใหญข่ องเด็กปฐมวัย ชั้นอนบุ าลปีท่ี 3
แผนการจัดประสบการณก์ ิจกรรมกลางแจง้ ชั้นอนบุ าลปที ี่ 3 จำนวน 16 แผน แบบประเมนิ ผลพฒั นา
กล้ามเน้ือใหญ่ก่อนและหลังการใชเ้ กมกลางแจ้งเพ่ือพฒั นากลา้ มเนอ้ื ใหญ่ ช้นั อนุบาลปที ่ี 3 ผล
การศึกษาสรุปได้ดงั น้ี
5.1 สรปุ ผลการศกึ ษา
จากผลการศกึ ษาผลการใช้เกมกลางแจ้ง เพือ่ พฒั นากลา้ มเน้อื ใหญ่ของเดก็ ปฐมวยั ชน้ั
อนบุ าลปีท่ี 3 ผูร้ ายงานสรุปผลการศกึ ษาไว้ดงั น้ี
ผลพัฒนากล้ามเนอ้ื ใหญ่ของเด็กปฐมวัย ชน้ั อนุบาลปที ่ี 3 กอ่ นและระหวา่ งจดั
ประสบการณ์กจิ กรรมกลางแจ้ง โดยใช้เกมกลางแจ้งเพอ่ื พัฒนากลา้ มเน้อื ใหญ่ของเดก็ ปฐมวัย
ช้ันอนุบาลปที ่ี 3 พบวา่ คะแนนผลพัฒนากลา้ มเนือ้ ใหญ่ของเดก็ ปฐมวยั ชั้นอนุบาลปที ี่ 3 ตามสภาพท่ี
พงึ ประสงค์ โดยเฉลย่ี รวม มีแนวโนม้ เพม่ิ ข้นึ ตลอดชว่ งระยะเวลา 16 สปั ดาห์
ผลการวิเคราะห์ผลพฒั นากลา้ มเนื้อใหญ่ของเด็กปฐมวัย ชั้นอนุบาลปีที่ 3 โดยรวม
และรายสภาพทีพ่ ึงประสงค์ ไดแ้ ก่ สภาพทพ่ี งึ ประสงค์ 2.1.1 เดินตอ่ เท้าถอยหลังเป็นเสน้ ตรงได้โดย
ไม่ต้องกางแขน สภาพทีพ่ งึ ประสงค์ 2.1.2 กระโดดขาเดียวไปข้างหน้าไดอ้ ย่างต่อเนื่องโดยไมเ่ สียการ
ทรงตัว สภาพท่พี ึงประสงค์ 2.1.3 วิ่งหลบหลีก สิ่งกดี ขวางได้อยา่ งคลอ่ งแคล่ว สภาพทีพ่ ึงประสงค์
2.1.4 รบั ลกู บอลทกี่ ระดอนข้ึนจากพื้นได้ พบว่า ผลพฒั นากล้ามเน้อื ใหญข่ องเดก็ ปฐมวัยหลังการใช้
เกมกลางแจง้ สูงกว่าก่อนการใชเ้ กมกลางแจ้งอย่างมีนัยสำคญั ทางสถิติที่ระดบั .05
5.2 อภิปรายผล
ผลการใชเ้ กมกลางแจง้ เพือ่ พฒั นากลา้ มเน้ือใหญ่ของเด็กปฐมวยั ชั้นอนบุ าลปที ่ี 3
พบว่า เด็กปฐมวยั ชนั้ อนุบาลปีท่ี 3 จำนวน 31 คน มีผลพฒั นากล้ามเนอื้ ใหญ่อยูใ่ นระดบั 3 ตาม
สภาพทพี่ งึ ประสงค์ หลังการใช้เกมกลางแจ้งสูงกวา่ กอ่ นการใช้เกมกลางแจง้ อยา่ งมีนยั สำคัญทางสถิติ
ท่รี ะดับ .05 ซึง่ สอดคล้องกับสมมติฐานในการศึกษาครงั้ น้ี แสดงใหเ้ หน็ ว่า เดก็ ปฐมวัย ชั้นอนุบาลปีท่ี
3 โรงเรยี นอนุบาลสระบรุ ี ทไี่ ด้ปฏบิ ัติกิจกรรมกลางแจง้ โดยใช้เกมกลางแจง้ เพ่ือพฒั นากล้ามเนื้อใหญ่
ของเด็กปฐมวยั ชน้ั อนุบาลปที ี่ 3 ทำให้กลา้ มเนื้อใหญ่มีการพัฒนาสูงข้ึนหลงั จากใช้เกมกลางแจ้ง
อภปิ รายผลได้ดงั นี้
1. ผลคะแนนพัฒนากลา้ มเนอ้ื ใหญ่ของเดก็ ปฐมวัย ชั้นอนุบาลปที ่ี 3 ท่ไี ด้ระดับ 3
รวม 4 สภาพทพี่ งึ ประสงค์ พบว่า หลังการใช้เกมกลางแจ้งสงู กว่ากอ่ นการใช้เกมกลางแจง้ โดยมี
คา่ เฉลี่ยของคะแนนผลพัฒนาการก่อนและหลงั การใช้เกม เทา่ กบั 2.26 และ 3.00 ตามลำดบั ค่า
เบย่ี งเบนมาตรฐานก่อนและหลงั การใช้เกม เท่ากับ 0.58 และ 0.00 ตามลำดับ แตกต่างกันอยา่ งมี
นยั สำคญั ทางสถิติท่รี ะดับ .05 คา่ สถติ ิ t-test เท่ากับ 7.18* แสดงใหเ้ หน็ วา่ เดก็ ปฐมวยั ที่ได้ปฏิบัติ
กจิ กรรมกลางแจ้ง โดยใช้เกมกลางแจ้งเพ่ือพัฒนากลา้ มเนอื้ ใหญ่ของเด็กปฐมวัย ทำใหก้ ล้ามเน้ือใหญ่
มีการพัฒนาสงู ขน้ึ ทเ่ี ปน็ เชน่ นเี้ พราะ การใช้เกมกลางแจ้งเพื่อพัฒนากลา้ มเนือ้ ใหญ่ของเดก็ ปฐมวัยมี
ลักษณะเปน็ กจิ กรรมท่ีพัฒนากลา้ มเนอ้ื ใหญ่ใหม้ คี วามคล่องแคลว่ ประสานสมั พันธ์ และทรงตวั ได้ดี
เป็นกิจกรรมทม่ี ุ่งสง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ การพัฒนาทักษะการเคลื่อนไหวรา่ งกาย สามารถควบคมุ การใชง้ าน
สว่ นตา่ งๆของรา่ งกายใหส้ มั พันธก์ ัน เป็นกจิ กรรมที่จดั ให้เด็กไดเ้ ล่นเพื่อออกกำลังกาย ไดพ้ ฒั นา
ความสมั พันธข์ องกลา้ มเนือ้ และการเคลือ่ นไหว สอดคลอ้ งกบั อรุณี หรดาล (2552, น. 2-15) ท่กี ล่าว
ว่า การใหเ้ ด็กออกกำลังกายด้วยการเลน่ และเคลื่อนไหวร่างกายอย่างสม่ำเสมอ มผี ลตอ่ การ
เจริญเตบิ โต และการมีสุขภาพอนามยั ท่ีดี เด็กควรไดฝ้ ึกการสมดลุ จงั หวะ และการทำงานท่ี
ประสานกันของอวัยวะ รวมทง้ั การออกกำลังกาย และการบริหารสว่ นต่างๆของร่างกาย เปดิ โอกาสให้
เดก็ ไดใ้ ช้ความสามารถทางด้านร่างกายอย่างเต็มศักยภาพของแตล่ ะบุคคล เดก็ ปฐมวัยกลมุ่ เปา้ หมาย
น้ีได้เล่นเกมกลางแจง้ ดว้ ยวิธีการเดนิ กระโดด วิง่ และการใชม้ อื รบั ลูกบอล ซึ่งเป็นกจิ กรรมเคลอ่ื นไหว
ร่างกาย และออกกำลังกายอยา่ งตอ่ เน่ืองทุกวัน ยอ่ มมีความก้าวหน้าทางพัฒนาการการใช้กลา้ มเนอื้
ใหญ่ทดี่ ขี น้ึ สอดคลอ้ งกบั สุวรรณี สร้อยเสนา และ สิรมิ า ภิญโญอนนั ตพงษ์ (2557) กลา่ ววา่ การฝกึ
ทกั ษะทางกายให้เด็กควรคอ่ ยทำไปทีละนอ้ ย เดก็ ย่ิงเจรญิ เติบโตขึ้นทักษะในการเคลื่อนไหวย่ิงมี
ความสำคญั ตอ่ บคุ ลกิ ภาพของเดก็ มากยิ่งขึ้น กิจกรรมที่ชว่ ยส่งเสริมพฒั นาการด้านร่างกายของเดก็
โดยตรงก็คือ กจิ กรรมกลางแจง้ เน่อื งจากสามารถพัฒนาเด็กทางดา้ นรา่ งกายในเรื่องความแขง็ แรง
คลอ่ งแคลว่ วอ่ งไว อวัยวะส่วนต่าง ๆ ทำงานสมั พนั ธก์ นั ไดเ้ ปน็ อย่างดี พัฒนาการของเด็กปฐมวยั ท่ี
ชอบเคล่อื นไหว เด็กจะไดเ้ คลอ่ื นไหวส่วนต่างๆของรา่ งกาย เปน็ การส่งเสรมิ พฒั นาการทางร่างกาย
ดา้ นทกั ษะการเดิน ทกั ษะการยืน และ ทักษะการกระโดดของเดก็ ให้มีความมนั่ คง แม่นยำ และมี
ความคลอ่ งแคล่ว ยืดหยุน่ ของอวัยวะตา่ ง ๆ ทำให้โครงสรา้ งร่างกายยดื ตวั เติบโตขึ้น และยงั
สอดคล้องกับ กลุ ยา ตนั ตผิ ลาชวี ะ (2542: 107) อธบิ ายว่า การสง่ เสริมพัฒนาการกล้ามเน้ือมดั ใหญ่
เป็นการสรา้ งความคล่องตัวด้วยการใช้ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายให้ประสานสัมพันธ์ เช่น การเดิน การ
วง่ิ การยนื การกระโดด การนัง่ และการทรงตวั ที่เคลอื่ นไหวอยา่ งอิสระ เป็นการพฒั นาทักษะการ
ควบคมุ การเคลื่อนไหว โดยใช้รา่ งกายส่วนต่างๆทม่ี ที กั ษะกลไก และระดับการประสานงานของ
กล้ามเนื้อทชี่ ัดเจน
2. เด็กปฐมวัย ช้นั อนุบาลปีที่ 3 จำนวน 31 คน ทไ่ี ด้รับการจัดประสบการณ์
กจิ กรรมกลางแจง้ โดยใช้เกมกลางแจง้ เพือ่ พฒั นากล้ามเนือ้ ใหญ่ของเด็กปฐมวัย ช้นั อนุบาลปีที่ 3 ทไี่ ด้
ระดับ 3 รวม 4 สภาพที่พึงประสงค์ พบว่า หลังการใช้เกมกลางแจ้งมีจำนวนของเด็กปฐมวัยสูงกว่า
ก่อนการใช้เกมกลางแจง้ โดยก่อนการใชเ้ กมกลางแจง้ มีจำนวน 10 คน คน คิดเปน็ ร้อยละ 32.26 และ
หลังการใช้เกมกลางแจง้ มี 31 คน คิดเป็นร้อยละ 100.00 และแยกตามรายสภาพที่พึงประสงค์ คือ
เดนิ ต่อเทา้ ถอยหลังเป็นเสน้ ตรงไดโ้ ดยไม่ตอ้ งกางแขน กระโดดขาเดยี วไปข้างหน้าไดอ้ ยา่ งตอ่ เนื่องโดย
ไม่เสียการทรงตัว วิ่งหลบหลีก สง่ิ กีดขวางไดอ้ ย่างคลอ่ งแคลว่ รบั ลูกบอลท่ีกระดอนข้นึ จากพื้นได้ ซ่งึ
พบวา่ จำนวนเดก็ ปฐมวัยทมี่ ผี ลพฒั นากล้ามเน้อื ใหญ่หลงั จากใชเ้ กมกลางแจ้งสูงกว่าก่อนการใช้เกมทุก
สภาพท่พี งึ ประสงค์ โดยอภิปรายรายสภาพทพี่ ึงประสงค์ ดังน้ี
2.1 สภาพทพี่ งึ ประสงค์ 2.1.1 เดินตอ่ เทา้ ถอยหลังเป็นเส้นตรงไดโ้ ดยไมต่ อ้ ง
กางแขน มีจำนวนเดก็ ปฐมวยั ช้ันอนบุ าลปีท่ี 3 ที่มผี ลพัฒนากล้ามเนอ้ื ใหญ่ ระดับ 3 หลังการใช้เกม
เท่ากับ 28 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 90.32 ทง้ั น้เี ป็นเพราะการใชเ้ กมกลางแจง้ เพ่อื พฒั นากล้ามเนอื้ ใหญ่
ของเด็กปฐมวยั เช่น เกมพาลกู โปง่ ข้ามแดน เกมถอยหลังจดั ดอกไม้ เกมสวนสัตวอ์ ลวน เป็นต้น เปน็
เกมที่พฒั นาการทรงตัว และประกอบกับการกระตุ้นความสนใจการเล่นเกมกลางแจ้ง ทำให้เดก็ มี
พฒั นาการตามสภาพท่ีพึงประสงคน์ ้ีดีขึน้
จากการจัดประสบการณ์กิจกรรมกลางแจง้ โดยใช้เกมกลางแจ้งเพ่อื พัฒนา
กล้ามเนอื้ ใหญ่ ผรู้ ายงานได้ทำการสังเกต ประเมนิ และบันทกึ ผลพัฒนากล้ามเน้ือใหญ่ ก่อนการใช้เกม
และระหวา่ งการใช้เกมในวนั ท่ี 5 หลังจากเล่นเกมเสร็จของแตล่ ะสปั ดาห์ ปรากฏวา่ เดก็ ปฐมวัย ชั้น
อนุบาลปีที่ 3 มีผลพัฒนากล้ามเน้ือใหญร่ ะดับ 3 จำนวนมากขึน้ จากประเมนิ ผลกอ่ นการใช้เกม มี
จำนวน 4 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 12.90 สปั ดาห์ท่ี 1 มจี ำนวน 6 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 19.35 สปั ดาห์ท่ี 2 มี
จำนวน 11 คน คิดเปน็ ร้อยละ 35.48 สปั ดาห์ที่ 3 มีจำนวน 19 คน คิดเป็นร้อยละ 61.29 และ
สปั ดาห์ท่ี 4 มีจำนวน 27 คน คิดเป็นร้อยละ 87.10 จากจำนวนและค่าเฉล่ียท่เี พิ่มขนึ้ ในแต่ละสัปดาห์
จะเห็นได้วา่ เดก็ มคี วามสามารถเดินต่อเท้าถอยหลังตามแนวเสน้ ได้อย่างตอ่ เน่ือง ไม่เสียการทรงตัว มี
ผลพฒั นาสงู ขนึ้ อย่างตอ่ เนอ่ื งจนประเมินหลังการใช้เกม ซ่งึ สอดคลอ้ งกบั แนวคดิ ของ ธอร์นไดค์
(Thorndike, n.d. อ้างถึงใน สวุ รรณี สรอ้ ยเสนา และ สริ ิมา ภญิ โญอนนั ตพงษ์, 2557) ทก่ี ลา่ ววา่
เดก็ จะเรียนรจู้ ากการกระทำซำ้ ๆกันหลายๆคร้งั ซึง่ จะทำใหร้ ะบบประสาท และกล้ามเนือ้ ทำงาน
สัมพนั ธ์กนั ดี อนั เป็นผลจากกฎแห่งการฝึกหดั (Law of Exercise) รวมทง้ั กฎแหง่ ผล (Law of
Effect) ทำให้เด็กเรียนร้ไู ด้ดีข้ึน ถ้าผลของการกระทำนั้นเปน็ ไปในทางบวกหรือทางท่ีดี ซง่ึ จะทำให้
เด็กเกดิ ความสนใจ เกดิ ทกั ษะ ทำให้เดก็ มีความสนุกสนานและมคี วามพอใจ ส่งผลให้เดก็ มพี ัฒนาการ
ทางร่างกายดา้ นทกั ษะการเดนิ ดีขน้ึ อย่างมาก
2.2 สภาพท่ีพึงประสงค์ 2.1.2 กระโดดขาเดียวไปขา้ งหน้าได้อยา่ งตอ่ เน่ือง
โดยไมเ่ สยี การทรงตัว มจี ำนวนเด็กปฐมวยั ชัน้ อนุบาลปีท่ี 3 ท่ีมีผลพฒั นากลา้ มเนอ้ื ใหญ่ ระดับ 3 หลัง
การใชเ้ กม เทา่ กับ 31 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 100.00 ทั้งนีเ้ ป็นเพราะการใช้เกมกลางแจ้งเพ่ือพฒั นา
กล้ามเน้อื ใหญ่ของเด็กปฐมวยั เชน่ เกมพาลกู บอลลงตะกรา้ เกมกระโดดกลบรอยเทา้ เกมเขา่ คบี หนีบ
หมอน เป็นต้น เปน็ เกมท่เี หมาะสมตามความสามารถของเดก็ ซึ่งวัยของเด็ก 5 - 6 ปนี ้นั เปน็ วยั ที่ชอบ
กระโดด การท่ีเด็กได้รบั การเสริมสร้างจากการทำกิจกรรมเคล่อื นไหวร่างกายทด่ี เี หมาะสมกับวัย จะ
ส่งผลทำให้ผลพฒั นากลา้ มเน้อื ใหญ่ของเดก็ มพี ัฒนาการทีด่ ีตามไปดว้ ย จะเหน็ ได้วา่ ผลการพฒั นา
กล้ามเน้ือใหญ่ของเด็กปฐมวัย มีความก้าวหนา้ มาก ซึง่ เด็กวัยน้ีจะสามารถบังคับการเคลือ่ นไหวของ
ร่างกายในการกระโดดได้อย่างคล่องแคลว่ สามารถใช้กล้ามเนอ้ื ขาได้ดขี ึ้นตามอายุ เราจะตอ้ งคำนึงถึง
ความแตกตา่ งระหวา่ งบุคคล บางคนอาจชา้ บางคนอาจเร็ว (สริ มิ า ภิญโญอนนั ตพงษ์, 2557) ทัง้ น้ี
ขึ้นอยู่กับความสนใจ และประสบการณ์ของเด็ก การกระตุ้นและใหก้ ำลังใจเด็กในการเลน่ เกม เพื่อ
สรา้ งกำลังใจที่ดีให้กับเดก็ ก็มีอิทธิพลต่อการเปล่ยี นแปลงพัฒนาการของเดก็ ดว้ ย
จากการจดั ประสบการณ์กจิ กรรมกลางแจ้ง โดยใช้เกมกลางแจ้งเพื่อพัฒนา
กล้ามเน้ือใหญ่ ผรู้ ายงานได้ทำการสงั เกต ประเมิน และบันทึกผลพัฒนากล้ามเนื้อใหญ่ ก่อนการใช้เกม
และระหว่างการใชเ้ กมในวนั ท่ี 5 หลงั จากเลน่ เกมเสร็จของแตล่ ะสปั ดาห์ ปรากฏวา่ เด็กปฐมวัย ช้นั
อนุบาลปีที่ 3 มีผลพัฒนากล้ามเนื้อใหญร่ ะดบั 3 จำนวนมากขึน้ จากประเมนิ ผลก่อนการใช้เกม มี
จำนวน 7 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 22.58 สัปดาหท์ ี่ 5 มจี ำนวน 11 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 35.48 สปั ดาห์ที่ 6
มีจำนวน 19 คน คิดเป็นร้อยละ 61.29 สัปดาห์ที่ 7 มีจำนวน 25 คน คดิ เป็นร้อยละ 80.65 และ
สัปดาห์ท่ี 8 มีจำนวน 31 คน คิดเปน็ ร้อยละ 100.00 จากจำนวนและคา่ เฉลีย่ ทเ่ี พ่มิ ขึ้นในแต่ละ
สปั ดาห์ จะเหน็ ไดว้ า่ เดก็ มีความสามารถกระโดดขาเดียวไปขา้ งหนา้ ด้วยขาที่ถนดั ไดอ้ ยา่ งตอ่ เน่ือง
คลอ่ งแคลว่ โดยไม่เสยี การทรงตวั มีผลพฒั นาสูงข้ึนอยา่ งต่อเนือ่ งจนประเมินหลังการใชเ้ กม
สอดคล้องกับ วลั ลยี ์ ภัทโรภาส (2553, น. 6) ได้อธบิ ายว่า ความแข็งแรงของกลา้ มเนื้อเป็น
ความสามารถของร่างกายหรือสว่ นใดสว่ นหนง่ึ ของ ร่างกายในการต้านทานแรงทีม่ าจากการกระทำ
ภายนอกโดยไม่ล้มหรือสญู เสยี การทรงตัวไป
2.3 สภาพที่พงึ ประสงค์ 2.1.3 วิ่งหลบหลีก สง่ิ กีดขวางไดอ้ ย่างคลอ่ งแคล่ว
มีจำนวนเดก็ ปฐมวัย ชนั้ อนบุ าลปที ี่ 3 ทม่ี ีผลพฒั นากล้ามเนอื้ ใหญ่ ระดับ 3 หลังการใชเ้ กม เท่ากับ 31
คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 100.00 ท้งั นเี้ ปน็ เพราะ การใชเ้ กมกลางแจ้ง เพ่ือพฒั นากล้ามเนอ้ื ใหญ่ของเด็ก
ปฐมวยั เชน่ เกมสง่ ตะกร้าให้ฉนั หน่อย เกมไปยกถังนำ้ เกมอาหารจานดว่ น เป็นต้น เป็นเกมที่ตอ้ ง
อาศัยทักษะในการหลบหลกี การทรงตวั และการเคลือ่ นทเี่ ปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็ว เพอ่ื ใหบ้ รรลุ
เป้าหมายในการเลน่ เกม การวิง่ หลบหลีก ตอ้ งอาศัยร่างกายที่แข็งแรง การทรงตวั ท่ีดี เพอ่ื ไม่ใหช้ นส่งิ
กดี ขวาง และเดก็ มีความสนุกสนานในการเลน่ เป็นกจิ กรรมที่ท้าทายสำหรับเด็กวยั น้ี ในขณะเดียวกัน
ทกั ษะทหี่ ลากหลายน้ีจะช่วยใหเ้ ด็กพฒั นาร่างกายให้มีสมรรถภาพที่สงู ข้นึ ท้ังดา้ นความแขง็ แรง
ยดื หยุน่ และการทรงตัว สอดคล้องกับ สิริมา ภิญโญอนันตพงษ์ (2553:115-116) อธบิ ายว่า
ความสามารถในการใช้กล้ามเน้ือมดั ใหญท่ ม่ี ีความสำคญั ต่อพนื้ ฐาน ในการพฒั นาความสามารถในการ
เคลอื่ นไหวและการทรงตัวในขนั้ ตอ่ ไป การพัฒนาดา้ นรา่ งกายให้ไดผ้ ลดนี นั้ เด็กควรไดอ้ อกกำลงั กาย
อยา่ งเพยี งพอ เพอ่ื ชว่ ยพัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่
จากการจัดประสบการณ์กจิ กรรมกลางแจง้ โดยใช้เกมกลางแจ้งเพือ่ พัฒนา
กลา้ มเนื้อใหญ่ ผ้รู ายงานไดท้ ำการสงั เกต ประเมนิ และบันทึกผลพัฒนากลา้ มเนอ้ื ใหญ่ กอ่ นการใช้เกม
และระหวา่ งการใช้เกมในวนั ท่ี 5 หลงั จากเล่นเกมเสร็จของแต่ละสปั ดาห์ ปรากฏว่า เดก็ ปฐมวยั ช้ัน
อนุบาลปีท่ี 3 มผี ลพัฒนากล้ามเนื้อใหญ่ระดับ 3 จำนวนมากข้นึ จากประเมนิ ผลก่อนการใชเ้ กม มี
จำนวน 8 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 25.81 สัปดาห์ที่ 9 มจี ำนวน 10 คน คดิ เปน็ ร้อยละ 32.26 สัปดาหท์ ่ี
10 มีจำนวน 17 คน คิดเปน็ ร้อยละ 54.84 สปั ดาห์ที่ 11 มีจำนวน 25 คน คดิ เป็นร้อยละ 80.65
และ สัปดาห์ที่ 12 มีจำนวน 31 คน คิดเปน็ ร้อยละ 100.00 จากจำนวนและค่าเฉลย่ี ท่เี พ่มิ ขึน้ ในแต่ละ
สัปดาห์ จะเหน็ ไดว้ า่ เดก็ มคี วามสามารถวง่ิ หลบหลีกส่ิงกดี ขวางไดอ้ ย่างคล่องแคลว่ วอ่ งไว และไมเ่ สีย
การทรงตวั มผี ลพัฒนาสูงข้ึนอย่างตอ่ เนื่องจนประเมินหลงั การใช้เกม สอดคล้องกับ วัลลยี ์ ภัทโรภาส
(วลั ลีย์ ภัทโรภาส, 2553, น. 6) กล่าววา่ ความคล่องแคลว่ วอ่ งไว เป็นความสามารถในการ
เคลือ่ นไหวเพื่อเปลี่ยนทิศทางการเคล่อื นท่ไี ด้อย่างรวดเร็วโดยไม่เสยี การทรงตัว ในขณะทก่ี ำลัง
เคลอ่ื นไหวและใช้ความเรว็ ไดอ้ ยา่ งเตม็ ท่ี เปน็ ความสามารถในการเปลี่ยนทศิ ทางและตำแหนง่ รา่ งกาย
ในขณะท่ีกำลงั เคล่อื นไหวโดยใช้ความเรว็ อยา่ งเต็มท่ี จดั เปน็ สมรรถภาพทางกลไกท่ีจำเปน็ ในการ
นำไปสู่การเคลอ่ื นไหวขัน้ พน้ื ฐานสำหรับทกั ษะการเคล่อื นไหวที่สงู ขึน้
2.4 สภาพท่ีพงึ ประสงค์ 2.1.4 รบั ลูกบอลท่กี ระดอนข้ึนจากพื้นได้ มีจำนวนเด็ก
ปฐมวัย ชนั้ อนบุ าลปีที่ 3 ที่มีผลพฒั นากล้ามเนือ้ ใหญ่ ระดบั 3 หลังการใช้เกม เทา่ กับ 28 คน คิดเป็น
ร้อยละ 90.32 ท้งั นีเ้ ป็นเพราะ การใชเ้ กมกลางแจ้ง เพอื่ พัฒนากล้ามเนือ้ ใหญ่ของเดก็ ปฐมวยั เชน่
เกมโยนให้ตรงลงให้พอดี เกมลกู โป่งเหนิ ฟ้า เกมโยนโป่งข้ามร้วั เปน็ ต้น เป็นเกมท่ีตอ้ งใชก้ ารประสาน
สัมพนั ธ์กนั ของกลา้ มเน้ือมือ กบั ตา สอดคลอ้ งกบั หลักสตู รการศกึ ษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 ที่
อธบิ ายว่า ประสบการณ์สำคญั ที่ส่งเสริมพัฒนาการดา้ นรา่ งกาย เปน็ การสนบั สนุนให้เดก็ ได้มโี อกาส
พฒั นาการใช้กลา้ มเนอื้ ใหญ่ กลา้ มเน้ือเลก็ และการประสานสัมพันธ์ระหว่างกล้ามเนอ้ื และระบบ
ประสาท คอื การเคลอ่ื นไหวทใ่ี ช้การประสานสัมพันธ์ของการใชก้ ลา้ มเน้ือใหญ่ในการขว้าง การจบั
การโยน การเตะ
จากการจัดประสบการณก์ ิจกรรมกลางแจ้ง โดยใช้เกมกลางแจ้งเพ่อื พฒั นา
กลา้ มเน้ือใหญ่ ผู้รายงานไดท้ ำการสงั เกต ประเมนิ และบันทึกผลพัฒนากล้ามเนอ้ื ใหญ่ กอ่ นการใชเ้ กม
และระหว่างการใชเ้ กมในวนั ท่ี 5 หลงั จากเล่นเกมเสร็จของแต่ละสปั ดาห์ ปรากฏว่า เด็กปฐมวัย ชน้ั
อนุบาลปีท่ี 3 มีผลพฒั นากล้ามเนอ้ื ใหญ่ระดบั 3 จำนวนมากขึ้น จากประเมินผลก่อนการใช้เกม มี
จำนวน 9 คน คิดเปน็ ร้อยละ 29.03 สปั ดาหท์ ่ี 13 มจี ำนวน 12 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 38.71 สัปดาหท์ ่ี
14 มีจำนวน 17 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 54.84 สปั ดาหท์ ี่ 15 มจี ำนวน 24 คน คิดเป็นร้อยละ 77.42
และ สัปดาห์ที่ 16 มีจำนวน 28 คน คดิ เป็นร้อยละ 90.32 จากจำนวนและค่าเฉล่ยี ที่เพม่ิ ขึน้ ในแตล่ ะ
สัปดาห์ จะเห็นได้ว่าเด็กมคี วามสามารถรบั ลูกบอลที่กระดอนข้ึนจากพืน้ ด้วยมือทั้งสองขา้ งได้ โดยไม่
ใช้ลำตัวชว่ ยและลูกบอลไมต่ กลงพน้ื มผี ลพัฒนาสูงขนึ้ อย่างตอ่ เนื่องจนประเมินหลงั การใช้เกม
ผลการศกึ ษาแสดงให้เห็นว่า ผลการใช้เกมกลางแจง้ เพื่อพฒั นากล้ามเนือ้ ใหญ่
ของเด็กปฐมวัย ชนั้ อนุบาลปที ่ี 3 ท่ใี ชเ้ วลาศึกษา 16 สปั ดาห์ 80 เกม ตอ่ เน่อื งกัน ได้ส่งผลต่อการ
พฒั นากล้ามเน้ือใหญ่ของเด็กปฐมวัย ตามสภาพที่พงึ ประสงค์ คอื เดนิ ตอ่ เท้าถอยหลังเป็นเสน้ ตรงได้
โดยไมต่ อ้ งกางแขน กระโดดขาเดียวไปข้างหน้าไดอ้ ยา่ งต่อเน่ืองโดยไมเ่ สยี การทรงตัว ว่ิงหลบหลีก ส่ิง
กดี ขวางได้อย่างคลอ่ งแคลว่ รบั ลูกบอลท่ีกระดอนข้นึ จากพื้นได้ ดังจะไดเ้ ห็นจากผลหลังการใช้เกม
กลางแจ้งสงู กว่าก่อนการใชเ้ กมกลางแจ้ง สอดคล้องกับ หลกั สตู รการศกึ ษาปฐมวยั 2560 ไดอ้ ธิบาย
วา่ การพฒั นากลา้ มเนอ้ื ใหญ่ เป็นการพฒั นาความแข็งแรง การทรงตัว ความยดื หยุ่น ความ
คล่องแคลว่ ในการใช้อวัยวะต่าง ๆ และจงั หวะการเคล่อื นไหวในการใช้กลา้ มเน้ือใหญ่ โดยจัดกิจกรรม
ใหเ้ ด็กได้เลน่ อิสระกลางแจง้ เล่นเคร่อื งเล่นสนาม ปนี ป่ายเลน่ อสิ ระ ซ่งึ ในหลกั สตู รการศึกษาปฐมวัย
2560 ได้กำหนดมาตรฐานคุณลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ ตวั บ่งช้ี และสภาพทพี่ งึ ประสงค์ ในพัฒนาการ
ด้านร่างกายของเดก็ ปฐมวยั คือ เคลอ่ื นไหวรา่ งกายอยา่ งคลอ่ งแคล่ว ประสานสมั พนั ธก์ ัน และทรงตวั
ได้ สอดคลอ้ งกับ กุลยา ตนั ตผิ ลาชวี ะ. (2556) คูม่ ือพ่อแม่มอื ใหมเ่ ลีย้ งลกู วัยอนบุ าล อธิบายว่า เด็ก
วยั นมี้ ีการพฒั นาการทำงานของกลา้ มเนอื้ ทดี่ ขี ึ้น เคล่ือนไหวได้เรว็ และคลอ่ งแคล่ว ทรงตวั ได้ดี รบั
และส่งบอลได้ตรงเป้าหมาย กระโดดได้ไกล ปนี ป่ายได้เกง่ ประกอบกบั การเล่นเปน็ ธรรมชาตขิ องเด็ก
วัยนี้ ดงั นั้นเขาจึงมกั จะมแี รงจงู ใจในการออกกำลงั กายอยู่แล้ว ขอเพียงได้รับการสง่ เสรมิ จากพอ่ แม่
และครูจัดกจิ กรรมให้เขาได้ออกกำลงั กาย เขามักจะรว่ มมือไดไ้ ม่ยากนกั และยังสอดคล้องกบั ผล
การศึกษาของ ฐติ มิ าพร ชยั สมุทร (2556: บทคดั ยอ่ ) ผลของการใช้กิจกรรมการเลน่ กลางแจ้งทม่ี ตี ่อ
ความพรอ้ มในการใชก้ ล้ามเนอื้ ใหญข่ องเด็กปฐมวัยช้ันปีที่ 1 โรงเรียนอันนาลัย อำเภอเมอื ง จังหวดั
สมุทรสาคร ผลการวจิ ัยพบวา่ ความพร้อมในการใช้กล้ามเน้ือใหญข่ องเดก็ ปฐมวยั ช้ันปีท่ี 1 ด้านการ
เคล่อื นไหวอยกู่ ับที่ การเคลอ่ื นไหวเคลือ่ นท่ี การเคล่ือนไหวพรอ้ มอุปกรณ์ คุณลกั ษณะของการใช้
กลา้ มเนือ้ ใหญ่ และโดยรวมหลงั การจัดกิจกรรมการเลน่ กลางแจง้ สงู กวา่ กอ่ นการทดลอง อย่างมี
นยั สำคญั ทางสถิติท่ีระดบั 0.01 สอดคล้องกับผลการศกึ ษาของ อรวรรณ คำสัตย์ (2559: บทคดั ย่อ)
ผลการใช้กิจกรรมเกมกลางแจ้งเพอื่ พฒั นาความพร้อมทางร่างกายด้านกล้ามเนอ้ื ใหญ่ ของเด็กปฐมวัย
ชั้นปีที่ 2 พบว่า เดก็ ปฐมวยั ชน้ั ปีท่ี 2 โรงเรยี นอนุบาลศีขรภมู ิ สำนกั งานเขตพื้นท่กี ารศกึ ษา
ประถมศึกษาสรุ นิ ทร์ เขต 1 ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2558 ท่ีได้รบั การจัดประสบการณ์การเรียนรู้
การใช้กจิ กรรมเกมกลางแจ้งเพื่อพัฒนาความพร้อมทางรา่ งกายด้านกลา้ มเน้อื ใหญ่ มีคะแนนเฉล่ยี
ก่อนการทดลองเทา่ กับ 6.24 สว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐานเทา่ กับ 0.93 และคะแนนเฉลีย่ หลังการทดลอง
เท่ากับ 12.38 ส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐานเท่ากับ 1.23 ดงั นัน้ เดก็ ปฐมวยั ชัน้ ปีท่ี 2 มีคะแนนหลงั การ
ทดลองสูงกว่าก่อนการทดลอง โดยเฉลย่ี เท่ากบั 6.14 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 1.13 อยา่ งมี
นยั สำคญั ทางสถิติที่ระดับ .01 และสอดคล้องกับผลการศกึ ษาของ กนกเลขา โชคสวสั ด์ิ (2559) ได้
ศึกษาและเปรยี บเทียบทกั ษะของการใช้กลา้ มเนอ้ื มดั ใหญข่ องเด็กปฐมวยั ท้ังก่อนและหลังที่ไดร้ บั การ
จัดกจิ กรรมเกมเบด็ เตลด็ ชนั้ อนบุ าล 2/1 ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศกึ ษา 2558 โรงเรยี นเทศบาลศรีสวัสดิ์
พบว่า เดก็ ปฐมวัย ทีไ่ ดร้ บั การจัดกิจกรรมเกมเบด็ เตล็ด มที กั ษะของการใช้กล้ามเนือ้ มัดใหญท่ ี่
ระดับสงู ขน้ึ กว่ากอ่ นการทดลองอยา่ งมีนยั สำคัญทางสถิติที่ระดับ .0
5.3 ขอ้ เสนอแนะ
5.3.1 ข้อเสนอแนะในการนำผลการวจิ ยั ไปใช้
5.3.1.1 ตอ้ งศกึ ษาและทำความเข้าใจเกม และกติกาการเล่นเกมให้เข้าใจ
เพ่อื ที่จะสามารถอธิบายและสาธติ ใหเ้ ด็กเขา้ ใจได้อย่างถกู ต้อง รวมทง้ั ต้องจัดหาอุปกรณใ์ นการเลน่
เกมใหพ้ ร้อม เพ่อื ให้การเลน่ เกมบรรลตุ ามวัตถุประสงคท์ ่ีไดต้ งั้ ไว้
5.3.1.2 ควรเปิดโอกาสใหเ้ ดก็ ได้มีส่วนร่วมกบั กิจกรรมในทุกขัน้ ตอน เพอ่ื ทำให้
เดก็ รสู้ ึกเป็นสว่ นหนงึ่ ของกจิ กรรม เชน่ ให้เด็กชว่ ยหยบิ ของ หรือทำการสาธิตให้เพ่อื นๆ ดเู ปน็ ตวั อย่าง
5.3.1.3 ควรเปดิ โอกาสให้เด็กแต่ละคนไดแ้ สดงออกถงึ ความสามารถของตนเอง
ในด้านการเคล่ือนไหวรา่ งกาย เพอ่ื ใหก้ ารใชก้ ล้ามเนอ้ื ใหญ่มีการประสานสมั พนั ธ์กัน เคลื่อนไหวได้
คลอ่ งแคล่วเหมาะสมกับวยั
5.3.1.4 ตอ้ งมีการวางแผนการจัดกจิ กรรม ลำดับขน้ั ตอน วธิ ดี ำเนนิ กิจกรรม และ
สรปุ กจิ กรรม เพอ่ื นำผลท่ไี ดไ้ ปปรบั ใช้ในการสอนครัง้ ต่อไป
5.3.2 ข้อเสนอแนะในการวจิ ยั ครง้ั ต่อไป
5.3.2.1 ควรมกี ารศึกษาการใชเ้ กมกลางแจ้งเพ่ือพฒั นากล้ามเน้ือใหญ่ในระดับช้ัน