1. ออกแบบใหง้ ่ายตอ่ การทำความเข้าใจ
2. ชดั เจนและเปน็ ระเบยี บ เสน้ ไม่ควรโยงทับกัน
3. มีจดุ เร่ิมตน้ และสิ้นสดุ อยา่ งละ 1 จดุ เทา่ นัน้
4. ผังงานตอ้ งวางตามแนวตัง้ เพือ่ ใหส้ ามารถลำดับขั้นตอนการทำงานจากบนลงลา่ ง
5. ขอ้ ความในแตล่ ะสัญลักษณ์ ควรกระชบั กะทัดรัด ไดใ้ จความ
6. ทิศทางลกู ศรทโี่ ยงแตล่ ะรูป ควรสมั ผสั พอดีกบั รปู ไม่ควรเหลือชอ่ งระยะหา่ ง
7. ทกุ สญั ลักษณ์ตอ้ งมีทางเขา้ และทางออก อยา่ งละ 1 ทางเท่านนั้ ยกเวน้ สญั ลักษณก์ ารตัดสนิ ใจที่มี
ทางเข้าทางเดียวและทางออกได้ 2 ทาง
8. สญั ลกั ษณท์ ี่ทำหนา้ ทไ่ี ด้ 2 หนา้ ท่ี เช่น รบั ขอ้ มูลหรอื แสดงผลลพั ธ์ ตอ้ งระบทุ กุ ครัง้ ว่าขณะนั้นทำ
หนา้ ท่ีอะไร สว่ นสญั ลกั ษณท์ ่ีทำหนา้ ทีท่ ำหน้าท่ีเพียงหนา้ ท่เี ดียว ไม่จำเป็นตอ้ งระบุ
6. ผู้สอนแนะนำโปรแกรมทีช่ ว่ ยในการเขียนผังงาน คือ โปรแกรม Flowgorithm เป็นโปรแกรมฟรี ท่จี ะชว่ ย
เขยี นผังงานแบบกราฟิกไดอ้ ยา่ งงา่ ย และยงั สามารถแปลงออกไปเปน็ ภาษาคอมพวิ เตอร์แบบตา่ งๆได้อกี ดว้ ย
7. ผู้สอนใหเ้ วลาผ้เู รยี นในการเขยี นผงั งาน โดยท่ีผูส้ อนคอยดแู ลความเรียบรอ้ ยและคอยใหค้ ำแนะนำเพิม่ เตมิ
ชวั่ โมงที่ 2
ข้ันสอน (ตอ่ )
1. ผู้สอนอธบิ ายวา่ ในขัน้ ตอนของการพัฒนาแอปพลเิ คชัน (Developing) จะเปน็ ขนั้ ตอนของการลงมอื เขียน
โปรแกรมคำสัง่ ทจี่ ะใช้พฒั นาแอปพลเิ คชนั ซ่งึ ผ้สู อนใหผ้ ู้เรยี นเลอื กใช้โปรแกรมไดอ้ ย่างอิสระ
2. ผสู้ อนใหเ้ วลาผเู้ รยี นในการเขียนชุดคำสั่ง โดยทผี่ ู้สอนคอยดูแลความเรียบรอ้ ยและคอยใหค้ ำแนะนำเพิม่ เติม
3. ผู้สอนอธิบายวา่ ในขัน้ ตอนของการทดสอบแอปพลิเคชัน (Testing and Maintaining the System) เป็น
การทดสอบการทำงานของแอปพลเิ คชนั ซึง่ สามารถปฏิบตั ิไดด้ งั นี้
➢ ทดสอบการทำงานของแอปพลิเคชันโดยผ้ทู ดสอบระบบ ซง่ึ จะทดสอบการทำงานของ
แตล่ ะฟงั กช์ นั วา่ มีการทำงานถูกต้อง และเปน็ ไปตามความต้องการของผู้ใชง้ านหรอื ไม่
ถา้ พบขอ้ ผดิ พลาดใหแ้ กไ้ ขใหถ้ ูกต้อง
➢ ทดสอบโดยผูใ้ ช้งานจรงิ ถ้าพบขอ้ ผดิ พลาด จะตอ้ งนำมาปรับปรงุ แกไ้ ข
4. ผ้สู อนแนะนำเพิ่มเตมิ ว่า ซึง่ หลกั การทำงาน ของแอปพลิเคชัน คือ Input -> Process -> Output เมอื่ เกิด
ขอ้ ผิดพลาด ผ้เู รยี นจะตอ้ งทำการตรวจสอบว่าผิดพลาดทีก่ ระบวนการใด
โดยผู้เรยี นแตล่ ะกล่มุ จะตอ้ งทำแบบบนั ทึกการทดสอบระบบ โดยมีรายละเอยี ด เช่น
วัตถุประสงคข์ องการทดสอบ
ผลทีค่ ิดว่าจะไดร้ ับ (Output)
ขน้ั ตอนวธิ กี ารทดสอบ เป็น Step 1,2,3,… แตล่ ะข้นั ตอนตอ้ งทำอะไรบา้ ง
ผลทไี่ ดจ้ ากการ test
5. ผู้สอนให้เวลาผเู้ รยี นในการทดสอบแอปลพลเิ คชัน และปรบั ปรงุ แก้ไขใหส้ ามารถใชง้ านไดจ้ ริง
6. ผู้สอนอธบิ ายวา่ ในขน้ั ตอนสดุ ทา้ ยของการพฒั นาแอปพลเิ คชนั ผู้เรียนจะต้องจดั ทำเอกสาร
(Documenting) เป็นการจดั ทำเอกสารทเ่ี กีย่ วข้องกบั การใช้งานแอปพลเิ คชัน ซึ่งสามารถปฏบิ ัตไิ ด้ ดงั น้ี
1. จดั ทำคู่มือการติดตงั้ แอปพลิเคชัน
2. จดั ทำคู่มอื การใชง้ านแอปพลเิ คชัน
7. ผสู้ อนแนะนำเพิม่ เติมวา่ ผเู้ รยี นสามารถออกแบบจัดทำคู่มือเพอื่ อธบิ ายวิธกี ารติดตง้ั แอปพลเิ คชันและ
วิธีการใชง้ านแอปพลิเคชัน เพอ่ื ใหผ้ อู้ ืน่ เขา้ ใจวธิ กี ารใช้งาน และสามารถนำไปใช้งานได้
8. เมอื่ จดั ทำคูม่ อื เสรจ็ เรยี บรอ้ ยแล้ว ให้ผู้เรยี นเตรยี มข้อมูลสำหรบั การนำเสนอ โดยให้ผเู้ รยี นนำเสนอขอ้ มลู
ตามขน้ั ตอนการพัฒนาแอปพลิเคชัน 7 ข้ันตอน
9. ผสู้ อนให้แต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลงาน และทดลองใชง้ านแอปพลเิ คชัน โดยใหส้ มาชกิ กล่มุ อืน่ ๆ
ชว่ ยกันแนะนำเพื่อนำไปพฒั นาปรับปรงุ เปน็ แอปพลเิ คชันที่มปี ระโยชน์ตอ่ ไป
10.ผู้สอนแนะนำเพ่มิ เตมิ ว่า การพฒั นาแอปพลเิ คชนั สามารถเริ่มตน้ ได้จากการมองเรอ่ื งใกลๆ้ ตวั กำหนด
ปัญหาเพอื่ หาไอเดยี ในการนำมาพัฒนาเปน็ แอปพลเิ คชัน โดยผู้เรยี นสามารถใช้ซอฟตแ์ วร์ท่ีมอี ยมู่ ากมายในการ
พฒั นาแอปพลิเคชนั ขนึ้ มา
ขั้นสรุป
1. ผสู้ อนสรปุ ใหผ้ ้เู รียนเขา้ ใจวา่ แอปพลเิ คชนั เปน็ โปรแกรมทถี่ กู พฒั นาขนึ้ มาเพือ่ อำนวยความสะดวกใน
ดา้ นต่างๆ ซึ่ง ออกแบบมาเพอ่ื ใชง้ านหลายรปู แบบ ทั้งเดสกท์ อ็ ปแอปพลเิ คชนั และโมไบล์แอปพลิเคชัน
โดยมี 7 ข้นั ตอนในการพัฒนาแอปพลเิ คชนั คอื
1. กำหนดปญั หา (Problem Definition)
2. ศกึ ษาความเป็นไปได้ (Feasibility Study)
3. วิเคราะห์ความตอ้ งการแอปพลิเคชัน (Analyzing Application Needs)
4. ออกแบบแอปพลเิ คชัน (Designing the Applications)
5. พฒั นาแอปพลเิ คชัน (Developing)
6. ทดสอบแอปพลเิ คชัน (Testing and Maintaining the System)
7. จดั ทำเอกสาร (Documenting)
2. ผสู้ อนเปดิ โอกาสให้ผ้เู รยี นสอบถามเพ่ิมเตมิ
10. ส่อื การเรียนรู้
1. https://www.youtube.com/watch?v=BuKNV19LhDY
2. https://www.youtube.com/watch?v=qTX2pNcu0MI
3. Project การพฒั นาแอปพลิเคชัน
11. แหลง่ เรยี นรู้
หอ้ ง ICT
0 วิธกี ารวัด เคร่ืองมอื ท่ใี ช้ เกณฑ์การประเมนิ
ตรวจ Project การ แบบประเมนิ ผลงาน - การประเมิน
12. การวัดและประเมินผล พฒั นาแอปพลิเคชนั พฤตกิ รรม
การประเมนิ รายบุคคลผ่าน รอ้ ย
ละ 60
ดา้ นความรู้ ( K )
1. อธบิ ายขนั้ ตอนการพัฒนาแอปพลเิ คชนั ได้ สงั เกตพฤติกรรม แบบประเมินผลงาน - การประเมนิ
2. พัฒนาแอปพลเิ คชันโดยใชซ้ อฟต์แวรไ์ ด้ Project การพฒั นา พฤติกรรม
3. เรยี นรูก้ ารทำงานรว่ มกับผอู้ ื่นและการแกป้ ัญหา แอปพลเิ คชัน แบบสงั เกต รายบคุ คลผา่ น รอ้ ย
เฉพาะหน้า พฤติกรรมรายบคุ คล ละ 60
ด้านทกั ษะ / กระบวนการ ( P ) สงั เกตพฤติกรรม - การประเมิน
รายบคุ คล พฤติกรรม
1. การคิดวิเคราะห์ รายบุคคลผ่าน รอ้ ย
2. กระบวนการกลุม่ ละ 60
ด้านคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A) - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกต - การประเมิน
รายบคุ คล พฤตกิ รรมรายบุคคล พฤตกิ รรม
1. มวี ินยั รายบุคคลผ่าน รอ้ ย
2. ใฝ่เรยี นรู้ ละ 60
3. มุ่งมน่ั ในการทำงาน
ดา้ นสมรรถนะ
1. ความสามารถในการสอ่ื สาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา
4. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
13. กจิ กรรมเสนอแนะ
ให้นักเรียนใช้เวลาว่างในการทบทวนบทเรียน ศึกษาเนื้อหาเพิ่มเติมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะได้ข้อมูลท่ี
เปน็ ปจั จุบนั และเปน็ ประโยชนต์ อ่ การเรียนการสอน และการดำเนนิ ชีวติ ประจำวันต่อไป
ลงชอ่ื พรทิพย์ ขาวแดง ผ้เู ขียนแผนการจดั การเรยี นรู้
(นางพรทิพย์ ขาวแดง)
ตำแหน่ง ครูผชู้ ว่ ย
ส่อื การสอน/นวัตกรรม
ใบความรูท้ ่ี 13 ข้ันตอนการพัฒนาแอปพลเิ คชัน
7 ขน้ั ตอน
การพัฒนาแอปพลเิ คชัน
1 กำหนดปญั หา
(Problem Definition)
2 ศึกษาความเปน็ ไปได้
(Feasibility Study)
3 วิเคราะหค์ วามตอ้ งการแอปพลิเคชัน
(Analyzing Application Needs)
4 ออกแบบแอปพลิเคชัน
(Designing the Applications)
5 พฒั นาแอปพลิเคชนั
(Developing)
6 ทดสอบแอปพลเิ คชัน
(Testing and Maintaining the System)
7 จดั ทำเอกสาร
(Documenting)
แบบทดสอบหลังเรยี น
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 4
คำช้แี จง : ให้นกั เรยี นเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
1. หากต้องการตวั แปรเกบ็ ข้อความคำว่า Welcome 4. คำสัง่ print() จะให้ผลลพั ธ์การทำงานอยา่ งไร
to program และคา่ ตัวเลข 497 ข้อเขียนคำสั่งได้ ก. แสดงผลบนเวบ็ ไซต์ ข. แสดงผลบนหนา้ จอ
ถูกต้อง ค. แสดงผลบนบราวเซอร์ ง. แสดงผลผา่ นเครอื่ งพิมพ์
ก. text = Welcome to program , x = 497 5. ขอ้ ใดไมใ่ ช่องคป์ ระกอบของเทคโนโลยี IoT
ข. text = Welcome to program ; x = "497" ก. Compiler ข. Dashboard
ค. text = "Welcome to program" ; x = 497 ค. Smart Device ง. Cloud Computing
ง. text = "Welcome to program" , x = "497" 6. ข้อใดจะใหผ้ ลลพั ธเ์ ป็นการแสดงผลคำวา่ Application
2. ข้อใดคือขั้นตอนแรกของขนั้ ตอนการพฒั นา 3 รอบ
แอปพลเิ คช่นั ก. ข.
ก. กำหนดปัญหา ข. วเิ คราะหป์ ญั หา
ค. ศึกษาความเปน็ ไปได้ ง. วเิ คราะหค์ วามตอ้ งการ
3. หากต้องการเปลย่ี นโปรแกรมต่อไปนใี้ หร้ ับคา่ เฉพาะ ค. ง.
จำนวนเตม็ สามารถทำไดด้ ว้ ยวธิ ีใด
ก. บรรทัดที่6 เปน็ dollar = baht / rate (int) 7. หากตอ้ งการให้โปรแกรมแสดงผลคำว่า Monday ต้อง
ข. บรรทัดที่4และ5 กรอกเลขใดใน
เปน็ rate = float(int('ป้อนอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท โปรแกรม
ไทยต่อ
1 ดอลลาร์ : ') rate = float(int('ปอ้ นจำนวนเงนิ บาท ก. เลข 1
ไทย : ') ข. เลข 2
ค. บรรทัดท4ี่ และ5 ค. เลข 3
เป็น rate = int(input('ปอ้ นอตั ราแลกเปลย่ี นเงินบาท ง. เลข 4
ไทยตอ่ 1 ดอลลาร์ : ') rate = int(input('ปอ้ นจำนวน 8. หากกำลังพดู ถึง “แอปพลเิ คชั่นระบบและแอปพลเิ คชนั
เงนิ บาทไทย : ')
ง. บรรทัดที่8 เป็น print('คำนวณเปน็ เงนิ ดอลลารไ์ ด้ : ทตี่ อบสนองตอ่ ความตอ้ งการผ้ใู ช้” แสดงว่าผูพ้ ูดกำลงั พดู ถงึ
%.f ดอลลาร์' % dollar)
เรือ่ งอะไร
ก. ประเภทของผงั งาน ข. ประเภทของแอปพลเิ คชัน
ค. ขั้นตอนการเขยี นของผงั งาน ง. ขน้ั ตอนการพัฒนาแอป
พลเิ คชนั
9. “Windows Android Linux” ขอ้ ใดเกี่ยวข้องขอ้ ใด 10. หากระบบควบคมุ แอรอ์ าคารแหง่ หนง่ึ ถกู ออกแบบ
ก. แอปพลเิ คช่ันบราวเซอร์ ให้เชอื่ มเข้าอนิ เทอร์เนต็ โดยอาศยั wifi เพอ่ื ให้ส่ังงาน
ข. แอปพลเิ คชั่นบรกิ าร การเปดิ -ปดิ แอร์ได้จากมือถอื จากการสื่อสารดว้ ย
ค. แอปพลเิ คชันเทคนิค อนิ เทอร์เน็ต ถอื วา่ เปน็ ลกั ษณะของเทคโนโลยี IoT หรอื ไม่
ง. แอปพลเิ คชันระบบ เพราะเหตุใด
ก. ไมใ่ ช่ เพราะ ตอ้ งมีอปุ กรณม์ ากกวา่ หนึง่ อยา่ งท่ี
เ ลย เชอื่ มเข้ากบั ระบบ wifi และอนิ เทอรเ์ นต็
ข. ใช่ เพราะ ระบบแอรเ์ ชอ่ื มกบั สญั ญาณ wifi และ
อนิ เทอรเ์ น็ต
ค. ใช่ เพราะ ระบบแอรเ์ ชอื่ มกบั อนิ เทอรเ์ น็ตและสั่งงาน
จากมอื ถือ
ง. ไมใ่ ช่ เพราะ ระบบการทำงานของเทคโนโลยีตอ้ งเชอ่ื ม
กบั อปุ กรณไ์ ฟฟ้ามากกวา่ หนงึ่ ชนดิ และสามารถควบคมุ ได้
ทกุ อุปกรณ์
1. ค 2. ก 3. ค 4. ข 5. ก 6. ง 7. ข 8. ข 9. ง 10. ค