The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการสอนวิทยาการคำนวณ ม.3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by maria_r, 2022-06-26 03:19:20

แผนการสอนวิทยาการคำนวณ ม.3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565

แผนการสอนวิทยาการคำนวณ ม.3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565

4. จุดประสงค์การเรยี นรู้
4.1 ด้านความรู้ ( K )
1. อธบิ ายการใชง้ านเทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภัยและมคี วามรบั ผิดชอบ
2. ใชง้ านเทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภัยและมคี วามรบั ผิดชอบ
3. เห็นประโยชน์ของการใชง้ านซอฟตแ์ วร์ชว่ ยในการทำงาน
4.2 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ ( P )
1. การคิดวิเคราะห์
2. กระบวนการกล่มุ
4.3 ดา้ นคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ( A )
1. มวี ินยั
2. ใฝ่เรียนรู้
3. มุง่ ม่นั ในการทำงาน

5. สาระการเรียนรู้
1. การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภยั
2. การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอย่างมีความรับผดิ ชอบ
3. กฎหมายเกยี่ วกับคอมพวิ เตอร์
4. การใช้ลขิ สิทธิ์ของผอู้ น่ื โดยชอบธรรม (fair use)

6. สมรรถนะสำคญั
1. ความสามารถในการสอื่ สาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา
4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

7. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
1. มวี ินัย
2. ใฝ่เรยี นรู้
3. มุ่งมนั่ ในการทำงาน

8. ภาระงาน
1. ใบงานเรือ่ ง The Future of Robotics
2. ใบงานเรอื่ ง การใชง้ านเทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภยั และมีความรบั ผิดชอบ
3. กิจกรรม ออกแบบโปสเตอรก์ ารใช้งานเทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภยั และมคี วามรับผดิ ชอบ

9. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้

ข้นั นำเข้าสบู่ ทเรียน

1. ผู้สอนเปิดคลิป อะตอม ! ศกึ หนุ่ เหล็กกำปนั้ ถล่มปฐพี Real Steel เพ่อื เป็นการกระตุน้ ความสนใจของผูเ้ รียน
จากลงิ ค์ https://www.youtube.com/watch?v=JTNOShO-mww

2. ผู้สอนถามผเู้ รียนเพื่อเป็นการทบทวนความรู้เดิม และเพอ่ื กระตุ้นความสนใจของผู้เรยี น เช่น “เพราะอะไร
หุน่ ยนต์ ถงึ สามารถตอ่ สู้ไดเ้ หมือนคน”
แนวคำตอบ : เขียนโปรแกรม เพื่อสั่งงานให้หุ่นยนต์ทำงานตามที่เราต้องการ ทำให้หุ่นยนต์ มีความ
ฉลาดเหมือนกับ หรือเทียบเท่ากับมนุษย์ มีความสามารถในการเรียนรู้ในสิ่งต่าง ๆ เรียนรู้ถึงเหตุและผล มี
ความสามารถในการใช้ภาษา และมีความสามารถในการมีความคิดสร้างสรรค์ รวมไปถึงการต่อสู้ นั่นคือ
ปญั ญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI)

ข้ันสอน

1. ผู้สอนแจกใบงานเรือ่ ง The Future of Robotics พร้อมอธิบายวิธีการทำใบงาน คือ ให้ผู้เรียนออกแบบ
หุ่นยนต์ในโลกอนาคต ในแบบที่นักเรียนต้องการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
เชน่ ออกแบบหุ่นยนต์เพือ่ ช่วยในการทำงานทางการแพทย์ คมนาคม หรือ กจิ วัตรประจำวันต่างๆ

2. ผู้สอนแนะนำเพิม่ เติมว่า ปัญญาประดิษฐ์ (AI : Artificial Intelligence) เป็นระบบประมวลผลที่มีต้นแบบ
มาจากโครงขา่ ยประสาทของมนษุ ยส์ ามารถเรียนร้แู ละเพิม่ ประสิทธภิ าพการประมวลผลได้ตามจํานวนข้อมูล
ท่ีเพมิ่ ขึน้ ผา่ นกระบวนการเรยี นรู้ด้วยตนเอง ซ่งึ สามารถจดจาํ คิด วิเคราะหเ์ รียนรู้และเชือ่ มโยงขอ้ มูลต่างๆท่ี
ซับซ้อนได้อย่างรวดเร็ว (Deep Learning) เสมือนระบบสมองของมนุษย์ จึงอาจเรียกได้ว่า “สมองกล
อัจฉรยิ ะ” ปัญญาประดิษฐ์หรอื Artificial Intelligence สามารถแยกออกได้เปน็ 2 คำ ไดแ้ ก่
“Artificial” มีความหมายว่า ส่งิ ท่ีไมม่ ีชีวติ ถูกสร้างหรอื สงั เคราะหข์ น้ึ โดยมนษุ ย์
“Intelligence” มคี วามหมายว่า ความฉลาด ความคิดคำนวณท่ีจะนำไปสู่ผลสำเรจ็

3. ผูส้ อนสมุ่ ผู้เรียนออกมานำเสนอหุ่นยนต์ท่ผี ้เู รยี นออกแบบพรอ้ มอธิบายวธิ กี ารใชง้ าน
4. ผ้สู อนและผู้เรียนคนอืน่ ๆ ชว่ ยกันเสนอแนะ แสดงความคดิ เหน็ เพอ่ื โอกาสในการพัมนาตอ่ ยอด ตอ่ ไป
5. ผูส้ อนอธบิ าย วา่ จากหุ่นยนตท์ ผี่ ้เู รียนไดอ้ อกแบบมา สามารถชว่ ยสร้างการเปล่ียนแปลงตอ่ ระบบทางสงั คม

และองคก์ รตา่ งๆ ตง้ั แตร่ ะดบั บคุ คล ระดับองค์กรหรอื หนว่ ยงาน และ ระดบั ประเทศ และอาจรวมไปถงึ
ระดับโลก

1. ผสู้ อนแจกใบความรู้เรื่อง การใช้งานเทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภัยและมคี วามรบั ผดิ ชอบ พรอ้ ม
อธิบายใบความรู้
ในปัจจุบนั มีการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งแพรห่ ลาย ซ่งึ การใชง้ านเทคโนโลยสี ารสนเทศนัน้ มคี วาม
เสี่ยงท่ีอปุ กรณ์เทคโนโลยีจะถกู บุกรกุ โจมตี หรอื เขา้ ถึงขอ้ มลู สว่ นบุคคล การใชง้ านเทคโนโลยีสารสนเทศ มี
ทั้งคุณประโยชนแ์ ละโทษในเวลาเดียวกัน เพือ่ ให้มคี วามรแู้ ละสามารถใชเ้ ทคโนโลยไี ด้อยา่ งมปี ระโยชน์และ
ปลอดภยั จำเป็นทจ่ี ะตอ้ งมคี วามรเู้ ก่ียวกับความรูท้ างด้านตา่ ง ๆ ตอ่ ไปน้ี
ด้านความปลอดภัย
1. การทำธุรกรรมออนไลน์
2. การซอื้ สนิ คา้ ออนไลน์
ด้านความรบั ผิดชอบ
1. ความเป็นสว่ นตวั (Information Privacy)
2. ความถูกต้องแมน่ ยำ (Information Accuracy)
3. ความเป็นเจา้ ของ (Information Property)
4. การเข้าถงึ ข้อมูล (Data Accessibility)

2. ผสู้ อนแจกใบงานเรอ่ื ง การใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภยั และมคี วามรบั ผิดชอบ พรอ้ ม
อธิบายวธิ ีการทำใบงาน คือ ใหผ้ ้เู รียนหาขอ้ มลู เกี่ยวกบั หัวขอ้ ตามทไ่ี ด้รบั มอบหมาย โดยขอ้ มลู ทค่ี ้นหา
ประกอบไปดว้ ย ความหมายของหวั ขอ้ ทผ่ี เู้ รยี นไดร้ ับ อธิบายรายละเอยี ด แนวทางการปอ้ งกนั และ
ยกตัวอย่างเหตกุ ารณ์ที่เกดิ ขึน้ ในสงั คม

3. ผสู้ อนใหเ้ วลาผู้เรยี นในการทำใบงาน โดยผสู้ อนคอยดูแลความเรยี บรอ้ ย และคอยให้คำแนะนำเพมิ่ เตมิ

- ผู้สอนใหผ้ เู้ รียนแบง่ กลมุ่ ๆ ละ 3 – 5 คน ทำ กิจกรรม ออกแบบโปสเตอรก์ ารใชง้ านเทคโนโลยี
สารสนเทศอยา่ งปลอดภยั และมีความรับผดิ ชอบ พรอ้ มอธบิ ายวธิ กี ารทำกจิ กรรม คือ ใหผ้ เู้ รียน
ออกแบบโปสเตอรเ์ พอ่ื ใหค้ วามรู้เกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภยั และมคี วาม
รบั ผิดชอบ ดว้ ยโปรแกรม Microsoft Power Point
- ผสู้ อนเปิดตัวอยา่ ง โปสเตอร์ ใหผ้ เู้ รียนดูเพือ่ เปน็ แนวทางในการออกแบบ

- ผสู้ อนให้ผเู้ รียนออกโปสเตอร์โดยท่ีผสู้ อนคอยดแู ลความเรียบรอ้ ยและคอยให้คำแนะนำเพมิ่ เติม

- ผสู้ อนสุม่ ผู้เรียนออกมานำเสนอโปสเตอร์ และใหผ้ เู้ รยี นนำโปสเตอรไ์ ปจัดนิทรรศการที่บอรด์ หนา้
หอ้ งเรยี น เพอ่ื เปน็ การแนะนำการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภัยและมีความรับผดิ ชอบ

ขน้ั สรุป

1. ผ้สู อนสรปุ ใหผ้ ูเ้ รยี นเขา้ ใจว่า การใช้งานเทคโนโลยสี ารสนเทศ เปน็ การนำเทคโนโลยคี อมพวิ เตอรม์ าใชใ่ น
กระบวนการทำงานต่างๆ เพอ่ื ใชใ้ นการจัดการข้อมลู ทเี่ กิดขึ้นในการทำงาน เพอ่ื ใหไ้ ดม้ าซ่งึ เทคโนโลยี
สารสนเทศทีส่ ามารถนำไปใชง้ านไดต้ ามวัตถปุ ระสงค์

2. ผสู้ อนและผูเ้ รยี นรว่ มกันสรปุ ข้อดี และ ขอ้ เสยี ของเทคโนโลยสี ารสนเทศ
แนวคำตอบ :
ข้อดี
1.ใชใ้ นการตดิ ตอ่ สอื่ สารไดอ้ ย่างรวดเรว็
2.ทำให้เกิดเทคโนโลยีใหม่ๆ
3.ใชใ้ นการสบื ค้นขอ้ มูลจากแหลง่ เรยี นรทู้ างอินเตอรเ์ น็ตได้รวดเรว็
4.ไดร้ บั ความร้แู ละความบนั เทิง
ขอ้ เสีย
1.การมสี ว่ นรว่ มในสงั คมนอ้ ยลง เพราะติดเทคโนโลยีมากข้นึ
2.มโี อกาสถูกขโมยข้อมลู การเขา้ ใชโ้ ปรแกรมตา่ งๆ
3.ปัญหาการหลอกลวงท่ีสง่ มาทางอปุ กรณเ์ ทคโนโลยี
4.ปญั หาดา้ นสขุ ภาพทเ่ี กิดจากการใช้งานนานเกินไป

3. ผสู้ อนเปิดโอกาสใหผ้ เู้ รยี นสอบถามเพม่ิ เตมิ

10 . สอื่ การเรยี นรู้
1. ใบความรู้ที่ 1 การใชง้ านเทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภัยและมคี วามรบั ผิดชอบ
2. https://www.youtube.com/watch?v=JTNOShO-mww
3. ใบงานเรอื่ ง The Future of Robotics
4. ใบงานเรอ่ื ง การใชง้ านเทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภยั และมคี วามรับผิดชอบ
5. กจิ กรรมกลุม่ ออกแบบโปสเตอร์การใช้งานเทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภัยและมคี วามรบั ผิดชอบ

11. แหล่งเรยี น
หอ้ ง ICT

0

12. การวัดและประเมินผล วธิ กี ารวดั เครอื่ งมอื ทใี่ ช้ เกณฑ์การประเมนิ
การประเมิน
- ตรวจใบงานเรอ่ื ง The ใบงานเรอ่ื ง The Future - การประเมนิ
ด้านความรู้ ( K )
1. อธิบายการใชง้ านเทคโนโลยี Future of Robotics ) of Robotics ) พฤตกิ รรมรายบุคคล
สารสนเทศอยา่ งปลอดภยั และมคี วาม
รบั ผิดชอบ - ตรวจใบงานเรอื่ ง การใช้ - ตรวจใบงานเรอื่ ง การใช้ ผา่ น ร้อยละ 60
2. ใช้งานเทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ ง
ปลอดภัยและมีความรบั ผดิ ชอบ งานเทคโนโลยสี ารสนเทศ งานเทคโนโลยสี ารสนเทศ
3. เหน็ ประโยชน์ของการใช้งาน
ซอฟตแ์ วรช์ ว่ ยในการทำงาน อยา่ งปลอดภัยและมีความ อยา่ งปลอดภัยและมีความ

ดา้ นทักษะ / กระบวนการ ( P ) รบั ผิดชอบ รบั ผดิ ชอบ
1) การคดิ วเิ คราะห์
- กิจกรรม ออกแบบ - กิจกรรม ออกแบบ
ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)
1. มวี ินยั โปสเตอรก์ ารใช้งาน โปสเตอรก์ ารใช้งาน
2. ใฝ่เรยี นรู้
3. มุ่งม่นั ในการทำงาน เทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยีสารสนเทศ
ด้านสมรรถนะ
อย่างปลอดภัยและมคี วาม อยา่ งปลอดภัยและมีความ

รบั ผดิ ชอบ รบั ผดิ ชอบ

- ประเมินใบงานเรอ่ื ง The - แบบประเมินผลงาน - การประเมิน

Future of Robotics ) พฤตกิ รรมรายบุคคล

- ตรวจใบงานเรอ่ื ง การใช้ ผ่าน รอ้ ยละ 60

งานเทคโนโลยีสารสนเทศ

อย่างปลอดภัยและมคี วาม

รับผิดชอบ

- กจิ กรรม ออกแบบ

โปสเตอร์การใชง้ าน

เทคโนโลยสี ารสนเทศ

อยา่ งปลอดภัยและมคี วาม

รับผิดชอบ

- การประเมนิ

สงั เกตพฤติกรรม แบบสังเกตพฤตกิ รรม พฤตกิ รรมรายบุคคล

รายบคุ คล รายบคุ คล ผา่ น รอ้ ยละ 60

- สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม
รายบคุ คล รายบคุ คล

1. ความสามารถในการสอ่ื สาร - การประเมนิ
2. ความสามารถในการคิด พฤตกิ รรมรายบุคคล
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา ผา่ น รอ้ ยละ 60
4. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

13. กิจกรรมเสนอแนะ
ให้นักเรียนใช้เวลาว่างในการทบทวนบทเรียน ศึกษาเนื้อหาเพิ่มเติมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะได้ข้อมูลที่

เป็นปัจจบุ นั และเป็นประโยชน์ต่อการเรียนการสอน และการดำเนนิ ชีวิตประจำวนั ต่อไป

ลงชอื่ พรทิพย์ ขาวแดง ผ้เู ขยี นแผนการจัดการเรยี นรู้
(นางพรทพิ ย์ ขาวแดง)
ตำแหน่ง ครผู ชู้ ว่ ย

0

ส่อื การสอน/นวัตกรรม

ใบความรเู้ ร่ือง การใชง้ านเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภยั และมีความรับผิดชอบ

การใชง้ านเทคโนโลยสี ารสนเทศ

อยา่ งปลอดภัยและมคี วามรับผดิ ชอบ

ดา้ นความปลอดภยั

การทำธรุ กรรมออนไลน์ การซื้อสนิ คา้ ออนไลน์

1. ใช้งานอปุ กรณเ์ ทคโนโลยสี ่วนตวั 1. ไมซ่ อื้ สินค้าออนไลน์ผา่ น WIFI สาธารณะ
2. ไมใ่ ชง้ านผา่ น WIFI สาธารณะ 2. เลือกซือ้ เวบ็ ไซต์ทข่ี ึน้ ตน้ ด้วย https:// เทา่ นน้ั
3. ต้งั รหสั ผ่านให้มคี วามปลอดภยั 3. เกบ็ หลกั ฐานการสง่ั ซอื้
4. ออกจากระบบทกุ ครง้ั หลงั ใชง้ าน 4. ตรวจสอบคุณสมบัตขิ องสนิ คา้
5. ใชบ้ ริการ SMS แจง้ เตือน 5. อ่านรีววิ ก่อนตดั สินใจสัง่ ซ้ือ
6. จำกดั วงเงนิ ในการทำธุรกรรม 6. ตรวจสอบประวตั ิ ้อโกง

ดา้ นความรบั ผิดชอบ

ความเปน็ สว่ นตวั ความถกู ตอ้ งแมน่ ยำ ความเปน็ เจ้าของ การเข้าถึงขอ้ มูล
(Information (Information (Information
Accuracy) (Data Accessibility)
Privacy) Property)

เปน็ สิทธิ การเผยแพรข่ ้อมลู ข่าวสาร เป็นกรรมสทิ ธ์ใิ นการถือ การเข้าถงึ ขอ้ มลู ของผอู้ ื่น
ของเจา้ ของสามารถ ต่างๆจะต้องให้ ครองทรพั ย์สิน ซง่ึ อาจเปน็ โดยไม่ได้รับความยนิ ยอม
กำหนดความเปน็ สว่ นตัว ทรพั ยส์ ินท่วั ไปท่ีจับตอ้ งได้ ถอื เปน็ การผดิ จรยิ ธรรม
ของขอ้ มูลตนเองในการ ความสำคัญกบั ความ หรือ ทรพั ยส์ นิ ท่จี ับตอ้ ง
เผยแพรใ่ ห้กบั ผอู้ ื่น ถกู ตอ้ งแมน่ ยำของขอ้ มลู ไมไ่ ด้ เชน่ ทรพั ยส์ ินทาง

เปน็ อยา่ งมาก ปญั ญา

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 8

หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 3 การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภยั เวลาประจำหนว่ ย 3 ชวั่ โมง
เรือ่ ง กฏหมายคอมพวิ เตอร์ เวลา 1 ช่ัวโมง
รายวิชา วทิ ยาการคำนวณ 3 รหสั วชิ า ว23181 ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 3
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา 2565
ครผู ้สู อน นางพรทิพย์ ขาวแดง

1. มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแกป้ ญั หาทพ่ี บในชวี ติ จริงอยา่ งเป็นขั้นตอน

และเปน็ ระบบ ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สารในการเรยี นรู้ การทำงาน และการแกป้ ญั หา
ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธภิ าพ รเู้ ทา่ ทนั และมีจรยิ ธรรม

2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด
เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology : IT) เปน็ การนำเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์มาใชใ้ นกระบวนการ

ทำงานต่างๆ เพื่อใช้จัดการข้อมูลที่เกิดขึ้นในการทำงานของบุคคล หน่วยงาน หรือองค์กร เพื่อให้ได้มาซึ่งสารสนเทศที่
นำไปใช้งานตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ ปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศมีบทบาทสำคัญและส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงใน
ทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นดา้ นการดำเนนิ ชีวติ ประจำวัน การใช้งานเทคโนโลยสี ารสนเทศมีทั้งคุณและโทษ ต้องศึกษาเพ่ือใช้
งานได้อย่างรู้เท่าทัน และสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างปลอดภัยในสังคมปัจจุบัน นอกจากนี้ยังต้องสามารถเลือกและใช้
เทคโนโลยสี ารสนเทศดา้ นตา่ งๆ อยา่ งสรา้ งสรรค์

3. ตัวชีว้ ัด/สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
ตัวชวี้ ดั
ว 4.2 ม.3/4 ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ อย่างปลอดภัยและมคี วามรับผดิ ชอบตอ่ สงั คมปฏบิ ัติ
ตามกฎหมายเกยี่ วกับคอมพวิ เตอร์ ใช้ลิขสิทธิ์ของผอู้ ื่นโดยชอบธรรม
สาระการเรียนรแู้ กนกลาง
1. การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภยั เช่น การทำธรุ กรรมออนไลนก์ ารซ้ือสินคา้ ซ้อื ซอฟต์แวร์
ค่าบริการสมาชกิ ซอ้ื ไอเทม็
2. การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งมคี วามรับผิดชอบ เชน่ ไม่สรา้ งขา่ วลวง ไม่แชรข์ อ้ มลู โดยไม่
ตรวจสอบ ขอ้ เทจ็ จริง
3. กฎหมายเกยี่ วกบั คอมพวิ เตอร์
4. การใช้ลิขสทิ ธ์ขิ องผอู้ ืน่ โดยชอบธรรม (fair use)

4. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
4.1 ดา้ นความรู้ ( K )
1. อธบิ ายเกี่ยวกบั กฎหมายคอมพวิ เตอรไ์ ด้ถูกตอ้ ง
2. ใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งสรา้ งสรรค์
3. เห็นประโยชน์ของการใชก้ ฎหมายคอมพวิ เตอร์
4.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ ( P )
1. การคิดวิเคราะห์
2. กระบวนการกลุม่
4.3 ด้านคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ ( A )
1. มวี ินัย
2. ใฝเ่ รียนรู้
3. มุ่งมนั่ ในการทำงาน

5. สาระการเรียนรู้
1. การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภยั
2. การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างมีความรบั ผดิ ชอบ
3. กฎหมายเกีย่ วกับคอมพวิ เตอร์
4. การใช้ลขิ สทิ ธขิ์ องผอู้ ื่นโดยชอบธรรม (fair use)

6. สมรรถนะสำคัญ
1. ความสามารถในการสอ่ื สาร
2. ความสามารถในการคดิ
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
4. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

7. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1. มวี นิ ัย
2. ใฝเ่ รียนรู้
3. มุ่งม่ันในการทำงาน

8. ภาระงาน
1. ใบงานเรือ่ ง โทษของการทำผดิ กฎหมายคอมพวิ เตอร์

9. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้

ขนั้ นำเข้าสบู่ ทเรียน

1. ผู้สอนเปิดคลปิ เรื่องควรรู้ พ.ร.บ. คอม 60 เพอื่ เปน็ การกระตนุ้ ความสนใจของผูเ้ รยี น จากลงิ ค์
https://www.youtube.com/watch?v=HLs-nS2cH1U

ข้ันสอน

2. ผู้สอนอธิบายว่า การใช้คอมพิวเตอร์ในการโพสต์ข้อความ หรือแสดงความคิดเห็นตามกระทู้ต่างๆ ผู้ใช้งาน
จะต้องใช้วิจารณญาณในการแสดงความคิดเห็น พร้อมทั้งคำนึงถึงผลกระทบที่จะตามมาด้วย ถ้าหากโพสต์
นั้นมีเนื้อหาไม่เหมาะสม หรือเป็นเท็จ อาจจะได้รับโทษตามกฎหมายได้ เนื่องจากเป็นการกระทำความ ผิด
พระราชบัญญตั ิวา่ ดว้ ยการกระทำความผิดเก่ียวกบั คอมพวิ เตอร์

3. ผู้สอนแจกใบความรเู้ รอ่ื ง กฎหมายคอมพวิ เตอร์ พร้อมอธบิ ายใบความรู้
พ.ร.บ.คอมพวิ เตอร์ คอื พระราชบญั ญตั ทิ ่วี า่ ดว้ ยการกระทำผดิ เกย่ี วกบั คอมพวิ เตอร์ ซ่ึงเปน็ พ.ร.บ.ทต่ี ง้ั

ข้ึนมาเพ่ือปอ้ งกัน ควบคมุ การกระทำผดิ ทจี่ ะเกดิ ข้ึนไดจ้ ากการใช้คอมพวิ เตอร์ หากใครกระทำความผดิ ตาม
พ.ร.บ.คอมพวิ เตอร์นี้ กจ็ ะตอ้ งได้รับการลงโทษตามที่ พ.ร.บ.กำหนด
ซึง่ สามารถสรุปเกยี่ วกับกบั การกระทำความผิด เกยี่ วกับคอมพวิ เตอร์ พ.ศ. 2560 หรอื พ.ร.บ.คอมพวิ เตอร์
ฉบับที่ 2 ได้ดงั นี้

1. การฝากร้านใน Facebook, IG ถือเปน็ สแปม ปรับ 200,000 บาท
2. สง่ SMS โฆษณา โดยไมร่ บั ความยนิ ยอม ใหผ้ รู้ บั สามารถปฏิเสธขอ้ มลู นน้ั ได้ ไม่เช่นนัน้ ถือเป็นสแปม
ปรบั 200,000 บาท
3. ส่ง Email ขายของ ถือเปน็ สแปม ปรับ 200,000 บาท
4. กด Like ได้ไม่ผดิ พ.ร.บ.คอมพ์ฯ ยกเวน้ การกดไลค์ เปน็ เร่อื งเก่ยี วกับสถาบนั เสยี่ งเขา้ ข่ายความผิด
มาตรา 112 หรอื มคี วามผดิ รว่ ม
5. กด Share ถอื เป็นการเผยแพร่ หากข้อมลู ทแี่ ชร์มผี ลกระทบต่อผอู้ ่นื อาจเขา้ ขา่ ยความผิดตาม พ.ร.บ.
คอมพฯ์ โดยเฉพาะทก่ี ระทบต่อบุคคลท่ี 3

6. พบข้อมูลผิดกฎหมายอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ของเรา แต่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าของคอมพิวเตอร์กระทำเอง
สามารถแจง้ ไปยังหน่วยงานท่รี บั ผดิ ชอบได้ หากแจง้ แล้วลบขอ้ มูลออกเจา้ ของกจ็ ะไม่มีความผดิ ตามกฎหมาย
เช่น ความเห็นในเว็บไซต์ตา่ ง ๆ รวมไปถึงเฟซบุ๊ก ที่ให้แสดงความคิดเห็น หากพบว่าการแสดงความเห็นผดิ
กฎหมาย เมอ่ื แจง้ ไปทหี่ นว่ ยงานทร่ี บั ผดิ ชอบเพ่อื ลบได้ทันที เจา้ ของระบบเว็บไซตจ์ ะไมม่ คี วามผดิ

7.สำหรับ แอดมินเพจ ทเี่ ปิดให้มกี ารแสดงความเหน็ เม่อื พบข้อความท่ผี ดิ พ.ร.บ.คอมฯ เม่ือลบออก
จากพ้นื ท่ีท่ตี นดูแลแล้ว จะถอื เป็นผพู้ ้นผิด

8. ไม่โพสตส์ ่ิงลามกอนาจาร ทท่ี ำให้เกดิ การเผยแพรส่ ู่ประชาชนได้
9. การโพสเกีย่ วกับเด็ก เยาวชน ต้องปิดบังใบหนา้ ยกเว้นเมือ่ เปน็ การเชิดชู ช่นื ชม อย่างให้เกียรติ
10. การใหข้ ้อมูลเก่ียวกับผเู้ สยี ชวี ิต ตอ้ งไมท่ ำใหเ้ กิดความเส่ือมเสยี เชอ่ื เสยี ง หรือถูกดูหมนิ่ เกลียดชัง
ญาติสามารถฟ้องรอ้ งไดต้ ามกฎหมาย
11. การโพสต์ด่าว่าผูอ้ นื่ มีกฏหมายอาญาอยู่แลว้ ไม่มขี อ้ มลู จรงิ หรอื ถกู ตดั ตอ่ ผูถ้ ูกกลา่ วหา เอาผิดผู้
โพสต์ได้ และมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรบั ไมเ่ กิน 200,000 บาท
12. ไมท่ ำการละเมิดลขิ สิทธผิ์ ใู้ ด ไม่วา่ ขอ้ ความ เพลง รูปภาพ หรือวิดีโอ
13. สง่ รปู ภาพแชรข์ องผอู้ ่นื เช่น สวสั ดี อวยพร ไมผ่ ดิ ถ้าไมเ่ อาภาพไปใชใ้ นเชงิ พาณชิ ย์ หารายได้
4. ผู้สอนแจกใบงานเรอื่ ง โทษของการทำผิดกฎหมายคอมพวิ เตอร์ พร้อมอธบิ ายวธิ กี ารทำใบงาน คือ ให้
ผเู้ รียน อา่ นกรณีตวั อยา่ ง และหาคำตอบ เก่ยี วกับโทษทีจ่ ะได้รับ
5. ผู้สอนใหผ้ ู้เรียนทำใบงาน โดยที่ผ้สู อนคอยดแู ลความเรยี บร้อย และคอยใหค้ ำแนะนำเพมิ่ เติม
6. ผูส้ อนให้ผเู้ รยี นทำใบงานเร่อื ง โทษของการทำผดิ กฎหมายคอมพิวเตอร์ ต่อใหเ้ สรจ็ เรียบร้อยอีก 20 นาที
4. ผู้สอนเฉลยใบงาน และให้ผู้เรยี นสลบั กนั ตรวจ ผู้เรยี นคนใดสามารถตอบคำถามได้ถกู ตอ้ งมากที่สดุ จะเปน็ ผู้
ชนะ
5. ผสู้ อนอธิบายเพ่มิ เตมิ วา่ พ.ร.บ.คอมพวิ เตอร์ หรือ พระราชบัญญัตวิ า่ ด้วยการกระทำความผิดเกีย่ วกับ
คอมพวิ เตอร์ พ.ศ.2550 ประกอบดว้ ยมาตราตา่ งๆ รวมท้ังสิน้ 30 มาตรา โดยถกู แบง่ ออกเป็น 3 ส่วน คอื
ส่วนทวั่ ไป สว่ นความผิดเกีย่ วกบั คอมพวิ เตอร์ และสว่ นของพนกั งานเจา้ หนา้ ท่ี และมีพระราชบญั ญตั วิ ่าดว้ ย
การกระทำความผดิ เกี่ยวกับคอมพวิ เตอร์ (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2560 ทม่ี ีการปรับปรงุ กฎหมายใน พ.ร.บ.
คอมพวิ เตอร์ พ.ศ.2560 บางประการ ให้มีความชดั เจนมากยิง่ ขน้ึ
6. ผูส้ อนอธิบายเพม่ิ เติมอกี วา่ ในปัจจุบนั จะเหน็ ข่าวเกี่ยวกับ ดารา ที่เดินหนา้ ฟอ้ งเกรียณคีย์บอรด์ ทเ่ี ขา้ มา
วิจารณ์ไปในทางทเี่ สยี หาย เรยี กได้วา่ เป็นการหมิน่ ประมาทออนไลน์ เชน่ กรณขี องแมท ภรี นยี ์

เปน็ การใช้ มาตรา 14(1) ในฐานความผดิ หมิ่นประมาท
1. แมจ้ ะเปน็ การกระทำบนอนิ เทอรเ์ น็ต กม็ ีความผิดหมิ่นฐานประมาทโดยการโฆษณา

2. ความผิดตามมาตรา 14(1) มอี ัตราโทษจำคกุ ไมเ่ กิน 5 ปี ปรบั ไมเ่ กิน 100,000 บาท ขณะที่ความผดิ
ฐานหมิน่ ประมาทมอี ตั ราโทษจำคุกไม่เกนิ 1 ปี ปรับไมเ่ กนิ 20,000 บาท ความผิดฐานหม่นิ ประมาทโดยการ
โฆษณามีอัตราโทษจำคุกสูงสดุ ไมเ่ กนิ 2 ปี ปรบั ไม่เกิน 200,000 บาท เม่อื นำพ.ร.บ.คอมพวิ เตอร์ฯ มาตรา
14(1) มาใช้ฟอ้ งรอ้ งในประเดน็ การหม่นิ ประมาทจงึ ทำใหจ้ ำเลยตอ้ งแบกรับอตั ราโทษทหี่ นกั ขนึ้

3. ยอมความไม่ได้ คดีหม่ินประมาทเป็นความผิดต่อส่วนตวั แตค่ วามผิดพ.ร.บ.คอมพวิ เตอร์ฯ มาตรา
14(1) ไม่ใช่ความผิดทยี่ อมความได้ แม้ผเู้ สียหายกบั จำเลยตกลงกันไดจ้ นคดหี ม่นิ ประมาทจบลงแลว้
ความผิดตามมาตรา 14(1) กย็ ังต้องดำเนนิ คดีตอ่ ไป

4. ความผดิ ตามมาตรา 14(1) แม้เป็นการใช้เสรภี าพในการแสดงออกวพิ ากษ์วิจารณ์โดยสุจริต หรอื เพ่ือ
ประโยชนส์ าธารณะก็ตาม กไ็ ม่สามารถอ้างเหตเุ หลา่ น้ขี ึ้นตอ่ สคู้ ดีได้

ขัน้ สรุป

1. ผสู้ อนสรปุ ใหผ้ ้เู รยี นเขา้ ใจวา่ ทุกวันน้กี ารแสดงความเห็น การวพิ ากษ์วจิ ารณเ์ รอ่ื งตา่ งๆ ในโซเชียลมเี ดยี ทำ
ได้ง่าย เรว็ และแรง เทา่ ท่ใี จนึก ความขดั แยง้ จงึ เกิดขน้ึ ไดง้ า่ ย เรว็ และแรงตามไปดว้ ย กฎหมายหมนิ่
ประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ เปน็ เครื่องมอื ที่ถูกนกึ ถงึ และนำมาใชม้ าก
ท่ีสุด และควรพูด หรอื วิจารณอ์ ยา่ งไรจะปลอดภยั ในทางกฎหมาย

2. ผสู้ อนให้ผูเ้ รยี นชว่ ยกันสรปุ เกี่ยวกบั ประโยชนข์ อง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
แนวคำตอบ :
1. เปน็ บทบญั ญตั ิของกฎหมายทพ่ี ัฒนาข้ึนใหส้ อดคลอ้ งกบั เทคโนโลยคี อมพิวเตอรท์ ี่มผี ลกระทบกบั วถิ ี

ชีวติ ของบุคคลในสงั คม
2. ปอ้ งกันการกอ่ อาชญากรรมท่ีเกยี่ วขอ้ งกับคอมพวิ เตอร์
3. กำหนดองคป์ ระกอบความผดิ ในอาชญากรรมท่ีเกีย่ วขอ้ งกบั คอมพิวเตอร์
4. ปอ้ งกนั การใชร้ ะบบคอมพวิ เตอร์เพ่ือเผยแพร่ขอ้ มูลคอมพวิ เตอรอ์ นั เปน็ เทจ็ หรอื มลี ักษณะอนั ลามก

อนาจาร
5. ป้องกนั การละเมดิ ขอ้ มูลและทำให้ระบบคอมพวิ เตอรข์ องผอู้ นื่ เสยี หาย

3. ผสู้ อนเปิดโอกาสใหผ้ เู้ รียนสอบถามเพม่ิ เติม

10. ส่อื การเรยี นรู้
1. ใบความร้ทู ่ี 2 กฎหมายคอมพวิ เตอร์
2. https://www.youtube.com/watch?v=HLs-nS2cH1U
3. ใบงานที่ 1.3 โทษของการทำผดิ กฎหมายคอมพวิ เตอร์

11. แหลง่ เรียนรู้
ห้อง ICT

0 วธิ กี ารวัด เคร่ืองมอื ท่ีใช้ เกณฑก์ ารประเมิน
- การประเมิน
12. การวัดและประเมนิ ผล ตรวจใบงานเร่ือง โทษ - ใบงานเร่ือง โทษของ
การประเมิน พฤติกรรมรายบุคคล
ของการทำผิดกฎหมาย การทำผิดกฎหมาย ผ่าน ร้อยละ 60
ดา้ นความรู้ ( K )
1. อธบิ ายเกี่ยวกบั กฎหมายคอมพิวเตอรไ์ ด้ คอมพวิ เตอร์ คอมพิวเตอร์ - การประเมนิ
ถกู ตอ้ ง พฤติกรรมรายบคุ คล
2. ใช้งานเทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างสรา้ งสรรค์ - ประเมนิ ใบงาน เร่อื ง - แบบประเมนิ ผลงาน
3. เหน็ ประโยชนข์ องการใชก้ ฎหมาย โทษของการทำผิด ผา่ น รอ้ ยละ 60
คอมพิวเตอร์ กฎหมายคอมพวิ เตอร์ - การประเมิน
ด้านทักษะ / กระบวนการ ( P ) พฤติกรรมรายบคุ คล
สังเกตพฤตกิ รรม แบบสังเกตพฤตกิ รรม ผ่าน ร้อยละ 60
1) การคดิ วเิ คราะห์ รายบุคคล รายบคุ คล

ดา้ นคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ (A)

1. มวี ินัย
2. ใฝ่เรยี นรู้
3. มุง่ มน่ั ในการทำงาน

ด้านสมรรถนะ - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกต - การประเมนิ
1. ความสามารถในการสอื่ สาร รายบุคคล พฤตกิ รรมรายบุคคล พฤตกิ รรมรายบุคคล
2. ความสามารถในการคดิ ผา่ น ร้อยละ 60
3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา
4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

13. กิจกรรมเสนอแนะ
ให้นักเรียนใช้เวลาว่างในการทบทวนบทเรียน ศึกษาเนื้อหาเพิ่มเติมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะได้ข้อมูลที่

เป็นปัจจบุ นั และเปน็ ประโยชน์ต่อการเรียนการสอน และการดำเนินชวี ิตประจำวนั ต่อไป

ลงชอื่ พรทิพย์ ขาวแดง ผเู้ ขียนแผนการจดั การเรยี นรู้
(นางพรทิพย์ ขาวแดง)
ตำแหนง่ ครผู ู้ช่วย

ส่อื การสอน/นวัตกรรม

ใบความรู้เรื่อง กฎหมายคอมพวิ เตอร์

กฎหมายคอมพิวเตอร์

พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ คอื พระราชบญั ญัตทิ ี่วา่ ดว้ ยการกระทำผดิ

เกยี่ วกับคอมพวิ เตอร์ ซง่ึ เปน็ พ.ร.บ.ที่ต้ังข้ึนมาเพอื่ ปอ้ งกัน

ควบคมุ การกระทำผดิ ทจี่ ะเกดิ ขึ้นไดจ้ ากการใชค้ อมพิวเตอร์

หากใครกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพวิ เตอรน์ ี้

กจ็ ะตอ้ งไดร้ บั การลงโทษตามที่ พ.ร.บ.กำหนด

13 ข้อ สรปุ เกี่ยวกบั กบั การกระทำความผดิ

เก่ียวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 หรือ พ.ร.บ.คอมพวิ เตอร์ บบั ท่ี 2

1. การฝากร้านใน Facebook, IG ถอื เป็นสแปม ปรบั 200,000 บาท
2. สง่ SMS โฆษณา โดยไม่รับความยนิ ยอม ให้ผู้รบั สามารถปฏเิ สธขอ้ มูลนัน้ ได้

ไมเ่ ช่นน้นั ถอื เปน็ สแปม ปรบั 200,000 บาท
3. ส่ง Email ขายของ ถือเปน็ สแปม ปรับ 200,000 บาท
4. กด Like ไดไ้ ม่ผดิ พ.ร.บ.คอมพ์ฯ ยกเว้นการกดไลค์ เป็นเร่ืองเก่ยี วกบั สถาบนั เสย่ี ง เข้าข่ายความผิดมาตรา 112 หรอื มี
ความผดิ ร่วม
5. กด Share ถือเปน็ การเผยแพร่ หากขอ้ มูลท่ีแชรม์ ผี ลกระทบตอ่ ผู้อ่นื อาจเข้าขา่ ย ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพฯ์ โดย
เฉพาะท่ีกระทบตอ่ บคุ คลท่ี 3
6. พบขอ้ มูลผดิ กฎหมายอยใู่ นระบบคอมพวิ เตอรข์ องเรา แต่ไม่ใชส่ ่ิงท่เี จ้าของ คอมพวิ เตอร์กระทำเอง สามารถแจง้ ไปยัง
หน่วยงานทีร่ บั ผดิ ชอบได้ หากแจง้ แล้วลบขอ้ มลู ออกเจ้าของกจ็ ะไมม่ คี วามผดิ ตามกฎหมาย เช่น ความเห็นในเวบ็ ไซตต์ ่าง ๆ รวม
ไปถงึ เฟซบุ๊ก ทีใ่ หแ้ สดงความคดิ เห็น หากพบวา่ การแสดงความเหน็ ผิดกฎหมาย เมือ่ แจง้ ไปทหี่ นว่ ยงานที่รบั ผดิ ชอบเพอ่ื ลบได้
ทันที เจา้ ของระบบเว็บไซตจ์ ะไมม่ ี ความผิด
7.สำหรบั แอดมนิ เพจ ท่เี ปดิ ให้มกี ารแสดงความเหน็ เมอื่ พบขอ้ ความท่ีผดิ พ.ร.บ.คอมฯ เม่ือลบออกจากพ้นื ทที่ ี่ตนดแู ลแลว้ จะถอื
เปน็ ผู้พน้ ผดิ
8. ไม่โพสตส์ งิ่ ลามกอนาจาร ท่ีทำให้เกิดการเผยแพรส่ ูป่ ระชาชนได้
9. การโพสเกี่ยวกบั เดก็ เยาวชน ตอ้ งปดิ บงั ใบหนา้ ยกเวน้ เม่ือเปน็ การเชิดชู ช่นื ชม อย่างใหเ้ กยี รติ
10. การใหข้ อ้ มูลเกยี่ วกบั ผเู้ สยี ชวี ติ ตอ้ งไม่ทำใหเ้ กิดความเสอื่ มเสียเชือ่ เสียง หรือถูกดู หมน่ิ เกลียดชงั ญาตสิ ามารถฟอ้ งร้องได้
ตามกฎหมาย
11. การโพสตด์ า่ ว่าผูอ้ น่ื มีกฏหมายอาญาอยแู่ ลว้ ไม่มขี อ้ มูลจริง หรือถูกตดั ตอ่ ผ้ถู ูกกล่าวหา เอาผดิ ผู้โพสต์ได้ และมโี ทษจำคกุ ไม่
เกนิ 3 ปี ปรับไมเ่ กิน 200,000 บาท
12. ไมท่ ำการละเมดิ ลิขสิทธิ์ผใู้ ด ไม่วา่ ขอ้ ความ เพลง รูปภาพ หรอื วดิ ีโอ
13. สง่ รูปภาพแชรข์ องผอู้ นื่ เชน่ สวสั ดี อวยพร ไม่ผดิ ถ้าไมเ่ อาภาพไปใช้ในเชงิ พาณชิ ย์ หารายได้

แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 9

หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 3 การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งปลอดภยั เวลาประจำหนว่ ย 3 ช่ัวโมง
เรอื่ ง ลขิ สทิ ธ์ิ เวลา 1 ช่วั โมง
รายวชิ า วทิ ยาการคำนวณ 3 รหสั วิชา ว23181 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3
กล่มุ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565
ครผู ้สู อน นางพรทิพย์ ขาวแดง

1. มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใชแ้ นวคิดเชงิ คำนวณในการแกป้ ัญหาทีพ่ บในชีวติ จริงอยา่ งเปน็ ข้นั ตอน

และเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สารในการเรยี นรู้ การทำงาน และการแกป้ ัญหา
ได้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ รเู้ ทา่ ทัน และมจี รยิ ธรรม

2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด
เทคโนโลยสี ารสนเทศ (Information Technology : IT) เป็นการนำเทคโนโลยคี อมพิวเตอรม์ าใช้ในกระบวนการ

ทำงานต่างๆ เพื่อใช้จัดการข้อมูลที่เกิดขึ้นในการทำงานของบุคคล หน่วยงาน หรือองค์กร เพื่อให้ได้มาซึ่งสารสนเทศท่ี
นำไปใช้งานตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ ปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศมีบทบาทสำคัญและส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงใน
ทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการดำเนนิ ชีวิตประจำวนั การใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศมีทั้งคุณและโทษ ต้องศึกษาเพ่ือใช้
งานได้อย่างรู้เท่าทัน และสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างปลอดภัยในสังคมปัจจุบัน นอกจากนี้ยังต้องสามารถเลือกและใช้
เทคโนโลยีสารสนเทศดา้ นตา่ งๆ อยา่ งสร้างสรรค์

3. ตวั ชว้ี ัด/สาระการเรียนรแู้ กนกลาง
ตวั ชีว้ ัด
ว 4.2 ม.3/4 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ อย่างปลอดภยั และมคี วามรบั ผดิ ชอบตอ่ สังคมปฏิบัติ
ตามกฎหมายเกี่ยวกบั คอมพวิ เตอร์ ใชล้ ิขสิทธ์ขิ องผอู้ น่ื โดยชอบธรรม
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
1. การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างปลอดภัย เช่น การทำธุรกรรมออนไลน์การซือ้ สนิ ค้า ซ้ือซอฟต์แวร์
คา่ บริการสมาชิก ซ้อื ไอเท็ม
2. การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอย่างมีความรบั ผิดชอบ เชน่ ไมส่ ร้างข่าวลวง ไมแ่ ชรข์ อ้ มลู โดยไม่
ตรวจสอบ ขอ้ เท็จจรงิ
3. กฎหมายเก่ยี วกบั คอมพวิ เตอร์
4. การใชล้ ขิ สิทธข์ิ องผอู้ ่นื โดยชอบธรรม (fair use)

4. จุดประสงค์การเรยี นรู้
4.1 ดา้ นความรู้ ( K )
1. อธบิ ายเกย่ี วกบั ลขิ สิทธ์ิไดถ้ ูกตอ้ ง
2. ใช้งานเทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งสรา้ งสรรค์
3. เหน็ ประโยชน์ของลิขสิทธิ์
4.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ ( P )
1. การคิดวเิ คราะห์
2. กระบวนการกลุม่
4.3 ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ( A )
1. มวี นิ ัย
2. ใฝ่เรยี นรู้
3. มุง่ มน่ั ในการทำงาน

5. สาระการเรยี นรู้
1. การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภัย
2. การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ งมีความรบั ผดิ ชอบ
3. กฎหมายเกี่ยวกับคอมพวิ เตอร์
4. การใช้ลิขสิทธขิ์ องผอู้ ืน่ โดยชอบธรรม (fair use)

6. สมรรถนะสำคัญ
1. ความสามารถในการส่อื สาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแก้ปญั หา
4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

7. คุณลักษณะอันพึงประสงค์
1. มวี นิ ัย
2. ใฝ่เรยี นรู้
3. มุ่งมั่นในการทำงาน

8. ภาระงาน
1. กิจกรรม บทบาทสมมติ

9. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้

ขนั้ นำเข้าสู่บทเรียน

1. ผูส้ อนเปดิ คลปิ หนุ่ม กะลา' โดนเรียกคา่ เสียหายเพลงยาม60ล้าน พอ้ จา่ ยไม่ไหว 'มวิ สิคบก๊ั ' เผยเคยคุย
แลว้ เงยี บหาย จากลิงค์ https://www.youtube.com/watch?v=sqL7NEWJWN0

2. ผสู้ อนเปิดคลปิ บทสรปุ ดรามา่ กระทงลิขสทิ ธิ์ | ขา่ ววนั ศุกร์ | ข่าวชอ่ งวัน | one31
จากลงิ ค์ https://www.youtube.com/watch?v=cWaf3fPRKK0

ข้ันสอน

1. ผสู้ อนแจกใบความรทู้ ่ี 3 ลิขสทิ ธ์ิ (Co yrig t) พรอ้ มอธบิ ายใบความรู้
ลขิ สทิ ธ์ิ เปน็ ผลงานทเี่ กิดจากการใชส้ ติปญั ญา ความรู้ความสามารถ และความอุตสาหะพยายามในการ

สร้างสรรคผ์ ลงาน ซึ่งถือวา่ เปน็ ทรัพยส์ นิ ทางปญั ญาประเภทหนึ่ง ที่ทางกฎหมายให้ความคุ้มครอง โดย
เจา้ ของลขิ สิทธจิ์ ะเปน็ ผูเ้ ดียวทจี่ ะกระทำการใดๆ เกยี่ วกบั งานท่สี ร้างสรรคไ์ ด้

การคมุ้ ครองลิขสิทธิ์ ลิขสิทธจิ์ ะมตี ลอดอายผุ ้สู รา้ งสรรค์ และจะมตี ่อไปอีก 50 ปี นับแต่ผู้สรา้ งสรรคถ์ งึ
แก่ความตาย กรณีเปน็ นิติบุคคล ลขิ สิทธจิ์ ะมอี ยู่ 50 ปี นบั แตไ่ ดส้ รา้ งสรรค์งานนนั้ ขน้ึ
พระราชบญั ญตั ลิ ขิ สิทธ์ิ พ.ศ.2537 ไดม้ ีการยกเวน้ ในงานบางประเภททจี่ ะมอี ายกุ ารคุ้มครองลขิ สทิ ธ์ิต่าง
ออกไป คือ ศลิ ปะประยุกต์ ท่ีจะมีอายุการคมุ้ ครองลขิ สทิ ธ์เิ พยี ง 25 ปเี ท่านัน้

การใชส้ ทิ ธข์ิ องผอู้ นื่ โดยชอบธรรม (Fair Use) เปน็ หลกั ข้อยกเวน้ ของกฎหมายลิขสทิ ธิ์ (Copyright
Act) มวี ัตถปุ ระสงคเ์ พื่อให้เกดิ ความสมดลุ ระหวา่ งการปกป้องผลประโยชนอ์ นั ชอบธรรมของเจา้ ของลิขสทิ ธิ์
กบั การรกั ษาประโยชน์ของสาธารณชนทจี่ ะไดร้ ับจากการใชง้ านอนั มลี ิขสทิ ธ์ิ โดยไม่ต้องไดร้ บั ความยนิ ยอม
จากเจา้ ของลิขสทิ ธิ์ ซง่ึ ได้กล่าวไวใ้ นพระราชบญั ญัตลิ ขิ สิทธิ์ พ.ศ.2537 ในมาตรา 32 – 43 โดยการกระทำท่ี
เป็นข้อยกเวน้ การละเมิดลิขสทิ ธิ์ สามารถจำแนกเป็นหลกั เกณฑ์ ไดด้ งั น้ี 1. การกระทำนั้นเป็นการกระทำ
เพือ่ ใชใ้ นการวจิ ยั หรอื ศึกษา

2. การกระทำนั้นไม่ได้เปน็ การกระทำเพอ่ื หากำไร
3. การกระทำนั้นไมข่ ัดตอ่ การแสวงหาผลประโยชน์ของเจา้ ของลขิ สทิ ธิ์ และไม่
กระทบกระเทอื นถงึ สิทธอิ ันชอบด้วยกฎหมายของเจา้ ของลิขสิทธ์ิเกินสมควร
2. ผสู้ อนแบ่งกลุ่ม กล่มุ ผูเ้ รียน กลมุ่ ละ 5 คน เพอื่ ทำกิจกรรม บทบาทสมมติ พร้อมอธบิ ายวิธีการทำกิจกรรม คอื
ให้ผ้เู รียน ชว่ ยกันคิด เหตกุ ารณ์สมมตทิ ีเ่ กี่ยวกบั การละเมดิ ลิขสิทธ์ิ พรอ้ มใหบ้ อกว่า เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ที่มี
โทษตามกฎหมายอย่างไร
3. โดยผสู้ อนแนะนำเพิม่ เติมวา่ การละเมิดลขิ สิทธิม์ ีโทษทางอาญาทงั้ จำคุกและโทษปรบั แล้วแต่กรณี และเจ้าของ
ลขิ สิทธ์ิยงั มีสทิ ธิเรยี กรอ้ งค่าเสยี หายในทางแพ่งด้วย โทษทางอาญา เช่น การทำซำ้ ดดั แปลง หรอื เผยแพรต่ อ่

สาธารณชนโดยไมไ่ ด้รับอนญุ าต มีโทษปรับตัง้ แตส่ องหม่ืนบาทถึงสองแสนบาท และหากทำเพ่ือการค้าตอ้ งระวาง
โทษจำคุกต้งั แต่ หกเดอื นถงึ สป่ี ี หรือปรับต้ังแต่หนึ่งแสนบาทถึงแปดแสนบาทหรือทง้ั จำทง้ั ปรับ
4. ผูส้ อนให้ผูเ้ รียนวางแผน ปรึกษา หาข้อมูล และนำมาแสดงในชวั่ โมงถดั ไป
5. ผสู้ อนใหส้ มาชิกแต่ละกลุ่มออกมาแสดงบทบาทสมมตเิ หตุการณ์ท่เี กีย่ วขอ้ งกบั การละเมดิ ลขิ สิทธ์ิ
6. ผสู้ อนอธิบายเพม่ิ เตมิ ว่า กฎหมายลิขสทิ ธิ์ให้ความคุ้มครองแกง่ านสร้างสรรค์ 9 ประเภทตามทกี่ ฎหมายกำหนด
ได้แก่

1. งานวรรณกรรม
2. งานนาฎกรรม
3. งานศลิ ปกรรม
4. งานดนตรีกรรม
5. งานส่ิงบันทกึ เสยี ง
6. งานโสตทศั นวสั ดุ
7. งานภาพยนตร์
8. งานแพร่เสียงแพรภ่ าพ
9. งานอ่ืนใดในแผนกวรรณคดี วทิ ยาศาสตร์ หรอื ศิลป์
7. ผูส้ อนอธบิ ายเพิ่มเตมิ เกย่ี วกบั การแจ้งขอ้ มูลลิขสทิ ธิ์ ลิขสิทธิ์ เปน็ สทิ ธทิ ี่เกดิ ขน้ึ ทันทีที่มกี ารสรา้ งสรรคผ์ ลงาน
โดยไม่ต้องจดทะเบยี น อยา่ งไรกต็ าม กรมทรพั ยส์ ินทางปัญญาไดด้ ำริใหม้ ีการแจง้ ขอ้ มลู ลขิ สิทธิเ์ พอ่ื ใชเ้ ปน็
ฐานขอ้ มลู และรวบรวมข้อมลู เบอ้ื งต้น เกี่ยวกับลขิ สิทธ์ซิ ง่ึ จะเปน็ องค์ประกอบหนง่ึ ในการพทิ ักษแ์ ละค้มุ ครอง
สิทธิของเจ้าของลขิ สิทธิ์ นอกจากนีแ้ ล้วยังเป็นแหลง่ ขอ้ มลู สำหรบั ผู้ตอ้ งการขออนญุ าตใช้ ลิขสทิ ธิส์ ามารถตรวจ
ค้นเพอ่ื ประโยชน์ในการตดิ ตอ่ ธรุ กิจกับเจา้ ของลขิ สิทธดิ์ ้วย
8. เมอ่ื แสดงครบทกุ กลุม่ แลว้ ผสู้ อนและผเู้ รยี นร่วมกัน สรุปสิ่งทไี่ ดจ้ ากการทำกจิ กรรม

ขน้ั สรปุ

1. ผู้สอนสรปุ ใหผ้ ้เู รยี นเขา้ ใจวา่ การเปน็ เจา้ ของลิขสิทธิ์ทำใหเ้ จา้ ของงานมีสทิ ธ์ิพเิ ศษในการใชง้ าน โดยมีขอ้ ยกเวน้
บางประการ เมื่อบุคคลคนหนึง่ สรา้ งงานของตนซึง่ รวมอยใู่ นสอ่ื ที่เปน็ รูปธรรมข้นึ มา ถือว่าบุคคลดังกลา่ วเป็น
เจา้ ของลิขสทิ ธิข์ องงานไปโดยปรยิ าย
งานหลายประเภทมีสิทธิ์ในการปกปอ้ งลิขสทิ ธ์ิ เชน่
งานด้านภาพและเสียง เช่น รายการทีวี ภาพยนตร์ และวดิ โี อออนไลน์
การบันทึกเสียงและการประพนั ธเ์ พลง
งานเขียน เช่น บทบรรยาย บทความ หนังสอื และการประพันธเ์ พลง
งานดา้ นภาพ เช่น ภาพวาด โปสเตอร์ และโฆษณา
วดิ ีโอเกมและซอฟตแ์ วร์คอมพิวเตอร์

งานดา้ นละคร เช่น ละครเวทแี ละละครเพลง
2. ผู้สอนเปิดโอกาสใหผ้ เู้ รียนสอบถามเพิ่มเติม

10. ส่อื การเรยี นรู้

1. กจิ กรรม บทบาทสมมติ

2. ใบความรเู้ รอ่ื ง ลิขสทิ ธ์ิ (Copyright)

3. https://www.youtube.com/watch?v=sqL7NEWJWN0

4. https://www.youtube.com/watch?v=cWaf3fPRKK0

11. แหลง่ เรียนรู้

หอ้ ง ICT

0

12. การวัดและประเมินผล

การประเมนิ วิธกี ารวดั เครือ่ งมือท่ีใช้ เกณฑ์การประเมนิ
- แบบประเมิน - การประเมนิ
ดา้ นความรู้ ( K ) กจิ กรรม บทบาท พฤติกรรมกลมุ่
พฤติกรรมรายบุคคล
1. อธิบายเก่ยี วกับกฎหมายคอมพวิ เตอรไ์ ด้ สมมติ ผา่ น ร้อยละ 60

ถกู ต้อง

2. ใชง้ านเทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งสรา้ งสรรค์

3. เห็นประโยชน์ของการใช้กฎหมาย

คอมพิวเตอร์

ด้านทักษะ / กระบวนการ ( P ) กิจกรรม บทบาท - แบบประเมิน - การประเมิน
พฤติกรรมกลมุ่ พฤตกิ รรมรายบุคคล
1) การคิดวิเคราะห์ สมมติ
แบบสังเกตพฤตกิ รรม ผ่าน รอ้ ยละ 60
ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A) สังเกตพฤติกรรม รายบุคคล - การประเมนิ
รายบุคคล พฤติกรรมรายบุคคล
1. มีวนิ ัย ผา่ น รอ้ ยละ 60
2. ใฝเ่ รียนรู้ สงั เกตพฤตกิ รรม
3. มุง่ มน่ั ในการทำงาน รายบุคคล - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - การประเมนิ
ด้านสมรรถนะ
1. ความสามารถในการสอ่ื สาร รายบคุ คล พฤติกรรมรายบุคคล
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา ผา่ น รอ้ ยละ 60
4. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

13. กจิ กรรมเสนอแนะ
ให้นักเรียนใช้เวลาว่างในการทบทวนบทเรียน ศึกษาเนื้อหาเพิ่มเติมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะได้ข้อมูลท่ี

เปน็ ปัจจุบนั และเป็นประโยชน์ต่อการเรยี นการสอน และการดำเนนิ ชวี ิตประจำวันต่อไป

ลงชอ่ื พรทพิ ย์ ขาวแดง ผู้เขยี นแผนการจัดการเรยี นรู้
(นางพรทิพย์ ขาวแดง)
ตำแหน่ง ครผู ้ชู ว่ ย

ส่อื การสอน/นวัตกรรม

COPYRIGHT ใบความรเู้ ร่อื ง ลขิ สทิ ธิ์ (Copyright)

ลขิ สิทธ์ิ

ลขิ สทิ ธ์ิ เป็นผลงานท่ีเกดิ จากการใชส้ ติปญั ญา ความรูค้ วามสามารถ

และความอตุ สาหะพยายามในการสร้างสรรคผ์ ลงาน ซงึ่ ถอื วา่

เป็นทรพั ยส์ นิ ทางปัญญาประเภทหนึง่ ท่ีทางกฎหมายให้ความคมุ้ ครอง

โดยเจ้าของลิขสทิ ธิจ์ ะเปน็ ผูเ้ ดยี วท่ีจะกระทำการใดๆ

เกี่ยวกับงานทีส่ รา้ งสรรคไ์ ด้

การคุ้มครองลขิ สทิ ธ์ิ

ลขิ สิทธจ์ิ ะมีตลอดอายผุ ูส้ รา้ งสรรค์ และจะมตี อ่ ไปอีก 50 ปี
นบั แตผ่ ู้สรา้ งสรรค์ถงึ แกค่ วามตาย กรณเี ปน็ นิติบคุ คล
ลขิ สิทธิ์จะมีอยู่ 50 ปี นบั แต่ได้สรา้ งสรรคง์ านนน้ั ข้นึ

พระราชบัญญตั ลิ ิขสิทธ์ิ พ.ศ.2537 ได้มกี ารยกเวน้ ในงานบางประเภท
ที่จะมีอายุการคมุ้ ครองลขิ สทิ ธิต์ ่างออกไป คอื ศิลปะประยกุ ต์
ที่จะมีอายกุ ารคมุ้ ครองลขิ สทิ ธิเ์ พยี ง 25 ปเี ท่านน้ั

การใชส้ ิทธขิ์ องผอู้ น่ื โดยชอบธรรม (Fair Use)

เป็นหลกั ขอ้ ยกเวน้ ของกฎหมายลขิ สทิ ธิ์ (Copyright Act) มีวัตถุประสงค์เพือ่ ให้เกดิ ความ
สมดุลระหวา่ งการปกป้องผลประโยชน์อันชอบธรรมของเจ้าของลิขสทิ ธ์ิ กบั การรักษา
ประโยชนข์ องสาธารณชนที่จะไดร้ ับจากการใชง้ านอนั มีลขิ สิทธ์ิ
โดยไม่ตอ้ งได้รบั ความยนิ ยอมจากเจ้าของลิขสิทธิ์ ซงึ่ ไดก้ ลา่ วไวใ้ นพระราชบญั ญตั ิ
ลิขสทิ ธิ์ พ.ศ.2537 ในมาตรา 32 – 43
โดยการกระทำทเ่ี ปน็ ข้อยกเวน้ การละเมิดลขิ สทิ ธิ์ สามารถจำแนก
เป็นหลกั เกณฑ์ ไดด้ งั น้ี

1. การกระทำน้ันเปน็ การกระทำเพือ่ ใชใ้ นการวิจัยหรอื ศกึ ษา
2. การกระทำน้ันไมไ่ ด้เปน็ การกระทำเพื่อหากำไร
3. การกระทำนั้นไม่ขัดตอ่ การแสวงหาผลประโยชน์ของเจา้ ของลขิ สทิ ธ์ิ และไม่
กระทบกระเทือนถงึ สิทธอิ ันชอบดว้ ยกฎหมายของเจ้าของลิขสทิ ธ์ิเกนิ สมควร

แบบทดสอบหลงั
เรียนหน่วยการเรียนรทู้ ่ี 3

คำแจง : ใหน้ กั เรียนเลือกคำตอบท่ีถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว

1. พระราชบญั ญตั ใิ ดพูดถึงการกระทำความผิดเกยี่ วกบั 6. บริษทั ฟ้อนมวิ สคิ จำกดั ได้สรา้ งผลงานเพลงชอ่ื กอดขาเถยี ง

คอมพิวเตอรร์ วม มาตรา 30 ขึ้นใหมใ่ หก้ บั ศิลปนิ ในสังกดั ตง้ั แตว่ ันที่ 16 กนั ยายน พ.ศ. 2542

ก. พระราชบัญญตั กิ ารรักษาความมัน่ คงปลอดภยั จากนนั้ ทำการเผยแพร่และโฆษณาบน YouTube เม่อื วนั ท่ี

ไซเบอร์ 8 กนั ยายน พ.ศ. 2562 ตามพระราชบัญญัติลิขสทิ ธิ์ พ.ศ. 2537

ข. พระราชบัญญตั ิการกระทำความผดิ เทคโนโลยี ดงั นัน้ ผลงานดังกลา่ วจะถูกเรม่ิ นบั ลขิ สทิ ธิ์ตง้ั แตว่ ันที่ใด

สารสนเทศ ก. วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2542

ค. พระราชบญั ญตั วิ า่ ดว้ ยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ข. วนั ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2562

ง. พระราชบัญญตั วิ า่ ดว้ ยการกระทำความผดิ เกีย่ วกบั ค. วันท่ี 8 กันยายน พ.ศ. 2562

คอมพวิ เตอร์ ง. วันที่ 16 กนั ยายน พ.ศ. 2562

2. ข้อใดคือการทำธรุ กรรมทางการเงินออนไลน์ 7. ข้อใดไม่ใชก่ ารใชง้ านเทคโนโลยีสารสนเทศ

ทไ่ี มป่ ลอดภัย ดว้ ยความรับผดิ ชอบ

ก. ออกจากระบบทกุ ครั้งหลงั การใช้งาน ก. การกำหนดความเป็นสว่ นตวั ของขอ้ มูล

ข. ตงั้ วงเงินในการธรุ กรรมให้เหมาะสม ข. การเผยแพร่ขอ้ มูลขา่ วสารอยา่ งถกู ตอ้ งแม่นยำ

ค. ใชบ้ ริการแจ้งเตอื นเงินเขา้ -ออกผา่ น SMS ค. การไมเ่ ขา้ ถงึ ขอ้ มูลท่ีไม่ไดร้ บั อนญุ าต หรอื ยินยอม

ง. ตง้ั รหสั ผา่ นโดยใช้วนั เดินปีเกดิ หรอื ชอื่ ของตนเอง ใหเ้ ข้าถงึ

3. การทำซำ้ โดยการเปลี่ยนแปลงรปู แบบใหม่ ปรับปรงุ ง. การดดั แปลงผลงานผูอ้ นื่ และอา้ งวา่ เป็นผลงานของตนเอง

แกไ้ ข เพม่ิ เตมิ โปรแกรมคอมพวิ เตอร์ โดยไม่มลี กั ษณะ 8. ขอ้ ใดคอื การซือ้ สนิ คา้ ทางออนไลน์อย่างปลอดภัย

ในการจดั ทำขึ้นใหม่ ตามพระราชบัญญตั ลิ ขิ สิทธิ์ พ.ศ. 2537 ก. เลือกซือ้ ของผา่ นเว็บไซตท์ ขี่ ึ้นต้นดว้ ย http://

เป็นการละเมิดลขิ สิทธต์ิ ามขอ้ ใด ข. ตรวจสอบราคาตลาด คำอธิบายสินค้าไม่เกินจริง

ก. การทำซ้ำ ข. การทำสำเนา ค. ใชง้ าน Wifi สาธารณะในการส่ังซ้อื สินคา้ ออนไลน์

ค. การเผยแพร่ ง. การดดั แปลง ง. เลือกซ้ือสินคา้ จากรา้ นค้าที่ชืน่ ชอบและสนใจ

4. ตามพระราชบญั ญัตลิ ิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ไดใ้ หค้ วามค้มุ ครอง โดยไมม่ ีการจดทะเบยี นพาณิชย์

เก่ียวกับผลงาน 9 ประเภท ผลงานในขอ้ ใดไมจ่ ดั อยูใ่ น 9. เอม็ ทำซ้ำแผ่นวีซดี ภี าพยนตร์ โดยการคดั ลอกจากแผ่น

ประเภท “งานวรรณกรรม” ต้นฉบบั เพ่อื นำมาขายในร้านของตนเอง ตามพระราชบัญญัติ

ก. ทำนอง ข. หนงั สอื ลิขสทิ ธิ์ พ.ศ. 2537 เอม็ มคี วามผดิ ตามขอ้ ใด

ค. สิ่งพิมพ์ ง. ซอฟตแ์ วร์คอมพวิ เตอร์ ก. การเผยแพรต่ อ่ สาธารณชน

5. การแสดงความคดิ เห็นตอ่ ผลงานเพลงของศลิ ปนิ ข. ขาย มไี ว้เพ่อื ขาย เชา่ มไี ว้เพือ่ เช่า

ใน YouTube ถอื วา่ เปน็ การยกเวน้ การละเมิดลิขสทิ ธิ์ ค. ขายหรอื นำเข้ามาในราชอาณาจกั ร

ตามข้อใด ง. แจกจา่ ยในลักษณะทก่ี ่อให้เกิดความเสียหายแกเ่ จา้ ของ

ก. การนำผลงานนัน้ มาเป็นสว่ นหนง่ึ ในงานของตน ลขิ สิทธิ์

ข. เสนอรายงานขา่ วทางส่ือสารมวลชนโดยมีการรบั ร้ถู งึ 10. การสร้างขา่ วปลอมและเผยแพรใ่ นอนิ เทอร์เน็ต

ความเปน็ เจา้ ของลขิ สิทธใ์ิ นงานนัน้ เปน็ การกระทำความผดิ ตามพระราชบญั ญตั วิ า่ ดว้ ย

ค. การตชิ ม วิจารณ์ หรอื แนะนำผลงานโดยมกี ารรับรถู้ ึง การกระทำความผดิ เกย่ี วกับคอมพิวเตอร์ มาตราใด

ความเป็นเจา้ ของลิขสทิ ธใิ์ นงานนั้น ก. มาตรา 14 ข. มาตรา 20

ง. ใชเ้ พือ่ ประโยชน์ของตนเอง หรอื บคุ คลอ่นื ในครอบครัว ค. มาตรา 15 ง. มาตรา 17

เ ลย

1. ง 2. ง 3. ง 4. ก 5. ค 6. ค 7. ง 8. ข 9. ข 10. ก

แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 10

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 4 การพฒั นาแอปพลเิ คชนั เวลาประจำหนว่ ย 8 ชว่ั โมง
เรอื่ ง เทคโนโลยี IoT เวลา 2 ช่ัวโมง
รายวชิ า วิทยาการคำนวณ 3 รหัสวชิ า ว23181 ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 3
กลุ่มสาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2565
ครูผูส้ อน นางพรทพิ ย์ ขาวแดง

1. มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใช้แนวคดิ เชิงคำนวณในการแกป้ ัญหาทีพ่ บในชวี ิตจรงิ อย่างเปน็ ขั้นตอน

และเปน็ ระบบ ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สารในการเรยี นรู้ การทำงาน และการแก้ปญั หา
ไดอ้ ย่างมีประสทิ ธภิ าพ รเู้ ทา่ ทัน และมจี รยิ ธรรม

2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด
แอปพลิเคชันเป็นโปรแกรมที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ ซึ่ง ออกแบบมาเพื่อใช้งาน

หลายรูปแบบ ทั้งเดสก์ท็อปแอปพลิเคชันและโมไบล์แอปพลิเคชัน โดยในการพัฒนาแอปพลิเคชันจะต้องปฏิบัติตาม 7
ข้ันตอน คือ

1. กำหนดปัญหา
2. ศึกษาความเป็นไปได้
3. วเิ คราะหค์ วามตอ้ งการแอปพลิเคชัน
4. ออกแบบแอปพลเิ คชนั
5. พัฒนาแอปพลเิ คชนั
6. ทดสอบแอปพลเิ คชนั
7. จดั ทำเอกสาร

3. ตัวช้ีวดั /สาระการเรียนรแู้ กนกลาง
ตวั ชี้วัด
ว 4.2 ม.3/1 พฒั นาแอปพลเิ คชนั ทม่ี กี าร บรู ณาการกับวชิ าอื่นอยา่ ง สรา้ งสรรค์
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง

1. ขัน้ ตอนการพฒั นาแอปพลเิ คชนั

2. Internet of Things (IoT)

3. ซอฟตแ์ วรท์ ีใ่ ช้ในการพัฒนาแอปพลเิ คชัน เชน่ Scratch, python, java, c, AppInventor

4. ตัวอยา่ งแอปพลเิ คชนั เชน่ โปรแกรมแปลง สกุลเงิน โปรแกรมผันเสียงวรรณยกุ ต์โปรแกรม จำลองการแบง่ เซลล์
ระบบรดน้ำอตั โนมัติ

4. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
4.1 ด้านความรู้ ( K )
1. อธบิ ายไดว้ า่ เทคโนโลยี IoT คืออะไร
2. ใชง้ านอปุ กรณ์ที่มกี ารใชเ้ ทคโนโลยี IoT ได้
3. เหน็ ประโยชน์ของเทคโนโลยี IoT
4.2 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ ( P )
1. การคดิ วเิ คราะห์
2. กระบวนการกลมุ่
4.3 ดา้ นคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ( A )

5. สาระการเรยี นรู้
1. ข้ันตอนการพฒั นาแอปพลเิ คชัน
2. Internet of Things (IoT)
3. ซอฟตแ์ วรท์ ี่ใชใ้ นการพฒั นาแอปพลเิ คชัน เชน่ Scratch, python, java, c, AppInventor
4. ตวั อย่างแอปพลเิ คชนั เช่น โปรแกรมแปลงสกุลเงนิ โปรแกรมผนั เสยี งวรรณยุกต์ โปรแกรมจําลองการแบง่ เซลล์
ระบบรดนำ้ อตั โนมัติ

6. สมรรถนะสำคัญ
1. ความสามารถในการสอ่ื สาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา
4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

7. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์
1. มวี นิ ยั
2. ใฝ่เรียนรู้
3. มงุ่ มั่นในการทำงาน

8. ภาระงาน
3. ใบงานเรอื่ ง เทคโนโลยี loT

9. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้

ช่วั โมงที่ 1

ขน้ั นำเขา้ สบู่ ทเรยี น

1. ผสู้ อนเปิดคลปิ Internet of Things (IoT) คอื อะไร?
จากลงิ ค์ https://www.youtube.com/watch?v=9wxchUOKWXw

2. ผสู้ อนเปิดคลิป IoT Platform ฟรี !! เพอื่ คนไทย โดย NETPIE | DGTH
จากลิงค์ https://www.youtube.com/watch?v=KymSJc238Yo

3. ผู้สอนเปิดคลิป ทำไม #IoT จงึ เป็นเทคโนโลยีสำคญั ชว่ ยธรุ กจิ ได้มหาศาล มาหาคำตอบกัน
https://www.youtube.com/watch?v=f5R7ijB-c-c

ข้นั สอน

1. ผสู้ อนอธบิ ายวา่ IoT หรอื Internet of Things เปน็ แนวคิดการนำอินเทอรเ์ นต็ ไปเชื่อมตอ่ กับอุปกรณ์ตา่ งๆ
ให้อุปกรณ์นน้ั สามารถรับ-ส่งข้อมูล เพอ่ื ให้เราสามารถควบคุมหรือนำข้อมลู จากอุปกรณน์ ้นั มาใช้งานได้

2. ผูส้ อนแจกใบความรทู้ ี่ 11 องค์ประกอบของเทคโนโลยี IoT พรอ้ มอธิบายใบความรู้
Smart Device
เปน็ อุปกรณช์ าญฉลาด ที่มีสว่ นประกอบของหนว่ ยประมวลผล เชน่ ไมโครโพรเซสเซอร
Cloud Computing
เป็นสื่อกลางในการรบั ส่งขอ้ มลู หรอื เป็นหนว่ ยประมวลผลกลางที่รับขอ้ มลู จาก Smart Device และสง่
ต่อไปยังผู้ใชง้ าน
Dashboard
เปน็ ส่วนทใ่ี ช้แสดงผลและควบคมุ การทำงานของผใู้ ชโ้ ดยอาจจะอยใู่ นรปู แบบของอุปกรณ์
หรือแอปพลเิ คชันในคอมพิวเตอร์

3. ผู้สอนยกตวั อยา่ งอปุ กรณส์ ำหรบั เทคโนโลยี IoT
เซน็ เซอร์ (Sensor) เป็นชุดอปุ กรณ์ วงจร หรอื ระบบทที่ ำหน้าที่ตรวจวัดการเปลย่ี นแปลงคุณสมบตั ิ
หรอื ลักษณะของสงิ่ ตา่ ง ๆ ท่ีอยโู่ ดยรอบวัตถเุ ปา้ หมาย เชน่ เซ็นเซอร์วดั ระยะทางทใ่ี ช้เสียงสะทอ้ นกลบั
ในการคำนวณระยะทาง
คอมพวิ เตอรแ์ บบฝัง (Embedded Computer) เป็นอปุ กรณ์ทีส่ ามารถติดต้ังระบบปฏิบตั ิการ
หรือโปรแกรมต่าง ๆ ลงบนตวั อปุ กรณ์ได้ ซึง่ เปรยี บเสมือนกบั เป็นคอมพิวเตอร์ขนาดเลก็

เชน่ บอรด์ Raspberry Pi ท่ีเป็นเทคโนโลยีคอมพวิ เตอร์แบบฝงั ชนิดหนงึ่
ไมโครคอนโทรลเลอร์ (Microcontroller) เป็นอปุ กรณอ์ เิ ล็กทรอนิกสท์ ่ใี ช้ควบคุมอปุ กรณ์
ไฟฟ้าหรอื อุปกรณ์อเิ ล็กทรอนิกสต์ ่าง ๆ ซ่ึงมีลักษณะคลา้ ยกบั คอมพวิ เตอรแ์ บบฝงั แตไ่ มม่ ี
ระบบปฏิบัติการ เชน่ บอรด์ micro:bit ท่ีเป็นบอรด์ ท่สี ามารถใชง้ านไดห้ ลากหลาย

ช่ัวโมงท่ี 2

ขัน้ สอน (ตอ่ )

1. ผู้สอนแจกใบงานเรอื่ ง เทคโนโลยี loT พรอ้ มอธบิ ายวิธีการทำใบงาน คือ ให้ผเู้ รยี น ยกตวั อยา่ งอุปกรณท์ ่มี ี
การนำเทคโนโลยี IoT มาใช้งาน พรอ้ มรายละเอยี ดวธิ ีการใชง้ าน และอธิบายวา่ ชว่ ยแกป้ ญั หาใน
ชีวิตประจำวนั อย่างไร

2. ผสู้ อนให้เวลาผู้เรียนในการทำใบงาน โดยที่ผูส้ อนคอยดแู ลความเรียบรอ้ ยและคอยใหค้ ำแนะนำเพ่มิ เติม

4. ผสู้ อนยกตวั อยา่ ง บ้านอจั ฉรยิ ะ (Smart Home) เปน็ การใช้เทคโนโลยี IoT เพอ่ื รวมการเชอื่ มตอ่ ของ
เคร่ืองใชไ้ ฟฟ้า การบรกิ าร รวมท้งั สามารถเข้าถึงการควบคมุ อปุ กรณ์ต่างๆได้ ซ่งึ โครงสรา้ งของ Smart
Home ประกอบดว้ ย 3 ส่วนหลกั ได้แก่
Smart Deviec
เครอื ข่าย Smart Home Network
ส่วนควบคมุ

5. ผู้สอนให้เวลาผเู้ รยี นในการทำใบงานตอ่ ใหเ้ สรจ็ เรียบร้อย และใหน้ ำมา นำเสนอในชวั่ โมงถดั ไป
6. ผู้สอนใหผ้ เู้ รยี นแตล่ ะคนออกมานำเสนอใบงาน และใหผ้ ้เู รยี นคนอื่นๆ ชว่ ยกันแสดงความคดิ เหน็ และ

ข้อเสนอแนะเพ่มิ เติม
7. ผู้สอนอธบิ ายเพิ่มเติมใหผ้ ูเ้ รยี นเข้าใจวา่ IoT มีชือ่ เรียกอีกอย่างว่า M2M ยอ่ มาจาก Machine to Machine

คือเทคโนโลยีอนิ เทอรเ์ นต็ ที่เชือ่ มต่ออุปกรณ์กบั เครอ่ื งมอื ต่างๆ เขา้ ไวด้ ้วยกนั
เทคโนโลยี IoT มีความจำเป็นต้องทำงานร่วมกับอุปกรณ์ประเภท RFID และ Sensors ซึ่ง

เปรยี บเสมือนการเติมสมองใหก้ ับอุปกรณ์ต่างๆ ทข่ี าดไม่ได้ คือการเชอ่ื มตอ่ อนิ เทอร์เน็ต เพ่อื ให้อุปกรณ์
สามารถรับส่งข้อมูลถึงกันได้ เทคโนโลยี IoT มีประโยชน์ในหลายด้าน แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยง
เพราะหากระบบรักษาความปลอดภัยของอปุ กรณ์ และเครือข่ายอินเทอร์เน็ตไม่ดีพอ ก็อาจทำให้มีผู้ไม่
ประสงค์ดีเข้ามาขโมยข้อมูลหรือละเมิดความเป็นสว่ นตัวของเราได้ ดังนั้นการพัฒนา IoT จึงจำเปน็ ต้อง
พัฒนามาตรการ และระบบรกั ษาความปลอดภยั ไอทีควบคู่กันไปด้วย

ข้นั สรุป

a. ผูส้ อนและผ้เู รยี นรว่ มกนั สรปุ ขอ้ ดี แล้ข้อเสยี ของเทคโนโลยี IoT
แนวคำตอบ :
ขอ้ ดี
1. ชว่ ยอำนวยความสะดวกสบายในการทำงานและการดำเนนิ ชีวิต
2. เพ่ิมความสะดวกรวดเรว็ และประสิทธิภาพในการทำงาน ทำให้สามารถทำงานไดอ้ ยา่ ง
รวดเรว็ ถกู ตอ้ ง และแมน่ ยำขน้ึ ได้
3. ชว่ ยลดต้นทนุ ในด้านตา่ งๆ
ข้อเสยี
1. IoT เปน็ การทำงานดว้ ยระบบอนิ เทอร์เนต็ หากไมม่ ีอินเทอรเ์ น็ต IoT จะทำงานได้ไมเ่ ตม็
ประสทิ ธิภาพ
2. อปุ กรณถ์ ูกเชอื่ มโยงกับเครอื ขา่ ยเดียวกนั ทำให้ต้องบำรุงรักษาความปลอดภัยของข้อมลู
ซอฟต์แวรอ์ ยเู่ สมอ
3. หากมอี ุปกรณต์ ัวใดตวั หนึ่งประมวลผลผิดพลาด อาจสง่ ผลให้อุปกรณอ์ ื่นๆ ท่ีเชือ่ มตอ่ อยู่
ด้วยประมวลผลผดิ พลาดดว้ ยเชน่ กัน

b. ผู้สอนเปดิ โอกาสให้ผเู้ รียนสอบถามเพม่ิ เตมิ

10. ส่ือการเรียนรู้
1. ใบความรเู้ รอ่ื ง องค์ประกอบของเทคโนโลยี IoT
2. ใบงานเรอ่ื ง เทคโนโลยี loT
3. https://www.youtube.com/watch?v=9wxchUOKWXw
4. https://www.youtube.com/watch?v=KymSJc238Yo
5. https://www.youtube.com/watch?v=f5R7ijB-c-c

11. แหลง่ เรยี นรู้
หอ้ ง ICT

0

12. การวดั และประเมินผล วิธีการวดั เครือ่ งมือทีใ่ ช้ เกณฑ์การประเมนิ
การประเมิน ตรวจใบงานเรือ่ ง - แบบประเมนิ ผล - การประเมนิ
เทคโนโลยี loT งาน พฤตกิ รรม
ด้านความรู้ ( K ) รายบคุ คลผ่าน รอ้ ย
1. อธบิ ายไดว้ า่ เทคโนโลยี IoT คอื อะไร สังเกตพฤตกิ รรมจาก แบบประเมิน ละ 60
2. ใชง้ านอปุ กรณท์ ่ีมีการใชเ้ ทคโนโลยี IoT ได้ การทำใบงานเรอ่ื ง พฤตกิ รรม
3. เห็นประโยชนข์ องเทคโนโลยี IoT เทคโนโลยี loT - การประเมนิ
ดา้ นทักษะ / กระบวนการ ( P ) แบบสังเกต พฤติกรรม
สังเกตพฤตกิ รรม พฤตกิ รรมรายบุคคล รายบคุ คลผ่าน รอ้ ย
1) การคิดวเิ คราะห์ รายบุคคล ละ 60
2) กระบวนการกลุม่ - การประเมิน
พฤติกรรม
ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) รายบคุ คลผา่ น รอ้ ย
ละ 60
1. มีวนิ ยั
2. ใฝ่เรียนรู้ - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกต - การประเมนิ
3. มงุ่ มน่ั ในการทำงาน รายบุคคล พฤติกรรมรายบคุ คล พฤติกรรม
ด้านสมรรถนะ รายบคุ คลผา่ น รอ้ ย
1. ความสามารถในการสอื่ สาร ละ 60
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา
4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

13. กจิ กรรมเสนอแนะ
ให้นักเรียนใช้เวลาว่างในการทบทวนบทเรียน ศึกษาเนื้อหาเพิ่มเติมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะได้ข้อมูลท่ี

เป็นปจั จุบนั และเป็นประโยชน์ตอ่ การเรยี นการสอน และการดำเนินชวี ิตประจำวันต่อไป

ลงชอ่ื พรทิพย์ ขาวแดง ผเู้ ขยี นแผนการจดั การเรยี นรู้
(นางพรทพิ ย์ ขาวแดง)
ตำแหน่ง ครูผู้ช่วย

0

ส่อื การสอน/นวัตกรรม

ใบความรเู้ รอ่ื ง องคป์ ระกอบของเทคโนโลยี IoT

องคป์ ระกอบของเทคโนโลยี IoT

The Internet of Things

IoT หรอื Internet of Things เปน็ เทคโนโลยี
ทเ่ี กีย่ วกับการนำระบบทางกลหรือระบบทางไฟฟ้าตา่ งๆในชีวิตประจำวนั มาพฒั นา
ใหส้ ะดวกขึน้
ด้วยการควบคมุ ผา่ นอนิ เตอรเ์ นต็
เนอ่ื งจากในปัจจุบนั มกี ารพฒั นาเทคโนโลยีใหม่ๆมาอย่างต่อเนอื่ ง บางเทคโนโลยี
เป็นเทคโนโลยี

อทงเ่ีคหป์มาระกะบักสอภบาพขกอารงณเต์ท่าคงๆโทน่ีแโตลกตย่าี งIกoนั Tไป

เทคโนโลยี IoT ทเ่ี ช่ือมโยงอปุ กรณต์ ่าง ๆ เขา้ ดว้ ยกัน
ก็อาจมผี ลกอ่ ใหเ้ กิดความเส่ยี งตอ่ ภยั คกุ คาม
ตง้ั แตร่ ะดบั บุคคลไปจนถงึ องคก์ รมากขนึ้
ดงั นนั้ การเตรียมความพรอ้ มรับมือภยั คกุ คาม
ทม่ี าพรอ้ มกบั เทคโนโลยีเปน็ ประเดน็ ท่ีทกุ คนให้ความสำคญั เพอื่ ขบั เคล่อื น
นวัตกรรมใหเ้ กิดประสทิ ธภิ าพสงู สุดในยคุ ดจิ ิทัล

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 11

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 4 การพฒั นาแอปพลิเคชัน เวลาประจำหนว่ ย 8 ชว่ั โมง
เร่ือง การพัฒนาแอปพลิเคชัน เวลา 2 ช่วั โมง
รายวิชา วิทยาการคำนวณ 3 รหสั วชิ า ว23181 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3
กล่มุ สาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2565
ครูผูส้ อน นางพรทิพย์ ขาวแดง

1. มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแกป้ ัญหาทพ่ี บในชวี ติ จริงอยา่ งเป็นขน้ั ตอน

และเปน็ ระบบ ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสารในการเรยี นรู้ การทำงาน และการแกป้ ญั หา
ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธภิ าพ รเู้ ท่าทนั และมจี รยิ ธรรม

2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด
แอปพลเิ คชนั เปน็ โปรแกรมท่ีถูกพฒั นาขึ้นมาเพ่อื อำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ ซึง่ ออกแบบมาเพอื่ ใช้งาน

หลายรปู แบบ ทง้ั เดสกท์ อ็ ปแอปพลเิ คชันและโมไบลแ์ อปพลิเคชัน โดยในการพัฒนาแอปพลิเคชันจะตอ้ งปฏิบัติตาม 7
ข้ันตอน คอื

1. กำหนดปญั หา
2. ศกึ ษาความเปน็ ไปได้
3. วิเคราะห์ความตอ้ งการแอปพลเิ คชัน
4. ออกแบบแอปพลเิ คชัน
5. พัฒนาแอปพลเิ คชนั
6. ทดสอบแอปพลเิ คชัน
7. จัดทำเอกสาร

3. ตัวชีว้ ดั /สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
ตัวช้วี ัด
ว 4.2 ม.3/1 พัฒนาแอปพลิเคชันท่มี กี าร บรู ณาการกบั วิชาอืน่ อยา่ ง สร้างสรรค์
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง

1. ข้นั ตอนการพัฒนาแอปพลเิ คชัน

2. Internet of Things (IoT)

3. ซอฟตแ์ วร์ทใ่ี ช้ในการพัฒนาแอปพลเิ คชัน เช่น Scratch, python, java, c, AppInventor

4. ตัวอย่างแอปพลิเคชนั เช่น โปรแกรมแปลง สกลุ เงิน โปรแกรมผันเสียงวรรณยุกตโ์ ปรแกรม จำลองการแบง่ เซลล์
ระบบรดนำ้ อตั โนมตั ิ

4. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
4.1 ด้านความรู้ ( K )
1. อธิบายขน้ั ตอนการพัฒนาแอปพลเิ คชนั ได้
2. พฒั นาแอปพลเิ คชนั ตามขนั้ ตอนการพฒั นาแอปพลเิ คชนั ได้
3. เห็นประโยชนข์ องการพฒั นาแอปพลเิ คชันตามข้นั ตอนของการพัฒนาแอปพลเิ คชนั
4.2 ดา้ นทักษะ/กระบวนการ ( P )
1. การคิดวเิ คราะห์
2. กระบวนการกลุม่
4.3 ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ( A )

5. สาระการเรียนรู้
1. ขน้ั ตอนการพฒั นาแอปพลเิ คชัน
2. Internet of Things (IoT)
3. ซอฟต์แวร์ทีใ่ ช้ในการพัฒนาแอปพลเิ คชัน เช่น Scratch, python, java, c, AppInventor
4. ตัวอยา่ งแอปพลเิ คชนั เช่น โปรแกรมแปลงสกุลเงนิ โปรแกรมผนั เสียงวรรณยุกต์ โปรแกรมจําลองการแบ่ง
เซลลร์ ะบบรดนำ้ อัตโนมัติ

6. สมรรถนะสำคัญ
1. ความสามารถในการส่ือสาร
2. ความสามารถในการคดิ
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา
4. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

7. คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
1. มีวนิ ัย
2. ใฝ่เรียนรู้
3. มงุ่ มั่นในการทำงาน

8. ภาระงาน
1. ใบงานเรอื่ ง ประเภทแอปพลเิ คชนั
2. ใบงานเรอื่ ง พฒั นาแอปพลิเคชนั

9. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้

ชว่ั โมงท่ี 1

ขนั้ นำเข้าสู่บทเรยี น

1. ผสู้ อนถามผู้เรียนเพ่อื เปน็ การกระตนุ้ ความสนใจของผูเ้ รียน เชน่ “ถา้ นกั เรียนต้องการพฒั นาแอปพลเิ คชนั
นักเรียนจะพัฒนาแอปพลเิ คชนั เกยี่ วกบั อะไร”
แนวคำตอบ : แล้วแต่ประสบการณ์ของผู้เรยี น

ข้นั สอน

1. ผ้สู อนอธิบายว่า แอปพลเิ คชัน เปน็ โปรแกรมที่ถูกพฒั นาขนึ้ มา เพ่ืออำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ มกี าร
ออกแบบมาเพอื่ ใช้งานในหลายรปู แบบ ถา้ เปน็ แอปพลิเคชนั สำหรบั ใชง้ านบนคอมพวิ เตอรต์ ้ังโต๊ะหรอื โน้ตบุ๊กเรียกวา่
เดสก์ท็อปแอปพลเิ คชนั (Desktop Application) แต่ถ้าใชง้ านบนโทรศพั ท์มอื ถือ แท็บเล็ต หรืออปุ กรณพ์ กพาตา่ งๆ
จะเรียกว่า โมไบล์แอปพลเิ คชนั (Mobile Application)
2. แจกใบความรู้เรอ่ื ง ประเภทแอปพลิเคชนั พร้อมอธิบายใบความรู้

แอปพลเิ คชนั แบ่งได้ 2 ประเภท ดังนี้
2.1 แอปพลเิ คชนั ระบบ

เปน็ ส่วนซอฟตแ์ วรร์ ะบบหรอื ระบบปฏบิ ตั ิการ (Operating system) ทท่ี ำหนา้ ทค่ี วบคุมการทำงานของ
อปุ กรณแ์ ละรองรบั การใช้งานของแอพพลเิ คช่นั หรอื โปรแกรมตา่ งๆ ทีต่ ิดตั้งอยภู่ ายในคอมพิวเตอร์
เคล่ือนที่
2.2 แอปพลิเคชนั ท่ตี อบสนองความตอ้ งการของกลมุ่ ผ้ใู ช้
เป็นซอฟตแ์ วร์ประยุกต์หรอื โปรแกรมประยุกต์ ทท่ี ำงานภายใตร้ ะบบปฏิบัตกิ าร มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ ฉพาะ
อยา่ ง

3. ผู้สอนแจกใบงานเรอื่ ง ประเภทแอปพลเิ คชนั พร้อมอธบิ ายวธิ ีการทำใบงาน คอื ให้ผเู้ รยี น หาข้อมลู เกี่ยวกบั
แอปพลเิ คชันด้านการศึกษา แอปพลเิ คชนั ดา้ นสาธารณสุข แอปพลเิ คชนั ด้านความบันเทงิ พร้อมยกตวั อยา่ งแอป
พลเิ คชนั แต่ละดา้ น

4. ผสู้ อนให้เวลาผ้เู รยี นในการทำใบงาน โดยที่ผสู้ อนคอยดูแลความเรียบรอ้ ย และคอยให้คำแนะนำเพ่ิมเติม

5. ผสู้ อนสุ่มผเู้ รยี นออกมานำเสนอใบงาน โดยทใี่ ห้ผเู้ รียนคนอ่ืนๆ แสดงความคดิ เห็นเพอ่ื ใหเ้ กดิ การแลกเปลย่ี น
เรียนรู้

ชัว่ โมงท่ี 2

ขนั้ สอน (ต่อ)

1. ผู้สอนแจกใบความรเู้ รอ่ื ง ขนั้ ตอนการพัฒนาแอปพลเิ คชัน
การพฒั นาแอปพลิเคชนั มี 7 ขัน้ ตอน ดงั นี้

1. กำหนดปญั หา (Problem Definition)
2. ศกึ ษาความเป็นไปได้ (Feasibility Study)
3. วเิ คราะหค์ วามตอ้ งการแอปพลิเคชนั (Analyzing Application Needs)
4. ออกแบบแอปพลเิ คชนั (Designing the Applications)
5. พฒั นาแอปพลเิ คชัน (Developing)
6. ทดสอบแอปพลเิ คชนั (Testing and Maintaining the System)
7. จดั ทำเอกสาร (Documenting)
2. ใบงานเรอื่ ง พัฒนาแอปพลิเคชัน พรอ้ มอธบิ ายวธิ ีการทำใบงาน คือ ใหผ้ ู้เรยี นพฒั นาแอปพลเิ คชัน
ท่ชี ว่ ยแกป้ ญั หาในชวี ิตประจำวนั หรือ แอปพลเิ คชนั ที่ชว่ ยในการทำงาน โดยใหผ้ ู้เรียนพฒั นาตาม 7
ขัน้ ตอนการพัฒนาแอปพลเิ คชนั
3. ผสู้ อนใหเ้ วลาผู้เรยี นในการทำใบงาน โดยทผี่ ้สู อนคอยดูแลความเรียบรอ้ ยและคอยให้คำแนะนำ
เพิ่มเติม
4. ผู้สอนอธิบายเพ่ิมเตมิ ว่า การกำหนดปญั หา ซึง่ เปน็ ขัน้ ตอนแรกของการพัฒนาแอปพลเิ คชนั ผเู้ รียน
จะตอ้ งหาสาเหตุของปญั หา หรอื ตัง้ คำถามว่า จะพฒั นาแอปพลเิ คชนั ไปเพ่อื อะไร โดยการกำหนด
ปญั หาสามารถปฏบิ ตั ิไดด้ งั น้ี
1. รับรู้สภาพปญั หาที่เกดิ ขน้ึ จากการดำเนนิ งาน
2. สรปุ หาสาเหตุของปญั หาและสรุปผลเพอื่ พิจารณา
3. ศึกษาความเป็นไปได้ในมุมตา่ งๆ
4. รวบรวมความต้องการจากผูท้ เี่ กย่ี วขอ้ งดว้ ยวธิ กี ารต่างๆ
5. สรปุ ความต้องการและขอ้ กำหนดของผพู้ ฒั นา

5. ผู้สอนให้ผเู้ รียนแตล่ ะคนออกมานำเสนอใบงาน และให้ผ้เู รยี นคนอน่ื ๆ ช่วยกนั แสดงความคดิ เห็น และ
ขอ้ เสนอแนะเพม่ิ เตมิ เพื่อนำไปต่อยอดพัฒนาแอปพลิเคชนั

6. ผสู้ อนแนะนำเพิ่มเติม วา่ การศกึ ษาความเปน็ ไปได้ในการพฒั นาแอปพลิเคชนั วา่ แอปพลเิ คชนั นั้นจะ
บรรลผุ ลสำเรจ็ หรอื ไม่ โดยศึกษาความเป็นไปได้ สามารถปฏบิ ัตไิ ด้ ดงั นี้
1. กำหนดว่าปัญหาคอื อะไร และตดั สนิ ใจวา่ จะพัฒนาแอปพลเิ คชันนน้ั หรอื ไม่
2. มีความเป็นไปได้ในการพฒั นาทางเทคนคิ หรอื ไม่
3. ตวั เองมคี วามพรอ้ มหรอื ไม่
4. มคี วามเปน็ ไปไดท้ างเศรษฐศาสตร์หรอื ไม่
7. ผูส้ อนอธบิ ายเพ่ิมเติมให้ผเู้ รยี นเข้าใจวา่ การวิเคราะหค์ วามต้องการของแอปพลเิ คชนั สามารถปฏบิ ตั ิ
ได้ ดงั นี้
1. ศึกษาการทำงานเดมิ ว่าทำงานอย่างไร
2. กำหนดความต้องการของแอปพลเิ คชัน
3. วิเคราะห์และออกแบบ
4. เขียนแผนภาพการทำงานของกระบวนการทำงานเดิมและกระบวนการทำงานใหม่
5. สร้างข้อมูลของตวั แอพลเิ คชัน

ข้นั สรปุ

1. ผู้สอนสรุปใหผ้ เู้ รียนเขา้ ใจวา่ การพัฒนาแอปพลิเคชนั มี 7 ขัน้ ตอน โดยกอ่ นเร่ิมทำการ
พฒั นาแอปพลเิ คชนั ผพู้ ฒั นาจะตอ้ งทำการศึกษาปัญหา โดยศึกษาความเปน็ ไปได้ และ
วเิ คราะห์ความต้องการของแอปพลเิ คชัน กอ่ นเรมิ่ ออกแบบแอปพลเิ คชัน

2. ผูส้ อนเปิดโอกาสใหผ้ เู้ รียนสอบถามเพิ่มเตมิ

10. สื่อการเรยี นรู้
1. ใบความรเู้ รอื่ ง ประเภทแอปพลิเคชนั
2. ใบงานเรอ่ื ง ประเภทแอปพลิเคชนั
3. ใบงานเรอื่ ง พฒั นาแอปพลเิ คชัน

11. แหลง่ เรียนรู้
ห้อง ICT

0

12. การวัดและประเมินผล วิธกี ารวดั เครอ่ื งมือที่ใช้ เกณฑ์การประเมนิ
การประเมนิ - ตรวจใบงานเรอ่ื ง - แบบประเมนิ ผล - การประเมิน
ประเภทแอปพลเิ ค งาน พฤตกิ รรม
ดา้ นความรู้ ( K ) ชัน รายบคุ คลผ่าน รอ้ ย
1. อธิบายข้ันตอนการพฒั นาแอปพลเิ คชันได้ - ตรวจใบงานเรอื่ ง ละ 60
2. พฒั นาแอปพลเิ คชนั ตามขนั้ ตอนการพฒั นาแอป พัฒนาแอปพลเิ คชนั
พลิเคชนั ได้
3. เห็นประโยชนข์ องการพฒั นาแอปพลเิ คชนั ตาม สงั เกตพฤตกิ รรมจาก แบบประเมนิ - การประเมิน
ข้นั ตอนของการพฒั นาแอปพลิเคชัน การทำใบงาน พฤตกิ รรม พฤติกรรม
ดา้ นทกั ษะ / กระบวนการ ( P ) - เร่ือง ประเภทแอป รายบคุ คลผา่ น รอ้ ย
พลิเคชนั แบบสงั เกต ละ 60
1) การคิดวเิ คราะห์ - เร่ือง พฒั นาแอป พฤตกิ รรมรายบุคคล
2) กระบวนการกลมุ่ พลิเคชนั - การประเมนิ
พฤติกรรม
ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) สังเกตพฤติกรรม รายบุคคลผา่ น รอ้ ย
รายบุคคล ละ 60
1. มีวนิ ยั
2. ใฝเ่ รยี นรู้ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกต - การประเมนิ
3. มุ่งมัน่ ในการทำงาน รายบคุ คล พฤตกิ รรมรายบุคคล พฤตกิ รรม
ด้านสมรรถนะ รายบคุ คลผา่ น รอ้ ย
1. ความสามารถในการสอ่ื สาร ละ 60
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา
4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

13. กจิ กรรมเสนอแนะ
ให้นักเรียนใช้เวลาว่างในการทบทวนบทเรียน ศึกษาเนื้อหาเพิ่มเติมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะได้ข้อมูลที่

เป็นปัจจุบัน และเปน็ ประโยชน์ตอ่ การเรยี นการสอน และการดำเนนิ ชีวติ ประจำวันตอ่ ไป

ลงชอื่ พรทพิ ย์ ขาวแดง ผเู้ ขยี นแผนการจัดการเรยี นรู้
(นางพรทพิ ย์ ขาวแดง)
ตำแหนง่ ครูผชู้ ว่ ย

ส่อื การสอน/นวัตกรรม

ใบความรูเ้ รอื่ ง ประเภทแอปพลิเคชัน

ประเภทแอปพลิเคชัน

Application คอื โปรแกรมประเภทหนง่ึ ท่เี รยี กวา่ โปรแกรมประยุกต์
โปรแกรมเหล่าน้ีจะถกู ออกแบบมาใหท้ ำงานเ พาะด้าน เชน่ พมิ พ์เอกสาร,

คำนวณ, ตกแตง่ รปู ภาพ เปน็ ตน้ จากอดตี นัน้ โปรแกรมเหล่าน้ที ำงาน
บนเครอื่ งคอมพิวเตอรเ์ พียงอยา่ งเดียว เราจึงมกั เรียกชอื่ เตม็ ๆ วา่ Application

แตเ่ มื่อมกี ารพฒั นา Smartphone ขน้ึ มา Application ก็ไดพ้ ฒั นา
และไปใช้งานบนโทรศพั ท์มอื ถอื ได้อีกดว้ ย และนิยมเรยี กกนั สั้น ๆ วา่ "App"

แอปพลิเคชันแบง่ ได้ 2 ประเภท ดงั นี้

แอปพลิเคชนั ระบบ แอปพลิเคชนั ทต่ี อบสนองความต้องการ
ของกลมุ่ ผ้ใู ช้

แอปพลิเคชันระบบเปน็ ส่วนซอฟตแ์ วร์ระบบ หรอื แอปพลเิ คชันทีต่ อบสนอง
ระบบปฏิบตั กิ าร (Operating system) ความต้องการ ของกลมุ่ ผู้ใช้

ทีท่ ำหน้าที่ควบคุมการทำงานของอุปกรณ์และรองรบั การ เปน็ ซอฟต์แวรป์ ระยกุ ต์
ใชง้ าน หรอื โปรแกรมประยกุ ต์
ที่ทำงานภายใต้ระบบปฏิบตั กิ าร
ของแอปพลิเคชนั หรอื โปรแกรมต่างๆ ท่ีติดต้งั อยภู่ ายใน มีวัตถุประสงคเ์ พาะอย่าง
คอมพิวเตอร์

แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี 12

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 4 การพัฒนาแอปพลเิ คชัน เวลาประจำหนว่ ย 8 ชัว่ โมง
เรอ่ื ง ซอฟตแ์ วรท์ ใ่ี ชใ้ นการพัฒนาแอปพลเิ คชนั เวลา 2 ช่วั โมง
รายวชิ า วิทยาการคำนวณ 3 รหัสวชิ า ว23181 ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 3
กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2565
ครูผสู้ อน นางพรทพิ ย์ ขาวแดง

1. มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใช้แนวคิดเชงิ คำนวณในการแกป้ ัญหาทพ่ี บในชวี ิตจริงอยา่ งเปน็ ข้นั ตอน

และเป็นระบบ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้ การทำงาน และการแก้ปัญหา
ไดอ้ ย่างมปี ระสิทธภิ าพ รเู้ ทา่ ทัน และมจี รยิ ธรรม

2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด
แอปพลเิ คชนั เป็นโปรแกรมท่ีถูกพัฒนาข้ึนมาเพอ่ื อำนวยความสะดวกในด้านตา่ งๆ ซ่งึ ออกแบบมาเพอื่ ใชง้ าน

หลายรปู แบบ ทัง้ เดสกท์ อ็ ปแอปพลเิ คชนั และโมไบล์แอปพลิเคชัน โดยในการพฒั นาแอปพลิเคชันจะตอ้ งปฏิบัติตาม 7
ขั้นตอน คือ

1. กำหนดปญั หา
2. ศึกษาความเป็นไปได้
3. วิเคราะห์ความตอ้ งการแอปพลิเคชนั
4. ออกแบบแอปพลเิ คชัน
5. พฒั นาแอปพลเิ คชัน
6. ทดสอบแอปพลเิ คชัน
7. จัดทำเอกสาร
3. ตวั ช้วี ดั /สาระการเรียนรแู้ กนกลาง
ตวั ชวี้ ัด

ว 4.2 ม.3/1 พัฒนาแอปพลิเคชนั ทีม่ ีการ บูรณาการกับวิชาอนื่ อยา่ ง สร้างสรรค์
สาระการเรียนรแู้ กนกลาง

1. ขั้นตอนการพัฒนาแอปพลเิ คชนั
2. Internet of Things (IoT)
3. ซอฟต์แวรท์ ใ่ี ช้ในการพัฒนาแอปพลเิ คชนั เช่น Scratch, python, java, c, AppInventor

4. ตวั อยา่ งแอปพลิเคชนั เชน่ โปรแกรมแปลง สกลุ เงิน โปรแกรมผันเสยี งวรรณยกุ ต์โปรแกรม จำลอง
การแบง่ เซลลร์ ะบบรดนำ้ อัตโนมัติ

4. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
4.1 ด้านความรู้ ( K )
1. อธิบายข้นั ตอนการพัฒนาแอปพลเิ คชนั ได้
2. พฒั นาแอปพลเิ คชนั โดยใชซ้ อฟต์แวรไ์ ด้
3. เรยี นรู้การทำงานรว่ มกบั ผอู้ ืน่ และการแกป้ ญั หาเฉพาะหนา้
4.2 ด้านทกั ษะ/กระบวนการ ( P )
1. การคดิ วิเคราะห์
2. กระบวนการกลมุ่
4.3 ด้านคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ ( A )

5. สาระการเรียนรู้
1. ขั้นตอนการพัฒนาแอปพลเิ คชนั
2. Internet of Things (IoT)
3. ซอฟตแ์ วร์ทีใ่ ชใ้ นการพัฒนาแอปพลเิ คชนั เชน่ Scratch, python, java, c, AppInventor
4. ตัวอยา่ งแอปพลเิ คชัน เช่น โปรแกรมแปลงสกลุ เงิน โปรแกรมผันเสยี งวรรณยกุ ต์ โปรแกรมจาํ ลองการแบง่

เซลลร์ ะบบรดนำ้ อตั โนมตั ิ
6. สมรรถนะสำคญั

5. ความสามารถในการสอ่ื สาร
6. ความสามารถในการคิด
7. ความสามารถในการแก้ปญั หา
8. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
7. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์
1. มวี ินยั
2. ใฝเ่ รยี นรู้
3. มงุ่ มัน่ ในการทำงาน
8. ภาระงาน
1. ศึกษาทบทวนวิธีการเขยี นผงั งาน
2. ศกึ ษาทบทวนวิธีการใชง้ านโปรแกรม Python
3. กิจกรรมนักพัฒนาแอปพลเิ คชัน

9. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้

ชั่วโมงที่ 1

ขั้นนำเขา้ สู่บทเรยี น

1. ผู้สอนถามผ้เู รียนเพ่ือเปน็ การกระตุ้นความสนใจของผู้เรยี น เช่น “เม่อื นกั เรียนวางแผนจะพฒั นาแอปพลเิ คชัน
นกั เรยี นจะใช้ซอฟต์แวรใ์ ดในการชว่ ยพฒั นาแอพลเิ คชนั ใหไ้ ด้แอพลเิ คชันตามความตอ้ งการ”
แนวคำตอบ : แล้วแต่ประสบการณข์ องผู้เรยี น

ข้ันสอน

1. ผู้สอนอธิบายวา่ Application Developer จะรบั โจทยเ์ พอื่ ออกแบบ พฒั นาและสรา้ งสรรค์ Application ขึน้ ให้
ตรงตามโจทยข์ องงาน หรอื ของผวู้ ่าจ้าง โดยสงิ่ สำคญั คอื การเขยี นโปรแกรม จะต้องใช้ภาษาสำหรบั พัฒนาโปรแกรม
(Programming Language) ทีม่ ีอยหู่ ลายภาษา ให้ได้ศึกษาและเลือกใชง้ านตามความสมสำหรับการพัฒนาโปรแกรม
ในแตล่ ะงานดว้ ย
2. ผูส้ อนยกตวั อยา่ งซอฟต์แวรท์ ใี่ ช้ในการพฒั นาแอปพลเิ คชัน เชน่

โปรแกรมภาษาไพทอน (Python)
ภาษาจาวา (Java)
ภาษาซี (C)
หรอื ในรปู แบบบล็อกคำสั่ง
3. ผู้สอนอธบิ ายเพ่ิมเติมวา่ กอ่ นทจ่ี ะออกแบบแอปพลเิ คชันโดยใชภ้ าษาโปรแกรมตา่ งๆ ผเู้ รยี นจะตอ้ งออกแบบแอป
พลเิ คชนั ในรูปแบบผงั งาน (Flowchart) เพอ่ื เปน็ การเตรยี มพร้อมกอ่ นเขยี นโปรแกรม
จะชว่ ยให้ ง่ายและสะดวกต่อการพจิ ารณาถงึ ลำดบั ขัน้ ตอนในการทำงาน และตรวจสอบความถูกตอ้ งของ
ลำดบั ขนั้ ตอนไดง้ า่ ย
4. ผสู้ อนใหผ้ เู้ รยี นเปิดอินเทอรเ์ นต็ เพ่ือศกึ ษาทบทวนวธิ กี ารเขียนผังงาน โดยผสู้ อนคอยดแู ลความเรยี บรอ้ ยและ
คอยให้คำแนะนำเพิ่มเติม

ชว่ั โมงที่ 2

ข้ันสอน (ต่อ)

1. ผสู้ อนอธบิ าย วา่ การออกแบบแอปพลเิ คชัน จะเปน็ การออกแบบการทำงานและความสัมพันธร์ ะหว่าง
แอปพลเิ คชนั และสว่ นทใ่ี ช้ติดตอ่ กับผ้ใู ช้งาน โดยจะตอ้ งออกแบบให้ผู้ใช้งาน ใชง้ านไดส้ ะดวกสบายท่สี ดุ
ไมย่ ุ่งยาก ซบั ซ้อน โดยการออกแบบแอปพลเิ คชัน สามารถปฏบิ ตั ิได้ ดงั นี้
1. ออกแบบโครงสรา้ งการทำงานของแอปพลิเคชัน
2. ออกแบบโครงสร้างของข้อมลู ที่ใช้ในแอปพลิเคชนั
3. ออกแบบสว่ นติดตอ่ ผ้ใู ชง้ าน
4. ออกแบบรายงาน

2. ผูส้ อนอธิบายเพิม่ เตมิ วา่ การพฒั นาแอปพลเิ คชนั เปน็ การลงมอื เขียนโปรแกรมคำส่งั ที่จะใชพ้ ัฒนาแอปพลิ
เค ชนั ดว้ ยภาษาคอมพิวเตอร์ทีร่ องรบั โดยผพู้ ฒั นาจะตอ้ งเขยี นชดุ คำสง่ั โปรแกรม คอมไพล์ชุดคำสัง่ โปรแกรม และ
ทดสอบการทำงานของแอปพลิเคชัน

3. ผู้สอนให้ผู้เรียนศึกษาทบทวนวิธีการใช้งานโปรแกรม Pyt on เนื่องจากโปรแกรมภาษาไพทอน ถือว่า
เป็นโปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์ระดับสูงที่ออกมาให้เป็นภาษาสคริปต์ที่สามารถอ่านง่าย โดยตัดความซับซ้อนของ
โครงสร้างและไวยากรณ์ของภาษาออกไป และมีการทำงานแบบอินเทอร์พรีเตอร์ ซึ่งเป็นหารแปลชุดคำสั่งทีละบรรทัด
เพอ่ื ป้อนเข้าสหู่ นว่ ยประมวลผลใหค้ อมพวิ เตอร์ทำงานตามที่เราตอ้ งการ

5. ผสู้ อนให้ผู้เรียนทำ กิจกรรมนกั พฒั นาแอปพลเิ คชนั โดยใหผ้ ้เู รยี นแต่ละคนออกมานำเสนอวา่ ผู้เรียนแตล่ ะคน
จะพฒั นาแอปพลเิ คชันในดา้ นใด และจะมีการวางแผนพฒั นาอย่างไร เพอ่ื ใหแ้ อปพลเิ คชันนน้ั ประสบ
ความสำเรจ็ และสามารถนำไปใช้งานจรงิ ได้

6. ให้ผู้เรียคนอ่นื ๆชว่ ยกนั แสดงความคดิ เห็นเพ่ือใหเ้ กดิ การแลกเปล่ยี นเรยี นรู้ และนำไปพฒั นาต่อยอดตอ่ ไป
7. ผ้สู อนใหผ้ ู้เรียนแบ่งกลุม่ กลมุ่ ละ 3 คน เพือ่ ทำ Project การพฒั นาแอปพลเิ คชัน โดยแบง่ กลมุ่ ตามแอปพลเิ ค

ชันท่ไี ด้นำเสนอ โดยสมาชกิ ในกลมุ่ มีความสนใจจะพัฒนาแอปพลเิ คชนั ในดา้ นเดียวกนั สามารถนำแอปของแต่ละ
คนมาพฒั นาร่วมกันได้
8. ผสู้ อนมอบหมายงานให้แต่ละกลมุ่ ใชบ้ รกิ าร Google Doc ในการปรกึ ษาเก่ียวกับการจดั ทำแอปพลเิ คชนั โดย
เพิม่ สมาชิก และผสู้ อนเปน็ ผทู้ ำงานร่วมกัน และรวบรวมขอ้ มลู เสนอไอเดีย ผา่ นบรกิ าร Google Doc โดยมี
ผสู้ อนคอยให้คำแนะนำเพ่มิ เติม

ข้ันสรปุ

1. ผสู้ อนสรุปใหผ้ เู้ รียนเขา้ ใจวา่ ภาษา Python เหมาะสมที่จะนำมาใชใ้ นการพฒั นาแอปพลิเคชันเนอื่ งจาก
มีจุดเดน่ คือ
1. ไวยากรณ์ทอี่ า่ นงา่ ย
2. มีความปลอดภยั สูงเนอื่ งจากภาษาไพทอนทำงานอยู่ในดา้ น Sever เป็นหลัก
3. ไมต่ ้องเสยี คา่ ใชจ้ า่ ยในการจดั ซ้อื โปรแกรมตน้ ฉบบั
4. โคดทเี่ ขยี นด้วยภาษาไพทอน นำไปดำเนินงานบนระบบปฏบิ ตั ิการได้หลากหลาย

2. ผสู้ อนเปดิ โอกาสใหผ้ เู้ รียนสอบถามเพิม่ เติม

10. ส่อื การเรียนรู้
1. ศึกษาทบทวนวธิ ีการเขยี นผงั งาน
2. ศึกษาทบทวนวิธกี ารใชง้ านโปรแกรม Python
3. กจิ กรรมนักพฒั นาแอปพลเิ คชัน

11. แหล่งเรยี นรู้
หอ้ ง ICT

0 วธิ กี ารวดั เครื่องมือที่ใช้ เกณฑก์ ารประเมิน
สงั เกตพฤติกรรมจาก แบบสังเกต - การประเมิน
12. การวดั และประเมินผล กิจกรรมนกั พัฒนา พฤตกิ รรมรายบคุ คล พฤตกิ รรม
การประเมนิ แอปพลเิ คชนั รายบุคคลผ่าน รอ้ ย
ละ 60
ดา้ นความรู้ ( K )
1. อธิบายขนั้ ตอนการพฒั นาแอปพลเิ คชนั ได้ สงั เกตพฤตกิ รรมจาก แบบสงั เกต - การประเมนิ
2. พัฒนาแอปพลเิ คชนั ตามขน้ั ตอนการพฒั นาแอป กจิ กรรมนักพัฒนา พฤติกรรมรายบคุ คล พฤติกรรม
พลิเคชนั ได้ แอปพลเิ คชัน รายบุคคลผ่าน รอ้ ย
3. เห็นประโยชน์ของการพัฒนาแอปพลเิ คชนั ตาม ละ 60
ขั้นตอนของการพัฒนาแอปพลิเคชัน - การประเมนิ
ดา้ นทกั ษะ / กระบวนการ ( P ) พฤติกรรม

3) การคดิ วิเคราะห์
4) กระบวนการกลุม่

ดา้ นคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A)

1. มวี ินัย

2. ใฝเ่ รยี นรู้ สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสังเกต รายบคุ คลผ่าน รอ้ ย
3. มงุ่ ม่นั ในการทำงาน รายบุคคล พฤติกรรมรายบคุ คล ละ 60
ด้านสมรรถนะ - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสงั เกต - การประเมนิ
1. ความสามารถในการสอ่ื สาร รายบุคคล พฤตกิ รรมรายบุคคล พฤตกิ รรม
2. ความสามารถในการคดิ รายบุคคลผ่าน รอ้ ย
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา ละ 60
4. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

13. กิจกรรมเสนอแนะ
ให้นักเรียนใช้เวลาว่างในการทบทวนบทเรียน ศึกษาเนื้อหาเพิ่มเติมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะได้ข้อมูลท่ี

เปน็ ปัจจุบนั และเปน็ ประโยชน์ตอ่ การเรียนการสอน และการดำเนนิ ชวี ติ ประจำวันตอ่ ไป

ลงชอื่ พรทิพย์ ขาวแดง ผู้เขียนแผนการจดั การเรยี นรู้
(นางพรทิพย์ ขาวแดง)
ตำแหน่ง ครูผ้ชู ่วย

แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 13

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 3 การพฒั นาแอปพลเิ คชัน เวลาประจำหนว่ ย 8 ชวั่ โมง
เรอื่ ง Project เวลา 2 ชัว่ โมง
รายวชิ า วิทยาการคำนวณ 3 รหัสวชิ า ว23181 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3
กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2565
ครผู ู้สอน นางพรทิพย์ ขาวแดง

1. มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใชแ้ นวคดิ เชิงคำนวณในการแก้ปญั หาที่พบในชวี ิตจริงอยา่ งเปน็ ข้ันตอน

และเปน็ ระบบ ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สารในการเรยี นรู้ การทำงาน และการแกป้ ัญหา
ได้อย่างมีประสิทธภิ าพ รเู้ ทา่ ทัน และมีจรยิ ธรรม

2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด
แอปพลเิ คชันเป็นโปรแกรมที่ถกู พฒั นาข้ึนมาเพอื่ อำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ ซ่ึง ออกแบบมาเพอ่ื ใชง้ าน

หลายรปู แบบ ทง้ั เดสก์ท็อปแอปพลเิ คชันและโมไบล์แอปพลเิ คชัน โดยในการพฒั นาแอปพลิเคชนั จะตอ้ งปฏบิ ตั ิตาม 7
ขนั้ ตอน คอื

1. กำหนดปัญหา
2. ศึกษาความเป็นไปได้
3. วเิ คราะห์ความตอ้ งการแอปพลิเคชัน
4. ออกแบบแอปพลเิ คชัน
5. พัฒนาแอปพลเิ คชัน
6. ทดสอบแอปพลเิ คชนั
7. จดั ทำเอกสาร

3. ตวั ช้ีวัด/สาระการเรียนรแู้ กนกลาง
ตัวชว้ี ดั
ว 4.2 ม.3/1 พัฒนาแอปพลเิ คชนั ทีม่ ีการ บรู ณาการกับวิชาอื่นอยา่ ง สรา้ งสรรค์
สาระการเรียนรแู้ กนกลาง
3. ขน้ั ตอนการพัฒนาแอปพลเิ คชัน
4. Internet of Things (IoT)

3. ซอฟต์แวร์ทใ่ี ช้ในการพฒั นาแอปพลเิ คชนั เช่น Scratch, python, java, c, AppInventor
4. ตวั อยา่ งแอปพลเิ คชนั เช่น โปรแกรมแปลง สกุลเงนิ โปรแกรมผันเสียงวรรณยุกตโ์ ปรแกรม จำลอง
การแบ่งเซลลร์ ะบบรดน้ำอัตโนมัติ

4. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
4.1 ดา้ นความรู้ ( K )
1. อธิบายข้นั ตอนการพฒั นาแอปพลเิ คชนั ได้
2. พฒั นาแอปพลเิ คชันโดยใชซ้ อฟต์แวร์ได้
3. เรยี นรกู้ ารทำงานรว่ มกบั ผอู้ ืน่ และการแกป้ ญั หาเฉพาะหน้า
4.2 ด้านทกั ษะ/กระบวนการ ( P )
1. การคิดวเิ คราะห์
2. กระบวนการกล่มุ
4.3 ด้านคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ ( A )

5. สาระการเรียนรู้
1. ข้ันตอนการพัฒนาแอปพลเิ คชัน
2. Internet of Things (IoT)
3. ซอฟตแ์ วร์ท่ีใชใ้ นการพฒั นาแอปพลิเคชัน เช่น Scratch, python, java, c, AppInventor
4. ตัวอยา่ งแอปพลิเคชัน เชน่ โปรแกรมแปลงสกลุ เงิน โปรแกรมผนั เสียงวรรณยกุ ต์ โปรแกรมจาํ ลองการแบ่ง

เซลลร์ ะบบรดนำ้ อตั โนมัติ
6. สมรรถนะสำคญั

9. ความสามารถในการสื่อสาร
10. ความสามารถในการคิด
11. ความสามารถในการแกป้ ญั หา
12. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
7. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
1. มีวินัย
2. ใฝ่เรยี นรู้
3. ม่งุ ม่นั ในการทำงาน
8. ภาระงาน
1. Project การพัฒนาแอปพลเิ คชัน

9. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้

ชวั่ โมงที่ 1

ขัน้ นำเข้าสูบ่ ทเรียน

1. ผู้สอนถามความคบื หน้าในการทำ Project การพฒั นาแอปพลเิ คชนั กับผูเ้ รียน
2. ผ้สู อนเปิดคลิป สร้างแอปบน Android ง่าย ๆ ! ไมต่ อ้ งเขยี นโคด้ !!
จากลงิ ค์ https://www.youtube.com/watch?v=BuKNV19LhDY
3. 5 ขัน้ ตอนทำแอปบนมอื ถือแบบง่ายเวอ่ ร์ | เฟ่ืองลดา
https://www.youtube.com/watch?v=qTX2pNcu0MI

ขน้ั สอน

1. ผู้สอนอธิบายวา่ จากคลปิ ผเู้ รยี นจะเห็นว่า ในปจั จุบนั มซี อฟต์แวร์มากมายให้เลอื กใช้ ในการพัฒนาแอปพลเิ ค
ชัน ให้ผ้เู รียนแตล่ ะกลมุ่ ศกึ ษาหาซอฟตแ์ วรท์ ่เี หมาะสมอยา่ งอสิ ระ โดยใหค้ ำนึงถึงการทจ่ี ะนำมาพฒั นาแอป
พลเิ คชนั ใหป้ ระสบความสำเรจ็ ได้

2. ผ้สู อนทบทวน 7 ข้ันตอนการพัฒนาแอปให้กบั ผูเ้ รยี น คอื
1. กำหนดปัญหา (Problem Definition)
2. ศกึ ษาความเปน็ ไปได้ (Feasibility Study)
3. วเิ คราะห์ความตอ้ งการแอปพลิเคชนั (Analyzing Application Needs)
4. ออกแบบแอปพลเิ คชัน (Designing the Applications)
5. พฒั นาแอปพลเิ คชนั (Developing)
6. ทดสอบแอปพลเิ คชัน (Testing and Maintaining the System)
7. จดั ทำเอกสาร (Documenting)

3. ผสู้ อนแนะนำเพ่ิมเตมิ วา่ แต่ละกล่มุ จะตอ้ งทำการกำหนดปญั หา ศึกษาความเป็นไปได้ และวเิ คราะห์ความ
ต้องการของแอปพลเิ คชัน กอ่ นทจี่ ะเร่มิ ออกแบบ ซึง่ ผ้เู รยี นอาจจะมองจากปัญหาใกล้ๆตัว กจิ วตั รประจำวนั
หรอื การเรยี น การเดนิ ทาง แล้วนำมาพฒั นาเปน็ แอปพลเิ คชนั

4. ผูส้ อนใหเ้ วลาผเู้ รยี นแต่ละกลมุ่ ในการกำหนดปัญหา ศึกษาความเปน็ ไปได้ และวเิ คราะหค์ วามต้องการของแอป
พลเิ คชนั

5. ผสู้ อนอธิบายวา่ เม่ือได้ทำตาม 3 ข้ันตอนแรก แล้ว ขั้นตอนตอ่ มา คือ ข้นั ตอนการออกแบบ ใหผ้ ้เู รยี น
ออกแบบแอปพลิเคชนั โดยใชผ้ ังงาน โดยลกั ษณะของผงั งานทีด่ ี จะตอ้ ง


Click to View FlipBook Version