The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

3517003TM-คู่มือฯการงานอาชีพ-ม5[211119]

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by อุทัยวรรณ ทองวิไล, 2022-05-01 22:07:26

3517003TM-คู่มือฯการงานอาชีพ-ม5[211119]

3517003TM-คู่มือฯการงานอาชีพ-ม5[211119]

คู่มอื ครู

Teacher Script

กำรงำนอำชพี ม.5

ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 5

ตามมาตรฐานการเรียนรแู้ ละตวั ชี้วดั
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้การงานอาชพี
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551

ผู้เรียบเรยี งหนงั สอื เรียน ผตู้ รวจหนงั สอื เรียน บรรณาธิการหนังสอื เรยี น
นายมนตรี สมไรข่ งิ รศ.จอมขวัญ สวุ รรณรกั ษ์ นายสมเกียรติ ภ่รู ะหงษ์
ผศ.เพญ็ พร ประมวลสขุ ผศ. ดร.เบญญา มะโนชัย
นายปัญญา สังขภ์ ิรมย์ นางสาวกุหลาบ ลาศนันท์
นางวรรณี วงศ์พานชิ ย์
นางศริ ริ ัตน์ ฉัตรศขิ รนิ ทร
ดร.สถิตยพ์ งษ์ มนั่ หลา�

ผ้เู รียบเรยี งค่มู อื ครู
นางสาวพรรณมณฑ์ นั ลิ นฤนาท
นางสาวอญั ชลี ัฉายแสงจนั ทร์

พิมพครัง้ ที่ 3
สงวนลขิ สิทธ์ติ ามพระราชบญั ญตั ิ

รหสั สินคา 3547007

ค�ำแนะน�ำกำรใช้

คมู่ อื คร ู รายวิชา การงานอาชีพ ม.5 จัดท�าข้ึนเพื่อใหค้ รูผ้สู อน
ใชเ้ ปน็ แนวทางวางแผนการจดั การเรยี นการสอน เพอ่ื พฒั นาผลสมั ฤทธ์ิ
ทางการเรียนและประกันคุณภาพผู้เรียน ตามนโยบายของส�านักงาน
คณะกรรมการการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน (สพฐ.)

เพม่ิ คา� แนะนา� การใช้ ชวยสรางความเขาใจ เพ่ือใชคูมือครูได นาํ นาํ สอน โซน 1สรปุ ประเมนิ
อยางถูกตอ งและเกดิ ประสทิ ธภิ าพสูงสุด
ขน้ั นาํ (กระบวนการเรยี นรู ความรู ความเขา ใจ) หน่วยการเรียนรู้ท่ี ö
เพิ่ม ค�าอธิบายรายวชิ า แสดงขอบขายเนอ้ื หาสาระของรายวิชา
ซงึ่ ครอบคลมุ มาตรฐานการเรยี นรแู ละตวั ชวี้ ดั ตามทหี่ ลกั สตู ร 1. ครูแจงช่ือเรื่องท่ีจะเรียนรูและผลการเรียนรู §านÍาª¾Õ
กําหนด ใหน ักเรยี นทราบ จากน้นั ใหนักเรยี นแตละคน
ทาํ แบบทดสอบกอ นเรยี น หนว ยการเรยี นรทู ี่ 6 ตวั ชีว้ ดั ËÒ¡µŒÍ§¡ÒÃËÒÃÒÂä´Œ¾ÔàÈÉ
เพ่มิ Pedagogy ชวยสรางความเขาใจในกระบวนการออกแบบ เร่ือง งานอาชพี ■ อภิปรายแนวทางเขา สอู าชพี ทีส่ นใจ (ง ๒.๑ ม.๔-๖/๑) ÃÐËNjҧ»´ÀÒ¤àÃÕ¹ ¨ÐÁÕÇÔ¸Õ
การจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning ไดอยางมี ■ เลอื กและใชเ ทคโนโลยอี ยา งเหมาะสมกบั อาชพี (ง ๒.๑ ม.๔-๖/๒) àµÃÕÂÁµÑÇËÒ§Ò¹ ÊÁѤçҹ
ประสทิ ธิภาพ 2. ครตู ง้ั คาํ ถามกระตนุ ความสนใจของนกั เรยี นวา ■ มีประสบการณใ นอาชพี ทถ่ี นดั และสนใจ (ง ๒.๑ ม.๔-๖/๓) áÅÐÊÁÑ ÀÒɳ§ Ò¹ÍÂÒ‹ §äÃ
อาชพี ทน่ี ักเรยี นใฝฝน อยากเปนในอนาคต คอื ■ มีคุณลักษณะที่ดตี ออาชีพ (ง ๒.๑ ม.๔-๖/๔)
เพิ่ม Teacher Guide Overview ชวยใหเหน็ ภาพรวมของการ อาชีพใด
จัดการเรียนการสอนทั้งหมดของรายวิชากอนที่จะลงมือ (แนวตอบ นักเรยี นสามารถแสดงความคิดเหน็ สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
สอนจรงิ ไดอยา งอสิ ระ เชน แพทย พยาบาล วศิ วกร
สถาปนกิ ครูตาํ รวจทหารนกั ธรุ กจิ นกั ออกแบบ ■ แนวทางเขา สอู าชพี
เพมิ่ Chapter Overview ชว ยสรา งความเขา ใจและเหน็ ภาพรวม เสื้อผา เชฟ ชา งภาพ นกั แสดง นกั กฏหมาย - เตรยี มตัวหางานและพฒั นาบุคลกิ ภาพ - การสมั ภาษณ
ในการออกแบบแผนการจัดการเรยี นรแู ตละหนวย ทปี่ รึกษาดา นการลงทุน นกั ประชาสัมพนั ธ) - ลักษณะความม่นั คงและความกา วหนา - การทํางาน
• นกั เรยี นมกี ารวางแผนชวี ติ เพอ่ื วางแนวทาง - การสมัครงาน - การเปลีย่ นงาน
เพมิ่ ข้อสอบเน้นการคิด เพ่ือเตรียมความพรอมของผูเรียน เขาสูอาชพี ท่ีตนเองใฝฝ น ไดอยา งไร
สกู ารสอบในระดบั ตา ง ๆ (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิด ■ การเลอื กและใชเ ทคโนโลยีอยา งเหมาะสมกบั อาชพี
เห็นไดอยางอิสระ เชน ศึกษาขอมูลที่มี - วธิ กี าร - หลกั การ - เหตผุ ล
เพิ่ม กจิ กรรม 21st Century Skills กิจกรรมทจี่ ะชว ยพฒั นา ความเก่ียวของกับอาชีพที่สนใจ เพื่อศึกษา
ผูเรียนใหมีทักษะที่จําเปนสําหรับการเรียนรูและการดํารงชีวิต รปู แบบและลกั ษณะการทาํ งาน รวมถงึ ความ ■ ประสบการณในอาชีพ
ในโลกแหงศตวรรษที่ 21 ตอ งการของตลาดแรงงาน และตง้ั เปา หมาย
ในการเรียนใหมีความสอดคลองกับอาชีพ - การจําลองอาชีพ - กิจกรรมอาชพี
ทส่ี นใจ เชน อาชพี ทนั ตแพทย โดยเลอื กเรยี น
ในสายวทิ ยแ ละคณติ ฯ แลว สอบเขา เรยี นตอ ■ คุณลักษณะท่ีดีตอ อาชพี
ในคณะทนั ตแพทย สาขาทนั ตแพทยศาสตร)
• นักเรียนคิดวาตนเองสามารถทําตามแผนที่ - คณุ ธรรม - จริยธรรม - คา นยิ ม
วางไวไ ดห รอื ไม เพราะเหตใุ ด”
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ ñ แนวทางการเขา้ ส่อู าชีพ
ไดอยางอิสระ เชน ทําตามแผนท่ีวางไวได
เน่ืองจากมีความมุงม่ันและตั้งใจในการ อาชพี เปน็ การทา� กจิ กรรม การทา� งาน หรอื การประกอบการทไ่ี มเ่ ปน็ โทษแกส่ งั คม และมรี ายได้
ศึกษาเลาเรียน ชอบศึกษาคนควาความรู ตอบแทน โดยอาศยั แรงงาน ความร ู้ ทกั ษะ อปุ กรณ ์ เครอ่ื งมอื วธิ กี ารทแี่ ตกตา่ งกนั ไปเพอื่ เลยี้ งชพี
ใหมๆ อยเู สมอ เพอื่ ใหส ามารถสอบเขา เรยี นตอ ตนเองและครอบครวั สว่ นแนวทางการเขา้ สอู่ าชพี เปน็ กระบวนการ หรอื การกระทา� ใด ๆ ทส่ี ามารถ
ในคณะทนั ตแพทย สาขาทนั ตแพทยศาสตร สร้างโอกาสให้ได้ประกอบอาชีพท่ีตรงกับความต้องการมากที่สุด ซ่ึงแนวทางการเข้าสู่อาชีพของ
ในมหาวทิ ยาลัยทส่ี นใจได) แตล่ ะคนจะมคี วามแตกตา่ งกนั ซึ่งจะข้ึนอย่กู ับความสนใจ ความสามารถ ความถนดั ความพร้อม
ในด้านความรู้ทักษะอาชีพ เงินทุน และการใหโ้ อกาสของผปู้ ระกอบการ

10๔

เกร็ดแนะครู โซน 3

ครูควรจัดการเรียนรู โดยอธิบายเก่ียวกับแนวทางการเขาสูอาชีพที่สนใจ
การเตรยี มตัวหางาน และการพฒั นาบคุ ลกิ ภาพ การสมคั รงาน การสัมภาษณ
หลักการทํางาน การเปล่ียนงาน การเลือกใชเทคโนโลยีอยางเหมาะสมกับการ
ประกอบอาชพี มปี ระสบการณใ นอาชพี ทต่ี นเองถนดั และสนใจ มคี ณุ ลกั ษณะทด่ี ี
ตอ อาชพี โดยสามารถจดั กิจกรรมได ดงั นี้

• ใหนักเรียนตอบคําถามและรวมกันแสดงความคิดเห็น เพ่ือใหนักเรียน
เกิดความรู ความเขา ใจเกย่ี วกับแนวทางการเขา สูอาชีพ การเลือกใชเทคโนโลยี
อยางเหมาะสมกับการประกอบอาชีพ ประสบการณในอาชีพ และคุณลักษณะ
ทด่ี ีตอ อาชพี

• ใหนักเรียนสํารวจตนเองวามีความตองการที่จะประกอบอาชีพใด
บคุ ลกิ ภาพและความสามารถในลกั ษณะของอาชพี นนั้ ๆ เหมาะสมกบั ตนเองหรอื ไม

โซน 2• ใหน กั เรยี นทาํ แบบทดสอบความสนใจในอาชพี เนอื่ งจากนกั เรยี นบางคน

อาจยังไมรูวาตนเองมีความตองการท่ีจะประกอบอาชีพใด ซ่ึงหากไดทําแบบ
ทดสอบดังกลาว อาจทําใหรูจักตนเองมากขึ้น เพื่อจะไดเตรียมความพรอมใน
การประกอบอาชพี น้นั ๆ ไดอยางเหมาะสม

T114

โซน 1 ช่วยครจู ัด โซน 2 ชว่ ยครูเตรยี มสอน

กำรเรียนกำรสอน โดยประกอบด้วยองคป์ ระกอบต่าง ๆ ทีเ่ ปน็ ประโยชน์ส�าหรับ
แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้ครูผู้สอน ครู เพื่อนา� ไปประยุกต์ใชจ้ ัดกิจกรรมการเรียนรใู้ นชั้นเรยี น
โดยแนะน�าข้นั ตอนการสอน และการจัดกิจกรรมอยา่ งละเอียด
เพ่อื ใหน้ ักเรยี นบรรลผุ ลสัมฤทธิ์ตามตวั ชว้ี ดั เกร็ดแนะครู

น�ำ สอน สรุป ประเมนิ ความรเู้ สรมิ ส�าหรบั ครู ขอ้ เสนอแนะ ขอ้ สงั เกต แนวทางการจัด
กิจกรรมและอ่ืน ๆ เพอ่ื ประโยชน์ในการจัดการเรียนการสอน

นักเรยี นควรรู้

ความรเู้ พม่ิ เตมิ จากเนอื้ หา ส�าหรบั อธบิ ายเสรมิ เพ่มิ เตมิ ให้
กบั นักเรยี น

โดยใช้หนังสือเรียน การงานอาชีพ ม.5 ของบริษัท อักษรเจริญทัศน์ อจท. จ�ากัด เป็นส่ือหลัก (Core Material)
ประกอบการสอน และการจดั กิจกรรมการเรยี นรใู้ หส้ อดคล้องตามมาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตวั ชีว้ ดั ของกลมุ่ สาระการเรยี นรู้
การงานอาชพี ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 โดยคมู่ อื ครมู อี งคป์ ระกอบทงี่ า่ ยตอ่ การใชง้ าน
ดงั น้ี

โซน 1 นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ โซน 3 ชว่ ยครูเตรียมนกั เรียน

การเข้าสู่อาชีพเปนการเตรียมความพร้อมเพ่ือเข้าสู่การ ขนั้ นาํ ประกอบด้วยแนวทางส�าหรับการจัดกิจกรรมและ
เสนอแนะแนวขอ้ สอบ เพอื่ อา� นวยความสะดวกใหแ้ กค่ รผู สู้ อน
ทา� งาน หรือการประกอบอาชพี ตามท่ใี ฝฝน หรือต้องการ โดย 3. ครูขออาสาสมคั รนักเรยี น 2-3 คน ออกมาเลา
จะต้องมีเป้าหมายท่ีชัดเจน เพื่อศึกษาท�าความเข้าใจเกี่ยวกับ ความฝน เกย่ี วกบั การประกอบอาชพี ในอนาคต กิจกรรม 21st Century Skills
ลกั ษณะของอาชพี และพฒั นาตนเองในดา้ นตา่ ง ๆ ใหม้ คี ณุ สมบตั ิ ของตนเองใหเพ่ือนฟงหนาชั้นเรียน จากนั้น
เหมาะสมกบั อาชพี นนั้ ๆ เนอ่ื งจากจะสง่ ผลใหส้ ามารถประกอบ ใหเ พอ่ื นรว มชน้ั เรยี นรว มกนั แสดงความคดิ เหน็ กิจกรรมที่ให้นักเรียนได้ประยุกต์ใช้ความรู้มาสร้างช้ินงาน
อาชีพท่ตี อ้ งการได้อยา่ งมคี ุณภาพและประสบความส�าเรจ็ วาเพ่ือนคนดังกลาวมีคุณสมบัติท่ีเหมาะสม หรอื ทา� กจิ กรรมรวบยอดเพอื่ ใหเ้ กดิ คณุ ลกั ษณะทร่ี ะบใุ นทกั ษะ
ตอ อาชีพท่ีสนใจหรอื ไม แห่งศตวรรษที่ 21
ดังนั้น เราจึงจ�าเป็นที่จะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับการเตรียมตัวหางานและการพัฒนาบุคลิกภาพ1
ลักษณะความม่ันคงและความก้าวหน้าในการท�างาน การสมัครงาน การสัมภาษณ์ การท�างาน ขน้ั สอน ขอ้ สอบเนน้ การคิด
อยา่ งมคี วามสขุ และการเปลย่ี นงาน นอกจากน ้ี จะตอ้ งรจู้ กั เลอื กใชเ้ ทคโนโลยใี หเ้ หมาะสมกบั อาชพี
เพราะมสี ว่ นชว่ ยในการพฒั นางานใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพยงิ่ ขน้ึ และสงิ่ สา� คญั ทส่ี ดุ ของการประกอบอาชพี ขน้ั ที่ 1 สงั เกต ตระหนกั ตัวอย่างข้อสอบที่มุ่งเน้นการคิด มีท้ังปรนัย-อัตนัย พร้อม
คอื การมคี ุณธรรม จริยธรรม และมคี า่ นิยมที่ดีต่อการประกอบอาชพี เพราะมสี ว่ นช่วยใหม้ ีโอกาส 1. ครูเปดคลิปวิดีโอเกี่ยวกับการประกอบอาชีพ เฉลยอย่างละเอียด
ในการพัฒนางานให้มีความก้าวหน้ามากข้ึน เสริมสร้างแนวทางการเข้าสู่อาชีพที่ตนเองสนใจ
ใหป้ ระสบความส�าเรจ็ ตางๆ ใหนักเรียดู เชน ขาราชการ ตํารวจ กจิ กรรมเสรมิ สรา้ งคุณลักษณะอันพงึ ประสงค
ทหาร ครู พธิ กี ร นักเขียน นกั แสดง สถาปนิก
งานอาชีพ 10๕ ฯลฯ กจิ กรรมเสนอแนะแนวทางการเสรมิ สรา้ งคุณลกั ษณะ
2. ครูถามนกั เรยี นวา อนั พงึ ประสงค์
• จากคลิปวิดีโอที่ไดชมไปนั้น มีอาชีพที่
กจิ กรรมท้าทาย
นักเรยี นตองการประกอบในอนาคตหรือไม
หากมี นักเรียนคิดวาตนเองมีคุณสมบัติที่ เสนอแนะแนวทางการจดั กจิ กรรม เพอ่ื ตอ่ ยอดสา� หรบั นกั เรยี น
เหมาะสมกับอาชพี นน้ั หรอื ไม อยางไร ทเี่ รยี นรไู้ ดอ้ ยา่ งรวดเรว็ และตอ้ งการทา้ ทายความสามารถใน
หากไมมี นักเรียนสนใจอาชพี ใด และคิดวา ระดบั ท่สี งู ข้นึ
ตนเองมีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับอาชีพน้ัน
หรือไม อยางไร กจิ กรรมสรา้ งเสรมิ
(แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิด
เหน็ ไดอยา งอสิ ระ) เสนอแนะแนวทางการจดั กจิ กรรมซอ่ มเสรมิ สา� หรบั นกั เรยี นที่
3. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “การที่นักเรียนตองการ ควรได้รับการพฒั นาการเรยี นรู้
จะประกอบอาชพี ใดๆ นนั้ นกั เรยี นจะตอ งหมนั่
รจู กั สงั เกตตนเองอยเู สมอวา มคี วามชอบ ความ กิจกรรม Mini Project
สนใจความถนัด และความสามารถในดา นใด
เพราะหากมีคุณสมบัติที่มีเหมาะสมกับอาชีพ เสนอแนะแนวทางการจัดกิจกรรมเพื่อให้สามารถน�าความรู้ที่
ทสี่ นใจ กย็ อ มสง ผลใหต นเองสามารถประกอบ ไดร้ ับมาออกแบบชน้ิ งานตามความสนใจ 1 ชิ้น
อาชีพท่ีสนใจน้ันไดประสบความสําเร็จและมี
ความสุขในการทาํ งาน”

ขอสอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู

การประกอบอาชีพมีความสําคญั ตอ ตวั บุคคลอยา งไร ครูอธิบายเพิ่มเติมเก่ียวกับคําวา “ผูประกอบการ” ใหนักเรียนฟงวา
1. เปน ที่รจู ักของคนในสงั คม ผปู ระกอบการ คือ ผูท ีเ่ ปน เจาของกิจการ หรือผรู วบรวมปจจยั การผลติ ไดแก
2. ยกระดับฐานะของตนเองใหดขี ึน้ ท่ีดิน แรงงาน ทุน มาผลิตเปนสินคาและบริการ คุณลักษณะของการเปน
3. มีเงนิ ออมในแตละเดือนเพิม่ มากขนึ้ ผปู ระกอบการทดี่ ี คอื ตอ งมแี รงผลกั ดนั ลม แลว กลา ทจี่ ะลกุ มคี วามเชอื่ มน่ั ใน
4. สรา งรายไดใ หแกตนเองและครอบครัว ตนเอง กลาทจี่ ะเปลี่ยนแปลง และเปล่ียนวกิ ฤตใหเ ปนโอกาสได

(วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะการประกอบอาชีพนับเปน นักเรียนควรรู

โซน 3ส่ิงจําเปนและสําคัญในวิถีการดํารงชีวิตของมนุษยในปจจุบัน 1 พัฒนาบุคลกิ ภาพ บคุ ลกิ ภาพของมนุษยแตล ะคนจะมีลักษณะเฉพาะที่
แตกตางกันออกไป ในการพัฒนาบุคลิกภาพตองเร่ิมตนจากการวิเคราะห
เปน สงิ่ ท่ชี วยสรางคณุ คา ใหแกต นเอง ชว ยสรางรายได เพ่ือนาํ มา ตนเอง เพื่อหาขอบกพรองที่ตองการปรับปรุงแกไข ลงมือแกไขขอบกพรอง
ใชในการเล้ียงชีพของตนเองและครอบครัว และเปนสิ่งสําคัญ
อยางหน่ึงในการพัฒนาคณุ ภาพชีวิต เศรษฐกจิ ชมุ ชน และความ โซน 2แลวใหปฏิบัติตนตามแนวใหมจนเกิดเปนนิสัย จากนั้นประเมินวาส่ิงที่แกไข
เจรญิ กาวหนาของประเทศชาติ)
แลว น้ันดีข้นึ หรอื ไม ยังมอี ปุ สรรคในการปฏบิ ัตอิ ยา งไร และจะมแี นวทางแกไ ข

Tอยา งไร
115

บูรณาการอาเซยี น แนวทางการวัดและประเมินผล

ความรู้เสริมหรอื การเชือ่ มโยงในเร่อื งทีเ่ ก่ยี วขอ้ งกับประชาคม เสนอแนะแนวทางการบรรลุผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของ
อาเซยี น นกั เรยี นตามมาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ชว้ี ดั ทห่ี ลกั สตู รกา� หนด

ส่ือ Digital

การแนะน�าแหลง่ เรยี นร้แู ละแหล่งคน้ คว้าจากสอ่ื Digital ตา่ ง ๆ

ค�ำอธิบายรายวิชา

การงานอาชีพ กลมุ่ สาระการเรียนรกู้ ารงานอาชพี
เวลาเรยี น 20 ชั่วโมง / ปี จ�ำนวน 0.5 หน่วยกิต
ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 5

ศกึ ษาและวิเคราะหว์ ิธีการทำ� งานเพื่อการดำ� รงชวี ติ ในเรอื่ งการเลือกใช้ ดูแลรกั ษาเสอ้ื ผา้ และเคร่ืองแตง่ กาย
การประดิษฐ์ของใช้ท่ีเป็นเอกลักษณ์ไทย หน้าที่และบทบาทของตนเองท่ีมีต่อสมาชิกในครอบครัว โรงเรียน และ
ชมุ ชน การปลกู พชื การขยายพนั ธพ์ุ ชื การบำ� รงุ รกั ษาเครอ่ื งใชไ้ ฟฟา้ และอปุ กรณอ์ ำ� นวยความสะดวกในชวี ติ ประจำ� วนั
การตัดเย็บและดัดแปลงเส้ือผา้ การตดิ ตั้ง ประกอบ ซอ่ มแซมอุปกรณ์ เครื่องมอื เครอ่ื งใช้ สิ่งอำ� นวยความสะดวก
ในบา้ นและโรงเรยี น การเลยี้ งสตั ว์ แนวทางเขา้ สอู่ าชพี การเลอื กและใชเ้ ทคโนโลยอี ยา่ งเหมาะสมกบั อาชพี ประสบการณ์
ในอาชีพ และคุณลกั ษณะทดี่ ีตอ่ อาชีพ
โดยใช้ทักษะการท�ำงานร่วมกัน ทักษะการจัดการในการท�ำงาน ทักษะกระบวนการแก้ปัญหาในการท�ำงาน
และทกั ษะในการแสวงหาความรูเ้ พอื่ การด�ำรงชวี ติ
เพื่อใหเ้ กิดความตระหนักและเห็นคุณคา่ ของการทำ� งาน สามารถน�ำความรู้มาประยกุ ต ์ใช้ ในชวี ิตประจ�ำวันได้
มคี วามสามารถในการตดั สนิ ใจ มคี ณุ ธรรมและลกั ษณะนสิ ยั ในการทำ� งาน รวมถงึ มจี ติ สำ� นกึ ในการใชพ้ ลงั งาน ทรพั ยากร
ในการทำ� งานอยา่ งคมุ้ คา่ และยง่ั ยืน เพ่ือการอนุรักษ์สงิ่ แวดลอ้ ม

ตัวชี้วดั
ง 1.1 ม.4-6/1 ม.4-6/2 ม.4-6/3 ม.4-6/4 ม.4-6/5 ม.4-6/6 ม.4-6/7
ง 2.1 ม.4-6/1 ม.4-6/2 ม.4-6/3 ม.4-6/4

รวม 11 ตัวชว้ี ดั

Pedagogy

ค่มู ือครู

การงานอาชีพ ม.5 จัดท�ำข้ึนเพ่ือให้ครูผู้สอนน�ำไปใช้เป็นแนวทางวางแผนพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน
ของผเู้ รยี น โดยสามารถวางแผนการจดั การเรยี นรปู้ ระกอบการใชห้ นงั สอื เรยี น รายวชิ าการงานอาชพี ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5
(ฉบับประกัน) ทีท่ างบริษทั อกั ษรเจริญทศั น์ อจท. จ�ำกดั จัดพมิ พ์จำ� หน่าย เพอ่ื ใหส้ อดคลอ้ งตามมาตรฐานการเรียนรู้
และตัวช้ีวัด กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 โดยออกแบบ
กจิ กรรมการเรยี นรู้(InstructionalDesign) ใหม้ คี วามสอดคลอ้ งกบั รปู แบบการสอนโดยใช ้โครงการเปน็ หลกั (Project-Based
Instruction) โดยมรี ายละเอยี ด ดงั น้ี

รปู แบบการสอนโดยใช้โครงการเป็นหลกั (Project-Based Instruction)

ด้วยจุดประสงค์ของการจัดการเรียนการสอนการงาน 2
อาชพี เพอื่ ชว่ ยพฒั นาผเู้ รยี นใหม้ คี วามรู้ ความเขา้ ใจ มที กั ษะ
พื้นฐานท่ีจ�ำเป็นต่อการด�ำรงชีวิต รู้เท่าทันการเปล่ียนแปลง
น�ำความรู้เกยี่ วกับการด�ำรงชีวติ และการอาชพี มาประยกุ ต์ ใ ช้  1 ขัน้ ใหค้ วามรู้ ข้นั กระตุ้น
ในการทำ� งานไดอ้ ยา่ งสรา้ งสรรค์ เหน็ แนวทางในการประกอบ ความสนใจ
อาชีพ รักการท�ำงาน มีเจตคติที่ดีต่อการท�ำงาน สามารถ พ้นื ฐาน

ด�ำรงชีวิตอยู่ในสงั คมไดอ้ ย่างพอเพียงและมีความสุข 3

ผู้จัดท�ำจึงเลือกใช้รูปแบบการสอนโดยใช้โครงการ ขน้ั นำ� เสนอ
เป็นหลัก ซ่ึงเป็นขั้นตอนการจัดการเรียนรู้ที่มุ่งให้ผู้เรียน ผลงาน
แสวงหาประสบการณก์ ารเรยี นรทู้ มี่ ปี ระโยชนต์ อ่ ชวี ติ ประจำ� วนั 6 รปู แบบ ข้นั จบั กลุ่ม
โดยใชศ้ กั ยภาพทีต่ นเองมี ผเู้ รยี นจะมีสว่ นร่วมในการกำ� หนด การสอน รว่ มมือ

งานทท่ี ำ� มงุ่ ใหผ้ เู้ รยี นไดใ้ ชท้ กั ษะการสบื คน้ และการปฏบิ ตั จิ รงิ ข้ันสรปุ ส่งิ ท่ี ข้ันแสวงหา 4
เพ่ือเป็นพื้นฐานไปสู่การปฏิบัติงานอ่ืน ๆ ในการด�ำรงชีวิต เรียนรู้
ซงึ่ สอดคลอ้ งกับธรรมชาติของวิชาการงานอาชีพ 5 ความรู้

วธิ กี ารสอน เทคนิคการสอน ทักษะท่ีใช้

• แบบบรรยาย • การใช้ค�ำถาม • การทำ� งานร่วมกัน
• การสาธิต • การเลน่ เกม • การวเิ คราะห์
• การอภปิ รายกลุม่ ย่อย • การใช้ตัวอยา่ งกระตนุ้ ความคิด • การมคี วามคิดสรา้ งสรรค์
• การแสดงบทบาทสมมติ • การใช้สอ่ื การเรยี นรูท้ ่นี า่ สนใจ • การคดิ อย่างมีเหตผุ ล
• การใชก้ รณีตัวอยา่ ง • การสงั เกต
• การใชส้ ถานการณจ์ ำ� ลอง • การสบื คน้
• การใชศ้ ูนย์การเรียนรู้
• การลงมอื ปฏิบตั ิ

Teacher Guide Overview

การงานอาชีพ ม.5

หน่วย ตวั ช้ีวัด ทักษะทไ่ี ด้ เวลาทใ่ี ช้ การประเมนิ ส่ือทใ่ี ช้
การเรียนรู้

1 1. อธิบายวธิ ีการทำ� งานเพือ่ การด�ำรงชีวติ 1. ทักษะการส�ำรวจค้นหา 1. ต รวจแบบทดสอบ - หนงั สือเรียนการงาน
2. สร้างผลงานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ 2. ทักษะการสังเกตวิธีการ
หลกั การท�ำงาน ก่อนเรียน อาชีพ ม.5
เพอื่ การ และมที กั ษะการทำ� งานรว่ มกนั ทำ� งาน เพอื่ การดำ� รงชวี ติ
ด�ำรงชวี ิต 3. มที กั ษะการจัดการในการทำ� งาน 3. ทักษะการคิดวิเคราะห์ 2. ต รวจใบงานที่ 1.1.1 - แบบทดสอบกอ่ นเรียน
4. มที กั ษะกระบวนการแกป้ ญั หาในการทำ� งาน 4. ทกั ษะกระบวนการคดิ
เรอ่ื ง ทกั ษะ - แบบทดสอบหลงั เรียน

กระบวนการท�ำงาน - PowerPoint

5. มีทักษะในการแสวงหาความรู้เพ่ือการ แกป้ ญั หา 3. ต รวจใบงานที่ 1.2.1

ด�ำรงชีวิต 5. ทกั ษะการสรปุ เรอ่ื ง การแกป้ ญั หา

6. มคี ณุ ธรรมและลกั ษณะนสิ ยั ในการทำ� งาน ลงความเหน็ ในการทำ� งาน

6. ทักษะการประเมิน ด้วยวงจร PDCA

4. ต รวจใบงานท่ี 1.3.1

เรื่อง บทบาท

และหน้าทขี่ อง

ตนเองท่ีมตี อ่

สมาชกิ ในครอบครวั

โรงเรียน และชุมชน

3 5. ตรวจชนิ้ งาน/

ช่ัวโมง ภาระงาน (รวบยอด)

เรอ่ื ง การปฏบิ ัติ

งานตา่ ง ๆ โดยใช้

ทกั ษะกระบวนการ

ท�ำงานและทักษะ

กระบวนการแก้

ปญั หา

6. การน�ำเสนอผลงาน

7. สังเกตพฤตกิ รรม

การท�ำงานเป็น

รายบคุ คล

8. สงั เกตพฤตกิ รรม

การทำ� งานเปน็ กลุ่ม

9. ส งั เกตคุณลกั ษณะ

อนั พึงประสงค์

10. ต รวจแบบทดสอบ

หลงั เรยี น

หน่วย ตัวช้วี ดั ทกั ษะที่ได้ เวลาที่ใช้ การประเมนิ สื่อท่ใี ช้
การเรียนรู้

2 1. สรา้ งผลงานอย่างมคี วามคิดสรา้ งสรรค์ 1. ทกั ษะการส�ำรวจค้นหา 1. ตรวจแบบทดสอบ - หนงั สือเรยี นการงาน
และมีทกั ษะการทำ� งานร่วมกนั 2. ทักษะการสังเกตวิธีการ ก่อนเรียน อาชีพ ม.5
งานชา่ งในบา้ น 2. มีทกั ษะการจัดการในการทำ� งาน ท�ำงานเพ่ือการด�ำรงชีวติ 2. ตรวจใบงานท่ี 2.1.1 - แบบทดสอบกอ่ นเรยี น

3. มที กั ษะกระบวนการแกป้ ญั หาในการทำ� งาน 3. ทักษะการคดิ วเิ คราะห์ เรอื่ ง เคร่อื งมอื - แบบทดสอบหลงั เรยี น
4. มีทกั ษะในการแสวงหาความร้เู พอื่ การ 4. ทกั ษะกระบวนการคดิ เครอ่ื งใชใ้ นการ - PowerPoint
ด�ำรงชวี ติ แก้ปัญหา ซอ่ มแซมและตดิ ต้ัง
5. มคี ณุ ธรรมและลกั ษณะนสิ ยั ในการทำ� งาน 5. ทกั ษะการสรปุ อปุ กรณ์ เครื่องใช้
6. ใชพ้ ลงั งาน ทรพั ยากรในการทำ� งาน ลงความเหน็ ภายในบ้าน
อย่างคมุ้ คา่ และยั่งยนื เพื่อการอนุรักษ์ 6. ทักษะการประเมนิ 3. ตรวจใบงานที่ 2.2.1
สิง่ แวดลอ้ ม เรื่อง การปฏบิ ัตงิ าน
ช่างในบา้ น
4. ตรวจช้ินงาน/
4 ภาระงาน (รวบยอด)
เรอ่ื ง การปฏิบัติงาน
ชวั่ โมง

ช่างในบ้าน
5. การนำ� เสนอผลงาน
6. สงั เกตพฤติกรรม
การท�ำงานเปน็
รายบคุ คล
7. สงั เกตพฤติกรรม
การทำ� งานเปน็ กลุ่ม
8. สังเกตคณุ ลกั ษณะ
อนั พึงประสงค์
9. ตรวจแบบทดสอบ
หลงั เรียน

3 1. อธิบายวิธกี ารทำ� งาน เพื่อการด�ำรงชีวิต 1. ทักษะการส�ำรวจค้นหา 1. ตรวจแบบทดสอบ - หนงั สือเรยี นการงาน
2. สรา้ งผลงานอยา่ งมคี วามคิดสร้างสรรค์ 2. ทักษะการสังเกตวิธีการ ก่อนเรยี น อาชีพ ม.5
เสอื้ ผ้าและ และมีทักษะการทำ� งานรว่ มกนั 2. ตรวจใบงานท่ี 3.1.1 - แบบทดสอบก่อนเรียน
เครอ่ื งแต่งกาย 3. มที ักษะกระบวนการแกป้ ัญหาในการ ทำ� งาน เพอื่ การดำ� รงชวี ติ การเลอื กใชเ้ สือ้ ผา้ - แบบทดสอบหลังเรยี น
3. ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์
ทำ� งาน 4. ทักษะกระบวนการคิด และเครอ่ื งแต่งกาย - PowerPoint
4. มที กั ษะในการแสวงหาความรู้เพอื่ การ แก้ปัญหา 3. ตรวจใบงานที่ 3.1.2
ด�ำรงชีวิต 5. ทักษะการสรปุ เรอ่ื ง การเลอื กซ้อื
5. ใชพ้ ลงั งาน ทรพั ยากรในการทำ� งาน ลงความเห็น เส้ือผ้าและเครอื่ ง
อย่างคุม้ คา่ และย่ังยนื เพอ่ื การอนรุ ักษ์ 6. ทักษะการประเมิน แต่งกาย
ส่งิ แวดลอ้ ม 4. ตรวจชน้ิ งาน/
ภาระงาน (รวบยอด)
4 เร่อื ง การซอ่ มแซม
ตกแต่ง และดัดแปลง
ชว่ั โมง

เสอื้ ผา้
5. การนำ� เสนอผลงาน
6. สงั เกตพฤตกิ รรมการ
ทำ� งานเป็นรายบุคคล
7. สังเกตพฤตกิ รรมการ
ทำ� งานเปน็ กลุม่
8. สังเกตคุณลักษณะ
อนั พึงประสงค์
9. ตรวจแบบทดสอบ
หลังเรยี น

หน่วย ตวั ชีว้ ดั ทักษะที่ได้ เวลาทใ่ี ช้ การประเมนิ สือ่ ทใ่ี ช้
การเรียนรู้
1. สร้างผลงานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ 1. ทกั ษะการส�ำรวจค้นหา 1. ตรวจแบบทดสอบ - หนงั สือเรียนการงาน
4 และมีทักษะการทำ� งานรว่ มกัน 2. ทักษะการสังเกตวิธีการ กอ่ นเรียน อาชีพ ม.5
2. มีทักษะการจัดการในการทำ� งาน ทำ� งาน เพอื่ การดำ� รงชวี ติ 2. ตรวจใบงานที่ 4.1.1 - แบบทดสอบก่อนเรียน
งานประดษิ ฐ์ 3. มีทักษะกระบวนการแกป้ ญั หาในการ 3. ทักษะการคิดวเิ คราะห์ เรอ่ื ง ความสำ� คัญ - แบบทดสอบหลังเรยี น
เอกลกั ษณไ์ ทย ทำ� งาน 4. ทกั ษะกระบวนการคิด และประเภทของ - PowerPoint
4. มที ักษะในการแสวงหาความรู้ เพอื่ การ แกป้ ญั หา งานประดิษฐ์ทเี่ ปน็
5 ด�ำรงชวี ิต 5. ทักษะการสรุป เอกลักษณ์ไทย
5. มคี ณุ ธรรมและลกั ษณะนสิ ยั ในการทำ� งาน ลงความเหน็ 3. ตรวจแผนผงั
งานเกษตร 6. ใชพ้ ลังงาน ทรพั ยากรในการทำ� งาน 6. ทกั ษะการประเมนิ ความคิดเก่ยี วกับ
อยา่ งคมุ้ คา่ และย่ังยืน เพื่อการอนรุ ักษ์ เร่ือง ความสำ� คัญ
ส่ิงแวดล้อม และประเภทของงาน
ประดิษฐท์ เี่ ป็น
3 เอกลักษณ์ไทย
4. ตรวจโครงงาน
ชัว่ โมง เร่ือง งานประดิษฐ์
ทเ่ี ปน็ เอกลักษณ์ไทย
4 5. การนำ� เสนอผลงาน
6. สงั เกตพฤตกิ รรมการ
ชั่วโมง ทำ� งานเป็นรายบคุ คล
7. สงั เกตพฤตกิ รรม
การทำ� งานเปน็ กล่มุ
8. สังเกตคณุ ลักษณะ
อนั พงึ ประสงค์
9. ตรวจแบบทดสอบ
หลังเรยี น

1. สรา้ งผลงานอยา่ งมคี วามคดิ สร้างสรรค์ 1. ทกั ษะการส�ำรวจค้นหา 1. ตรวจแบบทดสอบ - หนงั สอื เรยี นการงาน
และมีทกั ษะการทำ� งานรว่ มกนั 2. ทกั ษะการสังเกตวธิ ีการ กอ่ นเรียน อาชพี ม.5
2. มีทักษะการจัดการในการทำ� งาน ทำ� งาน เพอ่ื การดำ� รงชวี ติ 2. ตรวจใบงานที่ 5.1.1 - แบบทดสอบก่อนเรยี น
3. มที ักษะในการแสวงหาความรเู้ พ่ือการ 3. ทกั ษะการคิดวิเคราะห์ เรื่อง การปลกู พชื - แบบทดสอบหลังเรียน
ดำ� รงชีวติ 4. ทกั ษะกระบวนการคิด 3. ตรวจชิน้ งาน/ - PowerPoint
4. มคี ุณธรรมและลกั ษณะนิสัยในการ แก้ปัญหา ภาระงาน (รวบยอด)
ทำ� งาน 5. ทักษะการสรปุ เรอ่ื ง งานเกษตร
ลงความเห็น ของฉนั
6. ทักษะการประเมิน 4. การนำ� เสนอผลงาน
5. สงั เกตพฤติกรรม
การทำ� งานเปน็
รายบคุ คล
6. สงั เกตพฤตกิ รรม
การทำ� งานเป็นกลุ่ม
7. สงั เกตคุณลกั ษณะ
อนั พงึ ประสงค์
8. ตรวจแบบทดสอบ
หลงั เรยี น

หน่วย ตวั ชว้ี ัด ทักษะท่ไี ด้ เวลาท่ใี ช้ การประเมนิ สื่อท่ใี ช้
การเรียนรู้
1. อภิปรายแนวทางเขา้ ส่อู าชีพที่สนใจ 1. ทักษะการส�ำรวจคน้ หา 1. ตรวจแบบทดสอบ - หนังสอื เรยี นการงาน
6 อาชีพ ม.5
2. เลือกและใช้เทคโนโลยีอยา่ งเหมาะสม 2. ทักษะการสังเกตวิธีการ กอ่ นเรยี น - แบบทดสอบกอ่ นเรยี น
งานอาชีพ - แบบทดสอบหลังเรยี น
กับอาชพี ทำ� งาน เพอื่ การดำ� รงชวี ติ 2. ตรวจใบงานที่ 6.1.1 - PowerPoint
เร่ือง การวเิ คราะห์
3. มีประสบการณ ์ในอาชีพที่ถนดั และสนใจ 3. ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ SWOT เพ่อื ค้นพบ

4. มีคณุ ลกั ษณะทดี่ ตี อ่ อาชีพ 4. ทกั ษะกระบวนการคดิ

แกป้ ัญหา อาชีพท่เี หมาะสมกับ

5. ทกั ษะการสรปุ ตนเอง

ลงความเหน็ 3. ตรวจใบงานท่ี 6.2.1

6. ทักษะการประเมิน เร่ือง ความรู้ใน

การงานอาชีพ

4. ตรวจชนิ้ งาน/

2 ภาระงาน (รวบยอด)

ชั่วโมง เรอื่ ง การสมั ภาษณ์

บุคคลที่ประสบ

ความสำ� เร็จ

5. การนำ� เสนอผลงาน

6. สงั เกตพฤตกิ รรม

การทำ� งานเป็น

รายบคุ คล

7. สงั เกตพฤตกิ รรม

การท�ำงานเปน็ กลุ่ม

8. สงั เกตคณุ ลกั ษณะ

อนั พงึ ประสงค์

9. ตรวจแบบทดสอบ

หลังเรียน

สารบัญ

Chapter Title Chapter Teacher
Overview Script
หนว่ ยการเรียนรู้ท ี่ 1 หลักการทำ� งาน
เพ่อื การด�ำรงชวี ติ T2-T3 T4

• ทักษะกระบวนการท�ำงานและกระบวนการแกป้ ญั หา T16 -T17 T4 -T7
• หลักการทำ� งานเพื่อการด�ำรงชีพ T34 -T35 T7-T8
• การแกป้ ัญหาในการทำ� งานดว้ ยวงจร PDCA T9 -T10
• การแก้ปัญหาในการทำ� งานด้วยกจิ กรรม 5 ส T11-T12
• บทบาทหนา้ ทข่ี องตนเองทมี่ ีต่อสมาชิกในครอบครวั โรงเรียน T13 -T15

และชุมชน T18

หน่วยการเรยี นรู้ท ่ี 2 งานชา่ งในบ้าน T18 -T25
T26 -T29
• เครอ่ื งมืองานชา่ งในบ้าน T30 -T33
• ตัวอยา่ งการซ่อมแซมเครือ่ งใช้ภายในบา้ น
• ตวั อยา่ งการตดิ ตง้ั เครอ่ื งใชภ้ ายในบ้าน T36

หนว่ ยการเรียนรู้ท ี่ 3 เสอ้ื ผ้าและเครอ่ื งแตง่ กาย T36 -T43
T44 -T49
• การเลอื กใชเ้ สอ้ื ผา้ และเครอ่ื งแตง่ กาย T50 -T59
• การเลือกซ้อื เสื้อผ้าและเคร่อื งแต่งกาย T60 -T65
• การซ่อมแซม ตกแต่ง และดัดแปลงเสอ้ื ผา้
• ตัวอย่างการตดั เยบ็ เสอื้ ผา้ และของใช้ภายในบ้าน

Chapter Title Chapter Teacher
Overview Script
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 4 งำนประดิษฐเ อกลักษณไทย
T66-T67 T68
• ความส�าคัญของงานประดษิ ฐท ่เี ปนเอกลักษณ ไทย
• ประเภทของงานประดษิ ฐท เี่ ปนเอกลกั ษณ ไทย T86-T87 T68-T70
• ตัวอยา่ งงานประดษิ ฐทเี่ ปนเอกลกั ษณ ไทย : งานแกะสลกั T114-T115 T71-T72
• ตัวอยา่ งงานประดิษฐท ีเ่ ปนเอกลกั ษณ ไทย : งานดอกไมส้ ด T73-T78
T79-T85
หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 5 งำนเกษตร
T88
• การปลูกพืช
• การเลีย้ งสัตว T88-T104
T105-T113
หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 6 งำนอำชพี
T116
• แนวทางการเข้าสอู่ าชพี
• การเลือกใชเ้ ทคโนโลยีอยา่ งเหมาะสมกบั การประกอบอาชพี T116-T129
• ประสบการณ ในอาชีพ T130-T131
• คุณลกั ษณะท่ีดีตอ่ อาชพี T132-T133
T134-T136

บรรณำนุกรม T137-T138

Chapter Overview

แผนการจดั ส่ือที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทกั ษะท่ีได้ คณุ ลกั ษณะ
การเรียนรู้ อนั พึงประสงค์

แผนฯ ที่ 1 - ห นงั สอื เรียน 1. อธบิ ายทกั ษะ แบบ - ต รวจแบบทดสอบกอ่ นเรยี น - ทกั ษะการส�ำรวจ - รกั ชาติ ศาสน์
ทักษะ
กระบวนการ การงานอาชพี ม.5 กระบวนการทำ� งาน สบื เสาะ - ตรวจใบงานที่ 1.1.1 ค้นหา กษัตรยิ ์
ท�ำงาน
- แ บบทดสอบกอ่ นเรยี น และกระบวนการ หาความรู้ - ป ระเมนิ การน�ำเสนอผลงาน - ทกั ษะการสงั เกต - ซ อ่ื สตั ย์ สุจรติ
1
- PowerPoint แกป้ ญั หาไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง (5Es - ส งั เกตพฤติกรรมการท�ำงาน วธิ ีการทำ� งาน - มีวินัย
ชว่ั โมง
2. มีทักษะในการทำ� งาน Instructional รายบคุ คล เพือ่ การด�ำรงชวี ติ - ใ ฝเ่ รยี นรู้

ทกั ษะกระบวนการ Model) - ส งั เกตพฤตกิ รรม - ทกั ษะการคดิ - อ ยู่อยา่ ง

แก้ปญั หา และทกั ษะ การทำ� งานกล่มุ วเิ คราะห์ พอเพยี ง

การแสวงหาความรู้ - สงั เกตคุณลกั ษณะ - ทกั ษะกระบวน - ม ุ่งมน่ั ใน

อยา่ งถกู ตอ้ ง อันพงึ ประสงค์ การคดิ แก้ปญั หา การทำ� งาน

3. น ำ� หลักการท�ำงานมา - ทกั ษะการสรปุ - ร ักความ

ประยุกต ์ใช ้ในการ ลงความเห็น เป็นไทย

ดำ� รงชวี ิตได้อย่าง - ทกั ษะการประเมนิ - มจี ติ สาธารณะ

ถกู ต้องและเหมาะสม

4. มคี ณุ ธรรมและ

มีลกั ษณะนิสยั ที่ดี

ในการทำ� งาน

แผนฯ ที่ 2 - ห นงั สอื เรียน 1. อ ธิบายวิธีการแก้ปัญหา แบบกระบวน - ตรวจใบงานท่ี 1.2.1 - ทกั ษะการสำ� รวจ - รกั ชาติ ศาสน์
การแกป้ ัญหา การงานอาชพี ม.5
ในการท�ำงาน - PowerPoint ในการทำ� งานดว้ ยวงจร การเรียน - ต รวจช้ินงาน/ภาระงาน คน้ หา กษตั รยิ ์
ดว้ ยวงจร PDCA
PDCA ได้อย่างถูกต้อง ความรู้ (รวบยอด) - ท กั ษะการสงั เกต - ซ อ่ื สตั ย์ สจุ รติ
1
2. ส ามารถนำ� วธิ กี าร ความเข้าใจ - ป ระเมนิ การนำ� เสนอผลงาน วิธีการท�ำงาน - มีวนิ ัย
ชั่วโมง
แก้ปญั หาในการท�ำงาน - สงั เกตพฤตกิ รรมการทำ� งาน เพื่อการด�ำรงชีวิต - ใ ฝเ่ รียนรู้

ด้วยวงจร PDCA รายบคุ คล - ท กั ษะการคิด - อยูอ่ ย่าง

มาปฏบิ ตั ไิ ดอ้ ย่าง - สงั เกตพฤติกรรม วิเคราะห์ พอเพียง

ถกู ต้อง เหมาะสม การท�ำงานกลุม่ - ท ักษะกระบวน - ม งุ่ ม่นั ใน

3. ป ระยุกต ์ใชก้ จิ กรรม - ส งั เกตคณุ ลักษณะ การคดิ แก้ปัญหา การท�ำงาน

5 ส ในการท�ำงาน อนั พงึ ประสงค์ - ทักษะการสรปุ - รกั ความ

และการด�ำรงชวี ิต ลงความเหน็ เป็นไทย

ประจ�ำวันไดอ้ ยา่ ง - ทกั ษะการประเมนิ - ม จี ติ สาธารณะ

เหมาะสม

4. ม ีคณุ ธรรมและ

มีลกั ษณะนิสัยทดี่ ี

ในการทำ� งาน

T2

แผนการจดั สือ่ ที่ใช้ จุดประสงค์ วธิ สี อน ประเมิน ทกั ษะที่ได้ คุณลกั ษณะ
การเรยี นรู้ อันพงึ ประสงค์

แผนฯ ที่ 3 - หนงั สอื เรยี น 1. อ ธิบายบทบาทหน้าท่ี แบบ - ตรวจแบบทดสอบหลังเรยี น - ทกั ษะการส�ำรวจ - รักชาติ ศาสน์
บทบาทและหน้าท่ี การงานอาชีพ ม.5 ของตนเองท่มี ตี อ่ สืบเสาะ - ตรวจใบงานที่ 1.3.1
ของตนเองทม่ี ี - แ บบทดสอบหลงั เรยี น สมาชกิ ในครอบครวั หาความรู้ - ต รวจชนิ้ งาน/ภาระงาน คน้ หา กษตั ริย์
ตอ่ สมาชิกใน - PowerPoint โรงเรยี น และชมุ ชน (5Es (รวบยอด)
ครอบครัว ไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง Instructional - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน - ทกั ษะการสังเกต - ซ อ่ื สัตย์ สจุ ริต
โรงเรยี น Model) - ส ังเกตพฤติกรรมการท�ำงาน
และชุมชน 2. ป ฏิบัตติ นตามบทบาท วธิ กี ารท�ำงาน - มวี ินัย
หนา้ ทขี่ องตนเองที่มี รายบคุ คล
1 ต่อสมาชิกในครอบครัว - สงั เกตพฤติกรรม เพ่ือการดำ� รงชวี ิต - ใ ฝเ่ รียนรู้
โรงเรียน และชุมชนได้ การท�ำงานกลมุ่
ชว่ั โมง อยา่ งเหมาะสม - สงั เกตคณุ ลักษณะ - ท กั ษะการคดิ - อ ยู่อยา่ ง
อันพงึ ประสงค์
วิเคราะห์ พอเพยี ง

- ทกั ษะกระบวน - มงุ่ มั่นใน

การคิดแกป้ ญั หา การท�ำงาน

- ท กั ษะการสรปุ - รกั ความ

ลงความเห็น เป็นไทย

- ทกั ษะการประเมนิ - มจี ติ สาธารณะ

T3

นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ นาํ (5Es) ๑หน่วยการเรียนรู้ที่

ขนั้ ที่ 1 กระตนุ ความสนใจ หลกั การทา� งานเพอ่ื การด�ารงชวี ิต

1. ครูแจงชื่อเร่ืองที่จะเรียนรูและผลการเรียนรู ตวั ชี้วดั ในการทÓงานเมื่อมีปัญหา
ใหนักเรียนทราบ จากนั้นใหน กั เรียนแตละคน ■ อธิบายวิธีการท�างานเพ่ือการด�ารงชวี ิต (ง ๑.๑ ม.๔-๖/๑) จะมีกระบวนการแก้ปัญหา
ทาํ แบบทดสอบกอ นเรยี น หนว ยการเรยี นรทู ่ี 1 ■ สรา้ งผลงานอยา่ งมคี วามคิดสร้างสรรค์และมที ักษะการท�างานร่วมกนั (ง ๑.๑ ม.๔-๖/๒) อย่างไรเพือ่ ให้งานสÓเร็จ
เรื่อง หลกั การทาํ งานเพอ่ื การดํารงชีวติ ■ มีทักษะการจัดการในการทา� งาน (ง ๑.๑ ม.๔-๖/๓)
■ มีทกั ษะกระบวนการแก้ปญั หาในการทา� งาน (ง ๑.๑ ม.๔-๖/๔)
2. ครตู งั้ คาํ ถามกระตนุ ความสนใจของนกั เรยี นวา ■ มที กั ษะในการแสวงหาความร้เู พอื่ การดา� รงชีวติ (ง ๑.๑ ม.๔-๖/๕)
• ในชวี ติ ประจาํ วนั ของนกั เรยี นไดร บั มอบหมาย ■ มีคุณธรรมและลักษณะนสิ ัยในการทา� งาน (ง ๑.๑ ม.๔-๖/๖)
ใหท ํางานใด และมวี ธิ ีการทํางานอยา งไร
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ สาระการเรยี นร้แู กนกลาง
ไดอยางอิสระ เชน ไดรับมอบหมายให ■ วธิ ีการท�างานเพอ่ื การดา� รงชวี ติ
ชว ยเหลอื คณุ แมใ นการทาํ ความสะอาดบา น ■ ท ักษะการทา� งานรว่ มกนั
คอื กวาดบา น ถบู า น และชว ยทาํ อาหารเยน็ ■ ท กั ษะการจัดการ
หลังจากกลับมาจากโรงเรียน โดยมีวิธีการ ■ ท กั ษะกระบวนการแก้ปญั หาในการทา� งาน
ทาํ งาน คือ หลังจากกลบั มาจากโรงเรียนจะ ■ ท กั ษะการแสวงหาความรู้เพ่อื การดา� รงชีวิต
รบี ทาํ การบา นใหเสร็จ จากนนั้ จงึ กวาดบา น
ถบู า น และชวยคณุ แมท าํ อาหารเย็น) ๑ ทกั ษะกระบวนการท�างานและกระบวนการแก้ปญั หา
• หากตองการทํางานท่ีไดรับมอบหมายให การทา� งานมคี วามสา� คญั และมคี ณุ คา่ ตอ่ ชวี ติ ของมนษุ ยเ์ ปน็ อยา่ งยงิ่ เพราะทา� ใหม้ ปี ระสบการณ์
สาํ เรจ็ ลลุ ว งอยา งมปี ระสทิ ธภิ าพ จาํ เปน ตอ ง รู้จักวางแผนการทา� งาน การปฏบิ ตั ิงานตามข้ันตอนต่าง ๆ การปรบั ปรงุ แก้ไขงาน และการพฒั นา
ใชทักษะกระบวนการทาํ งานใด ระบบการทา� งาน ดงั นน้ั การท�างานจงึ เปน็ การเปิดโอกาสให้แสดงออกถึงความสามารถ ความคดิ
(แนวตอบ ในการทาํ งานจําเปนตอ งใชทักษะ สร้างสรรค์ ซง่ึ จะน�ามาสู่ความสา� เร็จและความพึงพอใจในชวี ติ
กระบวนการทาํ งานทห่ี ลากหลาย เชน ทกั ษะ
การจัดการ ทักษะกระบวนการแกปญหา 2
ทกั ษะการแสวงหาความรู เพอื่ ใหก ารทาํ งาน
สาํ เรจ็ ลลุ ว งตามจดุ มงุ หมายทไี่ ดว างไวอ ยา ง
มปี ระสทิ ธภิ าพ)
• นักเรียนมีเทคนิคใดท่ีทําใหตนเองสามารถ
ทาํ งานไดประสบผลสาํ เรจ็
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
ไดอยางอิสระ เชน มีทักษะกระบวนการ
แกป ญ หาในการทาํ งาน มีทักษะการจัดการ
ในการทํางาน มีทักษะการแสวงหาความรู
เพอื่ การสรา งงานอยา งมคี วามคดิ สรา งสรรค)

เกร็ดแนะครู

ครคู วรจดั การเรยี นรู โดยอธบิ ายเกย่ี วกบั หลกั การทาํ งานเพอ่ื การดาํ รงชวี ติ ใหน กั เรยี นฟง เพอื่ ใหเ กดิ ความรู ความเขา ใจเรอ่ื งทกั ษะกระบวนการทาํ งานและทกั ษะ
กระบวนการแกป ญ หาทม่ี ากขนึ้ สามารถใชท กั ษะตา งๆ เพอ่ื พฒั นาคณุ ภาพในการทาํ งานไดอ ยา งเหมาะสม ชว ยใหไ ดผ ลงานทม่ี คี ณุ ภาพ ผปู ฏบิ ตั งิ านสามารถปฏบิ ตั ิ
งานไดอยา งมคี วามสขุ รจู กั วิธกี ารแกป ญหาในการทํางานดว ยวงจร PDCA หรือวธิ แี กป ญหาในการทาํ งานดวยกิจกรรม 5 ส นอกจากน้ี ยงั ปฏิบัตติ นไดเหมาะสม
กับบทบาทหนา ทีท่ ่มี ตี อ สมาชิกในครอบครัว โรงเรียน และชมุ ชน โดยสามารถจัดกจิ กรรมได ดงั นี้

• ใหนักเรียนตอบคําถามและรวมกันแสดงความคิดเหน็ เพื่อใหนกั เรียนเกดิ ความรู ความเขาใจเก่ยี วกบั หลกั การทํางานเพ่ือการดํารงชวี ิต
• ใหนักเรียนปฏิบตั งิ านกลุม โดยการนําวงจร PDCA มาใชในกระบวนการทาํ งานและการแกปญหา เพื่อใหนักเรยี นสามารถแกปญ หาในการทํางานไดอยา ง

เหมาะสม
• ใหนักเรยี นปฏิบัติกจิ กรรม 5 ส ที่บานของตนเอง เพือ่ ใหส ามารถแกป ญ หาจากการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมดงั กลาวไดอยา งเหมาะสม

T4

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

กระบวนการทำ� งำนและกระบวนกำรแกป้ ญั หำ ขนั้ นาํ

เป็นกระบวนกำรที่ส�ำคัญในกำรท�ำงำนเพ่ือกำรด�ำรงชีวิต ขั้นท่ี 1 กระตนุ ความสนใจ

ชก่วำยรเฝรึกียวนธิ รที ู้กำ� รงะำนบอวนย่ำกงำสรมท่�ำ�ำเงสำมนอแลทะัง้ กกรำะรบทว�ำนงำกนำเรปแ็นกร้ปำัญยบหคุ ำคจละ1 3. ครขู ออาสาสมคั ร2-3คนออกมาเลา ประสบการณ
เกยี่ วกบั การทาํ งานในชวี ติ ประจาํ วนั ของตนเองวา
และท�ำงำนเป็นกลุ่ม โดยช่วยให้เกิดควำมคิดและวิธีกำร มวี ธิ กี ารทาํ งานอยา งไรใหเ พอ่ื นฟง หนา ชนั้ เรยี น
แก้ปัญหำ ตลอดจนช่วยให้เกิดควำมช�ำนำญในสำขำต่ำง ๆ ที่ จากน้ันใหเพ่ือนรวมช้ันเรียนรวมกันแสดง
ตอ้ งนำ� มำใชใ้ นกำรทำ� งำนด้วย ความคิดเห็นวาเพื่อนคนดังกลาวมีการทํางาน
ทเ่ี ปนกระบวนการหรือไม อยางไร
๑.๑ ทกั ษะกระบวนการทา� งาน
4. ครถู ามนกั เรยี นวา
รายบทคุ กั คษละแทลมี่ ะกงุ่ เานรน้ทกา� างราปนฏเปบิ น็ ตั กอิ ลยุ่มา่ 2งเเปพน็ือ่ รใหะบ้สบามมาลีรา�ถดทบั �าขงาน้ั นตไอดน้บใรนรกลาตุ ราปมฏเบิปตัา้ หงิ ามนายทแง้ั ลกะาวรัตทถา� ปุงารนะสเปงน็ค์ • นักเรียนคิดวาการทํางานมีความสําคัญตอ
ท่ตี ัง้ ไว้ กระบวนการท�างานมขี ัน้ ตอน ดงั น้ี การดาํ รงชวี ติ ประจาํ วนั ของเราหรอื ไม อยา งไร
(แนวตอบ การทํางานมีความสําคัญตอชีวิต
๑ 2๓ ๔ มนษุ ยเ ปน อยา งยง่ิ อาจกลา วไดว า การทาํ งาน
เปนสวนหน่ึงของชีวิตที่ปฏิบัติมากกวาการ
การวเิ คราะห3์งาน การวางแผน การปฏิบัตงิ าน การประเมนิ ปฏิบัตกิ ิจกรรมใดๆ การทํางานเปน สิ่งทีใ่ ห
ผลการปฏบิ ัติงาน ประสบการณท ม่ี คี ณุ คา ตอ ชวี ติ มนษุ ย เพราะ
เปน โอกาสทที่ าํ ใหเ กดิ การวางแผน การปฏบิ ตั ิ
หลักการท�างาน ๓ ตามขน้ั ตอนตางๆ การปรบั ปรงุ แกไ ข และ
เพื่อการด�ารงชีวิต พฒั นาระบบใหด ยี ง่ิ ขึ้น)

ข้ันท่ี 2 สาํ รวจคน หา

5. ครูใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละเทาๆ กัน
รวมกันศึกษาหาความรูเพ่ิมเติมในประเด็นท่ี
ครูกําหนดให คือ ทักษะกระบวนการทํางาน
ทักษะกระบวนการแกปญหา และหลักการ
ทํางานเพ่ือการดํารงชีวิต จากหนังสือเรียน
หนวยการเรียนรูท่ี 1 หรือศึกษาเพ่ิมเติมจาก
อนิ เทอรเ น็ต

6. ครูใหนักเรียนศึกษาเพ่ิมเติมเกี่ยวกับทักษะ
กระบวนการทาํ งาน ทกั ษะกระบวนการแกป ญ หา
และหลักการทํางานเพื่อการดํารงชีวิต จาก
PowerPoint ม.5 หนวยการเรียนรูที่ 1

ขอสอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู

ขอ ใดเปน สง่ิ ทชี่ ว ยใหก ารปฏบิ ตั งิ านกลมุ ประสบความสาํ เรจ็ ได 1 การทํางานเปนรายบุคคล เปนการปฏิบัติงานที่ผูปฏิบัติงานไดใชความคิด
งา ยข้ึน ของตนอยา งเตม็ ที่ แตอ าจมขี อ บกพรอ งจากการปฏบิ ตั งิ านบา ง หากงานทป่ี ฏบิ ตั ิ
จําเปนตองใชทักษะ หรือใชความรูท่ีหลากหลาย แตผูปฏิบัติงานมีความรู
1. สมาชกิ ในกลมุ จะรอรบั คาํ ส่ังจากหวั หนากลุมเทาน้นั ความสามารถเพียงบางทกั ษะ อาจทําใหง านไมส ําเร็จตามท่ีคาดหวงั ไว
2. หัวหนากลมุ มคี วามเชอ่ื ม่นั ในตนเองสงู 2 การทํางานเปนกลุม เปนการแลกเปลี่ยนเรียนรูประสบการณทํางาน
3. หวั หนา กลมุ มีความรูท่หี ลากหลาย จากผอู นื่ ซง่ึ ตอ งคาํ นงึ ถงึ คณุ ธรรมในการทาํ งาน การสอื่ สาร การเคารพใหเ กยี รติ
4. สมาชิกในกลุมมสี ุขภาพจิตท่ดี ี ซึ่งกันและกัน การรบั ฟง และแสดงความคิดเหน็ อยางมเี หตุผล อีกทงั้ ยงั สามารถ
ปฏบิ ัตติ นเปนผนู าํ และเปนผูต ามทีด่ ไี ด
(วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะสมาชิกในกลุมควรมี 3 การวเิ คราะห ประกอบดว ยทกั ษะสาํ คญั 3 ประการ ไดแ ก การคดิ วเิ คราะห
มนษุ ยสมั พนั ธท ด่ี ตี อ กนั เรมิ่ จากการมสี ขุ ภาพจติ ทดี่ ี ยมิ้ แยม แจม ใส ความสาํ คัญของเนื้อหา หรอื สงิ่ ของตา งๆ การคดิ วิเคราะหค วามสัมพันธ และ
ซ่ึงจะสงผลใหมีเหตุผลมากข้ึน ไมใชอารมณในการปฏิบัติงาน การคิดวเิ คราะหเชิงหลักการ
มองโลกในแงดี รจู ักเสียสละ รบั ฟงความคดิ เห็นของผูอืน่ อยา งมี
เหตุผล ดังน้ัน การมีสุขภาพจิตท่ีดีจึงเปนส่ิงสําคัญในการปฏิบัติ T5
งานกลมุ ใหประสบความสําเรจ็ )

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน กลุ่มของนักเรียนได้รับมอบหมายให้ร่วมกันจัดซุ้มดอกไม้ เพ่ือต้อนรับแขกที่มาเยี่ยม

ขั้นที่ 3 อธบิ ายความรู ตัวอยา่ ง โรงเรียน

1. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันอภิปรายแลก การวเิ คราะหง์ าน การวางแผน
เปลย่ี นความรใู นเร่ืองทไี่ ดศ กึ ษามา จากนนั้ ครู
ถามนกั เรียนวา การก�าหนดภาระงานที่ต้องท�าว่ามีลกั ษณะ การวางแผนการท�างานเพื่อให้สามารถ
• การวางแผนมีความสําคัญตอการทํางาน อยา่ งไร ตอ้ งใชเ้ ครอื่ งมอื และอปุ กรณช์ นดิ ใด ปฏิบัติงานได้ตรงตามข้ันตอน โดยการ
อยา งไร ๑ และมลี า� ดบั ขน้ั ตอนในการปฏบิ ตั งิ านอยา่ งไร ก�าหนดรปู แบบและวิธกี ารทา� งานอย่างเป็น
(แนวตอบ การวางแผนเปนส่ิงที่ชวยกําหนด เชน่ จะจดั ซมุ้ ดอกไม้ ในรปู แบบใด ต้องใช้ ข้ันตอน เช่น หัวหน้ากลุ่มแบ่งงานให้กับ 2
ทิศทางในการทํางาน เพื่อใหสมาชิกทุกคน สมาชิกในกลุ่มท�าตามความสามารถและ
สามารถทํางานไปในทิศทางเดียวกัน เพ่ือ อปุ กรณช์ นดิ ใด หาซอ้ื ไดจ้ ากแหลง่ ใด รวมถงึ ความถนดั ของแตล่ ะบคุ คล เลอื กและซอ้ื วสั ดุ
ทําใหการทํางานสําเร็จลุลวงไปไดอยาง งบประมาณที่ใช้มีจ�านวนเท่าไร โดยสบื คน้ อปุ กรณ์ท่ีจะน�ามาใช้
รวดเรว็ ราบรนื่ มคี ณุ ภาพ และมปี ระสทิ ธภิ าพ) ขอ้ มูลจากแหล่งการเรียนรตู้ ่าง ๆ
• หลักการพัฒนาคุณภาพในการทํางาน
สามารถนาํ มาประยกุ ตใ ชใ นการทาํ งานของ การปฏบิ ตั ิงาน การประเมินผลการปฏบิ ตั ิงาน ๔
นกั เรยี นไดอยา งไร
(แนวตอบ เปนการนําหลักการพัฒนาใน การลงมือปฏิบัติงานตามแผนท่ีได้วางไว้ การตรวจสอบและประเมินผลการท�างาน
ดานตางๆ มาประยุกตใชในการทํางาน เพื่อให้งานส�าเร็จตามเป้าหมาย ตรวจสอบ ซ่ึงจะท�าให้ทราบว่างานท่ีปฏิบัติน้ันประสบ
เพื่อใหสามารถทํางานไดอยางสรางสรรค ความส�าเร็จตามเป้าหมายที่ต้ังไว้หรือไม่
มที ศั นคตทิ ดี่ ตี อ การทาํ งาน มคี วามมงุ มน่ั ใน ๓ กระบวนการทา� งานเปน็ ระยะ ๆ เชน่ สมาชกิ หากไม่สา� เรจ็ มสี าเหตมุ าจากสิง่ ใดและมวี ธิ ี
การทาํ งาน ซึ่งจะสง ผลใหการทํางานสําเร็จ การแก้ไขอย่างไร เช่น ซุ้มดอกไม้ที่จัดมี
ลุลว งไปไดด วยดีและมีประสทิ ธภิ าพ) แตล่ ะคนปฏบิ ตั ติ ามหนา้ ทที่ ไี่ ดร้ บั มอบหมาย ขนาดเลก็ งบประมาณซอ้ื ดอกไมม้ าประดบั
อยา่ งเตม็ ความสามารถ และใหส้ งั เกตระหวา่ ง ตกแตง่ ไมเ่ พยี งพอ เพราะราคาดอกไมส้ งู ขนึ้
2. ครใู หน กั เรยี นศกึ ษาตวั อยา ง “กลมุ ของนกั เรยี น การทา� งานวา่ พบปญั หาหรอื ไม่ หากมีให้จด
ไดรับมอบหมายใหรวมกันจัดซุมดอกไม เพ่ือ บนั ทกึ ไว้
ตอ นรบั แขกทม่ี าเยยี่ มโรงเรยี น” จากหนงั สอื เรยี น
หนว ยการเรยี นรทู ี่ 1 หนา 4 จากนน้ั ใหน กั เรยี น ๔
รวมกันแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับทักษะ
กระบวนการทาํ งาน โดยมคี รเู ปน ผคู อยเสนอแนะ
เพิ่มเตมิ

3. ครถู ามนกั เรยี นวา
• จากกรณีตัวอยาง นักเรียนคิดวาเปนการ
วางแผนการทํางานทด่ี ีหรือไม อยางไร
(แนวตอบ คําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจของ
นกั เรียน)

เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิด

ครอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ เกยี่ วกบั วธิ กี ารทาํ งานอยา งเปน ลาํ ดบั ขนั้ ตอนใหน กั เรยี น บคุ คลในขอใดมกี ารวางแผนขัน้ ตอนในการปฏบิ ตั ิงาน
ฟง วา ในการปฏิบตั ิงานจําเปนตองทํางานอยางมลี าํ ดับขั้นตอน เพราะจะสง ผล 1. แยมทําอปุ กรณสําหรบั กองเชยี ร
ใหก ารทํางานประสบความสําเรจ็ ตามจดุ มุง หมายทไี่ ดว างไว ซงึ่ สามารถปฏิบัติ 2. ยูย ่กี าํ หนดงบประมาณในการจัดงานกฬี าสี
ไดจากการวางแผนข้ันตอนการทํางานกอนลงมือปฏิบัติงานจริง เพื่อชวยลด 3. ยมิ วเิ คราะหป ญหา เพือ่ นําไปเปนแนวทางในการจดั งานครงั้
ความเส่ียงท่ีอาจเกิดขึ้นจากการทํางาน รวมถึงมีการวางแผนสํารองเพ่ิมเติม
และคดิ หาวธิ กี ารแกป ญ หาทอี่ าจเกดิ ขน้ึ ไวล ว งหนา การวางแผนการทาํ งานอยา ง ตอ ไป
เปนลาํ ดบั ขน้ั ตอนจะทําใหสามารถมองเหน็ ภาพรวมของงานทงั้ หมด ซ่งึ นําไปสู 4. โยเรยี กประชุมสมาชิกของกลมุ เพื่อใหทุกคนเตรยี มตัวจัดงาน
การลดขนั้ ตอนในการทาํ งานลงได ชว ยใหป ระหยดั ทงั้ เวลา แรงงาน และงบประมาณ
โดยท่คี ุณภาพของผลงานไมไ ดล ดลง กีฬาสี

T6 (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เพราะขั้นตอนการวางแผนการ
ปฏบิ ัตงิ าน เปน ข้ันตอนในการกาํ หนดรูปแบบการปฏิบัติงานวา จะ
ตอ งใชว สั ดุ อปุ กรณช นดิ ใด ใชเ งนิ ลงทนุ เทา ไร ซงึ่ ยยู เี่ ปน ผกู าํ หนด
งบประมาณในการจัดงานกีฬาสี จึงจัดอยูในขั้นตอนการวางแผน
ในการปฏิบัติงาน เพื่อใหมีการจัดสรรงบประมาณในการจัดงาน
ไดอยา งลงตวั )

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

๑.๒ ทกั ษะกระบวนการแกป้ ัญหา ขน้ั สอน

กระบวนการที่ต้องการให้ผู้ปฏิบัติงานได้รู้จักคิดหาวิธีการแก้ปัญหาต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ ขนั้ ท่ี 3 อธบิ ายความรู
กระบวนการแก้ปญั หามขี ัน้ ตอน ดังน้ี
การสรา้ งทางเลอื ก1 4. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “ในการทํางานตางๆ
การสงั เกต การวเิ คราะหป์ ญั หา การประเมนิ ไมวาจะเปนการทํางานแบบรายบุคคล หรือ
ทางเลอื ก การทํางานแบบกลุมจะตองมีการนําทักษะใน
รั บ รู ้ แ ล ะ ท� า ค ว า ม พิ จ า ร ณ า ป ั ญ ห า ท่ี แสวงหาทางเลือกใน การทํางานมาใชอยูเสมอ ซ่ึงทักษะที่นํามาใช
เข้าใจกับปัญหาท่ี เกิดขึ้นว่ามีสาเหตุ การแก้ปัญหาอย่าง เลือกทางเลือกท่ีดี จะมคี วามหลากหลาย เชน ทกั ษะกระบวนการ
เกดิ ข้ึน มาจากสงิ่ ใด หลากหลาย และเหมาะสมที่สุด ทาํ งาน ทกั ษะกระบวนการแกป ญ หา นอกจากนี้
เพอื่ นา� ไปใชใ้ นการแก้ การทํางานยังตองรูจักการพัฒนาตนเอง
ปัญหา พัฒนาผลงานที่ทําอยูเสมอ เพื่อใหงานมี
คุณภาพมากย่งิ ข้ึน”
จากตวั อยา่ งปญั หาการจดั งบประมาณไม่เพียงพอ วธิ ที ี่ ๑ ของบประมาณเพอ่ื เลอื กวธิ ที ่ี ๒ เพราะไมต่ อ้ ง
ซุ้มดอกไม้ข้างต้นพบว่า ดอกไม้มีราคาแพงขึ้น นา� ไปซอ้ื ดอกไมม้ าเพมิ่ เสยี คา่ ใชจ้ า่ ยเพม่ิ ทง้ั ยงั ได้ 5. ครูถามนักเรียนวา
ปญั หาทเ่ี กิดขน้ึ คอื ซุม้ จึงท�าให้ซ้ือดอกไม้ได้ วธิ ที ่ี ๒ ออกแบบใหม่ โดย ซมุ้ ดอกไมท้ ส่ี วยงามตาม • หากตอ งประสบปญ หาในการทาํ งาน นกั เรยี น
ดอกไมม้ ขี นาดเลก็ เกนิ ไป นอ้ ยกวา่ จา� นวนทตี่ อ้ งการ ใชด้ อกไมเ้ ทา่ ท่ีมี แบบทวี่ าดไว้ จะมแี นวทางในการแกปญหาอยางไร
๒ในขณะทพ่ี นื้ ทม่ี ขี นาดใหญ่ (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความ
หลกั การทา� งานเพื่อการด�ารงชพี คดิ เหน็ ไดอ ยา งอสิ ระ เชน ทาํ ความเขา ใจกบั
การทา� งานเพอ่ื การดา� รงชวี ติ เปน็ การทา� งานทมี่ คี วามเกย่ี วขอ้ งในชวี ติ ประจา� วนั เพอ่ื ชว่ ยเหลอื ปญหาท่ีเกิดขึ้น จัดลําดับความสําคัญของ
ตนเอง ครอบครัว และสังคม ไม่ท�าลายสง่ิ แวดล้อม ดังนนั้ การเรียนรหู้ ลักการทา� งานจะช่วยให้ ปญ หา สรา งทางเลอื กในการแกป ญ หาอยา ง
ทา� งานได้อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพและประสบความส�าเร็จ หลากหลาย พิจารณาขอ มลู ทางเลือกตา งๆ
จากน้ันนํามาประเมินทางเลือก วางแผน
ก๒า.ร๑พ ัฒหนลากกั ากรทาา�รงพานัฒใหน้มาคี คณุ ณุภาภพทาีด่พี ใคนวรกมากี รารทฝ�ากึ ทงากั ษนะทางด้านการเข้าสังคม2การท�างาน การปฏิบัติงานอยางเปนข้ันตอน บันทึกผล
การปฏิบัติงานเพ่ือรายงาน และตรวจสอบ
เปน็ กลมุ่ การปรบั ตวั เขา้ กบั สง่ิ แวดลอ้ ม การมมี นษุ ยสมั พนั ธท์ ด่ี ี การพฒั นาคณุ ภาพในการทา� งาน ความถกู ตอ งของทางเลอื กในการแกป ญ หา)
มีหลกั การส�าคญั ดังน้ี
ขน้ั ท่ี 4 ขยายความเขา ใจ
• มีสตปิ ญั ญา เฉลียวฉลาด • มีทัศนคติทดี่ ตี ่อการท�างาน
• มีสุขภาพกายและสขุ ภาพจิตดี 6. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันวางแผนการ
• มจี รยิ ธรรม ซอื่ สัตย์ และเสยี สละ • สมรีค้าวงาแมรคงดิจรูงเิใรจ3ม่ิแสลระา้มงีคสวรารมคม์ ุ่งม่นั ต้ังใจ ทํางานตามความสนใจ 1 งาน (งานบาน
• มคี วามรแู้ ละมีประสบการณ์ในงานท่ที �า • งานประดิษฐ งานผา) โดยนําขั้นตอนของ
กระบวนการทาํ งานมาประยกุ ตใ ช ซง่ึ สามารถ
• มคี วามเชอื่ มน่ั ในความสามารถของตนเอง ศึกษาจากตัวอยางในหนังสือเรียน หนวยการ
เรยี นรูท่ี 1 หรอื ศึกษาเพิ่มเติมจากอินเทอรเน็ต
หลักการท�างาน 5 จากน้ันบันทึกข้ันตอนการวางแผนการทํางาน
เพื่อการด�ารงชีวิต ลงในใบงานที่ 1.1.1 เร่ือง ทกั ษะกระบวนการ
ทาํ งาน

กิจกรรม สรางเสริม นักเรียนควรรู

ใหน กั เรยี นวเิ คราะหแ นวทางการทาํ งานใหป ระสบความสาํ เรจ็ 1 การสรา งทางเลอื ก เปน วธิ กี ารเพม่ิ หนทางในการแกไข หรอื กระทาํ ในบางสง่ิ
วา ควรประกอบไปดว ยสง่ิ ใดและสง่ิ นน้ั มคี วามสาํ คญั อยา งไร อธบิ าย บางอยา ง ในการสรา งทางเลอื กควรสรา งทางเลอื กอยา งหลากหลาย ทง้ั ทม่ี คี วาม
เหตุผล พรอมยกตัวอยางประกอบการอธิบายใหชัดเจน ลงใน เปนไปไดมากและมีความเปนไปไดนอย เพ่ือใหสามารถปรับใชใหมีความ
กระดาษ A4 นาํ สงครผู ูสอน เหมาะสมกับลกั ษณะของงาน หรอื ปญ หาทีเ่ กิดข้ึน
2 การเขาสังคม เปนส่ิงที่ตองพบเจอเมื่อตองทํางานรวมกับผูอ่ืน การสราง
กจิ กรรม ทา ทาย ความสมั พนั ธท ด่ี ี สามารถปฏบิ ตั ไิ ดห ลายวธิ ี เชน การกลา วคาํ ทกั ทาย การวางตวั
อยา งมมี ารยาท การพดู จาสภุ าพไพเราะนา ฟง การสอ่ื สารและการสนทนารว มกบั
ใหนักเรียนสืบคนขอมูลของบุคคลท่ีประสบความสําเร็จจาก ผูอ่ืนในเรื่องท่ีสรางสรรค การรับฟงความคิดเห็นของผูอ่ืน ส่ิงเหลาน้ีลวนทําให
การทํางาน 1 ทาน ในประเด็นทค่ี รูกาํ หนดให คือ ประวตั ิสว นตัว เกดิ ความราบรนื่ ในการสรา งความสมั พนั ธท ด่ี ตี อ กนั รวมถงึ ทาํ ใหส ามารถทาํ งาน
ทกั ษะการทาํ งาน การวเิ คราะหแ นวทางการทาํ งาน หลกั การทาํ งาน รวมกบั ผอู ื่นไดอยางมีความสุขและประสบความสําเร็จในการปฏิบัติงาน
ใหป ระสบความสําเรจ็ ลงในกระดาษ A4 นาํ สง ครผู สู อน 3 สรา งแรงจงู ใจ หากตอ งการสรา งแรงจงู ใจ ควรมหี ลกั สาํ คญั 3 ประการ คอื
การใหการยกยอ ง การใหร างวลั และการสงเสริม

T7

นาํ สอน สรปุ ประเมิน

ขน้ั สอน ๒.๒ คณุ ภาพในการทา� งาน

ข้ันท่ี 4 ขยายความเขา ใจ ปัจจุบนั การแขง่ ขันมีสูงขนึ้ ทา� ให้มีอตั ราการว่างงานเพิ่มขน้ึ บริษทั หรือสถานประกอบการ
หลายแห่งมกี ารปลดพนกั งานออก สว่ นหนงึ่ เปน็ เพราะขาดประสทิ ธภิ าพในการทา� งาน ไม่พัฒนา
7. ครใู หน กั เรยี นแตล ะกลมุ สง ตวั แทนกลมุ ละ 1 คน และปรบั ปรงุ การทา� งานของตนให้มีคุณภาพ ซึง่ คุณภาพในการทา� งานสามารถปฏบิ ัติได้ ดงั น้ี
ออกมานาํ เสนอผลงานใหเ พอื่ นชมหนา ชน้ั เรยี น
จากน้ันใหเพื่อนรวมชั้นเรียนรวมกันเสนอแนะ ๑. ปรบั ปรงุ หรอื พฒั นาวธิ กี ารทา� งานใหส้ ะดวก การนา� เทคโนโลยเี ขา้ มาชว่ ยในการทา� งาน จะชว่ ยใหท้ า� งาน
เพม่ิ เตมิ ได้อย่างสะดวกสบายและมีประสทิ ธภิ าพมากข้นึ
และดยี ง่ิ ขน้ึ เชน่ ลดขนั้ ตอน หรอื เพมิ่ เทคนคิ เขา้ ไป
8. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “คุณภาพในการทํางาน เพื่อให้ท�างานได้อย่างคล่องแคล่วและรวดเร็ว
มคี วามสาํ คญั มาก เพราะปจ จบุ นั มกี ารแขง ขนั สงู
เชน ในภาคธุรกิจท่ีมุงเนนคุณภาพของงาน ม2า.กคยิ่ง้นขหึ้นาวิธีการท�างานให้ประหยัด หรือ
เพอ่ื ศกั ยภาพในการแขง ขนั หากคณุ ภาพของงาน
ไมดี ก็ไมสามารถแขงขันกับธุรกิจอ่ืนๆ ได ลดการใชอ้ ปุ กรณแ์ ละกา� ลงั คนไดอ้ ยา่ งคมุ้ คา่ เพอื่
ดานแรงงานก็เชนเดียวกัน หากขาดทักษะใน เพมิ่ ผลผลติ ในการทา� งาน เพอื่ ใหง้ านมปี ระสทิ ธภิ าพ
การทาํ งาน ผลงานจะไมมปี ระสิทธิภาพ อาจ โดยน�ากระบวนการทางเทคโนโลยีเข้ามาใช้ใน
เปน สาเหตทุ ่ีทําใหถ ูกเลิกจางงานได”
ก๓า.รทพ�าัฒงานนาการทา� งานใหม้ คี วามถกู ต้อง เพื่อ
ขนั้ สรปุ
ลดการสูญเสียและเพิ่มความปลอดภัยในขณะ
ข้ันที่ 5 ตรวจสอบผล ปฏบิ ัตงิ าน
๔. สรา้ ง หรอื คน้ หาวธิ กี ารทา� งานใหม่ ๆ เพอื่
1. ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั สรปุ ความรู เรอ่ื ง ทกั ษะ ให้สามารถพฒั นาการท�างานไดด้ ีย่งิ ขึน้
กระบวนการทาํ งาน
๒.๓ วธิ ีทา� งานอยา่ งมีความสุข
2. ครูตรวจสอบความรู ความเขา ใจของนกั เรยี น
จากการนาํ เสนอผลการวเิ คราะห วจิ ารณ และ ทุกคนย่อมมีความต้องการความก้าวหน้าและความมั่นคงในการท�างาน มีความพึงพอใจ
การสรปุ ความรู ในงานท่ที า� แต่ในการท�างานภายใต้หน้าท่คี วามรบั ผิดชอบ ความกดดัน ความวิตกกังวล เปน็ สงิ่ ท่ี
ทุกคนไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ จึงควรปฏิบัติเพ่ือให้ท�างานอย่างมีความสุข ซึ่งการท�างานอย่างมี
ขน้ั ประเมนิ ความสขุ มี ๓ วิธี ดงั น้ี

1. ครูตรวจสอบผลการทําแบบทดสอบกอนเรียน มองเห็นคณุ ค่าของงาน มคี วามกระตอื รอื ร้น มสี มาธกิ บั งาน
เพอื่ ตรวจสอบความเขา ใจกอ นเรยี นของนกั เรยี น
มองเห็นคุณค่าของงานท่ีท�าอยู่ สรา้ งอริ ยิ าบถตา่ งๆ ใหม้ ชี วี ติ ชวี า ฝึกจิตให้มีสมาธิก่อนเริ่มท�างาน
2. ครูตรวจสอบใบงานที่ 1.1.1 เร่ือง ทักษะ วา่ ไดช้ ว่ ยเหลอื หรอื ทา� ประโยชน์ รักและสนุกสนานไปกับการ ต้องมีความต้ังใจอย่างแน่วแน่
กระบวนการทาํ งาน ใหแ้ กผ่ ู้ใด กจ็ ะทา� ใหเ้ กดิ ความรัก ทา� งาน ฝกึ ทา� งานใหค้ ลอ่ งแคลว่ อย่กู ับงาน ขณะท�างานควรคิด
ความภาคภูมิใจ ความมั่นใจใน วอ่ งไว มคี วามตนื่ ตวั และกระฉบั หาวิธีแก้ไขและพัฒนางานอยู่
3. ครปู ระเมนิ ผลระหวา งการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู งานของตนเองมากข้ึน กระเฉงอยเู่ สมอ เสมอ จะชว่ ยฝกึ การคดิ วเิ คราะห์
จากการสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม และไม่เกิดความฟุ้งซา่ น
การนาํ เสนอผลงาน และการสงั เกตคณุ ลกั ษณะ
อนั พึงประสงค 6

แนวทางการวัดและประเมินผล ขอสอบเนน การคดิ

ครสู ามารถสงั เกตพฤตกิ รรมการทาํ งานกลมุ การนาํ เสนอผลงาน โดยศกึ ษา บุคคลในขอใดนําวิธีการทํางานอยางมีความสุขมาประยุกตใช
เกณฑก ารวดั และประเมนิ ผลทแ่ี นบทา ยแผนการจดั การเรยี นรู หนว ยการเรยี นรทู ่ี 1 ไดอยา งเหมาะสม

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม แบบประเมินการนาเสนอผลงาน 1. นวิ ชวนเพ่อื นไปเดนิ เลนที่หางสรรพสนิ คากอนแลวจึง
กลบั มาทํางาน
คาชแี้ จง : ใหผ้ สู้ อนสังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ลงในชอ่ งทต่ี รงกบั ระดับคะแนน คาชีแ้ จง : ใหผ้ สู้ อนประเมินผลการนาเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แลว้ ขดี ลงในชอ่ งท่ีตรงกับระดบั คะแนน
2. นุนตง้ั ความหวงั ไวว า จะไดคะแนนจากการทํางานมากกวา
การมี เพื่อน

ลาดับท่ี ช่ือ – สกลุ การแสดง การยอมรบั การทางาน ความมี สว่ นรว่ มใน รวม ลาดบั ที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 3. แนนจะทาํ งานไปเรื่อยๆ เมอ่ื ใกลกําหนดสง จึงคอยเรง มอื
ของนักเรยี น ความ ฟังคนอน่ื ตามทไี่ ดร้ ับ นา้ ใจ การ 15 321 4. เนยทาํ งานท่ีตนเองชอบ ถนดั และสนใจ
คดิ เหน็ มอบหมาย คะแนน 1 ความถูกตอ้ งของเนื้อหา
ปรับปรุง 2 การลาดบั ข้ันตอนของเร่ือง รวม (วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 4. เพราะการทาํ งานทต่ี นเองชอบ ถนดั
3 วธิ ีการนาเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์ และสนใจ จะทาํ ใหเ กดิ ความสขุ จากการทาํ งาน เกดิ ความภาคภมู ใิ จ
ผลงานกลุม่ 4 การใช้เทคโนโลยีในการนาเสนอ มองเห็นคุณคาและประโยชนของงานที่ทํา มีความมุงมั่นต้ังใจ
5 การมสี ่วนร่วมของสมาชกิ ในกล่มุ ในการทํางานอยางกระตือรือรน และไมตองเครงเครียดกับงาน
3 2 13 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 มากจนเกินไป)

ลงช่ือ...................................................ผปู้ ระเมนิ
............/................./................

ลงชื่อ...................................................ผูป้ ระเมิน เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
............./.................../............... ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ สมบรู ณ์ชัดเจน ให้ 2 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ เปน็ สว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน
ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ บางสว่ น
ให้ 1 คะแนน
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ
ปฏิบัติ หรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ
ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
ปฏบิ ัติ หรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครง้ั
12-15 ดี
ปฏิบตั ิ หรือแสดงพฤติกรรมบางครง้ั

8-11 พอใช้

เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ ต่ากว่า 8 ปรับปรงุ

ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

12-15 ดี

8-11 พอใช้

ต่ากวา่ 8 ปรบั ปรงุ

T8

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

๓ การแก้ปญั หาในการทา� งานดว้ ยวงจร PDCA ขนั้ นาํ (กระบวนการเรยี น ความรู ความเขาใจ)
PDCA เปน็ วงจรของการพฒั นาทักษะในการแกป้ ญั หา ซง่ึ น�าไปประยกุ ต์ใช้ได้ในทุกองคก์ ร
เพื่อให้เกิดการพัฒนาทางด้านคุณภาพของงาน หรือผลลัพธ์อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะช่วยให้ 1. ครูถามนักเรียนเก่ียวกับปญหา หรืออุปสรรค
ผู้ปฏิบัติงานได้ติดตามและทบทวนขั้นตอนการปฏิบัติงานอย่างต่อเน่ือง ท�าให้ผู้ร่วมงานทุกคน ในการทํางานทีผ่ า นมาวา
มสี ว่ นรว่ มในการแก้ไข ปรบั ปรงุ วธิ กี ารทา� งาน เพอื่ พฒั นาประสทิ ธภิ าพการทา� งานใหม้ คี วามยงั่ ยนื • นกั เรยี นเคยพบเจอกบั ปญ หา หรอื อปุ สรรคใด
และมวี ธิ กี ารแกป ญ หา หรอื อปุ สรรคนน้ั อยา งไร
๓.๑ โครงสร้างของวงจร PDCA (แนวตอบ คําตอบข้ึนอยูกับดุลยพินิจของ
นกั เรยี น)
วงจร PDCA ถูกนา� มาใช้เป็นเครอ่ื งมือในการแก้ปญั หา พัฒนา และปรบั ปรุงงานอย่างเปน็
ขั้นตอน เพ่ือให้งานส�าเร็จลุล่วงตามเป้าหมายที่ต้ังไว้ โดยสามารถน�าไปประยุกต์ ใช้ได้กับ 2. ครขู ออาสาสมคั ร2-3คนออกมาเลา ประสบการณ
ทุก ๆ เรื่อง เช่น การเรียน การประกอบอาหาร การต้ังเป้าหมายในชีวิต ซ่ึงโครงสร้างวงจร เกี่ยวกับปญหา หรอื อุปสรรคทพี่ บเจอจากการ
PDCA มีขัน้ ตอน ดังนี้ ทํางาน และวิธีการแกปญหาใหเพ่ือนฟงหนา
ชนั้ เรยี น
Plan การวางแผนงาน
3. ครใู หน กั เรยี นรว มกนั แสดงความคดิ เหน็ และครู
ตง้ั เปา้ หมาย กา� หนดขนั้ ตอนวธิ กี ารดา� เนนิ งาน ชว ยเสนอแนะเพิม่ เติม
รวมทง้ั กา� หนดงบประมาณ แรงงาน วตั ถดุ บิ
และระยะเวลาในการทา� งาน ขนั้ สอน

Act การปรบั ปรุง Plan Do การปฏิบัติงาน ขน้ั ท่ี 1 สงั เกต ตระหนกั
แก้ไขงาน
Act PDCA Do ลงมือปฏิบัติงานตามขั้นตอน 1. ครูใหนักเรียนดูแผนภูมิกระบวนการแกปญหา
ปรับปรุงแก้ไขงานที่มีปัญหา ท่ีได้วางแผนไว้ และควรมี ในการทาํ งานดว ยวงจร PDCA จากหนงั สอื เรยี น
หากงานไมม่ ปี ญั หาสามารถนา� Check การตรวจสอบระหว่างการ หนว ยการเรียนรูท่ี 1
แนวทางการปฏิบัติท่ีเกิดผล ปฏบิ ตั ิงานด้วย
ส�าเร็จนี้ไปประยุกต์ใช้ในการ 2. ครใู หน กั เรยี นศกึ ษาเพม่ิ เตมิ เกย่ี วกบั กระบวนการ
ปฏิบตั ิงานคร้ังต่อ ๆ ไป แกปญหาในการทาํ งานดวยวงจร PDCA จาก
PowerPoint ม.5 หนว ยการเรยี นรูท่ี 1
Check การตรวจสอบงาน
3. ครถู ามนกั เรียนวา
ตรวจสอบผลการปฏบิ ตั งิ านในแตล่ ะขน้ั ตอน • วงจร PDCA ประกอบไปดวยขั้นตอนใด
ของแผนงานวา่ มปี ญั หาใดเกดิ ขนึ้ และจา� เปน็ (แนวตอบ วงจร PDCA ประกอบไปดวย
ตอ้ งเปลยี่ นแปลงแก้ไขแผนงานในขนั้ ตอนใด 4 ข้นั ตอนทส่ี าํ คญั คอื P (Plan) เปน ขนั้ ตอน
การวางแผนงาน D (DO) เปนการลงมือ
หลักการท�างาน 7 ปฏบิ ตั งิ านตามแผนงานทว่ี างไว C (Check)
เพ่ือการด�ารงชีวิต เปนข้ันตอนการตรวจสอบผลท่ีไดรับจาก
การปรบั ปรงุ และเปลย่ี นแปลง และ A (Act)
เปนขั้นตอนการปรับปรุงแกไขการทํางาน
ซง่ึ เกดิ จากการประเมนิ วา การทาํ งานเปน ไป
ตามแผนหรอื ไม เพอ่ื ปรบั ปรงุ การทาํ งานใหด ี
ยิง่ ขึ้นไป)

กิจกรรม 21st Century Skills เกร็ดแนะครู

1. ใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละเทาๆ กัน ใหแตละกลุมรวมกัน ครูอธิบายเพิ่มเติมเก่ียวกับเทคนิคในการปฏิบัติงานตามวงจร PDCA
ศึกษา เร่อื ง วงจร PDCA จากส่อื การเรยี นรทู ีห่ ลากหลาย เชน ใหน กั เรียนฟง วา เทคนิคในการปฏิบตั ิงานตามวงจร PDCA สามารถปฏบิ ัติได
อินเทอรเนต็ ตามขน้ั ตอน คอื เทคนคิ การวางแผน ตรวจสอบหนา ท่ี ภาระงาน และอปุ กรณท ต่ี อ ง
รบั ผดิ ชอบ โดยคาํ นงึ ถงึ ระยะเวลาในการทาํ งาน ลาํ ดบั การทาํ งาน และเปา หมาย
2. ใหน กั เรยี นแตล ะกลมุ รว มกนั ระดมความคดิ และแสดงความคดิ เหน็ ในการทํางาน เทคนิคขั้นตอนการปฏิบัติ ตรวจสอบทุกขั้นตอนอยางละเอียด
เก่ียวกับวงจร PDCA วามีเทคนิคการทํางานในแตละข้ันตอน หากพบขอ บกพรอ งใหร บี แกไขทันที กอ นทีค่ วามเสียหายจะเพิ่มมากขนึ้ เทคนคิ
อยา งไร ขน้ั ตอนการตรวจสอบ ตรวจสอบวธิ กี าร ระยะเวลา และผลทไี่ ดร บั จากการปฏบิ ตั ิ
งานวาทําไดต ามแผนหรอื ไม เทคนิคขน้ั ตอนการปรับปรุงแกไข หากตรวจสอบ
3. ใหน ักเรยี นรวมกนั อภปิ รายเรอื่ ง วงจร PDCA ภายในหอ งเรยี น แลวพบวา มขี อผิดพลาด ใหร ีบหาสาเหตุ และแกไขทันที
อยางสรางสรรค โดยนําเทคนิคตางๆ ที่ใชในการทํางานมา
ทบทวน เพือ่ สรุปขอ ดี ขอ บกพรอ ง หรอื จุดทค่ี วรแกไขปรับปรงุ สื่อ Digital
ในระบบงาน เพอื่ ใหก ารดาํ เนนิ งานครง้ั ตอ ไปเปน ไปอยา งราบรน่ื
มากยงิ่ ขึ้น ศึกษาเพ่ิมเตมิ เกย่ี วกบั การแกปญ หาในการทํางานดวยวงจร PDCA ไดที่
http://www.manage.rbru.ac.th/images/Book/PDCA.pdf
4. ใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันสรุปความรูท่ีไดรับจากการศึกษา
เรื่อง วงจร PDCA ลงในกระดาษ A4 นําสงครผู ูสอน T9

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สอน ๓.๒ ตัวอย่างการน�าวงจร PDCA มาใช้ ในกระบวนการท�างานและ
กระบวนการแก้ปัญหา
ขนั้ ที่ 1 สงั เกต ตระหนกั
วงจร PDCA ทส่ี มบรู ณจ์ ะเกดิ ขน้ึ ได้ เมอ่ื เรานา� ผลทไี่ ดจ้ ากขน้ั ตอนการดา� เนนิ การทเ่ี หมาะสม
• นักเรียนเคยเห็นวงจร PDCA นี้หรือไม มาด�าเนินการในกระบวนการวางแผนอีกครั้งหน่ึง และเป็นวงจรแบบน้ีไปเร่ือย ๆ ไม่มีที่ส้ินสุด
นกั เรียนคดิ วา มีประโยชนอยา งไร ซึ่งสามารถใช้วงจรน้ไี ดก้ ับการด�าเนนิ ชวี ติ ประจ�าวนั
(แนวตอบ วงจร PDCA เปนวิธีการทํางาน
และการแกปญหาในการทํางาน โดยเนน ตัวอยา่ ง การนา� วงจร PDCA มาใช้ในการซื้อของใชภ้ ายในบ้าน
การพฒั นา ปอ งกนั และปรบั ปรงุ การทาํ งาน
ใหด ยี ง่ิ ขนึ้ เพอื่ ใหก ารทาํ งานสามารถพฒั นา การวางแผนงาน (Plan) การปฏิบัตงิ าน (Do)
ไดอยางย่ังยืนและมีคุณภาพ วงจร PDCA
จึงถูกเรียกอีกช่ือหนึ่งวา “วงจรบริหารงาน ส�ารวจว่าของในบ้านมีสิ่งใดเหลืออยู่เป็น ไปท่ีร้านค้า เรียงล�าดับในการซ้ือสินค้าโดย
คณุ ภาพ”) จา� นวนเท่าไร หากตอ้ งการสิ่งใดเพิม่ เติมให้ เลือกซ้ือของตามที่จดมา หากไม่พบส่ิงท่ี
จดรายการไว้ เลือกสถานที่ที่จะไปซ้ือ และ ต้องการ หรือมีราคาสูงเกินกว่าที่ต้ังไว้ให้
4. ครูใหนักเรียนศึกษาตัวอยาง “การนําวงจร เตรยี มเงนิ ให้เพียงพอ พจิ ารณาตามความเหมาะสม กอ่ นออกจาก
PDCA มาใชใ นการซอ้ื ของใชภ ายในบา น” จาก ร้านให้ตรวจสอบว่าซื้อสินค้าได้ครบตามที่
หนงั สอื เรยี น หนว ยการเรยี นรทู ี่ 1 หนา 8 จากนน้ั Plan ตอ้ งการหรอื ไม่ สนิ คา้ อยใู่ นสภาพสมบรู ณห์ รอื
ใหนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับ มีต�าหนิหรือไม่ ผู้ขายคิดราคาและทอนเงิน
การนาํ วงจร PDCA มาใชใ นกระบวนการทาํ งาน Act
และกระบวนการแกป ญ หา โดยมคี รเู ปน ผคู อย D ถูกต้องหรอื ไม่
เสนอแนะเพ่ิมเตมิ การปรบั ปรงุ แกไ้ ขงาน (Act) o

ขน้ั ท่ี 2 วางแผนปฏิบัติ พิจารณาความผิดพลาดจากการซื้อสินค้า Check
ว่าเกิดจากสาเหตุใด เช่น สินค้าบางชนิดมี การตรวจสอบ (Check)
5. ครใู หน กั เรยี นแบง กลมุ (กลมุ เดมิ ) รว มกนั ศกึ ษา ราคาสูง จึงไม่ได้ซื้อมา วิธีการแก้ไข คือ เมือ่ ถึงบ้านควรตรวจสอบจ�านวนเงนิ ทใ่ี ชไ้ ป
กรณีศึกษาที่ครูกําหนดให ซ่ึงกรณีศึกษาของ ครั้งต่อไปควรตรวจสอบราคาของสินค้าที่ และตรวจสอบว่ามีสิ่งใดที่ซ้ือไม่ได้ตามท่ี
แตล ะกลุมจะมคี วามแตกตางกันไป ดงั นี้ ต้องการซื้อจากสถานที่ซ้ือต่าง ๆ แล้วเลือก ต้องการ เช่น ได้สินค้ามาไม่ครบเพราะมี
• ปญ หาทเี่ กดิ ขึน้ ระหวางการทํางาน สถานทซ่ี อื้ สนิ คา้ ทมี่ รี าคาถกู หรอื เตรยี มเงนิ ราคาสงู แลว้ นา� ขอ้ มลู ท่ีไดจ้ ากการตรวจสอบ
• ปญ หาความขดั แยง กนั ระหวา งสมาชกิ ในกลมุ ไปวางแผนในการซอื้ สนิ คา้ ครงั้ ตอ่ ไป เพอื่ จะ
• ปญหาการวางแผนในการทาํ งานกลมุ ส�ารองไวด้ ้วย ได้สินค้าตรงตามที่ต้องการและใช้งานได้
อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ
6. ครูแจกกรณีศึกษาที่เก่ียวกับปญหาท่ีเกิดข้ึน
ในการทาํ งานทัง้ หมด 3 กรณี ใหก ับนักเรยี น
แตล ะกลมุ โดยใชว ธิ กี ารสมุ แจก เพอื่ ใหน กั เรยี น
ไดร ว มกนั คดิ วเิ คราะหแ ละอภปิ รายความรรู ว มกนั
ภายในกลุม

8

บูรณาการอาเซียน ขอสอบเนน การคดิ

ครูอธิบายเพิ่มเติมวาในชวงท่ีประเทศไทยมีการเตรียมความพรอม เพื่อ ขอใดเปนลักษณะของการวางแผนการทํางานท่ีดี
เขาสูประชาคมอาเซียน ประเทศไทยไดมีการเตรียมความพรอมทั้งในดาน 1. ปฏิบัตงิ านงาย ไมซ ับซอ น
เศรษฐกิจ ความมั่นคงทางการเมือง และอาจตองมีการรับมือกับการหล่ังไหล 2. มีความชัดเจน ขอมลู ถกู ตอง
ของแรงงานจากนานาประเทศ ซง่ึ สง ผลทาํ ใหเ กดิ การแขง ขนั ทางดา นการทาํ งาน 3. สามารถตรวจสอบการทาํ งานได
ที่เพิ่มสูงมากข้ึน จึงตองมีการพัฒนาทรัพยากรมนุษย เพ่ือใหสามารถแขงขัน 4. มีความซับซอ นในการปฏิบตั มิ ากกวา ปกติ
กับแรงงานจากนานาชาติไดอยางมีประสิทธิภาพ โดยจะตองมีการพัฒนา
ทางดานภาษา การศึกษา เทคโนโลยี ทักษะกระบวนการทํางาน และทักษะ ( วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เพราะจะตองมีความชดั เจน ขอมูล
กระบวนการแกปญหา เพ่ือใหบุคลากรของประเทศมีศักยภาพในการทํางาน ถกู ตอ งครบถว น มกี ารระบวุ า ใครจะรบั ผดิ ชอบทาํ หนา ทใี่ ด ทาํ สงิ่ ใด
ทม่ี ีประสทิ ธิภาพทดั เทยี มกบั นานาชาตไิ ด เวลาใด สถานท่ีใด ทําอยางไร และทําเพ่ือส่ิงใดอยางละเอียด
เพ่ือใหสามารถนําแผนที่วางไวไปใชในการปฏิบัติงานไดประสาน
สอดคลองอยางตอเน่ือง ซึ่งขอมูลเหลานี้จะตองกําหนดไวอยาง
ชดั เจน)

T10

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

๔ การแก้ปญั หาในการทา� งานดว้ ยกจิ กรรม ๕ ส ขนั้ สอน
กจิ กรรม ๕ ส เปน็ กระบวนการท�างานที่เปน็ ระบบ มแี นวทางการปฏบิ ตั ิทเี่ หมาะสม โดยน�า
มาใชเ้ พ่ือปรับปรุง แก้ไขงาน และรกั ษาสิง่ แวดล้อมในสถานทีต่ ่าง ๆ ให้ดขี นึ้ สามารถนา� มาใช้ใน ขน้ั ท่ี 3 ลงมอื ปฏบิ ตั ิ
การเพิ่มประสิทธภิ าพการท�างานได้อีกทางหนึ่งด้วย
7. ครใู หน กั เรยี นแตล ะกลมุ รว มกนั วเิ คราะหป ญ หา
๔.๑ หลักการของกิจกรรม ๕ ส ที่เกิดขึ้นในการทํางานจากกรณีศึกษาท่ีครู
แจกให และใชวงจร PDCA เขามาชว ยในการ
กจิ กรรม ๕ ส เป็นกจิ กรรมที่มคี วามเก่ียวขอ้ งกับการจัดระเบยี บและการท�าความสะอาดใน แกป ญ หา โดยใหแ ตล ะกลมุ รว มกนั เขยี นขน้ั ตอน
สถานทต่ี า่ ง ๆ เชน่ บา้ น โรงเรยี น หอ้ งเรยี น สถานทปี่ ฏบิ ตั งิ าน เพอื่ ใหเ้ กดิ ความเปน็ ระเบยี บ สะอาด การแกปญหาในรูปแบบของแผนผังความคิด
ปลอดภยั มีบรรยากาศทด่ี ี และสรา้ งความสขุ ให้กบั ผู้อยู่อาศัย เพอ่ื ใหเกดิ ความเขาใจท่ชี ดั เจนมากยิ่งขนึ้

สะสาง กิจกรรม 5 ส สะดวก 8. ครูใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนกลุมละ
1 คน ออกมานําเสนอผลการศึกษาเก่ียวกับ
การแยกของท่ีจ�าเป็นต้องใช้กับ Seiri [เซร]ิ สะสาง การจัดวางสิ่งของให้เป็นระเบียบ ปญหาท่ีเกิดข้ึนในการทํางานจากกรณีศึกษา
ของท่ไี มจ่ �าเป็นต้องใช้ และขจดั Seiton [เซตง] สะดวก เพือ่ ความสะดวก ปลอดภัย และ ท่ีครูแจกใหใหเพ่ือนฟงหนาชั้นเรียน จากนั้น
ของท่ีไมจ่ �าเป็นต้องใช้ Seiso [เซโซ] สะอาด สามารถหยิบใชง้ าน ใหเ พอื่ นรว มชน้ั เรยี นรว มกนั เสนอแนะเพม่ิ เตมิ
ท้ิงไป Seiketsu [เซเคทซ]ี สขุ ลกั ษณะ ไดท้ นั ที
Shitsuke [ซทึ ซึเคะ] สรา้ งนิสยั 9. ครูถามนกั เรยี นวา
หลักการ หลกั การ • วงจร PDCA ชว ยปอ งกนั ปญ หาทจี่ ะเกดิ ขน้ึ
ในการทํางานไดอ ยางไร
สา� รวจสง่ิ ของ โดยเฉพาะบรเิ วณ วางของให้เป็นท่ี เป็นหมวด (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
ท่ีอยู่ในความรับผิดชอบ แยก หมู่ หรือท�าปา้ ยบอก และเมอ่ื ไดอยา งอิสระ)
ของท่ีต้องการใช้งานกับของท่ี นา� ของไปใชง้ านเสรจ็ แลว้ ควร
ไมต่ อ้ งการใชง้ านออกจากกนั นา� มาเกบ็ ไว้ทเ่ี ดิมใหเ้ รยี บร้อย 10. ครูอธิบายเพิ่มเตมิ วา “กระบวนการแกปญหา
ในการทํางานไมไดมีเพียงการแกปญหาดวย
สะอาด สุขลักษณะ สร้างนิสยั วงจร PDCA เทา นน้ั แตย งั มกี ารแกป ญ หาดว ย
การใชก จิ กรรม5สซง่ึ สามารถนาํ มาประยกุ ตใ ช
การท�าความสะอาด ปัด กวาด การรกั ษาและปฏบิ ตั ิ ๓ ส ไดแ้ ก่ การสร้างนิสัยในการปฏิบัติงาน เพอ่ื เพม่ิ ประสทิ ธภิ าพในการทาํ งานไดอ กี วธิ หี นง่ึ ”
เชด็ ถู สถานที่ สงิ่ ของ อุปกรณ์ สะสาง สะดวก และสะอาด ใหด้ ี ตามระเบียบวินัย หรือข้อบังคับ
เครื่องมอื เครอ่ื งจกั ร ตลอดไป อยา่ งเคร่งครัด 11. ครใู หน กั เรยี นศกึ ษาเรอื่ ง การแกป ญ หาดว ยการ
ใหส้ ะอาดอย่เู สมอ ใชกจิ กรรม 5 ส จากหนังสือเรียน หนวยการ
หลักการ หลกั การ เรยี นรทู ่ี 1 หรอื ศกึ ษาเพมิ่ เตมิ จากอนิ เทอรเ นต็
หลกั การ แยกของใช้กับของไม่ใช้ออก ปฏบิ ตั งิ านตามกฎระเบยี บ วนิ ยั
จากกัน จัดส่ิงของเป็นหมวด ข้อบังคับ เพื่อสร้างลักษณะ 12. ครถู ามนักเรียนวา
หมน่ั ปดั กวาด เชด็ ถู บรเิ วณ หมู่ หมั่นรักษาความสะอาด นิ สั ย ท่ี ดี ใ ห ้ เ กิ ด ขึ้ น ใ น ก า ร • การทาํ กิจกรรม 5 ส ทีโ่ รงเรยี น สามารถนํา
ตา่ ง ๆ ของหอ้ ง เชน่ เพดาน อยู่เสมอ ท�างาน มาประยกุ ตใ ชในชวี ติ ประจาํ วนั ของนกั เรยี น
ฝาผนัง พ้ืนห้อง ชั้นวางของ ไดอ ยา งไร
โต๊ะให้สะอาดอย่เู สมอ (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
ไดอ ยา งอสิ ระ)
หลักการท�างาน 9
เพ่ือการด�ารงชีวิต

กิจกรรม เสริมสรางคุณลักษณะอนั พึงประสงค เกร็ดแนะครู

ใหนกั เรียนนําความรเู ก่ยี วกับหลักการของกจิ กรรม 5 ส ไดแก ครูอธบิ ายเพิ่มเตมิ เกีย่ วกบั ประโยชนจากการทาํ กจิ กรรม 5 ส ใหน กั เรยี น
สะสาง สะดวก สะอาด สุขลักษณะ และสรางนิสัย ไปประยุกต ฟงวา การทํากิจกรรม 5 ส จะสงผลใหสถานทที่ าํ งาน บา น โรงเรยี นมีความ
ใชในชีวิตประจําวัน เพ่ือจัดระเบียบและทําความสะอาดบานของ นาอยู นาทาํ งาน ผูป ฏิบัติงาน หรอื ผอู าศัยจะมจี ิตใจท่สี ดชื่น ปลอดโปรง และ
ตนเองในการปฏบิ ตั ิงาน โดยใหนักเรยี นถายภาพกอนและหลงั การ กระตือรือรนที่จะปฏิบัติหนาที่ของตนอยางเต็มกําลังความสามารถ นอกจากน้ี
ปฏิบัติงาน พรอมทั้งบันทึกขอมูลเกี่ยวกับปญหาที่พบและแนวทาง การทําความสะอาดยงั สงผลทางออม คือ เปนการตรวจสอบอปุ กรณ เคร่ืองมอื
แกไ ข จดั ทําเปนรปู เลมรายงาน นําสงครูผูสอน เคร่ืองใชต างๆ ทาํ ใหท ราบถึงขอบกพรอ งท่มี อี ยู และแนะนาํ ใหนกั เรยี นนําหลัก
กจิ กรรม 5 ส ไปประยกุ ตใ ชใ นชวี ติ ประจาํ วนั เชน บา น โรงเรยี น สถานทสี่ าธารณะ
(กจิ กรรมนี้เสริมสรางคณุ ลักษณะดานซอื่ สตั ยส ุจริต มวี ินยั และ เพื่อสรางความเปนระเบียบเรียบรอย กอใหเกิดความปลอดภัย ถูกสุขอนามัย
มงุ มั่นในการทํางาน) นอกจากนี้ ควรใหน กั เรียนจดั กจิ กรรมรณรงค 5 ส ในชุมชนรวมดวย

สื่อ Digital

ศกึ ษาเพ่มิ เตมิ เกี่ยวกับการแกปญหาในการทํางานดว ยกิจกรรม 5 ส ไดท ี่
http://library.rsu.ac.th/library5s/lib5s_mean.html

T11

นาํ สอน สรุป ประเมนิ

ขนั้ สอน ๔.๒ ประโยชนท์ ่ ีไดร้ บั จากการท�ากจิ กรรม ๕ ส

ขน้ั ที่ 4 พัฒนาความรู ความเขาใจ การท�างานโดยยึดหลกั กจิ กรรม ๕ ส จะช่วยก่อประโยชน์ให้แก่องคก์ ร หนว่ ยงาน และบุคคล
ดงั น้ี
13. ครมู อบหมายใหน กั เรยี นทาํ ใบงานที่ 1.2.1 เรอ่ื ง
การแกป ญ หาในการทํางานดว ยวงจร PDCA ๑ 2 ๓

14. ครมู อบหมายใหน กั เรยี นทาํ ชนิ้ งาน/ภาระงาน บา้ น โรงเรยี น หอ้ งเรยี น สถานท่ี เกิดการฝึกฝนแนวความคิด เกิดความสะดวกและความ
(รวบยอด) เรอื่ ง การปฏบิ ตั งิ านตา งๆ โดยใช ปฏิบัติงานมีความสะอาดและ อยา่ งเป็นระบบ ปลอดภยั ในการปฏิบตั ิงาน
ทกั ษะกระบวนการทาํ งานและทกั ษะกระบวนการ เปน็ ระเบียบเรียบร้อย
แกปญหา 5 6

ขน้ั สรปุ มีพ้ืนท่ีจัดเก็บวัสดุ อุปกรณ์ ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของ
มีประสิทธิภาพในการท�างาน อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ บุคลากรในองค์กร หน่วยงาน
1. ครแู ละนกั เรยี นรวมกันสรปุ ความรู เร่ือง การ ท่สี งู ข้นึ ตลอดจนประชาชนในสังคม
แกป ญ หาในการทาํ งานดวยวงจร PDCA 8 ให้ดขี นึ้
7
2. ครแู ละนกั เรยี นรวมกนั สรุปความรู เรอ่ื ง การ ช่วยลดอุบัติเหตุท่ีอาจเกิดขึ้น
แกป ญหาในการทาํ งานดว ยกิจกรรม 5 ส มีโอกาสท�างานเป็นกลุ่มและ จากการท�างาน
รว่ มกันแก้ปญั หา
3. ครตู รวจสอบความรู ความเขา ใจของนกั เรยี น
จากการนาํ เสนอผลการวเิ คราะห วจิ ารณ และ Tip
การสรปุ ความรู
๕ ส กบั การจัดบ้าน
ขนั้ ประเมนิ
การจัดบ้านโดยใช้กิจกรรม ๕ ส จะช่วยให้บ้านมีความเป็นระเบียบ สะอาด และปลอดภัยมากขึ้น
1. ครตู รวจสอบใบงานท่ี 1.2.1 เรอื่ ง การแกป ญ หา ซ่ึงมีวิธกี ารจดั ตามหลกั ๕ ส ดังนี้
ในการทาํ งานดว ยวงจร PDCA ๑. สะสาง : เครื่องเรือนชน้ิ ใดทช่ี า� รดุ แล้วให้ทิง้ ไป ๔. สขุ ลกั ษณะ : ดแู ลรกั ษาบา้ น ของใช้ เครอ่ื งเรอื น
๒. สะดวก : จัดวางของท่ีจ�าเป็นให้สะดวกต่อการ ต่าง ๆ ให้ถูกสุขลักษณะ และ
2. ครูตรวจช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด) เร่ือง น�าไปใช้ คา� นงึ ถงึ ความปลอดภยั เปน็ หลกั
การปฏบิ ตั งิ านตา งๆ โดยใชท กั ษะกระบวนการ
ทาํ งานและทกั ษะกระบวนการแกป ญหา

3. ครูประเมินผลระหวางการจัดกิจกรรม
การเรียนรู จากการสังเกตพฤติกรรมการ
ทํางานกลุม การนําเสนอผลงาน และการ
สังเกตคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค

๓. สะอาด : ทา� ความสะอาดบา้ น เครอื่ งเรอื นตา่ ง ๆ ๕. สรา้ งนิสัย : ปฏบิ ตั ติ ามหลกั ๕ ส จนเปน็ นสิ ยั
ให้สะอาดอยู่เสมอ

๑0

แนวทางการวัดและประเมินผล ขอ สอบเนน การคดิ

ครสู ามารถสงั เกตพฤตกิ รรมการทาํ งานกลมุ การนาํ เสนอผลงาน โดยศกึ ษา ขอ ใดเปน วธิ กี ารประเมนิ ความกา วหนา จากการทาํ กจิ กรรม 5 ส
เกณฑก ารวดั และประเมนิ ผลทแ่ี นบทา ยแผนการจดั การเรยี นรู หนว ยการเรยี นรทู ี่ 1 ไดด ีทสี่ ุด

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ แบบประเมินการนาเสนอผลงาน 1. แบบบันทกึ
2. แบบประเมิน
คาชี้แจง : ให้ผสู้ อนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด ลงในชอ่ งทตี่ รงกบั ระดับคะแนน คาชแี้ จง : ให้ผสู้ อนประเมนิ ผลการนาเสนอผลงานของนกั เรยี นตามรายการ แล้วขดี ลงในช่องท่ีตรงกับระดบั คะแนน 3. การนําเสนอ
4. ภาพถา ย
การมี
( วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 4. เพราะวธิ กี ารประเมนิ ความกา วหนา
ลาดับท่ี ชอ่ื – สกลุ การแสดง การยอมรบั การทางาน ความมี สว่ นรว่ มใน รวม ลาดับที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน จากการทํากจิ กรรม 5 ส ที่ไดผ ลดที ่สี ุด คือ การใชภ าพถา ยกอ น
ของนักเรียน ความ ฟังคนอื่น ตามท่ีได้รับ น้าใจ การ 15 321 และหลงั การปฏิบตั กิ จิ กรรม เนอ่ื งจากภาพถา ยสามารถระบุความ
คิดเห็น มอบหมาย คะแนน 1 ความถกู ตอ้ งของเนื้อหา เปล่ียนแปลงของพืน้ ทไี่ ดอยา งชัดเจน)
ปรบั ปรุง 2 การลาดับข้นั ตอนของเรื่อง รวม
3 วธิ ีการนาเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์
ผลงานกลมุ่ 4 การใช้เทคโนโลยใี นการนาเสนอ
5 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลมุ่
3 2 13 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1

ลงชอ่ื ...................................................ผปู้ ระเมิน
............/................./................

ลงช่ือ...................................................ผูป้ ระเมิน เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน
............./.................../............... ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบรู ณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ เป็นส่วนใหญ่ ให้ 1 คะแนน
ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางสว่ น
ให้ 1 คะแนน
เกณฑ์การใหค้ ะแนน เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ
ปฏิบตั ิ หรือแสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ
ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
ปฏิบตั ิ หรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้งั
12-15 ดี
ปฏบิ ตั ิ หรอื แสดงพฤติกรรมบางครง้ั

8-11 พอใช้

เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ ต่ากว่า 8 ปรับปรุง

ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ

12-15 ดี

8-11 พอใช้

ตา่ กว่า 8 ปรับปรงุ

T12

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

๕ บทบาทและหน้าท่ีของตนเองทีม่ ตี อ่ สมาชกิ ในครอบครวั ขน้ั นาํ (5Es)
โรงเรียน และชมุ ชน
ขน้ั ท่ี 1 กระตนุ ความสนใจ
ทุกคนในครอบครวั โรงเรียน และชุมชน ย่อมมีบทบาทและหนา้ ที่แตกต่างกันไป หากทุกคน
รู้จกั บทบาทหน้าท่ขี องตนเอง กจ็ ะท�าใหอ้ าศัยอยรู่ ว่ มกันในครอบครัว โรงเรียน และชุมชนได้อยา่ ง 1. ครตู งั้ คาํ ถามกระตนุ ความสนใจของนกั เรยี นวา
มคี วามสขุ • บทบาทหนาท่ีของนักเรียนที่มีตอสมาชิก
ในครอบครวั โรงเรยี น และชมุ ชน คือส่งิ ใด
๕.๑ บทบาทและหนา้ ทใ่ี นฐานะสมาชกิ ในครอบครวั (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
ไดอยา งอิสระ)
ครอบครวั เป็นสถาบนั พนื้ ฐานของสังคม เราซ่ึงอยู่ในฐานะสมาชิกคนหนงึ่ ในครอบครวั จึงควร
เรยี นรเู้ ก่ียวกับบทบาทหน้าท่ีของบตุ รต่อบดิ ามารดา หรือผู้ปกครอง ดังน้ี 2. ครขู ออาสาสมคั ร 3 คน ออกมาเลา ประสบการณ
เกยี่ วกบั บทบาทหนา ทข่ี องตนเองในการชว ยเหลอื
๑. เคารพเชอ่ื ฟงั บดิ ามารดา เคารพและเชอ่ื ฟงั 5. มีความรักใคร่ปรองดองในหมู่พ่ีน้อง ครอบครัว โรงเรียน และชุมชน ใหเพ่ือนฟง
ค�าส่ังสอนของบิดามารดา และปฏิบัติตนตามค�า จะต้องมีความรักใคร่สามัคคีกันในหมู่พี่น้อง หนาชน้ั เรียน โดยกาํ หนดให
ส่งั สอนของท่านอย่างเคร่งครัดด้วยความเต็มใจ ไม่ทะเลาะวิวาทกันเอง ซึ่งท�าให้บิดามารดา • นักเรียนคนที่ 1 เลาบทบาทและหนาท่ีใน
2. ช่วยเหลือบิดามารดาในทุกโอกาสที่ สบายใจและเท่ากับเป็นการตอบแทนความรัก ฐานะสมาชกิ ในครอบครวั
สามารถปฏิบัติได้ เพ่ือเป็นการแบ่งเบาภาระ ความห่วงใยของบิดามารดาอีกดว้ ย • นักเรียนคนที่ 2 เลาบทบาทและหนาที่ใน
ฐานะสมาชิกในโรงเรียน
ของท่าน ซ่งึ สามารถท�าไดห้ ลายวธิ ี เชน่ ช่วยท�า 6. ประพฤติตนให้สมกับเป็นผู้ด�ารงวงศ์ • นักเรียนคนท่ี 3 เลาบทบาทและหนาที่ใน
ความสะอาดบ้าน ช่วยดูแลเม่ือยามเจ็บไข้ ตระกลู โดยตอ้ งประพฤตติ วั ดี ไมป่ ฏบิ ตั ติ นไปใน ฐานะสมาชกิ ในชมุ ชน
ประกอบอาชพี สจุ ริต ทางเสื่อมเสยี แกว่ งศ์ตระกลู ซึง่ จะนา� มาซึง่ ความ
๓. ใช้จ่ายอย่างประหยัด ควรใช้จ่ายในสิ่งท่ี ภาคภูมิใจให้แกบ่ ิดามารดาและญาติผู้ใหญ่ 3. ครูใหนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นและ
จา� เปน็ เทา่ นนั้ ไมส่ รุ ยุ่ สรุ า่ ย เพราะเงนิ ทองเปน็ สง่ิ วจิ ารณบ ทบาทหนา ทขี่ องเพอ่ื นทง้ั 3 คน ทมี่ ตี อ
ท่ีบิดามารดาหามาด้วยความเหน่ือยยาก เช่น ครอบครวั โรงเรยี น และชมุ ชน โดยมคี รเู ปน ผคู อย
รู้จักซ่อมแซมเสื้อผ้าและของใช้ในบ้านให้ใช้งาน ใหคําแนะนําและชแ้ี นะเพม่ิ เตมิ
ไดอ้ ยา่ งคมุ้ คา่ ประดษิ ฐง์ านเอกลกั ษณ์ไทยเพอ่ื ใช้
ในโอกาสส�าคญั ตา่ ง ๆ 4. ครถู ามนกั เรยี นวา
๔. ตงั้ ใจศกึ ษาเลา่ เรยี น การต้ังใจเรียน เป็น • บทบาทและหนา ทใ่ี นฐานะสมาชกิ ในโรงเรยี น
หน้าท่ีส�าคัญของบุตร ท้ังน้ี เพื่อประโยชน์ของ ของนกั เรยี นคอื สง่ิ ใด
ตนเอง เพราะเม่ือส�าเร็จการศึกษาสามารถน�า (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
ความรู้ไปประกอบอาชีพสุจริตเพ่ือเล้ียงตนเอง ไดอยางอิสระ เชน เคารพเช่ือฟง มีความ
และบิดามารดา ถือเป็นการตอบแทนบุญคุณ กตญั กู ตเวทตี อ บดิ า มารดา และผปู กครอง
ทดี่ ที ส่ี ดุ ทีบ่ ุตรพึงกระทา� การศึกษาเป็นสิ่งส�าคัญท่ีครอบครัวส่งเสริมให้ได้รับอย่าง ชวยเหลือแบงเบาภาระหนาท่ีในการดูแล
เตม็ ท่ี เพอ่ื นา� ความรทู้ ่ีไดน้ น้ั ไปใช้ในการประกอบอาชพี สจุ รติ รกั ษาความสะอาดบา น ตงั้ ใจศกึ ษาเลา เรยี น
ในอนาคต มีความประหยัดมัธยัสถ มีความรักใคร
ปรองดองในหมพู นี่ อ ง ประพฤตติ นเปน คนดี
หลักการท�างาน ๑๑ มคี ณุ ธรรมและจริยธรรม)
เพื่อการด�ารงชีวิต

กจิ กรรม สรา งเสริม เกร็ดแนะครู

ใหนักเรียนเขียนอธิบายบทบาทหนาที่ในฐานะสมาชิกใน ครูอธิบายเพ่ิมเติมเก่ียวกับบทบาทหนาที่ในฐานะสมาชิกในครอบครัว
ครอบครัวของตนเอง จากนั้นออกมานําเสนอผลงานใหเพ่ือนฟง ใหน กั เรยี นฟง วา นกั เรยี นควรรจู กั บทบาทหนา ทใี่ นฐานะสมาชกิ ในครอบครวั ของ
หนาช้ันเรียน แลวใหนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับ ตนเอง และปฏบิ ตั ติ นตามบทบาทหนา ทอ่ี ยา งถกู ตอ งและเหมาะสม เพราะการท่ี
บทบาทหนาที่ในฐานะสมาชิกในครอบครัว โดยมีครูเปนผูคอย นกั เรยี นไดรบั มอบหมายใหทาํ กจิ กรรมใดๆ นั้น ยอ มหมายความวา ครอบครวั
เสนอแนะเพิม่ เตมิ ของนกั เรยี นมคี วามไวว างใจใหน กั เรยี นปฏบิ ตั หิ นา ทน่ี น้ั ๆ เชน การไดร บั มอบหมาย
ใหทํางานบาน การซอมแซมสิ่งของเคร่ืองใชภายในบาน การประกอบอาหาร
กิจกรรม ทา ทาย สําหรับบริโภคในครอบครัว เมื่อนักเรียนปฏิบัติกิจกรรมเหลาน้ันบอยครั้ง
จะกอใหเกิดความชํานาญ ซ่ึงความชํานาญนี้จะกลายเปนทักษะข้ันพื้นฐานใน
ใหน กั เรยี นวเิ คราะหค วามแตกตา งของบทบาทหนา ทใี่ นฐานะ การดาํ รงชีวติ ในอนาคตได
สมาชกิ ในครอบครัว โรงเรียน และชมุ ชน ในรูปแบบของแผนผัง
ความคดิ (Mind Mapping) ตกแตง ใหสวยงาม นาํ สงครผู ูส อน สื่อ Digital

ศกึ ษาเพมิ่ เตมิ เกย่ี วกบั บทบาทและหนา ทขี่ องตนเองทมี่ ตี อ สมาชกิ ในครอบครวั
โรงเรยี น และชมุ ชน ไดท ่ี http://poypersie11.blogspot.com/2014/06/blog-
post_8216.html
T13

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน ๕.๒ บทบาทและหน้าทใ่ี นฐานะสมาชิกในโรงเรียน

ขนั้ ที่ 2 สาํ รวจคน หา โรงเรยี นเปน็ สถานทที่ ใี่ หก้ ารศกึ ษาแกส่ มาชกิ ในสงั คม เพอื่ ใหม้ คี วามรู้ มคี ณุ ธรรม และวชิ าชพี
ต่าง ๆ ท่ีจะน�าไปใช้ในการด�าเนินชีวิตในสังคม ในฐานะที่นักเรียนเป็นสมาชิกคนหนึ่งในโรงเรียน
1. ครใู หน กั เรยี นแบง กลมุ กลมุ ละเทา ๆ กนั ศกึ ษา ควรรู้บทบาทหนา้ ทท่ี ีพ่ ึงปฏบิ ัติต่อครู อาจารย์ และเพือ่ นนกั เรียนด้วยกัน ดังนี้
เรอื่ ง บทบาทและหนา ทข่ี องตนเองทม่ี ตี อ สมาชกิ
ในครอบครวั โรงเรยี น และชมุ ชน จากหนงั สอื เรยี น ๑. มีความรบั ผดิ ชอบตอ่ งานและหนา้ ทข่ี อง 5. แสดงความคดิ เหน็ ตามสทิ ธขิ องตน รวมถงึ
หนวยการเรียนรูที่ 1 หรือศึกษาเพ่ิมเติมจาก ตนเอง โดยหน้าที่ของนักเรียน คือ การต้ังใจ รู้จักรับฟังความคิดเห็นของผู้อ่ืน โดยให้ความ
อนิ เทอรเนต็ ศึกษาเล1่าเรียน ประพฤติตนเป็นคนดี เป็นแบบ เคารพในขอ้ ตกลงของคนสว่ นใหญเ่ ป็นหลัก
อกยฎา่รงะทเบดี่ ยี ใี หบแ้ขกอเ่งพโรอ่ื งนเรรียว่ มน2ชอยน้ั ่าเรงยีเคนร่งแคลระดั ปฏบิ ตั ติ าม
2. ครูใหนักเรียนศึกษาเพ่ิมเติมเกี่ยวกับบทบาท 2. เชอื่ ฟงั คา� สง่ั สอนของครู อาจารย์ ซึง่ ครู 6. ส่งเสริมเพื่อนในทางท่ีถูกที่ควร ไม่ควร
และหนา ทขี่ องตนเองทมี่ ตี อ สมาชกิ ในครอบครวั
โรงเรียน และชุมชน จาก PowerPoint ม.5 อจิ ฉารษิ ยากนั ไมช่ กั ชวนเพอ่ื นใหก้ ระทา� ความผดิ
หนว ยการเรยี นรูท ่ี 1 หรอื ทา� รา้ ยเพอื่ นใหไ้ ดร้ บั ความเจบ็ ปวด เพอ่ื นทดี่ ี
อาจารย์เป็นผู้ที่มีความรัก ความเมตตาต่อศิษย์ จะต้องแนะน�าส่งเสริมเพื่อนไปในทางท่ีดี มีการ
ข้ันที่ 3 อธบิ ายความรู ต้องการให้ศิษย์เป็นคนดี ประสบความส�าเร็จใน ตักเตือนเพื่อนเมื่อเพื่อนประพฤติตนในทางท่ีผิด
การศึกษา สามารถน�าความรู้ไปประกอบอาชีพ แสดงความรสู้ กึ ยนิ ดเี มอื่ เพอ่ื นประสบความสา� เรจ็
3. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันอภิปราย สุจริตได้ รวมถึงบ�าเพ็ญตนเพื่อสร้างประโยชน์ 7. รักใคร่ปรองดองในหมู่เพื่อนนักเรียน
แลกเปล่ียนความรูใ นเรือ่ งทไี่ ดศ ึกษามา ต่อตนเองและสังคม ดังนั้น หากประพฤติตนไม่
ถกู ตอ้ งและถูกครู อาจารย์ว่ากลา่ วตกั เตอื น ควร มีความสามัคคีกัน มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อกัน
4. ครถู ามนักเรยี นวา น้อมรับฟังด้วยความตั้งใจและปรับปรุงตนเองให้ ร่วมมือร่วมใจกัน ไม่ก่อเร่ืองทะเลาะวิวาทกัน
• บทบาทและหนา ทใ่ี นฐานะสมาชกิ ในโรงเรยี น ดีขึน้ โดยไมค่ ิดโกรธแคน้ ทา่ น ในโรงเรียน รวมถงึ เพอื่ นตา่ งโรงเรียนด้วย
ของนักเรียนคอื ส่ิงใด
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ ๓. กตญั ญรู คู้ ณุ ตอ่ ครู อาจารย์ ตอ้ งรจู้ กั สา� นกึ
ไดอยางอิสระ เชน ตั้งใจศึกษาเลาเรียน ในพระคณุ และตอบแทนครู อาจารยเ์ มือ่ มโี อกาส
ประพฤติตนตามกฏระเบียบทางวินัยของ ซง่ึ ทา� ไดไ้ มย่ ากนกั เชน่ การประพฤตติ นเปน็ คนดี
โรงเรียนอยางเครงครัด เช่ือฟงคําสั่งสอน ไม่เกเร ปฏิบัติตนอยู่ในกฎระเบียบของโรงเรียน
และมีความกตัญูกตเวทีตอครูอาจารย มคี วามสภุ าพเรียบร้อย ออ่ นน้อมถอ่ มตน ต้ังใจ
สงเสริมและชักชวนเพ่ือนใหประพฤติตน ศึกษาเล่าเรียน ช่วยเหลือท่านตามโอกาสและ
ในทางทถ่ี กู ตอ ง) ความสามารถของตนที่จะกระท�าได้
• บทบาทและหนาท่ีในฐานะสมาชิกในชุมชน ๔. เป็นผู้น�าและผู้ตามที่ดี ในการปฏิบัติงาน
ของนักเรยี นคอื ส่ิงใด หรือการเข้าร่วมกิจกรรมใด ๆ ก็ตาม หากได้รับ
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ มอบหมายให้เป็นผู้น�าในกิจกรรมนั้น ๆ ต้องรู้ว่า
ไดอยางอิสระ เชน รักษาสุขลักษณะของ ตนเองควรปฏบิ ตั ติ นในฐานะผนู้ า� อยา่ งไร และหาก
ชมุ ชน รว มกนั ทาํ ความสะอาดบรเิ วณรอบๆ ไมไ่ ด้เปน็ ผ้นู �า ควรปฏบิ ัตติ นในฐานะ การช่วยกนั ทบทวนบทเรียน นอกจากจะเป็นการสง่ เสริม
ชุมชน อนุรักษทรัพยากรธรรมชาติและ ผ้ตู ามอยา่ งไรจงึ จะเหมาะสม เพ่ือนไปในทางที่ถูกที่ควรแล้ว ยังส่งผลดีต่อการเรียนของ
สงิ่ แวดลอ มในชมุ ชน มสี ว นรว มในการประกอบ ตนเองด้วย
กิจกรรมตางๆ ที่ชุมชนจัดข้ึน อนุรักษ
วฒั นธรรม ประเพณี และภูมปิ ญญาท่ดี ีงาม ๑2
ของชมุ ชน)

นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคิด

1 แบบอยางที่ดี การปฏิบัติตนในฐานะสมาชิกในโรงเรียนมีความสําคัญมาก การเปนผูนาํ และผูต ามท่ีดมี ีประโยชนอ ยางไร
เพราะนักเรียนสวมใสเครื่องแบบท่ีบงบอกความเปนเอกลักษณของโรงเรียน
ซ่ึงกําหนดบทบาทหนาท่ีในการเปนนักเรียนไววา ควรประพฤติตนอยางไร (แนวตอบ การเขา รว มกจิ กรรมตางๆ ภายในโรงเรยี น นกั เรยี น
จงึ จะเหมาะสม หากประพฤตติ นไมเ หมาะสม หรอื ไมป ฏบิ ตั ติ ามกฎของโรงเรยี น จะไดรับมอบหมายบทบาทหนาที่แตกตางกันไป บางคนไดเปน
เครอ่ื งแบบทสี่ วมใสอ าจถกู มองไมด ตี ามไปดว ย ดงั นน้ั โรงเรยี นจงึ นยิ มจดั กจิ กรรม หัวหนา บางคนไดเ ปน สมาชกิ ในกลุม แตถงึ อยา งไร การเปนผนู ํา
เพอ่ื คดั เลอื กนกั เรยี นดเี ดน ทง้ั ในดา นความประพฤติ ดา นวชิ าการ และดา นกฬี า และผูต ามนนั้ ลว นตอ งมีวินัยในตนเอง เพื่อหลกี เลยี่ งความขัดแยง
เพ่อื เปนแบบอยา งท่ดี ี และเปนกาํ ลงั ใจแกน ักเรียนคนอนื่ ๆ ไดปฏิบตั ติ าม ทอ่ี าจเกดิ ขนึ้ ในการทาํ งานรว มกนั ซง่ึ การประพฤตติ นเปน ผนู าํ และ
2 ปฏิบัติตามกฎระเบียบของโรงเรียน นักเรียนควรแตงกายใหถูกตองตาม ผูตามที่ดีกอใหเกิดประโยชนหลายประการ เชน ไดเรียนรู
ระเบยี บของโรงเรยี น ปฏบิ ตั ติ นตามกฎระเบยี บของโรงเรยี นอยา งเครง ครดั มาทนั แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในบทบาทหนาท่ีท่ีแตกตางกัน ไดรับ
เวลาเขา แถวเคารพธงชาตใิ นตอนเชา ชว ยกนั ดแู ลรกั ษาความสะอาดของโรงเรยี น มติ รภาพท่ดี ีจากเพ่อื นในกลมุ เขา ใจและรับฟง ผอู ื่นอยางมีเหตผุ ล
รวมถึงอุปกรณ เคร่อื งมอื เครอื่ งใชต างๆ ภายในโรงเรยี นดว ย รวมถึงไดรับประสบการณท่ดี ใี นการทาํ งาน)

T14

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

๕.๓ บทบาทและหนา้ ท่ใี นฐานะสมาชิกในชมุ ชน ขน้ั สอน

ชมุ ชนมีความสา� คญั ต่อการสร้างคนดี มคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ขน้ั ที่ 4 ขยายความเขา ใจ
เช่น มีจิตสาธารณะ มีความสามัคคี ตลอดจนรักษาสิ่งแวดล้อม สร้างวัฒนธรรมอันดีงามให้ได้
ปฏิบัติตาม ซ่ึงการเป็นสมาชกิ ท่ีดขี องชุมชน สามารถปฏิบัตติ นตามบทบาทหน้าที่ได้ ดงั นี้ 5. ครูใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนกลุมละ
1 คน ออกมานําเสนอผลการศึกษา เรื่อง
๑. รักษาสุขลักษณะของชุมชน โดยการมี ๔.อนุรักษ์สืบสานวัฒนธรรม ประเพณี บทบาทและหนาท่ขี องตนเองท่ีมตี อสมาชิกใน
ครอบครัว โรงเรียน และชุมชน ใหเพ่ือนฟง
ส่วนร่วมในการรักษาสุขลักษณะของชุมชน เช่น และภูมิปัญญาที่ดีงาม ชุมชน หรือท้องถิ่น หนาชัน้ เรียน
การท้ิงขยะใหเ้ ปน็ ท่ี ช่วยกา� จดั สง่ิ ปฏกิ ลู ตา่ ง ๆ ใน แต่ละแห่งย่อมมีวัฒนธรรม ประเพณีที่แตกต่าง
ชุมชน ช่วยท�าลายแหลง่ เพาะพันธุ์ กัน ซ่ึงล้วนแต่มีเอกลักษณ์เฉพาะท่ีได้รับการ 6. ครูอธิบายเพ่ิมเติมวา “ทุกคนมีบทบาทหนาท่ี
ถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษประจ�าท้องถิ่นของตน ที่แตกตางกันออกไป หากทุกคนปฏิบัติตาม
2. อนุรกั ษส์ ่งิ แวดล้อมในชมุ ชน โดยช่วยกัน เชน่ การทา� ปลารา้ เป็นภูมปิ ัญญาด้านการถนอม บทบาทหนาท่ีของตนเองอยางเหมาะสมและ
อาหารของคนภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ภมู ปิ ญั ญา ถูกตองแลว จะชวยทําใหอยูรวมกับผูอ่ืนใน
ดูแลโบราณสถานและโบราณวัตถุต่าง ๆ ที่อยู่ใน ล้านนาของคนภาคเหนือ เช่น ประเพณีสืบ สังคมไดอ ยา งมคี วามสขุ ”
ชมุ ชน เชน่ ไมข่ ดี เขยี นทา� ลายโบราณวตั ถใุ หช้ า� รดุ ชะตาบ้าน ชะตาเมือง ภูมปิ ัญญาดา้ นการละเล่น
เสยี หาย ช่วยกนั ดแู ลรกั ษาสาธารณสมบัติของรัฐ ของคนภาคกลาง เชน่ การแสดงลา� ตดั ภมู ปิ ญั ญา 7. ครูมอบหมายใหนักเรียนทําใบงานที่ 1.3.1
และชุมชน เชน่ สวนสาธารณะ ไฟฟา้ ส่องสวา่ ง ด้านการแสดงของคนภาคใต้ เช่น การแสดง เรอ่ื ง บทบาทและหนา ทขี่ องตนเองทม่ี ตี อ สมาชกิ
ริมทาง หากพบเห็นผู้ใดมาท�าลายควรแจ้งให้ มโนหร์ า หนงั ตะลงุ ดงั นนั้ ในฐานะสมาชกิ ทด่ี ขี อง ในครอบครัว โรงเรยี น และชุมชน
เจา้ หนา้ ทด่ี า� เนนิ การจบั กมุ เพอ่ื ใหส้ าธารณสมบตั ิ ชุมชนจะต้องมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สืบสาน
ตา่ ง ๆ ใชป้ ระโยชน์ไดย้ าวนานยง่ิ ขนึ้ วัฒนธรรม ประเพณี และภมู ปิ ัญญาทีด่ งี ามของ ขนั้ สรปุ
ชุมชนให้คงอยู่คู่กับท้องถิ่นและสังคมไทยสืบ
๓. มีส่วนร่วมในการท�ากิจกรรมของชุมชน ต่อไป ขนั้ ท่ี 5 ตรวจสอบผล

ควรมสี ว่ นรว่ มในการทา� กจิ กรรมในวนั สา� คญั ตา่ ง ๆ 1. ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั สรปุ ความรู เรอื่ ง บทบาท
กบั ชมุ ชน เชน่ การปลกู ตน้ ไม้ เพอื่ เพม่ิ พน้ื ทส่ี เี ขยี ว และหนา ทขี่ องตนเองทมี่ ตี อ สมาชกิ ในครอบครวั
ใหแ้ กช่ มุ ชน การรว่ มรณรงคล์ ดการใชถ้ งุ พลาสตกิ โรงเรียน และชมุ ชน
เพ่ือช่วยลดภาวะโลกร้อน การบ�าเพ็ญสาธารณ-
ประโยชน์ การรณรงค์ต่อตา้ นยาเสพตดิ 2. ครูใหน กั เรียนทําแบบทดสอบหลงั เรยี น หนว ย
การเรียนรูท ่ี 1
สรปุ การท�ำงำนเพื่อกำรด�ำรงชีวิตมีควำมส�ำคัญต่อชีวิตมนุษย์เป็นอย่ำงยิ่ง ซึ่งในสังคม
ปัจจุบันมีกำรแข่งกันสูง จึงได้มีกำรน�ำเทคโนโลยีเข้ำมำช่วยในกำรท�ำงำน เพ่ือลดต้นทุนในด้ำน ขน้ั ประเมนิ
ต่ำง ๆ กำรท�ำงำนเพ่ือให้งำนมีประสิทธิภำพและมีประสิทธิผลจ�ำเป็นต้องมีกระบวนกำรท�ำงำน
และกระบวนกำรแก้ปัญหำทด่ี ี โดยน�ำหลักกำรของวงจร PDCA และกจิ กรรม ๕ ส มำใชป้ ระกอบ 1å . ครูตรวจสอบผลการทําแบบทดสอบหลังเรียน
กำรทำ� งำนอยำ่ งมรี ะบบ รวมถงึ กำรรจู้ กั บทบำทและหนำ้ ทขี่ องตนทมี่ ตี อ่ สมำชกิ ในครอบครวั โรงเรยี น เพอ่ื ตรวจสอบความเขา ใจหลงั เรยี นของนกั เรยี น
และชุมชน ก็จะท�ำให้กำรท�ำงำนประสบควำมสำ� เร็จและมีคณุ ภำพทีด่ ียิง่ ข้ึน
2. ครตู รวจสอบใบงานที่ 1.3.1 เร่อื ง บทบาทและ
๑๓หลักการท�างาน หนาที่ของตนเองที่มีตอสมาชิกในครอบครัว
โรงเรียน และชมุ ชน
เพื่อการด�ารงชีวิต
3. ครูประเมินผลระหวางการจัดกิจกรรมการ
เรยี นรู จากการสงั เกตพฤตกิ รรมการทาํ งานกลมุ
การนาํ เสนอผลงาน และการสงั เกตคณุ ลกั ษณะ
อันพึงประสงค

ขอสอบเนน การคดิ แนวทางการวัดและประเมินผล

เพราะเหตใุ ดจงึ ตอ งเรียนรูเ รอื่ งหลักการทาํ งานเพอ่ื การดาํ รงชีวิต ครสู ามารถสงั เกตพฤตกิ รรมการทาํ งานกลมุ การนาํ เสนอผลงาน โดยศกึ ษา
(แนวตอบ เพราะมนษุ ยท กุ คนลวนตองดําเนนิ ชีวติ ไปในทศิ ทาง เกณฑก ารวดั และประเมนิ ผลทแี่ นบทา ยแผนการจดั การเรยี นรู หนว ยการเรยี นรทู ่ี 1

ที่มีจุดหมายแตกตางกัน ตางตองพบเจอกับอุปสรรค ความยาก แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ แบบประเมินการนาเสนอผลงาน
ลําบาก และปญ หาตา งๆ อยางหลากหลาย หลกั การทาํ งานเปน
เพยี งสว นหนง่ึ ในการดาํ รงชวี ติ การเรยี นรเู กย่ี วกบั หลกั การทาํ งาน คาชีแ้ จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ลงในชอ่ งท่ตี รงกบั ระดบั คะแนน
จงึ มสี ว นชว ยในการฝก ฝนทกั ษะกระบวนการตา งๆ ทเ่ี ปน ประโยชน
ชวยฝกประสบการณ เพ่ือเปนภูมิคุมกันในการรับมือกับปญหา การมี คาชี้แจง : ใหผ้ สู้ อนประเมินผลการนาเสนอผลงานของนักเรยี นตามรายการ แลว้ ขีด ลงในช่องที่ตรงกบั ระดับคะแนน
ที่อาจเกิดข้ึน เพื่อใหสามารถแกป ญหาไดอยางถูกตอ ง เหมาะสม
อกี ทงั้ ยงั มสี ว นชว ยใหส ามารถคน พบความถนดั ของตนเอง อนั เปน ลาดับที่ ชอ่ื – สกลุ การแสดง การยอมรบั การทางาน ความมี สว่ นร่วมใน รวม ลาดับท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน
ทกั ษะท่ีสามารถนําไปใชใ นการดํารงชวี ิต หรือการประกอบอาชพี ของนกั เรยี น ความ ฟงั คนอื่น ตามทไี่ ด้รบั นา้ ใจ การ 15 321
ในอนาคต) คดิ เหน็ มอบหมาย คะแนน 1 ความถกู ตอ้ งของเน้อื หา
ปรบั ปรุง 2 การลาดับขนั้ ตอนของเร่ือง รวม
3 วิธกี ารนาเสนอผลงานอย่างสรา้ งสรรค์
ผลงานกล่มุ 4 การใชเ้ ทคโนโลยใี นการนาเสนอ
5 การมีสว่ นร่วมของสมาชกิ ในกลมุ่
3 2 13 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1

ลงชือ่ ...................................................ผปู้ ระเมนิ
............/................./................

ลงชื่อ...................................................ผปู้ ระเมนิ เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
............./.................../............... ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ สมบูรณช์ ดั เจน ให้ 2 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 1 คะแนน
ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ บางสว่ น
ให้ 1 คะแนน
เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ
ปฏบิ ตั ิ หรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ
ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ
ปฏบิ ตั ิ หรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้งั

ปฏิบตั ิ หรือแสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั

12-15 ดี

เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ 8-11 พอใช้

ตา่ กว่า 8 ปรบั ปรุง

ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ

12-15 ดี

8-11 พอใช้

ต่ากว่า 8 ปรับปรงุ

T15

Chapter Overview

แผนการจดั ส่ือที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมนิ ทกั ษะที่ได้ คณุ ลกั ษณะ
การเรยี นรู้ อันพงึ ประสงค์

แผนฯ ที่ 1 - ห นังสือเรยี น 1. อธบิ ายหลกั การใช้ แบบ - ต รวจแบบทดสอบก่อนเรียน - ท ักษะการส�ำรวจ - รักชาติ ศาสน์
การใช้
เคร่อื งมือชา่ ง การงานอาชพี ม.5 เครอื่ งมอื งานชา่ งอย่าง สืบเสาะ - ตรวจใบงานท่ี 2.1.1 ค้นหา กษัตริย์
อย่างปลอดภยั
- แ บบทดสอบกอ่ นเรยี น ปลอดภัยได้ หาความรู้ - ประเมนิ การน�ำเสนอผลงาน - ท ักษะการสังเกต - ซ ่ือสัตย์ สจุ ริต
2
- PowerPoint 2. อธบิ ายเกย่ี วกบั ประเภท (5Es - ส งั เกตพฤตกิ รรมการท�ำงาน วิธกี ารท�ำงาน - ม วี ินยั
ชว่ั โมง
ของเคร่ืองมอื เครอ่ื งใช้ Instructional รายบคุ คล เพ่อื การดำ� รงชีวิต - ใ ฝ่เรยี นรู้

ในการซ่อมแซมและ Model) - ส งั เกตพฤติกรรม - ท กั ษะการคิด - อ ยู่อย่าง

ติดต้งั อปุ กรณ์เครอื่ งใช้ การท�ำงานกลมุ่ วิเคราะห์ พอเพียง

ภายในบา้ นไดอ้ ยา่ ง - ส ังเกตคณุ ลักษณะ - ท กั ษะกระบวน - ม ุ่งม่ันใน

ถกู ตอ้ ง อนั พงึ ประสงค์ การคดิ แกป้ ญั หา การท�ำงาน

3. ใ ชแ้ ละเกบ็ รกั ษาเครอ่ื งมอื - ท ักษะการสรปุ - ร กั ความ

เครอ่ื งใชใ้ นการซอ่ มแซม ลงความเหน็ เปน็ ไทย

และตดิ ตง้ั อุปกรณ์ - ทกั ษะการประเมนิ - ม จี ติ สาธารณะ

เครอื่ งใช้ภายในบ้าน

ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง เหมาะสม

4. ม คี ณุ ธรรมและมลี กั ษณะ

นสิ ยั ท่ดี ีในการท�ำงาน

T16

แผนการจัด สอื่ ท่ีใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมนิ ทกั ษะที่ได้ คุณลกั ษณะ
การเรียนรู้ อนั พึงประสงค์

แผนฯ ท่ี 2 - หนงั สือเรยี น 1. อธิบายวธิ กี ารซอ่ มแซม แบบเน้น - ตรวจแบบทดสอบหลังเรยี น - ท ักษะการส�ำรวจ - รักชาติ ศาสน์
การสาธติ - ตรวจใบงานท่ี 2.2.1
การซอ่ มแซมและ การงานอาชีพ ม.5 และตดิ ตง้ั เครอ่ื งใช้ - ต รวจช้ินงาน/ภาระงาน คน้ หา กษตั ริย์
(รวบยอด)
ตดิ ตัง้ เคร่อื งใช้ - แ บบทดสอบหลังเรยี น ภายในบ้านไดอ้ ย่าง - ป ระเมินการน�ำเสนอผลงาน - ท กั ษะการสังเกต - ซือ่ สัตย์ สุจรติ
- ส ังเกตพฤตกิ รรมการท�ำงาน
ภายในบา้ น - PowerPoint ถกู ต้อง รายบุคคล วธิ ีการท�ำงาน - มีวนิ ยั
- สงั เกตพฤติกรรม
2 2. ซอ่ มแซมและตดิ ต้ัง การท�ำงานกลุ่ม เพอื่ การดำ� รงชีวิต - ใ ฝ่เรยี นรู้
อุปกรณเ์ ครอื่ งใช้ - สังเกตคณุ ลักษณะ
อนั พงึ ประสงค์ - ท กั ษะการคดิ - อยอู่ ยา่ ง

ช่ัวโมง ภายในบา้ นง่าย ๆ ได้ วิเคราะห์ พอเพยี ง

ดว้ ยตนเอง - ทักษะกระบวน - มงุ่ มั่นใน

3. เลือกใชเ้ ครอื่ งมอื การคดิ แก้ปญั หา การท�ำงาน

เครอ่ื งใช ้ในการซอ่ มแซม - ท ักษะการสรุป - ร กั ความ

และตดิ ตั้งอุปกรณ์ ลงความเห็น เปน็ ไทย

เครอื่ งใช้ภายในบา้ น - ทกั ษะการประเมนิ - ม จี ติ สาธารณะ

ไดถ้ ูกตอ้ ง

4. ใชแ้ ละเก็บรักษา

เคร่อื งมือ เครอื่ งใช้

ในการซอ่ มแซม

และตดิ ตง้ั อุปกรณ์

เครือ่ งใช้ภายในบา้ น

ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง เหมาะสม

5. มคี ณุ ธรรมและมลี กั ษณะ

นิสัยท่ีดีในการท�ำงาน

T17

นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั นาํ (5Es) òหน่วยการเรียนรู้ที่

ขน้ั ท่ี 1 กระตนุ ความสนใจ §Ò¹ªÒ‹ §ã¹ºÒŒ ¹

1. ครูแจงชื่อเรื่องท่ีจะเรียนรูและผลการเรียนรู ตัวชี้วดั ËÒ¡¢Í§ãªãŒ ¹ºŒÒ¹ªÓÃ´Ø ËÃÍ×
ใหนักเรียนทราบ จากนนั้ ใหนกั เรยี นแตละคน ■ สรา งผลงานอยา งมีความคิดสรางสรรคแ ละมที กั ษะการทาํ งานรวมกนั (ง ๑.๑ ม.๔-๖/๒) àÊÂÕ ¨ÐÁÇÕ ¸Ô ¡Õ ÒÃÍÂÒ‹ §äà ãË¡Œ źÑ
ทาํ แบบทดสอบกอ นเรยี น หนว ยการเรยี นรทู ี่ 2 ■ มีทกั ษะการจัดการในการทาํ งาน (ง ๑.๑ ม.๔-๖/๓) ÁÒ㪌§Ò¹ä´ŒÍ‹ҧ»ÅÍ´ÀÂÑ
เร่อื ง งานชา งในบาน ■ มที ักษะกระบวนการแกปญ หาในการทํางาน (ง ๑.๑ ม.๔-๖/๔)
■ มีทกั ษะในการแสวงหาความรเู พ่ือการดาํ รงชีวิต (ง ๑.๑ ม.๔-๖/๕)
2. ครูเปดคลิปวิดีโอเก่ียวกับการซอมแซมส่ิงของ ■ มีคณุ ธรรมและลักษณะนิสยั ในการทาํ งาน (ง ๑.๑ ม.๔-๖/๖)
เครอ่ื งใชต า งๆ ภายในบา นใหน กั เรยี นดู จากนน้ั ■ ใชพลงั งาน ทรพั ยากรในการทาํ งานอยา งคุมคา และย่ังยนื เพ่ือการอนรุ ักษสงิ่ แวดลอ ม
ครูถามนกั เรียนวา
• การซอ มแซมสง่ิ ของเครอ่ื งใชต า งๆ ภายในบา น (ง ๑.๑ ม.๔-๖/๗)
ที่ไดชมไปน้ัน นักเรียนคิดวาผูปฏิบัติงาน
ปฏบิ ตั ไิ ดถ กู ตอ งและปลอดภยั หรอื ไม สาระการเรยี นรแู กนกลาง
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ ■ ทกั ษะการทาํ งานรว มกนั เปน การทาํ งานกลมุ ทาํ งานรว มกบั ผอู น่ื ไดอ ยา งมคี วามสขุ ทาํ งาน
ไดอยา งอิสระ)
• หากอปุ กรณ เครอื่ งมอื เครอื่ งใชภ ายในบา น อยา งมีกระบวนการตามข้ันตอน และฝกหลักการทาํ งานกลมุ
เกดิ การชาํ รดุ นกั เรยี นจะแกป ญ หาดงั กลา ว ■ ทกั ษะการจดั การ เปน การจดั ระบบงานและระบบคน เพอื่ ใหก ารทาํ งานสาํ เรจ็ ตามเปา หมาย
อยา งไร
(แนวตอบ นําอุปกรณ เคร่ืองมือ เครื่องใช อยางมปี ระสทิ ธภิ าพ เชน การบาํ รงุ เกบ็ รักษา เคร่อื งใชไ ฟฟา และอปุ กรณอ ํานวยความ
ภายในบา นทเ่ี กดิ การชาํ รดุ มาวเิ คราะหส ภาพ สะดวกในชวี ติ ประจําวัน
ปญ หา หรอื ลกั ษณะของงาน และสรปุ สาเหตุ ■ ทกั ษะกระบวนการแกป ญ หาในการทาํ งาน มขี น้ั ตอน คอื การสงั เกต วเิ คราะห สรา งทางเลอื ก
ของอาการชํารุด เพื่อหาวิธีในการซอ มแซม และประเมินทางเลือก เชน การติดต้ัง ประกอบ ซอมแซมอุปกรณ เคร่ืองมือ เคร่ืองใช
อยา งเหมาะสม วางแผนการปฏบิ ตั งิ านอยา ง สิ่งอาํ นวยความสะดวกในบา นและโรงเรยี น
เปน ขนั้ ตอน และปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนทว่ี างแผน ■ ทกั ษะการแสวงหาความรเู พอื่ การดาํ รงชวี ติ ประกอบดว ยการศกึ ษา คน ควา รวบรวม สงั เกต
ไวไดอยางถูกตองและปลอดภัย พรอมท้ัง สาํ รวจ และบันทกึ
ประเมินผลจากการปฏิบัติงานวาอุปกรณ ■ คณุ ธรรมและลกั ษณะนิสยั ในการทํางาน เปน การสรา งคุณงามความดีและควรฝกใหผูเรยี น
เครื่องมือ เครื่องใชภายในบานชิ้นดังกลาว มคี ณุ ภาพทสี่ ําคัญๆ เชน ขยัน อดทน รบั ผิดชอบ และซื่อสตั ย
สามารถกลบั มาใชงานไดต ามปกติหรือไม) ■ การใชพลงั งาน ทรพั ยากรอยา งคุมคาและยงั่ ยืน เปน คุณธรรมในการทาํ งาน

3. ครขู ออาสาสมคั ร2-3คนออกมาเลา ประสบการณ ñ เคร่อื งมอื งานช่างในบา้ น
เก่ียวกับการปฏิบัติงานชางในบานของตนเอง เครื่องมือเป็นสิ่งจ�าเป็นและส�าคัญในการปฏิบัติงานซ่อมแซมและติดตั้งอุปกรณ์ เครื่องใช้
ใหเ พอื่ นฟง หนา ชนั้ เรยี น ในประเดน็ ทค่ี รกู าํ หนดให ภายในบ้าน ซ่ึงเคร่ืองมือที่น�ามาใช้ในการซ่อมแซมและติดต้ังมีอยู่ด้วยกันหลายชนิด แต่ละชนิด
คือ สิ่งของเคร่ืองใชที่เกิดการชํารุด เสียหาย จะมีลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกันไปตามชนิดของงานแต่ละประเภท ดังนั้น จึงต้องเรียนรู้
ลักษณะอาการชํารุด วิธีการซอมแซม และ เกี่ยวกับการใช้เครื่องมือและการดูแลบ�ารุงรักษาเครื่องมือแต่ละประเภทให้เข้าใจ เพ่ือให้สามารถ
ความปลอดภัยในขณะปฏบิ ัติงาน นา� มาใชง้ านไดอ้ ย่างถูกต้องและเหมาะสม

๑๔

เกร็ดแนะครู

ครคู วรจดั การเรยี นรู โดยอธบิ ายเกยี่ วกบั งานชา งในบา นใหน กั เรยี นฟง เพอื่ ใหเ กดิ ความรู ความเขา ใจ เรอื่ ง การปฏบิ ตั งิ านชา งในบา นทม่ี ากขน้ึ สามารถเลอื กใช
เครื่องมืองานชางไดอยางถูกตองและปลอดภัย ดูแล บํารุงรักษาเคร่ืองมืองานชางแตละประเภทไดอยางเหมาะสม ลงมือปฏิบัติการซอมแซมและติดตั้งอุปกรณ
เครอ่ื งใชภ ายในบา นเพ่ือใหเ กิดความชาํ นาญ ใชท รัพยากรอยางคุมคา และยง่ั ยืน เพ่ือเปน การอนรุ ักษส ิง่ แวดลอ ม นาํ ทักษะการจัดการมาประยุกตใ ชในการทํางาน
รวมถึงใชทกั ษะกระบวนการแกป ญหาในการทํางานอยางเปน ขัน้ ตอน เพื่อใหผ ลงานสําเร็จตรงตามเปาหมายอยา งมปี ระสทิ ธภิ าพ โดยสามารถจัดกิจกรรมได ดงั น้ี

• ใหนกั เรียนตอบคําถามและรว มกนั แสดงความคดิ เหน็ เพื่อใหน ักเรยี นเกดิ ความรู ความเขาใจเกย่ี วกบั การปฏิบัตงิ านชา งในบาน
• ใหน ักเรียนปฏิบัติงานชา งในบาน โดยการซอ มแซมและตดิ ตง้ั อุปกรณเ ครอื่ งใชภ ายในบาน

T18

นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ

งานช่างในบ้าน เป็นงานพ้ืนฐานเบื้องต้นท่ีควร ขนั้ นาํ

เรยี นรแู้ ละสามารถทา� ไดด้ ว้ ยตนเอง การเรยี นรถู้ งึ วธิ กี าร ข้นั ที่ 1 กระตนุ ความสนใจ
ใชอ้ ปุ กรณแ์ ละเครอื่ งมอื แตล่ ะประเภท ตลอดจนการดแู ล
บ�ารุงรักษา นอกจากจะช่วยยืดอายุในการใช้งานแล้วยัง 4. ครถู ามนักเรียนวา
เปน็ การใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ กดิ ประโยชน ์ อกี ทงั้ ยงั ชว่ ยประหยดั • เพราะเหตุใดการปฏิบัติงานชางในบาน
ค่าใชจ้ ่ายใหก้ ับครอบครวั และสามารถทจี่ ะพัฒนาตนเอง ทุกประเภทจึงตองคํานึงถึงความปลอดภัย
ไปสูก่ ารเป็นชา่ งมืออาชีพได ้ในอนาคต ในขณะปฏบิ ตั งิ าน รวมถงึ ความปลอดภยั ใน
การใชเครอ่ื งมอื งานชางเปนสาํ คญั
๑.๑ หลักการใชเ คร่อื งมอื ชางอยา งปลอดภัย (แนวตอบ การปฏบิ ตั งิ านชา งในบา น เปน การ
ปฏิบัติงานที่มีโอกาสไดรับอันตรายในขณะ
เครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ เป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้ได้ผลงานท่ีมีคุณภาพ ผู้ ใช้จึงควรใช้ด้วย ปฏิบัติงาน ซึ่งอาจกอใหเกิดความเสียหาย
ความระมัดระวัง เพื่อความปลอดภัยต่อตนเองและบุคคลรอบข้าง เพราะการประมาทอาจท�าให้ แกทรัพยส ิน หรอื ชีวิตได เนอ่ื งจากงานชา ง
เกดิ การสญู เสยี เวลาในการท�างาน สญู เสยี ทรพั ย์สนิ หรือส่งผลทา� ใหร้ า่ งกายพกิ าร หรอื เสยี ชวี ติ ได้ แตล ะประเภทมีลักษณะการทํางาน วิธกี าร
ซ่ึงผู้ใช้ควรศึกษาวิธีการใช้และข้อจ�ากัดของเครื่องมือและอุปกรณ์ชนิดนั้น ๆ ให้ชัดเจนก่อน ทาํ งาน และการใชเ ครอื่ งมอื เครอ่ื งใชในการ
การใชง้ าน ซง่ึ หลักการใชเ้ ครื่องมอื งานช่างอย่างปลอดภยั มดี งั น้ี ปฏิบัติงานที่แตกตางกัน ผูที่จะปฏิบัติงาน
จึงตองศึกษาเก่ียวกับกระบวนการทํางาน
๑๕งานช่างในบ้าน เลือกและใชเครื่องมืองานชางที่ถูกตอง
เหมาะสมกับประเภทของงานและใชงาน
ดวยความระมัดระวัง เพ่ือใหเกิดความ
ปลอดภัยในขณะปฏิบัติงาน มีการวางแผน
การทํางาน การบริหารเวลาและทรัพยากร
อยา งคมุ คา และตอ งคาํ นงึ ถงึ ความปลอดภยั
ในการปฏิบตั ิงานอยเู สมอ)

ขนั้ ที่ 2 สาํ รวจคน หา

5. ครใู หน กั เรยี นแบง กลมุ กลมุ ละเทา ๆ กนั ศกึ ษา
เรอื่ ง หลกั การใชเ ครอ่ื งมอื งานชา งอยา งปลอดภยั
จากหนังสือเรียน หนวยการเรียนรูท่ี 2 หรือ
ศกึ ษาเพิม่ เติมจากอินเทอรเน็ต

6. ครูใหนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักการ
ใชเคร่ืองมืองานชางอยางปลอดภัย จาก
PowerPoint ม.5 หนว ยการเรียนรูที่ 2

ขอสอบเนน การคดิ บูรณาการอาเซียน

บคุ คลในขอ ใดปฏบิ ตั ติ นไดอ ยา งเหมาะสมในขณะปฏบิ ตั งิ านชา ง ประชาคมอาเซยี นมีการสนับสนุนการแขงขนั ฝมอื แรงงานในระดบั อาเซียน
ในบาน เก่ียวกับงานชางในสาขาตางๆ โดยแตละประเทศจะสงตัวแทนเขารวมการ
แขงขัน ซ่ึงเปนแนวทางในการสงเสริมงานชางใหไดรับการพัฒนามากย่ิงขึ้น
1. วนิ พดู คยุ กบั เพ่ือนทางโทรศัพทใ นขณะกาํ ลังตัดสายไฟ โดยจดั การแขงขันฝม ือแรงงานระหวา งกลมุ ประเทศสมาชกิ อาเซียน ซึ่งกาํ หนด
2. วา นใชนา้ํ ลา งอุปกรณ เคร่อื งมอื งานชาง หลังใชง านเสรจ็ ใหม กี ารแขง ขนั ฝม อื แรงงานเกยี่ วกบั งานชา งในสาขาตา งๆ ขนึ้ ทกุ 2 ป มจี ดุ มงุ หมาย
3. วุนวางไขควงไวบนโตะอาหาร เพราะจะไดหยิบใชงาน เพ่ือกระตุนใหเยาวชนและกําลังแรงงานในภูมิภาคอาเซียนเกิดความต่ืนตัวและ
สนใจที่จะพัฒนาทักษะฝมือของตนใหทันตอการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
ไดส ะดวก และทัดเทียมมาตรฐานสากล สงผลใหเยาวชนไดเขาสูการเปนชางฝมือใน
4. แวนศึกษาวิธีการใชอุปกรณ เคร่ืองมืองานชางกอนลงมือ ตลาดแรงงาน เพม่ิ ศกั ยภาพการผลิตและบรกิ ารของประเทศในอนาคตได

ปฏบิ ัตงิ าน T19

(วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะผูปฏิบัติงานควรศึกษาวิธี
การใชงานของอปุ กรณ เครื่องมืองานชา งอยางละเอยี ดกอนลงมอื
ปฏบิ ตั งิ าน เพอื่ ใหส ามารถเลอื กใชอ ปุ กรณ เครอื่ งมอื งานชา งไดอ ยา ง
ถูกตองและเหมาะสมกับลักษณะของงาน ชวยใหประหยัดเวลา
และชวยลดความเสีย่ งจากการเกดิ อบุ ัติเหตใุ นขณะปฏิบตั งิ านได)

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สอน หลกั การใชเ้ ครื่องมอื งานชา่ งอยา่ งปลอดภัย

ขั้นที่ 3 อธิบายความรู ๑ ๒

1. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันอภิปราย ศึกษาคู่มือการใช้งานปฏิบัติ เรียนรู้วิธีการใช้เคร่ืองมือและ
แลกเปลยี่ นความรูในเรอ่ื งทไ่ี ดศ กึ ษามา จากนนั้ ตามค�าแนะน�าในการใช้งาน อุปกรณ์อย่างถูกต้อง และใช้
ครถู ามนักเรยี นวา เครื่องมือและอุปกรณ์อย่าง ให้เหมาะสมกับชนิดของงาน
• เพราะเหตุใดจึงตองอานคําแนะนําในการ เคร่งครัด เพ่ือความปลอดภยั ท่ปี ฏิบตั ิ
ใชงาน จากการใช้งาน
(แนวตอบ คาํ แนะนาํ ในการใชง านมปี ระโยชน
อยางยิ่งตอผูปฏิบัติงานชาง เนื่องจากไดมี ๓ ๔ ๕
การระบวุ ธิ กี าร หรอื ขนั้ ตอนในการปฏบิ ตั งิ าน คขวณระแใตชง่ ้เกคารยื่อใหงมร้ ดัือกแมุ ล1 ะไอมุปส่ วกมรใณส่์
ทีถ่ ูกตองและเหมาะสม เพือ่ ใหผปู ฏิบตั งิ าน ขณะใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ ตรวจสอบสภาพเครอ่ื งมอื กอ่ น
สามารถปฏบิ ตั ติ ามได ชว ยปอ งกนั ไมใ หเ กดิ เครื่องประดับที่อาจก่อให้เกิด หากผู้ใช้เกิดอาการง่วงนอน การใช้งานอยู่เสมอ หากพบ
ขอ ผิดพลาดในขณะปฏิบัตงิ าน และชว ยให อันตราย หรือขัดขวางการ หรืออ่อนเพลีย ควรหยุดใช้ วา่ มเี ครอื่ งมอื ทชี่ า� รดุ ควรนา� ไป
เกดิ ความปลอดภยั จากการใชง านเครอ่ื งมอื ทา� งาน เคร่ืองมอื โดยทนั ที ซ่อมแซมก่อนน�าไปใช้งาน
งานชางทุกประเภท ดังนั้น ในการปฏิบัติ
งานชา ง จงึ ตอ งอา นคาํ แนะนาํ การใชง านให ๖ 7
เขา ใจกอ นลงมือปฏิบตั งิ านทกุ ครัง้ )
• การใชเ ครอ่ื งมอื งานชา งอยา งปลอดภยั กอ ให จัดเก็บและจัดวางเครื่องมือ หลงั เสรจ็ จากการใชง้ านทกุ ครงั้
เกดิ ประโยชนตอการปฏิบตั ิงานชา งอยางไร ใหเ้ ปน็ ระเบยี บ เพอื่ ใหส้ ะดวก ควรท�าความสะอาดและบ�ารุง
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ ต่อการหยิบใช้งานและเก็บให้ รกั ษาเครอื่ งมอื แลว้ นา� ไปเกบ็
ไดอยา งอิสระ) พน้ จากมอื เดก็ เขา้ ทใี่ หเ้ รยี บรอ้ ย
• การปฏิบัติงานชางในบานประเภทใด
ผูปฏิบัติงานควรคํานึงถึงความปลอดภัย ๘ ๙ ๑๐
ในขณะปฏิบัตงิ านมากทสี่ ดุ
(แนวตอบ งานไฟฟา เนือ่ งจากมีความเส่ียง ในขณะใชเ้ ครอ่ื งมอื และอปุ กรณ์ ขณะใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ ถา้ ผใู้ ชเ้ ครอ่ื งมอื และอปุ กรณไ์ ว้
และอันตรายมากกวางานชางประเภทอื่นๆ ไมค่ วรดม่ื สรุ า หรอื ของมนึ เมา ประเภทเคร่ืองใช้ไฟฟ้า หรือ ผมยาว ควรมดั ผม หรอื เกบ็ ผม
หากผปู ฏบิ ตั งิ านปฏบิ ตั งิ านดว ยความประมาท หรอื ยาทมี่ ฤี ทธกิ์ ดประสาท ของมคี ม ควรอยใู่ นภาวะทาง ใหเ้ รยี บรอ้ ยก่อนปฏบิ ัติงาน
ซ่ึงมีสาเหตุมาจากปจจัยตางๆ เชน ความ อารมณ์ปกติ หากผิดปกติให้
ไมพรอมของสุขภาพรางกาย ขาดความรู หยดุ ทา� งานทนั ที
ความเขา ใจในงานทป่ี ฏบิ ตั ิ การชาํ รดุ เสยี หาย
ของเครอ่ื งมอื การประมาทเลนิ เลอ ขาดความ ๑๖
ระมดั ระวงั และขาดความรอบคอบ อาจสง ผล
ใหเ กิดอันตรายตอชวี ติ หรือทรพั ยส นิ ได)

เกร็ดแนะครู กิจกรรม สรางเสรมิ

ครคู วรนําอุปกรณ เครื่องมืองานชา งแตละประเภท เชน ตลบั เมตร ประแจ ใหนักเรียนอธิบายแนวทางการปฏิบัติงานชางในบานของ
ไขควง คมี คอ น เลอ่ื ย สวา น เครอ่ื งวดั มลั ตมิ เิ ตอร มาใหน กั เรยี นดู พรอ มทง้ั อธบิ าย ตนเอง เพื่อใหเกิดความปลอดภัยในรูปแบบของแผนพับ หรือ
และสาธติ วธิ กี ารใชง านอปุ กรณ เครอื่ งมอื งานชา งดงั กลา วทถี่ กู ตอ งและปลอดภยั รูปแบบอน่ื ๆ ตามความสนใจ ตกแตง ใหส วยงาม นําสง ครผู ูสอน
รวมถึงอธิบายวิธีการดูแลบํารุงรักษาอุปกรณ เคร่ืองมืองานชางอยางเหมาะสม
จากนั้นครูถามนักเรียนวา “นักเรียนมีแนวทางในการเลือกใชงานอุปกรณ กิจกรรม ทา ทาย
เคร่อื งมืองานชางอยา งไรใหเ หมาะสมกบั ลกั ษณะของงาน และเพือ่ ใหเ กิดความ
ปลอดภัยในขณะปฏบิ ัติงาน” ใหน กั เรยี นวางแผนการปฏบิ ตั งิ านชา งในบา นของตนเองตาม
ความสนใจ 1 งาน โดยเขียนสรุปในประเดน็ ท่ีครกู ําหนดให คอื
นักเรียนควรรู เหตุผลในการปฏิบัติงาน การเลือกใชอุปกรณ เคร่ืองมืองานชาง
ขน้ั ตอน หรอื วธิ กี ารปฏบิ ตั งิ าน ปญ หาทพี่ บและแนวทางการแกป ญ หา
1 แตงกายใหรัดกุม ผูปฏิบัติงานควรสวมใสเสื้อผาท่ีอยูในสภาพเรียบรอย ประโยชนท คี่ าดวา จะไดร บั จากนน้ั ออกมานาํ เสนอผลงานใหเ พอ่ื น
ไมฉ กี ขาด ตดิ กระดมุ ครบทกุ เมด็ สวมรองเทา หมุ สน หรอื รองเทา บตู เพอ่ื ปอ งกนั ฟงหนาชน้ั เรยี น
อันตรายจากของมีคมท่มิ ตํา สวมหนากากอนามัย เพื่อปองกนั ฝุน ละออง

T20

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

๑.๒ เครอื่ งมอื เครอื่ งใชใ นการซอ มแซมและตดิ ตงั้ อปุ กรณ เครอ่ื งใช ขนั้ สอน
ภายในบาน
ขน้ั ที่ 3 อธบิ ายความรู
เคร่ืองมือเป็นสิ่งจ�าเป็นและส�าคัญส�าหรับงานช่าง จึงต้องรู้จักลักษณะการใช้เคร่ืองมือให้
ถูกต้อง ตลอดจนการดูแลบ�ารุงรักษาเคร่ืองมือให้ใช้งานได้อย่างยาวนาน ประเภทของเคร่ืองมือ 2. ครใู หน กั เรยี นแบง กลมุ (กลมุ เดมิ ) ใหแ ตล ะกลมุ
แบง่ ตามลกั ษณะการใชง้ านออกเปน็ ๗ ประเภท ดงั นี้ สงตัวแทนกลุมละ 1 คน ออกมาจับสลาก
เลอื กภาพจกิ ซอวก ลมุ ละ 1 ภาพ โดยภาพจกิ ซอว
เคร่อื งมือสา� หรบั วัด ที่กําหนดใหจะเปนภาพเก่ียวกับการซอมแซม
สงิ่ ของเครอ่ื งใชภ ายในบา นทแ่ี ตกตา งกนั จากนน้ั
ฉากเหล็ก1 การใชง้ าน ตลบั เมตร2 ใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันตอภาพจิกซอว
ใหสําเรจ็
ใชว้ ดั ขนาดการสรา้ งมมุ ฉาก ตรวจสอบการไดฉ้ าก ใชว้ ดั ภายนอกและภายในของชน้ิ งาน โดยทวั่ ไป
ของงานชนิดตา่ ง ๆ หรือใชว้ ดั ขนาดความกวา้ ง จะบรรจุความยาวต้ังแต่ ๑.๐๐-๘.๐๐ เมตร 3. ครใู หน กั เรยี นแตล ะกลมุ รว มกนั ศกึ ษาเกย่ี วกบั
ยาว และลกึ ของชนิ้ งานขนาดเลก็ มขี นาดเล็ก พกพาสะดวก การซอมแซมส่ิงของเคร่ืองใชภายในบานจาก
ภาพจิกซอวของกลุมตนเอง พรอมทั้งบันทึก
การบาํ รุงรักษา ขอมลู ในประเดน็ ท่กี าํ หนดให ดังนี้
เช็ดและท�าความสะอาดหลังเลิกใช้งาน ชโลม คอ่ ย ๆ ผอ่ นแถบวดั กลบั เขา้ ในตลบั เพอ่ื ปอ้ งกนั • ประเภทของงานชางในบา น
น้�ามันเคร่ืองชนิดใส ก่อนน�าไปเก็บเข้าที่ให้ ขอเก่ียวชา� รดุ เช็ดท�าความสะอาด • ลกั ษณะอาการชํารดุ
เรยี บรอ้ ย ทุกคร้ังหลังจากการใช้งานเสมอ • เครอ่ื งมอื เครือ่ งใชในการซอมแซม
• การใชงานเครอื่ งมือ เครอ่ื งใชแ ตละชนิด
ฉากรวม ไมบ้ รรทดั เหลก็ • การบาํ รงุ รกั ษาเครอ่ื งมอื เครอื่ งใชแ ตล ะชนดิ

ใช้วัด หรือตรวจสอบมมุ ๔๕, ๙๐ องศา และวดั ใชว้ ัดระยะส้นั ใช้สา� หรบั ขีดเสน้ มีหลายขนาด 4. ครูนําตัวอยางเคร่ืองมืองานชางท่ีสวนใหญ
ระดับแนวดง่ิ หรอื แนวนอนของช้ินงาน วัดฉาก เชน่ ๖ นว้ิ ๑๒ น้ิว ๓๖ น้ิว ระบบการวดั คือ ทกุ บา นจะตองมปี ระจําบานมาใหนกั เรยี นดู
ไดท้ ัง้ ภายนอกและภายในชน้ิ งาน เมตริก (Matrix)
5. ครูใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนกลุมละ
การบาํ รุงรักษา 1-2 คน ออกมาสาธิตวิธีการใชงานเครื่องมือ
งานชา งที่ถูกตอง พรอมทั้งอธิบายถึงขอควร
เช็ดและท�าความสะอาดหลังเลิกใช้งาน ชโลม เช็ดและท�าความสะอาดหลังเลิกใช้งาน เก็บใส่ ระวังจากการใชงาน วิธีการใชงานเคร่ืองมือ
นรอ่ ้า� งมเันลเอื่ คนร ือ่ แงลชะนสดิกใร3สู ทใ่ี บฉาก ในกลอ่ งอปุ กรณ์ และเกบ็ ให้พ้นมือเด็ก งานชา งอยา งปลอดภยั และการดแู ลบาํ รงุ รกั ษา
เคร่ืองมอื งานชา งอยางถกู ตอ ง
ก่อนนา� ไปเกบ็
6. ครูถามนักเรียนวา
๑7งานช่างในบ้าน • ตลับเมตรสามารถนํามาใชในการวัดมุม
90 องศา ไดห รอื ไม เพราะเหตใุ ด
(แนวตอบ ไมได เพราะเปนอุปกรณท ีเ่ หมาะ
สาํ หรบั วดั เพอื่ หาระยะ หรอื ขนาดของชนิ้ งาน
ควรใชฉากเหล็กในการวัดมุม 90 องศา
จงึ จะเหมาะสมมากกวา )

ขอ สอบเนน การคิด นักเรียนควรรู

เพราะเหตุใดจึงตองมีการศึกษาถึงวัตถุประสงคของอุปกรณ 1 ฉากเหล็ก มีสวนประกอบท่ีสําคัญ 2 สวน ไดแก ใบฉากและดามฉาก
เครื่องมืองานชางแตละประเภท มมี าตราสว นเปน นวิ้ ใชในการวดั ขนาดและการขดี เสน ฉาก ไมค วรใชว ดั งานทมี่ ี
ลกั ษณะผวิ หยาบ หา มเอยี งฉากเมอ่ื ตอ งการตรวจสอบความราบเรยี บของผวิ งาน
1. ตองการทราบตน ทุนการผลิต เพราะอาจทาํ ใหขอบฉากเหลก็ กระแทกกับผวิ งานจนเกิดรอยได
2. แสดงถึงมาตรฐานของชา งมอื อาชพี 2 ตลับเมตร ควรใชอยางระมัดระวัง เม่ือดึงแถบวัดออกมาวัดช้ินงานเสร็จ
3. เรยี นรพู ฒั นาการใหมๆ ทหี่ ลากหลายของอปุ กรณ เครอ่ื งมอื เรียบรอยแลว ใหค อยๆ ผอ นแถบวัดกลับเขาในตลับ เน่อื งจากแถบวัดมีความ
บางและคม หากปลอยอยา งรวดเรว็ อาจทําใหแ ถบวัดบาดมือได
งานชา ง 3 สกรู หรือนอตตัวผู มีลักษณะเปนเกลียวรอบทรงกระบอก นิยมนํามาใช
4. สามารถเลอื กใชอ ปุ กรณ เครื่องมืองานชางไดอยา งถกู ตอง คูกบั นอต หรอื นอตตัวเมยี ซึ่งมรี ตู รงกลางคลายแหวน ภายในมรี อ งเปน เกลยี ว
เพอื่ ใหส ามารถหมนุ เขา กบั สกรไู ด สกรแู บง ออกเปน 4 ประเภท คอื สกรเู กลยี วไม
ปลอดภัย สกรูเกลยี ว สกรปู ลายสวาน และสกรูหวั จมหกเหลย่ี ม

(วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 4. เพราะชวยใหผปู ฏบิ ตั งิ านสามารถ T21
เลือกใชอุปกรณ เคร่ืองมืองานชางแตละประเภทไดอยางถูกตอง
เหมาะสมกับลักษณะของงานที่ตองการปฏิบัติ ทั้งยังชวยใหงาน
สําเร็จตามเปาหมายไดอยางรวดเร็วและมีความปลอดภัยในขณะ
ปฏบิ ัติงาน)

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน เครื่องมอื สา� หรับขันและไข

ข้ันท่ี 3 อธบิ ายความรู ประแจ1เลื่อน การใชง้ าน ไขควง2ปากแบน

7. ครอู ธิบายเพิม่ เตมิ วา “ไขควงมีสว นประกอบที่ ใชข้ นั หรอื คลายเกลยี วนอต รวมถงึ จบั ยดึ หรอื ใช้หมนุ หรือขันสกรทู ีม่ ชี อ่ งผ่า เพอื่ ยดึ ชน้ิ งาน
สาํ คญั อยู 3 สว น ไดแ ก ปากไขควง กา นไขควง ลอ็ กอุปกรณ์ชนดิ ต่าง ๆ หรอื วสั ดุใหแ้ นน่
และดา มไขควง ซง่ึ ปากของไขควงมอี ยดู ว ยกนั
หลายลักษณะ จึงควรเลอื กใชใหเหมาะสมกับ ประแจปากตาย ไขควงปากแฉก
การใชง าน หา มใชไ ขควงแคะ แกะ หรอื งดั งาน
ทกุ ชนดิ เพราะจะทาํ ใหป ากไขควงบนิ่ และกอ ให ใช้ขนั หรอื คลายสลกั เกลียวทั่วไปที่มีขนาด ใชข้ นั สกรทู ม่ี ชี อ่ งผา่ สแ่ี ฉก ใชห้ มนุ หรอื ขนั สกร ู
เกดิ ความเสียหายได” มาตรฐาน เพือ่ ยดึ ชน้ิ งาน หรือวสั ดใุ ห้แนน่

8. ครูนําภาพไขควง หรือไขควงท่ีมีลักษณะของ
ปากท่ีแตกตางกันมาใหนักเรียนดู พรอมท้ัง
อธบิ ายเพ่มิ เตมิ เพอื่ เปนการเสรมิ สรา งความรู
ความเขา ใจของนักเรยี นใหด ียิง่ ข้นึ

ประแจแหวน ไขควงบล็อก

ใชข้ นั หรอื คลายสลกั เกลยี วในทท่ี เ่ี ปน็ ซอก หรอื ใชห้ มุน หรือขันสกรูทม่ี รี อ่ งเป็นหกเหล่ยี ม
หลมุ และไมล่ กึ มาก เพ่อื ยึดชิ้นงาน
หรือวสั ดใุ ห้แน่น

ลกั ษณะของปากไขควง ประแจคอม้า ไขควงออฟเซต
9. ครูถามนกั เรียนวา
ใชข้ ันทอ่ โลหะ หรอื ขันข้อต่อท่ีมผี วิ กลม ใช้หมุน หรอื ขนั สกรใู นที่แคบ ๆ
• ประแจและไขควงมีวิธีการดูแลบํารุงรักษา ไมเ่ หมาะกับการขนั นอต ทไี่ ขควงธรรมดา
ทเ่ี หมอื น หรอื แตกตางกันหรือไม อยางไร ไม่สามารถเข้าไปขนั ได้
(แนวตอบ มวี ธิ กี ารดแู ลบาํ รงุ รกั ษาทแ่ี ตกตา งกนั
เพยี งเลก็ นอ ย กลา วคอื ประแจ หลงั จากการ การบาํ รุงรกั ษา
ใชง านควรทาํ ความสะอาด ชโลมนาํ้ มนั เครอื่ ง
ชนิดใส หรือนํ้ามันจักร กอนนําไปเก็บ • เชชโ็ดลทม�านค�้าวมาัมนสเคะอร่ืาอดงหชลนังิดเสใสร ็จจหารกือกนา�้ารใมชัน้งจานัก ร3 • เ ชด็ ท�าความสะอาดหลังเสรจ็ จากการใช้งาน
ในแผงเคร่ืองมือ และควรเก็บใหพนมือเด็ก • • เกบ็ ใส่ในกลอ่ งอปุ กรณ์และเกบ็ ให้พน้ มือเดก็
สว นไขควง หลงั จากใชง านควรทาํ ความสะอาด แลว้ นา� ไปเก็บเข้าที่ให้เรยี บรอ้ ย
กอ นนาํ ไปเกบ็ ในแผงเครอ่ื งมอื และควรเกบ็
ใหพนมือเดก็ ) ๑๘

นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคดิ

1 ประแจ ควรเลือกประเภทของประแจใหเหมาะสมกับขนาดของหัวนอต หากตองการเลือกซื้ออุปกรณ เครื่องมืองานชางในบานควร
หากไมพ อดี แรงดึงจากการหมุนประแจอาจหลดุ สงผลใหผ ปู ฏิบตั ิงานเกิดการ พจิ ารณาจากส่งิ ใด
บาดเจ็บและทําใหตัวนอตเสียหายได ดังน้ัน ผูปฏิบัติงานควรใชงานประแจ
อยางระมัดระวัง รวมถึงใชวิธีการดึง หรือการเหนี่ยวประแจเขาหาตัวอยูเสมอ 1. ความชน่ื ชอบของตนเอง
จะชวยใหบ งั คับประแจไดด ขี ้นึ 2. วัตถปุ ระสงคในการใชงาน
2 ไขควง ผปู ฏบิ ตั งิ านควรพงึ ปฏบิ ตั ิ เพอื่ ใหเ กดิ ความปลอดภยั ในขณะปฏบิ ตั งิ าน 3. ความนิยมของคนในสงั คม
เชน ควรเลือกใชปากของไขควงใหมีขนาดและความหนาเหมาะสมกับรองของ 4. ความสวยงามของรปู ลกั ษณภายนอก
นอต สกรู หรอื สลกั เกลียว ขณะใชง านไขควงตองตัง้ ตรง หรอื ตง้ั ฉากกับนอต
สกรู หรือสลักเกลียว จากนั้นบิดไขควงทวนเข็มนาฬกาเม่ือตองการคลายออก (วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 2. เพราะควรเลอื กซอื้ ตามวตั ถปุ ระสงค
และบดิ ไขตามเขม็ นาฬกาเม่อื ตองการขนั ใหแนน ของการใชงาน ซ่ึงการปฏิบัติงานชางแตละประเภท จะเลือกใช
3 นํ้ามันจักร เปนวัสดุหลอล่ืนชนิดเหลว ชวยปองกันการเกิดสนิมและการ อุปกรณ เคร่อื งมืองานชางที่แตกตา งกนั หากเลือกใชไมเ หมาะสม
สกึ กรอนของอุปกรณต า งๆ กบั งาน อาจทําใหเกิดอบุ ตั ิเหตุในระหวา งปฏิบตั งิ านได)

T22

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

เครือ่ งมือประเภทจับยึด เครือ่ งมือสา� หรบั ตอก ขน้ั สอน

การใชง้ าน ขน้ั ท่ี 3 อธบิ ายความรู

คีมตดั ค้อนหงอน 10. ครูอธิบายเพ่ิมเติมวา “การใชคีมเพ่ือใหเกิด
ความปลอดภยั ในขณะปฏบิ ตั งิ าน ควรเลอื กใช
ใช้ตัดลวด หรอื ตัดสายไฟ มีร่องฟันเพ่ือจับ ใช้เคาะ ตี ตอก ทุบ งัด ปลายบาง มรี อยแยก คมี ใหเ หมาะสมกบั ลกั ษณะของงาน การจบั คมี
ชิ้นงานไดอ้ กี ด้วย ควรใหด า มคมี อยทู ป่ี ลายนวิ้ ทง้ั ส่ี ใชอ งุ มอื และ
ถตอรงนกตละาปง1 ู เปน็ มมุ แหลมที่ปลายไวใ้ ช้ นวิ้ หวั แมม อื กดดา มคมี อกี ดา น จะทาํ ใหม กี าํ ลงั
ในการจับ หรอื ตัดมากขน้ึ ไมใ ชคมี ตดั โลหะ
สว่ นใหญจ่ ะใช้ในงานไม้ ทมี่ ีขนาดใหญ หรือมคี วามแขง็ มากจนเกนิ ไป
ควรใชก รรไกรตัดแทน ไมควรใชคมี ขนั หรอื
ใช้จับชิ้นงานโลหคะีมแปบานกหแรือบสนายไฟ2 เหมาะกับ ใช้ตอกตะป3ูตัวคเ้อล็กน ๆเด ในิ นสกาารยเดไฟินสายไฟและใช้ คลายหวั นอต เพราะจะทาํ ใหห วั นอตชํารุดได”

งานในท่ีแคบ ส�าหรบั ย�า้ หวั หมุดในงานโลหะแผ่น 11. ครถู ามนกั เรยี นวา
• “หากตอ งการปอกสายไฟท่ชี ํารุด สามารถ
คมี ปากนกแก้ว คอ้ นหัวกลม ใชค มี ตดั หรอื คมี ปากแบนปอกได” นกั เรยี น
เหน็ ดว ยหรือไม อยา งไร
ใชต้ ัดเหลก็ และเสน้ ลวด ไมเ่ หมาะที่จะนา� มาใช้ ใชต้ อกหมดุ เหล็ก ตขี น้ึ รปู งานตีเหล็ก มหี ลาย (แนวตอบ ไมเ หน็ ดว ย เนอ่ื งจากคมี ทงั้ 2 ชนดิ
จบั ชิ้นงาน ขนาดให้เลอื กตามความเหมาะสม มรี ปู แบบการใชง านทแ่ี ตกตา งกนั โดยคมี ตดั
จะใชต ดั ลวด หรอื ตดั สายไฟ สว นคมี ปากแบน
คมี ลอ็ ก คอ้ นปอนด์ จะใชจ บั ชน้ิ งานโลหะหรอื สายไฟหากตอ งการ
ปอกสายไฟฟา ทช่ี าํ รดุ ควรใชค มี ปอกสายไฟฟา
ใช้จับช้ินงาน เพ่ือป้องกันการหมุน หรือเลื่อน ใช้ตเี หล็ก ตอกหมดุ สกดั หนิ และงานทตี่ อ้ งใช้ โดยเฉพาะ เพราะจะมีขนาดของชองปอก
โดยปรบั ขยายเลอื่ นความกว้างของปากคีมได้ แรงเหวย่ี งมาก ๆ เทากบั ขนาดของสายไฟฟา พอด)ี
เช่น ทบุ กา� แพง
วสั ดเุ นอ้ื แขง็ 12. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “วัสดุที่ใชในการผลิต
หัวคอนสวนใหญทํามาจากโลหะ เมื่อใชงาน
การบาํ รุงรักษา เปนเวลานานและขาดการดูแลบํารุงรักษา
ทถ่ี กู ตอ งอาจทาํ ใหเ กดิ สนมิ ได ดงั นนั้ หากพบวา
• เชด็ ทา� ความสะอาดหลงั เสรจ็ จากการใชง้ าน • เชด็ ทา� ความสะอาดหลงั เสร็จจากการใช้งาน คอนขึ้นสนิม สามารถแกไขไดโดยการใช
• หยดนา้� มนั ที่จุดหมนุ ชโลมน้า� มนั เครือ่ งชนิด • ชโลมน�้ามันเครื่องชนิดใส หรือน้�ามันจักร น้ําสมสายชู โดยเทน้ําสมสายชูลงในภาชนะ
ใส หรอื น้า� มนั จักรบริเวณปากคมี บรเิ วณหัวค้อน นาํ โลหะทเ่ี กดิ สนมิ ลงไปแช ทง้ิ ไวส กั พกั ใชผ า
• เกบ็ ในกลอ่ งอุปกรณ์และเกบ็ ใหพ้ ้นมือเดก็ • เกบ็ ในกล่องอปุ กรณ์และเกบ็ ใหพ้ น้ มือเดก็ หรือสกอตช-ไบรตมาขัดบริเวณท่ีเกิดสนิม
ลา งใหส ะอาด จากนนั้ จงึ ใชผ า สะอาดเชด็ ใหแ หง ”
๑๙งานช่างในบ้าน

กิจกรรม เสรมิ สรางคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค นักเรียนควรรู

ใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละเทาๆ กัน ใหสมาชิกแตละคน 1 ถอนตะปู ควรปฏิบัติงานดวยความระมัดระวัง หากตะปูตัวใหญมาก
ทําการสํารวจอุปกรณเคร่ืองใชภายในบานของตนเองวามีอุปกรณ ควรใชไ มร องหัวคอน จากนน้ั จึงคอยๆ งัดตะปขู น้ึ โดยออกแรงเพ่มิ ทีละนอย
เครื่องใชภายในบานชนิดใดที่ชํารุดเสียหาย นําผลการสํารวจมา เน่อื งจากหากงดั ดวยความแรง อาจสงผลใหดา มคอ นหักได
แลกเปลยี่ นภายในกลมุ เพอื่ ใหส มาชกิ ภายในกลมุ แตล ะคนลงความเหน็ 2 สายไฟ แบงเปน 2 ชนิด คือ สายสําหรับไฟแรงดันต่ําและสายสําหรับ
ในการซอ มแซมอปุ กรณเ ครอ่ื งใชภ ายในบา นตามความสนใจกลมุ ละ ไฟแรงดนั สงู ในการใชง านควรเลอื กใชใ หเ หมาะสม เนอ่ื งจากสายไฟแตล ะชนดิ
1 ชน้ิ โดยจดั ทาํ เปน คลปิ วดิ โี อสน้ั ๆ ความยาวไมเ กนิ 7 นาที จากนน้ั จะมขี นาด ความทนแรงดันไฟ และการใชงานท่แี ตกตางกัน
ออกมานําเสนอผลงานใหเ พือ่ นชมหนา ชั้นเรียน 3 ตอกตะปู หากใชคอนตอกตะปูที่มีขนาดเล็กมากเกินกวาจะใชนิ้วมือ
จับได ควรใชคีมปลายแหลมจับแทน เพ่ือปองกันการตอกถูกนิ้วมือ ทั้งนี้
(กิจกรรมน้ีเสริมสรางคุณลักษณะดานซ่ือสัตยสุจริต มีวินัย กอนใชคอนทุกคร้ังควรตรวจสอบวาหัวคอนกับดามจับยึดติดกันแนนหรือไม
และมุงมน่ั ในการทํางาน) โดยใชมือขางใดขางหนึ่งจับหัวคอนและมืออีกขางหน่ึงจับดามคอน บิดเพ่ือ
ทดสอบความแขง็ แรงของคอน เพ่ือใหเกิดความปลอดภัยในขณะปฏบิ ตั ิงาน

T23

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สอน เครื่องมือส�าหรับตัด เคร่อื งมอื ประเภทเจาะ

ขน้ั ท่ี 3 อธบิ ายความรู เลอ่ื ยลนั ดา การใชง้ าน สวา่ นไฟฟา

13. ครอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ วา “สาํ หรบั ผทู ยี่ งั ไมม คี วาม ใชต้ ดั ไมแ้ ละโกรกไม ้ แบง่ เปน็ ๒ ชนดิ คอื ชนดิ ใชเ้ จาะวสั ดุตา่ ง ๆ เช่น คอนกรตี
ชํานาญในการใชเล่ือย ควรใชดินสอขีดเสน ฟันตัดและชนิดฟนั โกรก ปนู โลหะ ไม ้ พลาสตกิ
ลงบนวสั ดทุ ตี่ อ งการเลอื่ ยกอ น เพอื่ เปน การนาํ
สายตา แลว ใชน ว้ิ หวั แมม อื ขา งทไ่ี มไ ดจ บั เลอื่ ย เลอื่ ยหางหนู สวา่ นมือ
ชวยประคองนําใบเล่ือย เพื่อใหใบเลื่อยน่ิง
ไมพลิกไปมา เม่ือเล่ือยลงไปจนลึกแลวให ใช้ตดั ไม้ หรอื ตัดชิ้นงานเปน็ แนวโคง้ ทงั้ ยัง ใช้เจาะรทู ม่ี ขี นาดเลก็ และ
นําน้ิวท่ีใชประคองออก จรดใบเล่ือยลงบน สามารถใช้เจาะฝา้ หรือผนังยปิ ซมั ได้ มีความหนามาก ๆ ได้
บริเวณท่ตี อ งการเลือ่ ย ดึงเล่อื ยเขาหาตวั โดย
ไมตองออกแรงมาก กดใบเล่ือยลงไปแลว เล่อื ยตัดเหลก็ สวา่ นข้อเสอื
ออกแรงในการดึง เพ่ือใหใบเลื่อยกินเขาไป
ในเนื้อวัตถุที่ตองการเลื่อย ชักเล่ือยข้ึน-ลง ใช้ตดั โลหะท่วั ไป เชน่ ตะป ู นอต สกรู ใชเ้ จาะรไู ม ้ คนั สวา่ นจะมลี กั ษณะคลา้ ยตวั ย ู (U)
ทําสลับกันไปมาในอัตราความเร็วประมาณ ฉากเหลก็ ท่อ PVC ทา� ใหเ้ พมิ่ ระยะ
40-50 ครง้ั ตอ นาที ไมจ าํ เปน ตอ งออกแรงมาก การหมนุ ไดม้ ากขน้ึ
เพราะฟน เลอื่ ยทค่ี มจะทาํ หนา ทใี่ นการตดั เนอื้
ของวัตถุน้ันๆ” เลือ่ ยรอ บิดหล่า

14. ครูถามนักเรยี นวา ใช้ตัดแต่งปากไม้ท่ีผิวหน้าไม่เรียบให้เรียบ ใชเ้ จาะรขู นาดเลก็ ๆ ท่ีต้องการฝงั ตะปเู ข้าไปใน
• หากตองการตัดและตกแตงก่ิงของตนไม ตรง หรอื ตัดแตง่ หน้าผวิ รอยต่อของการเข้าไม้ ไม้เนื้อแขง็
ควรเลอื กใชเ ลื่อยชนดิ ใด เพราะเหตใุ ด เข้าเดือยให้แนบสนทิ
(แนวตอบ ควรเลือกใชเลื่อยโคงตัดก่ิงไม
เพราะความโคงของคมเล่ือยและฟนเลื่อย การบํารงุ รกั ษา
จะทําใหสามารถทํางานไดอยางสะดวก
รวดเร็ว) • หลังใช้งานให้คลายใบเล่ือยออก เพ่ือยืดอายุ • เช็ดท�าความสะอาดหลงั เสรจ็ จากการใช้งาน
การใชง้ านให้ยาวนานข้นึ • ถอดดอกสวา่ นออก แลว้ หมนุ หวั บงั คบั ดอกสวา่ น
15. ครูอธิบายเพ่ิมเติมวา “การใชสวานเจาะไม • ชโลมน้า� มันเคร่อื งชนิดใส หรือน�า้ มนั จักร ใหแ้ นน่ ทาจาระบที เ่ี ฟอื ง และหวั จบั ดอกสวา่ น
ควรนําเศษวัสดุท่ีเรียบมารองบริเวณดานลาง • เก็บเขา้ ที่ให้เรยี บร้อยและเกบ็ ใหพ้ น้ มอื เด็ก • เก็บเข้าที่ใหเ้ รียบรอ้ ยและเก็บให้พ้นมอื เด็ก
เพื่อปองกันไมใหไมฉีก แตก ไมเรียบ และ
ในการเจาะรูไมท่ีมีความหนามากๆ ไมควร ๒๐
ออกแรงกดมากจนเกินไป เพราะอาจสงผล
ใหดอกสวานหักได”

16. ครถู ามนกั เรียนวา
• นักเรียนมีแนวทางอยางไรในการใชสวาน
ไฟฟา เพอ่ื ใหเ กดิ ความปลอดภยั ตอ ตนเอง
และผูอน่ื
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
ไดอ ยา งอสิ ระ)

เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ

ครูอธิบายเพิ่มเติมเก่ียวกับเทคนิคการใชสวานไฟฟาในการเจาะผนังที่เปน ในการประกอบและติดตั้งอุปกรณเคร่ืองใชภายในบานให
กระเบื้องไมใหแตกใหนักเรียนฟงวา การเจาะกระเบ้ืองดวยสวานไฟฟา เพ่ือ ถูกตองและเกิดความปลอดภัยในขณะใชงาน ควรมีหลักในการ
ปอ งกนั การชาํ รดุ เสียหาย สามารถปฏิบัตไิ ด ดงั นี้ ปฏบิ ตั ิตนอยางไร

• ใหประกอบสวานไฟฟาเขากับดอกสวานเจาะเหล็ก ปรับใหอยูในระบบ (แนวตอบ ในการประกอบและติดต้ังอุปกรณเครื่องใชภายใน
การเจาะเบา คอยๆ กดสวานเปนจังหวะ เพื่อใหหัวสวานผานชั้นผนัง บานใหถูกตองและเกิดความปลอดภัย มีหลักในการปฏิบัติ คือ
กระเบ้อื งเขาไปเล็กนอย ควรศึกษาคุณลักษณะเฉพาะของอุปกรณเคร่ืองใชภายในบาน
ประเภทตางๆ จากคูม อื แนะนําการใชงานใหเขา ใจอยางละเอียด
• ใหเปล่ียนดอกสวานจากดอกสวานเจาะเหล็กเปนดอกสวานสําหรับ กอนลงมือประกอบและติดตั้ง กําหนดตําแหนงที่ตองการติดต้ัง
เจาะกระแทก ปรบั สวา นไฟฟา ใหอ ยใู นระบบเจาะกระแทก คอ ยๆ กดสวา น ทมี่ คี วามปลอดภยั จดั เตรียมอปุ กรณ เครอื่ งมอื เครื่องใชในการ
ลงไปท่ีรเู ดมิ เปน จงั หวะดว ยความระมัดระวัง ปฏิบัติงานใหพรอม จากน้ันจึงปฏิบัติตามคูมือที่ผูผลิตแนะนํา
อยางเครงครัด)

T24

นาํ สอน สรุป ประเมิน

เคร่ืองมือส�าหรับงานไฟฟา ขน้ั สอน

การใช้งาน ขนั้ ท่ี 4 ขยายความเขา ใจ

ไขควงวัดไฟฟา หลอดทดลองไฟฟา 17. ครูใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนกลุมละ
1 คน ออกมานําเสนอผลงานหนาชั้นเรียน
ใชต้ รวจสอบกระแสไฟฟา้ ในวงจร หากมกี ระแส ใช้ตรวจสอบกระแสไฟฟ้าเบื้องต้น เพื่อหาจุด จากนน้ั ใหเ พอ่ื นรว มชนั้ เรยี นรว มกนั เสนอแนะ
ไฟฟ้า หลอดไฟฟ้าเรืองแสงที่ด้ามไขควงจะ บกพรอ่ งของวงจรนนั้ ๆ โดยมหี ลกั การพนื้ ฐาน เพ่มิ เตมิ
ปรากฏแสงสว่างขน้ึ ทนั ที เชน่ เดยี วกับการตอ่ หลอดไฟฟา้ เขา้ สูว่ งจร
18. ครูอธิบายเพ่ิมเติมเกี่ยวกับความสําคัญของ
การบํารงุ รักษา การใชง านและการบาํ รงุ รกั ษาเครอื่ งมอื เครอื่ งใช
ในการซอมแซมและติดตั้งอุปกรณ เคร่ืองใช
ตรวจสอบไขควงวัดไฟให้มีฉนวนหุ้มไขควงที่ จุดปากคีบและจุดตรวจสอบต้องมีฉนวนหุ้ม ภายในบา นใหน กั เรยี นฟง เพอื่ เพม่ิ เตมิ ความรู
สมบูรณ์ เช็ดท�าความสะอาดและเก็บเข้าท่ีให้ อยา่ งดี เพือ่ ป้องกนั การถูกกระแสไฟฟ้าดูด เช็ด ใหกับนักเรยี น
เรียบร้อย ทา� ความสะอาดและเกบ็ เข้าทีใ่ ห้เรยี บร้อย
ขนั้ สรปุ
เครอื่ งวัดมลั ตมิ เิ ตอร์
ขน้ั ที่ 5 ตรวจสอบผล
ใชว้ ดั ปริมาณทางไฟฟา้ เชน่ วัดความตา้ นทานไฟฟา้ วดั แรงเคล่อื น
ไฟฟ้ากระแสตรง วัดแรงเคล่อื นไฟฟา้ กระแสสลบั 1. ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั สรปุ ความรู เรอื่ ง การใช
การบาํ รงุ รกั ษา เคร่ืองมืองานชางอยา งปลอดภัย
หลังจากใช้งานเสร็จแลว้ ใหถ้ อดสายวดั ออก แลว้ ปรับสวติ ช์
ไปที่ OFF เชด็ ท�าความสะอาดและเก็บเขา้ ท่ใี หเ้ รยี บรอ้ ย 2. ครตู รวจสอบความรู ความเขา ใจของนกั เรยี น
จากการนาํ เสนอผลการวเิ คราะห วจิ ารณ และ
Tip การสรปุ ความรู

ระดับนํ้า ขน้ั ประเมนิ

อปุ กรณง์ านชา่ งชนดิ หนง่ึ ทา� จากอะลมู เิ นยี ม มคี วามยาวประมาณ ๖๐ ซม. หนาประมาณ ๕ ซม. å 1. ครตู รวจสอบผลการทาํ แบบทดสอบกอ นเรยี น
นิยมน�ามาใช้วัดความราบเอียงของพื้น โดยวัดได้ท้ังแนวต้ังและแนวนอน เมื่อต้องการวัดความลาดเอียง เพอ่ื ตรวจสอบความเขา ใจกอ นเรยี นของนกั เรยี น
ของพนื้ ใหน้ า� ระดบั นา�้ วางลงบนพน้ื ทต่ี อ้ งการ สงั เกตฟองอากาศภายใน
หลอดแก้ว หากพื้นไม่ลาดเอียงฟองอากาศจะอยู่ตรงกลางระหว่างเส้น 2. ครูตรวจสอบใบงานที่ 2.1.1 เร่อื ง เครื่องมอื
๒ เสน้ บนหลอดแกว้ เครื่องใชในการซอมแซมและติดตั้งอุปกรณ
เครื่องใชภายในบา น

3. ครูประเมินผลระหวางการจัดกิจกรรมการ
เรียนรู จากการสังเกตพฤติกรรมการทํางาน
กลุม การนําเสนอผลงาน และการสังเกต
คุณลักษณะอันพึงประสงค

๒๑งานช่างในบ้าน

ขอ สอบเนน การคดิ แนวทางการวัดและประเมินผล

งานชา งในบา นประเภทใดทส่ี ามารถปฏบิ ตั ไิ ดเ อง และงานชา ง ครสู ามารถสงั เกตพฤตกิ รรมการทาํ งานกลมุ การนาํ เสนอผลงาน โดยศกึ ษา
ในบา นประเภทใดทคี่ วรใหผ ทู ม่ี คี วามเชย่ี วชาญมาปฏบิ ตั งิ านแทน เกณฑก ารวดั และประเมนิ ผลทแี่ นบทา ยแผนการจดั การเรยี นรู หนว ยการเรยี นรทู ่ี 2

(แนวตอบ งานชางในบานท่ีสามารถปฏิบัติไดเองมีอยูดวยกัน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกล่มุ แบบประเมินการนาเสนอผลงาน
หลายอยาง เชน การประดษิ ฐข องเลนจากไม การดแู ลบาํ รุงรกั ษา
เครอ่ื งใชไ ฟฟา การเปลยี่ นหลอดไฟภายในบา น สว นงานชา งในบา น คาชี้แจง : ให้ผูส้ อนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ลงในชอ่ งท่ตี รงกับระดบั คาช้แี จง : ให้ผสู้ อนประเมนิ ผลการนาเสนอผลงานของนกั เรียนตามรายการ แล้วขดี ลงในชอ่ งทีต่ รงกบั ระดับคะแนน
ที่ควรใหผูท่ีมีความเชี่ยวชาญมาปฏิบัติงานแทน มีอยูดวยกัน คะแนน
หลายอยาง เชน การใชเลื่อยไฟฟาตัดเหล็ก การติดต้ังอุปกรณ
ไฟฟา การซอมแซมเคร่ืองใชไ ฟฟาบางประเภท) ลาดับที่ ชอ่ื -สกลุ การแสดง การยอมรบั การทางาน ความมี การมี รวม ลาดับท่ี รายการประเมิน ระดับคะแนน
ของนักเรียน ความ ฟังคนอืน่ ตามที่ไดร้ บั นา้ ใจ ส่วนร่วมใน 15 321
คิดเห็น มอบหมาย คะแนน 1 ความถกู ต้องของเนอ้ื หา
การ 2 การลาดับขน้ั ตอนของเรื่อง รวม
ปรับปรงุ 3 วธิ ีการนาเสนอผลงานอย่างสรา้ งสรรค์
ผลงานกลมุ่ 4 การใชเ้ ทคโนโลยใี นการนาเสนอ
5 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลมุ่
3 2 13 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1

ลงชือ่ ...................................................ผ้ปู ระเมนิ
............/................./................

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลงช่ือ...................................................ผู้ประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
ปฏบิ ตั ิ หรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ ............./.................../............... ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ สมบูรณ์ชัดเจน ให้ 2 คะแนน
ปฏิบตั ิ หรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครง้ั ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินเป็นสว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน
ให้ 3 คะแนน
ปฏิบัติ หรือแสดงพฤตกิ รรมบางคร้งั ให้ 2 คะแนน ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ บางส่วน
ให้ 1 คะแนน

เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ

12-15 ดี 12-15 ดี

8-11 พอใช้ 8-11 พอใช้

ต่ากวา่ 8 ปรับปรุง ต่ากวา่ 8 ปรับปรุง

T25

นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั นาํ (เนนการสาธิต) ๒ ตัวอย่างการซ่อมแซมเคร่ืองใชภ้ ายในบา้ น

ขน้ั ที่ 1 การเตรยี มการ การซ่อมแซมเครอื่ งใช้ภายในบ้านท่ชี �ารดุ จะเป็นการชว่ ยยดื ระยะเวลาการใชง้ านใหย้ าวนาน

1. ครูจัดเตรียมวัสดุ อุปกรณ เคร่ืองมือท่ีใชใน ย่ิงข้ึน ซึ่งจะช่วยลดอุบัติเหตุและช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ท้ังนี้ผู้ปฏิบัติงานต้องมีความรู ้
การซอมแซมสายชารจและการซอมแซมปลั๊ก ความเชยี่ วชาญในการใชเ้ ครอื่ งมอื และอุปกรณ์ เพือ่ ความปลอดภัยในการซอ่ ม มีตวั อยา่ ง ดังน้ี
ตอ พว ง เพอ่ื ใชในการสาธติ การซอ มแซมอปุ กรณ
เครอื่ งมือ เครือ่ งใชภายในบาน สายชาร์จโทรศัพท์ เป็นสาย USB สีขาว
หรอื สดี า� เมอื่ ใชไ้ ปนาน ๆ อตั ราการชารจ์ ไฟจะตกลง
2. ครูทดลองซอมแซมสายชารจโทรศัพทและ จนถึงชาร์จไฟไมเ่ ขา้ ปญั หาทพ่ี บสว่ นใหญม่ กั ไมไ่ ด้
ซอ มแซมปลก๊ั ตอ พว ง 1 รอบ กอ นการสาธติ จรงิ เกิดขึ้นที่อะแดปเตอร์ แต่มักเกิดขึ้นกับสาย USB
เพ่ือใหเกิดความชํานาญและลดขอบกพรอง สายชาร์จโทรศัพท์เมื่อใช้ไประยะหนึ่งอาจเกิดการ
ที่อาจเกดิ ขนึ้ จากการสาธติ ชา� รดุ หรอื เส่อื มสภาพจากการใชง้ าน หรอื การเกบ็
รักษา เมอื่ ช�ารุดสามารถซอ่ มข้วั สายชาร์จโทรศพั ท์
ขนั้ ที่ 2 กอ นการสาธติ ไดต้ ามอาการ เพอื่ เปน็ การประหยดั ค่าใช้จา่ ย

3. ครูนําสายชารจโทรศัพทท่ีฉนวนหุมสายชารจ วสั ดุ อปุ กรณท์ ใ่ี ช้ การ ่ซ อมแซม
เปอ ย หรอื เสอื่ มสภาพ และปลก๊ั ตอ พว งทช่ี าํ รดุ ๑. สายชาร์จโทรศัพท ์
เน่อื งจากไฟไมเขามาใหนักเรยี นดู ๒. อะแดปเตอร์ สายชารจ์
๓. ทอ่ หดขนาดตา่ ง ๆ โทรศพั ท์
4. ครถู ามนักเรยี นวา ๔. คตั เตอร/์ กรรไกร
• ท่ีบานของนักเรียนมีสายชารจโทรศัพทที่ ๕. ไฟแช็ก ฉนวนหุ้มสายชารจ์
ฉนวนหุมสายชารจเปอย หรือเส่ือมสภาพ ๖. ไขควงวัดไฟระบบเสยี ง เป่ือยหรอื
หรือปลั๊กตอพวงท่ีชํารุดเนื่องจากไฟไมเขา ๗. เทปประปา เส่ือมสภาพ
บา งหรอื ไม หากมี นกั เรยี นทาํ อยา งไรกบั ของ
ที่ชาํ รดุ ดงั กลา ว” ๑๒
(แนวตอบ คําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจของ
นกั เรยี น) ๒๒

5. ครูใหนักเรียนที่พบกับปญหาดังกลาวออกมา
เลาประสบการณเ ก่ียวกับวธิ กี ารแกปญ หาจาก
คาํ ถามทค่ี รกู าํ หนดใหใ หเ พอ่ื นฟง หนา ชน้ั เรยี น

6. ครใู หน กั เรยี นศกึ ษา เรอื่ ง วธิ กี ารซอ มแซมสาย
ชารจ โทรศพั ทแ ละวธิ กี ารซอ มแซมปลกั๊ ตอ พว ง
จากหนังสอื เรยี น หนวยการเรยี นรทู ี่ 2

7. ครถู ามนักเรียนวา
• จากการศกึ ษา เรอื่ ง วธิ กี ารซอ มแซมสายชารจ
โทรศัพท และวิธีการซอมแซมปล๊ักตอพวง
นักเรียนคิดวาตนเองสามารถซอมแซมเอง
ไดหรอื ไม เพราะเหตใุ ด
(แนวตอบ คําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจของ
นักเรียน)

เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิด

ครูอธิบายเพ่ิมเติมเก่ียวกับการเลือกซื้อสายชารจโทรศัพทใหนักเรียนฟงวา หากตองการซอ มแซมอุปกรณเ คร่อื งใชภ ายในบาน ควรปฏิบตั ิ
การเลอื กซอ้ื สายชารจ โทรศพั ท ควรเลอื กซอื้ จากบรษิ ทั ผผู ลติ โทรศพั ทเ ครอ่ื งนน้ั ๆ อยางไร
โดยตรง หากจาํ เปน ตอ งใชส ายชารจ โทรศพั ทข องผผู ลติ รายอน่ื ควรเลอื กซอ้ื ทม่ี ี
มาตรฐาน มกี ารรบั รองคณุ ภาพ เชอื่ ถอื ได หากใชส ายชารจ โทรศพั ทล อกเลยี นแบบ (แนวตอบ หากตองการซอมแซมอุปกรณเคร่ืองใชภายในบาน
ทไ่ี มม กี ารรบั รองคณุ ภาพ อาจทาํ ใหเ กดิ ความเสยี หายตอ แบตเตอรแี ละโทรศพั ท ควรปฏบิ ัติตามข้นั ตอน คอื ใหท าํ การสาํ รวจพรอ มทง้ั สงั เกตชนดิ
ทั้งยังสงผลถึงความปลอดภัยในขณะใชงาน อาจทําใหเกิดอุบัติเหตุขึ้นระหวาง และลกั ษณะการชาํ รดุ ของวสั ดทุ น่ี าํ มาใชใ นการทาํ อปุ กรณเ ครอื่ งใช
การชารจ โทรศพั ท เนอ่ื งจากสายชารจ โทรศพั ทไ มม มี าตรฐานดา นความปลอดภยั ภายในบาน จากนั้นศึกษาข้ันตอนและวิธีการซอมแซมอุปกรณ
ที่เพียงพอ ดังนั้น จึงควรเลือกซ้ือจากบริษัทผูผลิตท่ีไดการรับรองคุณภาพและ เครอ่ื งใชภ ายในบา น ตรวจสอบการทาํ งานของวงจรไฟฟา ใหแ นใ จ
มาตรฐาน จึงเปน ทางเลอื กทด่ี ที ีส่ ุด กอ นวา ไดต ดั ไฟฟา ออกจากวงจรกอ นทาํ การซอ มแซมหรอื ไม หลงั การ
ซอมแซมควรตรวจสอบความถูกตองของวงจรไฟฟาใหละเอียด
กอนการใชงาน และผูปฏิบัติงานจะตองมีความรอบคอบในขณะ
ปฏิบตั ิงาน เพือ่ ใหเกิดความปลอดภยั ตอ รางกายและทรพั ยสนิ )

T26

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ข้ันตอนการซอ่ มแซม ขน้ั สอน
๑. น�ำสำยชำร์จที่ฉนวนหุ้มสำยเปื่อย หรือเสื่อมสภำพมำท�ำควำมสะอำดให้เรียบร้อย ให้น�ำเทป
ประปำพันรอบสำยชำรจ์ ทช่ี ำ� รุด จะต้องพนั ใหแ้ น่นตลอดแนวทส่ี ำยช�ำรุด แต่ไม่ควรพนั หนำจน ขน้ั ที่ 3 การสาธติ
เกนิ ขนำดของทอ่ หดท่ีเตรยี มไว้
๒. ต ัดท่อหดให้มีควำมยำวตำมขนำดท่ีต้องกำรจะหุ้มทับ น�ำท่อหดสวมเข้ำกับขั้ว USB1 ปิดทับ 1. ครูนําวัสดุ อุปกรณ เคร่ืองมือที่ใชในการ
สำยชำรจ์ ที่พันเทปประปำไว ้ จดั ท่อหดให้อยู่แนวเดยี วกนั กับสำยชำร์จ ซอมแซมสายชารจ โทรศพั ท และวัสดุ อปุ กรณ
๓. จ ุดไฟแช็กให้เปลวไฟลนท่อหดให้หดตัวแนบสนิทกับสำยชำร์จ ในขณะที่ใช้ไฟแช็กลนจะต้อง เครอ่ื งมอื ทใ่ี ชใ นการซอ มแซมปลก๊ั ตอ พว งมาให
หมุนสำยชำร์จให้ท่อหดไดร้ บั ควำมร้อนสม่ำ� เสมอกัน นกั เรียนดู
๕๔.. นปสังฏ�ำเไิบกขัตตคิตดวำูแงมวสขัดงแน้ัไฟลตะวอเำนสงใียทนงำขขบ้ออล ง๓งไบข. นคโดวสงยำวใยชัดชท้กำรอ่ระ์หจแ ดสตหไั้งฟุม้ แ3ส ตำห่อยำะชกแำมดรีแจ์ปสไเวตง้ทสอวง้ัร2 ่ำ์ไ๒งปเ จกดนิดำ้ ถขนึง้ึนข ้ัวหสรำือยมชีเำสรีย์จง ดจังำแกสนด้ันงใวห่ำ ้
มีกระแสไฟเขำ้ สำยชำรจ์ สำมำรถทำ� งำนได้ตำมปกติ 2. ครูใหนักเรียนชวยกันจําแนกวัสดุ อุปกรณ
๖. ท ดสอบกำรใชง้ ำนจรงิ โดยนำ� สำยชำรจ์ เสยี บเขำ้ ทต่ี วั เครอ่ื งของโทรศพั ท ์ ปรำกฏภำพกำรชำรจ์ ไฟ ดังกลาวออกเปนกลุมตามประเภทของการ
แสดงวำ่ สำยชำร์จสำมำรถกลบั มำใชง้ ำนได้ตำมปกติ ซอมแซม

๓๔ 3. ครูสาธิตวิธีการซอมแซมสายชารจโทรศัพท
๕๖ ใหนักเรียนดูเปนตัวอยาง พรอมท้ังอธิบาย
ประกอบทลี ะขนั้ ตอนอยา งชา ๆ เพอื่ ใหน กั เรยี น
ซ่อมสายไฟขาดด้วยตนเอง 2๓ ไดสงั เกตและตดิ ตามแตล ะขัน้ ตอนไดทัน

4. ครูถามนกั เรยี นวา
• นกั เรยี นคดิ วา เปน เพราะสาเหตใุ ดฉนวนหมุ
สายชารจโทรศัพทจ งึ เปอย หรอื เส่อื มสภาพ
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
ไดอ ยา งอสิ ระ เชน สายชารจโทรศพั ทม ีอายุ
การใชง านทย่ี าวนาน ผใู ชง านเกบ็ รกั ษาไมถ กู
วธิ ี เกบ็ ไวใ นทที่ ม่ี คี วามรอ นสงู ยดื สายชารจ
โทรศัพทตึงเกินไปในขณะท่ีกําลังชารจไฟ
จะสง ผลใหส ายในตงึ ซง่ึ มโี อกาสทาํ ใหส ายใน
ขาดไดง า ย)
• นักเรียนมีแนวทางในการปองกันไมให
สายชารจ โทรศัพทชํารุดไดอ ยา งไร
(แนวตอบ เก็บสายชารจ โทรศัพทด วยวธิ ีการ
มว นเปน วงกลม จะทาํ ใหส ายในไมข าดไดง า ย
มคี วามเรยี บรอ ย สะดวกตอการหยบิ ใชง าน
เก็บไวในที่ที่มีอุณหภูมิเหมาะสม ไมรอน
หรอื เยน็ จนเกนิ ไป เลอื กใชส ายชารจ โทรศพั ท
ท่ีเหมาะสมกับอุปกรณท่ี ใช ระมัดระวัง
สายชารจ โทรศพั ทต ก หรอื ถกู สงิ่ ทม่ี นี าํ้ หนกั
มากดทบั เพราะอาจทาํ ใหส ายชารจ โทรศพั ท
ชํารดุ เสยี หายได)

ขอ สอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู

ทอหดมีความสําคัญตอ การซอ มแซมสายชารจ โทรศพั ทอยา งไร 1 ขั้ว USB หรือ Universal Serial Bus เปนชอ งทางในการเช่ือมตอระหวาง
คอมพวิ เตอร หรืออปุ กรณอืน่ ๆ เชน ปรนิ เตอร โมเด็ม คียบ อรด เมาส
(แนวตอบ ทอหดเปนทอพลาสติกท่ีใชสําหรับหุมสายไฟ เม่ือ
ถูกความรอนจะหดตัวไดอยางรวดเร็ว ในการซอมแซมสายชารจ 2 อะแดปเตอร เปน อปุ กรณใ นการแปลงกระแสไฟฟา สลบั ทม่ี คี า ความตา งศกั ย
โทรศัพทท่ีฉนวนหุมสายชารจเปอย หรือเสื่อมสภาพน้ัน จําเปน 220 โวลต ใหเ ปน กระแสไฟฟาตรงทีม่ ีคาความตางศักยต ่าํ ลง
ตอ งใชท อ หดทม่ี คี วามยาวประมาณ 1 นวิ้ จาํ นวน 2 ทอ สวมเขา บรเิ วณ
สายชารจดานที่เปนหัวตอเขาโทรศัพทและดานหัว USB เพื่อให 3 ไขควงวัดกระแสไฟ กอนนําไขควงวัดกระแสไฟไปใชในการตรวจสอบ
ทอ หดทาํ หนา ทใ่ี นการชว ยปอ งกนั การหกั งอของสายชารจ โทรศพั ท วงจรไฟฟา ควรทําการทดสอบดูกอนวา ไขควงวดั กระแสไฟสามารถใชง านได
ทาํ ใหส ายชารจโทรศัพทมอี ายุการใชงานท่ยี าวนานขน้ึ ) ตามปกติหรอื ไม โดยทาํ การแหยเ ขา ไปในเตา รบั ที่มีไฟอยู หากหลอดเรอื งแสง
ท่ีไขควงวัดกระแสไฟติดแสดงวาสามารถใชงานได ขอควรระวังในการใช
ไขควงวดั กระแสไฟ คือ ทุกครง้ั ทใี่ ชง านใหพ ึงระลึกอยูเสมอวาอาจมอี ันตราย
เกิดข้ึนไดเสมอ เชน ไขควงวัดกระแสไฟอาจชํารดุ หรอื ลัดวงจร จึงควรแตะ
ที่เตารับ หรืออุปกรณไฟฟาเพียงเล็กนอยเทานั้น หามทําการซอมแซม หรือ
ดัดแปลงไขควงวัดกระแสไฟที่ชํารุดเองโดยเด็ดขาด และหามนําไปทดสอบ
กบั ไฟฟาท่ีไมรูคา แรงดนั หรอื ไฟฟาแรงดันสูง
T27

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขนั้ สอน วสั ดุ อุปกรณท์ ่ีใช้ กา รซอ่ มแซม
๑. ปลั๊กต่อพว่ งทชี่ า� รดุ
ข้ันท่ี 3 การสาธิต ๒. มัลตมิ ิเตอรว์ ัดไฟ ปล๊กั ต่อ
๓. ไขควงวัดไฟ พว่ ง
5. ครสู าธติ วธิ กี ารซอ มแซมปลกั๊ ตอ พว งใหน กั เรยี น
ดูเปนตัวอยาง พรอมท้ังอธิบายประกอบทีละ ๕๔.. ตหะัวกแวั่ ร/ง้ นไา�้ ฟยฟาป้าระสาน1 ชา� รดุ ไฟไม่เขา้
ข้ันตอนอยางชาๆ เพ่ือใหนักเรียนไดสังเกต
และติดตามแตล ะขนั้ ตอนไดทัน ๖. ไขควงปากแฉก/
ไขควงปากแบน
6. ครถู ามนักเรียนวา ๗. แปรง
• นักเรียนคิดวาเปนเพราะสาเหตุใดปล๊ัก
ตอ พว งจงึ ไฟไมเ ขา Be careful ปล๊ักต่อพ่วงเป็นอุปกรณ์ส�าหรับต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า สามารถ
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ นา� มาใชง้ านไดท้ งั้ ภายในและภายนอกบา้ น เนอ่ื งจากเตา้ รบั ภายในบา้ น
ไดอยางอิสระ เชน ปล๊ักตอพวงมีอายุ ในการใชป้ ล๊ักต่อพว่ ง มกั ไมค่ อ่ ยเพยี งพอตอ่ การใชง้ านจรงิ หรอื ตา� แหนง่ เตา้ รบั ไมส่ อดคลอ้ ง
การใชงานที่ยาวนาน ผูใชงานเก็บรักษา ควรระมดั ระวงั ในเรอื่ งตา่ ง ๆ ดงั น้ี กับจุดที่ต้องการใช้งาน สาเหตุส่วนใหญ่ที่ท�าให้สายปล๊ักพ่วงช�ารุด
ไมถ กู วธิ ี ใชง านไมเ หมาะสม อปุ กรณภ ายใน • หา้ มนา� ปลกั๊ ตอ่ พว่ งไปใชต้ ดิ ตง้ั คือ การใช้งานเกินก�าลงั (ใชก้ ับอุปกรณ์ทม่ี ีโหลดมาก หรอื วตั ต์มาก)
เกดิ การชํารุดเสยี หาย) แบบถาวร เนอื่ งจากถกู ออกแบบ ต่อปลกั๊ พว่ งกนั เกิน ๓ จุด และใชง้ านพรอ้ มกนั รเู ต้ารับปลั๊กหลวม
• นักเรียนมีแนวทางในการปองกันไมใหปล๊ัก ให้ใชง้ านได้ช่วั คราว การใช้งานเกบ็ รักษาไม่ถกู วธิ ี
ตอ พวงชาํ รดุ ไดอ ยา งไร • ห้ามน�าปลั๊กตอ่ พว่ งทช่ี า� รุดมา
(แนวตอบ ระมดั ระวงั การเสยี บอปุ กรณไ ฟฟา ใช้งานโดยเด็ดขาดหากยังไม่ได้ มมาสี ตายรฐไฟาในภนแากลยาะใรนมเ เีลค๓ือร กอื่เสซง้นห้ือ มปมาลีฉยั๊กน ตวม่อนอ3พหกุ้ม.่ว งทรมับง้ั าร๒ใอช งช้ง ้ันาหน รเือจพึมงือ่ ตาปต้อ้อรงงฐเกลานันือกขกาอซรงื้อห ทกัIEี่งไCดอ2 ้
จํานวนมากกับปลั๊กตอพวง หากใชงานกับ รับการซอ่ มแซมอยา่ งถกู ต้อง
อุปกรณที่กินไฟมากควรเสียบเพียง 1 ตัว • หา้ มนา� ไปใชก้ บั เครอ่ื งใชไ้ ฟฟา้ หรอื ถกู ของมคี มทา� ใหส้ ายช�ารดุ
เลอื กใชป ลกั๊ ตอ พว งทไี่ ดร บั การรบั รองคณุ ภาพ ขนาดใหญ่ หรือท่ีต้องใช้กับ
หลังจากใชงานควรถอดปลัก๊ ออกทกุ ครัง้ ) กระแสไฟฟ้าตลอดเวลา ๑๒

7. ครใู หน กั เรยี นแบง กลมุ ออกเปน 6 กลมุ กลมุ ละ ๒๔
เทาๆ กนั โดยกาํ หนดให
• กลมุ ท่ี 1-3 ฝก ปฏบิ ตั กิ ารซอ มแซมสายชารจ
โทรศพั ท
• กลุมท่ี 4-6 ฝกปฏิบัติการซอมแซมปล๊ัก
ตอพวง
หากนักเรียนเกิดขอสงสัยในขณะปฏิบัติงาน
หรอื ตอ งการความชว ยเหลอื ใหส อบถามครเู ปน
รายกลุม โดยครูจะคอยสังเกตการปฏิบัติงาน
ของนักเรียนแตละกลุมอยางใกลชิดและคอย
ใหความชวยเหลอื พรอมทั้งเนน ยํา้ ใหน กั เรยี น
ตระหนักถึงความปลอดภัยในขณะปฏิบัติงาน
รวมดวย

นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคดิ

1 นํ้ายาประสาน เปนสารเคมีที่ชวยเตรียมผิวโลหะที่ตองการบัดกรีให การศึกษาคูมือ หรือคําแนะนําในการใชงานท่ีแนบมาพรอม
ปราศจากคราบออกไซดกอนการบัดกรี ชวยในการลดแรงตึงผิวระหวางพ้ืนผิว กับอุปกรณเครื่องใชภายในบาน มีความจําเปนตอการปฏิบัติงาน
โลหะกบั โลหะบดั กรี ซงึ่ คณุ ภาพของบดั กรจี ะดหี รอื ไมน น้ั ขนึ้ อยกู บั ประสทิ ธภิ าพ อยางไร
ของนํ้ายาประสานเปน หลัก
2 IEC หรอื คณะกรรมาธกิ ารระหวา งประเทศวา ดว ยมาตรฐานสาขาอเิ ลก็ ทรอ- (แนวตอบ การศึกษาคูมือ หรือคําแนะนําในการใชงานมีความ
เทคนกิ ส (International Electrotechnical Commission-IEC) เปน องคก รอสิ ระ จาํ เปน ตอ การปฏบิ ตั งิ านหลายประการ เชน ทาํ ใหส ามารถซอ มแซม
ที่เริ่มกอตั้งข้ึนเมื่อ พ.ศ. 2449 โดยมีวัตถุประสงคเพื่อจัดทํามาตรฐานระหวาง อุปกรณเครื่องใชภายในบานไดอยางถูกตองตรงตามข้ันตอนท่ี
ประเทศทางดานไฟฟา อิเล็กทรอนิกส และเทคโนโลยีที่เก่ียวของ นอกจากนี้ ระบไุ ว เพ่อื ใหเ กิดความปลอดภยั ในขณะปฏบิ ัตงิ าน ชว ยลดความ
ยงั ดาํ เนนิ การจัดทําระบบการตรวจประเมิน เพอ่ื รบั รองคุณภาพใหกับมาตรฐาน เส่ียงจากการเกิดอุบัติเหตุในขณะปฏิบัติการซอมแซม ชวยให
ของ IEC เพอื่ เปน เครอ่ื งมอื ในการอาํ นวยความสะดวกทางดา นการคา ระหวา งประเทศ สามารถซอมแซมอุปกรณเคร่ืองใชภายในบานที่ชํารุดเสียหาย
3 ฉนวน เปน วสั ดทุ มี่ คี ณุ สมบตั ใิ นการกดี กน้ั ขดั ขวางการไหลของกระแสไฟฟา ใหสามารถกลบั มาใชงานไดต ามปกติ)
หรือเปน วสั ดทุ ีก่ ระแสไฟฟาไมสามารถไหลผา นได มที ้งั ชนิดทีเ่ ปน ยางและชนดิ

Tทเ่ี ปนพลาสติก

28

นาํ สอน สรุป ประเมนิ

ข้นั ตอนการซ่อมแซม ขนั้ สรปุ
๑. ท ดสอบการใช้งานของปลั๊กต่อพ่วง เพ่ือหาสาเหตุของการเสีย โดยใช้มัลติมิเตอร์วัดไฟ
ขั้นท่ี 4 การอภิปรายสรุปการเรียนรู
หรือไขควงวัดไฟวัดว่ามีกระแสไฟหรือไม่ รวมถึงทดสอบเปิด-ปิดสวิตช์ไฟว่ามีกระแสไฟ
หรือไม่ ถ้าไม่มีกระแสไฟอยู่ให้ถอดฝาครอบฟิวส์ออกและดึงฟิวส์ออกมาตรวจสอบว่า 1. ครใู หน กั เรยี นแตล ะกลมุ สง ตวั แทนกลมุ ละ 1 คน
ขาดหรอื ไม่ ถ้าขาดให้นา� ฟวิ ส์ตัวใหม่มาเปล่ียนให้เรียบร้อย ออกมานําเสนอผลการปฏิบัติงานซอมแซม
๒. เม่ือทดสอบแล้วว่าปล๊ักต่อพ่วงไม่มีกระแสไฟ ให้คว่�าตัวปล๊ักไฟ ใช้ไขควงปากแฉกขัน สายชารจ โทรศพั ทแ ละการซอ มแซมปลก๊ั ตอ พว ง
นอต/สกรูท่ียึดใต้ปลั๊กต่อพ่วงออก ใช้ปลายไขควงปากแบนแงะรอยต่อของฝาครอบปล๊ัก ของกลุมตนเองใหเพื่อนฟงหนาช้ันเรียน
ตอ่ พ่วงออก ในประเด็นท่ีครูกําหนดให คือ ปญหา หรือ
๓. ใ ชแ้ ปรงปดั ฝุ่นภายในปล๊ักตอ่ พว่ งใหส้ ะอาด ตรวจสอบจุดตอ่ และรอยบัดกรีของสายไฟว่า ความตอ งการ การวิเคราะหงาน การวางแผน
หลุดหรอื ไม่ การทํางาน การประเมินผลการทํางาน และ
๔. หากพบวา่ สวติ ชเ์ สยี หรอื ชา� รดุ ใหเ้ ปลยี่ นสวติ ช์ใหม ่ โดยใชห้ วั แรง้ บดั กรถี อดสวติ ชอ์ อกและ ปญหาทพี่ บและแนวทางแกไ ข
นา� มาเปล่ียนใหม ่ ต่อสายบดั กรีเขา้ ทเ่ี ดมิ ให้เรยี บรอ้ ย
๕. น�าฝาครอบปลั๊กต่อพ่วงมาปิด โดยใชไ้ ขควงปากแฉกขันนอต/สกรูให้แนน่ 2. ครใู หน กั เรยี นกลมุ อนื่ รว มกนั วเิ คราะห วจิ ารณ
๖. ใช้มลั ตมิ เิ ตอร์วดั ไฟ หรอื ไขควงวดั ไฟวัดปลั๊กต่อพ่วง จากนัน้ ใหส้ ังเกตดแู สงและเสยี ง และแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั การปฏบิ ตั งิ าน
ซอมแซมสายชารจโทรศัพทและซอมแซม
๓๔ ปล๊ักตอพวงของกลุมท่ีออกมานําเสนอผลงาน
๕๖ พรอ มทง้ั จดบนั ทกึ ประเดน็ สาํ คญั ตางๆ ไว

๒๕ 3. ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั สรปุ ขน้ั ตอนการปฏบิ ตั งิ าน
ซอมแซมสายชารจโทรศัพทและการซอมแซม
ปลก๊ั ตอ พว ง โดยครเู ปน ผตู รวจสอบความถกู ตอ ง
และอธบิ ายเพม่ิ เตมิ ในสว นทยี่ งั ขาดตกบกพรอ ง
จากการปฏิบัตงิ าน

4. ครูถามนกั เรียนวา
• จากการที่ไดปฏิบัติการซอมแซมเคร่ืองใช
ภายในบา นดว ยตนเอง นกั เรยี นไดร บั ประโยชน
อยา งไร
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
ไดอยางอิสระ)

5. ครูใหนักเรียนแตละคนทํากิจกรรมสรางสรรค
พัฒนาการเรียนรู ใบมอบหมายงานที่ 2.1
ตอนท่ี 1 เรอ่ื ง การวเิ คราะหป ญ หาขอ บกพรอ ง
ของอปุ กรณเ ครอ่ื งใชภ ายในบา น จากหนงั สอื เรยี น
หนวยการเรียนรทู ี่ 2

ขอ สอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู

ในการเลอื กซอ้ื ปลกั๊ ตอ พว งมาใชง าน ควรพจิ ารณาจากสง่ิ ใดเปน หลกั ครอู ธบิ ายเพมิ่ เตมิ เกยี่ วกบั ขอ ควรระวงั ในการใชง านปลก๊ั ตอ พว งใหน กั เรยี น
(แนวตอบ การเลอื กซอื้ ปลกั๊ ตอ พว ง ควรพจิ ารณาจากสงิ่ ตา งๆ ดงั น้ี ฟงวา ในการใชงานปล๊ักตอพวง เพ่ือใหเกิดความปลอดภัยจากการใชงาน
1. มเี ครอื่ งหมายรบั รองมาตรฐานผลติ ภณั ฑอ ตุ สาหกรรม (มอก.) ควรปฏิบตั ิ ดงั น้ี
2. เตาเสียบ เตารับ สายไฟ และรางปล๊ักไฟ ผลิตจากวัสดุ
ท่ีมีคุณภาพ มีสวิตชเปด-ปด มีฟวสท ่ชี วยตดั กระแสไฟฟา • ตรวจสอบสภาพสายไฟกอ นใชง านใหอ ยใู นสภาพท่ีสมบรู ณอ ยเู สมอ
เม่ือใชงานไฟฟาเกินขนาดท่ีกําหนด สายไฟของชุดสาย • หา มนาํ ปลก๊ั ตอ พว งตดิ ผนงั แบบถาวร เนอื่ งจากไมใ ชป ลก๊ั หลกั สามารถ
พว งมีฉนวนหมุ 2 ช้นั ทเ่ี ตาเสยี บและเตา รบั มแี รงดนั ไฟฟา
ที่กําหนดไมเกนิ 250 โวลต นํามาใชงานไดเพียงชั่วคราวเทานั้น
3. รางเตา รบั ผลติ จากพลาสตกิ เอวซี ี (AVC) ซง่ึ ทนตอ ความรอ น • หามนําปล๊ักตอพวงที่ชํารุดมาใชงาน หากสายไฟชองเตารับแตก
ไดด กี วา พลาสตกิ พวี ซี ี (PVC) ชว ยลดความเสย่ี งจากการเกดิ
เพลิงไหมก รณเี กิดความรอนสูงท่ปี ลั๊กตอ พว ง) หรอื ชาํ รดุ อาจกอ ใหเ กดิ อนั ตรายตอ ผใู ชง าน สง ผลใหเ กดิ เพลงิ ไหมไ ด
• หลีกเล่ียงการใชปลั๊กตอพวงกับเครื่องใชไฟฟาที่มีขนาดใหญ เพราะ

อาจทําใหก ระแสไฟฟา เกนิ กาํ หนด จนเกิดไฟฟาลัดวงจรได
• หากพบส่ิงผิดปกติขณะกําลังใชงานปล๊ักตอพวง เชน สายไฟรอน

มเี สยี งดัง เกิดประกายไฟ ควรหยดุ การใชง านทนั ที แลว ถอดเตาเสยี บ
ของปลกั๊ ตอ พว งทตี่ ดิ กบั ผนงั ออกเพอ่ื ความปลอดภยั และไมค วรนาํ ปลกั๊
ตอพว งที่ชาํ รดุ มาใช เพราะอาจกอใหเกิดอันตรายได

T29

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั นาํ (เนนการสาธิต) ๓ ตัวอยา่ งการติดต้ังเครอื่ งใชภ้ ายในบา้ น

ขน้ั ที่ 1 การเตรยี มการ เนื่องจากในปัจจุบันเคร่ืองใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่วางจ�าหน่าย มักถูกออกแบบให้ผู้ซื้อน�าไป

1. ครูจัดเตรียมวัสดุ อุปกรณ เครื่องมือที่ใชใน ติดต้ังเองและถ้าเสียก็มีข้อเสนอแนะให้ตรวจเช็กและซ่อมแซมเองในข้ันต้นได้ ในท่ีน้ีจะขอ
การตดิ ตง้ั ชน้ั วางในหอ งนาํ้ เพอ่ื ใชใ นการสาธติ ยกตวั อยา่ งการติดต้ังเครื่องใชภ้ ายในบ้านมาใหศ้ ึกษา ดังน้ี
การตดิ ตง้ั อปุ กรณเ ครอ่ื งใชภ ายในบา น

2. ครูทดลองติดตั้งชั้นวางในหองน้ํา 1 รอบ
กอนการสาธิตจริง เพื่อใหเกิดความชํานาญ
และลดขอ บกพรอ งทอ่ี าจเกดิ ขน้ึ จากการสาธติ

ขนั้ ที่ 2 กอ นการสาธติ การติดต้ังช้ันวางของในห้องน้�า1

3. ครนู าํ ชนั้ วางในหอ งนาํ้ มาใหน กั เรยี นดู จากนนั้ มีความจ�าเป็นอย่างย่ิงส�าหรับห้องน้�า
ครูถามนกั เรียนวา ท่ีอยู่ภายในอาคารชุดหรือห้องน้�าที่อยู ่
• ท่ีบานของนักเรียนมีการติดตั้งช้ันวางใน ภายในบา้ น เพราะเปน็ สงิ่ ทชี่ ว่ ยใหห้ อ้ งนา�้
หองน้ําหรือไม ถามี ชั้นวางในหองนํ้ามี มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย ซึ่งควร
ประโยชนตอนักเรียนอยางไร ถาไมมี ตหดิรอืตอง้ั า่ หงรลอืา้ เงลหอื นกา้2จ เดั พวอื่าคงใวกาลมก้ สบั ะอดา่วงกลใาน้ งกมาอืร
นักเรียนวางของในหองน้ําอยางไร เพื่อให หยบิ ใช้งาน ารตดิ ต้ัง
สามารถหยบิ ใชงานไดอ ยางสะดวก
(แนวตอบ คําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจของ ก
นกั เรียน)
ชั้นวางของ
4. ครูใหนักเรียนที่บานมีการติดต้ังชั้นวางใน ใน
หองนํ้าออกมาเลาเก่ียวกับประโยชนท่ีไดรับ ห้องนา้�
จากการติดตั้งช้ันวางในหองนํ้าใหเพื่อนฟง
หนา ช้นั เรียน ๑ ๒. พุกพลาสติก3
๒ วสั ดุ อปุ กรณท์ ่ีใช้
5. ครใู หน กั เรียนศึกษา เร่อื ง วิธีการตดิ ต้ังชนั้ วาง ๔. สวา่ นเจาะคอนกรตี
ในหอ งน้ํา จากหนงั สอื เรียน หนว ยการเรยี นรู ๑. ชน้ั วางของเข้ามมุ
ท่ี 2 หรือศึกษาเพม่ิ เตมิ จากอินเทอรเน็ต ๓. นอต/สกร ู

6. ครูถามนักเรียนวา ๕. ดอกสวา่ นเจาะคอนกรตี ๖. ไขควงปากแฉก
• จากการศึกษา เรื่อง วิธีการติดตั้งชั้นวาง
ในหองน้ํา นักเรียนคิดวาตนเองสามารถ ๗. เทปสี ๘. คอ้ น
ติดต้งั เองไดหรอื ไม เพราะเหตใุ ด
(แนวตอบ คําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจของ ๙. คัตเตอร ์ ๑๐. ปากกา/ดนิ สอ
นกั เรียน)
๑๑. กล่องกระดาษ หรอื กล่องพลาสติกรองปนู

๒๖

นักเรียนควรรู กิจกรรม สรางเสริม

1 หอ งนาํ้ ควรทาํ ความสะอาดอยา งนอ ยสปั ดาหล ะ 1 ครงั้ เพอื่ กาํ จดั สงิ่ สกปรก ใหน กั เรยี นนําไมอ ดั หรอื แผน ไมสําเร็จรูป และวสั ดุ อปุ กรณ
เชน คราบสบู คราบแชมพูสระผม ฆาเช้ือโรคตางๆ โดยใชน้ํายาลางหองน้ํา ในการทําช้ันวางของมา เพ่ือนํามาปฏิบัติงานในช้ันเรียน โดย
เทลงบนพื้น ทิง้ ไวป ระมาณ 10 นาที ขัดดวยแปรงขัดพื้น ใชน้ําสะอาดลา งนา้ํ ยา นักเรียนสามารถออกแบบไดอยางหลากหลายตามความคิด
ลางหองน้าํ ออกจนหมด หอ งนํา้ จะสะอาดและถกู สขุ ลกั ษณะมากขึ้น และจินตนาการอยางสรา งสรรค
2 อางลางหนา การทําความสะอาดอางลางหนาใหมีความวาวใสอยูเสมอ
สามารถปฏิบัติไดโดยการนํากระดาษชําระประเภทซับน้ํามันมาชุบกับสาร กิจกรรม ทา ทาย
ฟอกขาว (วิธีนี้เหมาะสําหรับอางลางหนาท่ีเปนสีขาวเทาน้ัน) นําไปแปะใหท่ัว
อา งลางหนา ท้ิงไวป ระมาณ 30 นาที นํากระดาษชาํ ระออก ลางดว ยนํ้าสะอาด ใหนักเรียนเลือกประกอบติดต้ังเครื่องใชภายในบานงายๆ
แลว เชด็ ใหแหง ตามความสนใจ 1 ชิน้ เชน ชนั้ วางโทรทศั น ช้ันวางของ ชั้นวาง
3 พกุ พลาสตกิ เปน อปุ กรณส าํ หรบั ใชย ดึ นอต หรอื สกรเู ขา กบั ผนงั เหมาะกบั งาน รองเทา นําเสนอในรูปแบบของคลปิ วิดโี อความยาวไมเ กิน 7 นาที
ท่มี นี า้ํ หนกั เบา เชน การแขวนพวงกุญแจ การแขวนรูปภาพประดับผนงั จากนั้นนาํ เสนอผลงานใหเ พือ่ นชมหนา ชนั้ เรยี น

T30

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั ตอนการตดิ ตั้ง ๓๔ ขน้ั สอน
๑. น �าช้ันวางของมาวางทาบกับ ๕๖
ขนั้ ท่ี 3 การสาธติ
ผนัง ใชป้ ากกา หรือดินสอทา� ๔. น�าพุกพลาสตกิ มาใสบ่ ริเวณที่เจาะรเู รียบรอ้ ยแลว้ ใชค้ อ้ นตอกพกุ ให้
เครื่องหมายในต�าแหน่งของ จมลงไปในผนงั ให้พุกเสมอกบั แนวราบของผนงั หากมสี ่วนใดเกิน 1. ครนู าํ วสั ดุ อปุ กรณ เครอ่ื งมอื ทใี่ ชใ นการตดิ ตง้ั
ผนังทต่ี อ้ งการเจาะ ใหใ้ ชค้ ตั เตอรต์ ัดสว่ นปลายทเ่ี กินออกมาทง้ิ ใหพ้ ุกเรยี บเสมอกบั ผนัง ชั้นวางในหองน้ํามาใหนักเรียนดู จากนั้นครู
๒. น �าดอกสว่านมาเทียบขนาด ถามนกั เรยี นวา
ของพกุ พลาสติก และน�าเทป ๕. นา� ชน้ั วางของมาตดิ ตงั้ ตามตา� แหนง่ ทต่ี อ้ งการ ยดึ ดว้ ยนอต หรอื สกรู • การใชส วา นไฟฟา เจาะผนงั หอ งนาํ้ ทท่ี าํ จาก
สีมาพันรอบดอกสว่าน เพ่ือ โดยใช้ไขควงปากแฉกขันนอต หรือสกรูให้ยึดช้ันวางของติดกับผนัง ไมก บั ผนงั หอ งนา้ํ ทท่ี าํ จากปนู หรอื คอนกรตี
ทา� เครอื่ งหมายระดบั ความลกึ จนครบทุกจุด มีวธิ ีการทีเ่ หมือน หรือแตกตา งกันอยางไร
น�ากล่องกระดาษ หรือกล่อง (แนวตอบ มีวิธีการทําที่เหมือนกัน แตสิ่งที่
พลาสติกติดที่ผนังด้านล่าง ๖. ใช้ฝาครอบพลาสติกติดปิดบริเวณหัวนอตจนครบทุกจุด ตรวจสอบ แตกตา งกนั จะเปน ในเรอ่ื งของดอกสวา นทใ่ี ช
เพ่ือรองรับเศษปูน ใช้ดอก ความเรียบร้อยในการติดตั้ง อาจมีการน�าสิ่งของที่มีน�้าหนักมาวาง เน่ืองจากดอกสวานมีอยูดวยกันหลายชนิด
สว่านขนาดเล็กเจาะน�า เพ่ือ ทชี่ ั้นวางของ เพอื่ ทดสอบการรับน�้าหนัก จึงควรเลือกใชใหเหมาะสมกับลักษณะของ
ป้องกนั กระเบือ้ งแตกร้าว งานที่ปฏิบัติ คือ ดอกสวานท่ีใชสําหรับ
๓. ใ ช้สว่านเจาะรูผนังบริเวณ เจาะไม ปลายดอกจะมลี กั ษณะคลา ยหางปลา
ต�าแหน่งท่ีท�าเคร่ืองหมาย มีขนาดไมกวางมากนัก ซ่ึงขนาดท่ีนิยมใช
ไว ้ ใหม้ รี ะดับความลึกเทา่ กบั กันโดยทั่วไป คอื ขนาด 5, 6, 8 มลิ ลเิ มตร
ความยาวของพุก ในขณะที่ และดอกสวานเจาะปูน หรือคอนกรีต
เจาะผนงั จะตอ้ งจบั สวา่ นใหต้ งั้ ดอกสวานจะมีลักษณะเปนเกลียวบิด
ฉากกบั พื้น ปลายดอกเปนเหล็กชุบแข็งพิเศษ เพื่อชวย
ในการรองรบั แรงกระแทกจากการใชง าน)
สรปุ เครือ่ ง มือและอุปกรณ ์ในงานช่าง เป็นสิง่ ทช่ี ่วยผอ่ นแรงในการท�างานของผ้ปู ฏิบตั ิ
งานชา่ ง และชว่ ยใหก้ ารทา� งานเปน็ ไปอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพมากยง่ิ ขน้ึ การศกึ ษาถงึ ชนดิ ของเครอ่ื งมอื 2. ครสู าธติ การตดิ ตงั้ ชน้ั วางในหอ งนา้ํ ใหน กั เรยี น
และอุปกรณ์ ตลอดจนวิธีการใช้ คุณลักษณะ การดูแลรกั ษา การซอ่ มแซม และการตดิ ต้ังเครือ่ งใช้ ดูเปนตัวอยาง พรอมทั้งอธิบายประกอบทีละ
ภายในบ้าน จึงเป็นสิ่งท่ีผู้ปฏิบัติงานช่างทุกคนควรเกิดความเข้าใจให้ดีเสียก่อนท่ีจะลงมือปฏิบัติงาน ขั้นตอนอยางชาๆ เพ่ือใหนักเรียนไดสังเกต
จริง เพ่อื ให้ผลงานทีอ่ อกมาน้นั มคี ุณภาพ และกอ่ ใหเ้ กิดความปลอดภยั ในการท�างานมากยิง่ ข้นึ และตดิ ตามแตล ะขัน้ ตอนไดทัน
๒7งานช่างในบ้าน
3. ครใู หน กั เรยี นแบง กลมุ (กลมุ เดมิ ) รว มกนั ปฏบิ ตั ิ
การตดิ ตง้ั ชน้ั วางในหอ งนาํ้ โดยผลดั กนั ปฏบิ ตั ิ
ทีละกลุมจนครบ หากนักเรียนเกิดขอสงสัย
ในขณะปฏบิ ตั งิ าน หรอื ตอ งการความชว ยเหลอื
ใหสอบถามครูเปนรายกลุม โดยครูจะคอย
สังเกตการปฏิบัติงานของนักเรียนแตละกลุม
อยางใกลชิดและคอยใหความชวยเหลือ แลว
เนนย้ําใหตระหนักถึงความปลอดภัยในขณะ
ปฏบิ ัติงานรวมดวย

กิจกรรม 21st Century Skills เกร็ดแนะครู

1. ใหน กั เรยี นแบง กลมุ กลมุ ละเทา ๆ กนั ใหแ ตล ะกลมุ รว มกนั ศกึ ษา ครูอธิบายเพ่ิมเติมเก่ียวกับการใชงานสวาน เพื่อใหเกิดความปลอดภัย
เกี่ยวกับปญหาภาวะโลกรอน จากส่ือการเรียนรูท่ีหลากหลาย ใหนักเรียนฟงวา ในการใชงานสวาน ผูปฏิบัติงานควรใหความใสใจในเร่ือง
เชน หนงั สือเรยี น อินเทอรเน็ต ของความปลอดภยั มาเปน ลาํ ดบั แรก โดยตรวจสอบความเรยี บรอ ยของอปุ กรณ
กอ นการใชง านทกุ ครงั้ เพอ่ื ใหม คี วามพรอ มในการใชง านอยเู สมอ หากตอ งการ
2. ใหน กั เรยี นแตล ะกลมุ นาํ ความรทู ไี่ ดจ ากการศกึ ษามาแลกเปลยี่ น เจาะลงบนชน้ิ งานท่ีสามารถขยับได ควรล็อกช้นิ งานใหแ นนกอ นเจาะ สวมใส
เรยี นรูซ ่ึงกนั และกันภายในกลมุ เสอ้ื แขนสน้ั หรอื เสอื้ ทรี่ ดั กมุ หา มสวมใสเ ครอ่ื งประดบั ผทู ไ่ี วผ มยาวควรมดั ผม
ใหเ รยี บรอ ย สวมใสอปุ กรณป องกนั ขณะปฏบิ ตั ิงาน เชน แวนตา ผา ปด จมกู
3. ใหน กั เรยี นแตล ะกลมุ รว มกนั หาคาํ ตอบจากคาํ ถามทค่ี รกู าํ หนดให ถุงมือ ที่อุดหู เม่ือใสดอกสวาน หรือเปล่ียนอุปกรณตางๆ ควรตรวจสอบซ้ํา
คือ “นักเรียนสามารถใชอุปกรณเคร่ืองใชไฟฟาภายในบาน ทุกครั้ง เพ่ือปองกันไมใหอุปกรณเคล่ือนท่ีและอาจกอใหเกิดอันตรายตอ
เพ่อื ชว ยลดภาวะโลกรอนไดหรอื ไม อยา งไร” ผูใชงาน กดแรงลงบนสวานในขณะใชงานแตพอดี เพราะหากกดแรงเกินไป
อาจทาํ ใหม อเตอรทํางานหนัก สงผลใหส วานเกิดการชาํ รุดได
4. ใหน กั เรยี นแตล ะกลมุ สง ตวั แทนกลมุ ละ 1 คน ออกมาตอบคาํ ถาม
ทค่ี รูกาํ หนดใหใหเพอื่ นฟง หนาชนั้ เรียน

T31

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สรปุ ปจั จบุ นั ความตอ้ งการใชไ้ ฟฟา้
มีมากข้ึน การใช้ไฟฟ้าสิ้นเปลือง
ขน้ั ที่ 4 การอภปิ รายสรปุ การเรยี นรู กเ็ ปน็ อกี สาเหตหุ นงึ่ ทท่ี า� ใหเ้ กดิ ภาวะ
โลกรอ้ นได ้ เพราะไฟฟา้ เปน็ พลงั งาน
1. ครใู หน กั เรยี นแตล ะกลมุ สง ตวั แทนกลมุ ละ 1 คน ที่เกิดจากการเผาผลาญเช้ือเพลิง
ออกมานาํ เสนอผลการปฏบิ ตั งิ านตดิ ตง้ั ชนั้ วาง ซึ่งการเผาไหม้เชื้อเพลิงเหล่าน้ี
ในหอ งนาํ้ ของกลมุ ตนเองใหเ พอื่ นฟง หนา ชน้ั เรยี น มาก ๆ จะกอ่ ใหเ้ กดิ แกส เรอื นกระจก
ในประเด็นท่ีครูกําหนดให คือ ปญหา หรือ คแวลระใมชลไ้ ฟพฟิษาท้ อายงา่องาปกราะศห ย ดดั 1ัง นนอั้นก จเารกา
ความตอ งการ การวิเคราะหง าน การวางแผน จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายแล้ว ยัง
การทํางาน การประเมินผลการทํางาน และ ãªäŒ ¿¿Ò‡ Í‹ҧ»ÃÐËÂÑ´Å´ÀÒÇÐâšÌ͹ ชว่ ยลดภาวะโลกรอ้ นไดอ้ กี ดว้ ย เชน่
ปญ หาทีพ่ บและแนวทางแกไ ข
ñ. ¾´Ñ ÅÁ
2. ครใู หน กั เรยี นกลมุ อนื่ รว มกนั วเิ คราะห วจิ ารณ • เปด ระดบั ความเรว็ ของพดั ลมพอสมควร
และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการปฏิบัติ • ในกรณที ่ไี มจาํ เปนตอ งเปด พัดลม อาจจะเปดหนาตาง โดยใชล มธรรมชาติ
งานติดต้ังช้ันวางในหองน้ําของกลุมที่ออกมา แทนได
นําเสนอผลงาน พรอมทั้งจดบันทึกประเด็น • กรณพี ดั ลมทีม่ รี โี มตคอนโทรล ควรถอดปลกั๊ ออกทันทีหลังจากเลกิ ใชง าน
สําคัญตางๆ ไว
ò. ËÁÍé 褯 ¢éÒÇä¿¿Òé
3. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปข้ันตอนการติดตั้ง • ควรหงุ ขาวใหพอดกี ับจาํ นวนผรู บั ประทาน
ชน้ั วางในหอ งนา้ํ โดยครเู ปน ผตู รวจสอบความ • อยาทําใหกนหมอ เกดิ รอยยุบ เพราะจะทําใหขาวสกุ ชา
ถูกตอง และอธิบายเพิ่มเติมในสวนท่ียังขาด • หม่ันตรวจบริเวณแทน ความรอ นในหมอ อยา ใหเมด็ ขาวเกาะตดิ
ตกบกพรองจากการปฏบิ ัติงาน เพราะจะทาํ ใหข าวสุกชาและเปลืองไฟ
• ควรดงึ เตา เสยี บออกเม่ือขาวสกุ แลว
4. ครถู ามนกั เรียนวา
• หากตอ งการตดิ ตงั้ อปุ กรณเ ครอื่ งใชภ ายในบา น ó. â·Ã·Ñȹì
เพอื่ ใหเ กดิ ความปลอดภยั ในขณะปฏบิ ตั งิ าน • ไมควรปรับจอภาพใหมีความสวางมากจนเกินความจําเปน เพราะจะทําให
จะมีข้ันตอนและวิธีการในการปฏิบัติงาน หลอดภาพมอี ายกุ ารใชง านส้นั และสนิ้ เปลืองไฟ
อยางไร • ควรปดสวิตชที่ตัวเครื่องแทนการปดดวยรีโมตคอนโทรล เพราะจะทําให
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ ส้นิ เปลอื งไฟ และปด เครอื่ งทกุ คร้ังเมือ่ ไมไ ดใชง าน
ไดอ ยา งอสิ ระ เชน ศกึ ษาเกย่ี วกบั รายละเอยี ด
ตางๆ ของอุปกรณเคร่ืองใชภายในบานที่ ô. à¤ÃÍè× §«¡Ñ ¼ŒÒ
ตอ งการตดิ ตงั้ รวมถงึ ศกึ ษาเกย่ี วกบั คาํ แนะนาํ • ควรใสผาแตพอเหมาะ ไมควรใสมาก หรือนอยจนเกินไป หากมีผาเพียง
การใชงานใหเขาใจ เลือกใชวัสดุ อุปกรณ ๑-๒ ชน้ิ ควรซักดว ยมอื
เคร่ืองมือท่ีใชในการติดตั้งใหเหมาะสม • ควรใชน าํ้ เยน็ ซกั ผา สว นนาํ้ รอ นจะใชเ ฉพาะกรณที เ่ี สอ้ื ผา มรี อยเปอ นไขมนั มาก
กับงาน ลงมือปฏิบตั ิการตดิ ตงั้ ตามขน้ั ตอน • ควรตั้งโปรแกรมการซักตามชนิดของผาและตามคําแนะนาํ ของเคร่ือง
ทร่ี ะบไุ วใ นคาํ แนะนาํ อยา งเครง ครดั ในขณะ ๒๘ ท่มี า : www.pea.co.th/save/index.htm การไฟฟา้ ส่วนภมู ภิ าค กระทรวงมหาดไทย
ปฏิบัติงานควรมีความมุงมั่นต้ังใจ มีสติ
มีความละเอียด รอบคอบ เพ่ือเปนการ
ปองกันอันตรายท่ีอาจเกิดขึ้นในขณะติดต้ัง
อุปกรณด งั กลาวได)

นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคิด

1 ใชไ ฟฟา อยา งประหยดั การประหยดั ไฟจะชว ยลดภาวะโลกรอ นได สามารถ บุคคลในขอใดปฏิบัติตนเหมาะสมในการใชตูเย็นใหประหยัด
ทําไดโดยการปดเครื่องใชไฟฟาและถอดปลั๊กออกทุกครั้งเม่ือไมไดใชงาน พลงั งาน
เลือกซ้ือผลิตภัณฑท่ีมีการติดฉลากประหยัดไฟเบอร 5 ซ่ึงเปนสัญลักษณ
ทีก่ ารไฟฟาฝายผลติ แหงประเทศไทย (กฟผ.) รบั รองประสิทธภิ าพของอุปกรณ 1. จมิ ต้ังตูเยน็ หา งจากผนงั 15 เซนติเมตร
เครอ่ื งใชไ ฟฟา เชน ตเู ยน็ พดั ลม เครอื่ งปรบั อากาศ หมอ หงุ ขา ว เพอ่ื ใหส ามารถ 2. แจมนาํ อาหารท่มี อี ณุ หภูมิต่ํา มาแชในตูเยน็
ใชง านไดน านขน้ึ ชว ยประหยดั ไฟฟา และชว ยลดคา ใชจ า ยในการบาํ รงุ รกั ษาได 3. โจกตั้งตเู ย็นในทีร่ ม เพ่อื ปองกนั ไมใหถกู แสงแดด
อกี ดว ย 4. จูนตรวจสอบสภาพขอบยางประตูตเู ยน็ อยางสม่าํ เสมอ

ส่ือ Digital (วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. เพราะการตง้ั ตเู ยน็ ใหห า งจากผนงั
ควรตัง้ หางออกจากผนงั ประมาณ 15 เซนตเิ มตร เปนอยา งนอย
ศึกษาเพ่ิมเติมเก่ียวกับคูมือการใชไฟฟาอยางประหยัดและปลอดภัย ไดท่ี ซ่ึงจะชวยใหตูเย็นสามารถระบายความรอนไดดี เนื่องจากแผง
https://www.pea.co.th ระบายความรอ นของตเู ยน็ อยบู รเิ วณดา นหลงั เมอื่ สามารถระบาย
ความรอ นไดดี ตูเ ยน็ จะไมกนิ ไฟ)

T32

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

¡Ô¨¡ÃÃÁ ขน้ั สรปุ

ÊÃÒé §ÊÃÃ¤ì¾²Ñ ¹Ò¡ÒÃàÃÂÕ ¹ÃéÙ ขนั้ ท่ี 4 การอภิปรายสรปุ การเรยี นรู

ใบมอบหมายงาน คา� ชแ้ี จง : ใหน้ กั เรยี นปฏบิ ตั กิ จิ กรรมเปน็ รายบคุ คล 5. ครแู นะนาํ ใหน กั เรยี นนาํ ความรแู ละทกั ษะทไ่ี ด
โดยการเขียนตอบตามท่กี า� หนด จากการติดต้ังชั้นวางในหองน้ําไปประยุกตใช
µÍ¹·èÕ ñ àÃ×Íè § ¡ÒÃÇÔà¤ÃÒÐË» Þ˜ ËÒ เพอ่ื การติดต้ังชิ้นงานประเภทอืน่ ๆ ตามความ
¢ŒÍº¡¾ÃÍ‹ §¢Í§ÍØ»¡Ã³ ตอ งการในการใชง าน เชน การตดิ ตงั้ ราวตากผา
à¤ÃÍè× §ãªÀŒ ÒÂ㹺ŒÒ¹ การติดต้ังตูยาสามัญประจําบาน โดยใช
กระบวนการทํางานอยางเปน ขัน้ ตอน
๑. การใช้เครื่องมือชา่ งชนดิ ต่าง ๆ ใหเ้ กดิ ความปลอดภยั ควรมีหลกั ในการใชอ้ ย่างไรจึงจะเหมาะสม
๒. ย กตัวอยา่ งเครื่องมอื ช่างท่รี ้จู ัก ๓ ชนิด อธิบายลักษณะการใชง้ านและการบา� รงุ รักษา 6. ครูมอบหมายใหนักเรียนทําใบงานที่ 2.2.1
๓. สาเหตุใดที่ท�าให้อุปกรณ์ เครื่องใช้ภายในบ้านเกิดความช�ารุดเสียหาย จะมีวิธีการป้องกันการเสียหายใน เรื่อง การปฏบิ ัติงานชางในบาน
ขณะใช้งานไดอ้ ย่างไร จงยกตัวอย่าง
๔. ในการซ่อมแซมเคร่ืองใช้ภายในบ้านท่ีเกิดการช�ารุด จะมีขั้นตอนในการซ่อมแซมอย่างไรจึงจะท�าให้เกิด 7. ครูมอบหมายใหนักเรียนทําช้ินงาน/ภาระงาน
ความปลอดภยั และเคร่ืองใชภ้ ายในบา้ นสามารถใชง้ านได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ (รวบยอด) เรอื่ ง การซอ มแซมและตดิ ตง้ั อปุ กรณ
๕. นักเรียนมีวธิ ีการใชเ้ ครือ่ งใช้ไฟฟา้ เหล่าน�อ้ ยา่ งไรถึงจะช่วยประหยดั พลังงาน และลดภาวะโลกร้อน เคร่อื งใชภายในบา น
• เตารีด • โคมไฟ
• ตู้เย็น • เครือ่ งปรบั อากาศ 8. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรู เร่ือง
การซอ มแซมและติดตงั้ เครือ่ งใชภายในบา น
µÍ¹·Õè ò àÃ×Íè § ¡Òë͋ Áá«ÁáÅеԴµÑ§é ค�าชีแ้ จง : ให้นักเรียนปฏิบัติงานเป็นกลุ่ม โดยท�า
Í»Ø ¡Ã³ à¤ÃÍè× §ãªÀŒ ÒÂ㹺Ҍ ¹ การซ่อมแซม ติดตัง้ อปุ กรณ ์ เคร่อื งใช้ 9. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน
ภายในบา้ น ดังน�้ หนว ยการเรยี นรทู ่ี 2

๑. การซอ่ มแซมเคร่อื งใช้ภายในบ้าน เช่น หลอดไฟ พัดลม สายไฟฟา้ ขนั้ ประเมนิ
๒. ก ารติดตง้ั เครอื่ งใชภ้ ายในบ้าน เช่น ราวตากผ้า ชนั้ วางของ กลอนประต ู บานพับหนา้ ตา่ ง
๓. ใช้ทกั ษะกระบวนการแก้ปัญหาในการทา� งาน ซึง� มขี นั้ ตอน ดังน้� 1. ครูตรวจสอบผลการทําแบบทดสอบหลังเรียน
• การสงั เกต • การวเิ คราะห์ เพอื่ ตรวจสอบความเขา ใจหลงั เรยี นของนกั เรยี น
• การสร้างทางเลือก • การประเมินทางเลอื ก
๔. บ นั ทึกการทา� งานทกุ ข้นั ตอน พร้อมถ่ายภาพข้นั ตอนการท�างาน และผลงานที่สา� เร็จ จากนั้นเขยี นอธบิ าย 2. ครูตรวจสอบใบงานที่ 2.2.1 เรื่อง การปฏบิ ตั ิ
ประโยชน์ที่ได้รบั จากการปฏบิ ตั ิงานช่าง เพอ่ื การน�าไปใช้ในชีวิตประจา� วนั งานชา งในบา น
๕. น�าเสนอผลงานหนา้ ช้ันเรยี น
3. ครูตรวจชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) เร่ือง
การซอมแซมและติดตั้งอุปกรณเคร่ืองใช
ภายในบาน

4. ครูประเมินผลระหวางการจัดกิจกรรมการ
เรยี นรู จากการสงั เกตพฤตกิ รรมการทาํ งานกลมุ
การนาํ เสนอผลงาน และการสงั เกตคณุ ลกั ษณะ
อันพงึ ประสงค

๒๙งานช่างในบ้าน

กิจกรรม Mini Project แนวทางการวัดและประเมินผล

1. ใหน ักเรยี นแบง กลมุ กลมุ ละเทา ๆ กัน ใหแ ตละกลุมเลอื กหัวขอ ครสู ามารถสงั เกตพฤตกิ รรมการทาํ งานกลมุ การนาํ เสนอผลงาน โดยศกึ ษา
ในการซอมแซม หรือติดต้ังอุปกรณเคร่ืองใชภายในบานตาม เกณฑก ารวดั และประเมนิ ผลทแ่ี นบทา ยแผนการจดั การเรยี นรู หนว ยการเรยี นรทู ี่ 2
ความสนใจกลมุ ละ 1 ชนิ้ เพือ่ นํามาจัดแสดงภายในชั้นเรียน
แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ แบบประเมินการนาเสนอผลงาน
2. ใหน กั เรยี นแตล ะกลมุ รว มกนั วางแผนในการดาํ เนนิ งาน พรอ มทงั้
มอบหมายหนาที่ในการปฏิบัติงานของแตละบุคคลตามความ คาช้แี จง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขีด ลงในช่องทตี่ รงกบั ระดบั คาชแี้ จง : ให้ผ้สู อนประเมนิ ผลการนาเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แลว้ ขดี ลงในช่องที่ตรงกับระดบั คะแนน
ถนัดและความสามารถ โดยคํานึงถึงความถูกตองและความ คะแนน
ปลอดภัยของข้ันตอน หรือวธิ กี ารปฏบิ ัติงานอยางเปน ระบบ
ลาดับที่ ชือ่ -สกลุ การแสดง การยอมรับ การทางาน ความมี การมี รวม ลาดบั ท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน
3. ใหนักเรียนแตละกลุมนําเสนอผลงาน เพ่ือแลกเปล่ียนเรียนรู ของนักเรยี น ความ ฟงั คนอน่ื ตามทีไ่ ดร้ บั น้าใจ สว่ นร่วมใน 15 321
ภายในชั้นเรียน โดยมีครูเปนผูใหคําแนะนําและชี้แนะเพิ่มเติม คิดเห็น มอบหมาย คะแนน 1 ความถกู ตอ้ งของเน้ือหา
เพ่อื ใหนักเรียนเกดิ ความรู ความเขาใจทถี่ ูกตอง การ 2 การลาดับข้ันตอนของเรื่อง รวม
ปรับปรุง 3 วิธกี ารนาเสนอผลงานอยา่ งสรา้ งสรรค์
ผลงานกลุ่ม 4 การใชเ้ ทคโนโลยีในการนาเสนอ
5 การมีส่วนร่วมของสมาชกิ ในกลมุ่
3 2 13 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1

ลงชื่อ...................................................ผปู้ ระเมิน
............/................./................

เกณฑ์การให้คะแนน ลงชื่อ...................................................ผ้ปู ระเมิน เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน
ปฏบิ ตั ิ หรือแสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสมา่ เสมอ ............./.................../............... ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบรู ณ์ชดั เจน ให้ 2 คะแนน
ปฏิบัติ หรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครง้ั ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 1 คะแนน
ให้ 3 คะแนน
ปฏิบตั ิ หรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง ให้ 2 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ บางสว่ น
ให้ 1 คะแนน

เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ

ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

12-15 ดี 12-15 ดี

8-11 พอใช้ 8-11 พอใช้

ต่ากวา่ 8 ปรับปรงุ ตา่ กว่า 8 ปรบั ปรุง

T33

Chapter Overview

แผนการจดั ส่ือที่ใช้ จดุ ประสงค์ วธิ สี อน ประเมิน ทักษะที่ได้ คุณลักษณะ
การเรียนรู้ อนั พงึ ประสงค์

แผนฯ ที่ 1 - หนังสือเรยี น 1. อ ธบิ ายหลกั การเลอื กใช้ แบบกระบวน - ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรียน - ท กั ษะการส�ำรวจ - รักชาติ ศาสน์
การเลอื กใช้
และการเลอื กซื้อ การงานอาชพี ม.5 และการเลือกซื้อเส้ือผ้า การเรียน - ตรวจใบงานที่ 3.1.1 คน้ หา กษัตริย์
เสื้อผา้ และ
เครือ่ งแตง่ กาย - แบบทดสอบก่อนเรียน และเครื่องแต่งกายได้ ความรู้ - ตรวจใบงานที่ 3.1.2 - ท กั ษะการสงั เกต - ซ ่ือสัตย์ สจุ ริต

1 - PowerPoint อย่างถกู ต้อง ความเข้าใจ - ประเมนิ การนำ� เสนอผลงาน วธิ ีการท�ำงาน - ม วี ินยั

ชวั่ โมง 2. นำ� หลกั การเลอื กใช้ - ส งั เกตพฤตกิ รรมการทำ� งาน เพื่อการด�ำรงชวี ิต - ใฝ่เรยี นรู้

และการเลอื กซื้อเสอ้ื ผ้า รายบุคคล - ท ักษะการคิด - อ ยู่อย่าง

และเครื่องแต่งกาย - สงั เกตพฤตกิ รรม วเิ คราะห์ พอเพียง

มาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ การทำ� งานกลมุ่ - ทกั ษะกระบวน - ม ุ่งมั่นใน

ประจำ� วันไดอ้ ยา่ ง - ส ังเกตคณุ ลักษณะ การคิดแกป้ ัญหา การท�ำงาน

เหมาะสม อันพงึ ประสงค์ - ทกั ษะการสรุป - รักความ

3. ใชแ้ ละดแู ลรกั ษาเส้อื ผ้า ลงความเหน็ เปน็ ไทย

และเครือ่ งแตง่ กายได้ - ท กั ษะการประเมนิ - มจี ติ สาธารณะ

อย่างถกู ต้อง เหมาะสม

T34

แผนการจัด ส่ือที่ใช้ จุดประสงค์ วธิ สี อน ประเมนิ ทกั ษะที่ได้ คุณลักษณะ
การเรียนรู้ อนั พึงประสงค์

แผนฯ ท่ี 2 - หนงั สือเรยี น 1. อ ธบิ ายวธิ ีการซอ่ มแซม แบบใช้ - ต รวจแบบทดสอบหลงั เรียน - ทกั ษะการส�ำรวจ - รักชาติ ศาสน์
การซอ่ มแซม การงานอาชีพ ม.5
ตกแต่ง ดัดแปลง - แ บบทดสอบหลงั เรียน ตกแต่ง ดดั แปลง โครงการเป็น - ตรวจโครงงาน ค้นหา กษตั รยิ ์
ตัดเยบ็ เสอ้ื ผ้า - PowerPoint
และของใช้ ตดั เยบ็ เสอ้ื ผา้ และ ฐาน - ประเมินการนำ� เสนอผลงาน - ทักษะการสังเกต - ซ อ่ื สัตย์ สุจริต
ภายในบา้ น
ของใช้ภายในบา้ น (Project- - ส งั เกตพฤตกิ รรมการทำ� งาน วธิ กี ารท�ำงาน - ม ีวนิ ยั
3
ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง Based รายบคุ คล เพือ่ การดำ� รงชีวติ - ใฝ่เรยี นรู้
ชั่วโมง
2. ปฏิบัติการซอ่ มแซม Instruction) - สังเกตพฤติกรรม - ทกั ษะการคดิ - อ ยู่อย่าง

ตกแตง่ ดัดแปลง การท�ำงานกลมุ่ วเิ คราะห์ พอเพียง

ตัดเยบ็ เสอ้ื ผา้ และ - สังเกตคุณลกั ษณะ - ทกั ษะกระบวน - มุ่งมัน่ ใน

ของใชภ้ ายในบา้ น อันพึงประสงค์ การคดิ แก้ปัญหา การท�ำงาน

ไดอ้ ย่างถกู ต้องตาม - ทกั ษะการสรปุ - รกั ความ

ขน้ั ตอน ลงความเหน็ เป็นไทย

3. เ ลอื กใช้เคร่ืองมอื - ทกั ษะการประเมนิ - ม จี ติ สาธารณะ

เครอื่ งใชใ้ นการซอ่ มแซม

ตกแตง่ ดดั แปลง ตดั เยบ็

เสื้อผา้ และของใช้

ภายในบา้ นไดถ้ กู ต้อง

4. ใชแ้ ละเกบ็ รกั ษาเครอื่ งมอื

เครอื่ งใชใ้ นการซอ่ มแซม

ตกแตง่ ดดั แปลง ตดั เยบ็

เสอื้ ผา้ และของใช้

ภายในบา้ นไดอ้ ยา่ ง

ถกู ต้อง เหมาะสม

5. ใชท้ รพั ยากรในการ

ท�ำงานอย่างประหยัด

และคุม้ คา่

T35

นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั นาํ (แบบกระบวนการเรยี น ความรูความเขา ใจ) óหน่วยการเรียนรู้ท่ี

1. ครูแจง ช่ือเร่ืองทีจ่ ะเรียนรแู ละผลการเรยี นรใู ห เสอื้ ผา้ และเ¤รอื่ งแตง่ กาÂ
นกั เรยี นทราบ จากนนั้ ใหนักเรยี นแตล ะคนทํา
แบบทดสอบกอนเรียน หนวยการเรียนรูที่ 3 ตวั ช้ีวดั ËÒ¡àÊÍé× µÑÇâ»Ã´¢Ò´ ¨ÐÁÇÕ Ô¸Õ
เรอ่ื ง เส้ือผา และเคร่อื งแตงกาย ■ อธิบายวิธีการทํางานเพือ่ การดาํ รงชีวติ (ง ๑.๑ ม.๔-๖/๑) ¡Òë‹ÍÁá«Á µ¡áµ‹§ ËÃ×Í
■ สรา งผลงานอยางมคี วามคดิ สรางสรรคแ ละมีทักษะการทาํ งานรว มกนั (ง ๑.๑ ม.๔-๖/๒) ´´Ñ á»Å§àÊÍé× µÑǹѹé Í‹ҧäÃ
2. ครสู มุ เลอื กนกั เรยี น 1 คน ออกมาอา นบทความ ■ มที กั ษะกระบวนการแกป ญ หาในการทํางาน (ง ๑.๑ ม.๔-๖/๔)
เรอื่ ง การแตงกายดี ใหเพื่อนฟง หนา ชน้ั เรียน ■ มที ักษะในการแสวงหาความรูเพื่อการดาํ รงชวี ติ (ง ๑.๑ ม.๔-๖/๕)
การแตงกายทด่ี ี ■ ใชพ ลงั งาน ทรพั ยากรในการทํางานอยางคุมคา และยั่งยืน เพ่ือการอนุรกั ษสงิ่ แวดลอม
การแตงกายดี หรือท่ีเรียกวา “มีรสนิยม” น้ัน
(ง ๑.๑ ม.๔-๖/๗)
มไิ ดห มายความวา ตอ งใชแ ตข องทม่ี รี าคาสงู เชน
การสวมใสเส้ือผาราคาชุดละหลายพันบาทจาก สาระการเรยี นร้แู กนกลาง
หอ งเสอื้ ชนั้ นาํ การใชเ ครอ่ื งสาํ อางยห่ี อ ดงั ทส่ี ง่ั ตรง ■ วิธีการทํางานเพ่ือการดํารงชีวิต เปนการทํางานท่ีจําเปนเก่ียวกับความเปนอยูในชีวิต
มาจากตา งประเทศ การสวมใสร องเทา หรอื นาฬก า
รุนดังที่มีการจํากัดการผลิต การใชกระเปาถือ ประจําวนั เชน การเลอื กใช ดูแลรกั ษาเส้อื ผา และเครื่องแตง กาย
ทผ่ี ลติ จากหนงั สตั ว ซงึ่ มรี าคาหลกั แสนบาทขนึ้ ไป ■ ความคิดสรา งสรรคม ี ๔ ลักษณะ ประกอบดว ยความคิดริเร่มิ ความคลองในการคดิ ความ
บางคนยอมลงทนุ ทจี่ ะสญู เสยี เงนิ จาํ นวนมาก เพอื่
ซอ้ื สงิ่ ของเหลา นน้ั มาใช เพราะคดิ วา จะชว ยใหต น ยืดหยุนในการคิด และความคิดละเอยี ดลออ
ดูดี ดูมีรสนิยมในสายตาของผูอ่ืน แตในความ ■ ทกั ษะการทาํ งานรว มกนั เปน การทาํ งานกลมุ ทาํ งานรว มกบั ผอู นื่ ไดอ ยา งมคี วามสขุ ทาํ งาน
เปนจริงแลวนั้น การดูดี มีรสนิยมก็มิไดจําเปน
ที่จะตองสวมใสเสื้อผาและใชส่ิงของท่ีมีราคาสูง อยา งมกี ระบวนการตามข้ันตอนและฝก หลักการทํางานกลุม
เทาน้ัน เพราะเสื้อผาและส่ิงของที่มีราคาไมสูง ■ ทกั ษะกระบวนการแกป ญ หาในการทาํ งาน มขี นั้ ตอน คอื การสงั เกต วเิ คราะห สรา งทางเลอื ก
แตมีคุณภาพดีก็มีใหเลือกใชอยูจํานวนไมนอย
เพยี งแคผ ใู ชจ ะตอ งพจิ ารณาเลือกใชใหเ หมาะสม และประเมินทางเลอื ก เชน การตดั เย็บและดดั แปลงเสื้อผา
กบั รปู รา ง สผี วิ บคุ ลกิ ภาพ เพศ และวยั ของตน ■ ทกั ษะการแสวงหาความรเู พอ่ื การดาํ รงชวี ติ ประกอบดว ยการศกึ ษา คน ควา รวบรวม สงั เกต
เพยี งเทา นกี้ ส็ ามารถเรยี กไดว า เปน คนทมี่ รี สนยิ มดี
ไดเ ชน เดยี วกนั โดยสวมใสเ สอ้ื ผา และใชส ง่ิ ของใน สาํ รวจ และบันทึก
ราคาไมก ร่ี อ ยบาทเทา น้ัน ■ การใชพ ลงั งาน ทรพั ยากรอยา งคุมคาและยัง่ ยนื เปนคณุ ธรรมในการทํางาน
3. ครูถามนักเรยี นวา
ñ การเลอื กใชเ ส้ือผา และเครือ่ งแตงกาย
• จากบทความน้ี ตองการนาํ เสนอในเรื่องใด เสอื้ ผา้ และเครอ่ื งแตง่ กายเปน็ ปจั จยั ทจี่ า� เปน็ ตอ่ การดา� รงชวี ติ ของมนษุ ย์ ซง่ึ นอกจากจะใชเ้ พอื่
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ ปกปิดและสร้างความอบอุ่นให้แก่ร่างกายแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพของผู้สวมใส่ให้ดูดี
ไดอยางอสิ ระ) มรี สนิยม ดังนน้ั จงึ ควรศกึ ษาหลกั การเลือกใชเ้ สื้อผ้าและเคร่อื งแตง่ กายท่ีถูกตอ้ ง เพ่ือให้สามารถ
เลือกใช้ได้อย่างเหมาะสม โดยค�านึงถึงบุคลิกภาพ รูปร่าง เวลา โอกาส และความจ�าเป็นของ
แตล่ ะบคุ คลรว่ มด้วย

30

เกร็ดแนะครู

ครูควรจดั การเรียนรู โดยอธิบายเกยี่ วกับเสอ้ื ผา และเครื่องแตงกายใหน กั เรียนฟง เพ่ือใหเกิดความรู ความเขาใจเร่ืองหลักการเลือกใชและการเลอื กซอื้ เส้อื ผา
และเครอ่ื งแตงกายท่ีมากขน้ึ สามารถเลือกใชเ ครือ่ งมือในการซอ มแซม ตกแตง ดัดแปลง ตดั เย็บเสอื้ ผาและของใชภายในบา นไดอยางถกู ตอ งและปลอดภยั ลงมือ
ปฏบิ ตั ิงานซอมแซม ตกแตง ดัดแปลง ตดั เยบ็ เสอื้ ผาและของใชภ ายในบา นไดอยางสรา งสรรค เพอ่ื ใหเ กิดความชาํ นาญ ใชท รพั ยากรอยา งคุมคา และยงั่ ยืน เพ่อื เปน
การอนรุ กั ษส งิ่ แวดลอ ม นาํ ทกั ษะการทาํ งานรว มกนั มาประยกุ ตใ ชใ นการทาํ งาน ใชท กั ษะกระบวนการแกป ญ หาในการทาํ งานอยา งเปน ขน้ั ตอน รวมถงึ ทกั ษะในการ
แสวงหาความรูเพ่อื การดํารงชวี ติ ในการคน หาขอ มลู ท่ีเปน ประโยชน เพอ่ื ใหผ ลงานสาํ เร็จตรงตามเปาหมายอยา งมีประสทิ ธิภาพ โดยสามารถจดั กจิ กรรมได ดังน้ี

• ใหนกั เรยี นตอบคําถามและรว มกันแสดงความคดิ เห็น เพ่อื ใหนกั เรยี นเกิดความรู ความเขา ใจเกี่ยวกบั เส้อื ผาและเคร่อื งแตงกาย
• ใหนักเรียนนําหลกั การเลอื กใชแ ละหลกั การเลอื กซือ้ เส้อื ผา และเคร่อื งแตง กายมาประยกุ ตใชในชีวติ ประจาํ วนั อยา งเหมาะสม
• ใหนักเรียนเลือกซ้อื เส้อื ผา และเครอ่ื งแตงกายทเ่ี หมาะสมจากการวเิ คราะหรปู รางและบุคลกิ ภาพของตนเอง
• ใหนกั เรยี นดูแลรักษาเสอื้ ผา และเครื่องแตงกายทั้งของตนเองและบคุ คลในครอบครวั ไดอยางถกู ตอง เหมาะสม
• ใหนักเรียนปฏบิ ัติงานซอมแซม ตกแตง ดัดแปลง ตัดเยบ็ เส้ือผา และของใชภ ายในบา นอยา งสรางสรรค

T36

นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

เสื้อผ้าและเคร่ืองแตงกายเปนปจจัยสําคัญในการ ขน้ั นาํ

ดํารงชีวิต การรูจักแตงกายใหเหมาะสมกับบุคลิกภาพ • นกั เรยี นคดิ วา ตนเองเปน ผทู ม่ี รี สนยิ มในการ
โอกาส กาลเทศะ จะชวยใหเ ปนที่ช่ืนชมของผพู บเหน็ รวมทัง้ แตง กายหรอื ไม เพราะเหตุใด
การเรยี นรเู กย่ี วกบั การซอ มแซม ตกแตง และดดั แปลงเสอ้ื ผา (แนวตอบ คําตอบข้ึนอยูกับดุลยพินิจของ
จะชวยใหประหยัดเร่ืองคาใชจาย และยังไดเสื้อผาท่ีสวยงาม นักเรียน)
แปลกใหมไ วสวมใสอ ีกดวย
• บคุ คลในครอบครวั คนใดของนกั เรยี นทคี่ ดิ วา
๑.๑ หลักการเลอื กใช้เสื้อผา้ และเคร่ืองแตง่ กาย มีรสนยิ มท่ดี ี
(แนวตอบ คําตอบข้ึนอยูกับดุลยพินิจของ
การแตง่ กายใหด้ ดู แี ละเหมาะสมกบั บคุ ลกิ ภาพ ควรเลอื กเสอ้ื ผา้ และเครอื่ งแตง่ กายใหเ้ หมาะสมกบั นกั เรยี น)
บคุ ลกิ ภาพ โอกาส และกาลเทศะของผสู้ วมใส่ โดยยดึ หลกั การเลอื กใชเ้ สอื้ ผา้ และเครอ่ื งแตง่ กาย ดงั นี้
4. ครใู หน กั เรยี นรว มกนั แสดงความคดิ เหน็ และครู
๑. รกั ษา ซอ่ มแซมเสอื้ ผา้ ทใ่ี สใ่ หอ้ ยใู่ นสภาพดี 4. สวมเครื่องประดับตกแต่ง เพื่อให้เส้ือผ้า ชว ยเสนอแนะเพิม่ เติม

2.เสลาือมากรเถสใ้ือชผ้งา้านใไหด้เ้นหามนาขะส้นึ มกับรูปร่าง1 โอกาส 5. มอีค�าวพารมาสงวสยง่วานมทยี่บ่ิงขก้นึ พร่อง2 และเน้นในส่วน ขนั้ สอน

และกาลเทศะ ทเี่ ปน็ จดุ เด่นของตนเอง ขน้ั ท่ี 1 สงั เกต ตระหนกั
๖. เลือกสีเสื้อผ้าให้เข้ากับสีผิว เช่น ผิวคล้�า
3. สวมใส่เส้ือผ้าที่ตัดเย็บอย่างประณีต 1. ครูใหน กั เรียนศึกษา เรอ่ื ง การเลอื กใชเสือ้ ผา
ควรสวมเส้อื ผ้าสอี อ่ น เพือ่ ชว่ ยใหผ้ ิวดขู าวขึ้น และเครอื่ งแตง กาย จากหนงั สอื เรยี น หนว ยการ
มคี วามสะอาดและเรยี บรอ้ ย เรยี นรทู ี่ 3 หรอื ศึกษาเพม่ิ เตมิ จากอนิ เทอรเนต็
ในประเดน็ ทีค่ รกู าํ หนดให ดงั น้ี
3๑เส้ือผ้าและเคร่ืองแต่งกาย • หลกั การเลือกใชเสือ้ ผาและเครอ่ื งแตงกาย
• วธิ กี ารเลือกใชเ ส้ือผา และเครื่องแตง กาย

2. ครใู หน กั เรยี นศกึ ษาเพม่ิ เตมิ เกยี่ วกบั การเลอื กใช
เสื้อผาและเคร่ืองแตงกาย จาก PowerPoint
ม.5 หนวยการเรียนรูท่ี 3

3. ครถู ามนกั เรยี นวา
• นกั เรยี นมหี ลกั การเลอื กใชเ สอ้ื ผา และเครอื่ ง
แตงกายอยา งไรท่ีเหมาะสมกับตนเอง
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
ไดอยางอิสระ เชน เลือกสวมใสเสื้อผาท่ี
เหมาะสมกับรูปราง บุคลิกภาพ โอกาส
และกาลเทศะ เลือกสวมใสเส้ือผาท่ีมีการ
ตดั เยบ็ อยา งประณตี งดงาม มคี วามสะอาด
เรยี บรอ ย สวมใสเ สอื้ ผา ทมี่ สี สี นั เหมาะสมกบั
สีผิวของตนเปนหลัก สวมใสเส้ือผาท่ีชวย
อําพรางจดุ บกพรอ งของตนเอง)

ขอสอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู

ขอใดเปนหลักการสําคัญของการเลือกสวมใสเส้ือผาและ 1 เลือกเส้ือผาใหเหมาะสมกับรูปราง เน่ืองจากรูปรางของมนุษยแตละคน
เคร่ืองแตง กาย จะมีลักษณะที่แตกตา งกันออกไป ดังนนั้ ในการเลอื กซอื้ เสอื้ ผา จึงควรพจิ ารณา
จากรูปรางของตนเองเปนหลัก เพ่ือใหไดเสื้อผาท่ีมีความเหมาะสมกับรูปราง
1. เลือกเส้อื ผา ตามสมยั นยิ ม ของตนเองมากท่ีสุด เชน ผูหญิงที่มีชวงบนกวางกวาชวงลาง มีหนาอกปาน
2. เลอื กเสอื้ ผา ทเ่ี หมาะสมกับโอกาสและสถานท่ี กลางถึงใหญ เอวหนา สะโพกและขาเรียว ควรเลือกสวมใสกระโปรงพอดีตัว
3. เลอื กเสื้อผาท่ีเหมาะสมกบั รูปรา งหนา ตาของตนเอง ส้ันเลยเขาเล็กนอย หรือกางเกงเขารูป เส้ือยาวคลุมสะโพก จะทําใหดู
4. เลอื กเสอ้ื ผาที่ชว ยอาํ พรางสว นบกพรองของรางกาย ผอมเพรยี วมากย่งิ ข้ึน
(วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เพราะการเลอื กสวมใสเ สอ้ื ผาและ 2 อําพรางสวนที่บกพรอง การแตงกายที่เหมาะสม สามารถชวยอําพราง
เคร่ืองแตงกายจะตองคํานึงถึงความเหมาะสมกับโอกาส สถานท่ี สว นทบี่ กพรอ งของรางกายได เชน คนทมี่ เี อวใหญ เอวหนา ไมค วรสวมใสชดุ ที่
และกาลเทศะเปนสําคัญ โดยตองทราบวาจะแตงกายไปรวมงาน เนน เอว เพราะจะทาํ ใหเอวดูหนาขน้ึ คนที่ตนขาใหญ ไมควรสวมกระโปรงสน้ั
ประเภทใด จัดขึ้นในสถานท่ใี ด ใครเปนผูรว มงาน เพื่อใหสามารถ คนทีต่ นแขนใหญ ไมค วรสวมใสเ สือ้ ท่ไี มมแี ขน เสอ้ื แขนกุด หรือเสอื้ สายเด่ยี ว
เลอื กสวมใสเ สอื้ ผาและเคร่ืองแตงกายไดอ ยางเหมาะสม)

T37

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

ขน้ั สอน ๑.๒ วธิ กี ารเลอื กใชเ้ ส้อื ผ้าและเครอ่ื งแต่งกาย

ขนั้ ท่ี 1 สงั เกต ตระหนกั กอ่ นทจ่ี ะเลอื กใชเ้ สอื้ ผา้ และเครอื่ งแตง่ กาย ควรพจิ ารณาถงึ วยั บคุ ลกิ ภาพ รปู รา่ ง โอกาส และ
กาลเทศะ เพือ่ จะไดเ้ ลือกใช้เสอ้ื ผา้ และเคร่ืองแตง่ กายได้อย่างเหมาะสม วธิ กี ารเลอื กใชเ้ สื้อผ้าและ
• หากเพ่ือนผูหญิงมีสะโพกที่ใหญและเพ่ือน เคร่ืองแตง่ กาย มดี งั น้ี
ผชู ายมีรปู รางท่ีเลก็ นักเรยี นจะนําหลักการ ๑) การเลอื กเสอ้ื ผา้ ให้เหมาะสมกบั โอกาสและกาลเทศะ ควรพจิ ารณา ดงั น้ี
เลือกใชเสื้อผาและเคร่ืองแตงกายมาเปน 1
แนวทางในการแนะนาํ เพือ่ นไดอยา งไร เสือ้ ผา้ สวมใสอ่ ยูก่ ับบา้ น
(แนวตอบ แนะนาํ ใหเ พอื่ นผหู ญงิ สวมกระโปรง เสอื้ ผา้ สวมใสไ่ ปทา� งาน หรอื กจิ ธรุ ะ
หรือกางเกงท่ีพอดีตัว มีกระดุมเม็ดเล็กๆ
เรยี งเปน แถวยาว หรอื มรี อยตะเขบ็ ตรงกลาง ควรเลอื กเสอ้ื ผา้ ทสี่ วมใสส่ บาย สะดวกในการ ควรแต่งกายสุภาพเรียบร้อย ปกปิดมิดชิด
หรอื สวมใสเ สอ้ื กลา มทล่ี าํ ตวั ยาวคลมุ สะโพก ท�ากจิ กรรมตา่ ง ๆ ภายในบา้ น เช่น ท�างานบ้าน เพอ่ื สรา้ งภาพลกั ษณท์ ด่ี ใี หก้ บั ตนเอง เชน่ ผชู้ าย
และแนะนําใหเพื่อนผูชายสวมกางเกงทรง นง่ั เล่นนอนเล่น ดังน้ัน เส้ือผ้าที่สวมใส่อยู่บ้าน ใส่เสือ้ เชิ้ต ผูกเนกไท สวมกางเกงขายาว ผหู้ ญิง
กระบอกเล็ก หรือกางเกงขาเดฟ แตกางเกง ควรเป็นเส้อื ผา้ ทีห่ ลวมเล็กนอ้ ย ไม่คบั จนเกนิ ไป ใสเ่ สอ้ื มปี ก กระโปรงยาว หรอื สวมกางเกงขายาว
จะตองไมมีจบี สวมใสเสื้อลายตามแนวยาว สวมใส่สบาย เช่น เสื้อยืด กางเกงขาสั้น หรอื ไมค่ วรใสเ่ สือ้ รดั รูปที่เน้นทรวดทรงจนเกนิ ไป
จะชวยใหด ูสูงโปรงมากขนึ้ ) กางเกงขายาว

ขน้ั ที่ 2 ขน้ั วางแผนปฏบิ ตั ิ 2

4. ครูใหนักเรียนแบงกลุมเปน 7 กลุม กลุมละ เส้ือผา้ สวมใสส่ า� หรับเล่นกีฬา
เทา ๆ กนั ใหนักเรียนแตล ะกลมุ รว มกนั ศึกษา
ในประเด็นทค่ี รกู ําหนดให ดงั นี้ ควรพิจารณาจากชนิดกีฬาท่ีเล่น แล้วเลือกชุดกีฬาและรองเท้า
• การเลือกเส้ือผาใหเหมาะสมกับโอกาสและ ให้เหมาะสม ชุดกีฬาควรผลิตด้วยผ้าที่มีความยืดหยุ่นได้ดี สวมใส่
กาลเทศะ สบาย เคลื่อนไหวได้อย่างสะดวก สามารถระบายอากาศได้ดี
• การเลอื กเสื้อผาใหเ หมาะสมกบั วัย หากเปน็ กฬี ากลางแจง้ ควรเลอื กชดุ กีฬาท่มี สี ีออ่ น
• การเลอื กเสื้อผา ใหเ หมาะสมกับบุคลิกภาพ
• การเลือกเสือ้ ผา ใหเ หมาะสมกับสผี ิว 32
• การเลือกเสอ้ื ผาใหเ หมาะสมกับรูปราง
• การเลือกเสื้อผาเพื่ออําพรางจุดบกพรอง
ของรูปหนา และคอ
• การเลือกเส้อื ผา ใหเ หมาะสมกบั ฤดูกาล
จากหนังสือเรียน หนวยการเรียนรูท่ี 3 หรือ

ศึกษาเพมิ่ เตมิ จากอนิ เทอรเ นต็

นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคิด

1 เส้อื ผา สวมใสไ ปทาํ งาน ควรเลือกสวมใสเ สอ้ื ผา ทม่ี ีขนาดพอดีตวั เพอื่ ชวย ขอใดเปนการสวมใสเส้ือผาและเคร่ืองแตงกายไปรวมงานได
รกั ษาบคุ ลกิ ภาพ เพอื่ ความสะดวกในการเคลอ่ื นไหวรา งกายขณะปฏบิ ตั กิ จิ กรรม อยางเหมาะสม
ตางๆ สวมรองเทาหมุ สน หรอื รองเทารัดสน โดยผชู ายควรสวมถุงเทาและสวม
รองเทา หนงั หรอื รองเทา ผา ใบ ผหู ญงิ ควรสวมรองเทา ทช่ี ว ยเสรมิ สรา งบคุ ลกิ ภาพ 1. สวมชดุ ผายดื สดี ําปาดไหล สวมรองเทา สน สงู ไปงานศพ
เชน รองเทาสน สูง แตจ ะตองสามารถเคลื่อนไหวรางกายไดอยา งสะดวก ทัง้ นี้ 2. สวมชดุ เดรสสชี มพเู ปด ไหล สวมรองเทา หมุ สน ไปงานแตง งาน
ควรศึกษากฎระเบียบเรื่องการแตงกายขององคกรใหละเอียดและปฏิบัติตาม
อยางเครงครดั ของพ่ีสาว
2 เสอ้ื ผา สวมใสส าํ หรบั เลน กฬี า ควรเลอื กสวมใสเ สอื้ ผา ทเ่ี นอื้ ผา ระบายอากาศ 3. สวมกางเกงยนี ขาด เสื้อยดื รองเทาผาใบ ไปงานเลี้ยง
ความรอน และเหง่ือไดดี เชน ผาสแปนเด็กซ (Spandex) ซ่ึงเปนผาที่มี
น้าํ หนกั เบา เนื้อเรยี บล่ืน สวมใสส บาย มคี วามยืดหยุนสงู ไมระคายเคืองตอผวิ ขอบคณุ ลูกคา
ระหวา งการออกกําลังกาย 4. สวมกระโปรงลกู ไมส ีขาว สวมรองเทาผา ใบ หมวกปก กวาง

T38 ไปงานเลีย้ งเกษยี ณอายุราชการของคุณปา

(วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 2. เพราะการไปรวมงานมงคลสมรส
ควรเลือกสวมเสื้อผาท่ีมีสีสันสดใส สวมใสรองเทาหุมสน หรือ
รองเทา สน สงู เพือ่ เสริมบคุ ลิกภาพ และอาจสวมใสเ ครอื่ งประดับ
ที่เขา กับชดุ )

นาํ สอน สรปุ ประเมนิ

เสอื้ ผา สวมใสไ ปงานเลยี้ งตา ง ๆ ขน้ั สอน

แบงเปน ๒ ประเภท ไดแก งานเล้ยี งกลางวนั และงานเล้ยี งกลางคนื ซงึ่ การแตง กายจะมแี บบไมเ ปน ขน้ั ท่ี 2 ขนั้ วางแผนปฏบิ ตั ิ
ทางการและแบบทางการ ดงั นี้
5. ครใู หน กั เรยี นแตล ะกลมุ ศกึ ษาเพม่ิ เตมิ เกยี่ วกบั
๑. งานเลี้ยงกลางวนั ๒. งานเล้ยี งกลางคนื การเลือกเส้ือผาใหเหมาะสมกับโอกาสและ
• งานเลี้ยงแบบไมทางการ เชนงานเลี้ยง • งานเลยี้ งแบบไมท างการ เชน งานเลย้ี งรนุ กาลเทศะ การเลือกเส้ือผาใหเหมาะสมกับวัย
สงั สรรคร ะหวา งเพอื่ นฝงู งานทาํ บญุ บา น ควร งานเลี้ยงวันเกิด นิยมใสชดุ ลาํ ลอง เพือ่ ให การเลือกเสื้อผาใหเหมาะสมกับบุคลิกภาพ
แตง กายดว ยชดุ ลาํ ลองเรยี บงา ย แตด สู ภุ าพ เขากับบรรยากาศของงานท่ดี เู ปนกันเอง การเลอื กเสอื้ ผา ใหเ หมาะสมกบั สผี วิ การเลอื ก
ผหู ญิงอาจสวมกระโปรง หรือกางเกงก็ได • งานเล้ยี งแบบพธิ ีการ นิยมแตงใหด ูหรูหรา เสือ้ ผาใหเ หมาะสมกบั รูปราง การเลอื กเสอื้ ผา
• งานเลย้ี งแบบพธิ กี าร เชน งานหมนั้ งานเลยี้ ง เชน ผชู ายสวมชดุ สทู กางเกง หรอื ชดุ ทกั ซโิ ด เพ่ืออําพรางจุดบกพรองของรูปหนาและคอ
รับรองลูกคา งานพระราชพิธีตาง ๆ ควร ผูหญิงสวมชุดราตรีที่เนอ้ื ผา บางเบา พลวิ้ และการเลือกเส้ือผาใหเหมาะสมกับฤดูกาล
แตงกายอยางพิถีพิถัน เชน ผูหญิงสวม มนั ระยับ หรือชดุ ไทยพระราชนยิ มตาง ๆ จาก PowerPoint ม.5 หนวยการเรียนรทู ่ี 3
ชดุ กระโปรง หรอื เดรส ผูชายสวมชุดสทู
6. ครูอธิบายเพ่ิมเติมเก่ียวกับชุดไทยพระราช
Tip นิยมใหนักเรียนฟงวา “การสวมใสเส้ือผาไป
งานเลยี้ งกลางคนื แบบพิธีการ ผูหญิงสามารถ
เทคนิคการเลือกชุดราตรขี องสภุ าพสตรี สวมใสเครื่องแตงกายที่เรียกวา “ชุดไทย
พระราชนิยม” ได ซงึ่ ชดุ ไทยพระราชนยิ มเปน
ชดุ ราตรมี รี ปู แบบใหเ ลอื กสวมใสอ ยา งหลากหลาย ในการใชง านจงึ ควรพจิ ารณาจากรปู รา งของผสู วมใส เอกลักษณการแตงกายประจําชาติอันงดงาม
เปน หลกั ซงึ่ เมอ่ื สวมใสแ ลว จะไดเ กดิ ความมน่ั ใจและมคี วามสงา งาม เปน ทส่ี ะดดุ ตา เชน สาวทม่ี รี ปู รา งเลก็ ของไทย เปนเครอื่ งแตงกายท่ปี ระยุกตม าจาก
ควรเลอื กสวมใสชดุ ราตรีท่ีมลี กั ษณะเปน เสือ้ ท่ีเผยบรเิ วณชว งลาํ คอและไหล ทําใหชวงลําตัวดูสงู ข้นึ สาวที่ การแตงกายของสตรีในสมัยโบราณ แสดง
มชี ว งสะโพกใหญกวาชวงอก ควรเลอื กสวมใสชุดราตรีแบบยาว อาจเปนแบบท่มี รี ะบาย จะชวยเบี่ยงเบน ใหเห็นถึงความงดงามของผาไทยท่ีถักทอขึ้น
สายตาจากการมองชว งสะโพก อยางประณีต วิจิตรบรรจง ชุดไทยพระราช
นิยมมีอยดู ว ยกันจาํ นวน 8 ชดุ ไดแก ชุดไทย
๓๓เสื้อผ้าและเคร่ืองแต่งกาย เรอื นตน (ตง้ั ชอื่ ตามเรอื นตน ) ชดุ ไทยจติ รลดา
(ต้งั ชือ่ ตามพระท่นี ั่งจติ รลดารโหฐาน) ชดุ ไทย
อมรนิ ทร (ตงั้ ชอ่ื ตามพระทน่ี ง่ั อมรนิ ทรวนิ จิ ฉยั )
ชุดไทยบรมพิมาน (ต้ังช่ือตามพระที่นั่งบรม
พิมาน) ชดุ ไทยจกั รี (ตั้งช่ือตามพระที่น่ังจกั รี
มหาปราสาท) ชุดไทยจักรพรรดิ (ต้ังช่ือตาม
พระทนี่ งั่ จกั รพรรดพิ มิ าน) ชดุ ไทยดสุ ติ (ตงั้ ชอื่
ตามพระท่ีน่ังดุสิตมหาปราสาท) และชุดไทย
ศิวาลัย (ต้ังช่ือตามพระท่ีนั่งศิวาลัยมหา-
ปราสาท)”

ขอ สอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู

“ดาวตองการไปรวมงานสวดพระอภิธรรมศพท่ีวัด” ดาวควร ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสวมใสชุดสูทของผูชายใหนักเรียนฟงวา
แตง กายอยางไรจงึ จะเหมาะสม ในการสวมใสชุดสูทมีสิ่งที่พึงปฏิบัติหลายประการ เชน การเลือกสีควรเลือก
ใหเ หมาะสมกบั โอกาสและกาลเทศะ ซงึ่ สที ไ่ี ดร บั ความนยิ มสว นใหญจ ะเปน สดี าํ
1. สวมเส้ือผาแบบใดกไ็ ด รองเทาหุม สน สีดํา สกี รมทา สีเทา การติดกระดุมจะเวน การติดกระดุมเม็ดลางสดุ เสมอ ความยาว
2. สวมเส้ือยืดรัดรปู สสี ด กางเกงยนี สีดํา รองเทาหุมสน ของแขนเสือ้ ควรสั้นกวาแขนของเส้ือเชิต้ เลก็ นอ ย และควรติดกระดมุ ทีแ่ ขนเสือ้
3. สวมเสื้อสคี รีม กางเกงขายาวสดี ํา สูทสดี าํ รองเทา หมุ สน ใหครบทุกเม็ด เพ่ือใหเกิดความเรียบรอย ขนาดของสูทควรมีความเหมาะสม
4. สวมเส้ือและกางเกง หรอื กระโปรงสีดาํ รองเทาหุมสน สีดาํ กบั รูปราง ไมควรสวมใสช ุดท่ีเล็ก หรือใหญจนเกนิ ไป คุณภาพของเนือ้ ผาควรมี
ความยืดหยุน สวมใสสบาย ระบายอากาศไดดี การเลือกปกเส้ือควรเลือกให
(วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 4. เพราะการแตงกายไปรวมงานสวด เหมาะสมกับลักษณะของงาน โดยทั่วไปจะนิยมปกแบบธรรมดา หากเปนงาน
พระอภธิ รรมศพ จะตอ งแตง กายดว ยชดุ ทส่ี ภุ าพ เรยี บรอ ย ควรสวม เลี้ยงสังสรรคควรเลือกใชปกแหลมจึงจะเหมาะสมมากกวา ขนาดของกางเกง
กระโปรงทไ่ี มส น้ั จนเกนิ ไป หรอื สวมกางเกงสดี าํ สวมเสอ้ื สดี าํ หรอื ควรเลอื กใหพ อดกี ับขอ เทา และสเี หมาะสมกลมกลืนกับเสือ้ สูท
สขี าว จงึ จะมีความเหมาะสมกับกาลเทศะ)

T39


Click to View FlipBook Version