คู่มอื ครู
Teacher Script
กำรงำนอำชพี ม.5
ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 5
ตามมาตรฐานการเรียนรแู้ ละตวั ชี้วดั
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้การงานอาชพี
ตามหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551
ผู้เรียบเรยี งหนงั สอื เรียน ผตู้ รวจหนงั สอื เรียน บรรณาธิการหนังสอื เรยี น
นายมนตรี สมไรข่ งิ รศ.จอมขวัญ สวุ รรณรกั ษ์ นายสมเกียรติ ภ่รู ะหงษ์
ผศ.เพญ็ พร ประมวลสขุ ผศ. ดร.เบญญา มะโนชัย
นายปัญญา สังขภ์ ิรมย์ นางสาวกุหลาบ ลาศนันท์
นางวรรณี วงศ์พานชิ ย์
นางศริ ริ ัตน์ ฉัตรศขิ รนิ ทร
ดร.สถิตยพ์ งษ์ มนั่ หลา�
ผ้เู รียบเรยี งค่มู อื ครู
นางสาวพรรณมณฑ์ นั ลิ นฤนาท
นางสาวอญั ชลี ัฉายแสงจนั ทร์
พิมพครัง้ ที่ 3
สงวนลขิ สิทธ์ติ ามพระราชบญั ญตั ิ
รหสั สินคา 3547007
ค�ำแนะน�ำกำรใช้
คมู่ อื คร ู รายวิชา การงานอาชีพ ม.5 จัดท�าข้ึนเพื่อใหค้ รูผ้สู อน
ใชเ้ ปน็ แนวทางวางแผนการจดั การเรยี นการสอน เพอ่ื พฒั นาผลสมั ฤทธ์ิ
ทางการเรียนและประกันคุณภาพผู้เรียน ตามนโยบายของส�านักงาน
คณะกรรมการการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน (สพฐ.)
เพม่ิ คา� แนะนา� การใช้ ชวยสรางความเขาใจ เพ่ือใชคูมือครูได นาํ นาํ สอน โซน 1สรปุ ประเมนิ
อยางถูกตอ งและเกดิ ประสทิ ธภิ าพสูงสุด
ขน้ั นาํ (กระบวนการเรยี นรู ความรู ความเขา ใจ) หน่วยการเรียนรู้ท่ี ö
เพิ่ม ค�าอธิบายรายวชิ า แสดงขอบขายเนอ้ื หาสาระของรายวิชา
ซงึ่ ครอบคลมุ มาตรฐานการเรยี นรแู ละตวั ชวี้ ดั ตามทหี่ ลกั สตู ร 1. ครูแจงช่ือเรื่องท่ีจะเรียนรูและผลการเรียนรู §านÍาª¾Õ
กําหนด ใหน ักเรยี นทราบ จากน้นั ใหนักเรยี นแตละคน
ทาํ แบบทดสอบกอ นเรยี น หนว ยการเรยี นรทู ี่ 6 ตวั ชีว้ ดั ËÒ¡µŒÍ§¡ÒÃËÒÃÒÂä´Œ¾ÔàÈÉ
เพ่มิ Pedagogy ชวยสรางความเขาใจในกระบวนการออกแบบ เร่ือง งานอาชพี ■ อภิปรายแนวทางเขา สอู าชพี ทีส่ นใจ (ง ๒.๑ ม.๔-๖/๑) ÃÐËNjҧ»´ÀÒ¤àÃÕ¹ ¨ÐÁÕÇÔ¸Õ
การจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning ไดอยางมี ■ เลอื กและใชเ ทคโนโลยอี ยา งเหมาะสมกบั อาชพี (ง ๒.๑ ม.๔-๖/๒) àµÃÕÂÁµÑÇËÒ§Ò¹ ÊÁѤçҹ
ประสทิ ธิภาพ 2. ครตู ง้ั คาํ ถามกระตนุ ความสนใจของนกั เรยี นวา ■ มีประสบการณใ นอาชพี ทถ่ี นดั และสนใจ (ง ๒.๑ ม.๔-๖/๓) áÅÐÊÁÑ ÀÒɳ§ Ò¹ÍÂÒ‹ §äÃ
อาชพี ทน่ี ักเรยี นใฝฝน อยากเปนในอนาคต คอื ■ มีคุณลักษณะที่ดตี ออาชีพ (ง ๒.๑ ม.๔-๖/๔)
เพิ่ม Teacher Guide Overview ชวยใหเหน็ ภาพรวมของการ อาชีพใด
จัดการเรียนการสอนทั้งหมดของรายวิชากอนที่จะลงมือ (แนวตอบ นักเรยี นสามารถแสดงความคิดเหน็ สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
สอนจรงิ ไดอยา งอสิ ระ เชน แพทย พยาบาล วศิ วกร
สถาปนกิ ครูตาํ รวจทหารนกั ธรุ กจิ นกั ออกแบบ ■ แนวทางเขา สอู าชพี
เพมิ่ Chapter Overview ชว ยสรา งความเขา ใจและเหน็ ภาพรวม เสื้อผา เชฟ ชา งภาพ นกั แสดง นกั กฏหมาย - เตรยี มตัวหางานและพฒั นาบุคลกิ ภาพ - การสมั ภาษณ
ในการออกแบบแผนการจัดการเรยี นรแู ตละหนวย ทปี่ รึกษาดา นการลงทุน นกั ประชาสัมพนั ธ) - ลักษณะความม่นั คงและความกา วหนา - การทํางาน
• นกั เรยี นมกี ารวางแผนชวี ติ เพอ่ื วางแนวทาง - การสมัครงาน - การเปลีย่ นงาน
เพมิ่ ข้อสอบเน้นการคิด เพ่ือเตรียมความพรอมของผูเรียน เขาสูอาชพี ท่ีตนเองใฝฝ น ไดอยา งไร
สกู ารสอบในระดบั ตา ง ๆ (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิด ■ การเลอื กและใชเ ทคโนโลยีอยา งเหมาะสมกบั อาชพี
เห็นไดอยางอิสระ เชน ศึกษาขอมูลที่มี - วธิ กี าร - หลกั การ - เหตผุ ล
เพิ่ม กจิ กรรม 21st Century Skills กิจกรรมทจี่ ะชว ยพฒั นา ความเก่ียวของกับอาชีพที่สนใจ เพื่อศึกษา
ผูเรียนใหมีทักษะที่จําเปนสําหรับการเรียนรูและการดํารงชีวิต รปู แบบและลกั ษณะการทาํ งาน รวมถงึ ความ ■ ประสบการณในอาชีพ
ในโลกแหงศตวรรษที่ 21 ตอ งการของตลาดแรงงาน และตง้ั เปา หมาย
ในการเรียนใหมีความสอดคลองกับอาชีพ - การจําลองอาชีพ - กิจกรรมอาชพี
ทส่ี นใจ เชน อาชพี ทนั ตแพทย โดยเลอื กเรยี น
ในสายวทิ ยแ ละคณติ ฯ แลว สอบเขา เรยี นตอ ■ คุณลักษณะท่ีดีตอ อาชพี
ในคณะทนั ตแพทย สาขาทนั ตแพทยศาสตร)
• นักเรียนคิดวาตนเองสามารถทําตามแผนที่ - คณุ ธรรม - จริยธรรม - คา นยิ ม
วางไวไ ดห รอื ไม เพราะเหตใุ ด”
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ ñ แนวทางการเขา้ ส่อู าชีพ
ไดอยางอิสระ เชน ทําตามแผนท่ีวางไวได
เน่ืองจากมีความมุงม่ันและตั้งใจในการ อาชพี เปน็ การทา� กจิ กรรม การทา� งาน หรอื การประกอบการทไ่ี มเ่ ปน็ โทษแกส่ งั คม และมรี ายได้
ศึกษาเลาเรียน ชอบศึกษาคนควาความรู ตอบแทน โดยอาศยั แรงงาน ความร ู้ ทกั ษะ อปุ กรณ ์ เครอ่ื งมอื วธิ กี ารทแี่ ตกตา่ งกนั ไปเพอื่ เลยี้ งชพี
ใหมๆ อยเู สมอ เพอื่ ใหส ามารถสอบเขา เรยี นตอ ตนเองและครอบครวั สว่ นแนวทางการเขา้ สอู่ าชพี เปน็ กระบวนการ หรอื การกระทา� ใด ๆ ทส่ี ามารถ
ในคณะทนั ตแพทย สาขาทนั ตแพทยศาสตร สร้างโอกาสให้ได้ประกอบอาชีพท่ีตรงกับความต้องการมากที่สุด ซ่ึงแนวทางการเข้าสู่อาชีพของ
ในมหาวทิ ยาลัยทส่ี นใจได) แตล่ ะคนจะมคี วามแตกตา่ งกนั ซึ่งจะข้ึนอย่กู ับความสนใจ ความสามารถ ความถนดั ความพร้อม
ในด้านความรู้ทักษะอาชีพ เงินทุน และการใหโ้ อกาสของผปู้ ระกอบการ
10๔
เกร็ดแนะครู โซน 3
ครูควรจัดการเรียนรู โดยอธิบายเก่ียวกับแนวทางการเขาสูอาชีพที่สนใจ
การเตรยี มตัวหางาน และการพฒั นาบคุ ลกิ ภาพ การสมคั รงาน การสัมภาษณ
หลักการทํางาน การเปล่ียนงาน การเลือกใชเทคโนโลยีอยางเหมาะสมกับการ
ประกอบอาชพี มปี ระสบการณใ นอาชพี ทต่ี นเองถนดั และสนใจ มคี ณุ ลกั ษณะทด่ี ี
ตอ อาชพี โดยสามารถจดั กิจกรรมได ดงั นี้
• ใหนักเรียนตอบคําถามและรวมกันแสดงความคิดเห็น เพ่ือใหนักเรียน
เกิดความรู ความเขา ใจเกย่ี วกับแนวทางการเขา สูอาชีพ การเลือกใชเทคโนโลยี
อยางเหมาะสมกับการประกอบอาชีพ ประสบการณในอาชีพ และคุณลักษณะ
ทด่ี ีตอ อาชพี
• ใหนักเรียนสํารวจตนเองวามีความตองการที่จะประกอบอาชีพใด
บคุ ลกิ ภาพและความสามารถในลกั ษณะของอาชพี นนั้ ๆ เหมาะสมกบั ตนเองหรอื ไม
โซน 2• ใหน กั เรยี นทาํ แบบทดสอบความสนใจในอาชพี เนอื่ งจากนกั เรยี นบางคน
อาจยังไมรูวาตนเองมีความตองการท่ีจะประกอบอาชีพใด ซ่ึงหากไดทําแบบ
ทดสอบดังกลาว อาจทําใหรูจักตนเองมากขึ้น เพื่อจะไดเตรียมความพรอมใน
การประกอบอาชพี น้นั ๆ ไดอยางเหมาะสม
T114
โซน 1 ช่วยครจู ัด โซน 2 ชว่ ยครูเตรยี มสอน
กำรเรียนกำรสอน โดยประกอบด้วยองคป์ ระกอบต่าง ๆ ทีเ่ ปน็ ประโยชน์ส�าหรับ
แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้ครูผู้สอน ครู เพื่อนา� ไปประยุกต์ใชจ้ ัดกิจกรรมการเรียนรใู้ นชั้นเรยี น
โดยแนะน�าข้นั ตอนการสอน และการจัดกิจกรรมอยา่ งละเอียด
เพ่อื ใหน้ ักเรยี นบรรลผุ ลสัมฤทธิ์ตามตวั ชว้ี ดั เกร็ดแนะครู
น�ำ สอน สรุป ประเมนิ ความรเู้ สรมิ ส�าหรบั ครู ขอ้ เสนอแนะ ขอ้ สงั เกต แนวทางการจัด
กิจกรรมและอ่ืน ๆ เพอ่ื ประโยชน์ในการจัดการเรียนการสอน
นักเรยี นควรรู้
ความรเู้ พม่ิ เตมิ จากเนอื้ หา ส�าหรบั อธบิ ายเสรมิ เพ่มิ เตมิ ให้
กบั นักเรยี น
โดยใช้หนังสือเรียน การงานอาชีพ ม.5 ของบริษัท อักษรเจริญทัศน์ อจท. จ�ากัด เป็นส่ือหลัก (Core Material)
ประกอบการสอน และการจดั กิจกรรมการเรยี นรใู้ หส้ อดคล้องตามมาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตวั ชีว้ ดั ของกลมุ่ สาระการเรยี นรู้
การงานอาชพี ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 โดยคมู่ อื ครมู อี งคป์ ระกอบทงี่ า่ ยตอ่ การใชง้ าน
ดงั น้ี
โซน 1 นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ โซน 3 ชว่ ยครูเตรียมนกั เรียน
การเข้าสู่อาชีพเปนการเตรียมความพร้อมเพ่ือเข้าสู่การ ขนั้ นาํ ประกอบด้วยแนวทางส�าหรับการจัดกิจกรรมและ
เสนอแนะแนวขอ้ สอบ เพอื่ อา� นวยความสะดวกใหแ้ กค่ รผู สู้ อน
ทา� งาน หรือการประกอบอาชพี ตามท่ใี ฝฝน หรือต้องการ โดย 3. ครูขออาสาสมคั รนักเรยี น 2-3 คน ออกมาเลา
จะต้องมีเป้าหมายท่ีชัดเจน เพื่อศึกษาท�าความเข้าใจเกี่ยวกับ ความฝน เกย่ี วกบั การประกอบอาชพี ในอนาคต กิจกรรม 21st Century Skills
ลกั ษณะของอาชพี และพฒั นาตนเองในดา้ นตา่ ง ๆ ใหม้ คี ณุ สมบตั ิ ของตนเองใหเพ่ือนฟงหนาชั้นเรียน จากนั้น
เหมาะสมกบั อาชพี นนั้ ๆ เนอ่ื งจากจะสง่ ผลใหส้ ามารถประกอบ ใหเ พอ่ื นรว มชน้ั เรยี นรว มกนั แสดงความคดิ เหน็ กิจกรรมที่ให้นักเรียนได้ประยุกต์ใช้ความรู้มาสร้างช้ินงาน
อาชีพท่ตี อ้ งการได้อยา่ งมคี ุณภาพและประสบความส�าเรจ็ วาเพ่ือนคนดังกลาวมีคุณสมบัติท่ีเหมาะสม หรอื ทา� กจิ กรรมรวบยอดเพอื่ ใหเ้ กดิ คณุ ลกั ษณะทร่ี ะบใุ นทกั ษะ
ตอ อาชีพท่ีสนใจหรอื ไม แห่งศตวรรษที่ 21
ดังนั้น เราจึงจ�าเป็นที่จะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับการเตรียมตัวหางานและการพัฒนาบุคลิกภาพ1
ลักษณะความม่ันคงและความก้าวหน้าในการท�างาน การสมัครงาน การสัมภาษณ์ การท�างาน ขน้ั สอน ขอ้ สอบเนน้ การคิด
อยา่ งมคี วามสขุ และการเปลย่ี นงาน นอกจากน ้ี จะตอ้ งรจู้ กั เลอื กใชเ้ ทคโนโลยใี หเ้ หมาะสมกบั อาชพี
เพราะมสี ว่ นชว่ ยในการพฒั นางานใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพยงิ่ ขน้ึ และสงิ่ สา� คญั ทส่ี ดุ ของการประกอบอาชพี ขน้ั ที่ 1 สงั เกต ตระหนกั ตัวอย่างข้อสอบที่มุ่งเน้นการคิด มีท้ังปรนัย-อัตนัย พร้อม
คอื การมคี ุณธรรม จริยธรรม และมคี า่ นิยมที่ดีต่อการประกอบอาชพี เพราะมสี ว่ นช่วยใหม้ ีโอกาส 1. ครูเปดคลิปวิดีโอเกี่ยวกับการประกอบอาชีพ เฉลยอย่างละเอียด
ในการพัฒนางานให้มีความก้าวหน้ามากข้ึน เสริมสร้างแนวทางการเข้าสู่อาชีพที่ตนเองสนใจ
ใหป้ ระสบความส�าเรจ็ ตางๆ ใหนักเรียดู เชน ขาราชการ ตํารวจ กจิ กรรมเสรมิ สรา้ งคุณลักษณะอันพงึ ประสงค
ทหาร ครู พธิ กี ร นักเขียน นกั แสดง สถาปนิก
งานอาชีพ 10๕ ฯลฯ กจิ กรรมเสนอแนะแนวทางการเสรมิ สรา้ งคุณลกั ษณะ
2. ครูถามนกั เรยี นวา อนั พงึ ประสงค์
• จากคลิปวิดีโอที่ไดชมไปนั้น มีอาชีพที่
กจิ กรรมท้าทาย
นักเรยี นตองการประกอบในอนาคตหรือไม
หากมี นักเรียนคิดวาตนเองมีคุณสมบัติที่ เสนอแนะแนวทางการจดั กจิ กรรม เพอ่ื ตอ่ ยอดสา� หรบั นกั เรยี น
เหมาะสมกับอาชพี นน้ั หรอื ไม อยางไร ทเี่ รยี นรไู้ ดอ้ ยา่ งรวดเรว็ และตอ้ งการทา้ ทายความสามารถใน
หากไมมี นักเรียนสนใจอาชพี ใด และคิดวา ระดบั ท่สี งู ข้นึ
ตนเองมีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับอาชีพน้ัน
หรือไม อยางไร กจิ กรรมสรา้ งเสรมิ
(แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิด
เหน็ ไดอยา งอสิ ระ) เสนอแนะแนวทางการจดั กจิ กรรมซอ่ มเสรมิ สา� หรบั นกั เรยี นที่
3. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “การที่นักเรียนตองการ ควรได้รับการพฒั นาการเรยี นรู้
จะประกอบอาชพี ใดๆ นนั้ นกั เรยี นจะตอ งหมนั่
รจู กั สงั เกตตนเองอยเู สมอวา มคี วามชอบ ความ กิจกรรม Mini Project
สนใจความถนัด และความสามารถในดา นใด
เพราะหากมีคุณสมบัติที่มีเหมาะสมกับอาชีพ เสนอแนะแนวทางการจัดกิจกรรมเพื่อให้สามารถน�าความรู้ที่
ทสี่ นใจ กย็ อ มสง ผลใหต นเองสามารถประกอบ ไดร้ ับมาออกแบบชน้ิ งานตามความสนใจ 1 ชิ้น
อาชีพท่ีสนใจน้ันไดประสบความสําเร็จและมี
ความสุขในการทาํ งาน”
ขอสอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู
การประกอบอาชีพมีความสําคญั ตอ ตวั บุคคลอยา งไร ครูอธิบายเพิ่มเติมเก่ียวกับคําวา “ผูประกอบการ” ใหนักเรียนฟงวา
1. เปน ที่รจู ักของคนในสงั คม ผปู ระกอบการ คือ ผูท ีเ่ ปน เจาของกิจการ หรือผรู วบรวมปจจยั การผลติ ไดแก
2. ยกระดับฐานะของตนเองใหดขี ึน้ ท่ีดิน แรงงาน ทุน มาผลิตเปนสินคาและบริการ คุณลักษณะของการเปน
3. มีเงนิ ออมในแตละเดือนเพิม่ มากขนึ้ ผปู ระกอบการทดี่ ี คอื ตอ งมแี รงผลกั ดนั ลม แลว กลา ทจี่ ะลกุ มคี วามเชอื่ มน่ั ใน
4. สรา งรายไดใ หแกตนเองและครอบครัว ตนเอง กลาทจี่ ะเปลี่ยนแปลง และเปล่ียนวกิ ฤตใหเ ปนโอกาสได
(วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะการประกอบอาชีพนับเปน นักเรียนควรรู
โซน 3ส่ิงจําเปนและสําคัญในวิถีการดํารงชีวิตของมนุษยในปจจุบัน 1 พัฒนาบุคลกิ ภาพ บคุ ลกิ ภาพของมนุษยแตล ะคนจะมีลักษณะเฉพาะที่
แตกตางกันออกไป ในการพัฒนาบุคลิกภาพตองเร่ิมตนจากการวิเคราะห
เปน สงิ่ ท่ชี วยสรางคณุ คา ใหแกต นเอง ชว ยสรางรายได เพ่ือนาํ มา ตนเอง เพื่อหาขอบกพรองที่ตองการปรับปรุงแกไข ลงมือแกไขขอบกพรอง
ใชในการเล้ียงชีพของตนเองและครอบครัว และเปนสิ่งสําคัญ
อยางหน่ึงในการพัฒนาคณุ ภาพชีวิต เศรษฐกจิ ชมุ ชน และความ โซน 2แลวใหปฏิบัติตนตามแนวใหมจนเกิดเปนนิสัย จากนั้นประเมินวาส่ิงที่แกไข
เจรญิ กาวหนาของประเทศชาติ)
แลว น้ันดีข้นึ หรอื ไม ยังมอี ปุ สรรคในการปฏบิ ัตอิ ยา งไร และจะมแี นวทางแกไ ข
Tอยา งไร
115
บูรณาการอาเซยี น แนวทางการวัดและประเมินผล
ความรู้เสริมหรอื การเชือ่ มโยงในเร่อื งทีเ่ ก่ยี วขอ้ งกับประชาคม เสนอแนะแนวทางการบรรลุผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของ
อาเซยี น นกั เรยี นตามมาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ชว้ี ดั ทห่ี ลกั สตู รกา� หนด
ส่ือ Digital
การแนะน�าแหลง่ เรยี นร้แู ละแหล่งคน้ คว้าจากสอ่ื Digital ตา่ ง ๆ
ค�ำอธิบายรายวิชา
การงานอาชีพ กลมุ่ สาระการเรียนรกู้ ารงานอาชพี
เวลาเรยี น 20 ชั่วโมง / ปี จ�ำนวน 0.5 หน่วยกิต
ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 5
ศกึ ษาและวิเคราะหว์ ิธีการทำ� งานเพื่อการดำ� รงชวี ติ ในเรอื่ งการเลือกใช้ ดูแลรกั ษาเสอ้ื ผา้ และเคร่ืองแตง่ กาย
การประดิษฐ์ของใช้ท่ีเป็นเอกลักษณ์ไทย หน้าที่และบทบาทของตนเองท่ีมีต่อสมาชิกในครอบครัว โรงเรียน และ
ชมุ ชน การปลกู พชื การขยายพนั ธพ์ุ ชื การบำ� รงุ รกั ษาเครอ่ื งใชไ้ ฟฟา้ และอปุ กรณอ์ ำ� นวยความสะดวกในชวี ติ ประจำ� วนั
การตัดเย็บและดัดแปลงเส้ือผา้ การตดิ ตั้ง ประกอบ ซอ่ มแซมอุปกรณ์ เครื่องมอื เครอ่ื งใช้ สิ่งอำ� นวยความสะดวก
ในบา้ นและโรงเรยี น การเลยี้ งสตั ว์ แนวทางเขา้ สอู่ าชพี การเลอื กและใชเ้ ทคโนโลยอี ยา่ งเหมาะสมกบั อาชพี ประสบการณ์
ในอาชีพ และคุณลกั ษณะทดี่ ีตอ่ อาชีพ
โดยใช้ทักษะการท�ำงานร่วมกัน ทักษะการจัดการในการท�ำงาน ทักษะกระบวนการแก้ปัญหาในการท�ำงาน
และทกั ษะในการแสวงหาความรูเ้ พอื่ การด�ำรงชวี ติ
เพื่อใหเ้ กิดความตระหนักและเห็นคุณคา่ ของการทำ� งาน สามารถน�ำความรู้มาประยกุ ต ์ใช้ ในชวี ิตประจ�ำวันได้
มคี วามสามารถในการตดั สนิ ใจ มคี ณุ ธรรมและลกั ษณะนสิ ยั ในการทำ� งาน รวมถงึ มจี ติ สำ� นกึ ในการใชพ้ ลงั งาน ทรพั ยากร
ในการทำ� งานอยา่ งคมุ้ คา่ และยง่ั ยืน เพ่ือการอนุรักษ์สงิ่ แวดลอ้ ม
ตัวชี้วดั
ง 1.1 ม.4-6/1 ม.4-6/2 ม.4-6/3 ม.4-6/4 ม.4-6/5 ม.4-6/6 ม.4-6/7
ง 2.1 ม.4-6/1 ม.4-6/2 ม.4-6/3 ม.4-6/4
รวม 11 ตัวชว้ี ดั
Pedagogy
ค่มู ือครู
การงานอาชีพ ม.5 จัดท�ำข้ึนเพ่ือให้ครูผู้สอนน�ำไปใช้เป็นแนวทางวางแผนพัฒนาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน
ของผเู้ รยี น โดยสามารถวางแผนการจดั การเรยี นรปู้ ระกอบการใชห้ นงั สอื เรยี น รายวชิ าการงานอาชพี ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 5
(ฉบับประกัน) ทีท่ างบริษทั อกั ษรเจริญทศั น์ อจท. จ�ำกดั จัดพมิ พ์จำ� หน่าย เพอ่ื ใหส้ อดคลอ้ งตามมาตรฐานการเรียนรู้
และตัวช้ีวัด กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 โดยออกแบบ
กจิ กรรมการเรยี นรู้(InstructionalDesign) ใหม้ คี วามสอดคลอ้ งกบั รปู แบบการสอนโดยใช ้โครงการเปน็ หลกั (Project-Based
Instruction) โดยมรี ายละเอยี ด ดงั น้ี
รปู แบบการสอนโดยใช้โครงการเป็นหลกั (Project-Based Instruction)
ด้วยจุดประสงค์ของการจัดการเรียนการสอนการงาน 2
อาชพี เพอื่ ชว่ ยพฒั นาผเู้ รยี นใหม้ คี วามรู้ ความเขา้ ใจ มที กั ษะ
พื้นฐานท่ีจ�ำเป็นต่อการด�ำรงชีวิต รู้เท่าทันการเปล่ียนแปลง
น�ำความรู้เกยี่ วกับการด�ำรงชีวติ และการอาชพี มาประยกุ ต์ ใ ช้ 1 ขัน้ ใหค้ วามรู้ ข้นั กระตุ้น
ในการทำ� งานไดอ้ ยา่ งสรา้ งสรรค์ เหน็ แนวทางในการประกอบ ความสนใจ
อาชีพ รักการท�ำงาน มีเจตคติที่ดีต่อการท�ำงาน สามารถ พ้นื ฐาน
ด�ำรงชีวิตอยู่ในสงั คมไดอ้ ย่างพอเพียงและมีความสุข 3
ผู้จัดท�ำจึงเลือกใช้รูปแบบการสอนโดยใช้โครงการ ขน้ั นำ� เสนอ
เป็นหลัก ซ่ึงเป็นขั้นตอนการจัดการเรียนรู้ที่มุ่งให้ผู้เรียน ผลงาน
แสวงหาประสบการณก์ ารเรยี นรทู้ มี่ ปี ระโยชนต์ อ่ ชวี ติ ประจำ� วนั 6 รปู แบบ ข้นั จบั กลุ่ม
โดยใชศ้ กั ยภาพทีต่ นเองมี ผเู้ รยี นจะมีสว่ นร่วมในการกำ� หนด การสอน รว่ มมือ
งานทท่ี ำ� มงุ่ ใหผ้ เู้ รยี นไดใ้ ชท้ กั ษะการสบื คน้ และการปฏบิ ตั จิ รงิ ข้ันสรปุ ส่งิ ท่ี ข้ันแสวงหา 4
เพ่ือเป็นพื้นฐานไปสู่การปฏิบัติงานอ่ืน ๆ ในการด�ำรงชีวิต เรียนรู้
ซงึ่ สอดคลอ้ งกับธรรมชาติของวิชาการงานอาชีพ 5 ความรู้
วธิ กี ารสอน เทคนิคการสอน ทักษะท่ีใช้
• แบบบรรยาย • การใช้ค�ำถาม • การทำ� งานร่วมกัน
• การสาธิต • การเลน่ เกม • การวเิ คราะห์
• การอภปิ รายกลุม่ ย่อย • การใช้ตัวอยา่ งกระตนุ้ ความคิด • การมคี วามคิดสรา้ งสรรค์
• การแสดงบทบาทสมมติ • การใช้สอ่ื การเรยี นรูท้ ่นี า่ สนใจ • การคดิ อย่างมีเหตผุ ล
• การใชก้ รณีตัวอยา่ ง • การสงั เกต
• การใชส้ ถานการณจ์ ำ� ลอง • การสบื คน้
• การใชศ้ ูนย์การเรียนรู้
• การลงมอื ปฏิบตั ิ
Teacher Guide Overview
การงานอาชีพ ม.5
หน่วย ตวั ช้ีวัด ทักษะทไ่ี ด้ เวลาทใ่ี ช้ การประเมนิ ส่ือทใ่ี ช้
การเรียนรู้
1 1. อธิบายวธิ ีการทำ� งานเพือ่ การด�ำรงชีวติ 1. ทักษะการส�ำรวจค้นหา 1. ต รวจแบบทดสอบ - หนงั สือเรียนการงาน
2. สร้างผลงานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ 2. ทักษะการสังเกตวิธีการ
หลกั การท�ำงาน ก่อนเรียน อาชีพ ม.5
เพอื่ การ และมที กั ษะการทำ� งานรว่ มกนั ทำ� งาน เพอื่ การดำ� รงชวี ติ
ด�ำรงชวี ิต 3. มที กั ษะการจัดการในการทำ� งาน 3. ทักษะการคิดวิเคราะห์ 2. ต รวจใบงานที่ 1.1.1 - แบบทดสอบกอ่ นเรียน
4. มที กั ษะกระบวนการแกป้ ญั หาในการทำ� งาน 4. ทกั ษะกระบวนการคดิ
เรอ่ื ง ทกั ษะ - แบบทดสอบหลงั เรียน
กระบวนการท�ำงาน - PowerPoint
5. มีทักษะในการแสวงหาความรู้เพ่ือการ แกป้ ญั หา 3. ต รวจใบงานที่ 1.2.1
ด�ำรงชีวิต 5. ทกั ษะการสรปุ เรอ่ื ง การแกป้ ญั หา
6. มคี ณุ ธรรมและลกั ษณะนสิ ยั ในการทำ� งาน ลงความเหน็ ในการทำ� งาน
6. ทักษะการประเมิน ด้วยวงจร PDCA
4. ต รวจใบงานท่ี 1.3.1
เรื่อง บทบาท
และหน้าทขี่ อง
ตนเองท่ีมตี อ่
สมาชกิ ในครอบครวั
โรงเรียน และชุมชน
3 5. ตรวจชนิ้ งาน/
ช่ัวโมง ภาระงาน (รวบยอด)
เรอ่ื ง การปฏบิ ัติ
งานตา่ ง ๆ โดยใช้
ทกั ษะกระบวนการ
ท�ำงานและทักษะ
กระบวนการแก้
ปญั หา
6. การน�ำเสนอผลงาน
7. สังเกตพฤตกิ รรม
การท�ำงานเป็น
รายบคุ คล
8. สงั เกตพฤตกิ รรม
การทำ� งานเปน็ กลุ่ม
9. ส งั เกตคุณลกั ษณะ
อนั พึงประสงค์
10. ต รวจแบบทดสอบ
หลงั เรยี น
หน่วย ตัวช้วี ดั ทกั ษะที่ได้ เวลาที่ใช้ การประเมนิ สื่อท่ใี ช้
การเรียนรู้
2 1. สรา้ งผลงานอย่างมคี วามคิดสรา้ งสรรค์ 1. ทกั ษะการส�ำรวจค้นหา 1. ตรวจแบบทดสอบ - หนงั สือเรยี นการงาน
และมีทกั ษะการทำ� งานร่วมกนั 2. ทักษะการสังเกตวิธีการ ก่อนเรียน อาชีพ ม.5
งานชา่ งในบา้ น 2. มีทกั ษะการจัดการในการทำ� งาน ท�ำงานเพ่ือการด�ำรงชีวติ 2. ตรวจใบงานท่ี 2.1.1 - แบบทดสอบกอ่ นเรยี น
3. มที กั ษะกระบวนการแกป้ ญั หาในการทำ� งาน 3. ทักษะการคดิ วเิ คราะห์ เรอื่ ง เคร่อื งมอื - แบบทดสอบหลงั เรยี น
4. มีทกั ษะในการแสวงหาความร้เู พอื่ การ 4. ทกั ษะกระบวนการคดิ เครอ่ื งใชใ้ นการ - PowerPoint
ด�ำรงชวี ติ แก้ปัญหา ซอ่ มแซมและตดิ ต้ัง
5. มคี ณุ ธรรมและลกั ษณะนสิ ยั ในการทำ� งาน 5. ทกั ษะการสรปุ อปุ กรณ์ เครื่องใช้
6. ใชพ้ ลงั งาน ทรพั ยากรในการทำ� งาน ลงความเหน็ ภายในบ้าน
อย่างคมุ้ คา่ และยั่งยนื เพื่อการอนุรักษ์ 6. ทักษะการประเมนิ 3. ตรวจใบงานที่ 2.2.1
สิง่ แวดลอ้ ม เรื่อง การปฏบิ ัตงิ าน
ช่างในบา้ น
4. ตรวจช้ินงาน/
4 ภาระงาน (รวบยอด)
เรอ่ื ง การปฏิบัติงาน
ชวั่ โมง
ช่างในบ้าน
5. การนำ� เสนอผลงาน
6. สงั เกตพฤติกรรม
การท�ำงานเปน็
รายบคุ คล
7. สงั เกตพฤติกรรม
การทำ� งานเปน็ กลุ่ม
8. สังเกตคณุ ลกั ษณะ
อนั พึงประสงค์
9. ตรวจแบบทดสอบ
หลงั เรียน
3 1. อธิบายวิธกี ารทำ� งาน เพื่อการด�ำรงชีวิต 1. ทักษะการส�ำรวจค้นหา 1. ตรวจแบบทดสอบ - หนงั สือเรยี นการงาน
2. สรา้ งผลงานอยา่ งมคี วามคิดสร้างสรรค์ 2. ทักษะการสังเกตวิธีการ ก่อนเรยี น อาชีพ ม.5
เสอื้ ผ้าและ และมีทักษะการทำ� งานรว่ มกนั 2. ตรวจใบงานท่ี 3.1.1 - แบบทดสอบก่อนเรียน
เครอ่ื งแต่งกาย 3. มที ักษะกระบวนการแกป้ ัญหาในการ ทำ� งาน เพอื่ การดำ� รงชวี ติ การเลอื กใชเ้ สือ้ ผา้ - แบบทดสอบหลังเรยี น
3. ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์
ทำ� งาน 4. ทักษะกระบวนการคิด และเครอ่ื งแต่งกาย - PowerPoint
4. มที กั ษะในการแสวงหาความรู้เพอื่ การ แก้ปัญหา 3. ตรวจใบงานที่ 3.1.2
ด�ำรงชีวิต 5. ทักษะการสรปุ เรอ่ื ง การเลอื กซ้อื
5. ใชพ้ ลงั งาน ทรพั ยากรในการทำ� งาน ลงความเห็น เส้ือผ้าและเครอื่ ง
อย่างคุม้ คา่ และย่ังยนื เพอ่ื การอนรุ ักษ์ 6. ทักษะการประเมิน แต่งกาย
ส่งิ แวดลอ้ ม 4. ตรวจชน้ิ งาน/
ภาระงาน (รวบยอด)
4 เร่อื ง การซอ่ มแซม
ตกแต่ง และดัดแปลง
ชว่ั โมง
เสอื้ ผา้
5. การนำ� เสนอผลงาน
6. สงั เกตพฤตกิ รรมการ
ทำ� งานเป็นรายบุคคล
7. สังเกตพฤตกิ รรมการ
ทำ� งานเปน็ กลุม่
8. สังเกตคุณลักษณะ
อนั พึงประสงค์
9. ตรวจแบบทดสอบ
หลังเรยี น
หน่วย ตวั ชีว้ ดั ทักษะที่ได้ เวลาทใ่ี ช้ การประเมนิ สือ่ ทใ่ี ช้
การเรียนรู้
1. สร้างผลงานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ 1. ทกั ษะการส�ำรวจค้นหา 1. ตรวจแบบทดสอบ - หนงั สือเรียนการงาน
4 และมีทักษะการทำ� งานรว่ มกัน 2. ทักษะการสังเกตวิธีการ กอ่ นเรียน อาชีพ ม.5
2. มีทักษะการจัดการในการทำ� งาน ทำ� งาน เพอื่ การดำ� รงชวี ติ 2. ตรวจใบงานที่ 4.1.1 - แบบทดสอบก่อนเรียน
งานประดษิ ฐ์ 3. มีทักษะกระบวนการแกป้ ญั หาในการ 3. ทักษะการคิดวเิ คราะห์ เรอ่ื ง ความสำ� คัญ - แบบทดสอบหลังเรยี น
เอกลกั ษณไ์ ทย ทำ� งาน 4. ทกั ษะกระบวนการคิด และประเภทของ - PowerPoint
4. มที ักษะในการแสวงหาความรู้ เพอื่ การ แกป้ ญั หา งานประดิษฐ์ทเี่ ปน็
5 ด�ำรงชวี ิต 5. ทักษะการสรุป เอกลักษณ์ไทย
5. มคี ณุ ธรรมและลกั ษณะนสิ ยั ในการทำ� งาน ลงความเหน็ 3. ตรวจแผนผงั
งานเกษตร 6. ใชพ้ ลังงาน ทรพั ยากรในการทำ� งาน 6. ทกั ษะการประเมนิ ความคิดเก่ยี วกับ
อยา่ งคมุ้ คา่ และย่ังยืน เพื่อการอนรุ ักษ์ เร่ือง ความสำ� คัญ
ส่ิงแวดล้อม และประเภทของงาน
ประดิษฐท์ เี่ ป็น
3 เอกลักษณ์ไทย
4. ตรวจโครงงาน
ชัว่ โมง เร่ือง งานประดิษฐ์
ทเ่ี ปน็ เอกลักษณ์ไทย
4 5. การนำ� เสนอผลงาน
6. สงั เกตพฤตกิ รรมการ
ชั่วโมง ทำ� งานเป็นรายบคุ คล
7. สงั เกตพฤตกิ รรม
การทำ� งานเปน็ กล่มุ
8. สังเกตคณุ ลักษณะ
อนั พงึ ประสงค์
9. ตรวจแบบทดสอบ
หลังเรยี น
1. สรา้ งผลงานอยา่ งมคี วามคดิ สร้างสรรค์ 1. ทกั ษะการส�ำรวจค้นหา 1. ตรวจแบบทดสอบ - หนงั สอื เรยี นการงาน
และมีทกั ษะการทำ� งานรว่ มกนั 2. ทกั ษะการสังเกตวธิ ีการ กอ่ นเรียน อาชพี ม.5
2. มีทักษะการจัดการในการทำ� งาน ทำ� งาน เพอ่ื การดำ� รงชวี ติ 2. ตรวจใบงานที่ 5.1.1 - แบบทดสอบก่อนเรยี น
3. มที ักษะในการแสวงหาความรเู้ พ่ือการ 3. ทกั ษะการคิดวิเคราะห์ เรื่อง การปลกู พชื - แบบทดสอบหลังเรียน
ดำ� รงชีวติ 4. ทกั ษะกระบวนการคิด 3. ตรวจชิน้ งาน/ - PowerPoint
4. มคี ุณธรรมและลกั ษณะนิสัยในการ แก้ปัญหา ภาระงาน (รวบยอด)
ทำ� งาน 5. ทักษะการสรปุ เรอ่ื ง งานเกษตร
ลงความเห็น ของฉนั
6. ทักษะการประเมิน 4. การนำ� เสนอผลงาน
5. สงั เกตพฤติกรรม
การทำ� งานเปน็
รายบคุ คล
6. สงั เกตพฤตกิ รรม
การทำ� งานเป็นกลุ่ม
7. สงั เกตคุณลกั ษณะ
อนั พงึ ประสงค์
8. ตรวจแบบทดสอบ
หลงั เรยี น
หน่วย ตวั ชว้ี ัด ทักษะท่ไี ด้ เวลาท่ใี ช้ การประเมนิ สื่อท่ใี ช้
การเรียนรู้
1. อภิปรายแนวทางเขา้ ส่อู าชีพที่สนใจ 1. ทักษะการส�ำรวจคน้ หา 1. ตรวจแบบทดสอบ - หนังสอื เรยี นการงาน
6 อาชีพ ม.5
2. เลือกและใช้เทคโนโลยีอยา่ งเหมาะสม 2. ทักษะการสังเกตวิธีการ กอ่ นเรยี น - แบบทดสอบกอ่ นเรยี น
งานอาชีพ - แบบทดสอบหลังเรยี น
กับอาชพี ทำ� งาน เพอื่ การดำ� รงชวี ติ 2. ตรวจใบงานที่ 6.1.1 - PowerPoint
เร่ือง การวเิ คราะห์
3. มีประสบการณ ์ในอาชีพที่ถนดั และสนใจ 3. ทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์ SWOT เพ่อื ค้นพบ
4. มีคณุ ลกั ษณะทดี่ ตี อ่ อาชีพ 4. ทกั ษะกระบวนการคดิ
แกป้ ัญหา อาชีพท่เี หมาะสมกับ
5. ทกั ษะการสรปุ ตนเอง
ลงความเหน็ 3. ตรวจใบงานท่ี 6.2.1
6. ทักษะการประเมิน เร่ือง ความรู้ใน
การงานอาชีพ
4. ตรวจชนิ้ งาน/
2 ภาระงาน (รวบยอด)
ชั่วโมง เรอื่ ง การสมั ภาษณ์
บุคคลที่ประสบ
ความสำ� เร็จ
5. การนำ� เสนอผลงาน
6. สงั เกตพฤตกิ รรม
การทำ� งานเป็น
รายบคุ คล
7. สงั เกตพฤตกิ รรม
การท�ำงานเปน็ กลุ่ม
8. สงั เกตคณุ ลกั ษณะ
อนั พงึ ประสงค์
9. ตรวจแบบทดสอบ
หลังเรียน
สารบัญ
Chapter Title Chapter Teacher
Overview Script
หนว่ ยการเรียนรู้ท ี่ 1 หลักการทำ� งาน
เพ่อื การด�ำรงชวี ติ T2-T3 T4
• ทักษะกระบวนการท�ำงานและกระบวนการแกป้ ญั หา T16 -T17 T4 -T7
• หลักการทำ� งานเพื่อการด�ำรงชีพ T34 -T35 T7-T8
• การแกป้ ัญหาในการทำ� งานดว้ ยวงจร PDCA T9 -T10
• การแก้ปัญหาในการทำ� งานด้วยกจิ กรรม 5 ส T11-T12
• บทบาทหนา้ ทข่ี องตนเองทมี่ ีต่อสมาชิกในครอบครวั โรงเรียน T13 -T15
และชุมชน T18
หน่วยการเรยี นรู้ท ่ี 2 งานชา่ งในบ้าน T18 -T25
T26 -T29
• เครอ่ื งมืองานชา่ งในบ้าน T30 -T33
• ตัวอยา่ งการซ่อมแซมเครือ่ งใช้ภายในบา้ น
• ตวั อยา่ งการตดิ ตง้ั เครอ่ื งใชภ้ ายในบ้าน T36
หนว่ ยการเรียนรู้ท ี่ 3 เสอ้ื ผ้าและเครอ่ื งแตง่ กาย T36 -T43
T44 -T49
• การเลอื กใชเ้ สอ้ื ผา้ และเครอ่ื งแตง่ กาย T50 -T59
• การเลือกซ้อื เสื้อผ้าและเคร่อื งแต่งกาย T60 -T65
• การซ่อมแซม ตกแต่ง และดัดแปลงเสอ้ื ผา้
• ตัวอย่างการตดั เยบ็ เสอื้ ผา้ และของใช้ภายในบ้าน
Chapter Title Chapter Teacher
Overview Script
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 4 งำนประดิษฐเ อกลักษณไทย
T66-T67 T68
• ความส�าคัญของงานประดษิ ฐท ่เี ปนเอกลักษณ ไทย
• ประเภทของงานประดษิ ฐท เี่ ปนเอกลกั ษณ ไทย T86-T87 T68-T70
• ตัวอยา่ งงานประดษิ ฐทเี่ ปนเอกลกั ษณ ไทย : งานแกะสลกั T114-T115 T71-T72
• ตัวอยา่ งงานประดิษฐท ีเ่ ปนเอกลกั ษณ ไทย : งานดอกไมส้ ด T73-T78
T79-T85
หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 5 งำนเกษตร
T88
• การปลูกพืช
• การเลีย้ งสัตว T88-T104
T105-T113
หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 6 งำนอำชพี
T116
• แนวทางการเข้าสอู่ าชพี
• การเลือกใชเ้ ทคโนโลยีอยา่ งเหมาะสมกบั การประกอบอาชพี T116-T129
• ประสบการณ ในอาชีพ T130-T131
• คุณลกั ษณะท่ีดีตอ่ อาชพี T132-T133
T134-T136
บรรณำนุกรม T137-T138
Chapter Overview
แผนการจดั ส่ือที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทกั ษะท่ีได้ คณุ ลกั ษณะ
การเรียนรู้ อนั พึงประสงค์
แผนฯ ที่ 1 - ห นงั สอื เรียน 1. อธบิ ายทกั ษะ แบบ - ต รวจแบบทดสอบกอ่ นเรยี น - ทกั ษะการส�ำรวจ - รกั ชาติ ศาสน์
ทักษะ
กระบวนการ การงานอาชพี ม.5 กระบวนการทำ� งาน สบื เสาะ - ตรวจใบงานที่ 1.1.1 ค้นหา กษัตรยิ ์
ท�ำงาน
- แ บบทดสอบกอ่ นเรยี น และกระบวนการ หาความรู้ - ป ระเมนิ การน�ำเสนอผลงาน - ทกั ษะการสงั เกต - ซ อ่ื สตั ย์ สุจรติ
1
- PowerPoint แกป้ ญั หาไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง (5Es - ส งั เกตพฤติกรรมการท�ำงาน วธิ ีการทำ� งาน - มีวินัย
ชว่ั โมง
2. มีทักษะในการทำ� งาน Instructional รายบคุ คล เพือ่ การด�ำรงชวี ติ - ใ ฝเ่ รยี นรู้
ทกั ษะกระบวนการ Model) - ส งั เกตพฤตกิ รรม - ทกั ษะการคดิ - อ ยู่อยา่ ง
แก้ปญั หา และทกั ษะ การทำ� งานกล่มุ วเิ คราะห์ พอเพยี ง
การแสวงหาความรู้ - สงั เกตคุณลกั ษณะ - ทกั ษะกระบวน - ม ุ่งมน่ั ใน
อยา่ งถกู ตอ้ ง อันพงึ ประสงค์ การคดิ แก้ปญั หา การทำ� งาน
3. น ำ� หลักการท�ำงานมา - ทกั ษะการสรปุ - ร ักความ
ประยุกต ์ใช ้ในการ ลงความเห็น เป็นไทย
ดำ� รงชวี ิตได้อย่าง - ทกั ษะการประเมนิ - มจี ติ สาธารณะ
ถกู ต้องและเหมาะสม
4. มคี ณุ ธรรมและ
มีลกั ษณะนิสยั ที่ดี
ในการทำ� งาน
แผนฯ ที่ 2 - ห นงั สอื เรียน 1. อ ธิบายวิธีการแก้ปัญหา แบบกระบวน - ตรวจใบงานท่ี 1.2.1 - ทกั ษะการสำ� รวจ - รกั ชาติ ศาสน์
การแกป้ ัญหา การงานอาชพี ม.5
ในการท�ำงาน - PowerPoint ในการทำ� งานดว้ ยวงจร การเรียน - ต รวจช้ินงาน/ภาระงาน คน้ หา กษตั รยิ ์
ดว้ ยวงจร PDCA
PDCA ได้อย่างถูกต้อง ความรู้ (รวบยอด) - ท กั ษะการสงั เกต - ซ อ่ื สตั ย์ สจุ รติ
1
2. ส ามารถนำ� วธิ กี าร ความเข้าใจ - ป ระเมนิ การนำ� เสนอผลงาน วิธีการท�ำงาน - มีวนิ ัย
ชั่วโมง
แก้ปญั หาในการท�ำงาน - สงั เกตพฤตกิ รรมการทำ� งาน เพื่อการด�ำรงชีวิต - ใ ฝเ่ รียนรู้
ด้วยวงจร PDCA รายบคุ คล - ท กั ษะการคิด - อยูอ่ ย่าง
มาปฏบิ ตั ไิ ดอ้ ย่าง - สงั เกตพฤติกรรม วิเคราะห์ พอเพียง
ถกู ต้อง เหมาะสม การท�ำงานกลุม่ - ท ักษะกระบวน - ม งุ่ ม่นั ใน
3. ป ระยุกต ์ใชก้ จิ กรรม - ส งั เกตคณุ ลักษณะ การคดิ แก้ปัญหา การท�ำงาน
5 ส ในการท�ำงาน อนั พงึ ประสงค์ - ทักษะการสรปุ - รกั ความ
และการด�ำรงชวี ิต ลงความเหน็ เป็นไทย
ประจ�ำวันไดอ้ ยา่ ง - ทกั ษะการประเมนิ - ม จี ติ สาธารณะ
เหมาะสม
4. ม ีคณุ ธรรมและ
มีลกั ษณะนิสัยทดี่ ี
ในการทำ� งาน
T2
แผนการจดั สือ่ ที่ใช้ จุดประสงค์ วธิ สี อน ประเมิน ทกั ษะที่ได้ คุณลกั ษณะ
การเรยี นรู้ อันพงึ ประสงค์
แผนฯ ที่ 3 - หนงั สอื เรยี น 1. อ ธิบายบทบาทหน้าท่ี แบบ - ตรวจแบบทดสอบหลังเรยี น - ทกั ษะการส�ำรวจ - รักชาติ ศาสน์
บทบาทและหน้าท่ี การงานอาชีพ ม.5 ของตนเองท่มี ตี อ่ สืบเสาะ - ตรวจใบงานที่ 1.3.1
ของตนเองทม่ี ี - แ บบทดสอบหลงั เรยี น สมาชกิ ในครอบครวั หาความรู้ - ต รวจชนิ้ งาน/ภาระงาน คน้ หา กษตั ริย์
ตอ่ สมาชิกใน - PowerPoint โรงเรยี น และชมุ ชน (5Es (รวบยอด)
ครอบครัว ไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง Instructional - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน - ทกั ษะการสังเกต - ซ อ่ื สัตย์ สจุ ริต
โรงเรยี น Model) - ส ังเกตพฤติกรรมการท�ำงาน
และชุมชน 2. ป ฏิบัตติ นตามบทบาท วธิ กี ารท�ำงาน - มวี ินัย
หนา้ ทขี่ องตนเองที่มี รายบคุ คล
1 ต่อสมาชิกในครอบครัว - สงั เกตพฤติกรรม เพ่ือการดำ� รงชวี ิต - ใ ฝเ่ รียนรู้
โรงเรียน และชุมชนได้ การท�ำงานกลมุ่
ชว่ั โมง อยา่ งเหมาะสม - สงั เกตคณุ ลักษณะ - ท กั ษะการคดิ - อ ยู่อยา่ ง
อันพงึ ประสงค์
วิเคราะห์ พอเพยี ง
- ทกั ษะกระบวน - มงุ่ มั่นใน
การคิดแกป้ ญั หา การท�ำงาน
- ท กั ษะการสรปุ - รกั ความ
ลงความเห็น เป็นไทย
- ทกั ษะการประเมนิ - มจี ติ สาธารณะ
T3
นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ นาํ (5Es) ๑หน่วยการเรียนรู้ที่
ขนั้ ที่ 1 กระตนุ ความสนใจ หลกั การทา� งานเพอ่ื การด�ารงชวี ิต
1. ครูแจงชื่อเร่ืองที่จะเรียนรูและผลการเรียนรู ตวั ชี้วดั ในการทÓงานเมื่อมีปัญหา
ใหนักเรียนทราบ จากนั้นใหน กั เรียนแตละคน ■ อธิบายวิธีการท�างานเพ่ือการด�ารงชวี ิต (ง ๑.๑ ม.๔-๖/๑) จะมีกระบวนการแก้ปัญหา
ทาํ แบบทดสอบกอ นเรยี น หนว ยการเรยี นรทู ่ี 1 ■ สรา้ งผลงานอยา่ งมคี วามคิดสร้างสรรค์และมที ักษะการท�างานร่วมกนั (ง ๑.๑ ม.๔-๖/๒) อย่างไรเพือ่ ให้งานสÓเร็จ
เรื่อง หลกั การทาํ งานเพอ่ื การดํารงชีวติ ■ มีทักษะการจัดการในการทา� งาน (ง ๑.๑ ม.๔-๖/๓)
■ มีทกั ษะกระบวนการแก้ปญั หาในการทา� งาน (ง ๑.๑ ม.๔-๖/๔)
2. ครตู งั้ คาํ ถามกระตนุ ความสนใจของนกั เรยี นวา ■ มที กั ษะในการแสวงหาความร้เู พอื่ การดา� รงชีวติ (ง ๑.๑ ม.๔-๖/๕)
• ในชวี ติ ประจาํ วนั ของนกั เรยี นไดร บั มอบหมาย ■ มีคุณธรรมและลักษณะนสิ ัยในการทา� งาน (ง ๑.๑ ม.๔-๖/๖)
ใหท ํางานใด และมวี ธิ ีการทํางานอยา งไร
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ สาระการเรยี นร้แู กนกลาง
ไดอยางอิสระ เชน ไดรับมอบหมายให ■ วธิ ีการท�างานเพอ่ื การดา� รงชวี ติ
ชว ยเหลอื คณุ แมใ นการทาํ ความสะอาดบา น ■ ท ักษะการทา� งานรว่ มกนั
คอื กวาดบา น ถบู า น และชว ยทาํ อาหารเยน็ ■ ท กั ษะการจัดการ
หลังจากกลับมาจากโรงเรียน โดยมีวิธีการ ■ ท กั ษะกระบวนการแก้ปญั หาในการทา� งาน
ทาํ งาน คือ หลังจากกลบั มาจากโรงเรียนจะ ■ ท กั ษะการแสวงหาความรู้เพ่อื การดา� รงชีวิต
รบี ทาํ การบา นใหเสร็จ จากนนั้ จงึ กวาดบา น
ถบู า น และชวยคณุ แมท าํ อาหารเย็น) ๑ ทกั ษะกระบวนการท�างานและกระบวนการแก้ปญั หา
• หากตองการทํางานท่ีไดรับมอบหมายให การทา� งานมคี วามสา� คญั และมคี ณุ คา่ ตอ่ ชวี ติ ของมนษุ ยเ์ ปน็ อยา่ งยงิ่ เพราะทา� ใหม้ ปี ระสบการณ์
สาํ เรจ็ ลลุ ว งอยา งมปี ระสทิ ธภิ าพ จาํ เปน ตอ ง รู้จักวางแผนการทา� งาน การปฏบิ ตั ิงานตามข้ันตอนต่าง ๆ การปรบั ปรงุ แก้ไขงาน และการพฒั นา
ใชทักษะกระบวนการทาํ งานใด ระบบการทา� งาน ดงั นน้ั การท�างานจงึ เปน็ การเปิดโอกาสให้แสดงออกถึงความสามารถ ความคดิ
(แนวตอบ ในการทาํ งานจําเปนตอ งใชทักษะ สร้างสรรค์ ซง่ึ จะน�ามาสู่ความสา� เร็จและความพึงพอใจในชวี ติ
กระบวนการทาํ งานทห่ี ลากหลาย เชน ทกั ษะ
การจัดการ ทักษะกระบวนการแกปญหา 2
ทกั ษะการแสวงหาความรู เพอื่ ใหก ารทาํ งาน
สาํ เรจ็ ลลุ ว งตามจดุ มงุ หมายทไี่ ดว างไวอ ยา ง
มปี ระสทิ ธภิ าพ)
• นักเรียนมีเทคนิคใดท่ีทําใหตนเองสามารถ
ทาํ งานไดประสบผลสาํ เรจ็
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
ไดอยางอิสระ เชน มีทักษะกระบวนการ
แกป ญ หาในการทาํ งาน มีทักษะการจัดการ
ในการทํางาน มีทักษะการแสวงหาความรู
เพอื่ การสรา งงานอยา งมคี วามคดิ สรา งสรรค)
เกร็ดแนะครู
ครคู วรจดั การเรยี นรู โดยอธบิ ายเกย่ี วกบั หลกั การทาํ งานเพอ่ื การดาํ รงชวี ติ ใหน กั เรยี นฟง เพอื่ ใหเ กดิ ความรู ความเขา ใจเรอ่ื งทกั ษะกระบวนการทาํ งานและทกั ษะ
กระบวนการแกป ญ หาทม่ี ากขนึ้ สามารถใชท กั ษะตา งๆ เพอ่ื พฒั นาคณุ ภาพในการทาํ งานไดอ ยา งเหมาะสม ชว ยใหไ ดผ ลงานทม่ี คี ณุ ภาพ ผปู ฏบิ ตั งิ านสามารถปฏบิ ตั ิ
งานไดอยา งมคี วามสขุ รจู กั วิธกี ารแกป ญหาในการทํางานดว ยวงจร PDCA หรือวธิ แี กป ญหาในการทาํ งานดวยกิจกรรม 5 ส นอกจากน้ี ยงั ปฏิบัตติ นไดเหมาะสม
กับบทบาทหนา ทีท่ ่มี ตี อ สมาชิกในครอบครัว โรงเรียน และชมุ ชน โดยสามารถจัดกจิ กรรมได ดงั นี้
• ใหนักเรียนตอบคําถามและรวมกันแสดงความคิดเหน็ เพื่อใหนกั เรียนเกดิ ความรู ความเขาใจเก่ยี วกบั หลกั การทํางานเพ่ือการดํารงชวี ิต
• ใหนักเรียนปฏิบตั งิ านกลุม โดยการนําวงจร PDCA มาใชในกระบวนการทาํ งานและการแกปญหา เพื่อใหนักเรยี นสามารถแกปญ หาในการทํางานไดอยา ง
เหมาะสม
• ใหนักเรยี นปฏิบัติกจิ กรรม 5 ส ที่บานของตนเอง เพือ่ ใหส ามารถแกป ญ หาจากการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมดงั กลาวไดอยา งเหมาะสม
T4
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
กระบวนการทำ� งำนและกระบวนกำรแกป้ ญั หำ ขนั้ นาํ
เป็นกระบวนกำรที่ส�ำคัญในกำรท�ำงำนเพ่ือกำรด�ำรงชีวิต ขั้นท่ี 1 กระตนุ ความสนใจ
ชก่วำยรเฝรึกียวนธิ รที ู้กำ� รงะำนบอวนย่ำกงำสรมท่�ำ�ำเงสำมนอแลทะัง้ กกรำะรบทว�ำนงำกนำเรปแ็นกร้ปำัญยบหคุ ำคจละ1 3. ครขู ออาสาสมคั ร2-3คนออกมาเลา ประสบการณ
เกยี่ วกบั การทาํ งานในชวี ติ ประจาํ วนั ของตนเองวา
และท�ำงำนเป็นกลุ่ม โดยช่วยให้เกิดควำมคิดและวิธีกำร มวี ธิ กี ารทาํ งานอยา งไรใหเ พอ่ื นฟง หนา ชนั้ เรยี น
แก้ปัญหำ ตลอดจนช่วยให้เกิดควำมช�ำนำญในสำขำต่ำง ๆ ที่ จากน้ันใหเพ่ือนรวมช้ันเรียนรวมกันแสดง
ตอ้ งนำ� มำใชใ้ นกำรทำ� งำนด้วย ความคิดเห็นวาเพื่อนคนดังกลาวมีการทํางาน
ทเ่ี ปนกระบวนการหรือไม อยางไร
๑.๑ ทกั ษะกระบวนการทา� งาน
4. ครถู ามนกั เรยี นวา
รายบทคุ กั คษละแทลมี่ ะกงุ่ เานรน้ทกา� างราปนฏเปบิ น็ ตั กอิ ลยุ่มา่ 2งเเปพน็ือ่ รใหะบ้สบามมาลีรา�ถดทบั �าขงาน้ั นตไอดน้บใรนรกลาตุ ราปมฏเบิปตัา้ หงิ ามนายทแง้ั ลกะาวรัตทถา� ปุงารนะสเปงน็ค์ • นักเรียนคิดวาการทํางานมีความสําคัญตอ
ท่ตี ัง้ ไว้ กระบวนการท�างานมขี ัน้ ตอน ดงั น้ี การดาํ รงชวี ติ ประจาํ วนั ของเราหรอื ไม อยา งไร
(แนวตอบ การทํางานมีความสําคัญตอชีวิต
๑ 2๓ ๔ มนษุ ยเ ปน อยา งยง่ิ อาจกลา วไดว า การทาํ งาน
เปนสวนหน่ึงของชีวิตที่ปฏิบัติมากกวาการ
การวเิ คราะห3์งาน การวางแผน การปฏิบัตงิ าน การประเมนิ ปฏิบัตกิ ิจกรรมใดๆ การทํางานเปน สิ่งทีใ่ ห
ผลการปฏบิ ัติงาน ประสบการณท ม่ี คี ณุ คา ตอ ชวี ติ มนษุ ย เพราะ
เปน โอกาสทที่ าํ ใหเ กดิ การวางแผน การปฏบิ ตั ิ
หลักการท�างาน ๓ ตามขน้ั ตอนตางๆ การปรบั ปรงุ แกไ ข และ
เพื่อการด�ารงชีวิต พฒั นาระบบใหด ยี ง่ิ ขึ้น)
ข้ันท่ี 2 สาํ รวจคน หา
5. ครูใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละเทาๆ กัน
รวมกันศึกษาหาความรูเพ่ิมเติมในประเด็นท่ี
ครูกําหนดให คือ ทักษะกระบวนการทํางาน
ทักษะกระบวนการแกปญหา และหลักการ
ทํางานเพ่ือการดํารงชีวิต จากหนังสือเรียน
หนวยการเรียนรูท่ี 1 หรือศึกษาเพ่ิมเติมจาก
อนิ เทอรเ น็ต
6. ครูใหนักเรียนศึกษาเพ่ิมเติมเกี่ยวกับทักษะ
กระบวนการทาํ งาน ทกั ษะกระบวนการแกป ญ หา
และหลักการทํางานเพื่อการดํารงชีวิต จาก
PowerPoint ม.5 หนวยการเรียนรูที่ 1
ขอสอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู
ขอ ใดเปน สง่ิ ทชี่ ว ยใหก ารปฏบิ ตั งิ านกลมุ ประสบความสาํ เรจ็ ได 1 การทํางานเปนรายบุคคล เปนการปฏิบัติงานที่ผูปฏิบัติงานไดใชความคิด
งา ยข้ึน ของตนอยา งเตม็ ที่ แตอ าจมขี อ บกพรอ งจากการปฏบิ ตั งิ านบา ง หากงานทป่ี ฏบิ ตั ิ
จําเปนตองใชทักษะ หรือใชความรูท่ีหลากหลาย แตผูปฏิบัติงานมีความรู
1. สมาชกิ ในกลมุ จะรอรบั คาํ ส่ังจากหวั หนากลุมเทาน้นั ความสามารถเพียงบางทกั ษะ อาจทําใหง านไมส ําเร็จตามท่ีคาดหวงั ไว
2. หัวหนากลมุ มคี วามเชอ่ื ม่นั ในตนเองสงู 2 การทํางานเปนกลุม เปนการแลกเปลี่ยนเรียนรูประสบการณทํางาน
3. หวั หนา กลมุ มีความรูท่หี ลากหลาย จากผอู นื่ ซง่ึ ตอ งคาํ นงึ ถงึ คณุ ธรรมในการทาํ งาน การสอื่ สาร การเคารพใหเ กยี รติ
4. สมาชิกในกลุมมสี ุขภาพจิตท่ดี ี ซึ่งกันและกัน การรบั ฟง และแสดงความคิดเหน็ อยางมเี หตุผล อีกทงั้ ยงั สามารถ
ปฏบิ ัตติ นเปนผนู าํ และเปนผูต ามทีด่ ไี ด
(วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะสมาชิกในกลุมควรมี 3 การวเิ คราะห ประกอบดว ยทกั ษะสาํ คญั 3 ประการ ไดแ ก การคดิ วเิ คราะห
มนษุ ยสมั พนั ธท ด่ี ตี อ กนั เรมิ่ จากการมสี ขุ ภาพจติ ทดี่ ี ยมิ้ แยม แจม ใส ความสาํ คัญของเนื้อหา หรอื สงิ่ ของตา งๆ การคดิ วิเคราะหค วามสัมพันธ และ
ซ่ึงจะสงผลใหมีเหตุผลมากข้ึน ไมใชอารมณในการปฏิบัติงาน การคิดวเิ คราะหเชิงหลักการ
มองโลกในแงดี รจู ักเสียสละ รบั ฟงความคดิ เห็นของผูอืน่ อยา งมี
เหตุผล ดังน้ัน การมีสุขภาพจิตท่ีดีจึงเปนส่ิงสําคัญในการปฏิบัติ T5
งานกลมุ ใหประสบความสําเรจ็ )
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน กลุ่มของนักเรียนได้รับมอบหมายให้ร่วมกันจัดซุ้มดอกไม้ เพ่ือต้อนรับแขกที่มาเยี่ยม
ขั้นที่ 3 อธบิ ายความรู ตัวอยา่ ง โรงเรียน
1. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันอภิปรายแลก การวเิ คราะหง์ าน การวางแผน
เปลย่ี นความรใู นเร่ืองทไี่ ดศ กึ ษามา จากนนั้ ครู
ถามนกั เรียนวา การก�าหนดภาระงานที่ต้องท�าว่ามีลกั ษณะ การวางแผนการท�างานเพื่อให้สามารถ
• การวางแผนมีความสําคัญตอการทํางาน อยา่ งไร ตอ้ งใชเ้ ครอื่ งมอื และอปุ กรณช์ นดิ ใด ปฏิบัติงานได้ตรงตามข้ันตอน โดยการ
อยา งไร ๑ และมลี า� ดบั ขน้ั ตอนในการปฏบิ ตั งิ านอยา่ งไร ก�าหนดรปู แบบและวิธกี ารทา� งานอย่างเป็น
(แนวตอบ การวางแผนเปนส่ิงที่ชวยกําหนด เชน่ จะจดั ซมุ้ ดอกไม้ ในรปู แบบใด ต้องใช้ ข้ันตอน เช่น หัวหน้ากลุ่มแบ่งงานให้กับ 2
ทิศทางในการทํางาน เพื่อใหสมาชิกทุกคน สมาชิกในกลุ่มท�าตามความสามารถและ
สามารถทํางานไปในทิศทางเดียวกัน เพ่ือ อปุ กรณช์ นดิ ใด หาซอ้ื ไดจ้ ากแหลง่ ใด รวมถงึ ความถนดั ของแตล่ ะบคุ คล เลอื กและซอ้ื วสั ดุ
ทําใหการทํางานสําเร็จลุลวงไปไดอยาง งบประมาณที่ใช้มีจ�านวนเท่าไร โดยสบื คน้ อปุ กรณ์ท่ีจะน�ามาใช้
รวดเรว็ ราบรนื่ มคี ณุ ภาพ และมปี ระสทิ ธภิ าพ) ขอ้ มูลจากแหล่งการเรียนรตู้ ่าง ๆ
• หลักการพัฒนาคุณภาพในการทํางาน
สามารถนาํ มาประยกุ ตใ ชใ นการทาํ งานของ การปฏบิ ตั ิงาน การประเมินผลการปฏบิ ตั ิงาน ๔
นกั เรยี นไดอยา งไร
(แนวตอบ เปนการนําหลักการพัฒนาใน การลงมือปฏิบัติงานตามแผนท่ีได้วางไว้ การตรวจสอบและประเมินผลการท�างาน
ดานตางๆ มาประยุกตใชในการทํางาน เพื่อให้งานส�าเร็จตามเป้าหมาย ตรวจสอบ ซ่ึงจะท�าให้ทราบว่างานท่ีปฏิบัติน้ันประสบ
เพื่อใหสามารถทํางานไดอยางสรางสรรค ความส�าเร็จตามเป้าหมายที่ต้ังไว้หรือไม่
มที ศั นคตทิ ดี่ ตี อ การทาํ งาน มคี วามมงุ มน่ั ใน ๓ กระบวนการทา� งานเปน็ ระยะ ๆ เชน่ สมาชกิ หากไม่สา� เรจ็ มสี าเหตมุ าจากสิง่ ใดและมวี ธิ ี
การทาํ งาน ซึ่งจะสง ผลใหการทํางานสําเร็จ การแก้ไขอย่างไร เช่น ซุ้มดอกไม้ที่จัดมี
ลุลว งไปไดด วยดีและมีประสทิ ธภิ าพ) แตล่ ะคนปฏบิ ตั ติ ามหนา้ ทที่ ไี่ ดร้ บั มอบหมาย ขนาดเลก็ งบประมาณซอ้ื ดอกไมม้ าประดบั
อยา่ งเตม็ ความสามารถ และใหส้ งั เกตระหวา่ ง ตกแตง่ ไมเ่ พยี งพอ เพราะราคาดอกไมส้ งู ขนึ้
2. ครใู หน กั เรยี นศกึ ษาตวั อยา ง “กลมุ ของนกั เรยี น การทา� งานวา่ พบปญั หาหรอื ไม่ หากมีให้จด
ไดรับมอบหมายใหรวมกันจัดซุมดอกไม เพ่ือ บนั ทกึ ไว้
ตอ นรบั แขกทม่ี าเยยี่ มโรงเรยี น” จากหนงั สอื เรยี น
หนว ยการเรยี นรทู ี่ 1 หนา 4 จากนน้ั ใหน กั เรยี น ๔
รวมกันแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับทักษะ
กระบวนการทาํ งาน โดยมคี รเู ปน ผคู อยเสนอแนะ
เพิ่มเตมิ
3. ครถู ามนกั เรยี นวา
• จากกรณีตัวอยาง นักเรียนคิดวาเปนการ
วางแผนการทํางานทด่ี ีหรือไม อยางไร
(แนวตอบ คําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจของ
นกั เรียน)
เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิด
ครอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ เกยี่ วกบั วธิ กี ารทาํ งานอยา งเปน ลาํ ดบั ขนั้ ตอนใหน กั เรยี น บคุ คลในขอใดมกี ารวางแผนขัน้ ตอนในการปฏบิ ตั ิงาน
ฟง วา ในการปฏิบตั ิงานจําเปนตองทํางานอยางมลี าํ ดับขั้นตอน เพราะจะสง ผล 1. แยมทําอปุ กรณสําหรบั กองเชยี ร
ใหก ารทํางานประสบความสําเรจ็ ตามจดุ มุง หมายทไี่ ดว างไว ซงึ่ สามารถปฏิบัติ 2. ยูย ่กี าํ หนดงบประมาณในการจัดงานกฬี าสี
ไดจากการวางแผนข้ันตอนการทํางานกอนลงมือปฏิบัติงานจริง เพื่อชวยลด 3. ยมิ วเิ คราะหป ญหา เพือ่ นําไปเปนแนวทางในการจดั งานครงั้
ความเส่ียงท่ีอาจเกิดขึ้นจากการทํางาน รวมถึงมีการวางแผนสํารองเพ่ิมเติม
และคดิ หาวธิ กี ารแกป ญ หาทอี่ าจเกดิ ขน้ึ ไวล ว งหนา การวางแผนการทาํ งานอยา ง ตอ ไป
เปนลาํ ดบั ขน้ั ตอนจะทําใหสามารถมองเหน็ ภาพรวมของงานทงั้ หมด ซ่งึ นําไปสู 4. โยเรยี กประชุมสมาชิกของกลมุ เพื่อใหทุกคนเตรยี มตัวจัดงาน
การลดขนั้ ตอนในการทาํ งานลงได ชว ยใหป ระหยดั ทงั้ เวลา แรงงาน และงบประมาณ
โดยท่คี ุณภาพของผลงานไมไ ดล ดลง กีฬาสี
T6 (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เพราะขั้นตอนการวางแผนการ
ปฏบิ ัตงิ าน เปน ข้ันตอนในการกาํ หนดรูปแบบการปฏิบัติงานวา จะ
ตอ งใชว สั ดุ อปุ กรณช นดิ ใด ใชเ งนิ ลงทนุ เทา ไร ซงึ่ ยยู เี่ ปน ผกู าํ หนด
งบประมาณในการจัดงานกีฬาสี จึงจัดอยูในขั้นตอนการวางแผน
ในการปฏิบัติงาน เพื่อใหมีการจัดสรรงบประมาณในการจัดงาน
ไดอยา งลงตวั )
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
๑.๒ ทกั ษะกระบวนการแกป้ ัญหา ขน้ั สอน
กระบวนการที่ต้องการให้ผู้ปฏิบัติงานได้รู้จักคิดหาวิธีการแก้ปัญหาต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ ขนั้ ท่ี 3 อธบิ ายความรู
กระบวนการแก้ปญั หามขี ัน้ ตอน ดังน้ี
การสรา้ งทางเลอื ก1 4. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “ในการทํางานตางๆ
การสงั เกต การวเิ คราะหป์ ญั หา การประเมนิ ไมวาจะเปนการทํางานแบบรายบุคคล หรือ
ทางเลอื ก การทํางานแบบกลุมจะตองมีการนําทักษะใน
รั บ รู ้ แ ล ะ ท� า ค ว า ม พิ จ า ร ณ า ป ั ญ ห า ท่ี แสวงหาทางเลือกใน การทํางานมาใชอยูเสมอ ซ่ึงทักษะที่นํามาใช
เข้าใจกับปัญหาท่ี เกิดขึ้นว่ามีสาเหตุ การแก้ปัญหาอย่าง เลือกทางเลือกท่ีดี จะมคี วามหลากหลาย เชน ทกั ษะกระบวนการ
เกดิ ข้ึน มาจากสงิ่ ใด หลากหลาย และเหมาะสมที่สุด ทาํ งาน ทกั ษะกระบวนการแกป ญ หา นอกจากนี้
เพอื่ นา� ไปใชใ้ นการแก้ การทํางานยังตองรูจักการพัฒนาตนเอง
ปัญหา พัฒนาผลงานที่ทําอยูเสมอ เพื่อใหงานมี
คุณภาพมากย่งิ ข้ึน”
จากตวั อยา่ งปญั หาการจดั งบประมาณไม่เพียงพอ วธิ ที ี่ ๑ ของบประมาณเพอ่ื เลอื กวธิ ที ่ี ๒ เพราะไมต่ อ้ ง
ซุ้มดอกไม้ข้างต้นพบว่า ดอกไม้มีราคาแพงขึ้น นา� ไปซอ้ื ดอกไมม้ าเพมิ่ เสยี คา่ ใชจ้ า่ ยเพม่ิ ทง้ั ยงั ได้ 5. ครูถามนักเรียนวา
ปญั หาทเ่ี กิดขน้ึ คอื ซุม้ จึงท�าให้ซ้ือดอกไม้ได้ วธิ ที ่ี ๒ ออกแบบใหม่ โดย ซมุ้ ดอกไมท้ ส่ี วยงามตาม • หากตอ งประสบปญ หาในการทาํ งาน นกั เรยี น
ดอกไมม้ ขี นาดเลก็ เกนิ ไป นอ้ ยกวา่ จา� นวนทตี่ อ้ งการ ใชด้ อกไมเ้ ทา่ ท่ีมี แบบทวี่ าดไว้ จะมแี นวทางในการแกปญหาอยางไร
๒ในขณะทพ่ี นื้ ทม่ี ขี นาดใหญ่ (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความ
หลกั การทา� งานเพื่อการด�ารงชพี คดิ เหน็ ไดอ ยา งอสิ ระ เชน ทาํ ความเขา ใจกบั
การทา� งานเพอ่ื การดา� รงชวี ติ เปน็ การทา� งานทมี่ คี วามเกย่ี วขอ้ งในชวี ติ ประจา� วนั เพอ่ื ชว่ ยเหลอื ปญหาท่ีเกิดขึ้น จัดลําดับความสําคัญของ
ตนเอง ครอบครัว และสังคม ไม่ท�าลายสง่ิ แวดล้อม ดังนนั้ การเรียนรหู้ ลักการทา� งานจะช่วยให้ ปญ หา สรา งทางเลอื กในการแกป ญ หาอยา ง
ทา� งานได้อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพและประสบความส�าเร็จ หลากหลาย พิจารณาขอ มลู ทางเลือกตา งๆ
จากน้ันนํามาประเมินทางเลือก วางแผน
ก๒า.ร๑พ ัฒหนลากกั ากรทาา�รงพานัฒใหน้มาคี คณุ ณุภาภพทาีด่พี ใคนวรกมากี รารทฝ�ากึ ทงากั ษนะทางด้านการเข้าสังคม2การท�างาน การปฏิบัติงานอยางเปนข้ันตอน บันทึกผล
การปฏิบัติงานเพ่ือรายงาน และตรวจสอบ
เปน็ กลมุ่ การปรบั ตวั เขา้ กบั สง่ิ แวดลอ้ ม การมมี นษุ ยสมั พนั ธท์ ด่ี ี การพฒั นาคณุ ภาพในการทา� งาน ความถกู ตอ งของทางเลอื กในการแกป ญ หา)
มีหลกั การส�าคญั ดังน้ี
ขน้ั ท่ี 4 ขยายความเขา ใจ
• มีสตปิ ญั ญา เฉลียวฉลาด • มีทัศนคติทดี่ ตี ่อการท�างาน
• มีสุขภาพกายและสขุ ภาพจิตดี 6. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันวางแผนการ
• มจี รยิ ธรรม ซอื่ สัตย์ และเสยี สละ • สมรีค้าวงาแมรคงดิจรูงเิใรจ3ม่ิแสลระา้มงีคสวรารมคม์ ุ่งม่นั ต้ังใจ ทํางานตามความสนใจ 1 งาน (งานบาน
• มคี วามรแู้ ละมีประสบการณ์ในงานท่ที �า • งานประดิษฐ งานผา) โดยนําขั้นตอนของ
กระบวนการทาํ งานมาประยกุ ตใ ช ซง่ึ สามารถ
• มคี วามเชอื่ มน่ั ในความสามารถของตนเอง ศึกษาจากตัวอยางในหนังสือเรียน หนวยการ
เรยี นรูท่ี 1 หรอื ศึกษาเพิ่มเติมจากอินเทอรเน็ต
หลักการท�างาน 5 จากน้ันบันทึกข้ันตอนการวางแผนการทํางาน
เพื่อการด�ารงชีวิต ลงในใบงานที่ 1.1.1 เร่ือง ทกั ษะกระบวนการ
ทาํ งาน
กิจกรรม สรางเสริม นักเรียนควรรู
ใหน กั เรยี นวเิ คราะหแ นวทางการทาํ งานใหป ระสบความสาํ เรจ็ 1 การสรา งทางเลอื ก เปน วธิ กี ารเพม่ิ หนทางในการแกไข หรอื กระทาํ ในบางสง่ิ
วา ควรประกอบไปดว ยสง่ิ ใดและสง่ิ นน้ั มคี วามสาํ คญั อยา งไร อธบิ าย บางอยา ง ในการสรา งทางเลอื กควรสรา งทางเลอื กอยา งหลากหลาย ทง้ั ทม่ี คี วาม
เหตุผล พรอมยกตัวอยางประกอบการอธิบายใหชัดเจน ลงใน เปนไปไดมากและมีความเปนไปไดนอย เพ่ือใหสามารถปรับใชใหมีความ
กระดาษ A4 นาํ สงครผู ูสอน เหมาะสมกับลกั ษณะของงาน หรอื ปญ หาทีเ่ กิดข้ึน
2 การเขาสังคม เปนส่ิงที่ตองพบเจอเมื่อตองทํางานรวมกับผูอ่ืน การสราง
กจิ กรรม ทา ทาย ความสมั พนั ธท ด่ี ี สามารถปฏบิ ตั ไิ ดห ลายวธิ ี เชน การกลา วคาํ ทกั ทาย การวางตวั
อยา งมมี ารยาท การพดู จาสภุ าพไพเราะนา ฟง การสอ่ื สารและการสนทนารว มกบั
ใหนักเรียนสืบคนขอมูลของบุคคลท่ีประสบความสําเร็จจาก ผูอ่ืนในเรื่องท่ีสรางสรรค การรับฟงความคิดเห็นของผูอ่ืน ส่ิงเหลาน้ีลวนทําให
การทํางาน 1 ทาน ในประเด็นทค่ี รูกาํ หนดให คือ ประวตั ิสว นตัว เกดิ ความราบรนื่ ในการสรา งความสมั พนั ธท ด่ี ตี อ กนั รวมถงึ ทาํ ใหส ามารถทาํ งาน
ทกั ษะการทาํ งาน การวเิ คราะหแ นวทางการทาํ งาน หลกั การทาํ งาน รวมกบั ผอู ื่นไดอยางมีความสุขและประสบความสําเร็จในการปฏิบัติงาน
ใหป ระสบความสําเรจ็ ลงในกระดาษ A4 นาํ สง ครผู สู อน 3 สรา งแรงจงู ใจ หากตอ งการสรา งแรงจงู ใจ ควรมหี ลกั สาํ คญั 3 ประการ คอื
การใหการยกยอ ง การใหร างวลั และการสงเสริม
T7
นาํ สอน สรปุ ประเมิน
ขน้ั สอน ๒.๒ คณุ ภาพในการทา� งาน
ข้ันท่ี 4 ขยายความเขา ใจ ปัจจุบนั การแขง่ ขันมีสูงขนึ้ ทา� ให้มีอตั ราการว่างงานเพิ่มขน้ึ บริษทั หรือสถานประกอบการ
หลายแห่งมกี ารปลดพนกั งานออก สว่ นหนงึ่ เปน็ เพราะขาดประสทิ ธภิ าพในการทา� งาน ไม่พัฒนา
7. ครใู หน กั เรยี นแตล ะกลมุ สง ตวั แทนกลมุ ละ 1 คน และปรบั ปรงุ การทา� งานของตนให้มีคุณภาพ ซึง่ คุณภาพในการทา� งานสามารถปฏบิ ัติได้ ดงั น้ี
ออกมานาํ เสนอผลงานใหเ พอื่ นชมหนา ชน้ั เรยี น
จากน้ันใหเพื่อนรวมชั้นเรียนรวมกันเสนอแนะ ๑. ปรบั ปรงุ หรอื พฒั นาวธิ กี ารทา� งานใหส้ ะดวก การนา� เทคโนโลยเี ขา้ มาชว่ ยในการทา� งาน จะชว่ ยใหท้ า� งาน
เพม่ิ เตมิ ได้อย่างสะดวกสบายและมีประสทิ ธภิ าพมากข้นึ
และดยี ง่ิ ขน้ึ เชน่ ลดขนั้ ตอน หรอื เพมิ่ เทคนคิ เขา้ ไป
8. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “คุณภาพในการทํางาน เพื่อให้ท�างานได้อย่างคล่องแคล่วและรวดเร็ว
มคี วามสาํ คญั มาก เพราะปจ จบุ นั มกี ารแขง ขนั สงู
เชน ในภาคธุรกิจท่ีมุงเนนคุณภาพของงาน ม2า.กคยิ่ง้นขหึ้นาวิธีการท�างานให้ประหยัด หรือ
เพอ่ื ศกั ยภาพในการแขง ขนั หากคณุ ภาพของงาน
ไมดี ก็ไมสามารถแขงขันกับธุรกิจอ่ืนๆ ได ลดการใชอ้ ปุ กรณแ์ ละกา� ลงั คนไดอ้ ยา่ งคมุ้ คา่ เพอื่
ดานแรงงานก็เชนเดียวกัน หากขาดทักษะใน เพมิ่ ผลผลติ ในการทา� งาน เพอื่ ใหง้ านมปี ระสทิ ธภิ าพ
การทาํ งาน ผลงานจะไมมปี ระสิทธิภาพ อาจ โดยน�ากระบวนการทางเทคโนโลยีเข้ามาใช้ใน
เปน สาเหตทุ ่ีทําใหถ ูกเลิกจางงานได”
ก๓า.รทพ�าัฒงานนาการทา� งานใหม้ คี วามถกู ต้อง เพื่อ
ขนั้ สรปุ
ลดการสูญเสียและเพิ่มความปลอดภัยในขณะ
ข้ันที่ 5 ตรวจสอบผล ปฏบิ ัตงิ าน
๔. สรา้ ง หรอื คน้ หาวธิ กี ารทา� งานใหม่ ๆ เพอื่
1. ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั สรปุ ความรู เรอ่ื ง ทกั ษะ ให้สามารถพฒั นาการท�างานไดด้ ีย่งิ ขึน้
กระบวนการทาํ งาน
๒.๓ วธิ ีทา� งานอยา่ งมีความสุข
2. ครูตรวจสอบความรู ความเขา ใจของนกั เรยี น
จากการนาํ เสนอผลการวเิ คราะห วจิ ารณ และ ทุกคนย่อมมีความต้องการความก้าวหน้าและความมั่นคงในการท�างาน มีความพึงพอใจ
การสรปุ ความรู ในงานท่ที า� แต่ในการท�างานภายใต้หน้าท่คี วามรบั ผิดชอบ ความกดดัน ความวิตกกังวล เปน็ สงิ่ ท่ี
ทุกคนไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ จึงควรปฏิบัติเพ่ือให้ท�างานอย่างมีความสุข ซึ่งการท�างานอย่างมี
ขน้ั ประเมนิ ความสขุ มี ๓ วิธี ดงั น้ี
1. ครูตรวจสอบผลการทําแบบทดสอบกอนเรียน มองเห็นคณุ ค่าของงาน มคี วามกระตอื รอื ร้น มสี มาธกิ บั งาน
เพอื่ ตรวจสอบความเขา ใจกอ นเรยี นของนกั เรยี น
มองเห็นคุณค่าของงานท่ีท�าอยู่ สรา้ งอริ ยิ าบถตา่ งๆ ใหม้ ชี วี ติ ชวี า ฝึกจิตให้มีสมาธิก่อนเริ่มท�างาน
2. ครูตรวจสอบใบงานที่ 1.1.1 เร่ือง ทักษะ วา่ ไดช้ ว่ ยเหลอื หรอื ทา� ประโยชน์ รักและสนุกสนานไปกับการ ต้องมีความต้ังใจอย่างแน่วแน่
กระบวนการทาํ งาน ใหแ้ กผ่ ู้ใด กจ็ ะทา� ใหเ้ กดิ ความรัก ทา� งาน ฝกึ ทา� งานใหค้ ลอ่ งแคลว่ อย่กู ับงาน ขณะท�างานควรคิด
ความภาคภูมิใจ ความมั่นใจใน วอ่ งไว มคี วามตนื่ ตวั และกระฉบั หาวิธีแก้ไขและพัฒนางานอยู่
3. ครปู ระเมนิ ผลระหวา งการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู งานของตนเองมากข้ึน กระเฉงอยเู่ สมอ เสมอ จะชว่ ยฝกึ การคดิ วเิ คราะห์
จากการสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม และไม่เกิดความฟุ้งซา่ น
การนาํ เสนอผลงาน และการสงั เกตคณุ ลกั ษณะ
อนั พึงประสงค 6
แนวทางการวัดและประเมินผล ขอสอบเนน การคดิ
ครสู ามารถสงั เกตพฤตกิ รรมการทาํ งานกลมุ การนาํ เสนอผลงาน โดยศกึ ษา บุคคลในขอใดนําวิธีการทํางานอยางมีความสุขมาประยุกตใช
เกณฑก ารวดั และประเมนิ ผลทแ่ี นบทา ยแผนการจดั การเรยี นรู หนว ยการเรยี นรทู ่ี 1 ไดอยา งเหมาะสม
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม แบบประเมินการนาเสนอผลงาน 1. นวิ ชวนเพ่อื นไปเดนิ เลนที่หางสรรพสนิ คากอนแลวจึง
กลบั มาทํางาน
คาชแี้ จง : ใหผ้ สู้ อนสังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ลงในชอ่ งทต่ี รงกบั ระดับคะแนน คาชีแ้ จง : ใหผ้ สู้ อนประเมินผลการนาเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แลว้ ขดี ลงในชอ่ งท่ีตรงกับระดบั คะแนน
2. นุนตง้ั ความหวงั ไวว า จะไดคะแนนจากการทํางานมากกวา
การมี เพื่อน
ลาดับท่ี ช่ือ – สกลุ การแสดง การยอมรบั การทางาน ความมี สว่ นรว่ มใน รวม ลาดบั ที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 3. แนนจะทาํ งานไปเรื่อยๆ เมอ่ื ใกลกําหนดสง จึงคอยเรง มอื
ของนักเรยี น ความ ฟังคนอน่ื ตามทไี่ ดร้ ับ นา้ ใจ การ 15 321 4. เนยทาํ งานท่ีตนเองชอบ ถนดั และสนใจ
คดิ เหน็ มอบหมาย คะแนน 1 ความถูกตอ้ งของเนื้อหา
ปรับปรุง 2 การลาดบั ข้ันตอนของเร่ือง รวม (วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 4. เพราะการทาํ งานทต่ี นเองชอบ ถนดั
3 วธิ ีการนาเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์ และสนใจ จะทาํ ใหเ กดิ ความสขุ จากการทาํ งาน เกดิ ความภาคภมู ใิ จ
ผลงานกลุม่ 4 การใช้เทคโนโลยีในการนาเสนอ มองเห็นคุณคาและประโยชนของงานที่ทํา มีความมุงมั่นต้ังใจ
5 การมสี ่วนร่วมของสมาชกิ ในกล่มุ ในการทํางานอยางกระตือรือรน และไมตองเครงเครียดกับงาน
3 2 13 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 มากจนเกินไป)
ลงช่ือ...................................................ผปู้ ระเมนิ
............/................./................
ลงชื่อ...................................................ผูป้ ระเมิน เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
............./.................../............... ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ สมบรู ณ์ชัดเจน ให้ 2 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ เปน็ สว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน
ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ บางสว่ น
ให้ 1 คะแนน
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑ์การตดั สนิ คณุ ภาพ
ปฏิบัติ หรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ
ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
ปฏบิ ัติ หรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครง้ั
12-15 ดี
ปฏิบตั ิ หรือแสดงพฤติกรรมบางครง้ั
8-11 พอใช้
เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ ต่ากว่า 8 ปรับปรงุ
ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
12-15 ดี
8-11 พอใช้
ต่ากวา่ 8 ปรบั ปรงุ
T8
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
๓ การแก้ปญั หาในการทา� งานดว้ ยวงจร PDCA ขนั้ นาํ (กระบวนการเรยี น ความรู ความเขาใจ)
PDCA เปน็ วงจรของการพฒั นาทักษะในการแกป้ ญั หา ซง่ึ น�าไปประยกุ ต์ใช้ได้ในทุกองคก์ ร
เพื่อให้เกิดการพัฒนาทางด้านคุณภาพของงาน หรือผลลัพธ์อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะช่วยให้ 1. ครูถามนักเรียนเก่ียวกับปญหา หรืออุปสรรค
ผู้ปฏิบัติงานได้ติดตามและทบทวนขั้นตอนการปฏิบัติงานอย่างต่อเน่ือง ท�าให้ผู้ร่วมงานทุกคน ในการทํางานทีผ่ า นมาวา
มสี ว่ นรว่ มในการแก้ไข ปรบั ปรงุ วธิ กี ารทา� งาน เพอื่ พฒั นาประสทิ ธภิ าพการทา� งานใหม้ คี วามยงั่ ยนื • นกั เรยี นเคยพบเจอกบั ปญ หา หรอื อปุ สรรคใด
และมวี ธิ กี ารแกป ญ หา หรอื อปุ สรรคนน้ั อยา งไร
๓.๑ โครงสร้างของวงจร PDCA (แนวตอบ คําตอบข้ึนอยูกับดุลยพินิจของ
นกั เรยี น)
วงจร PDCA ถูกนา� มาใช้เป็นเครอ่ื งมือในการแก้ปญั หา พัฒนา และปรบั ปรุงงานอย่างเปน็
ขั้นตอน เพ่ือให้งานส�าเร็จลุล่วงตามเป้าหมายที่ต้ังไว้ โดยสามารถน�าไปประยุกต์ ใช้ได้กับ 2. ครขู ออาสาสมคั ร2-3คนออกมาเลา ประสบการณ
ทุก ๆ เรื่อง เช่น การเรียน การประกอบอาหาร การต้ังเป้าหมายในชีวิต ซ่ึงโครงสร้างวงจร เกี่ยวกับปญหา หรอื อุปสรรคทพี่ บเจอจากการ
PDCA มีขัน้ ตอน ดังนี้ ทํางาน และวิธีการแกปญหาใหเพ่ือนฟงหนา
ชนั้ เรยี น
Plan การวางแผนงาน
3. ครใู หน กั เรยี นรว มกนั แสดงความคดิ เหน็ และครู
ตง้ั เปา้ หมาย กา� หนดขนั้ ตอนวธิ กี ารดา� เนนิ งาน ชว ยเสนอแนะเพิม่ เติม
รวมทง้ั กา� หนดงบประมาณ แรงงาน วตั ถดุ บิ
และระยะเวลาในการทา� งาน ขนั้ สอน
Act การปรบั ปรุง Plan Do การปฏิบัติงาน ขน้ั ท่ี 1 สงั เกต ตระหนกั
แก้ไขงาน
Act PDCA Do ลงมือปฏิบัติงานตามขั้นตอน 1. ครูใหนักเรียนดูแผนภูมิกระบวนการแกปญหา
ปรับปรุงแก้ไขงานที่มีปัญหา ท่ีได้วางแผนไว้ และควรมี ในการทาํ งานดว ยวงจร PDCA จากหนงั สอื เรยี น
หากงานไมม่ ปี ญั หาสามารถนา� Check การตรวจสอบระหว่างการ หนว ยการเรียนรูท่ี 1
แนวทางการปฏิบัติท่ีเกิดผล ปฏบิ ตั ิงานด้วย
ส�าเร็จนี้ไปประยุกต์ใช้ในการ 2. ครใู หน กั เรยี นศกึ ษาเพม่ิ เตมิ เกย่ี วกบั กระบวนการ
ปฏิบตั ิงานคร้ังต่อ ๆ ไป แกปญหาในการทาํ งานดวยวงจร PDCA จาก
PowerPoint ม.5 หนว ยการเรยี นรูท่ี 1
Check การตรวจสอบงาน
3. ครถู ามนกั เรียนวา
ตรวจสอบผลการปฏบิ ตั งิ านในแตล่ ะขน้ั ตอน • วงจร PDCA ประกอบไปดวยขั้นตอนใด
ของแผนงานวา่ มปี ญั หาใดเกดิ ขนึ้ และจา� เปน็ (แนวตอบ วงจร PDCA ประกอบไปดวย
ตอ้ งเปลยี่ นแปลงแก้ไขแผนงานในขนั้ ตอนใด 4 ข้นั ตอนทส่ี าํ คญั คอื P (Plan) เปน ขนั้ ตอน
การวางแผนงาน D (DO) เปนการลงมือ
หลักการท�างาน 7 ปฏบิ ตั งิ านตามแผนงานทว่ี างไว C (Check)
เพ่ือการด�ารงชีวิต เปนข้ันตอนการตรวจสอบผลท่ีไดรับจาก
การปรบั ปรงุ และเปลย่ี นแปลง และ A (Act)
เปนขั้นตอนการปรับปรุงแกไขการทํางาน
ซง่ึ เกดิ จากการประเมนิ วา การทาํ งานเปน ไป
ตามแผนหรอื ไม เพอ่ื ปรบั ปรงุ การทาํ งานใหด ี
ยิง่ ขึ้นไป)
กิจกรรม 21st Century Skills เกร็ดแนะครู
1. ใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละเทาๆ กัน ใหแตละกลุมรวมกัน ครูอธิบายเพิ่มเติมเก่ียวกับเทคนิคในการปฏิบัติงานตามวงจร PDCA
ศึกษา เร่อื ง วงจร PDCA จากส่อื การเรยี นรทู ีห่ ลากหลาย เชน ใหน กั เรียนฟง วา เทคนิคในการปฏิบตั ิงานตามวงจร PDCA สามารถปฏบิ ัติได
อินเทอรเนต็ ตามขน้ั ตอน คอื เทคนคิ การวางแผน ตรวจสอบหนา ท่ี ภาระงาน และอปุ กรณท ต่ี อ ง
รบั ผดิ ชอบ โดยคาํ นงึ ถงึ ระยะเวลาในการทาํ งาน ลาํ ดบั การทาํ งาน และเปา หมาย
2. ใหน กั เรยี นแตล ะกลมุ รว มกนั ระดมความคดิ และแสดงความคดิ เหน็ ในการทํางาน เทคนิคขั้นตอนการปฏิบัติ ตรวจสอบทุกขั้นตอนอยางละเอียด
เก่ียวกับวงจร PDCA วามีเทคนิคการทํางานในแตละข้ันตอน หากพบขอ บกพรอ งใหร บี แกไขทันที กอ นทีค่ วามเสียหายจะเพิ่มมากขนึ้ เทคนคิ
อยา งไร ขน้ั ตอนการตรวจสอบ ตรวจสอบวธิ กี าร ระยะเวลา และผลทไี่ ดร บั จากการปฏบิ ตั ิ
งานวาทําไดต ามแผนหรอื ไม เทคนิคขน้ั ตอนการปรับปรุงแกไข หากตรวจสอบ
3. ใหน ักเรยี นรวมกนั อภปิ รายเรอื่ ง วงจร PDCA ภายในหอ งเรยี น แลวพบวา มขี อผิดพลาด ใหร ีบหาสาเหตุ และแกไขทันที
อยางสรางสรรค โดยนําเทคนิคตางๆ ที่ใชในการทํางานมา
ทบทวน เพือ่ สรุปขอ ดี ขอ บกพรอ ง หรอื จุดทค่ี วรแกไขปรับปรงุ สื่อ Digital
ในระบบงาน เพอื่ ใหก ารดาํ เนนิ งานครง้ั ตอ ไปเปน ไปอยา งราบรน่ื
มากยงิ่ ขึ้น ศึกษาเพ่ิมเตมิ เกย่ี วกบั การแกปญ หาในการทํางานดวยวงจร PDCA ไดที่
http://www.manage.rbru.ac.th/images/Book/PDCA.pdf
4. ใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันสรุปความรูท่ีไดรับจากการศึกษา
เรื่อง วงจร PDCA ลงในกระดาษ A4 นําสงครผู ูสอน T9
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน ๓.๒ ตัวอย่างการน�าวงจร PDCA มาใช้ ในกระบวนการท�างานและ
กระบวนการแก้ปัญหา
ขนั้ ที่ 1 สงั เกต ตระหนกั
วงจร PDCA ทส่ี มบรู ณจ์ ะเกดิ ขน้ึ ได้ เมอ่ื เรานา� ผลทไี่ ดจ้ ากขน้ั ตอนการดา� เนนิ การทเ่ี หมาะสม
• นักเรียนเคยเห็นวงจร PDCA นี้หรือไม มาด�าเนินการในกระบวนการวางแผนอีกครั้งหน่ึง และเป็นวงจรแบบน้ีไปเร่ือย ๆ ไม่มีที่ส้ินสุด
นกั เรียนคดิ วา มีประโยชนอยา งไร ซึ่งสามารถใช้วงจรน้ไี ดก้ ับการด�าเนนิ ชวี ติ ประจ�าวนั
(แนวตอบ วงจร PDCA เปนวิธีการทํางาน
และการแกปญหาในการทํางาน โดยเนน ตัวอยา่ ง การนา� วงจร PDCA มาใช้ในการซื้อของใชภ้ ายในบ้าน
การพฒั นา ปอ งกนั และปรบั ปรงุ การทาํ งาน
ใหด ยี ง่ิ ขนึ้ เพอื่ ใหก ารทาํ งานสามารถพฒั นา การวางแผนงาน (Plan) การปฏิบัตงิ าน (Do)
ไดอยางย่ังยืนและมีคุณภาพ วงจร PDCA
จึงถูกเรียกอีกช่ือหนึ่งวา “วงจรบริหารงาน ส�ารวจว่าของในบ้านมีสิ่งใดเหลืออยู่เป็น ไปท่ีร้านค้า เรียงล�าดับในการซ้ือสินค้าโดย
คณุ ภาพ”) จา� นวนเท่าไร หากตอ้ งการสิ่งใดเพิม่ เติมให้ เลือกซ้ือของตามที่จดมา หากไม่พบส่ิงท่ี
จดรายการไว้ เลือกสถานที่ที่จะไปซ้ือ และ ต้องการ หรือมีราคาสูงเกินกว่าที่ต้ังไว้ให้
4. ครูใหนักเรียนศึกษาตัวอยาง “การนําวงจร เตรยี มเงนิ ให้เพียงพอ พจิ ารณาตามความเหมาะสม กอ่ นออกจาก
PDCA มาใชใ นการซอ้ื ของใชภ ายในบา น” จาก ร้านให้ตรวจสอบว่าซื้อสินค้าได้ครบตามที่
หนงั สอื เรยี น หนว ยการเรยี นรทู ี่ 1 หนา 8 จากนน้ั Plan ตอ้ งการหรอื ไม่ สนิ คา้ อยใู่ นสภาพสมบรู ณห์ รอื
ใหนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับ มีต�าหนิหรือไม่ ผู้ขายคิดราคาและทอนเงิน
การนาํ วงจร PDCA มาใชใ นกระบวนการทาํ งาน Act
และกระบวนการแกป ญ หา โดยมคี รเู ปน ผคู อย D ถูกต้องหรอื ไม่
เสนอแนะเพ่ิมเตมิ การปรบั ปรงุ แกไ้ ขงาน (Act) o
ขน้ั ท่ี 2 วางแผนปฏิบัติ พิจารณาความผิดพลาดจากการซื้อสินค้า Check
ว่าเกิดจากสาเหตุใด เช่น สินค้าบางชนิดมี การตรวจสอบ (Check)
5. ครใู หน กั เรยี นแบง กลมุ (กลมุ เดมิ ) รว มกนั ศกึ ษา ราคาสูง จึงไม่ได้ซื้อมา วิธีการแก้ไข คือ เมือ่ ถึงบ้านควรตรวจสอบจ�านวนเงนิ ทใ่ี ชไ้ ป
กรณีศึกษาที่ครูกําหนดให ซ่ึงกรณีศึกษาของ ครั้งต่อไปควรตรวจสอบราคาของสินค้าที่ และตรวจสอบว่ามีสิ่งใดที่ซ้ือไม่ได้ตามท่ี
แตล ะกลุมจะมคี วามแตกตางกันไป ดงั นี้ ต้องการซื้อจากสถานที่ซ้ือต่าง ๆ แล้วเลือก ต้องการ เช่น ได้สินค้ามาไม่ครบเพราะมี
• ปญ หาทเี่ กดิ ขึน้ ระหวางการทํางาน สถานทซ่ี อื้ สนิ คา้ ทมี่ รี าคาถกู หรอื เตรยี มเงนิ ราคาสงู แลว้ นา� ขอ้ มลู ท่ีไดจ้ ากการตรวจสอบ
• ปญ หาความขดั แยง กนั ระหวา งสมาชกิ ในกลมุ ไปวางแผนในการซอื้ สนิ คา้ ครงั้ ตอ่ ไป เพอื่ จะ
• ปญหาการวางแผนในการทาํ งานกลมุ ส�ารองไวด้ ้วย ได้สินค้าตรงตามที่ต้องการและใช้งานได้
อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ
6. ครูแจกกรณีศึกษาที่เก่ียวกับปญหาท่ีเกิดข้ึน
ในการทาํ งานทัง้ หมด 3 กรณี ใหก ับนักเรยี น
แตล ะกลมุ โดยใชว ธิ กี ารสมุ แจก เพอื่ ใหน กั เรยี น
ไดร ว มกนั คดิ วเิ คราะหแ ละอภปิ รายความรรู ว มกนั
ภายในกลุม
8
บูรณาการอาเซียน ขอสอบเนน การคดิ
ครูอธิบายเพิ่มเติมวาในชวงท่ีประเทศไทยมีการเตรียมความพรอม เพื่อ ขอใดเปนลักษณะของการวางแผนการทํางานท่ีดี
เขาสูประชาคมอาเซียน ประเทศไทยไดมีการเตรียมความพรอมทั้งในดาน 1. ปฏิบัตงิ านงาย ไมซ ับซอ น
เศรษฐกิจ ความมั่นคงทางการเมือง และอาจตองมีการรับมือกับการหล่ังไหล 2. มีความชัดเจน ขอมลู ถกู ตอง
ของแรงงานจากนานาประเทศ ซง่ึ สง ผลทาํ ใหเ กดิ การแขง ขนั ทางดา นการทาํ งาน 3. สามารถตรวจสอบการทาํ งานได
ที่เพิ่มสูงมากข้ึน จึงตองมีการพัฒนาทรัพยากรมนุษย เพ่ือใหสามารถแขงขัน 4. มีความซับซอ นในการปฏิบตั มิ ากกวา ปกติ
กับแรงงานจากนานาชาติไดอยางมีประสิทธิภาพ โดยจะตองมีการพัฒนา
ทางดานภาษา การศึกษา เทคโนโลยี ทักษะกระบวนการทํางาน และทักษะ ( วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เพราะจะตองมีความชดั เจน ขอมูล
กระบวนการแกปญหา เพ่ือใหบุคลากรของประเทศมีศักยภาพในการทํางาน ถกู ตอ งครบถว น มกี ารระบวุ า ใครจะรบั ผดิ ชอบทาํ หนา ทใี่ ด ทาํ สงิ่ ใด
ทม่ี ีประสทิ ธิภาพทดั เทยี มกบั นานาชาตไิ ด เวลาใด สถานท่ีใด ทําอยางไร และทําเพ่ือส่ิงใดอยางละเอียด
เพ่ือใหสามารถนําแผนที่วางไวไปใชในการปฏิบัติงานไดประสาน
สอดคลองอยางตอเน่ือง ซึ่งขอมูลเหลานี้จะตองกําหนดไวอยาง
ชดั เจน)
T10
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
๔ การแก้ปญั หาในการทา� งานดว้ ยกจิ กรรม ๕ ส ขนั้ สอน
กจิ กรรม ๕ ส เปน็ กระบวนการท�างานที่เปน็ ระบบ มแี นวทางการปฏบิ ตั ิทเี่ หมาะสม โดยน�า
มาใชเ้ พ่ือปรับปรุง แก้ไขงาน และรกั ษาสิง่ แวดล้อมในสถานทีต่ ่าง ๆ ให้ดขี นึ้ สามารถนา� มาใช้ใน ขน้ั ท่ี 3 ลงมอื ปฏบิ ตั ิ
การเพิ่มประสิทธภิ าพการท�างานได้อีกทางหนึ่งด้วย
7. ครใู หน กั เรยี นแตล ะกลมุ รว มกนั วเิ คราะหป ญ หา
๔.๑ หลักการของกิจกรรม ๕ ส ที่เกิดขึ้นในการทํางานจากกรณีศึกษาท่ีครู
แจกให และใชวงจร PDCA เขามาชว ยในการ
กจิ กรรม ๕ ส เป็นกจิ กรรมที่มคี วามเก่ียวขอ้ งกับการจัดระเบยี บและการท�าความสะอาดใน แกป ญ หา โดยใหแ ตล ะกลมุ รว มกนั เขยี นขน้ั ตอน
สถานทต่ี า่ ง ๆ เชน่ บา้ น โรงเรยี น หอ้ งเรยี น สถานทปี่ ฏบิ ตั งิ าน เพอื่ ใหเ้ กดิ ความเปน็ ระเบยี บ สะอาด การแกปญหาในรูปแบบของแผนผังความคิด
ปลอดภยั มีบรรยากาศทด่ี ี และสรา้ งความสขุ ให้กบั ผู้อยู่อาศัย เพอ่ื ใหเกดิ ความเขาใจท่ชี ดั เจนมากยิ่งขนึ้
สะสาง กิจกรรม 5 ส สะดวก 8. ครูใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนกลุมละ
1 คน ออกมานําเสนอผลการศึกษาเก่ียวกับ
การแยกของท่ีจ�าเป็นต้องใช้กับ Seiri [เซร]ิ สะสาง การจัดวางสิ่งของให้เป็นระเบียบ ปญหาท่ีเกิดข้ึนในการทํางานจากกรณีศึกษา
ของท่ไี มจ่ �าเป็นต้องใช้ และขจดั Seiton [เซตง] สะดวก เพือ่ ความสะดวก ปลอดภัย และ ท่ีครูแจกใหใหเพ่ือนฟงหนาชั้นเรียน จากนั้น
ของท่ีไมจ่ �าเป็นต้องใช้ Seiso [เซโซ] สะอาด สามารถหยิบใชง้ าน ใหเ พอื่ นรว มชน้ั เรยี นรว มกนั เสนอแนะเพม่ิ เตมิ
ท้ิงไป Seiketsu [เซเคทซ]ี สขุ ลกั ษณะ ไดท้ นั ที
Shitsuke [ซทึ ซึเคะ] สรา้ งนิสยั 9. ครูถามนกั เรยี นวา
หลักการ หลกั การ • วงจร PDCA ชว ยปอ งกนั ปญ หาทจี่ ะเกดิ ขน้ึ
ในการทํางานไดอ ยางไร
สา� รวจสง่ิ ของ โดยเฉพาะบรเิ วณ วางของให้เป็นท่ี เป็นหมวด (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
ท่ีอยู่ในความรับผิดชอบ แยก หมู่ หรือท�าปา้ ยบอก และเมอ่ื ไดอยา งอิสระ)
ของท่ีต้องการใช้งานกับของท่ี นา� ของไปใชง้ านเสรจ็ แลว้ ควร
ไมต่ อ้ งการใชง้ านออกจากกนั นา� มาเกบ็ ไว้ทเ่ี ดิมใหเ้ รยี บร้อย 10. ครูอธิบายเพิ่มเตมิ วา “กระบวนการแกปญหา
ในการทํางานไมไดมีเพียงการแกปญหาดวย
สะอาด สุขลักษณะ สร้างนิสยั วงจร PDCA เทา นน้ั แตย งั มกี ารแกป ญ หาดว ย
การใชก จิ กรรม5สซง่ึ สามารถนาํ มาประยกุ ตใ ช
การท�าความสะอาด ปัด กวาด การรกั ษาและปฏบิ ตั ิ ๓ ส ไดแ้ ก่ การสร้างนิสัยในการปฏิบัติงาน เพอ่ื เพม่ิ ประสทิ ธภิ าพในการทาํ งานไดอ กี วธิ หี นง่ึ ”
เชด็ ถู สถานที่ สงิ่ ของ อุปกรณ์ สะสาง สะดวก และสะอาด ใหด้ ี ตามระเบียบวินัย หรือข้อบังคับ
เครื่องมอื เครอ่ื งจกั ร ตลอดไป อยา่ งเคร่งครัด 11. ครใู หน กั เรยี นศกึ ษาเรอื่ ง การแกป ญ หาดว ยการ
ใหส้ ะอาดอย่เู สมอ ใชกจิ กรรม 5 ส จากหนังสือเรียน หนวยการ
หลักการ หลกั การ เรยี นรทู ่ี 1 หรอื ศกึ ษาเพมิ่ เตมิ จากอนิ เทอรเ นต็
หลกั การ แยกของใช้กับของไม่ใช้ออก ปฏบิ ตั งิ านตามกฎระเบยี บ วนิ ยั
จากกัน จัดส่ิงของเป็นหมวด ข้อบังคับ เพื่อสร้างลักษณะ 12. ครถู ามนักเรียนวา
หมน่ั ปดั กวาด เชด็ ถู บรเิ วณ หมู่ หมั่นรักษาความสะอาด นิ สั ย ท่ี ดี ใ ห ้ เ กิ ด ขึ้ น ใ น ก า ร • การทาํ กิจกรรม 5 ส ทีโ่ รงเรยี น สามารถนํา
ตา่ ง ๆ ของหอ้ ง เชน่ เพดาน อยู่เสมอ ท�างาน มาประยกุ ตใ ชในชวี ติ ประจาํ วนั ของนกั เรยี น
ฝาผนัง พ้ืนห้อง ชั้นวางของ ไดอ ยา งไร
โต๊ะให้สะอาดอย่เู สมอ (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
ไดอ ยา งอสิ ระ)
หลักการท�างาน 9
เพ่ือการด�ารงชีวิต
กิจกรรม เสริมสรางคุณลักษณะอนั พึงประสงค เกร็ดแนะครู
ใหนกั เรียนนําความรเู ก่ยี วกับหลักการของกจิ กรรม 5 ส ไดแก ครูอธบิ ายเพิ่มเตมิ เกีย่ วกบั ประโยชนจากการทาํ กจิ กรรม 5 ส ใหน กั เรยี น
สะสาง สะดวก สะอาด สุขลักษณะ และสรางนิสัย ไปประยุกต ฟงวา การทํากิจกรรม 5 ส จะสงผลใหสถานทที่ าํ งาน บา น โรงเรยี นมีความ
ใชในชีวิตประจําวัน เพ่ือจัดระเบียบและทําความสะอาดบานของ นาอยู นาทาํ งาน ผูป ฏิบัติงาน หรอื ผอู าศัยจะมจี ิตใจท่สี ดชื่น ปลอดโปรง และ
ตนเองในการปฏบิ ตั ิงาน โดยใหนักเรยี นถายภาพกอนและหลงั การ กระตือรือรนที่จะปฏิบัติหนาที่ของตนอยางเต็มกําลังความสามารถ นอกจากน้ี
ปฏิบัติงาน พรอมทั้งบันทึกขอมูลเกี่ยวกับปญหาที่พบและแนวทาง การทําความสะอาดยงั สงผลทางออม คือ เปนการตรวจสอบอปุ กรณ เคร่ืองมอื
แกไ ข จดั ทําเปนรปู เลมรายงาน นําสงครูผูสอน เคร่ืองใชต างๆ ทาํ ใหท ราบถึงขอบกพรอ งท่มี อี ยู และแนะนาํ ใหนกั เรยี นนําหลัก
กจิ กรรม 5 ส ไปประยกุ ตใ ชใ นชวี ติ ประจาํ วนั เชน บา น โรงเรยี น สถานทสี่ าธารณะ
(กจิ กรรมนี้เสริมสรางคณุ ลักษณะดานซอื่ สตั ยส ุจริต มวี ินยั และ เพื่อสรางความเปนระเบียบเรียบรอย กอใหเกิดความปลอดภัย ถูกสุขอนามัย
มงุ มั่นในการทํางาน) นอกจากนี้ ควรใหน กั เรียนจดั กจิ กรรมรณรงค 5 ส ในชุมชนรวมดวย
สื่อ Digital
ศกึ ษาเพ่มิ เตมิ เกี่ยวกับการแกปญหาในการทํางานดว ยกิจกรรม 5 ส ไดท ี่
http://library.rsu.ac.th/library5s/lib5s_mean.html
T11
นาํ สอน สรุป ประเมนิ
ขนั้ สอน ๔.๒ ประโยชนท์ ่ ีไดร้ บั จากการท�ากจิ กรรม ๕ ส
ขน้ั ที่ 4 พัฒนาความรู ความเขาใจ การท�างานโดยยึดหลกั กจิ กรรม ๕ ส จะช่วยก่อประโยชน์ให้แก่องคก์ ร หนว่ ยงาน และบุคคล
ดงั น้ี
13. ครมู อบหมายใหน กั เรยี นทาํ ใบงานที่ 1.2.1 เรอ่ื ง
การแกป ญ หาในการทํางานดว ยวงจร PDCA ๑ 2 ๓
14. ครมู อบหมายใหน กั เรยี นทาํ ชนิ้ งาน/ภาระงาน บา้ น โรงเรยี น หอ้ งเรยี น สถานท่ี เกิดการฝึกฝนแนวความคิด เกิดความสะดวกและความ
(รวบยอด) เรอื่ ง การปฏบิ ตั งิ านตา งๆ โดยใช ปฏิบัติงานมีความสะอาดและ อยา่ งเป็นระบบ ปลอดภยั ในการปฏิบตั ิงาน
ทกั ษะกระบวนการทาํ งานและทกั ษะกระบวนการ เปน็ ระเบียบเรียบร้อย
แกปญหา 5 6
๔
ขน้ั สรปุ มีพ้ืนท่ีจัดเก็บวัสดุ อุปกรณ์ ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของ
มีประสิทธิภาพในการท�างาน อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ บุคลากรในองค์กร หน่วยงาน
1. ครแู ละนกั เรยี นรวมกันสรปุ ความรู เร่ือง การ ท่สี งู ข้นึ ตลอดจนประชาชนในสังคม
แกป ญ หาในการทาํ งานดวยวงจร PDCA 8 ให้ดขี นึ้
7
2. ครแู ละนกั เรยี นรวมกนั สรุปความรู เรอ่ื ง การ ช่วยลดอุบัติเหตุท่ีอาจเกิดขึ้น
แกป ญหาในการทาํ งานดว ยกิจกรรม 5 ส มีโอกาสท�างานเป็นกลุ่มและ จากการท�างาน
รว่ มกันแก้ปญั หา
3. ครตู รวจสอบความรู ความเขา ใจของนกั เรยี น
จากการนาํ เสนอผลการวเิ คราะห วจิ ารณ และ Tip
การสรปุ ความรู
๕ ส กบั การจัดบ้าน
ขนั้ ประเมนิ
การจัดบ้านโดยใช้กิจกรรม ๕ ส จะช่วยให้บ้านมีความเป็นระเบียบ สะอาด และปลอดภัยมากขึ้น
1. ครตู รวจสอบใบงานท่ี 1.2.1 เรอื่ ง การแกป ญ หา ซ่ึงมีวิธกี ารจดั ตามหลกั ๕ ส ดังนี้
ในการทาํ งานดว ยวงจร PDCA ๑. สะสาง : เครื่องเรือนชน้ิ ใดทช่ี า� รดุ แล้วให้ทิง้ ไป ๔. สขุ ลกั ษณะ : ดแู ลรกั ษาบา้ น ของใช้ เครอ่ื งเรอื น
๒. สะดวก : จัดวางของท่ีจ�าเป็นให้สะดวกต่อการ ต่าง ๆ ให้ถูกสุขลักษณะ และ
2. ครูตรวจช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด) เร่ือง น�าไปใช้ คา� นงึ ถงึ ความปลอดภยั เปน็ หลกั
การปฏบิ ตั งิ านตา งๆ โดยใชท กั ษะกระบวนการ
ทาํ งานและทกั ษะกระบวนการแกป ญหา
3. ครูประเมินผลระหวางการจัดกิจกรรม
การเรียนรู จากการสังเกตพฤติกรรมการ
ทํางานกลุม การนําเสนอผลงาน และการ
สังเกตคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค
๓. สะอาด : ทา� ความสะอาดบา้ น เครอื่ งเรอื นตา่ ง ๆ ๕. สรา้ งนิสัย : ปฏบิ ตั ติ ามหลกั ๕ ส จนเปน็ นสิ ยั
ให้สะอาดอยู่เสมอ
๑0
แนวทางการวัดและประเมินผล ขอ สอบเนน การคดิ
ครสู ามารถสงั เกตพฤตกิ รรมการทาํ งานกลมุ การนาํ เสนอผลงาน โดยศกึ ษา ขอ ใดเปน วธิ กี ารประเมนิ ความกา วหนา จากการทาํ กจิ กรรม 5 ส
เกณฑก ารวดั และประเมนิ ผลทแ่ี นบทา ยแผนการจดั การเรยี นรู หนว ยการเรยี นรทู ี่ 1 ไดด ีทสี่ ุด
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ แบบประเมินการนาเสนอผลงาน 1. แบบบันทกึ
2. แบบประเมิน
คาชี้แจง : ให้ผสู้ อนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด ลงในชอ่ งทตี่ รงกบั ระดับคะแนน คาชแี้ จง : ให้ผสู้ อนประเมนิ ผลการนาเสนอผลงานของนกั เรยี นตามรายการ แล้วขดี ลงในช่องท่ีตรงกับระดบั คะแนน 3. การนําเสนอ
4. ภาพถา ย
การมี
( วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 4. เพราะวธิ กี ารประเมนิ ความกา วหนา
ลาดับท่ี ชอ่ื – สกลุ การแสดง การยอมรบั การทางาน ความมี สว่ นรว่ มใน รวม ลาดับที่ รายการประเมิน ระดับคะแนน จากการทํากจิ กรรม 5 ส ที่ไดผ ลดที ่สี ุด คือ การใชภ าพถา ยกอ น
ของนักเรียน ความ ฟังคนอื่น ตามท่ีได้รับ น้าใจ การ 15 321 และหลงั การปฏิบตั กิ จิ กรรม เนอ่ื งจากภาพถา ยสามารถระบุความ
คิดเห็น มอบหมาย คะแนน 1 ความถกู ตอ้ งของเนื้อหา เปล่ียนแปลงของพืน้ ทไี่ ดอยา งชัดเจน)
ปรบั ปรุง 2 การลาดับข้นั ตอนของเรื่อง รวม
3 วธิ ีการนาเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์
ผลงานกลมุ่ 4 การใช้เทคโนโลยใี นการนาเสนอ
5 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลมุ่
3 2 13 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1
ลงชอ่ื ...................................................ผปู้ ระเมิน
............/................./................
ลงช่ือ...................................................ผูป้ ระเมิน เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน
............./.................../............... ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบรู ณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ เป็นส่วนใหญ่ ให้ 1 คะแนน
ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางสว่ น
ให้ 1 คะแนน
เกณฑ์การใหค้ ะแนน เกณฑ์การตดั สินคุณภาพ
ปฏิบตั ิ หรือแสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ
ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ
ปฏิบตั ิ หรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้งั
12-15 ดี
ปฏบิ ตั ิ หรอื แสดงพฤติกรรมบางครง้ั
8-11 พอใช้
เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ ต่ากว่า 8 ปรับปรุง
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
12-15 ดี
8-11 พอใช้
ตา่ กว่า 8 ปรับปรงุ
T12
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
๕ บทบาทและหน้าท่ีของตนเองทีม่ ตี อ่ สมาชกิ ในครอบครวั ขน้ั นาํ (5Es)
โรงเรียน และชมุ ชน
ขน้ั ท่ี 1 กระตนุ ความสนใจ
ทุกคนในครอบครวั โรงเรียน และชุมชน ย่อมมีบทบาทและหนา้ ที่แตกต่างกันไป หากทุกคน
รู้จกั บทบาทหน้าท่ขี องตนเอง กจ็ ะท�าใหอ้ าศัยอยรู่ ว่ มกันในครอบครัว โรงเรียน และชุมชนได้อยา่ ง 1. ครตู งั้ คาํ ถามกระตนุ ความสนใจของนกั เรยี นวา
มคี วามสขุ • บทบาทหนาท่ีของนักเรียนที่มีตอสมาชิก
ในครอบครวั โรงเรยี น และชมุ ชน คือส่งิ ใด
๕.๑ บทบาทและหนา้ ทใ่ี นฐานะสมาชกิ ในครอบครวั (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
ไดอยา งอิสระ)
ครอบครวั เป็นสถาบนั พนื้ ฐานของสังคม เราซ่ึงอยู่ในฐานะสมาชิกคนหนงึ่ ในครอบครวั จึงควร
เรยี นรเู้ ก่ียวกับบทบาทหน้าท่ีของบตุ รต่อบดิ ามารดา หรือผู้ปกครอง ดังน้ี 2. ครขู ออาสาสมคั ร 3 คน ออกมาเลา ประสบการณ
เกยี่ วกบั บทบาทหนา ทข่ี องตนเองในการชว ยเหลอื
๑. เคารพเชอ่ื ฟงั บดิ ามารดา เคารพและเชอ่ื ฟงั 5. มีความรักใคร่ปรองดองในหมู่พ่ีน้อง ครอบครัว โรงเรียน และชุมชน ใหเพ่ือนฟง
ค�าส่ังสอนของบิดามารดา และปฏิบัติตนตามค�า จะต้องมีความรักใคร่สามัคคีกันในหมู่พี่น้อง หนาชน้ั เรียน โดยกาํ หนดให
ส่งั สอนของท่านอย่างเคร่งครัดด้วยความเต็มใจ ไม่ทะเลาะวิวาทกันเอง ซึ่งท�าให้บิดามารดา • นักเรียนคนที่ 1 เลาบทบาทและหนาท่ีใน
2. ช่วยเหลือบิดามารดาในทุกโอกาสที่ สบายใจและเท่ากับเป็นการตอบแทนความรัก ฐานะสมาชกิ ในครอบครวั
สามารถปฏิบัติได้ เพ่ือเป็นการแบ่งเบาภาระ ความห่วงใยของบิดามารดาอีกดว้ ย • นักเรียนคนที่ 2 เลาบทบาทและหนาที่ใน
ฐานะสมาชิกในโรงเรียน
ของท่าน ซ่งึ สามารถท�าไดห้ ลายวธิ ี เชน่ ช่วยท�า 6. ประพฤติตนให้สมกับเป็นผู้ด�ารงวงศ์ • นักเรียนคนท่ี 3 เลาบทบาทและหนาที่ใน
ความสะอาดบ้าน ช่วยดูแลเม่ือยามเจ็บไข้ ตระกลู โดยตอ้ งประพฤตติ วั ดี ไมป่ ฏบิ ตั ติ นไปใน ฐานะสมาชกิ ในชมุ ชน
ประกอบอาชพี สจุ ริต ทางเสื่อมเสยี แกว่ งศ์ตระกลู ซึง่ จะนา� มาซึง่ ความ
๓. ใช้จ่ายอย่างประหยัด ควรใช้จ่ายในสิ่งท่ี ภาคภูมิใจให้แกบ่ ิดามารดาและญาติผู้ใหญ่ 3. ครูใหนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นและ
จา� เปน็ เทา่ นนั้ ไมส่ รุ ยุ่ สรุ า่ ย เพราะเงนิ ทองเปน็ สง่ิ วจิ ารณบ ทบาทหนา ทขี่ องเพอ่ื นทง้ั 3 คน ทมี่ ตี อ
ท่ีบิดามารดาหามาด้วยความเหน่ือยยาก เช่น ครอบครวั โรงเรยี น และชมุ ชน โดยมคี รเู ปน ผคู อย
รู้จักซ่อมแซมเสื้อผ้าและของใช้ในบ้านให้ใช้งาน ใหคําแนะนําและชแ้ี นะเพม่ิ เตมิ
ไดอ้ ยา่ งคมุ้ คา่ ประดษิ ฐง์ านเอกลกั ษณ์ไทยเพอ่ื ใช้
ในโอกาสส�าคญั ตา่ ง ๆ 4. ครถู ามนกั เรยี นวา
๔. ตงั้ ใจศกึ ษาเลา่ เรยี น การต้ังใจเรียน เป็น • บทบาทและหนา ทใ่ี นฐานะสมาชกิ ในโรงเรยี น
หน้าท่ีส�าคัญของบุตร ท้ังน้ี เพื่อประโยชน์ของ ของนกั เรยี นคอื สง่ิ ใด
ตนเอง เพราะเม่ือส�าเร็จการศึกษาสามารถน�า (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
ความรู้ไปประกอบอาชีพสุจริตเพ่ือเล้ียงตนเอง ไดอยางอิสระ เชน เคารพเช่ือฟง มีความ
และบิดามารดา ถือเป็นการตอบแทนบุญคุณ กตญั กู ตเวทตี อ บดิ า มารดา และผปู กครอง
ทดี่ ที ส่ี ดุ ทีบ่ ุตรพึงกระทา� การศึกษาเป็นสิ่งส�าคัญท่ีครอบครัวส่งเสริมให้ได้รับอย่าง ชวยเหลือแบงเบาภาระหนาท่ีในการดูแล
เตม็ ท่ี เพอ่ื นา� ความรทู้ ่ีไดน้ น้ั ไปใช้ในการประกอบอาชพี สจุ รติ รกั ษาความสะอาดบา น ตงั้ ใจศกึ ษาเลา เรยี น
ในอนาคต มีความประหยัดมัธยัสถ มีความรักใคร
ปรองดองในหมพู นี่ อ ง ประพฤตติ นเปน คนดี
หลักการท�างาน ๑๑ มคี ณุ ธรรมและจริยธรรม)
เพื่อการด�ารงชีวิต
กจิ กรรม สรา งเสริม เกร็ดแนะครู
ใหนักเรียนเขียนอธิบายบทบาทหนาที่ในฐานะสมาชิกใน ครูอธิบายเพ่ิมเติมเก่ียวกับบทบาทหนาที่ในฐานะสมาชิกในครอบครัว
ครอบครัวของตนเอง จากนั้นออกมานําเสนอผลงานใหเพ่ือนฟง ใหน กั เรยี นฟง วา นกั เรยี นควรรจู กั บทบาทหนา ทใี่ นฐานะสมาชกิ ในครอบครวั ของ
หนาช้ันเรียน แลวใหนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับ ตนเอง และปฏบิ ตั ติ นตามบทบาทหนา ทอ่ี ยา งถกู ตอ งและเหมาะสม เพราะการท่ี
บทบาทหนาที่ในฐานะสมาชิกในครอบครัว โดยมีครูเปนผูคอย นกั เรยี นไดรบั มอบหมายใหทาํ กจิ กรรมใดๆ นั้น ยอ มหมายความวา ครอบครวั
เสนอแนะเพิม่ เตมิ ของนกั เรยี นมคี วามไวว างใจใหน กั เรยี นปฏบิ ตั หิ นา ทน่ี น้ั ๆ เชน การไดร บั มอบหมาย
ใหทํางานบาน การซอมแซมสิ่งของเคร่ืองใชภายในบาน การประกอบอาหาร
กิจกรรม ทา ทาย สําหรับบริโภคในครอบครัว เมื่อนักเรียนปฏิบัติกิจกรรมเหลาน้ันบอยครั้ง
จะกอใหเกิดความชํานาญ ซ่ึงความชํานาญนี้จะกลายเปนทักษะข้ันพื้นฐานใน
ใหน กั เรยี นวเิ คราะหค วามแตกตา งของบทบาทหนา ทใี่ นฐานะ การดาํ รงชีวติ ในอนาคตได
สมาชกิ ในครอบครัว โรงเรียน และชมุ ชน ในรูปแบบของแผนผัง
ความคดิ (Mind Mapping) ตกแตง ใหสวยงาม นาํ สงครผู ูส อน สื่อ Digital
ศกึ ษาเพมิ่ เตมิ เกย่ี วกบั บทบาทและหนา ทขี่ องตนเองทมี่ ตี อ สมาชกิ ในครอบครวั
โรงเรยี น และชมุ ชน ไดท ่ี http://poypersie11.blogspot.com/2014/06/blog-
post_8216.html
T13
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน ๕.๒ บทบาทและหน้าทใ่ี นฐานะสมาชิกในโรงเรียน
ขนั้ ที่ 2 สาํ รวจคน หา โรงเรยี นเปน็ สถานทที่ ใี่ หก้ ารศกึ ษาแกส่ มาชกิ ในสงั คม เพอื่ ใหม้ คี วามรู้ มคี ณุ ธรรม และวชิ าชพี
ต่าง ๆ ท่ีจะน�าไปใช้ในการด�าเนินชีวิตในสังคม ในฐานะที่นักเรียนเป็นสมาชิกคนหนึ่งในโรงเรียน
1. ครใู หน กั เรยี นแบง กลมุ กลมุ ละเทา ๆ กนั ศกึ ษา ควรรู้บทบาทหนา้ ทท่ี ีพ่ ึงปฏบิ ัติต่อครู อาจารย์ และเพือ่ นนกั เรียนด้วยกัน ดังนี้
เรอื่ ง บทบาทและหนา ทข่ี องตนเองทม่ี ตี อ สมาชกิ
ในครอบครวั โรงเรยี น และชมุ ชน จากหนงั สอื เรยี น ๑. มีความรบั ผดิ ชอบตอ่ งานและหนา้ ทข่ี อง 5. แสดงความคดิ เหน็ ตามสทิ ธขิ องตน รวมถงึ
หนวยการเรียนรูที่ 1 หรือศึกษาเพ่ิมเติมจาก ตนเอง โดยหน้าที่ของนักเรียน คือ การต้ังใจ รู้จักรับฟังความคิดเห็นของผู้อ่ืน โดยให้ความ
อนิ เทอรเนต็ ศึกษาเล1่าเรียน ประพฤติตนเป็นคนดี เป็นแบบ เคารพในขอ้ ตกลงของคนสว่ นใหญเ่ ป็นหลัก
อกยฎา่รงะทเบดี่ ยี ใี หบแ้ขกอเ่งพโรอ่ื งนเรรียว่ มน2ชอยน้ั ่าเรงยีเคนร่งแคลระดั ปฏบิ ตั ติ าม
2. ครูใหนักเรียนศึกษาเพ่ิมเติมเกี่ยวกับบทบาท 2. เชอื่ ฟงั คา� สง่ั สอนของครู อาจารย์ ซึง่ ครู 6. ส่งเสริมเพื่อนในทางท่ีถูกที่ควร ไม่ควร
และหนา ทขี่ องตนเองทมี่ ตี อ สมาชกิ ในครอบครวั
โรงเรียน และชุมชน จาก PowerPoint ม.5 อจิ ฉารษิ ยากนั ไมช่ กั ชวนเพอ่ื นใหก้ ระทา� ความผดิ
หนว ยการเรยี นรูท ่ี 1 หรอื ทา� รา้ ยเพอื่ นใหไ้ ดร้ บั ความเจบ็ ปวด เพอ่ื นทดี่ ี
อาจารย์เป็นผู้ที่มีความรัก ความเมตตาต่อศิษย์ จะต้องแนะน�าส่งเสริมเพื่อนไปในทางท่ีดี มีการ
ข้ันที่ 3 อธบิ ายความรู ต้องการให้ศิษย์เป็นคนดี ประสบความส�าเร็จใน ตักเตือนเพื่อนเมื่อเพื่อนประพฤติตนในทางท่ีผิด
การศึกษา สามารถน�าความรู้ไปประกอบอาชีพ แสดงความรสู้ กึ ยนิ ดเี มอื่ เพอ่ื นประสบความสา� เรจ็
3. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันอภิปราย สุจริตได้ รวมถึงบ�าเพ็ญตนเพื่อสร้างประโยชน์ 7. รักใคร่ปรองดองในหมู่เพื่อนนักเรียน
แลกเปล่ียนความรูใ นเรือ่ งทไี่ ดศ ึกษามา ต่อตนเองและสังคม ดังนั้น หากประพฤติตนไม่
ถกู ตอ้ งและถูกครู อาจารย์ว่ากลา่ วตกั เตอื น ควร มีความสามัคคีกัน มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อกัน
4. ครถู ามนักเรยี นวา น้อมรับฟังด้วยความตั้งใจและปรับปรุงตนเองให้ ร่วมมือร่วมใจกัน ไม่ก่อเร่ืองทะเลาะวิวาทกัน
• บทบาทและหนา ทใ่ี นฐานะสมาชกิ ในโรงเรยี น ดีขึน้ โดยไมค่ ิดโกรธแคน้ ทา่ น ในโรงเรียน รวมถงึ เพอื่ นตา่ งโรงเรียนด้วย
ของนักเรียนคอื ส่ิงใด
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ ๓. กตญั ญรู คู้ ณุ ตอ่ ครู อาจารย์ ตอ้ งรจู้ กั สา� นกึ
ไดอยางอิสระ เชน ตั้งใจศึกษาเลาเรียน ในพระคณุ และตอบแทนครู อาจารยเ์ มือ่ มโี อกาส
ประพฤติตนตามกฏระเบียบทางวินัยของ ซง่ึ ทา� ไดไ้ มย่ ากนกั เชน่ การประพฤตติ นเปน็ คนดี
โรงเรียนอยางเครงครัด เช่ือฟงคําสั่งสอน ไม่เกเร ปฏิบัติตนอยู่ในกฎระเบียบของโรงเรียน
และมีความกตัญูกตเวทีตอครูอาจารย มคี วามสภุ าพเรียบร้อย ออ่ นน้อมถอ่ มตน ต้ังใจ
สงเสริมและชักชวนเพ่ือนใหประพฤติตน ศึกษาเล่าเรียน ช่วยเหลือท่านตามโอกาสและ
ในทางทถ่ี กู ตอ ง) ความสามารถของตนที่จะกระท�าได้
• บทบาทและหนาท่ีในฐานะสมาชิกในชุมชน ๔. เป็นผู้น�าและผู้ตามที่ดี ในการปฏิบัติงาน
ของนักเรยี นคอื ส่ิงใด หรือการเข้าร่วมกิจกรรมใด ๆ ก็ตาม หากได้รับ
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ มอบหมายให้เป็นผู้น�าในกิจกรรมนั้น ๆ ต้องรู้ว่า
ไดอยางอิสระ เชน รักษาสุขลักษณะของ ตนเองควรปฏบิ ตั ติ นในฐานะผนู้ า� อยา่ งไร และหาก
ชมุ ชน รว มกนั ทาํ ความสะอาดบรเิ วณรอบๆ ไมไ่ ด้เปน็ ผ้นู �า ควรปฏบิ ัตติ นในฐานะ การช่วยกนั ทบทวนบทเรียน นอกจากจะเป็นการสง่ เสริม
ชุมชน อนุรักษทรัพยากรธรรมชาติและ ผ้ตู ามอยา่ งไรจงึ จะเหมาะสม เพ่ือนไปในทางที่ถูกที่ควรแล้ว ยังส่งผลดีต่อการเรียนของ
สงิ่ แวดลอ มในชมุ ชน มสี ว นรว มในการประกอบ ตนเองด้วย
กิจกรรมตางๆ ที่ชุมชนจัดข้ึน อนุรักษ
วฒั นธรรม ประเพณี และภูมปิ ญญาท่ดี ีงาม ๑2
ของชมุ ชน)
นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคิด
1 แบบอยางที่ดี การปฏิบัติตนในฐานะสมาชิกในโรงเรียนมีความสําคัญมาก การเปนผูนาํ และผูต ามท่ีดมี ีประโยชนอ ยางไร
เพราะนักเรียนสวมใสเครื่องแบบท่ีบงบอกความเปนเอกลักษณของโรงเรียน
ซ่ึงกําหนดบทบาทหนาท่ีในการเปนนักเรียนไววา ควรประพฤติตนอยางไร (แนวตอบ การเขา รว มกจิ กรรมตางๆ ภายในโรงเรยี น นกั เรยี น
จงึ จะเหมาะสม หากประพฤตติ นไมเ หมาะสม หรอื ไมป ฏบิ ตั ติ ามกฎของโรงเรยี น จะไดรับมอบหมายบทบาทหนาที่แตกตางกันไป บางคนไดเปน
เครอ่ื งแบบทสี่ วมใสอ าจถกู มองไมด ตี ามไปดว ย ดงั นน้ั โรงเรยี นจงึ นยิ มจดั กจิ กรรม หัวหนา บางคนไดเ ปน สมาชกิ ในกลุม แตถงึ อยา งไร การเปนผนู ํา
เพอ่ื คดั เลอื กนกั เรยี นดเี ดน ทง้ั ในดา นความประพฤติ ดา นวชิ าการ และดา นกฬี า และผูต ามนนั้ ลว นตอ งมีวินัยในตนเอง เพื่อหลกี เลยี่ งความขัดแยง
เพ่อื เปนแบบอยา งท่ดี ี และเปนกาํ ลงั ใจแกน ักเรียนคนอนื่ ๆ ไดปฏิบตั ติ าม ทอ่ี าจเกดิ ขนึ้ ในการทาํ งานรว มกนั ซง่ึ การประพฤตติ นเปน ผนู าํ และ
2 ปฏิบัติตามกฎระเบียบของโรงเรียน นักเรียนควรแตงกายใหถูกตองตาม ผูตามที่ดีกอใหเกิดประโยชนหลายประการ เชน ไดเรียนรู
ระเบยี บของโรงเรยี น ปฏบิ ตั ติ นตามกฎระเบยี บของโรงเรยี นอยา งเครง ครดั มาทนั แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในบทบาทหนาท่ีท่ีแตกตางกัน ไดรับ
เวลาเขา แถวเคารพธงชาตใิ นตอนเชา ชว ยกนั ดแู ลรกั ษาความสะอาดของโรงเรยี น มติ รภาพท่ดี ีจากเพ่อื นในกลมุ เขา ใจและรับฟง ผอู ื่นอยางมีเหตผุ ล
รวมถึงอุปกรณ เคร่อื งมอื เครอื่ งใชต างๆ ภายในโรงเรยี นดว ย รวมถึงไดรับประสบการณท่ดี ใี นการทาํ งาน)
T14
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
๕.๓ บทบาทและหนา้ ท่ใี นฐานะสมาชิกในชมุ ชน ขน้ั สอน
ชมุ ชนมีความสา� คญั ต่อการสร้างคนดี มคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ขน้ั ที่ 4 ขยายความเขา ใจ
เช่น มีจิตสาธารณะ มีความสามัคคี ตลอดจนรักษาสิ่งแวดล้อม สร้างวัฒนธรรมอันดีงามให้ได้
ปฏิบัติตาม ซ่ึงการเป็นสมาชกิ ท่ีดขี องชุมชน สามารถปฏิบัตติ นตามบทบาทหน้าที่ได้ ดงั นี้ 5. ครูใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนกลุมละ
1 คน ออกมานําเสนอผลการศึกษา เรื่อง
๑. รักษาสุขลักษณะของชุมชน โดยการมี ๔.อนุรักษ์สืบสานวัฒนธรรม ประเพณี บทบาทและหนาท่ขี องตนเองท่ีมตี อสมาชิกใน
ครอบครัว โรงเรียน และชุมชน ใหเพ่ือนฟง
ส่วนร่วมในการรักษาสุขลักษณะของชุมชน เช่น และภูมิปัญญาที่ดีงาม ชุมชน หรือท้องถิ่น หนาชัน้ เรียน
การท้ิงขยะใหเ้ ปน็ ท่ี ช่วยกา� จดั สง่ิ ปฏกิ ลู ตา่ ง ๆ ใน แต่ละแห่งย่อมมีวัฒนธรรม ประเพณีที่แตกต่าง
ชุมชน ช่วยท�าลายแหลง่ เพาะพันธุ์ กัน ซ่ึงล้วนแต่มีเอกลักษณ์เฉพาะท่ีได้รับการ 6. ครูอธิบายเพ่ิมเติมวา “ทุกคนมีบทบาทหนาท่ี
ถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษประจ�าท้องถิ่นของตน ที่แตกตางกันออกไป หากทุกคนปฏิบัติตาม
2. อนุรกั ษส์ ่งิ แวดล้อมในชมุ ชน โดยช่วยกัน เชน่ การทา� ปลารา้ เป็นภูมปิ ัญญาด้านการถนอม บทบาทหนาท่ีของตนเองอยางเหมาะสมและ
อาหารของคนภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ภมู ปิ ญั ญา ถูกตองแลว จะชวยทําใหอยูรวมกับผูอ่ืนใน
ดูแลโบราณสถานและโบราณวัตถุต่าง ๆ ที่อยู่ใน ล้านนาของคนภาคเหนือ เช่น ประเพณีสืบ สังคมไดอ ยา งมคี วามสขุ ”
ชมุ ชน เชน่ ไมข่ ดี เขยี นทา� ลายโบราณวตั ถใุ หช้ า� รดุ ชะตาบ้าน ชะตาเมือง ภูมปิ ัญญาดา้ นการละเล่น
เสยี หาย ช่วยกนั ดแู ลรกั ษาสาธารณสมบัติของรัฐ ของคนภาคกลาง เชน่ การแสดงลา� ตดั ภมู ปิ ญั ญา 7. ครูมอบหมายใหนักเรียนทําใบงานที่ 1.3.1
และชุมชน เชน่ สวนสาธารณะ ไฟฟา้ ส่องสวา่ ง ด้านการแสดงของคนภาคใต้ เช่น การแสดง เรอ่ื ง บทบาทและหนา ทขี่ องตนเองทม่ี ตี อ สมาชกิ
ริมทาง หากพบเห็นผู้ใดมาท�าลายควรแจ้งให้ มโนหร์ า หนงั ตะลงุ ดงั นนั้ ในฐานะสมาชกิ ทด่ี ขี อง ในครอบครัว โรงเรยี น และชุมชน
เจา้ หนา้ ทด่ี า� เนนิ การจบั กมุ เพอ่ื ใหส้ าธารณสมบตั ิ ชุมชนจะต้องมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สืบสาน
ตา่ ง ๆ ใชป้ ระโยชน์ไดย้ าวนานยง่ิ ขนึ้ วัฒนธรรม ประเพณี และภมู ปิ ัญญาทีด่ งี ามของ ขนั้ สรปุ
ชุมชนให้คงอยู่คู่กับท้องถิ่นและสังคมไทยสืบ
๓. มีส่วนร่วมในการท�ากิจกรรมของชุมชน ต่อไป ขนั้ ท่ี 5 ตรวจสอบผล
ควรมสี ว่ นรว่ มในการทา� กจิ กรรมในวนั สา� คญั ตา่ ง ๆ 1. ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั สรปุ ความรู เรอื่ ง บทบาท
กบั ชมุ ชน เชน่ การปลกู ตน้ ไม้ เพอื่ เพม่ิ พน้ื ทส่ี เี ขยี ว และหนา ทขี่ องตนเองทมี่ ตี อ สมาชกิ ในครอบครวั
ใหแ้ กช่ มุ ชน การรว่ มรณรงคล์ ดการใชถ้ งุ พลาสตกิ โรงเรียน และชมุ ชน
เพ่ือช่วยลดภาวะโลกร้อน การบ�าเพ็ญสาธารณ-
ประโยชน์ การรณรงค์ต่อตา้ นยาเสพตดิ 2. ครูใหน กั เรียนทําแบบทดสอบหลงั เรยี น หนว ย
การเรียนรูท ่ี 1
สรปุ การท�ำงำนเพื่อกำรด�ำรงชีวิตมีควำมส�ำคัญต่อชีวิตมนุษย์เป็นอย่ำงยิ่ง ซึ่งในสังคม
ปัจจุบันมีกำรแข่งกันสูง จึงได้มีกำรน�ำเทคโนโลยีเข้ำมำช่วยในกำรท�ำงำน เพ่ือลดต้นทุนในด้ำน ขน้ั ประเมนิ
ต่ำง ๆ กำรท�ำงำนเพ่ือให้งำนมีประสิทธิภำพและมีประสิทธิผลจ�ำเป็นต้องมีกระบวนกำรท�ำงำน
และกระบวนกำรแก้ปัญหำทด่ี ี โดยน�ำหลักกำรของวงจร PDCA และกจิ กรรม ๕ ส มำใชป้ ระกอบ 1å . ครูตรวจสอบผลการทําแบบทดสอบหลังเรียน
กำรทำ� งำนอยำ่ งมรี ะบบ รวมถงึ กำรรจู้ กั บทบำทและหนำ้ ทขี่ องตนทมี่ ตี อ่ สมำชกิ ในครอบครวั โรงเรยี น เพอ่ื ตรวจสอบความเขา ใจหลงั เรยี นของนกั เรยี น
และชุมชน ก็จะท�ำให้กำรท�ำงำนประสบควำมสำ� เร็จและมีคณุ ภำพทีด่ ียิง่ ข้ึน
2. ครตู รวจสอบใบงานที่ 1.3.1 เร่อื ง บทบาทและ
๑๓หลักการท�างาน หนาที่ของตนเองที่มีตอสมาชิกในครอบครัว
โรงเรียน และชมุ ชน
เพื่อการด�ารงชีวิต
3. ครูประเมินผลระหวางการจัดกิจกรรมการ
เรยี นรู จากการสงั เกตพฤตกิ รรมการทาํ งานกลมุ
การนาํ เสนอผลงาน และการสงั เกตคณุ ลกั ษณะ
อันพึงประสงค
ขอสอบเนน การคดิ แนวทางการวัดและประเมินผล
เพราะเหตใุ ดจงึ ตอ งเรียนรูเ รอื่ งหลักการทาํ งานเพอ่ื การดาํ รงชีวิต ครสู ามารถสงั เกตพฤตกิ รรมการทาํ งานกลมุ การนาํ เสนอผลงาน โดยศกึ ษา
(แนวตอบ เพราะมนษุ ยท กุ คนลวนตองดําเนนิ ชีวติ ไปในทศิ ทาง เกณฑก ารวดั และประเมนิ ผลทแี่ นบทา ยแผนการจดั การเรยี นรู หนว ยการเรยี นรทู ่ี 1
ที่มีจุดหมายแตกตางกัน ตางตองพบเจอกับอุปสรรค ความยาก แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ แบบประเมินการนาเสนอผลงาน
ลําบาก และปญ หาตา งๆ อยางหลากหลาย หลกั การทาํ งานเปน
เพยี งสว นหนง่ึ ในการดาํ รงชวี ติ การเรยี นรเู กย่ี วกบั หลกั การทาํ งาน คาชีแ้ จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ลงในชอ่ งท่ตี รงกบั ระดบั คะแนน
จงึ มสี ว นชว ยในการฝก ฝนทกั ษะกระบวนการตา งๆ ทเ่ี ปน ประโยชน
ชวยฝกประสบการณ เพ่ือเปนภูมิคุมกันในการรับมือกับปญหา การมี คาชี้แจง : ใหผ้ สู้ อนประเมินผลการนาเสนอผลงานของนักเรยี นตามรายการ แลว้ ขีด ลงในช่องที่ตรงกบั ระดับคะแนน
ที่อาจเกิดข้ึน เพื่อใหสามารถแกป ญหาไดอยางถูกตอ ง เหมาะสม
อกี ทงั้ ยงั มสี ว นชว ยใหส ามารถคน พบความถนดั ของตนเอง อนั เปน ลาดับที่ ชอ่ื – สกลุ การแสดง การยอมรบั การทางาน ความมี สว่ นร่วมใน รวม ลาดับท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน
ทกั ษะท่ีสามารถนําไปใชใ นการดํารงชวี ิต หรือการประกอบอาชพี ของนกั เรยี น ความ ฟงั คนอื่น ตามทไี่ ด้รบั นา้ ใจ การ 15 321
ในอนาคต) คดิ เหน็ มอบหมาย คะแนน 1 ความถกู ตอ้ งของเน้อื หา
ปรบั ปรุง 2 การลาดับขนั้ ตอนของเร่ือง รวม
3 วิธกี ารนาเสนอผลงานอย่างสรา้ งสรรค์
ผลงานกล่มุ 4 การใชเ้ ทคโนโลยใี นการนาเสนอ
5 การมีสว่ นร่วมของสมาชกิ ในกลมุ่
3 2 13 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1
ลงชือ่ ...................................................ผปู้ ระเมนิ
............/................./................
ลงชื่อ...................................................ผปู้ ระเมนิ เกณฑก์ ารให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
............./.................../............... ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ สมบูรณช์ ดั เจน ให้ 2 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 1 คะแนน
ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ บางสว่ น
ให้ 1 คะแนน
เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ
ปฏบิ ตั ิ หรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ
ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ
ปฏบิ ตั ิ หรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้งั
ปฏิบตั ิ หรือแสดงพฤตกิ รรมบางครง้ั
12-15 ดี
เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ 8-11 พอใช้
ตา่ กว่า 8 ปรบั ปรุง
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
12-15 ดี
8-11 พอใช้
ต่ากว่า 8 ปรับปรงุ
T15
Chapter Overview
แผนการจดั ส่ือที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมนิ ทกั ษะที่ได้ คณุ ลกั ษณะ
การเรยี นรู้ อันพงึ ประสงค์
แผนฯ ที่ 1 - ห นังสือเรยี น 1. อธบิ ายหลกั การใช้ แบบ - ต รวจแบบทดสอบก่อนเรียน - ท ักษะการส�ำรวจ - รักชาติ ศาสน์
การใช้
เคร่อื งมือชา่ ง การงานอาชพี ม.5 เครอื่ งมอื งานชา่ งอย่าง สืบเสาะ - ตรวจใบงานท่ี 2.1.1 ค้นหา กษัตริย์
อย่างปลอดภยั
- แ บบทดสอบกอ่ นเรยี น ปลอดภัยได้ หาความรู้ - ประเมนิ การน�ำเสนอผลงาน - ท ักษะการสังเกต - ซ ่ือสัตย์ สจุ ริต
2
- PowerPoint 2. อธบิ ายเกย่ี วกบั ประเภท (5Es - ส งั เกตพฤตกิ รรมการท�ำงาน วิธกี ารท�ำงาน - ม วี ินยั
ชว่ั โมง
ของเคร่ืองมอื เครอ่ื งใช้ Instructional รายบคุ คล เพ่อื การดำ� รงชีวิต - ใ ฝ่เรยี นรู้
ในการซ่อมแซมและ Model) - ส งั เกตพฤติกรรม - ท กั ษะการคิด - อ ยู่อย่าง
ติดต้งั อปุ กรณ์เครอื่ งใช้ การท�ำงานกลมุ่ วิเคราะห์ พอเพียง
ภายในบา้ นไดอ้ ยา่ ง - ส ังเกตคณุ ลักษณะ - ท กั ษะกระบวน - ม ุ่งม่ันใน
ถกู ตอ้ ง อนั พงึ ประสงค์ การคดิ แกป้ ญั หา การท�ำงาน
3. ใ ชแ้ ละเกบ็ รกั ษาเครอ่ื งมอื - ท ักษะการสรปุ - ร กั ความ
เครอ่ื งใชใ้ นการซอ่ มแซม ลงความเหน็ เปน็ ไทย
และตดิ ตง้ั อุปกรณ์ - ทกั ษะการประเมนิ - ม จี ติ สาธารณะ
เครอื่ งใช้ภายในบ้าน
ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง เหมาะสม
4. ม คี ณุ ธรรมและมลี กั ษณะ
นสิ ยั ท่ดี ีในการท�ำงาน
T16
แผนการจัด สอื่ ท่ีใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมนิ ทกั ษะที่ได้ คุณลกั ษณะ
การเรียนรู้ อนั พึงประสงค์
แผนฯ ท่ี 2 - หนงั สือเรยี น 1. อธิบายวธิ กี ารซอ่ มแซม แบบเน้น - ตรวจแบบทดสอบหลังเรยี น - ท ักษะการส�ำรวจ - รักชาติ ศาสน์
การสาธติ - ตรวจใบงานท่ี 2.2.1
การซอ่ มแซมและ การงานอาชีพ ม.5 และตดิ ตง้ั เครอ่ื งใช้ - ต รวจช้ินงาน/ภาระงาน คน้ หา กษตั ริย์
(รวบยอด)
ตดิ ตัง้ เคร่อื งใช้ - แ บบทดสอบหลังเรยี น ภายในบ้านไดอ้ ย่าง - ป ระเมินการน�ำเสนอผลงาน - ท กั ษะการสังเกต - ซือ่ สัตย์ สุจรติ
- ส ังเกตพฤตกิ รรมการท�ำงาน
ภายในบา้ น - PowerPoint ถกู ต้อง รายบุคคล วธิ ีการท�ำงาน - มีวนิ ยั
- สงั เกตพฤติกรรม
2 2. ซอ่ มแซมและตดิ ต้ัง การท�ำงานกลุ่ม เพอื่ การดำ� รงชีวิต - ใ ฝ่เรยี นรู้
อุปกรณเ์ ครอื่ งใช้ - สังเกตคณุ ลักษณะ
อนั พงึ ประสงค์ - ท กั ษะการคดิ - อยอู่ ยา่ ง
ช่ัวโมง ภายในบา้ นง่าย ๆ ได้ วิเคราะห์ พอเพยี ง
ดว้ ยตนเอง - ทักษะกระบวน - มงุ่ มั่นใน
3. เลือกใชเ้ ครอื่ งมอื การคดิ แก้ปญั หา การท�ำงาน
เครอ่ื งใช ้ในการซอ่ มแซม - ท ักษะการสรุป - ร กั ความ
และตดิ ตั้งอุปกรณ์ ลงความเห็น เปน็ ไทย
เครอื่ งใช้ภายในบา้ น - ทกั ษะการประเมนิ - ม จี ติ สาธารณะ
ไดถ้ ูกตอ้ ง
4. ใชแ้ ละเก็บรักษา
เคร่อื งมือ เครอื่ งใช้
ในการซอ่ มแซม
และตดิ ตง้ั อุปกรณ์
เครือ่ งใช้ภายในบา้ น
ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง เหมาะสม
5. มคี ณุ ธรรมและมลี กั ษณะ
นิสัยท่ีดีในการท�ำงาน
T17
นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั นาํ (5Es) òหน่วยการเรียนรู้ที่
ขน้ั ท่ี 1 กระตนุ ความสนใจ §Ò¹ªÒ‹ §ã¹ºÒŒ ¹
1. ครูแจงชื่อเรื่องท่ีจะเรียนรูและผลการเรียนรู ตัวชี้วดั ËÒ¡¢Í§ãªãŒ ¹ºŒÒ¹ªÓÃ´Ø ËÃÍ×
ใหนักเรียนทราบ จากนนั้ ใหนกั เรยี นแตละคน ■ สรา งผลงานอยา งมีความคิดสรางสรรคแ ละมที กั ษะการทาํ งานรวมกนั (ง ๑.๑ ม.๔-๖/๒) àÊÂÕ ¨ÐÁÇÕ ¸Ô ¡Õ ÒÃÍÂÒ‹ §äà ãË¡Œ źÑ
ทาํ แบบทดสอบกอ นเรยี น หนว ยการเรยี นรทู ี่ 2 ■ มีทกั ษะการจัดการในการทาํ งาน (ง ๑.๑ ม.๔-๖/๓) ÁÒ㪌§Ò¹ä´ŒÍ‹ҧ»ÅÍ´ÀÂÑ
เร่อื ง งานชา งในบาน ■ มที ักษะกระบวนการแกปญ หาในการทํางาน (ง ๑.๑ ม.๔-๖/๔)
■ มีทกั ษะในการแสวงหาความรเู พ่ือการดาํ รงชีวิต (ง ๑.๑ ม.๔-๖/๕)
2. ครูเปดคลิปวิดีโอเก่ียวกับการซอมแซมส่ิงของ ■ มีคณุ ธรรมและลักษณะนิสยั ในการทาํ งาน (ง ๑.๑ ม.๔-๖/๖)
เครอ่ื งใชต า งๆ ภายในบา นใหน กั เรยี นดู จากนน้ั ■ ใชพลงั งาน ทรพั ยากรในการทาํ งานอยา งคุมคา และย่ังยนื เพ่ือการอนรุ ักษสงิ่ แวดลอ ม
ครูถามนกั เรียนวา
• การซอ มแซมสง่ิ ของเครอ่ื งใชต า งๆ ภายในบา น (ง ๑.๑ ม.๔-๖/๗)
ที่ไดชมไปน้ัน นักเรียนคิดวาผูปฏิบัติงาน
ปฏบิ ตั ไิ ดถ กู ตอ งและปลอดภยั หรอื ไม สาระการเรยี นรแู กนกลาง
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ ■ ทกั ษะการทาํ งานรว มกนั เปน การทาํ งานกลมุ ทาํ งานรว มกบั ผอู น่ื ไดอ ยา งมคี วามสขุ ทาํ งาน
ไดอยา งอิสระ)
• หากอปุ กรณ เครอื่ งมอื เครอื่ งใชภ ายในบา น อยา งมีกระบวนการตามข้ันตอน และฝกหลักการทาํ งานกลมุ
เกดิ การชาํ รดุ นกั เรยี นจะแกป ญ หาดงั กลา ว ■ ทกั ษะการจดั การ เปน การจดั ระบบงานและระบบคน เพอื่ ใหก ารทาํ งานสาํ เรจ็ ตามเปา หมาย
อยา งไร
(แนวตอบ นําอุปกรณ เคร่ืองมือ เครื่องใช อยางมปี ระสทิ ธภิ าพ เชน การบาํ รงุ เกบ็ รักษา เคร่อื งใชไ ฟฟา และอปุ กรณอ ํานวยความ
ภายในบา นทเ่ี กดิ การชาํ รดุ มาวเิ คราะหส ภาพ สะดวกในชวี ติ ประจําวัน
ปญ หา หรอื ลกั ษณะของงาน และสรปุ สาเหตุ ■ ทกั ษะกระบวนการแกป ญ หาในการทาํ งาน มขี น้ั ตอน คอื การสงั เกต วเิ คราะห สรา งทางเลอื ก
ของอาการชํารุด เพื่อหาวิธีในการซอ มแซม และประเมินทางเลือก เชน การติดต้ัง ประกอบ ซอมแซมอุปกรณ เคร่ืองมือ เคร่ืองใช
อยา งเหมาะสม วางแผนการปฏบิ ตั งิ านอยา ง สิ่งอาํ นวยความสะดวกในบา นและโรงเรยี น
เปน ขนั้ ตอน และปฏบิ ตั ติ ามขนั้ ตอนทว่ี างแผน ■ ทกั ษะการแสวงหาความรเู พอื่ การดาํ รงชวี ติ ประกอบดว ยการศกึ ษา คน ควา รวบรวม สงั เกต
ไวไดอยางถูกตองและปลอดภัย พรอมท้ัง สาํ รวจ และบันทกึ
ประเมินผลจากการปฏิบัติงานวาอุปกรณ ■ คณุ ธรรมและลกั ษณะนิสยั ในการทํางาน เปน การสรา งคุณงามความดีและควรฝกใหผูเรยี น
เครื่องมือ เครื่องใชภายในบานชิ้นดังกลาว มคี ณุ ภาพทสี่ ําคัญๆ เชน ขยัน อดทน รบั ผิดชอบ และซื่อสตั ย
สามารถกลบั มาใชงานไดต ามปกติหรือไม) ■ การใชพลงั งาน ทรพั ยากรอยา งคุมคาและยงั่ ยืน เปน คุณธรรมในการทาํ งาน
3. ครขู ออาสาสมคั ร2-3คนออกมาเลา ประสบการณ ñ เคร่อื งมอื งานช่างในบา้ น
เก่ียวกับการปฏิบัติงานชางในบานของตนเอง เครื่องมือเป็นสิ่งจ�าเป็นและส�าคัญในการปฏิบัติงานซ่อมแซมและติดตั้งอุปกรณ์ เครื่องใช้
ใหเ พอื่ นฟง หนา ชนั้ เรยี น ในประเดน็ ทค่ี รกู าํ หนดให ภายในบ้าน ซ่ึงเคร่ืองมือที่น�ามาใช้ในการซ่อมแซมและติดต้ังมีอยู่ด้วยกันหลายชนิด แต่ละชนิด
คือ สิ่งของเคร่ืองใชที่เกิดการชํารุด เสียหาย จะมีลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกันไปตามชนิดของงานแต่ละประเภท ดังนั้น จึงต้องเรียนรู้
ลักษณะอาการชํารุด วิธีการซอมแซม และ เกี่ยวกับการใช้เครื่องมือและการดูแลบ�ารุงรักษาเครื่องมือแต่ละประเภทให้เข้าใจ เพ่ือให้สามารถ
ความปลอดภัยในขณะปฏบิ ัติงาน นา� มาใชง้ านไดอ้ ย่างถูกต้องและเหมาะสม
๑๔
เกร็ดแนะครู
ครคู วรจดั การเรยี นรู โดยอธบิ ายเกยี่ วกบั งานชา งในบา นใหน กั เรยี นฟง เพอื่ ใหเ กดิ ความรู ความเขา ใจ เรอื่ ง การปฏบิ ตั งิ านชา งในบา นทม่ี ากขน้ึ สามารถเลอื กใช
เครื่องมืองานชางไดอยางถูกตองและปลอดภัย ดูแล บํารุงรักษาเคร่ืองมืองานชางแตละประเภทไดอยางเหมาะสม ลงมือปฏิบัติการซอมแซมและติดตั้งอุปกรณ
เครอ่ื งใชภ ายในบา นเพ่ือใหเ กิดความชาํ นาญ ใชท รัพยากรอยางคุมคา และยง่ั ยืน เพ่ือเปน การอนรุ ักษส ิง่ แวดลอ ม นาํ ทักษะการจัดการมาประยุกตใ ชในการทํางาน
รวมถึงใชทกั ษะกระบวนการแกป ญหาในการทํางานอยางเปน ขัน้ ตอน เพื่อใหผ ลงานสําเร็จตรงตามเปาหมายอยา งมปี ระสทิ ธภิ าพ โดยสามารถจัดกิจกรรมได ดงั น้ี
• ใหนกั เรียนตอบคําถามและรว มกนั แสดงความคดิ เหน็ เพื่อใหน ักเรยี นเกดิ ความรู ความเขาใจเกย่ี วกบั การปฏิบัตงิ านชา งในบาน
• ใหน ักเรียนปฏิบัติงานชา งในบาน โดยการซอ มแซมและตดิ ตง้ั อุปกรณเ ครอื่ งใชภ ายในบาน
T18
นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ
งานช่างในบ้าน เป็นงานพ้ืนฐานเบื้องต้นท่ีควร ขนั้ นาํ
เรยี นรแู้ ละสามารถทา� ไดด้ ว้ ยตนเอง การเรยี นรถู้ งึ วธิ กี าร ข้นั ที่ 1 กระตนุ ความสนใจ
ใชอ้ ปุ กรณแ์ ละเครอื่ งมอื แตล่ ะประเภท ตลอดจนการดแู ล
บ�ารุงรักษา นอกจากจะช่วยยืดอายุในการใช้งานแล้วยัง 4. ครถู ามนักเรียนวา
เปน็ การใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ กดิ ประโยชน ์ อกี ทงั้ ยงั ชว่ ยประหยดั • เพราะเหตุใดการปฏิบัติงานชางในบาน
ค่าใชจ้ ่ายใหก้ ับครอบครวั และสามารถทจี่ ะพัฒนาตนเอง ทุกประเภทจึงตองคํานึงถึงความปลอดภัย
ไปสูก่ ารเป็นชา่ งมืออาชีพได ้ในอนาคต ในขณะปฏบิ ตั งิ าน รวมถงึ ความปลอดภยั ใน
การใชเครอ่ื งมอื งานชางเปนสาํ คญั
๑.๑ หลักการใชเ คร่อื งมอื ชางอยา งปลอดภัย (แนวตอบ การปฏบิ ตั งิ านชา งในบา น เปน การ
ปฏิบัติงานที่มีโอกาสไดรับอันตรายในขณะ
เครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ เป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้ได้ผลงานท่ีมีคุณภาพ ผู้ ใช้จึงควรใช้ด้วย ปฏิบัติงาน ซึ่งอาจกอใหเกิดความเสียหาย
ความระมัดระวัง เพื่อความปลอดภัยต่อตนเองและบุคคลรอบข้าง เพราะการประมาทอาจท�าให้ แกทรัพยส ิน หรอื ชีวิตได เนอ่ื งจากงานชา ง
เกดิ การสญู เสยี เวลาในการท�างาน สญู เสยี ทรพั ย์สนิ หรือส่งผลทา� ใหร้ า่ งกายพกิ าร หรอื เสยี ชวี ติ ได้ แตล ะประเภทมีลักษณะการทํางาน วิธกี าร
ซ่ึงผู้ใช้ควรศึกษาวิธีการใช้และข้อจ�ากัดของเครื่องมือและอุปกรณ์ชนิดนั้น ๆ ให้ชัดเจนก่อน ทาํ งาน และการใชเ ครอื่ งมอื เครอ่ื งใชในการ
การใชง้ าน ซง่ึ หลักการใชเ้ ครื่องมอื งานช่างอย่างปลอดภยั มดี งั น้ี ปฏิบัติงานที่แตกตางกัน ผูที่จะปฏิบัติงาน
จึงตองศึกษาเก่ียวกับกระบวนการทํางาน
๑๕งานช่างในบ้าน เลือกและใชเครื่องมืองานชางที่ถูกตอง
เหมาะสมกับประเภทของงานและใชงาน
ดวยความระมัดระวัง เพ่ือใหเกิดความ
ปลอดภัยในขณะปฏิบัติงาน มีการวางแผน
การทํางาน การบริหารเวลาและทรัพยากร
อยา งคมุ คา และตอ งคาํ นงึ ถงึ ความปลอดภยั
ในการปฏิบตั ิงานอยเู สมอ)
ขนั้ ที่ 2 สาํ รวจคน หา
5. ครใู หน กั เรยี นแบง กลมุ กลมุ ละเทา ๆ กนั ศกึ ษา
เรอื่ ง หลกั การใชเ ครอ่ื งมอื งานชา งอยา งปลอดภยั
จากหนังสือเรียน หนวยการเรียนรูท่ี 2 หรือ
ศกึ ษาเพิม่ เติมจากอินเทอรเน็ต
6. ครูใหนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักการ
ใชเคร่ืองมืองานชางอยางปลอดภัย จาก
PowerPoint ม.5 หนว ยการเรียนรูที่ 2
ขอสอบเนน การคดิ บูรณาการอาเซียน
บคุ คลในขอ ใดปฏบิ ตั ติ นไดอ ยา งเหมาะสมในขณะปฏบิ ตั งิ านชา ง ประชาคมอาเซยี นมีการสนับสนุนการแขงขนั ฝมอื แรงงานในระดบั อาเซียน
ในบาน เก่ียวกับงานชางในสาขาตางๆ โดยแตละประเทศจะสงตัวแทนเขารวมการ
แขงขัน ซ่ึงเปนแนวทางในการสงเสริมงานชางใหไดรับการพัฒนามากย่ิงขึ้น
1. วนิ พดู คยุ กบั เพ่ือนทางโทรศัพทใ นขณะกาํ ลังตัดสายไฟ โดยจดั การแขงขันฝม ือแรงงานระหวา งกลมุ ประเทศสมาชกิ อาเซียน ซึ่งกาํ หนด
2. วา นใชนา้ํ ลา งอุปกรณ เคร่อื งมอื งานชาง หลังใชง านเสรจ็ ใหม กี ารแขง ขนั ฝม อื แรงงานเกยี่ วกบั งานชา งในสาขาตา งๆ ขนึ้ ทกุ 2 ป มจี ดุ มงุ หมาย
3. วุนวางไขควงไวบนโตะอาหาร เพราะจะไดหยิบใชงาน เพ่ือกระตุนใหเยาวชนและกําลังแรงงานในภูมิภาคอาเซียนเกิดความต่ืนตัวและ
สนใจที่จะพัฒนาทักษะฝมือของตนใหทันตอการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
ไดส ะดวก และทัดเทียมมาตรฐานสากล สงผลใหเยาวชนไดเขาสูการเปนชางฝมือใน
4. แวนศึกษาวิธีการใชอุปกรณ เคร่ืองมืองานชางกอนลงมือ ตลาดแรงงาน เพม่ิ ศกั ยภาพการผลิตและบรกิ ารของประเทศในอนาคตได
ปฏบิ ัตงิ าน T19
(วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. เพราะผูปฏิบัติงานควรศึกษาวิธี
การใชงานของอปุ กรณ เครื่องมืองานชา งอยางละเอยี ดกอนลงมอื
ปฏบิ ตั งิ าน เพอื่ ใหส ามารถเลอื กใชอ ปุ กรณ เครอื่ งมอื งานชา งไดอ ยา ง
ถูกตองและเหมาะสมกับลักษณะของงาน ชวยใหประหยัดเวลา
และชวยลดความเสีย่ งจากการเกดิ อบุ ัติเหตใุ นขณะปฏิบตั งิ านได)
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน หลกั การใชเ้ ครื่องมอื งานชา่ งอยา่ งปลอดภัย
ขั้นที่ 3 อธิบายความรู ๑ ๒
1. ครูใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันอภิปราย ศึกษาคู่มือการใช้งานปฏิบัติ เรียนรู้วิธีการใช้เคร่ืองมือและ
แลกเปลยี่ นความรูในเรอ่ื งทไ่ี ดศ กึ ษามา จากนนั้ ตามค�าแนะน�าในการใช้งาน อุปกรณ์อย่างถูกต้อง และใช้
ครถู ามนักเรยี นวา เครื่องมือและอุปกรณ์อย่าง ให้เหมาะสมกับชนิดของงาน
• เพราะเหตุใดจึงตองอานคําแนะนําในการ เคร่งครัด เพ่ือความปลอดภยั ท่ปี ฏิบตั ิ
ใชงาน จากการใช้งาน
(แนวตอบ คาํ แนะนาํ ในการใชง านมปี ระโยชน
อยางยิ่งตอผูปฏิบัติงานชาง เนื่องจากไดมี ๓ ๔ ๕
การระบวุ ธิ กี าร หรอื ขนั้ ตอนในการปฏบิ ตั งิ าน คขวณระแใตชง่ ้เกคารยื่อใหงมร้ ดัือกแมุ ล1 ะไอมุปส่ วกมรใณส่์
ทีถ่ ูกตองและเหมาะสม เพือ่ ใหผปู ฏิบตั งิ าน ขณะใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ ตรวจสอบสภาพเครอ่ื งมอื กอ่ น
สามารถปฏบิ ตั ติ ามได ชว ยปอ งกนั ไมใ หเ กดิ เครื่องประดับที่อาจก่อให้เกิด หากผู้ใช้เกิดอาการง่วงนอน การใช้งานอยู่เสมอ หากพบ
ขอ ผิดพลาดในขณะปฏิบัตงิ าน และชว ยให อันตราย หรือขัดขวางการ หรืออ่อนเพลีย ควรหยุดใช้ วา่ มเี ครอื่ งมอื ทชี่ า� รดุ ควรนา� ไป
เกดิ ความปลอดภยั จากการใชง านเครอ่ื งมอื ทา� งาน เคร่ืองมอื โดยทนั ที ซ่อมแซมก่อนน�าไปใช้งาน
งานชางทุกประเภท ดังนั้น ในการปฏิบัติ
งานชา ง จงึ ตอ งอา นคาํ แนะนาํ การใชง านให ๖ 7
เขา ใจกอ นลงมือปฏิบตั งิ านทกุ ครัง้ )
• การใชเ ครอ่ื งมอื งานชา งอยา งปลอดภยั กอ ให จัดเก็บและจัดวางเครื่องมือ หลงั เสรจ็ จากการใชง้ านทกุ ครงั้
เกดิ ประโยชนตอการปฏิบตั ิงานชา งอยางไร ใหเ้ ปน็ ระเบยี บ เพอื่ ใหส้ ะดวก ควรท�าความสะอาดและบ�ารุง
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ ต่อการหยิบใช้งานและเก็บให้ รกั ษาเครอื่ งมอื แลว้ นา� ไปเกบ็
ไดอยา งอิสระ) พน้ จากมอื เดก็ เขา้ ทใี่ หเ้ รยี บรอ้ ย
• การปฏิบัติงานชางในบานประเภทใด
ผูปฏิบัติงานควรคํานึงถึงความปลอดภัย ๘ ๙ ๑๐
ในขณะปฏิบัตงิ านมากทสี่ ดุ
(แนวตอบ งานไฟฟา เนือ่ งจากมีความเส่ียง ในขณะใชเ้ ครอ่ื งมอื และอปุ กรณ์ ขณะใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ ถา้ ผใู้ ชเ้ ครอ่ื งมอื และอปุ กรณไ์ ว้
และอันตรายมากกวางานชางประเภทอื่นๆ ไมค่ วรดม่ื สรุ า หรอื ของมนึ เมา ประเภทเคร่ืองใช้ไฟฟ้า หรือ ผมยาว ควรมดั ผม หรอื เกบ็ ผม
หากผปู ฏบิ ตั งิ านปฏบิ ตั งิ านดว ยความประมาท หรอื ยาทมี่ ฤี ทธกิ์ ดประสาท ของมคี ม ควรอยใู่ นภาวะทาง ใหเ้ รยี บรอ้ ยก่อนปฏบิ ัติงาน
ซ่ึงมีสาเหตุมาจากปจจัยตางๆ เชน ความ อารมณ์ปกติ หากผิดปกติให้
ไมพรอมของสุขภาพรางกาย ขาดความรู หยดุ ทา� งานทนั ที
ความเขา ใจในงานทป่ี ฏบิ ตั ิ การชาํ รดุ เสยี หาย
ของเครอ่ื งมอื การประมาทเลนิ เลอ ขาดความ ๑๖
ระมดั ระวงั และขาดความรอบคอบ อาจสง ผล
ใหเ กิดอันตรายตอชวี ติ หรือทรพั ยส นิ ได)
เกร็ดแนะครู กิจกรรม สรางเสรมิ
ครคู วรนําอุปกรณ เครื่องมืองานชา งแตละประเภท เชน ตลบั เมตร ประแจ ใหนักเรียนอธิบายแนวทางการปฏิบัติงานชางในบานของ
ไขควง คมี คอ น เลอ่ื ย สวา น เครอ่ื งวดั มลั ตมิ เิ ตอร มาใหน กั เรยี นดู พรอ มทง้ั อธบิ าย ตนเอง เพื่อใหเกิดความปลอดภัยในรูปแบบของแผนพับ หรือ
และสาธติ วธิ กี ารใชง านอปุ กรณ เครอื่ งมอื งานชา งดงั กลา วทถี่ กู ตอ งและปลอดภยั รูปแบบอน่ื ๆ ตามความสนใจ ตกแตง ใหส วยงาม นําสง ครผู ูสอน
รวมถึงอธิบายวิธีการดูแลบํารุงรักษาอุปกรณ เคร่ืองมืองานชางอยางเหมาะสม
จากนั้นครูถามนักเรียนวา “นักเรียนมีแนวทางในการเลือกใชงานอุปกรณ กิจกรรม ทา ทาย
เคร่อื งมืองานชางอยา งไรใหเ หมาะสมกบั ลกั ษณะของงาน และเพือ่ ใหเ กิดความ
ปลอดภัยในขณะปฏบิ ัติงาน” ใหน กั เรยี นวางแผนการปฏบิ ตั งิ านชา งในบา นของตนเองตาม
ความสนใจ 1 งาน โดยเขียนสรุปในประเดน็ ท่ีครกู ําหนดให คอื
นักเรียนควรรู เหตุผลในการปฏิบัติงาน การเลือกใชอุปกรณ เคร่ืองมืองานชาง
ขน้ั ตอน หรอื วธิ กี ารปฏบิ ตั งิ าน ปญ หาทพี่ บและแนวทางการแกป ญ หา
1 แตงกายใหรัดกุม ผูปฏิบัติงานควรสวมใสเสื้อผาท่ีอยูในสภาพเรียบรอย ประโยชนท คี่ าดวา จะไดร บั จากนน้ั ออกมานาํ เสนอผลงานใหเ พอ่ื น
ไมฉ กี ขาด ตดิ กระดมุ ครบทกุ เมด็ สวมรองเทา หมุ สน หรอื รองเทา บตู เพอ่ื ปอ งกนั ฟงหนาชน้ั เรยี น
อันตรายจากของมีคมท่มิ ตํา สวมหนากากอนามัย เพื่อปองกนั ฝุน ละออง
T20
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
๑.๒ เครอื่ งมอื เครอื่ งใชใ นการซอ มแซมและตดิ ตงั้ อปุ กรณ เครอ่ื งใช ขนั้ สอน
ภายในบาน
ขน้ั ที่ 3 อธบิ ายความรู
เคร่ืองมือเป็นสิ่งจ�าเป็นและส�าคัญส�าหรับงานช่าง จึงต้องรู้จักลักษณะการใช้เคร่ืองมือให้
ถูกต้อง ตลอดจนการดูแลบ�ารุงรักษาเคร่ืองมือให้ใช้งานได้อย่างยาวนาน ประเภทของเคร่ืองมือ 2. ครใู หน กั เรยี นแบง กลมุ (กลมุ เดมิ ) ใหแ ตล ะกลมุ
แบง่ ตามลกั ษณะการใชง้ านออกเปน็ ๗ ประเภท ดงั นี้ สงตัวแทนกลุมละ 1 คน ออกมาจับสลาก
เลอื กภาพจกิ ซอวก ลมุ ละ 1 ภาพ โดยภาพจกิ ซอว
เคร่อื งมือสา� หรบั วัด ที่กําหนดใหจะเปนภาพเก่ียวกับการซอมแซม
สงิ่ ของเครอ่ื งใชภ ายในบา นทแ่ี ตกตา งกนั จากนน้ั
ฉากเหล็ก1 การใชง้ าน ตลบั เมตร2 ใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันตอภาพจิกซอว
ใหสําเรจ็
ใชว้ ดั ขนาดการสรา้ งมมุ ฉาก ตรวจสอบการไดฉ้ าก ใชว้ ดั ภายนอกและภายในของชน้ิ งาน โดยทวั่ ไป
ของงานชนิดตา่ ง ๆ หรือใชว้ ดั ขนาดความกวา้ ง จะบรรจุความยาวต้ังแต่ ๑.๐๐-๘.๐๐ เมตร 3. ครใู หน กั เรยี นแตล ะกลมุ รว มกนั ศกึ ษาเกย่ี วกบั
ยาว และลกึ ของชนิ้ งานขนาดเลก็ มขี นาดเล็ก พกพาสะดวก การซอมแซมส่ิงของเคร่ืองใชภายในบานจาก
ภาพจิกซอวของกลุมตนเอง พรอมทั้งบันทึก
การบาํ รุงรักษา ขอมลู ในประเดน็ ท่กี าํ หนดให ดังนี้
เช็ดและท�าความสะอาดหลังเลิกใช้งาน ชโลม คอ่ ย ๆ ผอ่ นแถบวดั กลบั เขา้ ในตลบั เพอ่ื ปอ้ งกนั • ประเภทของงานชางในบา น
น้�ามันเคร่ืองชนิดใส ก่อนน�าไปเก็บเข้าที่ให้ ขอเก่ียวชา� รดุ เช็ดท�าความสะอาด • ลกั ษณะอาการชํารดุ
เรยี บรอ้ ย ทุกคร้ังหลังจากการใช้งานเสมอ • เครอ่ื งมอื เครือ่ งใชในการซอมแซม
• การใชงานเครอื่ งมือ เครอ่ื งใชแ ตละชนิด
ฉากรวม ไมบ้ รรทดั เหลก็ • การบาํ รงุ รกั ษาเครอ่ื งมอื เครอื่ งใชแ ตล ะชนดิ
ใช้วัด หรือตรวจสอบมมุ ๔๕, ๙๐ องศา และวดั ใชว้ ัดระยะส้นั ใช้สา� หรบั ขีดเสน้ มีหลายขนาด 4. ครูนําตัวอยางเคร่ืองมืองานชางท่ีสวนใหญ
ระดับแนวดง่ิ หรอื แนวนอนของช้ินงาน วัดฉาก เชน่ ๖ นว้ิ ๑๒ น้ิว ๓๖ น้ิว ระบบการวดั คือ ทกุ บา นจะตองมปี ระจําบานมาใหนกั เรยี นดู
ไดท้ ัง้ ภายนอกและภายในชน้ิ งาน เมตริก (Matrix)
5. ครูใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนกลุมละ
การบาํ รุงรักษา 1-2 คน ออกมาสาธิตวิธีการใชงานเครื่องมือ
งานชา งที่ถูกตอง พรอมทั้งอธิบายถึงขอควร
เช็ดและท�าความสะอาดหลังเลิกใช้งาน ชโลม เช็ดและท�าความสะอาดหลังเลิกใช้งาน เก็บใส่ ระวังจากการใชงาน วิธีการใชงานเคร่ืองมือ
นรอ่ ้า� งมเันลเอื่ คนร ือ่ แงลชะนสดิกใร3สู ทใ่ี บฉาก ในกลอ่ งอปุ กรณ์ และเกบ็ ให้พ้นมือเด็ก งานชา งอยา งปลอดภยั และการดแู ลบาํ รงุ รกั ษา
เคร่ืองมอื งานชา งอยางถกู ตอ ง
ก่อนนา� ไปเกบ็
6. ครูถามนักเรียนวา
๑7งานช่างในบ้าน • ตลับเมตรสามารถนํามาใชในการวัดมุม
90 องศา ไดห รอื ไม เพราะเหตใุ ด
(แนวตอบ ไมได เพราะเปนอุปกรณท ีเ่ หมาะ
สาํ หรบั วดั เพอื่ หาระยะ หรอื ขนาดของชนิ้ งาน
ควรใชฉากเหล็กในการวัดมุม 90 องศา
จงึ จะเหมาะสมมากกวา )
ขอ สอบเนน การคิด นักเรียนควรรู
เพราะเหตุใดจึงตองมีการศึกษาถึงวัตถุประสงคของอุปกรณ 1 ฉากเหล็ก มีสวนประกอบท่ีสําคัญ 2 สวน ไดแก ใบฉากและดามฉาก
เครื่องมืองานชางแตละประเภท มมี าตราสว นเปน นวิ้ ใชในการวดั ขนาดและการขดี เสน ฉาก ไมค วรใชว ดั งานทมี่ ี
ลกั ษณะผวิ หยาบ หา มเอยี งฉากเมอ่ื ตอ งการตรวจสอบความราบเรยี บของผวิ งาน
1. ตองการทราบตน ทุนการผลิต เพราะอาจทาํ ใหขอบฉากเหลก็ กระแทกกับผวิ งานจนเกิดรอยได
2. แสดงถึงมาตรฐานของชา งมอื อาชพี 2 ตลับเมตร ควรใชอยางระมัดระวัง เม่ือดึงแถบวัดออกมาวัดช้ินงานเสร็จ
3. เรยี นรพู ฒั นาการใหมๆ ทหี่ ลากหลายของอปุ กรณ เครอ่ื งมอื เรียบรอยแลว ใหค อยๆ ผอ นแถบวัดกลับเขาในตลับ เน่อื งจากแถบวัดมีความ
บางและคม หากปลอยอยา งรวดเรว็ อาจทําใหแ ถบวัดบาดมือได
งานชา ง 3 สกรู หรือนอตตัวผู มีลักษณะเปนเกลียวรอบทรงกระบอก นิยมนํามาใช
4. สามารถเลอื กใชอ ปุ กรณ เครื่องมืองานชางไดอยา งถกู ตอง คูกบั นอต หรอื นอตตัวเมยี ซึ่งมรี ตู รงกลางคลายแหวน ภายในมรี อ งเปน เกลยี ว
เพอื่ ใหส ามารถหมนุ เขา กบั สกรไู ด สกรแู บง ออกเปน 4 ประเภท คอื สกรเู กลยี วไม
ปลอดภัย สกรูเกลยี ว สกรปู ลายสวาน และสกรูหวั จมหกเหลย่ี ม
(วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 4. เพราะชวยใหผปู ฏบิ ตั งิ านสามารถ T21
เลือกใชอุปกรณ เคร่ืองมืองานชางแตละประเภทไดอยางถูกตอง
เหมาะสมกับลักษณะของงานที่ตองการปฏิบัติ ทั้งยังชวยใหงาน
สําเร็จตามเปาหมายไดอยางรวดเร็วและมีความปลอดภัยในขณะ
ปฏบิ ัติงาน)
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน เครื่องมอื สา� หรับขันและไข
ข้ันท่ี 3 อธบิ ายความรู ประแจ1เลื่อน การใชง้ าน ไขควง2ปากแบน
7. ครอู ธิบายเพิม่ เตมิ วา “ไขควงมีสว นประกอบที่ ใชข้ นั หรอื คลายเกลยี วนอต รวมถงึ จบั ยดึ หรอื ใช้หมนุ หรือขันสกรทู ีม่ ชี อ่ งผ่า เพอื่ ยดึ ชน้ิ งาน
สาํ คญั อยู 3 สว น ไดแ ก ปากไขควง กา นไขควง ลอ็ กอุปกรณ์ชนดิ ต่าง ๆ หรอื วสั ดุใหแ้ นน่
และดา มไขควง ซง่ึ ปากของไขควงมอี ยดู ว ยกนั
หลายลักษณะ จึงควรเลอื กใชใหเหมาะสมกับ ประแจปากตาย ไขควงปากแฉก
การใชง าน หา มใชไ ขควงแคะ แกะ หรอื งดั งาน
ทกุ ชนดิ เพราะจะทาํ ใหป ากไขควงบนิ่ และกอ ให ใช้ขนั หรอื คลายสลกั เกลียวทั่วไปที่มีขนาด ใชข้ นั สกรทู ม่ี ชี อ่ งผา่ สแ่ี ฉก ใชห้ มนุ หรอื ขนั สกร ู
เกดิ ความเสียหายได” มาตรฐาน เพือ่ ยดึ ชน้ิ งาน หรือวสั ดใุ ห้แนน่
8. ครูนําภาพไขควง หรือไขควงท่ีมีลักษณะของ
ปากท่ีแตกตางกันมาใหนักเรียนดู พรอมท้ัง
อธบิ ายเพ่มิ เตมิ เพอื่ เปนการเสรมิ สรา งความรู
ความเขา ใจของนักเรยี นใหด ียิง่ ข้นึ
ประแจแหวน ไขควงบล็อก
ใชข้ นั หรอื คลายสลกั เกลยี วในทท่ี เ่ี ปน็ ซอก หรอื ใชห้ มุน หรือขันสกรูทม่ี รี อ่ งเป็นหกเหล่ยี ม
หลมุ และไมล่ กึ มาก เพ่อื ยึดชิ้นงาน
หรือวสั ดใุ ห้แน่น
ลกั ษณะของปากไขควง ประแจคอม้า ไขควงออฟเซต
9. ครูถามนกั เรียนวา
ใชข้ ันทอ่ โลหะ หรอื ขันข้อต่อท่ีมผี วิ กลม ใช้หมุน หรอื ขนั สกรใู นที่แคบ ๆ
• ประแจและไขควงมีวิธีการดูแลบํารุงรักษา ไมเ่ หมาะกับการขนั นอต ทไี่ ขควงธรรมดา
ทเ่ี หมอื น หรอื แตกตางกันหรือไม อยางไร ไม่สามารถเข้าไปขนั ได้
(แนวตอบ มวี ธิ กี ารดแู ลบาํ รงุ รกั ษาทแ่ี ตกตา งกนั
เพยี งเลก็ นอ ย กลา วคอื ประแจ หลงั จากการ การบาํ รุงรกั ษา
ใชง านควรทาํ ความสะอาด ชโลมนาํ้ มนั เครอื่ ง
ชนิดใส หรือนํ้ามันจักร กอนนําไปเก็บ • เชชโ็ดลทม�านค�้าวมาัมนสเคะอร่ืาอดงหชลนังิดเสใสร ็จจหารกือกนา�้ารใมชัน้งจานัก ร3 • เ ชด็ ท�าความสะอาดหลังเสรจ็ จากการใช้งาน
ในแผงเคร่ืองมือ และควรเก็บใหพนมือเด็ก • • เกบ็ ใส่ในกลอ่ งอปุ กรณ์และเกบ็ ให้พน้ มือเดก็
สว นไขควง หลงั จากใชง านควรทาํ ความสะอาด แลว้ นา� ไปเก็บเข้าที่ให้เรยี บรอ้ ย
กอ นนาํ ไปเกบ็ ในแผงเครอ่ื งมอื และควรเกบ็
ใหพนมือเดก็ ) ๑๘
นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคดิ
1 ประแจ ควรเลือกประเภทของประแจใหเหมาะสมกับขนาดของหัวนอต หากตองการเลือกซื้ออุปกรณ เครื่องมืองานชางในบานควร
หากไมพ อดี แรงดึงจากการหมุนประแจอาจหลดุ สงผลใหผ ปู ฏิบตั ิงานเกิดการ พจิ ารณาจากส่งิ ใด
บาดเจ็บและทําใหตัวนอตเสียหายได ดังน้ัน ผูปฏิบัติงานควรใชงานประแจ
อยางระมัดระวัง รวมถึงใชวิธีการดึง หรือการเหนี่ยวประแจเขาหาตัวอยูเสมอ 1. ความชน่ื ชอบของตนเอง
จะชวยใหบ งั คับประแจไดด ขี ้นึ 2. วัตถปุ ระสงคในการใชงาน
2 ไขควง ผปู ฏบิ ตั งิ านควรพงึ ปฏบิ ตั ิ เพอื่ ใหเ กดิ ความปลอดภยั ในขณะปฏบิ ตั งิ าน 3. ความนิยมของคนในสงั คม
เชน ควรเลือกใชปากของไขควงใหมีขนาดและความหนาเหมาะสมกับรองของ 4. ความสวยงามของรปู ลกั ษณภายนอก
นอต สกรู หรอื สลกั เกลียว ขณะใชง านไขควงตองตัง้ ตรง หรอื ตง้ั ฉากกับนอต
สกรู หรือสลักเกลียว จากนั้นบิดไขควงทวนเข็มนาฬกาเม่ือตองการคลายออก (วเิ คราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 2. เพราะควรเลอื กซอื้ ตามวตั ถปุ ระสงค
และบดิ ไขตามเขม็ นาฬกาเม่อื ตองการขนั ใหแนน ของการใชงาน ซ่ึงการปฏิบัติงานชางแตละประเภท จะเลือกใช
3 นํ้ามันจักร เปนวัสดุหลอล่ืนชนิดเหลว ชวยปองกันการเกิดสนิมและการ อุปกรณ เคร่อื งมืองานชางที่แตกตา งกนั หากเลือกใชไมเ หมาะสม
สกึ กรอนของอุปกรณต า งๆ กบั งาน อาจทําใหเกิดอบุ ตั ิเหตุในระหวา งปฏิบตั งิ านได)
T22
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
เครือ่ งมือประเภทจับยึด เครือ่ งมือสา� หรบั ตอก ขน้ั สอน
การใชง้ าน ขน้ั ท่ี 3 อธบิ ายความรู
คีมตดั ค้อนหงอน 10. ครูอธิบายเพ่ิมเติมวา “การใชคีมเพ่ือใหเกิด
ความปลอดภยั ในขณะปฏบิ ตั งิ าน ควรเลอื กใช
ใช้ตัดลวด หรอื ตัดสายไฟ มีร่องฟันเพ่ือจับ ใช้เคาะ ตี ตอก ทุบ งัด ปลายบาง มรี อยแยก คมี ใหเ หมาะสมกบั ลกั ษณะของงาน การจบั คมี
ชิ้นงานไดอ้ กี ด้วย ควรใหด า มคมี อยทู ป่ี ลายนวิ้ ทง้ั ส่ี ใชอ งุ มอื และ
ถตอรงนกตละาปง1 ู เปน็ มมุ แหลมที่ปลายไวใ้ ช้ นวิ้ หวั แมม อื กดดา มคมี อกี ดา น จะทาํ ใหม กี าํ ลงั
ในการจับ หรอื ตัดมากขน้ึ ไมใ ชคมี ตดั โลหะ
สว่ นใหญจ่ ะใช้ในงานไม้ ทมี่ ีขนาดใหญ หรือมคี วามแขง็ มากจนเกนิ ไป
ควรใชก รรไกรตัดแทน ไมควรใชคมี ขนั หรอื
ใช้จับชิ้นงานโลหคะีมแปบานกหแรือบสนายไฟ2 เหมาะกับ ใช้ตอกตะป3ูตัวคเ้อล็กน ๆเด ในิ นสกาารยเดไฟินสายไฟและใช้ คลายหวั นอต เพราะจะทาํ ใหห วั นอตชํารุดได”
งานในท่ีแคบ ส�าหรบั ย�า้ หวั หมุดในงานโลหะแผ่น 11. ครถู ามนกั เรยี นวา
• “หากตอ งการปอกสายไฟท่ชี ํารุด สามารถ
คมี ปากนกแก้ว คอ้ นหัวกลม ใชค มี ตดั หรอื คมี ปากแบนปอกได” นกั เรยี น
เหน็ ดว ยหรือไม อยา งไร
ใชต้ ัดเหลก็ และเสน้ ลวด ไมเ่ หมาะที่จะนา� มาใช้ ใชต้ อกหมดุ เหล็ก ตขี น้ึ รปู งานตีเหล็ก มหี ลาย (แนวตอบ ไมเ หน็ ดว ย เนอ่ื งจากคมี ทงั้ 2 ชนดิ
จบั ชิ้นงาน ขนาดให้เลอื กตามความเหมาะสม มรี ปู แบบการใชง านทแ่ี ตกตา งกนั โดยคมี ตดั
จะใชต ดั ลวด หรอื ตดั สายไฟ สว นคมี ปากแบน
คมี ลอ็ ก คอ้ นปอนด์ จะใชจ บั ชน้ิ งานโลหะหรอื สายไฟหากตอ งการ
ปอกสายไฟฟา ทช่ี าํ รดุ ควรใชค มี ปอกสายไฟฟา
ใช้จับช้ินงาน เพ่ือป้องกันการหมุน หรือเลื่อน ใช้ตเี หล็ก ตอกหมดุ สกดั หนิ และงานทตี่ อ้ งใช้ โดยเฉพาะ เพราะจะมีขนาดของชองปอก
โดยปรบั ขยายเลอื่ นความกว้างของปากคีมได้ แรงเหวย่ี งมาก ๆ เทากบั ขนาดของสายไฟฟา พอด)ี
เช่น ทบุ กา� แพง
วสั ดเุ นอ้ื แขง็ 12. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา “วัสดุที่ใชในการผลิต
หัวคอนสวนใหญทํามาจากโลหะ เมื่อใชงาน
การบาํ รุงรักษา เปนเวลานานและขาดการดูแลบํารุงรักษา
ทถ่ี กู ตอ งอาจทาํ ใหเ กดิ สนมิ ได ดงั นนั้ หากพบวา
• เชด็ ทา� ความสะอาดหลงั เสรจ็ จากการใชง้ าน • เชด็ ทา� ความสะอาดหลงั เสร็จจากการใช้งาน คอนขึ้นสนิม สามารถแกไขไดโดยการใช
• หยดนา้� มนั ที่จุดหมนุ ชโลมน้า� มนั เครือ่ งชนิด • ชโลมน�้ามันเครื่องชนิดใส หรือน้�ามันจักร น้ําสมสายชู โดยเทน้ําสมสายชูลงในภาชนะ
ใส หรอื น้า� มนั จักรบริเวณปากคมี บรเิ วณหัวค้อน นาํ โลหะทเ่ี กดิ สนมิ ลงไปแช ทง้ิ ไวส กั พกั ใชผ า
• เกบ็ ในกลอ่ งอุปกรณ์และเกบ็ ใหพ้ ้นมือเดก็ • เกบ็ ในกล่องอปุ กรณ์และเกบ็ ใหพ้ น้ มือเดก็ หรือสกอตช-ไบรตมาขัดบริเวณท่ีเกิดสนิม
ลา งใหส ะอาด จากนนั้ จงึ ใชผ า สะอาดเชด็ ใหแ หง ”
๑๙งานช่างในบ้าน
กิจกรรม เสรมิ สรางคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค นักเรียนควรรู
ใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละเทาๆ กัน ใหสมาชิกแตละคน 1 ถอนตะปู ควรปฏิบัติงานดวยความระมัดระวัง หากตะปูตัวใหญมาก
ทําการสํารวจอุปกรณเคร่ืองใชภายในบานของตนเองวามีอุปกรณ ควรใชไ มร องหัวคอน จากนน้ั จึงคอยๆ งัดตะปขู น้ึ โดยออกแรงเพ่มิ ทีละนอย
เครื่องใชภายในบานชนิดใดที่ชํารุดเสียหาย นําผลการสํารวจมา เน่อื งจากหากงดั ดวยความแรง อาจสงผลใหดา มคอ นหักได
แลกเปลยี่ นภายในกลมุ เพอื่ ใหส มาชกิ ภายในกลมุ แตล ะคนลงความเหน็ 2 สายไฟ แบงเปน 2 ชนิด คือ สายสําหรับไฟแรงดันต่ําและสายสําหรับ
ในการซอ มแซมอปุ กรณเ ครอ่ื งใชภ ายในบา นตามความสนใจกลมุ ละ ไฟแรงดนั สงู ในการใชง านควรเลอื กใชใ หเ หมาะสม เนอ่ื งจากสายไฟแตล ะชนดิ
1 ชน้ิ โดยจดั ทาํ เปน คลปิ วดิ โี อสน้ั ๆ ความยาวไมเ กนิ 7 นาที จากนน้ั จะมขี นาด ความทนแรงดันไฟ และการใชงานท่แี ตกตางกัน
ออกมานําเสนอผลงานใหเ พือ่ นชมหนา ชั้นเรียน 3 ตอกตะปู หากใชคอนตอกตะปูที่มีขนาดเล็กมากเกินกวาจะใชนิ้วมือ
จับได ควรใชคีมปลายแหลมจับแทน เพ่ือปองกันการตอกถูกนิ้วมือ ทั้งนี้
(กิจกรรมน้ีเสริมสรางคุณลักษณะดานซ่ือสัตยสุจริต มีวินัย กอนใชคอนทุกคร้ังควรตรวจสอบวาหัวคอนกับดามจับยึดติดกันแนนหรือไม
และมุงมน่ั ในการทํางาน) โดยใชมือขางใดขางหนึ่งจับหัวคอนและมืออีกขางหน่ึงจับดามคอน บิดเพ่ือ
ทดสอบความแขง็ แรงของคอน เพ่ือใหเกิดความปลอดภัยในขณะปฏบิ ตั ิงาน
T23
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน เครื่องมือส�าหรับตัด เคร่อื งมอื ประเภทเจาะ
ขน้ั ท่ี 3 อธบิ ายความรู เลอ่ื ยลนั ดา การใชง้ าน สวา่ นไฟฟา
13. ครอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ วา “สาํ หรบั ผทู ยี่ งั ไมม คี วาม ใชต้ ดั ไมแ้ ละโกรกไม ้ แบง่ เปน็ ๒ ชนดิ คอื ชนดิ ใชเ้ จาะวสั ดุตา่ ง ๆ เช่น คอนกรตี
ชํานาญในการใชเล่ือย ควรใชดินสอขีดเสน ฟันตัดและชนิดฟนั โกรก ปนู โลหะ ไม ้ พลาสตกิ
ลงบนวสั ดทุ ตี่ อ งการเลอื่ ยกอ น เพอื่ เปน การนาํ
สายตา แลว ใชน ว้ิ หวั แมม อื ขา งทไ่ี มไ ดจ บั เลอื่ ย เลอื่ ยหางหนู สวา่ นมือ
ชวยประคองนําใบเล่ือย เพื่อใหใบเลื่อยน่ิง
ไมพลิกไปมา เม่ือเล่ือยลงไปจนลึกแลวให ใช้ตดั ไม้ หรอื ตัดชิ้นงานเปน็ แนวโคง้ ทงั้ ยัง ใช้เจาะรทู ม่ี ขี นาดเลก็ และ
นําน้ิวท่ีใชประคองออก จรดใบเล่ือยลงบน สามารถใช้เจาะฝา้ หรือผนังยปิ ซมั ได้ มีความหนามาก ๆ ได้
บริเวณท่ตี อ งการเลือ่ ย ดึงเล่อื ยเขาหาตวั โดย
ไมตองออกแรงมาก กดใบเล่ือยลงไปแลว เล่อื ยตัดเหลก็ สวา่ นข้อเสอื
ออกแรงในการดึง เพ่ือใหใบเลื่อยกินเขาไป
ในเนื้อวัตถุที่ตองการเลื่อย ชักเล่ือยข้ึน-ลง ใช้ตดั โลหะท่วั ไป เชน่ ตะป ู นอต สกรู ใชเ้ จาะรไู ม ้ คนั สวา่ นจะมลี กั ษณะคลา้ ยตวั ย ู (U)
ทําสลับกันไปมาในอัตราความเร็วประมาณ ฉากเหลก็ ท่อ PVC ทา� ใหเ้ พมิ่ ระยะ
40-50 ครง้ั ตอ นาที ไมจ าํ เปน ตอ งออกแรงมาก การหมนุ ไดม้ ากขน้ึ
เพราะฟน เลอื่ ยทค่ี มจะทาํ หนา ทใี่ นการตดั เนอื้
ของวัตถุน้ันๆ” เลือ่ ยรอ บิดหล่า
14. ครูถามนักเรยี นวา ใช้ตัดแต่งปากไม้ท่ีผิวหน้าไม่เรียบให้เรียบ ใชเ้ จาะรขู นาดเลก็ ๆ ท่ีต้องการฝงั ตะปเู ข้าไปใน
• หากตองการตัดและตกแตงก่ิงของตนไม ตรง หรอื ตัดแตง่ หน้าผวิ รอยต่อของการเข้าไม้ ไม้เนื้อแขง็
ควรเลอื กใชเ ลื่อยชนดิ ใด เพราะเหตใุ ด เข้าเดือยให้แนบสนทิ
(แนวตอบ ควรเลือกใชเลื่อยโคงตัดก่ิงไม
เพราะความโคงของคมเล่ือยและฟนเลื่อย การบํารงุ รกั ษา
จะทําใหสามารถทํางานไดอยางสะดวก
รวดเร็ว) • หลังใช้งานให้คลายใบเล่ือยออก เพ่ือยืดอายุ • เช็ดท�าความสะอาดหลงั เสรจ็ จากการใช้งาน
การใชง้ านให้ยาวนานข้นึ • ถอดดอกสวา่ นออก แลว้ หมนุ หวั บงั คบั ดอกสวา่ น
15. ครูอธิบายเพ่ิมเติมวา “การใชสวานเจาะไม • ชโลมน้า� มันเคร่อื งชนิดใส หรือน�า้ มนั จักร ใหแ้ นน่ ทาจาระบที เ่ี ฟอื ง และหวั จบั ดอกสวา่ น
ควรนําเศษวัสดุท่ีเรียบมารองบริเวณดานลาง • เก็บเขา้ ที่ให้เรยี บร้อยและเกบ็ ใหพ้ น้ มอื เด็ก • เก็บเข้าที่ใหเ้ รียบรอ้ ยและเก็บให้พ้นมอื เด็ก
เพื่อปองกันไมใหไมฉีก แตก ไมเรียบ และ
ในการเจาะรูไมท่ีมีความหนามากๆ ไมควร ๒๐
ออกแรงกดมากจนเกินไป เพราะอาจสงผล
ใหดอกสวานหักได”
16. ครถู ามนกั เรียนวา
• นักเรียนมีแนวทางอยางไรในการใชสวาน
ไฟฟา เพอ่ื ใหเ กดิ ความปลอดภยั ตอ ตนเอง
และผูอน่ื
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
ไดอ ยา งอสิ ระ)
เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ
ครูอธิบายเพิ่มเติมเก่ียวกับเทคนิคการใชสวานไฟฟาในการเจาะผนังที่เปน ในการประกอบและติดตั้งอุปกรณเคร่ืองใชภายในบานให
กระเบื้องไมใหแตกใหนักเรียนฟงวา การเจาะกระเบ้ืองดวยสวานไฟฟา เพ่ือ ถูกตองและเกิดความปลอดภัยในขณะใชงาน ควรมีหลักในการ
ปอ งกนั การชาํ รดุ เสียหาย สามารถปฏิบัตไิ ด ดงั นี้ ปฏบิ ตั ิตนอยางไร
• ใหประกอบสวานไฟฟาเขากับดอกสวานเจาะเหล็ก ปรับใหอยูในระบบ (แนวตอบ ในการประกอบและติดต้ังอุปกรณเครื่องใชภายใน
การเจาะเบา คอยๆ กดสวานเปนจังหวะ เพื่อใหหัวสวานผานชั้นผนัง บานใหถูกตองและเกิดความปลอดภัย มีหลักในการปฏิบัติ คือ
กระเบ้อื งเขาไปเล็กนอย ควรศึกษาคุณลักษณะเฉพาะของอุปกรณเคร่ืองใชภายในบาน
ประเภทตางๆ จากคูม อื แนะนําการใชงานใหเขา ใจอยางละเอียด
• ใหเปล่ียนดอกสวานจากดอกสวานเจาะเหล็กเปนดอกสวานสําหรับ กอนลงมือประกอบและติดตั้ง กําหนดตําแหนงที่ตองการติดต้ัง
เจาะกระแทก ปรบั สวา นไฟฟา ใหอ ยใู นระบบเจาะกระแทก คอ ยๆ กดสวา น ทมี่ คี วามปลอดภยั จดั เตรียมอปุ กรณ เครอื่ งมอื เครื่องใชในการ
ลงไปท่ีรเู ดมิ เปน จงั หวะดว ยความระมัดระวัง ปฏิบัติงานใหพรอม จากน้ันจึงปฏิบัติตามคูมือที่ผูผลิตแนะนํา
อยางเครงครัด)
T24
นาํ สอน สรุป ประเมิน
เคร่ืองมือส�าหรับงานไฟฟา ขน้ั สอน
การใช้งาน ขนั้ ท่ี 4 ขยายความเขา ใจ
ไขควงวัดไฟฟา หลอดทดลองไฟฟา 17. ครูใหนักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนกลุมละ
1 คน ออกมานําเสนอผลงานหนาชั้นเรียน
ใชต้ รวจสอบกระแสไฟฟา้ ในวงจร หากมกี ระแส ใช้ตรวจสอบกระแสไฟฟ้าเบื้องต้น เพื่อหาจุด จากนน้ั ใหเ พอ่ื นรว มชนั้ เรยี นรว มกนั เสนอแนะ
ไฟฟ้า หลอดไฟฟ้าเรืองแสงที่ด้ามไขควงจะ บกพรอ่ งของวงจรนนั้ ๆ โดยมหี ลกั การพนื้ ฐาน เพ่มิ เตมิ
ปรากฏแสงสว่างขน้ึ ทนั ที เชน่ เดยี วกับการตอ่ หลอดไฟฟา้ เขา้ สูว่ งจร
18. ครูอธิบายเพ่ิมเติมเกี่ยวกับความสําคัญของ
การบํารงุ รักษา การใชง านและการบาํ รงุ รกั ษาเครอื่ งมอื เครอื่ งใช
ในการซอมแซมและติดตั้งอุปกรณ เคร่ืองใช
ตรวจสอบไขควงวัดไฟให้มีฉนวนหุ้มไขควงที่ จุดปากคีบและจุดตรวจสอบต้องมีฉนวนหุ้ม ภายในบา นใหน กั เรยี นฟง เพอื่ เพม่ิ เตมิ ความรู
สมบูรณ์ เช็ดท�าความสะอาดและเก็บเข้าท่ีให้ อยา่ งดี เพือ่ ป้องกนั การถูกกระแสไฟฟ้าดูด เช็ด ใหกับนักเรยี น
เรียบร้อย ทา� ความสะอาดและเกบ็ เข้าทีใ่ ห้เรยี บร้อย
ขนั้ สรปุ
เครอื่ งวัดมลั ตมิ เิ ตอร์
ขน้ั ที่ 5 ตรวจสอบผล
ใชว้ ดั ปริมาณทางไฟฟา้ เชน่ วัดความตา้ นทานไฟฟา้ วดั แรงเคล่อื น
ไฟฟ้ากระแสตรง วัดแรงเคล่อื นไฟฟา้ กระแสสลบั 1. ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั สรปุ ความรู เรอื่ ง การใช
การบาํ รงุ รกั ษา เคร่ืองมืองานชางอยา งปลอดภัย
หลังจากใช้งานเสร็จแลว้ ใหถ้ อดสายวดั ออก แลว้ ปรับสวติ ช์
ไปที่ OFF เชด็ ท�าความสะอาดและเก็บเขา้ ท่ใี หเ้ รยี บรอ้ ย 2. ครตู รวจสอบความรู ความเขา ใจของนกั เรยี น
จากการนาํ เสนอผลการวเิ คราะห วจิ ารณ และ
Tip การสรปุ ความรู
ระดับนํ้า ขน้ั ประเมนิ
อปุ กรณง์ านชา่ งชนดิ หนง่ึ ทา� จากอะลมู เิ นยี ม มคี วามยาวประมาณ ๖๐ ซม. หนาประมาณ ๕ ซม. å 1. ครตู รวจสอบผลการทาํ แบบทดสอบกอ นเรยี น
นิยมน�ามาใช้วัดความราบเอียงของพื้น โดยวัดได้ท้ังแนวต้ังและแนวนอน เมื่อต้องการวัดความลาดเอียง เพอ่ื ตรวจสอบความเขา ใจกอ นเรยี นของนกั เรยี น
ของพนื้ ใหน้ า� ระดบั นา�้ วางลงบนพน้ื ทต่ี อ้ งการ สงั เกตฟองอากาศภายใน
หลอดแก้ว หากพื้นไม่ลาดเอียงฟองอากาศจะอยู่ตรงกลางระหว่างเส้น 2. ครูตรวจสอบใบงานที่ 2.1.1 เร่อื ง เครื่องมอื
๒ เสน้ บนหลอดแกว้ เครื่องใชในการซอมแซมและติดตั้งอุปกรณ
เครื่องใชภายในบา น
3. ครูประเมินผลระหวางการจัดกิจกรรมการ
เรียนรู จากการสังเกตพฤติกรรมการทํางาน
กลุม การนําเสนอผลงาน และการสังเกต
คุณลักษณะอันพึงประสงค
๒๑งานช่างในบ้าน
ขอ สอบเนน การคดิ แนวทางการวัดและประเมินผล
งานชา งในบา นประเภทใดทส่ี ามารถปฏบิ ตั ไิ ดเ อง และงานชา ง ครสู ามารถสงั เกตพฤตกิ รรมการทาํ งานกลมุ การนาํ เสนอผลงาน โดยศกึ ษา
ในบา นประเภทใดทคี่ วรใหผ ทู ม่ี คี วามเชย่ี วชาญมาปฏบิ ตั งิ านแทน เกณฑก ารวดั และประเมนิ ผลทแี่ นบทา ยแผนการจดั การเรยี นรู หนว ยการเรยี นรทู ่ี 2
(แนวตอบ งานชางในบานท่ีสามารถปฏิบัติไดเองมีอยูดวยกัน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกล่มุ แบบประเมินการนาเสนอผลงาน
หลายอยาง เชน การประดษิ ฐข องเลนจากไม การดแู ลบาํ รุงรกั ษา
เครอ่ื งใชไ ฟฟา การเปลยี่ นหลอดไฟภายในบา น สว นงานชา งในบา น คาชี้แจง : ให้ผูส้ อนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ลงในชอ่ งท่ตี รงกับระดบั คาช้แี จง : ให้ผสู้ อนประเมนิ ผลการนาเสนอผลงานของนกั เรียนตามรายการ แล้วขดี ลงในชอ่ งทีต่ รงกบั ระดับคะแนน
ที่ควรใหผูท่ีมีความเชี่ยวชาญมาปฏิบัติงานแทน มีอยูดวยกัน คะแนน
หลายอยาง เชน การใชเลื่อยไฟฟาตัดเหล็ก การติดต้ังอุปกรณ
ไฟฟา การซอมแซมเคร่ืองใชไ ฟฟาบางประเภท) ลาดับที่ ชอ่ื -สกลุ การแสดง การยอมรบั การทางาน ความมี การมี รวม ลาดับท่ี รายการประเมิน ระดับคะแนน
ของนักเรียน ความ ฟังคนอืน่ ตามที่ไดร้ บั นา้ ใจ ส่วนร่วมใน 15 321
คิดเห็น มอบหมาย คะแนน 1 ความถกู ต้องของเนอ้ื หา
การ 2 การลาดับขน้ั ตอนของเรื่อง รวม
ปรับปรงุ 3 วธิ ีการนาเสนอผลงานอย่างสรา้ งสรรค์
ผลงานกลมุ่ 4 การใชเ้ ทคโนโลยใี นการนาเสนอ
5 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลมุ่
3 2 13 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1
ลงชือ่ ...................................................ผ้ปู ระเมนิ
............/................./................
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลงช่ือ...................................................ผู้ประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
ปฏบิ ตั ิ หรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ ............./.................../............... ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ สมบูรณ์ชัดเจน ให้ 2 คะแนน
ปฏิบตั ิ หรอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครง้ั ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินเป็นสว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน
ให้ 3 คะแนน
ปฏิบัติ หรือแสดงพฤตกิ รรมบางคร้งั ให้ 2 คะแนน ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ บางส่วน
ให้ 1 คะแนน
เกณฑก์ ารตดั สนิ คุณภาพ เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
12-15 ดี 12-15 ดี
8-11 พอใช้ 8-11 พอใช้
ต่ากวา่ 8 ปรับปรุง ต่ากวา่ 8 ปรับปรุง
T25
นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั นาํ (เนนการสาธิต) ๒ ตัวอย่างการซ่อมแซมเคร่ืองใชภ้ ายในบา้ น
ขน้ั ที่ 1 การเตรยี มการ การซ่อมแซมเครอื่ งใช้ภายในบ้านท่ชี �ารดุ จะเป็นการชว่ ยยดื ระยะเวลาการใชง้ านใหย้ าวนาน
1. ครูจัดเตรียมวัสดุ อุปกรณ เคร่ืองมือท่ีใชใน ย่ิงข้ึน ซึ่งจะช่วยลดอุบัติเหตุและช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ท้ังนี้ผู้ปฏิบัติงานต้องมีความรู ้
การซอมแซมสายชารจและการซอมแซมปลั๊ก ความเชยี่ วชาญในการใชเ้ ครอื่ งมอื และอุปกรณ์ เพือ่ ความปลอดภัยในการซอ่ ม มีตวั อยา่ ง ดังน้ี
ตอ พว ง เพอ่ื ใชในการสาธติ การซอ มแซมอปุ กรณ
เครอื่ งมือ เครือ่ งใชภายในบาน สายชาร์จโทรศัพท์ เป็นสาย USB สีขาว
หรอื สดี า� เมอื่ ใชไ้ ปนาน ๆ อตั ราการชารจ์ ไฟจะตกลง
2. ครูทดลองซอมแซมสายชารจโทรศัพทและ จนถึงชาร์จไฟไมเ่ ขา้ ปญั หาทพ่ี บสว่ นใหญม่ กั ไมไ่ ด้
ซอ มแซมปลก๊ั ตอ พว ง 1 รอบ กอ นการสาธติ จรงิ เกิดขึ้นที่อะแดปเตอร์ แต่มักเกิดขึ้นกับสาย USB
เพ่ือใหเกิดความชํานาญและลดขอบกพรอง สายชาร์จโทรศัพท์เมื่อใช้ไประยะหนึ่งอาจเกิดการ
ที่อาจเกดิ ขนึ้ จากการสาธติ ชา� รดุ หรอื เส่อื มสภาพจากการใชง้ าน หรอื การเกบ็
รักษา เมอื่ ช�ารุดสามารถซอ่ มข้วั สายชาร์จโทรศพั ท์
ขนั้ ที่ 2 กอ นการสาธติ ไดต้ ามอาการ เพอื่ เปน็ การประหยดั ค่าใช้จา่ ย
3. ครูนําสายชารจโทรศัพทท่ีฉนวนหุมสายชารจ วสั ดุ อปุ กรณท์ ใ่ี ช้ การ ่ซ อมแซม
เปอ ย หรอื เสอื่ มสภาพ และปลก๊ั ตอ พว งทช่ี าํ รดุ ๑. สายชาร์จโทรศัพท ์
เน่อื งจากไฟไมเขามาใหนักเรยี นดู ๒. อะแดปเตอร์ สายชารจ์
๓. ทอ่ หดขนาดตา่ ง ๆ โทรศพั ท์
4. ครถู ามนักเรยี นวา ๔. คตั เตอร/์ กรรไกร
• ท่ีบานของนักเรียนมีสายชารจโทรศัพทที่ ๕. ไฟแช็ก ฉนวนหุ้มสายชารจ์
ฉนวนหุมสายชารจเปอย หรือเส่ือมสภาพ ๖. ไขควงวัดไฟระบบเสยี ง เป่ือยหรอื
หรือปลั๊กตอพวงท่ีชํารุดเนื่องจากไฟไมเขา ๗. เทปประปา เส่ือมสภาพ
บา งหรอื ไม หากมี นกั เรยี นทาํ อยา งไรกบั ของ
ที่ชาํ รดุ ดงั กลา ว” ๑๒
(แนวตอบ คําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจของ
นกั เรยี น) ๒๒
5. ครูใหนักเรียนที่พบกับปญหาดังกลาวออกมา
เลาประสบการณเ ก่ียวกับวธิ กี ารแกปญ หาจาก
คาํ ถามทค่ี รกู าํ หนดใหใ หเ พอ่ื นฟง หนา ชน้ั เรยี น
6. ครใู หน กั เรยี นศกึ ษา เรอื่ ง วธิ กี ารซอ มแซมสาย
ชารจ โทรศพั ทแ ละวธิ กี ารซอ มแซมปลกั๊ ตอ พว ง
จากหนังสอื เรยี น หนวยการเรยี นรทู ี่ 2
7. ครถู ามนักเรียนวา
• จากการศกึ ษา เรอื่ ง วธิ กี ารซอ มแซมสายชารจ
โทรศัพท และวิธีการซอมแซมปล๊ักตอพวง
นักเรียนคิดวาตนเองสามารถซอมแซมเอง
ไดหรอื ไม เพราะเหตใุ ด
(แนวตอบ คําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจของ
นักเรียน)
เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิด
ครูอธิบายเพ่ิมเติมเก่ียวกับการเลือกซื้อสายชารจโทรศัพทใหนักเรียนฟงวา หากตองการซอ มแซมอุปกรณเ คร่อื งใชภ ายในบาน ควรปฏิบตั ิ
การเลอื กซอ้ื สายชารจ โทรศพั ท ควรเลอื กซอื้ จากบรษิ ทั ผผู ลติ โทรศพั ทเ ครอ่ื งนน้ั ๆ อยางไร
โดยตรง หากจาํ เปน ตอ งใชส ายชารจ โทรศพั ทข องผผู ลติ รายอน่ื ควรเลอื กซอ้ื ทม่ี ี
มาตรฐาน มกี ารรบั รองคณุ ภาพ เชอื่ ถอื ได หากใชส ายชารจ โทรศพั ทล อกเลยี นแบบ (แนวตอบ หากตองการซอมแซมอุปกรณเคร่ืองใชภายในบาน
ทไ่ี มม กี ารรบั รองคณุ ภาพ อาจทาํ ใหเ กดิ ความเสยี หายตอ แบตเตอรแี ละโทรศพั ท ควรปฏบิ ัติตามข้นั ตอน คอื ใหท าํ การสาํ รวจพรอ มทง้ั สงั เกตชนดิ
ทั้งยังสงผลถึงความปลอดภัยในขณะใชงาน อาจทําใหเกิดอุบัติเหตุขึ้นระหวาง และลกั ษณะการชาํ รดุ ของวสั ดทุ น่ี าํ มาใชใ นการทาํ อปุ กรณเ ครอื่ งใช
การชารจ โทรศพั ท เนอ่ื งจากสายชารจ โทรศพั ทไ มม มี าตรฐานดา นความปลอดภยั ภายในบาน จากนั้นศึกษาข้ันตอนและวิธีการซอมแซมอุปกรณ
ที่เพียงพอ ดังนั้น จึงควรเลือกซ้ือจากบริษัทผูผลิตท่ีไดการรับรองคุณภาพและ เครอ่ื งใชภ ายในบา น ตรวจสอบการทาํ งานของวงจรไฟฟา ใหแ นใ จ
มาตรฐาน จึงเปน ทางเลอื กทด่ี ที ีส่ ุด กอ นวา ไดต ดั ไฟฟา ออกจากวงจรกอ นทาํ การซอ มแซมหรอื ไม หลงั การ
ซอมแซมควรตรวจสอบความถูกตองของวงจรไฟฟาใหละเอียด
กอนการใชงาน และผูปฏิบัติงานจะตองมีความรอบคอบในขณะ
ปฏิบตั ิงาน เพือ่ ใหเกิดความปลอดภยั ตอ รางกายและทรพั ยสนิ )
T26
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ข้ันตอนการซอ่ มแซม ขน้ั สอน
๑. น�ำสำยชำร์จที่ฉนวนหุ้มสำยเปื่อย หรือเสื่อมสภำพมำท�ำควำมสะอำดให้เรียบร้อย ให้น�ำเทป
ประปำพันรอบสำยชำรจ์ ทช่ี ำ� รุด จะต้องพนั ใหแ้ น่นตลอดแนวทส่ี ำยช�ำรุด แต่ไม่ควรพนั หนำจน ขน้ั ที่ 3 การสาธติ
เกนิ ขนำดของทอ่ หดท่ีเตรยี มไว้
๒. ต ัดท่อหดให้มีควำมยำวตำมขนำดท่ีต้องกำรจะหุ้มทับ น�ำท่อหดสวมเข้ำกับขั้ว USB1 ปิดทับ 1. ครูนําวัสดุ อุปกรณ เคร่ืองมือที่ใชในการ
สำยชำรจ์ ที่พันเทปประปำไว ้ จดั ท่อหดให้อยู่แนวเดยี วกนั กับสำยชำร์จ ซอมแซมสายชารจ โทรศพั ท และวัสดุ อปุ กรณ
๓. จ ุดไฟแช็กให้เปลวไฟลนท่อหดให้หดตัวแนบสนิทกับสำยชำร์จ ในขณะที่ใช้ไฟแช็กลนจะต้อง เครอ่ื งมอื ทใ่ี ชใ นการซอ มแซมปลก๊ั ตอ พว งมาให
หมุนสำยชำร์จให้ท่อหดไดร้ บั ควำมร้อนสม่ำ� เสมอกัน นกั เรียนดู
๕๔.. นปสังฏ�ำเไิบกขัตตคิตดวำูแงมวสขัดงแน้ัไฟลตะวอเำนสงใียทนงำขขบ้ออล ง๓งไบข. นคโดวสงยำวใยชัดชท้กำรอ่ระ์หจแ ดสตหไั้งฟุม้ แ3ส ตำห่อยำะชกแำมดรีแจ์ปสไเวตง้ทสอวง้ัร2 ่ำ์ไ๒งปเ จกดนิดำ้ ถขนึง้ึนข ้ัวหสรำือยมชีเำสรีย์จง ดจังำแกสนด้ันงใวห่ำ ้
มีกระแสไฟเขำ้ สำยชำรจ์ สำมำรถทำ� งำนได้ตำมปกติ 2. ครูใหนักเรียนชวยกันจําแนกวัสดุ อุปกรณ
๖. ท ดสอบกำรใชง้ ำนจรงิ โดยนำ� สำยชำรจ์ เสยี บเขำ้ ทต่ี วั เครอ่ื งของโทรศพั ท ์ ปรำกฏภำพกำรชำรจ์ ไฟ ดังกลาวออกเปนกลุมตามประเภทของการ
แสดงวำ่ สำยชำร์จสำมำรถกลบั มำใชง้ ำนได้ตำมปกติ ซอมแซม
๓๔ 3. ครูสาธิตวิธีการซอมแซมสายชารจโทรศัพท
๕๖ ใหนักเรียนดูเปนตัวอยาง พรอมท้ังอธิบาย
ประกอบทลี ะขนั้ ตอนอยา งชา ๆ เพอื่ ใหน กั เรยี น
ซ่อมสายไฟขาดด้วยตนเอง 2๓ ไดสงั เกตและตดิ ตามแตล ะขัน้ ตอนไดทัน
4. ครูถามนกั เรยี นวา
• นกั เรยี นคดิ วา เปน เพราะสาเหตใุ ดฉนวนหมุ
สายชารจโทรศัพทจ งึ เปอย หรอื เส่อื มสภาพ
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
ไดอ ยา งอสิ ระ เชน สายชารจโทรศพั ทม ีอายุ
การใชง านทย่ี าวนาน ผใู ชง านเกบ็ รกั ษาไมถ กู
วธิ ี เกบ็ ไวใ นทที่ ม่ี คี วามรอ นสงู ยดื สายชารจ
โทรศัพทตึงเกินไปในขณะท่ีกําลังชารจไฟ
จะสง ผลใหส ายในตงึ ซง่ึ มโี อกาสทาํ ใหส ายใน
ขาดไดง า ย)
• นักเรียนมีแนวทางในการปองกันไมให
สายชารจ โทรศัพทชํารุดไดอ ยา งไร
(แนวตอบ เก็บสายชารจ โทรศัพทด วยวธิ ีการ
มว นเปน วงกลม จะทาํ ใหส ายในไมข าดไดง า ย
มคี วามเรยี บรอ ย สะดวกตอการหยบิ ใชง าน
เก็บไวในที่ที่มีอุณหภูมิเหมาะสม ไมรอน
หรอื เยน็ จนเกนิ ไป เลอื กใชส ายชารจ โทรศพั ท
ท่ีเหมาะสมกับอุปกรณท่ี ใช ระมัดระวัง
สายชารจ โทรศพั ทต ก หรอื ถกู สงิ่ ทม่ี นี าํ้ หนกั
มากดทบั เพราะอาจทาํ ใหส ายชารจ โทรศพั ท
ชํารดุ เสยี หายได)
ขอ สอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู
ทอหดมีความสําคัญตอ การซอ มแซมสายชารจ โทรศพั ทอยา งไร 1 ขั้ว USB หรือ Universal Serial Bus เปนชอ งทางในการเช่ือมตอระหวาง
คอมพวิ เตอร หรืออปุ กรณอืน่ ๆ เชน ปรนิ เตอร โมเด็ม คียบ อรด เมาส
(แนวตอบ ทอหดเปนทอพลาสติกท่ีใชสําหรับหุมสายไฟ เม่ือ
ถูกความรอนจะหดตัวไดอยางรวดเร็ว ในการซอมแซมสายชารจ 2 อะแดปเตอร เปน อปุ กรณใ นการแปลงกระแสไฟฟา สลบั ทม่ี คี า ความตา งศกั ย
โทรศัพทท่ีฉนวนหุมสายชารจเปอย หรือเสื่อมสภาพน้ัน จําเปน 220 โวลต ใหเ ปน กระแสไฟฟาตรงทีม่ ีคาความตางศักยต ่าํ ลง
ตอ งใชท อ หดทม่ี คี วามยาวประมาณ 1 นวิ้ จาํ นวน 2 ทอ สวมเขา บรเิ วณ
สายชารจดานที่เปนหัวตอเขาโทรศัพทและดานหัว USB เพื่อให 3 ไขควงวัดกระแสไฟ กอนนําไขควงวัดกระแสไฟไปใชในการตรวจสอบ
ทอ หดทาํ หนา ทใ่ี นการชว ยปอ งกนั การหกั งอของสายชารจ โทรศพั ท วงจรไฟฟา ควรทําการทดสอบดูกอนวา ไขควงวดั กระแสไฟสามารถใชง านได
ทาํ ใหส ายชารจโทรศัพทมอี ายุการใชงานท่ยี าวนานขน้ึ ) ตามปกติหรอื ไม โดยทาํ การแหยเ ขา ไปในเตา รบั ที่มีไฟอยู หากหลอดเรอื งแสง
ท่ีไขควงวัดกระแสไฟติดแสดงวาสามารถใชงานได ขอควรระวังในการใช
ไขควงวดั กระแสไฟ คือ ทุกครง้ั ทใี่ ชง านใหพ ึงระลึกอยูเสมอวาอาจมอี ันตราย
เกิดข้ึนไดเสมอ เชน ไขควงวัดกระแสไฟอาจชํารดุ หรอื ลัดวงจร จึงควรแตะ
ที่เตารับ หรืออุปกรณไฟฟาเพียงเล็กนอยเทานั้น หามทําการซอมแซม หรือ
ดัดแปลงไขควงวัดกระแสไฟที่ชํารุดเองโดยเด็ดขาด และหามนําไปทดสอบ
กบั ไฟฟาท่ีไมรูคา แรงดนั หรอื ไฟฟาแรงดันสูง
T27
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขนั้ สอน วสั ดุ อุปกรณท์ ่ีใช้ กา รซอ่ มแซม
๑. ปลั๊กต่อพว่ งทชี่ า� รดุ
ข้ันท่ี 3 การสาธิต ๒. มัลตมิ ิเตอรว์ ัดไฟ ปล๊กั ต่อ
๓. ไขควงวัดไฟ พว่ ง
5. ครสู าธติ วธิ กี ารซอ มแซมปลกั๊ ตอ พว งใหน กั เรยี น
ดูเปนตัวอยาง พรอมท้ังอธิบายประกอบทีละ ๕๔.. ตหะัวกแวั่ ร/ง้ นไา�้ ฟยฟาป้าระสาน1 ชา� รดุ ไฟไม่เขา้
ข้ันตอนอยางชาๆ เพ่ือใหนักเรียนไดสังเกต
และติดตามแตล ะขนั้ ตอนไดทัน ๖. ไขควงปากแฉก/
ไขควงปากแบน
6. ครถู ามนักเรียนวา ๗. แปรง
• นักเรียนคิดวาเปนเพราะสาเหตุใดปล๊ัก
ตอ พว งจงึ ไฟไมเ ขา Be careful ปล๊ักต่อพ่วงเป็นอุปกรณ์ส�าหรับต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า สามารถ
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ นา� มาใชง้ านไดท้ งั้ ภายในและภายนอกบา้ น เนอ่ื งจากเตา้ รบั ภายในบา้ น
ไดอยางอิสระ เชน ปล๊ักตอพวงมีอายุ ในการใชป้ ล๊ักต่อพว่ ง มกั ไมค่ อ่ ยเพยี งพอตอ่ การใชง้ านจรงิ หรอื ตา� แหนง่ เตา้ รบั ไมส่ อดคลอ้ ง
การใชงานที่ยาวนาน ผูใชงานเก็บรักษา ควรระมดั ระวงั ในเรอื่ งตา่ ง ๆ ดงั น้ี กับจุดที่ต้องการใช้งาน สาเหตุส่วนใหญ่ที่ท�าให้สายปล๊ักพ่วงช�ารุด
ไมถ กู วธิ ี ใชง านไมเ หมาะสม อปุ กรณภ ายใน • หา้ มนา� ปลกั๊ ตอ่ พว่ งไปใชต้ ดิ ตง้ั คือ การใช้งานเกินก�าลงั (ใชก้ ับอุปกรณ์ทม่ี ีโหลดมาก หรอื วตั ต์มาก)
เกดิ การชํารุดเสยี หาย) แบบถาวร เนอื่ งจากถกู ออกแบบ ต่อปลกั๊ พว่ งกนั เกิน ๓ จุด และใชง้ านพรอ้ มกนั รเู ต้ารับปลั๊กหลวม
• นักเรียนมีแนวทางในการปองกันไมใหปล๊ัก ให้ใชง้ านได้ช่วั คราว การใช้งานเกบ็ รักษาไม่ถกู วธิ ี
ตอ พวงชาํ รดุ ไดอ ยา งไร • ห้ามน�าปลั๊กตอ่ พว่ งทช่ี า� รุดมา
(แนวตอบ ระมดั ระวงั การเสยี บอปุ กรณไ ฟฟา ใช้งานโดยเด็ดขาดหากยังไม่ได้ มมาสี ตายรฐไฟาในภนแากลยาะใรนมเ เีลค๓ือร กอื่เสซง้นห้ือ มปมาลีฉยั๊กน ตวม่อนอ3พหกุ้ม.่ว งทรมับง้ั าร๒ใอช งช้ง ้ันาหน รเือจพึมงือ่ ตาปต้อ้อรงงฐเกลานันือกขกาอซรงื้อห ทกัIEี่งไCดอ2 ้
จํานวนมากกับปลั๊กตอพวง หากใชงานกับ รับการซอ่ มแซมอยา่ งถกู ต้อง
อุปกรณที่กินไฟมากควรเสียบเพียง 1 ตัว • หา้ มนา� ไปใชก้ บั เครอ่ื งใชไ้ ฟฟา้ หรอื ถกู ของมคี มทา� ใหส้ ายช�ารดุ
เลอื กใชป ลกั๊ ตอ พว งทไี่ ดร บั การรบั รองคณุ ภาพ ขนาดใหญ่ หรือท่ีต้องใช้กับ
หลังจากใชงานควรถอดปลัก๊ ออกทกุ ครัง้ ) กระแสไฟฟ้าตลอดเวลา ๑๒
7. ครใู หน กั เรยี นแบง กลมุ ออกเปน 6 กลมุ กลมุ ละ ๒๔
เทาๆ กนั โดยกาํ หนดให
• กลมุ ท่ี 1-3 ฝก ปฏบิ ตั กิ ารซอ มแซมสายชารจ
โทรศพั ท
• กลุมท่ี 4-6 ฝกปฏิบัติการซอมแซมปล๊ัก
ตอพวง
หากนักเรียนเกิดขอสงสัยในขณะปฏิบัติงาน
หรอื ตอ งการความชว ยเหลอื ใหส อบถามครเู ปน
รายกลุม โดยครูจะคอยสังเกตการปฏิบัติงาน
ของนักเรียนแตละกลุมอยางใกลชิดและคอย
ใหความชวยเหลอื พรอมทั้งเนน ยํา้ ใหน กั เรยี น
ตระหนักถึงความปลอดภัยในขณะปฏิบัติงาน
รวมดวย
นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคดิ
1 นํ้ายาประสาน เปนสารเคมีที่ชวยเตรียมผิวโลหะที่ตองการบัดกรีให การศึกษาคูมือ หรือคําแนะนําในการใชงานท่ีแนบมาพรอม
ปราศจากคราบออกไซดกอนการบัดกรี ชวยในการลดแรงตึงผิวระหวางพ้ืนผิว กับอุปกรณเครื่องใชภายในบาน มีความจําเปนตอการปฏิบัติงาน
โลหะกบั โลหะบดั กรี ซงึ่ คณุ ภาพของบดั กรจี ะดหี รอื ไมน น้ั ขนึ้ อยกู บั ประสทิ ธภิ าพ อยางไร
ของนํ้ายาประสานเปน หลัก
2 IEC หรอื คณะกรรมาธกิ ารระหวา งประเทศวา ดว ยมาตรฐานสาขาอเิ ลก็ ทรอ- (แนวตอบ การศึกษาคูมือ หรือคําแนะนําในการใชงานมีความ
เทคนกิ ส (International Electrotechnical Commission-IEC) เปน องคก รอสิ ระ จาํ เปน ตอ การปฏบิ ตั งิ านหลายประการ เชน ทาํ ใหส ามารถซอ มแซม
ที่เริ่มกอตั้งข้ึนเมื่อ พ.ศ. 2449 โดยมีวัตถุประสงคเพื่อจัดทํามาตรฐานระหวาง อุปกรณเครื่องใชภายในบานไดอยางถูกตองตรงตามข้ันตอนท่ี
ประเทศทางดานไฟฟา อิเล็กทรอนิกส และเทคโนโลยีที่เก่ียวของ นอกจากนี้ ระบไุ ว เพ่อื ใหเ กิดความปลอดภยั ในขณะปฏบิ ัตงิ าน ชว ยลดความ
ยงั ดาํ เนนิ การจัดทําระบบการตรวจประเมิน เพอ่ื รบั รองคุณภาพใหกับมาตรฐาน เส่ียงจากการเกิดอุบัติเหตุในขณะปฏิบัติการซอมแซม ชวยให
ของ IEC เพอื่ เปน เครอ่ื งมอื ในการอาํ นวยความสะดวกทางดา นการคา ระหวา งประเทศ สามารถซอมแซมอุปกรณเคร่ืองใชภายในบานที่ชํารุดเสียหาย
3 ฉนวน เปน วสั ดทุ มี่ คี ณุ สมบตั ใิ นการกดี กน้ั ขดั ขวางการไหลของกระแสไฟฟา ใหสามารถกลบั มาใชงานไดต ามปกติ)
หรือเปน วสั ดทุ ีก่ ระแสไฟฟาไมสามารถไหลผา นได มที ้งั ชนิดทีเ่ ปน ยางและชนดิ
Tทเ่ี ปนพลาสติก
28
นาํ สอน สรุป ประเมนิ
ข้นั ตอนการซ่อมแซม ขนั้ สรปุ
๑. ท ดสอบการใช้งานของปลั๊กต่อพ่วง เพ่ือหาสาเหตุของการเสีย โดยใช้มัลติมิเตอร์วัดไฟ
ขั้นท่ี 4 การอภิปรายสรุปการเรียนรู
หรือไขควงวัดไฟวัดว่ามีกระแสไฟหรือไม่ รวมถึงทดสอบเปิด-ปิดสวิตช์ไฟว่ามีกระแสไฟ
หรือไม่ ถ้าไม่มีกระแสไฟอยู่ให้ถอดฝาครอบฟิวส์ออกและดึงฟิวส์ออกมาตรวจสอบว่า 1. ครใู หน กั เรยี นแตล ะกลมุ สง ตวั แทนกลมุ ละ 1 คน
ขาดหรอื ไม่ ถ้าขาดให้นา� ฟวิ ส์ตัวใหม่มาเปล่ียนให้เรียบร้อย ออกมานําเสนอผลการปฏิบัติงานซอมแซม
๒. เม่ือทดสอบแล้วว่าปล๊ักต่อพ่วงไม่มีกระแสไฟ ให้คว่�าตัวปล๊ักไฟ ใช้ไขควงปากแฉกขัน สายชารจ โทรศพั ทแ ละการซอ มแซมปลก๊ั ตอ พว ง
นอต/สกรูท่ียึดใต้ปลั๊กต่อพ่วงออก ใช้ปลายไขควงปากแบนแงะรอยต่อของฝาครอบปล๊ัก ของกลุมตนเองใหเพื่อนฟงหนาช้ันเรียน
ตอ่ พ่วงออก ในประเด็นท่ีครูกําหนดให คือ ปญหา หรือ
๓. ใ ชแ้ ปรงปดั ฝุ่นภายในปล๊ักตอ่ พว่ งใหส้ ะอาด ตรวจสอบจุดตอ่ และรอยบัดกรีของสายไฟว่า ความตอ งการ การวิเคราะหงาน การวางแผน
หลุดหรอื ไม่ การทํางาน การประเมินผลการทํางาน และ
๔. หากพบวา่ สวติ ชเ์ สยี หรอื ชา� รดุ ใหเ้ ปลยี่ นสวติ ช์ใหม ่ โดยใชห้ วั แรง้ บดั กรถี อดสวติ ชอ์ อกและ ปญหาทพี่ บและแนวทางแกไ ข
นา� มาเปล่ียนใหม ่ ต่อสายบดั กรีเขา้ ทเ่ี ดมิ ให้เรยี บรอ้ ย
๕. น�าฝาครอบปลั๊กต่อพ่วงมาปิด โดยใชไ้ ขควงปากแฉกขันนอต/สกรูให้แนน่ 2. ครใู หน กั เรยี นกลมุ อนื่ รว มกนั วเิ คราะห วจิ ารณ
๖. ใช้มลั ตมิ เิ ตอร์วดั ไฟ หรอื ไขควงวดั ไฟวัดปลั๊กต่อพ่วง จากนัน้ ใหส้ ังเกตดแู สงและเสยี ง และแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั การปฏบิ ตั งิ าน
ซอมแซมสายชารจโทรศัพทและซอมแซม
๓๔ ปล๊ักตอพวงของกลุมท่ีออกมานําเสนอผลงาน
๕๖ พรอ มทง้ั จดบนั ทกึ ประเดน็ สาํ คญั ตางๆ ไว
๒๕ 3. ครแู ละนกั เรยี นรว มกนั สรปุ ขน้ั ตอนการปฏบิ ตั งิ าน
ซอมแซมสายชารจโทรศัพทและการซอมแซม
ปลก๊ั ตอ พว ง โดยครเู ปน ผตู รวจสอบความถกู ตอ ง
และอธบิ ายเพม่ิ เตมิ ในสว นทยี่ งั ขาดตกบกพรอ ง
จากการปฏิบัตงิ าน
4. ครูถามนกั เรียนวา
• จากการที่ไดปฏิบัติการซอมแซมเคร่ืองใช
ภายในบา นดว ยตนเอง นกั เรยี นไดร บั ประโยชน
อยา งไร
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
ไดอยางอิสระ)
5. ครูใหนักเรียนแตละคนทํากิจกรรมสรางสรรค
พัฒนาการเรียนรู ใบมอบหมายงานที่ 2.1
ตอนท่ี 1 เรอ่ื ง การวเิ คราะหป ญ หาขอ บกพรอ ง
ของอปุ กรณเ ครอ่ื งใชภ ายในบา น จากหนงั สอื เรยี น
หนวยการเรียนรทู ี่ 2
ขอ สอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู
ในการเลอื กซอ้ื ปลกั๊ ตอ พว งมาใชง าน ควรพจิ ารณาจากสง่ิ ใดเปน หลกั ครอู ธบิ ายเพมิ่ เตมิ เกยี่ วกบั ขอ ควรระวงั ในการใชง านปลก๊ั ตอ พว งใหน กั เรยี น
(แนวตอบ การเลอื กซอื้ ปลกั๊ ตอ พว ง ควรพจิ ารณาจากสงิ่ ตา งๆ ดงั น้ี ฟงวา ในการใชงานปล๊ักตอพวง เพ่ือใหเกิดความปลอดภัยจากการใชงาน
1. มเี ครอื่ งหมายรบั รองมาตรฐานผลติ ภณั ฑอ ตุ สาหกรรม (มอก.) ควรปฏิบตั ิ ดงั น้ี
2. เตาเสียบ เตารับ สายไฟ และรางปล๊ักไฟ ผลิตจากวัสดุ
ท่ีมีคุณภาพ มีสวิตชเปด-ปด มีฟวสท ่ชี วยตดั กระแสไฟฟา • ตรวจสอบสภาพสายไฟกอ นใชง านใหอ ยใู นสภาพท่ีสมบรู ณอ ยเู สมอ
เม่ือใชงานไฟฟาเกินขนาดท่ีกําหนด สายไฟของชุดสาย • หา มนาํ ปลก๊ั ตอ พว งตดิ ผนงั แบบถาวร เนอื่ งจากไมใ ชป ลก๊ั หลกั สามารถ
พว งมีฉนวนหมุ 2 ช้นั ทเ่ี ตาเสยี บและเตา รบั มแี รงดนั ไฟฟา
ที่กําหนดไมเกนิ 250 โวลต นํามาใชงานไดเพียงชั่วคราวเทานั้น
3. รางเตา รบั ผลติ จากพลาสตกิ เอวซี ี (AVC) ซง่ึ ทนตอ ความรอ น • หามนําปล๊ักตอพวงที่ชํารุดมาใชงาน หากสายไฟชองเตารับแตก
ไดด กี วา พลาสตกิ พวี ซี ี (PVC) ชว ยลดความเสย่ี งจากการเกดิ
เพลิงไหมก รณเี กิดความรอนสูงท่ปี ลั๊กตอ พว ง) หรอื ชาํ รดุ อาจกอ ใหเ กดิ อนั ตรายตอ ผใู ชง าน สง ผลใหเ กดิ เพลงิ ไหมไ ด
• หลีกเล่ียงการใชปลั๊กตอพวงกับเครื่องใชไฟฟาที่มีขนาดใหญ เพราะ
อาจทําใหก ระแสไฟฟา เกนิ กาํ หนด จนเกิดไฟฟาลัดวงจรได
• หากพบส่ิงผิดปกติขณะกําลังใชงานปล๊ักตอพวง เชน สายไฟรอน
มเี สยี งดัง เกิดประกายไฟ ควรหยดุ การใชง านทนั ที แลว ถอดเตาเสยี บ
ของปลกั๊ ตอ พว งทตี่ ดิ กบั ผนงั ออกเพอ่ื ความปลอดภยั และไมค วรนาํ ปลกั๊
ตอพว งที่ชาํ รดุ มาใช เพราะอาจกอใหเกิดอันตรายได
T29
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั นาํ (เนนการสาธิต) ๓ ตัวอยา่ งการติดต้ังเครอื่ งใชภ้ ายในบา้ น
ขน้ั ที่ 1 การเตรยี มการ เนื่องจากในปัจจุบันเคร่ืองใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่วางจ�าหน่าย มักถูกออกแบบให้ผู้ซื้อน�าไป
1. ครูจัดเตรียมวัสดุ อุปกรณ เครื่องมือที่ใชใน ติดต้ังเองและถ้าเสียก็มีข้อเสนอแนะให้ตรวจเช็กและซ่อมแซมเองในข้ันต้นได้ ในท่ีน้ีจะขอ
การตดิ ตง้ั ชน้ั วางในหอ งนาํ้ เพอ่ื ใชใ นการสาธติ ยกตวั อยา่ งการติดต้ังเครื่องใชภ้ ายในบ้านมาใหศ้ ึกษา ดังน้ี
การตดิ ตง้ั อปุ กรณเ ครอ่ื งใชภ ายในบา น
2. ครูทดลองติดตั้งชั้นวางในหองน้ํา 1 รอบ
กอนการสาธิตจริง เพื่อใหเกิดความชํานาญ
และลดขอ บกพรอ งทอ่ี าจเกดิ ขน้ึ จากการสาธติ
ขนั้ ที่ 2 กอ นการสาธติ การติดต้ังช้ันวางของในห้องน้�า1
3. ครนู าํ ชนั้ วางในหอ งนาํ้ มาใหน กั เรยี นดู จากนนั้ มีความจ�าเป็นอย่างย่ิงส�าหรับห้องน้�า
ครูถามนกั เรียนวา ท่ีอยู่ภายในอาคารชุดหรือห้องน้�าที่อยู ่
• ท่ีบานของนักเรียนมีการติดตั้งช้ันวางใน ภายในบา้ น เพราะเปน็ สงิ่ ทชี่ ว่ ยใหห้ อ้ งนา�้
หองน้ําหรือไม ถามี ชั้นวางในหองนํ้ามี มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย ซึ่งควร
ประโยชนตอนักเรียนอยางไร ถาไมมี ตหดิรอืตอง้ั า่ หงรลอืา้ เงลหอื นกา้2จ เดั พวอื่าคงใวกาลมก้ สบั ะอดา่วงกลใาน้ งกมาอืร
นักเรียนวางของในหองน้ําอยางไร เพื่อให หยบิ ใช้งาน ารตดิ ต้ัง
สามารถหยบิ ใชงานไดอ ยางสะดวก
(แนวตอบ คําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจของ ก
นกั เรียน)
ชั้นวางของ
4. ครูใหนักเรียนที่บานมีการติดต้ังชั้นวางใน ใน
หองนํ้าออกมาเลาเก่ียวกับประโยชนท่ีไดรับ ห้องนา้�
จากการติดตั้งช้ันวางในหองนํ้าใหเพื่อนฟง
หนา ช้นั เรียน ๑ ๒. พุกพลาสติก3
๒ วสั ดุ อปุ กรณท์ ่ีใช้
5. ครใู หน กั เรียนศึกษา เร่อื ง วิธีการตดิ ต้ังชนั้ วาง ๔. สวา่ นเจาะคอนกรตี
ในหอ งน้ํา จากหนงั สอื เรียน หนว ยการเรยี นรู ๑. ชน้ั วางของเข้ามมุ
ท่ี 2 หรือศึกษาเพม่ิ เตมิ จากอินเทอรเน็ต ๓. นอต/สกร ู
6. ครูถามนักเรียนวา ๕. ดอกสวา่ นเจาะคอนกรตี ๖. ไขควงปากแฉก
• จากการศึกษา เรื่อง วิธีการติดตั้งชั้นวาง
ในหองน้ํา นักเรียนคิดวาตนเองสามารถ ๗. เทปสี ๘. คอ้ น
ติดต้งั เองไดหรอื ไม เพราะเหตใุ ด
(แนวตอบ คําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจของ ๙. คัตเตอร ์ ๑๐. ปากกา/ดนิ สอ
นกั เรียน)
๑๑. กล่องกระดาษ หรอื กล่องพลาสติกรองปนู
๒๖
นักเรียนควรรู กิจกรรม สรางเสริม
1 หอ งนาํ้ ควรทาํ ความสะอาดอยา งนอ ยสปั ดาหล ะ 1 ครงั้ เพอื่ กาํ จดั สงิ่ สกปรก ใหน กั เรยี นนําไมอ ดั หรอื แผน ไมสําเร็จรูป และวสั ดุ อปุ กรณ
เชน คราบสบู คราบแชมพูสระผม ฆาเช้ือโรคตางๆ โดยใชน้ํายาลางหองน้ํา ในการทําช้ันวางของมา เพ่ือนํามาปฏิบัติงานในช้ันเรียน โดย
เทลงบนพื้น ทิง้ ไวป ระมาณ 10 นาที ขัดดวยแปรงขัดพื้น ใชน้ําสะอาดลา งนา้ํ ยา นักเรียนสามารถออกแบบไดอยางหลากหลายตามความคิด
ลางหองน้าํ ออกจนหมด หอ งนํา้ จะสะอาดและถกู สขุ ลกั ษณะมากขึ้น และจินตนาการอยางสรา งสรรค
2 อางลางหนา การทําความสะอาดอางลางหนาใหมีความวาวใสอยูเสมอ
สามารถปฏิบัติไดโดยการนํากระดาษชําระประเภทซับน้ํามันมาชุบกับสาร กิจกรรม ทา ทาย
ฟอกขาว (วิธีนี้เหมาะสําหรับอางลางหนาท่ีเปนสีขาวเทาน้ัน) นําไปแปะใหท่ัว
อา งลางหนา ท้ิงไวป ระมาณ 30 นาที นํากระดาษชาํ ระออก ลางดว ยนํ้าสะอาด ใหนักเรียนเลือกประกอบติดต้ังเครื่องใชภายในบานงายๆ
แลว เชด็ ใหแหง ตามความสนใจ 1 ชิน้ เชน ชนั้ วางโทรทศั น ช้ันวางของ ชั้นวาง
3 พกุ พลาสตกิ เปน อปุ กรณส าํ หรบั ใชย ดึ นอต หรอื สกรเู ขา กบั ผนงั เหมาะกบั งาน รองเทา นําเสนอในรูปแบบของคลปิ วิดโี อความยาวไมเ กิน 7 นาที
ท่มี นี า้ํ หนกั เบา เชน การแขวนพวงกุญแจ การแขวนรูปภาพประดับผนงั จากนั้นนาํ เสนอผลงานใหเ พือ่ นชมหนา ชนั้ เรยี น
T30
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั ตอนการตดิ ตั้ง ๓๔ ขน้ั สอน
๑. น �าช้ันวางของมาวางทาบกับ ๕๖
ขนั้ ท่ี 3 การสาธติ
ผนัง ใชป้ ากกา หรือดินสอทา� ๔. น�าพุกพลาสตกิ มาใสบ่ ริเวณที่เจาะรเู รียบรอ้ ยแลว้ ใชค้ อ้ นตอกพกุ ให้
เครื่องหมายในต�าแหน่งของ จมลงไปในผนงั ให้พุกเสมอกบั แนวราบของผนงั หากมสี ่วนใดเกิน 1. ครนู าํ วสั ดุ อปุ กรณ เครอ่ื งมอื ทใี่ ชใ นการตดิ ตง้ั
ผนังทต่ี อ้ งการเจาะ ใหใ้ ชค้ ตั เตอรต์ ัดสว่ นปลายทเ่ี กินออกมาทง้ิ ใหพ้ ุกเรยี บเสมอกบั ผนัง ชั้นวางในหองน้ํามาใหนักเรียนดู จากนั้นครู
๒. น �าดอกสว่านมาเทียบขนาด ถามนกั เรยี นวา
ของพกุ พลาสติก และน�าเทป ๕. นา� ชน้ั วางของมาตดิ ตงั้ ตามตา� แหนง่ ทต่ี อ้ งการ ยดึ ดว้ ยนอต หรอื สกรู • การใชส วา นไฟฟา เจาะผนงั หอ งนาํ้ ทท่ี าํ จาก
สีมาพันรอบดอกสว่าน เพ่ือ โดยใช้ไขควงปากแฉกขันนอต หรือสกรูให้ยึดช้ันวางของติดกับผนัง ไมก บั ผนงั หอ งนา้ํ ทท่ี าํ จากปนู หรอื คอนกรตี
ทา� เครอื่ งหมายระดบั ความลกึ จนครบทุกจุด มีวธิ ีการทีเ่ หมือน หรือแตกตา งกันอยางไร
น�ากล่องกระดาษ หรือกล่อง (แนวตอบ มีวิธีการทําที่เหมือนกัน แตสิ่งที่
พลาสติกติดที่ผนังด้านล่าง ๖. ใช้ฝาครอบพลาสติกติดปิดบริเวณหัวนอตจนครบทุกจุด ตรวจสอบ แตกตา งกนั จะเปน ในเรอ่ื งของดอกสวา นทใ่ี ช
เพ่ือรองรับเศษปูน ใช้ดอก ความเรียบร้อยในการติดตั้ง อาจมีการน�าสิ่งของที่มีน�้าหนักมาวาง เน่ืองจากดอกสวานมีอยูดวยกันหลายชนิด
สว่านขนาดเล็กเจาะน�า เพ่ือ ทชี่ ั้นวางของ เพอื่ ทดสอบการรับน�้าหนัก จึงควรเลือกใชใหเหมาะสมกับลักษณะของ
ป้องกนั กระเบือ้ งแตกร้าว งานที่ปฏิบัติ คือ ดอกสวานท่ีใชสําหรับ
๓. ใ ช้สว่านเจาะรูผนังบริเวณ เจาะไม ปลายดอกจะมลี กั ษณะคลา ยหางปลา
ต�าแหน่งท่ีท�าเคร่ืองหมาย มีขนาดไมกวางมากนัก ซ่ึงขนาดท่ีนิยมใช
ไว ้ ใหม้ รี ะดับความลึกเทา่ กบั กันโดยทั่วไป คอื ขนาด 5, 6, 8 มลิ ลเิ มตร
ความยาวของพุก ในขณะที่ และดอกสวานเจาะปูน หรือคอนกรีต
เจาะผนงั จะตอ้ งจบั สวา่ นใหต้ งั้ ดอกสวานจะมีลักษณะเปนเกลียวบิด
ฉากกบั พื้น ปลายดอกเปนเหล็กชุบแข็งพิเศษ เพื่อชวย
ในการรองรบั แรงกระแทกจากการใชง าน)
สรปุ เครือ่ ง มือและอุปกรณ ์ในงานช่าง เป็นสิง่ ทช่ี ่วยผอ่ นแรงในการท�างานของผ้ปู ฏิบตั ิ
งานชา่ ง และชว่ ยใหก้ ารทา� งานเปน็ ไปอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพมากยง่ิ ขน้ึ การศกึ ษาถงึ ชนดิ ของเครอ่ื งมอื 2. ครสู าธติ การตดิ ตงั้ ชน้ั วางในหอ งนา้ํ ใหน กั เรยี น
และอุปกรณ์ ตลอดจนวิธีการใช้ คุณลักษณะ การดูแลรกั ษา การซอ่ มแซม และการตดิ ต้ังเครือ่ งใช้ ดูเปนตัวอยาง พรอมทั้งอธิบายประกอบทีละ
ภายในบ้าน จึงเป็นสิ่งท่ีผู้ปฏิบัติงานช่างทุกคนควรเกิดความเข้าใจให้ดีเสียก่อนท่ีจะลงมือปฏิบัติงาน ขั้นตอนอยางชาๆ เพ่ือใหนักเรียนไดสังเกต
จริง เพ่อื ให้ผลงานทีอ่ อกมาน้นั มคี ุณภาพ และกอ่ ใหเ้ กิดความปลอดภยั ในการท�างานมากยิง่ ข้นึ และตดิ ตามแตล ะขัน้ ตอนไดทัน
๒7งานช่างในบ้าน
3. ครใู หน กั เรยี นแบง กลมุ (กลมุ เดมิ ) รว มกนั ปฏบิ ตั ิ
การตดิ ตง้ั ชน้ั วางในหอ งนาํ้ โดยผลดั กนั ปฏบิ ตั ิ
ทีละกลุมจนครบ หากนักเรียนเกิดขอสงสัย
ในขณะปฏบิ ตั งิ าน หรอื ตอ งการความชว ยเหลอื
ใหสอบถามครูเปนรายกลุม โดยครูจะคอย
สังเกตการปฏิบัติงานของนักเรียนแตละกลุม
อยางใกลชิดและคอยใหความชวยเหลือ แลว
เนนย้ําใหตระหนักถึงความปลอดภัยในขณะ
ปฏบิ ัติงานรวมดวย
กิจกรรม 21st Century Skills เกร็ดแนะครู
1. ใหน กั เรยี นแบง กลมุ กลมุ ละเทา ๆ กนั ใหแ ตล ะกลมุ รว มกนั ศกึ ษา ครูอธิบายเพ่ิมเติมเก่ียวกับการใชงานสวาน เพื่อใหเกิดความปลอดภัย
เกี่ยวกับปญหาภาวะโลกรอน จากส่ือการเรียนรูท่ีหลากหลาย ใหนักเรียนฟงวา ในการใชงานสวาน ผูปฏิบัติงานควรใหความใสใจในเร่ือง
เชน หนงั สือเรยี น อินเทอรเน็ต ของความปลอดภยั มาเปน ลาํ ดบั แรก โดยตรวจสอบความเรยี บรอ ยของอปุ กรณ
กอ นการใชง านทกุ ครงั้ เพอ่ื ใหม คี วามพรอ มในการใชง านอยเู สมอ หากตอ งการ
2. ใหน กั เรยี นแตล ะกลมุ นาํ ความรทู ไี่ ดจ ากการศกึ ษามาแลกเปลยี่ น เจาะลงบนชน้ิ งานท่ีสามารถขยับได ควรล็อกช้นิ งานใหแ นนกอ นเจาะ สวมใส
เรยี นรูซ ่ึงกนั และกันภายในกลมุ เสอ้ื แขนสน้ั หรอื เสอื้ ทรี่ ดั กมุ หา มสวมใสเ ครอ่ื งประดบั ผทู ไ่ี วผ มยาวควรมดั ผม
ใหเ รยี บรอ ย สวมใสอปุ กรณป องกนั ขณะปฏบิ ตั ิงาน เชน แวนตา ผา ปด จมกู
3. ใหน กั เรยี นแตล ะกลมุ รว มกนั หาคาํ ตอบจากคาํ ถามทค่ี รกู าํ หนดให ถุงมือ ที่อุดหู เม่ือใสดอกสวาน หรือเปล่ียนอุปกรณตางๆ ควรตรวจสอบซ้ํา
คือ “นักเรียนสามารถใชอุปกรณเคร่ืองใชไฟฟาภายในบาน ทุกครั้ง เพ่ือปองกันไมใหอุปกรณเคล่ือนท่ีและอาจกอใหเกิดอันตรายตอ
เพ่อื ชว ยลดภาวะโลกรอนไดหรอื ไม อยา งไร” ผูใชงาน กดแรงลงบนสวานในขณะใชงานแตพอดี เพราะหากกดแรงเกินไป
อาจทาํ ใหม อเตอรทํางานหนัก สงผลใหส วานเกิดการชาํ รุดได
4. ใหน กั เรยี นแตล ะกลมุ สง ตวั แทนกลมุ ละ 1 คน ออกมาตอบคาํ ถาม
ทค่ี รูกาํ หนดใหใหเพอื่ นฟง หนาชนั้ เรียน
T31
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สรปุ ปจั จบุ นั ความตอ้ งการใชไ้ ฟฟา้
มีมากข้ึน การใช้ไฟฟ้าสิ้นเปลือง
ขน้ั ที่ 4 การอภปิ รายสรปุ การเรยี นรู กเ็ ปน็ อกี สาเหตหุ นงึ่ ทท่ี า� ใหเ้ กดิ ภาวะ
โลกรอ้ นได ้ เพราะไฟฟา้ เปน็ พลงั งาน
1. ครใู หน กั เรยี นแตล ะกลมุ สง ตวั แทนกลมุ ละ 1 คน ที่เกิดจากการเผาผลาญเช้ือเพลิง
ออกมานาํ เสนอผลการปฏบิ ตั งิ านตดิ ตง้ั ชนั้ วาง ซึ่งการเผาไหม้เชื้อเพลิงเหล่าน้ี
ในหอ งนาํ้ ของกลมุ ตนเองใหเ พอื่ นฟง หนา ชน้ั เรยี น มาก ๆ จะกอ่ ใหเ้ กดิ แกส เรอื นกระจก
ในประเด็นท่ีครูกําหนดให คือ ปญหา หรือ คแวลระใมชลไ้ ฟพฟิษาท้ อายงา่องาปกราะศห ย ดดั 1ัง นนอั้นก จเารกา
ความตอ งการ การวิเคราะหง าน การวางแผน จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายแล้ว ยัง
การทํางาน การประเมินผลการทํางาน และ ãªäŒ ¿¿Ò‡ Í‹ҧ»ÃÐËÂÑ´Å´ÀÒÇÐâšÌ͹ ชว่ ยลดภาวะโลกรอ้ นไดอ้ กี ดว้ ย เชน่
ปญ หาทีพ่ บและแนวทางแกไ ข
ñ. ¾´Ñ ÅÁ
2. ครใู หน กั เรยี นกลมุ อนื่ รว มกนั วเิ คราะห วจิ ารณ • เปด ระดบั ความเรว็ ของพดั ลมพอสมควร
และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการปฏิบัติ • ในกรณที ่ไี มจาํ เปนตอ งเปด พัดลม อาจจะเปดหนาตาง โดยใชล มธรรมชาติ
งานติดต้ังช้ันวางในหองน้ําของกลุมที่ออกมา แทนได
นําเสนอผลงาน พรอมทั้งจดบันทึกประเด็น • กรณพี ดั ลมทีม่ รี โี มตคอนโทรล ควรถอดปลกั๊ ออกทันทีหลังจากเลกิ ใชง าน
สําคัญตางๆ ไว
ò. ËÁÍé 褯 ¢éÒÇä¿¿Òé
3. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปข้ันตอนการติดตั้ง • ควรหงุ ขาวใหพอดกี ับจาํ นวนผรู บั ประทาน
ชน้ั วางในหอ งนา้ํ โดยครเู ปน ผตู รวจสอบความ • อยาทําใหกนหมอ เกดิ รอยยุบ เพราะจะทําใหขาวสกุ ชา
ถูกตอง และอธิบายเพิ่มเติมในสวนท่ียังขาด • หม่ันตรวจบริเวณแทน ความรอ นในหมอ อยา ใหเมด็ ขาวเกาะตดิ
ตกบกพรองจากการปฏบิ ัติงาน เพราะจะทาํ ใหข าวสุกชาและเปลืองไฟ
• ควรดงึ เตา เสยี บออกเม่ือขาวสกุ แลว
4. ครถู ามนกั เรียนวา
• หากตอ งการตดิ ตงั้ อปุ กรณเ ครอื่ งใชภ ายในบา น ó. â·Ã·Ñȹì
เพอื่ ใหเ กดิ ความปลอดภยั ในขณะปฏบิ ตั งิ าน • ไมควรปรับจอภาพใหมีความสวางมากจนเกินความจําเปน เพราะจะทําให
จะมีข้ันตอนและวิธีการในการปฏิบัติงาน หลอดภาพมอี ายกุ ารใชง านส้นั และสนิ้ เปลืองไฟ
อยางไร • ควรปดสวิตชที่ตัวเครื่องแทนการปดดวยรีโมตคอนโทรล เพราะจะทําให
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ ส้นิ เปลอื งไฟ และปด เครอื่ งทกุ คร้ังเมือ่ ไมไ ดใชง าน
ไดอ ยา งอสิ ระ เชน ศกึ ษาเกย่ี วกบั รายละเอยี ด
ตางๆ ของอุปกรณเคร่ืองใชภายในบานที่ ô. à¤ÃÍè× §«¡Ñ ¼ŒÒ
ตอ งการตดิ ตงั้ รวมถงึ ศกึ ษาเกย่ี วกบั คาํ แนะนาํ • ควรใสผาแตพอเหมาะ ไมควรใสมาก หรือนอยจนเกินไป หากมีผาเพียง
การใชงานใหเขาใจ เลือกใชวัสดุ อุปกรณ ๑-๒ ชน้ิ ควรซักดว ยมอื
เคร่ืองมือท่ีใชในการติดตั้งใหเหมาะสม • ควรใชน าํ้ เยน็ ซกั ผา สว นนาํ้ รอ นจะใชเ ฉพาะกรณที เ่ี สอ้ื ผา มรี อยเปอ นไขมนั มาก
กับงาน ลงมือปฏิบตั ิการตดิ ตงั้ ตามขน้ั ตอน • ควรตั้งโปรแกรมการซักตามชนิดของผาและตามคําแนะนาํ ของเคร่ือง
ทร่ี ะบไุ วใ นคาํ แนะนาํ อยา งเครง ครดั ในขณะ ๒๘ ท่มี า : www.pea.co.th/save/index.htm การไฟฟา้ ส่วนภมู ภิ าค กระทรวงมหาดไทย
ปฏิบัติงานควรมีความมุงมั่นต้ังใจ มีสติ
มีความละเอียด รอบคอบ เพ่ือเปนการ
ปองกันอันตรายท่ีอาจเกิดขึ้นในขณะติดต้ัง
อุปกรณด งั กลาวได)
นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคิด
1 ใชไ ฟฟา อยา งประหยดั การประหยดั ไฟจะชว ยลดภาวะโลกรอ นได สามารถ บุคคลในขอใดปฏิบัติตนเหมาะสมในการใชตูเย็นใหประหยัด
ทําไดโดยการปดเครื่องใชไฟฟาและถอดปลั๊กออกทุกครั้งเม่ือไมไดใชงาน พลงั งาน
เลือกซ้ือผลิตภัณฑท่ีมีการติดฉลากประหยัดไฟเบอร 5 ซ่ึงเปนสัญลักษณ
ทีก่ ารไฟฟาฝายผลติ แหงประเทศไทย (กฟผ.) รบั รองประสิทธภิ าพของอุปกรณ 1. จมิ ต้ังตูเยน็ หา งจากผนงั 15 เซนติเมตร
เครอ่ื งใชไ ฟฟา เชน ตเู ยน็ พดั ลม เครอื่ งปรบั อากาศ หมอ หงุ ขา ว เพอ่ื ใหส ามารถ 2. แจมนาํ อาหารท่มี อี ณุ หภูมิต่ํา มาแชในตูเยน็
ใชง านไดน านขน้ึ ชว ยประหยดั ไฟฟา และชว ยลดคา ใชจ า ยในการบาํ รงุ รกั ษาได 3. โจกตั้งตเู ย็นในทีร่ ม เพ่อื ปองกนั ไมใหถกู แสงแดด
อกี ดว ย 4. จูนตรวจสอบสภาพขอบยางประตูตเู ยน็ อยางสม่าํ เสมอ
ส่ือ Digital (วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 1. เพราะการตง้ั ตเู ยน็ ใหห า งจากผนงั
ควรตัง้ หางออกจากผนงั ประมาณ 15 เซนตเิ มตร เปนอยา งนอย
ศึกษาเพ่ิมเติมเก่ียวกับคูมือการใชไฟฟาอยางประหยัดและปลอดภัย ไดท่ี ซ่ึงจะชวยใหตูเย็นสามารถระบายความรอนไดดี เนื่องจากแผง
https://www.pea.co.th ระบายความรอ นของตเู ยน็ อยบู รเิ วณดา นหลงั เมอื่ สามารถระบาย
ความรอ นไดดี ตูเ ยน็ จะไมกนิ ไฟ)
T32
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
¡Ô¨¡ÃÃÁ ขน้ั สรปุ
ÊÃÒé §ÊÃÃ¤ì¾²Ñ ¹Ò¡ÒÃàÃÂÕ ¹ÃéÙ ขนั้ ท่ี 4 การอภิปรายสรปุ การเรยี นรู
ใบมอบหมายงาน คา� ชแ้ี จง : ใหน้ กั เรยี นปฏบิ ตั กิ จิ กรรมเปน็ รายบคุ คล 5. ครแู นะนาํ ใหน กั เรยี นนาํ ความรแู ละทกั ษะทไ่ี ด
โดยการเขียนตอบตามท่กี า� หนด จากการติดต้ังชั้นวางในหองน้ําไปประยุกตใช
µÍ¹·èÕ ñ àÃ×Íè § ¡ÒÃÇÔà¤ÃÒÐË» Þ˜ ËÒ เพอ่ื การติดต้ังชิ้นงานประเภทอืน่ ๆ ตามความ
¢ŒÍº¡¾ÃÍ‹ §¢Í§ÍØ»¡Ã³ ตอ งการในการใชง าน เชน การตดิ ตงั้ ราวตากผา
à¤ÃÍè× §ãªÀŒ ÒÂ㹺ŒÒ¹ การติดต้ังตูยาสามัญประจําบาน โดยใช
กระบวนการทํางานอยางเปน ขัน้ ตอน
๑. การใช้เครื่องมือชา่ งชนดิ ต่าง ๆ ใหเ้ กดิ ความปลอดภยั ควรมีหลกั ในการใชอ้ ย่างไรจึงจะเหมาะสม
๒. ย กตัวอยา่ งเครื่องมอื ช่างท่รี ้จู ัก ๓ ชนิด อธิบายลักษณะการใชง้ านและการบา� รงุ รักษา 6. ครูมอบหมายใหนักเรียนทําใบงานที่ 2.2.1
๓. สาเหตุใดที่ท�าให้อุปกรณ์ เครื่องใช้ภายในบ้านเกิดความช�ารุดเสียหาย จะมีวิธีการป้องกันการเสียหายใน เรื่อง การปฏบิ ัติงานชางในบาน
ขณะใช้งานไดอ้ ย่างไร จงยกตัวอย่าง
๔. ในการซ่อมแซมเคร่ืองใช้ภายในบ้านท่ีเกิดการช�ารุด จะมีขั้นตอนในการซ่อมแซมอย่างไรจึงจะท�าให้เกิด 7. ครูมอบหมายใหนักเรียนทําช้ินงาน/ภาระงาน
ความปลอดภยั และเคร่ืองใชภ้ ายในบา้ นสามารถใชง้ านได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ (รวบยอด) เรอื่ ง การซอ มแซมและตดิ ตง้ั อปุ กรณ
๕. นักเรียนมีวธิ ีการใชเ้ ครือ่ งใช้ไฟฟา้ เหล่าน�อ้ ยา่ งไรถึงจะช่วยประหยดั พลังงาน และลดภาวะโลกร้อน เคร่อื งใชภายในบา น
• เตารีด • โคมไฟ
• ตู้เย็น • เครือ่ งปรบั อากาศ 8. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรู เร่ือง
การซอ มแซมและติดตงั้ เครือ่ งใชภายในบา น
µÍ¹·Õè ò àÃ×Íè § ¡Òë͋ Áá«ÁáÅеԴµÑ§é ค�าชีแ้ จง : ให้นักเรียนปฏิบัติงานเป็นกลุ่ม โดยท�า
Í»Ø ¡Ã³ à¤ÃÍè× §ãªÀŒ ÒÂ㹺Ҍ ¹ การซ่อมแซม ติดตัง้ อปุ กรณ ์ เคร่อื งใช้ 9. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน
ภายในบา้ น ดังน�้ หนว ยการเรยี นรทู ่ี 2
๑. การซอ่ มแซมเคร่อื งใช้ภายในบ้าน เช่น หลอดไฟ พัดลม สายไฟฟา้ ขนั้ ประเมนิ
๒. ก ารติดตง้ั เครอื่ งใชภ้ ายในบ้าน เช่น ราวตากผ้า ชนั้ วางของ กลอนประต ู บานพับหนา้ ตา่ ง
๓. ใช้ทกั ษะกระบวนการแก้ปัญหาในการทา� งาน ซึง� มขี นั้ ตอน ดังน้� 1. ครูตรวจสอบผลการทําแบบทดสอบหลังเรียน
• การสงั เกต • การวเิ คราะห์ เพอื่ ตรวจสอบความเขา ใจหลงั เรยี นของนกั เรยี น
• การสร้างทางเลือก • การประเมินทางเลอื ก
๔. บ นั ทึกการทา� งานทกุ ข้นั ตอน พร้อมถ่ายภาพข้นั ตอนการท�างาน และผลงานที่สา� เร็จ จากนั้นเขยี นอธบิ าย 2. ครูตรวจสอบใบงานที่ 2.2.1 เรื่อง การปฏบิ ตั ิ
ประโยชน์ที่ได้รบั จากการปฏบิ ตั ิงานช่าง เพอ่ื การน�าไปใช้ในชีวิตประจา� วนั งานชา งในบา น
๕. น�าเสนอผลงานหนา้ ช้ันเรยี น
3. ครูตรวจชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) เร่ือง
การซอมแซมและติดตั้งอุปกรณเคร่ืองใช
ภายในบาน
4. ครูประเมินผลระหวางการจัดกิจกรรมการ
เรยี นรู จากการสงั เกตพฤตกิ รรมการทาํ งานกลมุ
การนาํ เสนอผลงาน และการสงั เกตคณุ ลกั ษณะ
อันพงึ ประสงค
๒๙งานช่างในบ้าน
กิจกรรม Mini Project แนวทางการวัดและประเมินผล
1. ใหน ักเรยี นแบง กลมุ กลมุ ละเทา ๆ กัน ใหแ ตละกลุมเลอื กหัวขอ ครสู ามารถสงั เกตพฤตกิ รรมการทาํ งานกลมุ การนาํ เสนอผลงาน โดยศกึ ษา
ในการซอมแซม หรือติดต้ังอุปกรณเคร่ืองใชภายในบานตาม เกณฑก ารวดั และประเมนิ ผลทแ่ี นบทา ยแผนการจดั การเรยี นรู หนว ยการเรยี นรทู ี่ 2
ความสนใจกลมุ ละ 1 ชนิ้ เพือ่ นํามาจัดแสดงภายในชั้นเรียน
แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ แบบประเมินการนาเสนอผลงาน
2. ใหน กั เรยี นแตล ะกลมุ รว มกนั วางแผนในการดาํ เนนิ งาน พรอ มทงั้
มอบหมายหนาที่ในการปฏิบัติงานของแตละบุคคลตามความ คาช้แี จง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขีด ลงในช่องทตี่ รงกบั ระดบั คาชแี้ จง : ให้ผ้สู อนประเมนิ ผลการนาเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แลว้ ขดี ลงในช่องที่ตรงกับระดบั คะแนน
ถนัดและความสามารถ โดยคํานึงถึงความถูกตองและความ คะแนน
ปลอดภัยของข้ันตอน หรือวธิ กี ารปฏบิ ัติงานอยางเปน ระบบ
ลาดับที่ ชือ่ -สกลุ การแสดง การยอมรับ การทางาน ความมี การมี รวม ลาดบั ท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน
3. ใหนักเรียนแตละกลุมนําเสนอผลงาน เพ่ือแลกเปล่ียนเรียนรู ของนักเรยี น ความ ฟงั คนอน่ื ตามทีไ่ ดร้ บั น้าใจ สว่ นร่วมใน 15 321
ภายในชั้นเรียน โดยมีครูเปนผูใหคําแนะนําและชี้แนะเพิ่มเติม คิดเห็น มอบหมาย คะแนน 1 ความถกู ตอ้ งของเน้ือหา
เพ่อื ใหนักเรียนเกดิ ความรู ความเขาใจทถี่ ูกตอง การ 2 การลาดับข้ันตอนของเรื่อง รวม
ปรับปรุง 3 วิธกี ารนาเสนอผลงานอยา่ งสรา้ งสรรค์
ผลงานกลุ่ม 4 การใชเ้ ทคโนโลยีในการนาเสนอ
5 การมีส่วนร่วมของสมาชกิ ในกลมุ่
3 2 13 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1
ลงชื่อ...................................................ผปู้ ระเมิน
............/................./................
เกณฑ์การให้คะแนน ลงชื่อ...................................................ผ้ปู ระเมิน เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน
ปฏบิ ตั ิ หรือแสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสมา่ เสมอ ............./.................../............... ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบรู ณ์ชดั เจน ให้ 2 คะแนน
ปฏิบัติ หรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครง้ั ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 1 คะแนน
ให้ 3 คะแนน
ปฏิบตั ิ หรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง ให้ 2 คะแนน ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ บางสว่ น
ให้ 1 คะแนน
เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ
12-15 ดี 12-15 ดี
8-11 พอใช้ 8-11 พอใช้
ต่ากวา่ 8 ปรับปรงุ ตา่ กว่า 8 ปรบั ปรุง
T33
Chapter Overview
แผนการจดั ส่ือที่ใช้ จดุ ประสงค์ วธิ สี อน ประเมิน ทักษะที่ได้ คุณลักษณะ
การเรียนรู้ อนั พงึ ประสงค์
แผนฯ ที่ 1 - หนังสือเรยี น 1. อ ธบิ ายหลกั การเลอื กใช้ แบบกระบวน - ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรียน - ท กั ษะการส�ำรวจ - รักชาติ ศาสน์
การเลอื กใช้
และการเลอื กซื้อ การงานอาชพี ม.5 และการเลือกซื้อเส้ือผ้า การเรียน - ตรวจใบงานที่ 3.1.1 คน้ หา กษัตริย์
เสื้อผา้ และ
เครือ่ งแตง่ กาย - แบบทดสอบก่อนเรียน และเครื่องแต่งกายได้ ความรู้ - ตรวจใบงานที่ 3.1.2 - ท กั ษะการสงั เกต - ซ ่ือสัตย์ สจุ ริต
1 - PowerPoint อย่างถกู ต้อง ความเข้าใจ - ประเมนิ การนำ� เสนอผลงาน วธิ ีการท�ำงาน - ม วี ินยั
ชวั่ โมง 2. นำ� หลกั การเลอื กใช้ - ส งั เกตพฤตกิ รรมการทำ� งาน เพื่อการด�ำรงชวี ิต - ใฝ่เรยี นรู้
และการเลอื กซื้อเสอ้ื ผ้า รายบุคคล - ท ักษะการคิด - อ ยู่อย่าง
และเครื่องแต่งกาย - สงั เกตพฤตกิ รรม วเิ คราะห์ พอเพียง
มาประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ติ การทำ� งานกลมุ่ - ทกั ษะกระบวน - ม ุ่งมั่นใน
ประจำ� วันไดอ้ ยา่ ง - ส ังเกตคณุ ลักษณะ การคิดแกป้ ัญหา การท�ำงาน
เหมาะสม อันพงึ ประสงค์ - ทกั ษะการสรุป - รักความ
3. ใชแ้ ละดแู ลรกั ษาเส้อื ผ้า ลงความเหน็ เปน็ ไทย
และเครือ่ งแตง่ กายได้ - ท กั ษะการประเมนิ - มจี ติ สาธารณะ
อย่างถกู ต้อง เหมาะสม
T34
แผนการจัด ส่ือที่ใช้ จุดประสงค์ วธิ สี อน ประเมนิ ทกั ษะที่ได้ คุณลักษณะ
การเรียนรู้ อนั พึงประสงค์
แผนฯ ท่ี 2 - หนงั สือเรยี น 1. อ ธบิ ายวธิ ีการซอ่ มแซม แบบใช้ - ต รวจแบบทดสอบหลงั เรียน - ทกั ษะการส�ำรวจ - รักชาติ ศาสน์
การซอ่ มแซม การงานอาชีพ ม.5
ตกแต่ง ดัดแปลง - แ บบทดสอบหลงั เรียน ตกแต่ง ดดั แปลง โครงการเป็น - ตรวจโครงงาน ค้นหา กษตั รยิ ์
ตัดเยบ็ เสอ้ื ผ้า - PowerPoint
และของใช้ ตดั เยบ็ เสอ้ื ผา้ และ ฐาน - ประเมินการนำ� เสนอผลงาน - ทักษะการสังเกต - ซ อ่ื สัตย์ สุจริต
ภายในบา้ น
ของใช้ภายในบา้ น (Project- - ส งั เกตพฤตกิ รรมการทำ� งาน วธิ กี ารท�ำงาน - ม ีวนิ ยั
3
ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง Based รายบคุ คล เพือ่ การดำ� รงชีวติ - ใฝ่เรยี นรู้
ชั่วโมง
2. ปฏิบัติการซอ่ มแซม Instruction) - สังเกตพฤติกรรม - ทกั ษะการคดิ - อ ยู่อย่าง
ตกแตง่ ดัดแปลง การท�ำงานกลมุ่ วเิ คราะห์ พอเพียง
ตัดเยบ็ เสอ้ื ผา้ และ - สังเกตคุณลกั ษณะ - ทกั ษะกระบวน - มุ่งมัน่ ใน
ของใชภ้ ายในบา้ น อันพึงประสงค์ การคดิ แก้ปัญหา การท�ำงาน
ไดอ้ ย่างถกู ต้องตาม - ทกั ษะการสรปุ - รกั ความ
ขน้ั ตอน ลงความเหน็ เป็นไทย
3. เ ลอื กใช้เคร่ืองมอื - ทกั ษะการประเมนิ - ม จี ติ สาธารณะ
เครอื่ งใชใ้ นการซอ่ มแซม
ตกแตง่ ดดั แปลง ตดั เยบ็
เสื้อผา้ และของใช้
ภายในบา้ นไดถ้ กู ต้อง
4. ใชแ้ ละเกบ็ รกั ษาเครอื่ งมอื
เครอื่ งใชใ้ นการซอ่ มแซม
ตกแตง่ ดดั แปลง ตดั เยบ็
เสอื้ ผา้ และของใช้
ภายในบา้ นไดอ้ ยา่ ง
ถกู ต้อง เหมาะสม
5. ใชท้ รพั ยากรในการ
ท�ำงานอย่างประหยัด
และคุม้ คา่
T35
นาํ นํา สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั นาํ (แบบกระบวนการเรยี น ความรูความเขา ใจ) óหน่วยการเรียนรู้ท่ี
1. ครูแจง ช่ือเร่ืองทีจ่ ะเรียนรแู ละผลการเรยี นรใู ห เสอื้ ผา้ และเ¤รอื่ งแตง่ กาÂ
นกั เรยี นทราบ จากนนั้ ใหนักเรยี นแตล ะคนทํา
แบบทดสอบกอนเรียน หนวยการเรียนรูที่ 3 ตวั ช้ีวดั ËÒ¡àÊÍé× µÑÇâ»Ã´¢Ò´ ¨ÐÁÇÕ Ô¸Õ
เรอ่ื ง เส้ือผา และเคร่อื งแตงกาย ■ อธิบายวิธีการทํางานเพือ่ การดาํ รงชีวติ (ง ๑.๑ ม.๔-๖/๑) ¡Òë‹ÍÁá«Á µ¡áµ‹§ ËÃ×Í
■ สรา งผลงานอยางมคี วามคดิ สรางสรรคแ ละมีทักษะการทาํ งานรว มกนั (ง ๑.๑ ม.๔-๖/๒) ´´Ñ á»Å§àÊÍé× µÑǹѹé Í‹ҧäÃ
2. ครสู มุ เลอื กนกั เรยี น 1 คน ออกมาอา นบทความ ■ มที กั ษะกระบวนการแกป ญ หาในการทํางาน (ง ๑.๑ ม.๔-๖/๔)
เรอื่ ง การแตงกายดี ใหเพื่อนฟง หนา ชน้ั เรียน ■ มที ักษะในการแสวงหาความรูเพื่อการดาํ รงชวี ติ (ง ๑.๑ ม.๔-๖/๕)
การแตงกายทด่ี ี ■ ใชพ ลงั งาน ทรพั ยากรในการทํางานอยางคุมคา และยั่งยืน เพ่ือการอนุรกั ษสงิ่ แวดลอม
การแตงกายดี หรือท่ีเรียกวา “มีรสนิยม” น้ัน
(ง ๑.๑ ม.๔-๖/๗)
มไิ ดห มายความวา ตอ งใชแ ตข องทม่ี รี าคาสงู เชน
การสวมใสเส้ือผาราคาชุดละหลายพันบาทจาก สาระการเรยี นร้แู กนกลาง
หอ งเสอื้ ชนั้ นาํ การใชเ ครอ่ื งสาํ อางยห่ี อ ดงั ทส่ี ง่ั ตรง ■ วิธีการทํางานเพ่ือการดํารงชีวิต เปนการทํางานท่ีจําเปนเก่ียวกับความเปนอยูในชีวิต
มาจากตา งประเทศ การสวมใสร องเทา หรอื นาฬก า
รุนดังที่มีการจํากัดการผลิต การใชกระเปาถือ ประจําวนั เชน การเลอื กใช ดูแลรกั ษาเส้อื ผา และเครื่องแตง กาย
ทผ่ี ลติ จากหนงั สตั ว ซงึ่ มรี าคาหลกั แสนบาทขนึ้ ไป ■ ความคิดสรา งสรรคม ี ๔ ลักษณะ ประกอบดว ยความคิดริเร่มิ ความคลองในการคดิ ความ
บางคนยอมลงทนุ ทจี่ ะสญู เสยี เงนิ จาํ นวนมาก เพอื่
ซอ้ื สงิ่ ของเหลา นน้ั มาใช เพราะคดิ วา จะชว ยใหต น ยืดหยุนในการคิด และความคิดละเอยี ดลออ
ดูดี ดูมีรสนิยมในสายตาของผูอ่ืน แตในความ ■ ทกั ษะการทาํ งานรว มกนั เปน การทาํ งานกลมุ ทาํ งานรว มกบั ผอู นื่ ไดอ ยา งมคี วามสขุ ทาํ งาน
เปนจริงแลวนั้น การดูดี มีรสนิยมก็มิไดจําเปน
ที่จะตองสวมใสเสื้อผาและใชส่ิงของท่ีมีราคาสูง อยา งมกี ระบวนการตามข้ันตอนและฝก หลักการทํางานกลุม
เทาน้ัน เพราะเสื้อผาและส่ิงของที่มีราคาไมสูง ■ ทกั ษะกระบวนการแกป ญ หาในการทาํ งาน มขี นั้ ตอน คอื การสงั เกต วเิ คราะห สรา งทางเลอื ก
แตมีคุณภาพดีก็มีใหเลือกใชอยูจํานวนไมนอย
เพยี งแคผ ใู ชจ ะตอ งพจิ ารณาเลือกใชใหเ หมาะสม และประเมินทางเลอื ก เชน การตดั เย็บและดดั แปลงเสื้อผา
กบั รปู รา ง สผี วิ บคุ ลกิ ภาพ เพศ และวยั ของตน ■ ทกั ษะการแสวงหาความรเู พอ่ื การดาํ รงชวี ติ ประกอบดว ยการศกึ ษา คน ควา รวบรวม สงั เกต
เพยี งเทา นกี้ ส็ ามารถเรยี กไดว า เปน คนทมี่ รี สนยิ มดี
ไดเ ชน เดยี วกนั โดยสวมใสเ สอ้ื ผา และใชส ง่ิ ของใน สาํ รวจ และบันทึก
ราคาไมก ร่ี อ ยบาทเทา น้ัน ■ การใชพ ลงั งาน ทรพั ยากรอยา งคุมคาและยัง่ ยนื เปนคณุ ธรรมในการทํางาน
3. ครูถามนักเรยี นวา
ñ การเลอื กใชเ ส้ือผา และเครือ่ งแตงกาย
• จากบทความน้ี ตองการนาํ เสนอในเรื่องใด เสอื้ ผา้ และเครอ่ื งแตง่ กายเปน็ ปจั จยั ทจี่ า� เปน็ ตอ่ การดา� รงชวี ติ ของมนษุ ย์ ซง่ึ นอกจากจะใชเ้ พอื่
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ ปกปิดและสร้างความอบอุ่นให้แก่ร่างกายแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพของผู้สวมใส่ให้ดูดี
ไดอยางอสิ ระ) มรี สนิยม ดังนน้ั จงึ ควรศกึ ษาหลกั การเลือกใชเ้ สื้อผ้าและเคร่อื งแตง่ กายท่ีถูกตอ้ ง เพ่ือให้สามารถ
เลือกใช้ได้อย่างเหมาะสม โดยค�านึงถึงบุคลิกภาพ รูปร่าง เวลา โอกาส และความจ�าเป็นของ
แตล่ ะบคุ คลรว่ มด้วย
30
เกร็ดแนะครู
ครูควรจดั การเรียนรู โดยอธิบายเกยี่ วกับเสอ้ื ผา และเครื่องแตงกายใหน กั เรียนฟง เพ่ือใหเกิดความรู ความเขาใจเร่ืองหลักการเลือกใชและการเลอื กซอื้ เส้อื ผา
และเครอ่ื งแตงกายท่ีมากขน้ึ สามารถเลือกใชเ ครือ่ งมือในการซอ มแซม ตกแตง ดัดแปลง ตดั เย็บเสอื้ ผาและของใชภายในบา นไดอยางถกู ตอ งและปลอดภยั ลงมือ
ปฏบิ ตั ิงานซอมแซม ตกแตง ดัดแปลง ตดั เยบ็ เสอื้ ผาและของใชภ ายในบา นไดอยางสรา งสรรค เพอ่ื ใหเ กิดความชาํ นาญ ใชท รพั ยากรอยา งคุมคา และยงั่ ยืน เพ่อื เปน
การอนรุ กั ษส งิ่ แวดลอ ม นาํ ทกั ษะการทาํ งานรว มกนั มาประยกุ ตใ ชใ นการทาํ งาน ใชท กั ษะกระบวนการแกป ญ หาในการทาํ งานอยา งเปน ขน้ั ตอน รวมถงึ ทกั ษะในการ
แสวงหาความรูเพ่อื การดํารงชวี ติ ในการคน หาขอ มลู ท่ีเปน ประโยชน เพอ่ื ใหผ ลงานสาํ เร็จตรงตามเปาหมายอยา งมีประสทิ ธิภาพ โดยสามารถจดั กจิ กรรมได ดังน้ี
• ใหนกั เรยี นตอบคําถามและรว มกันแสดงความคดิ เห็น เพ่อื ใหนกั เรยี นเกิดความรู ความเขา ใจเกี่ยวกบั เส้อื ผาและเคร่อื งแตงกาย
• ใหนักเรียนนําหลกั การเลอื กใชแ ละหลกั การเลอื กซือ้ เส้อื ผา และเคร่อื งแตง กายมาประยกุ ตใชในชีวติ ประจาํ วนั อยา งเหมาะสม
• ใหนักเรียนเลือกซ้อื เส้อื ผา และเครอ่ื งแตงกายทเ่ี หมาะสมจากการวเิ คราะหรปู รางและบุคลกิ ภาพของตนเอง
• ใหนกั เรยี นดูแลรักษาเสอื้ ผา และเครื่องแตงกายทั้งของตนเองและบคุ คลในครอบครวั ไดอยางถกู ตอง เหมาะสม
• ใหนักเรียนปฏบิ ัติงานซอมแซม ตกแตง ดัดแปลง ตัดเยบ็ เส้ือผา และของใชภ ายในบา นอยา งสรางสรรค
T36
นาํ นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
เสื้อผ้าและเคร่ืองแตงกายเปนปจจัยสําคัญในการ ขน้ั นาํ
ดํารงชีวิต การรูจักแตงกายใหเหมาะสมกับบุคลิกภาพ • นกั เรยี นคดิ วา ตนเองเปน ผทู ม่ี รี สนยิ มในการ
โอกาส กาลเทศะ จะชวยใหเ ปนที่ช่ืนชมของผพู บเหน็ รวมทัง้ แตง กายหรอื ไม เพราะเหตุใด
การเรยี นรเู กย่ี วกบั การซอ มแซม ตกแตง และดดั แปลงเสอ้ื ผา (แนวตอบ คําตอบข้ึนอยูกับดุลยพินิจของ
จะชวยใหประหยัดเร่ืองคาใชจาย และยังไดเสื้อผาท่ีสวยงาม นักเรียน)
แปลกใหมไ วสวมใสอ ีกดวย
• บคุ คลในครอบครวั คนใดของนกั เรยี นทคี่ ดิ วา
๑.๑ หลักการเลอื กใช้เสื้อผา้ และเคร่ืองแตง่ กาย มีรสนยิ มท่ดี ี
(แนวตอบ คําตอบข้ึนอยูกับดุลยพินิจของ
การแตง่ กายใหด้ ดู แี ละเหมาะสมกบั บคุ ลกิ ภาพ ควรเลอื กเสอ้ื ผา้ และเครอื่ งแตง่ กายใหเ้ หมาะสมกบั นกั เรยี น)
บคุ ลกิ ภาพ โอกาส และกาลเทศะของผสู้ วมใส่ โดยยดึ หลกั การเลอื กใชเ้ สอื้ ผา้ และเครอ่ื งแตง่ กาย ดงั นี้
4. ครใู หน กั เรยี นรว มกนั แสดงความคดิ เหน็ และครู
๑. รกั ษา ซอ่ มแซมเสอื้ ผา้ ทใ่ี สใ่ หอ้ ยใู่ นสภาพดี 4. สวมเครื่องประดับตกแต่ง เพื่อให้เส้ือผ้า ชว ยเสนอแนะเพิม่ เติม
2.เสลาือมากรเถสใ้ือชผ้งา้านใไหด้เ้นหามนาขะส้นึ มกับรูปร่าง1 โอกาส 5. มอีค�าวพารมาสงวสยง่วานมทยี่บ่ิงขก้นึ พร่อง2 และเน้นในส่วน ขนั้ สอน
และกาลเทศะ ทเี่ ปน็ จดุ เด่นของตนเอง ขน้ั ท่ี 1 สงั เกต ตระหนกั
๖. เลือกสีเสื้อผ้าให้เข้ากับสีผิว เช่น ผิวคล้�า
3. สวมใส่เส้ือผ้าที่ตัดเย็บอย่างประณีต 1. ครูใหน กั เรียนศึกษา เรอ่ื ง การเลอื กใชเสือ้ ผา
ควรสวมเส้อื ผ้าสอี อ่ น เพือ่ ชว่ ยใหผ้ ิวดขู าวขึ้น และเครอื่ งแตง กาย จากหนงั สอื เรยี น หนว ยการ
มคี วามสะอาดและเรยี บรอ้ ย เรยี นรทู ี่ 3 หรอื ศึกษาเพม่ิ เตมิ จากอนิ เทอรเนต็
ในประเดน็ ทีค่ รกู าํ หนดให ดงั น้ี
3๑เส้ือผ้าและเคร่ืองแต่งกาย • หลกั การเลือกใชเสือ้ ผาและเครอ่ื งแตงกาย
• วธิ กี ารเลือกใชเ ส้ือผา และเครื่องแตง กาย
2. ครใู หน กั เรยี นศกึ ษาเพม่ิ เตมิ เกยี่ วกบั การเลอื กใช
เสื้อผาและเคร่ืองแตงกาย จาก PowerPoint
ม.5 หนวยการเรียนรูท่ี 3
3. ครถู ามนกั เรยี นวา
• นกั เรยี นมหี ลกั การเลอื กใชเ สอ้ื ผา และเครอื่ ง
แตงกายอยา งไรท่ีเหมาะสมกับตนเอง
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
ไดอยางอิสระ เชน เลือกสวมใสเสื้อผาท่ี
เหมาะสมกับรูปราง บุคลิกภาพ โอกาส
และกาลเทศะ เลือกสวมใสเส้ือผาท่ีมีการ
ตดั เยบ็ อยา งประณตี งดงาม มคี วามสะอาด
เรยี บรอ ย สวมใสเ สอื้ ผา ทมี่ สี สี นั เหมาะสมกบั
สีผิวของตนเปนหลัก สวมใสเส้ือผาท่ีชวย
อําพรางจดุ บกพรอ งของตนเอง)
ขอสอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู
ขอใดเปนหลักการสําคัญของการเลือกสวมใสเส้ือผาและ 1 เลือกเส้ือผาใหเหมาะสมกับรูปราง เน่ืองจากรูปรางของมนุษยแตละคน
เคร่ืองแตง กาย จะมีลักษณะที่แตกตา งกันออกไป ดังนนั้ ในการเลอื กซอื้ เสอื้ ผา จึงควรพจิ ารณา
จากรูปรางของตนเองเปนหลัก เพ่ือใหไดเสื้อผาท่ีมีความเหมาะสมกับรูปราง
1. เลือกเส้อื ผา ตามสมยั นยิ ม ของตนเองมากท่ีสุด เชน ผูหญิงที่มีชวงบนกวางกวาชวงลาง มีหนาอกปาน
2. เลอื กเสอื้ ผา ทเ่ี หมาะสมกับโอกาสและสถานท่ี กลางถึงใหญ เอวหนา สะโพกและขาเรียว ควรเลือกสวมใสกระโปรงพอดีตัว
3. เลอื กเสื้อผาท่ีเหมาะสมกบั รูปรา งหนา ตาของตนเอง ส้ันเลยเขาเล็กนอย หรือกางเกงเขารูป เส้ือยาวคลุมสะโพก จะทําใหดู
4. เลอื กเสอ้ื ผาที่ชว ยอาํ พรางสว นบกพรองของรางกาย ผอมเพรยี วมากย่งิ ข้ึน
(วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เพราะการเลอื กสวมใสเ สอ้ื ผาและ 2 อําพรางสวนที่บกพรอง การแตงกายที่เหมาะสม สามารถชวยอําพราง
เคร่ืองแตงกายจะตองคํานึงถึงความเหมาะสมกับโอกาส สถานท่ี สว นทบี่ กพรอ งของรางกายได เชน คนทมี่ เี อวใหญ เอวหนา ไมค วรสวมใสชดุ ที่
และกาลเทศะเปนสําคัญ โดยตองทราบวาจะแตงกายไปรวมงาน เนน เอว เพราะจะทาํ ใหเอวดูหนาขน้ึ คนที่ตนขาใหญ ไมควรสวมกระโปรงสน้ั
ประเภทใด จัดขึ้นในสถานท่ใี ด ใครเปนผูรว มงาน เพื่อใหสามารถ คนทีต่ นแขนใหญ ไมค วรสวมใสเ สือ้ ท่ไี มมแี ขน เสอ้ื แขนกุด หรือเสอื้ สายเด่ยี ว
เลอื กสวมใสเ สอื้ ผาและเคร่ืองแตงกายไดอ ยางเหมาะสม)
T37
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
ขน้ั สอน ๑.๒ วธิ กี ารเลอื กใชเ้ ส้อื ผ้าและเครอ่ื งแต่งกาย
ขนั้ ท่ี 1 สงั เกต ตระหนกั กอ่ นทจ่ี ะเลอื กใชเ้ สอื้ ผา้ และเครอื่ งแตง่ กาย ควรพจิ ารณาถงึ วยั บคุ ลกิ ภาพ รปู รา่ ง โอกาส และ
กาลเทศะ เพือ่ จะไดเ้ ลือกใช้เสอ้ื ผา้ และเคร่ืองแตง่ กายได้อย่างเหมาะสม วธิ กี ารเลอื กใชเ้ สื้อผ้าและ
• หากเพ่ือนผูหญิงมีสะโพกที่ใหญและเพ่ือน เคร่ืองแตง่ กาย มดี งั น้ี
ผชู ายมีรปู รางท่ีเลก็ นักเรยี นจะนําหลักการ ๑) การเลอื กเสอ้ื ผา้ ให้เหมาะสมกบั โอกาสและกาลเทศะ ควรพจิ ารณา ดงั น้ี
เลือกใชเสื้อผาและเคร่ืองแตงกายมาเปน 1
แนวทางในการแนะนาํ เพือ่ นไดอยา งไร เสือ้ ผา้ สวมใสอ่ ยูก่ ับบา้ น
(แนวตอบ แนะนาํ ใหเ พอื่ นผหู ญงิ สวมกระโปรง เสอื้ ผา้ สวมใสไ่ ปทา� งาน หรอื กจิ ธรุ ะ
หรือกางเกงท่ีพอดีตัว มีกระดุมเม็ดเล็กๆ
เรยี งเปน แถวยาว หรอื มรี อยตะเขบ็ ตรงกลาง ควรเลอื กเสอ้ื ผา้ ทสี่ วมใสส่ บาย สะดวกในการ ควรแต่งกายสุภาพเรียบร้อย ปกปิดมิดชิด
หรอื สวมใสเ สอ้ื กลา มทล่ี าํ ตวั ยาวคลมุ สะโพก ท�ากจิ กรรมตา่ ง ๆ ภายในบา้ น เช่น ท�างานบ้าน เพอ่ื สรา้ งภาพลกั ษณท์ ด่ี ใี หก้ บั ตนเอง เชน่ ผชู้ าย
และแนะนําใหเพื่อนผูชายสวมกางเกงทรง นง่ั เล่นนอนเล่น ดังน้ัน เส้ือผ้าที่สวมใส่อยู่บ้าน ใส่เสือ้ เชิ้ต ผูกเนกไท สวมกางเกงขายาว ผหู้ ญิง
กระบอกเล็ก หรือกางเกงขาเดฟ แตกางเกง ควรเป็นเส้อื ผา้ ทีห่ ลวมเล็กนอ้ ย ไม่คบั จนเกนิ ไป ใสเ่ สอ้ื มปี ก กระโปรงยาว หรอื สวมกางเกงขายาว
จะตองไมมีจบี สวมใสเสื้อลายตามแนวยาว สวมใส่สบาย เช่น เสื้อยืด กางเกงขาสั้น หรอื ไมค่ วรใสเ่ สือ้ รดั รูปที่เน้นทรวดทรงจนเกนิ ไป
จะชวยใหด ูสูงโปรงมากขนึ้ ) กางเกงขายาว
ขน้ั ที่ 2 ขน้ั วางแผนปฏบิ ตั ิ 2
4. ครูใหนักเรียนแบงกลุมเปน 7 กลุม กลุมละ เส้ือผา้ สวมใสส่ า� หรับเล่นกีฬา
เทา ๆ กนั ใหนักเรียนแตล ะกลมุ รว มกนั ศึกษา
ในประเด็นทค่ี รกู ําหนดให ดงั นี้ ควรพิจารณาจากชนิดกีฬาท่ีเล่น แล้วเลือกชุดกีฬาและรองเท้า
• การเลือกเส้ือผาใหเหมาะสมกับโอกาสและ ให้เหมาะสม ชุดกีฬาควรผลิตด้วยผ้าที่มีความยืดหยุ่นได้ดี สวมใส่
กาลเทศะ สบาย เคลื่อนไหวได้อย่างสะดวก สามารถระบายอากาศได้ดี
• การเลอื กเสื้อผาใหเ หมาะสมกบั วัย หากเปน็ กฬี ากลางแจง้ ควรเลอื กชดุ กีฬาท่มี สี ีออ่ น
• การเลอื กเสื้อผา ใหเ หมาะสมกับบุคลิกภาพ
• การเลือกเสือ้ ผา ใหเ หมาะสมกับสผี ิว 32
• การเลือกเสอ้ื ผาใหเ หมาะสมกับรูปราง
• การเลือกเสื้อผาเพื่ออําพรางจุดบกพรอง
ของรูปหนา และคอ
• การเลือกเส้อื ผา ใหเ หมาะสมกบั ฤดูกาล
จากหนังสือเรียน หนวยการเรียนรูท่ี 3 หรือ
ศึกษาเพมิ่ เตมิ จากอนิ เทอรเ นต็
นักเรียนควรรู ขอ สอบเนน การคิด
1 เส้อื ผา สวมใสไ ปทาํ งาน ควรเลือกสวมใสเ สอ้ื ผา ทม่ี ีขนาดพอดีตวั เพอื่ ชวย ขอใดเปนการสวมใสเส้ือผาและเคร่ืองแตงกายไปรวมงานได
รกั ษาบคุ ลกิ ภาพ เพอื่ ความสะดวกในการเคลอ่ื นไหวรา งกายขณะปฏบิ ตั กิ จิ กรรม อยางเหมาะสม
ตางๆ สวมรองเทาหมุ สน หรอื รองเทารัดสน โดยผชู ายควรสวมถุงเทาและสวม
รองเทา หนงั หรอื รองเทา ผา ใบ ผหู ญงิ ควรสวมรองเทา ทช่ี ว ยเสรมิ สรา งบคุ ลกิ ภาพ 1. สวมชดุ ผายดื สดี ําปาดไหล สวมรองเทา สน สงู ไปงานศพ
เชน รองเทาสน สูง แตจ ะตองสามารถเคลื่อนไหวรางกายไดอยา งสะดวก ทัง้ นี้ 2. สวมชดุ เดรสสชี มพเู ปด ไหล สวมรองเทา หมุ สน ไปงานแตง งาน
ควรศึกษากฎระเบียบเรื่องการแตงกายขององคกรใหละเอียดและปฏิบัติตาม
อยางเครงครดั ของพ่ีสาว
2 เสอ้ื ผา สวมใสส าํ หรบั เลน กฬี า ควรเลอื กสวมใสเ สอื้ ผา ทเ่ี นอื้ ผา ระบายอากาศ 3. สวมกางเกงยนี ขาด เสื้อยดื รองเทาผาใบ ไปงานเลี้ยง
ความรอน และเหง่ือไดดี เชน ผาสแปนเด็กซ (Spandex) ซ่ึงเปนผาที่มี
น้าํ หนกั เบา เนื้อเรยี บล่ืน สวมใสส บาย มคี วามยืดหยุนสงู ไมระคายเคืองตอผวิ ขอบคณุ ลูกคา
ระหวา งการออกกําลังกาย 4. สวมกระโปรงลกู ไมส ีขาว สวมรองเทาผา ใบ หมวกปก กวาง
T38 ไปงานเลีย้ งเกษยี ณอายุราชการของคุณปา
(วิเคราะหค าํ ตอบ ตอบขอ 2. เพราะการไปรวมงานมงคลสมรส
ควรเลือกสวมเสื้อผาท่ีมีสีสันสดใส สวมใสรองเทาหุมสน หรือ
รองเทา สน สงู เพือ่ เสริมบคุ ลิกภาพ และอาจสวมใสเ ครอื่ งประดับ
ที่เขา กับชดุ )
นาํ สอน สรปุ ประเมนิ
เสอื้ ผา สวมใสไ ปงานเลยี้ งตา ง ๆ ขน้ั สอน
แบงเปน ๒ ประเภท ไดแก งานเล้ยี งกลางวนั และงานเล้ยี งกลางคนื ซงึ่ การแตง กายจะมแี บบไมเ ปน ขน้ั ท่ี 2 ขนั้ วางแผนปฏบิ ตั ิ
ทางการและแบบทางการ ดงั นี้
5. ครใู หน กั เรยี นแตล ะกลมุ ศกึ ษาเพม่ิ เตมิ เกยี่ วกบั
๑. งานเลี้ยงกลางวนั ๒. งานเล้ยี งกลางคนื การเลือกเส้ือผาใหเหมาะสมกับโอกาสและ
• งานเลี้ยงแบบไมทางการ เชนงานเลี้ยง • งานเลยี้ งแบบไมท างการ เชน งานเลย้ี งรนุ กาลเทศะ การเลือกเส้ือผาใหเหมาะสมกับวัย
สงั สรรคร ะหวา งเพอื่ นฝงู งานทาํ บญุ บา น ควร งานเลี้ยงวันเกิด นิยมใสชดุ ลาํ ลอง เพือ่ ให การเลือกเสื้อผาใหเหมาะสมกับบุคลิกภาพ
แตง กายดว ยชดุ ลาํ ลองเรยี บงา ย แตด สู ภุ าพ เขากับบรรยากาศของงานท่ดี เู ปนกันเอง การเลอื กเสอื้ ผา ใหเ หมาะสมกบั สผี วิ การเลอื ก
ผหู ญิงอาจสวมกระโปรง หรือกางเกงก็ได • งานเล้ยี งแบบพธิ ีการ นิยมแตงใหด ูหรูหรา เสือ้ ผาใหเ หมาะสมกบั รูปราง การเลอื กเสอื้ ผา
• งานเลย้ี งแบบพธิ กี าร เชน งานหมนั้ งานเลยี้ ง เชน ผชู ายสวมชดุ สทู กางเกง หรอื ชดุ ทกั ซโิ ด เพ่ืออําพรางจุดบกพรองของรูปหนาและคอ
รับรองลูกคา งานพระราชพิธีตาง ๆ ควร ผูหญิงสวมชุดราตรีที่เนอ้ื ผา บางเบา พลวิ้ และการเลือกเส้ือผาใหเหมาะสมกับฤดูกาล
แตงกายอยางพิถีพิถัน เชน ผูหญิงสวม มนั ระยับ หรือชดุ ไทยพระราชนยิ มตาง ๆ จาก PowerPoint ม.5 หนวยการเรียนรทู ่ี 3
ชดุ กระโปรง หรอื เดรส ผูชายสวมชุดสทู
6. ครูอธิบายเพ่ิมเติมเก่ียวกับชุดไทยพระราช
Tip นิยมใหนักเรียนฟงวา “การสวมใสเส้ือผาไป
งานเลยี้ งกลางคนื แบบพิธีการ ผูหญิงสามารถ
เทคนิคการเลือกชุดราตรขี องสภุ าพสตรี สวมใสเครื่องแตงกายที่เรียกวา “ชุดไทย
พระราชนิยม” ได ซงึ่ ชดุ ไทยพระราชนยิ มเปน
ชดุ ราตรมี รี ปู แบบใหเ ลอื กสวมใสอ ยา งหลากหลาย ในการใชง านจงึ ควรพจิ ารณาจากรปู รา งของผสู วมใส เอกลักษณการแตงกายประจําชาติอันงดงาม
เปน หลกั ซงึ่ เมอ่ื สวมใสแ ลว จะไดเ กดิ ความมน่ั ใจและมคี วามสงา งาม เปน ทส่ี ะดดุ ตา เชน สาวทม่ี รี ปู รา งเลก็ ของไทย เปนเครอื่ งแตงกายท่ปี ระยุกตม าจาก
ควรเลอื กสวมใสชดุ ราตรีท่ีมลี กั ษณะเปน เสือ้ ท่ีเผยบรเิ วณชว งลาํ คอและไหล ทําใหชวงลําตัวดูสงู ข้นึ สาวที่ การแตงกายของสตรีในสมัยโบราณ แสดง
มชี ว งสะโพกใหญกวาชวงอก ควรเลอื กสวมใสชุดราตรีแบบยาว อาจเปนแบบท่มี รี ะบาย จะชวยเบี่ยงเบน ใหเห็นถึงความงดงามของผาไทยท่ีถักทอขึ้น
สายตาจากการมองชว งสะโพก อยางประณีต วิจิตรบรรจง ชุดไทยพระราช
นิยมมีอยดู ว ยกันจาํ นวน 8 ชดุ ไดแก ชุดไทย
๓๓เสื้อผ้าและเคร่ืองแต่งกาย เรอื นตน (ตง้ั ชอื่ ตามเรอื นตน ) ชดุ ไทยจติ รลดา
(ต้งั ชือ่ ตามพระท่นี ั่งจติ รลดารโหฐาน) ชดุ ไทย
อมรนิ ทร (ตงั้ ชอ่ื ตามพระทน่ี ง่ั อมรนิ ทรวนิ จิ ฉยั )
ชุดไทยบรมพิมาน (ต้ังช่ือตามพระที่นั่งบรม
พิมาน) ชดุ ไทยจกั รี (ตั้งช่ือตามพระที่น่ังจกั รี
มหาปราสาท) ชุดไทยจักรพรรดิ (ต้ังช่ือตาม
พระทนี่ งั่ จกั รพรรดพิ มิ าน) ชดุ ไทยดสุ ติ (ตงั้ ชอื่
ตามพระท่ีน่ังดุสิตมหาปราสาท) และชุดไทย
ศิวาลัย (ต้ังช่ือตามพระท่ีนั่งศิวาลัยมหา-
ปราสาท)”
ขอ สอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู
“ดาวตองการไปรวมงานสวดพระอภิธรรมศพท่ีวัด” ดาวควร ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสวมใสชุดสูทของผูชายใหนักเรียนฟงวา
แตง กายอยางไรจงึ จะเหมาะสม ในการสวมใสชุดสูทมีสิ่งที่พึงปฏิบัติหลายประการ เชน การเลือกสีควรเลือก
ใหเ หมาะสมกบั โอกาสและกาลเทศะ ซงึ่ สที ไ่ี ดร บั ความนยิ มสว นใหญจ ะเปน สดี าํ
1. สวมเส้ือผาแบบใดกไ็ ด รองเทาหุม สน สีดํา สกี รมทา สีเทา การติดกระดุมจะเวน การติดกระดุมเม็ดลางสดุ เสมอ ความยาว
2. สวมเส้ือยืดรัดรปู สสี ด กางเกงยนี สีดํา รองเทาหุมสน ของแขนเสือ้ ควรสั้นกวาแขนของเส้ือเชิต้ เลก็ นอ ย และควรติดกระดมุ ทีแ่ ขนเสือ้
3. สวมเสื้อสคี รีม กางเกงขายาวสดี ํา สูทสดี าํ รองเทา หมุ สน ใหครบทุกเม็ด เพ่ือใหเกิดความเรียบรอย ขนาดของสูทควรมีความเหมาะสม
4. สวมเส้ือและกางเกง หรอื กระโปรงสีดาํ รองเทาหุมสน สีดาํ กบั รูปราง ไมควรสวมใสช ุดท่ีเล็ก หรือใหญจนเกนิ ไป คุณภาพของเนือ้ ผาควรมี
ความยืดหยุน สวมใสสบาย ระบายอากาศไดดี การเลือกปกเส้ือควรเลือกให
(วเิ คราะหคาํ ตอบ ตอบขอ 4. เพราะการแตงกายไปรวมงานสวด เหมาะสมกับลักษณะของงาน โดยทั่วไปจะนิยมปกแบบธรรมดา หากเปนงาน
พระอภธิ รรมศพ จะตอ งแตง กายดว ยชดุ ทส่ี ภุ าพ เรยี บรอ ย ควรสวม เลี้ยงสังสรรคควรเลือกใชปกแหลมจึงจะเหมาะสมมากกวา ขนาดของกางเกง
กระโปรงทไ่ี มส น้ั จนเกนิ ไป หรอื สวมกางเกงสดี าํ สวมเสอ้ื สดี าํ หรอื ควรเลอื กใหพ อดกี ับขอ เทา และสเี หมาะสมกลมกลืนกับเสือ้ สูท
สขี าว จงึ จะมีความเหมาะสมกับกาลเทศะ)
T39