The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คุณธรรมจริยธรรมจรรยาบรรณและจิตวิญญาณความเป็นครู โดยคณาจารย์ ผู้สอนวิชาชีพครู คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Wichian Intarasompun, 2020-08-29 00:36:56

คุณธรรมจริยธรรมจรรยาบรรณและจิตวิญญาณความเป็นครู

คุณธรรมจริยธรรมจรรยาบรรณและจิตวิญญาณความเป็นครู โดยคณาจารย์ ผู้สอนวิชาชีพครู คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา

Keywords: คุณธรรมจริยธรรมจรรยาบรรณและจิตวิญญาณความเป็นครู

144 144

1. มวี ิธกี ารคดิ ระดบั สูง
การคดิ ระดับสงู เชน่ คดิ วิเคราะห์ คิดแกป้ ัญหา คิดสังเคราะห์ คิดสร้างสรรค์ เป็นต้นเนื่องจากการคิดเป็นสิ่ง

ที่สำคัญที่สุดสำหรับการดำรงชีวิตในโลกปัจจุบันที่เป็นโลกแห่งเทคโนโลยีสารสนเทศ มีการเปลี่ยนแปลงความรู้และ
นวตั กรรมอยา่ งรวดเร็ว คนทีค่ ิดเป็นเทา่ นัน้ ที่จะสามารถดำรงชีวติ ไดอ้ ยา่ งมคี ุณภาพและมีความสุข

2. มีวิธีการเรยี นรู้และเปน็ บคุ คลแห่งการเรยี นรู้
เนื่องจากการเรียนรู้เป็นองค์ประกอบสำคัญของการดำรงชีวิต มนุษย์จะดำรงอยู่ได้ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมี

การเรยี นรู้ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่อง บคุ คลที่มกี ารเรียนรจู้ ะมีศักยภาพในการพฒั นาตนเองและสังคมได้มากกว่าบุคคลท่ีไม่
มีการเรียนรู้

3. มที กั ษะการแลกเปลย่ี นเรยี นรู้ ทักษะทางสังคม และตระหนักถงึ ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
เราไม่สามารถดำรงชวี ิตอยู่ได้โดยไม่ติดต่อสัมพันธก์ ับบุคคลอื่นในสังคม ทักษะทางสังคมคือปัจจัยส่งเสรมิ ให้

การทำงานที่ต้องประสานความร่วมมือจากบุคคลหลายฝ่ายสำเร็จลุล่วง การแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์กับ
ผู้เชี่ยวชาญในแตล่ ะสาขาวิชาชีพ เปน็ กระบวนการเรยี นร้ขู ้ันสงู ที่มคี วามสำคัญ และจำเปน็ สำหรับการเรียนรูใ้ นยุคปัจจบุ ัน

4. มคี ณุ ลกั ษณะสมรรถนะท่ีพึงประสงค์
สิ่งสำคัญที่ควบคู่กับการมีความรู้อันลึกซ้ึง คือ คุณลักษณะและสมรรถนะที่พึงประสงค์ การมีคุณลักษณะที่ดี

ช่วยทำใหส้ ามารถพัฒนาตนเองและดำรงชีวิตร่วมกับผู้อื่นอย่างสงบสุขและสันติ ซ่ึงการมีสมรรถนะคือ ความสามารถปรับ
ประยกุ ตค์ วามรู้และคณุ ลักษณะให้ออกมาเปน็ พฤติกรรมอย่างเป็นรปู ธรรม

การเปน็ ผูน้ ำทางวิชาการ

คำวา่ “การศึกษา” มาจากภาษาอังกฤษว่า “Education” มาจากภาษาลาติน Educare ซ่งึ หมายถึง การดแู ล อบรม
เลี้ยงดู ฝึกฝน ผู้ที่มีหน้าที่ให้การศึกษา โดยการศึกษานั้นเป็นกระบวนการที่สนับสนุน ส่งเสริมและพัฒนาให้บุคคลได้รับ
การพัฒนาเต็มตามศักยภาพผ่านกระบวนการสอนและการเรียนรู้เพ่ือให้ได้ความรู้และทักษะต่างๆ ซ่ึงครเู ป็นบุคคลสำคัญที่
มีหน้าที่ดังกล่าวข้างต้น ดังนั้นครูจึงควรมีภาวะผู้นำของการเป็นนักการศึกษา นักวิชาการที่มีวิสัยทัศน์ในการนำความรู้
ความสามารถ สมรรถนะของตนเองเพ่ือพัฒนาผู้เรยี นใหม้ ีคุณภาพ

Stogdill (1974) ได้กล่าวถงึ คุณลักษณะของผู้มีความเป็นผนู้ ำท่ีครอบคลุมทั้งหมด 6 ประการ ไดแ้ ก่ 1) ศักยภาพ
2) ความสำเร็จ 3) ความรับผิดชอบ 4) ความร่วมมือ 5) สถานภาพ และ 6) สถานการณ์ ซึ่งภาวะผู้นำน้ันมีอยู่ในตัวบุคคล
และเปลีย่ นไปได้เมือ่ มเี หตุการณ์เปล่ียนไป จงึ ทำใหแ้ ต่ละคนมโี อกาสท้ังเปน็ ผนู้ ำและผตู้ ามขึน้ อยู่กับเหตกุ ารณ์ สถานการณ์
หนึ่งๆ ซึ่งสถานการณข์ องการแสดงภาวะผนู้ ำนนั้ มีอยู่ 4 ลักษณะ (Hoy and Miskel, 1987) คือ 1) ลกั ษณะโครงสร้างของ
องค์กร 2) บรรยากาศขององค์กร 3) บทบาทของผู้ร่วมงานและผู้ใต้บังคับบัญชา และ 4) คุณลักษณะของผู้ร่วมงานและ
ผใู้ ต้บังคับบัญชา ดังนั้นผูบ้ ริหารสถานศึกษาควรสร้างบรรยากาศและส่ิงแวดล้อมทจี่ ะให้ครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา

145 145

เข้ามามีบทบาทและส่วนร่วมในการบริหารงานของโรงเรียน อีกทั้งเป็นการส่งผลถึงการพัฒนาและรักษาสัมพันธภาพของ
คนในองค์กรและการพฒั นาโรงเรียนร่วมกนั อกี ด้วย

ภาวะผู้นำทางวิชาการ
ภาวะผู้นำทางวิชาการ คือ ความสามารถในการจัดการ หรือเป็นผู้นำทางการศึกษา คำว่า จัดการ เป็นลักษณะ
ของการใช้กระบวนการชี้นำบุคคล และนำพาทุกส่วนหรือบางส่วนขององค์กรให้เดินไปข้างหน้า ดว้ ยการจัดสรรทรัพยากร
ต่าง ๆ ทั้งทรัพยากรบุคคล งบประมาณ วัสดุต่าง ๆ รวมทั้งสติปัญญา ระดมเข้ามาใช้ในการทำงาน การจัดการจึงต้องใช้
อำนาจโดยตำแหน่ง ในขณะที่การแสดงภาวะผู้นำจะมีทั้งอำนาจและอิทธิพลอยูภ่ ายในภาวะผูน้ ำน้ันด้วย หากบุคลากรใน
สถานศึกษามีภาวะผู้นำที่มีประสิทธิภาพจะส่งผลต่อความสำเร็จของสถานศึกษา เพราะผู้ที่มีภาวะผู้นำจะสามารถ
แปรเปลี่ยนเป้าหมายและจุดประสงค์ของสถานศึกษาไปสู่ความสำเร็จได้ ซึ่งภาวะผู้นำทางวิชาการอาจมีในบุคคลที่
หลากหลายตำแหน่ง บทบาท หรือหน้าที่ ไม่จำเป็นท่ีผู้ที่มีภาวะผู้นำต้องดำรงตำแหน่งงานบริหารเสมอไป ซึ่ง ชวนะ ทวี
อุทิศและคณะ (2559). ศึกษาเรื่อง รูปแบบการพัฒนาภาวะผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษาระดับมัธยมศึกษา
สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบว่า องค์ประกอบของภาวะผู้ นำทาง
วิชาการของผู้บรหิ ารสถานศึกษาระดับมัธยมศึกษามี 5 องค์ประกอบ คือ 1) การกำหนดวิสัยทัศน์ พันธกิจและเป้าหมาย
การเรียนรู้ 2) การพัฒนาหลักสูตรและการสอน 3) การพัฒนานักเรียน 4) การพัฒนาครู และ 5) การจัดบรรยากาศใน
สถานศกึ ษา
ผู้ที่มีภาวะผู้นำทางวชิ าการจำเป็นต้องมีบทบาทหน้าที่ทั้งในด้านการบริหารและด้านวิชาการไปพร้อม ๆ กัน โดย
ใหค้ วามชว่ ยเหลอื ผู้ร่วมงานในสถานศึกษาใหเ้ ปน็ ผู้นำและช่วยให้แต่ละคนนำความเชี่ยวชาญของตนเองไปจัดการศึกษาให้
บรรลุตามที่ได้วางไว้ ซึ่งได้มีการประมวลลักษณะของผู้นำทางวิชาการ ไว้หลายแบบ (นาตยา ปิลันธนานนท์, 2550, น.
287 อ้างองิ จาก Gunter, 2001) ได้แก่
1. ผู้นำทีช่ อบวิเคราะห์วิจารณ์ จะแสดงออกในเรือ่ งที่เก่ียวข้องกับความไม่ยุติธรรมที่เกิดขึน้ ในสังคมขององคก์ ร
รวมถึงการต่อตา้ นโครงสรา้ งอำนาจไมเ่ ป็นธรรม
2. ผู้นำที่สร้างมนษุ ยสัมพันธ์ จะนำทฤษฎี ความรู้ ประสบการณ์ และชีวประวัติของบุคคลทีป่ ระสบความสำเรจ็
ในการเปน็ ผู้นำและผ้จู ดั การมาศึกษาและปฏบิ ัติ
3. ผ้นู ำที่ลงมือปฏบิ ตั ิ จะนำยทุ ธวิธขี องการแสดงออกถึงการมีภาวะผนู้ ำมาใชเ้ พอ่ื ผลลัพธ์ขององค์กร
4. ผู้นำที่มีหลักการ จะมีกระบวนการทำงานทีเ่ ป็นระบบ เป็นวิทยาศาสตร์ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตรม์ าช้ี
วดั ประสทิ ธภิ าพการเปน็ ผูน้ ำท่ีส่งผลตอ่ องคก์ ร
ภาวะผ้นู ำทางวิชาการ แสดงออกไดใ้ น 3 ลักษณะ (นาตยา ปลิ ันธนานนท์, 2550, น. 287 อา้ งอิงจาก Ostendorf,
2005) ไดแ้ ก่ 1) ผนู้ ำทางการเรยี นการสอน 2) ผ้นู ำทางการวิจยั และ 3) ผู้นำทางการบรหิ าร โดยมีรายละเอียดดงั นี้

146 146

1) ผู้นำทางวชิ าการดา้ นผนู้ ำทางการเรียนการสอน
เมื่อปัจจุบันการศกึ ษาเข้าสูย่ ุคที่เน้นมาตรฐาน (Standard Based Education) การพฒั นาภาวะผู้นำทางการ

เรียนการสอนก็ยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น เป็นการจัดการศึกษาโดยมีเป้าหมายให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ตามมาตรฐานที่ประเทศ
กำหนด ซง่ึ เปน็ หนา้ ที่สำคัญของทุกฝา่ ยท่เี ก่ียวขอ้ งกบั การจดั การศึกษาท่ีลว้ นจะต้องมีภาวะผนู้ ำทางด้านนี้

ในอดีตภาวะผู้นำทางการเรียนการสอนมีความหมายถึง งานการจัดการเรียนการสอน เช่น การจัดหลักสูตร
การต้ังเป้าหมายการเรียนการสอนทีช่ ัดเจน การจดั หาทรัพยากรต่างๆ ที่เกยี่ วข้องกับการเรียนการสอน การดูแลการเรียน
การสอนให้เป็นไปตามแผนรวมถงึ การประเมินผู้เรียนและผู้สอน แตใ่ นปจั จุบันผูน้ ำทางการเรียนการสอนมีความพยายามที่
จะให้มีการเปลี่ยนแปลง คำว่า การสอน (Teaching) มาเป็นการเรียนรู้ (Learning) หรือใช้คำว่า ผู้นำทางการเรียนรู้
มากกว่า คำว่า ผู้นำทางการเรียนการสอน โดยผู้นำทางการเรียนการสอนสามารถนำเทคโนโลยีมาใช้ในการเรยี นการสอน
เนน้ การตดั สินใจใดๆ ทตี่ อ้ งอาศัยข้อมลู หลกั และมกี ารพฒั นาวิชาชีพของตนเองอยเู่ สมอ

The National Association of Elementary School Principals (2001, p.5) ได้กล่าวถึง ผู้นำทางการ
เรียนการสอน หรือ การเป็นผู้นำที่ทำให้เกิดชุมชนแห่งการเรียนรู้ (Leading Learning Communities) โดยมีบทบาทท่ี
สำคัญ 6 ประการ คอื

(1) สรา้ งการเรยี นรู้ใหเ้ กดิ ขึน้ ในตัวผเู้ รยี น (Shared Mission, Vision, Values and Goals)
(2) ตัง้ เป้าหมายในการจัดการเรียนการสอนให้บรรลุมาตรฐาน (Commitment to Result)
(3) สร้างวฒั นธรรมท่ีจะเปน็ ผูเ้ รียนร้ตู ลอดชวี ิตอย่างต่อเน่ือง (Continuous Improvement)
(4) ประเมนิ การเรียนรูโ้ ดยใชข้ ้อมลู ท่ีหลากหลาย (Collective Inquiry)
(5) กระตุ้นให้ชุมชนส่งเสริมและสนับสนุนในการสร้างบรรยากาศของการเกิดภาวะผู้นำทางการเรียนการ
สอนทีจ่ ะส่งผลต่อการเรยี นรขู้ องผู้เรียน (Culture of Collaboration)
(6) อาศัยความเป็นผู้นำหลายด้านของฝ่ายต่าง ๆ ที่ต้องทำหน้าที่เพื่อจุดหมายเดียวกัน คือ การเรียนรู้ของ
ผเู้ รียน (Supportive and Shared Leadership)
2) ผูน้ ำทางวชิ าการดา้ นผูน้ ำทางการวิจัย
ผู้นำทางการวิจัยจะมุ่งแสวงหาความรู้และส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือกันทำงานในหมู่ร่วมงาน ซึ่งผู้นำ
ทางการวิจัยมีความสำคัญมาก และควรจะมีในบุคลากรทุกคน ลักษณะของภาวะผู้นำทางการวิจัย มีลักษณะสำคัญ คือ
สามารถทำงานวิจัยได้ดี มีวิสัยทัศน์ที่จะทำให้ผู้ร่วมงานมีความพยายามในการทำงานให้ประสบความสำเร็จ มีมนุษย
สัมพนั ธอ์ นั ดีทีจ่ ะกระตนุ้ สง่ เสรมิ นำพาผู้รว่ มงานใหเ้ ดนิ ไปกบั เรา ซงึ่ กรกฎ พลตรแี ละคณะ (2558) ไดศ้ ึกษาเรอ่ื ง รูปแบบ
การพฒั นาภาวะผู้นำทางการวิจัยของครู สงั กดั สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา ในเขตตรวจราชการที่ 11 พบว่า
องคป์ ระกอบของภาวะผู้นำทางการวจิ ัยของครู มี 5 องคป์ ระกอบ คอื 1) การมีความเขา้ ใจทางการวิจัย 2) การมีวิสัยทัศน์
ทางวชิ าการ 3) การเป็นครูผู้นำการเปลย่ี นแปลง 4) การเปน็ ครผู ้นู ำด้านการบรหิ ารจัดการ และ 5) การมีจรรยาบรรณและ
เป็นแบบอย่างทางการวิจัย

147 147

3. ผนู้ ำทางวชิ าการด้านผู้นำทางการบรหิ าร
ผู้นำทางการบริหาร เป็นภาวะของผู้ที่ดำรงตำแหนง่ ตา่ ง ๆ ทางการบริหารในสถานศึกษา ภาวะผู้นำในด้านน้ี

มีความสำคญั มาก เพราะมีผลกระทบต่อการจัดการศกึ ษาตอ่ ผู้เรยี น ไม่วา่ จะเปน็ ภาวะผ้นู ำในแบบใดต่างมีความรับผิดชอบ
ท่เี ก่ียวขอ้ งกับเรื่องการวางยทุ ธศาสตร์ การวางแผน การสร้างทีมงาน และการจัดสรรงบประมาณ ซึง่ ลกั ษณะหน่ึงที่สำคัญ
มากของผู้ที่มีภาวะผู้นำทางวิชาการก็คือ การมีวิสัยทัศน์ของมองและไขว่คว้าโอกาสต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม มีการ
วางแผนระยะยาวเพื่อให้องค์กรเจริญเติบโตได้ ผู้นำทางวิชาการในสถานศึกษาโดยทั่วไปจะมีตำแหน่งหน้าที่การบริหาร
และการจัดการประกอบไปด้วย แต่มิได้หมายความว่าจะต้องหมายถึงผู้บริหารเสมอไป ผู้นำทางวิชาการอาจเป็นผู้บริหาร
สถานศึกษา คณะผู้บริหาร ครู หรือหัวหน้าทีมงาน คณะทำงานในโครงการต่าง ๆ ก็ได้ ผู้นำทางวิชาการจึงเกิดขึ้นได้ใน
บคุ ลากรของสถานศกึ ษาท่ีปฏิบัติงานอยใู่ นสว่ นต่างๆ

สรุป

ลกั ษณะครทู ี่ดีท่ีควรพฒั นาให้เกิดขน้ึ กบั ผู้เรียนท่ีจะเป็นครูในอนาคต ซึ่งเป็นความมุ่งหวังของสังคมที่ปรารถนาจะ
เห็นครู ประพฤติ ปฏิบัติตนและกระทำหน้าที่เป็นพลังสำคัญของชุมชนในการแก้ปัญหาและพัฒนาการศึกษา เยาวชน
ชุมชน ชาติบ้านเมือง รวมถึงการได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติ สมกับความเป็นครูของสังคม ซึ่งคุณลักษณะที่ดีมีหลาย
ลักษณะหลายมุมมอง เช่น ลักษณะครูที่ดีตามพระราชดำรัส ลักษณะครูตามหลักพุทธธรรมซึ่งเป็นแนวทางในการปฏิบัติ
ตัวอย่างเช่น พรหมวิหารธรรม อิทธิบาท ฆราวาสธรรม สังคหวัตถุธรรม เป็นต้น อีกทั้งคุณธรรมสำหรับครู ประกอบด้วย
การมีอุดมการณ์ ตระหนักในคุณค่าของความเป็นครู มีจิตวิญญาณของความเป็นครู ตั้งใจประพฤติ ปฏิบัติ ตาม
จรรยาบรรณวชิ าชพี ครู การมงุ่ มั่นปฏบิ ตั งิ านหนา้ ทีค่ รใู ห้สมบรู ณ์ ด้วยหลกั ธรรมและหลักวชิ าชีพครู การเพียรพฒั นาตนเอง
ตลอดเวลา และการตั้งปณิธานที่จะเป็นพลังสำคัญในการแก้ปัญหาและพัฒนาการศึกษา เยาวชน เศรษฐกิจ สังคมของ
ชุมชน ชาติบ้านเมือง นอกจากนี้ยังรวมถึงลักษณะครูตามมาตรฐานการปฏิบัติงานของคุรุสภา รวมถึง คุณลักษณะของครู
ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ คุณลักษณะบัณฑิตที่พึงประสงค์ คุณลักษณะตามมาตรฐานผลการ
เรียนรู้ องค์ประกอบของครูยุคใหม่ การเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ และการเป็นผู้นำทางวิชาการ ซึ่งสถาบันการศึกษาท่ี
เก่ยี วขอ้ งกับการผลิตครูหรือหนว่ ยงานที่เก่ียวข้องในการจัดการศึกษาจำเป็นต้องให้ความสำคญั ในการพัฒนาผู้เรียนให้เป็น
ครมู ืออาชีพในอนาคตไดอ้ ยา่ งมคี ุณภาพ

148 148

รายการอ้างองิ

กรกฎ พลตรแี ละคณะ. (2558, กรกฏาคม-ธนั วาคม). รูปแบบการพฒั นาภาวะผูน้ ำทางการวิจยั ของครู สังกัดสำนักงาน

เขตพ้ืนท่ีการศึกษาประถมศึกษา ในเขตตรวจราชการที่ 11. บรหิ ารการศึกษา มหาวทิ ยาลัยขอนแกน่ , 11(2), 65-73.
กระทรวงศึกษาธิการ. (2554). ประกาศกระทรวงศกึ ษาธิการ เรอื่ ง มาตรฐานคณุ วฒุ ริ ะดับปรญิ ญาตรี สาขาครุ ศาสตร์

และสาขาศึกษาศาสตร์ (หลกั สูตรหา้ ปี). สืบค้นจาก http://www.mua.go.th/users/tqf-
hed/news/FilesNews/FilesNews6/education5year_m1.pdf.
ชวนะ ทวีอุทศิ และคณะ. (2559, กรกฏาคม-ธนั วาคม). รูปแบบการพฒั นาภาวะผู้นำทางวิชาการของผบู้ รหิ าร

สถานศึกษาระดับมธั ยมศึกษาสงั กดั สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน ในภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ.

บรหิ ารการศกึ ษา มหาวทิ ยาลัยขอนแกน่ , 12(2), 55-65.
นาตยา ปิลนั ธนานนท.์ (2555). ภาวะผ้นู ำทางวชิ าการ. ใน สารานกุ รมวิชาชพี ครู เฉลมิ พระเกียรตพิ ระบาทสมเดจ็

พระเจา้ อย่หู วั เนื่องในโอกาสฉลองสิรริ าชสมบตั คิ รบ 60 ปี. (น. 285-294). กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขาธกิ ารครุ สุ ภา.
ประเวศ วะสี. (2545). ภาวะผนู้ ำในการบรหิ ารสถานศึกษา. กรุงเทพฯ: อุษาการพิมพ์.
พะนอม แกว้ กำเนดิ . (2550). คณุ ธรรมของคร.ู ใน สารานกุ รมวชิ าชีพครู เฉลมิ พระเกียรตพิ ระบาทสมเดจ็

พระเจา้ อยู่หัวเนอ่ื งในโอกาสฉลองสริ ิราชสมบัตคิ รบ 60 ปี. (น.151-156). กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขาธกิ ารคุรสุ ภา.
พิมพนั ธ์ เดชะคปุ ต์ และพเยาว์ ยินดีสุข. (2557). การจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พ์แห่งจุฬาลงกรณ์

มหาวิทยาลัย.

ยนต์ ช่มุ จติ . (2553). ความเป็นครู (Self Actualization for teachers). กรงุ เทพฯ: โอเดยี นสโตร.์
วชิ ัย วงษใ์ หญ่. (2555). สเี่ สาหลักของการเรยี นรู้. ใน สารานุกรมวิชาชพี ครู เฉลมิ พระเกยี รติพระบาทสมเดจ็

พระเจา้ อยูห่ วั เนอ่ื งในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธนั วาคม 2554. (พมิ พ์คร้งั ที่ 1)
(น. 511-512). กรุงเทพฯ: สำนักงานเลขาธกิ ารคุรุสภา.

สมบตั ิ นพรกั . (2555). ครยู คุ ใหม.่ ใน สารานกุ รมวิชาชีพครู เฉลมิ พระเกยี รติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เน่ืองใน
โอกาสพระราชพิธมี หามงคลเฉลมิ พระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธนั วาคม 2554. (น. 207-213). กรุงเทพฯ: สำนักงาน
เลขาธกิ ารคุรุสภา.

สำนกั งานเลขาธกิ ารครุ ุสภา. (2556). ข้อบังคับคุรสุ ภา วา่ ดว้ ยมาตรฐานวิชาชพี พ.ศ. 2556. กรุงเทพฯ: สำนกั งาน
เลขาธิการคุรุสภา.

สุพรทิพย์ ธนภัทรโชติวัต. 2560. การพัฒนารูปแบบการจัดประสบการณ์วิชาชีพครูเพื่อส่งเสริมคุณลักษณะครู
ในทศวรรษท่ี 21. (ปรญิ ญานิพนธ์ปรญิ ญาดษุ ฎบี ณั ฑิต. พิษณโุ ลก: มหาวทิ ยาลยั นเรศวร.

อรรณพ โยนิจ. (2549). การใชห้ ลักพุทธธรรมในการบรหิ ารงานของผบู้ รหิ ารโรงเรียนพระปรยิ ัตธิ รรม แผนกสามญั ศึกษา
อำเภอเมืองเชยี งใหม่ (ปริญญานิพนธป์ รญิ ญามหาบัณฑิต). เชียงใหม่: มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม.่

149 149

อัจฉราวรรณ สงั ขว์ ารี. (2560). จติ วิญญาณครู ใน ไพฑูรย์ สินลารตั น,์ นักรบ หม้ีแสน (บ.ก.), ครศุ กึ ษาและการพัฒนา
วิชาชพี ครู (น. 253-265). กรุงเทพฯ: สำนกั พมิ พ์แห่งจุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย.

Hoy, W.K. and C.G. Miskel. (1987). Educational Administration: Theory, Research, and Practice.
Third Edition. New York: Random House.

Stogdill, R.M. (1974). Handbook of Leadership: A Survey of Theory and Research. New York:
The Free Press.

The National Association of Elementary School Principals. (2001). Leading Learning Communities:
Standards for What Principals Should Know and Be Able to Do. Alexandria, VA: Author.

150

บทท่ี 7
กฎหมายทีเ่ กี่ยวขอ้ งกับวชิ าชีพครู

ผูช้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ณฐั มน พนั ธ์ุชาตรี

บทนำ

“ครู” เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการจัดการศึกษา และบทบาทหน้าที่ที่สำคัญคือ จัดกระบวนการเรียนรู้
ให้บรรลุตามเป้าหมายของการจัดการศึกษาให้ผู้เรียนเกิดพัฒนาการทั้งทางด้านร่างกาย ด้านอารมณ์ ด้านสังคม และ
ดา้ นสตปิ ญั ญาอย่างมีความสมดุลและกลมกลนื ในทุกดา้ นเพื่อใหผ้ เู้ รยี นสามารถดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุข
โดยครูจะต้องเป็นผู้ที่มีหน้าที่ในการอบรมสั่งสอนผู้เรียนให้เป็นผู้มีความรู้ มีทักษะ มีความสามารถในการ
เผชิญสถานการณ์ต่าง ๆ และสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตได้ กล่าวคือ เกิดทักษะชีวิต คิดเป็น
ทำเป็น แก้ปัญหาได้ ตามที่สังคมตั้งเป้าหมายและคาดหวังที่จะให้เกิดขึ้น ซึ่งเป็นภารกิจหลักของผู้ที่เป็น“ครู” สังคม
จึงยกย่องให้วิชาชีพครูเป็นวิชาชีพชั้นสูงที่มีความจำเป็นและมีความสำคัญต่อการพัฒนาสังคม และประเทศชาติ
ซึ่งครูจะต้องเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ในการสร้างเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้เป็นผู้ที่มีคุณภาพเพื่อส่งต่อสังคม ให้มีคุณภาพ
อย่างเข้มแข็งและยั่งยืน โดยเฉพาะเมื่อสังคมมีการเปลี่ยนแปลงอันมีผลกระทบมาจากการพัฒนาในยุคโลกาภิวัตน์
ทำใหก้ ารถา่ ยทอดความรู้ ตลอดจนการเรยี นรเู้ ป็นไปอยา่ งรวดเรว็ ไปพร้อมกบั การขยายตวั ของความรู้ในศาสตร์ต่าง ๆ
อย่างกว้างขวาง จึงต้องมีการปรับกระบวนการด้านการจัดการศึกษาเพื่อให้เท่าทันกับการเปล่ียนแปลงที่เกิดข้ึน
อย่างต่อเนื่อง วิชาชีพครูจึงมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น เพราะครูเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาให้เป็นไปตาม
เป้าหมายของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติที่กำหนดไว้ ดังนั้น ผู้ที่จะมาเป็นครูจะต้องมีแรงจูงใจ มีจิตวิญญาณ
ความเป็นครูหรือความศรัทธาในวิชาชีพครูด้วย เพื่อให้เกิดความภาคภูมิใจ เกิดความรักและศรัทธาในความเป็นครู
เกิดจิตสำนึกในการกระตุ้นเตือนตนให้เป็นผู้ประพฤติปฏิบัติแต่สิ่งที่ดีงาม มีคุณงามความดี มีคุณธรรม มีความรู้
ความสามารถ และทักษะความเป็นครูที่หลากหลาย เพื่อใช้ในการสร้างเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้เป็นมนุษย์
ที่สมบูรณ์ เป็นคนดีมีคุณภาพ เพราะการที่คนในสังคมมีคุณภาพนั้นจะเป็นรากฐานที่สำคัญในการพัฒนาประเทศ
ใหม้ ีความมัน่ คง และคนในสังคมจะอยู่ร่วมกันได้อยา่ งสันตสิ ขุ

จากความสำคญั ของวิชาชีพครูดงั กล่าว ผ้เู ขียนจะขอนำเสนอขอ้ มลู ในหัวข้อมาตรฐานวชิ าชพี ครู ประกอบด้วย
1) มาตรฐานวิชาชีพ จรรยาบรรณวิชาชีพ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพครู และ 2) ทักษะความเป็นครู โดย
มรี ายละเอยี ด ดังนี้

1. มาตรฐานของวิชาชพี จรรยาบรรณวชิ าชพี และกฎหมายทเี่ กี่ยวข้องกบั วิชาชีพครู
มาตรฐานวิชาชีพครู จรรยาบรรณวิชาชีพ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับวิชาชีพ มีความสำคัญต่อการพัฒนา

ประเทศ โดยเฉพาะด้านการจัดการศึกษาเพื่อนำไปใช้เป็นกรอบในการสร้างเสริมและพัฒนาการศึกษาให้มีคุณภาพ
และมีความสอดคล้องกับเป้าหมายของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติที่กำหนดไว้เพราะผู้ประกอบวิชาชีพย่อม
ตอ้ งมีความรบั ผิดชอบตอ่ วชิ าชีพจึงต้องมีระบบวิชาชีพและเกณฑ์มาตรฐานของวิชาชีพเพื่อใชเ้ ป็นกรอบแนวทางในการ
พิจารณา กำกับวิชาชพี ใหเ้ ป็นไปตามมาตรฐานวิชาชพี ที่กำหนดไว้ ไพฑรู ย์ สินลารัตน์ (2557) ไดก้ ล่าวถงึ ระบบวิชาชีพ
ของครไู ทยวา่ มกี ระบวนการ ดังนี้

151 151

1) การเตรยี มคนดีท่ีสดุ เข้าสูว่ ิชาชพี โดยเร่มิ จากการมีกลมุ่ คนและระบบเพ่ือเตรียมคนที่ดีท่ีสุดเข้าสู่วิชาชีพ
การเตรียมคนที่ดีที่สุดเข้าสู่วิชาชีพ และการที่จะได้คนที่ดีที่สุดเข้าสู่วิชาชีพและถ้าเราช่วยกันดูแลวิชาชีพครู
ให้มีคณุ ภาพตอ่ เน่ืองกันไปก็จะทำให้วชิ าชพี ครูกลับมาเป็นวิชาชีพที่ได้รับความสนใจอกี คร้งั หน่งึ

2) จดั ระบบวิชาชพี ใหด้ ี ในระบบวิชาชพี ครปู ระกอบด้วยหนว่ ยงานหลักท่สี ำคัญ คอื ครุ สุ ภามีหนา้ ทด่ี ูแลด้าน
มาตรฐานวิชาชีพ, สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) มีหน้าที่ในการกำหนด
อัตราเงินเดือน กำหนดมาตรฐานการทำงาน กำหนดสภาพแวดล้อมต่าง ๆ รวมถึงการโยก ย้าย ถ่าย โอน โรงเรียน
เอกชน และสำนกั สง่ เสรมิ สวสั ดิภาพครแู ละบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ดแู ลด้านสวัสดกิ าร โดยหนว่ ยงาน 4 กลุ่ม
นี้จะมีหน้าที่ในการดูแลระบบวิชาชีพ ถ้าร่วมกันพัฒนา และจัดระบบวิชาชีพให้ดีที่สุด ก็จะทำให้
คนเก่งอยากมาเรียนครู เมื่อเรียนจบแล้วก็จะอยู่ในวิชาชีพครู และเมื่ออยู่ในระบบวิชาชีพที่ดีแล้วก็จะทำให้เกิด
ความมงุ่ มน่ั ต้ังใจและท่มุ เทในการประกอบวิชาชพี ครใู ห้ดีทีส่ ุดเชน่ กัน

3) ส่งมอบคนที่ดีที่สุดใหส้ ังคม กลุ่มที่ส่งมอบคนที่ดีที่สุดให้กับสงั คม คือ เขตพื้นที่ โรงเรียน และห้องเรียน/
ชั้นเรียนที่ครูเป็นผู้ดูแล ซึ่งจะต้องปรึกษาหารือกันว่าจะมีแนวทางให้การศึกษาแก่เด็กให้ดีที่สุดอย่างไร เพราะ
วิชาชีพครูนั้นเปน็ วิชาชีพที่ต้องเตรยี มคน และจะต้องเตรียมคนใหด้ ที ีส่ ุดเพื่อสงั คมไทยจะได้คนท่ดี ีท่สี ดุ ไปอยใู่ นสังคม

จะเห็นได้ว่า ในการประกอบอาชีพแต่ละอาชีพย่อมมีความแตกต่างกันไปตามลักษณะการปฏิบัติงาน และ
อาชีพที่สังคมให้การยกย่องว่าเป็นวิชาชีพนั้นจะต้องมีคุณลักษณะต่าง ๆ ที่ชัดเจน ดังนั้น การเรียกอาชีพที่มีความ
เฉพาะเจาะจงว่า“วิชาชีพ”น่าจะเรียกเป็น“วิชาชีพชั้นสูง”ได้ ทั้งนี้ วิชาชีพของครูจะเป็นวิชาชีพชั้นสูงได้หรือไม่นั้น
จะต้องนำลักษณะงานของครูมาเปรียบเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานของวิชาชีพ หรืออาชีพชั้นสูงอื่น ๆ ยนต์ ชุ่มจิตต์
(2553: 30-32) ไดก้ ล่าวว่า เกณฑ์มาตรฐานชองวิชาชีพครูทสี่ ำคัญ คอื

1. การยอมรับเป็นอาชีพไดต้ ลอดเวลา (Life – Long Career Commitment) คือ บุคคลที่ได้รับการฝกึ ฝน
อบรมตามหลักสูตรการฝึกหัดครู จนมีความรู้ความสามารถ มีคุณธรรม จริยธรรม สามารถใช้ความรู้ความสามารถ
ของตนประกอบวิชาชีพครูโดยอิสระหรือสมัครเข้ารับการบรรจุเป็นครูอาจารย์ในสถาบันการศึกษาได้ เมื่อพ้นจาก
ภาระหนา้ ท่ีตามเกณฑท์ ี่กำหนดแลว้ ก็ยังสามารถนำความรู้ความสามารถทม่ี ีอยปู่ ระกอบอาชีพตอ่ ไปได้

2. บริการสังคม (Social Service) ทั้งนี้ งานทางการสอนนั้นเป็นงานที่ให้บริการแก่สังคมการให้บริการ
ของครนู ้ันส่วนใหญ่จะเก่ยี วขอ้ งกบั ผูเ้ รยี นเพอ่ื ให้ผ้เู รียนมชี วี ติ ทีด่ ีขึน้

3. ใช้วิธีการทางปัญญา (Intellectual Techniques) คือ วิชาชีพครูเข้าเกณฑ์มาตรฐานข้อนี้อย่างแน่นอน
เพราะการสอนเป็นงานที่เกี่ยวกับกิจกรรมทางปัญญา และงานของครูทุกระดับถือได้ว่าเป็นพื้นฐานสำหรับการเตรียม
บคุ คลทีจ่ ะออกไปประกอบวิชาชีพอื่น ๆ ทุกอาชพี

4. มีจรรยาบรรณในวิชาชีพ (Code of Ethics) คือ งานวิชาชีพทุกอย่างจะต้องมีจรรยาบรรณหรือจรรยา
วิชาชีพสำหรับควบคุมพฤติกรรมของผู้ประกอบวิชาชีพ หรือมีไว้สำหรับให้สมาชิกได้ยึดถือปฏิบัติเพื่อก่อให้เกิด
ความเจริญรุ่งเรอื งท้งั ทางดา้ นสว่ นตวั ของผปู้ ระกอบวชิ าชพี และเพอื่ ความเจรญิ ก้าวหนา้ ของวชิ าชีพน้นั นั้น ๆ

5. มีอสิ ระในการตดั สินใจตามสมรรถนะของผู้ประกอบวิชาชีพหรือความเป็นอิสระของผู้ประกอบวิชาชีพ
(Independent Judgement Relative to Professional Performance) กล่าวคือ งานวิชาชีพหรืออาชีพชั้นสูง
ทุกอย่าง ผู้ประกอบวิชาชีพนั้นจะต้องมีอิสระในการวินิจฉัยหรือดำเนินงานในหน้าที่ของตน ผู้ประกอบวิชาชีพครู
กเ็ ชน่ กัน ยอ่ มมีอิสระในการสอน การสอบ และการประเมนิ ผลการเรียนการสอนของนักเรยี นตามความเหมาะสมด้วย

152 152

6. ใช้ระยะเวลาในการศึกษาอบรมอย่างต่อเนื่องระยะยาว (Professional Training or Requires
Extended Professional Preparation) ผู้ประกอบวิชาชีพเป็นผู้มีความรู้ความชำนาญมากเป็นพิเศษในงานวิชาชีพ
ดังนั้น ผู้ที่เรียนครูต้องใช้ระยะเวลาในการศึกษาอบรมยาวนาน หรือใช้เวลาในการเตรียมการมากเป็นพิเศษมากกว่า
อาชีพทวั่ ไป ซงึ่ ตอ้ งใชเ้ วลาฝึกฝนอบรมหรอื เตรียมการอยา่ งน้อยเปน็ เวลา 4 ปีหลงั จากเรียนจบชนั้ มัธยมศึกษา

7. มีการฝึกอบรมประจำการอย่างต่อเนือ่ ง (Continuous in – Service Growth) การฝึกอบรมประจำการ
อย่างต่อเนื่องเป็นการยืนยันถึงความเป็นวิชาชีพ ด้วยความเจริญด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และความเปลี่ยนแปลง
ทางสงั คมเกิดข้ึนอยู่ตลอดเวลา ดงั นนั้ ผู้ประกอบวชิ าชีพท่ีจะต้องศึกษาหาความรู้ใหม่ ๆ ใหท้ นั สมัยอยู่เสมอ อาชีพครู
กเ็ ชน่ เดียวกนั จำเป็นต้องมกี ารพฒั นาตัวครผู ้สู อนอยเู่ สมอด้วยการจดั ให้มีการฝึกอบรมประจำการอยา่ งตอ่ เนื่อง

8. มีองค์กรพิทักษ์ประโยชน์ (Professional Organization) การมีองค์กรพิทักษ์ประโยชน์เพื่อควบคุมดูแล
และพทิ กั ษ์ประโยชนใ์ ห้แกส่ มาชิกในองค์กรวิชาชพี ของตน สำหรบั องคก์ รพทิ กั ษป์ ระโยชนข์ องครู คือ “ครุ ุสภา”

นอกจากระบบวิชาชีพและเกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพที่กล่าวมาข้างต้น นักวิชาการยังกล่าวถึงการที่วิชาชีพครู
จะมีมาตรฐานเหมาะสมกับการวิชาชีพชั้นสูงนั้นจะต้องมีองค์ประกอบอื่นร่วมด้วย อาทิ เดชกุล มัทวนุกูล (2555: 5)
ได้กล่าววา่ การที่ครูจะมีมาตรฐานเหมาะสมในการเปน็ วิชาชีพชัน้ สูงนัน้ จำเป็นต้องปรับเปลีย่ นรูปแบบในการผลิตครู
ให้ได้ครูใหม่ที่มีทั้งความเก่ง ความดี และความทันสมัย เป็น“บัณฑิตครูแบบใหม่”ที่เรียกว่า“ครูวิชาชีพ” เป็นครูที่
สามารถจัดการเรียนการสอนที่สอดคล้องกับยุคสมัยรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลก สามารถเป็นผู้เอื้ออำนวย
ใหผ้ ูเ้ รยี นเกดิ การเรียนรู้ เสนอเน้ือหาสาระทที่ ้าทายและสอดคล้องเหมาะสมกบั ผู้เรยี น เพ่ือใหผ้ ้เู รยี นไดพ้ ฒั นาศักยภาพ
ได้อย่างเต็มที่ รวมทั้งปลูกฝังคุณธรรมแก่ผู้เรียนโดยที่ครูเองต้องเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรั บผู้เรียน และคนในชุมชน
โดยส่วนรวม ตลอดจนสามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรีและมีความสุข ยนต์ ชุ่มจิต (2553: 264-284)
ได้กล่าวถึงการเป็นครูวิชาชีพว่า ครูจะต้องมีทั้งความรู้และความสามารถเพราะถ้าครูมีความรู้แต่ขาดความสามารถ
การพัฒนาคนก็จะไม่ประสบผลสำเร็จ ส่วนครูที่มีความสามารถแต่ขาดความรู้ก็เช่นกันอาจส่งผลกระทบต่อลูกศิษย์
และสังคมได้ ดังนั้น ครูที่สมบูรณ์จึงต้องประกอบไปด้วยหลัก 2 ประการ คือ 1) ความรู้ชัด รู้แจ้ง รู้ที่จะสอนหรือ
ไม่ควรสอน 2) ความสามารถในการถ่ายทอดวิชาความรู้ทั้งหลายแก่ศิษย์ รวมทั้งความสามารถในการอบรมสั่งสอน
โน้มน้าวจิตใจให้ศิษย์ประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในคุณธรรมและความดงี าม และเพื่อให้ผู้ประกอบวิชาชีพครูและนักศึกษา
วิชาชีพครูเกิดความรูค้ วามเขา้ ใจในวิชาชพี ของตนอยา่ งถอ่ งแท้ และได้เสนอหลักวิชาชพี ครูเพ่ือให้เกดิ ความตระหนัก
และนำไปปฏิบัติไว้ คือ 1) การสร้างความตระหนัก สิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบวิชาชีพครูและนักศึกษาวิชาชีพครูจะต้อง
ตระหนักกับตนเองอยู่เสมอ ประกอบด้วย การฝึกฝนอบรมอย่างหนัก หมายความว่า บุคคลที่จะมาเป็นครูนั้นจะต้อง
ผ่านการศึกษาเล่าเรียนมาอย่างหนัก ด้วยเหตุนี้ สิ่งแรกที่ผู้ประสงค์จะเป็นครูต้องตระหนัก คือการฝึกฝนอบรม
อย่างหนัก ส่วนผู้ที่เป็นครูประจำการอยู่แล้วก็ต้องตระหนกั อยู่เสมอว่าตนเองได้ผ่านการฝึกฝนอบรมมาอย่างหนักจงึ มี
โอกาสเข้ามาเปน็ ผู้ประกอบวชิ าชีพครู การมีภาระงานทห่ี นัก หมายถึง ภาระงานสอนคนซง่ึ เป็นงานทีย่ ากยง่ิ โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งการสอนคนให้เป็นมนุษย์ ครูจึงต้องทุ่มเทพลังกายพลังใจอย่างมากเพื่อพัฒนาศิษย์ ให้มีความรู้ มีสติปัญญา
สามารถใช้ความรู้ที่ได้รับมาไปประกอบสัมมาอาชีพ และที่สำคัญ คือ พัฒนาศิษย์จากความเป็นคนให้เป็นมนุษย์
ที่สมบูรณ์ และการเป็นบุคคลที่ควรตระหนัก เพราะการเป็นครูนั้นเป็นบุคคลที่มีเกียรติมีศักดิ์ศรี เป็นบุคคลที่สุดและ
บุคคลทั่วไปให้ความเคารพนับถือ ศิษย์ให้การเคารพบูชาด้วย “ตระหนัก” ในคุณงามความดีของผู้เป็นครู และต้อง
ตระหนกั ในความดที ่จี ะมอบให้แก่ศิษย์ ดว้ ยการเพยี รพยายามอบรมความดีเพอื่ ศิษย์และสังคม 2) เสรมิ ความรักความ

153 153

เป็นครู ความรักความผูกพันจะช่วยทำให้บุคคลมีเจตคติที่ดีและมุ่งมั่นกระทำแต่สิ่งดี ๆ ตลอดไป ดังนั้น การ“เสริม
ความรักความเป็นครู” จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพครูทุกคนที่จะต้องเสริมสร้างให้เกิดขึ้นกับตนเอง 3)
เพิ่มพูนความรู้ให้แก่ตน ผู้ประกอบวิชาชีพทั้งหลายจึงจำเป็นต้องได้รับการฝึกอบรมประจำการอย่างต่อเนื่อง 4)
อบรมฝกึ ฝนวิธีสอน การฝึกฝนอบรมบ่อย ๆ จะช่วยพัฒนาความสามารถของคนให้ดีขน้ึ ดงั นน้ั ครจู ึงจำเป็นต้องได้รับ
การฝึกฝนอบรมวิธีการสอนใหห้ ลากหลายและนำมาใช้ให้เหมาะสมกับกาลเทศะ บุคคล และลักษณะของวิชา 5) เอื้อ
อาทรเมตตาศิษย์ ซึ่งครูจะต้องมีคุณธรรมอย่างน้อย 2 ประการ คือ พรหมวิหารธรรม และกัลยาณมิตรธรรม เพราะ
คุณธรรมทั้ง 2 ประการนี้ หากบังเกิดมีในจิตใจของผู้เป็นครูอย่างเต็มเปี่ยมแล้ว จะก่อให้เกิดความเอื้ออาทรให้ความ
เมตตากรณุ าต่อศษิ ย์อยูต่ ลอดเสมอ

จะเห็นได้ว่า การท่ี “วิชาชีพครู” เป็นวิชาชีพที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “วิชาชีพชั้นสูง”นั้น ก็เพราะมีระบบ
วชิ าชีพทช่ี ัดเจนเปน็ ไปตามมาตรฐานทก่ี ำหนดไว้ สงิ่ สำคัญคือมีภารกจิ และหนา้ ท่ีท่ีมตี ่อสังคม มีการให้บริการต่อสังคม
และกำหนดเกณฑ์มาตรฐานของผู้ที่จะก้าวเข้าสู่อาชีพครูที่ชัดเจน คือต้องมีการศึกษาอย่างน้อยระดับปริญญาตรี
มีมาตรฐานวิชาชีพและจรรยาบรรณวิชาชพี ครู และต้องมีใบประกอบวิชาชีพครเู พื่อยกระดับวิชาชีพครูให้เป็นวิชาชพี
ชั้นสูง ซึ่งการประกอบวิชาชีพครูจะควบคุมโดยมีคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพทำหน้าที่ดูแลและออกใบอนุญาต
การพักใช้ หรือเพกิ ถอนใบอนุญาต ดแู ลการปฏบิ ตั ิตามมาตรฐานและจรรยาบรรณของผปู้ ระกอบวชิ าชีพทางการศึกษา
รวมทั้งส่งเสริม ยกย่อง และพัฒนาวิชาชีพไปสู่ความเป็นเลิศ ตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
ที่กำหนดให้มีการส่งเสริมมาตรฐานวิชาชีพและพัฒนาครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น
ผู้ที่จะมาประกอบวิชาชีพครู หรือที่เรียกว่า “ครู” จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ และ
มคี วามชำนาญ ตลอดจนมีทกั ษะความเปน็ ครทู ีห่ ลากหลาย มีทัง้ ศาสตร์และศลิ ป์ในวิชาชีพครูท่ีเหมาะสม ใฝห่ าความรู้
เพิ่มเติมและพัฒนาตนเองอย่างต่อเน่ือง สิ่งสำคัญคือ ต้องรักษาจรรยาบรรณในวิชาชีพครูไว้ในทุก ๆ ด้าน เพื่อเป็น
แบบอย่างในการประพฤติปฏิบัติที่ดีให้สมกับคำว่าการเป็นวิชาชีพชั้นสูงด้วย ซึ่งการท่ีวิชาชีพครูจำเป็นที่จะต้องมี
มาตรฐานวิชาชีพทางการศึกษากำกับเพราะผู้ประกอบวิชาชีพย่อมต้องมีความรับผิดชอบต่อวิชาชีพด้วย เนื่องจาก
เป็นวิชาชพี ทม่ี ีผลกระทบต่อผู้รับบริการและสาธารณชน จงึ ตอ้ งประกอบอาชีพดว้ ยวิธีการแห่งปัญญา ได้รับการศึกษา
อย่างพอเหมาะพอเพียง มีอิสระในการใช้วิชาชีพตามมาตรฐานวิชาชีพ ซึ่งผู้เขียนจะนำเสนอมาตรฐานวิชาชีพครู
ระเบยี บข้าราชการครู บทบญั ญตั ิ กฎหมายทเี่ กี่ยวขอ้ งกบั ครแู ละวิชาชพี ครูในส่วนท่ีเก่ยี วข้อง ดงั น้ี

พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.
2551 และ (ฉบับท่ี 3) พ.ศ. 2553

พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ฉบับเดิม พ.ศ. 2547 นั้น จะมีเนื้อหา
ที่เกี่ยวกับคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาและคณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากร
รวมทั้งบทบัญญัติอื่นที่เกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เนื่องจากมีความ
ไม่เหมาะสมและไม่สอดคล้องกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน ทำให้การบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากร
ทางการศกึ ษาเปน็ ไปโดยลา่ ชา้ และไม่มีประสิทธิภาพ ดังนน้ั เพ่ือแกไ้ ขปญั หาและอุปสรรคทเ่ี กิดขน้ึ อนั จะเป็นประโยชน์
ในการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาย่ิงขึ้น จึงตราพระราชบัญญัติขึ้นใหม่ และ
พระราชบัญญัติฉบับปัจจุบัน คือ พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547

154 154

แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2551 และ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2553 ซึ่งผู้เขียนจะนำเสนอเฉพาะมาตราในส่วน
ที่เกี่ยวข้องกับผู้ประกอบวิชาชีพครูและบุคลากรทางการศึกษาในส่วนที่เกี่ยวข้อง กล่าวคือ ในมาตรา 4 ได้ให้
ความหมายการประกอบวชิ าชพี ครู และบคุ ลากรทางการศึกษา ไว้ดังนี้

“ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา” หมายความว่า บุคคลซึ่งได้รับการบรรจุ และแต่งต้ัง
ตามพระราชบัญญัตินี้ให้รับราชการโดยได้รับเงินเดือนจากเงินงบประมาณแผ่นดิน งบบุคลากรที่จ่ายในลักษณะ
เงินเดือนในกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงวัฒนธรรม หรือกระทรวงอื่นที่กำหนด
ในพระราชกฤษฎกี า

“ข้าราชการครู” หมายความว่า ผู้ที่ประกอบวิชาชีพซึ่งทำหน้าที่หลักทางด้านการเรียนการสอนและส่งเสริม
การเรียนร้ขู องผเู้ รียนดว้ ยวธิ กี ารตา่ ง ๆ ในสถานศึกษาของรฐั

“คณาจารย์” หมายความว่า บุคลากรซึ่งทำหน้าที่หลักทางด้านการสอนและการวิจัยในสถานศึกษาระดับ
อุดมศึกษาระดบั ปริญญาของรัฐ

“บุคลากรทางการศึกษา” หมายความว่า ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา รวมทั้งผู้สนับสนุน
การศึกษาซึ่งเป็นผู้ทำหน้าที่ให้บริการ หรือปฏิบัติงานเกี่ยวเนื่องกับการจัดกระบวนการเรียนการสอน การนิเทศ
การบรหิ ารการศึกษา และปฏิบตั ิงานอื่นในหน่วยงานการศกึ ษา

“วิชาชีพ” หมายความวา่ วชิ าชพี ครู วชิ าชพี บริหารการศึกษา และวิชาชพี บคุ ลากรทาง การศกึ ษาอ่นื
และในมาตรา 5 ได้ใหค้ วามหมายเพ่ิมเติมว่า“ข้าราชการพลเรือน”ท่ีมีอย่ใู นกฎหมาย ประกาศ ระเบียบ และ
ข้อบังคับอื่นใด ให้หมายความรวมถึงข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาด้วย เว้นแต่จะได้มีกฎหมาย ประกาศ
ระเบียบ หรือข้อบังคับอื่นใดที่บัญญัติไว้สำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาโดยเฉพาะ ซึ่งในหมวด 1
มาตรา 7 กำหนดให้มคี ณะกรรมการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษาคณะหน่ึง เรียกวา่
“คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา”เรียกโดยย่อว่า “ก.ค.ศ.” และ ในมาตรา 30 กำหนดให้
ผู้ประกอบวชิ าชพี ครูและบุคลากรทางการศึกษา ผ้ซู ่งึ จะเข้ารับราชการเปน็ ขา้ ราชการครูและบคุ ลากรทางการศึกษาได้
ต้องมีคุณสมบัติทั่วไป ดังนี้ 1) มีสัญชาติไทย 2) มีอายุไม่ต่ำกว่าสิบแปดปีบริบูรณ์ 3) เป็นผู้เลื่อมใสในการปกครอง
ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 4) ไม่เป็นผู้ดำรง
ตำแหน่งทางการเมือง สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น 5) ไม่เป็นคนไร้ความสามารถ หรือจิตฟั่นเฟือน
ไม่สมประกอบหรือเป็นโรคตามที่กำหนดในกฎ ก.ค.ศ. 6) ไม่เป็นผู้อยู่ในระหว่างถูกสั่งพักราชการ ถูกสั่งให้ออก
จากราชการไว้ก่อนตามพระราชบัญญัติน้ีหรือตามกฎหมายอืน่ หรอื ถกู สั่งพัก หรอื เพกิ ถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในกฎหมายองค์กรวิชาชีพนั้น ๆ 7) ไม่เป็นผู้บกพร่องในศีลธรรมอันดีสำหรับการเป็น
ผู้ประกอบวิชาชีพครูและบุคลากรทางการศึกษา 8) ไม่เป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองหรือเจ้าหน้าที่ในพรรค
การเมือง 9) ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย 10) ไม่เป็นผู้เคยต้องโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษ
สำหรบั ความผิดท่ีไดก้ ระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ 11) ไม่เป็นผเู้ คยถูกลงโทษให้ออก ปลดออก หรือไล่ออก
จากรัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ หรือองค์การระหว่างประเทศ 12) ไม่เป็นผู้เคยถูกลงโทษ
ให้ออก ปลดออก หรอื ไลอ่ อก เพราะกระทำผิดวนิ ัยตามพระราชบัญญตั ินี้ หรือตามกฎหมายอนื่ และ 13) ไมเ่ ป็นผู้เคย
กระทำการทจุ รติ ในการสอบเข้ารบั ราชการหรอื เข้าปฏบิ ตั งิ านในหน่วยงานของรฐั

155 155

ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(กระทรวงศึกษาธิการ, 2548: 5-6)
ได้กำหนดมาตรฐานตำแหน่งและมาตรฐานวิทยฐานะของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งผู้เขียนจะ
นำเสนอเฉพาะในส่วนทเี่ ก่ียวข้อง คือ มาตรฐานตำแหนง่ หนา้ ทค่ี วามรับผิดชอบ ลกั ษณะงานทีป่ ฏบิ ัติคุณสมบัติเฉพาะ
สำหรบั ผดู้ ำรงตำแหน่งครผู ้ชู ว่ ย และครู ดังนี้

มาตรฐานตำแหนง่ ครผู ูช้ ว่ ย
หน้าที่และความรับผิดชอบ ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอน การส่งเสริม การเรียนรู้ พัฒนา
ผู้เรียน ปฏิบัติงานทางวิชาการของสถานศกึ ษา และมีหน้าที่ในการเตรียมความพร้อมและพัฒนาอย่างเข้มก่อนแต่งตงั้
ให้ดำรงตำแหน่งครู และปฏบิ ตั ิหน้าท่อี ่ืนตามท่ีไดร้ ับมอบหมาย
ลักษณะงานที่ปฏิบัติ ประกอบด้วย 1) ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอน ส่งเสริมการเรียนรู้
ของผู้เรียนด้วยวิธีการที่หลากหลาย โดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ 2) จัดอบรมสั่งสอน และจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาผู้เรียน
ให้มีคุณลักษณะที่พึงประสงค์ 3) ปฏิบัติงานวิชาการของสถานศึกษา 4) ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการจัดระบบการดูแล
ชว่ ยเหลือผเู้ รยี น 5) ปฏบิ ัติงานอนื่ ตามทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย
มาตรฐานตำแหนง่ ครู
หน้าที่และความรับผิดชอบ ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอน การส่งเสริมการเรียนรู้ พัฒนา
ผู้เรียน ปฏิบัติงานทางวิชาการของสถานศึกษา พัฒนาตนเองและวิชาชีพ ประสานความร่วมมือกับผู้ปกครอง บุคคล
ในชุมชน และหรือสถานประกอบการเพื่อร่วมกันพัฒนาผู้เรียน การบริการสังคมด้านวิชาการ และป ฏิบัติหน้าที่อ่ืน
ตามท่ไี ดร้ บั มอบหมาย
ลักษณะงานที่ปฏิบัติ ประกอบด้วย 1) ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอน และส่งเสริมการเรียนรู้
ของผู้เรียนด้วยวิธีการที่หลากหลายโดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ 2) จัดอบรมสั่งสอนและจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาผู้เรียน
ให้มีคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ 3) ปฏิบัติงานวิชาการของสถานศึกษา 4) ปฏิบัติงานเกี่ยวกับการจัดระบบการดูแล
ช่วยเหลือผู้เรียน 5) ประสานความร่วมมือกับผู้ปกครองและบุคคลในชุมชน เพื่อร่วมกันพัฒนาผู้เรียนตามศักยภาพ
6) ทำนุบำรุง ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม แหล่งเรียนรู้ และภูมิปัญญาท้องถิ่น 7) ศึกษา วิเคราะห์ วิจัย และประเมิน
พัฒนาการของผู้เรียนเพื่อนำมาพัฒนาการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น 8) ปฏิบัติงานอื่นตามที่ได้รับ
มอบหมาย

ขอ้ บงั คับคุรุสภา วา่ ดว้ ยมาตรฐานวชิ าชีพ พ.ศ. 2556
ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพ พ.ศ. 2556 (สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา, 2556) ในข้อบังคับนี้

มสี าระสำคญั คือ การกำหนดจรรยาบรรณวิชาชีพของผปู้ ระกอบวชิ าชีพทางการศึกษาทั้งต่อตนเอง ผู้รับบรกิ าร ผู้ร่วม
ประกอบวิชาชีพและสังคม โดยได้กำหนดมาตรฐานวิชาชีพครู มาตรฐาน 3 ด้าน ประกอบด้วย 1) มาตรฐานความรู้
และประสบการณ์วชิ าชพี 2) มาตรฐานการปฏิบตั งิ าน และ 3) มาตรฐานการปฏิบตั ิตน (จรรยาบรรณของวชิ าชีพ) โดย
จรรยาบรรณของวิชาชีพได้มีการกำหนดแบบแผนพฤติกรรมตามจรรยาบรรณของวิชาชีพ เพื่อประมวลพฤติกรรม
ทเ่ี ป็นตัวอย่างของการประพฤตปิ ฏิบัติ คือ พฤติกรรมที่พงึ ประสงคแ์ ละไม่พงึ ประสงค์ สรปุ ได้ ดังน้ี

1. มาตรฐานความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ หมายความว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับความรู้และประสบการณ์
ในการจัดการเรียนรู้หรือการจัดการศึกษา ซึ่งผู้ต้องการประกอบวิชาชีพทาง การศึกษาต้องมีความรู้ความสามารถ
เพียงพอที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการประกอบวิชาชีพได้ โดยกำหนดให้ผู้ประกอบวิชาชีพครู ต้องมีคุณวุฒิ

156 156

ไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีทางการศึกษา หรือเทียบเท่าหรือมีคุณวุฒิอื่นที่คุรุสภารับรอง โดยกำหนดให้มีมาตรฐานความรู้
และประสบการณว์ ิชาชพี ดังตอ่ ไปนี้

1.1 มาตรฐานความรู้ ประกอบด้วย มาตรฐานความรู้ ดังนี้ 1) ความเป็นครู 2) ปรชั ญาการศึกษา 3)
ภาษาและวฒั นธรรม 4) จติ วิทยาสำหรบั ครู 5) หลกั สูตร 6) การจดั การเรียนรแู้ ละการจัดการช้ันเรยี น 7) การวิจัยเพ่ือ
พัฒนาการเรียนรู้ 8) นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศทางการศึกษา 9) การวัดและการประเมินผลการเรียนรู้
10) การประกันคุณภาพการศกึ ษา และ 11) คณุ ธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณ

1.2 มาตรฐานประสบการณ์วิชาชีพ โดยผ่านการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษาตามหลักสูตร
ปริญญาทางการศึกษาเป็นเวลาไม่น้อยกว่าหนึ่งปี และผ่านเกณฑ์การประเมินปฏิบัติการสอนตามหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขที่คณะกรรมการคุรุสภากำหนด คือ การฝึกปฏิบัติวิชาชีพระหว่างเรียน และการปฏิบัติการสอน
ในสถานศึกษาในสาขาวชิ าเฉพาะ

2. มาตรฐานการปฏิบัติงาน หมายความว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับคุณลักษณะหรือการแสดงพฤติกรรม
การปฏิบัติงานและการพัฒนางาน ซึ่งผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องปฏิบัติตามเพื่อให้เกิดผลตามวัตถุประสงค์
และเป้าหมายการเรียนรู้ หรือการจัดการศึกษา รวมทั้งต้องฝึกฝนให้มีทักษะหรือความชำนาญสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยกำหนดให้ผปู้ ระกอบวชิ าชีพครตู อ้ งมีมาตรฐานการปฏิบตั ิงาน 12 มาตรฐาน ดงั ตอ่ ไปน้ี

มาตรฐานที่ 1 ปฏิบัติกิจกรรมทางวิชาการเพื่อพัฒนาวิชาชีพครูให้ก้าวหน้าอยู่เสมอ หมายถึง การปฏิบัติ
กิจกรรมทางวิชาการเกี่ยวกับการพัฒนาวิชาชีพครู การศึกษา ค้นคว้าเพื่อพัฒนาตนเอง การเผยแพร่ผลงานทาง
วิชาการ และการเข้าร่วมกิจกรรมทางวชิ าการท่ีองค์การหรือหน่วยงาน หรอื สมาคมจดั ขนึ้ เชน่ การประชุม การอบรม
การสมั มนา และการประชุมปฏบิ ตั ิการ ทัง้ น้ตี ้องมีผลงานหรือรายงานทป่ี รากฏชัดเจน

มาตรฐานที่ 2 ตัดสินใจปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ โดยคำนึงถึงผลที่จะเกิดแก่ผู้เรียน หมายถึง การเลือกอย่าง
ชาญฉลาดด้วยความรักและหวังดีต่อผู้เรียน ดังนั้น ในการเลือกกิจกรรมการเรียน การสอนและกิจกรรมอื่นๆ
ครตู อ้ งคำนงึ ถึงประโยชน์ท่ีจะเกดิ แกผ่ เู้ รียนเปน็ หลกั

มาตรฐานที่ 3 มุ่งมั่นพัฒนาผู้เรียนให้เติบโตเต็มตามศักยภาพ หมายถึง การใช้ความพยายามอย่างเต็ม
ความสามารถของครูท่ีจะให้ผ้เู รียนเกิดการเรียนรู้ให้มากทีส่ ุด ตามความถนัด ความสนใจ ความต้องการ โดยวิเคราะห์
วินิจฉัยปัญหาความต้องการที่แท้จริงของผู้เรียน ปรับเปลี่ยนวิธีการสอนที่จะให้ได้ผลดีกว่าเดิม รวมทั้งการส่งเสริม
พัฒนาการดา้ นตา่ ง ๆ ตามศกั ยภาพของผูเ้ รยี นแตล่ ะคนอย่างเป็นระบบ

มาตรฐานที่ 4 พฒั นาแผนการสอนให้สามารถปฏบิ ตั ิได้จรงิ ในช้นั เรยี น หมายถงึ การเลอื กใช้ ปรับปรงุ หรือ
สร้างแผนการสอน บันทึกการสอน หรือเตรียมการสอนในลักษณะอื่น ๆ ที่สามารถนำไปใช้จัดกิจกรรมการเรียนการ
สอนให้ผู้เรียนบรรลวุ ัตถปุ ระสงค์ของการเรียนรู้

มาตรฐานท่ี 5 พัฒนาสื่อการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพอยู่เสมอ หมายถึง การประดิษฐ์ คิดค้น ผลิต
เลอื กใช้ ปรบั ปรุงเครื่องมืออุปกรณ์ เอกสารสิง่ พมิ พ์ เทคนคิ วิธีการต่าง ๆเพอ่ื ให้ผู้เรียนบรรลุจดุ ประสงคข์ องการเรียนรู้

มาตรฐานที่ 6 จัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้ผู้เรียนรู้จักคิดวิเคราะห์ คิดสร้างสรรค์โดยเน้นผลถาวรที่
เกิดแก่ผู้เรียน หมายถึง การจัดการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นให้ผู้เรยี นประสบผลสำเร็จในการแสวงหาความรู้ตามสภาพ
ความแตกต่างของบุคคลด้วยการปฏิบัติจริง และสรุปความรู้ทั้งหลายได้ด้วยตนเอง ก่อให้เกิดค่านิยมและนิสัย
ในการปฏบิ ัติจนเป็นบุคลกิ ภาพถาวรตดิ ตัวผู้เรียนตลอดไป

157 157

มาตรฐานที่ 7 รายงานผลการพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนได้อย่างมีระบบ หมายถึง การรายงานผลการ
พฒั นาผ้เู รยี นที่เกิดจากการปฏิบัติการเรยี นการสอนให้ครอบคลุมสาเหตุ ปัจจยั และการดำเนินงานทเ่ี กีย่ วข้อง โดยครู
นำเสนอรายงานการปฏิบัติ ประกอบดว้ ย 1) ปญั หาความต้องการของผูเ้ รยี นทตี่ ้องการได้รับการพฒั นา และเป้าหมาย
ของการพัฒนาผเู้ รียน 2) เทคนิค วิธกี าร หรือนวตั กรรมการเรียนการสอนที่นำมาใชเ้ พื่อการพัฒนาคุณภาพของผู้เรียน
และขนั้ ตอนวิธกี ารใช้เทคนิควิธกี ารหรือนวัตกรรมนน้ั ๆ 3) ผลการจดั กจิ กรรมการเรยี นการสอนตามวิธีการท่ีกำหนดท่ี
เกดิ กับผเู้ รยี น 4) ข้อเสนอแนะแนวทางใหม่ ๆ ในการปรับปรงุ และพฒั นาผเู้ รียนให้ได้ผลดีย่ิงข้ึน

มาตรฐานท่ี 8 ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้เรียน หมายถึง การแสดงออก การประพฤติปฏิบัติในด้าน
บุคลิกภาพทั่วไป การแต่งกาย กิริยา วาจา และจริยธรรมที่เหมาะสมกับความเป็นครูอย่างสม่ำเสมอ ที่ทำให้ผู้เรียน
เลื่อมใสศรัทธาและถอื เป็นแบบอยา่ ง

มาตรฐานท่ี 9 ร่วมมือกับผู้อื่นในสถานศกึ ษาอย่างสร้างสรรค์ หมายถึง การตระหนักถึงความสำคัญ รับฟัง
ความคิดเห็น ยอมรบั ในความรู้ความสามารถ ให้ความร่วมมอื ในการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมต่างๆ ของเพอื่ นรว่ มงานด้วยความ
เตม็ ใจ เพื่อให้บรรลุเปา้ หมายของสถานศึกษา และร่วมรบั ผลทเ่ี กดิ ข้นึ จากการกระทำนั้น

มาตรฐานที่ 10 รว่ มมอื กบั ผ้อู ื่นในชุมชนอยา่ งสร้างสรรค์ หมายถงึ การตระหนักในความสำคัญ รับฟงั ความ
คิดเห็น ยอมรับในความรู้ความสามารถของบุคคลอื่นในชุมชน และร่วมมือปฏิบัติงานเพื่อพัฒนางานของสถานศึกษา
ใหช้ มุ ชนและสถานศึกษามกี ารยอมรบั ซ่ึงกันและกนั และปฏิบัติงานรว่ มกันดว้ ยความเต็มใจ

มาตรฐานท่ี 11 แสวงหาและใช้ข้อมูลขา่ วสารในการพัฒนา หมายถึง การคน้ หา สงั เกต จดจำ และรวบรวม
ข้อมูลข่าวสารตามสถานการณ์ของสังคมทุกด้าน โดยเฉพาะสารสนเทศเกี่ยวกับวิชาชีพครู สามารถวิเคราะห์วิจารณ์
อยา่ งมีเหตุผล และใช้ข้อมูลประกอบการแกป้ ญั หาพัฒนาตนเอง พฒั นางานและพัฒนาสงั คมได้อย่างเหมาะสม

มาตรฐานที่ 12 สร้างโอกาสให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ในทุกสถานการณ์ หมายถึง การสร้างกิจกรรมการเรียนรู้
โดยการนำปัญหาหรือความจำเป็นในการพัฒนาต่างๆที่เกิดขึ้นในการเรียน และการจัดกิจกรรมอื่นๆในโรงเรียน
มากำหนดเป็นกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาของผู้เรียนที่ถาวร เป็นแนวทางในการแก้ปัญหาของครู
อีกแบบหนึ่ง ที่จะนำเอาวิกฤตต่างๆมาเป็นโอกาสในการพัฒนา ครูจำเป็นต้องมองมุมต่างๆ ของปัญหา แล้วในมุม
ของปัญหาไปในทางการพัฒนา กำหนดเป็นกิจกรรมในการพัฒนาของผู้เรียน ครูจึงต้องเป็นผู้มองมุมบวก
ในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ กล้าที่จะเผชิญปัญหาต่างๆ มีสติในการแก้ปัญหา มิได้ตอบสนองปัญหาต่างๆ ด้วยอารมณ์
หรือแงม่ ุมแบบตรงตวั ครสู ามารถมองหกั มมุ ในทกุ ๆ โอกาส มองเหน็ แนวทางที่นำสผู่ ลกา้ วหน้าของผู้เรียน

3. มาตรฐานการปฏิบัติตน หมายความว่า จรรยาบรรณของวิชาชีพที่กำหนดขึ้นเป็นแบบแผนใน
การประพฤติตน ซึ่งผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องปฏิบัติตาม เพื่อรักษาและส่งเสริมเกียรติคุณ ชื่อเสียงและ
ฐานะของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาให้เป็นที่เชื่อถือศรัทธาแก่ผู้รับบริการและสังคมอันจะนำมาซึ่งเกียรติและ
ศักดิ์ศรีแห่งวิชาชีพ โดยกำหนดให้ผู้ประกอบวิชาชพี ทางการศึกษาต้องมีมาตรฐานการปฏิบัติตนตามข้อบังคับคุรุสภา
ว่าด้วยจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. 2556 ได้กำหนดไว้ว่า ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องประพฤติตน
ตามจรรยาบรรณของวชิ าชพี และแบบแผนพฤติกรรมตามจรรยาบรรณของวิชาชพี 5 ด้าน 9 ขอ้ ประกอบดว้ ย

ด้านจรรยาบรรณต่อตนเอง โดยกำหนดให้ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องมีวินัยในตนเอง พัฒนา
ตนเองด้านวิชาชีพ บุคลิกภาพ และวิสัยทัศน์ ให้ทันต่อการพัฒนาทางวิทยาการ เศรษฐกิจ สังคม และการเมือง
อยู่เสมอ

158 158

ด้านจรรยาบรรณต่อวิชาชีพ โดยกำหนดให้ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องรัก ศรัทธา ซื่อสัตย์สุจริต
รับผิดชอบตอ่ วิชาชีพ และเปน็ สมาชิกท่ดี ขี ององค์กรวชิ าชีพ

ด้านจรรยาบรรณต่อผู้รับบริการ โดยกำหนดให้ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษามีคุณลักษณะดังน้ี ต้องรัก
เมตตา เอาใจใส่ ช่วยเหลือ ส่งเสริม ให้กำลังใจแก่ศิษย์ และผู้รับบริการตามบทบาทหน้าที่โดยเสมอหน้า ต้องส่งเสริม
ให้เกิดการเรียนรู้ ทักษะและนิสัย ที่ถูกต้องดีงามแก่ศิษย์ และผู้รับบริการ ตามบทบาทหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ
ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ต้องประพฤติปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดี ทั้งทางกาย วาจา และจิตใจ ต้องไม่กระทำตนเป็น
ปฏิปักษ์ต่อความเจริญทางกาย สติปัญญา จิตใจ อารมณ์ และสังคมของศิษย์ และผู้รับบรกิ าร และต้องให้บริการด้วย
ความจรงิ ใจและเสมอภาค โดยไม่เรยี กรบั หรอื ยอมรับผลประโยชน์จากการใชต้ ำแหนง่ หนา้ ที่โดยมชิ อบ

ด้านจรรยาบรรณต่อผู้ร่วมประกอบวิชาชีพ โดยกำหนดให้ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา พึงช่วยเหลือ
เก้ือกลู ซึง่ กนั และกันอยา่ งสรา้ งสรรค์ โดยยึดมัน่ ในระบบคณุ ธรรม สร้างความสามัคคใี นหมู่คณะ และ

ด้านจรรยาบรรณต่อสังคม โดยกำหนดให้ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาพึงประพฤติปฏิบัติตนเป็นผู้นำ
ในการอนุรักษ์ และพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญา สิ่งแวดล้อม รักษาผลประโยชน์
ของส่วนรวม และยดึ มนั่ ในการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นได้ว่า ในการประกอบวิชาชีพครูมีเกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพที่กำหนดว้า 3 ด้าน คือ
มาตรฐานความรู้ มาตรฐานการปฏิบัติงาน และมาตรฐานการปฏิบัติตน เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางในการประพฤติ
ปฏิบัติตนของผู้ที่ประกอบวิชาชีพครูให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ ซึ่งเป็นกระบวนการหนึ่งในการสร้างครู
ให้มีคุณภาพมีความสมบูรณ์ทั้งทางด้านวิชาการและวิชาชีพ สามารถปฏิบัติหน้าที่ของความเป็นครูให้สอดคล้องกับ
ความต้องการและความคาดหวงั ของสงั คมอยา่ งแท้จริง

2. ทักษะความเป็นครู
จากการศึกษาแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2579 (2560: ค-ฒ) ซึ่งเป็นแผนระยะยาว 20 ปี เพื่อให้มี

ความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี (พ.ศ.2560-2579) เน้นการให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมและ
การยอมรับของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง อันจะส่งผลให้การขับเคลื่อนแผนการศึกษาแห่งชาติไปสู่การปฏิบัติที่ประสบ
ผลสำเร็จ โดยนำยุทธศาสตร์ชาติ (National Strategy) มาเป็นกรอบความคิดสำคัญในการจัดทำแผนการศึกษา
แห่งชาติ แผนการศึกษาแห่งชาติฉบับนี้จึงได้กำหนด วิสัยทัศน์(Vision) ไว้ดังน้ี “คนไทยทุกคนได้รับการศึกษาและ
เรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างมีคุณภาพดำรงชีวิตอย่างเป็นสุข สอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและการ
เปลี่ยนแปลงของ โลกศตวรรษที่ 21” โดยมีวัตถุประสงค์ในการจัดการศึกษา 4 ประการ คือ 1) เพื่อพัฒนาระบบและ
กระบวนการจดั การศึกษาท่ีมีคุณภาพและมีประสิทธิภาพ 2) เพ่ือพัฒนาคนไทยใหเ้ ปน็ พลเมืองดี มคี ุณลักษณะ ทักษะ
และสมรรถนะที่สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
และยุทธศาสตร์ชาติ 3) เพื่อพัฒนาสังคมไทยให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณธรรม จริยธรรม รู้รักสามัคคีและ
ร่วมมือผนึกกำลังมุ่งสู่การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และ 4) เพื่อนำประเทศ
ไทยก้าวข้ามกับดักประเทศที่มีรายได้ปานกลางและความเหลื่อมล้ำภายในประเทศลดลง เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์และ
จดุ มงุ่ หมายในการจดั การศกึ ษาดังกลา่ วข้างตน้ แผนการศกึ ษาแห่งชาติไดว้ างเปา้ หมายไว้ 2 ดา้ น คอื 1)เปา้ หมายดา้ น
ผู้เรียน (Learner Aspirations) โดยมุ่งพัฒนาผู้เรียนทุกคนให้มีคุณลักษณะและทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21

159 159

(3Rs8Cs) ประกอบด้วย ทักษะและคุณลักษณะ 3Rs คือ การอ่านออก (Reading) การเขียนได้(Writing) และการคิด
เลขเป็น (Arithmetics) และทักษะ 8Cs ได้แก่ ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา
(Critical Thinking and Problem Solving) ทกั ษะด้านการสรา้ งสรรคแ์ ละนวตั กรรม (Creativity and Innovation)
ทักษะด้านความเขา้ ใจตา่ งวฒั นธรรมต่างกระบวนทัศน์ (Cross – cultural Understanding) ทกั ษะด้านความร่วมมือ
การทำงานเปน็ ทมี และภาวะผู้นำ (Collaboration, Teamwork and Leadership) ทักษะดา้ นการส่ือสารสารสนเทศ
และการรู้เท่าทันสื่อ (Communications, Information and Media Literacy) ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และ
เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (Computing and ICT Literacy) ทักษะอาชีพ และทักษะ การเรียนรู้(Career
and Learning Skills) และความมีเมตตา กรุณา มีวินัย คุณธรรม จริยธรรม (Compassion) และ 2) เป้าหมายของ
การจัดการศึกษา (Aspirations) ประกอบด้วย 1) ประชากรทุกคนเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพและมีมาตรฐานอย่าง
ทั่วถึง (Access) 2) ผู้เรียนทุกคน ทุกกลุ่มเป้าหมายได้รับบริการการศึกษาที่มีคุณภาพตามมาตรฐานอย่างเท่าเทียม
(Equity) 3) ระบบการศึกษาที่มีคุณภาพสามารถพัฒนาผู้เรียนให้บรรลุขีดความสามารถเต็มตามศักยภาพ (Quality)
4) ระบบการบริหารจัดการศึกษาที่มีประสิทธิภาพ เพื่อการลงทุนทางการศึกษาที่คุ้มค่าและบรรลุเป้าหมาย
(Efficiency) และ 5) ระบบการศึกษาที่สนองตอบและก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของโลกที่เป็นพลวัตและบริบทที่
เปล่ียนแปลง (Relevancy)

จากแผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2560-2579 จะเหน็ ไดว้ ่า ผูท้ ี่เป็นครูจะต้องมีการพัฒนาตนเองอยา่ งต่อเนื่อง
เพอ่ื ใหเ้ กิด/มที ักษะความเป็นครูสู่การพฒั นาผเู้ รียนทุกคนให้มีคุณลักษณะและทกั ษะการเรียนรใู้ นศตวรรษท่ี 21 ตามท่ี
แผนการศกึ ษาแห่งชาติได้กำหนดเปา้ หมายไว้ ซง่ึ มีนกั วิชาการหลายท่านได้เสนอแนวคดิ เก่ียวกับทักษะความเป็นครูไว้
อาทเิ ช่น

วิจารณ์ พานชิ (2554) ไดก้ ลา่ วถึง การพัฒนาตนเองอยา่ งต่อเน่ืองของครเู พื่อให้เปน็ ผูท้ ี่มคี วามรู้ความสามารถ
และมีทักษะความเป็นครูที่เหมาะกับวิชาชีพครู ประกอบด้วย 1) ทักษะความสามารถด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและ
การสื่อสาร 2) ทักษะความสามารถด้านภาษาอังกฤษ 3) ทักษะความสามารถด้านการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบ
ที่หลากหลาย ทั้งนี้ ผู้ประกอบวิชาชีพครูควรจะเรียนรู้ มีการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องและมีทักษะความสามารถ
ท่หี ลากหลายสามารถปฏิบตั ิการได้ ซึ่งจะชว่ ยใหผ้ เู้ รยี นเกิดการเรียนรู้ ฝึกทกั ษะการคิดและได้รับประสบการณ์ตรงที่มี
ความหลากหลายสอดคล้องกับความถนัดและเรียนอย่างมีความสุขสนุกกับการเรียนรู้ ประเด็นสำคัญ ครูจะต้อง
เข้าใจความแตกต่างระหว่างบคุ คล ต้องมีปฏสิ ัมพันธ์ท่ีดีกับผูเ้ รียนและรูจ้ กั ผู้เรยี นเป็นรายบุคคล มีการเตรียมการสอน
ท่ีหลากหลายผสมผสานกิจกรรมที่หลากหลาย มีสื่อประกอบการเรียนการสอนต่าง ๆ ที่น่าสนใจสามารถนำกระตุ้น
ผู้เรียนให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนากระบวนการคิดอย่างเป็นระบบ ซึ่งจะส่งผลให้เป็นครูที่มีคุณภาพและสามารถ
พฒั นาผูเ้ รยี นให้มีคณุ ภาพด้วยเช่นกนั

พิมพ์พันธ์ เดชะคุปต์ และพเยาว์ ยินดีสุข (2557: 8-12) ได้กล่าวถึง ทักษะเพื่อการเป็นครูมืออาชีพตาม
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ประกอบด้วย 1) ทักษะการพัฒนาหลักสูตร 2) ทักษะการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียน
เป็นศูนย์กลาง 3) ทักษะการนำนวัตกรรมไปใช้ 4) ทักษะการประเมินตามสภาพจริง 5) ทักษะการวิจัยปฏิบัติการ
ในชั้นเรียน 6) ทักษะการจัดการชั้นเรียน และ 7) ทักษะการเสริมสร้างลักษณะ และเสนอว่า การพัฒนาครูไทยในยุค
ศตวรรษที่ 21 ก็ต้องเป็นการพัฒนาให้ครูไทยมีทักษะของครูมืออาชีพควบคู่ไปกับการเป็นครูผู้มีจิตวิญญาณครู
มีคุณธรรมและจรรยาบรรณครู ที่เรียกว่า ความเป็นผู้มีคุณธรรม จริยธรรม (Ethics Character) และทักษะที่สำคัญ

160 160

สำหรบั ครยู คุ ใหม่ คอื เป็นผ้มู สี มรรถนะด้านคอมพวิ เตอร์ (Electronics Person) ซ่ึงสามารถนำมาจดั กล่มุ ลักษณะของ
ครูไทยในศตวรรษที่ 21 ประกอบด้วย ความเป็นผู้มีคุณธรรมจริยธรรม ความเป็นผู้มีสมรรถนะด้านคอมพิวเตอร์
สมรรถนะด้านพัฒนาหลักสูตรรายวิชา สมรรถนะด้านการจัดการเรียนการสอน สมรรถนะด้านการประเมินผล
การเรยี นร้สู ู่การทำวจิ ยั ปฏบิ ัตกิ ารในชั้นเรยี นและสมรรถนะด้านการจดั การชั้นเรยี นเพื่อสรา้ งบรรยากาศเชิงบวก

สุทัศน์ เอกา (2558: 8-10) ได้เสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับ "ทักษะคนชั้นครู" ซึ่งประกอบด้วย 1) การสร้าง
แรงจูงใจ (Motivation) มีศิลปะการใช้ถ้อยคำโน้มน้าวใจให้เห็นคุณค่าที่จำเป็นในการเรียนรู้เพื่อชีวิต โดยสามารถ
เชื่อมโยงความรู้เดมิ ของผเู้ รียนกบั ความรูใ้ หม่ท่จี ะไดร้ บั เพ่ือให้ผู้เรียนเกิดจนิ ตนาการในเรื่องทีจ่ ะได้เรียนได้อย่างชัดเจน
2) ความเข้าใจ (Apprehension) คือ เข้าใจในเรื่องที่ทำ เข้าใจในเนื้อหาที่ถูกต้องและสอดคล้องกับยุคสมัย เข้าใจ
ตนเองของครูผู้สอนเรื่องบทบาทหน้าที่ อารมณ์ และ จิตวิญญาณความเป็นครู และเข้าใจในตัวผู้เรียน 3) การได้รับ
(Acquisition) เป็นวิธีการให้ผู้เรียนได้รับความรู้ซึ่งมีความสำคัญต่อการนำความรู้ไปปรับใช้ประโยชน์ต่อชีวิตจริงได้
4) การเก็บไว้ (Retention) เปน็ การให้ผ้เู รยี นได้เรียนรจู้ ากประสบการณ์จริง 5) การระลึกได้ (Recall) ผเู้ รียนสามารถ
ถ่ายโอนความรู้ได้ 6) ความคล้ายคลึง (Generalization) สอนให้ผู้เรียนเกิดความรู้ง่ายขึ้น 7) มีความสามารถในการ
ปฏิบัติ (Performance) สอนโดยส่งเสริมหรือกระตุ้นให้ผู้เรียนแสดงออกซึ่งความรู้ความสามารถ คือ คนที่คิดเป็น
ทำเป็นและแก้ปัญหาได้ 8) การสะท้อนกลับ (Feedback) เป็นการประเมินผลการเรียนการสอนตามสภาพความ
เปน็ จรงิ เพอื่ รักษาคณุ ภาพและพฒั นา

โณทัย อุดมบุญญานุภาพ (2558) ได้กล่าวถึง ทักษะความเป็นครูและคุณลักษณะครูรุ่นใหม่ในศตวรรษ 21
ประกอบดว้ ย 1) มีความสนใจและกระตือรือร้นท่ีจะเรียนรู้และเปน็ บุคคลแห่งการเรียนรู้ 2) มีความรอบรู้ด้านปรัชญา
การศึกษา นโยบายการศึกษา กฎหมายการศึกษา มาตรฐานวิชาชีพครู มาตรฐานการศึกษา จิตวิทยาการศึกษา และ
หลักสูตรการสอน 3) มคี วามรคู้ วามสามารถที่ทนั สมัย ทันเหตกุ ารณ์ และทนั ต่อการเปลี่ยนแปลง สามารถเชื่อมโยงกับ
ชุมชนท้องถิ่นเข้ากับมาตรฐานสากลได้ 4) มีความรู้ความสามารถในวิธีการแสวงหาความรู้ 5) รู้จักและเข้าใจ
พัฒนาการผู้เรียน 6) มีความรู้และทักษะในวิชาชีพที่สอนอย่างลุ่มลึก ชัดเจน สามารถสอนแล้วผู้เรียนเข้าใจ
มีความสามารถเรียนรู้ได้และสนุกกับการเรยี นรู้ สอนและจัดกิจกรรมการเรียนรู้อย่างเตม็ ความสามารถ เต็มเวลาและ
เต็มหลกั สตู ร 7) มคี วามสามารถในการสรา้ งบรรยากาศและสง่ิ แวดล้อมการเรยี นรู้ ทีก่ ระตุน้ ความสนใจใฝ่รู้ของผู้เรียน
และมีความสุขสนุกในการเรียนการสอนมีความสามารถในการสังเกตและรู้จักแก้ไขพฤติกรรมการเสริมแรงและ
การลงโทษที่เหมาะสม 8) มีทักษะการสอนที่เชี่ยวชาญและสร้างสรรค์ จนสามารถพัฒนาผู้เรียนได้เต็มศักยภาพ
ตามความแตกต่างระหว่างบคุ คล กระตุ้นให้ผ้เู รยี นแสดงความสามารถได้อย่างเต็มท่ี เน้นการจดั กิจกรรมที่หลากหลาย
เพื่อสนองตอบต่อผู้เรียน 9) มีความรู้และเข้าใจเป้าหมายและวิธีการของหลักสูตรและการสอน 10) มีความสามารถ
ในการออกแบบ วางแผนการสอนจัดกิจกรรมการเรียนการสอน การบริหารจัดการในชั้นเรียน การวิจัย และพัฒนา
การสอน มีความเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงทางวิชาการที่มีประสิทธิภาพ และมีความสามารถวัดผลประเมินผล
พัฒนาการของการเรียนรู้ไดห้ ลากหลายวิธีอย่างเหมาะสม 11) มีความรักและศรัทธาที่จะเป็นครู มีความเมตตากรุณา
และเป็นกัลยาณมติ รของศษิ ย์ 12) มีจริยธรรม คุณธรรม กิริยามารยาทสุภาพเรียบร้อย รู้จักการวางตนอยู่ในศีลธรรม
อันดีเปี่ยมด้วยคุณธรรม ยึดมั่นในจรรยาบรรณวิชาชีพครู และยึดมั่นตามหลักศาสนา 13) มีบุคลิกภาพเป็นแบบอย่าง
ที่ดีในด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และการดำรงชีวิต 14) มีความรับผิดชอบในหน้าที่ มีความมุ่งมั่นในการ
ปฏิบัติงาน ทำงานอย่างเป็นระบบและพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง 15) มีความสามารถในการปลูกฝังระเบียบวินัย

161 161

คุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่ดี 16) สามารถจัดกิจกรรมการเรียนรู้ จัดระเบียบเนื้อหาสาระการเรียนรู้และจัด
กิจกรรมการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพสอดคล้องกับพัฒนาการของผู้เรียน ตลอดจนมีความสามารถในการพัฒนา
หลักสตู รท้องถิ่นไดต้ รงกับความตอ้ งการของชมุ ชนท้องถ่นิ

ธนภทั ร จนั ทรเ์ จริญ (2558: 83-92) กล่าววา่ การทว่ี ิชาชพี ครไู ดร้ บั การยกยอ่ งว่าเป็นวิชาชพี ช้ันสูงท่ีมีบทบาท
และมคี วามจำเปน็ อย่างมากต่อสงั คม เป็นวชิ าชพี ท่ีสร้างสรรคแ์ ละจรรโลงสังคมใหเ้ จริญก้าวหน้าดำเนินไปในทิศทางท่ี
ปรารถนา อีกท้งั พฤติกรรมและการกระทำของครยู ังยึดถือเป็นแบบอย่างแก่ผเู้ รยี นและคนในสงั คมอีกด้วย คุณลกั ษณะ
ของความเปน็ ครชู องสงั คมโลกในศตวรรษที่ 21 จึงต้องประกอบดว้ ย 1) ซอ่ื สตั ย์ (Honesty) เป็นคณุ ธรรมท่ีจำเป็นต่อ
ทกุ คนและทกุ สงั คม ครจู งึ ตอ้ งปลูกฝงั หรือสั่งสอนเยาวชนให้ประพฤตปิ ฏิบัติ หากคนในสงั คมขาดคุณธรรมข้อนี้สังคมก็
จะวุ่นวาย ไม่สงบสุข คนจะเอารัดเอาเปรียบกัน และเห็นแก่ตัวมากขึ้น จนก่อให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย
คณุ ลกั ษณะของความซ่อื สัตย์ประกอบไปด้วย การประพฤตติ รงและจรงิ ใจ ไมค่ ดิ คดทรยศ ไมค่ ดโกง ไมห่ ลอกลวง หรือ
พูดง่ายๆ ว่าเป็นคนตรงนั่นเอง 2) รับผิดชอบ (Responsibility) เป็นพฤติกรรมสำคัญที่พึงประสงค์ที่สังคมคาดหวัง
และเป็นภารกิจท่ีสังคมมอบหมายให้ผู้ประกอบวิชาชีพครูกระทำ หน้าที่และความรับผดิ ชอบของครูเป็นส่วนสำคญั ยงิ่
ในการประกอบวิชาชีพและการดำรงไว้ซึ่งความเป็นครูของครูแต่ละคน งานของครูอาจกำหนดได้ว่า มีงานสอน งาน
อบรม และงานพัฒนาศิษย์ให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ของหลักสูตรและแผนการศึกษาแห่งชาติ ครูจึงต้องมีหน้าที่และ
ความรับผดิ ชอบมากมายนกั สรุปได้ว่า หน้าท่ีความรับผิดชอบของครูก็คือ ภารกิจที่ครพู ึงจะต้องกระทำให้ได้ผลดีโดย
สมำ่ เสมอ 3) ศรัทธาวชิ าชีพ (Faith Profession) เป็นคุณลักษณะอกี ประการหนึ่งทีช่ ่วยค้ำจนุ ใหผ้ ูป้ ระกอบวิชาชีพครู
มีความเป็นครูที่สมบูรณ์มากขึ้น ครูที่ดีต้องมีความรักและศรัทธาต่อวิชาชีพ ผู้ที่อยู่ในวิชาชีพครูจะต้องยึดมั่นในการ
ประกอบอาชีพด้วยความรัก ความศรัทธา และความชื่นชมในวิชาชีพอย่างเต็มภาคภูมิ ประพฤติปฏิบัติตาม
จรรยาบรรณและศรัทธาในวิชาชีพด้วยความบริสุทธิ์ใจ 4) ต้นแบบสังคม (Role Models) ซึ่งครูได้รับการขนานนาม
ว่าเป็น“แม่พิมพ์ของชาติ” เพราะเด็กนักเรียนจะมีลักษณะเป็นเช่นไรนั้น ย่อมได้รับอิทธิพลมาจากพฤติกรรมการ
ถ่ายทอด และการอบรมสั่งสอนจากครู ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า “ถ้ามีครูดี ศิษย์ก็จะดีอย่างครู” และเมื่อสังคมมีความ
คาดหวังเช่นนี้ ผู้ที่ประกอบวิชาชีพครูจึงต้องเป็นแบบอย่างแก่ศิษย์และผู้คนในสังคม ประกอบด้วย การครองตน
หมายถึง การประพฤติและปฏิบัติตนอย่างมีคุณธรรม ควรแก่การยกย่องเชิดชู เช่น การพึ่งตนเอง ขยันหมั่นเพียร มี
ความรับผิดชอบ ประหยัด อดออม รักษาระเบียบวินัย เคารพกฎหมาย ปฏิบัติตามคุณธรรมของศาสนา และมีความ
จงรกั ภกั ดีต่อสถาบนั อนั สำคัญในชาติ การครองคน หมายถงึ ความสามารถทจ่ี ะตดิ ตอ่ สัมพนั ธ์กับผู้อื่น สามารถจงู ใจให้
เกิดการยอมรับและให้ความร่วมมือในการทำงานหรือปฏิบัติหน้าที่ เช่น การสร้างความเข้าใจอันดีกับผู้บังคับบัญชา
เพื่อนร่วมงาน ผู้ใต้บังคับบญั ชา และผู้มาติดต่องาน ร่วมทำงานเปน็ กลุ่มได้ จูงใจเพื่อนร่วมงานให้เกิดการยอมรบั และ
ให้ความช่วยเหลือ ให้บริการแก่ผู้มาติดต่องานด้วยความเสมอภาค แนะนำสิ่งที่เป็นประโยชน์และมีความเป็นธรรม
เสริมสร้างความสามัคคี และการครองงาน หมายถึง สามารถปฏิบัติงานในหน้าที่และงานที่ได้รับมอบหมายได้เป็น
อย่างดี อาทิเช่น มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ มีความรู้ความสามารถที่เพียงพอและเหมาะสม มีความพึงพอใจในการ
ปฏิบัติงาน มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ สามารถปรับปรุงและแก้ไขงานที่ทำ มีความพากเพียรในการทำงาน และ
คำนึงถงึ ผลประโยชน์ของสว่ นรวม เปน็ ต้น 5) เคารพกฎหมาย (Lawfulness) ซึ่งถอื เป็นรากเหง้าของความมีศีลธรรม
ผู้ประกอบวิชาชีพครูจึงต้องคำนึงถึงเรื่องนี้อีกเช่นกัน เพราะการกระทำของครูจะส่งผลไปถึงศิษย์และคนสังคมอย่าง
แน่นอน ดังนั้น เมื่อครูเคารพกฎหมายด้วยความสัตย์จริงก็จะเป็นแบบอย่างที่ถ่ายทอดและส่งต่อไปสู่ผู้คนในสังคมให้

162 162

เคารพกฎหมายตามไปด้วย เมื่อประชาชนส่วนหนึ่งเคารพกฎหมาย ก็จะส่งผลให้ประชาชนส่วนที่เหลือหันมาเคารพ
กฎหมายตามแบบอย่างกัน เมื่อคนในสังคมอยู่ในกรอบของกฎหมาย ทำตามระเบียบมากขึ้นก็จะส่งผลให้คนในทุก
สาขาวชิ าชพี ถกู บังคบั ใหอ้ ยภู่ ายใต้กรอบของกฎหมายตามไปด้วยเช่นกนั 6) ใจรกั บรกิ าร (Service Mind) อาชพี ครูใน
สังคมปัจจุบันก็ไม่แตกต่างอะไรไปจากผู้ให้บริการ เพียงแต่เป็นการให้บริการที่เน้นการให้ความรู้และการพัฒนาทาง
สติปัญญา ครูในสังคมยคุ ใหม่จงึ ตอ้ งมีจิตบริการ กล่าวคือ ต้องอำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ ให้การช่วยเหลอื เมื่อ
นักเรียนประสบปัญหา ให้ความกระจ่างเมื่อผู้เรยี นเกิดความสงสัย ให้การสนบั สนุนเมื่อผู้เรยี นมีความสามารถ มีความ
กระตือรือร้นต่อการให้บริการแก่นักเรียน ยิ้มแย้มแจ่มใสเมื่อนักเรียนมาขอคำปรึกษา ให้การต้อนรับด้วยไมตรีจิตที่ดี
และส่งเสริมให้ศิษยป์ ระสบความสำเร็จในสง่ิ ทเ่ี ขามงุ่ หวงั การทีค่ รูมจี ติ บริการดงั กลา่ ว ก็จะชว่ ยใหเ้ กิดผลดีต่อนักเรียน
ต่อตัวครูเอง และต่อหน้าที่การงานทีท่ ำ 7) โปร่งใสตรวจสอบได้ (Transparency) เมื่อสังคมมีความบกพร่องในเรื่อง
ความโปร่งใสในการทำงานและการปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิกในสังคม ครูจึงต้องดำรงตนและประพฤติปฏิบัติเป็น
แบบอย่างอีกเชน่ กัน เพราะธรรมของครูในยุคสมัยใหม่นี้ ต้องเป็นความดีที่สังคมโหยหาและอยากกระหายจึงจะถือได้
ว่าเป็นครูทีม่ ีดีอยา่ งแท้จริง โดยเฉพาะเมื่อกฎหมายเปิดทางให้นักเรียน ผู้ปกครอง หรือผู้ที่มีส่วนเก่ียวข้องสามารถขอ
ตรวจสอบข้อมูลและหลักฐานในการเรียนของตนเองได้ ในการตรวจผลงาน การสอบ การวัด และการ ประเมินผล
ผู้เรียนแต่ละคน ครูจึงต้องมีร่องรอยหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรอย่างชัดเจน และเพียงพอที่จะแสดงถึงความ
โปร่งใสในการทำหน้าที่การสอน การวัด และการประเมินผลผู้เรียนตามที่หลักสูตรกำหนด 8) เท่าเทียม เสมอภาค
(Non-discrimination) ครูมักถูกเปรียบเปรยว่าเป็นเสมือนเรือจ้างที่ต้องนำพาผู้เรียนไปส่งให้ถึงฝั่งฝัน แต่ปัจจุบัน
บทบาทเหล่านี้กลับจางหายไปจากสังคมไทยมากขึ้นทุกขณะ เพราะครูไม่ได้ทำหน้าที่ให้ความรู้แก่เด็กนักเรียนอย่าง
สมบูรณ์เหมือนก่อน แต่กลับเลือกปฏิบัตติ ่อนกั เรียน จนเป็นเหตุให้นักเรยี นมีความคิดและทัศนคตทิ ี่ไม่ดี ดังจะเห็นได้
จากการเลือกปฏิบัติกับนักเรียนที่เรียนดี เรียนเก่ง ให้ความสนใจและพูดจาไพเราะกับนักเรียนที่ผู้ปกครองมีฐานะ
ร่ำรวย และในทางกลับกันก็แสดงกิริยาและใช้วาจาที่ไม่ดีต่อนักเรียนที่เรียนอ่อน พูดจาถากถาง ดูถูกดูแคลน สบ
ประมาท รวมไปถึงมีการวางตัวไม่เหมาะสมกบั นกั เรียนจนกลายเป็นปัญหาสังคมมากมาย สิ่งเหล่านีค้ ือภาพสะท้อนที่
แสดงให้เห็นวา่ จรรยาบรรณทแ่ี ทจ้ ริงของความเปน็ ครูคอื อะไรกันแน่ และ 9) ถกู ต้อง ชอบธรรม (Moral Courage) ผู้
ที่ประกอบวิชาชีพครูสมควรอย่างยิ่งที่จะต้องเป็นผู้ที่ยืนหยัดทำในสิ่งที่ถูกต้อง สามารถชี้แนะแนวทางเพื่อบอกกล่าว
ตักเตือน อบรมสั่งสอน เสริมสร้างความรู้ และปลูกฝังนิสัยที่ดีงามถูกต้องให้แกศ่ ิษย์อยู่เสมอ ยิ่งสถานการณ์ปจั จุบนั ที่
สังคมไทยมปี ัญหาความขดั แยง้ ในดา้ นความคดิ เห็นท่ีแตกต่าง มองคนละแงม่ มุ คิดคนละดา้ น ต่างฝ่ายต่างมเี หตุผลตาม
ความเชื่อของตนเอง ผู้คนเกิดความสับสน สังคมมีความวุ่นวาย ไม่ใครกล้ายืนยันว่าสิ่งไหนถูกสิ่งไหนผิด ครูจึงต้องรบั
หนา้ ท่ใี นบทบาทอนั สำคญั นีไ้ ว้ ท้ังนีก้ ็เพราะว่า“คร”ู คอื ผ้ชู ท้ี างสวา่ ง เป็นความหวงั และเป็นทพ่ี ึง่ ของสงั คม

นอกจากนี้ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (2556: 40-41) ได้ศึกษาวิเคราะห์สถานภาพการพัฒนาครู
ทงั้ ระบบโดยรวบรวมข้อคิดเหน็ ของบุคคลต่าง ๆ เก่ียวกับลกั ษณะครูท่ีดี สามารถสรปุ ได้ ดงั นี้ 1) ความมีระเบียบวินัย
2) ความซื่อสัตย์สุจริตและยุติธรรม 3) ความขยันประหยัด และยึดมั่นในสัมมาอาชีพ 4) ความสำนึกในหน้าท่ีและการ
งานต่าง ๆ รวมถึงความรบั ผดิ ชอบต่อสังคมและประเทศชาติ 5) ความเป็นผู้มีความคิดรเิ ริ่ม วิจารณ์และตดั สนิ อย่างมี
เหตุผล 6) ความกระตือรือร้นในการปกครองในระบอบประชาธิปไตย รักและเทิดทูนชาติศาสนา พระมหากษัตริย์
7) เป็นผู้มีพลานามัยที่สมบูรณ์ทั้งทางร่างกายและจิตใจ 8) ความสามารถในการพึ่งพาตนเองและมีอุดมคติเป็นที่พึ่ง

163 163

9) ความภาคภูมิและการรู้จักทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมและทรัพยากรของชาติ 10) ความเสียสละและเมตตาอารี
กตญั ญูกตเวที กลา้ หาญ และความสามัคคกี ัน

โมรีโน่ ชีโล (Moreno R. Chelo, 2010: 35-46) ได้เสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับทักษะและคุณสมบัติที่สำคัญ
และจำเป็นสำหรับการเป็นครูที่มีประสิทธิภาพ ประกอบด้วย 1) ทักษะด้านองค์ความรู้ คือจะต้องมีความรู้ในเนื้อหา
ที่ดี ถ่ายทอดเนื้อหาความรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้เรียน ตลอดจนสร้างความ
เชื่อมั่นในตัวครูแก่ผู้เรียนได้ 2) ทักษะการวางแผนที่ดี สามารถวางแผนการจัดการเรียนการสอนได้อย่างมี
ประสิทธิภาพภายในเวลาที่เหมาะสมและเปิดโอกาสให้ผู้เรียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการเรียนการสอน เพื่อนำ
ข้อเสนอแนะเหล่านั้นไปพัฒนาสภาพแวดล้อมการเรียนรู้และวิธีการสอนของครู 3) ทักษะการบริหารจัดการใน
ห้องเรียน มีการวางแนวทางการบริหารจัดการห้องเรียนหรือชัน้ เรียน โดยเลือกที่จะรกั ษาสภาพแวดล้อมที่ผ่อนคลาย
และอบอุ่นภายในห้องเรียน เพื่อส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้มากกว่าการใช้กฎข้อบังคับที่เข้มงวดในการจัดการกับ
พฤตกิ รรมของผู้เรียนในห้องเรยี น 4) การรบั มือกับความแตกตา่ งของแต่ละบุคคล สามารถปรับแตง่ รูปแบบการเรียนรู้
ใหเ้ หมาะสมกับผู้เรียน สามารถรบั รู้ถึงบรรยากาศในห้องเรียน และสามารถปรับเปล่ียนวิธีการจัดการเรียนการสอนให้
เหมาะสมและน่าสนใจอยูเ่ สมอ 5) ทักษะการสื่อสาร สามารถถ่ายทอดเนื้อหาที่มีความซับซ้อนด้วยวิธกี ารท่ีเข้าใจง่าย
ให้กับผู้เรียนได้ 6) มีความมั่นใจ ความมั่นใจในเนื้อหาวิชาของครูส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพของการจัดการเรียน
การสอน 7) การสร้างแรงบันดาลใจในการเรียนรู้ สามารถสร้างแรงจูงใจในการเรียนรู้ของผู้เรียนและมีส่วนสนับสนุน
ให้ผู้เรยี นคน้ พบตวั เองและสามารถพัฒนาศักยภาพของตนเองจนนำไปสู่ความสำเรจ็ ได้ 8) ความเคารพ ความยุติธรรม
และความเท่าเทียม โดยแสดงให้ผู้เรียนเห็นถึงความน่าเคารพ ความยุติธรรม และความเท่าเทียมของแต่ละบุคคล
ในดา้ นตา่ งๆ เชน่ ภูมหิ ลงั เชอื้ ชาติ ศาสนา สถานะทางเศรษฐกจิ และอน่ื ๆ 9) การวดั และประเมนิ ผล สามารถใช้วิธีการ
วัดและประเมินผลการเรียนรู้ที่หลากหลายอย่างเหมาะสมและยุติธรรม 10) การเรียนรู้และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ
โดยประเมินคุณภาพการสอนของตนเองผ่านการเรียนรู้ของผู้เรียน เพื่อพัฒนาแนวการสอนของตนเองอยู่เสมอ
ส่วนคุณสมบัติด้านทักษะส่วนบุคคลที่จำเป็นของการเป็นครูที่มีประสิทธิภาพ ประกอบด้วย 1) การดูแลเอาใจใส่ คือ
การดูแลเอาใจใสแ่ ละให้กำลงั ใจแก่ผู้เรียนอยเู่ สมอโดยการแสดงความหว่ งใย ไต่ถามปญั หาและรับฟังปัญหาอย่างเข้าใจ
ตลอดจนยินดีให้คำปรึกษาและความช่วยเหลือแก่ผู้เรียนด้วยความเต็มใจ 2) ความสัมพันธ์ครูกับศิษย์ เพราะ
ปฏิสัมพันธ์ทางสงั คมระหว่างครูและผู้เรยี นมีส่วนกระตุ้นการเรียนรู้และผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนของผู้เรียน นอกจากน้ี
ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างครูและศิษย์ยังช่วยลดปัญหาการทำผิดกฎระเบียบของผู้เรียน และ 3) สภาพแวดล้อม
ในห้องเรียนหรือชั้นเรียน บรรยากาศและสภาพแวดล้อมของห้องเรียนที่อบอุ่นและปลอดภัยจะกระตุ้นให้ผู้เรียน
สามารถเรยี นรู้ได้อย่างมีประสิทธภิ าพ

นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยที่น่าสนใจและมีความสำคัญกับนักศึกษาครูเกี่ยวกับสมรรถนะและคุณลักษณะ
ความเป็นครูเพื่อใช้เป็นแนวทางการปฏิบัติและพัฒนาตนเองของนักศึกษาครูที่จะออกไปปฏิบัติงานในหน้าท่ีครู
ในสถานศกึ ษา โดย เฉลิมลาภ ทองอาจ (2556) ได้กลา่ วถึง สมรรถนะสำคัญสำหรบั นักศึกษาครู ประกอบด้วย

1. เจตคติที่ดีและความศรัทธาต่อวิชาชีพครู (Positive Attitude and Faith in Teacher Professional)
ภาระงานของครูมีหน้าที่ในการจัดการเรียนการสอนและมีภาระงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก การที่นักศึกษา
ออกฝึกประสบการณ์วิชาชีพ โดยที่ไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับงานครูมาก่อนอาจทำให้นักศึกษาเห็นว่างานครูเปน็ งาน
ที่หนัก ส่งผลให้ไม่ประสงค์ที่จะประกอบวิชาชีพครูในอนาคตได้ จึงต้องหาแนวทางให้นักศึกษาเข้าไปสัมผัสงานครู

164 164

ในส่วนอื่น ๆ นอกเหนือจากการสอนตั้งแต่ระยะเนิ่น ๆ ของการเรียนด้วยเพื่อให้เห็นภาพรวมการทำงานทุกด้าน
นอกจากนี้ยังจะต้องหาแนวทางเพื่อสร้างศรัทธาต่อวชิ าชีพครู ให้เป็นสิ่งที่นักศึกษามุ่งมั่นปรารถนา และเห็นว่าอาชพี
ทต่ี นเองกำลังจะกา้ วเข้าไปนั้นเป็นสง่ิ ทมี่ คี ุณคา่ ยิ่ง

2. คุณธรรมจริยธรรม จรรยามารยาท (Morality and Integrity) สังคมไทยให้ความสำคัญกับการเป็น
แบบอย่างของครู (Role Model) ปัจจุบันค่านิยมนี้จะคลี่คลายลงเพื่อให้ครูมีความยืดหยุ่นในการปฏิบัติตน
มากยิ่งขึ้น แต่ครูยังคงต้องเป็นผู้ที่ประพฤติปฏิบัติตนตามหลักคุณธรรม และมีจริยธรรมพื้นฐานในการปฏิบัติตน
รวมถึงเป็นผู้มีมารยาทดี ประพฤติตนได้อย่างถูกต้องเหมาะสมตามกาลเทศะ ซึ่งแนวทางการพัฒนาสมรรถนะด้านน้ี
ผู้เป็นพี่เลี้ยงจำเป็นจะต้องนำตัวอย่างเหตุการณ์ที่ท้าทายให้เกิดความครุ่นคิดในประเด็นเรื่องศีลธรรมต่าง ๆ มาให้
นักศึกษาได้ศึกษาและวิพากษ์ เพื่อให้เกิดความตระหนักว่า งานครูเกี่ยวข้องกับประเด็นด้านคุณธรรมและจริยธรรม
อย่ตู ลอดเวลา

3. ความสามารถในการสื่อสารและการแสดงออก (Communication and Expsion Skills) การสื่อสารเน้น
ไปที่การสื่อสารเพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์ สื่อสารอย่างเปิดใจ (Open-Minded) สื่อสารเพื่อแลกเปลี่ยน (Sharing) สื่อสาร
เพอ่ื สร้างความไว้เน้ือเชื่อใจ (Trust) สื่อสารเพื่อแกป้ ัญหา ฯ ครบู างคนแม้จะมีรู้ในเชิงเน้ือหาแต่ขาดทักษะการส่ือสาร
ก็ไม่อาจจะทำให้ผู้เรียนประสบความสำเร็จในการเรียนรู้ได้ดีที่ควร ครูควรจะมีความสามารถในการแสดงออก
ซึ่งความคิด อารมณ์และความรู้สึกอย่างสร้างสรรค์ สามารถกระทำได้ในหลายรูปแบบ เช่น การเขียน การเล่า
การสนทนา การวาดภาพ การทำแผนผัง การแตง่ เพลง การแต่งคำประพันธ์ การแต่งเรอ่ื งราว รวมถึงการใช้สัญลักษณ์
ตา่ ง ๆ เพือ่ สอ่ื ความหมายซงึ่ เปน็ เทคนิคทเ่ี รยี กวา่ การสอนดว้ ยการใช้เร่อื งเล่า (Narrative Teaching) เป็นการกระตุ้น
ความรู้และประสบการณ์ของผู้เรียน นอกจากนี้ ผู้เรียนยังจะต้องสามารถสื่อสารด้วยภาษาที่นอกเหนือจากภาษาแม่
จึงจะช่วยใหค้ รเู กิดความเข้าใจสภาพตา่ ง ๆ รวมถงึ ประเด็นดา้ นการเรียนการสอนของระดบั สากลมากยงิ่ ข้ึน

4. ความสามารถในการปรับตัวและการมีความยืดหยุ่น (Adaptation Skills and Flexible) กรอบหรือวินัย
นำมาซงึ่ ความรู้สึกอึดอัด กอ่ ใหเ้ กิดความไมส่ บายกายและใจ การพัฒนาครจู งึ ไม่ควรทำภายใต้กรอบนั้น พ่ีเลี้ยงจะต้อง
ปรับตัวให้สอดคล้องกับลักษณะของนักศึกษา และจัดการเรียนการสอนรวมถึงการนิเทศการสอนด้วยความยืดหยุ่น
ตามสภาพปัจจัย รวมถึงการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดได้อย่างคุ้มค่า โดยพิจารณาจากพื้นฐานความแตกต่าง
ในเรอ่ื งความต้องการความสามารถ ความพร้อมท่นี ักศึกษามีการปรับตัวและการยืดหย่นุ น้นั เพอื่ ช่วยให้นิสิตนักศึกษา
ครสู ามารถปฏิบัตงิ านครตู ่อไปได้ตามศักยภาพ

5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ( ICT Skills) การสร้าง“ชั้นเรียนนอกชัน้ เรียน”หรือชั้นเรียน
เสมือนผู้เรียนสามารถสนทนากับผู้สอน ศึกษาหาความรู้ นำเสนอความคิดเห็นของตนในรูปแบบต่าง ๆ หรือ
ใช้โปรแกรมสำเร็จรูป สะท้อนผลการเรียนของตนเองและผู้อื่นได้เป็นสมรรถนะหลักที่ครูในศตวรรษที่ 21 ควรมี ซ่ึง
ในปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศมีหลายรูปแบบ ซึ่งจะช่วยให้อาจารย์ (Teacher Educator) และนักศึกษาครู
(Teacher Student) มปี ฏิสัมพันธ์รว่ มกนั และสร้างปฏิสัมพันธร์ ะหวา่ งเนื้อหา (Content) ได้อย่างมปี ระสิทธิภาพ

6. ความสามารถในการจัดการแบบบูรณาการ (Integrated Management Skills) ด้วยสภาพของงานครู
ที่ต้องเกี่ยวข้องกับศาสตร์และทักษะหลายประเภท อาทิ ศาสตร์ด้านจิตวิทยา ทฤษฎีการเรียนรู้ ทฤษฎีหลักสูตร
การสอน การวัดและประเมินผล ทักษะการสังเกตผู้เรียน การจัดการชั้นเรียน การสื่อสารและการโน้มน้าว การสร้าง
บรรยากาศการเรียนรู้ การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ฯลฯ เหล่านี้เมื่อมารวมอยู่ภายในครูเพียงคนเดียว

165 165

จงึ จำเปน็ ท่ตี ้องเป็นผู้ท่เี ชื่อมโยงและบรู ณาการศาสตร์และทักษะเหล่าน้ีเพ่ือนำไปใช้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ ในการ
จัดการกับระบบของการจัดการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นระบบของการบริหาร ระบบการควบคุมและติดตาม ระบบของ
การสนับสนุนให้เกิดการสร้างนวัตกรรมก็จะต้องดำเนินการในลักษณะของการบูรณาการด้วยเพื่อไม่เกิดการทำงาน
ที่ซำ้ ซอ้ นและสามารถที่จะพัฒนางานให้หลากหลายภายใต้พ้ืนฐานท่มี ีรว่ มกนั

7. ความสามารถในการทำงานเป็นทีม (Teamwork Skills) หมายถึง การที่กลุ่มมีความตระหนักหรือมี
จิตวิญญาณร่วมที่จะพัฒนาสิ่งที่กลุ่มทำอยู่ให้ดียิ่งขึ้นในฐานะที่สมาชิกทุกคนรู้สึกว่าสิ่งที่กลุ่มทำอยู่นั้นคือหน้าที่
หรือความรับผิดชอบที่ทุกคนร่วมตระหนักรับรู้ หลักการสำคัญที่จะพัฒนาวิชาครูให้สามารถทำงานเป็นทีมได้ คือ
การพัฒนาเรื่องการยอมรับและเคารพ (Respect) ในเพื่อนร่วมงาน รู้จักที่จะเปิดใจ (Open Minded) ไม่อายที่จะ
ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้(Sharing) ปรับเปลี่ยนทัศนคติ และพยายามที่จะสังเคราะห์ (Synthesis) แนวทางใหม่ ๆ
เพือ่ นำมาใชใ้ นการปฏิบตั ิงานครูและงานอื่น ๆ ท่ีเก่ียวข้อง แนวทางท่ีจะทำให้นิสติ นักศึกษาครู สามารถทำงานเป็นทีม
ได้มากยิ่งขึ้น คือ ส่งเสริมให้การทำกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งการกำหนดเป้าหมายของการสอน กิจกรรมการเรียนการสอน
และการวัดและประเมนิ ผล มีผู้เรียนเขา้ มามสี ว่ นร่วมในลักษณะเป็นทมี

8. ความสามารถในการเป็นกัลยาณมิตรของนักเรียน (Kalayanamitra Skills) แนวคิดการเป็นพี่เลี้ยงแบบ
กัลยาณมิตรเน้นการปรับเปลี่ยนบทบาทของพี่เลี้ยงจากเดิมที่เป็นครูหรืออาจารย์นิเทศให้กลายมาเป็นเพื่อนที่ดี
ของนักศึกษาครู พี่เลี้ยงจะต้องปฏิบัติตนให้เป็นที่รักคือ เห็นแล้วประสงค์ที่จะเข้าไปปรึกษาเรื่องการเรียนการสอน
น่าเคารพ ปฏิบัติตนเป็นผู้มีภูมิปัญญา รู้จัก การพูด รู้จักการให้เหตุผลในการแสดงความคิด ให้คำแนะนำปรึกษา
มีความอดทน รู้จกั รับฟัง และสามารถอธบิ ายสงิ่ ท่ยี ุ่งยากซับซ้อนให้เข้าใจได้งา่ ย มีเทคนคิ สนทนา (Dialoge) ซง่ึ พ่ีเลี้ยง
สามารถนำเทคนิคนี้มาช่วยสร้างบรรยากาศแห่งการเปิดใจรับฟัง เมื่อต่างฝ่ายต่างเห็นอกเห็นใจกัน ต่างฝ่ายต่างก็จะ
เตมิ พลังใจให้แกก่ นั และที่สุดแลว้ มิตรภาพอนั ม่นั คงระหวา่ งพเ่ี ลี้ยงและนักศึกษาครูกจ็ ะเกิดขึน้ ได้

9. ความสามารถในการทำวิจัย (Research Skills) งานครูเป็นงานพัฒนาซึ่งจะมีปัญหาต่างเป็นระยะการ
แก้ปัญหาในขณะปฏิบัติงานเป็นลักษณะการลองผิดลองถูกโดยใช้วิธีที่คิดขึ้นทันทีและอาจจะแสวงหาวิธีใหม่ เมื่อวิธี
เดิมไม่ประสบผลต้องหาวิธีการใหม่ เรียกว่า การวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) นักศึกษาครูจะต้องมีความรู้
ความสามารถในการทำวิจัยเชิงปฏิบัติการหรือวิจัยเพื่อแก้ปัญหาของการเรียนการสอนเพื่อทำความเข้าใจ
สภาพปัญหาต่าง ๆ หรือเพื่อนำผลการศึกษาไปใช้แก้ปัญหาอย่างใดอย่างหนึ่งของการเรียนการสอน แนวทางการ
พัฒนาให้นักศึกษาครูมีทักษะการทำวิจัยในชั้นเรียนก็ควรเริ่มจากการให้สังเกตในชั้นเรียน สังเกตผู้เรียนและปัญหา
เกดิ ข้นึ ดว้ ยการใชเ้ คร่ืองมือพื้นฐาน เชน่ แบบสงั เกต แบบสมั ภาษณ์ แบบบันทกึ ขอ้ มูล ซ่งึ การทดลองใช้วิธีต่าง ๆ หรือ
วจิ ยั วนรอบไปเร่ือย ๆจะสามารถทำให้เกิดแนวทางการปฏิบัตดิ ที ส่ี ุด (Best Practice) สำหรับแต่ละปญั หาท่เี กิดขนึ้

10. ความสามารถในการนำความรู้มาใช้ในการปฏิบัติวิชาชีพ (Application Skills) สภาพปัญหาที่พบ
หลังจากที่นักศึกษาครูหลังจากสำเร็จการศึกษาแล้วไปประกอบอาชีพคือ นักศึกษาครูไม่สามารถนำความรู้ แนวคิด
หลักการและทฤษฎีต่าง ๆ ทไ่ี ดเ้ รียนมาใช้ในการจัดการเรียนสอนหรือการปฏบิ ัติงานในช้นั เรียนจริง จึงขาดทักษะการ
นำความรู้ไปใช้ ซ่ึงถอื เปน็ ปัญหาท่สี ำคัญเพราะจะทำใหน้ ักศึกษาไม่สามารถสร้างสมดลุ ระหวา่ งเนื้อหา (Content) กับ
การเรียนการสอนได้ (Pedagogy)ได้ ผลที่ตามมาก็คือ นักศึกษาครูก็จะสอนโดยมุ่งเน้นแต่เนื้อหามิได้คำนึง
กระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียน กลายเป็นการสอน “หนังสือ”แต่ไม่ได้สอนให้ผู้เรียนเรียนรู้วิธีการเรียน (Learn How
to Learn) จากปัญหาดังกล่าว จึงจำเป็นจะต้องพัฒนาทักษะการนำความรู้ไปใช้ ซึ่งสามารถกระทำได้ด้วยการจัด

166 166

การเรียนการสอนนักศึกษาครูที่เชื่อมโยงกับบริบทของชั้นเรียน ซึ่งไม่ควรจะเรียนแต่เฉพาะภาคทฤษฎี ควรจะเพ่ิม
สัดส่วนของการฝึกปฏบิ ัตใิ นสถาบนั การศกึ ษาจริง ๆ (Workplace Education)

ทั้งนี้ ในด้านคุณลักษณะความเป็นครู ผู้เขียนได้ศึกษาข้อมูลและทำการวิจัยคุณลักษณะความเป็นครูของ
นักศึกษาคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏ (ณัฐมน พันธุ์ชาตรี,2559: 230-237) พบว่าคุณลักษณะความเป็นครู
ของนักศึกษาคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏ ประกอบด้วย 1) ด้านความรู้ความสามารถในวิชาชีพครู กล่าวคือ
นักศกึ ษาครูจะต้องมีทักษะ ความรู้ ความสามารถท้ังในศาสตร์ของตนและในศาสตรต์ ่าง ๆ เพอื่ ทจี่ ะได้มคี วามรู้มากขึ้น
และพัฒนาตนเองใฝ่หาความรู้เพิ่มเติมตลอดเวลา ซึ่งทักษะด้านความรู้ความสามารถในวิชาชีพที่ครูพึงจะมี เช่น
การพฒั นาหลกั สตู ร การจดั กิจกรรมการเรียนการสอน การใชน้ วัตกรรมส่อื เทคโนโลยี การวดั และประเมินผล การวิจัย
ในชั้นเรียน การจัดการและการควบคุมชั้นเรียน เป็นต้น ตลอดจนทักษะทางด้านวิชาการและวิชาชีพ โดยสามารถ
ประยุกต์ใช้ความรู้นั้น ๆ เป็นฐานในการถ่ายทอดต่อสู่ผู้เรียนตามความเหมาะสม เพื่อให้ตนเองและผู้เรียนสามารถ
ใช้ความรู้และประยุกต์ความรู้ในการแก้ปัญหาหรือพัฒนาต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ 2) ด้านความรักและศรัทธา
ในวิชาชีพครู ซึ่งการที่นักศึกษาครูจะต้องไปประกอบวิชาชีพครูต่อไปในอนาคต ถ้ามีความรักและเชื่อมั่นในอาชีพ
ของตนแล้ว ย่อมทำให้สามารถปฏิบตั ิงานในวิชาชีพครูได้อย่างมีความสุขและจะทำให้ปฏิบัติงานด้วยความมุ่งมั่นตัง้ ใจ
อันจะส่งผลให้อาชีพนั้นเจริญรุ่งเรืองและมั่นคง เกิดความรักและศรัทธาในอาชีพครู ตลอดจนเป็นสมาชิกที่ดี
ขององค์กรวิชาชีพครูด้วยความเต็มใจ 3) ด้านคุณธรรม จริยธรรมในวิชาชีพครู ซึ่งนักศึกษาครูจะต้องไปประกอบ
วิชาชีพครูต่อไปในอนาคตจะต้องเป็นผู้ที่ประพฤติปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้องดีงาม ถูกต้องและเหมาะสม การปลูกฝัง
คุณความดีให้กับนักศึกษาที่กำลังศึกษาวิชาชีพครูจะต้องให้การอบรมปลูกฝังคุณธรรมความเป็นครูอย่างต่อเนื่อง
เป็นระยะ ๆ และปลกู ฝังใหน้ กั ศึกษาครูประพฤติปฏิบตั ิตนให้เป็นแม่พิมพ์หรือแบบอยา่ งท่ีดีเพ่ือให้ศษิ ย์ไดจ้ ดจำรูปแบบ
ของความเปน็ ครูท่ดี ีตลอดไป 4) ด้านบทบาทหน้าท่ีของความเปน็ ครู ซ่งึ นกั ศกึ ษาครูจะต้องไปประกอบวิชาชีพครูต่อไป
ในอนาคตจะต้องรู้และเข้าใจในบทบาทหน้าที่ของตนเองและปฏิบัติตามบทบาท หน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มท่ี
มีความสำนึกในหน้าที่และการงานต่าง ๆ มีส่วนร่วมในการส่งเสริมพัฒนาทรัพยากรของชาติศิลปวัฒนธรรมและ
ภูมิปัญญาท้องถิ่น เป็นการแสดงให้เห็นถึงบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบที่มีต่อสังคมและประเทศชาติ และ 5) ด้าน
จรรยาบรรณในวิชาชีพครู ซึ่งนักศึกษาครูจะต้องไปประกอบวิชาชีพครูต่อไปในอนาคตจะต้องประพฤติปฏิบัติตน
อย่างถูกต้องเหมาะสม เพราะครูเป็นวิชาชีพชั้นสูงที่สังคมคาดหวังและผู้ที่จะประกอบวิชาชีพครูจะต้องมีคุณลักษณะ
ความเป็นครูที่สมบูรณ์ในการประพฤติปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสมดีงามและเป็นแบบอย่างที่ดี ซึ่งจะต้องยึดมั่น
ในจรรยาบรรณวชิ าชีพครู ท้ังตอ่ ตนเอง ต่อวชิ าชพี ตอ่ ผรู้ ับบริการ ตอ่ ผรู้ ่วมประกอบวิชาชพี และสงั คม

สรุปได้ว่า การที่สังคมยกย่องให้วิชาชีพครูเป็นวิชาชีพชั้นสูง เพราะครูเป็นผู้สร้างและพัฒนาคนให้เป็นผู้ที่มี
ความรู้และมีคุณธรรมควบคู่กันไปสอดคล้องตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติการศึกษาที่กำหนดเป้าหมายสำคัญ
ของการจัดการศึกษาไว้คือ เพื่อการพัฒนามนุษย์ให้มีความสมบูรณ์ทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคมและ
สตปิ ัญญา มีความร้แู ละคุณธรรม ครจู งึ ต้องประพฤติปฏบิ ัติเปน็ แบบอย่างที่ดีของศิษย์และสังคม ทงั้ ทางกาย วาจา ใจ
ตลอดจนการสร้างคุณประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมาย ทั้งน้ี ผู้ที่เป็นครูจะต้องมีความรู้ความสามารถทั้งศาสตร์และศิลป์
ของวิชาชีพครูในตัวเองเพื่อนำไปใช้ในการประกอบวิชาชีพครูตามบทบาทหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากสังคม เพราะ
สังคมได้มอบหมายบทบาทหน้าที่ให้ครูเป็นผู้สร้างคนให้เป็นคนดีอย่างมีคุณภาพ ซึ่งการเป็นครูนั้นมิใช่จะมีแต่ความรู้
ในหลักวิชาการที่จะสอนนักเรียนก็สามารถเป็นครูที่ดีได้ แต่การที่บุคคลจะประกอบวิชาชีพครูอย่างมีความสุขได้นั้น

167 167

จะต้องอาศัยองค์ประกอบอื่น ๆ ร่วมด้วย อาทิเช่น การมีสติปัญญาไหวพริบดี มีความเมตตากรุณา มีอารมณ์ขัน
สนุกสนาน ยิ้มแย้มแจ่มใส จิตใจกว้าง ยอมรับความคิดเห็นและการแสดงออกของนักเรียน ตลอดจนมีความอดทน
เป็นต้น ซึ่งเป็นส่วนประกอบทีส่ ำคัญอย่างยิ่งสำหรับการเป็นครูท่ีดี รวมถึงกระบวนการจัดเรียนการสอนนั้นครูจะต้อง
มีความรคู้ วามเขา้ ใจในเรื่องตา่ งๆ อาทิเช่น หลักจติ วทิ ยาการเรียนการสอน ความรูร้ อบตัวทัง้ ในและนอกห้องเรียนด้วย
ประเด็นสำคัญคือบุคคลทจ่ี ะมาเป็นครูจะต้องมีแรงจูงใจหรือศรัทธาที่จะสอนเด็ก ๆ เพราะความปรารถนาที่จะทำงาน
ร่วมกับเด็ก ๆ เป็นความต้องการพื้นฐานที่สำคัญสำหรับคนที่จะมาเป็นครู ทั้งจะต้องมีความรู้สึกปรารถนาที่จะสอน
ต้องมีความรักในตัวเด็ก ๆ ต้องมีความอดทนต่อความแตกต่างระหว่างบุคคล ยอมรับในวัฒนธรรมเชื้อชาติ
ความแตกต่าง ความเชื่อของเด็ก ๆ และจะต้องมีความอดทนมากกว่าผู้ประกอบวิชาชีพอื่น จึงถือได้ว่า ครูเป็นบุคคล
ทมี่ ีความสำคัญทีส่ ุดตอ่ การพฒั นาสงั คม และชาติบ้านเมืองท้งั นี้เพราะครตู ้องรับหน้าที่ในการพฒั นาบุคคลในสังคมให้มี
ความเจริญงอกงามอย่างเต็มที่ ส่วนบุคคลเหล่านั้นสามารถที่จะใช้ความรู้ความสามารถของตน เพื่อพัฒนาชาติ
บ้านเมืองตอ่ ไป

เอกสารอา้ งอิง
กระทรวงศึกษาธิการ.มาตรฐานตำแหน่งและมาตรฐานวิทยฐานะของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา.

กรงุ เทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา, 2548.
เฉลิมลาภ ทองอาจ. “กระบวนทัศน์ใหม่แห่งการศึกษาในศตวรรษที่ 21”. เอกสารประกอบการประชุม

เชิงปฏิบัติการ การพัฒนาความสามารถในการเป็นพี่เลี้ยง (mentoring) นิสิตนักศึกษาครู จัดโดยคณะ
ครุศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั , 26-30 สงิ หาคม 2556.
ณัฐมน พันธุ์ชาตรี. “การสร้างเสริมคุณลักษณะความเป็นครูของนักศึกษาคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏ”
.วิทยานิพนธ์ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัย
ศลิ ปากร 2559.
โณทัย อุดมบุญญานุภาพ. คุณลักษณะครูรุ่นใหม่กับการปฏิรูปหลักสูตรการผลิตครูในศตวรรษ 21. เข้าถึงเมื่อวันที่
11 กุมภาพนั ธ์ 2561. เข้าถึงไดจ้ าก http://school.obec.go.th/article02.doc.
เดชกุล มัทวานุกูล. “รูปแบบการฝึกประสบการณ์วิชาชีพขั้นเต็มรูป สำหรับนักศึกษาครู หลักสูตรครุศาสตร์บัณฑิต
(หลักสูตร 5 ปี) มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์”. วิทยานิพนธ์ปริญญาการศึกษาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชา
หลักสูตรและการสอน บณั ฑิตวทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลยั บูรพา 2555.
ธนภัทร จันทร์เจริญ, “ครูชอบธรรม”, ครู 9 ใหม่: ก้าวไกล ก้าวนำ (กรุงเทพฯ: DPU Cool Print มหาวิทยาลัย-
ธรุ กิจบัณฑติ ย์, 2558), 83 – 92.
“พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2545 และ(ฉบับที่ 3)พ.ศ.2553.”
ราชกิจจานุเบกษา เลม่ 127, ตอนท่ี 45 ก (22 กรกฎาคม 2553): 3-8.
“พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2551
และ(ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2553.” ราชกจิ จานุเบกษา เล่ม 127, ตอนที่ 45ก (22 กรกฎาคม 2553): 18-19.
พิมพพ์ นั ธ์ เดชะคุปต์ และ พเยาว์ ยินดสี ขุ . การจดั การเรยี นรู้ในศาตวรรษที่ 21. กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พ์แห่งจุฬาลงกรณ์
มหาวทิ ยาลัย, 2557.

168 168

ไพฑูรย์ สินลารัตน์. “มาตรฐานวิชาชีพทางการศึกษา: ส่งมอบคนที่ดีท่ีสุดให้สังคม.” (เอกสารปรับปรุงจากคำบรรยาย
ในการประชุมผู้บริหารสถาบันครุศึกษาทั่วประเทศเรื่องการรับรองปริญญาและประกาศนียบัตรทางการ
ศึกษาเพื่อการประกอบวิชาชีพ เสนอที่โรงแรมเดอะทวินทาวเวอร์ วิทยาลัยครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจ
บัณฑิตย์, 2 กุมภาพันธ์ 2557.

ยนต์ ชมุ่ จติ . ความเปน็ ครู. พมิ พค์ ร้ังท่ี 5. กรุงเทพฯ: โอเดยี นสโตร,์ 2553.
วิจารณ์ พานิช. “ครูกับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21.” เอกสารประกอบการบรรยายในตลาดนัดความรู้ เครือข่ายการ

เรียนรสู้ ูค่ วามพอเพียง ครง้ั ท่ี 1 เสนอท่ีโรงแรมมริ าเคลิ , 28 พฤษภาคม 2554.
สำนักงานเลขาธกิ ารครุ ุสภา. “ขอ้ บงั คับครุ ุสภา ว่าดว้ ยจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ.2556.”19 กนั ยายน 2556.
_______. “ข้อบังคับคุรุสภา วา่ ดว้ ยมาตรฐานวชิ าชีพ พ.ศ. 2556.” 19 กันยายน 2556.
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. บทวิเคราะห์สถานภาพการพัฒนาครูทั้งระบบและข้อเสนอแนะแนวทาง

การพฒั นาครเู พื่อคุณภาพผ้เู รียน. กรงุ เทพฯ: พริกหวานกราฟฟคิ จำกัด, 2556.
_______. แผนการศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ.2560 – 2579. กรงุ เทพฯ: พริกหวานกราฟฟิค จำกดั , 2560.
_______. สถานภาพการผลิตและพัฒนาครใู นประเทศไทย. กรงุ เทพฯ: พริกหวานกราฟฟคิ จำกดั , 2559.
สุทศั น์ เอกา. ครแู หง่ ศตวรรษที่ 21. กรงุ เทพฯ: บริษทั ก.พล (1996) จำกดั , 2558.
Chelo, Moreno R. Effective Teachers– Professional and Personal Skills. ENSAYOS: Revista de la

Facultad de Educacion de Albacete 24, 2010.

169

บรรณานุกรม

กรกฎ พลตรแี ละคณะ. (2558, กรกฏาคม-ธนั วาคม). รูปแบบการพฒั นาภาวะผูน้ ำทางการวจิ ัยของครู สังกดั
สำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษา ในเขตตรวจราชการท่ี 11. บรหิ ารการศึกษา
มหาวิทยาลัยขอนแกน่ , 11(2), 65-73.

กรมวิชาการ . (2541) . “ทิศทางการจดั หลกั สตู รการศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน”. เอกสารประกอบการสัมมนาเชงิ
วชิ าการระดมความคิดเหน็ , 26 กมุ ภาพันธ์ 2541 ณ โรงแรมสยามซติ ้ี กรุงเทพฯ. (อดั สำเนา)

กรมวชิ าการ . (2539) . คู่มอื การพัฒนาโรงเรยี นเข้าสูม่ าตรฐานการศึกษาอันดบั ท่ี 15 . ม.ป.ท. (อัดสำเนา)
กระทรวงศึกษาธิการ. (2554). ประกาศกระทรวงศึกษาธกิ าร เรอื่ ง มาตรฐานคุณวฒุ ิระดับปรญิ ญาตรี สาขา

ครุ ศาสตร์และสาขาศึกษาศาสตร์ (หลักสูตรหา้ ป)ี . สบื ค้นจาก
http://www.mua.go.th/users/tqf-
hed/news/FilesNews/FilesNews6/education5year_m1.pdf.
กระทรวงศึกษาธิการ. (2552). หนังสือที่ระลึกคล้ายวันสถาปนากระทรวงศึกษาธิการครบรอบ 107ปี.
กรงุ เทพฯ : กระทรวงศกึ ษาธิการ.
กระทรวงศึกษาธิการ.มาตรฐานตำแหน่งและมาตรฐานวิทยฐานะของข้าราชการครูและบุคลากรทางการ
ศกึ ษา. กรงุ เทพฯ: สำนกั งานคณะกรรมการขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา, 2548.
กระทรวงศึกษาธิการ.มาตรฐานตำแหน่งและมาตรฐานวิทยฐานะของข้าราชการครูและบุคลากรทางการ
ศึกษา. กรงุ เทพฯ: สำนกั งานคณะกรรมการข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา, 2548.
ก่อ สวัสดิพานิช. (2519). เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการศึกษา. (วัยรุ่นกับค่านิยมระบบศีลธรรม) กรมสามัญศึกษา
กระทรวงศึกษาธกิ าร. กรงุ เทพฯ : กระทรวงศกึ ษาธกิ าร.
คณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ, สำนักงาน. (2541). ลักษณะของครูที่พึงประสงค์. กรุงเทพ ฯ : ไอเดียส
แควร์
คำหมาน คนได. (2543). การพัฒนาของครู. กรงุ เทพ: โรงพมิ พ์คุรุสภาลาดพรา้ ว.
จงกล พูลสวัสด์ิ. (2541) . รูปแบบการเรียนของนิสิต: ศึกษาเฉพาะกรณนี สิ ติ สาขาศึกษาศาสตร์-เกษตร.
กรงุ เทพฯ, น.วทิ ยานพิ นธ์ปรญิ ญาโท, มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์.
จุมพต พุ่มศรีพานนท์. (2531). องค์ประกอบท่ีมีอิทธพิ ลตอ่ ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี นวิชาสตั ววิทยาของ
นกั ศกึ ษาระดบั ประกาศนียบัตรวิชาชพี ชัน้ สูง วทิ ยาเขตเกษตร พระนครศรอี ยธุ ยา. กรุงเทพฯ,
วิทยานิพนธ์ปรญิ ญาโท, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. อ้างถึง H. Maddox. 1965. How to study
London, น.The English Language Book Society.
เฉลิมลาภ ทองอาจ. “กระบวนทัศน์ใหม่แห่งการศึกษาในศตวรรษที่ 21”. เอกสารประกอบการประชุม
เชิงปฏิบัติการ การพัฒนาความสามารถในการเป็นพี่เลี้ยง (mentoring) นิสิตนักศึกษาครู จัดโดย
คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั , 26-30 สงิ หาคม 2556.
เฉลิมลาภ ทองอาจ. “กระบวนทัศน์ใหม่แห่งการศึกษาในศตวรรษที่ 21”. เอกสารประกอบการประชุม
เชิงปฏิบัติการ การพัฒนาความสามารถในการเป็นพี่เลี้ยง (mentoring) นิสิตนักศึกษาครู จัดโดย
คณะครุศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย, 26-30 สิงหาคม 2556.

170 170
ชวนะ ทวีอุทิศและคณะ. (2559, กรกฏาคม-ธันวาคม). รูปแบบการพฒั นาภาวะผ้นู ำทางวชิ าการของ

ผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษาระดับมัธยมศึกษาสังกดั สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน ในภาค
ตะวันออกเฉียงเหนอื . บรหิ ารการศกึ ษา มหาวทิ ยาลัยขอนแก่น, 12(2), 55-65.
ชยั พร วิชชาวธุ . (2542). แนวทางการพัฒนาจรยิ ธรรมตามทฤษฎกี ารเรียนรู้ทางสงั คม. ใน ความรคู้ ู่คุณธรรม.
ชูชาติ พวงมาลี. (2550). คณุ ลกั ษณะของครูมืออาชีพของโรงเรียนในโครงการหนึง่ อำเภอหนึ่งโรงเรยี นใน
ฝัน ลังลัดสำนักงานเขตพ้ืนที่การศกึ ษาหนองคาย. วิทยานิพนธ์ครศุ าสตรมหาบัณฑิต สาขาวชิ า
การบริหารการศึกษา บณั ฑติ วิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฎอุดรธาน.ี
ณฏั ฐภรณ์ หลาวทอง และ ปิยวรรณ วิเศษสุวรรณภูมิ. (2553). การพฒั นาแบบวัดจติ วิญญาณความเปน็ ครู.
กรงุ เทพฯ : รายงานฉบบั สมบูรณ์ มลู นิธสิ ดศรี-สฤษดวงศ.์
ณัฐมน พนั ธุช์ าตรี. “การสร้างเสรมิ คุณลักษณะความเปน็ ครูของนักศึกษาคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภัฏ”
.วิทยานิพนธ์ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย
มหาวิทยาลัยศลิ ปากร 2559.
ณฐั มน พนั ธช์ุ าตร.ี “การสรา้ งเสรมิ คณุ ลกั ษณะความเปน็ ครูของนักศึกษาคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏ”
.วิทยานิพนธ์ปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย
มหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร 2559.
โณทัย อุดมบุญญานุภาพ. คุณลักษณะครูรุ่นใหม่กับการปฏิรูปหลักสูตรการผลิตครูในศตวรรษ 21. เข้าถึง
เม่ือวันท่ี 11 กมุ ภาพนั ธ์ 2561. เข้าถงึ ได้จาก http://school.obec.go.th/article02.doc.
โณทัย อุดมบุญญานุภาพ. คุณลักษณะครูรุ่นใหม่กับการปฏิรูปหลักสูตรการผลิตครูในศตวรรษ 21. เข้าถึง
เมอื่ วนั ท่ี 11 กุมภาพันธ์ 2561. เข้าถึงได้จาก http://school.obec.go.th/article02.doc.
ดิเรก พรสีมา และคณะ. (2547). แนวทางใหม่เพื่อการพัฒนาวิชาชีพครูของไทย. กรุงเทพฯ :สำนักงาน
คณะกรรมการการศกึ ษาแห่งชาต.ิ
ดุษฎี โยเหลา และคณะ. (2553). การสร้างเครอ่ื งมือประเมินและตวั ช้ีวัดระดับการพฒั นาจิตวญิ ญาณ
สำหรบั บุคลากรดา้ นสาธารณสุข. กรงุ เทพฯ : สถาบนั วจิ ัยพฤติกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ศรนี คริ
นทรวิโรฒ และมูลนธิ สิ ดศรี-สฤษดวงศ์.
เดชกุล มัทวานุกูล. “รูปแบบการฝึกประสบการณ์วิชาชีพขั้นเต็มรูป สำหรับนักศึกษาครู หลักสูตรครุศาสตร์
บัณฑิต (หลักสูตร 5 ปี) มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์”. วิทยานิพนธ์ปริญญาการศึกษาดุษฎีบัณฑิต
สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน บัณฑติ วทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลยั บรู พา 2555.
เดชกุล มัทวานุกูล. “รูปแบบการฝึกประสบการณ์วิชาชีพขั้นเต็มรูป สำหรับนักศึกษาครู หลักสูตรครุศาสตร์
บัณฑิต (หลักสูตร 5 ปี) มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์”. วิทยานิพนธ์ปริญญาการศึกษาดุษฎีบัณฑิต
สาขาวชิ าหลกั สตู รและการสอน บัณฑิตวทิ ยาลัย มหาวิทยาลยั บรู พา 2555.
ทิศนา แขมณี และคณะ. (2540) . “การเรียนรูเ้ พื่อพัฒนากระบวนการคิด”. วารสารครุศาสตร์. 26(กค.-
ตค.)35-60.
ธนภัทร จันทร์เจริญ, “ครูชอบธรรม”, ครู 9 ใหม่: ก้าวไกล ก้าวนำ (กรุงเทพฯ: DPU Cool Print
มหาวิทยาลยั -ธรุ กจิ บณั ฑิตย์, 2558), 83 – 92.
ธนภัทร จันทร์เจริญ, “ครูชอบธรรม”, ครู 9 ใหม่: ก้าวไกล ก้าวนำ (กรุงเทพฯ: DPU Cool Print
มหาวทิ ยาลยั -ธุรกิจบณั ฑิตย์, 2558), 83 – 92.

171 171
ธนู บุญญานุวัตร. (2539). ศาสตราจารย์หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล ท่านเป็นครู...ปูชนียบุคคล. สำนักงาน

สภาสถาบนั ราชภฏั พระนครศรีอยุธยา : สำนักพิมพ์สถาบันราชภฏั พระนครศรีอยธุ ยา.
นงเยาว์ มงคลอิทธิเวช และคณะ. (2552). การสงั เคราะห์ความรทู้ างด้านการพฒั นาจิตปญญา (วิญญาณ)

จากเรอื่ งเลา่ ความสำเรจ็ ของผู้ให้บริการและผ้รู บั บรกิ ารในระบบสุขภาพ : พัฒนาการทางจติ
วิญญาณและปัจจัยทีเ่ ก่ียวข้อง. เชยี งใหม่ : โรงพยาบาลมหาราชนครเชยี งใหมแ่ ละ แผนงานพฒั นา
จิตเพอ่ื สุขภาพ มูลนิธสิ ดศรี-สฤษดวงศ์.
นฤมล ยุตาคม . (2541) . “แนวทางการปฏิรปู กระบวนการเรยี นรู้, น.การใหผ้ ้เู รยี นได้ปฏบิ ตั จิ ริง” สาระ
การศกึ ษา “การเรียนการสอน”. กรุงเทพฯ, น.คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์.
นาตยา ปลิ นั ธนานนท.์ (2555). ภาวะผนู้ ำทางวชิ าการ. ใน สารานุกรมวิชาชีพครู เฉลิมพระเกยี รติ
พระบาทสมเด็จ
พระเจา้ อยู่หวั เน่อื งในโอกาสฉลองสิรริ าชสมบตั ิครบ 60 ปี. (น. 285-294). กรุงเทพฯ: สำนักงาน
เลขาธกิ ารครุ สุ ภา.
เนาวรตั น์ พงศไ์ พบูลย.์ (2554). ใครคือครู ครูคือใคร ในวนั นี้. OKNATION BLOG. คน้ เมอ่ื วนั ที่ 10 มีนาคม
2554. จาก http://www.oknation.net/blog/songer/2011/01/13/entry-4
ประไพ สทิ ธเิ ลิศ. (2542). ความเปน็ ครู. กรงุ เทพฯ : สถาบันราชภฏั สวนสุนันทา.
ประเวศ วะสี. (2545). ภาวะผนู้ ำในการบริหารสถานศึกษา. กรงุ เทพฯ: อุษาการพิมพ์.
ประเวศ วะสี. (2553). ธรรมชาติของสรรพสิง่ : การเขา้ ถึงความจรงิ ทง้ั หมด. พิมพ์คร้งั ที่ 2. กรงุ เทพฯ :
สำนักพมิ พก์ รนี -ปัญญาญาณ.
ปรีชา เศรษฐีธร. (2533). ความเป็นครู. เพชรบรุ ี : วทิ ยาลยั ครูเพชรบรุ ี.
พนม พงษ์ไพบลู ย์. (2543). การศึกษากบั การเสริมสรา้ งความซอื่ สัตย์สจุ รติ . สบื คน้ 20 เมษายน 2561, จาก
พนัส หันนาคินทร์. (2523). การสอนค่านิยมและจริยธรรม. พิษณุโลก :มหาวิทยาลัยศรีนครินทร วิโรฒ
พิษณโุ ลก.
พรจันทร์ สวุ รรณชาต. (2534). แนวคิดเกย่ี วกบั การพยาบาลในมิตจิ ิตวญิ ญาณ ในการพยาบาลในมติ ิ จิต
วญิ ญาณ. กรงุ เทพฯ : เรือนแกว้ การพิมพ.์
พรรณอร อุชภุ าพ. (2561). การศกึ ษาและวชิ าชพี คร.ู กรุงเทพฯ : สำนกั พิมพแ์ หง่ จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลัย.
พระราชวรมุณี (ประยุทธ์ ปยุตฺโต). (2528). ปรัชญาการศึกษาไทย. (พิมพ์ครั้งที่ 3). กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์
การศาสนา.
พะนอม แก้วกำเนดิ . (2550). คณุ ธรรมของคร.ู ใน สารานกุ รมวชิ าชพี ครู เฉลมิ พระเกียรติพระบาทสมเดจ็
พระเจา้ อยู่หวั เนือ่ งในโอกาสฉลองสิรริ าชสมบัตคิ รบ 60 ปี. (น.151-156). กรุงเทพฯ: สำนกั งาน
เลขาธิการครุ สุ ภา.
พะนอม แกว้ กำเนดิ . จติ วิญญาณความเป็นคร.ู (2552). [ออนไลน์]. [สบื ลน้ วันท่ี 30 พฤศจกิ ายน 2556], จาก
http://www.gotoknow.org/posts/259446.
พิมพ์พันธ์ เดชะคุปต์ และ พเยาว์ ยินดีสุข. การจัดการเรียนรู้ในศาตวรรษที่ 21. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่ง
จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลัย, 2557.
พิมพ์พันธ์ เดชะคุปต์ และ พเยาว์ ยินดีสุข. การจัดการเรียนรู้ในศาตวรรษที่ 21. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่ง
จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย, 2557.
พิมพนั ธ์ เดชะคุปต์ และพเยาว์ ยินดสี ขุ . (2557). การจัดการเรยี นรู้ในศตวรรษที่ 21. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พแ์ หง่
จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

172 172
พทุ ธทาสภกิ ขุ . (2533). “บรมธรรมการศกึ ษาของโลกปจั จบุ ัน”. ใน ปรชั ญาการศึกษากบั ปรชั ญา

การศกึ ษาไทย. 42.ไพฑรู ย์ สนิ ลารตั น์ บรรณาธิการ. กรงุ เทพฯ : ไทยวฒั นาพานิช.
พทุ ธทาสภิกข.ุ (2529). แกน่ พทุ ธศาสน์. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์อรณุ วทิ ยา.
ไพฑูรย์ สินลารัตน์. “มาตรฐานวิชาชีพทางการศึกษา: ส่งมอบคนที่ดีที่สุดให้สังคม.” (เอกสารปรับปรุงจากคำ

บรรยายในการประชุมผู้บริหารสถาบันครุศึกษาทั่วประเทศเรื่องการรับรองปริญญาและ
ประกาศนียบัตรทางการศึกษาเพ่อื การประกอบวิชาชีพ เสนอทโี่ รงแรมเดอะทวนิ ทาวเวอร์ วทิ ยาลัย
ครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรุ กิจบณั ฑติ ย,์ 2 กุมภาพนั ธ์ 2557.
ไพฑูรย์ สินลารัตน์. “มาตรฐานวิชาชีพทางการศึกษา: ส่งมอบคนที่ดีที่สุดให้สังคม.” (เอกสารปรับปรุงจากคำ
บรรยายในการประชุมผู้บริหารสถาบันครุศึกษาทั่วประเทศเรื่องการรับรองปริญญาและ
ประกาศนยี บตั รทางการศึกษาเพ่ือการประกอบวิชาชีพ เสนอทโี่ รงแรมเดอะทวนิ ทาวเวอร์ วทิ ยาลัย
ครศุ าสตร์ มหาวิทยาลยั ธรุ กจิ บณั ฑิตย์, 2 กมุ ภาพันธ์ 2557.
“พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2545 และ(ฉบับที่ 3)พ.ศ.
2553.” ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 127, ตอนท่ี 45 ก (22 กรกฎาคม 2553): 3-8.
“พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2545 และ(ฉบับที่ 3)พ.ศ.
2553.” ราชกจิ จานเุ บกษา เลม่ 127, ตอนท่ี 45 ก (22 กรกฎาคม 2553): 3-8.
“พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.
2551 และ(ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2553.” ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 127, ตอนที่ 45ก (22 กรกฎาคม
2553): 18-19.
“พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา พ.ศ. 2547 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.
2551 และ(ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2553.” ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 127, ตอนที่ 45ก (22 กรกฎาคม
2553): 18-19.
มหาวทิ ยาลัยรามคำแหง. (2554). ความเปน็ คร.ู สำนกั บรกิ ารขอ้ มลู และสารสนเทศ. คน้ เมื่อวันท่ี 4 สงิ หาคม
มีนาคม 2547. จาก http://www.idis.ru.ac.th/report/index.php?topic= 3575.0
ยนต์ ชุ่มจติ . (2553). ความเป็นครู. (พมิ พ์คร้ังท่ี 5). กรงุ เทพฯ : โอเดยี นสโตร์.
. (2553). ความเปน็ ครู (Self Actualization for teachers). กรงุ เทพฯ: โอเดยี นสโตร์.
. (2541). ความเป็นครู. (พิมพค์ รั้งที่ 2). กรงุ เทพฯ : โอเดยี นสโตร์.
. (2541). ความเปน็ ครู. (พิมพค์ รงั้ ที่ 2). กรงุ เทพฯ : โอเดียนสโตร.์
_______. (2526). ปรัชญาและคณุ ธรรมสำหรับครู. กรงุ เทพฯ : กรงุ สยามการพมิ พ์.
_______. (2546). การศึกษาและความเป็นครูไทย. (พิมพ์ครัง้ ที่ 2). กรงุ เทพฯ : โอเดยี นสโตร,์
. (2553). ความเป็นครู. พมิ พ์ครง้ั ท่ี 5. กรุงเทพฯ: โอเดยี นสโตร.์
ราชกิจจานุเบกษา. (2546). พระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546. เล่ม 120,
ตอนที่ 52, หนา้ 75, 11 มิถนุ ายน 2546.
. (2545). พระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2546. เล่ม 120, ตอนที่ 52,
หนา้ 75, 11 มิถนุ ายน 2546.
. (2547). พระราชบัญญัติเงินเดือน เงินวิทยฐานะ และเงินประจำตำแหน่งข้าราชการครูและ
บุคลากรทางการศกึ ษา พ.ศ. 2547. เลม่ 121, ตอนพเิ ศษ 79 ก, หน้า 75, 23 ธันวาคม 2547.

173 173
ราชกิจจานุเบกษา. (2547). พระราชบัญญัติระเบียบบริหารข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.

2547.
. (2545). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2545. เล่ม 119, ตอนที่ 123 ก,
หน้า 16, 19 ธนั วาคม 2545.
. (2545). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2545. เล่ม 119, ตอนที่ 123 ก,
หนา้ 16, 19 ธนั วาคม 2545.
เลขาธิการคุรุสภา, สำนักงาน. (2551). รวมกฎหมายสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา สำหรับผู้ประกอบ
อาชีพทางการศึกษา. กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พ์ สกสค. ลาดพร้าว.
. (2549). ค่มู ือประกอบวิชาชพี ทางการศึกษา. กรงุ เทพฯ: โรงพิมพค์ ุรสุ ภาลาดพรา้ ว.
วิจารณ์ พานิช. “ครูกับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21.” เอกสารประกอบการบรรยายในตลาดนัดความรู้
เครอื ข่ายการเรยี นรสู้ ู่ความพอเพียง ครงั้ ท่ี 1 เสนอทีโ่ รงแรมมริ าเคิล, 28 พฤษภาคม 2554.
วชิ ัย วงษใ์ หญ่. (2555). สเ่ี สาหลักของการเรยี นรู้. ใน สารานกุ รมวชิ าชีพครู เฉลมิ พระเกียรติ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หวั เนอื่ งในโอกาสพระราชพธิ มี หามงคลเฉลมิ พระชนมพรรษา 7 รอบ 5
ธันวาคม 2554. (พิมพ์ครงั้ ท่ี 1) (น. 511-512). กรงุ เทพฯ: สำนกั งานเลขาธิการคุรุสภา.
วชิ ัย แหวนเพชร. (2554). ครูยุคใหมก่ บั การพฒั นาคุณภาพการศึกษา. images.drwichai. คน้ เมื่อวนั ที่ 24
มิถุนายน 2554. จาก images.drwichai.multiply.multiplycontent.com/.../2.บทความ%20ครู
ยุคใหม่.doc?...
วิชาชีพ. (2554). วิชาชีพ (Profession). ค้นเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2554. จาก http://servnet.
pnru.ac.th/community/content/teach_1/section3_chapter1.pdf
วิภาพร ทองหลิม้ . (2544). การพฒั นานโยบายการยกย่องครูผ้มู ีผลงานดีเด่น. ครู. ค้นเม่อื วันที่ 15มิถนุ ายน
2554. จาก http://sps.lpru.ac.th/script/show_article.pl?mag_id= 5&group_id
=21&article_id=643
สมบตั ิ นพรกั . (2555). ครูยคุ ใหม.่ ใน สารานกุ รมวชิ าชีพครู เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั
เนื่องในโอกาสพระราชพธิ ีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554. (น. 207-213).
กรุงเทพฯ: สำนกั งานเลขาธกิ ารครุ ุสภา.
สมศักด์ิ ดลประสิทธิ์.(2544,ธันวาคม).“ครูของครูกบั ครูอาชีพ” วารสารขา้ ราชการครู. 21(2),8-12.
สอ เสถบูตร. (2541). พจนานกุ รมองั กฤษ : ไทย. กรุงเทพฯ:ไทยวฒั นาพานชิ .
สํานักงานเลขาธกิ ารครุ ุสภา. (2534). การพฒั นาคณุ ธรรมตามแนวทางของครุ ุสภา. สบื คน้ 20 เมษายน
2561 จาก https://sites.google.com/site/krutubtib/khru/khunthrrm-laea-crrya-brrn-
khxng-khru
สายหยดุ จำปาทอง. (2543, กรกฎาคม–กนั ยายน). “บทบาทครูกับการพัฒนาสงั คม” วารสารคณะกรรมการ
แห่งชาตวิ ่าดว้ ยการศกึ ษาฯ สหประชาชาติ. 32 (3), 1-10.
สาโรจน์ บวั ศรี. (2526). จรยิ ศึกษา. กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พค์ รุ สุ ภา.
สำนกั ขา่ วอิศรา. (2559). ความซ่อื สตั ย์สจุ รติ . สบื คน้ 20 เมษายน 2561, จาก
สำนกั งาน ก.พ.ร. (2555). ธรรมาภบิ าล. สบื คน้ 20 เมษายน 2561, จาก
สำนกั งานเลขาธกิ ารครุ สุ ภา. (2556). ข้อบงั คับครุ สุ ภา ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชพี พ.ศ. 2556. กรุงเทพฯ:
สำนักงานเลขาธิการคุรสุ ภา.
_______. “ขอ้ บังคบั คุรุสภา วา่ ดว้ ยจรรยาบรรณของวิชาชพี พ.ศ.2556.”19 กนั ยายน 2556.

174 174
สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา. “ข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ.2556.”19 กันยายน

2556.
_______. “ข้อบงั คบั คุรสุ ภา วา่ ดว้ ยมาตรฐานวิชาชีพ พ.ศ. 2556.” 19 กนั ยายน 2556.
_______. “ขอ้ บังคบั ครุ สุ ภา ว่าดว้ ยมาตรฐานวิชาชีพ พ.ศ. 2556.” 19 กนั ยายน 2556.
สำนกั งานเลขาธิการสภาการศึกษา. บทวเิ คราะห์สถานภาพการพัฒนาครูท้ังระบบและขอ้ เสนอแนะแนวทาง

การพัฒนาครเู พื่อคุณภาพผเู้ รยี น. กรงุ เทพฯ: พริกหวานกราฟฟคิ จำกัด, 2556.
_______. บทวเิ คราะห์สถานภาพการพัฒนาครทู ั้งระบบและข้อเสนอแนะแนวทางการพัฒนาครเู พ่ือ

คุณภาพผเู้ รียน. กรุงเทพฯ: พรกิ หวานกราฟฟิค จำกัด, 2556.
_______. แผนการศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ.2560 – 2579. กรุงเทพฯ: พรกิ หวานกราฟฟิค จำกัด, 2560.
_______. แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2560 – 2579. กรงุ เทพฯ: พริกหวานกราฟฟคิ จำกดั , 2560.
_______. สถานภาพการผลิตและพัฒนาครูในประเทศไทย. กรงุ เทพฯ: พรกิ หวานกราฟฟิค จำกัด, 2559.
_______. สถานภาพการผลติ และพฒั นาครูในประเทศไทย. กรงุ เทพฯ: พรกิ หวานกราฟฟคิ จำกดั , 2559.
สิรพิ ร ทิพยค์ ง . (มปป.) . ความเปน็ ครู . ภาควชิ าการศกึ ษา, คณะศึกษาศาสตร์,

มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (เอกสารโรเนยี ว)
สทุ ัศน์ เอกา. ครูแห่งศตวรรษที่ 21. กรงุ เทพฯ: บริษัท ก.พล (1996) จำกัด, 2558.
สทุ ัศน์ เอกา. ครแู หง่ ศตวรรษท่ี 21. กรุงเทพฯ: บริษทั ก.พล (1996) จำกัด, 2558.
สุพรทิพย์ ธนภัทรโชติวัต. 2560. การพัฒนารูปแบบการจัดประสบการณ์วชิ าชีพครูเพือ่ ส่งเสริมคุณลักษณะ

ครูในทศวรรษท่ี 21. (ปรญิ ญานิพนธ์ปรญิ ญาดุษฎบี ณั ฑติ . พษิ ณุโลก: มหาวทิ ยาลยั นเรศวร.
สุมน อมรววิ ัฒน.์ (2535). สมบตั ิทพิ ย์ของการศกึ ษาไทย. (พิมพค์ รงั้ ที่ 2). กรงุ เทพฯ : สำนกั พิมพแ์ หง่

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
สุรชาติ สงั ขร์ ุ่ง. (2541). “ผลงานทางวชิ าการตามสภาพจริง”. วารสารข้าราชการครู. 5 (มยิ .-กค.), น.15-23.
สุรศักด์ิ หลาบมาลา . (2540) . “ยทุ ธวิธสี ่งเสริมการคิด” ศกึ ษาศาสตร์ปรทิ ศั น์. 12 (กนั ยายน-ธันวาคม

2540) 21-24 อา้ งถึง Cardellichio Thomas and Wendy Fild . 1997 . “Seven Strategies
that Encourage Neural Branching” Educational Leadership. pp. 33-36
ไสว สุทธิพิทักษ์. (ม.ป.ป.). คุณธรรมและจริยธรรมสำหรับครูและผู้บริหาร. เอกสารเผยแพร่ กรุงเทพฯ :
มหาวทิ ยาลัยธรุ กจิ บัณฑิต
หทัยรัตน์ เทพสถิตย์. (2542) . รูปแบบการเรียนการสอนในวทิ ยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี กลุ่มภาค
ตะวันออก. กรุงเทพฯ, น.วทิ ยานิพนธป์ รญิ ญาโท, มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์. หน้า 181-197.
กรุงเทพฯ : โรงพมิ พ์แหง่ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั .
อดุลย์ วริ ิยเวชกลุ . (2541) . คู่มอื การจัดการเรียนการสอนระดับบณั ฑติ ศกึ ษา . บัณฑติ วทิ ยาลยั ,
มหาวิทยาลัยมหิดล.
อมรรัตน์ อยู่แบน. (2552). ครูมือใหม.่ อมรรตั น์ (eti5301). คน้ เม่ือวนั ที่ 28 มิถุนายน 2554. จาก
http://www.learners.in.th/blog/eti5301-g4-9/246764
อมรวชิ ช์ นาครทรรพ.์ (2544). ครูในยคุ ปฎิรปู . กรงุ เทพฯ : การศาสนา.
อรรณพ โยนจิ . (2549). การใช้หลักพทุ ธธรรมในการบริหารงานของผู้บรหิ ารโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนก
สามัญศกึ ษา อำเภอเมืองเชียงใหม่ (ปริญญานิพนธ์ปริญญามหาบณั ฑติ ). เชียงใหม่:
มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่.

175 175
อจั ฉราวรรณ สงั ขว์ ารี. (2560). จิตวญิ ญาณครู ใน ไพฑรู ย์ สนิ ลารตั น์, นักรบ หม้แี สน (บ.ก.), ครุศกึ ษาและ

การพฒั นาวิชาชพี ครู (น. 253-265). กรุงเทพฯ: สำนกั พมิ พ์แหง่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั .
อาภัสรา ดยี งิ่ . (2552). การปฏิบตั ติ ามจรรยาบรรณวิชาชีพครูโรงเรียนในกลุ่มสหวิทยา เขตกรุงเทพ

ตะวนั ออก สังกัดสำนกั งานเขตพืน้ ที่การศึกษากรงุ เทพฯ เขต 2. วทิ ยานพิ นธ์ ครศุ าสตรมหา
บณั ฑติ สาขาวิชาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร.
อารยา พรายแย้ม และคณะ. (2552). การสังเคราะหค์ วามรู้ทางด้านการพฒั นาจิตปัญญา (วิญญาณ) จาก
เร่อื งเลา่ ความสำเรจ็ ของผ้ใู ห้บริการและผูร้ บั บรกิ ารในระบบสุขภาพ. กรุงเทพฯ : รายงานฉบับ
สมบรู ณ์ มลู นิธสิ ดศรี-สฤษด์วิ งศ์.
อารรี ตั น์ วฒั นสิน. (2543, กันยายน). “ครูอาชีพตามแนวปฏริ ปู การศกึ ษา” วารสารวิชาการ. 3 (9), 2-3.
อุไร พลกล้า และ ศภุ มาศ ณ ถลาง . (2539) . ทำไมจงึ ต้องนกั เรยี นเป็นศูนยก์ ลาง . กรุงเทพฯ, น.หน่วย
ศึกษานิเทศก์ กรมสามญั ศึกษา. (อัดสำเนา)
Chelo, Moreno R. Effective Teachers– Professional and Personal Skills. ENSAYOS: Revista
de la Facultad de Educacion de Albacete 24, 2010.
Chelo, Moreno R. Effective Teachers– Professional and Personal Skills. ENSAYOS: Revista
de la Facultad de Educacion de Albacete 24, 2010.
Good , Carter V. (1973). Dictionary of Education. New York : McGraw – little book.
Good , Carter V. (1973). Dictionary of Education. New York : McGraw – little book.
Hoy, W.K. and C.G. Miskel. (1987). Educational Administration: Theory, Research, and
Practice. Third Edition. New York: Random House.
http://www.moe.go.th/main2/article/article11.htm#A.0
https://opdc.go.th/special.php?spc_id=3&content_id=2225
https://www.isranews.org/isranews/51740-a-51740.html
Stogdill, R.M. (1974). Handbook of Leadership: A Survey of Theory and Research. New
York: The Free Press.
The National Association of Elementary School Principals. (2001). Leading Learning
Communities: Standards for What Principals Should Know and Be Able to Do.
Alexandria, VA: Author.
UNESCO. (1986). Teaching Methodology for Population. Bangkok : UNESCO Regional
office for Education in Asia and the Pacific.

176

ภาคผนวก

177

ภาคผนวก ก
ข้อบังคับครุ ุสภา วา่ ดว้ ยจรรยาบรรณของวชิ าชพี พ.ศ. ๒๕๕๖

178

เล่ม ๑๓๐ ตอนพิเศษ ๑๓๐ ง หนา้ ๗๒ ๔ ตลุ าคม ๒๕๕๖
ราชกิจจานเุ บกษา

ขอ้ บงั คับคุรุสภา

วา่ ดว้ ยจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. ๒๕๕๖

โดยท่ีเป็นการสมควรยกเลิกข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพและจรรยาบรรณ
ของวชิ าชีพ พ.ศ. ๒๕๔๘

อาศัยอาํ นาจตามความในมาตรา ๙ วรรคหนง่ึ (๑) (๑๑) (จ) และมาตรา ๕๐ แห่งพระราชบัญญัติ
สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๖ ประกอบกับมติคณะกรรมการคุรุสภา ในการประชุม
ครั้งท่ี ๕/๒๕๕๖ วันท่ี ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๖ โดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
คณะกรรมการคุรสุ ภาจงึ ออกขอ้ บังคับครุ ุสภา ว่าด้วยจรรยาบรรณของวิชาชีพ ดังตอ่ ไปนี้

ขอ้ ๑ ขอ้ บังคับนเี้ รียกว่า “ข้อบงั คับครุ สุ ภา วา่ ด้วยจรรยาบรรณของวิชาชพี พ.ศ. ๒๕๕๖”
ขอ้ ๒ ข้อบังคบั น้ีใหใ้ ชบ้ ังคับตงั้ แต่วนั ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเปน็ ต้นไป
ข้อ ๓ ให้ยกเลกิ ข้อบังคับครุ ุสภา ว่าดว้ ยมาตรฐานวิชาชพี และจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ.
๒๕๔๘
ขอ้ บังคับคุรสุ ภาฉบบั ใดอา้ งอิงข้อบงั คบั คุรสุ ภาฉบับท่ียกเลิกแล้วตามวรรคหนึ่ง รวมทั้งระเบียบ
หรอื ประกาศใดท่อี อกภายใตข้ ้อบงั คับดังกล่าว ให้ถือว่าอ้างอิงข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพ
พ.ศ. ๒๕๕๖ หรือขอ้ บงั คบั ครุ สุ ภา ว่าด้วยจรรยาบรรณของวชิ าชพี พ.ศ. ๒๕๕๖ แล้วแต่กรณี
ข้อ ๔ ในข้อบังคับน้ี
“วิชาชีพ” หมายความว่า วิชาชีพทางการศึกษาท่ีทาํ หน้าที่หลักทางด้านการเรียนการสอน
และการส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนด้วยวิธีการต่าง ๆ รวมท้ังการรับผิดชอบการบริหารสถานศึกษา
ในสถานศกึ ษาปฐมวัย ขน้ั พน้ื ฐาน และอดุ มศกึ ษาที่ตํา่ กว่าปรญิ ญาท้งั ของรัฐและเอกชน และการบริหาร
การศึกษานอกสถานศึกษาในระดับเขตพ้ืนที่การศึกษา ตลอดจนการสนับสนุนการศึกษาให้บริการ
หรือปฏิบัติงานเก่ียวเน่ืองกับการจัดกระบวนการเรียนการสอน การนิเทศ และการบริหารการศึกษา
ในหนว่ ยงานการศึกษาตา่ ง ๆ
“ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา” หมายความว่า ครู ผูบ้ ริหารสถานศกึ ษา ผู้บรหิ ารการศกึ ษา
และบุคลากรทางการศึกษาอ่ืน ซึ่งได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพตามพระราชบัญญัติสภาครู
และบุคลากรทางการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๔๖
“คร”ู หมายความว่า บคุ คลซง่ึ ประกอบวชิ าชพี หลกั ทางด้านการเรียนการสอนและการส่งเสริม
การเรียนรู้ของผู้เรียนดว้ ยวธิ กี ารตา่ ง ๆ ในสถานศกึ ษาปฐมวัย ขั้นพื้นฐาน และอุดมศึกษาที่ต่ํากว่าปริญญา
ท้งั ของรัฐและเอกชน

179

เล่ม ๑๓๐ ตอนพิเศษ ๑๓๐ ง หนา้ ๗๓ ๔ ตุลาคม ๒๕๕๖
ราชกิจจานุเบกษา

“ผู้บริหารสถานศึกษา” หมายความว่า บุคคลซึ่งปฏิบัติงานในตําแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา
ภายในเขตพ้นื ท่ีการศึกษา และสถานศกึ ษาอ่ืนทจ่ี ดั การศึกษาปฐมวัย ข้ันพื้นฐาน และอุดมศึกษาที่ตํ่ากว่าปริญญา
ทั้งของรฐั และเอกชน

“ผู้บริหารการศึกษา” หมายความว่า บุคคลซึ่งปฏิบัติงานในตําแหน่งผู้บริหารนอกสถานศึกษา
ในระดบั เขตพ้ืนท่กี ารศกึ ษา

“บุคลากรทางการศึกษาอ่นื ” หมายความวา่ บุคคลซึ่งทําหน้าที่สนับสนุนการศึกษา ให้บริการ
หรือปฏิบัติงานเก่ียวเนื่องกับการจัดกระบวนการเรียนการสอน การนิเทศ และการบริหารการศึกษา
ในหน่วยงานการศกึ ษาตา่ ง ๆ ซง่ึ หนว่ ยงานการศึกษากําหนดตําแหน่งให้ต้องมีคุณวุฒิทางการศึกษา

“จรรยาบรรณของวิชาชีพ” หมายความว่า มาตรฐานการปฏิบัติตนท่ีกําหนดข้ึนเป็นแบบแผน
ในการประพฤติตน ซ่ึงผู้ประกอบวชิ าชพี ทางการศึกษาต้องปฏบิ ัตติ าม เพื่อรักษาและส่งเสริมเกียรติคุณช่ือเสียง
และฐานะของผู้ประกอบวชิ าชีพทางการศกึ ษาใหเ้ ปน็ ทเ่ี ชือ่ ถือศรทั ธาแก่ผรู้ ับบริการและสังคม อันจะนํามา
ซ่ึงเกยี รตแิ ละศักด์ศิ รีแหง่ วชิ าชพี

ข้อ ๕ ให้ประธานกรรมการคุรุสภารักษาการตามข้อบังคับน้ี และให้มีอํานาจออกระเบียบ
ประกาศ หรือคําสั่งเพื่อปฏิบัติตามข้อบังคับน้ี รวมท้ังให้มีอํานาจตีความและวินิจฉัยชี้ขาดปัญหา
เกยี่ วกบั การปฏบิ ัตติ ามทกี่ าํ หนดไวใ้ นข้อบงั คบั

ข้อ ๖ ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องประพฤติตนตามจรรยาบรรณของวิชาชีพ
และแบบแผนพฤตกิ รรมตามจรรยาบรรณของวิชาชพี

หมวด ๑
จรรยาบรรณต่อตนเอง

ข้อ ๗ ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องมีวินัยในตนเอง พัฒนาตนเองด้านวิชาชีพ
บคุ ลกิ ภาพ และวิสยั ทศั น์ ใหท้ ันตอ่ การพัฒนาทางวทิ ยาการ เศรษฐกิจ สังคม และการเมอื งอย่เู สมอ

หมวด ๒
จรรยาบรรณตอ่ วิชาชพี

ข้อ ๘ ผู้ประกอบวชิ าชพี ทางการศึกษา ตอ้ งรัก ศรัทธา ซอื่ สตั ย์สจุ ริต รับผิดชอบต่อวิชาชีพ
และเปน็ สมาชกิ ทดี่ ขี ององค์กรวชิ าชีพ

หมวด ๓
จรรยาบรรณต่อผู้รบั บรกิ าร

ขอ้ ๙ ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องรัก เมตตา เอาใจใส่ ช่วยเหลือ ส่งเสริม
ให้กาํ ลังใจแก่ศิษย์ และผรู้ ับบริการ ตามบทบาทหน้าที่โดยเสมอหน้า

180

เลม่ ๑๓๐ ตอนพิเศษ ๑๓๐ ง หน้า ๗๔ ๔ ตลุ าคม ๒๕๕๖
ราชกจิ จานเุ บกษา

ขอ้ ๑๐ ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต้องส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ ทักษะ และนิสัย
ที่ถูกตอ้ งดีงามแก่ศิษย์ และผูร้ บั บรกิ าร ตามบทบาทหนา้ ทอ่ี ย่างเต็มความสามารถ ด้วยความบริสุทธิ์ใจ

ข้อ ๑๑ ผูป้ ระกอบวชิ าชพี ทางการศึกษา ตอ้ งประพฤติปฏิบตั ติ นเปน็ แบบอย่างที่ดี ท้ังทางกาย
วาจา และจติ ใจ

ข้อ ๑๒ ผู้ประกอบวชิ าชีพทางการศึกษา ต้องไม่กระทําตนเป็นปฏิปักษ์ต่อความเจริญทางกาย
สตปิ ัญญา จติ ใจ อารมณ์ และสังคมของศษิ ย์ และผรู้ บั บริการ

ขอ้ ๑๓ ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศกึ ษา ต้องให้บริการด้วยความจริงใจและเสมอภาค โดยไมเ่ รียกรับ
หรอื ยอมรบั ผลประโยชน์จากการใชต้ าํ แหน่งหน้าท่โี ดยมิชอบ

หมวด ๔
จรรยาบรรณต่อผ้รู ่วมประกอบวชิ าชีพ

ขอ้ ๑๔ ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา พึงช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันอย่างสร้างสรรค์
โดยยึดมัน่ ในระบบคุณธรรม สร้างความสามคั คใี นหมูค่ ณะ

หมวด ๕
จรรยาบรรณตอ่ สังคม

ข้อ ๑๕ ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา พึงประพฤติปฏิบัติตนเป็นผู้นําในการอนุรักษ์
และพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญา ส่ิงแวดล้อม รักษาผลประโยชน์
ของส่วนรวม และยึดมนั่ ในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษตั รยิ ์ทรงเปน็ ประมุข

ประกาศ ณ วันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๖
ศาสตราจารย์ไพฑรู ย์ สินลารตั น์
ประธานกรรมการคุรสุ ภา

181

ภาคผนวก ข
พระราชบัญญตั ิ ระเบียบขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา (ฉบับท่ี ๔)

พ.ศ. ๒๕๖๒

เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๔๓ ก 182 ๕ เมษายน ๒๕๖๒
ราชกหจิ นจ้าานเุ๙บกษา

พระราชบัญญตั ิ

ระเบียบข้าราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษา (ฉบบั ที่ ๔)
พ.ศ. ๒๕๖๒

สมเด็จพระเจา้ อยู่หัวมหาวชริ าลงกรณ บดนิ ทรเทพยวรางกรู

ใหไ้ ว้ ณ วนั ท่ี ๔ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๒
เป็นปที ่ี ๔ ในรัชกาลปจั จบุ ัน

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ
ใหป้ ระกาศวา่

โดยท่ีเปน็ การสมควรแกไ้ ขเพมิ่ เตมิ กฎหมายว่าดว้ ยระเบียบข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา
พระราชบัญญัติน้ีมีบทบัญญัติบางประการเก่ียวกับการจากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล
ซ่ึงมาตรา ๒๖ ประกอบกับมาตรา ๒๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทาได้
โดยอาศัยอานาจตามบทบญั ญัติแห่งกฎหมาย
เหตุผลและความจาเป็นในการจากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลตามพร ะราชบัญ ญั ติ นี้
เพื่อเป็นการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบของข้าราชการครูและบุคลากรทาง
การศึกษา ซึ่งการตราพระราชบัญญัตนิ ี้สอดคล้องกับเงอ่ื นไขท่ีบญั ญัติไว้ในมาตรา ๒๖ ของรฐั ธรรมนญู
แหง่ ราชอาณาจกั รไทยแล้ว
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคาแนะนาและยินยอมของ
สภานติ ิบญั ญัติแห่งชาตทิ าหนา้ ท่รี ัฐสภา ดงั ตอ่ ไปนี้
มาตรา ๑ พระราชบัญญตั ินี้เรยี กว่า “พระราชบัญญัติระเบยี บข้าราชการครแู ละบุคลากร
ทางการศึกษา (ฉบบั ที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๖๒”

183

เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๔๓ ก ราชกหิจนจ้ าานุเ๑บ๐กษา ๕ เมษายน ๒๕๖๒

มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับต้ังแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เปน็ ต้นไป

มาตรา ๓ ใหย้ กเลิกความในมาตรา ๑๐๒ แหง่ พระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บขา้ ราชการครูและ
บคุ ลากรทางการศกึ ษา พ.ศ. ๒๕๔๗ และใหใ้ ชค้ วามต่อไปนแ้ี ทน

“มาตรา ๑๐๒ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้ใดซงึ่ ออกจากราชการอันมิใช่เพราะเหตุตาย
มีกรณีถูกกล่าวหาเปน็ หนังสือก่อนออกจากราชการว่า ขณะรับราชการไดก้ ระทาหรือละเวน้ กระทาการใด
อันเป็นความผดิ วนิ ัยอยา่ งรา้ ยแรง ถา้ เปน็ การกลา่ วหาต่อผู้บงั คับบญั ชาของผูน้ น้ั หรือตอ่ ผู้มหี น้าที่สืบสวน
สอบสวนหรือตรวจสอบตามกฎหมายหรือระเบียบของทางราชการ หรือเป็นการกล่าวหาของผู้บังคับบัญชา
ของผู้นั้น หรอื มีกรณีถกู ฟ้องคดอี าญาหรือตอ้ งหาคดอี าญาก่อนออกจากราชการวา่ ในขณะรบั ราชการได้
กระทาความผดิ อาญาอันมิใช่เปน็ ความผิดท่ีได้กระทาโดยประมาทที่ไมเ่ กี่ยวกบั ราชการหรือความผิดลหโุ ทษ
ผู้มีอานาจดาเนินการทางวินัยมีอานาจดาเนินการสืบสวนหรือพิจารณา ดาเนินการทางวินัย และสั่งลงโทษ
ตามที่บัญญัติไว้ในหมวดนี้ต่อไปได้เสมือนว่าผู้นั้นยังมิได้ออกจากราชการ แต่ต้องส่ังลงโทษภายในสามปี
นบั แต่วนั ที่ผู้นั้นออกจากราชการ

กรณีตามวรรคหน่ึง ถ้าเป็นการกล่าวหา หรือฟ้องคดีอาญาหรือต้องหาคดีอาญาหลังจากที่
ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษาผู้ใดออกจากราชการแล้ว ให้ผู้มีอานาจดาเนินการทางวนิ ัยมีอานาจ
ดาเนินการสืบสวนหรือพิจารณา ดาเนินการทางวินัย และส่ังลงโทษตามท่ีบัญญัติไว้ในหมวดนี้ต่อไปได้
เสมือนว่าผู้น้ันยังมิได้ออกจากราชการ โดยต้องเริ่มดาเนินการสอบสวนภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่ผู้น้ัน
ออกจากราชการ และต้องส่ังลงโทษภายในสามปีนับแต่วันที่ผู้น้ันออกจากราชการ สาหรับกรณีท่ีเป็น
ความผิดที่ปรากฏชัดแจ้งตามมาตรา ๙๘ วรรคเจ็ด จะต้องส่ังลงโทษภายในสามปีนับแต่วันท่ีผู้นั้น
ออกจากราชการ

ในกรณีที่ศาลปกครองมีคาพิพากษาถึงท่ีสุดให้เพิกถอนคาสั่งลงโทษ หรือองค์กรพิจารณา
อทุ ธรณ์คาสัง่ ลงโทษทางวนิ ยั หรือองคก์ รตรวจสอบรายงานการดาเนินการทางวนิ ัยมคี าวนิ ิจฉยั ถงึ ทส่ี ดุ หรอื
มีมติให้เพิกถอนคาส่ังลงโทษตามวรรคหน่ึงหรือวรรคสอง เพราะเหตุกระบวนการดาเนินการทางวินัย
ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ใหผ้ ูม้ อี านาจดาเนินการทางวินยั ดาเนนิ การทางวินยั ให้แล้วเสรจ็ ภายในสองปนี ับแต่
วันท่ีมคี าพิพากษาถึงที่สุด หรอื มีคาวินิจฉยั ถงึ ทส่ี ุดหรือมมี ติ แลว้ แตก่ รณี

184

เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๔๓ ก หน้า ๑๑ ๕ เมษายน ๒๕๖๒
ราชกิจจานุเบกษา

การดาเนินการทางวินัยตามวรรคหน่ึง วรรคสอง และวรรคสาม ถ้าผลการสอบสวนพิจารณา
ปรากฏว่าผนู้ ั้นกระทาผิดวินยั ไม่ร้ายแรงก็ใหง้ ดโทษ

ความในมาตราน้ีมิให้ใช้บังคับแก่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาซ่ึงถูกส่ังให้
ออกจากราชการไวก้ ่อนตามมาตรา ๑๐๓”

มาตรา ๔ ใหเ้ พิ่มความตอ่ ไปนเ้ี ป็นมาตรา ๑๐๒/๑ แห่งพระราชบญั ญตั ิระเบยี บขา้ ราชการครู
และบคุ ลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗

“มาตรา ๑๐๒/๑ ในกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือ
คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐมีมติช้ีมูลความผิดข้าราชการครูและบุคลากร
ทางการศึกษาผู้ใดซ่ึงออกจากราชการแล้ว การดาเนินการทางวินัยและส่ังลงโทษแก่ข้าราชการครูและ
บุคลากรทางการศึกษาผู้นั้นให้เป็นไปตามหลกั เกณฑ์และเงอ่ื นไขที่กาหนดไวใ้ นกฎหมายประกอบรัฐธรรมนญู
ว่าด้วยการปอ้ งกันและปราบปรามการทุจรติ หรอื กฎหมายว่าด้วยมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกนั
และปราบปรามการทจุ ริต แลว้ แตก่ รณี

การดาเนนิ การทางวนิ ยั ตามวรรคหน่งึ หากปรากฏวา่ ผ้นู น้ั กระทาผิดวนิ ยั ไมร่ า้ ยแรงก็ให้งดโทษ”

ผู้รบั สนองพระราชโองการ
พลเอก ประยทุ ธ์ จันทรโ์ อชา

นายกรฐั มนตรี

185

เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๔๓ ก หน้า ๑๒ ๕ เมษายน ๒๕๖๒
ราชกิจจานเุ บกษา

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบญั ญัตฉิ บบั นี้ คอื โดยท่ีปัจจบุ นั ปรากฏปัญหาความไม่สอดคล้องกัน
ระหว่างบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการดาเนินการทางวินัยของข้าราชการฝ่ายพลเรือนประเภทต่าง ๆ ส่งผล
ให้เกิดความไม่เป็นธรรม และไม่เสมอภาคในการดาเนินการทางวินัยแก่ข้าราชการซึ่งออกจากราชการไปแล้ว
นอกจากนี้ ยังมปี ัญหาความแตกต่างระหวา่ งกฎหมายว่าดว้ ยการดาเนินการทางวินยั ของข้าราชการฝ่ายพลเรือน
กบั กฎหมายขององค์กรตรวจสอบการทุจริต ซ่งึ ทาให้การดาเนินการทางวินยั เพื่อพิจารณาลงโทษแก่ข้าราชการ
ท่ีถูกองค์กรตรวจสอบการทุจริตช้ีมูลความผิดหลังออกจากราชการไปแลว้ ในบางกรณีไม่อาจดาเนินการตามฐาน
ความผดิ ที่ชีม้ ลู ได้ ดงั น้นั สมควรใหก้ ารดาเนินการทางวินัยแกผ่ ู้ซึ่งออกจากราชการเปน็ มาตรฐานเดียวกันและ
สอดคล้องกับกฎหมายขององค์กรตรวจสอบการทุจริต อันจะเป็นกลไกหนึ่งท่ีทาให้การป้องกันและปราบปราม
การทุจริตสัมฤทธ์ิผลมากยิ่งขึน้ จงึ จาเป็นต้องตราพระราชบญั ญัตินี้

186

ภาคผนวก ค
พระราชบัญญตั ิ เงินเดอื น เงินวทิ ยฐานะ และเงินประจำตำแหนง่ ข้าราชการครู

และบุคลากรทางการศกึ ษา (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๘

เล่ม ๑๓๒ ตอนที่ ๔๓ ก 187 ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘
หนา้ ๗
ราชกจิ จานุเบกษา



พระราชบัญญัติ

เงนิ เดอื น เงินวิทยฐานะ และเงนิ ประจําตําแหนง่
ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ฉบบั ที่ ๓)

พ.ศ. ๒๕๕๘

ภมู ิพลอดลุ ยเดช ป.ร.

ให้ไว้ ณ วันท่ี ๑๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๘
เปน็ ปที ี่ ๗๐ ในรชั กาลปจั จุบัน

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ
ให้ประกาศวา่

โดยทเี่ ปน็ การสมควรแกไ้ ขเพ่มิ เติมกฎหมายว่าดว้ ยเงินเดือน เงินวทิ ยฐานะ และเงินประจาํ ตําแหน่ง
ขา้ ราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา

จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติข้ึนไว้โดยคําแนะนําและยินยอมของ
สภานติ ิบัญญตั ิแห่งชาติ ดังต่อไปนี้

มาตรา ๑ พระราชบัญญัติน้ีเรียกว่า “พระราชบัญญัติเงินเดือน เงินวิทยฐานะ และ
เงินประจาํ ตําแหน่งขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษา (ฉบับท่ี ๓) พ.ศ. ๒๕๕๘”

มาตรา ๒ พระราชบญั ญตั นิ ้ีใหใ้ ช้บังคับตัง้ แตว่ ันท่ี ๑ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ เป็นต้นไป
มาตรา ๓ ให้เพ่ิมความต่อไปนี้เป็นวรรคห้าของมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติเงินเดือน
เงนิ วิทยฐานะ และเงินประจําตําแหนง่ ขา้ ราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ ซึ่งแก้ไขเพ่ิมเติม
โดยพระราชบญั ญัตเิ งนิ เดือน เงินวทิ ยฐานะ และเงินประจําตําแหน่งข้าราชการครแู ละบุคลากรทางการศึกษา
(ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔
“ในกรณีที่มเี หตผุ ลและความจาํ เปน็ เพือ่ เปน็ การเยียวยาให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ได้รับเงินเดือน หรือเงินวิทยฐานะ หรือเงินประจําตําแหน่งท่ีเหมาะสมและเป็นธรรม ก.ค.ศ. อาจกําหนดให้
ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาได้รับการเยียวยาโดยให้ได้รับเงินเดือน หรือเงินวิทยฐานะ

188

เลม่ ๑๓๒ ตอนที่ ๔๓ ก หน้า ๘ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘
ราชกิจจานุเบกษา

หรอื เงินประจาํ ตําแหนง่ ตามทเ่ี ห็นสมควรเป็นกรณี ๆ ไปกไ็ ด้ ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการท่ี
คณะรฐั มนตรีกาํ หนด”

มาตรา ๔ ให้ยกเลกิ บัญชเี งนิ เดือนขนั้ ต่าํ ขนั้ สงู ของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ท่ีมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพแนบท้ายพระราชบัญญัติเงินเดือน เงินวิทยฐานะ และเงินประจําตําแหน่ง
ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ ซ่ึงแก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติเงินเดือน
เงินวิทยฐานะ และเงนิ ประจําตําแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๔
และให้ใช้บญั ชีเงินเดือนขัน้ ต่าํ ข้ันสูงของขา้ ราชการครแู ละบคุ ลากรทางการศึกษาท่ีมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ
แนบท้ายพระราชบัญญัตนิ แี้ ทน

การปรบั เงินเดอื น เงนิ วิทยฐานะ และเงนิ ประจําตําแหน่งของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
เขา้ ตามบัญชีแนบทา้ ยพระราชบญั ญัติ ใหเ้ ป็นไปตามหลักเกณฑแ์ ละวธิ ีการที่ ก.ค.ศ. กําหนด

มาตรา ๕ ในวาระเริ่มแรก ให้ปรับเงินเดือนของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ที่มีใบอนญุ าตประกอบวชิ าชีพท่ีได้รับอยู่เดิมเข้าส่อู ัตราในบัญชีแนบท้ายพระราชบัญญัติน้ี และให้ดําเนินการ
ให้แล้วเสร็จภายในหน่งึ ปนี บั แต่วนั ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา

ให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาท่ีมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพซึ่งได้รับเงินเดือน
ในอันดับครูผู้ช่วย อันดับ คศ.๑ และอันดับ คศ.๒ ท่ีได้รับเงินเดือนไม่สูงกว่าข้ันสูงของอันดับ คศ.๒
ได้รับเงินเดือนในอัตราที่สูงกว่าอัตราที่ได้รับอยู่เดิมตามบัญชีแนบท้ายพระราชบัญญัตินี้อีกร้อยละสี่ของ
เงินเดือนท่ีได้รับอยู่ ในกรณีท่ีการปรับเงินเดือนดังกล่าวทําให้มีเศษไม่ถึงสิบบาทให้ปรับตัวเลขเงินเดือนดังกล่าว
เพมิ่ ขน้ึ เป็นสบิ บาท

มาตรา ๖ ในกรณีที่ ก.ค.ศ. ยังมิได้ปรับอัตราเงินเดือน เงินวิทยฐานะ และเงินประจําตําแหน่ง
ของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเพ่ือให้เข้าสู่อัตราตามบัญชีเงินเดือน
แบบช่วงท่ีกําหนดเงินเดือนขั้นตํ่าขั้นสูงได้ เป็นเหตุให้ยังคงต้องใช้บัญชอี ัตราเงินเดือนแบบข้ันอยู่ ซ่ึงทําให้
ไม่เปน็ การสอดคลอ้ งกบั อตั ราเงนิ เดือนขนั้ ต่ําขน้ั สูง ตามมาตรา ๕ ให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ท่ีมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพได้รับเงินเดือนตามหลักเกณฑ์และวิธีการท่ี ก.ค.ศ. กําหนด และให้ข้าราชการครู
และบุคลากรทางการศกึ ษาที่มใี บอนญุ าตประกอบวิชาชพี ซง่ึ ไดร้ ับเงินเดือนในอันดับครผู ชู้ ่วย อันดับ คศ.๑
และอันดับ คศ.๒ ท่ีได้รับเงินเดือนไม่สูงกว่าข้ันสูงของอันดับ คศ.๒ ได้รับเงินเดือนในอัตราท่ีสูงกว่า
อัตราเงินเดือนท่ีได้รับอยู่เดิมอีกหนึ่งขั้น และเมื่อได้ดําเนินการตามมาตราน้ีแล้ว ให้ถือว่าเป็นการดําเนินการ
ตามมาตรา ๕

มาตรา ๗ ใหน้ ายกรัฐมนตรรี ักษาการตามพระราชบัญญัตินี้

ผรู้ บั สนองพระบรมราชโองการ
พลเอก ประยุทธ์ จนั ทรโ์ อชา

นายกรัฐมนตรี

189

บญั ชีเงินเดือนขนั้ ตํ่าขนั้ สงู ของข้าราชการครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษา
ที่มีใบอนญุ าตประกอบวิชาชีพ

บาท บาท บาท บาท บาท บาท
ขนั้ สงู ๒๔,๗๕๐ ๓๔,๓๑๐ ๔๑,๖๒๐ ๕๘,๓๙๐ ๖๙,๐๔๐ ๗๖,๘๐๐
ขนั้ ตํ่า ๑๕,๐๕๐ ๑๕,๔๔๐ ๑๖,๑๙๐ ๑๙,๘๖๐ ๒๔,๔๐๐ ๒๙,๙๘๐
อนั ดบั ครูผ้ชู ว่ ย คศ.๑ คศ.๒ คศ.๓ คศ.๔ คศ.๕

190

เลม่ ๑๓๒ ตอนท่ี ๔๓ ก หนา้ ๙ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘
ราชกิจจานุเบกษา

หมายเหตุ :- เหตผุ ลในการประกาศใช้พระราชบญั ญัติฉบบั นี้ คือ โดยท่เี ป็นการสมควรปรับอัตราเงินเดือนของ
ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพให้เหมาะสม เป็นธรรม และได้มาตรฐาน
โดยคาํ นึงถึงค่าครองชีพท่เี ปล่ยี นแปลงไป ค่าตอบแทนในภาคเอกชน ฐานะการคลังของประเทศ ความแตกต่าง
ระหว่างรายได้ของข้าราชการระดับต่าง ๆ ในประเภทเดียวกันและต่างประเภทกัน และปัจจัยอ่ืนที่จําเป็น
สมควรปรบั บัญชีเงินเดือนขน้ั ตํ่าขน้ั สงู ของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศกึ ษาท่ีมใี บอนุญาตประกอบวิชาชีพ
ใหเ้ หมาะสมยิง่ ขึ้น จงึ จําเป็นต้องตราพระราชบัญญตั ิน้ี

191

ภาคผนวก ง
พระราชบัญญัติ การศกึ ษาแห่งชาติ (ฉบบั ท่ี ๔) พ.ศ. ๒๕๖๒

เล่ม ๑๓๖ ตอนท่ี ๕๗ ก 192 ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒
ราชกหจิ นจ้าานเุ๔บ๙กษา

พระราชบญั ญัติ

การศกึ ษาแหง่ ชาติ (ฉบบั ท่ี ๔)
พ.ศ. ๒๕๖๒

สมเด็จพระเจา้ อยู่หัวมหาวชริ าลงกรณ บดินทรเทพยวรางกรู

ใหไ้ ว้ ณ วนั ท่ี ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๒
เปน็ ปที ่ี ๔ ในรัชกาลปัจจบุ นั

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ
ให้ประกาศวา่

โดยท่ีเปน็ การสมควรแก้ไขเพม่ิ เติมกฎหมายว่าด้วยการศกึ ษาแหง่ ชาติ
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติข้ึนไว้โดยคาแนะนาและยินยอมของ
สภานิตบิ ญั ญัตแิ ห่งชาติทาหน้าที่รฐั สภา ดังต่อไปน้ี
มาตรา ๑ พระราชบัญญัติน้ีเรียกว่า “พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (ฉบับท่ี ๔)
พ.ศ. ๒๕๖๒”
มาตรา ๒ พระราชบัญญัติน้ีให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เปน็ ตน้ ไป
มาตรา ๓ ใหย้ กเลกิ ความในมาตรา ๓๑ และมาตรา ๓๒ แหง่ พระราชบญั ญตั ิการศกึ ษา
แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งแก้ไขเพ่ิมเติมโดยพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕
และใหใ้ ชค้ วามตอ่ ไปนีแ้ ทน
“มาตรา ๓๑ กระทรวงมอี านาจหน้าที่เก่ียวกบั การสง่ เสรมิ และกากบั ดแู ลการศึกษาทกุ ระดบั
ทุกประเภท และการอาชีวศึกษา แต่ไม่รวมถงึ การศึกษาระดบั อดุ มศกึ ษาท่ีอยู่ในอานาจหนา้ ทีข่ องกระทรวงอื่น
ท่มี กี ฎหมายกาหนดไว้เป็นการเฉพาะ กาหนดนโยบาย แผน และมาตรฐานการศึกษา สนับสนุนทรพั ยากร

193

เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๕๗ ก หน้า ๕๐ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒
ราชกจิ จานเุ บกษา

เพื่อการศกึ ษา สง่ เสรมิ และประสานงานการศาสนา ศลิ ปะ วฒั นธรรม และการกฬี า ทงั้ น้ี ในส่วนทเ่ี กยี่ วกบั
การศึกษา รวมทั้งการติดตาม ตรวจสอบและประเมินผลการจัดการศึกษา และราชการอื่นตามที่มี
กฎหมายกาหนดใหเ้ ป็นอานาจหนา้ ท่ขี องกระทรวงหรอื ส่วนราชการทส่ี งั กดั กระทรวง

มาตรา ๓๒ การจัดระเบียบบริหารราชการในกระทรวงให้มีองค์กรหลักที่เป็นคณะบุคคล
ในรูปสภาหรือในรูปคณะกรรมการจานวนสามองค์กร ได้แก่ สภาการศึกษา คณะกรรมการการศึกษา
ขั้นพ้ืนฐาน และคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เพ่ือพิจารณาให้ความเห็นหรือให้คาแนะนาแก่รัฐมนตรี
หรือคณะรฐั มนตรี และมีอานาจหน้าท่ีอ่นื ตามทกี่ ฎหมายกาหนด”

มาตรา ๔ ใหเ้ พิ่มความตอ่ ไปนี้เป็นมาตรา ๓๒/๑ และมาตรา ๓๒/๒ แห่งพระราชบญั ญตั ิ
การศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒

“มาตรา ๓๒/๑ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม มีอานาจหน้าท่ี
เก่ียวกับการส่งเสริม สนับสนุน และกากับการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ การวิจัยและการสร้างสรรค์
นวัตกรรม เพ่ือให้การพัฒนาประเทศเท่าทันการเปล่ียนแปลงของโลกและราชการอื่นตามท่ีมีกฎหมาย
กาหนดใหเ้ ปน็ อานาจหน้าทข่ี องกระทรวงการอดุ มศกึ ษา วิทยาศาสตร์ วจิ ัยและนวัตกรรม หรอื สว่ นราชการ
ที่สงั กดั กระทรวงการอดุ มศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจยั และนวตั กรรม

มาตรา ๓๒/๒ การจัดระเบียบราชการกระทรวงการอุดมศกึ ษา วิทยาศาสตร์ วจิ ัยและนวัตกรรม
ใหเ้ ปน็ ไปตามกฎหมายว่าด้วยการน้ัน”

มาตรา ๕ ให้ยกเลิกวรรคสามของมาตรา ๓๔ แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
พ.ศ. ๒๕๔๒ ซง่ึ แกไ้ ขเพม่ิ เติมโดยพระราชบญั ญัตกิ ารศกึ ษาแหง่ ชาติ (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕

มาตรา ๖ ใหเ้ พม่ิ ความต่อไปนเี้ ปน็ มาตรา ๓๕/๑ แห่งพระราชบัญญัติการศกึ ษาแหง่ ชาติ
พ.ศ. ๒๕๔๒

“มาตรา ๓๕/๑ ให้มีคณะกรรมการการอุดมศึกษา มีหน้าท่ีพิจารณาเสนอนโยบาย แผนพัฒนา
และมาตรฐานการอุดมศึกษาที่สอดคล้องกับความต้องการตามแผนพัฒนาเศ รษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และแผนการศึกษาแห่งชาติ การสนับสนุนทรัพยากร การติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการจัด
การศึกษาระดับอุดมศึกษา โดยคานึงถึงความเป็นอิสระและความเป็นเลิศทางวิชาการของสถานศึกษา
ระดับปริญญาตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการจดั ตง้ั สถานศึกษาแต่ละแห่งและกฎหมายทเ่ี กย่ี วข้อง

องค์ประกอบ จานวนกรรมการ คุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม หลักเกณฑ์ วิธีการสรรหา
การเลือกและการแต่งตั้งประธานกรรมการ กรรมการ และกรรมการและเลขานกุ าร วาระการดารงตาแหน่ง
และการพน้ จากตาแหนง่ ของกรรมการการอุดมศึกษา ใหเ้ ป็นไปตามกฎหมายวา่ ด้วยการน้ัน”


Click to View FlipBook Version