ชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community : plc) จัดท าโดย นางวรัญญา แสงน้ า ต าแหน่งครู วิทยฐานะครูช านาญการ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โรงเรียนเทศบาล ๑ (ขจรเนติยุทธ) สังกัดเทศบาลเมืองล าสามแก้ว อ าเภอล าลูกกา จังหวัดปทุมธานี กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย PLC 2566 “Active Learning Science”
ชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (PLC) โรงเรียนเทศบาล ๑ (ขจรเนติยุทธ) เรื่อง การพัฒนาผู้เรียนโดยใช้รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5E ด้วยชุดการสอน (Instructional Package) (5E Plus IP) เพื่อ ยกระดับผลการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของผู้เรียน โรงเรียนเทศบาล ๑ (ขจรเนติยุทธ) ปีการศึกษา ๒๕๖6 จัดทำโดย กลุ่ม Active Learning Science โรงเรียนเทศบาล ๑ (ขจรเนติยุทธ) สังกัดกองการศึกษา เทศบาลเมืองลำสามแก้ว
ชื่อเรื่อง การพัฒนาผู้เรียนโดยใช้รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5E ด้วยชุดการสอน (Instructional Package) (5E Plus IP) เพื่อยกระดับผลการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของผู้เรียน โรงเรียนเทศบาล ๑ (ขจรเนติยุทธ) ปีการศึกษา ๒๕๖6 สมาชิกในกลุ่ม นางวรัญญา แสงน้ำ นายศิโรรัตน์ ทองจำรูญ นางสาวขวัญฤดี หนูแก้ว นางสาวเมทินี ยันดี นางสาววิไลรัตน์จิตธรรรม นายวีระพงษ์ ใจทัด บทคัดย่อ การเข้าร่วมชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ กลุ่ม Active Leaning Science ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อยกระดับผลการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของผู้เรียนโรงเรียนเทศบาล ๑ (ขจรเนติยุทธ) ปี การศึกษา ๒๕๖6 ซึ่งเป็นการดำเนินการกึ่งการวิจัย กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/1 จำนวน 32 คน ผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/1 จำนวน 27 คน ผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/3 จำนวน 27 คน ผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4/2 จำนวน 28 คน ผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/2 จำนวน 30 คน และผู้เรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1 จำนวน 28 คน รวมทั้งสิ้น 172 คน เครื่องมือที่ใช้ในครั้งนี้ คือ แผนการจัดการเรียนรู้ โดยใช้รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) และการพัฒนานวัตกรรมเป็นชุดการสอน (Instructional Package) (5E Plus IP) วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ ร้อยละ,ค่าเฉลี่ย ผลการดำเนินการพบว่า ผลการเรียนวิชา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ของผู้เรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒/๑, ๓/๑, ๓/3, ๔/๒, 6/2 คะแนนเฉลี่ย ก่อนเรียน คิดเป็นร้อยละ ๕๐.๑๘ และคะแนนเฉลี่ยหลังเรียน คิดเป็นร้อยละ ๖๘.๐๔ ซึ่งพบว่าผลการเรียนวิชา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ ๑๗.๘๖ ผลการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีของผู้เรียนระดับชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ ๓/๑ คะแนนเฉลี่ยก่อนเรียน ภาคเรียนที่ ๑ คิดเป็นร้อยละ ๖๑.๕๘ และคะแนนเฉลี่ยหลังเรียน ภาคเรียนที่ ๑ คิดเป็นร้อยละ ๗๕.๘๗ ซึ่งพบว่าผลการเรียนวิชา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ ๑๔.๒๙ การประเมินผลการเรียนวิชา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของผู้เรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓/๑ คะแนนเฉลี่ยก่อนเรียน ภาคเรียนที่ ๒ คิดเป็นร้อยละ ๖๓.๐๒ และคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนภาคเรียนที่ ๒ คิดเป็นร้อยละ ๗๖.๓๑ ซึ่งพบว่าผลการเรียน วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นคิดเป็น ร้อยละ ๑๓.๒๘
สารบัญ บทคัดย่อ บทที่ ๑ บทนำ ๑. ที่มาและความสำคัญ ๒. วัตถุประสงค์ในการพัฒนา ๓. ขอบเขตการดำเนินการ ๔. กรอบแนวคิด ๕. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ บทที่ ๒ แนวคิด ทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ๑. แนวคิด ทฤษฎี ๒. งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง บทที่ ๓ วิธีการดำเนินการ ๑. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ๒. ระยะเวลาที่ใช้ ๓. เครื่องมือที่ใช้ ๔. สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล บทที่ ๔ ผลการดำเนินการ ๑. ผลการดำเนินการ บทที่ ๕ สรุปอธิปรายผล และข้อเสนอแนะ ๑. สรุปผลการดำเนินการ ๒. อภิปรายผล ๓. ข้อเสนอแนะ บรรณานุกรม ภาคผนวก
บทที่ ๑ บทนำ ๑ ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา วิทยาศาสตร์มีบทบาทสำคัญยิ่งในโลกสังคมปัจจุบัน เพราะวิทยาศาสตร์เกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิต ประจำวันและงานอาชีพต่างๆ เครื่องมือเครื่องใช้เพื่ออำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันและการทำงาน ล้วน เป็นผลของความรู้วิทยาศาสตร์ผสมผสานกับความคิดสร้างสรรค์และศาสตร์อื่นๆ โดยมนุษย์เอาความรู้ทางด้าน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปใช้ในการพัฒนาประเทศทั้งทางด้านเศรษฐกิจ และอุตสาหกรรม นอกจากนั้น วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยียังทำให้สังคมเปลี่ยนแปลงไป มนุษย์จึงจำเป็นต้องเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีเพื่อสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป และนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีมาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้ สำหรับการศึกษาเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 การจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เป็นการจัดให้ผู้เรียนเป็น ผู้ลงมือปฏิบัติทำการทดลองและฝึกด้วยตนเอง เพื่อได้ความรู้ความเข้าใจโลกธรรมชาติและเทคโนโลยีที่มนุษย์ สร้างขึ้นและนำความรู้ไปใช้อย่างมีเหตุผล สร้างสรรค์ มีคุณธรรม การทดลองทางวิทยาศาสตร์เป็นอีกรูปแบบหนึ่ง ที่ถือได้ว่า เป็นการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียน เป็นสำคัญ เนื่องจากผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติเพื่อฝึกทักษะต่างๆ ด้วยตนเองทุกขั้นตอน โดยมีครูเป็นผู้จัด ประสบการณ์ การเรียนรู้จึงควรเป็นเป้าหมายสำคัญที่ควรพัฒนาและส่งเสริมเป็นอย่างยิ่ง ช่วยกระตุ้น ให้ผู้เรียนเกิดความคิดความอยากรู้อยากเห็น อยากแสวงหาความรู้เกิดทักษะกระบวนการและความคิดริเริ่ม สร้างสรรค์จึงนับเป็นสิ่งสำคัญ ที่ครูผู้สอนต้องมีกระบวนการจัดการเรียนรู้มีกิจกรรมที่เหมาะสมต่อการ พัฒนาการเรียนรู้ รวมไปถึงทักษะกระบวนการด้านอื่นๆ จากการสังเกตของครูผู้สอนวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 2, 3, 4, ๖ และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ได้พบปัญหาที่ต้องแก้ไข ปรับปรุง คือ ผู้เรียนมีผลการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีต่ำ เพราะขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นพื้นฐานในการ เรียน จึงทำให้ครูในกลุ่มร่วมกันวางแผนกิจกรรมเกิดเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพที่ร่วมกันแก้ไขและ การพัฒนาผู้เรียนโดยใช้รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5E ด้วยชุดการสอน (Instructional Package) (5E Plus IP) เพื่อยกระดับผลการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของผู้เรียนโรงเรียนเทศบาล ๑ (ขจรเนติยุทธ) ในปีการศึกษา 256๖ นี้ ๒ วัตถุประสงค์ ๒.๑ เพื่อยกระดับผลการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของผู้เรียน ๓ ขอบเขตการดำเนินการ ในการเข้าร่วมชุมชนแห่งการเรียนรู้วิชาชีพในครั้งนี้ เป็นการร่วมกันสร้างและจัดทำแผนการจัดการ เรียนรู้ โดยใช้รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ด้วยชุดการสอน (Instructional Package) (5E Plus IP) ในการยกระดับผลการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของผู้เรียนโรงเรียนเทศบาล ๑ (ขจรเนติยุทธ) ในปีการศึกษา 256๖ มีขอบเขตการดำเนินการ ดังนี้
๓.๑ จำนวนผู้เรียน ผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/1 จำนวน ๓๒ คน ผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/1 จำนวน ๒๗ คน ผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/3 จำนวน 2๗ คน ผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4/2 จำนวน ๒๘ คน ผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖/2 จำนวน ๓๐ คน ผู้เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1 จำนวน 2๘ คน รวมทั้งสิ้น ๑๗๒ คน ๓.๒ แผนการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ด้วยชุดการ สอน (5E Plus IP) ๔ กรอบแนวคิด ในการเข้าร่วมชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพในครั้งนี้ เป็นการร่วมกันสร้างและจัดทำแผนการจัดการ เรียนรู้ โดยใช้รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ด้วยชุดการสอน (Instructional Package) (5E Plus IP) ในการยกระดับผลการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของผู้เรียนโรงเรียนเทศบาล ๑ (ขจรเนติยุทธ) กรอบแนวคิดเพื่อพัฒนานวัตกรรม จัดทำแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) และออกแบบ นวัตกรรมด้วยชุดการสอน (Instructional Package) (5E Plus IP) ในการสอนรายวิชาวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีของชั้นประถมศึกษาปีที่ 2, 3, 4, ๖ และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ปีการศึกษา ๒๕๖๖ โดยครูผู้สอนได้ พัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้ และออกแบบชุดการสอน เพื่อยกระดับผลการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีของผู้เรียนโรงเรียนเทศบาล ๑ (ขจรเนติยุทธ) ๕ ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ ๕.๑ ผู้เรียนมีผลการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีดีขึ้น
บทที่ ๒ แนวคิด ทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง การวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยได้ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับปัญหาผู้เรียนมีผลการเรียนวิชา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีต่ำ เพราะขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ขาดความเอาใจใส่ ไม่สนใจในบทเรียน ขาดความรู้พื้นฐานในเนื้อหาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งเหล่านี้ เป็นพื้นฐานในการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จึงใช้รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ ๕E และการพัฒนานวัตกรรมเป็นชุดการสอน Instructional Package เพื่อเป็นแนวทางในการวิจัย และได้ ทำการศึกษาหัวข้อที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ 1. แนวคิด ทฤษฎี 1.1 หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี 1.๒ กระบวนการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้นตอน (The 5E of Inquiry-Based Learning) ๑.๓ ชุดการสอน Instructional Package ๒. งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 1. แนวคิด ทฤษฎี 1.๑ หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) กลุ่มสาระการ เรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญยิ่งต่อความสำเร็จในการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 โลกยุค ใหม่ต้องเตรียมคนให้พัฒนาทั้งความรู้ ทักษะ เจตคติ และค่านิยม อย่างสมดุลทุกด้านเพื่อการดำเนินชีวิต ด้วย การสร้างงาน สร้างอาชีพ และอยู่ร่วมกันในสังคม พหุวัฒนธรรมอย่างสร้างสรรค์ยั่งยืน มีกระบวนการคิด วิเคราะห์ คิดอย่างมีวิจารณญาณ การแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ และริเริ่มผลิตผลงานด้วยเจตคติ และค่านิยม เพื่อความยั่งยืนของโลก จึงเป็นเป้าหมายสำคัญในการพัฒนาผู้เรียน เพื่อความร่วมมือในภูมิภาคและการแข่งขัน ในโลกอาชีพ ได้นำนวัตกรรมกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่เน้นกระบวนการคิด การสร้างความรู้ และการนำ ความรู้ไปใช้ผลิตผลงานด้วยค่านิยมเพื่อสังคม เพื่อโลก สอดคล้องกับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 โดยนำมาใช้ ในการออกแบบการจัดการเรียนรู้ ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ นี้ ได้กำหนด สาระการเรียนรู้ออกเป็น ๔ สาระ ได้แก่ สาระที่ ๑ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ สาระที่ ๒ วิทยาศาสตร์กายภาพ สาระ ที่ ๓ วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ และสาระที่ ๔ เทคโนโลยี มีสาระเพิ่มเติม ๔ สาระ ได้แก่ สาระชีววิทยา สาระเคมี สาระฟิสิกส์ และสาระโลกดาราศาสตร์ และอวกาศ ซึ่งองค์ประกอบของหลักสูตรทั้งในด้านของ เนื้อหา การจัดการเรียนการสอน และการวัดและประเมินผลการเรียนรู้นั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งในการ วางรากฐานการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ของผู้เรียนในแต่ละระดับชั้น ให้มีความต่อเนื่องเชื่อมโยงกัน ตั้งแต่ชั้น ประถมศึกษาปีที่ ๑ จนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ สําหรับกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ได้กําหนดตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง ที่ผู้เรียน จําเป็นต้องเรียนเป็นพื้นฐาน เพื่อให้สามารถนําความรู้นี้ไปใช้ในการดํารงชีวิต หรือศึกษาต่อในวิชาชีพที่ต้องใช้
วิทยาศาสตร์ได้โดยจัดเรียงลําดับความยากง่ายของเนื้อหาแต่ละสาระในแต่ละระดับชั้นให้มีการเชื่อมโยงความรู้ กับกระบวนการเรียนรู้และการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนพัฒนาความคิดทั้งความคิดเป็นเหตุเป็น ผล คิดสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์วิจารณ์ มีทักษะที่สําคัญทั้งทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะใน ศตวรรษที่ ๒๑ ในการค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ด้วยกระบวนการสืบเสาะหาความรู้สามารถแก้ปัญหาอย่าง เป็นระบบ สามารถตัดสินใจ โดยใช้ข้อมูลหลากหลายและประจักษ์พยานที่ตรวจสอบได้ 1.๒ เป้าหมายของวิทยาศาสตร์ ในการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์มุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้ค้นพบความรู้ด้วยตนเองมากที่สุดเพื่อให้ได้ทั้ง กระบวนการและความรู้จากวิธีการสังเกต การสํารวจตรวจสอบ การทดลอง แล้วนําผลที่ได้มาจัดระบบเป็น หลักการ แนวคิด และองค์ความรู้ การจัดการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์จึงมีเป้าหมายที่สําคัญ ดังนี้ ๑. เพื่อให้เข้าใจหลักการ ทฤษฎีและกฎที่เป็นพื้นฐานในวิชาวิทยาศาสตร์ ๒. เพื่อให้เข้าใจขอบเขตของธรรมชาติของวิชาวิทยาศาสตร์และข้อจํากัดในการศึกษาวิชาวิทยาศาสตร์ ๓. เพื่อให้มีทักษะที่สําคัญในการศึกษาค้นคว้าและคิดค้นทางเทคโนโลยี ๔. เพื่อให้ตระหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่างวิชาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีมวลมนุษย์และสภาพแวดล้อม ในเชิงที่มีอิทธิพลและผลกระทบซึ่งกันและกัน ๕. เพื่อนําความรู้ความเข้าใจ ในวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและการ ดํารงชีวิต ๖. เพื่อพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหา และการจัดการ ทักษะ ในการสื่อสาร และความสามารถในการตัดสินใจ ๗. เพื่อให้เป็นผู้ที่มีจิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมในการใช้วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ 1.๓ เรียนรู้อะไรในวิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์มุ่งหวังให้ผู้เรียนได้เรียนรู้วิทยาศาสตร์ ที่เน้นการเชื่อมโยงความรู้กับ กระบวนการ มีทักษะสําคัญในการค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ โดยใช้กระบวนการในการสืบเสาะหาความรู้ และแก้ปัญหาที่หลากหลาย ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ทุกขั้นตอน มีการทํากิจกรรมด้วยการลงมือปฏิบัติ จริงอย่างหลากหลาย เหมาะสมกับระดับชั้น โดยกําหนดสาระสําคัญ ดังนี้ ✧ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ เรียนรู้เกี่ยวกับ ชีวิตในสิ่งแวดล้อม องค์ประกอบของสิ่งมีชีวิตการดํารงชีวิต ของมนุษย์และสัตว์การดํารงชีวิตของพืช พันธุกรรม ความหลากหลายทางชีวภาพและวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต ✧ วิทยาศาสตร์กายภาพ เรียนรู้เกี่ยวกับ ธรรมชาติของสาร การเปลี่ยนแปลงของสารการเคลื่อนที่ พลังงาน และคลื่น ✧ วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ เรียนรู้เกี่ยวกับ องค์ประกอบของเอกภพ ปฏิสัมพันธ์ภายในระบบ สุริยะ เทคโนโลยีอวกาศ ระบบโลก การเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยา กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศ และผลต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม
✧ เทคโนโลยี - การออกแบบและเทคโนโลยีเรียนรู้เกี่ยวกับ เทคโนโลยีเพื่อการดํารงชีวิตในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลง อย่างรวดเร็ว ใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์และศาสตร์อื่น ๆ เพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนา งานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมโดย คํานึงถึงผลกระทบต่อชีวิต สังคม และสิ่งแวดล้อม - วิทยาการคํานวณ เรียนรู้เกี่ยวกับ การคิดเชิงคํานวณ การคิดวิเคราะห์แก้ปัญหาเป็นขั้นตอนและเป็น ระบบ ประยุกต์ใช้ความรู้ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในการแก้ปัญหา ที่พบในชีวิตจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ 1.๔ สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ สาระที่ ๑ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว ๑.๑ เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งไม่มีชีวิตกับสิ่งมีชีวิต และความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศการถ่ายทอดพลังงาน การเปลี่ยนแปลง แทนที่ในระบบนิเวศ ความหมายของประชากร ปัญหาและผลกระทบที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อมแนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม รวมทั้งนําความรู้ไปใช้ ประโยชน์ มาตรฐาน ว ๑.๒ เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การลําเลียงสารเข้าและออก จากเซลล์ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆของสัตว์และมนุษย์ที่ทํางานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชที่ทํางานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนําความรู้ไปใช้ ประโยชน์ มาตรฐาน ว ๑.๓ เข้าใจกระบวนการและความสําคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมสาร พันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่มีผลต่อสิ่งมีชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพและวิวัฒนาการของ สิ่งมีชีวิต รวมทั้งนําความรู้ไปใช้ประโยชน์ สาระที่ ๒ วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว ๒.๑ เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสาร กับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การ เกิดสารละลาย และการเกิดปฏิกิริยาเคมี มาตรฐาน ว ๒.๒ เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจําวัน ผลของแรงที่กระทําต่อวัตถุ ลักษณะการ เคลื่อนที่แบบต่าง ๆ ของวัตถุรวมทั้งนําความรู้ไปใช้ประโยชน์ มาตรฐาน ว ๒.๓ เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงานปฏิสัมพันธ์ ระหว่างสสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจําวัน ธรรมชาติของคลื่น ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเสียง แสง และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า รวมทั้งนําความรู้ไปใช้ประโยชน์ สาระที่ ๓ วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ มาตรฐาน ว ๓.๑ เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพกาแล็กซี ดาวฤกษ์และระบบสุริยะ รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะที่ส่งผลต่อสิ่งมีชีวิต และการประยุกต์ใช้ เทคโนโลยีอวกาศ
มาตรฐาน ว ๓.๒ เข้าใจองค์ประกอบและความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลงภายใน โลกและบนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศและภูมิอากาศโลก รวมทั้งผลต่อ สิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม สาระที่ ๔ เทคโนโลยี มาตรฐาน ว ๔.๑ เข้าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพื่อการดํารงชีวิตในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่าง รวดเร็ว ใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์และศาสตร์อื่น ๆ เพื่อแก้ปัญหาหรือพัฒนางาน อย่างมีความคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม เลือกใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมโดย คํานึงถึงผลกระทบต่อชีวิต สังคม และสิ่งแวดล้อม มาตรฐาน ว ๔.๒ เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคํานวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็นขั้นตอน และเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้การทํางาน และการแก้ปัญหาได้อย่างมี ประสิทธิภาพ รู้เท่าทัน และมีจริยธรรม ๒. กระบวนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ ๕E (The 5E of Inquiry-Based Learning) ๒.๑ ความหมายของกระบวนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ การสืบเสาะหาความรู้เป็นแนวคิดที่มีความซับซ้อนและมีความหมายแตกต่างกันไปตามบริบทที่ใช้และ ผู้ที่ให้คำกำกัดความ โดยศูนย์กลางของการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้นั้น มีต้นกำเนิดจากนักวิทยาศาสตร์ ครู และ ผู้เรียน (Budnitz, 2005) การสืบเสาะหาความรู้ เป็นรูปแบบของกระบวนการเรียนการสอนที่ใช้ตามทฤษฎีการสร้างความรู้ (Constructivism) ซึ่งกล่าวไว้ว่าเป็นกระบวนการที่ผู้เรียนจะต้องสืบค้น เสาะหา สำรวจตรวจสอบ และค้นคว้า ด้วยวิธีการต่าง ๆ จนทำให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจ และ เกิดการรับรู้ความรู้นั้นอย่างมีความหมาย จึงจะสามารถ สร้างเป็นองค์ความรู้ของผู้เรียนเอง และเก็บเป็นข้อมูลไว้ในสมองได้อย่างยาวนาน สามารถนำมาใช้ได้เมื่อมี สถานการณ์ใด ๆ มาเผชิญหน้า (สาขาชีววิทยา สสวท., 2550) การสืบเสาะหาความรู้เกี่ยวข้องกับกระบวนการเรียนรู้ที่หลากหลาย คือ การถามคำถาม การออกแบบ การสำรวจข้อมูลการสำรวจข้อมูล การวิเคราะห์ การสรุปผล การคิดค้นประดิษฐ์ การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และสื่อสารคำอธิบาย (Wu & Hsieh, 2006) การสืบเสาะหาความรู้เป็นกระบวนการที่นักวิทยาศาสตร์ใช้ศึกษาอธิบายปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ซึ่งวางอยู่บนพื้นฐานของหลักฐานหรือเหตุผลต่าง ๆ และอีกความหมายคือเป็นกระบวนการที่ผู้เรียนใช้ในการ ค้นคว้า หาคำตอบอย่างมีระบบเพื่ออธิบายเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ต้องการศึกษากระบวนการสืบเสาะหาความรู้ใน ห้องเรียนวิทยาศาสตร์ในการจัดการเรียนการสอน ผู้สอนสามารถเลือกจัดให้ผู้เรียนได้เรียนรู้วิทยาศาสตร์ผ่าน กระบวนการต่าง ๆ ในการสืบเสาะหาความรู้ตามบริบทของผู้สอน ผู้เรียน โรงเรียน และแหล่งการเรียนรู้ที่มีอยู่ ตามความเหมาะสมโดยครูเป็นผู้สนับสนุนให้ผู้เรียนได้สำรวจปรากฏการณ์ต่าง ๆ และกระตุ้นให้ผู้เรียนสร้าง ความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์ได้อย่างถูกต้อง (Hogan & Berkowitz, 2010) ๒.๒ รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ ๕E สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท. 2546: 34-36) ได้กำหนดรูปแบบของ การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (๕E) ได้ 5 ขั้นตอน ได้แก่ Engage Explore Explain Elaborate
และ Evaluate กระบวนการเรียนการสอน ในแต่ละขั้นตอนการสอนของรูปแบบการเรียนการสอนแบบ สืบเสาะหาความรู้ มีขอบข่ายรายละเอียด ดังนี้ 1. การสร้างความสนใจ (Engage) เป็นการนำเข้าสู่บทเรียนหรือเรื่องที่สนใจ ซึ่งอาจเกิดขึ้นเองจาก ความสงสัยหรือความสนใจของตัวผู้เรียนเอง หรือเกิดจากการอภิปรายภายในกลุ่ม เรื่องที่น่าสนใจอาจมาจาก เหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในช่วงเวลานั้น หรือเป็นเรื่องที่เชื่อมโยงกับความรู้เดิมที่เพิ่งเรียนมารู้มาแล้วเป็น ตัวกระตุ้นให้ผู้เรียนสร้างคำถาม กำหนดประเด็นที่จะศึกษา ในกรณีที่ยังไม่มีประเด็นใดน่าสนใจ ครูอาจะจัด กิจกรรมหรือสถานการณ์เพื่อกระตุ้น ยั่วยุ หรือท้าทายให้ผู้เรียนตื่นเต้น สงสัย อยากรู้อยากเห็น หรือขัดแย้ง เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหา การศึกษา ค้นคว้า หรือการทดลอง แต่ไม่ควรบังคับให้ผู้เรียนยอมรับประเด็นหรือ ปัญหาที่ครูกำลังสนใจ เป็นเรื่องที่จะศึกษา ทำได้หลายแบบ เช่น สาธิต ทดลอง นำเสนอข้อมูล เล่าเรื่อง/ เหตุการณ์ ให้ค้นคว้า/อ่านเรื่อง อภิปราย/พูดคุย สนทนา ใช้เกม ใช้สื่อ วัสดุอุปกรณ์ สร้างสถานการณ์/ปัญหาที่ น่าสนใจ ที่น่าสงสัยแปลกใจ 2. การสำรวจและค้นคว้า (Explore) ผู้เรียนดำเนินการสำรวจ ทดลอง ค้นหา และรวบรวมข้อมูล วางแผนกำหนดการสำรวจตรวจสอบ หรือออกแบบการทดลอง ลงมือปฏิบัติ เช่น สังเกต วัด ทดลอง รวบรวม ข้อมูล ข้อสนเทศ หรือปรากฏการณ์ต่าง ๆ 3. การอธิบาย (Explain) ผู้เรียนนำข้อมูลที่ได้จากการสำรวจและค้นหามาวิเคราะห์ แปลผล สรุป และอภิปราย พร้อมทั้งนำเสนอผลงานในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งอาจเป็นรูปวาด ตาราง แผนผัง ผลงานมีความ หลากหลาย สนับสนุนสมมติฐานที่ตั้งไว้หรือโต้แย้งกับสมมติฐานที่ตั้งไว้ หรือไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นที่ กำหนดไว้ โดยมีการอ้างอิงความรู้ประกอบการให้สมเหตุสมผล การลงข้อสรุปถูกต้องเชื่อถือได้ มี เอกสารอ้างอิงและหลักฐานชัดเจน 4. การขยายความรู้ (Eva borate) 4.1 ครูจัดกิจกรรมหรือสถานการณ์ เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ลึกซึ้งขึ้น หรือขยายกรอบความคิด กว้างขึ้นหรือเชื่อมโยงความรู้เดิมสู่ความรู้ใหม่หรือนำไปสู่การศึกษาค้นคว้า ทดลอง เพิ่มขึ้น เช่น ตั้งประเด็น เพื่อให้ผู้เรียน ชี้แจงหรือร่วมอภิปรายแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ซักถามให้ผู้เรียนชัดเจนหรือ กระจ่างในความรู้ที่ได้หรือเชื่อมโยงความรู้ที่ได้กับความรู้เดิม 4.2 ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรม เช่น อธิบายและขยายความรู้เพิ่มเติมมีความละเอียดมาก ขึ้น ยกสถานการณ์ ตัวอย่าง อธิบายเชื่อมโยงความรู้ที่ได้เป็นระบบและลึกซึ้งยิ่งขึ้น หรือสมบูรณ์ละเอียดขึ้น นำไปสู่ความรู้ใหม่หรือความรู้ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ประยุกต์ความรู้ที่ได้ไปใช้ในเรื่องอื่นหรือสถานการณ์อื่นๆ หรือสร้าง คำถามใหม่และออกแบบการสำรวจ ค้นหา และรวบรวมเพื่อนำไปสู่การสร้างความรู้ใหม่ 5. การประเมิน (Evaluate) 5.1 ผู้เรียนระบุสิ่งที่ผู้เรียนได้เรียนรู้ทั้งด้านกระบวนการและผลผลิต 5.2 ผู้เรียนตรวจสอบความถูกต้องของความรู้ที่ได้ เช่น วิเคราะห์วิจารณ์แลกเปลี่ยนความรู้ ซึ่งกันและกัน คิดพิจารณาให้รอบคอบทั้งกระบวนการและผลงาน อภิปราย ประเมินปรับปรุง เพิ่มเติมและสรุป ถ้ายังมีปัญหา ให้ศึกษาทบทวนใหม่อีกครั้ง อ้างอิงทฤษฎีหรือหลักการและเกณฑ์ เปรียบเทียบผลกับสมมติฐาน เปรียบเทียบความรู้ใหม่กับความรู้เดิม
5.3 ผู้เรียนทราบจุดเด่น จุดด้อยในการศึกษาค้นคว้า หรือทดลองการพัฒนารูปแบบการจัด กระบวนการเรียนรู้โดยวิธีการสืบเสาะและสืบสวนหาความรู้ วิธีการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้เป็นวิธีการที่ให้ผู้เรียนค้นหาความรู้ด้วยตนเองด้วยกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ และมีผู้สอนเป็นเพียงผู้อำนวยการความสะดวก ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการหาความรู้ ซึ่งผู้เรียนต้องอาศัยปัจจัยสำคัญ คือ วิธีการทางวิทยาศาสตร์ (Scientific Method) หมายถึง ขั้นตอนการหาความรู้โดยเริ่มตั้งแต่การระบุ ปัญหา การตั้งสมมติฐาน การออกแบบการทดลอง และทดลอง การเก็บรวบรวมข้อมูลการวิเคราะห์และสรุปผล ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (Science Process Skills) ซึ่งหมายถึง ทักษะการคิด ทั้งทักษะ กระบวนการวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน และทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ขั้นผสมที่ใช้ในการดำเนินการทดลอง ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ๑๔ ทักษะ ได้แก่ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน ๘ ทักษะ ประกอบด้วย ๑. ทักษะการสังเกต ๒. ทักษะการวัด ๓. ทักษะการใช้จำนวน ๔. ทักษะการจำแนกประเภท ๕. ทักษะการหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปซกับสเปซ และสเปซกับเวลา ๖. ทักษะการจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูล ๗. ทักษะการลงความเห็นจากข้อมูล ๘. ทักษะการพยากรณ์ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นผสม ๖ ทักษะ ประกอบด้วย ๑. ทักษะการกำหนดและควบคุมตัวแปร ๒. ทักษะการทดลอง ๓. ทักษะการสร้างแบบจำลอง ๔. ทักษะการกำหนดนิยามเชิงปฏิบัติการ ๕. ทักษะการตั้งสมมติฐาน ๖. ทักษะการตีความหมายข้อมูล และลงข้อสรุป ๒.๓ จิตวิทยาที่เป็นพื้นฐานในการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (๕E) การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้มีรากฐานมาจากทฤษฎีของเพียเจต์ (Paget, n.d. อ้างถึงใน เลิศศักดิ์ ประกอบชัยชนะ, 2544: 8) กล่าวถึงพัฒนาการทางสมองของมนุษย์ไว้ว่า ความคิดของมนุษย์ ประกอบด้วยโครงสร้าง 2 ขั้น คือ ขั้นที่ 1 การดูดซึม (Assimilation) หมายถึง การเร้าให้ผู้เรียนนำความรู้เดิมมาใช้ในชั้นเรียน โดยใช้ ความรู้เดิมเป็นแนวทางในการคิดให้เกิดการเรียนรู้ใหม่และเมื่อความรู้เดิมไม่สามารถนำมาอธิบายปัญหาได้ จะ นำไปสู่ขั้นที่ 2 ขั้นที่ 2 การปรับปรุง (Accommodation) หมายถึง การปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงขยายโครงสร้าง เดิม เพื่อการเรียนรู้ใหม่ โดยการนำมาสัมพันธ์กับโครงสร้างใหม่ ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุงโครงสร้าง เดิม ก็ไม่สามารถรับความรู้ใหม่ได้
ผดุงยศ ดวงมาลา (2530: 122) ได้ระบุถึงหลักทางจิตวิทยาซึ่งสนับสนุนการสอนแบบสืบเสาะหา ความรู้ดังนี้ เด็กจะเรียนวิทยาศาสตร์ได้ดียิ่งขึ้น ก็ต่อเมื่อได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับการค้นหาความรู้นั้น ดีกว่าจะให้ เด็กรู้จากการบอกเล่า ซึ่งการเรียนรู้จะเกิดได้ดีที่สุด เมื่อสถานการณ์ยั่วยุให้เด็กอยากจะเรียน ไม่ใช่บังคับซึ่งเป็น หน้าที่ของครูโดยตรงทีจะสร้างสถานการณ์ให้เกิดการเรียนรู้และการให้ผู้เรียนได้เรียนโดยใช้ความคิดพิจารณา จะช่วยให้มีความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นการพัฒนาสมรรถภาพของสมองขั้นสูง สุวัฒก์ นิยมค้า (2531: 125-126) ได้กล่าวถึง หลักจิตวิทยาการเรียนรู้ที่เป็นพื้นฐานของการเรียน การสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ไว้ดังนี้ 1. ในการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์นั้น ผู้เรียนจะเรียนรู้ได้ดียิ่งขึ้นก็ต่อเมื่อได้เกี่ยวข้อง โดยตรงกับการค้นหาความรู้นั้น ๆ ได้มากกว่าการบอกให้รู้ 2. การเรียนรู้จะเกิดได้ดีที่สุด เมื่อสถานการณ์แวดล้อมในการเรียนรู้นั้นยั่วยุให้ผู้เรียน อยากเรียน ไม่ใช่บีบบังคับและผู้สอนจะต้องจัดกิจกรรมที่น าไปสู่ความสำเร็จในการค้นคว้าแทนที่จะให้ผู้เรียน เกิดความล้มเหลว 3. วิธีการสอนของครูจะต้องส่งเสริมความคิดให้ผู้เรียนคิดเป็น มีความคิดสร้างสรรค์ ให้ โอกาสผู้เรียนได้แสดงหรือมีความคิดเห็นของตนได้มากที่สุด สุวิมล เขี้ยวแก้ว (2540: 64) กล่าวถึงจิตวิทยาการเรียนรู้ซึ่งเป็นพื้นฐานของการสอนแบบสืบเสาะหา ความรู้มีดังนี้ 1. ผู้เรียนจะเรียนได้อย่างดียิ่งขึ้นเมื่อได้เกี่ยวข้องกับการคันหาความรู้นั้นโดยตรงมากกว่าที่จะ ได้รับรู้จากการบรรยาย 2. การเรียนรู้จะเกิดได้ดีที่สุด เมื่อสถานการณ์แวดล้อมในการเรียนรู้ช่วยให้ผู้เรียนเกิดความ ใฝ่รู้ ความรู้อยากทราบข้อเท็จจริง หรือรายละเอียดต่าง ๆ ซึ่งเป็นหน้าที่ของครูโดยตรงที่ต้องจัดกิจกรรมที่จะน าไปสู่ความสำเร็จในการค้นคว้า 3. การให้ผู้เรียนได้เรียนโดยใช้การพิจารณา จะช่วยให้ผู้เรียนมีความคิดสร้างสรรค์ซึ่งเป็นการ พัฒนาสมรรถภาพขั้นสูงของสมอง จากจิตวิทยาพื้นฐานในการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ดังกล่าวสรุปได้ว่า ในการสอนแบบสืบเสาะหา ความรู้ผู้สอนต้องจัดกิจกรรมหรือสร้างสถานการณ์การยั่วยุให้ได้ ผู้เรียนวางแผนกำหนดแนวทางวิธีการในการ ค้นหาควนรู้ด้วยตนเอง จนกระทั่งได้คำตอบ ซึ่งจะส่งผลให้ผู้เรียนสามารถเชื่อมโยงความคิดและหลักการต่าง ๆ เข้าด้วยกันอันจะก่อให้เกิดการเรียนได้ดีที่สุด ๒.๔ ขั้นตอนและบรรยากาศในการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (๕E) สถานบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท. 2546: 45-46) ได้กล่าวถึงขั้นตอน และบรรยากาศในการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (๕E) ดังนี้
ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (๕E) ขั้นตอนการ จัดการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ ลักษณะของ กิจกรรม บทบาทของครู บทบาทของ ผู้เรียน 1. ขั้นสร้าง ความสนใจ (Engagement) ครูจัดกิจกรรมหรือ สถานการณ์กระตุ้น ยั่วยุหรือท้าทายให้ ผู้เรียนสนใจ สงสัย ใคร่อยากรู้อยากเห็น หรือขัดแย้ง เกิด ปัญหา ทำให้ผู้เรียน ต้องการศึกษา ค้นคว้า ทดลองหรือแก้ปัญหา (สำรวจตรวจสอบด้วย ตัวของผู้เรียนเอง) 1. เชื่อมโยงกับ ความรู้เดิม 2. แปลกใหม่ ผู้เรียนไม่เคยพบมา ก่อน 3) ยั่วยุ ท้าทาย น่าสนใจ ใคร่รู้ 4. เปิดโอกาสให้มี แนวทางการ ตรวจสอบอย่าง หลากหลาย 5. นำไปสู่ กระบวนการ ตรวจสอบด้วยตัว ของผู้เรียนเอง 1. สร้างความ สนใจ 2. สร้างความ อยากรู้ อยากเห็น 3. ตั้งคำถาม กระตุ้นให้ผู้เรียน คิด 4. ให้เวลาผู้เรียน คิดก่อนตอบคำถาม หรือไม่เร่งเร้าใน การตอบคำถาม 5. ดึงเอาคำตอบ หรือความคิดที่ยัง ไม่ครอบคลุมสิ่งที่ ผู้เรียนรู้ 6. เปิดโอกาสให้ ผู้เรียนทำความ กระจ่างในปัญหาที่ จะสำรวจ ตรวจสอบ 1. ตั้งคำถาม 2. ตอบคำถาม 3. แสดงความ คิดเห็น 4. กำหนดปัญหา หรือเรื่องที่จะ สำรวจให้ชัดเจน 5. แสดงความ สนใจ 2. ขั้นสำรวจ และค้นหา (Exploration) ครูจัดกิจกรรมหรือ สถานการณ์ให้ผู้เรียน สำรวจตรวจสอบ ปัญหาหรือประเด็นที่ ผู้เรียนสนใจใคร่รู้ 1. ผู้เรียนได้เรียนรู้ วิธีแสวงหาความรู้ ด้วยตนเอง 2. ผู้เรียนทำงาน ตามคิดอย่างอิสระ 3. ผู้เรียนตั้งสมมติ ฐานได้หลากหลาย 4. พิจารณาข้อมูล และข้อเท็จจริงที่ ปรากฏแล้วกำหนด สมมติฐานที่เป็นไป ได้ 5. ผู้เรียนวางแผน แนวทางการสำรวจ ตรวจสอบ 1. เปิดโอกาสให้ ผู้เรียนได้วิเคราะห์ กระบวนการ สำรวจตรวจสอบ 2. ถามเพื่อนำไปสู่ การสำรวจ ตรวจสอบด้วย ตนเอง 3. ส่งเสริมให้ ผู้เรียนได้ตรวจสอบ ด้วยตนเอง 4. ให้เวลาผู้เรียน ในการคิดไตร่ตรอง ปัญหา 1. คิดอย่างอิสระ แต่อยู่ในขอบเขต ของกิจกรรม 2. ตั้งสมมติฐานที่ เป็นไปได้โดยการ อภิปราย 3. พิจารณา สมมติฐานที่เป็นไป ได้โดยการอภิปราย 4. ระดมความ คิดเห็นในการ แก้ปัญหาการ ตรวจสอบ 5. ตรวจสอบ
ขั้นตอนการ จัดการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ ลักษณะของ กิจกรรม บทบาทของครู บทบาทของ ผู้เรียน 6. ผู้เรียนวิเคราะห์ อภิปรายเกี่ยวกับ กระบวนการ สำรวจตรวจสอบ 7. ผู้เรียนได้ลงมือ ปฏิบัติในการ สำรวจตรวจสอบ 5. ฟังการโต้ตอบ กันของผู้เรียน 6. ทำหน้าที่ในการ ให้คำปรึกษา 7. อำนวยความ สะดวก สมมติฐานอย่าง เป็นระบบขั้นตอน ถูกต้อง 6. บันทึกการ สังเกตหรือผลการ สำรวจตรวจสอบ อย่างเป็นระบบ ละเอียดรอบคอบ 7. กระตือรือร้น มุ่งมั่นในการสำรวจ ตรวจสอบ 3. ขั้นอธิบาย และลงข้อสรุป (Explanation) ครูจัดกิจกรรมหรือ สถานการณ์ที่ให้ ผู้เรียนวิเคราะห์ อธิบายความรู้หรือ อภิปรายซักถาม แลกเปลี่ยนความ คิดเห็นซึ่งกันและกัน เกี่ยวกับสิ่งที่ได้เรียนรู้ หรือสิ่งที่ค้นพบเพื่อให้ ผู้เรียนได้พัฒนา ความรู้ความเข้าใจใน องค์ความรู้ที่ได้ อย่างชัดเจน 1. ผู้เรียนได้นำ ข้อมูลที่ได้จากการ สำรวจตรวจสอบ มา 1.1 วิเคราะห์แปล ผล 1.2 สรุปผลสอด คล้องกับข้อมูล ถูกต้องเชื่อถือได้ 1.3 อภิปรายผล อย่างสมเหตุสมผล 1.4 นำเสนอ ผลงานในรูปแบบ ต่าง ๆ 1. ส่งเสริมให้ ผู้เรียนได้อธิบายผล การสำรวจตรวจ สอบและแนวคิด ด้วยคำพูดของ ผู้เรียนเอง 2. ให้ผู้เรียน เชื่อมโยง ประสบการณ์และ ความรู้เดิมมาใช้ใน การอธิบาย 3. ให้ผู้เรียน อธิบายโดยอ้างอิง เหตุผลหลักการ ทางวิชาการหรือ หลักฐานประกอบ 4. ให้ความสนใจ กับคำอธิบายของ ผู้เรียน 1. อธิบายการ แก้ปัญหาหรือผล การสำรวจ ตรวจสอบที่ได้ 2. อธิบายผลการ สำรวจตรวจสอบ สอดคล้องกับ ข้อมูล 3. อธิบายโดย อ้างอิงเหตุผล หลักการทาง วิชาการและ หลักฐานประกอบ 4. ฟังการอธิบาย ของผู้อื่นแล้วคิด วิเคราะห์อภิปราย 5. ซักถามเกี่ยวกับ สิ่งที่เพื่อนอธิบาย 4. ขั้นขยาย ความรู้ (Elaboration) ครูจัดกิจกรรมหรือ สถานการณ์ที่เปิด โอกาสให้ผู้เรียนได้ ขยาย หรือเพิ่มเติมความรู้ ความเข้าใจในองค์ 1. ให้ผู้เรียนมี ความรู้ลึกซึ้งขึ้น หรือขยายกรอบ ความคิดให้กว้าง ขึ้น 2. ให้ผู้เรียน เชื่อมโยงความรู้ 1. ส่งเสริมให้ ผู้เรียนขยาย แนวคิดและ ทักษะจากการ สำรวจตรวจสอบ 1. ใช้ข้อมูลจาการ สำรวจตรวจสอบ ไปอธิบายหรือนำ ทักษะจากการ สำรวจตรวจสอบ ใช้ในสถานการณ์ ใหม่ที่คล้ายกับ
ขั้นตอนการ จัดการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ ลักษณะของ กิจกรรม บทบาทของครู บทบาทของ ผู้เรียน ความรู้ใหม่ให้ กว้างขวาง กระจ่าง สมบูรณ์และลึกซึ้ง ยิ่งขึ้น เดิมไปสู่ความรู้ใหม่ 3. ให้ผู้เรียนนำ ความรู้ใหม่ไปสู่ การศึกษาทดลอง เพิ่มขึ้น 4. ให้ผู้เรียนนำ ความรู้ที่ได้ไป ประยุกต์ใช้ในเรื่อง อื่นหรือ สถานการณ์อื่น 2. ส่งเสริมให้ ผู้เรียนเชื่อมโยง ความรู้จาก การสำรวจ ตรวจสอบกับ ความรู้อื่น ๆ สถานการณ์เดิม 2. นำข้อมูลจาก การสำรวจ ตรวจสอบไปสร้าง ความรู้ใหม่ 3. นำความรู้ใหม่ เชื่อมโยงกับความรู้ เดิมเพื่ออธิบาย หรือนำไปใช้ใน ชีวิตประจำวัน 5. ขั้น ประเมินผล (Evaluation) ครูจัดกิจกรรมหรือ สถานการณ์ที่เปิด โอกาสให้ผู้เรียน วิเคราะห์วิจารณ์หรือ อภิปรายซักถาม แลกเปลี่ยนองค์ ความรู้ซึ่งกันและ กัน เปรียบเทียบ ประเมินปรับปรุง หรือ ทบทวนใหม่ 1. มีการตรวจสอบ ความถูกต้องของ องค์ความรู้และ กระบวนการที่ได้ โดย 1.1 วิเคราะห์ แลกเปลี่ยนความรู้ ซึ่งกันและกัน 1.2 อภิปราย ประเมิน ปรับปรุง หรือเพิ่มเติมทั้ง กระบวนการและ องค์ความรู้ 1.3 เปรียบเทียบ ผลการสำรวจ ตรวจสอบกับ สมมติฐานที่ กำหนดไว้ 1. ถามคำถามเพื่อ นำไปสู่การประเมิน 2. ส่งเสริมให้ ผู้เรียนประเมิน กระบวนการและ องค์ความรู้ด้วย ตนเอง 3. ให้ผู้เรียน วิเคราะห์สิ่งที่ควร ปรับปรุงแก้ไขใน การสำรวจ ตรวจสอบ 1. วิเคราะห์ กระบวนการสร้าง ความรู้ด้วยตนเอง 2. ถามคำถามที่ เกี่ยวข้องจากการ สังเกตหลักฐาน และคำอธิบายซึ่ง อาจนำไปสู่การส สำรวจตรวจสอบ ใหม่ 3 ประเมิน ความก้าวหน้าและ ความรู้ของตนเอง
บรรยากาศในการจัดการเรียนเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (๕E) บรรยากาศการเรียนการสอน โดยทั่วไป ปฏิสัมพันธ์ระหว่าง ครูกับผู้เรียน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ เรียนด้วยกันเอง 1. ไม่เครียด 2. สนุก 3. ไม่สับสน 4. ผู้เรียนคิดอย่างอิสระ 5. ผู้เรียนสนใจ กระตือรือร้น เข้าร่วมกิจกรรม 1. ครูเป็นกันเองกับผู้เรียน 2. ครูยิ้มแย้มแจ่มใส 3. ครูติชมผู้เรียนอย่าง สร้างสรรค์ 4. ครูให้คำปรึกษา แนะนำ ช่วยเหลือผู้เรียน 5. ครูยอมรับฟังความคิดเห็น ของผู้เรียน 1. ร่วมมือในการทำกิจกรรม ช่วยกันคิด ช่วยกันทำงาน 2. อภิปรายแสดงความ คิดเห็นร่วมกัน 3. ยอมรับฟังความคิดเห็น ซึ่งกันและกัน จากการศึกษาขั้นตอนและบรรยากาศในการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (๕E) สรุปได้ว่า การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้เป็นรูปแบบการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง โดยมุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้แสวงหาความรู้และค้นพบความจริงต่าง ๆ ด้วยตนเองจากการลงมือปฏิบัติ การแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน ซึ่งจะทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างแท้จริง และมีครูผู้สอนคอยทำหน้าที่ เป็นผู้อำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ของผู้เรียน ๒.๕ ข้อดีและประโยชน์ของการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (๕E) ผดุงยศ ดวงมาลา (2530: 12) กล่าวถึงข้อดีของการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ไว้ดังนี้ 1. ทำให้ผู้เรียนได้ใช้ความคิดมากกว่าความจำ 2. ส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดเจตคติทางวิทยาศาสตร์มากขึ้น 3. ทำให้ผู้เรียนเกิดทักษะทางวิทยาศาสตร์ 4. ทำให้การเรียนการสอนสอดคล้องกับเอกลักษณ์และปรัชญาวิทยาศาสตร์มากขึ้น สุคนธ์ สินธพานนท์ (2558: 49-50) ได้กล่าวถึงประโยชน์ของการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ไว้ดังนี้ 1. ผู้เรียนได้ประสบการณ์ตรงจากการเรียนรู้ มีโอกาสได้ศึกษา สำรวจ ค้นหา รวบรวมข้อมูล บันทึก ทดสอบความคิด ทดลองปฏิบัติด้วยตนเอง และสร้างเป็นองค์ความรู้ใหม่ด้วยตนเอง 2. ผู้เรียนสามารถทำงานร่วมกันกับผู้อื่น รู้จักอภิปรายแสดงความคิดเห็นระหว่างกัน รับฟัง ความคิดเห็นของผู้อื่นอย่างมีเหตุผล 3. ผู้เรียนรู้จักคิดแก้ปัญหา คิดตัดสินใจ คิดอย่างมีวิจารณญาณ สร้างสรรค์ความรู้และทักษะ 4. ผู้เรียนรู้จักประเมินการทำงานด้วยตนเอง และนำผลการประเมินไปปรับปรุงและพัฒนาให้ ดีขึ้น
Suchman (1966) ได้เขียนถึงประโยชน์ของการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ไว้ดังนี้ 1. การสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ จะก่อให้เกิดการเรียนรู้มากกว่าการสอนโดยที่ครู เป็นผู้บอกให้ทั้งหมด หรือมากกว่าที่ผู้เรียนเรียนรู้จากตำราอย่างเดียว ผู้ที่ได้รับการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ จะมีอิสระในการดูดซึม (Assimilation) ประสบการณ์ต่าง ๆ เอาไว้ ผู้เรียนมีอิสระที่จะติดตามค้นคว้าหาความรู้ และทำความเข้าใจได้ตามต้องการ ตามความอยากรู้อยากเห็นอันเหมาะสมกับระดับความรู้พื้นฐาน 2. การสอนแบบสืบเสาะหาความรู้นั้นเป็นการก่อให้เกิดแรงจูงใจในการค้นหาความรู้ได้เป็น อย่างดี เพราะผู้เรียนจะรู้สึกสนุกสนาน สามารถร่วมกิจกรรมได้อย่างอิสระ ซึ่งกิจกรรมเหล่านั้นช่วยให้มีการ พัฒนาการด้านความคิด มีความรู้มากขึ้นและมีพัฒนาการในด้านการสร้างความคิดรวบยอดอีกด้วย 3. ความคิดรวบยอดที่ผู้เรียนได้จากการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ น่าจะมีความหมาย และคุณค่าสำหรับผู้เรียนมากกว่าความคิดรวบยอดที่มีคนอื่นมาบอกให้จำ เพราะผู้เรียนจะเป็นผู้ค้นพบ ความคิดรวบยอดต่าง ๆ ด้วยตนเองจากข้อมูล และเชื่อว่าความคิดรวบยอดที่เกิดขึ้นโดยใช้วิธีการเช่นนี้จะฝัง แน่นและเป็นประโยชน์กับผู้เรียนได้นาน ชัยวัฒน์ สุทธิรัตน์ (2552: 332) ได้กล่าวถึงข้อดีของจัดการเรียนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ ไว้ ดังนี้ 1. ผู้เรียนมีโอกาสได้พัฒนาความคิดอย่างเต็มที่ ได้ศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองจึงมีความอยาก เรียนรู้อยู่ตลอดเวลา 2. ผู้เรียนมีโอกาสได้ฝึกความคิดและฝึกการกระทำ ทำให้ได้เรียนรู้วิธีจัดระบบความคิด และ วิธีเสาะแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง ทำให้ความรู้คงทนและถ่ายโยงการเรียนรู้ได้ กล่าวคือ ทำให้สามารถจดจำได้ นานและนำไปใช้ในสถานการณ์ใหม่อีกด้วย 3. ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางของการเรียนการสอน 4. ผู้เรียนสามารถเรียนรู้มโนมติ และหลักการทางวิทยาศาสตร์ได้เร็วขึ้น 5. ผู้เรียนจะเป็นผู้มีเจตคติที่ดีต่อการสอนวิทยาศาสตร์ ๓. ชุดการสอน Instructional Package ชุดการสอน คือ การนำเอาระบบสื่อประสม (Multi-media) ที่สอดคล้องกับเนื้อหาวิชาและ ประสบการณ์ของแต่ละหน่วย มาช่วยในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการเรียนรู้ ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ยิ่งขึ้น ชุดการสอนนิยมจัดไว้ในกล่อง หรือซองเป็นหมวด ๆ ภายในชุดการสอน ประกอบด้วยคู่มือการใช้ชุดการ สอน สื่อการสอนที่สอดคล้องกับเนื้อหา และประสบการณ์ อาทิ เช่น รูปภาพ สไลด์ เทป แผ่นคำบรรยาย ฯลฯ ๓.๑ แนวคิด หลักการ และทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับชุดการสอน ในการนำชุดการสอนมาใช้นั้น อาศัย แนวคิด หลักการ ตลอดจนทฤษฎีต่าง ๆ มี5 ประการ คือ 1. แนวคิดตามหลักจิตวิทยา เกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างบุคคล โดยจัดให้ผู้เรียนมีอิสระ ในการเรียนรู้ตามความสามารถ และอัตราการเรียนรู้ของแต่ละคน 2. แนวคิดที่จะเปลี่ยนการสอนแบบครูเป็นศูนย์กลางมาเป็นแบบให้ผู้เรียนศึกษาด้วย ตนเอง โดยใช้สื่อประสมที่ตรงตามเนื้อหา โดยมีครูเป็นผู้แนะนำ
3. แนวคิดที่จะจัดระบบการผลิต การใช้สื่อการสอนในรูปแบบของสื่อประสม โดยมี จุดมุ่งหมายเพื่อเปลี่ยนจากการใช้สื่อช่วยครูมาเป็นใช้สื่อเพื่อช่วยนักเรียนในการเรียนรู้ 4. แนวคิดที่จะสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูและนักเรียน นักเรียนกับนักเรียน และนักเรียนกับ สภาพแวดล้อม โดยนำสื่อการสอนมาใช้ร่วมกับกระบวนการกลุ่ม ในการประกอบกิจกรรมการเรียนการสอน 5. แนวคิดที่ยึดหลักจิตวิทยาการเรียนรู้มาจัดสภาพการเรียนการสอน เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจัดสภาพการณ์ให้ผู้เรียนได้ประกอบกิจกรรมด้วยตนเอง และมีผลย้อนกลับทันทีว่า ตอบถูกหรือตอบผิด มีการเสริมแรงทำให้ผู้เรียนเกิดความภาคภูมิในและต้องการที่จะเรียนต่อไป ได้เรียนรู้ ทีละน้อย ๆ ตามลำดับขั้น ตามความสามารถและความสนใจของแต่ละคน ๓.๒ ประเภทของชุดการสอน ชุดการสอนแบ่งตามลักษณะการใช้ได้3 ประเภท คือ 1. ชุดการสอนแบบบรรยาย หรือชุดการสอนสำหรับครู : เป็นชุดการสอนสำหรับใช้สอน ผู้เรียนเป็นกลุ่มใหญ่ ภายในกล่องจะประกอบด้วยสื่อการสอนที่ใช้ประกอบการบรรยาย เพื่อเปลี่ยนบทบาทของ ครูให้พูดน้อยลง มาเป็นผู้แนะนำ เปิดโอกาสให้นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนมากยิ่งขึ้น ชุดการสอน แบบบรรยายนี้ จะมีเนื้อหาโดยจะแบ่งหัวข้อที่จะบรรยาย และประกอบกิจกรรมตามลำดับขั้น ดังนั้น สื่อการ สอนที่ใช้ควรเป็นสื่อที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน หรือได้ยินกันอย่างทั่วถึง เช่น แผ่นภาพโปร่งใส สไลด์ ฟิล์ม สตริป ภาพยนตร์ แผนภูมิ แผนภาพ โทรทัศน์ เอกสารประกอบการบรรยาย และกิจกรรมกลุ่ม เพื่อให้ผู้เรียนได้ อภิปรายตามปัญหาและหัวข้อที่ครูกำหนดไว้ และชุดการสอนประเภทนี้ มักจะบรรจุในกล่องที่มีขนาด พอเหมาะกับสื่อการสอน อย่างไรก็ตาม ถ้าหากเป็นวัสดุอุปกรณ์ที่ไม่สามารถบรรจุไว้ในกล่องได้ จะต้องกำหนด ไว้ใน คู่มือครู ส่วนที่เกี่ยวกับสิ่งที่ ครูผู้สอน จะต้องเตรียมไว้ล่วงหน้าก่อนทำการสอน 2. ชุดการสอนสำหรับกิจกรรมกลุ่ม หรือชุดการสอนที่ใช้กับศูนย์เรียน : เป็นชุดการสอน แบบกิจกรรม ที่สร้างขึ้นโดยอาศัยระบบการผลิตสื่อการสอนตามหน่วยและหัวเรื่องโดยเปิดโอกาสให้ผู้เรียน ได้ร่วมกันประกอบกิจกรรมเป็นกลุ่มเล็ก ๆ ประมาณ 5-7 คน ในห้องเรียนแบบศูนย์การเรียน ชุดการสอนแบบ กิจกรรมกลุ่มนี้ ประกอบด้วยชุดย่อย ๆ ตามจำนวนศูนย์ในแต่ละหน่วย ในแต่ละศูนย์จะจัดสื่อการสอนไว้ในรูป ของสื่อประสม อาจเป็นสื่อรายบุคคล หรือสื่อสำหรับกลุ่มผู้เรียนทั้งศูนย์ใช้ร่วมกัน ผู้เรียนที่เรียนได้ใช้ชุดการ สอนแบบกิจกรรมกลุ่มจะต้องการความช่วยเหลือจากครูในระยะเริ่มเรียนเท่านั้น หลังจากเคยชินต่อวิธีการ เรียนแบบนี้แล้วผู้เรียนจะสามารถช่วยเหลือกันเองภายในกลุ่ม ระหว่างการประกอบกิจกรรม หากมีปัญหา สามารถถามครูได้ตลอดเวลา 3. ชุดการสอนรายบุคคล หรือชุดการเรียน : เป็นชุดการสอนที่มีการจัดระบบเพื่อให้ผู้เรียน สามารถเรียนด้วยตนเองตามลำดับขั้นที่ระบุไว้โดยผู้เรียนสามารถเรียนด้วยตนเอง ตามความสนใจของแต่ละ คน และตามอัตราการเรียนรู้ของตนเอง ผู้เรียนสามารถประเมินผลการเรียนด้วยตนเอง ชุดการสอนประเภทนี้ จะเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้า หรือศึกษาเนื้อหาเพิ่มเติมด้วยตนเอง ผู้สอนจะเป็นผู้ที่ให้ คำแนะนำ และช่วยเหลือทันที หรือผู้เรียนอาจนำชุดการสอนประเภทนี้ไปศึกษาเองที่บ้านได้ ซึ่งจะเป็นการส่งเสริม และ ฝึกฝน ให้ผู้เรียนรู้จักศึกษาและแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง ๓.๓ องค์ประกอบของชุดการสอน ชุดการสอนที่สร้างขึ้นมีหลายลักษณะ ขึ้นกับวัตถุประสงค์การใช้ เช่นชุดการสอนแบบกิจกรรมกลุ่ม ชุดการสอนแบบบรรยาย ซึ่งใช้เป็นกลุ่มใหญ่ และชุดการสอนรายบุคคล หรือชุดการเรียน ชุดการสอนเหล่านี้ จะมีองค์ประกอบที่แตกต่างกัน ตามลักษณะการใช้ ซึ่งอาจมีส่วนประกอบต่าง ๆ ดังนี้ 1. คู่มือและแบบปฏิบัติสำหรับครูผู้ใช้ชุดการสอนและผู้เรียนที่ต้องเรียนจากชุดการสอน
2. คำสั่งหรือการมอบหมายงานเพื่อกำหนดแนวทางของการเรียนให้นักเรียน 3. เนื้อหาสาระ ซึ่งบรรจุอยู่ในรูปของสื่อประสม และกิจกรรมการเรียนการสอน ทั้งแบบกลุ่ม และรายบุคคล ซึ่งกำหนดไว้ตามวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม 4. การประเมินผล เป็นการประเมินผลของ กระบวนการ และผลของการเรียนรู้ ในการ ประเมินผลกระบวนการ ได้แก่ แบบฝึกหัด รายงาน ส่วนผลการเรียนรู้ได้แก่ แบบทดสอบ ซึ่งจะบรรจุอยู่ใน กล่อง โดยจัดเป็นหมวดหมู่สะดวกต่อการใช้ ๓.๔ ขั้นตอนการผลิตชุดการสอน ในการผลิตชุดการสอนนั้น สามารถแบ่งเป็นขั้นตอนได้ดังนี้ 1. กำหนดหมวดหมู่ เนื้อหา และประสบการณ์อาจกำหนดเป็นหมวดวิชา หรือ สหวิทยาการ 2. กำหนดหน่วยการสอน โดยการแบ่งเนื้อหาวิชาออกเป็น หน่วยการสอน เพื่อให้ผู้สอน สามารถถ่ายทอดความรู้ให้แก่นักเรียนได้ ภายใน 1 สัปดาห์ หรือให้เสร็จสมบูรณ์ได้ภายในการสอน 1 ครั้ง อาจเป็น 1-2 ชั่วโมง 3. กำหนดหัวเรื่อง ผู้สอนควรกำหนดหัวเรื่องต่าง ๆ ที่จะสอนว่า ในการสอนแต่ละครั้งจะจัด ประสบการณ์ใดบ้างให้แก่ผู้เรียน 4. กำหนดมโนมติ และหลักการ ในการกำหนด มโนมติ และหลักการนี้ จะต้องสอดคล้องกับ หน่วยการสอนและหัวเรื่อง โดยสรุปรวม แนวคิด สาระ และหลักเกณฑ์สำคัญไว้เพื่อเป็นแนวทางในการ นำเสนอเนื้อหาที่จะสอนให้สอดคล้องกัน 5. กำหนดวัตถุประสงค์ในการผลิตชุดการสอนนั้นควรกำหนดวัตถุประสงค์ให้สอดคล้องกับ หัวเรื่องโดยเขียนเป็นวัตถุประสงค์ทั่วก่อน แล้วจึงเขียนเป็นวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม 6. กำหนดกิจกรรมการเรียน ในการกำหนดกิจกรรมการเรียน ควรจะพิจารณาให้สอด-คล้อง กับวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม เพราะกิจกรรมการเรียนที่ผู้เรียนจะต้องประกอบกิจกรรมนั้น จะต้องสามารถทำ ให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ และบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ อันเป็นแนวทางในการ เลือก ผลิต และใช้สื่อการ สอน กิจกรรมทุกอย่างที่ผู้เรียนปฏิบัติ เช่น ตอบคำถาม ปฏิบัติกิจกรรมตามคำสั่ง เล่นเกม ฯลฯ 7. กำหนดแบบประเมินผล ควรจะต้องประเมินผลให้ตรงตามวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม ที่กำหนดไว้ โดยใช้แบบทดสอบ และใช้วิธีการพิจารณาแบบอิงเกณฑ์ เพื่อผู้สอนจะได้ทราบว่า หลังจากผ่าน กิจกรรมการเรียนการสอนแล้ว ผู้เรียนได้เกิดพฤติกรรมการเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้หรือไม่ 8. เลือกและผลิตสื่อการสอน ในการผลิตชุดการสอนนี้ วัสดุอุปกรณ์ รวมทั้งวิธีการต่าง ๆ ที่ครูใช้ จัดว่าเป็นสื่อการสอนทั้งสิ้น เมื่อผลิตสื่อแต่ละหัวเรื่องแล้ว ควรจัดสื่อเหล่านั้นไว้เป็นหมวดหมู่ และจัดไว้ ในซองหรือกล่องที่เตรียมไว้ก่อนนำไปทดสอบหาประสิทธิภาพ 9. ทดสอบประสิทธิภาพชุดการสอน เมื่อสร้างชุดการสอนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ควรนำชุดการ สอนไปทดสอบหาประสิทธิภาพ โดยผู้สร้างควรกำหนดเกณฑ์ตามหลักการที่กล่าวว่า การเรียนรู้เป็น กระบวนการ เพื่อช่วยให้ผู้เรียนเปลี่ยนพฤติกรรม 10. การใช้ชุดการสอน หลังจากที่สร้างชุดการสอนและนำไปหาค่าประสิทธิภาพ ปรับปรุง แก้ไข ได้ตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ ผู้สอนก็สามารถนำไปสอนผู้เรียนได้ตามวัตถุประสงค์ของการใช้ เช่น ชุดการสอน แบบบรรยาย ชุดการสอนแบบรายบุคคล และชุดการสอนสำหรับกิจกรรมกลุ่มและสามารถใช้ได้ทุกระดับ เช่น อนุบาล ประถมศึกษา มัธยมศึกษา และอุดมศึกษา โดยมีขั้นตอนการใช้ดังนี้ 10.1 ขั้นทดสอบก่อนเรียน ควรจะมีการตรวจสอบความรู้พื้นฐาน ในเรื่องที่จะเรียนก่อน 10.2 ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน ในขั้นนี้ผู้สอนควรนำเข้าสู่บทเรียนเพื่อเป็นการเตรียมตัว
ผู้เรียนก่อนเรียน อีกทั้งเป็นการแนะนำวิธีการเรียนโดยใช้ชุดการสอนในกรณีที่ผู้เรียนยังไม่เคยเรียนโดยวิธีนี้ จะได้ทราบขั้นตอนการเรียน การปฏิบัติตนในกระบวนการเรียนรู้ เมื่อผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างถูกขั้นตอนจะลด ปัญหาในการเรียน ในกรณีที่ใช้ชุดการสอนแบบกิจกรรมกลุ่ม ควรแบ่งกลุ่มผู้เรียนและอธิบายขั้นตอนต่าง ๆ ในการเรียนโดยใช้ชุดการสอน 10.3 ขั้นประกอบกิจกรรม ในการเรียนการสอนโดยใช้ชุดการสอน ผู้สอนควรเปิด โอกาสให้ผู้เรียนได้ประกอบกิจกรรมด้วยตนเอง เพราะจะช่วยให้ผู้เรียนรู้แบบ Active Learning ซึ่งจะทำให้ ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ที่ดี แต่คำสั่งที่ให้ผู้เรียนปฏิบัติตามนั้นควรมีความชัดเจนและเข้าใจได้ง่าย โดยเฉพาะชุด การสอนแบบรายบุคคล และแบบกิจกรรมกลุ่ม ภาษาที่ใช้ในการอธิบายควรเข้าใจง่ายและชัดเจนผู้สอนควร ช่วยเหลือ ให้คำแนะนำเมื่อผู้เรียนเกิดปัญหา 10.4 ขั้นสรุปและทดสอบหลังเรียน เมื่อผู้เรียนได้ประกอบกิจกรรมที่กำหนดไว้ เรียบร้อยแล้ว ผู้สอนควรสรุปมโนมติต่าง ๆ ที่ผู้เรียนได้เรียนแล้ว เพื่อให้เกิดความเข้าใจได้ดียิ่งขึ้น ทดสอบหลัง เรียน เพื่อให้ทราบว่าหลังจากที่ผู้เรียนเรียนแล้วเกิดการเรียนรู้ในเรื่องหรือไม่ ถ้ายังไม่เข้าใจ ผู้สอนควรอธิบาย หรือให้ประกอบกิจกรรมอื่น ที่จะทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างแท้จริง นอกจากนี้ยังทำให้ทราบ ความก้าวหน้าทางการเรียน ระหว่างก่อนเรียน และหลังเรียน ๓.๕ คุณค่าของชุดการสอน 1. ช่วยเร้าความสนใจ ผู้เรียนที่เรียนโดยใช้ชุดการสอน จะประกอบกิจกรรมด้วยตนเอง ซึ่งจะ เป็นสิ่งทีทำให้ผู้เรียนสนใจต่อการเรียนตลอดเวลา 2. ช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ที่ดี จากการที่ผู้เรียนได้ประกอบกิจกรรมด้วยตนเอง สามารถ เรียนได้ตามความสนใจ และตามอัตราการเรียนรู้ของตนเอง จะทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ที่ดี 3. ส่งเสริมและฝึกหัดให้ผู้เรียน รู้จักการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง และมีความรับผิดชอบ ตนเองและสังคม 4. ช่วยให้การเรียนเป็นอิสระ จากบุคลิกภาพของผู้สอน เนื่องจากการเรียนโดยใช้ชุดการสอน ผู้สอนจะเปลี่ยนบทบาทจากผู้บรรยายตลอดเวลามาเป็นผู้แนะนำ ช่วยเหลือ และใช้ชุดการสอนทำหน้าที่ ถ่ายทอดความรู้ต่าง ๆ แทนครู ดังนั้นผู้เรียนสามารถได้อย่างประสิทธิภาพจากชุดการสอน ถึงแม้ว่าผู้สอนจะ เป็นผู้ที่สอนไม่เก่ง 5. แก้ปัญหาเรื่องความแตกต่างระหว่างบุคคล เพราะชุดการสอนสามารถช่วยให้ผู้เรียนได้ เรียนรู้ตามความสามารถ ความถนัด ความสนใจ และตามโอกาสที่เอื้ออำนวยให้แก่ผู้เรียนซึ่งมีความแตกต่างกัน 6. สร้างความพร้อม และความมั่นใจให้แก่ครู เพราะในการผลิตชุดการสอนนั้นได้จัดระบบ การใช้สื่อการสอน ทั้งการผลิตสื่อการสอน กิจกรรม ตลอดจนข้อแนะนำการใช้สำหรับผู้สอน สามารถนำไปใช้ ได้ทันที 7. ส่งเสริมการเรียนแบบต่อเนื่อง หรือการศึกษาตลอดชีพ เพราะสามารถนำชุดการสอนไปใช้ ในการเรียนด้วยตนเองได้ทุกเวลาและสถานที่ 8. ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้ เพราะชุดการสอนได้ผลิตขึ้นโดยใช้วิธีระบบและกลุ่มผู้ มีความรู้ความสามารถ มีการทดลองใช้จนแน่ใจว่าใช้ได้ผลดี มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้แล้วจึงนำออกใช้ แพร่หลาย
๒. งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง นายณฐพล อยู่เป็นสุข. (๒๕๖๑) การใช้วิธีการสอนรูปแบบการเรียนเชิงรุก (Active learning) P.I.L. Model ในการจัดการเรียนการสอน รายวิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง ระบบอวัยวะในร่างกาย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ผลการวิจัยพบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิทยาศาสตร์ เรื่อง ระบบอวัยวะในร่างกาย ของผู้เรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 6 ที่จัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีการสอนรูปแบบการเรียนเชิงรุก (Active learning) P.I.L. Model มี ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน และมีค่าคะแนนพัฒนาการของผู้เรียนเฉลี่ย เท่ากับ 10 คะแนน และผู้เรียนที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีการสอนรูปแบบการเรียนเชิงรุก (Active learning) P.I.L. Model มีความพึงพอใจอยู่ในระดับพึงพอใจมากที่สุด นายสมชัย วรธงไชยสุข. (๒๕๖๑) การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ตามแนวทาง Active Learning ร่วมกับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะ และเทคโนโลยีร่วมสมัย เพื่อส่งเสริม ความสามารถใน การคิดอย่างมีวิจารณญาณ สำหรับผู้เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนสะแกราชธวัชศึกษา ผลการวิจัยพบว่า 1. ข้อมูลสภาพปัจจุบันและความต้องการในการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ มุ่งส่งเสริมให้ ผู้เรียน มีทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่21 เน้นกระบวนการคิด โดยเฉพาะการส่งเสริมความสามารถ ในการคิดอย่าง มีวิจารณญาณ โดยการจัดการเรียนรู้ที่เหมาะสม ร่วมกับการใช้เทคโนโลยี การ ปฏิบัติงานกิจกรรมที่ได้มาจาก กระบวนการคิดของผู้เรียน เพื่อให้ได้มีความสามารถในการคิดอย่างมี วิจารณญาณ และสามารถนำไป ประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ 2. รูปแบบการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ตามแนวทาง Active learning ร่วมกับการจัดการ เรียนรู้ แบบสืบเสาะ และเทคโนโลยีร่วมสมัย เพื่อส่งเสริมความสามารถในการคิดอย่างมีวิจารณญาณ สำหรับผู้เรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่3 ประกอบด้วย 8 องค์ประกอบ ได้แก่ หลักการ วัตถุประสงค์ กระบวนการจัดการเรียนรู้ สาระหลัก ระบบสังคม หลักการตอบสนอง สิ่งสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ และเงื่อนไขในการนำไปใช้ โดยมี ขั้นตอนการเรียนรู้ 6 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นตอนที่ 1 ปัญหาวิชาการ (Academic problems) ขั้นตอนที่ 2 ร่วม วิจารณ์อย่างสร้างสรรค์ (oin Creative criticism) ขั้นตอนที่ 3 ขยันแสวงหาความรู้ (Seek knowledge) ขั้นตอนที่ 4 มุ่งสู่ข้อสรุปและขยายความ (Conclusion and expansion) ขั้นตอนที่5 สร้างสื่อตามนำเสนอ เทคโนโลยี (Media presentation technology) และขั้นตอนที่ 6 วิจารณญาณมีประเมินและประยุกต์ (A Critical Assessment and Application) เมื่อนำไปทดลองใช้กับผู้เรียนแบบภาคสนามจำนวน 30 คน พบว่า มีประสิทธิภาพ เท่ากับ 83.83/84.08 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 80/80 อัญชลี เหล่ารอด. (2553). ผลการพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ขั้นพื้นฐานของผู้เรียน มัธยมศึกษาปีที 3 โดยใช้คำถามควบคู่กับการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม. (การวัดผลการศึกษา). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย. มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. ผลการวิจัยพบว่า 1. หลังจากใช้คำถามควบคู่กับการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ผู้เรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที 3 มีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานโดยรวม เมื่อเปรียบเทียบกับเกณฑ์การ ประเมินผลการตัดสินการเรียนจากกระทรวงศึกษาธิการ อยู่ในระดับดีมาก เมื่อวัดด้วยแบบทดสอบ แบบ เลือกตอบ และเมื่อวัดวัดด้วยข้อสอบเขียนตอบ แบบสถานการณ์
๒. ผู้เรียนมีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน หลังจากทดลองสูงกว่า ก่อนการทดลอง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .๐๑ โดยทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์หลังการทดลองในทุกทักษะสูง กว่าก่อนการทดลอง นายอับดุลเลาะ อูมาร์(๒๕๕๙) ผลของการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es) เรื่องสมดุลเคมี ที่มีต่อแบบจำลองทางความคิด ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และความพึงพอใจของผู้เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเดชะปัตตนยานุกูล จังหวัดปัตตานี ผลการวิจัย พบว่า แบบจำลองทางความคิดเรื่องสมดุลเคมีครั้งที่ 1 ถึง 5 ของผู้เรียนดีขึ้นตามลำดับ และพบว่า คะแนนเฉลี่ยแบบจำลองทางความคิดในแต่ละครั้งแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ยกเว้นครั้งที่ 3 กับ 5 และครั้งที่ 4 กับ 5 ส่วนแบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเคมีและแบบวัดความพึงพอใจ ของผู้เรียน ผู้วิจัยวิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิจัย พบว่า ผู้เรียนที่ ได้รับการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es) มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเคมีหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และผู้เรียนมีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es) อยู่ในระดับมากที่สุด นางรำพึง งามตา (๒๕๕๗) การค้นคว้าแบบอิสระมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างชุดการสอน วิชา วิทยาศาสตร์เรื่อง การดำรงชีวิตของพืช สำหรับนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 4 ที่มีประสิทธิภาพ โดยได้ ดำเนินการสร้าง ชุดการสอยและทดสอบประสิทธิภาพของชุดการสอนกับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียน บ้านผาลาด อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2557 จำนวน 32 คน เครื่องมือ ที่ ใช้ในการศึกษาประกอบด้วย 1. ชุดการสอน เรื่องการดำรงชีวิตของพืช 2. ข้อสอบวัดความรู้พื้นฐาน ก่อนเรียน 3.ข้อสอบก่อนเรียนและหลังเรียน จากนั้น นำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์กำหนดเกณฑ์ประสิทธิภาพของ ชุดการสอนไว้ที่ 80/80 จากการศึกษา พบว่าชุดการสอนที่ผู้ศึกษาสร้างขึ้นนั้นมีประสิทธิภาพ 89.58/83.72 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ ที่กำหนดไว้ อรวรรณ์ มันใส และ พจนีย์ เสงี่ยมจิตต์ (๒๕๕๗) การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและหา ประสิทธิภาพของชุดการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง การดำรงชีวิตของสัตว์ สำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 และ เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยชุดการสอน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้คือ นักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านคุ้มแสนชะนี สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 5 ปีการศึกษา 2555 จำนวน 33 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มอย่างง่าย เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวม ข้อมูลประกอบด้วย ชุดการสอน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง การดำรงชีวิตของสัตว์ สำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 12 ชุด และแบบ ทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 40 ข้อ มีความยากง่ายตั้งแต่ .38-.77 มีค่าอำนาจจำแนก ตั้งแต่ .34-.77 และค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ .82 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่า t ผลการวิจัยพบว่า 1. ชุดการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง การดำรงชีวิตของสัตว์สำหรับ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นมีประสิทธิภาพเท่ากับ 83.74/81.82 2. นักเรียนที่เรียนด้วย ชุดการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง การดำรงชีวิตของสัตว์สำหรับนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
บทที่ ๓ วิธีดำเนินการ 3.๑ ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ประชากร : นักเรียนโรงเรียนเทศบาล ๑ (ขจรเนติยุทธ) กลุ่มตัวอย่าง : ผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/1 จำนวน ๓๒ คน ผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/1 จำนวน ๒๗ คน ผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/3 จำนวน 2๗ คน ผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4/2 จำนวน ๒๘ คน ผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖/2 จำนวน ๓๐ คน ผู้เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1 จำนวน 2๘ คน รวมทั้งสิ้น ๑๗๒ คน 3.๒ ระยะเวลาที่ใช้ ดำเนินการตั้งแต่เดือน พฤษภาคม ๒๕๖6 ถึง เดือน กุมภาพันธ์๒๕๖7 ภาคเรียนที่ ๑ ครั้งที่ ๑ – 6 สมาชิกร่วมกันค้นหาปัญหา วิเคราะห์สาเหตุ หาเทคนิคการสอน และ ทฤษฎีทางการศึกษามาสร้างเครื่องมือในการแก้ปัญหาของนักเรียน และดำเนินการตามวงรอบ ทั้งหมด 1 วงรอบ รวม 6 ชั่วโมง ภาคเรียนที่ ๒ ครั้งที่ 7 – ๑2 ดำเนินการต่ออีก 1 วงรอบ และถอดบทเรียนหลังปฏิบัติการ (AAR) กลุ่มชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ รวม 7 ชั่วโมง ตลอดปีการศึกษา ๒๕๖6 สมาชิกร่วมกันค้นหาปัญหา วิเคราะห์สาเหตุ หาเทคนิคการสอน และ ทฤษฎีทางการศึกษา มาสร้างเครื่องมือในการแก้ปัญหาของนักเรียน ดำเนินการตามวงรอบ และถอด บทเรียนหลังปฏิบัติการ (AAR) ชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ กลุ่ม Active Learning Science รวมทั้งสิ้น 13 ชั่วโมง 3.๓ เครื่องมือที่ใช้ ๑. แผนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) ๒. ชุดการสอน (Instructional Package) (5E Plus IP) 3.๔ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ค่าเฉลี่ย ,ร้อยละ สูตรการหาร้อยละ = คะแนนที่ได้ คะแนนเต็มทั้งหมด × 100 สูตรการหาค่าเฉลี่ย = ผลบวกของคะแนนที่ได้ จำนวนนักเรียน
บทที่ 4 ผลการดำเนินการ ๑. ผลการดำเนินการ การดำเนินการชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพนี้ เป็นการดำเนินการของกลุ่ม Active Learning Science ปีการศึกษา 256๖ โดยร่วมกันสร้างและจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาผู้เรียนโดยใช้ รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5E ด้วยชุดการสอน (Instructional Package) (5E Plus IP) เพื่อ ยกระดับผลการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขอนำเสนอผลการวิเคราะห์ ๒ ตอน ตอนที่ 1 ประเด็นการสะท้อนผลการสอน / ฝึกปฏิบัติ / กิจกรรม สมาชิกในกลุ่มได้วิเคราะห์ข้อมูลหลังจากการสังเกตการสอนของครูผู้ร่วมเรียนรู้ สามารถวิเคราะห์ ประเด็นต่าง ๆ ได้ดังต่อไปนี้ 1.1 ประเด็นด้านผู้เรียน - การวางแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5E) และการ พัฒนานวัตกรรมเป็นชุดการสอน (Instructional Package) (5E Plus IP) ช่วยให้ผู้เรียน ตื่นตัวในการเรียนรู้ มีความกระตือรือร้นในการปฏิบัติกิจกรรม - ชุดการสอนช่วยเสริมทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่สร้างขึ้นทำให้ผู้เรียนเข้าใจ บทเรียนมีทักษะ สามารถแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์และประยุกต์ใช้ ในเรื่องต่างๆ ได้ 1.2 ประเด็นด้านกิจกรรม - ผู้เรียนได้ใช้ความคิดมากกว่าความจำ - ผู้เรียนเกิดเจตคติทีดีต่อวิชาวิทยาศาสตร์มากขึ้น - ผู้เรียนเกิดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ - ผู้เรียนได้ประสบการณ์ตรงจากการเรียนรู้มีโอกาสได้ศึกษา - สำรวจ ค้นหา รวบรวมข้อมูล บันทึก ทดสอบความคิด - ทดลองปฏิบัติด้วยตนเอง และสร้างเป็นองค์ความรู้ใหม่ด้วยตนเอง - ผู้เรียนสามารถทำงานร่วมกันกับผู้อื่น รู้จักอภิปรายแสดงความคิดเห็นระหว่างกัน รับฟัง ความคิดเห็นของผู้อื่นอย่างมีเหตุผล 1.3 ประเด็นด้านครูผู้สอน - มีน้ำเสียงชวนฟัง และมีจังหวะในการพูด - มีการเสริมแรงผู้เรียน และชื่นชมผู้เรียน - มีการจัดเรียงลำดับขั้นตอนการนำเสนอการเรียนรู้ให้กับผู้เรียนอย่างเป็นระบบ - มีปฏิสัมพันธ์และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างผู้เรียนกับครูได้ดี 1.4 ประเด็นสื่อการสอน - สื่อการสอนที่คุณครูนำมาใช้เป็นสิ่งที่มีอยู่รอบตัวของผู้เรียนมีความแปลกใหม่ ดึงดูดความ สนใจของผู้เรียนได้เป็นอย่างดี - สื่อมีความเพียงพอและเหมาะสมสำหรับให้นักเรียนได้เรียนรู้
1.5 ประเด็นด้านบรรยากาศ - บรรยากาศในการจัดการเรียนการสอนเน้นให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติจริงได้ทดลองด้วย ตัวเองทำให้ผู้เรียนมีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้และมีการสร้างความสนใจให้ กับผู้เรียน 1.6 จุดแข็งจุดอ่อนของการสอน จุดแข็ง - กิจกรรมส่งเสริมให้ครูและผู้เรียนได้แบ่งบันความรู้คิด/วิเคราะห์แสดงความคิดเห็น - ใช้เทคนิคการสอน ที่เน้นการตอบสนองของผู้เรียนเป็นหลัก - กิจกรรมการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ - เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมในกระบวนการจัดการเรียนรู้และลงมือปฏิบัติ - กิจกรรมการเรียนการสอนที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น จุดอ่อน - การจัดกิจกรรมมีข้อจำกัดในการดูแล ควบคุมให้ผู้เรียนดำเนินกิจกรรมไปในทิศทางที่ผู้สอน วางแผนไว้ผู้เรียนกลุ่มอ่อนยังคงทำกิจกรรมไม่ทันเพื่อน - การจัดกิจกรรมใช้เวลานานทำให้ผู้สอนไม่สามารถจัดการเวลาที่มีอยู่กับจำนวนเนื้อหา หลักสูตรที่มากได้ - ผู้เรียนบางคนคุ้นชินกับกับการเรียนโดยวิธีการรับความรู้จากครูมากกว่าการลงมือปฏิบัติ ตอนที่ 2 การประเมินผลการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สมาชิกในกลุ่มได้วิเคราะห์ ผลการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของผู้เรียน แบ่งออกเป็น ห้องเรียนตามกลุ่มตัวอย่างโดยเปรียบเทียบคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียน ดังนี้ ตารางที่ 1 ผลการเปรียบเทียบคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียนของระดับประถมศึกษา ชั้น คะแนนเฉลี่ยก่อนเรียน คะแนนเฉลี่ยหลังเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2/1 51.79 76.78 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/1 51.98 74.38 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/3 51.33 55.67 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4/2 49.99 64.81 ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖/2 45.80 68.54 รวม 250.89 340.18 เฉลี่ย 50.18 68.04 จากตารางที่ 1 การประเมินผลการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของผู้เรียนระดับชั้น ประถมศึกษา พบว่าคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียน คิดเป็นร้อยละ 50.18 และคะแนนหลังเรียน คิดเป็น ร้อยละ 68.04 ซึ่งมีค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น คิดเป็น ร้อยละ 17.86
ตารางที่ 2 ผลการเปรียบเทียบคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียนของระดับมัธยมศึกษา ชั้น คะแนนเฉลี่ย ภาคเรียนที่ 1 คะแนนเฉลี่ย ภาคเรียนที่ 2 ก่อนเรียน หลังเรียน ก่อนเรียน หลังเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1 61.03 79.31 60.00 78.97 รวม ๖1.๐๓ ๗๙.3๑ 6๐.0๐ ๗๘.๙๗ เฉลี่ย 61.58 75.87 63.02 76.31 จากตารางที่ 2 การประเมินผลการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของผู้เรียนระดับชั้น มัธยมศึกษา พบว่าคะแนนเฉลี่ยภาคเรียนที่ 1 ก่อนเรียน คิดเป็นร้อยละ 61.58 และคะแนนเฉลี่ยภาคเรียนที่ ๑ หลังเรียน คิดเป็นร้อยละ 75.87 ซึ่งมีค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น คิดเป็น ร้อยละ15.29 คะแนนเฉลี่ยภาคเรียนที่ 2 ก่อนเรียน คิดเป็นร้อยละ 63.02 และคะแนนเฉลี่ยภาคเรียนที่ ๒ หลังเรียน คิดเป็นร้อยละ 76.31 ซึ่งมี ค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น คิดเป็น ร้อยละ 13.29 0 10 20 30 40 50 60 70 80 90 ป.2/1 ป.3/1 ป.3/2 ป.4/2 ป.6/2 แผนภูมิเปรียบเทียบคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียน ระดับประถมศึกษา ประจ าปีการศึกษา 256๖ คะแนนเฉลี่ยก่อนเรียน คะแนนเฉลี่ยหลังเรียน
0 10 20 30 40 50 60 70 80 90 ก่อนเรียนม.3/1 หลังเรียนม.3/1 แผนภูมิเปรียบเทียบคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียน ระดับมัธยมศึกษา ปีการศึกษา 256๖ คะแนนเฉลี่ยภาคเรียนที่ 1 คะแนนเฉลี่ยภาคเรียนที่ 2
บทที่ ๕ สรุป อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ ๑. สรุปผลการดำเนินการ การพัฒนาผู้เรียนโดยใช้รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5E ด้วยชุดการสอน (Instructional Package) (5E Plus IP) เพื่อยกระดับผลการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับชั้นประถมศึกษา ปีที่ ๒/๑, ๓/๑, ๓/๓, ๔/๒, 6/๒ และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓/๑ โรงเรียนเทศบาล ๑ (ขจรเนติยุทธ) ผลเป็นดังนี้ การประเมินผลการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของผู้เรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒/๑, ๓/๑, ๓/๓, ๔/๒, ๖/๒ คะแนนเฉลี่ยก่อนเรียน คิดเป็นร้อยละ ๕๐.๑๘ และคะแนนเฉลี่ยหลังเรียน คิดเป็น ร้อยละ ๖๘.๐๔ ซึ่งพบว่าผลการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ ๑๗.๘๖ การประเมินผลการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของผู้เรียนระดับชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ ๓/๑ คะแนนเฉลี่ยก่อนเรียน ภาคเรียนที่ ๑ คิดเป็นร้อยละ ๖๑.๕๘ และคะแนนเฉลี่ยหลังเรียน ภาคเรียนที่ ๑ คิด เป็นร้อยละ ๗๕.๘๗ ซึ่งพบว่าผลการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ ๑๔.๒๙ การประเมินผลการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของผู้เรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓/๑ คะแนนเฉลี่ยก่อนเรียน ภาคเรียนที่ ๒ คิดเป็นร้อยละ ๖๓.๐๒ และคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนภาคเรียนที่ ๒ คิดเป็น ร้อยละ ๗๖.๓๑ ซึ่งพบว่าผลการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นคิดเป็น ร้อยละ ๑๓.๒๘ ๒. อภิปรายผล การพัฒนาผู้เรียนโดยใช้รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5E ด้วยชุดการสอน (Instructional Package) (5E Plus IP) เพื่อยกระดับผลการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับชั้นประถมศึกษา ปีที่ ๒/๑, ๓/๑, ๓/๓, ๔/๒, 6/๒ และชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/๑ โรงเรียนเทศบาล ๑ (ขจรเนติยุทธ) สมาชิกใน กลุ่มได้นำประเด็นสำคัญที่ค้นพบมาอภิปรายตามวัตถุประสงค์ของการพัฒนาผู้เรียนในครั้งนี้ ดังนี้ การจัดทำ แผนการจัดการเรียนรู้ พัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์โดยใช้รูปแบบการสอนแบบสืบเสาะหา ความรู้ 5E และการพัฒนานวัตกรรมเป็นชุดการสอน (Instructional Package) (5E Plus IP) นั้น ได้นำการ ลงความเห็นจากผู้อำนวยการสถานศึกษา (Administrator) ผู้เชี่ยวชาญ (Expert) พี่เลี้ยง (Mentor) และการ สะท้อนประเด็นต่าง ๆ ของกลุ่มซึ่งพบว่า ประเด็นสำคัญในการจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ในครั้งนี้ เกิดจาก ความหลากหลายในการจัดการเรียนการสอน มีการนำชุดการสอนที่แปลกใหม่เข้ามาทำให้ผู้เรียนเกิดความ สนุกสนานในการเรียนรู้โดยเฉพาะการได้ลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง ผู้เรียนมีความสนใจและกระตือรือร้นในการ เรียน ให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรมต่างๆเพิ่มมากขึ้น ทำให้ผู้เรียนเกิดองค์ความรู้จาการเรียนรู้ดังกล่าว ซึ่ง สอดคล้องกับงานวิจัยของ นายอับดุลเลาะ อูมาร์ (๒๕๕๙) สรุปว่าการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es) ผู้เรียนมีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานโดยรวม เมื่อเปรียบเทียบกับเกณฑ์การประเมินผลการ ตัดสินการเรียนจากกระทรวงศึกษาธิการ อยู่ในระดับดีมาก เมื่อวัดด้วยแบบทดสอบ แบบเลือกตอบ และเมื่อวัด วัดด้วยข้อสอบเขียนตอบแบบสถานการณ์
๓. ข้อเสนอแนะ ควรพัฒนาผู้เรียนกลุ่มอ่อน เน้นการจัดการเรียนการสอนโดยให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง ทำชุด การสอนที่มีความหลากหลายและแปลกใหม่และเกิดความสนุกสนานในการเรียนรู้ เช่น เกม หรือ สร้างชิ้นงาน เพื่อกระตุ้นและสร้างแรงจูงใจให้ผู้เรียนสนใจการเรียนในวิชาวิทยาศาสตร์เพื่อที่จะสามารถต่อยอดการเรียนรู้ และยกระดับผลการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในขั้นต่อไปได้อย่างเหมาะสม ส่วนใหญ่ผู้เรียนยังประสบปัญหาเรื่องทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ดังนั้นควรศึกษาหาข้อมูล เทคนิค หรือ กลยุทธ์ ที่จะเข้ามาช่วยพัฒนาชุดกิจกรรมและสื่อการสอนให้มีความหลากหลายน่าสนใจ ซึ่งถือ เป็นแนวทางในการแก้ปัญหาและแนวทางในการทำวิจัยต่อไป
บรรณานุกรม กรมวิชาการ.การวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน.กรุงเทพฯ:โรงพิมพ์คุรุสภา ลาดพร้าว,๒๕๔๕. จีรวรรณ ขุริรัง. (2553). การศึกษาผลการจัดการเรียนรู้ด้วยชุดกิจกรรมการแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ที่มี ต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและการคิดวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 2. สารนิพนธ์ กศ.ม. (การมัธยมศึกษา). กรุงเทพฯ: ชัยวัฒน์ สุทธิรัตน์. (2552). 80 นวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ. กรุงเทพฯ:แดเน็กซ์ อินเตอร์ คอร์ปอเรชั่น. ปรีชาญ เดชศรี (2545 : 53) ทฤษฎี Active Learning การเรียนรู้แบบกระตือรือร้น. กรุงเทพฯ:บัณฑิต วิทยาลัยมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. ผดุงยศ ดวงมาลา. (2559). การสอนวิทยาศาสตร์ระดับมัธยมศึกษา. คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี: มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี. รำพึง งามตา. (๒๕๕๗) การสร้างชุดการเรียนการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ เรื่องการดำรงชีวิตของพืช สำหรับ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔. การค้นคว้าแบบอิสระ. ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต (เทคโนโลยี ทางการศึกษา) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. วรรณทิพา รอดแรงค้า. การสอนวิทยาศาสตร์ที่เน้นทักษะกระบวนการ.กรุงเทพฯ:สถาบันพัฒนาคุณภาพ วิชาการ,๒๕๔๔. วิโรจน์ แสนคำภา. การเปรียบเทียบทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ระหว่างการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์กับการ จัดการเรียนรู้ตามคู่มือครูของ สสวท. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย, ๒๕๕๐. สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) กระทรวงศึกษาธิการ. (2555).ครูวิทยาศาสตร์ มืออาชีพ แนวทางสู่การเรียนการสอนที่มีประสิทธิผล. กรุงเทพฯ:บริษัท อินเตอร์เอ็ดดูเคชั่น ซัพพลายส์ จำกัด. สมถวิล ขัดเกลา .การสร้างชุดฝึกกระบวนการทางวิทยาศาสตร์สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยบูรพา,๒๕๔๖ สุคนธ์ สินธพานนท์. (2558). การจัดการเรียนรู้ของครูยุคใหม่..เพื่อพัฒนาทักษะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21. กรุงเทพฯ: ห้างหุ้นส่วนจำกัด 9119 เทคนิคพริ้นติ้ง. สุวัฒน์ นิยมค้า. (2556). ทฤษฎีและทางปฏิบัติในการสอนวิทยาศาสตร์แบบสืบเสาะหาความรู้ เล่ม 1. กรุงเทพฯ: เจเนอรัลบุ๊คส์ เซ็นเตอร์. สุวิมล เขี้ยวแก้ว. (2557). การสอนวิทยาศาสตร์ระดับมัธยมศึกษา. คณะศึกษาศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลา นครินทร์.
อรวรรณ์ มันใส และ พจนีย์ เสงี่ยมจิตต์. (๒๕๕๗). การพัฒนาชุดการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่องการดำรงชีวิตของสัตว์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔. งานวิจัย ๑ สาขาวิชาการพัฒนาหลักสูตรและ การเรียนการสอน มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี 2 คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัย ราชภัฏอุบลราชธานี อรัญญา คายนต์ผลการใช้วิธีสอนแบบทดลองที่มีผลทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และ“ (๒๕๕๐) . ความสามารถในการคิดเชิงวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๕ โรงเรียนบ้านหนองหอย วิทยานิพนธ”จังหวัดชัยภูมิ์ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ แขนงวิชา . .หลักสูตรและการสอน มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช อัญชลี เหล่ารอด.(๒๕๕๓).ผลการพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ขั้นพื้นฐานของนักเรียน มัธยมศึกษาปีที่ ๓ โดยใช้คำถามควบคู่กับการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม.(การวัดผลการศึกษา).กรุงเทพฯ:บัณฑิตวิทยาลัย.มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
ภาคผนวก
U.'IJ'IJ PLC om w OJ ,:t II \JUVI neu e1A1111 d1u~11101l .......... 11~L,.tJULVlrl\J1". (;) (,i,i•nu~~Y!\1-) ..... lY11.. o-~~q~-<t~~~.. ············· ...................................... . d d Vl ....... \!.r.! ... ~.~~9..~~~/.@~ ............................................................ 14\JVI . m~ 'riq~m.Jf.l!J .... ~~.b.. . .......................... . L ~el .iJ ··---~-~i~i~D-~;i-~;i~'} rJ1~.~~~.~l!!J.1~~n!l~ ... (P.~~2.v.1~_iJ!!DJ.1~rn~n .. ~.~P ............................................................ . II II II -., ~O I - 0 I i;)1tJt1VH,J1 \J1~11tyty1 U.'1~\J1 \Jl1U.VI\J~ fll1YIV!1\Jt fl~1J1\J1tyfl1'j fl~1J'111~fl11 L~ El\Jl1VltJ1f'l1'1tJI{ LU'lt L Vlfl 1 \J 1"v ;jfl111Jtl"it'1~~,if)~fl,'3 nq11~1J1J\J fl1'j L~vuf Y11'31'111~Yi (PLC) :"'I !'S 1 ... ... .,~ 1Jf1111"1fl"1 ~ctbb flEJ1J11tJatLfltlflfl-3\J ..i , ""' "A G>. 1Jfln~1Jfl'1fl111J dive Leamin~ Science" ., ., l!>. '11\J1'U'11J1~flVl-3Vl1Jfl b f)\J ~'3U G>) f-1"i~'1fl\J (Model teacher) u.atfl'lL~v\J~1)JL~vu-i (Buddy teacher) ~1u1u b flU V V V V ..i V1 4 11v-u11Jana , Q.c( ..., cal b 'U1-3'111LlJV1U tlUfl fl'j V .,j ., l!>) fl'iYiL~EJ-3 (Mentor) V .... ' 1Vltl1f'l1'1\Jl'l ti.(( u.a~LVlflL'ULav ... ' 1Vltl1f'l1'1\Jl'l tl.b u.atLYlflL'ULav .... ' 1Vltl1f'l1'1\Jl'i tl.l!> u.atLVlflL'ULaa ... ' 1VleJ1Pl1'1\Jl'i 1J.Q1 u.atLVlflL'ULav ... ' 1Vltl1f'l1'1\Jl'l tl.Q'l u.a::LVlflL'ULaa .... ' 1Vlt11f'l1'1~'l tl.Q'l u.a::LVlflLULav 4 ""....... 0' .... .,j 11v u1'311tn ~4dLVl1Jv'U IJl1u.vnH fll 1V1t1J1ut flJL1tt11,11qi ., ..J Vl'U1Vl .... ' 1V1V1f'l1'1\Jl'l tl1t51'U u.atLVlflL'ULav ' f1'llJ ... ' 1Vltl1f'l1'11Jl'l u.atLVlflLULav ... ' 1VleJ1Pl1'11Jl"i '11J11jf1 u.a:: L Vlfl L 'U LaV ... ' 1VleJ1Pl1'1~'i u.a::LVlflL'ULav ... ' 1Vltl1f'l1'1~'l u.a:: L Vlfl L 'U Lav ... ' 1Vltl1f'l1'1~"i La'U1Uf11"i , u.a::L'Vlfl LULaV 4,1 S, I c,j ..... ' 'i "j ... .,,1.., .,j S, Vl1VIU1f1'llJ'111:: f11'iL 'jtf '\JJ1VIE.11f'l1'1\Jl"iLLat L Ylfl L 'U Latl flJY11Jfl111JL ff1V1ff11ty ~1U ................... . ..i... c,j I S, [',r 4 ( ) S, 0 Q-, c,. fl"iV11Jc.Ja-31'UflL~u~1u ................................................. l!:.I vu., 1t,, ... fl1~V11t-Ja-nu1'1EJn111-1~ v I vv u.ntlqivr1 u.atfl1'iLL'11-3Vl1fl111JTI~tl V n11~~tl1~atmTuuu tJtJ~tJLa1tvr1 R1111j (Inquiry cycle) Q'l) e7u~Vl1'i'1fl1'UPlm11 (Administrator) V ~v u1m~'l1 '1-3i'n-,,-3111i.eJ1 ~1u.V1tl-1 ~tJ1u1e,n1·rnri1uP1n~n @ ~-61u1vn1·rnu1u~n~n D 1ti-3~t11u1e,n11ae11u~n~n D tu, (it~) .................................. .
., .J ) ~) ~L 11v1,i1cy (Expert ~el tJ1~tJvl Pl1U.ii11 ~1U.\1'1-3 Al ~VIV§1\J~ fllL~V"J111ty ... '"" ' - "~" r1m~1'UL Vlflln a~n,i............ .................. ... £J11iJ1'jtJ2JVl11'VIV1'1tJ '1~nfl ............................................. . r:-,r 4 ,J.,. .J ., " .,. " :; ..r ¤1'\J ( 1t~) ... flJ'Vl1.Jfl111JL 11v1111ty,i1,m1'j,:i,in1'jL 'jtJ'\Jn1'ja£>'\J'jtflUn1'jrin~nt1'UYt'UJ1'U m. acnu~thtffl2Jn~1.1 iv~tllj~n1'j1'VltJ1P11'1\Jl{ ¤l1fl1'l Vl~Vtl'lt~1J~1'U~¤l~L~n'Vl'l£i'Un'1 Application Google meet Ci'.. 1'\JL 1a1tl'lt'n1Jn~1.1 1'U'1~fl1'l uat1'Uf4oi'1'U~ na1 c;,<t.mo 'U. - @b.mo 'U. , , ., 1~v1~ uummmrruu'UVim;in l'lJfla1n'lLU'Uffi~ m~'\JVim;in •LU'\Jt.1L~m'n'lfl" ~t11Jnuuuvi nil ,a ·~ , \I ·~ \I ·~~- ..... ... .,. 4 Ltl ... 'ltJ'U1J1LYHJ 'l~Vl'l1'UUatV4'11'lW1 ., (u1~Tf tycy1 ua~t11) 0 I O \Jl1U Viti~ fl'l 1'VltJi1'Ut fl'l1f1'U1CUn1'l " . "' ., ('U1~fifl1i\Jl'U 1~a1t111~na) , , fl'l 1V1Vi1'U~ r11,i1u1run1'l tln~V1i!1~ \I ,a \I " ~~1v~i1u1vn1'l~1vu~V111~1tJi'n1n11 \I \I ('U1m~11 ;:i~in'Yi~~Lt-h) ~e)1'\J'lc.ln11'1Cl1'UPin~111~L~tl'ULVIPIU1a Ci) ( -rl'11L'U~tl'Yl~) \I ,
LL\J\J PLC OQ'l w ,:t II \J\JVlntle>fl1111 fl 1U l111 n 1 l ·-····-··-··1.1~~lv.~J.Y.lr.l\Drl ... ®.-(~.31.l~Uiq'.YJ.GL_..lY.11,._o.::'2~.~~:.<t~!d.~.-··········-········.. --.................. _ .... ---··--····--· ,d .., ,d VI .. .... tl'VL_ctmmoct.m/ ~ct~ ____________________ .................................... 1UVI ....... m~ .... 'Vi']~fl1fll.l ..... l!>ctbb -·-··--··-··--··---········-··-······ ....... . L°itiu ~t!1u1un1'jaf11u;ln~1 1 'j~L1tl'UL vtP1u1~ m ('tJ'1'jL'U~tlvtfi) " . 4 .,, ... 11 ) 4 I ... V L'UrHfl1t1LtiUnTirin~1 l!>ctbb fl'HJ'1v'U (Model teacher u.~tfl'H'VivtJ11l.lL'HJtJ1 "" " " (Buddy teacher) ~1'U1'U b fl'U ijfl11lJtl1ta~f-ltviflr;Y~n~l.l1ll.l'tftJn11L1uufvt1~i,n=li'Vi (PLC) ;ie1n~1J n'1fl'j'jlJ Active Leaming Science LflEJf11\1'Ufl1tiL1~1tht1JlJn~l.l L'U1tJel~fl1'j LL~t1'\JYH)\-1'1'U~ L1~1 mct.mo-mb.Q'lo tJ. ta~vtnitlfl1"1 w ~rHtlnimn1'j1'Vltl1P11'1(Jl'l 81fl11 a:: '\-1~vtJ'jt'tflJ~TU~v • -.J • ... .;: ... ' tlL~fl'Vl18'Ufl'1 Application Google meet " ' tun11u~~t8fl11lJvHLfl11tl1 u1.:ii'jv1 ~~L'\-1ijvu (,hLL'\-1tJ~ fl'j i'Vlt1\11'Ut fl1L;v1,nru 'l " ... " ., zj~LU'Ufl';i~vi1~~'31tJ 1ivn11Rf!LLn'UtU\11 LL"1tfi1'jLL'11~\11fl11lJ'j LflEJfl11iflthtaun1'jWLL 'U'U~tJL'11~'\-11 "" ., " r111l.li' (Inquiry cycle) LU'Ufl1iJLtt1~ (Mentor) 1Jv.:incl1J'lf1J'tf'Un11L~t1'Ui'v11.:ii,i1;'Vi (PLC) ~~n~11v1~vfl " " . . " .fl1fl L~tltJ L i:Jviw.iu1n11iflfl1'jL~tl'Ufl1'l'18'U u.a~ n1'jL~t1ui'-va~,r n L~tl'U Lfltl t tff n'j~'lJ1tJ n 1'jl1 WJ'U1'U'VI L~EJ'U " 'j1lJfl'\J (Lesson study) vl1lJU~'U'Yln11vi1~1'U'1~.:J 1 ui'UL~EJ'ULLat 1 '\J 11.:iL~VtJ8EJ1~ L 'U'U1ttJULLat(;lcJ L ~eN (;Iv h.1 4 .., .ii 'la I .,. '1-3 L 1EJ'UlJ1L 'Viel L u';ifl'Yl';i1'ULL"1t'Vi'111W1 " ('U1~1-rtyty1 LL'1~U1) thtfi1'Ufl~lJ1ll.l'tf'Ufl11L~EJ'Uj'Vl1~1,i1;'Vi (PLC) "Active Learning Science" ('U1-3fifl1-rCJltl 19ij~1~'tf1~~~) fl'j 1V1v~1u~ fl1i1u1nin11 tJn\m\1u1~ " ... " -~ ~~1tl~e)1'U1EJfl1';i~1tl'U~\11';i-31'U1'tf101';i (tJ1EJLfl'tf '1-3i'flYi-3~L~h) ~e!1u1vn11a'11u;ln~11 'l.:JL~EJ'UL V1PltJ1~ 6) ('tJ~CSL u~~Vlfi)
LLU\Jflil\JWLth.1flli4Lif V4 (Mentor) 1Jil4nq2J,i2J11un11L;vujJl141111l-w (PLC) '111lJ~n~lJ"ll.l111JnTn1vujv11.:i1,ni'Vf (PLC) ;fon~1Jn,in"fi1J Active Learning Science L'j,:iL~EJULVlfll\J1a G> (ti\l'jL1J9l~Vlil) 1A'tiflfl'l11Jfl'4Lfl'j1~i -u'1,ui1 'U1-31'jEJ1 ~"ML'Vlihru 9f1u"MU-3 fll 1VIV!11J~ fllL;iv1111ty Lt1Ufll~Litt-3 (Mentor) t1tJ.:in~1Jtt1JJ1tun1'jL~vufV11-31111;J-w (PLC) 11Jfl1flL;vu d w VI G> - \!, un1'jPln~1 l!,<l'bb uu ;;,,u ~, ~ufiL i'.IUfllTlLii'u~ (Mentor) ,m~ milJ1lll111J01lL~U1J{'l'l1~'i,i1'U'l'1 (PLC) liif " . . ,, 1 ' d .J J ) 1 ... 91 '"" ... JJ~1JJ1'jm tJUflJ'rtLav.:i (Mentor t1,H n'11J1l1J1J1Jn1·n 1vuivi1-3,'lf1'lf'Vi (PLC) l~L ~8.:J'110 ............. ····················· ................•.......................................... ~&. (u1.:i11v1 ~~\.Wv'U) 0 I 4. ..cal ' "'1UWlJ.3 fll 1Vlf.lJ1'\J~ fllL11EJ1111fl! u d 1'\JVI .................................................................. .
LL'U'U PLC ocr w .ct II \JUVlntlilfl'J111 d1u~111n1~ .1~.:uiuu~Y.J.rJ..\JJ.fi..Cv._(!1511lU~~Y.1ul_J:u1._o..-:.'2~a=~~n"-----------------··----------------------· .... tl'VI .ctmmocf:'..Gl/<i'.ct!i ............................................ -................ -.. -........... 11J~ -······m~ .... Y1CJ~J11fl1J .... l!:>ctbb ............................................................. . 4 .... ti v..l I ... I' Q ;, ( ). LSil~ .... tBL'il(YL .. JJ~LttfcJ14'11quExpert) t,Hn~t1~t11'\JnTH".icJ\Jivt1-11111 ... 'rf .... PLC ....................................................................... .. L1fJ'U ~e1u1cm11art1u~n~111-1L~t1\JLvtfllu1a m (t'1"SLtJ91Vvtfi) 'IJ , L~e)'1~1cJLtJ un1".i~n~1 l!>ctbb fl".i~avtJ (Model teacher) LLatfl".iLi4e:J'lJ'j11JL1V'lJf 'IJV 'IJ 'IJ • (Buddy teacher) ~1u1u b fltJ ijfl11t1tl1ta-1Att1v~~i-1n~t1~t1-nun1".iL~c1ufvt1.:i1,i1;l'rf (PLC) 1ivntj1J f1'ln".i".i1J Active Learning Science 1~t.1n1l1'\Jfl1tJL1a1tl"it~1Jntj11 L'lJ1tJB'1fl1".iLLat1'lJ'Vi{liG1'U~ "• I ' ., • I ... .- .... ' .... I I .. na1 @ct.mo - @b.mo 'U. tt!,Nvtnau~1l1 w l1tl'1ufl\J9ln1".i1VIV1Pl1'191".i tl1fl1".i <i'. l1".itlu".it'tf1J~1\J'1e:J , __, , .... "' .... ' e:JL~nvt".ie:J'lJna Application Google meet 1un1".ii1~-1tt1fl111Jt1tJLfl".i1t\1 u1c.1uvl P11LLa1J i1LLwu-1 fl".i 1vtcJij1tJt fl".iL~c.11,i1ru . , ,., ... 'IJ ., cJ iJ"' ..i.... ...1 v " ..,. " t .f iJ"' ., ..J ( ) 'lf'1L ufli'Vl1Jfl111JL -nc11-n1qJ~1un1".i'1flnTn ".it1tJnTi'1eltJ".it~un1".ir1n~1't.ltJV1tJJ11J L u~L -nc.11,11'1! Expert tv.:i nci1J'tf1J'tf1J fl1".iL1t1tJf'Vl1,fj,i1;lV1 (PLC) ~,:i na119lael~fl1flL1t.ltJ L i:JeJi~'lJ1n1".ii~n1".iL1cJ'U n1".i'1e:JtJ , , 'IJ LLat n1".iL1c.1ujtt1eJ.:ii1n L1VtJ LflcJ 1 in".itU1un11i~u1U'VIL1c.1u-i11Jn'lJ (Lesson study) ~11J'U~U'Vln 1".ivi1.:i1'lJ "~.:i 11J.ffuL1c.1uLLat tu L ".i.:JL~c.1ut1c11.:iLtl'lJ".itUULLat9ieJL~v.:i9ie:i 1 ti Q "" d 1•' .... '1.:JL ".ieJtJ1J1L'Vfe:J u".ifl'Vl".i1ULLat'Vi'11".iW1 ., (u1.:i1i'tyqJ1 LLa.:i,11) tl".itfi1'lJncl1J"Y11J'tf'lJn1".iL1cJtJ{v11.:i1,i1;lV1 (PLC) , , ,., "Active Learning Science" (u1-1fltni'(J\tl 1~~1t-u1~~a) fl".i 1V1v11u~ fl1111u1rnn1, tJniih,,!1~ 'IJ ... 'IJ -~ d.l ~~1v~e1u1vn1".i~1vu~l11".i.:i1u1,i1n1".i (u1m~ ,i.:ii'nvNi4~1) ~e)1'lJ1VnTH1'11'lJ;lm!}11 ".i'1L~EJtJL'VIPIU1a (j) (lfJ,J'H tJ~~'Vlfi) I 1 I, 1· rl r. f
U.\J\Jflil\Jn.JLU\l~Liv1111'Y (Expert) 11o~nq111l111t1n1•n;v,.,~1-11111i-w (PLC) (Jl1lJ~n~lJ4'l1l4YfUn1'n;vufv11-31,n;J'n (PLC) ~vn~t1n,m1111 Active Learning Science 1-s~L~VUL'VlflltJ1" @ (11'11Lu~~'Vlil) Lfl,,vfl111Jv'4Lfl11t~ i1,ni1 u1vu'Vi t11~u.v11 ~1u.v,,l-3 fli 1'VlVJ1'\Jt fllL~V14Yf1(Y Ltlu~L~v1,i1cy (Expert) 11eJ-3n~1J~11,iunTn;vufv11,31,i1;iv. (PLC) tu.n1r1L~vuvi (i) - l!l .. tJn1'jP1n~n l!><l'bb ll'u i1v.Li1 0 vu~Ltlu~L~V14Yf1ty (Expert) -u,Hn~1J4Tlt14T1UnTn~vuj'Vl1'311n1iv. (PLC) 1~ D 1lJ'11t111rtLtlu~L~t11,i1ty (Expert) ,,v-ln~1J~1J11un1'jL,vuf'Vl1-311111iv. (PLC) 1~L~e~,11n .............................................................................................. . ., d 4 "-311v (U1VU'VJ fll~LL~lJ) 1U'Vl ..................................................................... .
ปฏิทินการดําเนินงานชุมชนการเรียนรูวิชาชีพ (PLC) กลุม “Active Learning Science” ปการศึกษา 256๖ ชวงเวลา กิจกรรม ผูรับผิดชอบ กอนเปดภาคเรียน - แตงตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนกระบวนการ ชุมชนการเรียนรูทางวิชาชีพ (PLC) ระดับ สถานศึกษา - ประชุมคณะกรรมการฯ - ฝายบริหาร/คณะกรรมการฯ สัปดาหที่ 1 (๑๕ – ๑๙ พ.ค. 6๖) - รวมกลุมเพื่อจัดตั้งกลุม PLC - ขอจัดตั้งกลุม และจดทะเบียนจัดตั้งกลุม PLC - จัดทําปฏิทินการดําเนินงานชุมชนการเรียนรู ทางวิชาชีพ (PLC) - ครูตัวแทนกลุม/คณะกรรมการฯ สัปดาหที่ ๒ (๒๒ – ๒๖ พ.ค. 6๖) - ประชุมกลุม PLC วิเคราะหปญหา - จัดทําแผนปฏิบัติการ PLC รายกลุม - กลุม PLC - Model Teacher รวมกับสมาชิก ในกลุม PLC สัปดาหที่ ๓ (๒๙ พ.ค. – ๒ มิ.ย. 6๖) - ประชุมกลุม PLC วิเคราะหปญหา - ศึกษาหาขอมูล และ ทฤษฎีที่เกี่ยวของ - กลุม PLC - Model Teacher รวมกับสมาชิก ในกลุม PLC สัปดาหที่ ๔ (๖ – ๙ มิ.ย. 6๖) - ประชุมกลุม PLC วิเคราะหปญหา - สมาชิกรวมกันพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู สูการปฏิบัติ - กลุม PLC - Model Teacher รวมกับสมาชิก ในกลุม PLC แบบ PLC 05
ชวงเวลา กิจกรรม ผูรับผิดชอบ สัปดาหที่ ๕ – ๘ (๑๒ มิ.ย. – ๗ ก.ค. 6๖) ปฏิบัติการ PLC วงรอบที่ 1 - Model Teacher - สมาชิกกลุม PLC/คณะกรรมการ กํากับ ติดตาม นิเทศและ ประเมินผล สัปดาหที่ ๓๕ – ๔๐ (๘ ม.ค. – ๑๖ ก.พ. 6๗) ปฏิบัติการ PLC วงรอบที่ 2 - Model Teacher - สมาชิกกลุม PLC/คณะกรรมการ กํากับ ติดตาม นิเทศและ ประเมินผล สัปดาหที่ ๔๑ – ๔๒ (๑๙ ก.พ. – ๑ มี.ค. ๖๗) สรุปรายงานผล - Model Teacher สัปดาหที่ ๔๓ (๔ – ๘ มี.ค. 6๗) เผยแพรกิจกรรม/ชิ้นงาน/นวัตกรรม - Model Teacher
w OJ di II \JUVI ntt elfl111J ~1U')1~n1') hn~EnJLVlfll\J1a 6) ('U,J'H'U~~)'lfil 1)1'j_ o~~-4:~G d v.:I _,, \'I \.lvi ctmmoct.(i)/(i)<tb 1U\'I l!:>w nlJm'n'Uli l!:><tbel •·•- •·• ••• •1·• ••••••• ·-··-··-····· ·-··------ •·--· d L ')el~ __ Jh~"l1~llt1~UV1L°iau (AAR) n~~l11'!1ULL\1•rn1·n"i!,;!~jm~1,i1;i'rj (Profession..~L~.~<'!.rQ.!nsJ;~Q.QlCQ.\JDj!Y~ ..... PLC) n~1.1 Active Leamins Sci~n.::::ce:::.._ _______________ _ L~V'U ~81'U1EJn1'jamu~n~n 1 'j~L~E.l'ULVll'I\J1a (i) ('TJ,J'jL'U~EJVlli) V 1 ~1EJ~1U\J~\11'j1'!f1n1'j LLa::-nuu~\111\Jflfla h.:iL~EJULVlfll\J1a (i) (,i,:i'jL'lJ~EJVl5) , , 1~-vrnfl~tl'Un'j::tJ1'Um'jai'1.:i'!11.1'!!'ULLi,;.:in,'jL~EJ'Ui'V11.:i1,nin (Professional Learnin° Community: PLC) 1 V L tii 9ll'U 1 ~tl/'U 1PI n111.IV11~ n1'jft n,~n 1 'U n1'jEJ m::.Yt1r.1aa1.1qV1tV11./J01'j L~EJ'U'Utl./1 e'L ~EJ'U 1 iij~ Wfl1'Y1 tl V1./I tt~~'U LLa::a11J1'j{lL U'ULLtltltlV1./l~m\1n\Jfl1~atl'U~./I luLLa::utin h.:iL~EJ'U 1~ 1\11EJm'i1J Active Learning vv , Science 1~i9ll'U1~L~EJ'U L~tl./1 n11i9ll'U1~L~EJ'U~1EJ1tlLLtltln11atl'ULLtltlatJLa1::\11fl111J{ (<tE) ~1tl'!l~n11 " " \I " "I ati'U (Instructional Package) (<tE Plus IP) L~tlt1m::it1~an11L~EJ'U1'!111Vltl11'11alol{LLa::LVlfl1U1av 'Tltl./l~L~EJuh.:iL~EJ'ULVlflli.na (i) ('!1'11L'U~EJVlfi) tlm1ftnti1 l!:>ctbb 1ttm::.Yt1tl1::u1.1~nti1~L~EJuijr.1an11L~EJu V 1 V 1'!111Vltl1fll1alolfoa:: L Vlfl 1 'U 1av ½'tiva:: bG.OOC LLa::1::it12Jfit1lJPlnti1~L~EJ'Uij~am1L~tl'U1'!111VIEJ11'11av1 { V ~1 .. ., ,.; ' ''.'1 ..J '.3 0 ., .,,¥., LLa::LVlfl~'U av 1vva:: Q'fu.o~ '!1.:ia.:im1LnW'1fl1Lu1\11.11vviamur1nti1n1\1'U~ 1vva:: bo t1~un11vi~u1 V 1,1q o d d 4 .i.q " ~L1EJ'Ua1L1,JLa1,:iauLtl'UVIL''rntl1vEJ ~.:iil~.:i'!lm;irntJ<j::'!11.1~~11.1 PLC lun11uvMt1VIL~t1'U\18./Jtlnm1n11 (MR) lu1ufllni~ &1 -~ ' " :.J , .. ' ti l ' ., ... ' lt13 1.1u1R1.1 n.fll. l!:><tbd ~1u1 LL\J\Jvvu au \11./l°j1EJ'llv\olv u V (i). u1mi,i'lf ,:i.:ii' nvi.:i1fo,h .. .. ., l!l. 'U1EJ'UVI fll1LLEJ1J ., ' m. 'U1./11'TIEJ1 tl11'U'UVI , ct. u1.:it11.111fl1w t1~\111 lll1LLl1lJ./I lll1LL\1U./I M1LL\1U./I lll1LL\1lJ./I <t. 'U1./lfi~1i'lolu 1~a1::'!119i~a lll1LL\1lJ./I &I ,4 A ' A '0 f b. u1.:ia11'U'UVl'U'!l1 ~tii'Y11W'!IEJ\Jl1LL\1'U./I ... .. ... "'· u1.:i11m ltltiLW.Jvu ... G. 'U1./11i'f\!f\!1 LLa./lU1 ~- 'U1EJ~hi'll1U VltJ./l,j'1if\j ., .. ., (i)Q. u1.:ia11'!11f\!'1" \1~LLm &1&1. u1.:ia11itai't11tl ~\olt1111.1 .. ' 1 ., @l!l. 'U1EJ11::i'f./Jti ,JVI~ A.al 4,1 4:11 @m. 'U1.:Ja11L1JVI~ tl'U~ Ill 1LL \1U./I lll1LLl1lJ./I lll1LL l1lJ./I lll1LL\1lJ./I 911 LL \1U./I lll1LLl1i1.:i lll1LLl1tJ./I .. .. .. ltl ... '1.:JLW'U1.11LVlt.l 1~Vl'111W1 ~a1u1EJn11a'11uPlnti1 V ., " .I flW::n11lJn1W~'Umt.l./lLLa::~L'TIEJ1'!11f\! (Expert) f1W::m~m1nauma.:i flW::m1lJn11fla'Umt.l./l e~1EJea1u1vn11~1EJtl~l111./11'U1'!11fl11 \11l1U1Lfl1./ln11 PLC LLa:: tl1::t11una1.1 iiLim (Mentor) u1::li1una1.1 , am;inna1.1 , am;inncl1.1 • ... ('U1./11f'IJf\!1 LLa./lU1) IJi1LLl1lJ./I fili 1VIEJ!11J:: fili'!l11rnyn1~ tl1::1nun~1.1 Active Learning Science '
(1J1-36fl1i'flu 1ftiih::,i1~fl'1) R11'VIEJ~1u:: R11l1,nnin1'j tln~\1u1~ " - " -~ .. (u1m~~~~ ~~1EJ~tJ11J1EJn11~1EJt1~\11'j,311J1~1n1'j " " ¤tJ11J1EJfl1"j~()11J~n~n L"j,3L~EJ1JL'Vlflltl1'1 (9) ("ll'11L1J~EJ'Vlfi) • L
แบบบันทึกกิจกรรมชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพ (Professional Learning Community : PLC) กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีโรงเรียนเทศบาล ๑ (ขจรเนติยุทธ) -------------------------- ชื่อกลุ่ม Active Learning Science ครั้งที่ ๑ ตั้งชื่อกลุ่ม และ สร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ วัน เดือน ปี ที่ PLC เวลาที่เริ่ม – สิ้นสุด จำนวนชม : นาที สถานที่ 18 พ.ค. ๒๕๖6 ๑๕.3๐ น. - ๑6.3๐ น. 1 โดมอเนกประสงค์ จำนวนครูที่เข้าร่วมกิจกรรม ดังนี้ ชื่อ-สกุล บทบาทหน้าที่ ลายมือชื่อ ๑. นายเดช จงรักพงศ์เผ่า ผู้อำนวยการสถานศึกษา (Administrator) ๒. นายนที ศรีแย้ม ผู้เชี่ยวชาญ (Expert) ๓. นางวีรยา ดิษเหมือน ครูพี่เลี้ยง (Mentor) ๔. นางวรัญญา แสงน้ำ ครูร่วมเรียนรู้ (Buddy teacher) ๕. นายศิโรรัตน์ ทองจำรูญ ครูร่วมเรียนรู้ (Buddy teacher) ๖. นางสาวเมทินี ยันดี ครูร่วมเรียนรู้ (Buddy teacher) ๗. นางสาวขวัญฤดี หนูแก้ว ครูร่วมเรียนรู้ (Buddy teacher) ๘. นายวีระพงษ์ ใจทัด ครูร่วมเรียนรู้ (Buddy teacher) ๙. นางสาววิไลรัตน์ จิตธรรม ครูร่วมเรียนรู้ (Buddy teacher) กิจกรรมครั้งนี้มีความสอดคล้องกับการพัฒนาบทเรียนร่วมกัน (Lesson study) ขั้นที่ ๑ วิเคราะห์และวางแผนการจัดการเรียนรู้ (Analyze & Plan) ขั้นที่ ๒ ปฏิบัติและสังเกตการเรียนรู้ (Do & See) ขั้นที่ ๓ สะท้อนความคิดและปรับปรุงใหม่ (Reflect & Redesign) PLC 07/1
๑. งาน/กิจกรรม ตั้งชื่อกลุ่ม และ สร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ ๒. ประเด็นปัญหา / การเสวนา ผู้อำนวยการสถานศึกษาเปิดการประชุม และ สร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้โดยให้สมาชิกร่วมกัน กำหนดบทบาท และ โครงสร้างของกลุ่ม ดังนี้ ชื่อกลุ่ม Active Learning Science ลักษณะกลุ่ม ตามช่วงชั้น ตามกลุ่มสาระฯ คละช่วงชั้น คละกลุ่มสาระฯ คละช่วงชั้นและกลุ่มสาระฯ อื่นๆ............. สมาชิกกลุ่ม ที่ ชื่อ-สกุล บทบาทหน้าที่ ๑. นายเดช จงรักพงศ์เผ่า ผู้อำนวยการสถานศึกษา (Administrator) ๒. นายนที ศรีแย้ม ผู้เชี่ยวชาญ (Expert) วิธีการเลือก : เป็นคุณครูระดับเชี่ยวชาญมีประสบการณ์ในเรื่องหลักสูตรและการสอน ๓. นางวีรยา ดิษเหมือน ครูพี่เลี้ยง (Mentor) วิธีการเลือก : เป็นคุณครูระดับชำนาญการพิเศษ มีประสบการณ์ในการจัดทำสื่อการเรียนรู้ ๔. นางวรัญญา แสงน้ำ ครูผู้นำ (Model teacher) วิธีการเลือก : มีประสบการณ์ในการเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ทางวิชาชีพ เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง เพื่อนร่วมวิชาชีพ และ ดำรงตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๕. นายศิโรรัตน์ ทองจำรูญ ครูร่วมเรียนรู้(Buddy teacher) วิธีการเลือก : มีประสบการณ์ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกัน และต้องการพัฒนาผู้เรียนในเรื่องใกล้เคียงกัน ๖. นางสาวเมทินี ยันดี ครูร่วมเรียนรู้(Buddy teacher) วิธีการเลือก : มีประสบการณ์ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกัน และต้องการพัฒนาผู้เรียนในเรื่องใกล้เคียงกัน ๗. นางสาวขวัญฤดี หนูแก้ว ครูร่วมเรียนรู้(Buddy teacher) วิธีการเลือก : มีประสบการณ์ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกัน และต้องการพัฒนาผู้เรียนในเรื่องใกล้เคียงกัน ๘. นายวีระพงษ์ ใจทัด ครูร่วมเรียนรู้(Buddy teacher) วิธีการเลือก : มีประสบการณ์ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกัน และต้องการพัฒนาผู้เรียนในเรื่องใกล้เคียงกัน ๙. นางสาววิไลรัตน์ จิตธรรม ครูร่วมเรียนรู้(Buddy teacher) วิธีการเลือก : มีประสบการณ์ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกัน และต้องการพัฒนาผู้เรียนในเรื่องใกล้เคียงกัน ๓. ผลที่ได้จากการจัดกิจกรรม ประธานกลุ่มมอบหมายให้ครูร่วมเรียนรู้ไปดำเนินการค้นหาปัญหาที่เกิดขึ้นจากการจัดการเรียน การสอน โดยนำหลักฐานของปัญหาในการจัดการเรียนการสอนมาใช้ด้วยในการประชุมครั้งต่อไป และนำ ผลการประชุมไปบันทึกใน PPR และบันทึกการเสวนาของตนเอง เพื่อเก็บ เป็นหลักฐานในการ รายงาน ต่อไป เลิกประชุมเวลา ๑6.๓๐ น.
ภาพ/ร่องรอย/หลักฐานประกอบ PLC ครั้งที่ ๑ ( บัตรภาพ/ใบงาน/ชิ้นงาน/ภาพถ่ายประกอบ ) ภาพการจัดกิจกรรม PLC ของกลุ่ม “Active Learning” ขั้นที่ ๑ วิเคราะห์และวางแผนการจัดการเรียนรู้ (Analyze & Plan) ผอ.เดช จงรักพงศ์เผ่า เปิดการประชุม PLC เพื่อชี้แจงเกี่ยวกับการค้นหาปัญหาของนักเรียน รวมถึงแนวทางการบันทึกการเสวนาของกลุ่ม และการนับชั่วโมงในการจัดทำ PLC โดยดำเนินการในวันที่ ๑8 พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖6 เวลา ๑๕.30 – ๑6.3๐ น. ณ โดมอเนกประสงค์
ขอรับรองว่าข้อมูลดังกล่าวข้างต้นเป็นจริงทุกประการ ลงชื่อ.................................................... (นายเดช จงรักพงศ์เผ่า) ผู้อำนวยการสถานศึกษาโรงเรียนเทศบาล ๑ (ขจรเนติยุทธ) ลงชื่อ .............................................. ผู้บันทึก (นางสาวเมทินี ยันดี) เลขานุการกลุ่ม ผู้รับรอง ลงชื่อ.................................................... (นางธิดารัตน์ วุฒิสิวะชาติกุล) ครู วิทยฐานะครูชำนาญการ ปฏิบัติหน้าที่ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายบริหารงานวิชาการ