The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

02_หลักสูตรโรงเรียนป่าไม้อุทิศ-4 (ม.ปลาย)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sakachart, 2022-08-05 15:44:05

02_หลักสูตรโรงเรียนป่าไม้อุทิศ-4 (ม.ปลาย)

02_หลักสูตรโรงเรียนป่าไม้อุทิศ-4 (ม.ปลาย)

๕๐

รายวชิ าคณติ ศาสตรพ์ น้ื ฐาน

ค ๒๒๑๐๑ คณิตศาสตร์ ๒ กล่มุ สาระการเรยี นร้คู ณติ ศาสตร์ ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ ๒

คาอธบิ ายรายวิชา ภาคเรยี นที่ ๑ เวลา ๖๐ ชั่วโมง/ ๑.๕ หนว่ ยกติ

ศกึ ษา ฝึกทักษะ กระบวนการในสาระตอ่ ไปน้ี
อตั ราส่วน ร้อยละ การใช้ความรเู้ กย่ี วกับอัตราส่วนสัดส่วนและร้อยละในการแก้ปญั หา

การวัด การเปรียบเทียบหน่วยความยาว และพ้ืนทีใ่ นระบบเดยี วกันและต่างระบบ การเลือกใชห้ น่วย
การวัดการคาดคะเน ขนาด นา้ หนกั การใชค้ วามร้เู ก่ยี วกบั พื้นทแี่ ก้โจทย์ปญั หา

แผนภูมริ ปู วงกลม การอ่านแผนภมู ิ การนาเสนอข้อมลู โดยใชแ้ ผนภมู ริ ูปวงกลม
การแปลงทางเรขาคณิต การเล่ือนขนาน การสะท้อน การหมุน สมบัติเกี่ยวกับการเลื่อนขนาน
การสะท้อนและการหมนุ พิกดั ของรูปเรขาคณติ ทเ่ี กดิ จากการเลื่อนขนาน การสะทอ้ นและการหมนุ

ความเท่ากันทุกประการของรูปสามเหลี่ยม สามเหล่ียมท่ีเท่ากันทุกประการท่ีสัมพันธ์กันแบบ ด้าน –
มุม – ดา้ น แบบ มุม – ดา้ น – มุม แบบ ด้าน – ด้าน – ดา้ น รปู สามเหลีย่ มหน้าจั่ว

โดยจัดประสบการณ์หรือสร้างสถานการณ์ในชีวิตประจาวันที่ใกล้ตัวให้ผู้เรียนได้ศึกษา ค้นคว้าโดย
การปฏิบตั ิจรงิ ทดลอง สรปุ รายงาน

เพ่ือพัฒนาทักษะ กระบวนการในการคิดคานวณ การแก้ปัญหา การให้เหตุผล การสื่อสารการส่ือ

ความหมายทางคณิตศาสตร์ และการนาเสนอ การเช่ือมโยงความรู้ต่าง ๆ ทางคณิตศาสตร์และเช่ือมโยง
คณิตศาสตร์กับศาสตร์อื่น ๆ และนาประสบการณ์ด้านความรู้ ความคิด ทักษะกระบวนการที่ได้ไปใช้ใน

การเรียนรู้ส่ิงต่าง ๆ และใช้ในชีวิตประจาวันอย่างสร้างสรรค์ ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง พร้อมท้ัง
ตระหนักในคุณค่า และมีเจตคติที่ดีต่อคณิตศาสตร์ สามารถทางานอย่างมีระบบ มีระเบียบ มีความรอบคอบ
มีความรับผดิ ชอบ มีวิจารณญาณ และมคี วามเชือ่ มั่นในตนเอง

ตวั ช้วี ดั

ค 1.1 ม.2/4
ค 2.1 ม.2/1, ม.2/2, ม.2/3,
ค 2.2 ม.2/1

ค 3.2 ม.2/3, ม.2/4
ค 4.2 ม.2/2

ค 5.1 ม.2/1
ค 6.1 ม.1/1, ม.1/2, ม.1/3, ม.1/4, ม.1/5, ม.1/6
รวม 15 ตวั ชีว้ ดั

๕๑

รายวชิ าคณติ ศาสตร์พน้ื ฐาน

ค ๒๒๑๐๒ คณติ ศาสตร์ ๒ กล่มุ สาระการเรยี นร้คู ณติ ศาสตร์ ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี ๒

คาอธิบายรายวิชา ภาคเรยี นท่ี ๒ เวลา ๖๐ ชัว่ โมง/ ๑.๕ หน่วยกติ

ศึกษา ฝึกทักษะ กระบวนการในสาระต่อไปน้ี
อตั ราสว่ น รอ้ ยละ การใชค้ วามรู้เกย่ี วกบั อตั ราส่วน สัดสว่ น และร้อยละในการแกป้ ัญหา

การวัด การเปรียบเทียบหน่วยความยาวและพ้ืนท่ีในระบบเดียวกนั และต่างระบบ การเลือกใช้หน่วย
การวัด การคาดคะเน ขนาด น้าหนัก การใช้ความรู้เกี่ยวกับพื้นท่ีแก้โจทย์ปัญหา แผนภูมิรูปวงกลม การอ่าน

แผนภูมิ การนาเสนอขอ้ มลู โดยใชแ้ ผนภูมริ ูปวงกลม
การแปลงทางเรขาคณิต การเล่ือนขนาน การสะท้อน การหมุน สมบัติเกี่ยวกับการเลื่อนขนาน

การสะทอ้ นและการหมุน พกิ ัดของรูปเรขาคณิตท่เี กิดจากการเลื่อนขนาน การสะทอ้ นและการหมนุ

ความเท่ากันทกุ ประการของรูปสามเหลี่ยม สามเหล่ยี มท่ีเท่ากันทุกประการทส่ี ัมพันธ์กนั แบบ ด้าน –
มุม – ดา้ น แบบ มมุ – ด้าน – มุม แบบ ด้าน – ด้าน – ดา้ น รปู สามเหล่ยี มหนา้ จ่ัว

โดยจัดประสบการณ์หรือสร้างสถานการณ์ในชีวิตประจาวันท่ีใกล้ตัวให้ผู้เรียนได้ศึกษา ค้นคว้าโดย
การปฏิบัติจริง ทดลอง สรปุ รายงาน

เพ่ือพัฒนาทักษะ กระบวนการในการคิดคานวณ การแก้ปัญหา การให้เหตุผล การส่ือสาร

การส่อื ความหมายทางคณิตศาสตร์ และการนาเสนอ การเชือ่ มโยงความรูต้ ่าง ๆ ทางคณิตศาสตร์ และเชื่อมโยง
คณิตศาสตร์กับศาสตร์อ่ืน ๆ และนาประสบการณ์ด้านความรู้ ความคิด ทักษะกระบวนการท่ีได้ไปใช้ใน

การเรียนรู้ส่ิงต่าง ๆ และใช้ในชีวิตประจาวันอย่างสร้างสรรค์ ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง พร้อมท้ัง
ตระหนักในคุณค่า และมีเจตคติท่ีดีต่อคณิตศาสตร์ สามารถทางานอย่างมีระบบ มีระเบียบ มีความรอบคอบ
มีความรับผิดชอบ มีวจิ ารณญาณ และมคี วามเชื่อมนั่ ในตนเอง

ตวั ชี้วดั

ค 1.1 ม.2/4
ค 2.1 ม.2/1, ม.2/2, ม.2/3
ค 2.2 ม.2/1

ค 3.2 ม.2/3, ม.2/4
ค 4.2 ม.2/2

ค 5.1 ม.2/1
ค 6.1 ม.1/1, ม.1/2, ม.1/3, ม.1/4, ม.1/5, ม.1/6
รวม 15 ตัวชว้ี ดั

๕๒

รายวิชาคณติ ศาสตรพ์ น้ื ฐาน

ค ๒๓๑๐๑ คณติ ศาสตร์ ๕ กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี ๓

คาอธบิ ายรายวชิ า ภาคเรยี นท่ี ๑ เวลา ๖๐ ชั่วโมง/ ๑.๕ หน่วยกติ

ศึกษา ฝึกทักษะ กระบวนการในสาระต่อไปนี้
- ระบบสมการ ระบบสมการเชงิ เส้นสองตัวแปรการแก้ระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปรการนาความรู้

เกย่ี วกับระบบสมการเชงิ เส้นสองตัวแปรไปใช้ในการแก้ปัญหา
- พ้ืนท่ีผิวและปริมาตร การหาพื้นที่ผิวของพีระมิด กรวยและทรงกลม การนาความรู้พ้ืนที่ผิวของ

พีระมิด กรวย และทรงกลมไปใช้ในการแก้ปัญหา การหาปริมาตรของพีระมิด กรวย และทรงกลม การนา
ความรเู้ กีย่ วกบั ปรมิ าตรของพรี ะมิด กรวย และทรงกลมไปใช้ในการแก้ปัญหา

- ความคล้าย รูปสามเหลีย่ มทคี่ ลา้ ยกัน การนาความรเู้ กยี่ วกบั ความคล้ายไปใชใ้ นการแก้ปัญหา

- การแยกตัวประกอบพหนุ าม การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสูงกว่าสอง
- สมการกาลังสองตัวแปรเดียว สมการกาลังสองตัวแปรเดียว การแก้สมการกาลังสองตัวแปร

เดียว การนาความรเู้ กี่ยวกบั การแกส้ มการกาลังสองตัวแปรเดยี วไปใช้ในการแก้ปญั หา
- ฟังก์ชันกาลังสอง กราฟของฟังก์ชันกาลังสอง การนาความรู้เกี่ยวกับฟังก์ชันกาลังสองไปใช้

ในการแก้ปญั หา

โดยจัดประสบการณ์ หรือสร้างสถานการณ์ในชีวิตประจาวันท่ีใกล้ตัวให้ผู้เรียนได้ศึกษา ค้นคว้าโดย
การปฏิบัติจริง ทดลอง สรุป รายงาน เพ่ือพัฒนาทักษะ กระบวนการ ในการคิดคานวณ การแก้ปัญหา

การให้เหตุผล การสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ และนาประสบการณ์ด้านความรู้ ความคิดทักษะ
กระบวนการที่ได้ไปใช้ในการเรียนรู้ส่ิงต่าง ๆ และใช้ในชีวติ ประจาวันอย่างสร้างสรรค์ รวมทั้งเห็นคุณค่าและ
เจตคติท่ีดีต่อคณิตศาสตร์ สามารถทางานอย่างเป็นระบบระเบียบ มีความรอบคอบ มีความรับผิดชอบ

มีวจิ ารณญาณ และมีความเชอื่ มัน่ ในตนเอง
การวัดผลประเมินผล ใช้วิธีการที่หลากหลายตามสภาพความเป็นจริงให้สอดคล้องกับเน้ือหา และ

ทกั ษะท่ตี อ้ งการวดั

ตัวช้ีวดั

ค 1.2 ม.3/1, ม.3/2
ค 1.3 ม.3/2, ม.3/3

ค 2.1 ม.3/1, ม.3/2
ค 2.2 ม.3/1
รวม ๗ ตวั ชวี้ ดั

๕๓

รายวชิ าคณิตศาสตรพ์ น้ื ฐาน

ค ๒๓๑๐๒ คณติ ศาสตร์ ๖ กลุ่มสาระการเรียนรูค้ ณติ ศาสตร์ ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๓

คาอธิบายรายวชิ า ภาคเรยี นท่ี ๒ เวลา ๖๐ ช่ัวโมง/ ๑.๕ หน่วยกติ

ศกึ ษา ฝึกทกั ษะ กระบวนการในสาระตอ่ ไปน้ี
- อสมการ อสมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว การแก้สมการเชิงเส้นตัวแปรเดียว การนาความรู้เกี่ยวกับ

การแกอ้ สมการเชิงเสน้ ตัวแปรเดียวไปใช้ในการแก้ปญั หา
- อัตราส่วนตรีโกณมิติ อัตราส่วนตรีโกณมิติ การนาค่าอัตราส่วนตรีโกณมิติของมุม 30 องศา

45 องศา และ 60 องศาไปใช้ในการแก้ปญั หา
- สถิติ ข้อมูลและการวิเคราะห์ข้อมูล แผนภาพกล่อง การแปลความหมายผลลัพธ์ การนาสถิติ

ไปใช้ในชีวติ จริง

- ความน่าจะเป็น เหตุการณ์จากการทดลองสุ่มความน่าจะเป็น การนาความรู้เกี่ยวกับความ
นา่ จะเป็นไปใชใ้ นชวี ิตจรงิ

- วงกลม วงกลม คอรด์ และเสน้ สมั ผสั ทฤษฎเี ก่ยี วกบั วงกลม
โดยจัดประสบการณ์ หรือสร้างสถานการณ์ในชีวิตประจาวันท่ีใกล้ตัวให้ผู้เรียนได้ศึกษา ค้นคว้าโดย
การปฏิบัติจริง ทดลอง สรุป รายงาน เพ่ือพัฒนาทักษะ กระบวนการ ในการคิดคานวณ การแก้ปัญหา

การให้เหตุผล การส่ือความหมายทางคณิตศาสตร์ และนาประสบการณ์ด้านความรู้ ความคิดทักษะ
กระบวนการที่ได้ไปใช้ในการเรียนรู้ส่ิงต่าง ๆ และใช้ในชวี ิตประจาวันอย่างสร้างสรรค์ รวมท้งั เหน็ คุณค่าและ

เจตคติท่ีดีต่อคณิตศาสตร์ สามารถทางานอย่างเป็นระบบระเบียบ มีความรอบคอบ มีความรับผิดชอบ
มวี ิจารณญาณ และมีความเชอื่ มนั่ ในตนเอง

การวัดผลประเมินผล ใช้วิธีการท่ีหลากหลายตามสภาพความเป็นจริงให้สอดคล้องกับเนื้อหา และ

ทักษะท่ตี ้องการวดั

ตวั ชว้ี ดั
ค 1.3 ม.3/1
ค 2.2 ม.3/2, ม.3/3,

ค 3.1 ม.3/1
ค 3.2 ม 3/1

รวม ๕ ตวั ช้วี ดั

๕๔

รายวิชาคณิตศาสตร์เพิ่มเติม

ค ๒๑๒๐๑ คณิตศาสตรเ์ พ่ิมเตมิ ๑ กลุม่ สาระการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑

คาอธบิ ายรายวชิ า ภาคเรียนท่ี ๑ เวลา ๔๐ ชัว่ โมง/ ๑.๐ หนว่ ยกิต

ศึกษาความรู้พื้นฐานเบ้ืองต้น ฝึกทักษะการคิดคานวณ การให้เหตุผล และฝึกการแก้ปัญหา
ในเรื่องตอ่ ไปน้ี

การประยกุ ต์ 1 รปู เรขาคณิต จานวนนบั และรอ้ ยละในชวี ติ ประจาวนั
จานวนและตัวเลข ระบบตัวเลขโรมนั ตัวเลขฐานตา่ ง ๆ การเปลยี่ นฐานในระบบตวั เลข

การประยุกต์ของจานวนเตม็ และเลขยกกาลงั ในการคิดคานวณแก้โจทยป์ ญั หา
การสร้าง การแบ่งส่วนของเส้นตรง การสร้างมุมขนาดต่าง ๆ การสร้างรูปสามเหลี่ยมและ
รปู สเ่ี หลี่ยมด้านขนาน

โดยมุ่งเน้นจัดประสบการณ์การเรียนรู้เชื่อมโยงความรู้ต่างๆ ทางคณิตศาสตร์กับสถานการณ์จริง
และศาสตร์อ่ืน ๆ ให้ผู้เรียนมีพัฒนาทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ให้มีความสามารถในการแก้ปัญหา

การให้เหตุผล การสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ การนาเสนอและพัฒนาความคิดริเริ่มทางคณิตศาสตร์
ทงั้ ในและนอกชัน้ เรียน และเนน้ คณุ ค่า และเจตคติทีด่ ีต่อคณิตศาสตร์สามารถนาไปประยกุ ต์ใชใ้ นการทางานได้
อย่างเป็นระบบ

การวัดและประเมินผล ใช้วิธีการท่ีหลากหลายตามสภาพความเป็นจริงให้สอดคล้องกับเน้ือหา
และทักษะทตี่ อ้ งการวดั

ผลการเรยี นรู้
๑. ใช้ความรแู้ ละทกั ษะกระบวนการทางคณติ ศาสตร์แกป้ ัญหาตา่ ง ๆ ได้

๒. ตระหนักความสมเหตสุ มผลของคาตอบทไ่ี ด้
๓. อ่านและเขยี นตวั เลขโรมันได้

๔. บอกคา่ ของเลขโดดในตวั เลขฐานต่าง ๆ ท่ีกาหนดใหไ้ ด้
๕. เขยี นตัวเลขฐานทีก่ าหนดให้เปน็ เลขฐานตา่ ง ๆ ได้
๖. ใชค้ วามรู้เกี่ยวกับจานวนเต็มและเลขยกกาลังในการแกป้ ัญหาได้

๗. ตระหนกั ถึงความสมเหตสุ มผลของคาตอบทไ่ี ด้
๘. ใช้การสร้างพนื้ ฐานสรา้ งสร้างมมุ ขนาดต่าง ๆ ได้

๙. ใชก้ ารสร้างพน้ื ฐานสรา้ งรปู ท่ซี ับซ้อนขนึ้ ได้
๑๐. ใช้ความรู้และทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์แก้ปัญหาต่าง ๆ ได้
๑๑. ตระหนกั ถงึ ความสมเหตสุ มผลของคาตอบที่ได้

รวม ๑๑ ผลการเรยี นรู้

๕๕

รายวชิ าคณิตศาสตร์เพิ่มเตมิ

ค ๒๑๒๐๒ คณติ ศาสตร์เพ่ิมเตมิ ๒ กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณิตศาสตร์ ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๑

คาอธิบายรายวิชา ภาคเรยี นท่ี ๒ เวลา ๔๐ ช่วั โมง/ ๑.๐ หน่วยกติ

ศึกษาความรู้พ้ืนฐานเบ้ืองต้น ฝึกทักษะการคิดคานวณ การให้เหตุผล และฝึกการแก้ปัญหา
ในเรื่องต่อไปน้ี

การเตรียมความพร้อมในการให้เหตุผล ข้อความคาดการณ์ ประโยคเง่ือนไข บทกลับของประโยค
เง่อื นไขและการให้เหตผุ ล

พหุนาม เอกนาม การบวกและการลบเอกนาม พหุนาม การบวก การลบ การคูณ และการหาร
พหุนาม

บทประยกุ ต์ 2 แบบรูปของจานวน ข่ายงาน และการประยุกตข์ องเศษส่วน และทศนยิ ม

โดยจัดประสบการณ์ หรือสร้างสถานการณ์ในชีวิตประจาวันท่ีใกล้ตัวให้ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้าโดย
การปฏิบัติจริง ทดลอง สรุป รายงาน เพื่อพัฒนาทักษะ กระบวนการทางคณิตศาสตร์ และเทคโนโลยีใน

การแก้ปัญหา การให้เหตุผล การสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ และนาประสบการณ์ด้านความรู้ ความคิด
ทกั ษะ กระบวนการท่ไี ด้ไปใช้ในการเรียนรู้ส่ิงต่าง ๆ และใชใ้ นชีวิตประจาวนั อย่างสร้างสรรค์ รวมท้ังเหน็ คณุ ค่า
และมีเจตคติที่ดีต่อคณิตศาสตร์ สามารถทางานอย่างเป็นระบบระเบียบ มีความรอบคอบ มีความรับผิดชอบ

มวี ิจารณญาณ มคี วามเชือ่ มน่ั ใน ตนเอง และมคี วามมุง่ มนั่ ในการทางาน
มีการวัดและประเมิลผล ตามสภาพจริงดว้ ยวิธกี ารที่หลากหลาย ให้สอดคลอ้ ง คลอบคลุม ทง้ั ความรู้

ทกั ษะ กระบวนการ คุณธรรม จริยธรรมและคา่ นยิ ม

ผลการเรยี นรู้

๑. สรา้ งขอ้ คาดการณ์และใหเ้ หตุผลทางคณิตศาสตรอ์ ย่างงา่ ยได้
๒. แก้ปญั หาเก่ยี วกับการประยกุ ต์ของเศษสว่ นและทศนิยมได้

๓. หาผลบวกและผลลบของเอกนามและพหุนามได้
๔. หาผลคูณและผลหารของเอกนามและพหุนามได้
๕. ใชค้ วามร้แู ละทกั ษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์แก้ปัญหาตา่ ง ๆ ได้

๖. ตระหนักถงึ ความสมเหตุสมผลของคาตอบทไี่ ด้
รวม ๖ ผลการเรียนรู้

๕๖

รายวชิ าคณติ ศาสตร์เพ่ิมเตมิ

ค ๒๒๒๐๑ คณติ ศาสตรเ์ พ่ิมเตมิ ๓ กลมุ่ สาระการเรยี นร้คู ณติ ศาสตร์ ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๒

คาอธิบายรายวิชา ภาคเรยี นท่ี ๑ เวลา ๔๐ ช่วั โมง/ ๑.๐ หนว่ ยกติ

ศึกษา ฝึกทกั ษะ กระบวนการในสาระต่อไปน้ี
สมบัติของเลขยกกาลังพหุนาม และเศษส่วนของพหนุ าม การประยกุ ต์เกย่ี วกับอัตราส่วน และร้อยละ

การประยุกตข์ องการแปลงทางเรขาคณิต
โดยจัดประสบการณ์ หรือสร้างสถานการณ์ในชีวิตประจาวนั ท่ีใกล้ตัว ให้ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้าโดย

การปฏิบัติจริง ทดลอง สรุป รายงาน เพ่ือพัฒนาทักษะ กระบวนการในการคิดคานวณ การแก้ปัญหา
การให้เหตุผล การสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ และนาประสบการณ์ด้านความรู้ ความคิด ทักษะ
กระบวนการที่ได้ไปใช้ในการเรียนรู้ส่ิงต่าง ๆ และใช้ในชีวิตประจาวันได้อย่างสร้างสรรค์ รวมท้ังเห็นคุณค่า

และมีเจตคติท่ีดีต่อวิชาคณิตศาสตร์ สามารถทางานได้อย่างเป็นระบบ มีความคิดรอบคอบ มีความรับผิดชอบ
มีวิจารณญาณ และมีความเชอื่ ม่ันในตนเอง

ผลการเรียนรู้
1. คูณและหารของจานวนท่ีเขียนอยู่ในรูปเลขยกกาลังท่ีมีเลขชี้กาลังเป็นจานวนเต็มโดยใช้บทนิยาม

และสมบตั ิของเลขยกกาลัง และนาไปใชใ้ นการแก้ปัญหาได้

2. คานวณ และใช้เลขยกกาลังในการเขยี นแสดงจานวนท่ีมคี ่าน้อย ๆ หรือมาก ๆ ในรูปสญั กรณ์
วิทยาศาสตร์ ( scientific notation ) ได้

3. ตระหนักถึงความสมเหตุสมผลของคาตอบทีไ่ ด้
4. บวก ลบ คณู และหารพหนุ ามได้
5. บวก ลบ คณู และหารเศษส่วนของพหุนามทีพ่ หนุ ามมดี ีกรไี ม่เกิน

6. ใช้ความร้เู กยี่ วกับอตั ราสว่ น สดั ส่วน และร้อยละแก้ปญั หาหรอื สถานการณ์ต่าง ๆ ได้
7. ตระหนกั ถงึ ความสมเหตสุ มผลของคาตอบที่ได้

8. ใช้ความรเู้ ก่ียวกบั การเลือ่ นขนาน การสะทอ้ น และการหมุนในการสร้างสรรค์งานศิลปะหรือ
การออกแบบได้
รวม ๘ ผลการเรียนรู้

๕๗

รายวิชาคณติ ศาสตร์เพ่ิมเติม

ค ๒๒๒๐๒ คณติ ศาสตร์เพ่มิ เตมิ ๔ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี ๒

คาอธิบายรายวชิ า ภาคเรียนท่ี ๒ เวลา ๔๐ ชวั่ โมง/ ๑.๐ หน่วยกิต

ศึกษา ฝึกทกั ษะ กระบวนการในสาระต่อไปน้ี
การแยกตวั ประกอบของพหุนามดีกรีสอง การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสองโดยใช้ สมบตั ิการ
แจกแจง การแยกตัวประกอบของพหนุ ามดีกรีสองที่อยู่ในรูป ax2  bx  c  0 เมอ่ื a,b,c เปน็ ค่าคงตัว และ

a  0 การแยกตัวประกอบของพหนุ ามดีกรีสองท่ีอยู่ในรูปกาลงั สองสมบรู ณ์ การแยกตวั ประกอบของพหุนาม
ดีกรีสองที่อยู่ในรปู ผลตา่ งกาลังสอง

สมการกาลังสองตวั แปรเดียว การแก้สมการกาลงั สองตัวแปรเดยี วโดยใชก้ ารแยกตวั ประกอบ การแก้
โจทย์ปญั หาเก่ยี วกับสมการกาลังสองตวั แปรเดียวโดยใช้การแยกตวั ประกอบ

การแปรผนั การแปรผนั โดยตรง การแปรผนั แบบผกผัน การแปรผนั เกย่ี วเนื่อง การนาไปใช้
โดยจัดประสบการณ์ หรือสร้างสถานการณ์ในชีวิตประจาวันที่ใกล้ตัว ให้ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้าโดย
การปฏิบัติจริง ทดลอง สรุป รายงาน เพ่ือพัฒนาทักษะ กระบวนการในการคิดคานวณ การแก้ปัญหา
การให้เหตุผล การสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ และนาประสบการณ์ด้านความรู้ ความคิด ทักษะ
กระบวนการท่ีได้ไปใช้ในการเรียนรู้ส่ิงต่าง ๆ และใช้ในชีวิตประจาวันได้อย่างสร้างสรรค์ รวมท้ังเห็นคุณค่า
และมีเจตคติท่ีดีต่อวิชาคณิตศาสตร์ สามารถทางานได้อย่างเป็นระบบ มีความคิดรอบคอบ มีความรับผิดชอบ
มีวิจารณญาณ และมีความเชือ่ มัน่ ในตนเอง

ผลการเรยี นรู้
1. แยกตัวประกอบของพหนุ ามดกี รสี องได้

2. แกส้ มการกาลงั สองตวั แปรเดยี วโดยใชก้ ารแยกตัวประกอบได้
3. แกโ้ จทยป์ ญั หาเกย่ี วกับสมการกาลงั สองตวั แปรเดียวโดยใช้การแยกตัวประกอบได้

4. ตระหนกั ถงึ ความสมเหตุสมผลของคาตอบทไี่ ด้
5. เขยี นสมการแสดงการแปรผันระหวา่ งปรมิ าณสองปรมิ าณใด ๆ ทีแ่ ปรผนั ต่อกนั ได้
6. แกป้ ญั หาหรอื สถานการณ์ท่กี าหนดโดยใชค้ วามรเู้ กี่ยวกบั การแปรผันได้

7. ตระหนักถึงความสมเหตสุ มผลของคาตอบทไ่ี ด้
รวม ๗ ผลการเรยี นรู้

๕๘

รายวชิ าคณติ ศาสตรเ์ พมิ่ เติม

ค ๒๓๒๐๑ คณติ ศาสตร์เพิม่ เติม ๕ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ ๓

คาอธบิ ายรายวิชา ภาคเรยี นท่ี ๑ เวลา ๔๐ ชั่วโมง/ ๑.๐ หน่วยกติ

ศึกษาความรู้พ้ืนฐานเบื้องต้น ฝึกทักษะการคิดคานวณ การให้เหตุผล และฝึกการแก้ปัญหา
ในเร่ืองต่อไปนี้

กรณฑ์ท่ีสอง สมบัติของ a เมื่อ a  0 การดาเนินการของจานวนจริงซ่ึงเก่ียวกับกรณฑ์ท่ีสอง
และการนาไปใช้

แยกตัวประกอบของพหุนาม การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรีสองที่เป็นผลต่างของกาลังสอง
การแยกตัวประกอบของพหุนามดีกรสี อง โดยวิธีทาเป็นกาลังสองสมบูรณ์ การแยกตัวประกอบของพหุนาม
ดีกรีสองสูงกว่าสองท่ีมีสัมประสิทธิ์เป็นจานวนเต็ม และการแยกตัวประกอบของพหุนามที่มีสัมประสิทธ์ิเป็น
จานวนเต็มโดยใชท้ ฤษฎเี ศษเหลอื

สมการกาลังสอง การแก้สมการกาลังสองโดยวิธีทาเป็นกาลังสองสมบูรณ์ โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับ
สมการกาลงั สอง

พาราโบลา สมการของพาราโบลา พาราโบลาทก่ี าหนดดว้ ยสมการ y = ax2 เมื่อ a  0
พ าราโบลาท่ี กาหน ดด้ วยสมการ y = ax2 เมื่อ a  0 พ าราโบลาที่ กาหน ดด้วยสม การ

y  ax  h2  k เมอื่ a  0 และพาราโบลาทก่ี าหนดดว้ ยสมการ y  ax2  bx  c เมอื่ a  0

พื้นท่ผี ิวและปริมาตร พ้นื ทีผ่ ิวของพรี ะมิด กรวย และทรงกลม และการนาไปใช้
โดยจัดประสบการณ์ หรือสร้างสถานการณ์ในชีวิตประจาวันท่ีใกล้ตัว ให้ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้า
โดยการปฏิบตั ิจรงิ ทอดลอง สรุป รายงาน เพ่อื พฒั นาทกั ษะ กระบวนการในการคดิ คานวณ การแก้ปัญหา
การให้เหตุผล การสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์ และนาประสบการณ์ด้านความรู้ ความคิด ทักษะ
กระบวนการที่ไดไ้ ปใช้ในการเรียนรสู้ ่งิ ต่าง ๆ และใชใ้ นชีวิตประจาวนั อยา่ งสร้างสรรค์ รวมทงั้ เห็นคณุ ค่า และ
มีเจตคติที่ดีต่อคณิตศาสตร์ สามารถทางานอย่างเป็นระบบ ระเบียบ มีความรอบคอบ มีความรับผิดชอบ
มวี จิ ารณญาณ และมีความเช่อื มนั่ ในตนเอง
มีการวัดและประเมิลผล ตามสภาพจรงิ ดว้ ยวิธกี ารที่หลากหลาย ให้สอดคลอ้ ง คลอบคลมุ ท้ังความรู้
ทักษะ กระบวนการ คุณธรรม จริยธรรมและค่านยิ ม

ผลการเรยี นรู้
๑. บวก ลบ คณู และหารจานวนจริงทอี่ ยู่ในรปู a เม่ือ a  0 และ b  0

๒. a  a เมือ่ a  0 และ b  0

bb

๓. การแยกตวั ประกอบของพหนุ ามดีกรสี องที่อยูใ่ นรูปกาลงั สองสมบรู ณ์ได้
๔. แยกตัวประกอบของพหนุ ามดกี รีสูงที่มสี ัมประสทิ ธเ์ิ ปน็ จานวนเตม็ โดยอาศัยวิธีทาเปน็ กาลัง สอง
สมบูรณห์ รอื ใช้ทฤษฎเี ศษเหลอื ได้

๕. แกส้ มการกาลังสองตวั แปรเดียวโดยใชส้ ตู ร x   b  b2  4ac ได้

2a

๖. แก้โจทย์ปญั หาเก่ยี วกับสมการกาลงั สองตัวแปรเดยี วได้
๗. ตระหนกั ถึงความสมเหตุสมผลของคาตอบทไี่ ด้
๘. เขียนกราฟของพาราโบลาท่กี าหนดให้ได้

๕๙

๙. บอกลกั ษณะของกราฟพาราโบลาทีก่ าหนดใหไ้ ด้
๑๐. ใช้ความรแู้ ละทักษะกระบวนการทางคณติ ศาสตรแ์ กป้ ญั หาต่างๆได้

๑๑. ตระหนกั ถึงความสมเหตสุ มผลของคาตอบทไ่ี ด้
รวม ๑๑ ผลการเรียนรู้

๖๐

รายวิชาคณิตศาสตรเ์ พม่ิ เตมิ

ค ๒๓๒๐๒ คณติ ศาสตร์เพม่ิ เตมิ ๖ กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๓

คาอธบิ ายรายวชิ า ภาคเรยี นท่ี ๒ เวลา ๔๐ ชัว่ โมง/ ๑.๐ หน่วยกติ

ศึกษาความรู้พ้ืนฐานเบ้ืองต้น ฝึกทักษะการคิดคานวณ การให้เหตุผล และฝึกการแก้ปัญหาใน
เร่อื งตอ่ ไปนี้

การให้เหตุผลเกี่ยวกับรูปสามเหลี่ยมและรูปสี่เหล่ียม ความรู้พื้นฐานเก่ียวกับการให้เหตุผล
ทางเรขาคณติ ทฤษฎบี ทเกย่ี วกับรปู สามเหลย่ี มและรูปสี่เหล่ยี ม และการสร้าง

ระบบสมการ ระบบสมการที่ประกอบด้วยสมการเชิงเส้นและสมการดีกรีสอง และระบบสมการท่ี
ประกอบดว้ ยสมการดกี รสี องทง้ั สองสมการ

ปริมาตรและพ้ืนที่ผิว การหาพื้นที่ผิวของพีระมิด กรวย และทรงกลม การแก้ปัญหาหรือ
สถานการณ์ โดยใชค้ วามร้เู กย่ี วกบั ปรมิ าตรและพ้นื ที่ผวิ ระบบสมการ

วงกลม วงกลม มุมทีจ่ ุดศนู ยก์ ลางและมมุ ในส่วนโคง้ ของวงกลม คอร์ด และเสน้ สมั ผสั วงกลมเศษสว่ น
ของพหุนาม การดาเนินการของเศษส่วนพหุนาม การแก้สมการเศษส่วนของพหุนาม โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับ
เศษส่วนของพหุนาม

โดยจัดประสบการณ์ หรือสร้างสถานการณ์ในชีวิตประจาวันที่ใกล้ตัว ให้ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้า
โดยการปฏบิ ัติจริง ทอดลอง สรปุ รายงาน เพอื่ พัฒนาทกั ษะ/กระบวนการในการคิดคานวณ การแก้ปัญหา
การให้เหตุผล การส่ือความหมายทางคณิตศาสตร์ และนาประสบการณ์ด้านความรู้ ความคิด ทักษะ
กระบวนการท่ีได้ไปใช้ในการเรียนรู้สงิ่ ต่าง ๆ และใช้ในชีวิตประจาวันอยา่ งสร้างสรรค์ รวมท้งั เห็นคุณค่า และ
มีเจตคติท่ีดีต่อคณิตศาสตร์ สามารถทางานอย่างเป็นระบบ ระเบียบ มีความรอบคอบ มีความรับผิดชอบ
มีวิจารณญาณ และมคี วามเช่อื มนั่ ในตนเอง

มกี ารวัดและประเมิลผล ตามสภาพจรงิ ด้วยวิธกี ารท่ีหลากหลาย ให้สอดคล้อง คลอบคลมุ ทงั้ ความรู้
ทักษะ กระบวนการ คณุ ธรรม จริยธรรมและค่านยิ ม
ผลการเรียนรู้

๑. หาพื้นทีผ่ ิวของพีระมิด กรวย และทรงกลมได้
๒. แกป้ ญั หาหรอื สถานการณท์ ก่ี าหนดให้ โดยใช้ความรเู้ กย่ี วกบั ปรมิ าตร และพนื้ ทผี่ ิวได้
๓. แกร้ ะบบสมการสองตัวแปรที่มีดกี รไี ม่เกินสองได้
๔. แกโ้ จทยป์ ัญหาเกี่ยวกับระบบสมการสองตวั แปรท่ีมีดีกรไี มเ่ กินสองได้
๕. ใช้สมบตั เิ ก่ยี วกับวงกลมในการให้เหตผุ ลได้
๖. สร้างและใหเ้ หตุผลเก่ยี วกับการสรา้ งรปู เหล่ยี มและรปู วงกลมทีก่ าหนดให้ได้
๗. การบวก การลบ การคณู และการหารเศษส่วนของพหนุ ามได้
๘. แก้สมการเศษส่วนของพหนุ ามได้
๙. แกป้ ัญหาเกี่ยวกบั เศษส่วนของพหนุ ามได้
๑๐. ใชค้ วามรแู้ ละทักษะกระบวนการทางคณติ ศาสตรแ์ ก้ปญั หาต่างๆได้
๑๑. ตระหนักถงึ ความสมเหตสุ มผลของคาตอบท่ีได้
รวม ๑๑ ผลการเรียนรู้

๖๑

กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์

ความสาคญั ของวทิ ยาศาสตร์

วิทยาศาสตร์มีบทบาทสาคัญย่ิงในสังคมโลกปัจจุบันและอนาคต เพราะวิทยาศาสตร์เก่ียวข้องกับ
ทกุ คนท้ังในชีวิตประจาวันและการงานอาชพี ต่าง ๆ ตลอดจนเทคโนโลยี เครือ่ งมือเคร่อื งใช้และผลผลติ ตา่ ง ๆ
ท่ีมนุษย์ได้ใช้เพ่ืออานวยความสะดวกในชีวิตและการทางาน เหล่าน้ีล้วนเป็นผลของความรู้วิทยาศาสตร์
ผสมผสานกับความคิดสรา้ งสรรค์และศาสตร์อื่น ๆ วิทยาศาสตร์ช่วยให้มนุษย์ได้พัฒนาวิธีคิด ท้ังความคิดเป็น
เหตุเป็นผล คิดสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์ วิจารณ์ มีทกั ษะสาคัญในการค้นคว้าหาความรู้ มีความสามารถใน
การแก้ปญั หาอย่างเปน็ ระบบ สามารถตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลที่หลากหลายและมีประจกั ษ์พยานทีต่ รวจสอบได้
วิทยาศาสตร์เป็นวัฒนธรรมของโลกสมัยใหม่ซึ่งเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ (K knowledge-based society) ดังนั้น
ทุกคนจึงจาเป็นต้องไดร้ ับการพัฒนาให้รู้วทิ ยาศาสตร์ เพ่ือทจ่ี ะมีความรู้ความเข้าใจในธรรมชาติและเทคโนโลยี
ที่มนุษย์สรา้ งสรรค์ขนึ้ สามารถนาความร้ไู ปใชอ้ ยา่ งมีเหตผุ ล สร้างสรรค์และมีคณุ ธรรม

กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์มุ่งหวังให้ผู้เรียนได้เรียนรู้วิทยาศาสตร์ท่ีเน้นการเช่ือมโยงความรู้
กบั กระบวนการ มที ักษะสาคัญในการค้นควา้ และสรา้ งองค์ความร้โู ดยใช้กระบวนการในการสืบเสาะหาความรู้
และการแกป้ ัญหาท่ีหลากหลาย ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ทุกขั้นตอน มกี ารทากิจกรรมด้วยการลงมือ
ปฏิบตั ิจริงอย่างหลากหลาย เหมาะสมกบั ระดบั ช้นั โดยไดก้ าหนดสาระสาคญั ไวด้ ังนี้

วทิ ยาศาสตรช์ วี ภาพ เรียนรู้เก่ียวกบั ชีวิตในสิง่ แวดล้อม องคป์ ระกอบของส่งิ มีชวี ติ การดารงชีวิตของ
มนุษย์และสตั วก์ ารดารงชวี ิตของพืช พนั ธกุ รรม ความหลากหลายทางชวี ภาพ และวิวฒั นาการของสง่ิ มีชีวิต

วิทยาศาสตร์กายภาพ เรียนรู้เก่ียวกับ ธรรมชาติของสาร การเปลี่ยนแปลงของสาร การเคลื่อนที่
พลงั งาน และคลน่ื

วทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ เรยี นรู้เก่ยี วกบั องค์ประกอบของเอกภพ ปฏิสมั พนั ธ์ ภายในระบบสุริยะ
เทคโนโลยีอวกาศ ระบบโลก การเปลี่ยนแปลงทางธรณวี ิทยา กระบวนการ เปลี่ยนแปลงลมฟ้าอากาศ และผล
ตอ่ ส่งิ มชี วี ิตและสง่ิ แวดล้อม

เทคโนโลยี
การออกแบบและเทคโนโลยี เรยี นรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยเี พ่ือการดารงชีวิต ในสงั คมที่มีการเปลยี่ นแปลง
อย่างรวดเรว็ ใช้ความร้แู ละทกั ษะทางด้านวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์ และศาสตรอ์ ืน่ ๆ เพอ่ื แกป้ ัญหาหรอื พัฒนา
งานอยา่ งมีความคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบ เชิงวศิ วกรรม เลือกใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมโดย
คานึงถงึ ผลกระทบต่อชวี ติ สงั คม และส่งิ แวดล้อม
วิทยาการคานวณ เรยี นรู้เก่ียวกบั การคิดเชิงคานวณ การคดิ วิเคราะห์แกป้ ัญหา เป็นขัน้ ตอนและเป็น
ระบบ ประยุกตใ์ ช้ความรดู้ ้านวิทยาการคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ และการส่อื สารในการแก้ปัญหา
ทีพ่ บในชีวิตจริงได้อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ

สาระและมาตรฐานการเรียนรู้

สาระที่ ๑ วิทยาศาสตรช์ ีวภาพ
มาตรฐาน ว ๑.๑ เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหวา่ งส่ิงไม่มีชีวติ กบั สิ่งมชี ีวิต และ

ความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ในระบบนิเวศ การถ่ายทอดพลังงาน

๖๒

การเปลี่ยนแปลงแทนท่ีในระบบนิเวศ ความหมายของ ประชากร ปัญหาและผลกระทบ
ทม่ี ีต่อทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อม แนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและ
การแก้ไขปัญหาสงิ่ แวดล้อม รวมท้ังนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
มาตรฐาน ว ๑.๒ เขา้ ใจสมบตั ิของสิ่งมชี วี ิต หนว่ ยพน้ื ฐานของสิ่งมชี ีวิต การลาเลยี งสารเขา้ และออกจากเซลล์
ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ท่ีทางาน
สัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้าง และหน้าท่ี ของอวัยวะต่างๆ ของพืชที่ทางาน
สัมพันธ์กัน รวมท้ังนาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
มาตรฐาน ว ๑.๓ เข้าใจกระบวนการและความสาคัญของการถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรม สารพันธุกรรม
การเปล่ียนแปลงทางพันธุกรรมท่ีมีผลต่อส่ิงมีชีวิต ความหลากหลาย ทางชีวภาพและ
ววิ ัฒนาการของสงิ่ มชี ีวิต รวมทั้งนาความรไู้ ปใช้ประโยชน์

สาระท่ี ๒ วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ
มาตรฐาน ว ๒.๑ เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของ สสารกับ

โครงสร้างและแรงยึดเหน่ียวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติ ของการเปลี่ยนแปลง
สถานะของสสาร การเกดิ สารละลาย และการเกิด ปฏิกริ ยิ าเคมี
มาตรฐาน ว ๒.๒ เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจาวนั ผลของแรงท่กี ระทาต่อวัตถุ ลกั ษณะ การเคลื่อนที่
แบบต่าง ๆ ของวัตถุรวมทั้งนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
มาตรฐาน ว ๒.๓ เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์
ระหว่างสสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจาวัน ธรรมชาติของ คลื่น ปรากฏการณ์ที่
เกี่ยวขอ้ งกับเสยี ง แสง และคลื่นแม่เหลก็ ไฟฟ้า รวมทงั้ นาความร้ไู ปใช้ประโยชน์

สาระที่ ๓ วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศ
มาตรฐาน ว ๓.๑ เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแลก็ ซีดาวฤกษ์

และระบบสุริยะ รวมท้ังปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะ ที่ส่งผลต่อส่ิงมีชีวิต และ
การประยกุ ตใ์ ช้เทคโนโลยอี วกาศ
มาตรฐาน ว ๓.๒ เขา้ ใจองค์ประกอบและความสัมพันธ์ของระบบโลก กระบวนการเปล่ียนแปลง ภายในโลก
และบนผิวโลก ธรณีพิบัติภัย กระบวนการเปล่ียนแปลงลมฟ้า อากาศและภูมิอากาศโลก
รวมทัง้ ผลตอ่ สิ่งมชี ีวิตและส่งิ แวดล้อม

สาระที่ ๔ เทคโนโลยี
มาตรฐาน ว ๔.๑ เขา้ ใจแนวคดิ หลกั ของเทคโนโลยีเพ่ือการดารงชีวติ ในสังคมทม่ี ีการเปลยี่ นแปลง อย่าง

รวดเร็ว ใช้ความรูแ้ ละทกั ษะทางด้านวทิ ยาศาสตรค์ ณติ ศาสตร์และศาสตร์อืน่ ๆ เพ่ือ
แก้ปัญหาหรอื พฒั นางานอยา่ งมีความคดิ สร้างสรรค์ ด้วยกระบวนการออกแบบเชงิ
วิศวกรรมเลอื กใช้เทคโนโลยีอยา่ งเหมาะสม โดยคานึงถึงผลกระทบตอ่ ชวี ิต สังคม
และส่งิ แวดล้อม
มาตรฐาน ว ๔.๒ เข้าใจและใชแ้ นวคิดเชิงคานวณในการแก้ปัญหาทพี่ บในชวี ิตจริงอย่างเป็น ข้นั ตอนและ
เป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สารในการเรยี นรู้ การทางานและ
การแกป้ ัญหาได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ ร้เู ทา่ ทัน และมีจรยิ ธรรม

๖๓

โครงสรา้ งรายวชิ า

รายวิชาตามโครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียน ป่าไม้อุทิศ ๔ พุทธศักราช ๒๕๖ ๑
กลุม่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์

รายวชิ าวิทยาศาสตรพ์ นื้ ฐาน

ระดบั ช้ัน รหสั ช่อื รายวชิ า เวลาเรียนรายภาค
ชัน้ ม. ๑
ช้นั ม. ๒ ว ๒๑๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์ ๑ ๓ ชวั่ โมง/สปั ดาห์ (๑.๕ หน่วยกิต)
ชน้ั ม. ๓ ว ๒๑๑๐๒ การออกแบบและเทคโนโลยี ๑ ๑ ชว่ั โมง/สัปดาห์ (๐.๕ หน่วยกติ )
ว ๒๑๑๐๓ ๓ ช่วั โมง/สปั ดาห์ (๑.๕ หนว่ ยกติ )
ว ๒๑๑๐๔ วิทยาศาสตร์ ๒ ๒ ช่วั โมง/สปั ดาห์ (๑.๐ หนว่ ยกิต)
ว ๒๒๑๐๑ วิทยาการคานวณ ๑ ๓ ชั่วโมง/สปั ดาห์ (๑.๕ หน่วยกติ )
ว ๒๒๑๐๒ ๑ ชั่วโมง/สปั ดาห์ (๐.๕ หนว่ ยกติ )
ว ๒๒๑๐๓ วิทยาศาสตร์ ๓ ๓ ช่วั โมง/สัปดาห์ (๑.๕ หน่วยกิต)
ว ๒๒๑๐๔ การออกแบบและเทคโนโลยี ๒ ๒ ชว่ั โมง/สปั ดาห์ (๑.๐ หน่วยกิต)
ว ๒๓๑๐๑ ๓ ชั่วโมง/สปั ดาห์ (๑.๕ หนว่ ยกติ )
ว ๒๓๑๐๒ วิทยาศาสตร์ ๔ ๑ ช่ัวโมง/สปั ดาห์ (๐.๕ หนว่ ยกิต)
ว ๒๓๑๐๓ วทิ ยาการคานวณ ๒ ๓ ชั่วโมง/สปั ดาห์ (๑.๕ หน่วยกติ )
ว ๒๓๑๐๔ ๒ ชั่วโมง/สัปดาห์ (๑.๐ หน่วยกติ )
วทิ ยาศาสตร์ ๕
การออกแบบและเทคโนโลยี ๓

วทิ ยาศาสตร์ ๖
วิทยาการคานวณ ๓

๖๔

รายวชิ าวิทยาศาสตรเ์ พม่ิ เตมิ ห้อง ๑-๒

ระดับชัน้ รหัส ชอื่ รายวชิ า เวลาเรียนรายภาค
ชั้น ม. ๑
ช้ัน ม. ๒ ว ๒๑๒๐๑ วทิ ยาศาสตรเ์ พิ่มเตมิ ๑ ๒ ชว่ั โมง/สปั ดาห์ (๑.๐ หน่วยกิต)
ชนั้ ม. ๓ ว ๒๑๒๐๒
ว ๒๑๒๐๓ การออกแบบและเทคโนโลยเี พ่ิมเตมิ ๑ ๑ ชั่วโมง/สัปดาห์ (๐.๕ หน่วยกิต)
ว ๒๒๒๐๑
ว ๒๒๒๐๒ วิทยาศาสตร์เพิ่มเตมิ ๒ ๓ ชว่ั โมง/สัปดาห์ (๑.๕ หนว่ ยกติ )
ว ๒๒๒๐๓
ว ๒๓๒๐๑ วิทยาศาสตร์เพิ่มเตมิ ๓ ๓ ชั่วโมง/สปั ดาห์ (๑.๕ หนว่ ยกติ )
ว ๒๓๒๐๒
ว ๒๓๒๐๓ การออกแบบและเทคโนโลยีเพิ่มเติม ๒ ๑ ชั่วโมง/สปั ดาห์ (๐.๕ หน่วยกติ )

วิทยาศาสตร์เพม่ิ เติม ๔ ๓ ชั่วโมง/สัปดาห์ (๑.๕ หน่วยกติ )

วิทยาศาสตร์เพิม่ เติม ๕ ๓ ชั่วโมง/สปั ดาห์ (๑.๕ หน่วยกติ )

การออกแบบและเทคโนโลยีเพ่ิมเติม ๓ ๑ ชว่ั โมง/สปั ดาห์ (๐.๕ หน่วยกิต)

วทิ ยาศาสตร์เพม่ิ เติม ๖ ๓ ชว่ั โมง/สปั ดาห์ (๑.๕ หน่วยกติ )

รายวิชาวิทยาศาสตร์เพมิ่ เตมิ ห้อง ๓-๔

ระดับชั้น รหสั ช่อื รายวิชา เวลาเรยี นรายภาค

ช้ัน ม. ๑ ว ๒๑๒๐๒ การออกแบบและเทคโนโลยเี พ่ิมเติม ๑ ๑ ชั่วโมง/สปั ดาห์ (๐.๕ หนว่ ยกิต)
ช้ัน ม. ๒ ว ๒๒๑๐๒ การออกแบบและเทคโนโลยีเพิม่ เตมิ ๒ ๑ ชว่ั โมง/สปั ดาห์ (๐.๕ หน่วยกิต)
ชั้น ม. ๓ ว ๒๓๑๐๒ การออกแบบและเทคโนโลยีเพม่ิ เตมิ ๓ ๑ ชว่ั โมง/สัปดาห์ (๐.๕ หนว่ ยกติ )

๖๕

รายวิชาวทิ ยาศาสตร์พนื้ ฐาน

ว ๒๑๑๐๑ วิทยาศาสตร์ ๑ กลมุ่ สาระการเรียนร้วู ิทยาศาสตร์ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑

คาอธิบายรายวชิ า ภาคเรยี นท่ี ๑ เวลา ๖๐ ช่วั โมง /๑.๕ หน่วยกติ

ศึกษาและเข้าใจ สมบัติทางกายภาพของโลหะ อโลหะ ก่ึงโลหะ การจาแนกและองค์ประกอบของ
สารบริสุทธ์ิและสารผสม การใช้กล้องจุลทรรศน์ในการศึกษาโครงสร้างและหน้าท่ีของเซลล์ การแพร่และ

ออสโมซิส การสืบพันธุ์ของพืชแบบอาศัยเพศและไมอ่ าศัยเพศ โครงสร้างและหน้าท่ีของพืชดอก กระบวนการ
สงั เคราะหด์ ้วยแสง และปจั จัยทเ่ี ก่ยี วข้อง การลาเลียงน้า ธาตุอาหาร และปจั จัยทมี่ ีผลตอ่ การเจริญเตบิ โต

โดยใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อื่น ๆ เพื่อแก้ปัญหาหรือ
พัฒนางานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม การสืบเสาะหาความรู้
การสารวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูลสงั เกต ทดลอง อธิบาย อภิปราย เปรียบเทียบ การนาเสนอขอ้ มูล เพ่ือ

ให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถส่ือสารสิ่งท่ีเรยี นรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจได้ เห็นคุณค่า
ของการนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจาวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ คุณธรรม จริยธรรม และค่านิยม

ที่เหมาะสม
มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ในด้านการมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการทางาน และ

มจี ติ สาธารณะ

ตวั ชี้วดั

ว 1.2 ม .1/1, ม .1/2, ม .1/3, ม .1/4, ม .1/5, ม .1/6, ม .1/7, ม .1/8, ม .1/9, ม .1/10,
ม.1/11, ม.1/12, ม.1/13, ม.1/14, ม.1/15, ม.1/16, ม.1/17, ม.1/18

ว 2.1 ม.1/1, ม.1/2, ม.1/3, ม.1/4, ม.1/5, ม.1/6, ม.1/7, ม.1/8

รวม ๒๖ ตัวชว้ี ดั

๖๖

รายวชิ าวิทยาศาสตรพ์ น้ื ฐาน

ว ๒๑๑๐๒ การออกแบบและเทคโนโลยี ๑ กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๑

คาอธิบายรายวิชา ภาคเรียนท่ี ๑ เวลา ๒๐ ชวั่ โมง /๐.๕ หน่วยกติ

ศึกษาแนวคิดหลักของเทคโนโลยีในชีวิตประจาวัน วิเคราะห์สาเหตุหรือปัจจัยท่ีส่งผลต่อ
การเปล่ียนแปลงของเทคโนโลยี ระบุปัญหาหรือความต้องการในชีวิตประจาวัน รวบรวม วิเคราะห์ข้อมูล

แนวคิดท่ีเก่ียวข้องกับปัญหา การออกแบบวิธีการ แก้ปัญหา ตัดสินใจเลือกข้อมูลท่ีจาเป็น นาเสนอแนวทาง
การแก้ปัญหาให้ผู้อ่ืนเข้าใจ วางแผน ดาเนินการแก้ปัญหา ด้วยการ ทดสอบ ประเมินผล ระบุข้อบกพร่อง

ท่ีเกิดข้ึน พร้อมท้ังหาแนวทางการปรับปรุงแก้ไข และนาเสนอผลการแก้ปัญหา เลือกใช้วัสดุ อุปกรณ์
เคร่ืองมือกลไกไฟฟ้า หรืออิเล็กทรอนิกส์เพ่ือแก้ปัญหาได้อย่างถูกต้อง เหมาะสมและปลอดภัย โดยอาศัย
กระบวนการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem – based Learning) และการเรียนรู้แบบใช้โครงงาน

เป็นฐาน (Project – based Learning) เน้นให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติ ฝึกทักษะการคิด เผชิญสถานการณ์
การแกป้ ัญหาวางแผนการเรียนรู้ และนาเสนอผา่ นการทากิจกรรมโครงงาน

เพอ่ื ให้ผูเ้ รียนมคี วามรคู้ วามเข้าใจ ความสมั พนั ธข์ องความรู้วิทยาศาสตร์ทมี่ ผี ลตอ่ การพฒั นาเทคโนโลยี
ประเภทต่าง ๆ และการพัฒนาเทคโนโลยีที่ส่งผลให้มีการคิดค้นความรู้ทางวิทยาศาสตร์ท่ีก้าวหน้า ผลของ
เทคโนโลยตี ่อชีวิต สังคม และส่ิงแวดล้อม ตลอดจนนาความรคู้ วามเข้าใจในวชิ าวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยไี ป

ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม และการดารงชีวิต จนสามารถ พัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ
ความสามารถในการแก้ปัญหาและการจัดการทักษะในการส่ือสาร ความสามารถในการ ตัดสินใจ เป็นผู้ท่ีมี

จติ วทิ ยาศาสตรม์ คี ุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมในการใชว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีอยา่ งสรา้ งสรรค์

ตวั ชีว้ ดั
ว. 4.1 ม.1/1, ม.1/2, ม.1/3, ม.1/4, ม.1/5

รวม 5 ตัวช้ีวดั

๖๗

รายวชิ าวทิ ยาศาสตรพ์ น้ื ฐาน

ว ๒๑๑๐๓ วทิ ยาศาสตร์ ๒ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๑

คาอธิบายรายวิชา ภาคเรยี นที่ ๒ เวลา ๖๐ ชั่วโมง /๑.๕ หน่วยกติ

ศึกษาและเข้าใจ อนุภาคและการเคลื่อนท่ีของอนุภาคความสัมพันธ์ระหว่างพลังงานความร้อนกับ
การเปล่ียนสถานะของสสาร คานวณปริมาณความร้อนท่ีใช้ในการเปลี่ยนสถานะ การถ่ายโอนความร้อน และ

คานวณปริมาณความร้อน ปัจจัยท่ีมีผลต่อการเปล่ียนแปลงองค์ประกอบของลมฟ้าอากาศ เปรียบเทียบ
กระบวนการเกิดพายุ ฝนฟ้าคะนองและพายุหมุนเขตรอ้ น และผลที่มตี ่อสิ่งมีชวี ติ และส่ิงแวดลอ้ ม การพยากรณ์

อากาศและคุณค่าของพยากรณ์อากาศ สถานการณ์และผลกระทบการเปล่ียนแปลงภูมิอากาศโลก
และผลกระทบของการเปลยี่ นแปลงภูมิอากาศโลก

โดยใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อ่ืน ๆ เพื่อแก้ปัญหา

หรือพัฒนางานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม การสืบเสาะหาความรู้
การสารวจตรวจสอบ การสบื คน้ ข้อมูลสังเกต ทดลอง อธิบาย อภปิ ราย เปรียบเทียบ การนาเสนอข้อมูล เพือ่ ให้

เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถสื่อสารส่ิงที่เรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจได้ เห็น
คุณค่าของการนาความรู้ไปใช้ประโยชนใ์ นชีวิตประจาวัน มีจิตวทิ ยาศาสตร์ คุณธรรม จรยิ ธรรม และค่านิยมท่ี
เหมาะสม

มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ในด้านการมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งม่ันในการทางาน และ
มีจิตสาธารณะ

ตัวช้ีวัด
ว 2.1 ม.1/9, ม.1/10
ว 2.2 ม.1/1
ว 2.3 ม.1/1, ม.1/2, ม.1/3, ม.1/4, ม.1/5, ม.1/6, ม.1/7

ว 3.2 ม.1/1, ม.1/2, ม.1/3, ม.1/4, ม.1/5, ม.1/6, ม.1/7

รวม ๑๗ ตัวชว้ี ัด

๖๘

รายวิชาวทิ ยาศาสตร์พน้ื ฐาน

ว ๒๑๑๐๔ วิทยากรคานวณ ๑ กลุ่มสาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์ ช้ันมัธยมศึกษาปที ี่ ๑

คาอธิบายรายวิชา ภาคเรียนที่ ๒ เวลา ๔๐ ชว่ั โมง /๑.๐ หนว่ ยกิต

ศึกษาแนวคิดเชิงนามธรรม การคัดเลือกคุณลกั ษณะที่จาเป็นต่อการแก้ปัญหา ข้ันตอนการแก้ปัญหา
การเขยี นรหัสลาลองและผงั งาน การเขียนออกแบบและเขยี นโปรแกรมอย่างงา่ ยที่มกี ารใช้งานตัวแปร เง่ือนไข
และการวนซ้าเพื่อแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์ การรวบรวมข้อมูลปฐมภูมิ การประมวลผล

ข้อมลู การสรา้ งทางเลอื กและประเมินผลเพอื่ ตัดสินใจ ซอฟต์แวร์และบริการบนอินเทอร์เน็ตที่ใชใ้ นการจัดการ
ข้อมูล แนวทางการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศให้ปลอดภัย การจัดการอัตลักษณ์ การพิจารณาความ

เหมาะสมของเนอ้ื หา ขอ้ ตกลงและข้อกาหนดการใชส้ ือ่ และแหล่งขอ้ มูล
นาแนวคิดเชิงนามธรรมและข้ันตอนการแก้ปัญหาไปประยุกต์ใช้ในการเขียนโปรแกรม หรือ

การแก้ปัญหาในชีวิตจริง รวบรวมข้อมูลและสร้างทางเลือกในการตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ
ตระหนักถึงการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย เกิดประโยชน์ต่อการเรียนรู้ และไม่สร้างความ
เสียหายใหแ้ ก่ผ้อู ่นื

ตวั ชว้ี ดั
ว. 4.2 ม.1/1, ม.1/2, ม.1/3, ม.1/4

รวมทงั้ หมด 4 ตัวชี้วัด

69

รายวิชาวิทยาศาสตรพ์ นื้ ฐาน

ว ๒๒๑๐๑ วิทยาศาสตร์ ๓ กลมุ่ สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี ๒

คาอธิบายรายวิชา ภาคเรยี นท่ี ๑ เวลา ๖๐ ชว่ั โมง /๑.๕ หนว่ ยกติ

เข้าใจ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของมนุษย์ท่ีทางานสัมพันธ์กัน
ระบบหายใจ ระบบขับถ่าย ระบบหมุนเวียนเลือด ระบบประสาท ระบบสืบพันธุ์ ฮอร์โมนเพศชาย และ
เพศหญิง วิธีการคุมกาเนิด การดูแลรักษาอวัยวะในระบบต่าง ๆ ร่างกายและจิตใจให้ทางานเป็นปกติ

การแยกสารผสมด้วยวิธีต่างๆ สภาพละลายได้ของสาร ปรมิ าณตัวละลายในสารละลายหน่วยความเข้มข้น
เป็นร้อยละ กระบวนการเกิดสมบัติ การใช้ประโยชน์ และผลกระทบจากการใช้เช้ือเพลิงซากดึกดาบรรพ์

พลังงานทดแทน แนวทางการใช้พลังงานทดแทนท่ีเหมาะสมในท้องถิ่น นาความรู้ไปใช้แก้ปัญหา
ในชวี ิตประจาวนั บูรณาการวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และวิศวกรรมศาสตร์ และใช้ประโยชน์

ในชีวติ ประจาวนั อย่างถกู ต้อง และปลอดภัย
โดยใช้ความรู้ และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อื่น ๆ เพ่ือแก้ปัญหาหรือ

พัฒนางานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม การสืบเสาะหาความรู้

การสารวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูลสังเกต ทดลอง อธิบาย อภิปราย เปรียบเทียบ การนาเสนอข้อมูล
เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถส่ือสารสิ่งท่ีเรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจได้

เหน็ คุณค่าของการนาความรู้ไปใชป้ ระโยชนใ์ นชีวติ ประจาวนั มจี ิตวิทยาศาสตร์ คุณธรรม จรยิ ธรรม และ
ค่านยิ มทเ่ี หมาะสม

มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ในด้านการมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการทางาน

และมีจติ สาธารณะ

ตัวช้วี ดั
ว 2.2 ม .2/1, ม .2/2, ม .2/3, ม .2/4, ม .2/5, ม .2/6, 2/7, 2/8, 2/9, 2/10, 2/11,
2/12, 2/13, 2/14, 2/15

ว 2.3 ม.2/1, ม.2/2, ม.2/3, ม.2/4, ม.2/5, ม.2/6
ว 3.2 ม.2/4, ม.2/5, ม.2/6, 2/7, 2/8, 2/9, 2/10

รวม 28 ตัวช้ีวดั

๗๐

รายวิชาวิทยาศาสตร์พน้ื ฐาน

ว ๒๒๑๐๒ การออกแบบและเทคโนโลยี ๒ กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๒

คาอธบิ ายรายวชิ า ภาคเรียนที่ ๑ เวลา ๒๐ ช่ัวโมง /๐.๕ หนว่ ยกติ

ศึกษาสาเหตุหรือปัจจัยที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ผลกระทบจากการเปล่ียนแปลง
เทคโนโลยีต่อมนุษย์ และสังคม ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีต่อเศรษฐกิจ ผลกระทบจาก
การเปล่ียนแปลงเทคโนโลยีต่อส่ิงแวดล้อม ประเภท ของวัสดุอุปกรณ์เพื่อให้สามารถสร้างชิ้นงานได้ตรงกับ

ความตอ้ งการ มีความปลอดภัย และใช้ทรัพยากรไดอ้ ย่างคุ้มค่า เครือ่ งกลใน การสร้างชิ้นงาน ได้แก่ รอก คาน
ล้อและเพลา พ้ืนเอียง ล่ิม สกรู เครื่องมือในการสร้างช้ินงาน เคร่ืองมือวัด เคร่ืองมือตัด เคร่ืองมือ ยึดติด

เคร่ืองมือเจาะ เสียงและอุปกรณ์ท่ีทาให้เกิดเสียง อุปกรณ์ท่ีทาให้เกิดเสียง ไฟฟ้าและอุปกรณ์ท่ีทาให้เกิดแสง
วงจรไฟฟ้าและ การต่อตัวต้านทาน ประเภทและการต่อวงจรไฟฟ้า ความสัมพันธ์ของกระบวนการทาง

วิทยาศาสตร์และวศิ วกรรมศาสตร์แนวคิด กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม
ระบบเทคโนโลยีการคดิ เชิงออกแบบ แนวคดิ หลักของการคิด เชงิ ออกแบบ กระบวนการคิดเชิงออกแบบ และ
ความคิดเชิงออกแบบของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยอาศัยกระบวนการเรียนรู้

โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem–based Learning) และการเรียนรู้แบบใช้โครงงานเป็นฐาน (Project–based
Learning) เน้นให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติ ฝึกทักษะการคิด เผชิญสถานการณ์การแก้ปัญหาวางแผนการเรียนรู้

และ นาเสนอผ่านการทากิจกรรมโครงงาน เพ่ือให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจ ความสัมพันธ์ของความรู้
วิทยาศาสตร์ที่มีผลต่อการพัฒนาเทคโนโลยีประเภทต่าง ๆ และการพัฒนาเทคโนโลยีที่ส่งผลให้มีการคิดค้น
ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ท่ีก้าวหน้า ผลของเทคโนโลยีต่อชีวิต สังคม และสิ่งแวดล้อม ตลอดจนนาความรู้

ความเข้าใจในวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและการดารงชีวิต จนสามารถ
พัฒนา กระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถในการแก้ปัญหาและการจัดการทักษะในการส่ือสาร

ความสามารถในการตัดสนิ ใจ เปน็ ผ้ทู มี่ ีจติ วทิ ยาศาสตร์มคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นยิ มในการใช้วิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์

ตวั ช้ีวัด
ว 4.1 ม.2/1, ม.2/2, ม.2/3, ม.2/4, ม.2/5

รวม 5 ตวั ชี้วดั

๗๑

รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์พนื้ ฐาน

ว ๒๒๑๐๓ วิทยาศาสตร์ ๔ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๒

คาอธิบายรายวิชา ภาคเรียนท่ี ๒ เวลา ๖๐ ชัว่ โมง /๑.๕ หนว่ ยกติ

เข้าใจความหมาย องค์ประกอบความสัมพันธ์ และธรรมชาติของแรงในชีวิตประจาวัน ผลของแรงที่
กระทาต่อวัตถุ การเคล่ือนท่ีของวัตถุท่ีเป็นผลของแรงลัพธ์ ความดันของของเหลว แรงพยุง แรงเสียดทาน
โมเมนต์ของแรง สนามแม่เหล็ก สนามไฟฟ้า และสนามโน้มถ่วง อัตราเร็วและความเร็ว หลักการทางานของ

เคร่ืองกลอย่างง่าย พลังงานจลน์ และพลังงานศักย์โน้มถ่วง การเปลี่ยนและการถ่ายโอนพลังงานโดยใช้กฎ
การอนุรักษ์พลงั งาน โครงสร้างภายในโลก กระบวนการผุพังอยูก่ ับท่ี การกรอ่ น และการสะสมตัวของตะกอน

ลักษณะของช้ันหน้าตัดดินและกระบวนการเกิดดิน สมบัติบางประการของดินแนวทางการใช้ประโยชน์ดิน
ปัจจัยและกระบวนการเกิดแหล่งน้าผิวดินและแหล่งน้าใต้ดิน แนวทางการใช้น้าอย่างย่ังยืนในท้องถิ่น

ของตนเอง กระบวนการเกิดและผลกระทบของน้าท่วม การกัดเซาะชายฝั่ง ดินถล่ม หลุมยุบ แผ่นดินทรุด
การนาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ และการประยกุ ต์ใชใ้ นชีวติ ประจาวนั

โดยใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อื่น ๆ เพ่ือแก้ปัญหาหรือ

พัฒนางานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม การสืบเสาะหาความรู้
การสารวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูลสังเกต ทดลอง อธิบาย อภิปราย เปรียบเทียบ การนาเสนอข้อมูล

เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถสื่อสารสิ่งท่ีเรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจได้
เห็นคุณค่าของการนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจาวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ คุณธรรม จริยธรรม และ
ค่านยิ มที่เหมาะสม

มคี ุณลักษณะอันพึงประสงค์ ในด้านการมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการทางาน และ
มจี ติ สาธารณะ

ตวั ชี้วดั
ว 2.2 ม.2/1, ม.2/2, ม.2/3, ม.2/4, ม.2/5, ม.2/6, 2/7, 2/8, 2/9, 2/10, 2/11, 2/12,

2/13, 2/14, 2/15
ว 2.3 ม.2/1, ม.2/2, ม.2/3, ม.2/4, ม.2/5, ม.2/6

ว 3.2 ม.2/4, ม.2/5, ม.2/6, 2/7, 2/8, 2/9, 2/10
รวม 28 ตัวชี้วัด

๗๒

รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์พน้ื ฐาน

ว ๒๒๑๐๔ วิทยากรคานวณ ๒ กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี ๒

คาอธิบายรายวิชา ภาคเรียนที่ ๒ เวลา ๔๐ ชวั่ โมง /๑.๐ หน่วยกิต

ศกึ ษาแนวคิดเชงิ คานวณ การแกป้ ัญหาโดยใช้แนวคิดเชิงคานวณ การเขียนโปรแกรมท่ีมีการใช้ตรรกะ
และฟังก์ชัน องค์ประกอบและหลักการทางานของระบบคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีสื่อสาร แนวทางการปฏิบัติ
เมอื่ พบเนื้อหาทีไ่ ม่เหมาะสม การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างมีความรับผิดชอบ วิธีการสรา้ งและกาหนดสทิ ธิ

ความเป็นเจา้ ของผลงาน
หาแนวคิดเชิงคานวณไปประยุกต์ใช้ในการเขียนโปรแกรม หรือการแก้ปัญหาในชีวิตจริง สร้างและ

กาหนดสิทธิก์ ารใชข้ อ้ มูล ตระหนักถึงผลกระทบในการเผยแพรข่ อ้ มูล

ตวั ชีว้ ดั
ว. 4.2 ม.2/1, ม.2/2, ม.2/3, ม.2/4

รวม 4 ตัวชว้ี ัด

๗๓

รายวิชาวทิ ยาศาสตรพ์ น้ื ฐาน

ว ๒๓๑๐๑ วทิ ยาศาสตร์ ๕ กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ ๓

คาอธบิ ายรายวิชา ภาคเรียนที่ ๑ เวลา ๖๐ ชว่ั โมง /๑.๕ หนว่ ยกิต

ศึกษาสมบัติ ประโยชน์ และคุณ ค่าของวัสดุพอลิเมอร์ เซรามิกส์ และวัสดุผสม อธิบาย
การเกิดปฏิกิริยาเคมี กฎทรงมวล วิเคราะห์ปฏิกิริยาดูดความร้อน และปฏิกิริยาคายความร้อน ปฏิกิริยา
การเกิดสนิมของเหล็ก ปฏิกิริยาของกรดกับโลหะ ปฏิกิริยาของกรดกับเบส ปฏิกิริยาของเบสกับโลหะ ระบุ

ประโยชน์และโทษของปฏิกิริยาเคมีท่ีมีต่อส่ิงมีชีวิตและส่ิงแวดล้อม ออกแบบวิธีแก้ปัญหาในชีวิตประจาวัน
โดยใช้ความรเู้ กยี่ วกบั ปฏิกริ ิยาเคมี โดยบูรณาการวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และวิศวกรรมศาสตร์

ความสัมพันธ์ระหว่างความต่างศักย์ กระแสไฟฟ้า และความต้านทาน วงจรไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์อย่างง่าย
พลังงานไฟฟ้า คานวณค่าไฟฟ้า การเกิดและส่วนประกอบของคล่ืน คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและสเปกตรัมคล่ืน

แม่เหลก็ ไฟฟา้ กฎการสะท้อนของแสง การเกดิ ภาพจากกระจกเงา การหักเหของแสง การกระจายแสงของแสง
การเกดิ ภาพจากเลนสบ์ าง การเกิดภาพของทัศนอปุ กรณแ์ ละเลนส์ตา ผลของความสวา่ งทม่ี ตี ่อดวงตา

โดยใช้ความรู้ และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อ่ืน ๆ เพ่ือแก้ปัญหาหรือ

พัฒนางานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม การสืบเสาะหาความรู้
การสารวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูลสังเกต ทดลอง อธิบาย อภิปราย เปรียบเทียบ การนาเสนอข้อมูล

เพ่ือให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถสื่อสารส่ิงที่เรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจได้
เห็นคุณค่าของการนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจาวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ คุณธรรม จริยธรรม และ
ค่านยิ มท่ีเหมาะสม

มคี ุณลักษณะอันพึงประสงค์ ในด้านการมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งม่ันในการทางาน และ
มีจติ สาธารณะ

ตัวชี้วัด
ว 2.1 ม.2/1, ม.2/2, ม.2/3, ม.2/4, ม.2/5, ม.2/6, 2/7, 2/8

ว 2.3 ม.2/1, ม.2/2, ม.2/3, ม.2/4, ม.2/5, ม.2/6, 2/7, 2/8, 2/9, 2/10, 2/11, 2/12,
2/13, 2/14, 2/15, 2/16, 2/17, 2/18, 2/19, 2/20, 2/21

รวม ๒๙ ตวั ช้ีวัด

๗๔

รายวชิ าวทิ ยาศาสตรพ์ นื้ ฐาน

ว ๒๓๑๐๒ การออกแบบและเทคโนโลยี ๓ กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ ๓

คาอธิบายรายวิชา ภาคเรยี นที่ ๑ เวลา ๒๐ ช่วั โมง /๐.๕ หนว่ ยกติ

ศึกษาเทคโนโลยีมีการเปล่ียนแปลงตลอดเวลาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งมีสาเหตุหรือปัจจัยมาจาก
หลายด้าน เช่น ปัญหาหรือความต้องการของมนุษย์ ความก้าวหน้าของศาสตร์ต่าง ๆ การเปล่ียนแปลงทาง
ดา้ นเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ส่ิงแวดล้อม เทคโนโลยีมีความสัมพันธ์กับศาสตร์อื่น โดยเฉพาะวทิ ยาศาสตร์

โดยวิทยาศาสตร์เป็นพื้นฐานความรู้ที่นาไปสกู่ ารพัฒนาเทคโนโลยี และเทคโนโลยีที่ได้สามารถเป็นเครื่องมือที่
ใช้ในการศึกษา ค้นคว้า เพื่อให้ได้มาซ่ึงองค์ความรู้ใหม่ ปัญหาหรือความต้องการอาจพบได้ในงานอาชีพของ

ชุมชนหรือท้องถิ่น ซ่ึงอาจมีหลายด้าน เช่น ด้านการเกษตร อาหาร พลังงาน การขนส่ง การวิเคราะห์
สถานการณ์ปัญหาช่วยให้เขา้ ใจเง่อื นไข และกรอบของปัญหาได้ชดั เจนจากน้นั ดาเนินการสืบคน้ รวบรวมข้อมูล

ความรจู้ ากศาสตร์ต่าง ๆ ที่เกยี่ วขอ้ ง เพอื่ นาไปสกู่ ารออกแบบแนวทางการแกป้ ญั หา
เพ่ือการวิเคราะห์ เปรียบเทียบ และตัดสินใจเลือกข้อมูลท่ีจาเป็น โดยคานึงถึงทรัพย์สินทางปัญญา

เง่ือนไขและทรัพยากร เช่น งบประมาณ เวลา ข้อมูลและสารสนเทศ วัสดุเคร่ืองมือและอุปกรณ์ ช่วยให้ได้

แนวทางการแก้ปัญหาท่ีเหมาะสม การออกแบบแนวทางการแก้ปัญหาทาได้หลากหลายวิธี เช่น การร่างภาพ
การเขยี นแผนภาพ การเขียนผังงาน เทคนคิ หรือวิธีการในการนาเสนอแนวทางการแก้ปัญหามีหลากหลาย เช่น

การใช้แผนภูมิ ตาราง ภาพเคล่ือนไหว การกาหนดขั้นตอน และระยะเวลาในการทางานก่อนดาเนินการ
แกป้ ัญหาจะชว่ ยใหก้ ารทางานสาเร็จได้ตามเป้าหมาย และลดขอ้ ผดิ พลาดของการทางานท่อี าจเกดิ ข้นึ

ตวั ช้ีวดั
ว 4.1 ม.3/1, ม.3/2, ม.3/3, ม.3/4, ม.3/5

รวม 5 ตวั ชี้วดั

๗๕

รายวชิ าวทิ ยาศาสตรพ์ น้ื ฐาน

ว ๒๓๑๐๓ วทิ ยาศาสตร์ ๖ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๓

คาอธบิ ายรายวชิ า ภาคเรยี นท่ี ๒ เวลา ๑๒๐ ช่วั โมง /๑.๕ หนว่ ยกติ

ศึกษาองคป์ ระกอบของระบบนิเวศ ความสัมพันธ์ระหว่างส่ิงมชี ีวิตกับสิ่งมีชีวิต การถ่ายทอดพลังงาน
ในสายใยอาหาร การสะสมสารพิษในสิ่งมีชีวิตในโซ่อาหาร ความสัมพันธ์ของส่ิงมีชีวิต และสิ่งแวดล้อม

ความสัมพันธ์ระหว่าง ยีน ดีเอ็นเอและโครโมโซม การถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมจากการผสม
โดยพิจารณาลักษณะเดียว จีโนไทป์และฟีโนไทป์ ความแตกต่างของการแบ่งเซลล์แบบไมโทซิสและไมโอซิส
โรคทางพันธุกรรม การใช้ประโยชน์จากส่ิงมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรม เปรียบเทียบความหลากหลายทางชีวภาพ

ในระดับชนิดสิ่งมีชีวิต การโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์ อธิบายการเกิดฤดูและการเคล่ือนที่ปรากฏ
ของดวงอาทิตย์ อธิบายการเกิดข้างขึ้นข้างแรม การเปลี่ยนแปลงเวลา การข้ึนและตกของดวงจันทร์ และ

การเกิดนา้ ขึน้ นา้ ลง ประโยชน์ของเทคโนโลยีอวกาศ ความกา้ วหน้าของโครงการสารวจอวกาศ
โดยใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และศาสตร์อื่น ๆ เพ่ือแก้ปัญหาหรือ

พัฒนางานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม การสืบเสาะหาความรู้
การสารวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูลสังเกต ทดลอง อธิบาย อภิปราย เปรียบเทียบ การนาเสนอข้อมูล
เพื่อให้เกิดความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถส่ือสารสิ่งที่เรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจได้ เห็น

คณุ ค่าของการนาความรไู้ ปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจาวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ คุณธรรม จริยธรรม และค่านิยม
ท่เี หมาะสม

มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ในด้านการมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการทางาน และ
มจี ิตสาธารณะ

ตวั ชี้วัด
ว 1.1 ม.1/1, ม.1/2, ม.1/3, ม.1/4, ม.1/5, ม.1/6

ว 1.3 ม.1/1, ม.1/2, ม.1/3, ม.1/4, ม.1/5, ม.1/6 , ม.1/7, ม.1/8, ม.1/9, ม.1/10,
ม.1/11

ว 3.1 ม.3/1, ม.3/2, ม.3/3, ม.3/4

รวม ๒๑ ตัวชี้วัด

๗๖

รายวชิ าวทิ ยาศาสตรพ์ นื้ ฐาน

ว ๒๓๑๐๔ วทิ ยากรคานวณ ๓ กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี ๓

คาอธบิ ายรายวิชา ภาคเรยี นท่ี ๒ เวลา ๔๐ ชั่วโมง /๑.๐ หนว่ ยกิต

ศึกษาข้ันตอนการพัฒนาแอปพลิเคชัน Internet of Things (IoT) การเขียนโปรแกรมเพื่อพัฒนา
แอปพลิเคชนั ข้อมลู ปฐมภูมิและทุติยภูมิ การประมวลผลข้อมูล การสร้างทางเลือกและประเมินผล ซอฟต์แวร์
หรือบริการบนอินเทอร์เน็ตที่ใช้ในการจัดการข้อมูล การประเมินการความน่าเช่ือถอื ของข้อมูล การสืบค้นหา

แหล่งต้นตอของข้อมูล เหตุผลวิวัติ ผลกระทบจากข่าวสารที่ผิดพลาด การรู้เท่าทันส่ือ กฎหมายที่เก่ียวกับ
คอมพวิ เตอร์ การใชล้ ิขสทิ ธ์ิของผอู้ ื่นโดยชอบธรรม

รวบรวมข้อมูลปฐมภูมิหรือทุติยภูมิ ประมวลผล สร้างทางเลือก และนาเสนอการตัดสินใจได้อย่าง
มีประสิทธิภาพ ออกแบบและเขียนโปรแกรม เพ่ือพัฒนาแอปพลิเคชันท่ีมีการบูรณาการกับวิชาอ่ืนอย่าง

สร้างสรรค์ ใชง้ านเทคโนโลยีสารสนเทศ อยา่ งรเู้ ท่าทนั และมีความรับผดิ ชอบตอ่ สังคม

ตวั ชีว้ ดั
ว. 4.2 ม.3/1, ม.3/2, ม.3/3, ม.3/4

รวม 4 ตวั ช้วี ัด

๗๗

รายวชิ าวิทยาศาสตรเ์ พ่ิมเตมิ

ว ๒๑๒๐๑ วทิ ยาศาสตรเ์ พิ่มเตมิ ๑ (ของเลน่ เชิงวิทยาศาสตร)์ ก ลุ่ ม ส า ร ะ ก า ร เรี ย น รู้ วิ ท ย า ศ า ส ต ร์
เวลา ๔๐ ช่วั โมง /๑.๐ หนว่ ยกติ
ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ ๑ ภาคเรยี นที่ ๑

คาอธบิ ายรายวชิ า

เขา้ ใจ วเิ คราะห์ ออกแบบสร้างของเลน่ อยา่ งงา่ ยตามแบบที่กาหนดให้ ดัดแปลงหรือประดษิ ฐข์ องเล่น
ที่ใช้เครื่องกลอย่างง่ายหรือ หลักการทางไฟฟ้าและอิเล็กโทรนิกส์อย่างง่าย อธิบายกระบวนการทางานของ
ของเล่นดว้ ยหลักการทางวทิ ยาศาสตร์

โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ค้นคว้าหาความรู้อย่าง
หลากหลายจากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ การสังเกต การวิเคราะห์ การทดลอง การอภิปราย การอธิบายและสรุป
เพอ่ื ให้เกิดความรู้ ความคดิ ความเขา้ ใจ สามารถสื่อสารส่ิงที่เรียนรู้ มคี วามสามารถตัดสินใจ มีนิสัยใฝ่รูใ้ ฝ่เรียน
มีความมุ่งม่ันในการทางาน การนาความรู้ไปใช้ในชีวิตของตนเอง ดูแลสิ่งมีชีวิตอ่ืน เฝ้าระวังและพัฒนา
สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน และดารงชีวิตอย่างพอเพียง มีจิตวิทยาศาสตร์และจิตอาสา จริยธรรม คุณธรรมและ
คา่ นยิ ม

ผลการเรียนรู้
1. ต้ังคาถามเกี่ยวกับหลักการทางวิทยาศาสตร์ทีส่ ังเกตไดจ้ ากการเล่นของเลน่
2. สังเกต และอธิบายหลักการทางานของเคร่ืองกลอย่างง่าย วงจรไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์อย่างง่าย
ท่ปี ระกอบขึ้นในของเล่น
3. ตรวจสอบ และแก้ไขข้อบกพร่องของเครื่องกลอย่างง่าย วงจรไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์อย่างง่าย
ทปี่ ระกอบข้นึ ในของเลน่ ทีก่ าหนด
4. ออกแบบ และประดษิ ฐ์ของเล่นโดยใช้เคร่อื งกลอย่างง่าย และไฟฟ้าและอิเลก็ ทรอนิกส์อยา่ งงา่ ย
5. มเี จตคติท่ดี ตี อ่ หลกั การทางวทิ ยาศาสตรใ์ นของเลน่

รวม 5 ผลการเรียนรู้

๗๘

รายวชิ าวทิ ยาศาสตรเ์ พิ่มเตมิ

ว ๒๑๒๐๒ การออกแบบและเทคโนโลยีเพิม่ เติม ๑ กลุ่มสาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ ๑

คาอธิบายรายวชิ า ภาคเรียนที่ ๑ เวลา ๒๐ ชั่วโมง /๐.๕ หนว่ ยกิต

ศึกษาแนวคิดหลักของเทคโนโลยีในชีวิตประจาวัน วิเคราะห์สาเหตุหรือปัจจัยที่ส่งผลต่อ
การเปล่ียนแปลงของเทคโนโลยี ระบุปัญหาหรือความต้องการในชีวิตประจาวัน รวบรวม วิเคราะห์ข้อมูล

แนวคิดที่เก่ียวข้องกับปัญหา การออกแบบวิธีการ แก้ปัญหา ตัดสินใจเลือกข้อมูลท่ีจาเป็น นาเสนอแนวทาง
การแก้ปัญหาให้ผู้อ่ืนเข้าใจ วางแผน ดาเนินการแก้ปัญหา ด้วยการ ทดสอบ ประเมินผล ระบุข้อบกพร่อง

ท่ีเกิดขึ้น พร้อมทั้งหาแนวทางการปรับปรุงแก้ไข และนาเสนอผลการแก้ปัญหา เลือกใช้วัสดุ อุปกรณ์
เคร่ืองมือกลไกไฟฟ้า หรืออิเล็กทรอนิกส์เพ่ือแก้ปัญหาได้อย่างถูกต้อง เหมาะสมและปลอดภัย โดยอาศัย
กระบวนการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem – based Learning) และการเรียนรู้แบบใช้โครงงาน

เป็นฐาน (Project – based Learning) เน้นให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติ ฝึกทักษะการคิด เผชิญสถานการณ์
การแก้ปัญหาวางแผนการเรยี นรู้ และนาเสนอผา่ นการทากจิ กรรมโครงงาน

เพ่อื ใหผ้ ้เู รียนมคี วามรูค้ วามเขา้ ใจ ความสมั พนั ธข์ องความรู้วิทยาศาสตร์ที่มีผลตอ่ การพัฒนาเทคโนโลยี
ประเภทต่าง ๆ และการพัฒนาเทคโนโลยีท่ีส่งผลให้มีการคิดค้นความรู้ทางวิทยาศาสตร์ท่ีก้าวหน้า ผลของ
เทคโนโลยตี ่อชีวิต สังคม และสิ่งแวดล้อม ตลอดจนนาความรคู้ วามเข้าใจในวชิ าวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีไป

ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม และการดารงชีวิต จนสามารถ พัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ
ความสามารถในการแก้ปัญหาและการจัดการทักษะในการสื่อสาร ความสามารถในการ ตัดสินใจ เป็นผู้ที่มี

จติ วิทยาศาสตรม์ ีคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยมในการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์

๗๙

รายวิชาวทิ ยาศาสตรเ์ พม่ิ เตมิ

ว ๒๑๒๐๓ วิทยาศาสตร์เพิ่มเตมิ ๒(พลงั งานทดแทนกับการใชป้ ระโยชน์)กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์

ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑ ภาคเรยี นท่ี ๒ เวลา ๔๐ ชั่วโมง /๑.๐ หน่วยกิต

คาอธบิ ายรายวชิ า

ศึกษา วิเคราะห์ ทดลอง ตรวจสอบ เกี่ยวกับพลังงานน้า พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงาน
ชีวมวลและพลังงานนิวเคลียร์ เพ่ือให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการทางวิทยาศาสตร์ของพลังงาน
ดังกล่าว และการนามาใช้ประโยชน์เป็นพลังงานทดแทน ตระหนักถึงความสาคัญ บทบาท และผลกระทบของ
พลังงานเหล่านน้ั ทีม่ ตี ่อมนุษย์ และสงิ่ แวดล้อม

โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถสื่อสาร
สง่ิ ท่ีเรียนรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ นาความรู้ไปใช้ในชวี ิตประจาวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม และ

คา่ นิยมที่เหมาะสม

ผลการเรยี นรู้
๑. ทดลอง และเขียนสรุปหลกั การทางวทิ ยาศาสตร์ในการนาพลังงานนา้ ไปใชป้ ระโยชน์
๒. ทดลอง และเขียนสรุปหลักการนาพลังงานน้าไปใช้ผลิตไฟฟ้า และบอกข้อดี ข้อจากัดในการนา

พลังงานนา้ ไปใชเ้ ป็นพลงั งานทดแทน
๓. ทดลอง และเขียนสรุปหลกั การทางวทิ ยาศาสตรใ์ นการนาพลงั งานลมไปใช้ประโยชน์

๔. ทดลอง และเขียนสรุปหลักการนาพลังงานลมไปใช้ผลิตไฟฟ้า และบอกข้อดี ข้อจากัดในการนา
พลงั งานลมไปใช้เป็นพลังงานทดแทน

๕. ทดลอง และเขียนสรุปหลักการนาพลังงานแสงอาทิตย์ไปใช้ประโยชน์ โดยการเปลี่ยนไปเป็น

พลงั งานความร้อน
๖. ทดลอง และเขียนสรปุ หลกั การนาพลังงานแสงอาทิตย์ไปผลิตไฟฟ้า และบอกข้อดี ข้อจากัดในการ

นาพลังงานแสงอาทติ ยไ์ ปใช้เป็นพลังงานทดแทน
๗. เขียนสรปุ หลกั การทางวิทยาศาสตร์ของพลงั งานชีวมวล และการนาพลังงานชวี มวลไปใช้ประโยชน์
๘. สารวจตรวจสอบเพ่ือเขียนสรุปการนาพลังงานชีวมวลไปใช้เป็นพลังงานทดแทน และบอกข้อดี

ขอ้ จากัดของการนาพลงั งานชีวมวลไปใช้เป็นพลังงานทดแทน
๙. เขยี นสรปุ ความหมายของพลังงานนวิ เคลียร์ พร้อมทง้ั ยกตัวอย่างแหลง่ กาเนดิ พลังงานนวิ เคลียร์

๑๐. ระบุความสาคัญพร้อมท้ังยกตัวอย่างการนาพลังงานนิวเคลียร์ไปใช้ประโยชน์ พร้อมทั้งอธิบาย
ขอ้ ดี ข้อจากดั และแนวทางการพฒั นา การนาพลังงานนวิ เคลยี รไ์ ปใชเ้ ป็นพลงั งานทดแทนในการผลติ ไฟฟ้า
รวม 10 ผลการเรยี นรู้

๘๐

รายวชิ าวิทยาศาสตรเ์ พ่ิมเติม

ว ๒๒๒๐๑ วิทยาศาสตร์เพิ่มเติม ๓ (เริ่มต้นกับโครงงานวิทยาศาสตร์) กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์

ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๒ ภาคเรยี นท่ี ๑ เวลา ๔๐ ช่ัวโมง /๑.๐ หนว่ ยกติ

คาอธบิ ายรายวชิ า

ศกึ ษา วิเคราะห์ ทากิจกรรม สรา้ งแรงบันดาลใจ ในการทาโครงงานวิทยาศาสตร์ ลักษณะสาคัญของ
โครงงานวิทยาศาสตร์ประเภทต่าง ๆ การเริ่มต้นทาโครงงานวิทยาศาสตร์ ด้วยการต้ังคาถามและการสืบค้น
ข้อมลู การวางแผนและการออกแบบโครงงานวทิ ยาศาสตร์ การเขียนเค้าโครงของโครงงาวิทยาศาสตร์ การทา
โครงงานวิทยาศาสตร์ การเขียนรายงาน และการนาเสนอโครงงานวิทยาศาสตร์

โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถสื่อสาร
สิง่ ที่รู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ นาความรู้ไปใช้ในชีวิตประจาวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม

และค่านิยมทเ่ี หมาะสม

ผลการเรียนรู้
1. วิเคราะห์ และอธิบายลักษณะสาคญั ของโครงงานประเภทตา่ ง ๆ ได้

2. ตั้งคาถามจากสถานการณ์ต่าง ๆ ตามความสนใจ โดยมีประเด็นหรือตัวแปรที่สาคัญในการสารวจ
ตรวจสอบหรอื ศกึ ษาได้อย่างครอบคลุม และเช่ือถอื ได้

3. สร้างสมมติฐานที่สามารถตรวจสอบได้ และวางแผนการสารวจตรวจสอบหลาย ๆ วิธี

4. รวบรวมขอ้ มูล จดั กระทาข้อมลู เชิงปริมาณและคุณภาพได้

5. เลือกเทคนิควิธีการสารวจตรวจสอบท้ังเชิงปริมาณ และเชงิ คณุ ภาพที่ได้ผลเที่ยงตรง และปลอดภัย
โดยใช้วสั ดุ และเครอื่ งมอื ท่เี หมาะสม

6. วเิ คราะห์โครงงานวทิ ยาศาสตร์ และมแี นวคดิ ในการวางแผนการทดลอง รวมถึงจัดทาเค้าโครงของ
โครงงานวิทยาศาสตรไ์ ด้

7. วเิ คราะห์ และอธิบายผลการทดลองเช่อื มโยงกบั สมมติฐาน และสถานการณใ์ นชีวติ ประจาวนั ได้

8. บันทึก และอธิบายผลการสังเกต การสารวจ ตรวจสอบ ค้นคว้าเพิ่มเติมจากแหล่งความรู้ต่าง ๆ
ให้ได้ข้อมูลท่ีเช่อื ถือได้ และยอมรบั การ เปลี่ยนแปลงความรู้ที่คน้ พบเมอื่ มีขอ้ มลู และประจกั ษ์พยานใหมเ่ พิ่มข้ึน
หรอื โต้แยง้ จากเดิม

9. ทาโครงงานวิทยาศาสตร์ ตามความสนใจ โดยมีขั้นตอนของกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ใน
การแก้ปญั หา และนาเสนอได้อย่างเหมาะสม

10.จัดแสดงผลงาน เขยี นรายงาน และ/หรอื อธิบายเกี่ยวกับแนวคดิ กระบวนการและผลของโครงงาน
หรอื ชิ้นงานใหผ้ ู้อื่นเข้าใจ
รวม 10 ผลการเรยี นรู้

๘๑

รายวชิ าวทิ ยาศาสตรเ์ พมิ่ เตมิ

ว ๒๒๒๐๒ การออกแบบและเทคโนโลยีเพม่ิ เติม ๒ กลุม่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๒

คาอธิบายรายวชิ า ภาคเรียนที่ ๑ เวลา ๒๐ ชวั่ โมง /๐.๕ หน่วยกิต

ศึกษาสาเหตุหรือปัจจัยท่ีส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลง
เทคโนโลยีต่อมนุษย์ และสังคม ผลกระทบจากการเปล่ียนแปลงเทคโนโลยีต่อเศรษฐกิจ ผลกระทบจาก

การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีต่อส่ิงแวดล้อม ประเภท ของวัสดุอุปกรณ์เพ่ือให้สามารถสร้างชิ้นงานได้ตรงกับ
ความตอ้ งการ มคี วามปลอดภัย และใช้ทรัพยากรได้อยา่ งคุ้มค่า เคร่ืองกลใน การสร้างชิ้นงาน ได้แก่ รอก คาน

ล้อและเพลา พ้ืนเอียง ลิ่ม สกรู เครื่องมือในการสร้างช้ินงาน เครื่องมือวัด เครื่องมือตัด เครื่องมือ ยึดติด
เคร่ืองมือเจาะ เสียงและอุปกรณ์ท่ีทาให้เกิดเสียง อุปกรณ์ท่ีทาให้เกิดเสียง ไฟฟ้าและอุปกรณ์ท่ีทาให้เกิดแสง
วงจรไฟฟ้าและ การต่อตัวต้านทาน ประเภทและการต่อวงจรไฟฟ้า ความสัมพันธ์ของกระบวนการทาง

วทิ ยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์แนวคิด กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม
ระบบเทคโนโลยีการคิดเชิงออกแบบ แนวคิดหลักของการคิด เชิงออกแบบ กระบวนการคิดเชิงออกแบบ และ

ความคิดเชิงออกแบบของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยอาศัยกระบวนการเรียนรู้
โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem–based Learning) และการเรียนรู้แบบใช้โครงงานเป็นฐาน (Project–based
Learning) เน้นให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติ ฝึกทักษะการคิด เผชิญสถานการณ์การแก้ปัญหาวางแผนการเรียนรู้

และ นาเสนอผ่านการทากิจกรรมโครงงาน
เพอ่ื ใหผ้ เู้ รียนมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจ ความสมั พนั ธข์ องความรู้วิทยาศาสตรท์ มี่ ีผลตอ่ การพัฒนาเทคโนโลยี

ประเภทต่าง ๆ และการพัฒนาเทคโนโลยีที่ส่งผลให้มีการคิดค้นความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่ก้าวหน้า ผลของ
เทคโนโลยีต่อชวี ิต สงั คม และสง่ิ แวดลอ้ ม ตลอดจนนาความรู้ ความเขา้ ใจในวชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและการดารงชีวิต จนสามารถพัฒนา กระบวนการคิดและจินตนาการ

ความสามารถในการแก้ปัญหาและการจัดการทักษะในการสื่อสาร ความสามารถในการตัดสินใจ เป็นผู้ท่ีมี
จติ วิทยาศาสตรม์ ีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ มในการใช้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีอย่างสรา้ งสรรค์

๘๒

รายวชิ าวิทยาศาสตรเ์ พิ่มเตมิ

ว ๒๒๒๐๓ วทิ ยาศาสตรเ์ พม่ิ เตมิ ๔ (โครงงานวทิ ยาศาสตร์) กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์
เวลา ๔๐ ช่ัวโมง /๑.๐ หนว่ ยกิต
ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๒ ภาคเรยี นท่ี ๒

คาอธิบายรายวชิ า

เข้าใจ วิเคราะห์ ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ ลงมือปฏิบัติโครงงานวิทยาศาสตร์ การดาเนินการทา

โครงงานวิทยาศาสตร์ประเภท ทดลอง สารวจและสง่ิ ประดิษฐ์
โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ค้นคว้าหาความรู้อย่าง

หลากหลายจากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ การสังเกต การวิเคราะห์ การทดลอง การอภิปราย การอธิบาย และสรุป
เพอ่ื ให้เกิดความรู้ ความคดิ ความเขา้ ใจ สามารถส่ือสารส่ิงท่ีเรียนรู้ มคี วามสามารถตัดสนิ ใจ มีนิสัยใฝ่รใู้ ฝ่เรียน
มีความมุ่งมั่นในการทางาน การนาความรู้ไปใช้ในชีวิตของตนเอง ดูแลสิ่งมีชีวิตอ่ืน เฝ้าระวังและพัฒนา

สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน และดารงชีวิตอย่างพอเพียง มีจิตวิทยาศาสตร์และจิตอาสา จริยธรรม คุณธรรมและ
คา่ นิยม

ผลการเรียนรู้
1. วิเคราะหก์ ระบวนการในการสารวจตรวจสอบสมมตุ ฐิ าน

2. มีความรู้ความเข้าใจในข้นั ตอนการทาโครงงานวิทยาศาสตร์
3. สามารถดาเนนิ การทดลอง และแกป้ ัญหาการทาโครงงานวิทยาศาสตร์

4.สามารถอธิบายวิธีการทาโครงงานวิทยาศาสตร์อย่างเป็นระบบ และวิธีการทาโครงงานให้
ประสบความสาเร็จ

5. สามารถจัดทารายงงานโครงงานวิทยาศาสตรไ์ ด้อย่างสมบรู ณ์

รวม ๕ ผลการเรยี นรู้

๘๓

รายวิชาวทิ ยาศาสตร์เพมิ่ เติม

ว ๒๓๒๐๑ วทิ ยาศาสตรเ์ พิม่ เตมิ ๕ (เช้อื เพลิงเพอื่ การคมนาคม) กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์

ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๓ ภาคเรียนที่ ๑ เวลา ๔๐ ชัว่ โมง /๑.๐ หนว่ ยกติ

คาอธบิ ายรายวชิ า

เข้าใจ วิเคราะห์ ทดลอง องค์ประกอบและประเภทของปิโตรเลียม หินต้นกาเนิดและแหล่งกักเก็บ
ปิโตรเลียม การสารวจและแหล่งปิโตรเลียม ผลกระทบและแนวทางแก้ไขที่เกิดจากการสารวจและการผลิต
ปโิ ตรเลียม การแยกก๊าซธรรมชาติ การกลั่นน้ามันดิบ ผลิตภัณฑ์จากก๊าซธรรมชาติและจากการกลั่นน้ามันดิบ
และการใช้ประโยชน์ ผลกระทบจากกระบวนการผลติ ผลติ ภัณฑจ์ ากปโิ ตรเลยี มและแนวทางแก้ไข สถานการณ์
พลังงานของโลกและของประเทศไทย การใช้พลังงานด้านการคมนาคมของประเทศไทย การกาหนดราคา
น้ามันเช้ือเพลิง ผลกระทบและแนวทางการแก้ไขผลจากการใช้เช้ือเพลิงเพื่อการคมนาคม เช้ือเพลิงท่ีเป็น
พลังงานทดแทน

โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ค้นคว้าหาความรู้อย่าง
หลากหลายจากแหลง่ เรียนรู้ต่าง ๆ การสังเกต การวเิ คราะห์ การทดลอง การอภปิ ราย การอธบิ ายและสรุป

เพอ่ื ให้เกดิ ความรู้ ความคดิ ความเข้าใจ สามารถสอื่ สารสิง่ ท่ีเรยี นรู้ มคี วามสามารถตัดสินใจ มนี ิสยั ใฝ่รู้
ใฝเ่ รียน มคี วามมงุ่ มั่นในการทางาน การนาความร้ไู ปใช้ในชีวิตของตนเอง ดแู ลส่ิงมีชวี ิตอื่น เฝา้ ระวังและพัฒนา
ส่ิงแวดล้อมอย่างยั่งยืน และดารงชีวิตอย่างพอเพียง มีจิตวิทยาศาสตร์และจิตอาสา จริยธรรม คุณธรรมและ
คา่ นิยม

ผลการเรียนรู้
1. อธิบายความสาคัญ และการกาเนิด ของปิโตรเลยี ม กา๊ ซธรรมชาติ ถ่านหิน และหินน้ามัน

2. อธิบายแหลง่ การสารวจ และปริมาณสารองของปโิ ตรเลียม และ แก๊สธรรมชาติ
3. อธิบายผลติ ภณั ฑป์ ิโตรเลียมและการนาไปใชป้ ระโยชน์
4. อธบิ ายโครงสร้างราคา และวิเคราะห์สถานการณก์ ารใช้นา้ มันเช้ือเพลงิ เพ่อื การคมนาคม
5. อธบิ ายประเภทและการใช้ประโยชน์ จากเชอ้ื เพลิงที่เป็นพลงั งานทดแทน
6. นาเสนอแนวทางการใชป้ ิโตรเลยี ม และแกส๊ ธรรมชาติ อย่างประหยดั และถูกวิธี
รวม ๖ ผลการเรยี นรู้

๘๔

รายวิชาวิทยาศาสตร์เพ่มิ เตมิ

ว ๒๓๒๐๒ การออกแบบและเทคโนโลยเี พิ่มเตมิ ๓ กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๓

คาอธิบายรายวชิ า ภาคเรยี นที่ ๑ เวลา ๒๐ ชัว่ โมง /๐.๕ หน่วยกติ

ศึกษาเทคโนโลยีมีการเปล่ียนแปลงตลอดเวลาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซ่ึงมีสาเหตุ หรือปัจจัย
มาจากหลายด้าน เช่น ปญั หาหรือความตอ้ งการของมนุษย์ ความก้าวหน้าของศาสตร์ต่าง ๆ การเปลี่ยนแปลง

ทางด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีมีความสัมพันธ์กับศาสตร์อื่น โดยเฉพาะ
วิทยาศาสตร์ โดยวิทยาศาสตร์เป็นพ้ืนฐานความรู้ที่นาไปสู่การพัฒนาเทคโนโลยี และเทคโนโลยีท่ีได้สามารถ

เป็นเคร่ืองมือท่ีใช้ในการศึกษา ค้นคว้า เพื่อให้ได้มาซึ่งองค์ความรู้ใหม่ ปัญหาหรือความต้องการอาจพบได้
ในงานอาชีพของชุมชนหรือท้องถ่ิน ซ่ึงอาจมีหลายด้าน เช่น ด้านการเกษตร อาหาร พลังงาน การขนส่ง
การวิเคราะห์สถานการณ์ปัญหาช่วยให้เข้าใจเง่ือนไข และกรอบของปัญหาได้ชัดเจนจากนั้นดาเนนิ การสืบค้น

รวบรวมขอ้ มลู ความรู้จากศาสตร์ต่าง ๆ ทเ่ี ก่ยี วข้อง เพ่อื นาไปสูก่ ารออกแบบแนวทางการแกป้ ัญหา
เพื่อการวิเคราะห์ เปรียบเทียบ และตัดสินใจเลือกข้อมูลท่ีจาเป็น โดยคานึงถึงทรัพย์สินทางปัญญา

เง่ือนไขและทรัพยากร เช่น งบประมาณ เวลา ข้อมูลและสารสนเทศ วัสดุเครื่องมือและอุปกรณ์ ช่วยให้ได้
แนวทางการแก้ปัญหาที่เหมาะสม การออกแบบแนวทางการแก้ปัญหาทาได้หลากหลายวิธี เช่น การร่างภาพ
การเขียนแผนภาพ การเขียนผังงาน เทคนิคหรือวิธีการในการนาเสนอแนวทางการแกป้ ญั หามีหลากหลาย เช่น

การใช้แผนภูมิ ตาราง ภาพเคล่ือนไหว การกาหนดขั้นตอน และระยะเวลาในการทางานก่อนดาเนินการ
แก้ปญั หาจะชว่ ยใหก้ ารทางานสาเร็จได้ตามเปา้ หมาย และลดขอ้ ผิดพลาดของการทางานที่อาจเกดิ ข้ึน

๘๕

รายวชิ าวิทยาศาสตรเ์ พิ่มเติม

ว ๒๓๒๐๒ วทิ ยาศาสตร์เพิม่ เตมิ ๖ (วทิ ยาศาสตรก์ ับความงาม) กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์

ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ ๓ ภาคเรยี นท่ี ๒ เวลา ๔๐ ชว่ั โมง /๑.๐ หน่วยกติ

คาอธบิ ายรายวชิ า

ศึกษา วิเคราะห์หลักการทางวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวกับความงาม โครงสร้างร่างกาย การดูแลผิวพรรณ

เครื่องสาอางในชีวิตประจาวัน และเคร่ืองสาอางตามท้องตลาด การใช้สมุนไพรในท้องถิ่นเพื่อความงาม และ
สุขภาพ เทคโนโลยีความงามและสขุ ภาพ แนวทางปฏบิ ัตเิ พือ่ ดแู ลความงามตามธรรมชาติทส่ี มวัย

โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ค้นคว้าหาความรู้อย่าง
หลากหลายจากแหลง่ เรียนรู้ต่าง ๆ การสงั เกต การวิเคราะห์ การทดลอง การอภปิ รายการอธิบายและสรปุ

เพื่อให้เกดิ ความรู้ ความคดิ ความเข้าใจ สามารถสื่อสารสิ่งท่ีเรยี นรู้ มีความสามารถตัดสนิ ใจ มีนิสัยใฝ่รู้

ใฝเ่ รยี น มคี วามมงุ่ ม่นั ในการทางาน การนาความร้ไู ปใช้ในชวี ิตของตนเอง ดูแลส่ิงมีชวี ิตอ่ืน เฝา้ ระวังและพัฒนา
สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน และดารงชีวิตอย่างพอเพียง มีจิตวิทยาศาสตร์และจิตอาสา จริยธรรม คุณธรรมและ

ค่านิยม
ผลการเรียนรู้

1. อธิบายความสาคญั ของอาหาร และปจั จยั ท่ีมีผลตอ่ สขุ ภาพ

2. อธบิ ายโครงสรา้ งท่ีเกยี่ วข้องกบั ความงาม ระบปุ ญั หา และแนวทางการแก้ไขปัญหา
3. สืบค้นข้อมูลเก่ยี วกับเคร่ืองสาอาง และผลที่เกดิ ขนึ้ จากการใช้เครอ่ื งสาอางในชีวติ ประจาวัน

4. สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับสมุนไพร ภูมิปัญญาไทย และเทคโนโลยีท่ีเก่ียวข้องกับความงามและสุขภาพ
รวมทงั้ นาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์

5. สืบคน้ ขอ้ มลู เก่ยี วกบั เครือ่ งสาอางท่มี ีจาหน่ายตามท้องตลาด และนาความรูไ้ ปใช้ประโยชน์

6.แสดงพฤติกรรมท่ีสะท้อนว่ามีความสามารถในการตัดสินใจ นาความรู้ไปใช้ในชีวิตประจาวัน
มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรม และค่านิยมทเี่ หมาะสมท่เี กยี่ วกับความงาม

รวม 5 ผลการเรยี นรู้

๘๖

กลมุ่ สาระการเรียนรูส้ งั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม

ความสาคญั ของสังคมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม

สังคมโลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตลอดเวลา กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาศาสนา
และวัฒนธรรม ช่วยให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจ ว่ามนุษย์ดารงชีวิตอย่างไร ท้ังในฐานะปัจเจกบุคคล และ
การอยู่ร่วมกันในสังคม การปรับตัวตามสภาพแวดล้อม การจัดการทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจากัด นอกจากน้ียัง
ช่วยให้ผูเ้ รยี นเข้าใจถงึ การพฒั นาเปลยี่ นแปลงตามยุคสมัย กาลเวลา ตามเหตปุ ัจจัยต่างๆ ทาให้เกิดความเข้าใจ
ในตนเอง และผู้อื่น มีความอดทน อดกล้ัน ยอมรับในความแตกต่าง และมีคุณธรรม สามารถนาความรู้ไป
ปรับใชใ้ นการดาเนนิ ชวี ิต เปน็ พลเมืองดขี องประเทศชาติ และสังคมโลก

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้สังคมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรม ว่าด้วยการอยู่รว่ มกันในสังคม ท่ีมีความเชื่อม
สมั พันธก์ ัน และมีความแตกต่างกันอย่างหลากหลาย เพ่ือช่วยให้สามารถปรับตนเองกับบริบทสภาพแวดล้อม
เป็นพลเมืองดี มคี วามรับผิดชอบ มีความรู้ ทักษะ คุณธรรม และค่านิยมที่เหมาะสม โดยไดก้ าหนดสาระต่างๆ
ไว้ ดงั น้ี

ศาสนา ศีลธรรมและจรยิ ธรรม แนวคิดพื้นฐานเกย่ี วกบั ศาสนา ศลี ธรรม จริยธรรม หลักธรรมของ
พระพุทธศาสนาหรือศาสนาท่ีตนนับถือ การนาหลักธรรมคาสอนไปปฏิบัติในการพัฒนาตนเอง และ
การอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข เป็นผู้กระทาความดี มีค่านิยมท่ีดีงาม พัฒนาตนเองอยู่เสมอ รวมท้ังบาเพ็ญ
ประโยชน์ตอ่ สังคมและสว่ นรวม

หน้าทพ่ี ลเมือง วัฒนธรรม และการดาเนินชวี ิต ระบบการเมอื งการปกครองในสังคมปัจจบุ นั
การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ลักษณะและความสาคัญ การเป็น
พลเมืองดี ความแตกต่างและความหลากหลายทางวัฒนธรรม ค่านิยม ความเชื่อ ปลูกฝังค่านิยมด้าน
ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สิทธิ หน้าที่ เสรีภาพการดาเนินชีวิตอย่างสันติสุข
ในสงั คมไทย และสงั คมโลก

เศรษฐศาสตร์ การผลิต การแจกจา่ ย และการบรโิ ภคสินคา้ และบริการ การบรหิ ารจัดการทรพั ยากร
ที่มีอย่อู ย่างจากดั อยา่ งมีประสิทธิภาพ การดารงชวี ิตอย่างมีดลุ ยภาพ และการนาหลกั เศรษฐกิจพอเพียงไปใช้
ในชวี ติ ประจาวนั

ประวัตศิ าสตร์ เวลาและยคุ สมัยทางประวัติศาสตร์ วธิ กี ารทางประวตั ศิ าสตร์ พัฒนาการของ
มนุษยชาติจากอดีตถึงปัจจุบัน ความสัมพันธ์และเปล่ียนแปลงของเหตุการณ์ต่างๆ ผลกระทบที่เกิดจาก
เหตุการณ์สาคัญในอดีต บุคคลสาคัญท่ีมีอิทธิพลต่อการเปล่ียนแปลงต่างๆในอดีต ความเป็นมาของชาติไทย
วัฒนธรรมและภมู ปิ ัญญาไทย แหล่งอารยธรรมท่สี าคญั ของโลก

ภมู ิศาสตร์ ลกั ษณะของโลกทางกายภาพ ลกั ษณะทางกายภาพ แหลง่ ทรพั ยากร และภมู อิ ากาศของ
ประเทศไทย และภูมิภาคต่างๆ ของโลก การใช้แผนท่ีและเครื่องมือทางภูมิศาสตร์ ความสัมพันธ์กันของสิ่ง
ต่างๆ ในระบบธรรมชาติ ความสัมพันธ์ของมนุษย์กับสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ และสิ่งท่ีมนุษย์สร้างขึ้น
การนาเสนอขอ้ มลู ภมู สิ ารสนเทศ การอนรุ กั ษ์สิง่ แวดลอ้ มเพื่อการพฒั นาที่ยัง่ ยืน

๘๗

สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้

สาระท่ี ๑ ศาสนา ศลี ธรรม จริยธรรม
มาตรฐาน ส ๑.๑ รู้ และเขา้ ใจประวตั ิ ความสาคญั ศาสดา หลกั ธรรมของพระพทุ ธศาสนาหรอื ศาสนาท่ตี น

นับถือและศาสนาอ่ืน มศี รัทธาทถี่ กู ตอ้ ง ยึดมั่น และปฏบิ ัติตามหลักธรรม เพื่ออยูร่ ว่ มกัน
อย่างสนั ตสิ ขุ
มาตรฐาน ส ๑.๒ เขา้ ใจ ตระหนักและปฏบิ ตั ิตนเป็นศาสนกิ ชนทีด่ ี และธารงรักษาพระพทุ ธศาสนาหรือ
ศาสนาท่ีตนนับถือ

สาระที่ ๒ หน้าท่พี ลเมอื ง วัฒนธรรม และการดาเนนิ ชวี ติ ในสงั คม
มาตรฐาน ส ๒.๑ เขา้ ใจและปฏิบัตติ นตามหน้าทีข่ องการเป็นพลเมืองดี มีค่านิยมทด่ี งี าม และธารงรักษา

ประเพณแี ละวัฒนธรรมไทย ดารงชีวิตอยรู่ ว่ มกนั ในสังคมไทยและสงั คมโลกอยา่ งสนั ติสุข
มาตรฐาน ส ๒.๒ เข้าใจระบบการเมืองการปกครองในสังคมปัจจบุ ัน ยดึ ม่นั ศรัทธา และธารงรกั ษาไว้ซ่ึง

การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมพี ระมหากษตั ริยท์ รงเป็นประมขุ

สาระที่ ๓ เศรษฐศาสตร์
มาตรฐาน ส.๓.๑ เข้าใจและสามารถบริหารจดั การทรัพยากรในการผลติ และการบรโิ ภคการใช้ทรพั ยากรที่

มอี ย่จู ากดั ได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพและคุ้มคา่ รวมท้งั เข้าใจหลกั การของเศรษฐกิจพอเพียง
เพอ่ื การดารงชวี ติ อย่างมีดลุ ยภาพ
มาตรฐาน ส.๓.๒ เข้าใจระบบและสถาบันทางเศรษฐกจิ ต่าง ๆ ความสมั พนั ธท์ างเศรษฐกิจและความจาเป็น
ของการร่วมมอื กนั ทางเศรษฐกิจในสงั คมโลก

สาระที่ ๔ ประวตั ิศาสตร์
มาตรฐาน ส ๔.๑ เขา้ ใจความหมาย ความสาคญั ของเวลาและยคุ สมยั ทางประวตั ศิ าสตร์ สามารถใช้วธิ ีการ

ทางประวตั ศิ าสตรม์ าวิเคราะหเ์ หตุการณต์ ่างๆ อย่างเป็นระบบ
มาตรฐาน ส ๔.๒ เขา้ ใจพัฒนาการของมนษุ ยชาติ จากอดตี จนถงึ ปจั จุบัน ในดา้ นความสัมพันธ์ และการ

เปลยี่ นแปลงของเหตกุ ารณอ์ ย่างต่อเนื่อง ตระหนกั ถงึ ความสาคญั และสามารถวิเคราะห์
ผลกระทบที่เกิดข้ึน
มาตรฐาน ส ๔.๓ เข้าใจความเป็นมาของชาติไทย วัฒนธรรม ภูมิปญั ญาไทย มคี วามรกั ความภมู ใิ จและ
ธารงความเปน็ ไทย
สาระที่ ๕ ภูมศิ าสตร์
มาตรฐาน ส ๕.๑ เข้าใจลักษณะของโลกทางกายภาพ และความสมั พนั ธข์ องสรรพสิ่งซึ่งมีผลต่อกันและกัน
ในระบบของธรรมชาติ ใชแ้ ผนทีแ่ ละเครอ่ื งมอื ทางภมู ิศาสตร์ ในการคน้ หาวเิ คราะห์ สรุป
และใช้ขอ้ มูลภูมิสารสนเทศอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ
มาตรฐาน ส ๕.๒ เขา้ ใจปฏสิ ัมพนั ธร์ ะหวา่ งมนษุ ย์กับสภาพแวดล้อมทางกายภาพทก่ี อ่ ใหเ้ กดิ การสรา้ งสรรค์
วัฒนธรรม มจี ิตสานึกและมสี ว่ นร่วมในการอนรุ ักษ์ทรพั ยากรและสิ่งแวดลอ้ ม เพ่ือการ
พัฒนาท่ยี ัง่ ยืน

๘๘

โครงสรา้ งรายวชิ า

รายวิชาตามโครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียน ป่าไม้อุทิศ ๔ พุทธศักราช ๒๕๖ ๑
กลุม่ สาระการเรยี นรสู้ งั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม

รายวชิ าสงั คมศกึ ษา ศาสนา และวัฒนธรรมพนื้ ฐาน

ระดบั ชัน้ รหัส ชอื่ รายวชิ า เวลาเรยี นรายภาค
ชนั้ ม. ๑
ชั้น ม. ๒ ส ๒๑๑๐๑ สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ๑ ๓ ชว่ั โมง/สปั ดาห์ (๑.๕ หนว่ ยกิต)
ช้นั ม. ๓ ส ๒๑๑๐๒ ประวัติศาสตร์ ๑ ๑ ชว่ั โมง/สปั ดาห์ (๐.๕ หน่วยกติ )
ส ๒๑๑๐๓ ๓ ช่วั โมง/สัปดาห์ (๑.๕ หน่วยกติ )
ส ๒๑๑๐๔ สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ๒ ๑ ชั่วโมง/สัปดาห์ (๐.๕ หน่วยกติ )
ส ๒๒๑๐๑ ประวัตศิ าสตร์ ๒ ๓ ชั่วโมง/สัปดาห์ (๑.๕ หน่วยกติ )
ส ๒๒๑๐๒ ๑ ชั่วโมง/สัปดาห์ (๐.๕ หน่วยกิต)
ส ๒๒๑๐๓ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ๓ ๓ ชั่วโมง/สัปดาห์ (๑.๕ หน่วยกิต)
ส ๒๒๑๐๔ ประวตั ศิ าสตร์ ๓ ๑ ชว่ั โมง/สปั ดาห์ (๐.๕ หน่วยกิต)
ส ๒๓๑๐๑ ๓ ชว่ั โมง/สปั ดาห์ (๑.๕ หนว่ ยกติ )
ส ๒๓๑๐๒ สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ๔ ๑ ช่ัวโมง/สปั ดาห์ (๐.๕ หน่วยกิต)
ส ๒๓๑๐๓ ประวตั ิศาสตร์ ๔ ๓ ชว่ั โมง/สัปดาห์ (๑.๕ หน่วยกิต)
ส ๒๓๑๐๔ ๑ ชัว่ โมง/สปั ดาห์ (๐.๕ หนว่ ยกิต)
สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ๕
ประวตั ิศาสตร์ ๕

สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ๖
ประวตั ศิ าสตร์ ๖

รายวชิ าสังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรมเพม่ิ เติม

ระดบั ชน้ั รหสั ช่อื รายวชิ า เวลาเรยี นรายภาค
ชน้ั ม. ๑
ชัน้ ม. ๒ ส ๒๑๒๐๑ หนา้ ทพ่ี ลเมอื ง 1 ๑ ชว่ั โมง/สปั ดาห์ (๐.๕ หนว่ ยกติ )
ชน้ั ม. ๓ ส ๒๑๒๐๒ หน้าท่ีพลเมอื ง ๒ ๑ ช่วั โมง/สปั ดาห์ (๐.๕ หนว่ ยกิต)
ส ๒๒๒๐๑ หน้าท่พี ลเมือง ๓ ๑ ชั่วโมง/สัปดาห์ (๐.๕ หนว่ ยกิต)
ส ๒๒๒๐๒ หน้าท่พี ลเมือง ๔ ๑ ช่วั โมง/สปั ดาห์ (๐.๕ หน่วยกิต)
ส ๒๓๒๐๑ หนา้ ทพ่ี ลเมือง ๕ ๑ ช่วั โมง/สปั ดาห์ (๐.๕ หนว่ ยกิต)
ส ๒๓๒๐๒ หน้าท่พี ลเมือง ๖ ๑ ชว่ั โมง/สปั ดาห์ (๐.๕ หนว่ ยกิต)

๘๙

รายวชิ าสังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม พ้นื ฐาน

ส ๒๑๑๐๑ สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ๑ กลมุ่ สาระการเรยี นรูส้ ังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม

ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ เวลา ๑๒๐ ช่วั โมง/๐.๕ หนว่ ยกิต

คาอธบิ ายรายวิชา

ศึกษา วิเคราะห์ ฝึกปฏิบัติ สร้างความคิดรวบยอด นาภูมิปัญญาท้องถิ่น สภาพปัญหาชีวิต

สภาพแวดล้อม เข้ามาเป็นส่วนหน่ึงของกระบวนการเรียนรู้เพ่ือให้มีความเข้าใจ ตระหนัก และเห็นคุณค่า
ในเรือ่ งต่อไปน้ี

พระพุทธ เกี่ยวกับประวัติและความสาคัญของพระพุทธศาสนา เร่ืองการสังคายนา การเผยแผ่

พระพุทธศาสนาเข้าสู่ประเทศไทย ความสาคัญของพระพุทธศาสนาต่อสังคมไทย พระพุทธศาสนา กับ
การพฒั นาตนและครอบครัว สรปุ และวเิ คราะหพ์ ุทธประวตั ิเรื่อง การประสูติ เทวทูต ๔ การบาเพ็ญทุกกรกิรยิ า

การแสวงหาความรู้
พระธรรม เก่ียวกับ หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา เรื่องพระรัตนตรัย (พุทธคุณ ๙) อริยสัจ ๔

ทกุ ข์ (ธรรมทีค่ วรรู้) ขนั ธ์ ๕ , ธาตุ ๔ , สมุทัย (ธรรมท่ีควรละ) หลักกรรม อบายมขุ ๖ นิโรธ (ธรรมท่คี วรบรรลุ)

สุข ๒ (กายิกสุข,เจตสิกสุข) คิหิสุข , มรรค (ธรรมที่ควรเจริญ) ไตรสิกขา กรรมฐาน ๒ ปธาน ๔ โกศล ๓
มงคล ๓๘ ในเร่ืองไม่คบคนพาล คบบัณฑิต บูชาผู้ควรบูชา พุทธศาสนสุภาษิต คือ ย เว เสวติ ตาทิโส

.(คบคน เช่นไร ย่อมเป็นเช่นนั้น ). อตตานา โจทยตตาน . (จงเตือนตนด้วยตนเอง). นิสมม กรณ
เสยโย. (ใคร่ครวญก่อนทาจึงดี). ทุราวาสา ฆรา ทุกขา.(เรือนที่ครองไม่ดี นาทุกข์มาให้ การบริหารจิต และ
การเจรญิ ปัญญา สวดมนต์แปลและแผ่เมตตา วิธีปฏิบตั ิและประโยชน์ของการบริหารจิตและการเจริญปัญญา

ฝึกการบริหารจิตและเจรญิ ปัญญา ตามหลักสติปัฏฐานเน้นอานาปานสติ นาวธิ ีการบริหารจิตและเจริญปญั ญา
ไปใช้ในชีวติ ประจาวัน พัฒนาการเรียนรู้ด้วยวิธีการคิดแบบโยนิโสมนสิการ ๒ วิธี คือ วิธีคิดแบบคุณค่าแท้-

คณุ ค่าเทียม และความคดิ แบบคุณ- โทษและทางออก
พระสงฆ์ เก่ียวกับประวัติ พุทธสาวก พุทธสาวิกา พระมหากัสสปะ พระอุบาลี อนาถบิณฑิกเศรษฐี

นางวิสาขามหาอุบาสิกา ชาดก เรื่องอัมพชาดก ติตติรชาดก ชาวพุทธตัวอย่าง พระเจ้าอโศกมหาราช

พระโสณะและพระอุตตระ สมั มนาพระพุทธศาสนา เรื่อง การสร้างความเข้าใจอันดีต่อกันระหว่างศาสนิกชน
ตา่ งศาสนา

เพื่อให้เกิดศรัทธาอย่างยิ่งต่อพระรัตนตรัย และรักการเรียนรู้พระพุทธศาสนาและศาสนาที่ตนนับถือ
ประพฤติปฏิบัติตนเปน็ ศาสนิกชนที่ดมี ีคุณธรรม จรยิ ธรรมในการอยูร่ ่วมกนั ในสังคม และสามารถนาหลักธรรม
ไปใช้เป็นเครื่องมอื ในการเรยี นรู้ การทางานอย่างมีคณุ ค่าต่อชีวิตตนเองและสังคมโดยส่วนรวม

ศึกษาการเมืองการปกครองของไทยในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
โดยเน้นในด้านสิทธิมนุษยชน และวิถีประชาธิปไตย ศึกษากฎหมายรัฐธรรมนูญ กฎหมายท่ีเกี่ยวข้องกับ

ตนเอง ครอบครัว ชุมชน และประเทศชาติเพ่ือให้เกิดความรู้ความเข้าใจ ศรัทธา ยึดม่ัน การปกครอง
ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เคารพเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา
พระมหากษัตรยิ ์ เคารพและปฏิบัติตาม กฎหมาย วถิ ีประชาธปิ ไตยรวมทัง้ นาไปใชใ้ นการดาเนนิ ชีวิตในสงั คม

อยา่ งสงบสุข
โดยใช้กระบวนการสืบคน้ ข้อมลู คิดวเิ คราะห์ สังเคราะห์ สร้างองคค์ วามรู้ สามารถส่ือสารส่ิงเรียนรู้

เพ่อื ใหเ้ กิดกระบวนการตดั สนิ ใจ
ตระหนักเห็นคุณค่าของการนาความรไู้ ประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจาวัน มีความรักชาติ

ศาสน์ กษัตริย์ มีความซอ่ื สัตย์ มวี นิ ยั ใฝ่รู้ใฝเ่ รียน มีจิตสาธารณะ

๙๐

ตวั ช้วี ดั
ส ๑.๑ ม.๑/๑, ม. ๑/๒, ม. ๑/๓, ม. ๑/๔, ม.๑/๕, ม.๑/๖, ม.๑/๗, ม.๑/๘, ม.๑/๙, ม.๑/๑๐
ส ๑.๒ ม.๑/๑, ม.๑/๒, ม.๑/๓, ม.๑/๔, ม.๑/๕,
ส ๒.๑ ม.๑/๑, ม.๑/๒, ม.๑/๓, ม.๑/๔
ส ๒.๒ ม.๑/๑, ม.๑/๒, ม.๑/๓

รวม ๒๒ ตัวช้ีวัด

๙๑

รายวชิ าสงั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม พ้ืนฐาน

ส ๒๑๑๐๒ ประวัตศิ าสตร์ ๑ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม

ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ เวลา ๒๐ ช่ัวโมง/๐.๕ หน่วยกิต

คาอธิบายรายวชิ า

ศกึ ษาเร่ืองของเวลา การแบ่งเวลา การเทยี บศักราช ในระบบต่าง ๆ การแบ่งยุคสมัยในประวตั ิศาสตร์

ของชาติเพ่อื ให้เข้าใจเหตุการณ์ทางประวตั ิศาสตร์ และเปรยี บเทยี บการนบั ศกั ราชในระบบตา่ ง ๆ ในการศกึ ษา
ประวัติศาสตรไ์ ดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง

ศึกษาวิธีการทางประวัติศาสตร์ ประเภทและหลักฐานทางประวัติศาสตร์ เพ่ือใช้ในการศึกษา
ประวตั ิศาสตร์ไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง

ศกึ ษาแหล่งอารยธรรม ทีม่ ีอิทธิพลต่อพัฒนาการทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองรวมทั้งเหตุการณ์

สาคญั ของประเทศตา่ ง ๆ ในภูมภิ าคเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้
โดยใช้กระบวนการทางประวัติศาสตร์ การสารวจและการตรวจสอบหลักฐานในการสืบค้นข้อมูล

และอธบิ ายให้เกิดความรคู้ วามเข้าใจในการคดิ วิเคราะห์ ศกึ ษาหลักฐานทางประวัติศาสตร์
เหน็ คุณคา่ ของความรักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ สุจริต มวี นิ ัย ใฝร่ ู้ ใฝ่เรียน รักความเปน็ ไทย

ตวั ชีว้ ัด
ส ๔.๑ ม. ๑/๑, ม. ๑/๒, ม.๑/ ๓

ส ๔.๒ ม.๑/๑
รวม ๔ ตวั ชี้วดั

๙๒

รายวชิ าสงั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม พนื้ ฐาน

ส ๒๑๑๐๓ สังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม ๒ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้สงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม

ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ ๑ ภาคเรียนที่ ๒ เวลา ๑๒๐ ชว่ั โมง/๐.๕ หน่วยกติ

คาอธิบายรายวชิ า

ศกึ ษา วิเคราะห์การใช้เคร่ืองมือทางภูมิศาสตร์ ในการหาขอ้ มูลลักษณะทางกายภาพและสังคมของ

ประเทศไทยและทวีปเอเชีย ออสเตรเลีย และโอเชียเนีย โดยการใช้เส้นแบ่งเวลา ความแตกต่างของเวลา
มาตรฐานกับเวลาท้องถนิ่ และตระหนกั ถึงการป้องกนั ภัยธรรมชาติ

ศกึ ษาวิเคราะห์ ความรู้เบอ้ื งตน้ ทางเศรษฐศาสตรท์ ่ีเกีย่ วกับการผลิต การบรโิ ภค ตลอดจนบอกแนว

ปฏิบัติในการดาเนนิ ชีวิต ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจแบบพอเพียง ตามแนวพระราชดารขิ องพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยูห่ ัว

โดยใช้กระบวนการคิดวิเคราะห์ กาอภิปราย กระบวนการกลุ่ม การสืบค้นข้อมูลและการบันทึก
ขอ้ มูล

เพื่อให้เกิดความเข้าใจสภาพการณ์ปัจจุบันของกลุ่มประเทศในภูมิภาค เห็นความสาคัญท่ีจะต้อง

รว่ มมือกนั สง่ เสรมิ สมั พันธภาพและความเข้าใจอันดรี ะหวา่ งกนั
เพ่ือให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ ความสามารถในการส่อื สารและเห็นคุณค่าของการนาความรู้ไปใช้ให้

เกดิ ประโยชน์ในการดาเนินชวี ิตประจาวัน โดยมีจติ สาธารณะและความรักเปน็ ไทย

ตัวช้ีวัด

ส ๓.๑ ม.๑/๑, ม.๑/๒, ม.๑/๓
ส ๓.๒ ม.๑/๑, ม.๑/๒, ม.๑/๓, ม.๑/๔

ส ๕.๑ ม.๑/๑, ม.๑/๒
ส ๕.๒ ม.๑/๑, ม.๑/๒, ม.๑/๓, ม.๑/๔
รวม ๑๓ ตวั ชวี้ ัด

๙๓

รายวชิ าสงั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม พน้ื ฐาน

ส ๒๑๑๐๔ ประวตั ิศาสตร์ ๒ กลุ่มสาระการเรียนรู้สงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม

ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๑ ภาคเรยี นท่ี ๒ เวลา ๒๐ ช่ัวโมง/๐.๕ หนว่ ยกติ

คาอธิบายรายวชิ า

ศึกษาประวตั ิความเปน็ มาของชาติไทย ต้ังแต่อดตี จนถึงปัจจบุ ันโดยสงั เขป
ศกึ ษาประวตั ิศาสตรส์ มัยสุโขทยั ด้านการเมอื ง การปกครอง เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม โดยเน้น
การสร้างและพฒั นาชาติ
เพอ่ื ให้เกดิ ความเขา้ ใจในพัฒนาการของชาติไทย เกดิ ความภาคภมู ิใจความเปน็ ปกึ แผน่ ของชนชาติไทย
โดยใช้กระบวนการทางประวตั ิศาสตร์ การสารวจ และการตรวจสอบหลักฐานในการสืบค้นข้อมูลและ
อธิบายให้เกดิ ความรคู้ วามเข้าใจในการคิดวิเคราะห์ ศกึ ษาหลักฐานทางประวัติศาสตร์

เหน็ คุณค่าของความรกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ สจุ รติ มวี ินยั ใฝ่รู้ ใฝ่เรียน รกั ความเป็นไทย

ตัวชีว้ ดั
ส ๔.๓ ม. ๑/๒, ม.๑/๓

ส ๔.๒ ม.๑/๑, ม.๑/๒
รวม ๔ ตัวชว้ี ดั

๙๔

รายวิชาสงั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม พื้นฐาน

ส ๒๒๑๐๑ สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ๓ กล่มุ สาระการเรียนรสู้ งั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม

ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ ๒ ภาคเรียนท่ี ๑ เวลา ๑๒๐ ช่วั โมง/๐.๕ หนว่ ยกิต

คาอธบิ ายรายวิชา

อธิบาย วิเคราะห์ ฝึกปฏิบัติ สร้างความคิดรวบยอด นาภูมิปัญญาท้องถ่ิน สภาพปัญหาชีวิต

สภาพแวดล้อม เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการ เรียนรู้ เพ่ือให้มีความรู้ ความเข้าใจ ตระหนักและ
เหน็ คณุ คา่ ในเรื่อง ตอ่ ไปนี้

การเผยแผ่พระพุทธศาสนาเข้าสู่ประเทศเพ่ือนบ้าน และการนับถือพระพุทธศาสนาของประเทศ

เพ่ือนบ้านในปัจจุบัน ความสาคัญของพระพุทธศาสนาท่ีช่วยเสรมิ สร้างความเข้าใจอันดีกับประเทศเพ่ือนบ้าน
ต่อสังคมไทยในฐานะเป็นรากฐานของวัฒนธรรม การพัฒนาชุมชน และการจัดระเบียบสังคม สรุปและ

วิเคราะห์ พุทธประวัติ พระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ นางขุชชุตตรา พระเจ้าพิมพิสาร มิตตวินทุกชาดก
ราโชวาทชาดก รูเ้ ก่ียวกบั โครงสร้าง และสาระสังเขปของพระวนิ ัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก
พระรัตนตรัย ธรรมคุณ ๖ อริยสัจ ๔ พุทธศาสนสุภาษิต พัฒนาการเรียนรู้ด้วยวิธีคิดแบบโยนิโส-มนสิการ

๒ วิธี คอื วิธคี ิดแบบอุบายปลกุ เร้าคณุ ธรรม และวิธคี ดิ แบบอรรถธรรมสัมพันธ์ สวดมนต์แปล และแผเ่ มตตา
ร้แู ละเข้าใจวิธีปฏิบัติ และประโยชน์ของการบริหารจิตและเจรญิ ปัญญา ฝึกการบริหารจติ และเจริญ

ปัญญาตามหลักสติปัฎฐาน เน้นอานาปานสติ นาวิธีการบริหารจิตและเจริญปัญญา ไปใช้ในชีวิตประจาวัน
การปฏบิ ัติตนตามหลักธรรม การเปน็ ลกู ที่ดี ตามหลกั ทิศเบ้ืองหน้าในทิศ ๖ การต้อนรบั (ปฏิสันถาร) มรรยาท
ของผู้เป็นแขก ฝึกปฏิบัติระเบียบพิธี ปฏิบัติต่อพระภิกษุ การยืน การให้ที่น่ัง การเดินสวน การสนทนา

การรับสิ่งของ การแต่งกายไปวัด การแต่งกายไปงานมงคล งานอวมงคล การทาบุญตักบาตร การถวาย
ภัตตาหารส่ิงของท่ีควรถวาย และส่ิงของต้องห้ามสาหรับพระภิกษุ การถวายสังฆทาน เครื่องสังฆทาน

การถวายผ้าอาบน้าฝน การจัดเครื่องไทยธรรม เคร่ืองไทยทาน การกรวดน้า การทอดกฐิน การทอดผ้าป่า
หลักธรรมเบื้องต้นทเี่ กีย่ วเนื่องในวันมาฆบชู า วันวิสาขบชู า วันอัฏฐมีบชู า วนั อาสาฬหบูชา วันธรรมสวนะและ
เทศกาลสาคัญ ระเบียบพิธีและการปฏิบัติตนในวันธรรมสวนะ วันเข้าพรรษา วันออกพรรษา วนั เทโวโรหณะ

ศาสนพธิ ี/พธิ ีกรรม แนวปฏบิ ตั ขิ องศาสนาอนื่ ๆ
กฎหมายท่ีเก่ียวข้องกับตนเอง และครอบครัว กฎหมายท่ีเก่ียวกับชุมชนและประเทศ สถานภาพ

บทบาท สิทธิ เสรีภาพ หน้าท่ีในฐานะพลเมือง ตามวิถีประชาธิปไตย แนวทางส่งเสริม ให้ปฏิบัติตน เป็น
พลเมอื งดีตามวิถีประชาธิปไตย บทบาทความสาคัญ และความสัมพนั ธ์ ของสถาบนั ทางสังคม ความคลา้ ยคลึง
และความแตกต่าง ของวัฒนธรรมไทย และวัฒนธรรมของประเทศ ในภูมิภาค เอเชีย วัฒนธรรมเป็นปัจจัย

สาคัญในการสร้าง ความเข้าใจอันดีระหว่างกัน กระบวนการในการตรากฎหมาย เหตุการณ์ และ
การเปลย่ี นแปลงสาคัญ ของระบอบการปกครองของไทย หลักการเลือกข้อมลู ข่าวสาร

โดยใช้กระบวนการ การสืบค้นข้อมูล ติด วิเคราะห์ สังเคราะห์ สร้างองค์ความรู้ สามารถส่ือสาร
อธิบาย ส่ิงเรียนรู้ เพ่ือให้เกิด กระบวนการตัดสินใจ ตระหนักเป็นคุณค่า ของการนาความรู้ ไปประยุกต์ใช้
ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประวัน มีความรักชาติ ศาสนา กษัตริย์ มีความซื่อสัตย์ มีวินัย ใฝ่รู้ ใฝ่เรียน มี

จิตสาธารณะ

ตัวช้ีวดั
ส ๑.๑ ม.๒/๑, ม.๒/๒, ม.๒/๓, ม.๒/๔, ม.๒/๕, ม.๒/๖, ม.๒/๗, ม.๒/๘, ม.๒/๙, ม.๒/๑๐, ม.๒/๑๑
ส ๑.๒ ม.๒/๑, ม.๒/๒, ม.๒/๓, ม.๒/๔, ม.๒/๕

๙๕

ส ๒.๑ ม.๒/๑, ม.๒/๒, ม.๒/๓, ม.๒/๔
ส ๒.๒ ม.๒/๑, ม.๒/๒
รวม ๒๒ ตัวชี้วัด

๙๖

รายวชิ าสงั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม พื้นฐาน

ส ๒๒๑๐๒ ประวตั ิศาสตร์ ๓ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม

ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๒ ภาคเรยี นที่ ๑ เวลา ๒๐ ชว่ั โมง/๐.๕ หนว่ ยกิต

คาอธบิ ายรายวชิ า

ศึกษาวิธีการทางประวัติศาสตร์ในการเรียนรู้การประเมินความน่าเช่ือถือของหลักฐาน ประเภทของ

ข้อมูล หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่อยู่ในท้องถ่ินของตนเองหรือหลักฐานสมัยอยุธยา วิเคราะห์ข้อมูลจาก
เอกสารสาระต่าง ๆ สมัยอยุธยาและธนบุรี เช่น ข้อความบางตอนในพงศาวดาร หรือจดหมายเหตุ
ชาวต่างชาติ ตลอดจนศึกษาสภาพทางภูมิศาสตร์ที่ส่งผลต่อพัฒนาการของแหล่งอารยธรรมในภูมิภาคเอเชีย

(ยกเวน้ เอเชยี ตะวันออกเฉียงใต้)
โดยใช้วิธีการทางประวตั ิศาสตร์ วิเคราะห์ สงั เคราะห์ และประเมนิ ความน่าเชื่อถือ ของข้อเท็จจริง

และอธบิ ายพฒั นาของเหตกุ ารณ์ทางประวตั ิศาสตร์
เพื่อใหผ้ ้เู รยี นเห็นคุณค่าของการนาความร้ไู ปใช้ประโยชนใ์ นชวี ิตประจาวัน มีเหตุผล ใฝเ่ รียนรู้ มุ่งม่ัน

ในการทางาน รกั ความเป็นไทยใช้ชวี ิตอยา่ งพอเพยี ง

ตัวชีว้ ดั

ส ๔.๑ ม.๒/๑, ม.๒/๒, ม.๒/๓
ส ๔.๒ ม.๒/๑, ม. ๒/๒
รวม ๕ ตวั ชีว้ ัด

๙๗

รายวิชาสงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม พื้นฐาน

ส ๒๒๑๐๒ สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ๔ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม

ช้นั มัธยมศึกษาปีที่ ๒ ภาคเรยี นท่ี ๒ เวลา ๑๒๐ ชั่วโมง/๐.๕ หนว่ ยกติ

คาอธบิ ายรายวชิ า

ศึกษาเกี่ยวกับเครื่องมือทางภูมิศาสตร์ท่ีแสดงลักษณะทางกายภาพและสังคมของทวีปยุโรป
และแอฟริกา ลักษณะทางกายภาพและสงั คมของทวปี ยโุ รปและแอฟริกาการเปลย่ี นแปลงประชากร เศรษฐกิจ
สงั คมและวัฒนธรรมของทวีปยุโรปและแอฟรกิ า การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ มในทวปี ยุโรป
และแอฟริกา ปัญหาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมที่เกิดข้ึนในทวีปยุโรปและแอฟริกา ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลง
ของสงิ่ แวดล้อมในทวีปยโุ รปและแอฟรกิ า ต่อประเทศไทย

ความหมายและความสาคัญของการลงทุนและการออมต่อระบบเศรษฐกจิ การบรหิ ารจัดการเงนิ ออม

และการลงทุน ภาคครัวเรือน ปัจจัยของการลงทุนและการออมคือ อัตราดอกเบ้ีย รวมท้ังปัจจัยอื่น ๆ เช่น

ค่าของเงิน เทคโนโลยี การคาดเดาเก่ียวกับอนาคต ปัญหาของการลงทุนและการออมในสังคมไทย

ความหมาย ความสาคัญ และหลักการผลิตสินค้าและบริการอย่างมีประสิทธิภาพ สารวจการผลิตสินค้า

ในท้องถิ่น ว่ามีการผลิตอะไรบ้าง ใช้วิธีการผลิตอย่างไร มีปัญหาด้านใดบ้าง มีการนาเทคโนโลยีอะไรมาใช้

ท่ีมีผลต่อการผลิตสินค้าและบริการ นาหลักการผลิตมาวิเคราะห์การผลิตสินค้าและบริการในท้องถิ่นท้ังด้าน

เศรษฐกิจ สังคม และส่ิงแวดล้อม หลักการและเป้าหมายปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สารวจและวเิ คราะห์

ปัญหาการผลิตสินค้าและบริการในท้องถ่ิน ประยุกต์ใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในการผลิตสินค้าและ

บริการในท้องถิ่น การรักษาและคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของ ผู้บริโภค กฎหมายคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคและ

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การดาเนินกิจกรรมพิทักษ์สิทธิและผลประโยชน์ตามกฎหมายในฐานะผู้บริโภค

แนวทางการปกปอ้ งสิทธิของผู้บริโภค
โดยใช้วิธีการสารวจ ระบุ อธิบาย วิเคราะห์ สังเคราะห์ ประเมินค่า ประยุกต์ใช้ และนาเสนอ

ขอ้ มลู องค์ความรู้ ทางภมู ศิ าสตร์และเศรษฐศาสตร์
เพอื่ ให้ผู้เรยี นเห็นคณุ คา่ ของการนาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ในชวี ติ ประจาวัน มเี หตผุ ล ใฝ่เรียนรู้ ม่งุ ม่ัน

ในการทางาน รักความเปน็ ไทยใช้ชีวติ อยา่ งพอเพยี ง และมีจติ สาธารณะ

ตวั ชี้วัด

ส ๓.๑ ม.๒/๑, ม.๒/๒, ม.๒/๓, ม.๒/๔
ส ๓.๒ ม.๒/๑, ม.๒/๒, ม.๒/๓, ม.๒/๔
ส ๕.๑ ม.๒/๑, ม.๒/๒

ส ๕.๒ ม.๒/๑, ม. ๒/๒, ม.๒/๓, ม.๒/๔
รวม ๑๔ ตัวช้ีวัด

๙๘

รายวิชาสังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม พ้ืนฐาน

ส ๒๒๑๐๔ ประวัติศาสตร์ ๔ กลุ่มสาระการเรียนรู้สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม

ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๒ ภาคเรียนท่ี ๒ เวลา ๒๐ ชว่ั โมง/๐.๕ หนว่ ยกติ

คาอธบิ ายรายวชิ า

วิเคราะห์พัฒนาการของอาณาจักรอยุธยา ธนบุรีในด้านต่างๆ ปัจจัยท่ีส่งผลต่อความมั่นคง

ความเจริญรุ่งเรืองของอาณาจักรอยุธยา พร้อมท้ังระบุภูมิปัญญา วัฒนธรรมไทยสมัยอยุธยา ธนบุรี และ
อิทธิพลของภูมิปัญญาต่อการพัฒนาชาติไทยในยุคต่อมา มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องต่อไปนี้ การสถาปนา
อาณาจักรอยุธยา ปัจจยั ท่สี ่งผลตอ่ ความเจริญรุ่งเรอื งของอาณาจักรอยุธยา พัฒนาการของอาณาจักรอยุธยา

ในดา้ นการเมืองการปกครอง สังคม เศรษฐกจิ และความสัมพันธ์ระหวา่ งประเทศ การเสยี กรงุ ศรีอยุธยาครั้งที่ ๑
และการกู้เอกราช ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทยสมัยอยุธยา เช่น การควบคุมกาลังคน และศิลปวัฒนธรรม

การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๒ การกเู้ อกราช และการสถาปนาอาณาจักรธนบุรี ภมู ิปัญญา และวฒั นธรรมไทย
สมัยธนบุรี และวีรกรรมของบรรพบุรุษไทย ผลงานของบุคคลสาคัญของไทยและต่างชาติ ท่ีมีส่วนสร้างสรรค์
ชาติไทย เช่น สมเด็จพระรามาธิบดีท่ี ๒ พระสุริโยทั้ง พระนเรศวรมหาราช พระนารายณ์มหาราช

สมเดจ็ พระเจ้าตากสินมหาราช พระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช (ดว้ ง) สมเด็จพระบวรราชเจ้า
มหาสงุ สิงหนา(บุญมา)

โดยใชก้ ระบวนการทางประวัตศิ าสตร์ การสืบคน้ ข้อมูล การคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ สรา้ งองค์ความรู้
สามารถส่อื สาร และอธบิ ายส่ิงท่เี รยี นรู้ เพ่อื ใหเ้ กิดกระบวนการตดั สินใจ

ตระหนักเห็นคุณค่า และความสาคัญ ของประวัติศาสตร์ มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

ตลอดจนภาคภมู ิใจ ในความเป็นไทย มคี วามชอ่ื สตั ย์ สจุ รติ มีวนิ ัย ใฝ่รู้ใฝ่เรียน รวมทงั้ สามารถ ดาเนินชีวติ ตาม
แนวทางเศรษฐกจิ พอเพยี ง มุง่ มนั่ ในการทางาน และมจี ติ สาธารณะ

ตัวชี้วดั
ส ๔.๓ ม.๒/๑, ม.๒/๒, ม.๒/๓

รวม ๓ ตวั ชีว้ ดั

๙๙

รายวิชาสังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม พน้ื ฐาน

ส ๒๓๑๐๑ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ๕ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและ

วัฒนธรรม ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๓ ภาคเรยี นที่ ๑ เวลา ๑๒๐ ชัว่ โมง/๐.๕ หนว่ ยกติ

คาอธบิ ายรายวิชา

ศึกษาและวิเคราะห์การเผยแผ่ พระพุทธศาสนาหรือศาสนาท่ีตนนับถือ ความสาคัญของ

พระพุทธศาสนาหรือศาสนาท่ีตนนับถือในฐานะท่ีสร้างสรรค์อารยธรรมและความสงบสขุ แก่โลก ความสมั พันธ์
ของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาทตี่ นนับถือกบั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและการพัฒนาท่ียั่งยืน พระพทุ ธ
ประวัติจากพระพุทธรูปปางต่าง ๆ หรือประวัติศาสดาท่ีตนนับถือ ข้อคิดจากประวัติสาวก ชาดก เรื่องเล่า

ศาสนิกชนตัวอย่าง สังฆคุณ และอรยิสัจ ๔ หรือหลักธรรมของศาสนาของตนนับถือ การปฏิบัติตนตาม
หลักธรรม เพ่ือเตรียมพร้อมสาหรับการทางาน และการมีครอบครัวการพัฒนาจิตเพ่ือการเรียนรู้ และ

ดาเนินชีวิตด้วยวิธีคิดแบบโยนิโสมนสิการ การสวดมนต์ แผ่เมตตา การบริหารจิตและเจริญปัญญาด้วย
หลักอานาปานสติ หรือตามแนวทางของศาสนาท่ีตนนับถือ วิธีการดาเนินชีวิตของศาสนิกชนในศาสนาอื่น
หน้าท่ีและบทบาทของสาวก และศาสนิกชนพิธีกรรมในศาสนา ประวัติวันสาคัญทางศาสนา พุทธมามกะ

การดารงรักษาศาสนาทตี่ นนบั ถือ
ศกึ ษาอธิบายความแตกต่างของการกระทาความผิดทางอาญาและทางแพ่ง โทษของการทาความผิด

ทางอาญาและทางแพ่ง และทราบถึงความหมายความสาคัญของสิทธิมนุษยชนตามรัฐธรรมนูญแห่ง
ราชอาณาจักรไทย และอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมสากล วิเคราะห์ปัญหาท่ีก่อให้เกิด
ความขัดแย้งทางสังคมในประเทศ และหาแนวทางแก้ไข ในปัญญา ในประเทศ เสนอแนวคิด และปัจจัย

ในการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขในประเทศและสังคมโลก อธิบายหลักการและโครงสร้าง สาระสาคัญแห่ง
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับปัจจุบัน วิเคราะห์บทบาทการถ่วงดุลอานาจอธิปไตยแห่ง

ราชอาณาจักรไทย และปฏิบัติตนตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ศึกษาอธิบาย
มีส่วนร่วม วิเคราะห์เสนอแนวคิด มีความรักชาติ ศาส์น กษัตริย์ และรักความเป็นไทย มีจิตสานึกใน
การอนุรักษ์สง่ เสรมิ วฒั นธรรมไทย

โดยใช้กระบวนการคิดวิเคราะห์ และการปฏิบัติตามแบบอย่างการดาเนินชีวิต และข้อคิดจากสาวก
และศาสนิกชนตัวอย่างการปฏิบัติการสวดมนต์ แผ่เมตตาบริหารจติ และเจริญปัญญาตามแนวทางของศาสนา

ที่ตนนับถือ ปฏิบัติตนตามหลักศาสนิกชนที่ดีปฏิบัติตนในศาสนพิธีได้ถูกต้อง แสดงตนเป็นพุทธมามกะหรือ
แสดงตนเป็นศาสนิกชนของศาสนาที่ตนนบั ถือ นาเสนอแนวทางในการดารงรกั ษาศาสนาท่ีตนนบั ถอื เหน็ คุณค่า
ของการปฏิบัติตนตามหลกั ธรรมในการพฒั นาตน การพัฒนาจิตตามแนวทางศาสนาท่ตี นนบั ถอื

ตัวชว้ี ัด

ส ๑.๑ ม.๓/๑, ม.๓/๒, ม.๓/๓, ม.๓/๔, ม.๓/๕, ม.๓/๖, ม.๓/๗, ม.๓/๘, ม.๓/๙, ม.๓/๑๐
ส ๑.๒ ม.๓/๑๑, ม.๓/๑๒, ม.๓/๑๓, ม.๓/๑๔, ม.๓/๑๕, ม.๓/๑๖, ม.๓/๑๗
รวม ๑๗ ตัวช้ีวัด


Click to View FlipBook Version