The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

02_หลักสูตรโรงเรียนป่าไม้อุทิศ-4 (ม.ปลาย)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sakachart, 2022-08-05 15:44:05

02_หลักสูตรโรงเรียนป่าไม้อุทิศ-4 (ม.ปลาย)

02_หลักสูตรโรงเรียนป่าไม้อุทิศ-4 (ม.ปลาย)

๑๕๐

รายวิชาการงานอาชพี เพ่ิมเตมิ

ง ๒๒๒๐๑ คหกรรม ๓ กลุ่มสาระการเรียนร้กู ารงานอาชีพ ชั้นมธั ยมศึกษาปที ่ี ๒
คาอธิบายรายวิชา
ภาคเรียนท่ี ๑ เวลา ๔๐ ช่วั โมง/ ๑ หน่วยกติ

ศึกษาเก่ียวกับศิลปะ และวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับงานดอกไม้สด และงานใบตอง การเลือก
ดอกไม้ การเลือกใบตอง และวัสดุตกแต่งต่าง ๆ การจัดดอกไม้สด งานใบตองแบบต่าง ๆ การใช้ และ
การบารงุ รักษาอปุ กรณ์ บรรจุสาหรับจาหนา่ ย

ปฏิบัติงาน เตรียมวัสดุอุปกรณ์ในการจัดดอกไม้ งานใบตอง จัดดอกไม้สดใบตองแบบต่าง ๆ เช่น
พุ่มดอกไม้สด แจกัน กระทงลอย บายศรี คานวณค่าใช้จ่ายกาหนดราคาค่าบริการ จัดจาหน่ายจดบันทึก

การปฏิบัติการงาน ทาบญั ชรี ายรบั - จา่ ย และประเมินผล
เพ่ือให้มีความรู้ความเข้าใจ และทักษะในการจัดดอกไม้ งานใบตอง สามารถไปบริการ การจัด

ดอกไมส้ ด ใบตอง และจาหนา่ ยได้

ผลการเรยี นรู้

1. อธิบายความสาคญั ของงานดอกไมส้ ด
2. จาแนกประเภทของดอกไม้สด
3. เลอื กใช้วัสดอุ ุปกรณ์ในงานดอกไม้สดได้

4. ปฏบิ ตั กิ ารจัดแจกัน และพานพุม่ ได้
5. อธบิ ายความสาคญั ของงานใบตอง

6. จาแนกประเภทของใบตอง และการเลือกใชใ้ บตอง
7. เลอื กใช้วสั ดุอปุ กรณใ์ นงานใบตองไดถ้ กู ตอ้ ง
8. ปฏบิ ัติการพบั กลบี ใบตองแบบตา่ ง ๆ ได้

9. ปฏิบตั ิการประดิษฐก์ ระทงลอย
10. ปฏบิ ตั ิการทาบายศรีปากชาม

11. มีความคดิ รเิ ร่ิมสรา้ งสรรค์ในงานดอกไม้ใบตอง
12. สามารถคานวณค่าใชจ้ า่ ย กาหนดราคาทาบัญชรี ายรับ-รายจ่ายได้
รวม 12 ผลการเรยี นรู้

๑๕๑

รายวชิ าการงานอาชพี เพ่ิมเตมิ

ง ๒๒๒๐๒ คหกรรม ๔ กลุ่มสาระการเรียนรกู้ ารงานอาชพี ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๒
คาอธิบายรายวิชา
ภาคเรียนที่ ๒ เวลา ๔๐ ช่วั โมง/ ๑ หนว่ ยกติ

ศึกษาความรู้ความเข้าใจในการทาขนมไทย การเลือกใช้อุปกรณ์เครื่องใช้สาหรับทาขนมไทย
การเลือกซื้อ และการเก็บรักษาเครื่องปรุงสดและแห้ง เทคนิคการทาขนมไทยชนิดต่าง ๆ การบรรจุ วิธีการ
เก็บรกั ษาขนมไทยไวไ้ ด้นาน และถูกสขุ ลักษณะ

ปฏิบัติงานซื้ออาหารสด อาหารแห้ง ใช้อปุ กรณ์เครื่องใช้ให้เหมาะสมกับชนิดของขนมไทย การปฏิบัติ
ขนมไทยประเภทต่าง ๆ บรรจุและเก็บ คานวณค่าใช้จ่าย กาหนดราคาหรือค่าบริการ จัดจาหน่ายจดบันทึก

การปฏบิ ัติงาน ทาบัญชรี ายรบั - รายจ่าย และประเมินผล
เพื่อให้มีความร้คู วามเข้าใจ และมีทักษะเกี่ยวกับการทาขนมไทย และจาหน่ายได้ และมีเจตคติที่ดีต่อ

การทาขนมไทย เห็นแนวทางในการปฏบิ ัติงาน การปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่อง และการพฒั นางานให้เหมาะสม

สอดคล้องกับบรรทัดฐานของสังคม ตระหนักในความสาคัญของการทางานอย่างมีขั้นตอน และมี
ความรับผิดชอบ

ผลการเรียนรู้
1. อธบิ ายความรู้ทว่ั ไปเก่ียวกบั ขนมไทย

2. อธบิ ายวิธีการเลอื กใชว้ สั ดุ อุปกรณเ์ ครอื่ งใช้สาหรับทาขนมไทย
3. อธิบายวธิ ีการเลอื กซอ้ื และการเก็บรกั ษาเครือ่ งปรุงสดและแห้ง

4. อธบิ ายเทคนคิ การทาขนมไทย ชนดิ ต่าง ๆ
5. อธิบายวิธีการบรรจุ การเก็บรกั ษาขนมไทยได้นาน และถกู สขุ ลักษณะ
6. อธบิ ายขั้นตอนการปฏิบตั ิงานขนมไทยชนดิ ต่าง ๆ

7. เลือกใช้วสั ดุ อุปกรณ์ เคร่อื งมือใน การทาขนมไทยชนดิ ต่าง ๆ
8. ปฏบิ ัติงานขนมไทยประเภทตม้

9. ปฏิบตั ิงานขนมไทยประเภทน่ึง
10. ปฏบิ ัตงิ านขนมไทยประเภทกวน
11. ปฏบิ ตั งิ านขนมไทยประเภททอด

12. การตลาดและการคานวณ คา่ ใชจ้ า่ ย
13. การผลติ และการจาหน่ายขนมไทย

รวม 13 ผลการเรยี นรู้

๑๕๒

รายวชิ าการงานอาชพี เพ่มิ เตมิ

ง ๒๓๒๐๑ คหกรรม ๕ กลุ่มสาระการเรยี นร้กู ารงานอาชีพ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๓
คาอธิบายรายวชิ า
ภาคเรียนที่ ๑ เวลา ๔๐ ช่ัวโมง/ ๑ หน่วยกติ

ศกึ ษางานถักโครเชต์ วิเคราะห์ วางแผนและลงมือปฏิบัติ ในเรื่องการเลือกใชง้ านถกั โครเชต์ วิธีตา่ ง ๆ
แบบ ลาย และการออกแบบลายถักโครเชต์ การใช้ การเก็บรักษา และบารุงรักษาเครื่องมือ และอุปกรณ์
และผลิตชิ้นงานตามความต้องการของตนเอง และครอบครัว คานวณค่าใช้จ่าย กาหนดราคาหรือค่าบริการ

จัดจาหน่าย ทาบัญชีรายรับ - รายจ่าย ประเมินผล โดยใช้กระบวนการฝึกทักษะปฏิบัติ และการสืบค้น
ในชวี ติ ประจาวัน

เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจในการประดิษฐ์มีทักษะฝึกปฏิบัติ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ สามารถ
ประดิษฐ์ชิ้นงานได้ตามขั้นตอนและมีนิสัยขยัน อดทน ประณีต ระเบียบและประหยัด สามารถนาไปใช้
ประโยชน์ในชวี ติ ประจาวนั ได้

ผลการเรียนรู้

1. อธิบายความหมายของงานถกั โครเชต์ได้
2. วเิ คราะห์ และวางแผนผลิตช้ินงานจากสงิ่ ประดษิ ฐ์จากงานถักโครเชตไ์ ด้
3. มีความรู้ ความเข้าใจในการเลือกเครื่องมือ เครื่องใช้ และการบารุงรักษาในการถักโครเชต์

มีความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์ในการอ่านแบบ การถกั โครเชตไ์ ด้เหมาะสมกับประโยชนก์ ารใช้สอย และสามารถ
นาไปใชใ้ นชวี ิตประจาวนั ได้

4. มีความรู้ ความเขา้ ใจ มที กั ษะในการฝกึ หดั ถกั ลายถกั โครเชต์ต่าง ๆ เพื่อนามาใช้ในชวี ติ ประจาวัน
5. มีความรู้ ความเข้าใจ และทักษะในการถักโครเชต์ของประดับตกแต่ง โดยใช้งานถักโครเชต์ได้
อยา่ งคุม้ ค่าและสามารถนาไปใช้ในชีวติ ประจาวนั ได้

6. ปฏิบตั ิการประดษิ ฐ์ชน้ิ งานจากงานถักโครเชต์ได้อย่างสรา้ งสรรค์
รวม 6 ผลการเรยี นรู้

๑๕๓

รายวิชาการงานอาชีพ เพม่ิ เตมิ

ง ๒๓๒๐๒ คหกรรม ๖ กล่มุ สาระการเรียนรกู้ ารงานอาชพี ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี ๓
คาอธิบายรายวิชา
ภาคเรยี นที่ ๒ เวลา ๔๐ ชั่วโมง/ ๑ หนว่ ยกติ

ศึกษาหลักการจัดอาหารประจาวัน การหุงต้มอาหาร การสงวนคุณค่าทางโภชนาการ สุขอนามัย
การเลือกซื้ออาหารสด และอาหารแห้ง การเลือกใช้อุปกรณ์ เคร่ืองใช้ให้เหมาะสมกับชนิดของอาหาร
การประกอบอาหารไทยประเภทตา่ ง ๆ

ปฏิบัติงานจัดรายการอาหารประจาวัน ซื้ออาหารสด อาหารแห้ง ใช้อุปกรณ์เคร่ืองใช้เหมาะสมกับ
ชนดิ ของอาหาร ประกอบอาหารไทยประเภทต่าง ๆ คานวณค่าใช้จา่ ย กาหนดราคาหรือค่าบริการ จดั จาหน่าย

จดบนั ทกึ การปฏบิ ตั งิ าน ทาบญั ชีรายรบั – รายจ่าย และประเมนิ ผล
เพ่อื ใหม้ ีความร้คู วามเข้าใจ และมีทักษะเก่ียวกับการประกอบอาหารไทยและจาหนา่ ยได้ และมีเจตคติ

ท่ดี ีต่อการทาอาหารไทย เห็นแนวทางในการปฏบิ ัติงาน การปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่อง และการพัฒนางานให้

เหมาะสมสอดคล้องกับบรรทัดฐานของสังคม ตระหนักในความสาคัญของการทางานอย่างมีขั้นตอน และ
มคี วามรับผดิ ชอบ

ผลการเรยี นรู้
1. อธบิ ายลักษณะการจัดอาหารประจาวนั
2. เลือกใช้วสั ดุ อปุ กรณ์ เครือ่ งใชใ้ ห้ เหมาะสมกบั ชนดิ ของอาหาร

3. อธบิ ายวิธกี ารเลือกซอื้ อาหารสด อาหารแหง้ สาหรับประกอบอาหารไทย
4. วเิ คราะหข์ อ้ มูลความตอ้ งการของผู้บรโิ ภค

5. เขา้ ใจและให้ความสาคัญเกี่ยวกบั การวางแผนการทาอาหารไทย
6. อธบิ ายข้ันตอนการปฏบิ ตั ิงาน อาหารไทยประเภทตา่ ง ๆ
7. เลือกใชว้ ัสดุ อุปกรณ์ เครือ่ งมอื ใน การทาอาหารไทยประเภทต่าง ๆ

8. ปฏิบตั งิ านอาหารไทยประเภท แกงจดื
9. ปฏิบัติงานอาหารไทยประเภท แกงเผ็ด

10. ปฏิบัติงานอาหารไทยประเภท ผดั
11. ปฏบิ ตั งิ านอาหารไทยประเภท ยา
12. การตลาดและการคานวณ ค่าใช้จ่าย

13. การผลติ และการจาหน่ายอาหารไทย
รวม 13 ผลการเรยี นรู้

๑๕๔

กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาตา่ งประเทศ

ความสาคญั ภาษาต่างประเทศ

ในสังคมโลกปัจจุบัน การเรียนรภู้ าษาต่างประเทศมีความสาคัญและจาเป็นอยา่ งยง่ิ ในชีวิตประจาวัน
เนื่องจากเป็นเคร่ืองมือสาคัญในการติดต่อส่ือสาร การศกึ ษา การแสวงหาความรู้ การประกอบอาชพี การสร้าง
ความเข้าใจเกย่ี วกับวัฒนธรรมและวสิ ัยทัศนข์ องชมุ ชนโลก และตระหนักถึงความหลากหลายทางวฒั นธรรมและ
มุมมองของสังคมโลก นามาซึง่ มิตรไมตรีและความร่วมมอื กับประเทศตา่ งๆ ช่วยพัฒนาผู้เรยี นให้มีความเข้าใจ
ตนเองและผู้อ่ืนดีขึ้น เรียนรู้และเข้าใจความแตกต่างของภาษาและวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี
การคิด สังคม เศรษฐกิจ การเมือง การปกครอง มีเจตคติที่ดีต่อการใช้ภาษาต่างประเทศ และ
ใช้ภาษาต่างประเทศเพื่อการสื่อสารได้ รวมทั้งเข้าถึงองค์ความรู้ต่างๆ ได้ง่ายและกว้างข้ึน และมีวิสัยทัศน์
ในการดาเนินชีวติ

ภาษาต่างประเทศท่ีเป็นสาระการเรียนรู้พื้นฐาน ซ่ึงกาหนดให้เรียนตลอดหลักสูตรการศึกษา
ข้ันพ้ืนฐาน คือ ภาษาอังกฤษ ส่วนภาษาต่างประเทศอ่ืน เช่น ภาษาฝร่ังเศส เยอรมัน จีน ญี่ปุ่น อาหรับ บาลี
และภาษากลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน หรือภาษาอ่ืนๆ ให้อยู่ในดุลยพินิจของสถานศึกษาท่ีจะจัดทารายวิชาและ
จัดการเรียนรู้ตามความเหมาะสม

กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ มุ่งหวังให้ผู้เรียนมีเจตคติท่ีดีต่อภาษาต่างประเทศ สามารถ
ใช้ภาษาต่างประเทศ ส่ือสารในสถานการณต์ ่าง ๆ แสวงหาความรู้ ประกอบอาชีพ และศกึ ษาต่อ ในระดับที่สงู ขึ้น
รวมท้ังมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องราวและวัฒนธรรมอันหลากหลายของประชาคมโลก และสามารถถ่ายทอด
ความคดิ และวัฒนธรรมไทยไปยงั สังคมโลกได้อยา่ งสรา้ งสรรค์ ประกอบดว้ ยสาระสาคญั ดังนี้

ภาษาเพ่ือการสือ่ สาร การใช้ภาษาตา่ งประเทศในการฟัง-พูด-อ่าน-เขียน แลกเปลย่ี นขอ้ มูล ขา่ วสาร
แสดงความรู้สึกและความคิดเหน็ ตีความ นาเสนอข้อมูล ความคิดรวบยอดและความคดิ เห็นในเร่ืองต่างๆ
และสรา้ งความสมั พนั ธร์ ะหว่างบคุ คลอย่างเหมาะสม

ภาษาและวฒั นธรรม การใช้ภาษาตา่ งประเทศตามวฒั นธรรมของเจ้าของภาษาความสัมพันธค์ วาม
เหมอื นและความแตกต่างระหว่างภาษากบั วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา ภาษาและวัฒนธรรมของเจา้ ของภาษา
กับวฒั นธรรมไทย และนาไปใช้อย่างเหมาะสม

ภาษากับความสัมพันธก์ ับกลุ่มสาระการเรยี นรูอ้ ืน่ การใช้ภาษาต่างประเทศในการเชอื่ มโยงความรู้
กับกลุ่มสาระการเรยี นร้อู ่นื เปน็ พน้ื ฐานในการพฒั นา แสวงหาความรู้ และเปิดโลกทศั น์ของตน

ภาษากับความสัมพันธ์กับชมุ ชนและโลก การใชภ้ าษาต่างประเทศ ในสถานการณ์ตา่ งๆ ท้งั ใน
ห้องเรียนและนอกห้องเรียน ชุมชนและสังคมโลกเป็นเครื่องมือพื้นฐาน ในการศึกษาต่อประกอบอาชีพ
และแลกเปลีย่ นเรียนรูก้ ับสังคมโลก

๑๕๕

สาระและมาตรฐานการเรียนรู้

สาระที่ ๑ ภาษาเพ่ือการสือ่ สาร
มาตรฐาน ต ๑.๑ เขา้ ใจและตคี วามเรอ่ื งที่ฟังและอา่ นจากส่ือประเภทตา่ งๆ และแสดงความคดิ เห็นอยา่ ง

มเี หตุผล
มาตรฐาน ต ๑.๒ มีทกั ษะการสอ่ื สารทางภาษาในการแลกเปลีย่ นขอ้ มูลข่าวสาร แสดงความร้สู กึ และ

ความคดิ เหน็ อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ
มาตรฐาน ต ๑.๓ นาเสนอขอ้ มูลขา่ วสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเหน็ ในเรื่องต่างๆ โดยการพดู

และการเขยี น

สาระท่ี ๒ ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต ๒.๑ เข้าใจความสัมพันธร์ ะหวา่ งภาษากับวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ ไดอ้ ยา่ ง

เหมาะสมกบั กาลเทศะ
มาตรฐาน ต ๒.๒ เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา

กับภาษาและวฒั นธรรมไทย และนามาใชอ้ ย่างถูกต้องและเหมาะสม

สาระที่ ๓ ภาษากับความสัมพนั ธ์กับกลมุ่ สาระการเรียนรูอ้ น่ื
มาตรฐาน ต ๓.๑ ใชภ้ าษาต่างประเทศในการเชอ่ื มโยงความรู้กบั กลมุ่ สาระการเรยี นรูอ้ ่นื และเปน็ พื้นฐาน

ในการพัฒนา แสวงหาความรู้ และเปิดโลกทัศนข์ องตน

สาระที่ ๔ ภาษากับความสัมพนั ธก์ ับชุมชนและโลก
มาตรฐาน ต ๔.๑ ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณต์ า่ งๆ ทงั้ ในสถานศึกษา ชมุ ชน และสงั คม
มาตรฐาน ต ๔.๒ ใช้ภาษาต่างประเทศเป็นเครอื่ งมอื พืน้ ฐานในการศึกษาตอ่ การประกอบอาชีพ และ

การแลกเปลี่ยนเรียนรกู้ บั สงั คมโลก

๑๕๖

โครงสรา้ งรายวิชา

รายวิชาตามโครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียน ป่าไม้อุทิศ ๔ พุทธศักราช ๒๕๖ ๑
กลุ่มสาระการเรยี นรภู้ าษาตา่ งประเทศ

รายวชิ าภาษาตา่ งประเทศพนื้ ฐาน

ระดบั ช้ัน รหสั ช่อื รายวิชา เวลาเรียนรายภาค
ชน้ั ม. ๑
ชั้น ม. ๒ อ ๒๑๑๐๑ ภาษาองั กฤษ ๑ ๒ ชว่ั โมง/สัปดาห์ (๑.๐ หนว่ ยกิต)
ชัน้ ม. ๓ อ ๒๑๑๐๒ ภาษาอังกฤษ ๒ ๒ ชวั่ โมง/สัปดาห์ (๑.๐ หน่วยกติ )
อ ๒๒๑๐๑ ภาษาอังกฤษ ๓ ๒ ชว่ั โมง/สัปดาห์ (๑.๐ หนว่ ยกิต)
อ ๒๒๑๐๒ ภาษาองั กฤษ ๔ ๒ ชั่วโมง/สปั ดาห์ (๑.๐ หนว่ ยกิต)
อ ๒๓๑๐๑ ภาษาอังกฤษ ๕ ๒ ชว่ั โมง/สปั ดาห์ (๑.๐ หน่วยกติ )
อ๒๓๑๐๒ ภาษาองั กฤษ ๖ ๒ ชั่วโมง/สปั ดาห์ (๑.๐ หนว่ ยกติ )

รายวิชาภาษาตา่ งประเทศเพมิ่ เติม

ระดบั ชน้ั รหสั ช่อื รายวชิ า เวลาเรียนรายภาค
ชั้น ม. ๑
ชั้น ม. ๒ อ ๒๑๒๐๑ ภาษาองั กฤษเพิม่ เติม ๑ ๒ ชว่ั โมง/สัปดาห์ (๑.๐ หนว่ ยกิต)
ชนั้ ม. ๓ จ ๒๑๒๐๑ ภาษาจีน ๑ ๑ ชั่วโมง/สัปดาห์ (๐.๕ หน่วยกิต)
อ ๒๑๒๐๒ ๒ ชั่วโมง/สัปดาห์ (๑.๐ หน่วยกิต)
จ ๒๑๒๐๒ ภาษาองั กฤษเพิ่มเติม ๒ ๑ ชัว่ โมง/สปั ดาห์ (๐.๕ หนว่ ยกิต)
อ ๒๒๒๐๑ ภาษาจนี ๒ ๒ ชวั่ โมง/สัปดาห์ (๑.๐ หน่วยกิต)
จ ๒๒๒๐๑ ๑ ชว่ั โมง/สปั ดาห์ (๐.๕ หน่วยกติ )
อ ๒๒๒๐๒ ภาษาอังกฤษเพม่ิ เติม ๓ ๒ ชว่ั โมง/สปั ดาห์ (๑.๐ หน่วยกติ )
จ ๒๒๒๐๒ ภาษาจนี ๓ ๑ ชั่วโมง/สปั ดาห์ (๐.๕ หน่วยกติ )
อ ๒๓๒๐๑ ๒ ชั่วโมง/สปั ดาห์ (๑.๐ หน่วยกิต)
จ ๒๓๒๐๑ ภาษาอังกฤษเพม่ิ เติม ๔ ๑ ชั่วโมง/สัปดาห์ (๐.๕ หนว่ ยกติ )
อ ๒๓๒๐๒ ภาษาจีน ๔ ๒ ชั่วโมง/สัปดาห์ (๑.๐ หนว่ ยกติ )
จ ๒๓๒๐๒ ๑ ช่ัวโมง/สปั ดาห์ (๐.๕ หนว่ ยกิต)
ภาษาองั กฤษเพมิ่ เตมิ ๕
ภาษาจีน ๕

ภาษาองั กฤษเพ่มิ เติม ๖
ภาษาจีน ๖

๑๕๗

รายวชิ าภาษาตา่ งประเทศพน้ื ฐาน

อ ๒๑๑๐๑ ภาษาอังกฤษ ๑ กลุ่มสาระการเรยี นร้ภู าษาต่างประเทศ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑

คาอธิบายรายวชิ า ภาคเรยี นท่ี ๑ เวลา ๔๐ ช่ัวโมง/๑.๐ หน่วยกิต

- ศึกษาการใชภ้ าษา และท่าทาง สื่อสารตามมารยาทสังคมในการสร้างความสมั พนั ธร์ ะหว่างบคุ คล
- ศึกษาการขอ และให้ข้อมูล ความช่วยเหลือ และบริการผู้อ่ืน ส่ือความหมาย ถ่ายโอนข้อมูล

ท่ีได้ฟัง และอ่าน
- ศึกษาการอ่านออกเสยี ง คาวลี สานวนงา่ ย ๆ ประโยคคาส่งั คาขอรอ้ ง คาแนะนา ขอ้ ความ ขอ้ มูล

บทอ่าน เรื่องราวสั้น ๆ ทั้งท่ีเป็นความเรียง และไม่ใช่ความเรียง แล้วถ่ายโอนเป็นถ้อยคาของ ตนเอง ใน

รปู แบบตา่ ง ๆ
- สรุปแสดงความคดิ เห็น ความร้สู ึกเก่ียวกับประสบการณข์ องตนเอง ข่าวสาร เหตกุ ารณ์สาคัญต่าง ๆ

ในชีวิตประจาวัน ประสบการณ์ส่วนตัว การศึกษา การทางาน เทคโนโลยี งานประเพณี วัฒนธรรมไทย
และวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา

- เหน็ คณุ คา่ ของภาษาอังกฤษ สามารถใช้เปน็ เคร่อื งมอื แสวงหาความรเู้ พิ่มเตมิ และเช่อื มโยงกบั

กลุ่มสาระการเรียนรู้อน่ื

ตวั ชว้ี ดั
ต ๑.๑ ม.๑/๑, ม.๑/๒, ม.๑/๓, ม.๑/๔
ต ๑.๒ ม.๑/๑, ม.๑/๒, ม.๑/๓, ม.๑/๔

ต ๑.๓ ม.๑/๑, ม.๑/๒, ม.๑/๓
ต ๒.๑ ม.๑/๑, ม.๑/๒, ม.๑/๓, ม.๑/๔

ต ๒.๒ ม.๑/๑, ม.๑/๒
ต ๓.๑ ม.๑/๑
ต ๔.๑ ม.๑/๑

ต ๔.๒ ม.๑/๒
รวม ๒๐ ตวั ชว้ี ัด

๑๕๘

รายวิชาภาษาตา่ งประเทศพน้ื ฐาน

อ ๒๑๑๐๒ ภาษาองั กฤษ ๒ กล่มุ สาระการเรียนรภู้ าษาตา่ งประเทศ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑

คาอธิบายรายวิชา ภาคเรยี นที่ ๒ เวลา ๔๐ ชั่วโมง/๑.๐ หน่วยกิต

- ศกึ ษาการใช้ภาษา และทา่ ทาง สอื่ สารตามมารยาทสังคมในการสร้างความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งบุคคล
- ศึกษาการขอ และให้ข้อมูล ความช่วยเหลือ และบริการผู้อ่ืน ส่ือความหมาย ถ่ายโอนข้อมูล

ทไ่ี ด้ฟงั และอา่ น
- ศกึ ษาการอา่ นออกเสยี ง คาวลี สานวนงา่ ย ๆ ประโยคคาสัง่ คาขอรอ้ ง คาแนะนา ข้อความ ขอ้ มูล

บทอ่าน เรื่องราวสั้น ๆ ท้ังท่ีเป็นความเรียง และไม่ใช่ความเรียง แล้วถ่ายโอนเป็นถ้อยคาของตนเอง ใน

รูปแบบต่าง ๆ
- สรุปแสดงความคดิ เหน็ ความรสู้ ึกเกี่ยวกับประสบการณ์ของตนเอง ข่าวสาร เหตุการณ์สาคัญต่าง ๆ

ในชีวิตประจาวัน ประสบการณ์ส่วนตัว การศึกษา การทางาน เทคโนโลยี งานประเพณี วัฒนธรรมไทย
และวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา

- เหน็ คุณคา่ ของภาษาอังกฤษ สามารถใชเ้ ปน็ เคร่อื งมือ แสวงหาความรเู้ พิ่มเตมิ และเชอ่ื มโยงกบั

กลมุ่ สาระการเรยี นร้อู น่ื

ตวั ช้ีวดั
ต ๑.๑ ม.๑/๑, ม.๑/๒, ม.๑/๓, ม.๑/๔
ต ๑.๒ ม.๑/๑, ม.๑/๒, ม.๑/๓, ม.๑/๔

ต ๑.๓ ม.๑/๑, ม.๑/๒, ม.๑/๓
ต ๒.๑ ม.๑/๑, ม.๑/๒, ม.๑/๓, ม.๑/๔

ต ๒.๒ ม.๑/๑, ม.๑/๒
ต ๓.๑ ม.๑/๑
ต ๔.๑ ม.๑/๑

ต ๔.๒ ม.๑/๒
รวม ๒๐ ตัวช้ีวดั

๑๕๙

รายวิชาภาษาตา่ งประเทศพนื้ ฐาน

อ ๒๒๑๐๑ ภาษาอังกฤษ ๓ กลมุ่ สาระการเรียนรภู้ าษาตา่ งประเทศ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ ๒

คาอธบิ ายรายวิชา ภาคเรียนที่ ๑ เวลา ๔๐ ช่ัวโมง/๑.๐ หนว่ ยกิต

ศกึ ษาการใช้ภาษาน้าเสียง และท่าทาง สื่อสารตามมารยาทสงั คม และภาษาในการส่อื สารโดย ใช้สื่อ
เทคโนโลยีในการสร้างความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งบคุ คลในการเรียน การปฏิบัติงาน การสมัครงาน ขอและใหข้ ้อมูล

ความช่วยเหลือและบริการผอู้ น่ื ถา่ ยโอนขอ้ มูลทไ่ี ด้ฟงั และอา่ น
ศึกษากระบวนการอ่านออกเสยี ง คา วลี สานวนงา่ ย ๆ ประโยคคาส่งั คาขอร้อง คาแนะนา คาอธบิ าย

ข้อความ ข้อมูล บทอ่าน เรื่องราวสั้น ๆ ท้ังท่ีเป็นความเรียง และไม่ใช่ความเรียง จากส่ือส่ิงพิมพ์ และ

ส่ืออิเลคทรอนิกส์ แลว้ ถ่ายโอนเป็นถ้อยคาของตนเองในรปู แบบตา่ ง ๆ ในชีวิตประจาวัน ท้องถ่ิน และสังคม
ประสบการณส่วนตัว การศกึ ษา การทางาน เทคโนโลยี งานประเพณีวันสาคญั ของชาติ ศาสนา วัฒนธรรมไทย

และวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา
เห็นคุณค่าของภาษาอังกฤษ สามารถใช้ภาษาเป็นเคร่ืองมือแสวงหาความรู้เพิ่มเติมและเชื่อมโยง

กับกลุ่มสาระการเรียนรอู้ ื่น

ตวั ชีว้ ัด

ต ๑.๑ ม.๒/๑, ม.๒/๒, ม.๒/๓, ม.๒/๔
ต ๑.๒ ม.๒/๑, ม.๒/๒, ม.๒/๓, ม.๒/๔, ม.๒/๕
ต ๒.๑ ม.๒/๑, ม.๒/๒, ม.๒/๓, ม.๒/๔

ต ๒.๒ ม.๒/๑, ม.๒/๒
ต ๓.๑ ม.๒/๑

ต ๔.๑ ม.๒/๑
ต ๔.๒ ม.๒/๑
ต ๔.๒ ม.๒/๒
รวม ๒๑ ตัวช้ีวดั

๑๖๐

รายวิชาภาษาตา่ งประเทศพน้ื ฐาน

อ ๒๒๑๐๒ ภาษาอังกฤษ ๔ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี ๒

คาอธบิ ายรายวิชา ภาคเรยี นที่ ๒ เวลา ๔๐ ช่ัวโมง/๑.๐ หนว่ ยกิต

ศกึ ษาการใช้ภาษาน้าเสียง และท่าทาง ส่ือสารตามมารยาทสังคม และภาษาในการสอ่ื สารโดย ใช้สื่อ
เทคโนโลยีในการสร้างความสมั พันธร์ ะหวา่ งบคุ คลในการเรยี น การปฏิบตั ิงาน การสมัครงาน ขอและใหข้ ้อมูล

ความช่วยเหลือและบรกิ ารผู้อ่นื ถ่ายโอนขอ้ มลู ทไ่ี ดฟ้ ังและอ่าน
ศึกษากระบวนการอา่ นออกเสยี ง คา วลี สานวนงา่ ย ๆ ประโยคคาสั่ง คาขอร้อง คาแนะนา คาอธบิ าย

ข้อความ ข้อมูล บทอ่าน เรื่องราวส้ัน ๆ ทั้งที่เป็นความเรียง และไม่ใช่ความเรียง จากส่ือสิ่งพิมพ์ และ

ส่ืออิเลคทรอนิกส์ แล้วถา่ ยโอนเป็นถ้อยคาของตนเองในรปู แบบต่าง ๆ ในชวี ิตประจาวัน ท้องถน่ิ และสงั คม
ประสบการณส่วนตัว การศึกษา การทางาน เทคโนโลยี งานประเพณีวันสาคัญของชาติ ศาสนา วัฒนธรรมไทย

และวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา
เห็นคุณค่าของภาษาอังกฤษ สามารถใช้ภาษาเป็นเคร่ืองมือแสวงหาความรู้เพ่ิมเติมและเช่ือมโยง

กับกลุ่มสาระการเรียนร้อู ืน่

ตวั ชีว้ ัด

ต ๑.๑ ม.๒/๑, ม.๒/๒, ม.๒/๓, ม.๒/๔
ต ๑.๒ ม.๒/๑, ม.๒/๒, ม.๒/๓, ม.๒/๔, ม.๒/๕
ต ๒.๑ ม.๒/๑, ม.๒/๒, ม.๒/๓, ม.๒/๔

ต ๒.๒ ม.๒/๑, ม.๒/๒
ต ๓.๑ ม.๒/๑

ต ๔.๑ ม.๒/๑
ต ๔.๒ ม.๒/๑
ต ๔.๒ ม.๒/๒
รวม ๒๑ ตัวช้ีวดั

๑๖๑

รายวชิ าภาษาตา่ งประเทศพนื้ ฐาน

อ ๒๓๑๐๑ ภาษาองั กฤษ ๕ กล่มุ สาระการเรยี นร้ภู าษาต่างประเทศ ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ ๓

คาอธบิ ายรายวชิ า ภาคเรียนที่ ๑ เวลา ๔๐ ชัว่ โมง/๑.๐ หน่วยกิต

ศกึ ษาความสัมพันธ์ระหว่างภาษาต่างประเทศ และภาษาไทยในเร่ืองของคา วลี สานวน ประโยค
ข้อความที่ซับซ้อน คาสั่ง คาขอร้อง คาแนะนา คาอธิบาย ภาษาท่าทาง ความรู้สึก เพ่ือให้สามารถ

เปรียบเทียบ ความเหมือน และความแตกต่าง ของวัฒนธรรมประเพณีระหว่างประเทศไทยและต่างประเทศ
เพื่อให้สามารถอ่าน และตีความ แสดงความคิดเห็นเก่ียวกับบทอ่าน บทเพลง บทละครส้ัน บทกวี ข้อมูล
จากส่อื ต่างๆ และนาความรู้มาใช้อยา่ งมีวิจารณญาณ เพ่ือใหฝ้ ึกทักษะในการสอื่ สาร และแลกเปลย่ี นข่าวสาร

โดยใชเ้ ทคโนโลยี และการจัดการทีเ่ หมาะสมกบั สถานการณต์ ่างๆ อธิบาย บรรยาย เปรียบเทยี บ เจรจาโน้ม
น้าว วางแผนในการเรียนรู้ การศึกษาต่อ อาชีพและการทางาน โครงการในอนาคต เพ่ือให้แสวงหา และ

สรา้ งองค์ความรจู้ ากเร่ืองราว ประสบการณ์ กิจกรรมทางภาษา นาเสนอความคิดรวบยอด เพ่อื ให้ตระหนัก
ในคุณค่า ของการใช้ภาษา และสามารถถ่ายทอด และเชื่อมโยงความรู้เพ่ือพัฒนาตนเอง ครอบครวั ชุมชน
และสังคมอย่างสรา้ งสรรค์

เพ่ือให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างภาษาต่างประเทศ และภาษาไทยในเรื่องของคา วลี สานวน
ประโยค ข้อความที่ซับซ้อน คาสั่ง คาขอร้อง คาแนะนา คาอธิบาย ภาษาท่าทาง ความรู้สึก วัฒนธรรม

ประเพณี บทอา่ นประเภทต่างๆ บทเพลง บทละครส้ัน บทกวี ขอ้ มลู จากสื่อตา่ งๆ สถานการณ์ต่างๆ แผน
ในการเรียน การศึกษาต่อ อาชีพ และการทางาน โครงการในอนาคต ประสบการณ์ กิจกรรมทางภาษา
ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร เหตุการณ์ต่างๆ ในท้องถ่ินและสังคมโลก คุณค่า ของการใช้ภาษา การ

ถา่ ยทอด และการเชือ่ มโยงความร้เู พือ่ พัฒนาตนเอง ครอบครวั ชมุ ชน และสังคมอย่างสรา้ งสรรค์

ตวั ช้วี ัด
อ ๑.๑ ม.๓/๑, ม.๓/๒, ม.๓/๓, ม.๓/๔
อ ๑.๒ ม.๓/๑, ม.๓/๒, ม.๓/๓, ม.๓/๔, ม.๓/๕

อ ๑.๓ ม.๓/๑, ม.๓/๒, ม.๓/๓
อ ๒.๑ ม.๓/๑, ม.๓/๒

อ ๓.๑ ม.๓/๑
อ ๔.๑ ม.๓/๑
อ ๔.๒ ม. /๒

รวม ๒๑ ตัวชว้ี ดั

๑๖๒

รายวชิ าภาษาตา่ งประเทศพนื้ ฐาน

อ ๒๓๑๐๒ ภาษาองั กฤษ ๖ กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ชนั้ มธั ยมศึกษาปที ี่ ๓

คาอธบิ ายรายวชิ า ภาคเรียนที่ ๒ เวลา ๔๐ ชั่วโมง/๑.๐ หน่วยกติ

ศกึ ษาความสัมพันธ์ระหว่างภาษาต่างประเทศ และภาษาไทยในเรื่องของคา วลี สานวน ประโยค
ข้อความที่ซับซ้อน คาสั่ง คาขอร้อง คาแนะนา คาอธิบาย ภาษาท่าทาง ความรู้สึก เพ่ือให้สามารถ

เปรียบเทียบ ความเหมือน และความแตกต่าง ของวัฒนธรรมประเพณีระหว่างประเทศไทยและต่างประเทศ
เพื่อให้สามารถอ่าน และตีความ แสดงความคิดเห็นเก่ียวกับบทอ่าน บทเพลง บทละครสั้น บทกวี ข้อมูล
จากส่อื ต่างๆ และนาความรู้มาใช้อยา่ งมีวิจารณญาณ เพื่อใหฝ้ ึกทักษะในการส่อื สาร และแลกเปลย่ี นข่าวสาร

โดยใชเ้ ทคโนโลยี และการจัดการทีเ่ หมาะสมกบั สถานการณ์ต่างๆ อธิบาย บรรยาย เปรียบเทยี บ เจรจาโน้ม
น้าว วางแผนในการเรียนรู้ การศึกษาต่อ อาชีพและการทางาน โครงการในอนาคต เพ่ือให้แสวงหา และ

สรา้ งองค์ความรจู้ ากเร่ืองราว ประสบการณ์ กิจกรรมทางภาษา นาเสนอความคิดรวบยอด เพอื่ ให้ตระหนัก
ในคุณค่า ของการใช้ภาษา และสามารถถ่ายทอด และเช่ือมโยงความรเู้ พ่ือพัฒนาตนเอง ครอบครวั ชุมชน
และสังคมอย่างสรา้ งสรรค์

เพ่ือให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างภาษาต่างประเทศ และภาษาไทยในเรื่องของคา วลี สานวน
ประโยค ข้อความที่ซับซ้อน คาสั่ง คาขอร้อง คาแนะนา คาอธิบาย ภาษาท่าทาง ความรู้สึก วฒั นธรรม

ประเพณี บทอา่ นประเภทต่างๆ บทเพลง บทละครส้ัน บทกวี ข้อมลู จากส่ือต่างๆ สถานการณต์ ่างๆ แผน
ในการเรียน การศึกษาต่อ อาชีพ และการทางาน โครงการในอนาคต ประสบการณ์ กิจกรรมทางภาษา
ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร เหตุการณ์ต่างๆ ในท้องถ่ินและสังคมโลก คุณค่า ของการใช้ภาษา การ

ถา่ ยทอด และการเชือ่ มโยงความรูเ้ พือ่ พฒั นาตนเอง ครอบครัว ชมุ ชน และสังคมอย่างสรา้ งสรรค์

ตวั ช้วี ัด
อ ๑.๑ ม.๓/๑, ม.๓/๒, ม.๓/๓, ม.๓/๔
อ ๑.๒ ม.๓/๑, ม.๓/๒, ม.๓/๓, ม.๓/๔, ม.๓/๕

อ ๑.๓ ม.๓/๑, ม.๓/๒, ม.๓/๓
อ ๒.๑ ม.๓/๑, ม.๓/๒

อ ๓.๑ ม.๓/๑
อ ๔.๑ ม.๓/๑
อ ๔.๒ ม. /๒

รวม ๒๑ ตัวชว้ี ดั

๑๖๓

รายวชิ าภาษาต่างประเทศเพม่ิ เติม

อ ๒๑๑๐๑ ภาษาอังกฤษเพม่ิ เติม ๑ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี ๑

คาอธิบายรายวิชา ภาคเรียนท่ี ๑ เวลา ๔๐ ชัว่ โมง/๑.๐ หนว่ ยกติ

ศกึ ษากระบวนการทางภาษา ใหส้ ามารถส่อื สารได้อย่างมีประสิทธิภาพ บรู ณาการภมู ิปัญญาท้องถิ่น
สภาพปญั หาชุมชนทอ้ งถนิ่ เน้นวัฒนธรรมของเจา้ ของภาษา ในเร่ืองต่อไปนี้

การฟัง ฟังคาสั่ง คาขอรอ้ ง คาศัพท์ กลุ่มคา บทสนทนา คาแนะนา นิทาน เพลง เพื่อให้เข้าใจ
จับประเด็นของส่ิงที่ฟัง โดยใช้กระบวนการฟัง กระบวนการฝึกปฏิบัติ กระบวนการกลุ่ม กระบวนการ
สื่อความ มมี ารยาทในการฟัง มีสมาธิ มคี วามมัน่ ใจในการใชภ้ าษา

การพูด พูดคาส่ัง คาขอร้อง คาศัพท์ กลุ่มคา คาแนะนา พูดในโอกาสต่าง ๆ ในการขอและให้
ขอ้ มูลเกี่ยวกับบุคคล สิ่งที่พบเห็นในชีวิตประจาวัน พูดแสดงความตอ้ งการของตนเอง การให้ข้อมูลเกี่ยวกับ

ตนเอง ครอบครัว โรงเรียน อาหาร เครื่องดื่ม สัตว์ สิ่งของ เครื่องแต่งกาย ร่างกาย เวลา สิ่งแวดล้อม
ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลในครอบครัว โดยใช้กระบวนการพูด กระบวนการส่ือความ กระบวนการ
ฝกึ ปฏบิ ตั ิ และใช้ภาษาอยา่ งมีมารยาทถกู ต้องตามกาลเทศะของบคุ คลในการพูดและฟัง

เพื่อให้รกั การเรียนรู้ภาษาองั กฤษ ใชภ้ าษาองั กฤษอย่างมปี ระสิทธภิ าพ และสามารถใช้ภาษาองั กฤษ
เป็นพื้นฐานในการเรียนกลุ่มสาระอื่น ใช้ภาษาเพื่อการส่ือสารไดอ้ ย่างเหมาะสมตามศักยภาพของแต่ละบคุ คล

และประยกุ ตใ์ ชใ้ นการทางานและในชีวติ ประจาวัน
ผลการเรียนรู้

๑. ปฏบิ ตั ติ ามคาส่ัง คาขอร้อง คาแนะนา คาชีแ้ จ้ง และคาอธิบายทฟ่ี งั

๒. ฟงั -พูดออกเสียงขอ้ ความนิทาน และบทรอ้ ยกรองสั้น ๆ ถูกตอ้ งตามหลกั การพดู
๓. ตอบคาถามจากการฟังบทสนทนา นทิ าน และเร่อื งส้นั ได้อยา่ งถกู ต้อง

๔. ใชภ้ าษา น้าเสยี ง และกริยา ทา่ ทาง เหมาะสมตามมารยาทสังคมและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา
๕. ฟงั -พดู เกยี่ วกบั เทศกาล วนั สาคญั ชีวติ ความเปน็ อยู่และประเพณขี องเจา้ ของภาษา
๖. ฟงั และบอกความเหมือนและความแตกต่างระหว่างการออกเสยี งประโยคชนิดตา่ ง ๆ ได้อย่างถกู ต้อง

๗. คน้ คว้า รวบรวม และสรปุ ขอ้ มูล/ข้อเทจ็ จริงทีเ่ กี่ยวข้องเกย่ี วกบั กลุ่มสาระการเรยี นรอู้ น่ื จากแหลง่
การเรียนรู้ และนาเสนอดว้ ยการพูด

๘. ใช้ภาษาสือ่ สารในสถานการณจ์ รงิ /สถานการณจ์ าลองที่เกิดข้ึนในห้องเรียนและสถานศกึ ษา
รวม ๘ ผลการเรียนรู้

๑๖๔

รายวิชาภาษาต่างประเทศเพมิ่ เตมิ

จ ๒๑๑๐๒ ภาษาจนี ๑ กลุ่มสาระการเรียนรูภ้ าษาต่างประเทศ ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๑
คาอธิบายรายวิชา
ภาคเรียนที่ ๑ เวลา ๒๐ ช่วั โมง/๐.๕ หน่วยกติ

เข้าใจคาส่ัง คาขอร้อง ภาษาท่าทาง และประโยคท่ีใช้ในชีวิตประจาวัน และหลักการใช้สัทอักษร
ได้ถูกต้อง สามารถการอ่านออกเสียงสัทอักษร กลุ่มคาและประโยคสั้น ๆ ได้ถูกต้องชัดเจน ตามหลักการ

ออกเสยี ง เพอ่ื สร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลโดยใช้ส่ือนวัตกรรม ในการสือ่ สารเพ่ือแสดงความต้องการของ
ตนและส่ิงต่าง ๆ รอบตัว ใช้ถ้อยคาง่าย ๆ ในการปฏิสัมพันธ์ การเข้าใจความแตกต่างระหว่างเสียงสระ
พยัญชนะ คา วลี ประโยคและข้อความ ระหว่างวัฒนธรรมจีนและวัฒนธรรมไทย เห็นประโยชน์ของ

การรภู้ าษาจนี เขา้ ใจเร่อื งเศรษฐกิจพอเพยี ง และนาเร่อื งการออมนาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวัน

ผลการเรียนรู้
1. นกั เรียนสามารถอ่าน เขียนและออกเสียงสัทอักษรได้
2. ใชค้ าศัพทภ์ าษาจนี เบ้อื งต้นในการฟงั พดู อา่ นเขยี นได้
3. รู้และเข้าใจความแตกต่าง และเหมอื นวฒั นธรรมไทย จีน

รวม 3 ผลการเรียนรู้

๑๖๕

รายวิชาภาษาต่างประเทศเพมิ่ เติม

อ ๒๑๑๐๓ ภาษาองั กฤษเพิ่มเติม ๒ กลุ่มสาระการเรียนรูภ้ าษาต่างประเทศ ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี ๑

คาอธิบายรายวชิ า ภาคเรยี นที่ ๒ เวลา ๔๐ ชั่วโมง/๑.๐ หนว่ ยกิต

ศกึ ษากระบวนการทางภาษา ใหส้ ามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ บรู ณาการภูมิปญั ญาท้องถิ่น
สภาพปญั หาชมุ ชนทอ้ งถ่นิ เน้นวัฒนธรรมของเจา้ ของภาษา ในเรอื่ งต่อไปน้ี

การฟัง ฟังคาส่ัง คาขอร้อง คาศัพท์ กลุ่มคา บทสนทนา คาแนะนา นิทาน เพลง เพื่อให้เข้าใจ
จับประเด็นของส่ิงที่ฟัง โดยใช้กระบวนการฟัง กระบวนการฝึกปฏิบัติ กระบวนการก ลุ่ม กระบวนการ
สื่อความ มีมารยาทในการฟัง มสี มาธิ มีความม่ันใจในการใชภ้ าษา

การพูด พูดคาส่ัง คาขอร้อง คาศัพท์ กลุ่มคา คาแนะนา พูดในโอกาสต่าง ๆ ในการขอและให้
ขอ้ มูลเกี่ยวกับบุคคล ส่ิงท่ีพบเห็นในชีวติ ประจาวัน พูดแสดงความต้องการของตนเอง การให้ขอ้ มูลเกี่ยวกับ

ตนเอง ครอบครัว โรงเรียน อาหาร เครื่องดื่ม สัตว์ ส่ิงของ เครื่องแต่งกาย ร่างกาย เวลา ส่ิงแวดล้อม
ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลในครอบครัว โดยใช้กระบวนการพูด กระบวนการส่ือความ กระบวนการ
ฝกึ ปฏบิ ตั ิ และใช้ภาษาอยา่ งมีมารยาทถกู ตอ้ งตามกาลเทศะของบุคคลในการพูดและฟงั

เพื่อให้รกั การเรยี นรู้ภาษาองั กฤษ ใช้ภาษาอังกฤษอยา่ งมปี ระสิทธิภาพ และสามารถใช้ภาษาองั กฤษ
เป็นพื้นฐานในการเรียนกลุ่มสาระอ่ืน ใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารได้อย่างเหมาะสมตามศักยภาพของแตล่ ะบุคคล

และประยกุ ต์ใชใ้ นการทางานและในชีวติ ประจาวนั
ผลการเรยี นรู้

๑. ปฏบิ ัติตามคาสัง่ คาขอร้อง คาแนะนา คาชแ้ี จ้ง และคาอธิบายทีฟ่ งั

๒. ฟงั -พูดออกเสยี งข้อความนทิ าน และบทร้อยกรองสัน้ ๆ ถกู ต้องตามหลักการพูด
๓. ตอบคาถามจากการฟังบทสนทนา นิทาน และเรื่องสัน้ ไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง

๔. ใช้ภาษา นา้ เสียง และกริยา ท่าทาง เหมาะสมตามมารยาทสงั คมและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา
๕. ฟงั -พดู เกีย่ วกบั เทศกาล วันสาคัญ ชีวติ ความเป็นอยแู่ ละประเพณขี องเจ้าของภาษา
๖. ฟงั และบอกความเหมือนและความแตกตา่ งระหว่างการออกเสยี งประโยคชนิดต่าง ๆ ได้อยา่ งถูกตอ้ ง

๗. ค้นควา้ รวบรวม และสรุปขอ้ มลู /ขอ้ เทจ็ จรงิ ท่ีเกยี่ วข้องเกย่ี วกับกลมุ่ สาระการเรียนรู้อื่นจากแหล่ง
การเรยี นรู้ และนาเสนอด้วยการพดู

๘. ใชภ้ าษาส่ือสารในสถานการณจ์ ริง/สถานการณจ์ าลองท่เี กดิ ขึ้นในหอ้ งเรยี นและสถานศึกษา
รวม ๘ ผลการเรยี นรู้

๑๖๖

รายวิชาภาษาตา่ งประเทศเพมิ่ เตมิ

จ ๒๑๑๐๔ ภาษาจนี ๒ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๑
คาอธิบายรายวชิ า
ภาคเรียนที่ ๒ เวลา ๒๐ ช่ัวโมง/๐.๕ หนว่ ยกิต

เข้าใจคาสั่ง คาขอร้อง ภาษาท่าทาง และประโยคท่ีใช้ในชีวิตประจาวัน และหลักการใช้สัทอักษร
ได้ถูกต้อง สามารถการอ่านออกเสียงสัทอักษร กลุ่มคาและประโยคส้ัน ๆ ได้ถูกต้องชัดเจน ตามหลักการ
ออกเสียง โดยสื่อสารภาพ และอธบิ ายได้จากบทสนทนาส้นั ๆ ท่ีมภี าพประกอบนิทานและบทสนทนาสั้น ๆ ใช้
ภาษาง่าย ๆ เพ่ือสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลโดยใช้สื่อนวัตกรรม ในการสื่อสารเพ่ือแสดงความต้องการ
ของตนและสิ่งต่าง ๆ รอบตัว ใช้ถ้อยคาง่าย ๆ ในการปฏิสัมพันธ์ รู้จักขนบธรรมเนียมประเพณี และเทศกาล
งานฉลองของจีน การเข้าใจความแตกต่างระหว่างเสียงสระ พยญั ชนะ คา วลี ประโยคและขอ้ ความ ระหว่าง
วัฒนธรรมจีนและวัฒนธรรมไทย เห็นประโยชน์ของการรู้ภาษาจีน เข้าใจเร่ืองเศรษฐกิจพอเพยี ง และนาเร่ือง
การออมนาไปใช้ในชวี ิตประจาวนั

ผลการเรียนรู้

1. นกั เรียนสามารถอา่ น เขียน และออกเสียงสัทอักษรได้

2. ใชป้ ระโยคภาษาจนี เบื้องตน้ ในการฟัง พูด อา่ นเขียนได้

3. รู้และเขา้ ใจความแตกตา่ ง และเหมือนวัฒนธรรมไทย จีน

4. เขียนอกั ษรจีนตามลาดับไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง

รวม 4 ผลการเรียนรู้

๑๖๗

บทที่ ๔

กิจกรรมพัฒนาผ้เู รยี น

ตามหลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนป่าไมอ้ ทุ ิศ ๔

ความหมายและความสาคญั ของกจิ กรรมพัฒนาผ้เู รียน

กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเป็นกิจกรรมสาคัญที่หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนป่าไม้อุทิศ ๔ พุทธศักราช
๒๕๖๑ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.๒๕๖๐)
กาหนดให้จัดทาขึ้นให้ผู้เรียนทุกคน ทุกระดับช้ัน เพ่ือส่งเสริมพัฒนาความสามารถของตนเองตามความถนัด
ความสนใจ ให้เต็มศักยภาพ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาองค์รวมของความเป็นมนุษย์ท้ังด้านร่างกาย สติปัญญา
อารมณ์และสังคม สร้างเยาวชนของชาติให้เป็นผู้มีศีลธรรม จริยธรรม มีระเบียบวินัย ปลูกฝังและสร้างจิตสานึก
ของการทาประโยชนเ์ พือ่ สังคม และสามารถบริหารการจดั การตนเอง

กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนเป็นกิจกรรมที่จะส่งเสริมให้ผู้เรียนได้พัฒนาความสามารถของตนเองตาม
ศักยภาพ เพิ่มเติมจากกิจกรรมการเรียนรู้ตามกลุ่มสาระการเรียนรู้ทั้ง ๘ กลุ่ม การเข้าร่วม และปฏิบัติ
กจิ กรรมที่เหมาะสมรว่ มกบั ผอู้ ่นื อยา่ งมีความสุขกับกิจกรรมที่เลอื กด้วยตนเองตามความถนดั ความสนใจอย่าง
แท้จริงจะเสริมสร้างและพัฒนาองค์รวมของความเป็นมนุษย์ให้ครบทุกด้านสร้างความเป็นมนุษย์ท่ีสมบูรณ์
ปลกู ฝงั และสรา้ งจติ สานกึ ของการทาประโยชนเ์ พ่อื สังคม

จดุ มุง่ หมายของกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รยี น

การจดั ทากิจกรรมพฒั นาผ้เู รียนในหลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนป่าไม้อทุ ิศ ๔ มจี ดุ ประสงคส์ าคัญ คือ
๑. เพ่อื ช่วยเพิ่มพูนประสบการณ์ของผู้เรียน ได้ฝึกฝนทักษะ ไดเ้ รยี นรู้ โดยการปฏิบัติจริง อันเป็นการ
สอดคล้องกบั แนวการจัดการเรียนรู้ท่ยี ดึ ผู้เรยี นเปน็ สาคัญ
๒. เพื่อเสรมิ สร้างคุณลักษณะดีเดน่ ของความเป็นประชาธิปไตย ฝึกการเป็นผู้นา ผตู้ าม ฝึกการทางาน
รว่ มกนั ฝกึ การแสดงความคดิ เหน็ ฝกึ ความรบั ผดิ ชอบ
๓. เพ่ือก่อให้เกดิ ความสามัคคี รักหมูค่ ณะ เกดิ ความเข้าใจซ่ึงกันและกนั เพราะการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมต้อง
ทางานเปน็ กลุม่ ตอ้ งรว่ มกนั คิด รว่ มกนั ทา ไดพ้ บความสขุ ความทุกข์รว่ มกัน เกดิ ความประทับใจซึ่งกนั และกัน
๔. ส่งเสริมความคิดรเิ ริ่มสร้างสรรค์ ความแปลกใหม่ เพราะการทากิจกรรมรว่ มกันต้องร่วมกันศึกษา
ค้นคว้า คน้ หาวธิ ีการทด่ี กี ว่า ทาใหค้ วามคิดแตกฉาน พบเทคนิค วธิ กี ารทีแ่ ปลก ๆ ใหม่ ๆ ในการพฒั นาผลงาน
๕. เพื่อช่วยใหผ้ ู้เรียนมที างเลือก มีโอกาสแสดงออกตามแนวคดิ ความสนใจของตนเอง มีโอกาสในการ
เลือกตามความตอ้ งการ ความถนัด ชว่ ยพฒั นาศักยภาพของผู้เรยี นเป็นรายบคุ คล
๖. เพ่ือฝึกผู้เรียนให้เป็นสมาชิกท่ีดีของสังคม ชุมชน และประเทศชาติ ท้ังในปัจจุบันและอนาคต
เพราะกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนมีลักษณะเป็นสังคมเล็กที่จาลองจากสังคมใหญ่ มีกฎระเบียบ กติกา มีความ
รับผิดชอบท้ังในสิทธิหนา้ ที่ซึ่งเป็นการปลูกฝังลกั ษณะนิสยั และคุณลกั ษณะอันพึงประสงคข์ องการอยรู่ ่วมกันใน
สังคมปกติ
๗. เพื่อช่วยให้ผู้สอนรู้จักผู้เรียนแต่ละคนดีขึ้น เพราะผลงานในการทากิจกรรมของผู้เรียนจะช่วยให้
ผู้สอนเขา้ ใจผู้เรยี นและประเมินคณุ ค่าคุณภาพของนักเรยี นได้ดี และถกู ต้องมากขึ้น ร้จู ักและเข้าใจความสนใจ

๑๖๘

ของผู้เรียน ความถนัดของผู้เรียน ช่วยให้ผู้สอนทราบข้อมูลพ้ืนฐานของผู้เรียนที่ถูกต้อง และสามารถส่งเสริม
สนบั สนุน หรือแก้ไขข้อบกพร่องของผเู้ รียนไดถ้ ูกแนวทาง

๘. เพื่อใชเ้ ป็นข้อมูลในการปรบั ปรุงหลกั สูตรและการเรยี นการสอนของสถานศกึ ษา เพราะพฤติกรรม
การแสดงออกของผเู้ รียนในการปฏบิ ัติกจิ กรรม เป็นผลทบ่ี ง่ ช้ถี งึ ความสาเร็จของหลักสตู รและการเรยี นการสอน
ของสถานศึกษาว่าบรรลุผลตามจุดมุ่งหมายหรือไม่ มากน้อยเพียงใด หลักสูตรควรจะต้องมีการปรับปรุงหรือ
พฒั นาในส่วนใด

หลักการจดั กจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น

๑. มีการกาหนดวตั ถปุ ระสงค์ และแนวปฏบิ ตั ทิ ่ีชัดเจนเปน็ รปู ธรรม
๒. จดั ให้เหมาะสมกับวัย วุฒภิ าวะ ความสนใจ ความถนดั และความสามารถของผเู้ รียน
๓. บรู ณาการกบั ชีวติ จรงิ ให้ผเู้ รยี นไดต้ ระหนักถึงความสาคญั ของการเรียนรู้ตลอดชวี ติ
๔. ใช้กระบวนการกลุ่มในการจดั ประสบการณเ์ รียนรู้ ฝึกให้คดิ วิเคราะห์ สรา้ งสรรค์
จินตนาการ ท่เี ป็นประโยชน์ และสัมพนั ธ์กับชีวติ ในแต่ละชว่ งวัยอย่างต่อเนอ่ื ง
๕. จานวนสมาชิกเหมาะสมกับลักษณะของกจิ กรรม
๖. มกี ารกาหนดเวลาในการจดั กิจกรรมให้เหมาะสมตามโครงสร้างหลกั สูตรสถานศึกษา
๗. ผู้เรยี นเป็นผดู้ าเนนิ การ มีครูเป็นท่ีปรึกษา ถอื เป็นหน้าท่ีและงานประจา โดยคานึงถงึ
ความปลอดภยั
๘. ยึดหลกั การมสี ่วนร่วม โดยเปดิ โอกาสให้ครู พ่อแม่ ผปู้ กครอง ชมุ ชน องคก์ ร ท้งั ภาครฐั
และเอกชน มีสว่ นร่วมในการจัดกิจกรรม
๙. มีการประเมินผลการปฏิบัติกิจกรรม ด้วยวิธีท่ีหลากหลาย และสอดคล้องกับกิจกรรมอย่างเป็น
ระบบและต่อเน่ือง โดยให้ถอื วา่ เปน็ เกณฑป์ ระเมินผลการผา่ นชว่ งชน้ั เรียน

๑๖๙

โครงสร้างและอัตราเวลาจัดกจิ กรรม

กจิ กรรมพฒั นาผู้เรียน ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น
ม. ๑ ม. ๒ ม. ๓
๑. กจิ กรรมแนะแนว ๔๐ ๔๐ ๔๐
๒. ลกู เสอื – เนตรนารี ๔๐ ๔๐ ๔๐
๓. กจิ กรรมสง่ เสรมิ วิชาการ
๓๐ ๓๐ ๓๐
ชุมนมุ
๔. กิจกรรมเพ่ือสังคม และ ๑๐ ๑๐ ๑๐
๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐
สาธารณประโยชน์
เวลาเรยี นรวม

การดาเนนิ การกิจกรรมพัฒนาผ้เู รียนโรงเรยี นปา่ ไม้อุทิศ ๔

โรงเรียนป่าไม้อุทิศ ๔ จัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนโดยมุ่งให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง
ได้ฝึกปฏิบัติจริงและค้นพบความถนัดของตนเอง สามารถค้นคว้าหาความรู้เพ่ิมเติมตามความสนใจจาก
แหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย บาเพ็ญประโยชน์เพ่ือสังคม มีทักษะในการดาเนินงาน ส่งเสริมให้มีวุฒิภาวะ
ทางอารมณ์ สังคม ศีลธรรม จริยธรรม ให้ผู้เรียนรู้จัก และเข้าใจตนเอง สามารถวางแผนชีวิต และอาชีพได้
อยา่ งเหมาะสม

กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียนโรงเรียนป่าไม้อุทศิ ๔

๑. กจิ กรรมแนะแนว โรงเรยี นป่าไมอ้ ทุ ิศ ๔ ได้จดั กิจกรรมแนะแนว เพื่อชว่ ยเหลอื และพฒั นาผเู้ รียน
ดงั น้ี

๑. จัดกิจกรรมเพื่อใหค้ รูได้รู้จกั และช่วยเหลือผู้เรียนมากข้ึน โดยใชก้ ระบวนการทางจติ วิทยา
การจัดบริการสนเทศ โดยจดั ให้มีเอกสารเพื่อใช้สารวจขอ้ มูลเกี่ยวกบั ตัวผเู้ รยี น ด้วยการสงั เกต การสัมภาษณ์
การใช้แบบสอบถาม การเขยี นประวัติ การพบผู้ปกครองก่อนและระหว่างเรียน การเยี่ยมบ้านนักเรียน การให้
ความช่วยเหลือผู้เรียนในเรื่องสุขภาพจิต เศรษฐกิจ การจัดทาระเบียนสะสม สมุดรายงานประจาตัวนักเรียน
และบตั รสขุ ภาพ

๒. จัดกิจกรรมพฒั นาวฒุ ิภาวะทางอารมณ์ โดยทาแบบทดสอบเพ่อื รจู้ ักและเขา้ ใจตนเอง
มีทกั ษะในการตัดสนิ ใจ การปรับตัว และการวางแผนเพอ่ื เลอื กศึกษาตอ่ เลือกอาชีพ

๓. จัดบรกิ ารให้คาปรึกษาแกผ่ เู้ รยี นเปน็ รายบุคคล และรายกลุม่ ในด้านการศกึ ษา อาชีพและ
ส่วนตัว โดยมีผู้ให้คาปรึกษาท่ีมีคุณวุฒิ และมีความเชี่ยวชาญในเร่ืองการให้คาปรึกษา ตลอดจนมีห้องให้
คาปรึกษาท่ีเหมาะสม

๓.๑ ช่วยเหลอื ผเู้ รียนท่ปี ระสบปัญหาดา้ นการเงิน โดยการให้ทุนการศกึ ษาแกผ่ เู้ รยี น
๓.๒ ติดตามเกบ็ ข้อมลู ของนกั เรียนที่สาเร็จการศึกษา

๒. กิจกรรมลูกเสือ – เนตรนารี ผู้เรียนในระดับช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๑ – ๓ ทุกคน ได้ฝึกอบรม
วิชาลูกเสือ – เนตรนารี เพ่ือส่งเสริมหลักการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตรยิ ์เป็นประมุข

๑๗๐

ส่งเสริมความสามัคคี มีวินัย และบาเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม โดยดาเนินการจัดกิจกรรมตามข้อกาหนดของ
คณะกรรมการลูกเสอื แห่งชาติ

กจิ กรรมลูกเสอื – เนตรนารี ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๑ - ๓
เปดิ ประชุมกอง ดาเนนิ การตามกระบวนการของลกู เสือ และจดั กิจกรรมใหศ้ ึกษา วิเคราะห์ วางแผน
ปฏบิ ัติกจิ กรรมตามฐาน โดยเน้นระบบหมู่ สรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม ปิดประชุมกอง โดยให้ผเู้ รียนศึกษา และ
ฝกึ ปฏิบตั ิในเรื่อง
๑. เครอื่ งหมายลูกเสือโลก (ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๑)
๒. เครื่องหมายลูกเสอื ชั้นพเิ ศษ (ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๒)
๓. เคร่อื งหมายลกู เสือหลวง (ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี ๓)
โดยใช้กระบวนการทางาน กระบวนการแก้ปัญหา กระบวนการกลุ่ม กระบวนการจัดการ
กระบวนการคิดริเริม สร้างสรรค์ กระบวนการฝึกปฏิบัติทางลูกเสือ กระบวนการทางเทคโนโลยี และ
ภมู ปิ ัญญาทอ้ งถน่ิ ได้อยา่ งเหมาะสม
เพื่อให้มีความรู้ ความเข้าใจในกิจกรรมลูกเสือ สามารถปฏิบัติตามคาปฏิญาณ กฎ และคติพจน์
ของลูกเสอื สามัญรุ่นใหญ่ มีนิสัยในการสังเกต จดจา เชือ่ ฟงั และพึ่งตนเอง ซอื่ สัตย์ สจุ รติ มีระเบยี บวินัย และ
เห็นอกเห็นใจผู้อื่น บาเพ็ญตนเพื่อสาธารณประโยชน์ รู้จักทาการฝีมือ พัฒนากาย จิตใจ และศีลธรรม ท้ังนี้
โดยไม่เก่ยี วข้องกับลัทธิการเมืองใด ๆ สนใจและอนรุ ักษธ์ รรมชาติและส่งิ แวดลอ้ ม นาไปใชใ้ นชวี ิตประจาวันได้
อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ

หมายเหตุ - ผู้เรยี นจะไดร้ บั เคร่ืองหมายลูกเสอื โลก เมื่อเรียนและสอบผ่านวิชาในข้อ ๑
- ผเู้ รียนจะได้รบั เครื่องหมายลกู เสือชัน้ พเิ ศษ ต้อง
๑. ได้รบั เคร่ืองหมายลกู เสือโลกแลว้
๒. เรียนและสอบได้วิชาในข้อ ๒. การเดินทางสารวจ และการบริการ และต้องเลือกเรียน

และสอบผา่ นอีก ๓ วชิ าจาก ๖ วิชา ในระดับลูกเสือชนั้ พเิ ศษ
๓. ผ่านการฝกึ อบรมความคดิ รเิ ริ่ม (การเดนิ ทางไกล และการอยู่คา่ ยพักแรม)

- ผเู้ รยี นจะไดร้ บั เครอื่ งหมายลูกเสือหลวง ต้อง
๑. ได้รบั เครอ่ื งหมายลกู เสือชน้ั พิเศษ
๒. เรียนและสอบไดว้ ิชาพ้ืนฐานอกี ๓ วชิ า ในระดับลูกเสอื ช้ันพิเศษที่ไม่ซ้ากับวิชาพน้ื ฐานใน

ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ ๒
๓. สอบได้วิชาการบรกิ ารและวิชาพื้นฐานอีก ๓ วิชา ในระดับลูกเสอื หลวง
๔. ผ่านการฝึกอบรมวชิ าการเปน็ ผนู้ า ตามหลกั สตู รทกี่ าหนด

- สาหรับวิชาพิเศษ ให้ใช้ข้อบังคับคณะลูกเสือแห่งชาติ ว่าด้วยการปกครองหลักสูตร และ
วิชาพเิ ศษลูกเสอื สามัญรุ่นใหญ่ (ฉบบั ท่ี ๑๔) พ.ศ. ๒๕๒๘

ผลการเรยี นรกู้ จิ กรรมลกู เสือ - เนตรนารี
๑. รู้ เข้าใจ และสามารถปฏบิ ัติตนตามคาปฏญิ าณ กฎ และคตพิ จนข์ องลกู เสอื - เนตรนารี
๒. เขา้ ใจความเปน็ มาและววิ ฒั นาการของลูกเสือ - เนตรนารี
๓. ปฏบิ ัตติ นดว้ ยความซ่ือสัตย์ สจุ รติ มคี วามกล้าหาญ อดทน เชอื่ มั่นในตนเอง มรี ะเบยี บวินยั
มคี วามสามัคคี เหน็ อกเห็นใจผอู้ ื่น มคี วามเสียสละ บาเพ็ญตนเพอื่ สาธารณประโยชน์

๑๗๑

๔. มที กั ษะการสังเกต จดจา การใชม้ อื เครอ่ื งมือ การแก้ไขปญั หา และทกั ษะในการทางาน
ร่วมกัน

๕. พฒั นาตนเองอยู่เสมอ สร้างสรรคง์ านฝีมือ สนใจ และพฒั นาเรือ่ งของธรรมชาติ

๓. กิจกรรมสง่ เสริมจริยธรรม /กจิ กรรมชุมนุม ในระดับประถมศึกษา ผู้เรียนสามารถเลือกเขา้ เป็น
สมาชิกชุมนุม วางแผนการดาเนินกิจกรรมร่วมกัน โดยมีชุมนุมท่ีหลากหลาย เหมาะสมกับเพศ วัย แล ะ
ความสนใจของผู้เรียน ประกอบด้วยกจิ กรรมด้านคุณธรรม จริยธรรม วัฒนธรรม อนุรกั ษ์สง่ิ แวดล้อม ส่งเสริม
ประชาธิปไตย ส่งเสริมการเรียนรู้ และค่ายวิชาการ การศึกษาดูงาน การฝึกปฏิบัติ การบรรยายพิเศษ
ดังตวั อย่างพอสงั เขปตอ่ ไปนี้

๓.๑ กิจกรรมพัฒนาวุฒิภาวะทางอารมณ์ ศีลธรรมและจริยธรรม จัดสอนจริยธรรมในห้องเรียน
จดั ใหม้ ีการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมเนื่องในวันสาคญั ทัง้ ทางชาติ ศาสนา และพระมหากษัตรยิ ์ โดยผเู้ รียนมีส่วนร่วมใน
การจัดกจิ กรรมทั้งในด้านวัฒนธรรม ประเพณี กีฬา และศลิ ปะ

๓.๒ กิจกรรมพฒั นาทักษะชีวิต จัดกจิ กรรมแขง่ ขันกฬี าสที กุ ช่วงชน้ั โดยผู้เรียนไดฝ้ ึกทกั ษะ
การทางาน และการแก้ปญั หาทุกขนั้ ตอน

๓.๓ กิจกรรมส่งเสริมนิสัยรักการทางาน จัดกิจกรรมวันวิชาการโดยผู้เรียนมีโอกาสลงมือปฏิบัติ
จริง และฝึกทักษะการจัดการ

๓.๔ กิจกรรมเพ่ืออนุรักษ์ส่ิงแวดล้อมและวัฒนธรรม โดยจัดกิจกรรมสืบสานวัฒนธรรมไทย เช่น
ประเพณีไหวค้ รู ประเพณีลอยกระทง

๓.๕ กจิ กรรมส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตย จัดให้มกี ารเลอื กคณะกรรมการนักเรียน
โดยใหน้ ากระบวนการประชาธิปไตยไปใช้ในการรว่ มวางแผนดาเนนิ งานพฒั นาโรงเรยี น

๓.๖ กิจกรรมคนดขี องสังคม จัดใหม้ ีการบรรยายให้ความรู้ เพ่ือป้องกันปัญหาโรคติดต่อร้ายแรง
ปัญหายาเสพติด ปัญหาวยั รุ่น ใหค้ วามรเู้ พอ่ื ปลกู ฝังให้เปน็ สภุ าพบรุ ษุ สุภาพสตรี

๓.๗ กิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ โดยจัดแหล่งเรียนรู้ ได้แก่ ห้องสมุด ห้องปฏิบัติการทางภาษา
หอ้ งปฏบิ ัติการวิทยาศาสตร์ หอ้ งเทคโนโลยสี ารสนเทศ

๓.๘ กิจกรรมส่งเสริมสุขภาพอนามัย ให้บริการห้องพยาบาล มีบริการให้ความรู้แก่ผู้เรียน เพื่อ
ป้องกนั โรคระบาดอย่างทันเหตกุ ารณ์

๔. กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณะประโยชน์ เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้ทาประโยชน์ตาม
ความสามารถ ความถนัดและความสนใจในลักษณะอาสาสมัคร เพ่ือแสดงถึงความรับผิดชอบ ความดีงาม
ความเสียสละต่อสังคม มีจิตใจมุ่งทาประโยชน์ต่อครอบครัว ชุมชนและสังคม กิจกรรมสาคัญได้แก่ กิจกรรม
บาเพ็ญประโยชน์ กิจกรรมสร้างสรรค์สังคม กิจกรรมดารงรักษา สืบสานศาสนา ศิลปะและวัฒนาธรรม
กจิ กรรมพฒั นานวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อสังคม

เว ล า เรี ย น ส าห รั บ กิ จก รรมเพื่ อ สั งคม และสาธารณ ป ระ โย ชน์ ใน ส่ วน กิ จก รรม เพ่ื อ สั งคมและ
สาธารณประโยชน์จัดสรรเวลาให้ผู้เรยี นดงั นี้

- ระดับมัธยมศึกษาปที ่ี ๑ - ๓ รวม ๓ ปี จานวน ๔๕ ชว่ั โมง (เฉลีย่ ปลี ะ ๑๕ ช่ัวโมง)
การจัดกิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณะประโยชน์ ในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นสอดแทรกใน
กิจกรรมชุมนุม ทั้งนี้การทากิจกรรมเพ่ือสังคมและสาธารณประโยชน์ให้ผู้เรียนรายงานแสดงการเข้าร่วม
กจิ กรรมลงในสมุดบันทึก และมีผู้รับรองผลการเขา้ รว่ มกจิ กรรมทุกครงั้ ท้งั กิจกรรมในสถานศึกษา และกิจกรรม
นอกสถานศึกษา

๑๗๒

การประเมินผล

การประเมินผลการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เป็นเงือ่ นไขสาคัญประการหน่ึง สาหรับการผ่านช่วงชั้น
หรือจบหลักสูตร ผู้เรียนต้องเข้าร่วมและปฏิบัติกจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน ตลอดจน ผ่านการประเมินตามเกณฑ์ท่ี
สถานศึกษากาหนดตามแนวประเมนิ ดงั น้ี

๑. ประเมินการร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนตามวัตถปุ ระสงค์ ด้วยวธิ ีการท่ีหลากหลาย ตามสภาพจริง
ใหไ้ ดผ้ ลการประเมนิ ที่ถกู ต้อง ครบถ้วน

๒. ครูท่ปี รกึ ษากจิ กรรม ผูเ้ รียนและผู้ปกครอง จะมบี ทบาทในการประเมินดงั น้ี
๒.๑ ครูทีป่ รกึ ษากิจกรรมพฒั นาผ้เู รยี น
- ตอ้ งดูแลและพัฒนาผเู้ รียนให้เกิดคณุ ลักษะตามวัตถปุ ระสงคข์ องกจิ กรรม
- ต้องรายงานเวลา และพฤตกิ รรมการเข้ารว่ มกจิ กรรม
- ต้องศึกษาติดตาม และพัฒนาผเู้ รยี นในกรณีผเู้ รยี นไม่เขา้ ร่วมกจิ กรรม
๒.๒ ผูเ้ รยี น
- ปฏบิ ัตกิ ิจกรรมให้บรรลตุ ามวตั ถปุ ระสงค์
- มีหลักฐานแสดงการเข้าร่วมกิจกรรมไม่น้อยกว่า 80% หรือตามเกณฑ์ทีส่ ถานศกึ ษากาหนด
พร้อมทั้งแสดงการปฏบิ ตั ิกิจกรรม และพัฒนาการดา้ นต่างๆ
- ถ้าไม่เกดิ คณุ ลกั ษณะตามวัตถปุ ระสงค์ ต้องปฏิบัตกิ จิ กรรมเพิ่มเติมตามที่ครูท่ีปรกึ ษา
กิจกรรมอบรม หรือให้ความเหน็ ชอบตามที่ผ้เู รียนเสนอ
- ประเมินตนเองและเพ่อื นร่วมกิจกรรม
๒.๓ ผปู้ กครอง
- ผู้ปกครองให้ความร่วมมือในการตดิ ตามพฒั นาการของผู้เรียนกบั สถานศกึ ษาเป็นระยะ ๆ
- ผ้ปู กครองบนั ทกึ ความเหน็ สรปุ พัฒนาการและการปฏบิ ตั ิกิจกรรมของผู้เรยี น

๓. เกณฑ์การผ่านกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รยี น
๓.๑ ผู้เรยี นเข้าร่วมกิจกรรมอยา่ งน้อย 80% หรอื ตามที่สถานศกึ ษากาหนด
๓.๒ ผเู้ รยี นผ่านจดุ ประสงคท์ สี่ าคญั ของแตล่ ะกจิ กรรม

๑๗๓

บทท่ี ๕

การจัดการเรียนรแู้ ละการส่งเสรมิ การเรียนรู้
ตามหลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นป่าไม้อุทิศ ๔

การจัดการเรยี นรเู้ ป็นกระบวนการสาคัญในการนาหลกั สูตรสู่การปฏิบัติ หลักสูตรแกนกลางการศึกษา
ขน้ั พื้นฐาน เป็นหลักสูตรที่มีมาตรฐานการเรียนรู้ สมรรถนะสาคัญและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน
เป็นเป้าหมายสาหรับพัฒนาเด็กและเยาวชน

ในการพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณสมบัติตามเป้าหมายหลักสูตร ผู้สอนพยายามคัดสรรกระบวนการเรียนรู้
จัดการเรียนรโู้ ดย ช่วยให้ผ้เู รียนเรียนรู้ผา่ นสาระทกี่ าหนดไวใ้ นหลักสตู ร ๘ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ รวมทั้งปลกู ฝัง
เสรมิ สรา้ งคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ พัฒนาทักษะตา่ ง ๆ อนั เป็นสมรรถนะสาคัญใหผ้ ้เู รียนบรรลตุ ามเปา้ หมาย

หลกั การจัดการเรียนร้ตู ามหลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นป่าไมอ้ ทุ ิศ ๔

การจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนป่าไม้อุทิศ ๔ พุทธศักราช ๒๕๖๑ ตามหลักสูตร
แกนกลางการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ.๒๕๖๐) ยึดหลักการจัดการเรียนรู้
ตามแนวทางของพระราชบัญญัติการศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ ทเ่ี น้นผ้เู รียนมีความสาคัญท่ีสดุ เช่ือว่าทุกคน
มคี วามสามารถเรยี นรู้และพฒั นาตนเองได้ ยึดประโยชน์ท่ีเกิดกับผู้เรยี น โดยมเี ป้าหมายให้ผเู้ รยี นเป็นคนดี เก่ง
มีความเป็นไทย และทางานรว่ มกับผู้อ่ืนได้อย่างมีความสุข ในกลุ่มสาระการเรียนรู้ท้ัง ๘ กลุ่ม กระบวนการ
จดั การเรียนรูต้ ้องสง่ เสริมให้ผู้เรียน สามารถพฒั นาตามธรรมชาติและเต็มตามศกั ยภาพ คานึงถึงความแตกตา่ ง
ระหว่างบุคคลและพัฒนาการทางสมอง เน้นให้ความสาคัญทั้งความรู้ และคุณธรรม คิดเป็นองค์รวม และ
ร่วมมือกันพัฒนาสังคมไทย การจัดการเรียนรู้เพ่ือให้ผู้เรียนมีความรู้ ความสามารถตามมาตรฐานการเรียนรู้
สมรรถนะสาคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ตามที่กาหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
กระบวนการจัดการเรียนรู้ต้องส่งเสริมให้ผู้เรียน สามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศกั ยภาพ คานึงถึง
ความแตกต่างระหว่างบุคคลและพัฒนาการทางสมอง เน้นใหค้ วามสาคัญทั้งความรู้ และคณุ ธรรม การจดั การ
เรียนรูต้ ามหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนป่าไม้อุทิศ ๔ พุทธศกั ราช ๒๕๖๑ ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษา
ขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.๒๕๖๐) จงึ ได้กาหนดแนวดาเนินการเพ่ือให้การจัดการ
เรียนรูต้ ามหลักสูตรประสบความสาเร็จตามจุดมุ่งหมาย ดงั นี้

๑. จัดประสบการณ์การเรียนรู้โดยยึดหลักการพัฒนาผเู้ รียนให้ถงึ ศักยภาพสงู สดุ คอื ผู้เรียนได้ พัฒนา
ตนเอง ทงั้ ร่างกาย สตปิ ญั ญา อารมณ์ และสงั คม มคี วามรสู้ กึ ทดี่ เี กี่ยวกบั ตนเอง ภาคภมู ิใจในผลการปฏิบตั ิ

๒. จัดประสบการณ์การเรียนรู้โดยยึดชีวิตจริงของผ้เู รยี นเป็นหลัก เน้นใหผ้ ู้เรียนมีศักยภาพในการคิด
เชงิ ระบบ และคิดอย่างมวี จิ ารณญาณ มีรปู แบบการคิดของตนเอง ค้นพบตนเอง

๓. จัดประสบการณ์การเรียนรู้โดยยึดหลักความแตกต่างระหว่างบุคคล และหลักการเรียนรู้ใน
เชิงพหุปญั ญา และใชก้ ระบวนการวจิ ัยในการแกป้ ัญหาและพัฒนาผู้เรียน

๔. จัดประสบการณ์โดยใช้คุณธรรมนาความรู้ บูรณาการคุณธรรมในการจัดประสบการณ์ทุกกลุ่ม
สาระการเรียนรู้ และทุกข้ันตอนในการจัดการเรียนรู้ ถือว่าครูทุกคนมีหน้าที่พัฒนาผู้เรียนให้ประพฤติตน
ยึดหลักคณุ ธรรม และพฒั นาตนให้มคี า่ นิยมอนั พึงประสงค์

๑๗๔

๕. จัดบรรยากาศให้เอื้อต่อการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง มีอิสระในการคิด ได้ลงมือปฏิบัติจริง
ครูพร้อมให้คาปรึกษา ให้กาลังใจ เสริมแรงให้ผู้เรียนมีความเชื่อม่ันว่า ตนเองมีศักยภาพในการเรียนรู้ใน
เชงิ พหุปัญญา ไมด่ ้านใดกด็ ้านหน่ึงหรือหลายดา้ นพร้อมกัน

๖. จัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้มีความสัมพันธ์ เชื่อมโยง หรือบูรณาการทั้งภายในกลุ่มสาระ
การเรยี นรู้ และระหว่างกลุม่ สาระการเรยี นรใู้ หม้ ากทีส่ ดุ

๗. จัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้ยืดหยุ่นตามเหตุการณ์ และสภาพท้องถิ่น โดยใช้แหล่งการเรียนรู้
และภูมิปัญญาท้องถน่ิ ในการจดั การเรยี นร้ตู ามความเหมาะสม

๘. จัดประสบการณ์การเรียนรู้โดยมุ่งเน้นกระบวนการเรียนรู้ กระบวนการคิดอย่างมีเหตุผล และ
สรา้ งสรรค์ กระบวนการกล่มุ

การจัดการเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ ผู้เรียนจะต้องอาศัยกระบวนการเรียนรู้ท่ีหลากหลาย เป็น
เครื่องมือท่ีจะนาพาตนเองไปสู่เป้าหมายของหลักสูตร กระบวนการเรียนรู้ท่ีจาเป็นสาหรับผู้เรียน อาทิ
กระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการ กระบวนการสร้างความรู้ กระบวนการคิด กระบวนการทางสังคม
กระบวนการเผชิญสถานการณ์และแก้ปัญหา กระบวนการเรียนรู้ จากประสบการณ์จริง กระบวนการปฏิบัติ
ลงมือทาจริง กระบวนการจัดการ กระบวนการวิจัย กระบวนการเรียนรู้ของตนเอง กระบวนการพัฒนา
ลกั ษณะนิสัย

กระบวนการเหล่าน้ีเป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้ท่ีผู้เรียนควรได้รับการฝึกฝน พัฒนา เพราะจะ
สามารถช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดี บรรลุเป้าหมายของหลักสูตร ดังนั้น ผู้สอน จึงจาเป็นต้องศึกษา
ทาความเข้าใจในกระบวนการเรียนรู้ต่าง ๆ เพื่อให้สามารถเลือกใช้ในการจัดกระบวนการเรียนรู้ได้อย่าง
มปี ระสทิ ธิภาพ

การออกแบบการจัดการเรียนรู้

ผ้สู อนต้องศกึ ษาหลักสูตรสถานศึกษาให้เข้าใจถึงมาตรฐานการเรยี นรู้ ตัวชี้วัด สมรรถนะสาคัญของ
ผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และสาระการเรียนรู้ท่ีเหมาะสมกับผู้เรียน แล้วจึงพิจารณาออกแบบ
การจัดการเรียนรู้โดยเลือกใช้วิธีสอนและเทคนิคการสอน สื่อ/แหล่งเรียนรู้ การวัดและประเมินผล เพื่อ
ให้ผเู้ รยี นได้พฒั นาเตม็ ตามศักยภาพ และบรรลุตามเปา้ หมายทก่ี าหนด

๑. บทบาทของผู้สอนและผู้เรียน
การจัดการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนมีคุณภาพตามเป้าหมายของหลักสูตร ท้ังผู้สอนและผู้เรียนควรมี
บทบาท ดังนี้

๑.๑ บทบาทของผูส้ อน
๑) ศกึ ษาวิเคราะหผ์ ู้เรียนเป็นรายบุคคล แลว้ นาขอ้ มลู มาใช้ในการวางแผนการจัดการเรียนรู้
ทท่ี า้ ทายความสามารถของผ้เู รยี น
๒) กาหนดเป้าหมายท่ตี ้องการใหเ้ กดิ ขน้ึ กับผเู้ รียน ด้านความรู้และทกั ษะกระบวนการ ท่ีเป็น
ความคิดรวบยอด หลกั การ และความสัมพนั ธ์ รวมท้ังคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
๓) ออกแบบการเรียนรู้ และจัดการเรยี นรทู้ ่ตี อบสนองความแตกต่างระหวา่ งบคุ คล และ
พัฒนาการทางสมอง เพ่อื นาผู้เรียนไปสู่เปา้ หมาย
๔) จัดบรรยากาศทีเ่ ออ้ื ตอ่ การเรียนรู้ และดแู ลชว่ ยเหลอื ผเู้ รียนให้เกดิ การเรียนรู้
๕) จัดเตรียมและเลือกใช้สอ่ื ให้เหมาะสมกบั กิจกรรม นาภูมปิ ญั ญาทอ้ งถ่นิ เทคโนโลยีท่ี

๑๗๕

เหมาะสมมาประยุกตใ์ ช้ในการจดั การเรียนการสอน
๖) ประเมนิ ความก้าวหนา้ ของผ้เู รยี นด้วยวิธีการทหี่ ลากหลาย เหมาะสมกบั ธรรมชาติของวชิ า

และระดับพัฒนาการของผเู้ รยี น
๗) วเิ คราะหผ์ ลการประเมิน มาใช้ในการซ่อมเสริมและพฒั นาผู้เรียน รวมท้ังปรบั ปรุงการจดั

การเรยี นการสอนของตนเอง
๑.๒ บทบาทของผเู้ รยี น

๑) กาหนดเป้าหมาย วางแผน และรบั ผดิ ชอบการเรยี นร้ขู องตนเอง
๒) เสาะแสวงหาความรู้ เขา้ ถงึ แหลง่ การเรยี นรู้ วเิ คราะห์ สงั เคราะห์ขอ้ ความรู้ ตัง้ คาถาม คดิ หา

คาตอบ หรือหาแนวทางแก้ปัญหาดว้ ยวิธีการตา่ ง ๆ
๓) ลงมือปฏิบัตจิ ริง สรปุ ส่งิ ที่ไดเ้ รียนรู้ด้วยตนเอง และนาความร้ไู ปประยุกตใ์ ชใ้ นสถานการณต์ า่ ง ๆ
๔) มีปฏิสมั พนั ธ์ ทางาน ทากจิ กรรมรว่ มกบั กลมุ่ และครู
๕) ประเมินและพฒั นากระบวนการเรียนรู้ของตนเองอย่างตอ่ เนอื่ ง

การส่งเสรมิ การเรียนรู้

ปัจจัยสาคญั ท่ีเป็นส่วนหน่ึงของการจดั การศกึ ษาให้มีคณุ ภาพ และประสบความสาเร็จตามจดุ มงุ่ หมาย
ของหลักสูตร คือการพัฒนาระบบการส่งเสริม สนับสนุน ของสถานศึกษาในด้านต่าง ๆ ที่จะเอ้ือให้สามารถ
จัดการเรียนการสอนได้อย่างมีคุณภาพ สาหรับแนวปฏิบัติในการส่งเสริมการเรียนรู้ และสนับสนุนการจัด
กจิ กรรมการเรียนการสอนของสถานศกึ ษา ไดก้ าหนดแนวในการส่งเสริมการเรียนรู้ ดังต่อไปน้ี

๑. การจัดสภาพแวดล้อมในสถานศึกษาให้เอื้อต่อการใช้หลักสูตร การจัดสภาพแวดล้อมใน
สถานศึกษาให้เอ้ือต่อการใช้หลักสูตรเป็นหน้าที่โดยตรงของบุคลากรทุกคนในสถานศึกษาที่จะต้องร่วมมือกัน
โดยยึดเป้าหมาย หลักการ และจุดเน้นต่าง ๆ ของหลักสูตรเป็นหลักในการดาเนินการ ทั้งน้ีเพื่อให้ผู้เรียนได้
เรยี นรู้ และพัฒนาตนเองไดอ้ ยา่ งเต็มศักยภาพ

๒. การจัดให้มีแหล่งการเรียนรู้ ห้องสมุด และมุมหนังสือ หรือแหล่งวิชาท่ีจะให้ผู้เรียนได้ศึกษา
คน้ คว้าหาความรู้ดว้ ยตนเองเพอ่ื เพมิ่ พูนประสบการณแ์ ละความชานาญโดยเฉพาะหอ้ งสมุดเป็นแหลง่ การเรียนรู้
ที่สาคัญย่ิงเพราะเป็นแหล่งที่รวบรวมองค์ความรู้ที่เป็นประโยชน์กับผู้เรียนโดยตรง นอกจากน้ียังจัดให้มี
แหล่งการเรียนรู้ในรูปของศูนย์การเรียนรู้แบบพึ่งพาตนเอง คอมพิวเตอร์ ห้องปฏิบัติการทางภาษา
หอ้ งปฏิบตั ิการทางวทิ ยาศาสตร์ และ เทคโนโลยตี า่ ง ๆ

๓. การจัดให้มีบริเวณสาหรับให้ผู้เรียนได้ฝึกปฏิบัติกิจกรรมในกลุ่มสาระการเรียนรู้ต่าง ๆ เพื่อให้
ผูเ้ รียนได้เรยี นรจู้ ากประสบการณ์จริง ได้คิด ไดท้ า ได้แสดงออก ได้เรียนรู้เอง และคน้ พบความร้ดู ้วยตนเอง
ตามศกั ยภาพของนกั เรยี นแตล่ ะคน

๔. การจัดให้มีแหล่งการเรียนรใู้ นท้องถิ่น และการใชภ้ ูมิปญั ญาท้องถ่ิน การจัดการเรยี นรูต้ ามหลกั สูตร
เน้นการเรียนรู้จากแหล่งการเรียนรทู้ ั้งในและนอกห้องเรยี น ท้ังนีเ้ พอื่ ผู้เรยี นจะได้มีโอกาสท่ีจะสมั ผัสกับชวี ิตจริง
นอกห้องเรียนหรอื นอกโรงเรียน ได้พบปะกับผู้คน ผ้รู ู้ ภูมิปัญญาของท้องถ่ินเพื่อจะไดเ้ รียนรู้สงิ่ ต่าง ๆ มากขึ้น
มีประสบการณ์กว้างขวางข้ึน เรยี นรไู้ ดท้ ุกเวลาและทุกสถานทไ่ี ม่จากดั วา่ จะต้องเรียนรู้จากผสู้ อนในสถานศกึ ษา
เทา่ นั้น

๕. การวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพ การวิจัยเป็นกระบวนการท่ีควบคู่กับกระบวนการเรียนรู้ และ
กระบวนการทางานของผู้ที่เก่ียวข้องกับการศึกษา ซึ่งเป็นกลไกที่นาไปสู่สังคมแห่งภูมิปัญญาและการเรียนรู้
ดงั น้ันในการจัดการเรยี นรู้ ผู้สอนต้องนากระบวนการวิจัยมาผสมผสานหรือบูรณาการ เพือ่ พัฒนาคุณภาพของ

๑๗๖

ผู้เรียน และสามารถใช้กระบวนการการวิจัยเป็นส่วนหน่ึงของกระบวนการเรียนรู้ นอกจากนี้ผลการวิจัย
ยงั เปน็ ประโยชนต์ ่อการแก้ปัญหา หรือพัฒนาคณุ ภาพของผู้เรียนได้เป็นอย่างดี

๖. การจัดเครือข่ายวิชาการ ผู้สอนนับว่ามีส่วนสาคัญที่จะทาให้การจัดการเรียนรู้ประสบผลสาเร็จ
สถานศึกษาจึงจัดให้มีเครือข่ายเชื่อมโยงกับสถานศึกษาอ่ืน ซึ่งเป็นสถานศึกษาในโครงการโรงเรียนเครือข่าย
การใช้หลักสูตรสถานศึกษาของจังหวัดตาก ทั้งน้ีเพื่อให้ผู้สอนได้แลกเปลี่ยนเรยี นรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์
ในการจัดการเรียนรู้ซ่ึงกันและกัน ทาให้ได้รับความรู้ และแนวคิดใหม่ ๆ ท่ีหลากหลาย และกว้างขวาง
ท่ีสามารถนาไปพัฒนาการจัดการเรียนการสอนได้อย่างมีคุณภาพ นอกจากนี้ยังส่งเสริม และสนับสนุนให้มี
การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวิชาการ จากผู้สอนในสถานศึกษาเดียวกัน และสถานศึกษาอื่น ๆ ตลอดจนชมรม
วชิ าการต่าง ๆ เพอื่ ใหผ้ ู้สอนไดร้ บั การพฒั นาตนเองอยา่ งสมา่ เสมอ

๑๗๗

บทท่ี ๖

การวดั และประเมินผลการเรยี น

ตามหลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นปา่ ไม้อทุ ศิ ๔

หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนป่าไม้อุทิศ ๔ พุทธศักราช ๒๕๖๑ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา
ข้นั พื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.๒๕๖๐) จัดทาขน้ึ ภายใต้กรอบของหลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.๒๕๖๐) บริบทของสภาพชุมชนและสังคม
ภูมิปัญญาท้องถ่ินของสถานศึกษา เพ่ือใช้จัดในการศึกษาของสถานศึกษาเพื่อพัฒนาให้ผู้เรียนเป็นสมาชิกที่ดี
ของครอบครัว ชุมชน สังคม ประเทศชาติ และพลโลก จากความมูลเหตุดังกล่าว การวัดและประเมินผล
การเรียนตามหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนป่าไม้อุทิศ ๔ พุทธศักราช ๒๕๖๑ ตามหลักสูตรแกนกลาง
การศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.๒๕๖๐) จึงต้องปฏิบัติตามข้อกาหนด
การประเมนิ ผลตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ.๒๕๖๐)
เป็นหลัก ซึ่งการดาเนินการในการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของหลักสูตรสถานศึกษาได้กาหนดแนวทาง
ในการดาเนนิ การดงั ต่อไปน้ี

การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้

ก า ร วั ด แ ล ะ ป ร ะ เมิ น ผ ล ก า ร เรี ย น รู้ ข อ ง ผู้ เรี ย น ต้ อ ง อ ยู่ บ น ห ลั ก ก า ร พ้ื น ฐ า น ส อ ง ป ร ะ ก า ร คื อ
การประเมินเพ่ือพัฒนาผู้เรียนและเพ่ือตัดสินผลการเรียน ในการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน
ให้ประสบผลสาเรจ็ นั้น ผู้เรียนจะต้องได้รับการพัฒนาและประเมินตามตัวชี้วัดเพ่ือให้บรรลุตามมาตรฐานการ
เรียนรู้ สะท้อนสมรรถนะสาคัญ และคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ของผู้เรียนซ่ึงเปน็ เป้าหมายหลักในการวัดและ
ประเมินผลการเรียนรูใ้ นทุกระดบั ไม่ว่าจะเป็นระดับช้นั เรยี น ระดับสถานศึกษา ระดับเขตพื้นทก่ี ารศึกษา และ
ระดับชาติ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
เป็นกระบวนการพฒั นาคณุ ภาพผู้เรยี นโดยใช้ผลการประเมินเป็นขอ้ มลู และสารสนเทศท่ี
แสดงพัฒนาการ ความก้าวหน้า และความสาเร็จทางการเรียนของผู้เรียน ตลอดจนข้อมูลท่ีเป็นประโยชน์ต่อ
การส่งเสรมิ ใหผ้ ู้เรียนเกิดการพฒั นาและเรียนรู้อยา่ งเต็มตามศักยภาพ

การวดั และประเมินผลการเรียนรตู้ ามหลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนป่าไม้อุทิศ ๔ พุทธศักราช ๒๕๖๑
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ.๒๕๖๐) แบ่งออกเป็น
๔ ระดับไดแ้ ก่ ระดับช้นั เรียน ระดบั สถานศกึ ษาระดับเขตพื้นที่การศึกษาและระดับชาติ มรี ายละเอียด ดังนี้

๑. การประเมินระดับชั้นเรยี น เป็นการวดั และประเมินผลที่อยู่ในกระบวนการจดั การเรียนรู้ ผู้สอน
ดาเนินการเป็นปกติและสม่าเสมอ ในการจัดการเรียนการสอน ใช้เทคนิคการประเมินอย่างหลากหลาย เช่น
การซักถาม การสงั เกต การตรวจการบา้ น การประเมนิ โครงงาน การประเมนิ ช้นิ งาน/ภาระงาน แฟ้มสะสมงาน
การใช้แบบทดสอบ ฯลฯ โดยผู้สอนเป็นผู้ประเมินเอง หรือเปิดโอกาสให้ผู้เรียนประเมินตนเอง เพื่อนประเมิน
เพื่อน ผปู้ กครองรว่ มประเมนิ ในกรณที ่ไี มผ่ า่ นตวั ชวี้ ดั ใหม้ กี ารสอนซอ่ มเสรมิ

๑๗๘

การประเมินระดับชั้นเรียนเป็นการตรวจสอบว่า ผู้เรียนมีพัฒนาการความก้าวหน้าในการเรียนรู้
อันเป็นผลมาจากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนหรือไม่ และมากน้อยเพียงใด มีสิ่งท่ีจะต้องไดร้ ับการพัฒนา
ปรับปรุงและส่งเสริมในด้านใด นอกจากนี้ยังเป็นข้อมูลให้ผู้สอนใช้ปรับปรุงการเรียนการสอนของ ตนด้วย
ทัง้ นโี้ ดยสอดคล้องกบั มาตรฐานการเรยี นรู้และตวั ชวี้ ดั

๒. การประเมินระดับสถานศกึ ษา เป็นการประเมินทีส่ ถานศกึ ษาดาเนินการเพ่ือตัดสินผล การเรยี น
ของผู้เรียนเป็นรายปี/รายภาค ผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์
และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน นอกจากน้ีเพื่อให้ได้ข้อมูลเก่ียวกับการจัดการศึกษาของสถานศึกษา ว่าส่งผลต่อ
การเรียนรู้ของผู้เรียนตามเป้าหมายหรือไม่ ผู้เรียนมีจุดพัฒนาในด้านใด รวมทั้งสามารถนาผลการเรียนของ
ผู้เรียนในสถานศึกษาเปรียบเทียบกับเกณฑ์ระดับชาติ ผลการประเมินระดับสถานศึกษาจะเป็นข้อมูลและ
สารสนเทศเพ่ือการปรับปรุงนโยบาย หลักสูตร โครงการ หรือวิธีการจัดการเรียนการสอน ตลอดจน
เพื่อการจัดทาแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษา ของสถานศึกษาตามแนวทางการประกันคุณภาพการศึกษา
และการรายงานผลการจัดการศึกษาต่อคณะกรรมการสถานศึกษา สานักงานเขตพื้ นท่ีการศึกษา
สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน ผูป้ กครองและชมุ ชน

๓. การประเมินระดับเขตพื้นที่การศึกษา เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับเขตพ้ืนท่ี
การศึกษาตามมาตรฐานการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน เพื่อใช้เป็นข้อมูลพ้ืนฐานใน
การพัฒนาคุณภาพการศึกษาของเขตพื้นที่การศึกษา ตามภาระความรับผิดชอบ สามารถดาเนินการโดย
ประเมนิ คุณภาพผลสัมฤทธ์ิของผเู้ รียนดว้ ยขอ้ สอบมาตรฐานทีจ่ ดั ทาและดาเนินการโดยเขตพนื้ ท่กี ารศึกษา หรือ
ด้วยความร่วมมือกับหน่วยงานต้นสังกดั ในการดาเนินการจัดสอบ นอกจากนี้ยังได้จากการตรวจสอบทบทวน
ขอ้ มลู จากการประเมนิ ระดบั สถานศึกษาในเขตพืน้ ท่กี ารศกึ ษา

๔. การประเมินระดับชาติ เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับชาติ ตามมาตรฐาน
การเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน สถานศึกษาต้องจัดให้ผู้เรียนทุกคนท่ีเรียน ใน
ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๓ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๖ ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๓ เข้ารับการประเมินผลจาก
การประเมินใช้เป็นข้อมูลในการเทียบเคียงคุณภาพการศึกษาในระดับต่าง ๆ เพ่ือนาไปใช้ในการวางแผน
ยกระดับคุณภาพการจดั การศึกษา ตลอดจนเปน็ ข้อมลู สนับสนุนการตดั สินใจในระดับนโยบายของประเทศ

ข้อมูลการประเมินในระดับต่าง ๆ ข้างต้น เป็นประโยชน์ต่อสถานศึกษาในการตรวจสอบทบทวน
พฒั นาคุณภาพผู้เรียน ถอื เป็นภาระความรับผิดชอบของสถานศึกษาทจ่ี ะต้องจัดระบบดูแลช่วยเหลือ ปรับปรุง
แก้ไข ส่งเสริมสนับสนุนเพ่ือให้ผู้เรียนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพบนพื้นฐานความแตกต่างระหว่างบุคคล
ท่ีจาแนกตามสภาพปัญหาและความต้องการ ได้แก่ กลุ่มผู้เรียนทั่วไป กลุ่มผู้เรียนท่ีมีความสามารถพิเศษ
กลุ่มผเู้ รียนท่ีมผี ลสัมฤทธท์ิ างการเรียนต่า กลุ่มผู้เรียนท่ีมีปัญหาด้านวินยั และพฤตกิ รรม กลุม่ ผู้เรียนท่ีปฏิเสธ
โรงเรียน กลุ่มผู้เรียนท่ีมีปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคม กลุ่มพิการทางร่างกายและสติปัญญา เป็นต้น ข้อมูล
จากการประเมินจึงเป็นหัวใจของสถานศึกษาในการดาเนินการช่วยเหลือผู้เรียนได้ทันท่วงที เปิดโอกาสให้
ผู้เรยี นได้รบั การพฒั นาและประสบความสาเร็จในการเรียน

สถานศึกษาในฐานะผู้รับผิดชอบจัดการศึกษา จะต้องจัดทาระเบียบว่าด้วยการวัดและประเมินผล
การเรยี นของสถานศึกษา ใหส้ อดคลอ้ งและเป็นไปตามหลักเกณฑ์และแนวปฏิบัตทิ เี่ ปน็ ข้อกาหนดของหลกั สตู ร
แกนกลางการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน เพ่ือให้บุคลากรทีเ่ กยี่ วข้องทุกฝา่ ยถือปฏบิ ัตริ ่วมกัน

๑๗๙

เกณฑก์ ารวัดและประเมินผลการเรียน

๑. การตดั สนิ การให้ระดับและการรายงานผลการเรยี น
๑.๑ การตัดสินผลการเรียน
ในการตัดสินผลการเรียนของกลุ่มสาระการเรียนรู้ การอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน

คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนนั้น ผู้สอนต้องคานึงถึงการพัฒนาผู้เรียนแต่ละคน
เป็นหลัก และต้องเก็บข้อมูลของผู้เรียนทุกด้านอย่างสม่าเสมอและต่อเน่ืองในแต่ละภาคเรียน รวมทั้งสอน
ซอ่ มเสริมผเู้ รยี นใหพ้ ัฒนาจนเตม็ ตามศกั ยภาพ

ระดับประถมศึกษา
๑) ผ้เู รียนต้องมเี วลาเรียนไม่น้อยกวา่ รอ้ ยละ ๘๐ ของเวลาเรยี นทงั้ หมด
๒) ผเู้ รียนตอ้ งไดร้ บั การประเมินทกุ ตวั ชี้วดั และผ่านตามเกณฑท์ ส่ี ถานศึกษากาหนด
๓) ผ้เู รยี นตอ้ งไดร้ บั การตัดสนิ ผลการเรยี นทุกรายวิชา
๔) ผู้เรียนต้องไดร้ ับการประเมิน และมีผลการประเมนิ ผ่านตามเกณฑ์ทีส่ ถานศกึ ษากาหนด

ในการอ่าน คิดวเิ คราะหแ์ ละเขียนคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์และกจิ กรรมพัฒนาผู้เรียน

ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนต้น
๑) ตัดสนิ ผลการเรยี นเปน็ รายวชิ า ผ้เู รียนต้องมเี วลาเรยี นตลอดภาคเรยี นไมน่ ้อยกวา่

ร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรยี นทั้งหมดในรายวชิ านนั้ ๆ
๒) ผเู้ รียนต้องได้รับการประเมินทุกตัวช้ีวัดและผา่ นตามเกณฑท์ ่ีสถานศึกษากาหนด
๓) ผเู้ รยี นตอ้ งได้รบั การตัดสนิ ผลการเรียนทกุ รายวชิ า
๔) ผู้เรยี นต้องไดร้ ับการประเมินและมผี ลการประเมินผา่ นตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากาหนด

ในการอา่ นคดิ วิเคราะหแ์ ละเขียน คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์และกิจกรรมพฒั นาผู้เรยี น
การพจิ ารณาเล่ือนชัน้ ท้ังระดบั ประถมศกึ ษาและมธั ยมศึกษา ถา้ ผเู้ รียนมีขอ้ บกพรอ่ งเพียงเลก็ นอ้ ย

และสถานศึกษาพิจารณาเห็นว่าสามารถพัฒนาและสอนซ่อมเสริมได้ ให้อยู่ในดุลพินิจของสถานศึกษาที่จะ
ผ่อนผันให้เลื่อนช้ันได้ แต่หากผู้เรียนไม่ผ่านรายวิชาจานวนมาก และมีแนวโน้มว่าจะเป็นปัญหาต่อการเรียน
ในระดับชน้ั ท่ีสูงข้ึน สถานศึกษาอาจต้ังคณะกรรมการพิจารณาให้เรียนซ้าช้นั ได้ ทั้งน้ีให้คานึงถึงวุฒิภาวะและ
ความรคู้ วามสามารถของผู้เรียนเป็นสาคญั

๑.๒ การใหร้ ะดบั ผลการเรยี น

ระดับประถมศึกษา ในการตัดสนิ เพื่อให้ระดับผลการเรียนรายวิชา สถานศึกษาสามารถให้
ระดับผลการเรียนหรือระดับคุณภาพการปฏิบัติของผู้เรียน เป็นระบบตัวเลขโดยให้ใช้ตัวเลขแสดงระดับผล
การเรียนเป็น ๘ ระดบั

การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์นั้น ให้ระดับ
ผลการประเมินเป็น ดีเย่ียม ดี และผา่ น

การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จะต้องพิจารณาท้ังเวลาการเข้าร่วมกิจกรรม การปฏิบัติ
กิจกรรมและผลงานของผู้เรียน ตามเกณฑ์ท่ีสถานศึกษากาหนด และให้ผลการเข้าร่วมกิจกรรมเป็นผ่าน และ
ไมผ่ ่าน

ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ในการตัดสินเพ่ือให้ระดับผลการเรียนรายวิชา ให้ใช้ตัวเลขแสดง
ระดบั ผลการเรียนเปน็ ๘ ระดบั

๑๘๐

การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์น้ัน ให้ระดับ
ผลการประเมินเป็น ดเี ยี่ยม ดี และผา่ น

การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จะต้องพิจารณาท้ังเวลาการเข้าร่วมกิจกรรม การปฏิบัติ
กิจกรรมและผลงานของผู้เรียน ตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากาหนด และให้ผลการเข้าร่วมกิจกรรมเป็นผ่าน และ
ไมผ่ ่าน

๑.๓ การรายงานผลการเรยี น
การรายงานผลการเรียนเป็นการส่ือสาร ให้ผู้ปกครอง และผู้เรียนทราบความก้าวหน้า ใน

การเรียนรู้ของผู้เรียน ซ่ึงสถานศึกษาต้องสรุปผลการประเมิน และจัดทาเอกสารรายงานให้ผู้ปกครองทราบ
ภาคเรียนละ ๑ คร้งั

การรายงานผลการเรียนสามารถรายงานเป็นระดับคุณภาพการปฏิบัติของผู้เรียนท่ีสะท้อน
มาตรฐานการเรยี นร้กู ลมุ่ สาระการเรียนรู้

๒. เกณฑ์การจบการศึกษา
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน กาหนดเกณฑ์กลางสาหรับการจบการศึกษาเป็น ๓ ระดับ
คือ ระดับประถมศึกษา ระดบั มธั ยมศึกษาตอนตน้ และระดบั มัธยมศึกษาตอนปลาย
๒.๑ เกณฑก์ ารจบระดบั ประถมศกึ ษา

๑) ผู้เรียนเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน และรายวิชา/กิจกรรมเพิ่มเติมตามโครงสร้างเวลาเรียน
ทห่ี ลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พืน้ ฐานกาหนด

๒) ผู้เรียนต้องมีผลการประเมินรายวิชาพื้นฐาน ผ่านเกณฑ์การประเมินตามที่สถานศึกษา
กาหนด

๓) ผู้เรียนมีผลการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนในระดับผ่านเกณ ฑ์
การประเมินตามทีส่ ถานศึกษากาหนด

๔) ผู้เรยี นมีผลการประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมินตามที่
สถานศกึ ษากาหนด

๕) ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและมีผลการประเมินผ่านเกณฑ์การประเมินตามที่
สถานศกึ ษากาหนด

๒.๒ เกณฑ์การจบระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้
๑) ผู้เรยี นเรียนรายวิชาพ้ืนฐานและเพิ่มเติมไม่เกนิ ๘๑ หน่วยกิต โดยเป็นรายวิชาพื้นฐาน ๖๓

หนว่ ยกิต และรายวิชาเพ่มิ เติมตามทสี่ ถานศกึ ษากาหนด
๒) ผู้เรียนต้องได้หน่วยกิต ตลอดหลักสูตรไม่น้อยกว่า ๗๗ หน่วยกิต โดยเป็นรายวิชา

พ้นื ฐาน ๖๓ หนว่ ยกติ และรายวชิ าเพิ่มเตมิ ไม่นอ้ ยกวา่ ๑๔ หน่วยกิต
๓) ผู้เรียนมีผลการประเมิน การอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน ในระดับผ่านเกณฑ์

การประเมินตามท่สี ถานศึกษากาหนด
๔) ผู้เรยี นมีผลการประเมนิ คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ในระดับผ่านเกณฑ์การประเมินตามท่ี

สถานศึกษากาหนด
๕) ผู้เรียนเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และมีผลการประเมินผ่านเกณฑ์การประเมินตามท่ี

สถานศึกษากาหนด

๑๘๑

เอกสารหลกั ฐานการศึกษา

เอกสารหลักฐานการศึกษา เป็นเอกสารสาคัญท่ีบันทึกผลการเรียน ข้อมูลและสารสนเทศ
ท่เี ก่ยี วข้องกับพัฒนาการของผู้เรยี นในดา้ นตา่ ง ๆ แบง่ ออกเปน็ ๒ ประเภท ดงั นี้

๑. เอกสารหลักฐานการศึกษาที่กระทรวงศกึ ษาธิการกาหนด
๑.๑ ระเบียนแสดงผลการเรียน เป็นเอกสารแสดงผลการเรียนและรับรองผลการเรียนของ

ผู้เรียนตามรายวิชา ผลการประเมินการอา่ น คดิ วิเคราะห์และเขยี น ผลการประเมินคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
ของสถานศึกษา และผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน สถานศึกษาจะตอ้ งบันทกึ ขอ้ มูลและออกเอกสารน้ี
ให้ผู้เรียนเป็นรายบุคคล เมื่อผู้เรียนจบการศึกษาระดับประถมศึกษา (ช้ันประถมศึกษาปีที่ ๖) จบการศึกษา
ภาคบังคับ (ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๓) จบการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน (ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖) หรือเมื่อลาออกจาก
สถานศึกษาในทกุ กรณี

๑.๒ ประกาศนียบัตร เป็นเอกสารแสดงวุฒิการศึกษา เพื่อรับรองศักด์ิและสิทธิ์ ของ
ผู้จบการศึกษา ท่ีสถานศึกษาให้ไว้แก่ผู้จบการศึกษาภาคบังคับ และผู้จบการศึกษาขั้นพ้ืนฐานตามหลักสูตร
แกนกลางการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน

๑.๓ แบบรายงานผู้สาเร็จการศึกษา เป็นเอกสารอนุมัติการจบหลักสูตรโดยบันทึกรายชื่อ
และข้อมูลของผู้จบการศึกษาระดับประถมศึกษา (ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖) ผู้จบการศึกษาภาคบังคับ
(ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๓)

๒. เอกสารหลกั ฐานการศึกษาท่ีสถานศึกษากาหนด
เปน็ เอกสารทีส่ ถานศึกษาจัดทาขึ้นเพ่ือบันทกึ พฒั นาการ ผลการเรียนรู้ และข้อมลู สาคญั เกย่ี วกับ

ผูเ้ รยี น เช่น แบบรายงานประจาตัวนักเรียน แบบบันทกึ ผลการเรยี นประจารายวิชา ระเบยี นสะสม ใบรบั รอง
ผลการเรียน และ เอกสารอน่ื ๆ ตามวัตถปุ ระสงคข์ องการนาเอกสารไปใช้

๒.๑ แบบบนั ทกึ ผลการเรียนประจารายวิชา เปน็ เอกสารทีจ่ ัดทาขน้ึ เพือ่ ใหค้ รูผู้สอนใชบ้ ันทึก
พัฒนาการ ผลการเรียนรู้ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และการอ่าน คิดวิเคราะห์ และ
เขียน สาหรับการพิจารณาตัดสินผลการเรียนแต่ละรายวิชาเป็นรายห้องเรียน เอกสารบันทึกผลการเรียน
ประจารายวชิ า นาไปใชป้ ระโยชน์ ดังนี้

- ใช้บนั ทกึ พัฒนาการ ผลการเรียนรู้ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ การอ่าน คิดวเิ คราะหแ์ ละ
เขยี น และผลการประเมินกิจกรรมพฒั นาผู้เรยี นของผเู้ รียนแตล่ ะรายวชิ า

- ใช้เป็นหลักฐานสาหรับตรวจสอบ รายงาน และรับรองข้อมูลเกี่ยวกับพัฒนาการ และ
ผลการเรยี นรูข้ องผเู้ รยี น

๒.๒ แบบรายงานประจาตัวนักเรียน เป็นเอกสารท่ีจัดทาข้ึนเพ่ือบันทึกข้อมูลผลการเรียน
รายวิชา และพัฒนาการด้านต่าง ๆ ของผู้เรียนแต่ละคน ตามเกณฑ์การตัดสินการผ่านระดับช้ันของหลักสูตร
แกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน รวมทั้งข้อมูลด้านอ่ืน ๆ ของผู้เรียนท่ีบ้านและสถานศึกษา โดยจัดทาเป็น
เอกสารรายบุคคล เพ่ือใช้สาหรับส่ือสารให้ผู้ปกครองของผู้เรียนแต่ละคนได้รับทราบผลการเรียน และ
พัฒนาการดา้ นตา่ ง ๆ ของผเู้ รียนอย่างตอ่ เนอื่ ง แบบรายงานประจาตัวนักเรยี น นาไปใชป้ ระโยชน์ ดงั นี้

- รายงานผลการเรียน ความประพฤติ และพฒั นาการของผู้เรียนให้ผู้ปกครองได้รับทราบ
- ใชเ้ ป็นเอกสารส่ือสารประสานงาน เพ่ือความรว่ มมอื ในการพฒั นาและปรับปรงุ แกไ้ ขผเู้ รียน

๑๘๒

- เป็นเอกสารหลักฐานสาหรับตรวจสอบ ยืนยัน และรับรองผลการเรียนและพัฒนาการตา่ งๆ
ของผ้เู รยี น

๒.๓ ระเบียนสะสม เป็นเอกสารทจี่ ัดทาขึ้นเพื่อบันทึกขอ้ มูลเกี่ยวกับพัฒนาการของผู้เรียนใน
ดา้ นต่าง ๆ เป็นรายบุคคล โดยจะบันทึกข้อมูลของผเู้ รียนอย่างต่อเนื่อง ตลอดช่วงระยะเวลาการศึกษาตาม
หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนป่าไม้อุทศิ ๔ พุทธศักราช ๒๕๖๑ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน
พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ.๒๕๖๐) สามารถนาไปใชป้ ระโยชน์ ดังนี้

- ใช้เปน็ ขอ้ มลู ในการแนะแนวทางการศึกษาและการประกอบอาชพี ของผเู้ รียน
- ใชเ้ ปน็ ข้อมลู ในการพัฒนาปรับปรงุ บุคลิกภาพ ผลการเรียนและการปรับตัวของผู้เรยี น
- ใช้ติดต่อสือ่ สาร รายงานพัฒนาคณุ ภาพของผูเ้ รียนระหว่างสถานศึกษากับผู้ปกครอง
- ใช้เป็นหลกั ฐานสาหรับการตรวจสอบ รับรอง และยืนยนั คณุ สมบัติของผ้เู รียน
๒.๔ ใบรับรองผลการเรียน เป็นเอกสารท่ีจดั ทาขึ้น เพอื่ ใช้เป็นเอกสารสาหรบั รบั รองความ
เป็นนักเรียนหรอื ผลการเรียนของผู้เรยี นเป็นการช่วั คราวตามท่ผี ูเ้ รียนรอ้ งขอ ท้ังกรณีทผ่ี ู้เรียนกาลงั ศกึ ษาอย่ใู น
สถานศึกษาและเมอ่ื จบการศึกษาไปแลว้ นาไปใชป้ ระโยชน์ ดังนี้
- รับรองความเป็นนักเรียนของสถานศึกษาท่เี รยี นหรอื เคยเรยี น
- รบั รองและแสดงความรู้ วฒุ ิการศึกษาของผูเ้ รยี น
- ใช้เป็นหลักฐานแสดงคุณสมบัติของผู้เรียนในการสมัครเข้าศึกษาต่อ สมัครเข้าทางาน หรือ
เม่อื มกี รณีอื่นใดที่ผู้เรียนแสดงคณุ สมบตั ิเก่ียวกับวฒุ ิความรู้ หรอื สถานการณ์เป็นผูเ้ รยี นของตน
- เป็นหลักฐานสาหรับการตรวจสอบ รับรอง ยืนยันการใช้สิทธ์ิความเป็นผู้เรียน หรือ
การไดร้ ับการรบั รองจากสถานศกึ ษา

การเทียบโอนผลการเรียน

สถานศึกษาสามารถเทียบโอนผลการเรียนของผู้เรียนในกรณีต่าง ๆ ได้แก่ การย้ายสถานศึกษา
การเปลยี่ นรูปแบบการศึกษา การย้ายหลักสูตร การออกกลางคัน และขอกลับเข้ารับการศึกษาต่อ การศึกษา
จากตา่ งประเทศและขอเข้าศึกษาต่อในประเทศ นอกจากนี้ ยังสามารถเทียบโอนความรู้ ทักษะ ประสบการณ์
จากแหล่งการเรียนรู้อ่ืน ๆ เช่น สถานประกอบการ สถาบันศาสนา สถาบันการฝึกอบรมอาชีพ การจัด
การศึกษาโดยครอบครวั

การเทียบโอนผลการเรียนควรดาเนินการในช่วงก่อนเปิดภาคเรียนแรก หรือต้นภาคเรียนแรกท่ี
สถานศึกษารับผู้ขอเทียบโอนเป็นผู้เรียน ทั้งนี้ ผู้เรียนท่ีได้รับการเทียบโอนผลการเรียนต้องศึกษาต่อเนื่อง
ในสถานศกึ ษาท่รี ับเทยี บโอนอยา่ งนอ้ ย ๑ ภาคเรยี น โดยโรงเรยี นปา่ ไม้อทุ ศิ ๔ พจิ ารณาดาเนินการ ดงั น้ี

๑. พิจารณาจากหลักฐานการศึกษา ซึ่งจะให้ข้อมูลแสดงความรู้ ความสามารถของนักเรียนใน
ดา้ นตา่ ง ๆ

๒. พิจารณาจากความรู้ ประสบการณ์ตรงจากการปฏิบัติจริง การทดสอบ การสมั ภาษณ์
๓. พจิ ารณาจากความสามารถ และการปฏบิ ตั ิจริง
๔. ในกรณีมีเหตุผลจาเป็นระหว่างเรียน นักเรียนสามารถแจ้งความจานงขอไปศึกษาบางรายวิชาใน
สถานศึกษา/สถานประกอบการอ่ืน แล้วนามาเทียบโอนได้ โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการบริหาร
หลักสูตรและวชิ าการของโรงเรียนปา่ ไม้อทุ ศิ ๔

๑๘๓

๕. การเทียบโอนผลการเรียนให้คณะกรรมการการเทียบโอนโรงเรียนป่าไม้อุทิศ ๔ จานวน ๕ คน
เปน็ ผู้ดาเนินการ

๖. การเทยี บโอนใหด้ าเนินการดังน้ี
๖.๑ กรณีผู้ขอเทียบโอนมีผลการเรียนมาจากหลักสูตรอ่ืน ให้นารายวิชาหรือหน่วยกิตที่มี

ตวั ช้วี ดั /มาตรฐานการเรียนรู้/ผลการเรียนรทู้ คี่ าดหวัง/จุดประสงค/์ เนื้อหาที่สอดคลอ้ งกัน ไมน่ ้อยกวา่ รอ้ ยละ ๖๐ มา
เทยี บโอนผลการเรยี นและพจิ ารณาให้ระดบั ผลการเรียนให้สอดคลอ้ งกบั หลกั สูตรทีร่ ับเทยี บโอน

๖.๒ กรณีการเทียบโอนความรู้ ทักษะและประสบการณ์ ให้พิจารณาจากเอกสารหลักฐาน โดยให้มี
การประเมนิ ดว้ ยเครื่องมอื ทีห่ ลากหลาย และให้ระดับผลให้สอดคลอ้ งกับหลักสูตรท่ีรับเทียบโอน

๖.๓ กรณีการเทียบโอนที่นักเรียนเข้าโครงการแลกเปล่ียนต่างประเทศ ให้ดาเนินการตาม
ประกาศกระทรวงศึกษาธิการเรื่องหลักการ และแนวปฏิบัติการเทียบช้ันการศึกษาสาหรับนักเรียนท่ีเข้าร่วม
โครงการแลกเปล่ยี น

ท้ังนี้ วิธีการเทียบโอนผลการเรียนให้เป็นไปตามประกาศของกระทรวงศึกษาธิการและ แนว
ปฏิบตั ทิ ่ีเกยี่ วขอ้ ง

๑๘๔

บทท่ี ๗

การบรหิ ารจดั การ
หลักสตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นป่าไม้อทุ ศิ ๔

การบริหารจัดการหลักสูตรสถานศกึ ษาโรงเรยี นปา่ ไมอ้ ทุ ศิ ๔

กระบวนการในการบริหารจัดการนาหลักสูตรไปใช้ถือว่าเป็นปัจจัยที่สาคัญเป็นอย่างมากที่จะช่วย
สนับสนุนส่งเสริมให้การใช้หลักสูตรของสถานศึกษาบรรลุผลสูงสุด ดังน้ันสถานศึกษาจึงได้กาหนดแผน
การบริหารจัดการหลักสูตรของสถานศกึ ษาขึ้น เพ่ือให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกบั การจัดการศึกษาของสถานศึกษา
ในทุก ๆ ส่วน และทุกระดับ เกิดความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับจุดหมายของหลักสูตร การพัฒนาการเรียน
การสอน การนิเทศการศึกษา การบริหารหลักสูตร การประเมินผล และแนวปฏิบัติของสถานศึกษาท่ีจะต้อง
ดาเนินการให้สอดคล้อง และเหมาะสมกับสภาพความต้องการของหลักสูตรสถานศึกษา สาหรับการบริหาร
จัดการหลักสูตรของสถานศึกษาโรงเรียนป่าไม้อุทิศ ๔ กาหนดแนวทางการบริหารจัดการไว้ ๓ ขั้นตอน
๗ ภารกจิ ดงั น้ี

แนวทางการบรหิ ารจดั การ

ขัน้ ตอนที่ ๑ การเตรยี มความพรอ้ มของสถานศึกษา
ภารกิจท่ี ๑ การเตรยี มความพรอ้ มของสถานศึกษา

๑.๑ สร้างความตระหนักให้แก่บุคลากร ซึ่งประกอบด้วย คณะกรรมการสถานศึกษา ผู้บริหาร
ผู้สอน ผู้ปกครอง ชุมชน นักเรียน ทั้งน้ีเพื่อใหเ้ ห็นความสาคัญ ความจาเป็นท่ีจะต้องร่วมมือกันบริหารจดั การ
หลักสตู รสถานศึกษาของสถานศกึ ษา

๑.๒ แต่งต้ังคณ ะกรรมการ และคณะอนุกรรมการของสถานศึกษาตามระเบียบของ
กระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยคณะกรรมการบริหารหลักสูตร และงานวิชาการสถานศึกษาขั้นพ้ืนฐาน
พ. ศ. ๒๕๖๑

๑.๓ ประชาสัมพันธ์ใหน้ ักเรียน ผปู้ กครอง ชุมชน หน่วยงาน องคก์ รในชุมชนทกุ ฝ่ายไดร้ บั ทราบ
และความรว่ มมือในการบริหารจดั การหลกั สตู รของสถานศึกษา

๑.๔ จัดทาข้อมลู สารสนเทศของสถานศึกษาอย่างเปน็ ระบบ
๑.๕ จัดทาแผนพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษา (ธรรมนญู สถานศึกษา)
๑.๖ พัฒนาบุคลากรของสถานศึกษาให้มีความรู้ ความเข้าใจ และสามารถนาความรู้ไปใช้
ในการจดั ทาสาระของหลกั สูตรสถานศึกษา

ขัน้ ตอนท่ี ๒ การดาเนนิ การจัดทาสาระของหลักสตู รสถานศกึ ษา
ภารกิจท่ี ๒ จัดทาสาระของหลกั สูตรสถานศึกษา
๒.๑ ศกึ ษาวิเคราะหข์ ้อมูลทีเ่ กย่ี วขอ้ ง
๒.๒ กาหนดปรัชญา และเป้าหมายของการจัดการศกึ ษาของสถานศกึ ษา
๒.๓ กาหนดโครงสรา้ งของหลกั สูตรแต่ละรายชั้น และจัดสัดสว่ นเวลาเรียน
๒.๔ กาหนดตัวช้ีวดั และสาระการเรียนร้ขู องกลมุ่ วชิ า

๑๘๕

๒.๕ กาหนดสาระ และกิจกรรมพฒั นาผูเ้ รยี น
๒.๖ กาหนดสื่อการเรยี นรู้
๒.๗ กาหนดการวัดและประเมินผล
ภารกจิ ที่ ๓ การวางแผนบรหิ ารจดั การหลกั สตู รสถานศึกษา
๓.๑ การบริหารการจดั การกิจกรรมการเรียนรู้
๓.๒ การบริหารการจดั การกจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียน
๓.๓ การสง่ เสรมิ และสนับสนนุ การจัดการกจิ กรรมการเรยี นรู้ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรยี น
ภารกจิ ท่ี ๔ ปฏิบตั กิ ารบรหิ ารจดั การหลักสูตรสถานศกึ ษา
ดาเนินการบรหิ ารจัดการหลกั สูตรตามภารกิจที่ ๒ และภารกิจที่ ๓ ท่กี าหนดไว้

ข้นั ตอนที่ ๓ การนเิ ทศ กากับ ตดิ ตาม ประเมินผล และรายงาน
ภารกจิ ท่ี ๕ การนเิ ทศ กากับ ตดิ ตาม ประเมินผล
๕.๑ การนิเทศ กากับ ติดตาม ประเมินผลการบริหารหลักสูตร และงานวิชาการภายใน
สถานศึกษา
๕.๒ การนิเทศ กากับ ติดตาม ประเมินผลการบริหารหลักสูตร และงานวิชาการจากภายนอก
สถานศกึ ษา
ภารกจิ ที่ ๖ สรปุ ผลการดาเนินการบริหารจัดการหลกั สูตรของสถานศึกษา
๖.๑ สถานศึกษาสรุปผลการดาเนนิ การ และเขียนรายงาน
๖.๒ สรุปผลการดาเนินงานรูปแบบบริหารจดั การหลักสูตรสถานศกึ ษา
ภารกจิ ท่ี ๗ ปรบั ปรุง และพัฒนากระบวนการบริหารจดั การหลกั สูตร
๗.๑ สถานศึกษานาผลการดาเนินการ ปัญหา และข้อเสนอแนะต่าง ๆ มาใช้เป็นข้อมูลพื้นฐาน
ในการวางแผนปรับปรงุ และพัฒนากระบวนการบรหิ ารจดั การหลักสูตรของสถานศึกษา
๗.๒ สถานศึกษาดาเนินการปรับปรุง และพัฒนากระบวนการบริหารจัดการหลักสูตร เพ่ือให้เกิด
ประโยชน์มากข้นึ

๑๘๖

ภาคผนวก


Click to View FlipBook Version