คู่มือการศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเองผ่านระบบ
ออนไลน์ หลักสูตร
กรรมการ
สหกรณ์
โดย ศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีการสหกรณ์ที 15 จังหวัดเพชรบุรี
คาํ ชีแ้ จง
วัตถุประสงค์ การจดั ทาํ คู่มือตอ้ งการให้ผูใ้ ชส้ ามารถจดั อบรมกรรมการ ผนู้ าํ กลุ่มสหกรณ์ได้ และผเู้ ขา้
อบรมสามารถใชค้ ู่มือในการปฏิบตั ิหนา้ ที่ตามบทบาทได้
ผู้ใช้คู่มือ - นกั จดั อบรม
- กรรมการดาํ เนินการ ผนู้ าํ กลุ่มสหกรณ์
- นกั ส่งเสริมสหกรณ์ นกั พฒั นาชุมชน
- นกั สหกรณ์ นกั การศึกษา
- บุคคลทว่ั ไป
แนวทางการใช้ 1. อา่ นทาํ ความเขา้ ใจใหช้ ดั เจนต้งั แต่หนา้ แรก
2. เม่ืออ่านแลว้ ผใู้ ชจ้ ะรู้เน้ือหาและวธิ ีการนาํ เน้ือหาไปปฏิบตั ิ
3. ผใู้ ชต้ อ้ งรู้วา่ บุคลิกภาพของตนเองยอ่ มไม่สอดคลอ้ งกบั ความรู้ท่ีไดจ้ ากการอ่านตอ้ งมี
การปรับใหใ้ ชไ้ ดก้ บั ตนเองอยา่ งเหมาะสม
4. การนาํ ไปใชป้ ฏิบตั ิคร้ังหลงั ยอ่ มมีการพฒั นาจากคร้ังแรก จนนาํ สู่ความรู้ประจาํ ตวั
คาํ นํา
คูม่ ือกรรมการดาํ เนินการ ประธานกลุ่ม เลขานุการกลุ่ม จดั ทาํ ข้ึนโดยมีวตั ถุประสงคใ์ นการ
นาํ ความรู้สู่การปฏิบตั ิได้ เพ่ือประโยชน์ต่อการปฏิบตั ิงานตามบทบาทหนา้ ที่ สาระของคู่มือในแต่ละเรื่อง
แบง่ เป็น 2 ส่วนตามหลกั การจดั การความรู้ (Knowledge Management) คือ ภาควชิ าการท่ีมาจากเอกสาร จาก
ประสบการณ์ และภาคการนาํ ไปปฏิบตั ิ สาระในคู่มือประกอบดว้ ย
- การจดั อบรมกรรมการดาํ เนินการและผนู้ าํ กลุ่มสหกรณ์
- การสหกรณ์
- ภาวะผนู้ าํ ของกรรมการ
- นโยบายสหกรณ์
- การพดู กบั งานสหกรณ์
- กรรมการใหมข่ องสหกรณ์
- การประชุม
- การจดั การธุรกิจสหกรณ์แนวใหม่
ความรู้ตามคู่มือจะขบั เคล่ือนอยา่ งมีชีวิตไดเ้ มื่อมีการนาํ ไปปรับใช้อย่างเหมาะสม จน
พฒั นากลายเป็ นความรู้ใหม่อยา่ งไม่มีสิ้นสุด หวงั วา่ ประโยชน์ท่ีเกิดข้ึนคือการพฒั นาของบุคคล การพฒั นา
ของสหกรณ์ และการพฒั นาของประเทศตามลาํ ดบั
ศูนยถ์ ่ายทอดเทคโนโลยกี ารสหกรณ์ท่ี 15
จงั หวดั เพชรบุรี
เมษายน 2563
สารบัญ หนา้
1
1 การจดั อบรมกรรมการดาํ เนินการและผนู้ าํ กลุ่มสหกรณ์ 1
ทาํ อยา่ งไรใหม้ าอบรม 1
การมาเขา้ อบรมของกรรมการ ผนู้ าํ กลุ่มสหกรณ์ 3
กรรมการ ผนู้ าํ กลุ่มสหกรณ์ชอบการอบรมแบบไหน 4
2 เน้ือหาวชิ าสาํ หรับกรรมการและผนู้ าํ กลุ่มสหกรณ์ 5
การสหกรณ์
สหกรณ์คืออะไรเขา้ ใจง่าย ๆ 5
สหกรณ์ในประเทศไทยเป็ นมาอยา่ งไร 6
รู้จกั ประเภทสหกรณ์ 8
อุดมการณ์สหกรณ์ 15
หลกั การสหกรณ์ 17
วธิ ีการสหกรณ์ 24
การเปรียบเทียบสหกรณ์กบั องคก์ ารอื่น ๆ 27
ค่านิยมของสหกรณ์ 30
ภาวะผู้นําของกรรมการ
รู้จกั ผนู้ าํ 35
ภาวะผนู้ าํ เป็นอยา่ งไร
กรรมการตอ้ งทาํ อยา่ งไร 35
นโยบายสหกรณ์ 36
การพดู กบั งานสหกรณ์ 36
ใครพดู เก่ง
ทาํ ไมเขาพดู เก่ง 38
วธิ ีการพดู
ข้นั ตอนการพดู 45
ส่วนประกอบการพดู
การวเิ คราะห์ผฟู้ ัง 46
กรรมการใหม่ของสหกรณ์ 46
กรรมการสหกรณ์ใหม่ 47
กรรมการสหกรณ์ปรากฏตวั 47
49
50
51
52
53
กรรมการสหกรณ์คนอ่ืนไม่เหมือนเรา 54
กรรมการท่ีดี 54
การประชุม
ลกั ษณะของการประชุม 54
ลกั ษณะของการประชุมที่ดีและมีประสิทธิภาพ
วธิ ีการดาํ เนินการประชุมที่ดีและมีประสิทธิภาพ 54
ขอ้ ควรระวงั บางประการในการดาํ เนินการประชุมในสหกรณ์ 55
การบนั ทึกรายงานการประชุม 56
ลกั ษณะของการบนั ทึกรายงานการประชุมที่ดีและถูกตอ้ ง 58
60
รายงานการประชุม 61
การจัดการสหกรณ์ทส่ี ําเร็จ 61
การจัดการธุรกจิ สหกรณ์แนวใหม่
65
ธุรกิจสหกรณ์
การจดั การธุรกิจแนวใหม่ 67
ธุรกิจซ้ือ 67
ธุรกิจขาย 68
ธุรกิจสินเชื่อ 69
ธุรกิจรับฝากเงิน 76
ธุรกิจบริการ 81
90
95
สารบัญตาราง หน้า
5
ตารางที่ 1 พลงั การรวมกลุ่ม 28
ตารางที่ 2 เปรียบเทียบสหกรณ์กบั องคก์ รอ่ืน 29
ตารางที่ 3 เปรียบเทียบความเป็นสหกรณ์ 38
ตารางท่ี 4 แนวทางการแกป้ ัญหา 39
ตารางท่ี 5 กระบวนการนโยบาย
2
สารบัญแผนภาพ 3
6
แผนภาพท่ี 1 การจดั การใหก้ รรมการ ผนู้ าํ กลุ่มสหกรณ์เขา้ อบรม 8
แผนภาพท่ี 2 การจดั อบรมท่ีกรรมการ ผนู้ าํ กลุ่มสหกรณ์พึงพอใจ 14
แผนภาพที่ 3 องคป์ ระกอบความหมายสหกรณ์ 17
แผนภาพท่ี 4 ประวตั ิสหกรณ์ไทย 25
แผนภาพที่ 5 ประเภทสหกรณ์ 26
แผนภาพท่ี 6 องคป์ ระกอบของอุดมการณ์สหกรณ์ 33
แผนภาพที่ 7 โครงสร้างการจดั รูปองคก์ ารของสหกรณ์ข้นั ปฐม 34
แผนภาพท่ี 8 วธิ ีการสหกรณ์ 69
แผนภาพที่ 9 ค่านิยมสหกรณ์ 73
แผนภาพที่ 10 ผงั การสหกรณ์ 79
แผนภาพที่ 11 การจดั การธุรกิจสหกรณ์แนวใหม่ 86
แผนภาพที่ 12 ข้นั ตอนการดาํ เนินธุรกิจซ้ือ 87
แผนภาพท่ี 13 ข้นั ตอนการดาํ เนินธุรกิจขาย 93
แผนภาพท่ี 14 ข้นั ตอนการดาํ เนินธุรกิจสินเช่ือกรณีกูร้ อบเดียว 98
แผนภาพท่ี 15 ข้นั ตอนการดาํ เนินธุรกิจสินเช่ือกรณีกหู้ ลายรอบ
แผนภาพท่ี 16 ข้นั ตอนการดาํ เนินธุรกิจรับฝากเงิน
แผนภาพที่ 17 ข้นั ตอนการดาํ เนินธุรกิจบริการ
1. การจดั อบรมกรรมการดาเนินการและผู้นากล่มุ สหกรณ์
1.1 ทาอย่างไรให้มาอบรม
ประเด็นสำคญั ของนกั จดั อบรมท้งั หลำยคือทำอยำ่ งไรใหก้ ลุ่มเป้ ำหมำยมำเขำ้ อบรม เรื่องน้ีมี
ควำมสำเร็จใหเ้ รียนรู้จำกกำรจดั อบรมที่ผำ่ นมำคือ กำรจดั อบรมขำ้ รำชกำรกรมส่งเสริมสหกรณ์ กำรจดั อบรม
ครูผสู้ อนสหกรณ์ กำรจดั อบรมบุคลำกรสหกรณ์เพือ่ ติดตำมผลโครงกำรเบด็ เสร็จ และกำรจดั อบรมกรรมกำร
ดำเนินกำรสหกรณ์ท่ีมำจำกสหกรณ์เดียวกนั เป็นคณะ เป็นกำรจดั อบรมท่ีกลุ่มเป้ ำหมำยมำครบตำมท่ีกำหนด
ซ่ึงเม่ือศึกษำลงไปในรำยละเอียดพบวำ่ มีสำเหตุของกำรมำเขำ้ อบรมคือ
1. เป็ นเพราะกฎเกณฑ์กติกาบังคับให้ต้องปฏิบัติตาม เหตุผลน้ีจำกกลุ่มเป้ ำหมำยท่ีเป็ น
ขำ้ รำชกำรที่มีระเบียบวนิ ยั มีสำยบงั คบั บญั ชำ
2. เป็ นคะแนนสะสม เหตุผลน้ีจำกกลุ่มเป้ ำหมำยท่ีเป็ นครูท่ีตน้ สังกดั กำหนดให้ตอ้ งมีกำร
พฒั นำตนเองดว้ ยกำรเขำ้ อบรมอยำ่ งนอ้ ย 20 ชว่ั โมงต่อปี
3. เป็ นเร่ืองทีต่ ้องปฏิบัติ เหตุผลน้ีจำกทุกกลุ่มเป้ ำหมำยที่จำเป็ นตอ้ งเรียนรู้จำกกำรอบรม
แลว้ นำกลบั ไปปฏิบตั ิ
4. เป็ นเรื่องที่ผูกพันต่อเน่ือง เหตุผลน้ีจำกกลุ่มเป้ ำหมำยที่เป็ นบุคลำกรสหกรณ์ท่ีตอ้ ง
แสดงผลงำนท่ีผำ่ นมำจำกกำรติดตำมผล
5. มีคนรู้จักกันอบรมด้วยกัน เหตุผลน้ีจำกกลุ่มเป้ ำหมำยท่ีเป็ นบุคลำกรสหกรณ์ที่มำเขำ้
อบรมสหกรณ์ละหลำยคน
6. มาเข้าอบรมเพราะวทิ ยากรมีชื่อเสียง เหตุผลน้ีจำกทุกกลุ่มเป้ ำหมำย
7. มาเข้าอบรมเพราะวทิ ยากรเป็ นชาวต่างประเทศ เหตุผลน้ีจำกทุกกลุ่มเป้ ำหมำย
8. เป็ นการอบรมทไ่ี ด้ไปดูงานต่างประเทศ เหตุผลน้ีจำกทุกกลุ่มเป้ ำหมำย
9. รู้จักคุ้นเคยกนั กบั ผ้จู ัด เหตุผลน้ีจำกทุกกลุ่มเป้ ำหมำย
10. รักษาภาพขององค์กร เหตุผลน้ีจำกทุกกลุ่มเป้ ำหมำย
1.2 การมาเข้าอบรมของกรรมการ ผู้นากลุ่มสหกรณ์
นอกจำกกำรมำเขำ้ อบรมของกรรมกำร ผูน้ ำกลุ่มสหกรณ์ท่ีสอดคล้องกบั เหตุผลในขอ้ 1
แลว้ จำกประสบกำรณ์กำรจดั อบรมท่ีผำ่ นมำพบว่ำ กรรมกำร ผนู้ ำกลุ่ม มำเขำ้ อบรมเพรำะมีเหตุผลท่ีสำคญั
เพ่มิ เติม 3 ประกำร คือ
1. เหตุผลเพราะสหกรณ์ เป็นกำรจดั อบรม ณ สหกรณ์ตน้ สงั กดั สหกรณ์มีวฒั นธรรมควำม
พร้อมเพรียงในกำรเขำ้ อบรม สหกรณ์มีงบประมำณมอบให้ในกำรมำเขำ้ อบรม สหกรณ์กำหนดใหก้ ำรเขำ้
อบรมเป็นกติกำในกำรดำรงตำแหน่ง สหกรณ์ใหค้ วำมสำคญั ตอ่ กำรอบรม
2
2. เหตุผลเฉพาะตัว เป็ นควำมชอบในกำรเขำ้ อบรมชอบพฒั นำตนเองชอบพบปะผูค้ น
สถำนภำพกำรดำรงตำแหน่งบงั คบั ใหต้ อ้ งเขำ้ อบรม มีบทบำทสำคญั ในระหวำ่ งกำรอบรมเช่นเป็ นประธำน
เปิ ดอบรม ฯ
3.เหตุผลจากผู้จัดอบรม เป็ นกำรอบรมท่ีผกู พนั กบั เร่ืองอื่นเช่นเขำ้ อบรมแลว้ ไดส้ ิทธิกูเ้ งิน
กพส. กำรมีควำมสัมพนั ธ์ที่ดีระหว่ำงผูจ้ ดั กับผูน้ ำสหกรณ์ตวั จริง ควำมสัมพนั ธ์ท่ีดีระหว่ำงสำนักงำน
สหกรณ์จงั หวดั กบั สหกรณ์และกบั ผจู้ ดั อบรม
นอกจำกน้ี พบวำ่ การประสานงานทดี่ ีและต่อเนื่องเป็นปัจจยั หน่ึงท่ีส่งผลตอ่ กำรมำเขำ้ อบรม
กำรประสำนงำนที่ดีในรำยละเอียดคือกำรติดต่อส่ือสำรทำงโทรศพั ทแ์ ละโดยกำรเจรจำโดยตรง กำรมีของ
ฝำกใหใ้ นกำรพบกนั แต่ละคร้ัง กำรเจรจำเร่ืองที่ถูกใจเร่ืองที่ชอบของผนู้ ำสหกรณ์ กำรเขำ้ ถึงผนู้ ำสหกรณ์ตัว
จริง กำรให้ควำมช่วยเหลือในส่ิงที่ผนู้ ำตอ้ งกำร กำรรับประทำนอำหำรดว้ ยกนั กำรมีคู่เจรจำท่ีมีควำมชอบ
ตรงกนั
ควำมรู้ที่สำมำรถนำไปจดั กำรให้กรรมกำรดำเนินกำรและผูน้ ำกลุ่มสหกรณ์เข้ำอบรม
สำมำรถเขียนเป็นแผนภำพไดด้ งั น้ี
แผนภาพที่ 1 การจัดการให้กรรมการ ผ้นู ากลุ่มสหกรณ์เข้าอบรม
กำรจดั กำรใหก้ รรมกำร
ผนู้ ำกลุ่มสหกรณ์เขำ้ อบรม
สหกรณ์ - กติกำบงั คบั ใหต้ อ้ งปฏิบตั ิตำม - สะสมคะแนน -คดั คนท่ีตอ้ งปฏิบตั ิ
- ผกู พนั ต่อเน่ืองหลงั อบรม -คดั คนที่รู้จกั คุน้ เคยกนั อบรมดว้ ยกนั
- สนบั สนุนงบประมำณ
ผ้เู ข้าอบรม - ชอบกำรอบรม ชอบกำรพฒั นำ ชอบพบปะผคู้ น ชอบแสดงออก
- รับผดิ ชอบตำมบทบำทหนำ้ ท่ี
ผู้จัดอบรม - จดั หำวทิ ยำกรที่มีชื่อเสียง - สร้ำงควำมสมั พนั ธ์ท่ีดี
- สถำนที่เหมำะสม - ใหส้ ิทธิพิเศษ
3
1.3 กรรมการ ผ้นู ากลุ่มสหกรณ์ชอบการอบรมแบบไหน
จำกประสบกำรณ์กำรจดั อบรม กรรมกำรดำเนินกำรและผนู้ ำกลุ่มสหกรณ์ มีควำมพึงพอใจ
กำรอบรมหลกั สูตรกรรมกำรใหม่ หลกั สูตรกรรมกำรสหกรณ์ภำคกำรเกษตร กรรมกำรสหกรณ์นอกภำค
เกษตร และหลกั สูตรประธำนกลุ่ม เลขำนุกำรกลุ่ม ดว้ ยเหตุผลดงั น้ี
1. เป็นหลกั สูตรท่ีกำหนดรูปแบบกำรมีส่วนร่วมโดยใหผ้ เู้ ขำ้ อบรมมีบทบำทสำคญั
2. มีกำรแลกเปล่ียนประสบกำรณ์ กำรนำประสบกำรณ์มำตดั สินท่ีไมม่ ีกำรช้ีถูกผดิ
3. มีกำรศึกษำดูงำนในระยะทำงท่ีพอดีและแหล่งดูงำนมีช่ือเสียง
4. เน้ือหำกำรอบรมเกี่ยวกบั อำชีพ ชีวติ ครอบครัว ชีวติ ประจำวนั
5. มีกำรแบง่ กลุ่ม ทำกิจกรรมกลุ่มแบบง่ำย ๆ
6. เน้ือหำกำรบรรยำยไมเ่ ป็นวชิ ำกำร
7. วทิ ยำกรบรรยำยสนุกสนำน
8. มีเอกสำรแจกที่อ่ำนง่ำย
9. มีกำรแนะนำตวั ใหร้ ู้จกั กนั
10. มีท้งั หญิงชำยอบรมดว้ ยกนั
11. ระยะเวลำอบรมไม่ควรเกิน 3 วนั
12. หำกอบรมในพ้ืนที่ภำคบ่ำยไมค่ วรเกิน 15.00 น.
13. มีกำรมอบประกำศนียบตั ร
14. มีกำรถ่ำยรูปเป็นท่ีระลึก
15. จดั ทำทำเนียบรุ่น
แผนภาพท่ี 2 การจัดอบรมทกี่ รรมการ ผ้นู ากล่มุ สหกรณ์พงึ พอใจ
กำรจดั อบรมที่กรรมกำร ผนู้ ำ
กลุ่มสหกรณ์พึงพอใจ
- มีส่วนร่วม – มีกำรแลกเปลี่ยนประสบกำรณ์ – มีกำรศึกษำดูงำน – เน้ือหำ
เก่ียวกบั ชีวติ จริง – มีกำรแบง่ กลุ่มทำกิจกรรม –ไม่เป็นวชิ ำกำร -วทิ ยำกรบรรยำย
สนุกสนำน – มีเอกสำรแจกที่อำ่ นง่ำย – มีกำรแนะนำตวั ใหร้ ู้จกั กนั - มีท้งั หญิง
ชำยอบรมดว้ ยกนั - ระยะเวลำอบรมไมค่ วรเกิน 3 วนั - อบรมในพ้ืนที่ภำคบ่ำย
ไมค่ วรเกิน 15.00 น. – มีกำรมอบประกำศนียบตั ร – มีกำรถ่ำยรูปเป็นท่ีระลึก
- จดั ทำทำเนียบรุ่น
4
2. เนือ้ หาวชิ าสาหรับกรรมการและผู้นากล่มุ สหกรณ์
จำกประสบกำรณ์ที่ไดค้ วำมรู้ในกำรจดั อบรม ไดค้ วำมรู้จำกกำรแลกเปลี่ยนกบั กรรมกำร
และผูน้ ำกลุ่มท่ีเขำ้ อบรม พบวำ่ ควำมรู้ที่ผเู้ ขำ้ อบรมตอ้ งกำรเรียนรู้คือควำมรู้ตำมบทบำทหนำ้ ท่ีท่ีตอ้ งปฏิบตั ิ
ซ่ึงสำมำรถสรุปบทบำทหนำ้ ที่ของกรรมกำรและผนู้ ำกลุ่มได้ ดงั น้ี
1. รู้ เขำ้ ใจปรัชญำ อุดมกำรณ์ หลกั กำรและวธิ ีกำรสหกรณ์
2. รู้วตั ถุประสงคข์ องสหกรณ์
3. เขำ้ ใจสิทธิและหนำ้ ท่ีควำมรับผดิ ชอบของตนเอง
4. รู้ระเบียบ ขอ้ บงั คบั กฎหมำยสหกรณ์และกฎหมำยท่ีเก่ียวขอ้ ง
5. กำหนดนโยบำยผำ่ นมติท่ีประชุมใหญ่
6. เขำ้ ร่วมประชุมและแสดงควำมคิดเห็นในท่ีประชุม
7. ยดึ ธรรมำภิบำลบริหำรงำนสหกรณ์
8. สร้ำงควำมสัมพนั ธ์กบั สมำชิก ใหก้ ำรศึกษำอบรมแก่สมำชิกสหกรณ์
9. เผยแพร่หลกั และวธิ ีกำรสหกรณ์ไปสู่ประชำชน
10. ควบคุมกำรจดั กำรของผจู้ ดั กำรสหกรณ์
11. รู้และใชข้ อ้ มูลทำงงบกำรเงิน
12. คดั เลือกและจดั จำ้ งผจู้ ดั กำรที่มีควำมรู้ควำมสำมำรถ
13. แบ่งแยกหนำ้ ที่ระหวำ่ งกรรมกำรสหกรณ์และผจู้ ดั กำรสหกรณ์
จำกบทบำทหนำ้ ท่ีของกรรมกำรและผนู้ ำกลุ่ม ศูนยถ์ ่ำยทอดเทคโนโลยีกำรสหกรณ์ที่ 15 สำมำรถ
จดั ทำชุดควำมรู้ท่ีจำเป็ นและสำคญั ตำมสำระงำนท่ีปฏิบตั ิแลว้ ประสบควำมสำเร็จและจำกสำระควำมรู้ที่
แสวงหำได้ โดยยดึ หลกั กำร ความรู้คู่ปฏิบัตไิ ด้ ดงั น้ี
5
2.1 การสหกรณ์
1. สหกรณ์คอื อะไรเข้าใจง่าย ๆ
พระบำทสมเด็จพระเจำ้ อย่หู ัวภูมิพลอดุลยเดช ไดพ้ ระรำชทำนพระรำชดำรัสแก่ผนู้ ำสหกรณ์ที่
เฝ้ ำทูลละอองธุลีพระบำท ณ ศำลำดุสิดำลยั เม่ือวนั ท่ี 11 พฤษภำคม 2526 ไวต้ อนหน่ึงว่ำ “...สหกรณ์น้ีมี
ควำมหมำย คำวำ่ “สห” ก็ดว้ ยกนั “กรณ์” กำรทำ ทำงำนทำกิจกำรต่ำง ๆ หมำยควำมวำ่ “สหกรณ์” แปลวำ่ กำร
ทำงำนร่วมกนั กำรทำงำนร่วมกนั น้ีลึกซ้ึงมำก เพรำะว่ำจะตอ้ งร่วมมือกนั ในทุกดำ้ น ท้งั ในดำ้ นงำนกำรที่ทำ
ดว้ ยร่ำงกำย ท้งั ในดำ้ นงำนกำรท่ีทำดว้ ยสมอง และงำนกำรท่ีทำดว้ ยใจ ทุกอยำ่ งน้ีขำดไม่ได้ ตอ้ งพร้อม...”
พระรำชวรวงศ์เธอกรมหมื่นพิทยำลงกรณ พระบิดำแห่งกำรสหกรณ์ไทยประทำนคำแปล
(ดำรง ป้ันประณต และสอำด แกว้ เกษ , 2550) วำ่ “สหกรณ์เป็ นวิธีกำรจดั กำรรูปหน่ึง ซ่ึงบุคคลหลำยคน
รวมกนั เขำ้ ดว้ ยควำมสมคั รใจในฐำนะท่ีเป็ นมนุษยเ์ ท่ำกนั และโดยควำมมีสิทธิเสมอหน้ำกนั หมด เพ่ือจะ
บำรุงตนใหเ้ กิดควำมจำเริญในทำงทรัพย”์
พระรำชบญั ญตั ิสหกรณ์ (ฉบบั ท่ี 3) พ.ศ. 2562 มำตรำ 3 อธิบำยควำมหมำยสหกรณ์วำ่ คือ
“คณะบุคคลซ่ึงร่วมกนั ดำเนินกิจกำรเพื่อประโยชน์ทำงเศรษฐกิจ และสังคมของสมำชิกสหกรณ์ผมู้ ีสัญชำติ
ไทย โดยช่วยตนเองและช่วยเหลือซ่ึงกนั และกนั และไดจ้ ดทะเบียนตำมพระรำชบญั ญตั ิน้ี”
พจนำนุกรม ฉบบั รำชบณั ฑิตยสถำน พ.ศ. 2542 อธิบำยสหกรณ์ หมำยถึง “องคก์ ำรทำง
เศรษฐกิจและสังคมที่สมำชิกร่วมกนั จดั ต้งั ข้ึนดว้ ยกำรลงหุ้นร่วมกนั จดั กำรร่วมกนั ในกำรผลิต กำรจำหน่ำย
สินคำ้ หรือบริกำรตำมควำมตอ้ งกำร หรือผลประโยชน์อยำ่ งเดียวกนั ของบรรดำสมำชิก สมำชิกแต่ละคนมี
สิทธ์ิออกเสียงไดห้ น่ึงเสียง ในกำรบริหำรสหกรณ์ โดยไม่ข้ึนกบั จำนวนหุน้ ที่ถืออยู่ เช่น สหกรณ์ออมทรัพย์
สหกรณ์กำรเกษตร สหกรณ์โคนม
รายการ ตารางท่ี 1 พลงั การรวมกล่มุ ประโยชน์
ทำงำน 1 ชิ้น เสร็จเร็ว
กำรเรียนรู้ พลงั กลุ่ม ครอบคลุม
ควำมเช่ือถือ คนมำกงำนเบำ - คนนอ้ ยงำนหนกั ดำเนินกำรได้
คนมำกเรียนรู้กวำ้ งขวำง - คนนอ้ ยเรียนรู้แคบ
ควำมยำก คนมำกไดร้ ับกำรยอมรับ - คนนอ้ ยไดร้ ับกำรยอมรับ งำนเสร็จ เวลำนอ้ ย
ศกั ยภำพคน นอ้ ย แสดงควำมสำมำรถ
ระยะเวลำ คนมำกทำไดง้ ่ำย - คนนอ้ ยทำไดย้ ำก ประหยดั เวลำ
ตน้ ทุน คนมำกใชศ้ กั ยภำพเดิม - คนนอ้ ยใชศ้ กั ยภำพนอ้ ย ประหยดั งบ
คนมำกใชเ้ วลำนอ้ ยมำกกวำ่ - คนนอ้ ยใชเ้ วลำมำก
คนมำกประหยดั กวำ่ - คนนอ้ ยลงทุนมำก
6
การนาไปใช้ในการปฏิบตั งิ าน
สรุปได้ว่า การทางานร่วมกนั คือความหมายของคาว่าสหกรณ์ การทางานร่วมกันมีในทุกคน
ทกุ ครอบครัว ชุมชน ซึ่งเป็ นวิถชี ีวิตตามปกติ แต่หากต้องการเป็ นสหกรณ์ทีท่ ากจิ การได้อย่างถูกต้อง ต้อง
จดทะเบียนตามกฎหมาย
การนาความหมายคาว่าสหกรณ์ไปใช้ของกรรมการและผู้นากลุ่มคือต้องทาสหกรณ์ให้เป็ น
สหกรณ์ ทป่ี ระกอบด้วย บุคคลรวมกนั เป็ นคณะ ดาเนินกจิ การ เกดิ ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ทางสังคม โดย
ช่วยตนเอง และช่วยเหลือซ่ึงกนั และกัน หากไม่ครบองค์ประกอบย่อมไม่เป็ นสหกรณ์ และเมื่อเป็ นสหกรณ์
ย่อมสร้างประโยชน์ให้งานเสร็จเร็ว มีการเรียนรู้ครอบคลุมรอบด้าน ได้รับการยอมรับ สามารถดาเนินการ
งานที่ยากได้ เวลาน้อยในการทางาน แสดงความสามารถในการทางานร่วมกันได้ ประหยดั เวลาประหยัด
งบประมาณ
แผนภาพท่ี 3 องค์ประกอบความหมายสหกรณ์
สหกรณ์คือ
เพอ่ื ประโยชน์ทำง โดยช่วยตนเอง
เศรษฐกิจ ทำงสังคม
! คณะบุคคลรวมกนั + ดำเนินกิจกำร + + และ
ช่วยเหลือซ่ึงกนั และกนั
2. สหกรณ์ในประเทศไทยเป็ นมาอย่างไร
สหกรณ์ในเมืองไทย มีเหตุมำจำกสมยั กรุงรัตนโกสินทร์ ที่เริ่มมีเงินทุนในกำรขยำยกำรผลิต
และกำรครองชีพ ชำวนำที่ไม่มีทุนจึง กู้ยืมเงินทำให้ต้องเสียดอกเบ้ียในอตั รำสูงกำรติดต่อซ้ือขำยกับ
ต่ำงประเทศมำกข้ึน ระบบเศรษฐกิจเปลี่ยนจำกเพ่ือเล้ียงตวั เองสู่เพื่อกำรคำ้ มีควำมตอ้ งกำรและยงั ถูกเอำ
เปรียบจึงตกเป็ นฝ่ ำยเสียเปรียบอยตู่ ลอดเวลำ ทำนำไดต้ อ้ งขำยใชห้ น้ี ไดผ้ ลผลิตท่ีไม่แน่นอน ทำใหห้ น้ีสิน
พอกพนู มำกข้ึนจนบำงรำยตอ้ งโอนกรรมสิทธ์ิท่ีนำใหแ้ ก่เจำ้ หน้ี และกลำยเป็ นผเู้ ช่ำนำ หรือเร่ร่อนไม่มีท่ีดิน
ทำกินไปในที่สุด
7
ในปลำยสมยั รัชกำลท่ี 5 ไดห้ ำวธิ ีกำรช่วยชำวนำในดำ้ นเงินทุน 2 วธิ ี คือ
วิธีที่ 1 จดั ต้ังธนำคำรเกษตร เพื่อให้เงินกู้แก่ชำวนำ แต่ขัดข้องในเรื่องเงินทุน และ
หลกั ประกนั เงินกู้ ควำมคิดน้ีจึงระงบั ไป
วิธีท่ี 2 วิธีกำรสหกรณ์ประเภทหำทุน เซอร์ เบอร์นำร์ด ฮนั เตอร์ หัวหน้ำธนำคำร
แห่งมดั รำส ประเทศอินเดีย ได้แนะนำให้จดั ต้งั เป็ นสมำคมที่เรียกว่ำ “โคออเปอรำทีฟ โซไซต้ี” (Co-
operatives Society) โดยมีหลกั กำรร่วมมือกนั เพ่ือช่วยเหลือซ่ึงกนั และกนั ซ่ึงพระรำชวรวงศเ์ ธอ กรมหมื่น
พทิ ยำลงกรณ ไดท้ รงบญั ญตั ิศพั ทเ์ ป็ นภำษำไทยวำ่ “สมำคมสหกรณ์” เร่ิมศึกษำวิธีกำรสหกรณ์น้ี ในปี พ.ศ.
2457 ในฐำนะทรงเป็ นอธิบดีกรมพำณิชยแ์ ละสถิติพยำกรณ์ ขณะน้ัน ไดท้ รงพิจำรณำเลือกแบบอย่ำง
สหกรณ์เครดิตแบบไรฟ์ ไฟเซน เห็นวำ่ เป็ นสหกรณ์ชนิดที่เหมำะสมที่สุดสำหรับประเทศไทย จึงไดท้ ดลอง
จดั ต้งั สหกรณ์หำทุนแห่งแรก ณ อำเภอเมือง จงั หวดั พิษณุโลก ช่ือวำ่ “สหกรณ์วดั จนั ทร์ ไม่จำกดั สินใช้”
โดยจดทะเบียนเมื่อวนั ที่ 26 กุมภำพนั ธ์ 2459 มีสมำชิกจำนวน 16 คน ทุนดำเนินงำน 3,080 บำท ซ่ึงเป็ น
เงินจำกค่ำธรรมเนียมแรกเขำ้ 80 บำท และเงินทุนจำนวน 3,000 บำท ไดก้ เู้ งินจำกแบงคส์ ยำมกมั มำจล จำกดั
ซ่ึงกค็ ือ ธนำคำรไทยพำณิชยใ์ นปัจจุบนั โดยมีกระทรวงพระคลงั มหำสมบตั ิ เป็ นผคู้ ้ำประกนั เสียดอกเบ้ียใน
อตั รำร้อยละ 6 ตอ่ ปี สหกรณ์คิดดอกเบ้ียจำกสมำชิกในอตั รำร้อยละ 12 ต่อปี กำหนดให้สมำชิกส่งคืนเงิน
ตน้ ในปี แรก จำนวน 1,300 บำท เม่ือครบกำหนดสมำชิกสำมำรถส่งเงินตน้ คืนไดถ้ ึง 1,500 บำท ท้งั ส่ง
ดอกเบ้ียได้ครบทุกรำยกำร แสดงให้เห็นว่ำกำรนำวิธีกำรสหกรณ์เขำ้ มำช่วยแก้ไขควำมเดือดร้อนของ
ชำวนำไดผ้ ล รัฐบำลจึงได้ประกำศยกเลิกพระรำชบญั ญตั ิเพ่ิมเติมสมำคม พ.ศ. 2459 แล้ว ประกำศใช้
พระรำชบญั ญตั ิสหกรณ์ พ.ศ. 2471 นบั เป็นกฎหมำยสหกรณ์ฉบบั แรก ไดเ้ ปิ ดโอกำสใหม้ ีกำรรับจดทะเบียน
สหกรณ์ประเภทอ่ืน
ปี พ.ศ. 2478 เริ่มจดั ต้งั สหกรณ์เช่ำซ้ือที่ดินที่จงั หวดั ปทุมธำนี และไดจ้ ดั ต้งั สหกรณ์บำรุง
ที่ดิน สหกรณ์กำรขำย สหกรณ์นิคมฝ้ ำย สหกรณ์หำทุนและบำรุงที่ดิน ในปี พ.ศ. 2480 ร้ำนสหกรณ์ไดถ้ ูก
จดั ต้งั ข้ึนเป็ นแห่งแรกท่ีอำเภอเสนำ จงั หวดั พระนครศรีอยุธยำ ชื่อวำ่ ร้ำนสหกรณ์บำ้ นเกำะ จำกดั สินใช้ มี
สมำชิกแรกต้งั 279 คน และไดม้ ีกำรจดั ต้งั ร้ำนสหกรณ์ในลกั ษณะน้ีข้ึนอีกหลำยแห่ง เพ่ือช่วยเหลือประชำชน
เก่ียวกบั ปัญหำค่ำครองชีพ โดยจดั ต้งั ข้ึนท้งั ในส่วนรำชกำร รัฐวสิ ำหกิจ และส่วนของประชำชนมีพระรำชวร
วงศเ์ ธอกรมหม่ืนพิทยำลงกรณ ทรงเป็ นนำยทะเบียนสหกรณ์พระองคแ์ รก นบั เป็ นกำรเริ่มตน้ กำรสหกรณ์
ในประเทศไทยอยำ่ งสมบูรณ์จำกกำรที่พระองค์ได้ทรงเป็ นผูบ้ ุกเบิกริเร่ิมงำนสหกรณ์ข้ึนในประเทศไทย
บุคคลในขบวนกำรสหกรณ์ จึงยกยอ่ งใหพ้ ระองคเ์ ป็น “พระบิดำแห่งกำรสหกรณ์ไทย”
พระรำชบญั ญตั ิสหกรณ์ พ.ศ. 2511 ไดเ้ ปล่ียนแปลงคร้ังสำคญั ท่ีสุดของขบวนกำรสหกรณ์
ในประเทศไทยคือ กำรควบสหกรณ์หำทุนเขำ้ ดว้ ยกนั เป็ นสหกรณ์กำรเกษตรมำจนปัจจุบนั สำมำรถขยำย
กำรดำเนินธุรกิจเป็ นแบบอเนกประสงค์ ซ่ึงจะเป็ นประโยชน์แก่สมำชิกได้มำกกว่ำ และในปี พ.ศ. 2511
สันนิบำตสหกรณ์แห่งประเทศไทย ได้ถือกำเนิดข้ึนมำเพ่ือเป็ นสถำบนั สำหรับให้กำรศึกษำแก่สมำชิก
สหกรณ์ทวั่ ประเทศ มีหนำ้ ท่ีติดต่อประสำนงำนกบั สถำบนั สหกรณ์ต่ำงประเทศ เพื่อให้เกิดควำมสัมพนั ธ์
8
และควำมช่วยเหลือร่วมมือกนั ระหว่ำงสหกรณ์สำกลในดำ้ นอื่น ๆ ท่ีมิใช่เกี่ยวกบั กำรดำเนินธุรกิจ โดยมี
สหกรณ์ทุกประเภทเป็ นสมำชิก ซ่ึงแต่เดิมมี 6 ประเภท ตำมประกำศกฎกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พ.ศ.
2516 ประกอบดว้ ยสหกรณ์กำรเกษตร สหกรณ์นิคม สหกรณ์ประมง สหกรณ์ออมทรัพย์ สหกรณ์ร้ำนคำ้
และสหกรณ์บริกำร และในปี พ.ศ. 2548 ไดป้ ระกำศให้มีสหกรณ์เป็ น 7 ประเภทโดยเพิ่มประเภทสหกรณ์
เครดิตยเู น่ียน
พระรำชบญั ญตั ิสหกรณ์ (ฉบบั ที่ 3) พ.ศ. 2562 ซ่ึงถือใชอ้ ยใู่ นปัจจุบนั ไดเ้ พิ่มเติมบทบญั ญตั ิ
ที่ว่ำดว้ ยคณะกรรมกำรพฒั นำกำรสหกรณ์แห่งชำติ กองทุนพฒั นำสหกรณ์ (กพส.) กำรแบ่งแยกสหกรณ์
สมำชิกสมทบ และอื่น ๆ กำรสหกรณ์ในประเทศไทยจึงมีควำมสำคญั ต่อเศรษฐกิจของประเทศโดยเฉพำะ
ตอ่ ประชำชนท่ียำกจน สหกรณ์จะเป็นสถำบนั ทำงเศรษฐกิจ และสงั คมที่ช่วยแกป้ ัญหำในกำรประกอบอำชีพ
และช่วยยกระดบั ควำมเป็ นอยขู่ องประชำชนให้ดีข้ึน คณะรัฐมนตรี มีมติในกำรประชุมเม่ือ วนั ท่ี 9 ตุลำคม
2527 ไดก้ ำหนดใหว้ นั ท่ี 26 กุมภำพนั ธ์ ของทุกปี เป็ นวนั สหกรณ์แห่งชำติ ตำมวนั ก่อต้งั สหกรณ์ แห่งแรกใน
ประเทศไทย คือสหกรณ์วดั จนั ทร์ ไมจ่ ำกดั สินใช้ นน่ั เอง
การนาไปใช้ในการปฏบิ ัติงาน
การเรียนรู้ประวัติสหกรณ์ในประเทศไทยเป็ นประโยชน์ในการรู้ท่ีมา รู้ความเป็ นมา ท่ี
สามารถนาไปอธิบายให้สมาชิกทราบ สามารถวิเคราะห์ทานายอนาคตได้ รู้ความสัมพันธ์เช่ือมโยงระหว่าง
รัฐกบั สหกรณ์
แผนภาพท่ี 4 ประวตั ิสหกรณ์ไทย
กำเนิดโดยรัฐ ขยำยเพิ่ม ควบรวม
(สำหรับชำวนำ ทำกิจกำรเงินก)ู้ (ประเภท กลุ่มเป้ ำหมำย) (ขนำดใหญ่)
พฒั นำ
(สนั นิบำตสหกรณ์แห่งประเทศไทย คณะกรรมกำรพฒั +นำกำรสหกรณ์แห่งชำติ
กองทุนพฒั นำสหกรณ์ )
3. รู้จักประเภทสหกรณ์
1) สหกรณ์การเกษตร
สหกรณ์การเกษตร คือ สหกรณ์ท่ีจดั ต้งั ข้ึนในหมู่ผมู้ ีอำชีพทำงกำรเกษตรรวมตวั กนั
จดั ต้งั และจดทะเบียนเป็ นนิติบุคคลต่อนำยทะเบียนสหกรณ์ โดยมีจุดมุ่งหมำยเพื่อให้สมำชิกดำเนินกิจกำร
9
ร่วมกนั และช่วยเหลือซ่ึงกนั และกนั เพ่ือแกไ้ ขควำมเดือดร้อนในกำรประกอบอำชีพของสมำชิก และช่วยยก
ฐำนะควำมเป็นอยขู่ องสมำชิกใหด้ ีข้ึน
ความเป็ นมา สหกรณ์กำรเกษตรแห่งแรกไดจ้ ดั ต้งั ข้ึนในปี พ.ศ.2459 ชื่อวำ่ สหกรณ์
วัดจันทร์ ไม่จากัดสินใช้ ในจงั หวดั พิษณุโลก เป็ นสหกรณ์กำรเกษตรชนิดไม่จำกดั มีขนำดเล็กในระดบั
หมู่บำ้ นต้งั ข้ึนในหมู่เกษตรกรที่มีรำยไดต้ ่ำและมีหน้ีสินมำก มีสมำชิกแรกต้งั จำนวน 16 คน ทุนดำเนินงำน
จำนวน 3,080 บำท เป็ นค่ำธรรมเนียมแรกเขำ้ จำนวน 80 บำท และเป็ นทุนจำกกำรกูแ้ บงก์สยำมกมั มำจล
(ธนำคำรไทยพำณิชยใ์ นปัจจุบนั ) จำนวน 3,000 บำท
วัตถุประสงค์ สหกรณ์กำรเกษตรดำเนินธุรกิจแบบอเนกประสงค์ เพ่ือส่งเสริมให้
สมำชิกดำเนินธุรกิจร่วมกนั ช่วยเหลือซ่ึงกนั และกนั และช่วยเหลือส่วนรวมโดยใชห้ ลกั คุณธรรม จริยธรรม
อนั ดีงำมตำมพ้ืนฐำนของมนุษยเ์ พือ่ ใหเ้ กิดประโยชนแ์ ก่สมำชิกและส่วนรวมให้มีคุณภำพชีวติ ท่ีดีท้งั ทำงดำ้ น
เศรษฐกิจและสังคมตำมที่กำหนดไวใ้ นขอ้ บงั คบั ของสหกรณ์
ประโยชน์ท่ีสมาชิกจะได้รับ ทำให้สมำชิกมีปัจจยั กำรผลิตเพิ่มข้ึนจำกกำรกูเ้ งิน
สหกรณ์ในอตั รำดอกเบ้ียต่ำมำประกอบอำชีพ ทำใหม้ ีท่ีดินทำกินเป็ นของตนเองหรือมีที่ดินทำกินมำกกว่ำ
เดิม ท้งั ไดร้ ับควำมรู้เกี่ยวกบั กำรใชเ้ ทคโนโลยใี นกำรผลิต ต้งั แต่กำรใชพ้ นั ธุ์พชื พนั ธุ์สัตว์ กำรใชป้ ๋ ุย กำรใช้
ยำปรำบศตั รูพืช กำรเก็บรักษำผลผลิตอยำ่ งมีคุณภำพ ผลิตผลท่ีไดจ้ ึงเป็ นไปตำม ควำมตอ้ งกำรของตลำด
ส่งผลใหส้ หกรณ์และบุคคลในครอบครัวมีคุณภำพชีวติ ที่ดีข้ึนท้งั ทำงดำ้ นเศรษฐกิจ สังคม กำรศึกษำและกำร
อนำมยั
2) สหกรณ์ประมง
สหกรณ์ประมง คือ สหกรณ์ที่จดั ต้งั ข้ึนในหมู่ชำวประมง เพื่อแกไ้ ขปัญหำและ
อุปสรรคในกำรประกอบอำชีพ ซ่ึงชำวประมงแต่ละคนไม่สำมำรถแก้ไขให้ลุล่วงไปไดต้ ำมลำพงั บุคคล
เหล่ำน้ีจึงรวมตวั กนั โดยยดึ หลกั กำรช่วยตนเองและช่วยเหลือซ่ึงกนั และกนั
วัตถุประสงค์ สหกรณ์ประมงดำเนินกำรให้ควำมรู้ทำงดำ้ นวิชำกำรในเรื่องกำร
จดั หำวสั ดุอุปกรณ์ท่ีเหมำะสม และมีคุณภำพในกำรเพำะเล้ียงกำรเก็บรักษำ และกำรแปรรูปสัตวน์ ้ำแก่
สมำชิก รวมท้งั ให้ควำมช่วยเหลือทำงดำ้ นธุรกิจกำรประมง คือ กำรจดั หำเงินทุนให้สมำชิกกู้ไปลงทุน
ประกอบอำชีพ กำรจดั หำวสั ดุอุปกรณ์กำรประมงมำจำหน่ำย กำรจดั จำหน่ำยสัตวน์ ้ำ และผลิตภณั ฑ์สัตวน์ ้ำ
กำรรับฝำกเงินและสงเครำะห์สมำชิกเมื่อประสบภยั พิบตั ิ
ประโยชน์ท่ีสมาชิกจะได้รับ ทำให้สมำชิกมีแหล่งเงินกู้ท่ีมีอตั รำดอกเบ้ียต่ำมำ
ลงทุนประกอบอำชีพ ซ้ือวสั ดุอุปกรณ์และสิ่งของจำเป็ นที่สหกรณ์นำมำจำหน่ำยในรำคำที่เป็ นธรรม เมื่อมี
ผลผลิตหรือผลิตภณั ฑ์สหกรณ์จะรวบรวมขำยให้ในรำคำท่ีสูงข้ึน บริกำรรับฝำกเงินเพื่อสะดวก ปลอดภยั
ให้แก่สมำชิก และสมำชิกจะไดร้ ับกำรศึกษำอบรมเก่ียวกบั กำรประกอบอำชีพกำรประมง ตำมหลัก
วิชำกำรแผนใหม่ ใหส้ ำมำรถผลิตสินคำ้ ที่มีคุณภำพและปริมำณตรงกบั ควำมตอ้ งกำรของตลำด รวมถึงสิทธิ
หนำ้ ที่ และควำมรับผดิ ชอบของทุกคนตำมหลกั กำรและวธิ ีกำรสหกรณ์
10
3) สหกรณ์นิคม
สหกรณ์นิคม คือ สหกรณ์กำรเกษตรในรูปแบบหน่ึงที่มีกำรดำเนินกำรจดั สรรท่ีดิน
ทำกินให้รำษฎร กำรจัดสร้ำงปัจจยั พ้ืนฐำนและส่ิงอำนวยควำมสะดวกให้ผูท้ ่ีอยู่อำศยั ควบคู่ไปกบั กำร
ดำเนินกำรจดั หำสินเชื่อ ปัจจยั กำรผลิตและส่ิงของท่ีจำเป็ น กำรแปรรูปกำรเกษตร กำรส่งเสริมอำชีพ
รวมท้งั กำรใหบ้ ริกำรสำธำรณูปโภคแก่สมำชิก
ความเป็ นมา ไดเ้ ริ่มดำเนินงำนเป็ นแห่งแรกท่ีอำเภอลำลูกกำ จงั หวดั ปทุมธำนี เมื่อ
ปี พ.ศ.2478 โดยดำเนินกำรจดั ซ้ือท่ีนำรำชพสั ดุ จำกกระทรวงกำรคลงั เน้ือท่ี 4,109 ไร่เศษ มำจดั สรรให้
สมำชิก 69 ครอบครัวในรูปของสหกรณ์กำรเช่ำซ้ือท่ีดิน ต่อมำในปี พ.ศ.2481 ไดจ้ ดั ต้งั นิคมสหกรณ์ใน
อำเภอสันทรำย จงั หวดั เชียงใหม่ เน้ือที่ 7,913 ไร่ และไดจ้ ดั สหกรณ์กำรเช่ำท่ีดินในเขตป่ ำสงวนแห่งชำติท่ี
เส่ือมสภำพแลว้ ท่ีอำเภอบำงสะพำน จงั หวดั ประจวบคีรีขนั ธ์ เมื่อปี พ.ศ. 2518
วตั ถุประสงค์
1. เพื่อกำรจดั นิคม คือ กำรจัดหำท่ีดินมำจัดสรรให้แก่รำษฎรประกอบอำชีพ
ทำงกำรเกษตร ตลอดจนจดั บริกำรดำ้ นสำธำรณูปโภคแก่สมำชิก
2. เพ่ือกำรจดั สหกรณ์ คือ กำรรวบรวมรำษฎรที่ได้รับจัดสรรท่ีดินจดั ต้ังเป็ น
สหกรณ์
งานจัดนิคม
งำนจดั นิคมเป็ นงำนจดั ท่ีดินทำกินให้รำษฎรโดยวิธีกำรสหกรณ์ มีข้นั ตอนในกำร
ดำเนินกำร ดงั น้ี
1. กำรจดั หำท่ีดิน
สหกรณ์นิคม โดยอำศยั พระรำชบญั ญตั ิจดั ที่ดินเพ่ือกำรครองชีพ พ.ศ.2511 โดย
กรมส่งเสริมสหกรณ์ ขอรับที่ดินรกร้ำงวำ่ งเปล่ำท่ีคณะกรรมกำรจดั ที่ดินแห่งชำติ จำแนกเป็ นที่จดั สรรเพ่ือ
กำรเกษตร นำมำจดั สรรให้รำษฎรเขำ้ ครอบครองทำประโยชน์ และส่งเสริมให้จดั ต้งั ข้ึนเป็ นสหกรณ์ ซ่ึงเม่ือ
สมำชิกไดป้ ฏิบตั ิครบถว้ นตำมขอ้ บงั คบั ของสหกรณ์แลว้ กจ็ ะไดก้ รรมสิทธ์ิในท่ีดินที่ไดร้ ับจดั สรรน้นั ในท่ีสุด
สหกรณ์การเช่าซื้อท่ีดิน โดยอำศยั ประมวลกฎหมำยที่ดิน พ.ศ.2497 และนโยบำย
ของรัฐบำลในเร่ืองกำรจดั หำที่ดินให้รำษฎร กรมส่งเสริมสหกรณ์จึงจดั ซ้ือที่ดินขององค์กำรหรือเอกชน
นำมำปรับปรุงจดั สรรใหร้ วบรวมกนั จดั ต้งั ข้ึนเป็ นสหกรณ์ ซ่ึงเมื่อสมำชิกไดส้ ่งชำระเงินค่ำเช่ำซ้ือท่ีดิน และ
ปฏิบตั ิกำรอื่นครบถว้ นตำมขอ้ บงั คบั ของสหกรณ์แลว้ กจ็ ะไดก้ รรมสิทธ์ิในที่ดิน ท่ีไดร้ ับจดั สรรน้นั ในท่ีสุด
สหกรณ์การเช่าท่ีดิน กรมส่งเสริมสหกรณ์ จะนำที่ดินป่ ำสงวนแห่งชำติ ที่เสื่อม
โทรมแลว้ มำจดั สรรให้รำษฎร และจดั ต้งั ข้ึนเป็ นสหกรณ์ สมำชิกจะมีสิทธิเขำ้ ครอบครองทำกินในที่ดินที่
ไดร้ ับจดั สรรน้นั โดยเสียคำ่ เช่ำในอตั รำต่ำ และที่ดินจะตกทอดทำงมรดกไปยงั ลูกหลำนไดต้ ลอดไป แต่หำ้ มมิ
ใหโ้ อนกรรมสิทธ์ิ
11
สหกรณ์นิคมท้งั 3 รูปน้ี คงมีเพยี ง 2 รูปแบบแรกท่ีสมำชิกจะไดท้ ี่ดินเป็นกรรมสิทธ์ิ
ของตนเอง ส่วนในรูปของสหกรณ์กำรเช่ำท่ีดินน้นั สมำชิกจะไดเ้ พียงสิทธิในกำรเช่ำและสิทธิท่ีตกทอดทำง
มรดกตลอดไปเท่ำน้นั
2. กำรวำงผงั และปรับปรุงท่ีดิน เม่ือไดร้ ับท่ีดินแปลงใดมำจดั สรรแลว้ ทำงกำรจะ
สำรวจรำยละเอียดสภำพภมู ิประเทศ ชนิดและลกั ษณะดิน ปริมำณน้ำฝน จำกน้นั จะวำงแผนผงั กำรใชท้ ี่ดินวำ่
ควรดำเนินกำรสร้ำงบริกำรสำธำรณูปโภคอยำ่ งไรบำ้ ง เช่น ถนน กำรชลประทำน โรงเรียน สถำนีอนำมยั
ฯลฯ
3. กำรรับสมคั รและคดั เลือกบุคคลเพือ่ รับกำรจดั สรรท่ีดิน
4. กำรอนุญำตใหเ้ ขำ้ ทำประโยชนใ์ นท่ีดิน
5. กำรกำหนดเง่ือนไขกำรใชท้ ี่ดิน และกำรไดก้ รรมสิทธ์ิท่ีดิน
งานจัดสหกรณ์
เม่ือจดั รำษฎรเข้ำครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินท่ีจดั หำมำเรียบร้อยแล้ว ข้นั
ต่อไปคือกำรรวบรวมรำษฎรท่ีได้รับจัดสรรท่ีดินน้ันจัดต้ังเป็ นสหกรณ์ข้ึน และขอจดทะเบียนตำม
พระรำชบญั ญตั ิสหกรณ์ (ฉบบั ท่ี 3) พ.ศ. 2562 เพื่อใหเ้ กษตรกรมีสถำบนั ของตนเองที่จะเป็ นสื่อกลำงในกำร
อำนวยบริกำรดำ้ นตำ่ ง ๆ ส่วนกำรดำเนินธุรกิจของสหกรณ์จะมีลกั ษณะเช่นเดียวกบั สหกรณ์กำรเกษตร
ประโยชน์ ที่สมาชิกจะได้รับ ทำให้สมำชิกสหกรณ์มีสหกรณ์เป็ นสถำบัน
ที่เป็ นสื่อกลำงในกำรขอรับบริกำรต่ำง ๆจำกรัฐบำล และเป็ นสถำบันท่ีอำนวยควำมสะดวกในด้ำน
กำรจดั หำสินเชื่อ กำรรวมกนั ซ้ือ รวมกนั ขำย กำรส่งเสริมกำรเกษตรและกำรฝึ กอบรมซ่ึงเป็ นกำรเสริมสร้ำง
ให้เกิดระบบที่ดีในกำรจดั หำ กำรผลิต และกำรตลำด โดยสมำชิก เพื่อสมำชิกในกำรประกอบอำชีพอยำ่ ง
มนั่ คงจนมีควำมเป็นอยทู่ ี่ดีข้ึน
4) สหกรณ์ร้านค้า
สหกรณ์ร้านค้า คือ สหกรณ์ท่ีมีผูบ้ ริโภครวมกนั จดั ต้งั ข้ึนเพ่ือจดั หำสินคำ้ เครื่อง
อุปโภคบริโภคมำจำหน่ำยแก่สมำชิกและบุคคลทว่ั ไป โดยจดทะเบียนตำมกฎหมำยสหกรณ์ ในประเภท
สหกรณ์ร้ำนคำ้ มีสภำพเป็นนิติบุคคล ซ่ึงสมำชิกผถู้ ือหุน้ ทุกคนเป็ นเจำ้ ของ สมำชิกลงทุนร่วมกนั ในสหกรณ์
ดว้ ยควำมสมคั รใจ เพอ่ื แกไ้ ขควำมเดือดร้อนในกำรซ้ือเคร่ืองอุปโภคบริโภค และเพื่อผดุงฐำนะทำงเศรษฐกิจ
ของตนและหม่คู ณะ
ความเป็ นมา สหกรณ์ร้ำนค้ำจัดต้ังข้ึนโดยชำวชนบท อำเภอเสนำ จังหวัด
พระนครศรีอยุธยำ ในปี พ.ศ.2480 และได้เลิกลม้ ไป ต่อมำรัฐบำลได้ช่วยเหลือด้ำนกำรครองชีพให้กบั
ประชำชนโดยกำรส่งเสริมและสนบั สนุนให้มีกำรจดั ต้งั สหกรณ์ร้ำนคำ้ ข้ึนท้งั ในส่วนกลำงและส่วนภูมิภำค
ทุกจงั หวดั ทวั่ ประเทศ ซ่ึงสหกรณ์ร้ำนคำ้ ท่ีต้งั ข้ึนในเมืองท่ีประชำชนหนำแน่นจะประสบควำมสำเร็จมำกกวำ่
สหกรณ์ร้ำนคำ้ ที่ต้งั ข้ึนในชนบท
วัตถุประสงค์ สหกรณ์ร้ำนคำ้ จะจดั หำส่ิงของและบริกำรที่สมำชิกมีควำมตอ้ งกำร
มำจำหน่ำย ช่วยจำหน่ำยผลิตผล ผลิตภณั ฑข์ องสมำชิก ส่งเสริมและเผยแพร่ควำมรู้ทำงดำ้ นสหกรณ์และดำ้ น
12
กำรคำ้ ใหแ้ ก่สมำชิกสหกรณ์ ปลุกจิตสำนึกให้สมำชิกรู้จกั ประหยดั ช่วยตนเองและช่วยเหลือซ่ึงกนั และกนั
ร่วมมือและประสำนงำนกบั สหกรณ์และหน่วยงำนอื่นท้งั จำกภำยในและภำยนอกประเทศในอนั ท่ีจะเก้ือกูล
กนั และกนั
ประโยชน์ ท่ีสมาชิกจะได้ รับ ทำให้สมำชิกมีสถำนที่ซ้ือขำยสิ นค้ำจำเป็ น
ตำมรำคำตลำดในชุมชน ซ่ึงเป็ นสินค้ำที่ดีมีคุณภำพ เท่ียงตรงในกำรชั่ง ตวง วดั ตำมควำมต้องกำรของ
สมำชิก เมื่อสิ้นปี สหกรณ์มีกำไรสุทธิประจำปี สมำชิกจะไดร้ ับเงินปันผลตำมหุ้น และเงินเฉล่ียคืนตำมส่วน
ที่ทำธุรกิจกบั สหกรณ์ กำรซ้ือขำยด้วยเงินสดสินค้ำจะมีรำคำที่ถูกกว่ำเงินผ่อน ทำให้สมำชิก มีควำม
รอบคอบในกำรใช้จ่ำยเงิน ก่อให้เกิดกำรประหยดั และอดออม ส่งผลให้สหกรณ์มีเงินทุนหมุนเวียนจำนวน
มำกพอในกำรจดั หำสินคำ้ รำคำถูกมำจำหน่ำยเพือ่ ประโยชน์ของสมำชิก
5) สหกรณ์ออมทรัพย์
สหกรณ์ออมทรัพย์ คือ สถำบนั กำรเงินแบบหน่ึงท่ีมีสมำชิกเป็ นบุคคลที่มีอำชีพ
อยำ่ งเดียวกนั หรือท่ีอำศยั อยใู่ นชุมชนเดียวกนั มีวตั ถุประสงคเ์ พื่อส่งเสริมให้สมำชิกรู้จกั กำรออมทรัพย์ และ
ให้กู้ยืมเมื่อเกิดควำมจำเป็ น หรื อเพ่ือก่อให้เกิดประโยชน์งอกเงย และได้รับกำรจดทะเบียนตำม
พระรำชบญั ญตั ิสหกรณ์ สำมำรถกูย้ ืมไดเ้ มื่อเกิดควำมจำเป็ นตำมอุดมกำรณ์ในกำรช่วยตนเองและช่วยเหลือ
ซ่ึงกนั และกนั
ความเป็ นมา สหกรณ์ออมทรัพย์แห่งแรกในประเทศไทย จัดต้ังข้ึนในหมู่
ข้ำรำชกำรสหกรณ์ และพนักงำนธนำคำรเพ่ือกำรสหกรณ์ จดทะเบียนเม่ือวันที่ 28 กันยำยน 2492
คือ สหกรณ์ข้ำรำชกำรสหกรณ์ จำกัดสินใช้ และได้แพร่หลำยไปในหน่วยงำนของรัฐและเอกชน
ทวั่ ประเทศ
วตั ถุประสงค์ เพ่ือส่งเสริมกำรออมทรัพย์ โดยกำรรับฝำกเงินและใหผ้ ลตอบแทน
ในรูปของดอกเบ้ียอตั รำเดียวกบั ธนำคำรพำณิชย์ และโดยกำรถือหุ้นหัก ณ ที่จ่ำยเป็ นรำยเดือน แต่ไม่เกิน 1
ใน 5 ของหุ้นท้งั หมด เมื่อสิ้นปี ทำงบญั ชีตอ้ งจ่ำยเงินปันผลค่ำหุ้นให้แก่สมำชิกในอตั รำที่กฎหมำยกำหนด
รวมท้งั ใหบ้ ริกำรดำ้ นเงินกแู้ ก่สมำชิกตำมควำมจำเป็น
ประโยชน์ท่ีสมาชิกจะได้รับ เป็ นแหล่งเงินฝำกและเงินกขู้ องสมำชิก ทำใหส้ มำชิก
รู้จกั เก็บออมเงิน และไม่ตอ้ งไปกเู้ งินนอกระบบ ทำใหส้ ถำบนั ครอบครัวมีควำมมนั่ คงข้ึน
6) สหกรณ์บริการ
สหกรณ์บริการ คือ สหกรณ์ท่ีจัดต้ังข้ึนตำมพระรำชบัญญัติสหกรณ์ โดยมี
ประชำชนไม่นอ้ ยกวำ่ 10 คน ที่มีอำชีพอยำ่ งเดียวกนั ไดร้ ับควำมเดือดร้อนในเร่ืองเดียวกนั รวมตวั กนั โดยยึด
หลกั กำรประหยดั กำรช่วยตนเองและช่วยเหลือซ่ึงกนั และกนั เพื่อแกป้ ัญหำต่ำง ๆ รวมท้งั กำรส่งเสริมให้เกิด
ควำมมน่ั คงในอำชีพต่อไป
ความเป็ นมา สหกรณ์บริกำรแห่งแรกจดั ต้งั ข้ึนในปี พ.ศ.2484 เป็ นกำรรวมตวั กนั
ในกลุ่มผูม้ ีอำชีพทำร่ม ชื่อ สหกรณ์ผูท้ ำร่มบ่อสร้ำง จำกดั สินใช้ อยู่ท่ีตำบลตนั เปำ อำเภอ สันกำแพง
13
จงั หวดั เชียงใหม่ ตอ่ มำในปี พ.ศ.2496 ไดม้ ีกำรจดั ต้งั สหกรณ์บริกำรไฟฟ้ ำหนองแขม จำกดั อำเภอหนองแขม
กรุงเทพมหำนคร เป็ นสหกรณ์ท่ีใหบ้ ริกำรดำ้ นสำธำรณูปโภค และในปี พ.ศ.2497 จดั ต้งั สหกรณ์มีดอรัญญิก
จำกดั ที่ตำบลทุ่งชำ้ ง อำเภอนครหลวง จงั หวดั พระนครศรีอยุธยำ และมีสหกรณ์บริกำรอีกหลำยแบบตำมมำ
เช่น สหกรณ์เคหสถำน สหกรณ์แทก็ ซ่ี สหกรณ์หตั ถกรรมผลิตภณั ฑ์ไม้ สหกรณ์บริกำรน้ำประปำ สหกรณ์ผู้
จดั หำงำนแห่งประเทศไทย ฯลฯ
วัตถุประสงค์ เพ่ือดำเนินธุรกิจดำ้ นกำรบริกำรตำมรูปแบบของสหกรณ์ ส่งเสริม
สวสั ดิกำรแก่สมำชิกและครอบครัว ส่งเสริมกำรช่วยตนเองและช่วยเหลือซ่ึงกนั และกนั ในหมู่สมำชิก ร่วมมือ
กบั สหกรณ์อ่ืนและหน่วยงำนอื่นเพอื่ ควำมกำ้ วหนำ้ ของกิจกำรสหกรณ์
ประโยชน์ทส่ี มาชิกจะได้รับ สมำชิกมีสหกรณ์เป็นศูนยก์ ลำงในกำรพฒั นำฝี มือกำร
ผลิตผลิตภณั ฑ์ต่ำง ๆ ให้มีคุณภำพไดม้ ำตรฐำนเป็ นที่ตอ้ งกำรของตลำด มีแหล่งรวมซ้ือรวมขำยผลิตภณั ฑ์
และอุปกรณ์ในกำรผลิตผลิตภณั ฑ์ ช่วยใหส้ มำชิกสหกรณ์ประกอบอำชีพไดถ้ ูกตอ้ งตำมกฎหมำย มีท่ีอยอู่ ำศยั
เป็ นของตนเองในรำคำประหยดั และมีควำมปลอดภยั ในชีวิต เม่ือสิ้นปี ทำงบญั ชีถ้ำสหกรณ์มีกำไรสุทธิ
ประจำปี สมำชิกสหกรณ์จะไดร้ ับเงินปันผลตำมหุน้ และเงินเฉล่ียคืนตำมส่วนที่ทำธุรกิจกบั สหกรณ์
7) สหกรณ์เครดติ ยูเน่ียน
สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คือ สหกรณ์ที่จดั ต้งั ข้ึนในหมู่ประชำชนที่อำศยั อยู่
ในวงสัมพนั ธ์เดียวกนั เช่นอำศยั อยู่ในชุมชนเดียวกนั ไม่ว่ำจะเป็ นที่อยู่อำศยั ที่ทำงำน สถำนศึกษำ หรือ
ประกอบอำชีพเดียวกนั หรือมีกิจกรรมร่วมกนั ในลกั ษณะต่อเนื่อง และบุคคลเหล่ำน้นั มีควำมปรำรถนำจะ
ช่วยเหลือซ่ึงกนั และกนั โดยวิธีกำรนำเงินของตนมำสะสมไวเ้ ป็ นกองทุน สมำชิกทุก ๆ คนจะตอ้ งสะสมเงิน
ตำมควำมสำมำรถของตนเป็ นประจำและสม่ำเสมอตำมที่สหกรณ์กำหนด และเงินในกองทุนน้ีจะสำมำรถ
ช่วยเหลือสมำชิกที่มีควำมจำเป็ นและเดือดร้อนทำงด้ำนกำรเงิน กู้ยืมไปแก้ไขปัญหำและบำบัดควำม
เดือดร้อนเหล่ำน้นั หรือถำ้ ไมม่ ีควำมเดือดร้อนเงินสะสมก็จะมีมำกข้ึน สหกรณ์เครดิตยเู น่ียน จึงเป็ นสหกรณ์
ท่ีมุ่งหวงั ให้สมำชิกช่วยตนเองและช่วยเหลือซ่ึงกนั และกนั บริหำรงำนโดยสมำชิกและทำกิจกำรทุกอย่ำง
เพอื่ ใหเ้ กิดประโยชนส์ ูงสุดกบั สมำชิก
ความเป็ นมา คำว่ำ “เครดิตยูเนี่ยน” เป็ นคำท่ี ฟริ ดริ ค วิลเฮล์ม ไรฟ์ ไฟเซน
ผูร้ ิเร่ิมก่อต้ังเครดิตยูเน่ียน ได้คิดค้นและริเร่ิมจัดต้ังในรูปของสมำคมคร้ังแรกในประเทศเยอรมันนี
ประกอบดว้ ยคำท่ีแสดงปรัชญำของสมำคมน้ีไวช้ ดั แจง้ 2 คำ คือ “เครดิต (Credit)” หมำยควำมวำ่ “ควำม
เชื่อถือได้ ควำมไวว้ ำงใจได”้ และคำวำ่ “ยเู น่ียน (Union)” หมำยควำมวำ่ “กำรรวมเป็ นหน่ึงเดียวกนั ” เป็ นกำร
รวมเอำควำมไวว้ ำงใจซ่ึงกนั และกนั เขำ้ เป็ นหน่ึงเดียวกนั เพื่อดำเนินงำนร่วมกนั ให้บรรลุจุดหมำย กำร
ดำเนินงำนของสมำคมน้ีมีลกั ษณะของสหกรณ์เตม็ ตวั จึงเรียกวำ่ “สหกรณ์เครดิตยเู นี่ยน”
สำหรับในประเทศไทยไดร้ วมกลุ่มคนในยำ่ นชุมชนแออดั ห้วยขวำง ดินแดง เมื่อ
วนั ท่ี 17 กรกฎำคม 2508 และใชช้ ่ือวำ่ “เครดิตยเู น่ียนแห่งศนู ยก์ ลำงเทวำ” แต่ไมไ่ ดจ้ ดทะเบียนเป็นสหกรณ์
สหกรณ์ที่ได้รับกำรจดทะเบียนเป็ นแห่งแรก คือ “สหกรณ์เครดิตยูเน่ียนแม่มูล
จำกดั ” จงั หวดั อุบลรำชธำนี ไดร้ ับกำรจดทะเบียนเม่ือวนั ท่ี 1 มกรำคม 2522 ในประเภทสหกรณ์ออมทรัพย์
14
สหกรณ์เครดิตยเู นี่ยนเดิมอยใู่ นประเภทสหกรณ์ออมทรัพยท์ ่ีอยใู่ นชุมชน ต่อมำได้
กำหนดให้เป็ นประเภท “สหกรณ์เครดิตยเู นี่ยน” ตำมกฎกระทรวงโดยกำหนดประเภทสหกรณ์ที่จะรับจด
ทะเบียนไว้ เมื่อวนั ที่ 29 มิถุนำยน 2548
วัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมใหส้ มำชิกช่วยตนเอง เพ่ือดำเนินธุรกิจ กำรผลิต กำรคำ้
กำรบริกำร และอุตสำหกรรมร่วมกนั และช่วยเหลือซ่ึงกนั และกนั โดยใชห้ ลกั คุณธรรมพ้ืนฐำนห้ำประกำร
ไดแ้ ก่ ควำมซ่ือสตั ย์ ควำมเสียสละ ควำมรับผดิ ชอบ ควำมเห็นใจกนั และควำมไวว้ ำงใจกนั รวมท้งั จริยธรรม
อนั ดีงำม เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่สมำชิกและส่วนรวม ท้งั ดำ้ นเศรษฐกิจและสังคม จนสำมำรถอยู่ดีกินดี
และมีสันติสุข
ประโยชน์ทส่ี มาชิกจะได้รับ
1. สมำชิกสหกรณ์มีสหกรณ์เป็ นที่ฝำกเงินได้ด้วยควำมสะดวก รวดเร็ว
ไม่ตอ้ งเสียเวลำเดินทำงไปฝำกเงินท่ีไกล ๆ และจะมีเงินจำนวนนอ้ ย หรือมำกก็สำมำรถสะสมได้
2. สำมำรถขอกูเ้ งินในอตั รำดอกเบ้ียที่เป็ นธรรม เพ่ือแกไ้ ขปัญหำควำมเดือดร้อน
ดำ้ นกำรเงิน หรือควำมจำเป็นท่ีจะตอ้ งใชจ้ ่ำย
การนาไปใช้ประโยชน์
ความรู้ประเภทสหกรณ์มีประโยชน์สาหรับกรรมการ ผู้นากลุ่มสหกรณ์ในการเรียนรู้ ความ
เป็ นมาของสหกรณ์ท่ีรับผิดชอบอยู่ เรียนรู้วัตถุประสงค์ และประโยชน์ที่สมาชิกจะได้รับ สามารถใช้เป็ น
กรอบการบริหารงานสหกรณ์ ใช้เป็ นทศิ ทางของการกาหนดนโยบาย กาหนดกจิ การทส่ี หกรณ์ดาเนินงาน
สหกรณ์กำรเกษตร แผนภาพที่ 5 ประเภทสหกรณ์ สหกรณ์ประมง
สหกรณ์นิคม
สหกรณ์ร้ำนคำ้ สหกรณ์ออมทรัพย์
สหกรณ์บริกำร สหกรณ์เครดิตยเู น่ียน
15
4. อดุ มการณ์สหกรณ์
อุดมกำรณ์ ตำมควำมหมำยในพจนำนุกรม ปี 2542 หมำยถึง หลกั กำรท่ีวำงระเบียบไวเ้ ป็ น
แนวปฏิบตั ิ เพ่อื ใหบ้ รรลุเป้ ำหมำยท่ีกำหนดไว้
จำกกำรประชุมเชิงปฏิบัติกำรเรื่อง อุดมกำรณ์ หลกั กำร และวิธีกำรสหกรณ์ เม่ือวนั ที่ 4
กนั ยำยน 2544 ไดศ้ ึกษำแถลงกำรณ์ขององคก์ ำรสัมพนั ธภำพสหกรณ์ระหวำ่ งประเทศ (The International
Cooperative Alliance : ICA) วำ่ ดว้ ยเอกลกั ษณ์ของสหกรณ์สรุปได้ ดงั น้ี
อุดมการณ์สหกรณ์ คือ “ควำมเชื่อร่วมกนั ที่วำ่ กำรช่วยตนเอง และกำรช่วยเหลือซ่ึงกนั และกนั
ตำมหลกั กำรสหกรณ์จะนำไปสู่กำรกินดี อยดู่ ี มีควำมเป็นธรรม และสันติสุขในสงั คม”
การช่วยตนเอง คอื
- ขยนั ไม่เกียจคร้ำน อดทน อดกล้นั
- ประหยดั ไมส่ ุรุ่ยสุร่ำย ไม่ฟ่ ุมเฟื อย แต่อดออมมธั ยสั ถ์
- พฒั นำชีวติ ใฝ่ หำควำมรู้เพิ่มเติมเสมอ ท้งั เรื่องวชิ ำชีพ และอื่น ๆ
- ไมเ่ สพติดอบำยมุข กำรประพฤติตนใหห้ ่ำงไกลอบำยมุขท้งั หลำยท่ีเป็นบอ่ เกิดแห่ง
ควำมสุรุ่ยสุร่ำย ซ่ึงอบำยมุข 6 หรือผี 6 ตวั ประกอบดว้ ย
ผที ี่ 1 ชอบสุรำเป็นอำจิณ ไม่ชอบกินขำ้ วปลำเป็นอำหำร
ผที ่ี 2 ชอบเที่ยวยำมวกิ ำล ไมร่ ักบำ้ นรักลูกเมียตน
ผที ี่ 3 ชอบดูกำรละเล่น ไม่ละเวน้ บำร์คลบั ละครโขน
ผที ่ี 4 ชอบคบคนชว่ั มว่ั กบั โจร หนีไมพ่ น้ อำญำ ตรำแผน่ ดิน
ผที ่ี 5 ชอบเล่นมำ้ กีฬำบตั ร สำรพดั ถว่ั โป ไฮโลสิ้น รวมหวยดว้ ย
ผที ี่ 6 เกียจคร้ำน กำรทำกิน มีท้งั สิ้น 6 ผี อปั รียเ์ อย
การช่วยเหลอื ซ่ึงกนั และกนั คือ
- กำรเสียสละเพื่อส่วนรวม ไม่เห็นแก่ตวั ไม่เอำตวั รอดคนเดียว ชอบควำมเป็ น
ธรรม ถือหลกั แต่ละคนเพ่อื ส่วนรวมและส่วนรวมเพอื่ แต่ละคน(Each for all and all for each)
- ร่วมมือกนั พฒั นำ เห็นควำมทุกขย์ ำกของเพือ่ นบำ้ นเป็นสิ่งท่ีจะตอ้ งช่วยเหลือ ร่วมกนั
ทำงำนเป็ นกลุ่ม
- ซื่อตรงต่อกติกำ มีควำมซ่ือสัตยส์ ุจริต มีวนิ ยั รักษำกติกำท่ีต้งั ไว้
- มีเมตตำรักใคร่กนั ใหอ้ ภยั กนั รักใคร่กนั ไวว้ ำงใจกนั เพ่ือนช่วยเพ่ือน
กำรช่วยตนเองและช่วยเหลือซ่ึงกนั และกนั น้นั เปรียบเสมือนคนขำดว้ นขี่คนตำบอดต่ำงก็มี
ขอ้ บกพร่องดว้ ยกนั ท้งั คู่ แต่ท้งั สองสำมำรถแกป้ ัญหำไดจ้ ำกกำรร่วมมือกนั
16
สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน ถือจิตตำรมณ์ คือ ควำมซ่ือสัตย์ ควำมเสียสละ ควำมรับผิดชอบ
ควำมเห็นใจกนั ควำมไวว้ ำงใจกนั เป็นคุณธรรม หรือแนวทำงในกำรพฒั นำสมำชิก
การปฏบิ ัตติ ามอุดมการณ์สหกรณ์
กำรช่วยตนเอง และกำรช่วยเหลือซ่ึงกนั และกนั ตำมอุดมกำรณ์สหกรณ์น้นั ดูจะเป็นคำพ้นื ๆ
แตค่ นมกั จะละเลยที่จะปฏิบตั ิตำมอยำ่ งจริงจงั คนรวยเขำช่วยตนเองได้ และเขำอำจไม่จำเป็ นตอ้ งช่วยเหลือซ่ึง
กนั และกนั เขำก็อยไู่ ดห้ รือแกป้ ัญหำไดซ้ ่ึงโดยแทจ้ ริงแลว้ คนรวยเขำช่วยเหลือซ่ึงกนั และกนั ในรูปแบบต่ำง ๆ
มำก แตค่ นจนน้นั มกั ไมค่ ่อยช่วยตนเองและไม่ค่อยช่วยเหลือซ่ึงกนั และกนั ดว้ ย
สหกรณ์เสนอแนะนำเอำอุดมกำรณ์ของกำรช่วยตนเอง และช่วยเหลือซ่ึงกนั และกนั มำเป็ น
เคร่ืองมือในกำรแกป้ ัญหำควำมยำกจน โดยสูตร 5 คือ เพิ่ม ลด อด ออม เสริม
- เพ่ิม ขยนั อย่ำงฉลำด หำรำยได้เพิ่ม ใช้วิชำกำร ใช้เทคโนโลยีพฒั นำตนเอง ศึกษำ
เพิม่ เติม
- ลด ลดกำรใชจ้ ่ำยที่ไม่จำเป็ นลง ประหยดั โดยกำรรวมกนั จดั หำปัจจยั กำรผลิต
รวมกนั กทู้ ำใหล้ ดดอกเบ้ีย รวมกนั ซ้ือ เคร่ืองอุปโภค-บริโภคทีละมำก ๆ ทำใหต้ น้ ทุนตอ่ หน่วยลดลง
- อด อดอบำยมุข อดเหลำ้ อดบุหร่ี งดกำรพนนั งดเท่ียวเตร่ งดบรรดำอบำยมุขท้งั
ปวง
- ออม สะสมจำกรำยได้ รวมกนั ออมแบบสหกรณ์ คือนำเงินออมมำรวมกนั มิใช่ต่ำง
คนตำ่ งเกบ็ ไว้
- เสริม ขำยผลิตผลให้ไดร้ ำคำดี โดยรวมกนั ขำยแบบสหกรณ์ เป็ นกำรประหยดั
ค่ำใชจ้ ่ำยทำใหร้ ำยไดเ้ พิม่
เป้ าหมาย
เป้ ำหมำยอุดมกำรณ์สหกรณ์ คือ กำรกินดี อยดู่ ี มีควำมเป็นธรรมและสันติสุขในสังคม
การนาไปใช้ในการปฏิบัติงาน
การนาความรู้อุดมการณ์สหกรณ์ไปใช้ในการปฏิบัติงานของกรรมการ ผู้นากลุ่มสหกรณ์
ต้องสร้างให้เกดิ อดุ มการณ์ในมวลสมาชิก บริหารสหกรณ์อย่างยดึ อดุ มการณ์ นาสหกรณ์สู่เป้ าหมายคือความ
เป็ นอย่ทู ดี่ ขี องสมาชิกความสันติสุขของสังคมตามแผนภาพ
17
แผนภาพท่ี 6 องค์ประกอบของอดุ มการณ์สหกรณ์
ช่วยตนเอง ควำมเชื่อมนั่ ช่วยเหลือกนั
ขยนั ประหยดั เพม่ิ ลด อด ออม เสริม เสียสละ ร่วมมือ
พฒั นำชีวติ ซื่อตรง เมตตำ ใหอ้ ภยั
ไมเ่ สพติดอบำยมุข
ไวว้ ำงใจกนั
ควำมเป็นอยดู่ ี มีสนั ติสุข
5. หลกั การสหกรณ์
ความหมายของหลักการสหกรณ์ จำกแถลงกำรณ์ของ ICA เมื่อ พ.ศ. 2538 เร่ืองเอกลกั ษณ์
ของสหกรณ์ (Cooperative Identity) ให้ควำมหมำยของหลกั กำรสหกรณ์วำ่ “The Co-operative principles are
guidelines by which co-operatives put their values into practice.”
“หลกั กำรสหกรณ์ เป็นแนวทำงท่ีสหกรณ์ยดึ ถือปฏิบตั ิเพ่ือใหค้ ุณค่ำของสหกรณ์เกิดผลเป็ น
รูปธรรม”
หลกั การสหกรณ์สากลในปัจจุบนั
หลกั การท่ี 1 การเป็ นสมาชิกโดยสมคั รใจและเปิ ดกว้าง
(1st Principle : Voluntary and Open Membership)
Co-operatives are voluntary organization, open to all person able to use their services and
willing to accept the responsibilities of membership, without gender, social, racial, political or religious
discrimination.
สหกรณ์เป็ นองคก์ ำรโดยสมคั รใจ ที่เปิ ดรับบุคคลทุกคนซ่ึงสำมำรถใชบ้ ริกำรของสหกรณ์
ได้ โดยปรำศจำกกำรกีดกันทำงเพศ สังคม เช้ือชำติ กำรเมือง หรือศำสนำ และบุคคลน้ันต้องเต็มใจ
รับผดิ ชอบในฐำนะสมำชิก
18
ประเดน็ สาคัญของหลกั การสหกรณ์ข้อท่ี 1
1. สหกรณ์ให้ควำมสำคญั แก่คนซ่ึงสมคั รใจที่จะเขำ้ เป็ นสมำชิกสหกรณ์ หรือออก
จำกสหกรณ์
2. สหกรณ์เปิ ดรับบุคคลซ่ึงสำมำรถใช้บริกำรของสหกรณ์ และเตม็ ใจรับผิดชอบใน
ฐำนะสมำชิก โดยปรำศจำกกำรกีดกนั ในเรื่องเพศ สงั คม เช้ือชำติ กำรเมือง หรือศำสนำ
วธิ ีการนาหลกั การสหกรณ์ข้อที่ 1 ไปใช้
1. กำรรับสมัครสมำชิกต้องเป็ นไปโดยกำรเปิ ดกวำ้ งไม่กีดกันในเรื่องของเพศ
สังคม เช้ือชำติ กำรเมือง หรือศำสนำ
2. กำรเขำ้ และออกจำกกำรเป็ นสมำชิก ตอ้ งเป็ นไปดว้ ยควำมสมคั รใจของตนเอง
ไมใ่ ช่เพรำะถูกบีบบงั คบั หรือข่มขจู่ ำกผอู้ ื่น ตนเองเป็นผตู้ ดั สินใจโดยอิสระ ท้งั น้ีควรเกิดจำกควำมเลื่อมใสใน
คุณคำ่ ของสหกรณ์ และมองเห็นประโยชนท์ ่ีไดจ้ ำกสหกรณ์
3. คุณสมบตั ิของสมำชิกจะถูกกำหนดไวใ้ นขอ้ บงั คบั ของสหกรณ์ และสอดคลอ้ งกบั
กำรจดั ต้งั สหกรณ์แตล่ ะประเภท
4. กำรพิจำรณำผูท้ ี่จะเป็ นสมำชิกสหกรณ์ให้ได้สมำชิกท่ีมีคุณภำพจะกำหนด
คุณสมบตั ิ และวิธีกำรรับสมคั รที่กำหนดไวใ้ นขอ้ บงั คบั ของสหกรณ์ สหกรณ์อำจปฏิเสธกำรรับสมำชิก เพ่ือ
ไมใ่ หเ้ กิดปัญหำควำมเดือดร้อนแก่เพ่ือนสมำชิกได้
หลกั การท่ี 2 การควบคุมโดยสมาชิกตามหลกั ประชาธิปไตย
(2nd Principle: Democratic Member Control)
Co-operatives are democratic organizations controlled by their members, who actively
participate in setting their policies and making decisions. Men and women serving as elected
representatives are accountable to the membership. In primary co-operatives members have equal voting
rights (one member, one vote), and co-operatives at other levels are also organized in a democratic
manner.
สหกรณ์ เป็ นองค์กำรประชำธิ ปไตยท่ีควบคุ มโดยมวลสมำชิ ก ซ่ึ งมีส่ วนร่ วม
อย่ำงจริงจงั ในกำรกำหนดนโยบำย และกำรตดั สินใจของสหกรณ์ ไม่ว่ำชำยหรือหญิงที่ไดร้ ับเลือกเป็ น
ตวั แทนสมำชิกตอ้ งมีควำมรับผดิ ชอบต่อมวลสมำชิก สมำชิกของสหกรณ์ข้นั ปฐมมีสิทธิออกเสียงเท่ำเทียม
กนั (หน่ึงคนหน่ึงเสียง) ส่วนสหกรณ์ในระดบั อ่ืนก็จดั ใหเ้ ป็นไปตำมวถิ ีประชำธิปไตย
ประเด็นสาคัญของหลกั การสหกรณ์ข้อที่ 2
1. สหกรณ์เป็ นองค์กำรประชำธิปไตยที่ควบคุมโดยมวลสมำชิก ในกำรกำหนด
นโยบำย กำรควบคุมดูแล และกำรตดั สินใจ โดยสมำชิกทุกคนมีสิทธิเท่ำเทียมกนั ในกำรออกเสียงลงมติหน่ึง
คนหน่ึงเสียง (ในข้นั ปฐม) ใชเ้ สียงขำ้ งมำกเป็ นเกณฑ์ตดั สิน โดยไม่คำนึงถึงจำนวนหุน้ ของสมำชิกแต่ละคน
และไมส่ ำมำรถออกเสียงแทนกนั ได้
19
2. สมำชิกทุกคนมีสิทธิเท่ำเทียมกนั ในกำรเลือกและรับเลือกเป็ นกรรมกำร เพื่อทำ
หนำ้ ท่ีบริหำรงำนสหกรณ์แทนสมำชิก
วธิ ีการนาหลกั การสหกรณ์ข้อท่ี 2 ไปใช้
1. กำรออกเสียงหรือลงมติโดยยึดหลกั เสียงขำ้ งมำกในกำรพิจำรณำตดั สินใจ มีกำร
กำหนดวธิ ีกำรออกเสียง ไวใ้ นกฎหมำย ขอ้ บงั คบั หรือระเบียบ เช่น กำรเลือกต้งั หรือกำรถอดถอนกรรมกำร
ใชเ้ สียงขำ้ งมำกของสมำชิกหรือตวั แทนสมำชิกที่มำประชุมใหญ่เป็ นเกณฑต์ ดั สิน เวน้ แต่ในกรณีกำรแกไ้ ข
เพิ่มเติมขอ้ บงั คบั และกำรเลิกสหกรณ์ตอ้ งออกเสียงไม่นอ้ ยกวำ่ 2 ใน 3 ของสมำชิกที่มำประชุมใหญ่ เป็นตน้
2. สมำชิกมีสิทธิออกเสียงเท่ำเทียมกนั คนละหน่ึงเสียง และไม่สำมำรถออกเสียง
แทนกนั ได้ หำกผลกำรออกเสียงมีคะแนนเท่ำกนั ใหป้ ระธำนในที่ประชุมออกเสียงเพ่ิมไดอ้ ีก 1 เสียง เพื่อเป็ น
กำรช้ีขำด โดยไม่ละเลยเสียงขำ้ งนอ้ ย
3. มีกำรกำหนดโครงสร้ำงสหกรณ์ แผนงำน งบประมำณประจำปี ของสหกรณ์ กำร
จดั สรรกำไรสุทธิ โดยคำนึงถึงโอกำสในกำรมีส่วนร่วมในกำรแสดงควำมคิดเห็น หรือออกเสียงไดส้ ะดวก
และเป็นไปตำมลกั ษณะของกิจกรรมในกำรดำเนินงำน
4. กำรออกเสียงหรือกำรลงมติในสหกรณ์ระดบั อื่นสำมำรถจดั กำรได้ตำมควำม
เหมำะสม แต่ตอ้ งเป็ นไปตำมครรลองของวิถีประชำธิปไตย เช่น คะแนนเสียงของแต่ละสหกรณ์ท่ีเป็ น
สมำชิกชุมนุมสหกรณ์ อำจตำ่ งกนั ตำมจำนวนของสมำชิกหรือปริมำณธุรกิจก็ได้
หลกั การที่ 3 การมีส่วนร่วมทางเศรษฐกจิ โดยสมาชิก
(3rd Principle: Member Economic Participation)
Members contribute equitably to, and democratically control, the capital of their co-
operative. At least part of that capital is usually the common property of the co-operative. Members
usually receive limited compensation, if any, on capital subscribed as a condition of membership.
Members allocate surpluses for any or all of the following purposes: developing their co-operative,
possibly by setting up reserves, part of which at least would be indivisible; benefiting members in proportion
to their transactions with the co-operative; and supporting other activities approved by the membership.
มวลสมำชิกพึงร่วมทุนกบั สหกรณ์ของตนอยำ่ งเท่ำเทียมกนั และควบคุมกำรใช้เงินทุนตำมวิถี
ประชำธิปไตย โดยปกติอย่ำงน้อยส่วนหน่ึงของทุน ตอ้ งมีทรัพยส์ ินส่วนรวมของสหกรณ์ และสมำชิกพึงได้
ผลตอบแทนจำกเงินทุน (ถำ้ มี) อยำ่ งจำกดั ภำยใตเ้ ง่ือนไขของควำมเป็ นสมำชิก เหล่ำสมำชิกจะจดั สรรเงินส่วนเกิน
เพ่ือจุดมุ่งหมำยบำงอยำ่ งหรือท้งั หมดดงั ต่อไปน้ี คือ เพื่อพฒั นำสหกรณ์ของตนโดยอำจจดั เป็ นกองทุนสำรองซ่ึง
อย่ำงน้อยส่วนหน่ึงจะไม่นำมำแบ่งปันกัน เพ่ือจดั สรรประโยชน์ให้สมำชิกตำมส่วนธุรกรรมท่ีตนทำกบั
สหกรณ์ และเพ่อื สนบั สนุนกิจกรรมอ่ืน ๆ ที่มวลสมำชิกเห็นชอบ
20
ประเด็นสาคัญของหลกั การสหกรณ์ข้อท่ี 3
1. สมำชิกเท่ำน้นั ท่ีมีส่วนร่วมในกำรเป็ นเจำ้ ของสหกรณ์โดยกำรถือหุ้นในสหกรณ์
ซ่ึงมลู ค่ำหุน้ ในสหกรณ์จะมีมลู คำ่ คงที่ และไดร้ ับเงินปันผลในอตั รำจำกดั
2. กำรทำธุรกิจของสหกรณ์เป็ นกำรมุ่งเน้นตอบสนองควำมต้องกำรของ
สมำชิกเป็นหลกั สหกรณ์ไม่แสวงหำกำไรจำกสมำชิกเพรำะสมำชิกเป็ นท้งั เจำ้ ของสหกรณ์ และผใู้ ชบ้ ริกำร
(Co-Owner and Customer)
3. เมื่อนำทุนที่รวมกนั มำดำเนินธุรกิจจนมีกำไร หรือส่วนเหล่ือมทำงธุรกิจแล้ว
กำรจดั สรรกำไรสุทธิของสหกรณ์ให้จดั สรรเป็ นทุนสำรองก่อน ส่วนท่ีเหลือใหจ้ ดั สรรเป็ นเงินปันผล เงิน
เฉลี่ยคืน หรือทุนเพือ่ สนบั สนุนกิจกรรมอื่น ๆ ที่สมำชิกเห็นชอบ
วธิ ีการนาหลกั การสหกรณ์ข้อที่ 3 ไปใช้
1. สมำชิกตอ้ งถือหุน้ ในสหกรณ์เพ่ือให้ไดม้ ำซ่ึงควำมเป็ นเจำ้ ของ และเพ่ือสิทธิใน
กำรได้รับกำรบริกำรจำกสหกรณ์ โดยไดร้ ับผลตอบแทนจำกกำรถือหุ้นในอตั รำที่จำกดั และเพื่อป้ องกนั
ไมใ่ หม้ ีกำรเขำ้ มำแสวงหำกำไรจำกกำรถือหุน้ ในสหกรณ์ จึงไม่ใหส้ มำชิกคนหน่ึงคนใดถือหุน้ เกินหน่ึงในหำ้
ของหุน้ ท้งั หมด
2. กำรจดั สรรเงินส่วนเกินสุทธิ (ถำ้ มีกำไรสุทธิ) อนั เกิดจำกกำรดำเนินธุรกิจของ
สหกรณ์ สหกรณ์อำจจะนำมำจดั สรรโดยไดร้ ับอนุมตั ิจำกท่ีประชุมใหญ่ คือ
เป็นเงินสำรองเพื่อขยำยกิจกำรหรือพฒั นำสหกรณ์ไม่นอ้ ยกวำ่ ร้อยละสิบของกำไร
สุทธิ
จำ่ ยเป็นเงินปันผลตำมหุน้ ท่ีชำระแลว้ แตต่ อ้ งไมเ่ กินอตั รำที่กำหนดในกฎกระทรวง
สำหรับสหกรณ์แต่ละประเภท
จ่ำยเป็ นเงินเฉลี่ยคืนใหแ้ ก่สมำชิกตำมส่วนธุรกิจที่สมำชิกไดท้ ำไวก้ บั สหกรณ์ใน
ระหวำ่ งปี
จ่ำยเป็ นเงินโบนสั แก่กรรมกำรและเจำ้ หน้ำท่ีของสหกรณ์ไม่เกินร้อยละสิบของ
กำไรสุทธิ
จ่ำยเป็ นทุนสะสมไว้ เพ่ือดำเนินกำรอย่ำงหน่ึงอย่ำงใดของสหกรณ์ ตำมท่ีกำหนด
ในขอ้ บงั คบั
หลกั การสหกรณ์ข้อที่ 4 การปกครองตนเอง และความเป็ นอสิ ระ
(4th Principle: Autonomy and Independence)
Co-operatives are autonomous, self-help organizations controlled by their members. If
they enter into agreements with other organizations, including governments, or raise capital from external
sources, they do so on terms that ensure democratic control by their members and maintain their co-
operative autonomy.
21
สหกรณ์เป็ นองค์กำรอิสระท่ีช่วยตนเองภำยใต้กำรควบคุมของสมำชิก หำกสหกรณ์
น้นั ๆ ทำขอ้ ตกลงร่วมกบั องค์กำรอื่น ๆ รวมถึงรัฐบำล หรือแสวงหำทุนจำกแหล่งภำยนอกตอ้ งมนั่ ใจไดว้ ่ำ
กำรกระทำของสหกรณ์เช่นน้นั อยภู่ ำยใตก้ ำรควบคุมแบบประชำธิปไตย โดยมวลสมำชิก รวมถึงดำรงควำม
เป็นอิสระไวไ้ ด้
ประเดน็ สาคญั ของหลกั การสหกรณ์ข้อที่ 4
1. สหกรณ์มุ่งเนน้ กำรพ่งึ พำตนเองเป็ นหลกั หมำยถึง กำรบริหำรจดั กำรโดยมีสิทธิและ
อำนำจในกำรควบคุมกำรดำเนินงำนสหกรณ์อย่ำงเป็ นอิสระ ปรำศจำกกำรแทรกแซงจำกกำรเมืองหรือ
ภำยนอก รวมท้งั นำหลกั กำรบริหำรแบบธรรมำภิบำลและกำรตรวจสอบควบคุมภำยใน ท่ีดีมำใช้ในกำร
บริหำรจดั กำรสหกรณ์เพื่อใหเ้ กิดประสิทธิภำพในกำรดำเนินงำนสูงสุด
2. เป็ นอิสระ หมำยถึง กำรทำนิติกรรมใด ๆ รวมท้งั กำรทำสัญญำข้อตกลงกับ
หน่วยงำนรำชกำรและหน่วยงำนอื่น ๆ สหกรณ์ตอ้ งเป็ นอิสระในกำรตดั สินใจตำมเงื่อนไขท่ีสหกรณ์ยอมรับ
ได้ ดงั น้นั สหกรณ์ตอ้ งดำรงไวซ้ ่ึงอำนำจในกำรบริหำรสหกรณ์ท่ีไดร้ ับมำจำกมวลสมำชิกและตอ้ งรักษำดุลย
ภำพในกำรบริหำรเพอื่ ใหเ้ กิดเสถียรภำพในกำรปกครองตนเอง
วธิ ีการนาหลกั การสหกรณ์ไปใช้
1.ในกำรปกครองตนเองตอ้ งมีโครงสร้ำงกำรบริหำรงำนอยำ่ งชดั เจน และมีระบบ
กำรตรวจสอบฝ่ ำยบริ หำร โดยท่ีประชุมใหญ่เลือกต้ังผู้ตรวจสอบกิจกำร ซ่ึงอำจเป็ นสมำชิก หรื อ
บุคคลภำยนอก หรือนิติบุคคลก็ได้
2. กำรปกครองตนเองและควำมเป็ นอิสระ สหกรณ์ตอ้ งมีควำมสำมำรถในกำรดูแล
ตนเอง คุ้มครองตนเอง บริหำรงำนเอง และตดั สินใจในกำรดำเนินงำนเองได้ โดยมวลสมำชิกตำมมติที่
ประชุมใหญ่
3. ควำมเป็นอิสระของสหกรณ์ตอ้ งอยภู่ ำยใตข้ อ้ กำหนดแห่งกฎหมำย
4. กำรทำนิติกรรมใด ๆ รวมถึงกำรไดร้ ับควำมช่วยเหลือ สนับสนุนจำกรัฐ หรือ
บุคคลภำยนอก ตอ้ งอยใู่ นเง่ือนไขที่สหกรณ์ยอมรับได้
หลกั การที่ 5 การศึกษา ฝึ กอบรม และสารสนเทศ
(5th Principle: Education, Training and Information)
Co-operatives provide education and training for their members, elected representatives,
managers, and employees so they can contribute effectively to the development of their co-operatives.
They inform the general public-particularly young people and opinion leaders-about the nature and
benefits of co-operation
สหกรณ์พึงใหก้ ำรศึกษำ และกำรฝึ กอบรมแก่บรรดำสมำชิก ผูแ้ ทนจำกกำรเลือกต้ัง
ผจู้ ดั กำร และเจำ้ หนำ้ ท่ี เพื่อให้บุคคลเหล่ำน้นั สำมำรถช่วยพฒั นำสหกรณ์ไดอ้ ย่ำงมีประสิทธิผล สหกรณ์พึง
22
ใหข้ ำ่ วสำร ควำมรู้แก่ประชำชนทว่ั ไป โดยเฉพำะอยำ่ งยง่ิ เยำวชน และผนู้ ำทำงควำมคิด เกี่ยวกบั คุณลกั ษณะ
และประโยชนข์ องกำรสหกรณ์
ประเดน็ สาคญั ของหลกั การสหกรณ์ข้อท่ี 5
1. มุ่งให้กำรศึกษำแก่สมำชิกและบุคคลทวั่ ไป รวมถึงผูท้ ่ีจะเป็ นสมำชิกสหกรณ์ให้มี
ควำมรู้ และควำมเขำ้ ใจในสหกรณ์ รวมท้งั ควำมสำนึกในควำมเป็ นเจำ้ ของ ตระหนักในสิทธิ และหน้ำท่ีของ
สมำชิกเพ่ือกำรมีส่วนร่วมในกิจกรรมสหกรณ์ใหพ้ ฒั นำอยำ่ งยง่ั ยนื
2. มุ่งให้กำรฝึ กอบรมแก่บุคลำกรสหกรณ์พฒั นำควำมรู้ ควำมสำมำรถ ทกั ษะ เพื่อให้กำร
ดำเนินงำนสหกรณ์มีประสิทธิภำพและประสิทธิผลยง่ิ ข้ึน
3. สำรสนเทศมุ่งเน้นกำรให้ข่ำวสำร ขอ้ มูลกำรประชำสัมพนั ธ์แก่สำธำรณชนในทุก
กลุ่มเป้ ำหมำย เพื่อให้ทรำบถึงประโยชน์ คุณลกั ษณะ ควำมเคล่ือนไหวในสหกรณ์ และกำรสร้ำงภำพพจน์
(Image) ท่ีดี
วธิ ีการนาหลกั การสหกรณ์ไปใช้
1. มีกำรจดั สรรกำไรสุทธิของสหกรณ์ เพ่ือเป็ นทุนกำรศึกษำอบรมอย่ำงเหมำะสมและ
พอเพียง รวมท้งั สนบั สนุนกำรศึกษำวจิ ยั ทำงสหกรณ์ดว้ ย
2. มีกำรพฒั นำบุคลำกรของสหกรณ์ในทุกระดบั เพ่ือเพ่ิมพูนควำมรู้อยำ่ งเป็ นระบบและ
ต่อเนื่อง
3. มีกำรเผยแพร่ ประชำสัมพนั ธ์ขอ้ มูลข่ำวสำรในรูปแบบสื่อต่ำง ๆ เพ่ือให้ควำมรู้ควำม
เขำ้ ใจ และกำรสร้ำงทศั นคติท่ีดีแก่สมำชิก เยำวชน ผนู้ ำทำงควำมคิด และประชำชนทวั่ ไป
4. มีคณะกรรมกำรกำรศึกษำ ทำหน้ำท่ีในกำรจดั ทำแผน และดำเนินกำรฝึ กอบรม
บุคลำกรสหกรณ์และเผยแพร่ประชำสัมพนั ธ์
5. ควรมีแผนกสมำชิกสัมพนั ธ์ เพื่อเปิ ดโอกำสให้สมำชิกไดร้ ับรู้ควำมเคล่ือนไหวของ
สหกรณ์ และรับฟังขอ้ คิดเห็นรวมท้งั ขอ้ มูลที่สำคญั จำกสมำชิก เป็ นกำรสื่อสำรแบบสองทำง (Two-ways
communication)
หลกั การท่ี 6 การร่วมมอื ระหว่างสหกรณ์
(6th Principle: Co-operation Among Co-operatives)
Co-operatives serve their members most effectively and strengthen the co-operative
movement by working together through local, national, regional, and international structures.
สหกรณ์พึงให้บริกำรแก่มวลสมำชิกอย่ำงเต็มที่ และสร้ำงควำมเขม้ แข็งแก่ขบวนกำร
สหกรณ์ โดยร่วมมือกนั เป็ นขบวนกำรตำมโครงสร้ำงระดบั ทอ้ งถิ่น ระดบั ชำติ ระดบั ภูมิภำค และระดับ
นำนำชำติ
23
ประเดน็ สาคัญของหลกั การสหกรณ์ข้อท่ี 6
1. กำรร่วมมือระหว่ำงสหกรณ์ใช้หลกั กำรเดียวกนั กบั กำรร่วมมือของมวลสมำชิก
ซ่ึงก่อใหเ้ กิดกำรประหยดั ดว้ ยขนำด (Economy of scale) เพื่ออำนวยผลประโยชน์ทำงเศรษฐกิจและสังคมแก่
สมำชิกอยำ่ งมีประสิทธิภำพสูงสุด เป็นกำรเสริมสร้ำงควำมเขม้ แขง็ แก่ขบวนกำรสหกรณ์
2. สร้ำงขบวนกำรสหกรณ์ให้เกิดควำมเขม้ แข็ง มีกำรรวมตวั กนั ของสหกรณ์ระดบั
ทอ้ งถิ่นเพ่ือทำกิจกรรมหรือทำธุรกิจระหวำ่ งกนั (ไม่ใช่เป็ นกำรแข่งขนั กบั สหกรณ์ดว้ ยกนั เอง) จำกน้นั ใหม้ ี
กำรรวมตวั กนั ของสหกรณ์ในแนวดิ่งข้ึนเป็นระดบั ชำติ ระดบั ภมู ิภำคตำ่ ง ๆ จนถึงระดบั นำนำชำติ
วธิ ีการนาหลกั สหกรณ์ข้อท่ี 6 ไปใช้
1. มีกำรรวมตวั กนั หรือเช่ือมโยงธุรกิจระหวำ่ งสหกรณ์ เช่น กำรรวมกนั ซ้ือ กำร
รวมกนั ขำย หรือ รวมถึงกำรฝำกเงิน กำรกยู้ มื เงินระหวำ่ งสหกรณ์ กำรใชป้ ัจจยั กำรผลิต กำรสร้ำงเคร่ืองหมำย
กำรคำ้ กำรขนส่งร่วมกนั ฯลฯ
2. สหกรณ์ในระดบั เดียวกนั อำจมีกำรควบเขำ้ กนั เป็นสหกรณ์ขนำดใหญข่ ้ึน
3. สหกรณ์ในระดบั ทอ้ งถ่ินสำมำรถรวมกนั จดั ต้งั เป็ นชุมนุมสหกรณ์ระดบั จงั หวดั และ
ระดบั ชำติได้ เพื่อสร้ำงควำมเขม้ แขง็ ของขบวนกำรสหกรณ์ให้เป็ นเอกภำพ เพื่อแพร่ขยำยอุดมกำรณ์สหกรณ์
คือ กำรช่วยตนเองและกำรช่วยเหลือซ่ึงกนั และกนั ไปสู่ทุกหนแห่งในโลก
หลกั การท่ี 7 การเออื้ อาทรต่อชุมชน
(7th Principle: Concern for Community)
Co-operatives work for the sustainable development of their communities through
policies approve by their members.
สหกรณ์พึงดำเนินงำน เพื่อกำรพฒั นำที่ยงั่ ยนื ของชุมชนของตน ตำมนโยบำยท่ีมวลสมำชิก
ใหค้ วำมเห็นชอบ
ประเดน็ สาคัญของหลกั การสหกรณ์ข้อท่ี 7
1. ส หก ร ณ์ เ ป็ น อ งค์ก ำ ร ทำ ง เศ รษ ฐ กิ จ แล ะ สัง ค ม แล ะ เป็ นส่ ว นห น่ึ ง
ของชุมชนท่ีสหกรณ์ต้งั อยู่ ฉะน้นั กำรดำเนินกำรของสหกรณ์จึงเก่ียวขอ้ งสัมพนั ธ์กบั ชุมชนท้งั ทำงตรงและ
ทำงออ้ ม กำรช่วยเหลือเก้ือกูลพ่ึงพำอำศยั เอ้ืออำทรกันระหว่ำงสหกรณ์กบั ชุมชนจะส่งผลให้กำรพฒั นำ
สหกรณ์และชุมชนเขม้ แขง็ ไปพร้อม ๆ กนั
2. สหกรณ์พึงดำเนินกิจกรรมเกี่ยวข้องกับกำรพัฒนำท่ียงั่ ยืน เช่น กิจกรรม
ที่เกี่ยวขอ้ งกบั กำรผลิต กิจกรรมกำรแปรรูป กิจกรรมทำงสังคมต่ำง ๆ
- ใชท้ รัพยำกรธรรมชำติเทำ่ ท่ีจำเป็น
- สนบั สนุนใหม้ ีกำรลดกำรใชส้ ำรเคมี
- กำรปลูกจิตสำนึกเรื่อง กำรรักษำสิ่งแวดลอ้ ม
24
3. อำศยั หลกั ภรำดรภำพ หมำยถึง กำรอยรู่ ่วมกนั ในสังคมอยำ่ งสันติ อยอู่ ยำ่ งมีแบบ
แผน มีควำมรักใคร่กลมเกลียวเหมือนพ่ีนอ้ ง เคำรพกฎ กติกำ ของสังคม มีควำมเป็ นประชำธิปไตย ท่ีนำมำซ่ึง
สันติสุขของชุมชน
วธิ ีการนาหลกั สหกรณ์ข้อท่ี 7 ไปใช้
1. มีการจัดสรรกาไรสุทธิ เป็นทุนสาธารณะเพ่ือประโยชน์แก่ชุมชนและสิ่งแวดล้อม
2. สนับสนุนกิจกรรมของชุมชนที่เป็ นสาธารณประโยชน์ เช่น การปลูกป่ าชุมชน การขดุ ลอก
แหล่งนา้ การสร้างศาลาชุมชน ฯลฯ
3. การส่งบคุ ลากรสหกรณ์เข้าร่ วมกิจกรรมเพ่ือประโยชน์ทางสังคมกับหน่วยงานอ่ืน ๆ
4. การดาเนินกิจกรรมต่างๆของสหกรณ์ต้องไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อม
6. วธิ กี ารสหกรณ์
ความหมายของวธิ ีการสหกรณ์
จำกกำรศึกษำแถลงกำรณ์ขององค์กำรสัมพันธภำพสหกรณ์ระหว่ำงประเทศว่ำด้วย
เอกลกั ษณ์ของสหกรณ์ ในที่ประชุมเชิงปฏิบตั ิกำรเร่ือง อุดมกำรณ์ หลกั กำร และวธิ ีกำรสหกรณ์ เมื่อวนั ที่ 4
กนั ยำยน 2544 ณ หอ้ งประชุมกองฝึกอบรม กรมส่งเสริมสหกรณ์ ถนนพชิ ยั เขตดุสิต กรุงเทพฯ มีขอ้ สรุปวำ่
วธิ ีกำรสหกรณ์ (Co-operatives Practices) หมำยถึง “กำรนำหลกั กำรสหกรณ์มำประยกุ ตใ์ ช้
ในกำรดำเนินกิจกรรมทำงเศรษฐกิจและสังคม เพ่ือประโยชน์ของมวลสมำชิกและชุมชน โดยไม่ละเลย
หลกั กำรธุรกิจที่ดี”
จำกกำรที่สหกรณ์เป็ นกำรรวมคนท่ีมีอุดมคติคิดช่วยตนเอง และช่วยเหลือซ่ึงกัน
และกนั มำรวมกลุ่มกนั โดยถือกติกำของกลุ่มตำมหลกั กำรสหกรณ์ 7 ประกำรดงั ได้กล่ำวมำแล้วในกำร
ดำเนินกำรแบบสหกรณ์ หรือท่ีเรียกว่ำ วิธีกำรสหกรณ์น้ันแตกต่ำงไปจำกกำรรวมกันในรูปอ่ืน วิธีกำร
สหกรณ์ คือกำรรวมกนั ทำมิใช่ต่ำงคนต่ำงทำ เช่น รวมกนั กูเ้ งิน รวมกนั ซ้ือป๋ ุย ยำ ขำ้ วสำร รวมกนั ขำยพืชผล
ที่ผลิตได้ เป็ นตน้ กำรรวมกนั จำเป็ นตอ้ งนำหลกั กำรสหกรณ์มำปรับใชใ้ ห้เหมำะสมกบั สภำพแวดลอ้ มท้งั
ทำงเศรษฐกิจและสงั คม
ปัจจัยพนื้ ฐานสาคัญของวธิ ีการสหกรณ์สู่ความสาเร็จ
ควำมสำเร็จของกำรมำรวมกนั ทำงำน ทำธุรกิจใหป้ ระสบควำมสำเร็จ ตอ้ ง มีส่วนประกอบท่ี
เป็นแรงขบั เคลื่อนสำคญั 2 ประกำรคือ (1) ร่วมแรง (2) ร่วมใจ
(1) ร่วมแรง ประกอบดว้ ย
- แรงกำย คือ คนที่มำร่วมกนั ทำงำน ในสหกรณ์กค็ ือสมำชิกนนั่ เอง
- แรงทรัพย์ คือ เงินท่ีเอำมำรวมกนั เป็ นทุนในกำรทำงำนน้นั ๆในสหกรณ์ก็คือเงินทุน
อนั เกิดจำก หุน้ เงินสำรอง เงินฝำก และเงินอื่น ๆ
- แรงควำมคิด คือ ควำมรู้ สติปัญญำ ประสบกำรณ์ที่เอำมำร่วมกนั ทำงำนน้นั ให้ประสบ
ควำมสำเร็จ ในสหกรณ์กค็ ือควำมรู้และประสบกำรณ์ในกำรมำทำธุรกิจสหกรณ์
25
กำรร่วมแรงน้ีเป็ นปัจจัยภำยนอกซ่ึงอำจจะทำให้งำนน้ันสำเร็จหรื อไม่สำเร็จก็ได้
จึงตอ้ งมีสิ่งท่ีเป็นสิ่งยดึ โยง เหนี่ยวร้ังใหง้ ำนท่ีทำร่วมกนั น้นั บรรลุผล สิ่งน้นั ก็คือกำรร่วมใจ
(2) ร่วมใจ
กำรร่วมใจในสหกรณ์ คือ สิ่งที่เป็ นเคร่ืองยึดโยง เหน่ียวร้ัง ให้งำนท่ีทำร่วมกนั น้ัน
บรรลุผล ประกอบดว้ ย
- ซ่ือสัตยต์ ่อตนเองและต่อหมู่คณะ
- เสียสละเพอ่ื ส่วนรวม
- สำมคั คี มีควำมพร้อมเพรียงกนั รวมตวั กนั ดว้ ยควำมต้งั ใจเพ่อื ผลท่ีดีงำม
- มีวนิ ยั คือกำรอยใู่ นระเบียบแบบแผน ขอ้ บงั คบั และกติกำที่กำหนดไว้
โครงสร้างการบริหารงานสหกรณ์
แผนภาพท่ี 7 โครงสร้างการจัดรูปองค์การของสหกรณ์ข้ันปฐม
สมำชิก สมำชิก สมำชิก สมำชิก
ที่ประชุมใหญ่ ผตู้ รวจสอบกิจกำร
เลือกต้งั
ผตู้ รวจสอบภำยใน (ถำ้
มี) คณะกรรมกำรดำเนินกำร
ผจู้ ดั กำร
แผนกบญั ชี / กำรเงิน แผนกธุรกำร / ทะเบียน แผนกธุรกิจต่ำง ๆ
สมำชิ ก หมำยถึง ผู้ลงช่ื อขอจดทะเบียนสหกรณ์ และผู้ท่ีสมัครเป็ นสมำชิ ก
ภำยหลงั ที่สหกรณ์ไดจ้ ดทะเบียนแลว้ โดยถือวำ่ ไดเ้ ป็ นสมำชิกเม่ือไดช้ ำระค่ำหุน้ ตำมจำนวนท่ีจะถือครบถว้ น
แลว้
26
ที่ประชุมใหญ่ของสมำชิก กำรประชุมใหญ่ของสหกรณ์ต้องมีสมำชิกมำประชุม
ไมน่ อ้ ยกวำ่ ก่ึงหน่ึงของจำนวนสมำชิกท้งั หมด หรือไม่นอ้ ยกวำ่ หน่ึงร้อยคน ในกรณีเป็นกำรประชุมใหญ่ โดย
ผแู้ ทนสมำชิกตอ้ งมีผูแ้ ทนสมำชิกมำประชุมไม่น้อยกว่ำก่ึงหน่ึงของจำนวนผแู้ ทนสมำชิกท้งั หมด หรือไม่
นอ้ ยกวำ่ หน่ึงร้อยคน จึงจะเป็นองคป์ ระชุม โดยจะตอ้ งประชุมอยำ่ งนอ้ ย ปี ละ 1 คร้ัง
ผตู้ รวจสอบกิจกำรสหกรณ์ ซ่ึงที่ประชุมใหญ่เลือกต้งั จำกสมำชิก หรือบุคคลภำยนอก เพื่อ
ดำเนินกำรตรวจสอบกิจกำรของสหกรณ์ และทำรำยงำนเสนอตอ่ ที่ประชุมใหญ่
คณะกรรมกำรดำเนินกำร เลือกต้งั มำจำกสมำชิกในท่ีประชุมใหญ่ ประกอบดว้ ยประธำน
กรรมกำร 1 คน และกรรมกำรอ่ืนอีกไม่เกิน 14 คน มีวำระอยใู่ นตำแหน่งครำวละ 2 ปี นบั แต่วนั เลือกต้งั แต่
ตอ้ งไม่เกิน 2 วำระติดต่อกนั คณะกรรมกำรมีหน้ำที่กำหนดนโยบำย วตั ถุประสงค์ แนวทำงปฏิบตั ิของ
สหกรณ์ และเป็นผแู้ ทนสหกรณ์ในกิจกำรอนั เก่ียวกบั บุคคลภำยนอก
ผตู้ รวจสอบภำยใน คณะกรรมกำรดำเนินกำรแต่งต้งั ข้ึนเพ่ือตรวจสอบกำรปฏิบตั ิงำนของ
ฝ่ ำยจดั กำร
ผจู้ ดั กำร คณะกรรมกำรดำเนินกำรจดั จำ้ งมำเพื่อปฏิบตั ิงำนตำมแผนกำรดำเนินงำน และ
จดั กำรธุรกิจต่ำงๆของสหกรณ์ร่วมกบั เจำ้ หนำ้ ท่ีของสหกรณ์เพื่อใหบ้ ริกำรแก่สมำชิก
การนาไปใช้ในการปฏิบัตงิ าน
วิธีการสหกรณ์ เป็ นการนาหลักการสหกรณ์สู่การปฏิบัติกิจการ กิจกรรม ตามหลักการ
ดาเนินธุรกิจท่ีดีอย่างร่วมแรง ร่วมใจกัน เมื่อสามารถนาหลักการสหกรณ์สู่ภาคปฏิบัติการได้แสดงว่าเป็ น
วิธีการสหกรณ์
แผนภาพท่ี 8 วธิ ีการสหกรณ์
หลกั กำรสหกรณ์ กิจกำร กิจกรรม
( 7 ขอ้ ) (เศรษฐกิจ , สงั คม)
ร่วมแรง ร่วมใจ
27
7. การเปรียบเทยี บสหกรณ์กบั องค์การอน่ื ๆ
สหกรณ์กบั องคก์ ำรรูปอื่น มีลกั ษณะคลำ้ ยกนั ในขอ้ ท่ีมีกำรรวมทุน และมีกำรประกอบธุรกิจซ้ือ-
ขำย แตม่ ีหลกั กำรท่ีแตกตำ่ งกนั หลำยประกำร ดงั น้ี
สหกรณ์กบั ห้างหุ้นส่วน บริษัทจากดั
1) วตั ถุประสงค์ กำรรวมกนั เป็ นสหกรณ์มีควำมมุ่งหมำยเพ่ือตอ้ งกำรให้บริกำรแก่สมำชิก
เป็นส่วนใหญ่ ส่วนบริษทั จำกดั และหำ้ งหุน้ ส่วนรวบรวมผถู้ ือหุน้ จดั ต้งั ข้ึนเพ่อื ทำกำรคำ้ กบั บุคคลภำยนอก
2) ลักษณะการรวม สหกรณ์เป็ นองค์กำรที่มุ่งเน้นกำรรวมคนมำกกว่ำรวมทุน
และเพ่ือให้กลุ่มคนท่ีรวมกันมีกำลังเข้มแข็ง สหกรณ์จึงมีกำรกำหนด และคัดเลือกลักษณะตลอดจน
คุณสมบตั ิของสมำชิกที่จะเข้ำร่วมในสหกรณ์ มุ่งเน้นบริกำรเพื่อตอบสนองควำมต้องกำรของสมำชิก
(Maximized service) ให้ไดร้ ับควำมพึงพอใจสูงสุด ส่วนในบริษทั จำกดั และห้ำงหุ้นส่วนน้นั ถือหลกั กำร
รวมทุนเป็ นสำคญั บุคคลท่ีมีเงินสำมำรถเขำ้ ถือหุ้นของบริษทั ได้ ไม่เลือกว่ำบุคคลน้ันจะมีลกั ษณะนิสัย
อยำ่ งไร หรืออยู่ใกลไ้ กลเพียงใด กำรรวมกนั ของบริษทั หรือห้ำงหุ้นส่วนเป็ นกำรรวมผูท้ ี่มีกำลงั ทรัพยอ์ ยู่
แลว้ ใหม้ ีกำลงั เขม้ แขง็ ยง่ิ ข้ึน เพ่อื ทำกำรคำ้ หำกำไรมำแบ่งปันกนั (Maximized Profit) ในหมูผ่ ถู้ ือหุน้
3) หุ้นและมูลค่าหุ้น หุน้ ของสหกรณ์ไม่มีกฎหมำยบงั คบั วำ่ จะตอ้ งกำหนดจำนวนทุนเรือน
หุ้นไวก้ ่อนที่จะจดทะเบียนเป็ นสหกรณ์ ดงั น้นั สหกรณ์จึงสำมำรถให้สมำชิกถือหุ้นเพิ่มไดอ้ ยู่เสมอ รำคำ
หุน้ ของสหกรณ์จะคงท่ี มูลค่ำหุ้นของสหกรณ์มกั กำหนดไวค้ ่อนขำ้ งต่ำ เพื่อเปิ ดโอกำสไวใ้ ห้ผมู้ ีกำลงั ทรัพย์
นอ้ ยเขำ้ เป็นสมำชิกได้
สำหรับหุน้ ของบริษทั จำกดั กฎหมำยบงั คบั ให้ตอ้ งกำหนดจำนวนหุน้ และตอ้ งมีผจู้ องหุ้น
ไวค้ รบจำนวนก่อนขอจดทะเบียนเป็นบริษทั ดว้ ยเหตุน้ี บริษทั สำมำรถจ่ำยเงินปันผลไดส้ ูงทำใหม้ ีผตู้ อ้ งกำร
ซ้ือหุน้ ของบริษทั มำกข้ึน แต่เม่ือบริษทั ไม่เพ่ิมจำนวนหุ้น มูลค่ำหุ้นจะสูงข้ึน หุน้ ของบริษทั จึงอำจข้ึนลงได้
เหมือนสินคำ้ อย่ำงหน่ึง นอกจำกน้ี มูลค่ำหุ้นของบริษทั มกั กำหนดไวส้ ูงเพื่อให้ไดเ้ งินทุนตำมจำนวนที่
ตอ้ งกำรโดยคนถือหุน้ จะมีจำนวนมำกหรือนอ้ ยไม่ถือเป็นขอ้ สำคญั
4) การควบคุมและการออกเสียง สหกรณ์ถือหลกั กำรรวมคนจึงให้ควำมเคำรพต่อสิทธิของ
บุคคลเป็ นสำคญั ด้วยเหตุน้ีสมำชิกของสหกรณ์ทุกคนไม่ว่ำจะถือหุ้นมำกหรือน้อยย่อมมีสิทธิออกเสียง
ลงคะแนนในสหกรณ์ไดค้ นละ 1 เสียงเหมือนกนั หมด ยกเวน้ ผแู้ ทนสหกรณ์ในระดบั ชุมนุมสหกรณ์อำจใหม้ ี
เสียงเพิ่มข้ึนตำมระบบสัดส่วน ตำมที่กำหนดไวใ้ นขอ้ บงั คบั ของชุมนุมสหกรณ์น้นั ก็ได้ และสมำชิกตอ้ งมำใช้
สิทธิออกเสียงดว้ ยตนเองจะมอบใหบ้ ุคคลอื่นมำออกเสียงแทนไม่ได้ ดงั น้นั อำนำจในสหกรณ์จึงข้ึนอยกู่ บั
เสียงขำ้ งมำกของสมำชิก
ส่วนบริษทั จำกดั และหำ้ งหุน้ ส่วน ซ่ึงถือหลกั กำรรวมทุน จึงใหค้ วำมเคำรพในเงินทุนค่ำหุ้น
เป็นสำคญั โดยกำรใหส้ ิทธิออกเสียงตำมจำนวนหุน้ ท่ีถือ และยงั สำมำรถมอบให้บุคคลหน่ึงบุคคลใดมำออก
เสียงแทนได้ อำนำจในบริษทั จึงตกอยกู่ บั ผถู้ ือหุน้ มำก กล่ำวคือทุนมีบทบำทในกำรประชุมดว้ ยนนั่ เอง
28
5) การแบ่งกาไร จำกกำรที่สมำชิกทำธุรกิจซ้ือขำยกับสหกรณ์จึงทำให้เกิดกำไร
หรือเงินส่วนเกินข้ึน ดงั น้นั กำรแบ่งกำไรของสหกรณ์จึงเท่ำกบั กำรจ่ำยคืนส่วนที่สหกรณ์รับเกิน ให้สมำชิกใน
รู ป ก ำ ร จ่ ำ ย เ งิ น เ ฉ ล่ี ย คื น ต ำ ม ส่ ว น แ ห่ ง ป ริ ม ำ ณ ธุ ร กิ จ ที่ ส ม ำ ชิ ก ท ำ กับ ส ห ก ร ณ์ แ ล ะ จ่ ำ ย เ งิ น
ปันผลใหส้ มำชิกตำมหุน้ ท่ีชำระแลว้
สำหรับบริษทั จำกดั จะทำกำรติดต่อซื้อขำยกบั บุคคลภำยนอก ผูถ้ ือหุ้นลงทุน
ถือหุ้นในบริษทั จำกดั หรือหำ้ งหุน้ ส่วนจำกดั จึงถือหลกั กำรแบ่งเงินปันผลตำมหุน้ ที่ถือ ไม่ไดค้ ำนึงวำ่ ผถู้ ือหุน้
จะมีกำรติดต่อทำธุรกิจกบั บริษทั หรือไม่
เรำอำจเปรียบเทียบให้เห็นควำมแตกต่ำง ระหวำ่ งสหกรณ์กบั หำ้ งหุ้นส่วนและบริษทั จำกดั
ไดด้ งั น้ี
ตารางท่ี 2 เปรียบเทยี บสหกรณ์กบั องค์กรอน่ื
ลกั ษณะ สหกรณ์ ห้างหุ้นส่วน บริษัทจากดั
1. วตั ถุประสงค์ 1. ดำเนินธุรกิจและบริกำรเพ่ือ 1. ดำเนินธุรกิจเพื่อกำรคำ้ ทำธุรกิจ
ช่วยเหลือสมำชิก ในกำรแกไ้ ข กบั บุคคลภำยนอก เพือ่ แสวงหำ
ปัญหำต่ำง ๆ กำไรให้ มำกที่สุด
2. ลกั ษณะกำรรวมกนั 2. มุ่งเนน้ กำรรวมคนมำกกวำ่ กำร 2. มุ่งดำ้ นกำรรวบรวมทุน ตอ้ งกำร
รวมทุน ทุนในกำรดำเนินงำนมำก
3. หุน้ และมลู คำ่ หุน้ 3. มูลคำ่ หุน้ คงท่ีและมีรำคำต่ำ 3. มลู ค่ำหุน้ เปล่ียนแปลงตำมฐำนะ
เพือ่ ใหท้ ุกคนสำมำรถถือหุน้ ได้ ของกิจกำร จำนวนหุน้ มีจำกดั
หุน้ มีจำนวนไมจ่ ำกดั แตส่ มำชิก
ถือหุน้ ไดไ้ มเ่ กินคนละหน่ึงใน
หำ้ ของหุน้ ท้งั หมดในขณะน้นั
4. กำรควบคุมและกำร 4. ควบคุมตำมแบบประชำธิปไตย 4. ออกเสียงไดต้ ำมจำนวนหุน้ ที่ถือ และ
ออกเสียง สมำชิกออกเสียงไดห้ น่ึงคน หน่ึง ออกเสียงแทนกนั ได้
เ สี ย ง ( ย ก เ ว้น ร ะ ดับ ชุ ม นุ ม
สหกรณ์) และออกเสียงแทนกัน
ไมไ่ ด้
5. กำรแบ่งกำไร 5.เฉล่ียคืนตำมส่วนธุรกิจท่ีสมำชิก 5. กำรแบ่งกำไรแบ่งตำมจำนวนหุ้น
ทำกับสหกรณ์ และปันผลตำม ท่ีถือ หุน้ มำกไดผ้ ลตอบแทนมำก
จำนวนหุน้ ท่ีถือ
29
สหกรณ์กบั รัฐวสิ าหกจิ
กำรดำเนินงำนของรัฐวิสำหกิจจะดำเนินกำรโดยรัฐบำล หรื อในนำมของรัฐบำล
ไม่ใช่กิจกำรของเอกชน กิจกำรของรัฐวสิ ำหกิจส่วนใหญ่จะเกี่ยวกบั เรื่องสำธำรณูปโภค เช่น กำรรถไฟกำร
ไฟฟ้ ำ กำรประปำ เป็ นตน้ กิจกำรเหล่ำน้ีมุ่งในดำ้ นให้สวสั ดิกำรแก่ประชำชน ส่วนสหกรณ์น้นั เป็ นของ
สมำชิกดำเนินธุรกิจเพอื่ ตอ้ งกำรจะช่วยแกป้ ัญหำท่ีเกิดข้ึนใหแ้ ก่สมำชิก
สหกรณ์กบั องค์การการกศุ ล
องค์กำรกำรกุศลมีจุดมุ่งหมำยเพื่อสงเครำะห์ผูย้ ำกจน หรือทุพพลภำพให้พน้ จำกควำม
ยำกลำบำกเป็นกำรช่วยเหลือจำกภำยนอกแบบใหเ้ ปล่ำ ส่วนสหกรณ์น้นั ส่งเสริมใหส้ มำชิกร่วมกนั ช่วยตนเอง
และช่วยเหลือซ่ึงกนั และกนั ทำใหส้ มำชิกมีจิตสำนึกในกำรช่วยตนเอง
สหกรณ์กบั สหภาพแรงงาน
ในสหภำพแรงงำนของบรรดำผใู้ ชแ้ รงงำน จะรวมกนั โดยมีจุดมุ่งหมำยท่ีจะก่อให้เกิดพลงั
และมีอำนำจกำรต่อรองกบั นำยจำ้ งในเร่ืองผลประโยชน์ของกำรทำงำน หรือสวสั ดิกำรของผใู้ ชแ้ รงงำน
สำหรับกำรร่วมมือกนั แบบสหกรณ์น้นั มีจุดมุ่งหมำยในกำรร่วมมือกนั เพ่ือแกป้ ัญหำหรือ
ยกระดบั ฐำนะทำงเศรษฐกิจและสังคมในหมสู่ มำชิก
การนาไปใช้ในการปฏิบตั งิ าน
ความรู้การเปรียบเทียบสหกรณ์กับองค์กรอ่ืน สามารถนาไปใช้ประโยชน์ได้ในการรักษา
สภาพสหกรณ์ให้คงไว้ เน่ืองจากสหกรณ์มีความแตกต่างจากองค์กรทั่วไป กรรมการ ผู้นากลุ่มสหกรณ์ทา
หน้าทบ่ี ริหารสหกรณ์ มิใช่การทาให้สหกรณ์เป็ นองค์กรอื่น
ตารางท่ี 3 เปรียบเทยี บความเป็ นสหกรณ์
ใช่สหกรณ์ ไม่ใช่สหกรณ์
กำรทำงำนร่วมกนั สหภำพแรงงำน
ยดึ อุดมกำรณ์สหกรณ์ องคก์ รกำรกศุ ล
มีหลกั กำรสหกรณ์
วธิ ีกำรสหกรณ์ รัฐวสิ ำหกิจ
หำ้ งหุน้ ส่วนจำกดั
ช่วยตนเอง
ช่วยเหลือกนั บริษทั จำกดั
ควำมเป็นอยทู่ ี่ดี วดั
มีสนั ติสุข
ส่วนรำชกำร
รัฐบำล
30
8. ค่านิยมของสหกรณ์ (Co-operatives Values ) :
เมื่อวนั ท่ี 4 กนั ยำยน 2544 ท่ีกรมส่งเสริมสหกรณ์ นกั วิชำกำรสหกรณ์ และผทู้ รงคุณวุฒิจำก
สถำบนั ตำ่ ง ๆ ไดร้ ่วมประชุมกนั และใหค้ วำมหมำยของอุดมกำรณ์สหกรณ์ วำ่ เป็น “ควำมเชื่อร่วมกนั ท่ีวำ่ กำร
ช่วยตนเอง และกำรช่วยเหลือซ่ึงกนั และกนั ตำมหลกั กำรสหกรณ์ จะนำไปสู่กำรกินดีอยูด่ ี มีควำมเป็ นธรรม
และสันติสุขในสังคม”
จำกควำมหมำยดงั กล่ำว ทำให้พอมองเห็นได้ว่ำ เม่ือกล่ำวถึงอุดมกำรณ์สหกรณ์ จะเห็น
องคป์ ระกอบ 2 ส่วนสำคญั คือ หน่ึง จุดหมำยปลำยทำง ซ่ึงไดแ้ ก่ กำรกินดีอยดู่ ี และมีสันติสุขของประชำชน
สอง กค็ ือ อุดมคติท่ียดึ ถือเพือ่ นำไปสู่จุดหมำยปลำยทำงน้นั องคป์ ระกอบท่ีสองนี่เอง ดูจะเป็ นสำระสำคญั ท่ี
มีบทบำทเด่นชดั ในควำมหมำยของอุดมกำรณ์สหกรณ์ นน่ั คือ กำรช่วยตนเอง โดยกำรช่วยเหลือซ่ึงกนั และ
กนั (Self help through mutual help) ที่เป็นอุดมคติของนกั สหกรณ์ ท่ีจะตอ้ งยดึ ถือไวอ้ ยำ่ งเหนียวแน่น เป็ นส่ิง
ที่นกั สหกรณ์ผบู้ ุกเบิกสหกรณ์ไดค้ น้ พบวำ่ นี่แหละคือหวั ใจขององคก์ ำรที่เรียกว่ำ “สหกรณ์” อีกท้งั ยงั ไดร้ ับ
กำรพฒั นำเป็นแนวคิด ทฤษฎีกำรพฒั นำชุมชน อุดมคติเกี่ยวกบั กำรช่วยตนเอง และกำรช่วยเหลือซ่ึงกนั และ
กนั เป็นสำคญั
นอกจำกควำมหมำยของคำว่ำ อุดมกำรณ์สหกรณ์แล้ว ยังมีคำว่ำค่ำนิยมสหกรณ์
(Cooperative Values) ท่ีใชก้ นั เป็ นสำกล ซ่ึงองคก์ ำรสัมพนั ธภำพสหกรณ์ระหวำ่ งประเทศไดใ้ ห้ควำมหมำย
ไวว้ ำ่
Co-operatives are based on the values of self-help, self-responsibility, democracy,
equality, equity and solidarity. In the tradition of their founders, co-operative members believe in the
ethical values of honesty, openness, social responsibility and caring for others.
“ค่านิยมของสหกรณ์” (Co-operatives Values)
“สหกรณ์อยบู่ นพ้ืนฐำนแห่งคุณคำ่ ของกำรช่วยตนเอง ควำมรับผดิ ชอบต่อตนเอง ควำมเป็ น
ประชำธิปไตย ควำมเสมอภำค ควำมเท่ียงธรรม และควำมเป็ นเอกภำพ สมำชิกสหกรณ์เชื่อมนั่ ในคุณค่ำทำง
จริยธรรมแห่งควำมสุจริต ควำมเปิ ดเผย ควำมรับผิดชอบต่อสังคมและควำมเอ้ืออำทรต่อผอู้ ื่น โดยสืบทอด
ประเพณีปฏิบตั ิของผรู้ ิเร่ิมกำรสหกรณ์”
ค่ำนิยมของสหกรณ์แบ่งเป็ น 2 ส่วน คือส่วนที่เป็ นพ้ืนฐำนของสหกรณ์ และส่วนที่เป็ น
ควำมเชื่อมนั่ ของสมำชิกสหกรณ์ดงั จะไดก้ ล่ำวตอ่ ไปตำมลำดบั
31
ค่านิยมทเ่ี ป็ นพนื้ ฐานของสหกรณ์ ได้แก่
1) กำรช่วยตนเอง (Self-Help) ซ่ึงหมำยควำมวำ่ ทุกคนท่ีรวมกลุ่มกนั ต้งั สหกรณ์หรือท่ีสมคั ร
เขำ้ เป็ นสมำชิกภำยหลงั ตอ้ งมีควำมมุ่งมน่ั ท่ีจะช่วยตนเองและกระทำทุกอย่ำงในทำงที่ถูกท่ีชอบ เพ่ือช่วย
ตนเองใหไ้ ด้ ท้งั ในกำรประกอบอำชีพและกำรดำรงชีพ คำวำ่ “ตนเอง” ในที่น้ีหมำยถึงครอบครัวของตนดว้ ย
ควำมขยนั และประหยดั นบั วำ่ เป็นบนั ไดข้นั ตน้ ของกำรช่วยตนเอง กล่ำวคือ ขยนั ในกำรทำงำนหรือประกอบ
อำชีพเพื่อหำรำยไดม้ ำจบั จ่ำยใช้สอย และประหยดั ในกำรจบั จ่ำยใชส้ อยเพื่อให้มีเงินออมไวส้ ำหรับลงทุน
ขยำยกิจกำรงำนของตน หรือสำหรับกำรใชจ้ ่ำยอนั จำเป็ น หรือฉุกเฉินในวนั หน้ำ เม่ือทุกคนท่ีรวมกลุ่มกนั มี
ควำมมุ่งมนั่ ที่จะช่วยตนเอง และปฏิบตั ิตำมหลกั กำรและวิธีกำรสหกรณ์ คือกำรร่วมมือกนั กำรช่วยเหลือซ่ึง
กนั และกนั ก็จะเกิดข้ึนโดยอตั โนมตั ิ เช่น กำรถือหุน้ และกำรฝำกเงินในสหกรณ์จะช่วยใหส้ หกรณ์มีเงินทุน
สำหรับใหเ้ งินกแู้ ก่สมำชิกท่ีมีควำมจำเป็ นตอ้ งใชเ้ งินเกินรำยไดข้ องตนเป็ นกำรชวั่ ครำว ในกรณีของสหกรณ์
ออมทรัพย์ หรือสหกรณ์จะมีเงินทุนสำหรับจดั ซ้ือวสั ดุอุปกรณ์กำรเกษตรมำจำหน่ำยหรือรวบรวมผลิตผล
จำกสมำชิกเพ่ือจดั กำรจำหน่ำยในกรณีของสหกรณ์กำรเกษตร เป็ นตน้ กำรที่สมำชิกมีควำมเตม็ ใจไดร้ ับเลือก
เป็ นกรรมกำรดำเนินกำรของสหกรณ์ก็เป็ นตวั อยำ่ งของกำรร่วมมือช่วยเหลือกนั ในสหกรณ์โดยมีมูลฐำนมำ
จำกกำรช่วยตนเอง กล่ำวคือบรรดำสมำชิกเลือกผแู้ ทนเขำ้ มำบริหำรสหกรณ์ในฐำนะ ท่ีสหกรณ์เป็ นองคก์ ำร
ของสมำชิก
อน่ึง กำรช่วยตนเองน้ียงั หมำยถึง กำรช่วยตนเองของสหกรณ์แต่ละสหกรณ์ด้วย ท่ีจะ
สำมำรถต้งั อยู่และดำเนินกำรเพื่อประโยชน์แก่สมำชิกไดต้ ำมวตั ถุประสงค์ของสหกรณ์ และเพื่อให้กำร
ดำเนินงำนมีควำมสะดวก มีประสิทธิภำพและประสิทธิผลยงิ่ ข้ึน สหกรณ์หลำยสหกรณ์ ก็อำจรวมกลุ่มกนั ใน
รูปชุมนุมสหกรณ์หรือสหกรณ์ข้นั สูงเพ่ือช่วยเหลือซ่ึงกนั และกนั ในทำนองเดียวกบั บุคคลธรรมดำรวมกลุ่ม
กนั ในสหกรณ์ข้นั ปฐม
2) ควำมรับผิดชอบต่อตนเอง (Self-Responsibility) เป็ นหลกั กำรพ้ืนฐำนของกำรรวมกลุ่ม
บุคคลหลำยคนเขำ้ เป็ นสหกรณ์ บุคคลทุกคนน้นั ตอ้ งมีจิตสำนึกและตระหนกั อยเู่ สมอวำ่ กำรประพฤติปฏิบตั ิ
ของตนจะตอ้ งจำกดั อยใู่ นขอบเขตแห่งสิทธิและหนำ้ ท่ีของตนเท่ำน้นั และ ตอ้ งเคำรพต่อสิทธิและหนำ้ ท่ีของ
ผอู้ ่ืนดว้ ย หำกเกิดควำมผดิ พลำดหรือละเมิดสิทธิของผอู้ ื่นโดยต้งั ใจหรือมิไดต้ ้งั ใจก็ตำม ตนยอมรับผิดและ
ชดใช้ควำมเสียหำยด้วยควำมเต็มใจเสมอ ควำมรับผิดชอบ ต่อตนเองจึงเป็ นจิตสำนึกของคนท่ีมีควำม
ระมดั ระวงั ในกำรประพฤติปฏิบตั ิของตนใหอ้ ยใู่ นทำนองคลองธรรม ไมก่ ่อให้เกิดควำมเสียหำยแก่ผอู้ ื่น และ
หำกเกิดข้ึนก็ยนิ ดียอมรับผดิ ชดใชค้ วำมเสียหำยโดยไม่ตอ้ งมีผใู้ ดมำบงั คบั
32
3) ประชำธิปไตย (Democracy) เป็ นหลกั กำรพ้ืนฐำนที่สหกรณ์นำมำใช้ ในกำรดำเนินงำน
และกำรควบคุมของสหกรณ์ สหกรณ์จึงไดช้ ื่อว่ำเป็ นองค์กำรธุรกิจท่ีดำเนินงำน ตำมหลกั ประชำธิปไตย
กล่ำวคือสมำชิกในฐำนะเจำ้ ของและผไู้ ดร้ ับประโยชน์จำกสหกรณ์จะตอ้ ง มีส่วนร่วมในกำรดำเนินงำนของ
สหกรณ์ดว้ ยควำมเต็มใจเสมอ เช่นกำรมีส่วนร่วมในกำรถือหุ้น ในสหกรณ์ กำรใชบ้ ริกำรของสหกรณ์ กำร
เขำ้ ประชุมใหญ่แสดงควำมคิดเห็น และออกเสียงลงคะแนนในญตั ติต่ำง ๆ ตำมหลกั ควำมเสมอภำค คือคน
หน่ึงมีหน่ึงเสียง และใหถ้ ือเสียงขำ้ งมำกเป็นมติของ ท่ีประชุม เป็นตน้
4) ควำมเสมอภำค (Equality) เป็ นหลักกำรพ้ืนฐำนอีกประกำรหน่ึงของสหกรณ์ในกำร
รับรองควำมเท่ำเทียมกนั ระหวำ่ งสมำชิกไม่วำ่ จะมีฐำนะทำงเศรษฐกิจและสังคมแตกต่ำงกนั อยำ่ งไรหรือไม่
สมำชิกทุกคนตอ้ งเคำรพและปฏิบตั ิตำมขอ้ บงั คบั และระเบียบของสหกรณ์อย่ำง เท่ำเทียมกนั ในกำรใช้
บริกำรของสหกรณ์หรือใชส้ ิทธิใชเ้ สียงในกำรประชุมของสหกรณ์ หรือสิทธิ ในกำรสมคั รรับเลือกต้งั เป็ น
กรรมกำรดำเนินกำรของสหกรณ์ หำกมีคุณสมบตั ิถูกตอ้ งตำมกฎหมำยและขอ้ บงั คบั ของสหกรณ์
5) ควำมเที่ยงธรรม (Equity) เป็ นหลกั กำรพ้ืนฐำนของสหกรณ์ในกำรจดั สรรและจำแนก
ผลไดท้ ำงเศรษฐกิจหรือรำยไดส้ ุทธิหรือกำไรสุทธิท่ีเกิดจำกกำรดำเนินงำนของสหกรณ์ อยำ่ งเป็ นธรรมและ
ยตุ ิธรรม เช่น กำรจำกดั อตั รำเงินปันผลตำมหุน้ ไม่เกินอตั รำดอกเบ้ียเงินฝำกทว่ั ไป กำรจ่ำยเงินเฉล่ียคืน ตำม
ส่วนของธุรกิจท่ีสมำชิกไดก้ ระทำกบั สหกรณ์ในระหว่ำงปี กำรจดั สรร เป็ นทุนสำรองซ่ึงถือว่ำเป็ นเงินทุน
ส่วนรวมของสมำชิกทุกคนซ่ึงจะแบ่งแยกมิได้ และกำรจดั สรร เป็ นทุนเพ่ือกำรศึกษำฝึ กอบรมและทุน
สำธำรณประโยชน์ เป็นตน้
6) ควำมเป็ นเอกภำพ (Solidarity) เป็ นหลกั กำรพ้ืนฐำนของสหกรณ์ในกำรช่วยให้สมำชิก
สำมำรถช่วยตนเองได้ น่ันคือควำมเป็ นปึ กแผ่นในกำรผนึกกำลงั กนั ของสมำชิกทุกคน ไม่ว่ำกำลงั กำย
(แรงงำน) กำลงั ควำมคิด (ปัญญำ) และกำลงั ทรัพย์ (สิ่งของ เงินทอง) ควำมเป็ นเอกภำพ ในสหกรณ์ในท่ีสุดก็
หมำยถึงควำมรัก ควำมสำมคั คี และกำรช่วยเหลือซ่ึงกนั และกนั นน่ั เอง ท้งั ในระดบั บุคคลธรรมดำ คือสมำชิก
สหกรณ์ข้นั ปฐมและระดบั นิติบุคคลคือ สหกรณ์ประเภทต่ำง ๆ ที่รวมตวั กนั เป็ นชุมนุมสหกรณ์ระดบั ภูมิภำค
ระดบั ประเทศ และระดบั ระหวำ่ งประเทศ เป็นตน้
ค่านิยมของการเป็ นสมาชิกสหกรณ์
ค่ำนิยมของกำรเป็นสมำชิกสหกรณ์ ประกอบดว้ ย จริยธรรมแห่งควำมซื่อสัตย์ ควำมเปิ ดเผย
ควำมรับผดิ ชอบตอ่ สงั คม และควำมเอ้ืออำทรตอ่ ผอู้ ื่น
7) สมำชิกสหกรณ์จะตอ้ งมีควำมซ่ือสัตย์ (Honesty) สมำชิกจะตอ้ งมีควำมซ่ือสัตย์ หรือมี
ควำมภกั ดี (Loyalty) ต่อสหกรณ์ อุดหนุนธุรกิจของสหกรณ์ เช่น เป็ นคนตรงต่อเวลำ/ไม่ผิดนดั ชำระหน้ี/ไม่
ขำยผลิตผลใหผ้ อู้ ่ืน/ไมท่ ำตนเป็นปฏิปักษต์ ่อสหกรณ์
33
8) สมำชิกสหกรณ์จะตอ้ งเป็นผทู้ ่ีเปิ ดเผย (Openness) สมำชิกสหกรณ์จะตอ้ งเป็ นคนไม่มีลบั
ลมคมใน ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมใด ๆ โปร่งใส เปิ ดเผยขอ้ มูลของตน โดยไม่ปิ ดบงั ต่อสหกรณ์เก่ียวกบั กำรมีหน้ีสิน
กำรมีทรัพยส์ ิน กำรมีผลิตผลเหลือขำย กำรมีที่ดินทำกิน เป็นตน้
9) สมำชิกตอ้ งรับผิดชอบต่อสังคม (Social responsibility) กำรรับผิดชอบต่อสังคมของ
สมำชิก คือ คิดถึงหวั อกของคนอื่น ไม่ทำให้สังคมมีปัญหำ ไม่ทำตวั อยำ่ งฟ่ ุมเฟื อย ไม่ทำลำยส่ิงแวดลอ้ ม ไม่
ตดั ไมท้ ำลำยป่ ำ ไม่ใชส้ ำรเคมีท่ีเป็นอนั ตรำย ไม่เผำขยะแหง้ และซงั ขำ้ ว ไม่ทำลำยถนนให้ชำรุดเสียหำย ช่วย
พฒั นำคู คลอง พฒั นำวดั โรงเรียน โรงพยำบำล สถำนีอนำมยั และบำเพญ็ สำธำรณประโยชนต์ ่ำง ๆ
10) สมำชิกสหกรณ์จะตอ้ งเอ้ืออำทรต่อผูอ้ ่ืน (Caring for others) กำรเอ้ืออำทรต่อผูอ้ ื่น
ไดแ้ ก่ กำรเห็นอกเห็นใจ เอ้ือเฟ้ื อเผื่อแผ่ มีจรรยำบรรณ มีพรหมวิหำรธรรมต่อผูอ้ ่ืน เช่น เอ้ืออำทรต่อเด็ก
คนชรำ คนพิกำร
- เป็ นผู้ผลิต ต้องเอ้ืออำทรต่อผู้บริ โภค ไม่เอำผักฉีดสำรเคมีไปขำย เป็ นผู้บริ โภค
ตอ้ งเอ้ืออำทรต่อผผู้ ลิต ไมก่ ดรำคำสินคำ้
ค่ำนิยมของกำรเป็ นสมำชิกสหกรณ์ ในกำรต้งั มน่ั อยู่ในคุณค่ำทำงจริยธรรมแห่งควำม
ซ่ือสัตย์ เปิ ดเผย รับผดิ ชอบต่อสังคม และเอ้ืออำทรต่อผอู้ ่ืนน้นั จะตอ้ งเป็นไปตำมแบบแผนที่สืบทอดมำจำกผู้
ริเริ่มกำรสหกรณ์ดว้ ย
การนาไปใช้ในการปฏิบัติงาน
ความรู้ค่านิยมสหกรณ์คือความรู้ถึงหัวข้อยึดถือปฏิบัติท่ีสร้างความเป็ นสหกรณ์ อันต้อง
รักษาสภาพพน้ื ฐานทงั้ ตัวสมาชิกและองค์การสหกรณ์ ตามแผนภาพ
แผนภาพท่ี 9 ค่านิยมสหกรณ์
คำ่ นิยมพ้ืนฐำน ค่ำนิยมสมำชิก
สหกรณ์ สหกรณ์
- กำรช่วยตนเอง - ประชำธิปไตย - ตอ้ งมีควำมซื่อสัตย์
- ควำมรับผิดชอบตอ่ ตนเอง - ตอ้ งเป็นผทู้ ่ีเปิ ดเผย
- ควำมเสมอภำค - ตอ้ งรับผดิ ชอบต่อสงั คม
- ควำมเที่ยงธรรม - ตอ้ งเอ้ืออำทรต่อผอู้ ่ืน
- ควำมเป็นเอกภำพ
34
แผนภาพที่ 10 ผงั การสหกรณ์
สหกรณ์ รวมคน พฤตินยั
ช่วยตนเอง นิตินยั
ช่วยเหลือซ่ึงกนั และกนั
ร่วมมือกนั ขยนั
ทำธุรกิจ ประหยดั
พฒั นำชีวติ
ยดึ หลกั กำรสหกรณ์ ไม่เสพติดอบำยมุข
ไปสู่กำรอยดู่ ี กินดี มีสนั ติสุข เสียสละเพอ่ื ส่วนรวม
ร่วมมือกนั พฒั นำ
ซื่อตรงตอ่ กติกำ
มีเมตตำรักใคร่กนั
แรง กำย ปัญญำ ควำมคิด
ใจ ซื่อสัตย์ เสียสละ สำมคั คี
มีวนิ ยั
รวมกนั จดั หำ
รวมกนั ขำย
รวมกนั ทำบริกำร
กำรเป็นสมำชิกโดยสมคั รใจและเปิ ดกวำ้ ง
ควบคุมโดยสมำชิกตำมหลกั ประชำธิปไตย
กำรมีส่วนร่วมทำงเศรษฐกิจโดยสมำชิก
กำรปกครองตนเองและควำมเป็ นอิสระ
กำรศึกษำ ฝึกอบรม และสำรสนเทศ
กำรร่วมมือระหวำ่ งสหกรณ์
กำรเอ้ืออำทรตอ่ ชุมชน
พฒั นำเศรษฐกิจและสังคม
จำเริญทรัพย์ จำเริญธรรม
แผน่ ดินธรรมแผน่ ดินทอง/เมืองสหกรณ์
35
2.2 ภาวะผู้นาของกรรมการ
1. รู้จักผู้นา
1.1 ผ้นู าคอื ใคร
ผนู้ ำคือคนที่มีผทู้ ำตำม ผนู้ ำคือคนที่มีหนำ้ ท่ีนำคนอ่ืน ผนู้ ำคือคนท่ีสั่งใหค้ นอื่นทำ ผนู้ ำคือ
คนที่รู้เป้ ำหมำยและนำคนอ่ืนให้ทำสู่เป้ ำหมำย ผนู้ ำคือคนที่อยู่ขำ้ งหน้ำเพื่อเดินนำแลว้ ให้คนอ่ืนเดินตำม
ผนู้ ำคือหวั หนำ้ ทีม ผนู้ ำคือคนท่ีอยแู่ ถวหลงั แลว้ ผลกั ดนั ใหค้ นขำ้ งหนำ้ เดินหนำ้ ไปสู่เป้ ำหมำย ผนู้ ำคือกปั ตนั
ทีม
1.2 ใครเป็ นผู้นาได้บ้าง
คนทุกคนเป็นผนู้ ำไดข้ อเพียงแต่มีคุณลกั ษณะดงั ตอ่ ไปน้ีเป็ นอยำ่ งนอ้ ย
- เป็นคนมีคุณธรรม
- เป็นคนมีหลกั เกณฑใ์ นกำรคิด กำรพดู กำรกระทำ
- เป็นคนคิดไกล มองเห็นอนำคตขำ้ งหนำ้ วำ่ จะเป็นอยำ่ งไร
- เป็นคนเขำ้ กบั คนไดด้ ี มีมนุษยส์ มั พนั ธ์
- เป็นคนมีเป้ ำหมำยและมุง่ มนั่ ไปสู่เป้ ำหมำย
1.3 ผู้นาต้องรู้อะไร
- ตอ้ งรู้เรื่องงำน เร่ืองวชิ ำกำรท่ีเกี่ยวขอ้ ง
- ตอ้ งรู้วำ่ คนท่ีเก่ียวขอ้ งเป็ นคนอยำ่ งไร จะให้เขำร่วมมือไดอ้ ยำ่ งไร
- ตอ้ งรู้วำ่ ทิศทำงของงำนไปทำงไหน จุดสำเร็จคืออะไร
- ตอ้ งรู้เทคโนโลยที ี่เก่ียวขอ้ ง
- ตอ้ งรู้บทบำทตนเอง
1.4 ผู้นาต้องทาอะไร
- ตอ้ งรวมคนท่ีมี รวมวสั ดุอุปกรณ์ที่มี รวมปัจจยั ต่ำง ๆ ที่มีมำทำงำนใหบ้ รรลุตำม
วตั ถุประสงคข์ องหน่วยงำนอยำ่ งมีเทคนิค
1.5 ปัญหาทผ่ี ู้นาต้องเจอ
- คนไมย่ อมทำตำม
- ขำดเงิน ขำดคน ขำดอุปกรณ์
- สถำนกำรณ์เปล่ียน นโยบำยเปลี่ยน
- ธรรมชำติไม่เอ้ืออำนวย
1.6 จะเป็ นผู้นาได้อย่างไร
- เป็นเองจำกบุคลิก เป็นไปตำมธรรมชำติ ฟ้ ำลิขิตใหช้ ีวติ น้ีเกิดมำเป็นผนู้ ำ
- เป็นจำกกำรมอบหมำยของสงั คม มีคนมอบควำมไวว้ ำงใจใหเ้ ป็น
- เป็นตำมกฎ ระเบียบ กำหนดใหเ้ ป็ น
36
1.7 กรรมการสหกรณ์เป็ นผู้นาหรือเปล่า
- เป็นแน่นอน แตจ่ ะเป็ นผนู้ ำที่ประสบควำมสำเร็จหรือไม่ อนั น้ีข้ึนอยกู่ บั ภำวะผนู้ ำ
2. ภาวะผ้นู าเป็ นอย่างไร
- เป็นกำรประพฤติ ปฏิบตั ิของคนที่เป็นผนู้ ำ ในกำรที่จะนำใหส้ ำเร็จ
- เป็นกำรใชค้ วำมรู้ ควำมสำมำรถ จดั กำรใหส้ ำเร็จ
- เป็นกำรบรรลุผล ดว้ ยกำรนำของผนู้ ำ
- เป็นกำรใชค้ ุณธรรมนำคน
- เป็นกำรนำกำรทำงำนอยำ่ งอยใู่ นหวั ใจคน
3. กรรมการต้องทาอย่างไร
กรรมการต้องเป็ นผู้นาทม่ี ีภาวะผ้นู าเพอ่ื นาสหกรณ์สู่ความสาเร็จ โดยมีข้อแนะนา ดังนี้
- กำรปรำกฏตวั ของกรรมกำรต่อหนำ้ สำธำรณชนตอ้ งดูดี มีมำด น่ำเชื่อถือ
- กรรมกำรตอ้ งประพฤติดีมีคนยอมรับ คนยกยอ่ ง อยำ่ ใหช้ ่ือเสียงเสียหำย
- มีควำมเสียสละ เมตตำ ช่วยเหลือ เก้ือกลู สมำชิกของสหกรณ์อยำ่ งเสมอภำคเทำ่ เทียม
- ตอ้ งรู้เร่ืองของสหกรณ์พร้อมที่จะบอกต่อให้สมำชิกรู้กิจกำรงำนต่ำง ๆ ของสหกรณ์ได้
อยำ่ งเขำ้ ใจ
- หิ้วกระเป๋ ำเอกสำรเข้ำประชุม ในกระเป๋ ำมีกฎระเบียบมีแผนทิศทำงกำรดำเนินงำน
สหกรณ์ มีเทคนิคกำรบริหำรงำนสหกรณ์
- ถึงที่ประชุมก่อนเวลำ พดู แสดงควำมคิดเห็นในที่ประชุม
- ตดั สินใจ ลงมติในกำรประชุมอยำ่ งมีเกณฑ์ ใหฝ้ ่ ำยจดั กำรนำไปปฏิบตั ิงำน
- พอใจ พำกเพียร ฝักใฝ่ มุง่ คน้ หำพิจำรณำใหส้ หกรณ์สำเร็จ
- จำเป้ ำหมำยใหช้ ดั วำ่ สหกรณ์คือกำรร่วมกนั สร้ำงควำมเป็ นอยทู่ ่ีพอดีใหม้ วลสมำชิก
กำรทำงำนกนั ในสหกรณ์ตอ้ งมีหลกั กำรสหกรณ์กำกบั ว่ำจะมีวิธีกำรทำงำนอยำ่ งไร โดยสิ่งท่ี
สำคญั แห่งควำมสำเร็จของกำรทำงำนร่วมกนั คือ “คน” คนท่ีทำงำนร่วมกนั น้ันประกอบไปดว้ ย คนส่ังให้
ทำงำน กบั คนท่ีรับคำส่ังแลว้ ลงมือทำงำน ขอ้ ควรรู้ต่อไปน้ีจึงเป็ นเรื่องของกำรเป็ นผนู้ ำแลว้ ตอ้ งทำใหส้ ำเร็จ
โดย
- ตอ้ งคิดถึงผทู้ ่ีทำงำน วำ่ มีท้งั เขำและมีตวั เรำท่ีทำงำนร่วมกนั งำนจึงจะสำเร็จ
- ตอ้ งรู้วำ่ ใครเป็นผสู้ ่ังใหท้ ำ ใครเป็นผรู้ ับคำส่งั ไปลงมือทำ
- เม่ือเป็นผสู้ ง่ั ตอ้ งรู้วำ่ ตอ้ งสัง่ อยำ่ งไรใหเ้ ขำทำใหไ้ ด้ ไมใ่ ช่สักแต่ส่ัง
- ขณะท่ีกำลงั ส่ัง เคยใหโ้ อกำสเขำถำม ใหโ้ อกำสเขำเรียนรู้ทำควำมเขำ้ ใจหรือเปล่ำ
- กำรทำงำนไม่สำเร็จเพรำะผนู้ ำมือไมถ่ ึงหรือเปล่ำ
37
- ผนู้ ำมือถึงคือคนมีฝี มือในกำรทำงำน คนมีฝี มือในกำรทำงำนคือคนที่นำใหค้ นอ่ืนทำงำน
ไดป้ ระสบควำมสำเร็จ
- อยำ่ กล่ำวโทษแต่คนอื่น ตอ้ งดูดว้ ยวำ่ เป็นเพรำะตวั เรำที่เป็ นผนู้ ำ
- กำรทำงำนแบบมือถึงคือ กำรทำงำนอยำ่ งมีกำรวำงแผนไวล้ ่วงหนำ้ มีกำรประชุมช้ีแจงให้
รู้แผนงำนร่วมกนั รู้จุดมุ่งหมำยร่วมกนั รู้วำ่ แต่ละคนตอ้ งทำอยำ่ งไรเมื่อไหร่ท่ีไหน มีกำร
จดั สรรทรัพยำกรให้ลงมือทำงำน มีกำรติดตำมผลวำ่ ทำงำนไปถึงไหน อยำ่ งไร มีปัญหำ
อุปสรรคอะไร ร่วมกนั แกไ้ ขใหส้ ำมำรถทำงำนตอ่ ไปได้
- กำรสง่ั งำนใหไ้ ดใ้ จคนทำงำนเป็นศิลปะท่ีผนู้ ำตอ้ งมี คือกำรพดู ใหเ้ ขำทำงำนใหอ้ ยำ่ งใจรัก
- กำรรับฟังอยำ่ งต้งั ใจ ให้ควำมสำคญั กบั ควำมคิดเห็นของเขำ เป็ นประเด็นที่กรรมกำรตอ้ ง
ใหค้ วำมสำคญั
- เรำไมส่ ำมำรถปิ ดปำก ปิ ดตำคนทุกคนได้
- เรำสำมำรถเปิ ดปำก เปิ ดตำคนทุกคนได้
- มนุษยอ์ ยรู่ วมกนั ตอ้ งมีกติกำ
- กติกำที่เป็นธรรม ทำใหก้ ำรอยรู่ วมกนั มีควำมสนั ติ
- ต้งั ใจเกินร้อยยอ่ มมีแนวโนม้ ควำมสำเร็จรออยมู่ ำกกวำ่ ต้งั ใจไมเ่ ตม็ ร้อย
- ศึกษำขอ้ มูลของสหกรณ์เพือ่ กำหนดแผนงำน โดยกำรวิเครำะห์วำ่ สหกรณ์ของท่ำนพร้อม
ท่ีจะทำอะไรใหส้ หกรณ์ประสบควำมสำเร็จ
- เม่ือมีแผนงำนในกำรทำงำนแลว้ ใหข้ บั เคลื่อนแผน ดงั น้ี.-
- ช้ีแจงแผนให้สมำชิกสหกรณ์ เจ้ำหน้ำท่ีสหกรณ์ คณะกรรมกำรสหกรณ์ บุคคลที่
เกี่ยวขอ้ ง รู้ เขำ้ ใจ
- เปิ ดโอกำสให้สมำชิกสหกรณ์ เจ้ำหน้ำที่สหกรณ์ คณะกรรมกำรสหกรณ์ บุคคลที่
เกี่ยวขอ้ ง ซกั ถำมขอ้ สงสัยในแผน จนกวำ่ จะมีควำมเขำ้ ใจร่วมกนั อยำ่ งชดั เจน
- ดำเนินงำนตำมแผนโดยสร้ำงควำมร่วมมืออยำ่ งรอบดำ้ น สนบั สนุนเต็มกำลงั ทุ่มเท ซ่ึง
แตล่ ะฝ่ ำยจะมีบทบำทท่ีชดั เจนอยแู่ ลว้ วำ่ แผนงำนน้ีเจำ้ หนำ้ ที่สหกรณ์ทำอะไร กรรมกำร
สหกรณ์ทำอะไร สมำชิกสหกรณ์ทำอะไร ใครทำอะไร แตล่ ะข้นั ตอนจะเกิดผลอะไร
- ตอ้ งมีกำรตำมงำนท่ีแผนกำหนดเพ่ือจะไดแ้ กไ้ ขปัญหำที่เกิดข้ึน เพ่ือจะไดป้ รับแผนให้
เหมำะสม แต่ยงั คงเป้ ำหมำยเดิมคือควำมสำเร็จของสหกรณ์ที่มุ่งมนั่ ให้สมำชิกมีควำม
เป็นอยดู่ ี มีควำมสุข
- สรุปงำนตำมแผนหลงั จำกกำรดำเนินงำนไปแลว้ ระยะหน่ึง เพือ่ ปรับหรือเพิ่ม
- สรุปผลงำนตำมแผนหลงั จำกครบกำหนดกำรดำเนินงำนตำมแผน
38
2.3 นโยบายสหกรณ์
กำรกำหนดนโยบำย คือ กำรวำงจุดมุ่งหมำยกวำ้ ง ๆ ไว้ เพ่ือวำงแนวกำรปฏิบตั ิไปสู่ควำม
ตอ้ งกำร คลำ้ ยกบั ต้งั สมมุติฐำนข้ึนแลว้ ทดลองปฏิบตั ิ เมื่อต้งั สมมุติฐำนจะทำสิ่งหน่ึงส่ิงใด ปัญหำสำคญั อยู่
ที่วำ่ เรำจะสำมำรถควบคุมผลที่คำดวำ่ จะเกิดข้ึนไดอ้ ยำ่ งไร
กำรกำหนดนโยบำยเป็ นเรื่องของกำรกำหนดเน้ือหำสำระท่ีน่ำเกิดข้ึนไดเ้ ป็ นไปไดม้ ิใช่เป็ น
เพยี งควำมฝัน
ท่ีมำของนโยบำย เกิดจำกปัญหำเกิดข้ึน เช่น ควำมยำกจนทำใหเ้ กิดนโยบำยส่งเสริมอำชีพ
ปัญหำกำรถูกเอำรัดเอำเปรียบ ปัญหำกำรอยู่ร่วมกนั ในสังคม ทำให้เกิดสหกรณ์ เป็ นตน้ เม่ือเกิดปัญหำ
มนุษยจ์ ะมีควำมตอ้ งกำรพน้ ออกไปจำกปัญหำน้นั ๆ จึงตอ้ งต้งั สมมุติฐำนแกป้ ัญหำต่ำง ๆ โดยเป็ นแนวทำง
กวำ้ ง ๆ มิใช่จบั เฉพำะจุดใดจุดหน่ึง
ตารางที่ 4 แนวทางการแก้ปัญหา
ปัญหา วตั ถุประสงค์ แนวทางปฏบิ ตั ิ
ประชำชนอ่ำนหนงั สือไม่ออกทำ ประชำชนทุกคนควรอ่ำนหนงั สือ - โครงกำรจดั ต้งั กลุ่มผสู้ อน
ให้รับข่ำวสำรหรือติดต่อรำชกำร ได้ - โครงกำรท่ีอำ่ นหนงั สือพมิ พ์
ไมส่ ะดวก ประจำหมบู่ ำ้ น
- กรมกำรศึกษำนอกโรงเรียน
กระทรวงศึกษำธิกำร
สมำชิกสหกรณ์ไม่มีควำมรู้ ควำม สมำชิกทุกคนรู้และเขำ้ ใจ - กำรฝึกอบรมอยำ่ งตอ่ เนื่อง
เขำ้ ใจเรื่องกำรสหกรณ์ - กำรจดั ทุนกำรศึกษำอบรม
- กำรประชำสัมพนั ธ์งำนสหกรณ์
- กำรจดั ประชุมกลุ่มและประชุม
ใหญ่ใหม้ ีประสิทธิภำพยงิ่ ข้ึน
สมาชิกสหกรณ์ขาดแคลนเงนิ ออม สหกรณ์ช่วยสร้ำงเงินออมได้ - ระดมหุน้ , เงินฝำก
- สัจจะออมทรัพย์
- ประกวดเงินฝำก
39
แนวทำงที่เรำตอ้ งกำรแกป้ ัญหำจะถูกกำหนดออกมำเป็นแผนงำนเป็นโครงกำร ซ่ึงเป็ นส่วน
ที่จดั ทำเพ่อื เป็นแนวทำงปฏิบตั ิในกำรสนองใหส้ มประสงคต์ ำมนโยบำย
ตารางที่ 5 กระบวนการนโยบาย
ปัญหา วตั ถุประสงค์ แนวทางปฏบิ ตั ิ
ของสมำชิกสหกรณ์
คือนโยบำยของกรรมกำร - โครงกำรต่ำง ๆ
- แผนงำน
- กิจกรรม
แนวทำงปฏิบตั ิงำนท่ีออกมำในรูปแบบของแผนงำน โครงกำร กิจกรรม เพื่อทำให้เกิดผล
สำเร็จตำมนโยบำยน้ัน ต้องมีกำรศึกษำหำข้อมูลรำยละเอียดต่ำง ๆ ก่อนที่จะกำหนดเป็ นแผนงำน
ไม่เช่นน้ันแผนงำนท่ีออกมำก็จะแก้ปัญหำไม่ตรงเป้ ำที่ตอ้ งกำร กำรหำขอ้ มูลประกำรแรก ตอ้ งหำเพื่อรู้
สำเหตุของปัญหำ รู้ควำมตอ้ งกำร เช่น ปัญหำสมำชิกประชุมกลุ่มไม่ครบองคป์ ระชุม ตอ้ งศึกษำวำ่ สำเหตุ
มำจำกไหน นดั ประชุมตรงวนั ที่มีกำรจดั งำนในหมู่บำ้ น กำรประชุมมีสำระคงเดิม สมำชิกยำ้ ยออกนอก
พ้ืนท่ีหมดสมำชิกในกลุ่มมีควำมเห็นแก่ตวั หรืออื่น ๆ เมื่อถึงปัญหำที่แทจ้ ริงแล้วจึงวำงแนวทำงเลือก
แกป้ ัญหำน้นั ๆ ตำมปกติแลว้ ปัญหำ 1 ปัญหำจะมีแนวทำงหลำยแนวทำงแก้ เช่น ปัญหำสมำชิกไม่มำ
ประชุมกลุ่มศึกษำแลว้ พบว่ำเพรำะกำรประชุมมีสำระคงเดิมเหมือนเช่นทุกปี ไม่มีอะไรใหม่ ๆ ทำให้
สมำชิกไม่มำ แนวทำงแกป้ ัญหำน้ี คือ จดั ประชุมผูด้ ำเนินกำรประชุม กำหนดกำรดำเนินกำรประชุมกลุ่ม
ใหม่ หรือตกลงให้มีกำรเชิญผรู้ ู้ในพ้ืนที่ออกร่วมประชุมกลุ่มเพื่อช้ีแจงให้ควำมรู้ส่ิงที่เป็ นประโยชน์ หรือมี
กำรใช้อุปกรณ์ประกอบกำรพูดคุยกบั สมำชิก หรือเปลี่ยนผูช้ ้ีแจงในที่ประชุมกลุ่ม จะเห็นว่ำหลำย ๆ
แนวทำงสำมำรถจะแกป้ ัญหำควำมซ้ำจำเจในกำรประชุมได้
เมื่อไดพ้ ิจำรณำเห็นวำ่ มีทำงเลือกปัญหำหลำยแนวทำง ก็ให้พิจำรณำเลือกดำเนินกำรตำม
แนวทำงท่ีเห็นว่ำเหมำะสมท่ีสุด ท่ีสำมำรถกระทำได้ แนวทำงที่เหมำะสมน้ีข้ึนอยู่กบั ควำมพร้อมด้วย
ยกตวั อยำ่ ง เช่น เป็นสหกรณ์ขนำดใหญ่ทีมงำนฝ่ ำยส่งเสริม และฝ่ ำยจดั กำรทำงำนร่วมกนั มำ 20 ปี ทำให้
ไม่มีส่ิงใหม่ ๆ จะพดู คุยกบั สมำชิกให้ที่ประชุมกลุ่ม สหกรณ์มีเงินทุนมำกเช่นน้ีสำมำรถเลือกแนวทำงกำร
เชิญผทู้ ่ีมีควำมรู้ร่วมประชุมกลุ่มได้ อำจจะเป็ นหวั หนำ้ ส่วนรำชกำรระดบั อำเภอ หรือ เกษตรกรตวั อยำ่ งที่
ประสบควำมสำเร็จในกำรประกอบอำชีพ มำเล่ำประสบกำรณ์ใหส้ มำชิกในที่ประชุมกลุ่มฟังได้ เป็นตน้
เกิดปัญหำในกำรบริหำรงำนสหกรณ์ข้ึน กรรมกำรตอ้ งกำหนดเป็ นนโยบำยเพื่อแกป้ ัญหำ
น้นั ๆ นโยบำยน้นั บำงคร้ังอำจจะไม่เกิดข้ึนจำกกำรแกป้ ัญหำ อำจจะเกิดข้ึนจำกควำมตอ้ งกำรของสมำชิก
ส่วนใหญ่ เป็ นควำมตอ้ งกำรท่ีสหกรณ์ควรสนองตอบก็สำมำรถทำใหเ้ กิดนโยบำยข้ึนได้ เช่น กำรจดั ทำไร่
นาสวนผสมการเลีย้ งสัตว์ สำมำรถทำให้รำยได้กบั สมำชิก เกิดเป็ นควำมตอ้ งกำร สหกรณ์เห็นว่ำควร
ตอบสนองกส็ ำมำรถกำหนดนโยบำยส่งเสริมกำรจดั ทำไร่นำสวนผสมเล้ียงสัตวไ์ ด้ โดยกำหนดวำงแผนกำร
40
ส่งเสริมดว้ ยวธิ ีกำจดั สรรวงเงินกใู้ หเ้ พียงพอ ระยะเวลำกำรชำระเหมำะสม มีกำรพำสมำชิกไปศึกษำดูงำนใน
ระดบั พ้นื ที่จริง รวมท้งั เชิญผมู้ ีประสบกำรณ์มำตอบขอ้ ซกั ถำมใหก้ บั สมำชิก กำรทำแบบสำธิต
ในส่วนของกรรมกำรกำรสหกรณ์ มีลักษณะกำรเป็ นตัวแทนคล้ำยกับกำรเป็ น
สมำชิกสภำผแู้ ทนรำษฎร สส. ของไทยมกั จะเป็ นคนในพ้ืนท่ี และเป็ นที่ยอมรับวำ่ เป็ นผรู้ ู้สภำพปัญหำของ
ทอ้ งถิ่นดี กรรมกำรจะเป็ นผรู้ ู้ปัญหำต่ำง ๆ ของสมำชิกอยำ่ งดี เมื่อรู้ปัญหำแสดงใหเ้ ห็นวำ่ มีขอ้ มูลอนั เป็ น
ตน้ เหตุใหเ้ กิดนโยบำยอยู่แลว้ คือ ปัญหา จุดสำคญั อย่ทู ี่วำ่ จะสำมำรถกำหนดให้เห็นวำ่ สหกรณ์ดำเนินกำร
อยำ่ งใดอยำ่ งหน่ึงเพ่ือแกป้ ัญหำน้นั ไดอ้ ยำ่ งไร ลกั ษณะกำรดำเนินกำรของกรรมกำรก็คลำ้ ยกบั กำรมีตำแหน่ง
บริหำรประเทศระดบั รัฐมนตรี จะเป็ นผใู้ หน้ โยบำยกบั ขำ้ รำชกำรประจำไปปฏิบตั ิงำน กล่ำวคือ กรรมกำร
สำมำรถกำหนดนโยบำย โดยช่วยกนั กำหนดในที่ประชุมคณะกรรมกำรเป็ นมติอยำ่ งชดั เจน มอบหมำยให้
ฝ่ ำยจดั กำรจดั ทำแผนงำน หรือโครงกำรรองรับ แลว้ นำแผนงำน โครงกำรแจง้ ให้กรรมกำรทรำบ เพ่ือ
สหกรณ์ดำเนินกำรต่อไป
จุดสำคญั ของกรรมกำรก็คือ ออกนโยบำยใหไ้ ดน้ น่ั เอง ส่วนกำรวำงแนวทำงปฏิบตั ิมีฝ่ ำย
จดั กำรรับปฏิบตั ิอยแู่ ลว้ กำรเลือกต้งั ในทำงกำรเมืองวนั ท่ี 13 กนั ยำยน 2535 จุดเด่นประกำรหน่ึงที่
ประชำชนจะเลือกใคร พรรคไหน ข้ึนอยู่กบั นโยบำยพรรคว่ำแต่ละพรรคมีนโยบำยในเร่ืองกำรทหำร
กำรศึกษำ กำรพฒั นำชนบท ๆ อยำ่ งไรบำ้ ง กรรมกำรสหกรณ์ก็น่ำจะมีนโยบำยประจำกลุ่ม ประจำตนวำ่
กำรเขำ้ ไปเป็ นกรรมกำรจะมีนโยบำยดำ้ นกำรพฒั นำสมำชิก พฒั นำธุรกิจบุคลำกรอยำ่ งไร เสนอใหส้ มำชิก
ตดั สินในวนั ประชุมใหญ่ หำกสมำชิกเลือกคณะใดก็ให้ดำเนินกำรตำมคณะน้ัน แต่หำกว่ำเขำ้ มำเป็ น
กรรมกำรโดย ยงั ไม่มีกำรเสนอนโยบำยใหส้ มำชิกรับทรำบ ก็ควรที่จะศึกษำและมีกำรกำหนดนโยบำยโดย
คณะกรรมกำรกนั เองไดแ้ ลว้ เพรำะนี่เป็ นปัจจยั สำคญั หน่ึงที่จะทำให้สหกรณ์ดำเนินงำนไปโดยตวั เองได
พ่ึงตนเองได้ และเป็ นกำรยืนยนั เจตนำรมณ์ท่ีวำ่ สหกรณ์ดำเนินงำนโดยสมำชิกไดอ้ ยำ่ งแทจ้ ริง เพรำะ
กรรมกำรก็คือสมำชิกนน่ั เอง
นโยบำยออกโดยคณะกรรมกำรแลว้ พนกั งำนสหกรณ์มีแผนงำน โครงกำรกิจกรรมสำหรับ
ดำเนินกำรแลว้ ก็จะเกิดขบวนกำรทำงำนข้ึนในสหกรณ์
ตัวอย่าง
ปัญหำ สมำชิกขำดเงินออม สหกรณ์ขำดแคลนเงินทุน
นโยบำย สหกรณ์สร้ำงเงินออมใหก้ บั สมำชิก (โดยคณะกรรมกำร)
โครงกำรรองรับ สจั จะออมทรัพย์ (โดยฝ่ ำยจดั กำร)
กิจกรรม ผำ่ กระบอกออมทรัพยว์ นั สหกรณ์แห่งชำติ
ผลท่ีไดร้ ับ - สมำชิกออมเงินวนั ละ 1 บำท ปี ละ 365 บำท (เงินออมสมำชิก)
- สหกรณ์รับเงินฝำก (เงินทุนสหกรณ์)
ผลท่ีเกิดข้ึนเป็ นเครื่องช้ีวดั ท่ีสำคญั วำ่ นโยบำยน้นั ประสบผลสำเร็จหรือไม่ ดงั น้นั
กำรควบคุมกำรดำเนินงำนใหบ้ รรลุวตั ถุประสงคเ์ ป็นสิ่งสำคญั ดงั ที่กล่ำวไวต้ อนตน้
41
การควบคุม
ควำมจำเป็นท่ีตอ้ งมีกำรควบคุมงำน
1. เพอ่ื ติดตำมวำ่ กำรดำเนินงำนเป็นไปตำมแผนงำนโครงกำร
2. มีโอกำสทรำบปัญหำ อุปสรรคขอ้ ขดั ขอ้ งในกำรทำงำนจะไดแ้ กไ้ ขไดท้ นั เหตุกำรณ์
3. ทรำบถึงควำมกำ้ วหนำ้ และผลงำนโดยสำคญั
4. เป็นกำรแสดงควำมสนใจทำใหเ้ กิดขวญั กำลงั ใจกบั ผปู้ ฏิบตั ิงำน
ลกั ษณะการควบคุมงานของกรรมการสหกรณ์
1. ควบคุมจากการประชุมคณะกรรมการ
ในกำรประชุมคณะกรรมกำรประจำเดือนทุกเดือนเป็ นกำรปฏิบตั ิกำรควบคุมงำนของ
กรรมกำรโดยตรง โดยพิจำรณำดำเนินกำรควบคุมเป็นระเบียบวำระ เช่น
- วำระกำรติดตำมผลกำรประชุมคร้ังท่ีผำ่ นมำ เป็ นกำรติดตำมขอทรำบผลกำรทำงำน
ของฝ่ ำยจดั กำรตำมท่ีไดร้ ับมอบหมำยจำกคณะกรรมกำรวำ่ ดำเนินกำรไปไดแ้ ค่ไหน เพียงใด มีอุปสรรค
อยำ่ งไรบำ้ ง ฝ่ ำยจดั กำรหรือบุคคลที่ไดร้ ับมอบหมำยมีหนำ้ ท่ีตอ้ งนำเสนอใหท้ รำบ
- วำระกำรรับทรำบรำยรับ - รำยจ่ำยประจำเดือนของสหกรณ์ กรรมกำรตอ้ งควบคุม
ใหม้ ีควำมเหมำะสม รำยรับ - รำยจ่ำยใด ไม่ถูกตอ้ ง ไม่เหมำะสม กรรมกำรสำมำรถทว้ งติงได้ เป็ นกำร
ควบคุมโดยตรงทำงเอกสำร
จำกตวั อยำ่ งท้งั 2 วำระ แสดงถึงกำรควบคุมมีอย่ใู นกำรบริหำรงำนสหกรณ์อย่แู ลว้
กรรมกำรตอ้ งสนใจและให้ควำมสำคญั กำรประชุมอย่ำงจริงจงั ในระดบั ของกำรประชุมใหญ่ก็เป็ นกำร
ควบคุมกำรดำเนินงำนของสหกรณ์ โดยสมำชิกผเู้ ป็นเจำ้ ของสหกรณ์
2. การควบคุมในรูปของคณะอนุกรรมการ
กำรดำเนินงำนในหลำยสหกรณ์มีกำรต้งั คณะอนุกรรมกำร เพ่ือแบ่งส่วนยอ่ ยของงำนให้
เล็กลงคล่องตวั ข้ึน ก็เป็ นกำรควบคุมเฉพำะดำ้ น เช่น คณะอนุกรรมกำรเงินกจู้ ะควบคุมกำรดำเนินงำนดำ้ น
เงินกู้ คณะอนุกรรมกำรประชำสัมพนั ธ์จะควบคุมกำรดำเนินงำนดว้ ยกำรเผยแพร่ขอ้ มูลข่ำวสำร ใหส้ มำชิก
ทรำบ
3. การควบคุมจากรายงาน
งำนที่ดำเนินงำนควรมีกำรกำหนดให้มีกำรรำยงำน ทำให้คณะกรรมกำรสำมำรถ
ตรวจสอบผลกำรปฏิบตั ิงำนจำกรำยงำนได้
4. ควบคุมแบบไม่เป็ นทางการ
กรรมกำรสำมำรถควบคุมอยำ่ งไม่เป็นทำงกำรได้ โดยวธิ ี
- ตรวจงำนกบั ผปู้ ฏิบตั ิงำนตำมท่ีสหกรณ์มอบหมำย โดยกำรสอบถำมตรวจดู แต่ท้งั น้ี
ไมม่ ีอำนำจจะสัง่ กำรใหป้ ฏิบตั ิตำมที่ตนตอ้ งกำร ยกเวน้ ไดร้ ับมอบหมำยจำกคณะกรรมกำร
- กำรสอบถำมควำมคิดเห็นของสมำชิกที่ไดร้ ับผลกระทบต่อกำรปฏิบตั ิงำน เพื่อทรำบ
วำ่ เป็นไปตำมนโยบำยของกรรมกำรหรือไม่
42
กำรควบคุมของกรรมกำรสหกรณ์หำกไม่ถูกตอ้ ง หรือไม่มีควำมรู้ควำมสำมำรถอำจจะ
เป็ นสำเหตุหน่ึงที่ทำให้เกิดกำรทุจริตในสหกรณ์ได้ จึงควรท่ีจะนำรำยละเอียดกำทุจริตในสหกรณ์ให้
กรรมกำรทรำบ เพ่อื ควบคุมไมใ่ หเ้ กิดข้ึนในสหกรณ์ของเรำ
1. สาเหตุจากการทจุ ริต
กำรทุจริตในสหกรณ์อำจเกิดข้ึนไดจ้ ำกเหตุหลำยประกำร เช่น
1.1 คณะกรรมกำรดำเนินกำรปล่อยปละละเลย ไม่ควบคุมกำรปฏิบตั ิงำนของผจู้ ดั กำร
และเจำ้ หนำ้ ท่ีให้เป็ นไปตำมระเบียบโดยเคร่งครัด ไม่มีกำรตรวจสอบปฏิบตั ิงำนของผจู้ ดั กำรและเจำ้ หนำ้ ท่ี
เป็นคร้ังครำว ปล่อยใหบ้ ุคคลท่ีตนไวว้ ำงใจปฏิบตั ิไปตำมใจชอบของเจำ้ หนำ้ ท่ีแต่ละคนให้เป็ นสัดส่วนและ
มีกำรมอบหมำยใหแ้ น่นอนลงไป ไมแ่ ยกฝ่ ำยกำรเงินกำรบญั ชีออกจำกกนั โดยเดด็ ขำด
1.2 ผจู้ ดั กำรมีอำนำจและสร้ำงบุญคุณเหนือเจำ้ หนำ้ ท่ี เป็ นโอกำสให้เจำ้ หนำ้ ท่ีตอ้ งยอม
ทำตำมควำมตอ้ งกำรหรือร่วมมือกบั ผูจ้ ดั กำรในกำรปฏิบตั ิงำนท่ีไม่ชอบกำรมีอำนำจและสร้ำงบุญคุณเหนือ
เจำ้ หนำ้ ที่อำจทำได้ เช่น กำรเขำ้ เป็ นผคู้ ้ำประกนั เจำ้ หนำ้ ที่ท่ีสหกรณ์จำ้ ง หรือเอำญำติผใู้ กลช้ ิดของผจู้ ดั กำร
เขำ้ มำเป็ นลูกจำ้ งหรือ เป็ นผวู้ งิ่ เตน้ ท่ีเอำบุคคลท่ีมำขอร้องตนเขำ้ ทำงำน หรือสมยอมให้เจำ้ หนำ้ ที่กเู้ งินโดย
ผิดระเบียบ วิธีกำรเหล่ำน้ีทำให้เจำ้ หนำ้ ที่ของสหกรณ์ตอ้ งอยใู่ นฐำนะที่ตอ้ งปฏิบตั ิตำมคำส่ังคำขอร้องของ
ผจู้ ดั กำรเพอ่ื สนองบุญคุณ
1.3 เจำ้ หน้ำท่ีสหกรณ์ร่วมกนั ทุจริตท้งั คณะ โดยช่วยเหลือซ่ึงกนั และกนั ผจู้ ดั กำร
ออ่ นแอติดตำมควำมเคลื่อนไหว เล่ห์เหลี่ยม ไหวพริบของเจำ้ หนำ้ ท่ีไม่ทนั
2. ลางบอกเหตุในสหกรณ์ทม่ี ีการทุจริต
2.1 กำรบญั ชีไม่เรียบร้อย มีเหตุตำ่ ง ๆ เก่ียวกบั กำรบญั ชีสับสน
2.2 เงินสดของสหกรณ์ท่ีมีอยใู่ นมือผจู้ ดั กำรมำกและสม่ำเสมอ
2.3 มีกำรถอนเงินฝำกจำกธนำคำรบ่อย ๆ ท้งั ท่ีมีเงินสดเหลือในมือมำกหรือไม่
สำมำรถตรวจสอบเงินสดแน่นอนไดแ้ ตจ่ ะถอนเงินฝำกธนำคำรอยเู่ ร่ือย กำรนำเงินฝำกเขำ้ ธนำคำรไม่คอ่ ยมี
2.4 กำรจดรำยงำนกำรประชุมกรรมกำร และกำรเสนอรำยกำรรับจ่ำยในที่ประชุม
คณะกรรมกำรเป็นไปอยำ่ งรวบรัด
2.5 หลกั ฐำนเอกสำรตำ่ ง ๆ กระจดั กระจำย ขอตรวจดูไม่ค่อยได้ (เป็ นกำรหลีกเล่ียงท่ี
จะไม่ใหต้ รวจได)้
2.6 กระทำกำรตำ่ ง ๆ ผดิ ระเบียบที่กำหนดไวเ้ กี่ยวกบั กำรเงินเสมอ
2.7 ควำมประพฤติและควำมเป็ นอยขู่ องเจำ้ หนำ้ ที่สหกรณ์เป็ นขอ้ สังเกตอยำ่ งหน่ึงใน
กำรใหค้ วำมสงสยั วำ่ จะมีกำรทุจริต ถำ้ หำกเจำ้ หนำ้ ท่ีเหล่ำน้นั มีควำมเป็ นอยเู่ กินกวำ่ ฐำนะ มีควำมประพฤติ
ชอบเท่ียวเตร่ เล่นกำรพนนั
2.8 กำรให้กำรตอ้ นรับแก่ผตู้ รวจสอบเกินกวำ่ ควำมจำเป็ นมีกำรให้ของกำนลั และคอย
ติดตำมรับใชอ้ ยตู่ ลอดเวลำ
43
2.9 นอกจำกที่กล่ำวมำ ขอ้ 1 - 8 อำจมีกรณีอื่น ๆ ซ่ึงผตู้ รวจสอบกิจกำรควรใช้
ควำมสังเกตถึงลำงบอกท่ีเจำ้ หนำ้ ท่ีของสหกรณ์ประพฤติตำ่ ง ๆ ในกรณีอื่น ๆ อีก
3. การทุจริต
โดยหลกั กำรแลว้ วธิ ีกำรทุจริตในสหกรณ์มีกำรกระทำทุจริต โดยสรุปไดใ้ นกรณีเหล่ำน้ี
คือ
3.1 ทำหลกั ฐำนเทจ็ แลว้ นำมำเบิกเงิน
3.2 ปลอมลำยเซ็นเพื่อขอถอนเงิน
3.3 แกห้ ลกั ฐำนแลว้ เพ่ิมจำนวนเงินใหส้ ูงกวำ่ จำนวนเงินที่ตอ้ งจำ่ ยจริง
3.4 นำเงินไปหมุนหำประโยชนช์ วั่ ครำว
3.5 กระทำกำรอยำ่ งใดอยำ่ งหน่ึงเพือ่ ใหม้ ีกำรจำ่ ยเงินซ้ำ
3.6 ช่วยใหจ้ ำ่ ยเงินสูงกวำ่ ท่ีควรจำ่ ยจริง เพรำะไดร้ ับประโยชน์จำกผรู้ ับเงิน
3.7 กำรจ่ำยเงินออกไปโดยมิไดม้ ีหลกั ฐำนประกอบกำรจ่ำย
3.8 ยกั ยอกเงินสดไปด้ือ ๆ
4. วธิ ีการทจุ ริตในสหกรณ์
เทำ่ ท่ีไดม้ ีกำรทุจริตในสหกรณ์ในธุรกิจสินเชื่อ ไดต้ รวจวธิ ีกำรทุจริตแลว้ มีวธิ ีกำรดงั น้ี
4.1 ทุจริตเก่ียวกบั เงินกู้ วิธีกำรทุจริตเก่ียวกบั เงินกู้มีวิธีกระทำหลำยประกำร เช่น
สมำชิกท่ีลำออกแล้ว แต่ไม่คดั ช่ือออกจำกทะเบียนสมำชิกมำขอกูใ้ หม่ ผทู้ ำกำรเซ็นชื่อปลอมโดยตลอด
และกำรรับเงินจะทำมอบใหผ้ ปู้ ลอมช่ือขอกเู้ ป็นผรู้ ับเงิน หรือปลอมชื่อในกำรรับเงินดว้ ย
4.2 เพ่ิมจำนวนเงินกูใ้ นสัญญำกใู้ ห้สูงข้ึนกวำ่ ที่ผขู้ อกูไ้ ดข้ อกไู้ ว้ ส่วนที่เพ่ิมข้ึน ผเู้ พิ่ม
จำนวนเงินกู้จะยกั ยอกไวห้ รือตดั ยอดเงินสดในมือลงไป จะกระทำเมื่อผ่ำนกรรมวิธีกำรพิจำรณำของ
คณะกรรมกำรดำเนินกำรแลว้ และโดยวธิ ีน้ีในเวลำเรียกเกบ็ เงินชำระหน้ีจะเรียกเก็บเท่ำที่สมำชิกขอกไู้ ปจริง
4.3 เพ่ิมรำยกำรคำขอกูใ้ นทะเบียนหนงั สือกู้ และในสมุดจดรำยงำนกำรประชุมข้ึนเฉย
ๆ โดยไม่มีคำขอกู้และสัญญำกู้ เพื่อลดเงินสดในมือ กรณีน้ีจะไม่มีกำรเรียกเก็บหน้ีตำมงวดที่ตอ้ งชำระ
และไม่ลงรำยกำรหน้ีรำยตวั
4.4 ทำกำรขอกเู้ งินเกินวงเงินของตวั ท่ีจะขอกไู้ ด้ โดยอำจเป็นเงินกขู้ องผทู้ ุจริตเอง หรือ
ของบุคคลอ่ืน ๆ ซ่ึงยอมให้ค่ำตอบแทน กำรกระทำวิธีน้ีผูต้ รวจสอบซ่ึงทำกำรทุจริตจะเสนอวำ่ เป็ นเงินกู้
เงินค่ำหุน้ ส่วนกำรค้ำประกนั ก็อำจใชว้ ธิ ีเพมิ่ คำ่ หุน้ ใหส้ ูงแลว้ ใชห้ ุน้ ค้ำประกนั
4.5 นำคำขอกูข้ องสมำชิกท่ีไม่ไดร้ ับอนุมตั ิใหก้ ไู้ ดใ้ นครำวก่อน ๆ มำลงในทะเบียน
หนงั สือกู้ และจดเพิ่มในรำยงำนกำรประชุม โดยวิธีน้ีผทู้ ุจริตไม่ตอ้ งปลอมลำยช่ือผูก้ แู้ ละกำรรับเงินแต่จะ
ปลอมในหนงั สือกู้
4.6 ผทู้ ุจริตรับเงินชำระหน้ีก่อนกำหนด แลว้ ไม่ออกใบเสร็จรับเงินใหแ้ ต่เจำ้ หนำ้ ท่ีจะ
ขีดฆำ่ บญั ชีเงินกรู้ ำยตวั และหมำยเหตุวำ่ ชำระแลว้ เท่ำน้นั เงินก็ไม่ตอ้ งนำไปเขำ้ บญั ชีเพรำะไม่มีกำรออกใบ
รับ สมำชิกเห็นฆำ่ บญั ชีแลว้ ก็เขำ้ ใจวำ่ สหกรณ์ไดต้ ดั หน้ีของตนแลว้