The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน โดยใช้แบบฝึกทักษะ เรื่อง สถิติ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 นางสาวบัวชมพู ภูนาแร่

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Buachompoo Phunarae, 2023-01-26 07:17:05

การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน โดยใช้แบบฝึกทักษะ เรื่อง สถิติ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 นางสาวบัวชมพู ภูนาแร่

การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน โดยใช้แบบฝึกทักษะ เรื่อง สถิติ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 นางสาวบัวชมพู ภูนาแร่

39 2.2 แบบฝึกทักษะที่ 1.2 เรื่อง แผนภาพจุด 2.3 แบบฝึกทักษะที่ 1.3 เรื่อง แผนภาพต้น-ใบ 2.4 แบบฝึกทักษะที่ 1.4 เรื่อง ฮิสโทแกรม 2.5 แบบฝึกทักษะที่ 1.5 เรื่อง ค่าเฉลี่ยเลขคณิต 2.6 แบบฝึกทักษะที่ 1.6 เรื่อง มัธยฐาน 2.7 แบบฝึกทักษะที่ 1.7 เรื่อง ฐานนิยม 2.8 แบบฝึกทักษะที่ 1.8 เรื่อง การเลือกและการใช้ค่ากลางของข้อมูล 3. แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง สถิติ วิชาคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ผู้วิจัย สร้างขึ้นเป็นแบบทดสอบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จ านวน 20 ขอ การสร้างและหาคุณภาพเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ผู้วิจัยได้ด าเนินการสร้างและหาคุณภาพของเครื่องมือตามล าดับขั้นตอน ดังนี้ 1.ขั้นตอนการสร้างและพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้ฯ 1. แผนการจัดการเรียนรู้เรื่อง สถิติชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ผู้วิจัยได้ด าเนินการสร้าง ดังนี้ 1.1 ศึกษาและวิเคราะห์แนวคิด ทฤษฎีและการจัดการเรียนการสอนกิจกรรมการเรียนรู้ วิชาคณิตศาสตร์ 1.2 ศึกษาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2560 กลุ่มสาระการ เรียนรู้คณิตศาสตร์คู่มือครูหนังสือเรียนวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่จัดท า โดยสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกระทรวงศึกษาธิการ 1.3 ศึกษาหลักสูตรสถานศึกษาของโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีวิชา คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 1.4 สร้างตารางวิเคราะห์จุดประสงค์การเรียนรู้และเนื้อหา บทที่ 2 เรื่อง สถิติ 1.5 เขียนแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะ จ านวน 25 แผน รวม 25 ชั่วโมง 1.6 น าแผนการจัดการเรียนรู้ที่สร้างขึ้นเสนอต่ออาจารย์ที่ปรึกษาและครูพี่เลี้ยงเพื่อ ตรวจสอบความถูกต้องชัดเจน 1.7 ปรับปรุง และแก้ไขแผนการจัดการเรียนรู้ตามข้อเสนอแนะของอาจารย์ที่ปรึกษาและ ครูพี่เลี้ยง 1.8 น าเสนอแผนการจัดการเรียนรู้ต่อผู้เชี่ยวชาญเพื่อพิจารณาความสอดคล้องระหว่าง องค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้ที่ได้ออกแบบว่ามีความสอดคล้องกันหรือไม่อย่างไร หรือ ประเมินความเหมาะสมของการด าเนินการเรียนการสอนโดยใช้นวัตกรรมการเรียนรู้วิธีการหรือ นวัตกรรมการเรียนรู้สิ่งประดิษฐ์ที่ออกแบบว่ามีความเหมาะสมอยู่ในระดับใด 1.8.1กรณีให้ผู้เชี่ยวชาญพิจารณาโดยใช้ดัชนีความสอดคล้อง (IOC)จะมีเกณฑ์การ พิจารณาการให้คะแนนดังนี้ ให้ + 1 คะแนน เมื่อแน่ใจว่าองค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้มีความถูกต้อง ความ เหมาะสมและสอดคล้องกัน


40 0 คะแนน เมื่อไม่แน่ใจองค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้มีความถูกต้อง ความ เหมาะสมและสอดคล้องกัน - 1 คะแนน เมื่อแน่ใจว่าองค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้นั้นไม่มีความถูกต้อง หรือไม่มีความเหมาะสมหรือไม่มีความสอดคล้องกัน เมื่อน าผลการให้คะแนนของผู้เชี่ยวชาญมาค านวณด้วยสูตรดัชนีความสอดคล้องจะต้องได้ ค่าดัชนีความสอดคล้องของแต่ละองค์ประกอบไม่น้อยกว่า 0.50 1.8.2กรณีให้ผู้เชี่ยวชาญพิจารณาโดยใช้เกณฑ์ความเหมาะสมของแต่ละองค์ประกอบ ตามมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับดังนี้ ให้ 5 คะแนน เมื่อพิจารณาว่าองค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้มีความถูกต้องความ เหมาะสมและความสอดคล้องกันในระดับมากที่สุด 4 คะแนน เมื่อพิจารณาว่าองค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้มีความถูกต้องความ เหมาะสมและความสอดคล้องกันในระดับมาก 3 คะแนน เมื่อพิจารณาว่าองค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้มีความถูกต้องความ เหมาะสมและความสอดคล้องกันในระดับปานกลาง 2 คะแนน เมื่อพิจารณาว่าองค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้มีความถูกต้องความ เหมาะสมและความสอดคล้องกันในระดับน้อย 1 คะแนน เมื่อพิจารณาว่าองค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้มีความถูกต้องความ เหมาะสมและความสอดคล้องกันในระดับน้อยที่สุด เมื่อน าผลการให้คะแนนของผู้เชี่ยวชาญมาค านวณด้วยการหาค่าเฉลี่ยที่จะต้องได้ ค่าเฉลี่ยการประเมินความเหมาะสมขององค์ประกอบแต่ละองค์ประกอบเท่ากับ 3.50 ขึ้นไป 1.8.3 น าแผนการจัดการเรียนรู้ที่ผ่านการพิจารณาจากผู้เชี่ยวชาญไปทดลองใช้กับ นักเรียนกลุ่มเดี่ยว (กลุ่มละ 3-4 คน) หรือกลุ่มเล็ก (มีกลุ่มเดี่ยว 1-2 กลุ่ม) เพื่อพิจารณาความเป็นไป ได้ของการจัดการเรียนการสอนตามแผนการจัดการเรียนรู้ 1.8.4 น าแผนการจัดการเรียนรู้ที่ผ่านการทดลองใช้ไปทดลองใช้จริงกับกลุ่มเป้าหมาย ดังแสดงขั้นตอนการสร้างและพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้ฯ ในภาพที่ 3


41 ภาพที่ 3 ขั้นตอนการสร้างและพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้ฯ 2. ขั้นตอนการสร้างและพัฒนาแบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ 2. แบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง สถิติ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นเป็น แบบทดสอบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จ านวน 20 ข้อ ซึ่งด าเนินการสร้างตามขั้นตอน ดังต่อไปนี้ 2.1 ศึกษาเอกสารการเรียนรู้ กลุ่มสาระคณิตศาสตร์ ช่วงชั้นที่ 3 เกี่ยวกับผลการเรียนรู้ที่ คาดหวัง มาตรฐานการเรียนรู้ช่วงชั้น ค าอธิบายรายวิชา การจัดสาระการเรียนรู้ หน่วยการเรียนรู้ (หนังสือเรียน อจท. อักษรเจริญทัศน์, 2560: 1-226) 2.2 ศึกษาวิธีการสร้างแบบทดสอบจากเอกสาร ต าราที่เกี่ยวข้อง (สมนึก ภัททิยธานี, 2544: 137-139) 2.3 วิเคราะห์ผลการเรียนที่คาดหวังและเนื้อหาสาระ เรื่อง สถิติ ให้สอดคล้องกัน เพื่อ ก าหนดจ านวนข้อสอบที่ต้องการจริงและส่วนที่ออกเกินไว้ 2.4 สร้างแบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนตามผลการเรียนรู้ที่คาดหวังของเนื้อหา เรื่อง สถิติ เป็นแบบทดสอบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก 2.5 น าแบบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่สร้างเสร็จแล้ว เสนอผู้เชี่ยวชาญชุดเดิม เพื่อประเมินความสอดคล้องระหว่างแบบทดสอบแต่ละข้อกับผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง (บุญชม ศรีสะอาด, 2545: 63-64) มีเกณฑ์การให้คะแนน ดังนี้ วิเคราะห์มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด เขียนแผนการจัดการเรียนรู้ตามองค์ประกอบ น าเสนอแผนการจัดการเรียนรู้ต่อผู้เชี่ยวชาญเพื่อพิจารณาความสอดคล้องระหว่างองค์ประกอบ ของแผนการจัดการเรียนรู้หรือโดยใช้เกณฑ์ความเหมาะสมของแต่ละองค์ประกอบ น าแผนการจัดการเรียนรู้ที่ผ่านการพิจารณาจากผู้เชี่ยวชาญไปทดลองใช้กับนักเรียน กลุ่มเดี่ยว กลุ่มละ3-4 คนหรือกลุ่มเล็ก มีกลุ่มเดี่ยว1-2 กลุ่ม น าแผนการจัดการเรียนรู้ที่ผ่านการทดลองใช้ไปทดลองใช้จริงกับกลุ่มตัวอย่าง


42 +1 เมื่อแน่ใจว่าแบบทดสอบข้อนั้นวัดตรงตามผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง 0 เมื่อไม่แน่ใจว่าแบบทดสอบข้อนั้นวัดตรงตามผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง -1 เมื่อแน่ใจว่าแบบทดสอบข้อนั้นวัดไม่ตรงตามผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง 2.6 น าผลการประเมินความสอดคล้องระหว่างแบบทดสอบแต่ละข้อกับผลการเรียนรู้ที่ คาดหวัง มาวิเคราะห์ค่าดัชนีความสอดคล้อง โดยใช้สูตร IOC ตั้งแต่ 0.50 ถึง 1.00 เป็นข้อสอบที่อยู่ ในเกณฑ์ความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาที่ใช้ได้ 2.7 น าผลการประเมินความสอดคล้องระหว่างแบบทดสอบแต่ละข้อกับผลการเรียนรู้ที่ คาดหวัง มาวิเคราะห์ค่าดัชนีความสอดคล้อง โดยใช้สูตร IOC ได้ความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 1 2.8 น าแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ที่ผ่านเกณฑ์ไปด าเนินการ ทดสอบกับกลุ่มตัวอย่าง ดังแสดงขั้นตอนการสร้างและพัฒนาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชา คณิตศาสตร์ ในภาพที่ 4 ภาพที่ 4 ขั้นตอนการสร้างและพัฒนาแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ วิเคราะห์ตัวชี้วัดในเนื้อหาสาระที่วิจัยปฏิบัติการเพื่อก าหนดจุดประสงค์การเรียนรู้ เชิงพฤติกรรมแล้วด าเนินการสร้างตารางวิเคราะห์หลักสูตร เขียนข้อสอบตามตารางวิเคราะห์หลักสูตร น าร่างแบบทดสอบเสนอต่อผู้เชี่ยวชาญให้พิจารณาความถูกต้อง ความเหมาะสม และความสอดคล้องระหว่างข้อสอบแต่ละข้อกับจุดประสงค์การเรียนรู้เชิงพฤติกรรม และพฤติกรรมการเรียนรู้ทางด้านสติปัญญา น าแบบทดสอบที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาดัชนีความสอดคล้องไปทดลองใช้กับผู้เรียนที่ได้เรียนเนื้อหานั้น มาแล้ว เพื่อน าผลการทดสอบมาค านวณหาอ านาจจ าแนกของข้อสอบที่จะต้องได้ไม่น้อยกว่า 0.20 และ ค านวณหาค่าความยากของข้อสอบที่จะต้องได้ระหว่าง 0.20 ถึง 0.80 น าแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ที่ผ่านการทดลองใช้ไปทดลองใช้จริงกับกลุ่มตัวอย่าง น าแบบทดสอบที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาอ านาจจ าแนกและความยากมาค านวณหา ค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับโดยใช้สูตรของคูเดอร์) ริชาร์ดสัน-K-R21) ที่จะต้องได้ค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับไม่น้อยกว่า 0.70


43 3. ขั้นตอนการสร้างและพัฒนาแบบฝึกทักษะ แบบฝึกทักษะ เรื่อง สถิติชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 3.1 ศึกษาหลักสูตรจุดมุ่งหมายของหลักสูตรมาตรฐานการเรียนรู้ช่วงชั้นขอบข่ายของสาระการ เรียนรู้โครงสร้างของหลักสูตรและเวลาเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ช่วงชั้นระดับชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 2 จากหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีพุทธศักราช 2565 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ 3.2 ศึกษาเอกสารการจัดสาระการเรียนรู้กลุ่มสาระคณิตศาสตร์ช่วงชั้นที่ 3 (ม.1 – ม.3) เกี่ยวกับ ผลการเรียนรู้ที่คาดหวังค าอธิบายรายวิชาการจัดสาระการเรียนรู้(หนังสือเรียน อจท. อักษรเจริญ ทัศน์, 2560: 1-226) 3.3 ศึกษาขั้นตอนการสร้างแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ให้สอดคล้องสาระการเรียนรู้ผลการเรียนรู้ที่ คาดหวังและจุดประสงค์การเรียนรู้ 3.4 ศึกษาทฤษฎีและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการสร้างแบบฝึกทักษะเพื่อใช้เป็นแนวทางในการสร้าง แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ 3.5 ศึกษาวิธีการวิเคราะห์เนื้อหาและจุดประสงค์การเรียนรู้จากหนังสือการวัดผลประเมินผล การศึกษาของ (สมนึก ภัททิยธนี, 2544: 157–233) 3.6 วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างเนื้อหาสาระส าคัญผลการเรียนรู้ที่คาดหวังหรือจุดประสงค์การ เรียนรู้จากคู่มือครูวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐานของหนังสือเรียน อจท. อักษรเจริญทัศน์หน่วยการเรียนรู้ ที่ 4 เรื่อง สถิติชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เพื่อเป็นแนวทางในการจัดท าแผนการจัดการเรียนรู้และการ สร้างแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ให้สัมพันธ์กันอย่างเป็นระบบ 3.7 สร้างแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง สถิติชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ให้สอดคล้องกับจุดประสงค์ การเรียนรู้ที่ตั้งไว้ ซึ่งได้แบ่งหน่วยการเรียนรู้ออกเป็นสาระการเรียนรู้ย่อยกับแผนการจัดการเรียนรู้ จ านวน 25 ชุด 3.8 3 น าเสนอนวัตกรรมการเรียนรู้สิ่งประดิษฐ์ต่อผู้เชี่ยวชาญเพื่อพิจารณาความสอดคล้อง ระหว่างองค์ประกอบของนวัตกรรมการเรียนรู้สิ่งประดิษฐ์ที่ได้ออกแบบว่ามีความเหมาะสมนวัตกรรม การเรียนรู้สิ่งประดิษฐ์ที่ออกแบบว่ามีความเหมาะสมอยู่ในระดับใดโดยใช้เกณฑ์ความเหมาะสมของแต่ ละองค์ประกอบตามมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ ดังนี้ ให้ 5 คะแนน เมื่อพิจารณาว่าองค์ประกอบของนวัตกรรมการเรียนรู้สิ่งประดิษฐ์มีความถูก ต้องความเหมาะสมและความสอดคล้องกันในระดับมากที่สุด 4 คะแนน เมื่อพิจารณาว่าองค์ประกอบของนวัตกรรมการเรียนรู้สิ่งประดิษฐ์มีความถูก ต้องความเหมาะสมและความสอดคล้องกันในระดับมาก 3 คะแนน เมื่อพิจารณาว่าองค์ประกอบของนวัตกรรมการเรียนรู้สิ่งประดิษฐ์มีความถูก ต้องความเหมาะสมและความสอดคล้องกันในระดับปานกลาง 2 คะแนน เมื่อพิจารณาว่าองค์ประกอบของนวัตกรรมการเรียนรู้สิ่งประดิษฐ์มีความถูก ต้องความเหมาะสมและความสอดคล้องกันในระดับน้อย 1 คะแนน เมื่อพิจารณาว่าองค์ประกอบของนวัตกรรมการเรียนรู้สิ่งประดิษฐ์มีความถูก ต้องความเหมาะสมและความสอดคล้องกันในระดับน้อยที่สุด


44 เมื่อน าผลการให้คะแนนของผู้เชี่ยวชาญมาค านวณด้วยการหาค่าเฉลี่ยที่จะต้องได้ ค่าเฉลี่ยการประเมินความเหมาะสมขององค์ประกอบแต่ละองค์ประกอบเท่ากับ 3.50 ขึ้นไป 2.1.4 น านวัตกรรมการเรียนรู้สิ่งประดิษฐ์ที่ผ่านการพิจารณาจากผู้เชี่ยวชาญไป ทดลองใช้กับนักเรียนกลุ่มเดี่ยว (กลุ่มละ 3-4 คน) หรือกลุ่มเล็ก (มีกลุ่มเดี่ยว 1-2 กลุ่ม) เพื่อพิจารณา ความเป็นไปได้ของการจัด การเรียนการสอนตามนวัตกรรมการเรียนรู้สิ่งประดิษฐ์ 2.1.5 น านวัตกรรมการเรียนรู้สิ่งประดิษฐ์ที่ผ่านการทดลองใช้ไปทดลองใช้จริงกับ กลุ่มตัวอย่าง ดังแสดงขั้นตอนการสร้างและพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้สิ่งประดิษฐ์ ในภาพที่ 5 ภาพที่......ขั้นตอนการสร้างและพัฒนา ภาพที่ 5 ขั้นตอนการสร้างและพัฒนา การเก็บรวบรวมข้อมูล การวิจัยในครั้งนี้ผู้วิจัยได้ด าเนินการศึกษากับกลุ่มตัวอย่างในการเรียนรู้ใช้แบบฝึกทักษะ เรื่อง สถิติชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีในภาคเรียนที่ 2 ปี การศึกษา 2565 โดยใช้แบบ One Group Pre-test Post-test Design ตามขั้นตอน ดังนี้ 1. ทดสอบก่อนเรียน (Pre-test) โดยใช้แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง สถิติที่ ผ่านการหาคุณภาพเรียบร้อยแล้วซึ่งแบบทดสอบเป็นแบบปรนัย ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จ านวน 20 ข้อ วิเคราะห์มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด สร้างและพัฒนานวัตกรรมการเรียนรู้สิ่งประดิษฐ์ น าเสนอแผนการจัดการเรียนรู้ต่อผู้เชี่ยวชาญเพื่อพิจารณาความเหมาะสมขององค์ประกอบของ นวัตกรรมการเรียนรู้สิ่งประดิษฐ์หรือโดยใช้เกณฑ์ความเหมาะสมของแต่ละองค์ประกอบ น านวัตกรรมการเรียนรู้สิ่งประดิษฐ์ผ่านการพิจารณาจากผู้เชี่ยวชาญไปทดลองใช้กับนักเรียน กลุ่มเดี่ยว (กลุ่มละ 3-4 คน)หรือกลุ่มเล็ก (มีกลุ่มเดี่ยว 1-2 กลุ่ม) น านวัตกรรมการเรียนรู้สิ่งประดิษฐ์ที่ผ่านการทดลองใช้ไปทดลองใช้จริงกับกลุ่มตัวอย่าง


45 2. เริ่มด าเนินการทดลอง โดยชี้แจงรายละเอียดให้นักเรียนทราบถึงวิธีการเรียนด้วยแบบฝึก ทักษะคณิตศาสตร์ 3. ด าเนินการสอน ตามแผนการจัดการเรียนรู้ที่ผู้วิจัยจัดท าขึ้น ซึ่งผู้วิจัยด าเนินการสอนเอง โดยใช้แบบฝึกทักษะที่ผ่านการหาประสิทธิภาพเรียบร้อยแล้ว จ านวน 8 ชุด และให้นักเรียนปฏิบัติ กิจกรรมฝึกทักษะทุกครั้ง เริ่มจากแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ชุดที่ 1 จนถึงชุดที่ 8 ตามล าดับ พร้อมกับทดสอบย่อยก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยแบบทดสอบคู่ขนานกันตรวจแบบฝึกทักษะและ แบบทดสอบย่อย บันทึกคะแนนของนักเรียนแต่ละคนไว้ท าการวิเคราะห์ข้อมูล 4. เมื่อสอนจบสาระการเรียนรู้เรื่อง สถิติและปฏิบัติกิจกรรมในแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ ครบทั้ง 8 ชุดแล้ว ให้นักเรียนท าแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน (Post-test) ซึ่งเป็น ฉบับเดียวกันกับก่อนเรียนพร้อมตรวจและบันทึกคะแนนไว้ท าการวิเคราะห์ข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล การศึกษาค้นคว้าในครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ด าเนินการวิเคราะห์ข้อมูล ดังนี้ 1. วิเคราะห์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน โดยน าข้อมูลจากคะแนนสอบ วัดผลฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียนมาเปรียบเทียบค านวณหาค่าความแตกต่างของคะแนน วิเคราะห์โดยการทดสอบทีแบบไม่อิสระ (t – test for Dependent Sample) 2. วิเคราะห์หาดัชนีประสิทธิผลของแบบประสิทธิของแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ โดยใช้วิธี ของกูดแมน เฟรทเชอร์และสไนเดอร์ (เผชิญ กิจระการ,ม.ป.ป.: 1-3; อ้างอิงจาก Googman, Fretcher and Schmider. 1980 : 30-34) 3. วิเคราะห์ผลการท าแบบฝึกทักษะและแบบทดสอบ เพื่อหาประสิทธิภาพของกระบวนการ (1) จากคะแนนปฏิบัติกิจกรรมฝึกทักษะรวมกับคะแนนทดสอบหลังเรียนในแบบฝึกทักษะแต่ละชุด หาประสิทธิของผลลัพธ์ (2) จากคะแนนการท าแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดย ค านวณหาค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ แล้วน ามาวิเคราะห์ประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะ ตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ 70/70 โดยใช้สูตร 1 /2 (เผชิญ กิจระการ, 2544: 49) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ในการวิเคราะห์ข้อมูล ผู้วิจัยเลือกใช้สถิติดังนี้ 1. สถิติที่ใช้หาคุณภาพของเครื่องมือ 1.1 การหาคุณภาพแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 1.1.1 การหาค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่างผลการเรียนรู้ที่คาดหวังกับเนื้อหา (บุญชม ศรีสะอาด. 2543: 102) N R IOC เมื่อ IOC แทน ดัชนีความสอดคล้องระหว่างผลการเรียนรู้ที่คาดหวังกับ เนื้อหาของข้อสอบ


46 R แทน ผลรวมคะแนนความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญทั้งหมด N แทน จ านวนผู้เชี่ยวชาญทั้งหมด 1.1.2 ค่าดัชนีประสิทธิผลของแบบฝึกทักทักษะคณิตศาสตร์ (The Effectiveness Idex: E.I. กูดแมน เฟรทเชอร์และสไนเดอร์ เผชิญ กิจระการ,ม.ป.ป. : 1.3 ; อ้างอิงจาก Goodman, Fretcher and Schmider. 1980 : 30 - 34) ดัชนีประสิทธิผล = ผลรวมของคะแนนทดสอบหลังเรียน − ผลรวมของคะแนนทดสอบก่อนเรียน (จ านวนนักเรียน)(คะแนนต็ม) – ผลรวมของคะแนนทดสอบก่อนเรียน 1.2 วิเคราะห์หาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง สถิติชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 2 ตามเกณฑ์ 70/70 โดยใช้สูตร E1/E2 (เผชิญ กิจระการ, 2544: 49) 100 1 A N X E 100 2 B N Y E เมื่อ E1 แทน ประสิทธิภาพของการฝึกปฏิบัติและ/หรือ ประกอบกิจกรรมการเรียน E2 แทน ประสิทธิภาพของการท าแบบทดสอบหลังหลัง เรียนและ/หรือการประกอบกิจกรรมหลังเรียน X แทน คะแนนรวมของผู้เรียนจากการปฎิบัติและ/หรือ การประกอบกิจกรรมหลังเรียน Y แทน คะแนนรวมของผู้เรียนจากการทดสอบหลังเรียน และ/หรือการประกอบกิจกรรมหลังเรียน N แทน จ านวนผู้เรียน A แทน คะแนนเต็มของแบบฝึกทักษะ B แทน คะแนนเต็มของแบบทดสอบหลังเรียน 2. สถิติพื้นฐาน 2.1 ค่าร้อยละ (Percentage) 2.2 ค่าเฉลี่ย ( X ) 2.3 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.)


47 ซึ่งในการค านวณหาค่าร้อยละ (Percentage) ค่าเฉลี่ย ( X ) และส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐาน (S.D.) ค านวณผลโดยใช้โปรแกรมส าเร็จรูปทางสถิติส าหรับวิเคราะห์ข้อมูลทางสังคมศาสตร์ 3. สถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐาน ทดสอบสมมุติฐานโดยใช้โปรแกรมส าเร็จรูปทางสถิติส าหรับข้อมูลทางสังคมศาสตร์ SPSS for Windows 3.1 สถิติที่ใช้ทดสอบความแตกต่างของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนกับหลังเรียน คือ การทดสอบทีแบบไม่อิสระ (t – test for Dependent Samples)


48 บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล ผลการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะ วิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน เรื่อง สถิติที่ส่งผลต่อ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ผู้วิจัยได้น าเสนอผลการวิเคราะห์ตาม วัตถุประสงค์ของการวิจัย ดังนี้ ตอนที่ 1 ผลการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะ วิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน เรื่อง สถิติที่ส่งผลต่อ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ตามเกณฑ์ 70/70 ตารางที่ 1 การหาประสิทธิภาพของการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะ วิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน เรื่อง สถิติ ที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ตามเกณฑ์ 70/70 เลขที่ ชุดที่ 1 (10 คะแนน) ชุดที่ 2 (10 คะแนน) ชุดที่ 3 (10 คะแนน) ชุดที่ 4 (10 คะแนน) ชุดที่ 5 (10 คะแนน) ชุดที่ 6 (10 คะแนน) ชุดที่ 7 (10 คะแนน) ชุดที่ 8 (10 คะแนน) รวม (E1) (80 คะแนน) คะแนน หลัง เรียน (E2) (20 คะแนน) 1 10 10 10 10 10 10 10 10 80 14 2 10 10 10 10 10 10 10 10 80 19 3 10 9 9 9 9 9 8 10 73 14 4 10 10 10 10 10 10 10 10 80 14 5 10 10 10 10 10 10 10 10 80 19 6 10 10 10 10 10 10 10 10 80 16 7 10 10 10 10 10 10 10 10 80 16 8 10 10 10 10 10 10 10 10 80 14 9 10 10 10 10 10 10 10 10 80 15 10 10 10 10 10 10 10 10 10 80 16 11 10 10 10 10 10 10 10 10 80 15 12 10 10 10 10 10 10 10 10 80 15 13 10 10 10 10 10 10 10 10 80 14 14 10 10 10 10 10 10 10 10 80 15 15 10 10 10 10 10 10 10 10 80 16 16 9 9 9 9 9 9 9 10 73 13 17 10 10 10 10 10 10 10 10 80 15 18 10 10 10 10 10 10 10 10 80 14 19 10 10 10 10 10 10 10 10 80 14


49 ตารางที่ 1 การหาประสิทธิภาพของการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะ วิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน เรื่อง สถิติที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ตามเกณฑ์ 70/70 (ต่อ) เลขที่ ชุดที่ 1 (10 คะแนน) ชุดที่ 2 (10 คะแนน) ชุดที่ 3 (10 คะแนน) ชุดที่ 4 (10 คะแนน) ชุดที่ 5 (10 คะแนน) ชุดที่ 6 (10 คะแนน) ชุดที่ 7 (10 คะแนน) ชุดที่ 8 (10 คะแนน) รวม (E1) (80 คะแนน) คะแนน หลัง เรียน (E2) (20 คะแนน) 20 10 10 10 10 10 10 10 10 80 11 21 10 10 10 10 10 10 10 10 80 14 22 10 10 10 10 10 10 10 10 80 17 23 10 10 10 10 10 10 10 10 80 18 24 10 10 10 10 10 10 10 10 80 12 25 10 10 10 10 10 10 10 10 80 13 26 10 10 10 10 10 10 10 10 80 13 27 10 10 10 10 10 10 10 10 80 18 28 9 8 8 8 8 8 8 8 65 11 จากตารางที่ 1 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล พบว่า ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ได้คะแนนเฉลี่ยจากการ ท าแบบฝึกทักษะ เท่ากับ 78.96 คิดเป็นร้อยละ 98.71 และท าคะแนนเฉลี่ยจากการทดสอบวัด ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เท่ากับ 14.82 คิดเป็นร้อยละ 74.11 พบว่า การจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึก ทักษะ วิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน เรื่อง สถิติที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 2 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 98.71/74.11 แสดงว่าการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึก ทักษะ วิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน เรื่อง สถิติของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ผู้ศึกษาพัฒนาขึ้นมี ประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ 70/70 ที่ตั้งไว้


50 ตอนที่ 2 ผลการศึกษาและเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึก ทักษะ วิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน เรื่อง สถิติที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 2 ระหว่างหลังเรียนกับก่อนเรียน ตารางที่ 2 คะแนนที่ได้ ร้อยละ คะแนนเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ของคะแนนผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ใช้การจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึก ทักษะ วิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน เรื่อง สถิติที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน คนที่ ก่อนเรียน หลังเรียน คะแนน ร้อยละ คะแนน ร้อยละ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 8 9 4 7 5 9 6 5 6 5 6 2 5 6 2 9 9 7 40 45 20 35 25 45 30 25 30 25 30 10 25 30 10 45 45 35 14 19 14 14 19 16 16 14 15 16 15 15 14 15 16 13 15 14 70 95 70 70 95 80 80 70 75 80 75 75 70 75 80 65 75 70 19 8 30 14 70 20 8 40 11 55 21 5 25 14 70 22 7 35 17 85 23 7 35 18 90 24 3 15 12 60 25 6 30 13 65 26 6 30 13 65


51 คนที่ ก่อนเรียน หลังเรียน คะแนน ร้อยละ คะแนน ร้อยละ 27 7 35 18 90 28 7 35 11 55 ̅ 6.14 30.71 14.82 74.11 S.D 1.92 - 2.09 - จากตารางที่ 2 พบว่า คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ใช้การจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะ วิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน เรื่อง สถิติมีคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียน เท่ากับ 6.14 คิดเป็นร้อยละ 30.71 และคะแนนเฉลี่ยหลังเรียน เท่ากับ 14.82 คิดเป็นร้อยละ 74.11 ตารางที่ 3 การศึกษาและเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึก ทักษะ วิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน เรื่อง สถิติที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 2 ระหว่างหลังเรียนกับก่อนเรียน การทดสอบ คะแนนเฉลี่ย S.D. ร้อยละ t ก่อนเรียน 6.14 1.92 30.71 16.70* หลังเรียน 14.82 2.09 74.11 **มีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .01 จากตารางที่ 3 พบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนจากคะแนน เต็ม 20 คะแนน นักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนเท่ากับ 6.14 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 30.71 คะแนนเฉลี่ยหลังเรียนเท่ากับ 14.82 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 74.11 เมื่อน ามาเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ตอนที่ 3 ผลการหาดัชนีประสิทธิผลของการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะ วิชาคณิตศาสตร์ พื้นฐาน เรื่อง สถิติที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ตารางที่ 4 การหาดัชนีประสิทธิผลของการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะ วิชาคณิตศาสตร์ พื้นฐาน เรื่อง สถิติที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จ านวน นักเรียน (N) คะแนนเต็ม คะแนนรวม E.I ก่อนเรียน หลังเรียน 28 20 172 415 0.63


52 จากตารางที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล พบว่า การจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะ วิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เรื่อง สถิติ มีค่าดัชนีประสิทธิผลในการ เรียนรู้เท่ากับ 0.63 ซึ่งหมายความว่า การจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะ วิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน เรื่อง สถิติของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ท าให้นักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้น เท่ากับ 0.63 คิดเป็นร้อย ละ 63


53 บทที่5 สรุปผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ ผลการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะ วิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน เรื่อง สถิติที่ส่งผลต่อ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ผู้วิจัยได้น าเสนอวัตถุประสงค์ของการวิจัย สมมติฐานการวิจัย สรุปผลการวิจัย การอภิปรายผลและข้อเสนอแนะ ดังรายละเอียดต่อไปนี้ วัตถุประสงค์ของการวิจัย 1. เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน ที่มีประสิทธิภาพตาม เกณฑ์70/70 เรื่อง สถิติที่ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 2. เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึก ทักษะวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน เรื่อง สถิติของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ระหว่าง หลังเรียนกับ ก่อนเรียน 3. เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ พื้นฐาน เรื่อง สถิติของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 สมมติฐานการวิจัย 1. แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน เรื่อง สถิติของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มี ประสิทธิภาพของกระบวนการและผลลัพธ์ไม่น้อยกว่า 70/70 2. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่เรียนด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะ วิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน เรื่อง สถิติมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่าง หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน 3. แบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน เรื่อง สถิติของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มี ประสิทธิผลไม่น้อยกว่า 0.50 สรุปผลการวิจัย 1. นักเรียนที่เรียนด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะ วิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน เรื่อง สถิติที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 98.71/74.11 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์70/70 ที่ตั้งไว้ 2. นักเรียนที่เรียนด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะ วิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน เรื่อง สถิติที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีคะแนนเฉลี่ยก่อน เรียนเท่ากับ 6.14 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 30.71 คะแนนเฉลี่ยหลังเรียนเท่ากับ 14.82 คะแนน คิด เป็นร้อยละ 74.11 ซึ่งมีคะแนนเฉลี่ยของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน


54 3. นักเรียนที่เรียนด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะ วิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน เรื่อง สถิติที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีค่าดัชนีประสิทธิผล ในการเรียนรู้เท่ากับ 0.63 ท าให้นักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 63 อภิปรายผล ผลการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะ วิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน เรื่อง สถิติที่ส่งผลต่อ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีประเด็นน่าสนใจที่จะน ามาอภิปรายผล ดังนี้ 1. นักเรียนที่เรียนด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะ วิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน เรื่อง สถิติที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 พบว่า มีคะแนนเฉลี่ย จากการท าแบบฝึกทักษะและคะแนนทดสอบหลังเรียนเท่ากับ ร้อยละ 98.71 และท าคะแนนเฉลี่ย จากการทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เท่ากับ 74.11 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 98.71/74.11 แสดง ว่าการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะ วิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน เรื่อง สถิติของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ผู้ศึกษาพัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ 70/70 ที่ตั้งไว้ อาจเนื่องมาจาก แบบฝึกทักษะนี้ไดมีการสร้างจากกระบวนการที่ชัดเจน ผ่านการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญ มีการ ทดลองใช้แล้วน ามาปรับปรุงก่อนใช้จริง ท าให้นักเรียนได้ศึกษาด้วยตนเอง ไดเรียนรูไดตามศักยภาพ ของตน และแบบฝึกหัดมีความดึงดูด ท้าทายให้นักเรียนอยากลงมือท า เพื่อหาค าตอบด้วยตนเอง เนื่องจากมีความแปลกใหม่และเกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาในชีวิตจริง ท าให้นักเรียนเกิดความ คล่องแคล่ว ช านาญในเนื้อหานั้น ๆ ช่วยให้เกิดทักษะเพิ่มมากขึ้น สอดคล้องกับงานวิจัยของ จริยา ลักษณ์ กิตติกา (2559) ได้ศึกษาการพัฒนาผลการเรียนรู้คณิตศาสตร์ เรื่องสมการและการแก้สมการ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค STAD ประกอบชุดฝึกเสริมทักษะ ผลการวิจัยพบว่า 1) แผนการจัดการเรียนรู้คณิ ตศาสตร์มีประสิทธิภาพ (1/2) เท่ ากับ 84.89/79.20 2) ค่าดัชนีประสิทธิผลการเรียนรู้ของนักเรียนแบบร่วมมือเทคนิค STAD ประกอบ ชุดฝึกเสริมทักษะ คิดเป็นร้อยละ 66.97 3) นักเรียนมีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนไม่ต่ า กว่าร้อยละ 75 คิดเป็นร้อยละ 79.20 4) มีความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนรู้โดยรวมอยู่ในระดับมาก ที่สุด (̅=4.84, S.D.= 0.33) และ 5) นักเรียนมีพฤติกรรมในการเรียนโดยรวมอยู่ในระดับดี (̅=2.92, S.D.= 0.27) 2. นักเรียนที่เรียนด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะ วิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน เรื่อง สถิติที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 พบว่า มีผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียนจากคะแนนเต็ม 20 คะแนน นักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยก่อน เรียนเท่ากับ 6.14 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 30.71 คะแนนเฉลี่ยหลังเรียนเท่ากับ 14.82 คะแนน คิด เป็นร้อยละ 74.11 เมื่อน ามาเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมี


55 นัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .01 อาจเนื่องมาจาก การเรียนการสอนโดยใช้แบบฝึกทักษะความรูพื้นฐาน ทางคณิตศาสตร์มุ่งเน้นให้นักเรียน ไดศึกษาหาความรูด้วยตนเอง นักเรียนไดแสดงความคิดเห็นและ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกันกับเพื่อน ท าให้นักเรียนมีความสนใจในการเรียนมากยิ่งขึ้น สอดคล้องกับงานวิจัยของ สุภวัฒน์ นามเจริญ (2553) ได้ศึกษาการพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะ คณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ผลการวิจัยพบว่า 1) แบบฝึกเสริมทักษะ คณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วน ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 5 ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นมีประสิทธิภาพ เท่ากับ 84.39/85.59 2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หลังเรียนสูงกว่าคะแนนก่อนเรียนอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .01 3. นักเรียนที่เรียนด้วยการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะ วิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน เรื่อง สถิติที่ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีค่าดัชนีประสิทธิผล ในการเรียนรู้เท่ากับ 0.63 ซึ่งหมายความว่า การจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะ วิชาคณิตศาสตร์ พื้นฐาน เรื่อง สถิติของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ท าให้นักเรียนมีความรู้เพิ่มขึ้น เท่ากับ 0.63 คิด เป็นร้อยละ 63 อาจเป็นเพราะแบบฝึกทักษะ มีความหลากหลายและเกี่ยวข้องกับชีวิตจริงซึ่งเร้าความ สนใจของผู้เรียนได้ดี และมีความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ในแต่ละข้อของแผนการจัดการ เรียนรู้ สอดคล้องกับงานวิจัยของ ทัศนีย์ บุตรอุดม (2552) ได้ศึกษาการพัฒนาแผนการจัดกิจกรรม การเรียนรู้เรื่องสมการและการแก้สมการ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยการเรียนแบบร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับแบบฝึกทักษะ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า ได้แก่ นักเรียนชั้นชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2551 โรงเรียนบ้านโนนชาดวรุบล วิทยา อ าเภอสร้างคอม จังหวัดอุดรธานี จ านวน 24 คน ผลการศึกษาคว้าพบว่า แผนการจัดกิจกรรม การเรียนรู้ เรื่องสมการและการแก้สมการ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยการเรียนแบบร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับแบบฝึกทักษะมีประสิทธิภาพ 85.57/80.13 ดัชนี ประสิทธิผลของแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เท่ากับ 0.6924 และนักเรียนมีความพึงพอใจโดยรวม และรายข้อทุกข้ออยู่ในระดับมากที่สุด ข้อเสนอแนะ 1. ข้อเสนอแนะในการน าไปใช้ประโยชน์ 1.1 ก่อนจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้แบบฝึกทักษะความรู้พื้นฐานทาง คณิตศาสตร์ ควรมีการแนะน าให้ผู้เรียนเข้าใจวิธีการเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะก่อน เพราะถ้าผู้เรียน เกิดความสับสนหรือไม่เข้าใจ อาจส่งผลไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ได้ 1.2 ครูผู้สอนควรทบทวนเนื้อหาให้กับนักเรียนที่บกพร่องหรือไม่เข้าใจในเนื้อหานั้น ๆ และควรมีการกล่าวชมเชย ให้รางวัล หรือเสริมแรงให้แก่นักเรียนที่ตั้งใจ 2. ข้อเสนอแนะในการท าวิจัยครั้งต่อไป 2.1 ควรมีการศึกษาการใช้แบบฝึกทักษะความรูพื้นฐานทางคณิตศาสตร์กับตัวแปรอื่น ๆ


56 นอกเหนือจากผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เช่น ความมีวินัยในตนเอง ความรับผิดชอบ ความคงทนใน การเรียนรูความเชื่อมั่นในตนเอง เป็นต้น 2.2 ควรใช้วิธีการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นส าคัญด้วยวิธีการสอนรูปแบบ ต่าง ๆ โดยใช้แบบฝึกทักษะความรู้พื้นฐานทางคณิตศาสตร์เป็นส่วนประกอบในกิจกรรมการเรียน การสอน


57 เอกสารอ้างอิง กรมวิชาการ. (2545). คู่มือการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, ส านักงานเศรษฐกิจการเกษตร. ยุทธศาสตร์เกษตรและสหกรณ์ ระยะ 20 ปี (พ.ศ.2560 – 2579) และแผนพัฒนาการเกษตรในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ.2560 – 2564). กรุงเทพฯ. 2560. กระทรวงศึกษาธิการ. (2545). หลักสูตรสถานศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2544. กรุงเทพฯ: องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.). . (2551). ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ตามหลักสูตรแกนกลางการการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จ ากัด. . (2552) หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กรุงเทพมหานคร โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์ การเกษตรแห่งประเทศไทย จากัด กิดานันท มลิทอง. (2548). เทคโนโลยีการศึกษาและนวัตกรรม. กรุงเทพ: อรุณการพิมพ์. กุศยา แสงเดช. (2545). แบบฝึกคู่มือพัฒนาสื่อการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นส าคัญระดับ ประถมศึกษา. กรุงเทพฯ : บริษัทส านักพิมพ์แม็ค จ ากัด. ขนิษฐา แสงภักดี. (2540). การใช้แบบฝึกหัดการเขียนสรุปความจากร้อยแก้วของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. จริยาลักษณ์ กิตติกา. (2559). การพัฒนาผลการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ เรื่องสมการและการแก้สมการ ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 6 โดยใช้การจัดการเรียนรู้ แบบร่วมมือ เทคนิค STAD ป ร ะกอบชุดฝึกเส ริมทักษ ะ. วิทย านิพนธ์ ค .ม. (หลักสูต รและก า รเรียนสอน) มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม. จุฬารัตน์ วงษ์ศรีนาค . (2543). การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเขียนสะกดค ายากโดยใช้ แบบฝึกเสริมทักษะของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตร์ มหาบัณฑิต. บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร. ชนินทร์ชัย อินทิราภรณ์ และคณะ. (2540). พจนานุกรมศัพท์การศึกษา. กรุงเทพฯ : ไอคิว. บุ๊คเซ็นเตอร์. ชวลิต ชูก าแพง. (2551). การประเมินการเรียนรู้. พิมพ์ครั้งที่ 2. มหาสารคาม : ส านักพิมพ์.


58 ชษาพิมพ์สัมมา และ พันธุ์ธัช ศรีทิพันธุ์(2560). การพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์เรื่อง ทศนิยมและเศษส่วน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่1 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบ การสอน แบบร่วมมือกันเรียนรู้ด้วยเทคนิค STAD. วารสารสถาบันวิจัยญาณสังวร, 10(1), 37-53 ชุลีพร แจ่มถนอม. (2542). การสร้างแบบทดสอบที่ใช้ในการฝึกการคิดค านวณเคมีเรื่อง สมบัติ ของก๊าซ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4. สารนิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต, สาขาวิชาวัดผลการศึกษา, บัณฑิตวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. ถวัลย์ มาศจรัสและคณะ. (2550). นวัตกรรมการศึกษา ชุด แบบฝึกหัด-แบบฝึกเสริม ทักษะ.กรุงเทพมหานคร: เซ็นจูรี่. ทัศนีย์ บุตรอุดม . (2552). การพัฒนาแผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เรื่อง สมการและการแก้ สมการกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยการเรียนรู้แบบ ร่วมมือเทคนิค STAD ร่วมกับแบบฝึกทักษะ. การศึกษาค้นคว้าอิสระ การศึกษามหาบัณฑิต : มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. นงลักษณ์ ฉายาและคณะ. (2555). การพัฒนาแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์เรื่องสมการเชิงเส้นตัวแปร เดียว ส าหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. รายงานการวิจัย.บุรีรัมย์ : มหาวิทยาลัย ราชภัฏบุรีรัมย์. นิคม ชมพูหลง. (2545). การพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่นและการจัดท าหลักสูตรสถานศึกษา. มหาสารคาม : อภิชาติการพิมพ์. นิตยา กิจโร. (2553). การศึกษาผลการฝึกทักษะการตั้งค าถามของนักเรียนในการสอนวิชา วิทยาศาสตร์ที่ทีต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์และความคิด สร้างสรรค์ทาง วิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. ปริญญานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต, สาขาวิชาการมัธยมศึกษา, บัณฑิตวิทยาลัย, มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ นิศารัตน์ ศิลปะเดช. (2542). เอกสารประกอบการสอนวิชาระเบียบวิธีวิจัยทางสังคมศาสตร์ เบื้องต้น. กรุงเทพฯ : สถาบันราชภัฏธนบุรี. บุญชม ศรีสะอาด. (2545). การวิจัยเบื้องต้น. พิมพ์ครั้งที่ 7. กรุงเทพฯ: สุวีริยาสาสน. บุญชม ศรีสะอาด และคณะ. (2546). วิธีการทางสถิติส าหรับการวิจัย. กาฬสินธุ์ : ประสานการพิมพ์. ปาริชาติ สุพรรณกลาง. (2550). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์เรื่องการ อินทิเกรตของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ที่เรียนโดยใช้แบบฝึกเรียน เป็นรายบุคคล และเป็นกลุ่มย่อย. งานนิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต, สาขาวิชา หลักสูตรและการสอน, คณะ ศึกษาศาสตร์, มหาวิทยาลัยบูรพา.


59 ประภาพร ถิ่นอ่อง. (2553). การพัฒนาแบบฝึกทักษะวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง การแยก ตัวประกอบ ของพหุนามดีกรีสอง ส าหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่3. วิทยานิพนธ์การศึกษา มหาบัณฑิต, สาขาวิจัยและประเมินผลการศึกษา (วิจัยและพัฒนา การศึกษา), บัณฑิต วิทยาลัย, มหาวิทยาลัยนเรศวร. ปราณี จิณฤทธิ์. (2552). ผลการใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ที่มีต่อผลสัมฤทธิ์และเจตคติทางการ เรียนคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียน เคหะประชาสามัคคี จังหวัดนครราชสีมา. วิทยานิพนธ์ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต, สาขาวิชาศึกษาศาสตร์, บัณฑิต วิทยาลัย, มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ปรานี อุผ า. (2557). การพัฒนาการเรียนรู้ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาโดยใช้แบบฝึก กลุ่มสาระการ เรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4. การศึกษาค้นคว้าอิสระ ค.ม. นครพนม: มหาวิทยาลัยนครพนม. เผชิญ กิจระการ และสมนึก ภัททิยธนี. “ดัชนีประสิทธิผล (Effectiveness Index: E.I.,”วารสารการ วัดผลการศึกษา มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. 8: 31; กรกฎาคม, 2545. ไพบูลย์ มูลดี. (2546). การพัฒนาแผนการเรียนรู้และแบบฝึกทักษะการเขียนสะกดค าที่ไม่ตรง ตาม มาตราตัวสะกด กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2. วิทยานิพนธ์ การศึกษามหาบัณฑิต, สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน, บัณฑิตวิทยาลัย, มหาวิทยาลัย มหาสารคาม. ยุพิน พิพิธกุล. 2545. “แผนการจัดการเรียนรู้”, วารสารคณิตศาสตร์46 (สิงหาคม - ตุลาคม 2545), 4 - 17. เยาวดี วิบูลย์ศรี. (2540). การวัดผลและการสร้างแบบทดสอบผลสัมฤทธิ์. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย. เยาวรัตน์ คีรีรัตน์(2561) ผลการใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวก การลบ การคูณ และการหารทศนิยม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6. โรงเรียนบ้านตลาดนัดคลองขุด อ าเภอหนอง จิก จังหวัดปัตตานี. ล้วน สายยศ และอังคณา สายยศ . (2538). เทคนิคการวิจัยทางการศึกษา. กรุงเทพฯ: สุวีรยสาส์น วราภรณ์ มีหนัก. (2545). "การจดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาทักษะและกระบวนการทาง คณิตศาสตร์,”วิชาการ. 5(9), 58 - 65. บริษัท อักษรเจริญทัศน์อจท. จ ากัด. (2546). หนังสือเรียนสาระการเรียนรู้พื้นฐาน คณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์เล่ม 2. กรุงเทพฯ: บริษัท ไทยร่มเกล้า จ ากัด. ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. 2552. ตัวชี้วัดและ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ตาม หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จ ากัด.


60 สมนึก ภัททิยธนี. (2551). เทคนิคการสอนและรูปแบบการเขียนข้อสอบแบบเลือกตอบ วิชา คณิตศาสตร์เบื้องต้น. พิมพ์ครั้งที่ 3. กาฬสินธุ์ : ประสานการพิมพ์. มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. สมพร ตอยยีบี. (2554). การพัฒนาแบบฝึกทักษะการเขียนเชิงสร้างสรรค์ส าหรับนักเรียน ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนเซนต์เทเรซา หนองจอก กรุงเทพฯ. ปริญญานิพนธ์การศึกษา มหาบัณฑิต, สาขาวิชาการมัธยมศึกษา, บัณฑิตวิทยาลัย, มหาวิทยาลัย ศรีนครินทรวิโรฒ. สมศักดิ์ สินธุระเวชญ์. (2540). เอกสารทางวิชาการการพัฒนากระบวนการเรียนกาสอน. กรุงเทพฯ: ไทยวัฒนาพานิช. สมศักดิ์ ทาศรี. (2550). การพัฒนาชุดแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง พื้นที่ผิวและปริมาตร ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3. การศึกษาค้นคว้าอิสระ การศึกษามหาบัณฑิต มหาสารคาม : มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. สมหมาย อัครศรีชัยโรจน์. (2555). การพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์เรื่องสมการเชิงเส้น ตัวแปรเดียวชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1. วิทยานิพนธ์ ครุศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยราชภัฏ อุบลราชธานี. สุภวัฒน์ นามเจริญ. (2553). การพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วน ชั้น ประถมศึกษาปีที่ 5. วิทยานิพนธ์ ครุศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี. สุนันทา สุนทรประเสริฐ. (2544). การผลิตนวัตกรรมการเรียนการสอนการสร้างแบบฝึก. ชัยนาท: ชมรมพัฒนาความรู้ด้านระเบียบกฎหมาย. สุภาวดี พยัคชน. (2555). การสร้างชุดกิจกรรมกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์เรื่อง บทประยุกต์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้รูปแบบการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน. วิทยานิพนธ์ การศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา : มหาวิทยาลัยบูรพา. ส าลี รักสุทธี (ม.ป.ป.). คู่มือการจัดท าสื่อนวัตกรรมและแผนฯ ประกอบสื่อนวัตกรรม. นนทบุรี: เพิ่ม ทรัพย์การพิมพ์. อติญาณ์ ศรเกษตริน. (2543).ทฤษฎีของ Bloom มาใช้ในการจัดการเรียนรู้.หน้า72-74 ; อ้างอิง จาก ; Bloom. 1976 : 18) อารีย์ วชิรวาการ. “บทบาทบางประการของผู้บังคับบัญชา,” วารสารข้าราชการ. 44 (1) : 59-64 ; มกราคม-กุมภาพันธ์, 2546. อุษณีย์ เสือจันทร์. (2553). การพัฒนาแบบฝึกทักษะแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง วิธีเรียง สับเปลี่ยนและวิธีจัดหมู่ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ส าหรับนักเรียน ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 5. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต, สาขาวิจัยและประเมินผล การศึกษา (วิจัยและพัฒนาการศึกษา), บัณฑิตวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยนเรศวร.


61 อุษณีย์ เสือจันทร์. (2553). การพัฒนาแบบฝึกทักษะแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ เรื่อง วิธีเรียง สับเปลี่ยนและวิธีจัดหมู่ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ส าหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 5. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต, สาขาวิจัยและประเมินผล การศึกษา (วิจัยและ พัฒนาการศึกษา), บัณฑิตวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยนเรศวร. อ านวย เลื่อมใส. (2546). การสร้างหนังสือและแบบฝึกทักษะประกอบการเรียนภาษาไทย เรื่อง ผา น้ าอ้อย แบบมุ่งประสบการณ์ภาษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4. วิทยานิพนธ์การศึกษา มหาบัณฑิต, สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน, บัณฑิตวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. Goodman, Yetta M. and others. (1983). Reading Miscue Inventory : Alternative Procedures. New York : Richard C. Owen Publishers, Inc. Bloom, Benjamin S. (1976). Human Characteristics and School Learning. New York: McGraw-Hill.p.219– 224. Howie EK, Schatz J and Pate RR. (2015). Acute Effects of Classroom Exercise Breaks on Executive Function and Math Performance: A Dose-Response Study. สืบค้นเมื่อ 15 พฤศจิกายน 2018. http://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/26009945. McLaughlin, D. (1992).The Catholic school: Paradoxes and challenges. Strathfield: N.S.W.St Paul. Siemens, D.W. (1986) . The Effects of Homework Emphasis on the Time Spent Doing Homework and the Achievement of the Plane Geometry Student. Dissertation Abstracts International. Vol.10 No.3: 2954 - A.


ภาคผนวก


ภาคผนวก ก รายชื่อผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัย


รายชื่อผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัย ผู้เชี่ยวชาญด้านการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ ที่ประเมินแผนการจัดการเรียนรู้ แบบฝึกทักษะและ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน มีรายนามดังนี้ 1.นายณัฐวุฒิ พิมขาลี ครูกลุ่มสาระการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี อ าเภอเมือง จังหวัด อุดรธานี 2.นางสาวรสสุคนธ์ อุดม ครูกลุ่มสาระการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี อ าเภอเมือง จังหวัด อุดรธานี 3.นายชนินทร์ บัวบาน ครูกลุ่มสาระการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี อ าเภอเมือง จังหวัด อุดรธานี


ภาคผนวก ข ตัวอย่างเครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัยและเก็บรวบรวมข้อมูล


ตัวอย่างแบบทดสอบก่อนเรียนวิชาคณิตศาสตร์


ค ำชี้แจง ให้นักเรียนเลือกค ำตอบที่ถูกที่สุดเพียงข้อเดียว โดยท ำเครื่องหมำย (X) ลงในกระดำษค ำตอบ 1. ข้อใดไม่ใช่กระบวนกำรทำงสถิติ ก. กำรเก็บรวบรวมข้อมูล ข. กำรจัดกำรข้อมูล ค. กำรวิเครำะห์ข้อมูล ง. กำรพิสูจน์ข้อมูล 2. ข้อมูลใดอยู่ในประเภทเดียวกัน ก. เบอร์โทรศัพท์, บ้ำนเลขที่ ข. ศำสนำพุทธ, ระดับอำกำรเจ็บคอ 1-10 ค. ควำมสูง, จ ำนวนผู้ป่วยต่อปี ง. จ ำนวนประชำกรในประเทศ, น ำหนัก จำกแผนภำพที่ก ำหนดให้ ซึ่งเป็นข้อมูลจ ำนวนเล่ม ในกำรอ่ำนหนังสือของนักเรียนต่อปี (ข้อ 3-5) 3. จำกข้อมูลมีนักเรียนทั้งหมดกี่คน ก. 15 คน ข. 24 คน ค. 25 คน ง. 28 คน 4. จำกข้อมูลมีพิสัยเท่ำไร ก. 13 ข. 15 ค. 5 ง. ไม่มีข้อถูก 5. จำกข้อมูลนักเรียนที่อ่ำนหนังสือตั้งแต่ปีละ 8 เล่มขึ้นไปมีจ ำนวนกี่คน ก. 10 คน ข. 12 คน ค. 14 คน ค. 16 คน 6. แผนภำพในรูปคือกำรน ำเสนอข้อมูลแบบใด ก.แผนภำพจุด ข.แผนภำพต้น-ใบ ค. ฮิสโทแกรม ง.แผนภำพใยแมงมุม 7. จำกแผนภำพในข้อ 6 ที่ก ำหนดให้ พิสัยของ ข้อมูลคือเท่ำไร ก. 29 ข. 30 ค. 35 ง. 3 8. กำรน ำเสนอข้อมูลด้วยฮิสโทแกรม นิยมใช้กับ ข้อมูลที่มี ลักษณะแบบใด ก. ข้อมูลที่มีควำมซับซ้อน ข. ข้อมูลที่กระจำยอยู่เป็นจ ำนวนมำก ค. ข้อมูลที่มีไม่มำกนัก ง. ถูกทุกข้อ 9. จำกรูปมีจ ำนวนข้อมูลทั้งหมดกี่ข้อมูล ก. 50 ข. 60 ค. 16 ง. 189.5 10. จำกรูปภำพในข้อ 9 จ ำนวนคนที่สูงตั้งแต่ 159.5 ขึ้นไปคิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ ก. 50 % ข. 52 % ค. 54 % ง. 58 % 3. จำกแผนภำพที่ก ำหนดให้ ซ ่งเป็นข้อมูลจ ำนวนเล่มในกำรอ่ำนหนังสือของนักเรียนต่อปี 2 4 6 8 10 12 14 16 18 20 6 22 24 จ ำนวนหนังสือ (เล่ม) แบบทดสอบก่อนเรียนแบบฝึกทักษะ เรื่อง แผนภำพ ระดับชั้นมัธยมศึกษำปีที่ 2


ค ำชี้แจง : ให้นักเรียนเลือกค ำตอบที่ถูกที่สุดเพียงข้อเดียว โดยท ำเครื่องหมำย (X) ลงในกระดำษค ำตอบ 1. ข้อมูลที่ก ำหนดให้ต่อไปนี ข้อใดมีค่ำเฉลี่ยเลขคณิต มำกที่สุด ก. 25, 30, 45, 43, 52 ข. 20, 44, 40, 46, 62 ค. 40, 46, 45, 62 ง. 48, 48, 48, 48 2. จำกข้อมูลต่อไปนี มัธยฐำนมีค่ำเท่ำไร 2, 4, 6, 5, 10, 7, 9, 8, 15 ก. 7 ข. 10 ค. 8.5 ง. ไม่มีข้อถูก 3. จำกข้อมูลต่อไปนี มัธยฐำนมีค่ำเท่ำไร 10, 13, 14, 15, 17, 21, 25, 27, 32 ก. 13 ข. 17 ค. 21 ง. 32 4. จ ำนวน 5 จ ำนวนที่มีพิสัยเท่ำกับ 30 มัธยฐำน เท่ำกับ 28 และมีค่ำเฉลี่ยเท่ำกับ 25 คือข้อมูลชุดใด ก. 22, 16, 28, 13, 52 ข. 12, 26, 42, 30, 13 ค. 12, 28, 42, 13, 30 ง. 25, 25, 28, 25, 25 5. จำกข้อมูลกำรทอยลูกเต๋ำทั งหมด 20 ครั งได้ผล ดังนี ผลกำร ทอย ลูกเต๋ำ .1 2 3 4 5 6 ควำมถี่ 3 7 7 2 1 0 จงหำค่ำฐำนนิยมของข้อมูล ก. 3 ข. 7 ค. 5 ง. 3, 7 6. จำกตำรำงข้อมูลข้อที่ 5 มัธยฐำนมีค่ำเท่ำไร ก. 2 ข. 2.5 ค. 3 ง. 3.5 7. จำกตำรำงข้อมูลข้อที่ 22 ค่ำเฉลี่ยมีค่ำประมำณ เท่ำไร ก. 2.6 ข. 3.5 ค. 4.6 ง. 5.5 8. ข้อมูลในข้อใดไม่มีฐำนนิยม ก. 16 17 19 23 21 18 23 20 ข. 24 20 18 23 24 20 19 21 ค. 18 22 24 20 26 21 19 27 ง. 26 23 21 20 27 22 21 25 9. ข้อมูลเงินเดือนของพนักงำนฝ่ำยบัญชีมีหน่วยเป็น บำท มีดังนี 35,000 16,000 17,500 15,000 18,500 18,500 15,000 15,000 17,500 18,000 15,000 17,500 18,500 40,000 จำกข้อมูลข้ำงต้น ควรน ำเสนอข้อมูลตำมข้อใดจ งจะเหมำะสมมำกที่สุด ก. ฐำนนิยม ข. มัธยฐำน ค. ค่ำเฉลี่ยเลขคณิต ง. ฐำนนิยมและมัธยฐำน 10. ในกำรสอบวิชำคณิตศำสตร์ 3 ครั งของศุภศิษฎ์ มีมัธยฐำน 25 คะแนน มีค่ำเฉลี่ยเลขคณิต 26 คะแนน และมีพิสัย 3 คะแนน สุชำได้คะแนนครั งที่ มำกสุดกี่คะแนน ก. 26 คะแนน ข. 28 คะแนน ค. 30 คะแนน ง. 32 คะแนน แบบทดสอบหลังเรียนแบบฝึกทักษะ เรื่อง สถิติ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 21


ตัวอย่างแผนการจัดการเรียนรู้


แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 35 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 รหัสวิชา ค22102 ภาคเรียนที่ 2 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง สถิติ เวลาเรียน 25 ชั่วโมง เรื่อง มัธยฐาน เวลา 1 ชั่วโมง ผู้สอน นางสาวบัวชมพู ภูนาแร่ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี สอนวันที่...........เดือน...........................พ.ศ.2565 มาตรฐาน / ตัวชี้วัด มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ค 3.1 เข้าใจกระบวนการทางสถิติ และใช้ความรู้ทางสถิติในการแก้ปัญหา ตัวชี้วัด ค 3.1 ม.2/1 เข้าใจและใช้ความรู้ทางสถิติในการน าเสนอข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลจากแผนภาพจุด แผนภาพต้น - ใบ ฮิสโทแกรม และค่ากลางของข้อมูล และแปลความหมายผลลัพธ์ รวมทั้งน าสถิติไปใช้ในชีวิตจริงโดยใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม สาระส าคัญ/ความคิดรวบยอด มัธยฐาน คือ ค่าที่มีต าแหน่งอยู่กึ่งกลางของข้อมูลทั้งหมด เมื่อเรียงจากน้อยไปมากหรือเรียงจากมากไป น้อย อาจใช้ตัวย่อ “Med” แทนค่ามัธยฐานของข้อมูล ในกรณีจ านวนทั้งหมดเป็นจ านวนคู่ ให้หาค่าเฉลี่ยเลข คณิตของข้อมูลคู่ที่อยู่ตรงกลาง จุดประสงค์การเรียนรู้เมื่อเรียนจบบทเรียนนี้แล้วนักเรียนสามารถ 1) อธิบายความหมายของมัธยฐานได้ (K) 2) แสดงวิธีการหามัธยฐานของข้อมูลที่ก าหนดให้ได้ถูกต้อง (P) 3) น าความรู้เกี่ยวกับมัธยฐานไปใช้ในชีวิตจริงได้ (A) สาระการเรียนรู้ ความหมายและการหาค่ามัธยฐาน สมรรถนะส าคัญของผู้เรียนและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 1. มีวินัย รับผิดชอบ 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการท างาน


การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นที่ 1 ขั้นน าเข้าสู่บทเรียน 1. ครูกล่าวทักทายนักเรียนพร้อมทั้งตรวจสอบรายชื่อการเข้าเรียนของนักเรียน 2. ครูสนทนากับนักเรียนทบทวนความรู้เกี่ยวกับการหาค่าเฉลี่ยเลขคณิต ซึ่งการใช้ค่าเฉลี่ยเลขคณิตเพื่อ เป็นตัวแทนของข้อมูล อาจไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสมเสมอไป ให้พิจารณาการหาค่ากลางของข้อมูลโดยวิธีหา ค่าเฉลี่ยเลขคณิตจากสถานการณ์ 3. ครูน าเสนอสถานการณ์ตัวอย่าง ดังนี้พนักงาน 7 คนของบริษัทแห่งหนึ่งมีรายได้ต่อเดือน ดังนี้ 300,000 บาท 60,000 บาท 36,000 บาท 32,000 บาท 30,000 บาท 28,000 บาท 18,000 บาท ผลบวกของรายได้ของพนักงาน 7 คนเท่ากับ 300,000+60,000+36,000+32,000 +30,000+28,000+18,000 = 504,000 บาท ดังนั้น ค่าเฉลี่ยเลขคณิตเท่ากับ = 72,000 7 504,000 บาท ถ้าเราใช้ค่าเฉลี่ยเลขคณิตนี้เป็นตัวแทนแสดงรายได้ต่อเดือนของพนักงานกลุ่มนี้ ค่าดังกล่าวจะไม่ เหมาะสมเพราะจากพนักงานทั้งหมด 7 คนมีถึง 6 คนที่แต่ละคนมีรายได้ต่ ากว่า 72,000บาท 4. ครูจึงเพิ่มเติมว่าค่ากลางของข้อมูลที่เหมาะสมกับข้อมูลที่มีค่าต่างกันมากควรที่จะใช้ข้อมูลจากการหา ค่ามัธยฐาน ขั้นที่ 2 ขั้นสอน 5. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อหาวิธีการหาข้อมูลที่เหมาะสมที่สุด ลองพิจารณาการหาค่ากลางของข้อมูลอีกหนึ่งวิธี ซึ่งได้จากการเรียงข้อมูลจากน้อยไปมาก แล้ว เลือกข้อมูลที่อยู่ตรงกลางของข้อมูลทั้งหมด ดังนี้ 18,000 28,000 30,000 32,000 36,000 60,000 300,000 จะเห็นว่าข้อมูลที่อยู่ตรงกลางของข้อมูลทั้งหมด คือ 32,000 ซึ่งเป็นรายได้ที่ใกล้เคียงกับรายได้ของ พนักงานส่วนใหญ่ดังนั้น ค่ากลางที่เหมาะสมเป็นตัวแทนของข้อมูลชุดนี้คือ 32,000 บาท ซึ่งเรียกว่า มัธยฐาน 6. ครูน าเสนอตัวอย่างข้อมูลที่ต้องใช้ ค่ามัธยฐานเข้ามาเกี่ยวข้อง จงหามัธยฐานของคะแนนสอบของนักเรียน 20 คน ดังในตาราง คะแนน 10 14 16 20 ความถี่ (คน) 4 6 5 5 7. ครูอภิปรายร่วมกับนักเรียนเกี่ยวกับวิธีการหาค่ามัธยฐานของข้อมูลนี้ - เรียงล าดับคะแนนทั้งหมดจากน้อยไปมากตามจ านวนนักเรียนได้ดังนี้ ขอ้มูลที่อยตู่รงกลาง


ข้อ 10,10,10,10,14,14,14,14,14,14,16,16,16,16,16,20,20,20,20,20 ข้อมูลคู่ที่อยู่ตรงกลาง - เนื่องจาก จ านวนข้อมูลเป็นจ านวนคู่ จะใช้ค่าเฉลี่ยเลขคณิตของข้อมูลคู่ที่อยู่ตรงกลางเป็น มัธยฐาน ดังนั้น มัธยฐานของคะแนนสอบ เท่ากับ 14+16 2 = 15 คะแนน ขั้นสรุปและฝึกทักษะ 8. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็น 6 กลุ่ม เพื่อท ากิจกรรมเรียงเบอร์หาค่ากลาง โดยกติกามีอยู่ว่า ให้ นักเรียนแต่ละกลุ่มจับฉลากตัวเลขขึ้นมาแล้วน ามาเรียงจากมากไปน้อยหรือจากน้อยไปมากก็ได้ แล้วให้แต่ละกลุ่ม แข่งกันหาค่ามัธยฐานของ 9. ครูให้เวลาในการจัดกิจกรรมนี้ 10 นาที 10. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายน าไปสู่ข้อสรุป มัธยฐาน คือ ค่าค่าหนึ่งซึ่งเมื่อเรียงข้อมูลจากน้อยไป มากแล้วจ านวนของข้อมูลที่น้อยกว่าหรือเท่ากับค่านั้น จะเท่ากับ จ านวนของข้อมูลที่มากกว่าหรือเท่ากับคนนั้น 11. ครูให้นักเรียนบอกวิธีการเลือกใช้ค่ากลางทางคณิตศาสตร์ ระหว่างค่าเฉลี่ยเลขคณิตและมัธยฐานมี ความแตกต่างกันอย่างไร 12. ครูเปิดโอกาส ให้นักเรียนซักถามข้อสงสัย และอธิบายจนเข้าใจ ขั้นวัดและประเมินผล 13. ครูให้นักเรียนท าแบบฝึกทักษะ 1.6 สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 1. สื่อการเรียนรู้ 1.1 หนังสือเรียนวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เล่ม 2 (อจท.) หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 สถิติ 1.2 แบบฝึกทักษะที่ 1.6 2. แหล่งการเรียนรู้ 2.1 ห้องสมุดมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี การวัดและการประเมินผล สิ่งที่ต้องประเมิน เครื่องมือที่ใช้ วิธีการประเมิน เกณฑ์การ ประเมิน 1. ด้านความรู้ นักเรียนสามารถอธิบาย ความหมายของมัธยฐานได้ (K) แบบฝึกทักษะที่ 1.6 ตรวจแบบฝึกทักษะที่ 1.6 ถูกต้องร้อยละ 70 ขึ้นไป


สิ่งที่ต้องประเมิน เครื่องมือที่ใช้ วิธีการประเมิน เกณฑ์การ ประเมิน 2. ด้านทักษะ/กระบวนการ นักเรียนสามารถแสดงวิธีการ หามัธยฐานของข้อมูลที่ก าหนดให้ได้ ถูกต้อง (P) แบบฝึกทักษะที่ 1.6 ตรวจแบบฝึกทักษะที่ 1.6 ถูกต้องร้อยละ 70 ขึ้นไป 3. ด้านคุณลักษณะ นักเรียนสามารถน าความรู้ เกี่ยวกับมัธยฐานไปใช้ในชีวิตจริงได้ (A) แบบสังเกตพฤติกรรม รายบุคคล ประจ า หน่วยที่ 2 เรื่อง สถิติ สังเกตพฤติกรรมในชั้น เรียน ผ่านเกณฑ์ใน ระดับ ดีขึ้นไป


154 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 37 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 รหัสวิชา ค22102 ภาคเรียนที่ 2 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 เรื่อง สถิติ เวลาเรียน 25 ชั่วโมง เรื่อง ฐานนิยม เวลา 1 ชั่วโมง ผู้สอน นางสาวบัวชมพู ภูนาแร่ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี สอนวันที่...........เดือน...........................พ.ศ.2565 มาตรฐาน / ตัวชี้วัด มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ค 3.1 เข้าใจกระบวนการทางสถิติ และใช้ความรู้ทางสถิติในการแก้ปัญหา ตัวชี้วัด ค 3.1 ม.2/1 เข้าใจและใช้ความรู้ทางสถิติในการน าเสนอข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลจากแผนภาพจุด แผนภาพต้น - ใบ ฮิสโทแกรม และค่ากลางของข้อมูล และแปลความหมายผลลัพธ์ รวมทั้งน าสถิติไปใช้ในชีวิตจริงโดยใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม สาระส าคัญ/ความคิดรวบยอด ฐานนิยม (Mode) คือ ข้อมูลที่มีความถี่มากที่สุดในข้อมูลแต่ละชุดหรือข้อมูลที่มีค่าซ้ ากันมากที่สุด ฐาน นิยมเป็นการหาค่ากลางที่เหมาะสมส าหรับข้อมูลเชิงคุณภาพ และมีเงื่อนไขว่าในข้อมูลแต่ละชุดจะมีฐานนิยมได้ อย่างมาก 2 ตัวเท่านั้น ถ้ามีมากกว่านั้นให้ถือว่าไม่มีฐานนิยม จุดประสงค์การเรียนรู้เมื่อเรียนจบบทเรียนนี้แล้วนักเรียนสามารถ 1) อธิบายความหมายของฐานนิยมได้ (K) 2) แสดงวิธีการหาฐานนิยมของข้อมูลที่ก าหนดให้ได้ถูกต้อง (P) 3) น าความรู้เกี่ยวกับฐานนิยมไปใช้ในชีวิตจริงได้ (A) สาระการเรียนรู้ ความหมายและการหาค่าฐานนิยม สมรรถนะส าคัญของผู้เรียนและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 1. มีวินัย รับผิดชอบ 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการท างาน


155 การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นที่ 1 ขั้นน าเข้าสู่บทเรียน 1. ครูกล่าวทักทายนักเรียนพร้อมทั้งตรวจสอบรายชื่อการเข้าเรียนของนักเรียน 2. ครูทบทวนความรู้เดิม ดังนี้ ข้อมูลแบ่งออกเป็นกี่ประเภท อย่างไรบ้าง (แนวตอบ 2 ประเภท ได้แก่ ข้อมูลเชิงปริมาณและข้อมูลเชิงคุณภาพ) ค่ากลางของข้อมูลชนิดใดที่นักเรียนได้ศึกษามาแล้ว (แนวตอบ ค่าเฉลี่ยเลขคณิตและมัธยฐาน) ค่ากลางทั้งสองชนิดใช้กับข้อมูลประเภทใด (แนวตอบ ข้อมูลเชิงปริมาณและข้อมูลเชิงคุณภาพ) ค่ากลางของข้อมูลชนิดใด เหมาะสมที่จะใช้เป็นตัวแทนของข้อมูลเชิงคุณภาพ (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบได้หลากหลายขึ้นอยู่กับความรู้พื้นฐานของนักเรียน) ขั้นที่ 2 ขั้นสอน 3. ครูให้นักเรียนสังเกตแผนภาพจุดแสดงความถี่ของข้อมูลชุดหนึ่ง 4. ครูตั้งค าถามกับนักเรียน ดังนี้ จากแผนภาพจุดข้างต้น จ านวนใดมีความถี่น้อยที่สุด (แนวตอบ 1 และ 3) จากแผนภาพจุดข้างต้น จ านวนใดมีความถี่มากที่สุด (แนวตอบ 4) 5. ครูกล่าวว่า ในทางสถิติข้อมูลข้อมูลที่มีความถี่มากที่สุดในข้อมูลแต่ละชุด เรียกว่า ฐานนิยม ซึ่งฐาน นิยมเป็นการหาค่ากลางที่เหมาะสมส าหรับข้อมูลเชิงคุณภาพ แต่ข้อมูลเชิงปริมาณก็สามารถหาค่ากลางโดยใช้ฐาน นิยมได้เช่นกัน ขั้นสรุปและฝึกทักษะ 6. ครูให้นักเรียนร่วมกันสรุปว่า “ในทางสถิติข้อมูลที่มีความถี่มากที่สุดในข้อมูลแต่ละชุด เรียกว่า ฐานนิยม ซึ่งฐานนิยมเป็นการหาค่ากลางที่เหมาะส าหรับข้อมูลเชิงคุณภาพ” ขั้นวัดและประเมินผล 13. ครูให้นักเรียนท าแบบฝึกทักษะ 1.7 ข้อที่ 1-3


156 สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 1. สื่อการเรียนรู้ 1.1 หนังสือเรียนวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เล่ม 2 (อจท.) หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 สถิติ 1.2 แบบฝึกทักษะที่ 1.7 2. แหล่งการเรียนรู้ 2.1 ห้องสมุดมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี การวัดและการประเมินผล สิ่งที่ต้องประเมิน เครื่องมือที่ใช้ วิธีการประเมิน เกณฑ์การ ประเมิน 1. ด้านความรู้ นักเรียนสามารถอธิบาย ความหมายของฐานนิยมได้ (K) แบบฝึกทักษะที่ 1.7 ตรวจแบบฝึกทักษะที่ 1.7 ถูกต้องร้อยละ 70 ขึ้นไป 2. ด้านทักษะ/กระบวนการ นักเรียนสามารถแสดงวิธีการหา ฐานนิยมของข้อมูลที่ก าหนดให้ได้ ถูกต้อง (P) แบบฝึกทักษะที่ 1.7 ตรวจแบบฝึกทักษะที่ 1.7 ถูกต้องร้อยละ 70 ขึ้นไป 3. ด้านคุณลักษณะ นักเรียนสามารถน าความรู้ เกี่ยวกับฐานนิยมไปใช้ในชีวิตจริงได้ (A) แบบสังเกตพฤติกรรม รายบุคคล ประจ า หน่วยที่ 2 เรื่อง สถิติ สังเกตพฤติกรรมในชั้น เรียน ผ่านเกณฑ์ใน ระดับ ดีขึ้นไป


157 บันทึกผลหลังการสอน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ม.2/1 วันที่............................................................... ผลการจัดการเรียนรู้ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….……………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….……………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………………………………………….…… ปัญหาและอุปสรรค …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….……………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….……………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………………………………………….…… แนวทางการแก้ไขปัญหา …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….……………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….……………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………………………………………….…… ลงชื่อ ............................................ (ผู้สอน) (นางสาวบัวชมพู ภูนาแร่) นักศึกษาปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ............/............../..............


158 บันทึกผลหลังการสอน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ม.2/2 วันที่............................................................... ผลการจัดการเรียนรู้ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….……………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….……………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………………………………………….…… ปัญหาและอุปสรรค …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….……………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….……………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………………………………………….…… แนวทางการแก้ไขปัญหา …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….……………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….……………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………………………………………….…… ลงชื่อ ............................................ (ผู้สอน) (นางสาวบัวชมพูภูนาแร่) นักศึกษาปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ............/............../..............


159 บันทึกผลหลังการสอน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ม.2/3 วันที่............................................................... ผลการจัดการเรียนรู้ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….……………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….……………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………………………………………….…… ปัญหาและอุปสรรค …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….……………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….……………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………………………………………….…… แนวทางการแก้ไขปัญหา …………………………………………………………………………………………………………………………………………………….……………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….……………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………………………………………….…… ลงชื่อ ............................................ (ผู้สอน) (นางสาวบัวชมพูภูนาแร่) นักศึกษาปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ............/............../..............


160 ค าชี้แจง : จงหาฐานนิยมต่อไปนี้ 1. 110 130 130 160 170 200 190 ฐานนิยม คือ...................................................................................... 2. 250 126 128 203 226 229 250 ฐานนิยม คือ...................................................................................... 3. ความสูงของนักเรียนชุดหนึ่ง เป็นดังนี้ 157 156 160 151 175 163 158 ฐานนิยม คือ...................................................................................... 4. คะแนนชุดหนึ่งมีดังนี้ 5, 14, 6, x, 6, 8, 9, 5, 11, 10 ถ้าค่าเฉลี่ยเลขคณิตในคะแนนชุดนี้เท่ากับ 8 จงหาฐาน นิยม ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 5. ส ารวจข้อมูลนักเรียนจ านวน 10 คน ที่น าเงินมาโรงเรียนในแต่ละวัน ได้ดังนี้ 18 20 x 16 17 20 19 15 10 16 ถ้าค่าเฉลี่ยเลขคณิตเท่ากับ 17 และมัยฐานฐานเท่ากับ 17.5 จงหาฐานนิยม ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ชื่อ .....................................................................................................ชั้น............เลขที่............ แบบฝึกทักษะที่ 1.7 เรื่อง ฐานนิยม(เฉลย)


161 ค าชี้แจง : จงหาฐานนิยมต่อไปนี้ 1. 110 130 130 160 170 200 190 ฐานนิยม คือ.................130.................................................................... 2. 250 126 128 203 226 229 250 ฐานนิยม คือ..................ไม่มี.................................................................... 3. ความสูงของนักเรียนชุดหนึ่ง เป็นดังนี้ 157 156 160 151 175 163 158 ฐานนิยม คือ..................ไม่มี.................................................................... 4. คะแนนชุดหนึ่งมีดังนี้ 5, 14, 6, x, 6, 8, 9, 5, 11, 10 ถ้าค่าเฉลี่ยเลขคณิตในคะแนนชุดนี้เท่ากับ 8 จงหาฐาน นิยม ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 5. ส ารวจข้อมูลนักเรียนจ านวน 10 คน ที่น าเงินมาโรงเรียนในแต่ละวัน ได้ดังนี้ 18 20 x 16 17 20 19 15 10 16 ถ้าค่าเฉลี่ยเลขคณิตเท่ากับ 17 และมัยฐานฐานเท่ากับ 17.5 จงหาฐานนิยม ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ แบบฝึกทักษะที่ 1.7 เรื่อง ฐานนิยม(เฉลย) ค่าเฉลี่ย = 5 14 6 6 8 9 11 10 9 x 8 = 69 9 x 8(9) = 69 + x 72 - 69 = x x = 3 ค่าเฉลี่ย = 18 20 16 17 20 19 15 10 16 10 x 17 = 151 10 x 170 = 151 + x x = 19


ตัวอย่างแบบฝึกทักษะ


แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง สถิติ ส าหรับนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 นี้ จัดท าขึ้นตาม ตัวชี้วัดและมาตรฐานการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น พื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุงพุทธศักราช 2560) ใช้ประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้ควบคู่กับแผนการจัดการเรียนรู้เพื่อให้นักเรียนได้ศึกษา ท าความเข้าใจ และฝึกฝนเกิดทักษะ การเรียนรู้เบื้องตันเกี่ยวกับสถิติมากยิ่งขึ้น สามารถน าไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจ าวันได้อย่างมี ประสิทธิภาพ แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์เรื่อง สถิตินี้มีทั้งหมด 2 เล่ม ได้แก่ เล่มที่ 1 แผนภาพ เล่มที่ 2 สถิติ แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เล่มที่ 1 เรื่อง แผนภาพ โดยเนื้อหาประกอบด้วย ค าชี้แจงการใช้ แบบฝึกทักษะ มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด สาระส าคัญ สาระการเรียนรู้ จุดประสงค์การเรียนรู้ แบบทดสอบก่อนเรียน ใบความรู้ที่มีเนื้อหาและตัวอย่างประกอบ แบบฝึกทักษะ แบบทดสอบหลัง เรียน โดยมุ่งเน้นให้นักเรียนประสบผลส าเร็จในการเรียนรู้ และมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่สูงขึ้น ผู้จัดท าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง สถิติ นี้จะเป็นเครื่องมือที่ใช้พัฒนานักเรียน ให้มีผลการเรียนที่ก้าวหน้ายิ่งขึ้นไป และเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจจะน าไปประยุกต์ใช้ตามสมควร บัวชมพู ภูนาแร่ ก ก


เรื่อง หน้า ค าน า ก สารบัญ ข ค าชี้แจงในการใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ ค ค าแนะน าการใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ส าหรับครู 1 ค าแนะน าการใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ส าหรับนักเรียน 2 ขั้นตอนการเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ 3 มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด 4 สาระส าคัญ/สาระการเรียนรู้/จุดประสงค์การเรียนรู้ 5 แบบทดสอบก่อนเรียน 7 กระดาษค าตอบแบบทดสอบก่อนเรียน 8 ใบความรู้ที่ 1.1 เรื่อง สถิติและแผนภาพ 9 แบบฝึกทักษะที่ 1.1 10 แบบฝึกทักษะที่ 1.2 12 ใบความรู้ที่ 1.2 เรื่อง แผนภาพต้น – ใบ 14 แบบฝึกทักษะที่ 1.3 15 ใบความรู้ที่ 1.3 เรื่อง ฮิสโทแกรม 17 แบบฝึกทักษะที่ 1.4 19 แบบทดสอบหลังเรียน 23 กระดาษค าตอบแบบทดสอบหลังเรียน 24 ตารางบันทึกคะแนน 29 ภาคผนวก 26 เฉลยแบบฝึกทักษะที่ 1.1 27 เฉลยแบบฝึกทักษะที่ 1.2 28 เฉลยแบบฝึกทักษะที่ 1.3 29 เฉลยแบบฝึกทักษะที่ 1.4 30 เฉลยแบบทดสอบ 33 ข


1. แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง สถิติรายวิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน รหัสวิชา ค22102 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ใช้ประกอบการจัดการเรียนรู้ หน่วยที่ 2 เรื่องสถิติ โดยใช้ควบคู่กับการ จัดการเรียนรู้เรื่อง สถิติ ดังนี้ เล่มที่ 1 เรื่องแผนภาพ จ านวน 13 แผน 2. แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ ประกอบด้วย 2.1 ค าชี้แจงในการใช้แบบฝึกทักษะ 2.2 ค าแนะน าการใช้แบบฝึกทักษะส าหรับครู 2.3 ค าแนะน าการใช้แบบฝึกทักษะส าหรับนักเรียน 2.4 ขั้นตอนการเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะ 2.5 มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด 2.6 สาระส าคัญ/สาระการเรียนรู้/จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.7 แบบทดสอบก่อนเรียน 2.8 ใบความรู้ 2.9 แบบฝึกทักษะ 2.10 แบบทดสอบหลังเรียน 2.11 เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน 2.12 เฉลยแบบฝึกทักษะ 2.13 เฉลยแบบทดสอบหลังเรียน 3. แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์เล่มนี้ใช้เวลาเรียน 13 ชั่วโมง ค ค


เมื่อครูผู้สอนได้น าแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์เล่มนี้ไปใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน ควรปฏิบัติดังนี้ 1. จัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เล่ม นี้ควบคู่กับการจัดการเรียนรู้เรื่อง สถิติ 2. ทดสอบความรู้ก่อนเรียนของนักเรียน เพื่อวัดความรู้พื้นฐานของนักเรียนแต่ละคน 3. ชี้แจงให้นักเรียนอ่านค าแนะน าในการใช้แบบฝึกทักษะ และควรปฏิบัติตามทุกขั้นตอนใน การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน 4. ขณะปฏิบัติกิจกรรมควรแนะน านักเรียนอย่างใกล้ชิด 5. เมื่อนักเรียนท าแบบฝึกทักษะเสร็จแล้วให้นักเรียนตรวจค าตอบจากเฉลยแบบฝึกทักษะ (ในบางครั้งครูร่วมเฉลยกับนักเรียน) 6. ให้นักเรียนซักถามเนื้อหาที่ไม่เข้าใจ แล้วครูอธิบายเพิ่มเติม 7. ทดสอบความรู้ของนักเรียนโดยใช้แบบทดสอบหลังเรียน 8. ตรวจค าตอบแบบทดสอบหลังเรียนจากเฉลยแบบทดสอบหลังเรียน (บางครั้งร่วมกับนักเรียนเฉลยค าตอบของแบบทดสอบหลังเรียน) 1 1


ใช้ได้ 2 แบบ 1. ใช้ประกอบการเรียนในรายวิชา คณิตศาสตร์พื้นฐาน เรื่อง สถิติ 2. ใช้ศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเอง ในการศึกษาแบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ วิชาคณิตศาสตร์พื้นฐาน รหัสวิชา ค22102 เรื่อง สถิติส าหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 นักเรียนควรปฏิบัติตามค าแนะน า ดังนี้ 1. อ่านค าชี้แจงเกี่ยวกับแบบฝึกทักษะ และค าแนะน าการใช้แบบฝึกทักษะส าหรับนักเรียน ให้เข้าใจก่อนลงมือท างานหรือท าการศึกษาทุกครั้ง 2. ท าแบบทดสอบก่อนเรียน จ านวน 10 ข้อ เป็นแบบทดสอบแบบปรนัย 4 ตัวเลือก เพื่อ ทราบพื้นฐานความรู้เดิมของตนเอง 3. ตรวจค าตอบแบบทดสอบก่อนเรียนจากเฉลยแบบทดสอบก่อนเรียนพร้อมบันทึกผลการ สอบลงในตารางบันทึกคะแนน 4. ศึกษาสาระส าคัญ จุดประสงค์การเรียนรู้ ใบความรู้พร้อมเนื้อหาและตัวอย่างประกอบให้ เข้าใจ หากนักเรียนไม่เข้าใจควรไปขอค าแนะน าจากคุณครูก่อนลงมือท าแบบฝึกทักษะ 5. ท าแบบฝึกทักษะทีละแบบฝึกให้เสร็จด้วยตนเอง โดยเขียนค าตอบลงในแบบฝึกทักษะ ห้ามเปิดดูเฉลยแบบฝึกทักษะก่อนท าแบบฝึกทักษะ 6. ตรวจค าตอบแบบฝึกทักษะ โดยเปิดดูเฉลยแบบฝึกทักษะ (บางกิจกรรมร่วมเฉลยพร้อมกับ ครู) และบันทึกผลคะแนน การท าแบบฝึกทักษะลงในตารางบันทึกคะแนน 7. ท าแบบทดสอบหลังเรียน 8. ตรวจค าตอบแบบทดสอบหลังเรียนจากเฉลยแบบทดสอบหลังเรียนพร้อมบันทึกผลการ สอบลงในตารางบันทึกคะแนน 9. สังเกตคะแนนที่ได้จากการท าแบบทดสอบก่อนเรียน – หลังเรียนเพื่อทราบความก้าวหน้า ของตนเอง 2


Click to View FlipBook Version