คานา
เอกสารประกอบการสอนรายวชิ าชาววงั สวนสนุ นั ทา รหสั วิชา GEN0101 เป็ นเอกสารประกอบการสอน
ท่ีเรียบเรียงขึน้ ตามหลกั สตู รระดบั ปริญญาตรี หมวดวิชาศกึ ษาทว่ั ไป หลกั สูตรปรับปรุง พ.ศ. 2652
ซ่งึ เนือ้ หาได้ ครอบคลมุ ประวตั ิ ความเป็ นมา ภูมิปัญญา และวิถีชีวิตชาววงั สวนสนุ นั ทาอตั ลกั ษณ์และ
เอกลกั ษณ์ของมหาวิทยาลยั ราชภฏั สวนสุนนั ทา บคุ ลิกภาพ การใช้ชีวิต ความรัก และความผกู พนั ของ
นกั ศกึ ษา
เนือ้ หาในเอกสารจะประกอบด้วยเนือ้ หา 8 บท โดยเร่ิมตงั้ แต่ ประวตั ิศาสตร์สวนสนุ นั ทา เจ้านาย
และการดารงชีวิตในอุทยานสวนสุนันทา ภูมิปัญญาท่ีสั่งสมจากวังสวนสุนันทา สวนสุนันทากับ
การเปล่ียนผา่ น จากพระราชอทุ ยานสสู่ ถานศกึ ษา เอกลกั ษณ์แหง่ สวนสนุ นั ทา อตั ลกั ษณ์นกั ศกึ ษาสวน
สนุ นั ทา และบณั ฑิตสวนสนุ นั ทา
ดงั นนั้ คณะผ้เู ขียนหวงั เป็ นอยา่ งยิ่งวา่ เอกสารประกอบการสอนรายวิชาชาววงั สวนสนุ นั ทาเลม่ นี ้
จะเป็ นประโยชน์ตอ่ นกั ศกึ ษาท่ีใช้ประกอบการเรียนการสอนในรายวิชาดงั กล่าวและยงั เป็ นประโยชน์ต่อ
บคุ คลที่สนใจด้านประวตั ศิ าสตร์ ความเป็ นมาของสถานที่อนั ศกั ดิสิทธิ์และทรงเกียรติแห่งนี ้รวมถึงคณุ คา่
ของความเป็ นชาวสวนสุนนั ทาท่ีได้ถ่ายทอดมาจากรุ่นส่รู ุ่น นอกจากนี ้ ยังได้รับความอนุเคราะห์จาก
ผ้ทู รงคณุ วฒุ ิท่ีคอยให้คาปรึกษาในการเรียบเรียงและปรับปรุงเนือ้ หา จงึ ขอขอบพระคณุ ทกุ ท่านเป็ นอย่างย่ิง
มา ณ โอกาสนี ้
สานกั วิชาการศกึ ษาทว่ั ไปและนวตั กรรมการเรียนรู้อิเล็กทรอนกิ ส์
มิถนุ ายน พ.ศ. 2562
ก
สารบญั หน้า
ก
คานา ข
สารบัญ 1
บทท่ี 1 ประวตั ศิ าสตร์สวนสนุ นั ทา 1
1.1 พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั โปรดให้สร้าง 5
อทุ ยานสวนสนุ นั ทา 5
6
1.2 แผนผงั สวนสนุ นั ทา 10
1.2.1 อาณาเขตพระราชอทุ ยาน 11
1.2. 2 พระท่ีนง่ั พระตาหนกั และเรือนตา่ ง ๆ ในสวนสนุ นั ทา 12
13
1.3 การพฒั นาสวนสนุ นั ทา ให้เป็นที่ประทบั ของเจ้านาย 14
1.4 พนั ธ์ุไม้ในสวนสนุ นั ทา 15
สรุป 15
คาถามทบทวน 15
เอกสารอ้างองิ 16
บทท่ี 2 เจ้านายและการดารงชีวิตในอทุ ยานสวนสนุ นั ทา 18
2.1 เจ้านายท่ีเก่ียวข้องและประทบั ในอทุ ยานสวนสนุ นั ทา 19
19
2.1.1 พระภรรยาเจ้า
2.1.2 พระราชธิดา 21
2.1.3 บาทบริจาริกา
2.2 การดารงชีวิตของเจ้านาย 22
2.2.1 พระวมิ าดาเธอ พระองคเ์ จ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสธุ าสนิ ีนาฏ 24
24
ปิ ยมหาราชปดวิ รัดา 25
2.2.2 พระราชธิดาในพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั ท่ีประทบั ที่
สวนสนุ นั ทา
2.2.3 เจ้าจอมที่อยใู่ นวงั สวนสนุ นั ทา
สรุป
คาถามทบทวน
เอกสารอ้างอิง
ข
สารบญั (ต่อ) หน้า
27
บทที่ 3 ภมู ิปัญญาท่ีสง่ั สมจากวงั สวนสนุ นั ทา 27
3.1 ภมู ปิ ัญญาด้านอาหาร 27
3.1.1 การทาอาหาร 31
3.1.2 ด้านการถนอมอาหาร (Food Preservation) 32
3.2 ภมู ปิ ัญญาด้านงานศลิ ป์ 32
3.2.1 เคร่ืองแขวน ในสมยั รัชกาลที่ 5 32
3.2.2 การวาดภาพ 34
3.3 ภมู ปิ ัญญาด้านศลิ ปะการแสดง 34
3.3.1 ดนตรี 35
3.3.2 การแสดงละคร 35
3.4 ภมู ิปัญญาด้านการทาเคร่ืองหอม 35
3.4.1 การทาบหุ งา 36
3.4.2 นา้ ปรุง 38
สรุป 39
คาถามทบทวน 41
41
บทที่ 4 สวนสนุ นั ทากบั การเปลี่ยนผ่าน
4.1 ความสมั พนั ธ์ทางการทตู ของราชสานกั กบั ประเทศยโุ รปในรัชสมัย 45
พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั 45
4.2 วฒั นธรรมตะวนั ตกที่มีอิทธิพลตอ่ ราชสานกั 46
4.2.1 ด้านการทหาร 46
4.2.2 ด้านการศกึ ษา 46
4.2.3 ด้านการวทิ ยาการ 48
4.2.4 ด้านการพิมพ์ 48
4.2.5 ด้านวิถีการดาเนินชีวิต 50
4.3 การรับเอาวฒั นธรรมตะวนั ตกส่รู าชสานกั 52
4.4 สวนสนุ นั ทากบั การปรับตวั ให้ศวิ ไิ ลซ์แบบตะวนั ตก 53
4.5 การเปล่ียนผา่ นจากราชสานกั สกู่ ารเป็นมหาวิทยาลยั
สรุป ค
สารบญั (ต่อ) หน้า
คาถามทบทวน 54
เอกสารอ้างอิง 56
บทที่ 5 จากพระราชอทุ ยานสสู่ ถานศกึ ษา 57
5.1 สานกั ศกึ ษาสาหรับการฝึกหดั ครูฝ่ ายสตรี 57
5.2 ก่อร่างสร้างสถานศกึ ษา 59
5.3 โรงเรียนสวนสนุ นั ทาวิทยาลยั 62
5.4 วทิ ยาลยั ครูสวนสนุ นั ทา 66
5.5 จากวทิ ยาลยั ครู สสู่ ถาบนั ราชภฏั 72
5.6 พระราชลญั จรเป็นตราสญั ลกั ษณ์พระราชทาน 75
5.7 มหาวิทยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทา 78
สรุป 79
คาถามทบทวน 80
เอกสารอ้างอิง 81
บทที่ 6 เอกลกั ษณ์แหง่ สวนสนุ นั ทา 83
6.1 คณุ หญิงกรองแก้ว ปทมุ านนท์ บคุ คลสาคญั ผ้มู ีคณุ ปู การตอ่ “สวนสนุ นั ทา” 83
85
6.1.1 งานการศกึ ษา 86
6.1.2 งานกิจกรรม 90
6.2 สญั ลกั ษณ์ศนู ย์รวมจติ ใจชาวสวนสนุ นั ทาทงั้ มวล 96
สรุป 97
คาถามทบทวน 98
เอกสารอ้างองิ 99
บทท่ี 7 อตั ลกั ษณ์นกั ศกึ ษาสวนสนุ นั ทา 99
7.1 อตั ลกั ษณ์ ความหมาย ความสาคญั แนวคดิ 100
7.2 อตั ลกั ษณ์ของมหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทากบั โลกแหง่ ศตวรรษที่ 21 100
7.2.1 เอกลกั ษณ์ 100
7.2.2 เน้นคาสาคญั ในเอกลกั ษณ์ 100
7.3 สถาบนั ความรู้ 104
7.3.2 ความรู้พืน้ ฐานด้านความเป็นพลเมือง (Civic Literacy)
ง
สารบญั (ต่อ) หน้า
103
7.4 คณุ ธรรมท่ีเป็ นเอกลกั ษณ์ 104
7.5 สวนสนุ นั ทาในปัจจบุ นั 106
7.6 องค์กรแหง่ การเรียนรู้สสู่ ากลของมหาวิทยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทา 108
7.7 อตั ลกั ษณ์: ความหมาย ความสาคญั แนวคิด 109
111
7.7.1 อตั ลกั ษณ์ในทางการตลาด 112
7.7.2 อตั ลกั ษณ์ของนกั ศกึ ษามหาวิทยาลยั 112
7.8 อตั ลกั ษณ์ของมหาวิทยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทากบั โลกแหง่ ศตวรรษท่ี 21 113
7.8.1 ความหมายของอตั ลกั ษณ์มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทา 113
7.8.2 การสร้างอตั ลกั ษณ์ความเป็นนกั ศกึ ษาสวนสนุ นั ทา 113
7.9 ความเป็นนกั ปฏิบตั แิ ละถนดั วิชาการ
7.9.1 ความรู้พืน้ ฐานด้านการเงิน เศรษฐกิจ ธุรกิจ และการเป็นผ้ปู ระกอบการ 114
113
(Financial Economic Business and Entrepreneurial Literacy) 117
7.9.2 ความรู้พืน้ ฐานด้านความเป็นพลเมือง (Civic Literacy) 117
7.9.3 ความรู้ด้านสขุ ภาพอนามยั (Health Literacy) 117
7.9.4 ความรู้พืน้ ฐานด้านสิ่งแวดล้อม (Environment Literacy) 117
7.9.5 ความรู้พืน้ ฐานด้านสื่อ 118
7.9.6 ทกั ษะอาชีพ (Career Skill) 118
7.9.7 ทกั ษะการเรียนรู้ (Learning Skill) 121
7.10 ความเช่ียวชาญการส่ือสารและชานาญการคิด 122
122
7.10.1 การเรียนรู้ทกั ษะใหม่ 123
7.10.2 ความสาเร็จของการคดิ สงั เคราะห์ 124
7.11 ความมีจิตสาธารณะ 125
7.11.1 การมีจติ สาธารณะ 126
7.11.2 ผ้มู ีจติ สาธารณะ
สรุป
คาถามทบทวน
เอกสารอ้างอิง
จ
สารบัญ (ต่อ) หน้า
บทที่ 8 บณั ฑิตสวนสนุ นั ทา 127
8.1 บริบททางสงั คมของบณั ฑิตปัจจบุ นั 127
8.1.1 บคุ คลในยคุ ของเจเนอเรชนั ซี 128
8.1.2 มติ คิ วามเปลี่ยนแปลงในบริบทโลก 129
8.2 การเป็นบณั ฑิตในฐานะประชากรของโลก (Global citizens) 131
8.2.1 การเป็นประชากรท่ีดมี ีคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 131
8.2.2 ตระหนกั ถึงการเป็นสว่ นหนงึ่ ของโลก 132
8.2.3 เข้าใจถึงความหมายของชมุ ชนขยาย 132
8.2.4 ตระหนกั ถงึ คณุ คา่ ของชมุ ชนโลก 132
8.2.5 รับรู้และตระหนกั ถงึ นโยบายโลกที่เป็นสากล 132
8.2.6 มีสว่ นร่วมกบั องคก์ รที่พยายามจะปกป้ องโลก 132
8.2.7 มีสว่ นร่วมในการเปล่ียนแปลงโลก 133
8.2.8 ตรวจสอบให้แนใ่ จวา่ นโยบายภายในประเทศ 133
8.2.9 มีสว่ นร่วมกบั องคก์ รที่สร้างชมุ ชนโลก 133
8.2.10 รักษาวิถีชีวิตที่สนบั สนนุ การพฒั นาอยา่ งยงั่ ยืนทว่ั โลก 133
8.2.11 สนบั สนนุ โลกศลิ ปะ ดนตรี และวฒั นธรรม 134
8.3 การเป็นบณั ฑิตในฐานะประชากรของประเทศ 134
8.3.1 คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ทางด้านร่างกายและจติ ใจ 135
8.3.2 คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงคท์ างด้านความรู้และทกั ษะ 135
8.3.3 คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงคท์ างด้านเจตคติและคา่ นิยม 136
8.3.4 คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคท์ างด้านการแสดงออกตอ่ สงั คม 136
8.4 การเป็นบณั ฑิตแหง่ สวนสนุ นั ทา 138
8.4.1 เป็นประชากรท่ีมีคณุ ภาพทงั้ ตอ่ สงั คมประเทศและสงั คมโลก 138
8.4.2 มีคณุ ธรรมจริยธรรมและมีจิตสาธารณะ 138
8.4.3 มีความรักในสถาบนั 138
8.4.4 รู้และภมู ใิ จในความเป็นสวนสนุ นั ทา 139
ฉ
สารบญั (ต่อ)
สรุป หน้า
คาถามทบทวน 139
เอกสารอ้างองิ 140
141
ช
สารบญั ภาพ หน้า
5
ภาพที่ 1.1 แผนผงั สวนสนุ นั ทา 28
ภาพท่ี 3.1 ปลาตะเพียนทอดแบบไร้ก้างตารับพระวิมาดาเธอฯ 29
ภาพที่ 3.2 แกงรัญจวน 30
ภาพที่ 3.3 นา้ พริกลงเรือ 33
ภาพท่ี 3.4 ภาพวาดสีนา้ ลายดอกไม้ 36
ภาพท่ี 3.5 ยาดมส้มโอมือ 44
ภาพท่ี 4.1 เจ้าจอมหมอ่ มราชวงศ์สดบั ลดาวลั ย์ พระสนมเอกในรัชกาลท่ี 5 47
ภาพท่ี 4.2 Dr.Dan Beach Bradley (หมอบรัดเลย์) 47
ภาพท่ี 4.3 หนงั สือพมิ พ์บางกอกรีคอร์เดอร์ 48
ภาพท่ี 4.4 สมเดจ็ พระศรีพชั รินทราบรมราชนิ ีนาถ พระบรมราชชนนีพนั ปี หลวงในฉลอง
49
พระองค์แบบประยกุ ต์ ไทย – ตะวนั ตก
ภาพท่ี 4.5 เจ้าจอมมารดาโหมด ในรัชกาลที่ 5 สวมเสือ้ ลกู ไม้แบบฝรั่ง สะพายแพร ประดบั 49
เครื่องราชอสิ ริยาภรณ์จลุ จอมเกล้า 51
ภาพท่ี 4.6 พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทรทิพยนิภา ทรงพระภษู าซน่ิ ตามแบบ 59
62
พระราชนิยมในรัชกาลท่ี 6 กบั ฉลองพระองค์แฟชน่ั 63
ภาพที่ 4.7 พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทรทพิ ยนิภา 65
ภาพที่ 5.1 อาจารย์นิลรัตน์ บรรณสิทธิ์วรสาสน์ 66
ภาพท่ี 5.2 นกั เรียนโรงเรียนสวนสนุ นั ทาวิทยาลยั ก่อนพ.ศ.2500 67
ภาพที่ 5.3 อาจารย์ ม.ล.ประชมุ พร ไกรฤกษ์ 73
ภาพที่ 5.4 คณุ หญิงกรองแก้ว ปทมุ านนท์ 76
ภาพที่ 5.5 นกั เรียนฝึ กหดั ครู ปี การศกึ ษา 2496 77
ภาพที่ 5.6 วารสารฝึ กหดั ครูชนบทฉบบั ปฐมฤกษ์ 84
ภาพที่ 5.7 หนงั สือราชการของสานกั ราชเลขาธิการ เร่ืองพระราชทานนามสถาบนั ราชภฏั
ภาพท่ี 5.8 พระราชลญั จกรรัชกาลที่ 9
ภาพที่ 5.9 ตราสถาบนั ราชภฏั
ภาพที่ 6.1 คณุ หญิงกรองแก้ว ปทมุ านนท์ ขณะดารงตาแหนง่ ผ้อู านวยการวิทยาลยั ครูสวนสนุ นั ทา
ซ
สารบญั ภาพ (ต่อ) หน้า
87
ภาพท่ี 6.2 คณุ หญิงกรองแก้ว ปทมุ านนท์ (นงั่ กลางภาพ) กบั คณะผ้บู ริหารและอาจารย์
วทิ ยาลยั ครูสวนสนุ นั ทา ในคราวฉลองเครื่องราชอสิ ริยาภรณ์จตตุ จลุ จอมเกล้า 90
ภาพที่ 6.3 พระรูปสมเดจ็ พระนางเจ้าสนุ นั ทากมุ ารีรัตน์ พระบรมราชเทวี ประดิษฐาน 91
บนพระท่ีนงั่ จกั รีมหาปราสาท 92
94
ภาพที่ 6.4 เคร่ืองหมายสวนสนุ นั ทา
ภาพที่ 6.5 พระพทุ ธสนุ นั ทากร 101
ภาพที่ 6.6 พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภมู ิพลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
102
ทรงเป็ นประธานเปิดพระราชานสุ าวรีย์ฯ
ภาพท่ี 7.1 อาคารโรงแรมวงั สวนสนุ นั ทา หนง่ึ ในอาคารที่ได้รับการปรับปรุงรูปแบบสถาปัตยกรรม 102
105
ให้สอดคล้องกบั ความเป็ น “วงั สวนสนุ นั ทา” 107
ภาพท่ี 7.2 “ฟ้ อนมา่ นม้ยุ เชียงตา” กระบวนฟ้ อนท่ีเจ้าดารารัศมีได้นาแบบอยา่ งการฟ้ อนราใน 108
110
ราชสานกั สยามของไทยไปผสมผสานกบั ทา่ ราแบบพมา่ 116
ภาพที่ 7.3 การพจิ ารณาตดั สนิ ผลงานของนกั ศกึ ษาสาขาวิชาคหกรรมศาสตร์ 119
ภาพที่ 7.4 การสะท้อนอตั ลกั ษณ์ของนกั ศกึ ษาออกมาทางบคุ ลิกภาพ 119
ภาพท่ี 7.5 ศนู ย์การเรียนรู้ วิจยั บริการวชิ าการแก่สงั คม บ้านสารภี จงั หวดั สมทุ รสงคราม 120
ภาพท่ี 7.6 นวตั กรรมการเลีย้ งไกแ่ นวใหม่ “ไก่ชิงช้าสวรรค์” เพ่ือชว่ ยเพิ่มผลผลติ ไขไ่ ก่
ภาพท่ี 7.7 การใช้สีสร้างอตั ลกั ษณ์ของแบรนดธ์ นาคาร
ภาพที่ 7.8 บตั รพลงั งาน
ภาพที่ 7.9 สิ่งประดษิ ฐ์แก้ปัญหาเก้าอีเ้ปี ยก
ภาพที่ 7.10 ที่บีบยาสีฟัน
ภาพที่ 7.11 เชิงเทียน
ฌ
บทท่ี 1
ประวัตศิ าสตร์สวนสุนันทา
ยวุ ดี คฤหบดี
ชตุ มิ า มณีวฒั นา
มหาวิทยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทาเดิมเป็ นเขตพระราชฐานอยภู่ ายในอาณาเขตของพระราชวงั สวนดสุ ิต
ซงึ่ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาจฬุ าลงกรณ์ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั (รัชกาลที่ 5) ทรงพระกรุณา
โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขนึ ้ เป็นอทุ ยานเพ่ือพกั ผอ่ นพระอิริยาบถ พระองค์มี พระราชประสงค์ให้อทุ ยานแห่ง
นีเ้ป็ นสวนป่ าและพระราชทานช่ือว่า “สนุ นั ทาอทุ ยาน” ที่มาของช่ืออทุ ยาน สันนิษฐานว่าน่าจะมาจาก
สวนนนั ทวนทุ ยาน หรือสวนนนั ทวนั มีความหมายวา่ สวนที่ร่ืนรมย์ ตงั้ อยบู่ นสวรรค์ชนั้ ดาวดงึ ส์ ซึง่ เป็ นท่ี
ประทบั ของพระอินทร์ แตอ่ ีกข้อสนั นิษฐานหนงึ่ เพื่อเป็ นที่ระลกึ ถึงสมเดจ็ พระนางเจ้าสนุ นั ทากมุ ารีรัตน์
พระบรมราชเทวี พระปิยมเหสี ซงึ่ เป็นที่รักย่ิงของพระองค์
1.1 พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอย่หู วั โปรดให้สร้างอุทยานสวนสุนันทา
พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาจฬุ าลงกรณ์ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอย่หู วั เม่ือขนึ ้ ครองราชโปรด
เกล้าฯ ให้ยุบเลิกตาแหน่งกรมพระราชวังบวรสถานมงคลเจ้านายผู้หญิงท่ีวังหน้าหลายพระองค์
ก็ได้เสด็จมาประทบั ท่ีพระราชฐานชนั้ ใน จงึ ทาให้มีเจ้านายฝ่ ายในเพิ่มจานวนมากขนึ ้ พระบาทสมเด็จ
พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั ได้เสด็จประพาสยโุ รปเม่ือปี พ.ศ.2440 พระองค์เสด็จพระราชดาเนินกลบั มา
จึงมีพระราชประสงค์ให้สร้างสถานที่ประทบั แห่งใหม่ เพราะแพทย์ประจาพระองค์ได้กราบบงั คมทลู ว่า
ในพระบรมมหาราชวงั ซงึ่ เป็ นพระราชนิเวศน์ท่ีประทบั มาแตเ่ ดมิ ไม่ถกู สขุ ลกั ษณะทาให้พระบาทสมเดจ็
พระเจ้าอยู่หัว ตลอดทัง้ พระบรมวงศานุวงศ์ทรงพระประชวรอย่างเนือง ๆ จึงควรเสด็จประพาสไป
ประทบั ในท่ีโลง่ แจ้งบ้าง
ปลายปี พ.ศ.2440 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้ าเจ้ าอยู่หัวได้ เสด็จพระราชดาเนิน
ทอดพระเนตรพืน้ ที่สวนและท่งุ นาบริเวณทิศตะวนั ออกเฉียงเหนือของพระบรมมหาราชวงั แล้วทรงพอ
พระราชหฤทยั จงึ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กรมพระคลงั ข้างที่จดั ซือ้ ท่ีนา ที่สวนจากราษฎรทางตอน
เหนือของพระนครระหวา่ งคลองผดงุ กรุงเกษมจนถึงคลองสามเสนด้วยเงินพระคลงั ข้างท่ีอนั เป็ นพระราช
ทรัพย์ส่วนพระองค์ พระราชทานชื่อตาบลแห่งนีว้ า่ “สวนดสุ ิต” (ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 15 ร.ศ. 117
พ.ศ. 2411) และโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพลบั พลาขนึ ้ เป็ นที่เสดจ็ ประทบั แรมชวั่ คราวและให้เรียกท่ีประทบั
แหง่ นีว้ า่ “วงั สวนดสุ ิต” (มตชิ น online 6 มกราคม 2562)
เมื่อมีการขยายพระนครไปทางทิศตะวนั ออกเฉียงเหนือ พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้ตดั ถนนสามเสน
ถนนราชดาเนินใน ถนนราชดาเนินนอกและโปรดให้รือ้ พระที่นงั่ มนั ธาตุรัตนโรจน์ที่เกาะสีชัง จังหวดั
ชลบุรี ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอย่หู วั (รัชกาลท่ี4)ได้สร้างไว้ชลอมาสร้างที่พระราชวังสวน
ดสุ ิต และพระราชทานนามว่า “พระท่ีนง่ั วิมานเมฆ” โดยโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
เจ้าฟ้ ากรมพระยานริศรานวุ ดั ตวิ งศ์ทรงกากบั การออกแบบและทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการเฉลิม
พระที่นงั่ วิมานเมฆ เม่ือวนั ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2445 พร้อมกันนี ้พระองค์ยงั โปรดเกล้าฯ ให้สร้างเรือน
ไทยหมู่หนึ่งพระราชทานนามว่า “เรือนต้น” เพ่ือใช้เป็ นท่ีเสด็จออกให้ประชาชนท่ีพระองค์ทรงรู้จัก
เม่ือครัง้ เสดจ็ ประพาสต้นมาเฝ้ า
เมื่อมีการสร้ างที่ประทับถาวรขึน้ และเสด็จมาประทับบ่อยครัง้ จึงมีพระราชดาริที่จะสร้ าง
พระที่น่ังต่าง ๆ ขึน้ เพื่อใช้ประกอบพระราชพิธีได้เช่นเดียวกับพระบรมมหาราชวัง จึงโปรดเกล้าฯ
ให้ประกาศเปลี่ยนนามวงั สวนดสุ ติ เป็น “พระราชวงั สวนดสุ ิต”
พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาจฬุ าลงกรณ์พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั ได้เสดจ็ ไปประทบั อยู่ ณ
พระราชวงั สวนดสุ ิตแล้ว ทรงมีพระราชดาริจะสร้างสถานที่ร่ืนรมย์ มีลกั ษณะเป็ นสวนป่ ากลาย ๆ คล้าย
พระราชวังเบินสตอฟของประเทศเดนมาร์ก เพ่ือทรงใช้เป็ นท่ีสาราญพระราชหฤทัยและเปลี่ยน
พระราชอิริยาบถสวนป่ านีจ้ ะสร้างขนึ ้ ทางตะวนั ตกของ
พระราชวังสวนดุสิต ทดแทนการเสด็จประพาสหัวเมืองและจะได้ใช้เป็ นท่ีประทับสาหรับ
พระมเหสี พระราชธิดา และบาทบริจาริกา เม่ือพระองค์เสด็จสวรรคตแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้เริ่มการสร้างสวนท่ีเป็นสว่ นหนง่ึ ของพระราชวงั สวนดสุ ติ และพระราชทานนามวา่ “สวนสนุ นั ทา”
ในระยะแรกที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอย่หู ัวแปรพระราชฐานมาประทบั พระที่นั่ง
อมั พรสถานก็ทรงพระเกษมสาราญ ตอ่ เมื่อปี พทุ ธศกั ราช 2450 ได้เสดจ็ ประพาสยโุ รปครัง้ ท่ี2 และได้ไป
ประพาสสวนป่ าของประมุขประเทศต่าง ๆ เช่น ที่ตาบลรงบุลเยประเทศฝรั่งเศสหรือที่วิลลา โนเบล
เมืองซานเรโมประเทศอิตาลีและที่วงั เบิร์นสตอฟของพระเจ้ากรุงเดนมาร์ก จึงทรงเห็นวา่ พระท่ีนง่ั อมั พร
สถานยังมีสิ่งท่ีขาดและท่ีสาคญั คือไม่มิดชิดเป็ นการส่วนพระองค์แนวพระราชดาริประการหน่ึงท่ีทรง
พระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างสวนสนุ นั ทาก็คือทรงหาที่เงียบสงบซ่ึงหาจากพระท่ีนง่ั อมั พรสถานมิได้
สวนแห่งใหม่ท่ีท้ายวัง รัชกาลที่ 5 ทรงตัง้ พระราชหฤทัยให้สร้ างก็คือ“อุทยานสวนสุนันทา”
ในเวลาตอ่ มาจงึ มีพระราชหตั ถเลขาพระราชทานพระราชประสงค์ในการสร้างอทุ ยานสวนสนุ นั ทามายงั
พระยาสขุ มุ นยั วินติ (ปัน้ สขุ มุ ) ดงั นี ้
1. ให้ขยายเขตไปถงึ แนวคลองริมถนนสามเสน ขยายคลองให้กว้างขนึ ้ และทาหน้าท่ีเป็นคขู องวงั
2. ฝ่ังคลองด้านทศิ ตะวนั ตก (ด้านถนนสามเสน) จะต้องมีถนนริมคลองกว้าง 4 ศอก สาหรับเดนิ
รักษาวงั
2 | GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา
3. ในขนั้ ต้นจะยังไม่รือ้ กาแพงพระราชฐานด้านตะวนั ตก (ด้านถนนนครราชสีมา) แต่จะเจาะ
ประตขู นาดเล็ก (ปัจจบุ นั คือประตสู นุ นั ทาทวาร) ระหวา่ งสวนบวั กบั สวนสี่ฤดู เป็ นทางตรงไปถึงสวนนอก
(สวนสนุ นั ทา) เม่ือสร้างสวนและตาหนกั ตา่ ง ๆ เรียบร้อยแล้วจึงจะรือ้ กาแพงพระราชฐานด้านตะวนั ตก
ออกผนวกสวนเข้าในวงั
4. ลกั ษณะการจดั ภมู ิทศั น์ ให้ขดุ คลองขนาดใหญ่ (ทรงเรียกว่าแมน่ า้ ด้วน) หกั ฉากไปตามพืน้ ที่
ให้คลองนีก้ ว้างบ้าง แคบบ้าง ที่กว้างท่ีสดุ ประมาณ 40 เมตร
5. ท่ีหวั แหลมของคลองให้เป็นที่ตงั้ ของพลบั พลา ตงั้ ในตาแหนง่ ให้มองเห็นนา้ ได้ทงั้ ทิศเหนือและ
ทิศตะวนั ออก
6. ให้ตงั้ เรือนแพท่ีด้านเหนือตรงกับลานา้ ซ่ึงจะแลเห็นได้ไกล ทัง้ นีใ้ ห้บงั เงาเรือนในเวลาบ่าย
7. กาหนดให้สร้ างเขาดิน และปลูกต้นไม้สูงในตาแหน่งทิศตะวันตกเฉียงใต้เพ่ือก่อให้เกิด
ร่มเงา ในเวลาบา่ ย
8. ทางด้านทศิ เหนือของสวนให้สร้างตาหนกั พระราชทานพระราชธิดา
9. ส่วนหลงั ตาหนกั ออกไปถึงกาแพงหลัง ควรจะเป็ นไปอย่างวงั เบินสตอฟเมืองเดนมาร์ก คือ
มีสวนใกล้ตาหนักถัดสวนไปเป็ นลานหญ้าเรียกว่าเมโด (meadow) ปลูกไม้ครึม้ สองข้างจะเห็นเป็ น
ทศั นียภาพของ ป่ าเงียบ มีถนนเล็กแอบไปตามชายไม้ทงั้ สองข้าง
10. ทางด้านตะวนั ออก พ้นจากริมฝั่งนา้ ควรเป็นสวนผลไม้
11. ส่วนที่พ้ นจากถนนริมฝ่ังนา้ ควรเป็ นป่ าต่อกับป่ าหลังเรือนท่ีอยู่ฟากเหนือของเมโด
(meadow) ลกั ษณะเป็นป่ าบ้านนอก ทรงเรียกวา่ เปอดดิ ์ ตรีอานอง (petit trianon)
12. เมื่อออกจากป่ าจงึ ถึงสวนผกั ซง่ึ จะตงั้ อยทู่ า่ มกลางต้นไม้ใหญ่ ลกั ษณะคล้ายถางป่ าปลกู ผกั
13. อาณาเขตของสวนท่ีทรงมีพระราชดาริครัง้ นีจ้ ะกว้าง 4 เส้น และยาว 13 เส้น
อน่ึง เหตทุ ่ีพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอย่หู วั ทรงมีพระราชประสงค์ให้สร้างสวน
สุนนั ทา ก็เพราะพระองค์ได้มาประทับท่ีพระท่ีนั่งอมั พรสถาน แล้วไม่มีที่ส่วนพระองค์พอที่จะพักผ่อน
พระอิริยาบถ ถึงกบั ทรงมีพระราชหตั ถ์เลขามายงั พระยาสขุ ุมนยั วินิต (ปัน้ สขุ ุม) ดงั ความตอนหนงึ่ ว่า
“ ...เวลาเย็น ๆ ออกไปเที่ยวตามในสวนหาท่ีไปรเวซี่มิได้ มีเจ๊กแขกมาเที่ยวย่มุ ย่ามอย่เู สมอ
ครัน้ จะห้ามเสียฤา เราก็เคยใจดีมาแล้วจะเกิดใจร้ายขนึ ้ ก็ไม่เสมอต้นเสมอปลาย มีท่าทางท่ีจะแก้ไขได้
อย่แู ตเ่ ปิ ดป๊ าก ให้ออกไปเที่ยวกนั เสียข้างนอก ในนีป้ ิ ดเปนไปรเวตออกไปเดนิ ไปนงั่ เล่นได้ แตก่ ารท่ีจะ
ทานนั้ เกี่ยวด้วยเงินเปนอนั มาก แต่เมิ่กลบั มานึกท่ีจะขยายข้างหลงั นี ้(ทรงหมายถึงสวนสุนนั ทา)... ”
(มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทา,2555หน้า 47).
จะเห็นได้ว่าพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอย่หู วั ทรงมีพระราชประสงค์ที่สาคญั ใน
การสร้างสวนสนุ นั ทาอยู่ 3 ประการคือ
GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา | 3
1. เพ่ือใช้เป็นสถานท่ีพกั ผอ่ นพระอิริยาบถ แทนการเสด็จประพาสต้นตามหวั เมืองเนื่องจาก
ทรงโปรดพระดาเนนิ เลน่ ในบรรยากาศแบบสวนป่ าท่ีสงบสวยงาม
2. เพ่ือเตรียมสถานที่ประทบั และพานกั ของพระมเหสี พระสนมเจ้าจอม และพระราชธิดา
เมื่อสิน้ พระองค์ไปแล้วจะได้ไม่ระหกระเหินไร้ท่ีอยู่อนั จะเป็ นการเสื่อมเสียพระเกียรติยศมาส่พู ระองค์
3. เป็นพระราชานสุ รณ์แหง่ ความรักอีกแหง่ หนงึ่ ท่ีพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั
ทรงสร้างไว้และตงั้ ช่ือวา่ “สวนสนุ นั ทา”
การสร้างสวนสนุ นั ทาเพิ่งเริ่มต้นตามพระราชประสงค์รัชกาลที่ 5 ก็เสด็จสวรรคตเสียก่อน
เม่ือวนั ที่ 23 ตลุ าคม พ.ศ. 2453
ครัน้ ในสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้า
เจ้าอยหู่ วั ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยายมราช (ปัน้ สขุ มุ ) เป็ นผ้อู านวยการสร้างสวนสนุ นั ทา
เพ่ิมเติมตัง้ แต่ พ.ศ. 2454 สาเร็จใน พ.ศ. 2462 และโปรดให้จัดถวายเป็ นท่ีประทับของพระมเหสี
พระราชธิดา และบาทบริจาริกาในพระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกนาถ สมดงั ท่ีทรงตงั้ พระราชปณิธานไว้
สวนสุนันทาในระหว่างพุทธศักราช 2462-2466 ยังไม่มีเจ้านายเสด็จมาประทับจนปี
พ.ศ. 2467 จึงใช้เป็ นท่ีประทับของพระราชวงศ์ฝ่ ายใน ในรัชกาลท่ี 5 มีเนือ้ ที่ทัง้ หมด 112 ไร่ มีพระ
ตาหนักใหญ่น้อยซึ่งสร้ างสถาปัตยกรรมแบบ Italian Renaissance รวม 32 ตาหนัก เป็ นสถานที่
สวยงามน่าร่ืนรมย์แห่งหน่ึง ตอนกลางของบริเวณอุทยานเป็ นสระใหญ่ประกอบด้วยคคู ลองคดเคีย้ วมี
เกาะแกง่ และโขดหินเนินดนิ น้อยใหญ่ร่มร่ืนด้วยเงาพฤกษานานาชนดิ พระตาหนกั ตา่ ง ๆ เรียงรายอยบู่ น
พืน้ ท่ีราบบน โขดหิน เนินดิน และริมคูคลอง ทุกตาหนักต่างก็ทาสวนปลูกไม้ดอกนานาชนิดอย่าง
งดงาม
ตอ่ มาภายหลงั การเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พทุ ธศกั ราช 2475 เจ้านายฝ่ ายใน และเจ้า
จอมต่างก็เสด็จไปอยู่กับญาติหรือออกไปสร้ างท่ีประทบั และที่อย่ภู ายนอก สวนสุนันทาจึงถูกทิง้ ร้ าง
คงเหลือแต่โขลนจ่าเฝ้ าอยู่เพียงเล็กน้อย ครัน้ ในพุทธศกั ราช2480 ผู้สาเร็จราชการแทนพระองค์ใน
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดลได้มอบสวนสุนันทาให้แก่นายปรีดี พนมยงค์
นายกรัฐมนตรีเพ่ือเป็ นท่ีอยู่อาศยั ของรัฐมนตรีและผู้แทนราษฎร แต่สภาผู้แทนราษฎรได้ชีแ้ จงว่าไม่
พร้ อมท่ีจะใช้ สถานที่ คณะรัฐมนตรี จึงเห็นควรท่ีจะใช้ สวนสุนันทาเป็ นสถานศึกษาของชาติ
คณะผ้สู าเร็จราชการแทนพระองคจ์ งึ มอบสวนสนุ นั ทา ให้กบั กระทรวงธรรมการ เพื่อจดั เป็ นสถานศกึ ษา
ของชาตสิ ืบไป
ปัจจบุ นั ภายในบริเวณสวนสนุ นั ทาได้เป็ นที่ตงั้ ของสถาบนั การศกึ ษาและสถานท่ีทาการของ
รัฐบาลคือ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา โรงเรี ยนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
มหาวิทยาลยั สวนดสุ ติ โรงเรียนอนบุ าลลอออทุ ศิ และกรมสง่ เสริมการปกครองท้องถิ่น
4 | GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา
1.2 แผนผังสวนสุนันทา
อุทยานสวนสุนันทาตัง้ อยู่ในเขตพระราชฐานของพระราชวังสวนดุสิต ซึ่งพระบาทสมเด็จ
พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดาริให้สร้ างแบบสวนป่ าบ้านนอก บนพืน้ ที่ทงั้ หมด 112 ไร่
โดยมีอาณาเขตดงั นี ้
พระองค์เจ้าอรประพนั ธร์ าไพ
พระองค์เจา้ อดสิ ยั สุรยิ าภา
และเจ้าจอมมารดาออ่ น
ภาพท่ี 1.1 แผนผงั สวนสนุ นั ทา
ท่ีมา: หนงั สือสวนสนุ นั ทาจากพระราชอทุ ยาน...สสู่ ถานศกึ ษา
1.2.1 อาณาเขตพระราชอทุ ยาน
สวนสนุ นั ทาเป็ นทงั้ เขตพระราชฐานของพระราชวงั สวนดสุ ิต ซ่งึ พระบาทสมเด็จพระจลุ จอม
เกล้าเจ้าอยหู่ วั ทรงมีพระราชดาริโปรดเกล้าให้สร้างแบบสวนป่ าบ้านนอก โดยมีทางเข้าจากพระราชวงั
สวนดสุ ิต ตงั้ อยบู่ นถนนดวงดาว (ถนนนครราชสีมา) ซง่ึ อยตู่ รงข้ามประตสู นุ นั ทาทวาร
ทศิ เหนือจดถนนซงั ฮี ้ปัจจบุ นั เรียกวา่ ถนนราชวถิ ี
ทศิ ใต้จดถนนใบพร ปัจจบุ นั เรียกวา่ ถนนอทู่ องนอก
GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา | 5
ทศิ ตะวนั ออกจดถนนดวงดาว ปัจจบุ นั เรียกวา่ ถนนนครราชสีมา
ทิศตะวนั ตกจดถนนสามเสน
มีคลองขุดจากแม่นา้ เจ้าพระยาเข้ามาทางด้านข้างของท่าวาสุกรี ผ่านประตนู า้ ตามแนว
กาแพงสวนสนุ นั ทาด้านตะวนั ตกมาถงึ สระใหญ่ ระหวา่ งนีจ้ ะมีคลองขดุ เป็ นแนวโค้งตามกาแพงสิน้ สดุ ท่ี
ถนนดวงดาว ตามแนวคลองทัง้ สองฝั่งนีจ้ ะเป็ นตาหนักที่ประทับของพระเจ้าลูกเธอในรัชกาลท่ี 5
ซงึ่ ดารงตาแหนง่ พระองคเ์ จ้า ทงั้ หมด 21 ตาหนกั
มีเนินดินใหญ่ที่รัชกาลที่ 5 โปรดให้ขดุ สระใหญ่ เอาดนิ มาถมเป็ นเนินดินใหญ่ บนเนินดินนี ้
ปลกู ต้นไม้หลากหลายพนั ธ์ุ ข้างลา่ งเนนิ ดนิ นีท้ าเป็นอโุ มงค์เอาไว้
ภายในสวนสนุ นั ทามีการจัดแบง่ พืน้ ที่เป็ น 2 ส่วน โดยกนั้ กาแพงส่วนชนั้ นอกเป็ นที่อย่ขู อง
ข้าราชการฝ่ ายชาย ได้แกเ่ จ้ากรม ปลดั กรม มหาดเล็ก คนขบั รถ คนงาน สว่ นชนั้ ในเป็ นเขตท่ีประทบั ของ
เจ้านายฝ่ ายในและข้าราชบริพารที่เป็นหญิงล้วน
1.2.2 พระที่นง่ั พระตาหนกั และเรือนตา่ ง ๆ ในสวนสนุ นั ทา ดงั นี ้
1.2.2.1 พระที่นง่ั นงคราญสโมสร (เทิดพงศ์ คงจันทร์. 24,2546 ธันวาคม)เดิมพระบาทสมเด็จ
พระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หวั มีพระราชประสงค์จะสร้ างพระตาหนกั
ถวายสมเดจ็ พระศรีพชั รินทราบรมราชนิ ีนาถ พระบรมราชชนนีพนั ปี หลวง แตเ่ มื่อการก่อสร้างจนถึงส่วน
ฐานสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปี หลวงทรงโปรดที่จะประทับที่
พระราชวงั พญาไท จงึ ต้องแก้ไขแบบแปลน จดั สร้างขนึ ้ เป็ นท้องพระโรงสว่ นกลางและทรงพระราชทาน
นามวา่ พระที่นง่ั นงคราญสโมสร พระที่นง่ั องค์ใหม่นีพ้ ระราชทานให้ใช้สาหรับพระราชวงศ์พระองค์ใดก็
ตามจะทรงใช้ในการบาเพญ็ กศุ ลหรือจดั งานรื่นเริงตา่ งๆ ซงึ่ ครัง้ แรกที่ใช้เป็ นสถานท่ีบาเพ็ญพระราชกศุ ล
เน่ืองในงานฉลองพระชนมายุ 60 พรรษา ของสมเด็จพระมาตจุ ฉาเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี
ซ่ึงจดั ขึน้ ระหว่างวนั ที่ 23 - 25 ธันวาคม 2467 โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หวั ได้เสด็จ
พระราชดาเนินมาทรงประกอบพระราชพิธีที่ท้องพระโรงแหง่ นีเ้ป็ นครัง้ แรก เม่ือวนั ท่ี 23 ธันวาคม 2467
(ปัจจบุ นั อยใู่ นความดแู ลของสานกั กิจการมน่ั คงภายในกรมการปกครอง)
1.2.2.2 พระตาหนักสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้ า
พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกล้าเจ้าอยหู่ วั ทรงสร้างตาหนกั ต่าง ๆ ตามพระราชประสงค์ของรัชกาลที่ 5
และได้พระราชทานตาหนกั หลงั ใหญ่เป็ นอาคารยกพืน้ สงู 2 ชนั้ สร้างด้วยไม้สกั และบางส่วนก่ออิฐฉาบ
ปนู หลงั คาทรงสูง เดิมมุงด้วยกระเบือ้ งว่าว ภายในแบ่งเป็ นห้องคล้ายอาคารชดุ ให้เป็ นที่ประทบั ของ
สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสาอัยยิกาเจ้า แต่เนื่องจากประมาณปี 2456 สมเด็จ
พระศรีสวรินทิราบรมราชเทวีฯ ทรงสร้างพระตาหนกั ใหญ่ท่ีวงั สระปทมุ ซึ่งเป็ นที่ดินที่พระบาทสมเด็จ
พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานให้สมเด็จพระมหิตลาธิเบศรอดลุ ยเดชวิกรมบรมราชชนก
ซง่ึ เป็นพระราชโอรสกบั สมเด็จพระพนั วสั สาอยั ยิกาเจ้าพระตาหนกั ที่สวนสุนนั ทาจงึ เป็ นท่ีประทบั ของพระราชธิดา
6 | GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา
ในรัชกาลที่ 5 ท่ีอยใู่ นพระอภิบาลของสมเดจ็ พระพนั วสั สาอยั ยิกาเจ้า ทงั้ 3 พระองค์คอื พระองค์เจ้าเยาว
ภาพงษ์สนิท พระเจ้าลูกเธอพระองค์เจ้าประภาพรรณพิไลยพระเจ้าลูกเธอพระองค์เจ้าวาปี บุษบากร
(ปัจจบุ นั เป็นสานกั ศลิ ปวฒั นธรรมของมหาวิทยาลยั สวนดสุ ิต)
1.2.2.3 พระตาหนกั สมเดจ็ พระปิ ตจุ ฉาเจ้าสุขมุ าลย์มารศรี พระอคั รราชเทวีเป็ นท่ีประทบั
ของสมเดจ็ พระปิตจุ ฉาเจ้าสขุ มุ าลย์มารศรี พระอคั รราชเทวี ระหวา่ งที่เจ้าฟ้ าบริพฒั น์สขุ มุ พนั ธ์ทรงสร้าง
ตาหนกั สมเดจ็ ที่วงั บางขนุ พรหม เม่ือก่อสร้างเสร็จจงึ ย้ายไปประทบั กบั พระโอรสคือ สมเด็จพระเจ้าบรม
วงศ์เธอ เจ้าฟ้ าบริพตั รสขุ มุ พนั ธ์ุ กรมพระนครสวรรค์วรพินติ
1.2.2.4 พระตาหนกั สายสทุ ธานภดล เป็นที่ประทบั ของพระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลี
ภิรมย์ กรมขนุ สทุ ธาสนิ ีนาฏ ปิยมหาราชปดวิ รัดา ประทบั พร้อมด้วยพระราชธิดาพระองค์เล็ก คือ สมเด็จ
เจ้าฟ้ านิภานภดล วมิ ลประภาวดี กรมขนุ เขตขตั ตยิ นารี แรกท่ีมีการก่อสร้างจะมีรูปแบบเดียวกบั ตาหนกั
ของสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า และสมเด็จพระปิ ตุจฉาเจ้าสุขุมาลย์มารศรี แต่พระวิมาดาเธอฯ
โปรดให้ตอ่ เติมขยายพระตาหนกั จึงทาให้พระตาหนกั หลงั นีแ้ ตกตา่ งจาก 2 พระตาหนกั แรก (ปัจจุบนั
เป็นท่ีทาการสานกั ศลิ ปะและวฒั นธรรม ของมหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทา)
1.2.2.5 พระตาหนกั เจ้าดารารัศมี พระราชชายา รัชกาลที่ 6 พระราชทานให้เป็ นที่ประทบั
ของเจ้าดารารัศมีพระราชชายา ปัจจบุ นั ถกู รือ้ ในช่วงต้นรัชกาลที่ 9 โดยตาแหน่งเดิมขององค์ตาหนกั อยู่
ภายในบริเวณมหาวทิ ยาลยั สวนดสุ ติ
1.2.2.6 พระตาหนกั สมเด็จพระราชปิ ตุจฉา เจ้าฟ้ าวไลยอลงกรณ์กรมหลวงเพชรบุรีราช
สิรินธร เป็ นอาคารบริวารของพระตาหนกั สมเดจ็ พระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพนั วสั สาอยั ยิกาเจ้า
เป็ นที่ประทบั ของสมเด็จพระราชปิ ตจุ ฉา เจ้าฟ้ าวไลยอลงกรณ์ กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินธร ตาหนัก
หลงั นีไ้ ด้มีการรือ้ ในชว่ งรัชกาลที่ 8 ซง่ึ อยใู่ นเขตมหาวิทยาลยั สวนดสุ ิต
1.2.2.7 พระตาหนกั มาลินีนพดาราเป็ นอาคารบริวารของพระตาหนกั สายสทุ ธานภดล เป็ น
ที่ประทบั ของสมเดจ็ พระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ เจ้าฟ้ าหญิงมาลนิ ีนพดาราสิรินิภาพรรณวดี กรมขนุ ศรีสชั นาลยั
สุรกัญญามีลักษณะเป็ นอาคารทรงสูง 2 ชัน้ ทรุดโทรมมาก ได้รือ้ เพื่อสร้ างโรงเรียนสาธิตของ
มหาวิทยาลยั ระดบั ประถม ปัจจบุ นั โรงเรียนประถมสาธิตฯ ได้ย้ายไปอย่ทู างส่วนหน้าใกล้กบั โรงเรียน
มธั ยมสาธิต และได้ทบุ อาคารประถมสร้างอาคารใหม่ จงึ เป็นท่ีตงั้ ของอาคารเรียนคณะวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยีอตุ สาหกรรม มหาวิทยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทา
1.2.2.8 ตาหนกั พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเยาวภาพงศ์สนิท เป็ นอาคารบริวารของ
พระตาหนกั สมเดจ็ พระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพนั วสั สาอยั ยิกาเจ้า เป็ นท่ีประทบั ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
พระองค์เจ้าเยาวภาพงศ์สนิท พระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าประภาพรรณพิไลยและพระเจ้าบรมวงศ์
เธอ พระองค์เจ้าวาปี บุษบากรก่อนท่ีจะไปประทบั บนพระตาหนกั ของพระตาหนักสมเด็จพระศรีสวริน
GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา | 7
ทิราบรมราชเทวี พระพันวสั สาอยั ยิกาเจ้า ตาหนกั เยาวภา มีลกั ษณะเป็ นอาคารสูง 2 ชนั้ ตงั้ อย่บู นเนินเขา
ตาหนกั หลงั นี ้ได้มีการรือ้ ในชว่ งรัชกาลที่ 8
1.2.2.9 ตาหนักพระเจ้ าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ าอัพภันตรีปชา เป็ นท่ีประทับของ
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอพั ภนั ตรีปชา ปัจจบุ นั ตวั พระตาหนกั เป็ นที่ตงั้ ของสานกั งานสวนดสุ ิต
โพล มหาวทิ ยาลยั สวนดสุ ิต
1.2.2.10 ตาหนกั พระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ พระองค์เจ้าอรประพนั ธ์ราไพและพระเจ้าบรมวงศ์เธอ
พระองค์เจ้าอดิสยั สุริยาภา เป็ นที่ประทบั ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอรประพนั ธ์ราไพ และ
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอดิสยั สรุ ิยาภามีความแตกตา่ งจากตาหนกั หลงั อื่น ๆ คือมีสะพานเดิน
เชื่อมบริเวณชนั้ 2 กับเรือนเจ้าจอมมารดาอ่อน ตาหนกั หลงั นีไ้ ด้รับความเสียหายในสมยั สงครามโลก
ครัง้ ท่ี 2 จึงต้องรือ้ และสร้ างอาคารใหม่ให้นกั เรียนประจาอยู่ในสมัยท่ียังเป็ นวิทยาลยั ครูสวนสุนนั ทา
และเม่ืออาคารทรุดโทรม จึงรือ้ สร้างอาคารใหม่ชื่ออาคารเฉลิมพระเกียรติมหาวชิราลงกรณ์ เป็ นที่ทา
การคณะและอาคารเรียนของศลิ ปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทา
1.2.2.11 ตาหนกั พระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ พระองค์เจ้าอาทรทิพยนิภา เป็ นที่ประทบั ของพระเจ้า
บรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทรทิพยนิภา ปัจจบุ นั อย่ใู นความดแู ลของมหาวิทยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทา
และได้อนุรักษ์ตาหนักให้อยู่ในสภาพเดิมจัดแสดงเรื่องราวเก่ียวกับทัศนศิลป์ ส่วนหนึ่งของแหล่ง
การเรียนรู้ 3 ศลิ ป์ รัตนโกสนิ ทร์ ปัจจบุ นั ตาหนกั นีใ้ ช้ชื่อวา่ อาคารอาทรทพิ ยนิวาสน์
1.2.2.12 ตาหนกั พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุฑารัตนราชกุมารี เป็ นที่ประทับของ
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจฑุ ารัตนราชกุมารี ปัจจุบนั อย่ใู นความดแู ลของมหาวิทยาลยั ราชภัฏ
สวนสนุ นั ทา และได้บรู ณะให้คงสภาพเดมิ
1.2.2.13 ตาหนกั พระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ พระองค์เจ้าพิสมยั พิมลสตั ย์ ปัจจบุ นั อยใู่ นความดแู ล
ของมหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทาและได้บรู ณะให้คงสภาพเดมิ
1.2.2.14 ตาหนกั พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศศพิ งศ์ประไพ เป็ นท่ีประทบั ของพระเจ้า
บรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศศิพงศ์ประไพ ปัจจบุ นั อย่ใู นความดแู ลของมหาวิทยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทา
และได้บรู ณะให้คงสภาพเดมิ
1.2.2.15 ตาหนกั พระบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าวรลกั ษณาวดี เป็ นท่ีประทบั ของพระบรมวงศ์
เธอพระองค์เจ้าหญิงวรลกั ษณาวดี ปัจจุบนั ตาหนักหลงั นีถ้ ูกรือ้ ลงแล้วและเป็ นที่ตงั้ ของอาคารศนู ย์
สขุ ภาพและกีฬา มหาวิทยาลยั ราชภัฏสวนสุนนั ทา เป็ นท่ีทาการของกองพฒั นานกั ศึกษา ศนู ย์หนงั สือ
สนุ นั ทาคลินคิ เวชกรรม และธนาคารกรุงเทพฯ
1.2.2.16 ตาหนกั พระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าเหมวดี เป็ นที่ประทบั ของพระเจ้าบรมวงศ์
เธอพระองค์เจ้ าเหมวดี ตาหนักนีไ้ ด้จัดและสร้ างเป็ นอาคารเรียนของภาควิชาคหกรรมศาสตร์
มหาวิทยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทา
8 | GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา
1.2.2.17 ตาหนักพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าสุวพักตร์วิไลพรรณ เป็ นท่ีประทับของ
พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าสุวพกั ตร์วิไลพรรณปัจจบุ นั ตาหนกั หลงั นีถ้ ูกรือ้ ลงแล้ว และเป็ นท่ีตงั้ ของ
อาคารเรียนคณะวิทยาการจดั การ มหาวิทยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทา
1.2.2.18 เรือนเจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดบั เป็ นอาคารบริวารของพระตาหนกั สายสุทธานภดล
เป็นท่ีพานกั ของเจ้าจอมหมอ่ มราชวงศส์ ดบั ปัจจบุ นั ตาหนกั หลงั นีถ้ กู รือ้ ลงแล้ว
1.2.2.19 เรือนเจ้าจอมเอิบเป็ นที่พานกั ของเจ้าจอมเอิบ ปัจจุบนั ถูกรือ้ ลงเพื่อสร้าง อาคาร
เรียน 1 มหาวทิ ยาลยั สวนดสุ ิต
1.2.2.20 เรือนเจ้าจอมแส เป็ นท่ีพานกั ของเจ้าจอมแส ปัจจุบนั ถกู รือ้ เพ่ือสร้างอาคารเรียน
1 มหาวิทยาลยั สวนดสุ ติ
1.2.2.21 เรือนเจ้าจอมเอ่ียม เป็ นท่ีพานกั ของเจ้าจอมเอี่ยม ปัจจบุ นั ถกู รือ้ เพื่อสร้างอาคาร
เรียน 1 มหาวทิ ยาลยั สวนดสุ ิต
1.2.2.22 เรือนเจ้าจอมอาบ เป็ นที่พานักของเจ้าจอมอาบ ปัจจุบนั ถกู รือ้ เพ่ือสร้ างอาคาร
เรียน 1 มหาวทิ ยาลยั สวนดสุ ติ
1.2.2.23 เรือนเจ้าจอมแก้ว เป็ นท่ีพานกั ของเจ้าจอมแก้ว ปัจจบุ นั ถกู รือ้ ลงเพื่อสร้าง อาคาร
เรียน 1 มหาวทิ ยาลยั สวนดสุ ติ
1.2.2.24 เรือนเจ้าจอมเอือ้ น เป็ นที่พานกั ของเจ้าจอมเอือ้ น ปัจจุบนั มหาวิทยาลยั ราชภฏั
สวนสนุ นั ทา ได้รือ้ อาคารนีแ้ ล้ว
1.2.2.25 เรือนเจ้าจอมแถมเป็นท่ีพานกั ของเจ้าจอมแถม ปัจจบุ นั มหาวิทยาลยั ราชภฏั สวน
สนุ นั ทา ได้รือ้ อาคารนีแ้ ล้ว
1.2.2.26 ท้าวโสภานิเวศน์เป็ นที่พานกั ของท้าวโสภานิเวศน์ ปัจจบุ นั ถกู รือ้ ในชว่ งต้นรัชกาล
ท่ี 9 ตาแหนง่ ของเรือนหลงั นีอ้ ยภู่ ายในบริเวณมหาวทิ ยาลยั สวนดสุ ิต
1.2.2.27 ตาหนกั วา่ ง
ในสวนสุนนั ทามีตาหนกั 4 หลงั ที่ไมม่ ีเจ้านายประทบั ตงั้ อย่ทู งั้ 2 ด้านของตาหนกั เจ้าดารารัศมี
พระราชชายา ถกู รือ้ ลงในชว่ งต้นรัชกาลที่ 9 โดยตาแหนง่ ตาหนกั นีอ้ ยภู่ ายในบริเวณมหาวิทยาลยั สวนดสุ ิต
สรุป พระตาหนักต่าง ๆ ภายในเขตพระราชฐานสวนสุนันทา ปัจจุบันคงเหลือ เพียง 10
ตาหนกั อยใู่ นสว่ นของมหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทา 5 ตาหนกั คือ
1) ตาหนกั พระวิมาดาเธอฯ กรมพระสธุ าสินีนาฏ ปิ ยมหาราชปดิวรัดา และสมเด็จเจ้าฟ้ า
นิภานภดล
2) ตาหนกั พระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ พระองค์เจ้าจฑุ ารัตนราชกมุ ารี
3) ตาหนกั พระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ พระองค์เจ้าพสิ มยั พิมลสตั ย์
GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา | 9
4) ตาหนกั พระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ พระองค์เจ้าศศพิ งษ์ประไพ
5) ตาหนกั พระเจ้าบรมวงศเ์ ธอพระองค์เจ้าอาทรทิพยนภิ า
1.3 การพัฒนาสวนสุนันทา ให้เป็ นท่ปี ระทบั ของเจ้านาย
ครัน้ ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยายมราช (ปัน้ สขุ มุ ) เป็ นผ้อู านวยการสร้างสวนสนุ นั ทาเพ่ิมเติม
ตงั้ แต่พทุ ธศกั ราช 2454 สาเร็จในพุทธศกั ราช 2462 และจดั ถวายเป็ นท่ีประทบั ของพระมเหสี พระราชธิดา
และบาทบริจาริกา ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกนาถให้ สมดังท่ีทรงตัง้ พระราชปณิธานไว้
ในระยะแรกที่พระบาทสมเดจ็ พระมงกลุ เกล้าเจ้าอย่หู วั ขนึ ้ ครองราชสมบตั ิ พระองค์พอพระทยั ที่
จะทรงงานต่าง ๆ เพื่อพัฒนาประเทศ ทัง้ ด้านการเมือง การปกครอง การศึกษา การสาธารณสุข
การตา่ งประเทศ และยงั มไิ ด้ อภิเษกสมรสกบั หญิงใด
บรรดาพระบรมวงศานวุ งศ์และเจ้าจอมในรัชกาลท่ี 5 มีความพอพระทยั และพอใจท่ีจะประทบั อยู่
ที่ตาหนกั ในเขตพระราชวงั สวนดสุ ิตมีบางพระองค์ที่เสดจ็ ออกไปประทบั ยงั วงั พระเจ้าลกู ยาเธอ แตบ่ าง
พระองค์ ก็ยงั คงพกั ณ ตาหนกั เดมิ ตาหนกั ในสวนสนุ นั ทาจงึ ทิง้ ไว้ ตอ่ มาเมื่อพระบาทสมเด็จ พระมงกฎุ
เกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระมเหสี และมีข้าราชบริพารฝ่ ายในของพระองค์มาพักท่ีพระตาหนักใน
พระราชวงั สวนดสุ ิต พระบรมวงศานวุ งศ์ ฝ่ ายใน และเจ้าจอมคณุ พนกั งานในรัชกาลที่ 5 ก็ทยอยแยก
ย้ายออกมาหาท่ีพานกั นอกพระราชวงั กบั พระราชโอรสหรือพระประยรู ญาติ
พ.ศ. 2467 พระวมิ าดาเธอฯ กรมพระสธุ าสินีนาฏ ปิ ยมหาราชปดิวรัดา พระอคั รชายาในรัชกาลท่ี
5 ซึ่งได้เสด็จไปประทับกับพระราชโอรส คือสมเด็จเจ้าฟ้ ายุคลฑิฆัมพร กรมหลวงลพบุรีราเมศร์ ณ
วงั ลดาวลั ย์ ระยะนนั้ พระวิมาดาเธอฯ ทรงพระประชวร และการพกั ผ่อนที่โปรดมากท่ีสุด คือการปลูก
ต้นไม้ เมื่อทรงหายประชวรแล้ว วงั ลดาวัลย์ มีเนือ้ ที่ไม่มากนกั ไม่พอกับการปลูกต้นไม้ดงั ท่ีทรงโปรด
พระวิมาดเธอ ฯ จึงคิดหาที่ประทบั ให้เพลิดเพลินพระทยั เพื่อปลกู ต้นไม้ดงั ที่โปรดในยามว่าง จึงทูลขอ
พระบรมราชานุญาตต่อ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้ าเจ้ าอยู่หัว เม่ือรัชกาลท่ี 6 ทรงทราบ
จงึ พระราชทานบรมราชานุญาต ความทราบถึงพระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ ายใน และเจ้าจอมในรัชกาลท่ี 5
ที่มีพระประสงค์จะเข้ามาอยกู่ ็ได้ตามเสด็จ พระวิมาดาเธอฯ กรมพระสธุ าสินีนาฏ ปิ ยมหาราชปดิวรัดา
มาในคราวเดียวกนั
อาณาเขตของสวนสุนันทามีเนือ้ ท่ีทัง้ หมด 122 ไร่ มีตาหนักทัง้ หมด 32 ตาหนัก ซ่ึงมี
พระมเหสี พระราชธิดา พระบรมวงศานวุ งศ์ เจ้าจอมมารดา และเจ้าจอม ในรัชกาลท่ี 5 ก็เสด็จเข้ามา
ประทบั แตล่ ะตาหนกั มีพืน้ ที่ใหญ่เลก็ ตา่ งกนั โดยเฉพาะตาหนกั ของพระมเหสี และพระราชธิดา จะมีเนือ้
ที่กว้างใหญ่ และยงั มีพืน้ ที่ปลกู อาคารให้บรรดาลกู หลานและข้าหลวงอยอู่ ีกด้วย
10 | GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา
จากความข้างต้นจะเห็นได้ว่า“สวนสุนันทา”จึงเป็ นเพียงอุทยานสวนป่ า แห่งหนึ่งท่ีพระบาท
สมเด็จพระจลุ จอมเกล้าเจ้าอย่หู วั มีพระราชประสงค์สร้างขึน้ ในเขตพืน้ ที่ของ “พระราชวงั ดสุ ิต” โดยมี
พระตาหนกั ของ พระบรมวงศานุวงศ์ท่ีมาพานกั ประทบั อยู่ตงั้ แตป่ ี พ.ศ. 2467 ถึง ปี พ.ศ. 2475 เมื่อมี
การเปลี่ยนแปลง การปกครอง พระบรมวงศานุวงศ์ และเจ้านาย ก็ทรงแยกย้าย ไปอยู่ตามที่ต่าง ๆ
วงั สวนสุนนั ทา ซ่ึงเคยเป็ นท่ีประทบั ของพระบรมวงศานุวงศ์นนั้ จึงหาได้นบั รวมเป็ นวงั เมื่อตรวจสอบ
ทาเนียบรายช่ือของวงั ในสมยั รัตนโกสินทร์จากหนงั สือตา่ ง ๆ ที่เกี่ยวข้อง อนั ได้แก่ “ตานานวงั เก่า” หรือ
“นามานกุ รมสถาปัตยกรรมไทยสมยั รัตนโกสินทร์” และ “จดหมายเหตกุ ารอนรุ ักษ์กรุงรัตนโกสินทร์” ก็ไม่
ปรากฏวา่ ได้มีการประกาศยก “สวนสนุ นั ทา” ขนึ ้ เป็น “วงั ” แตอ่ ยา่ งใด
1.4 พันธ์ุไม้ในสวนสุนันทา
การเลือกพนั ธ์ุไม้มาปลูกในอุทยานสุนนั ทานนั้ พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรง
พิถีพิถนั เสาะแสวงหาพนั ธ์ุไม้ท่ีเป็ นพนั ธ์ุไทยขนาดใหญ่และหายาก เพราะพระองค์ทรงออกแบบให้สวน
สนุ นั ทาเป็ นสวนป่ า จึงทรงคิดถึงพนั ธ์ุไม้ยืนต้นเพ่ือให้ร่มเงา เช่น ประดู่ ไทร กร่าง ปี บ โศก และมีผ้นู า
ต้นไม้จากอินโดนีเซียมาถวาย ต้นไม้นีม้ ีกลิ่นหอมคล้ายนา้ อบฝรั่ง จึงโปรด ให้ชื่อว่านา้ อบฝรั่งตอ่ มาได้
เปลี่ยนชื่อเป็นแก้วเจ้าจอม ซงึ่ เป็นดอกไม้ประจามหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทา
นอกจากนี ้เม่ือสมเดจ็ พระวมิ าดาเธอ กรมพระสทุ ธาสินีนาฏ ปิ ยมหาราชปดวิ รัดา ทรงมาประทบั
ที่พระตาหนกั ในสวนสนุ นั ทารอบ ๆ พระตาหนกั ปลูกไม้ดอกแทบทุกประเภทงามละลานตา ไม้ดอกที่
สาคญั ก็มี กหุ ลาบ กล้วยไม้ ทงั้ สองประเภทนีม้ ีมากมายหลายร้ อยต้น เจ้าจอม ม.ร.ว. สดบั ลดาวลั ย์
ได้เล่าว่าพระวิมาดาเธอฯ ทรงใช้จ่ายเงินมากเพื่อมาซือ้ ต้นไม้ ดอกไม้มาทรงปลูก มีหลายชนิด
โดยเฉพาะต้นไม้ในวรรณคดี ซง่ึ มีทงั้ ไม้ยืนต้น ไม้ดอก ไม้ใบ ไม้นา้ อาทิ ลน่ั ทมขาว ลนั่ ทมแดง พทุ ธชาด
สีเหลือง ต้นเล็บนางฟ้ า สารภี ลาดวน พิกุล นมแมว ชมนาด มะลิ หน้าวัว ชบาเทียน กระดังงา
กรรณิการ์ หิรัญญิการ์ สุพรรณิการ์ (ฝ้ ายคา) ประยงค์ นมแมว กระทกรกฝรั่ง (เสาวรส) ชงโค
พยบั หมอก อญั ชญั ผกากรอง พวงทอง ปี บ แก้ว ทานตะวนั เฟื่ องฟ้ า บาหยนั ซอ่ นกล่ิน มะลิซ้อน มะลิ
ย่ีเข่ง อโศก สร้อยระย้า ดาวเรือง ขจร พยอม อโศก ต้นจนั จนั ทน์เทศ จนั กระพ้อ ชะลดู เข็ม กระเบา
มีดอกลดาวลั ย์ปลกู มากท่ีสดุ และยงั มีไม้ป่ า คอื ต้นสะตอ คริสซเิ ด
ด้านหน้าตาหนกั จะมีดอกมะลิ กระดงั งา กุหลาบป่ าเพื่อใช้อบเสือ้ ผ้า และเครื่องทรงที่ซกั รีดไว้ที่
ถนนหน้าตาหนัก มีกุหลาบและโป๊ ยเซียนปลูกไว้ในกระถาง ด้านหลังของตาหนัก พระวิมาดาเธอฯ
เป็ นสระบวั กว้างใหญ่ ทรงปลกู บวั หลายชนิด หลายสี หลายพนั ธ์ุ มีทงั้ ปลกู เป็ นกอ และปลกู ในกระถาง
ริมสระ และนาผกั ตบชวามาปลกู ไว้ในกระถางริมสระ
GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา | 11
นอกจากนีค้ ุณหญิงกรองทอง สุรัสวดี ซ่ึงเป็ นพ่ีสาวคุณหญิงกรองแก้ว ปทุมานนท์ ได้เขียน
บรรยายถงึ สวนสนุ นั ทาเม่ือคราวท่ีทา่ นมาสอนที่สวนสนุ นั ทาในปี แรก โดยบนั ทกึ ไว้วา่
“.....ข้าพเจ้าวา่ สมเป็ นสวนสวรรค์สาหรับเหล่าสนมกานลั มีสมุ ทมุ พ่มุ ไม้คลองเกาะ แอ่งนา้ ใหญ่
น้อย มีต้นไม้นานาชนิด ไม้ดอก ไม้ใบ และไม้เถา อย่างที่หาท่ีอื่นไมม่ ี เพราะพระมเหสี เจ้าจอม หม่อม
ห้าม ล้วนเสาะแสวงหามาประดบั ประดา.....”
“…..ตอนเช้ามืดดอกไม้หอมร่ืนไปทวั่ ทกุ ฤดู ดอกไม้บานสลบั กนั ไปตลอดปี กรรณิการ์หลน่ เกล่ือน
กลาดตามพืน้ ดิน ยามรุ่งอรุณกลิ่นสายหยดุ มณฑา โชยมาตามสายลม ปลกุ ให้คนต่ืนแตเ่ ช้าด้วยความ
ช่ืนบาน วงิ่ แขง่ กนั ไปเก็บดอกไม้…..” มีไม้ผลอาทิ ชมพู่ ลาไย มะมว่ ง มะยม มะละกอ กระท้อน เกาลดั
หว้า มะตาด”
สรุป
จากการศึกษาค้นคว้าจะเห็นได้ว่าพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจฬุ าลงกรณ์พระจุลจอมเกล้า
เจ้าอยู่หวั ทรงมีพระราชประสงค์อย่างแรงกล้าที่จะสร้ างสวนสุนนั ทาไว้ประทับพักผ่อนพระอิริยาบถ
สวนสนุ นั ทา จะเป็นสถานที่ร่มรื่น สาหรับพระองค์ และเพื่อเตรียมเป็ นท่ีประทบั และพานกั ของพระมเหสี
พระสนม เจ้าจอมมารดา พระราชธิดา และเจ้าจอม เม่ือสิน้ พระองค์แล้วจะได้ไม่เดือดร้อน และยงั มีอีก
เหตผุ ลหนง่ึ ก็คือเพ่ือเป็นพระราชานสุ รณ์แหง่ ความรักของสมเด็จพระนางเจ้าสนุ ันทากมุ ารีรัตน์ ปิ ยมเหสี
ที่ทรงประสบอุบตั ิเหตเุ รือพระประเทียบล่ม สิน้ พระชนม์ ซ่ึงรัชกาลที่ 5 ทรงสร้ างพระราชานุสรณ์แห่ง
ความรักไว้ตามท่ีตา่ ง ๆ ท่ีสมเดจ็ พระนางเจ้าสนุ นั ทากมุ ารีรัตน์ทรงโปรด
ถึงแม้ว่า สวนสุนนั ทาเป็ นเพียง “อุทยาน” ที่พระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอย่หู วั ทรงมี
พระราชประสงค์ ให้จัดสร้ างขึน้ เพ่ือเตรียมเป็ นที่ประทบั และพานักของพระมเหสี พระสนม เจ้าจอม
มารดา พระราชธิดา และเจ้าจอม เม่ือรัชการที่ 5 สวรรคตแล้วแต่สวนสนุ นั ทาก็ยงั เพิ่งเริ่มต้นปรับพืน้ ท่ี
เตรียมที่จะจดั สร้างสวนป่ าแห่งหน่งึ ท่ีสร้างขึน้ ในเขตพืน้ ที่ของ “พระราชวงั ดสุ ิต” โดยมีพระตาหนกั ของ
พระบรมวงศานุวงศ์ปลูกสร้างอยู่ภายในนนั้ เพียงเท่านนั้ ในสมัยรัชกาลที่ 6 ได้ทรงโปรดให้สร้ างและ
จดั เป็นที่ประทบั ฝ่ ายใน สวนสนุ นั ทาจงึ เร่ิมมีแงง่ ามของความเป็นวฒั นธรรมชาววงั เริ่มเกิดขนึ ้
12 | GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา
คาถามทบทวน
1. รัชกาลท่ี 5 ทรงมีพระราชประสงค์ในการสร้างอทุ ยานสวนสนุ นั ทาอยา่ งไร
2. ภมู ิทศั น์ของอทุ ยานสวนสนุ นั ทาเป็นอยา่ งไรให้นกั ศกึ ษาอธิบายตามความคิดของ
นกั ศกึ ษา
3. ให้นกั ศกึ ษาเลา่ ถงึ ประวตั อิ ทุ ยานสวนสนุ นั ทา พอสงั เขป
4. พนั ธ์ุไม้ในสวนสนุ นั ทา มีต้นไม้อะไรบ้าง ให้นกั ศึกษาบอกมาสกั 5 และให้นกั ศกึ ษา
ค้นคว้าถงึ ข้อมลู ตอ่ ไปนี ้ช่ือภาษาไทย ชื่อภาษาองั กฤษ ช่ือทางวิทยาศาสตร์ ช่ือวงศ์
ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ วิธีการปลกู การขยายพนั ธ์ุ การใช้ประโยชน์
5. สาเหตใุ ดที่เจ้านายตา่ ง ๆ ยงั มไิ ด้เข้ามาประทบั ในอทุ ยานสวนสนุ นั ทา
GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา | 13
เอกสารอ้างองิ
เทิดพงศ์ คงจนั ทร์. นิตยาสาร ศลิ ปากร. สวนสุนันทามิใช่วัง ปี ท่ี 54 ฉบับท่ี 5, 2527.กรุงเทพ :
กรมศลิ ปากร.
เน่ือง นิลรัตน์. ม.ล. (2550) ชีวติ ในวัง. (พมิ พ์ครัง้ ท่ี 13) กรุงเทพ : โรงพิมพ์กรุงเทพ.
มหาวิทยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทา.(2555). 75 ปี สวนสุนันทา จากพระราชอุทยาน...สู่สถานศึกษา.
กรุงเทพมหานคร : มหาวิทยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทา
แสงสรู ย์ ลดาวลั ย์. ม.ล.(2557). สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระปิ ยมเหสี ในรัชกาลท่ี 5.
(พมิ พ์ครัง้ ที่ 5). กรุงเทพมหานคร : อมรินทร์พริน้ ตงิ ้ แอนดพ์ บั ลิสซ่งิ .
รวีโรจน์ สิงห์ลาพอง.(2561). ตาหนักพระวิมาดาเธอ กรมพระสุทธาสินีนาฏ, 80 ปี มหาวิทยาลัย
ราชภฏั สวนสุนันทา. กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พ์มหาวอทยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทา.
14 | GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา
บทท่ี 2
เจ้านายและการดารงชีวติ ในอุทยานสวนสุนันทา
ยวุ ดี คฤหบดี
ชตุ มิ า มณีวฒั นา
สวนสุนันทา เป็ นอุทยาน ท่ีพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้า
เจ้าอยหู่ วั ทรงมีพระราชประสงค์ ให้จดั สร้างขนึ ้ เพื่อเป็ นท่ีประทบั พกั ผอ่ นพระราชอิริยาบถแทนการเสดจ็
ประพาสต้นตามหวั เมือง นอกจากนีพ้ ระองค์ทา่ นทรงเล็งเหน็ วา่ ถ้าพระองคส์ วรรคต พระมเหสี พระสนม
เจ้าจอม พระราชธิดา จะเดือดร้อนเรื่องท่ีประทบั จงึ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สร้างเป็ นท่ีประทบั ของ
พระมเหสี พระราชธิดา เจ้าจอมมารดา เจ้าจอม ภายในเนือ้ ท่ี 122 ไร่ ตามที่รัชกาลที่ 5 ได้ทรงวางแผน
ไว้วา่ จะทรงสร้างพระตาหนกั ถึง 32 ตาหนกั
2.1 เจ้านายท่เี ก่ยี วข้องและประทบั ในอุทยานสวนสุนันทา
อทุ ยานสวนสนุ นั ทา เม่ือสร้างเสร็จ ยงั ไมม่ ีเจ้านายเสดจ็ เข้ามาประทบั จนเม่ือปี พ.ศ. 2467 พระวิมาดาเธอ
กรมพระสธุ าสินีนาฏ ปิยมหาราชปดวิ รัดา ได้เข้าพานกั จงึ มีเจ้านายเสด็จมาในคราวเดียวกนั ประทบั 28
พระองค์ โดยจะแบง่ เป็นพระภรรยาเจ้า พระราชธิดา และบาทบริจาริกา
2.1.1 พระภรรยาเจ้า หมายถึง ภรรยาของพระเจ้าแผน่ ดนิ ที่มีกาเนิดเป็ นเจ้า ซ่งึ ตามกฎมณเฑียร
บาลว่าด้วยพระฐานนั ดรศกั ดิ์ของพระภรรยาเจ้า ได้กาหนดไว้ว่ามี 4 ชนั้ คือ พระอคั รมเหสี พระมเหสี
พระราชเทวี และพระอคั รชายา พระภรรยาเจ้าที่มาประทบั ในวงั สวนสนุ นั ทา มีดงั นี ้
2.1.1.1 สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพนั วสั สาอยั ยิกาเจ้า ทรงเป็ นพระกนิษฐภคินี
ร่วมอุทรกับสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ เมื่อรัชกาลที่ 5 เสด็จมาประทบั ท่ีพระราชวังดุสิต
รัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้ างพระตาหนกั สวนหงส์พระราชทานสมเด็จพระนางเจ้า
สว่างวฒั นา และเมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคต เม่ือวันท่ี 23 ตุลาคม
2543 ก็ยงั คงประทบั ท่ีสวนหงส์ แตเ่ ม่ือพระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกล้าเจ้าอยหู่ วั ทรงสร้างพระตาหนกั
พระราชทาน สมเดจ็ พระศรีสวรินทริ าบรมราชเทวี พระพนั วสั สาอยั ยิกาเจ้า ก็มาประทบั ท่ีตาหนกั ในสวน
สนุ นั ทาในคราวจดั งานบาเพ็ญพระราชกศุ ลเนื่องในงานฉลองพระชนมายุ 60 พรรษา ขณะนนั้ การสร้าง
พระตาหนกั ใหญ่วงั สระปทมุ กอ่ สร้างแล้วเสร็จ จงึ เสดจ็ ไปประทบั ที่วงั สระปทมุ และพระราชทานตาหนกั
นีใ้ ห้เป็นท่ีประทบั ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองคเ์ จ้าเยาวภาพงศ์สนิท พระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้า
ประภาพรรณพไิ ลย และพระเจ้าบรมวงศเ์ ธอพระองค์เจ้าวาปี บษุ บากร
2.1.1.2 สมเด็จพระปิ ตุจฉาเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี พระองค์เสด็จประทับท่ี
พระตาหนกั ในสวนสนุ นั ทา จนกระทง่ั มีการก่อสร้างตาหนกั สมเดจ็ ที่วงั บางขนุ พรหมเสร็จ พระองค์จงั ไป
ประทบั ที่วงั บางขนุ พรหมเป็นการถาวร
2.1.1.3 พระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุธาสินีนาฏ ปิ ยมหาราช
ปดวิ รัดา มาประทบั ที่พระตาหนกั โดยขยายตาหนกั ทาเป็นสว่ นของห้องเครื่อง
2.1.1.4 เจ้าดารารัศมี พระราชชายา ในความเป็นจริง แม้จะมีตาหนกั ในสวนสนุ นั ทา แตเ่ จ้า
ดารารัศมีไมไ่ ด้มาประทบั เพราะ ทรงขอพระบรมราชานญุ าตจากรัชกาลท่ี 6 กลบั ไปประทบั ที่เชียงใหมท่ ่ี
ตาหนกั ดาราภิรมย์
2.1.2 พระราชธิดา หมายถึง ลูกสาวของพระมหากษัตริย์ ซ่ึงจะมีพระฐานนั ดรศกั ดิ์ แตกตา่ งกนั
เชน่ ถ้าเกิดจากพระภรรยาเจ้า ก็จะมีพระฐานนั ดรศกั ด์ิเป็ นเจ้าฟ้ า ส่วนท่ีเกิดจากเจ้าจอมมารดา ก็จะมี
พระฐานันดรศกั ด์ิ เป็ นพระองค์เจ้า พระราชธิดาที่เสด็จเข้ามาประทับในสวนสุนันทา มีทัง้ หมด 16
พระองค์ ดงั นี ้
2.1.2.1 พนั เอกหญิง สมเด็จพระราชปิ ตจุ ฉา เจ้าฟ้ าวไลยอลงกรณ์ กรมหลวงเพชรบรุ ีราชสิ
รินธรเป็ นพระราชธิดาใน พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอย่หู วั ประสตู ิแตส่ มเดจ็ พระศรีสวรินทิรา
บรมราชเทวี
2.1.2.2 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ านิภานภดล วิมลประภาวดี กรมขนุ อ่ทู องเขตขตั
ติยนารี เป็ นพระราชธิดาองค์ท่ี 4 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กับพระวิมาดาเธอ
พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิ ยมหาราชปดิวรัดา ได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้รับ
ราชการในหน้าที่ราชเลขานุการิณีในพระองค์พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยู่หวั นอกจากนี ้
เม่ือสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงเสดจ็ ประพาสยโุ รปเมื่อปี พ.ศ. 2450 ก็มีพระราชหตั ถเลขามาถึงพระเจ้า
ลูกเธอพระองค์นี ้ซ่ึงพระราชหตั เลขาเหล่านนั้ ได้นามารวมรวบเป็ นหนงั สือพระราชนิพนธ์ไกลบ้านใน
เวลาตอ่ มา
2.1.2.3 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ ามาลินีนพดารา กรมขุนศรีสชั นาลยั สุรกัญญา
พระราชธิดาองค์ท่ี 3 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กับ พระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้า
สายสวลีภิรมย์ กรมพระสทุ ธาสนิ ีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา สมเด็จพระเจ้าลกู เธอ เจ้าฟ้ ามาลินีนพดารา
ศริ ินิภาพรรณวดี ทรงมีประชวรด้วยพระโรคพระปับผาสะมานาน และตอ่ มาทรงพระประชวรด้วยพระโรค
วกั กะ พระอาการทรุดลงและสิน้ พระชนม์เมื่อวนั ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2467 ณ วงั สวนสุนนั ทา สิริรวม
พระชนมายุได้ 39 พรรษา เมื่อสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ ามาลินีนพดารา กรมขุนศรีสชั นาลัย
สุรกัญญา สิน้ พระชนม์ พระวิมาดาเธอ ฯ โปรดให้พระองค์หญิงมาลิศเสาวรส และท่านได้นาหลาน
มาอยดู่ ้วย 2 คนคอื หมอ่ มเจ้าหญิงอรอษุ า และหมอ่ มเจ้าหญิงศริ ิอจั ฉรา
16 | GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา
2.1.2.4 พระเจ้าลูกเธอ พระองค์เจ้าเยาวภาพงศ์สนิท พระราชธิดาในพระบาทสมเด็จ
พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอย่หู วั ประสตู ิแต่เจ้าจอมมารดาหม่อมราชวงศ์เนื่อง สนิทวงศ์ (ธิดาในพระวรวงศ์
เธอ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์) เจ้าจอมมารดาหม่อมราชวงศ์เนื่อง ถึงแก่อนิจกรรม สมเด็จพระศรีสว
รินทริ าบรมราชเทวี พระพนั วสั สาอยั ยกิ าเจ้า ทรงรับพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเยาวภาพงศ์สนิทไว้
อปุ การะพร้อมทงั้ พระอนุชา คือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารังสิตประยรู ศกั ด์ิ กรมพระยา
ชยั นาทนเรนทร พระเจ้าบรมวงศ์เธอ
2.1.2.5 พระองค์เจ้ าประภาพรรณพิไลย เป็ นพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จ
พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั ประสตู แิ ตเ่ จ้าจอมมารดาพร้ อม เป็ นพระราชธิดาแฝดคกู่ บั พระเจ้าบรมวงศ์
เธอ พระองค์เจ้าประไพพรรณพลิ าส พระขนิษฐาแฝดประชวร และสิน้ พระชนม์เม่ือวนั ท่ี 17 พฤศจิกายน
พ.ศ. 2429 สิริพระชนั ษา 1 ปี 3 เดือน หลงั จากเจ้าจอมมารดาพร้อม ถึงแก่อนิจกรรม สมเด็จพระศรีสว
รินทิราบรมราชเทวี พระพนั วสั สาอยั ยิกาเจ้าทรงทลู ขอพระราชทาน พระเจ้าลกู เธอ พระองค์เจ้าประภา
พรรณพิไลย มาอภิบาลเป็นพระราชธิดาบญุ ธรรม
2.1.2.6 พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวาปี บษุ บากร เป็ นพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จ
พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาพร้ อม หลังจากเจ้าจอมมารดาพร้ อม ถึงแก่
อนจิ กรรม สมเดจ็ พระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพนั วสั สาอยั ยิกาเจ้าทรงทลู ขอพระราชทาน พระเจ้า
ลกู เธอ พระองคเ์ จ้าวาปี บษุ บากร มาอภิบาลเป็นพระราชธิดาบญุ ธรรม
2.1.2.7 พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอัพภันตรีปชา หรือเสด็จพระองค์หญิงขาว เป็ น
พระเจ้าลูกเธอในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจฬุ าลงกรณ์ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั รัชกาลที่ 5
และเจ้าจอมมารดาแส โรจนดศิ
2.1.2.8 พระเจ้ าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ าอรประพันธ์ราไพ เป็ นพระเจ้ าลูกเธอใน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หวั รัชกาลท่ี 5 และเจ้าจอม
มารดาออ่ น
2.1.2.9 พระเจ้ าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ าอดิสัยสุริยาภา เป็ นพระเจ้ าลูกเธอใน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หวั รัชกาลที่ 5 และเจ้าจอม
มารดาออ่ น
2.1.2.10 พระเจ้ าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ าอาทรทิพยนิภา เป็ นพระเจ้ าลูกเธอใน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หวั รัชกาลที่ 5 และเจ้าจอม
มารดาชมุ่
2.1.2.11 พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุฑารัตนราชกุมารี เป็ นพระเจ้าลูกเธอใน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หวั รัชกาลท่ี 5 และเจ้าจอม
มารดา มรกฏ
GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา | 17
2.1.2.12 พระเจ้ าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ าพิสมัยพิมลสัตย์ เป็ นพระเจ้ าลูกเธอใน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หวั รัชกาลที่ 5 และเจ้าจอม
มารดาเรือน
2.1.2.13 พระเจ้ าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ าศศิพงศ์ประไพ เป็ นพระเจ้ าลูกเธอใน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หวั รัชกาลที่ 5 และเจ้าจอม
มารดาจนั ทร์
2.1.2.14 พระบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้ าหญิงวรลักษณาวดี เป็ นพระเจ้ าลูกเธอใน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หวั รัชกาลที่ 5 และเจ้าจอม
มารดาสดุ
2.1.2.15 พระเจ้ าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้ าหญิงเหมวดี เป็ นพระเจ้ าลูกเธอใน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี 5 และเจ้าจอม
มารดาเหม
2.1.2.16 พระเจ้ าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้ าสุวพักตร์วิไลพรรณ เป็ นพระเจ้ าลูกเธอใน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 และเจ้าคุณ
พระประยรู วงศ์ (เจ้าคณุ จอมมารดาแพ)
2.1.3 บาทบริจาริกา พจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถานฉบบั ปี 2542 ให้ความหมายว่า ผ้ทู ี่รับ
ใช้พระเจ้าแผน่ ดนิ (ราชบณั ฑิตยสถาน,2542 หน้า 622) หมายถึงภรรยาพระเจ้าแผน่ ดินที่เป็ นสามญั ชน
พระมหาอปุ ราช และเจ้าฟ้ า มีฐานนั ดรศกั ด์ิ ตงั้ แต่ หมอ่ มราชวงศ์ลงไป โดยมีคานาหน้านามวา่ เจ้าจอม
มารดาและเจ้าจอม ในสวนสนุ นั ทา มีเจ้าจอมมารดา และเจ้าจอมอย่ทู ี่เรือนตา่ ง ๆ และในที่นีข้ อรวมถึง
ท้าวโสภานิเวศน์ด้วย ดงั นี ้
2.1.3.1 เจ้าจอม และเจ้าจอมมารดา ท่ีเข้ามาอย่ใู นสวนสนุ นั ทามีอยู่ 2 สายสกลุ มีสกลุ บนุ นาค
และลดาวลั ย์
1) สายสกุลบุนนาค หรือท่ีเจ้ านายเรี ยกขานกันว่าเจ้ าจอมก็กออหรื อ
เจ้าจอมพงศ์ออ เพราะมีนามขึน้ ต้นด้วย อ.อ่าง ซ่ึงมีอยู่ 5 เจ้าจอม เจ้าจอมมารดาอ่อน เจ้าจอมเอี่ยม
เจ้าจอมเอิบ เจ้าจอมอาบ เจ้าจอมเอือ้ น ทงั้ หมดเป็ นสายราชินิกลุ บนุ นาค เป็ นบตุ รีของเจ้าพระยาสุร
พนั ธ์พิสุทธ์ิ (เทศ บุนนาค) กับท่านผู้หญิงอู่ และสกุลนีย้ ัง มีบุตรีที่เกิดแต่ เจ้าพระยาสุรพันธ์พิสุทธ์ิ
(เทศ บนุ นาค) อีก 2 ทา่ นคือ เจ้าจอมแก้ว เกิดกบั นางพวง เจ้าจอมแส เกิดกบั นางทรัพย์
ในสายสกลุ บนุ นาคนีม้ ีเจ้าจอมแถม ซง่ึ เป็ นหลานของเจ้าจอมพงศ์ออเจ้าจอมเป็ น
ธิดาของพระสจั จาภิรมย์ (แถบ บนุ นาค) กบั นางอิน
2) สายสกุลลดาวลั ย์ เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดบั เป็ นธิดาในหม่อมเจ้าเพิ่ม
ลดาวลั ย์ กบั หมอ่ มช้อย ลดาวลั ย์ ณ อยธุ ยา (สกลุ เดมิ นครานนท์) เมื่อทา่ นมีอายไุ ด้ 11 ปี หมอ่ มยายได้
18 | GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา
พาท่านไปถวายตวั เป็ นข้าหลวงในตาหนกั พระวิมาดาเธอ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิ ยมหาราชปดิวรัดา
ซ่ึงพระองค์ได้ทรงอบรมเลีย้ งดหู ม่อมราชวงศ์สดบั ในฐานะพระญาติ และยังโปรดให้เรียนหนังสือทงั้
ภาษาไทย ภาษาองั กฤษ รวมทงั้ หดั งานฝี มือ ตลอดจนการอาหารคาวหวานจนเช่ียวชาญ นอกจากความ
อจั ฉริยภาพและความงามแล้ว ความมีเสียงอนั ไพเราะของท่าน ยงั เป็ นคณุ สมบตั ิท่ีโดดเดน่ ด้วย ดงั ใน
บทพระราชนพิ นธ์เงาะป่ าในรัชกาลท่ี 5 กลา่ ววา่
“แม่เสียงเพราะเอย นา้ เสียงเจ้าเสนาะ เหมือนดงั ใจพ่ีจะขาด เจ้าร้องลานาย่ิง
ซา้ พสิ วาท พี่ไมว่ ายหมายมาด รักเจ้าเสียงเพราะเอย”
3) ท้าวโสภานิเวศน์ เป็ นตาแหนง่ คณุ ท้าวว่าการทว่ั ไปฝ่ ายใน ชว่ ยราชการใน
กองบญั ชาการของท้าววรจนั ทร์ สมยั รัชกาลท่ี 5 ผ้ไู ด้รับพระมหากรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เป็ นท้าวโสภา
นเิ วศน์ คือนางสาวศริ ิพงศ์ กมั ปนานนท์
2.2 การดารงชีวิตของเจ้านาย
2.2.1 พระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสธุ าสินีนาฏ ปิ ยมหาราชปดิวรัดาทรง
เป็นแบบอยา่ งของเจ้านายท่ีเป็นเอตทคั คะด้านการทรงทาอาหาร พระจริยวตั รของพระวิมาดาเธอฯ เองก็
เป็ นที่ประจกั ษ์และทรงได้รับความไว้วางพระราชหฤทยั ให้ทรงสนองพระเดชพระคณุ ในเร่ืองสาคญั จน
ตลอดรัชกาล นน่ั คือ ได้ทรงเป็ นผู้กากบั ห้อง เครื่องต้น ซ่ึงทรงเช่ียวชาญเป็ นพิเศษทงั้ คาวและหวานและ
ได้ทรงยึดถือพระภาระหน้าที่อนั หนกั นีเ้ ป็ นความรับผิดชอบโดยเตม็ ความสามารถ ดงั นนั้ ไม่ว่าจะเสด็จ
ประพาส ณ ที่ใดก็จะโปรดให้พระวมิ าดาเธอฯ ตามเสดจ็ เพ่ือประกอบพระกระยาหารถวายด้วยแทบทกุ ครัง้
เม่ือมาประทบั ท่ีพระตาหนกั ในสวนสนุ นั ทาพระวิมาดาเธอฯ ก็ทรงประกอบอาหารเพื่อถวายใน
หลวงรัชกาลท่ี 6 และ 7 ถวายพระภิกษุสงฆ์ ถวายเจ้านาย และเลีย้ งแขกชาวต่างชาติ ดังคาให้
สมั ภาษณ์ของ ม.ล. เน่ือง นิลรัตน์ อดตี ข้าหลวงในวงั สวนสนุ นั ทา
“... เจ้านายในแตล่ ะตาหนกั จะมารับประทานอาหารที่ตาหนกั นีเ้ป็นประจา เพราะมีอาหาร
ที่หลากหลาย มีทงั้ ของคาว ของหวาน ของวา่ งรับประทานกบั นา้ ชา ถ้าถามวา่ อาหารสวนสนุ นั ทา ก็ต้อง
เป็น อาหารจากตาหนกั นี ้เพราะไมม่ ีท่ีอื่นทาอาหารมากเทา่ ตาหนกั นี ้ไมว่ า่ จะทาถวายในหลวง ทาถวาย
พระทาเลีย้ งแขกชาวตา่ งชาติ ก็ไมพ่ ้นฝี มือพระองคท์ า่ น นา้ พริกลงเรือก็เกิดท่ีตาหนกั นี.้..”
คาเล่ืองลือในเร่ืองความเป็ นเลิศในการประกอบการครัวทัง้ คาวและหวานดังกล่าวนี ้ ทาให้
พระตาหนักพระวิมาดาเธอฯ ได้รับการยกย่องเป็ นประดจุ สานกั ประสิทธ์ิประสาทวิชาความรู้สาหรับ
กลุ สตรีชาววงั ในเร่ืองสารับคาวหวาน บรรดาข้าหลวงในสานกั นีไ้ ด้ช่ือว่ามีความเช่ียวชาญและฝี มือเป็ น
เลิศ ผ้ใู ดผ่านการอบรมในสานกั นีแ้ ล้วยอ่ มเป็ นท่ียกย่องกนั ว่า “ยอดเย่ียม” ทกุ คน ตวั อย่างเช่น หม่อม
เจ้าหญิง คอยท่า ปราโมช ซึ่งเข้ามารับราชการทาเคร่ืองต้นอยู่กับพระวิมาดาเธอฯ ตงั้ แต่รัชสมัย
GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา | 19
พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอย่หู วั นนั้ เมื่อถึงรัชสมยั พระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกล้าเจ้าอย่หู วั
ก็ได้ทรงเป็นผ้อู านวยการ ห้องเครื่องต้นสืบตอ่ มาอีกรัชกาลหนง่ึ
พระวิมาดาเธอฯ นนั้ นอกจากจะมีชื่อเสียงในเรื่องเคร่ืองคาวหวานแล้ว ในส่วนของการอบรมสง่ั
สอนวิชาการความรู้ก็มิได้ทรงละเลย แต่ “…การเรียนหนงั สือพระวิมาดาเธอฯ ไม่โปรดให้เด็กผ้หู ญิงไป
โรงเรียน แต่โปรดหาครูมาสอนท่ีตาหนกั ผลดั เปลี่ยนกัน และสามารถให้หยุดเรียนเพ่ือมาทาภารกิจ
สาคญั ๆ ตามพระประสงค์ของพระวิมาดาเธอ ฯ วิชาท่ีเรียนก็มีทัง้ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ว่ายนา้
จกั รยาน ตลอดถึงวิชาที่ทนั สมยั เช่นกอล์ฟ และท่ีสาคญั ได้ทรงปลูกฝังในเรื่องศิลปวฒั นธรรมไทยได้
โปรดให้มีครูสอนการขบั ร้องและดนตรีไทย ซง่ึ ข้าหลวงในสานกั นีไ้ ด้รับหน้าที่ให้กลอ่ มพระบรรทมและมี
วงมโหรีหรือวงเครื่องสายบรรเลงถวาย โดยเฉพาะเมื่อได้ตามเสด็จมาประทบั ณ พระราชวงั สวนดสุ ิต
แล้ว พระวิมาดาเธอฯ ได้ทรงเร่ิมงานดนตรีขึน้ อย่างจริงจงั โดย…” ทรงจดั ให้บรรดาข้าหลวงของท่าน
ฝึ กหดั เด็กผ้หู ญิงทงั้ ที่เป็ นพระญาติและสามญั ชนขบั ร้องบรรเลงเพลง โดยเชิญครูผ้ชู ายเข้ามาสอนใน
เวลากลางวัน ที่ควรกล่าวนามท่านไว้ ได้แก่ ครูพระประดิษฐไพเราะ (ดาด) ซึ่งเคยประจาการกรม
มหรสพที่วงั บ้านหม้อมาก่อนเป็ นครูใหญ่ พระยาเสนาะดรุ ิยางค์ (แช่ม สนุ ทรวาทิน) ครูเหลือ (ไม่ทราบ
นามสกลุ ) มาเป็ นผ้สู อนดนตรี ส่วนการขบั ร้องนนั้ เดมิ ให้คณุ เฒ่าแก่จีบ หม่อมส้มจีน บนุ นาค เป็ นผ้หู ดั
ตอ่ มาได้หมอ่ มนกั ร้องของเจ้าพระยาเทเวศร์ วงศววิ ฒั น์จากวงั บ้านหม้อมาตอ่ ทางร้องเป็ นครัง้ คราว หรือ
บางทีพระยาเสนาะดรุ ิยางค์ (แช่ม สนุ ทรวาทิน) ช่วยต่อทางร้องให้ ครูดนตรีและครูร้องจึงเข้ากันได้ดี
เพราะมาจากสานกั เดยี วกนั “…วงเครื่องสายของพระวิมาดาเธอฯ วงนีไ้ ด้หยดุ ชะงกั ล้มเลิกไประยะหนง่ึ
เมื่อพระผ้อู ปุ ถมั ภ์คือ พระวิมาดาเธอฯ เสด็จไปประทบั ณ วงั ลดาวลั ย์ เมื่อสิน้ รัชกาลพระบาทสมเด็จ
พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จนกระทั่งเมื่อเสด็จออกมาประทับท่ีสวนสุนนั ทา ระยะนีข้ ้าหลวงเก่า ๆ
ก็กลบั มาเฝ้ าหรือมาอย่กู ับพระองค์ท่านท่ีพระตาหนกั ในสวนสนุ ันทา ดนตรีของพระวิมาดาเธอฯ ก็ได้
กลบั มาก่อตงั้ ขึน้ ใหม่ นกั ร้องก็ถกู ตามตวั ให้กลบั มาร้องเพลง ในชุดหลงั นีม้ ีครูท้วม ประสิทธิกลุ ซึ่งเคย
ร้องในวงนีม้ าตงั้ แต่สมัยพระราชวังสวนดุสิตในรัชกาลที่ 5…” การบรรเลงสืบมาตราบจนสิน้ พระผู้
อปุ ถมั ภ์ในวาระสดุ ท้าย เมื่อพทุ ธศกั ราช 2472
พระวิมาดาเธอ ฯ ทรงมีความสามารถทางดนตรีโดยเฉพาะการบรรเลงจะเข้ อนั เป็ นที่ทราบกัน
อยา่ งกว้างขวาง และมีเจ้านายนาจะเข้ทาด้วยงาทงั้ ตวั ประดบั ทบั ทมิ สวยงามมากมาถวาย
2.2.2 พระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ท่ีประทับท่ีสวนสุนันทา
ทกุ พระองค์ทรงมีความสามารถที่แตกตา่ งกนั
2.2.2.1 สมเดจ็ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ านิภานภดล วิมลประภาวดี กรมขนุ อทู่ องเขตขตั
ตยิ นารี ความสนพระทยั อย่างหน่งึ ของสมเด็จเจ้าฟ้ าฯ กรมขนุ อ่ทู องเขตขตั ตยิ นารี คือ ทรงเป็ นผ้ทู ่ีฝักใฝ่
ในเรื่องการศึกษา ถึงกับทรงให้จดั ตงั้ โรงเรียนขึน้ ภายในบริเวณท่ีประทบั เรียกว่า โรงเรียนนิภาคาร
เพื่อให้เป็ นท่ีศกึ ษาเล่าเรียนของพระญาติและบรรดาข้าหลวงในพระองค์ โดยมีการจ้างทงั้ ครูชาวไทย
20 | GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา
และชาวตา่ งประเทศมาดาเนินการสอน นกั เรียนทุกคนไมต่ ้องเสียคา่ ใช้จา่ ย มีอาหารรับประทานทกุ มือ้
และมีอปุ กรณ์การเรียนครบถ้วนอยา่ งโรงเรียนทวั่ ไป เมื่อสาเร็จการศกึ ษาแล้ วให้ไปสอบเทียบท่ีโรงเรียน
สายปัญญา หากสอบได้จะประทานรางวลั แก่บคุ คลผ้นู นั้ ทกุ ครัง้ ไป เร่ืองการศกึ ษานีท้ รงใส่พระทยั มาก
เป็ นพิเศษ ถึงกับเคยมีดาริที่จะตงั้ เป็ นโรงเรียนหลวงให้ถูกต้องตามกฎหมาย จึงรับสง่ั ให้พระองค์ธานี
(พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าธานีนิวัต กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร) เสนาบดีกระทรวงธรรมการใน
ขณะนนั้ เข้าเฝ้ าถวายคาแนะนาการดาเนินการ แตเ่ ป็ นที่น่าพระองค์ยงั ทรงสร้างโรงเรียนนิภาคารขนึ ้ ใน
พระตาหนกั วงั สวนสุนนั ทา ถือเป็ นสถาบนั ศกึ ษานอกระบบแห่งแรกของไทย เมื่อปี พ.ศ. 2467 เพื่อชบุ
เลีย้ งเดก็ และข้าหลวงให้มีการศกึ ษาที่ดีขึน้ หลงั พระมารดาสิน้ พระชนม์ พระองค์จงึ เป็ นทงั้ ผ้อู านวยการ
และพระอาจารย์ มีการจ้างครูชาวไทยและฝร่ังมาช่วยสอน ครัน้ เมื่อเกิดการเปล่ียนแปลงการปกครอง
พ.ศ. 2475 เจ้านายได้หนีราชภัยไปต่างประเทศบ้าง ต่างเมืองบ้าง โรงเรียนนิภาคารจึงยุบเลิกโดย
ปริยาย สว่ นสมเดจ็ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ านิภานภดลได้เสด็จหนีราชภยั ไปยงั เมืองบนั ดงุ ประเทศ
อินโดนีเซีย และไปสนิ ้ พระชนม์ที่เมืองนี ้เมื่อ วนั ท่ี 29 มกราคม พ.ศ. 2478
นอกจากนี ้สมเดจ็ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ านิภานภดลยงั เป็ นเจ้านายท่ีทนั สมยั โปรดทรง
กีฬากอล์ฟ จะไปทรงกอล์ฟท่ีสนามราชตฤณมยั สมาคม เสมอ ๆ และจะพาเจ้านายท่ีใกล้ชิดตามเสดจ็ ไป
ด้วย บางโอกาสก็โปรดให้มีการฉายภาพยนตร์ที่หน้าตาหนกั ให้เจ้านาย และข้าหลวงที่สวนสนุ นั ทาได้ชม
2.2.2.2 พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทรทิพยนิภา สมัยเม่ือทรงพระเยาว์เสด็จ
พระองค์อาทรฯ จึงทรงสนิทสนมกับสมเด็จเจ้าฟ้ าฯ กรมขนุ ศรีสชั นาลยั สรุ กัญญา และสมเด็จเจ้าฟ้ าฯ
กรมขนุ อู่ทองเขตขตั ติยนารี เป็ นอย่างมาก ดงั เห็นได้จากในสมัยท่ีสมเด็จเจ้าฟ้ าทงั้ สองพระองค์ตาม
เสด็จพระบรมชนกนาถ เสด็จพระองค์อาทรฯ ก็ตามเสด็จเข้านอกออกในด้วย ตลอดจนสมยั ท่ีเจ้านาย
นิยมทรงจกั รยาน ก็ทรงตามเสด็จพระราชดาเนินออกไปถึงนอกวงั นบั ว่าได้ทรงมีโอกาสเห็นโลกกว้าง
กวา่ เจ้านายพระองคอ์ ื่น ซง่ึ ถ้าเป็นฝ่ ายในก็ยอ่ มมีโอกาสน้อยนกั ท่ีจะได้ออกข้างนอกวงั
ครัน้ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ เจ้าเกล้าเจ้าอย่หู วั เสดจ็ สวรรคต เสดจ็ พระองค์อาทรฯ จึงเสด็จ
เข้าไปประทับอย่ใู นพระบรมมหาราชวงั จนเสร็จงานถวายพระเพลิงพระบรมศพแล้ว ก็เสด็จกลบั มายงั
สวนภาพในพระราชวงั ดสุ ติ แล้วเปล่ียนมาประทบั ที่ตาหนกั ในสวนสนุ นั ทา ด้วยความสนพระทยั ในด้าน
การดนตรี และการละคร จึงได้ตงั้ คณะละครเป็ นของพระองค์เอง มีวงมโหรีเคร่ืองสายผสมและวง
องั กะลงุ ซงึ่ นบั วา่ เป็นวงดนตรีท่ีมีความสมบรู ณ์ที่สดุ ในสวนสนุ นั ทา กล่าวคือ เป็ นวงที่มีการฝึ กซ้อมเป็ น
ประจาทกุ วนั จากครูทางด้านดนตรีและนาฏศลิ ป์ เชน่ เจ้าจอมมารดาวาด ในรัชกาลที่ 4 เจ้าเทพกญั ญา
บรู ณพิมพ์ เจ้านายฝ่ ายในแตล่ ะพระองค์นนั้ แม้ได้ทรงรับการอบรมให้ทรงตระหนกั ในความรับผิดชอบ
ของผ้เู ป็ นใหญ่ และส่วนมากก็ทรงปฏิบตั พิ ระองค์สมกบั ที่ทรงดารงฐานะอนั สงู ศกั ด์ิ และยงั นามาแสดง
ถวายพระวมิ าดาเธอฯ เป็นประจา
GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา | 21
2.2.2.3 พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอพั ภนั ตรีปชา ในทางการศกึ ษา เม่ือทรงย้ายจาก
สวนสนุ นั ทา พระองค์ไปสร้างตาหนกั ที่ถนนสโุ ขทยั เขตดุสิต และทรงคดิ ที่จะสร้างโรงเรียน ทรงอตุ สา่ ห์
เก็บเงินตงั้ โรงเรียนขนึ ้ ในท่ีส่วนของพระองค์ โดยทรงยกอาคาร 2 ชนั้ ที่เคยประทบั อยนู่ นั้ ให้เป็ นโรงเรียน
และไปประทบั ในเรือนเล็ก ๆ มอบตกึ ใหญ่ให้เป็ นโรงเรียน นบั วา่ เป็ นการเสียสละอนั ยากท่ีผ้อู ่ืนจะทาได้
โรงเรียนนีเ้ม่ือตงั้ มาหลายปี ก็เจริญยิ่งขนึ ้ โดยลาดบั เสนาบดีกระทรวงธรรมการในสมยั นนั้ เห็นวา่ จะเป็ น
โรงเรียนที่ถาวรมนั่ คงตอ่ ไป เพราะมีนกั เรียนถึง 400 คนเศษ และตงั้ อยใู่ นย่านตาบลที่ไมม่ ีโรงเรียนสตรี
จึงได้ขอประทานนามว่าโรงเรียน “ขัตยาณีผะดงุ ” ภายหลงั ได้เปล่ียนเป็ นโรงเรียน “อภันตรีผะดงุ ”
ในพระนามของพระองคโ์ ดยตรง เพราะได้ทรงออกทนุ ทรัพย์ตงั้ ขนึ ้ และทรงทานบุ ารุงมาช้านาน ในเวลา
ตอ่ ไปไมช่ ้า ก็คงพอจะเก็บเงินเลีย้ งตวั ได้แตป่ ัจจบุ นั นีโ้ รงเรียนนีไ้ ด้เลิกไปแล้ว
2.2.2.4 พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพิสมัยพิมลสตั ย์ ทรงโปรดการทาอาหาร โปรด
การปลูกต้นไม้ รอบ ๆ ตาหนกั ในอดีต ตาหนักของพระองค์รายล้อมไปด้วยไม้ดอกไม้ประดบั จึงเป็ น
ตาหนกั ท่ีสวยงามมากอีกตาหนกั หนง่ึ
2.2.2.5 พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศศิพงศ์ประไพ ทรงใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ทรงใฝ่
พระทยั ในธรรมะ งานที่โปรดคือการเย็บปักถกั ร้อยและงานแกะสลกั รวมทงั้ โปรดการออกแบบเสือ้ ผ้า
สมเด็จพระพนั ปี หลวงถึงกบั ทรงมอบหมายให้ทาหน้าท่ีตดั เย็บฉลองพระองค์ และที่พิเศษคือโปรดกีฬา
กอล์ฟ ซ่ึงสมัยนัน้ กีฬากอล์ฟเพ่ิงเข้ามาในประเทศไทยในรัชสมัยรัชกาลท่ี 5 สนามกอล์ฟแห่งแรก
พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั รัชกาลที่ 5 โปรดให้สร้างท่ีท้องสนามหลวง แตพ่ อรัชสมยั ของ
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลท่ี 6 โปรดให้สร้ างสนามกอล์ฟที่โรงแรมรถไฟใกล้
ชายทะเลหวั หิน และ สนามราชตฤณมยั สมาคม
2.2.2.6 พระองค์เจ้าจฑุ ารัตนราชกมุ ารี ทรงเชี่ยวชาญด้านกวีนิพนธ์ ฉันท์ และกาพย์กลอน
ทรงร้ อยเรียงนิราศหัวหินท่ีงดงามทงั้ วรรณศิลป์ และมีความไพเราะจบั ใจย่ิงนัก ภายหลงั ได้โปรดให้มี
การจดั พมิ พ์ ลงในหนงั สืองานพระศพของพระองค์ ซงึ่ เป็นท่ียกยอ่ งในแวดวงวรรณกรรม
2.2.3 เจ้าจอมที่อยใู่ นวงั สวนสนุ นั ทา
2.2.3.1 เจ้าจอมเอี่ยม (กณั ฑาทิพย์ สิงหะเนติ,2558 หน้า 75) เป็ นผ้มู ีฝี มือในการทาอาหาร
มีหน้าที่เป็ นผู้ช่วยทาเครื่องเสวยของพระอรรคชายาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ นอกจากนีย้ ังมี
หน้าที่ถวายงานนวดพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในเวลาเข้าที่พระบรรทม เป็ นที่สบ
พระราชหฤทยั
2.2.3.2 เจ้าจอมเอิบ พระราชหตั ถเลขาของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอย่หู วั ถึง
พระยาบรุ ุษฯ โดยให้นารถไปรับเจ้าจอมเอิบมาท่ีพระตาหนกั พญาไทเพ่ือมาทอดปลาทโู ดยเฉพาะปลาทู
ทอดเป็นอีกหนง่ึ พระกระยาหารที่สมเดจ็ พระพทุ ธเจ้าหลวงโปรดเสวยมากในสมยั ของพระองค์นนั้ ปลาทู
22 | GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา
ถือวา่ เป็นอาหารหรู หารับประทานยาก ยามเสด็จเมืองเพชรคราวใดก็มกั จะเอย่ ถึงปลาทเู สมอไปทกุ ครัง้
สว่ นผ้ทู ่ี ทอดปลาทู ได้ถกู พระราชหฤทยั มากที่สดุ ก็คือ เจ้าจอมเอบิ เจ้าจอมแหง่ สายสกลุ บนุ นาค
ปลาททู อดเจ้าจอมเอิบ เป็ นแบบฉบบั ของชาวเพชรบรุ ีโดยแท้ เพราะจะไมท่ อดให้
หนงั ปลาเหลืองเข้มเกินไปจนกลายเป็ นสีนา้ ตาล และไม่ทอดจนเนือ้ ปลาแห้งกรอบ แต่จะทอดให้เป็ นสี
เหลืองทองออ่ น ๆ หนงั ปลากรอบแบบนมุ่ ๆ เนือ้ ปลายงั นมุ่ ช่มุ ฉ่าจากไขมนั ธรรมชาตขิ องปลา และจะไม่
ทอดนานเพราะปลาทูนึ่งสุกมาแล้ว การทอดนีเ้ ป็ นเพียงการดบั กลิ่นคาวและช่วยให้เนือ้ ปลาหอมขึน้
เทา่ นนั้ สว่ นสีของ ปลาทู ซง่ึ ทอดเสร็จแล้วจะยงั คงมีสีนวลสวยใกล้เคยี งกอ่ นนาไปทอด
เจ้าจอมเอิบ ยงั มีความสามารถในการใช้กล้องถ่ายภาพ สามารถถ่ายภาพ และ
ล้างรูปได้ด้วยตัวเอง เป็ นช่างภาพสมัครเล่นในราชสานัก ซึ่งได้ถ่ายภาพพระบรมฉายาลักษณ์
พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั และพระฉายาลกั ษณ์ของเจ้านายหลายพระองค์
2.2.3.3 เจ้าจอมเอือ้ น เป็ นผู้มีฝี มือในการถ่ายภาพ และมีความสามารถในการล้างรูป
เช่นเดียวกบั เจ้าจอมเอิบผ้พู ่ี ยามวา่ งจะซ้อมดนตรี โปรดการสีไวโอลิน ถกั นิตตงิ ้ โครเชต์ สอนหลาน ๆ
ให้ ร้อยมาลยั และเลน่ แบตมินตนั
2.2.3.4 เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดบั ท่านได้เรียนวิชาชาววงั จากพระวิมาดาเธอ ฯ มาตงั้ แต่
อายุ 11 ปี (ศรุตานุสรณ์ หนงั สืออนุสรณ์งานศพเจ้าจอมหมอ่ มราชวงศ์สดบั ในรัชกาลท่ี 5,2526. หน้า 96)
จงึ ทาให้เจ้าจอมหมอ่ มราชวงศส์ ดบั มีความชานาญในการปรุงอาหารคาวหวาน และยงั เป็ นผ้ทู ่ีมีรสนิยม
ในการรับประทานอาหารเป็นอยา่ งยิง่ มีความสขุ ที่จะเป็ นผ้ทู าอาหารให้ผ้อู ื่นรับประทานมาตงั้ แตย่ งั สาว
เจ้าจอมหมอ่ มราชวงศ์สดบั นอกจากจะเป็ นผ้ทู ่ีมีรสมือหาตวั จบั ยากแล้ว ยงั เป็ นผ้ไู ม่ปิ ดบงั ตารา ตรงกนั
ข้ามกลบั มีความยินดีท่ีจะถ่ายทอดสิ่งเหล่านนั้ และทุกครัง้ ที่ได้ถ่ายทอดแก่ผ้ใู ดแล้วก็ตามก็จะต้องพดู
ติดปากเสมอว่า “ เป็ นตาราพระวิมาดา ” แสดงถึงความยกยอ่ งในพระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลี
ภิรมย์ กรมพระสทุ ธาสินีนาฏ ปิ ยมหาราชปดิวรัดา ในฐานะท่ีทรงเป็ นต้นตารับและแสดงถึงความเป็ นผู้
ไมแ่ อบอ้างวา่ อาหารอร่อยเพราะเพียงฝี มือผ้ปู รุงเทา่ นนั้ ตารับเป็นสว่ นสาคญั ด้วย
เจ้าจอมหมอ่ มราชวงศ์สดบั ท่านมีเป็ นผ้มู ธั ยสั ถ์ ดงั ท่ีทา่ นได้เข้ามาอยทู่ ี่ตาหนกั ใน
วงั สวนสุนันทา เม่ือท่านเดินผ่านเจ๊กหงีที่กาลงั นั่งปอกหวั ไชเท้ากองโต คุณจอมสดบั เห็นเจ๊กหงีปอก
เปลือกติดเนือ้ หวั ไชเท้ามากจึงเกิดความเสียดายบอกให้เจ๊กหงีเอาเปลือกหวั ไชเท้าไปให้ที่เรือน 3 วัน
ตอ่ มาเปลือกหวั ไชเท้าได้รับการดองสง่ มาเป็นอาหารแสนอร่อยของคณุ ข้าหลวง เธอ (ม.ล.เน่ือง นิลรัตน์,
ชีวติ ในวงั เลม่ 2 หน้า 95-96)
นอกจากทาอาหารเกง่ แล้ว เจ้าจอมหมอ่ มราชวงศส์ ดบั ยงั เป็นผ้มู ีเสียงไพเราะและ
เมื่อรัชกาลท่ี 5 สวรรคต เจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดบั ได้สนองพระเดชพระคณุ โดยการเป็ นต้นเสียงนาง
ร้ องไห้ หน้ าพระบรมศพ
GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา | 23
สรุป
เจ้านายและการดารงชีวิตในอทุ ยานสวนสนุ นั ทา ถึงแม้ว่าจะเป็ นชว่ งระยะเวลาเพียงแค่ 8 ปี ท่ีมี
เจ้านาย มาประทับที่สวนสุนันทา แต่เป็ น 8 ปี ที่เต็มเป่ี ยมไปด้วยความร่มเย็นเป็ นสุข มีชีวิตชีวา
คละเคล้าด้วยความเจริญทุกด้าน ทัง้ ด้านการศึกษา ด้านการอบรมให้เป็ นกุลสตรี ด้านศิลปะและ
วัฒนธรรม ปัจจุบันมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทาจึงเป็ นจุดเด่นที่น่าสนใจเพราะมีภูมิหลังที่ดี
ถงึ แม้วา่ ตาหนกั ของเจ้านายหลายพระองค์จะทรุดโทรมและรือ้ ไปแล้ว แตส่ ่ิงเหลา่ นีค้ ือความทรงจาที่ฝัง
อยใู่ นจติ วิญญาณของชาวสวนสนุ นั ทาทกุ คน
คาถามทบทวน
1. พระภรรยาเจ้าท่ีเข้ามาอยใู่ นวงั สนุ นั ทามีใครบ้าง
2. ท้าวโสภานิเวศน์ คอื ใคร มีหน้าที่อะไรในสวนสนุ นั ทา
3. ให้นกั ศกึ ษาไปศกึ ษาประวตั ขิ องเจ้านายท่ีประทบั ในสวนสนุ นั ทาและเขียนเป็นรายงาน
สง่ มา 2 พระองค์
4. เจ้านายพระองค์ใดก่อตงั้ โรงเรียนนภิ าคาร และมีวิธีการบริหารจดั การอยา่ งไร
5. เจ้าจอมก๊ก ออ มีใครบ้าง เจ้าจอมแตล่ ะพระองคม์ ีความสามารถโดดเดน่ ทางใดบ้าง
24 | GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา
เอกสารอ้างองิ
กณั ฑาทิพย์ สิงหะเนต,ิ (2558). เจ้าจอมก๊กออ. (พิมพ์ครัง้ ท่ี 5). กรุงเทพ : อมั รินทร์พริน้ ท์ตงิ ้ .จากดั
จารุพรรณ ทรัพย์ปรุง,ร.ศ.(2555). เฉลิมพระเกียรตเิ จ้านายฝ่ ายในวังสวนสุนันทา.
กรุงเทพมหานคร : มหาวิทยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทา
บหุ ลง ศรีกนก. (2554). สตรีสาคัญในประวัตศิ าสตร์ไทย (หนงั สือออนไลน์)
เนื่อง นลิ รัตน์. ม.ล. (2550). ชีวิตในวัง.(พิมพ์ครัง้ ที่ 13). กรุงเทพ : โรงพมิ พ์กรุงเทพ.
มหาวิทยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทา.(2537). 75 ปี สวนสุนันทา จากพระราชอุทยาน...สู่สถานศึกษา.
กรุงเทพมหานคร : มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทา
ศรุตานสุ รณ์. (2526). พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภมู ิพลอดุลยเดช สยามมนิ ทราธิราช
บรมนาฏบพติ ร.ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พมิ พ์พระราชทานในงานพระราชทาน
เพลงิ ศพ เจ้าจอมหมอ่ มราชวงศ์สดบั ในรัชกาลท่ี 5. ณ เมรุหลวงหน้าพลบั พลาอิศริยาภรณ์
วดั เทพศริ ินทราวาส. วนั เสาร์ท่ี 24 ธนั วาคม 2526. กรุงเทพฯ. ผ้แู ตง่
GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา | 25
26 | GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา
บทท่ี 3
ภมู ปิ ัญญาท่สี ่ังสมจากวงั สวนสุนันทา
ยวุ ดี คฤหบดี
ชตุ มิ า มณีวฒั นา
ภูมิปัญญา (Wisdom) หมายถึง พืน้ ความรู้ ความสามารถ ความเชื่อ ความสามารถทาง
พฤติกรรมและความสามารถในการแก้ปัญหาต่างๆ ของมนุษย์ (พจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑิตสถาน,
2554 หน้า 884 ) ดงั นัน้ ในวังสวนสุนันทาจึงมีส่ิงที่เกิดจากภูมิปัญญาของเจ้านายแต่ละพระองค์
แตกต่างกนั ไป ซึ่งเจ้านายทุกพระองค์ทรงได้ผ่านกระบวนการทางจารีตวฒั นธรรมประเพณีท่ีถ่ายทอด
กันมาจากรุ่นสู่รุ่น ไม่ว่าจะเป็ นเร่ืองในชีวิตประจาวัน เช่น เครื่องเสวย การแต่งกาย การศึกษาใน
กระบวนการต่าง ๆ ท่ีก่อเกิดเป็ นวิถีของชาววัง กอปร์ทัง้ เร่ืองเกาะเกี่ยวกับวัฒนธรรมประเพณี
เร่ืองเก่ียวกบั ศิลปะแขนงตา่ ง ๆ การถ่ายทอดสืบมานนั้ จึงเป็ นเอกลักษณ์สาคญั ของวงั สวนสนุ นั ทาที่มี
คณุ คา่ ตอ่ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทาตราบจนปัจจบุ นั
3.1 ภมู ิปัญญาด้านอาหาร
ทกุ คนเช่ือว่าอาหารท่ีเป็ นของราชสานกั ฝ่ ายในไม่ว่าจะเป็ นวงั ของเจ้านายพระองค์ใด ก็จะต้อง
เป็นอาหารชนั้ เลิศเพราะจะต้องพิถีพิถนั ในการหาวตั ถดุ บิ ประดิดประดอยในการประกอบอยา่ งประณีต
บรรจง ซ่ึงชาววงั ถือเป็ นเร่ืองสาคญั อนั ดบั แรก ดงั นนั้ อาหารที่ทาจากห้องเคร่ืองจงึ ถึงพร้อมด้วยรสชาติ
สีสนั สวยงาม ความสะอาด สด ใหม่ และยงั สะดวกในการรับประทาน จงึ มีผ้กู ลา่ ววา่ การได้ลิม้ รสอาหาร
ชาววงั เป็นอ่ิมเอม ทงั้ การและใจ
3.1.1 การทาอาหาร
การทาอาหาร ขณะท่ีมีเจ้านายมาประทับตามตาหนักต่าง ๆ ในอุทยานสวนสุนันทา
ตาหนักท่ีขึน้ ชื่อมากท่ีสดุ ก็คงจะเป็ นตาหนกั ของพระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระ
สธุ าสินีนาฏ ปิ ยมหาราชปดิวรัดา เพราะพระองค์ท่านได้รับการยกย่องเป็ นเอตทคั คะทางด้านอาหารทา
หน้าที่ควบคมุ ดแู ลห้องเคร่ืองต้น ของเสวยคาวหวาน เม่ือเสด็จมาประทบั ที่พระตาหนกั ในสวนสุนนั ทา
ก็ทรงให้เปลี่ยนแปลงพระตาหนกั ให้สะดวกในการทาอาหารเพ่ือเป็ นเคร่ืองเสวยของพระราชธิดา หรือ
ทรงทาเพ่ือถวายเจ้านายพระองค์อื่น ๆ
มีเร่ืองเล่าว่าพระวิมาดาเธอฯ ได้ซือ้ เงาะลกู ละ 1 บาท เพ่ือนามาคว้านเมล็ดออกตงั้ ใน
สารับเสวยเป็ นผลไม้สด หรือทาเงาะลอยแก้ว เพ่ือตงั้ เครื่องเสวยถวายแดพ่ ระเจ้าอย่หู วั รัชกาลที่ 5 และ
พระราชธิดา
27 | GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา
3.1.1.1 ผดั ด้วงโสน อาหารชนิดนีเ้ป็ นอาหารที่รัชกาลที่ 5 โปรดมาก ข้าหลวงท่ีอย่กู บั พระวิ
มาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสธุ าสินีนาฏ ปิ ยมหาราชปดวิ รัดา จะต้องรับประทานให้
เป็นทกุ คน
ด้วงโสนได้จากต้นโสนเมื่อตดั ต้นเป็ นท่อน ๆ ผ่ากลางออกจะมีด้วงโสนอย่ใู นลาต้น
คนั้ กะทเิ ตรียมใสห่ ม้อ หยิบด้วงโสนใส่ลงในหม้อกะทิ ตวั ด้วงจะดดู กะทิจนกะทิแห้ง ตวั ของมนั จะใสเอา
หมหู มู ก้งุ หนั่ เป็นเส้นยาว ๆ ตงั้ กระทะ ใสก่ ระเทียมเจียวให้หอม ใส่หมู ก้งุ ผดั กบั นา้ ปลา นา้ ตาล ชิมรส
เคม็ หวานดีแล้ว ใส่ตวั ด้วงลงไปผดั คนสกั 2 -3 ครัง้ จดั ใส่จานเธอ (ม.ล.เนื่อง นิลรัตน์, ชีวิตในวงั เลม่ 2
หน้า 266-267)
3.1.1.2 ปลาตะเพียนทอดแบบไร้ก้างตารับพระวิมาดาฯ เธอ (ม.ล.เน่ือง นิลรัตน์, ชีวิตในวงั
เลม่ 2หน้า 145-147)
ยามใดที่เป็ นฤดูนา้ หลากมีปลามาก โดยเฉพาะปลาตะเพียนตัวโต ๆ ขนาด
ประมาณฝ่ ามือที่มีนวิ ้ กางออก พระวิมาดาเธอฯ จะโปรดให้ซือ้ มาประมาณ 100-200 ตวั เมื่อปลามาถึง
ห้องเครื่อง ก็จัดการล้างให้สะอาด โดยไม่ต้องขอดเกล็ด แล้วผ่าสนั หลงั ตลอดตวั แบะหวั และตวั ปลา
ออก ควกั ไส้และพุงออกให้หมด ล้างให้สะอาดอีกครัง้ แผป่ ลาใส่กระด้งให้สะเด็ดนา้ ตงั้ กระทะใบบวั ใบ
ใหญ่ ใสน่ า้ มนั เตม็ กระทะ ตงั้ ไฟให้ร้อนเอาปลาท่ีแผไ่ ว้จากกระด้งลงทอด ประมาณครัง้ ละ 3-5 ตวั รอจน
ปลาลอยขนึ ้ มา ไม่ต้องรอให้เหลืองแตใ่ ห้เนือ้ ปลาสกุ ตกั ปลาแตล่ ะตวั ไว้บนตะแกรงท่ีวางไว้บนกะละมงั
เพ่ือให้ปลาสะเด็ดนา้ มัน แล้วหยิบใส่จานกลมแบนจานละหน่ึงตวั แจกไปตามข้าหลวงท่ีรอค้ยุ ก้าง
เพราะปลาตะเพียนจะมีก้างแทรกในเนือ้ ทว่ั ทัง้ ตวั ก้างจะแยกออกเป็ นสองแฉก พอเอาก้างออกหมด
เนือ้ ปลาจะฟูขาว ก็จะค่อย ๆ ยกไปทอดอีกครัง้ ในกระทะใบบวั ปลาท่ีสกุ ได้ที่จะลอยตวั ขึน้ มา เนือ้ ฟู
ติดกันตวั เหลืองกรอบ เกล็ดปลาจะยกตงั้ ขึน้ มาฟูกรอบ พอเหลืองดีแล้วค่อย ๆ ช้อนเอามาวางบน
กระดาษฟางเพื่อซบั นา้ มนั เสร็จแล้วส่งขนึ ้ ไปให้ข้าหลวงหอ่ ด้วยกระดาษสีขาว หอ่ ละ 2 ตวั บ้าง 3-5 ตวั
บ้าง ตามรับสงั่ ของพระวมิ าดาเธอฯ การหอ่ ต้องสวยงาม แบบญี่ป่ นุ แล้วผกู เชือกเกลียวสวยงาม เตรียม
ถวายเจ้านายหรือเสดจ็ ในกรมตา่ ง ๆ
28 | GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา
ภาพท่ี 3.1 ปลาตะเพียนทอดแบบไร้ก้างตารับพระวิมาดาเธอฯ
ท่ีมา: สานกั ขา่ วตรงประเดน็
3.1.1.3 แกงรัญจวน
ได้ชื่อมาจากกล่ินหอมหวนรัญจวนใจของนา้ พริกกะปิ เม่ือนาไปต้มในนา้ ซุป
แกงรัญจวนถือเป็ นอาหารจานใหม่ท่ีเกิดขึน้ ในตาหนักของพระวิมาดาเธอ กรมพระสุทธาสินีนาฏ
ปิ ยมหาราชปดิวรัดา ในวังสวนสุนันทา โดยมีหม่อมเจ้าแย้มเยือ้ น สิงหรา เป็ นผู้คิดค้นสูตรขึน้ มา
อนั เนื่องมาจากเจ้านายพระองค์ตา่ งๆ เสวยอาหารน้อย บางมือ้ เสวยเพียงไมก่ ี่คาทาให้มีอาหารเหลืออยู่
มาก
แกงรัญจวนเธอ (ม.ล.เนื่อง นิลรัตน์, ชีวิตในวงั เล่ม 2หน้า 68)มาจากเนือ้ ววั ผดั
พริกอ่อน ใบโหระพา ที่เป็ นอาหารมือ้ เท่ียงเลีย้ งข้าหลวงเรือนนอก เหลือมามากมาย หม่อมเจ้าหญิง
สบาย นิลรัตน์ และเจ้าหน้าที่ห้องเคร่ืองเสียดาย จึงเลือกเอาพริกอ่อนและใบโหระพาออกให้หมด แล้ว
เอาเนือ้ ท่ีเลือกเอาพริกออกแล้วใส่หม้อ นานา้ ซุปเทใส่ ใส่เครื่องปรุง เช่น ตะไคร้หน่ั ให้เป็ นฝอยละเอียด
หอม กระเทียมใส่ทัง้ กลีบ เค่ียวให้เปื่ อย ชิมให้มีรสจดั สามรส แบบแกงต้มยาปลา เดือดดีแล้วยกลง
ใสใ่ บโหระพา ปรุงรสให้เผ็ด เปรีย้ ว เคม็
แกงรัญจวนมีเครื่องแกงที่ชมุ่ อย่ใู นเนือ้ น่มุ ๆ ที่ผ่านการผดั มาแล้ว และนามาแปร
รูปเป็นอาหารชนดิ ใหม่ มีความหอมของกะปิ จากเครื่องแกงเดิม เมื่อโดนความร้อนอีกครัง้ กล่ินของกะปิ
ดกี ็จะหอมจรุงใจจนได้ช่ือวา่ แกงรัญจวน
GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา | 29
ภาพท่ี 3.2 แกงรัญจวน
ที่มา: At-Ta-Rote อรรถรส https://www.facebook.com/attarote.eatery/photos/
3.1.1.4 นา้ พริกลงเรือ
เป็ นอาหารท่ีพระวิมาดาเธอฯ และเจ้าฟ้ านิภานภดลโปรด พระเจ้าวรวงศ์เธอ
พระองค์เจ้าหญิงจไุ รรัตนศิริมาน พระธิดาในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ าบริพตั รสขุ มุ พนั ธ์ุ กรม
พระนครสวรรคว์ รพนิ ิต ได้พดู ถึงเจ้าจอมสดบั ไว้ในพระนิพนธ์วา่
มีเรื่องน่ารู้เกี่ยวกบั คณุ จอมสดบั อีกเรื่อง คือกบั ข้าวสาเร็จรูปที่เรียกว่า น้าพริกลง
เรือคนรู้จกั กนั มาก แต่ไม่รู้เหตผุ ลเรื่องนนั้ คือ เจ้านายในสมยั รัชกาลที่ 5 เข้าไปอยู่สวนสนุ นั ทาใหม่ๆ ดิน
ทีข่ ุดขึ้นมาถมเพื่อทาตาหนกั ทาให้มีสระกวา้ งใหญ่ยาว ต่างองค์ ต่างมีเรือพายเล่น วนั หนึ่งตอนค่าคิด
จะลงเรือกัน สมเด็จอาหญิงน้อย ก็ชวนว่าให้ไปกินข้าวในเรือกนั เถอะ ก็รับสงั่ ว่า “สดบั ไปดูซิในครัวมี
อะไรกนั บ้าง” เวลานน้ั ยงั ไม่ถึงเวลาเสวย คุณจอมสดบั ไปในห้องเครื่อง เห็นมีแต่ปลาดุกทอดฟูกบั
น้าพริกตาไวเ้ ท่านนั้ จึงหยิบน้าพริกกบั ปลามาผดั รวมกนั กบั หมูหวานเล็กน้อย พอตกั ข้ึนมาก็หยิบไข่เค็ม
ซ่ึงขณะนน้ั ก็ยงั ไม่ได้ต้ม ความเป็นคนคล่องและว่องไวเลยทิ้งไข่ขาวเอาแต่ไข่แดงดิบ ๆ วางลงไปทงั้ ลูก
และจดั ผกั เตรียมไว้ด้วย กลายเป็นอร่อยมาก ถึงเรียกกนั ว่า น้าพริกลงเรืออาหารชนิดนี้ เกิดขึ้นเพราะ
คณุ จอมสดบั นีเ่ อง
30 | GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา
ภาพท่ี 3.3 นา้ พริกลงเรือ
ที่มา: G.Morning Thailand https://sites.google.com/site/thansineechaengdonphee/
home/na-phrik-lng-reux
3.1.1.5 ขนมจีบ เครื่องวา่ ง
ขนมจีบไส้ไก่เธอ (ม.ล.เน่ือง นิลรัตน์, ชีวิตในวงั เล่ม 2หน้า 104)นีจ้ ะใช้แป้ งสด
ซง่ึ ใช้แป้ งข้าวเจ้า แป้ งข้าวเหนียว แป้ งท้าวยายมอ่ ม นาไปคนให้สกุ บนไฟออ่ น ๆ แล้วนามานวด จนแป้ ง
เนียน ปัน้ เป็ นรูปหม้อมีก้น ทาปากสูงเอาไว้จีบ ต้องใช้นิว้ มือจับจีบทีละจีบให้เป็ นเส้นตรง ใส่ไส้ไก่สบั
กระเทียมพริกไทยรากผกั ชีโขลกละเอียดปรุงรสเรียบร้อยแล้วปิ ดปากหม้อด้วยหวั ไก่ท่ีปัน้ ไว้แล้ว ขนมจีบ
นีท้ าให้เฉพาะเจ้านายเสวยเทา่ นนั้ เพราะทายาก
3.1.1.6 ลกู กวาด ตาหนกั พระวิมาดาเธอฯ
เป็ นขนมที่เก็บไว้รับประทานเล่น ลูกกวาด ของตาหนักพระวิมาดาเธอฯเธอ
(ม.ล.เน่ือง นิลรัตน์, ชีวิตในวงั เล่ม 2 หน้า 148-150) เป็ นขนมท่ีประณีตทาได้ยาก อร่อย เก็บไว้
รับประทานเล่นได้นาน ลูกกวาดมีสีสวยหลายสี ลูกกวาดสามารถทาจากวสั ดุหลากหลาย ตงั้ แต่เม็ด
แตงโม ถั่วแขก ถั่วลิสง เม็ดบวั เอามาค่ัวให้สุก แล้วเอามาใส่ในกระทะทอง ท่ีตัง้ อยู่บนไฟอ่อน ๆ
เอานา้ ตาลเช่ือมข้น ๆ พรมให้ทวั่ นา้ ตาลท่ีเช่ือมให้ใสส่ ี เช่น เขียวจากใบเตย ฟ้ าจากอญั ชญั เหลืองจาก
ดอกกรรณิการ์ แล้วใช้นิว้ มือ 5 นิว้ คนกลับไปกลับมาบนกระทะทองที่ตัง้ อยู่บนไฟอ่อน คนกลับไป
กลบั มาจนนา้ ตาลแห้งจบั เม็ดถว่ั หรือเม็ดแตงโมจนเป็ นสีขาว ถ้ายงั ไม่เกิดหนามแหลม ๆ รอบ ๆ เม็ดถัว่
หรือเมด็ แตงโม ก็เอานา้ ตาลพรมอีก จนนา้ ตาลจบั เมด็ ถว่ั เป็นหนามแหลมฟขู ีน้ มาทวั่ ดสู วย
“ลกู กวาดท่ีตาหนกั ของพระวิมาดาเธอฯ เมื่อทาเสร็จแล้วจะใสข่ วดโหลไว้สีละขวด
เวลาจะรับประทานเอาทุกสีมารวมกนั สีจะสวยน่ารับประทานมาก ขนมท่ีประณีตพิถีพิถนั เชน่ นีท้ ายาก
มาก เพราะคนทาต้องอดทนอย่กู ับความร้อนของกระทะทองที่ตงั้ อย่บู นเตาไฟ หนงั ปลายนิว้ มือจะสึก
GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา | 31
บาง บางคนท่ีทาเก่ง ๆ พอเอานิว้ มือบีบปลายนิว้ จะมีเลือดออกซิบ ๆ ถ้าเป็ นแผลอย่างนีค้ นนนั้ ก็ต้อง
หยดุ ทาไป หาคนใหมท่ ่ีมีฝี มือมาทาแทน “
3.1.1.7 ข้าวผดั กรอบ
เป็ นการแปรรูปอาหารท่ีเหลือจากการเลีย้ งข้าหลวงเรือนนอก ครัง้ หนึ่งทาข้าวผดั
เลีย้ งข้าหลวงแต่ทานไม่หมดเหลือเป็ นกะละมงั ใหญ่ จึงเอาข้าวผดั เทใส่กระด้งแล้วเลือกหมใู นข้าวผดั
ออกใสช่ ามไว้ เอาข้าวผดั ไปล้างนา้ เอาไขแ่ ละไขมนั ออก ช้อนเอาแตเ่ ม็ดข้าวมาผึง่ ไว้ในกระด้งให้นา้ แห้ง
แล้วเอาลงทอดในนา้ มนั ให้เหลืองกรอบร่วน แล้วตกั พักไว้บนกระดาษฟางให้ซบั นา้ มนั เอาหมูท่ีเลือก
ออกจากข้าวผดั มาหน่ั ให้เป็นชนิ ้ เล็กๆ ลงทอดให้เหลืองกรอบ เจียวกระเทียมให้เหลืองหอม เอาข้าวทอด
และหมลู งผดั คลกุ เคล้า ใส่เกลือ นา้ ตาลปรุงรสให้อร่อย อย่าเค็มและหวานมากไป อาหารแปรรูปจาก
ข้าวผดั กลายเป็ นข้าวผดั กรอบ ไว้เลีย้ งเป็ นของว่างตอนดึก เธอ (ม.ล.เน่ือง นิลรัตน์, ชีวิตในวงั เล่ม 2
หน้า 97)
3.1.2 ด้านการถนอมอาหาร (Food Preservation)
หมายถึง วิธีการยืดอายุอาหารเพื่อเก็บรักษาให้มีคุณภาพ และคุณค่าทางโภชนาการ
ใกล้เคียงกบั ของเดิม ไม่บดู เน่าเสียหายง่าย การถนอมอาหารเป็ นกระบวนการของการแปรรูป ควบคมุ
และการทาให้อาหารสดไม่แปรสภาพด้วยการทาลายของจุลินทรีย์ ด้วยกรรมวิธีหลายอย่าง ได้แก่
การเลือกใช้อาหารท่ีมีการปะปนของจุลินทรีย์น้อย การปั่นหรือกรองเพื่อกาจัดจุลินทรีย์ในอาหาร
การเก็บรักษาอาหารไว้ในภาชนะที่มิดชิดและเป็ นสุญญากาศ (พืชเกษตร.คอม online 2017,5,30)
ดงั นนั้ การถนอมอาหาร หมายถึง การแปรรูปหรือการเก็บรักษาอาหารให้คงสภาพเดิมได้
นานโดยไม่บดู เนา่ ไม่มีการเปล่ียนแปลงหรือช่วยชะลอการเปลี่ยนแปลงของเนือ้ สมั ผสั กล่ิน สี และรส
ของอาหาร ส่งผลทาให้อาหารมีอายกุ ารจดั เก็บนาน ยงั คงคณุ คา่ ทางโภชนาการของอาหารไว้ รวมถึง
รักษาสภาพคณุ คา่ ทางโภชนาการของอาหารให้คงเดมิ หรือเปลี่ยนแปลงน้อยที่สดุ ในวงั สวนสนุ นั ทาได้มี
การถนอมหลายอยา่ งอาทิ
3.1.2.1 การดอง ไขไ่ กเ่ คม็ พระวมิ าดาเธอ ฯ โปรดให้เปล่ียนการทาไข่เคม็ จากไข่เป็ ดเป็ นไข่
ไก่ เพ่ือใช้ขนึ ้ โต๊ะเสวย (เนื่อง นิลรัตน์, ชีวิตในวงั เล่ม 2 หน้า15-19) โดยให้นาไขไ่ ก่สดสะอาด เรียงใส่
โหล แล้วใสน่ าเกลือท่ีต้มให้เคม็ จดั สกั หนอ่ ย ปลอ่ ยทงิ ้ ไว้ให้เย็น และเทใสข่ วดโหลแชไ่ ว้ 30 วนั นาไขไ่ ก่ที่
แชไ่ ด้ท่ีแล้วนามาต้ม ไขแ่ ดงจะแดงจะสีแดงสวย เม่ือต้มแล้วจะเป็นมนั เยมิ ้
3.1.2.2 การแชน่ า้ มนั ปลาททู อดให้สามารถรับประทานตลอดปี (เน่ือง นิลรัตน์, ชีวิตในวงั
เล่ม 2 หน้า140-141) นาปลาทนู ่ึงมาทอดให้เหลืองกาลงั ดี ใสถ่ าดให้เย็น แล้วอดั ใสไ่ หให้เต็มไห และเท
นามนั หมทู ่ีเย็นแล้วลงไปแช่ปลาทใู ห้ท่วมตวั ปลาถึงปากไห หาจุกปิ ดปากไห ใช้ซีเมนต์มายาปากไหให้
แน่นหนา สามารถเก็บปลาทูทอดไว้ได้เป็ นปี เมื่อจะทานก็นาออกจากไหมาทอดให้ร้อนอีกครัง้ การทา
ปลาทแู ชน่ า้ มนั นี ้พระวมิ าดาเธอ ฯ ทรงทาเพื่อสง่ ไปถวาย เจ้าดารารัศมี พระราชชายา ท่ีเชียงใหม่
32 | GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา
3.1.2.3 การทาแห้งด้วยความร้อน หมูหยอง ไก่หยองปี (เนื่อง นิลรัตน์, ชีวิตในวงั เล่ม 2
147-148) การทายากมาก โดยการเอาหมูหรือไก่ไปต้มในนา้ ปลา นา้ ตาลเหมือนกับทาพะโล้ พอเนือ้
เปื่ อยได้ที่ก็ตกั มาฉีก เป็ นเส้นฝอย เสร็จแล้วเอาใส่กระทะทองตงั้ บนเตาไฟอ่อน ๆ เอานิว้ มือทงั้ 5 นิว้ ลง
ไปคนในกระทะบนเตา ห้ามใช้ช้อนหรือซอ่ มคนแทนเพราะเส้นจะด้านแข็ง ไมห่ ยิกหยองฟู สวยงาม ถ้ามี
หมูหรือไก่เกาะเป็ นก้ อนต้องฉีกเป็ นฝอยเสมอกัน ทาเสร็จแล้วใส่ขวดโหลไว้ได้ นาน เวลาจะใช้
รับประทานต้องเอามาผดั กบั กระเทียมเจียว เตมิ เคม็ หวาน ให้รสเข้มขนึ ้
3.2 ภูมิปัญญาด้านงานศลิ ป์
3.2.1 เคร่ืองแขวน ในสมยั รัชกาลที่ 5 มีพระราชนิยมการตกแตง่ งานพระราชพิธีด้วยดอกไม้ของ
ไทยไม่ว่าจะมีพระราชพิธีใด ๆ เจ้านายฝ่ ายในท่ีมีฝี มือจะต้องประกวดกันจดั แต่งดอกไม้มาถวายให้
ทรงใช้ในงานนนั้ ๆ เสมอ พระเชษฐภคินีผ้ใู หญ่ คือ กรมหลวงสมรรัตนสิริเชฐ ซ่ึงดารงตาแหน่ง อธิบดี
ราชการฝ่ ายใน เป็ นผ้ทู รงพระปรีชาสามารถในการจดั แตง่ ร้อยกรองดอกไม้มาก โดยเฉพาะเครื่องแขวน
ดอกไม้สด พระนามในทางช่างดอกไม้เล่ืองลืออย่จู นถึงทกุ วนั นี ้มกั จะทรงบญั ชาการให้เจ้านายฝ่ ายใน
ทงั้ ปวงทาดอกไม้ตกแต่งพระแท่นมณฑลในพระราชพิธีต่าง ๆ ดอกไม้ตกแต่งพระทวาร พระบญั ชรใน
พระท่ีนง่ั ต่าง ๆ นอกจากจะทรงเกณฑ์ให้ทาแบบโบราณแล้ว ยงั ทรงคิดดดั แปลงการทาดอกไม้แบบใหม่ ๆ
อีก เชน่ แตโ่ บราณมีการร้อยตาขา่ ย ร้อยเฟ่ื องอะไรตา่ ง ๆ ตดิ โครงไม้ห้มุ ผ้าขาว มีแบบซา้ ๆ ตามต้นฉบบั
เดมิ เชน่ บนั ไดแก้ว พกู่ ลิน่ กลน่ิ คว่า กล่ินตะแคง กลิ่นจีน เป็ นต้น ซ่ึงสมเดจ็ กรมหลวงสมรรัตนสิริเชฐได้
ทรงคิดทาโครงลวดสีขาว และประดิษฐ์ดอกไม้ให้มีรูปร่างแปลก ๆ งดงามแตกตา่ งจากดงั้ เดมิ มาก เช่น
ระย้าแปลง พวงแก้ว ทรงแปลงบนั ไดแก้วเป็ นรูปวิมานพระอินทร์ วิมานแท่น นับได้ว่าการประดิษฐ์
ดอกไม้ได้เจริญก้าวหน้าขนึ ้ อีกมาก
พระวิมาดาเธอ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิ ยมหาราชปดิวรัดา ก็เป็ นเจ้านายพระองค์หนึ่งท่ีมี
ความสามารถในการประดิษฐ์เครื่องแขวนเพื่อใช้ในงานพระราชพิธีและเมื่อมาอย่ทู ่ีพระตาหนกั ในสวน
สุนันทา พระองค์ก็ยังคงประดิษฐ์เครื่องแขวนเพื่อนาไปถวายตามวัดต่าง ๆ ในโอกาสต่าง ๆ เช่น
วนั อาสาฬหบชู า วนั เข้าพรรษา ปัจจบุ นั สานกั ศลิ ปะและวฒั นธรรมของมหาวิทยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทา
ก็ยังคงยึดถือประเพณีของพระวิมาดาเธอฯ ประดิษฐ์เครื่องแขวน ในโอกาสวันสาคญั ทางศาสนาไป
ถวายตามวดั ตา่ ง ๆ อาทิวดั ราชผาตกิ ารามหรือทาเพื่อประดบั ตกแตง่ ตามงานตา่ ง ๆ
3.2.2 การวาดภาพ เม่ือพระวิมาดาเธอ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิ ยมหาราชปดิวรัดา เสด็จมา
ประทับในวงั สวนสุนนั ทาใหม่ พระองค์ท่านโปรดปรานในการปลูกต้นไม้เป็ นอย่างยิ่งบริเวณโดยรอบ
งดงามไปด้วยพรรณไม้นานาชนิด มีไม้ดอกที่สาคญั คือกหุ ลาบและกล้วยไม้ ทงั้ ไม้ไทยและไม้เทศหลาย
ร้อยต้น ทาเป็ นเรือนขนาดใหญ่อย่หู น้าพระตาหนกั และยงั โปรดให้บนั ทึกภาพดอกไม้หลากหลายชนิด
โดยการให้คุณข้าหลวงที่มีฝี มือเขียนภาพสีนา้ รูปดอกไม้ทกุ ๆ เช้า ทงั้ สีและรูปทรงต้องให้เหมือนจริง
GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา | 33
คณุ ข้าหลวงท่ีมีหน้าท่ีวาดภาพสีนา้ มีหลายคน แตท่ ่ีโปรดมีชื่อคณุ ข้าหลวงอมร รัตติชุณห์โชติ ท่านเคย
เลา่ ไว้คราวที่ยงั มีชีวิตอยู่ วา่ “เขียนรูปภาพดอกไม้ ต้นไม้จนเป็นโรคลาไส้ เขียนเสร็จรูปหนึ่งต้องนาขนึ ้ ไป
ถวายให้ทอดพระเนตร ถ้าไม่เหมือนต้องเขียนใหม่” การวาดภาพในสมยั นนั้ เม่ือวาดเสร็จจะต้องมี
ลายเซ็นกากบั คณุ ข้าหลวงอมร เมื่อวาดภาพเสร็จมกั จะลงลายเซ็นเป็ นนามแฝงไว้ว่า ม.ร. และ มอญ
คณุ ข้าหลวงที่เขียนภาพมีหลายคนได้แก่ คุณคง จรัณยานนท์ และคนอื่น ๆ เช่น จวง เฉลิม อาภาร์
เสง่ียม เปลือ้ ง
ภาพเขียนที่เป็ นมรดกมาถึงปัจจุบนั นีเ้ ก็บรักษาไว้และจัดแสดงท่ีสานักศิลปะและวัฒนธรรม
มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทา จานวน 131 ภาพ การเขียนภาพของคณุ ข้าหลวงมีลกั ษณะพิเศษจาก
การเขียนภาพในสมยั เดียวกนั ทงั้ การจดั องค์ประกอบ การให้สี และเทคนิคภาพพิมพ์ หรือการดีดสี ใต้
ภาพเขียนเหล่านีจ้ ะมีช่ือดอกไม้ทงั้ ภาษาไทยและภาษาองั กฤษ วนั เดือนปี และลายมือชื่อของผ้เู ขียน
(ไชยยงค์ บปุ ผากล่นิ ,2561 หน้า 123-129).
ภาพท่ี 3.4 ภาพประกอบการลงสีฉากหลงั
ที่มา: สานกั ศลิ ปะและวฒั นธรรม
ภาพเขียนสีนา้ รูปดอกไม้ต่าง ๆ นีถ้ ือว่ามีคุณค่าในเชิงประวัติศาสตร์ อันเป็ นพระดาริของ
พระวิมาดาเธอ กรมพระสธุ าสินีนาฏ ปิ ยมหาราชปดวิ รัดา ท่ีโปรดให้บนั ทึกภาพสีนา้ ดอกไม้ทงั้ พนั ธ์ุไม้
ไทยและพนั ธ์ุไม้เทศท่ีมีอยใู่ นสวนสุนนั ทาภาพเขียนนีจ้ งึ เป็ นมรดกทางภูมิปัญญาที่ทรงคณุ คา่ ท่ีควรแก่
การทะนบุ ารุงรักษาไว้เป็นสมบตั ขิ องชาตสิ ืบไป
34 | GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา
3.3 ภมู ปิ ัญญาด้านศิลปะการแสดง
3.3.1 ดนตรี เจ้านายที่ประทับอยู่ในสวนสุนันทาหลายพระองค์มีความสามารถทางดนตรี
นบั ตงั้ แต่ พระวิมาดาเธอ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิ ยมหาราชปดิวรัดา ทรงมีความสามารถทางดนตรี
โดยเฉพาะบทมโหรีในเร่ืองเงาะป่ า ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอย่หู ัวทรงพระราชนิพนธ์
จากเค้าโครงเร่ืองที่เดก็ เงาะ (ซาไก) เล่าถวายเมื่อปี พ.ศ.2549 ขณะเม่ือพระองค์ทรงพระประชวรเป็ นไข้
มาเลเลีย ณ พระที่น่ังวิมานเมฆ โดยทรงเขียนใส่กระดาษสมุดฉีกพระราชทานแก่พระวิมาดาเธอฯ
เมื่อครัง้ ยงั ดารงพระยศเป็ นพระอคั รชายาเธอพระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ฯ ให้มาใส่ทานองให้วงดนตรี
เพื่อใช้บรรเลงขับร้ องกล่อมถวายในเวลาประทับเสวยพระกระยาหารค่าจนถึงเวลาเสด็จขึน้ ในที่
พระบรรทม เม่ือพระวิมาดาเธอฯ ทรงเร่ิมงานดนตรีในพระราชวงั ดสุ ิต โดยเชิญครูดนตรีมาสอน อาทิ
พระประดิษฐ์ไพเราะ (ดาด) พระยาเสนาะดรุ ิยางค์ (แชม่ สนุ ทรวาทิน) ส่วนการขบั ร้องนนั้ คณุ เฒ่าแก่
จีบ หม่อมส้มจีน เป็ นผู้จดั ต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ขอวงเจ้าพระยาเทฌวศร์วงส์วิวัฒน์
(ม.ร.ว. หลาน กุญชร)มาสอนเป็ นครัง้ คราว หรือบางครัง้ พระยาเสนาะดุริยางค์ (แช่ม สุนทรวาทิน)
ชว่ ยสอนทางร้องให้บรรดาข้าหลวงที่เรียนนนั้ มีหลายคน เชน่ เจ้าจอมหมอ่ มราชวงศ์สดบั ในรัชกาลท่ี 5
นางสาวเย่ียม ณ นคร ซงึ่ ตอ่ มาเป็นคณุ หญิงรามบณั ฑิตสทิ ธิเศรณี และครูท้วม ประสิทธิกลุ
พระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าหญิงเหมวดี และเจ้าจอมมารดาเหม มีญาติท่ีเช่ียวชาญ
การเล่นดนตรีไทยหลายคน เช่น พระยาธรรมสารนิติพิพิธภักดี (ตาด อมาตยกุล) มีศักด์ิเป็ นอา
เช่ียวชาญซอสามสาย บุตรของพระยาธรรมสารนิติพิพิธภักดี ช่ือประคอง อมาตยกุล มีศักด์ิเป็ น
ลูกพี่ลูกน้อง ก็เชี่ยวชาญซอสามสาย และบุตรสาวของพระยากษาปนกิจโกศล (โหมด อมาตยกุล)
ช่ือสงั วาลย์ อมาตยกลุ มีศกั ดเ์ิ ป็ นลกู พ่ีลกู น้องเช่ียวชาญกระจบั ป่ี พระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าหญิง
เหมวดี จงึ ค้นุ เคยกบั ดนตรีไทย การขบั ร้อง และร่วมวงเคร่ืองสายมาตงั้ แตเ่ ด็ก จึงทรงมีความสามรถทาง
ดนตรี มีความสนพระทยั ในด้านการดนตรี และการละคร
นอกจากนีพ้ ระเจ้ าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ าอาทรทิพยนิภา ก็เป็ นอีกพระองค์ที่ทรงมี
ความสามารถทางดนตรีเชน่ กนั มีวงมโหรีเคร่ืองสายผสมและวงองั กะลงุ ซึ่งนบั ว่าเป็ นวงดนตรีที่มีความ
สมบรู ณ์ที่สดุ ในสวนสนุ นั ทา มีทงั้ ข้าหลวงรุ่นเล็กและรุ่นใหญ่ และยงั นามาแสดงท่ีตาหนกั พระวิมาดาเธอฯ
บอ่ ย ๆ
เจ้าจอมหม่อมราชวงค์สดบั ได้เรียนรู้เร่ืองดนตรีและขับร้ องเพลง เม่ือตอนอายุ 14 ปี ได้เรียน
การขบั ร้ องและได้ร้ องเพลงตามรัชกาลที่ 5 ตงั้ แต่3ทุ่มไปจนถึง 2 ยาม เม่ือเสด็จเข้าพืน้ ที่พระบรรทม
จึงเลิกร้ อง ด้วยความเป็ นคนท่ีมีนา้ เสียงเพราะจึงถูกเลือกให้เป็ นต้นเสียงรัชกาลท่ี 5 ทรงพอพระราช
หฤทยั ในนา้ เสียง จงึ ออกพระโอษฐ์พระวมิ าดาเธอฯ ผ้เู ป็นอา และทรงพระราชนิพนธ์เพลงในเร่ืองเงาะป่ า
ให้พระราชทานร้ องว่า “....แม่เสียงเพราะเอย นา้ เสียงเจ้าเสนาะเหมือนดังใจพี่จะขาด......”
(www.kroobannok.com)
GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา | 35
3.3.2 การแสดงละคร การละครในสมยั วงั สวนสนุ นั ทาเฟ่ื องฟูพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้า
อาทรทิพยนิภา ทรงสนพระทัยในเร่ืองการดนตรี การรา และการแสดงละคร พระองค์ทรงโปรดให้มี
การสอนราให้กับข้าหลวงท่ีสนใจ โดยเฉพาะข้าหลวงท่ีอยู่ในวงมโหรีของท่าน เพื่อท่ีจะได้มีกิจกรรมท่ี
หลากหลาย ตอ่ มาก็ให้ฝึกละครรา
ในปี พ.ศ. 2470 ได้ทรงขอให้เจ้าจอมมารดาเขียน เจ้าจอมในรัชกาลที่ 4 ซ่งึ ขณะนนั้ มีอายไุ ด้ 75
ปี มาเป็ นผ้ฝู ึ กสอนในช่วงที่มีการแสดงละคร เจ้าจอมมารดาเขียนก็จะมาประทบั ที่ตาหนกั ในสวนสุนนั
ทาเป็นแรมเดือนทา่ นมีความสามารถมาก สามารถสอนทงั้ ละครพดู ละครรา และละครร้อง
นอกจากนีพ้ ระราชายาเจ้าดารารัศมี ยงั ทรงสง่ ครูหลง ซึ่งเป็ นครูสอนราจากเชียงใหมม่ าชว่ ยสอน
ละครของชาวล้านนาให้กับคณะละครของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทรทิพยนิภา จึงมีการ
แสดงละครเรื่องน้อยใจยา และฟ้ อนมา่ นม้ยุ เชียงตา
การฝึกหดั ละครของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทรทิพยนิภา จะมีหลกั สตู ร เร่ิมแรกฝึ กให้
หดั ราแม่ทา่ เพลงช้า เพลงเร็ว มีกระบวนการดดั แขน ดัดนิว้ ฝึ กวินยั มีการแบง่ ผ้เู รียนตามอายุ ชว่ งอายุ
5-12 ปี ฝึกหดั ละครรา ได้แก่ เร่ือง เงาะป่ า พระลอ พระยาแกรก สงั ข์ศิลป์ ชยั และไกรทอง อายุ 13-20 ปี
ฝึกหดั ละครร้อง ได้แก่ เร่ืองต้นร้ายปลายดี วงมโหรีและคณะละครของพระเจ้าบรมวงค์เธอ พระองค์เจ้า
อาทาทิพยนิภา ก็ได้ย้ายไปอยู่ ณ ตาหนกั ทิพย์ ถนนราชวิถี บนท่ีดินพระราชทานจากพระบาทสมเด็จ
พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั เมื่อมีการเปล่ียนแปลงการปกครองปี พ.ศ.2475
3.4 ภมู ปิ ัญญาด้านการทาเคร่ืองหอม
3.4.1 การทาบหุ งา งานทาบหุ งาที่ตาหนกั พระวิมาดาเธอฯ เป็ นท่ีเล่ืองลือว่าสวยงาม ไม่เหมือน
ของใคร และมีกล่ินหอมติดนาน เพราะพระวิมาดาเธอฯ ทรงทาบุหงาแห้งเก็บไว้ ซ่ึงจะประกอบด้วย
ดอกไม้หอมและพืชหอมอนั มี กายาน กฤษณา จันทร์หอม ชะมดเช็ด และเทียนอบ ส่วนดอกไม้ก็มี
กุหลาบป่ า สารภี ประยงค์ จันทร์กระพ้อ กระดังงา ชะลูด ชมนาด เทียนกิ่ง การะเกด พุทธชาด
เขีย้ วกระแต และมะลิ จะนาดอกไม้มาตากแห้ง และเอาใสโ่ ถกระเบือ้ ง อบด้วยควนั เทียน หลาย ๆ ครัง้
จนมีกลิ่นหอมติดนาน แต่บหุ งาตาหนักพระวิมาดาเธอฯ จะมิได้แคบ่ รรจใุ นผ้าโปร่งหรือภาชนะธรรมดา ๆ
แตจ่ ะทาหลากหลาย ถ้าเป็ นของชาร่วยในวนั ประสูติ ก็จะทาเป็ นรูปปี นกั ษัตรประสตู ิของเจ้าของงาน
ดงั เช่นปี ประสูติของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ ายคุ ลทิฆมั พร กรมหลวงลพบรุ ี ราเมศวร์ พระวิ
มาดาเธอฯ ทรงคดิ ทาเป็ นรูปม้าทรงเครื่องทอง หวั ม้ าทาด้วยโครงเหล็ก เส้นเล็กมาก ตดั เป็ นทอ่ นเอามา
บดั กรีเป็นรูปหวั ม้า ข้างในกลวงเพ่ือใสบ่ หุ งา เอาผ้าแพรสีตา่ ง ๆ เชน่ ขาว ดา นา้ ตาล มาห้มุ เหมือนสีของ
ม้าจริง ๆ เสร็จแล้วมาวาดตา ปากจมกู ขนคอม้า แตง่ แถบทองเป็ นสายบงั เหียน งดงามมาก (ม.ล.เน่ือง
นิลรัตน์, ชีวิตในวงั เลม่ 2หน้า 115-118)
36 | GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา
3.4.2 นา้ ปรุง ตารับของเจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดบั ซึ่งเป็ นอีกหนึ่งทา่ นที่มีความชานาญในการ
ทาเครื่องหอม เพราะท่านได้เรียนวิชาชาววงั จากพระวิมาดาเธอฯ มาตงั้ แตอ่ ายุ 11 ปี จึงทาให้เจ้าจอม
หม่อมราชวงศ์สดบั มีความชานาญในการทาเครื่องหอม ทานา้ อบ นา้ ปรุง บุหงาท่านได้มีโอกาสทา
คณุ ประโยชน์ ในการถา่ ยทอดความรู้ตา่ งๆ ให้แก่ชนรุ่นหลงั หลายรุ่น ซงึ่ เป็นความภาคภมู ใิ จของทา่ น
นา้ ปรุง ส่วนผสมหลกั ๆ จะมาจากมวลหม่ดู อกไม้ไทยสารพัดชนิด ไม่ว่าจะดอกมะลิ ดอก
แก้ว ดอกปี บ ดอกชมนาด ดอกสายหยดุ ฯลฯ นามาผสมกนั กบั สมนุ ไพรไทย เช่น ผิวมะกรูด ใบเตย เป็ น
ต้น ในขนั้ ตอนของการปรุงและจรุงกลิ่น ยงั ถือได้ว่าเป็ นภูมิปัญญาไทยแท้แต่โบราณ ท่ีมีเฉพาะแตล่ ะ
คน เป็ นเอกลกั ษณ์ของการนาความหอมจากธรรมชาติมาผสมกันจนทาให้เกิดกลิ่นหอมที่ติดทนนาน
นอกจากจะนามาใช้เหมือนนา้ หอมแล้ว ยงั สามารถนามาใช้อบผ้าให้หอมกรุ่น ส่ิงที่น่าสนใจอีกแง่มุม
หน่ึง คือ ยังช่วยป้ องกันแมลงกัดกินเนือ้ ผ้าได้อีก นา้ ปรุงของเจ้าจอมสดบั ใช้ช่ือว่านา้ อบปรุงจรุงรส
ปัจจบุ นั ก็ยงั มีลกู หลานของทา่ นทาจาหนา่ ย
3.4.3 ยาดมส้มโอมือ เป็ นเครื่องหอมท่ีสาคญั อีกอยา่ งหน่ึง ซึ่งจะนาเปลือกส้มโอมือหรือเปลือก
ส้มโอ มาผสมกบั เครื่องหอมชนดิ ตา่ ง ๆ ใช้ดมแก้หวดั วงิ เวียน เป็นลม สาหรับยาดมสตู รเจ้าจอมสดบั นนั้
จะใช้สญั ลกั ษณ์เป็นรูปซอสามสายและชฎาอยคู่ กู่ นั เป็นเครื่องหมายการค้าของยาดมส้มโอมือ
ภาพท่ี 3.5 ยาดมส้มโอมือ
ท่ีมา: หนงั สือศรุตานสุ รณ์ งานพระราชทานเพลงิ เจ้าจอมสดบั
ตารับของเจ้าจอมหมอ่ มราชวงศส์ ดบั ลดาวลั ย์ ได้รับการถ่ายทอดมาจากคณุ ครูเลื่อน สนุ ทร
วาทิน ว่าเป็ นตารับของพระยาเสนาะดรุ ิยางค์ (แช่ม สนุ ทรวาทิน) บิดาของคณุ ครูเล่ือน ในนามยาดม
ทา่ นเจ้าคณุ ยาดมส้มโอมือตารับนี ้ได้เคยนามาถวายพระวมิ าดาเธอ กรมพระสทุ ธาสินีนาฏ ปิ ยมหาราช
ปดิวรัดา ณ พระตาหนกั สายสุทธานภดล เมื่อครัง้ ท่ีพระยาเสนาะดรุ ิยางค์ได้มาคมุ ซ้อมบรรเลงดนตรี
GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา | 37
เร่ืองพระราชนิพนธ์เงาะป่ าในรัชกาลที่ 5 ซึ่งนามาแสดงในสมัยรัชกาลที่ 7 ในหนังสือศรุตานุสรณ์
อนสุ รณ์งานศพเจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดบั ในรัชกาลที่ 5 (2526) ได้อธิบายถึงวิธีการทายาดมส้มโอมือ
ไว้วา่
หากไมม่ ีส้มโอมือก็ใช้เปลือกส้มโอแทน ใช้แตเ่ ปลือกส้มโอเอามานง่ึ เหมือนการดองมะนาว
มะกรูด เสร็จแล้วเอามาผึ่งพอหมาด ๆ คนโบราณเขาจะต้องกาส้มโอจนเล็ก ๆ บรรจุลงในถา้ ยาดม
แตก่ อ่ นจะบรรจจุ ะต้องผสมพิมเสน ก้านพลแู ละนา้ มนั หอมเข้าด้วยกนั เสียก่อน แล้วบรรจลุ งในถา้ ยาดม
ยาดมส้มโอมือ และ นา้ ปรุง สตู รของเจ้าจอม ม.ร.ว. สดบั (ในรัชกาลท่ี 5) นนั้ จะต้องมีตรา
ประทบั เป็ นรูป ตวั S โดยย่อมาจาก S.B.C. ซ่ึงเป็ นอกั ษรย่อท่ี รัชกาลที่ 5 ทรงประทานไว้ให้ มาจากคาว่า
S คอื สดบั
B คอื ภมู นิ ทรภคั ดี
C คอื จฬุ าลงกรณ์
และ/หรือ ตราสญั ลกั ษณ์ พณิ ภายใต้พระจลุ มงกฎุ กากบั
เจ้าจอมหมอ่ มราชวงคส์ ดบั ได้รับการอปุ ถมั ภ์อยใู่ นตาหนกั พระวิมาดาเธอฯ เสมือนพระญาติ
โปรดให้เขียนหนงั สือจากครูทงั้ ภาษาไทยและภาษาองั กฤษ รวมถึงฝึ กหดั ให้เป็ นกลุ สตรีชาววงั มีความรู้
ความสามารถในทกุ ๆ ด้าน และทา่ นเป็นคนไมห่ วงความรู้ยินดีที่จะถ่ายทอดวิชาความรู้ทกุ เร่ืองแก่ชนรุ่น
หลงั
สรุป
ภูมิปั ญญาท่ีสั่งสมจากวังสวนสุนันทา มีมากมายหลายแขนง แสดงให้ เห็นถึงความรู้
ความสามารถของเจ้านายแตล่ ะพระองค์ ไมว่ า่ ในเร่ืองการทาอาหาร การถนอมอาหาร เร่ืองงานเก่ียวกบั
ศิลปะ งานเก่ียวกบั การทาเครื่องหอม ซ่ึงเป็ นงานที่ละเอียด ประณีต พิถีพิถัน สมกับที่คนในปัจจบุ นั มี
ทศั นะว่าอาหารท่ีมาจากในวงั จะต้องอร่อยเลิศรส สิ่งท่ีประดิษฐ์จากในวงั ย่อมจะต้องพิเศษกว่าของ
ชาวบ้าน ซงึ่ มหาวิทยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทาตระหนกั ดีวา่ ภูมิปัญญาเหล่านีต้ ้องตอ่ ยอดและปัจจบุ นั ก็มี
ทงั้ คณาจารย์และนกั ศกึ ษาทาการวิจยั เพ่ือผลิตออกสตู่ ลาด
38 | GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา
คาถามทบทวน
1. จากการศกึ ษาบทท่ี 3 นกั ศกึ ษาคดิ วา่ เจ้านายพระองค์ใดท่ีอยใู่ นวงั สวนสนุ นั ทา เป็นผ้สู ง่ั สม
ภมู ิปัญญาให้กบั มหาวทิ ยาลยั ราชภ้ฏสวนสนุ นั ทามากท่ีสดุ เพราะเหตใุ ด จงอธิบาย
2. เม่ือเรียนบทเรียนนีแ้ ล้วนกั ศกึ ษามีความคดิ วา่ ภมู ิปัญญาที่เกิดขนึ ้ ในสวนสนุ นั ทา อยา่ งใดที่ถกู กบั
อธั ยาศยั ของนกั ศกึ ษามากท่ีสดุ และนกั ศกึ ษาสามารถนาไปตอ่ ยอดได้อยา่ งไร
3. นกั ศกึ ษาได้ศกึ ษาบทเรียนนีแ้ ล้วให้นกั ศกึ ษาขนึ ้ ไปเย่ียมชมอาคารสายทุ ธานภดล และตอบ
คาถามตอ่ ไปนี ้เพียงข้อเดยี ว
3.1 สานกั ศลิ ปะและวฒั นธรรม มหาวิทยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทา ได้จดั แสดงส่งิ ใดบ้างเก่ียวกบั
ภมู ปิ ัญญาท่ีสงั่ สมมาจากวงั สวนสนุ นั ทา
3.2 นกั ศกึ ษาคดิ วา่ สานกั ศลิ ปวฒั นธรรมควรปรับปรุงอย่างไรเพื่อนาเสนอภมู ิปัญญาท่ีสงั่ สม
มาจากวงั สวนสนุ นั ทา
4. เจ้านายในวงั สวนสนุ นั ทา มีพระองค์ใดบ้างที่มีพรสวรรค์ในการทาวงมโหรี และมีคณะละคร
GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา | 39
40 | GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา
บทท่ี 4
สวนสุนันทากับการเปล่ียนผ่าน
รวีโรจน์ สิงห์ลาพอง
ชตุ มิ า มณีวฒั นา
การเปลี่ยนผ่านในสวนสุนันทา เป็ นเรื่องที่น่าศึกษาอย่างยิ่ง การเปล่ียนผ่านท่ีว่านีค้ ือ
การปรับเปลี่ยนสถานะในหลากหลายรูปแบบ แตเ่ ดิมเม่ือแรกสร้างนนั้ พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้า
เจ้าอยหู่ วั รัชกาลที่ 5 ทรงมีแนวพระราชดาริให้บริเวณสวนสนุ นั ทา เป็นอทุ ยานสาหรับเสดจ็ ประพาสเป็ น
การส่วนพระองค์ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกล้าเจ้าอย่หู วั รัชกาลท่ี 6 พระราชทานให้เป็ นพืน้ ท่ี
สาหรับเจ้านายฝ่ ายใน ซ่ึงได้กรรมสิทธิ์ในการใช้พืน้ ท่ีมาจนตลอดสมยั สมบูรณาญาสิทธิราชย์ และ
จากนนั้ ได้ปรับเปล่ียนสถานะมาเป็นสถานศกึ ษาสืบมาจนทกุ วนั นี ้
4.1 ความสมั พันธ์ทางการทตู ของราชสานักกบั ประเทศยโุ รปในรัชสมัย
พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยู่หวั
พระมหากษัตริย์ในพระราชวงศ์จกั รีแตเ่ ดมิ นนั้ ประทบั ในพระบรมมหาราชวงั ตลอดมา ด้วยเป็ น
ราชประเพณีมาแตโ่ บราณว่า พระบรมมหาราชวงั นนั้ เป็ นศรีสง่าแก่พระมหานคร และเป็ นที่ประทบั ของ
พระเจ้าแผ่นดิน จะมีบางเทศกาล ที่แปรพระราชฐานไปประทับที่อ่ืน เช่นเมื่อฤดูร้ อน เสด็จพระราช
ดาเนินไปประทบั ที่พระนครคีรี จงั หวดั เพชรบุรี หรือที่พระราชวงั บางปะอิน จงั หวดั พระนครศรีอยธุ ยา
ในชว่ งระยะเวลาสนั้ ๆ ครัน้ ลว่ งเลยมาถงึ รัชสมยั พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยหู่ วั ทรงเห็นว่าข้า
ราชสานกั ของพระองค์มีมาก ทงั้ ในฝ่ ายข้าราชสานกั ฝ่ ายใน และเจ้านายฝ่ ายในแตล่ ะองค์ หรือเจ้าจอม
แตล่ ะคน ก็มีบริวารกนั ไม่ใชน่ ้อย ด้วยเหตนุ ีก้ ารประทบั ในพระบรมมหาราชวงั แตเ่ ดิมก็ดอู อกจะคบั แคบ
ไป ประกอบกบั ทรงเห็นวา่ พระบรมมหาราชวงั เป็ นท่ีร้อน ไมเ่ ป็ นท่ีสาราญพระราชหฤทยั เมื่อถึงฤดรู ้อน
จึงทรงมีพระราชดาริท่ีจะให้มีท่ีประทับพักร้ อนซึ่งมีบรรยากาศเป็ นธรรมชาติมากที่สุด ในพ.ศ. 2441
ภายหลงั จากเสดจ็ กลบั จากประพาสยโุ รปครัง้ แรก จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ซือ้ ท่ีสร้างพระราชวงั
ด้วยเงินพระคลงั ข้างท่ีดงั ที่ปรากฏในราชกิจจานเุ บกษา ดงั นี ้
“ด้วยทรงพระราชดาริว่า ในฤดรู ้อนในพระบรมมหาราชวงั ร้อนจดั เพราะมีตึกบงั อยู่ ไม่เป็ นที่ลม
เดินสะดวก อนึ่งพระราชอธั ยาศยั โปรดพระราชดาเนินด้วยพระบาทในระยะทางอนั หนึ่งพอสมควรแก่
พระกาลงั ก็เป็ นท่ีทรงสบาย ถ้าประทบั อย่บู นพระท่ีนง่ั ไม่ได้เสด็จพระราชดาเนินแห่งใดหลายเดือนก็ไม่
ใคร่ทรงสบาย ทรงพระราชดาริที่จะให้มีท่ีประทับพักร้ อน และมีที่ทรงพระราชดาเนินด้วยพระบาท
ในกรุงเทพ ให้เป็ นการสะดวกดีได้ตามพระราชประสงค์ทุกเม่ือ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ซือ้ ที่
สวนแลนาในระหว่างคลองผดุงกรุงเกษมจนถึงคลองสามเสนด้านตะวนั ออกจจดทางรถไฟด้วยเงิน
41 | GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา