The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เอกสารประกอบการเรียนรายวิชาชาววังสวนสุนันทา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Nutthapat Kaewrattanapat, 2021-03-16 12:55:12

เอกสารประกอบการเรียนรายวิชาชาววังสวนสุนันทา

เอกสารประกอบการเรียนรายวิชาชาววังสวนสุนันทา

ภาพท่ี 6.5 พระพทุ ธสนุ นั ทากร
ท่ีมา: รวีโรจน์ สงิ ห์ลาพอง

ปี 2512 วทิ ยาลยั ครูสวนสนุ นั ทา ได้ทาหนงั สือกราบบงั คมทลู ขอพระราชทานจดั สร้างพระพทุ ธรูป
สาคญั สาหรับวิทยาลยั ซง่ึ ขณะนนั้ ยงั ไม่มี โดยเห็นวา่ ควรสร้างพระพทุ ธรูปปางประทานพรแบบพระราช
นิยมในรัชกาลท่ีเรียกวา่ แบบ ภปร. ซ่ึงได้ทรงพระกรุณาโปรดให้วดั เทวสงั ฆาราม และวดั บวรนิเวศวิหาร
ในสมยั ที่สมเดจ็ พระสงั ฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสงั วร สมเด็จพระสงั ฆราชสกลมหาสงั ฆปริณายก
แต่ครัง้ ยงั ดารงสมณศกั ดิ์ท่ีพระสาสนโสภณ เป็ นเจ้าอาวาสได้จัดสร้างขึน้ วิทยาลัยจึงทาหนงั สือผ่าน
ต้นสังกัด ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตจัดสร้ างพระพุทธรูปตามแบบพระราชนิยมกับขอ
พระราชทานนาม และขอพระราชทานพระปรมาภิไธยยอ่ ภปร. ประดิษฐานไว้ท่ีผ้าทิพย์ของพระพทุ ธรูป
ด้วย ทรงพระกรุณาพระราชทานนามว่า “พระพุทธสุนนั ทากร” และประดิษฐานไว้เป็ นสิริมงคลแก่
วิทยาลยั สืบมา

ปี 2513 ได้มีความคิดที่จะจัดสร้ างพระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์
พระบรมราชเทวี ขนาดเทา่ พระองค์จริง ประดิษฐานไว้เป็ นม่ิงขวญั เป็ นท่ีเคารพสกั การะ ทงั้ ยงั เป็ นสิริ
มงคลและศรีสง่าแก่วิทยาลยั อีกด้วย ความจริงแนวความคิดนีม้ ีมาตงั้ แตป่ ี 2508 แต่ว่าเรื่องนีเ้ ป็ นเรื่อง
สาคญั จงึ คอ่ ยทาคอ่ ยไป ตงั้ แตเ่ รื่องการระดมทนุ การหารือเรื่องการจดั สร้างกบั กรมศลิ ปากร เม่ือได้แบบ
พระบรมรูปเป็ นที่พอใจแล้วจงึ ทาหนงั สือไปยงั ราชเลขาธิการให้นาความขนึ ้ กราบบงั คมทลู พระกรุณาขอ
พระราชทานพระบรมราชานญุ าต จดั สร้างพระราชานสุ าวรีย์ สมเด็จพระนางเจ้าสนุ นั ทากมุ ารีรัตน์พระบรม
ราชเทวี ประดษิ ฐานไว้ ณ เนินเขาในบริเวณวิทยาลยั ครูสวนสนุ นั ทา ก็ได้รับพระมหากรุณาพระราชทาน
พระบรมราชานญุ าตให้ตามความประสงค์

92 | GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา

ในระหวา่ งดาเนินการจดั สร้างพระราชานสุ าวรีย์นนั้ เป็ นระยะท่ีวิทยาลยั ครูสวนสนุ นั ทาพิจารณา
เห็นว่า ควรปรับเปล่ียนตราสญั ลกั ษณ์ของวิทยาลยั เสียใหม่ จึงได้เขียนแบบดวงตราขึน้ โดยใช้อกั ษณ
พระนามย่อในลกั ษณะตราประจาพระองค์สมเด็จพระนางเจ้าสนุ นั ทากมุ ารีรัตน์ฯ มาใช้เป็ นตราประจา
วิทยาลัย เมื่อเปล่ียนตราประจาวิทยาลยั ก็ควรเปล่ียนเครื่องหมายท่ีใช้ประกอบเครื่องแบบนกั ศึกษา
ให้เป็ นแบบตราประจาวิทยาลยั ด้วย จงึ ทาหนงั สือกราบบงั ทลู ขอพระราชทานพระบรมราชานญุ าตผ่าน
ต้นสงั กดั ขนึ ้ ไป จนในที่สดุ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานให้ตามที่ขอทกุ ประการตามหนงั สือ
ของสานกั ราชเลขาธิการ ที่รล 0002 / 6318 ลงวนั ท่ี 27 กันยายน 2515 เครื่องหมายสาหรับนักศึกษา
วิทยาลยั ครูสวนสนุ นั ทา จงึ เป็นตรา “ส” ในพระมงกฎุ มหากฐินมาตงั้ แตค่ รัง้ นนั้

เมื่อการจดั สร้างพระราชานสุ าวรีย์สาเร็จเรียบร้อยแล้ว พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธิเบศร มหา
ภมู ิพลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชดาเนินมาประกอบพิธีเปิ ดพระราชานสุ าวรีย์ สมเด็จ
พระนางเจ้าสนุ ันทากมุ ารีรัตน์ฯ ในวนั ท่ี 10 พ.ย. 2515 เวลา 16.00 และมีเวลาที่จะประทบั อย่ไู ด้เพียง
45 นาทีเทา่ นนั้

คุณหญิงกรองแก้ว ปทุมานนท์ ผู้อานวยการวิทยาลัยครูสวนสุนันทาในขณะนัน้ บนั ทึกไว้ว่า
เมื่อได้ฟังหมายพระราชกิจจากทา่ นราชเลขาธิการแล้วรู้สกึ ใจหาย ท้อใจ และหวนั่ เกรงเป็ นอยา่ งย่ิงว่าจะ
ไมส่ ามารถเสดจ็ พระราชดาเนนิ ตามคากราบบงั คมทลู เชญิ ได้ แตก่ ็ได้กราบเรียนทา่ นราชเลขาธิการไปว่า
“การรับเสด็จพระราชดาเนินในครัง้ นี ้ทงั้ ครูและนกั เรียน นกั ศกึ ษาตา่ งก็ตัง้ ใจจะทาเป็ นงานมโหฬารให้
สมพระเกียรติ ตวั ดฉิ นั เองก็เชน่ เดียวกนั เพราะจะได้มีโอกาสทางานใหญ่เป็ นครัง้ สดุ ท้าย ด้วยปี หน้าก็จะ
ครบเกษียณอายแุ ล้ว”

หลงั จากนนั้ ก็รอคอยคาตอบอยู่ด้วยความกระวนกระวายใจอยู่หลายวนั กระทั่งวันที่ 17 ต.ค.
2515 ทา่ นราชเลขาธิการได้โทรศพั ท์มายืนยนั วา่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอย่หู วั และสมเดจ็ พระนางเจ้าฯ
พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ จะเสดจ็ พระราชดาเนินมาประกอบพิธีเปิ ดพระราชานสุ าวรีย์
ในวนั ท่ี 10 พ.ย. 2515 ซ่ึงเป็ นวนั คล้ายวนั พระบรมราชสมภพในสมเด็จพระนางเจ้าสนุ นั ทากุมารีรัตน์
พระบรมราชเทวี ตามที่กราบบงั คมทูล แตม่ ีข้อสญั ญาว่าให้รวบรัดงานต่าง ๆ ตามกาหนดการให้เสร็จ
สนิ ้ ภายในเวลา 45 นาที เมื่อได้รับทราบดงั นี ้ทาให้เกิดความปลืม้ ปิตเิ ป็ นล้นพ้นแกช่ าวสวนสนุ นั ทาทงั้ มวล

ในวนั ที่ 9 พฤศจิกายน 2515 ก่อนถึงกาหนดการเสด็จพระราชดาเนินเพียงหน่ึงวนั ฝนตกลงมา
อยา่ งหนกั สนามหน้าอาคารกรรณาภรณ์พิพฒั น์ ซ่ึงเป็ นท่ีตงั้ พลบั พลาพิธีและปะรา เจ่ิงนองไปด้วยนา้
ขงั แตก่ ระนนั้ ชาวสวนสนุ นั ทาก็มิได้ย่อท้อ นกั เรียน นกั ศกึ ษา ในความควบคมุ ของครูอาจารย์ หิว้ ถงั วิด
นา้ ที่ขงั อยใู่ นสนามออกไป เพื่อชว่ ยให้สนามแห้งเร็วทนั เวลา และให้คนงานทาทางปไู ม้ กระดานรองลาด
พระบาทจากพลบั พลาที่ประทบั ไปยงั ทางขนึ ้ พระราชานสุ าวรีย์ และในเวลาคอ่ นข้างกระชนั้ ชิดนี ้ได้รับ
ทราบว่าสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถจะไม่เสดจ็ พระราชดาเนินมาในพิธี แตก่ ารทกุ อยา่ งให้
คงไว้ตามกาหนดการเดมิ ทกุ ประการ

GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา | 93

วันท่ี 10 พฤศจิกายน 2515 ก่อนเวลา 16.00 น. ภายในวิทยาลัยครูสวนสุนันทาตัง้ แต่ประตู
ทางเข้าถนนอทู่ องนอก และในบริเวณพธิ ีคลาคล่าไปด้วยผ้คู น กองดรุ ิยางค์ลกู เสือสวนสนุ นั ทาอยตู่ รงหวั
แถวใกล้ลาดพระบาทด้านซ้าย ต่อจากนนั้ เป็ นคณะกรรมการสภานกั ศึกษา และบรรดานกั ศึกษาและ
นกั เรียนของวิทยาลยั ครูสวนสุนนั ทา ด้านตรงข้ามมีข้าราชการชนั้ ผ้ใู หญ่ ผ้อู านวยการวิทยาลยั นายก
สมาคมศษิ ย์เกา่ สวนสนุ นั ทา ในพระบรมราชนิ ปู ถมั ภ์ เฝ้ าทลู ละอองธุลีพระบาทรับเสดจ็ ชิดลาดพระบาท
ด้านขวา เวลา 16.00 น. ขบวนรถยนต์พระที่นงั่ นาเสด็จพระราชดาเนินมาถึง ดุริยางค์บรรเลงเพลง
สรรเสริญพระบารมีถวายความเคารพ เมื่อเสดจ็ พระราชดาเนินลงจากรถยนต์พระที่นงั่ นายบญุ ถิ่น อตั ถากร
ปลดั กระทรวงศกึ ษาธิการ ถวายคานบั กราบบงั คมทลู รายงานตวั และเบกิ ตวั ผ้มู าเฝ้ าทลู ละอองธุลีพระบาท
ตามลาดบั คือ นายสาโรช บวั ศรี อธิบดีกรมการฝึ กหดั ครู คณุ หญิงกรองแก้ว ปทมุ านนท์ ผ้อู านวยการ
วิทยาลยั ครูสวนสนุ นั ทา แพทย์หญิงคณุ มานา บญุ คนั้ ผล นายกสมาคมศษิ ย์เก่าสวนสนุ นั ทาในพระบรม
ราชินปู ถมั ภ์ อาจารย์หม่อมหลวงปราณี สนิทวงศ์ หวั หน้าฝ่ ายฝึ กหดั ครู ถวายมาลยั พระกร แล้วก็เสด็จ
พระราชดาเนินไปตามลาดพระบาทเข้าสู่พลับพลาท่ีประทับ พิธีต่าง ๆ ก็เริ่มขึน้ ตามกาหนดการ

เม่ือปลดั กระทรวงศกึ ษาธิการได้กราบบงั คมทลู ถวายรายงานการสร้างพระราชานสุ าวรีย์และขอ
พระราชทานอัญเชิญเสด็จทรงประกอบพิธีเปิ ดแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราช
ดาเนินตามลาดพระบาทไปยงั พระราชานสุ าวรีย์ บรรดาผ้เู ฝ้ ารับเสดจ็ ได้ตามเสด็จพระราชดาเนินไปด้วย
แตส่ ว่ นมากหยดุ ท่ีเชิงบนั ได พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั ทรงพระสหุ ร่ายและทรงเจิมที่พระกรเบือ้ งขวา
ซงึ่ พาดอยบู่ นพระเพลา พระสงฆ์เจริญชยั มงคลคาถา ฆ้องชยั แตร สงั ข์ และดรุ ิยางค์ประโคมขนึ ้ พร้อมกนั

ภาพท่ี 6.6 พระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภมู ิพลอดลุ ยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
ทรงเป็นประธานเปิดพระราชานสุ าวรีย์ฯ
ที่มา: หอจดหมายเหตสุ วนสนุ นั ทา

94 | GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา

จากนนั้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอย่หู วั ทรงวางพ่มุ ดอกไม้ แล้วจดุ ธูปเทียนเครื่องราชสกั การะและ
ทรงกราบถวายบงั คมพระบรมรูป ขณะเสดจ็ พระราชดาเนินกลบั ลงมาตรงชานบนั ไดทรงมีพระราชดารัส
แก่ทา่ นปลดั กระทรวงศกึ ษาธิการวา่ “ร่มร่ืนดี”

เมื่อเสด็จพระราชดาเนินกลับมาประทบั ยังพลับพลาพิธีแล้ว ได้ทรงลงพระปรมาภิไธยในสมุด
เยี่ยมของวิทยาลยั และสมดุ เยี่ยมของสมาคมศิษย์เก่าสวนสนุ นั ทา ในพระบรมราชินปู ถมั ภ์ ตอ่ จากนนั้
คณุ หญิงกรองแก้ว ปทมุ านนท์ ผ้อู านวยการ ทลู เกล้าฯ ถวายหนงั สือท่ีระลึก ตอ่ จากนนั้ พระบาทสมเดจ็
พระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกประทับมุขพลับพลาพิธีตามคากราบบังคมทูลเชิญของท่านปลัดกระทรวง
ศกึ ษาธิการ เพื่อทอดพระเนตรการแสดงที่วิทยาลยั จดั ถวายหน้าพระท่ีนงั่ ซงึ่ การแสดงท่ีจดั มาถวายนนั้
เป็นการราอวยพรของเหลา่ นางฟ้ า แสดงโดยนกั ศกึ ษาหญิงล้วน เป็ นชดุ เดียวกบั การร่ายราถวายพระพร
พระนารายณ์และพระลกั ษมี ในเร่ืองกวนเกษียรสมทุ ร กบั ชดุ การแสดงโมงครุ่มและกลุ าตีไม้ แสดงโดย
นกั เรียนชายล้วน เป็ นการแสดงถวายหน้าพระที่นงั่ ตามราชประเพณีโบราณ การแสดงจบลงด้วยความ
เรียบร้อย ทา่ นปลดั กระทรวงศกึ ษาธิการเข้าไปกราบบงั คมทลู วา่ จบการแสดงแล้ว จึงประทบั ยืน ปี่ พาทย์
บรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี

พระบาทสมเด็จพระเจ้ าอยู่หัวเสด็จจากที่ประทับยืนมาถึงท่ีตรงจะก้ าวลงจากพลับพลาพิธี
ทรงผินพระพักตร์มาทางคุณหญิงกรองแก้ว ปทุมานนท์ ผู้อานวยการวิทยาลัย แย้มพระสรวลน้อย ๆ
และมีพระราชดารัสว่า “ครึกครืน้ ดี” ผู้อานวยการถวายคานับแล้วกราบบงั คมทูลว่า “เป็ นพระมหา
กรุณาธิคณุ ล้นเกล้าฯ” ผ้อู านวยการตามไปส่งเสดจ็ จนถึงรถยนต์พระท่ีนงั่ เม่ือรถพระท่ีนง่ั เคลื่อนกอง
ดรุ ิยางคล์ กู เสือบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี และจบลงด้วยเสียงถวายไชโยถวายพระพรจากบรรดา
เหล่าอาจารย์ นักเรียน นักศึกษาอย่างกึกก้อง เมื่อเสด็จพระราชดาเนินกลับนัน้ เป็ นเวลา 16.45 น.
งานทกุ อย่างสาเร็จลงตามกาหนด นบั เป็ นครัง้ แรกและครัง้ เดียวที่พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมิ
พลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ได้เสด็จมายังสถานศึกษาแห่งนี ้ และเป็ นวิทยาลัยครูซึ่งในท่ีสุดเป็ น
มหาวิทยาลยั ราชภัฏแห่งแรกที่ ได้มีโอกาสรับเสด็จพระราชดาเนินเพื่อทรงประกอบพิธี นบั เป็ นเกียรติ
อยา่ งสงู ที่ได้ทรงพระมหากรุณาพระราชทานแก่สวนสนุ นั ทา ไม่มีผ้ใู ดจะลืมเลือนวนั อนั เป็ นมหามงคลที่
ยิ่งใหญ่นีไ้ ด้ ต่างเต็มตืน้ ปิ ติยินดีสานึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็ นล้นพ้น นบั เป็ นพระบารมีปกเกล้าฯ
ชาวสวนสนุ นั ทา เป็นพระมหากรุณาธิคณุ อยา่ งหาท่ีสดุ มิได้

GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา | 95

สรุป

มหาวิทยาลยั ราชภัฏสวนสุนนั ทา มีประวตั ิศาสตร์ความเป็ นมาท่ียาวนาน ต่อเนื่อง นบั แตไ่ ด้รับ
มอบเขตพระฐานสวนสุนันทา มาจัดตัง้ เป็ นสถานศึกษาในนาม โรงเรียนสวนสุนันทาวิทยาลัย
เจริญก้าวหน้ายงั่ ยืนมาเป็ น วิทยาลยั ครูสวนสนุ นั ทา สถาบนั ราชภฏั และมหาวิทยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั
ทาในที่สดุ ได้ผา่ นผ้คู น และเหตกุ ารณ์อนั หลากหลาย ผ้มู ีคณุ ูปการนอกจากท่ีปรากฏในบทเรียนนีแ้ ล้ว
ยงั มีอีกหลายทา่ น ผ้เู รียนสามารถศกึ ษาเพมิ่ เตมิ ได้จากแหล่งข้อมลู ตา่ ง ๆ เชน่ หอจดหมายเหตสุ วนสนุ นั
ทา ซึ่งอย่ใู นสานกั วิทยบริการ เป็ นต้น สาหรับสญั ลกั ษณ์ศนู ย์รวมจิตใจของชาวสวนสนุ นั ทานนั้ เป็ นสิ่ง
สญั ลกั ษณ์ที่เป็ นวตั ถรุ ูปธรรม เช่นพระพทุ ธรูป พระราชานุสาวรีย์ เครื่องหมาย กับส่ิงสญั ลกั ษณ์ที่เป็ น
นามธรรม เช่นคาเรียกตนเองว่าเป็ นลูกพระนาง เป็ นต้น ส่ิงเหล่านีไ้ ด้หลอมรวมความรู้สึกนึกคิด ของ
บคุ คลผ้มู าจากตา่ งสถานที่ ตา่ งสงั คมให้หลอมรวมเป็นหนง่ึ เดียวไว้ได้ จึงสมควรอย่างย่ิงท่ีเราจะต้องสืบ
สานรักษาไว้ให้คงอยตู่ ราบนานเทา่ นาน

96 | GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา

คาถามทบทวน

1. เอกลกั ษณ์คอื อะไร มีความสาคญั อยา่ งไร
2. เอกลกั ษณ์สวนสนุ นั ทา มีคาขวญั วา่ อยา่ งไร
3. สวนสนุ นั ทา โดดเดน่ ในด้านใด
4. คณุ ธรรมที่เป็นเอกลกั ษณ์ของนกั ศกึ ษาสวนสนุ นั ทาคอื เรื่องใด
5. จงอธิบายความหมายของคาวา่ “เน้นความเป็นวงั ”
6. จงอธิบายความหมายของคาวา่ “เป็นองค์กรหง่ การเรียนรู้สสู่ ากล”
7. มหาวิทยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทา จดั เป็นองค์กรประเภทใด
8. ตามความคดิ ของนกั ศกึ ษา สวนสนุ นั ทาโดดเดน่ ในด้านใด
9. จากการเป็นสว่ นหนงึ่ ของสว่ นสนุ นั ทาจนถึงขณะนี ้ทา่ นมีความรู้สกึ ตอ่ สวนสนุ นั ทาอยา่ งไร
10. เราจะร่วมสืบสาน ธารงรักษา และถ่ายทอดเอกลกั ษณ์ชาววงั ได้ด้วยวิธีใดบ้าง

GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา | 97

เอกสารอ้างองิ

ภาษาไทย
มณเฑียร แก้ววิจติ ร และธิดามาศ กระสงั ข์. มปป. หลักการจัดการ. มปท.
ยงยทุ ธ ทยศยงิ่ ยง.มปป.. ความหมายและองค์ประกอบขององค์กรนวัตกรรม.มปท.
มหาวิทยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทา. (2560).แผนยทุ ธศาสตร์ระยะ 15 ปี . มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทา
ภาษาอังกฤษ
Davenport, T. H., และ L. Prusak, Working Knowledge: How Organization Manage What

They Know Boston: Havard Business School Press

98 | GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา

บทท่ี 7
เอกลักษณ์และอัตลักษณ์แห่งสวนสุนันทา

รวีโรจน์ สงิ ห์ลาพอง
ณฐภรณ์ รัตนชยั วงศ์

ชตุ มิ า มณีวฒั นา

ในสงั คมทวั่ ไป ไมว่ า่ จะในระดบั ท้องถ่ิน ไปจนถึงระดบั ชาติ ย่อมมีความแตกตา่ งกนั ออกไปในทกุ
พืน้ ท่ี ทงั้ นีอ้ าจเน่ืองมาจากสภาพทางสงั คม วิถีชีวิตความเป็ นอยู่ การสืบทอดจากคนรุ่นหนึ่งไปส่อู ีกรุ่น
หนึ่ง ส่ิงเหล่านีไ้ ด้สงั่ สม สืบสานกนั จากรุ่นส่รู ุ่น ในระหว่างนนั้ อาจมีการพฒั นารูปแบบ ตอ่ ยอดส่ิงท่ีเป็ น
องคค์ วามรู้ทงั้ หลายกลายเป็นลกั ษณะเฉพาะที่เรียกวา่ “เอกลกั ษณ์” ในขณะเดียวกนั สงั คมโลกปัจจบุ นั
ก็ให้ความสาคญั กบั การยอมรับความแตกตา่ งหลากหลาย ในวงการกีฬามีการเรียกร้องความเคารพใน
ความแตกตา่ งทางเชือ้ ชาติ ทางการเมืองก็เรียกร้องให้ประชาชนยอมรับและอยรู่ ่วมกบั ผ้ทู ี่มีความคิดเห็น
แตกต่างกันอย่างสันติวงการบันเทิงก็ต้องการค้นหาศิลปิ นท่ีมีความเป็ นตัวของตัวเองที่ชัดเจน
ความแตกตา่ งที่เป็ นลกั ษณะเฉพาะตนนนั้ เรียกว่า “อตั ลกั ษณ์” (Identity) อาทิ อตั ลกั ษณ์ของชมุ ชน
อตั ลกั ษณ์ของสินค้า อตั ลกั ษณ์ขององค์กร เป็ นต้น การท่ีแนวคิดเร่ืองอตั ลกั ษณ์มีความสาคญั เพิ่มขนึ ้ ก็
เนื่องจากอตั ลกั ษณ์เป็ นลกั ษณะเฉพาะที่บง่ บอกถึงความเป็ นตวั ตนไมว่ า่ จะในระดบั บคุ คลหรือในระดบั
สงั คม

มหาวิทยาลยั ราชภัฏสวนสุนนั ทาก็มีทงั้ “เอกลกั ษณ์” และ “อัตลกั ษณ์” ที่บง่ บอกถึงลกั ษณะ
เฉพาะที่ไม่เหมือนใคร รวมถึงความเป็ นตัวตนอันน่าภาคภูมิใจของนักศึกษาและบัณฑิตไว้เช่นกัน
ในบทนีจ้ ะอธิบายถึงแนวคิดเรื่องเอกลักษณ์ และอตั ลกั ษณ์แห่งสวนสุนนั ทา ความสาคญั ของการมี
เอกลกั ษณ์ อตั ลกั ษณ์ของนกั ศกึ ษา และของมหาวิทยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทา โดยชีใ้ ห้เห็นว่าเอกลกั ษณ์
อตั ลกั ษณ์ของมหาวิทยาลยั ไม่เพียงบง่ บอกลกั ษณะของบณั ฑิตจากรัว้ สวนสนุ นั ทาเท่านนั้ หากแตอ่ ตั
ลกั ษณ์ดงั กลา่ วยงั สอดคล้องกบั สงั คมแหง่ ศตวรรษท่ี 21 ด้วย

7.1 เอกลักษณ์: ความหมาย ความสาคัญและแนวคดิ

สานักงานราชบัณฑิตยสภาได้อธิบายความว่าคาว่า เอกลักษณ์ (อ่านว่า เอก-กะ-ลัก) นัน้
ประกอบด้วยคาว่า เอก (อ่านว่า เอ-กะ) ซ่ึงหมายถึง หนึ่ง และ ลกั ษณ์ ซึ่งหมายถึง สมบตั ิเฉพาะตวั
คาวา่ เอกลกั ษณ์ ตรงกบั คาภาษาองั กฤษวา่ uniqueness หมายถึง ความเป็นหนึง่ เดียว หรือสภาวะท่ีไม่
มีผู้ใดเหมือน เช่น กรุงเทพฯ เป็ นเมืองหลวงท่ีมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนเมืองหลวงใด ๆ ในโลกส่วน
พจนานกุ รมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 ให้ความหมายของเอกลกั ษณ์ไว้วา่ หมายถึง ลกั ษณะท่ี
เหมือนกนั หรือมีร่วมกนั เชน่ ชมุ ชนนีม้ ีเอกลกั ษณ์อยทู่ ่ีการทอผ้าจก หมายความวา่ คนในชมุ ชนนีม้ ีอาชีพ

ทอผ้าจกเหมือน ๆ กนั หมด อยา่ งไรก็ดี คนไทยส่วนใหญ่นิยมใช้คาวา่ “เอกลกั ษณ์” ในความหมายว่า
ลกั ษณะอนั เป็นเฉพาะ มีหนง่ึ เดยี วขอ เชน่ ภาษาไทยเป็นเอกลกั ษณ์ของชาตไิ ทย เป็นต้น

จงึ อาจอธิบายความให้ชดั เจนได้วา่ เอกลกั ษณ์ (Uniqueness) หมายถึง ความสาเร็จตามจดุ เน้น
และจดุ เดน่ ท่ีสะท้อนให้เหน็ เป็นลกั ษณะโดดเดน่ เป็ นหนง่ึ ขององค์กร ชมุ ชน สถาบนั เช่น เอกลกั ษณ์ของ
คณะตา่ ง ๆ ในมหาวิทยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทาจะมีเอกลกั ษณ์ท่ีแตกตา่ งกนั แตเ่ อกลกั ษณ์ในภาพรวม
ของมหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทาจะต้องเหมือนกนั

7.2 เอกลักษณ์ของมหาวิทยาลัยราชภฏั สวนสุนันทา

7.2.1 เอกลกั ษณ์ (UNIQUENESS)
เน้นความเป็นวงั ปลกู ฝังองค์ความรู้ ยดึ มน่ั คณุ ธรรมให้เชิดชู เป็ นองค์กรแห่ง การเรียนรู้สู่

สากล Focus on royal traditions, knowledge cultivation, ethical enhancement, as an international
learning organization

7.2.2 เน้นคาสาคญั ในเอกลกั ษณ์ (EMPHASIZED UNIQUENESS)
จากเอกลกั ษณ์ทงั้ หมดที่กล่าวมา สวนสุนนั ทา ได้ให้ความสาคญั กับเอกลกั ษณ์ใน 2

ประเด็น คือ “เน้นความเป็ นวงั ” และ “เป็ นองค์กรแห่งการเรียนรู้ส่สู ากล” ซึง่ บง่ บอกความเป็ นสวนสนุ นั
ทาในยคุ ปัจจบุ นั ใด้อยา่ งตรงประเดน็ ที่สดุ ดงั นี ้

7.2.2.1 เน้นความเป็ นวงั หมายถึง เป็ นมหาวิทยาลยั ที่สืบสานความเป็ นวงั สวนสนุ นั ทา
เน้ นการอนุรักษ์ เผยแพร่ และเป็ นแหล่งเรียนรู้ข้ อมูลศิลปวัฒนธรรมด้ านต่าง ๆ โดยเฉพาะ
ศลิ ปวฒั นธรรมกรุงรัตนโกสนิ ทร์

7.2.2.2 เป็ นองค์กรแห่งการเรียนรู้ส่สู ากล หมายถึง เป็ นมหาวิทยาลยั ที่มีแหลง่ เรียนรู้
ท่ีหลากหลายทนั สมยั สามารถแข่งขนั ได้ในระดบั ชาติและนานาชาติ ตอบสนองทุกรูปแบบการเรียนรู้
ของผ้รู ับบริการได้อยา่ งทวั่ ถึงและมีประสทิ ธิภาพ

7.3 สถาบนั อุดมความรู้

สวนสนุ นั ทา ในฐานะสถาบนั การศกึ ษาได้ถกู ยกฐานะ ขนึ ้ เป็ นมหาวิทยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทา ตงั้ แต่
ปี พ.ศ.2547 ถึงปัจจุบนั นีม้ หาวิทยาลยั ราชภัฏสวนสุนันทาได้รับการจดั อันดบั โดยเว็บโอเมตริกซ์
สถาบนั จดั อนั ดบั ชนั้ แนวหน้าของโลกวา่ เป็นมหาวิทยาลยั ราชภฏั อนั ดบั 1 ของประเทศ โดยได้ทาการจดั
อนั ดบั ตงั้ แตป่ ี ค.ศ. 2009 จนถงึ ปัจจบุ นั ท่ีหมาวิทยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทาได้ครองแชมป์ “ราชภฏั อนั ดบั
1 มาอย่างตอ่ เน่ือง” สวนสนุ นั ทาเป็ นมหาวิทยาลยั ที่ผสมผสาน พฒั นา และตอ่ ยอดองค์ความรู้ของวิถี
ชีวิตของความเป็ นวงั ทงั้ ในรูปแบบของการสืบสานวิถีชีวิตชาววงั การพฒั นาอาคารสถานที่ให้มีความ
สอดคล้องลงตวั ระหว่างของเดิมที่มีคุณค่า กับพัฒนาส่ิงท่ีสร้ างใหม่ให้ทันสมัยโดยไม่ขัดกับวิถีเดิม

100 | GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา

ส่วนบรรยากาศการอยู่ร่วมกันในองค์กรเน้นความเป็ นกัลยาณมิตร มีความรักความผูกพัน มีความ
สามคั คีระหวา่ งกนั สาหรับบคุ คลทกุ กลมุ่ ในสถานศกึ ษาแหง่ นี ้พงึ่ พาอาศยั กนั ด้วยความรักความสามคั คี

ภาพท่ี 7.1 อาคารโรงแรมวงั สวนสนุ นั ทา หนง่ึ ในอาคารท่ีได้รับการปรับปรุงรูปแบบ
สถาปัตยกรรมให้สอดคล้องกบั ความเป็น “วงั สวนสนุ นั ทา”
ท่ีมา: โรงแรมวงั สวนสนุ นั ทา

การเป็ นสถาบนั อดุ มความรู้ของมหาวิทยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทานนั้ นอกจากจะสะท้อนออกมา
ในรูปแบบของการจดั การเรียนการสอนแล้ว ยงั มีลกั ษณะของการสืบสานมรดกทางวฒั นธรรมของเดิมท่ี
มีอยู่ เชน่ มรดกทางด้านองคค์ วามรู้เร่ืองอาหารชาววงั เร่ืองงานประดษิ ฐ์ งานร้อยดอกไม้ การมีจริยวตั ร
แบบชาววงั ส่ิงเหล่านีม้ ีรากเหง้ามาจากการเป็ นราชสานกั เจ้านายฝ่ ายในในแตล่ ะตาหนกั ต่างก็มีสิ่งท่ี
อาจกลา่ วได้วา่ เป็ นเอกลกั ษณ์เฉพาะแตล่ ะพระองค์ เช่นตาหนกั พระวิมาดาเธอฯ เช่ียวชาญเรื่องอาหาร
และงานฝี มือช่างชาววังแทบทุกชนิด เป็ นท่ีละครพระราชนิพนธ์เรื่องเงาะป่ า ในพระบาทสมเด็จ
พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอย่หู วั ก็นามาบรรจเุ พลงในเร่ืองได้อยา่ งสมบรู ณ์ครบถ้วนท่ีตาหนกั แห่งนี ้ ย่ิงไปกวา่
นนั้ การผสมผสานวฒั นธรรมทางนาฏศิลป์ และดนตรีของภาคเหนือแบบพม่าและนาฏศิลป์ ของภาค
กลางได้เกิดเป็ นนาฏศิลป์ รูปแบบใหมค่ ือ “ฟ้ อนมา่ นม้ยุ เชียงตา” ซึง่ สร้างสรรค์โดยเจ้าดารารัศมี ก็ได้รับ
การเล่าขานกันว่ามีส่วนในการถือกาเนิดในสวนสุนนั ทา นอกจากนี ้ เจ้านายบางพระองค์ที่ประทบั ใน
สวนสนุ นั ทา เชน่ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจฑุ ารัตนราชกมุ ารี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้า
อาทรทพิ ยนิภา ก็มีเอกลกั ษณ์สาคญั เฉพาะตวั ในเรื่องของการดนตรี และนาฏศิลป์ สิ่งเหลา่ นีต้ กทอดมา
สชู่ าวสวนสนุ นั ทาในปัจจบุ นั

GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา | 101

ภาพท่ี 7.2 “ฟ้ อนมา่ นม้ยุ เชียงตา” กระบวนฟ้ อนที่เจ้าดารารัศมีได้นาแบบอยา่ งการฟ้ อนราใน
ราชสานกั สยามของไทยไปผสมผสานกบั ท่าราแบบพมา่

ที่มา: https://www.chiangmainews.co.th/page/archives/920307/
จากท่ีเคยจดจาและทาต่อมาในลักษณะของการบอกเล่าลงสู่การปฏิบตั ิก็ได้พัฒนามาเป็ น
การบนั ทึกความรู้อยา่ งมีหลกั ทางวิชาการ สามารถเป็ นแหล่งเรียนรู้ทางด้านวิถีชีวิตชาววงั อาหารไทย
ชาววงั และศลิ ปวฒั นธรรมของกรุงรัตนโกสินทร์ได้เป็ นอย่างดี ส่ิงเหลา่ นีถ้ กู นามาพฒั นาเข้าสรู่ ะบบของ
การจัดการเรียนการสอนให้แก่นกั ศึกษา และบคุ คลทวั่ ไปได้อย่างชดั เจนสามารถปฏิบตั ิและให้ผลได้
อย่างแท้จริง สิ่งยืนยนั ในข้อนีไ้ ด้คือความสาเร็จของอาจารย์และนกั ศึกษาในสาขาวิชาท่ีเก่ียวข้อง เช่น
คหกรรมศาสตร์ การจัดการทางวัฒนธรรมฯลฯ ที่ประสบความสาเร็จจากการประกวดผลงานวิจัย
การได้รับรางวลั ในการแขง่ ขนั ตา่ ง ๆ ในเร่ืองท่ีเก่ียวข้องกบั อาหาร และวถิ ีชาววงั และศลิ ปวฒั นธรรมเป็ นต้น

ภาพท่ี 7.3 การพิจารณาตดั สนิ ผลงานของนกั ศกึ ษาสาขาวิชาคหกรรมศาสตร์
ท่ีมา: สาขาวิชาคหกรรมศาสตร์

102 | GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา

การเป็ นสถาบนั อุดมความรู้ของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ยังสะท้อนได้จากการประสาน
ความร่วมมือกนั ระหวา่ งมหาวทิ ยาลยั กบั ชมุ ชนในท้องถ่ิน ชว่ ยนาเอาหลกั วิชาการ หลกั การคิดท่ีถกู ต้อง
ลงไปช่วยพฒั นาต่อยอดสิ่งที่เป็ นภูมิปัญญาของชมุ ชน ก่อให้เกิดเป็ นส่ิงใหม่ที่พฒั นาขึน้ จากของเดิม
ช่วยให้ชุมชนเข้มแข็ง ลดช่องว่างระหว่างมหาวิทยาลัยกับชุมชน และเป็ นสถาบันอุดมความรู้เป็ น
มหาวทิ ยาลยั เพื่อการพฒั นาท้องถ่ินอยา่ งแท้จริง

7.4 คุณธรรมสาคัญท่เี ป็ นเอกลักษณ์

ผ้ทู ่ีเป็ นชาวสวนสนุ นั ทา ตงั้ แต่อดีต จนถึงปัจจบุ นั ล้วนได้รับการปลกู ฝังให้มีคณุ ลกั ษณะสาคญั
คือการอ่อนน้อมถ่อมตน มีความเป็ นกัลยาณมิตรท่ีดี แสดงออกด้วยความสภุ าพ มีปิ ยวาจา อาจารย์
กลาย กระจายวงศ์ ผ้เู คยดารงตาแหนง่ อธิการวิทยาลยั ครูสวนสุนนั ทา ระหวา่ งปี พ.ศ.2526 – 2534
กลา่ ววา่ เม่ือทา่ นมารับตาแหนง่ อธิการวทิ ยาลยั ครูสวนสนุ นั ทาในระยะแรกนนั้ มีความประทบั ใจในจริย
วตั รของอาจารย์ และนกั ศกึ ษาสวนสนุ นั ทาเป็ นอย่างมาก ท่ีไหว้ทกั ทายเมื่อพบกนั ทกุ ครัง้ นบั ว่าหาได้
ยากท่ีคนกลมุ่ ใหญ่ท่ีหลากหลายแตกตา่ งกนั ทงั้ ชาตวิ ฒุ ิ วยั วฒุ ิ และคณุ วฒุ ิ จะมีความเห็นร่วมกนั อย่าง
ดเี ชน่ นี ้นบั เป็นจดุ แข็งจดุ เดน่ ท่ีเป็ นลกั ษณะสาคญั ท่ีสะท้อนคณุ ธรรมของผ้เู ป็ นชาวสวนสนุ นั ทา ในเรื่อง
ของความรักความสามคั คี การมีสมั มาคารวะ มีจรรยามารยาท และออ่ นน้อมถ่อมตน คณุ ธรรมในข้อนี ้
ชาวสวนสนุ นั ทายงั คงประพฤตปิ ฏิบตั มิ าจนทกุ วนั นี ้ถือเป็นเร่ืองปกตใิ นชีวติ ประจาวนั

นอกจากนี ้ส่ิงที่สะท้อนมาจากบคุ คลภายนอก ในเร่ืองของจริยวตั รที่เป็ นเอกลกั ษณ์ของชาวสวน
สนุ นั ทานนั้ ได้มีผ้ใู ห้ความคดิ เห็นไว้มากมาย จากการสมั ภาษณ์ผ้ใู ช้บณั ฑิต คือ นายจ้าง ผ้ปู ระกอบการ
ผ้บู งั คบั บญั ชา ผ้ดู แู ลนกั ศกึ ษาสหกิจศึกษา (ฝึ กงาน) ตา่ งให้ความเห็นไปในแนวทางเดียวกนั ว่า ผ้ทู ่ีผ่าน
การศึกษา อบรม จากมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทาไม่ว่าจะในสาขาวิชาใด ส่วนใหญ่จะมี
คณุ ลกั ษณะโดดเดน่ คือ การเป็ นเพ่ือนร่วมงานท่ีเป็ นเลิศ (excellence colleagues) ส่ิงที่ชีว้ ดั ในข้อนี ้
คอื การเอาใจใสต่ อ่ งานที่ได้รับมอบหมายอยา่ งดี และมีนา้ ใจตอ่ ผ้รู ่วมงาน ไมน่ ่ิงดดู ายแบบธุระไมใ่ ชก่ ็ไม่
ทา พยายามทางานท่ีได้รับมอบหมายอย่างดีที่สดุ ไมเ่ ห็นแก่ผลประโยชน์ของตนฝ่ ายเดียว ส่ิงเหล่านีถ้ กู
สะท้อนออกมาจากผ้ใู ช้บณั ฑิตทกุ ครัง้ ที่มีการประเมินสมั ภาษณ์ จึงเป็ นสิ่งที่ ชาวสวนสนุ ันทาทกุ ระดบั
จะต้องรักษาไว้ด้วยความภาคภมู ใิ จอยา่ งยง่ิ

เอกลกั ษณ์ที่สาคญั ในส่วนของจริยวตั รนกั ศกึ ษา ส่งผลให้เกิดภาพจาตอ่ บุคคลทวั่ ไปท่ีได้สมั ผสั
เช่น นักศึกษาครุศาสตร์ พยาบาลศาสตร์ และนาฏศิลป์ ไทย ของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
มีความสุภาพนอบน้อมเป็ นท่ีสุด ควบคู่ไปกับความสามารถในทางวิชาการก็ได้รับการยอมรับว่ามี
ศกั ยภาพสูง ผู้ท่ีศึกษาในสาขาวิชากลุ่มวิทยาศาสตร์แม้จะแสดงออกทางความรู้สึกไม่เก่งนกั แต่ก็มี
ความสุขุมมีขีดความสามารถและทักษะในวิชาชีพสูง เช่นเดียวกันกับกลุ่มอ่ืน ๆ เช่นกลุ่มที่เรียนใน
สาขาวิชาทางด้านเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ศิลปกรรมศาสตร์

GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา | 103

นิเทศศาสตร์ บริหารธุรกิจ ฯลฯ ในมหาวิทยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทา ตา่ งก็มีลกั ษณะเฉพาะตนแตกตา่ ง
กนั ออกไปตามลกั ษณะของวิชาชีพ แตส่ ิ่งท่ีมีเหมือนกนั คือคณุ ลกั ษณะของความเป็ นชาวสวนสุนนั ทา
ดงั ที่กลา่ วมาทงั้ หมดข้างต้น ซง่ึ มาจากการปลกู ฝังสืบตอ่ มานน่ั เอง

7.5 สวนสุนันทาในปัจจบุ นั

ในปัจจบุ นั นี ้มหาวิทยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทา ได้มีวิทยาเขตและศนู ย์การศกึ ษาภายนอกท่ีขยาย
เครือขา่ ยออกไปนอกเหนือจากที่ตงั้ ในกรุงเทพมหานคร รวมทงั้ สิน้ 4 แห่ง ได้แก่ สวนสนุ นั ทาวิทยาเขต
นครปฐม สวนสนุ นั ทาศูนย์การศึกษาจงั หวัดระนอง สวนสุนนั ทาศนู ย์การศึกษาจังหวดั อุดรธานี และ
สวนสุนันทาศูนย์การศึกษาจังหวัดสมุทรสงคราม นอกจากนีย้ ังมีคณะและวิทยาลัยที่จัดการเรียน
การสอนในระดบั อดุ มศกึ ษาจานวนทงั้ สนิ ้ 13 หนว่ ยงาน พร้อมกบั โรงเรียนสาธิต 1 แหง่ ได้แก่

1. คณะครุศาสตร์ (จดั การเรียนการสอนวิชาท่ีเก่ียวข้องตงั้ แตป่ ี 2480)
2. คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (จดั การเรียนการสอนวิชาที่เก่ียวข้องตงั้ แตป่ ี 2480)
3. คณะมนษุ ยศาสตร์และสงั คมศาสตร์ (กอ่ ตงั้ คณะในปี 2518)
4. คณะวิทยาการจดั การ (กอ่ ตงั้ คณะในปี 2528)
5. คณะเทคโนโลยีอตุ สาหกรรม (เริ่มมีหลกั สตู รที่เก่ียวข้องตงั้ แตป่ ี 2522)
6. คณะศลิ ปกรรมศาสตร์ (เริ่มเปิดภาควิชาที่เกี่ยวข้องตงั้ แตป่ ี 2516)
7. วทิ ยาลยั พยาบาลและสขุ ภาพ (เปิดสอนหลกั สตู รปี 2550)
8. วิทยาลยั สถาปัตยกรรมศาสตร์ (เปิดสอนหลกั สตู รปี 2557)
9. วทิ ยาลยั สหเวชศาสตร์ ศนู ย์การศกึ ษาจงั หวดั สมทุ รสงคราม (เปิดสอนหลกั สตู รปี 2557)
10. วทิ ยาลยั นวตั กรรมและการจดั การ (ก่อตงั้ วทิ ยาลยั ในปี 2540)
11. วิทยาลยั นานาชาติ (เปิดสอนหลกั สตู รปี 2547)
12. วทิ ยาลยั การภาพยนตร์ ศลิ ปะการแสดงและ สือใหม่ (ก่อตงั้ วทิ ยาลยั ในปี 2555)
13. วิทยาลยั โลจสิ ตกิ ส์และซพั พลายเชน (ก่อตงั้ วทิ ยาลยั ในปี 2557)
14. โรงเรียนสาธิต (เริ่มจดั การเรียนการสอนตงั้ แตป่ ี 2480)

ในแต่ละคณะแต่ละวิทยาลัยต่างก็หล่อหลอมให้ผู้เรียนมีคุณลักษณะ มีจริยวัตรตามแบบ
คุณลักษณะอังพึงประสงค์ตามอัตลักษณ์ของนักศึกษาท่ีกาหนดไว้ว่า เป็ นนกั ปฏิบัติ ถนัดวิชาการ
เชีย่ วชาญการสือ่ สาร ชานาญการคิด มีจิตสาธารณะ ซง่ึ เป็ นคณุ ลกั ษณะในภาพรวม ในขณะที่คณะตา่ ง ๆ
ก็มีแนวทางในการหล่อหลอมนักศึกษาของตนให้มีคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ ตามเจตนารมณ์ของ
หลกั สตู รและสาขาวชิ า

104 | GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา

จะเห็นได้ว่า นกั ศึกษาคณะครุศาสตร์ จะเป็ นผ้มู ีจริยวตั รและบุคลิกภาพท่ีสะท้อนความเป็ นครู
ผ้ทู ี่พร้อมจะออกไปยกระดบั จิตวิญญาณของมนษุ ย์ด้วยการให้การศกึ ษา นกั ศึกษาคณะมนุษยศาสตร์
และสงั คมศาสตร์มีความกระฉบั กระเฉงปราดเปรียว สามารถปรับตวั ให้เข้ากบั สถานการณ์ตา่ ง ๆ ทงั้ ใน
เวลาเรียนและเวลาทางานได้เป็ นอย่างดี นักศึกษาคณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรมมีความเข้มแข็ง
แข็งแกร่ง หนักเอาเบาสู้ นักศึกษาคณะศิลปกรรมศาสตร์มีความเป็ นปัจเจกชนสูง บนพืน้ ฐานของ
ความคิดสร้ างสรรค์ในเชิงสุนทรียะทัง้ มวล ส่วนนักศึกษาคณะวิทยาการจัดการในภาควิชาการ
บริหารธุรกิจก็มีความสามารถอย่างย่ิงในการเป็ นนกั บริหาร แม่นยา และรอบคอบ บริหารจดั การงานท่ี
สลบั ซบั ซ้อนทงั้ หลายให้ลงตวั ได้เป็นอยา่ งดมี ีความสขุ มุ รอบคอบ ในขณะท่ีนกั ศกึ ษาในภาควิชานิเทศศาสตร์
ก็ความสามารถท่ีหลากหลายโดดเด่นเป็ นผู้นาในการทากิจกรรมทัง้ หลายทัง้ ปวง และมีความคิด
สร้างสรรค์ท่ียอดเยี่ยม เหล่านีเ้ ป็ นตวั อย่างท่ีแสดงให้เห็นถึงเอกลกั ษณ์ของนกั ศึกษามหาวิทยาลยั ราช
ภฏั สวนสนุ นั ทาได้เป็นอยา่ งดี

ภาพท่ี 7.4 การสะท้อนอตั ลกั ษณ์ของนกั ศกึ ษาออกมาทางบคุ ลิกภาพ
ที่มา : ฝ่ ายประชาสมั พนั ธ์

GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา | 105

7.6 องค์กรแห่งการเรียนรู้สู่สากลของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา

มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ได้ตระหนักถึงภารกิจที่จะมุ่งไปสู่ความเป็ นองค์กรแห่ง
การเรียนรู้สสู่ ากลได้อย่างแท้จริง จงึ ได้กาหนดมหาวิทยาลยั ฯ คา่ นิยมหลกั (Core Values) ส่ีประการใน
การนาพามหาวิทยาลยั ส่คู วามสาเร็จในอนาคต ได้แก่ W (Wisdom & Creativity) : ปัญญาและ
ความคดิ สร้างสรรค์ H (Happiness & Loyalty) : ความผาสกุ และความภกั ดีในองค์กร I (Integration &
Collaboration) : บรู ณาการ และความร่วมมือ และ P (Professionalism) : ความเป็ นมืออาชีพ การยึด
มั่นในค่านิยมหลักที่เรียกว่าข้ างต้นจะเป็ นสิ่งที่ใช้ เป็ นแนวทางการส่งเสริมการดาเนินการของ
มหาวิทยาลัย สร้างความเข้มแข็งให้แก่วฒั นธรรมองค์กร และสามารถก้าวไปส่จู ุดหมาย คือ การเป็ น
องคก์ รแหง่ การเรียนรู้สสู่ ากลได้ในท่ีสดุ โดยเร่ิมจากการเผยแพร่องค์ความรู้จากงานวิจยั และนวตั กรรมท่ี
สร้ างสรรค์ขึน้ ด้วยโครงการบริการวิชาการและการสร้ างความร่วมมือกับองค์กรเครือข่ายทัง้ ใน
ระดบั ชาตแิ ละนานาชาติ เพ่ือการใช้งานจริงอยา่ งกว้างขวาง และนาผลที่ได้จากงานบริการวิชาการมาใช้
ในการวิจยั และพฒั นาอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ ควบค่ไู ปกับการพฒั นาบุคลากรให้มี
ศกั ยภาพที่สงู ขนึ ้ เพ่ือการพฒั นางานที่ยง่ั ยืน

สิ่งที่ยืนยันแนวทางการปฏิบัติในข้อนีค้ ือ มหาวิทยาลัยได้ร่วมมือกับท้องถ่ินอันเป็ นที่ตงั้ ของ
มหาวิทยาลัยทัง้ ในส่วนกลาง และศูนย์การศึกษาในปริมณฑลและส่วนภูมิภาค ท่ีจังหวัดนครปฐม
สมทุ รสงคราม ระนอง และอดุ รธานี ในการนาเอาองค์ความรู้เข้าไปยกระดบั ส่ิงที่ท้องถิ่นและชมุ ชนนนั้ ๆ
มีอยเู่ ดมิ ให้เกิดการพฒั นาอยา่ งเป็นรูปธรรมตามหลกั วิชาการที่สมควรกล่าวถึงในที่นีค้ ือ การร่วมมือกบั
ชาวชมุ ชนบ้านสารภี ตาบลจอมปลวก อาเภอบางคนที จงั หวดั สมทุ รสงคราม จดั ตงั้ ศนู ย์การเรียนรู้ วิจยั
บริการวิชาการแก่สงั คม บ้านสารภี จงั หวดั สมทุ รสงคราม โดยเร่ิมจากปัญหาของอาชีพเกษตรกรรมใน
ปัจจบุ นั ที่พบกบั ปัญหาตา่ ง ๆ ทงั้ ราคาผลผลิตตกต่า ปัญหาดิน หรือปัญหานา้ แตช่ าวตาบลจอมปลวก
อาเภอบางคนที จงั หวดั สมุทรสงคราม สามารถผ่านพ้นปัญหาดังกล่าวไปได้ โดยในปี พ.ศ. 2554
มหาวิทยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทา ได้เริ่มต้นโครงการบริการด้านวิชาการ และทาการวิจยั ถึงปัญหาของ
ชมุ ชน เพื่อพฒั นาชีวิตความเป็ นอย่ขู องประชาชน ให้มีความรู้เพื่อนาไปประกอบอาชีพ และดารงชีวิต
อย่างมีความสุข ซ่ึงไม่ได้จากัดเพียงแค่ในรัว้ ของมหาวิทยาลัยฯ เท่านัน้ แต่ได้นาความรู้วิทยาการ
เทคโนโลยีเข้าส่ชู ุมชนอีกด้วย จึงได้เกิด ศนู ย์การเรียนรู้นีข้ ึน้ เป็ นพืน้ ที่ให้ความรู้ท่ีนานวตั กรรมจากองค์
ความรู้มาผสมผสานให้เกิดประโยชน์กบั การดาเนนิ ชีวติ ตามหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

106 | GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา

ภาพท่ี 7.5 ศนู ย์การเรียนรู้ วจิ ยั บริการวชิ าการแก่สงั คม บ้านสารภี จงั หวดั สมทุ รสงคราม
ที่มา: สถาบนั วจิ ยั และพฒั นา มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทา

ซ่ึงเม่ือเร่ิมแรกนนั้ มหาวิทยาลยั ราชภฏั สวนสุนนั ทา ได้เข้ามาจัดกิจกรรมบริการวิชาการและทา
การวิจยั ในส่ิงท่ีชมุ ชนต้องการ โดยเร่ิมต้นจากการทากิจกรรมสารวจปัญหาและความต้องการในระดบั
หมู่บ้าน ขยายไปสู่ระดับตาบล และสู่ระดบั จังหวัด และการที่จะขยายองค์ความรู้ไปสู่ชุมชนอ่ืน ๆ
มหาวิทยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทา และชมุ ชนบ้านสารภี โดยมีนายสชุ ล สขุ เกษม เป็ นผ้นู าให้แก่ชาวบ้าน
ในชมุ ชน ร่วมกนั สารวจปัญหา คดิ ค้นนวตั กรรม คณาจารย์ของมหาวิทยาลยั เข้ามาให้ความรู้ในศาสตร์
ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็ นด้านการสร้ างและใช้ เทคโนโลยีจากพลังงานทดแทน การดูแลสุขภาพเบือ้ งต้น
การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติให้เหมาะสมกบั วิถีชีวิตความเป็ นอยู่ ตลอดจนการแลกเปลี่ยน
เรียนรู้เร่ืองการดารงชีวิตด้วยวถิ ีความพอเพียง เพ่ือการประยกุ ต์ใช้ที่เหมาะสมกบั ตนเองและสงั คมให้แก่
ชาวบ้าน ทาให้ปัจจบุ นั ศนู ย์การเรียนรู้แห่งนี ้มีฐานความรู้จานวนทงั้ สิน้ 52 ฐานความรู้ ซ่งึ สามารถแบง่
ออกเป็ น 4 หมวด คือ สขุ ภาพชมุ ชน /พลงั งานทดแทน /เศรษฐกิจพอเพียง และการแปรรูปผลผลิตทาง
การเกษตร และถึงขณะนี ้(พ.ศ.2562) มหาวิทยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทามีศนู ย์การเรียนรู้ในลกั ษณะนี ้
กระจายอยใู่ นพืน้ ที่ตา่ ง ๆ จานวนทงั้ สิน้ 18 ศนู ย์การเรียนรู้ ทงั้ ในส่วนกลาง ปริมณฑล และสว่ นภูมิภาค
โดยมีสถาบนั วิจยั และพฒั นาเป็นผ้ปู ระสานในการดแู ล และจดั ดาเนินการอย่างตอ่ เน่ือง จากจดุ เริ่มต้นท่ี
มหาวทิ ยาลยั นาองคค์ วามรู้สชู่ มุ ชน ให้ชมุ ชนมีความเข้มแขง็ มน่ั คง มงั่ คง่ั และยง่ั ยืน ก็จะได้พฒั นาไปสู่
การเป็นองคก์ รแหง่ การเรียนรู้สสู่ ากลในที่สดุ

GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา | 107

ภาพท่ี 7.6 นวตั กรรมการเลีย้ งไก่แนวใหม่ “ไกช่ งิ ช้าสวรรค์” เพื่อชว่ ยเพ่ิมผลผลิตไขไ่ ก่
ที่มา : นายสชุ ล สขุ เกษม

7.7 อัตลักษณ์: ความหมาย ความสาคัญ แนวคดิ

“อตั ลกั ษณ์” มาจากภาษาบาลีท่ีประกอบด้วยคาวา่ “อตฺต” หมายถึง ตวั ตน ของตน รวมกบั คาวา่
“ลักษณ” ท่ีหมายถึง สมบตั ิเฉพาะตวั คาว่า “อัตลักษณ์” ตรงกับคาภาษาอังกฤษว่า “Identity”
ซง่ึ หมายถงึ ผลรวมของลกั ษณะเฉพาะของสิง่ ใดสงิ่ หนง่ึ ซง่ึ ทาให้ส่ิงนนั้ เป็นที่รู้จกั หรือจาได้

นักวิชาการให้นิยามของคาว่า “อัตลักษณ์” ไว้อย่างสอดคล้องกันว่าอัตลักษณ์ หมายถึง
คณุ ลกั ษณะเฉพาะตวั ที่บ่งบอกหรือมีความชีช้ ดั ของตวั บคุ คล สงั คม ชมุ ชนหรือประเทศนนั้ ๆ เชน่ เชือ้
ชาติ ภาษา ศาสนาและวฒั นธรรมท้องถิ่นที่มีคณุ ลกั ษณะท่ีไม่ทวั่ ไป สง่ ผลให้คนนนั้ ส่ิงนนั้ มีความโดน
เดน่ หรือแตกต่างจากส่ิงอื่น (สานกั งานราชบณั ฑิตยสภา, 2550; สุทธิ กาบพิลา, 2558, หน้า 12;
อภิญญา เฟื่ องฟสู กลุ , 2543, หน้า 4) อตั ลกั ษณ์ จงึ เป็นสว่ นสาคญั ของการสร้างตวั ตน

หวั ใจสาคญั ในการสร้างตวั ตนและวฒั นธรรมของมนษุ ย์คือภาษา เรารู้จกั ตวั เองรับรู้ สรรพส่ิงใน
โลกทัง้ ที่เป็ นนามธรรมและรูปธรรมได้เพราะเรามีภาษา เราให้ชื่อกับสิ่งต่าง ๆ เช่น ต้นไม้ นก พ่อ-แม่
อปั ลกั ษณ์ ด-ี เลว เป็นต้น แม้แตม่ นษุ ย์ก็ต้องมีชื่อให้ผ้อู ื่นเรียก ชื่อเป็ นวฒั นธรรมที่เรากาหนดขนึ ้ เพ่ือให้รู้
วา่ “มีเรา” พร้อม ๆ กบั “มีคนอ่ืน” ชื่อทาให้เรารู้ว่าเราแตกตา่ งจากคนอื่นตงั้ แตใ่ นระดบั ครอบครัว ชมุ ชน
และสงั คม ชื่อทาให้เราตระหนกั ถึงตวั ตนท่ีเฉพาะตวั นนั่ คือการสร้างอตั ลกั ษณ์ของบุคคล นอกจากช่ือ
แล้วเรายงั มีนามสกลุ ที่เป็ นส่ิงบง่ ชีว้ า่ เราสืบเสือ้ สายจากใคร เป็ นคนในครอบครัวใด ครอบครัวของเรามี
สมาชกิ คอื ใครบ้าง ซงึ่ ถือเป็นจดุ เริ่มต้นของการสร้างอตั ลกั ษณ์กลมุ่

คาว่า “อัตลักษณ์ของบุคคล” คานีร้ วมถึงมิติภายในของความเป็ นตวั เรา ทงั้ ในด้านอารมณ์
ความรู้สกึ นกึ คดิ และแนวคดิ เก่ียวกบั ตวั เองหรือการรู้จกั ตวั เอง รวมทงั้ สานึกถึงความเป็ นปัจเจกที่บคุ คล
เชื่อมต่อและสมั พนั ธ์กับสงั คม ทาให้คนในสงั คมรู้สึกถึงความเป็ นตวั เรา รู้ว่าฉนั คือใคร หรือพวกเราคือ
ใคร และเราจะดาเนินความสมั พนั ธ์กบั ผ้อู ่ืน ตลอดจนโลกภายนอกที่แวดล้อมตวั เราอย่าไร

108 | GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา

อัตลักษณ์มีความหมายเป็ นปัจเจกท่ีเช่ือมต่อและสัมพันธ์กับสังคมอัตลักษณ์เกิดขึน้ จาก
การปฏิสงั สรรค์ระหวา่ งตวั เรากับคนอื่น ผ่านการมองตนเองและการท่ีผ้อู ื่นมองเรา ทงั้ นีอ้ ตั ลกั ษณ์ไม่ใช่
ส่ิงท่ีเกิดขึน้ เองลอย ๆ ตามธรรมชาติหากแต่เป็ นส่ิงที่เกิดจากการสร้างของวฒั นธรรมในช่วงเวลาหน่ึง
และเป็ นสิ่งก่อสร้างทางสงั คมเพื่อบอกถึงลกั ษณะเฉพาะลกั ษณะพิเศษของสิ่งนนั้ หรือบคุ คลนนั้ ในเม่ือ
วฒั นธรรมไมใ่ ชส่ ง่ิ หยดุ น่งิ หรือตายตวั หากแตม่ ีรูปแบบเป็นวงจรท่ีเรียกวา่ วงจรแหง่ วฒั นธรรมอตั ลกั ษณ์
จงึ ยอ่ มเปล่ียนแปลงได้เชน่ กนั

อตั ลกั ษณ์ถือเป็นแกนกลางหนงึ่ ของการศกึ ษาสงั คมพหวุ ฒั นธรรม เน่ืองจากวฒั นธรรมคือวิถีชีวิต
และระบบความสมั พนั ธ์ ดงั นนั้ วฒั นธรรมจึงเป็ นรูปธรรมของอตั ลกั ษณ์หรือตวั ตนของสงั คมนนั้ ๆ ด้วย
หากแนวคดิ เร่ืองพหสุ งั คมคือการยอมรับความแตกตา่ งของผ้คู นในสงั คม นนั่ หมายถึงการยอมรับในอตั
ลกั ษณ์ท่ีเป็นปัจเจก ของชมุ ชนหรือของสงั คมนนั้ ๆ ด้วย

ความตระหนกั ในตวั เราและพืน้ ฐานของการเลือกบางอย่างคือส่ิงที่อตั ลกั ษณ์ต้องการกล่าว คือ
เราจะต้องแสดงตวั ตนหรือยอมรับอย่างตงั้ ใจกับอตั ลกั ษณ์ที่เราเลือก การระบุได้ว่าเรามีอัตลกั ษณ์
เหมือนกลุ่มหน่ึง มีความแตกต่างจากกลุ่มอื่นอย่างไรและฉันเป็ นใครในสายตาคนอื่น ส่ิงนัน้ คือ
ความสาคญั ของการแสดงตวั ตน

7.7.1 อตั ลกั ษณ์ในทางการตลาด
ในทางการตลาด การออกแบบอัตลักษณ์ขององค์กรหรือแบรนด์สินค้าที่เรียกกันว่า

Corporate Identity Design (CI Design) ไม่ได้หมายถึงการสร้างแบรนด์หนง่ึ โดยตรง แตเ่ ป็ นหน้าตา่ ง
สาคญั ที่จะกาหนดหน้าตาและทิศทางของแบรนด์นนั้ ๆ การออกแบบอตั ลกั ษณ์จึงไมใ่ ช่เร่ืองง่าย เพราะ
นน่ั ไม่ใช่แค่การออกแบบ “โลโก้” แล้วนาไปประยกุ ต์ใช้กับเคร่ืองมือสื่อสารทงั้ หมดของแบรนด์ แต่ CI
Design คือการออกแบบ “ภาพลกั ษณ์ทงั้ หมดของแบรนด์” ที่จะทาให้คนภายนอกสมั ผสั ได้เฉกเช่น
เดียวกบั ท่ีองคก์ รต้องการส่ือออกไป (ชรินทร์ทพิ ย์, 2554)

โดยทวั่ ไปอตั ลกั ษณ์ของแบรนด์จะเกิดขนึ ้ ได้จะต้องประกอบด้วย 2 สว่ น คอื
1. แก่นของอตั ลกั ษณ์ (Core Identity)

แก่นของอตั ลกั ษณ์ถือเป็ นใจกลางสาคญั ของแบรนด์แสดงถึงความเป็ นแก่นของตรา
สินค้า เป็ นส่วนที่จะอย่กู บั ตราสินค้าตลอดไป เปรียบได้ว่าเป็ นหวั ใจของตราสินค้าเป็ นสว่ นที่ทาให้ตรา
สินค้าเป็ นเอกลกั ษณ์ และมีคณุ คา่ โดยทว่ั ไปมกั จะบอกอย่ใู นสโลแกนของแบรนด์ เชน่ เอกลกั ษณ์ตรา
สินค้าของผลิตภณั ฑ์ยางรถยนต์ Michelin ซ่ึงมีแก่นของอตั ลกั ษณ์วา่ “ขบั ขี่ด้วยความปลอดภยั ” หรือ
การบนิ ไทย ซงึ่ มีแกน่ ของอตั ลกั ษณ์วา่ “รักคณุ เทา่ ฟ้ า หรือ Smooth As Silk” ท่ีสื่อสารได้อย่างชดั เจนว่า
เป็นสายการบนิ ที่ให้บริการในระดบั ดีเย่ียม

GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา | 109

2. สว่ นขยายของอตั ลกั ษณ์ (Extended Identity)
เป็ นส่วนประกอบท่ีช่วยเสริมให้ตราสินค้ามีลกั ษณะรูปแบบที่เฉพาะตวั และมีความ

สมบูรณ์ย่ิงขึน้ เป็ นการสร้ างจิตวิญญาณให้กับตราสินค้า บ่งบอกถึงความเป็ นตราสินค้าที่เป็ น
การสะท้อนให้เหน็ ภาพท่ีเป็นจดุ ยืนของตราสินค้า ได้แก่ บคุ ลิกภาพตราสินค้า รวมถึงส่วนประกอบอ่ืน ๆ
เชน่ สโลแกน สญั ลกั ษณ์ ตวั ผลิตภณั ฑ์ ส่ิงเหลา่ นีถ้ ือเป็ นส่ิงสาคญั ในการสร้างอตั ลกั ษณ์ให้แบรนด์ เชน่
การบนิ ไทยเลือกใช้สีมว่ งเพื่อสื่อถงึ ความสง่างาม ความหรูหรา และความยิง่ ใหญ่ เป็นต้น

อตั ลกั ษณ์จะเป็ นจดุ แข็งท่ีทาให้คนจดจาและสร้างความโดดเดน่ ในแง่ของการแข่งขนั ให้กับ
องคก์ รนนั้ ๆ สิ่งสาคญั ที่จะทาให้เกิดอตั ลกั ษณ์คือการสญั ลกั ษณ์ หมายถึงอะไรก็ตามที่สร้างสมั ผสั แรก
ผ่านการมองเห็น ดงั นนั้ การสร้ างอตั ลกั ษณ์ทางการตลาดจึงมกั อยู่ในรูปแบบของชื่อแบรนด์ โลโก้ สี
สโลแกน (Tagline) ไทป์ เฟซ (Typeface) ซึง่ ส่ิงเหลา่ นีจ้ ะถกู ออกแบบให้ย้อนกลบั มาสร้างคณุ คา่ ให้กบั
แบรนด์ และส่งต่อคณุ คา่ นนั้ ส่ลู ูกค้า เช่น เมื่อพดู ถึงแบรนด์เครื่องดื่มโค้ก (Coke) ด้วยรูปทรงขวดที่มี
ลกั ษณะเฉพาะ มีสีแดง คาดลายริบบนิ ้ สีขาว นนั่ คืออตั ลกั ษณ์ภายนอกที่ถึงแม้จะปิ ดช่ือแบรนด์แตก่ ็จะ
ทราบได้ทนั ทีวา่ คอื แบรนด์อะไร หรือธนาคารตา่ ง ๆ ท่ีใช้สีมาสร้างอตั ลกั ษณ์ให้ตวั แบรนด์ เช่น ธนาคารสี
มว่ ง ธนาคารสีฟ้ า ธนาคารสีเขียว ธนาคารสีเหลือง ธนาคารสีส้ม ธนาคารสีชมพู เป็ นต้น ก็สามารถทา
ให้ทราบได้วา่ ธนาคารเหลา่ นีค้ อื ธนาคารอะไรบ้าง

ภาพท่ี 7.7 การใช้สีสร้างอตั ลกั ษณ์ของแบรนด์ธนาคาร
ท่ีมา: Lmarkkl (2560)

โลกในศตวรรษท่ี 21 เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมาย ระบบการสื่อสารคมนาคมทาลายความตา่ ง
เร่ืองมติ พิ ืน้ ท่ีและมติ เิ วลาทาให้โลกดแู คบลง เกิดการหยบิ ยืมผสมผสานทางวฒั นธรรม ส่ิงเหลา่ นีก้ ระทบ
ตอ่ จิตสานกึ จนทาให้เกิดการทบทวนค้นหาอตั ลกั ษณ์ของตนเอง ในอีกมมุ หนึ่งการทบทวนและการสร้าง
ความหมายใหมใ่ ห้กบั อตั ลกั ษณ์ของตนเองนนั้ นาไปสกู่ ารเสนอคา่ นิยมและแบบแผนชีวิตใหม่ขนึ ้ สง่ ผล
ให้การสร้างภาพอตั ลกั ษณ์กลายเป็ นส่วนสาคญั ของระบบบริโภคนิยม การเปล่ียนแปลงของจิตสานึก
และประสบการณ์ท่ีเก่ียวข้องกับตนเอง ยกตัวอย่างอัตลักษณ์ของผู้หญิงท่ีแต่เดิมนัน้ ถูกกาหนด

110 | GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา

จากบทบาทในฐานะแม่หรือภรรยา ต้องอยู่กับเหย้าเฝ้ ากับเรือน แต่ปัจจุบันผู้หญิงยุคใหม่สร้ าง
อตั ลกั ษณ์ให้ตวั เองจากความสามารถหรือการเลือกใช้ชีวิตที่แตกตา่ งไปจากเดิม บางคนมีอตั ลกั ษณ์ของ
ความรักอิสระไม่อย่ใู นกรอบของสงั คมแสดงออกผ่านการท่องเที่ยวตามลาพงั และถ่ายทอดประสบการณ์
ใหม่ ๆ ให้คนอื่น

7.7.2 อตั ลกั ษณ์ของนกั ศกึ ษามหาวิทยาลยั
สาหรับนกั ศึกษามหาวิทยาลยั ตามสถาบนั การศกึ ษาต่าง ๆ ก็ล้วนมีลักษณะอตั ลกั ษณ์

ของความเป็ นสถาบนั นนั้ ๆ ปรากฏผ่านคณุ สมบตั ิของนกั ศึกษาที่แตกต่างกนั บางแห่งจะมีกระบวน
การหลอ่ หลอมที่ชดั เจน มีประเพณี วฒั นธรรม และการถ่ายทอดจากรุ่นส่รู ุ่นที่เข้มแข็ง (ซึง่ โดยสว่ นมาก
จะมาจากการถ่ายทอดโดยรุ่นพ่ี ส่รู ุ่นน้อง มากกว่าการเรียนการสอนในห้องเรียน ด้วยระบบการศกึ ษา
ทวั่ ๆ ไป) เหลา่ นี ้สง่ ผลให้นกั ศกึ ษาได้สง่ ผา่ นลกั ษณะเฉพาะ ที่เป็ นตวั ตนหรืออตั ลกั ษณ์ของสถาบนั นนั้ ๆ
ได้อย่างชัดเจน อาทิ นักเรียนโรงเรียนนายร้ อยพระจุลจอมเกล้า จะเป็ นท่ีรู้จักต่อสังคมว่ามีวินัย
มีความแข็งแกร่ง มีลกั ษณะของชายชาติทหาร และตารวจ ในขณะท่ีนกั ศกึ ษาวิทยาลยั พยาบาลก็จะมี
ความแตกตา่ งท่ีเหน็ ได้ชดั เจน กลา่ วคือ มีความเป็นระเบียบ วนิ ยั เคารพกฎ และเรียบร้อย อย่างไรก็ตาม
จะเห็นได้วา่ มหาวิทยาลยั ส่วนใหญ่ท่ีไมไ่ ด้มีกระบวนการทางการสร้างอตั ลกั ษณ์ของนกั ศกึ ษาที่ชดั เจน
ก็จะทาให้ “ภาพ” ของนกั ศกึ ษาไม่ได้ชดั เจนหรือแตกตา่ งจากท่ีอ่ืนมากนกั แตจ่ ะเป็ น “ภาพรวม ๆ” ของ
ความเป็น “รุ่นคน” (generation) แทน

การทาให้นกั ศกึ ษามีภาพลกั ษณ์ และมีอตั ลกั ษณ์ที่ชดั เจน นบั วา่ เป็ นข้อดี เพราะจะทาให้
สงั คมจดจา และรู้จกั นกั ศกึ ษาของสถาบนั นนั้ ๆ ได้ง่ายขนึ ้ ยิ่งหากอตั ลกั ษณ์ที่ได้รับการถ่ายทอดมานนั้
เป็นลกั ษณะในทางบวก จะยงิ่ สง่ ผลดตี อ่ นกั ศกึ ษาท่ีจะก้าวออกไปทางานยงั โลกภายนอก การมีอตั ลกั ษณ์ และ
คณุ สมบตั ทิ ี่ดีนนั้ คล้ายกบั เป็นเคร่ืองยืนยนั ตอ่ สงั คมวา่ นกั ศกึ ษามหาวิทยาลยั นนั้ ๆ เป็ นผ้ไู ด้รับการขดั เกลา
เป็ นลกู มีพ่อมีแม่ และเป็ นศิษย์ที่มีครู ดงั นนั้ จงึ จาเป็ นอย่างยิ่งท่ีทกุ ๆ มหาวิทยาลยั ทงั้ ในระดบั การจดั การ
เรียนการสอนจากฝ่ ายบริหารข้างบน และจากตวั นกั ศึกษาเองผู้เป็ น “เจ้าของอตั ลักษณ์” ควรจะได้
ตระหนักถึงการสร้ างอัตลกั ษณ์ที่ดีของ “ความเป็ นตวั ตน” ของนกั ศึกษาในมหาวิทยาลยั นนั้ ๆ และ
ส่งผ่าน ถ่ายทอดลงไปให้ความดีงามยังคงอยู่ต่อไป วิธีการถ่ายทอดท่ีดีท่ีสุดในการส่งผ่านอตั ลกั ษณ์
ก็คือ การท่ีรุ่นพ่ีปฏิบตั ิตนเป็ นตวั อย่างแก่รุ่นน้อง มีการปฏิบตั ิจนเกิดเป็ นธรรมเนียมปฏิบตั ิท่ีดี (norm)
อาทิ การไหว้ครูอาจารย์ การให้เกียรตผิ ้อู าวุโส การพดู จาสภุ าพ ความมีนา้ ใจการชว่ ยเหลือดแู ลรุ่นน้อง
เหลา่ นี ้เป็นคณุ สมบตั ทิ ี่ตวั นกั ศกึ ษาเองจะถ่ายทอดกนั ได้จากรุ่นส่รู ุ่น คณุ สมบตั ิซึง่ เป็ นอตั ลกั ษณ์เหลา่ นี ้
จะช่วยเสริมสร้างความเป็ นตวั ตนที่นา่ คบหาของนกั ศกึ ษา และจะส่งผลให้นกั ศึกษาสาเร็จได้ยาวนาน
อยา่ งแท้จริงในโลกการทางาน

GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา | 111

7.8 อัตลักษณ์ของมหาวทิ ยาลัยราชภัฏสวนสุนันทากับโลกแห่งศตวรรษท่ี 21

เม่ือมีการนาเอาคาวา่ อตั ลกั ษณ์มาใช้ในสถาบนั การศกึ ษา คาวา่ อตั ลกั ษณ์ จึงหมายถึง ลกั ษณะ
เฉพาะท่ีเป็ นส่ิงแสดงตัวตนของสถานศึกษาหรือกลุ่มสถานศึกษา ท่ีสอดคล้องกับเจตนารมณ์ใน
การจดั ตงั้ สถานศึกษาหรือลกั ษณะโดดเดน่ ของสถานศกึ ษา อตั ลกั ษณ์ของสถาบนั การศกึ ษาเน้นไปที่
การกาหนดภาพความสาเร็จ (Image of Success) ที่ต้องการให้เกิดกบั นกั ศกึ ษา อาจเป็ นคณุ ลกั ษณะ
สมรรถนะหรื อคุณสมบัติอันโดดเด่นของนักศึกษาท่ีสาเร็ จการศึกษาจ ากสถาบันการศึกษาแห่งนัน้
โดยในการกาหนดอัตลักษณ์ในสถาบันการศึกษาควรวิเคราะห์สภาพแวดล้อม ความเป็ นมาของ
สถานศกึ ษา และเจตนารมณ์ในการจดั ตงั้ สถานศกึ ษาแล้วกาหนดอตั ลกั ษณ์ท่ีผ้สู าเร็จการศกึ ษาจะต้อง
มีก่อนสาเร็จการศกึ ษาท่ีผ่านการประชาพิจารณ์ร่วมกันระหว่างผ้เู ก่ียวข้อง โดยมีกิจกรรมการส่งเสริม
พฒั นาและประเมนิ อยา่ งเป็นระบบ

ในปัจจบุ นั สงั คมก้าวเข้าส่โู ลกแหง่ ศตวรรษที่ 21 ซึง่ แตกตา่ งจากศตวรรษท่ี 20 และ 19 เป็ นอย่างมาก
โลกในศตวรรษที่ 21 มีการเปล่ียนแปลงไปอย่างรวดเร็วในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็ นทางด้านเศรษฐกิจ
สงั คม เทคโนโลยี รวมถึงส่ิงแวดล้อม ดงั นนั้ ทกั ษะแห่งอนาคตใหม่ หรือ 21st Century Skills จงึ จาเป็ น
อย่างย่ิงในยุคปัจจบุ นั มหาวิทยาลยั ราชภัฏสวนสุนนั ทาตระหนกั ถึงความเปล่ียนแปลงของบริบทของ
ประเทศและบริบทโลกจงึ ได้กาหนดอตั ลกั ษณ์ของมหาวทิ ยาลยั ไว้ดงั นี ้

“เป็นนกั ปฏิบตั ิ ถนดั วิชาการ เชี่ยวชาญการสือ่ สาร ชานาญการคิด มีจิตสาธารณะ”
7.8.1 ความหมายของอตั ลกั ษณ์มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทา

เป็ นนกั ปฏิบตั ิ ถนดั วิชาการ หมายถึง บณั ฑิตท่ีมีความสามารถด้านวิชาการหรือวิชาชีพ
มีทักษะและมีความมุ่งมั่นในการปฏิบตั ิงาน สามารถใช้หลกั วิชาการได้อย่างชานาญ มีคณุ ธรรม ใฝ่
ศกึ ษาเรียนรู้และพฒั นาตนเองให้มีความก้าวหน้าอยา่ งตอ่ เน่ือง

เช่ียวชาญการสื่อสาร ชานาญการคิด หมายถึง บัณฑิตที่มีทักษะการคิดวิเคราะห์
สงั เคราะห์ สามารถส่ือสารและถ่ายทอดความรู้ ความชานาญในสาขาวิชาที่ศกึ ษา โดยใช้ระบบเครือขา่ ยและ
เทคโนโลยีสารสนเทศที่ทนั สมยั สชู่ มุ ชนและสงั คม

จิตสาธารณะ หมายถงึ บณั ฑิตท่ีมีคณุ ธรรม จริยธรรม รู้จกั แบง่ ปันและช่วยเหลือผ้อู ื่น มงุ่
ทาความดที ่ีเป็นประโยชน์ตอ่ ชมุ ชน สงั คม และประเทศชาติ

อตั ลกั ษณ์ของมหาวิทยาลยั ส่ือสารคณุ สมบตั ิของนกั ศกึ ษาและบณั ฑิตจากรัว้ สวนสุนนั
ทา คณุ สมบตั ิดงั กล่าวประกอบด้วยความรู้และทกั ษะในด้านต่างๆ ท่ีสอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของ
โลกได้อยา่ งดี

112 | GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา

7.8.2 การสร้างอตั ลกั ษณ์ความเป็นนกั ศกึ ษาสวนสนุ นั ทา
แม้ว่าอตั ลักษณ์ท่ีได้ประกาศไว้จะมี 5 คุณสมบตั ิ แต่ลักษณะสาคญั ของอัตลักษณ์

นกั ศึกษาสวนสุนันทาท่ีมหาวิทยาลัยให้ความสาคญั มี 3 ประการด้วยกัน คือ ความเป็ นนักปฏิบัติ
ความมีจติ สาธารณะ และ การเชี่ยวชาญการส่ือสาร ดงั นี ้

1. เป็นนกั ปฏิบตั ิ ทงั้ นี ้เน่ืองจากนกั เรียนท่ีเข้ามาศกึ ษาในมหาวิทยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั
ทา ส่วนใหญ่จะเป็ นผู้มีทักษะด้านการลงมือปฏิบตั ิเป็ นอย่างดี ครัน้ เม่ือมาได้รับการฝึ กฝนเพ่ิมเติมที่
สถาาบนั การศกึ ษาแห่งนี ้ ให้เหมาะกบั ศาสตร์วิชาชีพที่ตนถนดั จึงทาให้นักศกึ ษาสวนสนุ นั ทาโดดเด่น
ด้านการปฏิบตั เิ ป็นอยา่ งยิง่

2. มีจิตสาธารณะ นกั ศกึ ษาสวนสนุ นั ทา ได้ชื่อวา่ เป็ นผ้มู ีนา้ ใจดี เห็นได้จากการทางาน
ร่วมกนั กบั ผ้อู ื่น ก็จะอาสาชว่ ยเหลือ มีความเอาใจใส่เพ่ือนร่วมงาน และเป็ นเพื่อนที่ดีของคนที่ทางานด้วย

3. เช่ียวชาญการสื่อสาร นกั ศึกษาสวนสุนันทา จะถูกฝึ กฝนให้ใช้เทคโนโลยีใน
การส่ือสารและใช้ในการเรียนการสอน การฝึกให้รู้เทา่ ทนั ส่ือและเทคโลโลยีท่ีเปล่ียนแปลงไป

7.9 ความเป็ นนักปฏบิ ัตแิ ละถนัดวชิ าการ

โลกในปัจจบุ นั มีความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศไปอย่างก้าวกระโดด ทาให้ทว่ั ทุก
มมุ โลกสามารถรับรู้ข้อมลู ขา่ วสารได้อยา่ งรวดเร็วและสามารถตดิ ตอ่ ส่ือสารกนั ได้อย่างไร้ขอบเขต ส่งผล
ให้การชีวิตของนกั ศึกษาในสงั คมเกิดการเปล่ียนแปลงตามไปด้วย เพื่อรับมือกบั การเปล่ียนแปลงท่ีจะ
เกิดขึน้ นี ้ นกั ศึกษาสวนสุนนั ทาจาเป็ นที่จะต้องพฒั นาทกั ษะให้มีความเป็ นเลิศทางด้านเนือ้ หา ซ่ึงจะ
ส่งผลให้เกิดคณุ ลักษณะและแนวคิดสาคัญที่นักศึกษาพึงมี การจะเป็ นนักปฏิบัติและถนัดวิชาการ
จาเป็ นต้องมีความร้ ูประกอบด้วย

7.9.1 ความรู้พืน้ ฐานด้านการเงิน เศรษฐกิจ ธุรกิจ และการเป็ นผู้ประกอบการ (Financial
Economic Business and Entrepreneurial Literacy)

นกั ศกึ ษาสวนสนุ นั ทาจะต้องเข้าใจบทบาทเศรษฐศาสตร์ท่ีมีผลตอ่ บคุ คลและสงั คม รู้จกั
วิธีท่ีเหมาะสมสาหรับการสร้างตวั เลือกเชิงเศรษฐศาสตร์/เศรษฐกิจ และการใช้ทกั ษะของผ้ปู ระกอบการ
ในการเพมิ่ ประสิทธิผลและยกระดบั ทางด้านอาชีพ ตวั อยา่ งเช่น สตาร์ทอพั (Startup) หลายประเทศทวั่
โลกกาลงั ผลกั ดนั ให้เกิดธุรกิจสตาร์ทอพั ใหม่ ๆ เพราะเช่ือวา่ สตาร์ทอพั จะเป็ นอีกหน่ึงกลไกท่ีช่วยผลกั ดนั
ให้ประเทศก้าวไปสโู่ มเดล 4.0 สตีฟ แบลงค์ (Steve Blank) ผ้เู ป็นบดิ าแหง่ สตาร์ทอพั ได้ให้คานิยามไว้วา่
“a startup is an organization formed to search for a repeatable and scalable business
model” ซ่ึงแปลว่า สตาร์ทอพั คือ กิจการที่ตงั้ ขนึ ้ เพื่อค้นหาโมเดลธุรกิจท่ีทาซา้ และขยายตวั ได้ ดงั นนั้
หวั ใจสาคญั ของสตาร์ทอัพอยู่ที่ โมเดลธุรกิจ ซึ่งหมายถึงรูปแบบวิธีการดาเนินกิจการของบริษัทใน
การสร้ างรายได้ โมเดลธุรกิจสตาร์ทอพั มกั จะมีรูปแบบที่ตา่ งไปจากธุรกิจท่ีเคยมีมาในอดีต และมกั มี

GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา | 113

การใช้เทคโนโลยีและนวัฒกรรมเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้ างธุรกิจโดยเฉพาะเทคโนโลยี ด้านไอซีที
(ICT) เช่น เว็บไซต์วงใน (www.wongnai.com) ท่ีเปิ ดให้คนรีวิวอาหารจนกลายเป็ นแหลง่ ข้อมลู สาหรับ
การกินอาหาร และหารายได้จากการลงโฆษณาของร้านอาหาร หรือ GRAB ซ่ึงเป็ นแอปพลิเคชนั ท่ีใช้
เรียกรถโดยสารถกู สร้างขนึ ้ เพ่ือแก้ปัญหาความยงุ่ ยากในการออกไปรอรถของคนในเอเชีย บริษัทจะได้
กาไรจากการเก็บคา่ บริการเพิ่มเตมิ เป็ นต้น กล่าวโดยสรุป ความรู้พืน้ ฐานด้านการเงิน เศรษฐกิจ ธุรกิจ
และการเป็นผ้ปู ระกอบการ ที่ได้กลา่ วมานี ้เป็นความสาคญั ยิ่งสาหรับนกั ศกึ ษาสวนสนุ นั ทาในยคุ สมยั นี ้

7.9.2 ความรู้พืน้ ฐานด้านความเป็นพลเมือง (Civic Literacy)
สงั คมไทยในอดีตเป็ นสงั คมท่ีมีวิถีชีวิตผูกพนั กนั ทุกคนอาศยั อยู่รวมกันเป็ นครอบครัว

เม่ือครอบครัวเร่ิมขยายใหญ่ขึน้ จึงเกิดเป็ นสังคมระดับชุมชน ดาเนินวิถีชีวิตส่วนใหญ่เป็ นสังคม
เกษตรกรรม มีศาสนาเป็ นเครื่องยึดเหนี่ยว มีขนบธรรมเนียม ประเพณีและวฒั นธรรมท่ีเป็ นพืน้ ฐานใน
การดาเนินชีวิต เมื่อเวลาผ่านไปสงั คมก็มีการเปล่ียนแปลงไปตามยคุ สมยั โดยมีปัจจยั หลากหลายเป็ น
องค์ประกอบ หน่ึงในนนั้ คือการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อย่างไรก็ตามโครงสร้ างหลักของ
สงั คมไทยยงั ประกอบด้วยกล่มุ สงั คมและกลมุ่ สถาบนั ทางสงั คม โดยกล่มุ สงั คมคนในชนบทและคนใน
เมืองยงั คงมีความแตกตา่ งกนั อย่ใู นบางเรื่อง เชน่ คา่ นิยม ฐานะทางเศรษฐกิจ การศกึ ษาเป็ นต้น ดงั นนั้
วิถีชีวิตในสงั คมไทยท่ีมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย จึงเป็ นเร่ืองท่ีนกั ศกึ ษาสวนสุนนั ทาทุกคน
ควรรู้และสร้ างความเข้าใจให้ถูกต้อง มีความเข้าใจต่อวิถีปฏิบตั ิทางสังคมแห่งความเป็ นพลเมืองใน
ระดบั ท้องถ่ินและสากล และสามารถนาเอาวิถีแห่งความเป็ นประชาธิปไตยไปปฏิบตั ิให้เกิดประโยชน์
อยา่ งเป็นรูปธรรมสสู่ งั คมในระดบั ตา่ งๆ ได้ ตวั อยา่ งที่เห็นได้ชดั คือ แนวทางประชาธิปไตยแบบพอเพียง
เป็ นต้น

แนวทางประชาธิปไตยแบบพอเพียง (Sufficiency Democracy)
แนวทางประชาธิปไตยแบบพอเพียง เป็ นการนาเอาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงใน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอย่หู วั ภูมิพลอดลุ ยเดชฯ (รัชกาลท่ี 9) มาผสมผสานเข้ากบั แนวคิด ทฤษฏี และ
หลกั การปกครองในระบอบประชาธิปไตย เศรษฐกิจพอเพียงเป็ นปรัชญาที่ชีแ้ นวทางการดารงอย่แู ละ
ปฏิบตั ิตนของประชาชนในทุกระดบั ตงั้ แต่ระดบั ครอบครัว ชมุ ชน ไปจนถึงระดบั ภาครัฐ ทงั้ ในทางการ
พฒั นาและบริหารประเทศให้ดาเนินไปในทางสายกลาง โดยเฉพาะการพฒั นาเศรษฐกิจเพื่อให้ก้าวทนั
ตอ่ โลกยคุ โลกาภิวฒั น์
ประชาธิปไตยที่เหมาะสมและสอดรับกบั สภาพสงั คม วฒั นธรรม เศรษฐกิจ และการเมือง
ไทยนนั้ ประกอบด้วยคณุ ลกั ษณะ 3 ประการได้แก่
1. ประชาธิปไตยสายกลาง

เป็นประชาธิปไตยที่พอประมาณ ไมม่ ากหรือไมน่ ้อยจนเกินไป แตเ่ ป็ นประชาธิปไตยที่
พอเหมาะแก่สถานการณ์ทางการเมือง เศรษฐกิจ สงั คม และความมนั่ คง ใช้หลกั อหิงสาไม่เบียดเบียน

114 | GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา

ทัง้ ตนเองและผู้อ่ืน ไม่หาความสุข เรียกร้ องผลประโยชน์บนความทุกข์ความเดือดร้ อนของผู้อื่นไม่
เบยี ดเบียนผลประโยชน์สว่ นรวมมาเป็นของตนเอง

2. ธรรมาธิปไตย
เป็ นประชาธิปไตยท่ีถือหลกั ธรรม ความมีเหตุผล และความถูกต้องเป็ นใหญ่ไม่ยึด

เสียงข้างมากแตเ่ พียงอยา่ งเดยี ว เพราะเสียงข้างมาก อาจไมใ่ ชเ่ สียงของความถกู ต้องเสมอไป
3. ประชาธิปไตยท่ีมีภมู ิค้มุ กนั
เป็ นประชาธิปไตยท่ีไม่ประมาท รู้เท่าทันและเตรียมพร้ อมกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจจะ

เกิดขนึ ้ ในอนาคตเป็นประชาธิปไตยที่ยืดหยนุ่ เลือกรับและผสมผสานหลกั การประชาธิปไตยตะวนั ตกให้
สอดคล้องกบั สงั คมไทยได้อยา่ งกลมกลืน

ทงั้ นีห้ ากนักศึกษาสวนสุนนั ทา เข้าใจในหลกั การปกครองระบอบประชาธิปไตยที่
ถกู ต้องแล้ว จะทาให้ประชาธิปไตยมีความถกู ต้องตามหลกั วิชา ทาให้ตวั เราในฐานะผ้ใู ช้ประชาธิปไตย
เกิดความรู้ความเข้าใจท่ีไม่คลาดเคลื่อนไปจากอดุ มการณ์ที่แท้จริงของประชาธิปไตยและการช่วยกนั
สร้างคา่ นยิ มท่ีดีไปพร้อม ๆ กนั ก็จะทาให้สงั คมไทยเป็ นสงั คมท่ีมีวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตยอยา่ งแท้จริง

7.9.3 ความรู้ด้านสขุ ภาพอนามยั (Health Literacy)
นกั ศกึ ษาสวนสุนนั ทา ควรเป็ นผ้ทู ี่มีความรู้ความเข้าใจขนั้ พืน้ ฐานด้านข้อมลู สารสนเทศ

เกี่ยวกบั ภาวะสขุ ภาพอนามยั กลา่ วคือ สารสนเทศท่ีเก่ียวกบั สขุ ภาพอนามนั ของประชาชน รวมถึงข้อมลู
ด้านทรัพยากรสาธารณสุขและกิจกรรมสาธารณสุข ทาให้ทราบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและ
สาธารณสขุ เชน่ สถานสขุ ภาพ ปัญหาสขุ ภาพ ปัญหาสขุ ภาพอนามยั ของประชากร ปัญหาและอปุ สรรค
ในการให้บริการสาธารณสขุ ประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการดาเนินงานบริการสาธารณสขุ เพ่ือใช้
เป็นแนวทางในการพฒั นาคณุ ภาพชีวติ ใช้ในการวางแผนเพ่ือแก้ปัญหาสาธารณสขุ ได้อยา่ งถกู ต้องและ
เหมาะสม และสามารถใช้ประโยชน์จากสารสนเทศในการเสริมสร้างความเข้มแข็งด้านสขุ ภาพอนามยั
ได้อยา่ งเหมาะสมกบั บคุ คล เข้าใจวิธีการป้ องกนั แก้ไข รวมทงั้ การเสริมสร้างภูมิค้มุ กนั ที่มีผลตอ่ สขุ ภาวะ
อนามัย ห่างไกลจากภาวะเสี่ยงจากโรคภัยไข้เจ็บ เฝ้ าระวังทางด้านสุขภาพอนามัยทัง้ ส่วนบุคคล
ครอบครัว ให้เกิดความเข้มแข็ง รู้และเข้าใจประเดน็ สาคญั การสร้างเสริมสขุ ภาวะ ทงั้ ในระดบั ชาติและ
ระดับสากล ตัวอย่างเช่น โรคไข้หวัดใหญ่โดยท่ัวไปผู้ท่ีเป็ นไข้หวัดใหญ่จะมีไข้สูงติดกันหลายวัน
โดยเฉพาะในเด็กจะมีไข้สงู เกินกว่า 39-40 องศาเซลเซียสติดตอ่ กนั 3-4 วนั และอาจมีอาการหนาวสนั่
ร่วมด้วย ในเด็กโตและผ้ใู หญ่มกั มีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนือ้ อ่อนเพลียอย่างมาก และเบ่ืออาหารร่วม
ด้วย ความน่ากลวั ของไข้หวดั ใหญ่อย่างหนึ่งคือ การเกิดภาวะแทรกซ้อนของโรค ได้แก่ โรคปอดอกั เสบ
และโรคสมองอักเสบ ซึ่งมักเกิดกับผู้ท่ีเป็ นกลุ่มเสี่ยงคือ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุและผู้ท่ีมีโรคประจาตัว
บางอย่าง เช่น โรคหวั ใจ โรคปอด โรคเบาหวาน โรคไต โรคเอดส์ ควรพบแพทย์ทันทีเม่ือทราบว่าเป็ น
ไข้หวดั ใหญ่ เราสามารถป้ องกนั โรคไข้หวดั ใหญ่ได้โดยการ ไม่คลุกคลีกับผ้ปู ่ วยที่มีอาการไข้หวดั ใหญ่

GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา | 115

หารจาเป็ นควรสวมใส่หน้ากากอนามัยและหมั่นล้างมือด้วยสบู่ ฉีกวัคซีนป้ องกันโรคไข้หวัดใหญ่
โดยเฉพาะกบั บคุ คลที่อยใุ่ นกลมุ่ เส่ียงได้แก่ ผ้ทู ี่มีอายตุ งั้ แต่ 50 ปี ขนึ ้ ไป เดก็ อายุ 6 เดือนถึง 19 ปี ผ้ทู ี่เป็ น
โรคเบาหวาน โรคหวั ใจ โรคปอด ผ้ทู ่ีมีอาการเจ็บป่ วยที่จะต้องไปคลินิกหรือไปโรงพยาบาลบอ่ ย ๆ ช่วง
ฤดไู ข้หวดั ผ้ทู ่ีทางานอยใู่ นโรงพยาบาลและผ้ทู ี่ทานยาที่มีฤทธิ์กดภมู ิค้มุ กนั เป็นต้น

ถึงแม้โรคบางอย่างจะเป็ นอนั ตรายถึงแก่ชีวิต แตห่ ากรู้เท่าทนั และป้ องกนั ตนเอง โรคตา่ ง ๆ
ก็จะไม่ใช่โรคที่น่ากลวั อีกต่อไป เช่นกรณีของโรคเอดส์ (AIDS) ที่เคยเป็ นโรคติดตอ่ ท่ีร้ ายแรงและน่า
หวาดกลวั เม่ือยี่สิบปี ก่อน แตใ่ นปัจจบุ นั ผ้ทู ่ีมีความรู้เรื่องโรคเอดส์เพียงพอจะรู้ว่าโรคดงั กล่าวตดิ ต่อได้
อยา่ งไรและสามารถอย่ใู นสงั คมร่วมกบั ผ้ปู ่ วยได้ นอกจากนี ้เมื่อมีความรู้ด้านสขุ ภาพอนามยั ก็จะทาให้
ไม่ถูกมิจฉาชีพหลอกลวง ตวั อย่างเช่น บตั รพลงั งานรักษาโรค ท่ีอวดอ้างสรรพคุณว่า “แค่แตะ จุ่ม ก็
สามารถรักษาโรคได้ครอบจกั วาล ยนั ประยดั นา้ มนั และคา่ ไฟฟ้ า” โดยบตั รดงั กล่าวมีราคาตงั้ แต่ 1,000-
1,500 บาท ซง่ึ ผ้ทู ี่ตดั สนิ ใจซือ้ สว่ นมากเป็นชาวบ้านตามชนบทท่ีมีอาการเจ็บป่ วยตา่ ง ๆ

ภาพท่ี 7.8 บตั รพลงั งาน
ท่ีมา: ธเนตร (2562)

116 | GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา

7.9.4 ความรู้พืน้ ฐานด้านสิ่งแวดล้อม (Environment Literacy)
โลกในปัจจบุ นั มีปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมซ่ึงเกิดจากนา้ มือของมนุษย์ นกั ศกึ ษาสวนสนุ นั

ทาในปัจจุบนั เป็ นผ้มู ีความรู้ขนั้ พืน้ ฐานและมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ ป้ องกันสภาพแวดล้อม มีความรู้
ความเข้าใจในผลกระทบท่ีเกิดจากธรรมชาตซิ ง่ึ ส่งผลตอ่ สงั คม ทงั้ ในด้านการพฒั นาประชากร การเจริญเติบโต
ของสรรพสิ่ง และแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ สามารถวิเคราะห์ประเด็นสาคญั ด้านสภาพแวดล้อมทาง
ธรรมชาตแิ ละกาหนดวธิ ีการในการป้ องกนั แก้ไข รวมทงั้ อนรุ ักษ์สภาพแวดล้อมเหล่านนั้ และสร้างสงั คม
โดยรวมให้เกิดความร่วมมือในการอนรุ ักษ์และพฒั นาทรัพยากรส่ิงแวดล้อมได้ เชน่ ลดการใช้พลาสติกที่
ยอ่ ยสลายยาก โดยการใช้หลอดกระดาษแทนหลอดพลาสติก การใช้ถงุ ผ้าแทนถงุ พลาสตกิ เป็นต้น

7.9.5 ความรู้พืน้ ฐานด้านส่ือ
นกั ศกึ ษาสวนสนุ นั ทา ควรรู้และเข้าใจในการผลิตสื่อให้ตรงกบั วตั ถุประสงค์และส่ิงสาคญั ควร

ศึกษาพระราชบญั ญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการกระทาผิดเก่ียวกับคอมพิวเตอร์ เพ่ือที่จะสามารถใช้สื่อให้
ตอบสนองกบั ปัจเจกบคุ คลภายใต้กรอบแหง่ คณุ ธรรมจริยธรรมได้

7.9.6 ทกั ษะอาชีพ (Career Skill)
เพ่ือให้เกิดความสมดุลในการทางานและก่อให้เกิดการเปล่ียนแปลงในเชิงสร้ างสรรค์

นักศึกษาจะต้องมีความยืดหยุ่นและสามารถปรับตวั ไปตามบทบาทหน้าท่ีและความรับผิดชอบท่ี
เปลี่ยนแปลงไปได้ บริษัทและองค์กรณ์หลายแห่งในปัจจุบันต้องการพนักงานที่สามารถทางานได้
หลากหลายในคนเดยี ว มากกวา่ คนท่ีทางานได้เพียงอยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ

7.9.7 ทกั ษะการเรียนรู้ (Learning Skill)
นกั ศกึ ษาควรเป็ นผ้นู าในการเรียนรู้ตลอดชีวิต หมายถึง การมีความคดิ ริเร่ิมและการชีน้ า

ตนเอง มีความสามารถในจัดการกับเป้ าหมายและเวลา สามารถสร้ างงานอิสระและเป็ นผู้นาที่มี
ประสิทธิภาพในตนเอง การเป็ นนกั ศกึ ษาสวนสนุ นั ทา ไมไ่ ด้หมายความว่าจะหมดบทบาทลงเมื่อสาเร็จ
การศึกษาเทา่ นนั้ แตก่ ารเกิดก่อพฤตกิ รรมการใฝ่ เรียน ใฝ่ รู้ตลอดชีวิต ยงั นบั เป็ นอีกคณุ สมบตั ิหนึ่งของ
ชาวสวนสนุ นั ทาอีกด้วย

นอกจากนีส้ ่งิ สาคญั ที่จะทาให้นกั ศกึ ษาสามารถเป็ นนกั ปฏิบตั ิถนดั วิชาการได้นนั้ คือการ
มีจิตเช่ียวชาญ หมายถึง การทางานอย่างสม่าเสมอเพื่อพฒั นาทกั ษะ และความเข้าใจ การตงั้ มน่ั ที่จะ
เรียนรู้และฝึกฝนทกั ษะให้เชี่ยวชาญ รู้จริง รู้ลกึ เข้าใจอยา่ งถ่องแท้

GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา | 117

7.10 ความเช่ียวชาญการส่ือสารและชานาญการคิด

ความเช่ียวชาญนนั้ เกิดขึน้ ได้จากการอบรมสัง่ สอนและการฝึ กฝนเรียนรู้ด้วยตนเอง รวมไปถึง
ความสามารถในการพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลาและสม่าเสมอ โดยทั่วไปความเช่ียวชาญจะเกิด
หลังจากการใช้เวลาฝึ กฝนประมาณ 10 ปี แต่ในยคุ ปัจจุบนั ที่มีวิทยาการสื่อสารท่ีทันสมยั ส่งผลให้
นักศึกษาเกิดความเช่ียวชาญได้เร็วขึน้ และยังส่งผลให้ สังคมในยุคปัจจุบันต้องการบุคคลท่ีมี
ความเช่ียวชาญท่ีมากกวา่ หนงึ่ สาขาความเชี่ยวชาญมีองค์ประกอบสาคญั 2 ประการ คือ

ประการแรก การเรียนรู้อย่างเช่ียวชาญ เป็ นความสามารถในการเรียนรู้อย่างชัดเจน
ในเนือ้ หาสาระและสามารถนาไปปรับใช้ในการทางานหรือการดารงชีวิต รวมไปถึงสามารถเอาไป
เช่ือมโยงกบั สาขาวชิ าอื่น ๆ ได้

ประการท่ีสอง ความมีวินัยในตนเอง ซ่ึงเป็ นส่ิงท่ีจะขัดเกลาความชานาญและพัฒนาความ
เชี่ยวชาญให้เป็นเลศิ เสมอ

7.10.1 การเรียนรู้ทกั ษะใหม่
จากแนวคิดเร่ืองทกั ษะในศตวรรษที่ 21 มีทกั ษะจาเป็ นที่จะช่วยให้นกั ศกึ ษาก้าวไปสู่

ความเช่ียวชาญการส่ือสารและชานาญการคดิ ตามอตั ลกั ษณ์ของมหาวิทยาลยั นอกจากนกั ศกึ ษาสวน
สนุ นั ทาจะต้องพฒั นาทกั ษะการเรียนรู้และทกั ษะการใช้ชีวติ เพ่ือปรับตวั ให้อยรู่ อดในสงั คมที่เกิดการเปล่ียนแปลง
ไปอย่างรวดเร็วแล้วนนั้ นกั ศึกษายงั จาเป็ นจะต้องเรียนรู้ทกั ษะใหม่ เพ่ือความอย่รู อดในสงั คมอีกด้วย
การมีความเป็ นเลิศในเนือ้ หา (สาระของการเรียนรู้หลกั ) นนั้ ไม่เพียงพอต่อโลกในปัจจุบนั อีกต่อไป
นกั ศกึ ษาจะต้องมีทงั้ ความรู้ในเนือ้ หาและทกั ษะท่ีจะนามาประยกุ ต์ใช้ในการปรับเปล่ียนความรู้เหล่านนั้
ให้เข้ากบั เป้ าหมายที่เป็นประโยชน์และสร้างสรรค์ ทกั ษะท่ีสาคญั ดงั กลา่ วประกอบด้วย

7.10.1.1 ทกั ษะ 3 R ได้แก่
Reading (การอา่ น)
(W) Riting (การเขียน)
(A) Rithmetic (คณิตศาสตร์)
ทักษะนีม้ ิได้มีความหมายเพียงการอ่านออก เขียนได้ คิดเลขเป็ นเท่านัน้

แตห่ มายรวมถึงการเกิดนิสยั รักการอา่ น อ่านแล้วเกิดสนุ ทรี เกิดความสขุ อา่ นแล้ว สามารถจบั ใจความ
เป็ น สาหรับการเขียนจะต้องเขียนเพื่อส่ือสารได้ ย่อความเป็ นสรุปใจความสาคญั ได้ รู้วิธีการเขียน
หลากหลายแบบ และในส่วนของการคิดนัน้ ควรเน้นให้เกิดทักษะการคิดแบบนามธรรมเป็ นหลัก
หมายถึงเกิดกระบวนการคดั แยกคณุ ลกั ษณะสาคญั ออกจากรายละเอียดในโจทย์ปัญหา หรือในงานท่ี
สนใจ เพ่ือให้ได้องค์ประกอบที่จาเป็น เพียงพอตอ่ การพิจารณาภายใต้สถานการณ์นนั้

7.10.1.2 ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา (Critical
Thinking & Problem Solving) ประกอบด้วย การใช้เหตผุ ลทงั้ ในเชิงนิรนยั (Inductive) และอุปนยั

118 | GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา

(Deductive) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสมกับสถานการณ์ตา่ ง ๆ ท่ีเกิดขึน้ สามารถใช้วิธีคิดเชิง
ระบบ โดยคดิ จากสว่ นยอ่ ยไปหาส่วนใหญ่อยา่ งเป็ นระบบ

7.10.1.3 ทกั ษะการสร้างสรรค์และนวตั กรรม (Creativity & Innovation) กล่าวคือ
ความสามารถในการสร้างสรรค์สิ่งแปลกใหม่และเสริมสร้างคณุ คา่ ทางความคิดและสตปิ ัญญา มีความ
รอบคอบในการคิดวิเคราะห์และประเมินแนวความคิด เพ่ือนาไปสู่การปรับปรุงพัฒนางานในเชิง
สร้างสรรค์ เชน่ สิ่งประดษิ ฐ์ที่ถูกสร้างขนึ ้ เพ่ือแก้ปัญหาที่นง่ั กลางแจ้งเปี ยกโดยการหมนุ ด้านแห้งขนึ ้ มา
นงั่ ได้

1) สงิ่ ประดษิ ฐ์แก้ปัฐหาเก้าอีเ้ปี ยก

ภาพท่ี 7.9 สิง่ ประดษิ ฐ์แก้ปัญหาเก้าอีเ้ปี ยก
ท่ีมา: เฮียณฐั กิตตพิ งษ์ (2548)

2) สิ่งประดษิ ฐ์ที่ชว่ ยแก้ปัญหาการปี บยาสีฟัน

ภาพท่ี 7.10 ที่บีบยาสีฟัน
ท่ีมา: เฮียณฐั กิตตพิ งษ์ (2548)

GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา | 119

3) สิง่ ประดษิ ฐ์ท่ีชว่ ยให้สามารถนาเทียนกลบั มาใช้ใหมไ่ ด้เรื่อย ๆ เป็นต้น

ภาพท่ี 7.11 เชิงเทียน
ท่ีมา: เฮียณฐั กิตตพิ งษ์ (2548)
รวมไปถึงความสามารถในการทางานร่วมกับผ้อู ่ืนได้อย่างสร้ างสรรค์และ
สามารถสร้างวิกฤตใิ ห้เป็นโอกาสได้ สามารถเรียนรู้ข้อผิดพลาดและนาข้อผิดพลาดนนั้ มาปรับปรุงแก้ไข
พฒั นางานได้อยา่ งมีประสิทธิภาพตอ่ ไป
7.10.1.4 ทักษะด้านการสื่อสารความร่วมมือ การทางานเป็ นทีมและภาวะผู้นา
(Communication Collaboration Teamwork and Leadership) นกั ศกึ ษาจะต้องสามารถส่ือสารได้
ถกู ต้อง ชดั เจน และมีประสิทธิภาพ ทงั้ การพดู การฟังและการเขียน อีกทงั้ นกั ศกึ ษาจะต้องสามารถใช้สื่อ
ท่ีหลากหลายได้อยา่ งมีประสิทธิภาพในการทางานร่วมกบั ผ้อู ่ืน มีความสามารถเร่ืองการเป็ นผ้นู าในการ
ทางานและจะต้องเป็ นที่ยอมรับในทีม มีส่วนร่วมในความรับผิดชอบและจะต้องมองเห็นคุณค่าของ
การทางานเป็นทีม สิ่งสาคญั คือจะต้องมีความรับผิดชอบในงานที่ทาจนสามารถทาให้งานบรรลผุ ลตาม
ที่ตงั้ ไว้
7.10.1.5 ทักษะด้ านการสื่อสาร สารสนเทศ และรู้เท่าทันส่ือ (Communication
Information & Media Literacy) หมายถึงการมีความรู้พืน้ ฐานด้านสารสนเทศ เพื่อให้สามารถเข้าถึง
สารสนเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล ประกอบกับความสามารถในการใช้วิจารญาณ
ในการประเมินสารสนเทศต่าง ๆ เพ่ือเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานได้อย่างสร้ างสรรค์ สามารถใช้
เทคโนโลยี ดจิ ิตอลในการส่ือสาร การเข้าถึงข้อมลู สารสนเทศ และการสร้างเครือข่ายได้อยา่ งเหมาะสม

120 | GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา

7.10.2 ความสาเร็จของการคดิ สงั เคราะห์
ความเชี่ยวชาญการสื่อสารและชานาญการคิด จะเกิดขึน้ ได้เม่ือนักศึกษามีจิตรู้

สงั เคราะห์ (Synthesizing Mind) หมายถึงการรวบรวมข้อมูลจากแหล่งที่มาท่ีหลากหลาย ทาความ
เข้าใจสังเคราะห์ข้อมูล ประเมินความสาคญั แล้วจึงคัดเลือกเพื่อนาไปสู่การแยกประเด็นสาคัญที่
นา่ สนใจ ในลาดบั ตอ่ มาจะต้องสามารถนาข้อมลู ท่ีได้มาผสมผสานกนั ได้อยา่ งมีเหตมุ ีผล ซงึ่ ผ้สู งั เคราะห์
ต้องตระหนกั ว่าส่ิงใดเหมาะสมสาหรับตนเองและผู้อ่ืนท่ีจะใช้ประโยชน์จากงานนนั้ การเกิดขึน้ ของ
เทคโนโลยีใหม่และส่ือชนิดใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอินเทอร์เน็ต ส่งผลให้มีข้อมูลเพิ่มขนึ ้ อย่างมหาศาล
การรู้จกั เลือกข้อมลู อย่างฉลาดและสงั เคราะห์ข้อมูลได้อย่างยอดเยี่ยมจึงเป็ นสิ่งจาเป็ นอย่างมาก ผ้ทู ี่
รู้จักสังเคราะห์ได้เก่งจะกลายเป็ นบุคคลแถวหน้า ความสามารถในการสงั เคราะห์มีความสาคญั เป็ น
อยา่ งมาก ทงั้ นี ้ความสาเร็จของการคดิ สงั เคราะห์ที่มีประสทิ ธิภาพประกอบด้วยองค์ประกอบ 3 ประการ
คอื

7.10.2.1 เป้ าหมาย (Goal) เป็ นข้อความหรือมโนทัศน์ของสิ่งท่ีผ้สู งั เคราะห์จะต้อง
ทาให้เสร็จ

7.10.2.2 จดุ เร่ิมต้น (Starting Point) เป็ นแนวคิด ภาพ หรืองานท่ีเคยทามาก่อน
หน้านี ้ท่ีเราสามารถนามาใช้ในการสงั เคราะห์ได้

7.10.2.3 การเลือกกลยทุ ธ์วิธีการและแนวทาง (Selection of Strategy Method
and Approach) เป็นขนั้ ตอนที่นกั สงั เคราะห์จะลงมือปฏิบตั ิ โดยเลือกรูปแบบท่ีจะสงั เคราะห์

นอกจากนีน้ กั ศกึ ษาสวนสนุ นั ทายงั จะต้องมีจิตสร้างสรรค์ คือ รู้จกั คิดนอก
กรอบเพื่อค้นหาหนทางใหม่ขึน้ มา ผู้ท่ีปรารถนางานที่ลา้ เลิศจะต้องมีบุคลิกภาพและวุฒิภาวะทาง
อารมณ์ท่ีแข็งแกร่ง อีกทงั้ นกั สร้างสรรค์จะต้องมีความกระหายที่จะเส่ียง กล้าท่ีจะล้มแล้วลุกขึน้ พร้อม
รอยยิม้ และต่อส้อู ีกครัง้ ตวั อย่างเช่นเรื่องราวของต๊อบ อิทธิพทั ธ์ พีระเดชาพนั ธ์ ผู้ก่อตงั้ บริษัท เถ้าแก่
น้อย ฟ๊ ดู แอนด์มาร์เก็ตติง้ จากัด (มหาชน) ซงึ่ เร่ิมต้นจากการเป็ นเด็กติดเกม หารายได้จากการขายไอ
เทม็ ในเกม แม้จะเรียนไมเ่ กง่ เรียนจบระดบั มธั ยมมาอยา่ งยากลาบาก แตเ่ ขามีความฝันท่ีจะมีธุรกิจเป็ น
ของตวั เอง จึงเริ่มหาช่องทางธุรกิจด้วยการใช้เงินท่ีมีไม่มากนกั เช่าต้คู ว่ั เกาลดั มาทาขายจนสร้างเฟรน
ไชส์ของตวั เองจนขยายไปกว่า 30 สาขา เขาเร่ิมคิดหาสินค้าอ่ืนมาขายไมว่ ่าจะเป็ นลกู ท้อ ลาไยอบแห้ง
จนพบวา่ สาหร่ายขายได้ดที ่ีสดุ จนเป็นแรงบนั ดาลใจให้เขาทาธรุ กิจสาหร่ายทอดตรา “เถ้าแก่น้อย” อย่าง
จริงจงั ในปี 2560 มีรายงานวา่ เถ้าแกน่ ้อยทารายได้ถึง 5,283 ล้านบาท

GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา | 121

7.11 ความมีจติ สาธารณะ

การเป็ นคนฉลาด อาจไม่เพียงพอท่ีจะจรรโลงสงั คมให้น่าอยู่ได้ โลกในปัจจุบนั กาลังเผชิญกับ
ภาวะประชากรมากเกินไป เกิดวิกฤตด้านพลงั งานและส่ิงแวดล้อม การมีจิตสาธารณะเป็ นปัจจยั สาคญั
ท่ีจะทาให้ทกุ คนอยรู่ ่วมกนั อยา่ งมีความสขุ

ความมีจิตสาธารณะ (Public mind หรือ Public consciousness) คือ ความรู้สึกของบุคคลท่ี
มองเหน็ ปัญหาของสงั คมและต้องการมีสว่ นร่วมในการชว่ ยเหลือหรือแก้ไข รวมถึงการตระหนกั ถึงหน้าที่
ความรับผิดชอบของตน พร้อมเสียสละเพื่อประโยชน์สว่ นรวม โดยสรุปแล้ว การมีจิตสาธารณะก็คือการ
มีจิตสานึกเพื่อสว่ นรวมนนั่ เอง ตวั อย่างเช่น มูลนิธิก้าวคนละก้าวของตนู บอดีส้ แลม ที่เร่ิมต้นจากการ
เล็งเห็นถึงปัญหาการขาดแคลนอุปกรณ์ต่าง ๆ ของโรงพยาบาล และได้จัดกิจกรรมก้าวคนละก้าวขึน้
ซง่ึ เป็ นการวิ่งระยะยาวเพ่ือขอรับบริจาค กิจกรรมดงั กล่าวสามารถระดมทุนเพื่อช่วยเหลือโรงพยาบาล
ตา่ ง ๆ ได้มากกวา่ 1,600,000,000 บาท ทาให้ได้รับการร้องขอความชว่ ยเหลือจากองค์กรและหนว่ ยงาน
ทางด้านสาธารณะสขุ อยา่ งมากมาย จนทาให้คณะทางานมีแนวคดิ หลกั 2 ประการคือ

1 จะต้องเปล่ียนตวั เองให้อย่ใู นลกั ษณะขององค์กรเพื่อการช่วยเหลือท่ียงั่ ยืน ซง่ึ โครงการก้าวได้
จดทะเบยี นเป็น “มลู นธิ ิก้าวคนละก้าว”

2 นาเสนอแนวคิดพร้อมทงั้ สร้างกิจกรรมท่ีสนบั สนนุ ให้คนไทยหนั มาดแู ลสขุ ภาพของตวั เองให้
มากขนึ ้ ผา่ นการจดั กิจกรรมวิง่ ทวั่ ประเทศ เพราะเชื่อวา่ สขุ ภาพที่ดีคอื รากฐานของคณุ ภาพชีวติ ที่ดี

มลู นิธิก้าวคนละก้าวได้จดั กิจกรรมวิ่งขอรับบริจาคเพื่อช่วยเหลือโรงพยาบาลตา่ ง ๆ ขนึ ้ อย่าง
ตอ่ เน่ือง โดยปัจจบุ นั มลู นิธิก้าวคนละก้าวได้จดั การวง่ิ ในรูปแบบวิ่งผลดั ขนึ ้ และมีศลิ ปิ นดาราจิตอาสามา
ช่วยกนั วิ่งอย่างมากมาย เช่น นาย นภัทร เสียงสมบญุ หนูแหม่ม สุริวิภา กุลตงั วฒั นา และ บ๊อบบี ้โร
เบริ ์ต พนู พิพฒั น์ กาละแมร์ พชั รศรี เบญจมาศ ดเี จพฒุ พฒุ ชิ ยั เกษตรสิน, ว้ดู ดี ้วฒุ ิธร มิลินทจินดา เต้ย
พงศกร เมตตาริกานนท์ บวั ขาว บญั ชาเมฆ ฯลฯ จากจดุ เร่ิมต้น ผลดั กนั คนละ 10 กิโลเมตร จนถึงเส้น
ชยั แบง่ การจดั กิจกรรมว่ิงเป็ น 5 ภาคใหญ่ และมีจานวนโรงพยาบาลท่ีช่วยเหลือ 7-8 โรงพยาบาลต่อ
การจดั กิจกรรมว่งิ 1 ครัง้

7.11.1 การมีจติ สาธารณะ
การมีจิตสาธรณะนนั้ เริ่มต้นท่ีตวั เราและหากนกั ศกึ ษาสวนสนุ นั ทาทกุ คนมีจิตสาธารณะก็

จะรวมกนั เป็นพลงั ท่ียงิ่ ใหญ่ขนึ ้ ดงั เชน่ โครงการก้าวคนละก้าวของตนู บอดสี ้ แลม
จติ สาธารณะ ประกอบด้วยการมีจติ สานกึ ใน 3 ระดบั ได้แก่
1. จติ สานกึ เก่ียวกบั ตนเอง คือ รู้เกี่ยวกบั ตนเอง รู้ว่าควรพฒั นาตวั อยา่ งไรเพื่อให้เป็ นคน

ที่ดีขนึ ้
2. จิตสานกึ เก่ียวกบั ผ้อู ่ืน คือ การตระหนกั ในความสมั พนั ธ์ระหวา่ งบคุ คลในกล่มุ หรือ

สงั คม เชน่ ความเหน็ อกเห็นใจ ความมีนา้ ใจตอ่ กนั

122 | GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา

3. จิตสานกึ เกี่ยวกบั สงั คม คือ การตระหนกั ถึงความสาคญั ของการอย่รู ่วมกนั คานงึ ถึง
ผ้อู ื่นท่ีล้วนเป็ นสมาชิกของกล่มุ สงั คมเดียวกนั จงึ ตระหนกั ถึงการกระทาของตนท่ีอาจส่งผลตอ่ สงั คมไม่
วา่ ทางบวกหรือทางลบ

7.11.2 ผ้มู ีจิตสาธารณะ มีลกั ษณะดงั ตอ่ ไปนี ้
1. มีความรับผิดชอบตอ่ สงั คม ทมุ่ เทและอทุ ศิ ตนเพ่ือคนอื่นและสงั คม
2. เคารพและยอมรับความแตกตา่ งระหว่างบคุ คล
3. คานงึ ถึงผลประโยชน์ของสว่ นรวม
4. ลงมือกระทาเพ่ือชว่ ยเหลือหรือแก้ไขปัญหา

สรุป

เอกลกั ษณ์ของสวนสนุ นั ทาจากความเป็นวงั แปรสภาพมาส่คู วามเป็ นสถานศกึ ษาในระดบั ตา่ ง ๆ
ผ่านวันเวลาอนั ยาวนาน ส่ิงส่งั สมมาจากอดีตสปู ัจจุบนั ถึงทุกวันนีไ้ ม่ว่าจะเป็ นวิถีชีวิตชาววงั อาหาร
การกิน งานประดษิ ฐ์ งานศลิ ปะทงั้ หลาย เหล่านีล้ ้วนเป็ นเอกลกั ษณ์ท่ีควรภาคภมู ิใจและสง่ ตอ่ ให้อนชุ น
รุ่นหลงั ได้ร่วมกนั รักษา สืบสาน และตอ่ ยอดไว้ตลอดไป เพราะส่ิงเหล่านีไ้ ด้สะท้อนสภาพท่ีแสดงออกถึง
ความเจริญงอกงาม ความเก่าแก่ และเกียรติภูมิของชาววงั สวนสนุ นั ทาอย่างแท้จริง ถึงแม้เวลาอาจจะ
เปลี่ยนแปรไป แตเ่ อกลกั ษณ์จะต้องคงอยู่ และถกู สง่ ตอ่ ถ่ายทอดไปยงั คนรุ่นหลงั

อตั ลกั ษณ์เป็ นสิ่งที่แสดงออกถึงตวั ตนของบคุ คล กล่มุ คนหรือองค์กรอตั ลกั ษณ์ของสถาบนั การศกึ ษา
จะทาให้สถาบนั นนั้ โดดเดน่ เป็นท่ีรู้จกั และเป็ นท่ียอมรับของสงั คม ทงั้ นี ้อตั ลกั ษณ์ของมหาวิทยาลยั ราช
ภฏั สวนสนุ นั ทา คือ “เป็ นนกั ปฏิบตั ิ ถนดั วิชาการ เชี่ยวชาญการสื่อสาร ชานาญการคิด มีจิตสาธารณะ”
อตั ลกั ษณ์ดงั กลา่ วสอดคล้องกบั ทกั ษะที่จาเป็ นสาหรับชีวิตในศตวรรษที่ 21 ซงึ่ แสดงถึงความก้าวทนั
บริบทของโลกและประเทศของมหาวิทยาลยั

ความเป็นนกั ปฏิบตั แิ ละถนดั วิชาการนนั้ ต้องอาศยั ความรู้ด้านเศรษฐกิจ ความรู้เกี่ยวกบั พลเมือง
ความรู้ด้านสขุ อนามยั ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อม ความรู้ด้านสารสนเทศ และความรู้ด้านส่ือ ขณะท่ีความ
เช่ียวชาญในการสื่อสารและชานาญการคดิ นนั้ จะต้องอาศยั ทกั ษะด้านตา่ ง ๆ ได้แก่ ทกั ษะ 3R ทกั ษะ
การคิดอย่างมีวิจารณญาณและทักษะในการแก้ปัญหา ทักษะการสร้ างสรรค์และนวตั กรรมทักษะ
ด้านการส่ือสารความร่วมมือ การทางานเป็ นทีมและภาวะผ้นู า ทกั ษะด้านการส่ือสาร สารสนเทศ และ
รู้เท่าทนั ส่ือ ทกั ษะชีวิตและอาชีพและทกั ษะการเรียนรู้และเป็ นผ้นู าในการเรียนรู้ตลอดชีวิต นอกจากนี ้
อตั ลกั ษณ์ของนกั ศึกษายงั กล่าวถึงความมีจิตสาธารณะ ซึ่งหมายถึงการมีจิตสานึกถึงส่วนรวม การให้
ความสาคญั กบั การเป็นคนเก่งและคนดขี องสงั คม

GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา | 123

คาถามทบทวน
1. อตั ลกั ษณ์คอื อะไร
2. อตั ลกั ษณ์มีความสาคญั อยา่ งไรในยคุ ของโลกแหง่ ศตวรรษที่ 21
3. อตั ลกั ษณ์ในสถาบนั การศกึ ษาหมายถึงอะไร
4. เหตใุ ดอตั ลกั ษณ์จงึ ถกู นามาใช้ในสถานศกึ ษา
5. อตั ลกั ษณ์ของมหาวิทยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทาคอื อะไรและมีความหมายวา่ อยา่ งไร
6. ความรู้ใดบ้างท่ีจาเป็นสาหรับการมีคณุ ลกั ษณะตามอตั ลกั ษณ์ของมหาวทิ ยาลยั ที่วา่ “เป็นนกั
ปฏิบตั ิ ถนดั วิชาการ” ตอบมา 3 ข้อ
7. ทกั ษะใดบ้างท่ีจาเป็นสาหรับการมีคณุ ลกั ษณะตามอตั ลกั ษณ์ของมหาวิทยาลยั ท่ีว่า “เช่ียวชาญ
การส่ือสาร ชานาญการคดิ ” ตอบมา 3 ข้อ
8. จิตสาธารณะ หมายถงึ อะไร

124 | GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา

เอกสารอ้างองิ

ภาษาไทย
กสุ มุ า กใู หญ่. (2556). กระบวนการสร้างอัตลักษณ์ : มุมมองจิตวิเคราะห์และสังคมศาสตร์ .
สืบค้นเม่ือ พฤษภาคม 29, 2562, จาก http://kusumakooyai.blogspot.com/2013/04/blog-
post_5.html.
ฉลาดชาย รมติ านนท์. (2545). แนวคิดในการศึกษาอัตลักษณ์ความเป็ นไท. กรุงเทพฯ :
มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบรุ ี.
ชรินทร์ทิพย์. (2554). การรวบรวมความหมายของ “อัตลักษณ์”. สืบค้นเมื่อ พฤษภาคม 9, 2562,
จาก http://chotika51thesis.blogspot.com/2011/07/blog-post.html.
ธเนตร. (2562). [รายงาน] “บัตรพลังงาน” อ้างรักษาโรคได้ แท้จริงแค่ “บัตรลวงโลก” ต้นทุน 4-
15 บาท. สืบค้นเมื่อ มิถนุ ายน 14, 2562, จาก https://news.mthai.com/special-
report/737706.html.
ธีระวฒั น์ จนั ทกึ , ปราโมทย์ ควู จิ ิตรจารุ, วิชชากร สวนทรง และอาวิน อนิ ทรังษี. (2560). สตาร์ทอัพ
คืออะไร. สืบค้นเม่ือ พฤษภาคม 30, 2562, จาก http://www.startup.su.ac.th/?p=84.
เบญจวรรณ ถนอมชยธวชั , ผ่องศรี วาณิชย์ศภุ วงศ,์ วฒุ ชิ ยั เนียมเทศ และณฐั วทิ ย์ พจนตนั ต.ิ (2559).
ทกั ษะแหง่ ศตวรรษท่ี 21: ความท้าทายในการพฒั นาการศกึ ษา. วารสารเครือข่ายวิทยาลัยพยาบาล
และการสาธารณสุขภาคใต้, 3(2), 208-222.
ศนู ย์วิจยั สขุ ภาพกรุงเทพ. (มมป.). ไข้หวัดใหญ่ (INFLUENZA) อันตรายถงึ ชีวติ แต่กส็ ามารถ
ป้ องกันได้. สืบค้นเมื่อ พฤษภาคม 30, 2562, จากhttps://www.bangkokhospital.com/th/disease-
treatment/influenza-prevention
สทุ ธิ กาบพิลา. (2558). การสืบทอดอัตลักษณ์ของคนอีสานในชุมชนสะตอน อาเภอสอยดาว
จังหวัดจันทบุรี.ภาคนิพนธ์ปริญญารัฐประศาสนศาสตรมหาบณั ฑิต บณั ฑติ วทิ ยาลยั , มหาวิทยาลยั
ราชภฏั ราไพพรรณี.
สพุ กั ตร์ พิบลู ย์. (2554). อัตลักษณ์ของสถานศึกษา คืออะไร จาเป็ นอย่างไร. สืบค้นเมื่อ
พฤษภาคม 10, 2562, จาก http://chotika51-thesis.blogspot.com/2011/07/blog-post.html.

GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา | 125

เอกสารอ้างองิ (ต่อ)

ภาษาไทย
สานกั งานราชบณั ฑิตยสภา. (2550). อัตลักษณ์. สืบค้นเม่ือ พฤษภาคม 9, 2562, จาก
http://www.royin.go.th/?knowledges=%E0%B8%AD%E0%
B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%93
%E0%B9%8C-%E0%B9%91%E0%B9%96-
%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%96%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B
8%A2%E0%B8%99-%E0%B9%92%E0%B9%95.
อภิญญา เฟื่ องฟสู กลุ . (2556). อัตลักษณ์. กรุงเทพฯ : สานกั งานคณะกรรมการวจิ ยั แหง่ ชาต.ิ
เฮียณฐั กิตตพิ งษ์. (2548). 25 ส่งิ ประดษิ ฐ์ไอเดียสุดเจ๋ง ท่จี ะทาให้ชีวติ คุณสบายขนึ้ !. สืบค้นเม่ือ
พฤษภาคม 15, 2562,
https://tech.mthai.com/it-news/43796.html

ภาษาอังกฤษ
K. Therese. (2012). 21 st Century Skills = 3Rs + 4Cs. The Australian Educational Leader,
34(2). 1-45
Lmarkkl. (2560).การก่อตงั้ ธนาคารต่างๆ. [Online]. Available from:
https://medium.com/@pathummasutmark/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B
8%81%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87%
E0%B8%98%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8
%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%86%E0%B9%86-bb810f4565f1

126 | GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา

บทท่ี 8
บณั ฑติ สวนสุนันทา

ณฐภรณ์ รัตนชยั วงศ์
ชตุ มิ า มณีวฒั นา

โลกของเรามีพืน้ ท่ีเท่าเดิมแต่เรากลับรู้สึกว่าโลกแคบลง เพราะเทคโนโลยี การส่ือสารและการ
คมนาคมที่ก้าวหน้าทาให้สงิ่ ท่ีเกิดขนึ ้ ทวั่ ทกุ มมุ โลกเป็ นท่ีรับรู้กนั ทว่ั ในเวลาไม่ก่ีนาที การเดนิ ทางระหวา่ ง
ประเทศทาได้ง่ายและสะดวกขึน้ ในทางสงั คมและเศรษฐกิจนนั้ โลกของเรากาลังเปลี่ยนแปลงอย่าง
รวดเร็วและคาดเดาได้ยาก ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา มีบริษัทท่ีเคยเป็ นยกั ษ์ใหญ่ระดบั โลกต้องปิ ด
ตวั ลงบ้างก็ต้องปรับขนานใหญ่เพ่ือให้อย่รู อด มีนวตั กรรมเกิดขึน้ มากมายส่งผลต่อการใช้ชีวิตของผ้คู น
ทกุ อย่างส่งผลให้ตลาดแรงงานเรียกร้ องคณุ สมบตั ิของแรงงานท่ีเปลี่ยนแปลงไปจากยุคก่อน ในฐานะท่ี
นกั ศกึ ษาจะจบการศกึ ษาเป็นบณั ฑิตในอีกไมก่ ี่ปี ข้างหน้า นกั ศกึ ษาจงึ ควรมีความรู้เท่าทนั บริบทของโลก
และประเทศในปัจจุบนั รวมถึงคุณสมบัติของบัณฑิตที่เป็ นท่ีต้องการในยุคปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม
บณั ฑิตแห่งมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทาควรก้าวทันโลกในทุกยุคสมัย ขณะเดียวกันก็มีความ
ภาคภมู ิใจกบั ประวตั ศิ าสตร์และวฒั นธรรมอนั ยาวนานของรัว้ สวนสนุ นั ทา และพร้อมเผยแพร่ความเป็ น
สวนสนุ นั ทาสสู่ งั คม

8.1 บริบททางสังคมของบัณฑติ ปัจจุบัน

โลกปัจจบุ นั คือยคุ แห่งโลกดิจิทลั (Digital World) นกั ศกึ ษาสวนสุนนั ทาในปัจจบุ นั ท่ีเกิดและ
เติบโตมาในยคุ นีก้ ลา่ วคือเกิดระหวา่ งปี พ.ศ. 2538-2552 ได้ช่ือว่าเป็ นคนในเจเนอเรชนั ซี (Generation Z)
สิ่งท่ีคนเจเนอเรชนั ซีจะต้องพบเจอคอื การเปล่ียนแปลงไปอยา่ งรวดเร็วของสงั คม ผ้คู นให้ความสาคญั กบั
ส่ิงแวดล้อมและทรัพยากรมากขึน้ รวมไปถึงมีการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีดิจิทลั กัน
อย่างแพร่หลายโลกในยุคนีม้ ีเทคโนโลยีท่ีเอือ้ ต่อการทางานหลายอย่างพร้ อมกันในอุปกรณ์เดียว
สง่ ผลให้บคุ คลเจเนอเรชนั ซีมีนิสยั พ่ึงพาเทคโนโลยีในทกุ รูปแบบ เรียกได้ว่าเทคโนโลยีเป็ นสว่ นหน่งึ ของ
ชีวติ ทงั้ ในด้านการมีสมั พนั ธ์กบั ผ้อู ื่น การเลน่ รวมไปถงึ การเรียนรู้

8.1.1 บุคคลในยุคของเจเนอเรชันซีมีลักษณะสาคญั ที่เปล่ียนแปลงไปจากยุคก่อนหน้าดงั นี ้
(พชั ราภา ตนั ตชิ เู วช, 2560, หน้า 12)

8.1.1.1 เทคโนโลยีเป็นแหลง่ การเรียนรู้ที่สาคญั
บุคคลในยุคเจเนอเรชันซีนัน้ มีรูปแบบการเรียนรู้ท่ีเกิดจากเทคโนโลยีไม่ใช่

หนงั สือเรียน (Text) อีกตอ่ ไป
8.1.1.2 เช่ียวชาญเทคโนโลยี
บคุ ลิกหนึ่งท่ีสาคญั ของคนในเจเนอเรชนั ซีคือไวตอ่ การรับเทคโนโลยีใหมๆ่ และ

สามารถใช้เทคโนโลยีนนั้ ได้อยา่ งทนั ทว่ งที่มีการตดิ ตอ่ กบั ผ้อู ่ืนในโลกเสมือนจริงทางอินเตอร์เน็ต มีความ
ยืดหยนุ่ และสมาร์ต รวมไปถึงความสามารถในการอดทนกบั การอยใู่ นสงั คมที่มีวฒั นธรรมท่ีหลากหลาย
ได้

8.1.1.3 คอมพิวเตอร์และสมาร์ตโฟนมีบทบาทมากขนึ ้
ประเท ศสหรั ฐ อเมริ ก าได้ ทา การศึก ษาพฤติกรรมเ ด็กและ เยาวช นท่ี มี อา ยุ

ระหวา่ ง 5-12 ปี โดยทาการสอบถามและพบวา่ มีเดก็ ร้อยละ 51 ต้องการคอมพิวเตอร์เป็ นของขวญั ใน
วนั คริสต์มาสในปี ค.ศ. 2010 และอยากได้โทรศพั ท์มือถือหรือสมาร์ตโฟนมากถึงร้ อยละ 43 ใน
ขณะเดยี วกนั ก็มีเดก็ ๆ ปฏิเสธที่จะได้รับโทรทศั น์ เป็นของขวญั คริสต์มาส ผลจากการศกึ ษาพฤติกรรมใน
ครัง้ นีแ้ สดงให้เห็นถึงการให้ความสาคญั กบั คอมพิวเตอร์และสมาร์ตโฟนของเด็กในยคุ เจเนอเรชนั ซีท่ีมี
มากกวา่ โทรทศั น์ (Grail Research, 2010)

8.1.1.4 มีสงั คมกลางอากาศ
ความสัมพันธ์ ทางด้ านสังคมของเด็กในยุคเจเนอเรชันซีนัน้ มีค่านิยมใน

การตดิ ตอ่ สื่อสารกนั ผ่านทางอินเตอร์เน็ต ข้อความ โทรศพั ท์มือถือ และเครือข่ายสงั คมออนไลน์ ซึง่ ส่งผล
ต่อการตัดสินใจในการทาส่ิงต่าง ๆ อันนาไปสู่การแสดงออกทางด้านวัฒนธรรม ภาษา รวมไปถึง
ความคดิ อยา่ งแพร่หลาย คนในยคุ เจเนอเรชนั ซีนนั้ มีนิสยั เสพติดเครือข่ายสงั คมออนไลน์และเทคโนโลยี
ดิจิทลั ส่งผลตอ่ ความผกู พนั ทางอารมณ์ของเดก็ ท่ีมีตอ่ เครือขา่ ยสงั คมออนไลน์และเทคโนโลยีดจิ ิทลั ใน
ระดบั สงู

8.1.1.5 ส่ือสารสนั้ กะทดั รัด ฉบั ไว
ในยคุ เจเนอเรชนั ซีนิยมใช้การตดิ ตอ่ สื่อสารด้วยข้อความผา่ นทางช่องทางตา่ งๆ

เช่น WhatsApp, Line, Skype เป็ นต้น ในขณะที่ในอีก 5 ปี ข้างหน้า การสื่อสารด้วยอีเมล (E-mail) และ
การสง่ ข้อความผ่านเอสเอ็มเอส (SMS) จะได้รับความนิยมจากเดก็ ในยคุ เจเนอเรชนั ซีลดลงถึง 20% ซึง่
สง่ ผลให้รูปแบบการสื่อสารดงั กลา่ วจะคอ่ ย ๆ กลายเป็นอดีตสาหรับคนในยคุ นี ้

128 | GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา

8.1.1.6 ฟังก์ชน่ั ครบ ไมส่ นราคา
บุคคลในยุคเจเนอเรชนั ซีนิยมใช้อุปกรณ์ดิจิทัลท่ีสามารถใช้งานได้ง่ายและ

หลากหลายโปรแกรมในเวลาเดียวกัน นอกจากนีย้ ังต้องสามารถมีปฏิสัมพนั ธ์กับผู้อ่ืนได้ในอุปกรณ์
เดียวกนั ถึงแม้วา่ อปุ กรณ์ดงั กลา่ วจะมีราคาสงู เพียงใดก็ยินดีที่จะจา่ ยเงินเพ่ือให้ได้มา

8.1.1.7 ตระหนกั ถึงส่งิ แวดล้อม
ผลจากการเข้าถึงแหลง่ ข้อมลู ออนไลน์ขนาดใหญ่ ทาให้เด็กในยคุ เจเนอเรชนั ซี

ตระหนกั ถึงความสาคญั ของความเปลี่ยนแปลงท่ีท้าทายของโลก เช่นสภาพอากาศที่รุนแรง มากกว่า
สงคราม และยาเสพตดิ

การเปล่ียนแปลงไปอย่างรวดเร็วในยคุ เจเนอเรชนั ซี ทงั้ ในด้านเศรษฐกิจ สงั คม วฒั นธรรม
และส่ิงแวดล้อมนนั้ สง่ ผลให้บริบทตา่ งๆ ในทว่ั ทกุ ภมู ิภาคมีการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วยดงั นี ้

8.1.2 มิตคิ วามเปลี่ยนแปลงในบริบทโลก
8.1.2.1 บริบทด้านเศรษฐกิจ
1) การลงทนุ เพิ่มมากขนึ ้ เน้นเศรษฐกิจฐานความรู้และทรัพย์สนิ ทางปัญญา
2) เอเชียเป็นใหญ่ทางเศรษฐกิจ
8.1.2.2 บริบทด้านสงั คม
1) รูปแบบสถาบนั ครอบครัวเปล่ียนไป
2) การมีประชากรมากเกินไป
3) การเข้าสสู่ งั คมผ้สู งู อายขุ องโลก
4) การให้ความสาคญั กบั สิทธิมนษุ ยชน
5) การก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติ
6) การเปล่ียนแปลงคา่ นยิ มของมนษุ ย์
8.1.2.3 บริบทด้านสิ่งแวดล้อม
1) การเปลี่ยนแปลงของสภาพภมู ิอากาศ
2) วิกฤตดิ ้านพลงั งาน
3) วกิ ฤตกิ ารณ์ด้านอาหารและนา้ จืด
8.1.2.4 มิตคิ วามเปลี่ยนแปลงในบริบทไทย
1) บริบทด้านเศรษฐกิจ
(1) ความเหลื่อมลา้ ทางเศรษฐกิจและสงั คมสงู
(2) ความสามารถในการแขง่ ขนั ลดลง
(3) ปัญหาการคอร์รัปช่ันและความขัดแย้งทางการเมืองส่งผลต่อ

เศรษฐกิจ

GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา | 129

(4) ธุรกิจทอ่ งเที่ยว บริการ เศรษฐกิจสร้างสรรค์มีบทบาทมากขนึ ้
(5) การเคล่ือนย้ายแรงงานเสรีอนั เป็ นผลจากการเข้าส่ปู ระชาคม
อาเซียน
2) บริบทด้านการอยรู่ ่วมกนั ในสงั คมและวฒั นธรรม
(1) สงั คมมีความเป็ นเมืองและมีความเป็ นสากลท่ีมากขึน้ เป็ นสงั คมที่
มงุ่ สกู่ ารเรียนรู้ ตระหนกั ถงึ เร่ืองสิทธิมนษุ ยชน และให้ความสาคญั ด้านสิง่ แวดล้อมมากขนึ ้
(2) โครงสร้างประชากรมีแนวโน้มท่ีจะมีประชากรวยั สงู อายเุ พิ่มมากขนึ ้
เดก็ และวยั ทางานมีแนวโน้มลดลงอยา่ งตอ่ เนื่อง
(3) ครอบครัวจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในด้านโครงสร้าง รูปแบบ และ
บทบาทหน้าที่
(4) สังคมไทยจะเผชิญกับวิกฤติความเส่ือมถอยทางด้านคุณธรรม
จริยธรรม การเปล่ียนแปลงทางวัฒนธรรมท่ีหลากหลาย และมีแนวโน้ มที่จะเป็ นสังคมปัจเจก
(Individualization) มากขนึ ้
(5) ปัญหาความมนั่ คงในสามจงั หวดั ชายแดนภาคใต้ ก่อให้เกิดปัญหา
ด้านเศรษฐกิจและสงั คม ทาให้ภาคธุรกิจเอกชนขาดความมนั่ ใจในการลงทนุ และประกอบธุรกิจในพืน้ ที่
สง่ ผลกระทบตอ่ ภาคประชาชนในเรื่องของการวา่ งงานและการมีรายได้ที่ไมเ่ พียงพอตอ่ การดารงชีพ รวม
ไปถึงปัญหาทางด้านการศึกษาท่ีเกิดจากการเผาโรงเรียนหรือการยิงครู ทาให้ประชาชนในพืน้ ท่ีเกิด
ความหวาดกลวั และย้ายภมู ลิ าเนา
(6) ประเทศไทยมีการพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ท่ีเข้ มแข็ง
พอสมควร แตย่ งั มีปัญหาอีกหลายด้านท่ียงั คงต้องการการแก้ไข เชน่ ปัญหาเงินในระบบประกนั สขุ ภาพ
ที่ไมเ่ พียงพอ จานวนแพทย์ทวั่ ไปท่ีมีน้อยเกินไปเมื่อเทียบกบั แพทย์เฉพาะทาง การกระจกุ ตวั ของแพทย์
และพยาบาลในเมือง เป็นต้น นอกจากนีค้ นไทยยงั มีความเสี่ยงท่ีจะป่ วยด้วยโรคไม่ตดิ ตอ่ เรือ้ รังเพิ่มมาก
ขนึ ้ อนั เน่ืองมาจากวถิ ีชีวติ ประจาวนั ที่เปลี่ยนแปลงไป
(7) ปัจจุบันกิจกรรมนันทนาการของวัยรุ่นไทยนัน้ ส่งผลกระทบ ต่อ
ชุมชนและสาธารณะชนเพิ่มมากขึน้ เน่ืองจากการเลียนแบบซีกโลกตะวันตกท่ีมีพฤติกรรมในการ
แสดงออกถึงอตั ลกั ษณ์ความเป็ นตวั ตนและความต้องการของแตล่ ะบคุ คลอย่างอิสระเสรี ทาให้นิยาม
ของคาวา่ ความสขุ แตล่ ะบคุ คลแตกตา่ งกนั โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ในเดก็ และเยาวชนท่ีมีวฒุ ิภาวะน้อย ย่อม
ได้รับผลกระทบมาก เชน่ การแขง่ รถ การใช้ความรุนแรง เป็นต้น
(8) การเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีทาให้ผ้คู นมีความรู้
เพิ่มขึน้ ตามไปด้วย สังคมในยุคท่ีเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนในการดาเนินชีวิต ผู้คนตอบสนองต่อการ

130 | GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา

เปลี่ยนแปลงนีโ้ ดยการสื่อสารกนั ผา่ นทางโลกเสมือนจริง จึงเกิดเป็ นสงั คมกลางอากาศขนึ ้ แตส่ ่ิงนีส้ ง่ ผล
ให้การปฏิสมั พนั ธ์ของผ้คู นในโลกแห่งความเป็ นจริงน้อยลง สาหรับผ้ทู ี่ไม่มีภูมิค้มุ กันและไม่สามารถ
แยกแยะส่ิงดไี ด้ด้วยตนเอง จะตกอยใู่ นภาวะเส่ียง ประกอบกบั หากครอบครัวใดที่พอ่ แม่ไม่เข้าใจและไม่
เข้าถึงโลกเสมือนจริงนนั้ อาจมองกิจกรรมที่ลกู เข้าไปร่วมในโลกออนไลน์ในทางลบ ทาให้เกิดชอ่ งวา่ งใน
ครอบครัวและเกิดความเหล่ือมลา้ ในการเข้าถงึ เทคโนโลยี

(9) การเคลื่อนย้ายแรงงานจากภาคสู่ภาค และจากประเทศเพ่ือนบ้านเข้าสู่
ประเทศไทย พร้อมกบั แรงงานไทยเคล่ือนย้ายออกนอกประเทศส่งผลให้เด็กและเยาวชนต้องปรับตวั กับ
วฒั นธรรมที่หลากหลายหรือพหวุ ฒั นธรรม และมีความจาเป็ นที่จะต้องเข้าใจเพื่อที่จะได้อย่ใู นสงั คมได้
อยา่ งสมานฉนั ท์

3) บริบทด้านสงิ่ แวดล้อม
(1) คา่ ดชั นีอีพีไอ (Environmental Performance Index: EPI) ชีใ้ ห้เห็น

ว่าทรัพยากรความหลากหลายทางชีวภาพ และจานวนผืนป่ าในประเทศมีแนวโน้มลดลงอย่างตอ่ เนื่อง
คณุ ภาพของแมน่ า้ สายหลกั มีความเสื่อมโทรมลง ปริมาณขยะมลู ฝอยในประเทศเพิ่มขนึ ้ ทกุ ปี รวมไปถึง
มีปริมาณของเสียอนั ตรายเพ่ิมมากขนึ ้ การเปล่ียนแปลงด้านสิ่งแวดล้อมดงั กล่าวส่งผลให้ ทรัพยากรณ์
ธรรมชาติท่ีเคยมีอยู่มากมายแทบไม่เหลือให้คนรุ่นต่อไป (พัชราภา ตันติชูเวช, 2560, หน้า85-99)

การเปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็วของโลกยุคดิจิทัล ทาให้ความต้องการ
แรงงานเปล่ียนแปลงไป เชน่ เดยี วลกั ษณะของพลเมืองท่ีพงึ ประสงค์ของโลกปัจจบุ นั นกั ศกึ ษาซง่ึ จะเป็ น
บัณฑิตแห่งมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทาในเวลาอีกไม่ก่ีปี ข้ างหน้ า ควรตระหนักถึงความ
เปล่ียนแปลงนีแ้ ละเตรียมตวั ให้พร้อมสาหรับการเป็นบณั ฑติ ที่เป็นพลเมืองคณุ ภาพตอ่ ไป

8.2 การเป็ นบัณฑิตในฐานะประชากรของโลก (Global citizens)

การเป็นประชาคมโลกหรือพลเมืองโลก หมายถึงการมีบทบาท หน้าท่ีความรับผิดชอบที่เก่ียวข้อง
ในฐานะสมาชกิ ของสงั คมทงั้ ในระดบั ท้องถ่ิน ประเทศ และระดบั โลก ตลอดจนการมีสว่ นร่วมรับผิดชอบ
ในฐานะพลเมืองท่ีดขี องสงั คมท่ีคานงึ ถงึ สิทธิมนษุ ยชนและอดุ มการณ์ประชาธิปไตย

โลกในปัจจุบนั ผู้คนมีความเชื่อมโยงระหว่างกันเพิ่มมากขึน้ ไม่ว่าจะเป็ นในด้านเศรษฐกิจ การ
คมนาคมรวมไปถึงเร่ืองอ่ืน ๆ วิธีที่ดีที่สุดสาหรับการตอบสนองตอ่ สิ่งนีค้ ือการแสวงหาเส้นทางแห่งการ
เป็ นประชากรโลก ประชากรโลกควรมองว่าตวั เราเป็ นส่วนหน่ึงของชมุ ชนโลกท่ีเกิดขึน้ ใหม่และควรมี
ความมงุ่ มนั่ ท่ีจะชว่ ยสร้างคณุ คา่ ให้กบั โลกใบนี ้

8.2.1 การเป็นประชากรท่ีดมี ีคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ดงั นี ้ (Oxfam, 2013)
8.2.1.1 ตระหนกั ถงึ โลกและมีความรู้สกึ ถงึ บทบาทของตวั เองในฐานะที่เป็นพลเมืองโลก
8.2.1.2 เคารพและเข้าใจในความแตกตา่ งหลากหลาย

GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา | 131

8.2.1.3 เข้าใจวา่ ระบบเศรษฐกิจ การเมือง และสงั คมของโลกดาเนนิ ไปอยา่ งไร
8.2.1.4 พยายามลดความไมเ่ ป็นธรรมในสงั คม
8.2.1.5 มีสว่ นร่วมในชมุ ชนตงั้ แตร่ ะดบั เลก็ ไปถึงระดบั ใหญ่
8.2.1.6 เตม็ ใจท่ีจะทาให้โลกเป็นสถานท่ีเทา่ เทียมกนั มากขนึ ้ และยง่ั ยืน
8.2.1.7 มีความรับผดิ ชอบในทกุ การกระทาของตนเอง
นอกจากการเป็ นประชากรที่ดีของประเทศแล้ว โลกในยคุ ปัจจุบนั ซ่ึงกล่าวได้ว่าเป็ นโลกไร้
พรมแดน ยงั ต้องการการเป็นพลเมืองโลกที่ดดี ้วย การจะเป็นพลเมืองโลกมีวิธีดงั นี ้(Kosmos, 2012)
8.2.2 ตระหนกั ถงึ การเป็นสว่ นหนงึ่ ของโลกและการที่โลกเป็นส่วนหนง่ึ ของเรา
เราทกุ คนเป็ นส่วนหน่ึงของโลกได้จากการรับรู้และการมีส่วนร่วมในการเสนอความคิด เพ่ือ
แก้ไขปัญหาตา่ ง ๆ ท่ีเกิดขนึ ้ ผา่ นทางอนิ เตอร์เน็ต ทวั่ โลกและรู้วา่ มนั จะสง่ ผลกบั เราอยา่ งไร
8.2.3 เข้าใจถึงความหมายของชมุ ชนขยาย
การท่ีประเทศและประชาชนทวั่ โลกในปัจจบุ นั เชื่อมตอ่ กนั ทางใดทางหน่ึงเช่น การค้า ความ
ร่วมมือ ความชว่ ยเหลือ หรืออดุ มการณ์ แสดงให้เห็นว่าในปัจจบุ นั เราทกุ คนเป็ นส่วนหน่งึ ของประชาคม
โลกที่เกิดขนึ ้ ใหม่ ในขณะเดียวกันเราก็ยงั เป็ นสมาชิกของชมุ ชนเดมิ และหากมองในภาพกว้างขนึ ้ วา่ เรา
คือสว่ นหนงึ่ ของโลกด้วย
8.2.4 ตระหนกั ถึงคณุ คา่ ของชมุ ชนโลก
ปัจจุบนั สงั คมต่าง ๆ ในโลกกาลงั ตระหนกั ถึงเร่ืองสิทธิมนุษยชน ศาสนา การดแู ลป้ องกัน
ส่ิงแวดล้อม การลดปัญหาความยากจน การเตบิ โตทางเศรษฐกิจที่ยงั่ ยืน การกาจดั อาวธุ ที่มีอานภุ าพใน
การทาลายล้างสูง การป้ องกันความขดั แย้งระหว่างประเทศ ความช่วยเหลือด้านมนษุ ยธรรม และการ
ยอมรับความหลากหลายทางวฒั นธรรมของโลก อนั สืบเน่ืองมาจากแนวคิดท่ีวา่ ทกุ ชมุ ชนล้วนแล้วแตม่ ี
คณุ คา่ ในตวั เอง ชมุ ชนโลกก็เชน่ กนั คณุ คา่ ของชมุ ชนโลกนนั้ จะสะท้อนให้เห็นถึงอดุ มคตทิ างศีลธรรมที่
คนสว่ นใหญ่เชื่อวา่ เป็นพืน้ ฐานสาหรับการดารงอยขู่ องมนษุ ย์
8.2.5 รับรู้และตระหนกั ถงึ นโยบายโลกที่เป็นสากล
ในปัจจุบนั มีองค์กรเกิดขึน้ มากมายเพื่อทาหน้าที่สร้ างกฎระหว่างประเทศความสมั พนั ธ์ระหว่าง
ประเทศ มีนโยบายและโครงการท่ีถกู พฒั นาขนึ ้ เพื่อช่วยควบคมุ ชมุ ชนที่เกิดขึน้ ใหม่ของโลกผ่านการทา
สนธิสญั ญาระหวา่ งประเทศ อาทิ การห้าม การแพร่กระจายของอาวธุ นิวเคลียร์ หรือกฎระเบียบของการ
บริหาร และข้อบงั คบั อินเทอร์เน็ต ซงึ่ เราเองจะต้องเรียนรู้เกี่ยวกบั นโยบายและเหล่านีเ้พ่ือรู้ถึงกฎระหวา่ ง
ประเทศ
8.2.6 มีสว่ นร่วมกบั องคก์ รท่ีพยายามจะปกป้ องโลก
ในฐานะพลเมืองโลกเราควรเรียนรู้และพยายามมีส่วนร่วมกับองค์กรต่าง ๆ ที่กาลงั กาหนด
นโยบายเพ่ือสร้างชมุ ชนโลกให้มีความมนั่ คงแขง็ แรง องค์กรดงั กลา่ วรวมไปถงึ หนว่ ยงานระหวา่ งประเทศ

132 | GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา

ด้วย เช่นสหประชาชาติและกองทนุ การเงินระหว่างประเทศ ศาลทางกฎหมาย เช่นศาลโลกและศาล
อาญาระหว่างประเทศ สมาคมวิชาชีพระหว่างประเทศ เช่นสหพันธ์นักบญั ชีระหว่างประเทศหรือ
องค์การการบนิ พลเรือนระหวา่ งประเทศ เป็ นต้น เราควรชว่ ยกนั เป็ นหเู ป็ นตาตรวจสอบให้แนใ่ จว่าพวก
เขาปฏิบตั งิ านตามคา่ นยิ มที่เราเห็นวา่ สาคญั

8.2.7 มีสว่ นร่วมในการเปลี่ยนแปลงโลก
ในฐานะพลเมืองโลกเราจาเป็ นต้องร่วมมือกนั เพ่ือแสดงให้เห็นถึงความจริงท่ีว่า ผ้คู นทว่ั โลก

แบง่ ปันมมุ มองร่วมกนั องค์กร Global Citizens' Initiative (TGCI) เป็ นองค์กรท่ีให้ข้อมลู และโอกาส
สาหรับประชาชนทวั่ โลกในการเข้าร่วมและสนบั สนุนการเปล่ียนแปลงด้วยวิธีการลงช่ือคาร้อง การเข้า
ร่วมการสาธิตการรับบริจาคเงิน และการสารวจวิธีอ่ืน ๆ ในเรื่อง เช่นสิทธิมนุษยชน การคุ้มครอง
ส่งิ แวดล้อม และการปราบปรามอาวธุ ท่ีมีอานาจทาลายล้างสงู เป็ นต้น ดงั นนั้ เราจึงควรเข้าร่วมลงชื่อคา
ร้องในเรื่องที่เหน็ ด้วย เพ่ือเป็นสว่ นหนง่ึ ในการเปล่ียนแปลงโลก

8.2.8 ตรวจสอบให้แนใ่ จวา่ นโยบายภายในประเทศของเราสอดรับและสง่ เสริมกบั คา่ นิยมทว่ั โลก
นอกจากการเป็ นพลเมืองของประเทศท่ีเกิดและอาศยั อย่แู ล้วนนั้ เรายงั เป็ นพลเมืองโลกอีก

ด้วย ดงั นนั้ จึงจาเป็ นต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่านโยบายภายในประเทศของเราสนบั สนุนการสร้างและ
การแก้ปัญหาระดบั โลกอยา่ งเทา่ เทียม เพื่อแก้ไขปัญหาท่ีเกิดขนึ ้ ในโลกและมีวิธีการแก้ไขปัญหาท่ีใช้งาน
ได้กบั ทกุ ประเทศ เพ่ือให้ได้ผลลพั ธ์ดงั กล่าวข้างต้น เราจึงควรทาให้รัฐบาลรู้ว่าเรารู้สึกอย่างไรโดยการ
สนบั สนนุ ผ้นู าท่ีต้องการให้ประเทศมีสว่ นร่วมกบั โลกไมใ่ ชแ่ ยกออกจากกนั

8.2.9 มีสว่ นร่วมกบั องคก์ รที่สร้างชมุ ชนโลก
ปัจจบุ นั มีองคก์ รมากมายท่ีให้ความสาคญั กบั ชมุ ชนโลกที่เกิดใหม่ เช่น องค์กรพฒั นาเอกชน

เครือข่ายดาเนินการทั่วโลก สมาคมวิชาชีพระหว่างประเทศ บริษัทข้ามชาติและอื่น ๆ องค์กรเหล่านี ้
ทางานเกี่ยวกับปัญหาที่เกี่ยวข้องกับคุณค่าของชุมชนโลกของเราตงั้ แต่เรื่องสิทธิมนุษยชนไปจนถึง
ศิลปะและวัฒนธรรมโลกเราควรเลือกองค์กรที่เราสนใจและเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ กบั องค์กรเหล่านี ้
เพ่ือที่จะเป็นสว่ นหนงึ่ ในการร่วมสร้างชมุ ชนโลก

8.2.10 รักษาวิถีชีวติ ท่ีสนบั สนนุ การพฒั นาอยา่ งยง่ั ยืนทวั่ โลก
การเปลี่ยนแปลงของส่ิงแวดล้อมให้ข้อคิดมากมายเก่ียวกบั วิถีชีวิตและพฤติกรรมประจาวนั

ที่ส่งผลกระทบตอ่ คณุ ภาพชีวิตบนโลก ไม่ว่าจะเป็ นประเภทของการขนส่งที่เราใช้ วิธีที่เราให้ความร้อน
หรือทาให้บ้านของเราเย็นสบาย ประเภทของเสือ้ ผ้าที่เราสวมใส่ รวมไปถึงอาหารที่เรารับประทาน ล้วน
แต่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของเราทัง้ นัน้ ดังนัน้ ในฐานะพลเมืองโลก เราจาเป็ นต้องนาพฤติกรรมท่ี
รับผิดชอบตอ่ สง่ิ แวดล้อมมาใช้ในการดาเนินชีวิตของเรา

GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา | 133

8.2.11 สนบั สนนุ โลกศลิ ปะ ดนตรี และวฒั นธรรม
พลเมืองในแตล่ ะมมุ โลกนนั้ มีศลิ ปะและวฒั นธรรมที่แตกตา่ งกนั ออกไป เราจึงควรเรียนรู้

วธิ ีการท่ีวฒั นธรรมตา่ ง ๆ ใช้ในการแสดงออกถงึ จติ วญิ ญาณของมนษุ ย์

8.3 การเป็ นบัณฑิตในฐานะประชากรของประเทศ

ปัจจบุ นั ประเทศไทยกาลงั อยใู่ นชว่ งของการพฒั นาประเทศตามแนวโมเดลประเทศไทย 4.0 ที่เน้น
ในเร่ืองการปรับเปล่ียนเศรษฐกิจแบบเดิมไปส่เู ศรษฐกิจที่ขบั เคล่ือนด้วยวฒั นธรรม จากการขบั เคลื่อน
ด้วยภาคอุตสาหกรรมไปส่กู ารขบั เคลื่อน ด้วยเทคโนโลยีและความคิดสร้างสรรค์และการปรับเปลี่ยน
จากภาคการผลิตสินค้าไปสภู่ าคการบริการ ด้วยเหตนุ ีเ้อง ทนุ มนษุ ย์ จึงถือเป็ นท่ีปัจจยั สาคญั ในการชว่ ย
ขบั เคลื่อนประเทศไปในแนวทางประเทศไทย 4.0

ในโลกท่ีมีการเปล่ียนแปลงไปอย่างรวดเร็วดงั เช่นในปัจจบุ นั ส่งผลให้การแข่งขนั ในสงั คมสูงขึน้
ตามไปด้วย จากการศกึ ษาเรื่อง “การอุดมศกึ ษาที่เอือ้ ต่อการพฒั นาทกั ษะและงานวิจยั เพ่ือขบั เคล่ือน
การเติบโตทางเศรษฐกิจในเอเชียตะวนั ออก” พบว่า ผ้ปู ระกอบการเน้นยา้ ถึงการท่ีแรงงานขาดแคลน
ทักษะทางด้านความคิดสร้ างสรรค์และทักษะการแก้ ปัญหา ทักษะด้านพฤติกรรมต่าง ๆ เช่น
การส่ือสาร การเจรจาตอ่ รอง การทศั นคตดิ ้านการทางาน และทกั ษะทางเทคนิค รวมถึงการขาดความรู้
เชิงปฏิบตั ิที่เกี่ยวข้องกับงานที่ทา ความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และทักษะการใช้คอมพิวเตอร์
นอกจากนีย้ งั มีทกั ษะภาษาองั กฤษซงึ่ ยงั เป็นจดุ ออ่ นสาคญั ของแรงงานทว่ั ทงั้ ภมู ภิ าค

จากการศกึ ษาวจิ ยั การเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงานในรอบทศวรรษท่ีผา่ นมาและทานายความ
ต้องการของตลาดแรงงานในอีก 5 ปี ข้างหน้า พบวา่ จะมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาทาหน้าที่แทนมนษุ ย์
สง่ ผลให้กระบวนการผลิตสินค้าและบริการจะเปลี่ยนแปลงไป หากผ้ปู ระกอบการไม่สามารถปรับตวั ได้
หรือแรงงานไมม่ ีทกั ษะท่ีสอดคล้องกบั เทคโนโลยีท่ีเปลี่ยนแปลงนี ้ จะส่งผลให้กิจการต้องปิ ดตวั ลงเป็ น
จานวนมาก โดยผลสารวจฉบบั นีพ้ บวา่ ทกั ษะแรงงานที่นายจ้างต้องการสงู สดุ 10 อนั ดบั แรกได้แก่

1) ทกั ษะการแก้ไขปัญหาท่ีซบั ซ้อน
2) ทกั ษะการคดิ วิเคราะห์
3) ความคดิ สร้างสรรค์
4) ทกั ษะการบริหารจดั การบคุ คล
5) ทกั ษะการทางานร่วมกบั ผ้อู ื่น
6) ทกั ษะการมีวฒุ ิภาวะทางอารมณ์
7) ทกั ษะการตดั สนิ ใจ
8) การมีใจรักบริการ
9) ทกั ษะการเจรจาตอ่ รอง

134 | GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา

10) ความยืดหยนุ่ ทางความคดิ (พชั ราภา ตนั ตชิ เู วช, 2560, หน้า 82)

นอกจากทักษะแรงงานที่นายจ้ างต้ องการแล้ วนัน้ อีกสิ่งหน่ึงท่ีนายจ้ างจะใช้ ประกอบ
การตดั สินใจเพื่อท่ีจะวา่ จ้างแรงงานก็คือ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ โดยคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ของ

แรงงานในโลกศตวรรษที่ 21 จะถกู แบง่ ออกเป็น 4 ด้านได้แก่

8.3.1 คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ทางด้านร่างกายและจติ ใจ

8.3.1.1 ความสามารถในการดแู ลร่างกายและจิตใจของตนเองให้เข้มแข็งสมบรู ณ์

ทัง้ ความฉลาดทางสติปัญญา ความฉลาดทางอารมณ์ และความฉลาดทางด้านจริยธรรมอย่าง

เหมาะสมตามชว่ งวยั

8.3.1.2 มีความอดทนในการใช้ชีวิต รวมไปถึงมีความสามารถในการฝ่ าฟัน

อปุ สรรคอยา่ งเหมาะสมตามชว่ งวยั

8.3.1.3 มีสขุ ภาพจิตที่ดีและมีความสขุ กบั การใช้ชีวติ ประจาวนั

8.3.2 คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ทางด้านความรู้และทกั ษะ

8.3.2.1 รักการเรียนรู้สิง่ ตา่ ง ๆ ด้วยตวั เองตลอดชีวติ รักการอา่ น

8.3.2.2 มีความรู้และมีทกั ษะการคิดในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การคิดวิเคราะห์คิด

สร้างสรรค์ คดิ แบบองค์รวม คดิ แบบบรู ณาการอยา่ งเป็นระบบ มีกระบวนการคดิ ที่เป็นวทิ ยาศาสตร์

8.3.2.3 มีทกั ษะในการมีชีวิตรอด เช่น ทกั ษะและความรู้ในการดแู ลสุขภาพของ

ตนเอง

8.3.2.4 มีทักษะ ความรู้ในการใช้ ชีวิตและประกอบอาชีพ เช่น ทักษะใน

การปฏิเสธ ทกั ษะในการควบคมุ อารมณ์ทางเพศ ความรู้ในการป้ องกนั ตนเองให้หา่ งไกลจากยาเสพติด

ความรู้ทางภาษา ทกั ษะการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า

8.3.2.5 ความรู้และทกั ษะในการเป็นผ้ปู ระกอบการ

8.3.2.6 มีความรู้ในเทคโนโลยีสารสนเทศ สามารถใช้เทคโนโลยีเป็ นสว่ นหน่งึ ของ

ชีวติ ได้

8.3.2.7 รู้เทา่ ทนั สื่อ และเลือกใช้สื่อได้อยา่ งเหมาะสม

8.3.2.8 ทักษะทางสังคมและการอยู่ร่วมกับผู้อ่ืนในสังคมพหุสังคมและพหุ

วฒั นธรรมได้ เชน่ มีความสามารถในการทางานเป็ นทีม มีความสามารถในการเจรจาและส่ือสารเพ่ือลด

ความขดั แย้งในสงั คม

8.3.2.9 มีความสามารถในการควบคมุ ตนเอง สามารถจดั การควบคมุ และยบั ยงั้

ชง่ั ใจตนเองได้

8.3.2.10 มีความรู้เชงิ สหวทิ ยาการ รู้กว้าง รู้ไกล รู้ลกึ ในสาขาวชิ าท่ีถนดั

GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา | 135

8.3.3 คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงคท์ างด้านเจตคตแิ ละคา่ นยิ ม
8.3.3.1 มีความกล้าหาญทางคณุ ธรรมและจริยธรรมในการใช้ชีวิตประจาวนั เชน่

กล้าท่ีจะปฏิเสธการทจุ ริต คอร์รัปชนั ในทกุ รูปแบบ
8.3.3.2 เจตคติและค่านิยมในการเป็ นพลเมืองของประเทศไทยและพลเมือง

ดจิ ทิ ลั ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย
8.3.3.3 การดาเนินชีวิตตามหลกั เศรษฐกิจพอเพียงภายใต้ระบบทนุ นิยม
8.3.3.4 การมีจติ สานกึ และความภมู ใิ จในสถานท่ีท่ีตนเองอาศยั อยู่
8.3.3.5 การมีเจตคติและค่านิยมท่ีถูกต้องในการเตรียมตนและการประกอบ

อาชีพ
8.3.3.6 ยดึ มนั่ ในคณุ ธรรม จริยธรรม และวฒั นธรรมไทย สามารถนาหลกั ธรรมมา

ใช้ในชีวติ ประจาวนั ได้
8.3.3.7 เห็นคุณค่าของการพัฒนาตนเองและสามารถจัดสมดุลในชีวิตให้มี

ความสขุ ได้
8.3.3.8 เหน็ แก่ประโยชน์สว่ นรวมมากกวา่ ประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง

8.3.4 คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ทางด้านการแสดงออกตอ่ สงั คม
8.3.4.1 มีความสามารถในการดารงชีวิตและสามารถปรับตวั ให้เข้ากับผู้อ่ืนท่ีมี

วฒั นธรรมและศาสนาที่หลากหลาย รวมถึงการปรับตวั ต่อการเปล่ียนแปลงที่เกิดขึน้ อย่างรวดเร็วใน
ศตวรรษที่ 21

8.3.4.2 การมีความเป็ นมนุษย์ที่สมบูรณ์ในการใช้ชีวิตในศตวรรษท่ี 21 เช่น
มีความเอือ้ เฟื อ้ เผ่ือแผ่ สามคั คี ปรองดอง ซื่อสตั ย์ ขยนั หมน่ั เพียร มีระเบียบวินยั มีอาชีพสจุ ริต ช่วยเหลือ
บคุ คลอ่ืน เสียสละ เป็นต้น

8.3.4.3 การมีจิตสานึกสาธารณะ คานึงถึงสิ่งแวดล้อม เป็ นพลเมืองท่ีตื่นตวั เป็ น
ทงั้ ผ้รู ับและผ้ใู ห้กบั สงั คม

8.3.4.4 เคารพกฎหมาย ปกป้ องสิทธิของตนเองและเคารพสิทธิของผ้อู ื่น สามารถ
ดแู ลรับผิดชอบตนเอง ผ้อู ่ืน และสว่ นรวมได้

8.3.4.5 มีความสามารถในการดแู ลคนเอง ครอบครัว และสงั คมได้
8.3.4.6 มีความสามารถในการควบคุมอารมณ์ด้านต่าง ๆ ของตนเอง และ
แสดงออกในสงั คมได้อยา่ งเหมาะสม (พชั ราภา ตนั ตชิ เู วช, 2560, หน้า 119-123)

136 | GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา

นอกจากทักษะที่สาคญั ของการเป็ นแรงงานที่มีคณุ ภาพในศตวรรษที่ 21
แล้ว ประเทศไทยในยุคเปล่ียนผ่านทงั้ ในแง่ของสังคม การเมืองและเศรษฐกิจยังต้องการความเป็ น
พลเมืองที่ดดี ้วย คณุ ลกั ษณะพลเมืองท่ีดีของประเทศชาตคิ วรมีคณุ ลกั ษณะดงั นี ้(ทองใบ ธีรานนั ทางกรู , 2561)

1) เคารพกฎหมายและปฏิบัติตามกฎระเบียบข้อบังคับของสังคม เมื่อ
พลเมืองทุกคนปฏิบตั ิตามกฎระเบียบ ข้อบงั คบั ของสังคม และบทบญั ญัติของกฎหมาย เช่น ไม่ล่วง
ละเมดิ สิทธิของผ้อู ่ืนหรือไมท่ าความผิดตามที่กฎหมายกาหนด ก็จะทาให้รัฐไม่ต้องเสียงงบประมาณใน
การป้ องกันปราบปรามและจบั กมุ ผ้ทู ี่กระทาความผิดมาลงโทษ นอกจากนีย้ งั ทาให้สงั คมมีความเป็ น
ระเบียบสงบสขุ ทกุ คนอยรู่ ่วมกนั อยา่ งสมานฉนั ท์ ไมห่ วาดระแวงคดิ ร้ายตอ่ กนั

2) เป็นผ้มู ีเหตผุ ลและรับฟังความคดิ เหน็ ของผ้อู ื่น เราทกุ คนย่อมมีอิสรภาพ
เสรีภาพในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหวา่ งกนั ซงึ่ การรู้จกั ใช้เหตผุ ลในการดาเนินงานจะทาให้ช่วย
ประสานความสมั พนั ธ์ ทาให้เกิดความเข้าใจอนั ดงี ามตอ่ กนั

3) ยอมรับมติของเสียงส่วนใหญ่ เม่ือมีความขัดแย้งกันในการดาเนิน
กิจกรรมอนั เกิดจากความคดิ เหน็ ท่ีแตกตา่ งกนั และจาเป็นที่จะต้องตดั สนิ ปัญหาโดยการใช้เสียงข้างมาก
เข้าชว่ ย หากมตสิ ว่ นใหญ่ตกลงวา่ อยา่ งไร ถึงแม้วา่ จะไมต่ รงกบั ความคดิ เห็นส่วนตวั ของเราก็ต้องปฏิบตั ิตาม

4) เป็ นผู้นา มีนา้ ใจ มีประชาธิปไตยและเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมผู้ท่ีมี
ความเป็ นประชาธิปไตยจะต้องมีความเสียสละในเรื่องท่ีจาเป็ นเพื่อผลประโยชน์ของสว่ นรวมและรักษา
ไว้ซ่ึงสงั คมประชาธิปไตย เป็ นการส่งผลต่อความมั่นคงและความก้าวหน้าขององค์กร ซึ่งสุดท้ายแล้ว
ผลประโยชน์ดงั กล่าวก็จะย้อนกลบั มาสู่สมาชิกของสงั คม เช่น การไปใช้สิทธิ์เลือกตงั้ ถึงแม้ว่าเราจะมี
อาชีพบางอย่างท่ีมีรายได้ตลอดเวลา เช่นค้าขาย แต่ก็ยอมเสียเวลาค้าขายเพื่อไปลงสิทธ์ิเลือกตัง้
บางครัง้ เราก็จะต้องมีนา้ ใจชว่ ยเหลือกิจกรรมสว่ นร่วม เชน่ การสมคั รเป็ นกรรมการเลือกตงั้ หรือสมาคม
บาเพ็ญประโยชน์สว่ นรวมเป็นต้น

5) เคารพในสิทธิเสรีภาพของผ้อู ื่น ควรรู้จกั เคารพในสิทธิเสรีภาพของผ้อู ื่น
เชน่ บคุ คลมีเสรีภาพในการพดู แสดงความคดิ เห็น แตต่ ้องไมเ่ ป็ นการพดู แสดงความคิดเห็นที่ใส่ร้ายผ้อู ื่น
ให้เสียหาย

6) มีความรับผิดชอบต่อตนเอง สงั คม ชุมชน และประเทศ ในการอยู่
ร่วมกันในสงั คมย่อมต้องมีการทางานเป็ นหมู่คณะ เมื่อมีการแบ่งหน้าท่ีความรับผิดชอบในงานนนั้ ๆ
สมาชกิ แตล่ ะคนควรนาไปปฏิบตั ติ ามท่ีได้รับหมอบหมายไว้อยา่ งเตม็ ที่

7) มีสว่ นร่วมในกิจกรรมการเมืองการปกครอง ในสงั คมประชาธิปไตย
นนั้ สมาชกิ ทกุ คนต้องมีสว่ นร่วมในกิจกรรมการเมืองการปกครอง เชน่ การเลือกตงั้ เป็นต้น

8) มีส่วนร่วมในการป้ องกัน แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ สงั คม และการเมือง
การปกครอง ชว่ ยกนั สอดสอ่ งพฤตกิ รรมการมว่ั สมุ ในสถานบนั เทิงตา่ ง ๆ ของเยาวชน ไม่หลงเช่ือข่าวลือ

GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา | 137

คากลา่ วร้ายโจมตี ไมม่ องผ้ทู ี่ไมเ่ ห็นด้วยกบั เราเป็ นศตั รู รวมถึงส่งเสริม สนบั สนนุ การแก้ไขปัญหาความ
ขดั แย้งตา่ ง ๆ ด้วยสนั ตวิ ิธี

9) มีคุณธรรม จริยธรรม และปฏิบัติตนตามหลักธรรม ถึงแม้จะไม่มี
บทลงโทษใด ๆ ก็ตาม ทกุ คนควรมีศีลธรรมไว้เป็ นหลกั ในการควบคมุ พฤติกรรมของบคุ ลให้ดาเนินไป
อยา่ งเหมาะสม

8.4 การเป็ นบัณฑิตแห่งสวนสุนันทา

มหาวิทยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทามีวิสยั ทศั น์ในการเป็ นมหาวิทยาลยั แมแ่ บบที่ดีของสงั คม ดงั นนั้
บณั ฑิตที่จบจากมหาวิทยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทา ควรต้องมีคณุ ลกั ษณะดงั นี ้

8.4.1 เป็นประชากรที่มีคณุ ภาพทงั้ ตอ่ สงั คมประเทศและสงั คมโลก
บัณฑิตแห่งมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทาควรรู้เท่าทันการเปล่ียนแปลงของโลกใน

ศตวรรษท่ี 21 มีบทบาทในฐานะสมาชิกของสงั คมทงั้ ในระดบั ท้องถ่ิน ประเทศ และระดบั โลก สิ่งสาคญั
คอื มีทกั ษะท่ีจาเป็นตอ่ การดารงชีพในศตวรรษท่ี 21 จะเห็นได้วา่ การเป็ นประชากรท่ีดีมีความสอดคล้อง
กับอัตลักษณ์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนนั ทาที่ว่า เป็ นนักปฏิบตั ิ ถนัดวิชาการ เช่ียวชาญการ
สื่อสาร ชานาญการคดิ ดงั นนั้ บณั ฑิตสวนสนุ นั ทา เมื่อจบการศึกษาออกไปแล้ว จะต้องรู้จกั ปรับตวั ให้
ทนั กบั การเปล่ียนแปลงของโลก เป็ นพลเมืองท่ีมีคณุ ภาพ เพ่ือเป็ นส่ิงแวดล้อม (ในรูปแบบของมนษุ ย์) ท่ี
ดตี อ่ โลกและสงั คม

8.4.2 มีคณุ ธรรมจริยธรรมและมีจิตสาธารณะ
เป็นผ้มู ีคณุ ธรรมจริยธรรม และใช้คณุ ธรรมนนั้ กากบั ความประพฤตขิ องตนให้เป็ นไปในทางท่ี

ถกู ต้อง เหมาะสม คานงึ ถึงสงั คมเป็ นอนั ดบั แรก และรู้จกั ปรับตวั ในการอยรู่ ่วมกบั ผ้อู ื่นได้ ยอมรับความ
แตกตา่ งในทางความคดิ เชือ้ ชาตแิ ละวฒั นธรรม ตลอดจนการมีสว่ นร่วมรับผิดชอบในฐานะพลเมืองที่ดี
ของสงั คมที่คานึงถึงสิทธิมนุษยชนและอุดมการณ์ประชาธิปไตย บณั ฑิตสวนสุนนั ทา ได้ชื่อว่าเป็ น
เพื่อนร่วมงานที่ดี จนเป็ นท่ีกล่าวขานของผ้ปู ระกอบการว่า บณั ฑิตสวนสุนนั ทาเป็ นผู้มีนา้ ใจ เอือ้ เฟื อ้
หนกั เอา เบาสู้ พร้อมที่จะเผ่ือแผก่ บั เพ่ือนร่วมงาน และคนทวั่ ๆ ไป

8.4.3 มีความรักในสถาบนั
มีความรักในมหาวิทยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทา มีความคดิ อยากท่ีจะพฒั นาและสร้างช่ือเสียง

ในทางที่ดีให้กบั มหาวิทยาลยั รักในอาจารย์ เพื่อน รุ่นพ่ี รุ่นน้องร่วมสถาบนั เดียวกนั และพร้อมที่จะให้
ความร่วมมือช่วยเหลือกนั ตลอดเวลา ชาวสวนสนุ นั ทามีศนู ย์รวมใจคือสมเดจ็ พระนางเจ้าสนุ นั ทากมุ ารี
รัตน์ พระบรมราชเทวี หรือท่ีมกั จะเรียกกนั ตดิ ปากเสมอ ๆ วา่ “ลกู พระนาง” ความรักในสมเดจ็ พระนาง
เจ้าสนุ นั ทากมุ ารีรัตน์ พระบรมราชเทวี และความผกู พนั กบั มหาวิทยาลยั ทาให้ชาวสวนสนุ นั ทามีเลือด
นา้ เงิน ชมพทู ี่เข้มข้นเสมอมา

138 | GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา

8.4.4 รู้และภมู ิใจในความเป็นสวนสนุ นั ทา
มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทาเป็ นสถาบนั การศึกษาท่ีตงั้ อยู่บนพืน้ ที่ท่ีมีประวัติความ

เป็ นมาอย่างยาวนาน บณั ฑิตแห่งสวนสุนันทาควรมีความรู้และความภาคภูมิใจในประวตั ิศาสตร์ ภูมิ
ปัญญา และมรดกทางวฒั นธรรมของสวนสนุ นั ทา การเป็ นมหาวิทยาลยั ท่ีตงั้ อยใู่ นพืน้ ที่พระราชวงั ดสุ ิต
และอุทยานสวนสุนันทาแห่งนี ้ ซ่ึงมีพระตาหนักจริงๆ ท่ียงั คงได้รับการอนุรักษ์อย่างดีมาจนปัจจุบนั
สร้างความภาคภูมิใจให้กบั ชาวสวนสนุ นั ทาเป็ นยิ่งนกั และพร้อมที่จะเผยแพร่ให้สงั คมภายนอกได้รู้จกั
ความเป็นมหาวิทยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทา

สรุป

ในยคุ ท่ีนกั ศกึ ษาเกิด เติบโตและกาลงั จะจบการศกึ ษาเป็ นบณั ฑิตออกไปเป็ นกาลงั สาคญั ในการ
พฒั นาสงั คมนนั้ เป็นโลกแหง่ ดจิ ทิ ลั ท่ีมีความเปลี่ยนแปลงอย่างมากและรวดเร็วตลอดเวลา ไม่วา่ จะเป็ น
ในด้านเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงสกู่ ารมีเอเชียเป็ นฐานสาคญั การเปล่ียนแปลงด้านสงั คมที่ประชากรมี
มากและเป็ นสงั คมผ้สู ูงอายุ ความเปล่ียนแปลงด้านส่ิงแวดล้อมท่ีสภาพภมู ิอากาศเกิดการเปลี่ยนแปลงและ เกิด
วิกฤติพลงั งาน ความเปล่ียนแปลงของโลกส่งผลตอ่ ความเปล่ียนแปลงของประเทศไทยอย่างหลีกเลี่ยง
ไม่ได้ บริบทโลกและบริบทของประเทศเรียกร้องพลเมืองท่ีมีลกั ษณะแตกต่างไปจากยุคก่อน ยคุ นีเ้ กิด
แนวคดิ เรื่องความเป็นพลเมืองของโลกท่ีต้องการการมีสว่ นร่วมของพลเมืองในระดบั สากล ขณะเดียวกนั
ประเทศไทยที่กาลงั เข้าสู่ยคุ 4.0 ก็เรียกร้ องแรงงานท่ีมีทกั ษะหลากหลายและพร้อมปรับตวั อยู่เสมอ
มหาวิทยาลยั ราชภฏั สวนสุนนั ทาต้องการบณั ฑิตที่มีคณุ ภาพ และตอบสนองกบั ความต้องการของโลก
และประเทศได้ โดยพงึ ระลึกถึงส่ิงที่มหาวิทยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทามีและแตกตา่ งจากสถาบนั อื่น นนั่
คือประวตั ศิ าสตร์อนั ยาวนานของพืน้ ที่ มรดกทางภมู ิปัญญาและวฒั นธรรมของผ้คู นทกุ รุ่นที่ได้ช่ือว่าอยู่
ในรัว้ สวนสุนันทา บัณฑิตแห่งสวนสุนันทาควรตระหนัก ภาคภูมิ รวมไปถึงพร้ อมจะช่วยสร้ างและ
เผยแพร่ชื่อเสียงของมหาวทิ ยาลยั สสู่ งั คม

GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา | 139

คาถามทบทวน

1. อะไรคือคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ในการเป็ นประชากรที่ดีของโลกยคุ ศตวรรษท่ี 21
(ยกตวั อยา่ งอยา่ งน้อย 3 ข้อ)

2. สงั คมกลางอากาศหมายถึงอะไร และสง่ ผลกระทบอยา่ งไรตอ่ สงั คมโลก
3. ทกั ษะแรงงานที่นายจ้างในโลกแหง่ ศตวรรษที่ 21 ต้องการคอื อะไร (ยกตวั อยา่ งอยา่ งน้อย 3 ข้อ)
4. อะไรคอื ปัจจยั ที่สาคญั ของการพฒั นาประเทศตามแนวโมเดลประเทศไทย 4.0 และเพราะเหตใุ ด
5. บณั ฑติ แหง่ สวนสนุ นั ทาควรมีคณุ ลกั ษณะอยา่ งไร

140 | GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา

เอกสารอ้างองิ

ภาษาไทย
ทองใบ ธีรานนั ทางกรู . (2561). พลเมืองโลกในกระแสโลกาภวิ ัตน์. สืบค้นเมื่อ พฤษภาคม 11,

2562, จาก http://supsupra.blogspot.com/2018/06/global-citizenship.html
พชั ราภา ตนั ตชิ เู วช. (2560). เจเนอเรชนั แอลฟา : เจเนอเรชันใหม่ในสังคมไทยศตวรรษท่ี 21.

กรุงเทพฯ: จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั .
สรุ เกียรติ ธาดาวฒั นาวิทย์. (2018). คณุ ลกั ษณะบณั ฑิตที่สอดคล้องกบั การพฒั นาประเทศไทยตามแนว

“ประเทศไทย 4.0”. วารสารวิทยาลัยดุสิตธานี, 12 (2), 1-462.
ภาษาอังกฤษ
I. Ronald. (2018). What Does it Mean to be a Global Citizen? [Online]. Available from:

https://www.kosmosjournal.org/article/what-does-it-mean-to-be-a-global-citizen/
Kosmos. (2012). 10 Steps to Becoming a Global Citizen. [Online]. Available from:

https://www.kosmosjournal.org/other-article/10-steps-to-becoming-a-global-citizen/
Oxfam. (2013). What is Global Citizenship? [Online]. Available

from: https://www.oxfam.org.uk/education/who-we-are/what-is-global-citizenship
R. Grail. (2010). Consumer of Tomorrow: Insight and Observations About Generation Z

[Online]. Available from: http://thsmarketing.weebly.com
/uploads/1/3/4/2/13427817/excellent _generation_explanation.pdf.

GEN0101 ชาววงั สวนสนุ นั ทา | 141


Click to View FlipBook Version