แผนกำรจดั กำรเรยี นรู้
ระดบั มัธยมศกึ ษำตอนปลำย
ภำคเรยี นท่ี ๒ ปีกำรศึกษำ ๒๕๖๔
โดย
กศน.ตำบลสำกอ
ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอสุไหงปาดี
สานกั งานสง่ เสริมกาสรศากึนษักางนาอนกประลบดับแกลระะกทารรวศกึงษศากึ ตษาามธอธักิ ยาารศยั จงั หวดั นราธวิ าส
บันทึกขอ้ ความ
ส่วนราชการ ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอสุไหงปาดี
ท่ี ศธ๐๒๑๐.๔๐๑๓/๐๖๒๖.......................................วนั ที่ เดอื น พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๖๔
เร่ือง ขออนุมัติแผนการจัดกระบวนเรียนรู้รายสัปดาห์ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ภาคเรียนท่ี ๒ ปีการศึกษา
๒๕๖๔
เรยี น ผ้อู านวยการศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอสุไหงปาดี
๑. เรื่องเดิม ตามท่ี ผอู้ านวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาอัธยาศัยอาเภอสุไหงปาดี
ได้มอบหมายให้ครูที่ได้รับหน้าที่จัดกระบวนการเรียนรู้ตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพื้นฐาน
พ.ศ.๒๕๕๑ จัดทาแผนการจัดกระบวนการเรยี นรู้รายสปั ดาห์ และเสนอขออนุมัติทุกครั้งที่มีการจัดการเรียนการสอน
เพือ่ ให้จดั การเรยี นการสอนมปี ระสทิ ธภิ าพ นน้ั
๒. ข้อเท็จจริง ในการนี้ ข้าพเจ้า นายอาหามะ ตาเยะ ตาแหน่ง ครูกศน.ตาบลสากอ
ขออนุมัติแผนการจัดกระบวนเรียนรู้รายสัปดาห์ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ภาคเรียนท่ี ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๔
รายละเอียดดังแนบ
๓. ข้อกฎหมาย ระเบียบ คาส่ัง คาส่ังสานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการท่ี ๔๘๙/๒๕๕๑ เร่ือง
มอบให้ผู้อานวยการสถานศึกษาศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอ และผู้อานวยการ
สถานศกึ ษาศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั เขต ปฏบิ ัติราชการแทน ขอ้ ๑
๔. ข้อเสนอแนะ -
จงึ เรียนมาเพอื่ โปรดพิจารณาอนมุ ตั ิ
(นายอาหามะ ตาเยะ)
ครูกศน.ตาบล
ความเห็นผูอ้ านวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอสุไหงปาดี
อนมุ ัติ ไม่อนมุ ตั ิ
......................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .........................................
(นางหทัยกาญจน์ วฒั นสทิ ธิ์)
ผ้อู านวยการศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอสุไหงปาดี
บนั ทกึ ข้อความ
ส่วนราชการ ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาเภอสุไหงปาดี
ท่ี ศธ๐๒๑๐.๔๐๑๓/๐๖๒๗.......................................วนั ที่ เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๔
เรอ่ื ง ขออนญุ าตดาเนนิ การจัดกระบวนการเรยี นรูร้ ายสัปดาห์ ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย ภาคเรียนท่ี ๒
ปีการศึกษา ๒๕๖๔
เรยี น ผูอ้ านวยการศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอาเภอสไุ หงปาดี
๑. เรื่องเดมิ ตามที่ ผู้อานวยการศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาอัธยาศัยอาเภอสุไหงปาดี
ได้อนมุ ัตแิ ผนการจดั กระบวนการเรียนรรู้ ายสัปดาห์ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ภาคเรียนท่ี ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๔
นัน้
๒.ข้อเท็จจริง ในการน้ี ข้าพเจ้า นายอาหามะ ตาเยะ ตาแหน่ง ครูกศน.ตาบลสากอ ขออนุญาต
ดาเนินการ จัดกระบวนการเรียนรู้รายสัปดาห์ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ภาคเรียนท่ี ๒ ปีการศึกษา ๒๕๖๔
รายละเอียดดังแนบ
๓.ขอ้ กฎหมาย ระเบยี บ คาส่ัง คาสั่งสานักงานปลดั กระทรวงศึกษาธิการที่ ๔๘๙/๒๕๕๑ เร่ืองมอบ
ใหผ้ ู้อานวยการสถานศึกษาศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอ และผู้อานวยการสถานศึกษา
ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั เขต ปฏบิ ัตริ าชการแทน ขอ้ ๑
๔. ข้อเสนอแนะ -
จงึ เรียนมาเพอื่ โปรดพิจารณาอนุญาตดาเนนิ การ
(นายอาหามะ ตาเยะ)
ครกู ศน.ตาบลสากอ
ความเห็นผอู้ านวยการศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อาเภอสุไหงปาดี
อนญุ าต ไมอ่ นุญาต
............................................................................................................................. .........................................
......................................................................................................................................................................
(นางหทัยกาญจน์ วฒั นสทิ ธิ์)
ผู้อานวยการศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อาเภอสไุ หงปาดี
ก
คำนำ
แผนการจัดการเรียนรู้ ตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพื้นฐาน
พุทธศักราช 2551 พัฒนาข้ึนตามยุทธศาสตร์ และจุดเน้นการดาเนินงานการศึกษานอกระบบและการศึกษา
ตามอัธยาศัย นโยบายของรัฐบาลแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และพระราชบัญญัติการศึกษา
แห่งชาติ พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับท่ี 4) พ.ศ.2562 ตลอดจนพระราชบัญญัติส่งเสริมการศึกษา
นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย โดยมีวัตถุประสงค์ เพ่ือพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณธรรม จริยธรรม มี
สติปัญญา และมีศักยภาพในการประกอบอาชีพ การศึกษาต่อ และสามารถดารงชีวิตอยู่ในครอบครัว ชุมชน
สงั คมได้อย่างมคี วามสขุ ทั้งน้สี ถานศกึ ษาท่จี ะนาหลกั สูตรนไ้ี ปใชต้ ้องนาสาระและมาตรฐานการเรียนรู้ท่ีกาหนด
ไปพฒั นาหลกั สตู รสถานศกึ ษาให้สอดคล้องกับสภาพปัญหา ความต้องการของผู้เรียน ชุมชน/สังคม ภูมิปัญญา
ทอ้ งถน่ิ และคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงคข์ องสถานศึกษานน้ั ๆ
ในการทาแผนการจัดการเรียนรู้ ตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษา
ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ของศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอสุไหงปาดี
สาเร็จลงได้ด้วยความร่วมมือจากผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ คณะครู นักศึกษา และภาคีเครือข่าย
ที่ได้เสนอแนะความคิดเห็นอันเป็นประโยชน์อย่างดียิ่ง ในการนามาใช้ทาแผนการจัดการเรียนรู้ ตามหลักสูตร
การศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษา
ตามอัธยาศยั อาเภอสไุ หงปาดี ขอขอบคุณในความรว่ มมือมา ณ โอกาสนี้
ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธวิ าส
7 ตลุ าคม 2564
สำรบัญ ข
คำนำ หนา้
สำรบัญ ก
ข
ใบลงทะเบยี นเรียน ค
ปฏทิ ินการเรียนรู้ 1
แผนการวิเคราะห์เน้ือหาสาระการเรียนรู้ 3
แผนการจดั กระบวนการเรยี นรู้ ครง้ั ท่ี 1 9
แผนการจัดกระบวนการเรียนรู้ ครั้งที่ 2 18
แผนการจัดกระบวนการเรียนรู้ ครง้ั ท่ี 3 27
แผนการจดั กระบวนการเรียนรู้ ครง้ั ท่ี 4 38
แผนการจัดกระบวนการเรียนรู้ ครง้ั ท่ี 5 44
แผนการจดั กระบวนการเรียนรู้ ครัง้ ท่ี 6 52
แผนการจดั กระบวนการเรยี นรู้ ครง้ั ท่ี 7 58
แผนการจดั กระบวนการเรียนรู้ ครั้งท่ี 8 66
แผนการจดั กระบวนการเรียนรู้ ครง้ั ท่ี 9 73
แผนการจัดกระบวนการเรียนรู้ ครั้งที่ 10 80
แผนการจัดกระบวนการเรยี นรู้ ครัง้ ท่ี 11 86
แผนการจดั กระบวนการเรียนรู้ ครง้ั ท่ี 12 91
แผนการจัดกระบวนการเรียนรู้ ครง้ั ท่ี 13 97
แผนการจัดกระบวนการเรียนรู้ คร้งั ที่ 14 103
แผนการจดั กระบวนการเรียนรู้ ครง้ั ท่ี 15 109
แผนการจดั กระบวนการเรียนรู้ ครั้งที่ 16 115
แผนการจดั กระบวนการเรียนรู้ ครั้งท่ี 17 122
แผนการจัดกระบวนการเรยี นรู้ ครั้งที่ 18 128
แผนการจดั กระบวนการเรยี นรู้ ครัง้ ที่ 19 136
1
สัปดาห/์ วนั ท่ี ปฏทิ ินการจดั กระบวนการเรยี นรู้โดยการพบกลุ่ม ประจาภาคเรียนท่ี 2 ปีการศึกษา 256๔ 15.00-
ระดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย 16.30 น
สัปดาห์ท่ี 1
วันที่ 1 พ.ย. หลักสตู รการศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551
ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอาเภอสไุ หงปาดี
6๔ สานกั งาน กศน.จังหวดั นราธิวาส
สัปดาห์ท่ี 2
วนั ท่ี 7 พ.ย. รายวิชา/เวลา
64 08. 12.
สปั ดาหท์ ี่ 3 30- 09.00- 10.00- 11.00- 00- 13.00- 14.00-
วนั ที่ 14 พ.ย. 09.00 10.00 น 11.00 น. 12.00 น 13.00 14.00 น 15.00 น
นน
64
สปั ดาห์ท่ี 4 ปฐมนเิ ทศ จดั ทาแผนการเรยี นรรู้ ว่ มกบั ผูเ้ รยี น
วนั ที่ 21 พ.ย.
การพัฒนา การพฒั นา การพัฒนา พกั วาดฝัน กศน.ตาบลในอนาคต
64 โฮมรมู อาชพี ให้มี อาชพี ให้มี อาชีพให้มี ปฏบิ ัติตามฝัน กศน.ตาบลในอนาคต
สปั ดาห์ท่ี 5
วนั ที่ 28 พ.ย. ความม่นั คง ความมัน่ คง ความมน่ั คง สรา้ งบรรยากาศการเรยี นรู้
ศกึ ษาชมุ ชนแบบอยา่ ง
64 การพฒั นา การพฒั นา การพฒั นา
สัปดาหท์ ่ี 6 โฮมรูม อาชีพให้มี อาชีพให้มี อาชพี ให้มี สวนเศรษฐกจิ พอเพยี งตน้ แบบ
วันท่ี 5 ธ.ค.
ความมน่ั คง ความม่ันคง ความมนั่ คง
64
สัปดาห์ท่ี 7 การพฒั นา การพฒั นา การพัฒนา
วนั ที่ 12 ธ.ค. โฮมรมู ตนเอง ตนเอง ตนเอง
64 ชมุ ชน สังคม ชมุ ชน สงั คม ชมุ ชน สงั คม
สัปดาหท์ ่ี 8
วันที่ 19 ธ.ค. การพฒั นา การพฒั นา การพฒั นา
โฮมรูม ตนเอง ตนเอง ตนเอง
64
สัปดาหท์ ่ี 9 ชมุ ชน สังคม ชุมชน สังคม ชมุ ชน สงั คม
วันที่ 26 ธ.ค.
โฮมรมู เศรษฐกิจ เศรษฐกิจ เศรษฐกจิ
64 พอเพยี ง พอเพยี ง พอเพยี ง
โฮมรมู เศรษฐกจิ เศรษฐกจิ เศรษฐกิจ มารจู้ กั การออม
พอเพยี ง พอเพยี ง พอเพียง
โฮมรูม ประวตั ิศาส ประวัตศิ าส ประวตั ศิ าส เจาะลกึ การเปลย่ี นแปลงรัฐธรรมนญู
ตรช์ าติไทย ตรช์ าติไทย ตรช์ าติไทย
โฮมรูม ประวัตศิ าส ประวัติศาส ประวตั ศิ าส เรียนรูโ้ ครงงานงา่ ยๆ
ตร์ชาตไิ ทย ตรช์ าตไิ ทย ตรช์ าติไทย
2
สปั ดาห/์ วันท่ี 08. 09.00- 10.00- รายวิชา/เวลา 13.00- 14.00- 15.00-
30- 10.00 น 11.00 น. 14.00 น 15.00 น 16.30 น
สปั ดาหท์ ี่ 10 09.00 12. เรยี นรูว้ ฒั นธรรมและการดาเนนิ ชีวิตใน
วันท่ี 2 ม.ค. น 11.00- 00-
12.00 น 13.00 สงั คม
65 จาลองอาชีพตา่ ง ๆ
สัปดาห์ที่ 11 น กีฬาสรา้ งสัมพนั ธภาพ 1
วนั ที่ 9 ม.ค. กีฬาสรา้ งสมั พนั ธภาพ 2
โฮมรมู ประวตั ิศาส ประวัติศาส ประวตั ศิ าส
65 ตรช์ าติไทย ตรช์ าติไทย ตร์ชาติไทย ศึกษาพฤติกรรมของสง่ิ มีชีวติ
สปั ดาหท์ ี่ 12
วนั ท่ี 16 ม.ค. การเรียนรสู้ ู่ การเรยี นรสู้ ู่ การเรยี นรสู้ ู่ การบาเพ็ญประโยชน์
65 โฮมรมู ภยั ธรรมชาติ ภยั ธรรมชาติ ภยั ธรรมชาติ ศึกษาส่งิ มชี วี ิตใต้นา้
สัปดาหท์ ่ี 13
วนั ที่ 23 ม.ค. ๓๓๓ บา้ นของเรา
65 การเรยี นรู้สู่ การเรยี นรสู้ ู่ การเรยี นรูส้ ู่ ศกึ ษาเกษตรทฤษฎีใหม่
สัปดาห์ที่ 14 สอบปลายภาควชิ าบงั คับ
วนั ท่ี 30 ม.ค. โฮมรมู ภยั ธรรมชาติ ภัยธรรมชาติ ภยั ธรรมชาติ
65 ๓๓๓
สัปดาหท์ ี่ 15 การเรยี นรู้สู่ การเรยี นรูส้ ู่ การเรยี นรู้สู่
วันท่ี 6 ก.พ.
โฮมรูม ภยั ธรรมชาติ ภยั ธรรมชาติ ภัยธรรมชาติ
65
๓๓๓
สปั ดาหท์ ่ี 16
วนั ท่ี 13 ก.พ. การเรียนรสู้ ู่ การเรยี นรู้สู่ การเรียนรู้สู่
65 โฮมรมู ภยั ธรรมชาติ ภัยธรรมชาติ ภยั ธรรมชาติ
สัปดาห์ท่ี 17 ๓๓๓
วันท่ี 20 ก.พ.
การพัฒนา การพัฒนา การพฒั นา
65
โฮมรูม แผนและ แผนและ แผนและ
สปั ดาหท์ ี่ 18 โครงการ โครงการ โครงการ
วนั ที่ 27 ก.พ.
อาชพี อาชพี อาชพี
65
การพฒั นา การพฒั นา การพัฒนา
สัปดาหท์ ี่ ๑๙
วันที๕-๖ มี.ค. โฮมรมู แผนและ แผนและ แผนและ
โครงการ โครงการ โครงการ
65
อาชีพ อาชพี อาชีพ
การพฒั นา การพัฒนา การพัฒนา
โฮมรูม แผนและ แผนและ แผนและ
โครงการ โครงการ โครงการ
อาชีพ อาชพี อาชีพ
การพัฒนา การพัฒนา การพฒั นา
โฮมรูม แผนและ แผนและ แผนและ
โครงการ โครงการ โครงการ
อาชีพ อาชพี อาชพี
สอบปลายภาควิชาบงั คับ
3
รายวชิ า/เวลา
08. 12.
สปั ดาห์/วนั ที่ 30- 09.00- 10.00- 11.00- 00- 13.00- 14.00- 15.00-
09.00 10.00 น 11.00 น. 12.00 น 13.00 14.00 น 15.00 น 16.30 น
นน
วันท่ี๑๒ มี.ค. สอบปลายภาควชิ าเลอื ก สอบปลายภาควชิ าเลอื ก
65
3
แผนวเิ คราะหเ์ นอ้ื หาหลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบ ระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551
ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 256๔
ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อาเภอสุไหงปาดี
สัปดา สาระ/ เนือ้ หาวิชา วธิ กี ารจดั การเรียนรู้
ห์ รายวชิ า
ง่าย ยาก ยากปาน ยาก
กลาง ลึกซ้งึ
2 สาระ 1. ศกั ยภาพธรุ กจิ
การประกอบ 1.1 ความหมาย ความสาคัญและความจาเป็นของ
อาชีพ การพฒั นาอาชีพเพอ่ื ความม่ันคง
รายวิชา 1.2 ความจาเป็นของการวิเคราะห์ศกั ยภาพธุรกจิ
การพัฒนา 1.3 การวิเคราะห์ตาแหนง่ ธุรกิจ
อาชีพให้มี 1.4 การวเิ คราะหศ์ ักยภาพธุรกิจบนเส้นทางของเวลา
ความม่นั คง 2. การจัดทาแผนพัฒนาการตลาด
2.1 การกาหนดทิศทางการตลาด เป้าหมาย กลยุทธ์
ในการขยายอาชพี
2.2 การวเิ คราะห์กลยุทธ์
2.3 การกาหนดกิจกรรมและแผนการพัฒนาการ
ตลาด
3. การจดั ทาแผนพฒั นาการผลิตหรือการบริการ
3.1 การกาหนดคุณภาพผลผลิตหรอื การบริการ
3.2 การวเิ คราะหท์ ุนปัจจยั การผลติ หรอื การบริการ
3.3 การกาหนดเป้าหมายการผลิตหรือการบริการ
3.4 การกาหนดแผนกจิ กรรมการผลิต
3.5 การพัฒนาระบบการผลติ หรือการบรกิ าร
3 สาระ 4. การพฒั นาธุรกิจเชงิ รกุ
การประกอบ 4.1 ความจาเปน็ และคุณค่าของธรุ กิจเชงิ รุก
อาชพี 4.2 การแทรกความนยิ มเข้าสู่ความต้องการของ
รายวิชา ผู้บรโิ ภค
การพฒั นา 4.3 การสร้างรูปลักษณ์คุณภาพสนิ ค้าใหม่
อาชีพให้มี 4.4 การพัฒนาอาชีพให้มีความมน่ั คง
ความม่ันคง 5. โครงการพัฒนาอาชีพสคู่ วามม่นั คง
5.1 การวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของแผนการผลิต
หรือบริการ
5.2 การเขยี นโครงการพฒั นาอาชีพสูค่ วามมั่นคง
5.3 การตรวจสอบความเป็นไปได้ของโครงการ
5.4 การปรับปรงุ โครงการพฒั นาอาชีพ
4
สัปดา สาระ/ เนื้อหาวิชา วิธีการจดั การเรียนรู้
ห์ รายวิชา
งา่ ย ยาก ยากปาน ยาก
กลาง ลึกซ้งึ
4 สาระ 1. การพฒั นาตนเอง ชมุ ชน สังคม
การพฒั นา 1.1 การพฒั นาตนเอง
สังคม 1.2 การพัฒนาชมุ ชน
รายวิชา 1.3 การพัฒนาสงั คม
2. ขอ้ มลู ตนเอง ครอบครวั ชมุ ชน สงั คม
การพฒั นา
ตนเอง ชมุ ชน 2.1 ความหมาย ความสาคัญ และประโยชนข์ อง
สงั คม ขอ้ มูล
2.2 ขอ้ มูลตนเอง ครอบครัว
2.3 ข้อมูลชุมชน สงั คม
3. การจัดเก็บและวิเคราะหข์ อ้ มลู
3.1 การจัดเกบ็ ข้อมลู
3.2 การวเิ คราะห์ข้อมลู
3.3 การนาเสนอข้อมูล
5 สาระ 4. การมีส่วนร่วมในการวางแผนพัฒนาตนเอง
การพฒั นา ครอบครัว ชมุ ชน สังคม
สงั คม 4.1 การวางแผน
รายวิชา 4.2 การมีส่วนร่วมในการวางแผนพัฒนาตนเอง
การพัฒนา ครอบครัว ชุมชน สงั คม
ตนเอง ชมุ ชน 5. เทคนิคการมีส่วนร่วมในการจัดทาแผน
สังคม 5.1 เทคนิคการมีส่วนร่วมในการจดั ทาแผน
5.2 การจัดทาแผน
5.3 การเผยแพรส่ ูก่ ารปฏิบัติ
6 สาระ 1. ความพอเพียง
ทกั ษะการ 1.1 ความเปน็ มาความหมายหลักแนวคิด
ดาเนินชีวติ 1.2 ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง
รายวชิ า 1.3 การจดั การความรู้
เศรษฐกจิ 2. ชุมชนพอเพยี ง
พอเพียง 2.1 ความหมายโครงสร้างของชมุ ชน
2.2 การพัฒนาชมุ ชน
5
สปั ดาห์ สาระ/ เนอื้ หาวชิ า วธิ กี ารจดั การเรียนรู้
รายวชิ า
งา่ ย ยาก ยากปาน ยาก
กลาง ลึกซ้งึ
7 สาระ 3. การแก้ปญั หาชมุ ชน
ทกั ษะการ 3.1 ปญั หาของชมุ ชน
ดาเนินชวี ติ 3.2 การจดั ทาแผนชมุ ชน
รายวิชา 3.3 การประยุกต์ใช้เศรษฐกิจพอเพียงเพื่อแก้ไข
เศรษฐกจิ ปญั หาชมุ ชน
พอเพยี ง 4. สถานการณ์ของประเทศไทย และสถานการณ์
โลกกบั ความพอเพียง
4.1 สถานการณ์โลกปจั จบุ ัน
4.2 สถานการณพ์ ลังงานโลก กบั ผลกระทบ
เศรษฐกจิ ไทย
8 สาระ 1 ความภมู ิใจในความเป็นไทย
การพฒั นา 1.1 สถาบนั หลักของชาติ
สงั คม 1.2 บทสรุปสถาบันพระมหากษตั ริยเ์ ปน็ ศนู ยร์ วม
รายวชิ า ใจของคนในชาติ
ประวัติศาสตร์ 1.3 บญุ คณุ ของพระมหากษตั ริย์ไทยตั้งแต่สมัย
ชาตไิ ทย สุโขทยั อยธุ ยา ธนบุรี และรตั นโกสินทร
9 สาระ 2. การประยุกต์ใช้วธิ ีการทางประวตั ิศาสตร์
การพฒั นา 2.1 ความหมาย ความสาคัญ และประโยชนข์ อง
สังคม วิธกี ารทางประวัตศิ าสตร์
รายวชิ า 2.2 วธิ ีการทางประวตั ศิ าสตร์
ประวัตศิ าสตร์ 3 พระราชกรณยี กจิ ของพระมหากษตั ริย์ไทยสมัย
ชาตไิ ทย รัตนโกสนิ ทร์
3.1 พระราชกรณยี กจิ ของพระมหากษัตรยิ ์ไทยสมัย
รตั นโกสนิ ทร์
3.2 คุณประโยชนข์ องบคุ คลสาคัญ
6
สัปดาห์ สาระ/ เนื้อหาวชิ า วธิ กี ารจดั การเรยี นรู้
รายวชิ า งา่ ย ยาก ยากปาน ยาก
10 สาระ 4 มรดกไทยสมัยรตั นโกสนิ ทร์ กลาง ลึกซง้ึ
การพฒั นา 4.1 ความหมาย และความสาคัญของมรดกไทย
สังคม 4.2 มรดกไทยสมัยรัตนโกสนิ ทร์
รายวชิ า 4.3 มรดกไทยทมี่ ผี ลตอ่ การพัฒนาชาตไิ ทย
ประวตั ิศาสตร์ 4.4 การอนุรกั ษ์มรดกไทย
ชาตไิ ทย 4.5 การมีสว่ นร่วมในการอนุรักษม์ รดกไทย
5 การเปลี่ยนแปลงของชาติไทยสมัยรตั นโกสินทร์
5.1 เหตุการณส์ าคัญทางประวัติศาสตรท์ ่มี ผี ลต่อ
การพฒั นาชาติไทย
5.2 ตวั อย่างการวเิ คราะห์ และอภปิ รายเหตุการณ์
สาคัญทางประวัตศิ าสตร์ท่ีมผี ลต่อการพฒั นาชาตไิ ทย
11 สาระ ภยั แลง้
การพัฒนา 1.1 ความหมายของภยั แลง้
สงั คม 1.1.1 ความหมายของภัยแลง้
รายวิชา 1.1.2 ความหมายของฝนแลง้ ฝนทง้ิ ช่วง
การเรยี นรู้สู้ 1.2 ลกั ษณะการเกดิ ภัยแลง้
ภยั ธรรมชาติ 1.2.1 สาเหตุและปัจจยั การเกดิ ภยั แลง้
1.2.2 ผลกระทบท่ีเกิดจากภยั แล้ง
1.2.3 ห้วงเวลาการเกิดภัยแล้ง และ พ้ืนที่เส่ียงภัยต่อ
การเกิดภัยแล้งใน ประเทศไทยและประเทศต่าง ๆ ใน
ทวปี เอเชยี
1.3 สถานการณ์ภัยแล้ง
1.3.1 สถานการณ์ภัยแล้งในประเทศ ไทยและ
ประเทศในทวีปเอเชยี
1.3.2 สถติ ิการเกดิ ภัยแลง้ ของ ประเทศในทวีปเอเชยี
1.4 แนวทางการป้องกันและการ แก้ไขปัญหา
ผลกระทบทเี่ กิดจากภยั แลง้
12 สาระ วาตภยั
การพฒั นา 2.1 ความหมายของวาตภัย
สงั คม 2.1.1 ความหมายของวาตภัย
รายวิชา 2.1.2 ประเภทของวาตภยั
การเรยี นรูส้ ู้ 2.2 ลกั ษณะการเกดิ วาตภยั
ภัยธรรมชาติ 2.2.1 สาเหตแุ ละปจั จัยการเกิดวาต ภยั
2.2.2 ผลกระทบทีเ่ กดิ จาก วาตภยั
7
สัปดาห์ สาระ/ เน้ือหาวิชา วิธกี ารจัดการเรยี นรู้
รายวิชา
ง่าย ยาก ยากปาน ยาก
กลาง ลึกซ้งึ
2.2.3 พ้ืนท่ีเส่ียงภัยต่อการเกิดวาต ภัยในประเทศ
ไทยและประเทศต่าง ๆ ในทวปี เอเชีย
2.3 สถานการณ์วาตภยั
2.3.1 สถานการณ์วาตภยั ในประเทศ ไทย
และประเทศในทวีปเอเชยี
2.3.2 สถิติการเกิดวาตภัยในประเทศ ไทยและ
ประเทศตา่ ง ๆ ในทวปี
เอเชีย
1๓ สาระ อุทกภัย
การพัฒนา 3.1 ความหมายของอุทกภัย
สังคม 3.1.1 ความหมายของอทุ กภัย
รายวิชา 3.2 ลักษณะการเกิดอุทกภัย
การเรียนรูส้ ู้ 3.2.1 สาเหตแุ ละปจั จยั การเกดิ อทุ กภัย
ภัยธรรมชาติ 3.2.2 ผลกระทบทเ่ี กิดจากอุทกภยั
3.2.3 สญั ญาณบอกเหตกุ อ่ นเกิด อทุ กภยั
3.2.4 พื้นท่ีเสี่ยงภัยต่อการเกิด อุทกภัย ในประเทศ
ไทยและประเทศ ตา่ ง ๆ ในทวปี เอเชีย
3.3 สถานการณ์อุทกภัย
3.3.1 สถานการณ์อุทกภัย ใน ประเทศไทย และ
ประเทศต่าง ๆใน ทวปี เอเชยี
3.3.2 สถิติการเกิดอุทกภัย ใน ประเทศไทย และ
ประเทศตา่ ง ๆใน ทวีปเอเชยี
3.4 แนวทางการป้องกันและการ แก้ไขปัญหา
ผลกระทบทเ่ี กดิ จาก อุทกภัย
3.4.1 การเตรียมความพร้อมรับ สถานการณ์การเกิด
อุทกภยั 3.4.2 การปฏิบัตขิ ณะเกดิ อุทกภัย
3.4.3 การปฏบิ ัติตนหลังเกดิ อทุ กภัย
1๔ สาระ ดินโคลนถล่ม
การพัฒนา 4.1 ความหมายของดินโคนถลม่
สงั คม 4.1.1 ความหมายของดนิ โคนถล่ม
รายวชิ า 4.2 ลักษณะการเกิดดนิ โคนถล่ม
การเรียนรู้สู้ 4.2.1 สาเหตแุ ละปจั จัยการเกดิ ดิน โคนถล่ม
ภัยธรรมชาติ 4.2.2 ผลกระทบที่เกดิ จากดินโคน ถล่ม
4.2.3 สัญญาณบอกเหตกุ ่อนเกดิ ดิน โคนถล่ม
4.2.4 พื้นท่ีเสี่ยงภัยต่อการเกิดดิน โคนถล่มใน
8
สัปดาห์ สาระ/ เนื้อหาวชิ า วิธีการจดั การเรียนรู้
รายวชิ า
ง่าย ยาก ยากปาน ยาก
กลาง ลึกซ้งึ
ประเทศไทยและประเทศ ตา่ ง ๆ ในทวปี เอเชีย
4.3 สถานการณด์ นิ โคนถลม่
4.3.1 สถานการณ์ดินโคนถล่ม ใน ประเทศไทย และ
ประเทศ
ตา่ ง ๆในทวปี เอเชีย
4.3.2 สถิติการเกิดดินโคนถล่ม ในประเทศไทย และ
ประเทศ ตา่ ง ๆในทวีปเอเชีย
4.4 แนวทางการป้องกันและการ แก้ไขปัญหา
ผลกระทบที่เกดิ จากดิน โคนถลม่
4.4.1 การเตรียมความพร้อมรับ สถานการณ์การเกิด
ดินโคนถลม่
4.4.2 การปฏิบัตขิ ณะเกิดดินโคน ถลม่
4.4.3 การปฏิบตั ิตนหลงั เกิดดินโคน ถล่ม
๑๕ สาระ 1.ความสัมพนั ธ์ของเหตุผลของแผนและโครงการกบั
การประกอบ การมีรายได้ มเี งินออม และมีทนุ ในการาขยายอาชพี
อาชีพ 2.ความสัมพนั ธ์ของเป้าหมายของแผนและโครงการกับ
รายวิชา การมรี ายได้ มีเงนิ ออมและมีทนุ ในการขยายอาชีพ
3.ความสมั พันธ์ของวัตถุประสงค์ ของแผนและ
การพัฒนา โครงการกับการมีรายได้ มเี งินออมและมีทนุ ในการ
แผนและ ขยายอาชีพ
โครงการ
อาชีพ
4. ความสัมพันธ์ของวิธีการและขั้นตอนของแผนและ
โครงการกบั การมีรายได้ มีเงินออมและมีทนุ ในการ
ขยายอาชีพ
๑๖ สาระ 1. การทบทวนองค์ความรู้ท่ีจําเปน็ ต้องใช้ในการเรียนรู้
การประกอบ 2. การจัดลาํ ดับความสาํ คัญ/จําเป็นขององค์ความรู้
อาชพี
รายวิชา 3. การตดั สนิ ใจเลอื กความรทู้ ่ีจําเป็นต้องใช้
การพฒั นา 4. การระบคุ วามรู้และจดั ทําระบบสารสนเทศ
แผนและ 5. การแสวงหาความรู้และจดั ทาํ ระบบสารสนเทศ
โครงการ
อาชีพ
สัปดาห์ สาระ/ เน้ือหาวิชา 9
รายวิชา
วิธีการจดั การเรียนรู้
๑๗ สาระ 1. ปัจจัยการผลติ เช่น ทุนเคร่ืองมือ เพยี งพอต่อการ งา่ ย ยาก ยากปาน ยาก
การประกอบ จัดการ กลาง ลึกซ้งึ
อาชพี 2. ขน้ั ตอนการผลติ
รายวชิ า 3. ผลผลิตทีค่ าดหวังตอ่ การมีรายได้ มเี งนิ ออมและมี
การพัฒนา ทุนในการขยายอาชีพ
แผนและ
โครงการ
อาชีพ
๑๘ สาระ 1. ความต้องการผลิตภณั ฑ์และ
การประกอบ การควบคุมคณุ ภาพ
อาชพี
รายวิชา 2. ช่องทางการตลาด
การพัฒนา 3. การสง่ เสริมการขาย
แผนและ 4. การจดบนั ทึกการขาย
โครงการ
อาชีพ
9
แผนการจดั กระบวนการเรียนรู้ คร้งั ท่ี 1
เนือ้ หาการเรียนรู้ท่ี 1 เรอ่ื ง การปฐมนิเทศ
วันที่ เดือน พ.ศ. เวลา 09.00 น. - 12.00 น. ถงึ 13.00 น. - 16.00 น.
1. มาตรฐานการเรียนรู้ - การ
2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
2.1 เพ่ือให้ผู้เรียนมีความรู้ และเข้าใจ ความหมาย ความสาคัญ และการนาไปใช้เก่ียวกับ
จดั การเรยี นรู้ตามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พ.ศ.2551 ได้
2.2 เพ่อื ให้ผ้เู รียนเขา้ ร่วมกจิ กรรม กศน.ไดอ้ ย่างคล่องแคล่ว ถูกต้อง
2.3 เพ่อื ให้ผ้เู รียนมที ัศนคติทด่ี ีต่อสถานศกึ ษาและบุคลากรได้
3. สาระการเรียนรู้
3.1 โครงสร้างหลกั สตู ร
3.2 การทากิจกรรพฒั นาคณุ ภาพชีวติ
3.3 การประเมนิ คณุ ธรรมตามพฤติกรรมบง่ ชี้
3.4 เกณฑ์การจบหลกั สูตร
3.5 ค่านิยมหลัก 12 ประการ
4. ผลการเรียนรทู้ คี่ าดหวัง ตาม
4.1 ผู้เรียนรู้และเข้าใจความหมาย ความสาคัญ และการนาไปใช้เก่ียวกับการจัดการเรียนรู้
หลกั สูตรการศกึ ษานอกระบบระดับการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน พ.ศ.2551
4.2 ผูเ้ รยี นเขา้ ร่วมกจิ กรรม กศน.ได้อยา่ งคลอ่ งแคลว่ ถูกต้อง
4.3 ผ้เู รยี นมที ศั นคตทิ ีด่ ีต่อสถานศึกษาและบุคลากร กศน.
5. กิจกรรมการเรียนรู้
5.1 ขนั้ การกาหนดสภาพปัญหา (O : orientation)
ครูพบปะผู้เรียน เพื่อแนะนาสถานศึกษา ช้ีแจงรายละเอียด โครงสร้างหลักสูตร 2551 เนื้อหารายวิชาท่ี
ลงทะเบียนวิธีเรียน หลักฐานการเรยี นรู้ ปฏิทินการจัดการเรียนรู้/คู่มือผู้เรียน เพื่อให้ผู้เรียนทาความเข้าใจก่อนการ
เขา้ รบั การปฐมนิเทศ
5.2 ขัน้ การแสวงหาข้อมูลและการเรียนรู้ (N : new way of learning)
5.2.1 ครแู ละผเู้ รียนร่วมกนั ศึกษาโครงสร้างหลกั สตู ร 2551 และเกณฑก์ ารจบหลักสูตร
5.2.2 ครูและผเู้ รียนรว่ มกันจัดกจิ กรรมให้ผเู้ รียนรู้จักและคุ้นเคยกันมากขน้ึ และรู้จักครผู ู้สอน
5.2.3 ครแู ละผู้เรียนร่วมกันหารือและสรุปข้อตกลงในการเรยี นการสอนใน ภาคเรยี น 2/2562
5.2.4 ครชู ีแ้ จงชอ่ งทางการตดิ ต่อส่ือสารระหว่างครกู ับผเู้ รียนและสถานศึกษา
5.3 การปฏบิ ัติและการนาไปใช้ ( I : implementation)
5.3.1 ให้ผู้เรียนแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายในกลุ่มตามใบงานที่ได้รับ และส่งตัวแทนนาเสนอหน้าช้ัน
เรียน
5.3.2 ครแู ละผูเ้ รียนรว่ มกันสรปุ องคค์ วามรู้ร่วมกัน
5.3.3 ครใู ห้ผเู้ รยี นแบง่ กลุม่ มอบหมายงานการเรียนรู้ต่อเนือ่ ง (กรต.) ออกเป็น 4 กลมุ่
10
กลมุ่ ท่ี 1 ความหมาย ความสาคญั และความจาเป็นของการพฒั นาอาชีพเพื่อความม่ันคง
กลมุ่ ที่ 2 ความจาเปน็ ของการวเิ คราะหศ์ กั ยภาพธรุ กิจ
กล่มุ ที่ 3 การวิเคราะหต์ าแหน่งธุรกิจ
กล่มุ ที่ 4 การวเิ คราะห์ศกั ยภาพธุรกิจบนเส้นทางของเวลา
5.4 ขัน้ การประเมินผล (E : evaluation)
5.4.1 ประเมินผล จากการเรียนรู้การนาเสนอโดยใช้กระบวนการกลุ่ม การรายงาน และ การทา
ทดสอบยอ่ ย ทดสอบกอ่ นเรียน การซกั ถาม และการสงั เกต
6. สอ่ื อุปกรณ์การเรียนรู้
6.1 คู่มือผเู้ รียน / ปฏิทนิ การเรยี นรู้
6.2 สอื่ ประกอบการบรรยาย
6.3. แบบประเมนิ
7. การวัดผลประเมินผล
7.1 การมีส่วนร่วมในการรว่ มกิจกรรม
7.2 แบบประเมนิ ความพึงพอใจ
8. แหลง่ เรียนรู้
8.1 กศน.ตาบล
8.2 หอ้ งสมุดประชาชนอาเภอ
8.3 แหลง่ เรยี นในตาบล
9. ตัวช้ีวดั การเรยี นรู้
9.1 ร้อยละ 80 ของผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจความหมาย ความสาคัญ และการนาไปใช้เก่ียวกับ การ
จดั การเรียนรตู้ ามหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน พ.ศ.2551
9.2 รอ้ ยละ 80 ของผูเ้ รยี นเข้ารว่ มกิจกรรม กศน.ได้อยา่ งคล่องแคล่ว ถกู ต้อง
9.3 ร้อยละ 80 ของผ้เู รยี นมีทัศนคติทด่ี ีต่อสถานศึกษาและบคุ ลากร
ลงชือ่ ........................................................ครูผูส้ อน
(นายอาหมะ ตาเยะ)
ตาแหน่ง ครูกศน.ตาบล
ความคิดเหน็ หัวหน้างานการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
11
ลงชอ่ื ..............................................หวั หน้างานการศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน
(นางมัทมา แวนาแว)
ตาแหน่ง ครูผูช้ ่วย
ความคดิ เหน็ ผ้บู ริหารสถานศึกษา
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………….....…………………………………………………………………………………………….…
ลงชื่อ................................................ผูบ้ ริหารสถานศกึ ษา
(นางหทัยกาญจน์ วฒั นสิทธิ์)
ผูอ้ านวยการศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอาเภอสไุ หงปาดี
ขอ้ สอบก่อนเรียน / หลังเรยี น
๑. จานวนหน่วยกติ ระดับประถมศึกษา ม.ต้น และ
ม.ปลาย ตามลาดับ คอื ข้อใด?
ใหผ้ ู้เรียนขดี เครื่องหมาย x หน้าคาตอบทถี่ ูกท่ีสุด
12
ก. ๓๒ – ๕๔ – ๖๗
ข. ๓๕ – ๕๖ – ๖๗
ค. ๓๖ – ๕๖ – ๗๖
ง. ๔๘ – ๕๖ – ๗๖
๒. รายวชิ าวิทยาศาสตร์ ระดับ ม.ต้น มจี านวนหนว่ ยกิต เทา่ ใด ?
ก. ๓
ข. ๔
ค. ๕
ง. ๖
๓. จบระดับประถมศึกษาไดท้ ากิจกรรม กพช.๒๓๐ ชม. เม่อื มาเรยี นต่อ ม.ตน้ ต้องทากิจกรรม กพช.ก่ชี ั่วโมง?
ก. ๑๓๐ ชม.
ข. ๗๐ ชม.
ค. ๒๐๐ ชม.
ง. ๑๗๐ ชม.
๔. ขอ้ ใดไมใ่ ช่เกณฑ์การจบหลักสตู ร?
ก. ผ่านการประเมินกจิ กรรมพฒั นาคุณภาพชีวิต
ข. ผา่ นการประเมินการอา่ น คดิ วิเคราะห์
ค. เข้ารับการประเมินคุณภาพการศึกษาระดบั ชาติ
ง. ไดร้ บั การตัดสินผลการเรยี นผ่านครบตามโครงสรา้ งหลักสตู ร
๕. ขอ้ ใดเปน็ หลักการจัดกจิ กรรมพฒั นาคุณภาพชวี ิต?
ก. จดั ให้ผู้เรยี นลงทะเบยี นในภาคเรยี นแรก
ข. จัดให้ผู้เรยี นย่นื คารอ้ งขอทากิจกรรม
ค. นาความรแู้ ละประสบการณม์ าเทียบโอน
13
ง. ถูกทกุ ข้อ
๖. ทาไมต้องมีการเทียบโอนผลการเรยี น?
ก. ผู้เรยี นตอ้ งการ
ข. กฎหมายกาหนด
ค. หลกั สตู รกาหนด
ง. สถานศกึ ษาต้องการ
๗. การกาหนดสดั ส่วนคะแนนระหว่างภาคเรียนต่อปลายภาคเรยี นตามที่สานักงาน กศน. กาหนด คอื ขอ้ ใด?
ก. ๓๐ – ๗๐
ข. ๔๐ – ๖๐
ค. ๖๐ – ๔๐
ง. ๗๐ – ๓๐
๘. ข้อใดเป็นคณุ ธรรมเบ้ืองต้นเพ่ือการพัฒนาตนเอง?
ก. ขยัน ประหยดั
ข. สะอาด สุภาพ
ค. สามคั คี มีนา้ ใจ
ง. ซอื่ สัตย์ กตัญญูกตเวที
๙. ผ้เู รียนจะจบหลักสตู รในระดับการศึกษาจะตอ้ งผ่านการประเมินตามข้อใด?
ก. การประเมนิ การเรยี นรู้รายวชิ า
ข. การประเมินกิจกรรมพฒั นาคุณภาพชวี ติ
ค. การประเมินคณุ ธรรม
14
ง. ถกู ทุกข้อ
๑๐. นักศึกษาตอ้ งผา่ นการประเมนิ คุณธรรมระดบั ใดจึงจะจบหลกั สตู ร?
ก. ระดับพอใชข้ น้ึ ไป
ข. ระดับดขี ้นึ ไป
ค. ระดบั มากขึ้นไป
ง. ระดับใดก็ได้
เฉลย
1. ง
2. ข
3. ค
4. ข
5. ง
6. ข
7. ค
8. ก
9. ง
10. ก
ใบความรูท้ ี่ 1
สรปุ สาระสาคญั หลักสูตร กศน.51
หลกั สตู รการศึกษานอกระบบระดับการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พ.ศ. 2551
หลกั การ
หลักสตู รการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 กาหนดหลักการไว้ ดังนี้
15
1. เปน็ หลักสูตรท่มี ีโครงสรา้ งยดื หยุ่นด้านสาระการเรยี นรู้ เวลาเรียน และการจัดการเรียนรู้โดยเนน้ การบูรณา
การเน้อื หาให้สอดคล้องกับวถิ ีชวี ติ ความแตกตา่ งของบุคคล และชมุ ชน สังคม
2. ส่งเสริมใหม้ ีการเทียบโอนผลการเรยี นจากการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตาม
อัธยาศัย
3. ส่งเสรมิ ให้ผ้เู รียนได้พัฒนาและเรียนรูอ้ ย่างต่อเน่ืองตลอดชวี ติ โดยตระหนักว่าผ้เู รยี นมคี วามสาคญั สามารถ
พฒั นาตนเองได้ตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ
4. ส่งเสรมิ ใหภ้ าคเี ครือข่ายมีสว่ นรว่ มในการจัดการศึกษา
จุดหมาย
หลกั สตู รการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาขัน้ พื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 ม่งุ พัฒนาให้ผู้เรียนมคี ุณธรรม
จริยธรรม มสี ติปญั ญา มีคุณภาพชวี ติ ทีด่ ี มศี ักยภาพในการประกอบอาชีพและการเรยี นรู้อย่างต่อเนอื่ ง ซ่งึ เป็น
คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ทตี่ ้องการ จึงกาหนดจุดหมายดังต่อไปนี้
1. มคี ณุ ธรรม จริยธรรม คา่ นิยมท่ีดีงาม และสามารถอยูร่ ่วมกนั ในสงั คมอยา่ งสนั ตสิ ุข
2. มีความรู้พืน้ ฐานสาหรบั การดารงชวี ติ และการเรยี นร้อู ยา่ งต่อเนื่อง
3. มีความสามารถในการประกอบสัมมาอาชพี ให้สอดคลอ้ งกับความสนใจ ความถนัดและตามทันความ
เปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกจิ สงั คม และการเมือง
4. มที กั ษะการดาเนินชีวิตที่ดี และสามารถจดั การกับชีวติ ชุมชน สงั คม ได้อย่างมคี วามสขุ ตามปรัชญาเศรษฐกจิ
พอเพียง
5. มคี วามเข้าใจประวตั ิศาสตร์ชาติไทย ภูมใิ จในความเป็นไทย โดยเฉพาะภาษา ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี กีฬา
ภมู ิปัญญาไทย ความเปน็ พลเมืองดี ปฏิบตั ติ นตามหลักธรรมของศาสนายึดมั่นในวิถีชวี ิต และการปกครองระบอบ
ประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษตั รยิ ์ทรงเป็นประมขุ
6. มีจติ สานึกในการอนุรักษ์ และพฒั นาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม
7. เป็นบคุ คลแห่งการเรียนรู้ มที ักษะในการแสวงหาความรู้ สามารถเข้าถึงแหลง่ เรยี นรูแ้ ละบรู ณาการความรู้มา
ใชใ้ นการพัฒนาตนเอง ครอบครวั ชุมชน สังคม และประเทศชาติ
กลมุ่ เปา้ หมาย
ประชาชนทวั่ ไปท่ีไมไ่ ด้อย่ใู นระบบโรงเรียน
โครงสรา้ ง
เพ่อื ให้การจัดการศึกษาเปน็ ไปตามหลกั การ จดุ หมาย และมาตรฐานการเรยี นรู้ ทก่ี าหนดไวใ้ ห้สถานศึกษา
และภาคเี ครือขา่ ยมีแนวปฏบิ ัตใิ นการจัดหลกั สูตรสถานศกึ ษา จงึ ได้กาหนดโครงสรา้ งของหลกั สตู รการศึกษานอก
ระบบระดับการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 ไวด้ งั น้ี
1. ระดบั การศกึ ษา
ระดับการศึกษา แบ่งออกเป็น 3 ระดบั ดงั นี้คือ
1.1 ระดับประถมศึกษา
1.2 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนต้น
1.3 ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย
2. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรียนรปู้ ระกอบดว้ ย 5 สาระ ดงั นี้
2.1 สาระทักษะการเรยี นรู้ เป็นสาระเกยี่ วกบั การเรียนรดู้ ้วยตนเอง การใชแ้ หล่งเรยี นรู้ การจดั การ
ความรู้ การคดิ เป็น และการวจิ ัยอย่างงา่ ย
2.2 สาระความรู้พ้นื ฐาน เปน็ สาระเกย่ี วกบั ภาษาและการส่ือสาร คณติ ศาสตร์ วิทยาศาสตรแ์ ละ
เทคโนโลยี
2.3 สาระการประกอบอาชพี เป็นสาระเก่ยี วกับการมองเห็นช่องทาง และการตดั สนิ ใจประกอบ
16
อาชพี ทักษะในอาชพี การจดั การอาชีพอย่างมคี ุณธรรม และการพฒั นาอาชพี ใหม้ ีความมั่นคง
2.4 สาระทกั ษะการดาเนินชีวิต เปน็ สาระเกี่ยวกับปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งสุขภาพ อนามยั และ
ความปลอดภัยในการดาเนินชีวติ ศลิ ปะและสุนทรยี ภาพ
2.5 สาระการพฒั นาสงั คม เปน็ สาระเก่ยี วกบั ภมู ิศาสตร์ ประวตั ิศาสตร์ เศรษฐศาสตร์การเมอื ง
การปกครอง ศาสนา วฒั นธรรม ประเพณี หน้าท่ีพลเมอื ง และการพัฒนาตนเอง ครอบครัวชุมชน สงั คม
3. กจิ กรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต
กิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิตเปน็ กิจกรรมท่จี ัดขน้ึ เพื่อให้ผ้เู รียนพฒั นาตนเอง ครอบครวั ชุมชน สังคม
4. มาตรฐานการเรียนรู้
หลักสูตรการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 กาหนดมาตรฐานการเรียนรู้ ตามสาระ
การเรียนรทู้ งั้ 5 สาระ ท่ีเป็นขอ้ กาหนดคณุ ภาพของผูเ้ รยี น ดังน้ี
4.1 มาตรฐานการเรียนรู้การศึกษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน เปน็ มาตรฐานการเรยี นรู้
ในแต่ละสาระการเรยี นรู้ เมื่อผ้เู รยี นเรยี นจบหลกั สตู ร การศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาข้ันพืน้ ฐาน
พุทธศกั ราช 2551
4.2 มาตรฐานการเรียนรรู้ ะดับ เปน็ มาตรฐานการเรียนรูใ้ นแต่ละสาระการเรียนรู้เม่ือผู้เรียนเรยี น
จบในแต่ละระดบั ตามหลักสูตรการศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ษาขนั้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551
5. เวลาเรยี น
ในแต่ละระดับใชเ้ วลาเรยี น 4 ภาคเรียน ยกเวน้ กรณที ี่มกี ารเทยี บโอนผลการเรียน ทง้ั นผ้ี ู้เรียนตอ้ งลงทะเบียนเรียน
ในสถานศกึ ษาอยา่ งน้อย 1 ภาคเรยี น
6. หนว่ ยกติ
ใชเ้ วลาเรียน 40 ช่วั โมง มคี ่าเท่ากบั 1 หนว่ ยกิต
หมายเหตุ วชิ าเลือกในแตล่ ะระดบั สถานศึกษาต้องจัดใหผ้ ้เู รียน เรยี นร้จู ากการทาโครงงานจานวนอย่าง
น้อย 3 หน่วยกิต
หลักสตู รการศึกษานอกระบบระดบั การศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 ประกอบด้วย
1. สาระการเรยี นรู้ 5 สาระ คือ ทักษะการเรยี นรู้ ความร้พู ้นื ฐาน การประกอบอาชีพ ทกั ษะการดาเนนิ ชีวิต
และการพฒั นาสังคม
2. จานวนหนว่ ยกิตในแต่ละระดับ ดงั น้ี
2.1 ระดับประถมศกึ ษา ไม่น้อยกวา่ 48 หนว่ ยกติ แบ่งเป็นวิชาบงั คบั 36 หนว่ ยกติ และวชิ าเลือกไมน่ อ้ ย
กว่า 12 หน่วยกิต
2.2 ระดับมัธยมศกึ ษาตอนต้น ไมน่ อ้ ยกว่า 56 หน่วยกิต แบ่งเปน็ วิชาบังคบั 40 หนว่ ยกิต และวชิ าเลอื ก
ไม่น้อยกวา่ 16 หนว่ ยกิต
2.3 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลายไม่นอ้ ยกวา่ 76 หน่วยกติ แบง่ เปน็ วชิ าบังคับ 44 หนว่ ยกติ และวชิ าเลอื ก
ไมน่ ้อยกว่า32หนว่ ยกติ
3. ผู้เรียนต้องทากิจกรรมพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ ระดับละ ไมน่ ้อยกวา่ 200 ชัว่ โมง
การจัดหลักสูตร
หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 ท่สี ถานศกึ ษานาไปใชจ้ ัดการ
เรยี นรู้นน้ั ประกอบด้วยสาระการเรียนรู้ 5 สาระ คอื ทักษะการเรียนรู้ ความรู้พืน้ ฐานการประกอบอาชีพ ทักษะการ
ดาเนินชีวติ และการพัฒนาสงั คม โดยโครงสร้างหลกั สตู รได้กาหนดจานวนหนว่ ยกติ ในแต่ละระดับ ทั้งวชิ าบงั คับและ
วชิ าเลือก ซึ่งผู้เรยี นทกุ คนต้องเรยี นวิชาบังคับตามท่ีกาหนด สาหรับวชิ าเลอื กให้ผเู้ รียนเลอื กเรียนได้ ตามแผนการ
เรียนรเู้ ปน็ รายบุคคล และ/หรืกลุ่ม โดยเลือกเรียนในสาระการเรียนรู้ใดสาระการเรยี นรู้หนึง่ หรอื หลายสาระการ
เรยี นรู้ ให้ครบจานวนหน่วยกติ ตามโครงสรา้ งหลักสูตรในแตล่ ะระดบั ตามความต้องการของผูเ้ รยี น
17
การจดั การศกึ ษาสาหรับกลมุ่ เป้าหมายเฉพาะ
การจดั การศกึ ษาสาหรบั กลมุ่ เป้าหมายเฉพาะ เชน่ ผบู้ กพร่องในด้านต่าง ๆ ผมู้ ีความสามารถพิเศษ
การศกึ ษาทางเลอื กที่จัดโดยครอบครวั และองคก์ รตา่ ง ๆ การจัดการศกึ ษาดังกลา่ วสถานศึกษาสามารถปรับ
มาตรฐานการเรียนรู้ในหลักสูตรการศกึ ษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 ไดต้ ามความ
เหมาะสม
แบบประเมนิ ความพึงพอใจของผเู้ ข้ารว่ มกจิ กรรม
การศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน เนอ้ื หาการปฐมนเิ ทศนกั ศกึ ษา
คาอธิบาย แบบประเมนิ ฉบับนีม้ ที ั้งหมด ๓ ตอน ขอให้ผตู้ อบแบบประเมนิ ตอบให้ครบทัง้ ๓ ตอน เพอ่ื ให้การดาเนนิ โครงการเปน็ ไป
ตามวัตถุประสงคแ์ ละเพอื่ เปน็ ประโยชนใ์ นการนาไปใช้ต่อไป
18
ตอนท่ี 1 สถานภาพท่ัวไป
คาช้ีแจง โปรดทาเครื่องหมาย ลงในชอ่ ง หนา้ ข้อความ
1. เพศ หญงิ
ชาย
2. อายุ 40-59 ปี
ต่ากวา่ 15 ปี 15-39 ปี
3. การศกึ ษา ม.ปลาย
ประถมศกึ ษา ม.ต้น
4. อาชีพ
ผู้นาทอ้ งถิน่ อบต./เทศบาล พนักงานรฐั วิสาหกิจ ทหารกองประจาการ เกษตร
รบั ราชการ ค้าขาย รบั จ้าง อสม. ว่างงาน อื่นๆระบุ...........
ตอนที่ 2 ระดับความพงึ พอใจ / ความรคู้ วามเข้าใจ / การนาไปใช้ ต่อการเขา้ ร่วมโครงการ
คาชี้แจง โปรดทาเครือ่ งหมาย ลงในช่องท่ตี รงกับความพงึ พอใจ / ความรูค้ วามเข้าใจ / การนาไปใช้ของทา่ นเพียงระดบั
เดยี ว
ระดับความพงึ พอใจ
ที่ รายการความพงึ พอใจ
ดีมาก ดี ปานกลาง พอใช้ ปรบั ปรงุ
ด้านหลักสูตร
๑ กจิ กรรมท่ีจดั สอดคล้องกบั วัตถปุ ระสงคข์ องหลกั สตู ร
๒ เน้ือหาของหลักสตู รตรงกบั ความตอ้ งการของผรู้ บั บรกิ าร
๓ การจัดกิจกรรมสง่ เสริมใหผ้ ้รู ับบรกิ ารสามารถคดิ เป็น ทาเป็น แกป้ ญั หา
เป็น
๔ ผูร้ บั บริการมสี ่วนร่วมในการแสดงความคดิ เหน็ ตอ่ การจดั ทาหลักสตู ร
ด้านการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้
๕ การจัดกจิ กรรมสอดคล้องกับความต้องการผเู้ รียน
19
๖ จดั กจิ กรรมเปน็ ไปตามลาดบั ขนั้ ตอน
๗ จัดกิจกรรมเรียงลาดับจากงา่ ยไปยาก
๘ กจิ กรรมสง่ เสริมใหผ้ เู้ รยี นมีความรู้ ความเขา้ ใจหรอื มีทกั ษะตาม
จุดประสงค์ของหลักสตู ร
ด้านการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้
๙ มีการวัดและประเมนิ ผลตามจุดประสงคข์ องหลักสตู ร
๑๐ นาผลการประเมินมาปรับปรุงการจดั กจิ กรรมและพฒั นาหลกั สตู รตอ่ ไป
ที่ รายการ ดีมาก ระดบั การประเมนิ (รอ้ ยละ) ปรบั ปรงุ
ดี ปานกลาง พอใช้
ดา้ นครูผู้สอน
๑๑ ครผู สู้ อนเป็นผมู้ ีความรแู้ ละความชานาญในสอน
๙ ครผู สู้ อนมกี ารเตรียมตวั และมีความพรอ้ มในการสอนหรอื จัดกจิ กรรม
๑๓ ครผู สู้ อนถา่ ยทอดความรู้ได้ชัดเจน เข้าใจง่าย
๑๔ ครูผสู้ อนเอาใจใส่ สงั เกตการณ์เรียนร้ขู องผ้เู รียนและให้ความชว่ ยเหลอื
จนผ้เู รยี นเข้าใจหรือปฏบิ ตั ไิ ด้
ด้านสอ่ื และวสั ดุอุปกรณ์
๑๕ ส่อื และวสั ดอุ ปุ กรณม์ คี วามทันสมยั
20
๑๖ สอ่ื และวสั ดอุ ปุ กรณม์ จี านวนเพยี งพอกับผเู้ รยี น
๑๗ มสี อ่ื และวัสดุอปุ กรณส์ อดคล้องกบั ขนั้ ตอนการจดั กจิ กรรม
๑๘ มแี หลง่ เรยี นรตู้ อบสนองต่อการจดั กิจกรรมการเรียนรู้
๑๙ แหลง่ เรยี นรู้มีบรรยากาศท่ีเอ้ือตอ่ การเรยี นรู้
ดา้ นผลทไ่ี ด้รบั จากการเรยี นรหู้ รือการเข้ารว่ มกจิ กรรม
๒๐ ไดร้ ับความรูแ้ ละทกั ษะด้านการเรยี นการสอน
๒๑ มคี วามมน่ั ใจในการนาความรู้ทไ่ี ดไ้ ปปรบั ใช้
๒๒ มีความมัน่ ใจในการนาความรูไ้ ปประยุกต์ใชใ้ นชีวิตประจาวนั
๒๓ มีความเชอ่ื ม่ันต่อความสามารถในสถานศึกษาของ กศน.ในการจดั
กิจกรรม
๒๔ มคี วามพงึ พอใจต่อการรบั บริการหรือเขา้ รว่ มกจิ กรรม
ด้านความพงึ พอใจตอ่ การใหบ้ รกิ าร
๒๕ เจ้าหนา้ ที่ใหบ้ รกิ ารดว้ ยความเต็มใจ
๒๖ สถานศึกษามขี นั้ ตอนการบรกิ ารทรี่ วดเรว็
๒๗ เจ้าหน้าท่ชี ีร้ ายละเอยี ดข้อมลู ตา่ งๆชัดเจน
๒๘ เจา้ หนา้ ทต่ี ดิ ตอ่ ประสานงานจนไดร้ ับผลเป็นที่นา่ พอใจ
ตอนที่ 3 ใหผ้ ู้เข้ารบั การอบรมแสดงความคดิ เห็นเพ่ือเปน็ ประโยชนต์ อ่ กศน. ในการพฒั นากจิ กรรมตอ่ ไป ตามหัวข้อดังนี้
๑. ด้านการนาความรทู้ ไี่ ดร้ ับไปใชป้ ระโยชน์
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………
๒.ความคดิ เหน็ เพิม่ เตมิ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………
21
๓. ข้อเสนอแนะ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……
ขอขอบคณุ ท่ใี หค้ วามรว่ มมือในการตอบแบบสอบถาม
ฝ่ายประเมินผลโครงการ
21
แผนการจดั การเรียนรู้ ครงั้ ที่ 2
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ สาระ การประกอบอาชีพ รายวิชา การพัฒนาอาชพี ให้มีความมัน่ คง อช31003
เน้ือหาการเรียนรู้ที่ 1 เร่ือง 1. ศักยภาพธุรกิจ 2.การจัดทาแผนพัฒนาการตลาด 3.การจัดทาแผนพัฒนา
การผลติ หรือการบริการ
วนั ท่ี เดอื น พ.ศ. เวลา 09.00 น. -12.00 น. ถงึ 13.00 น.- 16.00
น.
1. มาตรฐานการเรียนรรู้ ะดบั
ีมีความรู ความเขาใจในการพัฒนาอาชีพ ใหมีผลิตภัณฑหรืองานบริการ สร้างรายได้พอเพียงตอ
การดารงชีวติ มเี งินออมและมที นุ ในการขยายอาชพี
2. จุดประสงค์การเรียนรู้
2.1 เพื่อให้ผู้เรียนสามารถอธิบายความหมาย และความสาคัญของศักยภาพธุรกิจ การจัดทา
แผนพฒั นาการตลาด และการจดั ทาแผนพัฒนาการผลิตหรอื การบริการได้
2.2 เพ่ือให้ผู้เรียนสามารถฝึกทักษะพื้นฐานเก่ียวกับ ศักยภาพธุรกิจ การจัดทาแผนพัฒนาการตลาด
และการจดั ทาแผนพัฒนาการผลิตหรอื การบริการได้อย่างคล่องแคลว่
2.3 เพื่อให้ผูเ้ รียนสามารถสร้างความสามัคคี และตรงต่อเวลาในการปฏิบตั ิงานทไี่ ดม้ อบหมายได้
3. สาระการเรียนรู้ สาระการประกอบอาชีพ
4. ผลการเรยี นรทู้ ีค่ าดหวัง
4.1 ความหมาย และความสาคัญของศักยภาพธุรกิจ การจัดทาแผนพัฒนาการตลาด และการจัดทา
แผนพฒั นาการผลติ หรือการบริการ
4.2 ฝึกทักษะพื้นฐานเก่ียวกับศักยภาพธุรกิจ การจัดทาแผนพัฒนาการตลาด และการจัดทา
แผนพฒั นาการผลติ หรอื การบรกิ ารไดอ้ ย่างคล่องแคล่ว
4.3 สามารถสรา้ งความสามัคคี และตรงต่อเวลาในการปฏิบัติงานทไี่ ด้มอบหมาย
5. กจิ กรรมการเรยี นรู้
5.1 ขนั้ การกาหนดสภาพปัญหา (O : orientation)
ครูทักทายและสอบถามนักศึกษา อธิบายความหมายความสาคัญเก่ียวกับ ศักยภาพธุรกิจ
การจัดทาแผนพัฒนาการตลาด และการจัดทาแผนพัฒนาการผลิตหรือการบริการ เช่น ความหมาย
ความสาคัญและความจาเป็นของการพัฒนาอาชีพเพ่ือความมั่นคง ความจาเป็นของการวิเคราะห์
ศกั ยภาพธรุ กจิ การวเิ คราะห์ตาแหนง่ ธรุ กจิ การวเิ คราะห์ศกั ยภาพธุรกิจบนเส้นทางของเวลา
5.2 ขั้นการแสวงหาข้อมูลและการเรยี นรู้ (N : new way of learning)
5.2.1 นาเสนอกิจกรรมการเรยี นรู้ตอ่ เนอ่ื ง (กรต.) และแลกเปลี่ยนเรียนรรู้ ่วมกัน
กลุ่มที่ 1 ความหมาย ความสาคัญและความจาเป็นของการพัฒนาอาชีพเพ่ือ
ความม่ันคง
กลมุ่ ท่ี 2 ความจาเป็นของการวิเคราะหศ์ ักยภาพธุรกิจ
กลมุ่ ที่ 3 การวเิ คราะหต์ าแหน่งธุรกิจ
กลมุ่ ที่ 4 การวเิ คราะหศ์ กั ยภาพธุรกจิ บนเสน้ ทางของเวลา
5.3 การปฏบิ ัตแิ ละการนาไปใช้ ( I : implementation)
5.3.1 ให้นักศึกษาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายในกลุ่มตามใบงานที่ได้รับ และส่งตัวแทนนาเสนอ
หน้าชั้นเรียน
22
5.3.2 ครูและนักศกึ ษารว่ มกันสรุปองคค์ วามรรู้ ว่ มกัน
5.3.3 ครูใหน้ ักศึกษาแบ่งกลุ่มมอบหมายงานการเรยี นรูต้ อ่ เน่ือง (กรต.) ออกเปน็ 4 กลมุ่
กลุ่มท่ี 1 การวิเคราะหค์ วามเป็นไปได้ของแผนการผลิตหรือบรกิ าร
กลมุ่ ที่ 2 การเขยี นโครงการพฒั นาอาชีพสูค่ วามมัน่ คง
กลมุ่ ที่ 3 การตรวจสอบความเปน็ ไปไดข้ องโครงการ
กลุ่มท่ี 4 การปรบั ปรงุ โครงการพัฒนาอาชีพ
5.4 ขนั้ การประเมินผล (E : evaluation)
5.4.1 ประเมินผลจากการเรียนรู้ การนาเสนอโดยใช้กระบวนการกลุ่ม การรายงาน และ
การทาทดสอบย่อย ทดสอบกอ่ นเรียน การซกั ถาม และการสังเกต
6. การวัดผลประเมินผล
6.1 การสังเกต
6.2 การนาเสนอ และการซักถาม
7.สือ่ และวสั ดอุ ปุ กรณ์
7.1 ใบความรู้
7.2 ใบงาน
7.3 หนังสอื เรยี น
7.4 อนิ เทอรเ์ น็ต
8. แหล่งเรียนรู้
8.1 กศน.ตาบล
8.2 ห้องสมดุ ประชาชนอาเภอ
8.3 สถาบันศกึ ษาปอเนาะ
9. ตวั ช้วี ัดการเรียนรู้
9.1 ร้อยละ 80 ของผูเ้ รียนสามารถอธบิ ายความหมาย และความสาคญั ของศักยภาพธุรกิจ การจัดทา
แผนพัฒนาการตลาด และการจดั ทาแผนพฒั นาการผลิตหรือการบรกิ ารได้
9.2 ร้อยละ 80 ของผู้เรียนสามารถฝึกทักษะพ้ืนฐานเก่ียวกับศักยภาพธุรกิจ การจัดทาแผนพัฒนา
การตลาด และการจดั ทาแผนพัฒนาการผลติ หรอื การบริการได้อยา่ งคลอ่ งแคล่ว
9.3 ร้อยละ 80 ของผู้เรยี นสามารถสรา้ งความสามัคคี และตรงต่อเวลาในการปฏิบัตงิ านท่ีได้
มอบหมายได้
ลงชื่อ........................................................ครผู ูส้ อน
(นายอาหามะ ตาเยะ)
ตาแหนง่ ครูกศน.ตาบล
23
ความคดิ เห็นหัวหนา้ งานการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชอื่ .............................................หวั หนา้ งานการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน
(นางมัทมา แวนาแว)
ตาแหน่ง ครูผู้ชว่ ย
ความคิดเห็นผู้บริหารสถานศึกษา
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………….....…………………………………………………………………………………………….…
ลงชอ่ื ................................................ผูบ้ ริหารสถานศกึ ษา
(นางหทัยกาญจน์ วฒั นสิทธ์ิ)
ผ้อู านวยการศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอาเภอสุไหงปาดี
24
ขอ้ สอบก่อนเรียน / หลงั เรยี น วิชา พัฒนาอาชพี ให้มคี วามมน่ั คง
ใหผ้ ้เู รยี นขีดเคร่ืองหมาย x หนา้ คาตอบท่ถี ูกท่ีสุด
1. การบริหารการตลาดแบ่งออกเป็นก่ีขัน้ ตอน
ก. 3 ขั้นตอน ข. 4 ข้ันตอน
ค. 5 ขนั้ ตอน ง. 6 ข้ันตอน
2. “การดาเนินการในขั้นนี้จะเป็นขั้นท่ีมีประสิทธิภาพได้ก็ต่อเม่ือมีการวิเคราะห์สถานการณ์ทางตลาด” เป็น
การบรหิ ารในดา้ นใด
ก. การวางแผนการตลาด
ข. การนาไปปฏบิ ัติ
ค. การสรุปผลการปฏิบตั ิ
ง. ไมม่ ีคาตอบ
3. “จุดเร่ิมตน้ ของดาเนินธรุ กิจ” เปน็ ความหมายของ
ก. ผลิตภัณฑ์ ข. การอปุ โภค
ค. ธรุ กิจ ง. การขาย
4. ผลตอบแทนท่ีไดร้ บั จากกกิจการ หมายถึงอะไร
ก. สินคา้ ข. ทนุ
ค. รายได้ ง. งบประมาณ
5. การศกึ ษาความต้องการของผู้ใชส้ นิ ค้าหรอื บริการ อยา่ งกวา้ งขวางเปน็ ข้นั ตอนของการดาเนินการอะไร
ก. ขนั้ ตอนการปรับปรุงคุณภาพ
ข. ขน้ั ตอนการสร้างคุณภาพ
ค. ขั้นตอนการแกไ้ ขคุณภาพ
ง. ข้นั ตอนการกาหนดคณุ ภาพ
6. กระบวนการผลิตที่ต้องพจิ ารณามดี งั น้ี ยกเวน้ ข้อใด
ก. ทนุ ข. ปัจจยั ในการผลิต
ค. แรงงาน ง. สถานที่
25
7. การกาหนดการตลาดเปูาหมายมี 2 ข้นั ตอนอะไรบ้าง
ก. การตลาด และการสรา้ งตลาด
ข. การวิเคราะหก์ ารตลาด และการกระตุ้นการตลาด
ค. การประเมนิ สว่ นตลาด และการเลือกส่วนตลาด
ง. การกาหนดกิจการ และการสร้างฐานการตลาด
8. “จดุ สาเร็จ จุดสดุ ทา้ ยที่ต้องการพัฒนากิจการไปสู่จุดนัน้ ” คืออะไร
ก. นโยบาย ข. ความประสงค์
ค. จุดสาเรจ็ ง. เปาู หมาย
9. อาชพี (career) หมายถงึ อะไร
ก. สง่ิ ท่บี คุ ลากรทาเพอื่ การดารงชวี ิต
ข. ส่งิ ท่บี คุ ลากรใช้ปรับปรุงชวี ติ
ค. ส่ิงท่ีบคุ ลากรใชพ้ ัฒนาชีวิต
ง. ส่งิ ที่บคุ ลากรทาเพื่อชว่ ยเหลือชวี ิต
10. “กระบวนการท่ีจัดทาขึ้นเพ่ือช่วยบุคลากรในการจัดการกับอาชีพของตนเอง” ข้อความข้างต้นเป็น
ความหมายของอะไร
ก. ความจาเปน็ ของการพัฒนาอาชีพ
ข. ความสาคัญของการสรา้ งอาชีพ
ค. ความสาคัญของการพฒั นาอาชพี
ง. ความจาเปน็ ของการสร้างรายได้
11. การวเิ คราะหศ์ ักยภาพทางธุรกิจบนเส้นทางของเวลา มอี ะไรบา้ งท่ีตอ้ งวเิ คราะห์
ก. ขอบเขตและนิยาม ข. จดุ มุ่งหมาย
ค. ใชห้ ลกั ความรใู้ ด ง. ถกู ทกุ ขอ้
12. ในสภาวะตลาดอ่ิมตัว เราตอ้ งใชก้ ลยุทธ์ธรุ กิจแบบใด
ก. กลยทุ ธธ์ รุ กิจก้าวล้า
ข. กลยุทธธ์ รุ กิจจโู่ จม
ค. กลยุทธ์ธรุ กิจเชงิ รุก
ง. กลยทุ ธ์ธุรกิจเชิงรับ
26
13. ระยะตกต่าเปน็ ระยะทีเ่ ท่าใด
ก. Decline ข. Growth
ค. Goods ง. Coma
14. จดุ แขง่ -จดุ อ่อน เป็นปัจจัยประเภทใด
ก. ปจั จยั นาเข้า ข. ปัจจัยภายนอก
ค. ปัจจยั ภายใน ง. ปัจจัยธรุ กิจ
15. ส่วนสาคัญของการพัฒนาอาชีพให้มีความสมบูรณ์ในการทางานมากย่ิงข้ึนและงานทีออกมาน้ันมี
ประสทิ ธภิ าพ และคณุ ภาพ คือความจาเปน็ ของอะไร
ก. การพฒั นาอาชพี
ข. การพัฒนาแผนธรุ กิจ
ค. การพฒั นาการทางาน
ง. การพฒั นาสรา้ งงาน
เฉลย
1. ข
2. ก
3. ก
4. ค
5. ง
6. ข
7. ค
8. ง
9. ค
10.ก
11.ง
12.ค
13.ก
14.ค
15.ก
27
ใบความรทู้ ี่ 1
เรื่องท่ี 1 การกาหนดทิศการตลาด เป้าหมาย กลยุทธใ์ นการขยายอาชีพ
ความคดิ รวบยอด
การทาธรุ กจิ ไม่วา่ จะทาระดับใด จาเปน็ ต้องมีทิศทางให้มองเหน็ ผลสาเรจ็ ภาระงานท่ีจะต้องทาและกล
ยุทธส์ คู่ วามสาเรจ็ ใช้เป็นความคดิ สกู่ ารปฏิบตั จิ ริง จะทาให้เราวางธรุ กิจอย่ใู นความพอดีอยา่ งมภี มู คิ มุ้ กัน ไม่ใช่
ทาไป คิดไป ลงทุนไป อยา่ งไร้ทศิ ทาง
ข้ันตอนการดาเนินงาน
12 3
1. ทิศทางธุรกจิ 2. เป้าหมาย 3. แผน
วิสัยทศั น์ กลยทุ ธ์ แผนกลยุทธ์
พันธกจิ
จากแผนภูมิ ทาให้มองเหน็ วา่ การกาหนดทศิ ทาง กลยทุ ธ์ การขยายอาชีพ ประกอบดว้ ย
1. การคิดเขียนทิศทางธรุ กิจ ประกอบดว้ ยวสิ ัยทศั น์ที่ต้องการให้เกิดอย่างมีความพอดี และพันธกิจ
สาคญั ทจ่ี ะนาไปสูค่ วามสาเร็จ
2. การคิดเขยี นกลยุทธห์ รือวิธีการสร้างความสาเรจ็ ตามพันธกิจ ซ่ึงจะมีเปาู หมายอย่างชดั เจน
3. การคิดเขยี นแผนกลยุทธ์ด้วยการนาเปาู หมายกลยทุ ธม์ าวิเคราะหใ์ ห้มองเหน็ ตัวบง่ ชี้ความสาเร็จ
ปัจจยั นาเข้าที่สาคัญ และกิจกรรมที่จาเป็นต้องทาเป็นแผนทศิ ทางไปสู่ความสาเร็จของการดาเนนิ ธรุ กจิ
รายละเอยี ดการดาเนนิ งาน
การกาหนดทิศทางธุรกิจ
เปน็ การคดิ ให้มองเห็นอนาคตของการขยายอาชพี ใหม้ ีความพอดี จะต้องกาหนดใหไ้ ด้วา่ ในช่วงระยะ
ขา้ งหน้าควรจะไปถึงไหน อย่างไร ซึ่งประกอบด้วย ข้อความวิสยั ทัศนว์ า่ จะไปถงึ ไหน และข้อความพันธกิจว่าจะ
ไปอยา่ งไร โดยมวี ิธีการคดิ และเขียนดังน้ี
1.1 การเขียนขอ้ ความวสิ ยั ทัศน์ การขยายอาชพี มีลักษณะโครงสร้างการเขยี นท่ปี ระกอบด้วย
ก. ช่วงระยะเวลาทเ่ี ราไปสุดทางของการขยายอาชีพในช่วงนี้ จะเป็นระยะเวลา กี่ปี พ.ศ. อะไร
ข. ความคิด เปาู หมาย ลกั ษณะความสาเร็จทเี่ ราจะไปถึงอย่างมีความพอดี และท้าทายความสามารถ
ของเรา คืออะไร
จากข้อความวิสัยทัศน์ ตวั อย่างข้างตน้ สามารถจาแนกให้มองเหน็ โครงสร้างการเขียนได้ดังนี้
ก. ชว่ งระยะเวลาทจ่ี ะไปสดุ ทาง คือ ปี พ.ศ. 2551
ข. ขอ้ ความ ความคดิ ลักษณะความสาเร็จท่ีจะไปถึงอย่างมีความพอดีและทา้ ทาย คอื ไร่ทนเหน่อื ย
สามารถผลติ ผกั สด ผลไม้ เกษตรอนิ ทรีย์เข้าสู่ตลาดคณุ ภาพประเทศสิงคโปร์ได้
จึงอาจสรปุ ไดว้ ่าการกาหนดวิสยั ทศั น์ไม่ใชเ่ ป็นการกาหนดเพื่อความน่าสนใจ แตเ่ ป็นการกาหนดให้มองเหน็
ทิศทางของธรุ กจิ ท่ีเราจะตอ้ งฝุาฟนั อปุ สรรคต่าง ๆ ไปให้ถงึ ได้
28
1.2 การเขยี นพันธกจิ การเขียนข้อความพันธกิจเปน็ การดาเนนิ การตอ่ เนือ่ งจากการกาหนดวสิ ยั ทศั น์
วา่ เราจะต้องมีภารกจิ ทส่ี าคัญ อะไรบา้ ง ท่เี ราทาให้การขยายอาชีพบรรลผุ ลสาเรจ็ ไดต้ ามวิสัยทัศน์ โดยมแี นว
ทางการคดิ และเขยี นดงั นี้
1.2.1 การวิเคราะห์วา่ หากจะใหเ้ กิดความสาเร็จตามวิสยั ทศั น์ จะตอ้ งมีพนั ธกิจอะไรบ้าง
ในทางธรุ กิจมีภาระทสี่ าคัญ 4 ประการ คือ
ก. ภารกจิ ด้านทุนดาเนินการ
ข. ภารกิจดา้ นลูกค้า
ค. ภารกจิ ดา้ นผลผลติ
ง. ภารกิจด้านการเรยี นรพู้ ฒั นาตนเองและองค์กร
ดังนัน้ การดาเนินการขยายอาชพี อาจใชพ้ ันธกิจท้งั 4 กรณีมาคิดเขียนพันธกจิ นาไปสู่ความสาเรจ็ ได้
1.2.2 โครงสรา้ งการเขยี นพันธกจิ มีองค์ประกอบร่วม 3 ดา้ น คอื
ก. ทาอะไร (บอกภาระสาคญั ท่กี ระทบตอ่ ความสาเรจ็ )
ข. ทาไมต้องทา (บอกเหตุผลหรอื จดุ ประสงค์)
ค. ทาอย่างไร (บอกวธิ ดี าเนนิ การทสี่ าคัญ และส่งผลต่อความสาเร็จจรงิ )
ตวั อยา่ งขอ้ ความภารกิจของไรท่ นเหนื่อย
1. ขยายพ้ืนที่การผลิต 20 ไร่ เพอ่ื ใช้ผลิตผกั สดอินทรีย์ ด้วยการพัฒนาคุณภาพดินด้วยปุ๋ยพืชสด เพ่ิม
แรงงาน 10 คน จดั หาน้าให้ได้วันละ 300 ลูกบาศกเ์ มตร
2. สร้างความเช่ือถือให้กับลูกค้า เพ่ือขยายการตลาดด้วยการจัดทาเว็บไซด์ของตนเอง จัดทาสารคดี
เผยแพร่ สปั ดาห์ละ 1 เรือ่ ง และเว็บบอรด์ แลกเปลีย่ นเรียนรกู้ ับลูกค้าและผู้สนใจ
3. ยกระดับคุณภาพผลผลิตให้เป็นไปตามมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ยุโรป เพ่ือให้สามารถส่งออก
ต่างประเทศได้ ด้วยการพัฒนาคุณภาพดินไม่ให้ปนเป้ือนโลหะหนัก และจัดการแปลงเกษตรให้เป็นระบบนิเวศ
ธรรมชาติ
4. พัฒนาคนงานให้ทางานตามข้ันตอน เพื่อติดตามหาข้อบกพร่องและปฏิบัติการแก้ไขข้อบกพร่องได้
ด้วยการสรา้ งความตระหนกั ใหเ้ ห็นความสาคญั ของมาตรฐานคุณภาพ และรว่ มเขยี นเอกสารขัน้ ตอนการทางาน
จึงสรุปได้ว่าการขยายอาชีพให้เกิดความพอดีน้ัน เป็นไปตามศักยภาพของผู้ประกอบอาชีพ แต่การกาหนด
ทิศทางขยายอาชีพน้ันต้องมองเห็นทิศทางที่จะไปถึงและรู้ว่ามีภารกิจอะไรบ้าง ต้องทาอย่างไรให้มองเห็น
รูปธรรมของการขยายอาชีพทกี่ า้ วออกไปข้างหนา้
การกาหนดเป้าหมายการตลาด
เปูาหมายการตลาดเพื่อการขยายอาชีพ คือ การบอกให้ทราบว่า สถานประกอบการนั้นสามารถทา
อะไรได้ภายในระยะเวลาเท่าใด ซึ่งอาจจะกาหนดไว้เป็นระยะส้ัน หรือระยะยาว 3 ปี หรือ 5 ปีก็ได้ การ
กาหนดเปูาหมายของการขยายอาชีพต้องมีความชัดเจนสามารถวัดและประเมินผลได้ การกาหนดเปูาหมาย
หากสามารถกาหนดเป็นจานวนตัวเลขได้ก็จะยิ่งดี เพราะทาให้มีความชัดเจนจะช่วยให้การวางแผนมีคุณภาพ
ยิ่งขน้ึ และจะส่งผลในทางปฏิบัตไิ ดด้ ยี ิ่งข้ึน
29
การกาหนดกลยุทธ์
การที่จะขยายอาชีพให้บรรลุตามวิสัยทัศน์ ต้องมีแนวทางปฏิบัติสู่ความสาเร็จ เพ่ือชัยชนะเราเรียกว่า
กลยทุ ธ์ ดังนน้ั การกาหนดกลยุทธเ์ พื่อให้การขยายอาชพี สู่ความสาเรจ็ จงึ กาหนดกลยทุ ธจ์ ากภารกิจที่จะทาทั้ง 4
ดา้ นตามแนวคดิ ดงั นี้
เร่อื งที่ 2 การวเิ คราะห์กลยุทธ์
ใชเ้ ป็นแผนภาพรวมของการขยายอาชีพ เป็นเครื่องมือควบคมุ ภาพรวมของการจัดการขยายอาชพี ที่
ประกอบด้วยเหตผุ ลทจี่ ะทาใหก้ ารขยายอาชพี สาเร็จกบั องค์ประกอบด้านการควบคุมเชิงกลยุทธ์ ทาให้เกิด 16
ตาราง บรรจุเง่อื นไขส่คู วามสาเรจ็ ไวส้ าหรับจัดทาแผนปฏิบัติการ และควบคมุ ภาพรวมของการดาเนินงาน
ก. องคป์ ระกอบดา้ นเหตผุ ลสู่ความสาเรจ็ ของการขยายอาชีพประกอบดว้ ย
(1) ดา้ นการลงทุน (2) ดา้ นลูกคา้ (3) ด้านผลผลิต (4) ดา้ นการ
เรียนรพู้ ฒั นาตนเอง
ข. องคป์ ระกอบด้านการควบคมุ เชิงกลยทุ ธ์ประกอบดว้ ย
(1) เปาู หมายกลยุทธ์ (2) ตัวบ่งชคี้ วามสาเร็จ (3) ปัจจัยนาเข้าดาเนินงาน (4) กิจกรรม/
โครงการทต่ี ้องทา
การเขียนแผนกลยทุ ธ์ทง้ั หมดจะต้องบรรจุอยู่ในเอกสารหน้าเดยี ว เพอื่ ให้มองเห็นความสัมพนั ธ์ร่วม
ระหว่างตารางท้ัง 16 ตารางดังตัวอย่าง
เร่ืองท่ี 3 การกาหนดกจิ กรรมและแผนการพฒั นาการตลาด
การกาหนดกจิ กรรมเพื่อพัฒนาการตลาด
การตลาดมคี วามสาคัญมผี ลตอ่ การบรรลเุ ปูาหมายสุดท้ายของการดาเนนิ ธุรกิจ ธุรกิจตอ้ งเร่มิ ดว้ ยการศึกษา
ความตอ้ งการท่ีแทจ้ รงิ ของลูกค้า จากนั้นจึงทาการสรา้ งสนิ คา้ หรือบรกิ ารทที่ าใหล้ ูกคา้ เกิดความพอใจสูงสุดด้วย
การคานงึ ถงึ ในเร่ืองต่อไปนี้
1. กิจกรรมการพฒั นาสินคา้ ใหต้ รงกบั ความต้องการของลูกค้า
2. กจิ กรรมด้านราคาผผู้ ลิตต้องกาหนดราคาท่ีเหมาะสมกับกาลังซอ้ื ของผ้บู ริโภค และเหมาะสมกับคุณภาพของ
สนิ คา้
3. กิจกรรมด้านสถานที่ ต้องคิดวา่ จะส่งของสนิ ค้าให้กับผู้บริโภคไดอ้ ยา่ งไร หรือต้องมีการปรบั สถานทข่ี าย
ทาเลทต่ี ัง้ ขายสนิ ค้า
4. กจิ กรรมส่งเสรมิ การขาย จะใชว้ ิธกี ารใดท่ที าใหล้ กู ค้ารจู้ ักสนิ ค้าของเรา
30
31
42
แผนการจดั การเรยี นรู้ คร้งั ท่ี 3
กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สาระ การประกอบอาชพี รายวิชา การพฒั นาอาชีพให้มคี วามมัน่ คง อช31003
เนื้อหาการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง 1. การพัฒนาธรุ กิจเชงิ รุก 2. โครงการพฒั นาอาชีพส่คู วามม่ันคง
วันที่ เดอื น พ.ศ. เวลา 09.00 น. -12.00 น. ถึง 13.00 น.- 16.00 น.
1. มาตรฐานการเรยี นรรู้ ะดบั
ีมีความรู ความเขาใจในการพัฒนาอาชีพ ใหมีผลิตภัณฑหรืองานบริการ สร้างรายได้พอเพียงตอ
การดารงชวี ิต มเี งนิ ออมและมีทุนในการขยายอาชพี
2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
2.1 เพ่ือให้ผู้เรียนสามารถอธิบายความสาคัญของการพัฒนาธุรกิจเชิงรุก และโครงการพัฒนาอาชีพสู่
ความมน่ั คงได้
2.2 เพอ่ื ให้ผเู้ รียนสามารถฝึกทักษะพน้ื ฐานเกย่ี วกบั การพฒั นาธรุ กิจเชงิ รุก และโครงการพัฒนาอาชีพ
สู่ความมัน่ คงไดอ้ ย่างคล่องแคลว่
2.3 เพือ่ ให้ผู้เรียนสามารถสร้างความสามัคคี และตรงต่อเวลาในการปฏบิ ัตงิ านท่ีไดม้ อบหมายได้
3. สาระการเรียนรู้ สาระการประกอบอาชีพ
4. ผลการเรยี นรทู้ ่ีคาดหวัง
4.1 ความสาคัญของการพฒั นาธุรกจิ เชงิ รกุ และโครงการพัฒนาอาชพี สู่ความมน่ั คง
4.2 ฝึกทักษะพ้ืนฐานเก่ียวกับการพัฒนาธุรกิจเชิงรุก และโครงการพัฒนาอาชีพสู่ความมั่นคงได้อย่าง
คลอ่ งแคลว่
4.3 สามารถสร้างความสามัคคี และตรงต่อเวลาในการปฏิบตั ิงานท่ีไดม้ อบหมาย
5. กจิ กรรมการเรยี นรู้
5.1 ขน้ั การกาหนดสภาพปญั หา (O : orientation)
ครูทักทายและสอบถามนักศึกษา อธิบายความสาคัญเก่ียวกับ การพัฒนาธุรกิจเชิงรุก เช่น
ความจาเป็นและคุณค่าของธุรกิจเชิงรุก การแทรกความนิยมเข้าสู่ความต้องการของผู้บริโภค การสร้าง
รูปลักษณ์คุณภาพสินค้าใหม่ การพัฒนาอาชีพให้มีความม่ันคง โครงการพัฒนาอาชีพสู่ความม่ันคง และ
โครงการพัฒนาอาชีพสู่ความม่ันคง เช่น การวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของแผนการผลิตหรือบริการ การเขียน
โครงการพัฒนาอาชีพสู่ความมั่นคง การตรวจสอบความเป็นไปได้ของโครงการ การปรับปรุงโครงการพัฒนา
อาชพี
5.2 ขั้นการแสวงหาขอ้ มูลและการเรียนรู้ (N : new way of learning)
5.2.1 นาเสนอกจิ กรรมการเรียนรูต้ อ่ เน่อื ง (กรต.) และแลกเปล่ียนเรยี นรู้รว่ มกัน
กล่มุ ที่ 1 การวิเคราะหค์ วามเป็นไปได้ของแผนการผลิตหรือบริการ
กล่มุ ท่ี 2 การเขียนโครงการพัฒนาอาชีพส่คู วามมั่นคง
กลมุ่ ท่ี 3 การตรวจสอบความเปน็ ไปไดข้ องโครงการ
กล่มุ ที่ 4 การปรบั ปรงุ โครงการพฒั นาอาชพี
5.3 การปฏบิ ตั ิและการนาไปใช้ ( I : implementation)
5.3.1 ให้นักศึกษาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายในกลุ่มตามใบงานที่ได้รับ และส่งตัวแทนนาเสนอ
หน้าชั้นเรียน
5.3.2 ครแู ละนักศกึ ษาร่วมกนั สรุปองค์ความรรู้ ่วมกัน
43
5.3.3 ครูให้นกั ศกึ ษาแบง่ กลุ่มมอบหมายงานการเรยี นรู้ต่อเน่ือง (กรต.) ออกเป็น 3 กลมุ่
กลมุ่ ที่ 1 การพัฒนาตนเอง
กลมุ่ ที่ 2 การพฒั นาชมุ ชน
กลุ่มท่ี 3 การพฒั นาสงั คม
5.4 ข้นั การประเมินผล (E : evaluation)
5.4.1 ประเมินผลจากการเรียนรู้ การนาเสนอโดยใช้กระบวนการกลุ่ม การรายงาน และ
การทาทดสอบย่อย ทดสอบก่อนเรียน การซักถาม และการสงั เกต
6. การวัดผลประเมินผล
6.1 การสงั เกต
6.2 การนาเสนอ และการซกั ถาม
7.สอ่ื และวัสดอุ ปุ กรณ์
7.1 ใบความรู้
7.2 ใบงาน
7.3 หนังสือเรยี น
7.4 อนิ เทอร์เน็ต
8. แหล่งเรียนรู้
8.1 กศน.ตาบล
8.2 ห้องสมดุ ประชาชนอาเภอ
8.3 สถาบันศกึ ษาปอเนาะ
9. ตัวช้ีวัดการเรียนรู้
9.1 ร้อยละ 80 ของผู้เรียนสามารถอธิบายความสาคัญของการพัฒนาธุรกิจเชิงรุก และโครงการ
พัฒนาอาชีพส่คู วามมนั่ คงได้
9.2 ร้อยละ 80 ของผู้เรียนสามารถฝึกทักษะพ้ืนฐานเกี่ยวกับการพัฒนาธุรกิจเชิงรุก และโครงการ
พัฒนาอาชพี สู่ความมั่นคงไดอ้ ยา่ งคล่องแคล่ว
9.3 รอ้ ยละ 80 ของผู้เรยี นสามารถสรา้ งความสามัคคี และตรงต่อเวลาในการปฏิบัติงานที่ได้
มอบหมายได้
ลงชอ่ื ........................................................ครูผสู้ อน
(นายอาหามะ ตาเยะ)
ตาแหนง่ ครูกศน.ตาบล
44
ความคดิ เห็นหัวหน้างานการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ลงชือ่ .............................................หวั หนา้ งานการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน
(นางมัทมา แวนาแว)
ตาแหนง่ ครผู ู้ช่วย
ความคิดเห็นผู้บริหารสถานศึกษา
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………….....…………………………………………………………………………………………….…
ลงชอื่ ................................................ผูบ้ รหิ ารสถานศึกษา
(นางหทัยกาญจน์ วฒั นสทิ ธิ์)
ผ้อู านวยการศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอสุไหงปาดี
45
ข้อสอบก่อนเรยี น / หลังเรยี น วชิ า พัฒนาอาชพี ให้มคี วามมนั่ คง
ให้ผ้เู รียนขดี เครื่องหมาย x หน้าคาตอบทถี่ ูกทส่ี ดุ
1. การบรหิ ารการตลาดแบ่งออกเปน็ กขี่ ั้นตอน
ก. 3 ขน้ั ตอน ข. 4 ขน้ั ตอน
ค. 5 ขนั้ ตอน ง. 6 ขนั้ ตอน
2. “การดาเนินการในขั้นนี้จะเป็นข้ันที่มีประสิทธิภาพได้ก็ต่อเมื่อมีการวิเคราะห์สถานการณ์ทางตลาด” เป็น
การบริหารในด้านใด
ก. การวางแผนการตลาด
ข. การนาไปปฏิบัติ
ค. การสรุปผลการปฏิบัติ
ง. ไม่มคี าตอบ
3. “จุดเร่มิ ตน้ ของดาเนินธุรกิจ” เปน็ ความหมายของ
ก. ผลิตภัณฑ์ ข. การอปุ โภค
ค. ธรุ กิจ ง. การขาย
4. ผลตอบแทนที่ได้รบั จากกกิจการ หมายถงึ อะไร
ก. สินค้า ข. ทุน
ค. รายได้ ง. งบประมาณ
5. การศกึ ษาความตอ้ งการของผใู้ ช้สินคา้ หรือบริการ อยา่ งกว้างขวางเปน็ ขนั้ ตอนของการดาเนนิ การอะไร
ก. ขัน้ ตอนการปรบั ปรงุ คุณภาพ
ข. ขัน้ ตอนการสรา้ งคุณภาพ
ค. ข้นั ตอนการแก้ไขคุณภาพ
ง. ขั้นตอนการกาหนดคณุ ภาพ
6. กระบวนการผลติ ท่ตี อ้ งพิจารณามีดงั นี้ ยกเว้น ข้อใด
ก. ทนุ ข. ปจั จัยในการผลติ
ค. แรงงาน ง. สถานที่
46
7. การกาหนดการตลาดเป้าหมายมี 2 ขัน้ ตอนอะไรบา้ ง
ก. การตลาด และการสรา้ งตลาด
ข. การวิเคราะหก์ ารตลาด และการกระตุ้นการตลาด
ค. การประเมนิ สว่ นตลาด และการเลือกส่วนตลาด
ง. การกาหนดกจิ การ และการสรา้ งฐานการตลาด
8. “จดุ สาเร็จ จุดสดุ ท้ายที่ต้องการพัฒนากจิ การไปส่จู ุดนนั้ ” คอื อะไร
ก. นโยบาย ข. ความประสงค์
ค. จดุ สาเรจ็ ง. เป้าหมาย
9. อาชพี (career) หมายถงึ อะไร
ก. ส่ิงที่บคุ ลากรทาเพื่อการดารงชวี ติ
ข. สง่ิ ทบ่ี คุ ลากรใช้ปรบั ปรุงชีวิต
ค. สิ่งท่ีบคุ ลากรใช้พฒั นาชีวิต
ง. สงิ่ ที่บุคลากรทาเพื่อช่วยเหลือชวี ติ
10. “กระบวนการท่ีจัดทาข้ึนเพื่อช่วยบุคลากรในการจัดการกับอาชีพของตนเอง” ข้อความข้างต้นเป็น
ความหมายของอะไร
ก. ความจาเป็นของการพัฒนาอาชีพ
ข. ความสาคัญของการสรา้ งอาชพี
ค. ความสาคัญของการพฒั นาอาชพี
ง. ความจาเป็นของการสร้างรายได้
11. การวิเคราะห์ศกั ยภาพทางธรุ กจิ บนเส้นทางของเวลา มีอะไรบ้างที่ตอ้ งวเิ คราะห์
ก. ขอบเขตและนยิ าม ข. จุดมุ่งหมาย
ค. ใชห้ ลกั ความร้ใู ด ง. ถกู ทุกขอ้
47
12. ในสภาวะตลาดอ่ิมตัว เราต้องใชก้ ลยุทธ์ธุรกจิ แบบใด
ก. กลยทุ ธ์ธุรกิจก้าวลา้
ข. กลยุทธ์ธุรกิจจโู่ จม
ค. กลยทุ ธ์ธรุ กิจเชงิ รุก
ง. กลยุทธธ์ ุรกจิ เชงิ รับ
13. ระยะตกต่าเป็นระยะทเี่ ท่าใด
ก. Decline ข. Growth
ค. Goods ง. Coma
14. จดุ แข่ง-จุดออ่ น เปน็ ปัจจัยประเภทใด
ก. ปัจจัยนาเขา้ ข. ปจั จยั ภายนอก
ค. ปัจจัยภายใน ง. ปจั จยั ธุรกิจ
15. ส่วนสาคัญของการพัฒนาอาชีพให้มีความสมบูรณ์ในการทางานมากย่ิงขึ้นและงานทีออกมาน้ันมี
ประสิทธิภาพ และคณุ ภาพ คอื ความจาเปน็ ของอะไร
ก. การพัฒนาอาชีพ
ข. การพฒั นาแผนธรุ กิจ
ค. การพัฒนาการทางาน
ง. การพัฒนาสรา้ งงาน
เฉลย
1. ข
2. ก
3. ก
4. ค
5. ง
6. ข
7. ค
8. ง
9. ค
10.ก
11.ง
48
12.ค
13.ก
14.ค
15.ก
49
50
ใบความร้ทู ี่ 1
เรือ่ งท่ี 1 ความจาเปน็ และคุณค่าของธรุ กจิ เชงิ รกุ
การพัฒนาธุรกิจเชิงรุก เป็นการกาหนดวิธีการหรือแนวทางในการดาเนินงานและกิจกรรมต่าง ๆ ของ
องค์กรเพื่อให้บรรลถุ งึ วัตถปุ ระสงคท์ ีก่ าหนด การกาหนดแนวทางในการดาเนนิ งานน้ี ผู้ประกอบการต้องทาการ
วิเคราะห์และประเมินปัจจัยต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกองค์กร เพื่อคิดหาแนวทางในการดาเนินงานที่
เหมาะสมท่ีสุด ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยต่าง ๆ นาไปสู่การพัฒนาอาชีพให้มีความม่ันคง เข้มแข็ง
ย่งั ยืน คอื พออยพู่ อกนิ มรี ายได้ มกี ารออมและมที ุนในการขยายอาชพี
โลกของเราเผชิญกับการเปล่ียนแปลงท่ีรวดเร็วทุกขณะท้ังด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง เทคโนโลยี ฯลฯ ซึ่ง
ส่งผลกระทบต่อสภาวะการแข่งขนั ระหว่างธุรกิจต่าง ๆ ดงั น้ัน จึงมีความจาเป็นท่ีต้องใช้ธุรกิจเชิงรุกเข้ามาใช้ใน
การพฒั นาอาชพี ดงั นี้ คือ
1. การแข่งขนั ทไี่ รพ้ รมแดน
การแข่งขันท่ีไร้พรมแดนเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดข้ึนเม่ือสินค้าแรงงาน เทคโนโลยี ฯลฯ สามารถ
เคลือ่ นย้ายไปมาระหวา่ งประเทศได้อยา่ งเสรีมากขนึ้ มีผลทาให้มกี ารแข่งขนั ที่มคี วามรุนแรงมากขน้ึ
2. การเปลีย่ นแปลงทางนวตั กรรม เทคโนโลยี
โลกยุคใหม่มีความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีมากข้ึน อัตราการเปล่ียนแปลงและการใช้
เทคโนโลยีจะเพ่ิมขึ้นในอัตราที่รวดเร็วข้ึน ทาให้วงจรชีวิตของสินค้าและการบริการมีระยะเวลาส้ันลง
เทคโนโลยีใหม่ ๆ สามารถทดแทนเทคโนโลยีเดิมได้อย่างรวดเร็ว การปรับปรุงสินค้าให้ทันสมัยเป็นที่ต้องการ
ของลูกค้าตลอดเวลา เปน็ ปัจจัยทาให้มกี ารแข่งขันตลอดเวลา ปัจจัยหรือความสาเร็จของธุรกิจท่ีมีมาในอดีตจะ
เรม่ิ เปล่ียนแปลงไป จาเปน็ ต้องมีการทบทวนปรบั ปรุงและพัฒนาตนเองอยูต่ ลอดเวลา แนวคดิ หรือวิธีการในการ
บริหารแบบเดิม ๆ ไมส่ ามารถนาองค์กรไปสู่ความสาเร็จได้เหมือนในอดีต
เรอ่ื งท่ี 2 การแทรกความนิยมเข้าสู่ความตอ้ งการของผู้บรโิ ภค
ความสาคัญและความตอ้ งการของผบู้ ริโภค
การวางแผนการขายสินค้าหรือบริการใด ๆ ผู้บริหารจะต้องมีข้อมูลมาประกอบการตัดสินใจ ข้อมูล
เก่ียว กับผู้บ ริโ ภ คจ ะถูก นามาใช้เป็ นข้อมูลในก ารวิเคราะ ห์และการว างแผนก าร ตลาดและนั กการตลา ด
จาเป็นต้องใหค้ วามสนใจเก่ียวกบั ผู้บริโภคและความต้องการของผู้บริโภค เพราะผู้ผลิตส่วนใหญ่จะผลิตสินค้าที่
คล้ายคลึงกันและขายให้กับผู้บริโภคกลุ่มเดียวกันการกาหนดรูปแบบผลิตภัณฑ์ตรายี่ห้อ โดยยึดถือความ
ตอ้ งการของผู้บรโิ ภคจะเปน็ เครือ่ งชว่ ยให้ผบู้ ริโภคตดั สินใจไดง้ ่ายขึ้น นักการตลาดทราบกันดีอยู่แล้วว่าผู้บริโภค
ทุกคนมีรสนิยมไม่เหมือนกันซึ่งมีความแตกต่างกันไปเห็นได้ชัดเจนในเรื่องความต้องการของผู้บริโภค นักการ
ตลาดต้องมีความเข้าใจถึงความต้องการของผู้บริโภคซึ่งต้องช้ีให้เห็นว่าความต้องการเกิดขึ้นจากอะไร ความ
ตอ้ งการของผู้บริโภคแบง่ ออกได้ 2 ประเภทใหญ่ ๆ คอื
1. ความตอ้ งการทางดา้ นร่างกาย คือความหิว การนอน การพักผอ่ น การอบอุ่น
2. ความต้องการด้านอารมณ์หรือจิตวิทยา คือ ความปลอดภัย ความรัก การยอมรับ ความพอใจ
ความงาม ฉะน้ัน นักการตลาดจึงต้องเข้าใจลึกซึ้งถึงรายละเอียดของความต้องการทั้งสองประเภทเพ่ือเอามา
เป็นจดุ ขายสินคา้ และเป็นส่วนหนึง่ ของกลยทุ ธ์ทางการตลาดดา้ นการโฆษณา
โดยปกติสินค้าแต่ละชนิดจะมีเอกลักษณ์เฉพาะอยู่แล้ว เช่น ความนิยมของอาหารไทยในต่างประเทศ
เป็นที่นิยมแบบดาวรุ่งพุ่งแรงมาตลอดระยะเวลานาน ไม่เพียงแต่ในสหรัฐอเมริกาเท่าน้ัน แต่รวมท้ังในยุโรป
ออสเตรเลยี ญป่ี ุ่น ตะวนั ออกกลางและอนิ เดีย อาจจะเปน็ เพราะอาหารไทยมีเอกลักษณ์ที่มีรสชาติถูกปากได้รับ
การยอมรับ ดงั น้ี
51
1. เอกลกั ษณด์ า้ นรสชาติ ท่ีมคี วามกลมกลอ่ มทั้ง 3 รส คือ เปรี้ยว หวาน เผ็ด ได้อย่างลงตัวพอดี โดย
ไม่เน้นหนักไปในรสใดรสหนึ่ง สร้างความประทับใจให้กับผู้บริโภค ทาให้รู้สึกอยากกลับมาทานอีก อาหารบาง
ชนิดมีเอกลักษณ์ของกล่ินสมุนไพรที่เป็นพืชผักในเมืองไทย เครื่องเทศต่าง ๆที่ใช้ปรุงอาหาร ถือว่าโดดเด่น ไม่
ฉุนเกินไป แต่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเครื่องเทศท่ีสอดแทรก บางคร้ังมีการปรับรสชาติบ้าง เพ่ือให้ตรงกับ
ผู้บริโภค เชน่ ไม่เผด็ เกินไป เพราะต่างชาตจิ ะไม่นิยมรบั ประทานอาหารรสจดั
2. ความหลากหลายของอาหารไทย อาหารไทยน้ันมีทั้งอาหารคาวหวาน สารพัดชนิดท่ีสามารถเลือก
มานาเสนอได้ไม่รู้จบ มีการแข่งขันกัน นอกจากจะรสชาติแล้ว ยังมีการนาวัสดุมาดัดแปลงให้เป็นประโยชน์ใช้
แทนกนั ได้ หรอื การจัดตกแต่งอาหารกเ็ ปน็ ท่ีดึงดูดลูกค้าขนึ้ อยกู่ ับการเข้าถงึ รสนยิ มของผบู้ ริโภค
3. อาหารไทยไม่เล่ียนและไม่อ้วน ทั้งนี้เพราะอาหารไทยมักมีผักปนอยู่เสมอ พร้อมกับเคร่ืองเคียงต่าง
ๆ จนเปน็ ท่เี ลืองลือว่า อาหารไทยเป็นอาหารสุขภาพ เช่น เมี่ยงคา น้าพริกกะปิ จึงเป็นอาหารที่เหมาะกับยุคน้ี
และแนวโนม้ ของการบรโิ ภคอาหารเพ่ือสุขภาพ
4. การบริการท่ีประทับใจ ซึ่งเป็นส่วนเสริมที่สาคัญมากของธุรกิจการเปิดร้านขายอาหารไทย จึงเป็น
อีกมิติหน่ึงท่ีมีภาพลักษณ์ที่ดีให้กับอาหารไทย ด้วยการบริการแบบมีมารยาทอันดีงามของคนไทย จึงเป็นการ
ช่วยส่งเสริมใหอ้ าหารไทยยังคงครองความนยิ มตอ่ ไป
เรือ่ งที่ 2 การแทรกความนิยมเข้าสู่ความตอ้ งการของผู้บรโิ ภค
ความสาคญั และความต้องการของผู้บรโิ ภค
การวางแผนการขายสินค้าหรือบริการใด ๆ ผู้บริหารจะต้องมีข้อมูลมาประกอบการตัดสินใจ ข้อมูล
เกี่ยวกับผู้บริโภคจะถูกนามาใช้เป็นข้อมูลในการวิเคราะห์และการวางแผนการตลาดและนักการตลาด
จาเป็นต้องให้ความสนใจเก่ียวกับผ้บู ริโภคและความต้องการของผู้บริโภค เพราะผู้ผลิตส่วนใหญ่จะผลิตสินค้าที่
คล้ายคลึงกันและขายให้กับผู้บริโภคกลุ่มเดียวกันการกาหนดรูปแบบผลิตภัณฑ์ตรายี่ห้อ โดยยึดถือความ
ตอ้ งการของผบู้ ริโภคจะเป็นเคร่อื งชว่ ยให้ผู้บรโิ ภคตัดสนิ ใจได้งา่ ยข้ึน นักการตลาดทราบกันดีอยู่แล้วว่าผู้บริโภค
ทุกคนมีรสนิยมไม่เหมือนกันซ่ึงมีความแตกต่างกันไปเห็นได้ชัดเจนในเรื่องความต้องการของผู้บริโภค นักการ
ตลาดต้องมีความเข้าใจถึงความต้องการของผู้บริโภคซ่ึงต้องชี้ให้เห็นว่าความต้องการเกิดขึ้นจากอะไร ความ
ต้องการของผบู้ ริโภคแบ่งออกได้ 2 ประเภทใหญ่ ๆ คอื
1. ความตอ้ งการทางดา้ นรา่ งกาย คอื ความหิว การนอน การพกั ผอ่ น การอบอนุ่
2. ความต้องการด้านอารมณ์หรือจิตวิทยา คือ ความปลอดภัย ความรัก การยอมรับ ความพอใจ
ความงาม ฉะน้ัน นักการตลาดจึงต้องเข้าใจลึกซ้ึงถึงรายละเอียดของความต้องการทั้งสองประเภทเพื่อเอามา
เปน็ จดุ ขายสินคา้ และเปน็ สว่ นหนึ่งของกลยทุ ธท์ างการตลาดด้านการโฆษณา
โดยปกติสินค้าแต่ละชนิดจะมีเอกลักษณ์เฉพาะอยู่แล้ว เช่น ความนิยมของอาหารไทยในต่างประเทศ
เป็นท่ีนิยมแบบดาวรุ่งพุ่งแรงมาตลอดระยะเวลานาน ไม่เพียงแต่ในสหรัฐอเมริกาเท่าน้ัน แต่รวมท้ังในยุโรป
ออสเตรเลยี ญป่ี นุ่ ตะวนั ออกกลางและอินเดีย อาจจะเป็นเพราะอาหารไทยมีเอกลักษณ์ท่ีมีรสชาติถูกปากได้รับ
การยอมรับ ดงั นี้
1. เอกลกั ษณ์ด้านรสชาติ ทีม่ ีความกลมกล่อมทงั้ 3 รส คือ เปรี้ยว หวาน เผ็ด ได้อย่างลงตัวพอดี โดย
ไม่เน้นหนักไปในรสใดรสหน่ึง สร้างความประทับใจให้กับผู้บริโภค ทาให้รู้สึกอยากกลับมาทานอีก อาหารบาง
ชนิดมีเอกลักษณ์ของกล่ินสมุนไพรที่เป็นพืชผักในเมืองไทย เคร่ืองเทศต่าง ๆที่ใช้ปรุงอาหาร ถือว่าโดดเด่น ไม่
ฉุนเกินไป แต่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเครื่องเทศที่สอดแทรก บางคร้ังมีการปรับรสชาติบ้าง เพื่อให้ตรงกับ
ผู้บรโิ ภค เชน่ ไมเ่ ผด็ เกินไป เพราะต่างชาตจิ ะไมน่ ิยมรบั ประทานอาหารรสจัด
52
2. ความหลากหลายของอาหารไทย อาหารไทยน้ันมีทั้งอาหารคาวหวาน สารพัดชนิดท่ีสามารถเลือก
มานาเสนอได้ไม่รู้จบ มีการแข่งขันกัน นอกจากจะรสชาติแล้ว ยังมีการนาวัสดุมาดัดแปลงให้เป็นประโยชน์ใช้
แทนกันได้ หรอื การจัดตกแต่งอาหารก็เป็นทีด่ ึงดดู ลกู ค้าข้นึ อยู่กับการเขา้ ถงึ รสนิยมของผบู้ รโิ ภค
3. อาหารไทยไม่เล่ียนและไม่อ้วน ทั้งนี้เพราะอาหารไทยมักมีผักปนอยู่เสมอ พร้อมกับเคร่ืองเคียงต่าง
ๆ จนเปน็ ทเ่ี ลืองลือว่า อาหารไทยเป็นอาหารสุขภาพ เช่น เมี่ยงคา น้าพริกกะปิ จึงเป็นอาหารท่ีเหมาะกับยุคน้ี
และแนวโนม้ ของการบรโิ ภคอาหารเพ่ือสุขภาพ
4. การบริการท่ีประทับใจ ซ่ึงเป็นส่วนเสริมที่สาคัญมากของธุรกิจการเปิดร้านขายอาหารไทย จึงเป็น
อีกมิติหนึ่งที่มีภาพลักษณ์ท่ีดีให้กับอาหารไทย ด้วยการบริการแบบมีมารยาทอันดีงามของคนไทย จึงเป็นการ
ช่วยสง่ เสริมใหอ้ าหารไทยยังคงครองความนยิ มตอ่ ไป
เรื่องนี้เป็นกรณีตัวอย่างในการแทรกความนิยมเข้าสู่ความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี โดยรู้
ความตอ้ งการของผู้บริโภค แล้วจงึ มีการพยายามดดั แปลงสินค้าใหส้ อดคลอ้ งกบั ความต้องการนั้น ๆ
เรื่องที่ 3 การสร้างรปู ลกั ษณ์คุณภาพสินคา้ ใหม่
William H. Davidow กล่าวว่า “เคร่ืองมือท่ีเย่ียมท่ีสุด ประดิษฐ์มาจากห้องปฏิบัติการ ผลิตภัณฑ์ที่
เย่ียมทส่ี ดุ มาจากฝ่ายการตลาด”
การทาธุรกิจทุกขนาดจะต้องทาการแบ่งส่วนตลาดเป้าหมายได้ เม่ือถึงเวลาท่ีจะพัฒนาและนา
ผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด ฝ่ายการตลาดต้องแสดงบทบาทสาคัญในกระบวนการนี้ ไม่ใช่ฝ่ายวิจัยและพัฒนาอย่าง
เดียวเป็นผู้รับผิดชอบการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งฝ่ายการตลาดมีส่วนเก่ียวข้องอย่างมาก ทุกข้ันตอนในการ
พฒั นาผลติ ภัณฑ์
ธุรกิจทุกธุรกิจมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์อยู่ตลอดเวลา การออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่แทนที่ผลิตภัณฑ์เดิม
จะทาเพ่ือเพิ่มยอดขายในอนาคตและลูกค้าเองก็ต้องการผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งธุรกิจคู่แข่ง ก็ใช้ความพยายามท่ีจะ
ผลิตสินค้าที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าออกจาหน่ายและจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ได้จากการเข้าครอบครอง
สว่ นแบง่ ตลาด จากการพัฒนาผลิตภณั ฑใ์ หม่
- การพัฒนาผลติ ภณั ฑ์ใหม่ หมายถึง ผลิตภัณฑ์ใหม่ในสายผลิตภัณฑ์เดิมเป็นการนาผลิตภัณฑ์ใหม่เข้า
มาแทนผลิตภัณฑ์ในสายผลติ ภัณฑ์เดิม เช่น เปลย่ี นขนาดบรรจุภณั ฑ์ เปล่ียนรสชาติ
- การปรับปรงุ ผลิตภณั ฑ์เดิม คอื การปรับปรุงผลิตภณั ฑเ์ ดมิ ให้เปน็ ผลิตภณั ฑ์ใหม่
- การวางตาแหน่งสนิ คา้ ใหม่ เปน็ การนาผลติ ภณั ฑ์เดิมท่มี อี ยู่ออกขายให้ลูกคา้ เป้าหมายกลุ่มใหม่
- การลดตน้ ทุน คือ การทาผลติ ภัณฑ์ใหมท่ ี่มีคณุ สมบตั ิเหมือนเดิมแตต่ ้นทนุ ตา่ ลง
ขน้ั ตอนการพัฒนาผลติ ภัณฑ์ มี 8 ขนั้ ตอน
1. การสร้างความคดิ ใหม่
2. การเลอื กความคิด
3. การทดสอบความคิด
4. การวางกลยุทธ์ทางการตลาด
5. การวเิ คราะหธ์ รุ กิจ
6. การพฒั นาผลติ ภณั ฑ์
7. การทดสอบตลาด
8. การนาผลิตภัณฑอ์ อกสู่ตลาด