The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by yingpooncharat28, 2021-10-16 03:12:14

แผนการสอนวิชานาฏศิลป์ชันมัธยมศึกษาปีที่ 3

แผนการสอนตอนที่3

Keywords: สื่อการเรียนการสอนวิชานาฏศิลป์

คมู่ อื ครู แผนการจดั การเรียนรู้ นาฏศิลป์ ม. 3 1

คู่มือครู แผนการจัดการเรียนรู้

นาฏศิลป์ ม. 3

ช้ันมัธยมศึกษาปี ที่ 3

กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ
ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551

1. ออกแบบการเรียนรู้โดยใช้มาตรฐานการเรียนรู้ และตวั ชี้วัดช้ันปี เป็ นเป้าหมาย
2. ออกแบบการจัดการเรียนรู้โดยเน้นผ้เู รียนเป็ นศูนย์กลาง
3. ใช้แนวคดิ Backward Design ผสมผสานกบั แนวคิดทฤษฎีการเรียนรู้ต่าง ๆ อย่างหลากหลาย
4. ออกแบบการเรียนรู้เพอ่ื พฒั นาสมรรถนะสาคญั ของนกั เรียนในการสื่อสาร การคิด การแก้ปัญหา การใช้

ทกั ษะชีวิต และการใช้เทคโนโลยี
5. แบ่งแผนการจดั การเรียนรู้เป็ นรายช่ัวโมง สะดวกในการใช้
6. มีองค์ประกอบครบถ้วนตามแนวทางการจัดทาแผนการจดั การเรียนรู้ของสถานศึกษา
7. นาไปพฒั นาเป็ นผลงานทางวชิ าการเพอ่ื เลือ่ นวทิ ยฐานะได้

ตัวอย่าง ภาระงาน/ผลงาน แผนการจัดการเ
สาระท่ี 3: นาฏศิลป์
มาตรฐาน ศ 3.1: เข้าใจและแสดงออกทางนาฏศิลป์ อย่างสร้างสรรค์ วเิ คราะห์ วพิ ากษ์วิจารณ์ คุณค

ตัวชี้วดั ช้ันปี สาระการเรียนรู้ ภาระงาน/ การวดั และ

ผลงาน/ชิ้นงาน วธิ กี าร เคร

ใชน้ าฏยศพั ทห์ รือ ภาษาท่าหรือ – ศึกษาพ้นื – การสนทนาซกั ถาม – แบบทด
ฐานความรู้ของ
ศพั ทท์ างการละคร ภาษาทาง นาฏศิลป์ และการ – การทดสอบ – แบบปร
ละคร
ท่ีเหมาะสม นาฏศิลป์ – บอกช่ือภาษาท่า – การฝึกปฏิบตั ิระหวา่ งเรียน ทกั ษะ/กร
หรือภาษาทาง
บรรยาย – ภาษาท่าที่มา นาฏศิลป์ ในแต่ละ – การตรวจใบงาน – ใบงาน
ภาพได้
เปรียบเทียบการ จากธรรมชาติ – ฝึกปฏิบตั ิภาษา
ท่าหรือภาษาทาง
แสดงอากปั กิริยา – ภาษาทา่ ที่มา นาฏศิลป์
– ฝึกปฏิบตั ิภาษา
ของผคู้ นใน จากการประดษิ ฐ์ ทา่ หรือภาษาทาง
นาฏศิลป์
ชีวติ ประจาวนั และ – ราวงมาตรฐาน ประกอบการแสดง

ในการแสดง

คมู่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ นาฏศิลป์ ม. 3 2

เรียนรู้เรื่อง ภาษาท่าหรือภาษาทางนาฏศิลป์
ค่านาฏศิลป์ ถ่ายทอดความรู้สึก ความคดิ อย่างอิสระ ชื่นชม และประยกุ ต์ใช้ในชีวติ ประจาวัน

ะประเมนิ ผล เกณฑ์ กิจกรรมการเรียนรู้ ส่ือการเรียนรู้
– เกณฑค์ ณุ ภาพ 3 ระดบั
ร่ืองมือ – เกณฑค์ ุณภาพ 3 ระดบั – บอกพ้ืนฐานความรู้ของ 1. ใบงาน
ดสอบ นาฏศิลป์ และการละคร 2. สถานที่ตา่ ง ๆ ในชุมชน
ระเมนิ ดา้ น ไดแ้ ก่ ภาษาท่าหรือภาษา 3. อินเทอร์เน็ต
ระบวนการ ทางนาฏศิลป์ 4. ห้องสมุด
– ใชภ้ าษาทา่ หรือภาษาทาง 5. หนงั สือเรียน รายวิชา
นาฏศิลป์ ในการถา่ ยทอด พ้ืนฐาน ดนตรี–นาฏศิลป์
เร่ืองราว ม. 3

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ นาฏศลิ ป์ ม. 3 3

ความเขา้ ใจที่คงทนจะเกิดข้นึ ได้ นกั เรียนจะตอ้ งมีความสามารถ 6 ประการ ไดแ้ ก่
1. การอธบิ าย ชีแ้ จง เป็นความสามารถที่นกั เรียนแสดงออกโดยการอธิบายหรือช้ีแจงในส่ิงท่ี
เรียนรู้ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง สอดคลอ้ ง มีเหตุมีผล และเป็นระบบ
2. การแปลความและตีความ เป็นความสามารถที่นกั เรียนแสดงออกโดยการแปลความและ
ตีความไดอ้ ยา่ งมีความหมาย ตรงประเดน็ กระจา่ งชดั และทะลปุ รุโปร่ง
3. การประยุกต์ ดัดแปลง และนาไปใช้ เป็นความสามารถท่ีนกั เรียนแสดงออกโดยการนาสิ่งที่ได้
เรียนรู้ไปสู่การปฏิบตั ิไดอ้ ย่างมีประสิทธิผล มีประสิทธิภาพ และคลอ่ งแคลว่
4. การมมี ุมมองท่หี ลากหลาย เป็นความสามารถที่นกั เรียนแสดงออกโดยการมีมมุ มองที่
น่าเชื่อถือ เป็นไปได้ มีความลึกซ้ึง แจ่มชดั และแปลกใหม่
5. การให้ความสาคัญ ใส่ใจในความรู้สึกของผ้อู ื่น เป็นความสามารถที่นกั เรียนแสดงออกโดยการ
มีความละเอียดรอบคอบ เปิ ดเผย รับฟังความคดิ เห็นของผอู้ ื่น ระมดั ระวงั ที่จะไมใ่ หเ้ กิดความ
กระทบกระเทือนต่อผอู้ ่ืน
6. การรู้จักตนเอง เป็นความสามารถท่ีนกั เรียนแสดงออกโดยการมีความตระหนกั รู้ สามารถ
ประมวลผลขอ้ มลู จากแหล่งที่หลากหลาย ปรับตวั ได้ รู้จกั ใคร่ครวญ และมีความเฉลียวฉลาด
นอกจากน้ีหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ไดก้ าหนดสมรรถนะ
สาคญั ของนกั เรียนหลงั จากสาเร็จการศึกษาตามหลกั สูตรไว้ 5 ประการ ดงั น้ี
1. ความสามารถในการส่ือสาร เป็นความสามารถของนกั เรียนในการถา่ ยทอดความคิด ความรู้
ความเขา้ ใจ ความรู้สึก และทศั นะของตนเอง เพ่ือแลกเปล่ียนขอ้ มูลขา่ วสารและประสบการณ์ อนั จะเป็น
ประโยชน์ต่อการพฒั นาตนเองและสงั คม รวมท้งั การเจรจาตอ่ รองเพ่อื ประนีประนอม การเลือกที่จะรับ
และไม่รับขอ้ มูลขา่ วสารดว้ ยหลกั เหตผุ ลและความถูกตอ้ ง ตลอดจนการเลือกใชว้ ิธีการสื่อสารท่ีมี
ประสิทธิภาพ โดยคานึงถึงผลกระทบท่ีมีต่อตนเองและสังคม
2. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถของนกั เรียนในการคิดวเิ คราะห์ การคดิ สงั เคราะห์
การคิดอยา่ งมีวจิ ารณญาณ การคิดอยา่ งสร้างสรรค์ การคิดเชิงคุณธรรม และการคดิ อยา่ งเป็นระบบเพอื่
นาไปสู่การสร้างองคค์ วามรู้หรือสารสนเทศ เพือ่ การตดั สินใจเก่ียวกบั ตนเองและสังคมไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
3. ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถของนกั เรียนในการแกป้ ัญหาและอุปสรรค
ตา่ ง ๆ ที่เผชิญไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งเหมาะสมบนพ้ืนฐานของหลกั เหตุผล คุณธรรม และขอ้ มลู สารสนเทศ เขา้ ใจ
ความสมั พนั ธ์และการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสงั คม ประยกุ ตค์ วามรู้มาใชใ้ นการป้องกนั และ
แกไ้ ขปัญหา และมีการตดั สินใจท่ีมีประสิทธิภาพโดยคานึงถึงผลกระทบท่ีเกิดข้นึ ตอ่ ตนเอง สงั คม และ
ส่ิงแวดลอ้ ม
4. ความสามารถในการใช้ทกั ษะกระบวนการและทักษะในการดาเนินชีวิต เป็นความสามารถของ
นกั เรียนในดา้ นการนากระบวนการต่าง ๆ ไปใชใ้ นการดาเนินชีวิตประจาวนั การทางาน และการอยู่

คมู่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ นาฏศิลป์ ม. 3 4

ร่วมกนั ในสังคมดว้ ยการสร้างเสริมความสมั พนั ธอ์ นั ดีระหวา่ งบคุ คล การจดั การและหาทางออกท่ี
เหมาะสมดา้ นความขดั แยง้ และความแตกตา่ งระหวา่ งบุคคล การปรับตวั ใหท้ นั กบั การเปลี่ยนแปลงของ
สงั คมและสภาพแวดลอ้ ม การสืบเสาะหาความรู้ และการรู้จกั หลีกเลี่ยงพฤติกรรมท่ีไม่พงึ ประสงคซ์ ่ึงจะ
ส่งผลกระทบต่อตนเองและผอู้ ่ืน

5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถของนกั เรียนในการเลือกใชเ้ ทคโนโลยี
ดา้ นต่าง ๆ ท้งั ดา้ นวตั ถุ แนวคิด และวธิ ีการในการพฒั นาตนเองและสังคมดา้ นการเรียนรู้ การสื่อสาร การ
ทางาน การแกป้ ัญหา และการอยรู่ ่วมกบั ผอู้ ่ืนไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสมและมีคุณธรรม

นอกจากสมรรถนะสาคญั ของนกั เรียนหลงั จากสาเร็จการศึกษาตามหลกั สูตรที่กล่าวแลว้ ขา้ งตน้
หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ไดก้ าหนดคณุ ลกั ษณะที่พึงประสงคข์ อง
นกั เรียนหลงั จากสาเร็จการศึกษาตามหลกั สูตรไว้ 8 ประการ ดงั น้ี

1. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นคุณลกั ษณะในฐานะเป็นพลเมืองไทย ตอ้ งรู้คณุ คา่ หวงแหน และ
เทิดทูนสถาบนั สูงสุดของชาติ

2. ซ่ือสัตย์สุจริต เป็นคณุ ลกั ษณะท่ีผเู้ รียนมีจิตสานึก คา่ นิยม และมีคณุ ธรรม จริยธรรม ในการอยู่
ร่วมกบั ผอู้ ื่นอยา่ งมีความสุข

3. มวี ินยั เป็นคณุ ลกั ษณะของนกั เรียนดา้ นการประพฤติปฏิบตั ิตามกฎระเบียบของสังคมอยา่ งมี
ความรับผิดชอบและความซื่อสัตยต์ อ่ ตนเองและผอู้ ื่น

4. ใฝ่ เรียนรู้ เป็นคุณลกั ษณะของนกั เรียนดา้ นความกระตือรือร้นในการแสวงหาความรู้ อยากรู้
อยากเรียน รักการอ่าน การเขียน การฟัง รู้จกั ต้งั คาถามเพอื่ หาเหตผุ ล ท้งั ดว้ ยตนเองและร่วมกบั ผอู้ ่ืน ดว้ ย
ความขยนั หมนั่ เพยี รและอดทน และเปิ ดรับความคิดใหม่ ๆ

5. อย่อู ย่างพอเพยี ง เป็นคุณลกั ษณะของนกั เรียนในการดารงชีวติ อยา่ งมีความพอประมาณ ใช้
ส่ิงของอยา่ งประหยดั พอใจในสิ่งท่ีตนมีอยบู่ นหลกั เหตผุ ล และมีภูมิคมุ้ กนั ท่ีดี

6. ม่งุ มนั่ ในการทางาน เป็นคุณลกั ษณะของนกั เรียนที่มีจิตสานึกในการบริหารงาน และ
ทรัพยากรอยา่ งคุม้ ค่าและยง่ั ยนื ในการทางานตามความคิดสร้างสรรค์ มีทกั ษะและมุ่งมน่ั ตอ่ ความสาเร็จ
ของงาน

7. รักความเป็ นไทย เป็นคณุ ลกั ษณะของนกั เรียนที่รู้จกั หวงแหน อนุรักษพ์ ฒั นาวิถีชีวิตของคน
ไทย ประพฤติตามวฒั นธรรมไทยใหค้ งอยคู่ ไู่ ทย

8. มจี ิตสาธารณะ เป็นคุณลกั ษณะของนกั เรียนไดท้ าประโยชน์ตามความสามารถ ความถนดั และ
ความสนใจในลกั ษณะอาสาสมคั รเพือ่ แสดงความรับผดิ ชอบ ความเสียสละ มีจิตมุ่งทาประโยชน์ต่อ
ครอบครัว ชุมชน สงั คม

ดงั น้นั การกาหนดภาระงานใหน้ กั เรียนปฏิบตั ิ รวมท้งั การเลือกวิธีการและเคร่ืองมือประเมินผล
การเรียนรู้น้นั ครูควรคานึงถึงความสามารถของนกั เรียน 6 ประการ ตามแนวคดิ ของ Backward Design

คมู่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ นาฏศลิ ป์ ม. 3 5

สมรรถนะสาคญั และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงคข์ องนกั เรียนหลงั จากสาเร็จการศึกษาตามหลกั สูตรท่ีได้
กลา่ วไวข้ า้ งตน้ เพื่อใหภ้ าระงาน วธิ ีการ และเคร่ืองมือวดั และประเมินผลการเรียนรู้ครอบคลมุ สิ่งท่ี
สะทอ้ นผลลพั ธป์ ลายทางที่ตอ้ งการใหเ้ กิดข้ึนกบั นกั เรียน อยา่ งแทจ้ ริง

นอกจากน้ีการออกแบบการเรียนรู้ตามแนวคดิ ของ Backward Design ในข้นั ท่ี 2 น้ี ครูจะตอ้ ง
คานึงถึงภาระงาน วธิ ีการ เคร่ืองมือวดั และประเมินผลการเรียนรู้ที่มีความเท่ียงตรง เช่ือถือได้ มี
ประสิทธิภาพ ตรงกบั สภาพจริง มีความยดื หยนุ่ และใหค้ วามสบายใจแก่นกั เรียนเป็นสาคญั

ข้นั ท่ี 3 วางแผนการจดั การเรียนรู้

เม่ือครูมีความรู้ความเขา้ ใจท่ีชดั เจนเก่ียวกบั การกาหนดผลลพั ธ์ปลายทางที่ตอ้ งการใหเ้ กิดข้ึนกบั
นกั เรียน รวมท้งั กาหนดภาระงานและการประเมินผลการเรียนรู้ซ่ึงเป็นหลกั ฐานที่แสดงวา่ นกั เรียนเกิดการ
เรียนรู้ตามที่กาหนดไวอ้ ยา่ งแทจ้ ริงแลว้ ข้นั ต่อไปครูควรนึกถึงกิจกรรมการเรียนรู้ต่าง ๆ ที่จะจดั ใหแ้ ก่
นกั เรียน การท่ีครูจะนึกถึงกิจกรรมต่าง ๆ ท่ีจะจดั ใหน้ กั เรียนไดน้ ้นั ครูควรตอบคาถามสาคญั ต่อไปน้ี

– ถา้ ครูตอ้ งการจะจดั การเรียนรู้ใหน้ กั เรียนเกิดความรู้เก่ียวกบั ขอ้ เทจ็ จริง ความคดิ รวบยอด
หลกั การ และทกั ษะกระบวนการตา่ ง ๆ ท่ีจาเป็นสาหรับนกั เรียน ซ่ึงจะทาใหน้ กั เรียนเกิดผลลพั ธ์ปลายทาง
ตามที่กาหนดไว้ รวมท้งั เกิดเป็นความเขา้ ใจท่ีคงทนต่อไปน้นั ครูสามารถจะใชว้ ิธีการงา่ ย ๆ อะไรบา้ ง

– กิจกรรมการเรียนรู้ท่ีจะช่วยเป็นส่ือนาใหน้ กั เรียนเกิดความรู้และทกั ษะท่ีจาเป็นมีอะไรบา้ ง
– ส่ือและแหล่งการเรียนรู้ที่เหมาะสมและดีท่ีสุด ซ่ึงจะทาใหน้ กั เรียนบรรลตุ ามมาตรฐานของ
หลกั สูตรมีอะไรบา้ ง
– กิจกรรมการเรียนรู้ต่าง ๆ ท่ีกาหนดไวค้ วรจดั กิจกรรมใดก่อน และควรจดั กิจกรรม
ใดภายหลงั
– กิจกรรมต่าง ๆ ออกแบบไวเ้ พือ่ ตอบสนองความแตกต่างระหวา่ งบคุ คลของนกั เรียนหรือไม่
เพราะเหตุใด
การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ตา่ ง ๆ เพอ่ื ใหน้ กั เรียนเกิดผลลพั ธ์ปลายทางตามแนวคิดของ Backward
Design น้นั วกิ กินส์และแมกไทไดเ้ สนอแนะใหค้ รูเขียนแผนการจดั การเรียนรู้โดยใชแ้ นวคดิ ของ
WHERETO (ไปที่ไหน) ซ่ึงมีรายละเอียดดงั น้ี
W แทน กิจกรรมการเรียนรู้ท่ีจดั ใหน้ ้นั จะตอ้ งช่วยใหน้ กั เรียนรู้วา่ หน่วยการเรียนรู้น้ีจะดาเนินไป
ในทิศทางใด (Where) และส่ิงท่ีคาดหวงั คืออะไร (What) มีอะไรบา้ งช่วยใหค้ รูทราบวา่ นกั เรียนมีความรู้
พ้นื ฐานและความสนใจอะไรบา้ ง
H แทน กิจกรรมการเรียนรู้ควรดึงดูดความสนใจนกั เรียนทกุ คน (Hook) ทาใหน้ กั เรียนเกิดความ
สนใจในสิ่งที่จะเรียนรู้ (Hold) และใชส้ ิ่งท่ีนกั เรียนสนใจเป็นแนวทางในการจดั การเรียนรู้

คู่มอื ครู แผนการจดั การเรียนรู้ นาฏศลิ ป์ ม. 3 6

E แทน กิจกรรมการเรียนรู้ควรส่งเสริมและจดั ให้ (Equip) นกั เรียนไดม้ ีประสบการณ์
(Experience) ในแนวคดิ หลกั /ความคดิ รวบยอด และสารวจ รวมท้งั วินิจฉยั (Explore) ในประเดน็ ตา่ ง ๆ ที่
น่าสนใจ

R แทน กิจกรรมการเรียนรู้ควรเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนไดค้ ดิ ทบทวน (Rethink) ปรับ (Revise)
ความเขา้ ใจในความรู้และงานที่ปฏิบตั ิ

E แทน กิจกรรมการเรียนรู้ควรเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนไดป้ ระเมิน (Evaluate) ผลงานและสิ่งที่
เกี่ยวขอ้ งกบั การเรียนรู้

T แทน กิจกรรมการเรียนรู้ควรออกแบบ (Tailored) สาหรับนกั เรียนเป็นรายบุคคลเพอื่ ให้
สอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการ ความสนใจ และความสามารถท่ีแตกต่างกนั ของนกั เรียน

O แทน การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ต่าง ๆ ใหเ้ ป็นระบบ (Organized) ตามลาดบั การเรียนรู้ของ
นกั เรียน และกระตนุ้ ให้นกั เรียนมีส่วนร่วมในการสร้างองคค์ วามรู้ต้งั แต่เริ่มแรกและตลอดไป ท้งั น้ีเพอื่
การเรียนรู้ที่มีประสิทธิผล

อยา่ งไรกต็ ามมีขอ้ สงั เกตวา่ การวางแผนการจดั การเรียนรู้ท่ีมีการกาหนดวิธีการจดั การเรียนรู้ การ
ลาดบั บทเรียน รวมท้งั สื่อและแหล่งการเรียนรู้ท่ีเฉพาะเจาะจงน้นั จะประสบผลสาเร็จไดก้ ต็ อ่ เม่ือครูไดม้ ี
การกาหนดผลลพั ธ์ปลายทาง หลกั ฐาน และวธิ ีการวดั และประเมินผลที่แสดงวา่ นกั เรียนมีผลการเรียนรู้
ตามท่ีกาหนดไวอ้ ยา่ งแทจ้ ริงแลว้ การจดั กิจกรรมการเรียนรู้เป็นเพียงสื่อ ท่ีจะนาไปสู่เป้าหมายความสาเร็จ
ท่ีตอ้ งการเท่าน้นั ดว้ ยเหตุน้ีถา้ ครูมีเป้าหมายท่ีชดั เจนก็จะช่วยทาใหก้ ารวางแผนการจดั การเรียนรู้และการ
จดั กิจกรรมการเรียนรู้สามารถทาใหน้ กั เรียนเกิดผลสัมฤทธ์ิตามท่ีกาหนดไวไ้ ด้

โดยสรุปจึงกลา่ วไดว้ า่ ข้นั น้ีเป็นการคน้ หาส่ือการเรียนรู้ แหล่งการเรียนรู้ และกิจกรรมการเรียนรู้
ที่สอดคลอ้ งเหมาะสมกบั นกั เรียน กิจกรรมท่ีกาหนดข้ึนควรเป็นกิจกรรมที่จะส่งเสริมใหน้ กั เรียนสามารถ
สร้างและสรุปเป็นความคดิ รวบยอด และหลกั การท่ีสาคญั ของสาระที่เรียนรู้ ก่อใหเ้ กิดความเขา้ ใจที่คงทน
รวมท้งั ความรู้สึกและค่านิยมท่ีดีไปพร้อม ๆ กบั ทกั ษะความชานาญ

ค่มู อื ครู แผนการจดั การเรียนรู้ นาฏศลิ ป์ ม. 3 7

ผังการออกแบบการจัดการเรียนรู้

Backward Design Template

หน่วยการเรียนรู้ที่ ...........................................

ข้ันที่ 1 ผลลพั ธ์ปลายทางทตี่ ้องการให้เกิดกับนกั เรียน

ตวั ชีว้ ดั ช้ันปี

.......................................................................................................................................

ความเข้าใจท่ีคงทนของนักเรียน คาถามสาคญั ท่ที าให้เกดิ ความเข้าใจทค่ี งทน

นักเรียนจะเข้าใจว่า...

1. .................................................................. 1. .................................................................

2. .................................................................. 2. .................................................................

ความรู้ของนกั เรียนท่นี าไปสู่ความเข้าใจท่คี งทน ทกั ษะ/ความสามารถของนักเรียนทน่ี าไปสู่ความ

นักเรียนจะรู้ว่า... เข้าใจท่ีคงทน นักเรียนจะสามารถ...

1. ................................................................. 1. .................................................................

2. ................................................................. 2. .................................................................

3. ................................................................. 3. .................................................................

ข้นั ที่ 2 ภาระงานและการประเมนิ ผลการเรียนรู้ซ่ึงเป็ นหลักฐานทแี่ สดงว่านกั เรียนมผี ลการเรียนรู้

ตามท่กี าหนดไว้อย่างแท้จริง

1. ภาระงานทีน่ ักเรียนต้องปฏิบตั ิ

– ..............................................................................................................................................

– ..............................................................................................................................................

2. วิธีการและเครื่องมือประเมนิ ผลการเรียนรู้

วธิ กี ารประเมนิ ผลการเรียนรู้ เคร่ืองมือประเมินผลการเรียนรู้

– ................................................................. – .................................................................

– ................................................................. – .................................................................

3. สิ่งท่มี ่งุ ประเมนิ

– ..............................................................................................................................................

ข้นั ที่ 3 แผนการจัดการเรียนรู้

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ..............................................................................................................

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ..............................................................................................................

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ นาฏศิลป์ ม. 3 8

รูปแบบแผนการจดั การเรียนรู้รายชวั่ โมงจากการออกแบบการจดั การเรียนรู้ตามแนวคดิ ของ
Backward Design เขยี นโดยใชร้ ูปแบบของแผนการจดั การเรียนรู้แบบเรียงหัวขอ้ ซ่ึงมีรายละเอียดดงั น้ี

– ชื่อแผน... (ระบุชื่อและลาดบั ท่ีของแผนการจดั การเรียนรู้)
– ช่ือเร่ือง... (ระบชุ ื่อเร่ืองท่ีจะทาการจดั การเรียนรู้)
– สาระที่... (ระบสุ าระท่ีใชจ้ ดั การเรียนรู้)
– เวลา... (ระบรุ ะยะเวลาที่ใชใ้ นการจดั การเรียนรู้ต่อ 1 แผน)
– ช้นั ... (ระบชุ ้นั ที่จดั การเรียนรู้)
– หน่วยการเรียนรู้ที่... (ระบชุ ื่อและลาดบั ท่ีของหน่วยการเรียนรู้)
– สาระสาคญั ... (เขยี นความคิดรวบยอดหรือมโนทศั นข์ องหวั เรื่องท่ีจะจดั การเรียนรู้)
– ตวั ช้ีวดั ช้นั ปี ... (ระบุตวั ช้ีวดั ช้นั ปี ที่ใชเ้ ป็นเป้าหมายของแผนการจดั การเรียนรู้)
– จุดประสงคก์ ารเรียนรู้... กาหนดใหส้ อดคลอ้ งกบั สมรรถนะสาคญั และคุณลกั ษณะที่
พงึ ประสงคข์ องนกั เรียนหลงั จากสาเร็จการศึกษา ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน
พทุ ธศกั ราช 2551 ซ่ึงประกอบดว้ ย
ดา้ นความรู้ความคดิ (Knowledge: K)
ดา้ นคุณธรรม จริยธรรม และคา่ นิยม (Affective: A)
ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (Performance: P)
– การวดั และประเมินผลการเรียนรู้... (ระบุวิธีการและเครื่องวดั และประเมินผลที่สอดคลอ้ งกบั
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ท้งั 3 ดา้ น)
– สาระการเรียนรู้... (ระบสุ าระและเน้ือหาที่ใชจ้ ดั การเรียนรู้ อาจเขียนเฉพาะหวั เรื่องก็ได)้
– กระบวนการจดั การเรียนรู้... (กาหนดใหส้ อดคลอ้ งกบั ธรรมชาติของกลมุ่ สาระและการบรู ณา
การขา้ มสาระ)
– กิจกรรมเสนอแนะ... (ระบุรายละเอียดของกิจกรรมที่นกั เรียนควรปฏิบตั ิเพิ่มเติม)
– แนวทางบูรณาการ... (เสนอแนะและระบกุ ิจกรรมของกล่มุ สาระอื่นที่บรู ณาการร่วมกนั )
– สื่อ/แหลง่ การเรียนรู้... (ระบสุ ่ือ อุปกรณ์ และแหล่งเรียนรู้ที่ใชใ้ นการจดั การเรียนรู้)
– บนั ทึกผลหลงั การจดั การเรียนรู้... (รายละเอียดของผลการจดั การเรียนรู้ตามแผนท่ีกาหนดไว้
อาจนาเสนอขอ้ เด่นและขอ้ ดอ้ ยใหเ้ ป็นขอ้ มูลท่ีสามารถใชเ้ ป็นส่วนหน่ึงของการทาวจิ ยั ในช้นั เรียนได)้
ในส่วนของการเขยี นการจดั กิจกรรมการเรียนรู้น้นั ใหค้ รูท่ีเขียนแผนฯ นาข้นั ตอนหลกั ของ
เทคนิค วิธีการของการจดั การเรียนรู้ท่ีเนน้ ผเู้ รียนเป็นสาคญั เช่น การเรียนแบบแกป้ ัญหา การศึกษาเป็น
รายบุคคล การอภิปรายกลุม่ ยอ่ ย/กลมุ่ ใหญ่ การฝึกปฏิบตั ิการ การสืบคน้ ขอ้ มูล ฯลฯ มาเขียนในข้นั สอน
โดยใหค้ านึงถึงธรรมชาติของกลุม่ สาระการเรียนรู้

คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ นาฏศิลป์ ม. 3 9

การใชแ้ นวคดิ ของการออกแบบการจดั การเรียนรู้ตามแนวคิดของ Backward Design จะช่วยให้
ครูมีความมนั่ ใจในการจดั การเรียนรู้และใชแ้ ผนการจดั การเรียนรู้ของ วพ. ในการจดั การเรียนรู้ไดอ้ ยา่ งมี
ประสิทธิภาพต่อไป

4. เทคนคิ และวิธีการจัดการเรียนรู้–การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้
ดนตรี–นาฏศิลป์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ

พระราชบญั ญตั ิการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มาตรา 24 (2) และ (3) ไดร้ ะบแุ นวทางการจดั การ
เรียนรู้ โดยเนน้ การฝึกทกั ษะกระบวนการคดิ การฝึกทกั ษะการแสวงหาความรู้ดว้ ยตนเองจากแหล่งเรียนรู้
ท่ีหลากหลาย การฝึกปฏิบตั ิจริงและการประยกุ ตใ์ ชค้ วามรู้เพ่ือการป้องกนั และแกป้ ัญหา ดงั น้นั เพื่อให้
การจดั การเรียนรู้สอดคลอ้ งกบั นโยบายดงั กลา่ วน้ี การจดั ทาการแผนการจดั การเรียนรู้ในคู่มือครู แผนการ
จัดการเรียนรู้ ดนตรี–นาฏศิลป์ ชุดน้ี จึงยดึ แนวทางการจดั การเรียนรู้ท่ีเนน้ ผเู้ รียนเป็นสาคญั (Child-
Centered) เนน้ การเรียนรู้จากการปฏิบตั ิจริง และเนน้ การเรียนรู้แบบบรู ณาการที่ผสมผสานเชื่อมโยงสาระ
การเรียนรู้ต่าง ๆ กบั หวั ขอ้ เรื่องหรือประเด็นที่สอดคลอ้ งกบั ชีวิตจริง เพ่อื ให้นกั เรียนเกิดการพฒั นาในองค์
รวม เป็นธรรมชาติ สอดคลอ้ งกบั สภาพและปัญหาที่เกิดในวิถีชีวิตของนกั เรียน

แนวทางการจดั การเรียนรู้ที่เนน้ ผเู้ รียนเป็นสาคญั ไดเ้ ปล่ียนแปลงบทบาทของครูจากการเป็นผู้
ช้ีนาหรือถา่ ยทอดความรู้ ไปเป็นผชู้ ่วยเหลือ อานวยความสะดวก และส่งเสริมสนบั สนุนนกั เรียนโดยใช้
วธิ ีการตา่ ง ๆ อยา่ งหลากหลายรูปแบบ เพอ่ื ให้นกั เรียนเกิดการสร้างสรรคค์ วามรู้และนาความรู้ไปใชอ้ ยา่ ง
มีประสิทธิภาพ คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ ดนตรี–นาฏศิลป์ ชุดน้ีจึงไดน้ าเสนอทฤษฎีและเทคนิค
วิธีการเรียนการสอนตา่ ง ๆ มาเป็นแนวทางในการจดั การเรียนรู้ เช่น

การจดั การเรียนรู้โดยใช้สมองเป็ นฐาน (Brain-Based Learning – BBL) ท่ีเป็นวธิ ีการจดั การเรียนรู้
ท่ีอิงผลการวจิ ยั ทางประสาทวิทยา ซ่ึงไดเ้ สนอแนะไวว้ า่ ตามธรรมชาติน้นั สมองเรียนรู้ไดอ้ ยา่ งไร โดยได้
กล่าวถึงโครงสร้างที่แทจ้ ริงของสมองและการทางานของสมองมนุษยท์ ี่มีการแปรเปล่ียนไปตามข้นั ของ
การพฒั นา ซ่ึงสามารถนามาใชเ้ ป็นกรอบแนวคิดของการสร้างสรรคก์ ารจดั การเรียนรู้ไดอ้ ยา่ งมี
ประสิทธิภาพ

การจัดการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็ นฐาน (Problem-Based Learning – PBL) เป็นวิธีการจดั การ
เรียนรู้ที่ใชป้ ัญหาท่ีเกิดข้ึนเป็นจุดเร่ิมตน้ และเป็นตวั กระตุน้ ใหเ้ กิดกระบวนการเรียนรู้ โดยใหน้ กั เรียน
ร่วมกนั แกป้ ัญหาภายใตก้ ารแนะนาของครู ใหน้ กั เรียนช่วยกนั ต้งั คาถามและช่วยกนั คน้ หาคาตอบ โดยอาจ
ใชค้ วามรู้เดิมมาแกป้ ัญหา หรือศึกษาคน้ ควา้ เพิ่มเติมสาหรับการแกป้ ัญหา นาขอ้ มูลที่ไดจ้ ากการคน้ ควา้ มา
สรุปเป็นขอ้ มูลในการแกป้ ัญหา แลว้ ช่วยกนั ประเมินการแกป้ ัญหาเพื่อใชใ้ นการแกป้ ัญหาคร้ังต่อไป
สาหรับข้นั ตอนการจดั การเรียนรู้

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ นาฏศลิ ป์ ม. 3 10

การจดั การเรียนรู้แบบพหุปัญญา (Multiple Intelligences) เป็นการพฒั นาองคร์ วมของนกั เรียน ท้งั
สมองดา้ นซา้ ยและสมองดา้ นขวา บนพ้ืนฐานความสามารถและสติปัญญาที่แตกตา่ งกนั ของแต่ละบคุ คล
มุ่งหมายจะใหน้ กั เรียนสามารถแกป้ ัญหาหรือสร้างสรรคส์ ิ่งตา่ ง ๆ ภายใตค้ วามหลากหลายของวฒั นธรรม
หรือสภาพแวดลอ้ ม

การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Cooperative Learning) เป็นการจดั สถานการณ์และบรรยากาศให้
นกั เรียนเกิดการเรียนรู้ร่วมกนั ฝึกใหน้ กั เรียนที่มีลกั ษณะแตกต่างกนั ท้งั สติปัญญาและความถนดั ร่วมกนั
ทางานเป็นกล่มุ ร่วมกนั ศึกษาคน้ ควา้

การจัดการเรียนรู้แบบใช้หมวกความคิด 6 ใบ (Six Thinking Hats) ใหน้ กั เรียนฝึกต้งั คาถามและ
ตอบคาถามที่ใชค้ วามคิดในลกั ษณะต่าง ๆ โดยสามารถอธิบายเหตผุ ลประกอบ หรือวเิ คราะหว์ จิ ารณ์ได้

การจัดการเรียนรู้แบบกระบวนการแก้ปัญหา (Problem Solving) เป็นการฝึกใหน้ กั เรียนเรียนรู้จาก
การแกป้ ัญหาที่เกิดข้ึน โดยการทาความเขา้ ใจปัญหา วางแผนแกป้ ัญหา ดาเนินการแกป้ ัญหา และ
ตรวจสอบหรือมองยอ้ นกลบั

การจดั การเรียนรู้แบบโครงงาน (Project Work) ซ่ึงเป็นวธิ ีการจดั การเรียนรู้รูปแบบหน่ึงท่ีส่งเสริม
ใหน้ กั เรียนเรียนรู้ดว้ ยตนเองจากการลงมือปฏิบตั ิ โดยใชก้ ระบวนการแสวงหาความรู้หรือคน้ ควา้ หา
คาตอบในส่ิงที่นกั เรียนอยากรู้หรือสงสยั ดว้ ยวิธีการต่าง ๆ อยา่ งหลากหลาย

การจดั การเรียนรู้ท่เี น้นการปฏิบัติ (Active Learning) ใหน้ กั เรียนไดท้ ดลองทาดว้ ยตนเอง เพ่ือจะ
ไดเ้ รียนรู้ข้นั ตอนของงาน รู้จกั วิธีแกป้ ัญหาในการทางาน

การจัดการเรียนรู้แบบสร้างผงั ความคิด (Concept Mapping) เป็นการสอนดว้ ยวิธีการจดั กลุ่ม
ความคดิ รวบยอด เพอ่ื ใหเ้ ห็นความสมั พนั ธ์กนั ระหวา่ งความคิดหลกั และความคิดรองลงไป โดยนาเสนอ
เป็ นภาพหรื อเป็ นผงั

การจดั การเรียนรู้จากประสบการณ์ (Experience Learning) เป็นการจดั กิจกรรมหรือจดั
ประสบการณ์ใหน้ กั เรียนเกิดการเรียนรู้จากการปฏิบตั ิ แลว้ กระตนุ้ ใหน้ กั เรียนพฒั นาทกั ษะใหม่ ๆ
เจตคติใหม่ ๆ หรือวิธีการคิดใหม่ ๆ

การเรียนรู้โดยการแสดงบทบาทสมมตุ ิ (Role Playing) เป็นการจดั กิจกรรมท่ีให้นกั เรียนไดแ้ สดง
บทบาทในสถานการณ์ท่ีสมมตุ ิข้นึ โดยอาจกาหนดให้แสดงบทบาทสมมตุ ิท่ีเป็นพฤติกรรมของบุคคลอ่ืน
หรือแสดงพฤติกรรมในบทบาทของตนเองในสถานการณ์ตา่ ง ๆ

การเรียนรู้จากเกมจาลองสถานการณ์ (Simulation Gaming) เป็นเทคนิคการจดั การเรียนรู้ที่คลา้ ย
กบั การแสดงบทบาทสมมุติ แต่เป็นการใหเ้ ล่นเกมจาลองสถานการณ์ โดยครูนาสถานการณ์จริงมาจาลอง
ไวใ้ นหอ้ งเรียน โดยการกาหนดกฎ กติกา เงื่อนไขสาหรับเกมน้นั ๆ แลว้ ใหน้ กั เรียนไปเลน่ เกมหรือ
กิจกรรมในสถานการณ์จาลองน้นั

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ นาฏศลิ ป์ ม. 3 11

การจดั การเรียนรู้ตอ้ งจดั ควบคู่การวดั และการประเมินผลตามภาระและชิ้นงานที่สอดคลอ้ งกบั
ตวั ช้ีวดั แผนการจดั การเรียนรู้น้ีไดเ้ สนอการวดั และประเมินผลครบท้งั 3 ดา้ น คอื ดา้ นความรู้ ดา้ น
คุณธรรม จริยธรรม และคา่ นิยม และดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ เนน้ วธิ ีการวดั ที่หลากหลายตามสถานการณ์
จริง การดูร่องรอยต่าง ๆ ควบคู่ไปกบั การดูกระบวนการทางาน และผลผลิตของงาน โดยออกแบบการ
ประเมินก่อนเรียน ระหวา่ งเรียน หลงั เรียน และแบบทดสอบประจาหน่วยพร้อมแบบฟอร์มและเกณฑก์ าร
ประเมิน เพื่ออานวยความสะดวกใหค้ รูไวพ้ ร้อม ท้งั น้ีครูอาจเพิม่ เติม โดยการออกแบบการวดั และประเมิน
ดว้ ยมิติคณุ ภาพ (Rubrics)

1. ตารางวเิ คราะห์มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วดั ช้ันปี

มาตรฐานการเรียนรู้/ 1
ตัวชีว้ ัดช้ันปี /

หน่วยการเรียนรู้

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1พ้นื ฐานความรู้ของนาฏศิลป์ และการละคร
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 ทกั ษะการแสดงนาฏศิลป์ ไทย
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 นาฏศิลป์ และการละครกบั ชีวติ ประจาวนั

คมู่ อื ครู แผนการจดั การเรียนรู้ ดนตรี–นาฏศลิ ป์ ม. 3 12

สาระท่ี 3 นาฏศิลป์

มาตรฐาน มาตรฐาน
ศ 3.1 ศ 3.2

23456712 3

//

// / /

/ //

คู่มอื ครู แผนการจดั การเรียนรู้ นาฏศิลป์ ม. 3 13

2. โครงสร้างการแบ่งเวลารายช่ัวโมงในการจดั การเรียนรู้

นาฏศิลป์ ม. 3

หน่วยการเรียนรู้/ เรื่อง เวลา/
แผนการจัดการเรียนรู้ จานวนช่ัวโมง

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 พืน้ ฐานความรู้ของนาฏศิลป์ และการละคร 4

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 1 ภาษาทา่ หรือภาษาทางนาฏศิลป์ 2

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 2 องคป์ ระกอบของนาฏศิลป์ 1
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 3 เปรียบเทียบการแสดงนาฏศิลป์ โดยใชอ้ งคป์ ระกอบ 1
นาฏศิลป์

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 ทกั ษะการแสดงนาฏศิลป์ ไทย 10

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 4 รูปแบบการแสดงนาฏศิลป์ ไทย 2

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 5 การประดิษฐท์ า่ รา 3

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 6 การออกแบบและสร้างสรรคอ์ ุปกรณ์และเคร่ืองแต่ง 3
กายประกอบการแสดง

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 7 การจดั การแสดงนาฏศิลป์ ในโอกาสตา่ ง ๆ 2

หน่วยการเรียนรู้ท3ี่ นาฏศิลป์ และการละครกับชีวิตประจาวัน 4

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 8 บทละคร 1

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 18 ละครกบั ชีวติ 1

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 19 ความสาคญั และบทบาทของนาฏศิลป์ และการละคร 1
ในชีวิตประจาวนั

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 20 การอนุรักษน์ าฏศิลป์ และการละคร 1

คมู่ อื ครู แผนการจดั การเรียนรู้ นาฏศิลป์ ม. 3 14
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1
พนื้ ฐานความรู้ของนาฏศิลป์ และการละคร เวลา 4 ช่ัวโมง

ผังมโนทศั น์เป้าหมายการเรียนรู้ ทกั ษะ/กระบวนการ
– กระบวนการคดิ
ความรู้ – การศึกษาคน้ ควา้
– ภาษาท่าหรือภาษาทางนาฏศิลป์ – การคดิ วเิ คราะห์
– องคป์ ระกอบของนาฏศิลป์ – การสงั เกต
– เปรียบเทียบความแตกตา่ งการ – การปฏิบตั ิ
– การนาความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ใน
แสดงราวงมาตรฐานกบั การแสดง
ราฉุยฉายเบญกาย ชีวติ ประจาวนั
– ทกั ษะการปฏิบตั ิกิจกรรมเป็นกล่มุ
– ทกั ษะการปฏิบตั ิกิจกรรมเป็น

รายบคุ คล

พื้นฐานความรู้ของ
นาฏศิลป์ และการ

ละคร

ภาระงาน/ชิน้ งาน คุณธรรม จริยธรรม และค่านิยม
– มีเจตคติท่ีดีตอ่ การแสดงนาฏศิลป์
– การทาแบบทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียน
และการละคร
– การศึกษาพ้นื ฐานความรู้ของนาฏศิลป์ และการละคร – เห็นคุณค่าและความสาคญั ของ

ไดแ้ ก่ ภาษาทา่ หรือภาษาทางนาฏศิลป์ การแสดงนาฏศิลป์ และการละคร
– ปฏิบตั ิกิจกรรมเป็นรายบุคคล
องคป์ ระกอบของนาฏศิลป์
และปฏิบตั ิกิจกรรมเป็นกลุ่มดว้ ย
– บอกช่ือและจาแนกภาษาท่าหรือภาษาทางนาฏศิลป์ ความซ่ือสตั ย์ มีความรับผดิ ชอบ
– ปฏิบตั ิตนอยา่ งมีมารยาทในการ
– ฝึกปฏิบตั ิการใชภ้ าษาทา่ ในการถ่ายทอดเรื่องราว ปฏิบตั ิกิจกรรมร่วมกบั ผอู้ ื่น

– เปรียบเทียบความแตกตา่ งการแสดงราวงมาตรฐาน

กบั การแสดงราฉุยฉายเบญจกาย

– การปฏิบตั ิจริง – การนาเสนอผลงาน

– การจดั ทารายงาน – การจดั ทาสมุดภาพ

– การทาโครงงาน – ใบงาน

คมู่ อื ครู แผนการจดั การเรียนรู้ นาฏศลิ ป์ ม. 3 15

ผังการออกแบบการจัดการเรียนรู้

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1พื้นฐานความรู้ของนาฏศิลป์ และการละคร

ข้นั ท่ี 1 ผลลัพธ์ปลายทางท่ีต้องการให้เกิดขึน้ กับนกั เรียน

ตัวช้ีวดั ชั้นปี

1. ใชน้ าฏยศพั ทห์ รือศพั ทท์ างการละครท่ีเหมาะสมบรรยายเปรียบเทียบการแสดงอากปั กิริยาของคนใน

ชีวติ ประจาวนั และในการแสดง (ศ 3.1 ม. 3/1)

2. วจิ ารณ์เปรียบเทียบงานนาฏศิลป์ ท่ีมีความแตกต่างกนั โดยใชค้ วามรู้เรื่ององคป์ ระกอบนาฏศิลป์

(ศ 3.1 ม. 3/5)

ความเข้าใจท่คี งทนของนกั เรียน คาถามสาคัญท่ีทาให้เกดิ ความเข้าใจทค่ี งทน

นกั เรียนจะเข้าใจว่า...

1. ภาษาทา่ หรือภาษาทางนาฏศิลป์ คอื การแสดง 1. ภาษาท่าหรือภาษาทางนาฏศิลป์ คอื อะไร

ท่าทางแทนคาพูด ใชส้ ื่อถึงอารมณ์ความรู้สึก รวมถึง 2. ภาษาทา่ หรือภาษาทางนาฏศิลป์ แบง่

กิริยาหรือิริยาบถต่าง ๆ โดยสร้างสรรคท์ า่ ทางหรือท่า ออกเป็นกี่ประเภท อะไรบา้ ง

รามาจากธรรมชาติใหว้ ิจิตรงดงาม แบง่ ออกเป็น 2 3. ภาษาทา่ ท่ีมาจากท่าทางธรรมชาติแบง่

ประเภท คือ ภาษาท่าท่ีมาจากท่าทางธรรมชาติ และ ออกเป็นกี่ลกั ษณะ อะไรบา้ ง

ภาษาท่าที่มาจากการประดิษฐ์ 4. การใชภ้ าษาทา่ หรือภาษาทางนาฏศิลป์ แบ่ง

2. การใชภ้ าษาทา่ หรือภาษาทางนาฏศิลป์ สามารถแบ่ง ตามวธิ ีการใชไ้ ดก้ ี่ลกั ษณะ อะไรบา้ ง

ตามวธิ ีการใชไ้ ด้ 4 ลกั ษณะ คือ ใชภ้ าษาทา่ ทาง 5. องคป์ ระกอบของนาฏศิลป์ ประกอบดว้ ย

ธรรมชาติ ใชภ้ าษาทา่ เลียนแบบพฤติกรรมทางอารมณ์ อะไรบา้ ง

ใชภ้ าษาทา่ เลียนแบบส่ิงที่อยใู่ นธรรมชาติ คน สัตว์ ใช้ 6. ราวงมาตรฐานกบั ราฉุยฉายเบญกายมีความ
ภาษาท่าเลียนแบบสื่อความหมายตามหลกั นาฏศิลป์ แตกตา่ งกนั อยา่ งไร

ไทย

3. องคป์ ระกอบของนาฏศิลป์ ประกอบดว้ ย จงั หวะ

ทานอง การเคลื่อนไหว อารมณ์และความรู้สึก

นาฏยศพั ทแ์ ละภาษาทา่ รูปแบบการแสดง

การแตง่ กาย

1) ดา้ นจงั หวะทานอง

(1) ราวงมาตรฐานมีเพลงที่ใชใ้ นการแสดงท้งั หมด

10 เพลง แตล่ ะเพลงของการแสดงราวงมาตรฐานจะ

ค่มู ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ นาฏศลิ ป์ ม. 3 16

เป็นเพลงอตั ราจงั หวะช้นั เดียวทุกเพลง และมีเพียง
ทานองเดียวตลอดบทเพลง

(2) บทเพลงราฉุยฉายเบญกายบรรจุเพลงสาหรับบท
ร้อง 2 เพลง คือ เพลงฉุยฉายและเพลงแม่ศรี ซ่ึงมีอตั รา
จงั หวะ 3 ช้นั และ 2 ช้นั มีการรับเลียนทานองทุกทอ่ น

2) ดา้ นการเคลื่อนไหว
(1) ราวงมาตรฐานมีลกั ษณะการเคล่ือนไหวในการ
ร่ายราในลกั ษณะท่ีผแู้ สดงจะจบั ค่รู าชาย–หญิงเดินรา
ตามกนั เป็นวงกลม ในลกั ษณะทวนเขม็ นาฬิกา เนน้
ความพร้อมเพรียง
(2) ราฉุยฉายเบญกายเป็นการร่ายราอวดฝีมือในการ
แสดงใชผ้ แู้ สดงเพยี งคนเดียว ลีลาทา่ ทางเป็นการร่าย
ราท่ีสื่อความหมายตามบทร้อง
3) ดา้ นอารมณ์ความรู้สึก
(1) ราวงมาตรฐานเป็นการแสดงท่ีมีลกั ษณะการร่าย
ราเพือ่ ความสนุกสนาน
(2) ราฉุยฉายเบญกายเป็นการแสดงที่ผแู้ สดงตอ้ ง
ถ่ายทอดอารมณ์ใหส้ อดคลอ้ งตามบทร้องควบคกู่ บั
การร่ายราที่งดงามตามหลกั นาฏศิลป์
4) ดา้ นนาฏยศพั ทแ์ ละภาษาทา่
(1) ราวงมาตรฐานเป็นการแสดงท่ีม่งุ เนน้ ในความ
สวยงามและความถูกตอ้ งตามแบบแผนของทา่ ราที่
กาหนดในแตล่ ะบทเพลง
(2) ราฉุยฉายเบญกายเป็นการแสดงที่ใชน้ าฏยศพั ท์
และภาษาทา่ ในการร่ายราส่ือความหมาย
5) ดา้ นรูปแบบการแสดง
(1) ราวงมาตรฐานเป็นการแสดงหมู่จบั คู่ระหวา่ ง
ชาย–หญิง ต้งั แต่ 3 คขู่ ้ึนไป มีลกั ษณะการราเคลื่อนท่ี
เป็ นวงกลม
(2) ราฉุยฉายเบญกายเป็นการแสดงเด่ียวเป็นการราท่ี

คมู่ อื ครู แผนการจดั การเรียนรู้ นาฏศิลป์ ม. 3 17

มีการใชท้ ิศทางบนเวทีท้งั ดา้ นหนา้ เวทีและหนั
ดา้ นขวาและดา้ นซา้ ยของเวทีใหส้ อดคลอ้ งกบั ท่าราที่
กาหนด

6) ดา้ นการแตง่ ก่าย
(1) ราวงมาตรฐานแตง่ กายไดห้ ลายแบบ เช่น แบบ
พ้นื บา้ น แบบไทยพระราชนิยม แบบไทยสากล
(2) ราฉุยฉายเบญกายแต่งกายแบบยนื เครื่อง (ตวั
นาง)

ความรู้ของนักเรียนทน่ี าไปสู่ความเข้าใจทีค่ งทน ทกั ษะ/ความสามารถของนักเรียนทน่ี าไปสู่

นกั เรียนจะรู้ว่า... ความเข้าใจท่ีคงทน

1. คาสาคญั ที่ควรรู้ ไดแ้ ก่ ภาษาท่า ศิราภรณ์ ราวง นกั เรียนจะสามารถ...

มาตรฐาน 1. อธิบายความหมายของภาษาทา่ หรือภาษา

2. ภาษาท่าหรือภาษาทางนาฏศิลป์ คอื การแสดง ทางนาฏศิลป์ ได้

ทา่ ทางแทนคาพดู ใชส้ ่ือถึงอารมณ์ ความรู้สึก รวมถึง 2. บอกชื่อและจาแนกภาษาท่าในแต่ละภาพ

กิริยาหรืออิริยาบถตา่ ง ๆ โดยสร้างสรรคท์ า่ ทางหรือ 3. ฝึกปฏิบตั ิการใชภ้ าษาทา่ ในการถ่ายทอด

ท่าราใหม้ ีความวิจิตรงดงาม แบง่ ออกเป็น 2 ประเภท เรื่องราวได้

คือ 4. อธิบายองคป์ ระกอบนาฏศิลป์ ได้

1) ภาษาท่าท่ีมาจากท่าทางธรรมชาติ แบ่งเป็น 3 5. สร้างสรรคก์ ารแสดงโดยใชอ้ งคป์ ระกอบ

ลกั ษณะ คือ ภาษาท่าท่ีใชแ้ ทนการพูด ภาษาทา่ ท่ีใชส้ ่ือ ของนาฏศิลป์ ได้

ความหมายแทนอารมณ์ความรู้สึก ภาษาท่าท่ีใชแ้ สดง 6. เปรียบเทียบความแตกต่างของการแสดงรา

อิริยาบถตา่ ง ๆ วงมาตรฐานกบั ราฉุยฉายกายได้

2) ภาษาทา่ ท่ีมาจากการประดิษฐ์

3. การใชภ้ าษาทา่ หรือภาษาทางนาฏศิลป์ สามารถแบง่

ตามวธิ ีการใชไ้ ด้ 4 ลกั ษณะ คอื ใชภ้ าษาทา่ ทาง

ธรรมชาติ ใชภ้ าษาทา่ ทางเลียนแบบพฤติกรรมทาง

อารมณ์ ใชภ้ าษาท่าเลียนแบบส่ิงที่อยใู่ นธรรมชาติ คน

และสตั ว์ ใชภ้ าษาทา่ สื่อความหมายตามหลกั นาฏศิลป์

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ นาฏศิลป์ ม. 3 18

ไทย
4. องคป์ ระกอบการแสดงนาฏศิลป์ ประกอบดว้ ย
จงั หวะทานอง การเคล่ือนไหว อารมณ์และความรู้สึก
นาฏยศพั ทแ์ ละภาษาท่า รูปแบบของการแสดง การ
แตง่ กาย
5. ราวงมาตรฐาน ใชเ้ พลงประกอบบทร้องเป็นเพลง
อตั ราจงั หวะช้นั เดียว ใชท้ านองเดียวแต่ละบทเพลงท้งั
10 เพลง เป็นการร่ายราที่สื่ออารมณ์สนุกสนาน
มุง่ เนน้ ในความสวยงามของท่าราแตล่ ะท่าท่ีกาหนด
เป็นการแสดงหมู่ราเป็นค่ชู าย–หญิง เคล่ือนที่เป็น
วงกลม แต่งกายไดห้ ลายแบบ เช่น แบบพ้นื บา้ น แบบ
ไทยพระราชนิยม แบบไทยสากล
6. ราฉุยฉายเบญกาย เพลงประกอบในการแสดงมี 2
เพลง คือ เพลงฉุยฉายเป็นเพลงที่มีอตั ราจงั หวะ 3 ช้นั
และเพลงแม่ศรีเป็นเพลงซ่ึงมีอตั ราจงั หวะ 2 ช้นั สื่อ
อารมณ์ตามบทร้องของเพลง มุ่งเนน้ การใชภ้ าษาทา่ ใน
การส่ือความหมายของทา่ ราตามบทร้อง เป็นการแสดง
เดี่ยว อวดฝีมือ ใชท้ ิศทางบนเวที 3 ดา้ น คือ ดา้ นหนา้
เวทีและหันดา้ นซา้ ยและขวา แต่งกายแบบยนื เคร่ือง
(ตวั นาง)

ข้นั ที่ 2 ภาระงานและการประเมินผลการเรียนรู้ซ่ึงเป็ นหลักฐานทแี่ สดงว่านกั เรียนมีผลการเรียนรู้ตามที่

กาหนดไว้อย่างแท้จริง

1. ภาระงานท่ีนกั เรียนต้องปฏิบตั ิ
– ศึกษาพ้นื ฐานความรู้ของนาฏศิลป์ และการละคร ไดแ้ ก่ ภาษาทา่ หรือภาษาทางนาฏศิลป์ องคป์ ระกอบ
ของนาฏศิลป์
– บอกชื่อภาษาทา่ หรือภาษาทางนาฏศิลป์ ในแต่ละภาพได้
– ฝึกปฏิบตั ิภาษาทา่ หรือภาษาทางนาฏศิลป์
– ฝึกปฏิบตั ิภาษาทา่ หรือภาษาทางนาฏศิลป์ ประกอบการแสดง
– ศึกษาองคป์ ระกอบของนาฏศิลป์ และนามาใชป้ ระกอบการสร้างสรรคก์ ารแสดง
– อธิบายองคป์ ระกอบการแสดง

คู่มอื ครู แผนการจดั การเรียนรู้ นาฏศลิ ป์ ม. 3 19

– วจิ ารณ์เปรียบเทียบความแตกต่างของการแสดงราวงมาตรฐานกบั การแสดงราฉุยฉายเบญจกายโดยใช้

องคป์ ระกอบของนาฏศิลป์

2. วิธีการและเคร่ืองมือประเมนิ ผลการเรียนรู้

วธิ กี ารประเมนิ ผลการเรียนรู้ เครื่องมือประเมินผลการเรียนรู้

– การทดสอบ - แบบทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียน

– การสนทนาซกั ถามโดยครู - แบบบนั ทึกขอ้ มลู การแสดงความคิดเห็นและ

– การแสดงความคิดเห็นและอภิปราย การอภิปราย

– การฝึกปฏิบตั ิระหวา่ งเรียน - ใบงาน

– การประเมินตนเองของนกั เรียน - แบบประเมินผลดา้ นความรู้

– การประเมินดา้ นความรู้ - แบบประเมินผลดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรม

– การประเมินดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรมและคา่ นิยม และคา่ นิยม

– การประเมินดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ - แบบประเมินผลดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ

3. สิ่งทม่ี ุ่งประเมนิ

– ความสามารถในการบอกถึงพ้ืนฐานความรู้ของนาฏศิลป์ และการละคร ไดแ้ ก่ ภาษาท่าหรือภาษาทาง

นาฏศิลป์

– ความสามารถในการใชภ้ าษาท่าหรือภาษาทางนาฏศิลป์ ในการถ่ายทอดเร่ืองราว

– ความสามารถในการบอกถึงองคป์ ระกอบของนาฏศิลป์

– ความสามารถในการเปรียบเทียบการแสดงนาฏศิลป์ โดยใชอ้ งคป์ ระกอบของการแสดง

– ความสามารถในการปฏิบตั ิกิจกรรมร่วมกบั ผอู้ ่ืนดว้ ยความซ่ือสัตย์ ความรับผิดชอบ และความ

ประหยดั

ข้ันท่ี 3 แผนการจัดการเรียนรู้

– แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 1 ภาษาท่าหรือภาษาทางนาฏศิลป์ 2 ชวั่ โมง

– แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 2 องคป์ ระกอบของนาฏศิลป์ 1 ชวั่ โมง

– แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 3 เปรียบเทียบการแสดงนาฏศิลป์ โดย

ใชอ้ งคป์ ระกอบนาฏศิลป์ 1 ชวั่ โมง

คู่มอื ครู แผนการจดั การเรียนรู้ นาฏศิลป์ ม. 3 20

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1

ภาษาท่าหรือภาษาทางนาฏศิลป์

สาระท่ี 3 นาฏศิลป์ ช้ันมัธยมศึกษาปี ท่ี

3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 พื้นฐานความรู้ของนาฏศิลป์ และการละคร เวลา 2 ชั่วโมง

1. สาระสาคญั

ภาษาทา่ หรือภาษาทางนาฏศิลป์ คือ การแสดงทา่ ทางแทนคาพดู ใชส้ ื่อถึงอารมณ์ความรู้สึก

รวมถึงอิริยาบถต่าง ๆ โดยสร้างสรรคท์ ่าทางหรือทา่ ราใหว้ ิจิตรงดงาม แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คอื

ภาษาทา่ ที่มาจากท่าทางธรรมชาติ ภาษาทา่ ท่ีมาจากการประดิษฐ์

2. ตัวชีว้ ดั ช้ันปี

ใชน้ าฏยศพั ทห์ รือศพั ทท์ างการละครที่เหมาะสม บรรยายเปรียบเทียบการแสดงอากปั กิริยา

ของผคู้ นในชีวิตประจาวนั และในการแสดง (ศ 3.1 ม. 3/2)

3. จุดประสงค์การเรียนรู้

1. อธิบายความหมายของภาษาท่าหรือภาษาทางนาฏศิลป์ ได้ (K)

2. ปฏิบตั ิกิจกรรมดว้ ยความสนุกสนานเพลิดเพลิน (A)

3. ปฏิบตั ิภาษาท่าหรือภาษาทางนาฏศิลป์ ได้ (P)

4. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้

ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P)

และค่านยิ ม (A)

1. สังเกตจากการถามและการ 1. สงั เกตจากความซื่อสตั ยใ์ น 1. สงั เกตจากการปฏิบตั ิ

แสดงความคิดเห็น การปฏิบตั ิกิจกรรม นาฏยศพั ทแ์ ละภาษาท่าได้

2. จากการตรวจการวดั และ 2. สงั เกตจากความมีน้าใจและ ถกู ตอ้ ง

ประเมินผลการเรียนรู้ประจา ความเสียสละในการปฏิบตั ิ 2. สงั เกตจากการปฏิบตั ิ

หน่วย กิจกรรมร่วมกบั ผอู้ ื่น กิจกรรมกลุ่มร่วมกบั ผอู้ ื่นได้

3. จากการตรวจแบบทดสอบ 3. สังเกตจากการปฏิบตั ิ อยา่ งคล่องแคลว่

ก่อนเรียน กิจกรรมดว้ ยความสนุกสนาน 3. สังเกตจากการนาไปใชใ้ น

และเพลิดเพลิน ชีวติ ประจาวนั

4. สังเกตจากการยอมรับความ

คดิ เห็นของผอู้ ื่น ขณะปฏิบตั ิ

กิจกรรม

คมู่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ นาฏศลิ ป์ ม. 3 21

5. สาระการเรียนรู้

8. ภาษาท่าหรือภาษาทางนาฏศิลป์

6. แนวทางบูรณาการ

ภาษาไทย การพดู อธิบายความหมายของภาษาทา่ หรือภาษาทางนาฏศิลป์

วทิ ยาศาสตร์ สงั เกตการสาธิตภาษาทา่ หรือภาษาทางนาฏศิลป์ ของครูและปฏิบตั ิตาม

คณติ ศาสตร์ การนบั จงั หวะ

สังคมศึกษาฯ การปฏิบตั ิกิจกรรมเป็นกลุม่ และการสร้างมนุษยสมั พนั ธ์

การงานอาชีพฯ การคน้ ควา้ ขอ้ มูลทางอินเทอร์เนต็

7. กระบวนการจดั การเรียนรู้

ขั้นที่ 1 ข้นั นาเข้าสู่บทเรียน
1. นกั เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียนเพื่อประเมินความรู้
2. ครูใหน้ กั เรียนดูภาพภาษาทา่ หรือภาษาทางนาฏศิลป์ พร้อมต้งั คาถามวา่ ภาษาทา่ หรือภาษา
นาฏศิลป์ ในภาพมีช่ือท่าอะไรบา้ ง และมีลกั ษณะอยา่ งไร โดยใหน้ กั เรียนแสดงความคิดเห็นและ
อภิปรายตามความรู้ ความเขา้ ใจ และประสบการณ์ของตนเอง

ขั้นท่ี 2 ข้นั สอน

1. ครูอธิบายความหมายของภาษาท่าหรือภาษาทางนาฏศิลป์ พร้อมท้งั ยกตวั อยา่ งประกอบการ
อธิบาย โดยการแสดงภาษาท่าหรือภาษาทางนาฏศิลป์ ใหด้ ูทีละท่า

2. ครูใหน้ กั เรียนศึกษาตวั อยา่ งภาษาท่าหรือภาษาทางนาฏศิลป์ ในหนงั สือเรียน รายวิชา
พ้นื ฐาน ดนตรี–นาฏศิลป์ ม. 3 ซ่ึงไดแ้ ก่ ภาษาท่าที่มาจากธรรมชาติ ภาษาทา่ ที่มาจากการประดิษฐ์และ
การใชภ้ าษาทา่ หรือภาษาทางนาฏศิลป์ พร้อมกบั ทดลองปฏิบตั ิตามทีละทา่ โดยครูจะคอยใหค้ าแนะนา

3. นกั เรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 6 คน ร่วมกนั สร้างสรรคช์ ุดการแสดงโดยใชภ้ าษาทา่ หรือภาษา
ทางนาฏศิลป์ และนาเสนอหนา้ ช้นั เรียนใหค้ รูเพื่อน ๆ ชม

ข้ันท่ี 3 ข้นั สรุป
นกั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็นและอภิปรายสรุปเรื่อง ภาษาท่าหรือภาษาทางนาฏศิลป์
เป็นความคดิ ของช้นั เรียน โดยครูคอยใหค้ วามรู้เสริมในส่วนที่นกั เรียนไมเ่ ขา้ ใจหรือสรุปไม่ตรงกนั
ขัน้ ท่ี 4 ฝึ กฝนผู้เรียน
1. ใหน้ กั เรียนสังเกตภาพทา่ ราท่ีกาหนดใหว้ า่ มีช่ือเรียกตามภาษาทา่ หรือภาษาทางนาฏศิลป์ วา่
อะไร และเขียนคาตอบลงใตภ้ าพ

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ นาฏศลิ ป์ ม. 3 22
2. ใหน้ กั เรียน ฝึกปฏิบตั ิภาษาท่าหรือภาษาทางนาฏศิลป์ โดยใหน้ กั เรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5
คน ร่วมกนั ฝึ กปฏิบตั ิภาษาทา่ หรือภาษาทางนาฏศิลป์ ที่ชอบกลุ่มละ 3 ทา่ และเขียนบรรยายชื่อทา่ และ
วิธีการปฏิบตั ิ จากน้นั ใหน้ กั เรียนแต่ละกลุม่ ออกมาแสดงการปฏิบตั ิท่าราใหค้ รูและเพือ่ น ๆ ชม
3. ใหน้ กั เรียนฝึ กฝนเพิ่มเติมโดยใชก้ ิจกรรมท่ี 22 กิจกรรมที่ 23 กิจกรรมท่ี 24 และกิจกรรมที่
25 ในแบบฝึกทกั ษะ รายวิชาพ้นื ฐาน ดนตรี–นาฏศิลป์ ม. 3 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จากดั

ขัน้ ที่ 5 การนาไปใช้
1. นกั เรียนสามารถนาความรู้เร่ือง ภาษาท่าหรือภาษาทางนาฏศิลป์ ไปใชเ้ ป็นพ้นื ฐานในการ
นาฏศิลป์ ในระดบั สูงตอ่ ไป
2. นกั เรียนสามารถนาภาษาท่าหรือภาษาทางนาฏศิลป์ ไปสร้างสรรคช์ ุดการแสดงต่าง ๆ ตาม
จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ แลว้ ใชแ้ สดงในโอกาสต่าง ๆ เพื่อแสดงความสามารถดา้ น
นาฏศิลป์ ไทย
8. กิจกรรมเสนอแนะ
1. กิจกรรมสาหรับกลุ่มสนใจพเิ ศษ
นกั เรียนแบง่ กลมุ่ กล่มุ ละ 4–5 คน ร่วมกนั จดั ทาสมดุ ภาพภาษาทา่ หรือภาษาทางนาฏศิลป์ จาก
บทเรียนและคน้ หาเพ่มิ เติมจากแหลง่ การเรียนรู้ตา่ ง ๆ เช่น อินเทอร์เน็ต ผเู้ ช่ียวชาญ หรือผรู้ ู้ดา้ น
นาฏศิลป์ ในชุมชน เป็นตน้
2. กิจกรรมสาหรับฝึ กทกั ษะเพมิ่ เติม
นกั เรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4–5 คน เลือกเพลงลูกทุ่งที่ช่ืนชอบกลุ่มละ 1 เพลง และนาภาษาท่า
หรือภาษาทางนาฏศิลป์ มาแสดงประกอบเพลงตามจินตนาการความคิดสร้างสรรค์ แลว้ ใหแ้ ต่ละกลุ่ม
ออกมานาเสนอหนา้ ช้นั เรียน
9. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
1. หอ้ งสมุด
2. สถานที่ต่าง ๆ เช่น โรงละคร ศูนยว์ ฒั นธรรม สถานท่ีจดั การแสดงวฒั นธรรมทอ้ งถิ่น มหา
วิยาลยั ที่เปิ ดสอนดา้ นนาฏศิลป์ และการละคร เป็นตน้
3. อินเทอร์เน็ต
4. หนงั สือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน ดนตรี–นาฏศิลป์ ช้นั ม. 3 บริษทั สานกั พมิ พว์ ฒั นาพานิช
จากดั
5. แบบฝึกทกั ษะ รายวชิ าพ้นื ฐาน ดนตรี–นาฏศิลป์ ช้นั ม. 3 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นาพานิช
จากดั

คมู่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ นาฏศลิ ป์ ม. 3 23
10. บันทึกหลงั การจัดการเรียนรู้

1. ความสาเร็จในการจดั การเรียนรู้-
_________________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________________

แนวทางการ
พฒั นา____________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________________

2. ปัญหา/อปุ สรรคในการจดั การ
เรียนรู้____________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________________

แนว
ทางแกไ้ ข_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________________

3. ส่ิงท่ีไมไ่ ดเ้ ป็นไปตาม
แผน_____________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________________

เหตุผล______________________________________________________________________
_________________________________________________________________________________

4. การปรับปรุงแผนการจดั การ
เรียนรู้____________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________________

ลงชื่อ______________(ผ้สู อน)

คมู่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ นาฏศลิ ป์ ม. 3 24
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 2
องค์ประกอบของนาฏศิลป์

สาระที่ 3 นาฏศิลป์ ช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ 3
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 พืน้ ฐานความรู้ของนาฏศิลป์ และการละคร เวลา 1 ช่ัวโมง

1. สาระสาคญั

การแสดงนาฏศิลป์ จะประกอบดว้ ยองคป์ ระกอบตา่ ง ๆ ท่ีช่วยใหก้ ารแสดงน้นั ดูสมบรู ณ์

สวยงาม ไดแ้ ก่ จงั หวะทานอง การเคลื่อนไหว อารมณ์และความรู้สึก นาฏยศพั ทแ์ ละภาษาท่า รูปแบบ

ของการแสดง การแตง่ กาย

2. ตัวชีว้ ัดช้ันปี

วิจารณ์เปรียบเทียบงานนาฏศิลป์ ท่ีมีความแตกต่างกนั โดยใชค้ วามรู้เรื่ององคป์ ระกอบ

นาฏศิลป์ (ศ 3.1 ม. 3/5)

3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้

1. อธิบายองคป์ ระกอบของการแสดงนาฏศิลป์ จงั หวะทานอง การเคล่ือนไหว อารมณ์และ

ความรู้สึก นาฏยศพั ทแ์ ละภาษาท่า รูปแบบของการแสดง การแต่งกาย (K)

2. ปฏิบตั ิกิจกรรมดว้ ยความสนุกสนานเพลิดเพลิน (A)

3. สรุปองคป์ ระกอบของการแสดงนาฏศิลป์ ได้ (P)

4. จดั การแสดงนาฏศิลป์ โดยใชอ้ งคป์ ระกอบการแสดงนาฏศิลป์ (P)

4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้

ด้านความรู้ (K) ด้านคณุ ธรรม จริยธรรม ด้านทักษะ/กระบวนการ (P)

และค่านยิ ม (A)

1. สังเกตจากการถามและการ 1. สังเกตจากการปฏิบตั ิ 1. สงั เกตจากการพูดสรุปเก่ียวกบั

แสดงความคดิ เห็น กิจกรรมดว้ ยความสนุกสนาน องคป์ ระกอบของการแสดง

2. จากการตรวจการวดั และ และเพลิดเพลิน นาฏศิลป์ ไดถ้ ูกตอ้ ง

ประเมินผลการเรียนรู้ประจา 2. สงั เกตจากการปฏิบตั ิ 2. สังเกตจากการจดั การแสดง

หน่วย กิจกรรมอยา่ งเป็นข้นั ตอนและ นาฏศิลป์ โดยใชอ้ งคป์ ระกอบของ

3. จากการตรวจใบงาน เป็ นระเบียบ การแสดงนาฏศิลป์ ไดถ้ ูกตอ้ ง

3. สังเกตจากการยอมรับความ 3. สงั เกตจากการปฏิบตั ิกิจกรรม

คิดเห็นของผอู้ ่ืนขณะปฏิบตั ิ กล่มุ ร่วมกบั ผอู้ ื่นไดอ้ ยา่ ง

ค่มู ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ นาฏศลิ ป์ ม. 3 25

ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม ด้านทักษะ/กระบวนการ (P)

และค่านิยม (A)

กิจกรรม คลอ่ งแคล่ว

5. สาระการเรียนรู้

9. องคป์ ระกอบนาฏศิลป์

6. แนวทางบูรณาการ

ภาษาไทย การพดู ถึงองคป์ ระกอบการแสดงนาฏศิลป์ การแสดงความคิดเห็น การถามและการ

ตอบขอ้ สงสัยตา่ ง ๆ

คณติ ศาสตร์ การนบั จงั หวะ

สังคมศึกษาฯ การศึกษาองคป์ ระกอบของการแสดงนาฏศิลป์ การปฏิบตั ิกิจกรรมเป็นกลมุ่ และ

การสร้างมนุษยสมั พนั ธ์

การงานอาชีพ การคน้ ควา้ ขอ้ มลู ทางอินเทอร์เนต็

7. กระบวนการจัดการเรียนรู้

ข้นั ท่ี 1 ข้นั นาเข้าสู่บทเรียน
ครูเปิ ดวดี ิทศั น์การแสดงนาฏศิลป์ ไทยใหน้ กั เรียนชม และต้งั คาถามถามวา่ การแสดงนาฏศิลป์
ไทยชุดน้ีมีชื่อชุดการแสดงวา่ อยา่ งไร และมีองคป์ ระกอบในการแสดงอะไรบา้ ง
ข้นั ท่ี 2 ข้นั สอน
1. ครูนาเสนอเน้ือหาเรื่อง องค์ประกอบของการแสดงนาฏศิลป์ โดยการบรรยายและ
ยกตวั อยา่ งประกอบ
2. ใหน้ กั เรียนแบ่งออกเป็น 5 กลมุ่ และแจกใบงานที่ 9 เรื่อง องคป์ ระกอบของนาฏศิลป์ ให้
ร่วมกนั ศึกษาวา่ องคป์ ระกอบของการแสดงนาฏศิลป์ โดยศึกษาขอ้ มูลเพมิ่ เติมจากหนงั สือเรียน รายวชิ า
พ้ืนฐาน ดนตรี–นาฏศิลป์ ช้นั ม. 3 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จากดั อินเทอร์เน็ต หนงั สือนาฏศิลป์
ไทยในหอ้ งสมดุ
3. นกั เรียนแตล่ ะกลุม่ นาใบงานส่งครู
ข้นั ที่ 3 ข้ันสรุป
นกั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็นและอภิปรายสรุป เร่ือง องค์ประกอบของนาฏศิลป์ เป็น
ความคิดของช้นั เรียน โดยครูคอยใหค้ วามรู้เสริมในส่วนท่ีนกั เรียนไมเ่ ขา้ ใจหรือสรุปไมต่ รงกบั เน้ือหา

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ นาฏศิลป์ ม. 3 26

ขน้ั ที่ 4 ฝึ กฝนผ้เู รียน
1. ใหน้ กั เรียนปฏิบตั ิ กิจกรรม องค์ประกอบของนาฏศิลป์ โดยใหน้ กั เรียนชมการแสดง
นาฏศิลป์ ไทยจากวีดิทศั นแ์ ละร่วมกนั สรุปวา่ ใชอ้ งคป์ ระกอบใดบา้ งในการแสดง
2. ใหน้ กั เรียนฝึ กฝนเพิ่มเติมโดยใชก้ ิจกรรมท่ี 26 และกิจกรรมท่ี 27 ในแบบฝึ กทกั ษะ รายวิชา
พ้นื ฐาน ดนตรี–นาฏศิลป์ ม. 3 บริษทั สานกั พมิ พว์ ฒั นาพานิช จากดั
ข้ันที่ 5 การนาไปใช้
1. นกั เรียนสามารถนาความรู้เรื่อง องค์ประกอบของนาฏศิลป์ ไปเป็นพ้นื ฐานในการเรียน
นาฏศิลป์ ในระดบั สูงตอ่ ไป
2. นกั เรียนสามารถนาความรู้ท่ีไดไ้ ปใชป้ ระกอบในการชมการแสดงนาฏศิลป์ ไทย และ
อธิบายให้กบั บคุ คลต่าง ๆ ฟัง

8. กิจกรรมเสนอแนะ

1. กิจกรรมสาหรับกล่มุ สนใจพเิ ศษ
นกั เรียนแบ่งกลมุ่ กล่มุ ละ 5–6 คน แลว้ ใหแ้ ต่ละกลมุ่ สร้างสรรคช์ ุดการแสดงนาฏศิลป์ โดยใช้
องคป์ ระกอบของการแสดงนาฏศิลป์ จากน้นั ใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ออกมาแสดงใหค้ รูและเพ่ือน ๆ ชม
2. กิจกรรมสาหรับฝึ กทักษะผู้เรียน
นกั เรียนศึกษาองคป์ ระกอบของการแสดงนาฏศิลป์ เพิ่มเติมทางอินเทอร์เนต็ หรือสัมภาษณ์
ผเู้ ชี่ยวชาญหรือผรู้ ู้ในชุมชน แลว้ จดั ทาเป็นรายงานส่งครู

9. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
1. ใบงาน
2. หอ้ งสมุด
3. วดี ิทศั น์การแสดงนาฏศิลป์ ไทย
4. สถานท่ีตา่ ง ๆ เช่น โรงละคร ศนู ยว์ ฒั นธรรม สถานท่ีจดั การแสดงวฒั นธรรมทอ้ งถิ่น

มหาวิทยาลยั ท่ีเปิ ดสอนดา้ นนาฏศิลป์ และการละคร เป็นตน้
5. อินเทอร์เนต็
6. ผเู้ ชี่ยวชาญ หรือผรู้ ู้ดา้ นนาฏศิลป์ ในชุมชน
7. หนงั สือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน ดนตรี–นาฏศิลป์ ช้นั ม. 3 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นาพานิช

จากดั
8. แบบฝึกทกั ษะ รายวิชาพ้ืนฐาน ดนตรี–นาฏศิลป์ ช้นั ม. 3 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นาพานิช

จากดั

คมู่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ นาฏศลิ ป์ ม. 3 27
10. บันทึกหลงั การจัดการเรียนรู้

1. ความสาเร็จในการจดั การเรียนรู้-
_________________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________________

แนวทางการ
พฒั นา____________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________________

2. ปัญหา/อปุ สรรคในการจดั การ
เรียนรู้____________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________________

แนว
ทางแกไ้ ข_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________________

3. ส่ิงท่ีไมไ่ ดเ้ ป็นไปตาม
แผน_____________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________________

เหตุผล______________________________________________________________________
_________________________________________________________________________________

4. การปรับปรุงแผนการจดั การ
เรียนรู้____________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________________

ลงชื่อ______________(ผ้สู อน)

คู่มอื ครู แผนการจดั การเรียนรู้ นาฏศิลป์ ม. 3 28
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3
เปรียบเทยี บการแสดงนาฏศิลป์ โดยใช้องค์ประกอบนาฏศิลป์

สาระท่ี 3 นาฏศิลป์ ช้ันมัธยมศึกษาปี ที่ 3
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 พื้นฐานความรู้ของนาฏศิลป์ และการละคร เวลา 1 ช่ัวโมง

1. สาระสาคัญ

การแสดงราวงมาตรฐานกบั ราฉุยฉายเบญจกายมีความแตกตา่ งกนั ในดา้ นจงั หวะทานอง การ

เคลื่อนไหว อารมณ์และความรู้สึก นาฏยศพั ทแ์ ละภาษาทา่ รูปแบบการแสดง และการแตง่ กาย

2. ตวั ชี้วดั ช้ันปี

วจิ ารณ์เปรียบเทียบงานนาฏศิลป์ ที่มีความแตกตา่ งกนั โดยใชค้ วามรู้เร่ืององคป์ ระกอบ

นาฏศิลป์ (ศ 3.1 ม. 3/5)

3. จุดประสงค์การเรียนรู้

1. อธิบายความแตกตา่ งของการแสดงราวงมาตรฐานกบั ราฉุยฉายเบญจกายได้ (K)

2. ปฏิบตั ิกิจกรรมดว้ ยความสนุกสนานเพลิดเพลิน (A)

3. สรุปความแตกต่างของการแสดงราวงมาตรฐานกบั ราฉุยฉายเบญจกายได้ (P)

4. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้

ด้านความรู้ (K) ด้านคณุ ธรรม จริยธรรม ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P)

และค่านยิ ม (A)

1. สงั เกตจากการถามและการ 1. สังเกตจากการปฏิบตั ิ 1. สงั เกตจากการพูดสรุปเก่ียวกบั

แสดงความคดิ เห็น กิจกรรมดว้ ยความสนุกสนาน ความแตกตา่ งของการแสดงราวง

2. จากการตรวจการวดั และ และเพลิดเพลิน มาตรฐานกบั ราฉุยฉายเบญกายได้

ประเมินผลการเรียนรู้ประจา 2. สงั เกตจากการปฏิบตั ิ ถกู ตอ้ ง

หน่วย กิจกรรมอยา่ งเป็นข้นั ตอนและ 2. สงั เกตจากการปฏิบตั ิกิจกรรม

3. จากการตรวจแบบทดสอบ เป็นระเบียบ กลมุ่ ร่วมกบั ผอู้ ื่นไดอ้ ยา่ ง

หลงั เรียน 3. สงั เกตจากการยอมรับความ คลอ่ งแคล่ว

4. จากการตรวจใบงาน คิดเห็นของผอู้ ่ืนขณะปฏิบตั ิ 3. ประเมินพฤติกรรมตามแบบ

กิจกรรม การประเมินผลดา้ นทกั ษะ/

4. ประเมินพฤติกรรมตามแบบ กระบวนการ

การประเมินผลดา้ นคุณธรรม

คมู่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ นาฏศิลป์ ม. 3 29

ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรม ด้านทักษะ/กระบวนการ (P)

และค่านิยม (A)

จริยธรรม และค่านิยม

5. สาระการเรียนรู้

10. องคป์ ระกอบนาฏศิลป์

6. แนวทางบูรณาการ

ภาษาไทย การพูดอธิบายถึงความแตกตา่ งของการแสดงราวงมาตรฐานกบั ราฉุยฉายเบญจกาย

วิทยาศาสตร์ สังเกตความแตกต่างของการแสดงราวงมาตรฐานกบั การแสดงราฉุยฉายเบญจกาย

สังคมศึกษาฯ การปฏิบตั ิกิจกรรมเป็นกลุม่ และการสร้างมนุษยสมั พนั ธ์

การงานอาชีพฯ การคน้ ควา้ ขอ้ มลู ทางอินเทอร์เน็ต

7. กระบวนการจดั การเรียนรู้

ขนั้ ท่ี 1 ข้ันนาเข้าสู่บทเรียน

ครูเปิ ดวีดิทศั นก์ ารแสดงราวงมาตรฐานกบั ราฉุยฉายเบญจกายใหน้ กั เรียนชม และต้งั คาถาม

ถามวา่ การแสดงนาฏศิลป์ ไทยท้งั 2 ชุดน้ีมีช่ือชุดการแสดงวา่ อยา่ งไร และมีความแตกต่างกนั อยา่ งไร

ใหน้ กั เรียนช่วยกนั แสดงความคดิ เห็น

ขัน้ ที่ 2 ข้ันสอน

1. ครูนาเสนอเน้ือหาเรื่อง เปรียบเทียบการแสดงนาฏศิลป์ โดยใช้องค์ประกอบของนาฏศิลป์

โดยการบรรยายและยกตวั อยา่ งประกอบ

2. ครูเปิ ดวีดิทศั นก์ ารแสดงราวงมาตรฐานและราฉุยฉายเบญจกายใหน้ กั เรียนชม พร้อมท้งั

อธิบายถึงองคป์ ระกอบของการแสดงราวงมาตรฐานและราฉุยฉายเบญจกายใหน้ กั เรียนฟัง

3. ครูใหน้ กั เรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน แจกใบงานท่ี 10 เรื่อง เปรียบเทียบความแตกตา่ งของ

การแสดงราวงมาตรฐานกบั ราฉุยฉายเบญจกาย

4. ครูใหน้ กั เรียนส่งตวั แทนกลุ่มออกมาออกมาวจิ ารณ์เปรียบเทียบการแสดงนาฏศิลป์ ไทยท้งั

2 ชุดวา่ มีความแตกตา่ งกนั อยา่ งไรบา้ ง

5. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มนาใบงานส่งครู

6. ใหน้ กั เรียนศึกษาขอ้ มูลเพิ่มเติมจากหนงั สือเรียน รายวิชาพ้นื ฐาน ดนตรี–นาฏศิลป์ ม. 3

บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จากดั

7. ใหน้ กั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรียน

8. ใหน้ กั เรียนทาโครงงานตามความสนใจ

คู่มอื ครู แผนการจดั การเรียนรู้ นาฏศิลป์ ม. 3 30

ขน้ั ที่ 3 ข้ันสรุป
นกั เรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นและอภิปรายสรุป เร่ือง เปรียบเทียบการแสดงนาฏศิลป์ โดย
ใช้องค์ประกอบของการแสดง เป็นความคิดของช้นั เรียนโดยครูคอยใหค้ วามรู้เสริมในส่วนที่นกั เรียน
ไม่เขา้ ใจหรือสรุปไมต่ รงกบั เน้ือหา
ขน้ั ที่ 4 ฝึ กฝนผ้เู รียน
1. ใหน้ กั เรียนปฏิบตั ิ กิจกรรม เปรียบเทียบการแสดงราวงมาตรฐานกบั ราฉุยฉายเบจญกาย

โดยใหน้ กั เรียนเขียนเคร่ืองหมาย ✓ลงในช่องความเหมือนและความแตกต่างของการแสดงราวง
มาตรฐานกบั ราฉุยฉายเบญจกาย

2. ใหน้ กั เรียนฝึ กฝนเพ่ิมเติมโดยใชก้ ิจกรรมที่ 28 ในแบบฝึกทกั ษะ รายวิชาพ้ืนฐาน ดนตรี–
นาฏศิลป์ ม. 3 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จากดั

ขน้ั ที่ 5 การนาไปใช้
นกั เรียนสามารถนาความรู้เร่ือง เปรียบเทียบการแสดงนาฏศิลป์ โดยใช้องค์ประกอบของการ
แสดง ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นการเรียนนาฏศิลป์ ในระดบั สูงตอ่ ไป
8. กิจกรรมเสนอแนะ

1. กจิ กรรมสาหรับกล่มุ สนใจพเิ ศษ
ใหน้ กั เรียนปฏิบตั ิ กิจกรรม เปรียบเทียบการแสดงนาฏศิลป์ โดยใช้องค์ประกอบของนาฏศิลป์
โดยใหน้ กั เรียนชมวดี ิทศั น์การแสดงระบาดอกบวั กบั ระบาเทพบนั เทิงและร่วมกนั สรุปวา่ การแสดง
นาฏศิลป์ ไทยท้งั 2 ชุดการแสดงน้ีมีความแตกตา่ งกนั อยา่ งไร
2. กิจกรรมสาหรับฝึ กทักษะผ้เู รียน
นกั เรียนจดั ทาสมุดภาพเปรียบการแสดงนาฏศิลป์ ไทยระหวา่ งราพลายชุมพลกบั ระบานกเขา
มะราปี ศึกษาเพม่ิ เติมทางอินเทอร์เนต็ หรือสัมภาษณ์ผเู้ ช่ียวชาญหรือผรู้ ู้ในชุมชน แลว้ จดั ทาเป็น
รายงานส่งครู

9. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
1. ใบงาน
2. หอ้ งสมดุ
3. วีดิทศั นก์ ารแสดงนาฏศิลป์ ไทย
4. สถานที่ตา่ ง ๆ เช่น โรงละคร ศนู ยว์ ฒั นธรรม สถานที่จดั การแสดงวฒั นธรรมทอ้ งถ่ิน

มหาวทิ ยาลยั ที่เปิ ดสอนดา้ นนาฏศิลป์ และการละคร เป็นตน้
5. ผเู้ ชี่ยวชาญ หรือผรู้ ู้ดา้ นนาฏศิลป์ ในชุมชน
6. อินเทอร์เนต็

ค่มู ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ นาฏศลิ ป์ ม. 3 31

7. หนงั สือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน ดนตรี–นาฏศิลป์ ช้นั ม. 3 บริษทั สานกั พมิ พว์ ฒั นาพานิช
จากดั

8. แบบฝึกทกั ษะ รายวชิ าพ้นื ฐาน ดนตรี-นาฏศิลป์ ช้นั ม. 3 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นาพานิช
จากดั

คมู่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ นาฏศลิ ป์ ม. 3 32
10. บันทึกหลงั การจัดการเรียนรู้

1. ความสาเร็จในการจดั การเรียนรู้-
_________________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________________

แนวทางการ
พฒั นา____________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________________

2. ปัญหา/อปุ สรรคในการจดั การ
เรียนรู้____________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________________

แนว
ทางแกไ้ ข_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________________

3. ส่ิงท่ีไมไ่ ดเ้ ป็นไปตาม
แผน_____________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________________

เหตุผล______________________________________________________________________
_________________________________________________________________________________

4. การปรับปรุงแผนการจดั การ
เรียนรู้____________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________________

ลงชื่อ______________(ผ้สู อน)

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ นาฏศลิ ป์ ม. 3 33

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2

ทกั ษะการแสดงนาฏศิลป์ ไทย เวลา 10 ชั่วโมง

ผังมโนทัศน์เป้าหมายการเรียนรู้

ความรู้ ทกั ษะ/กระบวนการ
– รูปแบบการแสดงนาฏศิลป์ – กระบวนการคิด – การสังเกต
ไทย – การศึกษาคน้ ควา้ – การเคลื่อนไหวร่างกาย
– การประดษิ ฐท์ า่ รา – การคดิ วิเคราะห์
– ออกแบบสร้างสรรคอ์ ปุ กรณ์ – การปฏิบตั ิ
และเคร่ืองแตง่ กาย – การนาความรู้ไปใชป้ ระโยชนใ์ นชีวิตประจาวนั
– การจดั การแสดงนาฏศิลป์ – ทกั ษะการปฏิบตั ิกิจกรรมเป็นกลุ่ม
ไทยในโอกาสต่าง ๆ – ทกั ษะการปฏิบตั ิกิจกรรมเป็นรายบุคคล

ทักษะการแสดง
นาฏศิลป์ ไทย

ภาระงาน/ชิน้ งาน คุณธรรม จริยธรรม และค่านยิ ม
– ทาแบบทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียน – มีเจตคติท่ีดีต่อการแสดง
– ศึกษารูปแบบการแสดงนาฏศิลป์ ไทย ไดแ้ ก่
การแสดงเป็นหมู่ การแสดงเด่ียว การแสดงละคร นาฏศิลป์ และการละคร
การแสดงเป็ นชุดเป็ นตอน – เห็นคณุ คา่ และความสาคญั
– ศึกษาหลกั ท่ีใชใ้ นการประดิษฐ์ทา่ รา
– สร้างสรรคก์ ารแสดงนาฏศิลป์ โดยใชห้ ลกั ของการแสดงนาฏศิลป์ และ
สาคญั มาใชใ้ นการประดิษฐ์ท่ารา การละคร
– ออกแบบสร้างสรรคอ์ ปุ กรณ์ประกอบการ – ปฏิบตั ิกิจกรรมเป็นรายบุคคล
แสดง และปฏิบตั ิกิจกรรมเป็นกลุ่ม
– ออกแบบสร้างสรรคเ์ ครื่องแต่งกาย ดว้ ยความซ่ือสัตย์ มีความ
ประกอบการแสดง รับผดิ ชอบ
– จดั การแสดงนาฏศิลป์ ไทยในโอกาสต่าง ๆ – ปฏิบตั ิตนอยา่ งมีมารยาทใน
– การทารายงาน การปฏิบตั ิกิจกรรมร่วมกบั
– การทาโครงงาน ผอู้ ่ืน

คู่มอื ครู แผนการจดั การเรียนรู้ นาฏศิลป์ ม. 3 34

ผังการออกแบบการจัดการเรียนรู้

หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 ทักษะการแสดงนาฏศิลป์ ไทย

ข้นั ท่ี 1 ผลลัพธ์ปลายทางท่ตี ้องการให้เกดิ ขึน้ กบั นักเรียน

ตัวช้ีวัดช้ันปี

1. มีทกั ษะในการใชค้ วามคดิ ในการพฒั นารูปแบบการแสดง (ศ 3.1 ม. 3/3)

2. มีทกั ษะในการแปลความและการส่ือสารผา่ นการแสดง (ศ 3.1 ม. 3/4)

3. ร่วมจดั งานการแสดงในบทบาทหนา้ ที่ตา่ ง ๆ (ศ 3.1 ม. 3/6)

4. ออกแบบสร้างสรรคอ์ ปุ กรณ์และเคร่ืองแต่งกาย เพื่อแสดงนาฏศิลป์ และละครที่มาจากวฒั นธรรม

ตา่ ง ๆ (ศ 3.2 ม. 3/1)

ความเข้าใจท่ีคงทนของนักเรียน คาถามสาคัญทท่ี าให้เกิดความเข้าใจที่คงทน

นกั เรียนจะเข้าใจว่า...

1. รูปแบบของการแสดงนากศิลป์ ไทย แบ่งออกเป็น 4 1. รูปแบบการแสดงนาฏศิลป์ ไทยแบง่

ประเภท คือ การแสดงเป็นหมู่ การแสดงเดี่ยว การ ออกเป็นกี่ประเภท อะไรบา้ ง

แสดงละคร การแสดงเป็นชุดเป็นตอน 2. การประดิษฐท์ ่าราประกอบการแสดงมีหลกั

2. หลกั สาคญั ของการประดิษฐ์ท่ารา คือ สาคญั อะไร

1) ทา่ ทางที่ใชใ้ นการแสดงจะตอ้ งแสดงออกถึงทา่ 3. ข้นั ตอนในการประดิษฐ์ทา่ รามีอะไรบา้ ง

สาคญั ๆ ในบทเพลงวรรคน้นั ๆ โดยตดั ท่าท่ีไม่สาคญั 4. การออกแบบสร้างสรรคอ์ ปุ กรณ์และเครื่อง

ออก แตง่ กายประกอบการแสดงจะตอ้ งคานึงถึง

2) ทา่ ราตอ้ งสื่อความหมายที่ชดั เจน อะไร

3) การประดิษฐท์ ่าราตอ้ งคานึงถึงความถูกตอ้ ง ตรง 5. ประเภทของงานที่จดั การแสดงนาฏศิลป์

ตามแบบแผนของนาฏศิลป์ ไทย ไทยแบ่งออกไดก้ ่ีลกั ษณะ อะไรบา้ ง

4) หลีกเล่ียงการใชท้ า่ ราซ้ากนั ในการสื่อความหมาย 6. ข้นั ตอนในการดาเนินการจดั การแสดงมี
5) การประดิษฐท์ ่าราตอ้ งคานึงถึงวยั ของเด็กในแต่ อะไรบา้ ง

ละระดบั ช้นั เพราะจะมีความยากง่ายไมเ่ หมือนกนั 7. ประโยชน์และคณุ คา่ ของการแสดงมี
3. ข้นั ตอนในการประดิษฐท์ า่ รา มีข้นั ตอนดงั น้ี อะไรบา้ ง

1) การเคลื่อนไหวร่างกาย

2) การใชภ้ าษาท่าในการส่ือความหมาย

3) การใชท้ ่าทางแทนคาพดู ประกอบการแสดง

4. การออกแบบสร้างสรรคอ์ ุปกรณ์และเครื่องแตง่ กาย

คมู่ อื ครู แผนการจดั การเรียนรู้ นาฏศลิ ป์ ม. 3 35

ประกอบการแสดงจะตอ้ งคานึงถึง ความประหยดั

ใชว้ สั ดุในทอ้ งถิ่น ใชห้ ลกั เรียบงา่ ย ใชค้ วามคิด

สร้างสรรค์

5. ประเภทของงานที่จดั การแสดงนาฏศิลป์ ไทยแบ่ง

ออกได้ 4 ลกั ษณะ คอื งานพระราชพิธี งานมงคล

งานอวมงคล งานเทศกาลตา่ ง ๆ

6. ข้นั ตอนในการดาเนินการจดั การแสดงมีดงั น้ี

1) การจดั การแสดงจาเป็นตอ้ งแบ่งหนา้ ที่

ผรู้ ับผดิ ชอบออกเป็น 3 ฝ่ าย คือ ฝ่ ายอานวยการแสดง

ฝ่ ายจดั การแสดง และฝ่ ายธุรการ

2) คดั เลือกผแู้ สดง ควรพจิ ารณาจากบุคลิกลกั ษณะ

ของผแู้ สดงใหม้ ีความสอดคลอ้ งกบั บทบาทของตวั

ละครน้นั ๆ

3) ประชุมเพ่อื มอบหมายงานใหก้ บั เจา้ หนา้ ท่ีฝ่ ายตา่ ง

ๆ เพือ่ เตรียมการในงานส่วนตา่ ง ๆ

4) จดั การประชุดติดตามผลการทางานของแตล่ ะฝ่ าย

5) ฝึกซอ้ มการแสดง

6) จดั การแสดงจริง

7) การสรุปและประเมินผลการแสดง

7. ประโยชนแ์ ละคุณคา่ ของการแสดง เช่น

ช่วยใหผ้ แู้ สดงมีความกลา้ แสดงออกทาใหเ้ กิดความ

สามคั คี ร่วมแรงร่วมใจในการทางาน เกิดความคดิ

ริเริ่มสร้างสรรคใ์ นการคดิ ประดิษฐ์ชุดการแสดง

เป็ นตน้

ความรู้ของนักเรียนที่นาไปสู่ความเข้าใจทค่ี งทน ทักษะ/ความสามารถของนักเรียนทน่ี าไปสู่

นักเรียนจะรู้ว่า... ความเข้าใจท่คี งทน

1. คาสาคญั ท่ีควรรู้ ไดแ้ ก่ ระบา ฟ้อนที โขนหลวง นักเรียนจะสามารถ...

สวิง สมโภช โสกนั ต์ โสมนสั เหรัญญิก หุ่นละคร 1. อธิบายรูปแบบการแสดงนาฏศิลป์ ไทยได้

หลวง องคป์ ะตาระกาหลา 2. อธิบายหลกั สาคญั ในการประดิษฐท์ า่ ราได้

2. นาฏศิลป์ ไทย คือ ศิลปะการฟ้อนราที่มนุษย์ 3. อธิบายข้นั ตอนในการประดิษฐท์ า่ ราได้

คู่มอื ครู แผนการจดั การเรียนรู้ นาฏศิลป์ ม. 3 36

สร้างสรรค์ และประดิษฐข์ ้ึน มคี วามงดงามประณีต 4. ประดิษฐ์ท่าราประกอบการแสดงนาฏศิลป์

และใหค้ วามบนั เทิงใจแก่ผชู้ ม มีรูปแบบการแสดง ไทยได้

นาฏศิลป์ ไทย ดงั น้ี 5. ออกแบบสร้างสรรคอ์ ปุ กรณ์ประกอบการ

1) การแสดงเป็นหมู่ คอื การแสดงท่ีมีผแู้ สดงต้งั แต่ แสดงได้

2 คนข้นึ ไปใชเ้ พลงบรรเลงประกอบการแสดงท้งั มี 6. ออกแบบสร้างสรรคเ์ คร่ืองแตง่ กาย

เน้ือร้องและไมม่ ีเน้ือร้อง เนน้ ความพร้อมเพรียง ความ ประกอบการแสดงได้

สมดุลในการแสดง หรือท่ีเรียกวา่ ระบา ซ่ึงยงั รวม 7. อธิบายประเภทของงานในการจดั การแสดง

ความหมายไปถึง ฟ้อนและเซิ้ง นาฏศิลป์ ไทยได้

2) การแสดงเด่ียว คอื การแสดงท่ีผแู้ สดงเพยี งคน 8. จดั การแสดงนาฏศิลป์ ไทยไดต้ รงตาม

เดียว มุ่งเน้นในความสวยงามของการเคล่ือนไหว ลกั ษณะของงาน

ร่างกาย เป็นการแสดงฝีมือของผแู้ สดง เนน้ การใชม้ ือ 9. อธิบายข้นั ตอนการดาเนินการจดั การแสดง

และแขนเป็ นหลกั ได้

3) การแสดงละคร คือ การแสดงท่ีดาเนินเป็น 10. อธิบายประโยชน์และคุณคา่ ของการแสดง

เรื่องราว ใชผ้ แู้ สดงในการถา่ ยทอดเร่ืองราวต่าง ๆ โดย ได้

ใชก้ ารร้อง การแสดงออกของลีลาท่าราและการใช้

เพลงประกอบ

4) การแสดงเป็นชุดเป็นตอน คอื การแสดงท่ี

สอดแทรกอยใู่ นการแสดงละคร มีจุดประสงคเ์ พอื่ เป็น

การร่ายราอวดฝีมือของผแู้ สดง อาจเป็นการแสดง

ประเภทราเด่ียว ราคู่ หรือระบา

3. การประดิษฐท์ า่ รา คือ การนาพ้นื ฐานความรู้ดา้ น

นาฏยศพั ท์ ภาษาทา่ มาประดิษฐส์ ร้างสรรคเ์ ป็นทา่ รา

ประกอบการแสดง หรือประกอบเพลงต่าง ๆ

4. การประดิษฐ์ท่าราประกอบการแสดงจะตอ้ ง

คานึงถึงหลกั สาคญั ในการประดิษฐท์ า่ รา ดงั น้ี

1) ทา่ ทางท่ีใชป้ ระกอบการแสดงจะตอ้ งแสดงออก

ถึงทา่ สาคญั ๆ ในบทเพลงวรรคน้นั ๆ โดยตดั ทา่ ท่ีไม่

สาคญั หรือทา่ ยอ่ ยออก

2) ทา่ ราท่ีประดิษฐห์ รือสร้างสรรคจ์ ะตอ้ งส่ือ

ความหมายไดอ้ ยา่ งชดั เจน

คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ นาฏศลิ ป์ ม. 3 37

3) ในการประดิษฐ์ท่าราประกอบการแสดงจะตอ้ ง
คานึงถึงความถูกตอ้ ง ตรงตามแบบแผนของนาฏศิลป์
ไทย

4) ควรหลีกเลี่ยงการใชท้ า่ ราท่ีซ้ากนั ในการสื่อ
ความหมาย

5) การประดิษฐท์ า่ ราประกอบการแสดงน้นั ตอ้ ง
คานึงถึงวยั ของเด็กในแตล่ ะระดบั ช้นั เพราะจะมีความ
ยากงา่ ยไมเ่ หมือนกนั
5. ข้นั ตอนในการประดิษฐ์ท่ารา มีข้นั ตอนดงั น้ี

1) การเคลื่อนไหวร่างกาย เป็นการประดิษฐ์ท่ารา
อยา่ งอิสระ โดยเริ่มจากการฟังเพลงแลว้ ใชจ้ ินตนาการ
ในการสร้างสรรคท์ ่าราคานึงถึงจงั หวะเป็นสาคญั ทา่
ราท่ีใชใ้ นการแสดงน้นั จะสื่อความหมายตรงตามเน้ือ
เพลงหรือไมก่ ไ็ ด้ เพือ่ เป็นการช่วยพฒั นาในดา้ นการ
ฟัง ความคิดสร้างสรรคใ์ นการแสดงและความกลา้
แสดงออก

2) การใชภ้ าษาท่าในการส่ือความหมาย แทนการพูด
ระหวา่ งผแู้ สดงกบั ผชู้ ม อาจเป็นทา่ ทางที่เลียนแบบมา
จากธรรมชาติ สัตวห์ รือส่ิงของ ซ่ึงมีการประดิษฐ์
ปรับปรุงให้มีความสวยงาม เหมาะสมกบั การแสดง

3) การใชท้ า่ ทางแทนคาพูดประกอบการแสดง โดย
นาหลกั ของนาฏศิลป์ มาใชใ้ นการประดิษฐท์ า่ รา
ผทู้ ี่จะประดิษฐ์ท่าราไดด้ ีน้นั จะตอ้ งมีความเขา้ ใจ
นาฏยศพั ท์ ภาษาทา่ ภาษานาฏศิลป์ ซ่ึงเป็นพ้นื ฐาน
สาคญั ในการประดิษฐท์ า่ รา
6. การออกแบบสร้างสรรคอ์ ปุ กรณ์และเครื่องแตง่ กาย
ประกอบการแสดงจะตอ้ งคานึงถึงหลกั ตา่ ง ๆ ดงั น้ี

1) ความประหยดั คอื การนาเอาวสั ดุเหลือใช้ เช่น
ขวดพลาสติก เศษผา้ เชือก เป็นตน้ มาใชใ้ นการ

คู่มอื ครู แผนการจดั การเรียนรู้ นาฏศิลป์ ม. 3 38

ประดิษฐ์สร้างสรรคอ์ ปุ กรณ์ประกอบการแสดง
2) ใชว้ สั ดุในทอ้ งถิ่น การแสดงพ้ืนบา้ นบางชุด

สามารถนาเอาวสั ดุพ้ืนบา้ นของทอ้ งถ่ินน้นั ๆ มา
ประกอบการแสดง เช่น การนาสวิงมาใชใ้ นการแสดง
เซ้ิงสวิง เป็นตน้

3) ใชห้ ลกั เรียบง่าย การประดษิ ฐ์อุปกรณ์
ประกอบการแสดงตอ้ งคานึงถึงวยั ของผเู้ รียน ไม่ควร
ใชว้ ธิ ีท่ียากจนเกินไป เนน้ วา่ เป็นอุปกรณ์ท่ีใช้
ประกอบการเรียนผเู้ รียนสามารถประดิษฐไ์ ดเ้ องและ
ใชป้ ระกอบการเรียนได้ ไมต่ อ้ งซ้ือหาใหส้ ิ้นเปลือง

4) ใชค้ วามคิดสรา้ งสรรค์ เป็นการเปิ ดโอกาสให้
ผเู้ รียนเกิดจินตนาการและความคดิ สร้างสรรคใ์ นการ
ประดิษฐอ์ ุปกรณ์และเครื่องแต่งกาย
7. ประเภทของงานท่ีจดั การแสดงนาฏศิลป์ ไทยแบ่ง
ออกได้ 4 ลกั ษณะ คอื

1) งานพระราชพิธี คอื งานที่พระบาทสมเด็จพระ
เจา้ อยหู่ วั ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ กาหนดไวเ้ ป็น
ประจาทกุ ปี ซ่ึงพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั หรือพระ
บรมวงศานุวงศจ์ ะเสดจ็ พระราชดาเนินไปทรง
ประกอบพธิ ี เช่น งานพระราชพธิ ีสมโภช พระราชพธิ ี
โสกนั ต์ เป็นตน้ การแสดงท่ีนามาจดั การแสดงจะตอ้ ง
มีแบบแผนขนบธรรมเนียมอยา่ งเคร่งครัดและมีความ
งดงานในท่ารา เครื่องแตง่ กาย และความไพเราะของ
บทเพลง

2) งานมงคล คอื งานท่ีสื่อความหมายถึงความเป็น
สิริมงคล การแสดงที่นามาแสดงจะตอ้ งส่ือความ
หมายถึงความเป็นสิริมงคล มีความสนุกสนาน

3) งานอวมงคล คือ งานท่ีสื่อถึงความเศร้าโศกเสียใจ
ควรใชก้ ารแสดงท่ีมีจงั หวะชา้ ๆ มาจดั ในการแสดง

4) งานเทศกาลตา่ ง ๆ คือ งานท่ีภาครัฐและเอกชนจดั

คู่มอื ครู แผนการจดั การเรียนรู้ นาฏศลิ ป์ ม. 3 39

ข้ึนเพื่อช่วยอนุรักษส์ ืบสานนาฏศิลป์ ไทย แลเป็นการ
ช่วยส่งเสริมการท่องเท่ียวใหเ้ ป็นผลดีกบั เศรษฐกิจ
การแสดงท่ีนามาแสดงตอ้ งเลือกใหเ้ หมาะสมกบั
เทศกาลตา่ ง ๆ
8. ข้นั ตอนในการดาเนินการจดั การแสดงมีดงั น้ี

1) การจดั การแสดงจาเป็นตอ้ งแบ่งหนา้ ท่ี
ผรู้ ับผดิ ชอบออกเป็น 3 ฝ่ าย คอื ฝ่ ายอานวยการแสดง
ฝ่ ายจดั การแสดง และฝ่ ายธุรการ

2) คดั เลือกผแู้ สดง ควรพจิ ารณาจากบคุ ลิกลกั ษณะ
ของผแู้ สดงใหม้ ีความสอดคลอ้ งกบั บทบาทของตวั
ละครน้นั ๆ

3) ประชุมเพ่อื มอบหมายงานใหก้ บั เจา้ หนา้ ท่ีฝ่ ายตา่ ง
ๆ เพ่อื เตรียมการในงานส่วนต่าง ๆ

4) จดั การประชุดติดตามผลการทางานของแตล่ ะฝ่ าย
ซ่ึงหวั หนา้ จะเป็นผรู้ ายงานความคืบหนา้ อปุ สรรค
และปัญหาต่าง ๆ ใหก้ บั ผกู้ ากบั การแสดงและหวั หนา้
แต่ละฝ่ ายรับรู้และร่วมกนั หาแนวทางแกไ้ ข

5) ฝึกซอ้ มการแสดง จะมีการกาหนดการซอ้ มยอ่ ย
และซอ้ มใหญ่

6) จดั การแสดงจริง เป็นข้นั ตอนที่มีความสาคญั มาก
ที่สุด เพราะทุกฝ่ ายจะตอ้ งทาหนา้ ท่ีของตนเองอยา่ ง
เตม็ ความสามารถ

7) การสรุปและประเมินผลการแสดง เป็นข้นั ตอน
สุดทา้ ยที่ทกุ ฝ่ ายจะมาประชุมสรุปและประเมินผลการ
จดั การแสดง และนาขอ้ มูลท่ีไดม้ าปรับปรุงแกไ้ ขใหด้ ี
ยง่ิ ข้นึ สาหรับในการจดั การแสดงคร้ังต่อไป
9. ประโยชน์และคณุ คา่ ของการแสดงมีมากมาย เช่น

1) ช่วยใหผ้ แู้ สดงมีความกลา้ แสดงออก
2) ทาใหเ้ กิดความสามคั คี ร่วมแรงร่วมใจในการ
ทางาน

คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ นาฏศลิ ป์ ม. 3 40

3) เกิดความคิดริเริ่มสร้างสรรคใ์ นการคิดประดิษฐ์

ชุดการแสดง

4) เป็นการใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ กิดประโยชน์

5) ผอ่ นคลายความเครียด เกิดความสนุกสนาน

เพลิดเพลิน

6) รู้จกั การคิดวเิ คราะห์ วจิ ารณ์อยา่ งมีเหตุผล

7) นาไปบูรณาการกบั กลุม่ สาระอื่น ๆ ได้

8) ช่วยอนุรักษส์ ืบทอดศิลปวฒั นธรรมของชาติ

ข้นั ที่ 2 ภาระงานและการประเมนิ ผลการเรียนรู้ซึ่งเป็ นหลกั ฐานทแ่ี สดงว่านักเรียนมีผลการเรียนรู้ตามที่

กาหนดไว้อย่างแท้จริง

1. ภาระงานที่นกั เรียนต้องปฏิบตั ิ

– ศึกษาและอธิบายรูปแบบการแสดงนาฏศิลป์ ไทย ไดแ้ ก่ การแสดงเป็นหมู่ การแสดงเดี่ยว การแสดง

ละคร การแสดงเป็นชุดเป็นตอน

– ศึกษาและอธิบายหลกั ท่ีใชใ้ นการประดิษฐท์ ่ารา

– สร้างสรรคก์ ารแสดงนาฏศิลป์ โดยใชห้ ลกั สาคญั มาใชใ้ นการประดิษฐท์ ่ารา

– ออกแบบสร้างสรรคอ์ ปุ กรณ์ประกอบการแสดง

– ออกแบบสร้างสรรคเ์ ครื่องแต่งกายประกอบการแสดง

– จดั การแสดงนาฏศิลป์ ไทยในโอกาสตา่ ง ๆ

2. วิธีการและเคร่ืองมือประเมินผลการเรียนรู้

วิธีการประเมนิ ผลการเรียนรู้ เคร่ืองมือประเมนิ ผลการเรียนรู้

– การทดสอบ – แบบทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียน

– การสนทนาซกั ถามโดยครู – แบบประเมินความสามารถทกั ษะทางนาฏศิลป์

– การแสดงความคิดเห็นและการอภิปราย – แบบบนั ทึกขอ้ มูลการแสดงความคดิ เห็น

– การฝึกปฏิบตั ิระหวา่ งเรียน – ใบงาน

– การประเมินผลดา้ นความรู้ – แบบประเมินผลดา้ นความรู้

– การประเมินผลดา้ นคุณธรรม จริยธรรม และ – แบบประเมินผลดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรม

คา่ นิยม และค่านิยม

– การประเมินผลดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ – แบบประเมินผลดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ

คมู่ อื ครู แผนการจดั การเรียนรู้ นาฏศิลป์ ม. 3 41

3. ส่ิงท่มี ่งุ ประเมนิ

– อธิบายรูปแบบของนาฏศิลป์ ไทยแตล่ ะประเภทได้

– อธิบายหลกั ที่ใชใ้ นการประดิษฐ์ท่าราได้

– สร้างสรรคก์ ารแสดงนาฏศิลป์ โดยใชห้ ลกั สาคญั มาใชใ้ นการประดิษฐ์ท่าราได้

– ออกแบบสร้างสรรคอ์ ปุ กรณ์และเครื่องแตง่ กายประกอบการแสดงได้

– จดั การแสดงนาฏศิลป์ ไทยในโอกาสต่าง ๆ ได้

ข้นั ท่ี 3 แผนการจัดการเรียนรู้

– แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 13 รูปแบบการแสดงนาฏศิลป์ ไทย 2 ชว่ั โมง

– แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 14 การประดิษฐท์ า่ รา 3 ชว่ั โมง

– แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 15 การออกแบบและสร้างสรรคอ์ ุปกรณ์และเคร่ืองแต่งกาย

ประกอบการแสดง 3 ชว่ั โมง

– แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 16 การจดั การแสดงนาฏศิลป์ ในโอกาสตา่ ง ๆ 2 ชว่ั โมง

คู่มอื ครู แผนการจดั การเรียนรู้ นาฏศลิ ป์ ม. 3 42

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4

รูปแบบการแสดงนาฏศิลป์ ไทย

สาระที่ 3 นาฏศิลป์ ช้ันมัธยมศึกษาปี ท่ี 3

หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 ทักษะการแสดงนาฏศิลป์ ไทย เวลา 2 ชั่วโมง

1. สาระสาคัญ

นาฏศิลป์ ไทย คอื ศิลปะการฟ้อนราที่มนุษยส์ ร้างสรรคแ์ ละปะดิษฐข์ ้นึ มีความงดงามประณีต

และใหค้ วามบนั เทิงใจแก่ผชู้ ม ซ่ึงมีรูปแบบการแสดง คือ การแสดงเป็นหมู่ การแสดงเด่ียว การแสดง

ละคร และการแสดงเป็นชุดเป็นตอน

2. ตัวชีว้ ดั ช้ันปี

มีทกั ษะในการใชค้ วามคิดในการพฒั นารูปแบบการแสดง (ศ 3.1 ม. 3/3)

3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้

1. รู้และเขา้ ใจสามารถอธิบายรูปแบบของการแสดงนาฏศิลป์ ไทยได้ (K)

2. รู้และเขา้ ใจสามารถอธิบายความหมายของการแสดงเป็นหมู่ การแสดงเดี่ยว การแสดง

ละคร การแสดงเป็นชุดเป็นตอนได้ (K)

3. การปฏิบตั ิกิจกรรมดว้ ยความสนุกสนานและเพลิดเพลิน (A)

4. สรุปรูปแบบของการแสดงนาฏศิลป์ ไทยได้ (P)

5. สรุปความหมายของการแสดงเป็นหมู่ การแสดงเด่ียว การแสดงละคร การแสดงเป็นชุดเป็น

ตอนได้ (P)

4. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้

ด้านความรู้ (K) ด้านคณุ ธรรม จริยธรรม ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P)

และค่านิยม (A)

1. สงั เกตจากการถามและการ 1. สงั เกตจากความซื่อสัตยใ์ น 1. สงั เกตจากการศึกษาและ

แสดงความคิดเห็น การปฏิบตั ิกิจกรรม สรุปรูปแบบของการแสดง

2. จากการตรวจการวดั และ 2. สงั เกตจากความมีน้าใจและ นาฏศิลป์ ไทย
ประเมินผลการเรียนรู้ประจา ความเสียสละในการปฏิบตั ิ 2. สงั เกตจากการปฏิบตั ิ

หน่วย กิจกรรมร่วมกบั ผอู้ ื่น กิจกรรมรายบคุ คลและปฏิบตั ิ

3. จากการตรวจแบบทดสอบ 3. สงั เกตจากการปฏิบตั ิ กิจกรรมร่วมกบั ผอู้ ่ืนไดอ้ ยา่ ง

ก่อนเรียน กิจกรรมดว้ ยความสนุกสนาน คล่องแคล่ว

4. จากการตรวจใบงาน และเพลิดเพลิน

ด้านความรู้ (K) คู่มอื ครู แผนการจดั การเรียนรู้ นาฏศิลป์ ม. 3 43

ด้านคณุ ธรรม จริยธรรม ด้านทักษะ/กระบวนการ (P)
และค่านยิ ม (A)

4. สงั เกตจากการยอมรับความ
คิดเห็นของผอู้ ่ืน ขณะปฏิบตั ิ
กิจกรรม

5. สาระการเรียนรู้

11. รูปแบบการแสดง

6. แนวทางบูรณาการ

ภาษาไทย การอธิบายความหมายและรูปแบบของการแสดงนาฏศิลป์ ไทย

การแสดงความคิดเห็น การถามและการตอบขอ้ สงสยั ต่าง ๆ

วทิ ยาศาสตร์ สังเกตการแสดงนาฏศิลป์ ไทยรูปแบบตา่ ง ๆ

สังคมศึกษาฯ การปฏิบตั ิกิจกรรมเป็นกลุม่ และการสร้างมนุษยสมั พนั ธ์

การงานอาชีพฯ การใชค้ อมพิวเตอร์ในคน้ หาขอ้ มลู ทางอินเทอร์เน็ต และจากการชมสื่อโทรทศั น์

7. กระบวนการจัดการเรียนรู้

ขั้นท่ี 1 ข้ันนาเข้าสู่บทเรียน
1. นกั เรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียนเพอื่ ประเมินความรู้
2. ครูใหน้ กั เรียนชมภาพการแสดงนาฏศิลป์ ไทยประเภทต่าง ๆ แลว้ ถามนกั เรียนวา่ การแสดงท่ี
นกั เรียนไดช้ มน้นั มีลกั ษณะการแสดงอยา่ งไร โดยใหน้ กั เรียนแสดงความคิดเห็นและอภิปรายตาม
ความรู้ ความเขา้ ใจ และประสบการณ์ตนเอง
ขน้ั ท่ี 2 ข้ันสอน

1. ครูนาเสนอเน้ือหาเรื่อง รูปแบบการแสดงนาฏศิลป์ ไทย วา่ มีลกั ษณะอยา่ งไรบา้ ง
2. ครูแบง่ นกั เรียนออกเป็น 4 กลุ่ม ใหแ้ ต่ละกลุ่มไปศึกษาวา่ รูปแบบของการแสดงนาฏศิลป์
ไทยมีลกั ษณะอยา่ งไร พร้อมกบั แจกใบงาน เร่ือง รูปแบบของการแสดงนาฏศิลป์ ไทย ให้นกั เรียนดงั น้ี
ใบงานที่ 11 การแสดงเป็นหมู่
ใบงานท่ี 12 การแสดงเด่ียว
ใบงานที่ 13 การแสดงละคร
ใบงานที่ 14 การแสดงเป็นชุดเป็นตอน

คมู่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ นาฏศลิ ป์ ม. 3 44
3. ใหน้ กั เรียนเขียนสรุปลงในใบงาน ใหแ้ ต่ละกลุ่มออกมาอธิบายถึงความสาคญั ของเรื่องท่ีตน
ไปศึกษาคน้ ควา้ มาใหค้ รูและเพ่ือน ๆ ฟัง พร้อมท้งั ร่วมกนั แสดงความคดิ เห็น
4. ใหน้ กั เรียนศึกษาขอ้ มูลเพิ่มเติมจากหนงั สือเรียน รายวชิ าพน้ื ฐาน ดนตรี–นาฏศิลป์ ม. 3
บริษทั สานกั พมิ พว์ ฒั นาพานิช จากดั
ข้นั ท่ี 3 ข้ันสรุป
นกั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเห็นและอภิปรายสรุปเร่ือง รูปแบบการแสดงนาฏศิลป์ ไทย เป็น
ความคดิ ของช้นั เรียน โดยครูคอยใหค้ วามรู้เสริมในส่วนที่นกั เรียนไมเ่ ขา้ ใจหรือสรุปไมต่ รงเน้ือหา
ขั้นที่ 4 ฝึ กฝนผู้เรียน
1. ใหน้ กั เรียนปฏิบตั ิ กิจกรรม รูปแบบการแสดงนาฏศิลป์ ไทย โดยใหน้ กั เรียนบรรยายสรุป
รูปแบบของการแสดงนาฏศิลป์ ไทย พร้อมท้งั ยกตวั อยา่ งประกอบ
2. ใหน้ กั เรียนฝึ กฝนเพ่ิมเติมโดยใชก้ ิจกรรมท่ี 29 ใบแบบฝึ กทกั ษะ รายวชิ าพ้ืนฐาน ดนตรี–
นาฏศิลป์ ม. 3 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จากดั
ขัน้ ท่ี 5 การนาไปใช้
นกั เรียนสามารถนาความรู้เร่ือง รูปแบบการแสดงนาฏศิลป์ ไทย ไปเป็นพ้นื ฐานในการเรียน
นาฏศิลป์ ในระดบั สูงตอ่ ไป

8. กิจกรรมเสนอแนะ

1. กจิ กรรมสาหรับกล่มุ สนใจพเิ ศษ
นกั เรียนอธิบายรูปแบบของการแสดงนาฏศิลป์ ไทยแลว้ สรุปเป็นรายงานพร้อมภาพประกอบ

2. กจิ กรรมสาหรับฝึ กทักษะเพม่ิ เตมิ
นกั เรียนศึกษาคน้ ควา้ ลกั ษณะรูปแบบของการแสดงนาฏศิลป์ ไทยเพิม่ เติมทางอินเทอร์เน็ต
หรือสมั ภาษณ์ผเู้ ชี่ยวชาญ หรือผรู้ ู้ในชุมชน แลว้ จดั ทาเป็นรายงานส่งครู

9. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้
1. ภาพการแสดงนาฏศิลป์ ไทยประเภทตา่ ง ๆ
2. ใบงาน
3. หอ้ งสมดุ
4. สถานท่ีต่าง ๆ เช่น โรงละคร ศนู ยว์ ฒั นธรรม สถานที่จดั การแสดงวฒั นธรรมทอ้ งถ่ิน

มหาวทิ ยาลยั ท่ีเปิ ดสอนดา้ นนาฏศิลป์ และการละคร เป็นตน้
5. ผเู้ ช่ียวชาญ หรือผรู้ ู้ดา้ นนาฏศิลป์ ในชุมชน
6. อินเทอร์เน็ต

ค่มู ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ นาฏศลิ ป์ ม. 3 45

7. หนงั สือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน ดนตรี–นาฏศิลป์ ช้นั ม. 3 บริษทั สานกั พมิ พว์ ฒั นาพานิช
จากดั

8. แบบฝึกทกั ษะ รายวชิ าพ้นื ฐาน ดนตรี–นาฏศิลป์ ช้นั ม. 3 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นาพานิช
จากดั

คมู่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ นาฏศลิ ป์ ม. 3 46
10. บันทึกหลงั การจัดการเรียนรู้

1. ความสาเร็จในการจดั การเรียนรู้-
_________________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________________

แนวทางการ
พฒั นา____________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________________

2. ปัญหา/อปุ สรรคในการจดั การ
เรียนรู้____________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________________

แนว
ทางแกไ้ ข_________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________________

3. ส่ิงท่ีไมไ่ ดเ้ ป็นไปตาม
แผน_____________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________________

เหตุผล______________________________________________________________________
_________________________________________________________________________________

4. การปรับปรุงแผนการจดั การ
เรียนรู้____________________________________________________________________________
_________________________________________________________________________________

ลงชื่อ______________(ผ้สู อน)

คมู่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้ นาฏศลิ ป์ ม. 3 47
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5

การประดิษฐ์ท่ารา

สาระท่ี 3 นาฏศิลป์ ช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ 3
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 ทกั ษะการแสดงนาฏศิลป์ ไทย เวลา 3 ชั่วโมง

1. สาระสาคัญ

การประดิษฐท์ ่ารา คอื การนาเอาพ้นื ฐานความรู้ดา้ นนาฏยศพั ท์ ภาษาทา่ มาประดิษฐ์

สร้างสรรคเ์ ป็นท่าราประกอบการแสดง หรือประกอบเพลงต่าง ๆ

2. ตัวชี้วดั ช้ันปี

มีทกั ษะในการแปลความและส่ือสารผา่ นการแสดง (ศ 3.1 ม. 3/4)

3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้

1. อธิบายหลกั สาคญั ในการประดิษฐท์ า่ ราได้ (K)

2. อธิบายข้นั ตอนในการประดิษฐท์ ่าราได้ (K)

3. ฝึกปฏิบตั ิกิจกรรมดว้ ยความสนุกสนานเพลิดเพลิน (A)

4. สรุปหลกั สาคญั ในการประดิษฐ์ทา่ ราได้ (P)

5. สรุปข้นั ตอนในการประดิษฐท์ ่าราได้ (P)

6. ประดิษฐท์ า่ ราประกอบการแสดงนาฏศิลป์ ไทยได้ (P)

4. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้

ด้านความรู้ (K) ด้านคณุ ธรรม จริยธรรม และ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P)

ค่านิยม (A)

1. สังเกตจากการถามและการ 1. สังเกตจากการปฏิบตั ิกิจกรรม 1. สงั เกตจากการศึกษาและสรุป

แสดงความคดิ เห็น ดว้ ยความสนุกสนานและ หลกั สาคญั ในการประดิษฐท์ า่ รา

2. จากการตรวจการวดั และ เพลิดเพลิน 2. สงั เกตจากการปฏิบตั ิกิจกรรม

ประเมินผลการเรียนรู้ประจา 2. สังเกตจากการช่วยเหลือและ 3. สังเกตจากการปฏิบตั ิกิจกรรม

หน่วย การมีความรับผดิ ชอบในการ รายบคุ คลและปฏิบตั ิกิจกรรม

3. จากการตรวจใบงาน ปฏิบตั ิกิจกรรมร่วมกบั ผอู้ ่ืน ร่วมกบั ผอู้ ื่นไดอ้ ยา่ งคลอ่ งแคล่ว

3. สงั เกตการปฏิบตั ิกิจกรรม 4. ประเมินพฤติกรรมจากแบบ

อยา่ งเป็นข้นั ตอนและมีระเบียบ ประเมินความสามารถทกั ษะทาง

4. สังเกตจากการยอมรับความ นาฏศิลป์

คูม่ อื ครู แผนการจดั การเรียนรู้ นาฏศลิ ป์ ม. 3 48
คดิ เห็นของผอู้ ่ืน ขณะปฏิบตั ิ
กิจกรรม

5. สาระการเรียนรู้
12. การประดิษฐท์ ่าราและทา่ ทางประกอบการแสดง

6. แนวทางบูรณาการ
ภาษาไทย การพดู ถึงหลกั สาคญั ในการประดิษฐท์ า่ รา และข้นั ตอนในการประดิษฐ์ทา่ รา

ประกอบการแสดงนาฏศิลป์
คณิตศาสตร์ การนบั จงั หวะ
วทิ ยาศาสตร์ สงั เกตส่ิงตา่ ง ๆ ที่อยรู่ อบตวั แลว้ นามาประดิษฐ์เป็นท่าทางตา่ ง ๆ ประกอบการแสดง
สังคมศึกษาฯ การปฏิบตั ิกิจกรรมเป็นกลุม่ และการสร้างมนุษยสัมพนั ธ์

7. กระบวนการจดั การเรียนรู้
ขน้ั ที่ 1 ข้นั นาเข้าสู่บทเรียน
ครูสนทนาซกั ถามนกั เรียนวา่ การประดิษฐท์ ่าราประกอบการแสดงมีหลกั สาคญั และข้นั ตอน

ในการประดิษฐ์ทา่ ราอยา่ งไรบา้ ง แลว้ ให้นกั เรียนช่วยตอบพร้อมท้งั ช่วยแสดงความคดิ เห็น
ขนั้ ที่ 2 ข้ันสอน
1. ครูนาเสนอเน้ือหาเรื่อง การประดิษฐ์ท่ารา เกี่ยวกบั หลกั สาคญั ในการประดิษฐ์ทา่ รา และ

ข้นั ตอนในการประดิษฐ์ทา่ ราประกอบการแสดง
2. ครูใหน้ กั เรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5 คนและแจกใบงานที่ 15 เรื่อง หลกั สาคญั ในการประดิษฐ์

ท่ารา ใหร้ ่วมกนั ศึกษาวา่ หลกั สาคญั ในการประดิษฐ์ท่าราและข้นั ตอนในการประดิษฐท์ า่ รามีอะไรบา้ ง
และมีความสาคญั อยา่ งไร โดยศึกษาขอ้ มูลเพิม่ เติมจาก หนงั สือเรียนรายวชิ าพ้นื ฐาน ดนตรี-นาฏศิลป์
ช้นั ม. 3 บริษทั สานกั พมิ พว์ ฒั นาพานิช จากดั อินเทอร์เน็ต หนงั สือนาฏศิลป์ ไทยในหอ้ งสมุด

3. ใหแ้ ต่ละกลุ่มนาใบงานมาส่งครู
4. ครูเปิ ดเพลงฟ้อนมาลยั ระบาดอกบวั ระบาเริงอรุณ ใหน้ กั เรียนฟัง
5. ครูใหน้ กั เรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 8 คน ใหแ้ ตล่ ะกลุ่มเลือกเพลงที่ครูเปิ ดใหฟ้ ังมา 1 เพลง
แลว้ ร่วมกนั คดิ ประดิษฐ์ท่าราประกอบให้สวยงาม
6. ใหแ้ ต่ละกลุ่มออกมานาเสนอผลงานที่กลุ่มของตนเองไดร้ ่วมกนั สร้างสรรคข์ ้นึ มาใหค้ รู
และเพ่ือน ๆ ชมหนา้ ช้นั เรียน


Click to View FlipBook Version