The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by phontomassassins, 2021-10-26 03:48:39

JOURNAL-TMRC-13-004

JOURNAL-TMRC-13-004

เรยี นรู้ สบื สานศลิ ปะสถาปตั ยกรรมทอ้ งถนิ่ ผา่ นการออกแบบวหิ ารพระองคก์ าส
และการวางผงั บริเวณวัดโพธิ์กลาง ต.บ้านทมุ่ อ.เมือง จ.ขอนแก่น

รงั สทิ ธ์ิ ตันสขุ ี, ววิ ฒั น์ วอทอง, วิชาภรณ์ ชำ�นิก�ำ จร, ณัฐวฒั น์ จติ ศิลป์, วรากลุ ตนั ทนะเทวินทร,์
ปาริชาติ ศรสี นาม, จตุรงค์ ประเสิรฐสังข์, กญั ชญา จนั ทรงั ษี, ศรัทธาชาติ ศรีสังข์
คณะสถาปตั ยกรรมศาสตร์ ผังเมืองและนฤมติ ศิลป์ มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม

ความเป็นมา

การศึกษาเพื่อออกแบบวิหารพระองค์กาส ต.บ้านทุ่ม อ.เมือง จ.ขอนแก่น เป็นส่วนหน่ึงของ
โครงการทำ�นุบำ�รุงศิลปะและวัฒนธรรมของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ท่ีเน้นการบูรณาการความรู้ด้าน
วิชาการสถาปัตยกรรมและด้านอื่นๆ ของสถาบันการศึกษา ผ่านรูปแบบการเรียนรู้นอกห้องเรียนและ
การมีส่วนร่วมของชมุ ชน การจดั ท�ำ แบบสถาปัตยกรรมเพอื่ ประดษิ ฐานพระองค์กาส พระพุทธรปู ที่เป็น
ทเ่ี คารพสกั การะของชาวต�ำ บลบ้านท่มุ ซึ่งท�ำ การศกึ ษาความส�ำ คัญและความเปน็ มาทางประวตั ศิ าสตร์
ของพ้ืนท่ีบ้านทุ่ม องค์พระองค์กาส และศิลปะสถาปัตยกรรมพ้ืนถิ่นแบบล้านช้าง อันเป็นที่มาของ
แนวคิดในการออกแบบวิหารแบบไทยประยุกต์ที่ผสมผสานรูปแบบและลักษณะของสถาปัตยกรรมไทย
และสถาปัตยกรรมล้านช้าง ในข้ันตอนการออกแบบและพฒั นาแบบนัน้ ชุมชนมสี ่วนรว่ มในการออกแบบ
และอภปิ รายแบบรว่ มกบั ผอู้ อกแบบและนสิ ติ อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง ผลงานออกแบบทเ่ี กดิ ข้ึนจงึ สะทอ้ นลกั ษณะ
และอตั ลักษณ์ของศลิ ปะวัฒนธรรมและสถาปตั ยกรรมของพนื้ ทีไ่ ด้ชดั เจน อกี ทงั้ กระบวนการเรียนรแู้ ละ
ออกแบบท่ีเกดิ ขึน้ ระหว่างชมุ ชนและสถาบนั การศึกษานั้นเป็นการสรรค์สร้างสถาปัตยกรรมที่ตอบสนอง
ต่อชุมชนอย่างแท้จริง และยังเป็นการธำ�รงไว้ซ่ึงการอนุรักษ์ศิลปะวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมท้องถ่ิน
อกี ด้วย

ในการด�ำ เนนิ งานประกอบดว้ ย อาจารย์ (คณะท�ำ งานและทีมวิจัย) จ�ำ นวน 7 คน นิสติ จำ�นวน
40 คน ชมุ ชน จำ�นวน 10 คน องค์กรทัง้ ภายนอกและภายใน ไดแ้ ก่ วัดโพธิก์ ลางและเทศบาลเมอื งบา้ น
ทมุ่ โดยด�ำ เนนิ งานผา่ นกจิ กรรมตา่ งๆ เพอ่ื สรา้ งรปู แบบวหิ ารส�ำ หรบั ประดษิ ฐสถานส�ำ หรบั องคพ์ ระองค์
กาส วดั โพธกิ์ ลาง ต.บา้ นทมุ่ จ.ขอนแกน่ และท�ำ นบุ �ำ รงุ ศลิ ปวฒั นธรรม รวมถงึ การสรา่ งรปู แบบการเรยี นรู้
ภายในท้องถิ่น และเชื่อมโยงองค์ความรู้ระหว่างสถาบนั การศึกษาและชุมชน ต่อไปได้

วัตถุประสงค์

1. เพอ่ื อนรุ กั ษแ์ ละสบื สานองคค์ วามรงู้ านศลิ ปะสถาปตั ยกรรมเพอ่ื ธ�ำ รงรกั ษาคณุ คา่ เอกลกั ษณ์
ท้องถ่ิน

2. เพ่ือบูรณาการศาสตร์การเรียนการสอนด้านการออกแบบศิลปะสถาปัตยกรรมโดย
กระบวนการมีสว่ นร่วมของชมุ ชน

3. เพอ่ื จัดท�ำ แบบสถาปัตยกรรมวหิ ารพระองคก์ าสและวางผังบรเิ วณวัด

52 เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน
ในงานการประชุมวิชาการมหาวทิ ยาลยั มหาสารคามวิจยั คร้งั ท่ี 13 : สาขาท�ำ นุบำ�รงุ ศลิ ปวัฒนธรรม”

กระบวนการดำ�เนินงาน กิจกรรมที่ 2 การจัดหาข้อมูล โดยการ
ภสาำ�พรปวระจกพอบื้นกทจิ ่ีกรแรลมะสภาพแวดล้อมเบื้องต้น โดย
โดยในกระบวนการดำ�เนินงาน ได้ ทำ�การสำ�รวจพื้นท่ีจริง รวมถึงสภาพโดยรวมของ
ดำ � เ นิ น ง า น ผ่ า น รู ป แ บ บ ข อ ง กิ จ ก ร ร ม ต่ า ง ๆ หมบู่ ้าน แหล่งวัฒนธรรมภายในชุมชน และ การ
ประกอบด้วย สำ�รวจสภาพกายภาพเบ้ืองต้นเพ่ือนำ�ไปสู่การ
พิจารณารูปแบบการจัดทำ�แบบร่างและความ
ระยะต้นน้ำ� โดยเบ้ืองต้นการเตรียมการ ภตาอ้ พงทก่ี 1าแรสเบดงอื้ กงาตรส้นําขรวอจงแชลมุ ะชปรนะสานงานเบือ้ งตนกบั ทางชุมชน
ได้ดำ�เนินงานประสานกับทางชุมชน และตัวแทน
กรรมการวัด ในการเปิดตัวโครงการการสำ�รวจ ภภาพาพท่ีท2่ี ก2จิ กกริจรกมรกรามรจกดัาหรจาขัดอ หมาลู ขอ้โดมยลู กาโรดสยํากรวาจรพส้ืนำ�ทรว่ี แจลพะ้ืนสภทาี่ พแวดลอมเบอื้ งตน
ความต้องการของชุมชน และวัด และการจัดทำ� และสภาพแวดลอ้ มเบอื้ งตน้
แผนการด�ำ เนนิ งานเบอื้ งตน้ กบั ทางชมุ ชน และราย
ละเอียดเบอ้ื งต้น (ภาพท่ี 1) กิจกรรมท่ี 3 การสำ�รวจรังวัด และราย
ละเอยี ดของสภาพแวดลอ้ ม และแลกเปลยี่ นเรยี นรู้
ระยะกลางน�้ำ ไดด้ �ำ เนนิ งานผา่ นกจิ กรรม ขั้นตอนตามกระบวนการออกแบบสถาปัตยกรรม
ต่างๆ เพ่ือการพัฒนารูปแบบของงานวิหารองค์ โดยการลงพ้ืนที่เพื่อศึกษารายละเอียดของท่ีตั้ง
พระองคก์ าส ผา่ นกรรบวนการการดำ�เนนิ การ ใน โครงการ และสภาพแวดล้อมปัจจุบัน เพ่ือนำ�มา
การส�ำ รวจพ้นื ที่ วเิ คราะห์สภาพปัญห่ีเกิดขึน้ รวม ใช้ในการสร้างแบบและการกำ�หนดขอบเขตของ
ถงึ การท�ำ ความเขา้ ใจระหวา่ งหนว่ ยงานของวดั และ พื้นที่อาคาร รวมถึงการจัดทำ�ผังอาคารเบ้ืองต้น
สรา้ งรปู แบบการเรยี นรรู้ ว่ มระหวา่ งสถาบนั กบั ทาง และการสร้างแบบของอาคารเบอ้ื งตน้
ชุมชน โดยประกอบด้วยการด�ำ เนินงานได้แก่
ภาพท3ี่ แสดงกิจกรรมการสํารวจรังวดั และรายละเอยี ดของสภาพแวดลอ ม
กจิ กรรมที่ 1. การเปดิ ตวั โครงการ และ
การรบั ฟงั ขอ้ มลู เบอ้ื งตน้ จากทางชมุ ชน โดยท�ำ การ
แนะนำ�รายละเอียดและขั้นตอนการดำ�เนินงาน
ของโครงการให้กับทางตัวแทนของชุมชน รวมถึง

ภกกราารรมพรับกาปฟรังวรขดั ้ะอคกิดอเหบ็นจกากจิ ทกางรตรัวแมทนชุมชนและ

ภาพที่ 4 แสดงจัดประชมุ กระบวนการมสี วนรว มของชุมชนเพื่อแลกเปลย่ี นเรียนรู

ภภาาพพทที่ 1 ี่แ1สดงกแารสสกำ�ดบั รทวงาจงกชแมุลาชะนปรรสะสาํานรงาวนเจบ้อื งแต้นละประสานงานเบือ้ งตน กบั ทางชมุ ชน

ภาพที่ 5 แสดงแบบสถาปต ยกรรมเบ้อื งตน วหิ ารองคพระองคก าส วดั โพธ์กิ ลาง ต.

ภาพที่ 2 กิจกรรมการจดั หาขอ มูล โดยการสาํ รวจพืน้ ที่ และสภาพแวดลอมเบื้องตน
ภาพท่ี 1 แสดงการสํารวจ และประสานงานเบ้ืองตน กบั ทางชมุ ชน

ภาพที่ 2 กจิ กรรมการจัดหาขอ มูล โดยการสํารวจพน้ื ท่ี และสภาพแวดลอมเบอื้ งตน

เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน 53
ในงานการประชมุ วชิ าการมหาวิทยาลัยมหาสารคามวจิ ยั ครัง้ ท่ี 13 : สาขาทำ�นบุ ำ�รุงศลิ ปวัฒนธรรม”

ภภาาพพทภท่ีา1ี่พ2ทแ่ีกส2ดิจกงกจิกรการรรรมสมาํกกราาวรรจจจดั แัดหลหาะขาปอขรมอะลู สมโาูลดนยงโกาดานรยสเบกาํ ้อืราวงรจตสพนําืน้ กรทบัว่ี ทแจลาพะง้ืนสชภุมทาชี่พภนแแาลพวดทะล3ี่สอภมแาสเบดพอ้ืงแกงติจวกนดรลรมอกมารเสบําือ้รวงจตรังน วดั และรายละเอยี ดของสภาพแวดลอม

ละประสานงานเบื้องตนกับทางชมุ ชน

ภาพทภาี่ 2พทก3่ี ิจกแรสรดมงกกจิ ากรรจรัดมหกาารขสอาํ รมวูลจรโังดวยดั กแาลระสราํายรลวะจเพอยีื้นดทข่ีอแงลสะภสาพภแาภวพดาแพลอวทมด่ี 4ลแอสมดเงบจื้อดั งปตรนะชมุ กระบวนการมีสว นรว มของชุมชนเพอ่ื แลกเปลยี่ นเรียนรู สรา งอ

อมลู โดยการสํารวจพ้ืนที่ และสภาพแวดลอ มเบือ้ งตน ภาพท3่ี แสดงกจิ กรรมการสํารวจรงั วดั และรายละเอยี ดของสภาพแวดลอม

ภาพที่ 4 แแสสดดงจงกดั ิจปกระรรชมุมกกราะรบสาํวรนวกจารรงัมวีสัดว นแรลวะมรขาอยงลชะมุ เชอนยี เดพขื่ออแงลสกภเปภาลพาี่ยพแนทวขภเดรี่อ5าียลงพนอแแชรสทมลุมู ดสี่ะชง4รพนแา บงเแัฒอพบสงนสื่อดคถาแคงาสลวจปรากดัตม้าเยปรงปกแูสรลรละรระย่ี ชรมพนคุมเฒับท์เกรอื้ นกัรยีงาะตษนสบน ระราวู้กวงสนหิาสรากรรร้ารอาอคงรองอทมคกกังพีสแษครว่บะค์ะนกบอวารงาร่วคมอมกอรากู้ สแวบดับโพธ์กิ ลาง ต.บา นท
ภาพท3่ี

ภาพที่ 4 แสดงจดั ประชมุ กระบวนการมีสว นรว มของชมุ ชนเพอ่ื แลกเปลี่ยนเรยี นรู ส

ภาพท3ี่ แสดงกิจกรรมการสาํ รวจรงั วัด และรายละเอยี ดของสภาพแวดลอ ม
ภาพท่ี 5 แสดงแบบสถาปตยกรรมเบอ้ื งตน วิหารองคพระองคก าส วดั โพธ์ิกลาง ต.บานทมุ จ.ขอนแกน

ารวจรงั วดั และรายละเอยี ดของสภาพแวดลอ ม

ภาพภทภา3ี่าพพททแี่ี่ส43ดแงแสกลสดิจะดงกเจงอรกดั ียรปิจมดรกกขะราอชรรงมุ มสสกกาํ ภรราะาวรบพสจวแรำ�นงัวรกววดาัดจรลมร้อแงัีสมลววะดันรรแาว ยลมลขะะอรเงาอชยียุมดชนขเอพง่ือสแภลภากาพพเปแทลว่ี ่ีย5ดนลแเอรสียมดนงแรูบสบรสา งถอางปคตคยวการมรรมูแเบละอื้ พงตัฒน นวาสหิ ราารงอสงรครพครทะกัอษงคะกก าารสอวอดั กโแพบธบิ์กลาง ต.บ

บวนการมีสว นรวมขอภภสอองชาา่อวงมุพพชนคกทนภท์รแคเี่าพ4่ี่วพบอื่ว4มแทแบาล่ีแกสขก5มดเสอิจป(แรงดลนกงสจู้ยี่แชงดรำ�ัดนลจุมงเรเปรแสัดยีมะชรบนปนะพนทบรชูรอสสี่เัฒมุะพรถแ4ากาชงนื่อบรปอุมะงตแาจบคกบยลัคสดรรกววก่าปรารนะมรง้เากบรรมปแูแาะงวเลลรบลสชนะม้ือพะ่ียุมรกีสงฒั ปนตกรวานนรนเรคารรสะมระว์ทรียวชหิาสีบมงันกาาวสวขรรพรษนอนรอู้คงริจงะกทคสชว ากักพาุมรมษรรราะช้าขณะกมนรงอาอีร์เงงพอคอชือ่กกมุาแแสบลชบภกวนดาัเพเปพโพพลรทอ่ืะธี่ยี่ิ์กอนแ5ลงเลารคแงกยี ก์สตนเาดป.รสบงลู าแสวี่ยนบรดั ทนาบโมุงพเสอรจถธงีย.กิ์าคขนปลอค รนตัาวูแงายสมกกตรนรร.าแูบรงลม้าอะนเบงพทค้ือัฒ่มุ งคนตจวาน้.าขสมอรวารนหิ งูแแาสกลรรอ่นะรงคพคทัฒ์ กั ษนะากสารรา องอสกรแรบคบ
กรรมเบื้องตน วิหารอภภงครกเขคหาูปา้นัพราพน็พร้งัสแตะททรทอบอ่ ี่งว่ี่เ5่ีคไบบม15กปแทา้ือก)สแสาบังวดเสสดัตปทงดโถแพ้น็นางธบากง์กิแบปลชแาบาสุมัลตรงบถจตชะยาส.บัดนเปกถาปปตนราแ็นทยรรปลุมกะกมตะจรชาข.รยขนุมรอมอกปำ�นเเงรพบแไรวกปรื้อื่อะนิหมงสชเตาเปู่กาบนร็นพาอ้ือวรกิจงงหิพตาาคาฒัรนรร์พนณอนรวงำ�์ขาคะหิเสแ้อพอาบนรครงะบอคิอดอง์ งคคพก ารคสออรสะว่รอวงอวมงั้นคกดังทถ์รแคโค่ีพึง่วบ2กวกธม)บาากิ์ากขสเมลรปอิจา(นรวน็งนกงู้ดำัแ�ชกตรำ�มโลุมร.าเพบาสมะรชาธปนนพนทน์ิกร�ำทอ่ีเัลฒะพเุมแ5าสชนื่อบงจนาแ.าจบพตอขลัสดอ.รแิจบก่นาปรบาา งแ้เารรบนปแกะงณททนลลสช์คผี่ุมะี่ยุมรา่รปนกรจั้นงรเคร.ทกรขะะ์ที่ียาอชบ2ัรนกนาวปพรแษนรเู้กิจพะกบั สน ากื่าอปรรราใ้ารณหมรงุงี้์

ทางชุมชนสามารถเข้าใจถึงแนวคิด และรูปแบบ
การออกแบบวหิ ารองคพ์ รองคก์ าสเพอ่ื ในไปจดั ท�ำ
หนุ่ จำ�ลองทีส่ มบูรณ์ และท�ำ การสง่ มอบต่อไป

ภาพที่ 544 แสดเใอนงกงาสจนากัดรปารปรปะรรกะอะชบมุ ชกวาิชมุ รานกก�ำาเรรสมนะหอาบผวทิลวยงานานลกัยมาหราสมารีสคาวมนวิจยัรวครม้งั ทข่ี 1อ3ง: ชสามุขาชท�ำ นนบุ เ�ำพรงุ ื่อศลิ แปวลัฒกนธเรปรมล” ยี่ นเรยี นรู สรา งองคค วามรูและพฒั น

ภาพท่ี 5 แสดงแบบสถาปต ยกรรมเบื้องตน วิหารองคพระองคก าส วดั โพธิ์กลาง ต.บา นทุม จ.ขอนแกน
ภาพที่ 6 แสดงจัดประชมุ กระบวนการมสี ว นรวมของชุมชนเพื่อแลกเปล่ยี นเรียนรู สรา งองคค วามรแู ละพัฒนาสรางสรรคท
พัฒนาแบบ)

ภาพที่ 6 แสดงจัดประชมุ กระบวนการมีสว่ นรว่ มของชุมชนเพอื่ แลกเปล่ยี นเรียนรู้
สรา้ งองค์ความรู้และพัฒนาสร้างสรรคท์ ักษะการออกแบบ (ขัน้ ตอนพัฒนาแบบ)

กิจกรรมท่ี 6 กิจกรรมการเรียนรู้ตาม แ ล ะ ส ร้ า ง ก ร ะ บ ว น ก า ร เ รี ย น รู้ ร่ ว ม
ศาสตร์ทางสถาปัตยกรรมของนิสิตต่อชุมชน ระหว่างศาสตร์ของนิสิตในคณะ ได้แก่ หลักสูตร
เป็นการดำ�เนินงานโดยนำ�การเรียนการสอนของ สถาปัตยกรรมผังเมือง หลักสูตรสถาปัตยกรรม
นสิ ติ แตล่ ะศาสตรใ์ นคณะสถาปตั ยกรรมศาสตร์ มา หลักสูตรสถาปัตยกรรมภายใน และหลักสูตร
มีส่วนร่วมในการพัฒนารูปแบบและเป็นส่วนหนึ่ง นฤมิตศิลป์ในการสร้างโจทย์และการดำ�เนินงาน
ของการเรียนรู้ผ่านการทำ�งานช้ินงานจริง การ ผา่ น Project base learning และ Area base
เรียนรู้ระหว่างสถาบันกับชุมชน โดยทางชุมชน learning เช่นการทำ�แผนที่วัฒนธรรมชุมชน การ
เปน็ ผู้ให้ขอ้ มลู ตอ่ นสิ ติ และสรา้ งการแลกเปล่ยี น จดั ท�ำ แบบสถาปตั ยกรรม และการฝกึ ท�ำ หนุ่ จ�ำ ลอง
รภะาหพวท่าี่ ง7นิสบิตรรแยลาะกาชศุมกชานรลงเชพ่นนื้ กทาี่เรรียเรนียรนูพ ร้ืนู้ถทึงท่ีแาหงลว่งฒั นธรกรามรขปอรงะชยุมกุ ชตนล์ กวบั ดนลิสาติ ยคจณากะชสุมถาชปนตเปย็นกรตร้นมศาสตร ผงั เมืองและนฤม
วัฒนธรรมต่างๆ ของชุมชน และสถานที่สำ�คัญ
ต่างๆ ของชุมชน ประวัติความเป็นมาของชุมชน
เปน็ ตน้

ภาพที่ 8 แสดงบรรยากาศการทําหนุ จาํ ลองเพื่อนาํ เสนอตอ ทางชมุ ชน โดยนสิ ติ คณะสถาปต ยกรรมศาสตร ชั้นปที่ 3

ภาพท่ี 6 แสดงจดั ประชุมกระบวนการมีสวนรว มของชุมชนเพือ่ แลกเปลย่ี นเรยี นรู สรางองคค วามรแู ละพัฒนาสรางสรรคท ักษะการออกแบบ (ขนั้ ตอน

ภพัฒาพนาทแี่บ6บ)แสดงจัดประชมุ กระบวนการมีสวนรว มของชมุ ชนเพือ่ แลกเปล่ียนเรียนรู สรา งองคค วามรแู ละพัฒนาสรา งสรรคทักษะ

พฒั นาแบบ) เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน 55
ในงานการประชมุ วชิ าการมหาวิทยาลยั มหาสารคามวจิ ัย คร้งั ท่ี 13 : สาขาทำ�นุบำ�รงุ ศิลปวัฒนธรรม”

ภาพท่ี 6 แสดงจดั ประชมุ กระบวนการมีสวนรวมของชุมชนเพอ่ื แลกเปลย่ี นเรยี นรู สรางองคค วามรแู ละพฒั นาสรา งสรรคท กั ษะการออกแบบ (ขั้นตอน

รมสี วนรว มขอพงชัฒุมนชาแนบเบพ)่อื แลกเปล่ียนเรยี นรู สรางองคความรูแ ละพฒั นาสรา งสรรคทกั ษะการออกแบบ (ข้นั ตอน

ภาพที่ 6 แสดงจดั ประชมุ กระบวนการมสี วนรว มของชมุ ชนเพือ่ แลกเปลี่ยนเรยี นรู สรา งองคค วามรูและพฒั นาสรา งสรรคท ักษะการออกแบบ (ข้ันตอน
พัฒนาแบบ)
ภาพท่ี 7 บรรยากาศการลงพน้ื ท่เี รียนรพู น้ื ทท่ี างวฒั นธรรมของชุมชนกบั นสิ ติ คณะสถาปตยกรรมศาสตร ผงั เมอื งและนฤมิตศิลป

ภาพท่ี 7 บรรยากาศกาภราลพงทพก่ีบั้ืน7นทบสิ ี่เรติรียรคยนณารกะูพสานื้ศถกทาปาที่ รัตาลยงงกวพรฒั นื้รนมทธศ่ีเรรายี รสนมตรขรู้พ์อผื้นงงัทชเม่ีทมุ อืาชงงนวแกัฒลับะนนนธฤิสรมริตมิตคขศณอิลงะปชส์มุ ถชานปตยกรรมศาสตร ผงั เมืองและนฤมิตศลิ

ภภาาพพทที่่ี 87แสบดรงรบยรารกยาาศกกาาศรกลางรพท้ืนาํ หทนุ ่ีเรจยีําลนอรงูพเพ้ืน่อืทนที่ ําาเงสวนฒั อตนอธทรรางมชขมุ อชงนชมุ โดชยนนกสิ ับติ นคิสณติ ะคสณถาะปสตถยากปรต รยมกศรารสมตศราชสนั้ ตปรท ผี่ 3งั เมอื งและนฤมติ ศลิ ป

นรูพ้ืนทท่ี างวฒั นธรรมของชุมชนกบั นสิ ิตคณะสถาปตยกรรมศาสตร ผงั เมืองและนฤมิตศิลป

ภาพที่ 7 บรรยากาศการลงพืน้ ที่เรยี นรูพ ื้นทท่ี างวฒั นธรรมของชมุ ชนกบั นสิ ิตคณะสถาปต ยกรรมศาสตร ผงั เมืองและนฤมิตศิลป

ภภาาภพพาททพ่ี 8ท่ี 8่ีแ8สแดสแงสดบดรงรงบยบรารรกรยายศาากกกาาารศศทกกําหาานุรรททจาํ�ำาํ ลหหอุน่ นุงเจจพำ�าํอื่ ลลนอาํองเงสเพเนพ่ืออ่ือตนนอ �ำ ทําเสาเสงนชนอมุ ตอช่อตนทอ โาทดงยาชนงุมสิชชติ มุ นคชณโนดะสยโถดนายสิ ปิตนตคยสิ กณติ รคะรสมณศถะาาสสปตถัตราย ปชกนั้ตรปรยทมกี่ศ3รารสมตศรา์ สชัน้ตปรที ชี่ นั้3ปท ่ี 3

ภาพท่ี 9 แสดงกิจกรรมบูรณาการรว มกับการเรยี นการสอนของนิสิตในหลักสตู รสถาปตยกรรมภายใน
ภาพท่ี 8 แสดงบรรยากาศการทาํ หนุ จําลองเพอ่ื นาํ เสนอตอ ทางชมุ ชน โดยนิสติ คณะสถาปตยกรรมศาสตร ชนั้ ปที่ 3

จาํ ลองเพ่อื นาํ เสนอตอทางชุมชน โดยนิสติ คณะสถาปต ยกรรมศาสตร ชนั้ ปท่ี 3

ภาพที่ 9 แสดงกจิ กรรมบรู ณาการรว มกบั การเรียนการสอนของนสิ ติ ในหลักสตู รสถาปต ยกรรมภายใน

ภาพท่ี 9ภาแพสทดี่ ง9กจิแสกดรรงกมิจบกูรรณรมาบกาูรณรราว กมากรรบั ่วกมากรบั เรกยี านรเกรียารนสกอารนสขออนงขนอสิ งิตนใสิ นิตหในลหกั ลสกัูตสรูตสรถสาถปาต ปยัตกยรกรรมรมภภาายยในใน

ภาพที่ 9 แสดงกจิ กรรมบรู ณาการรวมกบั การเรียนการสอนของนสิ ติ ในหลักสตู รสถาปตยกรรมภายใน

ภาพที่ 8 แสดงบรรยากาศการทําหนุ จาํ ลองเพื่อนําเสนอตอ ทางชมุ ชน โดยนิสติ คณะสถาปต ยกรรมศาสตร ชน้ั ปท ี่ 3

56 เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน
ในงานการประชุมวชิ าการมหาวิทยาลัยมหาสารคามวจิ ยั คร้งั ท่ี 13 : สาขาทำ�นบุ ำ�รุงศลิ ปวฒั นธรรม”

กิจกรรมที่ 7 จัดทำ�แบบนำ�เสนอ รปู แบบสถาปตั ยกรรมวหิ ารองคพ์ ระองคก์ าส และ
สถาปัตยกรรม วิหารองค์พระองค์กาส และ หุ่ น จำ � ล อ ง เ พ่ื อ ส า ม า ร ถ นำ � ไ ป ใ ช้ ใ น ก า ร
ภาพทัศนียภาพจำ�ลองและส่งมอบ เป็นกิจกรรม ประชาสัมพันธ์ และการเรยี นรู้ของชมุ ชน
ภหาลพทัง่ี จ9 าแกสกดงากรจิ กพรรัฒมบนูรณาาแกบารบรวขมั้นกับสกุดารทเรีย้านยการแสลอนะขจองัดนทสิ ติ ำ�ในหลักสูตรสถาปตยกรรมภายใน

ภาพที่ 10 แสดงการน�ำ เสนอ แบบนำ�เสนอสถาปัตยกรรม วหิ ารองค์พระองคก์ าส
และภาพทศั นยี ภาพจ�ำ ลองและส่งมอบ

ภาพท่ี 10 แสดงการนําเสนอ แบบนําเสนอสถาปตยกรรม วหิ ารองคพ ระองคกาส และภาพทัศนียภาพจําลองและสง มอบ

ภาพที่ 10 แสดงการนําเสนอ แบบนาํ เสนอสถาปต ยกรรม วหิ ารองคพ ระองคก าส และภาพทศั นยี ภาพจําลองและสง มอบ

ภาพท่ี 11 ภแสาดพงทรูปี่ 1แ1บบแสสถดาปงตรปูยกแรบรบมสวถหิ าาปรอัตงยคกพรรระมองควหิก าาสรอวดังคโพพ์ ธริ์กะลอางงคตก์.บาา สนทวมุดั โจพ.ขธอกิ์ นลแากงน ต.บ้านทุ่ม จ.ขอนแก่น
ภาพท่ี 11 แสดงรปู แบบสถาปต ยกรรม วหิ ารองคพ ระองคก าส วดั โพธก์ิ ลาง ต.บา นทมุ จ.ขอนแกน

ภาพท่ี 12 แสดงหุ่นจ�ำ ลอง
วิหารองคพ์ ระองคก์ าส
วัดโพธิก์ ลาง ต.บ้านท่มุ จ.ขอนแกน่

ภาพท่ี 12 แสดงหนุ จาํ ลอง วหิ ารองคพ ระองคกาส วดั โพธิ์กลาง ต.บานทมุ จ.ขอนแกน

ภาพท่ี 12 แสดงหุน จําลอง วิหารองคพ ระองคกาส วดั โพธิก์ ลาง ต.บานทมุ จ.ขอนแกน

กิจกรรมท่ี 8 การบูรณาการในการจัด ดา้ นการออกแบบของคณะสถาปตั ยกรรมศาสตรฯ์
ทำ�นิทรรศการเพื่อการเรียนรู้แลกเปลี่ยนระหว่าง โดยจัดนิทรรศการเพื่อให้นิสิตอื่นๆ รวมถึง
ศาสตร์ เป็นกิจกรรมในการเผยแพร่ ผลงานของ นิสิตต่างคณะ และเป็นการเผยแพร่และต่อยอด
นิสิต เพ่ือให้เกิดการเรียนรู้ระหว่างศาสตร์ทาง ศลิ ปวัฒนธรรมของชุมชน

ภาพท่ี 13 แสดงการจดั นทิ รรศการนทิ รรศการเพ่ือการเรยี นรแู ลกเปลีย่ นระหวางศาสตร รว มกบั รายวิชาศิลปวัฒนธรรมอีสาน
ภาพท่ี 13 แสดงการจดั นทิ รรศการนิทรรศการเพอื่ การเรียนรแู ลกเปลย่ี นระหวางศาสตร รว มกับรายวิชาศิลปวัฒนธรรมอสี าน

ภาพท่ี 11 แสดงรูปแบบสถาปต ยกรรม วิหารองคพระองคกาส วดั โพธิก์ ลาง ต.บานทมุ จ.ขอนแกน

เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน 57
ในงานการประชมุ วชิ าการมหาวิทยาลัยมหาสารคามวจิ ยั ครัง้ ที่ 13 : สาขาท�ำ นบุ �ำ รงุ ศลิ ปวัฒนธรรม”

ภาพที่ 12 แสดงหุนจําลอง วิหารองคพระองคกาส วดั โพธ์ิกลาง ต.บานทมุ จ.ขอนแกน

ภาพท่ี 12 แสดงหนุ จําลอง วิหารองคพ ระองคกาส วดั โพธ์กิ ลาง ต.บา นทุม จ.ขอนแกน

ภาพที่ 13 แสดงการจัดนทิ รรภศากพารทน่ี ทิ 1ร3รศแกาสรดเพง่ือกกาารรจเรดั ียนนริทูแ รลรกศเปกลา่ียรนนระิทหรวรา ศงศกาาสรตเรพ ร่ือว กมกาบัรรเรายียวนิชราแู้ศลิลปกวเัฒปนลธ่ียรนรมอสี าน
ภาพที่ 13 แสดงการจัดนทิ รรศการรนะทิหรวรา่ ศงกศาารสเตพร่ือ์กราว่ รมเรกยี บั นรราแูยลวกชิ เาปศลิลย่ี ปนวรฒั ะหนวธา รงรศมาอสีสตารน รว มกับรายวิชาศลิ ปวัฒนธรรมอสี าน

ผลลัพธ์จากการดำ�เนินโครงการ ดา้ นบูรณาการกบั การเรยี นการสอน
โ ค ร ง ก า ร เ รี ย น รู้ สื บ ส า น ศิ ล ป ะ
ด้านการทำ�นบุ ำ�รงุ ศิลปวฒั นธรรม สถาปัตยกรรมท้องถิ่นผ่านการออกแบบวิหาร
พระองค์กาสและการวางผังบริเวณวัดโพธิ์กลาง
ในการดำ �เนินการโครงการโดยมี ต.บ้านทุ่ม อ.เมือง จ.ขอนแก่น ไดม้ ีการบูรณาการ
เป้าหมายหลักในการทำ�นุบำ�รุงศิลปวัฒนธรรม เข้ากับการการเรียนการสอนของหลักสูตรต่างๆ
โดยการเชื่อมโยงกับการดำ�เนินงานของโครงการ ภายในคณะสถาปัตยกรรมศาสตรฯ์ โดยประกอบ
ผ่านการออกแบบวิหารองค์พระองค์กาสท่ีเป็น ดว้ ย 1) หลักสูตรสถาปตั นกรรมภายใน รายวชิ า
พระพุทธรูปเกา่ แก่และพระพุทธรปู ท่เี ปน็ ทเ่ี คารพ การเขยี นแบบสถาปตั ยกรรมเบอื้ งตน้ และรายวชิ า
สกั การะของชาวต�ำ บลบา้ นทมุ่ ชมุ ชนไดม้ สี ว่ นรว่ ม ศิลปะวัฒนธรรมอีสาน นิสิตช้ันปีที่1 และช้ันปีท่ี
ในการอภิปรายในการจัดทำ�แบบ เป็นการจุด 3 ในการจดั ทำ�หนุ่ จำ�ลองและเขียนแบบวหิ ารองค์
ประกายตอ่ ชมุ ชนในการสรา้ งการเรียนรู้ และเปิด พระองคก์ าส 2) หลกั สูตรสถาปตั ยกรรมผังเมอื ง
มุมมองทางด้านศิลปวัฒนธรรมของชุมชน สร้าง ได้เรียนรู้ผ่านการเรียนและจัดทำ�แผนที่ทาง
กระบวนการในการบริหารจัดการภายในชุมชน วัฒนธรรมของชุมชน 3) หลกั สตู รสถาปัตยกรรม
ถึงกระบวนการวิธีการในการจัดสร้างอาคารจริง ได้จัดทำ�แบบนำ�เสนองานสถาปัตยกรรม และ
ต่อไปในอนาคต รวมถึงการกระตุ้นให้ชุมชนเกิด 4) หลักสูตรนฤมิตศิลป์ ได้จัดทำ�การประยุกต์
ความตระหนักในความสำ�คัญของสถานที่สำ�คัญ รูปแบบลวดลายจากแหล่งวัฒนธรรมในชุมชน
ทางวัฒนธรรมของชุมชนตนเอง โดยทางชุมชน เป็นต้น โดยในการดำ�เนินงานได้ถูกแบ่งเน้ือหา
เปน็ ผนู้ �ำ ชมและแลกเปลย่ี นองคค์ วามรกู้ บั สถาบนั
การศึกษา

58 เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน
ในงานการประชมุ วชิ าการมหาวทิ ยาลัยมหาสารคามวจิ ัย คร้งั ที่ 13 : สาขาท�ำ นบุ ำ�รุงศิลปวฒั นธรรม”

ออกตามความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ร่วมกับ บทบาทของนิสิตที่มีต่อการทำ�งานร่วม
อาจารย์ประจำ�แต่ละหลักสูตร รวมถึงร่วมเรียนรู้ กับอาจารย์
ถึงแหล่งวัฒนธรรมและประวัติของชุมชน ร่วมกับ
ทางชุมชนได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้เกิดการเรียนรู้ ในโครงการเรียนรู้ สืบสานศิลปะ
จากการทดลองทำ�การปฏิบตั ิวชิ าชพี จรงิ สถาปัตยกรรมท้องถ่ินผ่านการออกแบบวิหาร
พระองค์กาสและการวางผังบริเวณวัดโพธ์ิกลาง
การบรู ณาการร่วมกบั งานวจิ ยั ต.บ้านทุ่ม อ.เมอื ง จ.ขอนแก่น นิสิต ไดม้ ีส่วนรว่ ม
ในการบรู ณาการรว่ มกบั งานวจิ ยั โครงการ ต่อการทำ�งานกับอาจารย์ ได้มีการแลกเปลี่ยน
โครงการเรียนรู้ สบื สานศลิ ปะสถาปัตยกรรมท้อง องค์ความรู้ระหว่างศาสตร์ของแต่ละหลักสูตร
ถิ่นผ่านการออกแบบวิหารพระองค์กาสและการ และเป็นผู้ปฏิบัติงานหลักในการจัดทำ�แบบและ
วางผังบริเวณวัดโพธิ์กลาง ต.บ้านทุ่ม อ.เมือง หุ่นจำ�ลองในการนำ�เสนอต่อชุมชน รวมถึงเห็น
จ.ขอนแก่น สามารถต่อยอดเชือ่ มโยงไปส่งู านวจิ ัย ถึงขั้นตอนในการปฏิบัติงานทางวิชาชีพ โดยมี
ได้หลากหลาย เช่นการศึกษาทางด้านวัฒนธรรม คณาจารย์เปน็ ผคู้ วบคุม
เพอ่ื น�ำ ไปใชใ้ นการออกแบบ การมสี ว่ นรว่ มในการ
ศึกษาวัฒนธรรมกับชุมชน การจัดการพ้ืนท่ีทาง เครือข่ายภายนอกท่ีให้การหนุนเสริม
วัฒนธรรมชุมชนเป็นต้น จึงเป็นจุดเริ่มต้นในการ หรือให้ความรว่ มมอื ในการด�ำ เนนิ โครงการ
ศึกษาต่อไปได้
การบรู ณาการรว่ มกบั การบรกิ ารวชิ าการ เครือข่ายทีเ่ กดิ ขน้ึ ประกอบ ด้วย ตวั แทน
โ ค ร ง ก า ร เ รี ย น รู้ สื บ ส า น ศิ ล ป ะ ชุมชน กรรมการวัด ตัวแทนวัดโพธิ์กลาง ในการ
สถาปัตยกรรมท้องถ่ินผ่านการออกแบบวิหาร ให้ข้อมูลและร่วมในการวางแผนดำ�เนินการวิหาร
พระองค์กาสและการวางผังบริเวณวัดโพธิ์กลาง องคพ์ ระองคก์ าส การศกึ ษานอกโรงเรียน ในการ
ต.บ้านทุ่ม อ.เมือง จ.ขอนแก่น เป็นส่วนหน่ึงใน ประสานงานและขอ้ มูลต่างๆ ของชุมชน
การบรกิ ารวชิ าการของคณะสถาปตั ยกรรมศาสตร์
ผงั เมอื งและนฤมติ ศลิ ป์ มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม ตวั แทนจากเทศบาล ในการรบั ทราบและ
ซง่ึ เปน็ คณะทม่ี กี ารเรยี นการสอนดา้ นการออกแบบ ขยายผลในเชิงนโยบายต่อการพัฒนาพื้นท่ีทาง
ด้านสถาปัตยกรรมและการออกแบบนฤมิต วัฒนธรรมของชุมชนต่อไป เช่นการพัฒนาพ้ืนที่
ศิลป์ โดยมุ่งเน้นการออกแบบ นอกจากการ หอปู่ตา หรอื บือบา้ นของชุมชนตอ่ ไป
ออกแบบทางสากลแล้วยังมุ่งเน้นการออกแบบ
สถาปัตยกรรมเพื่อการอนุรักษ์และธำ�รงรักษา ข้อค้นพบตามวัตถุประสงค์
คุณค่าและเอกลักษณ์มรดกทางศิลปวัฒนธรรม
โดยการบูรณาการงานวิชาการผสานภูมิปัญญา การด�ำ เนนิ การ โครงการเรียนรู้ สบื สาน
ท้องถ่ินเพื่อให้เกิดประโยชน์กับสังคม ซ่ึงป็น ศิลปะสถาปัตยกรรมท้องถิ่นผ่านการออกแบบ
สว่ นหนง่ึ ของการใหบ้ รกิ ารทางวชิ าชพี และวชิ าการ วิหารพระองค์กาสและการวางผังบริเวณวัด
ต่อชุมชน ท้ังยังเป็นบทเรียนในการฝึกปฏิบัติทาง โพธกิ์ ลาง ต.บ้านทมุ่ อ.เมือง จ.ขอนแกน่
ด้านวชิ าชพี สำ�หรบั นิสิตภายในคณะฯ
การจัดทำ�แบบวิหารองค์พระองค์กาส
โดยใช้การออกแบบที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรม
ท้องถ่ินผสมผสานกับรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบ
ลา้ นชา้ ง เพอ่ื เปน็ สถานทป่ี ระดษิ ฐานองคพ์ ระองค์
กาส ที่เป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของตำ�บลบ้านทุ่ม

เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน 59
ในงานการประชมุ วชิ าการมหาวทิ ยาลยั มหาสารคามวิจยั ครง้ั ท่ี 13 : สาขาท�ำ นุบ�ำ รุงศิลปวัฒนธรรม”

จ.ขอนแก่น โดยให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการระดม บทสรุปของโครงการ
ความคิด ทั้งทางด้านมิติทางประวัติศาสตร์ และ
ด้านศิลปะ วัฒนธรรมท่ีสำ�คัญของชุมชน อีกทั้ง ในโครงการหนง่ึ คณะหนงึ่ ศลิ ปวฒั นธรรม
เป็นการกระตุ้นให้ทางชุมชนเห็นถึงความสำ�คัญ โครงการเรียนรู้ สืบสานศิลปะสถาปัตยกรรม
ของการอนุรักษ์รักษาศิลปวัฒนธรรมท้องถ่ิน ท้ อ ง ถิ่ น ผ่ า น ก า ร อ อ ก แ บ บ วิ ห า ร พ ร ะ อ ง ค์ ก า ส
ท่สี ำ�คญั ของชมุ ชน และการวางผังบริเวณวัดโพธ์ิกลาง ต.บ้านทุ่ม
อ.เมือง จ.ขอนแก่น เป็นโครงการที่เป็นการ
ในการด�ำ เนนิ โครงการ เป็นกระบวนการ ทำ�งานร่วมระหว่างหลักสูตรต่างๆ ภายในคณะ
เรยี นรรู้ ว่ มกนั ระหวา่ งสถาบนั การศกึ ษาและชมุ ชน สถาปตั ยกรรมศาสตร์ ทงั้ รปู แบบการเรยี นการสอน
สง่ ผลใหผ้ ทู้ เี่ กย่ี วขอ้ งจากสถาบนั การศกึ ษาไดอ้ งค์ สถาบนั การศึกษา และชุมชน และวดั ซึง่ ส่งผลให้
ความรู้จากการปฏิบัติการณ์ในการลงพ้ืนท่ีจริง เกิดการเรียนรู้ของนิสิตในกการปฏิบัติวิชาชีพจาก
โดยนิสิตนักศึกษาได้นำ�องค์ความรู้มาใช้ในการ สถานท่ีจริง การอุทิศตนเพื่อสังคมส่วนรวม การ
ปฏิบัติวิชาชีพจริง เป็นการเช่ือมโยงแลกเปลี่ยน แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกับชุมชน และยังประโยชน์
เรยี นรรู้ ะหวา่ งชมุ ชนกับสถาบันการศึกษา รวมถึง ในการธ�ำ รงไวซ้ งึ่ ศลิ ปวฒั นธรรมของชมุ ชน กระตนุ้
กระตุ้นให้ทางชุมชนตระหนักถึงความสำ�คัญ ให้ชุมชนตระหนักถึงความสำ�คัญและภาคภูมิใจ
ศลิ ปวฒั นธรรมของชมุ ชนของตนเอง ของศิลปวัฒนธรรม ของตนเองได้ ดังปณิธาน
ของมหาวิทยาลัยกล่าวไว้วา่ ผู้มปี ัญญาพงึ อยู่เพอื่
มหาชน

การประกวดออกแบบลวดลายผา้ ไหมเชิงสรา้ งสรรค์สสู่ ากล

ภานุวรรณ จนั หาญ, สราลี กิจเจริญศกั ด์กิ ลุ
ศนู ยค์ วามเป็นเลิศทางนวัตกรรมไหม มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม

การทอผ้าไหมมัดหม่ีส่วนใหญ่ลวดลายท่ีเกษตรกรนิยมมัดมักจะเป็นการลอกเลียนแบบจาก
ลวดลายดั้งเดิมที่อาจมีการนำ�มาประยุกต์รวมกับลายโบราณอ่ืนบ้างแต่ยังไม่ตรงกับความต้องการของ
ตลาดมากนกั ทำ�ให้เกษตรกรประสบปญั หา ในกลุม่ ประเทศอาเซยี น เช่น ลาว พมา่ เวยี ดนาม เปน็ ตน้
มวี ฒั นธรรมประเพณหี รอื สภาพแวดลอ้ มทค่ี ลา้ ยคลงึ กบั เรา โดยเฉพาะการปลกู หมอ่ นเลยี้ งไหม การทอผา้
ไหมมดั หมี่ หากแขง่ ขนั ในดา้ นของราคาแลว้ ประเทศเหลา่ นมี้ ตี น้ ทนุ คอ่ นขา้ งต�ำ่ ท�ำ ใหไ้ ดเ้ ปรยี บเราในดา้ น
ราคา ศูนยค์ วามเป็นเลศิ ทางนวตั กรรมไหม มหาวิทยาลัยมหาสารคามจงึ ได้จดั ท�ำ โครงการการประกวด
ออกแบบลวดลายผา้ ไหมเชงิ สรา้ งสรรคส์ สู่ ากลเปน็ โครงการทม่ี จี ดั ท�ำ ขนึ้ เพอื่ พฒั นาการออกแบบลวดลาย
ผ้าไหมท่ีมีความเป็นสากลโดยการมีส่วนร่วมของบุคลากรทั่วไปและนิสิตมหาวิทยาลัยมหาสารคามและ
ประชาชนทวั่ ไปในจงั หวดั มหาสารคามไดเ้ ขา้ มามสี ว่ นรว่ มในการพฒั นาลวดลายเพอื่ เปน็ แบบอยา่ งในการ
พฒั นาบคุ ลากรดา้ นการออกแบบในการสรา้ งสรรคล์ ายผา้ ไหมทอมอื ใหม้ เี อกลกั ษณแ์ ละสอดคลอ้ งไปกบั
ภมู ปิ ญั ญาไทยแลว้ น�ำ มาพฒั นาผลติ ภณั ฑส์ �ำ หรบั สนิ คา้ ทางวฒั นธรรมในชมุ ชนทสี่ อดคลอ้ งกบั นวตั กรรม
และเทคโนโลยี เกิดเป็นสินค้าท่ีมรี าคาสูงขึน้ มีรปู แบบตรงกับความตอ้ งการและพฤติกรรมของผู้บรโิ ภค
ในตลาดและส่งเสริมความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและชุมชนในการพัฒนาลายผ้าไหมทอมือ
เข้าส่ตู ลาดอาเซยี น

ลกั ษณะของการดำ�เนนิ งานโดยความรว่ มมอื ของหนว่ ยงานตา่ งๆ ไดแ้ ก่ สำ�นกั งานพฒั นาชมุ ชน
จังหวดั มหาสารคา, สมาคมสง่ เสริมผ้าไทย, คณะสถาปตั ยกรรมศาสตร์-ผังเมือง-นฤมติ ศิลปะ และคณะ
ศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคามและศูนย์ความเป็นเลิศทางนวัตกรรมไหม จึงได้จัดการ
ประกวดออกแบบลวดลายผา้ ไหมมดั หม่แี บบ 2 ตะกอ ด�ำ เนินการประชาสัมพันธ์ ซึ่งแบง่ ประเภทของ
ผเู้ ขา้ ประกวด ออกเปน็ 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทบุคคลทัว่ ไปและประเภทนิสิต โดยในการคัดเลอื กทีม
ท่ีผ่านรอบแรกทีมท่ีผ่านการคัดเลือกให้เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ แล้วตัดสินจากคะแนนผลโหวตผ่าน
facebook: silkdesigncontest คิดเป็นร้อยละ 40 และคะแนนจากคณะกรรมการ ร้อยละ 60 จากการ
เปดิ รบั สมคั รมผี สู้ นใจเขา้ รว่ มในระดบั บคุ คลทว่ั ไป 38 ลาย ระดบั นสิ ติ 11 ลาย แลว้ คดั ผผู้ า่ นการประกวด
รอบแรกประเภทบคุ คลทัว่ ไป 10 ลาย นิสติ 8 ลายรวม 18 ลาย ดังน้ี

ประเภทบุคคลท่วั ไป ไดแ้ ก่

ละ 40 และคะแนนจากคณะกรรมการ รอยละ 60 จากการเปดรับสมัครมีผูสนใจเขารวมในระดับบุคคล

ป 38 ลาย ระดับนิสิต 11 ลาย แลวคัดผูผานการประกวดรอบแรกประเภทบุคคลทั่วไป 10 ลาย นิสิต 8

รวม 18 ลาย ดงั น้ี เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน 61
ประเภทบุคคลท่วั ไป ไดแ ก ในงานการประชุมวชิ าการมหาวิทยาลยั มหาสารคามวิจยั ครั้งท่ี 13 : สาขาท�ำ นบุ ำ�รงุ ศิลปวัฒนธรรม”

1 23

4 56

78 9

10

1 = ลายประตจู ีน 2 = ลายแมงมมุ 3 = นกยงู เกสร 4 = ลายสายสัมพนั ธ์ 5 = ลายหมี่ขอรวมใจ 6 = ลายหมี่หวีกลว้ ย

1 = ลายประตูจนี 2 = ลายแมงมุม7 3= ย=างรนักก8ย=งู เลกายสเรชงิ เ4ทีย=น 9ล=ายลสายามยลู สคำ�ัม 1พ0ัน=ธล า5ยเ=สน้ ตลราง/ยเสหน้ มขาข่ี ดอรวมใจ 6= ลายหมีห่ วกี ลวย
7= ยางรัก 8 = ลายเชงิ เทียน 9= ลราูปยทมี่ 1ลู คลําวด1ล0าย=ผา้ลผา่ายนเกสานรคตัดรเงล/ือเกสรนอขบาแดรก ระดับบุคลท่วั ไป

รปู ที่ 1 ลวดลายผาผา นการคัดเลอื กรอบแรก ระดบั บุคลทัว่ ไป

ระเภทนสิ ติ ไดแ ก

1 = ลายประตจู ีน 2 = ลายแมงมุม 3 = นกยงู เกสร 4 = ลายสายสัมพนั ธ 5 = ลายหมีข่ อรวมใจ 6= ลายหมีห่ วกี ลวย
7= ยางรัก 8 = ล6า2ยเชิงเใเอนทกงาสียนากนรปารรป9ะรก=ะอชบุมลกวาิชารานยกำ�ามเรสมูลนหอาคผวิทํลายงาา1นล0ยั ม=หาสลาราคยามเวสจิ นัย คตรั้งรทง่ี 1/3เส: สน าขขาาทำ�ดนบุ �ำ รงุ ศลิ ปวฒั นธรรม”

รูปที่ 1 ลวดลายผาผานการคดั เลือกรอบแรก ระดบั บคุ ลทว่ั ไป

ระเภทนสิ ติ ปรไะดเแภกทนิสติ ไดแ้ ก่

1 23

4 56

78

= ลายริว้ ตาแดง 12= =ลายลรา้ิวตยาขแดองง2ขว=ัญลาจยาขอกงธขวรัญรจมาชกธารตรมิ ช3าต=ิ 3ล=าลยาฤยฤดดแู แู หห่งงคควาวมาอมบออนุ่ บ4อ=ุนล4ายผ=งั เมลอื างยมผมงัสเ. ม5อื =งลามยมEสvo. lu5tio=n ลายEvolution
= ลายวงป 7 = ลายอกั 8 = ลายฮปู แตม 6 = ลายวงปี 7 = ลายอัก 8 = ลายฮปู แตม้

รูปทรี่ปู 2ท่ีล2วดลลวดาลยาผยาผผ้าผา่านนกกาารรคคดัดั เเลลอื อื กกรอรบอแบรแกรรกะดรับะนดสิ ับติ นสิ ิต

เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน 63
ในงานการประชมุ วชิ าการมหาวิทยาลยั มหาสารคามวิจัย คร้ังท่ี 13 : สาขาทำ�นุบ�ำ รุงศลิ ปวฒั นธรรม”

แล้วจดั การประกวดรอบชงิ ชนะเลิศ เพอื่ ตั้งเป้าหมายไว้ โดยเน้นวตั ถปุ ระสงคใ์ นการนำ�ผ้า
ให้ผู้ส่งแผลวลจงัดากนารมปีโรอะกกาวดสรไอดบ้นชำ�ิงชเสนะนเอลิศแนเพวื่อคใหวผาูสมงคผิดลงใานนมีโอกมาสาไใดชนใ้ ําหเสส้ นออดแนควลคอ้ วางมกคบั ิดนในวกตั ากรอรอรกมแแบลบะเทคโนโลยที ม่ี ี
การออลวกดแลบายบผาลขวองดตลนาเอยงผซ้ง่ึาจขาอกกงาตรจนัดเปอรงะกซวดึ่งรจอาบกชิงกชานระเลิศในเกอากรดลํากั เนษินณกาไ์ รปนก้ีเรับาตภ้ังเมู ปิปาหญั มญายาไวไ ทโดยยเนน
จัดประวตักถวปุ ดระรสองบคใชนิงกชารนนะาํ ผเลา มิศาใใชนใหกสาอรดดคำ�ลอเนงกนิ บั กนวาตั รกนร้ีเรรมาและเทคโนโลยที มี่ ีเอกลกั ษณไปกบั ภมู ปิ ญ ญาไทย

รูปท่ี 2 กผาผู รานรนําูปแเเขสลทานระี่ออ2พผบลชิธกงงิ ีมาชานอนรละนบวเดล�ำใลิศบเาสปวยนนัผรทาอะไ่ี หผ2กมลามทิถศง่ผี นุาเาากนนยยีกลนารวร2ตคด5บิัด6ลเ0ตัลาอื รยกผรผอา้ ู้ผบไ่าแหรนมกเตทขอ ้าี่ผคร่าณอนะบกกรชาริงรมชคกนาัดระแเลลเละอื พิศกิธรีมวออนั บบทใบแี่ ปร2รกะมตกาอ่ิถศคนุ เกณายี ยระตนกบิ รตั2รร5ม6ก0าร

64 เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน
ในงานการประชมุ วชิ าการมหาวทิ ยาลยั มหาสารคามวิจัย คร้งั ท่ี 13 : สาขาท�ำ นบุ �ำ รงุ ศลิ ปวฒั นธรรม”

ผลการจัดการประกวดรอบชงิ ชนะเลิศไดผูช นะระดบั บคุ คลทัว่ ไป จาํ นวน 3 ลวดลาย ไดแ ก ลายแมงมมุ ลาย
ยผาลงกรากั รแจลดั ะกลาารผยปลสรกาะยากสรวจมัดัดพรกอนั าบธรช ปดงิ รงัชะรนกปู ะวเดลรศิ อไบดผชิงูชชนนะะรเะลดิศบั ไดบ้ผคุ ู้ชคนละทร่วั ะไดปับจบําุคนควลนท3ั่วไลปวดจลำ�านยวนไดแ3กลลวาดยลแามยงมไมุด้แลกา่ย
ยางรลักาแยลแะมลงามยุมสาลยาสยัมยพางันรธัก แดลงั ระปูลายสายสัมพนั ธ์ ดังรปู

รางวลั ชนะเลศิ อนั ดบั 1 – ลายแมงมุม
รรแแนุารรงรถแงงสาวบบรา่ูรงัลงยุนันั วบชทแดดัลนันลอาาชะวดดลลนเมาจใใละจจีกลาศิเ::ากใลอรจเเริศปปนัน:นุ่ อนนดําเสมนัลลปบรู่ าาด็นุน่ ยยป1บัลแผผร–าละาา 1ยโโ้วลยบบผมกุา–รรา้ยตีกาาโแพาบลณณมรฒัารททนงยาน่ส่ีีสม�ำณแาืบบืมมุ มตทททางาี่สปออมมบืรดดคุมะทกกวยนันัอาุกมมดตชาากพ์ตตอนั งั้ง้ับฒั มแแขานตตอตออางัง้ตดดคแตตาีีนตมทถถอ่ อาาดยยตี ททออดดจจาากก
รนุ คสวูรานุ มแชลอวมบีกขาอรงนคํานมทาอประยกุ ตพฒั นาตามความชอบของคนทอ

ลายแมงมมุ ลายแมงมมุ
ลายแมงมุม
รางวลั รองชนะเลศิ อนั ดับ 1 – ลายยางรัก
ลายยางรกั ลายยางรกั รแแรารารงงงงวบวบัลนัลั ันรดรอดอางาลงชลชในจในะจ:ะเ:มลเลามิศจศิาอาจอนักานัดก“ดับ“ับต1นต1–ยน้ าลย–งาานยงลานยาหาายรงหือยรรตาักืองนตรตักน้ อตงกองุง”กงุ ม”ีผมลผี แลละดอกสวยงามท่ี
ลายยางรัก พแแรลงิ้วะบไหดนั วอดตกากสลลวใงจยม:งาามตมาาจทมาีพ่สการย“้ิวลไตหมนวแยตลากว งยลนงังามมหีสารรตอื ราตพมนคสตณุ าอยมงลากกมงุ ม”แาลมยว้ ีผยเลชังแนมลี จะาดกอตกําสรวายงาาไมททยี่
จพสะรรติ้วรไม พหนวคา้ํ ตณุจกามลกางเปกมลมาตอืาากยมเปเสชนาน่ ยลาจงมาบแกําลตรว ำ�งุ ยรังามงยกีสาารไยรทพยจคจึงณุะทตํามใม้าหกนเมก�้ำ าดิจยาแกนเชเวปนคลวจือาากมกคติดําทรี่านยําามไาทใยช
ใจใหยยนนกเหคะาารปาวกกมงงตอื น็รไไาาามยามมอยมรรยงันไไอออารรคดดา้ํ อองักกักจวมมบกกสใแาาเเีีนแแ�ำพพุขบกมรบบกภเีียยบวุงปาบบางง่ารทลรคคพททต่า่ชีเอืววขงชีช่่ีปน้ ่อืกาากออ่่อืืน็ยวมมเางววปาา่สสสเยาางนรรวว“ไาร““ยจยยYมอพYYาึงงงA่ไยงAAทาาคดนูบNมมNNำ�ณุ้มั่นําเเGGใGททีเรหใเพอหุงRRาา เ้ รียRงUUนนก้ผางGG้ััน้นิดU้คูลงคแแแกวนGหหวนตตดาหารรยมมลวมืออืรหคาคคีีอืยยจสรยวววยาางึือวทาาาทงงังยยมมมอ่ีรรรํางารรััคอกกักใางัักกหกดิสมร((ใใเแกัทุขยยนนเกทบภัังง่ีนกกดิ (บา่รราาาย�ำแนัักกพนรรมงัน))เเั้นร้ีไขาวปป””ดกัแใอคนนใช)ตหหงวชสสใ้ เม่”ามมนสรรรมีาาาีหรรคยยพพลิคคดคคักววทุุณณๆาาี่นมมใใคําหหววือมผผาาาููคคตต“ในนนสชี
หชอมรยอืพนู่ย”ู ัน่งรซเักอง่ึ เสงปุขลน ภวสาดีขพลอขงาอดยงอทเรกอี่ ายอากยวแนูไดบั่นนบเอาํ นงรี้ไูปลดทวใ้ รชดงส้ลบีหาวยลกทักกอี่ ๆบั อลกคาแอืยบโ“บสรนีชา้ไี มณดพใช(ู”ลสาีหยลขักอๆ) เคกิดือเป“นสี
ชซม่ึงพเป”ู ็นซสง่ึ ีขเปอนงดสขีออกงยดาอวกไดยา้นวำ�ไรดปู นทาํ รรงูปบทวรกงบกับวกลกาับยลโบายราโบณราณ (ลายขอ) เกดิ เปน
(ลายขอ) เกดิ เปน็ งานออกแบบทร่ี ว่ มสมัยมากข้นึ

รางรวาลังวรัลอรงอชงนชะนเละิศเลอิศันอดนับด2บั –2ลา–ยสลาายยสสมั าพยนั สธัม พนั ธ์
แสสดดแสแรแาลลออาววรรงยงฝนลสสแยยะะงงวบบฝฝโรสสสสงัาาา�้ำ ลัลงงงก ยยวาาัันน่่ิงิ หสบรมมยยกั้นนนดดสสอิตานนีชชีนั่อก้ำำ้��าาาางยเีวีวทททกนยยดลลลดชนติติ นน้นัีแีแน่ีไใใาาียนตตทหจจตตงลํ้าา้ํขวัน้ ะออ::ดีรกกลปปกวใเเงงนิลลจ้ันัน้้วคลาไนัรรพพมาา:ยหงะะขขยศิเยย่งึึ่งพกห่สเเววไลลอพพพพสสด็บียาาาย่ังานั าาณณางงงส้ย่สจยดุ ดออยยมกกนัมานีีนำ�สับาาสส็็าบบชกคทพน้ันั้าศศมัมักุมสสฟัญย2ีแบบัยัยันน้ัพพํํชาาสตา้นนตตแธแ–ันันคคนแมั่ปาาตา้า้ํํ์รบธธััญญลแบงงพ่วร่สหหงสสลากก่งมะแแกนัารราายะััพนนเตตสลยอือืยยธพสสสสสาาสลลนนห์ชชาิ่งณงยธุาาัมาาททยรมาาโายยยยนีตือพสตตีรีรลชีเสสสสอนินิน้ัลปมัิิไไันีวหััาามมททนหหาิตบพน็ธติยยพพยยยนลลต่ต์สซนันนเััสนนแแี้เดงงั่่อ้้า่าอธททปจจาลลธธียยงงงมมีีดาายสสกะะวพแเกกาารนกลลออนัลAึ่งจจฟฟาทาางงนัEพะาามาาชเเววCีมขเกการรแแัน่พากกวสสาอาาแบบตคออาียจมมาาาลงงไิงสนนงยยา่ัั่ศนนพพทะทมอกนนนนยัเคคสสย้งัารง้ําา้ํั้ั้นนุุงงธธสแฝกาททเเททาาลอจ่งัน้ัคค่ไีี่ไเเ้้ัังงะหหงะปปยยสสรลลไไนนออวดดไไซซมมงงมสสาาฝฝหหสััมมยยงงยยรพพกกแแุุดดาัันน้ั้นลลงชชสะะธธกกมุุมรรขขรลลววชชรววาามมคนนาางง
สผา ยไแหโบลมง่ หมกิตัดลเหาดมงยี ่ีไวตปกอดนั นวเยนพกีย้เปันงดิมาAกนั้EแCบงแกลละาเงราตจอะนรน่วม้ีเปสด รา้AงEสCรแรคละ์ เราจะรวมสรางสรรค
ผาไผห้ามไหมัดมหมมดั ่ีไหปมดไ่ีวปยดกว้นั ยกนั
ลายสายสัมพนั ธ์ ลายสายสัมพันธ
ลายสายสัมพนั ธ

รปู ท่ี 3 ผลรารงูปวทลั ี่ร3อผบลชรงิ าชงวนลั ะรเอลบิศชโงิ คชรนงะกเลาิศรโกคารงรกปาระกการวปดรอะกอวกดแอบอบกแลบวบดลลวาดยลผายาผไหา้ ไมหเมชเิงชสิงสรรา า้ งงสรรรคคส์ ส ู่สูสาากกลล
รูปที่ 3 ผลรราะงดวลัับรบอคุ บคชลิงทชว่ันไะปเลิศโครงการการประรกะดวบัดบอุคอคกลแทบวั่ ไบปลวดลายผาไหมเชิงสรางสรรคส ูส ากล
ระดบั บคุ คลทัว่ ไป

รางวลั ชนะเลศิ อันดบั 1 – ลายผังเมอื ง มมส.

แรงบันดาลใจ: มาจากผังเมืองของมหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม

ผสผลาลกกกลาารรรคคะดดัั ดเเบัลลืออืนกกสิ กกติ าารรปปรระะกกววดดออออในกกงานแแกบบารปบบระลลชุมวววดดชิ าลลกาาารมยยหผผาวิทาา ยโโาคคลัยรรมงงหากกสาาารครราทปfกกuมรเี่tวปาาะuจิ นยัรรกreวอปปคงรcบง้ัรรกoใทลlนะะี่เo1อมกกกr3กsาสตวว:ราสึกอดดราปออขออราากะทคออกแำ�าอนบกกบรุบบกแแแ�ำ ลารลบบรงุ านศะยิลบบ�ำเเปผสสลลวานนฒั ทอววทนผีเ่ ดดธาปลรงงนรลลากมนราา”าปู ยยรรเผผาดงิาา6น เ5ลไไทหหขาางมมคเเโณชชดติยงงิิ แใสสชลรรเะทาา สงงรีเนปสสดนรร รรคคสส

สากลเชรงิะสดรับ้างนสผิสรลิตรกคาส์ รสู่ คาดั กเลลอื รกะกดาบั รนปิสระิตกวดออกแบบลวดลายผา้ โรคารงงวกัลาชรนกะาเลรศิปอรนัะดกับวด1อ–อลกาแยบผบังเลมวือดง ลมามยสผ. า้ ไหม
ลายผังเมอื ง มมส.
ทรแารเี่ ปงงวบน ัลวันชงดกนาละลมเใลจติศ:กึออมนั าาดคจบั าารก1แผล–งั เะลมเาอืสยงนขผทอังางเงมมกือหางารวมเทิดมยินสาท.ลาัยงมโหดายสใาชรเคทารมนด
แทรารเ่ี ปงงรวบน็าลัทปfแงันวuชรวรง่ีเดtปนกงะuลั าบนะลกrรลeเมวออนั ใลงจcบงดศิตกo:ชใาอกึลlนมนoลอนัมกาrะใาดsจาจเคตลบัรา:าึกอกิศร1ออผมแอาังกาลนั–คเจแะมดาาบเลอืสบัรกาบงแน้ผยขล1ลทังผอาเะาง–ังมยงเมเผือสกมลหางานอืาาขทรยงทวเอีเ่ฮดทิาปมงนิูปงยมนมกทาแหรสลาตปูา.งัยรมวรเมโทิาดหงยินยเาาลใทสชลขาาเ้ยัารทงมคครโหาณนดมาดิตยส์ แใาชลรเะคทสารมีเนปดน
ปเปรน็ แะกรfปfuงอuรบttบuะuันใrกrนeeดอกาcบcาลooใรlในอlooจกอrr:sาsกภรแาอบพอบจกลติแารบยกบผรล้ารทามยี่เฝปผา็นาผทรนูป่ีเปัรง่านขงอรเูปลงโรขบาางคสเณถลทขิตาี่บแคลงณบะสอิตี กแคลวะาสมีเปเปนนมา
ลาลยาผยผงั เังมเมอื อื งง มมมมสส.. ของสงั คมวัฒนธรรมไทยผา นภาพเขยี น สะทอ นถงึ วถิ ชี วี ติ ความเปนอยู
ของผูคนในภาคอีสานจึงเกิดเปนแรงบันดาลใจท่ีผูออกแบบจะนํา
ลายผังเมือง มมส. ภ า พ เ ขี ย น ฮู ก แ ต ม ม า เ ล า เ รื่ อ ง ร า ว วิ ถี ชี วิ ต ใ น ป จ จุ บั น ที่ มี ค ว า ม

เปลย่ี นแปลงจากอดีตมาถึงปจจุบันและนํามาถายทอดผานลายมัดหม่ี
เรกาิดงวคลัวารมอรงวชมนสะมเลัยศิเหอมันาดะับกบั 1ค–นสลมายัยใฮหูปมแ ตม

ลายฮูปแตม รแารงขขแรแงวาบอรรอลั งงงังนงรวบบสผอดัลงันนััูงคาครชดดลนอมนาาใงใวะจลลนชฒั เ:ใใลนภจจนิศะภา::ธอเคาภภรลันพอราาศิ ดมพพีจสอับไิตจจาันทิติตรน1ดยกรรจบัผกกร–ึงารรรเ1นลมรรกภามมฝิ–ดยาฝฝาเลฮพผปาาาปูเผผนนขยแนนังยีแฮตขัังงนูปรม้อขขงแงออสบตโงงะบันมโโทบบสดอถสสาน์ทถถลถี่ททบใงึ จ่ี่่ีงวบบทบิถงงชีี่อบบผีวกูออิตกกอคคกควววแาาาบมมมบเเเปปปจนนนะอนมมยําาู
ควภขามอาเงพปส็นเงั ขมคีายมขวนอัฒฮงนสูกังธแครตมรมวมไัฒมทนายธเผรลารนามภเไรทาื่อพยผงเข่ารียนานภวาวสพิถะเทีขชียอ วนิตถใสงึ นะวทปถิ ีช้อจีวนจติ ุบคันวทาม่ีมเีคปนวอายมู
ลายฮปู แตม้ ถบวถิึงันวชีภเขเดปกิถวี อาาิดลติีชลงพคี่ยีวใผในิตวนเจูคปขาทแมนีจัคยป่ีผจรวใู้อนลวบุนาองฮมมนัภจกูสเกทาแปมกม่ีแคบ็นัยอคีตบออเดวหจีสมยาตี ะมู่ขามมมนอานเาาปำ�ะงจเถภผกลึลงึงู้คาับยี่ เปพานนกคเจเใแินดขรนจปสียื่เอภุบปลนมงาันงยัฮครจแูใกแอาาหลแกรีสวมตะองาว้มนบดนิถมําตีัจนีชมามึงดเีเาาวลกาถถิต่าิดลงึาเใเปรใยปนจ่ือจัท็นงทปจอแรบุ่ีผจารดนัูวองจผอุบากนันแลทบา่ีมยบีมคจัดวะหานมมําี่
แลรเะปานงล�ำ วีย่มัลนาชถแา่นปยะลทเงลอจิศดาผอกา่นัอนดลีตับามย2ามถดั–ึงหขปมอจเี่ กงจขดิุบควันวญั แามลจระาว่กนมธําสรมมรายัมถเชหาายมตทาิะอกดบั ผานลายมัดหม่ี
ลายฮปู แตม คนแเสกรมดิงัยคบใวหนั ามดม่ารลว ใมจส:มมยั าเกหจมาากะดกอับกคบนวั สมซยัง่ึ เใปหนมด อกไมท่ีอยูในประเทศไทยท่ีมี

ความสวยงามมีความเช่ือเก่ียวกับใชกรรม ออกแบบจากดอกบัวให

ลายฮปู แตม รางควลลั าชยนดะอเลกิศไมอ นัทดี่เรับยี ง2ซอ–นขกอนั งไขปวมัญาจากธรรมชาติ

แรงบันดาลใจ: มากจากดอกบัว ซ่ึงเป็นดอกไม้ท่ีอยู่ใน
ประเทศไทยท่ีมีความสวยงามมีความเชื่อเก่ียวกับใช้กรรม

ออรกาแงบวบัลจชานกะดเอลกศิ บอัวนั ใหด้คบั ล้า2ย–ดอขกอไงมข้ ทวัญเี่ รยีจงาซก้อธนรกรันมไชปามตาิ

ลายลขายอขงอขงวขญัวัญจจาากธรรรรมมชชาาตติ ิ คแรารวงงาวบมลั นัสชดวนยาะลงเาใลจมิศ:มอมีคนั าวดกาบัจมาเ2กชด–ื่ออเขกกอบี่ยงัววขกซวับ่ึงัญเใปจชนากดกรอธรกรมรไมมอทชอี่อากตยแิูใบนบปจราะกเทดศอไกทบยัวทใ่ีหมี

รปู ที่ 4รปู ผทล่ี 4ราผงวลัลรารงอวบลั รชองิ บชชนิงะชเนละิศเลโคิศโรคงรกงากรากรการารปปรระะกกววดดออออกกแแบบคแคบลรวบลงาาลบวยมดวดันสลดอดวากลยายไลางมผาใยจา้มทผไ:มเี่หารมีคไมียาหวเงกชาซมจิงมอเาสชนเกรชิงดก้า่ือสนัองเรสกไกปาบร่ียมรงัววคสากซ์สรับ่ึงู่สรเใปาคชกนสกลดสูรอรารกมะกไดลมอบั ทอรน่ีอกะิสยแดติ ูใบับนบปนจรสิ าะติ กเทดศอไกทบยัวทใ่ีหมี

คลา ยดอกไม ที่เรียงซอนกนั ไปมา

ลายของขวญั จากธรรมชาติ

66 เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน
ในงานการประชมุ วิชาการมหาวิทยาลัยมหาสารคามวจิ ยั ครั้งท่ี 13 : สาขาท�ำ นบุ ำ�รงุ ศลิ ปวฒั นธรรม”

หลงั จากจัดหกาลรงั ปจราะกกจวัดดกเาสรรป็จรสะน้ิ กแวลดวเสนรํา็จลสว้ินดลแาลยว ผนาํ ขลอวงดบลคุายคผลาทขวั่ อไปงบแุคลคะนลทิสิตัว่ ไทปผ่ี แาลนะคนัดสิ เลติ ือทกีผ่ ราอนบคัดแเรลกือไกปรแอปบรแรรูปกไปแปรรูป

เปน ผลิตภัณเปฑนตผนหลแติลบภบังัณจดาฑงั กรตปูจนทัดแบ่ีก5บารดปงั รรปูะทกี่ ว5ดเสร็จสิ้นแล้วนำ�ลวดลายผ้าของบุคคลท่ัวไปและนิสิตท่ีผ่านคัดเลือก
รอบแรกไปแปรรปู เป็นผลติ ภัณฑ์ต้นแบบ ดังรูปท่ี 5

ลายเสน ตรง/เสลนาขยาเดสนตรง/เสนขาด

ลายเส้นตรง/เสน้ ขาด

ลายหมีข่ อรวมใจ

ลายหมข่ี อรวมใลจายหม่ีขอรวมใจ

ลายลสายยสสมั าพยันสลธาัมยพสาันยสธัม์ พันธ

ลายหมี่หวกี ล้วย

ลายหมห่ี วีกลวลยายหมีห่ วกี ลวย

รปู ท่ี 5 ตวั อยรา ูปงผทล่ี 5ติ ภตัณวั อฑยรตาูปน งทผแลบี่ 5ิตบภจตัณากัวฑลอต วยนดา่ แลงบาผยบลผจิตาาทกภ่ีผลัณาวนดฑกลต์ าน้รยปผแราบะทบก่ีผวจา ดนาโกคาลรรงวปกดราละรปกาวยรดะผกโ้าควทรดงีผ่อกอา่ านกรแปกบราะบรกลปววรดดะอลกอาวกยดแผบา ไบหลมวเดชลิงายผา ไหมเชิง
สรางสรรคส สู สารกาลงสรโรคครสงูสกาากรลประกวดออกแบบลวดลายผ้าไหมเชงิ สร้างสรรค์สสู่ ากล

เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน 67
ในงานการประชมุ วชิ าการมหาวิทยาลัยมหาสารคามวิจยั ครัง้ ท่ี 13 : สาขาท�ำ นบุ �ำ รุงศลิ ปวฒั นธรรม”

ลายยาลงรากั ยยลายงรยักางรัก

ลายมลูลคายาํ มลลู าคย�ำมูลคํา

ลายนลกายยงู นเกกลษายรยูงนเกกษยรงู เกษร

ลายปลราะยตปจู รลีนะาตยูจปนีระตูจีน
รปู ที่ 5 (ตอ ร) ปูผทลิตี่ 5ภณั(ตฑอต) นผรลแูปติบทภบัณ่ีจ5าฑกต(ลตน ว่อแดบ)ลบาผยจลผาติ ากทภล่ผีณัวาดฑนลกาต์ ยา้นรผแปา บทระผ่ีบกาจวนาดกกโาคลรรวปงดรกะลากราปวยดรผโะ้าคกทรวง่ผีดกา่อานอรปกกแราะบรกบปวลรดวะอดกอลวกาดแยบผาบไลหวมดเลชางิ ยสผรา งไหสรมรเชคงิ สรา งสรรค

สสู ากล สูส โาคกรลงการประกวดออกแบบลวดลายผ้าไหมเชิงสรา้ งสรรคส์ ูส่ ากล

68 เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน
ในงานการประชมุ วชิ าการมหาวิทยาลัยมหาสารคามวิจยั ครั้งท่ี 13 : สาขาท�ำ นบุ �ำ รงุ ศิลปวฒั นธรรม”

การบรรลุผลประเมินตัวชี้วัดความสำ�เร็จ ลายเส้นตรง/เส้นขาด ผู้บริโภคมีความ
พึงพอใจต่อลวดลายที่นำ�มาพัฒนาผลิตภัณฑ์มี
การประเมินผลสำ�เร็จจากโครงการด้วย เอกลักษณน์ า่ สนใจในระดับระดบั ร้อยละ 80 ของ
การวิเคราะห์ความพึงพอใจของผู้บริโภคแบ่งเป็น ผู้ตอบแบบสอบถามท้ังหมด ผลรวมด้านความ
3 รปู แบบ ไดแ้ ก่ พึงพอใจต่อผลิตภัณฑ์ต้นแบบจากลวดลายเส้น
ตรง/เส้นขาดมีระดับความพึงพอใจร้อยละ 85.7
การประเมินความสำ�เร็จของการบูรณา ของผตู้ อบแบบสอบถามทง้ั หมด
การงานทำ�นุบำ�รุงศิลปวัฒนธรรมกับกิจกรรม
การประกวด สำ�หรับกลุ่มเป้าหมาย/ชุมชน ลายหม่ีขอรวมใจ ผู้บริโภคมีความพึง
ผู้เข้าร่วมโครงการ พบว่า ในส่วนด้านความรู้ พอใจต่อลวดลายที่นำ�มาพัฒนาผลิตภัณฑ์มี
และประสบการณ์ท่ีได้รับเกี่ยวกับกิจกรรมมี เอกลักษณ์น่าสนใจในระดับร้อยละ 89.5 ของ
ความสอดคล้องกับปัญหาและความต้องการของ ผู้ตอบแบบสอบถามท้ังหมด ผลรวมด้านความ
ชุมชน/กลุ่มเป้าหมายและสามารถนำ�ความรู้และ พึงพอใจต่อผลิตภัณฑ์ต้นแบบจากลวดลายหม่ีขอ
ประสบการณ์จากการร่วมกิจกรรมไปประยุกต์ใช้ รวมใจมรี ะดบั ความพงึ พอใจมากทส่ี ดุ รอ้ ยละ 91.2
ในชีวิตประจำ�วัน/การปฏิบัติงานได้คิดเป็นร้อย ของผู้ตอบแบบสอบถามทัง้ หมด
ละ 90 และ สามารถน�ำ ความรแู้ ละประสบการณ์
จากการเข้าร่วมกิจกรรมมาพัฒนาองค์ความรู้ ลายสายสัมพันธ์ ผู้บริโภคมีความพึง
ใหม่หรือนำ�ไปสู่การขยายผลได้ร้อยละ 93 ของ พอใจต่อลวดลายท่ีนำ�มาพัฒนาผลิตภัณฑ์มี
ผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด ในส่วนของการ เอกลกั ษณน์ า่ สนใจในระดบั รอ้ ยละ 75 ของผตู้ อบ
ประเมินความสำ�เร็จนิสิต พบว่า ส่วนด้านความ แบบสอบถามทั้งหมด ผลรวมด้านความพึงพอใจ
รู้และประสบการณ์ท่ีได้รับเกี่ยวกับกิจกรรมมี ต่อผลิตภัณฑ์ต้นแบบจากลวดลายสายสัมพันธ์
ความสอดคล้องกับปัญหาและความต้องการของ มีระดับความพึงพอใจมากท่ีสุดร้อยละ 95 ของ
ชุมชน/กลุ่มเป้าหมายและสามารถนำ�ความรู้และ ผู้ตอบแบบสอบถามท้งั หมด
ประสบการณ์จากการร่วมกิจกรรมไปประยุกต์
ใช้ในชีวิตประจำ�วัน/การปฏิบัติงานได้คิดเป็น ลายหม่ีหวีกล้วย ผู้บริโภคมีความพึง
ร้อยละ 80 และสามารถนำ�ความรู้และ พอใจต่อลวดลายที่นำ�มาพัฒนาผลิตภัณฑ์มี
ประสบการณ์จากการเข้าร่วมกิจกรรมมาพัฒนา เอกลักษณ์น่าสนใจในระดับร้อยละ 97 ของ
องคค์ วามรใู้ หมห่ รอื นำ�ไปสู่การขยายผลได้ร้อยละ ผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด ผลรวมด้านความ
97 ของผ้ตู อบแบบสอบถามทงั้ หมด พึงพอใจต่อผลิตภัณฑ์ต้นแบบจากลวดลายหม่ี
หวีกล้วยมีระดับความพึงพอใจร้อยละ 97 ของ
การประเมนิ ความส�ำ เรจ็ ดา้ นกระบวนการ ผ้ตู อบแบบสอบถามทง้ั หมด
ถ่ายทอดลวดลายผ้าลายที่ออกแบบใหม่แล้ว
เกษตรกรสามารถนำ�ไปมัดหมี่และทอลายตาม ลายยางรัก ผู้บริโภคมีความพึงพอใจต่อ
ลวดลายใหม่ได้มีระดบั ความพงึ พอใจ รอ้ ยละ 98 ลวดลายที่นำ�มาพัฒนาผลิตภัณฑ์มีเอกลักษณ์
ของผ้ทู อทเ่ี ข้าร่วมโครงการ น่าสนใจในระดับร้อยละ 81.9 ของผู้ตอบ
แบบสอบถามทั้งหมด ผลรวมด้านความพึงพอใจ
การประเมินความสำ�เร็จของโครงการ ต่อตัวอย่างผลิตภัณฑ์ต้นแบบจากลวดลายยางรัก
ด้านความพึงพอใจของผู้บริโภคต่อลวดลายผ้าท่ี มีระดับความพึงพอใจร้อยละ 80.9 ของผู้ตอบ
น�ำ มาแปรรปู เปน็ ผลิตภัณฑ์ มรี ายละเอยี ด ดังน้ี แบบสอบถามท้งั หมด

เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน 69
ในงานการประชมุ วชิ าการมหาวทิ ยาลัยมหาสารคามวจิ ยั คร้งั ที่ 13 : สาขาทำ�นบุ ำ�รงุ ศิลปวัฒนธรรม”

ลายมูลคำ� ผู้บริโภคมีความพึงพอใจต่อ ตอ่ สงั คมรวมถงึ การสรา้ งปฏสิ มั พนั ธร์ ะหวา่ งนสิ ติ ท่ี
ลวดลายท่ีนำ�มาพัฒนาผลิตภัณฑ์มีเอกลักษณ์ เข้ารว่ มโครงการกบั กลุม่ เกษตรกรเปา้ หมาย คณะ
น่าสนใจในระดับร้อยละ 84.3 ของผู้ตอบ กรรมการและผเู้ ขา้ รว่ มงานกอ่ นการออกไปท�ำ งาน
แบบสอบถามท้ังหมด ผลรวมด้านความพึงพอใจ จรงิ เหน็ ไดจ้ ากการทนี่ สิ ติ เขา้ รว่ มโครงการมกี ารน�ำ
ต่อตัวอย่างผลิตภัณฑ์ต้นแบบจากลวดลายมูลคำ� ประสบการณท์ ไี่ ดไ้ ปต่อยอดในงานอ่นื ๆ เช่น งาน
มีระดับความพึงพอใจร้อยละ 95 ของผู้ตอบ ประกวดเส้นไหม ผ้าไหมตรานกยูงพระราชทาน
แบบสอบถามท้งั หมด และผลติ ภณั ฑห์ มอ่ นไหม ประจ�ำ ปี 2560 รว่ มกบั
ศูนย์หม่อนไหมฯร้อยเอ็ดและเกษตรกรบ้าน
นกยูงเกสร ผู้บริโภคมีความพึงพอใจต่อ โคกล่าม ตำ�บลหนองบัว อำ�เภอพยัคฆภูมิพิสัย
ลวดลายท่ีนำ�มาพัฒนาผลิตภัณฑ์มีเอกลักษณ์ จังหวดั มหาสารคามจนได้รับรางวลั สง่ ผลให้กลุ่ม
น่าสนใจในระดับร้อยละ 50 ของผู้ตอบ เกษตรกรมีรายได้จากการส่ังทอผ้าลวดลายท่ีได้
แบบสอบถามทั้งหมด ผลรวมด้านความพึงพอใจ รบั รางวลั มากขนึ้
ต่อตัวอย่างผลิตภัณฑ์ต้นแบบจากลวดลายนกยูง
เกษรระดับร้อยละ 9.4 ของผู้ตอบแบบสอบถาม กิตติกรรมประกาศ
ท้งั หมด
โ ค ร ง ก า ร นี้ สำ � เ ร็ จ ลุ ล่ ว ง ไ ด้ ด้ ว ย ก า ร
ลายประตจู นี ผบู้ รโิ ภคมคี วามพงึ พอใจตอ่ ส นั บ ส นุ น ทุ น วิ จั ย โ ค ร ง ก า ร ทำ � นุ บำ � รุ ง
ลวดลายท่ีนำ�มาพัฒนาผลิตภัณฑ์มีเอกลักษณ์น่า ศลิ ปวฒั นธรรม “โครงการท�ำ นบุ �ำ รงุ ศลิ ปวฒั นธรรม
สนใจในระดบั รอ้ ยละ 76 ของผตู้ อบแบบสอบถาม แบบมุ่งเป้า” ประจำ�ปีงบประมาณ พ.ศ. 2560
ทั้งหมด ผลรวมด้านความพึงพอใจต่อตัวอย่าง ขอขอบพระคุณสำ�นักงานพัฒนาชุมชนจังหวัด
ผลิตภัณฑ์ต้นแบบจากลวดลายประตูจีนของ มหาสารคาม สมาคมส่งเสริมผ้าไทยจังหวัด
ผบู้ รโิ ภคระดบั รอ้ ยละ 80 ของผตู้ อบแบบสอบถาม มหาสารคาม, ศูนย์หม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติฯ
ทง้ั หมด ร้อยเอ็ด, คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัย
มหาสารคาม, คณะสถาปตั ยกรรมศาสตร-์ ผงั เมอื ง-
สรุปผลการดำ�เนินงาน นฤมิตศิลป์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, กอง
ส่งเสริมการวิจัยและบริการวิชาการ ผู้เข้าร่วม
โครงการนี้จัดทำ�ขึ้นเพื่อพัฒนาบุคลากร โครงการทุกท่านตลอดจนบุคลากรศูนย์ความเป็น
และนิสิตในด้านการออกแบบลวดลายสร้างสรรค์ เลศิ ทางนวัตกรรมไหม
บ น ผื น ผ้ า ไ ห ม ด้ ว ย ก า ร มั ด ห ม่ี แ ล ะ ท อ มื อ ใ ห้ มี
เอกลกั ษณแ์ ละสอดคลอ้ งไปกบั ภมู ปิ ญั ญาไทยและ
เปน็ การฝกึ ใหน้ สิ ติ ไดเ้ รยี นรกู้ ารรบั ผดิ ชอบและวนิ ยั

70 เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน
ในงานการประชุมวชิ าการมหาวทิ ยาลยั มหาสารคามวิจัย ครั้งท่ี 13 : สาขาท�ำ นบุ ำ�รงุ ศิลปวฒั นธรรม”

บรรณานุกรม

ผ้าไหมและผลติ ภณั ฑผ์ า้ ไหม. (2549). กรมสง่ เสรมิ อตุ สาหกรรม. อ้างองิ จากhttp://www.ryt9.com/s/
ryt9/69571.

รัชนี เจริญ, ใบศรี สร้อยสน, เสาวภาคย์ วัฒนพาห,ุ ศรเี วยี ง ทพิ ย์กานนท์, กานต์ญาพนั ธ์ นันทะวิชัย,
ชมภู่ ยม้ิ โต และพสิ ิฏฐ์ ธรรมวถิ .ี การพัฒนาผลติ ภัณฑเ์ พอ่ื ให้โดนใจผู้บรโิ ภค. ภาควิชาพฒั นา
ผลติ ภณั ฑ์ คณะอตุ สาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร.์ อ้างอิงจากhttp://www3.
rdi.ku.ac.th/exhibition/52/03-foods/ratchanee/food_00.html.

สบื สานภมู ิปัญญาอาหารหมักกลุ่มชาติพันธอุ์ ีสานตอนกลาง
(ไทญ้อ ไทลาว ภไู ท)

ศริ ริ ตั น์ ดศี ลี ธรรม1
คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ของประเทศไทยนบั เปน็ แหลง่ อารยะธรรมและวฒั นธรรมทสี่ �ำ คญั แหลง่
หน่ึงของประเทศไทยจากการศึกษากลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ในภาคอีสานพบว่ามีถิ่นฐานของกลุ่มชาติพันธ์ุ
มากกว่า 20 กลุ่มชาตพิ นั ธปุ์ ระชากรสว่ นใหญป่ ระมาณร้อยละ 73 เป็นกลุม่ ที่ใชภ้ าษาไทยอสี าน/ไทย
ลาว ซง่ึ เปน็ ตระกลู ไท (Thai Language Family) และถอื วา่ เปน็ ภาคกลางของภมู ภิ าคตงั้ ถน่ิ ฐานอยบู่ รเิ วณ
จงั หวดั รอ้ ยเอด็ มหาสารคาม กาฬสินธ์ุ และขอนแก่น ซ่งึ อยูใ่ นเขตกลุม่ แม่น้�ำ ชี มเี อกลกั ษณ์เฉพาะของ
วฒั นธรรมทางดา้ นอาหาร ดงั นน้ั การศกึ ษาการเรยี นรถู้ งึ ความหลากหลายของอาหารของกลมุ่ ชนตระกลู
ไทหรอื ชนชาตอิ น่ื ๆ ในอสี านตอนกลาง มสี ว่ นชว่ ยใหส้ ามารถเขา้ ใจแบบแผนของการด�ำ เนนิ ชวี ติ ของแตล่ ะ
กลมุ่ ชาตพิ นั ธไุ์ ดอ้ ยา่ งลกึ ซงึ้ เนอ่ื งจากรปู แบบของการบรโิ ภคอาหารมคี วามสมั พนั ธอ์ ยา่ งใกลช้ ดิ กบั ระบบ
นเิ วศ วัฒนธรรมท้องถิน่ และองค์ความรทู้ ่ถี า่ ยทอดกันมาจากบรรพบรุ ษุ นอกจากนี้ยังเป็นการอนรุ กั ษ์
มรดกทางวฒั นธรรมดา้ นอาหารใหค้ งอยไู่ ปยังอนุชนรนุ่ หลงั ตอ่ ไป

ในกลุ่มชนชาติพันธุ์ต่างๆ น้นั ไดม้ ีภูมิปัญญาในการถนอมอาหารไว้ให้นานขึ้น ภูมปิ ัญญาของ
คนในสมัยโบราณ เม่ือพืชผลธัญญาหารอุดมสมบูรณ์มีในปริมาณมากและต้องการเก็บพืชผลเหล่าน้ัน
ไว้ให้ได้กินในระยะเวลานานๆ จึงได้คิดค้นวิธีการถนอมอาหารการหมักและการดองเป็นวิธีการถนอม
อาหารวิธีหน่ึง เพ่ือให้สามารถเก็บอาหารไว้กินได้นานขึ้น หรือเก็บอาหารที่ออกมามากตามฤดูกาล
ไมใ่ ห้เน่าเสยี  เช่น การท�ำ อาหารหมัก

การหมกั หมายถงึ การถนอมอาหารโดยอาศยั จลุ นิ ทรยี ท์ ีม่ ปี ระโยชน์บางชนิดเปน็ ตวั ชว่ ยในการ
ยอ่ ยสลาย หรอื เปลย่ี นแปลงองคป์ ระกอบทางเคมขี องวตั ถดุ บิ อาจเตมิ เกลอื หรอื ไมก่ ไ็ ดแ้ ละอาจเตมิ สว่ น
ประกอบอย่างอ่ืน เชน่ ขา้ วค่วั เพื่อเสริมใหจ้ ลุ ินทรยี ์มีบทบาทในการหมกั ทำ�ประมาณ 2-3 วนั หรือหลาย
เดอื น แลว้ แต่ชนิดของผลติ ภณั ฑ์ เช่น นำ�้ ปลา ปลาร้า ปลาเจา่ หมำ่� ไส้กรอก (เปรี้ยว) เค็มหมกั นัด ขา้ ว
หมาก อุ (น�ำ้ เมาหมกั จากขา้ ว) ผกั กาดดอง และหนอ่ ไมด้ อง เปน็ ตน้ แตล่ ะชนกลมุ่ จะมจี ดุ เดน่ และวตั ถดุ บิ
เฉพาะในการทำ�อาหารหมักจากวิธีการถนอมอาหารด้วยการหมัก ตามโบราณของคนในแต่ละชาตพิ ันธ์ุ
เปน็ สง่ิ ทมี่ เี อกลกั ษณเ์ ฉพาะประจ�ำ ถน่ิ สรา้ งสรรคช์ นดิ อาหารหมกั ไดห้ ลากหลาย แตส่ งิ่ ส�ำ คญั คอื กรรมวธิ ี
การปรงุ ทไี่ มท่ งิ้ กลน่ิ อายแบบโบราณ สามารถน�ำ มาใชไ้ ดก้ บั สมยั ปจั จบุ นั ซง่ึ ถอื เปน็ ลกั ษณะเดน่ ของส�ำ รบั

1 รองคณบดคี ณะเทคโนโลยฝี า่ ยวจิ ัยและศิลปวัฒนธรรม คณะเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลัยมหาสารคาม
E-mail : [email protected]

72 เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน
ในงานการประชมุ วชิ าการมหาวิทยาลยั มหาสารคามวจิ ยั ครั้งที่ 13 : สาขาท�ำ นุบำ�รุงศลิ ปวฒั นธรรม”

อาหารหมักที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์และถ่ายทอด ดอนกา้ นตง ต�ำ บลนาสนี วน ทง้ั 7 ชมุ ชน มจี �ำ นวน
ให้คงอยู่จากรุ่นสู่รุ่นเพื่อให้ตำ�หรับอาหารหมัก ครัวเรือนรวม 1,029 ครวั เรือน มีประชากรรวม
เหล่านยี้ งั คงอยตู่ ราบนานเทา่ นาน 4,709 คน ชนชาตไิ ทญอ้ มภี าษาญอ้ เปน็ วฒั นธรรม
ทโี่ ดดเดน่ เปน็ เอกลกั ษณ์ ชอบอาศยั อยบู่ รเิ วณตาม
คณะเทคโนโลยีได้เล็งเห็นถึงความ แนวแมน่ �้ำ ซง่ึ อดุ มสมบรู ณไ์ ปด้วยพชื พนั ธ์ุ สตั ว์น้ำ�
สำ�คัญดังกล่าว จึงได้จัดโครงการทำ�นุบำ�รุง แถบบรเิ วณทอ่ี าศยั จงึ นยิ มตงั้ ชอ่ื ขนึ้ ตน้ ดว้ ยทา่ เชน่
ศิลปวัฒนธรรม หน่ึงคณะหน่ึงศิลปวัฒนธรรม ท่าขอนยาง เปน็ ต้น
เรอื่ ง “สบื สานภมู ปิ ญั ญาอาหารหมกั กลมุ่ ชาตพิ นั ธุ์ อาหารหมักชาวไทญอ้
อสี านตอนกลาง” ขนึ้ เพอ่ื ชว่ ยอนรุ กั ษแ์ ละสบื สาน
วัฒนธรรมอาหารหมัก และเป็นการแลกเปลี่ยน คำ�ว่า “ส้ม” เป็นคำ�นำ�หน้าช่ือที่บอก
เรยี นรภู้ มู ปิ ญั ญาการหมกั อาหารของ แตล่ ะชนชาติ ประเภทของอาหารชนิดหนึ่งของชาวอีสาน ส้ม
พันธ์เุ พอื่ ถ่ายทอดให้เยาวชนรนุ่ ใหมต่ ่อไป หมายถงึ การท�ำ ใหม้ รี สเปรย้ี ว โดยการน�ำ เนอ้ื สตั ว์
ผัก หรือผลไม้ไปหมักร่วมกับสมุนไพร ข้าวและ
วัตถุประสงค์ จลุ นิ ทรยี ์ เชน่ สม้ ววั ส้มหมู สม้ ปลา สม้ ผกั เสย้ี น
เป็นต้น การทำ�ให้อาหารหมักเหล่าน้ีมีรสเปร้ียว
1. เพอื่ ส่งเสรมิ อนุรกั ษ์ ฟื้นฟู และเผย และสามารถเก็บไว้ได้นานเป็นการถนอมอาหาร
แพร่ศิลปวัฒนธรรม ด้านภูมิปัญญาอาหารหมัก อย่างหนึ่งของชาวอีสานซ่ึงเกิดจากภูมิปัญญา
จากชนชาตพิ นั ธ์ุในอีสานตอนกลาง พื้นบ้าน โดยในแต่ละชนเผ่าจะมีสูตรที่อาจแตก
ต่างกันไปตามความชอบ ชนเผ่าญ้อเป็นชนเผ่า
2. เพื่อให้นิสิต บุคลากรทั้งในคณะ หน่ึงท่ีมีภูมิปัญญาในการทำ�ส้มที่สืบทอดกันมา
เ ท ค โ น โ ล ยี แ ล ะ น อ ก ค ณ ะ ข อ ง ม ห า วิ ท ย า ลั ย นาน สำ�หรับการทำ�ส้มจากเน้ือสัตว์ท่ีได้รับความ
มหาสารคาม รวมทั้งผู้ที่สนใจได้รับการถ่ายทอด นิยมมากของชาวอีสานรวมถึงชาวญ้อ ได้แก่ ส้ม
องค์ความรู้เก่ียวกับกระบวนการทำ�อาหารหมัก ท่ีทำ�จากเน้ือววั เน้อื หมู และเนือ้ ปลา
ตา่ งๆ
กลุ่มชาติพันธุ์ไทยลาว (ไทยอีสาน)
3. เพ่ือให้นิสิตเรียนรู้วัฒนธรรมด้าน  ไท-ลาว (Laotian) ตระกลู ภาษาไท-กะได (Tai-
ภูมิปัญญาอาหารหมักจากชนชาติพันธ์ุในอีสาน Kadai Langauge Family)  
ตอนกลาง
กลุ่มไทยลาว หรือท่ัวไปเรียกว่า  “ชาว
ผลการดำ�เนินงาน อีสาน”  ท่ีเป็นกลุ่มที่ใหญ่ท่ีสุด มีประชากรมาก
ท่ีสุดในอีสาน การตั้งภูมิลำ�เนาของกลุ่มไทยลาว
กลุ่มชาตพิ ันธุ์ ไทญอ้ จะกระจดั กระจายอยทู่ วั่ ไป โดยเฉพาะตอนบนของ
ปัจจุบันในอำ�เภอกันทรวิชัยจังหวัด ภาคนับต้งั แต่ หนองคาย หนองบวั ล�ำ ภู อุดรธานี
สกลนคร นครพนม กาฬสินธ์ุ มหาสารคาม
มหาสารคาม มกี ลมุ่ ชาตพิ นั ธไ์ุ ทญอ้ ทยี่ งั ใชช้ วี ติ ตาม ขอนแก่น ชัยภูมิ ร้อยเอ็ด ยโสธร อุบลราชธานี
วฒั นธรรมไทยญอ้ อยู่ 7 ชุมชน คือ บา้ นท่าขอน เลย มุกดาหาร อำ�นาจเจริญ และบางอ�ำ เภอ ของ
ยางและบา้ นวังหวา้ ต�ำ บลทา่ ขอนยาง บา้ นหนอง จ.ศรีสะเกษ สุรินทร์ (อ.รัตนบุรี) นครราชสีมา
ขอน บ้านส้มปล่อยและบ้านโนน ตำ�บลคันธาร
ราษฎร์ บา้ นนำ�้ ใส ตำ�บลขามเฒ่าพัฒนาและบา้ น

เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน 73
ในงานการประชุมวิชาการมหาวิทยาลัยมหาสารคามวิจัย ครั้งท่ี 13 : สาขาท�ำ นบุ ำ�รงุ ศลิ ปวฒั นธรรม”

(อ.บัวใหญ่ อ.สูงเนิน อ.ปักธงชัย) บุรีรัมย์ อุดรธานี รอ้ ยเอ็ด และยโสธร เปน็ อีกกลมุ่ หน่งึ ที่
(อ.พุทไธสง) นิยมตั้งหมู่บ้านเป็นกลุ่ม บนที่ดอน รักษาวัฒนธรรมของตนไว้ได้อย่างดี
เรียกตามภาษาท้องถ่ินว่า “โนน” โดยยึดทำ�เล อาหารหมักของภูไท
การทำ�นาเป็นส�ำ คญั
ลักษณะการถนอมอาหารของชาวภูไท
หมำ่� เป็นการถนอมอาหารอีสานท่ีมีมา คล้ายกบั ไทลาว คือการทำ�ส้มผัก สม้ หมู ววั ปลา
แต่โบราณ ไม่แน่ชัดว่าเกิดข้ึนครั้งแรกปี พ.ศ. ใด ต่างๆ แต่สิ่งที่ชาวภูไทสืบทอดเทคนิคการสังเกต
คนอีสานสมัยก่อนมีการเดินทางค้าขายวัวควาย ส่วนผสมว่านวดได้ท่ีหรือยังนั้น คนภูไทโบราณ
โดยนายฮอ้ ยหรอื พอ่ คา้ ววั ควายจะตอ้ นววั ควายไป กล่าวว่า “หากต้องการรู้ว่านวดส่วนผสมทั้งหมด
ขายยงั บางกอกหรือกรงุ เทพฯ ในปจั จบุ นั ซ่ึงเมอื ง ได้ทีแล้วหรือไม่ ให้ชิมเหง่ือท่ีมือผู้นวด ถ้าเหง่ือ
พลกเ็ ปน็ อกี จดุ พกั หนงึ่ ของการเดนิ ทาง ตลอดการ ที่มือมีรสเค็มเล็กน้อยแสดงว่านวดส่วนผสมได้ที่
เดินทางก็จะมีวัวควายได้รับบาดเจ็บและล้มตาย แลว้ ”
เน้ือส่วนหนึ่งบริโภคแต่ก็ยังมีเนื้อและเครื่องใน
อกี มากทย่ี งั เหลอื ครน้ั จะตากแหง้ ทงั้ หมดกต็ อ้ งใช้ จากการลงสำ�รวจสูตรอาหารของชนชาติ
เวลานานและคงแหง้ ไมท่ นั เดนิ ทาง ดงั นนั้ นายฮอ้ ย พันธุ์ทั้งสามชนชาติ จะพบว่าเมนูเดียวกันแต่ละ
จึงได้สับทั้งเน้ือและเคร่ืองในผสมเคร่ืองเทศแล้ว ชนชาตจิ ะมกี ารปรงุ และใชอ้ ตั ราสว่ นของสว่ นผสม
ยัดใส่ไส้ของวัวหรือควายแล้วเดินทางได้เลยทันที ต่างกัน ส่งผลให้คุณค่าทางโภชนาการของเมนู
โดยยังคงรักษาสภาพเนื้อไว้ได้ไม่เน่าเสีย ดังนั้น น้ันๆ ของแต่ละชนชาติต่างกันด้วย ดังตัวอย่าง
ค�ำ วา่ “หม่ำ�” คนอีสานจึงหมายถึง เรว็ ไว รวดเร็ว เมนกู ารทำ�สม้ ปลา
หรอื ทนั ที แตใ่ นปจั จบุ นั จะเขา้ ใจกนั วา่ หมายถงึ กนิ ส้มปลาชาวไทญ้อ

หมำ่�มีรสชาติเฉพาะตัวและยังสามารถ ผถู้ า่ ยทอดคือ คณุ ยายสมาน วิมูลอาจ
นำ�มาประกอบอาหารได้หลากหลาย เช่น แกง
ผดั ทอด จ่อม หรอื นำ�มาทำ�นำ้�ตบั (อาหารอีสาน บ้ า น ท่ า ข อ น ย า ง ต . ท่ า ข อ น ย า ง
อีกประเภท โดยมหี ม�ำ่ เป็นวตั ถุดบิ หลัก) หม�่ำ ท่ีทำ� อ.กันทรวชิ ยั จ.มหาสารคาม
จำ�หน่ายกันมากมายและคุ้นเคย มี 2 อย่าง คือ สูตรการท�ำ สม้ ปลา
หม่ำ�เนอ้ื (ววั ควาย) และหม�ำ่ หมู (เกดิ มาทหี ลัง)
กลุม่ ชนชาตภิ ูไท ปลาสรอ้ ยตดั หวั ควกั ไสอ้ อก 1,000 กรมั

ชนเผา่ ภูไท หรือ ผู้ไท (Phutai) ถ่ินฐาน ขา้ วเจ้าหงุ สกุ 60 กรมั
ดั้งเดิมของชาวภูไทเดิมอยู่ในแคว้นสิบสองจุไทย
และแคน้ สบิ สองปนั นา (ดนิ แดนสว่ นเหนอื ของลาว กระเทียมสด 120 กรัม
และเวยี ดนาม ซงึ่ ตดิ ตอ่ กบั สว่ นใตข้ องประเทศจนี )
ราชอาณาจักไทยได้สูญเสียดินแดนแค้วนสิบสอง เกลือป่น 30 กรมั
จุไทยใหฝ้ ร่ังเศส เม่อื ร.ศ. 107 (พ.ศ. 2431) ภูไท  วธิ กี ารทำ�ส้มปลา
มีถ่ินฐานอยู่ในเขตจังหวัดนครพนม กาฬสินธ์ุ
มุกดาหาร สกลนคร และบางส่วนกระจายอยู่ใน 1. เลอื กปลาสรอ้ ยสด ขนาด 25-30 ตวั
เขตจังหวดั หนองคาย อำ�นาจเจรญิ อุบลราชธานี ตอ่ น�้ำ หนกั 1,000 กรมั ขอดเกลด็ ตดั หวั และควกั
ไส้ออก ท�ำ ใหส้ ะอาด พกั ไวใ้ ห้สะเด็ดนำ�้ แลว้ ทบุ
เน้ือปลาใหพ้ อแตกร่อนออกจากกา้ ง

2. น�ำ กระเทยี มสดแกะเปลอื กออก ต�ำ ให้
แตกแล้วน�ำ ไปสบั ใหล้ ะเอยี ดพอประมาณ

74 เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน
ในงานการประชมุ วชิ าการมหาวทิ ยาลยั มหาสารคามวิจัย คร้ังท่ี 13 : สาขาทำ�นุบ�ำ รงุ ศิลปวฒั นธรรม”

หาสารคาม 3. น�ำ เนอื้ ปลา กระเทยี ม ขา้ วเจา้ สกุ และ
เกลอื คลุกเคล้าให้เขา้ กัน แลว้ นวดคน้ั ให้เป็นเน้ือ
0 กรมั เดยี วกันมีลกั ษณะเหนียวปัน้ เปน็ กอ้ นได้
0 กรัม
0 กรัม 4. น�ำ สว่ นผสมปน้ั เปน็ กอ้ น ขนาดกอ้ นละ
0 กรัม 50 กรัม แลว้ ห่อดว้ ยใบตอง 3 ช้นั โดยวางใบตอง
แตล่ ะช้ันสลบั กนั เพ่ือไม่ใหห้ ่อแตก แล้วพบั ใบตอง
ว ตอ น้าํ หนัก 1,000 ห่อโดยจีบหัวและท้ายคล้ายการห่อข้าวต้มมัด
อก ทําใหส ะอาด พักไว แล้วรัดด้วยเชอื กหรือยางวง
แตกรอนออกจากกาง
ใหแตกแลว นําไปสับใหล ะเอียด 5. มัดห่อส้มปลาเป็นพวง แขวนไว้ในที่
อากาศถ่ายเท 3 วนั รบั ประทานได้ โดยน�ำ ไปย่าง
และเกลอื คลกุ เคลา ใหเขา กัน แลว นวดค้นั ใหเ ปนเน้อื เดียวกนั มี หรอื ทอดให้สกุ

นละ 50 กรัม แลวหอดวยใบตอง 3 ช้ัน โดยวางใบตองแตละชั้น
บตองหอ โดยจีบหัวและทา ยคลา ยการหอขาวตม มัด แลว รัด

ทอ่ี ากาศถายเท 3 วนั รับประทานได โดยนําไปยา งหรอื ทอดให

ทีม่ า:ทอ่มี าาหา:อรหาหมกัารชหนชมากั ตชพิ นันชธาอุ์ ตสี ิพานนั ธ(ไอุ ทีสญา้อน(ไไททลญาวอภไทูไทล)าควณภะูไเททค) โคนณโละยเีท2ค5โ6น0โลยี 2560

ปลาสม ชาวไทลาว
สาธิตโดย คณุ แมล ะเอียด จันออน

เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน 75
ในงานการประชมุ วิชาการมหาวิทยาลยั มหาสารคามวจิ ยั ครั้งท่ี 13 : สาขาทำ�นบุ ำ�รุงศลิ ปวฒั นธรรม”

พนั ธอุ สี าน(ไทญอ ไทลาว ภไู ท) คณะเทคโนโลยี 2560

ฮมฮกั วธิ กี ารทำ�
งโสกพระ 1. เลือกปลาตะเพียนท่ีสดและเนื้อแน่น

ปลาส้มชาวไทลาว มาขอดเกลด็ ควักพุงปลาออกให้หมด ใชม้ ดี คมๆ
สาธิตโดย คณุ แม่ละเอยี ด จนั อ่อน และ กรีดบ้ังตัวปลาถ่ีๆ เพ่ือให้เกลือและส่วนผสม
สามารถซึมผ่านได้ดี ทำ�ให้ปลามีรสชาติอร่อย
ทีมงานกลุ่มเกษตรอินทรีย์สามัคคี บ้านโฮมฮัก แล้วลา้ งใหส้ ะอาด
บ้านเลขท่ี 6 หมู่ 2 บา้ นโนนกอก ต.หนองแวงโสก
พระ อ.พล จ.ขอนแก่น 2. พักปลาท่ลี ้างใหส้ ะอาด ใหส้ ะเด็ดน้�ำ
สว่ นผสม ก่อน จากนั้นทาเกลือท่ีตัวปลาท้ังข้างในและ
ข้างนอกให้ทัว่ หมกั ไวอ้ ย่างนอ้ ย 6 ช่ัวโมง
ปลาตะเพยี น 5 กโิ ลกรมั
3. ลา้ งปลาทหี่ มกั ดว้ ยน�ำ้ สะอาดจนเกลอื
เกลอื 2.5 กิโลกรมั หมด แล้วแชน่ �ำ้ สะอาดอกี 4 ชว่ั โมง

กระเทยี ม 2 ขดี 4. เม่ือครบ 4 ชัว่ โมงแลว้ น�ำ ปลาข้นึ พกั
บนตะกร้าใหส้ ะเด็ดน�ำ้
นำ�้ ตาลทราย 1 ขดี
5. แช่ข้าวเหนียวนึ่งสุกในนำ้� 2-3 นาที
ผงชูรส 0.5 ขดี แล้วนำ�มาคลุกกับกระเทียมโขลก นำ้�ตาลทราย
ผงปรงุ ชรู ส
ข้าวเหนียวน่งึ สุก 1.5 กโิ ลกรมั
6. นำ�ส่วนผสมนั้นมาคลุกเคล้ากับปลา
น้�ำ สะอาด 1 ถัง และนำ�สว่ นผสมน้นั ใสท่ ้องและเหงือกปลาให้เต็ม

7. เก็บปลาที่คลุกแล้วในภาชนะท่ีมี
ฝาปิดมิดชิดและสะอาด เก็บไว้ 2-3 วัน นำ�มา
รับประทานได้โดยการทอดหรือย่าง ไม่นิยม
รบั ประทานดบิ

๔. เมอื่ ครบ 4 ช่ัวโมงแลวนาํ ปลาขึน้ พกั บนตะกราใหส ะเดด็ นาํ้

๕. แชข า วเหนียวน่ึงสุกในนํา้ 2-3 นาที แลวนาํ มาคลุกกบั กระเทยี มโขลก น้าํ ตาลทราย ผงปรุงชรู ส

๖. นาํ สวนผสมนัน้ มาคลกุ เคลากับปลาและนําสวนผสมนน้ั ใสท อ งและเหงอื กปลาใหเต็ม
๗. 7เก6บ็ ปลเใอนากงทาสนี่คากรลปารุกรปะแรกะอลชบุมวกวใาิชนรานกภ�ำาเารสมชนหอนาผวะิทลทยงาา่ีมนลัยฝี มาหปาสดารมคาดิ มชวิจดิ ยั แคลรงั้ะทส่ี 1ะ3อ: าสดาขาเทก�ำ นบ็ บุ ไำ�วรุง ศ2ิล-ป3วัฒวนันธรรนมํา” มารบั ประทานไดโดยการ

ทอดหรอื ยา ง ไมนิยมรับประทานดบิ

ที่มาท:มี่อาา:หอาารหหามรหักมชักนชชนาชตาิพติพนั นัธธุอ ์ุอสี สี าานน(ไ(ทไทญญอ ้อไไททลลาาวว ภภไููไทท))คคณณะะเทเทคโคนโโนลโยลี 2ย5ี 265060

67 ป ส้มปลาฟกั
สาธติ โดยคุณยายยอ้ ม องิ ภู อายุ 67 ปี
180
บ้านเลขที่ 84 หม่ทู ่ี 2 ตำ�บลโพน อ�ำ เภอคำ�มว่ ง
500 กรัม จงั หวัดกาฬสนิ ธ์ุ 46180
40 กรมั สว่ นผสม
40 กรมั
20 กรมั เนือ้ ปลาสบั ละเอยี ด 500 กรัม

ลางน้ําใหส ะอาด จากนนั้ แชนํา้ ซาวขา วประมาณ 30 นาที และสับให กระเทยี มโขลกละเอยี ด 40 กรัม

ประมาณ 30 นาที หรือจนกระทง่ั เน้ือปลาเหนียวจบั กันเปน กอน ขา้ วเหนียวสุก 40 กรัม
ใบตอง 2 ชั้น พบั หวั ทา ยใบตองแลวมดั ดว ยเชือกและวางทอี่ ุณหภูมหิ อง
อากาศ หากอากาศรอ นวางเพียง 1 วัน) สามารถรบั ประทานดิบหรอื สกุ เกลือ 20 กรมั

เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน 77
ในงานการประชุมวิชาการมหาวทิ ยาลยั มหาสารคามวิจัย คร้งั ที่ 13 : สาขาท�ำ นบุ �ำ รงุ ศิลปวฒั นธรรม”

วิธีทำ� 3. นำ�ปลาท่ีนวดเสร็จแล้ว ตักวางบน
1. นำ�ปลาขาวมาตดั หัว ควักไส้ออก ลา้ ง ใบตอง 2 ช้นั พบั หัวทา้ ยใบตองแล้วมัดดว้ ยเชอื ก
และวางท่อี ุณหภมู หิ ้องประมาณ 1-2 วนั (ขึ้นอยู่
น้ำ�ให้สะอาด จากนั้นแช่น้ำ�ซาวข้าวประมาณ 30 กับสภาวะอากาศ หากอากาศร้อนวางเพียง 1
นาที และสับใหล้ ะเอียด วัน) สามารถรับประทานดิบหรือสุกโดยการย่าง
ด้วยไฟออ่ นก็ได้
2. นำ�ส่วนผสมทั้งหมดนวดให้เข้ากัน
ประมาณ 30 นาที หรอื จนกระท่ังเนอ้ื ปลาเหนียว
จบั กันเป็นกอ้ น

ทมี่ าทีม่ :อา:าหอาาหราหรมหักมชกั นชนชชาาตติพพิ นันั ธธอุุอ์ สีีสาานน((ไไททญญ้ออ ไไททลลาาววภภูไทไู ท) ค) ณคณะเทะคเทโนคโโลนยโีล2ย5ี620560

บทวเิ คราะห
 จากการถอดสูตรอาหารหมกั ของชนชาตพิ นั ธุ ไทยญอ ไทลาว และภูไท จะเหน็ วา ถงึ แมจะ

เปน เมนเู ดยี วกัน แตเ คล็ดลบั หรือเทคนิคการปรุงรวมถงึ สว นผสมบางอยา งใสใ นอตั ราสวนทแ่ี ตกตา งกนั
ทําใหเมนเู ดียวกนั มคี ุณคา ทางโภชนาการตางกนั และกอ ใหเกิดลักษณะเฉพาะของอาหารหมักของชนชาติ
พนั ธุน้นั ๆ รสชาตทิ เ่ี ปน เอกลกั ษณ ภูมปิ ญ ญาทอ งถ่ินที่ถายทอดกนั มาถือเปนเสนห ท่นี าอนรุ กั ษไว
 สว นผสมหลักในทกุ สตู รอาหารหมกั คือขาว โดยชนชาตไิ ทญอ จะใชขาวเจา หุงสุก สว นไทลาว
และภไู ท จะใชขา วเหนยี วนงึ่ ซึ่งขา วนีถ้ ือเปน แหลง อาหาร (แหลง คารบอน) ใหกับจลุ ินทรยี ท ผี่ สมใน

78 เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน
ในงานการประชุมวิชาการมหาวทิ ยาลยั มหาสารคามวิจัย ครัง้ ที่ 13 : สาขาท�ำ นบุ ำ�รุงศลิ ปวัฒนธรรม”

บทวิเคราะห์ เกลือโซเดียมที่จะเพิ่มสูงในร่างกาย ส่งผลให้เกิด
ภาวะไตท�ำ งานหนัก ซง่ึ กระทรวงสาธารณสขุ ไทย
จากการถอดสูตรอาหารหมักของชนชาติ แนะนำ�ให้ทานเกลือได้ไม่เกิน 2,300 มิลลิกรัม
พันธ์ุ ไทยญ้อ ไทลาว และภูไท จะเหน็ ว่าถึงแมจ้ ะ หรือ 1 ช้อนชาต่อวัน  ถ้าผู้ท่ีเป็นโรคหัวใจและ
เป็นเมนูเดียวกัน แต่เคล็ดลับหรือเทคนิคการปรุง หลอดเลือด เบาหวาน มะเร็ง ไม่ควรบริโภคเกิน
รวมถึงส่วนผสมบางอย่างใส่ในอัตราส่วนท่ีแตก 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน ถ้าผู้ที่เป็นโรคความดัน
ตา่ งกนั ท�ำ ให้เมนเู ดยี วกันมีคณุ ค่าทางโภชนาการ โลหติ สงู ไมค่ วรบรโิ ภคเกนิ 1,500 มลิ ลกิ รมั ตอ่ วนั
ต่างกันและก่อให้เกิดลักษณะเฉพาะของอาหาร
หมกั ของชนชาตพิ นั ธน์ุ น้ั ๆ รสชาตทิ เี่ ปน็ เอกลกั ษณ์ ดงั นน้ั ผบู้ รโิ ภคควรบรโิ ภคอาหารหมกั ใน
ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ถ่ายทอดกันมาถือเป็นเสน่ห์ที่ ปริมาณน้อยและควรปรุงสุกก่อนรับประทานอีก
นา่ อนรุ ักษไ์ ว้ ทง้ั ยังจ�ำ เปน็ ตอ้ งทานควบคกู่ บั อาหารหลากหลาย
ลลิกรมั ตอ วนั ถา ผทู ี่เปน โสรคว่ คนวาผมสดมันหโลลหักติ สในูง ทไุกมคสวูตรรบอริโาภหคาเกรินหม1กั,50ค0ือ ชนดิ เช่น ผักและผลไมส้ ด เปน็ ตน้ เพอ่ื เปน็ การ
ขา้ ว โดยชนชาตไิ ทญ้อจะใชข้ า้ วเจ้าหงุ สุก สว่ นไท ปอ้ งกนั ภาวะเสยี่ งตอ่ การมปี รมิ าณเกลอื ในรา่ งกาย
วรบริโภคอาหารหลมากั วในแปลระิมภาณูไทนอ จยแะลใะชค้ขว้ารวปเรหงุ สนกุ ียกวอ นรง่ึ ับปซรึง่ ะขทา้ าวนนอ้ถีกทอื ้ังเปน็ สงู ซึง่ จะส่งผลกระทบตอ่ รา่ งกายได้
อาหารหลากหลายแชหนลิด่งอเชาน หาผกรั แล(แะผหลลไม่งสคดารเ์บปนอตนน ) เพให่ือเ้กปับน กจาุลรินปอทงรกียนั ์ที่
กลือในรางกายสงู ผซส่ึงจมะใสนง ผอลากหระาทรบหตมอ รักา ซงกึ่งาจยุลไดิน ทรีย์เหล่านั้นมาจาก บทสรุปโครงการ
การคั้นส่วนผสมด้วยมือ ทำ�ให้จุลินทรีย์สามารถ
ผลิตกรดแลกติกออกมาทำ�ให้อาหารหมักมีรส จ า ก ก า ร จั ด โ ค ร ง ก า ร ทำ � นุ บำ � รุ ง
บํารงุ ศลิ ปวฒั นธรเรปมขรอี้ยงวคณสะ่เวทนคโผนสโลมยที ปี่สระำ�จคาํ ัญปง อบีกปรชะนมิาดณห2น5่ึง6ค0ือ เกลือ ศิลปวัฒนธรรมของคณะเทคโนโลยี ประจำ�
ญาอาหารหมักกลชมุ นชาชตาพิ ตนั ิพธอุ ันีสาธน์ุอตีสอานนกลสา่วงน(ไใทหญญอ ่จไะทใลชา้เวกลภไูือทส)”ินเนธ้จี าาวก์ที่ ปีงบประมาณ 2560
เห็นตอ ผลสําเรจ็ ขเอตงิมกาไรอบโูรอณดาีนการเใปนด็นาตนัวควชา่วมยรแูปล้อะงปกระันสกบากรารเณนท่า่ีไเดสร ียับของ
บวา มผี ูต อบแบบเปนรือ้ ะสเมัตนิ วค์วามพึงพอใจท้งั หมด 22 คน อยใู นระดับมาก คือ ภายใต้โครงการ “สืบสานภูมิปัญญา
ะเมนิ ความพึงพอใจสงู สดุ คอื อยไดา่ ร งบั ไครวกาต็มารแูมลใะนปกระาสรบถกนาอรณมทอเ่ี าปหนปาระดโว้ยชยนวธิ ี อาหารหมกั กลมุ่ ชาตพิ นั ธอุ์ สี านตอนกลาง (ไทญอ้
ประสบการณแ กกช มุาชรนห/มสงักคนมั้นมคี ทาุกเฉเลมยี่ นคูจือะใ4ส.5่เก4ลอือยเู ปใ็นรอะงดคบั ์ปมารกะทกสี่ อดุ บ ไทลาว ภูไท) ” นี้จากการประเมินกิจกรรมและ
มพงึ พอใจตํา่ สุดคหือลักของสกามาารรทถนำ�าํ อควาาหมราูแ รลหะปมรักะสบทกำ�ารใณหจ้ผาู้บกกราิโรภรว คมที่ ความคดิ เหน็ ตอ่ ผลส�ำ เรจ็ ของการบรู ณาการในดา้ น
ะจําวัน/การปฏบิ ตั บงิ ารนิโไภดคตออหานหวายงราหนมมักคี า ตเฉ้อลง่ียพคึืองร3ะ.9ม1ัดอยรใูะนวระังดปบั รมิมากาณ ความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับจากโครงการของ
นสิ ติ ที่เขา้ ร่วมพบวา่ มีผตู้ อบแบบ ประเมินความ
ารถนาํ พงึ พอใจทงั้ หมด 22 คน อยใู่ นระดบั มาก คอื 4.30
ดสตู รได โดย หวั ขอ้ ทไ่ี ดร้ บั การประเมนิ ความพงึ พอใจสงู สดุ
พนั ธุอีสาน คอื ไดร้ บั ความรแู้ ละประสบการณท์ เ่ี ปน็ ประโยชน์
อนรุ กั ษแ ละ และสามารถถา่ ยทอดความรแู้ ละ ประสบการณแ์ ก่
ารของชาว ชมุ ชน/สงั คม มคี า่ เฉลยี่ คอื 4.54 อยู่ ในระดบั มาก
ทส่ี ดุ และหวั ขอ้ ทไี่ ดร้ บั การประเมนิ ความพงึ พอใจ
าเร็จของ ต�่ำ สดุ คอื สามารถน�ำ ความรแู้ ละประสบการณจ์ าก
ะสบการณทไี่ ดร บั จากโครงการ การร่วมกจิ กรรม ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจ�ำ วัน/
การปฏิบัติงานได้ ต่อหน่วยงาน มีค่าเฉลี่ย คือ
3.91 อยู่ในระดับมาก

ระดับความพึงพอใจ คาเฉลี่ย คา เบย่ี งเบน เกณฑ

เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน 79
ในงานการประชุมวิชาการมหาวิทยาลัยมหาสารคามวิจัย ครัง้ ท่ี 13 : สาขาทำ�นุบำ�รงุ ศลิ ปวฒั นธรรม”

เมื่อเสร็จส้ินโครงการสามารถนำ�ความ เพื่อเป็นการอนุรักษ์และถ่ายทอดภูมิปัญญา
รู้ท่ีได้รับการถ่ายทอดมาถอดสูตรได้หนังสือเร่ือง การถนอมอาหารของชาวอีสานให้แก่ลูกหลาน
“อาหารหมกั ชนชาตพิ นั ธอ์ุ สี าน ไทญอ้ ไทลาว ภไู ท” สืบไป
ตารางท่ี 1 ความคดิ เหน็ ตอ่ ผลส�ำ เรจ็ ของการบรู ณาการในดา้ นความรู้ ประสบการณท์ ไี่ ดร้ บั จากโครงการ

ระดับความพงึ พอใจ คา่ เบยี่ ง

ล�ำ ดบั หัวข้อทป่ี ระเมนิ 5 4 3 2 1 คา่ เบน เกณฑ์
มาก มาก ปาน น้อย น้อย เฉลีย่ มาตรา ประเมิน
ท่สี ดุ กลาง ทีส่ ดุ ฐาน

ดา้ นความรู้และประสบการณ์ทไี ด้รับ

1 กิจกรรมมคี วาม 15 22 4 0 0 4.27 0.63 มาก
สอดคล้องกับเนือ้ หา (36.6%) (53.7%) (9.8%) (0%) (0%)
สาระทเ่ี รยี น

2 การร่วมกิจกรรมท�ำ ให้ 14 20 6 1 0 4.15 0.76 มาก
มีความเขา้ ใจใน เน้ือหา (34.1%) (48.8%) (14.6%) (2.4%) (0%)
วิชาที่เรยี นมากขึ้น

3 ได้รับประสบการณต์ รง 24 10 6 1 0 4.39 0.83 มาก
หรือได้เรียนร้วู ิถีชีวติ ของ (58.5%) (24.4%) (14.6%) (2.4%) (0%)
ผคู้ น จากกรณีตวั อย่าง/
การลง พน้ื ท่ดี ำ�เนินการ
ร่วมกับอาจารย์

4 ไดร้ ับความรู้และ 20 11 8 2 0 4.19 0.93 มาก
ประสบการณท์ ีเ่ ป็น (48.8%) (26.8%) (19.5%) (4.9%) (0%)
ประโยชน์ นอกเหนอื
จากต�ำ ราและการ เรยี น
ในชนั้ เรยี น

5 สามารถน�ำ ความรู้และ 16 20 5 0 0 4.27 0.67 มาก
ประสบการณ์ที่ ได้รับไป (29%) (48.8%) (12.2%) (0%) (0%)
ปรับใช้

6 การรว่ มกิจกรรมทำ�ให้ 21 13 6 1 0 4.32 0.82 มาก
เรยี นรู้การท�ำ งานร่วม (51.2%) (31.7%) (14.6%) (2.4%) (0%)
กับผอู้ น่ื

80 เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน
ในงานการประชมุ วิชาการมหาวทิ ยาลัยมหาสารคามวิจยั ครง้ั ที่ 13 : สาขาท�ำ นบุ �ำ รงุ ศิลปวัฒนธรรม”

ระดับความพงึ พอใจ คา่ เบี่ยง
1 ค่า เบน เกณฑ์
ล�ำ ดับ หวั ขอ้ ทีป่ ระเมิน 5 4 3 2 น้อย เฉล่ีย มาตรา ประเมนิ
มาก มาก ปาน น้อย ทสี่ ดุ ฐาน
7 การรว่ มกจิ กรรมชว่ ยให้ ท่ีสดุ กลาง
เรยี นรู้การท�ำ งานเป็น 16
ขน้ั ตอน (39%) 17 7 1 0 4.17 0.80 มาก
(41.5%) (17.1%) (2.4%) (0%)
คา่ เฉลยี่ รวม
คา่ เบีย่ งเบนมาตราฐาน 4.25
เกณฑป์ ระเมนิ 0.79
มาก

เอกสารอ้างอิง

ทวี ถาวโร และ จำ�นง กติ สิ กล. (2542). ไทย้อกนั ทรวชิ ยั . รายงานการวจิ ยั สนบั สนนุ งบประมาณการวจิ ยั
โดยสำ�นักงานคณะกรรมการวฒั นธรรมแห่งชาติ ปงี บประมาณ 2541.

ทวศี ลิ ป์ สบื วฒั นะ. (2526). ภไู ทย. คณะกรรมการโครงการสง่ เสรมิ หนงั สอื ตามแนวพระราชด�ำ ริ [ออนไลน]์
จาก http://www.sac.or.th/databases/ethnicredb/research_detail.php?id=863 สบื คน้
เมือ่ 18 มิ.ย. 2560

ประตูสู่อีสาน. รู้จักกับภาคอีสานของไทย. [ออนไลน์] จาก http://www.isangate.com/isan/
paothai_isan.html สบื คน้ เมอื่ 18 ม.ิ ย. 2560.

โรงพยาบาลกรุงเทพ. (2560). [ออนไลน์] จาก https://www.bangkokhospital.com/index.php/th/
health-tips/ht05 สบื ค้นเม่อื 30 ม.ิ ย. 2560.

การส่งเสริมบทบาทสภาวัฒนธรรมอำ�เภอกันทรวิชัย ในการอนุรักษ์โบราณ
สถาน

อมรเทพ เมอื งแสน
คณะนติ ศิ าสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

บทสรุป

โครงการ ส่งเสริมบทบาทสภาวัฒนธรรมอำ�เภอกันทรวิชัย ในการอนุรักษ์โบราณสถาน เป็น
โครงการท�ำ นบุ �ำ รงุ ศลิ ปวฒั นธรรม ของคณะนติ ศิ าสตร์ ประจ�ำ ปงี บประมาณ 2560 ทเี่ กดิ จากระบบกลไก
ในลกั ษณะของการมีสว่ นรวมของทุกภาคส่วน โดยก่อนท่ีจะมกี ารเริม่ โครงการ ไดม้ ีกระบวนการท�ำ งาน
แบบมสี ว่ นรว่ ม (Participatory Learning Process) และมีการน�ำ เอากระบวนการ PDCA มาประยุกต์
ใช้กับ การจัดการความรู้ (Knowledge Management) ทั้งความรทู้ ่ฝี ังอยูใ่ นคน (Tacit Knowledge)
ซ่งึ เป็นปราชญ์ชาวบ้าน หรอื ผ้เู ฒ่าผ้แู กใ่ นชมุ ชน รวมถงึ ความรู้ท่ีชัดแจง้ (Explicit Knowledge) อนั ไดแ้ ก่
ความรูใ้ นข้อกฎหมายที่เกยี่ วกบั การอนรุ ักษ์โบราณสถานและโบราณวตั ถุ ตลอดจนมีการนำ�เอา เทคนคิ
เครอื่ งมอื การศกึ ษาชมุ ชนแบบมสี ว่ นรว่ ม ในลกั ษณะของการเขา้ ไปศกึ ษาชมุ ชนในดา้ นตา่ งๆ ทง้ั การสงั เกต
(Observation) การสมั ภาษณ์ Interview) และจดั การสนทนากลมุ่ (Focus Group) รวมถงึ มกี ารใชข้ อ้ มลู
เอกสารทค่ี ณะท�ำ งานไดท้ �ำ ขน้ึ
เพ่ือทำ�ให้ผู้เข้าร่วมโครงการ
เข้าใจเนื้อหาของการบรรยาย
ไดง้ า่ ยข้นึ

ซงึ่ ขนั้ ตอนการด�ำ เนนิ
งาน และกจิ กรรมทด่ี �ำ เนนิ การ
เป็นผลสืบเน่ืองมาจาก การ
ประชุมวางแผน ในการจัด
โครงการ และไดม้ กี ารคดั เลอื ก
พนื้ ที่ และลงส�ำ รวจพน้ื ท่ี โดยมี
พนื้ ท่ี ทใี่ ชใ้ นการจดั ด�ำ เนนิ การ
คอื ทีว่ ัดพุทธมงคล บา้ นสระ
เขตตำ�บล คันธารราษฎร์
อำ�เภอกันทรวิชยั จงั หวัดมหาสารคาม โดยก�ำ หนดจัดงานในวนั องั คารท่ี 21 เดือนมีนาคม 2560 ซง่ึ
มีจำ�นวนผู้เข้าร่วมโครงการ เกินร้อยละ 80 กล่าวคือ อาจารย์ (คณะ ทำ�งานและทีมวิจัย) เข้าร่วม
เกนิ จำ�นวนทีต่ ง้ั ไว้ ส่วนนิสติ คณะนติ ศิ าสตร์ เข้ารว่ มจำ�นวน 95 คน ซ่ึงจากเกนิ รอ้ ยละ 80 จากเป้า
ท่ีต้งั ไว้ คือ จ�ำ นวน 100 คน ผูน้ �ำ ชมุ ชนและคนในชมุ ชนเขา้ รว่ มเกินรอ้ ยละ 80 คือเขา้ รว่ ม จำ�นวน 40
คน จากที่ตัง้ เป้าเอาไว้จ�ำ นวน 50 คน ส่วนองคก์ รเครือขา่ ยภายนอกทีใ่ ห้ความร่วมมือ ได้แก่ วัฒนธรรม

82 เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน
ในงานการประชุมวชิ าการมหาวิทยาลัยมหาสารคามวจิ ัย ครง้ั ที่ 13 : สาขาทำ�นุบ�ำ รุงศิลปวฒั นธรรม”

อำ�เภอ ประธานสภาวัฒนธรรม และกรรมการ กจิ กรรมและผลการด�ำ เนนิ งานขององคก์ รภาคแี ละ
สภาวัฒนธรรมอ�ำ เภอกนั ทรวชิ ยั เขา้ ร่วมครบ คือ เครอื ขา่ ยวฒั นธรรม
จ�ำ นวน 15 คน และผูเ้ ข้าร่วมโครงการทง้ั หมด มี
ความพงึ พอใจในการจดั โครงการ ในภาพรวมอยใู่ น ซงึ่ อ�ำ เภอกนั ทรวชิ ยั เองกเ็ ปน็ อกี พน้ื ทหี่ นง่ึ
ระดับมาก ( = 4.13) นอกจากนัน้ แล้ว ในส่วน ในจังหวัดมหาสารคาม ทต่ี ้องอยภู่ ายใตบ้ ังคบั ของ
ผลประเมินความสำ�เร็จของการบูรณาการในด้าน บทกฎหมายตามพระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่ง
ความรู้ ประสบการณท์ ไ่ี ดร้ บั จากโครงการในทงั้ ใน ชาติ ท่ตี ้องมกี ารต้งั สภาวฒั นธรรมอำ�เภอขนึ้ เพ่ือ
สว่ นของนสิ ติ และชาวบา้ น ในภาพรวมอยใู่ นระดบั ท�ำ หนา้ ทท่ี �ำ นบุ �ำ รงุ ศลิ ปะ วฒั นธรรม อกี ทง้ั ในเขต
มากท่ีสุดและมาก ( = 4.56) ( = 4.08) ซ่งึ พนื้ ทอี่ �ำ เภอกนั ทรวชิ ยั ไดป้ รากฏวา่ มโี บราณสถาน
เทา่ กับว่า การจัดโครงการดงั กล่าวได้ผลลัพธ์ออก ตงั้ อยู่ หลายท่ี ไมว่ า่ จะเปน็ เตาเผาบา้ นเขยี บ กคู่ ขู าด
มาที่น่าพึงพอใจ ทง้ั ในด้าน ความพึงพอใจและใน (กู่แก้ว) วัดป่ากู่แก้ว ในตำ�บลขามเรียง อุ่มยาคู
ดา้ นของการบรู ณาการดา้ นความรปู้ ระสบการณท์ ี่ พระพุทธรปู (พระพุทธมงคล) บา้ นสระ ตำ�บลคัน
ได้รบั จากโครงการ ธารราษฎร์ พระพุทธรูปสุวรรณาวาส ศิลาจารึก
ที่บ้านโคกพระ ตำ�บลโคกพระ ซึ่งมีความจำ�เป็น
หลักการและที่มาของการดำ�เนินงาน อย่างย่ิง ที่ทุกภาคส่วน โดยเฉพาะมหาวิทยาลัย
มหาสารคาม จะต้องเข้าไปมีส่วนร่วมในการทำ�นุ
พระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ. บำ�รุงศิลปวัฒนธรรมอันดีงามของชุมชน ด้วยการ
2553 และกฎกระทรวงท่ีเก่ียวข้อง ได้กำ�หนด เข้าไปมีส่วนรวมกับชุมชนในการอนุรักษ์โบราณ
ให้มีการจัดตั้งสภาวัฒนธรรมในทุกระดับ เพ่ือ สถานรวมถึงโบราณวัตถตุ ่างๆ ท่อี ยู่ในพื้นที่
ประโยชน์ในการอนุรักษ์หรือฟ้ืนฟูจารีตประเพณี
ภูมิปัญญาท้องถ่ิน ศิลปวัฒนธรรมอันดีงามของ ซึ่งจากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น คณะ
ท้องถ่ินและของชาติและประสานการดำ�เนินงาน นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม จึงเห็น
วัฒนธรรมกับภาคประชาสังคม โดยประชาชนมี สมควรที่จะจัดโครงการทำ�นุบำ�รุงศิลปวัฒนธรรม
สว่ นรว่ ม ข้ึน ด้วยการ เข้าไปมีส่วนรวมในการส่งเสริม
บทบาทของสภาวัฒนธรรมอำ�เภอกันทรวิชัย
ซึ่งสภาวัฒนธรรมในทุกระดับมีหน้าท่ี ด้วยการให้ความรู้ความเข้าใจในตัวบทกฎหมาย
หลายด้าน (พระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติ รวมถึงทำ�การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันในส่วน
พ.ศ.2553 มาตรา 18) ไม่ว่าจะเป็นการเสนอ กระบวนการและวิธีการในการอนุรักษ์ ท่ีเชื่อม
ข้อคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะต่อคณะกรรมการ โยงกนั ในระหวา่ งโบราณสถาน โบราณวตั ถเุ ข้ากับ
เกี่ยวกับการกำ�หนดนโยบายและแผนแม่บท กฎหมายทมี่ ผี ลใชบ้ งั คบั อยใู่ นปจั จบุ นั อนั จะน�ำ ไป
วัฒนธรรมของชาติ เป็นศูนย์กลางในการแลก สู่การเพิ่มการรับรู้ และความสัมพันธ์ ในมิติทาง
เปล่ียนความรู้ ประสบการณ์ และแนวคิดในการ วฒั นธรรมของคนในชมุ ชนใหย้ ง่ั ยนื ต่อไป
ด�ำ เนนิ งานวฒั นธรรมโดยเชอื่ มโยงกนั เปน็ เครอื ขา่ ย
วฒั นธรรม สง่ เสรมิ สนบั สนนุ และรว่ มจดั กจิ กรรม วัตถุประสงค์
ขององค์กรภาคีและเครือข่ายวัฒนธรรม ฟื้นฟู
พัฒนา สร้างสรรค์ แลกเปลยี่ น สืบทอด และเฝ้า 1. เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และ
ระวงั ทางวฒั นธรรม รวมถงึ เผยแพรป่ ระชาสมั พนั ธ์ เผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการ
อนรุ ักษ์โบราณสถานและโบราณวัตถุ

เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน 83
ในงานการประชมุ วชิ าการมหาวิทยาลัยมหาสารคามวจิ ยั คร้ังท่ี 13 : สาขาท�ำ นบุ �ำ รุงศิลปวฒั นธรรม”

2. เพอ่ื ใหน้ สิ ติ คณาจารย์ เจา้ หนา้ ทค่ี ณะ กันในส่วนกระบวนการและวิธีการในการอนุรักษ์
นติ ศิ าสตร์ รวมถงึ สภาวฒั นธรรมอ�ำ เภอกนั ทรวชิ ยั ท่ีเชื่อมโยงกันในระหว่างโบราณสถาน โบราณ
และคนในชุมชนมีความเข้าใจร่วมกันในกฎหมาย วัตถุเข้ากับกฎหมายท่ีมีผลใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน
รวมถงึ กระบวนการ วธิ กี ารในการอนรุ กั ษ์ โบราณ เช่น การเสวนากันในระหว่างปราชญ์ชุมชน ผู้นำ�
สถานและโบราณวตั ถุ ชมุ ชนและผทู้ ม่ี สี ว่ นเกย่ี วขอ้ งรว่ มถงึ ผทู้ มี่ สี ว่ นรบั รู้
ถึงเรื่องราวต่างๆ ในอดีตที่เกี่ยวกับโบราณสถาน
3. เพ่ือเป็นการเพิ่มการรับรู้ และเพ่ิม และโบราณวัตถุที่มอี ย่ใู นชมุ ชน
ความสัมพันธ์ ในมิติทางวัฒนธรรมของสภา
วฒั นธรรมอ�ำ เภอกนั ทรวชิ ยั กบั คนในชมุ ชน ตอ่ การ พื้นที่ดำ�เนินการ
อนุรักษโ์ บราณสถานและโบราณวตั ถตุ ่อไป
สถานท่ี ทใ่ี ช้ในการประกอบกิจกรรม คอื
เป้าหมาย หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง (Stake- วัดพระพุทธมงคล (วัดพระยืน) บ้านสระ ตำ�บล
holder) คันธารราษฎร์ อำ�เภอกันทรวิชัย จังหวัด
มหาสารคาม ซึ่งเป็นท่ีตั้งของพระพุทธมงคล
นิสิต คณาจารย์ ผู้บริหาร และเจ้า (พระยืน) ซ่ึงวัดพุทธมงคล จะอยู่ติดกับถนน
หนา้ ที่คณะนิตศิ าสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ทางหลวงเส้นหลัก คือ ถนนถีนานนท์ ซ่ึงหาก
รวมถึงเจ้าอาวาสวัดพระพุทธมงคล (พระยืน) มุ่งหน้าตามถนนดังกล่าวไปทางทิศเหนือ จะ
วัฒนธรรมอำ�เภอ ประธานสภาวัฒนธรรมอำ�เภอ เป็นเส้นทางไปยังตัวอำ�เภอกันทรวิชัย และ
และกรรมการสภาวัฒน ธรรมอำ�เภอกันทรวิชัย อำ�เภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ หากมุ่งหน้า
ตลอดจนผู้นำ�ชุมชน อันได้แก่ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ลงทิศทางใต้จะเป็นทาง เข้าอำ�เภอเมือง จังหวัด
บ้านสระ หมู่ 8 บ้านโคกเกาะ และชาว บ้านใน มหาสารคาม โดยวัดพุทธมงคลจะอยู่ใกล้กับ
บรเิ วณใกลเ้ คยี งวดั พระพทุ ธมงคล (พระยนื ) บา้ น โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำ�บลคันธารราษฎร์
สระ ต�ำ บลคนั ธารราษฎร์ อ�ำ เภอกนั ทรวชิ ยั จงั หวดั และองคก์ ารบรหิ ารส่วนต�ำ บลคนั ธารราษฎร์
มหาสารคาม
โดยตำ�บลคันธารราษฎร์เดิม เป็นเมือง
ลักษณะของการดำ�เนินงาน (รูปแบบ/ เกา่ มาแตโ่ บราณ ชอ่ื เมอื งกนั ทาง ตอ่ มามเี จา้ เมอื ง
กิจกรรม) ปกครองเป็นอิสระ จงึ เปล่ยี นช่อื เมอื งใหม่วา่ เมือง
คันธาธิราช ตามพงศาวดารกล่าวว่า เมืองคันธา
รูปแบบและลักษณะของการดำ�เนินงาน ธิราชตั้งขึ้นเมื่อปีมะเส็ง จุลศักราช 147 (พ.ศ.
เป็นไป ในลักษณะของการเข้าไปมีส่วนรวมใน 1428) มเี จ้าผ้คู รองเมอื งผลดั เปล่ียนสืบตอ่ กนั มา
การส่งเสริมบทบาทของสภาวัฒนธรรมอำ�เภอ หลายยุคหลายสมัย จนถึงสมัยท้าวลินจงถูกท้าว
กนั ทรวิชยั ดว้ ยการให้ความรูค้ วามเข้าใจในตัวบท ล้ินทองบุตรชายทรมานจนเสียชีวิต ในท่ีสุดเมือง
กฎหมาย และมาตรการบังคับในทางกฎหมายที่ เมอื งคันธาธริ าชก็ถงึ กาลอวสาน
เก่ียวข้องกับโบราณสถานและโบราณวัตถุ รวม
ถึงที่ตัวบทกฎหมายและมาตรการบังคับในทาง ตำ�บลคันธารราษฎร์ มีภูมิประเทศเป็น
กฎหมายท่ีเกี่ยวกับการอนุรักษ์โบราณสถานและ ที่ราบ ไม่มีภูเขา บริเวณท่ีต้ังเป็นท่ีดอน สูงกว่า
โบราณวัตถุ รวมถึงทำ�การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วม บริเวณอ่นื ๆ และลาดเอียงลงไปทางทศิ ใต้

84 เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน
ในงานการประชมุ วิชาการมหาวิทยาลยั มหาสารคามวิจัย ครง้ั ท่ี 13 : สาขาท�ำ นบุ �ำ รงุ ศลิ ปวฒั นธรรม”

ทศิ เหนือ ติดกับ ต�ำ บลโคกพระ อำ�เภอ การจัดดำ�เนินโครงการ
กันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม ทิศใต้ ติดกับ
ตำ�บลท่าขอนยาง อำ�เภอกันทรวิชัย จังหวัด โครงการทำ�นุบำ�รุงศิลปวัฒนธรรมเร่ือง
มหาสารคาม ทศิ ตะวนั ออก ตดิ กบั ต�ำ บลขามเฒา่ “การส่งเสริมบทบาทของสภาวัฒนธรรมอำ�เภอ
พัฒนา อำ�เภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม กันทรวชิ ัย ในการอนรุ ักษ์โบราณสถาน” เป็นการ
ทิศตะวันตก ติดกับ ตำ�บลขามเรียง อำ�เภอ จัดโครงการในลักษณะของการมีส่วนรวมของทุก
กันทรวชิ ัย จังหวดั มหาสารคาม ภาคส่วน โดยก่อนท่ีจะมีการเร่ิมโครงการ ได้มี
กระบวนการท�ำ งานแบบมสี ว่ นรว่ ม (Participatory
ประชากรสว่ นใหญม่ อี าชพี หลกั คอื ท�ำ นา Learning Process) และมกี ารน�ำ เอากระบวนการ
ส่วน อาชพี เสรมิ คอื เลีย้ งสัตว์ แปรรปู สมุนไพร PDCA

ตำ�บลคันธารราษฎร์ มีประชากรท้ังสิ้น 1. P คอื การวางแผน (Plan) การท�ำ งาน 
4,166 คน แยกเป็นชาย 2,021 คน และหญิง 2. D คือ การลงมอื ทำ� (Do)
2,145 คน มโี รงเรียน 3 แหง่ และวดั 14 แหง่ 3. C คือ การตรวจสอบงาน (Check)
4. A คือ การปรับปรุงแก้ไขงานให้ดีข้ึน
โดยพระพุทธมงคล ได้ประกาศขึ้น (Act)
ทะเบียนเป็นโบราณสถาน ในราชกิจจานุเบกษา  มาประยุกต์ใช้กับ การจัดการความรู้
เล่มที่ 52  ตอนที่ 75  เม่ือวันท่ี 8 มีนาคม  (Knowledge Management) ท้ังความรู้ที่ฝังอยู่
2478  นอกจากนั้นแล้ว ในบริเวณใกล้เคียงที่ ในคน (Tacit Knowledge) ซง่ึ เปน็ ปราชญช์ าวบา้ น
ประดิษฐานของพระพทุ ธมงคล (พระยืน) ยังเปน็ หรือผู้เฒ่าผู้แก่ในชุมชน รวมถึงความรู้ท่ีชัดแจ้ง
ท่ีต้ังของพิพิธภัณฑ์พ้ืนบ้าน อันเป็นที่เก็บรักษา (Explicit Knowledge) อันได้แก่ ความรู้ใน
โบราณวตั ถคุ ู่บา้ นคู่เมืองกนั ทรวิชยั ข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับการอนุรักษ์โบราณสถาน
และโบราณวัตถุ
นอกจากพระพทุ ธมงคล (พระยนื ) แลว้ ใน ตลอดจนมีการนำ�เอา เทคนิคเครื่องมือ
พ้นื ทอ่ี �ำ เภอกันทรวิชยั ยังได้ปรากฏวา่ มพี ระพทุ ธ การศึกษาชมุ ชนแบบมีสว่ นร่วม ในลกั ษณะของ
รูปสมัยทวารวดี ที่สร้างข้ึนด้วยหินทรายแดง การเขา้ ไปศึกษาชุมชนในดา้ นต่างๆ ทั้งการสงั เกต
เหมือนกับพระพุทธมงคล (พระยืน) อีก น้ันคือ (Observation) การสัมภาษณ์ Interview) และ
พระพทุ ธรปู มงิ่ เมือง ซึง่ มีท่ตี ั้งอยูท่ ่ี หมู่ 1 ต.โคก จดั การสนทนากลมุ่ (Focus Group) รวมถงึ มกี าร
พระ อ.กนั ทรวชิ ยั จ.มหาสารคาม โดย พระพทุ ธรปู ใชข้ ้อมลู เอกสารทีค่ ณะท�ำ งานได้ท�ำ ขนึ้ เพื่อทำ�ให้
ทั้งสององคน์ ี้ ไดส้ รา้ งข้ึนในเวลาเดียวกนั คอื เม่ือ ผู้เข้าร่วมโครงการเข้าใจเน้ือหาของการบรรยาย
อ�ำ เภอกนั ทรวชิ ยั ฝนแลง้ ผชู้ ายไดส้ รา้ งพระพทุ ธรปู ได้งา่ ยขึ้น
มงิ่ เมือง สว่ นผู้หญิงได้สรา้ งพระพุทธรูปยนื มงคล ซ่ึงขั้นตอนการดำ�เนินงาน และกิจกรรม
เสร็จพร้อมกัน แล้วทำ�การฉลองอย่างมโหฬาร ท่ดี �ำ เนนิ การ เป็นผลสบื เนอ่ื งมาจาก การประชุม
ปรากฏว่าตั้งแต่ได้สร้างพระพุทธรูปท้ังสององค์ วางแผน ในการจดั โครงการ และไดม้ กี ารคัดเลือก
แล้วฝนก็ตกต้องตามฤดูกาล พระพุทธรูปทั้งสอง พืน้ ที่ และลงสำ�รวจพนื้ ท่ี โดยมพี ้ืนท่ี ที่ใชใ้ นการ
องค์ ถือเป็นพระคู่บ้านคู่เมือง เป็นพระพุทธรูป จดั ด�ำ เนนิ การ คอื ท่ีวดั พุทธมงคล บ้านสระ เขต
ทีศ่ กั ดสิ์ ทิ ธ์ิ เปน็ ทเ่ี คารพบชู าของประชาชนทว่ั ไป

เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน 85
ในงานการประชมุ วชิ าการมหาวิทยาลัยมหาสารคามวิจยั ครั้งที่ 13 : สาขาทำ�นบุ �ำ รุงศลิ ปวัฒนธรรม”

ตำ�บล คันธารราษฎร์ อำ�เภอกันทรวิชัย จังหวัด พ.ศ.  2456  โอนอำ�เภอกันทรวิชัย 
มหาสารคาม จาก เมอื งกาฬสนิ ธ ์ุ มาขนึ้ กบั  จงั หวดั มหาสารคาม
ประวัติความเป็นมา ตำ�นานของส่ิง
ท่ศี ึกษา พ.ศ. 2458 ยา้ ยทว่ี า่ การอ�ำ เภอจากทเ่ี ดมิ
มาสรา้ งใหมท่ บี่ ้านโคกพระ
ดังทไ่ี ด้กล่าวไปแลว้ ว่า อ�ำ เภอกันทรวิชยั
เปน็ เมอื งโบราณ ดงั จะเหน็ ไดจ้ าก ทตี่ งั้ ของโบราณ พ.ศ.  2460  เปลี่ยนช่ืออำ�เภอกันทรวิชัย 
สถานทีม่ ีตั้งอยูห่ ลายที่ ไมว่ ่าจะเป็น เตาเผาบา้ น เปน็ อำ�เภอโคกพระ 
เขียบ กู่คูขาด (กแู่ ก้ว) วัดป่าก่แู ก้ว ในต�ำ บลขาม
เรียง อุ่มยาคู พระพุทธ รูป (พระพุทธมงคล) บา้ น พ.ศ.  2482  เปลี่ยนชื่ออำ�เภอโคก
สระ ต�ำ บลคนั ธารราษฎร์ พระพทุ ธรปู สวุ รรณาวาส พระ เปน็ อ�ำ เภอ กนั ทรวชิ ยั  ตามเดมิ จนถงึ ปจั จบุ นั
ศิลาจารกึ ทีบ่ ้านโคกพระ ต�ำ บลโคกพระ และโดย
เฉพาะพระพุทธมงคล) บ้านสระ ตำ�บลคันธาร นอกจากนั้นแล้ว ยังมีเร่ืองท่ีเป็นตำ�นาน
ราษฎร์ เลา่ เอาไวอ้ กี วา่ ถน่ิ ทเี่ ปน็ อ�ำ เภอกนั ทรวชิ ยั ปจั จบุ นั
นี้ เดิมเป็นเมืองช่ือเมืองคันธาร์ธิราช  มีเจ้าเมือง
ซ่ึงมีการกล่าวอ้างว่า อำ�เภอกันทรวิชัย ขอมปกครอง ต่อมาได้กลายเป็นเมืองร้าง เจ้า
เดิมเป็นเมืองเก่ามาแต่โบราณชื่อ  “เมืองกัน เมืองคันธาร์ธิราชองค์สุดท้ายชื่อ  ท้าวลินทอง
ทาง”  ต่อมามีเจ้าเมืองปกครองเป็นอิสระ จึง หรือสิงห์โตดำ�  ท้าวสิงโตดำ�มีนิสัยโหดร้าย และ
เปล่ียนชื่อเมืองใหม่ว่า  “เมืองคันธาธิราช” ตาม ได้แย่งราชสมบัติจากบิดาโดยจับขังและให้อด
พงศาวดารกล่าวว่า  เมืองคันธาธิราช ต้ังขึ้นเม่ือ อาหารจนสิ้นชีวิต และสั่งให้ฆ่าพระมารดาที่
ปีมะเส็ง  จุลศักราช  147 (พ.ศ.1328) มีเจ้า พยายามแอบนำ�อาหารไปให้ ภายหลังท้าวสิงโต
ผคู้ รองเมอื งผลดั เปลย่ี นสบื ตอ่ กนั มาหลายยคุ สมยั ดำ� เม่ือได้ครองเมืองแล้ว เกิดมีแต่ความร้อนรุ่ม
จนถงึ สมยั ทา้ วลนิ จง ไดเ้ กดิ เรอื่ งราวทเ่ี ศรา้ สลดใจ กระวนกระวาย โหรจงึ แนะน�ำ ใหส้ รา้ งพระพทุ ธรปู
คอื  ทา้ วลนิ จงถกู ทา้ วลน้ิ ทองบตุ รชาย ซง่ึ เปน็ ผมู้ ใี จ เพ่อื ลา้ งบาป ท้าวสิงโตดำ�จงึ ไดส้ รา้ งพระพุทธ รูป
โหดรา้ ยทารุณ จับบดิ าขังทรมานจนเสียชวี ิต ทา้ ว ยืน 2 องค์  องค์หน่ึงอยู่กลางเมือง เพื่อระลึกถึง
ลนิ้ ทองไดค้ รองเมอื งสบื ตอ่ มาแตห่ าความสขุ ความ พระบิดา ปัจจบุ นั อยทู่ ี่วัดสุวรรณาวาส ใกล้ตลาด
เจริญไมไ่ ดเ้ น่ือง จาก ถกู บดิ าสาปแชง่ ไว้  ในทีส่ ดุ อ�ำ เภอกนั ทรวชิ ยั และอกี องคห์ นงึ่ อยนู่ อกเมอื งเพอื่
เมอื งคนั ธาราษฏรก์ ถ็ งึ กาลอวสาน กลายเปน็ เมอื ง ระลกึ ถงึ พระมารดา พระพทุ ธรปู ยนื องคน์ ้ี ปจั จบุ นั
ร้างมาอกี ชา้ นานประมาณ1,089 ปี อยู่ใต้ต้นโพธ์ิในวัดพุทธมงคล บ้านสระ  และเม่ือ
พระเจา้ สงิ โตสนิ้ ชวี ติ ชาวเมอื งไดน้ �ำ ไปฝงั ทป่ี า่ นอก
ต่อมาเมื่อป ี พ.ศ. 2417 พระบาทสมเดจ็ เมืองและสร้างพระนอนเหนอื หลุมฝังศพ ปจั จุบัน
พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว    ทรงพระกรุณาโปรด เรยี กวา่ ดอนพระนอน กลา่ วกนั วา่ ผใู้ ดพบเหน็ พระ
เกล้าให้ต้ังบ้านกันทางร้างเป็นเมือง  “กันทะ นอนองค์น้ี จะประสบโชคร้าย เน่ืองจากกระแส
วิชัย”  และต้ังพระปทุมวิเศษ (คำ�มูล) เป็นเจ้า แหง่ ความโหดร้ายของท้าวสิงโต ปัจจบุ นั นี้ จงึ ไมม่ ี
เมือง ข้นึ ตรงตอ่ เมอื งกาฬสนิ ธ์ุ ผู้ใดพบเหน็ พระนอนองคน์ ้ีอีกเลย

พ.ศ.  2443  ยุบเมืองกันทะวิชัย  เป็น ซึ่งพระพทุ ธรูปท่ีกลา่ วอ้างวา่ ได้ถูกสรา้ ง
อ�ำ เภอ ชื่อว่า อ�ำ เภอกันทรวชิ ยั ขึ้นเพอื่ ลา้ งบาป และระลกึ ถงึ คณุ ของมารดา ก็คอื
พระพุทธมงคล (พระยนื ) ทอี่ ย่ใู นเขตวัดพระพุทธ
มงคล ซง่ึ เปน็ บริเวณท่ใี ชใ้ นการจัดโครงการ

86 เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน 6

ในงานการประชมุ วิชาการมหาวิทยาลัยมหาสารคามวจิ ัย คร้ังท่ี 13 : สาขาท�ำ นบุ �ำ รงุ ศลิ ปวัฒนธรรม”

ครองเมืองแลว เกิดมแี ตความรอนรุม กระวนกระวาย โหรจึงแนะนําใหสรางพระพุทธรูปเพื่อลางบาป ทาว

สงิ โตดําจงึ ไดสรางพระพุทธ รูปยืน 2 องค องคหนึ่งอยูกลางเมือง เพ่ือระลึกถึงพระบิดา ปจจุบันอยูที่วัด

สุวรรณาควณาสะนใิกตลิศตาสลตาดร์ไอดํา้มเภีกอารกจันัดทโรควริชงักยาแรขลึ้นะอีกอหงคนห่วยนงึ่ าอนยทูน่ีเอกกี่ยวเมขือ้ งกเพับื่อกราะรลอึนกถุรักึงษพ์โรบะรมาาณรสดถาาน
พในรวะนัพอุทงัธครูปารยทืนี่อ2ง1คนเ้ีดปือจ นจมุบีนั อาคยูใมตตพน .ศโพ. 2ธ์ใิ5น6ว0ัดพุทธมงคลแลบะาโนบสรราะณแวลัตะเถมุ อ่ื ทพั้งรทะี่เจปา ็นสหงิ โนต่วสยิ้นงชาีวนิตรชาาชวกเมาือรงซึ่ง
ไดนาํ ไปฝงโทด่ปียามนกี อ�ำ กหเนมือดงกแาลระแสลราะงรพารยะลนะอเอนยีเหดนตือลหอลดุมฝงศพไดปแ้ กจจ่ กุบรันมเศรียลิ กปวาากดรอกนรพมรกะานรอศนาสกนลาาวกกรันมวธานผาูใรดกั ษ์
พจนบเภหา็นพพถรา่ะยนขออนงอกงาครน ด้ี จ�ำ ะเนปินระโคสบรงโชกคารราทยส่ี �ำ เนคอ่ืญั งจดางักนกี้ระแสสแำ�หนงักควผาังมเโมหือดงรายสขำ�อนงักทงาาวนสิงสโ่ิตงแปวจ ดจุบลัน้อนมี้ จแึงหไม่งมชีาติ
งนธะวคเิใ์วเินชหนนออื่ัยวนกงงดัือครจแพหะหาลวทุกลนาะกุธมึ่งยอ6มรอฝะีกงยงโเอผพสกว(นแหคปศูอพกาํใูัฒิจรทุิสสลดนรพเลงะรกภธิตแนพจสคาะบมรอหรแปึถงบธงหพรงกาว่แลางจเรเมคนหนัมนนุคมทนะรจลทน็สทเวกึ่ือมงบะซคโเธุบววดารพร่ทีนั(อง่ึนณงมอุคลันพลมวยะพรใ่ีทํยาำ�ลงะาชิาเชรเมโะรใรพูเแคห�ำนนัยะาใกีนะหภ0ียนกลยกติ0ลด่ือาํอพอแ9สอกกานืะศิหรร9)รนทุกล.รกราวเ0)าคานะ.มอะธารเเ0าสัยน0ซทณลดครมชจงงอ่ืต0ข่ึง่อีทปูกคึกดาาพัด–ือพะรอเยวานรทรถอกปไรนงร0รงช–ูใพดวอ้ีกี่จิึงนะนะเท็9นิตุมมิชกีกลแพสพพพเเ.าชิศส0ั3ีกจยเรขลาักรุื่วลทรอนรวา0าตาะถ9กะสยะมอบธรรสสรวแา.บานิง3นจาราัดาะิงตลนโรงิ.ดัยดูปน0โอพลตรบะวตทลคโาสเนร์ึาคกชูชสพะณปี่ทระนตราปถาเไนิ้ะกื่พอจี่าอใงด.ลวพึงจชชจกลจลทุยีรถชอคพรวีจา้าใบุาวดาธกูุมดะรรนิตณมุวบมงันรสยขตชพจบกกกงันระนาชนึ้ลนคนันันุทนาาามจอา้ีใอลงบทปสจสิรวนธวายาดขจึาํา้ิตงาภรเวซรูจท้ึนรทมกไผูปนันัแดยง่ึานเมดี่วาือเาูลใพอ์ ปภรดัมดวาะงังื่อเนาีคบคลพบาาุคาแศสสหถรรรงลวทางลัิถิเพนบาวยดกี่ปาสก่วาณ2ขดัลปปกัยร์1อทสก้อคกัตงงแีใ่เยณารมายกชดลระนาะากใือะบศมทนเรนนรรอูชดนูกสริตระมากาํวามยมลิศนีพเรชง์ภึกนาาาจรวนสคถินคมูสะัดทิ ตึงมพมโมิภโเยคครคชทุาาาพรณุเรน่ตคคธปงศง.ลรศขกวมกน็าปูกอ.าอ่าาสอตรด2รรดง(ตนทน้5รมจพ้วรุรม6ี่สนารยแ์ัก0ําระสาโลคดษพบธภะญัากิทุ์าศรสวาาธิลกดงิ่ัฒณรม็คปังแองนอืนคกวคนธี้ดดรลพรุรรลีแ)รักรมลมอ้ซะษแึ่งะมศ์ ลวิลแิจะปลติสะะิ่รง 7

ถูกสรางข้นึ เพือ่ ลางบาป และระลึกถงึ คุณของมารดา กค็ ือ พระ 7 7
ทธมงคล ซงึ่ เปน บรเิ วณท่ีใชใ นการจดั โครงการ
การข้ึนในวันอังคารท่ี 21 เดือนมนี าคม พ.ศ. 2560
ยด ตลอดจนภาพถา ยของการดาํ เนินโครงการทสี่ ําคญั ดังนี้

จารย นสิ ติ และบคุ ลากรคณะนิติศาสตร ตลอดจนสภาวัฒนธรรม
รวมกนั ทําการเคารพสกั การบูชาพระพุทธรปู (พระพุทธมงคล) ซ่งึ

เวลา 09.30 – 10.30 น. คณาจารยค ณะนิตศิ าสตรไดรว มกนั ใหความรูความเขาใจในตวั บทกฎหมาย
ตางๆ ทเี่ กยี่ วกบั การอนุรกั ษโบราณสถานและโบราณวตั ถุ โดยเริ่มตนจาก การใหค าํ จํากดั ความของ
โบราณสถานและโบราณวัตถุ ตลอดจนหนวยงานทเ่ี กี่ยวขอ งกับการอนุรกั ษโบราณสถานและโบราณวัตถุ ท้ังที่

เปนหนว ยงานราชการ ซงึ่ ไดแก กรมศลิ ปากร กรมการศาสนา กรมธนารักษ สํานักผังเมือง สํานกั งานสงิ่ แวด
ลอ มแหงชาติ สงั กดั กระทรวงวิทยาศาสตรและสงิ่ แวดลอม และหนว ยงานเอกชน เชน กรรมาธกิ ารอนรุ กั ษ
ศิลปะสถาปต ยกรรม สมาคมอนรุ กั ษศ ิลปกรรมและสิ่งแวดลอ ม ศูนยภ ูมิภาควา ดว ยโบราณคดีและวจิ ิตรศลิ ป

สยามสมาคม เปนตน

รยค ณะนติ ิศาสตรไ ดร วมกนั ใหค วามรคู วามเขา ใจในตัวบทกฎหมาย นอกจากนั้นแลว คณาจารยคณะนิตศิ าสตรย งั ไดม กี าร ใหค

ละโบราณวัตถุ โดยเรม่ิ ตเนวลจาก09กา.3ร0ให–ค าํ1จ0าํ .3ก0ดั คนว.าคมณขอาจงารยค์ ณะ กฎหมายทเ่ี กย่ี วกบั การอนรุ ักษโ บราณสถาน ตัง้ แตอดตี อันไดแ ก กฎห
วยงานทเี่ ก่ยี วขนอติงกศิ บัาสกตารอไ์ ดนร้ รุ ว่ กั มษกโนับรใหาณค้ วสาถมารนคู้ แวลาะมโเบขรา้ าใจณใวนัตตถวั ุ บททั้งที่ โจร หมายประกาศเขตรงั วดั ผรู า ยขุดวัด พ.ศ.2397 ประกาศจัดการต
กร กรมการศากสฎนหามการยมตธา่นงาๆรกั ทษเ่ี ก สยี่ ําวนกักบั ผกงั าเมรอื นง รุ สกั ําษนโ์กั บงราานณสสง่ิ แถวาดน
และสง่ิ แวดลอมแลแะลโะบหรนาวณยวงัตานถเุ อโกดชยนเรเิ่มชตน้นกจรารกมากธากิ ราใรหอ้คนำ�รุ จกั ำ�ษก ัด บัญญตั ิตงั้ พพิ ิธภณั ฑสถานสาํ หรบั พระนคร พ.ศ.2469 พระราชบัญญ
รรมและส่งิ แวดคลวอามมขศอนู งยโบภรมู าภิ ณาคสวถา าดนว แยลโบะโรบาณราคณดวีแัตลถะุวตจิ ลติ อรศดลิจปน ออกนอกประเทศ พ.ศ.2469 (เปนกฎหมายทเ่ี กี่ยวขอ งกับโบราณวตั ถ
ศิลปวัตถุ โบราณวัตถุ และการพพิ ิธภัณฑแหง ชาติ พ.ศ.2477 และฉบ

กกฎฎหหมมาายยดทรนงัเี่ วกกอมลย่ี กถาวจงึวกายบักใงั นกนใหปา้ันรคจ แอจวลนาุบว มรุันรกัคไคูษดณวถโาาบกู จมรยาเากขรณเยาลใสคจกิ ถณใไานปะนสแนวลตติ นว้ังิศขแาอตสงอตมดรายีตตงั รอไกดนั ามไรดีกทแาารกงกใกหฎฎ

เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน 87
ในงานการประชมุ วิชาการมหาวิทยาลัยมหาสารคามวิจยั คร้งั ท่ี 13 : สาขาท�ำ นบุ ำ�รงุ ศิลปวัฒนธรรม”

กฎหมายท่ีเกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์โบราณสถาน
และโบราณวัตถุ แยกออกไดเ้ ปน็ สามส่วน คือ

1. มาตรการทางกฎหมายในการปอ้ งกนั
และค้มุ ครองโบราณสถาน

อนั ประกอบไปดว้ ย กฎหมายรฐั ธรรมนญู
ซ่ึงเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ ท่ีกำ�หนดให้
ความคุ้มครองต่อโบราณสถานและโบราณวัตถุ
กฎหมายว่าด้วยโบราณสถาน และโบราณวัตถุ
ตามพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ
ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ.
าะ.นศน.ตติ23ัง้ิศแ9าตส7อตปดรรยตี ะงั กอไอนโดคานันิตมศรไรุิศดจีกงกั แาัดากษรสกกาโ์ บาตรในกรหรรฎตอาค์ใยหรณนวกังวมาสสไจจมาดถ่วรายร้กาัมนแตูกนษีกกขรนาาผตอา้ัขสนเูรงั้งขอาแแกมางตใฎลรโดอ่หบว้หววด้มครงมตีาโใวคณนาคาอรพยมณนังพทรกไร.ะาดีู่้เศาแไกจแ้ร.กอ2ก่ียาย่ใผ4่นวรกก6ู้เกสยขฎา6ัวร้บ์าหคพนลรกมณักรข่วาาะขอมยะรรณงาช 2504 เป็นกฎหมายท่ีมุ่งคุ้มครอง ดูแลรักษา
ร พ.ศ.2469 พตระรราาสชาบมัญดญวตังวิในา ดพว รยะกไาอรสยงกขาอรงลโบักรขาณณโแจลระศหิลมปาวยตั ถุ และอนุรักษโ์ บราณ สถาน โบราณวัตถุ ไมว่ า่ เป็น
แปยหทแงลเี่ชกวา่ียตวิ ขพอ .ศง.ก2บัจป2บ4ดั4โรัญ7บะก67ญรกา9าแราัตณลตศิตพะรเว้ังขฉวรตัพตะจบถิพรรรับ)ุ งักัาิธพทวชษภดัี่รบ2าัณะผัญขรพรู้ฑอาญา้ .ง์สชศยโัตบถ.ขบ2ิวาญัดุร4่านวาญ8ดสณดั 6้วตั ำ�พยิวโพหดาก.รศ.ดยศาับ.สว2.ร2พยถส34โรา่ง9บ6ะนข7ร6นอะาขคปงพณโอรรรบงะสะรพกรถาาา.าณศศชน. โบราณสถานนนั้ จะเปน็ โบราณสถานทข่ี นึ้ ทะเบยี น
นสว นของมาตแรลกะาศรทิลาปงวกตั ฎถหอุ มอากยนทอเ่ี กกย่ี ปวรขะอเงทกศบั กพา.ศรอ.2น4รุ 6กั 9ษโบ(เรปา็นณ ไว้หรอื ไม่ก็ตาม
นดะสวทถาง่ั าปกนจฎแจหลบุ มะันาศยแาแบกแฉมสลลญฎับนวะาะวับหญรใตักนทะมตัถาเอ่ีาวิบุ รดซ2ยา่ ยีพตีึ่งดทบถิพว้พี่เจเอืยกกิธ.ะวศโี่ี่ยยภไบา.มว2วเัณรกปกข4าับนลฑ้อณ8กาง์แ6มวาสกหรถรถับด่โองงึ าดโโกชนนบบยทารุ รสรตักศาาาถงษิลิณศณาปโพสลิบนวว.ถปรศะตััตาาวข.ถนถ2ณฒั อุ ุห)โ4สนงบร7กถธพรอื ารฎ7าโรนรณบหะมขรแมวรทอาลตัาาง่ีตณถยะชกุ
กฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ ในเรอ่ื งละเมดิ
ซ่ึงมีหลักการ ในลงโทษผู้ที่จงใจหรือประมาท
เลินเล่อ ทำ�ให้โบราณสถานและโบราณวัตถุเสีย
หายด้วยการกำ�หนด ให้ผู้นั้นชดใช้ค่าสินไหม
ทดแทน

กฎหมายว่าด้วยคณะสงฆ์ ตามพระราช
บญั ญตั คิ ณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 และโดยเฉพาะกฎ
กระทรวงฉบบั ที่ 2 พ.ศ. 2511 ออกตามพระราช
บญั ญตั ิคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 ไดก้ �ำ หนดให้ วัดที่
เปน็ โบราณสถาน หากเปน็ วดั ทภ่ี กิ ษอุ ยอู่ าศยั ตอ้ ง
น มาตรการทางดกงั ฎกหลมา่ วายใทนเ่ี ปกัจี่ยจวขุบอันงไกดบั ้ถกกู ายรกอเนลรุกิ กั ไษปโแบลร้วาณสถานและ ถือว่าวัดน้ันเป็นนิติบุคคล และเจ้าอาวาสของวัด
รวมถึงยังให้ความรู้ความเข้าใจในส่วน นัน้ มอี �ำ นาจดำ�เนินกิจการต่างๆ ของวัด

ฐากธรฎรปหรอ มมงานกยญูันวแาซดล่งึวะเอขอเยคปนโอนนุมนบ้ืองรุรุคกรหกัักมรฎาาษษอาณหงโ์ตโ์ มไสบบโรดบาถรรก้วยาารา่าาสณนาณรงูณสกแสทสสถลฎดุ าถถาะขหงนาาโอกมบนนขงฎารแอปยาหลงรณแปะะมลเวโราทบะะตั ยรศรเถททะาุ ทตเณศี่เบก่กีาไวียทมี่ยาํ ตั หบพยวถนเมขรกุ ะ้ดพีอซ่ียรใงฒัึง่วหาพกกชนคับอบับวาสกญัากกรมาาาญปุ รรรัติ ภาพการให้ความรู้เก่ียวกับกฎหมาย
อนรุ กั ษโ์ บราณสถานของคณาจารยค์ ณะนติ ศิ าสตร์
แต่ละทา่ น

ตั้งแต่ อดตี จนกระทง่ั ปัจจุบัน แมว้ ่าในอดตี จะไม่
กลา่ วถงึ โบราณสถานหรอื โบราณ วตั ถโุ ดยตรง แต่
ก็มุ่งปกป้องคุ้มครองศาสนสถาน และศาสนวัตถุ
ซง่ึ ถอื วา่ เปน็ มรดกทางศลิ ปวฒั นธรรมทตี่ กทอดมา
จากบรรพบุรษุ ดว้ ย และในปจั จุบัน มาตรการทาง

กฎหมายวา ดวยคณะสงฆ ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ พ.ศ. 2505 และโดยเฉพาะกฎกระทรวง
ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2511 ออกตามพระราชบญั ญัติคณะสงฆ พ.ศ. 2505 ไดก าํ หนดให วัดทีเ่ ปน โบราณสถาน หาก

เขปอนงววดัดั ท8ี่ภ8ิกษอุ ใเอนยกงูอาสนาากรศปารยัรปะรกะอตชบุมอกวางิชราถนกอืำ�าเรสวมนาหอวาผวดั ิทลนยงาาั้นนลยั เมปหนาสนาริตคาบิ มคุวิจคยั ลครง้ัแทล่ี 1ะ3เ:จสาาขอาาท�ำวนาุบส�ำ รขงุ ศอิลงปววฒั ัดนนธรั้นรม”มีอํานาจดําเนินกิจการตางๆ

ภาพการใหค วามรูเ ก่ยี วกับกฎหมายอนุรกั ษโ บราณสถานของคณาจารยค ณะนติ ศิ าสตรแตละทาน

พอ.สศัง.2ห5า3ร0ิกกมมฎทฎาหรตมหัพราายมย์5วาตา กยดาํามวหวยพ่นากดราดใะรห้รเวอวาาํยนชนคบกานืัญจาอญกสรรังัตเมหิ วศาวลิรน่าิมปดทคา้วกืรนยพัรใยน กตราส ณม่ิงพแีทวร่ีเหะดน็รลาว2อ้ชา.มบคมโญัวดารญตเยวตัรรนกิอควาบานื รดโททบวีด่ายรงนิ กากณาแฎรมสเหววถมนาาทาคนยีด่ืนในิอนนสกน้ังั าหจราะครเวมิปบทนครขพัมุอยง
ขเบกแแคกอึน้หตัตาำว�กรมรหร่ลหชเเขาง่นาววนอโกนนเดบงพแมคคใปรตือ่หีคืนานืรนหใณ้อะวอหทอาเำ�าสทคก่ีดกทมนังจดาํินมศสหาหาีคีไกจกำ�แทานวรครนมยาา มมิกัญท้นั้วเศทร่าสแีพ่กทลิมทลํารย่ีจิ าปคพัศว่ีดวางญัากริลนิยปรกณับ์ทปนะรรพกเาาาั้นะบกาง.กวศจคียรปม็ัตร.ะวอบ2รอีใิบศเนะกน5ป�ำ าควรุร3นก็นสุมตักัม0ราขตษิศศจณดอารโิลมเแูบงส์แีวทปาลรตนลเ่ีเตาาอหระคกกรณแก็นเานืารปลชสรววไะอ็นน5ถด่าา เนา้ดปนรุวน กั ยไแษดกโสกมหโดใา่ำ�อบาลหรคยสงรตออัญโมารํารนบณ้าีนมกกุรรงสาับกาาาดมจถณษตสรัดกาาิ่งโครทรนตแบแดกมปราวรตีศากกาดลงาลิราณรกลมงปทรมอ้อทสฎทาศาามเี่ถกหาหิลงคารงปกน็มานทกสาสฎราฎี่อกาพมโหยยมหดรค.ศใู่โมายมวกดรน.ราาม็ถย2กกยรยีอตร5ไ็อดาทําอ้ังด2บังนครี่บส8กณาโคโำ�บลจซบะวคเ่ารึ่งรกวบัญวถาานรใอืณคณรคหเมุมปืนสไส้คกดไนถกถวดา้กแาาาาร ฎนนมกร่
นอกจากนน้ั แลว้ ระเบยี บกรมศลิ ปากรวา่ ซงึ่ มกี ฎหมายทเี่ ก่ียวขอ้ ง คือ พระราชบัญญัติการ
ดว้ ยการอนุรกั ษ์โบราณสถาน พ.ศ. 2528 ซึ่งถือ ผงั เมอื ง พ.ศ.2518 พระราชบญั ญตั คิ วบคมุ อาคาร
เป็นกฎบตั รของประเทศไทย เกีย่ วกับการอนุรักษ์ พ.ศ.2522 พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษา
โบราณสถาน ไดใ้ หอ้ �ำ นาจกรมศิลปากร สามารถ คุณภาพสงิ่ แวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535
ต้ังคณะกรรมการขน้ึ มา เพื่อใหท้ ำ�หน้าท่ีพจิ ารณา
ควบคุม ดูแล การอนุรักษ์โบราณสถาน ตามทีเ่ หน็ กฎหมายควบคุมสิ่งแวดล้อม โดย พระ
สมควรกไ็ ด้ ราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
แห่งชาติ พ.ศ. 2535 เป็นกฎหมายท่ีตราขึ้น

เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน 89
ในงานการประชมุ วิชาการมหาวทิ ยาลยั มหาสารคามวจิ ัย ครัง้ ที่ 13 : สาขาทำ�นุบำ�รงุ ศิลปวฒั นธรรม”

เพ่ือการอนุรักษ์ส่ิงแวดล้อมเป็นหลัก โดยมี ผู้อ่ืน พระราชบัญญัติฉบับน้ี มีความครอบคลุม
เนื้อหาครอบคลุมการป้องกันและเยียว ยาความ บงั คับใชใ้ นเรือ่ งตา่ งๆ ยกตัวอยา่ งเช่น
เส่ือมโทรมแห่งสุขภาพ ทั้งของมนุษย์และสิ่งท่ี
ไม่ใช่มนุษย์ โดยพระราชบัญญัติฉบับน้ี ได้มุ่งที่ การควบคุมเเละกำ�จัดส่ิงปฏิกูล อุจาระ
จะคุ้มครองและแก้ไขปัญหาส่ิงแวดล้อมธรรมชาติ ปสั สาวะ ส่งิ โสโครก เเละขยะมูลฝอย ทเี่ กดิ จาก
และส่ิงแวดล้อมศิลปกรรม ซึ่งส่ิงแวดล้อมทาง ครัวเรือนหรอื ชุมชน
ศลิ ปกรรม รวมถึง โบราณสถาน และซากโบราณ
สถาน วัดร้าง กำ�แพง เมือง คูเมือง แหล่ง การดเู เลอาคาร ใหถ้ กู สขุ ลกั ษณะ สะอาด
ประวัติศาสตร์และโบราณคดดี ว้ ย ไมส่ กปรก รกรงุ รงั โครงสรา้ งไมเ่ เตกรา้ วหรอื ปลอ่ ย
ใหค้ นอยมู่ ากเกนิ ไป การก�ำ หนดเปน็ เขตหา้ มเลย้ี ง
กฎหมายผงั เมอื ง โดยพระราชบญั ญตั กิ าร หรอื ปลอ่ ยสัตว์ เชน่ ชา้ ง มา้ โค กระบอื หรอื หา้ ม
ผงั เมอื ง พ.ศ.2518 เปน็ กฎหมายเก่ียวกบั การวาง เล้ียงสัตว์เกินกว่าจำ�นวนท่ีกำ�หนด หรือให้เล้ียง
จัดทำ� และดำ�เนินการให้เป็นไปตามผังเมืองรวม ได้โดยต้องปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง เพ่ือป้องกัน
และผังเมืองเฉพาะ ในบริเวณเมืองท่ีเก่ียวข้อง ปัญหาด้านสุขลักษณะ เเละไม่ก่อเหตุเดือดร้อน
หรอื ชนบทเพอ่ื สรา้ งหรอื พฒั นาเมอื งหรอื สว่ นของ รำ�คาญ เป็นตน้
เมือง ข้ึนใหม่หรือแทนเมืองหรือส่วนของเมืองท่ี
ได้รับความเสยี หาย เพ่อื ใหม้ ีหรอื ท�ำ ใหด้ ยี ิง่ ขึ้น ซงึ่ น อ ก จ า ก นี้ พ ร ะ ร า ช บั ญ ญั ติ ก า ร
สขุ ลกั ษณะความสะดวกสบาย ความเป็นระเบียบ สาธารณสขุ พ.ศ 2535 ยังให้อำ�นาจเเก่ องค์การ
ความสวยงาม การใชป้ ระโยชนใ์ นทรพั ยส์ นิ ความ ปกครองท้องถ่ินสามารถออกข้อกำ�หนดให้เหมาะ
ปลอดภัยของประชาชน และสวัสดิภาพของ สมกับพื้นที่ รวมถึงให้อำ�นาจเจ้าพนักงานท้อง
สงั คมเพ่อื ส่งเสรมิ การเศรษฐกิจ สงั คมและสภาพ ถ่ินมีอำ�นาจออกคำ�สั่งเป็นหนังสือให้เจ้าของหรือ
แวดลอ้ ม เพ่ือดำ�รงรักษา หรอื บูรณะสถานท่ีและ ผู้ครอบครองอาคารนั้นจัดการเเก้ไขเปล่ียนเเปลง
วัตถุที่มีประโยชน์หรือคุณค่าในทางศิลปกรรม ร้ือถอนอาคาร หรือสิ่งหนึ่งสิ่งใดซึ่งต่อ เนื่องกับ
สถาปัตยกรรม ประวตั ิ ศาสตร์หรอื โบราณคดี อาคารท้ังหมดหรือบางส่วน หรือจัดการอย่างอื่น
ตามความจ�ำ เปน็ เพอื่ มใิ หเ้ ปน็ อนั ตรายตอ่ สขุ ภาพ
กฎหมายควบคุมอาคาร ตามพระราช หรือให้ถูกต้องด้วยสุขลักษณะภายในเวลาซ่ึง
บัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 มีบทบัญญัติ กำ�หนดให้ตามสมควร ในกรณีที่มีเหตุอันก่อให้
ในมาตรา 7 (1) ก�ำ หนดใหร้ ฐั มนตรี มอี �ำ นาจออก เกดิ ความเดือดร้อนเเก่ผอู้ าศยั ในบรเิ วณใกลเ้ คียง
กฎกระทรวง ยกเว้น ผ่อนผัน หรอื กำ�หนดเงื่อนไข 3. มาตรการทางกฎหมายในการก�ำ หนด
ในการปฏิบัติ ไม่ว่าท้ังหมดหรือบางส่วนเกี่ยวกับ โทษและบังคับโทษ
อาคาร เชน่ โบราณสถาน วดั วาอารามหรอื อาคาร
ตา่ งๆ ทีใ่ ช้เพือ่ การศาสนา กฎหมายหลักในการกำ�หนดโทษและ
บังคับโทษ คือ พระราชบัญญัติโบราณสถาน
กฎหมายสาธารณสุข ตามพระราช โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
บญั ญัติการสาธารณสุข พ.ศ 2535 มเี จตนาเพ่อื พ.ศ. 2504 สว่ นกฎหมายอนื่ ทเี่ กย่ี วขอ้ งไดแ้ ก่ พระ
ให้ประชาชนมีสุขภาพ มีความเป็นอยู่ที่เหมาะสม ราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
ตอ่ การด�ำ รงชวี ติ ทงั้ ปอ้ งกนั เเละปราบปราม ไมใ่ ห้ พ.ศ. 2535 พระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ.
ผู้ใดกระท�ำ ใดๆ ทอ่ี าจจะสง่ ผลกระทบต่อสุขภาพ 2518 พระราชบัญญตั คิ วบคุมอาคาร พ.ศ.2522
แต่ในการกำ�หนดโทษและการบังคับนั้น พบว่า

90 เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน
ในงานการประชุมวิชาการมหาวทิ ยาลยั มหาสารคามวิจัย ครงั้ ที่ 13 : สาขาท�ำ นบุ ำ�รุงศิลปวัฒนธรรม”

กฎหมายแตล่ ะฉบบั จะแยกหนว่ ยงานในการบงั คบั ปฏิบัติ เเละเสียคา่ ธรรมเนยี มเข้าชมโบราณสถาน
ใช้ โดยพระราชบัญญัตโิ บราณสถาน โบราณวัตถุ มโี ทษจ�ำ คกุ ไม่เกนิ 1 เดอื นปรบั ไมเ่ กนิ 10,000
ศิลปวัตถุ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ.2504 บาท หรือท้งั จำ�ท้งั ปรบั (มาตรา 34)
หน่วยงานที่มีอำ�นาจในการบังคับใช้กฎหมายคือ
กรมศิลปากร สงั กดั กระทรวงวฒั นธรรม พระราช 3. กรณีซ่อมเเซม เเก้ไข เปลี่ยนเเปลง
บัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพส่ิงแวด ล้อม รือ้ ถอน ต่อเติม ท�ำ ลาย ของโบราณสถาน ภายใน
แห่งชาติ พ.ศ.2535 หน่วยงานท่ีมีอำ�นาจใน บริเวณโบราณสถาน หรอื ปลูกสร้างอาคาร โดยไม่
การบังคับกฎหมาย คือ สำ�นักงานนโยบายและ ได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมศิลปากร หรือฝ่าฝืน
แผนทรัพยากร ธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม สังกัด เง่ือนไขอธิบดี กำ�หนดไว้ในหนังสือ มีโทษจำ�คุก
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม ไม่เกนิ สามปี ปรับไมเ่ กินสามเเสนบาท หรือทัง้ จ�ำ
ส่วนพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ.2518 ทั้งปรับ (มาตรา 35)
พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522
หน่วยงานท่ีมีอำ�นาจในการบังคับใช้กฎหมายคือ มาตรการปกครอง คือ กรณีปลูกสร้าง
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จึงทำ�ให้ขาดการ อาคารในเขตโบราณสถาน ซ่ึงอธบิ ดีกรมศลิ ปากร
ประสานงานและขาดประสิทธิภาพในการบังคับ ขน้ึ ทะเบยี นโดยมไิ ดร้ บั อนญุ าต กฎหมายใหอ้ �ำ นาจ
ใช้หรอื บงั คับใช้ไดไ้ มเ่ ตม็ ที่ อธบิ ดกี รมศลิ ปากร สง่ั ระงบั การกอ่ สรา้ งเเละใหร้ อ้ื
ถอนอาคาร โดยเจา้ ของหรอื ผคู้ รอบครองหรอื ปลกู
ซึง่ พระราชบัญญตั โิ บราณสถาน โบราณ สร้างไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายหรือดำ�เนินคดีเเก่
วัตถุ ศิลปวัตถุ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ผรู้ ้ือถอนไมว่ า่ ประการใดๆ ทง้ั สิ้น เเละสมั ภาระที่
2504 ได้กำ�หนดมาตรการ ในการลงโทษทาง รอ้ื ถอน ถา้ เจา้ ของไมข่ นยา้ ยออกไปจากเขตโบราณ
อาญา สำ�หรับการกระทำ�ในลักษณะต่างๆ สถานภายในกำ�หนดห้าวัน นับเเต่วันที่รื้อถอน
ยกตวั อยา่ งเช่น อธบิ ดกี รมศลิ ปากร มอี �ำ นาจจดั การขายทอดตลาด
สมั ภาระน้ันไดเ้ ม่ือ เงินจากการขายทอดตลาด ให้
1. การบุกรุก การทำ�ให้เสียหาย หรือ นำ�มาหักเป็นค่าใช้จ่ายในการร้ือถอนเเละการขาย
ทำ�ลาย หากเป็นการกระท�ำ ต่อโบราณสถาน ท่ีไม่ หากมเี งินเหลือตอ้ งคืนเเก่เจ้าของสมั ภาระนน้ั ไป
ได้ข้นึ ทะเบียน ผูก้ ระท�ำ จะมีโทษจ�ำ คกุ ไม่เกิน 7 ปี
ปรับไม่เกิน 700,000 หรือท้ังจำ�ทั้งปรับ เเต่ถ้า สำ�หรับในส่วนของโบราณวัตถุน้ัน พระ
เป็นการกระทำ�ต่อโบราณสถานที่ข้ึนทะเบียนเเล้ว ราชบญั ญตั โิ บราณสถาน โบราณวตั ถุ ศลิ ปวตั ถเุ เละ
ผ้กู ระทำ�จะมโี ทษจำ�คกุ ไม่เกิน 10 ปี ปรบั ไม่เกนิ พพิ ิธ ภณั ฑส์ ถานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 ได้บญั ญัติ
1,000,000 บาท หรือท้งั จำ�ทงั้ ปรับ (มาตรา 31) ถึงการกระทำ�ที่มโี ทษในทางอาญา อันไดแ้ ก่ ห้าม
มใิ ห้ผ้ใู ดซอ่ มแซม แกไ้ ขหรอื เปลีย่ นแปลง โบราณ
2. กรณีท่ีขึ้นทะเบียนเเละมีเจ้าของหรือ วัตถหุ รอื ศลิ ปวตั ถุท่ไี ด้ขึน้ ทะเบียนแลว้ น้ัน เว้นแต่
ผู้ครอบครอง โดยชอบด้วยกฎหมาย แต่เมื่อเกิด จะได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากอธิบดี และถ้า
ความชำ�รุด หักพังหรือเสียหาย เเล้วไม่เเจ้งเป็น หนังสืออนุญาตน้ันกำ�หนดเง่ือนไขไว้ประการใด
หนังสือให้อธิบดีกรมศิลปากร ทราบในสามสิบ ก็ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขน้ันด้วย” (มาตรา 15)
วัน กรณีมกี ารโอนโบราณ สถานทไ่ี ดข้ ึ้นทะเบยี น ความผิดฐานเก็บได้ซ่ึงโบราณวัตถุหรือศิลปวัตถุ
เเล้ว ไม่เเจ้งโอนให้อธิบดศี ลิ ปากรทราบเเละกรณี และเบียดบังเป็นของตน ต้องระวางโทษจำ�คุกไม่
ท่ีไม่ปฏิบัติตามกฎกระทรวงที่กำ�หนดให้ผู้เข้าชม เกินเจ็ดปี หรือปรับไม่เกินเจ็ดแสนบาท หรือทั้ง

เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน 91
ในงานการประชุมวชิ าการมหาวทิ ยาลยั มหาสารคามวิจยั ครง้ั ที่ 13 : สาขาท�ำ นุบ�ำ รุงศลิ ปวฒั นธรรม”

จำ�ทั้งปรับ” (มาตรา 31) ความผิดฐานซ่อนเร้น บทลงโทษ ยกตัวอย่างเช่น การกระทำ�ความผิด
จำ�หน่าย เอาไปเสียหรือรับไว้ซ่ึงโบราณวัตถุหรือ เกยี่ วกบั โบราณสถาน คอื การฝา่ ฝนื หรอื ไมป่ ฏบิ ตั ิ
ศลิ ปวตั ถุท่ไี ด้มาโดยการกระท�ำ ความผดิ (มาตรา ตามขอ้ ก�ำ หนดของผงั เมอื ง หรอื ขอ้ ก�ำ หนดผงั เมอื ง
31 ทว)ิ ความผดิ ฐานท�ำ ใหเ้ สยี หาย ท�ำ ลายโบราณ เฉพาะ มีโทษจำ�คุกไม่เกินหกเดือน ปรับไม่เกิน
วตั ถหุ รอื ศลิ ปวตั ถทุ ไ่ี ดข้ น้ึ ทะเบยี นแลว้ ตอ้ งระวาง หนง่ึ หมนื่ บาท หรอื ทั้งจำ�ทัง้ ปรบั
โทษจำ�คุกไม่เกินสิบปี หรือปรับไม่เกินหน่ึงล้าน
บาท หรอื ท้งั จำ�ทั้งปรบั ” (มาตรา 33) กฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร ตาม
พระราชบญั ญัตกิ ารควบคมุ อาคาร พ.ศ. 2522 ได้
กฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมเเละการ บัญญัติบทกำ�หนดโทษ สำ�หรับการกระทำ�ความ
รกั ษาคณุ ภาพสงิ่ เเวดลอ้ ม ตามพระราชบญั ญตั กิ าร ผิดไว้ด้วยกันหลายมาตรา ยกตัวอย่างเช่น กรณี
ส่งเสริมเเละการรักษาคุณภาพสิ่งเเวดล้อม พ.ศ. กอ่ สร้าง ดัดแปลง เคลื่อน ยา้ ยอาคารโดยมิไดร้ บั
2535 มบี ทบญั ญตั ทิ เ่ี กย่ี วขอ้ งกบั บทลงโทษส�ำ หรบั อนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น หรือโดยไม่ได้
การกระทำ�ท่ีฝ่าฝืนกฎหมายเฉพาะที่เกี่ยวกับ เเจง้ การกอ่ สรา้ ง ดัดแปลง รื้อถอน เคลื่อน ย้าย
โบราณสถาน เชน่ ตามมาตรา 97 ก�ำ หนดวา่ ผู้ใด อาคารต่อเจ้าพนักงานตามท้องถิ่น จำ�คุกไม่เกิน
กระท�ำ หรอื ละเว้นการกระทำ�ใดๆ สามปี ปรบั ไมเ่ กนิ หกหมนื่ บาท หรอื ทง้ั จ�ำ ทง้ั ปรบั
(มาตรา 39) ซ่งึ จะเห็นได้วา่ กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
โดยมิชอบด้วยกฎหมายโดยเป็นการ กับการให้ความคุ้มครองโบราณสถานและโบราณ
ท�ำ ลาย หรอื ท�ำ ใหเ้ สยี หาย เเกท่ รพั ยากรธรรมชาติ วัตถมุ ีอย่ดู ้วยกันหลายประเภท และหลายฉบับ
ซึ่งเป็นของรัฐหรือเป็นสาธารณสมบัติของเเผ่นดิน
มีหน้าท่ีต้องรับผิดชอบชดใช่ค่าเสียหายให้เเก่รัฐ เวลา 10.30 – 12.00 น. และช่วง
ตามมูลค่าท้ังหมดของทรัพยากรธรรมชาติท่ีถูก 13.00 – 15.30 น. แลกเปลย่ี นเรยี นรู้รว่ มกันใน
ทำ�ลายสญู หายหรอื เปน็ ทเ่ี สยี หายไปนั้น สว่ นกระบวนการและวธิ กี ารในการอนรุ กั ษ์ ทเี่ ชอื่ ม
โยงกนั ในระหวา่ งโบราณสถาน โบราณวตั ถเุ ขา้ กบั
นอกจากนั้นแล้ว หากผู้ใดบุกรุก หรือ กฎหมายทม่ี ีผลใช้บังคับอยู่ในปจั จุบนั
ครอบครองที่ดินของรัฐโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
หรือเข้าไปกระทำ�การใดๆ อันเป็นการทำ�ลาย โดยในการแลกเปลยี่ นเรยี นรู้ ไดร้ บั เกยี รติ
ท�ำ ใหส้ ญู หาย หรอื เสยี หายเเกท่ รพั ยากรธรรมชาติ จากอาจารย์นพดล นิ่มหนู รวมถึงท่านผู้ช่วย
หรอื ศลิ ปากรอนั ควรเเกก่ ารอนรุ กั ษ์ หรอื กอ่ ใหเ้ กดิ ศาสตราจารย์ดร.อิสระพัฒน์  ธีรพัฒน์สิริ คณบดี
มลพิษอันมีผลกระทบต่อสิ่งเเวดล้อมในเขตพ้ืนที่ คณะนติ ศิ าสตร์ เปน็ ผดู้ �ำ เนนิ การแลกเปลยี่ นเรยี นรู้
คุ้มครองสิ่งเเวดล้อมที่กำ�หนด ตามมาตรา 43 รว่ มกบั นายวรี ะ เนอื่ งคนั ธรี ์ อดตี ก�ำ นนั ซง่ึ ปจั จบุ นั
ต้องระวางโทษจำ�คุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกิน เป็นไวยาวัจกร และปราชญ์ชาวบ้าน มาเล่าถึง
หน่งึ เเสนบาท หรอื ทัง้ จำ�ทง้ั ปรับ ประวตั คิ วามเป็นมา รวมถงึ ต�ำ นาน ความเช่ือ ใน
สง่ิ ศกั ดสิ์ ทิ ธ์ิ และเหตกุ ารณล์ ลี้ บั บางอยา่ ง ซงึ่ เกดิ ขน้ึ
รวมถึงผู้ใดฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามข้อ อันสืบเนื่องมาจากการลบหลู่สิ่งศักด์ิสิทธ์ิคู่บ้าน
กำ�หนดในกระทรวง ต้องระวางโทษจำ�คุกไม่เกิน ค่เู มือง พรอ้ มกับผใู้ หญร่ ศั มี ผูใ้ หญบ่ ้าน บา้ นสระ
หน่ึงปีหรือปรับไม่เกินหน่ึงเเสนบาทหรือทั้งจำ�ทั้ง หมู่ 2 เจา้ ของพนื้ ท่ี มาเล่าถึงประวตั คิ วามเป็นมา
ปรับ ของหมู่บ้าน พร้อมท้ังเจ้าอาวาส วัดพุทธมงคล
คอยเสรมิ ในประเด็นตา่ งๆ
กฎหมายว่าด้วยผังเมือง ตามพระราช
บญั ญตั กิ ารผงั เมอื ง พ.ศ. 2518 ไดบ้ ญั ญตั กิ �ำ หนด

ดร.อสิ ระพฒั น ธรี พฒั นสริ ิ คณบดี คณะนติ ิศาสตร เปน ผูดาํ เนินการแลกเปลย่ี นเรยี นรู รว มกบั นายวีระ เน่อื ง

คนั ธีร อดตี กํานัน ซง่ึ ปจจบุ ันเปนไวยาวจั กร และปราชญช าวบา น มาเลาถึงประวัตคิ วามเปนมา รวมถงึ ตาํ นาน
ความเช่อื ในสงิ่ ศักดิส์ ทิ ธ์ิ และเหตกุ ารณล ี้ลบั บางอยา ง ซง่ึ เกดิ ข้นึ อนั สืบเนอื่ งมาจากการลบหลสู ่งิ ศกั ดส์ิ ทิ ธ์ิ
คบู า นค9เู 2มือง พเใอนกรงาสอ นากมรปากรรปะบั รกะผอชบูใุมกหวาชิ ญรานกร�ำาเรศัสมนมหอาี ผวทิลผยงใูาาหนลัยญมหบ าสา านรคาบมวาจิ นยั สครร้ังะท่ี 1ห3ม:ู ส2าขเาจทำ�า นขุบอำ�รงงุ ศพิล้ืนปวทัฒ่ีนธมรรามเ”ลา ถงึ ประวัตคิ วามเปนมาของ
หมูบ า น พรอมท้ังเจาอาวาส วัดพุทธมงคล คอยเสรมิ ในประเด็นตา งๆ

ภาพการแลกเปล่ยี นเรยี นรู

ภาพการแลกเปล่ียนเรยี นรู้

โดยการแลกเปลย่ี นเรยี นรดู้ งั กลา่ ว ท�ำ ให้ ชาวบา้ น ซึง่ ถอื เป็นส่วนหนงึ่ ของวิถี ชวี ติ ทีส่ ะทอ้ น
ทราบได้ว่า นอกเหนือจากกฎหมายในบ้านเมือง ออกมาในรูปของความศรัทธา ความกลัว การ
ทีใ่ หก้ ารอนุรักษโ์ บราณสถานและโบราณวัตถุแลว้ ตระหนักถงึ บาปบญุ คณุ โทษ และให้ความย�ำ เกรง
ส่ิงที่คอยปกปักษ์รักษาโบราณสถานและโบราณ ต่อสิ่งลี้ลับ ซ่ึงเปรียบเสมือนกับมือที่มองไม่เห็นท่ี
วัตถุ อันเปน็ สาธารณสมบตั ิของแผ่นดนิ ใหด้ ำ�รง คอยปกปกั ษร์ กั ษาดแู ล ใหส้ งิ่ เหลา่ นยี้ งั คงอยตู่ อ่ ไป
คงอยตู่ ่อไป น้นั ก็คือ ความเชือ่ ในสงิ่ ศกั ดส์ิ ิทธิข์ อง

อนุรกั ษโ โบดรยากณาสรถแาลนกแเปละลโ่ียบนรเารณียนวตัรถูดแุังกลลว าสวง่ิ ที่คําอใหยทปรกาปบก ไษดรวกัาษนาอโบกรเหาณนือสจถากนกแฎลหะโมบารยาใณนวบตั าถนุเอมนั ือเงปทน ่ีใสหากธาารณ
อสนมุรบกั ัตษิขโอบงรแาผณน สดถินานใหแดลาํะรโบงครงาอณยวูตัตอ ถไุแปลว นสั้น่งิ กท็คค่ี ืออยคปวกามปเก ชษ่ือรใกันษสา่ิงโศบักรดา์ิสณิทสธถิ์ขาอนงแชลาะวโบบารนาณซวึ่งัตถถือุเอปนั นเสปวนนสหาธนา่ึงรขณอง
สวถิมีบชตั ีวิขตอทงสี่ แะผทนอ ดนินอใอหกด มาํ ารใงนครใงนูปองาขยนอูตกางอ รคปไรปวะชามุ มนวิชศั้นากรกาัทร็คมธอืหาาวคิทควยวาาลามัยมมเชหกาอ่ื สลใาัวนรคสากมงิ่ วาศจิ รยัักตคดรรสิ์ัง้ ะททิ ี่หเ1อธ3กน์ิขส:ักาอสรถาปงขรึชงาะทบากำ�วอนาบบุบปก�ำ าารบรุงนนศุญิลำ�เซปคสว่ึงนฒัุณอถนผืโอธลทรงเราปมษน”นแสลว9ะน3ใหหนค่ึงวขาอมงยํา
วเกิถรี ชงตีวติอ ทส่ีสิงละีล้ทับอ นซองึ่ อเปกรมยี าบในเสรปูมขืออนงกคับวมาือมทศม่ีรัอทงธไามคเหวน็ามทก่คี ลอัวยปกกาปรตกรษะรหักนษักาดถแูึงบลาใปหบสุญิ่งเคหุณลาโนท้ียษงั คแงลอะยใหตู อคไวปามยํา
เกรงตอ สนง่ิ ลอี้ลกับจาซกึ่งนเป้นั รแียลบว เผสมเู ขือา นรกว มับกมิจือกทรี่มรอมงหไมลเาหย็นททา่ีคนอเกยิดปคกวปากมษสรงกัสษยั าวดา แู ทลาํ ไใมหสก่ิงฎเหลมา นย้ียทงั ่มี คผี งลอใยชูตบ อังไคปบั กับวถิ ี
ของความนนเอปอกนกจจารากงิกนสน้ันวน้ั แนแลทลวาว้งผกผเู ันขเู้ ขา โรา้ ดวรยมว่ สมกน้ิจกเกจิ ชรกิงรรมอรหมีกลทหางั้ลยาผทยูเาขนาเรกว ิดใมนคโสควาว่รมนงกสขางอสรงหยั พลว่อาาคยท้าคาํ นไแมกม็เกค่พฎา้ง่ิ หรทวูมาี่จา�ำยมหทีกนี่มฎา่ผี หยลมสใาชนิ ยบคบงั ้าญัคอบั ญยหู่กตั ับเินอวา้ าิถไีว
โแจขโสจแบสทอมบบรบอรบวนยิ้กีั่างรจรจนงคบนหู่บฎเาาดัคชัดขับนหลเนณณงิเวกเอ้ีขดามี้ดขาสสิดองยากวามวาถพถคกีมยเมยยับเาราอปทวาบวนอ่ืนขาคขนรง้ัรญิัถงมับาวบัจวผีขแญมแกถสมรถแอเู้ลลงถด็ิาขถตาัมงะสยึงะสา้เูยงึเิคคหบสวบอรบสับยาวนว่ง่ิามาริ่งารทางมไทเิงอืทเวิววเมวเ่ีเโาร่เี่นจี่ปณรแ้คปณเงื่อทื่อําปจบนกรในงใหำ�งะนง็นบอนักนอกไกนผเยนไ็จเมยขไ็โามดิขาูหรมดี้ดหูตรยรตกิงลรว้ยกบหลสูวสบฎาวูยสฎาารลนิยวราหจิ้นเยิรหาคจเินวมะเรววยณะามรชทต่อืณมาคอตอื่ิงาโงอยาถนยโงบอยงองบบงึกูหกงทรกใกีสา้ร็ดใหาเ็น่ีัมน็ดหทงิ่นพาเูณหาทหเูณีผงหั้เง่ิหวนสมมเี่โลรนสัดผปมดวถอือืวู้ใวถูเยน็ือายชา่งขนยานซงน้าจนงา่งึรจะานควระนผไณมรวผหวไทกอดิไวมโหปดิัาดนากพ่ีคมถจนกวรฎกรถบงึาบ่าฎกลซงันหกงึรเกันังหะึ่งจกแมายเคาคเแมรอานปคลรบัณปรนยาก็ณนหยทปใยลบบัาลเชทะจี่ลรบอราจปาก้วน่ีจะอน่ือยายาัญฎมตะิตนยใเงรคมหหตอถิศปหใเยนมหอืมองงึมาร์าคกเืองไมีกสงกทาขณม็เเงาีกตยพไตาขีส่ ใ่รมะารมไิง่หาิขำ�กรวมเนรามคอพค้กอากวูดิตาญังจ็ไวสรอาาํดดิกศาะาจรสเาํมใมนฎาเะาะรคหเปีกงสสินสนหเาือคทนปฎตง�ว่ำกนิมปํากาทนหคนรากตางญัารก์ามญัใหายอรงหกาหรโปเลบหรยอดกญ็ไาวลโปไดบยกีือใดปง่อวล้นใเญัทใบผยวฉยหงกอเงั้เู้บาญทใพร้ลคฉยกหอ่ืหงัุกาตัเกพำ�ใลสปคะหงาฉิเบัตากอนุขบัในกสบะตอนับาอขเใในุใัวับบรไชชตงนวขั่ือ้้วั ง
อเปสอเปสไไบปพพมหาวารถรลรรรจนว่จนกกิเาอ่ าาา่จวจขตกตนยะะจะณะอขิิขันสใสะไไงอหอแแวมใวมเพงงนมน้ปนลนไไกกอดดใกีะเน็ใ่ ฎห1คฎขสหทสาบกห5าตญงหรญง่ีจาาผ.ผมกบมะแ3งรลผลาอผ่ตาเมป0รดรยูบดยูบสิเคอ้ล่ือเตีนวงัเตีรงักาง่อกคงอณ.คา้อเือยกอืทับสขงบัสคบโบใ็ไา้ทวจ่ีใวบณใหมทชมนทาํชานรส้อุ่กรหาบรงอุกราู้วาุนหฉวดดาฉวณจ่ามบำ�ัขลจามบีคลจกเับยลวสกณับจนะะ็เสงะเ็ปถรเินตทปใะินเลทจนกาล้อกพี่นนคยดัพ่ีนลไยางิตบไาดเบกร้ใดรอขิศเรหวจเบัร้ายวาจโมอ้หวมตหูมดสอถกมนาวัถยนตกึงบัขโถ่วึงเาไบรับฉปับไมยึวงกปมรพญดัใถกงลหญาใา่าาาหหณคนยหะซรวคาวง่ึาปทวาคทาสด่ีมณส่ีมาํโสโกตําคคสาาํคคจรญฎ่อัําครญัางคญสัหงรกคญั่วกมยคาอือนาาครอือปีกรรยณปีกทญวแ1โแทะญดมง้ัล5หลนยั้งกะห.หา3ะติเม็เใหาาค0มปิศนอใการอน็นาเนบกใง่รสบชเไค.ใขอ่ืรดตกชขครงอ่ือร้ฎกอณขดังง ฎหงอกขเทบกทหงมไ็อี่รดดกนิี่รางมะคีใะากยไลาหรปณลโายึกบคดรกึโะตําอยงับดตนตคอเายงั่อคติอบัผจคเผรคศบิใจูเับงขชู้เราไะขคใปกงาสชไ้ารครฎมวตกรัดรวาห่ไ่วรฎเัดมดกก์มมเหเป้สนิลากมนง่ยไา่ินาปผวเยไรปลปอ่ื ดดิ งี

15.30 น. คณบดคี ณะนิติศาสตรก ลาวปด โครงการ และมอบของทร่ี ะลึกตอผูเ ขารวม

94 เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน คร1้ังท4ี่ 13 : สาขาทำ�นบุ �ำ รุงศลิ ปวัฒนธรรม”
ในงานการประชมุ วชิ าการมหาวทิ ยาลยั มหาสารคามวิจยั

คณาจารย นิสิตและชาวบาน ชวยกันทาํ ความสะอาดบรเิ วณ เขตรอบพระพทุ ธมงคล

ซึ่งผลคขณอางกจาารรยจ์ ดั นโิสคิตรแงลกะาชราไวดบส า้ รนาชงคว่ ยวกามนั เทข�ำ าคใวจามรวสมะถอางึ ดสบรารงิเวคณวาเมขสตมัรอพบนั พธรก ะบั พชุทาธวมบงาคนลและผนู าํ ชมุ ชน
เผขซปแนู้ ้าลึง่ร�ำจใะะชจะธนมุเาสิหรชนิต็นวนสซคมไภ่ึงดณซถผาจง่ึ ะึงวลจานสฒั กขะติรอนเก้าหิศงธงาาน็กรครสรไาไวตดมดรารอจ้จร ม ําับาดัมสเกคโหภคัมวากอราพวามงกทิ ันรกรรยไธวารดา์กมรมลร้ มับกบัยั ไอืาชมคดรอาหวส้สยวาารภาบมสา้งา้าารงดวรนว่คัฒจีคมแวาานมลกามธมอืทะรรกุรวภมมอาถคาํมคภึงเสอณภาหว งยอานาคนกวจกันิทอาไรมทรกจยวรยาาาวก์คลจชิ ภเืัอะยัยจาเม้ายปผวหนหนใู ัฒหอนาผญกส้านบู ทบาธครร่ีาือรหิ นคแราวมาลรผฒั มะอูชคนนำ�วณธยรเิสรภาผวิตรจอูใมมคาหถอรณญปยาํึงบเะอรภเาจนะงอนาธคิตหา์ริกศนนวราามสจสทถภาตี่งึ การ์
อชยา่าวงบดา ีนจใานกบทรุกิเวภณาใคกสล่วเ คนียงไมซ่ว่งึ ่กาจาระเเขปา ็นไปจผดั ู้บดราํ ิเหนาินรโครงกวาัฒรนทธํารนรุบมําอรงำ�ุ ศเภิลอปวกฒั รนรมธรกรามรดสังภกาลวา ัฒว นทธําใรหรเมกอดิ ำ�เภอ
ปรากฏการณตา งๆ ท่ี จะนาํ ไปสูการวางแผนเพ่ือการพฒั นาชุมชนรวมกนั อยางมสี ว นรวม

เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน 95
ในงานการประชุมวชิ าการมหาวิทยาลยั มหาสารคามวิจยั คร้ังที่ 13 : สาขาท�ำ นุบ�ำ รุงศิลปวัฒนธรรม”

กนั ทรวชิ ยั ผใู้ หญบ่ า้ น ผชู้ ว่ ยผใู้ หญบ่ า้ น รวมถงึ ชาว นิสิต คณาจารย์ เจ้าหน้าที่คณะนิติศาสตร์ รวม
บ้านในบริเวณใกล้เคียง ซึ่งการเข้าไปจัดดำ�เนิน ถึงสภาวัฒนธรรมอำ�เภอกันทรวิชัยและคนใน
โครงการ ทำ�นบุ ำ�รงุ ศลิ ปวฒั นธรรมดงั กล่าว ท�ำ ให้ ชุมชนมีความเข้าใจร่วมกันในกฎหมาย รวมถึง
เกิดปรากฏการณต์ า่ งๆ ที่ จะนำ�ไปส่กู ารวางแผน กระบวนการ วิธีการในการอนุรกั ษ์ โบราณสถาน
เพ่อื การพัฒนาชมุ ชนรว่ มกนั อย่างมีสว่ นรวม และโบราณวตั ถุ

ร ว ม ถึ ง ยั ง เ ป็ น ก า ร ส อ ด ค ล้ อ ง กั บ อีกทั้งยังเป็นการเพ่ิมการรับรู้ และเพ่ิม
วัตถุประสงค์ของการจัดโครงการ เนื่องจาก ความสัมพันธ์ ในมิติทางวัฒนธรรมของสภา
เป็นการส่งเสริมการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และเผยแพร่ วฒั นธรรมอ�ำ เภอกนั ทรวชิ ยั กบั คนในชมุ ชน ตอ่ การ
ศิลปวัฒนธรรมในส่วนท่ีเกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์ อนุรักษโ์ บราณสถานและโบราณวัตถุตอ่ ไป
โบราณสถานและโบราณวัตถุ ตลอดจนทำ�ให้

โครงการหนง่ึ คณะหนึง่ ศลิ ปวฒั นธรรม
เรือ่ งการพฒั นาผลติ ภณั ฑก ารบริการนวดแผนไทยเพื่อการสบื สานมรดกวัฒนธรรมไทยสสู ากลของ

ธุรกิจการบริการนวดแผนไทยในจงั หวดั มหาสารคาม

การพัฒนาผลิตภัณฑ์การบรบทิกสารุปรผนบู รวหิ ดารแผนไทยเพื่อการสืบสานมรดก
วัฒนกาธรนรวรดแมผนไทไทยยถสอื ู่เสปนาอกตั ลลกั ขษอณกงาธรจุรัดกกาิจรทกเี่ ปาน รภมูบปิ รญ ิกญาาทรอนงถว่ินโดบรแาผณอนันทไทรงยคุณใคนา จขอังงบหรวรพัด
บรุ ษมไทหยาทสีไ่ ดารรบั คกาารมถา ยทอดสบื มาจนถงึ ชั่วลกู หลาน ซง่ึ ไดร บั การยอมรบั ทง้ั จากชาวไทยและชาวตางประเทศ

วา เปน วศีรายสาตภรัทท ร่ีสอาามชาารชถยั รกั ษาเบอ้ื งตนดว ยวิธีการธรรมชาติ โดยไมต องพ่งึ ยาเคมี เพยี งแตใ ชม ือมาทาํ การ
กด กคาณรบะกบี ารกบญัารชคีแลลงึะกเคารน จดั กกาารรปรมะหคาวบทิ ยแาลละัยมกหาารสาอรบคตามวั กจ็ ะสามารถชวยใหร ะบบการไหลเวียนของโลหติ ใน

รางกายทํางานไดด ขี นึ้ กลามเนอ้ื ท่ีเคยตงึ หรือแขง็ เกรง็ จะเรมิ่ ผอนคลาย ชวยกระตุน ระบบประสาทตางๆ ให
ทโรําคงบตใาหา่รนหงรไปพดายรดบะไขี ุรดเ้นึษกท อหาไศทีการวกนทยา่ เวั้งทเยปยด่ีไางัน็ดแวชผศ้ชรว ับนนายสกไไใททหตายรยรร คถท์ะถนบ่าอืส่ี ยรบเาปทนุมขน็หออาลดอรตถงัตัสอ ไรืบแลมกั ลกัมเ ษหะษาาเ็นจณสเปนบนก์ รถอ้ืเาะอึงงรโน็ชตยจเ่ัวน้ชดักลนดิดกูกว้คาแหยรวลลทาวะมาธิเี่ คปนยกี ว็นืดาารหซภมธ่ึงยูมสรไุนิปําดรคมัญ้รเัญกับชญดิาแกกาตลาทา ิะรโร้อยไดผมองยอชถมไนวม่นิ รยคต่ับโกลบอ้ทนัารงั้งยอาพจแณนาง่ึลุรยกอะกั าชนัรษเากัทคกวษรมนัไงาทีไคโเวยรพุณส คแยี บื บคลงไ่าาะแปงขชตอาใ่ ชวง้
ศาสมตอื รมน ากี้ ทอ็ �ำากจาสรญู กหดากยาไปรบจาบี กกสาังรคคมลไทงึ เยคไน้ด กปาจรปจุบระันคนบี้ถอื แไลดะว ากเาปรน อบาชตีพวั  ทกี่นจ็ าํะรสาายมไดารแถลชะว่นยาํ ใมหาร้ ซะึง่ บกบารกทาอรไงหเทล่ียเวยี น
เชิงสปขอุขรภะงโสาลพาหทสิตปูตใร่านะงรๆเท่างศใกไหทา้ทยยำ�ทจงนำ�างจนาดั ไนเดปได้ ดนขี ้ดอ้ึนีขุตอ้ึนสกี  าทกหง้ัลกยร้างัรมชมเ่วนกย้ืาอใรทหบ่ีเ้รรคะกิ ยบาตรบึงทขหี่ไ้อดรตือร ่อบัแแขคล็งวเะากมเรสน็ง้นิยจเมะออเ็นรยิ่มเกาผงดิ ส่อคงูนวทคาั้งมลจายายกืดชหชายว่วนุ่ ไยทกเยรกแะิดลตกะุ้นารระผบ่อนบ
ชาวคตลา างชยาแตลิ ะถรงึ กั ษับามโคี ราํคกบลาางวโวราคใ“หถห้ามายาเไมดือ้ งหไาทกยเจยะาตวอชงนไไดทนยวคดนแรผุ่นหไทลยงั ไ”มเ่ ห็นประโยชน์ และความสำ�คญั และ

ไมช่ ว่ ยกนั อนรุ กั ษก์ นั ไวส้ บื ไป ศาสตรน์ ก้ี อ็ าจสญู หายไปจากสงั คมไทยได้ ปจั จบุ นั นถี้ อื ไดว้ า่ เปน็ อาชพี ทน่ี �ำ
รายไดกแ้ าลระศนกึ ษ�ำ มาโาคซรงึ่ งกกาารรทคอ่ รงั้ เนทไ้ี ย่ีดวกเาํชหงิ สนขุดภวัตาพถุปสรปู่ ะรสะงเคทเศพไอื่ทศยึกจษนาจอดั ตั เลปกัน็ ษอณตุ สก าหรจกดั รกรมารกกาารรบนรวกิ ดาแรผทนไี่ ดไทร้ ยบั ขคอวงาม
ธรุ กนิจยิกมารอบยรา่ กิงสารงู นทวงั้ ดจแาผกนชาไทวไยทในยจแงัลหะวชัดามวตหา่างสชาารตคิาถมงึ กโดบั ยมศคี ึก�ำ ษกาลจา่ าวกวโา่รง“พถยา้ มาบาเามลอืสงทุ ไธทายเวจชะแตลอ้ ะงโไรดงน้พวยดาแบผานลไทย ”
มหาสารคาม แกลาว รนศําึกมษาาวโเิ คครรางะกหาหรคากร้ังลนย้ีไทุ ดธ้กท �ำ ีเ่ หหมนาดะวสัตมถใุปนกระารสพงคัฒ์เนพาื่อผศลึกิตษภาัณอฑัตก ลาักรษบณรกิ ์กาารรนจวัดดกแาผรนกไทารยนเพวอ่ืดกแาผรน
สสอบื ดสนโไรทคาวงนลยดพมอขแยงรอผกาดงนบบักธไวคาุรทัฒลกวยามิจนเมกหพธตาราื่ออ รรสกงบมากาไรรรทาิกครสยาาขืบสรมอสสูนงาาวคแกนดลนลมแ้วรใผรุนนนดนใำ�ลหกมไกั ทมวาษสัฒยวณําใิเนคหนะธรอรจราบัตัังระหลลมหูกกัวไ์หคษัดทาามณยกทหสร ลเ่ี วาขู่สยมสาาุทมสากธรมาล์ทครยั ใับาี่เแนหบมบลมรบักกิาโตษดะาะรณยสวกศมันะาึกใออรนษนัอตกากวลาจดักรโาเดษพพกยณ่อืัฒโเรสน์รนงร่นวพาามใผงยหสคลาม มุณบิตบี ัยภาครแลาัณรบแสยฑลบุทา์กกะตธสาาะาศรรเววบาทันงชรี่ อกแิกาอลารกะร
จดจโาํดใยหเเนก้นดิ ใขหนึ้ ้มกีบั รผรมู ยาาเขกา รศบั ทก่ีสาอรบดครกิลา้อรงซกงึ่ับจคะวนาํามมตา้อซงึ่ การมขสีอวงนคในนรกุ่นาใรหสมง เ่สสำ�รหมิ รกับารลสูกรคา้างทงาี่เนข้าสมราารงับราบยรไิกดา แรกลาะร
สรานงวภดาพเพลื่อกั สษรณ้าทงคเี่ ปุณน คเอ่ากแลักะษสณร้าข งอกงากราจรดนจวำ�ดใแหผ้เนกไิดทขย้ึนตกอับไปผู้มโดายเขม้ากี รรับะกบาวรนบกราิกราดรําเนซิน่ึงจกะานรตำ�ามมากซรึ่งะกบาวรนมกีสา่วรนใน
ทาํ งโโกาดบานยรรดามสวณ่ีกงย1เรสกส.ะู่สลขรบมิา้ันไขโกวกบกเน้ั นตลราPเกราตรDณียาสรCรมียรสAดม้ากูสำ�งกดาางเารกงันารตลนินโอโดกดไสยปายรรตนต้าต้ัง้ี้งังาโโรจจมาททยกยยไรดระ์รว้่วบแมมวลกกนะนั ันกสกการบั รา้ับนทงนภิสำ�ิสติงาิตาเพพนเลพื่อดัก่ือใว้ หษใยมหณกสี้มล์ทวีสไเ่ีนกป่วรนน็ วPรเมDอ่วใมกCนลใกAนักากรดษพางัณรตฒั พข์อ่ นอัฒไาปงกนกนจิ าาี้กกรานิจรวกกดาาแรรกผนานวรดไนทแวผยดนตแ่อผไปน

ไทยและการแพทยทางเลอื กในโรงพยาบาลมหาสารคาม (ท

และศนู ยบ รกิ ารแพทยแ ผนไทยในโรงพยาบาล2มหาสารค
2. ขนั้ ดาํ เนินทกาางรเลใกนอื งจิกานกก2รารรปแมรหะท2ชงุมจ่ี.วไ2ดัชิดาขกลแา้ึนงกรมมพกหีดา้นืลวังิทมุทนยกเ่ีาี้ พลาัยรื่อมแหสพาสังทาเรกยคาแตมผวกกนจิ นาัยาวไรครทดรณพง้ัยแทแแัฒผ่ีเ1อลลน3กนะสะ:ไากาทสสรผาาปมัยขรลราะแภทิตกเ�ำพพอานภบทษบุ อื่ัณก�ำ ยณารนรุงฑทนศําผิลำ�ากมเปูบงสาวาเนฒัรลรวอนิหบผอืเิ ธคลการรงรรราใกิมนานข”าะอโรหรนงงขก9วพลอ7ดยมมุแากลูผบาเนบราไแลื้อทพสงยทตทุ ยน ธแกาผเอวนนชไสทแงยลนแ

ไทยและการแพทยท างเลือกในโรงพยาบาลมหาสารคาม (ทง้ั สองสาขาคือทศี่ นู ยบ ริการแพทยแ
2.ขโ2รองลงพกงยพาาร้นืบน22ทาว..ลเ่ี1พขดเจนั้แ2อื่ าศด.ผสพ1ึก�ำนงัรษเเะนไศกาทยินึกตรายษกนแะกอขาาลบวาภอรรรดะบยัะงณศแกภกบโผนูิจรเูแาบบนกงยรลกศพรจบไะารทรัดสรยรเมยจพกิกัมาทัดาบือ่าภเจ่ีกรพรเาาปัดแาอลอ่ืษรนขพัตนตณอ้ึนเทลก้ํานตั มผักยณมลแดีูบแษาักฑบังรวผษณนเบหิเนปณคี้์ ารไรขรทียาอขบยะงอเใหกทนงาขยีกโรอรลบนงมุสวพลูกมดยาเรแบรารผแบ้ือถนพนงาไทตละทยนมยแกหข2ผออานสงนไโาสทรรงงยคพนแาลยสิ มะาิต)บกลเากางรลี่ยพแตวพ้นื นกทแบั ยีจ่บรรบะงิ บเบพกอื่ านรําจมัดากสารรา องตั กลลกั ยษ
ะลาศยนงยกึะเแานิลษศลอกอืูนาะภารกกยัยระาบ2ภบรกรูเแบจิแบิกพกกหศาทารรงรรรโเยเไแปจรพมดทงพัดรทอ่ืแาพียกทจเี่งกปบยาเดัยลกรนาเขแือทลอบเน้ึกผกัตมุยีามณในลกบลนีดกัาไฑสเังโรจทษมเนรแ้าปยณงร้ีพพรใพรขทนยีรถอยยบะโนงารยแเกะบทงผากาพยีาอนารบลยภไรนทสมาพัยวยบมหดภฒั แราแาูเลรนบลผสะถศานมากนผรรไหาะทลเคราพยแิตาส่ือขพมภาอเทรัณป(งยค2ท็นโฑรทางั้เงกมกาสพงาณ)อเเยรลกงฑาบือส่ียบ์รกาวาิกใขกลนาาับตรโคนรรนอื ะแงวทพบบดี่ศบยบแนูากผบยานาบร ไลจทรสดักิภยุทกาาพราธแรบาอเพรวรตัทชยลยาแักกแลาษผะศณนกกลไากทรมุ ารยกรว าจใมรหมัหแบปาพโราจทิกศทยารยแรีกผับนกลุม การแพทยแ ผน
วดแผนไทย เพอ่ื นํามาวิเคราะหขอมลู เบ้อื งตน กอ นสงนสิ ติ ลงพนื้ ที่จรงิ เพอื่ นํามาสรางกลยุทธทเี่ หมาะสมใน

ารพัฒนาผลติ ภัณฑก ารบรกิ ารนวดแผนไทย

งการนวดแผนไทยของโรงพยาบาลตน แบบ
แห2ง .ไ2ดลแงกพก น้ืลมุทกเ่ี พาร่อื แภสพาังทพเกยบแตรผกรนยาไารทกณยาแแศลลกะะากสรารมัรว แภมพาหทษายณโจท ผทาูบงยเรลก ิหือับกากรใลนขุมอโรกงงากพรลแยมุ พากบทารายแลแ พสผทุทนยธไแทาผเยวนแชไลทแะยลกแะาลกระลแกมพุ ากรทแายรพแททพายงทเยลแอื ผกนในโรงพยา
เทยี บสมรรถนะ 2
ทางเลอื ก

งกพก ้ืนลุมทภกเี่าพาพรื่อบแสพรงัรทเยกยกนแไาแตทกลาวผกยารดะนาแศพศแไรลกทฒัผูนณะายนกยนรแแาบไรลลารทวะรผแะมยกิกลพสหาาติมัทเรราพภแภยโแอื่พจทัณาพนททษาฑทงยาํยณเกยมลทก ผาแาือาบั ูบรงวผกเกบรเิลในคลนหิรือไรมุกิโทกาารกรใายะงนขราใพหรนโอนรแขยงวโงพอากรดพบลงทมแยพุมาลูยผาลกยเแนบบามาผไราบอ้ืหทนแลงาาพยไสตลทสทุทนมายยธรกหแแาคอลาผเาสวนะนมชกาไสทรแาง(ยรคทลนแแาภะง้ัสิ ลพมสากติไะพท)ทลอลเกบกมยุยงางแสกรร่ียทสเพรลแขาาวามัื้นยรพะขากงแาภทกทรเาบักพลาาคี่จับยารรทือษรอืศบะแยกงิทณกพบรแใาเ่ศีทกิบนผผพรนูยานรกโเูอื่2์ท่วรขยาน.มางาบร3แงหพํารจรเลมาับลดัยกิ สโะาือบกจาางสกรทาบร3นรใแรยิก.นาาสิรอพก์ ลาโงวติตัรับทรกทงมลลกเลยพกีศ่สลงักยแยพี่ยกึมุ่งัษุทผาเกวษืน้ณบกนธาขทาาทตไรกอลทแี่โเกุ่ีางทหรพยรากศี่งมทจใรพบักึหามยัณษกยะ์แบปกาผสาารานาบรมกิศรเใาารขลนลรีา งทรพับศี่ น้ื ึกบทษรใี่ กิานเากพราือ่ก

งเลือกในโรงพยาบาลมหาสารคาม (ทงั้ สองสาขาคอื ท่ศี ูนยบ ริการแพทยแผนไทยจมั ปาศรี

ทยแผนไทยในโรงพยาบาลมหาสารคาม)เกย่ี วกบั ระ2บ.บ3กาสรง จนัดิสกิตารลองัตพลน้ื ักทษ่ีโณรงกพารยใาห2บบ.3ารลกิ สทาง่ร่ศี นึกิสษิตาลเงพพอ่ื ้นื 1ท.ี่โรศงกึ พษยาาอบัตาลกัทษ่ีศณึกษการจดั การของก
ณฑาทผกมาาูบงารเวรลบิเหิือครการิกรใาานะขรหโอนรขงวงสกอกดพมัาลมแรยภุมลูผแาากเนพบบษาไอื้รทาทณแงล2ยยพตผ์ ส์ท.นบู้ท2ุทากยรงธหิอแเาลลนาผเรวืองนสขชพกไง ทอนแื้นงยสลิ2กสเแทิตะขลลมั ล่ีกเาแะมุ่ภพงลรหกกพาบัมุื่่งอาาษื้นกรไบรสดแทาณแรัรพง้แี่จกพิแผเกทราพทกูเิง่กยขรทยตลเาแย์พแกุ่มรผแลอื่บักานผนะาบรนไาํรณทร3มแกิย.า์พรแาแสวลทรลมเยาะะกสง์ ย่ีกงั เลวกขยบเกตุทอพาุกรงธ่ืรอิกากท เราขบัเ่ี รณ1หา้ กรม.กา2บั าศาร.บะรเึกสขรสลษมกิาัมงใาารพภนรอับื้นากัตบษทาลรรณใี่ กัิกนน์ผาษวกู้เรดณขากแ้าร์กาผรใรหานับนรบไบวจทรรดัดยิกกิ แเกาาพผารรอ่ืนรเชกทขไุม่ียทอรชวางยนบขกเข้อพคาองวร่ือกางใทัหบทมร้งั้ าสบอคงวโรางมพตยอาง
ทางั้ มส)อเกงสี่ยาวขก2าับ.ค3รือะแสแทบพผุทสศี่บนทงธนูนกไยาทยาสิเ์ทภวบรยิตาชจแพรงลแดัลกิเบงลลกะารพือรระากืน้ยกแรกาาทอใพรลกนัต่โีแาทุ่มรโศลพรยงกกกังทพแาาพษรผยยรรยณ์นทแาวาบพไามก บทงหาาทาเยาลรลยลโจใทจือ์แมหมัที่ศกผหบปยึกในารกานษสกิไับศโทาาากรรเรรลยงีพคพมุแอื่ากลยมา1าะรบ.แก(พทศาาทลกึร้ังยษแ าผอนทตสัตไงั้อทง้ั ลเสยงกักกแอตษลางกุ ะโณรารกทรงกาี่แณพราทแยรก์ พ้จจาาทรบรดั ิงยลากขท งลาอาพรงงน้ืเขผลทอู้เือขใี่งก้านกใรนกาับาโรรบรใงใหรพหิกบ บ้ยารารรกิบกิ าาาแรลรลชทะ2มุ ่ศี.ชกึ3นษ.รขา่วอมง
นมสิภติ าลษงณพผื้นูเทข่ีจารรสแงิับลอบเงะพสรศอ่ืิกาูนนขายารํ ์คบมเกอืาร่ียทิสกวรศ่ีาขารนู องแยกงพบ์ กลทรยบั กิ ยทุกา์แธารผทรแเนพเี่ ขหไทา มทยรายับแ์ ะใผบสนนรมโไกิรใทนางยรพจกยมั าาปรบนาาศวลรดี แผนไทยเพือ่ ทราบความตอ งการท่แี ทจ รงิ ของผู
ารับบรกิ าร แมกลาหะราใ3สห.าร้บรว ครมิกาสมางั )รเนเกกวตย่ี ดุกวแากผรบั ณนรไะก ทบายบรลกเงาพพร่ือจน้ื นดั ทำก�ใี่ มานรากอวาตัิเรคลใรกัหาษบะณหริก์์ ารชมุ ชนของทง้ั สองโรงพยาบาล

ศการรว มหาโจทยสขกอ้รับ้ามกงูลลกเมุบลกยอื้ าุทงรตแธพน้์ททกี่เยห่อแมนผาสนะง่ไทสนยมิสแใติ ลนละกกงาพารรน้ืแพพทัฒท่ีจยนรทงิ าาผเงพลเลิอ่ืตอื นภกใำ�ัณนมฑโาร์ งพยาบาลทศี่ ึกษา
การบริการนวดแผนไทย

2.3 สง นสิ ิตลงพืน้ ท่โี รงพยาบาลที่ศกึ ษาเพ่อื 1. ศึกษาอตั ลกั ษณการจัดการของการใหบ ริการ 2.

สมั ภาษณผเู ขา รับบรกิ ารเกี่ยวขอ งกับการเขารบั บรกิ ารการนวดแผนไทยเพ่อื ทราบความตอ งการที่แทจ ริงของผู

98 เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน 3
ในงานการประชมุ วชิ าการมหาวทิ ยาลยั มหาสารคามวจิ ัย คร้งั ท่ี 13 : สาขาท�ำ นุบำ�รุงศลิ ปวัฒนธรรม”
3
ภาภพาภบพารพบรบรยรายรกยาากาศกากาศาศกรการารวรรมรวหว มมาหหโจาาทโโจยทก ยบั ก กับลกมุ ลกุมากราแรพแแทพพยททแยยผแ แนผผไนทนไยทไทแยลยแะแลกละาะกรกาแราพแรพแทพทยยท ทยางาทเงลาเลงอื เอืกลกใอื ในกนโใรโนรงงโพรพยงยพาาบยบาาลบลททา่ีศลศ่ี ึกทกึ ษศ่ีษาึกาษา

1. ภาพนิสิตลงพื้นที่เพือ่ เกบ็ ขอมลู ณ กลุมการแพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลอื กในโรงพยาบาล 3
1. ภาพนสิ ติ ลงพน้ื ท่ีเพอ่ื เกบ็ ขอ มลู ณมหกาลสมุ ากราคราแมพทยแ ผนไทยและการแพทยทางเลือกในโรงพยาบาล3

1. ภาพ21น..2สิ32ิต.3.ลภ3สงา1งพสพ.นส้ืนง นิสงนทภนสิติเ่ีิสพาสิติลติพือ่ติลงลเนลพงกงพงสิ็บ้นืพพ้นืิตขทนื้ ื้นอ้ลทโี่ ทมทรงเ่ี พูลพ่ีโงรพอ่ืืน้ณงยเทพกากเี่ยบ็บพลาขุ่มา่ือบลอกเากทามลรบ็ลู่ศี ทแขึกพ่ศีณศอษทกึ กึมยากษษลูเแ์ลาพผามุเณเนื่อพกพไมื่อาทก1่อื รหลย.ม1แา1แมุศพ.หสล.กกึศทามาะาศษกึยสรกรหกึ ษแคาแาาาษรอผรพาาสแนคอมตัาทพาอไัตาลยรททมตัลกแคยยลผกัษาแ์ทนษมักลณาไะษณงทกเกลณยกาาือแรารกกลแรจาใะพจดันรกดัทกจโารกยารดังาทแรพกรพขายาขงอทารเอลบงยขงกอืาทอกลกาางามรใงกรนเใหลใาหโาหอืรรสบบใกงารหใพรริกนิกบคยาโาารารรมริกบง2าพา.รลยา2บ. าล

สสัมัมภสภาัมษาภษณาษณผณเูผ ขผูเาขูเ รขา ับรา รบั บั รบบิกรารกิ รกิ าเารกรเี่ยเกกวย่ี ่ียขววอ ขขงอกงบั กกับากราเขรเา ขราบั รบับบรบบกิ รรากิ กิราากรรากกรานารรวนนดววแดดผแแผนผนไทนไทยไทยเพเยพื่อเพือ่ททอ่ืรราทาบรบคาคบววาคามวมตาตอมอ งตงกอกางารกรททา่แี รแ่ี ททจ่แีจรทรงิ งิ จขรอิงงขผอู งผู

เขเาขเราขบัราบั รบัรกิบรากิรรกิาราแรลแแะลละ3ะ.3ร3.ว ร.มรว วสมมงั สสเกงั งั เตเกกกุ ตตาุกราณรกณากราลรงลพงื้นพพทื้นน้ื ใ่ีททนใี่ ใี่กนนากกราใารหรใบใหหบร บิกรราิกริกาชราชมุรชุมมุชนนชขนขออขงทงอทง้ั ง้ัสทสอง้ั องสงโอรโรงงโพรพยงยพาาบยบาาลบลาล

2. ภาพนสิ ิตลงพื้นทเ่ี พือ่ เก็บขอ มลู ณ กลมุ การแพทยแ ผนไทยและการแพทยท างเลือกทศี่ ูนยบรกิ ารแพทยแ ผน
ไทยจมั ป2.าศภราโี รพงนพสิ ยติ าลบงาพลื้นมทหเ่ีาพสอื่าเรกคบ็ าขมอ มลู ณ กลุมการแพทยแ ผนไทยและการแพทยท างเลือกทศ่ี ูนยบริการแพทยแ ผน

ไ2ทไ.ทยยภจจามัไ2พัมทป. ปนยาภสิจศาาศัมิตรพโีรปลรโีน2งางรพ.สิศพงภ้นืติรพยาโีลทายพรงบเี่งานพพพบาิส่อืน้ืลยาติ เททมลาลกีศ่หบเี่งม็บพพูนาาหขอ่ืย้ืนลสาอบ์เทมาสกมรร่ีเหาพบ็กิูลคราาือ่ขาคสรณเอมแกาามพ็บรมกูลทขคลอ้ยามุณมแ์มกผลู ากนรณลไแทมุพกยกทลจายมุ่มัรแแกปผพาารนศทแไรยพทโี แรยทงผแยพนลแ์ ยไะผทากนบยาไาแรทลลแยมะพแหกทลาาะยรสกทแาาพรารงคทแเาลพยมอืททกยาทง์ทเี่ศลางนูือเลกยทอืบ ก่ีศรนูิกายรบ แรพิกทารยแแพผทนยแผน

3. ภาพนสิ 3ิต. ลภางพพนืน้ ิสทติ เี่ ลพงือ่พเ้ืนกท็บ่ีเพขื่ออเมกลู็บขณ้อมกูลลณมุ กกาลรุม่แกพาทรยแพแผทนย์แไทผยนแไทลยะแกลาะรแกพารทแยพททายง์ทเลางือเกลทือกี่โรทง่โี รพงยพายบาบาาลลสสุทุทธธาาเเววชช
3. ภาพนสิ ติ ลงพนื้ ทเี่ พ่อื เก็บขอ มูล ณ กลุมการแพทยแผนไทยและการแพทยทางเลือกที่โรงพยาบาลสุทธาเวช

3. ภาพนสิ ติ ลงพนื้ ทเี่ พื่อเกบ็ ขอ มูล ณ กลมุ การแพทยแ ผนไทยและการแพทยท างเลือกท่ีโรงพยาบาลสุทธาเวช

เอกสารประกอบการนำ�เสนอผลงาน 99
ในงานการประชมุ วชิ าการมหาวทิ ยาลัยมหาสารคามวจิ ัย คร้ังที่ 13 : สาขาท�ำ นุบำ�รุงศิลปวัฒนธรรม”

3. ภาพนิสติ ลงพน้ื ทเี่ พอ่ื เกบ็ ขอมลู ณ กลุมการแพทยแ ผนไทยและการแพทยท างเลอื กท่ีโรงพยาบาลสุทธาเวช

4

2.4 วิเคราะห2.์ 4SWวิเOคTราAะnหa SlyWsisOแTลAะสnรaา้ lงyกsลisยแทุ ลธะ์ทสเ่ี หรมา งากะลสยมทุในธกท าเี่ รหพมฒั าะนสามผลในิตกภาัณรฑพ์กฒั านรบาผรกิลาติ รภนณั วดฑแก ผานรไบทรยิการ

นวดแผกนไาทรยศึ ก ษ า ค รั้ ง น้ี มี ก า ร บู ร ณ า ก า ร กั บ ï มอบหมายนิสิตเป็นรายกลุ่มให้ไป
ภารกิจหลักด้านต่างๆ ทั้งสามด้านคือด้านการ ค้นคว้าแนวทางการประยุกต์ใช้ทฤษฏีการผลิตท่ี
เรยี นการสอกานรศดึกา้ ษนากคารง้ัวนจิ ้ีมยั ีกแาลระบดรู า้ณนากการทกับ�ำ นภบุาร�ำ กรจิงุ หลกั ดมาีคนุณตาภงาๆพกทับ้งสธาุรมกดิจากนาครอื ใดหา ้บนรกิกาารรเรียนการสอน ดาน
สคโในอภชเศเหเภกศขจครปนุมอยารึุิาา�กำนลณงควปธแกตตกกโ้ารก็ร้านพคพา่รงชษพชิุรึง่ปลณพาาานารือนงภงจิงมวนกศมารรรมแะะเยาะคพเแรขะ�ำกาอการวทจิหปลิกทยสหจาะววลนผ่ยามวิจรงากพจีุ่กงัปโ่สนีไ่็าบัยาาฒูศามายะยรรสัยิรดดเาะตïกวนิวแรมบกกาาจึกมงักววภรแู้ ติรทยนใิทปูาฒักขตลอลคาดัรใชษิิกลลับทชดแาใ-าํใ----หราลาธธกู้คใยกภานา้มุะะกาคมนหรใา้ลยรหฝดบบเราหกรแวมาาดบััยรณนผจทอธบ้ปะารรกึรรู้ครราลลเาวีาากกภากบตรอฤลปณมรูกธกิลรีศมณปนิธมรยมมใวะัพยาาารหูณเารุา่ษิหะนาตกีาจั ยึกวรเกบราฏออบรคเรมมจกางรณมขยมรคาดัพฏาปสชิจามภบบะชษบิศณารๆิจกหา้ารกอุหวกรารดักรไยีุร่ิืกหหรมอาชรยัตพดใาาทาาปากาะับอากตยาาู้ทจ์ทามมุมพดใมํารชกงริกืน้สวาํผอาแบปใาร์กใรใหเเาากชา่ีปกังรหนิทนาราทรชธภนศาคลู้นรรูยยแงบนนัทู้สจนรัขุบบรรย้รรกุ่ีทรงะุแยัใินกกึณทในดบกสา้ีดะัอนตวาือกนอคําหนภกัไ่ีลบษงลาสิฤง้าลาาดรบดรสเกําขาจิวนิสาดงรเูโาดสกาิตะรนกงษุ้าัยรบขรนาพบาครชผมดิตสิราเมคนศเาางกบัชาอยทศรรฏใวปมุ้ืนนทคิตเลรขใิลคอวีรนลรมุคยีงมรารมใฤนใีนทแชทง่ียวอิปธจติใแโุณนก้ีชนทยนอณแุอรกรหรตนษงกาักี่ฤกีนัดะงิจภรนกลบป่ีนเจงเงตาภลมลษภเ้พาวโาาาฏบะกกพใาะัลยณกกหัรอดกระ่มุายฒัรสนรฏาเรอรื่รีกก้อืะากยงดพิังมกบงพดากวพทสรำหโฑ�กีนสนารปพลงาาพปาคล่ิิมชมร�ำกนอเแาาร่ีจนาํแบตบนธมุ์รโรยรมน้ืรุาเสเรดรอนายคลรดลรโะบนจตัค้นาวใ็จกง่ึ งะลจทาอรอยวหรธาละะกมิทัยวดดปนิามคงนโัดสามก่ีนุบบไผารผายรสสกรเขำเก�งีกฝมปกตณรเแมพพรจกลลุงําชาาาพําอใาาาการ้าาคบผสัดหรหนนมิิตล่ือตอื่ยิร1จะรงืภู่อรรงงปนบลาํวกรนค้ี์ใาฏเๆจคคงบัผาหําณุรคาบิพรวณลนนจ็สดทนภคา ัตื้นติ สิิสอะังฤแทรกก1จจธนไพตใบกเณุาิกภทิตพนิตดนทบัษนพะุรัาจิ1ด้ล0อไสิร่ี า้ืนณัภกเี่คใี้อ่ื ตโดกยวรฏพกกิรแกน่างิตกลทาอลวสฑทอศสแรจิ้ไีลาาปือ่วรรจพกฒัมาุอกรปี่เบังราลกึชโรราระสสพังรรแลาทงดลาางบนยยกมุผมเะษัมหังบอกคลกลงื่อง่มุสย่ียวูรธกลาสคชเภาคบัพïïïïïวดะาปุกังณอืสพตชิทณรริตยวนังาุณรดผัดนนื้คารากรนัมอ่เา่ยีเภ่มิออ่มษาปภลํารขกมโขกทตุงกภมลใกวไภกงัาายเงเณโอศริตา้หาาอผตปนใี่ตารา้าดดอพดาจใาบะากึไรหบภพพขูคเง้มลหกนิรริมแำ�ปายงรยษจปาษมาปหแอวในแงกทารเเแ้กผกปุใยจดัมหพณน็านปาลมายนรมลราำ�ลตัเข่ีบไนะกจรมเีสเพะลูะนณินรน็ใะด์์ขกไาสแอใไมาะัาไบกเห่วกกผชเผปื่อยด้กเอจ้ดิรขรลทงก่ว์ทผอื มานจิาขปูใท้ลทมับคณใาปใน้ะาะมกนยชรงรลกศอห้อืรชติใฤุณํารรกมตรรูลำ�จบทเททจร่วิเไ้ตกกงภษน้ศกุะณงาาพไ้ัดสออภผรใรทีต่มี่มี่ตจจิรวปัโาตบฏริจภนสิ มกกินศีบางู้้ืนใยนจทิัยกคีพงชกัษกกีำทเต�ิชกพาาลาไกึ ชอหหัดขทร่วอยเณุสแดารฐรรร้บฤพแาแอษงนรแกียยามวรกัท่ีนธกไลิรกาษตรพลรภมงานอมลานผเรุัดสมาาาไี่จเิเิกหฏกยะล่เรายคัยก้ืนนแรละรดินกยพแมไสใธผาาใีงัพะลามนจริีเยิตดลทื่อร้คลรนนมิ่รุรหรพขรลงบกชหอืวทแบันณ้ไแากนะงาะ้เี่เเใการิตาดมุม่ิถลมปบตาชลแ่มีหจลงิจมกวยกดาาภสีศสแวชเมุ่ิมุมลนค่อื้สะคีดชาะมงัอรตายาานผาึกานใะงรลผชรรณุกุมขเนนรพรบ่มรินวรนปตษบูปรบนองชลสสโควจิสภิเคสสชหนคไน็สรดธาแงนพถติถดาอทัดิตาวา�าำกิรม์ย�ำลเม้ว1พภ่ืาแอนยนหรมมทกโกากรใาะนใดบผมกาทหรทรดวอืนไ่ียาใายายพับนนับนัด่ีจำ�ัรรรงังง้
จะไดนาํ ไปเขียนกรณศี กึ ษา การบรกิ ารการนวดแผนไทยท่ีมคี ุณภาพและผลติ ภาพในโอกาสตอไป

การนาํ ไปใชกบั การเรียนการสอนดงั กลา วสอดคลอ งกบั การทจ่ี ังหวัดมหาสารคามไดร ับการยกยอ งให

100 เอกสารประกอบการน�ำ เสนอผลงาน
ในงานการประชุมวชิ าการมหาวทิ ยาลยั มหาสารคามวจิ ัย ครั้งที่ 13 : สาขาทำ�นุบ�ำ รุงศลิ ปวฒั นธรรม”

ï การบูรณาการกับการวิจัย พบว่า ผู้สนใจไว้ใช้กับประโยชน์ส่วนตนจนทำ�ให้เกิด
โครงการการพัฒนาผลิตภัณฑ์การบริการนวด ทัศนคติท่ีดีต่อการนวดแผนไทยและสร้างการมี
แผนไทยเพื่อการสืบสานมรดกวัฒนธรรมไทยสู่ ส่วนร่วมในการทำ�นุบำ�รุงสิลปวัฒนธรรมการนวด
สากลของธุรกิจการบริการนวดแผนไทยในจังหวดั ให้คงอยสู่ ืบไป
มหาสารคาม สามารถพัฒนาต่อยอดไปสู่การ
วิจัยท่ีน่าสนใจในหลายหัวข้อและสามารถนำ� ผลลัพธ์จากการดำ�เนินงานโครงการ
ผลงานการวิจัยดังกล่าว นำ�เสนอในท่ีประชุมใน พบว่าการวิเคราะห์สถานการณ์ (SWOT) ของ
ระดับนานาชาติในโอกาสตอ่ ไป ดังน้ี กลมุ่ การแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลอื กใน
จังหวัดมหาสารคามที่ศึกษาอยู่ในขั้นของจุดอ่อน
ï การศกึ ษาการพฒั นาผลติ ภณั ฑข์ องการ และมีโอกาส (WO) ดังนั้นจึงควรมีการปรับปรุง
บริการนวดแผนไทยในจังหวัดมหาสารคาม กลุ่มให้ก้าวต่อไป โดยคณะผู้ศึกษาเห็นควรให้มี
การศึกษาและวิจัยเพิ่มเติมในรายละเอียดเชิงลึก
ï การพัฒนาการบริการนวดแผนไทย ถึง 4 กลยุทธ์หลักเพื่อช่วยนำ�พากลุ่มไปสู่ความ
สกู่ ารบริการนวดแผนไทยยังตา่ งประเทศ ได้เปรยี บในการแข่งขันทยี่ ่ังยืน ได้แก่ 1. สง่ เสริม
ให้บุคลากรการนวดได้มีการพัฒนาการเรียนรู้
ï การศึกษาการแปรรูปสมุนไพรเพื่อ แบบตลอดชวี ิต Organizational Learning (OL)
ทดแทนการใช้ยาเคมจี ากตา่ งประเทศ 2. การพัฒนากลุ่มให้มีกระบวนการผลิตท่ีมี
นวัตกรรมทั้งในแง่กระบวนการและผลิตภัณฑ์
ï การบูรณาการกับการทำ�นุบำ�รุง ซ่ึงตรงกับความต้องการของผู้ใช้บริการมากข้ึน
ศิลปวัฒนธรรม การนวดไทยจัดว่าเป็นมรดก Innovation Orientation (IO) 3. Organizational
ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ โบราณซงึ่ มอี ตั ลกั ษณก์ ารจดั การ Development (OD) การพัฒนาองค์กรทเี่ ข้มแข็ง
ตามวัฒนธรรมไทย แต่สามารถนำ�นวัตกรรมใหม่ ในแง่ของการพัฒนากลุ่มให้มีผลิตภัณฑ์ที่แปลก
มาประยุกต์เข้ากับวัฒนธรรมเดิมในการทำ�นวด ใหม่กว่าตลาด และ 4. การสร้างเครือข่ายแข็ง
แผนไทยได้ เช่น การตกแต่งสถานท่ีให้สวยงาม Strategic Alliance (SA) การจัดการเครือข่าย
การสร้างบรรยากาศที่ดีด้วยการใช้เพลงโบราณ เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้แก่กลุ่มการนวดแผน
ร่วมในการขับกล่อม การดื่มชาสมุนไพรร้อนๆ ไทยมีโมเดลกลยุทธ์การจัดการการนวดแผนไทย
เพอื่ ให้รา่ งกายอบอนุ่ เลอื ดลมเดินดตี ามปกติ และ ดงั ภาพประกอบ
ยังก่อให้เกิดแหล่งท่องเท่ียวเชิงสุขภาพด้วยการ
จัดทำ�พิพิธภัณฑ์การรักษาโรคตามตำ�รับโบราณ
พร้อมกับมีรูปปั้นแสดงการสาธิตท่านวดสำ�หรับ


Click to View FlipBook Version