วเิ คราะห์ศิลปกรรมคมุ้ เจ้านายฝา่ ยเหนือในลา้ นนา
โดย
นางสาวภษู ณศิ า ทองประทุม
วทิ ยานิพนธ์นเี้ ปน็ สว่ นหนง่ึ ของการศึกษาตามหลักสตู รศลิ ปศาสตรมหาบัณฑติ
สาขาวชิ าประวัตศิ าสตร์ศลิ ปะ แผน ก แบบ ก 2 ระดบั ปริญญามหาบัณฑิต
ภาควิชาประวัตศิ าสตรศ์ ลิ ปะ
บัณฑิตวิทยาลัย มหาวทิ ยาลยั ศิลปากร
ปกี ารศกึ ษา 2563
ลิขสทิ ธข์ิ องบัณฑติ วทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร
วิเคราะห์ศิลปกรรมคมุ้ เจ้านายฝ่ายเหนือในล้านนา
โดย
นางสาวภูษณิศา ทองประทุม
วทิ ยานิพนธน์ ี้เปน็ สว่ นหนง่ึ ของการศึกษาตามหลักสูตรศิลปศาสตรมหาบณั ฑิต
สาขาวิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ แผน ก แบบ ก 2 ระดับปริญญามหาบณั ฑิต
ภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ
บัณฑติ วทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลยั ศิลปากร
ปกี ารศึกษา 2563
ลิขสิทธ์ขิ องบัณฑติ วิทยาลยั มหาวทิ ยาลัยศลิ ปากร
ANALYSIS OF ARCHITECTURAL STYLES OF LANNA ROYAL HALLS.
By
MISS Pusanisa THONGPATUM
A Thesis Submitted in Partial Fulfillment of the Requirements
for Master of Arts (ART HISTORY)
Department of Art History
Graduate School, Silpakorn University
Academic Year 2020
Copyright of Graduate School, Silpakorn University
หวั ข้อ วิเคราะหศ์ ิลปกรรมคมุ้ เจา้ นายฝ่ายเหนือในล้านนา
โดย ภษู ณิศา ทองประทุม
สาขาวชิ า ประวตั ิศาสตรศ์ ิลปะ แผน ก แบบ ก 2 ระดับปรญิ ญามหาบัณฑิต
อาจารยท์ ป่ี รึกษาหลกั รองศาสตราจารย์ ดร. ประภัสสร์ ชวู ิเชยี ร
บณั ฑิตวทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลัยศิลปากร ไดร้ บั พจิ ารณาอนมุ ัติใหเ้ ป็นสว่ นหนง่ึ ของการศึกษา
ตามหลักสตู รศลิ ปศาสตรมหาบัณฑิต
คณบดบี ณั ฑติ วิทยาลยั
(รองศาสตราจารย์ ดร.จไุ รรตั น์ นันทานิช)
พจิ ารณาเหน็ ชอบโดย
(ศาสตราจารย์ ดร.ศกั ดิช์ ยั สายสิงห)์ ประธานกรรมการ
(รองศาสตราจารย์ ดร.ประภสั สร์ ชวู ิเชยี ร) อาจารยท์ ่ปี รึกษาหลกั
(นายอรณุ ศกั ด์ิ ก่งิ มณี ) ผู้ทรงคณุ วุฒิภายนอก
ง
บทคั ดย่อ ภาษาไทย
59107208 : ประวัตศิ าสตร์ศิลปะ แผน ก แบบ ก 2 ระดับปรญิ ญามหาบัณฑิต
คาสาคญั : คุม้ เจ้านายล้านนา, ศลิ ปะลา้ นนา, เรือนลา้ นนา, สถาปัตยกรรมลา้ นนา
นางสาว ภูษณิศา ทองประทุม: วิเคราะหศ์ ิลปกรรมค้มุ เจ้านายฝ่ายเหนือในล้านนา อาจารย์
ทป่ี รกึ ษาวิทยานิพนธ์หลัก : รองศาสตราจารย์ ดร. ประภัสสร์ ชูวิเชียร
การวิจัยครั้งน้ีมีจุดมุ่งหมายเพ่ือศึกษาวิเคราะห์ประเด็นต่างๆ ทางด้านรูปแบบศิลปกรรม
ของคุ้มเจ้าน ายฝ่ายเห นื อใน ล้าน น า ที่ ยังเห ลือห ลักฐาน ให้ ศึกษ าได้ จาน วน 10 ห ลัง
ในพนื้ ทภ่ี าคเหนอื ผลการวิจยั พบว่า
1. คุ้มเจ้านายล้านนาท้ัง 10 หลัง สามารถแบ่งตามที่มาทางด้านรูปแบบศิลปกรรมได้
ท้งั หมด 4 กลมุ่ ได้แก่
กลุ่มที่ 1 คุ้มที่มีลกั ษณะทางด้านสถาปตั ยกรรมแบบเรือนพ้นื ถิ่นล้านนา
กลุม่ ที่ 2 คุ้มทไี่ ดร้ ับอิทธิพลตะวนั ตกโดยตรงจากชาวตะวันตกท่มี ายังล้านนา
กลมุ่ ที่ 3 คมุ้ ท่ไี ด้รบั อทิ ธพิ ลเรือนไมแ้ บบตะวนั ตกจากกรุงเทพฯ
กลุ่มที่ 4 คุม้ ที่มีรปู แบบเปน็ อาคารทรงตึกแบบภาคกลาง (กรุงเทพฯ)
2. บริบททางด้านประวัตศิ าสตรท์ ี่สง่ อิทธพิ ลตอ่ รปู แบบศลิ ปกรรมของคุ้มเจ้านายลา้ นนา
คือ การตกเป็นประเทศราชของสยาม การเข้ามาของชาวตะวันตกในล้านนา กระแสความ นิยม
ตะวันตกในสยาม และการตดิ ตอ่ ค้าขายระหว่างล้านนากบั ผ้คู นจากพ้ืนที่อ่ืนๆ
3. รูปแบบศิลปกรรมคุ้มเจ้านายล้านนาสะท้อนให้เห็นถึงรสนิยมในแต่ละสมัยของชน
ชน้ั สงู ในล้านนา และการเขา้ มาของอทิ ธพิ ลจากภายนอกพนื้ ท่ี
จ
บทคั ดย่อ ภาษาอังกฤษ
59107208 : Major (ART HISTORY)
Keyword : Lanna Royal Halls, Lanna house, Khum Lanna
MISS PUSANISA THONGPATUM : ANALYSIS OF ARCHITECTURAL STYLES OF
LANNA ROYAL HALLS. THESIS ADVISOR : ASSOCIATE PROFESSOR PRABHASSARA
CHUVICHEAN, Ph.D.
The objective of this research is to study and analyze the issues related to
the art style of the Lanna Royal Halls, totally 10 houses located in Northern Part are
remained as evidences for study. The results of research were found that
1. Based on the origin of art styles, all 10 Lanna-style Houses can be divided
into 4 main groups as follows:
1st Group: Lanna Royal Halls with architectural style of Lanna local house.
2nd Group: Lanna Royal Halls which is directly influenced by westerners
who visited Lanna Kingdom.
3rd Group: Lanna Royal Halls which is influenced by western-style wooden
houses in Bangkok.
4th Group: Lanna Royal Halls with the building style and shape of houses in
central region (Bangkok).
2. The historical contexts influencing the art style of Lanna Royal Halls
included the becoming of tributary state of the Siamese Kingdom, the arrival of
westerners in Lanna Kingdom, the western trends in Siamese Kingdom, and the trade
relations between Lanna Kingdom and people from other areas.
3. The art style of Lanna Royal Halls reflected the artistic tastes of the
upper class in each period of Lanna Kingdom, and the entry of external influences.
ฉ
กิตตกิ รรมประกาศ
กิตติกรรมประกาศ
ต้นทางคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด และปลายทางคือจุดหมายที่ต้องการจะไปให้ถึง
เราจะเดนิ ทางจากจุดเร่ิมต้นไปยังจดุ หมายไมไ่ ด้เลย หากขาดเรือ่ งราวระหวา่ งทาง วิทยานพิ นธ์ฉบับนี้ถือ
ได้ว่าเป็นบทสรุปในเส้นทางหนึ่งที่ได้เลือกเดิน เร่ืองราวที่เกิดข้ึนระหว่างทางน้ันมีอยู่มากมาย แต่ส่ิงท่ี
ร้สู ึกขอบคุณเสมอคอื ผู้ที่คอยช่วยเหลือ และผลกั ดนั ใหส้ ามารถเดินทางมาจนถงึ จุดหมายปลายทาง
ป๋า แม่จ๋า น้าตาลทราย ยา่ ยาย ครอบครัวท่คี อยสนบั สนุนในทกุ เรื่อง และให้กาลังใจอยเู่ สมอ
ศาสตราจารย์ ดร.ศักด์ิชัย สายสิงห์ ซงึ่ ให้ความรู้เกี่ยวกับประวตั ิศาสตร์ศิลปะ ให้คาแนะนาใน
การเสนอหัวข้อ และเขยี นวทิ ยานิพนธ์ ตลอดจนทาหน้าที่ประธานกรรมการสอบเลม่ วิทยานพิ นธ์
รองศาสตราจารย์ ดร.ประภัสสร์ ชูวิเชียร ที่ปรึกษาในการทาวิทยานิพนธ์ ผู้เป็นส่วนสาคัญที่
ทาให้วทิ ยานิพนธฉ์ บบั นีเ้ สร็จสมบรู ณ์
รองศาสตราจารย์ ดร.รุ่งโรจน์ ธรรมรุ่งเรือง ศาสตราจารย์ ดร.เชษฐ์ ติงสัญชลี ผู้ช่วย
ศาสตราจารย์ ดร.อชิรัชญ์ ไชยพจน์พานิช ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พัสวีสิริ เปรมกุลนันท์ ผู้ให้ความรู้
และคาแนะนา ต้ังแตเ่ ริ่มเข้าศกึ ษาจนกระท่ังจบการศึกษา
อาจารย์ในภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร อาจารย์ใน
มหาลัยศิลปากร และมหาลัยวิทยาลัยอื่นๆ รวมไปถึงผู้เขียนหนังสือ เอกสารอ้างอิง หลักฐานและ
เจ้าของข้อมลู ที่ได้นามาใช้เป็นสว่ นหนงึ่ ของวิทยานิพนธ์ฉบับนี้
คุณอรุณศักด์ิ ก่ิงมณี ผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกในการสอบเล่มวิทยานิพนธ์ ซ่ึงให้คาแนะนาเพื่อ
พฒั นางานวิจัยตอ่ ไปในอนาคต
เพื่อนทุกคนที่คอยเป็นที่ปรึกษา ให้กาลังใจ สนับสนุน และพูดคุยแบ่งปันทุกข์สุขกันตลอดมา
ทั้งเพ่ือนเก่าที่ไม่เคยเก่าจากโรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย เพื่อนที่น่ารักเสมอจากภาควิชา
ประวัตศิ าสตร์ และเพื่อนคนอ่นื ๆ ในมหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่
เพ่ือนๆ พ่ีๆ และน้องๆ ภาควิชาประวัติศาสตรศ์ ิลปะ มหาวิทยาลัยศิลปากร แม้วา่ ช่วงเวลาท่ี
ไดไ้ ปใช้ชีวิตไปเรยี นที่ศลิ ปากรจะไม่นานเทา่ ไหรน่ กั แตท่ ุกคนเปน็ ความเป็นความประทับใจทมี่ คี า่ มาก
สุดท้ายน้ีขอขอบคุณเพื่อนร่วมทางคนสาคัญ ที่จับมือกันมาตลอดทาง เดินเคียงข้างกันมา
ตลอด หวงั วา่ เราจะเดนิ ไปด้วยกันในทกุ เส้นทาง และค่อยๆ เตบิ โตไปดว้ ยกันอย่างทเี่ คยเปน็ เสมอมา
ภษู ณศิ า ทองประทุม
สารบญั
หน้า
บทคัดย่อภาษาไทย.............................................................................................................................ง
บทคดั ย่อภาษาองั กฤษ....................................................................................................................... จ
กติ ตกิ รรมประกาศ............................................................................................................................. ฉ
สารบญั .............................................................................................................................................. ช
สารบัญตาราง .................................................................................................................................... ฏ
สารบญั ภาพ ...................................................................................................................................... ฐ
บทที่ 1 บทนา ................................................................................................................................. 19
1. ความเปน็ มาและความสาคัญของปัญหา................................................................................. 19
2. ความมุ่งหมายและวตั ถุประสงค์ของการศึกษา........................................................................ 21
3. สมมตฐิ านของการศึกษา ........................................................................................................ 22
4. ขอบเขตการศึกษา.................................................................................................................. 22
5. ข้นั ตอนของการศึกษา ............................................................................................................ 22
6. ประโยชน์ทค่ี าดวา่ จะไดร้ บั ..................................................................................................... 23
บทที่ 2 หลกั ฐานทางดา้ นประวัติศาสตร์ทมี่ ีความเก่ยี วข้องกับเร่ืองราวของคุ้มเจ้านายฝา่ ยเหนือใน
ลา้ นนา ............................................................................................................................................ 24
1. ความหมายของสถาปตั ยกรรมทีเ่ รียกวา่ คุ้ม ............................................................................ 24
2. หนา้ ที่การใชง้ านของอาคารค้มุ เจา้ นายฝ่ายเหนือ ................................................................... 24
2.1 สถานทสี่ าหรับพักอาศัยของเจ้านายฝ่ายเหนือ .............................................................. 25
2.2 สถานทวี่ ่าราชการ ประกอบพระราชพิธีสาคัญ และจดั กจิ กรรมท่วั ไป............................ 26
2.3 สถานท่ตี ้อนรับแขกบ้านแขกเมือง................................................................................. 28
2.4 สถานที่คมุ ขงั นักโทษ..................................................................................................... 29
ซ
3. ข้อมูลทว่ั ไปของคมุ้ เจ้านายฝา่ ยเหนือในลา้ นนาแต่ละหลงั ....................................................... 31
3.1. ค้มุ เจา้ นายฝา่ ยเหนอื ในจังหวดั เชยี งใหม่....................................................................... 31
1) คมุ้ เจา้ บุรีรัตน์ (เจา้ นอ้ ยมหาอินทร์)....................................................................... 31
2) คุ้มเจ้าบุรรี ัตน์ (เจ้านอ้ ยแก้วมงุ เมือง) .................................................................... 33
3) คุ้มบ้านท่งุ เสยี้ ว..................................................................................................... 35
4) คมุ้ เจา้ ราชบตุ ร (เจา้ สมพะมติ ร ณ เชยี งใหม่) ........................................................ 36
3.2. คุ้มเจา้ นายฝ่ายเหนอื ท่ีอยใู่ นจังหวัดลำพูน .................................................................... 37
1) คุ้มเจ้าหลวงจกั รคาขจรศักดิ์.................................................................................. 37
2) คุ้มเจ้ายอดเรือน.................................................................................................... 38
3.3. คุ้มเจ้านายฝา่ ยเหนอื ที่อยใู่ นจังหวดั แพร่....................................................................... 39
1) คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่ ........................................................................................... 39
2) คุ้มวงศ์บุรี ............................................................................................................. 40
3.4 คมุ้ เจา้ นายฝ่ายเหนือทอ่ี ยู่ในจงั หวดั น่าน........................................................................ 41
1) คุ้มเจ้าหลวงเมืองน่าน ........................................................................................... 41
2) คุ้มเจ้าราชบตุ ร (เจา้ หมอกฟา้ ณ น่าน) ................................................................. 43
สรุปหลกั ฐานทางด้านประวตั ิศาสตร์ทม่ี ีความเก่ียวข้องกับเรื่องราวของคุ้มเจา้ นายฝ่ายเหนือในล้านนา.... 44
บทท่ี 3 วเิ คราะห์รปู แบบทางด้านสถาปตั ยกรรมของค้มุ เจ้านายฝา่ ยเหนือในลา้ นนา ....................... 46
1. กลุ่มท่ี 1 คุ้มทม่ี ีลักษณะทางดา้ นสถาปัตยกรรมแบบเรือนพืน้ ถ่นิ ล้านนา................................. 46
1.1. คุม้ บ้านทุ่งเสย้ี ว จังหวดั เชยี งใหม่.................................................................................. 46
1) ผงั พ้ืนและการใช้งาน ............................................................................................ 46
2) รูปแบบสถาปัตยกรรม .......................................................................................... 48
3) งานประดับตกแตง่ ................................................................................................ 52
สรุปผลจากการวิเคราะห์คุ้มท่ีมีลกั ษณะทางดา้ นสถาปัตยกรรมแบบเรอื นพืน้ ถน่ิ ล้านนา ...... 53
2. กลุ่มที่ 2 คุ้มท่ีได้รับอิทธิพลตะวันตกโดยตรงจากชาวตะวนั ตกทอี่ ยู่อาศยั ในล้านนา ................ 54
ฌ
2.1. คุ้มเจ้าบุรีรัตน์ (เจ้ามหาอินทร)์ จังหวัดเชียงใหม่........................................................... 54
1) ผงั พื้นและการใชง้ าน ............................................................................................ 54
2) รูปแบบสถาปตั ยกรรม .......................................................................................... 56
3) งานประดับตกแตง่ ................................................................................................ 59
2.2. คุม้ เจ้ายอดเรือน จังหวัดลาพูน..................................................................................... 61
1) ผังพ้นื และการใชง้ าน ............................................................................................ 61
2) รูปแบบสถาปตั ยกรรม .......................................................................................... 62
3) งานประดับตกแตง่ ................................................................................................ 64
สรปุ ผลจากการวเิ คราะห์คมุ้ ท่ีได้รับอิทธิพลตะวนั ตกโดยตรงจากชาวตะวันตกท่ีมายงั ลา้ นนา65
3. กล่มุ ที่ 3 คมุ้ ทไ่ี ดร้ บั อิทธิพลเรือนไม้แบบตะวนั ตกจากกรุงเทพฯ ............................................. 67
3.1. คุ้มเจา้ บรุ รี ตั น์ (เจ้านอ้ ยแกว้ มุงเมือง) จังหวดั เชยี งใหม่ ................................................. 67
1) ผงั พื้นและการใช้งาน ............................................................................................ 67
2) รปู แบบสถาปัตยกรรม .......................................................................................... 69
3) งานประดับตกแตง่ ................................................................................................ 71
3.2. คมุ้ วงศบ์ รุ ี จงั หวดั แพร่............................................................................................... 72
1) ผังพื้นและการใช้งาน ............................................................................................ 72
2) รูปแบบสถาปตั ยกรรม .......................................................................................... 75
3) งานประดับตกแต่ง................................................................................................ 78
3.3. คมุ้ เจ้าราชบุตร (หมอกฟ้า ณ นา่ น) จงั หวดั น่าน........................................................... 80
1) ผงั พื้นและการใชง้ าน ............................................................................................ 80
2) รูปแบบสถาปตั ยกรรม .......................................................................................... 82
3) งานประดับตกแต่ง................................................................................................ 85
3.4. คุ้มเจ้าราชบตุ ร (เจ้าสมพะมติ ร ณ เชยี งใหม)่ จงั หวดั เชยี งใหม่ ..................................... 87
1) ผังพืน้ และการใชง้ าน ............................................................................................ 87
ญ
2) รูปแบบสถาปตั ยกรรม .......................................................................................... 89
3) งานประดับตกแต่ง................................................................................................ 92
สรปุ ผลจากการวิเคราะห์คุ้มที่ได้รับอิทธพิ ลเรือนไมแ้ บบตะวันตกจากกรงุ เทพฯ................... 92
4. กลมุ่ ที่ 4 คุ้มท่มี รี ูปแบบเป็นอาคารทรงตกึ แบบภาคกลาง (กรุงเทพฯ)..................................... 94
4.1. ค้มุ เจา้ หลวง จงั หวดั แพร่.............................................................................................. 94
1) ผงั พ้นื และการใช้งาน ............................................................................................ 94
2) รปู แบบสถาปัตยกรรม .......................................................................................... 97
3) งานประดับตกแต่ง................................................................................................ 99
4.2. หอคาหลวง จงั หวัดน่าน.............................................................................................103
1) ผังพนื้ และการใช้งาน ..........................................................................................103
2) รปู แบบสถาปตั ยกรรม ........................................................................................105
3) งานประดับตกแตง่ ..............................................................................................107
4.3. คุม้ เจา้ หลวงจักรคาขจรศักด์ิ จังหวดั ลาพูน.................................................................111
1) ผงั พนื้ และการใชง้ าน ..........................................................................................111
2) รูปแบบสถาปัตยกรรม ........................................................................................113
3) งานประดับตกแตง่ ..............................................................................................115
สรุปผลจากการวิเคราะห์คมุ้ ที่มีรูปแบบเปน็ อาคารทรงตกึ แบบภาคกลาง (กรุงเทพฯ) ........116
วเิ คราะห์รูปแบบทางด้านสถาปตั ยกรรมของคุ้มเจ้านายฝา่ ยเหนือในลา้ นนา .............................117
บทที่ 4 บริบททางดา้ นประวัติศาสตร์ทส่ี ง่ ผลต่อรปู แบบศลิ ปกรรมค้มุ เจา้ นายฝา่ ยเหนือในล้านนา.120
1. การตกเป็นประเทศราชของสยาม .................................................................................120
2. บทบาทของชาวตะวันตกในล้านนาและกระแสความนิยมตะวันตกในสยามในชว่ งปี พ.ศ. 2400เป็นต้นไป
............................................................................................................................... 122
3. การติดต่อคา้ ขายระหว่างล้านนากบั ผู้คนจากดนิ แดนอ่นื ๆ.............................................124
สรุปบรบิ ททางด้านประวัติศาสตรท์ ี่ส่งผลต่อรูปแบบศิลปกรรมคุม้ เจา้ นายฝา่ ยเหนือในลา้ นนา..126
ฎ
บทท่ี 5 บทสรปุ และข้อเสนอแนะ.................................................................................................127
รายการอ้างองิ ...............................................................................................................................130
ภาคผนวก...................................................................................................................................... 133
ประวัตผิ เู้ ขยี น................................................................................................................................138
สารบัญตาราง
หนา้
ตารางที่ 1 ข้อมลู เบื้องต้นของคมุ้ เจา้ นายฝา่ ยเหนือในจังหวัดเชียงใหม่ ..........................................134
ตารางที่ 2 ข้อมลู เบ้ืองต้นของค้มุ เจา้ นายฝา่ ยเหนือในจังหวัดลาพูน...............................................135
ตารางที่ 3 ข้อมูลเบ้ืองตน้ ของคุ้มเจ้านายฝา่ ยเหนือในจงั หวัดแพร่..................................................136
ตารางที่ 4 ข้อมูลเบ้ืองต้นของคุ้มเจ้านายฝ่ายเหนือในจังหวัดน่าน .................................................137
สารบัญภาพ
หนา้
ภาพที่ 1 อาคารคุ้มเจ้าบุรรี ตั น์ (เจา้ น้อยมหาอินทร์) จังหวัดเชยี งใหม่.............................................. 33
ภาพท่ี 2 อาคารคุ้มเจา้ บุรีรตั น์ (เจ้าแก้วมงุ เมอื ง) จงั หวดั เชียงใหม่................................................... 35
ภาพท่ี 3 อาคารคุ้มบ้านทุง่ เส้ียว อาเภอสันปา่ ตอง จงั หวัดเชียงใหม่ ................................................ 36
ภาพท่ี 4 คุ้มเจา้ ราชบตุ ร (เจา้ สมพะมิตร ณ เชยี งใหม่) จงั หวดั เชียงใหม่.......................................... 36
ภาพท่ี 5 อาคารคุ้มเจ้าหลวงจกั รคาขจรศักด์ิ จังหวัดลาพนู ............................................................. 37
ภาพที่ 6 อาคารคุ้มเจ้ายอดเรอื น จังหวัดลาพนู ............................................................................... 39
ภาพที่ 7 อาคารคุ้มเจ้าหลวงเมอื งแพร่ จังหวัดแพร่.......................................................................... 40
ภาพท่ี 8 อาคารคุ้มวงศบ์ ุรี จงั หวัดแพร่............................................................................................ 41
ภาพที่ 9 อาคารหอคาเก่าเมืองนา่ น พพิ ธิ ภัณฑสถานแหง่ ชาติ จงั หวัดน่าน...................................... 43
ภาพที่ 10 อาคารค้มุ เจา้ ราชบุตร (เจา้ หมอกฟา้ ณ น่าน) จงั หวดั น่าน ............................................. 44
ภาพท่ี 11 ภาพแสดงผังพ้ืนคุ้มบ้านทงุ่ เสีย้ ว จงั หวดั เชยี งใหม่ ........................................................... 47
ภาพท่ี 12 การวางเสารอบตวั เรอื นและการถมพ้นื ........................................................................... 48
ภาพท่ี 13 การวางเสาบริเวณใต้ถนุ .................................................................................................. 49
ภาพที่ 14 เสาที่ปรากฎรอ่ งรอยของการถากไม้................................................................................ 49
ภาพที่ 15 ฝาผนงั นอกตัวเรอื น ........................................................................................................ 50
ภาพท่ี 16 ฝาผนังในตวั เรือน ........................................................................................................... 50
ภาพท่ี 17 กระเบื้องปูหลังคา........................................................................................................... 51
ภาพที่ 18 โครงสร้างหลงั คาบริเวณเติน๋ ชว่ งรอยต่อของหลังคาปีกนก .............................................. 51
ภาพที่ 19 หน้าจว่ั ทางด้านทศิ เหนือของเรอื น .................................................................................. 52
ภาพที่ 20 ชอ่ งแสงเหนอื บานประตู ................................................................................................. 52
ภาพท่ี 21 ภาพแสดงผงั พน้ื ชั้นลา่ งค้มุ เจ้าบรุ รี ัตน์ (เจา้ มหาอนิ ทร)์ จังหวัดเชยี งใหม่ ......................... 55
ฑ
ภาพที่ 22 ภาพแสดงผงั พื้นชั้นบนคุ้มเจา้ บุรีรตั น์ (เจา้ มหาอินทร)์ จังหวัดเชียงใหม่ .......................... 55
ภาพที่ 23 เสาและการปูพ้ืนบรเิ วณชั้นล่าง....................................................................................... 56
ภาพท่ี 24 เสาและการปูพ้ืนบรเิ วณชน้ั บน ....................................................................................... 56
ภาพท่ี 25 รูปแบบของบานประตู .................................................................................................... 57
ภาพที่ 26 รปู แบบของบานหนา้ ตา่ ง ................................................................................................ 58
ภาพที่ 27 กระเบื้องหลงั คาในปจั จบุ ัน ............................................................................................. 58
ภาพที่ 28 กระเบ้ืองดินขอที่ใชต้ ั้งแต่คราวแรกสรา้ งจนถึงปี พ.ศ. 2547........................................... 59
ภาพท่ี 29 กระเบ้ืองดนิ ขอท่ีใชใ้ นปี พ.ศ. 2548 จนถึงปัจจุบนั ......................................................... 59
ภาพที่ 30 หนา้ จัว่ ทางด้านทศิ เหนือ................................................................................................. 59
ภาพท่ี 31 หน้าจ่วั ทางด้านทศิ ตะวนั ออก ......................................................................................... 59
ภาพที่ 32 ลายฉลุราวระเบียง.......................................................................................................... 60
ภาพท่ี 33 ลายฉลุซ้มุ โค้งระหวา่ งเสา ............................................................................................... 60
ภาพท่ี 34 ภาพแสดงผงั พน้ื ช้ันลา่ งค้มุ เจ้ายอดเรือน จังหวัดลาพูน.................................................... 61
ภาพท่ี 35 ภาพแสดงผังพน้ื ช้ันบนคมุ้ เจา้ ยอดเรอื น จังหวดั ลาพนู .................................................... 62
ภาพท่ี 36 บริเวณใต้ถุน................................................................................................................... 63
ภาพที่ 37 โครงสรา้ งและการปูพน้ื ภายในเรอื น................................................................................ 63
ภาพที่ 38 หลงั คาไมส้ ักเนอื้ แข็ง....................................................................................................... 64
ภาพที่ 39 สรไนประดบั บริเวณมุมยอดจว่ั และชายคา ...................................................................... 65
ภาพท่ี 40 สรไนประดับบริเวณมมุ ยอดจว่ั และชายคา ...................................................................... 65
ภาพท่ี 41 ภาพแสดงผังพื้นช้ันลา่ งค้มุ เจ้าบุรรี ตั น์ (เจา้ แก้วมุงเมือง) จงั หวัดเชยี งใหม่ ....................... 68
ภาพที่ 42 ภาพแสดงผงั พน้ื ชั้นบนคุ้มเจ้าบุรีรตั น์ (เจ้าแก้วมุงเมือง) จงั หวัดเชียงใหม่........................ 69
ภาพท่ี 43 ดา้ นหลงั ของคุ้มเจ้าบุรรี ตั น์ (เจ้าน้อยแก้วมุงเมือง) จังหวัดเชียงใหม่ แสดงใหเ้ ห็นภาพรวมของ
โครงสรา้ งตัวอาคาร............................................................................................................................. 69
ภาพที่ 44 รปู แบบของผนงั ที่แตกต่างกนั ทง้ั สามสว่ น ....................................................................... 70
ฒ
ภาพท่ี 45 รูปแบบและวัสดุมุงหลังคา .............................................................................................. 70
ภาพที่ 46 หนา้ จว่ั และมมุ จว่ั หลงั คา................................................................................................. 71
ภาพที่ 47 ลายประดบั ตกแต่งบรเิ วณหน้าจ่ัว ................................................................................... 71
ภาพท่ี 48 บานประตแู ละบานหน้าตา่ งบริเวณชน้ั ล่าง...................................................................... 72
ภาพที่ 49 ภาพแสดงผงั พนื้ ชั้นลา่ งคมุ้ วงศบ์ รุ ี จงั หวดั แพร่............................................................... 73
ภาพท่ี 50 ภาพแสดงผงั พื้นช้ันบนคมุ้ วงศ์บรุ ี จงั หวดั แพร่ ............................................................... 74
ภาพที่ 51 เรือนหลักบรเิ วณชั้นลา่ ง.................................................................................................. 75
ภาพที่ 52 ทางเช่อื มระหว่างเรือนหลกั และเรือนรอง........................................................................ 75
ภาพที่ 53 โครงสรา้ งเรือนชั้นบน ..................................................................................................... 76
ภาพที่ 54 ผนงั ชน้ั ลา่ งของเรือน....................................................................................................... 76
ภาพที่ 55 ผนังชั้นบนของเรือน........................................................................................................ 77
ภาพท่ี 56 กระเบ้ืองหลังคาในปัจจบุ นั ............................................................................................. 77
ภาพที่ 57 หนา้ จวั่ บริเวณมุขของเรือน ............................................................................................. 78
ภาพท่ี 58 ลวดลายภายในกรอบหนา้ จั่ว .......................................................................................... 78
ภาพท่ี 59 ลวดลายประดับสันหลงั คา .............................................................................................. 78
ภาพท่ี 60 บานประตูและลวดลายประดบั เหนอื บานประตู .............................................................. 79
ภาพที่ 61 ลวดลายไม้ฉลรุ าวระเบียงและกนั สาด............................................................................. 79
ภาพที่ 62 ลวดลายไม้ฉลุราวระเบยี ง ............................................................................................... 80
ภาพที่ 63 ลวดลายไม้ฉลุกันสาด...................................................................................................... 80
ภาพท่ี 64 ภาพแสดงผังพน้ื บรเิ วณชั้นลา่ งของคมุ้ เจา้ ราชบุตร จังหวดั น่าน....................................... 81
ภาพท่ี 65 ภาพแสดงผังพืน้ บรเิ วณชน้ั บนของคุ้มเจ้าราชบตุ ร จังหวดั น่าน ....................................... 81
ภาพที่ 66 แสดงใหเ้ ห็นการเสริมปูนซีเมนตแ์ ละพ้ืนคอนกรตี ............................................................ 82
ภาพที่ 67 เสาและการปูพ้ืนบรเิ วณชั้นบน ....................................................................................... 82
ภาพท่ี 68 ผนงั ด้านนอกเรือนชน้ั บนและชน้ั ลา่ ง .............................................................................. 83
ณ
ภาพที่ 69 ผนังดา้ นในเรือนชั้นลา่ ง .................................................................................................. 83
ภาพที่ 70 ผนงั ด้านในเรือนช้ันบน ................................................................................................... 84
ภาพท่ี 71 ผนงั ดา้ นนอกเรือนชน้ั บน................................................................................................ 84
ภาพท่ี 72 รปู แบบหลังคาหวั ตัด ...................................................................................................... 85
ภาพที่ 73 ลวดลายประดับบริเวณหน้าจ่ัวหวั ตัด .............................................................................. 85
ภาพท่ี 74 ลวดลายประดบั เชิงชาย .................................................................................................. 85
ภาพที่ 75 ลวดลายประดบั ช่องลม................................................................................................... 86
ภาพที่ 76 รูปแบบของบานหนา้ ตา่ งชน้ั ล่าง ..................................................................................... 86
ภาพท่ี 77 รปู แบบของบานหนา้ ตา่ งชนั้ บน ซึ่งเหนอื บานหน้าต่างประดบั ตกแต่งด้วยแผ่นกระจก .... 86
ภาพท่ี 78 ลวดลายฉลรุ าวระเบียง ................................................................................................... 87
ภาพท่ี 79 ภาพแสดงผงั พื้นชั้นลา่ งคุ้มเจ้าราชบตุ ร (เจา้ สมพะมติ ร ณ เชยี งใหม่) .............................. 88
ภาพที่ 80 ภาพแสดงผังพนื้ ช้ันบนคุ้มเจ้าราชบตุ ร (เจ้าสมพะมิตร ณ เชยี งใหม)่ ............................... 88
ภาพที่ 81 ภาพแสดงผังพื้นบริเวณโดยรอบคุ้มเจ้าราชบตุ ร (เจา้ สมพะมติ ร ณ เชียงใหม)่ จงั หวดั
เชยี งใหม่.......................................................................................................................................... 89
ภาพที่ 82 ส่วนฐานของเรอื นท่กี ่อด้วยอิฐและคอนกรีต.................................................................... 90
ภาพที่ 83 รูปแบบของผนงั .............................................................................................................. 90
ภาพท่ี 84 กระเบ้ืองหลังคาในปัจจบุ ัน ............................................................................................. 91
ภาพที่ 85 กระเบื้องหลังคาของเรือนหลังเล็กรอบข่วงบ้าน .............................................................. 91
ภาพที่ 86 รปู แบบบานหนา้ ต่าง....................................................................................................... 92
ภาพท่ี 87 ภาพแสดงผงั พ้ืนชั้นใต้ดนิ คุ้มเจ้าหลวง จงั หวดั แพร่.......................................................... 95
ภาพที่ 88 ภาพแสดงผังพืน้ ช้ันล่างคุม้ เจา้ หลวง จังหวดั แพร่............................................................. 95
ภาพที่ 89 ภาพแสดงผงั พืน้ ช้ันบนค้มุ เจ้าหลวง จงั หวดั แพร่ ............................................................. 96
ภาพที่ 90 การปูพ้ืนดว้ ยไม้ บรเิ วณพื้นมชี ่องสาหรบั ส่งของ.............................................................. 97
ภาพท่ี 91 ผนงั ของอาคารบรเิ วณระเบยี งชน้ั บน .............................................................................. 97
ด
ภาพท่ี 92 สขี องผนังห้องโถงกลางช้ันบน......................................................................................... 98
ภาพที่ 93 กระเบ้ืองหลังคาในปจั จบุ นั ............................................................................................. 98
ภาพที่ 94 ลายฉลบุ รเิ วณกรอบหน้าจว่ั และเสากลึง ......................................................................... 99
ภาพท่ี 95 ลายฉลบุ รเิ วณเชิงชาย..................................................................................................... 99
ภาพที่ 96 ลายฉลุบริเวณคันทวย..................................................................................................... 99
ภาพท่ี 97 หน้าตา่ งบรเิ วณมุข........................................................................................................100
ภาพที่ 98 ลวดลายเหนอื กรอบหนา้ ตา่ งบริเวณมุข.........................................................................100
ภาพที่ 99 บานหนา้ ตา่ งชั้นลา่ ง......................................................................................................101
ภาพที่ 100 บานหน้าตา่ งชนั้ บน ....................................................................................................101
ภาพท่ี 101 ตาแหนง่ ของช่องแสงบริเวณมุข ..................................................................................102
ภาพท่ี 102 ลวดลายไม้ฉลุ.............................................................................................................102
ภาพท่ี 103 ลวดลายไมฉ้ ลรุ าวระเบียง...........................................................................................102
ภาพที่ 104 ภาพแสดงผงั พืน้ ชัน้ ล่างหอคาหลวง จังหวัดน่าน .........................................................103
ภาพที่ 105 ภาพแสดงผังพ้ืนชั้นบนหอคาหลวง จงั หวัดน่าน ..........................................................104
ภาพที่ 106 ภายในอาคารชั้นบน ...................................................................................................105
ภาพท่ี 107 สผี นงั ของอาคารหอคาหลวงเมืองน่าน ........................................................................106
ภาพที่ 108 หลงั คาหอคาหลวง จงั หวัดน่านในปจั จุบัน ..................................................................106
ภาพท่ี 109 วสั ดุมงุ หลังคาในปัจจบุ นั .............................................................................................107
ภาพท่ี 110 ลายบรเิ วณหนา้ จ่ัว......................................................................................................107
ภาพท่ี 111 องคป์ ระกอบของเครือ่ งหลงั คา...................................................................................108
ภาพที่ 112 ลายไม้ฉลุบรเิ วณเชงิ ชายและคนั ทวย ..........................................................................108
ภาพที่ 113 ซุ้มประตูทางเขา้ อาคาร...............................................................................................108
ภาพที่ 114 บานประตภู ายในอาคาร .............................................................................................109
ภาพที่ 115 ลวดลายบริเวณกรอบเหนอื บานประตู ........................................................................109
ต
ภาพท่ี 116 บานหนา้ ต่างชั้นลา่ งและช้ันบน...................................................................................109
ภาพท่ี 117 บานหนา้ ต่างชน้ั บน ....................................................................................................110
ภาพที่ 118 ตาแหน่งของชอ่ งลม....................................................................................................110
ภาพที่ 119 ลวดลายไม้ฉลบุ รเิ วณช่องลม.......................................................................................110
ภาพท่ี 120 ภาพรวมของอาคารคุม้ เจา้ หลวงจกั รคาขจรศักดิ์.........................................................114
ภาพท่ี 121 คุ้มเจา้ หลวงจักรคาขจรศักดิใ์ นขณะทย่ี ังไมไ่ ด้ทาการทาสีใหม่ .....................................114
ภาพท่ี 122 กระเบ้ืองซีเมนต์มุงหลังคา ..........................................................................................114
ภาพที่ 123 ลวดลายประดับตกแต่งหน้าจัว่ ...................................................................................115
19
บทที่ 1
บทนา
1. ความเปน็ มาและความสาคัญของปัญหา
งานสถาปัตยกรรมที่เรยี กว่าคุ้ม คุ้มหลวง หอคา หรือเวยี งแก้ว หมายถึงที่อยู่อาศัยของเจ้านาย
หรือชนชั้นสูงในล้านนา หลักฐานท่ียังปรากฏชัดและมีสภาพที่ค่อนข้างสมบูรณ์เพียงพอจะศึกษาได้
ทั้งหมดเป็นคุ้มท่ีอยู่ในชว่ งพุทธศตวรรษท่ี 25 นอกจากหลกั ฐานของคุ้มท่ีปรากฏในเมืองเชียงใหม่แล้ว
คุ้มยังมีหลักฐานท่ีหลงเหลือให้ศึกษาอยู่ในเมืองแพร่ เมืองน่าน และเมืองลาพูน คุ้มเหล่าน้ีมีรูปแบบ
ทางดา้ นสถาปัตยกรรมบางประการท่ีชวนให้นึกถึงงานสถาปัตยกรรมของอาคารที่มีฐานะเป็นอยอู่ าศัย
หรือที่พักของพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ในกรุงเทพฯ ซ่ึงสร้างข้ึนในช่วงเวลาที่ใกล้เคียง
กันอันได้แก่ พระบรมหาราชวัง พระที่นั่ง และพระตาหนัก อย่างไรก็ตามคุ้มหลายหลังก็มีลักษณะ
ทางสถาปัตยกรรมท่ีมีเอกลักษณ์ของตนเองและมีลักษณะท่ีแตกต่างจากอาคารท่ีปรากฏในกรุงเทพฯ
จึงทาให้เกิดข้อสังเกตถึงท่ีมาของรูปแบบสถาปัตยกรรมของคุ้มเจ้านายฝ่ายเหนือท่ีปรากฏในล้านนา
เหลา่ นี้
จ า ก ก า ร ศึ ก ษ า จ า ก ห ลั ก ฐ า น ท า งด้ าน เอ ก ส าร แ ล ะ ก าร ล งส า รว จ ใน เบ้ื อ งต้ น แ ล้ ว พ บ ว่ า
คุ้มเจ้านายฝ่ายเหนือใน ล้านนาซึ่งเป็นหลักฐานที่ยังหลงเหลืออยู่ในลักษณ ะท่ีสมบูรณ์
มีอยู่ทั้งหมด 10 หลัง โดยตั้งอยู่ในเมืองเชียงใหม่ 4 หลัง ลาพูน 2 หลัง เมืองแพร่ 2 หลัง
และเมืองน่าน 2 หลัง อาคารทั้ง 10 หลังในเมืองเชียงใหม่ ได้แก่ คุ้มเจ้าบุรีรัตน์ (คุ้มเจ้าแก้วมุงเมือง)
คุ้มเจ้าบุรีรัตน์ (คุ้มเจ้ามหาอินทร์)1 ตาหนักบ้านทุ่งเสี้ยว คุ้มเจ้าราชบุตร (คุ้มเจ้าสมพะมิตร
ณ เชี ย งให ม่ ) ส่ ว น 2 ห ลั งใน เมื อ งแ พ ร่ได้ แ ก่ คุ้ ม เจ้ าห ล ว งเมื อ งแ พ ร่ บ้ าน ว งศ์ บุ รี
อีก 2 หลังในเมืองน่าน คือ หอคาหลวงเมืองน่าน และคุ้มเจ้าราชบุตร (หมอกฟ้า ณ น่าน) 2
และในเมืองลาพูน ไดแ้ ก่ คมุ้ เจา้ หลวงจกั รคาขจรศักดิ์ และคมุ้ เจา้ ยอดเรอื น3
1 นพพร หตั ถา, ค้มุ เจา้ นายล้านนา (กรุงเทพฯ: วันชนะ, 2545), 9.
2 เร่อื งเดียวกัน.
3 วิฑู ร ย์ เห ลี ย ว รุ่งเรื อ ง , คุ้ ม เจ้ าค รอ งน ค รเชี ย งให ม่ แ ล ะ คุ้ ม เจ้ าบุ รี รัต น์ (เชี ย งให ม่ :
มหาวิทยาลยั เชยี งใหม่, 2544), 11-17.
20
คุ้มเจ้านายฝ่ายเหนือท้ัง 10 หลังท่ีได้กล่าวถึงในข้างต้นมีทั้งรูปแบบท่ีมีลักษณ ะ
ของสถาปัตยกรรมท้องถ่ินล้านนาและได้รับอิทธิพลจากตะวันตก โดยส่วนใหญ่แล้วได้รับอิทธิพล
จากตะวันตกในยุคล่าอาณานิคมช่วงที่ตกเป็นประเทศราชของสยาม แต่ก็มีลักษณะที่แตกต่างกัน
ออกไปทั้งในด้านของรูปแบบทางด้านสถาปัตยกรรม ลวดลายการประดับตกแต่ง รวมทั้งจุดประสงค์
ในการใช้งาน ทั้งนี้คุ้มบางแห่งได้ถูกปรับเปล่ียนและซ่อมแซมเพ่ือการอนุรักษ์และให้ตรงกับ
จุดประสงคข์ องการใชง้ านในปัจจบุ นั
โดยในหนังสือเร่ือง คุ้มเจ้านายล้านนา ของ นพพร หัตถา ได้อธิบายลักษณะของคุ้มจานวน
10 หลัง ตามลักษณะโครงสร้างด้วยรวมท่ียังสามารถนามาศึกษาได้ดังนี้ คุ้มที่สร้างตามรูปแบบ
ของสถาปัตยกรรมท้องถ่ินล้านนา คุ้มท่ีมีการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมล้านนาและตะวันตก
และคุ้มท่ีได้สร้างตามแบบแผนจากตะวันตก 4 อย่างไรก็ตามงานเขียนของ นพพร หัตถา
ได้ทาการแบ่งรูปแบบของคุ้มตามลักษณะโครงสร้างเท่านั้น แต่ไม่ได้กล่าวถึงที่มาทางด้านรูปแบบ
และความสาคญั ทางดา้ นประวัตศิ าสตรข์ องคุม้ เจ้านายฝ่ายเหนอื เหล่าน้ีเลย
น อ ก จ าก ก าร แ บ่ งรู ป แ บ บ ส ถ าปั ต ย ก ร ร ม คุ้ ม เจ้ าน าย ฝ่ าย เห นื อ ต าม ลั ก ษ ณ ะ โค ร งส ร้ าง
ของ นพพร หัตถา แล้วได้มีผู้ที่ทาการศึกษาเกี่ยวกับคุ้มเจ้านายฝ่ายเหนือในประเด็นอ่ืนอีก
ได้แก่ การนาเรื่องราวของคุ้มจากหลักฐานทางด้านเอกสารมาอธิบายในเชิงของสัญลักษณ์ทาง
ประวัติศาสตร์5 แต่ผู้ท่ีนาเสนอประเด็นนี้ให้ความสาคัญกับหลักฐานทางด้านประวัติศาสตร์
และมุ่งเน้นที่จะอธิบายในเชิงสัญลักษณ์มากเกินไป จนมองข้ามการวิเคราะห์ทางด้านศิลปกรรม
ของคุม้
จากท่ีได้กล่าวมาจะพบว่าในการศึกษาเกี่ยวกับคุ้มเจ้านายฝ่ายเหนือในล้านนาที่ได้มีผู้
ทาการศึกษาไว้แล้วนั้น มักจะนาเสนอเรอ่ื งราวของคมุ้ เพียงดา้ นเดยี ว โดยขาดการเชือ่ มโยงกนั ระหว่าง
หลักฐานทางด้านศลิ ปกรรมและหลักฐานทางด้านประวัติศาสตร์ ผ้ทู มี่ ุง่ เนน้ ศึกษาทางดา้ นรปู แบบ
4 นพพร หตั ถา, ค้มุ เจา้ นายล้านนา (กรุงเทพฯ: วนั ชนะ, 2545), 9-62.
5 ภเู ดช แสนสา, คุ้มหลวง หอคา เวยี งแกว้ สัญญะขตั ยิ ะลา้ นนา (กรุงเทพฯ: กองบุญหมน่ื ฟ้า, 2556).
21
ศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมก็กล่าวถึงเพียงแค่ส่ิงท่ีตนเองศึกษา ในขณะเดียวกันผู้ที่ศึกษาทางด้าน
ประวัติศาสตร์ก็ศึกษาแค่เพียงหลักฐานทางด้านเอกสาร โดยไม่ได้สนใจรูปแบบศิลปกรรม
ของคุ้มเจ้านายฝ่ายเหนือ ยิ่งไปกว่านั้นงานเขียนเหล่านี้ยังกล่าวถึงที่มาทางด้านรูปแบบ
ของคุ้มน้อยมาก กล่าวกนั เพียงแค่ว่าได้รับอิทธิพลมาจากสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก แต่ไม่ได้อธิบาย
ว่ารูปแบบสถาปัตยกรรมตะวันตกเหล่าน้ีส่งอิทธิพลให้ดินแดนล้านนาจากทางใดบ้างและผ่านคน
กลุ่มใด ทั้งๆ ท่ีเมื่อได้ทาการศึกษาอย่างละเอียดแล้ว จะพบว่ามีหลักฐานทางประวัติศาสตร์มากมาย
ที่สอดคล้องกับการมีอยู่ของงานสถาปัตยกรรมท่ีเรียกว่าคุ้ม เช่น การท่ีล้านนาตกเป็นประเทศราช
ของกรุงเทพฯ การเข้ามาของชาวตะวันตกในล้านนา และการตกเป็นอาณานิคมของดินแดนท่ีอยู่ใน
บรเิ วณใกล้เคยี งกบั กรุงเทพฯ และล้านนา6
ดังนั้นในการศึกษาครงั้ น้ีจะศกึ ษาถึงประเด็นซึ่งเป็นประเด็นท่สี าคัญและนา่ สนใจ แต่ยงั ไม่มีผู้ใด
กล่าวถึงอย่างละเอียด ได้แก่ประเด็นทางด้านท่ีมาของรูปแบบศิลปกรรมคุ้มเจ้านายฝ่ายเหนือ ซึ่งใน
ประเด็นนี้จะต้องทาการศึกษาทั้งรูปแบบทางศิลปกรรม สถาปัตยกรรม และพ้ืนที่ใช้งานของคุ้มที่
ปรากฏในล้านนาแต่ละหลัง เพื่อนาไปเชื่อมโยงกับรูปแบบศิลปกรรมของกลุ่มอาคารที่สันนิษฐานว่า
เป็นรูปแบบของอาคารท่ีส่งอิทธิพลให้กับรูปแบบของคุ้มเจ้านายฝ่ายเหนือในล้านนา การวิเคราะห์
ในประเด็นนี้นอกจากจะทาให้ทราบถึงท่ีมาทางด้านรูปแบบศิลปกรรมของคุ้ มเจ้านายฝ่ายเหนือ
ในล้านนาแล้ว ยังช่วยอธิบายให้เห็นถึงความสัมพันธ์กันระหว่างการมีอยู่ของศิลปกรรมท่ีเรียกว่า
คุ้ม และประวัติศาสตร์สังคมล้านนาในช่วงราชวงศ์เจ้าเจ็ดตนตอนปลาย โดยเฉพาะความนิยม
และทัศนคติของชนชน้ั นาล้านนาทม่ี ตี อ่ สถาปตั ยกรรมตะวันตก
2. ความมุ่งหมายและวัตถุประสงค์ของการศึกษา
1. ศึกษาถึงที่มาและพัฒนาการทางด้านรูปแบบสถาปัตยกรรม การประดับลวดลาย
และพ้ืนที่ใช้งานของคุ้มเจ้านายฝ่ายเหนือในล้านนา เพ่ือให้ทราบถึงท่ีมาของงานศิลปกรรมท่ีเรียกว่า
คุ้ม เช่น คุ้มท่ีมีลักษณะแบบเรือนพ้ืนถิ่นล้านนา คุ้มที่ผสมผสานระหว่างเรือนพ้ืนถิ่นล้านนา
และตะวันตก และคุม้ ทส่ี รา้ งตามแบบอย่างของสถาปตั ยกรรมตะวันตก
6 ชวลีย์ ณ ถลาง, ประเทศราชของสยาม ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
(กรงุ เทพฯ: โรงพิมพม์ หาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์, 2541), 10.
22
2. การศึกษาศิลปกรรมคุ้มเจ้านายฝ่ายเหนือจะช่วยสะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์กัน
ระหว่างการมีอยู่ของศิลปกรรมที่เรียกว่าคุ้ม และประวัติศาสตรส์ ังคมล้านนาในช่วงราชวงศเ์ จา้ เจ็ดตน
ตอนปลาย โดยเฉพาะความนิยมและทัศนคติของชนชนั้ นาลา้ นนาท่มี ีต่อสถาปตั ยกรรมตะวนั ตก
3. สมมตฐิ านของการศึกษา
1. รูปแบบทางด้านศิลปกรรมของคุ้มเจ้านายฝ่ายเหนอื ในลา้ นนาลว้ นมีผลมาจากการติดต่อ
กบั กรุงเทพฯ และตะวนั ตก รวมท้งั การเข้ามามีบทบาทของชาวตะวนั ตกในลา้ นนา
2. การศึกษางานศิลปกรรมท่ีเรียกว่าคุ้ม มีความสาคัญต่อประวัติศาสตร์ล้านนา เนื่องจาก
เป็นหลักฐานทางด้านศิลปกรรมท่ีช่วยแสดงให้เห็นถึงสภาพสังคม ความนิยม และทัศนคติของชนช้ัน
นาลา้ นนาในชว่ งราชวงศ์เจา้ เจ็ดตนตอนปลาย
4. ขอบเขตการศึกษา
ศึกษาสถาปัตยกรรมของคุ้มเจ้านายฝ่ายเหนือท่ีเจ้าของคุ้มมีศักดินาอยู่ในกลุ่มเจ้าขันห้าใบ7
ทัง้ 10 หลัง ที่ตงั้ อยใู่ นเมืองเชยี งใหม่ ลาพนู แพรแ่ ละนา่ น
5. ข้ันตอนของการศกึ ษา
1. ทาความเข้าใจเก่ียวกับสถาปัตยกรรมท้องถ่ินล้านนา สถาปัตยกรรมตะวันตก
และรูปแบบสถาปัตยกรรมของสยามที่ได้รับอิทธิพลจากตะวันตกในช่วงที่ร่วมสมัยกับคุ้มเจ้านายฝ่าย
เหนือ เพอ่ื นามาวเิ คราะหก์ ารผสมผสานของรูปแบบสถาปัตยกรรมคุ้มเจ้านายฝ่ายเหนือในลา้ นนา
2. รวบรวมข้อมูลท่เี ปน็ เอกสารชน้ั ตน้ ท้ังจากหอสมุดมหาวิทยาลัยและหอสมุดแหง่ ชาติ
3. รวบรวมข้อมลู จากเอกสารชั้นรองที่มผี ู้เคยศึกษาไว้ก่อนแลว้
4. ศึกษาตาแหน่งท่ีตั้งของคุ้มทั้ง 10 แหง่ และดาเนินการขอเขา้ ชมภายในอาคาร (ในกรณีที่
อาคารไมไ่ ด้เปดิ ให้บคุ คลภายนอกเขา้ ชม)
5. ออกสารวจและเกบ็ ขอ้ มูลภาคสนาม
6. ทาการวเิ คราะห์ขอ้ มูลท่ีได้จากเอกสาร การสัมภาษณ์และการสารวจ
7 ฐานันดรศักด์ิของเจ้านายระดับสูงในล้านนาซ่ึงได้รับการแต่งต้ังจากส่วนกลาง (กรุงเทพฯ) ให้ทาหน้าท่ี
บริหารราชการล้านนา ประกอบไปด้วย 5 ตาแหน่ง ได้แก่ เจ้าหลวง เจ้าอุปราช เจ้าราชวงศ์ เจ้าบุรีรัตน์
และเจ้าราชบตุ ร
23
7. เรยี บเรยี งขอ้ มูลและเขียนอย่างเปน็ ระบบ
8. นาเสนอต่ออาจารย์ที่ปรกึ ษาและแก้ไขปรบั ปรุงในสว่ นทีบ่ กพร่อง
6. ประโยชน์ทีค่ าดว่าจะไดร้ ับ
6.1 การศึกษาคุ้มเจ้านายฝ่ายเหนือในล้านนา ช่วยให้เข้าใจรูปแบบทางศิลปกรรม
และสถาปัตยกรรม เพื่อแสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์ของงานด้านสถาปัตยกรรมที่มีคุณค่าทาง
ประวัตศิ าสตร์ และควรค่าแกก่ ารอนุรกั ษ์
6.2 ข้อมูลและหลักฐานรวมท้ังผลการศึกษาในงานวิจัยนี้จะช่วยเพิ่มองค์ความรู้
เกี่ยวกับคุ้มเจ้านายฝ่ายเหนือในล้านนา และสามารถนาไปศึกษาต่อยอดเพ่ือหาประเด็นที่สอดคล้อง
และข้อขดั เพอ่ื ให้เกิดองค์ความรู้ใหมๆ่ ต่อไปไดใ้ นอนาคต
24
บทท่ี 2
หลกั ฐานทางด้านประวัตศิ าสตรท์ ี่มีความเกยี่ วขอ้ งกบั เรือ่ งราวของคุม้ เจ้านายฝ่ายเหนือในล้านนา
1. ความหมายของสถาปัตยกรรมที่เรยี กว่าคมุ้
คุ้มเป็นชื่อเรียกของสถาปัตยกรรมซ่ึงเป็นท่ีพักอาศัยของเจ้านายในราชวงศ์ฝ่ายเหนือ
การที่บ้านเรือนท่ีพักอาศัยของเจ้านายฝ่ายเหนือจะได้เรียกว่าคุ้มได้นั้น เจ้าของเรือนหลังน้ัน
จะต้องมีตาแหน่งศักดินาอยู่ในลาดับชั้นเจ้าขันธ์ท้ัง 5 ได้แก่ เจ้าหลวงหรือเจ้าผู้ครองนคร เจ้าอุปราช
เจ้าราชวงศ์ เจ้าบุรีรัตน์และเจ้าราชบุตร8 รวมทั้งเรือนท่ีพักอาศัยของเจ้าแม่หรือหม่อม (ภริยา)
ของเจ้าหลวงด้วย9 บ้านพักอาศัยของเจ้านายท่ีมีศักดินารองจากน้ีจะไม่นิยมเรียกว่าคุ้ม ส่วนคุ้มที่เป็น
ของเจ้าหลวงจะเรียกกันว่าคุ้มหลวง แต่เดิมคุ้มหลวงจะมีองค์ประกอบท้ังหมด 3 ส่วนด้วยกัน
ไดแ้ ก่ คุม้ หลวง หอคา และเวยี งแกว้ 10
คุ้มหลวงจะทาหน้าที่เป็นเรือนหรือท่ีพักอาศัยของเจ้าหลวง ส่วนหอคาก็ทาหน้าท่ีเป็นเรือน
เช่นเดียวกัน แต่จะเป็นเรือนท่ีมีท้องพระโรงอยู่ภายใน ซ่ึงเจ้าหลวงบางองค์อาจใช้ท้องพระโรงน้ีเป็น
พ้ืนท่ีในการออกว่าราชการหรือใช้ประกอบพิธีศักด์ิสิทธ์ิ ปกติแล้วคุ้มหลวงและหอคามักจะถูก
กาหนดให้เป็นเขตพระราชฐาน สิง่ ท่ีใชก้ าหนดเขตพระราชฐานกค็ ือเวยี งแก้วท่มี ลี ักษณะเปน็ กาแพงสูง
ล้อมรอบเขตพระราชฐานท้ังหมดเอาไว้ โดยอาณาเขตบริเวณที่อยู่ภายในเวียงแก้ว เรียกกันว่า
ขว่ งแก้ว ข่วงพระราชวังหลวง หรอื ขว่ งราชฐาน11
2. หน้าทกี่ ารใช้งานของอาคารคุ้มเจา้ นายฝ่ายเหนือ
ห น้ าที่ ก ารใช้ งาน ขอ งคุ้ ม เจ้าน าย ใน ล้ าน น าส าม ารถพิ จารณ าได้ จากรูป แบ บ
ทางด้านสถาปัตยกรรมและหลักฐานเอกสารทางประวัติศาสตร์ท่ีมีกการบันทึกไว้ ทั้งจากเอกสาร
ของทางกรุงเทพฯ เอกสารของชาวต่างชาติ และเอกสารของทางล้านนาเอง โดยสามารถแบ่งหน้าท่ี
ของคุ้มเจา้ นายล้านนาไดด้ ังน้ี
8 วิฑูรย์ เหลียวรุ่งเรือง, คุ้มเจ้าครองนครเชียงใหม่และ คุ้มเจ้าบุรีรัตน์ (มหาอินทร์) (เชียงใหม่:
มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม,่ 2554), 11.
9 สหยศ ศรีพนา วงศบ์ ุรี, ประวตั ิคุ้มวงศ์บุรี [แผ่นป้ายให้ข้อมูลประกอบการจัดแสดงพิพิธภัณฑ์มีชีวิต
คมุ้ วงศบ์ ุร]ี (ม.ป.ท., ม.ป.ป.),.
10 ภเู ดชแสนสา,คุ้มหลวง หอคาเวียงแกว้ สัญญะขัติยะลา้ นนา(กรุงเทพฯ: กองบุญหม่ืนฟา้ , 2556), 6-8.
11 เรอื่ งเดียวกนั .
25
2.1 สถานที่สาหรบั พกั อาศยั ของเจา้ นายฝ่ายเหนอื
ห น้ า ที่ ห ลั ก ข อ ง ส ถ า ปั ต ย ก ร ร ม อ า ค า ร ที่ เรี ย ก ว่ า คุ้ ม ก็ คื อ ใช้ ส า ห รั บ เป็ น ที่ พั ก อ า ศั ย
เมื่อพิจารณารูปแบบภายในของคุ้มท่ียงั หลงเหลือหลักฐานอยู่ในปัจจบุ ันจะพบวา่ กลุ่มอาคารท่ีเรียกว่า
ค้มุ ก็มีลักษณะเหมอื นบ้านเรือนท่วั ไปท่ีประกอบไปดว้ ยห้องโถงซงึ่ อาจใช้รับแขกหรือประกอบกิจกรรม
ท่ัวไปของครอบครัว ห้องนอน ห้องทางาน ห้องเก็บของ ห้องพระ และห้องครัว แต่ส่ิงท่ีทาให้เรือน
ท่ีเรียกว่าคุ้มแตกต่างจากเรือนของคนท่ัวไปคือ สถานที่แห่งนี้เป็นที่พักอาศัยสาหรับเจ้านายที่มียศ
ชั้นสูงและครอบครัวเท่านัน้ ดังปรากฏให้เห็นในปจั จบุ ันวา่ คุ้มมักจะถูกเรียกวา่ คุ้มเจ้าหลวง(คุ้มหลวง)
คุ้มเจา้ ราชบุตร คุ้มเจ้าบรุ รี ตั น์ ค้มุ เจา้ ราชสัมพนั ธวงศ์ คุม้ เจ้าวิชยั ราชา12
ช่ือเรียกของคุ้มที่ปรากฏไม่ใช้ช่ือของเจ้าของคุ้มหากแต่เป็นชื่อท่ีเรียกข้ึนตามตาแหน่งของ
เจ้ าข อ งคุ้ ม ซ่ึ งล้ ว น แ ต่ เป็ น บ รรด าศั ก ดิ์ ช้ั น สู งที่ จั ด อ ยู่ ใน ก ลุ่ ม ที่ เรีย ก ว่าเจ้ าขั น ธ์ท้ั ง 5
และรองจากเจ้าขันธ์ทั้ง 5 ไปไม่เกิน 13 ช้ันยศ13 ย่ิงไปกว่านั้นยังมีหลักฐานเอกสารท่ีแสดงให้เห็นว่า
การสร้างคุ้มหลวง หอคา และเวียงแก้วในสมัยของพระเจ้ากาวิละ เจ้าหลวงเชียงใหม่องค์แรก แห่ง
ราชวงศ์เจ้าเจ็ดตน (ทิพจักราธิวงศ์) เป็นหน่ึงในการรื้อฟ้ืนธรรมเนียมปฏิบัติของกษัตริย์ล้านนา
ในราชวงศ์มังราย เพื่ อแสดงให้เห็นถึงสถานะ กษัตริย์ ของราชวงศ์เจ้าเจ็ดตนที่สืบต่อ
มาจากราชวงศ์มังราย14 ภายในเวียงแก้วของเจ้าผู้ครองนครในล้านนาก็จะประกอบไปด้วยเจ้านาย
ขุนนาง ไพร่หลวง ไพร่สม ที่ได้รบั มอบหมายหนา้ ทีป่ ฏิบัติแตกต่างกันไปตามตาแหน่ง นอกจากน้ชี ายา
ญาติ และลูกหลานของเจ้าหลวงก็จะสร้างเรือนพักอาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับหอคาภายในเวียง
แก้วอีกดว้ ย15
โดยส่วนใหญ่แล้วผู้ท่ีจะได้ข้ึนเป็นเจ้าหลวงองค์ต่อไป มักจะอยู่ในตาแหน่งเจ้าอุปราช
หรือเจ้าบุรีรัตน์ ซ่ึงคุ้มของเจ้าเหล่าน้ีก็เรียกตามยศ เม่ือได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าหลวงแล้วบางคร้ัง
จะเก็บคุ้มหลังเดิมไว้เป็นที่ประทับช่ัวคราว ส่วนคุ้มหลวงในเวียงแก้วน้ันเจ้าหลวงบางองค์ก็เข้าไป
12 พระวิไชยราชาเปน็ ตาแหนง่ เฉพาะทปี่ รากฎในเมอื งแพร่เท่านั้น
13 ภูเดช แสนสา, คุ้มหลวง หอคา เวยี งแก้ว สญั ญะขัตยิ ะล้านนา (กรุงเทพฯ: กองบุญหม่ืนฟา้ , 2556), 161.
14 เรื่องเดียวกนั , 44-47.
15 วิฑูรย์ เหลียวรุ่งเรือง, คุ้มเจ้าครองนครเชียงใหม่และ คุ้มเจ้าบุรีรัตน์ (มหาอินทร์) (เชียงใหม่:
มหาวิทยาลัยเชยี งใหม่, 2554), 11.
26
พานักในคุ้มหลวงหลังเดิมของเจ้าหลวงองค์ก่อหน้าหรือจะสร้างคุ้มหลวงหลังใหม่ข้ึนในเวียงแก้วก็
ตามแต่พระประสงค1์ 6
นอกจากคุ้มจะเป็นสถานท่ีสาหรับพักอาศัยของเจ้านายฝ่ายเหนือแลว้ ยังเปน็ ส่ิงท่ีแสดงให้
เหน็ ถึงยศถาบรรดาศักดข์ิ องเจา้ นายผูเ้ ป็นเจ้าของคมุ้ อีกด้วย ดงั น้นั คุ้มจึงไม่ใช่เรอื นธรรมดาแต่ถือไดว้ ่า
เป็นสถาปัตยกรรมท่มี นี ยั ยะทางด้านการเมอื งและเปน็ ตัวแทนของระบบศักดนิ าของเจา้ นายในลา้ นนา
2.2 สถานทีว่ ่าราชการ ประกอบพระราชพธิ ีสาคัญ และจัดกจิ กรรมท่ัวไป
คุ้มที่ใช้เป็นสถานท่ีว่าราชการและใชใ้ นการประกอบพระราชพิธีสาคัญของบ้านเมอื ง มักจะ
เป็นคุ้มหลวงที่อย่ใู นเวียงแก้ว เน่อื งจากคุ้มหลวงเป็นเรอื นที่พักขนาดใหญ่ มบี ริเวณกวา้ งขวางและเป็น
ที่พักอาศัยของเจ้าหลวง จากหลักฐานทางด้านเอกสารพบว่าบริเวณท่ีเจ้าหลวงใช้เป็นสถานที่ว่า
ราชการและประกอบพระราชพิธสี าคัญคอื ส่วนทเี่ รียกกันว่า หอคา ซงึ่ เป็นอาคารขนาดใหญ่ สร้างด้วย
ความวิจิตรประณีต หลังคาซ้อนชั้น และมีช่อฟ้า17ลักษณะภายในเป็นพระที่น่ังท่ีมีท้องพระโรง18 หอ
คาจะสร้างข้ึนภายในเวียงแก้ว บริเวณใกล้เคียงกับคุ้มหลวง โดยคุ้มหลวงจะทาหน้าท่ีเป็นหอนอน
(ที่ประทบั สว่ นตวั ) สว่ นหอคาจะทาหนา้ ทีเ่ ป็นหอนัง่ (ท่ีออกวา่ ราชกจิ )19
พระราชพิธีสาคัญที่ปรากฏหลักฐานว่าใช้หอคาเป็นสถานท่ีในการประกอบพิธี ได้แก่
พระราชพิธีข้ึนน่ังเมืองหรือพระราชพิธีอุสสาราชาภิเสก ซึ่งเป็นพระราชพิธีท่ีพระเจ้ากาวิละ ปฐม
กษัตริย์แห่งราชวงศ์เจ้าเจ็ดตน (ทิพจักราธิวงศ์) ได้รื้อฟื้นข้ึนมาในคราวฟื้นฟูเมืองเชียงใหม่ ในพ.ศ.
2339 เพอื่ แสดงให้เหน็ ว่าราชวงศ์เจ้าเจ็ดตนมเี ช้ือสายทส่ี ืบตอ่ มาจากราชวงศ์มงั ราย20 โดยพิธนี ้ตี ้องจัด
ข้ึน ณ หอคา ในเวียงแก้วเท่านั้น และจะจัดข้ึนเม่ือมีการข้ึนครองเมืองของเจ้าผู้ครองเมืององค์ใหม่
ดังปรากฏหลักฐานในสมัยของเจ้าน้อยธรรมลังกา ผู้เป็นอนุชาและได้ขึ้นครองเมืองเชียงใหม่ต่อจาก
เจ้ากาวิละ โดยในพิธีได้มีการเสด็จเข้าไปประทับท่ีหอคาภายในเวียงแก้วและแต่งต้ังขุนนางยศต่างๆ
ด้วย21 นอกจากนี้ยังปรากฏหลักฐานว่าพระเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าหลวงเชียงใหม่องค์ที่ 7
16 ภูเดช แสนสา, คุม้ หลวง หอคา เวียงแก้ว สัญญะขัติยะลา้ นนา (กรงุ เทพฯ: กองบญุ หม่นื ฟา้ , 2556), 69.
17 เร่อื งเดียวกัน.
18 เร่อื งเดยี วกนั , 43.
19 เรื่องเดยี วกนั , 93.
20 คณะอนุกรรมการตรวจสอบและชาระตานานพ้ืนเมืองเชียงใหม่, ตานานพ้ืนเมืองเชียงใหม่
ฉบับเชยี งใหม่ 700 ปี (เชียงใหม่: ศนู ย์วฒั นธรรมจงั หวดั เชียงใหม่ สถาบันราชภัฎเชียงใหม,่ 2538), 129.
21 เร่ืองเดียวกนั , 157.
27
ก็ได้เข้าประกอบพระราชพิธีนี้ก่อนการข้ึนครองเมืองในพ.ศ.2428 การสรงน้าพุทธาภิเศก
พระเจ้าอินทวชิ ยานนท์ แลว้ ก็อญั เชญิ ข้นึ นง่ั บนแทน่ แกว้ (พระราชบลั ลงั ก)์ ณ หอคา ในเวียงแก้ว22
ส่วนพิธีอ่ืนๆ ท่ีปรากฏหลักฐานว่าในมีการจัดข้ึน ณ หอคา ในเวียงแก้ว ได้แก่ พิธีวันเข้า
คารวะเจ้าผู้ครองนครลาปาง ณ หอคาของเจ้าหลวงเมืองลาปาง ในเดือน 8 ข้ึน 13 ค่า
(ประมาณเดือนพฤษภาคม) ในสมัยของเจ้าหลวงพรหมาภิพงษ์ธาดา เจ้าหลวงเมอื งลาปางองค์ที่ 1123
ส่วนในสมัยของพระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์ (เจ้าหนานสุริยวงศ์) เจ้าหลวงเชียงใหม่องค์ที่ 6 ได้มีการ
สรา้ งคมุ้ หลวงอีกหลังหนง่ึ นอกเวียงแก้ว บรเิ วณริมแม่นา้ ปิงซ่ึงเป็นราชอุทยานส่วนพระองคเ์ รยี กกันว่า
คุ้มท่าพระเจดีย์กิ่ว เพื่อใช้พานักในช่วงฤดูรอ้ น โดยในช่วงเทศกาลปีใหม่ (สงกรานต์) จะเปิดโอกาสให้
ชาวเมืองได้สระเกล้าดาหัว ณ คมุ้ หลังนี้24 อีกหน่ึงพธิ กี รรมทถี่ อื ไดว้ ่าเป็นพิธีกรรมที่สาคัญก็คือพธิ ีเล้ียง
เทพดาผีอารักษ์ซ่ึงดูแลปกปักรักษาคุ้มหลวงและเวียงแก้ว ในพิธีจะมีการเลี้ยงผีโดยใช้หมูพลีกรรม
ปีละ 12 ตัว เมื่อเสร็จส้ินพิธีเล้ียงผีแล้ว เจ้าหลวงก็จะทาพิธีแบ่งผีอารักษ์จากคุ้มหลวงไปปกปักรักษา
คุ้มหลวงหลังอื่นๆ คุ้มของเหล่าลูกหลาน และคุ้มของเหล่าขุนนาง ข้าราชบริพารท่ีทาหน้าที่เลี้ยงผี
ของคุ้มหลวง25
จากที่ได้กล่าวมาข้างต้นได้แสดงให้เห็นว่าคุ้มไม่ใช่เรือนท่ีมีความสาคัญในฐานะท่ีพักอาศัย
เท่าน้ัน แต่มีความสาคัญทั้งในด้านของงานราชการบ้านเมือง พิธีกรรมของเจ้านายฝ่ายเหนือ
และการจดั กิจกรรมที่เช่อื มโยงความสมั พันธ์ระหวา่ งกลมุ่ เจ้านายและประชาชนท่ัวไป ดงั น้ันคุ้มจึงเป็น
สถาปัตยกรรมท่สี ะท้อนภาพของการใช้ชีวติ และความเชือ่ ของกล่มุ คนในมณฑลพายัพ โดยเฉพาะกลุ่ม
เจ้านายและขนุ นางระดับสงู
22 สงวน โชตสิ ุขรตั น์, ประชุมตานานลานนาไทย (กรุงเทพฯ: โอเดยี นสโตร์, 2515), 627.
23 “บันทึกชี้แจงเรื่องคุ้มหลวงเมืองนครลาปาง (ซ่ึงช้ีแจงต่อศาล ในวันมาสืบที่วงั ).” เอกสารจดหมายเหตุ
ลายลักษณ์. สบ. 2 .46/11. สานักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ. อ้างถึงใน ภูเดช แสนสา, คุ้มหลวง หอคา เวียงแก้ว
สัญญะขตั ยิ ะล้านนา (กรุงเทพฯ: กองบุญหม่นื ฟ้า, 2556), 60.
24 แสงดาว ณ เชียงใหม่, พระประวัติพระราชชายา เจ้าดารารัศมี 26 สิงหาคม 2416 – 9 ธันวาคม
2476 (เชยี งใหม่: โรงพิมพก์ ลางเวียง, 2517), 29.
25 ภเู ดช แสนสา, ค้มุ หลวง หอคา เวยี งแกว้ สญั ญะขัตยิ ะล้านนา (กรงุ เทพฯ: กองบญุ หม่นื ฟ้า, 2556), 139.
28
2.3 สถานทตี่ อ้ นรบั แขกบา้ นแขกเมือง
คุ้มถือได้ว่าเป็นเรือนท่ีพักอาศัยซ่ึงมีพื้นที่บริเวณกว้างขวาง ท้ังยังมีรูปแบบทางด้าน
ศิลปกรรมที่งดงามกว่าเรือนของชาวบา้ นทั่วไป ดังนั้นเจ้านายลา้ นนาจงึ มักจะใช้คมุ้ เป็นสถานที่ตอ้ นรับ
แขกบ้านแขกเมืองที่มาจากต่างถิ่นดงั ปรากฎในบันทึกการเดินทางของปิแอร์ โอรต์ ท่ีปรึกษากฎหมาย
ชาวเบลเยียมซ่ึงเข้ามารับราชกาลท่ีกรุงเทพฯ ในสมัยรัชกาลท่ี 5 ซึ่งได้รับมอบหมายให้เดินทางไป
พิจารณาคดีที่เชียงใหม่ในพ.ศ.2440 ได้เล่าว่าเม่ือเดินทางมาถึงเชียงใหม่แล้ว เจ้าผู้ครองนคร
และเจา้ อุปราช26 ได้เชญิ ปิแอร์ โอร์ตไปพบทค่ี มุ้ ซงึ่ เปน็ เรือนไม้ที่ไดร้ ับการดูแลรกั ษาอย่างดี27
นอกจากน้ีที่ปรึกษากฎหมายชาวเบลเยียมผู้นี้ยังได้มีโอกาสเข้าร่วมรับประทานอาหารเย็น
ในงานเลี้ยง ณ คุ้มเจ้าราชวงศ์ ท่ีจัดข้ึนเพื่อเป็นเกียรติแก่แขกระดับสูง 2 คน ที่ได้มาพานัก
อยู่ในเชยี งใหม่ ในงานมีการแสดงกายกรรมโดยเด็กผชู้ ายจากโรงเรียนยิมนาสติก มกี ารเลี้ยงอาหารค่า
แบบยุโรป การแสดงดนตรีและเพลงพ้ืนเมือง ผู้ท่ีมาร่วมงานเป็นบุคคลระดับสูงของเชียงใหม่
เจ้านายจากหัวเมืองลาปาง รวมท้ังเจ้านายจากหัวเมืองอื่นๆ ด้วย28 ไม่ใช่แค่เพียงในเชียงใหม่เท่าน้ัน
แต่ปิแอร์ โอร์ตก็ได้รับการต้อนรับโดยการได้รับเชิญให้ร่วมรับประทานเย็น ณ คุ้มเจ้าอุปราช
เมอื งลาพูนเช่นเดียวกนั 29
คราวที่สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนครราชสีมาเสด็จตรวจราชการ
มณฑลพายัพ พระองค์ได้มีพระราชหัตถกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
ถึงเร่ืองราวของหอคาเมืองน่านซ่ึงพระองค์ได้ใช้เป็นที่ประทับค้างแรมในระหว่างวันท่ี 12-16
ธันวาคม พ.ศ.2463 โดยในเนื้อความได้เล่าถึงรูปแบบทางด้านสถาปัตยกรรมของหอคาเมืองน่าน
ที่สร้างในสมัยของเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช เจ้าหลวงเมืองน่านองค์ท่ี 8 และอยู่อาศัยจนถึงแก่พิราลัย
ณ หอคาแห่งนี้ ต่อมาในสมัยของเจ้ามหาพรหมสุรธาดาเจ้าหลวงเมืองน่านองค์ที่ 9 แม้เจ้าสุริยพงษ์
ผริตเดชจะเคยสั่งไว้ว่าหากใครได้ขึ้นเป็นเจ้าผู้ครองเมืองน่านให้ย้ายเข้ามาพานักอยู่ในหอคา แห่งน้ี
แต่เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนครราชสีมามีความเห็นว่าเจ้ามหาพรหมสุรธาดาไม่ค่อยชอบอาศัยอยู่ในหอคา
26 ผู้แปลสันนิษฐานว่าคือเจ้าอินทวโรรสสุริยะวงศ์ฯ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่องค์ท่ี 8 ในขณะท่ียังดารง
ตาแหน่งเจ้าอุปราช
27 ปิแอร์ โอร์ต, ล้านนาไทยในแผ่นดินพระพุทธเจ้าหลวง, พิมพ์คร้ังที่ 4, แปลและเรียบเรียงโดย พิษณุ
จนั ทรว์ ิทัน (กรงุ เทพฯ: สถาพรบุ๊คส์, 2555), 111.
28 เรือ่ งเดยี วกนั , 121-122.
29 เร่อื งเดียวกัน, 133.
29
แห่งนี้เท่าไหร่นักแต่ชอบบ้านหลังเก่ามากกว่า จึงได้ทาการปรับปรุงและตกแต่งให้เป็นอาคารสาหรับ
รบั แขก30
จากหลักฐานที่ปรากฏเหล่าน้ีล้วนแสดงให้เห็นว่าคุ้มของเจ้านายฝ่ายเหนือ โดยเฉพาะคุ้ม
ของเจ้าหลวงนั้นไม่ใช่สถานท่ีที่จากัดเฉพาะสาหรับกลุ่มเจ้านายฝ่ายเหนือเท่านั้น แต่ใช้เป็นเรือน
เพ่ือรองรับแขกของเมืองที่เดินทางมาจากสถานที่อื่นท้ังเจ้านาย เชื้อพระวงศ์ ข้าราชการ
และชาวต่างชาติ มีท้ังการนัดกันมาเพื่อพบปะพูดคุยปรึกษาหารือกันท้ังในเร่ืองทางราชการ
และเรื่องท่ัวๆ ไป จัดงานเลี้ยงต้อนรับ รวมไปถึงการจัดเป็นที่รองรับสาหรับค้างแรมสาหรับแขก
ระดับสูง
2.4 สถานทคี่ ุมขังนักโทษ
การใช้คุ้มเป็นที่คุมขังนักโทษนั้นปรากฏหลักฐานทางด้านศิลปกรรมให้เห็นอย่างชัดเจน
ณ คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่ จากการลงพ้ืนที่พบว่าคุ้มหลังนี้มีห้องคุมขังนักโทษอยู่บริเวณชั้นใต้ดิน
ส่วนในเชียงใหม่นั้นมีเอกสารที่ระบุไว้ว่าในช่วงท่ีพระยาราชเสนา ดารงตาแหน่งข้าหลวงใหญ่ประจา
มณฑลพายัพคนที่ 2 (พ.ศ.2425-2429) ซึ่งเป็นสมัยของพระเจ้าอินทวิชยานนท์เป็นเจ้าหลวงเมือง
เชียงใหม่ ในเมืองเชียงใหม่กลุ่มเจ้านายเชียงใหม่ยังมีอานาจในการจับกุมคุมขังพลเมืองได้ตาม
กฎหมายพื้นเมือง โดยใช้บริเวณของคมุ้ เจ้านายเป็นท่ีคุมขังนักโทษอันเป็นสง่ิ ทพี่ บเห็นได้ทั่วไปในเมือง
ประเทศราช31
เจ้าอินทวิชยานนท์เจ้าหลวงเชียงใหม่องค์ที่ 7 ได้รับมอบหมายให้ทาหน้าท่ีจับกุมคุมขัง
นักโทษ และดูแลเรือนจามาต้ังแต่ครั้งที่ได้รับตาแหน่งเจ้าอุปราชในปีพ.ศ.2417 เน่ืองจากเจ้าอุปราช
มีหน้าที่ดูแลรักษาความสงบสุขและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมืองจึงพ่วงเอาหน้าท่ีในการ
จบั กุมคุมขังนักโทษไปด้วย ในช่วงนี้สถานท่ีที่ใช้ในการกักขังนักโทษจึงอยู่ในบริเวณคุ้มของเจ้าอุปราช
อินทนนท์ ต่อมาเมื่อเจ้าอุปราชอินทนนท์ใด้ข้ึนครองเชียงใหม่เป็นเจ้าอินทวิชยานนท์แล้ว
หน้าที่ในการจับกุมคุมขังนักโทษจึงกลายไปเป็นหน้าท่ีของเจ้าอุปราชบุญทวงศ์ผู้เป็นน้องชายแทน
30 “สมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงนครราชสีมา เสด็จมณฑลพายัพ.” เอกสารจดหมายเหตุลายลักษณ์. ร. ม.
27/10. สานักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ. อ้างถึงใน วรชาติ มีชูบท, เจ้านายฝ่ายเหนือ และตานานรักมะเมียะ
(กรุงเทพฯ: สร้างสรรคบ์ คุ๊ ส,์ 2556), 245-247.
31 ราลึกสัมมนาราชทณั ฑเ์ ชียงใหม่ : 7 ธันวาคม 2523 (เชียงใหม่: เรอื นจากลางเชียงใหม,่ 2523), 17.
30
โดยหน้าท่ีในการส่ังลงโทษผู้ท่ีทาผิดอาชญาของเจ้าหลวงเป็นของเจ้าอุปราชบุญทวงศ์แต่เพียงผู้เดียว
สถานทีใ่ นการกักขงั นักโทษจึงยา้ ยมาอย่ภู ายในคมุ้ ของเจา้ อปุ ราชบุญทวงศ์32
เมื่อเจา้ อุปราชบุญทวงศ์ถึงแก่กรรมในปีพ.ศ.2425 ผู้ที่รบั หน้าที่ในการจับกุมนักโทษต่อมา
คือเจ้าน้อยมหาอินทร์ ซึ่งดารงตาแหน่งเจ้าบุรีรัตน์อยู่ในขณะน้ัน เจ้าน้อยมหาอินทร์ถือได้ว่าเป็นแม่
ทัพคนสาคัญในสมัยของเจ้าอินทวชิ ยานนท์ นักโทษทั้งหมดท่ีเคยถกู คุมขังอยู่ในคุ้มของเจ้าอุปราชบุญ
ทวงศ์จึงถูกย้ายมาที่คุ้มของเจ้าน้อยมหาอินทร์บริเวณสี่แยกกลางเวียงท้ังหมด คุ้มของเจ้าน้อยมหา
อินทร์เป็นสถานท่ีกักขังและลงโทษนักโทษโดยการโบยเฆี่ยนตี รวมท้ังมีการทรมานด้วยหลายวิธี
จนกระทั่งเจ้าน้อยมหาอินทร์ถึงแก่กรรมในปีพ.ศ.2438 ทางการเชียงใหม่จึงได้เล่อื นตาแหน่งบุคคล 2
คน ให้ดารงตาแหน่งเจ้าบุรีรัตน์ ได้แก่ เจ้าหน่อเมือง ณ เชียงใหม่ ซ่ึงแต่เดิมเป็นเจ้าราชภาติกวงศ์
และอีกคนหนงึ่ คือแมท่ พั คนสาคัญของเมืองเชยี งใหม่33
คุ้มของเจ้าหน่อเมืองต้ังอยู่บริเวณหน้าวัดฟ่อนสร้อย ทางไปประตูเชียงใหม่ กลายเป็น
สถานท่ีคุมขังนักและลงโทษนักโทษ รวมท้ังเป็นที่พิจารณาคดีต่างๆ ซ่ึงเจ้าหน่อเมืองจะทาหน้าท่ีเป็น
ประธานคณะลูกขุนของศาลด้วยตัวของท่านเอง ชาวเชียงใหม่จึงพากันเรียกท่านว่า “เจ้าตัดสิน”
อย่างไรก็ตามในช่วงท่ีเจ้าหน่อเมืองทาหน้าท่ีเป็นผู้จับกุมคุมขังและพิจารณาคดีของนักโทษนี้ได้มีการ
แบ่งสถานที่คุมขังนักโทษออกเป็น 2 แห่ง โดยคุ้มของเจ้าหน่อเมืองจะกักขังนักโทษท่ีโทษหนัก
ส่วนนักโทษท่ีมีโทษเล็กๆ น้อยๆ จะถูกส่งตัวไปกักขังที่คุ้มของเจ้าทักษิณนิเกตุ (มหายศ) เสนาวัง
ของเจ้าอินทวิชยานนท์ หลังจากท่ีเจ้าหน่อเมืองถึงแก่กรรมแล้วกิจการเกี่ยวกับเรือนจาท้ังหมดได้ถูก
โอนมาไว้ท่คี ้มุ ของเจา้ ทกั ษณิ นิเกตุ (มหายศ)34
คุ้มของเจ้าทักษิณนิเกตุ (มหายศ) ถือว่าเป็นเรือนจาในคุ้มเจ้านายหลังสุดท้าย
เนื่องจากเมื่อเจ้าอินทวิชยานนท์ ถึงแก่พิราลัยในปีพ.ศ.2440 เจ้าอินทวโรรสสุริยวงศ์ผู้เป็นบุตร
ไดข้ นึ้ เปน็ เจ้าหลวงองค์ตอ่ มา ในขณะเดียวกนั พระยานริศรราชกจิ ได้ย้ายมาเป็นข้าหลวงประจามณฑล
พายัพ คนท่ี 5 ในพ.ศ.2442 และได้ทูลขอท่ีดินจากเจ้าอินทวโรรสสุริยวงศ์35 เจ้าอินทวโรรสสุริยวงศ์
จึงได้ประทานท่ีดินซึ่งแต่เดิมเคยเป็นเวียงแก้วของพระเจ้ากาวิละ เจ้าหลวงองค์ท่ี 1 โดยให้ใช้พ้ืนท่ี
32 ราลึกสมั มนาราชทณั ฑเ์ ชียงใหม่ : 7 ธนั วาคม 2523 (เชียงใหม:่ เรือนจากลางเชยี งใหม่, 2523), 33.
33 เรื่องเดียวกัน, 36.
34 เร่อื งเดียวกัน.
35 เรอื่ งเดยี วกนั .
31
ทางด้านทิศใต้ของเวียงแก้ว36 เพ่ือให้ดาเนินการสร้างเรือนจากลางเชียงใหม่37 นับเป็นจุดสิ้นสุด
ของเรอื นจาในคมุ้ เจา้
จากหลักฐานทางด้านเอกสารของเมืองเชียงใหม่ได้แสดงให้เห็นว่าก่อนที่จะมีการสร้าง
เรือนจากลางเชียงให ม่ขึ้นน้ันได้มีการกักขังนักโทษไว้ในคุ้มเจ้าหรือเรือนจาในคุ้มเจ้า
โดยเจ้านายที่ทาหนา้ ท่เี ปน็ ผูด้ ูแลงานในด้านเรอื นจาต้องเปน็ เจ้านายที่ดารงตาแหน่งเกี่ยวกับการดแู ล
รักษาความสงบสุข ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมืองและมีบทบาทหน้าที่สาคัญ
ในงานบ้านเมืองของเมืองเชียงใหม่ ดังจะเห็นได้ว่าผู้ที่ทาหน้าท่ีน้ีหากไม่ใช่เจ้าอุปราชก็จะต้องเป็น
เจ้าบุรีรัตน์เท่าน้ัน ตาแหน่งทั้งสองถือได้ว่าเป็นชั้นยศระดับสูงอยู่ในกลุ่มเจ้าขันธ์ท้ัง 5 และผู้ท่ีได้รับ
หน้าท่ีนี้ต้องเป็นคนเก่งกล้ามีความสามารถและเป็นคนใกล้ชิดที่เจ้าหลวงไว้วางใจ หน้าท่ีในกิจการ
ด้านเรือนจาจึงถือได้ว่าเป็นหน้าท่ีท่ีมีความสาคัญเป็นอย่างมาก นอกจากนี้การดาเนินการกิจการ
เรือนจาในคุ้มของเจ้านายยังแสดงให้เห็นว่าคุ้มเจ้านายไม่ได้เป็นเพียงแค่สถานที่พานักของเจ้านาย
เทา่ นัน้ แต่ยังเปน็ สถานท่ีท่ีใช้คมุ ขงั และลงโทษนกั โทษอันเปน็ กิจการที่สาคัญต่อบ้านเมืองอีกดว้ ย
3. ข้อมูลท่ัวไปของคมุ้ เจ้านายฝ่ายเหนือในลา้ นนาแต่ละหลงั
3.1. คุ้มเจ้านายฝ่ายเหนือในจังหวัดเชียงใหม่
1) ค้มุ เจ้าบุรีรตั น์ (เจา้ น้อยมหาอนิ ทร)์
ตาแหน่งที่ตั้ง : ส่ีแยกกลางเวียง เลขท่ี 117 ถนนราชดาเนิน ตาบลพระสิงห์ อาเภอเมือง
จงั หวัดเชียงใหม่38 อยู่ฝัง่ ตรงกันข้ามกบั ศาลาธนารักษ์ เชยี งใหม่
คุ้มเจ้าบุรีรัตน์ (มหาอินทร์) สร้างข้ึนเพ่ือเป็นคุ้มของเจ้าน้อยมหาอินทร์ซึ่งเป็นผู้ท่ีมีบทบาท
เป็นอย่างมากต่อการเมืองการปกครองของเชียงใหม่ในช่วงปลายสมัยเจ้าหลวงเชียงใหม่องค์ท่ี 6
พระเจา้ กาวโิ ลรสสรุ ิยวงศ์ (พ.ศ.2416-2413) จนถงึ ตน้ สมัยเจา้ หลวงองค์ที่ 7 พระเจ้าอินทวิชยานนท์
36 แสงดาว ณ เชียงใหม่, พระประวัติพระราชชายา เจ้าดารารัศมี 26 สิงหาคม 2416 – 9 ธันวาคม 2476
(เชยี งใหม่: โรงพิมพก์ ลางเวยี ง, 2517), 31.
37 เร่อื งเดยี วกนั , 20.
38 เรอ่ื งเดียวกัน, 41
32
(พ.ศ.2416-2440) 39 เจ้าน้อยมหาอินทร์ดารงตาแหน่งเจ้าบุรีรัตน์เป็นเวลา 20 ปี ต้ังแต่ปี พ.ศ.2416
จนถึงแก่กรรมในปี พ.ศ.243640 คุ้มหลังน้ีได้รับการสันนิษฐานว่าเร่ิมสร้างขึ้นในปี พ.ศ.2432
ซ่ึงเป็นช่วงเวลาท่ีเจ้าน้อยมหาอินทร์มีอานาจมากและรุ่งเรืองสูงสุด ในขณะเดียวกันก็เป็นปีที่
บริษัทบริติชบอรเนียวจากัดเร่ิมดาเนินการกิจการป่าไม้ในเชียงใหม่ ดังน้ันเม่ือพิจารณาจากรูปแบบ
ทางด้านสถาปัตยกรรม อิทธิพลทางการก่อสร้างแปรรูปไม้แล้ว และเหตุการณ์ทางประวัติศาสตรแ์ ล้ว
คุม้ เจ้าบุรรี ตั น์ (เจา้ น้อยมหาอนิ ทร)์ น่าจะก่อสรา้ งในระหวา่ งปี พ.ศ.2432-243641
หลังจากที่เจ้าน้อยมหาอินทร์ถึงแก่กรรมไปแล้ว คุ้มหลังน้ีได้ตกเป็นของเจ้าน้อยชมชื่น
ณ เชียงใหม่ ผู้เป็นบุตรชายในระหว่างปี พ.ศ.2437-246042 ต่อมาในปีพ.ศ. 2460 เจ้าบุษบา
ณ เชยี งใหม่ ซึ่งเป็นภรรยาของเจ้าน้อยชมชื่น ณ เชียงใหม่ ได้ขายคุ้มหลังน้ีให้นางบัวผัน ณ เชียงใหม่
บุตรสาวของพระนายกคณานุกร (เมือง ทิพยมณฑล) โดยมักจะเรียกคุ้มหลังน้ีกันว่าบ้านกลางเวียง
ตั้งแต่นั้นมาบ้านหลังน้ีจึงกลายเป็นบ้านพักอาศัยของบุตรหลานและญาติของพระนายกคณานุกร
จนกระทั่งพระนายกคณานุกรถึงแก่กรรมท่ีบ้านกลางเวียงในปี พ.ศ.2484 เมื่อพระนายกคณานุกร
ได้ถึงแก่กรรมไปแล้ว นางบู่ทอง กิติบุตร นางดอกจันทร์ กีรติปาล และนายชื่น สิโรรสได้ก่อต้ัง
พุทธนิคมเชียงใหม่ขึ้นในปี พ.ศ.2486 โดยใช้อาคารของบ้านกลางเวียงเป็นที่ทาการ และในภายหลัง
ไดม้ ีการกอ่ ต้ังพุทธสถานเชียงใหมบ่ รเิ วณถนนท่าแพ43
ในปพี .ศ. 2529 นางบัวผนั ทิพมณฑลได้ถึงแกก่ รรม ณ บ้านกลางเวียง ผ้ทู ่ีอยู่อาศยั ในบา้ น
กลางเวียงเป็นครอบครัวสุดท้ายคือครอบครัวของ นางพรรณจิตร กิติบุตร บุตรสาวของนายจรัญ
กิติบุตร และนางบู่ทอง กิติบุตร (ทิพยมณฑล) ซึ่งได้สมรสกับนายสมศักด์ิ เจริญกุล และพักอาศัย
อยู่ในบา้ นหลงั นี้รว่ มกบั บตุ รอกี 4 คน ตงั้ แต่ปีพ.ศ.2503 จนกระทงั่ ในวนั ท่ี 9 มนี าคม พ.ศ.2544
39 ปราณี ศิริธร ณ พัทลุง, เพ็ชร์ลานนา หนังสือสารคดีชีวประวัติบุคคลสาคัญในยุคทองของลานนาไทย เล่ม 1
(เชยี งใหม่: โรงพมิ พส์ ุริวงศก์ ารพิมพ,์ 2506), 243.
40 วงศ์สักก์ ณ เชียงใหม่ และคณะทายาทสายสกุล ณ เชียงใหม่, เจ้าหลวงเชียงใหม่ (กรุงเทพฯ:
อมรินทรพ์ รน้ิ ตงิ้ , 2539), 244.
41 วิฑูรย์ เหลียวรุ่งเรือง, คุ้มเจ้าครองนครเชียงใหม่และ คุ้มเจ้าบุรีรัตน์ (มหาอินทร์) (เชียงใหม่:
มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่, 2554), 32.
42 เรอ่ื งเดยี วกนั , 33.
43 เร่อื งเดยี วกนั .
33
น างส าว เรีย งพั น ธ์ุ ทิ พ ย ม ณ ฑ ล ได้ ม อ บ อ าค ารคุ้ ม เจ้าบุ รีรัต น์ (เจ้าน้ อ ย ม ห าอิ น ท ร์)
ให้มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่44
ภาพที่ 1 อาคารค้มุ เจ้าบรุ รี ตั น์ (เจา้ น้อยมหาอนิ ทร์) จงั หวัดเชยี งใหม่
2) คมุ้ เจ้าบรุ รี ัตน์ (เจ้าน้อยแกว้ มุงเมือง)
ตาแหนง่ ทตี่ ัง้ : เลขที่ 169 ถนนพระปกเกล้า ตาบลศรีภูมิ อาเภอเมือง จังหวัดเชยี งใหม่45
ในสมัยพระเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าหลวงเชียงใหม่องค์ท่ี 7 (พ.ศ.2416-2440)
เจา้ น้อยแก้วมงุ เมอื งเขา้ รับราชการในตาแหนง่ เจา้ ราชภาคนิ ยั ต่อมาเม่ือเจ้าน้อยมหาอินทร์ถงึ แก่กรรม
ในปีพ.ศ.2436 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงแต่งต้ังเจ้าน้อยแก้ว มุงเมือง
เป็นเจ้าบุรีรัตน์ต่อจากเจ้าน้อยมหาอินทร์ และดารงตาแหน่งนี้เร่ือยมาจนถึงสมัยเจ้าหลวงเชียงใหม่
องคท์ ่ี 8 พระเจ้าอินทวโรรสสรุ ยิ ะวงษ์ (พ.ศ.2444-2452)46
ท่ีดินซ่ึงเป็นท่ีตั้งของอาคารคุ้มเจ้าบุรีรัตน์น้ี แต่เดิมเป็นพ้ืนที่ส่วนหน่ึงของคุ้มเจ้าอุปราช
บุญทวงศ์ (เจ้าอุปราชเชียงใหม่องค์ท่ี 7) โดยเจ้าราชภาคินัย (เจ้าน้อยสิงห์โต) บุตรเจ้าอุปราช
บุญทวงศ์ ก็ได้สร้างคุ้มอยู่ภายในบริเวณนี้ด้วย ต่อมาเจ้าน้อยสิงโตได้ยกพ้ืนท่ีบริเวณท่ีเป็นคุ้ม
44 วิฑูรย์ เหลียวรุ่งเรือง, คุ้มเจ้าครองนครเชียงใหม่และ คุ้มเจ้าบุรีรัตน์ (มหาอินทร์) (เชียงใหม่:
มหาวิทยาลยั เชยี งใหม่, 2554), 33.
45 เร่ืองเดียวกัน.
46 ปราณี ศิรธิ ร ณ พัทลุง, เพ็ชร์ลานนา หนังสือสารคดีชีวประวัตบิ ุคคลสาคัญในยุคทองของลานนาไทย
เล่ม 2 (เชียงใหม่: โรงพมิ พส์ ุรวิ งศ์การพิมพ์, 2506), 249.
34
ของตนเองใหเ้ จ้าน้อยแก้วมุงเมือง เจ้าน้อยแก้วมุงเมืองจึงได้สรา้ งคุ้มเจา้ บุรีรตั น์หลังน้ขี ึ้นโดยสร้างแล้ว
เสร็จในปี พ.ศ.2461 และในปีเดียวกันน้ันเอง เจ้าน้อยแก้วมุงเมืองก็ได้สมรสกับเจ้าเรณุวรรณา
ณ เชียงใหม่ ทั้งสองท่านมีบุตรและธิดาท้ังหมด 9 คน ซ่ึงทั้ง 9 คน เกิดและพักอาศัยท่ีคุ้มหลังนี้
จนเจ้าน้อยแก้วมุงเมืองถึงแก่กรรมในปี พ.ศ.2482 เม่ืออายุได้ 70 ปี รวมเวลาท่ีเจ้าน้อยแก้วมุงเมือง
และครอบครัวพักอาศัยอยู่ในคุ้มหลังน้ีเป็นเวลาประมาณ 20 ปี หลังจากเจ้าน้อยแก้วมุงเมือง
ถงึ แก่กรรมแลว้ เจา้ เรณวุ รรณาก็ใชเ้ พยี งพ้ืนท่ีชนั้ ล่างของคุ้มเปน็ ท่พี ักอาศยั 47
เม่ือตอนท่ีเจ้าน้อยสิงโตได้มอบท่ีดินบริเวณน้ีให้เจ้าน้อยแก้วมุงเมือง โฉนดของท่ีดินผืนน้ี
ได้ลงข้อความไว้ให้แก่ เจ้าบุรีรัตน์ (เจ้าแก้วมุงเมือง) ณ วันท่ี 13 มิถุนายน พ.ศ.2482 ต่อมาได้มีการ
โอนมรดกกรรมสิทธ์ิอาคารให้แก่เจ้าเรณุวรรณา (ชายา) ในวันที่ 21 กรกกฎาคม พ.ศ.2485 ในช่วง
สงครามโลกครั้งที่ 2 เจ้าเรณุวรรณาพร้อมบุตรและธิดาได้อพยพไปอยู่บ้านพักช่ัวคราวที่บ้าน
ทา่ กระดาษ เนื่องจากพน้ื ท่ีบริเวณคุ้มเจ้าบุรรี ัตน์ (เจ้าแก้วมุงเมือง) อย่ใู กล้กับโรงเรียนยุพราชซ่ึงทหาร
ญี่ป่นุ ได้ใช้พน้ื ท่ีบางสว่ นเป็นที่ตั้ง ภายหลังเมอื่ สงครามสงบลงครอบครัวของเจา้ เรณุวรรณากไ็ ดก้ ลบั มา
พักอาศยั ทอี่ าคารหลงั นอ้ี ีกครงั้ 48
ในปี พ.ศ. 2490 เจ้าเรณุวรรณามีความประสงค์ที่จะขายอาคารคุ้มเจ้าบุรีรัตน์
(เจา้ แก้วมุงเมือง) แต่ไม่ได้มีการทาการซ้ือขายกันจนกระท่ังเจา้ เรณุวรรณาถึงแก่กรรมในปี พ.ศ.2493
จึงไดม้ กี ารโอนกรรมสทิ ธิ์อาคารให้เจ้าวฒั นา โชตนา (ณ เชยี งใหม)่ ธดิ าคนท่ี 2 ในฐานะผู้จัดการมรดก
ลงวันท่ี 21 มิถุนายน พ.ศ.2493 ต่อมาเจ้าวัฒนาได้ทาการขายฝากอาคารหลังน้ีอยู่ 2 คร้ัง
และได้ไถ่ถอนจากการขายฝากในปีวันที่ 15 มกราคม พ.ศ.2496 ในวันเดียวกันนี้เอง กระทรวงการคลัง
ได้ทาการซื้อท่ีดินและอาคารคุ้ม เป็นจานวนเงิน 620,000 บาท เพื่อให้โรงงานยาสูบดาเนินการจัดต้ัง
สานักงานยาสูบ เชียงใหม่ ณ อาคารคุ้มเจ้าบุรีรัตน์ (เจ้าแก้วมุงเมือง) จนกระทั่งได้มีการสร้างอาคาร
สานักงานยาสูบหลังใหม่ขึ้นในบริเวณเดียวกัน ในวันที่ 19 มกราคม พ.ศ.2541 เม่ือได้ทาการย้าย
สานักงานยาสูบไปท่ีอาคารหลังใหม่แล้ว โรงงานยาสูบ กระทรวงการคลังจึงได้ทาการอนุรักษ์
47 วิฑูรย์ เหลียวรุ่งเรือง, คุ้มเจ้าบุรีรัตน์ (เจ้าแก้วมุงเมือง ณ เชียงใหม่) (เชียงใหม่: หจก. จรัสธุรกิจ
การพิมพ,์ 2555), 18.
48 เรือ่ งเดยี วกนั .
35
คุ้มเจ้าบุรีรัตน์ (เจ้าแก้วมุงเมือง) โดยการอนุรักษ์ทางด้านสถาปัตยกรรมของอาคาร และจัดตั้ง
พิพธิ ภัณฑโ์ รงงานยาสบู ขึน้ ต้งั แต่ปีพ.ศ.2542 เปน็ ต้นมา49
ภาพที่ 2 อาคารค้มุ เจ้าบรุ ีรตั น์ (เจา้ แก้วมงุ เมอื ง) จงั หวดั เชยี งใหม่
3) คุม้ บ้านทุ่งเส้ียว
ตาแหน่งท่ีตัง้ : หน้าวัดศรีนวรฐั บ้านท่งุ เสยี้ ว ตาบลบา้ นกลางอาเภอสนั ป่าตองจงั หวัดเชียงใหม่
คุ้มบ้านทุ่งเสี้ยวเป็นคุ้มของเจ้าแก้วนวรัฐเจ้าหลวงเชียงใหม่องค์ที่ 9 (พ.ศ.2454-2482)
เจ้าแก้วนวรัฐสร้างคุ้มหลังนี้ขึ้นในปีพ.ศ.2470 เพื่อใช้เป็นที่พักในคราวที่เดินทางมาตรวจเย่ียม
ประชาชนและมาดูแลไร่นา เนื่องจากบริเวณพื้นที่ในแถบนี้ต้ังแต่ทุ่งสะโตกหลังวัดศรีนวรัฐ
จนถึงหมู่บ้านพันตน อาเภอแม่วาง เป็นท่ีดินของตระกูลแม่เจ้าบัวเขียวพระมารดาของเจ้าแก้วนวรัฐ
แต่เดิมคุ้มหลังน้ีจะมีหลองข้าว50 ขนาดใหญ่ซึ่งใช้ในการเก็บผลผลิตท่ีได้จากไร่นาในบริเวณน้ี
ก่อนท่ีจะนาผลผลิตเข้าไปไว้ในเมือง หลังจากที่เจ้าแก้วนวรัฐถึงแก่พิราลัยในปีพ.ศ. 2482
ทายาทของเจ้าแก้วนวรัฐก็ดูแลคุ้มหลังน้ีสืบต่อกันเรื่อยมา โดยปัจจุบันเจ้าของคือคุณหญิงนพรัตน์
สนิทวงศ์ ณ อยุธยา แม้ว่าจะมีการซ่อมแซมปรับปรุงตัวอาคารและปรับทัศนียภาพรอบๆ แต่ตัวเรือน
ของค้มุ ยังคงสภาพใกลเ้ คยี งกบั ในคร้งั แรกสร้างอยู่51
49 วฑิ รู ย์ เหลียวรงุ่ เรอื ง, คมุ้ เจา้ บรุ รี ัตน์ (เจา้ แก้วมุงเมอื ง ณ เชยี งใหม่) (เชยี งใหม่: หจก. จรสั ธรุ กิจการพิมพ,์ 2555), 19.
50 หลองข้าวเป็นภาษาเหนือแปลว่ายุ้งขา้ วในภาษากลาง
51 สมั ภาษณ์ พระครูถาวรนพรัฐ, เจา้ อาวาสวัดศรนี วรัฐ, 8 ธันวาคม 2561.
36
ภาพที่ 3 อาคารค้มุ บา้ นทงุ่ เส้ยี ว อาเภอสนั ป่าตอง จังหวัดเชยี งใหม่
4) คุม้ เจา้ ราชบตุ ร (เจ้าสมพะมิตร ณ เชียงใหม่52)
ตาแหนง่ ท่ตี ัง้ : เลขที่ 24 ถนนราชดาเนนิ ตาบลศรภี มู ิ อาเภอเมอื ง จังหวดั เชียงใหม่
คุ้มหลังน้ีไม่ปรากฏปีท่ีสร้าง แต่ตามทะเบียนบ้านช่ือเจ้าของแรกคือนายหมื่นแก้ว
ณ เชียงใหม่53 ในปีพ.ศ.2492 เจ้าหมื่นแก้วได้ขายคุ้มหลงั น้ีให้แก่นายวัธ และนางจนั ทรท์ า สุวรรณยืน
และได้ให้ The United States Information Service เช่าเป็นสานักงานในระหว่างปี พ.ศ.2512-
2539 ในปัจจุบันให้ AUA Language School เช่าเพ่ือเปิดเป็นสถาบันสอนภาษาอังกฤษ ซ่ึงเจ้าของ
สถานทีใ่ นปจั จุบันคือทายาทตระกูลสวุ รรณยืน54
ภาพท่ี 4 คมุ้ เจา้ ราชบุตร (เจ้าสมพะมติ ร ณ เชียงใหม่) จังหวัดเชยี งใหม่
52 นายพันตารวจเอก เจา้ ไชยสงคราม
53 THAI NORTH TOUR, คุ้มเจ้าราชบุตร (สมพะมิตร), เข้าถึงเมื่อ 16 ธันวาคม 2561, เข้าถึงได้จาก
https://www.thainorthtour.com/place_detail.php?id=1805
54 วิฑูรย์ เหลียวรุ่งเรือง, คุ้มเจ้าครองนครเชียงใหม่และ คุ้มเจ้าบุรีรัตน์ (มหาอินทร์) (เชียงใหม่:
มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่, 2554), 15.
37
3.2. คุม้ เจ้านายฝา่ ยเหนือที่อยูใ่ นจังหวดั ลำพูน
1) คมุ้ เจ้าหลวงจกั รคาขจรศักดิ์
ตาแหนง่ ที่ตง้ั : เลขท่ี 378 ถนนอนิ ทยงยศ อาเภอเมืองลาพนู จังหวัดลาพนู 55
เจ้าจักรคาขจรศักดิ์ เจ้าหลวงลาพูนองค์ที่ 10 (พ.ศ.2454-2486) ได้สร้างคุ้มหลังนี้ขึ้น
ระหว่างปีพ.ศ.2480-2482 สร้างข้ึนแทนเรือนไม้สกั หลังเก่าซงึ่ เป็นเรือนไม้ชั้นเดียว คุ้มหลังนี้ออกแบบ
โดย ม.จ.ทองแกมแก้ว ทองใหญ่ เจ้าหลวงจักรคาขจรศักด์ิได้พานักอยู่ที่คุ้มแห่งนี้จนถึงแก่พิราลัย
ในปพี .ศ.248656
ภาพที่ 5 อาคารคมุ้ เจา้ หลวงจกั รคาขจรศักดิ์ จังหวดั ลาพูน
ทม่ี า : รตั นโกสเิ นหา. คมุ้ เจ้าหลวงจกั รคาขจรศกั ด์ิ เจ้าผ้คู รองนครลาพนู องคส์ ดุ ทา้ ย. เข้าถึงเมอื่ 27 พฤศจกิ ายน
2561. เข้าถงึ ได้จาก https://www.rattanakosineha.com/single-post/Chak-Kam-Kajornsak
55 วิฑู รย์ เห ลี ย วรุ่งเรือ ง, คุ้ ม เจ้ าค รอ งน ค รเชี ย งให ม่ แ ล ะ คุ้ ม เจ้ าบุ รีรัต น์ (ม ห าอิ น ท ร์)
(เชียงใหม่: มหาวิทยาลัยเชยี งใหม่, 2554), 15.
56 วรเทวี (ณ ลาพูน) ชลวณิช, เร่ืองเล่าจากคุ้มเจ้าหญิงแขกแก้ว ณ ลาพูน (เกรุงเทพฯ: อมรินทร์พร้ินติ้ง
แอนดพ์ ับลชิ ชง่ิ , 2559), 114-117.
.
38
2) คมุ้ เจา้ ยอดเรอื น
ตาแหนง่ ที่ตัง้ : เลขที่ 4 ถนนรถแกว้ ตาบลในเมอื ง อาเภอเมืองลาพนู จงั หวัดลาพูน57
เจา้ ยอดเรือน ณ ลาพูน เป็นธดิ าของเจ้าน้อยเมอื งใจ๋ ณ ลาพนู และเจา้ แวน่ แก้ว ณ ลาพูน
ท่านชายาของเจ้าหลวงจักรคาขจรศักด์ิ เจ้าผู้ครองนครลาพูนองค์ที่ 10 ซ่ึงมีชายาท้ังหมด 4 คน
ได้แก่ เจ้าขานแก้ว เจ้าแขกแก้ว เจ้าส่วนบุญ และเจ้ายอดเรือน โดยเจ้าหลวงจักรคาขจรศักดิ์ได้สร้าง
คุ้มหลังน้ีให้แก่เจ้ายอดเรือนในปีพ.ศ.2470 อย่างไรก็ตามในคราวแรกท่ีสร้างเสร็จเจ้ายอดเรือน
ยังไม่ได้มาพานักท่ีคุ้มหลัง58 แต่อยู่ที่คุ้มหลวงของเจ้าจักรคาขจรศักดิ์ อาคารคุ้มหลังน้ี
จึงถูกใช้เป็นบ้านเช่าให้แก่ผู้พิพากษาจังหวัดลาพูน จนกระท่ังเจ้าจักรคาขจรศักดิ์ถึงแก่พิราลัย
ในปีพ.ศ.2486 เจ้ายอดเรือนและหลานสาวทั้ง 7 คน ซึ่งเป็นบุตรสาวของเจ้าอินทนนท์ ณ ลาพูน
ได้ย้ายออกจากคุ้มหลวงมาพานักท่ีคุ้มหลังนี้ จวบจนเจ้ายอดเรือนถึงแก่กรรมในปีพ.ศ.2506
รวมเปน็ ระยะเวลาประมาณ 20 ปี ท่เี จ้ายอดเรือนไดพ้ ักอาศัยอยู่ในคุ้มหลงั น้ี59
หลังจากเจ้ายอดเรือนถึงแก่กรรมแล้ว หลานสาวท้ัง 7 คน ก็ยังคงพักอาศัยอยู่ในคุ้มเจ้า
ยอดเรือน เมื่อการเวลาผ่านไปก็มีเหตุจาเป็นท่ีทาให้หลานสาวแต่ละคนต้องแยกย้ายกันไปอยู่ที่อ่ืน
ประมาณปพี .ศ.2536 หลานสาวคนสดุ ท้ายได้ย้ายออกไปจากคุ้มหลังน้ี เมื่อไม่มีผ้อู ยู่อาศัยแลว้ อาคาร
คุ้มเจ้ายอดเรือนจึงถูกปิดไว้แต่ได้มีการดูแลรักษาอยู่เป็นประจา และทาบุญใหญ่ทุกปีในช่วงเทศกาล
สงกรานต์เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้เจ้าจักรคาขจรศักด์ิเจ้ายอดเรือน และบรรพบุรุษ ในปัจจุบันผู้ถือครอง
กรรมสิทธ์ิเป็นเจ้าของท่ีดินและอาคารคุ้มเจ้ายอดเรือนคือ นางกาญจนา มหาแสน บุตรสาวคนที่ 7
ของเจา้ อินทนนท์ ณ ลาพนู 60
เทศบาลเมืองลาพูนได้ทาการจัดต้ังแหล่งเรียนรู้คุ้มเจ้ายอดเรือนขึ้น ณ อาคารคุ้มเจ้ายอด
เรือน เพื่อทาการอนุรักษ์คุ้มหลั งนี้ให้สภาพสมบูรณ์ ใกล้เคียงกับรูปแบบเดิมให้มากที่สุด
57 จักรพงษ์ คาบุญเรือง, “คุ้มเจ้าในลาพูน,” เชียงใหม่นิวส์ (15 ธันวาคม 2549): 5, อ้างจาก นเรนทร์
ปญั ญาภู, “คุม้ เจา้ ราชสัมพนั ธวงศ”์ (เอกสารใหข้ ้อมลู ประกอบการจัดแสดงพพิ ิธภณั ฑช์ ุมชนเมืองลาพนู ).
58 บ้านพักอาศยั ของชายาเจา้ หลวงถอื ว่าเป็นอาคารทม่ี ฐี านะพิเศษทส่ี ามารถเรียกวา่ “คุ้ม” ได้
59 งานพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยว สานักปลัด เทศบาลเมืองลาพูน, คุ้มเจ้ายอดเรือน [แผ่นพับ]
(ม.ป.ท., ม.ป.ป.), 1.
60 เร่ืองเดยี วกัน, 2.
39
เนื่องจากคุ้มหลังนี้เป็นสถาปัตยกรรมท้องถ่ิน เรือนสรไน61 ท่ีมีคุณค่าต่อการศึกษาประวัติศาสตร์
สถาปัตยกรรม วัฒนธรรม และวถิ ีชีวิตของชาวลาพนู ในอดีต62
ภาพท่ี 6 อาคารคมุ้ เจา้ ยอดเรอื น จงั หวัดลาพนู
3.3. คุ้มเจา้ นายฝา่ ยเหนือท่ีอยใู่ นจังหวัดแพร่
1) คุ้มเจา้ หลวงเมืองแพร่
ตาแหน่งท่ตี งั้ : เลขท่ี 4 ถนนค้มุ เดิม ตาบลในเวยี ง อาเภอเมอื งแพร่ จงั หวดั แพร่
คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่เป็นคุ้มของเจ้าหลวงพิริยะเทพวงศ์ เจ้าหลวงองค์ที่ 6(พ.ศ.2432-2445)
หลังจากที่เจ้าหลวงพิ ริยะเทพ วงศ์ขึ้นครองเมืองแพ ร่ได้ 2 ปี ก็ได้สร้างคุ้มหลวงหลังน้ี
ขึ้นใน ปีพ.ศ.2435 พระชายาของเจ้าหลวงพิริยะเทพวงศ์คือเจ้าแม่บัวไหลหรือแม่เจ้าหลวง
การเรียกเจ้าแม่บัวไหลว่าแม่เจ้าหลวงน้ีสืบเน่ืองมาจากเจ้าบัวไหลได้รับการสถาปนาให้ข้ึนครองเมือง
แพร่กอ่ นเจา้ พริ ยิ ะเทพวงศเ์ ปน็ เวลา 7 วนั ท้ังสองมีบตุ รและธิดารวม 7 คน63
เจ้าหลวงพิริยะเทพวงศ์และเจ้าแม่บัวไหลพร้อมทั้งครอบครัวได้พักอาศัยอยู่ที่คุ้มห ลังน้ี
จนถึงปีพ.ศ.2445 ซึ่งเป็นปีท่ีเกิดกบฏเงี้ยวเมืองแพร่ เนื่องจากเหตุการณ์น้ีจึงทาให้เจ้าหลวงพิริยะเทพวงศ์
ต้องลี้ภัยไปอยู่ท่ีเมืองหลวงพระบาง ประเทศลาว จนกระทั่งถึงแก่พิราลัยในวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ.2452
61 เรือนที่ประดับตกแต่งด้วยแท่งเสากลึงบริเวณหลังคา และมุมชายคาของเรือน ซ่ึงเป็นเอกลักษณ์
ของเรอื นไมใ้ นจงั หวดั ลาพูน
62 งานพัฒนาและส่งเสริมการท่องเท่ียว สานักปลัด เทศบาลเมืองลาพูน, คุ้มเจ้ายอดเรือน [แผ่นพับ]
(ม.ป.ท., ม.ป.ป.), 3.
63 สานักงานคุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่, คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่ [แผ่นป้ายให้ข้อมูลประกอบการจัดแสดง
พพิ ิธภัณฑค์ ุ้มเจา้ หลวงเมืองแพร่] (ม.ป.ท., ม.ป.ป.),.
40
สว่ นเจ้าแม่บัวไหลได้รับการโปรดเกลา้ ฯ จากรัชกาลที่ 5 ให้ลงไปพานักอยู่ที่กรุงเทพฯ เม่ือไม่มีใครพัก
อาศัยแลว้ กองบังคับการทหารม้าจากกรุงเทพฯ ท่ถี ูกส่งมาเพ่ือรักษาความสงบในเมืองแพร่จึงไดใ้ ช้คุ้ม
หลงั นีเ้ ปน็ ท่ีทาการ64
หลังจากเหตุการณ์ในเมืองแพร่สงบลงแล้วคุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่ได้กลายมาเป็นจวน
ข้าหลวง ท่ีพกั อาศัยของผู้ว่าราชการจังหวดั แพร่ จนกระทั่งมกี ารสร้างบ้านพักผวู้ ่าราชการจังหวัดแพร่
หลังใหม่ คุ้มหลังน้ีจึงได้รับการปรับเปล่ียนมาเป็นสถานที่จัดนิทรรศการเกี่ยวกับจังหวัดแพร่ และจัด
แสดงของข้าวเคร่ืองใชใ้ ห้ใกล้เคียงกับสมัยที่เจ้าหลวงพิริยะเทพวงศ์และแม่เจ้าบัวไหลอาศัยอยูใ่ ห้มาก
ทส่ี ดุ 65
ภาพที่ 7 อาคารคมุ้ เจ้าหลวงเมืองแพร่ จงั หวดั แพร่
2) คุ้มวงศบ์ ุรี
ตาแหนง่ ทต่ี ง้ั : เลขที่ 50 ถนนคาลือ ตาบลในเวยี ง อาเภอเมอื งแพร่
คุ้มวงศ์บุรีเป็นคุ้มที่สร้างข้ึนในปีพ.ศ.2440 ตามดาริของแม่เจ้าบัวถา มหายศปัญญา
ชายาองค์แรกของเจ้าหลวงพิริยะเทพวงศ์ เพ่ือใช้เป็นของกานัลในการเสกสมรสระหว่างเจ้าสุนันตา
วงศ์บุรี และคุณหลวงพงษ์พิบูล (เจ้าพรหม วงศ์พระถาง) เจ้าสุนันตานั้นเป็นบุตรีของพระยาบุรีรัตน์
64 สานักงานคุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่, คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่ [แผ่นป้ายให้ข้อมูลประกอบการจัดแสดง
พพิ ธิ ภัณฑค์ มุ้ เจา้ หลวงเมืองแพร่] (ม.ป.ท., ม.ป.ป.),.
65 เร่ืองเดียวกัน.
41
ผู้ซ่ึงเป็นน้องชายของแม่เจ้าบัวถา โดยแม่เจ้าบัวถารับมาเป็นบุตรบุญธรรม ในงานเสกสมรส
ของท้งั สองท่านไดใ้ ชค้ ุม้ หลงั นเี้ ป็นเรือนหอด้วย66
ในปัจจุบันคุ้มหลังน้ีตกเป็นมรดกของทายาทตระกูลวงศ์บุรีรุ่นที่ 5 และได้รับการดูรักษา
เป็นอย่างดี ได้จัดทาเป็นพิพิธภัณฑ์ส่วนบุคคล จัดแสดงข้าวของเคร่ืองใช้ที่ตกทอดกันมาในตระกูล
เพื่อแสดงให้เห็นถึงวถิ ีชวี ิตของเจา้ นายเมืองแพร่ทเ่ี คยพานักอยทู่ ่ีคมุ้ หลังน้ี67
ภาพท่ี 8 อาคารคุ้มวงศ์บรุ ี จังหวดั แพร่
3.4 คมุ้ เจ้านายฝา่ ยเหนือที่อยูใ่ นจงั หวดั น่าน
1) คุม้ เจ้าหลวงเมอื งน่าน
ตาแหน่งท่ีตงั้ :พิพิธภัณฑสถานแหง่ ชาติ จงั หวัดน่าน ถนนผากองตาบลในเวยี งอาเภอเมืองจงั หวัดน่าน
คุ้มหลวงหลังน้ีเรียกกันว่าหอคาเมืองน่านสร้างข้ึนในพ.ศ.2446 เจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช
เจ้าหลวงเมืองน่านองค์ท่ี 8 (พ.ศ.2436-2446) มีดาริให้สร้างข้ึนเพื่อเป็นการประดับเกียรติยศ
หลังจากท่ีพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าสถาปนาเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช
ข้ึนเป็นพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ โดยได้ทาการร้ือเรือนไม้ 7 หลัง ซ่ึงตั้งอยู่ในบริเวณพ้ืน
ของคุ้มหลวงเดิมในสมัยเจ้าอนันตวรฤทธิเดช เจ้าหลวงเมืองน่านองค์ท่ี 7 ผู้เป็นบิดา68
66 สหยศ ศรีพนา วงศ์บุรี, ประวัติคุ้มวงศ์บุรี [แผ่นป้ายให้ข้อมูลประกอบการจัดแสดงพิพิธภัณฑ์มีชีวิต
คมุ้ วงศ์บรุ ]ี (ม.ป.ท., ม.ป.ป.),.
67 เร่ืองเดียวกนั .
68 สัมภาษณ์ เจ้าสมปรารถนา ณ น่าน, หลานสาวเจ้าราชบุตร (เจ้าหมอกฟ้า ณ น่าน) และเป็นเจ้าของ
คุ้มเจา้ ราชบตุ ร เมอื งนา่ น ในปจั จบุ ัน, 13 ตุลาคม 2561.
42
หลังจากท่ีหอคาหลังนี้สร้างเสร็จแล้ว เจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ ได้มีรับสั่งว่า ถ้าใครเป็นเจ้าผู้ครองนคร
น่านองคต์ อ่ ไปใหเ้ ข้ามาอย่ทู ี่นเ้ี สมอ69
เม่ือเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ ถึงแก่พิราลัยแล้ว หอคาหลังนี้จึงตกเป็นของเจ้ามหา -
พรหมสุรธาดาตามคาสั่งเสียของเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ เจ้ามหาพรหมสุรธาดาดารงตาแหน่งเจ้าหลวง
เมืองน่านและเป็นเจ้าของหอคาหลังน้ียาวนานถึง 12 ปี และถึงแก่พิราลัยลงในปีพ.ศ.2446
เน่ืองจากท่านเป็นเจ้าหลวงองค์สุดท้ายของเมืองน่าน เหตุท่ีทาให้เจ้านายในเมืองน่านทราบได้ว่าเจ้า
มหาพรหมสุรธาดาอาจเป็นเจ้าหลวงองค์สุดท้าย เน่ืองจากเมืองลาปางไม่ได้มีการแต่งต้ัง
เจา้ หลวงมาระยะหนึ่งแล้ว จึงทาใหเ้ กิดกรณพี ิพาทข้นึ ว่าผู้ใดควรจะเป็นเจ้าของหอคาแห่งนี้ระหวา่ งตก
เป็ น ท รัพ ย์ สิ น ข อ งแ ผ่ น ดิ น ห รือ ต ก เป็ น ท รัพ ย์ สิ น ข อ งท าย าท เจ้ าสุ ริ ย พ งษ์ ผ ริ ต เด ช
ข้อ พิ พ าท นี้ เจรจาตกล งกัน ม าอย่างยาวน าน ระห ว่างฝ่ายรัฐบ าลกลางจากกรุงเท พ ฯ
และฝา่ ยเจา้ นายในเมืองน่าน70
ในวันที่ 7 เมษายน พ.ศ.2476 รัฐบาลกลางได้ตัดสินว่าที่ดินคุ้มหลวง ตึกหอคา และสิ่งของ
บางอย่างซ่ึงเป็นเครื่องประดับหอคา พร้อมท้ังท่ีนา 2 แปลงเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน71
นอกจากน้ีคราวที่พระยาจ่าแสนยบดี (ชิต สุนทรวร) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
เดินทางไปตรวจราชการท่ีจังหวัดน่านในเดือนเมษายน พ.ศ.2476 นายจารัส มหาวงศ์นันทน์
ทาหน้าที่เป็นผู้รับฉันทะจากเจ้านายเมืองน่านหลายคน เพ่ือยื่นคาร้องต่อจ่าแสนยบดีว่าไม่ติดใจ
ในเรื่องคุ้มหลวงและหอคาอีกต่อไปแล้ว ข้อพิพาทน้ีจึงถือเป็นอันจบไป อย่างไรก็ตาม
กระทรวงมหาดไทยได้เข้าครอบครองตึกหอคา เพ่ือจัดต้ังเป็นศาลากลางจังหวัดน่านมาตั้งแต่วันที่ 1
กันยายน พ.ศ.2475 แล้ว72 จนกระท่ังในปีพ.ศ.2517 กระทรวงมหาดไทยได้ส่งมอบตึกหอคา
ให้กรมศิลปากรเพ่ือจัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน73 โดยได้ทาการจัดแสดงส่ิงของ
69 “สมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงนครราชสีมา เสด็จมณฑลพายัพ.” เอกสารจดหมายเหตุลายลักษณ์. ร. ม.
27/10. สานักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ. อ้างถึงใน วรชาติ มีชูบท, เจ้านายฝ่ายเหนือ และตานานรักมะเมียะ
(กรงุ เทพฯ: สรา้ งสรรคบ์ ุ๊คส,์ 2556), 245-247.
70 วรชาติ มชี บู ท, เจ้านายฝา่ ยเหนือ และตานานรกั มะเมยี ะ (กรุงเทพฯ: สร้างสรรค์บุค๊ ส,์ 2556), 247-258.
71 “ตึกหอคา นครน่าน (พ.ศ.2472-2482).” เอกสารจดหมายเหตุลายลักษณ์. สร.0201”32/1.
สานักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ. อ้างถึงใน วรชาติ มีชูบท, เจ้านายฝ่ายเหนือ และตานานรักมะเมียะ (กรุงเทพฯ:
สรา้ งสรรคบ์ ุ๊คส์, 2556), 258.
72 เรอื่ งเดียวกัน.
73 วรชาติ มชี บู ท, เจา้ นายฝา่ ยเหนือ และตานานรกั มะเมยี ะ (กรุงเทพฯ: สร้างสรรคบ์ ๊คุ ส์, 2556), 259.
43
ท่ีเคยเป็นเครื่องประดับในหอคาเจ้าผู้ครองนครน่านควบคู่กับโบราณวัตถุ เพื่อให้ความรู้
ทางด้านประวตั ศิ าสตร์ ศลิ ปะ และโบราณคดี
ภาพท่ี 9 อาคารหอคาเกา่ เมอื งน่าน พพิ ิธภัณฑสถานแห่งชาติ จังหวัดน่าน
2) ค้มุ เจา้ ราชบุตร (เจ้าหมอกฟา้ ณ นา่ น)
ตาแหนง่ ท่ีต้ัง : คุ้มเจา้ ราชบตุ ร 79 ถนนมหาวงศ์ ตาบลในเวยี ง อาเภอเมอื ง จงั หวดั น่าน
ในปีพ.ศ.2400 เจ้าอนันตวรฤทธิเดชได้สร้างคุ้มข้ึน 7 หลัง เพื่อเป็นการสร้าง
ให้สมพระเกียรติยศ ในโอกาสท่ีพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้สถาปนาพระยาอนันตยศข้ึนเป็นเจ้าอนันตวรฤทธิเดช ซ่ึงคุ้มหลังท่ีท่านอาศัยอยู่นั้นจะเรียกว่า
คุ้มแก้ว74 โดยคุ้มหลังนี้หลังจากคุ้มทั้ง 7 หลัง เป็นหลังที่ 8 ในปีพ.ศ.2409 เจ้าน้อยมหาพรหม
ในย้ายเข้ามาอยู่อาศัยในคุ้มหลังนี้เมื่ออายุได้ 11 ชันษา เมื่อเจ้าเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ
ถึงแก่พิราลัยแล้ว เจ้าน้อยมหาพรหมได้ขึ้นเป็นเจ้ามหาพรหมสุรธาดาเจ้าหลวงเมืองน่านองค์ที่ 9
คุ้มหลังน้ีจึงตกเป็นของเจ้าราชบุตร (เจ้าหมอกฟ้า ณ น่าน) บุตรชายคนเล็กของเจ้าราชพรหมสุรธาดา
กับเจ้าแม่ศรีโสภา75
74 “ตึกหอคา นครน่าน (พ.ศ.2472-2482).” เอกสารจดหมายเหตุลายลักษณ์. สร.0201”32/1. สานัก
หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. อ้างถึงใน วรชาติ มีชูบท, เจ้านายฝ่ายเหนือ และตานานรักมะเมียะ (กรุงเทพฯ:
สรา้ งสรรคบ์ ุ๊คส์, 2556), 243.
75 สัมภาษณ์ เจ้าสมปรารถนา ณ น่าน, หลานสาวเจ้าราชบุตร (เจ้าหมอกฟ้า ณ น่าน) และเป็นเจ้าของ
คมุ้ เจา้ ราชบุตร เมืองนา่ น ในปจั จุบนั , 13 ตลุ าคม 2561.
44
ต่อมาในปีพ.ศ.2484 คุ้มหลังดังกล่าวมีสภาพชารุดทรุดโทรม เจ้าราชบุตร (เจ้าหมอกฟ้า
ณ น่าน) จึงร้ือคุ้มหลังเดิม และเรือนหลังเล็กบริเวณด้านข้างออก และสร้างเรือนหลังใหม่
ที่มีขนาดเล็กลงกว่าเดิม ซึ่งก็คือเรือนหลังท่ีปรากฎอยู่ในปัจจุบัน เจ้าของคนปัจจุบันคือเจ้าสม
ปรารถนา ณ น่าน บตุ รสาวของเจา้ โคมทอง ณ นา่ น ธิดาของเจ้าหมอกฟ้า ณ น่าน76
ภาพที่ 10 อาคารคุ้มเจ้าราชบุตร (เจา้ หมอกฟ้า ณ นา่ น) จังหวัดนา่ น
สรปุ หลักฐานทางด้านประวัติศาสตรท์ ี่มคี วามเกย่ี วขอ้ งกับเร่ืองราวของคมุ้ เจา้ นายฝ่ายเหนือในลา้ นนา
จากการสารวจข้อมูลทางเอกสารและลงพ้ืนท่ีเก็บข้อมูลในเบื้องต้นพบว่าในภาคเหนือมีคุ้ม
ท่ียังหลงเหลือหลักฐานให้ศึกษาและสามารถทาการเก็บข้อมูลได้ท้ังหมดจานวน 10 หลัง พบว่าคุ้ม
ทั้งหมดสร้างขึ้นในระหว่างปี พ.ศ. 2430 – 2490 ซึ่งอยู่ในช่วงรัชกาลท่ี 5 ถึงรัชกาลท่ี 7 แห่ง
กรุงรัตนโกสินทร์ และเป็นช่วงที่ชาวต่างชาติเข้ามาทาการค้าขาย โดยเฉพาะการค้าไม้ในล้านนา
เป็นจานวนมาก
สภาพภายนอกของคุ้มเจ้านายล้านนาท้ัง 10 หลัง ท่ีปรากฏให้เห็นในปัจจุบัน แต่ละหลัง
มีสภาพแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับการดูแลของผู้ถือกรรมสิทธ์ิในปัจจุบัน คุ้มหลังท่ีมีภาครัฐ
ภาคเอกชน องค์ภาคประชาชน เข้ามาดูแล ก็จะมีสภ าพที่ดีและซ่อมแซมให้มีรูปแบบ
ทางด้านศิลปกรรมที่ใกล้เคียงกับสภาพในยุคแรกสร้างมากที่สุด ยกตัวอย่างเช่น คุ้มเจ้าบุรีรัตน์
76 สัมภาษณ์ เจา้ สมปรารถนา ณ น่าน, หลานสาวเจ้าราชบุตร (เจ้าหมอกฟ้า ณ น่าน) และเป็นเจ้าของคุ้ม
เจา้ ราชบุตร เมอื งน่าน ในปจั จบุ นั , 13 ตุลาคม 2561.
45
(มหาอินทร์ ณ เชียงใหม่) คุ้มเจ้าบุรีรัตน์ (เจ้าน้อยแก้วมุงเมือง ณ เชียงใหม่) คุ้มเจ้ายอดเรือน
จังหวัดลาพนู คมุ้ เจ้าหลวงจงั หวดั แพร่ และหอคาหลวงเมืองน่าน
คุ้มอีกกลุ่มหน่ึงคือได้รับการดูแลโดยทายาทของเจ้าของเรือน และนามาต่อยอดทาธุรกิจ
คุ้มในกลุ่มนี้จะทาการศึกษาค่อนข้างยาก เน่ืองจากปรับปรุงซ่อมแซมและเปลี่ยนรูปแบบของตัวเรือน
บ่อยเพ่อื ใหต้ อบสนองต่อหน้าทีก่ ารใช้งานของเจ้าของในปจั จบุ ันดังเช่นคุ้มวงศ์บุรี จงั หวัดแพร่ และคุ้ม
เจ้าราช บุ ตร (เจ้าสม พ ะมิตร ณ เชียงให ม่ ) ส่วน คุ้มเจ้าราช บุ ตร (ห มอกฟ้ า ณ น่ าน )
คุ้มบ้านทุ่งเส้ียว จังหวัดเชียงใหม่ และคุ้มเจ้าจักรคาขจรศักด์ิ คุ้มทั้ง 3 หลัง ในปัจจุบันทายาท
เป็นผู้ดูแล เน่ืองจากเรือนทั้งสามหลังมีขนาดใหญ่ และมีองค์ประกอบเป็นไม้จึงทาให้ดูแลรักษายาก
และปรับปรุงซ่อมแซมไปตามสภาพเพ่ือไม่ให้ตัวเรือนพงั เท่าน้ัน
46
บทท่ี 3
วเิ คราะหร์ ปู แบบทางด้านสถาปตั ยกรรมของคุ้มเจ้านายฝา่ ยเหนือในล้านนา
จากการลงพืน้ ท่ีเพ่อื เกบ็ ข้อมลู เกี่ยวกบั ค้มุ ของเจ้านายฝ่ ายเหนือในล้านนาทง้ั 10 หลงั ในพนื ้ ท่ี
จงั หวดั เชียงใหม่ จงั หวดั ลาพนู จงั หวดั แพร่และจงั หวดั น่าน สามารถจดั กลุม่ ของคุ้มตามอทิ ธพิ ลที่มีผล
ตอ่ รูปแบบศลิ ปกรรมและสถาปัตยกรรมได้ 4 กลมุ่ ดังน้ี
กลมุ่ ที่ 1 คมุ้ ทม่ี ลี ักษณะทางดา้ นสถาปตั ยกรรมแบบเรือนพน้ื ถ่นิ ลา้ นนา
กลุ่มที่ 2 คุม้ ทไ่ี ดร้ บั อิทธพิ ลตะวนั ตกโดยตรงจากชาวตะวนั ตกที่มายงั ลา้ นนา
กลมุ่ ที่ 3 คุ้มทไ่ี ดร้ ับอทิ ธพิ ลเรอื นไม้แบบตะวันตกจากกรงุ เทพฯ
กลมุ่ ที่ 4 คมุ้ ทีม่ ีรูปแบบเป็นอาคารทรงตกึ แบบภาคกลาง (กรงุ เทพฯ)
โดยในการศึกษารูปแบบทางด้านสถาปัตยกรรมของคุ้มเจ้านายฝ่ายเหนือในบทนี้จะใช้การจัดกลุ่ม
ดังกลา่ วเป็นหลักเกณฑในการวเิ คราะหร์ ูปแบบทางด้านสถาปตั ยกรรมของค้มุ ท้ัง 10 หลงั
1. กลุ่มท่ี 1 คมุ้ ทมี่ ลี ักษณะทางดา้ นสถาปัตยกรรมแบบเรอื นพน้ื ถิน่ ลา้ นนา
1.1. คุม้ บา้ นทุง่ เสี้ยว จังหวัดเชยี งใหม่
คุ้มเจ้านายล้านนาเพียงหลังเดียวท่ีมีลักษณะใกล้เคียงกับเรือนพื้นถ่ินล้านนามากที่สุด
โดยวิเคราะห์จากผังพ้ืนการใช้งานตัวเรือน รูปแบบสถาปัตยกรรม และงานประดับตกแต่ง
ซึง่ มีรายละเอยี ดดังน้ี
1) ผังพน้ื และการใช้งาน
คุ้มบ้านทุ่งเส้ียวมีผังพื้นและรูปแบบการใช้งานเหมือนเรือนไม้ล้านนาท่ีมีขนาดใหญ่ท่ัวไป
กล่าวคือมีเป็นเรือนไม้ช้ันเดียวใต้ถุนยกสูงตัวเรือนเป็นออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนของเรือนหลัก
และเรือนรองทั้ง 2 ส่วนเช่ือมต่อกันด้วยชานแล่น การใช้งานของเรือนในลักษณะนี้มักจะแบ่งออกเป็น
2 ส่วนอย่างชัดเจน ส่วนแรกท่ีเรียกกันว่าเรือนหลักเป็นส่วนของที่พักอาศัยประกอบไปด้วยห้องโถง
ห้องนอนและห้องทางานรวมทั้งหมด 3 ห้อง ส่วนที่สองเรือนรองมักจะถูกแบ่งออกเป็นห้องขนาดเล็ก 3 ห้อง
เพอ่ื ใช้เปน็ ห้องเกบ็ ของ
บริเวณด้านหน้าของตัวเรือนทางด้านทิศเหนือมีชานขนาดใหญ่เพ่ือใช้งานเป็นระเบียงเอนกประสงค์
เชื่อมต่อกับส่วนของเติ๋น77เพื่อเดินเข้าสู่ห้องต่างๆ และเชื่อมต่อกันชานแล่น เพ่ือเป็นทางเดินไปพ้ืนที่
77 ส่วนประกอบของเรือนพ้ืนถ่ินล้านนา มีลักษณะเป็นชานยกพ้ืนต่างระดับ มักใช้เป็นท่ีน่ังพูดคุยและ
รบั ประทานอาหารกันในครอบครวั
47
ส่วนกลางของซึ่งเป็นชานแล่นเช่ือมต่อระหว่างเรือนหลักและเรือนรอง บันไดทางข้ึนมี 2 ฝ่ัง อยู่บริเวณ
ด้านซ้ายและขวาทางด้านทิศใต้ ดา้ นหลังของตวั เรอื นมีโรงครัวขนาดเล็กตง้ั อยู่
จากการศึกษาข้อมูลเอกสารและลงพ้ืนท่ีเพ่ือเก็บข้อมูลภาคสนามพบว่าในด้านของผังอาคาร
และรูปแบบการใช้งานของค้มุ หลังนี้มีการเปล่ียนแปลงน้อยมาก มเี พียงร่องรอยการซ่อมแซมในส่วน
ท่ีเสียหายเพื่อรักษาสภาพของอาคารเท่าน้นั
ภาพท่ี 11 ภาพแสดงผังพืน้ ค้มุ บา้ นทุง่ เสี้ยว จงั หวัดเชยี งใหม่
หนา้ ท่ีการใชง้ าน78
1. ชานขนาดใหญ่ (ระเบียง)
2. เติ๋น79 (ชานยกพืน้ )
3. ห้องโถง
4. หอ้ งนอน
5. หอ้ งทางาน
6. ชานแลน่ เชื่อมตวั เรือนหลกั และเรือนรอง
7. ชานรม่
8.-10. หอ้ งขนาดเล็ก
11.-13. โรงครัว
78 เน่ืองจากคุ้มบ้านทุ่งเสี้ยวเป็นเรือนไม้ช้ันเดียว ชั้นล่างเป็นใต้ถุงโล่งไม่มีการแบ่งสัดส่วนจึงทาผังพื้น
แคเ่ พยี งชัน้ บน
48
2) รูปแบบสถาปตั ยกรรม
เม่ื อ พิ จ า ร ณ า จ า ก รู ป แ บ บ ท า ง ด้ า น ส ถ า ปั ต ย ก ร ร ม แ ล ะ วิ ธี ก า ร ส ร้ า ง ใน เบื้ อ งต้ น แ ล้ ว
ค้มุ บ้านทุ่งเสี้ยวปรากฎร่องรอยของการถากผิวไม้และเจาะเสาเข้าเดือยรวมท้ังการประกอบตัวเรือน
เหมือนกันเรือนเคร่ืองสับ แต่สภาพในปัจจุบันได้มีการใช้ตะปูและงานช่างแบบสมัยใหม่เข้ามาช่วย
ในหลายส่วนจึงเป็นไปได้ว่าตัวเรือนมีการบูรณะซ่อมแซมหลายคร้ังแต่ไม่ได้มีการบันทึก ไว้
อย่างเปน็ ลายลักษณ์อกั ษร โดยโครงสรา้ งของของตวั เรอื นสามารถอธิบายได้อย่างละเอียดดงั น้ี
ส่วนฐานราก
พื้นส่วนที่เป็นฐานตัวเรือนถูกถมให้สูงข้ึนกว่าระดับพ้ืนดินปกติด้วยซีเมนต์และปูลาน
บล็อกซีเมนต์อันเน่ืองมาจากเหตุผลด้านการดูแลรักษาและความแข็งแรงคงทน ทาให้ในปัจจุบัน
ไมส่ ามารถท่ีจะมองเหน็ ได้แลว้ ว่าส่วนพนื้ ฐานรากสดุ และฐานเสาใชว้ ิธีท่ีการอย่างไรในการก่อสร้าง
เสาและการปพู ื้น
การประกอบโครงสร้างของเสาเพื่อปูพื้นบริเวณเสามีการเจาะเสาใส่รอดเพ่ือวางพรึงและตง
ที่ใช้เป็นส่วนรองรับในการปูพ้ืนมีการใช้ตะปูสมัยใหม่ในการช่วยยึดส่วนของพรึงไว้กับเสา บริเวณ
ใต้ถุนของตัวเรือนมีการใช้เสาเพ่ือรองรับส่วนของพ้ืนท่ีเป็นชานโดยใช้คานยึดไว้ ในส่วนท่ีวางตง
บริเวณใต้พ้ืนมีการวางไม้ขนาดเล็กสลับกันไปเพื่อช่วยรองรับน้าหนักของพื้น เสาหลายต้น
มีร่องรอยของการถากไม้แต่ไม่ได้นาไปใช้ประกอบเข้ากับชิ้นส่วนอ่ืนๆ จึงสันนิษฐานได้ว่าอาจเป็น
การนาเสาต้นเก่าที่เคยอย่ใู นตาแหนง่ อน่ื กลับมาใชใ้ หม่
ลักษณะเด่นของเรือนพื้นถ่ินล้านนาอันเป็นปรากฎอย่างชัดเจนในคุ้มหลังน้ีคือมีการยกพื้น
ต่างระดับบนเรือนซ่ึงมีในพื้นแต่ละระดับน้ันเรียกว่าชานและเติ๋นซึ่งแบ่งตามหน้าท่ีการใช้งาน
นอกจากการยกพืน้ ตา่ งระดบั แล้วจะเหน็ ได้ว่าคุ้มบ้านทุง่ เสย้ี วแม้มีการยกใต้ถุนสูงแต่ก็ไม่ไดส้ งู โปร่ง
เท่าไหร่นักแต่ถูกยกข้ึนมาเพื่อให้มีพื้นที่สาหรับเก็บของเท่านั้น เน่ืองจากชาวล้านนาไม่นิยมอยู่
อาศัยบริเวณใต้ถุนเรือน ยิ่งไปกว่านั้นบนตัวเรือนของคุ้มหลังน้ียังมีส่วนที่เป็นระเบียงขนาดใหญ่
จึงเป็นไปไดว้ ่านยิ มใชพ้ นื้ ทีบ่ ริเวณระเบียงเป็นพน้ื ที่อเนกประสงค์มากกว่าใต้ถุนเรอื น
ภาพที่ 12 การวางเสารอบตัวเรอื นและการถมพ้นื
49
ภาพท่ี 13 การวางเสาบริเวณใต้ถนุ
ภาพท่ี 14 เสาทปี่ รากฎร่องรอยของการถากไม้