The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ศิลปคุ้มเจ้านายฝ่ายเหนือล้านนา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

ศิลปคุ้มเจ้านายฝ่ายเหนือล้านนา

ศิลปคุ้มเจ้านายฝ่ายเหนือล้านนา

100
บานประตูและบานหน้าตา่ ง
บานประตูเป็นบานคู่ทาจากไม้มีรูปแบบเรียบง่าย เหนือบานประตูมีการประดับตกแต่งด้วย
ลวดลายปนู ปั้นทรงครึง่ วงกลมและเหนอื บานประตภู ายในเรือนจะทาเป็นช่องแสงฉลุเป็นลวดลายพนั ธุ์
พฤกษาและกา้ นขด บานหนา้ ต่างมีหลายรปู แบบ รายละเอียด ดงั นี้
1) หน้าต่างบรเิ วณมขุ

ช้ันล่างทาเป็นหน้าต่างบานเกล็ดไม้แบบเปิดข้ึนเรียงกั นถ่ีด้านซ้ายและด้านขวา
ด้านละ 4 บาน เหนือบานประดับตกแต่งด้วยลวดลายปูนปั้น ช้ันบนทาหน้าต่างในรูปแบบเดียวกัน
ติดด้านหน้า 4 บาน ด้านซ้ายและด้านขวาด้านละ 8 บาน เหนือบานตกแต่งด้วยกระจกใส
และไม้ฉลลุ ายกา้ นขดตามลาดบั

ภาพท่ี 97 หนา้ ต่างบรเิ วณมขุ

ภาพท่ี 98 ลวดลายเหนอื กรอบหนา้ ตา่ งบรเิ วณมขุ

101
2) หนา้ ตา่ งชัน้ ลา่ ง

หน้าต่างบานไม้เปิดคู่แบบลูกฟักติดลูกกรง บานไม้ไม่มีการประดับตกแต่งลวดลาย
เหนือบานประตูประดับด้วยปูนป้ัน บางบานมีการติดลูกกรงข้างนอกโดยครึ่งล่างเป็นลูกกรง
และครง่ึ บนฉลไุ ม้เป็นรูปวงกลมมลี ายพนั ธพ์ุ ฤกษาลม้ รอบ สว่ นในวงกรมฉลเุ ปน็ ตัวหนงั สอื จนี

ภาพที่ 99 บานหนา้ ตา่ งช้นั ล่าง

3) หนา้ ต่างชัน้ บน
หน้าต่างไม้บานคู่ช่วงกลางหน้าต่างทาเป็นบานเกล็ดก้ันด้วยราวระเบียงฉลุลวดลายพันธ์ุ

พฤกษาและลายกา้ นขด เหนือบานหน้าตา่ งตกแต่งดว้ ยลวดลายปูนปั้นทรงสามเหลี่ยม

ภาพที่ 100 บานหน้าตา่ งชน้ั บน

102
4) ชอ่ งแสงรูปวงรบี รเิ วณมุข

ฉลุเป็นรูปวงซ้อนกนั ในวงกลมแต่ละชั้นประกอบไปด้วยลวดลายดอกไม้และกา้ นขด

ภาพที่ 101 ตาแหนง่ ของช่องแสงบริเวณมุข

ภาพที่ 102 ลวดลายไมฉ้ ลุ

ราวระเบยี งและราวบนั ได
ฉลไุ มเ้ ป็นลวดลายพันธุพ์ ฤกษา ก้านขด ดอกไม้ และดอกบัว

ภาพที่ 103 ลวดลายไม้ฉลรุ าวระเบียง

103

4.2. หอคาหลวง จงั หวดั น่าน
1) ผงั พ้ืนและการใช้งาน
หอคาหลวงเมืองน่านแบบอาคารท่ีสร้างข้ึนโดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากคุ้มเจ้าหลวงเมือง

แพร่127 ซ่ึงสร้างก่อนหน้าเป็นเวลา 11 ปี อาคารหลังน้ีมีลักษณะเป็นอาคารตึกก่ออิฐถือปูน
มีทั้งหมด 2 ช้ัน ในปัจจุบันช้ันล่างปูพื้นด้วยกระเบื้องส่วนช้ันบนยังเป็นพื้นไม้ อาคารเป็นรูปตัว T
หรือทรงตรีมุข แต่เดิมบริเวณมุขจะมีบันไดเช่ือมจากตัวอาคารภายนอกไปสู่ภายในหอคาชั้นสอง
เชน่ เดยี วกบั คุ้มเจา้ หลวงเมอื งแพร่ แตใ่ นปัจจุบันไดร้ ้อื ออกไปแล้ว128

ภายในอาคารบริเวณช้ันล่างกั้นเปน็ หอ้ งหลายหอ้ งแตไ่ มไ่ ด้มกี ารบันทึกอยา่ งชดั เจนถงึ หน้าที่
การใช้งานของแต่ละห้อง ชั้นบนประกอบด้วยพื้นท่ีสาธารณะ และพื้นท่ีส่วนตัว ได้แก่ ห้องรับแขก
หอ้ งรบั ประทานอาหาร ห้องนอน และหอ้ งเก็บสมบัตมิ คี า่ 129

ภาพท่ี 104 ภาพแสดงผงั พนื้ ชน้ั ลา่ งหอคาหลวง จังหวัดน่าน

หนา้ ทีก่ ารใช้งาน
มีห้องจานวนหลายห้องแต่ไม่ปรากฏ หลักฐานท่ีได้ระบุไว้ว่าเป็นห้องอะไรบ้าง
สว่ นหมายเลข 2 และหมายเลข 10 เป็นพื้นที่ปิดทึบ

127 พพิ ธิ ภัณฑสถานแห่งชาตนิ า่ น, พพิ ิธภณั ฑสถานแห่งชาตนิ า่ น [แผ่นป้ายใหข้ อ้ มูลประกอบการจดั
แสดงพพิ ธิ ภัณฑสถานแห่งชาตินา่ น] (ม.ป.ท., ม.ป.ป.),.

128 เรือ่ งเดียวกนั .
129 เร่อื งเดียวกนั .

104

ภาพท่ี 105 ภาพแสดงผังพน้ื ชัน้ บนหอคาหลวง จงั หวดั นา่ น

หน้าทกี่ ารใช้งาน130
1. โถงหนา้ บันได รบั รองแขกก่อนเขา้ เฝา้
2. หอ้ งรับแขก ห้องประชุม น่งั กับพ้นื มพี รหมปู มีหมอนอิง
3. หอ้ งบรรทมของพระเจา้ สรุ ิยพงษ์ฯ (เจา้ ผคู้ รองนคร)
4. ห้องคลงั เก็บของมคี ่า
5. ห้องแมเ่ จ้ายอดมโนรา (นอ้ งพระเจา้ สุริยพงษฯ์ )
6. หอ้ งเสวย (นั่งเสวยมีขนั โตก)
7. หอ้ งโถงโลง่
8.-9. ห้องรองสนม
10. ห้องเจ้าเมฆวดี (หลานพระเจา้ สรุ ิยพงษ์ฯ)
11. หอ้ งสนมใน

130 พิพิธภัณฑสถานแหง่ ชาตนิ ่าน, พิพิธภัณฑสถานแหง่ ชาตินา่ น [แผ่นปา้ ยให้ข้อมลู ประกอบการจัด
แสดงพิพิธภัณฑสถานแหง่ ชาตินา่ น] (ม.ป.ท., ม.ป.ป.),.

105
2) รปู แบบสถาปตั ยกรรม

ส่วนฐานราก
แตเ่ ดิมฐานรากของอาคารเปน็ ไม้และก่ออฐิ เทซีเมนต์ทับลงไปเพ่ือความแข็งแรงคงทนของอาคาร
เสาและการปพู น้ื
เสาของอาคารใช้เสาซีเมนต์เป็นโครงหลักในการรองรับน้าหนักของอาคาร พ้ืนของอาคาร
ทั้งช้ันล่างและช้ันบนเป็นพื้นไม้ ปัจจุบันพ้ืนช้ันล่างมีการรื้อไม้ออกและปูกระเบ้ืองแทน แต่ช้ันบน
ยงั เป็นพ้นื ไมอ้ ยู่131

ภาพที่ 106 ภายในอาคารชน้ั บน

ผนงั
อาคารทรงตึกก่ออิฐถือปูน มีการบูรณะซ่อมแซมอาคารอยู่หลายคร้ัง จนกระทั่งการบูรณะ
ครั้งใหญ่ในช่วงปีพ.ศ.2558 - ปีพ.ศ.2561 ท่ีได้มีการขูดสีเพ่ือหาสีเดิมของตัวอาคารภายนอก
และได้พบว่าตัวอาคารเดิมเป็นสีเหลืองออกครีมๆ แบบเปลือกไข่สลับกับการประดับตกแต่ง
ส่วนประกอบของอาคารด้วยสีแดงจึงนาไปสู่การทาสีอาคารด้วยสีเหลือครีมและสีแดง132 เพ่ือปรับ
ใหใ้ กล้เคยี งกบั สเี ดมิ ของอาคารมากทสี่ ดุ สว่ นในอาคารทาดว้ ยสขี าว

131 พพิ ิธภณั ฑสถานแห่งชาตนิ า่ น, พพิ ธิ ภณั ฑสถานแหง่ ชาตินา่ น [แผ่นป้ายใหข้ อ้ มูลประกอบการจดั
แสดงพพิ ธิ ภณั ฑสถานแห่งชาตินา่ น] (ม.ป.ท., ม.ป.ป.),.

132 เรื่องเดียวกนั .

106

ภาพที่ 107 สผี นังของอาคารหอคาหลวงเมืองนา่ น

หลังคา
หลังคามีลักษณะเป็นหลังคาซ้อนช้ันเปิดหน้าจ่ัว แต่เดิมมุงด้วยกระเบื้องไม้แป้นเกล็ด133
ต่อมาได้เปลี่ยนไปใช้กระเบ้ืองลอนสีเขียว จนกระทั่งในการบูรณะเม่ือปีพ.ศ.2558-พ.ศ.2561
ได้เปล่ียนมาใช้กระเบื้องสีน้าตาลและทาเครื่องไม้ประดับหลังคาเพื่อให้เป็นไปตามรูปแบบด้ังเดิม
ของตัวอาคาร134

ภาพท่ี 108 หลังคาหอคาหลวง จังหวดั น่านในปจั จุบนั
133 พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่านและโบราณวัตถุชิ้นสาคัญ
(นา่ น: องคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวดั นา่ น, 2547), 2.
134 เรอ่ื งเดยี วกัน.

107

ภาพที่ 109 วสั ดมุ ุงหลังคาในปัจจบุ ัน

3) งานประดับตกแตง่
หนา้ จ่วั และมุมจ่วั หลงั คา
รปู แบบของหลังทาเป็นหลังคาชั้นซอ้ นมีการประดับหลังคาดว้ ยเครื่องหลังคา ได้แก่ ช่อฟ้า

ใบระกา หางหงส์ และบราลี เพื่อแสดงให้เห็นว่าเปน็ ที่ประทับของเจ้าหลวงเมอื งน่าน ภาพบริเวณหน้า
จัว่ ทัง้ 3 ดา้ นเป็นรูปโคอุศุภราชสัญลักษณ์ประจานครน่านประดับด้วยลายพญานาคสองตัว135 ซึ่งเป็น
ลวดลายท่ที าข้นึ ใหม่โดยพยายามทจ่ี ะทาให้ใกล้เคยี งกบั ของเดิมในคราวแรกสร้างมากที่สดุ

ภาพที่ 110 ลายบริเวณหน้าจั่ว
135 พพิ ธิ ภัณฑสถานแห่งชาติน่าน, พพิ ธิ ภัณฑสถานแหง่ ชาตนิ า่ น [แผ่นปา้ ยให้ขอ้ มูลประกอบการจัด
แสดงพพิ ธิ ภัณฑสถานแห่งชาตนิ า่ น] (ม.ป.ท., ม.ป.ป.),.

108

ภาพท่ี 111 องคป์ ระกอบของเคร่ืองหลังคา

ภาพท่ี 112 ลายไม้ฉลบุ รเิ วณเชิงชายและคนั ทวย

บานประตแู ละบานหน้าตา่ ง
บานประตูและบานหน้าจ่างของคุ้มหลังนี้ แต่ละบานมีรูปแบบทีแ่ ตกต่างกันออกไป โดยมี
รายละเอยี ด ดงั นี้
1) ประตทู างเข้าบรเิ วณชนั้ ล่าง ทาจากบานไม้ ตกแต่งซมุ้ ประตทู างเขา้ ดว้ ยลวดลายปนู ป้ัน

ภาพที่ 113 ซุม้ ประตทู างเข้าอาคาร

109
2) ประตูในตัวอาคารเป็นประตูไม้บานคู่ลูกฟัก ไม่ได้ประดับตกแต่งลวดลาย เหนือบานประตู
มีการฉลไุ ม้เป็นลวดลายพนั ธพ์ุ ฤกษา ผเี สื้อ และก้านขด

ภาพที่ 114 บานประตูภายในอาคาร

ภาพท่ี 115 ลวดลายบรเิ วณกรอบเหนอื บานประตู

3) บานหนา้ ตา่ งชั้นลา่ ง เป็นไมค้ ู่แบบลูกฟัก ไม่มกี ารประดับตกแตง่ ลวดลาย เหนือกรอบ
หนา้ ตา่ งประดับด้วยลายปูนปั้นรปู สามเหลี่ยม

ภาพที่ 116 บานหน้าต่างช้นั ลา่ งและชน้ั บน

110
4) บานหน้าต่างช้ันบน บานไม้คู่แบบลูกฟัก ประดับตกแต่งด้วยกันสาดและราวระเบียง
ฉลไุ ม้เปน็ ลวดลายพันธ์ุพฤกษา

ภาพที่ 117 บานหน้าตา่ งชั้นบน

ชอ่ งลม/คอสอง
ชอ่ งลมเหนือกรอบหนา้ ต่างด้านหลงั อาคารเป็นไมฉ้ ลุลวดลายกา้ นขด

ภาพท่ี 118 ตาแหนง่ ของช่องลม

ภาพที่ 119 ลวดลายไมฉ้ ลุบรเิ วณชอ่ งลม

111

4.3. คุ้มเจ้าหลวงจกั รคาขจรศักดิ์ จงั หวัดลาพนู
1) ผงั พื้นและการใชง้ าน
คุ้มเจ้าหลวงจักรคาขจรศักดิ์เป็นพ้ืนท่ีส่วนบุคคลซ่ึงเจ้าวัทนีย์ ณ ลาพูน ทายาทเจ้าหลวง

จักรคาขจรศักด์ิและทายาทคนอ่ืน อาศัยอยู่ทาให้ไม่สามารถเข้าไปลงพ้ืนทาการสารวจ
ภายในตึกคุ้มได้ ด้วยเหตุนี้จึงได้ศึกษาข้อมูลภายในบริเวณของคุ้มหลังนี้จากหนังสือและแหล่งข้อมูลอ่ืนแทน
โดยใช้ข้อมูลจากวิดีทัศน์เร่ืองคุ้มเจ้าจักรคาขจรศักดิ์ จังหวัดลาพูน เป็นหลัก วิดีทัศน์นี้ถ่ายทาขึ้น
เพื่อใช้ในงานข่วงพันปี จังหวัดลาพูน ภายในวิดีทัศน์มีเน้ือหาเกี่ยวกับการสารวจบริเวณโดยรอบคุ้ม
และภายในอาคารคุ้มอย่างละเอียด ดาเนินรายการโดยคุณณรัสมิน ขัติยะวรา ซึ่งได้ทาการสารวจคุ้ม
เจ้าหลวงจักรคาขจรศักดิ์ไปพร้อมๆ กับสัมภาษณ์เจ้าวัทนีย์ ณ ลาพูน และคุณเจษ วีรพงษ์ ทาโสด
ทายาทของเจ้าหลวงจักรคาฯ ที่ยังอาศัยอยู่ภายในคุ้มหลังน้ี จากในวิดีทัศน์จะได้รายละเอียด
โดยสรุปของค้มุ เจา้ จกั รคาขจรศักดดิ์ ังน้ี

บรเิ วณภายในตวั อาคาร
ชั้นใต้ดิน : เป็นช้ันใต้ดินเพดานต่าใช้สาหรับเก็บของเท่านั้นไม่ได้ใช้เป็นสถานท่ีคุมขัง
แบบคุ้มเจ้าหลวงเมอื งแพร่
ชัน้ 1 : สว่ นใหญ่เปน็ ห้องขนาดใหญป่ ระกอบด้วยห้องรบั แขกและห้องต่างๆ อีก 2-3 ห้อง
ชั้น 2 : ห้องโถงกลางและประตูทางเข้าห้องนอน ประกอบด้วยห้องนอนขนาดใหญ่ 1 ห้อง
และขนาดเล็ก 2 หอ้ ง ในชัน้ 2 น้จี ะโดมซง่ึ มีบนั ไดเชอ่ื มไปยังช้นั 3
ช้ัน 3 : มีลักษณะเป็นห้องใต้หลังคาท่ีเอาไว้เก็บเครื่องเงินและข้าวของเครื่องใช้ประจาตัว
ของเจ้าจักรคาขจรศักดิ์ บริเวณด้านข้างท้ังสองฝั่งเป็นมุขแปดเหลี่ยมประดับด้วยกระจกสีสามารถ
เขา้ ไปนงั่ พกั ผ่อนได้ ส่วนบริเวณใต้หลงั คาที่ตรงกับหน้าบันสามารถมองทะลุผ่านเหน็ ตัวอักษร จ.ค. ได้
หลังคาด้านหลังของคุ้มทาเป็นปล่องมีหน้าต่างสามารถข้ึนไปอยู่และเปิดดูภายนอกได้ นอกจากน้ียังมี
ทางเดนิ เชอื่ มไปยงั สว่ นทีเ่ ป็นดาดฟา้ 136
บริเวณรอบอาคาร
- อาคารโรงชัยบริเวณด้านซ้ายของคุ้มแต่เดิมเคยใช้เป็นสถานท่ีต้อนรับแขกและต้ังโกศ
ของเจา้ จักรคาขจรศักด์ิหลังจากพริ าลัย
- มีประตูสามดา้ นคอื หนา้ คมุ้ ดา้ นซ้าย และด้านขวา ปัจจบุ ันใชเ้ พียงประตูทางด้านขวาเท่านั้น

136 ณรสั มนิ ขัตยิ ะวรา. คมุ้ เจ้าจกั รคาขจรศักด์ิ ผู้ครองนครลาพนู องคท์ ี่ 10. [วดิ ีทัศน์]. เข้าถึงเมอ่ื 28
กันยายน 2562. เข้าถึงได้จาก https://www.youtube.com/watch?v=TZ6wW8RmPMM&t=458s

112

- บ่อน้าขนาดเลก็ 2 บอ่ สาหรบั ใช้อปุ โภคบริโภค
- บอ่ น้าขนาดใหญ่ 1 บ่อ
- ด้านหลงั คมุ้ มีโรงครัวและหอ้ งรับประทานอาหารขนาดใหญ่
- แทง้ ค์น้าโบราณขนาดใหญ่
- โรงรถโบราณหลงั คากระเบ้ืองดนิ ขอ137
ในหนังสือเรื่อง เร่ืองเล่าจากคุ้มเจ้าหญิงแขกแก้ว ณ ลาพูน เขียนโดย วรเทวี (ณ ลาพูน)
ชลวณิช ทายาทเช้ือสายเจ้าหลวงจักรคาขจรศักดิ์ ซ่ึงได้ฟังเรื่องเล่ามาจากเจ้าแสงอรุณว่า บนตึกใหญ่
ของคุ้มหลวงแหง่ น้ีมีหอ้ งอย่หู ลายห้องดงั น้ี
ชั้นลา่ ง
- หอ้ งรับแขก
- หอ้ งทานอาหาร
- หอ้ งทางานเจา้ หลวงจักรคาขจรศกั ด์ิ
- หอ้ งเจ้าตุ้ย ธนญั ชยานนท์
ชั้นบน
- ห้องนอนเจ้าหลวงจักรคาขจรศักด์ิ 1 หอ้ ง
- ห้องเจ้าสว่ นบุญ 1 หอ้ ง
- ห้องเจา้ ภาณี 1 ห้อง
- ห้องพระ
-ห้องขนาดเลก็ ทใ่ี ช้เปน็ หอ้ งแตง่ ตัวและเกบ็ เสอ้ื ผ้าเครอ่ื งแต่งกายเคร่อื งใช้ประจาวนั ของเจ้าสว่ นบญุ 1หอ้ ง
- ห้องเกบ็ เครื่องใชส้ อยทีเ่ ปน็ เคร่ืองเงินเครอ่ื งกระเบือ้ งและเครื่องแกว้ ราคาแพง 1 ห้อง138
ส่วนห้องว่างห้องอ่ืนๆ อีกจานวนหลายห้องเจ้าหลวงจักรคาฯ เก็บไว้เป็นที่พักสาหรับบุตร
และธิดาท่ีมาเยี่ยม นอกจากนี้บริเวณหลังตึกใหญ่ยังมีเรือนไม้ชั้นเดียวท่ีเรียกกันว่าเรือนเตาไฟ

137 ณรสั มนิ ขตั ิยะวรา. คุ้มเจา้ จกั รคาขจรศกั ด์ิ ผคู้ รองนครลาพูน องคท์ ี่ 10. [วดิ ีทัศน]์ . เขา้ ถงึ เมอ่ื 28
กันยายน 2562. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก https://www.youtube.com/watch?v=TZ6wW8RmPMM&t=458s

138 วรเทวี (ณ ลาพนู ) ชลวณิช, เร่ืองเลา่ จากคุ้มเจ้าหญงิ แขกแก้ว ณ ลาพูน (เกรุงเทพฯ: อมรนิ ทรพ์ ร้นิ ตง้ิ
แอนดพ์ ับลิชชิง่ , 2559), 145.

113

ซึ่งเจ้ายอดเรือนใช้เป็นท่ีพักอาศัยจนกระท่ังเจ้าหลวงจักรคาฯ พิราลัย ส่วนหม่อมคนอ่ืนๆ
ก็จะพักอาศัยเรือนไม้หลังเลก็ ๆ ที่ปลกู อยูใ่ นบรเิ วณพ้ืนทีข่ องคมุ้ หลวง139

แม้ว่าข้อมูลที่ได้มาจะไม่สามารถสรุปได้ว่าห้องในตึกคุ้มมีท้ังหมดก่ีห้อง หน้าท่ีการใช้งาน
แต่ละห้องมีอะไรบ้าง และมีรูปแบบของผังอาคารเป็นอย่างไร แต่จากข้อมูลดังกล่าวก็ทาให้สามารถ
สรุปภาพรวมของหน้าท่ีการใช้งานของห้องภายในคุ้มอย่างคร่าวๆ ได้ว่า ช้ันล่างจะเป็นส่วนที่ใช้งาน
ในลักษณะท่ีไม่เป็นส่วนตัวเท่าไหร่ ได้แก่ ห้องรับแขก ห้องรับประทานอาหาร ห้องทางาน เป็นต้น
ส่วนช้ันสองและชั้นสาม (ชั้นใต้หลังคา) จะมีลักษณะที่เป็นพ้ืนท่ีส่วนตัว ได้แก่ ห้องนอน ห้องเก็บของใช้
สว่ นตัว และห้องเก็บทรัพย์สินมคี ่า

2) รูปแบบสถาปตั ยกรรม
สว่ นฐานราก
ฐานรากและโครงสร้างของอาคารเป็นคอนกรีตเสรมิ เหล็ก
เสาและการปพู ื้น
ใช้เสาแบบคอนกรีตเสรมิ เหล็กพน้ื ปูดว้ ยไมแ้ ผน่ ขนาดใหญ่ขัดเรยี บ
ตัวเรือน
อาคารหลังนี้ทาเป็นทรงปราสาทสไตล์เยอรมันและสวีเดน (ด้านหน้าทางเข้าอาคารทาเป็น

หอคอยแปดเหล่ียม สูง 3 ช้ัน ประกอบทางด้านซ้ายและด้านขวา หลังคาขอหอคอยทาเป็นยอดโดม
แหลม สว่ นตรงกลางมกี ารทาซมุ้ ทางเข้าเป็นเสากลมรับซ้มุ วงโค้ง (Arch)140

ผนัง
ผนังก่ออิฐฉาบปูนเรียบภายนอกทาด้วยสีเหลืองครีมเข้ม ต่อมาได้มีการทาสีอาคารหลังนี้
ใหม่ในช่วงปีพ.ศ.2544141 แต่ทาเพียงแค่ด้านหน้าเท่าน้ัน โดยจะสังเกตเห็นได้ว่าสีด้ังเดิมของอาคาร
จะเปน็ สีเหลืองครมี ท่เี ขม้ กว่าสใี หม่ทท่ี าทับไปภายหลัง142 สว่ นดา้ นในของอาคารทาดว้ ยสขี าว

139 วรเทวี (ณ ลาพนู ) ชลวณชิ , เรื่องเลา่ จากคุม้ เจ้าหญงิ แขกแก้ว ณ ลาพูน (กรงุ เทพฯ: อมรินทรพ์ ริน้ ต้งิ
แอนดพ์ บั ลชิ ชิ่ง, 2559), 145.

140 วิฑูรย์ เหลียวรุ่งเรือง, บ้านโบราณเมืองลาพูน เอกสารโครงการ “บ้านสวย ลาพูนเมืองน่าอยู่”
(เชยี งใหม:่ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่, 2546), 18.

141 วชิระ เรืองพรวิสุทธ์ิ. คุ้มหลวงลาพูนของเจ้าผู้ครองลาพูนองค์สุดท้ายยังมีให้เห็น. เข้าถึงเม่ือ 30
กนั ยายน 2562. เขา้ ถึงไดจ้ าก http://oknation.nationtv.tv/blog/laws-ins/2009/08/15/entry-1

142 ณรัสมิน ขัติยะวรา. คุ้มเจ้าจักรคาขจรศักดิ์ ผู้ครองนครลาพูน องค์ท่ี 10. [วิดีทัศน์]. เข้าถึงเม่ือ 28
กนั ยายน 2562. เข้าถึงได้จาก https://www.youtube.com/watch?v=TZ6wW8RmPMM&t=458s

114

ภาพท่ี 120 ภาพรวมของอาคารคุม้ เจา้ หลวงจักรคาขจรศกั ด์ิ

ภาพท่ี 121 คมุ้ เจ้าหลวงจกั รคาขจรศักดิ์ในขณะที่ยังไมไ่ ดท้ าการทาสีใหม่
ท่ีมา : วชริ ะ เรืองพรวสิ ุทธิ.์ ค้มุ หลวงลาพนู ของเจา้ ผูค้ รองลาพูนองคส์ ดุ ทา้ ยยงั มีให้เหน็ . เข้าถึงเม่อื 30 กนั ยายน

2562. เขา้ ถึงไดจ้ าก http://oknation.nationtv.tv/blog/laws-ins/2009/08/15/entry-1

หลงั คา
หลังคาทรงปนั้ หยาเปิดจ่ัวมุงด้วยกระเบ้ืองซีเมนต์

ภาพท่ี 122 กระเบ้อื งซเี มนต์มุงหลังคา

115
3) งานประดับตกแตง่

หนา้ จว่ั
หน้าจั่วคุ้มเจ้าจักรคาขจรศักดิ์ทาเป็นรูปตัวอักษร “จค” ซึ่งย่อมาจาก จักรคาขจรศักดิ์
ล้อมรอบด้วยรูปจักรซึ่งมาจากช่ือของเจ้าหลวง เหนืออักษร จค มีรูปโอม และทางด้านซ้ายและ
ด้านขวาประกบด้วยรูปช้าง ตัวอักษร “จค” ท่ีปรากฏบริเวณหน้าจั่วมีลักษณ ะพิเศษ
คือหากมองจากภายในของอาคารซึ่งเป็นห้องใต้หลังคาก็จะมองเห็นเป็นตัวอัก ษร “จค”
เช่นเดยี วกบั มองจากด้านหนา้ อาคาร143

ภาพที่ 123 ลวดลายประดบั ตกแตง่ หนา้ จัว่

หอคอยแปดเหลีย่ ม
ชั้นบนสุดของหอคอยแปดเหล่ียมมีการประดับตกแต่งด้วยกระจกสี เมื่อมองจากภายใน
อาคารบริเวณหอคอยจะเหน็ แสงแดดกระทบกบั กระจกเปน็ เงาสะทอ้ นสวยงาม144
บานประตแู ละบานหน้าตา่ ง
บานประตแู ละบานหน้าต่างเป็นบานไม้เปิดคู่แบบเรียบๆ ไม่ได้มีการตกแต่งด้วยลวดลาย
ปูนปนั้ หรือลวดลายไมฉ้ ลุ

143 ณรสั มนิ ขัตยิ ะวรา. คมุ้ เจา้ จกั รคาขจรศกั ด์ิ ผู้ครองนครลาพนู องคท์ ี่ 10. [วิดีทัศน]์ . เขา้ ถึงเมอื่ 28
กันยายน 2562. เขา้ ถงึ ได้จาก https://www.youtube.com/watch?v=TZ6wW8RmPMM&t=458s

144 เร่อื งเดยี วกนั .

116

สรปุ ผลจากการวเิ คราะหค์ ุม้ ที่มรี ปู แบบเป็นอาคารทรงตึกแบบภาคกลาง (กรุงเทพฯ)
ผงั พน้ื และการใชง้ าน
จากการศึกษาคุ้มทั้ง 3 หลังในกลุ่มน้ี จะพบว่าผังพื้นและหน้าที่การใช้งานของอาคารแบบ

ทรงตึกไม่ได้ยึดคติการสร้างเรือน หรือองค์ประกอบทางด้านสถาปัตยกรรมแบบเรือนพื้นถ่ินล้านนา
แล้ว รูปแบบท่ีเห็นได้ชัดคือคุ้มในกลุ่มน้ีไม่มีการสร้างเรือนใต้ถุนสูง พื้นที่ทั้งหมดทั้งช้ันล่างและช้ันบน
ถูกใช้งานเป็นท่ีพักอาศัยทั้งหมด อย่างไรก็ตามคุ้มทรงตึกแต่ละหลังก็มีลักษณะผังพื้นเฉพาะตัวท่ี
แตกต่างกันออกไป เช่นคุ้มเจ้าหลวง จังหวัดแพร่ ที่มีการสร้างห้องใต้ดินเผ่ือใช้เป็นท่ีคุมขังนักโทษ
คุ้มเจ้าจักรคาขจรศักดิ์ท่ีสูงถึงสามช้ัน และมีห้องใต้ดินเพดานต่าที่สร้างข้ึนเพื่อเก็บของเท่ าน้ัน
ไม่ได้มวี ัตถุประสงคเ์ พื่อใชค้ ุมขังนักโทษแต่อยา่ งใด

รูปแบบสถาปตั ยกรรม
รูปแบบทางด้านสถาปัตยกรรมของคุ้มเจ้าหลวง จังหวัดแพร่ และหอคาหลวงเมืองน่าน
มีลกั ษณะหลายอยา่ งทใี่ กล้เคียงกัน เนอ่ื งจากมบี ันทึกไว้ว่าหอคาหลวงเมืองนา่ น สร้างขึ้นโดยไดร้ ับแรง
บันดาลใจจากคุ้มเจ้าหลวง จังหวัดแพร่145 ซ่ึงมีอายุในการสร้างห่างกันถึง 11 ปี อาคารทั้งสองหลังมี
รปู ทรงของอาคารเป็นตวั T หรือทรงตรีมขุ การทามขุ ไวต้ รงกลางน่ีมีข้อสันนษิ ฐานว่านา่ จะมาจากการ
สร้างเรือนแบบตะวันตก เนื่องจากชาวตะวันตกนิยมใช้พ้ืนท่ีบริเวณด้านหน้าของอาคารเป็นท่ีเทียมรถ
ม้า146 ซ่ึงเม่ือศึกษาจากภาพถ่ายเก่าพบว่าอาคารทั้งสองเคยมีบันไดท่ีเช่ือมบริเวณภายนอกอาคารชั้น
ล่างขึ้นสูงบริเวณมขุ ของอาคารช้นั บนข้อสนั นษิ ฐานน้จี งึ มีความเปน็ ไปได้อยู่มากทีเดยี ว
แม้ว่าโครงสร้างของคุ้มในกลุ่มน้ีจะเป็นอาคารแบบก่ออิฐถือปูนเทคอนกรีตใช้ซีเมนต์เป็น
องค์ประกอบหลักในการสร้างอาคาร แต่องค์ประกอบย่อยๆ ก็ยังใช้ไม้อยู่มากทีเดียวโดยเฉพาะโครง
หลังคาและลวดลายประดับตกแต่งส่วนใหญ่ยังคงเป็นลายไม้ฉลุอยู่ หลังคาของคุ้มเจ้าหลวง
จังหวดั แพร่ และหอคาหลวงเมืองน่าน เป็นหลังคาแบบเดียวกันคือหลังคาทรงปั้นหยา และมีการเปิด
หน้าจั่ว ใช้กระเบื้องไม้แป้นเกล็ด คุ้มเจ้าหลวงจักรคาขจรศักด์ิ จังหวัดลาพูน ก็มีรูปแบบหลังคา
เช่นเดียวกันกับทั้งสองหลัง แต่เป็นอาคารที่พักอาศัยรุ่นหลังท่ีเร่ิมใช้กระเบ้ืองซีเมนต์แล้ว อย่างไรก็
ตามแม้ว่าหอคาหลวงเมืองน่านจะมีลักษณะทางด้านสถาปัตยกรรมท่ีใกล้เคียงกับคุ้มเจ้าหลวงเมือง
น่านแต่ก็มีข้อแตกต่างอยู่บ้างเช่นกัน เช่น หอคาหลวงเมืองน่านมีส่วนของมุขท่ียาวกว่า ซ่ึงน่าจะ

145 พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน [แผ่นป้ายให้ข้อมูลประกอบ
การจดั แสดงพิพิธภณั ฑสถานแห่งชาตินา่ น] (ม.ป.ท., ม.ป.ป.),.

146 ศรัณย์ ศรีธวัชพงศ์ และเทิดศักดิ์ เตชะกิจขจร, “รูปแบบสถาปัตยกรรมล้านนาขนมปังขิง กรณีศึกษา
คุม้ วงศบ์ รุ ี จังหวดั แพร่,” สาระศาสตร์ 2561, 2 (กรกฎาคม 2561): 208-218

117

เก่ียวข้องกับวิธีการของช่างในช่วงเวลานั้นๆ นอกจากน้ีหอคาหลวงเมืองน่านยังใช้หลังแบบเรือนช้ัน
ซ้อนสองชั้นมีการประดับด้วยเครื่องหลังคา ช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ ซ่ึงเป็นส่ิงท่ีแสดงให้เห็นถึง
สถานภาพเจา้ หลวงของเจ้าของเรือนไดเ้ ปน็ อย่างดี

งานประดบั ตกแต่ง
คมุ้ เจา้ หลวง จังหวัดแพร่ และคุ้มเจ้าหลวงเมืองน่าน แม้ว่าจะรูปแบบทางด้านสถาปัตยกรรม
เป็นอาคารทรงตึกแล้ว แต่ก็ยังคงประดับตกแต่งตัวอาคารด้วยลวดลายไม้ฉลุเชน่ เดียวกับเรือนไม้ขนม
ปังขิง โดยมักจะฉลุเป็นลวดลายพันธ์ุพฤกษา ดอกไม้ และก้านขด ในบริเวณ เหนือบานหน้า เหนือ
บานประตู หน้าจ่ัว จ่ัวหลังคา คันทวย ช่องแสง ช่องลม และราวระเบียงราวบันได้ อย่างไรก็ตาม
อาคารทั้งสองหลังได้มีการใช้ลายปูนป้ันเข้ามาประดับตกแต่งอาคารร่วมด้วย ส่วนคุ้มเจ้าจักรคาขจร
ศกั ด์ิ จังหวดั ลาพูนน้ันเป็นอาคารเรือนพกั อาศัยในรุ่นหลัง ซึ่งไม่มีการตกแต่งด้วยลวดลายแบบขนมปัง
ขิงแล้ว มีเพียงการทาสีอาคาร ตกแต่งหน้าจั่วด้วยลวดลายที่มีความหมายอย่างชัดเจน และประดับ
กระจกสใี นบางบรเิ วณเทา่ นน้ั
จากการศึกษาคุ้มทั้ง 3 หลังในกลุ่มนี้จะพบว่า มีรูปแบบทางด้านศิลปกรรมท่ีเร่ิมคลี่คลาย
ออกมาจากเรือนไม้พ้ืนถิ่นล้านนาอย่างชัดเจน และเป็นรูปแบบที่ใกล้เคียงกับอาคารท่ีพักอาศัย
สมัยใหม่มากย่งิ ข้ึนเนน้ ความแขง็ แรงคงทน และตอบสนองต่อการใชง้ านของผู้พกั อาศยั

วเิ คราะหร์ ปู แบบทางดา้ นสถาปัตยกรรมของคุ้มเจ้านายฝ่ายเหนือในล้านนา
การศึกษาคุ้มเจ้านายฝ่ายเหนือในล้านนาในบทนี้ได้ศึกษาโดยแบ่งคุ้มเจ้านายล้านนา

ออกเปน็ 4 กล่มุ ซ่ึงมรี ายละเอียด ดังตอ่ ไปน้ี

กล่มุ ที่ 1 ค้มุ ทีม่ ลี ักษณะทางด้านสถาปตั ยกรรมแบบเรือนพ้นื ถิ่นล้านนา
คมุ้ ท่ีจัดอยู่ในกลุ่มน้ีมีเพียงหลังเดียวคือ คุ้มบ้านทุ่งเสี้ยว จังหวัดเชียงใหม่ คุ้มหลังนี้มีรูปแบบ
ทางศิลปกรรมและวิธีการก่อสร้างแบบเรือนพ้ืนถ่ินล้านนา กล่าวคือ เป็นเรือนไม้ใต้ถุนสูง แบ่งเรือน
ออกเป็นเรือนหลักและเรือนรองมีการทาซานและเติ๋นในบริเวณตัวเรือน โครงสร้างเสาและการเข้าไม้
ใช้วิธีการแบบเรือนลา้ นนา แต่กม็ ีการใชว้ ิธีทางการช่างแบบสมัยใหม่ เช่นการตีฝาผนงั แบบตีนอนซอ้ น
เกลด็ เนอื่ งจากเป็นเรอื นที่สร้างในปี พ.ศ. 2470 ซ่ึงเป็นช่วงที่ในล้านนามีการสร้างเรือนแบบตะวันตก
อย่างแพร่หลายแล้ว เหตุผลที่ทาให้เรือนหลังน้ียังคงเป็นเรือนแบบพื้นถิ่นล้านนา อาจเป็นไปได้ว่าคุ้ม
หลังน้ีสร้างข้ึนในพื้นท่ีห่างไกลและเจ้าแก้วนวรัฐผู้เป็นเจ้าของเรือนจะเดินทางมาพักในบางช่วงเวลา
เปน็ การชั่วคราวเทา่ นน้ั ไมไ่ ดใ้ ชเ้ ป็นเรือนพกั อาศยั หลัก

118

กลุม่ ที่ 2 คมุ้ ท่ไี ดร้ ับอทิ ธิพลตะวนั ตกโดยตรงจากชาวตะวันตกทมี่ ายังล้านนา
คุ้มในกลุ่มน้ีมีรูปแบบทางด้านศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์คือใช้โครงสร้าง
ของเสาคอนกรตี และการกอ่ อิฐเป็นส่วนสาคัญของฐานอาคารในการรองรับน้าหนักของเรือนไม้ชั้นบน
คุ้มท่ีนามาศึกษาในกลุ่มน้ี คือ คุ้มเจ้าราชบุตร (เจ้ามหาอินทร์ ณ เชียงใหม่) และคุ้มเจ้ายอดเรือน
ซ่ึงท้ัง 2 หลัง มีผังพื้นและหน้าท่ีการใช้งานพ้ืนที่ในคุ้มค่อนข้างแตกต่างกันอยู่พอสมควร คุ้มเจ้านายใน
กลุ่มน้ีมกี ารประดบั ตกแต่งตัวเรือนคอ่ นข้างน้อยและเรียบง่าย

กลมุ่ ท่ี 3 คุ้มทีไ่ ด้รบั อิทธพิ ลเรือนไม้แบบตะวันตกจากกรงุ เทพฯ
คุ้มในกลุ่มน้ีศึกษาอยู่ท้ังหมด 4 หลัง ได้แก่ คุ้มเจ้าบุรีรัตน์ (เจ้าน้อยแก้วมุงเมือง) จังหวัด
เชียงใหม่ คุ้มวงศ์บุรี จังหวัดแพร่ คุ้มเจ้าราชบุตร (หมอกฟ้า ณ น่าน) จังหวัดน่าน และคุ้มเจ้าราช
บุตร (เจ้าสมพะมิตร ณ เชียงใหม)่ จังหวัดเชียงใหม่ รูปแบบทางผังพ้ืน หน้าทก่ี ารใช้งาน และรปู แบบ
ศิลปกรรมของคุ้มในกลุ่มนี้จะมีลักษณะแบบผสมผสานระหว่างคติความเชื่อในการสร้างเรือน
ของล้านนาและรูปแบบการสร้างเรือนจากภาคกลาง (กรุงเทพฯ) กล่าวคือรูปแบบทางศิลปกรรมเน้น
ไปทางตะวันตก แต่ยังแฝงด้วยคติความเชื่อและงานช่างของล้านนอยู่ คุ้มจานวน 3 หลังข้างต้น
ยกเว้นคุ้มเจ้าราชบุตร (เจ้าสมพะมิตร ณ เชียงใหม่) จังหวัดเชียงใหม่ เป็นเรือนท่ีมีการฉลุไม้ประดับ
ตกแต่งแบบขนมปงั ขิง ซงึ่ เป็นรูปแบบทีไ่ ดร้ ับความนยิ มในสมัยรัชกาลท่ี 5

กลุ่มที่ 4 คุม้ ทมี่ ีรปู แบบเปน็ อาคารทรงตกึ แบบภาคกลาง (กรุงเทพฯ)
คุม้ ทม่ี ีรูปแบบเป็นอาคารทรงตึกมอี ยู่ 3 หลังได้แก่ คุ้มเจ้าหลวง จังหวดั แพร่ หอคาหลวงเมอื ง
น่าน และคุ้มเจ้าจักรคาขจรศักดิ์ จังหวดั ลาพูน คุ้มในกลุ่นนี้ใช้โครงสร้างของอาคารก่ออิฐถือปูนและพื้น
คอนกรีตเป็นหลัก ยังคงมีการใช้ไม้ในส่วนอื่นๆ ของอาคารอยู่บ้าง เช่น พ้ืนอาคาร บานประตู
บานหน้าต่าง และลวดลายประดับตกแต่ง อาคารเหล่าน้ีเสร้างข้ึนโดยห่างไกลจากคติการสร้างเรือนไม้
พื้นถ่ินแบบลา้ นนามามากทีเดยี ว โดยเน้นความแข็งแรงคงทนและหนา้ ท่ีการใชง้ านที่ตอบสนองตอ่ ความ
ต้อการของผู้อยู่อาศัยมากกว่า ส่วนลายประดับตกแต่งนั้น คุ้มเจ้าหลวงจังหวัดแพร่ และหอคาหลวง
เมืองน่านยังตกแต่งด้วยลายไม้ฉลุอยู่มากพอสมควร แต่คุ้มเจ้าจักรคาขจรศักดิ์ท่ีเป็นอาคารรุ่นหลัง
ซึ่งสรา้ งเปน็ ทรงปราสาทแบบตะวันตกน้ันไมม่ ีการตกแตง่ ด้วยลวดลายไม้ฉลุแลว้
จากการศึกษาคุ้มเจ้านายในล้านนาทั้ง 4 กลุ่ม พบว่าคุ้มในแต่ละกลุ่มล้วนมีเอกลักษณ์
เป็นของตัวเอง ซ่ึงสะท้อนให้เห็นถึงรสนิยมในแต่ละสมัยของชนชั้นสูงในล้านนา รวมท้ังอิทธิพล
จากภายนอกที่เข้ามายังล้านนา อย่างไรก็ตามคุ้มท้ังหมดที่ได้ทาการศึกษาก็ยังมีลักษณะบางประการ
ท่ีใกล้เคียงกัน โดยเฉพาะในด้านของคติความเช่ือในการสร้างเรือน ที่แม้ว่าจะสร้างเรือนสมัยใหม่

119

ตามแบบตะวันแต่ก็ยังคงแฝงไปด้วยความเชื่อของชาวล้านนา เช่นการสร้างห้องพระและไม่ใช่พ้ืนท่ีช้ัน
ล่างเป็นที่พักอาศัย ซึ่งเรือนพักอาศัยที่เรียกว่าคุ้มน้ี ถือได้ว่ามีความสาคัญ ต่อการศึกษา
ทั้งทางดา้ นประวัติศาสตร์ ศลิ ปกรรม และสถาปัตยกรรม ของล้านนาในอดตี

120

บทที่ 4
บรบิ ททางด้านประวตั ศิ าสตรท์ ีส่ ง่ ผลต่อรปู แบบศิลปกรรมค้มุ เจา้ นายฝา่ ยเหนือในลา้ นนา

จากการศึกษาหลักฐานทางด้านประวัติศาสตร์พบว่าบริบททางด้านประวัติศาสตร์นั้น
มี ส่ ว น ส า คั ญ ที่ ส่ ง ผ ล ต่ อ รู ป แ บ บ ศิ ล ป ก ร ร ม ข อ ง คุ้ ม เจ้ า น า ย ฝ่ า ย เห นื อ ใน ล้ า น น า เป็ น อ ย่ า ง ยิ่ ง
โดยมีรายละเอียด ดงั ตอ่ ไปน้ี

1. การตกเป็นประเทศราชของสยาม
การปกครองอาณาจักรล้านนาในฐานะประเทศราชน้ัน รัฐบาลกลางมีการดาเนินนโยบาย

ให้เชียงใหม่เป็นหัวเมืองหน้าด่านฝ่ายเหนือท่ีเข้มแข็งและเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรล้านนามาตั้งแต่
สมัยกรุงธนบุรีจนถึงรัตนโกสินทร์ตอนต้น147 ในช่วงแรกนโยบายในการปกครองล้านนาค่อนข้างท่ี
จะให้อิสระแก่ท้องถ่ินในการปกครองตนเอง รวมถึงให้สิทธ์ิกลุ่มเจ้านายในล้านนา ทั้งในการเลือกเจ้า
หลวง การแต่งต้ังเจา้ นายตาแหนง่ สาคัญ โดยรฐั บาลกลางมหี นา้ ทใี่ นการแตง่ ตั้งและถอดถอนจากรายช่ือ
ที่กลุ่มเจ้านายฝ่ายเหนือเสนอไปเท่านั้นด้วย148 เน่ืองจากรัฐบาลกลางของกรุงเทพรู้ดีว่าล้านนาเคยเป็น
อาณาจักรท่ียง่ิ ใหญแ่ ละมีอสิ ระมาแตเ่ ดิม149

แม้ว่ารัฐบาลกลางของกรุงเทพฯ จะให้อิสระในการปกครองตนเองแก่เชียงใหม่และเมืองอื่นๆ
ในล้านนา แต่ก็ได้ดาเนินนโยบายในการควบคุมล้านนาทางอ้อม ซ่ึงวิธีการสาคัญที่ท่ีสุดที่ทางรัฐบาล
กลางใช้คือการแต่งต้ังตาแหน่งเจ้าขนั ธ์ท้ัง 5 อันถือวา่ เป็นตาแหน่งท่ีสูงที่สุดในบรรดาเจ้านายฝ่ายเหนือ
และมี ความ สาคัญ ต่ อการเมื องการป กครองม าก ใน การแต่งตั้งต าแห น่ งเจ้าขัน ธ์ทั้ ง 5
เจ้าท่ีได้รับตาแหน่งจะต้องเดินทางไปรับการแต่งต้ังตาแหน่งท่ีกรุงเทพฯ โดยพระมหากษัตริย์จะเป็น
ผ้พู ระราชทานตาแหนง่ และเครื่องยศให้150

นอกจากน้ียังมีพิธีการอื่นๆ ที่เจ้านายฝ่ายเหนือต้องปฏิบัติเพื่อแสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดี
ต่อพระมหากษัตริย์ในกรุงเทพฯ ยกตัวอย่างเช่น พิธีถือน้าพิพัฒน์สัจจาท่ีต้องกระทาปีละ 2 คร้ัง
หรือเมื่อมีการผลัดเปล่ียนแผ่นดิน เจ้าหลวงและเจ้านายท่ีเป็นบุตรหลานจะต้องเดินทางไปที่กรุงเทพฯ
เพ่ือร่วมในพิธีพระบรมศพและเข้าเฝ้าพระมหากษัตริย์องค์ใหม่ นอกจากทนี้รัฐบาลยังสามารถเรียกตัว

147 สรสั วดี อ๋องสกุล, ประวตั ิศาสตร์ลา้ นนา, พมิ พค์ รัง้ ที่ 9 (กรุงเทพฯ: อัมรินทร์, 2555), 357.
148 เร่อื งเดยี วกนั , 353-356.
149 เรอื่ งเดียวกนั , 353.
150 เร่อื งเดียวกนั , 359-360.

121

เจ้านายฝ่ายเหนือมาสอบสวนได้โดยทันทีเมื่อเกิดกรณีพิพาทที่รุนแรงข้ึน ส่วนวิธีการควบคมุ อ่ืนก็ ได้แก่
การสว่ ย การเกณฑส์ งิ่ ของ และการส่งเครือ่ งราชบรรณาการ151 เป็นตน้

วิธีการที่รัฐบาลกลางใช้ในการควบคุมหัวเมืองประเทศราชล้านนานี้ ส่งผลให้เจ้านายฝ่าย
เหนือได้มีโอกาสเดินทางไปยังกรุงเทพฯ เพ่ือเข้าร่วมพิธีการสาคัญของรัฐบาลกลาง ทาให้เจ้านายฝ่าย
เหนือได้เห็นรูปแบบสถาปัตยกรรมอาคาร เรือนที่พักอาศัยของพระบรมวงศานุวงศ์ในกรุงเทพฯ
จึงอาจเป็นส่วนหน่ึงท่ีทาให้เจ้านายฝ่ายเหนือได้รับแรงบันดาลใจจากรูปแบบของอาคารบ้านเรื อน
เหล่าน้นั นามาสร้างเป็นคุม้ ท่ีพกั อาศยั ของตนเอง

นอกจากเจ้านายฝ่ายเหนือท่ีมีโอกาสได้ไปพบเห็นพระราชวัง พระตาหนักของเชื้อพระวงศ์
ในกรุงเทพฯ แล้ว ก็ยังมีเจ้านายฝ่ายเหนืออีกกลุ่มหน่ึงท่ีมีโอกาสได้ไปใช้ชีวิตยังกรุงเทพฯ
เช่น พระราชชายาเจ้าดารารัศมี ท่ีได้เดินทางไปเข้าถวายตัวรับราชการฝ่ายในของราชสานักสยาม
ในฐานะเจ้าจอมในพ.ศ. 2429 ในขณะท่ีพระชันษาเพียง 13 ปี ทรงประทับอยู่ที่กรุงเทพฯ
จนถึงพ.ศ. 2457 รวมเป็นเวลาประมาณ 28 ปี จึงได้ขอพระบรมราชานุญาตเสด็จกลับมาประทับ
ที่เชียงใหม่152 เม่ือเสด็จกลับมาแล้วได้โปรดให้สร้างพระตาหนักดาราภิรมย์ข้ึนท่ี อาเภอแม่ริม
จังหวัดเชียงใหม่ ในช่วงปีพ.ศ. 2470 - 2475153 โดยพระตาหนักหลังนี้มีรูปแบบทางด้าน
สถาปัตยกรรมใกล้เคียงกับเรือนท่ีพักอาศัยของพระบรมวงศานุวงศ์ในกรุงเทพฯ ซึ่งสร้างขึ้นใน
ช่วงเวลาทใี่ กลเ้ คียงกัน

ดังนั้นจึงสันนิษฐานได้ว่าการที่ล้านนาตกเป็นเมืองประเทศราชของกรุงเทพฯ ทาให้กลุ่ม
เจ้านายฝ่ายเหนือต้องเดินทางไปยังกรุงเทพฯ เพ่ือเข้าร่วมพิธี งานราชการ และภารกิจต่างๆ อันมีผล
เกี่ยวเน่ืองต่อความสัมพันธ์ระหว่างล้านนาและกรุงเทพฯ เมื่อเดินทางไปยังกรุงเทพฯ เจ้านายฝ่าย
เหนือจึงได้เห็นพระราชวัง พระตาหนักของพระบรมวงศานุวงศ์ ส่งผลให้ได้เจ้านายฝ่ายเหนือ
ได้รับอิทธิพลในการสร้างเรือนท่ีพักอาศัยอย่างเรือนที่พักอาศัยของพระบรมวงศานุวงศ์ในกรุงเทพฯ
โดยเกิดขึ้นจากความชื่นชอบส่วนบุคคลหรืออาจมีนัยยะทางด้านการเมืองในแง่ของการแสดง
ความทันสมัย แสดงความทัดเทียมต่อกรุงเทพ หรือ แสดงออกต่อการยอมรับกรุงเทพฯ
ซึง่ ในรายละเอยี ดเหลา่ น้จี ะทาการศึกษาในบทตอ่ ไป

151 สรสั วดี ออ๋ งสกุล, ประวัตศิ าสตร์ลา้ นนา, พิมพค์ ร้ังท่ี 9 (กรุงเทพฯ: อมั รินทร,์ 2555), 360-364.
152 บัณฑิต จุลาสัย, “จากพระตาหนักมาเป็นพิพิธภัณฑ์ดาราภิรมย์,” ศิลปวัฒนธรรม ปีท่ี 21, 7
(พฤษภาคม 2543) : 112-118.
153 บณั ฑติ จลุ าสัย, “การอนรุ ักษส์ ถาปตั ยกรรมและชมุ ชน พิพธิ ภณั ฑพ์ ระตาหนักดาราภริ มย์ จฬุ าลงกรณ์
มหาวทิ ยาลัย,” อาษา, ฉ.2 2544) : 26-29.

122

2. บทบาทของชาวตะวนั ตกในล้านนาและกระแสความนิยมตะวนั ตกในสยามในช่วงปี พ.ศ. 2400 เป็นต้นไป
ในปลายสมัยพระเจ้ากาวิโลรสสุริยวงศ์ (พ.ศ. 2399-2413) ถือได้ว่าเป็นช่วงแรก

ที่ชาวตะวันตกเร่ิมเดินทางเข้ามาในล้านนา154 ชาวตะวันตกท่ีถือได้ว่าเป็นผู้บุกเบิกในการนาคริสต์
ศาสนามาเผยแพร่ในล้านนา คือศาสนาจารย์เดเนียล แมคกิลวารี มิชชันนารีคณะอเมริกาเพรสไบที
เรียนและครอบครัว ซ่ึงได้เดินทางมาถึงเชียงใหม่ในวันที่ 3 เมษายน พ.ศ.2410 โดยในช่วงแรกที่ท่าน
ได้เดินทางมาที่เชียงใหม่น้ัน การใช้ชีวิตในล้านนาและการเผยแพร่ศาสนาเป็นไปได้อย่างไม่ราบรื่นนัก
เน่ืองจากในเชียงใหม่ไม่เคยมีมิชชันนารีเข้ามาเผยแพร่คริสต์ศาสนามาก่อนจึงทาให้ศาสนาจารย์
เดเนียล แมคกิลวารียังไม่สามารถหาวิธีท่ีจะสอนคริสต์ศาสนาเพื่อให้คนในล้านนาสามารถที่จะเข้าใจได้155
อย่างไรก็ตามท่านก็ได้รับอนุญาตให้ก่อตั้งคริสตจักรที่ 1 เชียงใหม่ และสร้างโบสถ์แห่งแรก
ในเชียงใหมบ่ รเิ วณรมิ แมน่ า้ ปงิ 156

ไม่ใช่แค่เพียงงานด้านศาสนาแต่กลุ่มมิชชันนารีชาวตะวันตกยังผลักดันให้เกิดการพัฒนา
ทางด้านการแพทย์และการศึกษาในล้านนา ด้านการแพทย์นั้นกลุ่มมิชันนารีเป็นกลุ่มแรกในล้านนา
ที่นาวิทยาการท่ีทันสมัยของตะวันมาใช้รักษาผู้ป่วย ในปีพ.ศ.2415 มีการจัดตั้งศาลาโอสถอยู่บริเวณ
ขา้ งคุ้มเจ้าแก้วนวรัฐ และได้ขยายเป็นโรงพยาบาลอเมริกันมิชชนั นารี โดยโรงพยาบาลแห่งน้ีเป็นส่วน
หนึ่งท่ีทาให้เกิดโรงพยาบาลแมคคอร์มิคข้ึน ไม่เฉพาะแค่เพียงในเชียงใหม่เท่านั้น แต่กลุ่มมิชชันนารี
ได้ผลักดันให้เกิดการพัฒนาทางการแพทย์ในเมืองอ่ืนๆ ของล้านนาด้วย เช่นการจัดตั้งโรงพยาบาล
แวนเซนต์วูร์ด ทีล่ าปางในปพี .ศ.2428157

ด้านของการศึกษาในเชียงใหม่น้ัน ในช่วงปีพ.ศ.2418 นางโซเฟีย บรัดเลย์ แมคกิลวารี
ภรรยาของศาสนาจารย์เดเนียล แมคกิลวารี ได้ทาการสอนหนังสือให้แก่เด็กผู้หญิงที่บ้านพักของ
ตนเอง โดยสอนในเรื่องของงานบ้านงานเรือนและพระคัมภีร์ และได้พัฒนาเป็นโรงเรียนสตรีอเมริกัน
ในปีพ.ศ. 2422 จนกระทั่งในปีพ.ศ. 2452 พระราชชายาเจ้าดารารัศมีได้เสด็จเย่ียมโรงเรียนแห่งนี้158

154 สรัสวดี ออ๋ งสกลุ , ประวัติศาสตรล์ า้ นนา, พมิ พ์ครั้งท่ี 9 (กรงุ เทพฯ: อมั รินทร์, 2555), 546.
155 เดเนียล แมคกิลวารี, กง่ึ ศตวรรษในหมูค่ นไทยและคนลาว : อตั ชวี ประวัติของ ศาสนาจารย์เดเนยี ล
แมคกลิ วารี ดี.ดี, พิมพ์ครั้งท่ี 2, แปลและเรียบเรยี งโดย จติ ราภรณ์ ตันรัตนกลุ (กรงุ เทพฯ: มตชิ น, 2544), 85-89.
156 สรสั วดี ออ๋ งสกุล, ประวตั ศิ าสตรล์ า้ นนา, พมิ พ์ครั้งที่ 9 (กรงุ เทพฯ: อมั รินทร์, 2555), 546.
157 เร่ืองเดียวกนั , 547-548.
158 โรงเรียนดาราวิทยาลัย. ประวัติโรงเรียนดาราวิทยาลัย. เข้าถึงเมื่อ 20 ธันวาคม 2561.
เขา้ ถงึ ได้จาก http://www.dara.ac.th/eqsdara/?name=pageshow&file=readpage&id=1

123

พระองค์มีความสน ใจในโรงเรียน สตรีและยิน ดีให้ ใช้ชื่อของโรงเรียน ว่าโรงเรียน พระราชช าย า 159
ซ่ึงไดก้ ลายมาเปน็ โรงเรยี นดาราวทิ ยาลยั ในปัจจุบัน

โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัยก็เป็นโรงเรียนอีกหนึ่งแห่งที่ก่อตั้งโดยมิชชันนารี เรมิ่ แรก
นั้นโรงเรียนแห่งน้ีเกิดข้ึนมาจากความตั้งใจของศาสนาจารย์เดวิด กอร์มเลย์ คอลลินส์ที่ต้องการ
ที่จะเปิดโรงเรียนแบบตะวันตกสาหรับเด็กชายขึ้น โดยขอใช้พื้นท่ีบริเวณวัดร้างย่านวังสิงห์คา
ทางฝ่ังตะวันตกของแม่น้าปิง ซึ่งได้เปิดโรงเรียนข้ึนในพ.ศ.2430 เรียกว่าโรงเรียนชายวังสิงห์คา
ต่อมาในปีพ.ศ.2439 ศาสนาจารย์ ดร.วิลเลียม แฮรีสได้รับการแต่งต้ังเป็นครูใหญ่ของโรงเรียนแทน
ศาสนาจารย์เดวิด กอร์มเลย์ คอลลินส์ที่ซ่ึงลาออกไปทากิจการเก่ียวกับโรงพิมพ์ ศาสนาจารย์
ดร.วิลเลียม แฮรีส ได้พัฒนาโรงเรียนและรวบรวมเงินจานวนหนึ่งเพื่อซื้อท่ีดินบริเวณฝ่ังตะวันออก
ของแม่น้าปิง เนื่องจากพ้ืนท่ีเดิมคับแคบเกินไป ในวันที่ 2 มกราคม พ.ศ.2449 พระบาทสมเด็จพระ
มงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวในขณะนั้นยังทรงเป็นสยามมกุฏราชกุมาร ได้เดินทางมาวางศิลาฤกษ์อาคาร
บัทเลอร์และพระราชทานนามโรงเรียนแห่งน้ีว่า The Prince Royal's College หรือ โรงเรียนปรินส์
รอยแยลส์วทิ ยาลัยในปจั จบุ ัน160

นอกจากโรงเรยี นทงั้ 2 แห่งทีก่ ่อต้งั โดยกลมุ่ มิชชันนารีอเมริกันไพรสไบทเี รียแลว้ ในเชยี งใหม่
ยังมีโรงเรียนอ่ืนๆ ซึ่งก่อต้ังโดยกลุ่มมิชชันนารีคาทอลิกได้แก่ โรงเรียนพระหฤทัย โรงเรียนเรยีนา
และโรงเรียนมงฟอร์ตวทิ ยาลัย ส่วนในลาปางโรงเรียนที่กอ่ ตัง้ โดยมิชชันนารี ไดแ้ ก่ โรงเรียนวิชชานารี
และโรงเรยี นเคนเนต็ แมคเคนชี161

การที่มิชชันนารีชาวตะวันตกเข้ามามีบทบาททั้งในด้านศาสนา การศึกษา และการแพทย์นี้
เป็นส่วนหนึ่งของการเข้ามาของอิทธิพลอาคารเรือนที่พักอาศัยแบบตะวันตก เนื่องจากเม่ือ
กลุ่มมิชชันนารีเข้ามาพักอาศัยอยู่ในล้านนาย่อมต้องสร้างเรือนที่พักอาศัย โดยเรือนท่ีพักอาศัย
ของกลุ่มมิชชันนารีเหล่าน้ีอาจสร้างข้ึนตามรูปแบบสถาปัตยกรรมตะวันตก ยกตัวอย่างเช่น
อาคารบ้านเขียว อาคารหลังแรกของโรงเรียนดารา สร้างขึ้นในปีพ.ศ. 2465 ซ่ึงในยุคแรกได้มีการใช้

159 เดเนียล แมคกลิ วารี, กึ่งศตวรรษในหมูค่ นไทยและคนลาว : อัตชีวประวตั ิของ ศาสนาจารย์เดเนยี ล
แมคกลิ วารี ด.ี ดี, พิมพค์ รงั้ ที่ 2, แปลและเรียบเรียงโดย จติ ราภรณ์ ตนั รัตนกุล (กรุงเทพฯ: มติชน, 2544), 453.

160 โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย. ประวัติความเป็นมาโรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย.
เข้าถงึ เมื่อ 20 ธันวาคม 2561. เขา้ ถงึ ได้จาก https://www.prc.ac.th/about.php?id=1&page=history

161 สรสั วดี อ๋องสกุล, ประวตั ศิ าสตรล์ ้านนา, พิมพค์ รัง้ ท่ี 9 (กรงุ เทพฯ: อัมรินทร,์ 2555), 548.

124

เพ่อื เป็นบ้านพักของมชิ ชนั นารีและสอนหนังสือใหแ้ ก่นักเรียน162 นอกจากน้ที ีโ่ รงเรยี นปรนิ สร์ อยแยลส์
วิทยาลัย ก็มีอาคารอนุรักษ์ซึ่งมีลักษณะแบบสถาปัตยกรรมตะวัน ได้แก่ อาคารบ้านแฮรีส
อาคารนีลสัน เฮย์ส163 เป็นต้น ดังนั้นจึงสันนิษฐานในเบ้ืองต้นได้ว่าอาคารบ้านเรือนท่ีกลุ่มมิชชันนารี
ชาวตะวนั ตกสรา้ งขึ้นเพอื่ ใชง้ านนนั้ ส่งอิทธพิ ลใหก้ ับรปู แบบของสถาปัตยกรรมคุ้มเจ้านายในล้านนา

3. การติดต่อค้าขายระหว่างล้านนากบั ผคู้ นจากดนิ แดนอนื่ ๆ
ในปีพ.ศ.2427 ถือได้วา่ เป็นช่วงที่ล้านนามีการเปล่ียนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ รูปแบบ

การค้ามีการขยายตัวและทาการค้าในแง่ของการแข่งขันกันทางด้านธุรกิจมากกว่าช่วงก่อนหน้าท่ี
มักจะทาการค้าแบบพอยังชีพ เน่ืองจากการเข้ามาทากิจการเกี่ยวกับป่าไม้ของชาวตะวันตก
การคา้ กบั พมา่ และกรงุ เทพ รวมไปถงึ การเขา้ มามีบทบาททางด้านเศรษฐกิจของชาวจนี ในลา้ นนา164

การเข้ามาทากิจการทางด้านป่าไม้ในล้านนาเริ่มขึ้นประมาณปีพ.ศ.2383 ในช่วงแรกผู้ที่เข้า
มาทากิจการป่าไม้คือชาวพม่าและมอญซึ่งเดินทางเข้ามาฝากตัวกับเจ้านายในล้านนาและทาการเช้า
ท่ีเพ่ือทากิจการป่าไม้ในเชียงใหม่ ลาปาง และลาพูน ต่อมาในปีพ.ศ.2432 เป็นต้นมา ได้มีบริษัทของ
ชาวตะวนั ตกเข้ามาทากิจการปา่ ไม้ในล้านนา ได้แก่ บรษิ ัทบริตชิ บอร์เนยี ว จากัด บริษทั บอมเบย์เบอร์
มา และบริษัทสยามฟอเรส์165 กิจการป่าไม้นามาซ่ึงการเข้ามาอยู่อาศัยของผู้คนที่มาจากต่างถ่ิน
ไม่ว่าจะเป็นชาวตะวันตกท่ีถูกส่งมาเพื่อทางานในบริษัท หรือคนงานท่ีทางานเป็นแรงงานให้บริษัท
เหลา่ นท้ี ี่โดยสว่ นใหญ่มกั จะเป็นชาวขมุ ไทยใหญ่ และกระเหรี่ยง166

ชาวตะวนั ตกท่ีเข้ามาอยู่อาศัยในลา้ นนาเพ่ือเข้ามาทากจิ การป่าไม้ของบรษิ ัทเหล่าน้ีได้มีการ
สร้างบ้านพักอาศัยของตนเองขึ้น ซ่ึงอาคารเหล่าน้ีมีลักษณะทางสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก
ยกตัวอย่างเช่น บ้านพักของบริษัทบริติชบอรเนียว ท่ีออกแบบโดยนายหลุย ที.โนเวนส์ มีท้ังหมด 3
หลังด้วยกัน ได้แก่ บ้านพักหมายเลข 4 เบนนิวาส บ้านพักหมายเลข 6 เบนนิวาส และบ้านพักผู้จัดการ

162 โรงเรียนดาราวิทยาลัย. อาคารสถานที่ . เข้าถึงเม่ือ 20 ธันวาคม 2561. เข้าถึงได้จาก
https://sites.google.com/a/web1.dara.ac.th/dara-academy-chiangmai/keiyw-kab-rongreiyn/khxmul-
rongreiyn/xakhar-sthan-thi

163 โรงเรีย น ป ริน ส์ รอ ย แ ยล ส์ วิท ย าลั ย . อ าค าร-ส ถ าน ท่ี . เข้ าถึ งเม่ื อ 20 ธัน วาค ม 2561.
เข้าถึงไดจ้ าก https://www.prc.ac.th/about.php?id=1&page=building

164 สรสั วดี อ๋องสกุล, ประวัติศาสตร์ลา้ นนา, พมิ พค์ ร้ังท่ี 9 (กรงุ เทพฯ: อัมรินทร์, 2555), 522.
165 เร่ืองเดียวกนั , 523.
166 เรื่องเดยี วกนั , 525.

125

บริษั ท บ ริติช บ อรเนียว อาคารบ้ าน พั กเห ล่าน้ี ถูกสร้างขึ้น ระห ว่างปี พ .ศ. 2419-2430167
อันเป็นช่วงเวลาท่ีรูปแบบสถาปัตยกรรมของคุ้มเจ้านายในล้านนาเร่ิมเปล่ียนจากแบบเรือนพื้นถ่ิน
ในภาคเหนือเปน็ แบบตะวนั ตกมากยิ่งข้ึน ดังนัน้ อาจสันนษิ ฐานไดว้ ่าอาคารบ้านเรือนของชาวตะวันตก
ทเี่ ขา้ มาทากิจการในลา้ นนาสง่ อิทธิพลศิลปกรรมแบบตะวันตกให้กับคมุ้ เจ้านายฝ่ายเหนือ

นอกจากชาวตะวันตกแล้วคนอีกกลุ่มหน่ึงที่เข้ามามีบทบาทต่อเศรษฐกิจและการค้า
ในล้านนานเป็นอย่างมากในช่วงประมาณปีพ.ศ.2427 เป็นต้นมาก็คอื กลุ่มชาวจีนซ่ึงได้เขา้ มามีบทบาท
ทางการค้าท้ังในด้าน การค้าทางเรอื เจ้าภาษี นายอากร ธุรกิจเงินกู้ การค้าปลกี 168 อย่างไรก็ตามชาว
จีนท่ีเข้ามาอยู่อาศัยในล้านนาไม่ได้มีแค่เพียงกลุ่มพ่อค้าเท่านั้น แต่ยังมีชาวจีนที่เข้ามาเป็นช่างใน
ล้านนา ดังปรากฏในขนั้ ตอนการสรา้ งพระตาหนกั ดาราภิรมยข์ องพระราชชายาเจ้าดารารศั มี ว่ามีการ
ใช้ช่างสีไม้ชาวจีนจากกรุงเทพเพื่อมาทางานที่ต้องใช้ความละเอียดอ่อน เช่น ประตู หน้าต่าง ตู้ โต๊ะ
เตยี ง ให้กับตาหนกั ทจ่ี ะใช้ประทบั ชัว่ คราวระหวา่ งรอพระตาหนักดาราภิรมย์สร้างเสร็จ169 จึงเปน็ ไปได้
ว่าในการสร้างคุ้มอาจมีการใช้ช่างชาวต่างชาติเช่นชาวจีน หรือชาวพม่า อันเป็นเช้ือชาติที่เข้ามาอยู่
อาศัยในล้านนาเป็นจานวนมาก170 การใชช้ ่างชาวตา่ งชาติอาจส่งผลต่อรูปแบบทางสถาปตั ยกรรมของ
คุ้มเช่น เทคนิคในการใช้ไม้ เทคนิคในการลงสี และเทคนิคในการสลักลวดลายประดับ คล้ายคลึงกับ
กรณีการเข้ามาของรูปแบบศิลปะตะวันตกโดยช่างญวณจากอาณานิคมอินโด จีนภายใต้ฝร่ังเศสใน
ระยะเวลาเดียวกัน

ดังนั้นการติดต่อค้าขายระหว่างล้านนากับผู้คนท่ีเดินทางมาจากต่างถ่ิน จึงเป็นปัจจัย
ที่ก่อให้เกิดความหลากหลายทางเชื้อชาติ ภาษา และศาสนาในล้านนา สิ่งเหล่านี้ล้วนทาให้เกิดการ
แลกเปล่ียนและผสมผสานทางศิลปวัฒนธรรม รวมท้ังการรับเอาอิทธิพลทางด้านศิลปกรรม
และสถาปัตยกรรมจากดินแดนภายนอกของกลุ่มเจ้านายในล้านนา จนปรากฏเป็นรูปแบบ
ท่หี ลากหลายของเรือนหรอื คมุ้ อันเป็นทีพ่ ักอาศยั ของกลุ่มเจ้านายตาแหน่งสงู ในลา้ นนา

167 วิฑู รย์ เห ลี ย วรุ่งเรือ ง, คุ้ ม เจ้ าค รอ งน ค รเชี ย งให ม่ แ ล ะ คุ้ ม เจ้ าบุ รีรัต น์ (ม ห าอิ น ท ร์)
(เชียงใหม:่ มหาวิทยาลยั เชียงใหม่, 2554), 37.

168 สรัสวดี อ๋องสกุล, ประวตั ิศาสตร์ลา้ นนา, พมิ พค์ รง้ั ท่ี 9 (กรุงเทพฯ: อัมรินทร์, 2555), 531.
169 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, พิพิธภัณฑ์พระตาหนักดาราภิรมย์, พิมพ์คร้ังท่ี 9 (กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์
มหาวทิ ยาลยั , 2558), 3.
170 สรสั วดี อ๋องสกลุ , ประวัตศิ าสตรล์ า้ นนา, พิมพ์ครงั้ ที่ 9 (กรุงเทพฯ: อัมรินทร์, 2555), 526.

126

สรุปบรบิ ททางด้านประวัติศาสตร์ทีส่ ง่ ผลต่อรูปแบบศิลปกรรมคุ้มเจา้ นายฝ่ายเหนือในลา้ นนา
จากการศึกษาบริบททางด้านประวัติศาสตร์พบว่าในช่วงปี พ.ศ. 2430 – 2490 ซึ่งเป็นช่วง

เกิดการสร้างคุ้มเจ้านายล้านนาที่ได้รับรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกน้ัน ในล้านนาเกิดการ
เปลีย่ นแปลงทางด้านสังคมและวัฒนธรรมเป็นอย่างมาก ทัง้ จากกรงุ เทพฯ ท่ีเข้ามามบี ทบาทในลา้ นนา
อย่างเบ็ดเสร็จ การเดินทางเข้ามาเผยแพร่ศาสนาและทากิจการค้าไม้ของชาวตะวัน และการเข้ามา
ของชนชาตอิ นื่ ๆ

การเปล่ียนแปลงเหล่านี้ล้วนมีผลต่อรูปแบบงานศิลปกรรมในล้านนาช่วงนั้นท้ังส้ิน
อย่างไรก็ตามการสร้างเรือนไม้ขนาดใหญ่ตกแต่งอย่างประณีตสวยงามจาเป็นท่ีจะต้องใช้เงินจานวน
มากในการสร้าง การสร้างเรือนพักอาศัยในลักษณะเช่นน้ีจึงจากัดอยู่เพียงแค่ในกลุ่มของชนชั้นสูง
เท่าน้ัน ด้วยเหตนุ ี้คุ้มเจ้านายล้านนาจึงถือได้ว่าเป็นส่ิงท่ีแสดงให้เห็นถึงรสนิยมของชนช้นั สูงในลา้ นนา
ในช่วงเวลาหน่ึง อีกทั้งยังเป็นสิ่งที่ชนช้ันนาใช้แสดงถึงความทันสมัยและความทัดเทียม เพื่อรับแรง
กระแทกจากปจั จยั ภายนอกท่ีถาโถมเข้ามายังล้านนา

ด้วยเหตุนี้คุ้มเจ้านายล้านนาท่ียังคงหลงเหลืออยู่ในปัจจุบันจึงถือได้ว่าเป็นงานศิลปกรรม
ท่ีมีคุณค่าท้ังในด้านของประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยอธิบายบริบท
ทางดา้ นประวตั ิศาสตรผ์ า่ นศิลปะและสถาปัตยกรรม

127

บทที่ 5
บทสรุปและขอ้ เสนอแนะ

คุ้มเจ้านายฝ่ายเหนือในล้านนา เป็นเรือนพักอาศัยท่ีแสดงให้เห็นถึงสภาพความเป็นอยู่
และรสนิยมของชนช้ันนาในล้านนา ถือได้ว่าเป็นงานศิลปกรรมท่ีมีคุณค่าและควรค่าแก่การอนุรักษ์
โดยเฉพาะคุ้มเจ้านายท่ีได้รับอิทธิพลแบบตะวันตก แม้ว่าจะเป็นงานสถาปัตยกรรมท่ีได้รับความนิยม
แค่เพียงช่วงหนึ่ง แต่ก็แฝงไปด้วยความหมายทางด้านประวัติศาสตร์และนัยยะทางการเมือง
ของล้านนาในสมยั น้ัน

แม้ว่าคุ้มท่ีเจ้านายล้านนาที่สร้างในช่วงปี พ.ศ. 2430-2490 จะดูเหมือนว่าถูกสร้างขึ้น
โดยได้รับอิทธิพลจากตะวันตก ไม่ว่าจะจากบ้านเรือนของชาวตะวันตกท่ีเข้ามาอยู่อาศัยในล้านนา
หรือเรือนพักอาศัยของชนชั้นสูงในกรุงเทพฯ อย่างไรก็ตามคุ้มในกลุ่มน้ีก็ยังมีลักษณะท่ีเป็นเอกลักณ์
และมีความโดดเด่นเฉพาะตัว และได้มีการผสมผสานวิธีการช่างและลวดลายประดับตกแต่งแบบ
ล้านนา และชนชั้นอนื่ ๆ ที่เข้ามาอยู่อาศัยในล้านนา เช่น ชาวจีน และชาวตะวันออกกลาง โดยเฉพาะ
ชาวจีนที่มักจะทางานเป็นช่างไม้ จึงทาให้ลวดลายของคุ้มบางหลัง เช่น คุ้มเจ้าหลวง จังหวัดแพร่
และคุม้ วงศบ์ ุรี จงั หวัดแพร่ มีลวดลายแบบจีน ผสมอยู่ในลวดลายแบบตะวันตก

จากการศึกษาคุ้มเจ้านายฝ่ายเหนือของเจ้านายที่อยู่ในช้ั นศักดินาเจ้าขันธ์ท้ังห้า
หรือ เจา้ ขันห้าใบ แหง่ ราชวงศท์ ิพย์จกั ราธวิ งศ์ (เจ้าเจ็ดตน) มปี ระเดน็ ศึกษาเพิ่มเตมิ ดังนี้

ประเด็นแรก รูปแบบศิลปกรรมของคุ้มในแต่ละจังหวัด มีเอกลักษณ์และลักษณะเฉพาะในพ้ืนที่
ดังน้ี คุ้มในกลุ่มจังหวัดแพร่ และจังหวัดน่าน จานวน 4 หลัง พบว่า มีรูปแบบที่ใกล้เคียงกัน
คือ นิยมทาสดี ้วยสีสนั สดใส เช่น สีชมพู สีเหลือง และสเี ขียว และนิยมสร้างเรือนไมส้ องช้ันแบบเรอื น
ขนมปังขิง นอกจากนท้ี ้ังสองพ้นื ท่ยี ังสร้างอาคารทางตึกซึ่งเกิดจากการถอดแบบจากหลังหนึ่งสู่อกี หลัง
ได้แก่ คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่ และหอคาหลวงเมอื งน่าน สิ่งเหล่านล้ี ้วนสะท้อนให้เหน็ ถึงความสัมพันธ์
การแลกเปล่ียน การถ่ายทอดรูปแบบทางด้านงานศิลปกรรม สถาปัตยกรรมของเมืองน่าน
และเมอื งแพร่ได้เป็นอย่างดี

โดยรูปแบบของคุ้มท่ีปรากฎในเมืองน่านและเมืองแพร่นั้นแตกต่างกับรูปแบบศิลปกรรมของ
คุ้มในพื้นท่ีจังหวัดลาพูน และเชียงใหม่ ท่ีไม่นิยมทาสีตัวเรือน แต่ปล่อยให้เป็นสีของไม้ตามธรรมชาติ
นอกจากน้ีในเชียงใหม่ และลาพูน ไม่นิยมสร้างเรือนไม้สองชั้นแบบเรือนขนมปังขิงท่ีประดับตกแต่ง
ดว้ ยลวดลายไมฉ้ ลุจานวนมากบริเวณตวั เรือน แต่มักจะสร้างเรือนสองชั้น โดยชั้นล่างกอ่ ด้วยคอนกรีต

128

ฉาบปูนทาด้วยสขี าวรองรบั ส่วนของไม้ชั้นบน และตกแต่งอยา่ งเรยี บงา่ ย ลกั ษณะเหลา่ นนี้ ่าจะเปน็ ผล
มาจากความแตกต่างของความนิยมในการสรา้ งสถาปตั ยกรรมของแต่ละพืน้ ที่

ป ร ะ เด็ น ท่ี ส อ ง อ า ยุ ส มั ย ใน ก า ร ส ร้ า ง คุ้ ม ไ ม่ ใช่ ตั ว ก า ห น ด รู ป แ บ บ ท า ง ด้ า น ศิ ล ป ก ร ร ม
แค่เพียงอย่างเดียว เน่ืองจากคุ้มแต่ละหลังถูกสร้างข้ึนโดยมีตัวแปรหลายอย่าง อันได้แก่
ความช่ืนชอบของเจ้าของเรือน หน้าที่การใช้งาน วัสดุอุปกรณ์ ฝีมือของช่างในขณะที่สร้าง
ยกตัวอย่างเช่น อาคารคุ้มทรงตึกท่ีดูใกล้เคียงกับรูปแบบของการสร้างอาคารในปัจจุบัน เช่นคุ้มเจ้า
หลวงเมืองแพร่ ซึ่งถูกสร้างใน พ.ศ. 2435 ถูกสร้างขึ้นก่อนเรือนไม้แบบขนมปังขิงอย่างคุ้มวงศ์บุรี
ถึง 5 ปี ดังน้ันอายสุ มัยในการสรา้ งจงึ ไม่ใชส่ ่งิ ท่ีสามารถนามาสรุปรูปแบบของคมุ้ แตล่ ะหลังได้ทง้ั หมด

ประเด็นสุดท้าย การอนุรักษ์และสภาพในปัจจุบันของตัวอาคารคุ้มเจ้านายล้านนา จาก
การศึกษาคุ้มทั้ง 10 หลังในพื้นท่ี 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดลาพูน จังหวัดแพร่ และ
จังหวัดนา่ น สามารถแบ่งไดเ้ ปน็ 3 กลมุ่ ดงั น้ี

1. คุ้มที่อยู่ภายใต้การดูแลของหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน หรือชุมชนท้องถ่ิน จานวน 5 หลัง
ได้แก่ คุ้มเจ้าราชบุตร (เจ้าน้อยมหาอินทร์) จังหวัดเชียงใหม่ คุ้มเจ้าราชบุตร (เจ้าน้อยแก้วมุงเมือง)
จังหวัดเชียงใหม่ คุ้มเจ้ายอดเรือน จังหวัดลาพูน คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่ และหอคาหลวงเมืองน่าน
สภาพในปัจจุบันของคุ้มเหล่านี้อยู่ในสภาพดี ตัวอาคารมีความแข็งแรง และได้รับการดูแลบูรณะ
ซ่อมแซมอยู่เสมอ แตท่ าการศึกษารปู แบบทางด้านศลิ ปกรรมดงั้ เดิมของอาคารค่อนขา้ งยาก เนอื่ งจาก
มกี ารปรบั ปรงุ และดัดแปลงอาคารหลายคร้ัง อยา่ งไรก็ตามคุม้ ในกลุ่มน้ีส่วนใหญจ่ ะมีบันทึกการบูรณะ
ซอ่ มแซมอย่เู สมอ จงึ ทาใหก้ ารเขา้ ถึงขอ้ มลู สามารถทาได้ง่าย

2. คุ้มที่ทายาท หรือผู้สืบทอดเป็นผู้ดูแล และนาไปต่อยอดทางด้านธุรกิจ จานวน 2 หลัง
ได้แก่ คุ้มเจ้าราชบุตร (เจ้าสมพะมิตร) จังหวัดเชียงใหม่ และคุ้มวงศ์บุรี จังหวัดแพร่ คุ้มทั้ง 2 หลัง
ในกลุ่มน้ีถือได้ว่าได้รับการบูรณะซ่อมแซม และดูแลสภาพของอาคารเป็นอย่างดี แต่การอนุรักษ์นั้น
เป็นไปเพ่ือประโยชน์ของการใช้สอยในปัจจุบัน ไม่ได้มุ่งเน้นรักษาสภาพด้ังเดิมของอาคาร มีการ
ดัดแปลงและปรับเปล่ียนรูปแบบของอาคารค่อนข้างมาก ไม่มีบันทึกข้อมูลการบูรณะซ่อมแซมในแต่
ละครง้ั ทาใหศ้ กึ ษารปู แบบศิลปกรรมเม่ือคราวแรกสรา้ ง ค่อนขา้ งเป็นไปได้ยาก

3. คุ้มที่ในปัจจุบันทายาทยังใช้เป็นบ้านพักอาศัย จานวน 3 หลัง ได้แก่ คุ้มบ้านทุ่งเส้ียว
จังหวัดเชียงใหม่ คุ้มเจ้าราชบุตร (หมอกฟ้า ณ น่าน) จังหวัดน่าน และคุ้มเจ้าหลวงจักรคาขจรศักด์ิ
จังหวัดลาพูน คุ้มในกลุ่มนี้ถือได้ว่าสามารถศึกษารูปแบบศิลปกรรม สถาปัตยกรรม รวมทั้งผังพื้น

129

และหน้าที่การใช้งานในคราวแรกสร้างได้อย่างชัดเจน แต่ก็ถือได้ว่าเป็นกลุ่มท่ีน่าเป็นห่วงสุดในแง่
ของการอนุรักษ์อาคาร เน่ืองจากตัวคุ้มมีขนาดใหญ่ และค่อนข้างเก่า การซ่อมแซมจึงมีค่าใช้จ่าย
จานวนมาก ทาให้ผู้อยู่อาศัยในปัจจุบันไม่สามารถดูแลได้อย่างทั่วถึง ทาได้เพียงแค่รักษาสภาพของ
อาคารใหค้ งอย่ไู ด้เพียงเท่านนั้

จากท่ีได้กล่าวมาทั้งหมดจะพบว่าคุ้มเจ้านายฝ่ายเหนือในล้านนา ถือได้ว่าเป็นงานศิลปกรรม
และสถาปัตยกรรมที่ยังมีประเด็นท้ังทางด้าน ประวัติศาสตร์ ศิลปะ และสถาปัตยกรรมให้ศึกษาอยู่
อีกมาก นอกจากนี้ยังมีประเด็นท่ีน่าเป็นห่วงในแง่ของการอนุรักษ์ บูรณะ ซ่อมแซมตัวอาคารคุ้ม
ซ่ึงหากไม่รีบแก้ไข หรือเร่งศึกษาเก็บข้อมูลไว้ ต่อไปในภายภาคหน้าล้านนาอาจไม่มีงานศิลปกรรม
สถาปัตยกรรมท่ีเรียกวา่ ค้มุ ใหศ้ กึ ษาอกี ต่อไป

130

รายการอา้ งอิง

รายการอ้างอิง

ข่ายลกู หลานเมืองแพร.่ "คุ้มเจา้ หลวงเมืองแพร่ ". กรมโยธาและผงั เมือง 45 (กนั ยายน 2558): 33-36.
จักรพงษ,์ คาบุญเรอื ง. "คมุ้ เจ้าในลาพูน." เชยี งใหมน่ วิ ส์ 15 ธนั วาคม 2549, 5.
จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย. พิพิธภณั ฑ์พระตาหนักดาราภริ มย์ กรุงเทพฯ :: มหาวิทยาลัย, 2558.
เจ้าสมปรารถนา ณ นา่ น, หลานสาวเจ้าราชบุตร (เจ้าหมอกฟา้ ณ นา่ น), เจ้าของ, and ค้มุ เจา้ ราชบุตร

เมอื งน่าน ในปจั จุบัน. 13 ตุลาคม, 2561.
เจ้าหลวงเชยี งใหม่ / บรรณาธกิ าร วงศส์ ักก์ ณ เชยี งใหม่. พิมพค์ ร้งั ที่ 1 ed. กรงุ เทพฯ :: คณะทายาท

สายสกุล ณ เชียงใหม่ รว่ มกบั สานักส่งเสรมิ ศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชยี งใหม่, 2539.
ชวลยี ์, ณ ถลาง. ประเทศราชของสยามในรชั สมัยพระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจา้ อยหู่ ัว =

Siamese Vassal States under King Rama V / ชวลยี ์ ณ ถลาง บรรณาธกิ าร : ชาญวทิ ย์
เกษตรศริ ิ, กาญจนี ละอองศรี. กรงุ เทพฯ :: สานกั งานกองทุนสนับสนุนการวิจยั , 2541.
ชาญณรงค์, ศรสี วุ รรณ. เรอื นลา้ นนา และลวดลายประดบั อาคารประเภทคุ้ม และท่ีอยู่อาศัยขนาดใหญ่
ในเขตภาคเหนือ = Lanna House and Decorative Ornaments of the Large Scale
Residence and Royal Family Mansion Related in Northern Thai Region / ชาญ
ณรงค์ ศรีสุวรรณ. พมิ พค์ ร้งั ท่ี 2 ed. เชียงใหม่ :: ศูนย์สถาปตั ยกรรมล้านนา คณะ
สถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่, 2562.
"การจดั การองค์ความร้สู ถาปัตยกรรมล้านนา ดา้ นที่อยู่อาศยั ขนาดใหญ่ เพื่อสง่ เสริมภมู ิปญั ญาพื้นถนิ่ สู่
สากล." https://www.lanna-arch.net/lak/.
ณรัสมนิ , ขัตยิ ะวรา. "คมุ้ เจ้าจักรคาขจรศกั ดิ์ ผคู้ รองนครลาพนู องค์ที่ 10. [วดิ ีทศั น์]."
https://www.youtube.com/watch?v=TZ6wW8RmPMM&t=458s.
เดเนยี ล, แมคกิลวาร.ี กึ่งศตวรรษในหมูค่ นไทยและคนลาว : อตั ชวี ประวัติของ ศาสนาจารยเ์ ดเนียล แมค
กลิ วารี ดี.ดี / จติ ราภรณ์ ตันรตั นกลุ แปล. พิมพ์คร้ังท่ี 2 ed. กรุงเทพฯ :: มติชน, 2544.
ตานานพ้นื เมืองเชยี งใหม่ : ฉบับเชียงใหม่ 700 ปี / ปริวรรตและตรวจสอบชาระต้นฉบบั โดย
คณะอนกุ รรมการตรวจสอบและชาระตานานพ้นื เมืองเชยี งใหม่. พิมพ์คร้งั ท่ี 2. ed. [เชยี งใหม่]
:: ศนู ยว์ ัฒนธรรมจังหวดั เชียงใหม่ และศูนย์ศลิ ปวฒั นธรรม สถาบันราชภัฏเชยี งใหม่, 2538.
เทศบาลเมืองลาพูน, งานพัฒนาและสง่ เสรมิ การท่องเทยี่ ว สานักปลัด. "คุ้มเจ้ายอดเรอื น [แผน่ พับ]." 1.
นพพร, หัตถา. ค้มุ เจ้านายล้านนา กรุงเทพฯ :: วันชนะ, 2545.
บณั ฑติ , จุลาสัย. "การอนุรกั ษ์สถาปัตยกรรมและชมุ ชน พิพิธภณั ฑ์พระตาหนักดาราภิรมย์ จฬุ าลงกรณ์
มหาวทิ ยาลยั ,." อาษา 2 (2554): 26-29.

131

———. "จากพระตาหนักมาเป็นพิพธิ ภณั ฑ์ดาราภิรมย์." ศลิ ปวฒั นธรรม 21,7 (2543): 112-18.
ประยรู , อลุ ุชาฎะ, -. แบบแผนบา้ นเรอื นในสยาม : เรอื นไทย เรือนปน้ั หยา เรือนมะนลิ า เรือนขนมปังขิง

/ โดย น. ณ ปากนา้ . พิมพ์คร้ังที่ 1 ed. กรุงเทพฯ :: เมืองโบราณ, 2531.
ปราณี, ศริ ธิ ร, ณ พทั ลุง. เจ้าหลวงเชยี งใหม่ / บรรณาธิการ วงศ์สักก์ ณ เชยี งใหม่

เพช็ รล์ านนา : หนงั สือสารคดีชีวประวัตบิ คุ คลสาคญั ในยุคของลานนาไทย / ปราณี ศริ ิธร ณ พุทลงุ .
พมิ พ์ครั้งที่ 1 ed. กรุงเทพฯ :สรุ วิ งศก์ ารพมิ พ์, 2539.

ปิแอร์, โอรต์ . ลา้ นนาไทยในแผน่ ดินพระพทุ ธเจ้าหลวง แปลโดย พษิ ณุ จันทร์วทิ นั . พิมพ์ครั้งที่ 4. ed.
กรุงเทพฯ :: พมิ พ์คา, 2555.

ผุสดี, ทิพทสั . บ้านในกรงุ เทพฯ : รูปแบบและการเปล่ียนแปลงในรอบ 220 ปี พ.ศ. 2325-2525 / ผสุ ดี
ทิพทสั , มานพ พงศทัต. กรุงเทพฯ :: จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลัย, 2525.

พระครูถาวรนพรฐั , เจา้ อาวาสวดั ศรีนวรัฐ. 8 ธันวาคม 2561.
พชั รินทร์, ศขุ ประมูล. พิพธิ ภณั ฑสถานแห่งชาติ นา่ น และโบราณวัตถชุ ้ินสาคญั พิมพ์ครั้งที่ 1 ed. นา่ น

:: พิพธิ ภณั ฑสถานแห่งชาติ น่าน, 2547.
ภชู ัย, กวมทรัพย.์ ลายไม้ฉลแุ บบขนมปงั ขงิ สุนทรียภาพแห่งกรุงรัตนโกสนิ ทร์ / ภชู ยั กวมทรพั ย.์ พิมพ์

ครง้ั ท่ี 1 ed. กรุงเทพฯ :: กองโบราณคดี กรมศลิ ปากร, 2560.
ภเู ดช, แสนสา. คมุ้ หลวง หอคา เวยี งแก้ว สัญญะขัติยะลา้ นนา พมิ พ์ครั้งที่ 1 ed. กรุงเทพฯ :: กองบุญ

หมนื่ ฟ้า, 2556.
"ลา้ นนาคาเมอื ง ชมรมฮักต๋ัวเมอื ง : “เฮือนฝาไหล”." 2564,

https://www.matichonweekly.com/column/article_400814.
ราลกึ สมั มนาราชทัณฑ์เชียงใหม่ : 7 ธันวาคม 2523. เชียงใหม่ :: เรอื นจากลางเชยี งใหม่, 2523.
"ประวัตโิ รงเรียนดาราวทิ ยาลัย."

http://www.dara.ac.th/eqsdara/?name=pageshow&file=readpage&id=1.
โรงเรยี นปรนิ ส์รอยแยลส์วทิ ยาลัย. "ประวัตคิ วามเปน็ มาโรงเรียนปรนิ สร์ อยแยลส์วิทยาลยั ."

https://www.prc.ac.th/about.php?id=1&page=history.
วรชาติ, มชี ูบท. เจ้านายฝ่ายเหนอื และตานานรักมะเมยี ะ. กรุงเทพฯ :: สร้างสรรค์บุค๊ ส์, 2556.
วรเทวี, ชลวณชิ . เร่ืองเล่าจากคุ้มเจา้ หญงิ แขกแก้ว ณ ลาพูน. พมิ พค์ รงั้ ท่ี 1 ed. กรุงเทพฯ :: อมรินทร์พ

ร้นิ ต้งิ แอนด์พบั ลชิ ช่ิง, 2559.
"เกร็ดประวตั ิศาสตร์ สถานีรถไฟนครลาปาง."

http://www.muangboranjournal.com/post/Nakhon-Lampang-railway-station.
วฑิ ูรย์, เหลยี วรงุ่ เรือง. ค้มุ เจา้ ครองนครเชยี งใหม่และคุ้มเจ้าบรุ ีรัตน์ (มหาอนิ ทร์) / วิฑรู ย์ เหลยี วรุ่งเรือง.

132

พมิ พค์ รั้งที่ 1 ed. เชียงใหม่ :: คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่, 2544.
———. "คุ้มเจา้ บรุ รี ัตน์ (เจา้ แกว้ มงุ เมือง ณ เชียงใหม่)." เชียงใหม:่ หจก. จรัสธุรกิจการพมิ พ์, 2555.

———. บา้ นโบราณเมอื งลาพนู : เอกสารโครงการ "บา้ นสวย ลาพนู เมอื งนา่ อยู่" / วิฑรู ย์ เหลียว
รุ่งเรือง. พมิ พ์ครงั้ ท่ี 1 ed. เชยี งใหม่ :: มหาวิทยาลัยเชยี งใหม่, 2546.

วฑิ รู ย์, เหลียวรุ่งเรอื ง, and ศนู ยส์ ถาปตั ยกรรมล้านนา มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่. คุ้มเจ้าบุรีรตั น์ เจ้าน้อย
มหาอินทร์ ณเชียงใหม่ = the Khum Chao Burirat (Maha-in). พมิ พ์ครง้ั ที่ 1 ed. เชยี งใหม:่
ศนู ย์สถาปัตยกรรมล้านนา คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่, 2004.

ศรัณย,์ ศรธี วัชพงศ,์ ผวู้ ิจัย. รปู แบบสถาปตั ยกรรมลา้ นนาขนมปงั ขงิ กรณีศึกษา คุ้มวงศ์บุรี จงั หวดั แพร่
= Lanna-Stick Style Architecture Case Study of Khum Wongburi House, Phrae
Province / ศรัณย์ ศรีธวัชพงศ์, และ เทดิ ศักด์ิ เตชะกิจขจร.

ศนู ย์สถาปัตยกรรมลา้ นนา. "ค้มุ เจ้าบุรรี ตั น์ [แผน่ ป้ายให้ข้อมูลประกอบการจดั แสดงศนู ย์สถาปตั ยกรรม
ลา้ นนา คมุ้ เจา้ บุรีรัตน์ (เจา้ น้อยมหาอินทร์ ณ เชยี งใหม่)]."

สงวน, โชติสุขรตั น์. ตานานพ้ืนเมืองเชยี งใหม่ : ฉบับเชียงใหม่ 700 ปี / ปริวรรตและตรวจสอบชาระ
ต้นฉบบั โดยคณะอนุกรรมการตรวจสอบและชาระตานานพื้นเมอื งเชยี งใหม่

ประชุมตานานลานนาไทย พิมพ์คร้ังท่ี 2. ed. [เชยี งใหม]่ :

สรสั วดี, อ๋องสกุล. ประวัตศิ าสตรล์ า้ นนา. กรงุ เทพฯ :: อมรินทร์, 2555.
สหยศ, ศรพี นา วงศ์บรุ ี. "ประวัตคิ ุม้ วงศบ์ ุรี [แผ่นปา้ ยให้ขอ้ มูลประกอบการจัดแสดงพพิ ิธภัณฑ์มีชีวติ ค้มุ

วงศบ์ ุรี]."
สานักงานคมุ้ เจ้าหลวงเมืองแพร่. "คมุ้ เจ้าหลวงเมอื งแพร่ [แผ่นป้ายใหข้ อ้ มูลประกอบการจดั แสดง

พิพิธภณั ฑ์คมุ้ เจา้ หลวงเมืองแพร]่ ".
แสงดาว, ณ เชยี งใหม่. พระประวตั ิพระราชชายา เจ้าดารารัศมี 26 สงิ หาคม 2416-9 ธันวาคม 2476 /

แสงดาว ณ เชียงใหม.่ เชยี งใหม่ :: โรงพมิ พ์กลางเวยี ง, 2517.

133

ภาคผนวก

134

ตารางสรปุ ขอ้ มูลเบอื้ งตน้ ของคุ้มเจ้านายฝา่ ยเหนอื ในลา้ นนา

พน้ื ที่ : จังหวัดเชยี งใหม่

ลาดับ ช่อื เรยี ก เจ้าของ (เดิม) ปีทส่ี รา้ ง ที่ตั้ง
ท่ี เจา้ ของ (ปจั จุบัน) (พ.ศ.) การใชง้ านในปัจจุบนั

1 คุ้มเจา้ บรุ ีรตั น์ เจ้านอ้ ยมหาอินทร์ ประมาณ สแ่ี ยกกลางเวยี ง เลขท่ี 117
พ.ศ.2432 ถนนราชดาเนิน ตาบลศรีภูมิ
(เจ้าน้อยมหาอนิ ทร์) ณ เชยี งใหม่

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ -2436 อาเภอเมือง (ตรงขา้ มวดั พันเตา)

ศนู ย์สถาปตั ยกรรมลา้ นนา
คุ้มเจ้าบุรีรัตน์ (เจ้าน้อยมหา

อินทร์) ภายใต้การดูแลของ

มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่

2 คมุ้ เจา้ บรุ ีรัตน์ เจ้าน้อยแกว้ มุงเมือง พ.ศ. เลขท่ี 169 ถนนพระปกเกล้า

(เจ้านอ้ ยแก้วมงุ เมือง) ณ เชียงใหม่ 2461 ตาบลศรีภู มิ อาเภ อเมือ ง
ข้างโรงเรียนอาชีวศึกษาเชียงใหม่
สานักงานยาสบู ฝั่งตรงขา้ มโรงเรียนยุพราช
เชียงใหม่ ท่ี ท าการของส านั กงานยาสู บ
เชยี งใหม่

3 ตาหนกั บา้ นทุง่ เสีย้ ว เจ้าหลวงเชียงใหมอ่ งค์ท่ี 9 ประมาณ เลขท่ี 254 หมู่ 3 บ้านทุ่งเส้ียว

เจา้ แกว้ นวรัฐ พ.ศ. ตาบลบา้ นกลาง อาเภอสันป่าตอง

(23มกราคมพ.ศ. 2453-3 2470 (ปากทางเข้าวดั ศรีนวรฐั )
มถิ ุนายนพ.ศ.2482)

4 คุ้มเจา้ ราชบตุ ร คณุ หญงิ นพรัตน์ บา้ นพักอาศยั
เชียงใหม่ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา
(เจ้าสมพะมติ ร) เจา้ สมพะมติ ร ไม่ เลขที่ 24 ถนนราชดาเนนิ
ณ เชยี งใหม่ ปรากฎ ตาบลศรภี มู ิ อาเภอเมอื ง
ตระกลู สุวรรณยนื แน่ชดั สถาบันสอนภาษา AUA

Language School

ตารางที่ 1 ขอ้ มลู เบ้ืองตน้ ของคุ้มเจ้านายฝา่ ยเหนือในจงั หวดั เชียงใหม่

135

พนื้ ท่ี : จังหวดั ลาพนู

ลาดบั ชอ่ื เรียก เจา้ ของเดมิ ปที ่ีสร้าง ทต่ี ้งั
ที่ (พ.ศ.) การใช้งานในปัจจบุ นั

เจ้าของปจั จุบัน ประมาณ เลขที่ 378 ถนนอินทยงยศ
พ.ศ. อาเภอเมอื งลาพูน
1 คุ้ มเจ้ าหลวงจั กรค า พลตรเี จ้าจักรคาขจรศักด์ิ 2468
ขจรศกั ดิ์

ทายาทของเจ้าพงษ์ธาดา บ้านพักอาศยั
ณ ลาพนู

2 คุ้มเจา้ ยอดเรอื น สร้างโดยเจ้าหลวงจักร พ.ศ. เลขที่ 4ถนนรถแกว้
คาขจรศักด์ิ เพื่อมอบ 2470 ตาบลในเมือง
ให้ แ ก่ เจ้ าย อ ด เรือ น อาเภอเมอื งลาพูน
ผ้เู ป็นชายา
เทศบาลเมืองลาพนู เปดิ ให้บคุ คลทัว่ ไปเขา้ ชม

ตารางที่ 2 ขอ้ มลู เบือ้ งต้นของคุ้มเจ้านายฝา่ ยเหนอื ในจังหวัดลาพนู

136

พนื้ ท่ี : จงั หวดั แพร่ เจา้ ของเดิม ปีทส่ี ร้าง ที่ต้งั
ลาดับ ชือ่ เรยี ก เจา้ ของปัจจบุ ัน (พ.ศ.) การใชง้ านในปัจจบุ นั

ที่ เจา้ พิรยิ ะเทพวงศ์ พ.ศ. เลขที่ 4 ถนนคมุ้ เดมิ
1 คมุ้ เจ้าหลวงเมอื งแพร่ 2435 ตาบลในเวียง อาเภอเมืองแพร่
(ตรงขา้ มกับโรงเรียนนารรี ัตน์)
2 คมุ้ วงศบ์ ุรี กองการศึ กษา ศาสนา พิพธิ ภณั ฑ์คุ้มเจา้ หลวงเมือง
และวัฒนธรรม องค์การ แพร่
บริหารส่วนจงั หวัดแพร่ เลขที่ 50 ถนนคาลือ ถนนหลัง
จวนผู้ว่า ส่ีแยกพระนอนเหนือ
-แม่เจ้าบัวถามหายศปัญญา พ.ศ. อาเภอเมืองแพร่
(ภ รรยาคน แรกขอ ง 2440
เจ้ า พิ ริ ย เท พ ว ง ศ์ พพิ ิธภัณฑส์ ว่ นบคุ คล
เจ้าหลวงเมืองแพร่องค์
สุดทา้ ย)
- ต่ อม าต กท อ ดเป็ น
ข อ ง ผู้ สื บ เชื้ อ ส า ย
‘เจา้ พรหมสุนันตาวงศบ์ ุรี’
(หลวงพงษ์พิบลู ย)์
ทายาทตระกูลวงศ์บรุ ี
(ทายาท ลาดบั ที่ 5)

ตารางที่ 3 ขอ้ มลู เบอ้ื งต้นของคุม้ เจ้านายฝ่ายเหนอื ในจงั หวดั แพร่

137

พน้ื ที่ : นา่ น

ลาดบั ชอื่ เรยี ก เจา้ ของเดมิ ปีทีส่ ร้าง ทีต่ ้ัง
ที่ เจ้าของปจั จุบัน (พ.ศ.) การใชง้ านในปจั จุบนั

1 หอคาเจ้าหลวง เมือง เจา้ สรุ ยิ ะพงษ์ผริตเดช พ.ศ. พิพิธภณั ฑสถานแหง่ ชาติ
นา่ น 2446 จงั หวดั นา่ น ถนนผากอง
ตาบลในเวียง อาเภอเมืองน่าน
กรมศิ ลปากร ภายใต้ พพิ ิธภณั ฑ์สถานแหง่ ชาติ
การกากับดูแลของสานัก นา่ น
พพิ ิธภัณฑสถานแห่งชาติ คุ้ มเจ้ าราชบุ ตร เลขท่ี 79
ถนนมหาวงศ์ ต าบลในเวียง
2 คมุ้ เจา้ ราชบตุ ร เจ้ าอนั นตวรฤทธิ เดช พ.ศ. อาเภอเมืองนา่ น
(หมอกฟา้ ณ นา่ น) ได้สร้างขึ้นเพ่ือเป็นที่อยู่ของ 2484
เจ้ าน้ อยม ห าพ รห ม สามารถเข้าเยี่ยมชมได้ โดยการ
ณ น่าน ต่อมาเมื่อท่านได้รับ ติดต่อนดั หมายลว่ งหนา้
สถาปนาเป็ นเจ้ ามหาพรหม
สุรธาดาจึงย้ายไปประทั บ
ที่หอคาและยกคุ้มแห่งน้ีให้
บุ ตรชาย คื อ เจ้าราชบุ ตร
(เจา้ หมอกฟา้ ณ นา่ น)
เจา้ สมปรารถนา
ณ น่าน

ตารางท่ี 4 ข้อมูลเบอื้ งตน้ ของคุ้มเจ้านายฝา่ ยเหนอื ในจงั หวดั นา่ น

ประวัตผิ เู้ ขียน 138

ชอื่ -สกุล ประวัติผเู้ ขียน
วนั เดือน ปี เกิด
สถานที่เกิด ภษู ณิศา ทองประทมุ
วฒุ ิการศกึ ษา 28 กันยายน 2536
จังหวดั เชยี งใหม่
ทอ่ี ยู่ปัจจุบัน ประถมศึกษา และมัธยมศึกษา : โรงเรยี นปรนิ ส์รอยแยลสว์ ทิ ยาลยั จังหวดั
เชียงใหม่
ปริญญาตรี : ภาควชิ าประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์
มหาวิทยาลยั เชยี งใหม่
70/2 หม่ทู ่ี 2 บา้ นป่าตว้ิ ตาบลสันโป่ง อาเภอแม่รมิ จังหวัดเชยี งใหม่
50180


Click to View FlipBook Version