โครงการบวชอบุ าสกิ าแกว้ หนอ่ ออ่ น ๑ ล้านคน
ได้ทาพวกเขาใหเ้ ปน็ ไท. แม้เมื่อเป็นเช่นน้ัน พวกเขาก็ปฏิบตั เิ จดียน์ ัน่ แล ดารงอยู่ตลอดอายุ จตุ ิ
จากอัตภาพนั้นแลว้ บงั เกดิ ในเทวโลก.เมอื่ ชนเหลา่ นน้ั อยู่ในเทวโลกตลอด ๑ พทุ ธนั ดร
ในพุทธุปบาทนี้ ภริยาจุตจิ ากเทวโลกน้ัน บังเกิดเปน็ ธดิ าเศรษฐใี นกรงุ ราชคฤห์.
คติของผ้ไู มเ่ หน็ สจั จะไมแ่ นน่ อน
นางยังเปน็ เดก็ หญงิ เทยี ว บรรลโุ สดาปตั ตผิ ลแลว้ . กช็ อื่ ว่าปฏิสนธิของสตั วผ์ ยู้ ังไมเ่ หน็ สจั จะ
เป็นภาระหนัก เพราะฉะนน้ั สามขี องนางจึงเวยี นกลับไปเกิดในสกุลพรานเนอ้ื .
ความสิเนหาในก่อนไดค้ รอบงาธิดาเศรษฐี พร้อมกับการเห็นนายพรานกกุ กุฏมิตรนัน้ แล. จริงอยู่
แม้พระผูม้ พี ระภาคเจ้า ก็ตรสั คานไี้ ว้วา่ " ความรักนนั้ ย่อมเกดิ เพราะอาศยั เหตุ ๒ประการ อยา่ งนี้
คอื เพราะการอยู่รว่ มกนั ในกาลก่อน ๑ เพราะการเก้อื กูลกนั ในปจั จบุ นั ๑ ดจุ ดอกบวั เกดิ ในน้า
(เพราะอาศัยเปอื กตมและน้า) ฉะนน้ั . "
ความรกั ใคร่ไม่มเี ขตแดน ทาให้คนตาบอด-ใจบอด ไม่เว้นพระโสดาบัน
ธิดาของเศรษฐีนนั้ ไดไ้ ปสู่ตระกูลของพรานเนื้อเพราะความสิเนหาในปางก่อน,
แม้พวกบุตรของนางก็จุติจากเทวโลก ถอื ปฏิสนธใิ นทอ้ งของนางนนั่ แล.
บุญทที่ ากบั พระเจดียเ์ ป็นบญุ ใหญ่สง่ ผลให้บรรลุธรรม
แมเ้ หลา่ สะใภข้ องนาง บงั เกิดในที่นัน้ ๆ เจริญวยั แลว้ ไดไ้ ปสู่เรอื นของชนเหลา่ นั้นนนั่
แหละ. ชนเหล่านัน้ ทงั้ หมด ปฏบิ ตั เิ จดีย์ในกาลนั้น ด้วยประการฉะนีแ้ ล้ว จงึ ไดบ้ รรลุโสดาปตั ติ
ผล ดว้ ยอานุภาพแห่งกรรมน้นั ดังนแ้ี ล.
เร่ืองนายพรานกุกกฏุ มิตร จบ.
ความคลา้ ยที่แตกตา่ ง
๓) เรอ่ื งพระกุณฑลเกสีเถร–ี ธดิ าเศรษฐกี รุงราชคฤห์อายุ ๑๖ ได้โจรเป็นสามี,ฆ่าสามีโจร
แลว้ บวชเปน็ ปริพาชกิ า, โตว้ าทะแพ้พระสารีบตุ ร, บวช ๒-๓ วนั บรรลอุ รหันต์
๔) เรือ่ งนางปฏาจารา - ธดิ าเศรษฐเี มืองสาวตั ถี อายุ ๑๖ หนไี ปกบั คนใช้หนุม่ , ตายทัง้
ครอบครวั เลยเปน็ บา้ ,ฟงั พระคาถาบรรลโุ สดาบนั , ถอื นา้ (อาโปกสณิ )เป็นอารมณ์
บรรลพุ ระอรหนั ต์
๒๖) เร่ืองนายพรานกกุ กุฏมิตร–ธดิ าเศรษฐีกรงุ ราชคฤห์(เป็นพระโสดาบนั )อายุ ๑๖ ปลี อบ
หนีไปกับนายพราน,พรานพรอ้ มลกู ชาย๗ลกู สะใภ้ ๗ บรรลุโสดาบนั
๑๔๙
kalyanamitra.org
โครงการบวชอบุ าสกิ าแกว้ หนอ่ ออ่ น ๑ ล้านคน
๓๑) เรอ่ื งพระนางมัลลกิ าเทวี[๑๒๓]
ขอ้ ความเบอื้ งตน้
พระศาสดาเมื่อประทบั อยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภพระนางมลั ลิกาเทวตี รสั พระธรรม
เทศนาน้ีว่า " ชรี นตฺ ิ เว ราชรถา สุจติ ตฺ า"เป็นตน้ .
เสพเมถุนกบั สตั ว์ ถา้ เปน็ บรรพชติ กป็ าราชิก, ถ้าเป็นฆราวาสกถ็ กู ตาหนิ
พระนางมลั ลิกาทาสันถวะกับสนุ ขั
ไดย้ ินว่า วนั หนง่ึ พระนางมัลลกิ าเทวีนน้ั เสด็จเขา้ ไปยังซมุ้ สาหรับสรงสนาน ทรงชาระ
พระโอษฐแ์ ล้ว ทรงนอ้ มพระสรรี ะลงปรารภเพ่ือจะชาระพระชงฆ์ มสี ุนัขตวั โปรดตวั หนึ่ง เขา้ ไป
พรอ้ มกับพระนางทีเดยี ว, มนั เหน็ พระนางน้อมลงเช่นนน้ั จึงเร่มิ จะทาอสัทธรรมสันถวะ
พระนางทรงยนิ ดีผัสสะของมนั จึงได้ประทับยืนอยู่. พระราชาทรงทอดพระเนตรทางพระแกล
ในปราสาทช้นั บน ทรงเหน็ กริ ิยาน้นั ในเวลาพระนางเสดจ็ มาจากซุ้มน้าน้นั จึงตรัสวา่
" หญงิ ถอ่ ย จงฉิบหาย เพราะเหตุไร เจา้ จึงได้ทากรรมเหน็ ปานนี้ ?"
ทากรรมชว่ั แล้ว ก็ตอ้ งโกหกบดิ เบอื นต่อ เพอ่ื ใหพ้ น้ ผิด
พระราชาแพ้รู้พระนางมลั ลกิ า
พระนาง. หมอ่ มฉันทากรรมอะไร พระเจ้าข้า.
พระราชา. ทาสันถวะกบั สนุ ัข.
พระนาง. เรอื่ งนหี้ ามิได้ พระเจ้าขา้ .
พระราชา. ฉันเองเหน็ , ฉันจะเช่อื เจา้ ไม่ได้, หญงิ ถอ่ ย จงฉบิ หาย.
พระนาง. ขอเดชะฝ่าละอองธุลพี ระบาทปกเกลา้ ฯ ผใู้ ดผู้หนึง่ เข้าไปยงั ซมุ้ นา้ น้ีผ้เู ดียวเท่านนั้ ก็
ปรากฏเปน็ สองคน แกผ่ ู้ทแ่ี ลดทู างพระแกลนี้.
พระราชา. เจา้ พูดไม่จริง หญิงช่วั .
พระนาง. พระเจา้ ขา้ ถ้าพระองคไ์ ม่ทรงเช่อื หม่อมฉนั ขอเชญิ พระองคเ์ สดจ็ เข้าไปยังซุม้ นา้
น้ัน. หมอ่ มฉันจักแลดพู ระองค์ทางพระแกลนี้.
พระราชาติดจะเขลา จึงทรงเชือ่ ถอ้ ยคาของพระนาง แล้วเสดจ็ เขา้ ไปยังซ้มุ นา้ .
๑๕๐
kalyanamitra.org
โครงการบวชอบุ าสิกาแกว้ หนอ่ อ่อน ๑ ล้านคน
ฝา่ ยพระนางเทวีนัน้ แล ทรงยืนทอดพระเนตรอยทู่ ี่พระแกลทลู วา่ " มหาราชผมู้ ดื เขลา ชื่ออะไร
น่ัน. พระองคท์ รงทาสันถวะกับนางแพะ" แมเ้ มอื่ พระราชาจะตรสั ว่า " นางผู้เจรญิ ฉนั มไิ ด้ทา
กรรมเห็นปานนน้ั " ก็ทลู วา่ " แมห้ มอ่ มฉนั เหน็ เอง, หม่อมฉนั จะเช่อื พระองคไ์ มไ่ ด้. "
พระราชาทรงสดบั คานน้ั แลว้ ก็ทรงเชอื่ ว่า " ผ้เู ข้าไปยังซุ้มน้าน้ี ผเู้ ดยี วเทา่ นัน้ ก็ย่อมปรากฏเป็น
สองคนแน่. " พระนางมัลลิกา ทรงดาริวา่ " พระราชาน้ี อันเราลวงไดแ้ ลว้ กเ็ พราะพระองคโ์ ง่
เขลา, เราทากรรมช่วั แล้ว กพ็ ระราชานี้ เรากล่าวตูด่ ว้ ยคาไม่จรงิ , แลแม้ศาสดา จกั ทรงทราบ
กรรมน้ขี องเรา, พระอัครสาวกท้ังสองกด็ พี ระอสีตมิ หาสาวกกด็ ี จกั ทราบ; ตายจรงิ เราทากรรม
หนักแลว้ " ทราบวา่ พระนางมัลลิกานี้ ไดเ้ ปน็ สหายในอสทิสทานของพระราชา.
ปกปดิ กรรมชัว่ กบั คนอน่ื ทาได้ แต่ตัวเองยอ่ มรดู้ ี กรรมนมิ ติ ปรากฎตอนใกลต้ าย
พระนางมัลลิกาเกิดในอเวจี
กใ็ นอสทสิ ทานนนั้ การบรจิ าคทีท่ รงทาในวนั หนึ่ง มคี ่าถงึ ทรพั ย์๑๔ โกฏ.ิ กเ็ ศวตฉตั ร
บัลลังกป์ ระทบั น่ัง เชิงบาตร ตง่ั สาหรบั รองพระบาทของพระตถาคตเจ้า ๔ อยา่ งนี้ ไดม้ คี า่ นับ
ไม่ได้. ในเวลาจะสนิ้ พระชนม์ พระนางมัลลกิ านน้ั มิได้ทรงนกึ ถงึ การบริจาคใหญ่ เหน็ ปานนนั้
ทรงระลึกถึงกรรมอนั ลามกนน้ั อย่างเดยี ว สิน้ พระชนม์แล้ว ก็บังเกดิ ในอเวจี. กพ็ ระนางมัลลกิ า
นน้ั ได้เป็นผโู้ ปรดปรานของพระราชาอยา่ งย่งิ .
พระราชาทูลถามสถานที่พระนางเกิด
ท้าวเธออันความโศกเป็นกาลังครอบงา รบั ส่ังให้ทาฌาปนกจิ พระสรรี ะของนางแลว้ ทรงดาริ
วา่ " เราจะทลู ถามสถานทีเ่ กดิ ของพระนาง" จึงได้เสดจ็ ไปยังสานกั ของพระศาสดา. พระศาสดา
ได้ทรงทาโดยประการท่ที า้ วเธอระลึกถึงเหตุท่ีเสด็จมาไมไ่ ด้. ท้าวเธอทรงสดับธรรมกถาชวนให้
ระลึกถงึ ในสานักของพระศาสดาแล้ว ก็ทรงลมื ; ในเวลาเสด็จเขา้ ไปสูพ่ ระราชนิเวศน์ ทรงระลึก
ได้ จริงตรัสว่า " พนาย ฉันตัง้ ใจวา่ 'จกั ทลู ถามท่พี ระนางมัลลกิ าเทวเี กดิ ' ไปยงั สานกั ของพระ
ศาสดากล็ ืมเสีย. วันพรุ่งนี้ ฉนั จะทลู ถามอกี " ดงั นแ้ี ล้ว กไ็ ด้เสดจ็ ไป แมใ้ นวันรุ่งขนึ้ . ฝ่ายพระ
ศาสดาก็ไดท้ รงทา โดยประการทท่ี ้าวเธอระลึกไม่ได้ตลอด ๗ วนั โดยลาดับ.
กรรมช่ัว อาสัญกรรมส่งผลกอ่ น ๗ วนั เมืองมนุษย์ในนรกกย็ าวนาน
ฝ่ายพระนางมัลลกิ านั้นไหม้ในนรกตลอด ๗ วันเทา่ นั้น, ในวันที่ ๘จุตจิ ากท่ีน้ันแล้ว เกดิ ใน
ดสุ ิตภพ.
๑๕๑
kalyanamitra.org
โครงการบวชอุบาสกิ าแกว้ หนอ่ อ่อน ๑ ลา้ นคน
บอกความจรงิ ไมถ่ ูกกาล คนพาลอาจเกดิ มจิ ฉาทฏิ ฐิ
ถามวา่ " ก็เพราะเหตไุ ร พระศาสดา จงึ ไดท้ รงทาความทพี่ ระราชานัน้ ทรงระลึกไม่ได้ ?
แก้วา่ " ทราบว่า พระนางมลั ลิกาน้ัน ได้เปน็ ทโ่ี ปรดปรานพอพระทยั ของพระราชาน้ันอยา่ ง
ท่สี ุด ?" เพราะฉะนนั้ ทา้ วเธอทราบวา่ พระนางเกิดในนรกแลว้ กจ็ ะทรงยดึ ถอื มจิ ฉาทิฏฐิ ดว้ ย
ทรงดาริว่า" ถ้าหญิงผูส้ มบรู ณ์ดว้ ยศรัทธาเหน็ ปานนี้ เกิดในนรกไซร้ เราจะถวายทานทาอะไร ?"
ดังน้ีแล้วก็จะรับสั่งใหเ้ ลิกนติ ยภัตรทเี่ ปน็ ไปในพระราชนเิ วศนเ์ พ่ือภิกษุ ๕๐๐ รปู แล้วพงึ เกิดใน
นรก; เพราะฉะน้ัน พระศาสดาจงึ ทรงทาความท่พี ระราชานน้ั ทรงระลึกไมไ่ ด้ตลอด ๗ วัน ใน
วันท่ี ๘ ทรงดาเนินไปเพื่อบณิ ฑบาต ได้เสดจ็ ไปยงั ประตูพระราชวังด้วยพระองคเ์ องทเี ดยี ว.
พระราชาทรงทราบว่า " พระศาสดาเสดจ็ มาแลว้ " จงึ เสด็จออก ทรงรับบาตรแล้ว ปรารภเพื่อจะ
เสด็จข้ึนสู่ปราสาท. แตพ่ ระศาสดาทรงแสดงพระอาการเพื่อจะประทับน่งั ท่ีโรงรถ. พระราชาจงึ
ทูลอญั เชญิ พระศาสดาใหป้ ระทบั นั่ง ณ ท่ีน้ันเหมือนกัน ทรงรับรองดว้ ยขา้ วยาคูและของควร
เคี้ยวแล้ว จึงถวายบังคม พอประทบั นั่ง กก็ ราบทูลวา่ " หมอ่ มฉนั มากด็ ้วยประสงค์วา่ 'จกั ทลู ถาม
ทีเ่ กดิ ของพระนางมลั ลิกาเทวี, แล้วลมื เสยี พระนางเกิดในที่ไหนหนอแล ? พระเจา้ ขา้ . "
พระศาสดา. ในดสุ ิตภพ มหาบพิตร.
พระราชา. พระเจา้ ขา้ เมอื่ พระนางไมบ่ งั เกดิ ในดสุ ิตภพ, คนอื่นใครเลา่ จะบังเกดิ , พระเจ้าข้า
หญงิ เชน่ กบั พระนางมลั ลิกานนั้ ไม่ม,ี เพราะในที่ ๆ พระนางน่ังเปน็ ต้น กิจอื่น เวน้ การจัดแจง
ทาน ดว้ ยคิดว่า" พรงุ่ น้ี จักถวายส่งิ นี้, จกั ทาสิ่งนี้ แด่พระตถาคต " ดงั นไ้ี มม่ ีเลย,พระเจ้าขา้ ตงั้ แต่
เวลาพระนางไปสู่ปรโลกแลว้ สรรี ะของหมอ่ มฉนั ไมค่ ่อยกระปร้ีกระเปรา่ .
ใชโ้ รงรถเป็นอุปกรณ์สอนธรรมะ คนอน่ื ฟงั พระคาถาแล้วบรรลุโสดาบัน
แตพ่ ระเจา้ ปเสนทโิ กศลไม่บรรลเุ พราะท่านจะตรัสร้เู ป็นพระพทุ ธเจา้ เบ้อื งหนา้
ธรรมของสตั บุรุษไมเ่ ก่าเหมอื นของอื่น
ลาดับนัน้ พระศาสดาตรสั กะท้าวเธอว่า " อย่าคิดเลยมหาบพติ รนี้เป็นธรรมอันแน่นอนของ
สตั ว์ทุกจาพวก " แลว้ ตรสั ถามวา่ " นี้รถของใคร ? มหาบพิตร. " พระราชาทรงประดษิ ฐาน
อัญชลไี วเ้ หนือพระเศยี รแล้ว ทลู วา่ " ของพระเจ้าปู่ของหมอ่ มฉนั พระเจา้ ข้า. "
พระศาสดา นี้ ของใคร ?
พระราชา. ของพระชนกของหมอ่ มฉนั พระเจ้าข้า.
๑๕๒
kalyanamitra.org
โครงการบวชอบุ าสกิ าแกว้ หนอ่ ออ่ น ๑ ลา้ นคน
เมื่อพระราชากราบทูลอยา่ งน้ันแล้ว พระศาสดาจงึ ตรัสวา่ " มหาบพติ รรถของพระเจ้าปู่ ของ
มหาบพติ ร เพราะเหตไุ ร จงึ ไมถ่ งึ รถของพระชนก ของมหาบพติ ร. รถของพระชนก ของ
มหาบพติ ร ไม่ถงึ รถของมหาบพติ ร , ความครา่ ครา่ ยอ่ มมาถึง แมแ้ กท่ ่อนไม้ช่ือเห็นปานนี้,
ก็จะกลา่ วไปใย ความครา่ คร่าจกั ไมม่ าถงึ แมแ้ ก่อัตภาพเล่า ? มหาบพติ รความจรงิ ธรรมของ
สตั บรุ ษุ เท่าน้นั ไมม่ คี วามชรา, สว่ นสตั ว์ทั้งหลายช่อื ว่าไมช่ รา ยอ่ มไม่มี " ดังน้ี แล้วตรสั
พระคาถานีว้ ่า
๖. ชีรนตฺ ิ เว ราชรถา สจุ ิตฺตา
อโถ สรรี มฺปิ ชร อุเปติ
สตญฺจ ธมโฺ ม น ชร อุเปติ
สนโฺ ต หเว สพฺภิ ปเวทยนฺติ
" ราชรถ ทีว่ ิจติ รดี ยงั ครา่ คร่าไดแ้ ล, อน่งึ
ถึงสรรี ะ กย็ อ่ มถึงความครา่ คร่า ,
ธรรมของสตั บรุ ษุ หาเข้าถงึ ความคร่าครา่ ไม่ ,
สตั บรุ ุษทงั้ หลายแล ย่อมปราศรัยกับด้วยสตั บรุ ษุ ."
ในเวลาจบเทศนา ชนเปน็ อันมากบรรลุอรยิ ผลท้งั หลาย มีโสดาปตั ตผิ ลเป็นตน้ ดงั น้แี ล.
เรือ่ งพระนางมลั ลิกาเทวีจบ.
๑๕๓
kalyanamitra.org
โครงการบวชอบุ าสิกาแกว้ หนอ่ ออ่ น ๑ ล้านคน
พระปทมุ ุตตรพทุ ธเจ้า
เป็นพระพุทธเจ้าพระองคแ์ รก ในช่วงเศษแสนมหากัปของอสงไขยปจั จุบนั
กัปสุดท้ายเจ็ดแสนกปั จากกัปนี้ องคก์ ่อนพระสมณะโคดมพุทธเจ้า ๑๕ พระองค์
เปน็ พระพทุ ธเจ้าพระองค์เดยี วในสารกัป พระชนมายุ ๑๐๐,๐๐๐ ปี
อบุ าสิกาทต่ี ง้ั ความปรารถนาในยุคน้นั ๑๐ ทา่ น ได้แก่
๑) นางสุชาดาธดิ าของเสนานีกุฎุมพี เอตทคั คะด้านถงึ สรณะเปน็ คนแรก
๒) นางวสิ าขามหาอุบาสกิ า เอตทัคคะหญงิ ผอู้ ุปัฏฐายิกา
(ตั้งความปรารถนากับพระกัสสปะสมั มาสมั พทุ ธเจา้ อีกครั้ง)
๓) ขุชชตุ รา (อตุ ตรา) เอตทคั คะด้านพหูสตู
(ในสมัยพระกสั สปะสมั มาสมั พทุ ธเจ้า ใชพ้ ระอรหันเถรีห้ิวกระเช้า
วิบากกรรมน้ันทาให้เกดิ ในตระกลู ต่า เป็นคนรบั ใช้
ไดถ้ วายกาไลงา(วลยั )เพอ่ื ให้พระปจั เจกพุทธเจ้ารองบาตรทีร่ อ้ นท้ัง ๘
วิบากกรรมนนั้ ส่งผลให้เปน็ ผู้ทรงพระไตรปิฎก มปี ัญญามาก
ผลแหง่ การอปุ ัฏฐาก แกพ่ ระปัจเจกพทุ ธเจา้ ท้งั หลาย จงึ บรรลุธรรม
ไดห้ ่มผ้ากาพลทาทา่ ล้อเลยี นพระปัจเจกพทุ ธเจา้ ทีห่ ลังค่อม
วิบากกรรมนัน้ ส่งผลให้เป็นหญิงค่อม)
๔) พระนางสามาวดี เอตทคั คะด้านอยดู่ ว้ ยเมตตา
(ชาตหิ น่ึงร่วมกันเผาพระปจั เจกพทุ ธเจา้ น่ังนโิ รธสมาบัติ
ตกนรกสนิ้ หลายพนั ปี ถูกเผาในเรือน ๑๐๐ ชาติ)
๕) อุตตราอุบาสิกา(อุตตรานนั ทมารดา)เอตทัคคะด้านยินดีในฌาน
๖) พระนางสปุ ปวาสา โกลยิ ธดิ า เอตทัคคะด้านผูถ้ วายของมรี สประณตี
๗)นางสปุ ปยิ าอุบาสกิ า เอตทัคคะดา้ นผอู้ ปุ ัฏฐากภิกษุไข้
๘) นางกาติยานอี บุ าสกิ า (โยมมารดาพระโสณกฎุ ิกัณณะ-ธรรมบทเรอ่ื ง
สมั พหุลภิกษุ) เอตทัคคะ ดา้ นผู้เลอ่ื มใสอย่างแน่นแฟน้
๙) นางนกลุ มารดาคหปตานี เอตทัคคะด้านผู้ค้นุ เคย.
๑๐) นางกาฬอี ุบาสิกา เอตทัคคะผเู้ ลือ่ มใสโดยฟงั ตาม ๆ กันมา
๑๕๔
kalyanamitra.org
โครงการบวชอุบาสิกาแก้วหนอ่ อ่อน ๑ ลา้ นคน
พระปทมุ ตุ ตรพุทธเจา้
เปน็ พระพุทธเจา้ พระองคแ์ รก ในช่วงเศษแสนมหากปั ของอสงไขยปจั จบุ ัน
กปั สุดท้ายเจ็ดแสนกัปจากกปั น้ี องคก์ อ่ นพระสมณะโคดมพุทธเจ้า ๑๕ พระองค์
เปน็ พระพุทธเจา้ พระองคเ์ ดียวในสารกปั พระชนมายุ ๑๐๐,๐๐๐ ปี
ภกิ ษณุ ีผมู้ ตี าแหนง่ เลศิ ทตี่ ัง้ ความปรารถนา ๑๓ ท่านในยคุ นั้น
๑) พระมหาปชาบดโี คตมีภกิ ษุณี เลศิ กว่าพวกภิกษณุ ีสาวกิ าของเราผู้รรู้ าตรีนาน.
๒) พระเขมาภกิ ษุณี เลศิ กวา่ พวกภิกษุณีสาวกิ าของเราผ้มู ปี ญั ญามาก.
๓) พระอบุ ลวรรณาภิกษุณี เลศิ กวา่ พวกภกิ ษุณีสาวิกาของเราผู้มฤี ทธ์ิ.
๔) พระปฏาจาราภิกษุณี เลศิ กว่าพวกภิกษณุ ีสาวกิ าของเราผทู้ รงวินยั .
๕) พระธรรมทินนาภกิ ษุณี เลิศกว่าพวกภิกษุณสี าวกิ าของเราผูเ้ ปน็ ธรรมกถึก.
๖) พระนนั ทาภกิ ษุณี เลศิ กวา่ พวกภกิ ษุณีสาวิกาของเราผยู้ นิ ดีในฌาน.
๗) พระโสณาภิกษณุ ี เลิศกวา่ พวกภกิ ษุณีสาวกิ าของเราผปู้ รารภความเพียร.
๘) พระสกุลาภกิ ษุณี เลศิ กว่าพวกภิกษุณีสาวิกาของเราผมู้ จี ักษุทพิ ย์.
๙) พระภัททากุณฑลเกสาภิกษุณี เลศิ กว่าพวกภกิ ษณุ ีสาวกิ าของเราผู้ตรัสรู้
ไดเ้ ร็วพลนั .
๑๐) พระภทั ทกาปลิ านภี ิกษณุ ี เลศิ กวา่ พวกภิกษุณสี าวิกาของเราผู้ระลึกชาติ
ก่อนๆ ได้.
๑๑) พระภทั ทากจั จานาภกิ ษุณี เลิศกว่าพวกภกิ ษุณสี าวิกาของเราผู้ได้บรรลุ
อภิญญาใหญ่.
๑๒) พระกีสาโคตมภี กิ ษณุ ี เลิศกวา่ พวกภกิ ษุณีสาวิกาของเราผู้ทรงจวี ร
เศร้าหมอง.
๑๓) พระสคิ าลมาตาภิกษุณี เลศิ กวา่ พวกภิกษุณสี าวิกาของเราผู้พ้นจากกิเลสได้
ด้วยศรัทธา.
๑๕๕
kalyanamitra.org
โครงการบวชอุบาสิกาแกว้ หนอ่ ออ่ น ๑ ล้านคน
๓๒)เร่อื งชน ๓ คน[๑๐๕]
ข้อความเบ้ืองตน้
พระศาสดา เมอ่ื ประทับอยใู่ นพระเชตวัน ทรงปรารภชน ๓ คนตรัสพระธรรมเทศนาน้วี า่
" น อนตฺ ลกิ เฺ ข น สมทุ ทฺ มชเฺ ฌ" เป็นต้น.
กาถกู ไฟไหมต้ ายในอากาศ
ไดย้ ินว่า เมอื่ พระศาสดาประทับอยู่ในพระเชตวัน ภิกษุหลายรูปมาเพ่ือต้องการจะเฝา้ พระ
ศาสดา เขา้ ไปสูบ่ า้ นตาบลหนงึ่ เพ่อื บิณฑบาต.ชนชาวบา้ นรบั บาตรของภกิ ษเุ หล่านั้นแลว้ นมิ นต์
ให้น่ังในโรงฉนั ถวายขา้ วยาคแู ละของเคยี้ ว เมือ่ รอเวลาบิณฑบาต นัง่ ฟังธรรมแลว้ .
ในขณะน้ัน เปลวไฟลกุ ขึ้นจากเตาของหญงิ คนหน่ึง ผหู้ ุงขา้ วแลว้ ปรงุ สปู ะและพยญั ชนะอยู่
ติดชายคา, เสวยี นหญา้ อนั หนึ่งปลิวขึ้นจากชายคานั้น อันไฟไหมอ้ ยู่ลอยไปสู่อากาศ.
ในขณะนั้น กาตวั หนงึ่ บินมาทางอากาศ สอดคอเข้าไปในเสวียนหญ้านนั้ อนั เกลยี วหญ้าพนั แลว้
ไหมต้ กลงทก่ี ลางบ้าน. พวกภกิ ษุเหน็ เหตนุ น้ั คิดวา่ " โอ กรรมหนัก, ผมู้ อี ายุ ท่านท้งั หลายจงดู
อาการแปลกท่กี าถงึ แล้ว, เว้นพระศาสดาเสยี ใครจกั รู้กรรมท่ีกาน้ที าแล้ว, พวกเราจกั ทลู ถาม
กรรมของกาน้ันกะพระศาสดา" ดังนแ้ี ลว้ กพ็ ากันหลีกไป.
ภรรยานายเรือถกู ถว่ งนา้
เมื่อภิกษอุ กี พวกหนึง่ โดยสารเรือไป เพอ่ื ตอ้ งการจะเฝา้ พระศาสดาเรอื ได้หยดุ นิ่งเฉยในกลาง
สมทุ ร พวกมนษุ ยพ์ ากนั คิดวา่ " คนกาลกรรณพี ึงมใี นเรือน้ี" ดงั นแี้ ล้ว จงึ แจกสลาก
(ให้จบั ). ก็ภรรยาของนายเรอื ตั้งอยใู่ นปฐมวยั (กาลงั )นา่ ดู สลากถึงแก่นางน้ัน พวกมนุษยพ์ ากนั
กล่าววา่ . " จงแจกสลากอีก" แลว้ ใหแ้ จกถึง ๓ คร้งั . สลากถึงแกน่ างนนั้ คนเดียวถงึ ๓ คร้ัง
พวกมนษุ ย์แลดหู นา้ นายเรือ (เปน็ ทจี่ ะพดู ว่า)" อยา่ งไรกัน ?นายครับ " นายเรอื กล่าววา่
" ขา้ พเจา้ ไม่อาจใหม้ หาชนฉบิ หาย เพื่อประโยชน์แก่นางน้ี, พวกทา่ นจงทง้ิ นางในน้าเถิด. "
นางนัน้ เมื่อพวกมนษุ ย์จบั จะท้ิงนา้ กลวั ต่อมรณภยั ได้ร้องใหญแ่ ล้ว. นายเรอื ไดย้ ินเสียงรอ้ งนั้น
จงึ กลา่ ววา่ " ประโยชน์อะไร ดว้ ยอาภรณข์ องนางนี้(จะ) ฉบิ หายเสยี (เปล่า ๆ ) พวกท่านจง
เปลอ้ื งเครือ่ งอาภรณ์ทั้งหมด ใหน้ างนงุ่ ผ้าเก่าผนื หน่ึงแล้วจงทงิ้ นางนน้ั . กข็ า้ พเจ้าไม่อาจดนู าง
นัน้ ผลู้ อยอยู่เหนอื หลังน้าได้, เพราะฉะนัน้ พวกท่านจงเอากระออมทเี่ ตม็ ดว้ ยทรายผกู ไวท้ คี่ อ
แลว้ โยนลงไปเสียในสมุทรเถดิ (ทา) โดยประการทข่ี า้ พเจา้ จะไม่เห็นเขาได้"
พวกมนษุ ยเ์ หลา่ นน้ั ได้กระทาตามนั้นแล้ว ปลาและเต่ารมุ กนิ นางแม้นั้นในทีต่ กนั่นเอง.
๑๕๖
kalyanamitra.org
โครงการบวชอุบาสกิ าแกว้ หนอ่ ออ่ น ๑ ลา้ นคน
พวกภกิ ษุฟงั เร่ืองน้ันแล้ว ก็คิดว่า" ใครคนอ่นื เวน้ พระศาสดาเสยี จกั รกู้ รรมของหญงิ น่ันได้,
พวกเราจะทูลถามกรรมของหญิงนั้นกะพระศาสดา " ถงึ ถิน่ ทปี่ ระสงคแ์ ล้ว จงึ พากัน
ลงจากเรอื หลีกไป.
ภิกษุ ๗ รูป อดอาหาร ๗ วนั ในถา้
ภิกษุ ๗ รปู อกี พวกหนงึ่ ไปจากปจั จันตชนบท เพอ่ื ต้องการจะเฝา้ พระศาสดา เวลาเยน็
เขา้ ไปสู่วดั แห่งหน่งึ แลว้ ถามถงึ ทพี่ ัก. กใ็ นถ้าแหง่ หนง่ึ มีเตยี งอยู่ ๗ เตียง , เม่ือภกิ ษเุ หลา่ น้ันได้
ถ้านนั้ แล นอนบนเตียงนั้นแล้ว, ตอนกลางคนื แผ่นหินเท่าเรอื นยอดกล้ิงลงมาปดิ ประตถู า้ ไว้
พวกภกิ ษเุ จา้ ของถิ่นกลา่ ววา่ " พวกเราใหถ้ า้ น้ถี ึงแกภ่ กิ ษุอาคันตกุ ะ, กแ็ ผ่นหินใหญน่ ้ี ได้ตัง้ ปิด
ประตถู า้ เสยี แล้ว. พวกเราจกั นาแผ่นหินน้ันออก" แลว้ ใหป้ ระชุมพวกมนุษย์จากบา้ น ๗ ตาบล
โดยรอบ แม้พยายามอยู่ ก็ไม่อาจยงั แผน่ หินน้นั ใหเ้ ขยอ้ื นจากท่ีได้.
แม้พวกภกิ ษผุ ู้เขา้ ไป (อยู่) ในภายใน กพ็ ยายามเหมือนกัน แม้เมอื่ เปน็ เชน่ นนั้ ก็ยงั ไม่อาจให้
แผ่นหินน้ันเขย้อื นไดต้ ลอด ๗ วนั ' พวกภิกษอุ าคันตกุ ะ อันความหวิ แผดเผาแล้วตลอด ๗ วัน
ได้เสวยทุกขใ์ หญแ่ ลว้ . ในวันท่ี ๗ แผ่นหินกไ็ ดก้ ลับกลง้ิ ออกไปเอง พวกภิกษุออกไปแลว้ คิดว่า
" บาปของพวกเราน้ี เวน้ พระศาสดาเสียแลว้ ใครเลา่ จักร้ไู ดพ้ วกเราจกั ทลู ถามพระศาสดา " ดังนี้
แล้ว ก็พากนั หลีกไป.
พวกภิกษุทูลถามถงึ กรรมของตนและผู้อื่น
ภกิ ษุเหลา่ น้นั มาบรรจบกนั กับภิกษพุ วกก่อนในระหวา่ งทาง รวมเปน็ พวกเดยี วกนั เข้าเฝา้
พระศาสดา ถวายบงั คมแลว้ นั่ง ณ ส่วนข้างหน่งึ มีปฏิสนั ถารอันพระศาสดาทรงทาแล้ว จงึ ทลู
ถามถึงเหตทุ ีต่ นเห็นและที่ตนเสวยมาแล้วโดยลาดับ. แมพ้ ระศาสดากต็ รัสพยากรณแ์ กภ่ กิ ษุ
เหล่านั้นโดยลาดบั อย่างนี้.
บุรพกรรมของกา
" ภิกษุทง้ั หลาย กานั้นได้เสวยกรรมทต่ี นทาแล้วนน่ั แหละโดยแทก้ ใ็ นอดีตกาล ชาวนาผู้หน่งึ
ในกรงุ พาราณสี ฝกึ โคของตนอยู่ (แต่) ไมอ่ าจฝกึ ได้. ดว้ ยวา่ โคของเขาน้ันเดินไปไดห้ น่อยหน่งึ
แล้วก็นอนเสยี , แม้เขาตใี หล้ กุ ขึ้นแล้ว เดินไปได้หน่อยหน่งึ ก็กลบั นอนเสียเหมือนอย่างเดิม
นนั่ แล ชาวนานน้ั แมพ้ ยายามแลว้ ก็ไมอ่ าจฝกึ โคนนั้ ได้ เปน็ ผู้อันความโกรธครอบงาแลว้ จึง
กลา่ ววา่ 'บัดนี้เจ้าจักนอนสบายต้งั แต่นไ้ี ป' ดงั น้ีแล้ว ทาโคนน้ั ใหเ้ ป็นดจุ ฟ่อนฟาง พนั คอโคน้ัน
ด้วยฟางแลว้ ก็จดุ ไฟโคถกู ไฟคลอกตายในทน่ี ั้นเอง. ภิกษทุ ั้งหลาย กรรมอนั เปน็ บาปน้ัน อนั
๑๕๗
kalyanamitra.org
โครงการบวชอบุ าสิกาแก้วหนอ่ ออ่ น ๑ ลา้ นคน
กาน้นั ทาแลว้ ในคร้ังนั้น. เขาไหมอ้ ย่ใู นนรกสน้ิ กาลนาน เพราะวบิ ากของกรรมอนั เป็นบาปนั้น
เกดิ แล้วในกาเนดิ กา ๗ ครั้ง (ถกู ไฟ) ไหม้ตายในอากาศอยา่ งน้ีแหละด้วยวบิ ากท่เี หลือ. "
ด้วยรักและผูกพนั ข้ามชาติ ผวั เก่าเป็นสนุ ัขสรา้ งความอับอายแกส่ าวในปัจจุบนั
รายนี้ไม่เสพเมถนุ กับสนุ ัข แต่ทาปาณาติบาต กรรมจึงตามสง่ ผล๑๐๐ ชาติ
บรุ พกรรมของภรรยานายเรือ
" ภิกษุท้งั หลาย หญิงแมน้ น้ั เสวยกรรมทตี่ นทาแล้วเหมอื นกัน. ก็ในอดตี กาล หญิงนั้นเป็น
ภรรยาแหง่ คฤหบดีคนหนึง่ ในกรุงพาราณสไี ด้ทากจิ ทกุ อย่างมตี กั นา้ ซ้อมขา้ ว ปรุงอาหาร
เปน็ ตน้ ด้วยมือของนางเอง.สนุ ขั ตวั หน่ึงของนางนั่งแลดูนางน้นั ผู้ทากจิ ทกุ อย่างอยู่ในเรือน.
เมอ่ื นางนาภัตไปนากด็ ี ไปปา่ เพือ่ ต้องการวัตถตุ า่ ง ๆ มีฟืนและผกั เปน็ ต้นกด็ ีสนุ ัขนน้ั ย่อมไปกับ
นางน้ันเสมอ. พวกคนหนมุ่ เหน็ ดังนนั้ ย่อมเยาะเยย้ ว่า'แน่ะพ่อ พรานสนุ ัขออกแล้ว , วนั นี้พวก
เราจักกิน (ขา้ ว) กบั เนอ้ื 'นางขวยเขนิ เพราะคาพดู ของพวกคนเหลา่ นนั้ จงึ ประหารสุนขั ด้วยกอ้ น
ดินและทอ่ นไม้เป็นต้นใหห้ นไี ป. สนุ ขั กลบั แล้วก็ตามไปอกี .
ได้ยินว่าสุนขั น้ันไดเ้ ป็นสามีของนางในอตั ภาพที่ ๓; เหตุนัน้ มันจึงไม่อาจตดั ความรักได้
จรงิ อยู่ ใคร ๆ ชื่อว่า ไมเ่ คยเปน็ เมยี หรือเป็นผัวกนั ในสงสารมที ่ีสดุ อันบคุ คลไปตาม ไมร่ ูแ้ ล้ว
ไมม่ โี ดยแท้; ถงึ กระน้ัน ความรักมีประมาณยง่ิ ยอ่ มมีในผู้ที่เป็นญาตกิ นั ในอัตภาพไม่ไกล;
เหตนุ นั้ สุนขั นัน้ จึงไม่อาจละนางนั้นได้. นางโกรธสนุ ัขนัน้ เมื่อนาข้าวยาคูไปเพือ่ สามีท่นี า (จงึ )
ได้เอาเชอื กใส่ไวใ้ นชายพกแลว้ ไป. สุนขั ไปกับนางเหมอื นกันนางให้ขา้ วยาคูแกส่ ามีแลว้ ถอื
กระออมเปล่าไปสทู่ า่ นา้ แห่งหนงึ่ บรรจุกระออมให้เตม็ ด้วยทรายแล้ว ได้ทาเสียง (สญั ญา ) แก่
สุนัขยืนแลดูอยู่ในท่ใี กล้ สนุ ัขดใี จว่า นานแล้วหนอ เราไดถ้ อ้ ยคาที่ไพเราะในวนั นี้,
จงึ กระดกิ หางเข้าหานาง นางจบั สนุ ัขนน้ั อย่างม่ันท่ีคอแล้ว จงึ เอาปลายเชอื กข้างหนง่ึ ผูกกระออม
ไว้ เอาปลายเชอื กอกี ขา้ งหนึง่ ผูกท่คี อสุนัข ผลกั กระออมให้กลิง้ ลงนา้ สนุ ขั ตามกระออมไปตกลง
นา้ กไ็ ดท้ ากาละในนา้ น้นั เอง นางนน้ั ไหม้อยู่ในนรกสนิ้ กาลนาน เพราะวิบากของกรรมนัน้
ด้วยวิบากที่เหลือจงึ ถูกเขาเอากระออมเตม็ ดว้ ยทรายผกู คอถว่ งลงในนา้ ได้ทากาละแล้วตลอด
๑๐๐ อตั ภาพ. "
๑๕๘
kalyanamitra.org
โครงการบวชอบุ าสกิ าแก้วหนอ่ อ่อน ๑ ล้านคน
บุรพกรรมของภิกษุ ๗ รปู
" ภิกษุทงั้ หลาย แมพ้ วกเธอกเ็ สวยกรรมอันตนกระทาแล้วเหมอื นกัน. ก็ในอดีตกาล เด็กเลีย้ ง
โค ๗ คนชาวกรุงพาราณสี เท่ยี วเลีย้ งโคอยคู่ ราวละ ๗ วนั ในประเทศใกลด้ งแห่งหน่งึ วนั หนงึ่
เทีย่ วเลยี้ งโคแล้วกลบั มาพบเหี้ยใหญต่ วั หนง่ึ จึงไล่ตาม. เหย้ี หนเี ข้าไปสูจ่ อมปลวกแหง่ หนงึ่ .
กช็ อ่ งแห่งจอมปลวกนน้ั มี ๗ ชอ่ ง. พวกเดก็ ปรกึ ษากันวา่ บัดนี้ พวกเราจักไมอ่ าจจบั ได้ พรุ่งน้จี งึ
จักมาจับดงั น้แี ลว้ จึงตา่ งคนตา่ งก็ถือเอากิง่ ไมท้ ่หี ักได้คนละกา ๆ แมท้ ั้ง ๗ คนพากันปิดชอ่ งทัง้
๗ ช่องแล้วหลีกไป.ในวันร่งุ ข้ึนเด็กเหลา่ นน้ั มิได้คานึงถงึ เห้ียน้ัน ตอ้ นโคไปในประเทศอื่น ครน้ั
ในวนั ท่ี ๗ พาโคกลบั มา พบจอมปลวกนั้น กลบั ไดส้ ติ คดิ กนั วา่ 'เห้ยี นน้ั เป็นอยา่ งไรหนอ' จงึ
เปิดช่องทีต่ น ๆ ปิดไว้แลว้ เหย้ี หมดอาลัยในชีวติ เหลือแตก่ ระดูกและหนังสัน่ คลานออกมา, เดก็
เหล่านน้ั เหน็ ดงั น้ันแลว้ จงึ ทาความเอน็ ดูพูดกันวา่ `พวกเราอยา่ ฆ่ามนั เลย, มันอดเหย่อื ตลอด
๗ วัน' จึงลบู หลังเหย้ี นน้ั แล้วปล่อยไป ดว้ ยกลา่ ววา่ `จงไปตามสบายเถดิ . ' เด็กเหล่านั้นไม่ต้อง
ไหม้ในนรกก่อน เพราะไม่ได้ฆา่ เห้ีย. แต่ชนทัง้ ๗นนั้ ได้เปน็ ผู้อดข้าวร่วมกันตลอด ๗ วัน ๆ ใน
๑๔ อัตภาพ ภกิ ษทุ ้ังหลายกรรมนนั้ พวกเธอเป็นเดก็ เลยี้ งโค ๗ คนทาไว้แล้วในกาลนน้ั . "
พระศาสดาทรงพยากรณ์ปญั หา อนั ภิกษเุ หล่านั้นทลู ถามแลว้ ๆ ด้วยประการฉะนี้. "
กรรมช่ัวสง่ ในทุกทท่ี ุกสถาน คนยังไมอ่ าจพ้นกรรมแห่งกรรมได้
คนจะอยทู่ ี่ไหน ๆ ก็ไม่พ้นจากกรรมช่ัว
ครั้งนั้น ภกิ ษุรปู หนึง่ ทลู พระศาสดาวา่ " ความพ้นย่อมไม่มแี กส่ ัตวท์ ที่ ากรรมเปน็ บาปแลว้ ผู้
ซง่ึ เหาะไปในอากาศก็ดี แล่นไปสสู่ มทุ รกด็ ี เข้าไปสู่ซอกแห่งภูเขาก็ดี หรอื ? พระเจา้ ข้า."
พระศาสดา ตรสั บอกว่า " อย่างนน้ั แหละ ภกิ ษทุ ัง้ หลาย แมใ้ นที่ทง้ั หลาย มีอากาศเปน็ ต้น
ประเทศแมส้ ักส่วนหนึ่งท่ีบคุ คลอย่แู ลว้ พึงพน้ จากกรรมชว่ั ได้ ไมม่ ี" เมื่อจะทรงสบื อนุสนธิ
แสดงธรรม ตรัสพระคาถาน้ีวา่
๑๑. น อนฺตลกิ เฺ ข น สมุททฺ มชเฺ ฌ
น ปพฺพตาน ววิ ร ปวีส
น วิชชฺ ตี โส ชคติปปฺ เทโส
ยตรฺ ฏฐฺ ิโต มุญฺเจยฺย ปาปกมฺมา.
๑๕๙
kalyanamitra.org
โครงการบวชอบุ าสิกาแกว้ หนอ่ อ่อน ๑ ลา้ นคน
" บุคคลที่ทากรรมชั่วไว้ หนีไปแล้วในอากาศ
ก็ไม่พึงพ้นจากกรรมช่วั ได้, หนีไปในทา่ มกลางมหาสมทุ ร
ก็ไมพ่ งึ พ้นจากกรรมชัว่ ได้, หนีเข้าไปส่ซู อก
แหง่ ภเู ขา ก็ไมพ่ งึ พ้นจากกรรมชั่วได้, (เพราะ) เขา
อยู่แลว้ ในประเทศแหง่ แผ่นดินใด พึงพน้ จากกรรมชัว่ ได้,
ประเทศแห่งแผน่ ดนิ น้นั หามอี ย่ไู ม่."
ในกาลจบเทศนา ภิกษเุ หลา่ น้ัน บรรลอุ รยิ ผลทั้งหลาย มโี สดาปตั ติผลเปน็ ตน้ .
พระธรรมเทศนาเปน็ กถามปี ระโยชน์ แมแ้ กม่ หาชนผปู้ ระชุมกนั แลว้ ดังนี้แล.
เรื่องชน ๓ คน จบ
๑๖๐
kalyanamitra.org
โครงการบวชอุบาสิกาแก้วหนอ่ ออ่ น ๑ ลา้ นคน
๑๖๑
kalyanamitra.org
โครงการบวชอุบาสิกาแก้วหนอ่ ออ่ น ๑ ลา้ นคน
๑๖๒
kalyanamitra.org