35
การศึกษากรณีศกึ ษาตัวอยาง
กรณีศึกษาท่ี 1
ปจจุบันน้ีธุรกิจสถานพักผอนเพ่ือแสวงหาความสงบลวนใหบริการที่พักพิงจิตใจใหได
พักผอนจากสภาวะกดดนั ของโลกยุคใหม และในแหลง พกั ใจจํานวนมาก มีอยูที่หนึ่งที่สามารถสงบ
จิตใจไดโดยไมตองตัดขาดจากความมีสไตลอยางสิ้นเชิง ใน Country Tipperary ใกล ๆ เมือง
Clonmel ทีมสถาปนิกจาก Dublin ที่ช่ือ Bates Maher ไดจัดสรางกลุมอาศรมไมเล็ก ๆ ท่ีมีลักษณะ
ตา งจากความเปน สถานปฏิบัตธิ รรมทวั่ ไปอยางสิน้ เชิง
ภาพที่ 5 อาศรม “Poustiniae” ประเทศสวิตเซอรแลนด (Wall Paper Thai Edition 2005 : 34)
อาศรมแตละหลังจะไดรับมุมองธรรมชาติท่ีตางกันและยังเปดรับองศาของแสงแดดท่ี
เปลี่ยนไปตามชวงเวลาสูภายใน อาศรมเหลาน้ีเปนที่รูจักในชื่อ Poustiniae ดวยงบประมาณ 5 แสน
ยูโร หลวงพอ Pierce จาก Rosminian Order ตองการให Poustiniae แหงน้ี เปนที่สงบจิตใจของผูที่
ตองการความเปนสวนตัวมากกวาการไปใชบริการ Glencomeragh อันเปนศูนยใหญขององคกรซ่ึง
ตั้งอยูไมไกลออกไป Kevin Bate และ Tom Maher สถาปนิกผูออกแบบโครงการนําแรงบันดาลใจ
จากพ้ืนปาซึ่งอยูรอบ ๆ มาถายทอดเปนท่ีพักทรงกลอง 4หลัง ท่ีสรางจากไมสน Douglas ประเภท
โชวลายฟนเลื่อยแบบดิบ ๆ ผสมกับการใชไมสนขัดผิวเรียบซึ่งเปนสไตลที่ไดรับอิทธิพลมาจาก
36
สตูดิโอของ Peter Zumthor ในสวิตเซอรแลนด ผลลัพธท่ีไดก็คือการผสมผสานลักษณะท่ีดูแข็ง
กระดาง เขากับความเน้ียบของแผนไมปดผิวที่กลายเปนทางเลือกที่ดีที่สุดทางหน่ึงในการใชวัสดุ
จากธรรมชาติ
อาศรม 3 หลัง ต้ังอยูบนเนินเขา (สวนหลังท่ี 4 นั้น อยูท่ีตีนเนินใกลกับอาคารหลัก และ
มีการติดต้ังทางลาดเพื่ออํานวยความสะดวกใหกับผูพิการ) เนินเขากลายเปนสวนประกอบสําคัญ
ของการออกแบบ โครงสรางคอนกรีตที่ยื่นออกไปในอากาศรองรับชองหนาตางที่ไลความสูง 3
ระดับ ทําใหเ กดิ มมุ มองทห่ี ลากหลายของบรรยากาศทที่ าํ ใหผ ูเขาพักเกดิ สมาธิ
ผนังซ่ึงติดกระจกที่ผิวดานนอกน้ันมีบานพับที่สามารถเปดออกได เมื่อยามปกติผนัง
กระจกจะชวยเพิ่มความกวางของสวนที่อยูภายในเขตรั้ว และเมื่อเปดผนังเขามาภายในอาคาร ผนัง
กระจกจะสะทอนนํามุมมองภายนอกเขามาสูบริเวณอางจากุซซี่ซ่ึงตั้งอยูดานใน ทําใหอาศรมหลังน้ี
สะทอ นภาพของส่ิงทีอ่ ยแู วดลอ มออกมาท้ังทางตรงและในเชิงอุปมาอุปมัย
ภาพที่ 6 คนรักธรรมชาติ สามารถสมั ผสั มุมมองภายนอกแมก ระทง่ั ยามนอนแชใ นอางจากซุ ซี่
ณ อาศรม Poustiniae ประเทศสวิตเซอรแ ลนด (Wall Paper Thai Edition 2005 : 34)
37
สาํ หรบั ผูท ีต่ อ งการทาํ สมาธิโดยไมถ ูกรบกวนจากธรรมชาติเกนิ ไปนักกส็ ามารถเลือกใช
พื้นทสี่ วนรูปรางแคบ ๆ ยาว ๆ ซึ่งลอมรอบดวยร้ัวและผนังกระจกซ่ึงจําลองโลกกวางในบรรยากาศ
สันโดษเอาไว นอกจากน้ันยังมีประตูบานใหญที่เปดออกสูระเบียงคอนกรีตพื้นผิวทรายพน ซึ่ง
แยกตัวออกจากอาศรมหลงั อืน่ และเสน ทางเดินภายนอกทาํ ใหม คี วามเปน สวนตัวสูง
ผิวหนงั ทีด่ หู ยาบกระดา งภายนอกอาคารนน้ั ตา งกบั การตกแตง ภายในอาคารอยางสน้ิ เชงิ
Maher บอกวา เขาหยิบยืมลักษณะของความขัดแยงนี้มาจากศิลปะนามธรรมของ Patrick Scott
ศิลปนไอริชผูสรางสรรคงานจากใบไมสีทอง เฟอรนิเจอรภายในอยางเตียงซ่ึงพับเก็บเปนโซฟาได
และโตะทําครัวไมบีชซ่ึงสามารถปรับระดับเปนท่ีนั่งนั้นไดรับการออกแบบใหดึงดูดสายตาจนคุณ
จะลมื มองอปุ กรณเคร่ืองใชอ นื่ ๆ สวนเฟอรนิเจอรช น้ิ อืน่ ๆ นน้ั ทําจากไมสดี าํ ทําใหต ัดกบั ผนังสีขาว
อยางชดั เจน
ไมใชเร่ืองแปลกอะไรถาอาศรมสําหรับบมเพาะจิตใจท่ีดูคลายหองอบไอนํ้าขนาดใหญ
แหงน้ีจะมีหองชําระลางรางกายที่มีความพิเศษเฉพาะตัว ภายในหองน้ํามีพื้นท่ีอาบน้ําฝกบัวบนพ้ืน
ระแนงไมทเ่ี ผยใหเ ห็นอางอาบนํ้าท่ีฝง ตัวในระดับท่ีตํ่าลงไป
ภาพท่ี 7 ผนังกระจกภายในเผยใหเห็นสภาพแวดลอมภายนอกไดโ ดยไมถกู รบกวนสมาธิจนเกินไป
ณ อาศรม Poustiniae ประเทศสวติ เซอรแ ลนด (Wall Paper Thai Edition 2005 : 34)
38
ในขณะท่ีอาศรมทางกลองนี้ออกแบบมาเพ่ือใหผูเขามาสงบจิตใจสามารถเลือกไดวา
ตองการติดตอกับโลกภายนอกมากนอยแคไหน แตการปลอยใหคนท่ีอยูภายในตัดขาดจากโลก
ภายนอกอยางส้ินเชงิ นัน้ คงไมดีแน Kieran Doran จงึ ทาํ ผนงั ท่ีมชี องเปดซ่ึงทําจากอะลมู เิ นยี มและไม
เตรียมเอาไว วันดีคืนดีเขาและสถาปนิกก็ชวยกันยายผนังเหลาน้ีไปไวตามจุดตาง ๆ เพ่ือเสาะหา
มมุ มองที่ดที ่ีสดุ สาํ หรับผูป ฏบิ ัตธิ รรม
Rosminians นั้น กอตั้งข้ึนโดย Antonio Rosmini บาทหลวงอิตาเล่ียนซึ่งมีความ
เชี่ยวชาญดานปรัชญาและเช่ือในหลักการทําปรัชญาสมาธิ และเขาก็คือผูท่ีเห็นดวยวากลองเหลานี้
เหมาะสมแลว กบั การสง เสรมิ ใหคนเกิดความคิดอยางมีสติ (Wall Paper Thai Edition 2005 : 34-35)
อาศรมแหง นี้เปนสถานทห่ี นึง่ ท่สี ามารถปลดปลอยความกดดนั ในสภาวะของการกดดัน
จากสภาพสังคมเขาสูสภาวะท่หี ลุดพน จากพันธะนาการของสังคม โดยใชส มาธิและธรรมชาติบําบัด
จิตใจ ซ่ึงใชมุมมองของธรรมชาติเพ่ือใหเกิดสมาธิ ซึ่งอาศรมแตละหลังจะมีทิศทางมุมมองของ
ธรรมชาติที่แตกตางกัน เพื่อความเปนสวนตัวและเกิดสมาธิสูงสุด อาศรมแหงน้ีตองการเปนสวน
หน่ึงของธรรมชาติ วัสดุที่ใชในการสรางจึงเปนวัสดุตามธรรมชาติ โดยมีการออกแบบที่เรียบงาย
และมีพื้นที่ใชสอยเพียงพอในการดํารงชีพ การนําลักษณะความเปนหนึ่งเดียวกับธรรมชาติและ
มมุ มองซง่ึ เปนสัดเปน สว นเพอื่ ใหเ กดิ การปลกี วเิ วกของผูท่มี าพกั ใหเกดิ สมาธสิ ูงสดุ
39
กรณศี กึ ษาที่ 2
ภาพที่ 8 มุมมองจากภายนอกอาคารเรอื นพักญาตโิ ยมหญงิ ท่วี ัดวชริ บรรพต จ.ชลบรุ ี
(Art 4D 2550 : 46)
40
ภาพที่ 9 ทางเขาจากภายนอกสพู ้ืนที่ภายในเรอื นพักญาติโยมหญงิ ณ วัดวชริ บรรพต
จ.ชลบุรี (Art 4D 2550 : 46)
ในนามของแมธรรมชาติและความซาบซ้ึงในรสพระธรรมคําสอนของพุทธศาสนา
สุริยะ อัมพันศิริรัตนและญาติมิตร ยังคงสรางกุศโลบายใหม ๆ ผานงานสถาปตยกรรมในแบบที่เขา
เช่ือวาใช ใหกับภิกษุ สามเณร และผูปฏิบัติธรรมไดใชเปนพาหนะท่ีนําไปสูญาณปญญา นับตั้งแต
กุฏิหลังแรกที่วัดเขาพุทธโคดมเมื่อสองปท่ีแลว มาจนถึงกุฏิอีกนับสิบหลัง พื้นที่ปฏิบัติธรรม ลาน
สมาธิ หอไตร ซ่ึงมีความหลากหลายของรูปแบบ และตางก็ถูกสรางข้ึนบนพ้ืนฐานเดียวกันคือ การ
แปรรปู กุศโลบายทเ่ี ช่ือมโยงสูห ลักธรรมคาํ สัง่ สอนและวิธีการปฏิบัติทางศาสนาใหกลั่นออกมาเปน
งานสถาปต ยกรรม
41
ภาพท่ี 10 การประสานกันระหวา งมนุษยก บั ธรรมชาติ ธรรมะ และสถาปต ยกรรม เรือนพัก
ญาตโิ ยมหญิง ณ วัดวชิรบรรพต จ.ชลบรุ ี (Art 4D 2550 : 47)
ในงานเรือนพักญาติโยมหญิงท่ีวัดวชิรบรรพตก็เชนกัน ตัวอาคารถูกสรางขึ้นดวย
กุศโลบายอีกบทหนึ่งผานองคประกอบสถาปตยกรรมมากมายหลายรูปแบบ เพ่ือเอื้อใหผูปฏิบัติ
ธรรมไดมีโอกาสสมั ผสั กบั ความงามแหงธรรมชาตคิ วบคไู ปกับการฝกตน
42
สถาปนิกอธบิ ายถึงท่มี าท่ีไปของโครงการแหง น้วี า
ระยะหลังเริ่มมีสถาบันการศึกษา และหนวยงานติดตอมาเพ่ือใหบุคลากรไดมีโอกาสเขามา
ปฏิบัติธรรม ซึ่งมีจํานวนมากขึ้นทุกวัน หลวงพอทานมีวิธีการสอนลูกศิษยโดยใชธรรมชาติเปน
แกน ทานอยากใหอาคารเปรียบเสมือนบานหลังท่ีสองของพุทธศาสนิกชน มีความอบอุน สงบ
สบาย คงสภาพธรรมชาติที่มีอยูเดิมไวใหมากที่สุด เพราะวัดเปนท่ีเยียวยาจิตใจ ทั้งสวนบุคคล
ครอบครัวและสังคม โดยทําหนาทาผสานกายและวิญญาณใหเปนหนึ่ง ซึ่งตองทําความเขาใจใน
แนวคดิ เหลานใ้ี หมท ั้งหมด เนอ่ื งจากมคี วามคาดหวงั มากมายเกดิ ขน้ึ
หากมองจากภายนอก อาจรูสึกไดเพียงวาเรือนพักญาติโยมหญิงแหงน้ี ก็เปน
“Signature” เดิม ๆ ของสุริยะท่ีถูกขยายขนาดขนมาอันเนื่องมาจากวัตถุปจจัยท่ีไดรับมีมากกวาการ
สรางกุฏิที่ผาน ๆ มา แตหากพินิจโดยละเอียดเราจะเห็นวาการทํางานคร้ังนี้สุริยะตองทําความเขาใจ
กับโจทยท่ีมีความซับซอน และความละเอียดออนมากขึ้น เนื่องจากผูใชอาคารสวนใหญเปนผูหญิง
กุศโลบายหลายประการจึงไมสามารถทําไดอยางตรงไปตรงมาแบบที่ทําใหกับภิกษุสามเณรในงาน
ออกแบบกุฏวิ ัด หรอื พนื้ ที่ธรรมวัตร
ภาพท่ี 11 มุมมองจากพ้นื ทีภ่ ายในสพู ืน้ ท่ภี ายนอก ณ วดั วชริ บรรพต จ.ชลบุรี
(Art 4D 2550 : 48)
43
ตัวอาคารสองชั้นซึ่งมีขนาดใหญกวา 2,000 ตารางเมตร เม่ือมองจากภายนอก เราไม
อาจจะประมาณขนาดของมันดวยสายตา เนื่องจากตัวอาคารน้ันถูกสรางและอําพรางซ่ึงปกคลุมดวย
แมกไมปาที่มขี นาดใหญและหนาแนน เปน presence/absence ท่ีจะคน พบไดก ็ตอเมอื่ เพียงกาวแรกที่
ผา นพน ซมุ ประตกู ออฐิ เลก็ ๆ กับโครงสรา งไมท ่ีประกอบเรยี บงา ยดานหนาอาคาร ผานสระนํ้าเล็กๆ
สองดานท่ีมีการติดตั้งงานประติมากรรมรูปทรงคลายเม็ดขาวสีทอง และผานแนวเสนนําสายตาบน
พน้ื ทเ่ี กดิ จาการสกดั ผวิ พ้ืนหินแกรนิตท่ีนอกจากจะชวยกันล่ืนแลว ยังกลายเปนเสนนําสายตาพุงเขา
ไปสูดานในอยางรุนแรงและหยุดกะทันหันดวยกอนหินภูเขาขนาดใหญซ่ึงมีอยูเดิม และสถาปนิก
ตองการรักษาไวเพื่อใหสัมผัสไดถึงเร่ืองราวของดิน ในชวงเวลาสั้น ๆ ตรงน้ีเองที่เรารูสึกไดถึงการ
เปล่ียนแปลงขนาดของพ้ืนที่อยางฉับพลัน (shock of space) เปนลักษณะเดียวกับการเดินเขาไปใน
โบสถหรือวิหาร หากเพียงภาพของพระประธานท่ีเราอาจคาดหวังจะไดเห็นน้ันไดถูกแทนที่ดวย
ภาพของปาธรรมชาติสีเขียวขจีและแนวสันเขาของท่ีต้ัง โดยมีโถงความสูงสองชั้นทําหนาที่เปน
กรอบภาพขนาดใหญท ีเ่ นนความงามและความย่ิงใหญข องธรรมชาติทีเ่ บ้อื งหนา
ภาพท่ี 12 แสดงบริเวณโถงบนั ไดทางขึน้ ชั้นสอง ณ วัดวชิรบรรพต จ.ชลบุรี
(Art 4D 2550 : 48)
44
ภาพที่ 13 พ้ืนที่สาํ หรบั ปฏิบตั ิสมาธิ ณ วัดวชิรบรรพต จ.ชลบุรี (Art 4D 2550 : 48)
ในสวนของการใชสอย สถาปนิกทําการแบงพ้ืนที่พักของญาติโยมหญิง ใหเกิดความ
เหมาะสมดานกาลเทศะ ระหวางฆราวาสและบรรพชิตอยางระมัดระวัง โดยรวมแลวมีการแบงเปน
สองสวนอยางชัดเจนคือพ้ืนท่ีสําหรับการใชงานตอนกลางและกลางคืน ซึ่งชวงเวลากลางวันนั้น
พ้ืนที่ช้ันลางจะมีการใชงานดานการศึกษาพระธรรม การเดินจงกรม การนั่งสมาธิ โดยในสวนนี้
สถาปนิกไดออกแบบชานไมท่ียื่นโครงสรางออกไปลอยตัวอยูทามกลางตนไม ทําใหบรรยากาศใน
การน่ังสมาธิน้ันสงบเงียบอยางสุดโตง รวมทั้งมีหองนอนสําหรับผูสูงอายุท่ีไมสามารถเดินขึ้นลง
บนั ไดชันไดสะดวก การเปดโลงและยกพื้นชั้นลางคลายใตถุนโดยปราศจากเฟอรนิเจอรใด ๆ ทําให
พ้ืนผิวมันเงาของพื้นหินแกรนิตนั้นสะทอนองคประกอบทางสถาปตยกรรมราวกับผืนน้ําอันเปน
อุปมาที่สถาปนิกต้ังใจจะใหเกิดข้ึนในงานชิ้นน้ี ในแตละวันพ้ืนที่ชั้นลางจะมีญาติโยมมาใชงานกัน
เปนจาํ นวนมากแมจะเปนฤดูรอนก็ตาม แตอุณหภูมิภายในเพิงพักแหงน้ีกลับทําใหเกิดสภาวะสบาย
ที่ยังคงเอื้อใหเกิดกิจกรรมหลายอยาง เชน การเดินจงกรม การอานหนังสือ หรือการนั่งสมาธิ อัน
เน่อื งมาจากบริบทรอบดา น และความโปรง โลงของตวั อาคาร
45
ภาพที่ 14 แสดงพื้นท่ีใชสอยตาง ๆ ภายในอาคารของวัดวชิรบรรพต จ.ชลบุรี (Art 4D 2550 : 49)
ภาพท1่ี 5 บรเิ วณโถงบนั ไดบนพ้นื ทห่ี องนอนรวมทช่ี ั้นสอง ณ วัดวชิรบรรพต จ.ชลบุรี
(Art 4D 2550 : 50)
46
พื้นท่ีชั้นบนถูกออกแบบมาเพื่อการใชงานเวลากลางคืน คือการนอนพักผอน และการ
ฝกสมาธิ การจัดวางผังชั้นบนแบงเปนหองนอนรวมสองฝงที่โอบลอมพ้ืนท่ีใชสอยสวนกลางที่ชั้น
ลาง และถูกเช่อื มตอ ดว ยพืน้ ท่จี ัดเกบ็ และหอ งอานหนังสือ ซ่ึงสามารถปรบั เปลย่ี นเปนทน่ี อนเพมิ่ ข้ึน
ไดในกรณีที่ผูปฏิบัติมามากเปนพิเศษ นอกจากน้ีสุริยะไดใหความสําคัญกับรายละเอียดปลีกยอยไม
ตา งจากท่ีเขาเคยทาํ ไวในงานทม่ี ขี นาดเล็ก ๆ เขาไดออกแบบหองนอนรวมใหมีขนาดไมเทากัน เพ่ือ
ความเหมาะสมกับการใชงานแตละครั้งและการดูแลรักษาในระยะยาว บริเวณดานหลังของอาคาร
ซ่ึงติดอยูกับแนวเขาและตนไมเปนมุมที่ลับตาและมีแดดสองถึง จึงมีการออกแบบโครงสรางทอ
เหล็กสําหรับการตากผาอยางเปนระเบียบ ในขณะที่สวนของหองอายนํ้าและหองสุขา ก็มีการ
ออกแบบไวเปนจํานวนมากเพ่ือใหเพียงพอตอการรับรอง ซ่ึงในบางวาระมีผูใชงานกวา 350คนใน
วันเดียวกัน (เม่ือเทียบอัตราสวนระหวางผูใชและจํานวนหองนํ้า เราม่ันใจวามีจํานวนมากกวา
หองนํ้าท่สี นามบินสุวรรณภูมอิ ยา งแนนอน)
ภาพท่ี 16 แสดงมุมมองจากช้ันบนสพู นื้ ทโี่ ลงดานลา งของวดั วชิรบรรพต จ.ชลบุรี
(Art 4D 2550 : 50)
47
เรือนพักญาติโยมหญิงแหงใหมแหงน้ีแสดงออกถึงพัฒนาการและความชํานาญเชิงชาง
ของสุริยะที่เปนผลมาจากประสบการณในงานชิ้นกอน ๆ อยางชัดเจน เขาไดใหความสําคัญกับ
สภาพภมู ปิ ระเทศดง้ั เดมิ มากข้ึน มีการคดั สรรวัสดเุ ทา ทีจ่ าํ เปน และเคลอ่ื นยา ยไดส ะดวกมาใชงานได
อยางเหมาะสม โดยเนนเลือกใชวัสดุที่หาไดงายในทองถิ่น เชน โครงสรางเหล็กนํ้าหนักเบาแบบ
หลอเสาคอนกรีตที่เปนทอกระดาษเพื่อประหยัดไมแบบ นอกจากนั้นยังคํานึงถึงการออกแบบขั้น
พื้นฐานที่เหมาะสมกับศักยภาพของชางทองถ่ินและเปดโอกาสใหลูกศิษยวัดไดมีสวนรวม สุริยะ
กลา วถึงบทสรปุ ถงึ กรรมวธิ ีการคิดท่ไี ดจ ากการทํางานในครั้งน้ีไวว า
“คนท่ัวไปคิดวาศาสนาคือบทสวด แคนี้ก็ยากแลวที่เราจะถึงนิพพาน มันตองใชปญญาอยาง
มาก ดังน้ันทุกอยางที่เราเห็นมันจึงเปนกุศโลบายท้ังสิ้น คนโบราณพยายามสรางกุศโลบายขึ้นมา
เพ่ือสอนเรา และผมเหน็ ดว ย ผมจงึ พยายามมองความงามของธรรมชาติ และผสานความงามพวกนี้
ในงานสถาปตยกรรม อยางเชนท่ีญี่ปุนจะชมซากุระก็ตองสรางศาลา มีการชงชา อาคารที่เราทํา
พวกนีม้ ันกเ็ ลยเหมือนยานพาหนะท่จี ะพาใหเราไปถงึ และสัมผัสไดถึงธรรมชาติ คุณเดินเขามา คุณ
เดินไปจับใบไม ไปดูทองฟา เราตองต้ังคําถามกับตัวเองตลอดวาเราตองการอะไร จําเปนมั้ย มี
ทําไม ถาเราเขาใจได เรากจ็ ะทาํ งานได และทําไดดดี วย” (Art4d 2550 : 46-51)
เรือนพักญาติโยมหญิงแหงนี้ไดถูกสรางมาจากพื้นฐานของการแปรรูปจากหลัก
คาํ สั่งสอนสูงานสถาปตยกรรม โดยผูปฏิบัติสามารถสัมผัสธรรมชาติควบคูกับการฝกสมาธิซึ่งผูใช
โครงการนส้ี วนใหญเปนผูหญิง ลกั ษณะของพ้ืนที่ภายในจะสูงผิดจากทางเขาอยางมาก ซ่ึงสามารถ
เปรียบเทียบไดกับลักษณะสถาปตยกรรมโบสถวิหาร ท่ีมีการเปล่ียนสัดสวนอยางทันทีระหวาง
ทางเขาและโถงภายใน โดยมีพระพุทธรูปประธานเปนจุดรวมสายตาเพื่อทําใหเกิดสมาธิโดย
ฉับพลัน ลักษณะของลานเพ่ือปฏิบัติสมาธิเปนชานไมย่ืนอยูทามกลางธรรมชาติลอยๆ การนั่ง
สมาธิแบบนี้จึงเปนการนั่งสมาธิสําหรับผูท่ีมีสภาพจิตที่พรอมกับการอยูลอมรอบดวยธรรมชาติใน
ท่ีสูง ซึ่งอาจจะทําใหรสู ึกกลัวและวติ กกบั ความปลอดภยั แทนที่จะสามารถมจี ติ ท่ีตั้งม่นั ในสมาธิ
48
กรณศี กึ ษาที่ 3
ภาพที่ 17 แสดงพืน้ ที่โดยรวมทง้ั หมดของ ศนู ยป ระชมุ Kantha Bopha Center ประเทศกัมพูชา
(Art 4D 2550 : 58)
49
ภาพที่ 18 แสดงดานหนาของอาคารในเวลากลางคืนของ ศูนยประชุม Kantha Bopha Center
ประเทศกมั พูชา (Art 4D 2550 : 59)
บนเสน ทางไปนครวดั ในตอนเชาปลายเดือนพฤศจิกายนเต็มไปดวยความคึกคัก ฤดูกาล
ทองเที่ยวกาํ ลงั อยูใ นชว งขาขนึ้ กอนทจ่ี ะพีคในเดือนธันวาคม ทุกวันน้ีเสียมราฐกําลังกลายเปนเมือง
ทองเท่ียวเต็มรูปแบบ หลังจากท่ีรัฐบาลกัมพูชาไดปรับปรุงเสนทางเดินท้ังทางรถและเครื่องบิน
นักทอ งเทีย่ วจากทกุ ภมู ิภาคของโลกหล่งั ไหลสูเ สียมราฐมากขนึ้ โดยมีเปาหมายเดยี วกันคอื นครวัด
เปาหมายคร้ังนี้ไมไดอยูท่ีนครวัด แตเปนศูนยประชุมขนาดยอม ๆ ท่ีสรางข้ึนใหม
Kantha Bopha Center อยูบนเสนทางออกจากตัวเมืองเสียมราฐไปยังนครวัด สําหรับคนท่ีนี่อาจไม
คอยมีใครรูวานี่คือ ศูนยประชุมหรืออาจไมรูวามันคือ ตึก แตถาพูดถึง Kantha Bopha คนท่ีน่ีรูจักดี
วา คอื โรงพยาบาลเดก็ ทมี่ าจากมูลนิธชิ อ่ื เดียวกนั นี้
50
ภาพท่ี 19 ดา นหนา ของโครงการ เหน็ โครงกริดคอนกรตี กบั สกรีนลาํ ไมไผ ซง่ึ เปนองคป ระกอบ
ท่ีบังสายตาของดานหลงั หองประชุม Kantha Bopha Center ประเทศกมั พูชา
(Art 4D 2550 : 60)
51
ภาพที่ 20 บริเวณประตทู างเขา หลักของ ศนู ยป ระชมุ Kantha Bopha Center ประเทศกัมพูชา
(Art 4D 2550 : 61)
ภาพที่ 21 แสดงรายละเอียดระแนงไมของประตูดานหนาของ ศูนยประชุม Kantha Bopha Center
ประเทศกัมพูชา (Art 4D 2550 : 61)
52
ภาพที่ 22 โถงใตหองประชมุ ใหญ เห็นโครงสรางหอ งประชุม Kantha Bopha Center ประเทศ
กมั พูชา (Art 4D 2550 : 61)
53
Kantha Bopha เปนโรงพยาบาลเด็กท่ีกอต้ังโดยนายแพทยบีท ริชเนอร กุมารแพทยชาว
ออสเตรีย-สวิส ซ่งึ เดนิ ทางเขา มาปฏบิ ตั ิภารกิจชวยเหลือผูปวยเด็กในกัมพูชาประมาณ 30ปกอน คุณ
หมอริชเนอรกอตั้งโรงพยาบาลเด็กแหงแรกในพนมเปญ ตอมาไดหยุดทําการลง เมื่อเขมรแดงยึด
อํานาจในกัมพูชาไดขอใหคุณหมอริชเนอรฟนฟูโรงพยาบาลขึ้นมาอีกคร้ังพรอมกับกอสรางสาขา
ใหมในพนมเปญเอง และตามมาดวยสาขาที่สามเสียมราฐ ทุกวันนี้ Kantha Bopha เปนโรงพยาบาล
เด็กที่ใหการชวยเหลือและรักษาผูปวยเด็กฟรี โดยไดรับเงินสนับสนุนจากหนวยงานตาง ๆ ของ
เอกชนทง้ั หมดทั้งในกัมพชู าและจากตา งประเทศ
ไมนานมาน้ี Kantha Bopha ในเสียมราฐ ไดรับเงินสนับสนุนจากสวิตเซอรแลนด ใน
การกอสรางศูนยประชุมในพื้นที่ดินติดกับโรงพยาบาลเดิม นอกจากเพื่อใชรองรับการฝกอบรม
บุคลากรดานการแพทยส ําหรับโรงพยาบาลแลว ยังสามารถใชรองรบั การประชมุ การฉายภาพยนตร
ไปจนถงึ การจัดคอนเสริ ตและงานแสดงนิทรรศการ
ภาพท่ี 23 มองจากบริเวณหนา หอ งสมดุ กลบั ออกมาบริเวณตอนรบั และลานอเนกประสงค
ซ่งึ สามารถจัดนทิ รรศการได ณ ศนู ยประชุม Kantha Bopha Center ประเทศกัมพชู า
(Art 4D 2550 : 62)
54
ภาพท่ี 24 บนชั้นลอยเขาหอ งประชุม Kantha Bopha Center ประเทศกมั พชู า (Art 4D 2550 : 63)
ภาพที่ 25 แสดงพ้ืนทภ่ี ายในหองประชมุ Kantha Bopha Center ประเทศกมั พูชา
(Art 4D 2550 : 63)
55
โปรแกรมประกอบดว ยสว นหลกั ตา ง ๆ คือ หอ งประชมุ ขนาดใหญ 2 หอง ขนาดประมาณ
600 และ 200 ทน่ี งั่ ตามลาํ ดับ หองอบรมสัมมนา 4 หอ ง ขนาดหองละ 60 คน หองสมุดและหองอาหาร
งานสถาปตยกรรมทง้ั หมดอกแบบโดย Asma Architects ทีมสถาปนกิ ในเสียมราฐ
ภาพท่ี 26 ทางเดินดา นหลงั เขาหองอบรมเลก็ Kantha Bopha Center ประเทศกัมพูชา
(Art 4D 2550 : 63)
สถาปนกิ สรา งระเบยี บขึน้ ในผงั อยางเรียบงายตรงไปตรงมา mass ของหองประชุมใหญ
2 หอง ถูกจัดอยูดวยกัน ดุลน้ําหนักกับ mass ของหองอบรมยอย 4 หอง หองสมุดและหองอาหาร
ซึ่งวางองคประกอบเปนรูปตัว L รับกับ mass ขนาดใหญของหองประชุม แนวทางเดินขนาดใหญ
เปน แกนสัญจรหลกั อยูตรงกลางกลุมอาคารท้ังหมดและกระจายการเขา ถึงสทู ุกสวนของโครงการ
56
ภาพที่ 27 บริเวณดา นหลงั หองอาหาร Kantha Bopha Center ประเทศกมั พชู า (Art 4D 2550 : 64)
57
ภาพที่ 28 แสดงพน้ื ทใี่ ชส อยภายในอาคาร ศนู ยป ระชุม Kantha Bopha Center ประเทศกมั พชู า
58
ภาพที่ 29 แสดงพื้นที่ใชสอยภายในอาคาร ศูนยประชุม Kantha Bopha Center ประเทศกัมพูชา
(Art 4D 2550 : 65)
ภาพท่ี 30 แสดงรูปดานและรูปตัดของอาคาร Kantha Bopha Center ประเทศกัมพูชา (Art 4D
2550 : 65)
59
องคประกอบหลัก ๆ ทางสถาปตยกรรมท่ีสถาปนิกใชในการออกแบบ คือผนังใน
ลักษณะของระนาบเปดขนาดใหญ ตัดกันเปนฉากเพ่ือเนนแกนใหชัดเจน และเชื่อมองคประกอบ
ท้งั หมดเขา ดว ยกัน ในขณะท่ใี นทางแนวนอนสถาปนกิ ใชอ งคป ระกอบทางสถาปตยกรรม เชน สระ
น้ํา roof terrace ท้ังในระดับช้ันพ้ืน และช้ันตาง ๆ ของอาคาร มีตัวเช่ือมคือการจัดสวนในรูปแบบ
ตา ง ๆ กัน สอดแทรกและรอยเรียงองคป ระกอบปลีกยอยทั้งหมดเขาดวยกัน เกิดเปนองคประกอบท่ี
มี Unity จากวัสดุ การใชง าน รูปรางและขนาดทางสถาปตยกรรมทแี่ ตกตา งและหลากหลาย เมื่อมอง
ถึงสภาพแวดลอมรอบ ๆ โครงการ ท้ังหมดนี้คือความพยายามสรางระเบียบใหเกิดขึ้นใน Site ใน
บรบิ ทที่รายลอ มไปดว ยองคประกอบท่ีแตกกระจายและไรร ะเบียบ ไมว าจะเปนพน้ื ท่วี า งหรอื อาคาร
ตางขนาดตา งรูปแบบท่ีกระจดั กระจายอยูในพื้นทีร่ อบ ๆ ท่ีต้ัง
หองประชุมใหญ 2 หองถูกจัดวาง mass ดูเกือบจะเปนรูปจัตุรัสในผังวางตําแหนงลง
ตรงมุมท่ีดิน mass ของหองประชุมใหญกรุผนังดวยอิฐสีแดง โครงกริดเสาคานคอนกรีตเปลือย
สรางสกีนดวยไมไผปกเรียงกัน ทําหนาที่เปนผืนผนังที่บังสายตาของสวน backstage และทําหนาท่ี
เชื่อมหองประชุมใหญทั้งสองเขาดวยกัน น่ีคือสวนที่เปนภาพลักษณท่ีชัดเจนท่ีสุดของ
สถาปตยกรรมโครงการนี้ และนา จะเปนภาพลักษณทางสถาปตยกรรม (architectural image) ท่ีผูคน
สามารถจดจําอาคารได
ภาพที่ 31 ภายในคอรทดา นใน เหน็ สเปซที่เปดโลงเช่ือมตอถึงกัน ของศูนยประชุม Kantha Bopha
Center ประเทศกัมพชู า (Art 4D 2550 : 64)
60
ภาพท่ี 32 บรเิ วณทางเดินดา นหลังของหอ งประชุมเห็นองคป ระกอบของพนื้ ผิววัสดุ เชน
คอนกรตี อิฐและไมไผ ศูนยป ระชุม Kantha Bopha Center ประเทศกมั พชู า
(Art 4D 2550 : 64)
วัสดุที่ใหพ้ืนผิวทางสถาปตยกรรมภายนอกถูกปลอยใหแสดงพ้ืนผิวตามธรรมชาติ โดย
ไมมีการปรุงแตง แตถูกออกแบบดวยรายละเอียดท่ีประณีตและลงตัว ประสบการณที่ดีเมื่อไดเดิน
สัมผัสกับสถาปตยกรรมจริง ๆ ก็คือคุณภาพของท่ีวางเมื่อเดินผานแผงประตูใหญเขาไป space
ภายในบริเวณเปดโลง ตอเน่ือง ล่ืนไหลและนุมนวล ไมรูสึกวุนวายและสับสน ซ่ึงนาจะเกิดจากการ
61
ใชองคประกอบหลัก ๆ ทางสถาปตยกรรมที่ไมใชใหผลในเร่ืองของ visual อยางเดียว แตชวย
สื่อสาร กํากับทิศทางการสัญจร รวมท้ังกําหนดของเขตตาง ๆ เห็นไดชัดจากการใชสระน้ําในจุด
ตาง ๆ ในโครงการท้ังหมดน้ีอาจมาจากแนวความคิดสําคัญแรกสุดของสถาปนิกที่ตองการสราง
architect order ใหเกิดขึ้นภายใน complex ยอม ๆ แหงน้ีและ order น้ีเองทําใหเราสัมผัสไดถึงความ
งามของทว่ี างทางสถาปต ยกรรม
ในภาพรวม สถาปตยกรรมโครงการนี้ คือสถาปตยกรรมสมัยใหม (Modern
Architecture) ไดรบั อิทธิพลจากสถาปต ยกรรมของ เลอ คอรบซู ิเอร อยา งชัดเจน ไมวาจะเปนการใช
คอนกรีตเปลือย ผนังพลาสเตอรวอลลทาสีขาว และเนนดวยสีสันสดใสในบางจุด การใชอิฐ ไป
จนถึงรายละเอียดปลีกยอยทางสถาปตยกรรม แตสถาปนิกไดผสมผสานองคประกอบทาง
สถาปตยกรรมที่ใหความรูสึกถึงความเปนตะวันออก ความเปนทองถิ่นเขาไปดวยอยางแนบเนียน
ไมวาจะเปนการใชไมไ ผ การใชนํ้า พืชพรรณในงานภูมิสถาปตยกรรมและการออกแบบท่ีวางท่ีเปด
โลง ตอเนื่องกนั ของภายนอกและภายใน
หากเปนบทเพลง สถาปตยกรรมโครงการนี้ก็นาจะเปนเหมือนบทเพลงเพ่ือชีวิตที่
ประพันธดวยแบบแผน และทวงทํานองที่เปนสากลดวยภาษาของทองถิ่น สถาปนิกบอกวาตองการ
ใหสถาปตยกรรมของมูลนิธิแหงน้ี “เปด” และตอนรับคนท่ัวไป เปนสถาปตยกรรมท่ีตอบสนองตอ
ดินฟาอากาศของทองถ่ิน ใชวัสดุที่ธรรมดาสามัญ และใช open space สรางเอกลักษณใหกับ
สถาปตยกรรมท่ีเรียบงาย ซ่ึงสะทอนถึงจิตวิญญาณขององคกร ดวยงบประมาณกอสรางเพียง 120
ลานบาท และการกอสรางท้ังหมดทําโดยชางทองถิ่น ตองนับวาพวกเขาสามารถสรางสรรคงาน
สถาปตยกรรม โครงการนี้ใหประสบความสาํ เรจ็ ตามทีต่ ง้ั ใจไวใ นระดับทีน่ าพอใจมากทเี ดียว
Asma Archiects เปนทีมสถาปนิกรุนใหมที่ประกอบดวยสถาปนิกชาวกัมพูชาและ
ฝร่ังเศส ในประเทศโลกท่ีสามท่ีอยูในระหวางการกอสรางประเทศขึ้นใหมอยางกัมพูชา ทีม
สถาปนิกหนุมสาวกลุมน้ีเริ่มมีงานออกแบบสถาปตยกรรม ซึ่งสวนใหญเปนงานโครงการเล็ก ๆ ใน
พนมเปญและเสียมราฐ ในงานออกแบบศูนยประชุม Kantha Bopha พวกเขาไดแสดงใหเห็นวางาน
ของเขานาจะเปนจุดเชื่อมตอ และเปนความหวังของสถาปตยกรรมรวมสมัยในกัมพูชาใหกลับมา
เดินหนาอกี ครง้ั ในตนศตวรรษท่ี 21 นี้ สิง่ ท่นี า ประทับใจที่สดุ ของงานออกแบบโครงการนี้ คือ พวก
เขาไดแสดงใหเห็นถึงสถาปตยกรรมท่ีมีพลังและวิญญาณ วิถีทางของศิลปะไดชวยเลื่อนพรมแดน
ระหวางคนสองซีกโลก และศลิ ปะกไ็ ดทํางานของมนั โดยไมม ีพรมแดน (Art4d 2550 : 58-64)
ศนู ยประชุมแหง นี้เปนการปรบั ปรุงจากโรงพยาบาลเด็กจากมลู นิธิ Kantha Bopha ตั้งแต
ลักษณะทางเขาดานหนาของโครงการเปนการใชวัสดุธรรมชาติคือ ไมไผเพื่อใหเกิดการบดบัง
สายตาจากภายนอกแตก็ยังสามารถมองผานไดมุมมองอื่นๆ ซ่ึงแสดงถึงความรูสึกความเปนสวนตัว
62
แตไ มทบึ จนไมม อี ากาศผานเลย เนอื่ งจากประเทศกัมพชู ามงี บประมาณในการปรับปรุง การเลือกใช
วัสดุใหเหมาะสมและราคาไมสูงจนเกิดไปจึงใชวัสดุธรรมชาติซึ่งสามารถหาไดตามทองถ่ิน โดย
ลักษณะทางสัญจรภายในมีแนวทางเดินหลักเปนแกนสัญจรอยูตรงกลางกลุมของอาคารเพื่อ
สามารถกระจายสทู ุกสวนของอาคารและมีความตอเนอ่ื งกนั ระหวา งภายนอกและภายในอาคาร
บทที่ 4
การวเิ คราะหโครงการและแนวความคดิ ในการออกแบบ
การวิเคราะหล ักษณะของโครงการ
จากการทบทวนวรรณกรรมที่เก่ียวของและวิเคราะหความหมายของ “ธยานะภาวะ”
และทาํ การวิเคราะหขอมลู เกยี่ วกบั การแกไ ขปญหาท้ังทางดานรา งกายและจิตใจ โดยเนนที่เพศหญิง
ซ่ึงมีหนวยงานท่ีคอยใหความชวยเหลือทั้งภาครัฐและเอกชน เชน สถานีตํารวจที่มีพนักงาน
สอบสวนหญงิ ศนู ยช วยเหลือเด็กและสตรใี นภาวะวิกฤต (OSCC) หรือศูนยพึ่งได กองแรงงานหญิง
และเด็ก ฮอทไลนคลายเครียดกรมสุขภาพจิต ศูนยพิทักษสิทธิเด็กและสตรี ศูนยเสริมสราง
ครอบครัวใหอบอุนและเปนสุข ศูนยรับเร่ืองราวรองทุกขของขาราชการ (ถูกคุกคามทางเพศในที่
ทํางาน) สํานักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย องคกรพัฒนาเอกชนใหคําปรึกษาแก
ผูหญิง เปนตน ซึ่งเมื่อทําการศึกษาขอมูลเกี่ยวกับลักษณะขององคกร มูลนิธิเพ่ือนหญิงเปนมูลนิธิ
ตัวอยา งทสี่ ามารถตอบโจทยต ามวัตถุประสงคของโครงการ เพื่อเปน โครงการศึกษาตวั ยางทีด่ ี
พื้นท่ีต้ังโครงการนั้นต้ังอยูบริเวณชุมชนซ่ึงสามารถเดินทางไดอยางสะดวก แตการ
เดินทางระหวางทางเขา (ซอยรัชดาภิเษก 42) จนถึงท่ีต้ังของมูลนิธิเพื่อนหญิง มีระยะทางคอนขาง
ไกลและตองผานแยกมาก ซง่ึ ทางมูลนธิ กิ ็อาํ นวยความสะดวก โดยการมปี ายบอกทางเปนระยะ ๆ
ท่ีตั้งของมูลนิธิเพ่ือนหญิง อยูที่ 386/61-62 ซอยรัชดาภิเษก 42 ถนนรัชดาภิเษก แขวง
ลาดยาว เขตจตั จุ กั ร กทม. 10900 ดา นหนา ของอาคารหนั หนาไปทางทิศเหนือ
63
64
ภาพที่ 33 แสดงแผนท่ตี ้งั ของมูลนธิ เิ พ่ือนหญงิ
65
เรือนจาํ กลางคลอง ศาลายตุ ธิ รรม สถาบันวิจยั
เปรม แหง ชาติ
มลู นิธเิ พอื่ นหญงิ
สน.ประชาชน่ื มหาวทิ ยาลยั
สน.พหลโยธนิ แหลง ชุมชน เกษตรศาสตร
หางสรรพสินคา
แผนภาพที่ 3 แสดงการวิเคราะห ความสาํ คัญของสถานท่ีตง้ั ของโครงการ
สถานที่ตั้งของโครงการ โดยพิจารณาจากความสําคัญของมูลนิธิ ซึ่งเก่ียวโยงกับ
วัตถุประสงคและเปาหมายของมูลนิธิ ณ สถานท่ีตั้งน้ี มูลนิธิต้ังอยูบริเวณชุมชนเมืองสะดวกในการ
เดินทางเน่ืองจากมีรถประจําทางหลายสายผานและสามารถไปถึงสถานท่ีสําคัญเพื่อชวยเหลือได
อยางรวดเร็ว เน่ืองจากการดําเนินงานของมูลนิธิเพ่ือนหญิงจะตองมีการเดินทางบอย เพื่อใหความ
ชวยเหลือกับผูปวยฉุกเฉิน ณ สถานท่ีนั้น การเดินทางท่ีสะดวกจึงเปนสิ่งจําเปนในการจัดตั้งมูลนิธิ
แตจะตองไมเปดเผยจนเกินไป เพราะตองใหความคุมครองและความปลอดภัยแกผูถูกทํารายและ
เจาหนาที่ของมูลนิธิเพื่อนหญิง มูลนิธิเพื่อนจึงเลือกลักษณะของบานเทาวเฮาล สูง4ช้ัน เปนสถานที่
ทาํ งาน โดยมีตนไมเปน เสมือนเกราะปองกันการรบกวนจากภายนอก
66
ภาพที่ 34 แสดงสํานักงานศาลยตุ ิธรรม ฝง ตรงขามเยื้องกบั ทางเขา มลู นธิ ิเพ่ือนหญิง
ภาพที่ 35 แสดงบรเิ วณทางเขา ของมลู นิธเิ พ่ือนหญงิ
67
ภาพที่ 36 ภายในซอยรชั ดาภเิ ษก 42 ซ่งึ เปน แหลง ชุมชนและบา นพักอาศัย
ภาพท่ี 37 แสดงปา ยบอกทางของมลู นธิ เิ พื่อนหญิง
68
ภาพที่ 38 แสดงภาพอาคารสํานกั งานมูลนิธิเพอ่ื นหญิง
ภาพท่ี 39 ทางเขา ดานหนา ของมลู นิธิเพ่อื นหญิง
69
ภาพที่ 40 ทางเขาท่ีสองของมูลนิธิเพ่ือนหญิง เปนทางเขาสําหรับผูมาปรึกษาทางดาน
กฎหมาย
ภาพท่ี 41 บรเิ วณท้งั สองขางของอาคารมลู นิธเิ พือ่ นหญิง เปน พน้ื ทโี่ ลง มีตนไมปกคลุม
70
ภาพที่ 42 บรเิ วณฝง ตรงขา มกบั มูลนธิ เิ พือ่ นหญิง เปนพืน้ ทโี่ ลง ซึ่งตดิ กับบานพักอาศยั
ภาพท่ี 43 พน้ื ทีโ่ ลง ซ่งึ ถา ยจากมมุ มองจากดานบนอาคารมลู นิธเิ พอ่ื นหญิง
71
การวเิ คราะหว ัตถปุ ระสงคของโครงการ
จากบทบาท ภารกิจและเปาหมายของมูลนิธิเพ่ือนหญิงน้ัน ซ่ึงเปนศูนยชวยเหลือและ
พิทักษสิทธิสตรี โดยใหความชวยเหลือดานกฎหมายและสังคมสงเคราะหเฉพาะรายแกเพศหญิงท่ี
ตกอยูใ นสภาวะดังน้ี
1. วกิ ฤติความรุนแรงในครอบครวั
2. ถกู คุกคามทางเพศ
3. ถูกบงั คบั ลอลวงใหค า ประเวณี
4. ตั้งครรภไ มพ ึงประสงค
5. ถกู เลิกจา งงาน โดยไมไดรบั ความเปนธรรม
6. ถูกเลือกปฏบิ ัติจากภาวะความเปนหญิง
ภาพที่ 44 แรงงานหญิง ซ่งึ ถูกเอาเปรียบแรงงานจากนายจางทีไ่ มเปน ธรรม
72
มูลนิธิเพื่อนหญิง เปนเครือขายผูหญิงท่ีผานพนวิกฤติความรุนแรงนครอบครัวมาแลว
จากการแนะนําใหคําปรึกษาของมูลนิธิเพื่อนหญิง ไดรวมตัวกันเปนอาสาสมัครทํากิจกรรมและให
คําปรึกษาชวยเหลือผูหญิงที่ตกอยูในภาวะวิกฤติทางรางกายและจิตใจ เพื่อใหมีกําลังใจรับมือกับ
ปญหาตาง ๆ ในชีวิตอยางมีสติและรูเทาทัน โดยทนายความ นักสังคมสงเคราะห มีกระบวนการ
ฟนฟูจิตใจและเปนกําลังใจใหตอสูเพื่อหลุดพนจากความทุกข ความกดดัน จากสภาวะท่ีตองการ
ทางเลือก มีความเปน อิสระ และสามารถพ่ึงตนเองได
วตั ถปุ ระสงคของมลู นิธิเพอ่ื นหญิงจึงมีบทบาทในการแกไขปญหาของเพศหญิงจากการ
ถูกทํารายในดานตาง ๆ เพื่อผูท่ีถูกทํารายสามารถยืนหยัดในสังคมไดอยางปกติสุข จึงไดเลือก
โครงการที่ตั้งสํานักงานของมูลนิธิเพ่ือนหญิงเปนโครงการศึกษา “ธยานะภาวะ” ในงานออกแบบ
สถาปตยกรรมภายใน
การศกึ ษาลกั ษณะการดําเนินงานของโครงการ
มูลนิธิเพื่อนหญิง มีบทบาทและภารกิจในการสงเสริมแนวคิดและความเขาใจในมิติ
บทบาทหญิงชายบนพื้นฐานท่ีวาหญิงชายยอมมีความเสมอภาคมาแตกําเนิด สังคมจึงควรใช
มาตรฐานเดยี วกนั ในการคุมครอง พิทกั ษส ทิ ธิ สง เสริมคุณภาพชีวิตหญิงชาย ตามหลักกฎหมายและ
สิทธิมนุษยชน โดยมูลนิธิเพ่ือนหญิง ใชยุทธศาสตรการเสริมสรางกระบวนการเรียนรูใหผูหญิง
เขาใจในบทบาท หนาท่ีและสิทธิของสตรี นําไปสูความเขมแข็งและอํานาจการตอรองเชิง
โครงสรา งในระดบั ปจเจกและเครอื ขาย
ดวยเหตุที่มูลนิธิเพื่อนหญิง เปนองคกรขนาดเล็ก การทํางานจึงมีลักษณะเลือกบาง
ประเด็นขน้ึ มาศกึ ษาทาํ งานในพื้นที่และชวยเหลืออยางจริงจัง จนเกิดเปนองคความรูและพัฒนาเปน
รูปแบบตัวอยางในทางปฏิบัติขยายผลไปยังพ้ืนที่ตาง ๆ ท้ังในกลไกของรัฐและชุมชน สามารถ
เสริมสรา งความเขมแข็งใหกบั ผูหญิงและเครอื ขาย ยังผลใหเ กิดการพ่ึงตนเองไดใ นระยะยาว
องคประกอบของมลู นธิ ิเพือ่ นหญงิ
1. ท่ีจอดรถ
2. ทางเขา หลกั ของอาคาร
3. ทางเขา รองสําหรับเจา หนา ทีแ่ ละผทู ่ีตองการปรึกษาทนาย
4. หองใหค าํ ปรึกษา
5. สว นปฏบิ ตั ิงานของเจา หนา ที่
6. หองประชมุ สาํ หรบั 10 คนและ 20 คน
73
7. หองพักช่ัวคราว
8. หอ งสมดุ
9. สวนเตรียมอาหาร
10. หอ งนํา้
11. สวนพักผอน
74
ภาพที่ 45 แสดงบริเวณท่จี อดรถของมลู นิธิเพือ่ นหญิง
ภาพที่ 46 ทางเขา หลกั ของอาคารมลู นธิ ิเพ่อื นหญิง
75
ภาพที่ 47 ทางเขารองของมลู นธิ เิ พอื่ นหญงิ สาํ หรับเจา หนา ท่ีและผูที่ตอ งการปรกึ ษาทนาย
ภาพท่ี 48 บรเิ วณที่ใชส ําหรบั ใหค ําปรึกษาของมูลนธิ เิ พือ่ นหญิง
76
ภาพที่ 49 หอ งประชุม สาํ หรบั 10 คนของมูลนิธเิ พอ่ื นหญิง
ภาพที่ 50 หอ งประชมุ สาํ หรับ 20 คนของมูลนิธิเพอ่ื นหญิง
77
ภาพท่ี 51 หอ งพกั ชัว่ คราว สาํ หรับผถู กู ทํารา ยของมลู นธิ เิ พอื่ นหญิง
ภาพที่ 52 หองสมุดของมลู นธิ เิ พือ่ นหญงิ
78
ภาพท่ี 53 แสดงการจัดเกบ็ หนังสือ อยา งเปน หมวดหมู ภายในหองสมุดมลู นิธิเพอ่ื นหญิง
ภาพท่ี 54 มุมองจากสว นเตรียมอาหาร สสู วนพักผอนดานนอกของมลู นิธเิ พ่อื นหญิง
79
ความแตกตางของมิติความสัมพันธของเพศมีมาแตชานานจนกลายเปนวัฒนธรรมของ
แตละพื้นถ่ิน เชน วัฒนธรรมแบบชายเปนใหญในภาคอีสานที่ตอกยํ้าและส่ังสอนใหผูชายมีอํานาจ
เหนือผหู ญงิ ณ ตาํ บลโนนหนามแทง กลา วถึงคําสอนสําหรับการปฏิบัติตนเองของผูหญิงที่เขาพิธี
แตงงานวา
ผัวน้ี มึงอยาไดวา เวลากินขาว ผัวตองกินกอน ตองตื่นกอน นอนทีหลัง หรือเวลานอน
ผูชายตองนอนหมอนสูงกวา ผูหญิงตองนอนหมอนตํ่ากวาผูชาย เมื่อเปนเมียเขาแลวตองเปน
เบญจกัลยาณี ผัววาอยางไรตองวาอยางน้ัน ทุกวันพระผูหญิงตองจัดดอกไม ธูป เทียน มาขอขมา
สามี เพราะ 7 วันท่ีอยูดวยกันผูหญิงอาจทําความผิดตอสามี หรือแมวาผูหญิงไมไดทําความผิด ก็
ตองขอขมาไวก อ น
คาํ ส่ังสอนดงั กลาวไดแสดงถึงสถานภาพของผูหญิงท่ีดอยกวาชาย ซึ่งในปจจุบันอาจไม
มีเหลือใหเห็นแลว แตความเชื่อวาผูชายเปนใหญ มีอํานาจเหนือผูหญิงยังคงฝงรากลึก คานิยมแบบ
ชายเปนใหญถูกส่ังสอนและตอกย้ําใหคนในชุมชนปฏิบัติตาม เมื่อเกิดปญหาขึ้นในครอบครัว เชน
การท่ีผูชายใชความรุนแรงตอผูหญิง ชุมชนจะโทษวาเปนความผิดของฝายหญิง เชน กรณีสามีทุบตี
ภรรยา คนในชุมชนจะมองวา เพราะผูหญิงไมเกงงานบานงานเรือน สมควรถูกสามีทุบตี หรือ
ผูหญิงที่ถูกขมขืน คนในชุมชนจะมองวาเปนความผิดของผูหญิงท่ีทําตัวไมเหมาะสม แตงตัวยั่ว
ผูชาย นุงกระโปรงส้ัน หรือใสเสื้อสายเด่ียว ฯลฯ เม่ือผูหญิงหรือเด็กถูกกระทําความรุนแรงจากใน
ครอบครัว คนในชุมชนจึงมองวาเปนเรื่องสวนตัว นาอับอาย ผูเสียหายไมควรออกมาพูด สงผลให
ปญ หาความรุนแรงตอ ผหู ญงิ เกดิ ทวคี วามรนุ แรงมากข้ึน
ปจจัยรวมของการเกิดปญหาความรนุ แรงภายในครอบครัว คือ สุรา พบวารอยละ 70-80
ของกลุมตัวอยางผูชายที่ด่ืมเหลาหรือเครื่องด่ืมแอลกอฮอล มีประสบการณใชความรุนแรงท้ังกับ
ภรรยา ลกู หรือบคุ คลอน่ื ทงั้ ทางรางกาย วาจา และการละเมดิ ทางเพศ อนั มีแรงกระตุนสวนหนึ่งมา
จากการดื่มเหลา ในสวนผูหญิงท่ีถูกสามีหรือคนในครอบครัวทํารายเพราะเมาเหลา พบวาไดรับ
ผลกระทบดานสุขภาพกายและจิตของผูกระทํามากท่ีสุด กลุมตัวอยางเกือบทั้งหมดที่ไดรับ
ผลกระทบตอบวาไมกลาตอสูกลับ ไมกลาเลาใหใครฟง รวมทั้งไมกลาไปพบแพทยเมื่อไดรับ
บาดเจ็บเพราะอับอาย โดยคิดวาเปนเร่ืองท่ีภรรยาตองอดทนและรองรับอารมณของสามีในฐานะ
ภรรยาท่ีดี และยงั พบวาปญหาความรุนแรงมาจากคานิยมแบบชายเปนใหญที่มีความเช่ือวา สามีเปน
เจาของภรรยาและลูก มีสิทธิดุดา ทํารายทุบตีได (มูลนิธิเพื่อนหญิงและคณะรายงานการวิจัยเร่ือง
ผลกระทบของสุราในฐานะปจจัยรว มการเกิดปญหาความรุนแรงในครอบครวั พ.ศ. 2546)
80
การศกึ ษาผใู ชโครงการ
ประเภทผูใชโครงการ
การแบงประเภทของผูใชโครงการเพื่อเปนแนวทางในการศึกษาพฤติกรรมของผูใช
อาคารแตละกลมุ ทแี่ ตกตา งกนั ออกไป สําหรับกลมุ ผูใชอาคารศึกษาจากกรณี สํานักงานมูลนิธิเพ่ือน
หญงิ เปน แบบอยาง โดยแบงออกไดเ ปน 3 ประเภทคอื
1. ผูถูกทํารา ย
2. เจาหนา ทข่ี องมูลนิธิเพอื่ นหญิง
3. บคุ คลท่ัวไป
ซง่ึ แตละประเภทสามารถแบงแยกเปนกลุมยอ ย ดังนี้
1. ผูถูกทําราย (ผูท่ีตองการคําปรึกษา) ในกรณีผูถูกทํารายท้ังสภาพรางกายและจิตใจ
ทางมูลนิธิเพื่อนหญิงจะติดตอและดําเนินการสงผูถูกทํารายเขาการรักษาท่ีโรงพยาบาลกอนเปน
อันดับแรก โดยมีเจาหนา ทีม่ ูลนิธเิ พ่อื นหญงิ คอยใหค วามชวยเหลอื พดู คยุ และรับฟงปญหาท่ีผูถูกทํา
รายโดนกระทํามา เพ่ือใหคาํ ปรึกษาและเมื่อเกิดเปนคดีความทางมูลนิธิเพ่ือนหญิงพรอมที่จะใหฝาย
ทนายของทางมูลนิธิเขาดําเนินการชวยเหลือและคอยดูแล ใหคําปรึกษา โดยเจาหนาท่ีมูลนิธิเพ่ือน
หญิงพรอมที่จะใหคําปรึกษานอกสถานที่หรือ ณ มูลนิธิเพ่ือนหญิงแลวแตกรณี มูลนิธิเพื่อนหญิง
พรอมท่ีจะพูดคุยเปนเพ่ือนดูแลปญหาทางดานจิตใจ เพ่ือผูถูกทํารายสามารถเดินหนาและกาวเผชิญ
กบั สังคมภายนอกได
2. เจาหนาที่ของมูลนธิ ิเพ่ือนหญงิ แบง ออกเปน 2 สวนดังน้ี
2.1 คณะกรรมการมูลนธิ เิ พื่อนหญิง
ประธานกติ ตมิ ศักด์ิ ผศ.อัมพร สุคนั ธวณชิ
ประธาน ผศ.ดร.วลิ าสินี พพิ ิธกลุ
รองประธาน รศ.ดร.กาญจนา แกว เทพ
เลขาธกิ าร น.ส.สุรภี ชตู ระกลู
เหรญั ญกิ น.ส.เพญ็ ศิริ ประภาสพงศ
กรรมการ รศ.ไฉไล ศกั ดิวรพงศ
กรรมการ นายเดช พุม คชา
กรรมการ น.ส.สรุ ินทร พิมพา
กรรมการ นางแนงนอ ย ปญ จพรรค
กรรมการ นายสรรพสทิ ธิ์ คุมพประพนั ธ
81
ผูอาํ นวยการ น.ส.ธนวดี ทา จนี
ผูจ ัดการ นายจะเด็จ เชาวนวไิ ล
2.2 เจาหนา ที่ประจํามูลนธิ เิ พ่ือนหญงิ
ฝายประชาสัมพันธ 1 คน
ฝายระดมทุน 2 คน
ฝา ยขอ มูล วิชาการและการเผยแพร 3 คน
ฝายแรงงาน 3 คน
ฝา ยการเงิน 2 คน
ฝายศนู ยพิทกั ษค วามรุนแรงเพ่อื ชุมชน (หมนุ เวียน) 3 คน
ฝายศูนยพ ิทักษ (ทนาย) 4 คน
3. บคุ คลท่ัวไป
3.1 นักวิชาการ เปนกลุมที่มีจุดประสงคเพื่อการศึกษาวิจัยหาขอมูลโดยตรงหรือ
เจาหนาท่ีจากหนวยงานอื่น ๆ รวมท้ังนักวิชาการ ผูเชียวชาญท่ีถูกเชิญมาบรรยายหรืออภิปราย เชน
บคุ ลากรจากหนว ยงานอื่น ผทู รงคุณวุฒิ เปน ตน
3.2 นักเรียนนักศึกษา เปนกลุมผูเขาที่มีความตองการทางดานวิชาการอยางจริงจัง
มีการติดตอกับโครงการลวงหนา มีความตองการในการจัดบรรยายหรือสัมมนาและใชในสวนของ
หอ งสมดุ
พฤติกรรมของผใู ชโ ครงการ
การศึกษาพฤติกรรมของผูใชโครงการน้ี โดยศึกษาจากผูเขาใชภายในพ้ืนท่ีมูลนิธิเพ่ือน
หญิง เปน แนวทางและสามารถแบงพฤติกรรมของผใู ชไดดงั ตอ ไปนี้
1. ผูถูกทําราย (ผูที่ตองการคําปรึกษา) เม่ือมูลนิธิเพื่อนหญิงไดรับแจงเหตุ เจาหนาที่
มูลนิธิเพื่อนหญิงทําการเดินทางไปยังที่เกิดเหตุ เพ่ือทราบถึงสถานการณในขณะน้ัน เมื่อตรวจสอบ
ถงึ สภาพของผูถกู ทําราย โดยผูถูกทาํ รา ยไมไดร บั บาดแผลทางรา งกายและสามารถม่ีจะเดนิ ทางมายัง
มูลนิธิเพ่ือนหญิงได ดังน้ันเจาหนาที่มูลนิธิเพื่อนหญิงจึงพาผูถูกทํารายกลับมาท่ีมูลนิธิเพื่อนหญิง
เพอ่ื ใหค าํ ปรึกษาถงึ ปญหา การแกไขปญหาและผลที่จะเกดิ ขนึ้ ตอ ไป
2. เจาหนา ทข่ี องมูลนิธเิ พ่อื นหญงิ จะสามารถแบง พฤตกิ รรมของผูใ ช ดังน้ี
2.1 เจาหนาท่ีประจําสํานักงานมูลนิธิเพ่ือนหญิง เปนเจาหนาท่ีของมูลนิธิ ซึ่งมี
หนา ที่ดแู ลภายในองคกร
82
ภาพที่ 55 ฝา ยประชาสัมพันธของมูลนิธิเพ่อื นหญงิ
2.1.1 ฝายประชาสัมพันธ มีหนาท่ีดูแลเก่ียวกับการรับขาวสารทาง
หนังสอื พมิ พ วิทยุ โทรทัศน และจากสอ่ื ประเภทอนื่ ๆ
2.1.2 ฝายระดมทุน มีหนาที่ผลิตวัสดุและส่ือรณรงคที่มีสัญลักษณสื่อ
ความหมายมิติชายและหญิง เชน เส้ือยืด กระเปา หมวก ฯลฯ เพื่อใชเปนส่ือในการรณรงคตามงาน
สัมมนา ท้ังในประเทศและเวทีสากล รวมทั้งศูนยการคาตาง ๆ รวมท้ังการตั้งกลองรับบริจาคตาม
สถานทีต่ า ง ๆ
83
ภาพท่ี 56 ฝายระดมทุนของมลู นิธเิ พือ่ นหญงิ
2.1.3 ฝายขอมูล วิชาการ และการเผยแพร ศูนยขอมูลมีหนาท่ีในการรวบรวม
จัดเก็บ จัดทําและวิเคราะหขอมูลเก่ียวกับสถานการณผูหญิงท่ีมูลนิธิเพ่ือนหญิง ดําเนินกิจกรรม
จัดทําเปนองคความรู รณรงคเผยแพรสูสาธารณชนท้ังในประเทศและตางประเทศในรูปแบบตาง ๆ
ในการผลิตส่ือและสิ่งพิมพ ทางมูลนิธิไดผลิตหนังสือพิมพหญิงชายกาวไกล, วารสารสตรีทัศน
รายงานสถานการณผูหญิงในเชิงวิเคราะห, จดหมายขาวภาษาอังกฤษ เปนเวทีแลกเปลี่ยนขอมูลกับ
เครือขายผูหญิงในระดับสากล, คูมือตาง ๆ เชน คูมือเพื่อนหญิง คูมือแรงงานหญิง, เขียนบทความ
เผยแพรในหนังสือพิมพและวารสารตาง ๆ , จัดทําเว็บไซตของมูลนิธิเพื่อนหญิง รายงาน
สถานการณส ิทธิสตรที ั้งในและตางประเทศ
84
ภาพท่ี 57 ฝายขอ มลู วิชาการ และการเผยแพรของมูลนธิ เิ พื่อนหญิง
ภาพที่ 58 ฝา ยการเงนิ ของมลู นิธิเพอ่ื นหญงิ