The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

โอวาทนุสาสนี

โอวาทนุสาสนี

เอกสารลาดับท่ี ๗๖
หนงั สือแสดงกิจจานกุ ิจของเจ้าพระยาทิพากรวงศ์:

การปรบั เปลย่ี นโลกทศั น์ของชนชน้ั นาไทย

อภิเชษฐ กาญจนดิฐ

๑. ความสาคญั ของเอกสาร

ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นนับตั้งแต่รัชกาลพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้า
เจ้าอยู่หัวเป็นต้นมา ชาวตะวันตกหลากหลายชาติจานวนมากต่างเดินทางเข้ามา
ในสยาม ทั้งนีเ้ นื่องจากปัจจัยสาคัญหลายประการ อาทิ วิทยาการการเดินเรือที่
ก้าวหน้าของชาวตะวันตก รวมถึงความต้องการของชาวตะวันตกที่จะเผยแผ่
คริสต์ศาสนาและการแสวงหาผลประโยชน์ทางการค้า เปน็ ต้น

การเดินทางเข้ามาของชาวตะวันตกได้นาพาความรู้ทางศิลปศาสตร์และ
วิทยาศาสตร์แขนงต่างๆแบบตะวันตกมาสู่สังคมไทย บริบทดังกล่าวทาให้ “กลุ่ม
ชนชั้นนาสยาม” จานวนไม่น้อยเริ่มต้นเรียนรู้ศิลปวิทยาการสมัยใหม่ตามแบบ
ตะวนั ตก เช่น เจ้าฟ้ามงกุฎ หรือ “วชิรญาณภิกขุ”(ต่อมาคือพระบาทสมเด็จพระ
จอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) ทรงโปรดคบค้าพระสหายชาวตะวันตกทั้งพ่อค้า ทูต และ
นกั บวช ฯลฯ ครั้นพระองค์ทั้งยังทรงโปรดศึกษาและสนับสนุนให้ผู้ใกล้ชิดแสวงหา
ความรู้สาขาต่างๆของชาวตะวันตกมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ยังทรงอยู่ในสมณเพศ
คร้ันพระองค์เถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
แล้วยงั ทรงโปรดแสวงหาความรู้จากโลกตะวนั ตกเรือ่ ยมา

นอกจากนี้ยังมีเจ้านายพระองค์อื่นที่สนใจความรู้แบบตะวันตก เช่น กรม
ขนุ อศิ เรศรังสรรค์ (พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว) ซึ่งทรงสนพระทัยการ
ฝึกทหารแบบตะวันตก ท้ังยังทรงริเริ่มประกอบเครื่องจักรไอน้าและเรือกลไฟได้
โดยพระองค์เอง๑ และทรงโปรดให้หมอ บรัดเลย์ (Dan Beach Bradley) เข้ามา

๑ เฟลตัส ยอร์จ ฮอวส์, หมอเฮาส์ในรัชกาลที่ ๔, แปลจาก Samuel Reynolds House of
Siam (พระนคร: คลงั วิทยา, ๒๕๐๘), ๒๖ – ๓๒.

 ๑๐๐ เอกสารสาคญั : สรรพสาระประวตั ิศาสตร์ไทย 

๕๖ หนังสือแสดงกิจจานกุ ิจ

ถวายการรักษาพระราชมารดาตลอดจนปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษให้แก่พระโอรส
พระธิดา และข้าราชบริพารของพระองค์๒

นอกจากนี้บรรดาขุนนางรุ่นหนุ่มจากตระกลู สาคัญในสยามขณะนั้นต่างก็
มีความสนใจและมีความรู้ความสามารถเรื่องวิทยาการสมัยใหม่เช่นกัน เช่น จมื่น
ไวยวรนาถ (ช่วง บุนนาค)๓ ซึ่งสามารถต่อเรือกลไฟได้ และพระยากระสาปนกิจ
โกศล (โหมด อมาตยกุล) ทีส่ ร้างและควบคุมเครื่องจักรกลท่ีผลิตเหรียญกษาปณ์
ได้ เป็นต้น

การเข้ามาของผู้คนและความรู้ใหม่จากโลกตะวันตกในขณะนั้นมิได้นามา
ซึง่ ความก้าวหน้าของสงั คมสยามแต่เพียงประการเดียวเท่านั้น หากแต่ยงั นามาซึ่ง
แรงท้าทายที่สาคัญต่อสังคมสยามเช่นกัน เพราะความรู้สมัยใหม่ที่ชาวตะวันตก
นาเข้ามาน้ันมักตั้งคาถามกับความรู้ ตลอดจนจารีตประเพณีและค่านิยมต่างๆที่
ชาวสยามยึดถือกันมาแต่เดิม ดงั กรณีบรรดาหมอสอนศาสนาชาวตะวันตกต่างต้ัง
คาถามและอภิปรายระบบการศึกษาเดิมของสยามซึ่งไม่สอดคล้องกับแนวคิด
“วิทยาศาสตร์” ทีช่ าวตะวนั ตกยึดถือกันอยู่ในเวลาดงั กล่าว ตลอดจนอภิปรายถึง
หลักคาสอนต่างๆในพุทธศาสนา และเสนอให้ชาวสยามเปลี่ยนมานับถือคริสต์
ศาสนา

การปะทะกันระหว่างความรู้เดิมของสยามกับความรู้ใหม่แบบตะวันตกทา
ให้ปัญญาชนสยามพยายามหาคาตอบที่เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงของยุค
สมยั และพยายามรกั ษาสมดลุ ระหว่าง “การปกป้องความรู้เดิม” กับ “การ

๒ วิลเลียม แอล. บรัดเลย์, สยามแตป่ างกอ่ น ๓๕ ปีในบางกอกของหมอบรัดเลย์, แปล
โดย ศรเี ทพ กุสุมา ณ อยุธยาและศรีลักษณ์ สง่าเมือง, พิมพ์ครั้งที่ ๒ (กรุงเทพฯ: มติชน,
๒๕ ๗), ๘๕ – ๙๒.
๓ บรรดาศกั ดิส์ ุดท้าย คือ สมเดจ็ เจ้าพระยาบรมมหาศรสี ุริยวงศ์ ตาแหน่งผู้สาเร็จราชการ
แผน่ ดินในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หวั

วิไลเลขา ถาวรธนะสาร, ชนชั้นนาไทยกับการรับวัฒนธรรมตะวันตก (กรุงเทพฯ:
เมืองโบราณ, ๒๕ ๕), ๓๖.

 ๑๐๐ เอกสารสาคญั : สรรพสาระประวตั ิศาสตร์ไทย 

อภิเชษฐ กาญจนดิฐ ๕๗

ยอมรับความรู้ใหม่” ซึ่ง “เจ้าพระยาทิพากรวงศมหาโกษาธิบดี (ขา บุนนาค)”๕
เสนาบดีกรมท่าในรชั สมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นปัญญาชน
สยามเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีบทบาทสาคัญในการรักษาสมดุลดังกล่าว และ
สามารถอภิปรายตอบโต้ในประเดน็ ต่างๆ โดยเฉพาะในเรื่องความเชื่อและหลักคา
สอนทางศาสนากบั ชาติตะวันตกได้อยา่ งลึกซึ้ง เนื่องจากเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯ
มีความรู้ด้านปรชั ญา ศาสนาต่างๆ รวมถึงวิทยาศาสตร์ธรรมชาติอย่างแตกฉาน
ซึ่งสะท้อนผ่านงานเขียนชิ้นสาคัญเรื่อง “หนงั สือแสดงกิจจานุกิจ”

“หนังสือแสดงกิจจานุกิจ” มีความสาคัญในฐานะเอกสารชั้นต้นที่เป็น
หลักฐานสะท้อนให้เห็นว่า ปัญญาชนสยามน้ันมีการขวนขวายหาความรู้ ท้ังยังมี
โลกทศั น์ทีเ่ ปิดกว้างในยุคทีส่ ยามและโลกตะวันออกต้องเผชิญกับแรงท้าทายทาง
ปัญญาอันเนื่องมาจากการแพร่หลายของความรู้แบบตะวันตก ซึ่งกระบวนการ
ดงั กล่าวเปน็ ต้นธารของการปรับเปลี่ยนโลกทัศน์ของผู้คนในสังคมสยามเพื่อก้าว
เข้าสู่ “ยุคสมยั ใหม่” ในเวลาต่อมา

ในการศึกษาครั้งนีจ้ ะมุ่งอภิปรายภูมิหลังของเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯ และ
บริบทต่างๆในสยามขณะนั้นซึ่งเป็นรากฐานสาคัญที่หล่อหลอมแนวคิดของ
เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯ ตลอดจนอภิปรายเนื้อหาและแนวคิดในหนังสือแสดง

๕ เอกสารบางฉบบั สะกดบรรดาศักดิ์ว่า “เจ้าพระยาทิพากรวงษ์มหาโกษาธิบดี” ซ่ึงสะกด
ด้วย “ษ” แต่ผู้วิจัยขอใช้คาว่า “เจ้าพระยาทิพากรวงศมหาโกษาธิบดี” และ “เจ้าพระยา
ทิพากรวงศ์ฯ” ซ่ึงสะกดด้วย “ศ” ตามที่ปรากฏในประกาศแต่งตั้งเจ้าพระยาในรัชสมัย
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ยกเว้นบางถ้อยความซ่ึงอ้างอิงจากต้นฉบับที่สะกดด้วย “ษ” อนึ่งที่ผ่านมาวงวิชาการ
ประวัติศาสตรม์ กั ศึกษาเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯในฐานะผเู้ ขียนพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์
เช่น สมใจ ไพโรจน์ธีรรัชต์, “พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์รัชกาลที่ ๑ -
เปรยี บเทียบฉบับตัวเขียนและตัวพิมพ์ “ในอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร: ๘, ๑
(๒๕๒๙), ๗๑ – ๘๗. ฉลอง สุนทราวณิชย์, “วิวฒั นาการการเขียนประวัติศาสตรไ์ ทย จาก
เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯถึงสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดารงราชานุภาพ ศึกษา
เปรยี บเทียบพระราชพงศาวดารกรงุ รตั นโกสินทร์ รัชกาลที่ ๒” ใน ประวัติศาสตร์และนัก
ประวัติศาสตร์ไทย (กรุงเทพฯ: ประพันธ์สาส์น, ๒๕๑๙),๖๒ – ๙ . นิธิ เอียวศรีวงศ์
(บรรณาธิการ), ประชมุ พงศาวดารฉบบั ราษฎร์ พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์
รชั กาลท่ี ๒ ฉบบั เจา้ พระยาทิพากรวงศ์ฯ (กรงุ เทพฯ: อมรินทร์, ๒๕ ๘).

 ๑๐๐ เอกสารสาคัญ: สรรพสาระประวตั ิศาสตร์ไทย 

๕๘ หนงั สือแสดงกิจจานกุ ิจ
กิจจานุกิจ ซึ่งสะท้อนกระบวนการปรับเปลีย่ นโลกทัศน์ของชนชั้นนาสยามในเวลา
ดังกล่าว

เจา้ พระยาทิพากรวงศ์ (ขา บนุ นาค)
๒. สถานภาพทางการศึกษา

เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯ เริ่มเขียนหนังสือแสดงกิจจานุกิจใน พ.ศ. ๒ ๐๘
ขณะเว้นว่างจากงานราชการในช่วงปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า
เจ้าอยู่หัว เพราะได้รับพระบรมราชานญุ าตให้กราบบังคมทูลลาออกจากราชการ
เพือ่ รกั ษาอาการดวงตาพร่ามัว และเขียนแล้วเสร็จใน พ.ศ. ๒ ๑๐ หลังจากน้ัน
เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯฯพยายามจดั พิมพ์หนังสือเล่มนี้ออกเผยแพร่ แต่เนื่องจาก
หนังสือแสดงกิจจานุกิจมีเนื้อหาบางส่วนอภิปรายและวิจารณ์หลักคาสอนของ
ศาสนาคริสต์ ทาให้ชาวตะวันตกเจ้าของกิจการโรงพิมพ์ในสยามวิจารณ์ความ
เหมาะสมของเนื้อหาและไม่ยอมตีพิมพ์หนังสือเล่มนี้ เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯจึง
จัดพิมพ์หนังสือเล่มนี้เองโดยใช้แบบพิมพ์หิน คือ เขียนตัวอักษรแบบอาลักษณ์

 ๑๐๐ เอกสารสาคัญ: สรรพสาระประวตั ิศาสตร์ไทย 

อภิเชษฐ กาญจนดิฐ ๕๙

แล้วนาแผ่นหินอ่อนมาทาแม่พิมพ์ ทั้งหมด ๓๙๐ หน้า พิมพ์เสร็จเมื่อ ๒๑
พฤศจิกายน พ.ศ. ๒ ๑๐ จานวน ๒๐๐ เล่ม๖

เมื่อเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯฯจัดพิมพ์หนังสือเป็นคร้ังแรกน้ัน ท่านให้ชื่อ
หนังสือเล่มนี้ว่า “หนงั สือแสดงกิจจานุกิตย์”๗ และเมื่อมีผู้จัดพิมพ์เป็นอนุสรณ์ใน
งานฌาปนกิจศพนายศขุ นาคสวุ รรณ ในวันที่ เมษายน พ.ศ.๒๕๐๘ ก็ยัง
ใช้ชอ่ื หนังสือว่า “กิจจานุกิตย์”๘ แต่ต่อมาเมื่อนาย สกุ ิจ นิมมานเหมินทร์ อดีต
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จัดพิมพ์หนังสือเล่มนี้แจกจ่ายผู้สมทบทุน
ทาบุญในงานกฐินสามัคคีที่วัดเกตการาม จังหวัดเชียงใหม่ในปี พ.ศ. ๒๕๑ ก็
เริม่ ใช้ชื่อหนังสือเล่มนี้ว่า “หนงั สือแสดงกิจจานุกิจ” และในปีเดียวกันองค์การค้า
ของคุรุสภาก็นาต้นฉบับดังกล่าวมาจัดพิมพ์โดยใช้ชื่อว่า “หนังสือแสดง
กิจจานุกิจ” เช่นเดียวกัน และยังคงจัดพิมพ์หนังสือเล่มนี้โดยใช้ชื่อดังกล่าว
ต่อเนือ่ งเรื่อยมาจนกระทง่ั ปัจจบุ ัน

ชื่อหนังสือเล่มนี้ซึ่งเดิมใช้คาว่า “กิจจานุกิตย์” แปลตามศัพท์ได้ความว่า
“การที่ต้องทา” และ “การที่ต้องทาตามลาดับ” หรืออาจแปลได้ว่า “หน้าที่ใหญ่
น้อย (อนุกิตย) ทีต่ ้องทา” ๙

เนื่องจาก“หนงั สือแสดงกิจจานกุ ิจ” เป็นเอกสารชั้นต้นที่มีความสาคัญต่อ
การศึกษาประวัติศาสตร์ไทย จึงได้มีผู้นามากล่าวถึงและใช้อ้างอิงอยู่ไม่น้อย
โดยเฉพาะการนาตวั บทและทัศนะของผู้เขียนมาสะท้อนภาพประวัติศาสตร์สังคม
และภูมิปัญญาสยามในช่วงเริ่มต้นยุคสมัยใหม่ ซึ่งสามารถจาแนกได้เป็นสอง

๖ เชิดเกียรติ อัตถากร, “หนังสือแสดงกิจจานุกิจ ตาราวิทยาศาสตร์เล่มแรกของไทย”
อักษรศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ศิลปากร ๘ (๒๕๒๙), ๘๓-๙ .
๗ เจ้าพระยาทิพากรวงศมหาโกษาธิบดี, หนงั สือแสดงกจิ จานุกิจ (กรงุ เทพฯ: องค์การค้า
ของคุรุสภา, ๒๕ ๕), ๖.
๘ เจ้าพระยาทิพากรวงศมหาโกษาธิบดี, กิจจานุกิตย์ (พระนคร : สุทธิสารการพิมพ์,
๒๕๐๘).
๙ ผเู้ ขียนขอขอบคุณ ผศ.สยาม ภัทรานุประวัติ ที่แปลความหมายชื่อหนังสือเล่มดังกล่าว
และยังเสนอข้อสังเกตเพิม่ เติมว่า กิจจานกุ ิตย์ น่าจะเปน็ การรวมรูประหว่างภาษาบาลี กิจจ
กับคาว่า กิตย ซ่ึงเป็นรูปแผลงของคาสันสกฤต กฤตย กิจจ เป็นคาวิเศษ หมายถึง that
which ought to be done, that which to be perform; nt. Something to do

 ๑๐๐ เอกสารสาคัญ: สรรพสาระประวตั ิศาสตร์ไทย 

๖๐ หนังสือแสดงกิจจานุกิจ

กลุ่ม คือ กลุ่มแรก วิเคราะห์ว่าหนังสือแสดงกิจจานุกิจเป็นตัวแทนความรู้ใหม่ที่
ชาวสยามรับมาจากชาวตะวันตก ส่วนกลุ่มที่สองวิเคราะห์ว่าหนังสือแสดง
กิจจานุกิจเป็นส่วนผสมระหว่างพัฒนาการของการสร้างความรู้ในสงั คมสยามกับ
ความรู้จากโลกตะวันตก ทั้งนี้งานบางชิ้นในกลุ่มที่สองยังเสนอว่าเจ้าพระยา
ทิพากรวงศ์ฯ ใช้หนงั สือแสดงกิจจานุกิจเพื่อตอบโต้ความรู้แบบตะวันตกที่เข้ามา
ในสงั คมสยาม

งานในกลุ่มแรกทีน่ ่าสนใจมีอยู่หลายชิ้น เช่น วิไลเลขา ถาวรธนสาร ในงาน
เรื่อง “ชนช้ันนาไทยกับการรับวัฒนธรรมตะวันตก” ซึ่งศึกษาเกี่ยวกับทัศนะและ
ท่าทีของชนช้ันนาไทยในรชั สมยั พระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว ถึงรัชสมัย
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสนอว่าหนังสือแสดงกิจจานุกิจเป็น
ตัวแทนความคิดของกลุ่มชนชั้นนาไทยหัวก้าวหน้าในช่วงปลายพุทธศตวรรษที่
๒ ต่อกับช่วงต้นพุทธศตวรรษที่ ๒๕ อันเป็นช่วงเวลาที่ชนช้ันนาไทยกาลัง
ปรับตัวต้ังรับวัฒนธรรมตะวันตก๑๐

เชิดเกียรติ อัตถากร เสนอบทความเรื่อง “หนังสือแสดงกิจจานุกิจ ตารา
วิทยาศาสตร์เล่มแรกของไทย”ที่อธิบายว่า “หนังสือแสดงกิจจานุกิจ” นาเสนอ
ความรู้ใหม่แก่สังคมสยามโดยเฉพาะความรู้ด้านภมู ิศาสตร์และวิทยาศาสตร์ และ
เสนอว่าควรนับหนังสือแสดงกิจจานุกิจเป็นตาราวิทยาศาสตร์เล่มแรกของ
สยาม๑๑

เครก เรโนลด์ (Craig Reynold) ในบทความเรื่อง “Buddhist Cosmography
in Thai History, with Special Reference to Nineteenth – Century Culture
Change” เสนอว่าความรู้ด้านภมู ิศาสตร์ใน “หนงั สือแสดงกิจจานุกิจ” เป็นความรู้
ใหม่ของสังคมไทยที่แตกต่างจากความรู้และโลกทัศน์เดิมของสังคมไทยโดย
สิ้นเชิง โดยเฉพาะการที่ผู้เขียนอา้ งอิงความรู้เรื่องภูมิศาสตร์สมัยใหม่ซึ่งแตกต่าง

๑๐ วิไลเลขา ถาวรธนสาร, ชนชัน้ นาไทยกบั การรบั วัฒนธรรมตะวนั ตก (กรงุ เทพฯ: เมือง
โบราณ, ๒๕ ๕), ๓๖.
๑๑ เชิดเกยี รติ อัตถากร, “หนังสือแสดงกิจจานกุ ิจ ตาราวิทยาศาสตร์เล่มแรกของไทย” ใน
วารสารอกั ษรศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยศิลปากร ๘ (๒๕๒๙), ๘๓ - ๙ .

 ๑๐๐ เอกสารสาคญั : สรรพสาระประวตั ิศาสตร์ไทย 

อภิเชษฐ กาญจนดิฐ ๖๑

อย่างสิ้นเชิงจากแนวคิดเรื่องภูมิศาสตร์แบบเดิมในสังคมไทยที่อ้างอิงมาจาก
คาอธิบายเรื่องไตรภมู ิในไตรโลกวินิจยถกถา หรอื ไตรภมู ิโลกวินิจฉยั ๑๒

นอกจากนี้ยงั มีชาวตะวันตกร่วมสมัยกับเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯ เช่น นาย
เฮนรี อลาบาสเตอร์ (Henry Alabaster) อดีตรองกงสุลอังกฤษประจาสยาม ซึ่ง
แปลและนาเนือ้ หาบางส่วนของ “หนังสือแสดงกิจจานุกิจ” ไปรวมไว้ในงานเขียน
เรื่อง The Wheel of Law: Buddhism illustrated from Siamese sources by the
Modern Buddhist Life of Buddha, and an account of the Phrabat โดยนายเฮนรี
อลาบาสเตอร์ ระบุว่าขณะที่ชาวสยามส่วนใหญ่ในขณะน้ันสนใจความรู้ของ
ชาวตะวันตกในแง่วัตถุหรือ เครื่องจักรกล แต่ “เจ้าพระยาทิพากร” (Chao Phya
Tipakon) กลับสนใจความเชือ่ ปรชั ญาและประเดน็ ทีเ่ กี่ยวกับทฤษฎีหรืออุดมคติที่
มิใช่วัตถุ ทั้งยังนิยมอ่านตาราทางศาสนาของชาวตะวันตก ตลอดจนนิยมการ
ถกเถียงกับนักบวชและมิชชันนารีอย่างต่อเนื่อง ทาให้เชี่ยวชาญเรื่องศาสนา
ปรัชญาและวิทยาศาสตร์ของโลกตะวนั ตกเป็นอย่างดี ๑๓

ส่วนในกลุ่มที่สองมีงานที่น่าสนใจ คือ นิธิ เอียวศรีวงศ์ ในบทความเรื่อง
โลกของนางนพมาศ ซึ่งตีพิมพ์รวมอยู่ในหนังสือเรื่อง ปากไก่และใบเรือ ว่าด้วย
การศึกษาประวัติศาสตร์ – วรรณกรรมต้นรัตนโกสินทร์ ซึ่งมีแนวคิดหลักว่า
ในช่วงต้นรัตนโกสินทร์มีปัจจัยหลายประการที่ทาให้เศรษฐกิจและสังคมสยาม
เปลีย่ นแปลงไป ลกั ษณะเช่นน้ันทาใหช้ นช้ันนาสยามสนใจวิถีชีวิตของมนุษย์โดยให้
ความสาคญั กบั ตรรกะที่เปน็ เหตเุ ปน็ ผลมากขนึ้ และลดการอธิบายปรากฏการณ์
ต่างๆด้วยอานาจเหนอื ธรรมชาติลงไป โดยบทความชิน้ นี้เสนอประเดน็ หลักว่านาง
นพมาศหรือตารับท้าวศรีจุฬาลักษณ์มิใช่งานเก่าแก่จากยุคสุโขทัยแต่เป็น

๑๒ Craig Reynold, “Buddhist Cosmography in Thai History, with Special Reference to
Nineteenth – Century Culture Change” in The Journal of Asian Studies XXXV:2
(February 1976), pp. 203 – 220.
๑๓ Henry Alabaster. The Wheel of Law: Buddhism illustrated from Siamese
sources by the Modern Buddhist Life of Buddha, and an account of the
Phrabat (London: Trubner, 1871), p.3. ปัจจุบันผู้สนใจสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลนี้ได้ใน
เ ค รื อ ข่ า ย อิ น เ ต อ ร์ เ น็ ต ที่ http://archive.org/stream/wheellawbuddhis00ibgoog#page/
n26/mode/2up

 ๑๐๐ เอกสารสาคญั : สรรพสาระประวตั ิศาสตร์ไทย 

๖๒ หนงั สือแสดงกิจจานกุ ิจ

วรรณกรรมสมัยต้นรัตนโกสินทร์ เพราะเรื่องราวต่างๆที่ปรากฏในหนังสือเล่ม
ดังกล่าวล้วนเป็นภาพสะท้อนบริบทต่างๆในสัง คมสย ามสมัยต้นรัตนโก สินทร์
อย่างไรก็ตามผู้เขียนก็อภิปรายไว้ในเนื้อหาบางส่วนว่าหนังสือแสดงกิจจานุกิจ
เกิดขึน้ ในเงื่อนไขทีส่ ยามเผชิญหน้ากบั การเปลี่ยนแปลงที่เข้ามาพร้อมกับการเข้า
มาของชาติตะวันตก โดยเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯนาแนวคิดวิทยาศาสตร์มาใช้
ประยุกต์อธิบายพระพุทธศาสนาเพื่อให้แนวคิดท้ังสองไม่ขัดแย้งกัน ซึ่งมีผลต่อ
การจากัดความและกาหนดขอบเขตพุทธศาสนาขนึ้ ใหม่๑

ปีเตอร์ เอ. แจ็คสัน (Peter A. Jackson) ในบทความเรื่อง “Thai Buddhist
Identity: Debates on the Tripume Phra Ruang” เสนอว่าในยุคที่สยามต้อง
เผชิญหน้ากับแรงท้าทายจากอิทธิพลของตะวันตกน้ัน เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯใช้
หนังสือกิจจานุกิจเป็นช่องทางรักษาคุณค่าทางศีลธรรมด้ังเดิมของสังคมไทย
เพราะพยายามอธิบายคาสอนและค่านิยมเดิมของสังคมไทย ให้สอดคล้องกับ
ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ซึง่ นิยมกนั ในยุคดังกล่าว๑๕

งานอีกชิ้นหนึ่งซึ่งมีบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจ คือ ทวีศักดิ์ เผือกสม ใน
บทความเรื่อง “การทาตะวันตกให้เป็นตะวันออกของสยาม (Orientalizing the
Occidental of Siam): การตอบโต้รับมือกับวาทกรรมความเป็นอื่นของมิชชันนารี
ตะวันตกโดยปัญญาชนสยามในช่วงต้นศตวรรษที่ ๑๙” ซึ่งใช้หนังสือแสดง
กิจจานุกิจเป็นหลักฐานเพื่ออภิปรายประวัติศาสตร์ภูมิปัญญาสยาม โดยผู้เขียน
เสนอว่าหนังสือแสดงกิจจานุกิจซึ่งเป็นงานเขียนที่ยิ่งใหญ่ทางประวัติศาสตร์ภูมิ
ปั ญ ญ า ส ย า ม เ กิ ด ขึ้ น จ า ก ก ร ะ บ ว น ก า ร ส น ท น า ร ะ ห ว่ า ง ห ม อ ส อ น ศ า ส น า
ชาวตะวนั ตกและปญั ญาชนสยาม โดยหมอสอนศาสนาอธิบายว่าศาสนาคริสต์คือ
สิง่ ที่ควบคู่กบั ความเจริญทางวตั ถุของชาวตะวนั ตก ขณะที่เจ้าพระยาทิพากรวงศ์
ฯและปัญญาชนสยามตอบโต้ว่าควรแยกความเจริญทางโลกและคาสอนทาง

๑ นิธิ เอียวศรวี งศ์, “โลกของนางนพมาศ” ใน ปากไก่และใบเรือ รวมความเรียงว่าด้วย
การศึกษาประวัติศาสตร์และวรรณกรรมต้นรัตนโกสินทร์ (กรุงเทพฯ: อมรินทร์พิมพ์,
๒๕๒๗), ๓๓๕ – ๓๗๒..
๑๕ Peter A. Jackson, “Thai Buddhist Identity: Debates on the Tripume Phra Ruang” in
National Identity and Its Defenders Thailand Today. Craig J. Reynolds (Editor)
(Chiangmai: Silkwormbooks, 2002), 155 – 188.

 ๑๐๐ เอกสารสาคัญ: สรรพสาระประวตั ิศาสตร์ไทย 

อภิเชษฐ กาญจนดิฐ ๖๓

ศาสนาออกจากกัน โดยเสนอว่าชาวตะวันตกอาจเหนือกว่าชาวสยามในแง่
เทคโนโลยี แต่คาสอนตามหลักพุทธศาสนาเป็นเหตุเป็นผลกว่าคาสอนในศาสนา
คริสต์ ลกั ษณะเช่นนี้ทาใหช้ นชั้นนาสยามไม่ตะขิดตะขวงใจที่จะรับความเจริญทาง
วัตถุแบบชาวตะวันตก ในขณะที่สามารถปฏิเสธคาสอนตามหลักคริสต์ศาสนา
ได้๑๖

ขณะทีว่ งการพทุ ธศาสน์ศกึ ษาในสังคมไทยก็นาหนังสือแสดงกิจจานุกิจมา
ใช้ประโยชน์ในการศึกษา เช่น พระมหาสมบูรณ์ วุฑฺฒิกโร เสนอไว้ในบทความ
เรื่อง “วรรณกรรมพระพุทธศาสนาในสังคมยุคใหม่" ว่าหนังสือแสดงกิจจานุกิจ
เป็นวรรณกรรมเชิงศาสนาในยุคที่สังคมไทยเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคใหม่ที่สะท้อนให้
เห็นถึงอิทธิพลของแนวคิดแบบเหตุผลนิยมและวิทยาศาสตร์ตะวันตก โดยที่
วรรณกรรมชิ้นนี้ชี้ให้เห็นว่าคาสอนดั้งเดิมของพระพุทธศาสนาเข้ากันได้กับหลัก
วิทยาศาสตร์๑๗

นอกจากนี้ยังมีอีกหลายภาคส่วนที่ตระหนักว่าหนังสือแสดงกิจจานุกิจ
หนังสือแสดงกิจจานุกิจมีประโยชน์และคุณค่าต่อสังคมไทย เช่น วิทยากร เชียง
กูล และคณะ ที่จัดให้หนังสือแสดงกิจจานุกิจเป็นหนึ่งใน “สารานุกรม แนะนา
หนงั สือดี ๑๐๐ เล่มที่คนไทยควรอ่าน” โดยให้เหตุผลว่าหนังสือแสดงกิจจานุกิจ
อธิบายธรรมชาติและวิทยาศาสตร์ตามความรู้และเข้าใจของปัญญาชนไทยในยุค
นั้นได้อย่างน่าสนใจ และแม้หนังสือเล่มนี้จะมีเค้าเรื่องเดิมหรือเขียนขึ้นก่อนสมัย
รชั กาลท่ี ๕ แต่ยังมีภมู ิปญั ญา มีวัฒนธรรมที่สืบต่อมาได้จนถึงยุคใหม่ และคนรุ่น
ปัจจุบนั น่าจะยังอ่านได้รสชาติและความเพลิดเพลิน๑๘

๑๖ ทวีศักดิ์ เผือกสม, “การทาตะวันตกให้เป็นตะวันออกของสยาม (Orientalizing the
Occidental of Siam): การตอบโต้รับมือกับวาทกรรมความเป็นอื่นของมิชชันนารีตะวันตก
โดยปัญญาชนสยามในช่วงต้นศตวรรษที่ ๑๙” ใน รัฐศาสตร์สาร ๒๐, ๓ (๒๕ ๑), ๒๕๓
– ๓๑๓.
๑๗พระมหาสมบูรณ์ วุฑฺฒิกโร, วรรณกรรมพระพุทธศาสนาในสังคมยุคใหม่" ใน
http://www.mcu.ac.th/site/articlecontent_desc.php?article_id=446&articlegroup_id=102
สืบค้นเมื่อ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๕
๑๘ วิทยากร เชียงกูลและคณะ, สารานุกรมแนะนาหนังสือดี ๑๐๐ เล่มที่คนไทยควร
อ่าน (กรุงเทพฯ: สานกั งานกองทนุ สนับสนนุ การวิจัย (สกว.), 2542).

 ๑๐๐ เอกสารสาคัญ: สรรพสาระประวัติศาสตร์ไทย 

๖ หนงั สือแสดงกิจจานุกิจ

นอกจากนี้ ชัยวัฒน์ คุประตกุล นักวิชาการทางวิทยาศาสตร์ซึ่งทา
โครงการวิจัย “หนังสือดีวิทยาศาสตร์” และพัฒนาเป็นหนังสือ เรื่อง “ปริทัศน์
หนังสือดีวิทยาศาสตร์ ๘๘ เล่ม” ก็เสนอว่า “หนังสือแสดงกิจจานุกิจ” เป็นหนึ่ง
ในสารคดีวิทยาศาสตร์ชนิ้ สาคัญที่ผู้สนใจเรื่องราวด้านวิทยาศาสตร์ในสังคมไทย
ควรอา่ น๑๙

อย่างไรก็ตามจากการสารวจผลงานทางวิชาการข้างต้น พบว่างาน
เหล่านี้มุ่งแสดงว่า “หนังสือแสดงกิจจานุกิจ” เปน็ ภาพสะท้อนความรู้ใหม่ทีส่ าคัญ
ในสังคมสยาม แต่กลับยังไม่มีงานใดที่เสนอให้เห็นโดยละเอียดว่า ความรู้ใหม่
ดังกล่าวก่อตัวขึ้นได้อย่างไร และอะไรคือพื้นฐานแนวคิดของเจ้าพระยาทิพากร
วงศ์ฯที่นามาสู่การประพันธ์งานเขียนดังกล่าว การศึกษาคร้ังนี้จึงจะพยายาม
ศึกษาถึงปัจจัยและบริบทที่มีผลต่อการหล่อหลอมทางความรู้และโลกทัศน์ของ
พระยาทิพากรวงศ์ ซึ่งนอกจากการศึกษาดังกล่าวจะช่วยให้เข้าใจแนวคิดของ
ผู้เขียนและสาระต่างๆในงานชิ้นนีด้ ีขนึ้ แล้ว การศึกษาในประเด็นนี้ยังอาจจะช่วยให้
ทาความเข้าใจการปรับเปลี่ยนโลกทัศน์ของกลุ่มปัญญาชนและชนช้ันนาสยามใน
เวลาดังกล่าวในอีกมิติหนึ่ง ในฐานะที่เจ้าพระยาทิพากรวงศ์เป็นตัวแทนที่สาคัญ
คนหนึ่งของกลุ่มปญั ญาชนและชนช้ันนาสยามในเวลาดังกล่าว

๓.สารตั ถะวิพากษ์
๓.๑ เจ้าพระยาทิพากรวงศ์มหาโกษาธิบดผี ู้แต่งหนังสือแสดงกิจจานุกิจ

เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯเขียน “หนังสือแสดงกิจจานุกิจ” ขึ้นใน พ.ศ.
๒ ๐๘ (ค.ศ.๑๘๖๕) ดังนั้น การทาความเข้าใจภูมิหลังชีวิตด้านต่างๆ ของ
เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯ เป็นสิ่งสาคัญที่จะช่วยให้เข้าใจปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อ
ความคิดของท่าน ซึง่ เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ช่วยทาให้เข้าใจการปรับเปลี่ยนโลกทัศน์
ของชนชั้นนาสยามในยุคเปลี่ยนผ่านได้อีกทางหนึ่ง

๑๙ ชัยวัฒน์ คุประตกุลและคณะ, ปริทัศน์หนังสือดีวิทยาศาสตร์ ๘๘ เล่ม (กรุงเทพฯ:
ดับเบิ้ลนายน์, ๒๕ ๕).

 ๑๐๐ เอกสารสาคญั : สรรพสาระประวตั ิศาสตร์ไทย 

อภิเชษฐ กาญจนดิฐ ๖๕

ภมู ิหลงั ของเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯ ที่จะศึกษานี้มีอยู่ ๕ ประเด็น คือ ชาติ
กาเนิด การศึกษา อิทธิพลจากการปฏิรูปพุทธศาสนาในสยาม ประสบการณ์
ทางาน และความสนใจด้านการประพันธ์

ภูมิหลังเรื่องชาติกาเนิดมีความสาคัญไม่น้อยต่อการหล่อหลอมความคิด
และโลกทศั น์ของเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯ โดยเฉพาะเมื่อท่านถือกาเนิดในตระกูล
บุนนาคซึ่งมีบทบาทสาคญั ทางการเมืองและเศรษฐกิจมาต้ังแต่คร้ังสถาปนากรุง
รัตนโกสินทร์ โดยเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯมีนามเดิมว่า “ขา” เกิดเมื่อวันศุกร์ ที่
๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๓๕๖ (ค.ศ.๑๘๑๓)๒๐ เป็นบุตรสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหา-
ประยรู วงศ์ (ดิศ) เจ้าพระยาพระคลงั และว่าการสมหุ กลาโหม กับ หม่อมรอด ทั้ง
ยังเปน็ หลานปู่ของเจ้าพระยาอรรคมหาเสนา (บุนนาค) ขุนนางคนสนิทของสมเดจ็
พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก และเป็นหลานย่าของ “เจ้าคุณนวล” พระกนิษฐาใน
สมเด็จพระอมรินทรามาตย์ พระอัครมเหสีในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า
จุฬาโลก ดงั น้ันนอกจากความสมั พนั ธ์ทางราชการแล้วเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯยัง
มีความใกล้ชิดทางเครือญาติกับราชวงศ์จกั รีเพราะตระกลู บุนนาคเปน็ ราชินิกลุ อกี
สายสกุลหนึ่ง เมื่อพิจารณาจากสถานะชาติกาเนิดดังกล่าวจึงอาจกล่าวได้ว่า
“นายขา” มีโอกาสและสถานะทางสังคมที่สูงกว่าสามัญชนชาวสยามในเวลา
ดังกล่าวไม่น้อยทีเดียว

นอกจากนี้สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ บิดา “นายขา” ก็มีความ
ใกล้ชิดอย่างยิ่งกับราชสานัก เพราะเคยบวชเรียนร่วมกันกับพระบาทสมเด็จพระ
นั่งเกล้าเจ้าอยู่หวั ตั้งแต่ครั้งทพ่ี ระองค์ยังดารงพระยศเปน็ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์
ทั้งยงั เป็นขนุ นางในกรมพระคลงั ซึง่ กรมหมืน่ เจษฎาบดินทร์ทรงกากับดูแล ต่อมา
เมื่อสิ้นรัชกาลที่ ๒ เจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ) และเครือญาติตระกูลบุนนาคมี
บทบาทสาคัญสนับสนุนให้กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ขึ้นครองราชสมบัติเป็น
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทาให้สมาชิกตระกูลบุนนาคมีความดี

๒๐ อยู่ในช่วงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย

 ๑๐๐ เอกสารสาคัญ: สรรพสาระประวตั ิศาสตร์ไทย 

๖๖ หนังสือแสดงกิจจานกุ ิจ

ความชอบ ท้ังยังมีบทบาทและอิทธิพลในการบริหารราชการแผ่นดินตลอด
รชั กาล๒๑

ในขณะที่เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯก็มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเจ้านายและ
ขนุ นางกลุ่มอื่นๆในบรรดาชนช้ันนาสยามเช่นกัน โดยเฉพาะกับ “วชิรญาณภิกขุ”
หรอื เจ้าฟ้ามงกฎุ ดงั เหน็ ได้จากเมื่อคร้ังท่วี ชิรญาณภิกขุทรงโปรดให้ศาสนาจารย์
เจสสี แคสเวลล์ มาสอนภาษาอังกฤษแก่พระองค์และพระสงฆ์ที่วัดบวรนิเวศ
วิหาร ทายาทรุ่นหนุ่มของตระกลู บุนนาค เช่น จมื่นไวยวรนาถ (ช่วง)และน้องชาย
หลายคน รวมท้ังจมืน่ ราชามาตย์ (ขา) มาขอร่วมเรียนด้วย๒๒ การที่พี่น้องตระกูล
บุนนาคเหล่านี้ไปเล่าเรียนภาษาอังกฤษและพบปะพูดคุยกับมิชชันนารีอย่ าง
สมา่ เสมอทาให้ “นายขา” และขุนนางหนุ่มในตระกูลบุนนาคมีโอกาสสร้างความ
ใกล้ชิดกบั วชิรญาณภิกขุ นอกจากนี้ยังมีหลักฐานว่าจมืน่ ไวยวรนาถและจมื่นราชา
มาตย์ซึ่งทานุบารุงวัดดอกไม้ (วัดบุปผารามวรวิหาร) ได้ทูลขอพระสงฆ์
ธรรมยตุ ิกนิกายให้มาจาพรรษาที่วัดดังกล่าว ทาให้วชิรญาณภิกขุต้องเสด็จมาที่
วดั นั้นบ่อยครั้ง จึงมีโอกาสเจรจาวิวาสะกันและค่อยๆ เกิดความสนิทสนมระหว่าง
พระองค์กับขุนนางท้ังสองสืบมา๒๓ สันนิษฐานกันว่ากลุ่มทายาทตระกูลบุนนาค
เหล่านี้พยายามสร้างความสนิทสนมกบั พระองค์เพื่อการธารงอิทธิพลของตระกูล

๒๑ นิธิ เอียวศรีวงศ์ (บรรณาธิการ), ประชุมพงศาวดารฉบับราษฎร์ พระราช
พงศาวดาร กรุงรตั นโกสินทร์ รัชกาลท่ี ๒ ฉบับเจ้าพระยาทิพากรวงศฯ์ , ๒๑ –
๒๓.
๒๒ วิลเลียม แอล บรดั เลย์. สยามแต่ปางกอ่ น ๓๕ ปีในบางกอกของหมอบรดั เลย์, แปล
โดย ศรเี ทพ กุสมุ า ณ อยุธยาและศรีลักษณ์ สง่าเมือง, พิมพ์คร้ังที่ ๒ (กรุงเทพฯ: มติชน,
๒๕ ๗), ๑๓๐ – ๑๓๑.
๒๓ สมเดจ็ กรมพระยาดารงราชานุภาพ. ประวัติสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์
เมื่อก่อนเป็นผู้สาเร็จราชการแผ่นดิน, (พระนคร: โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร,
๒ ๗๒ ๒ ๗๒), ๑ – ๑๕.

 ๑๐๐ เอกสารสาคัญ: สรรพสาระประวัติศาสตร์ไทย 

อภิเชษฐ กาญจนดิฐ ๖๗

บุนนาคในราชสานักสืบต่อไป หากเจ้าฟ้ามงกุฎทรงลาสิกขาจากสมณเพศมารับ
ราชบัลลังก์ในอนาคต๒

ความใกล้ชิดระหว่างวชิรญาณภิกขุกับจมื่นราชมาตย์และสมาชิกรุ่นหนุ่ม
ตระกูลบุนนาคเริ่มปรากฏผลทางการเมืองในช่วงปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จ
พระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว เนื่องจากองค์กษัตริย์มิได้ทรงระบุถึงรัชทายาทไว้อย่าง
ชัดเจนทาใหม้ ีผู้ทีอ่ ยู่ในข่ายสืบราชสมบัติหลายพระองค์ ท้ังพระโอรส และพระเจ้า
น้องยาเธอ เช่น “วชิรญาณภิกขุ” และ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์๒๕ ใน
สถานการณ์เช่นน้ันทาให้

“...พระยาศรีสุริยวงศ์กับจมื่นราชามาตย์๒๖ บุตรของ
เจ้าพระยาพระคลังอัก ๑ คน ซึ่งเฉียบแหลมเป็นผู้ตักเตือน
บิดาใหด้ าริเตรียมการเรื่องเปลี่ยนรัชกาล พอเจ้าพระยาพระ
คลังได้รับกระแสรับสั่งของพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้า
เจ้าอยู่หัวแสดงพระราชปรารภให้ทราบว่าจะเสด็จสวรรคต
และพระราชทานอนุญาตให้พระราชวงศ์กับเสนาบดีเลือกรัช
ทา ยา ท...ก็ไปเ ฝ้าพระบา ทสมเ ด็จพระจ อมเ กล้า เจ้า อยู่หัว
กราบทูลให้ทรงทราบว่า เสนาบดีปรึกษากันจะเชิญเสด็จขึ้น
ครองราชย์สมบตั ิ...”๒๗

ความจัดเจนของตระกูลบุนนาคในการคาดการณ์ทางการเมืองนามาสู่
ความสาเร็จทางการเมืองของตระกูลนี้อีกครั้งหลังจากพระบาทสมเด็จพระจอม
เกล้าเจ้าอยู่หัวทรงขึน้ ครองราชย์ เพราะพระองค์ทรงโปรดเกล้าฯใหเ้ ลือ่ นตาแหน่ง
แก่ขุนนางตระกลู บุนนาคซึง่ มีบทบาทสาคญั ต่อการขนึ้ ครองราชย์ของพระองค์ ดัง
การเลื่อนเจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ) เป็นสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์

๒ ชมพูนุท นาคีรักษ์, การสืบสันตติวงศ์ของพระบรมราชจักรีวงศ์ในสมัย
สมบรู ณาญาสิทธิราชย์,(วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะ
สงั คมศาสตร์ มหาวิทยาลยั ศรนี ครินทรวิโรฒ ประสานมิตร, ๒๕๓๘), ๖๑.
๒๕ วอลเตอร์ เอฟ. เวลลา, แผ่นดินพระน่ังเกล้า (กรุงเทพฯ: สมาคมสังคมศาสตร์แห่ง
ประเทศไทย, ๒๕๑ ), ๑๘ – ๒๒.
๒๖ ในขณะนั้นเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯมีบรรดาศักดิเ์ ป็นจมน่ื ราชามาตย์
๒๗ สมเดจ็ กรมพระยาดารงราชานุภาพ, ความทรงจา, (มติชน: กรุงเทพฯ, ๒๕ ๖), ๗ .

 ๑๐๐ เอกสารสาคญั : สรรพสาระประวัติศาสตร์ไทย 

๖๘ หนงั สือแสดงกิจจานกุ ิจ

เลือ่ นเจ้าพระยาศรีพิพัฒน์ (ทัต) น้องชายสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์
เป็นสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ เลื่อนพระยาศรี สุริยวงศ์ (ชุ่ม) เป็น
เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ โดยในกรณีของ “จมื่นราชามาตย์” (ขา) นั้น พระองค์ทรง
โปรดให้

“...ยกจมื่นราชามาตย์ บุตรสมเดจ็ เจ้าพระยาองค์ใหญ่มาเป็น
เจ้าพระยาผู้ช่วยราชการในกรมท่า พระราชทานเครื่องยศ
พานทอง กระโถนทอง เต้าน้า กระบี่นาคสามเศียรฝักประดับ
พลอยลงยาราชวดี ได้นามว่า เจ้าพระยารวิวงษ มหาโกษาธิ
บดี..”๒๘ โดย “...ให้จมื่นราชามาตย์ไปช่วยราชการในกรมท่า
และช่วยตริตรองธุระท้ังปวงในการรักษาแผ่นดินด้วย ตั้งแต่
วนั ศุกร์ เดือน ๖ แรมคา่ ๑ ปีกนุ ตรีศกศักราช ๑๒๑๓...”๒๙

ข้อสงั เกตที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเลื่อนตาแหน่งของจมืน่ ราชามาตย์ในครง้ั นี้
คือ เป็นการเลื่อนจาก “จมื่น” เป็น “เจ้าพระยา” โดยข้ามข้ัน “พระยา” จึง
สันนิษฐานได้ว่าเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯคงมีความดีความชอบอย่างสูงต่อการ
เสด็จขึน้ ครองราชย์ดังกล่าว

อนึ่ง เ มื่อสม เ ด็ จเ จ้า พร ะ ย าบร มม หา ปร ะ ยู รวง ศ์ ถึง แก่พิร า ลั ย
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดฯ ให้เจ้าพระยารวิวงษมหา-
โกษาธิบดีเปน็ เสนาบดีกรมท่า แต่ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมี
พระราชดาริว่าบรรดาศักดิเ์ ดิมของเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯเปน็ กาลกิณีเป็นเหตุให้
เจ็บป่วยบ่อย จึงทรงเปลี่ยนให้ใหม่เปน็ เจ้าพระยาทิพากรวงศมหาโกษาธิบดี นานา

๒๘ เจ้าพระยาทิพากรวงศมหาโกษาธิบดี, พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาล
ที่ ๔ ของเจา้ พระยาทิพากรวงศมหาโกษาธิบดี (กรุงเทพฯ: คณะกรรมการอานวยการ
จดั งานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระจอมเจ้าอยู่หวั ฯ, ๒๕ ๗), ๕๒.
๒๙ พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระสมมตอมรพันธ์, ต้ังเจ้าพระยากรุงรัตนโกสินทร์,
คณะรัฐมนตรีจัดพิมพ์ในงานพระราชทานเพลิงศพหม่อมหลวงชูชาติ กาภู เมรุพลับพลา
อิสรยิ าภรณ์ วดั เทพศิรินทราวาส วนั ที่ ๑๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๑, ๕๑.

 ๑๐๐ เอกสารสาคญั : สรรพสาระประวตั ิศาสตร์ไทย 

อภิเชษฐ กาญจนดิฐ ๖๙

ไพรชั ไมตรีบริรักษ์ฯ๓๐ จากนั้นมาเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯก็ถวายการรับใช้มาโดย
ตลอด เว้นในช่วงปลายรัชสมัยซึ่งเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯมีปัญหาสายตาพร่ามัว
จึงกราบบังคมทลู ลาออกจากราชการเพือ่ พกั รักษาตัว

ภูมิหลังของเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯซึ่งถือกาเนิดในตระกูลบุนนาคซึ่ง
ใกล้ชิดกับศนู ย์กลางอานาจรัฐในเวลาดังกล่าว นอกจากจะทาให้เจ้าพระยาทิพา
กรวงศ์ฯมีโอกาสทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมเหนือกว่าชาวสยามโดยส่วน
ใหญ่ในขณะน้ันแล้ว ยังน่าจะทาให้เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯแนบแน่นกับค่านิยม
กระแสหลักในราชสานักในเวลาดังกล่าว เช่น ขนบจารีตนิยมตามแบบแผนราช
สานัก ค่านิยมเรือ่ งพทุ ธศาสนา แนวคิดเรื่องหลักราชการ ตลอดจนพระราชนิยม
ขององค์กษัตริย์ เป็นอย่างยิ่ง ขนบเหล่านี้คงมีส่วนหล่อหลอมความคิดและโลก
ทัศน์ของเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯให้ “เป็นอันหนึ่งอันเดียว” กับราชสานัก
เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯจึงไม่อาจมีโลกทัศน์และทัศนคติต่างๆที่แตกต่างไปจาก
ทัศนคติและค่านิยมของราชสานักได้มากนัก ทัศนะบางประการของเจ้าพระยา
ทิพากรวงศ์ฯจึงเป็นเสมือน “กระบอกเสียง” ของทางการสยาม เช่น เนื้อหาใน
หนังสือแสดงกิจจานุกิจที่อภิปรายตอบโต้ชาวตะวันตกเรื่องหลักคาสอนในหลัก
พทุ ธศาสนา

ประเดน็ เรื่องการศึกษาน้ัน เนื่องจาก“นายขา” ถือกาเนิดในตระกูลสาคัญ
ในสยามจึงเอือ้ ใหเ้ จ้าตัวสามารถแสวงหาความรู้จากแหล่งต่างๆได้อยา่ งเต็มที่ ทา
ให้มีประสบการณ์และโลกทัศน์ที่กว้างขวาง แต่ยังไม่พบหลักฐานว่า “นายขา”
เริ่มต้นเล่าเรียนหนังสือที่ใด สันนิษฐานว่าเริ่มต้นศึกษาเล่าเรียนตามแบบบุตร
หลานขุนนางช้ันผู้ใหญ่ในขณะน้ัน คือ เข้าศึกษาข้ันพื้นฐาน หรือ “ช้ันมูล” กับ
พระสงฆ์ที่วัด ซึง่ ต้องเรียนวิชาพืน้ ฐานสองวิชา คือ การอ่านเขียนหนังสือไทยและ
วิชาเลขคณิต๓๑ แต่เนื่องจากตระกูลบุนนาคเป็นตระกูลใหญ่ซึ่งสมาชิกในตระกูล
หลายรุ่นรับราชการในตาแหน่งสาคัญมาอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นไปได้ว่าภายใน

๓๐ ปิยะนาถ บุนนาค, บทบาททางการเมืองการปกครองของเสนาบดีตระกูลบุนนาค,
(กรุงเทพฯ: ดวงกมล, ๒๕๒๐), ๒๖.
๓๑ ชัย เรืองศิลป์. ประวัติศาสตร์ไทย สมัย พ.ศ. พ.ศ. ๒๓๕๒ – ๒๔๕๓ ด้านสังคม
(กรงุ เทพฯ: ๒๕ ๕), ๑๑๙.

 ๑๐๐ เอกสารสาคัญ: สรรพสาระประวตั ิศาสตร์ไทย 

๗๐ หนังสือแสดงกิจจานกุ ิจ

“จวน” ของตระกูลบุนนาคก็คงจัดการเรียนการสอนเป็นพิเศษแก่สมาชิกใน
ตระกลู ซึ่งทาให้สมาชิกตระกูลบุนนาคท้ังหญิงและชายมีความรู้อย่างกว้างขวาง
เพราะแม้กระทั่งสมเด็จฯกรมพระยาดารงราชานุภาพเมื่อทรงพระ เยาว์ก็เคยรับ
การศึกษาจากสตรีตระกูลบนุ นาค ดงั พระองค์ทรงเล่าว่า

“...การศึกษาของตวั ฉนั เอง ได้ทันเรียนชั้นปฐมศึกษาตามแบบ
เก่าเมื่อในสมัยรัชกาลที่ แรกเรียนต่อคุณแสงเสมียน ใน
เวลาน้ันหนังสือเรียนยังไม่มีฉบับพิมพ์ แม่ต้องจ้างให้
อาลักษณ์เขียนหนังสือเรียนด้วยเส้นหรดาลลงในสมุดดา...
ต่อมาย้ายไปเรียนต่อคุณปาน ธิดาสมเด็จเจ้าพระยาบรม
มหาพิไชยญาติ๓๒ ถึงตอนนี้เริ่มใช้หนังสือพิมพ์ คือ ปฐม ก กา
ซึง่ หมอบรัดเลย์พิมพ์ขึ้นเป็นคร้ังแรก...หัดอ่านสระพยัญชนะ
และอ่านตัวอักษรประสมกันไปจนจบแม่เกย แล้วหัดอ่าน
หนังสือเรื่องต่างๆ เช่น บทละครเรื่องอิเหนาและรามเกียรติ์
เป็นต้น...”๓๓

การถือกาเนิดในตระกูลบุนนาคซึ่งมีดูแลกิจการด้านการต่างประเทศและ
ต้องติดต่อกับชาวต่างชาติต่างภาษาเป็นจานวนมาก คงมีส่วนสาคญั ที่ทาให้ “นาย
ขา” นายขา” และบรรดาเครือญาติมีโอกาสเรียนรู้วิทยาการตลอดโลกทัศน์ของ
ชาวตะวันตกและเรื่องราวโลกภายนอกมากกว่าชาวสยามส่วนใหญ่ในขณะน้ัน
ท้ังนี้นอกจากการศึกษาองค์ความรู้ต่างๆโดยตรงจากหมอสอนศาสนาและ
ชาวตะวันตกอื่นๆ แล้ว เจ้าพระยาทิพากรวงศ์มีโอกาสแสวงหาความรู้และข่าวสาร
ต่างๆ ผ่านการอา่ นหนังสือที่เริ่มตีพิมพ์ขึ้นในสยาม แต่หนังสือทีน่ ่าจะมีอิทธิพลต่อ
ความรับรู้และความคิดของเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯ มากที่สุดเล่มหนึ่งคงเป็น

๓๒ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ (ทัต) เป็นน้องชายร่วมสายโลหิตของสมเด็จ
เจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ (ดศิ )
๓๓ สมเดจ็ กรมพระยาดารงราชานภุ าพ, ความทรงจา, ๑๙.

 ๑๐๐ เอกสารสาคัญ: สรรพสาระประวตั ิศาสตร์ไทย 

อภิเชษฐ กาญจนดิฐ ๗๑

“หนังสือจดหมายเหตุ” หรือ “Bangkok Recorder” ซึ่งเริ่มตีพิมพ์เมื่อ “เดือนแปด
ปถั มาสตร์ จลุ ศักราช ๑๒๐๖ July, 1844 คริศศกั ราช ๑๘ ๓ โดย

“...พวกครูอะเมริกา๓๕ ซึ่งอาไศรยอยู่หน้าวัดเจ้าคุณพระคลัง,
ได้ปฤกษาพร้อมใจกนั ว่า, จะแต่งหนังสือข่าวตีภิมเปนภาษาไท
, ตีภิมเดือนละแผ่น...ปีหน่งึ สิบสองแผ่น, ในหนังสือข่าวนั้นจะ
มีข่าวใหม่มาแต่เมือง,ซิงกะโประ๓๖,เมืองจีน เมืองพม่า เมือง
กลาป๋า๓๗ เมืองกาลกัดตา๓๘ เมืองลังกา เมืองบัมเบ๓๙
เมืองซุรัต ๐ เมืองอิงลันดา ๑ เมืองฝรั่งเศศ เมืองอเมริกาแล
อีกหลายเมือง. จะบอกไว้ว่ามีข่าวมาแต่ทุกเมือง. อนึ่งใน
หนังสือนี้จะให้รู้ราคาของ, ซึ่งเอาไปจากเมืองนี้ไปขายเมือง
นอก, แลของในเมืองนอก, เอามาขายในเมืองนี้, อนึง่ ลางทีจะ
ว่าด้วยพงษาวะดาน แลทาเนียมเมืองนอก. อนึ่งลางทีจะว่า
ด้วยตารารักษาโรคต่างๆ,แลบอกซึ่งสิ่งที่จะกระทามิให้มีโรค
ด้วย. อนึง่ ลางทีจะแต่งคาสอนสาหรับคนซึ่งปราถนาจะเรียน
คาอังกฤษ....” ๒

๓ หนังสือจดหมายเหตุ The Bangkok Recorder, ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรด
กระหม่อมให้พิมพ์พระราชทาน ในงานพระราชทานเพลิงศพ นายสมหมาย ฮุนตระกลู ป.จ.,
ม.ป.ช., ม.ว.ม. ณ เมรุหลวงพลับพลาอิสริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส วันเสาร์ที่ ๒๕
ธนั วาคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๑๖, ๙.

๓๕ ต้นฉบับสะกดคาว่า อเมริกา (America) แตกต่างกันในสองจุด คือ อะเมริกา
และอะเมริกา

๓๖ สิงคโปร์
๓๗ ในเอกสารบางชนิ้ เขียนเป็น กะหลาป๋า หมายถึง เมืองปัตตาเวีย ปัจจุบัน เมือง
จาการต์ า ประเทศอินโดนีเซยี
๓๘ เมืองกัลกัตตา ประเทศอินเดีย
๓๙ เมืองบอมเบย์ ปัจจบุ ัน คือ มุมไบ ประเทศอินเดีย
๐ เมืองซูรัต เป็นเมืองท่าสาคัญอยู่ในรัฐกุจราช (Gujarat) ทางภาคตะวันตกของ
อินเดีย
๑ ประเทศองั กฤษ (England)
๒ หนังสือจดหมายเหตุ The Bangkok Recorder, ๙.

 ๑๐๐ เอกสารสาคญั : สรรพสาระประวตั ิศาสตร์ไทย 

๗๒ หนังสือแสดงกิจจานกุ ิจ

การเริ่มต้นจัดพิมพ์หนังสือจดหมายเหตุ Bangkok Recorder เกิดขึ้นในรัช
สมัยพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งขณะนั้น “นายขา มีบรรดาศักดิ์
เป็นจมื่นราชามาตย์มีอายุราว ๓๐ – ๓๑ ปี จมื่นราชามาตย์เป็นหนึ่งในผู้อ่าน
หนังสือเล่มนี้ เพราะกลุ่มผู้จัดพิมพ์ล้วนเป็นชาวตะวันตกที่ใกล้ชิดกับจมื่นราชา
มาตย์และชนช้ันนาสยามในขณะนั้น นอกจากนี้หนงั สือจดหมายเหตุ ฉบับ “เดือน
สาม แรมสิบห้าค่า จุลศักราช ๑๒๒๗ Jan 31th 1866 กฤษศักราช ๑๘๖๖” ใน
รัชสมยั พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หวั กร็ ะบรุ ายชือ่ สมาชิกผู้อ่านหนังสือ
เล่มนี้และปรากฏรายชื่อเจ้าพระยาคลังในขณะนั้นรวมอยู่ด้วย ๓ ซึ่งเจ้าพระยา
พระคลังในเวลาดังกล่าวได้แก่เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯน่ันเอง จึงอาจกล่าวได้ว่า
เรื่องราวจากโลกภายนอก ตลอดจนองค์ความรู้สมัยใหม่ด้านประวัติศาสตร์
ภูมิศาสตร์ วิทยาศาสตร์ การแพทย์และการพาณิชย์ ที่ตีพิมพ์ในหนังสือจดหมาย
เหตุ Bangkok Recorder คงเป็นประโยชน์และมีอิทธิพลต่อโลกทัศน์เจ้าพระยา
ทิพากรวงศ์ฯไม่น้อยเช่นกัน ซึ่งจะได้อภิปรายในประเด็นนี้ตอ่ ไปข้างหน้า

นอกจากนี้เนือ่ งจากในเวลาดังกล่าวเริ่มมีการก่อต้ังโรงพิมพ์ในสยามมาก
ขนึ้ ทาใหเ้ จ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯสามารถเรียนรู้เรื่องราวภายนอกผ่านหนังสืออีก
เป็นจานวนมาก เช่น “นิราศลอนดอน” ของหม่อมราโชทัย (ม.ร.ว.กระต่าย
อิศรางกูร) ซึ่งเป็นล่ามของคณะทูตไทยที่เชิญพระราชสาส์นและเครื่องมงคล
บรรณาการเดินทางไปยังราชสานักสมเด็จพระราชินีนาถวิคตอเรียเมื่อ พ.ศ.
๒ ๐๐ (ค.ศ.๑๘๕๗) และกลับมาเขียนเรื่องราวที่พบเห็นจากการเดินทาง
ดังกล่าวออกพิมพ์จาหน่ายเป็นคร้ังแรกใน พ.ศ. ๒ ๐๒ (ค.ศ. ๑๘๕๙) นิราศ
เรื่องนี้ช่วยให้ผู้อ่านชาวสยามรับรู้เรื่องราวของโลกภายนอกดีขึ้น ทั้งยังมีงาน
จาพวกงานแปลพงศาวดารหรอื บันเทิงคดีจากต่างประเทศอีกเป็นจานวนมาก ซึ่ง
มีอิทธิพลต่อเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯในการรับรู้เรื่องราวของโลกภายนอกทั้ง
ความรู้ทางประวัติศาสตร์ ภมู ิศาสตร์ วิทยาศาสตร์และศาสนา

ส่วนอิทธิพ ลจา กการ ปฏิรู ปพุทธศา สนาใ นสย ามน้ั นเป็น บริ บทใน ยุคต้ น
รตั นโกสินทร์ซึง่ ราชสานักพยายามปฏิรูปพุทธศาสนามาอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผล
มาจากความเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจและสังคมสยามในขณะน้ันซึ่งปริมาณการค้า

๓ หนังสือจดหมายเหตุ The Bangkok Recorder, ๒๙๓.

 ๑๐๐ เอกสารสาคญั : สรรพสาระประวัติศาสตร์ไทย 

อภิเชษฐ กาญจนดิฐ ๗๓

ขยายตัวขึ้นอย่างชัดเจนและมีสินค้าที่หลากหลายและมีกระบวนการผลิตที่
ซบั ซ้อนขึน้ ทาให้กลุ่มชนช้ันนาสยามมีลักษณะเป็นกระฎุมพีมากขึ้น ชนช้ันนาจึง
เริม่ เปลี่ยนแปลงความคิดทางศาสนาที่เคยเน้นด้านพิธีกรรมมาเน้นเหตุผลและมี
ลักษณะมนุษยนิยมมากขึ้น นับตั้งแต่รัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า
จุฬาโลกเป็นต้นมา ราชสานักเข้ามามีบทบาทโดยตรงในการจัดระเบียบคณะสงฆ์
ผ่านกระบวนการต่างๆ เช่น การสร้างและบูรณปฏิสังขรณ์ศาสนสถาน การชาระ
คดีพระสงฆ์ที่กระทาผิดวินัย การจัดระเบียบการปกครองสงฆ์ การสังคายนา
พระไตรปิฎกและการชาระวรรณกรรมพระพุทธศาสนา ตลอดจนสนับสนุนให้
คฤหัสถ์มีบทบาทดูแลความประพฤติของคณะสงฆ์เพื่อให้พุทธจักรมีความ
บริสุทธิ์ ๕ นามาสู่การยกระดบั การจัดการเรียนการสอนและเผยแพร่ความรู้ทาง
พระพุทธศาสนาอย่างกว้างขวาง ดังกรณีทีพ่ ระบาทสมเด็จพระน่งั เกล้าเจ้าอยู่หัว

“...ทรงพระกรณุ าโปรดเกล้าฯส่งั ว่า ทรงพระราชศรัทธาจะให้
สอบไล่พระไตรปิฎกพระสงฆ์สามเณรที่เป็นเปรียญและ
พระสงฆ์สามเณรที่เป็นอนุจร ๖...ทรงพระวิตกถวายพระสติ
ตักเตือนเจ้าพระคุณพระราชาคณะทั้งปวงให้ฝึกสอนศิษยานุ
ศิษย์...ถ้าเจ้าพระคุณพระราชาคณะท้ังปวงดาเนินตามคติ
พระชีต้นที่เปน็ อาจารย์แล้ว ก็คงจะได้ศิษยานศุ ิษย์เป็นเปรียญ
แต่สานักองค์หนึ่งสององค์เป็นแท้...บัดนี้จะให้สอบไล่พระ
ไตรปฏิ กพระสงฆ์สามเณรแล้ว...ใหเ้ จ้าพระคุณพระราชาคณะ
ท้ังปวงพร้อมซักซ้อมศิษยานุศิษย์ แปลให้ถึงภมู ิเปรียญ๑,๒,๓

ดรู ายละเอียดใน สายชล วรรณรตั น์, พุทธศาสนากบั แนวคิดทางการเมืองในรัชสมัย
พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จุฬาโลก (พ.ศ. ๒๓๒๕ – ๒๓๕๒) (กรงุ เทพฯ: มติชน
, ๒๕ ๖).
๕ ดูรายละเอียดใน วินัย พงศ์ศรีเพียร, “การพระศาสนาและการจัดระเบียบสังคมไทย
ต้ังแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟา้ จฬุ าโลกฯถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอม
เกล้าเจ้าอยู่หัวฯ” ใน ปริทรรศน์ประวัติศาสตร์ (กรุงเทพฯ: รุ่งแสงการพิมพ์, ๒๕ ),
๗๕ - ๑ ๖.
๖ ภกิ ษุสามเณรที่ไม่มสี มณศักดิแ์ ละฐานานกุ รม

 ๑๐๐ เอกสารสาคัญ: สรรพสาระประวตั ิศาสตร์ไทย 

๗ หนังสือแสดงกิจจานกุ ิจ

ฉลองพระเดชพระคุณเฉลิมพระราชศรัทธาบารุงพระราช
หฤทยั ...” ๗

ขณะเดียวกันวงการสงฆ์ในสยามประเทศยังมีการเปลี่ยนแปลงทีส่ าคัญเมอื่
“วชิรญาณภิกขุ” ทรงปฏิรูปวงการสงฆ์ในสยามคร้ังใหญ่ด้วยการก่อต้ัง
“ธรรมยตุ ิกนิกาย” เพราะพระองค์ทรงดาริว่าพระภิกษุสยามมีวินัยหย่อนยานและ
มีวตั รปฏิบัติไม่เคร่งครัด ตลอดจนมีคาสอนบางประการที่คลาดเคลื่อนไปจากคา
สอนดั้งเดิมในสมัยพุทธกาล พระองค์จึงทรงโปรดฯให้ก่อต้ัง “ธรรมยุติกนิกาย”
ขนึ้ เพื่อยกระดบั คณะสงฆ์ใหเ้ รียนรู้คาสอนที่ถูกต้อง และมีวัตรปฏิบัติที่เหมาะสม
ซึ่งแนวทางการปฏิรูปคาสอนที่สาคัญประการหนึ่งของ “ธรรมยุติกนิกาย” คือ
การอธิบายพุทธศาสนาตามหลักเหตุผลเพื่อให้สอดคล้องกับหลักวิทยาศาสตร์
ต่อมาเมื่อ“วชิรญาณภิกขุ” ทรงลาสิกขามารับสิริราชสมบัติ พระองค์ก็ยังทรง
สนบั สนนุ การเผยแพร่ความรู้ทางพุทธศาสนาตามแนวทางธรรมยุติกนิกาย และ
ทรงอภิปรายเรื่องคาสอนทางศาสนากับหมอสอนศาสนาชาวตะวันตกอยู่อย่าง
สมา่ เสมอ

การที่ราชสานักสยามพยายามปฏิรปู พุทธศาสนาทั้งในแง่ธรรมเนียมปฏิบัติ
และการพัฒนาคาอธิบายทางศาสนาอย่างเป็นเหตุเป็นผลได้มีอิทธิพลต่อแนวคิด
ทางศาสนาของเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯด้วยและได้นาแนวคิดดังกล่าวมาใช้ใน
หนังสือแสดงกิจจานุกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “หลักกาลามสูตร” อันเป็นคาสอน
เกี่ยวกับการพิจารณาว่าความรู้หรือความจริงใดที่ควรแก่การเชื่อถือ ซึ่ง
เจ้าพระยาทิพากรวงศ์นาหลักการนี้มาอภิปรายการที่มนุษย์เลือกเชื่อในคาสอน
ต่างๆ ซึ่งจะได้วิเคราะห์การนาแนวคิดดังกล่าวมาใช้ในหนังสือแสดงกิจจานุกิจ
ต่อไปข้างหน้า

๗ “หมายรับส่ัง เรือ่ ง ทรงพระราชศรทั ธาจะให้พระภิกษสุ ามเณรสอบไล่พระไตรปิฎก” ใน
ประชมุ หมายรับสงั่ ภาค ๔ ตอนที่ ๑ สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลพระบาทสมเด็จ
พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว จ.ศ.๑๑๘๖ – ๑๒๐๓ (กรุงเทพฯ: คณะกรรมการชาระ
ประวัติศาสตรไ์ ทยและจัดพมิ พเ์ อกสารทางประวตั ิศาสตร์และโบราณคดี สานักเลขาธิการ
นายกรฐั มนตรี, ๒๕๓๖), ๑๖๗-๑๖๘.

 ๑๐๐ เอกสารสาคญั : สรรพสาระประวัติศาสตร์ไทย 

อภิเชษฐ กาญจนดิฐ ๗๕

ส่วนด้านหน้าที่การงานน้ัน เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯผ่านประสบการณ์
ทางานหลายรูปแบบตั้งแต่งานปราบปราม งานพัฒนา และด้านการต่างประเทศ
ซึ่งงานเหล่านี้ล้วนมีผลต่อการหล่อหลอมโลกทัศน์ของเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯ
เป็นอย่างยิ่ง แต่เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว งานด้านการต่างประเทศน้ันมีอิทธิพลต่อ
ความรู้ความคิดและโลกทศั น์ของเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯมากที่สุด เพราะเป็นสิ่ง
ที่ท่านคุ้นชินมาแต่วัยเยาว์ ทั้งนี้เจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ) บิดาของท่าน ซึ่งดูแล
กิจการด้านการค้าและความสัมพนั ธ์กบั ตา่ งชาติ นิยมใช้พื้นที่บริเวณ “จวน” หรือ
บ้านของท่านเปน็ ทีพ่ บปะแขกเมืองหรอื ผู้ทีม่ าติดต่อราชต่างๆ เช่น

”...ในปีมะโรงนั้นเมื่อ ณ วันศุกร์เดือน ขึ้น ค่า (๒๒
กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๓๗๕/ ค.ศ. ๑๘๓๒ - ผู้วิจัย) เปรสิเดน
เมืองอเมริกาแต่งให้ แอศแมนรอเบิด เป็นทูตถืออักษร
สาส์นเข้ามาเปน็ ทางพระราชไมตรี... ครั้น ณ เดือน ขนึ้ ๑
ค่า ( มีนาคม พ.ศ. ๒๓๗๕/ ค.ศ. ๑๘๓๒ - ผู้วิจัย) แอศ
แมนรอเบิด ได้เอาหนังสือเปรสิเดนมายื่นต่อท่านเจ้าพระยา
พระคลัง ครั้น ณ เดือน ขึ้น ๑ ค่า แอศแมนรอเบิด
ประชุมพร้อมกันที่บ้านเจ้าพระยาพระคลังทาหนังสือสัญญา
ทางค้าขาย...” ๘

การที่เจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ) นิยมใช้ “จวน” ของท่านเป็นสถานทีต่ ้อนรับ
แขกบ้านแขกเมืองทาให้ “นายขา” ซึ่งเกิดและใช้ชีวิตวัยเยาว์ในจวนแห่งนั้นมี
โอกาสพบปะชาวต่างชาติอยู่อย่างสม่าเสมอ ยิ่งกว่าน้ันการที่ “นายขา” มีเข้ารับ
ราชการในกรมท่าก็ทาให้“นายขา” มีโอกาสโดยตรงที่จะได้ข้องเกี่ยวกับภารกิจ
ด้านการต่างประเทศ ซึ่งตั้งแต่วัยหนุ่มเป็นต้นมา “นายขา” มีโอกาสเป็นผู้แทน
ฝ่ายสยามรับรองทตู จากต่างชาติ เช่น โจเซฟ บัสเลสเตียร์ ทูตอเมริกัน และ เซอร์
เจมส์ บรคุ ทูตอังกฤษ ๙ ต่อมาเมื่อมีอาวุโสและประสบการณ์มากขึ้น “นายขา”

๘ เจ้าพระยาทิพารกรวงศมหาโกษาธิบดี, พระราชพงศาวดาร กรุงรัตนโกสินทร์
รัชกาลท่ี ๓ (กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร), ๕๐,
๙ นิธิ เอียวศรีวงศ์ (บรรณาธิการ), ประชุมพงศาวดารฉบับราษฎร์ พระราช
พงศาวดารกรงุ รตั นโกสินทร์ รชั กาลท่ี ๒ ฉบบั เจ้าพระยาทิพากรวงศ์, ๒๘ -๒๙.

 ๑๐๐ เอกสารสาคัญ: สรรพสาระประวัติศาสตร์ไทย 

๗๖ หนงั สือแสดงกิจจานกุ ิจ

ในฐานะ “เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯ” ก็มีโอกาสเป็นผู้แทนราชสานกั สยามเจรจาทา
สนธิสัญญากับคณะทูตชาติต่างๆ เช่น การจัดทาสนธิสัญญาทางพระราชไมตรี
กบั อังกฤษ ในคราวทีอ่ ังกฤษส่ง เซอร์ จอหน์ เบาว์รงิ มาเป็นราชทูต ดังปรากฏใน
พงศาวดารว่า

“...โปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ต้ังผู้รับสง่ั ให้ปรึกษาทาหนังสือ
สญั ญาด้วยเซอยอนโบวริง คือ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวง
วงษาธิราชสนิท ๑ สมเด็จเจ้าพระยาองค์ใหญ่ ๑ สมเด็จ
เจ้าพระยาองค์น้อย ๑ ท่านเจ้าพระยาศรีสุริยวงษ ๑
เจ้าพระยาผู้ชว่ ยกรมท่า ๑ รวม ๕”๕๐

ตลอดรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าอยู่หัว เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯ
มีบทบาทเจรจาทาสนธิสัญญาทางพระราชไมตรีกับชาติตะวันตกอีกหลายชาติ
เช่น สหรัฐอเมริกา๕๑ ฝรัง่ เศส๕๒ เดนมาร์ก๕๓ ฮอลนั ดา๕ และปรัสเซีย๕๕ เป็นต้น
ซึง่ หน้าที่การงานเช่นนี้ทาใหเ้ จ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯมีโอกาสรับรเู้ รื่องราวของโลก
ภายนอกยิ่งกว่าชาวสยามโดยส่วนใหญ่ในขณะน้ัน ทั้งทาใหเ้ จ้าพระยาทิพากรวงศ์
ได้เรียนรู้ความคิดด้านต่างๆของชาวตะวนั ตกโดยตรง ซึง่ สิ่งเหล่านี้คงมีผลต่อการ
หล่อหลอมโลกทัศน์ของเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯไม่น้อย ขณะเดียวกัน
ประสบการณ์เหล่านี้กค็ งมีประโยชน์ต่อการที่เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯต้องอธิบาย
ความคิด ความเชือ่ ของชาวตะวนั ตกใน “หนังสือแสดงกิจจานุกิจ” ในเวลาต่อมา
เช่นกัน

๕๐ เจ้าพระยาทิพากรวงศมหาโกษาธิบดี, พระราชพงศาวดาร กรุงรัตนโกสินทร์
รัชกาลที่ ๔, (กรุงเทพ ฯ: คณะกรรมการอานวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติ
พระบาทสมเด็จพระจอมเจ้าอยู่หัวฯ, ๒๕ ๗), ๙๖.

๕๑แหล่งเดิม, ๙๙ – ๑๐๐.
๕๒ เจ้าพระยาทิพากรวงศมหาโกษาธิบดี, พระราชพงศาวดาร กรุงรัตนโกสินทร์
รชั กาลท่ี ๔, ๑๐๒
๕๓ แหล่งเดิม, ๑๓๐.
๕ แหล่งเดิม, ๑๕๒.
๕๕แหล่งเดิม, ๑๖๕.

 ๑๐๐ เอกสารสาคัญ: สรรพสาระประวัติศาสตร์ไทย 

อภิเชษฐ กาญจนดิฐ ๗๗

เจา้ พระยาทิพากรวงศ์ (ยืนซา้ ยสดุ ) หนึง่ ในคณะเจรจาทา
สนธิสญั ญากับ

Graf Fritz zzu Eulenburg ทูตปรสั เซีย

เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯยังมีโอกาสทางานในหน้าที่อื่นๆอีกไม่น้อย
โดยเฉพาะเมื่อครั้งที่ยังเป็น “จมื่นราชามาตย์” รับราชการในตาแหน่งปลัดกรม
พระตารวจก็เคยทาหน้าที่จับโจรผู้ร้าย๕๖ รวมถึงปราบปรามการค้าฝิ่นตามหัว
เมืองชายทะเลท้ังฝ่ังอ่าวไทยและฝั่งอันดามัน๕๗ และปราบปรามอั้งยี่ หรือ “จีน
ตั้วเห่ีย” ที่รวมตัวกันเป็นสลัดและไล่ปล้นตีเรือสินค้า๕๘ ทาให้เจ้าพระยาทิพากร
วงศ์ฯพบพานกับผู้คนหลายเชือ้ ชาติ หลายชนช้ัน ตั้งแต่พ่อค้า ขุนนาง อาชญากร
ในหลายภูมิภาคของสยาม การพบเห็นผู้คนที่มีความหลากหลายทางความคิด
ความเชือ่ ศาสนา ตลอดจนวิธีคิดและการดาเนินชีวิตที่แตกต่างกันเหล่านี้คงเป็น
เสมือนการเก็บข้อมูล “ภาคสนาม” ในทางอ้อม ซึ่งมีผลต่อโลกทัศน์ของ
เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯพอสมควร โดยเฉพาะในงานเขียนเรื่อง “หนังสือแสดง
กิจจานุกิจ” ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้เขียนมีความรู้เกี่ยวกับผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ
ศาสนา ภาษาและวัฒนธรรมเป็นอย่างดี

ช่วงปลายรชั สมยั พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เจ้าพระยาทิพา
กรวงศ์ฯฯ ได้กราบบังคมทลู ลาออกจากราชการเพื่อไปรักษาสายตาที่เริ่มพร่ามัว
กระทั่งมองเห็นสิ่งต่างๆไม่ชัดเจน แต่เมื่อเข้าสู่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระ

๕๖ เจ้าพระยาทิพากรวงศมหาโกษาธิบดี, พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาล
ที่ ๓, ๗๒.
๕๗ เรือ่ งเดียวกัน, ๘๑.
๕๘ เรือ่ งเดียวกนั , ๑๑๗.

 ๑๐๐ เอกสารสาคญั : สรรพสาระประวัติศาสตร์ไทย 

๗๘ หนังสือแสดงกิจจานุกิจ

จลุ จอมเกล้าเจ้าอยู่หวั พระองค์ทรงทราบว่าเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯรักษาอาการ
ป่วยจนหายขาดแล้ว จึงโปรดเกล้าฯใหเ้ จ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯกลับมารับราชการ
ในตาแหน่งเสนาบดีกรมท่าอีกครง้ั หนึง่ โดยมีพระบรมราชโองการว่า

“...จึงมีพระบรมราชโองการบัณฑูรสุรสิงหนาช ดารัสสั่งให้
สถาปนาเจ้าพระยาทิพากรวงศมหาโกษาธิบดี มีอานาจได้
สาเรจ็ ในการต่างประเทศและเป็นที่ปรึกษาคิดอ่านในราชการ
แผ่นดิน แล้วพระราชทานให้เพิ่มศักดินา ๑๐๐๐๐ เป็น
๒๐๐๐๐ ยิง่ กว่าจตสุ ดมภ์มนตรี ๒ เท่า...”๕๙

ประสบการณ์ทางานทั้งทางกิจการภายในและกิจการต่างประเทศมีส่วน
สาคญั ในการหล่อหลอมโลกทัศน์ของเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯ โดยเฉพาะในแง่ที่
ช่วยให้เรียนรู้และเข้าใจความหลากหลายของผู้คนท้ังในแง่เชื้อชาติ ศาสนา
วัฒนธรรม ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการเขียนหนังสือแสดง
กิจจานุกิจซึ่งจาเป็นต้องใช้ตัวอย่างที่หลากหลายเพื่ออภิปรายหรือเปรียบเทียบ
ความคิดความเชื่อทีแ่ ตกต่างของผู้คน

ส่วนความสนใจด้านการประพันธ์นั้นปรากฏหลักฐานว่าเจ้าพระยาทิพากร
วงศ์ฯสนใจกิจกรรมด้านนี้อย่างชัดเจนและต่อเนื่อง เพราะท่านได้นิพนธ์และ
สนับสนุนให้จัดพิมพ์หนังสือเอาไว้หลายเล่ม เช่น เป็นผู้เก็บความและเรียบเรียง
“พงศาวดารญวน” ขึน้ ระหว่าง พ.ศ. ๒๓๙ – ๒๓๙๘ โดยนาข้อมูลจากต้นฉบับ
เก่าทีพ่ ระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟ้าจุฬาโลกมีรับสั่งให้จดเอาไว้ และเป็นผู้เก็บ
ความและเรียบเรียง “ประวัติเรือ่ งพระนาบีมะหะหมดั ” จากคาบอกเล่าของ “โต๊ะ
อันตนีแขก” เมื่อ พ.ศ. ๒ ๐๘ ท้ังยังเป็นผู้แต่ง “เรื่องพระปฐมเจดีย์” ใน พ.ศ.
๒ ๐๘ ซึง่ กล่าวถึงความสาคัญ ปาฏิหาริย์และการก่อสร้างพระปฐมเจดีย์ ท้ังนี้
เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯยังสนับสนุนให้จีนบั้นกิมและจีนแพงแปลพงศาวดารจีน

๕๙ พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระสมมตอมรพันธ์, ต้ังเจ้าพระยากรุงรัตนโกสินทร์,
คณะรัฐมนตรีจัดพิมพ์ในงานพระราชทานเพลิงศพหม่อมหลวงชูชาติ กาภู เมรุพลับพลา
อิสรยิ าภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส วนั ที่ ๑๖ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๑๑, ๕๑ – ๕๒.

 ๑๐๐ เอกสารสาคัญ: สรรพสาระประวตั ิศาสตร์ไทย 

อภิเชษฐ กาญจนดิฐ ๗๙

เรือ่ ง “ซยุ ถัง” เมื่อ พ.ศ. ๒๓๙๘๖๐ งานประพนั ธ์ต่างๆเหล่านี้สะท้อนว่าเจ้าพระยา
ทิพากรวงศ์ฯสนใจการประพันธ์ โดยเฉพาะเรื่องพระพุทธศาสนาและเรือ่ งราวของ
โลกภายนอกสยาม และเมื่อพิจารณาว่าหนังสือบางเล่มในกลุ่มนี้เช่น “ประวัติ
เรือ่ งพระนาบีมะหะหมัด” และ “เรื่องพระปฐมเจดีย์” ซึ่งจัดพิมพ์ขึ้นในช่วงเวลา
ใกล้เคียงกับที่เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯเริ่มต้นเขียนหนังสือแสดงกิจจานุกิจแล้ว
อาจกล่าวได้ว่าความสนใจและการค้นคว้าเหล่านี้คงเป็นข้อมลู พนื้ ฐานที่สาคัญอีก
ประการหนึง่ ทีส่ นบั สนุนให้เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯเขียนหนังสือแสดงกิจจานกุ ิจได้
อย่างรอบด้านและลุ่มลึกยิง่ ขึน้

นอกจากนี้ยังมีนักวิชาการบางส่วนวิเคราะหว์ ่าเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯเคย
เขียนบทอภิปรายทางศาสนาลงตีพิมพ์ในหนงั สือจดหมายเหตุ Bangkok Recorder
เพื่อแสดงวาวาทะในประเด็นทางศาสนากับบรรดาหมอสอนศาสนาชาววันตก
เช่น สันนิษฐานกนั ว่าเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯเป็นผู้เขียนบทความเรื่อง “การทีท่ ่าน
แก้ด้วยศาสนา”๖๑ ซึ่งมีเนื้อหาสาระและสานวนใกล้เคียงกับหนังสือแสดง
กิจจานกุ ิจ เช่น

“...วิไสสาศนาต่างคนต่างถือ, เถียงกันไม่รู้จบ, ก็จะโกรธกัน
เสียเปล่าไม่ต้องการเลย. ซึ่งพระพทุ ธศาสนาท่านว่าจมอยู่ใน
ความมืดไม่แผ่พ่านกว้างขวางไปได้นั้น. ขอแก้ว่าคาสั่งสอน
พุทธสาศนาทวนกระแสกีเลศและตันหาของมนุษท้ังหลาย.
เปรียบเหมือนบุกคลพายเรือทวนกระแสน้าเชี่ยว, ต่อบุคคลมี
ความเพียนจริงๆ จึง่ จะอุส่าพายเรือทวนกระแสน้าเชี่ยวขึ้นไป
ได้....”๖๒

แต่มีข้อน่าสังเกต คือ ในขณะที่หนังสือแสดงกิจจานุกิจสะท้อนว่า
เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯนิยมแนวคิดเชิงวิทยาศาสตร์และมักตาหนิเรื่องราวที่

๖๐ นิธิ เอียวศรวี งศ์ (บรรณาธิการ), ประชุมพงศาวดารฉบบั ราษฎร์ พระราชพงศาวดาร
กรุงรตั นโกสินทร์ รัชกาลท่ี ๒ ฉบับเจา้ พระยาทิพากรวงศ์, ( ๑).
๖๑ ทวีศักดิ์ เผือกสม, “การทาตะวันตกให้เป็นตะวันออกของสยาม (Orientalizing the
Occidental of Siam): การตอบโต้รับมือกับวาทกรรมความเป็นอื่นของมิชชันนารีตะวันตก
โดยปญั ญาชนสยามในช่วงต้นศตวรรษที่ ๑๙”, ๓๐๘ – ๓๐๙.
๖๒ หนงั สือจดหมายเหตุ The Bangkok Recorder, ๒๑๙.

 ๑๐๐ เอกสารสาคญั : สรรพสาระประวตั ิศาสตร์ไทย 

๘๐ หนงั สือแสดงกิจจานกุ ิจ

พิสจู น์ไม่ได้ แต่งานเขียนเรื่อง “พระปฐมเจดีย์” ซึ่งตีพิมพ์ในเวลาใกล้เคียงกันกับ
หนังสือแสดงกิจจานุกิจกลบั มีเนือ้ ความทีแ่ สดงถึงเรื่องราวที่พิสูจน์ไม่ได้ตามหลัก
วิทยาศาสตร์ปะปนอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะประเด็นเรื่อง “ปาฏิหาริย์” เช่น

“...การที่ปาฏิหาริย์น้ันมีทุกปี ปีละสองครั้งบ้าง สามครั้งบ้าง
ถ้าสมโภชเวียนเทียนเมื่อใดก็เป็นทุกคราว และที่ปฐมเจดีย์มี
เหตอุ ัศจรรย์หลายอยา่ งคือทีอ่ งค์พระปรางค์ บางทีเดือนมืดก็
บังเกิดเปน็ รศั มีเหมือนบุคคลเอาผ้าขาวไปหุ้มไว้ แล้วก็หายไป
ทีละน้อยๆ แล้วกส็ ว่างขนึ้ ทีละน้อยจนเต็มกาลัง แลเห็นขึ้นไป
จนตลอดยอดนภศลู บางทีกส็ ว่างซีกหนึ่ง บางทีสว่างข้างล่าง
มืดข้างบน แล้วสว่างข้างบนมืดข้างล่าง เมื่อจะสว่างนั้นเป็น
รัศมีเรืองขึน้ ทีละน้อยๆสว่างเตม็ กาลังตลอดนภศลู แล้วมีรศั มี
โรยอ่อนลงมาทีละน้อยๆจนมืดไปท้ังองค์พระปรางค์ แล้วก็
ค่อยๆมีรัศมีเรือๆขึน้ มาอีกดงั กล่าวมาแล้ว...”๖๓

แม้กระท่ังเมื่อมีผู้เสนอว่าปรากฏการณ์ซึ่งเกิดขึ้นที่พระปฐมเจดีย์อาจเป็น
ปรากฏการณ์ธรรมชาติ แต่เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯกไ็ ม่ได้ตัดคาอธิบายที่แสดงให้
เห็นถึง “ปาฏิหาริย์” ทิง้ ไป เช่น

“...ปีฉลูสัปตศกเสด็จพระราชดาเนินพระราชทานผ้ากฐินแล้ว
ประทับอยู่สองราตรี ก็ได้พระเนตรเห็นปาฏิหาริย์ ในที่ประชุม
พร ะ บร ม วง ศ า นุ วง ศ์ข้า ร า ช ก า ร ได้ เ ห็น ด้ วย อั น ม า ก
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ทรงพระปีติโสมนัส
รับสั่งว่าเหมือนผีหลอกไม่รจู้ ะว่าอย่างไรได้ เหน็ จะเป็นไฟธาตุ
กินอยู่ในอิฐปูน ถูกน้าฝนเข้าก็เป็นรัศมีขึ้น มีรับสั่งดังนี้เพื่อมิ
ให้คนที่ไม่ถือศาสนาพากันติเตียนได้ แต่ทองทศทองพิศมีอยู่

๖๓ เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯ, “เร่ืองพระปฐมเจดีย์” ใน เรื่องพระปฐมเจดีย์ ฉบับ
เจา้ พระยาทิพากรวงศ์ฯเรียบเรียง และฉบับม.จ.สุภัทรดิศ ดิศกุล ทรงนิพนธ์, พิมพ์
เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพพระไชยศาสตร์ราชสภาบดี (เชื้อ จามรมาน) ณ
เมรุวัดมกุฏกษตั รยิ าราม วันที่ ๒๖ มนี าคม ๒๕๐๒, ๑๒.

 ๑๐๐ เอกสารสาคญั : สรรพสาระประวตั ิศาสตร์ไทย 

อภิเชษฐ กาญจนดิฐ ๘๑

ในฉลองพระองค์เท่าใดก็เทออกพระราชทานให้เป็นส่วยพระ
ราชกศุ ลจนสิน้ ...”

ยิง่ กว่าน้ันเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯถึงกับระบวุ ่ากลุ่มบุคคลที่ต้องการพิสูจน์
ว่าปาฏิหาริย์ที่พระปฐมเจดีย์เป็นเพียงปรากฏการณ์ธรรมชาติต้องประสบกับ
ชะตากรรมทีเ่ ลวร้าย ดงั ความว่า

“...มีผู้กล่าวคาว่าพระปฐมเจดีย์มีรัศมีสว่างด้วยธาตุไฟกินอยู่
ในอฐิ ในปูนจึงเปน็ เช่นนี้ ด้วยตาราฝรัง่ เรียกว่าฝาศภุ เรศ๖ เป็น
ของมีรัศมี ไม่เป็นบรมธาตุปาฏิหาริย์ดอก จึงโปรดเกล้าฯให้
กรมหมื่นอลงกตปรีชา พระยาอนชุ ิตชาญไชย พระวิสูตรโยธา
มาตย์ เอาเครือ่ งมือทาฝาศภุ เรศ และต้นดอกไม้เทียนดอกไม้
ตาดออกไปชันสูตร ก็ว่าธาตุไฟเกิดขึ้นเองดอกไม่ใช่พระ
ปาฏิหาริย์ คร้ันตกลงกันดงั นั้นแล้วเจ้าหญิงและหม่อมห้ามใน
กรมหมืน่ อลงกต บุตรภรรยาพระยาอนุชิต พากันไปเที่ยวข้าง
หลังกับบ่าวไพร่ มีแมลงผึ้งจาพวกหนึ่งมาต่อยเอา จนถึงแก่
ถอดเสื้อและแก้ผ้าวิ่งหนีกันบ้างทั้งนายและบ่าว ดูน่าสังเวช
นกั ต่อแมลงผึง้ หายไปหมดแล้ว มีผู้เอาผ้าไปส่งให้จึงได้นุ่งห่ม
กลับมาเรือ ผึ้งต่อคร้ังนั้นยับเยิน วิ่งหนีจนศีรษะกระทบไม้
แตกก็มี ที่วิ่งหนีไปถูกขวากในไร่จีนก็มี ที่วิ่งเข้าไปซ่อนอยู่ใน
โรงเจ๊กก็มี คร้ันจะกลับมาก็กลัวผึ้ง จึงรออยู่จนพลบค่าจึง
กลับมาได้ ในขณะน้ันได้ให้ไปชันสูตรดูก็ไม่เห็นแมลงผึ้งอยู่ที่
ไหน ต้ังแต่ทามาได้สิบปีแล้วกไ็ ม่มีผงึ้ ที่ไหนทาร้ายผู้ใด...”๖๕

คาอธิบายเรื่องปาฏิหาริย์เหล่านี้แสดงให้เห็นว่าถึงแม้เจ้าพระยาทิพากร
วงศ์ฯจะมีความรู้ทางวิทยาศาสตร์เปน็ อย่างดี แต่ยังคงมีทศั นะบางประการที่ได้รับ
อิทธิพลมาจากแนวคิดด้ังเดิมในสังคมสยาม ดงั กรณีการอธิบายเรื่องปาฏิหาริย์ที่

๖ ฟอสฟอรสั
๖๕ เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯ, “เร่ืองพระปฐมเจดีย์” ใน เรื่องพระปฐมเจดีย์ ฉบับ
เจา้ พระยาทิพากรวงศฯ์ เรียบเรียง และ ฉบบั ม.จ.สุภัทรดิศ ดิศกลุ ทรงนิพนธ์, ๑ -
๑๕.

 ๑๐๐ เอกสารสาคัญ: สรรพสาระประวัติศาสตร์ไทย 

๘๒ หนงั สือแสดงกิจจานุกิจ

เกิดขนึ้ ทีพ่ ระปฐมเจดีย์ แต่อาจเปน็ ไปได้ว่าเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯเขียนงานชิ้นนี้
ขึ้นเพื่อยอพระเกียรติพระมหากษัตริย์ จึงจาเป็นต้องบรรยายเรื่องราวต่างๆโดย
มิได้มีทัศนะแบบวิทยาศาสตร์แท้ๆ โดยเฉพาะการบรรยายว่าปาฏิหาริย์น้ันเกิดขึ้น
หน้าพระทีน่ ง่ั เพื่อแสดงบุญบารมีขององค์กษัตริย์ ซึ่งลักษณะการเขียนดังกล่าว
สะท้อนกลิ่นอายของขนบและความเชือ่ ดั้งเดิมในสังคมสยามเอาไว้อย่างชัดเจน

ภูมิหลังด้านต่างๆ ของเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯทาให้เห็นว่าโลกทัศน์ของ
เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯผสมผสานขนึ้ มาจากแนวคิดและความรู้เก่าในสงั คมสยาม
และความรู้ใหม่แบบตะวันตก โดยเดิมทีเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯ มีภูมิหลังทาง
การศึกษาและประสบการณ์ชีวิตในฐานะชนชั้นนาในสังคมสยาม ซึ่งลักษณะ
ดังกล่าวเอื้อให้เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯมีโอกาสฝึกฝนและหลักตรรกะในการ
อธิบายสิ่งต่างๆในระดบั ทีเ่ หนอื กว่าชาวสยามโดยส่วนใหญ่ ทั้งนี้การที่เจ้าพระยา
ทิพากรวงศ์ฯแนบแน่นใกล้ชิดกับราชสานักซึ่งเปน็ ศูนย์กลางอานาจของสยามก็ทา
ใหเ้ จ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯไม่อาจมีทัศนะที่แตกต่างจากราชสานักได้มากนัก

ต่อมาเมื่อเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯ มีโอกาสได้รับความรู้และวิธีคิดใหม่ๆ
ตามแบบชาวตะวันตกกท็ าใหเ้ จ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯมีความรู้ โลกทัศน์ ตลอดจน
วิธีคิดและตรรกะในรปู ใหม่เพิ่มเติมขึ้นจากเดิม โดยเฉพาะการได้รับอิทธิพลจาก
แนวคิดเรื่องวิทยาศาสตร์ ซึ่งเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯก็นาเอาความรู้ท้ังสอง
แนวทางดงั กล่าวมาผสมผสานกันและนามาสู่การอธิบายหรือตีความสิ่งต่างๆขึ้น
ใหม่โดยเฉพาะการอธิบายและอภิปรายเกี่ยวกับปรากฏการณ์ทางวิทยาศาสตร์
และคาสอนในหลักศาสนาต่างๆ

๓.๒ ความมงุ่ หมายของผเู้ ขียนและรปู แบบคาประพนั ธ์

ในยุคที่ความรู้เดิมของสยามเผชิญหน้ากับแรงท้าทายทางปัญญาอัน
เนื่องมาจากความรู้ใหม่แบบตะวันตกที่แพร่หลายเข้ามา ทาให้ชนชั้นนาและ
ปัญญาชนสยามในเวลานั้นตระหนักถึงความจาเป็นที่ต้องพัฒนาองค์ความรู้ใน
สงั คมสยามเพื่อใหเ้ หมาะสมกับสถานการณ์ในขณะน้ัน ในกรณีนี้เจ้าพระยาทิพา
กรวงศ์ฯต้ังข้อสังเกตว่าสังคมสยามในขณะนั้นมีปัญหา คือ

 ๑๐๐ เอกสารสาคัญ: สรรพสาระประวัติศาสตร์ไทย 

อภิเชษฐ กาญจนดิฐ ๘๓

“...ในประเทศสยามนี้ หนังสือสารับที่จะอ่านน้ันน้อยนัก แล้ว
หนังสือที่จะอ่านนั้นเล่า ก็เปนแต่เรื่องประโลมโลกย์ยักษ์ลัก
นาง มนุษย์รบกบั ยักษ์ มีฤทธิ์เหาะได้ฆ่าไม่ตาย ชุบคนตายให้
เปนขึน้ มาได้แล้วก็อ้างว่าเปนเรื่องเก่า ความแต่ชาติ์ก่อนของ
คนผู้มีบุญ...ถ้าจะเปน เรื่องรวมตาราบ้าง ก็เปนตาราภาหลง
นั้นมีมาก ตาราภาให้ฉลาดนั้นมีน้อย ไม่เปนคุณไม่เปนประ
โยชน์อนั ใดนัก กลับชักให้หลงไปเสียอกี ...”๖๖

เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯจึงกล่าวถึงความจาเป็นที่ต้องเขียนหนังสือแสดง
กิจจานกุ ิจว่า

“...ข้าพเจ้า เจ้าพระยาทิพากรวงษ์มหาโกษาธิบดี...ผู้แต่ง
หนังสือเล่มนี้ มีความกรุณาต่อเด็กๆท้ังหลาย ที่จะสืบต่อไป
ภายน่า จะได้ยินได้ฟงั การต่างๆหนาหเู ข้า จะชักเอาปัญญาแล
ใจแปรปรวนไปด้วยความที่ไม่รู้อะไร ถึงจะไปเรียนหนังสืออยู่
ที่วัดบ้าง ที่บ้านบ้าง อาจาริย์สั่งสอนให้เล่าเรียนหนังสือพอรู้
อ่านก็ให้อ่านหนังสือ ปถม ก กา แล้วก็ให้อ่านหนังสือสวด
ต่างๆ แล้วก็ให้อ่านเรื่องต่างๆ ข้าพเจ้าพิเคราะห์ดูหนังสือที่
เด็กอ่าน ก็ไม่เปนประโยชน์แก่เด็กเลย แต่หนังสือปถม ก กา
เปนที่ฬ่อใหเ้ ด็กอ่านง่ายก็ดีอยู่ ถ้าเปนหนังสือไทยๆที่เด็กอ่าน
ก็มีแต่หนังสือการประเล้าประโลมโดยมากกว่า หนังสือ
สุภาษิต เด็กน้ันก็ไม่ใคร่จะได้ปัญญาสิ่งใด ผู้ใหญ่จะส่ังสอน
เดก็ ก็มีแต่คาที่ไม่เปนประโยชน์...” ๖๗

แม้ว่าเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯจะประกาศอยา่ งชัดเจนว่าเขียนหนังสือแสดง
กิจจานุกิจขึ้น เพื่อให้เยาวชนใช้เป็นแนวทางแสวงหาความรู้ แต่งานเขียนเรื่องนี้
ต่างไปจาก “ขนบ” การเขียนตาราเรียนในสังคมสยามขณะนั้นไม่น้อย เช่น
เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯมิได้ใช้บทนาของหนังสือเล่มนี้ เพื่ออาเศียรวาทต่อพระ
รัตนตรัย เทพยดาหรอื (องค์)กษตั ริย์ ต่างจากงานเขียนประเภทแบบเรียนหรืองาน

๖๖ เจ้าพระยาทิพากรวงศมหาโกษาธิบดี, หนงั สือแสดงกจิ จานกุ ิจ, ๑๗๖.
๖๗ เรือ่ งเดียวกัน, ๕.

 ๑๐๐ เอกสารสาคญั : สรรพสาระประวัติศาสตร์ไทย 

๘ หนังสือแสดงกิจจานุกิจ

เขียนอ่นื ๆในยุคเดียวกัน แต่เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯกลับอธิบายที่มาของหนังสือ
ในบทนาแทน ดังความว่า

“...ข้าพเจ้าจึงคิดเรื่องราวกล่าวเหตุผลต่างๆ แก้ในทาง
โลกย์บ้าง ทางสาศนาบ้าง ที่มีพยานก็ชักมากล่าวไว้ ที่ไม่มี
พยานเปนของที่ไม่เหนจริงก็คัดค้านเสียบ้างว่าไว้แต่ภอ
ปัญญาเด็กรู้ ผู้ที่เรียนหนังสือรู้แล้ว จะอ่านหนังสือนี้แทน
หนังสือสวดแลหนังสือละคร เหนจะเปนประโยชนรู้การ
เล็กๆน้อยๆบ้าง ถ้าเขาถามสิ่งใด เด็กทั้งหลายจะได้แก้ไข
ตามสานวนนี้ ว่าไว้เปนข้อถามข้อแก้กล่าวแก่ภอจาได้๖๘

เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯยังเชิญชวนให้ผู้มีความรู้ร่วมถกเถียงอภิปรายหรือ
เสนอใหช้ ่วยส่งั สอนเพิ่มเติมความรู้ให้แก่เด็กๆที่อ่านหนังสือเล่มนี้ โดยมิได้สงวน
ว่าความรู้ทีต่ นนาเสนอนั้นเป็นความรู้ทีถ่ ูกต้องชอบธรรมจนมิอาจท้าทายได้ เช่น

“...ถ้าท่านผู้ใดดูหนังสือนี้ เหนผิดพลั้งประการใด ขอให้ช่วย
แก้ไขให้ถกู ต้องด้วย แต่พอสมควรแก่ปญั ญาเดก็ ถ้าเดก็ ผู้ใด
อ่านหนังสือนี้แล้ว อยากจะรู้ความให้วิเสศโดยพิสดาร ก็ให้
หาครูเรียนโหราสารทธรรมต่างๆ ก็จะรู้โดยเลอียด...”๖๙

หนังสือแสดงกิจจานุกิจยังต่างจากตาราเรียนสาหรับชาวสยามทั่วไปใน
เวลานั้น คือ ในขณะที่ตาราเรียนพื้นฐานของสยามในขณะนั้นจะสอนเรื่องการ
ประสมคา การอ่านและการเขียน โดยสอดแทรกบทร้อยกรองหรือร้อยแก้วที่
นาเสนอเรื่องราวบันเทิงคดีต่างๆ๗๐ แต่หนังสือแสดงกิจจานุกิจกลับมุ่งอภิปราย
ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และศาสนาท้ังในระดับความรู้ท่ัวไปและข้อถกเถียงที่ลุ่ม
ลึก ท้ังยังพบว่างานเขียนเรือ่ งนี้ใชค้ าศพั ท์จานวนมากที่ต่างไปจากภาษาที่ใช้กันใน
ชีวิตประจาวนั ในขณะนั้น โดยเฉพาะการ “ทบั ศัพท์” ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่มา

๖๘ เจ้าพระยาทิพากรวงศมหาโกษาธิบดี, หนงั สือแสดงกจิ จานุกิจ, ๖.
๖๙ เรือ่ งเดียวกนั , ๖.
๗๐ แบบเรียนสาคัญที่ใช้กันแพร่หลายในยุคดังกล่าวมีอยู่หลายเล่ม เช่น ประถม ก กา
จินดามณี ประถมมาลา ฯลฯ ซง่ึ มีรูปแบบและเนื้อหาใกล้เคียงกัน คือ เน้นฝึกการประสม
คา และฝึกการอ่านการเขียนบทรอ้ ยกรอง

 ๑๐๐ เอกสารสาคัญ: สรรพสาระประวัติศาสตร์ไทย 

อภิเชษฐ กาญจนดิฐ ๘๕

จากภาษาอังกฤษ และการใช้ภาษาบาลีเพื่ออ้างอิงหลักคาสอนทาง
พระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นอุปสรรคพอสมควรสาหรับผู้อ่านที่มิได้มีภูมิความรู้
พื้นฐานในเรื่องดังกล่าวมาก่อน จึงควรต้ังข้อสังเกตว่าหนังสือเล่มนี้คงมิได้เป็น
หนังสือในระดับการศึกษาเบื้องต้นสาหรับ “เด็กๆท้ังหลาย” เท่านั้น แต่อาจเป็น
หนงั สือสาหรับผู้มีการศึกษาสูงกว่าระดับมาตรฐานข้ันต้น อย่างน้อยทีส่ ุดก็คงเป็น
กลุ่มบตุ รหลานของชนช้ันนาที่รบั ศึกษาเบอื้ งต้นมาแล้วเปน็ อย่างดี ตลอดจนชนช้ัน
นาทีส่ นใจความรู้สมัยใหม่ ท้ังยังอาจรวมไปถึงบรรดาหมอสอนศาสนาที่มีความรู้
ภาษาไทย เพราะเนือ้ หาจานวนมากในหนังสือเล่มนี้ก็เป็นการอภิปรายในประเด็น
ด้านศาสนาตอบโต้กับคนเหล่านี้นั่นเอง

หนังสือแสดงกิจจานุกิจมีลักษณะคาประพันธ์แบบร้อยแก้วที่นาเสนอเชิง
พรรณนา โดยที่งานเรื่องนี้มิได้ใช้ “ลีลา” การเขียนที่เน้นการสัมผัสสระหรือ
ตัวสะกดซึ่งต่างจากงานชิ้นอื่นของเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯ เช่น พระราช
พงศาวดารกรุงรตั นโกสินทร์ ทั้งนเี้ พราะการเขียนพงศาวดารน้ันจาเป็นต้องรักษา
ขนบการเขียนเดิมเอาไว้ แต่หนังสือแสดงกิจจานุกิจกลับใช้การเขียนแบบความ
เรียงร้อยแก้วซึง่ มิได้ให้ความสาคัญกับการเสียงสัมผัสต่างๆมากนัก

การที่หนงั สือแสดงกิจจานกุ ิจนาเสนอในรปู แบบความเรียงร้อยแก้วสะท้อน
ให้เห็นการปรับเปลี่ยนค่านิยมของการเขียนในสังคมสยามที่เริ่มคลี่คลายความ
นิยมจากคาประพันธ์ที่มีลักษณะร้อยกรองมาสู่คาประพันธ์ประเภทความเรียง
ร้อยแก้วมากขึ้น ซึ่งได้รับอิทธิพลมางานจากแปลภาษาต่างประเทศ เพราะ
นบั ต้ังแต่ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมาแล้วที่มีการแปล
งานเขียนภาษาต่างๆมาเป็นภาษาไทยในรูปแบบความเรียงร้อยแก้ว เช่น สามก๊ก
คัมภีร์ไตรภูมิโลกวินิจฉัย ฯลฯ มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังอาจเป็นเพราะการ
เปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมการอา่ นจากการอา่ นออกเสียงที่เน้นเสียงสัมผัสที่ไพเราะ
มาสู่การอ่านเก็บความที่ไม่เน้นความไพเราะของเสียงสัมผัสจึงทาให้มีการผลิต
งานเชิงร้อยแก้วออกมามากขึน้ ดังจะเห็นได้ว่านับต้ังรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระ
นัง่ เกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นต้นมาก็มีงานเขียนเชิงความเรียงร้อยแก้วที่แพร่หลายมาก
ขนึ้ เช่น การจารึกหลักศิลาจารึกวัดโพธิ์และการเขียนวรรณกรรมกึ่งนิยายเรื่อง

 ๑๐๐ เอกสารสาคัญ: สรรพสาระประวัติศาสตร์ไทย 

๘๖ หนงั สือแสดงกิจจานุกิจ

ตารับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ เปน็ ต้น๗๑นอกจากนี้เมื่อชาวตะวันตกเข้ามาดาเนินธุรกิจ
การพิมพ์ในสยาม และเริ่มจดั พิมพ์หนังสือที่เขียนด้วยสานวนความเรียงร้อยแก้ว
ซึ่งใกล้เคียงกับลักษณะการเขียนความเรียงของชาวตะวันตกออกจัดจาหน่าย ทา
ใหว้ ิธีการเขียนความเรียงร้อยแก้วเป็นที่นิยมมากขนึ้ จนถึงปจั จบุ นั

สิ่งที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งเกี่ยวกับหนังสือแสดงกิจจานุกิจ คือ
เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯดาเนินเรือ่ งราวประเด็นต่างๆ ในหนังสือเล่มนี้โดยการต้ัง
คาถามเกี่ยวกับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติและศาสนาไว้เป็นข้อๆ และแสดง
คาตอบหรอื ที่ผู้เขียนใช้คาว่า “แก้” ไว้อย่างละเอียด และเสนอไว้หลายแง่มุม โดย
รวบรวมองค์ความรู้ ข้อถกเถียงและคาอธิบายที่ต่างกันจากหล ากหลาย
แหล่งที่มา เพื่อแสดงให้เห็นว่าแต่ละปรากฏการณ์หรือแต่ละเรื่องราวอาจมี
คาตอบที่แตกต่างกันได้มากกว่าหนึ่งประการ โดยเฉพาะการที่ผู้เขียนพยายาม
ชี้ให้เห็นว่าความต่างของคาอธิบายน้ันเกิดขึ้นจากปัจจัยใด เช่น เมื่อผู้เขียนต้ัง
คาถามว่าฟ้าร้องฟ้าผ่าเกิดขึน้ จากสาเหตุใด ผู้เขียนกจ็ ะตอบคาถามว่าคนไทยเชื่อ
ว่าฟ้าร้องฟ้าผ่าเกิดจากกรณีของนางเมขลาและรามสูร และหลงั จากนั้นผู้เขียนจะ
ให้คาตอบเพิ่มเติมโดยชี้ให้เห็นว่าชาวจีน หลักศาสนาพราหมณ์ คริสต์ อิสลาม
และหลักวิทยาศาสตร์ อธิบายการเกิดฟ้าร้องฟ้าผ่าไว้ว่าอย่างไรบ้าง เป็นต้น๗๒

รปู แบบคาประพันธ์และวิธีการนาเสนอในหนังสือแสดงกิจจานุกิจสะท้อน
การปรบั เปลี่ยนคา่ นิยมในเรื่องรปู แบบคาประพันธ์ในสังคมสยามทีค่ ่อยๆคลี่คลาย
มาอย่างต่อเนื่อง นับได้ว่างานเขียนเรื่องนี้เกิดขึ้นในช่วงรอยต่อสาคัญที่งาน
ประพันธ์ในสังคมสยามกาลังก้าวเข้าสู่ความเป็นสมยั ใหม่

๗๑ ดูรายละเอียดใน นิธิ เอียวศรีวงศ์, ปากไก่และใบเรือ รวมความเรียงว่าด้วย
การศึกษาประวัติศาสตรแ์ ละวรรณกรรมต้นรตั นโกสินทร์, ๑๘๙ – ๑๙ .
๗๒ เจ้าพระยาทิพากรวงศมหาโกษาธิบดี, หนงั สือแสดงกจิ จานุกิจ, ๓๓ – ๓๕.

 ๑๐๐ เอกสารสาคัญ: สรรพสาระประวัติศาสตร์ไทย 

อภิเชษฐ กาญจนดิฐ ๘๗

๓.๓ หนังสือแสดงกิจจานุกิจ: การอภิปรายว่าด้วยวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ
และศาสนา

แม้หนังสือแสดงกิจจานุกิจมีรายละเอียดเป็นจานวนมาก แต่เมื่อประมวล
สาระท้ังหมดแล้วพบว่าเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯผู้เขียนพยายามนาเสนอใน ๒
ประเด็นสาคัญ คือ ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ และการอภิปรายเรื่อง
ศาสนา

สาหรับประเด็นเรือ่ งวิทยาศาสตร์ธรรมชาติน้ัน เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯมุ่ง
อธิบายปรากฏการณ์ธรรมชาติใกล้ตัว โดยใช้คาอธิบายจากหลายที่มานับต้ังแต่
คาอธิบายแบบจารีตในสงั คมไทย คาอธิบายตามคติและความเชื่อในศาสนาต่างๆ
รวมถึงคาอธิบายตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ เพื่อแสดงให้เห็นว่า “หนึ่ง
คาถาม” น้ันมีหลายคาตอบสุดแท้แต่ว่าคาตอบน้ันต้ังอยู่บนข้อมูลหรือแนวคิด
แบบใด ซึ่งรูปแบบการนาเสนอดังกล่าวมีอยู่หลายตัวอย่างที่น่าสนใจ เช่น การ
อธิบายถึงสาเหตขุ อง “แผ่นดินไหว” ที่ว่า

“...ถามว่า แผ่นดินไหวด้วยเหตุอันใด นานๆจึ่งไหวคราวหนึ่ง
ขอแก้ตามลัทธิคาโบราณจาริย์แก้ไว้ว่า แผ่นดินไหวด้วยเหตุ
แปดประการ คือ ผู้มีบุญหกประการ ไหวด้วยปลาใหญ่ที่รอง
แผ่นดินพลิกไหวตัวบ้าง ไหวด้วยน้าด้วยลมรองแผ่นดินก็มี
บ้าง ข้างจีนว่าอึ่งอ่างที่หนุนแผ่นดินอยู่ไหวตัวบ้าง คาที่ว่า
แผ่นดินไหวเพราะผู้มีบุญนั้นยกไว้ก่อน ด้วยเปน ความ
อัศจรรย์ของผู้มีบุญคัดค้านไม่ได้...แต่คาที่ว่าปลาอานนท์ที่
รองแผ่นดิน แลอึ่งอ่างที่หนุนแผ่นดินจะต้องคัดค้านเสีย ถ้า
เปนเช่นนั้นแผ่นดินก็จะไหวทั่วกันทั้งพิภพพร้อมกัน ก็การที่
สืบสวนอยู่ในทุกวนั นี้ แผ่นดินก็ไหวอยู่เสมอทุกปีทุกเดือน แต่
ไหวทีเ่ มืองน้ันบ้างที่เมืองนี้บ้าง กไ็ ม่ได้ไหวท่ัวกันไป...นักปราช
ชาวยุโรปเขาคิดเหนว่าธาตุในแผ่นดินกาเริบขึ้น จึ่งได้ไหวที่
โน่นบ้างที่นี่บ้าง...”๗๓

๗๓ เจ้าพระยาทิพากรวงศมหาโกษาธิบดี, หนังสอื แสดงกจิ จานกุ ิจ, ๕ - ๖.

 ๑๐๐ เอกสารสาคัญ: สรรพสาระประวัติศาสตร์ไทย 

๘๘ หนงั สือแสดงกิจจานกุ ิจ

รวมถึงการอธิบายเรื่องการเกิดและการหมุนเวียนของ “ฤดูกาล” ว่า

“ถามว่าระดูฝนทาไมจึ่งมีฝน ระดูแล้งไม่มีฝน บางที
ระดูฝนก็แล้งไปบ้าง ระดูแล้งก็มีฝนบ้างเปนเหตุอย่างไร ขอ
ตอบตามคมั ภีรไ์ ตรภมู ิก่อนเขาว่าเมื่อพระอาทิตย์อยู่ทิศใต้ใกล้
วิมานเทวดาชื่อวัสวลาหก เทวดานั้นกลัวความร้อนไม่ออก
จากวิมาน เมื่ออาทิตย์เดินห่างทิศใต้ไปข้างเหนอื เทวดาวัสดา
เจ้าของฝน ก็ออกจากวิมานจึ่งบันดานให้ฝนตก...อีกอย่าง
หนึ่งว่า...มีลมจาพวกหนึ่งหอบเอาน้าที่สระอะโนดาดมาตก
เรี่ยรายไป อีกประการหนึ่งว่าพระยานาคที่อยู่นทีสีทันดรขึ้น
เล่นน้า...จึ่งเรียกว่าฝนตก แต่คาที่ว่ามานี้เปนของไม่มีพยานก็
ไม่เหนจริง...ข้างจีนว่าฝนตกเพราะเทวดาให้ตก อย่างหนึ่ง
เพราะมังกรสาแดงฤทธิ์สูบน้าทเลขึ้นไปเปนฝน การอันนี้จะ
จริงหรือไม่จริงกไ็ ม่มีพยาน...ฝ่ายพวกพราหมณ์พวกแขกที่ถือ
ว่าพระผู้เปนเจ้าสร้างโลกย์พิภพบันดานให้ฝนตก...การอันนี้
พระผู้เปนเจ้าจะบันดานจริงหรือไม่จริงก็ไม่แจ้ง ถ้าบันดาน
จริงแล้ว ฝนก็จะตกทั่วไปทั้งโลกย์...การไม่เป็นดังนั้นฝนก็ตก
ไม่ทวั่ กันทั้งโลกย์ ที่ไม่ตกเลยหลายๆปีตกครั้งหนึ่งก็มี...บางที
ฝนมากเกินไปจนน้าท่วมบ้านท่วมเมือง...บางแห่งก็แล้งจนทา
นาไม่ได้..จะว่าพระผู้เปนเจ้าสร้างโลกย์โปรดให้มีฝนอย่างไร
ได้...ถ้าจะว่าตามปัญญานักปราชที่เขาคิดเหนคาที่เขาว่าพอมี
พยาน เขาว่าฝนตกที่โน่นบ้างที่นี่บ้าง...ด้วยดินฟ้าอากาศแล
น้าทเล เปรียบเหมือนเครื่องกล่ันสรุ าแลของอื่นๆ...ก็อายแดด
ร้อนเผาน้าในทเลหรือในที่ทั้งปวง น้าน้ันถูกความร้อนก็เปน
อายขึ้นไปในอากาศ น้าในที่ทั้ง ปวงก็แห้งงวดไปมิใช่หรือ
อายน้าไม่สญู หนีรอ้ นไปหาที่เย็น ก็ไปสะสมอยู่ที่อากาศเย็นๆ
จนเป็นก้อนแขงเข้าเหมือนก้อนน้าแขง เมื่อถึงเดือนหก เดือน
เจ็ดเดือนแปด เดือนเก้าเปนระดูร้อนนักข้างทิศเหนอื อายร้อน
นั้นขับเอาน้าที่แขงอยู่ในอากาศเหลวละลายกระจายไปตาม

 ๑๐๐ เอกสารสาคญั : สรรพสาระประวัติศาสตร์ไทย 

อภิเชษฐ กาญจนดิฐ ๘๙

ลมมาประสมเปนก้อนเมฆ มีลมจานวนหนึ่งอัดน้าที่เหนเปน
เมฆใกล้ลงมา อายภูเขาแลอายแผ่นดินที่มีแรงดูดเหมือน
แม่เหล็ก ก็ดูดเอาน้าน้ันลงมาถึงแผ่นดินจึ่งเรียกว่าน้าฝน
เพราะฉะนั้นน้าฝนจึ่งได้เย็นกว่าน้าปรกติที่อื่น เพราะละลาย
ออกจากน้าแขงในอากาศ...”๗

นอกจากนี้ผู้เขียนยังอธิบายเรือ่ ง “โรคภยั ไข้เจบ็ ” โดยแสดงให้เห็นโลกทัศน์
เรือ่ งสาธารณสขุ ทีแ่ ตกต่างกัน ว่า

“...ถามว่าที่บางปีก็สบายไม่มีไข้เจ็บ บางปีก็มีไข้เจ็บ...
ถ้าเปนขึ้นคราวหนึ่งๆก็พร้อมๆกัน บางทีก็เปนแต่สัตว์บาง
จาพวกบ้าง บางทีสัตว์บางจาพวกก็ไม่เปนบ้าง เปนเหตุ
อย่างไร แก้ว่า จาพวกที่เขาถือผีกว็ ่าปีศาจทาให้เปน...จาพวก
ที่เขาถือพระผู้สร้างโลกย์ก็ว่าพระลงโทษ พวกแขกเขาว่า
ต้นไม้ในสวรรค์มีชื่อมนุษย์อยู่ทุกใบไม้ ถึงคราวหล่นก็หล่น
พร้อมๆกนั ทีผ่ ู้ใดดีอยยู่ ังไม่ตายเพราะใบไม้น้ันยังไม่หล่นจึ่งไม่
ตาย แลนักปราชเก่าชาวสยามว่าพระยานาคพ่นพิศม์ขึ้นบน
อากาศ ลมนั้นหอบมา ก็คานกั ปราชญ์ทีไ่ ม่ถือผีเขาว่าเปนเหตุ
เพราะเปลี่ยนระดู...ก็ถ้าถึงคราวเปลี่ยนระดูเช่นนี้ มักไข้เจ็บ
พร้อมๆกัน...เพราะร่างกายได้สาผัศหนาวอยู่แล้ว ไปกระทบ
ร้อนเข้า ร่างกายได้สาผัศร้อนอยู่แล้วไปกระทบฝนเข้า
ร่างกายสาผัศในระดูฝนอยู่แล้วไปกระทบระดูหนาวเข้า จึ่ง
เกิดเปนสาแลงขึ้น...ประการหนึ่งธาตุในอากาศวิปริตเปนลม
พิศม์ลมร้ายต่างๆพัดมา คนที่ไม่เปนน้ันเพราะธาตุในตัวปกติ
ลมร้ายไม่เข้าไปได้กไ็ ม่เปนอะไร...”๗๕

เนือ้ หาเรื่องความรู้ทางวิทยาศาสตร์เหล่านี้ถือเป็นความรู้ใหม่สาหรับชาว
สยามส่วนใหญ่โดยเฉพาะสาหรับเยาวชนสยามในช่วงเวลาดังกล่าว และเป็น
ความรู้ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับความรู้เดิมในสังคมสยาม โดยในเวลา

๗ เจ้าพระยาทิพากรวงศมหาโกษาธิบดี, หนังสือแสดงกจิ จานุกิจ, ๑๙ – ๒๐.
๗๕ เรื่องเดียวกัน, ๐.

 ๑๐๐ เอกสารสาคัญ: สรรพสาระประวตั ิศาสตร์ไทย 

๙๐ หนงั สือแสดงกิจจานกุ ิจ

ดังกล่าวมีการนาความรู้ใหม่เหล่านี้เข้ามาในสงั คมสยามในหลายรูปแบบ เช่น การ
ที่หมอสอนศาสนาชาวตะวนั ตกแสดงการทดลองทางวิทยาศาสตร์ในทีช่ ุมชน หรือ
การตีพิมพ์ความรู้เหล่านี้ในหนังสือต่างๆ อาทิ หนังสือจดหมายเหตุ Bangkok
Recorder ซึ่งในเวลาต่อมาเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯก็นาความรู้เหล่านี้มาเผยแพร่
ต่ออีกคร้ังหนึ่งในหนังสือแสดงกิจจานุกิจ ดังตัวอย่างเช่น บทความเรื่อง สาแดง
การไฟฟ้า ใน หนงั สือจดหมายเหตุ Bangkok Recorder เล่ม ๑ บางกอก เดือนหก
แรม หกค่า จุลศกั ราช ๑๒๒๗ May 15th 1865 (พ.ศ.๒ ๐๘) มีเนือ้ หาว่าด้วยการ
เกิดไฟฟ้าตามธรรมชาติ การเกิดฟ้าผ่า การประดิษฐ์สายล่อฟ้าป้องกันฟ้าผ่า๗๖
สอดคล้องกับหนงั สือแสดงกิจจานุกิจ ในส่วนที่ว่า “คาทีว่ ่ามีไฟอยู่ในกลางอากาศ
เหตุอย่างไรเล่า”๗๗

หรือเนื้อหาในหนังสือจดหมายเหตุ Bangkok Recorder เล่ม ๑ บางกอก
เดือนแปด ขึ้นแปดค่า จุลศักราช ๑๒๒๗ June 1st 1865 (พ.ศ.๒ ๐๘) เรื่อง
“ตาราลมอากาษ บท ๓” ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับแรงดันอากาศและทิศทางลม ก็
สอดคล้องกับหนังสือแสดงกิจจานุกิจในส่วนที่ว่า “ก็คาที่ว่าลมมีในอากาศนั้น
อย่างไรเล่า”๗๘ เป็นต้น ซึง่ การเผยแพร่ความรู้แบบตะวนั ตกเหล่านี้สะท้อนให้เห็น
การปรับเปลี่ยนโลกทัศน์ของปัญญาชนสยามในการรับความรู้ทางวิทยาศาสตร์
จากตะวันตก และเผยแพร่ต่อไปสู่สังคมวงกว้าง ซึ่งความรู้ทางภูมิศาสตร์และ
วิทยาศาสตร์ธรรมชาติเหล่านี้จะค่อยๆเข้ามาแทนที่ความรู้เดิมในสังคมสยามใน
เวลาต่อมา

ส่วนเนือ้ หาทีอ่ ภิปรายเกี่ยวกับศาสนานั้นเป็นประเด็นสาคัญที่ควรพิจารณา
เป็นอย่างยิ่ง เพราะเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นในขณะที่บรรดา
หมอสอนศาสนาชาวตะวันตกต่างอภิปรายคาสอนทางพุทธศาสนาและต้องการ
ใหช้ าวสยามเปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์ เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯเป็นผู้แทนชน
ชั้นนาสยามที่แสดงทัศนะตอบโต้ชาวตะวันตกอย่างเฉียบแหลม โดยเฉพาะการ
อภิปรายผ่านหนังสือแสดงกิจจานุกิจซึ่งสะท้อนว่าเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯมี

๗๖ หนงั สือจดหมายเหตุ The Bangkok Recorder, ๙๓.
๗๗ เจ้าพระยาทิพากรวงศมหาโกษาธิบดี, หนงั สือแสดงกจิ จานกุ ิจ, ๓๒ – ๓๘.
๗๘ เรือ่ งเดียวกนั , ๒๙ – ๓๒.

 ๑๐๐ เอกสารสาคญั : สรรพสาระประวตั ิศาสตร์ไทย 

อภิเชษฐ กาญจนดิฐ ๙๑

ความรู้เกีย่ วกบั ศาสนาต่างๆอย่างกว้างขวางและสามารถอภิปรายประเดน็ ต่างๆที่
เกี่ยวข้องได้อยา่ งคมคาย ในหนงั สือแสดงกิจจานกุ ิจมีเนือ้ หาทีเ่ กี่ยวข้องกับศาสนา
อยู่ ๒ ส่วนที่สาคัญ คือ ความรู้ทว่ั ไปเกีย่ วกบั ศาสนา และหลักคาสอนของศาสนา
ต่างๆ

ประเด็นความรู้ท่ัวไปเกี่ยวกับศาสนา เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯ อธิบาย
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับแต่ละศาสนา อาทิ ศาสนาต่างๆมีจุดกาเนิดขึ้นที่ใด หรือ
ประชากรในดินแดนต่างๆนบั ถือศาสนาใดบา้ ง ฯลฯ ดงั ปรากฏความ เช่น

“ถามว่า ในพิภพนี้...มีคนนับถือศาสนาอยู่สักกี่อย่าง แก้ว่า...
สาศนาใหญ่ๆคนนับถือมาก คือ สาศนาอิศวรนารายณ์ก็เปน
สาศนาแต่เดิมมา แต่บุคคลถือสาศนาอิศวรนารายณ์
ต่างๆกันเปนหลายอยา่ ง...จึง่ ได้ถือลัทธิต่างๆกันไปเปนพวก...
มีสาศนาอีกอย่างหนึ่ง ไทยเรียกว่าพระพุทธเจ้า ชาวยุโรป
เรียกว่าพระสมณโคดมบ้าง เรื่องว่าพระโคตะมะบ้าง เรียกว่า
บุตตาบ้าง กเ็ ปนสาศนาใหญ่อย่างหนึ่ง...สาศนาพระเยซูคฤศ
เจ้ากเ็ ปนสาศนาใหญ่อย่างหนึง่ เดิมถือรอแมนกตอลิกด้วยกนั
ทั้งสิน้ ...คร้ัน...นานมาประมาณหลายร้อยปี พวกเยระมันนี้มา
คิดเหนว่า พวกถือสาศนารอแมนกตอลิก ไม่ถูกกับพระคัมภีร์
ใบเบล จึ่งคิดต้ังลัทธิใหม่ เรียกว่าคฤศเตียน...อีกพวกหนึ่ง
เรียกว่าโมเมล...แลสาศนานาบีมะหะหมัดที่แขกเรียกว่าระสู่
หลุนหล่าก็เปนสาศนาใหญ่อย่างหนึ่ง คนถือสาศนาแยกเป็น
สองอย่าง เรียกว่าสูหนีพวกหนึ่ง เรียกว่าแขกมห่นพวกหนึ่ง
...”๗๙

“...ถามว่า ก็ผู้นับถือสาศนาต่างๆ มีอยู่ที่แผ่นดินไหน
บ้าง แก้ว่า ข้างแผ่นดินพราหมณ์เรียกว่าฮินดูสตาน แต่ก่อน
พราหมณ์นับถือสาศนาอิศวรนารายณ์ เปนพื้นบ้านพื้นเมือง
มาแต่เดิมมากเป็นหนึ่ง สาศนาพระสมณะโคดมมากเปนที่

๗๙ เจ้าพระยาทิพากรวงศมหาโกษาธิบดี, หนงั สือแสดงกจิ จานกุ ิจ, ๙ – ๙๖.

 ๑๐๐ เอกสารสาคญั : สรรพสาระประวตั ิศาสตร์ไทย 

๙๒ หนังสือแสดงกิจจานุกิจ

สองเดี๋ยวนี้มีน้อยแล้ว นาบีมะหะมดั อยู่ในแผ่นดินหะรับสตาน
ยกรีพ้ ลมาปราบปรามบ้านเมืองฮนิ ดูสตาน ตีได้บ้านเมืองเปน
อนั มาก เดี๋ยวนี้สาศนานาบีมาหะมดั ในแผ่นดินฮินดูสตานมาก
ขึน้ เปนที่สอง แลผู้ทีถ่ ือศาสนาพระสมณะโคดม แลผู้ที่ถือพระ
ยาจักรแลถือบูชายัญ แลถือไฟเปนถือพระเยซูคฤศก็มีแต่ไม่
มากเหมือนศาสนาพราหมณ์ สาสนาแขกในแผ่นดินหรับส
ตาน สาศนาแขกคือสาศนานาบีมาหะมัดมากเป็นพื้นบ้าน
พืน้ เมือง คนที่ถือแขกเก่ายังมีอยู่แต่น้อย คนที่ถือสาศนาอื่นๆ
น้ันไม่มีเลย ในแผ่นดินยุโรปคนถือสาศนาพระเยซูคฤศเจ้ามี
มากเปนพื้นบ้านพื้นเมืองเปนที่หนึ่ง สาศนานาบีมาหะมัดก็ดี
แขกที่ถือลัทธิเก่าก็ดีก็มีแต่น้อยเปนที่สอง คนที่เฉยๆไม่ถือ
อะไรกแ็ ทรกอยู่ทุกบ้านทุกเมือง สาศนาพระสมณะโคดมแล
อิศวรนารายณ์ แลพระยาจักรไม่มีเลย...ในแผ่นดินจีน
แผ่นดินญี่ปุ่น แผ่นดินญวน คนถือไหว้เทวดาไหว้ผี เปน
พื้นบ้านพื้นเมือง ถือคาส่ังสอนอาจารย์ขงจู้มีมาก...แผ่นดิน
ตาดตาเรียซึ่งโอบหลังแผ่นดินจีนอยู่นั้น ถือศาสนาต่างๆ คือ
ไหว้เทวดาบ้างไหว้ผีบ้าง...ทีแ่ ผ่นดินตาดมีคนถือศาสนาหลาย
อย่าง แผ่นดินรูเซียซึ่งโอบหลังแผ่นดินตาดอยู่หัวพิภพทิศ
เหนือนั้นสืบถามได้ว่าถือศาสนาพระเยซูคฤศอย่างเดียว
แผ่นดินไทย แผ่นดินเขมร แผ่นดินลาว แผ่นดินมอญ แผ่นดิน
พม่า แผ่นดินยะไข่ แผ่นดินไทยใหญ่ เมืองที่จีนเรียกว่าไซถี
คือเมืองธิเบตเกาะลังกา แลเมืองเหล่านี้ถือศาสนาพระสมณะ
โคดมเปนพื้นบ้านพื้นเมือง...”๘๐

ความรู้ที่ว่าในโลกนี้ประกอบด้วยชนกี่เชือ้ ชาติ แต่ละเชือ้ ชาติอาศยั อยู่ที่ไหน
พูดภาษาอะไร นับถือศาสนาอะไร หรือมีธรรมเนียมประเพณีเป็นอย่างไร เป็น
ความรู้ที่กลุ่มชนช้ันนาส่ังสมมาเป็นเวลาพอสมควรเพื่อใช้ประโยชน์ในกิจการ

๘๐ เจ้าพระยาทิพากรวงศมหาโกษาธิบดี, หนงั สือแสดงกจิ จานุกิจ, ๑๐๓ – ๑๐ .

 ๑๐๐ เอกสารสาคัญ: สรรพสาระประวตั ิศาสตร์ไทย 

อภิเชษฐ กาญจนดิฐ ๙๓

ต่างๆของรัฐ เช่น การกาหนดนโยบายต่างๆของรัฐ เป็นต้น ซึ่งหลักฐานสาคัญที่
แสดงใหเ้ หน็ ว่ากลุ่มชนชั้นนาของสยามมีความรู้เกี่ยวกับกลุ่มคนต่างๆ ในโลกเป็น
อย่างดี คือ จารึกโคลงต่างภาษาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หรือวัดโพธิ์ ซึ่ง
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดให้จัดทาขึ้นและมีการบันทึก
เรื่องราวของชาวต่างชาติต่างภาษาปรากฏอยู่ถึง ๓๒ ภาษา๘๑ ความรู้เหล่านี้เป็น
ฐานข้อมลู ท่สี าคัญอีกประการหนึ่งที่เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ใช้เพื่ออธิบายว่าผู้คน
แต่ละเชื้อชาติมีถิ่นที่อยู่ที่ใด ตลอดจนนับถือศาสนาและมีธรรมเนียมประเพณี
อย่างไร เปน็ ต้น

ส่วนเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการอภิปรายคาสอนทางศาสนานั้น เจ้าพระยา
ทิพากรวงศ์ฯพยายามอธิบายด้วยการอา้ งอิงหลักเหตุผลและการคิดวิเคราะห์ ท้ัง
ยงั เสนอว่าการทาความเข้าใจศาสนาควรมาจากการตั้งคาถามและการพิสูจนด์ ว้ ย
หลักฐานมากกว่าที่จะยอมรับคาอธิบายทางศาสนาบนพื้นฐานความเชื่อหรือ
ความศรัทธาเท่าน้ัน ซึ่งในแง่หนึ่งอาจกล่าวได้ว่าการวิเคราะห์เหล่าน้ันได้รับ
อิทธิพลจากหลักวิทยาศาสตร์ แต่ในอีกแง่หนึ่งก็เป็นไปได้ว่าหลักเหตุผลที่
เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯใช้วิเคราะหอ์ ภิปรายศาสนาต่างๆน้ันอาจได้รับอิทธิพลมา
จากแนวคิดเหตผุ ลนิยมทีส่ ง่ั สมขนึ้ มาเองในสงั คมสยามเช่นกัน โดยเฉพาะแนวคิด
ทางพุทธศาสนาเรื่อง “หลักกาลามสูตร” ที่เน้นเรื่องการพิสูจน์ข้อเท็จจริงและ
ความรู้อย่างเปน็ เหตุเปน็ ผล ดงั ปรากฏในหนังสือแสดงกิจจานกุ ิจว่า

“ถามว่าสาสนาในโลกย์มีต่างๆกันเช่นนี้...จะรู้ว่าสาศนาใดผิด
สาสศนาใดถูก เปนสาศนาที่เทีย่ งแท้ จะเปนที่พึ่งแก่ตนไปในปะ
ระโลกย์เบือ้ งหน้า แก้ว่าตรองดเู ถิดตามแต่ปัญญาที่จะเหนจริง
...การสาศนาวินิจฉัยยาก คาในพระบาฬี...มีอยู่สูตรหนึ่ง...
นามาเรียบเรียงไว้ในที่นี้จะขาดบ้างเหลือบ้างประการใด
ขออะไภยเสียเถิด ด้วยปัญญาน้ันคิดจะให้เปนคุณแก่คนที่ไม่ได้
สู้สดบั ตรบั ฟังในทางพระพุทธสาศนา ในพระสูตรนั้นมีความว่า
...อย่าได้ถือตามความที่ได้ยินมา...อย่าได้ถือตามปะราปะราเล่า

๘๑ ดูรายละเอียดการวิเคราะห์ในประเดน็ นีใ้ น ทวีศกั ดิ์ เผือกสม, คนแปลกนานาชาติของ
กรงุ สยาม, (กรุงเทพฯ: มติชน, ๒๕ ๖).

 ๑๐๐ เอกสารสาคญั : สรรพสาระประวัติศาสตร์ไทย 

๙ หนังสือแสดงกิจจานกุ ิจ

สืบๆกันมา...อย่าถือความเล่าลือกันต่อๆมา...อย่าได้ถือด้วย
อ้างตารา...อย่าถือเพราะความตฤก อยู่ในใจ...อย่าถือเอา
โดยขะเน...อย่าถือโดยตฤก นึกคานึงเอาการท่วงที...อย่าถือ
ด้วยความอดทนต่อความเพ่งด้วยการเหน ...อย่าถือเอาด้วย
ความเหน คนมีรปู ร่าง...อย่าถือด้วยอา้ งอาจาริย์ของตัว...”๘๒

ท้ังนีเ้ จ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯพยายามหลักเหตุผลดังกล่าวมาอภิปรายหลัก
คาสอนของศาสนาต่างๆ โดยเฉพาะคาสอนทางคริสต์ศาสนาเพื่อตอบโต้ทัศนะ
ของบรรดาหมอสอนศาสนา ซึ่งตัวอย่างการอภิปรายดังกล่าวปรากฏอยู่ใน
หนังสือแสดงกิจจานุกิจเปน็ จานวนมากนบั ตั้งแต่การเริ่มต้นอธิบายว่าการทีบ่ ุคคล
หนึ่งๆจะเลือกนับถือศาสนาใดๆ มาจากเหตุผลต่างๆกนั คือ

“...ก็บุคคลมารับเข้ารีตศาสนาต่างๆน้ัน มีอยู่แต่บุคคลที่
ยากจนเข็ญใจเขาอะนุเคราะห์ แล้วเขาก็ชักชวนเข้ารีศ มี
ความเกรงใจกต็ ้องเข้า จาพวกหนึ่งถูกอาญากดขี่ก็ต้องจาใจ
เข้า จาพวกหนึ่งตื่นวิชาความรู้ แลของประหลาดต่างๆ ก็
เข้าใจว่าเขามีความฉลาดมาก...ก็พลอยเข้ารีตไปด้วย จาพวก
หนึง่ ถือเอาบคุ คลท่ีตนนับถือ...ผู้นั้นถือสาศนาสิ่งใดจะมิจริงมิ
เที่ยงแท้ฤา ก็มีความเชื่อในคนผู้น้ันๆ...อีกจาพวกหนึ่งไปเข้า
สาศนาเพราะเหนว่ามีถ้อยความเขาช่วยได้ ไม่มีใครข่มเหง ก็
ไปยอมเข้าอยู่ในสาศนาเขา...อีกจาพวกหนึง่ ได้ฟังคาส่ังสอนก็
มีความเลือ่ มใสไปด้วยเหนจริงในน้าใจว่า รูปแลนามเปนของ
ไม่เที่ยง สิ่งไรจะช่วยก็ช่วยไม่ได้ การดีแลการชั่วก็เปนเพราะ
กศุ ลากศุ ลเท่าน้ัน เหนดังนี้กไ็ ปเข้าศาสนาก็มี...”๘๓

ยิ่งกว่านั้นเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯยังอภิปรายว่าด้วยข้อพิสูจน์เรื่องการมี
อยู่ของพระเจ้าว่า

๘๒ เจ้าพระยาทิพากรวงศมหาโกษาธิบดี, หนังสือแสดงกจิ จานุกิจ, ๑๐๗ – ๑๐๘.
๘๓ เรือ่ งเดียวกนั , ๑๐๕ – ๑๐๖.

 ๑๐๐ เอกสารสาคัญ: สรรพสาระประวตั ิศาสตร์ไทย 

อภิเชษฐ กาญจนดิฐ ๙๕

“...ข้าพเจ้าถามหมอกัสแวนต์๘ ว่า เทพยดาที่จีนเขานับถือมี
หรือไม่มี หมอเขาว่าไม่มีเทวดา ไม่เห็นตัวอยู่ที่ไหนไม่มี มีแต่
เทวดาคือทูตสวรรค์สาหรับใช้สรอยของพระยะโฮวาจาพวก
หนึง่ เท่านั้น ถามหมอว่าพระยะโฮวาว่ามีหรือไม่มี หมอว่ามีแน่
แท้ทีเดียว กห็ มอว่าเทวดาไม่มีไม่เหนตัว ก็พระยะโฮวาก็ไม่ได้
เหนตัวท่านเหมือนกนั ทาไมหมอจึ่งว่ามี...”๘๕

เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯยงั ต้ังคาถามถึง “พระผู้สร้าง” ที่ปรากฏในหลักคา
สอนทางคริสต์ศาสนาว่า

“...หมอว่าหมอมีเจ้าของมีผู้สร้างมีผู้ทาไว้จึ่งเปนขึ้นได้ ที่สุด
จนชั้นเมล็ดกรวดทรายก็มีผู้สร้าง ก็ก้อนเมล็ดนิ่วก็เปนหินเป
นกรวดขึ้นในกระเพาะปัสสาวะมนุษย์จะมีผู้สร้างขึ้นหรือจึ่ง
เปนขึน้ ได้ หมอตอบว่ามีผู้สร้างทุกสิ่งแลสิ่งไรจะเปนเองไม่ได้
ข้าพเจ้าจึ่งถามว่า ถ้ามีผู้สร้างเมล็ดนิ่วขึ้นในตัวมนุษย์แล้วก็
มนุษย์ทีเ่ ปนโรคน่ิวนั้น มีความผิดสิ่งไร พระจึ่งมาสร้างลูกนิ่ว
ขึน้ ในตัวมนษุ ย์ใหต้ ายเสีย แล้วหมอมารักษาให้โรคหายไปน้ัน
ก็จะมิมีความผิดต่อความประสงค์ของพระไปหรือ ด้วยพระ
จะทาใหเ้ ขาตาย แล้วหมอมารักษาขนึ้ ไว้จะมิเปนการขัดรับสั่ง
ไปหรือ คร้ันว่าดังน้ันแล้วหมอก็โกรธ ว่าเปนบุคคลสอน
ยาก”๘๖

รวมถึงตั้งคาถามต่อคาสอนทางคริสต์ศาสนาที่ว่าพระเจ้าเป็นผู้สร้างสรรพ
สิ่งว่า

“...ถามหมอกิศลับ๘๗ว่า มนุษย์แลสัตว์ในพระคัมภีร์ใบเบลว่า
พระสร้างมาทั้งน้ัน ก็พระจะสร้างให้เปนมนุษย์และสัตว์ขึ้น
เหมือนเล็นแลเรือดที่เปนขึ้นมาด้วยอายเหงื่อแลไคล บ่อสระ

๘ เจสซี แคสเวล (Jessey Caswell)
๘๕ เจ้าพระยาทิพากรวงศมหาโกษาธิบดี, หนงั สือแสดงกจิ จานุกิจ, ๘ – ๘๕.
๘๖ เรือ่ งเดียวกัน, ๘๕.
๘๗ ชารล์ กตุ ซลาฟ (Chartes Gutzlaff)

 ๑๐๐ เอกสารสาคัญ: สรรพสาระประวัติศาสตร์ไทย 

๙๖ หนังสือแสดงกิจจานกุ ิจ

ใหม่ๆเกิดปลาขึน้ ด้วยอายดินอายน้า จะให้เปนขึ้นมาอย่างนั้น
ไม่ได้หรือ ต้องให้สร้องเสพย์ซึ่งกันแลกัน ทาให้มารดาได้รับ
ความทกุ ข์เวทนาจนถึงตายก็มาก บางทีทารกตายก็มากพระ
ผู้สร้างทาดังนี้จะมิป่วยการเปล่าหรอื ...”๘๘

นอกจากนี้เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯยังอภิปรายในเรื่องที่พระเจ้าทรงสั่งให้
“นยุ หยอก” ต่อเรือและรวบรวมพันธ์ุสตั ว์มาอยู่รวมกัน ต่อมาเมื่อพระเจ้าบันดาล
ให้น้าท่วมโลกก็อาศัยสัตว์เหล่านี้ก็เป็นต้นกาเนิดสืบเผ่าพันธ์ุต่อมา ซึ่งในกรณีนี้
เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯต้ังคาถามว่า

“...นุยหยอกต่อเรือกาป่ันใหญ่การนานถึงหนึ่งร้อยปีจึงแล้ว
ไม้นั้นจะไม่ผุพังไปหรือ จะเอาเหล็กเอาตะปูที่ไหนมาทา นุย
หยอกมงั่ มีเงินเท่าไรจะจ้างคนมาทาได้ กาป่ันนั้นโตเท่าไรจึงจุ
สัตว์ท้ังสกลโลกย์ได้ สัตว์เหล่านั้นอยู่ในกาปั่นช้าถึงหนึ่งปีจะ
เอาอาหารอะไรมากิน แต่สตั ว์ต่อสตั ว์กินกนั เองกม็ ีโดยมาก มี
สัตว์อยู่อย่างละคู่เท่านั้นถ้ามันกินกันเสียแล้วก็มิขาดสัตว์
จาพวกนั้นไปหรอื ...”๘๙

ท้ังเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯยังอภิปรายหมอสอนศาสนาที่ตาหนิพุทธศาสนา
ว่าล้าหลัง และสนบั สนุนให้ชาวสยามเข้ารีตนบั ถือศาสนาคริสต์ว่า

“...ถามว่าหมอยอน๙๐อเมริกัน ท่านทาตราชูทองชั่งสาศนา
พระพทุ ธเจ้าแลพระเยซูคฤศเจ้าทั้งสองใครจะมีน้าหนักแก่กัน
ใครจะ วิเสศแก่กัน เขายกมาว่าเปนกลายประการนั้น จะ
จริงเหมือนเขาว่าหรือแก้ว่า ผู้ที่จะช่ังสิ่งของด้วยตราชู ต้อง
วางจิตรใหเ้ ทีย่ งตรง ตราชูจึ่งจะตรงอยู่ได้ ถ้าจิตรผู้ชั่งน้ันเงี่ย
โคลงหนักอยู่ข้างไหน ตราชูก็หนักไปอยู่ข้างนั้น หมอยอน

๘๘ เจ้าพระยาทิพากรวงศมหาโกษาธิบดี, หนังสือแสดงกจิ จานุกิจ, ๘๙.
๘๙ เรือ่ งเดียวกัน, ๗๒.
๙๐ จอห์น เทย์เลอร์ โจนส์ (John Taylor Jones)

 ๑๐๐ เอกสารสาคัญ: สรรพสาระประวตั ิศาสตร์ไทย 

อภิเชษฐ กาญจนดิฐ ๙๗

อเมริกนั ทาหนังสือชงั่ สาศนา ก็เหนว่าตรานั้นเอียงอยู่ข้างหนึ่ง
ใหท้ ่านท้ังหลายพิเคราะหด์ ูในหนงั สือชือ่ ตราชูน้ันเถิด...”๙๑

นอกจากเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯพยายามใช้หลกั เหตเุ พื่อตั้งคาถามตอบโต้
หมอสอนศาสนาชาวตะวนั ตกแล้ว การที่เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯเปน็ ส่วนหนึ่งของ
ชนชั้นนาสยามทีต่ ้องการแสดงให้ชาวตะวันตกยอมรับว่าพุทธศาสนาที่ชาวสยาม
ยึดถือน้ันสอดคล้องกับหลกั เหตผุ ล จึงทาใหเ้ จ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯต้องพยายาม
อย่างยิง่ ทีจ่ ะเชื่อมร้อยเหตผุ ลต่างๆ เพื่อแสดงให้เห็นว่าศาสนาพุทธสอดคล้องกับ
หลกั วิทยาศาสตร์ และหากมีคาสอนใดในพุทธศาสนาที่ขัดกับหลักวิทยาศาสตร์
เจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯก็จะพยายามหาทางออกให้กับคาสอนเหล่านั้น ดังการ
ตอบคาถามของหมอสอนศาสนาในประเด็นที่ว่าคัมภีร์ไตรภูมิอธิบายเรื่องภูมิ
สณั ฐานของโลกไว้ต่างจากคาอธิบายทางภูมิศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ว่า

“...ถามว่า ซึ่งลูกพิภพกลมลอยหมุนเวียนไป จะมิผิดกับ
หนงั สือไตรยภูมิโลกย์สัณฐาน โลกย์ทิปกแลคัมภีร์อื่นๆ มีอีก
หลายแหง่ ทีว่ ่าด้วยโลกย์แผ่นดินพิภพเปนเหมือนใบบัวต้ังอยู่
บนหลังน้า ก็มีปลาอานนทห์ นุนแผ่นดิน มีลมรองน้าขอบนอก
พิภพ มีเขาจักรวาฬล้อมรอบเปนกาแพงขึ้นไปสูงเสมอเขา
ยุคนธร....แลกล่าวบรรยายในการโลกย์อย่างอื่นอีกเปน
หลายประการ...ถ้าความจริงตามปัญญาที่นักปราชเขาคิด
เหนว่าโลกย์กลม โลกย์หมุนพระพุทธฎีกาตรัสธรรมเทศนา
เรื่องโลกย์ ไว้ดังนี้มิผิดไปหรอื คาซึ่งว่าโลกะวิทพู ระตรัสรู้ด้วย
โลกทั้งหลาย จะมิเปนคาสองไปหรอื จึง่ แก้ไปใหแ้ จ้ง๙๒

คาถามข้างต้นเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯได้อธิบายเรื่องไตรภูมิซึ่งไม่
สอดคล้องกบั หลกั ภูมิศาสตร์และวิทยาศาสตร์ไว้ว่า พระพุทธเจ้าทรงรู้ว่าโลกกลม
เห็นได้จากคาสอนบางส่วนที่แสดงให้เห็นว่าโลกหมุนเวียน แต่พระองค์ไม่เคย
เทศนาสั่งสอนว่าโลกกลมหรือแบน เพราะหากพระองค์ตรัสว่าโลกกลมก็อาจทา
ใหค้ นทีเ่ ชือ่ ว่าโลกแบนสงสัยหรอื ไม่พอใจ แต่ทีป่ รากฏคาสอนเรื่องนรกสวรรค์และ

๙๑ เจ้าพระยาทิพากรวงศมหาโกษาธิบดี, หนังสือแสดงกจิ จานุกิจ, ๘๑.
๙๒ เรื่องเดียวกัน, ๖๒ – ๖๓.

 ๑๐๐ เอกสารสาคญั : สรรพสาระประวัติศาสตร์ไทย 

๙๘ หนงั สือแสดงกิจจานกุ ิจ

เขาพระสุเมรุในหนังสือไตรภูมิน้ันเป็นการตีความคาสอนโดยนักปราชญ์และ
พระสงฆ์รุ่นหลังจึงทาให้ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ที่ค้นพบใน
ภายหลงั การอภิปรายดงั กล่าวปรากฏในหนังสือแสดงกิจจานกุ ิจว่า

“...กค็ าซึง่ ว่าโลกะวิทูพระองค์ตรสั รู้ซึ่งโลกน้ัน ตริตรองไปตาม
บาฬี มีแต่พระองค์ตรสั ด้วยสงั ขาระโลกย์ คือ นามแลรูปขันธะ
อายตั นะเปนต้น แลสตั ว์โลกย์ว่าด้วยอาการของมนุษย์ดีแลช่ัว
เปนต้น โอกาสโลกย์คือโลกสัณฐานนั้นไม่ได้เทศนาเลย
พิเคราะหด์ ูก็เหนว่าพระองค์รจู้ ริง เหนจริง แต่โลกย์สัณฐานที่
ชาวเมืองเขาถือกันว่าเปนอย่างนั้นๆ เหมือนกล่าวแล้ว การที่
พระองค์รู้พระองค์เหนจะไม่ถูกกันพระองค์จึ่งไม่เทศนา ถ้า
พระองค์จะเทศนาด้วยเรื่องโลกย์ว่าพิภพกลม พิภพหมนุ แล้วก็
จะผิดของโบราณที่ชาวเมืองที่เขาถือว่า พิภพแบนมีเขาพระ
สุเมรุ เขาไม่เหนดีด้วยก็จะพากนั มาซกั ถามถึงเรื่องโลกย์ร่าไป
ก็การดินฟ้าอากาศของไม่มีพยาน จะนงั่ อธิบายไปแต่พระองค์
เดียวเขาไม่เหนด้วย จะว่ากล่าวหยาบช้าต่างๆ กจ็ ะเกิดโทษแก้
เขาเหล่านั้น ประการหนึ่งเขาว่าจะมารื้อแย่งคัดค้านของเก่า
ของเขา ก็จะเกิดศัตรูขึ้น แล้วก็จะเสียเวลาที่พระองค์จะส่ัง
สอนสรรพสัตว์ทั้งหลาย เพราะฉะนั้นพระองค์จึง่ ตัดเสียทีเดียว
ไม่เทศนาเรือ่ งโลกย์สยั ฐานเลย ครั้งนั้นมีผู้เข้าไปกราบทูลถาม
พระพุทธเจ้าด้วยโลกย์สัณฐาน พระองค์ตรัสห้ามเสียว่า
เป็นอะพยากะตะปัญหา พระองค์ไม่สาแดง แล้วก็ห้าม
พระภิกษสุ งฆ์ด้วยไม่ให้พดู ถึงเรื่องราวโลกย์ต่างๆ...ก็ที่คาพระ
บาฬีมีกล่าวเรือ่ งโลกย์และสวรรค์และนะรกเรี่ยรายไปมีที่เขา
ถือบ้าง จึ่งได้มีติดอยู่ในพระบาฬี ถึงกระน้ันพระองค์ยังแนะเป
นความไนยๆไว้เพือ่ คนข้างน่าจะได้รู้ว่าพิภพน้ันเวียน มีคาบาฬี
ว่าวัดตะโกโลโก อธิบายว่าโลกย์เวียน...แต่พระสงฆ์ท้ังปวงๆ
นั้นมาคิดว่าพระพุทธเจ้าเปนผู้สาระพัดรู้สาระพัดเห็น แลคา
ซึ่งเรียกว่าโลกะวิทูตรัสรู้ซึ่งโลกย์ไม่มีในบาฬีจะบอกว่า

 ๑๐๐ เอกสารสาคัญ: สรรพสาระประวตั ิศาสตร์ไทย 

อภิเชษฐ กาญจนดิฐ ๙๙

พระพุทธเจ้าไม่เทศนา คาที่ว่าโลกะวิทูก็จะเสียไป ดูเปนพระ
พทุ ธเจ้าไม่รจู้ กั อะไร มาสรรเสริญเปล่าๆจึงเกบ็ เอาตามคัมภีร์
ไตรยเพทต่างๆบ้าง แลในบาฬีที่พระพุทธเจ้าเทศนา
เปรียบเทียบบ้าง เปนคาอนุโลมตามเหตุบ้าง เปนคาอุประมา
บ้าง มาร้อยกรองเปนคัมภีรไ์ ตรภมู ิโลกย์สัณฐานขนึ้ อา้ งว่าเปน
พทุ ธฎีกาเทศนา ใหส้ มกบั คาว่าโลกะวิทูตัดความสงไสยคนทั้ง
ปวง คนครั้งนั้นก็ยังเปนเถื่อนๆป่าๆอยู่ก็เชื่อว่าพระพุทธเจ้า
เทศนาโดยแท้ ก็สิ้นความสงไสย ถึงจะสงไสยก็ต้องนิง่ อยู่แต่ใน
ใจ ด้วยไม่เหนมีพยานสิ่งไร การทุกวันนี้นักปราชเปนอันมาก
เขาก็ได้เที่ยวทั่วพิภพตรวจตราชันสูตร...ก็รู้ว่าพิภพกลมหมุน
แลลอยอยใู่ นอากาศเปนแน่ ผิดกับคาไตรยภูมิโลกยสัณฐาน...
เพราะฉนั้นจึ่งเหนว่าพระพทุ ธเจ้าไม่เทศนาด้วยเรื่องโลกย์โดย
แท้ ...ถู ก คา ที่พ ร ะ อง ค์ เ ทศ น า ไ ว้ว่า วั ด ต ะ โ ก โ ล โ ก .. .
พระพุทธเจ้าเปนพระสัพพัญญูตะญาณรู้การอดีต อนาคต
ปัจจุบันโดยแท้ เพราะนักปราชเขามาคิดเหนโลกย์อย่างหนึ่ง
ของเก่าอย่างหนึง่ พระองค์รแู้ ล้วว่าการข้างน่าจะไม่ถูกกัน จึ่ง
ได้ปตั ิเสธเสีย..ด้วยการข้างน่าไป นักปราชเขาคงคิดเอาถูกได้
...”๙๓

สรุป

เจ้าพระยาทิพากรวงศ์มหาโกษาธิบดีเรียบเรียงหนังสือแสดงกิจจานุกิจขึ้น
ในยุคที่ความรู้เดิมในสยามกาลังเผชิญหน้ากับการท้าทายของความรู้ใหม่แบบ
ตะวันตกทีห่ ลงั่ ไหลเข้ามาในเวลาดังกล่าว อย่างไรก็ตามหนังสือแสดงกิจจานุกิจ
สะท้อนให้เห็นความสามารถของเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯในฐานะปัญญาชนคน
สาคญั ของสยามในแง่ที่สามารถนาความรู้ทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่มาเผยแพร่
ในสงั คมสยาม ทั้งยังนามาอธิบายพุทธศาสนาให้สอดคล้องกับหลักการดังกล่าว
ได้เปน็ อย่างดี

๙๓ เจ้าพระยาทิพากรวงศมหาโกษาธิบดี, หนังสือแสดงกจิ จานุกิจ, ๗๓ -๗๖.

 ๑๐๐ เอกสารสาคญั : สรรพสาระประวัติศาสตร์ไทย 

๑๐๐ หนงั สือแสดงกิจจานกุ ิจ
อย่างไรกต็ ามเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ฯมิได้ใช้แต่หลักความรู้สมัยใหม่ที่เป็น

วิทยาศาสตร์แบบตะวันตกเท่าน้ัน หากแต่ยังนาเอาหลักตรรกะและเหตุผลแบบ
ด้ังเดิมของสยาม อาทิ หลักกาลามสูตรในพทุ ธศาสนามาตั้งคาถามหรืออภิปราย
ปรากฏการณ์ต่างๆได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการอภิปรายตอบโต้หมอสอนศาสนา
ชาวตะวันตกในประเด็นที่ว่าด้วยหลักคาสอนในศาสนาต่างๆ หนังสือแสดง
กิจจานุกิจจึงเป็นหลักฐานสาคัญที่สะท้อนให้เห็นการปรับเปลี่ยนโลกทัศน์ของ
ปญั ญาชนและชนชั้นนาสยามในเวลาดังกล่าวโดยเฉพาะประเด็นการผสมผสาน
แนวคิดแบบตะวนั ตกกับตะวันออกเข้าด้วยกนั ได้อย่างน่าสนใจ

 ๑๐๐ เอกสารสาคญั : สรรพสาระประวัติศาสตร์ไทย 

อภิเชษฐ กาญจนดิฐ ๑๐๑

บรรณานกุ รม

เอกสารชนั้ ตน้ หนังสือและวิทยานิพนธ์

“หมายรับส่ัง เรื่อง ทรงพระราชศรัทธาจะให้พระภิกษุสามเณรสอบไล่
พระไตรปิฎก” ใน ประชุมหมายรับสั่ง ภาค ๔ ตอนท่ี ๑ สมัยกรุง
รัตนโกสินทร์ รัชกาลพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว จ.ศ.
๑๑๘๖ – ๑๒๐๓. กรุงเทพฯ: คณะกรรมการชาระประวัติศาสตร์ไทยและ
จัดพิมพ์เอกสารทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี สานักเลขาธิการ
นายกรฐั มนตรี, ๒๕๓๖, หน้า ๑๖๗-๑๖๘.

เจ้าพระยาทิพากรวงศ์. “เรื่องพระปฐมเจดีย์” ใน เรื่องพระปฐมเจดีย์ ฉบับ
เจา้ พระยาทิพากรวงศ์เรียบเรียง และฉบับม.จ.สุภัทรดิศ ดิศกุล ทรง
นิพนธ์. พิมพ์เปน็ อนสุ รณใ์ นงานพระราชทานเพลิงศพ พระไชยศาสตร์ราช
สภาบดี (เชื้อ จามรมาน) ณ เมรุวัดมกุฏกษัตริยาราม วันที่ ๒๖ มีนาคม
๒๕๐๒.

ชมพูนุท นาคีรักษ์. การสืบสันตติวงศ์ของพระบรมราชจักรีวงศ์ในสมัย
สมบูรณาญาสิทธิราชย์. กรุงเทพฯ: ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะ
สงั คมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร, 2538.

ชัย เรืองศิลป์. ประวัติศาสตร์ไทย สมัย พ.ศ. พ.ศ. ๒๓๕๒ – ๒๔๕๓ ด้าน
สังคม.กรุงเทพฯ: ๒๕ ๕.

ชัยวัฒน์ คุประตกุลและคณะ. ปริทัศน์หนังสือดีวิทยาศาสตร์ ๘๘ เล่ม.
กรุงเทพฯ: ดบั เบิล้ นายน์, ๒๕ ๕.

ดารงราชานุภาพ, สมเด็จกรมพระยา. ความทรงจา, มติชน: กรงุ เทพฯ, ๒๕ ๖.

. ประวัติสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ เมื่อก่อนเป็น
ผู้สาเร็จราชการแผ่นดิน. พระนคร: โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร,
๒ ๗๒.

ทิพากรวงศมหาโกษาธิบดี, เจ้าพระยา. กิจจานุกิตย์. พระนคร : สุทธิสารการ
พิมพ์, ๒๕๐๘.

 ๑๐๐ เอกสารสาคัญ: สรรพสาระประวตั ิศาสตร์ไทย 

๑๐๒ หนงั สือแสดงกิจจานุกิจ

ทิพากรวงศมหาโกษาธิบดี, เจ้าพระยา. พระราชพงศาวดาร กรุงรัตนโกสินทร์
รัชกาลท่ี ๓. กรงุ เทพฯ: กรมศิลปากร, ๒๕๓๘.
. พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลท่ี ๔ ของ
เจ้าพระยาทิพากรวงศมหาโกษาธิบดี. กรุงเทพฯ: คณะกรรมการ
อานวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระจอมเจ้าอยู่หัวฯ,
๒๕ ๗.
. หนังสือแสดงกิจจานุกิจ. กรุงเทพฯ: องค์การค้าของคุรุ
สภา, ๒๕ ๕.

นิธิ เอียวศรีวงศ์ (บรรณาธิการ). ประชุมพงศาวดารฉบับราษฎร์ พระราช
พงศาวดารกรุงรตั นโกสินทร์ รชั กาลท่ี ๒ ฉบบั เจ้าพระยาทิพากรวงศ์.
กรุงเทพฯ: อมรินทร์, ๒๕ ๘.

นิธิ เอียวศรีวงศ์. ปากไก่และใบเรือ ความเรียงว่าด้วยการศึกษา
ประวัติศาสตร์และวรรณกรรมต้นรัตนโกสินทร์. กรุงเทพฯ: อมรินทร์
พิมพ์, ๒๕๒๗.

บรัดเลย์, วิลเลียม แอล.. สยามแต่ปางก่อน ๓๕ ปีในบางกอกของหมอ
บรัดเลย์, แปลโดย ศรีเทพ กุสุมา ณ อยุธยาและศรีลักษณ์ สง่าเมือง,
พิมพ์ครั้งท่ี ๒. กรุงเทพฯ: มติชน, ๒๕ ๗.

ปาลเลกัวซ์, มงเซเญอร์. เลา่ เรือ่ งกรงุ สยาม, แปลโดย สนั ต์ ท. โกมลบุตร, พิมพ์
คร้ังท่ี ๓. กรุงเทพฯ: ศรีปญั ญา, ๒๕ ๙.

ปิยะนาถ บุนนาค. บทบาททางการเมืองการปกครองของเสนาบดีตระกูล
บนุ นาค. กรุงเทพฯ: ดวงกมล, ๒๕๒๐.

วิทยากร เชียงกูลและคณะ. สารานุกรมแนะนาหนังสือดี ๑๐๐ เล่มท่ีคนไทย
ควรอา่ น. กรุงเทพฯ: สานักงานกองทนุ สนับสนุนการวิจยั (สกว.), ๒๕ ๒.

วิไลเลขา ถาวรธนะสาร. ชนชั้นนาไทยกับการรับวัฒนธรรมตะวันตก .
กรงุ เทพฯ: เมืองโบราณ, ๒๕ ๕.

 ๑๐๐ เอกสารสาคัญ: สรรพสาระประวัติศาสตร์ไทย 

อภิเชษฐ กาญจนดิฐ ๑๐๓

เวลลา, วอลเตอร์ เอฟ.. แผ่นดินพระน่ังเกล้า. กรุงเทพฯ: สมาคมสังคมศาสตร์
แหง่ ประเทศไทย, ๒๕๑ .

สมมตอมรพันธ์, พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระ. ตั้งเจ้าพระยากรงุ รัตนโกสินทร์.
คณะรฐั มนตรีจดั พิมพ์ในงานพระราชทานเพลิงศพหม่อมหลวงชูชาติ กาภู
เมรุหน้าพลับพลาอิสริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส วันที่ ๑๖ ธันวาคม
พ.ศ. ๒๕๑๑.

สายชล วรรณรัตน์. พุทธศาสนากับแนวคิดทางการเมืองในรัชสมัย
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (พ.ศ. ๒๓๒๕ – ๒๓๕๒).
กรงุ เทพฯ: มติชน, ๒๕ ๖.

หนังสือจดหมายเหตุ The Bangkok Recorder. ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า
โปรดกระหม่อมให้พิมพ์พระราชทาน ในงานพระราชทานเพลิงศพ นาย
สมหมาย ฮุนตระกูล ป.จ., ม.ป.ช., ม.ว.ม. ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลา
อิสริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส วันเสาร์ที่ ๒๕ ธันวาคม พุทธศักราช
๒๕๑๖.

ฮอวส์, เฟลตัส ยอร์จ. หมอเฮาส์ในรัชกาลท่ี ๔ แปลจาก Samuel Reynolds
House of Siam. พระนคร: คลังวิทยา, ๒๕๐๘.

Alabaster, Henry. The Wheel of Law: Buddhism illustrated from
Siamese sources by the Modern Buddhist Life of Buddha, and
an account of the Phrabat. London: Trubner, 1871. ปัจจุบันผู้สนใจ
ส า ม า ร ถ เ ข้ า ถึ ง แ ห ล่ ง ข้ อ มู ล นี้ ไ ด้ ใ น เ ค รื อ ข่ า ย อิ น เ ต อ ร์ เ น็ ต ที่
http://archive.org/stream/wheellawbuddhis00ibgoog#page/n26/mode/2
up

 ๑๐๐ เอกสารสาคญั : สรรพสาระประวตั ิศาสตร์ไทย 

๑๐ หนงั สือแสดงกิจจานกุ ิจ

บทความ

ฉลอง สุนทราวณิชย์. “วิวัฒนาการการเขียนประวัติศาสตร์ไทย จากเจ้าพระยา
ทิพากรวงศ์ถึงสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดารงราชานุภาพ
ศึกษาเปรียบเทียบพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๒” ใน
ประวัติศาสตร์และนักประวัติศาสตร์ไทย (กรุงเทพฯ: ประพันธ์สาส์น,
๒๕๑๙), หน้า ๖๒ – ๙ .

เชิดเกียรติ อัตถากร. “หนังสือแสดงกิจจานุกิจ ตาราวิทยาศาสตร์เล่มแรกของ
ไทย” อกั ษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ๘ (๒๕๒๙): หน้า ๘๓-๙ .

ทวีศักดิ์ เผือกสม. “การทาตะวันตกให้เป็นตะวันออกของสยาม (Orientalizing
the Occidental of Siam): การตอบโต้รับมือกับวาทกรรมความเป็นอื่นของ
มิชชันนารีตะวันตกโดยปัญญาชนสยามในช่วงต้นศตวรรษที่ ๑๙” ใน
รฐั ศาสตร์สาร 20, 3 (2541), หน้า ๒๕๓ – ๓๑๓.

นิธิ เอียวศรีวงศ์. ปากไก่และใบเรือ ความเรียงว่าด้วยการศึกษาประวัติศาสตร์
และวรรณกรรมต้นรตั นโกสินทร์,กรุงเทพฯ: อมรินทร์การพิมพ์, ๒๕ ๓.

พระมหาสมบูรณ์ วุฑฺฒิกโร “วรรณกรรมพระพุทธศาสนาในสังคมยุคใหม่" ใน
http://www.mcu.ac.th/site/articlecontent_desc.php?article_id=446&articl
egroup_id=102 สืบค้นเมือ่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๕.

วินยั พงศ์ศรีเพียร. “การพระศาสนาและการจัดระเบียบสังคมไทยต้ังแต่รัชสมัย
พระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟ้าจุฬาโลกฯถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระ
จอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ” ใน ปริทรรศน์ประวัติศาสตร์. กรุงเทพฯ: รุ่งแสง
การพิมพ์, ๒๕ , หน้า ๗๕ - ๑ ๖.

สมใจ ไพโรจน์ธีรรัชต์. “พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์รัชกาลที่ ๑ -
เปรียบเทียบฉบับตัวเขียนและตัวพิมพ์ “ใน อักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัย
ศิลปากร: ๘, ๑ (๒๕๒๙), หน้า ๗๑ – ๘๗.

Reynold, Craig. “Buddhist Cosmography in Thai History, with Special
Reference to Nineteenth – Century Culture Change” in The Journal of
Asian Studies XXXV:2 (February 1976) : p, 203 – 220.

 ๑๐๐ เอกสารสาคญั : สรรพสาระประวตั ิศาสตร์ไทย 


Click to View FlipBook Version