กลุ่มลุ่ สาระการเรียรีนรู้ภรู้าษาไทย ทอล์ก ทริก ไทย หลักภาษาไทย ชั้น ชั้ มัธ มั ยม ศึกษา ปีที่ ๓ ตามหลักลั สูตสูรแกนกลางการศึกษาขั้นขั้พื้นฐาน พุทพุธศักราช ๒๕๕๑
ทอล์ก ล์ ทริก ริ ไทย หลัก ลั ภาษาไทย ชั้น ชั้ มัธ มั ยมศึก ศึ ษาปีที่ ๓
ทอล์ก ล์ ทริก ริ ไทย หลัก ลั ภาษาไทย ชั้น ชั้ มัธ มั ยมศึก ศึ ษาปีที่ ๓ ธีร ธี ภัท ภั ร ไพใหล สุท สุ ธิดธิา นิยมการ สาขาวิชาการสอนภาษาไทย คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยลัราชภัฏภัสกลนคร จัด จั ทำ โดย
คำ นำ หนังสือสืเรียรีน รายวิชวิาพื้น พื้ ฐาน ภาษาไทย หลักลัภาษาและการใช้ภช้าษาไทย ชั้น ชั้ มัธมัยมศึกศึษาปีที่ ๓ เล่มล่นี้ จัดจัทำ ขึ้น ขึ้ โดยยึดยึตามมาตรฐานการเรียรีนรู้แรู้ละ ตัวตัชี้วั ชี้ ดวักลุ่มลุ่สาระการเรียรีนรู้ภรู้าษาไทย ตามหลักลัสูตสูรแกนกลางการศึกศึษา ขั้น ขั้ พื้น พื้ ฐาน พุทพุธศักศัราช ๒๕๕๑ มุ่งมุ่ส่งส่ เสริมริ ให้ผู้ห้ ผู้เรียรีนได้ศึด้กศึษาสาระที่ ๔ หลักลัการใช้ภช้าษาไทย ผู้เรียรีนจะได้เรียรีนรู้ทัรู้กทัษะการใช้ภช้าษาไทยที่ถู ที่ กถูต้อต้งและ เหมาะสมตามสถานการณ์ต่าต่ง ๆ ครอบคลุมลุทั้ง ทั้ ทักทัษะการอ่าอ่น การเขียขีน การฟัง การดู และการพูดพูผู้เรียรีนสามารถเข้าข้ ใจการใช้ไวยากรณ์ภาษาไทย ตั้ง ตั้ แต่รต่ะดับดัเสียสีง พยางค์ คําคํ ประโยค ไปจนถึงถึการอ่าอ่นข้อข้ความได้อด้ย่าย่งถูกถูต้อต้ง และนําความรู้เรื่อ รื่ งการใช้ภช้าษาไทยไปปรับรั ใช้ในชีวิชีตวิ ประจำ วันวั ได้ หนังสือสืเรียรีน รายวิชวิาพื้น พื้ ฐาน ภาษาไทย หลักลัภาษาและการใช้ภช้าษาไทย ชั้น ชั้ มัธมัยมศึกศึษาปีที่ ๓ เล่มล่นี้ มี ๖ หน่วยการเรียรีนรู้ แต่ลต่ะหน่วยการเรียรีนรู้ ประกอบด้วด้ย มาตรฐานการเรียรีนรู้แรู้ละตัวตัชี้วั ชี้ ดวัสาระสำ คัญคัแผนผังผัสาระการ เรียรีนรู้ เนื้อหาที่ค ที่ รบตามหลักลัสูตสูรแกนกลางการศึกศึษาขั้น ขั้ พื้น พื้ ฐานพุทพุธศักศัราช ๒๕๕๑ มีกิมีจกิกรรมและคําคํถามคิดคิวิเวิคราะห์ เพื่อ พื่ พัฒพันากระบวนการคิดคิของผู้ เรียรีนที่ส ที่ ามารถนําไปเชื่อ ชื่ มโยงกับกักลุ่มลุ่สาระการเรียรีนรู้อื่รู้น อื่ ๆ และนําไปเสริมริ ประสบการณ์หรือรืปรับรั ใช้ในชีวิชีตวิ ประจำ วันวั ได้ นอกจากนี้ยังยัมีคำมีคำศัพศัท์พท์ร้อร้ม ความหมายที่ส ที่ อดคล้อล้งกับกัเนื้อหาในหน่วยการเรียรีนรู้ และมีกมีารแทรกความรู้ เพิ่ม พิ่ เติมติ ในเนื้อหาหน่วยการเรียรีนรู้แรู้ต่ลต่ะหน่วย คณะผู้จัผู้ดจัทำ หวังวัเป็นอย่าย่งยิ่ง ยิ่ ว่าว่หนังสือสืเรียรีน รายวิชวิาพื้น พื้ ฐาน ภาษาไทย หลักลัภาษาและการใช้ภช้าษาไทย ชั้น ชั้ มัธมัยมศึกศึษาปีที่ ๓ เล่มล่นี้ จะเป็นเครื่อ รื่ งมือมื ช่วช่ยให้คห้รูและผู้เรียรีนเกิดกิผลสัมสัฤทธิ์ท ธิ์ างการเรียรีนบรรลุเลุป้าหมายด้าด้นการเรียรีน หลักลัภาษาไทย และนําไปประยุกยุต์ใช้ในชีวิชีตวิ ประจำ วันวั ได้อด้ย่าย่งมีปมีระสิทสิธิภธิาพ คณะผู้จัผู้ดจัทำ
สารบัญบั เรื่อรื่ง หน้า ตอนที่ ๑ ที่ คําภาษาต่างประเทศที่ใที่ ช้ในภาษาไทย สาเหตุที่ทำ ให้เกิดกิการยืมภาษา อิทธิพธิลของภาษาต่างประเทศที่มีผลต่อภาษาไทย วิธีกธีารนำ คำ ภาษาต่างประเทศมาใช้ในภาษาไทย คำ ที่ม ที่ าจากภาษาต่างประเทศ กิจกิกรรมเสนอแนะ แบบทดสอบหลังเรียรีน ตอนที่ ๒ที่ ประโยคซับซ้อน ประโยคความเดียดีวซับซ้อน ประโยคความรวมซับซ้อน ประโยคซับซ้อนที่ซับซ้อน ประโยคแสดงเงื่อ งื่ นไข ประโยคเงื่อ งื่ นไขซับซ้อน กิจกิกรรมเสนอแนะ แบบทดสอบหลังเรียรีน ตอนที่ ๓ ที่ ระดับดัภาษา ระดับดัพิธีพิกธีาร ระดับดัทางการ ระดับดักึ่ง กึ่ ทางการ ระดับดั ไม่เป็นทางการ ๑ ๒ ๓ ๓ ๖ ๑๘ ๑๕ ๒๕ ๒๖ ๒๗ ๒๘ ๒๙ ๒๙ ๓๑ ๓๒ ๓๙ ๔๐ ๔๒ ๔๓ ๔๔
สารบัญบั เรื่อรื่ง หน้า ภาษาระดับกันเอง ตารางสรุประดับภาษา กิจกิกรรมเสนอแนะ แบบทดสอบหลังเรียรีน ตอนที่ ๔ ที่ คำ ทับทัศัพศัท์แท์ละศัพท์บัญญัติ ติ คำ ทับทัศัพศัท์ ศัพศัท์บัท์ บัญญัติ ติ กิจกิกรรมเสนอแนะ แบบทดสอบหลังเรียรีน ตอนที่ ๕ ที่ คำ ศัพศัท์ทท์างวิชาการและวิชาชีพ คำ ศัพศัท์ทท์างวิชาการ คำ ศัพศัท์วิท์ วิชาชีพ วิธีใธีช้คำ ศัพศัท์ทท์างวิชาการและวิชาชีพ กิจกิกรรมเสนอแนะ แบบทดสอบหลังเรียรีน ตอนที่ ๖ ที่ การแต่งคําคํ ประพันธ์ปธ์ระเภทโคลงสี่สุภาพ โคลงสี่สุภาพ ลักษณะคำ ประพันพัธ์โคลงสี่สุภาพ คำ ศัพท์ที่ควรรู้เกี่ย กี่ วกับโคลงสี่สุภาพ หลักการแต่งคำ ประพันธ์โคลงสี่สุภาพ ๔๕ ๔๖ ๔๗ ๔๘ ๕๓ ๕๔ ๕๕ ๕๗ ๕๘ ๖๓ ๖๔ ๖๘ ๖๙ ๗๐ ๗๑ ๗๕ ๗๕ ๗๖ ๗๖ ๗๘
สารบัญบั เรื่อรื่ง หน้า กิจกิกรรมเสนอแนะ แบบทดสอบหลังเรียรีน บรรณานุกรม ภาคผนวก เฉลยละเอียดแบบทดสอบหลังเรียรีน ตอนที่ ๑ เฉลยละเอียดแบบทดสอบหลังเรียรีน ตอนที่ ๒ เฉลยละเอียดแบบทดสอบหลังเรียรีน ตอนที่ ๓ เฉลยละเอียดแบบทดสอบหลังเรียรีน ตอนที่ ๔ เฉลยละเอียดแบบทดสอบหลังเรียรีน ตอนที่ ๕ เฉลยละเอียดแบบทดสอบหลังเรียรีน ตอนที่ ๖ ประวัติผู้จัผู้ดจัทำ ๗๙ ๘๐ ๘๒ ๘๓ ๘๔ ๙๓ ๑๐๔ ๑๑๒ ๑๑๙ ๑๒๕ ๑๓๑
มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าข้ ใจธรรมชาติขติองภาษาและหลักลัภาษาไทย การเปลี่ย ลี่ นแปลงของภาษาและพลังลัของภาษาภูมิภูปัมิ ปัญญาทางภาษาและรักรัษา ภาษาไทยไว้เป็นสมบัติบัขติองชาติ ท ๔.๑ ม.๓/๑ จำ แนกและใช้คำ ช้คำภาษาต่าต่งประเทศที่ใที่ ช้ในภาษาไทย ท ๔.๑ ม.๓/๒ วิเวิคราะห์โครงสร้าร้งประโยคซับซัซ้อซ้น ท ๔.๑ ม.๓/๓ วิเวิคราะห์รห์ะดับดัภาษา ท ๔.๑ ม.๓/๔ ใช้คำ ช้คำทับทั ศัพท์แท์ละศัพท์บัท์ญบัญัติญั ติ ท ๔.๑ ม.๓/๕ อธิบธิายความหมายคำ ศัพท์ทท์างวิชวิาการและวิชวิาชีพชี ท ๔.๑ ม.๓/๖ แต่งต่บทร้อร้ยกรอง ม า ต ร ฐ า น TO-DO ตั ว ชี้ วั ด หลักลัภาษา ม.๓ แผนผังสาระการเรียรีนรู้ คําคํภาษาต่างประเทศ ที่ใที่ ช้ในภาษาไทย ประโยคซับซัซ้อน ระดับดัภาษา คำ ทับทั ศัพศั ท์ และศัพศั ท์บัท์ ญบั ญัติญั ติ คำ ศัพศั ท์ทท์ างวิชวิ าการ และวิชวิ าชีพชี การแต่งต่คําคํ ประพันพั ธ์ ประเภทโคลงสี่สุสี่ ภสุาพ
ลักษณะของ คำ ภาษาต่างประเทศ ที่ยืมมาใช้ในภาษาไทย คํา คํ ภาษาต่างประเทศ ที่ใ ที่ ช้ในภาษาไทย ภาษาอังกฤษ คำ ที่มาจาก ภาษาต่างประเทศ วิธีการนำ คำ ภาษาต่างประเทศ มาใช้ในภาษาไทย สาเหตุที่ทำ ให้เกิดการยืมภาษา อิทธิพลของภาษาต่างประเทศ ที่มีผลต่อภาษาไทย ภาษาเขมร ภาษาจีน ภาษาบาลีและสันสกฤต ภาษาชวา - มาลายู
ตอนที่ ๑ คํา คํ ภาษาต่างประเทศที่ใช้ในภาษาไทย คําคํที่ใที่ ช้กัช้นกัอยู่ในภาษาไทยทุกทุวันวันี้มีทั้มีง ทั้ คําคํ ไทยแท้ (คําคํที่ค ที่ นไทยหลาย ๆ ถิ่น ถิ่ ใช้ร่ช้วร่มกันกัมีคมีวามหมายเดียดีวกันกั ) และคําคํที่ยื ที่ มยืมาจากภาษาอื่น อื่ ซึ่ง ซึ่ เป็นสิ่ง สิ่ ที่เ ที่ กิดกิขึ้น ขึ้ ใน ทุกทุภาษาเช่นช่กันกัตราบใดที่มี ที่ กมีารติดติต่อต่กับกัชนชาติที่ติพู ที่ ดพูภาษานั้นๆ คําคํยืมยืภาษาต่าต่ง ประเทศที่ไที่ ทยนำ มาใช้แช้บ่งบ่ เป็น ๒ กลุ่มลุ่คือคื ๑. คําคํยืมยืภาษาต่างประเทศที่ไทยเราจำ เป็นต้องใช้ เพราะไทยเราไม่มีม่คํมีาคํ ไทย ใช้มช้าก่อก่น เราก็จํก็าจํเป็นที่จ ที่ ะต้อต้งใช้คํช้าคํ ในภาษาของเขาเลย อาทิ ซาลาเปา ซีอิ๊ซีว อิ๊ เปาะเปี๊ยะ (ภาษาจีนจี ), บาร์บีร์คิบีวคิ (ภาษาอังอักฤษ) ฯลฯ ๒. คําคํยืมยืภาษาต่างประเทศที่ไทยเราไม่จำม่จำเป็นต้องใช้ เพราะไทยเรามีคํมีาคํ ใน ภาษาไทยให้ มาก่อก่น อาจแปลเป็นไทยแล้วล้หรือรืมีศัมีพศัท์บัท์ญบัญัติญั ใติช้อช้ยู่แยู่ล้วล้อาทิ โชว์ (แสดง), ไอเดียดี (ความคิดคิ ), คอนเฟิร์มร์ (ยืนยืยันยั ), สตาร์ตร์ (เริ่ม ริ่ ) ฯลฯ ประเทศไทยมีกมีารติดติต่อต่กับกัต่าต่งประเทศมานาน ทำ ให้มีห้กมีารยืมยืคำ ในไทยเป็น จำ นวนมาก การนําคําคํต่าต่งประเทศมาใช้จึช้งจึทำ ให้ไทยมีคํมีาคํ ใช้เพิ่ม พิ่ สาเหตุกตุารยืมยืคําคํ จากภาษาต่าต่งประเทศเข้าข้มาใช้ ๑. ด้าด้นภูมิภูศมิาสตร์ อาณาเขตใกล้กัล้นกัทำ ให้เกิดกิการแลกเปลี่ย ลี่ นภาษา ๒. ด้าด้นการค้าค้การติดติต่อต่กันกัเป็นหนึ่งในปัจจัยจัการรับรัภาษา ๓. ด้าด้นศาสนาและวัฒวันธรรม การรับรัศาสนาและวัฒวันธรรมจะแฝงคำ ศัพศัท์ จากสิ่ง สิ่ เหล่าล่นั้นมาด้วด้ย ๔. ด้าด้นการศึกศึษา การเรียรีนในต่าต่งแดน ความรู้ในแขนงต่าต่ง ๆ ที่เ ที่ พิ่ม พิ่ เติมติ เป็นที่ม ที่ าของศัพศัท์ ๕. ด้าด้นเทคโนโลยี การรับรัความเจริญริหรือรืสิ่ง สิ่ ประดิษดิฐ์มฐ์าใช้เป็นการรับรัเอา ภาษาของชาตินั้ติ นั้ น ๆ มาด้วด้ย สาเหตุที่ตุที่ทำ ให้เกิดกิการยืมยืภาษา ๒
๑. คำ ไทยมีหมีลายพยางค์ จากเดิมดิที่เ ที่ ป็นคำ พยางค์เดียดีวก็เก็พิ่ม พิ่ จำ นวนพยางค์ เพิ่ม พิ่ ขึ้น ขึ้ โดยผสมกับกัภาษาอื่น อื่ ๒. คำ ไทยเป็นคำ ควบกล้ำ มากขึ้น ขึ้ ปัจจุบันบัมีคำมีคำควบกล้ำ ที่มี ที่ เมีสียสีงควบต่าต่ง จากเดิมดิเพิ่ม พิ่ มากขึ้น ขึ้ ๓. มีตัมีวตัสะกดหลายตัวตัที่ไที่ ม่ตม่รงตามมาตราตัวตัสะกด ทำ ให้มีห้กมีารเขียขีนและ การออกเสียสีงที่ห ที่ ลากหลาย ๔. มีคำมีคำศัพศัท์ใช้ในภาษามากขึ้น ขึ้ ทำ ให้เลือลืกใช้ได้เหมาะสมกับกั โอกาส อิทอิธิพธิลของภาษาต่างประเทศที่มีผมีลต่อต่ภาษาไทย ๓ ๑. ใช้ตช้ามคำ เดิมดิที่ยื ที่ มยืมา เช่นช่ เมตร (อังอักฤษ) หมายถึงถึหน่วยวัดวัความยาว แข (เขมร) หมายถึงถึดวงเดือดืน ๒. เปลี่ย ลี่ นตัวตัสะกดให้ผิห้ดผิ ไปจากเดิมดิเพื่อ พื่ ให้อห้อกเสียสีงได้สด้ะดวก เช่นช่ เผอิลฺอิลฺ (เขมร) เปลี่ย ลี่ นเป็น เผอิญอิ ๓. เปลี่ย ลี่ นรูปและเสียสีงให้ผิห้ดผิ ไปจากเดิมดิเพื่อ พื่ ให้เหมาะกับกัการออกเสียสีงภาษา ไทย เช่นช่ฮวงโล้วล้ (จีนจี ) เป็น อั้ง อั้ โล่ ๔. ตัดตัคำ ให้มีห้ เมีสียสีงสั้น สั้ ลง เช่นช่อุโบสถ (บาลีสัลีนสัสกฤต) เป็น โบสถ์ ๕. แผลงสระและพยัญยัชนะให้ผิห้ดผิ ไปจากเดิมดิเช่นช่กีรกีติ (บาลีสัลีนสัสกฤต) ไทยใช้ เกียกีรติ ๖. เปลี่ย ลี่ นความหมายไปจากเดิมดิ ให้เข้าข้กับกัความหมายของภาษาไทย เช่นช่ โมโห (บาลีสัลีนสัสกฤต) หมายถึงถึความลุ่มลุ่หลง ความโง่เขลา ไทยใช้ โกรธ ๗. บัญบัญัติญัศัติพศัท์ขึ้ท์น ขึ้ มาใหม่ คือคืการสร้าร้งศัพศัท์ใหม่ที่ม่มี ที่ คมีวามหมายตรงกับกั ภาษาเดิมดิเพื่อ พื่ ไม่ทำม่ทำให้ภห้าษาไทยวิบัวิติบั ติซึ่ง ซึ่ การบัญบัญัติญัศัติพศัท์มัท์กมั ใช้กัช้บกัคำ ภาษาบาลี สันสัสกฤตและภาษาอังอักฤษ วิธีวิกธีารนำ คำ ภาษาต่างประเทศมาใช้ในภาษาไทย
ตคำอคำที่นที่มาที่จา ที่ ก๑ภาษาต่างประเทศ ไทยได้รัด้บรัอิทอิธิพธิลจากภาษาเขมรจากการค้าค้การสงคราม การเมือมืงและ วัฒวันธรรม โดยมีสมีาเหตุกตุารนำ มาใช้ดัช้งดันี้ ลักลัษณะคำ เขมรที่นำ มาใช้ในภาษาไทย ๑. ใช้ตัช้วตัสะกดไม่ตม่รงตามมาตรา เช่นช่แม่กม่ด มักมั ใช้ ด จ ส เป็นตัวตัสะกด เช่นช่ โปรด เผด็จด็ตรัสรัและแม่กม่น มักมั ใช้ น ญ ร ล เป็นตัวตัสะกด เช่นช่ผสาน เพ็ญพ็ขจร ตำ บล ๒. พยัญยัชนะต้นต้มักมัเป็นคำ ควบกล้ำ และคำ ที่ใที่ ช้อัช้กอัษรนำ คำ ควบกล้ำ เช่นช่ ขลาด กระบือบืเพลาไพร คำ ที่มี ที่ อัมีกอัษรนำ เช่นช่ขจัดจั โขนง พนม เสวย ๓. นิยมเติมติคำ หน้าหรือรือุปสรรค ลงหน้าคำ กริยริาหรือรืวิเวิศษณ์เพื่อ พื่ ให้คห้วาม หมายของคำ เปลี่ย ลี่ นไปบ้าบ้ง ๓.๑ ใช้ บังบับันบับำ นำ หน้าคำ ต่าต่ง ๆ ซึ่ง ซึ่ ขึ้น ขึ้ ต้นต้ด้วด้ยพยัญยัชนะวรรค บังบันำ หน้าคำ ที่ขึ้ ที่ น ขึ้ ต้นต้ด้วด้ยพยัญยัชนะวรรค ก และเศษวรรค เช่นช่ เกิดกิเป็น บังบัเกิดกิ คม เป็น บังบัคม ภาษาเขมร ๔ สาเหตุที่ตุที่ไทยนำ คำ เขมรมาใช้ ๑. รูปแบบและการออกเสียสีงคล้าล้ยคลึงลึกันกั ๒. อดีตดีเขมรมีคมีวามรุ่งรุ่ เรือรืงและมีสัมีมสัพันพัธไมตรีต่รีอต่กันกั ๓. ไทยและเขมรปกครองแบบสมบูรบูณาญาสิทสิธิรธิาชย์จึย์งจึรับรัคำ เขมรมาใช้ เป็นคำ ราชาศัพศัท์ ๔. นักปราชญ์รญ์าชบัณบัฑิตฑินำ คำ เขมรมาใช้ในวรรณกรรมด้าด้นศาสนาและ พิธีพิกธีรรม และยังยัใช้ในจารึกรึต่าต่ง ๆ ๕. คนไทยและคนเขมรต่าต่งนับถือถืและนิยมใช้ภช้าษาของกันกัและกันกั
วิธีวินำธี นำคำ เขมรมาใช้ในภาษาไทย ๑. เลือลืกคำ ที่อ ที่ อกเสียสีงได้สด้ะดวก สอดคล้อล้งกับกัภาษาไทยโดยไม่ต้ม่อต้งเปลี่ย ลี่ น รูปและเสียสีงของคำ เช่นช่ฉบับบัเขนย กราบ ปรุง ฉลอง ตรัสรัเกิดกิ ๒. เปลี่ย ลี่ นแปลงเสียสีงสระหรือรืพยัญยัชนะ ทั้ง ทั้ ในด้าด้นการออกเสียสีงและการ สะกดคำ – เปลี่ย ลี่ นแปลงการออกเสียสีง เช่นช่ฏํรฏํา เขมรอ่าอ่น ตอม-รา ไทยใช้ ตำ รา – เปลี่ย ลี่ นแปลงการสะกดคำ เช่นช่ถฺนถฺล ไทยใช้ ถนน แขฺสขฺไทยใช้ กระแส (กระแสน้ำ ) ๓. เปลี่ย ลี่ นแปลงความหมาย เพื่อ พื่ ความเหมาะสมในภาษาไทย เช่นช่ฉฺลอง เขมร หมายถึงถึข้าข้ม ไทย หมายถึงถึพิธีพิฉธีลอง กรอง เขมร หมายถึงถึกำ ไล ไทยหมาย ถึงถึถักถั, ร้อร้ย ๔. กำ หนดความหมายขึ้น ขึ้ ใหม่ แต่ยัต่งยัใกล้เคียคีงความหมายเดิมดิเช่นช่ทบวง ความหมายเดิมดิคือคืหัวหัความหมายใหม่คืม่อคืหน่วยงานที่มี ที่ ฐมีานะต่ำ กว่าว่กระทรวง ๕ บันบันำ หน้าคำ ที่ขึ้ ที่ น ขึ้ ต้นต้ด้วด้ยพยัญยัชนะวรรค ต และเศษวรรค เช่นช่ เทิง เป็น บันบัเทิง ดาล เป็น บันบัดาล บำ (บํ)บํนำ หน้าคำ ที่ขึ้ ที่ น ขึ้ ต้นต้ด้วด้ยพยัญยัชนะวรรค ป เช่นช่ บัดบัเป็น บำ บัดบั เพ็ญพ็เป็น บำ เพ็ญพ็ ๓.๒ ใช้พช้ยัญยัชนะ ป ผ นำ หน้าคำ เช่นช่ ราบ เป็น ปราบ จญ เป็น ผจญ, ประจญ ๓.๓ ใช้ กำ นำ หน้าคำ เช่นช่บังบัเป็น กำ บังบั ๓.๔ ใช้พช้ยัญยัชนะ ปร นำ หน้าคำ เช่นช่ ชุมชุเป็น ประชุมชุ มูลมูเป็น ประมูลมู ๔. ใช้คำช้คำเติมติกลาง ลงในคำ นาม คำ กริยริา หรือรืคำ วิเวิศษณ์ เพื่อ พื่ ให้คห้วามหมาย เปลี่ย ลี่ นไปบ้าบ้ง
๖ แต่สูต่งสูกว่าว่กรม ๕. แผลงอักอัษรให้มีห้รูมีรูปร่าร่งต่าต่ง ๆ ทั้ง ทั้ พยัญยัชนะ สระ ตัวตัสะกด และให้อ่ห้าอ่นออก เสียสีงอย่าย่งไทย เช่นช่ โสฺวสฺย แผลงเป็น เสวย ผฺทผฺม แผลงเป็น ประทม, บรรทม ขฺจขฺก แผลงเป็น กระจอก ตัวตัอย่างคำ ยืมยืภาษาเขมร กระทรวง กระบือบืขนม เขนย เขม่าม่ ปรุง เพลิงลิควาญ กระแส ทบวง เดินดิ โคม สำ ราญ สไบ เฉลียลีว ฉะเชิงชิเทรา กำ เนิด กระโปรง ทลาย ทหาร บำ เรอ บรรทัดทัผลาญ กระเพาะ ฉลอง สนิม สำ เนา จรวด ขจาย
ตอนที่ ๑ ในบรรดาภาษาต่าต่งประเทศที่มี ที่ อิมีทอิธิพธิลต่อต่ภาษาไทยมากที่สุ ที่ ดสุคือคืภาษา บาลีแลีละภาษาสันสัสกฤต คำ ยืมยื ในภาษาไทยที่ยื ที่ มยืมาจากทั้ง ทั้ สองภาษานี้ เป็นคำ ที่มี ที่ ใมีช้ ในชีวิชีตวิ ประจำ วันวัเป็นจำ นวนมากทั้ง ทั้ ภาษาพูดพูและภาษาเขียขีน ภาษาบาลีเลีข้าข้มาทาง ศาสนาพุทพุธ ส่วส่นภาษาสันสัสกฤตเข้าข้มาทางศาสนาพราหมณ์และวรรณคดีเดีรื่อ รื่ ง มหาภารตะและรามายณะ ภาษาบาลีแลีละสันสัสกฤต ๗ สาเหตุที่ตุที่ไทยนำ คำ บาลีแลีละสันสัสกฤตมาใช้ ๑. ความสัมสัพันพัธ์ทธ์างด้าด้นศาสนา เมื่อ มื่ ศาสนาพราหมณ์และศาสนาพุทพุธเผย แพร่เข้าข้มาสู่ปสู่ระเทศไทย ศาสนาพราหมณ์ใช้ภช้าษาสันสัสกฤต และศาสนาพุทพุธใช้ ภาษาบาลี ในการเผยแผ่ศผ่าสนา ไทยได้รัด้บรัศาสนาพุทพุธเป็นศาสนาประจำ ชาติ และ รับรัคติขติองศาสนาพราหมณ์มาปฏิบัฏิติบั ใตินชีวิชีตวิ ประจำ วันวั โดยเฉพาะในลัทลัธิธธิรรมเนียม ประเพณีต่าต่งๆ เราจึงจึรับรัคำ ในลัทลัธิทั้ธิง ทั้ สองเข้าข้มาใช้ในลักลัษณะของศัพศัท์ทท์างศาสนา และใช้เป็นศัพศัท์สท์ามัญมัทั่ว ทั่ ไปในชีวิชีตวิ ประจำ วันวั ๒. ความสัมสัพันพัธ์ทธ์างด้าด้นประเพณี เมื่อ มื่ ชนชาติอิตินอิเดียดี ได้เข้าข้มาตั้ง ตั้ รกรากใน ประเทศไทย ก็นำก็ นำเอาประเพณีของตนเข้าข้มาปฏิบัฏิติบั ติทำ ให้มีห้คำมีคำที่เ ที่ นื่องด้วด้ยประเพณี เข้าข้มาปะปนในภาษาไทย และนานเข้าข้ก็ไก็ด้กด้ลายเป็นคำ ที่เ ที่ กี่ย กี่ วข้อข้งกับกัชีวิชีตวิ ประจำ วันวั ของคนไทย เช่นช่ตรียัรีมยั ปวาย มาฆบูชบูา ตักตับาตรเทโว ดิถีดิ ถีกระยาสารท เทศน์ มหาชาติ กฐินฐิจรดพระนังคัลคัแรกนาขวัญวัฉัตรมงคล พืชพืมงคล เป็นต้นต้ ๓. ความสัมสัพันพัธ์ทธ์างด้าด้นวัฒวันธรรม อินอิเดียดีเป็นประเทศที่เ ที่ จริญริทางด้าด้น วัฒวันธรรมมานานอิทอิธิพธิลทางด้าด้นวัฒวันธรรมของอินอิเดียดีมีต่มีอต่นานาประเทศทาง ภาคพื้น พื้ ตะวันวัออกก่อก่นที่วั ที่ ฒวันธรรมตะวันวัตกจะเข้าข้มา ไทยได้รัด้บรัอิทอิธิพธิลของอินอิเดียดี ทุกทุสาขา เช่นช่ศิลศิปะ ดาราศาสตร์ การแต่งต่กาย สิ่ง สิ่ ก่อก่สร้าร้ง เครื่อ รื่ งมือมืเครื่อ รื่ งใช้ การ ใช้รช้าชาศัพศัท์ ๔. ความสัมสัพันพัธ์ทธ์างด้าด้นวิชวิาการ เนื่องจากวิทวิยาศาสตร์แร์ละวิทวิยาการ เจริญริกว้าว้งขวางขึ้น ขึ้ ทำ ให้คำห้คำที่เ ที่ ราใช้อช้ยู่เดิมดิแคบเข้าข้จึงจึจำ เป็นต้อต้งรับรัคำ บาลี สันสัสกฤต เข้าข้มาใช้ เพื่อ พื่ ความเจริญริและความสะดวก เช่นช่วิทวิยุ โทรทัศทัน์ แพทย์ เภสัชสัฯลฯ
ต๕อ. ควนามที่สัมสั ที่ พั๑นพัธ์ทธ์างด้าด้นวรรณคดี วรรณคดีอิดีนอิเดียดีมีอิมีทอิธิพธิลต่อต่วรรณคดี ไทยเป็นอย่าย่งยิ่ง ยิ่ ทั้ง ทั้ วรรณคดีสัดีนสัสกฤต และวรรณคดีที่ดีเ ที่ นื่องมาจากชาดกใน พระพุทพุธศาสนา เมื่อ มื่ เรารับรัเอาวรรณคดีเดีหล่าล่นี้เข้าข้มา จึงจึมีศัมีพศัท์ต่ท์าต่งๆที่เ ที่ กี่ย กี่ วกับกั วรรณคดีเดีหล่าล่นี้เข้าข้มามากมาย เช่นช่ครุฑ สุเสุมรู หิมหิพานต์ ฯลฯ ๘ ลักลัษณะคำ บาลีแลีละสันสัสกฤตที่นำ มาใช้ในภาษาไทย ภาษาบาลีแลีละสันสัสกฤตอยู่ในตระกูลกูภาษาที่มี ที่ วิมีภัวิตภั ปัจจัยจัคือคืเป็นภาษาที่มี ที่ มี คำ เดิมดิเป็นคำ ธาตุ เมื่อ มื่ จะใช้คำช้คำใดจะต้อต้งนำ ธาตุไตุปประกอบกับกั ปัจจัยจัและวิภัวิตภัติ เพื่อ พื่ เป็นเครื่อ รื่ งหมายบอกพจน์ ลิงลิค์ บุรุบุ รุษ กาล มาลา วาจก โครงสร้าร้งของภาษา ประกอบด้วด้ย ระบบเสียสีง หน่วยคำ และระบบโครงสร้างของประโยค ภาษาบาลี และสันสัสกฤตมีหมีน่วยเสียสีง ๒ ประเภท คือคืหน่วยเสียสีงสระและหน่วยเสียสีงพยัญยัชนะ ดังดันี้ ๑. หน่วยเสียสีงสระ หน่วยเสียสีงสระภาษาบาลีมีลี มี๘ หน่วยเสียสีง คือคือะ อา อิ อี อุ อู เอ โอ หน่วยเสียสีงภาษาสันสัสกฤต ตรงกับกัภาษาบาลี ๘ หน่วยเสียสีง และต่าต่งจาก ภาษาบาลีอีลีกอี๖ หน่วยเสียสีง เป็น ๑๔ หน่วยเสียสีง คือคือะ อา อิ อี อุ อู เอ โอ ไอ เอา ฤ ฤา ฦ ฦๅ ๒. หน่วยเสียสีงพยัญยัชนะ หน่วยเสียสีงพยัญยัชนะภาษาบาลีมีลี มี๓๓ หน่วยเสียสีง ภาษาสันสัสกฤตมี ๓๕ หน่วยเสียสีง เพิ่ม พิ่ หน่วยเสียสีง ศ ษ หน่วยเสียสีงพยัญยัชนะทั้ง ทั้ สอง ภาษานี้แบ่งบ่ออกเป็น ๒ ประเภทคือคืพยัญยัชนะวรรค และพยัญยัชนะเศษวรรค วิธีวินำธี นำคำ บาลีแลีละสันสัสกฤตมาใช้ในภาษาไทย ภาษาบาลีแลีละสันสัสกฤตเป็นภาษาตระกูลกูเดียดีวกันกัลักลัษณะภาษาและ โครงสร้าร้งอย่าย่งเดียดีวกันกั ไทยเรารับรัภาษาทั้ง ทั้ สองมาใช้ พิจพิารณาได้ดัด้งดันี้ ๑. ถ้าถ้คำ ภาษาบาลีแลีละสันสัสกฤตรูปร่าร่งต่าต่งกันกัเมื่อ มื่ ออกเสียสีงเป็นภาษาไทย แล้วล้ ได้เสียสีงเสียสีงตรงกันกัเรามักมัเลือลืกใช้รูช้ รูปคำ สันสัสกฤต เพราะภาษาสันสัสกฤตเข้าข้มาสู่ ภาษาไทยก่อก่นภาษาบาลี เราจึงจึคุ้นคุ้กว่าว่ เช่นช่
๙ ๒. ถ้าถ้ เสียสีงต่าต่งกันกัเล็กล็น้อยแต่อต่อกเสียสีงสะดวกทั้ง ทั้ สองภาษา มักมัเลือลืกใช้รูช้ รูป ภาษาสันสัสกฤตมากกว่าว่ภาษาบาลี เพราะเราคุ้นคุ้กว่าว่และเสียสีงไพเราะกว่าว่ เช่นช่ ๓. คำ ใดรูปสันสัสกฤตออกเสียสีงยาก ภาษาบาลีอลีอกเสียสีงสะดวกกว่าว่จะเลือลืก ใช้ภช้าษาบาลี เช่นช่ บาลี สันสัสกฤต ไทย กมฺมมฺกรฺม กรรม จกฺกกฺจกฺรกฺจักจัร บาลี สันสัสกฤต ไทย ครุฬ ครุฑ ครุฑ โสตฺถิตฺถิสฺวสฺสฺติสฺติสวัสวัดี ขนฺติ กฺษกฺานฺติ ขันขัติ ปจฺจย ปฺรปฺตฺยตฺปัจจัยจั บาลี สันสัสกฤต ไทย ๔. รูปคำ ภาษาบาลีสัลีนสัสกฤตออกเสียสีงต่าต่งกันกัเล็กล็น้อยแต่อต่อกเสียสีงสะดวก ทั้ง ทั้ คู่บคู่างทีเทีรานำ มาใช้ทั้ช้ง ทั้ สองรูปในความหมายเดียดีวกันกัเช่นช่
๑๐ บาลี สันสัสกฤต ไทย กณฺหา กฺฤกฺษฺณา กัณกัหา,กฤษณา ขตฺติตฺยติกฺ ขัตขัติยติะ,กษัตริย์ริ ย์ษกฺตฺริตฺยริ ตัวตัอย่างคำ ยืมยืภาษาบาลีแลีละสันสัสกฤต กบาล กมล การณ์ คณะ คุณคุจร จีวจีร ชฎา ชล ชัยชัชีวชีะ ชีวิชีตวิเดช ทวาร ทายาท ธน ธานี ธูป นคร นารี นิล นิติ บรม บาท บาป พสุธสุา พาณิช พิฆพิาต พิรุพิรุธ เพดาน ภาชนะ ภาพ โภค มณี มรณะ รัตรันะ รส ราชา รูป โรค ลิขิลิตขิ เลขา โลก โลภ วาจา วาตะ วาทะ วานร วารี วาสนา วิมวิล วิลวิาส วิหวิาร เวลา สมัยมัสมาธิ สาธารณะ สาโรช สุขสุหงส์ หิมหิะ เหตุ โหร อดีตดีอภัยภัอาฆาต อาวรณ์ อุดม อุทัยทัอุบาย อุปกรณ์ อุปมา
ตอนที่ ๑ ภาษาอังอักฤษเป็นภาษาในตระกูลกูอินอิ โด-ยุโยุรเปียน มีวิมีภัวิตภัติปัติ ปัจจัยจัเช่นช่ เดียดีว กับกัภาษาบาลี-ลีสันสัสกฤต ภาษาอังอักฤษได้รัด้บรัความนิยมใช้เป็นภาษาเพื่อ พื่ การสื่อ สื่ สาร มากที่สุ ที่ ดสุมีปมีระเทศต่าต่ง ๆ ยอมรับรัภาษาอังอักฤษเป็นภาษาราชการ ภาษาอังอักฤษจึงจึ กลาย เป็นภาษาสากลของชาวโลก คนไทยได้ศึด้กศึษาภาษาอังอักฤษเป็นภาษาที่ส ที่ องมา เป็นเวลานาน จนภาษาอังอักฤษเข้าข้มามีอิมีทอิธิพธิลต่อต่ชีวิชีตวิของคนไทยมากขึ้น ขึ้ ทั้ง ทั้ ในด้าด้น การพูดพูและการเขียขีนสื่อ สื่ สารในชีวิชีตวิ ประจำ วันวั โดยเฉพาะในปัจจุบันบัคนไทยศึกศึษา ความรู้แรู้ละวิทวิยาการต่าต่ง ๆ จากตำ ราภาษาอังอักฤษ และสนใจเรียรีนรู้ภรู้าษาอังอักฤษ กันกัมากขึ้น ขึ้ คำ ยืมยืจากภาษาอังอักฤษจึงจึหลั่ง ลั่ ไหลเข้าข้มาในภาษาไทยมากขึ้น ขึ้ ทุกทุขณะทั้ง ทั้ ในวงการศึกศึษา ธุรกิจกิการเมือมืง การบันบัเทิงทิเป็นต้นต้ ลักลัษณะคำ ภาษาอังอักฤษที่นำ มาใช้ในภาษาไทย ๑. ใช้ตช้ามคำ เดิมดิแต่อต่อกเสียสีงตรงกับกัรูปที่เ ที่ ขียขีน เช่นช่ลอนดอน ลิตลิร ไอศกรีมรี วัควัซีนซีเบนซินซิ ๒. ใช้ตช้ามคำ เดิมดิแต่อต่อกเสียสีงผิดผิกับกัรูปที่เ ที่ ขียขีน เช่นช่ เมตร อ่าอ่นว่าว่ เม็ดม็ ออฟฟิศ อ่าอ่นว่าว่อ๊ออ๊ ฟฟิศ ๓. เปลี่ย ลี่ นคำ และเสียสีงให้ผิห้ดผิ ไปจากเดิมดิเช่นช่อิงอิลิชลิเป็น อังอักฤษ ๔. ตัดตัรูปสระข้าข้งหลังลัคำ ออก แล้วล้ ใช้คำช้คำไทยประกอบข้าข้งหน้า เช่นช่อเมริกัรินกั เป็น ชาวอเมริกริา ๕. เติมติ ไม้ทัม้ณทัฑฆาตที่พ ที่ ยัญยัชนะตัวตัสุดสุท้าท้ยของคำ เช่นช่อิงอิแลนด เป็น อิงอิ แลนด์ ๖. เติมติ ไม้ทัม้ณทัฑฆาตลงที่พ ที่ ยัญยัชนะซึ่ง ซึ่ อยู่ในระหว่าว่งคำ เช่นช่ชอลก เป็น ชอล์กล์ ๗. ตัดตัตัวตัตามที่เ ที่ ป็นพยัญยัชนะซ้ำ กับกัตัวตัสะกดออกตามหลักลัการเขียขีนอักอัษรซ้ำ ภาษาอังอักฤษ ๑๑ สาเหตุที่ตุที่นำ ภาษาอังอักฤษมาใช้ ๑. การเจริญริสัมสัพันพัธไมตรี การค้าค้ขาย และการเผยแพร่วิร่ทวิยาการความรู้ ๒. การศึกศึษา การเผยแผ่ศผ่าสนา ๓. แสวงหาอาณานิคมทางประเทศตะวันวัออก
เช่นช่ ฟุตตฟุบออลนล เที่ป็น ที่ ฟุ๑ตฟุบอล ๘. เติมติ ไม้วม้รรณยุกยุต์แต์ละไม้ไต่คู้ต่ คู้ลคู้งไปอย่าย่งคำ ไทยเพื่อ พื่ ให้อห้อกเสียสีงชัดชัขึ้น ขึ้ เช่นช่ ก๊าก๊ซ เชิ้ต ชิ้ ช็อช็กโกแลต ๙. ใช้คำช้คำคงที่เ ที่ ช่นช่ เดียดีวกับกัคำ ไทย คือคื ไม่เปลี่ย ลี่ นแปลงรูปอย่าย่งในภาษาเดิมดิจะ เป็นเอกพจน์ พหูพหูจน์ เป็นชื่อ ชื่ คนหรือรืชื่อ ชื่ ประเทศ ก็มีก็รูมีรูปคงที่อ ที่ ยู่อยู่ย่าย่งนั้น ๑๒ วิธีวินำธี นำคำ ภาษาอังอักฤษมาใช้ในภาษาไทย ๑. การยืมยืคำ ภาษาอังอักฤษโดยวิธีวิกธีารแปลศัพศัท์ หมายถึงถึการยืมยืคำ ที่เ ที่ ราไม่ เคยมีหมีรือรื ไม่เคยรู้จัรู้กจัหรือรืการกล่าล่วถึงถึความคิดคิหรือรืนามธรรมซึ่ง ซึ่ ไม่ใช่คช่วามคิดคิหรือรื นามธรรมที่เ ที่ รานึกคิดคิมาก่อก่นการยืมยืคำ โดยวิธีวิกธีารนี้จะต้อต้งใช้วิช้ธีวิกธีารคิดคิแปลเป็นคำ ภาษาไทยให้มีห้คมีวามหมายตรงกับกัคำ ในภาษาอังอักฤษ แล้วล้นำ คำ นั้นมาใช้สื่ช้อ สื่ สารใน ภาษาไทยต่อต่ ไปดังดัตัวตัอย่าย่งเช่นช่ ๒. การบัญบัญัติญัศัติพศัท์ โดยรับรัเอาเฉพาะความคิดคิเกี่ย กี่ วกับกัเรื่อ รื่ งนั้นมาสร้าร้งคำ ขึ้น ขึ้ ใหม่ ซึ่ง ซึ่ มีเมีสียสีงแตกต่าต่งจากคำ ในภาษาอังอักฤษ โดยเฉพาะศัพศัท์ทท์างวิชวิาการจะใช้ วิธีวิกธีารนี้มาก ผู้ที่ผู้ทำ ที่ ทำหน้าที่ใที่ นการบัญบัญัติญัศัติพศัท์ขึ้ท์น ขึ้ มาใช้ มักมัจะเป็นนักวิชวิาการสาขา ต่าต่ง ๆหน่วยงานราชการที่มี ที่ หมีน้าที่รั ที่ บรัผิดผิชอบในการบัญบัญัติญัศัติพศัท์ภท์าษาไทยขึ้น ขึ้ ใช้ แทนคำ ยืมยืจากภาษาต่าต่งประเทศโดยตรง คือคืราชบัณบัฑิตฑิยสถาน แต่ก็ต่มีก็บมีางคำ ที่นั ที่ นัก วิชวิาการแต่ลต่ะคนหรือรืแต่ลต่ะหน่วยงานบัญบัญัติญัศัติพศัท์ภท์าษาไทยมาใช้แช้ทนคำ ภาษา อังอักฤษไม่ตม่รงกันกัการยืมยืคำ จากภาษาอังอักฤษมาสร้าร้งเป็นคำ ใหม่เพื่อ พื่ ใช้สื่ช้อ สื่ สารโดย วิธีวิกธีารบัญบัญัติญัศัติพศัท์ มีมมีากมายดังดัตัวตัอย่าย่งเช่นช่ คำ ภาษาอังกฤษ คำ ภาษา ไทย T EA SP O O N MIDDL E -MAN BLACK L IST ช้อนช า คนกล า ง บัญชีดำ
ตอนที่ ๑ ๑๓ ๓. การทับทัศัพศัท์ การทับทัศัพศัท์เป็นวิธีวิกธีารยืมยืจากภาษาหนึ่งมาใช้ในอีกอีภาษา หนึ่งโดยการถ่าถ่ยเสียสีง และถอดอักอัษร การยืมยืคำ ภาษาอังอักฤษโดยวิธีวิกธีารนี้เป็นวิธีวิ ธี การที่ทำ ที่ ทำได้ง่ด้าง่ย และปรากฏเด่นด่ชัดชัที่สุ ที่ ดสุว่าว่ เป็นคำ ยืมยืจากภาษาอังอักฤษ คำ ยืมยืจาก ภาษาอังอักฤษโดยวิธีวิกธีารทับทัศัพศัท์มีท์มมีากมายคำ บางคำ ราชบัณบัฑิตฑิยสถานได้บัด้ญบัญัติญั ติ ศัพศัท์เป็นคำ ไทยแล้วล้แต่คต่นไทยนิยมใช้คำช้คำทับทัศัพศัท์มท์ากกว่าว่คำ ทับทัศัพศัท์บท์างคำ จึงจึคุ้นคุ้หู ผู้รัผู้บรัสารมากกว่าว่ศัพศัท์บัท์ญบัญัติญัคำติคำทับทัศัพศัท์ภท์าษาอังอักฤษที่ใที่ ช้สื่ช้อ สื่ สารโดยทั่ว ทั่ ไป เช่นช่ คำ ภาษาอังกฤษ คำ ภาษา ไทย T E L E G RAPH P ED O L O G Y F EDERAL STAT E โทร เ ล ข ปฐ พี วิทยา สห พั นธ รั ฐ ตอนที่ ๑ คำ ภาษาอังกฤษ คำ ภาษา ไทย Q U O TA PHYSICS G O L F โควตา ฟิ สิกส์ กอล์ ฟ กราฟ การ์ตูร์นตูกิ๊บ กิ๊ คริสริต์มต์าส ไดนาโม ไดโนเสาร์ ครีมรีคลอรีนรีคอนกรีตรีคลินิลิ นิก คอนเสิร์สิตร์คอมพิวพิเตอร์ คุกคุกี้ เคเบิลบิเครดิตดิแคปซูลซูเคาน์เตอร์ แคลอรี โควตา ชอล์กล์ช็อช็กโกเลต เช็คช็เชิ้ต ชิ้ เชียชีร์ โชว์ ซีเซีมนต์ เซลล์ ไซเรน ดีเดีซลดอลลาร์ ดีเดีปรสชั่น ชั่ เต็นต็ท์ ทอนซิลซิเทอม แท็กท็ซี่ แทรกเตอร์ นิโคตินตินิวเคลียลีร์ ปิกนิก เปอร์เซ็นซ็ต์ พลาสติกติพีรพีะมิดมิ ฟลูอลูอรีนรี ฟอร์มร์าลีนลี ฟังก์ชัก์นชั ฟาร์มร์ ฟิสิกสิส์ ตัวตัอย่างคำ ยืมยืภาษาอังอักฤษ
ตอนที่ ๑ ไทยและจีนจีเป็นมิตมิรประเทศที่ติ ที่ ดติต่อต่ เจริญริสัมสัพันพัธไมตรี และค้าค้ขายแลก เปลี่ย ลี่ นสินสิค้าค้และศิลศิปะ วัฒวันธรรมอันอัดีงดีามมาช้าช้นาน ชาวจีนจีที่ม ที่ าค้าค้ขายได้เข้าข้มา ตั้ง ตั้ ถิ่น ถิ่ ฐานอยู่ในประเทศไทยเป็นจำ นวนมาก ภาษาจีนจีจึงจึเข้าข้มาสู่ไทยโดยทางเชื้อ ชื้ ชาติ นอกจากนี้ภาษาจีนจีและภาษาไทยยังยัมีลัมีกลัษณะที่ค ที่ ล้าล้ยคลึงลึกันกัจึงจึทำ ให้มีห้คำมีคำ ภาษาจีนจีเข้าข้มาปะปนอยู่ในภาษาไทยจนแทบแยกกันกั ไม่อม่อก ลักลัษณะภาษาจีนจีที่นำ มาใช้ในภาษาไทย ไทยนำ คำ ภาษาจีนจีมาใช้ โดยมากไทยเลียลีนเสียสีงจีนจี ได้ใกล้เคียคีงกว่าว่ชาติอื่ติน อื่ ๆ เช่นช่ เกาเหลา ตั้ง ตั้ ฉ่าย เต้าต้ทึงทึเต้าต้หู้ เต้าต้ฮวย บะฉ่อ พะโล้ แฮ่กึ้ฮ่น กึ้ เป็นต้นต้มีบมีางคำ ที่ นำ มาตัดตัทอนและเปลี่ย ลี่ นเสียสีง เช่นช่ เตี้ย ตี้ ะหลิวลิตะหลิวลิบ๊ะหมี่ บะหมี่ ปุ้งกี ปุ้งกี๋ ภาษาจีนจี ๑๔ สาเหตุที่ตุที่ไทยนำ ภาษาจีนจีมาใช้ ๑. ภาษาจีนจีเข้าข้มาปะปนในภาษาไทย คือคืเชื้อ ชื้ สายและการค้าค้ขาย เพราะมี คนจีนจีเข้าข้มาอาศัยศัอยู่ในประเทศไทยเป็นจำ นวนมาก มีคมีวามผูกผูพันพักันกั ในด้าด้นการ แต่งต่งาน ๒. การค้าค้ขาย ไทยและจีนจีทำ การค้าค้ระหว่าว่งประเทศมาช้าช้นาน จึงจึรับรัภาษา จีนจีมาไว้ใช้ในภาษาไทยจำ นวนมาก ๓. ไทยรับรัภาษาจีนจีมาใช้โดยการทับทัศัพศัท์ซึ่ท์ง ซึ่ เสียสีงอาจจะเพี้ย พี้ นจากภาษาเดิมดิ ไปบ้าบ้ง วิธีวินำธี นำคำ ภาษาจีนจีมาใช้ในภาษาไทย ๑. นำ มาเป็นชื่อ ชื่ อาหารการกินกิเช่นช่ก๋วก๋ยเตี๋ย ตี๋ ว เต้าต้ทึงทึแป๊ะซะ เฉาก๊วก๊ย จับจัฉ่าย เป็นต้นต้ ๒. เป็นคำ ที่เ ที่ กี่ย กี่ วกับกัสิ่ง สิ่ ของเครื่อ รื่ งใช้ที่ช้ เ ที่ รารับรัมาจากชาวจีนจีเช่นช่ตะหลิวลิตึกตึ เก้าก้อี้ เก๋งก๋ฮวงซุ้ยซุ้ ๓. เป็นคำ ที่เ ที่ กี่ย กี่ วกับกัการค้าค้และการจัดจัระบบทางการค้าค้ เช่นช่ เจ๋งจ๋บ๋วบ๋ย หุ้นหุ้ ห้าห้ง โสหุ้ยหุ้ เป็นต้นต้
ตอนที่ ๑ ๔. เป็นคำ ที่ใที่ ช้วช้รรณยุกยุต์ตต์รี จัตจัวา เป็นส่วส่นมาก เช่นช่ก๋วก๋ยจั๊บ จั๊ กุ๊ยกุ๊ เก๊ เก๊กก๊ ก๋งก๋ตุ๋นตุ๋ เป็นต้นต้ ๑๕ สาเหตุที่ตุที่ไทยนำ ภาษาชวา - มาลายูมยูาใช้ ภาษาชวา ปัจจุบันบัเรียรีกว่าว่ภาษาอินอิ โดนีเซียซีเป็นภาษาตระกูลกูคำ ติดติต่อต่ ตระกูลกูเดียดีวกับกัภาษามลายู ภาษาชวาที่ไที่ ทยยืมยืมาใช้ส่ช้วส่นมากเป็นภาษาเขียขีน ซึ่ง ซึ่ รับรั มาจากวรรณคดีเดีรื่อ รื่ ง ดาหลังลัและอิเอิหนาเป็นส่วส่นใหญ่ ถ้อถ้ยคำ ภาษาเหล่าล่นี้ใช้ สื่อ สื่ สารในวรรณคดี และในบทร้อร้ยกรองต่าต่ง ๆ มากกว่าว่คำ ที่นำ ที่ นำมาใช้สื่ช้อ สื่ สารในชีวิชีตวิ ประจำ วันวั ตัวตัอย่างคำ ยืมยืภาษาจีนจี กงสี กงไฉ่ กงเต็กต็ก๋วก๋ยเตี๋ย ตี๋ ว ก๋วก๋ยจั๊บ จั๊ เกาหลา กุ๊ยกุ๊ เก๊ เก๊กก๊ เกี้ย กี้ ว เกี๊ย กี๊ ว เกี๊ย กี๊ ะ กุยกุเฮง เก๊กก๊ก๋งก๋ เก้าก้อี้ ขาก๊วก๊ย เข่งข่จับจักังกัจับจัฉ่าย จับจัยี่กี ยี่ กีจันจัอับอัเจ๊งจ๊ เจี๋ย จี๋ น เจ เฉาก๊วก๊ย เซ้งซ้ เซียซีน แซ่ แซยิดยิเซ็งซ็ลี้ ซาลาเปา ซิ้ม ซิ้ ตะหลิวลิเต๋าต๋ตุนตุตุ๋นตุ๋แต๊ะเอียอี เต้าต้หู้ เต้าต้ฮวย เต้าต้ เจี้ย จี้ ว โต๊ะ ตังตัเก บ๊วบ๊ย บะฉ่อ บะหมี่ บู๊ ปุ้งกี๋ ปอเปี๊ยะ แป๊ะเจี๊ย จี๊ ะ พะโล้ เย็นย็ตาโฟ หวย ยี่ห้ ยี่ อห้ลิ้น ลิ้ จี่ ห้าห้ง หุ้นหุ้ เอี๊ย อี๊ ม เฮงซวย ฮวงซุ้ยซุ้ฮ่อฮ่งเต้ อั้ง อั้ โล่ ตอนที่ ๑ ภาษาชวา - มาลายู ๑. ภาษาจีนจีเข้าข้มาปะปนในภาษาไทย คือคืเชื้อ ชื้ สายและการค้าค้ขาย เพราะมี คนจีนจีเข้าข้มาอาศัยศัอยู่ในประเทศไทยเป็นจำ นวนมาก มีคมีวามผูกผูพันพักันกั ในด้าด้นการ แต่งต่งาน ๒. การค้าค้ขาย ไทยและจีนจีทำ การค้าค้ระหว่าว่งประเทศมาช้าช้นาน จึงจึรับรัภาษา จีนจีมาไว้ใช้ในภาษาไทยจำ นวนมาก ๓. ไทยรับรัภาษาจีนจีมาใช้โดยการทับทัศัพศัท์ซึ่ท์ง ซึ่ เสียสีงอาจจะเพี้ย พี้ นจากภาษาเดิมดิ ไปบ้าบ้ง
๑. คำ ยืมยืภาษาชวา-มลายูส่ยูวส่นใหญ่เป็นคำ ๒ พยางค์ คำ พยางเดียดีวมีน้มี น้อย มาก เช่นช่ทุเทุรียรีน น้อยหน่า มังมัคุดคุสาคูโคูลมา ๒. ภาษาชวา-มลายูไยูม่มีม่ เมีสียสีงควบกล้ำ เช่นช่กะปะ (งู)งูกุเกุรา,กุเกุลา (ปลา) ตะเบ๊ะอังอักะลุงลุ ๓. ภาษาชวา-มลายู ไม่ใช้เสียสีงวรรณยุกยุต์แต์ม้รม้ะดับดัเสียสีงของคำ เปลี่ย ลี่ นไปแต่ ความหมายของคำ ยังยัคงเดิมดิเช่นช่กระดังดังา กุดักุงดัสลักลักระจูด วิธีวินำธี นำคำ ภาษาชวา – มาลายูมยูาใช้ในภาษาไทย ๑. ออกเสียสีงเหมือมืนหรือรื ใกล้เคียคีงกับกัภาษาเดิมดิและคงความหมายตามภาษา เดิมดิเช่นช่ กง มาจากคำ ว่าว่ kong (ไม้รูม้ รูปโค้งค้ที่เ ที่ ป็นโครงเรือรื ) กะปะ มาจากคำ ว่าว่ kapak (ชื่อ ชื่ งูพิงูษพิ ) ๒. เสียสีงพยัญยัชนะบางเสียสีงเปลี่ย ลี่ นไปแต่ใกล้เคียคีงกับกัเสียสีงเดิมดิ ปาเต๊ะ มาจากคำ ว่าว่ batek กลายมาจากเสียสีง /b/ เป็นเสียสีง /p/ กัญกัชา มาจากคำ ว่าว่ganja กลายมาจากเสียสีง /j/ เป็นเสียสีง /ch/ ๓. เสียสีงสระเปลี่ย ลี่ นแปลงไป คำ ที่เ ที่ สียสีงสระเปลี่ย ลี่ นแปลงไปนี้ โดยทั่ว ทั่ ไปจะ เปลี่ย ลี่ นแปลงไปแต่เพียพีงเล็กล็น้อย เช่นช่ เปลี่ย ลี่ นจากสระเสียสีงสั้น สั้ เป็นสระเสียสีงยาว หรือรืเปลี่ย ลี่ นเป็นเสียสีงที่มี ที่ ลัมีกลัษณะใกล้เคียคีงกันกัส่วส่นคำ ที่เ ที่ สียสีงสระเปลี่ย ลี่ นแปลงไปอย่าย่ง ชัดชัเจนมีไมีม่มม่ากนักและมักมัจะเปลี่ย ลี่ นทั้ง ทั้ เสียสีงพยัญยัชนะและสระ เช่นช่ กระแชง มาจากคำ ว่าว่ kajang (กายังยั= เครื่อ รื่ งบังบัแดดแบบหนึ่ง) กะละแม มาจากคำ ว่าว่ kelamai (เกอะลาไม) ๔. คำ ที่ไที่ ทยนำ มาออกเสียสีงประสมสระอะที่พ ที่ ยางค์หค์น้า บางคำ แทรกเสียสีง “ร” ควบกล้ำ ซึ่ง ซึ่ อาจจะเป็นเพราะอิทอิธิพธิลของคำ ไทยที่มี ที่ คำมีคำลักลัษณะนี้อยู่มยู่าก เช่นช่ ๑๖ ลักลัษณะภาษาชวา - มาลายูที่ยูที่นำ มาใช้ในภาษาไทย
kakatua กระตั๋ว ตั๋ (นกกระตั๋ว ตั๋ ) ketok กระทอก (กระแทกขึ้น ขึ้ ลง) ๕. เปลี่ย ลี่ นแปลงหรือรืเพิ่ม พิ่ หน่วยเสียสีงตัวตัสะกด ส่วส่นมากจะเป็นการเปลี่ย ลี่ น แปลงตัวตัสะกดให้ตห้รงตามมาตราตัวตัสะกดของไทย เช่นช่ กระพันพัมาจากคำ ว่าว่ kabal (ทนทานต่อต่ศัสศัตราวุธวุ) กำ ปั่น มาจากคำ ว่าว่ kapal (เรือรืกำ ปั่น) ๖. การกลายเสียสีงวรรณยุกยุต์ ระดับดัเสียสีงในภาษาชวา–มลายู อยู่ในระดับดั กลางและต่ำ ไม่อม่ยู่ในระดับดัสูงสูเช่นช่บุหบุรง ชวา–มาลายู ซึ่ง ซึ่ ชวา–มลายูอยูอกเสียสีง ระดับดักลางว่าว่บุ–บุรง เหตุที่ตุเ ที่ สียสีงวรรณยุกยุต์กต์ลายจากเสียสีงระดับดักลางและต่ำ เป็น เสียสีงสูงสูนั้นก็คก็งเป็นเพราะว่าว่ เราได้รัด้บรัคำ เหล่าล่นี้ผ่าผ่นเข้าข้มาทางเสียสีงชาวปักษ์ใต้ นัยว่าว่ เพราะนางข้าข้หลวงผู้ที่ผู้นำ ที่ นำเรื่อ รื่ งอิเอิหนามาเล่าล่ถวายเจ้าจ้หญิงญิสองพระองค์ขค์อง ไทย เป็นชาวปักษ์ใต้ (พระยาอนุมานราชธน, ๒๕๑๐ : ๗๗) สำ เนียงภาษาถิ่น ถิ่ ใต้นั้ต้ นั้ น โดยทั่ว ทั่ ไปแล้วล้จะออกเสียสีงอยู่ในระดับดัเสียสีงสูงสูคำ ภาษาชวา – มลายู ที่มี ที่ ใมีนวรรณคดี เรื่อ รื่ งอิเอิหนาจะมีคำมีคำที่ก ที่ ลายเสียสีงในลักลัษณะนี้จำ นวนมาก และส่วส่นใหญ่พญ่ยางค์ท้ค์าท้ย จะกลายเสียสีงเป็นเสียสีงจัตจัวา เช่นช่ bulan บุหบุลันลั (ดวงเดือดืน) pandan ปาหนัน (ดอกลำ เจียจีก) ๑๗ ตัวตัอย่างคำ ยืมยืภาษาชวา - มาลายู ๑. คำ ที่ใช้ในวรรณคดี เช่นตุนาหงัน สะตาหมัน กระยาหงันบาหยัน (ชื่อพี่เลี้ยง บุษบา) ระเด่นอสัญแดหวา อิเหนา กิดาหยันบุหลัน ๒. เป็นคำ ที่เกี่ยวกับสิ่งของเครื่อ รื่ งใช้ที่เรารับรัมาจากชาวจีนจีเช่น ตะหลิว ตึก เก้าอี้ เก๋ง ฮวงซุ้ย ๓. คำ ที่ใช้เป็นชื่อพืช เช่นมังคุด ทุเรียรีน ปาหนัน(ดอกลำ เจียจีก) บุหงา บุหงันน้อยหน่า กระดังงา สาคู
๔. คำ ที่ใที่ ช้เป็นชื่อ ชื่ สัตสัว์ เช่นช่บุหบุรง (นกยูงยู) โลมา กระตั้ว ตั้ โนรี อุรังรัอุตังตั ๕. คำ ที่ใที่ ช้เป็นชื่อ ชื่ สิ่ง สิ่ ของ เช่นช่ ปั้นเหน่ง กระชังชั ๖. คำ ที่ใที่ ช้ในศิลศิปวัฒวันธรรม เช่นช่รองเง็งง็อังอักะลุงลุตุนตุาหงันงับุหบุงารำ ไป (ดอกไม้ต่ม้าต่งๆ ปรุงด้วด้ยเครื่อ รื่ งหอม) บูดูบู ดูยี่เ ยี่ ก ๑๘ การยืมภาษา คือ การรับรัเอาภาษาผู้ให้มาใช้ในภาษาผู้รับรัทำ ให้ภาษานั้นมีคำ ศัพท์ เพิ่มมากขึ้นการยืมนั้น ผู้ยืมอาจใช้วิธียืธี ยืมให้เหมาะแก่การใช้ในภาษาของตนมีหลายวิธี ได้แก่ การยืมเสียง การยืมคำ การยืมความหมาย การยืมประโยค การยืมสำ นวน และบางครั้ง รั้ ยัง รับรัเอาไวยากรณ์ภาษาคำ ยืมนั้นมาด้วยซึ่งการรับรัภาษาอื่นเข้ามาปะปนในภาษาไทยนั้นมี สาเหตุหลายประการ ได้แก่ สาเหตุทางประวัติศาสตร์ สาเหตุด้านการเมือง การสงคราม สาเหตุด้านประเพณีวัฒนธรรม สาเหตุด้านการค้าขาย สาเหตุด้านการทูต สาเหตุด้านการ ศึกษา และสาเหตุด้านความเจริญริด้านเทคโนโลยีต่าง ๆ การรับรัภาษาต่างประเทศเข้ามา ปะปนเช่นนี้มีการรับรัมายาวนาน แสดงถึงพัฒนาการทางด้านภาษาว่ามีการเปลี่ยนแปลง ตามยุคสมัย เมื่อมีภาษาที่สูญหายไป ก็ย่อมมีภาษาที่เพิ่มเข้ามาทำ ให้ภาษาไม่ขาดแคลน สามารถใช้สื่อสารกันได้เป็นอย่างดี สรุป กิจกิกรรมเสนอแนะ ๑. ให้นัห้ นักเรียรีนยกตัวตัอย่าย่งคำ ยืมยืจากภาษาเขมร ภาษาจีนจีภาษาอังอักฤษ ภาษาบาลีแลีละสันสัสกฤต และภาษาชวา - มาลายู อย่าย่งละ ๕ คำ ๒. ให้นัห้ นักเรียรีนแบ่งบ่กลุ่มลุ่ศึกศึษาลักลัษณะคำ ยืมยืแต่ลต่ะภาษา แล้วล้ออกมารายงาน หน้าชั้น ชั้ เรียรีน
คำ ชี้แ ชี้ จง จงเลือลืกกาเครื่อ รื่ งหมาย X ทับทัอักอัษร ก ข ค และ ง ที่ถู ที่ กถูที่สุ ที่ ดสุเพียพีงข้อข้ เดียดีว ๑๙ แบบทดสอบหลังลัเรียรีน คำ ยืมยืภาษาต่างประเทศในภาษาไทย ๑. “นายทรงกลดเป็นนักเรียรีนที่ไที่ ด้รัด้บรั “โควตา” จากมหาวิทวิยาลัยลัเชียชีงใหม่” คำ ที่ขี ที่ ดขี เส้นส้ ใต้ เป็นคำ ที่ม ที่ าจากภาษาใด ก. อังอักฤษ ข. จีนจีค. เขมร ง. ญี่ปุ่ญี่ปุ่น ๒. เหตุใตุดจึงจึมีกมีารยืมยืคำ ภาษาต่าต่งประเทศมาใช้ในภาษาไทย ก. เพราะในปัจจุบันบัมีคมีนนิยมใช้กัช้นกัมาก ข. เพราะมีวิมีทวิยากรเข้าข้มาเผยแพร่ในประเทศไทย ค. เพราะมีกมีารติดติต่อต่ระหว่าว่งประเทศทั้ง ทั้ ด้าด้นการทูตทูการค้าค้ขาย ง. เพราะภาษาต่าต่งประเทศมีมมีากจึงจึต้อต้งนำ มาใช้ในประเทศไทยบ้าบ้ง ๓. ข้อข้ ใดไม่ใช่สช่าเหตุที่ตุทำ ที่ ทำให้มีห้ภมีาษาต่าต่งประเทศเข้าข้มาปะปนในภาษาไทย ก. มีอมีาณาเขตใกล้เคียคีงติดติต่อต่กันกัข. นับถือถืสถาบันบักษัตริย์ริ ย์เหมือมืนกันกั ค. มีกมีารไปศึกศึษาต่อต่ต่าต่งประเทศ ง. ความเจริญริทางเทคโนโลยี ๔. คำ ว่าว่ “นีออน” เป็นคำ ที่ม ที่ าจากภาษาใด ก. จีนจีข. ญี่ปุ่ญี่ปุ่น ค. เขมร ง. อังอักฤษ ๕. ประโยคใดมีคำมีคำที่ม ที่ าจากภาษาจีนจี ก. อย่าย่ลืมลื ปิดไฟทุกทุครั้ง รั้ ก่อก่นนอน ข. ฉันไม่ชม่อบเดินดิคนเดียดีวตอนเย็นย็ ค. คุณคุครูบอกให้จัห้ดจั โต๊ะและเก้าก้อี้ใอี้ ห้เรียรีบร้อร้ย ง. มีพมีระห้อห้ยคอแล้วล้รู้สึรู้กสึเป็นสิริสิมริงคล
๒๐ ๖. คำ ยืมยืภาษาอังอักฤษส่วส่นใหญ่เป็นคำ ที่ส ที่ ะกดด้วด้ยพยัญยัชนะใด ก. ก ย บ ล ม ข. ส ท ฮ ก ช ค. บ ล ฟ พ ว ง. ฟ ล ส ศ ต ๗. คำ ข้อข้ ใดมาจากภาษาญี่ปุ่ญี่ปุ่น ก. สาเก ยูโยูด ข. กะปิจวน ค. ขนมปังซามูไมูร ง .ปิ่นโต คาเฟ่ ๘. คำ ยืมยืที่ม ที่ าจากภาษาอังอักฤษเริ่ม ริ่ เข้าข้มาในสมัยมั ใด ก. รัชรักาลที่ ๑ ข. รัชรักาลที่ ๒ ค. รัชรักาลที่ ๓ ง. รัชรักาลที่ ๔-๖ ๙. คำ ยืมยื ในภาษาต่าต่งประเทศชาติใติด ที่ไที่ ทยยืมยืมาใช้เป็นคำ ราชาศัพศัท์ ก. จีนจีข. ญี่ปุ่ญี่ปุ่น ค. บาลี ง. เขมร ๑๐. คำ ว่าว่ “กระดาษ” เป็นคำ ที่ยื ที่ มยืมาจากภาษาใด ก. ภาษาชวา – มลายู ข. ภาษาโปรตุเตุกส ค. ภาษาจีนจีง. ภาษาเขมร ๑๑. การยืมยืคำ ภาษาบาลีมลีาใช้ในไทย มีสมีาเหตุมตุาจากข้อข้ ใด ก.ศาสนาพุทพุธ ข. การปกครอง ค. การค้าค้ขาย ง.เป็นภาษาถิ่น ถิ่ ๑๒. คำ ภาษาชวาเข้าข้มาในภาษาไทยพร้อร้มกับกัวรรณคดีเดีรื่อ รื่ งใด ก. ดาหลังลัและอิเอิหนา ข. ลิลิลิตลิเพชรมงกุฎกุค. ระเด่นด่ลันลั ได ง. รามเกียกีรติ์ ๑๓. ข้อข้ ใดไม่ใช่คำช่คำภาษาจีนจีเกี่ย กี่ วกับกัอาหารและขนม ก. แป๊ะซะ ข. อั้ง อั้ โล่ ค. แฮ่กึ๊ฮ่น กึ๊ ง. เจี๋ย จี๋ น ๑๔. ข้อข้ ใดมีคำมีคำภาษาเขมร ๒ คำ และคำ ภาษาชวา-มลายู ๑ คำ ก. จำ หน่าย ยี่เ ยี่ ก โนรี ข. เสวย แข บุหบุงา ค. ขจี บำ เพ็ญพ็กังกัวล ง. บุหบุงา ปั้นเหน่ง ก ระชังชั
๒๑ ๑๕. ข้อข้ ใดเป็นคำ ที่ม ที่ าจากภาษาต่าต่งประเทศทุกทุคำ ก. เกาเหลา ข้าข้วเปล่าล่ข. บันบั ได แก้วก้น้ำ ค. ทุเทุรียรีน จานข้าข้ว ง. กัลกั ปังหา กีตกีาร์ ๑๖. ข้อข้ ใดกล่าล่วถึงถึข้อข้สังสัเกตลักลัษณะของคำ ที่ม ที่ าจากภาษาเขมรได้ถูด้กถูต้อต้ง ก. เป็นคำ ที่ส ที่ ะกดตรงตามมาตรา ข. มักมั ใช้พช้ยัญยัชนะ ศ ษ ค. มีวมีรรณยุกยุต์หต์ลากหลาย ง. มักมัจะเป็นคำ ควบกล้ำ ๑๗. ข้อข้ ใดเป็นคำ ที่ม ที่ าจากภาษาอังอักฤษทุกทุคำ ก. คอนเสิร์สิตร์แท็กท็ซี่ นอต ข. เกียกีร์ ดีเดีซล จับจักังกั ค. ทีวีทีวีบัดบักรี ชอล์กล์ง. จาระบี เรดาห์ สักสัหลาด ๑๘. ข้อข้ ใดเป็นคำ ที่ม ที่ าจากภาษาจีนจีทุกทุคำ ก. โบตั๋น ตั๋ กุยกุช่าช่ย เท็มท็ ปุรปุะ ข. คะน้า ท้อท้สึนสึามิ ค. ก๋วก๋ยเตี๋ย ตี๋ ว โจ๊กจ๊ โอเลี้ย ลี้ ง ง. จับจัเลี้ย ลี้ ง ซาโยนาระ โหวงเฮ้งฮ้ ๑๙. ข้อข้ ใดเป็นคำ ที่ม ที่ าจากภาษาเขมรทุกทุคำ ก. ยูโยูด จรวด บรรทม ข. โควตา ธำ มรงค์ โก๋แก๋ก่ ค. กำ เนิด บันบั ได ตรัสรัง. บะหมี่ ตำ รวจ คาราเต้ ๒๐. “กัปกัตันตัทีมที ฟุตฟุบอลของไทยได้รัด้บรัแรงเชียชีร์จร์ากแฟนคลับลัอย่าย่งแน่นอน” มีคำมีคำที่ม ที่ า จากภาษาอังอักฤษกี่คำ กี่ คำ ก. ๔ คำ ข. ๕ คำ ค. ๖ คำ ง. ๗ คำ ๒๑. “ก๋งก๋ของฉันชอบกินกิแป๊ะซะ พะโล้ ก๋วก๋ยจั๊บ จั๊ แต่ไม่ชม่อบกินกิเต้าต้ทึงทึเต้าต้หู้ เต้าต้ส่วส่น” ชื่อ ชื่ อาหารที่ก ที่ ล่าล่วถึงถึมาจากภาษาใด ก. ไทยแท้ ข. จีนจีค. ชวา ง. เขมร
๒๒ ๒๒. บันบัดาลลงบันบั ได บันบัทึกทึ ให้ดูห้จดูงดี รื่น รื่ เริงริบันบัเทิงทิมี บันบัลือลืลั่น ลั่ สนั่นดังดัคำ ว่าว่ “บันบั ” ที่ปที่ รากฏในบทร้อร้ยกรองข้าข้งต้นต้ เป็นคำ ที่ม ที่ าจากภาษาใด ก. เขมร ข. ไทยแท้ ค. จีนจีง. โปรตุเตุกตุ ๒๓. คำ ในข้อข้ ใดเป็นคำ ภาษาเขมร ก. เพลิงลิข. เพชร ค. มรกต ง. บูรบูณ ๒๔. คำ ว่าว่ “เมตตา วิญวิญาณ” ยืมยืมาจากภาษาใด ก. ภาษาบาลี ข. ภาษาโปรตุเตุกส ค. ภาษาจีนจีง. ภาษาเขมร ๒๕. ข้อข้ ใดไม่ใช่อิช่ทอิธิพธิลของภาษาต่าต่งประเทศที่มี ที่ ผมีลต่อต่ภาษาไทย ก . คำ ไทยเป็นคำ ควบกล้ำ มากขึ้น ขึ้ ข. มีตัมีวตัสะกดหลายตัวตัที่ไที่ ม่ตม่รงตามมาตราตัวตัสะกด ค. มีคำมีคำศัพศัท์ใช้ในภาษามากขึ้น ขึ้ ง. ทำ ให้ภห้าษาไทยลดลง ๒๖. ไทยเราใช้คำช้คำภาษาเขมร ดังดัหลักลัฐานปรากฏในวรรณคดีหดีลายเรื่อ รื่ งยกเว้นว้ข้อข้ ใด ก. สี่แ สี่ ผ่นผ่ดินดิข. ลิลิลิตลิพระลอ ค. มหาชาติคำติคำหลวง ง. สมุทมุรโฆษคำ ฉันท์ ๒๗. ภาษาเขมรเข้าข้มาปะปนกับกัภาษาไทย ดังดันั้นภาษาถิ่น ถิ่ เขมรจึงจึคล้าล้ยคลึงลึกับกั ภาษาพูดพูของคนไทยในท้อท้งถิ่น ถิ่ ใด ก. เหนือ ข. อีสอีานใต้ ค. ตะวันวัออก ง. อีสอีานเหนือ ๒๘. คำ ในข้อข้ ใดไม่มีม่คำมีคำที่ม ที่ าจากภาษาเขมร ก. ผู้หผู้ญิงญิยิงยิเรือรืข. ดูฉดูงนสนเท่ห์ท่ ห์ ค. ขี้ข ขี้ ลาดตาขาว ง. ครวญคร่ำ ร่ำ ไห้
๒๓ ๒๙. คำ ใดต่อต่ ไปนี้เป็นคำ ภาษาบาลี ก. มัจมัฉา ข. ศานติ ค. บุษบุบา ง. สัตสัย์ ๓๐. “คุณคุพ่อพ่ชวนคุณคุแม่ไปกินกิบะหมี่ฮ่ มี่ อฮ่งเต้ที่ต้ เ ที่ ยาวราช” คำ ที่ขี ที่ ดขีเส้นส้ ใต้เป็นคำ ที่ม ที่ า จากภาษาใด ก. ไทยแท้ ข. จีนจีค. ชวา ง. เขมร
ประโยคซับ ซั ซ้อ ซ้ น ประโยคเงื่องื่นไข ซับซ้อน ประโยคซับซัซ้อน ที่ซับซัซ้อน ประโยคความเดียดีว ซับซ้อน ประโยค แสดงเงื่องื่นไข ประโยคความรวม ซับซ้อน
ตอนที่ ๒ ประโยคซับ ซั ซ้อน ประโยค ประโยคที่เ ที่ ราใช้ในการสื่อ สื่ สารกันกัส่วส่นใหญ่จญ่ะเป็นประโยคความเดียดีว ประโยคความรวม และ ประโยคความซ้อซ้น ซึ่ง ซึ่ เป็นประโยคที่มี ที่ โมีครงสร้าร้งง่าง่ย ๆ ไม่สม่ลับลัซับซัซ้อซ้น กล่าล่วคือคืถ้าถ้ เป็นประโยคความเดียดีวก็จก็ะประกอบด้วด้ยบทประธาน บทกริยริา หรือรืบทประธาน บทกริยริา และบทกรรม ซึ่ง ซึ่ ไม่มีม่ส่มีวส่นขยายหรือรืถ้าถ้มีก็มีเก็ป็น ส่วส่นขยายที่เ ที่ ป็นคําคํหรือรืกลุ่มลุ่คําคํเล็กล็ๆ เพียพีงคําคํเดียดีวหรือรืกลุ่มลุ่ เดียดีว สําสํหรับรั ประโยค ความรวมจะประกอบด้วด้ยประโยคความเดียดีวเพียพีง ๒ ประโยค ประโยคความซ้อซ้น จะประกอบด้วด้ยประโยคหลักลัและมีปมีระโยคย่อย่ยเพียพีงประโยคเดียดีวทําทํหน้าที่ข ที่ ยาย ประโยคหลักลั ประโยคความเดียดีวซับซัซ้อน คือคื ประโยคความเดียดีวที่มี ที่ ส่มีวส่นขยายทั้ง ทั้ บท ประธาน บทกริยริาหรือรืบทกรรม เพียพีงบทใดบทหนึ่งหรือรืหลาย ๆ บทก็ไก็ด้ ทั้ง ทั้ นี้เพื่อ พื่ ให้ข้ห้อข้ความมีคมีวามชัดชัเจนมากยิ่ง ยิ่ ขึ้น ขึ้ ๑. ประโยคความเดียดีวซับซัซ้อนที่ภาคประธาน ๑) ส่วส่นขยายเป็นกลุ่มลุ่คําคํที่มี ที่ คํมีาคํบุพบุบทนําหน้า เช่นช่ เครื่อ รื่ งปั้นดินดิเผาของชุมชุชนเกาะเกร็ดร็จังจัหวัดวันนทบุรีบุเรีป็นที่นิ ที่ นิยมของ นักท่อท่งเที่ย ที่ วชาวต่าต่งประเทศ ตัวตัแทนเยาวชนจาก ๓ จังจัหวัดวัชายแดนภาคใต้ประมาณ ๕๐ คน จะเดินดิ ทางมาเยี่ย ยี่ มชมทําทํเนียบรัฐรับาล ๒) ประธานเป็นกลุ่มลุ่คําคํที่มี ที่ คํมีาคํว่าว่ “การ” หรือรื “ความ” นําหน้า เช่นช่ ความสามัคมัคีปคีรองดองของคนในชาติเป็นปัจจัยจัแห่งห่ความสงบสุขสุ การส่งส่ เสริมริการออกกํากํลังลักายของผู้สูงสูอายุ ช่วช่ยให้สุห้ขสุภาพแข็งข็แรง ยิ่ง ยิ่ ขึ้น ขึ้ ประโยคความเดียดีวซับซัซ้อน ๒๖
๓) ประธานมีส่มีวส่นขยายเป็นคําหรือรืกลุ่มลุ่ คําปะปนกันกัเช่นช่ สินสิค้าค้นานาชนิดหลากหลายรูปแบบจากร้านค้าชุมชุชน แสดงถึงถึ ภูมิภูปัมิ ปัญญาของชาวบ้าบ้นเป็นอย่าย่งดี ประโยคนี้ประธาน คือคืสินสิค้าค้ หลากหลายรูปแบบ ขยายกลุ่มลุ่คําคํสินสิค้าค้นานาชนิด จากร้าร้นค้าค้ชุมชุชน ขยายกลุ่มลุ่คําคํสินสิค้าค้นานาชนิดหลากหลายรูปแบบ ๒. ประโยคความเดียดีวซับซัซ้อนที่ภาคแสดง ๑) กริยริาหรือรืตัวตัแสดงเป็นกลุ่มลุ่คําคํ นักกีฬกีาวิ่งวิ่กระโดดกระโจนข้ามรั้วรั้ด้วด้ยความดีใดีจ ชาวบ้าบ้นพยายามจ้อจ้งมองดูต้ดูนต้ ไม้ปม้ระหลาดด้วด้ยความสนใจ ๒) กริยริาหรือรืตัวตัแสดงมีส่มีวส่นขยายอยู่หยู่ลายแห่งห่ ในประโยค ทุกเช้าก่อก่นเข้าเรียรีนครูตรวจการแต่งต่กายนักเรียรีนอย่าย่งละเอียอีด หน้าแถว ประโยคนี้ กริยริา คือคืตรวจ ทุกทุเช้าช้ก่อก่นเข้าข้ เรียรีน อยู่ต้ยู่นต้ ประโยค ขยายกริยริา ตรวจ อย่าย่งละเอียอีดหน้าแถว อยู่ท้ยู่าท้ยประโยค ขยายกริยริา ตรวจ ๓) กริยริาหรือรืตัวตัแสดงมีส่มีวส่นขยายต่อต่ เนื่องกันกัหลายทอด นักเรียรีนค่อค่ย ๆ จัดจัดอกกุหกุลาบใส่แส่จกันกับนโต๊ะครู ประโยคนี้ กริยริาหรือรืตัวตัแสดง คือคืจัดจั ค่อค่ย ๆ ขยายกริยริา จัดจั ใส่ ขยายกริยริา จัดจั ๒๗ ประโยคความรวมซับซัซ้อซ้น คือคื ประโยคความรวมที่ปที่ ระกอบด้วด้ยประโยค ความเดียดีวมากกว่าว่สองประโยค โดยมีสัมีนสัธานเป็นตัวตัเชื่อ ชื่ มเนื้อความของประโยค ความเดียดีวทั้ง ทั้ ๒ ประโยค และ เนื้อความหรือรื ใจความเป็นอย่าย่งเดียดีวกันกัหรือรืต่าต่งกันกั ก็ไก็ด้ ประโยคความรวมซับซัซ้อน
๑. ประโยคความรวมที่มีส่มีวส่นประกอบเป็นประโยคความเดียดีวซับซัซ้อน พืชพืสมุนมุไพรมิไมิด้มีด้ ปมีระโยชน์เฉพาะการปรุงอาหารเท่าท่นั้น แต่ยัต่งยันํามาทําทํ ยาสมุนมุไพร รักรัษาโรคอีกอีด้วด้ย ประโยคนี้เป็นประโยคความเดียดีว ๒ ประโยค มีสัมีนสัธาน แต่ เป็นตัวตัเชื่อ ชื่ ม ดังดันี้ – พืชพืสมุนมุไพรมิไมิด้มีด้ ปมีระโยชน์เฉพาะการปรุงอาหารเท่าท่นั้น - (พืชพืสมุนมุไพร) ยังยันํามาทําทํยาสมุนมุไพรรักรัษาโรคอีกอีด้วด้ย ๒. ประโยคความรวมที่มีส่มีวส่นประกอบเป็นประโยคความรวม เขารับรั ประทานอาหารรสจัดจัแต่ฉัต่ ฉันรับรั ประทานผลไม้รม้สเปรี้ย รี้ ว ดังดันั้นเขา จึงจึ ปวดท้อท้ง แต่ฉัต่ ฉันท้อท้งเสียสี ๓. ประโยคความรวมที่มีส่มีวส่นประกอบเป็นประโยคความซ้อน เขาตั้ง ตั้ ใจจะไปนมัสมัการพระธาตุที่ตุปที่ ระดิษดิฐานบนเจดีย์ดีภูย์เภูขาทอง ประสบปัญหา เพราะฝนตกหนัก ๒๘ ประโยคซับซัซ้อซ้นที่ซั ที่ บซัซ้อซ้น เกิดกิจากประโยคสามัญมัที่แ ที่ บ่งบ่ เป็นประโยคความ เดียดีว ประโยคความรวม และประโยคความซ้อซ้น จากประโยคทั้ง ทั้ สามนี้เพิ่ม พิ่ คำ ขยาย หรือรืข้อข้ความขยาย การรวมประโยคสามัญมัดังดักล่าล่วเข้าข้ด้วด้ยกันกัทำ ให้กห้ลายเป็น ประโยคซับซัซ้อซ้นขึ้น ขึ้ แต่สต่ามารถสื่อ สื่ สารชัดชัเจนและสละสลวย ๑. ประโยคหลักลัหรือรืประโยคย่อย่ยเป็นประโยคความเดียดีวซับซัซ้อน นักกีฬกีากํากํลังลัฝึกซ้อซ้มอยู่กยู่ลางสนาม ซึ่งซึ่เพิ่ง พิ่ สร้าร้งเสร็จร็เรียรีบร้อร้ย เมื่อ มื่ สัปสัดาห์ก่ห์อก่น ๒. ประโยคความซ้อน ซึ่งซึ่มีส่มีวส่นประกอบเป็นประโยคความรวม ละครพูดพูเรื่อ รื่ งเห็นห็แก่ลูก่กลูที่ค ที่ รูและนักเรียรีนแสดงได้รัด้บรัความสนใจ เป็นอย่าย่งมาก ๓. ประโยคความซ้อน ซึ่งซึ่มีส่มีวส่นประกอบเป็นประโยคความซ้อน ครูบอกแก่ลูก่กลูศิษศิย์ทั้ย์ง ทั้ หลายว่า เราควรมีจิมีตจิ ใจเข้มข้แข็งข็อดทนจึงจึจะต่อต่สู้กัสู้บกั อุปสรรคนานัปการที่เ ที่ ข้าข้มารุมล้อล้มรอบตัวตัเราได้ ประโยคซับซัซ้อนที่ซับซัซ้อน
ประโยคแสดงเงื่องื่นไข คือคื ประโยคที่ปที่ ระกอบด้วด้ยประโยคความเดียดีวตั้ง ตั้ แต่ สองประโยคขึ้น ขึ้ ไปเชื่อ ชื่ มกันกัด้วด้ยสันสัธานและมีใมีจความเป็นเงื่อ งื่ นไขต่อต่กันกัคือคื ประโยค หนึ่งเป็นตัวตัเงื่อ งื่ นไข อีกอี ประโยคหนึ่งเป็นผลที่ต ที่ ามมา เช่นช่ เขาจะกลับลับ้าบ้นก็ต่ก็อต่ เมื่อมื่เขาออกกํากํลังลักายเสร็จร็ เขาออกกํากํลังลักายเสร็จร็: เงื่องื่นไข เขาจะกลับลับ้าบ้น : ผลที่ตามมา ๑. ประโยคที่แสดงเงื่องื่นไขที่มีลัมีกลัษณะคล้ายประโยคความรวม ถ้าเจ้าจ้บ่าบ่วมีเมีพียพีงพร้าร้ เหน็บหลังลัมาฝ่ายหญิงญิก็จก็ะยกเจ้าจ้สาวให้ เจ้าจ้บ่าบ่วมีเมีพียพีงพร้าร้ เหน็บหลังลัมา : เงื่องื่นไข ฝ่ายหญิงญิจะยกเจ้าจ้สาวให้ : ผลที่ตามมา หากชายหญิงญิประสงค์จค์ะแต่งต่งานกันกั ฝ่ายชายต้อต้งไปสู่ขสู่อฝ่ายหญิงญิก่อก่น ชายหญิงญิประสงค์จค์ะแต่งต่งานกันกั: เงื่องื่นไข ฝ่ายชายต้อต้งไปสู่ขสู่อฝ่ายหญิงญิก่อก่น : ผลที่ตามมา ๒. ประโยคแสดงเงื่องื่นไขที่มีลัมีกลัษณะคล้ายประโยคความซ้อน เพื่อ พื่ นเจ้าจ้บ่าบ่วเจ้าจ้สาวส่วส่นมากเป็นบุคบุคลที่เ ที่ จ้าจ้บ่าบ่วเจ้าจ้สาวรักรั ใคร่ใกล้ชิล้ดชิ เจ้าจ้บ่าบ่วเจ้าจ้สาวรักรั ใคร่ใกล้ชิล้ดชิ: เงื่องื่นไข เพื่อ พื่ นเจ้าจ้บ่าบ่วเจ้าจ้สาวส่วส่นมากเป็นบุคบุคล : ผลที่ตามมา ๒๙ ประโยคแสดงเงื่องื่นไข ประโยคเงื่อนไขซับซ้อน คือ ประโยคเงื่อนไขที่ประกอบด้วยประโยคที่เป็นตัว เงื่อนไขหรือรืผลที่ตามมามากกว่าหนึ่งประโยค เงื่อนไขมากกว่าหนึ่งประโยค ถ้าเราทําความชั่วแล้วพยายามปกปิดความชั่วนั้นไว้ ความชั่วนั้นก็คงจะปรากฏขึ้น สักวันหนึ่ง ประโยคเงื่องื่นไขซับซัซ้อน
ประโยคนี้ประกอบด้วด้ย เราทําทํความชั่ว ชั่ : เงื่องื่นไขที่ ๑ เราพยายามปกปิดความชั่ว ชั่ นั้นไว้ : เงื่องื่นไขที่ ๒ ความชั่ว ชั่ นั้นก็จก็ะปรากฏขึ้น ขึ้ สักสัวันวัหนึ่ง : ผลที่ตามมา ผลที่ตามมามากกว่าหนึ่งประโยค ถ้าถ้ เราทําทํความชั่ว ชั่ แล้วล้พยายามปกปิดความชั่ว ชั่ นั้นไว้ ความชั่ว ชั่ นั้นก็จก็ะปรากฏ ขึ้น ขึ้ และนําความเดือดืดร้อร้นมาให้สัห้กสัวันวัหนึ่ง ประโยคนี้ประกอบด้วด้ย เราทําทํความชั่ว ชั่ : เงื่องื่นไขที่ ๑ เราพยายามปกปิดความชั่ว ชั่ นั้นไว้ : เงื่องื่นไขที่ ๒ ความชั่ว ชั่ นั้นจะปรากฏขึ้น ขึ้ : ผลที่ตามมาที่ ๑ (ความชั่วชั่ ) นําความเดือดืดร้อร้นมาให้สัห้กสัวันวัหนึ่ง : ผลที่ตามมาที่ ๒ ๓๐ ประโยคที่เราใช้ในภาษาไทยมีทั้งประโยคความเดียว ประโยคความรวม ประโยค ความซ้อน ประโยคแสดงเงื่อนไข แต่ในการพูดการเขียนในชีวิตประจําจํวัน เราใช้ประโยค ที่มีโครงสร้าร้งซับซ้อนกว่าประโยคดังกล่าวเพื่อความชัดเจนในการสื่อสาร นักเรียรีน จําจํเป็นต้องมีความรู้เกี่ยวกับประโยคเป็นอย่างดีเพื่อสามารถนําไปใช้ได้อย่างถูกต้อง สรุป
๓๑ กิจกิกรรมเสนอแนะ ๑. แบ่งบ่นักเรียรีนออกเป็น ๕ กลุ่มลุ่ ให้แห้ต่ลต่ะกลุ่มลุ่ศึกศึษาค้นค้คว้าว้ เรื่อ รื่ งประโยคตาม หัวหัข้อข้ต่อต่ ไปนี้ แล้วล้ออกมานำ เสนอหน้าชั้น ชั้ เรียรีน กลุ่มลุ่ที่ ๑ ประโยคความเดียดีวซับซัซ้อซ้น กลุ่มลุ่ที่ ๒ ประโยคความรวมซับซัซ้อซ้น กลุ่มลุ่ที่ ๓ ประโยคความซ้อซ้นซับซัซ้อซ้น กลุ่มลุ่ที่ ๔ ประโยคแสดงเงื่อ งื่ นไข กลุ่มลุ่ที่ ๕ ประโยคเงื่อ งื่ นไขซับซัซ้อซ้น ๒. ให้นัห้ นักเรียรีนคัดคัลอกประโยคซับซัซ้อซ้นจากหนังสือสืหรือรืสื่อ สื่ อื่น อื่ ๆ คนละ ๒๐ ประโยค แล้วล้นำ มาวิเวิคราะห์ว่ห์าว่ เป็นประโยคซับซัซ้อซ้นประเภทใด ประกอบด้วด้ย ประโยคใดบ้าบ้ง
๓๒ คำ ชี้แ ชี้ จง จงเลือลืกกาเครื่อ รื่ งหมาย X ทับทัอักอัษร ก ข ค และ ง ที่ถู ที่ กถูที่สุ ที่ ดสุเพียพีงข้อข้ เดียดีว แบบทดสอบหลังลัเรียรีน ประโยคซับซัซ้อน ๑. ข้อข้ ใดกล่าล่วถึงถึ ประโยคสามัญมั ได้ถูด้กถูต้อต้ง ก. มีปมีระโยคหลักลัและอนุประโยค ข. มีหมีลาย ๆ ประโยคมาเชื่อ ชื่ มต่อต่กันกัด้วด้ยคำ สันสัธาน ค. ประกอบด้วด้ยภาคประธานและภาคแสดง ง. มีกมีารนำ ประโยคย่อย่ย ๒ ประโยคขึ้น ขึ้ ไปรวมกันกั ๒. ข้อข้ ใดกล่าล่วถึงถึนามานุประโยค ได้ถูด้กถูต้อต้ง ก. อนุประโยคที่ถู ที่ กถูขยายให้ซัห้บซัซ้อซ้นมากยิ่ง ยิ่ ขึ้น ขึ้ ซึ่ง ซึ่ อาจรวมกับกั ประโยคสามัญมั และประโยคซ้อซ้น ข. อนุประโยคที่ทำ ที่ ทำหน้าที่เ ที่ หมือมืนคำ วิเวิศษณ์ ขยายคำ กริยริา หรือรืคำ วิเวิศษณ์ ค. อนุประโยคที่ทำ ที่ ทำหน้าที่ข ที่ ยายคำ นามโดยมี ที่ ซึ่ง ซึ่ อันอัเป็นประธานของอนุ ประโยค ง. อนุประโยคที่ทำ ที่ ทำหน้าที่เ ที่ หมือมืนนามวลี ทำ หน้าที่เ ที่ ป็นประธาน กรรม หรือรื หน่วยเติมติเต็มต็ก็ไก็ด้ ๓. ข้อข้ ใดกล่าล่วถึงถึคุณคุานุประโยค ได้ถูด้กถูต้อต้ง ก. อนุประโยคที่ถู ที่ กถูขยายให้ซัห้บซัซ้อซ้นมากยิ่ง ยิ่ ขึ้น ขึ้ ซึ่ง ซึ่ อาจรวมกับกั ประโยคสามัญมั และประโยคซ้อซ้น ข. อนุประโยคที่ทำ ที่ ทำหน้าที่เ ที่ หมือมืนคำ วิเวิศษณ์ ขยายคำ กริยริา หรือรืคำ วิเวิศษณ์ ค. อนุประโยคที่ทำ ที่ ทำหน้าที่ข ที่ ยายคำ นามโดยมี ที่ ซึ่ง ซึ่ อันอัเป็นประธานของอนุ ประโยค ง. อนุประโยคที่ทำ ที่ ทำหน้าที่เ ที่ หมือมืนนามวลี ทำ หน้าที่เ ที่ ป็นประธาน กรรม หรือรื หน่วยเติมติเต็มต็ก็ไก็ด้
๓๓ ๔. ข้อข้ ใดกล่าล่วถึงถึวิเวิศษณานุประโยค ได้ถูด้กถูต้อต้ง ก. อนุประโยคที่ถู ที่ กถูขยายให้ซัห้บซัซ้อซ้นมากยิ่ง ยิ่ ขึ้น ขึ้ ซึ่ง ซึ่ อาจรวมกับกั ประโยคสามัญมั และประโยคซ้อซ้น ข. อนุประโยคที่ทำ ที่ ทำหน้าที่เ ที่ หมือมืนคำ วิเวิศษณ์ ขยายคำ กริยริา หรือรืคำ วิเวิศษณ์ ค. อนุประโยคที่ทำ ที่ ทำหน้าที่ข ที่ ยายคำ นามโดยมี ที่ ซึ่ง ซึ่ อันอัเป็นประธานของอนุ ประโยค ง. อนุประโยคที่ทำ ที่ ทำหน้าที่เ ที่ หมือมืนนามวลี ทำ หน้าที่เ ที่ ป็นประธาน กรรม หรือรื หน่วยเติมติเต็มต็ก็ไก็ด้ ๕. ข้อข้ ใดคือคืคำ เชื่อ ชื่ มระหว่าว่งประโยค ให้เป็น ประโยความรวม ก. แล้วล้แล้วล้ก็ แต่ จึงจึหรือรืข. ที่ ซึ่ง ซึ่ อันอัเพราะ ค. กับกัแก่ แต่ แด่ ต่อต่ง. ช่าช่ง ชาว การ ความ ๖. ข้อข้ ใดคือคืองค์ปค์ระกอบสำ คัญคัของประโยค ก. ภาคประธาน ข. ภาคขยายประธาน ค. ภาคประธานและภาคแสดง ง. ภาคประธาน ภาคขยายประธาน ๗. ประโยครวม คือคืข้อข้ ใด ก. ประโยคย่อย่ยตั้ง ตั้ แต่ ๒ ประโยคขึ้น ขึ้ ไปรวมเข้าข้ เป็นประโยคเดียดีวกันกั ข. ประโยคที่มี ที่ กมีารขยายประโยคให้ซัห้บซัซ้อซ้นขึ้น ขึ้ ค. ประโยคที่มี ที่ ปมีระโยคหลักลัและอนุประโยค ง. ประโยคที่มี ที่ ส่มีวส่นประกอบทั้ง ทั้ ภาคประธานและภาคแสดงมีส่มีวส่นขยาย ๘. ข้อข้ ใดให้คห้วามหมายของประโยคซับซัซ้อซ้น ได้ถูด้กถูต้อต้งที่สุ ที่ ดสุ ก. ประโยคที่มี ที่ ปมีระโยคหลักลัและอนุประโยค ข. ประโยคที่ทำ ที่ ทำหน้าที่เ ที่ หมือมืนนามวลี ค. ประโยคที่มี ที่ กมีารขยายอีกอีขั้น ขั้ หนึ่ง ง. ประโยคที่ทำ ที่ ทำหน้าที่ข ที่ ยายคำ นาม
๓๔ ๙. การศึกศึษาเรื่อ รื่ งประโยคซับซัซ้อซ้นมีปมีระโยชน์อย่าย่งไร ก. ช่วช่ยในการวิเวิคราะห์ปห์ระโยคได้ถูด้กถูต้อต้ง ข. ช่วช่ยในการพูดพูและเขียขีนให้ได้ใจความชัดชัเจน ค. ช่วช่ยให้เห็นห็ส่วส่นขยายของภาคประธานและภาคแสดงชัดชัเจน ง. ถูกถูทุกทุข้อข้ ๑๐. ประโยคซับซัซ้อซ้น มีกี่มีช กี่ นิด ก. ๒ ชนิด ข. ๓ ชนิด ค. ๔ ชนิด ง. ๕ ชนิด ๑๑. ประโยครวมที่ซั ที่ บซัซ้อซ้น ไม่ได้เกิดกิจากการรวมของประโยคใด ก. สามัญมั+ สามัญมัข. ซ้อซ้น + สามัญมัค. ซ้อซ้น + ซ้อซ้น ง. สามัญมั+ ซ้อซ้น ๑๒. ประโยคที่ทำ ที่ ทำหน้าที่เ ที่ หมือมืนนามวลี ทำ หน้าที่เ ที่ ป็นประธาน กรรม หรือรืหน่วย เติมติเต็มต็ก็ไก็ด้ คือคืข้อข้ ใด ก. นามานุประโยค ข. คุณคุานุประโยค ค. วิเวิศษณานุประโยค ง. สันสัธาณานุประโยค ๑๓. ข้อข้ ใดกล่าล่วถูกถูต้อต้ง ก. ในการพูดพูและเขียขีน หากใช้ปช้ระโยคซับซัซ้อซ้นมากๆจะทำ ให้ผู้ห้ ผู้ฟัผู้ ฟังเข้าข้ ใจง่าง่ยขึ้น ขึ้ ข. ประโยคสามัญมัรวมกับกั ประโยคซ้อซ้น เป็นประโยคซับซัซ้อซ้นได้ ค. ประโยครวมมักมัจะมีคำมีคำว่าว่และ และก็ แต่ จึงจึหรือรื ง. ประโยคสามัญมัมักมัจะมีคำมีคำว่าว่ เพราะ อยู่ในประโยค ๑๔. ข้อข้ ใดกล่าล่วผิดผิ ก. ประโยคสามัญมัมีภมีาคประธาน และภาคแสดง อย่าย่งละ ๑ ข. ประโยครวม เกิดกิจากประโยคสามัญมั ๒ ประโยคขึ้น ขึ้ ไป โดยมีสัมีนสัธานเป็นตัวตั เชื่อ ชื่ ม
๓๕ ค. "เธอใส่กส่างเกงสีขสีาวขายาวยืนยือยู่หยู่น้าโรงเรียรีน" เป็นประโยคสามัญมัที่ซั ที่ บซัซ้อซ้น ง. คำ ว่าว่ที่ ซึ่ง ซึ่ อันอัห้าห้มใช้ในประโยครวมที่ซั ที่ บซัซ้อซ้น ๑๕. “ประโยคเงื่อ งื่ นไขที่ปที่ ระกอบด้วด้ยประโยคที่เ ที่ ป็นตัวตัเงื่อ งื่ นไขหรือรืผลที่ต ที่ ามมา มากกว่าว่หนึ่งประโยค” คือคืความหมายของประโยคชนิดใด ก. ประโยคเงื่อ งื่ นไขซับซัซ้อซ้น ข. ประโยคเงื่อ งื่ นไขซับซัซ้อซ้นที่ซั ที่ บซัซ้อซ้น ค. ประโยคแสดงเงื่อ งื่ นไข ง. ประโยคแสดงเงื่อ งื่ นไขที่ซั ที่ บซัซ้อซ้น ๑๖. “ประโยคที่ปที่ ระกอบด้วด้ยประโยคความเดียดีวตั้ง ตั้ แต่สต่องประโยคขึ้น ขึ้ ไปเชื่อ ชื่ มกันกั ด้วด้ยสันสัธานและมีใมีจความเป็นเงื่อ งื่ นไขต่อต่กันกัคือคื ประโยคหนึ่งเป็นตัวตัเงื่อ งื่ นไข อีกอี ประโยคหนึ่งเป็นผลที่ต ที่ ามมา” คือคืความหมายของประโยคชนิดใด ก. ประโยคเงื่อ งื่ นไขซับซัซ้อซ้น ข. ประโยคเงื่อ งื่ นไขซับซัซ้อซ้นที่ซั ที่ บซัซ้อซ้น ค. ประโยคแสดงเงื่อ งื่ นไข ง. ประโยคแสดงเงื่อ งื่ นไขที่ซั ที่ บซัซ้อซ้น ๑๗. “เขาจะกลับลับ้าบ้นก็ต่ก็อต่ เมื่อ มื่ เขาออกกํากํลังลักายเสร็จร็ ” ข้อข้ความใดเป็นผลที่ต ที่ ามมา จากเงื่อ งื่ นไข ก. ต่อต่ เมื่อ มื่ ข. ออกกํากํลังลักาย ค. เขาออกกํากํลังลักายเสร็จร็ง. เขาจะกลับลับ้าบ้น ๑๘. “เขาจะกลับลับ้าบ้นก็ต่ก็อต่ เมื่อ มื่ เขาออกกํากํลังลักายเสร็จร็ ” ข้อข้ความใดเงื่อ งื่ นไข ก. ต่อต่ เมื่อ มื่ ข. ออกกํากํลังลักาย ค. เขาออกกํากํลังลักายเสร็จร็ง. เขาจะกลับลับ้าบ้น ๑๙. “ถ้าถ้ เจ้าจ้บ่าบ่วมีเมีพียพีงพร้าร้ เหน็บหลังลัมาฝ่ายหญิงญิก็จก็ะยกเจ้าจ้สาวให้” ข้อข้ความใด เป็นเงื่อ งื่ นไข ก. ถ้าถ้ เจ้าจ้บ่าบ่ว ข. ถ้าถ้ เจ้าจ้บ่าบ่วมีเมีพียพีงพร้าร้ เหน็บหลังลัมา ค. ฝ่ายหญิงญิง. ฝ่ายหญิงญิก็จก็ะยกเจ้าจ้สาวให้
๓๖ ๒๐. “ถ้าถ้ เจ้าจ้บ่าบ่วมีเมีพียพีงพร้าร้ เหน็บหลังลัมาฝ่ายหญิงญิก็จก็ะยกเจ้าจ้สาวให้” ข้อข้ความใดเป็นผลที่ต ที่ ามมาจากเงื่อ งื่ นไข ก. ถ้าถ้ เจ้าจ้บ่าบ่ว ข. ถ้าถ้ เจ้าจ้บ่าบ่วมีเมีพียพีงพร้าร้ เหน็บหลังลัมา ค. ฝ่ายหญิงญิง. ฝ่ายหญิงญิก็จก็ะยกเจ้าจ้สาวให้ ๒๑. ข้อข้ ใดเป็นประโยค ก. อนุสาวรีย์รีท้ย์าท้วสุรสุนารี ข. ชามก๋วก๋ยเตี๋ย ตี๋ วใบใหญ่ ค. ไก่ขัก่นขัง. ข้าข้งกระถางต้นต้ ไม้ ๒๒. ประโยคเงื่อ งื่ นไขที่ปที่ ระกอบด้วด้ยประโยคที่เ ที่ ป็นตัวตัเงื่อ งื่ นไขหรือรืผลที่ต ที่ ามมา มากกว่าว่หนึ่งประโยค เรียรีกว่าว่ ประโยคอะไร ก. ประโยคเงื่อ งื่ นไขซับซัซ้อซ้น ข. ประโยคแสดงเงื่อ งื่ นไข ค. ประโยคแสดงเงื่อ งื่ นไขซับซัซ้อซ้น ง. ประโยคเงื่อ งื่ นไขซับซัซ้อซ้นที่ซั ที่ บซัซ้อซ้น ๒๓. “ครูใบตองที่ส ที่ อนวิชวิาภาษาไทยเป็นคนสวยมาก ๆ” จากประโยคข้าข้งต้นต้ข้อข้ ใด ต่อต่ ไปนี้กล่าล่วถูกถูต้อต้ง ก. ประโยคหลักลัคือคื “ครูใบตองเป็นคนสวยมาก ๆ” ข. ประโยคย่อย่ยเป็น วิเวิศษณานุประโยค ค. ประโยคย่อย่ย คือคื “ที่ส ที่ อนวิชวิาภาษาไทยเป็นคนสวยมากๆ” ง. ถูกถูทุกทุข้อข้ ๒๔. ข้อข้ ใดต่อต่ ไปนี้ เป็นประโยคความซ้อซ้นที่มี ที่ ปมีระโยคย่อย่ยเป็นวิเวิศษณานุประโยค ก. เธอดูหดูนังสือสืมากจนปวดศีรศีษะ ข. ครูกรเล่นล่ ฟุตฟุบอล เพราะครูกรสอนวิชวิาพละ ค. ครูผู้ชผู้ายที่เ ที่ ดินดิมาคือคืครูกร ง. ถูกถูทุกทุข้อข้
๓๗ ๒๕. ข้อข้ ใดต่อต่ ไปนี้ เป็นประโยคความซ้อซ้นที่มี ที่ ปมีระโยคย่อย่ยเป็นวิเวิศษณานุประโยค ก. นกซึ่ง ซึ่ มีขมีนสวยบินบิเร็วร็ ข. เธอร้อร้งเพลงเพราะเหมือมืนนักร้อร้งร้อร้ง ค. ฉันกินกิมะม่วม่ง ง. นกสวยบินบิเร็วร็จน ๒๖. “พระราชาองค์นี้ค์ นี้ ทรงทศพิธพิราชธรรมดียิ่ดีง ยิ่ ดังดันั้นราษฎรจึงจึรักรัพระองค์จค์นพวก เขาสละชีพชีเพื่อ พื่ พระองค์ได้” คือคื ประโยคประเภทใด ก. ประโยคซ้อซ้น ข. ประโยคซับซัซ้อซ้น ค. ประโยคซ้อซ้นซับซัง. ประโยคซ้อซ้นที่ซั ที่ บซัซ้อซ้น ๒๗. “ประโยครวมที่มี ที่ ส่มีวส่นขยายเพิ่ม พิ่ ขึ้น ขึ้ เนื่องจากมีปมีระโยครวมซ้อซ้นกันกัหลายชั้น ชั้ ” คือคืความหมายของประโยคชนิดใด ก. ประโยคซ้อซ้น ข. ประโยคซับซัซ้อซ้น ค. ประโยครวมที่ซั ที่ บซัซ้อซ้น ง. ประโยคซ้อซ้นที่ซั ที่ บซัซ้อซ้น ๒๘. “ประโยคความซ้อซ้นที่มี ที่ ปมีระโยคย่อย่ยมากกว่าว่หนึ่งประโยค” คือคืความหมายของ ประโยคชนิดใด ก. ประโยคซ้อซ้น ข. ประโยคซับซัซ้อซ้น ค. ประโยครวมที่ซั ที่ บซัซ้อซ้น ง. ประโยคซ้อซ้นที่ซั ที่ บซัซ้อซ้น ๒๙. “คำ พูดพูหรือรืข้อข้ความตอนหนึ่ง ๆ ที่ไที่ ด้คด้วามบริบูริรบูณ์ ประกอบด้วด้ย ภาค ประธาน และภาคแสดง” คือคืความหมายของอะไร ก. กริยริา ข. ประธาน ค. ภาคแสดง ง. ประโยค ๓๐. “ส่วส่นที่เ ที่ ป็นการกระทำ ของประธานในประโยค” คือคืความหมายของอะไร ก. กริยริา ข. ประธาน ค. ภาคแสดง ง. ประโยค
ระดับดัภาษา ระดับดัพิธีพิกธีาร ภาษาระดับดักันกัเอง ภาษาระดับดัทางการ ภาษาระดับดั กึ่งกึ่ทางการ ภาษาระดับดั ไม่เป็นทางการ