The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสือสุขศึกษา ม.4

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by เนาวรัตน์ สําเริง, 2021-07-20 07:15:08

หนังสือสุขศึกษา ม.4

หนังสือสุขศึกษา ม.4

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขาาใจใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Evaluate
Engage Expand Expand

ขยายความเขา ใจ

จากท่ีกลา วมาแลววา วยั รนุ เม่อื เติบโตขึ้นจะเกิด จะเห็นไดวาการเบ่ียงเบนอารมณทางเพศนั้น ข้ึนอยูกับตัวบุคคลแตละคน โดยเฉพาะถาหาก
การเปลย่ี นแปลงทางดา นตางๆ โดยเฉพาะทางดา น เรามัวแตคิดและสนใจในเรื่องเพศ ก็จะทําใหเกิดความออนไหวทางอารมณไดงาย ดังนั้น จึงควรท่ีจะ
รางกาย อารมณและจิตใจ สง ผลใหมพี ฤตกิ รรม เบี่ยงเบนความสนใจไปในเร่ืองของความคิดสรางสรรค ในส่ิงที่เปนประโยชนตอสังคมและสวนรวม
ทางเพศทีเ่ หน็ ไดชัดคือ การมคี วามสนใจ เพอ่ื ทําจิตใจใหเกิดความสงบจากเรื่องเพศได
เพศตรงขาม และการเกิดอารมณทางเพศ ดังนั้น
ครูจงึ ควรแนะนาํ ใหน กั เรยี นรจู กั วิธกี ารจดั การกับ ระดับที่ ๓ การปลดปล่อยหรือระบายอารมณท างเพศ
อารมณท างเพศท่เี หมาะสม โดยต้ังคําถามเพอ่ื ขยาย
ความเขาใจของนักเรยี น เมื่อคนเราเกิดมีความตองการทางเพศก็ยอม
เกิดอารมณ โดยเฉพาะอยางย่ิงเม่ืออยูตามลําพัง
• หากเพอ่ื นของนกั เรียนชักชวนใหด ูสื่อยัว่ ยุ โดดเดี่ยวก็พยายามหาทางระบายออกเพ่ือเปน
ใหเกิดอารมณท างเพศ นักเรยี นจะมีวิธกี าร การตอบสนองความตอ งการทางเพศวยั รนุ สว นมาก
จดั การกับอารมณทางเพศของตนเองอยา งไร มกั ปฏบิ ตั ติ นโดยการสาํ เรจ็ ความใครด ว ยตนเองซง่ึ
ใหเ หมาะสม การทาํ เชน นไ้ี มถ อื วา เปน ความผดิ ปกตทิ างรา งกาย
(แนวตอบ ทํากิจกรรมท่ีสรา งสรรค โดยการ และจิตใจแตเปนการกระทําเพื่อระบายความใคร
ชักชวนเพอื่ นใหไปเลน กฬี าหรอื ออกกาํ ลังกาย ของตนเองขณะนั้นออกไปซึ่งทําใหเกิดความสุขได
ดว ยกัน) ช่ัวระยะหน่ึง อยางไรก็ตามการสําเร็จความใคร
ดอันวยคตวรน1เอเพงนรา้ีนะับกวาารดมีกีเวพาศกสาัมรพมีัเนพธศในสัมวัยพเันรียธนกอนอวาัจย
จากนน้ั ใหน กั เรยี นหาขาวเก่ยี วกบั ปญหาทเี่ กดิ การเลน่ ดนตรี นอกจากจะช่วยใหม้ อี ารมณส์ ุนทรีย์แลว้ จะนาํ ไปสปู ญ หาอนื่ ๆ ตามมาได เชน การตงั้ ครรภ
จากพฤตกิ รรมทางเพศของวยั รนุ โดยใหวเิ คราะห ยังถือเปน็ การใชเ้ วลาว่างใหเ้ ป็นประโยชน์ ไมห่ มกมุน่ เสียการเรียน การติดโรคติดตอทางเพศสัมพันธ
วาเกดิ มาจากสาเหตใุ ด และมแี นวทางในการแกไ ข อยู่กบั เรื่องเพศมากจนเกนิ ไป เปน ตน
ปญหาทเี่ กดิ ขน้ึ น้นั อยา งไร

วธิ กี ารปลดปลอ ย หรอื ระบายอารมณท างเพศนน้ั ไมใชเร่ืองนาละอาย และเปนเร่ืองที่ทุกคนสามารถ
หลีกเล่ียงและหาทางออกไดงาย ดวยการประพฤติและปฏิบัติตนในทางท่ีถูกตองเหมาะสมไมขัดตอ
ศีลธรรมประเพณีอันดีงาม โดยการเลือกปฏิบัติกิจกรรมตางๆ ดังท่ีไดกลาวมาแลว ซ่ึงจะสามารถชวย
ลดการเกดิ อารมณท างเพศได ตลอดจนสามารถทาํ ใหเ กดิ ความสขุ สนุกสนาน กอใหเกดิ ผลดีตอ สขุ ภาพ
ทัง้ ทางรา งกายและจิตใจ

๓. ปจจัยทีม่ ีอทิ ธพิ ลตอ พฤติกรรมทางเพศ2ของวยั รนุ

วยั ร่นุ ถือเป็นกา� ลังส�าคัญของประเทศในอนาคต พฤตกิ รรมทางเพศมผี ลตอ่ คุณภาพชีวติ ของ
วัยร่นุ การทไ่ี ด้เรียนรู้ธรรมชาติในเรอื่ งเพศจะช่วยใหม้ ีความร ู้ ทัศนคต ิ และสามารถปรับตัวตาม
พัฒนาการของชีวิตไดอ้ ย่างเหมาะสม ปัจจยั ท่ีมอี ิทธพิ ลตอ่ พฤตกิ รรมทางเพศ มีดงั นี้

๔๘

นักเรยี นควรรู ขอสอบเนน การคดิ
การสาํ เร็จความใครดว ยตนเองเปน การกระทาํ ที่ผดิ หรือไม
1 การมเี พศสมั พันธกอ นวัยอนั ควร กอ ใหเ กิดปญหาตางๆ ตามมา เชน เพราะเหตุใด
การต้งั ครรภไมพ งึ ประสงคแ ละการตดิ โรคตดิ ตอทางเพศสมั พนั ธ ซึง่ ปญ หาดงั กลา ว 1. ผิด เพราะไมรูจกั ยับยงั้ อารมณท างเพศ
จะสง ผลกระทบมายงั ครอบครวั เศรษฐกิจ และสังคมตามมา รวมถงึ ผลกระทบตอ 2. ผิด เพราะเปน การกระทาํ ทน่ี า รังเกียจของบุคคล
อนาคตของตนเอง เชน เสยี การเรียน มบี ทบาทในการเปน พอ แมกอนวยั อนั ควร 3. ไมผ ดิ เพราะเปน การระบายความตงึ เครียดทางอารมณ
เปนตน 4. ไมผ ิด เพราะเปน การกระทํากับตนเองมิไดกอ ใหเ กิดความ
2 พฤติกรรมทางเพศ การแสดงออกพฤตกิ รรมทางเพศของวยั รุนไทยใน เดือดรอนแกผูอ นื่
ปจจบุ นั ไดรับอทิ ธพิ ลมาจากวัฒนธรรมตะวนั ตกเปน อยางมาก เชน การคบเพอ่ื น วเิ คราะหค ําตอบ การสาํ เรจ็ ความใครด ว ยตนเอง เปน การกระทาํ
ตา งเพศ การถกู เนอื้ ตอ งตวั กนั เปน ตน ซงึ่ อทิ ธพิ ลของวฒั นธรรมตะวนั ตก ทไี่ มผ ดิ เนือ่ งจากเปนการกระทาํ เพื่อระบายความใครห รืออารมณ
ไดถา ยทอดคา นิยมเก่ยี วกบั เร่อื งเพศหลายประการท่ีแตกตา งจากคา นิยมเดมิ ของ ของตนเองขณะนน้ั ออกไป ซึ่งทาํ ใหเกิดความสขุ ไดชั่วขณะหนงึ่
วัฒนธรรมไทย สงผลใหวัยรุน มีพฤติกรรมทางเพศทไ่ี มเ หมาะสม และเส่ียงตอการ ตอบขอ 3.
เกดิ ปญหาทางเพศ

48 คมู อื ครู

กกรระตะตนุ Eุนnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Evaluate
Engage Explore Explain Expand Engage

กระตนุ ความสนใจ

๓.๑ ปจ จัยดา นตนเอง ครตู ัง้ คําถามกระตนุ ความสนใจของนกั เรยี น
โดยใหนกั เรยี นสามารถแสดงความคิดเห็นไดอยาง
ปจั จัยทีเ่ กดิ จากตวั วัยรนุ่ เองมีผลกระทบต่อพฤติกรรมทางเพศ ดงั น้ี อสิ ระ

๑) พัฒนาการทางเพศ การ • นกั เรยี นคิดวามีปจ จัยใดบา งทีม่ อี ิทธพิ ลตอ
พฤติกรรมทางเพศของวยั รุน
เปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ (แนวตอบ นักเรยี นสามารถแสดงความ
และสังคมของวัยรุ่น มีผลต่อแรงผลักทาง คดิ เหน็ ไดอ ยา งอิสระ โดยอาจตอบวา
ทเพ้ังศน ้ีอบาทจบเนาื่อทงทมางาเจพาศก ฮแอลระ์โพมฤนตทิการงรเมพทศา1 งแเพลศะ ปจจยั ทีเ่ กดิ จากตัวของวัยรนุ เอง ครอบครัว
ฮอร์โมนการเจริญเติบโต ท�าให้วัยรุ่นแต่ละคน เพ่ือน สงั คม และวัฒนธรรม)
จะมีการเปล่ียนแปลงท่ีแตกต่างกันออกไป
การรู้จักเรียนรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของตนเอง สาํ รวจคน หา Explore
จะท�าให้เราสามารถแสดงพฤติกรรมต่างๆ
รวมถึงพฤติกรรมทางเพศได้อย่างเหมาะสม ใหน ักเรยี นศกึ ษาปจจัยทีม่ ีอทิ ธพิ ลตอ
เช่น การมีความรู้เรื่องเพศตามพัฒนาการของ พฤติกรรมทางเพศของวัยรุน ในปจ จยั ดา นตนเอง
แต่ละช่วงวัย ท�าให้วางตัวได้อย่างเหมาะสม การใชเ้ วลาว่างโดยการศึกษาหาความร้เู ปน็ วธิ ชี ่วยลด จากหนงั สอื เรียน เพอื่ เตรยี มอภปิ ราย
ความพึงพอใจในเพศของตนเองการให้เกียรติ อารมณ์ทางเพศได้
ผู้อื่น ไม่ล่วงเกินซง่ึ กันและกนั การมพี ฤติกรรมรกั ษาสขุ อนามัยทางเพศของตนเอง เป็นตน้ อธบิ ายความรู Explain

๒) สภาพจิตใจและอารมณ จิตใจและอารมณ์ของวัยรุ่นมีการเปลี่ยนแปลง ใหน ักเรียนรว มกันอภปิ รายเรื่อง ปจ จยั ท่ีมี
อิทธพิ ลตอ พฤตกิ รรมทางเพศของวัยรนุ ในปจ จยั
อย่างรวดเร็ว ท�าให้เกิดอารมณ์เปลี่ยนแปลง ดานตนเอง โดยครแู ละนักเรียนคนอน่ื ๆ รว มกัน
ไดง้ า่ ย บางครง้ั ด ี บางครงั้ มอี ารมณร์ นุ แรง มคี วาม เสนอแนะเพมิ่ เตมิ และตัง้ คาํ ถามเพ่ือนําไปสู
ขัดแย้ง ในขณะเดียวกันก็มีความเช่ือม่ันใน ขอสรุปท่ถี กู ตองรวมกัน
ตนเองสงู ซงึ่ งา่ ยตอ่ การชกั นา� ใหเ้ กดิ การอยากรู้
อยากลอง ทงั้ ในทางทดี่ แี ละไมด่ ี ความคดิ ชว่ั วบู • เพราะเหตุใด การเปล่ียนแปลงทางดาน
เขกอลงียวดัย รอุ่นจิ อฉาาจ อเากริดมจณาก์เกอ็บากรดม2 ณกล์กัว้า วแรล้าะวอ าโรกมรณธ ์ รางกาย จิตใจ อารมณ และสังคม จงึ มผี ล
สนุกสนาน มีความรัก ชอบ พอใจ สุขสบาย ตอบทบาททางเพศและพฤตกิ รรมทางเพศ
ครนื้ เครง อารมณด์ งั กลา่ วถอื เปน็ แรงขบั ทางเพศ ของวยั รนุ
ให้แสดงพฤติกรรมทางเพศต่างๆ ออกมา (แนวตอบ เปนผลมาจากฮอรโ มนทางเพศ
และฮอรโ มนการเจริญเตบิ โต ทาํ ใหว ยั รุน
การเลน่ ดนตรี เปน็ การใช้เวลาว่างใหเ้ กดิ ประโยชน์ แตละคนจะมกี ารเปลีย่ นแปลงทแ่ี ตกตา งกนั
ช่วยใหเ้ กดิ อารมณ์สนกุ สนานและเกิดความเพลดิ เพลิน ออกไป)

๔๙

ขอ สอบเนน การคิด นกั เรียนควรรู

ปจ จยั ใดไมม ี สว นเกี่ยวของท่อี าจสงผลกระทบตอ พฤติกรรมทางเพศทเี่ กดิ 1 ฮอรโ มนทางเพศ ฮอรโมนเพศชาย คอื เทสโทสเทอโรน มีสว นสําคัญในการ
จากตนเองของวัยรนุ ชว ยเผาผลาญไขมนั และสรา งอสจุ ใิ หส มบรู ณ สว นฮอรโ มนเพศหญงิ คอื เอสโตรเจน
มสี วนชว ยในการผลติ น้ํานม กระตุน ใหเ กิดประจาํ เดอื น และโพรเจสเทอโรน
1. การเปล่ยี นแปลงทางดานรา งกาย จิตใจ อารมณ และสงั คม มสี ว นชวยใหเสนเลือดไปเลย้ี งเย่ือบุมดลูกเพ่ิมมากขึน้ เพ่อื พรอ มสําหรับการฝงตวั
2. การเลอื กรบั ส่ือตา งๆ เชน สือ่ ส่งิ พมิ พ และอนิ เทอรเ น็ตเปนตน ของไข
3. การไมยดึ คุณธรรมจรยิ ธรรม ไมรจู ักแยกแยะความดี ความชว่ั 2 อารมณเ กบ็ กด บคุ คลทม่ี อี ารมณเ กบ็ กดมกั จะไมแ สดงความรสู กึ ใหบ คุ คลอนื่
4. การขาดการนับถือตนเอง เน่อื งจากชอบเลยี นแบบผูอ ืน่ ไดร บั รู จะชอบอยคู นเดียวไมพ บปะ หรือพูดคุยกับผูอ น่ื เพราะกลวั ผลกระทบทีจ่ ะ
วเิ คราะหค าํ ตอบ การเลอื กรบั สอื่ ตา งๆ เปน ผลกระทบตอ พฤตกิ รรมทางเพศ ตามมา เชน กลวั คนอนื่ จะโกรธ ไมพ อใจหรอื เสียใจ กลัวเสียภาพลกั ษณ หรือไมร ู
วิธที ่จี ะแสดงออกอยา งนมุ นวล เปนตน จึงเกบ็ กดเอาไวใ นใจ ซง่ึ บคุ คลเหลาน้ี
ทมี่ อี ทิ ธพิ ลมาจากสอ่ื ไมใ ชม อี ทิ ธพิ ลทเี่ กดิ จากตนเอง ตอบขอ 2. มักจะเปนคนข้ีเกรงใจ และตองการใหผูอ่ืนพอใจหรือรกั ใคร

คูมือครู 49

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain

อธบิ ายความรู

ใหนกั เรยี นรวมกันอภิปรายตอเรือ่ ง ปจ จยั พฤติกรรมดังกล่าว ถ้าวัยรุ่นรู้จักการควบคุมตนเอง มีความอดกล้ันต่ออารมณ์ต่างๆ
ทมี่ ีอิทธพิ ลตอพฤติกรรมทางเพศของวยั รุนในปจจัย รจู้ กั การปลดปลอ่ ยอารมณท์ เี่ หมาะสม ยอมรบั และคน้ หาจุดเดน่ จดุ ด้อยของตนเอง กจ็ ะสามารถ
ดานตนเอง โดยครแู ละนักเรยี นคนอ่นื ๆ รว มกนั ผ่านพ้นปัญหาต่างๆ ได้ดี แต่ถ้าหากไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้ ย่อมจะเกิดผลเสียต่อ
เสนอแนะเพ่มิ เตมิ และตัง้ คาํ ถามเพือ่ นําไปสู ตนเองและผใู้ กลช้ ดิ อาจสง่ ผลท�าให้เกิดปญั หาตา่ งๆ ตามมาไดอ้ กี มาก
ขอ สรปุ ทีถ่ กู ตอ งรวมกนั ๓) ผลจากการใช้สารเสพติด สารเสพติดทุกชนิดนอกจากมีผลเสียต่อตนเอง
ครอบครวั และสังคมแลว้ สารเสพติดยังส่งผลกระทบโดยตรงทงั้ ทางรา่ งกาย จิตใจ และอารมณ ์
• การใชส ารเสพตดิ อาจสงผลใหเ กิดพฤติกรรม ต่อผู้เสพ การใช้สารเสพติดจะเป็นการกระตุ้นอารมณ์ต่างๆ รวมท้ังอารมณ์ทางเพศซ่ึงมีผล
ทางเพศในเร่ืองใดบาง ตอ่ การแสดงพฤตกิ รรมทางเพศ เช่น
(แนวตอบ อาจนําไปสกู ารลว งละเมดิ ทางเพศ ■ การดื่มสรุ า การใช้สารเสพตดิ ของวัยรนุ่ อาจท�าใหเ้ กดิ การล่วงละเมิดทางเพศ1
และการมเี พศสัมพันธ ซงึ่ อาจทาํ ใหเ กิด หรอื เกิดปญั หาอาชญากรรม 2
โรคติดตอทางเพศสัมพันธไ ด) ■ การมเี พศสมั พนั ธ ์โดยไม ่ใชถ้ งุ ยางอนามยั ของวยั รนุ่ ทา� ใหม้ อี าการเจบ็ ปว่ ยจาก

การตดิ โรคทางเพศสัมพนั ธ์
ดังนั้น ถ้าวัยรุ่นรู้จักการดูแลตนเองโดยการหลีกเล่ียงการทดลอง ปฏิเสธค�าชักชวน

ของเพื่อนต่อการใชส้ ารเสพตดิ กย็ อ่ มท�าใหร้ อดพน้ จากปัญหาตา่ งๆ ดงั กล่าวได้

1

การไปเที่ยวกับเพ่ือนเป็นกลุ่ม จะสามารถช่วยป้องกันไม่ให้ล่วงละเมิดทางเพศได้ง่าย แต่ก็ต้องรู้จักดูแลตนเองให้ดี
และหลกี เลี่ยงสถานการณเ์ สีย่ งทอ่ี าจกอ่ ใหเ้ กิดการล่วงละเมดิ ทางเพศได้

50

นกั เรียนควรรู ขอ สอบเนน การคิด
ขอใดคือสงิ่ ทีค่ วรทาํ เปนอันดับแรกหากเกดิ การลวงละเมดิ ทางเพศ
1 การลวงละเมิดทางเพศ การปอ งกันไมใหถูกลวงละเมิดทางเพศ สามารถใช 1. เดินหนีใหเ รว็ ท่ีสดุ
ทกั ษะตา งๆ ได เชน ทักษะปฏิเสธ ทักษะการตอ รอง เปน ตน นอกจากนีย้ ังสามารถ 2. ตอวาดวยถอยคําทรี่ ุนแรง
ใชอวยั วะรางกาย หรือสง่ิ ของใกลต ัวในการปองกันตนเองไดหากอยูใ นสถานการณ 3. ตง้ั สติและตั้งใจปฏเิ สธอยางจริงจัง
ท่อี าจเกิดการลวงละเมิดทางเพศ 4. พดู ปฏเิ สธดว ยนา้ํ เสยี งและทาทางทจ่ี ริงจัง
2 การมเี พศสัมพันธ วยั รนุ หญิงมคี วามเส่ียงตอ การเกิดโรคมะเร็งปากมดลูก วเิ คราะหคําตอบ หากเกิดการลวงละเมดิ ทางเพศ ควรต้ังสตกิ อน
มากทส่ี ดุ เนอ่ื งจากยงั ไมม ีความรใู นเรือ่ งของการปอ งกนั การมีเพศสมั พันธท ่ถี กู ตอง เพอ่ื ใหส ามารถหาแนวทางแกไ ขปญ หาทเี่ กดิ ขน้ึ และเมอ่ื ตงั้ สตไิ ดแ ลว
ดังนั้นจงึ ควรไดร ับการตรวจคัดกรองเชือ้ มะเร็งปากมดลกู ทีเ่ รยี กวา แปปสเมียร ควรพดู ปฏิเสธดวยนา้ํ เสียงอยางจรงิ จงั ซงึ่ เปน วธิ หี นงึ่ ทส่ี ามารถ
(Pap Smear) อยา งนอ ยปละ 1 คร้งั เพื่อเปนการปอ งกนั การเกดิ โรคมะเร็งปากมดลกู หลีกเลย่ี งจากการลวงละเมิดทางเพศได ตอบขอ 3.
ต้ังแตอ ายยุ งั นอย

50 คูมือครู

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขาใา จใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

๔) การนบั ถอื ตนเอง การนบั ถอื ตนเองเปน็ การพจิ ารณาตนเอง โดยการยอมรบั จดุ เดน่ ใหน กั เรียนรวมกันอภิปรายตอในเรอ่ื ง ปจจยั
และร้สู ึกภูมใิ จในตนเอง การนบั ถอื ตนเองน้ันมีผลตอ่ พฤตกิ รรมทางเพศ เช่น ท่มี ีอิทธิพลตอ พฤติกรรมทางเพศของวัยรุนใน
■ การเหน็ คุณค่าในตนเอง ปจจัยดานตนเอง โดยครแู ละนักเรียนคนอื่นๆ
■ การยอมรบั และภมู ใิ จในเพศสภาพ รวมกันเสนอแนะเพิม่ เตมิ และตงั้ คาํ ถามเพอื่ นาํ ไป
ของตนและแสดงบทบาททางเพศสภาพได้อย่าง สขู อ สรปุ ทถ่ี ูกตอ งรว มกนั
เหมาะสม
■ ภูมิใจต่อรูปรา่ ง หนา้ ตา โดยไม่ • การนับถือตนเองมลี ักษณะอยา งไร
ถอื ว่าเป็นปมด้อย (แนวตอบ เชน การเหน็ คณุ คาในตนเอง
พฤตกิ รรมทางเพศดงั กลา่ วถา้ วยั รนุ่ การยอมรบั และภมู ใิ จในเพศสภาพของ
ตนเอง เปนตน )

ไมเ่ ห็นคุณคา่ ในตนเอง หรือไม่พึงพอใจในเพศของ ขยายความเขา ใจ Expand
ตนเอง อาจก่อให้เกิดพฤติกรรมเส่ียงทางเพศของ
ตนเอง แต่ถ้าวัยรุ่นรักและเห็นคุณค่าในตนเอง
เคารพตนเอง และให้ความส�าคัญต่อพฤติกรรม การเขา้ แขง่ ขนั ประกวดกองเชยี ร์ เปน็ ตวั อยา่ งกจิ กรรม หลงั การอภปิ ราย ใหน กั เรยี นสรปุ สาระสาํ คญั
ทางเพศ บทบาททางเพศ รจู้ กั วางตวั อยา่ งเหมาะสม ทด่ี ที ท่ี าํ ใหว้ ยั รนุ่ ไดแ้ สดงออกซง่ึ ความสามารถของตน เรอ่ื ง ปจจยั ท่มี อี ิทธพิ ลตอ พฤตกิ รรมทางเพศใน
ย่อมท�าใหต้ นเองเกดิ คณุ คา่ และเป็นทีน่ ิยมชมชอบรวมท้งั เป็นท่รี กั ใคร่ของเพือ่ น ปจจยั ดา นตนเองในรูปแบบของผงั ความคิด

๕) การยดึ คณุ ธรรมจรยิ ธรรม วยั ร่นุ สามารถพฒั นาคณุ ธรรม จรยิ ธรรม รู้จักแยกแยะ
ความดี ความชั่วจากมโนธรรมของตนเอง โดย
การเรียนรู้จากการปลูกฝังค่านิยม ทัศนคติและ
ความสมั พนั ธท์ ด่ี ภี ายในครอบครวั บคุ คลทม่ี คี ณุ ธรรม
จรยิ ธรรมจะเปน็ ทร่ี กั ใครข่ องบุคคลอื่น สามารถอย ู่
ในสงั คมและดา� เนนิ ชวี ติ ไดอ้ ยา่ งมคี วามสขุ คณุ ธรรม
จริยธรรมทางเพศของวัยรุ่น เช่น การให้เกียรติ
ซงึ่ กนั และกัน การไม่ล่วงละเมิดทางเพศ การไมม่ ี
เพศสมั พนั ธก์ อ่ นวยั อนั ควร การถอื วา่ การมเี พศสมั พนั ธ์
ในวัยรุ่นเป็นเรื่องไม่เหมาะสม ผิดทั้งศีลธรรมและ
จรยิ ธรรม ถา้ วยั รนุ่ ยดึ ถอื คณุ ธรรมจรยิ ธรรมโดยการ
ควบคมุ ตนเอง ใหเ้ กยี รตผิ อู้ นื่ จะชว่ ยแกป้ ญั หาความ การปลูกปาเปน็ กิจกรรมอย่างหนงึ่ ที่ช่วยสร้างเสรมิ
เส่ยี งต่อพฤติกรรมทางเพศได้ คณุ ธรรม จริยธรรมท่ดี งี ามใหแ้ ก่วยั ร่นุ

5๑

ขอสอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู

ขอใดไมใช อทิ ธพิ ลของครอบครวั ท่เี ปน ปจจยั ที่มอี ิทธิพลทางเพศของวยั รนุ ครูควรแนะนาํ หรอื ปลกู ฝง ใหนกั เรียนเห็นคุณคา ของตนเองมากขน้ึ เพือ่ ไมใ ห
1. ความศรทั ธาในศาสนา เกิดผลกระทบตอ พฤติกรรมทางเพศ เชน การปลูกฝง นักเรียนไมใหมเี พศสมั พนั ธ
2. ความสมั พันธในครอบครัว กอนวยั อนั ควร การไมยอมใหผอู ่ืนถกู เน้อื ตองตวั เปนตน
3. การจบั กลมุ กนั กบั เพื่อนเพอื่ ทํากิจกรรมตางๆ
4. การปลูกฝง เจตคตทิ ี่ดีในเรือ่ งบทบาททางเพศ
วิเคราะหค ําตอบ การจับกลมุ กนั กบั เพอื่ นเพื่อทาํ กิจกรรมตางๆ เปน อทิ ธิพล
ที่เกิดจากเพอ่ื น เนอ่ื งจากวัยรุนสามารถสรางความสัมพนั ธอ นั ดกี ับเพือ่ น

วยั เดยี วกนั ไดท ้ังเพศเดียวกันและเพอ่ื นตา งเพศ ตอบขอ 3.

คูมอื ครู 51

กระตนุ ความสนใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain

สาํ รวจคน หา Explore

ใหน กั เรียนศึกษาเร่อื ง ปจ จัยทมี่ ีอทิ ธิพลตอ ๓.๒ ปจ จยั ดา นครอบครวั
พฤตกิ รรมทางเพศของวัยรุนในปจจยั ดานครอบครวั
จากหนงั สอื เรยี น เพื่อเตรยี มอภปิ ราย ครอบครัวเป็นสถาบันแรกที่อบรมทางด้านจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นท่าทีหรือความรู้สึกของ

อธบิ ายความรู Explain บคุ คลตอ่ สง่ิ ใดสง่ิ หน่งึ สิ่งทบี่ ุคคล หรอื สังคมยึดถอื
เป็นเครื่องช่วยตัดสินใจ หรือก�าหนดการกระท�า
ของตนเองตอ่ บทบาทหน้าท ี่ นอกจากนี้ ยังปลูกฝงั
ใหน ักเรยี นรว มกันอภปิ รายเร่อื งปจ จัยท่มี ี พฤตกิ รรมตา่ งๆ รวมทง้ั พฤตกิ รรมทางเพศ ซึง่ ถือ
อิทธพิ ลตอพฤตกิ รรมทางเพศของวยั รนุ ในปจ จัย ไดว้ ่าครอบครวั นั้นมีอิทธิพลตอ่ วัยรนุ่ มากท่สี ุด
ดานครอบครัว โดยครแู ละนกั เรียนคนอ่ืนๆ รว มกัน ครอบครัวมีผลต่อพฤติกรรมทางเพศของ
เสนอแนะเพิม่ เติม และตง้ั คาํ ถามเพ่อื นําไปสขู อสรปุ วยั ร่นุ ดังน้ี
ท่ถี ูกตองรว มกนั ๑) ความสัมพันธในครอบครัว
ครอบครัวเป็นต้นแบบของความสัมพันธ์ท่ีวัยรุ่น
• นักเรยี นคดิ วา ครอบครัวมีอทิ ธพิ ลตอ ควรยึดถือเอาเป็นแบบอย่างในการด�าเนินชีวิต
พฤตกิ รรมทางเพศของวยั รนุ อยา งไร ถ้าสมาชิกในครอบครัวมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
(แนวตอบ ครอบครวั เปน สถาบนั แรกที่คอย มีน�้าใจช่วยเหลือเกื้อกูลกัน มีปัญหาใดเกิดขึ้นก็
เสรมิ สรา งประสบการณของวยั รุน ซึง่ พอแม พ่อ แม่ หรือผู้ปกครองมีบทบาทสําคญั ในการอบรม หันหน้าเข้ามาปรึกษาหารือกัน แก้ปัญหาท่ีเกิด
ผูปกครอง ถือไดวาเปนแบบอยา งท่ีสําคัญ และปลูกฝง ค่านยิ มทางเพศใหแ้ ก่บตุ รหลาน อย่างสนั ต ิ เยาวชนท่เี ปน็ วัยรุ่นก็จะเกิดความอบอ่นุ
ในการดาํ เนนิ ชีวติ หากครอบครัวมคี วาม
อบอุน จะสง ผลใหว ยั รนุ มพี ฤตกิ รรมทางเพศทดี่ ี เกิดความม่ันใจตระหนักในคุณค่าและเห็นความส�าคัญของครอบครัว ซ่ึงรูปแบบความสัมพันธ์
สามารถปฏบิ ัตติ นไดอยา งเหมาะสม เชน ในครอบครวั จะเปน็ อย่างไรขนึ้ อย่กู บั ปจั จยั ต่างๆ ดังนี้
เกิดความเขา ใจทถี่ ูกตองในเรื่องเพศ
หลกี เลีย่ งการมเี พศสัมพันธก อ นวยั อันควร ความสัมพันธทด่ี ีระหวา งพอ แม หรือผูปกครอง
เปน ตน ) การแสดงออกดว ยความรกั ความเขา ใจ หว งใย จรงิ ใจ และมคี วามยดื หยนุ ของพอ แม หรอื ผปู กครอง
ยอมมีผลตอความสัมพันธท่ีดีในครอบครัว ครอบครัวท่ีสมาชิกในบานมีความรัก ความเขาใจ
และมีความเห็นอกเห็นใจกัน จะสงผลตอบุตรหลาน โดยเฉพาะอยางย่ิงถาเปนวัยรุนจะทําให
วยั รุนมกี ารเรยี นรูในทางบวกและมพี ฤตกิ รรมทางเพศท่ีเหมาะสม

1
ทกั ษะชีวติ
ความสมั พนั ธในครอบครวั ควรยดึ ทกั ษะตา งๆ ในการปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรมตา งๆ ใหถ กู ตอ ง
เหมาะสม การรจู กั เลือกใชท ักษะตา งๆ ทเ่ี หมาะสมนอกจากจะเปนแนวทางในการสราง
ความสัมพันธในครอบครัวแลว ยงั สามารถนาํ มาปรับใชแกป ญ หาในชีวติ ประจําวันได

5๒

นกั เรียนควรรู ขอสอบเนน การคดิ
ขอ ใดเปน ส่งิ สาํ คัญท่ที าํ ใหชวี ติ ครอบครวั แตกแยก
1 ทักษะชวี ิต การมีทกั ษะชวี ิตตา งๆ จะทาํ ใหส ามารถเผชญิ สถานการณตา งๆ 1. ทรพั ยสนิ เงินทอง
ในชวี ิตประจาํ วันไดอ ยางมปี ระสทิ ธภิ าพ และสามารถที่จะปรับตวั ไดใ นอนาคต 2. การศกึ ษา
โดยทกั ษะชวี ิตทีส่ ําคญั เชน ทักษะการตัดสนิ ใจ ทกั ษะการแกปญ หา ทักษะการคิด 3. หนาทกี่ ารงาน
วเิ คราะห ทักษะการสื่อสาร เปนตน 4. ความไมเขาใจซึ่งกนั และกนั
วเิ คราะหค ําตอบ ครอบครวั ท่ีแตกแยก สวนใหญม ักเกดิ จาก
มมุ IT สาเหตุการทะเลาะวิวาท ความไมเ ขาใจซึ่งกนั และกัน ใชความ
รนุ แรง ซ่งึ สง ผลใหค รอบครวั ขาดความอบอุนและไมมคี วามสขุ
สามารถศกึ ษาเพิ่มเตมิ เกีย่ วกบั ทักษะชวี ติ ที่จะชว ยใหอ ยใู นสังคมไดอยางมี ตอบขอ 4.
ความสุข จากบทความ “เขา ใจใสใ จวัยรุน ” ไดจ าก http://www.factsforlifethai.
cf.mahidol.ac.th/teenager/support02.php

52 คมู ือครู

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

๒) องคประกอบของครอบครัว ครอบครัวเป็นสถาบันท่ีหล่อหลอมพฤติกรรมของ ใหนักเรียนรวมกันอภิปรายตอเรื่อง ปจจัยท่ีมี
อิทธิพลตอพฤติกรรมทางเพศของวัยรุนในปจจัย
บุคคล ครอบครวั ท่มี ีความสุข ต้ังอยบู่ นฐานขององคป์ ระกอบหลกั ๕ ดา้ น ได้แก ่ สังคมครอบครวั ดา นครอบครวั โดยครูและนักเรยี นคนอื่นๆ รวมกัน
สุขภาพครอบครวั เศรษฐกจิ ครอบครวั วัฒนธรรมครอบครัว และการเกอ้ื หนุนสังคม เสนอแนะเพมิ่ เตมิ และตง้ั คาํ ถามเพอื่ ใหไ ดข อ สรปุ ท่ี
ถูกตองรว มกนั
องค์ประกอบครอบครัว
• นกั เรียนคิดวา ฐานะทางเศรษฐกจิ ของ
สงั คม สุขภาพ เศรษฐกจิ วัฒนธรรม การเกอ้ื หนุน ครอบครัว มีผลตอพฤตกิ รรมทางเพศของ
ครอบครัว ครอบครวั ครอบครวั ครอบครวั สังคม วัยรุนอยา งไร
(แนวตอบ เนือ่ งจากรายไดเปนปจ จยั สาํ คญั
■ สมาชกิ ใน ■ สมาชกิ ใน ■ ท่ีพักอาศยั มี ■ สมาชิกใน ■ สมาชกิ ใน ของครอบครวั บางครอบครัวพอแม
ผูปกครอง ยากจน จึงตองดนิ้ รนหาเลยี้ งชพี
ครอบครัว ครอบครวั ดูแล สภาพแวดลอ้ ม ครอบครวั เขา้ รว่ ม ครอบครวั ทําใหไ มม เี วลาท่จี ะอบรมสั่งสอนบตุ รหรือ
คอยสอดสองพฤตกิ รรม)
ชว่ ยเหลือห่วงใย สุขภาพของ ทด่ี ีถกู สขุ ลกั ษณะ กิจกรรมตาม มจี ติ สาํ นกึ
• ลักษณะของครอบครวั ทดี่ คี วรมลี ักษณะ
กนั ใชเ้ วลาทํา ตนเองให้มี และปลอดภัย ประเพณ ี สาธารณะ โดย อยา งไร ทจี่ ะสงผลใหว ัยรุน มพี ฤตกิ รรม
ทางเพศท่ีเหมาะสม
กิจกรรมร่วมกัน สขุ ภาพดี ■ สมาชิกใน ศิลปวัฒนธรรม การบาํ เพ็ญตน (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคดิ เห็น
ไดอยางอสิ ระ โดยอาจตอบวา เปน ครอบครวั
และรว่ มกัน ■ ครอบครัว ครอบครวั ในท้องถนิ่ ให้เปนประโยชน์ ทีม่ คี วามอบอนุ ใหค วามรักความเอาใจใส
ซ่งึ กนั และกนั และเปนแบบอยา งที่ดี
รบั ผดิ ชอบภารกจิ มีหลกั ประกัน ประกอบอาชีพ ■ สมาชิกใน ตอ่ สังคม ใหแกบ ตุ รหลาน)

ในครอบครวั สขุ ภาพ สามารถ สจุ รติ และมี ครอบครัวทาํ ■ รักและหวงแหน

■ สมาชิกใน ไปรบั บริการ รายไดเ้ พยี งพอ กจิ กรรมเก่ยี วกบั ทรัพยากร

ครอบครัว สุขภาพตามสิทธิ รจู้ ักใชจ้ ่ายตาม การอนุรกั ษ์ ท้องถิ่นและ

ใชบ้ รกิ ารพนื้ ฐาน ความจําเปน พลงั งาน สาธารณสมบตั ิ

ด้านสุขภาพ ส่ิงแวดล้อม ของชุมชน

เพศวถิ ีศึกษา และวฒั นธรรม

อาชีพ และ

สาธารณูปโภค

ในชมุ ชน

■ สมาชกิ ใน

ครอบครัวได้รับ

การศกึ ษา

เทา่ เทยี มกนั

๓) การอบรมเล้ียงดูของครอบครัว ครอบครัวมีบทบาทหน้าท่ีในการอบรมเลี้ยงด ู

สง่ั สอนขดั เกลาบคุ คลในครอบครวั ใหด้ า� รงตนอยา่ งถกู ตอ้ งเหมาะสม โดยการปลกู ฝงั คา่ นยิ ม ทศั นคติ
ตอ่ พฤตกิ รรมตา่ งๆ รวมทงั้ พฤตกิ รรมทางเพศ บทบาททางเพศ ซงึ่ การอบรมเลยี้ งดขู องครอบครวั
มาจากปัจจัยตา่ งๆ ดังนี้

5๓

ขอ สอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู

ขอใดคือลักษณะของครอบครัวท่ีไมเปน ประชาธปิ ไตย ครคู วรสงเสรมิ ใหนกั เรียนเห็นความสาํ คญั ของครอบครวั เชน การสราง
1. สรา งระเบยี บของครอบครวั รว มกนั ความสมั พันธทีด่ ตี อกัน มนี ํ้าใจชว ยเหลือเก้อื กูลกนั เปน ตน เนือ่ งจากครอบครวั ท่ี
2. สมาชิกทุกคนรว มกนั แกไ ขปญ หา มคี วามสขุ มคี วามอบอนุ จะสง ผลใหนักเรียนมีพฤติกรรมตา งๆ รวมทั้งพฤติกรรม
3. ผูนาํ ครอบครวั เปนผูอ อกคาํ ส่ัง ทางเพศทีด่ ีและเหมาะสม
4. ฟง ความคดิ เห็นของสมาชิก
วิเคราะหค ําตอบ ลกั ษณะของครอบครัวทไ่ี มเปน ประชาธปิ ไตย คือ ผูน าํ
หรือหวั หนา ครอบครวั เปน ผูออกคําสง่ั ในทุกๆ เรื่อง โดยการกระทําดงั กลา ว
สง ผลใหส มาชกิ คนอนื่ ๆ ในครอบครวั ไมม สี ทิ ธใิ นการรว มเสนอแนะ หรือแสดง
ความคิดเหน็ แตอยางใดในเรอ่ื งที่เกย่ี วขอ งกับครอบครวั เพราะตองข้นึ อยูกบั
คาํ สง่ั หรือการตัดสินใจของบคุ คลท่เี ปน ผนู าํ ครอบครัวเพยี งอยา งเดียว

ตอบขอ 3.

คูมือครู 53

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขาาใจใจ ตรวจสอบผล
Explore Evaluate
Engage Explain Explain Expand

อธบิ ายความรู

ใหน ักเรยี นรวมกันอภิปรายตอเร่ือง ปจ จยั ท่มี ี ความสมั พนั ธในครอบครัว
อิทธพิ ลตอพฤตกิ รรมทางเพศของวัยรุน ในปจ จัย
ดา นครอบครวั โดยครูและนกั เรยี นคนอืน่ ๆ รว มกนั คานยิ มทางเพศของพอ แม หรอื ผปู กครอง
เสนอแนะเพม่ิ เติม และตั้งคาํ ถามเพื่อใหไ ดขอสรุปที่ มีผลตอคานิยมและพฤติกรรมทางเพศของบุตรหลาน การสงเสริมคานิยมทางเพศท่ีถูกตองใหแกบุตรหลาน
ถูกตองรว มกนั จึงเปนสิ่งท่ีสําคัญ เชน การใหความรูในเร่ืองเพศ จะชวยทําใหเด็กเกิดความเขาใจท่ีถูกตองและสามารถ
ประพฤติตนไดอยางเหมาะสม รวมทั้งปลูกฝงใหเกิดความเขาใจวาเรื่องเพศไมใชเรื่องท่ีนาอับอายสามารถ
• เพราะเหตใุ ดศาสนาจึงมีผลตอ การอบรม ปรกึ ษาผูใหญไ ด รูจักเคารพสิทธิความเสมอภาคและความเทาเทียมระหวางเพศ หลีกเล่ียงการมีเพศสัมพันธ
เล้ยี งดู กอ นวัยอันควร การรกั นวลสงวนตวั เปน ตน
(แนวตอบ เนอ่ื งจากการอบรมเล้ยี งดดู ว ย
แนวทางของศาสนา จะสงผลใหเ ปนคนดี ศาสนากับการอบรมเลยี้ งดู
และยงั เปน แนวทางในการดาํ รงชวี ิตทีถ่ ูกตอ ง ศาสนาเปนส่ิงที่ยึดเหน่ียวจิตใจ การอบรมเลี้ยงดูบุตรดวยแนวทางของศาสนา นอกจากจะทําใหเปนคนดีแลว
เหมาะสมในอนาคต เชน ความเชื่อในการ ยังใชเปนแนวทางในการดํารงชีวิตที่ถูกตองเหมาะสมในอนาคต เชน ความเช่ือในการทําความดี ละเวน
กระทาํ ความดีละเวน ความชัว่ การละเวน การ ความชวั่ การละเวนการลวงละเมิดทางเพศ การงดใชยาและสารเสพตดิ เพราะมโี อกาสเสยี่ งตอ การมพี ฤติกรรม
ลวงละเมดิ ทางเพศ การควบคมุ จิตใจและ ทางเพศท่ีไมเหมาะสม การควบคุมจิตใจและอารมณเม่ือมีอารมณทางเพศ เปนตน ซึ่งมักจะพบวาผูที่ยึดมั่น
อารมณเ มอื่ มอี ารมณท างเพศ เปน ตน) ในศาสนาจะเปนบุคคลท่ีมีสติ สามารถพิจารณาและวิเคราะหหนทางแกไขปญหาตางๆ อยางสุขุมรอบคอบ
และจะประสบความสําเร็จในชวี ิต

แบบแผนการอบรมเล้ยี งดู 1
ขยายความเขา ใจ ครอบครัวแตละครอบครัวมีแบบแผนการอบรมเลี้ยงดูที่แตกตางกัน การอบรมสั่งสอนท่ีเขมงวดและติดตาม
Expand ดเรูพ่ือฤงตเพิกศร2รไมมวใหัยรพุนูดจนหรูรสือึกกวาลถาูกวคถึวงใบนคคุมรมอาบกคจรนัวเกินกไาปรเขจมะงทวําดใหกัเบกบิดุตครวสาามวคมับาขกอกงวใจาบลําุตบราชกาใยจ เชน การปกปด
การไมใหคบหา
ใหนักเรียนเขียนเรียงความเร่ือง ครอบครัวที่มี เพอื่ นตา งเพศ เปน ตน แตถ าปลอ ยปละละเลยมากเกนิ ไปวยั รุนอาจไปกระทําในส่งิ ที่ไมเหมาะสมได
ความสุขของนักเรียน โดยแสดงใหเห็นถึงลักษณะ
ของครอบครัวท่ีมีความสุขวาเปนอยางไรท่ีจะสงผล ดงั นน้ั สมาชกิ ในครอบครวั ทกุ คนควรมกี าร
ใหน ักเรยี นมีพฤติกรรมทางเพศที่เหมาะสม พูดคยุ กนั สร้างความสัมพนั ธท์ ดี่ ตี ่อกนั และมี
ความไวว้ างใจซึ่งกนั และกัน
ครอบครัวเป็นสถาบันทางสังคมท่ีสําคัญในการอบรม
เล้ียงดูและขัดเกลาให้สมาชิกในครอบครัวดํารงตน ๓.๓ ปจ จัยดานเพ่ือน
อย่างเหมาะสม
เพ่ือนมีความส�าคัญและมีอิทธิพล
5๔ ต่อวัยรุ่นมาก การท่ีวัยรุ่นสามารถสร้างความ
สัมพันธ์อันดีกับเพื่อนวัยเดียวกันได้ท้ังเพศ
เดียวกันและเพื่อนต่างเพศ ถือว่าเป็นส่ิงดี
หากประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ นไดอ้ ยา่ งเหมาะสม จะเหน็
ได้ว่าเม่ือเข้าสู่วัยรุ่น วัยรุ่นจะมีการคบเพื่อน
จบั กลมุ่ กนั ท�าตาม หรอื เลียนแบบกนั ปกปอ้ ง
เพ่อื น ซ่ึงไมถ่ อื ว่าเปน็ เรอื่ งผดิ ปกติ แตใ่ นการ

นักเรยี นควรรู ขอ สอบเนน การคดิ
พอแม ผปู กครอง ควรอบรมเลยี้ งดูบตุ รหลานอยา งไร เพ่ือให
1 การอบรมสง่ั สอนทเี่ ขม งวด การเลย้ี งบตุ รหลานในลกั ษณะนจี้ ะสง ผลใหบ ตุ รหลาน บตุ รหลานมพี ฤติกรรมทางเพศทเี่ หมาะสม
เปน คนกา วรา วขาดความเชอื่ มนั่ ในตวั เองตอ งคอยรบั ฟง คาํ สง่ั จากผอู นื่ กอ นขาดความคดิ แนวตอบ พอ แมค วรเปน แบบอยา งทดี่ ใี หแ กบ ตุ รหลาน โดยเฉพาะ
ริเร่มิ สรา งสรรค ซึ่งสิง่ เหลานจ้ี ะบนั่ ทอนความกา วหนา ในอนาคตของบุตรหลานได พฤตกิ รรมทางเพศ ซง่ึ จะสงผลใหบุตรหลานเกดิ การเลยี นแบบ
2 การปกปดเรื่องเพศ พอแม ผปู กครอง ไมควรปกปด เรอ่ื งเพศกับบตุ รหลาน พฤติกรรมของพอแม ผูป กครองในทางทเ่ี หมาะสม ไมค วรปกปด
แตควรท่จี ะปลูกฝง ทัศนคตทิ ี่ดีทถ่ี ูกตองในเร่ืองเพศใหก ับบตุ รหลาน เชน การสราง เรื่องเพศ ใหค วามรักความเอาใจใสแ กบ ตุ รหลานดว ยความ
ทศั นคติทด่ี ีตอเพศตรงขา ม การใหความรเู ก่ยี วกับเพศวถิ ศี กึ ษาในการปองกนั ตนเอง ทะนถุ นอม พดู คยุ ปรบั ความเขา ใจกนั และไมใชความรุนแรง
ไมใหม เี พศสัมพันธกอ นวยั อันควร เปน ตน ซ่ึงนําไปสูก ารเกิดผลกระทบตางๆ ตามมา
ไดแ ก การตั้งครรภไ มพึงประสงค โรคติดตอทางเพศสัมพนั ธ และการมีบทบาท
หนาที่เปนพอ แม

54 คมู ือครู

กระตุนความสนใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Expand Evaluate
Explore Explain Explore
สาํ รวจคน หา

คบเพื่อน ตอ้ งคบกนั ในทางท่สี รา้ งสรรค์ และหากพบเหน็ พฤติกรรมทไี่ ม่ถูกตอ้ งกค็ วรท่จี ะวา่ กล่าว ใหน ักเรยี นศึกษาเร่อื ง ปจ จัยทม่ี ีอิทธิพล
ตักเตือนกัน ซึ่งจะช่วยให้ปลอดภัยจากปัญหาต่างๆ และมีอนาคตที่ดีได้ เพ่ือนจึงมีอิทธิพลต่อ ตอพฤติกรรมทางเพศของวัยรุน ในปจ จัยดาน
พฤตกิ รรมทางเพศ ดงั น้ี เพื่อนและปจจัยดา นสังคมและวฒั นธรรม
จากหนังสือเรียน เพื่อเตรยี มอภปิ ราย

ความสัมพันธร ะหวา งเพื่อนเพศเดียวกนั วยั รนุ จะคบเพอ่ื นอยใู นรนุ ราวคราวเดยี วกนั มที ศั นคติ อธบิ ายความรู Explain

คานิยมท่ีเหมือนกัน การตองการใหเปนท่ียอมรับ ใหนกั เรียนรวมกนั อภิปรายเรือ่ ง ปจ จัยทม่ี ี
การกลัวเพื่อนทอดท้ิงไมใหรวมกลุม ทําใหวัยรุนตอง อิทธพิ ลตอ พฤตกิ รรมทางเพศของวยั รนุ ในปจจัย
ยอมรับและปรับตวั ดวยอทิ ธิพลดังกลาวมผี ลตอการ ดา นเพอื่ นและปจ จยั ดานสงั คมและวฒั นธรรม โดย
แสดงพฤติกรรมโดยการแสดงกิริยาทาทาง การพูด ครแู ละนกั เรียนคนอื่นๆ รว มกนั เสนอแนะเพมิ่ เตมิ
ความคิด คานิยมตางๆ การเลียนแบบกันเพื่อเปน และต้ังคาํ ถามเพือ่ ใหไดขอ สรปุ ท่ถี ูกตองรว มกัน
เอกลักษณของกลุม การสรางจุดเดนของตนเองและ
กลุม ความสัมพันธระหวางเพื่อนมีผลตอพฤติกรรม • เพราะเหตุใดเพือ่ นจงึ มคี วามสาํ คัญกบั วัยรนุ
ทางเพศตางๆ ได เชน การรวมตวั กันด่ืมสรุ า การใช มากทสี่ ุด
การคบเพ่ือนและชกั ชวนกันทํากจิ กรรมร่วมกัน สารเสพตดิ แลว กอ ปญ หาอาชญากรรมทางเพศโดยลว ง (แนวตอบ เมอ่ื เรมิ่ เขาสวู ยั รุน เพ่ือนจะมี
เชน่ การเลน่ กีฬา การเล่นดนตรี จะชว่ ยใหเ้ กิด ละเมิดทางเพศ เปน ตน อทิ ธิพลตอ วัยรนุ มาก วยั รนุ จงึ สามารถสราง
ความสัมพนั ธท์ ่ดี ีตอ่ กนั ความสมั พันธอ ันดีกบั เพื่อนในวยั เดียวกัน
ไดท ้งั เพศเดยี วกันและเพื่อนตางเพศ
ความสมั พันธระหวา งเพื่อนตา งเพศ วัยรุนมักจะมีความวิตกกังวลตอการคบเพ่ือน เพราะเพื่อนจะเขา ใจความตอ งการของ
ตางเพศ ความสัมพันธระหวางเพ่ือนตางเพศมีทั้ง วัยรุนไดดที ส่ี ดุ )
การคบเพ่ือนตา่ งเพศ ทั้งสองฝา ยควรใหเ้ กียรติ คบหาเปน เพื่อนฝงู ชอบพอกนั ในฐานะเพ่ือน และการ
ซ่ึงกนั และกนั และวางตัวอย่างเหมาะสม คบหาชอบพอกนั ในฐานะคนรัก จงึ เปนความสัมพันธ • การคบเพอ่ื นตา งเพศ นกั เรยี นคดิ วา เปน สงิ่
ทส่ี าํ คญั มากทสี่ ดุ ในวยั รนุ การรจู กั วางตวั การรจู กั เหน็ ทผ่ี ิดหรือไม เพราะเหตุใด
คุณคาในตนเอง ความเห็นอกเห็นใจผูอ่ืน ตลอดจน (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น
การสรา งสมั พนั ธภาพทดี่ ี จะสามารถชว ยในการแกไ ข ไดอ ยางอสิ ระ โดยอาจตอบวา ไมเปนส่งิ ทผ่ี ดิ
ปไดญ หเาชนแลกะาปรอไงมกคันิดตนลเวองงลใะนเเมรื่อิดงทพาฤงตเพิกรศรดมวทยาวงเาพจศา1 หากวัยรุน รูจักการวางตัวทีเ่ หมาะสม)
การจบั เนอ้ื ตองตัว เปน ตน

๓.๔ ปจจยั ดา นสังคมและวฒั นธรรม

สงั คมถอื เปน็ แหลง่ ความร ู้ในทกุ ดา้ น วยั รนุ่ มกั แสวงหาสงั คมทตี่ นเองชอบและมอี ดุ มคติ
เหมอื นๆ กนั ปัจจัยดา้ นสงั คมและวฒั นธรรมทส่ี ่งผลตอ่ พฤติกรรมทางเพศของวยั รุน่ มดี ังน ้ี

55

ขอ สอบเนน การคิด นกั เรยี นควรรู

ขอ ใดเปนการวางตวั ตอเพศตรงขามท่ีเหมาะสมทส่ี ดุ 1 ลว งละเมิดทางเพศดว ยวาจา การกระทาํ อนาจารตอบคุ คลอ่นื ดวยคําพูดเพอ่ื
1. พูดคยุ เทา ทีจ่ ําเปน เทา น้นั ตอบสนองความพงึ พอใจของตนเองในเรอ่ื งเพศ เชน พดู จาเกีย้ วพาราสี พดู สองแง
2. ไมพ ูดคยุ กับเพ่ือนเพศตรงขา ม สองงา มในเรื่องเพศ ใชคําพดู เพ่อื กระตุนอารมณท างเพศ เปน ตน
3. ไมอยูสองตอสองกับเพื่อนเพศตรงขาม
4. ปฏิบัตติ นเหมือนเพศเดยี วกนั มมุ IT
วิเคราะหค าํ ตอบ การวางตัวตอเพศตรงขา มที่เหมาะสมทีส่ ุด คอื
การไมอ ยสู องตอสองกบั เพอื่ นตางเพศ เพอ่ื ลดพฤตกิ รรมเสย่ี งในเรอ่ื งเพศ ศึกษาเพิ่มเติมเกยี่ วกบั วัยรุนกับการคบเพอื่ นจากบทความ “วยั รุน วนุ ๆ กับ
เพอื่ น” ไดจาก http://www.elib-online.com/doctors/mental_friend.html
ตา งๆ ได เชน การมเี พศสมั พนั ธก นั เปน ตน ตอบขอ 3.

คมู อื ครู 55

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain

อธบิ ายความรู

ใหนักเรียนรวมกันอภิปรายตอเรื่อง ปจจัยท่ีมี ๑) กลมุ่ เพอ่ื น เพอื่ นเปน็ กลมุ่ บรรทดั ฐานทางสงั คมทสี่ า� คญั ตอ่ วยั รนุ่ และมอี ทิ ธพิ ลตอ่
อทิ ธพิ ลตอ พฤตกิ รรมทางเพศของวยั รนุ ในปจ จยั ดา น
เพอ่ื นและปจ จยั ดา นสงั คมและวฒั นธรรม โดยครแู ละ วยั รุ่นเป็นอยา่ งมาก โดยกลมุ่ เพื่อนในวัยรนุ่ จะเป็นกา� ลังใจทสี่ า� คัญยิ่ง เพราะเพือ่ นเป็นผู้ท่ีมีความ
นกั เรยี นคนอน่ื ๆ รว มกนั เสนอแนะเพม่ิ เติม และตัง้ สา� คญั ตอ่ ชวี ติ และจติ ใจ วยั รนุ่ จงึ มกั จะชอบอยกู่ บั เพอ่ื น ปรกึ ษาเพอ่ื น และตอ้ งการใหเ้ พอ่ื นยอมรบั
คําถามเพอ่ื ใหไ ดขอ สรุปทีถ่ ูกตอ งรว มกัน ถ้าวัยรุน่ คบเพอ่ื นดยี อ่ มสง่ ผลใหม้ พี ฤติกรรมทางเพศท่ีดี แตถ่ า้ หากคบเพ่อื นท่ไี มด่ ีอาจน�าไปสูก่ าร
กระท�าทีผ่ ดิ พลาด และอาจมพี ฤติกรรมทางเพศทไี่ ม่เหมาะสมได้
• สงั คมไทยใหความสําคญั กับพฤตกิ รรม
ทางเพศของวัยรุนในเรอ่ื งใดบาง ๒) ฐานะทางเศรษฐกิจ เศรษฐกิจเป็นปัจจัยท่ีส�าคัญต่อการด�ารงชีวิตของวัยรุ่นและ
(แนวตอบ เชน การใหเกียรตซิ ึ่งกันและกนั
ความเทา เทียมระหวา งเพศ การไมส าํ สอ น ครอบครัวของวัยรุ่น ซึง่ อาจส่งผลกระทบตอ่ ปญั หาตา่ งๆ ได ้ เช่น
ทางเพศ เปน ตน) ■ ฐานะทางเศรษฐกจิ ไมด่ ี จงึ ตอ้ งเชา่ ทพ่ี กั อาศยั อยรู่ ว่ มกนั หลายคน โดยตอ้ งเฉลยี่

• วัฒนธรรมมีสวนเก่ยี วขอ งอยางไรกับ เงินคา่ เชา่ ที่พักร่วมกัน เพือ่ เปน็ การประหยัดค่าใช้จ่าย
พฤตกิ รรมทางเพศ ■ รายไดข้ องครอบครัวไมเ่ พยี งพอ จงึ ต้องท�างานพิเศษ เพอ่ื หารายไดม้ าเลีย้ งชีพ
(แนวตอบ เปนสง่ิ ทีก่ าํ หนดความเชอ่ื คานิยม
ของบคุ คลในสงั คมนัน้ ๆ ซง่ึ มีผลตอ ของตนเองและครอบครัว และเป็นการลดภาระการส่งเงนิ ค่าเล่าเรียน
พฤติกรรมทางเพศ)
๓) บรรทดั ฐานทางสงั คมและวฒั นธรรม เปน็ ตวั กา� หนดความเชอ่ื คา่ นยิ มของบคุ คล
• ปจ จัยดานสังคมและวัฒนธรรมทสี่ งผลตอ
พฤติกรรมทางเพศของวัยรุน มีอะไรบาง ในสังคมนั้น ๆ ในสังคมไทยก็เช่นเดียวกัน ซงึ่ สงิ่ เหลา่ นี้มผี ลตอ่ การแส1ดงพฤตกิ รรมทางเพศ เช่น
(แนวตอบ ไดแก กลุมเพอ่ื น ฐานะทาง ■ วัฒนธรรมไทยใหค้ วามสา� คญั กับการรักนวลสงวนตัว
เศรษฐกจิ และการเมอื ง บรรทดั ฐานทางสงั คม ■ ไมค่ วรอยใู่ กลช้ ิดกนั จนเกนิ งามและการไม่สัมผสั ถกู เนือ้ ตอ้ งตวั กนั
และวฒั นธรรม สถานบนั เทิง และสอ่ื มวลชน) ■ การมเี พศสัมพนั ธ์ทยี่ ังไมพ่ ร้อม

วยั รนุ่ ควรเลือกบรโิ ภคสอื่ ท่มี ีเน้อื หาสรา้ งสรรค์

56

นกั เรียนควรรู ขอ สอบเนน การคิด
วัฒนธรรมใดของชาวตะวนั ตก ทีว่ ัยรุนในสงั คมไทยไมค วรนาํ มา
1 การรกั นวลสงวนตัว เปนการวางตวั หรือสรา งสัมพันธภาพท่ีเหมาะสมตอกัน เปนแบบอยา งในการดาํ เนนิ ชีวิต
เชน ผูห ญิงไมควรเปดโอกาส หรืออยูใ กลช ิดกับผูช ายมากเกนิ ขอบเขต ไมใชคําพูด 1. สนิทสนมกับเพื่อนตางเพศ
ท่ีสอไปในเชงิ ชสู าว หรือย่วั ยุทางเพศ และไมปลอ ยใหม ีการจับมือถือแขนหรือ 2. การกอดจูบในทีส่ าธารณะ
โอบกอดกนั ทัง้ ในทีร่ โหฐาน หรอื ตอหนาสาธารณะชน ซง่ึ พฤติกรรมตา งๆ เหลา นี้ 3. การคบเพอ่ื นตา งเพศ
นอกจากจะเปนการปองกนั ไมใหเกดิ การมเี พศสมั พนั ธก อนวยั อนั ควรแลว ยงั เปน 4. การเทย่ี วกลางคืน
การสรา งเกียรติและสรา งคณุ คาใหก ับตวั เองอีกดวย วิเคราะหค าํ ตอบ การกอดจบู ในที่สาธารณะ เปน สิ่งท่ีสงั คมไทย
ไมใหก ารยอมรับเนื่องจากเปน การแสดงออกถงึ การมีพฤตกิ รรม
ทางเพศท่ไี มเ หมาะสม ตอบขอ 2.

56 คูมือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

๔) ส่ือมวลชน สื่อมวลชนมีอิทธิพลต่อกระแสความคิดและทิศทางความเคล่ือนไหว ใหนักเรียนรวมกันอภิปรายตอเร่ือง ปจจัยที่มี
อิทธิพลตอพฤติกรรมทางเพศของวัยรุนในปจจัย
ของสังคม สอ่ื มีทง้ั คุณและโทษ การรจู้ กั เลือกบริโภคส่ือท่ดี ีจึงเปน็ สิ่งส�าคญั ของวัยรุ่น อิทธิพลของ ดานเพือ่ นและปจ จยั ดา นสงั คมและวฒั นธรรม โดย
สอื่ ทีม่ ผี ลตอ่ พฤตกิ รรมทางเพศ มีดงั น้ี ครูและนักเรียนคนอื่นๆ รวมกันเสนอแนะเพ่ิมเติม
และต้ังคาํ ถามเพอ่ื ใหไดขอ สรุปทถี่ ูกตองรว มกนั
สื่อมวลชน
• ส่ือมวลชนตา งๆ มอี ทิ ธิพลตอวยั รุนอยา งไร
สื่อสิง่ พมิ พ สื่อส่ิงพิมพเปนส่ือที่มีอิทธิพลตอวัยรุน เชน ภาพท่ีแสดงใหเห็นถึงสรีระ (แนวตอบ เนอื่ งจากสอื่ ตา งๆ สามารถเขา ถงึ
รางกายท่ีเปดเผยของมนุษย มีโฆษณาที่ย่ัวยุ ภาพการแตงกายท้ังที่ ไดง า ย วัยรุนจึงสามารถที่จะบริโภคส่ือ
เหมาะสมและไมเหมาะสม หรอื หนังสือ วารสาร นิตยสาร หรือการตูน เหลา นน้ั ไดท กุ เมื่อทีต่ อ งการ ซง่ึ อาจมที งั้ คณุ
ท่ีมีเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องเพศ ซึ่งหากวัยรุนรูจักเลือกรับสื่อที่เหมาะสม และโทษ ดงั น้ันจึงควรที่จะรูจ ักเลอื กบริโภค
ก็ยอมสงผลใหม พี ฤติกรรมทางเพศที่ดไี ด สอ่ื ท่ดี แี ละเหมาะสม)
ส่อื ละคร ภาพยนตร
ละครและภาพยนตรในปจจุบันมักมุงเนนการผลิตเพ่ือการคา โดยเสนอ • ส่อื ทีม่ อี ทิ ธพิ ลตอพฤตกิ รรมทางเพศของ
เนื้อหาท่ีเนนความบันเทิงและสรางสรรค แตในขณะเดียวกัน อาจมีการ วยั รนุ น้ัน มีอะไรบา ง
คนวําาเสมนรักอกากราใรชแคสวดางมครวุนามแรรกังทอยาางเงพเปศดเผกยา2รแหสรดืองกอาอรแกตดงากนาเยนไื้อมหเหาใมนาเะรสื่อมง (แนวตอบ ไดแก ส่อื สงิ่ พิมพ สอ่ื ละคร
ซ่ึงอาจเปนเร่ืองปกติของการแสดง แตอาจกลายเปนคานิยมท่ีมีผลตอ ภาพยนตร และอปุ กรณส ื่อสาร)
วัยรุน ในการทําตามแบบอยางดารา หรอื บคุ คลที่ตนเองชื่นชอบ
• สอื่ ใดทมี่ ุงเนน การแสดงออกดา นเน้อื หาใน
สือ่ อุปกรณส อ่ื สาร เรือ่ งของการแสดงความรักอยา งเปด เผย
อปุ กรณส อ่ื สารในโลกไรพ รมแดน ปจ จบุ นั มมี ากมายทนั สมยั รวดเรว็ และมี ซึง่ วยั รุน สามารถเลยี นแบบพฤตกิ รรม
ประสิทธภิ าพ ตางๆ ได
(แนวตอบ สือ่ ละคร ภาพยนตร ซึง่ ปจ จุบนั มี
สือ่ อนิ เทอรเ น็ต โทรศัพทเ คลือ่ นที่ การนาํ เสนอในรปู แบบดงั กลา วคอ นขางมาก
เปนส่ือเทคโนโลยีประเภทหนึ่ง เปน อปุ กรณส อ่ื สารอกี ประเภทหนง่ึ เชน การกอดจูบ การขม ขนื เปนตน )
ที่ไดรับความนิยม เพราะมีการ ท่ีมีความกาวหนาทันสมัย หาซื้อ
เขา ถงึ ไดอ ยา งรวดเรว็ ในการคน หา ไดงาย สะดวกรวดเร็ว ใชใ นการ
ขอมูล การติดตอสื่อสาร หรือ สืบคนหาความรู พูดคุยกับเพ่ือน
การหาเพื่อน แตปญหาจากการ หรอื บคุ คลตา งๆ ดว ยการพดู คยุ กนั
ใชส อื่ อนิ เทอรเ นต็ กอ็ าจกลายเปน ทางวาจาหรอื การแชตคยุ กนั ซงึ่ หาก
ปญ หาสงั คมไดห ากไมร จู กั การใช วยั รนุ รจู กั ใชอ ยา งถกู ตอ งเหมาะสม
อยา งระมดั ระวงั และรเู ทา ทนั เชน ก็จะสามารถชวยใหมีพฤติกรรม
อาจเสย่ี งตอ การถกู ลอ ลวง เปน ตน ทางเพศท่เี หมาะสมได
หรือชกั ชวนใหม ีเพศสมั พันธกัน

5๗

ขอสอบเนน การคิด นกั เรียนควรรู

นกั เรียนคิดวาปจจุบนั มีการนําเครอื ขายทางสังคมตางๆ มาใชอยา ง 1 การแสดงความรักอยางเปด เผย เปน วฒั นธรรมของชาติตะวันตกทมี่ ีผลตอ
เหมาะสมหรือไม และมกี ารนํามาใชอยางไร จงยกตวั อยาง วยั รนุ ไทย โดยวยั รนุ จะเกดิ การเลยี นแบบพฤตกิ รรมดงั กลา วอยา งเปด เผยในทส่ี าธารณะ
แนวตอบ สว นใหญจ ะมกี ารนํามาใชในทางที่ไมเ หมาะสม เชน Facebook เชน การเดินโอบกอด การทกั ทายดว ยการจูบ เปนตน ส่ิงเหลานี้ยอมสงผลให
เปน เครอื ขายทางสงั คมที่ทําใหส ามารถตดิ ตอสอ่ื สารกบั ผใู ช Facebook วัยรนุ หญงิ มีคา นยิ มของการรักนวลสงวนตวั ที่เปลยี่ นแปลงไปจากเดิม
คนอนื่ ๆ ซงึ่ บางคนนาํ มาใชใ นทางทผี่ ดิ จนอาจทาํ ใหเ กดิ ผลเสยี อน่ื ๆ ตามมาได

คูมอื ครู 57

กระตุนความสนใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain

สาํ รวจคน หา Explore

ใหนักเรยี นศกึ ษาเรอื่ ง แนวทางการปอ งกนั ๔. แนวทางการปองกันความเส่ียงตอการมีพฤติกรรมทางเพศ
ความเสยี่ งตอ การมพี ฤตกิ รรมทางเพศทไี่ มเ หมาะสม
จากหนังสอื เรียน และแหลง เรียนรอู นื่ ๆ เพ่ิมเตมิ ทไ่ี มเ หมาะสม

อธบิ ายความรู Explain ความเส่ียงต่อการมีพฤติกรรมทางเพศที่

ไม่เหมาะสม ยอ่ มก่อให้เกิดผลกระทบต่อวยั รนุ่

ใหนกั เรยี นรว มกนั เสนอแนวทางปองกนั ความ ในดา้ นตา่ งๆ ได ้ ทง้ั ทางดา้ นรา่ งกาย จติ ใจ อารมณ์
เส่ียงตอการมพี ฤตกิ รรมทางเพศท่ไี มเหมาะสม
จากนั้นครเู สนอแนะเพ่มิ เติม และตงั้ คาํ ถามเพือ่ นาํ และสังคม เพื่อเป็นการป้องกันความเส่ียงต่อ
ไปสขู อ สรุปทถี่ ูกตอ งรว มกนั
การมีพฤติกรรมทางเพศที่ไม่เหมาะสมควรหา
• แนวทางการปอ งกนั ความเสี่ยงตอการมี
พฤตกิ รรมทางเพศทไ่ี มเ หมาะสมของวยั รนุ แนวทางป้องกนั ดงั น้ี
มอี ะไรบาง ๑) การใช้ชีวิตในสังคมสมัยใหม่อย่าง
(แนวตอบ ไดแ ก การเลอื กบรโิ ภคสอื่ ทเ่ี หมาะสม รู้เท่าทัน ควรเปดโอกาสให้วัยรุ่นได้เรียนรู้
ไมเ ปด โอกาสใหผูอ ่นื เขามาใกลช ิด หลีกเล่ยี ง คา่ นยิ มและพฤตกิ รรมทางเพศจากหลากหลาย
การใชส ารเสพติดทุกชนิด การดูส่ือลามก
และทํากิจกรรมตางๆ ทเ่ี ปน ประโยชนต อ การค้นคว้าขอ้ มูลจากอนิ เทอร์เน็ต เป็นวธิ เี พม่ิ พนู ความรู้ วัฒนธรรมผ่านกิจกรรมและส่ือต่าง ๆ ในชีวิต
สังคม) ใหก้ ับวยั รนุ่ ได้ ประจ�าวัน ให้วัยรุ่นได้ทบทวน หรือตรวจสอบ

ความคิด ความเช่ือในเร่อื งเพศทห่ี ลากหลายอยา่ งเปด กวา้ ง วัยรนุ่ ก็จะสามารถดแู ลตนเองตามวิถี

ทางเพศท่ีตนเลือกได้
๒) ตนเอง มีความส�าคัญต่อการป้องกันความเส่ียงต่อการมีพฤติกรรมทางเพศท่ี
ไม่เหมาะสม โดยมีแนวทางปฏิบัติในการปอ้ งกัน ดังน้ี

๑. การฝกทักษะควบคุม และ

การจัดการอารมณ์รวมถึงความคิดของตนเอง

โดยไม่หมกหมุ่นอยู่กับเรื่องเพศมากจนเกินไป

ควรเลือกกิจกรรมอน่ื ๆ ที่มปี ระโยชนท์ ้งั ตนเอง

และผอู้ น่ื เชน่ การเลน่ กฬี า การเปน็ จติ อาสาให้

กบั โรงเรยี นและองคก์ รต่างๆ เป็นต้น

๒. แตง่ กายใหเ้ รยี บรอ้ ย ถกู ตอ้ ง

ตามโอกาสและกาลเทศะ

๓. ควรยึดถือปฏิบัติว่า “ไมรับ

การเป็นจิตอาสานอกจากจะเป็นการใช้เวลาให้เกิด ไมท ดลอง ไมใ ช” สารเคมกี ระตนุ้ อารมณท์ างเพศ
ประโยชนแ์ ลว้ ยงั เป็นการสร้างประโยชนใ์ ห้กับผอู้ นื่ ด้วย ทกุ ชนดิ เพราะอาจทา� ใหข้ าดสต ิ หรอื หมดสตไิ ด้

5๘

เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิด
ขอ ใดคือแนวทางปองกนั ความเสีย่ งตอการมีพฤติกรรมทางเพศท่ี
ครคู วรแนะนาํ กจิ กรรมตา งๆ ทกี่ อ ใหเ กดิ ประโยชนก บั นกั เรยี น เพอ่ื ลดพฤตกิ รรม เหมาะสมทสี่ ุด
ทางเพศทไ่ี มเ หมาะสม เชน การเลน กฬี าหรอื กจิ กรรมนนั ทนาการตา งๆ ทต่ี นชน่ื ชอบ 1. ดูส่อื ยว่ั ยุอารมณทางเพศ
การชว ยเหลือและบําเพญ็ ประโยชนแ กส าธารณะ เปนตน 2. เที่ยวแหลงสถานบนั เทิงตางๆ
3. ทํากิจกรรมตา งๆ ทเี่ ปน ประโยชน
4. สนทิ สนมกบั เพศตรงขา มจนเกนิ งาม
วิเคราะหค าํ ตอบ การทาํ กิจกรรมตางๆ เชน การบําเพญ็ ประโยชน
ตอ สงั คมและชมุ ชน เปน ตน จะชว ยลดแรงกระตนุ ในเรอื่ งเพศ สง เสรมิ
และควบคมุ การแสดงออกพฤตกิ รรมทางเพศทเี่ หมาะสมไดเนอื่ งจาก
ไมม เี วลาวางทจ่ี ะคิดหมกมุน ในเรือ่ งเพศ และกจิ กรรมดงั กลา วไมม ี
สงิ่ เรา ที่เปนตวั กระตนุ ใหเกิดอารมณทางเพศ ตอบขอ 3.

58 คมู ือครู

กระตุน ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

๔. การเหน็ คณุ คา่ ในตนเองตอ่ พฤตกิ รรมทางเพศ เชน่ การยอมรบั สถานะทางเพศ ครตู ัง้ คําถามเพือ่ กระตนุ การเรียนรขู อง
ของตนและผอู้ ืน่ โดยการแสดงพฤตกิ รรมทเี่ หมาะสม เปน็ ต้น นักเรียน
การป ้องก นั โ รคแ๕ล. ะกโราครตศิดึกตษ่อาทหาางคเวพาศมสรมั ู้เพก่ียนั วธก์ สับขุ เรอ่ือนงาเมพยั ศท าเงชเ่พน ศ1 พเปฤต็นิกตร้นร มเพทราางะเคพวศาทมี่เรหูเ้ รมอ่ื างะเพสมศ
จะเป็นแนวทางในการป้องกันพฤติกรรมทางเพศท่ีไม่เหมาะสมได้ • ยกตวั อยา ง วฒั นธรรมและคานยิ มทางเพศ
ของสงั คมไทยทสี่ ามารถปองกนั ความเสี่ยง
๓) สงิ่ แวดลอ้ ม นบั เปน็ อกี ปจั จยั หนง่ึ ทอ่ี าจกอ่ ใหเ้ กดิ พฤตกิ รรมทางเพศทไ่ี มเ่ หมาะสม ตอพฤติกรรมทางเพศ
(แนวตอบ เชน การรักนวลสงวนตวั
ซ ง่ึ แน วทา งก าร๑ป.้อ งสกรัน้างคสวัมามพเันสธี่ยภงตาพอ่ กทา่ีดรีรมะพีหวฤ่าตงิกสรมรามชทิกาใงนเพครศอทบีไ่ คมรเ่ หัว มดา้วะสยมกามร ี ทด�าังกนิจ้ี กรรมร่วมกัน2 ไมแสดงออกเรือ่ งเพศเกินงาม ใหเ กียรติ
โดยจะท�าให้เกิดความรัก ความไว้วางใจซ่ึงกันและกัน ซ่ึงนักเรียนสามารถเรียนรู้เรื่องพฤติกรรม ซึ่งกนั และกนั ไมลว งเกินดว ยการถูกเน้ือ
ทางเพศท่ีเหมาะสมได้จากครอบครัว เพราะครอบครัวนับเป็นพื้นฐานทางพฤติกรรมที่เหมาะสม ตอ งตวั กัน เปนตน )
ของนกั เรยี น
๒. เลอื กคบเพ่อื นท่ดี ี ไมน่ �าพาไปในทางอบายมขุ • นกั เรยี นมวี ธิ ีปองกันความเสยี่ งตอ การมี
๓. หลีกเล่ียงสถานที่ท่ีอาจก่อให้เกิดอันตรายทางเพศ เช่น การอยู่ในท่ีลับตาคน พฤติกรรมทางเพศไมเ หมาะสมอยา งไรบา ง
การไปคา้ งคนื กบั เพ่ือนโดยไมบ่ อกพ่อแม่ ครอู าจารย ์ หรือไมม่ ีผใู้ หญค่ อยดแู ล เปน็ ต้น (แนวตอบ เชน แตง กายใหรัดกุม ไมรดั รปู
๔. ฝก การใชท้ กั ษะตา่ งๆ เชน่ ทกั ษะปฏเิ สธ ทกั ษะการตอ่ รอง ทกั ษะการปอ้ งกนั ตวั จนเกนิ ไป หลีกเลยี่ งการเที่ยวสถานบนั เทงิ
เปน็ ตน้ ตางๆ ไมใชสารเคมีกระตุนอารมณท างเพศ
๕. เลือกบรโิ ภคสอื่ ทเ่ี หมาะสมกบั ตนเอง โดยการศึกษาข้อดี ข้อเสียของการใชส้ อื่ เปน ตน)
แต่ละประเภท และควรคา� นงึ ถงึ ความปลอดภยั ในการใชส้ ือ่
๖. ระมดั ระวงั และหลกี เลย่ี งการดสู อ่ื ลามกทกุ ประเภท เพราะเปน็ การกระตนุ้ อารมณ์ • ลกั ษณะของสิ่งแวดลอ มที่ดีในการปอ งกัน
ทางเพศได้ ความเส่ยี งตอ การมพี ฤตกิ รรมทางเพศที่
ไมเหมาะสม ควรเปนอยางไรบาง
(แนวตอบ เชน สรา งสัมพันธภาพที่ดรี ะหวา ง
สมาชิกในครอบครวั เลอื กคบเพือ่ นท่ดี ี
หลีกเลี่ยงการดสู อ่ื ลามก เปนตน )

วยั รนุ่ ควรนาํ อนิ เทอร์เนต็ ไปใช้ในทางที่เหมาะสม เพือ่ กอ่ ใหเ้ กิดประโยชน์ตอ่ การดําเนนิ ชีวิตมากท่ีสดุ

5๙

ขอสอบเนน การคดิ นักเรยี นควรรู

บคุ คลใดสามารถสรา งสัมพันธภาพท่ีดีกับบคุ คลในครอบครัว เพ่อื ปอ งกัน 1 สขุ อนามยั ทางเพศ คือ การดแู ลรักษาสุขอนามัยของอวยั วะเพศ ซง่ึ นบั ไดว า มี
ความเสย่ี งตอการมีพฤติกรรมทางเพศไดอ ยางเหมาะสมทสี่ ดุ ความสําคัญมากทจี่ ะทาํ ใหอวยั วะสว นน้ีมีความสะอาด และปราศจากเช้อื โรคตา งๆ
โดยการดูแลรกั ษาสขุ อนามยั ทางเพศนั้นมปี จ จัยทส่ี าํ คัญอยู 3 ประการ คอื
1. บคุ คลที่พูดจาสภุ าพ
2. บคุ คลทม่ี ีภาวะซึมเศรา 1. การรักษาความสะอาดอวยั วะเพศตนเองอยางถกู ตอง
3. บคุ คลที่ไมรับฟงเหตผุ ล 2. การรจู ักหลีกเลี่ยงการกระทบกระแทก การบอบชํ้า และการตดิ เช้ือจาก
4. บุคคลที่ไมเ คารพกฎกตกิ าในครอบครวั อวัยวะเพศ
วเิ คราะหค าํ ตอบ การพดู จาอยา งสภุ าพออ นหวาน เปน การสรา งสมั พนั ธภาพ 3. การรจู ักสงั เกตความผิดปกติของอวัยวะสบื พันธขุ องตนเองต้ังแตร ะยะ
ทีด่ อี ยางหนึง่ เน่ืองจากสง ผลใหบุคคลรอบขางมีความตอ งการทจี่ ะใกลช ดิ เรมิ่ แรก
หรืออยากพดู คยุ กบั เรามากขน้ึ หรอื ปรึกษาปญ หาไดทุกเร่อื ง โดยเฉพาะเร่ือง 2 การทํากจิ กรรมรวมกัน เชน รับประทานอาหารม้อื เยน็ รวมกนั ทกุ วนั การ
พฤตกิ รรมทางเพศ หากบุคคลในครอบครัวมพี ฤติกรรมทางเพศทีเ่ หมาะสม ไปเท่ยี วพักผอนในวันหยุด การดทู วี ีรว มกนั เปน ตน กจิ กรรมดงั กลา วจะสงผลให
ก็ยอมสงผลใหสมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครวั มีพฤตกิ รรมทางเพศท่ีเหมาะสม สมาชกิ ในครอบครวั มีสัมพนั ธภาพท่ดี ตี อกัน มคี วามรกั ความอบอุน และมคี วามสุข

ตามไปดว ย ตอบขอ 1.

คมู ือครู 59

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขา าใจใจ ตรวจสอบผล
Explore Evaluate
Engage Explain Explain Expand

อธบิ ายความรู

ครูใหนักเรียนทาํ แบบประเมินสถานการณเ สี่ยง จากแนวทางการปอ้ งกนั ความเส่ยี งต่อการมีพฤติกรรมทางเพศที่ไม่เหมาะสมขา้ งตน้ เพอ่ื ให้
ตอการมีพฤติกรรมทางเพศทไี่ มเ หมาะสม จาก นักเรียนได้เกิดกระบวนการคดิ วเิ คราะหม์ ากขึ้น นักเรียนสามารถประเมนิ สถานการณ์เสย่ี งต่อการ
หนังสือเรียน หนา 60 โดยจะใหเ วลาประมาณ 20 มพี ฤติกรรมทางเพศว่าเหมาะสมหรือไม่ พรอ้ มกับหาแนวทางการป้องกัน ไดจ้ าก
นาที เม่ือหมดเวลาครสู มุ นกั เรียน 2-3 คน ออกมา
สรปุ สาระสาํ คัญท่ไี ดจ ากแบบประเมินดงั กลาว แบบประเมินสถานการณ์เส่ียงตอ่ การมพี ฤตกิ รรมทางเพศทีไ่ ม่เหมาะสม
จากน้นั ครูและนกั เรยี นคนอน่ื ๆ รว มกันเสนอแนะ
เพิม่ เติม เพือ่ นาํ ไปสูข อสรปุ ท่ถี ูกตอ งรว มกัน เหมาะสม / ปญั หาท่ีอาจ แนวทาง
ไม่เหมาะสม เพราะ เกิดขน้ึ การปอ้ งกัน
ขยายความเขา ใจ Expand พฤติกรรมทางเพศ
เหตใุ ด

ใหนักเรียนรวมกันเสนอแนวทางในการปองกัน ๑. การกอดกบั ครู่ ัก เหมาะสม เพราะ .............................................. ..............................................
ความเสยี่ งตอ การมพี ฤตกิ รรมทางเพศทไ่ี มเ หมาะสม .............................................. ..............................................
วา มแี นวทางอยา งไรบา ง นอกเหนอื จากทไี่ ดอ ภปิ ราย .............................................. .............................................. ..............................................
รว มกนั จากนนั้ ใหน กั เรยี นปฏบิ ตั กิ จิ กรรมสรา งสรรค .............................................. ..............................................
พฒั นาการเรียนรู กิจกรรมที่ 3 .............................................. .............................................. ..............................................
.............................................. ..............................................
ไมเ่ หมาะสม เพราะ

..............................................

..............................................

๒. ก ารหาเพ่อื นทาง เหมาะสม เพราะ .............................................. ..............................................
อินเทอรเ์ น็ต .............................................. ..............................................
.............................................. .............................................. ..............................................
.............................................. ..............................................
.............................................. .............................................. ..............................................
.............................................. ..............................................
ไมเ่ หมาะสม เพราะ

..............................................

..............................................

๓. การถูกเนือ้ ตอ้ งตวั กับ เหมาะสม เพราะ .............................................. ..............................................
เพ่อื นตา่ งเพศ .............................................. ..............................................
.............................................. .............................................. ..............................................
.............................................. ..............................................
.............................................. .............................................. ..............................................
.............................................. ..............................................
ไม่เหมาะสม เพราะ

..............................................

..............................................

๔. การเทย่ี วเตร่ ใน เหมาะสม เพราะ .............................................. ..............................................
สถานบันเทิง .............................................. ..............................................
.............................................. .............................................. ..............................................
.............................................. ..............................................
.............................................. .............................................. ..............................................
.............................................. ..............................................
ไมเ่ หมาะสม เพราะ

..............................................

..............................................

60

เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคิด
การมีเพศสัมพนั ธเพยี งคร้ังเดียวของวัยรุน อาจสง ผลใหต งั้ ครรภ
ในระหวางท่ีครูใหนักเรียนทําแบบประเมินสถานการณเส่ียงตอการมีพฤติกรรม ไดหรอื ไม เพราะเหตใุ ด
ทางเพศทไี่ มเ หมาะสม ครคู วรชี้แจงใหนักเรียนทราบวา นกั เรยี นควรทําแบบประเมิน 1. ได เพราะมกี ารหลั่งนํ้าอสจุ ิ
ดงั กลา วดว ยความตง้ั ใจ และควรตอบตามความรสู กึ ของตนเอง ไมค วรตอบตามเพอ่ื น 2. ได เพราะท้งั คูม ีวุฒภิ าวะทางเพศแลว
เนอ่ื งจากแบบประเมนิ ดังกลาวจะทําใหครทู ราบวา นักเรยี นแตละคนนนั้ มีพฤตกิ รรม 3. ไมได เพราะวนั นนั้ ไขอ าจจะยงั ไมต ก
ทางเพศท่ีเหมาะสม หรอื ไมเหมาะสมอยางไร 4. ไมได เพราะมกี ารนับระยะปลอดภัยไวแ ลว
วิเคราะหค าํ ตอบ การมีเพศสมั พนั ธเพียงครั้งเดยี ว อาจสง ผลให
ตงั้ ครรภไ ดเ นอื่ งจากวยั รนุ บรรลวุ ฒุ ภิ าวะทางเพศแลว ซงึ่ ในเพศชาย
สามารถทจ่ี ะหลง่ั นา้ํ อสจุ ิ และเพศหญงิ จะมปี ระจาํ เดอื น ตอบขอ 2.

60 คูม อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขาใา จใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Evaluate
Expand Expand

ขยายความเขา ใจ

พฤติกรรมทางเพศ ทผ่ี ดิ กฎหมาย เสรมิ สาระ ใหนักเรยี นศึกษาเพ่มิ เตมิ เร่ือง พฤตกิ รรม
ทางเพศท่ผี ิดกฎหมาย จากเสรมิ สาระ จากนัน้ ให
กฎหมายเปน ขอ บงั คบั ทบ่ี ญั ญตั ขิ น้ึ โดยอาํ นาจรฐั เพอ่ื ความเปน ปกตสิ ขุ นักเรียนรวมกนั วเิ คราะหวา พฤตกิ รรมทางเพศ
และคุมครองประชาชนของรัฐใหมีความสงบเรียบรอยและดํารงศีลธรรม ลกั ษณะใดบา งทถี่ อื วา ผดิ กฎหมาย โดยครตู ง้ั คาํ ถาม
อันดใี นสงั คมในเร่อื งเพศแมวา จะเปน เรอ่ื งสว นตัว เปน ความตอ งการตาม เพ่อื ขยายความเขา ใจของนกั เรยี น
ธรรมชาตขิ องมนษุ ย แตก ม็ สี ว นทกี่ ฎหมายบงั คบั ไวว า เปน สง่ิ ตอ งหา มหรอื
ผดิ กฎหมายอยูด วยซ่งึ หากพูดรวมๆ จะมี ๓ ลักษณะดงั นี้ • พฤติกรรมทางเพศท่ลี ะเมดิ ตอรา งกาย สทิ ธิ
และเสรีภาพของผอู นื่ ไดแ กอ ะไรบาง
๑. พฤติกรรมทาง สิทธแิ ละเสรีภาพของผูอ ื่น โดยทวั่ ไปเราจะนึกถงึ การขมขืน (แนวตอบ ไดแ ก การขมขนื กระทาํ ชําเรา
เพศทลี่ ะเมดิ ตอ กระทําชําเรา หรอื อนาจารเปน หลัก แตใ นขอเท็จจริงแลว ยังมีเรื่องอืน่ ๆ หรอื อนาจาร การละเมดิ ผูอ่ืนดว ยวาจา
รางกาย สิทธิ อกี มากมายท่เี ปน ความผดิ ในกลมุ นี้ดว ย เชน การละเมดิ ผอู ื่นดวยวาจา การหม่นิ ประมาททเ่ี กี่ยวกับเพศ และ
และเสรีภาพ การหม่นิ ประมาทที่เกีย่ วกบั เพศ การเอารปู ทางเพศของคนอ่ืนไปเผยแพร การเอารปู ทางเพศของคนอ่นื ไปเผยแพร)
ของผูอนื่
๒. พฤติกรรมทาง เชน การเผยแพรส่อื ลามกอนาจาร1 การรว มเพศในทีส่ าธารณะ การกระทําหรอื เปด เผย • ยกตวั อยาง พฤติกรรมทางเพศท่ีกฎหมาย
เพศท่ีกฎหมาย รางกายอันควรละอายในทีส่ าธารณะ เปนตน ถอื วา ผิดตอศลี ธรรมอันดี
ถอื วาผดิ ตอ (แนวตอบ เชน การเผยแพรส ่อื ลามกอนาจาร
การรว มเพศในทสี่ าธารณะ การเปดเผย
รางกายในท่ีสาธารณะ เปนตน )

ศลี ธรรมอันดี

๓. พฤติกรรมทาง เชน การมเี พศสัมพนั ธก บั บุคคลอายุตํา่ กวา 15 ป แมว าบคุ คลนัน้ จะยนิ ยอมหรือไม
เพศที่กฎหมาย ก็ตาม ความผดิ ทางเพศสวนใหญ หรอื เกือบทัง้ หมดเปนความผิดทางอาญา บางอยางผดิ
บญั ญัติไววา ทั้งทางอาญาและทางแพง เม่อื กฎหมายมีไวบ ังคบั ใชก ับทุกคนในสังคม เราก็ควรศึกษา
เปนความผิด และระวงั ในพฤตกิ รรมทางเพศทีผ่ ดิ กฎหมาย จะถือปฏิบตั ติ ามแตใ จวา เปนเรื่องสวนตวั
ของแตล ะคนไมได

ทีม่ าขอ มูล : http://www.dmh.go.th/1667/1667view.asp?id=3670

สรุป
พฤติกรรมและอารมณทางเพศในวัยรุนถือเปนเร่ืองปกติ ซึ่งแตละคนอาจจะมีพฤติกรรม
ทางเพศทเ่ี หมอื นกนั หรอื แตกตา งกนั กไ็ ด ขนึ้ อยกู บั ปจ จยั ดา นครอบครวั สงั คม และวฒั นธรรมแต
เม่อื เกิดอารมณทางเพศข้ึนแลว วยั รนุ ก็ตอ งรูจักจัดการกบั อารมณทางเพศอยา งเหมาะสม ซึ่งจะ
กอ ใหเกิดผลดีตอ ตนเอง ผอู นื่ และสังคม สามารถดาํ รงชวี ิตอยูในสงั คมไดอ ยางมคี วามสุข

6๑

ขอ สอบเนน การคดิ เกรด็ แนะครู

การมเี พศสมั พนั ธกับบุคคลอายตุ า่ํ กวา 15 ป ตามกฎหมายถือวา มีความผิด ครูควรอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียนฟงวา โดยทั่วไปกฎหมายหามการกระทําที่ถูก
หรือไม เพราะเหตุใด มองวา เปนการกระทาํ ทารุณทางเพศ (Sexual abuse) หรอื พฤติกรรมที่สังคมมองวา
แนวตอบ ถอื วา มคี วามผดิ ตามกฎหมาย ซง่ึ เปนความผิดทางอาญา ไมเหมาะสมและขัดตอจารีต นอกจากนี้การกระทําบางอยางอาจถูกมองวาเปน
ในความผิดฐานพรากผูเยาวอ ายตุ าํ่ กวา 15 ป แตย ังไมเ กนิ 18 ป เพ่ือหา อาชญากรรมทางเพศได เชน การรวมประเวณีกับญาติสนิท การกระทําชําเราแบบ
กําไรหรอื เพือ่ การอนาจาร แมวาบคุ คลน้ันจะยินยอมหรอื ไมก ็ตามโดยตอง วิตถาร การแสดงลามกอนาจาร เปนตน
ระวางโทษจําคุกต้ังแต 2-10 ป และปรบั ตงั้ แต 4,000-20,000 บาท

นักเรยี นควรรู

1 การเผยแพรส่ือลามกอนาจาร กระทรวงเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สาร
(ไอซที ี) ไดนํามาตรการกฎหมายอาญามาตราที่ 287 มาบงั คบั ใชค วบคุมและปองกนั
การเผยแพรเ วบ็ ไซตทมี่ ีเน้ือหาลามกอนาจาร ซง่ึ หากผูใดประสงค แจกจาย ผลติ แก
ประชาชน จะมีโทษจาํ คุกไมเกิน 3 ป ปรับไมเ กิน 6,000 บาท หรือท้งั จาํ ทัง้ ปรับ

คมู อื ครู 61

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Explore Explain Expand
Engage Evaluate Evaluate

ตรวจสอบผล

1. การเขยี นสรปุ ผงั ความคดิ เรอื่ ง ปจ จยั ทมี่ อี ทิ ธพิ ล ¤íÒ¶ÒÁ»ÃШÓ˹‹Ç¡ÒÃàÃÂÕ ¹ÃŒÙ
ตอพฤติกรรมทางเพศในปจจยั ดา นตนเอง
๑ เพราะเหตใุ ด จงึ เรียกวัยรุ่นวา่ เป็น “วยั พายบุ ุแคม”
2. การเขยี นเรียงความเรื่อง ครอบครวั ที่มคี วามสุข ๒ การทา� กจิ กรรมท่สี รา้ งสรรคช์ ว่ ยใหน้ กั เรยี นมพี ฤตกิ รรมทางเพศที่เหมาะสมอย่างไร
ของนกั เรยี น ๓ ปจั จยั ทม่ี อี ทิ ธพิ ลตอ่ พฤตกิ รรมทางเพศทน่ี กั เรยี นคดิ วา่ สา� คญั กบั นกั เรยี นมากทส่ี ดุ คอื อะไร จงอธบิ าย

3. การปฏิบัตกิ จิ กรรมสรา งสรรคพัฒนาการเรยี นรู พร้อมให้เหตุผลประกอบ
๔ สือ่ ใดท่นี ักเรียนคิดวา่ มอี ทิ ธิพลต่อพฤตกิ รรมทางเพศของวัยร่นุ มากทีส่ ดุ เพราะเหตุใด
หลกั ฐานแสดงผลการเรยี นรู ๕ ห ากเพอ่ื นชกั ชวนนกั เรยี นใหด้ สู อื่ ลามก นกั เรยี นจะปฏเิ สธเพอ่ื นไปวา่ อยา่ งไร โดยทยี่ งั คงสมั พนั ธภาพ

1. ผงั ความคดิ เรอ่ื ง ปจจัยที่มอี ทิ ธพิ ลตอ พฤตกิ รรม ท่ีดตี อ่ กนั ไว้
ทางเพศทเี่ กดิ จากตนเอง

2. เรียงความเร่อื ง ครอบครวั ทีม่ คี วามสขุ ของ
นักเรยี น

กิจก๑รรมที่ ¡Ô¨¡ÃÃÁ
กิจก๒รรมท่ี
กิจก๓รรมท่ี ÊÃÒŒ §ÊÃ侏 Ѳ¹Ò¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ

นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ ๔-๕ คน ช่วยกันวิเคราะห์วัฒนธรรมในสังคม
ปัจจบุ ันทส่ี ่งผลต่อพฤตกิ รรมทางเพศของวัยรุน่
นักเรียนจับกลุ่มหาข่าวเก่ียวกับพฤติกรรมทางเพศของวัยรุ่น แล้ววิเคราะห์
หาสาเหตุวา่ เกดิ จากอะไรและน�ามาอภิปรายหนา้ ชั้นเรยี น
นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ ๕-๖ คน แสดงบทบาทสมมตขิ องการดา� เนนิ ชวี ติ ของวยั รนุ่
ในสงั คมปจั จุบนั แลว้ ใหแ้ ต่ละกลุ่มชว่ ยกันวเิ คราะห์ขอ้ ดแี ละข้อเสยี รวมทง้ั น�า
ความรู้ทีไ่ ด้มาน�าเสนอหน้าชัน้ เรียน

6๒

แนวตอบ คาํ ถามประจําหนว ยการเรยี นรู
1. เพราะในชว งวยั รนุ จะมกี ารเปลย่ี นแปลงทางดา นอารมณแ ละจิตใจ โดยวยั รุนจะมีอารมณร นุ แรง ออ นไหวและไมม่ันคง เชน หากตอ งการจะทําอะไรก็จะตองทําใหได

ถาถูกขดั ขวางจะตอบโตอ ยางรุนแรง เปน ตน
2. เพราะการทํากิจกรรมทสี่ รางสรรคต างๆ จะชวยทาํ ใหไ มเกดิ การหมกมุนในเรือ่ งเพศมากจนเกนิ ไป และมีพฤติกรรมทางเพศทเี่ หมาะสม
3. ครอบครัว เนอ่ื งจากเปนสถาบันแรกที่ใหการอบรมสงั่ สอน ขดั เกลาสมาชกิ ในครอบครวั ใหประพฤตติ นอยางถูกตองเหมาะสม โดยการปลูกฝง คา นิยม รวมทัง้ พฤติกรรม

ทางเพศ และบทบาททางเพศ การสง เสริมคา นิยมทางเพศท่ีถูกตองใหแกวยั รนุ เปน สิ่งสําคญั เพราะจะชวยทําใหวยั รุน เกิดความเขาใจที่ถกู ตองและสามารถประพฤตติ น
ไดอ ยางเหมาะสม
4. ส่ือละคร ภาพยนตร เน่อื งจากมกั จะมีเน้ือหาท่ีมุง เนนความรุนแรงทางเพศ การแสดงออกดา นเนอื้ หาในเรอ่ื งของความรัก การกอดจบู การทารุณทางเพศ การแสดง
ความรักอยา งเปดเผย เปนตน ส่ิงเหลานี้ยอมมีผลตอวยั รนุ ในการเลียนแบบพฤตกิ รรมตามดาราหรือบคุ คลท่ตี นเองชืน่ ชอบ
5. เชน “เราวาพวกเรายังเดก็ เกนิ ไปท่จี ะรเู รื่องพวกน้ี เราวาอยา ดูเลยดกี วา นะ” “เราวาอยา ดูเลยนะ ไปเลน กีฬากนั ดกี วา ” “เราวา อยาดูเลยนะ ถา พอแมข องพวกเรารู
ทา นอาจจะโกรธเราก็ไดนะ” เปนตน

62 คมู ือครู

กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain
Engage Expand Evaluate

เปาหมายการเรียนรู

วเิ คราะหค า นยิ มในเรอ่ื งเพศตามวฒั นธรรมไทย
และวัฒนธรรมอื่นๆ ได

สมรรถนะของผูเรียน

1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคดิ
3. ความสามารถในการใชทกั ษะชีวิต

คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค

1. ใฝเรยี นรู
2. อยอู ยางพอเพียง
3. มุงมัน่ ในการทาํ งาน
4. รักความเปนไทย

ประเทศไทยในสงั คมพหวุ ฒั นธรรม ไดม กี ารยอมรบั และเปด กวา งเกยี่ วกบั กระตนุ ความสนใจ Engage
เพศวิถีและความหลากหลายทางเพศ องคการสหประชาชาติไดวางแนวทาง
ใหรัฐมีการคุมครองบุคคลจากการเลือกปฏิบัติ เพราะเหตุแหงเพศ ดังนั้น ครตู ้ังคําถามกระตนุ ความสนใจของนกั เรยี น
องคค วามรเู กยี่ วกบั เพศวถิ ี พหวุ ฒั นธรรมความเชอื่ และคา นยิ มทางเพศ จงึ เปน โดยใหน กั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ ได
ส่ิงสาํ คัญตอ การดาํ เนินชวี ติ ในสังคมไดอยางมีความสุข อยางอสิ ระ

ôหน่วยการเรยี นรู้ เพศวิถี พหุวัฒนธรรม ความเช่อื และคานิยม • นกั เรยี นคดิ วา คา นยิ มทางเพศของสงั คมไทย
ในปจ จุบนั เปน อยางไร
ตวั ชี้วัด สาระการเรียนรู
■ วิเคราะห์ค่านิยมในเรื่องเพศตามวัฒนธรรมไทยและวัฒนธรรม • นกั เรยี นคดิ วา คานยิ มทางเพศในสมยั อดตี
■ เพศวิถีในสงั คมพหุวฒั นธรรม กบั ปจ จบุ นั ตา งกันหรอื ไม อยา งไร
อ่นื ๆ พ ๒.๑ ม.๔-๖/๒ ■ ค่านิยมทางเพศตามวฒั นธรรมไทยและวฒั นธรรมอ่ืนๆ
จากนั้นใหน ักเรยี นดภู าพหนาหนว ย แลว ตงั้
คําถามโดยใหนักเรยี นสามารถแสดงความคิดเหน็
ไดอ ยา งอิสระ

• จากภาพ นักเรยี นคิดวา บคุ คลเหลานี้
มีคานยิ มทางเพศทีเ่ หมาะสมหรือไม
อยา งไร

เกรด็ แนะครู

ครคู วรสํารวจเจตคติทางเพศของนักเรียนวา นกั เรียนมเี จตคติทางเพศอยางไร
โดยการจัดกจิ กรรมใหกบั นกั เรียน เชน กจิ กรรมการโตวาทเี กี่ยวกับเร่อื งเพศ
เน่ืองจากกิจกรรมนอ้ี าจบง บอกถงึ คานยิ มทางเพศของนกั เรียนไดวา นกั เรยี น
มีคา นิยมทางเพศที่เหมาะสมหรือไมเหมาะสมอยา งไร ซงึ่ ครสู ามารถแนะนํา
หรือปรบั เปลยี่ นเจตคตขิ องนักเรียนใหม คี วามเหมาะสมตอ เร่ืองเพศได

คูมอื ครู 63

กกรระตะตนุ Eุนnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore

กระตนุ ความสนใจ Engage

ครูนาํ คลปิ วดิ โี อเก่ยี วกบั คานิยมทางเพศของ ๑. เพศวถิ ใี นสังคมพหุวัฒนธรรม
วยั รุนไทยที่ไมเหมาะสมในปจ จบุ นั มาใหนกั เรยี นดู
จากน้ันต้ังคาํ ถามกระตุนความสนใจของนักเรียน ปรับเปปจั ลจี่ยุบนันทปัศรนะเคทตศ1ิแไลทะยรไูปดแก้ บา้ บวเกขา้ารสใู่สชัง้ชคีวมิตทมี่มากลี ขักึ้นษณโะดพยหมุวีกัฒารนยธอรมรมรับคสมวาามชเกิ ปขลอ่ียงนสแังคปมลไงทในยคมวีกาามร
โดยใหนักเรียนสามารถแสดงความคดิ เหน็ ไดอยาง แตกตา่ งของกลมุ่ ตา่ งๆ เพอ่ื ให้ได้อยรู่ ่วมกนั ในสงั คมอยา่ งสงบสุข
อสิ ระ
๑.๑ สังคมพหวุ ัฒนธรรม
• จากคลปิ วิดโี อดงั กลาว นกั เรียนคิดวา วยั รนุ
มพี ฤติกรรมทางเพศทีเ่ หมาะสมหรือไม สังคมพหุวัฒนธรรม หมายถึง กลุ่มคนที่อาศัยอยู่ร่วมกัน มีความหลากหลาย
เพราะเหตใุ ด คทวั้งาเชม้ือเชชอื่ าตแิละภคาา่ ษนายิ มศ2ทาาสงนกาารเสมถอื างนระวทมาทงงั้สคังวคามมหศลิลาปกหวัฒลานยธทรารงมเพศปรมะกี เาพรณยอี มวริถบัีกาครวดา�ามเแนตินกชตีวา่ ิตง
(แนวตอบ นักเรยี นสามารถแสดงความคิดเห็น และความเท่าเทียมกนั ในศกั ดิศ์ รีความเปน็ มนษุ ย์ของผทู้ ี่อาศัยอยู่ในสงั คมเดียวกนั
ไดอยางอิสระ โดยอาจตอบวา ไมเหมาะสม
เพราะเกดิ จากคา นยิ มทางเพศของแตล ะบคุ คล ความเคลื่อนไหวของประเทศไทยจากการให้ความส�าคัญกับสิทธิด้านวิถีทางเพศ
ที่แตกตา งกัน ซึ่งบางคนอาจมคี านิยมทางเพศ และอัตลกั ษณ์ทางเพศภายใต้กฎหมาย มีการยกเลิกการใช้ค�าว่า “โรคจติ ถาวร” ในเอกสารยกเว้น
ที่เปน ไปในลกั ษณะของการเลยี นแบบ หรอื การเกณฑ์ทหาร ส�าหรับชายที่ข้ามเพศเป็นหญิง ซ่ึงได้รับการยกเว้นการเกณฑ์ทหาร โดย
ตองการใหเ ปนท่ยี อมรับของกลมุ เพื่อน ใน กฎกระทรวงกลาโหมก�าหนดให้ใช้ค�าใหม่ คือ “เพศสภาพไม่ตรงกับเพศก�าเนิด” จากข้อความ
ขณะท่ีบางคนอาจมคี วามเชอ่ื ที่ผดิ ๆ คดิ วา ทกี่ ลา่ วมามี ๒ คา� ทีค่ วรเรียนรแู้ ละท�าความเข้าใจเพม่ิ เตมิ คอื เพศก�าเนดิ และเพศสภาพ
การมพี ฤตกิ รรมทางเพศดังกลาวจะชว ยให
ดโู ดดเดนในสายตาของผูอ่ืน) เพศ หรอื เพศโดยกำ� เนดิ หรอื เพศสรรี ะ (Sex) หมายถงึ ลกั ษณะทางชวี วทิ ยาของบคุ คล
ทแี่ บง่ เปน็ เพศหญงิ และเพศชาย รวมทงั้ คนทม่ี ลี กั ษณะเพศทางชวี วทิ ยาไมช่ ดั เจน (Intersex) ไดแ้ ก่
สาํ รวจคน หา Explore ผทู้ ม่ี ลี กั ษณะเพศทไี่ มส่ ามารถระบไุ ดอ้ ยา่ งชดั เจนวา่ เปน็ หญงิ หรอื เปน็ ชาย อาจมลี กั ษณะทเี่ ขา้ ขา่ ย
ทั้งหญิงและชาย หรือไม่เข้าข่ายทั้งหญิงหรือชาย ปรากฏได้ต้ังแต่รูปแบบเพศสรีระที่เห็นได้
ใหนักเรียนศกึ ษาเร่ือง เพศวิถใี นสังคม ดว้ ยตา เช่น อวัยวะเพศ ไปจนถงึ การตรวจพบดว้ ยกระบวนการทางการแพทย์ เช่น โครโมโซม
พหวุ ฒั นธรรม จากหนงั สอื เรยี น และแหลง เรยี นรอู นื่ ๆ หรอื ฮอร์โมน ทงั้ นอ้ี าจปรากฏตั้งแตแ่ รกเกดิ หรือในภายหลงั กไ็ ด้
เพม่ิ เติม
เพศสภำพ หรือเพศภำวะ (Gender) หมายถึง การแสดงพฤติกรรม การปฏิบัติ
หรือการแสดงบทบาททางเพศของบุคคลซงึ่ อาจตรงหรอื ไมต่ รงกบั ลักษณะเพศโดยกา� เนิด

๑.๒ เพศวิถีศึกษา

เพศวถิ ี (Sexuality) หมายถงึ ความชอบและการแสดงออกทางเพศซงึ่ อาจจะแตกตา่ งกนั
โดยไม่จ�าเป็นต้องมีความชอบและการแสดงออกทางเพศที่ตรงกับเพศโดยก�าเนิด หรือไม่จ�าเป็น
ตอ้ งตรงกับบทบาทความเป็นชายหรอื ความเป็นหญงิ ซึง่ เพศวถิ แี บ่งออกได้เปน็ ๒ ลกั ษณะ ไดแ้ ก่

๑) อตั ลกั ษณ์ทำงเพศ (Gender Identity: GI) หมายถงึ การแสดงความมีตวั ตน

วา่ ปรารถนาจะเปน็ เพศใดจากประสบการณท์ างเพศสภาพ สามารถรู้สึกไดภ้ ายในของแต่ละบคุ คล
และเป็นของปจั เจกบุคคล ซงึ่ อาจสอดคล้อง หรือไมก่ ไ็ ด้กบั เพศซ่ึงได้ระบไุ วเ้ มอ่ื แรกเกิด รวมท้งั
ความรสู้ กึ ของบคุ คลในรา่ งกาย ซง่ึ อาจเกย่ี วขอ้ งกบั การเปลยี่ นแปลงรปู ลกั ษณ์ การแสดงออกตา่ งๆ
ทางเพศสภาพ รวมถึงการแต่งกาย ค�าพดู และกริยาท่าทางตา่ งๆ

64

นักเรยี นควรรู ขอสอบเนน การคดิ
ขอ ใดหมายถงึ สงั คมพหุวฒั นธรรม
1 ทัศนคติ คือ ความรูส กึ ความคดิ หรอื ความเช่ือของบุคคล โดยการ 1. กลุมคนทมี่ คี วามหลากหลายทางเพศ
ประมาณคา วาชอบหรือไมชอบ ซ่งึ อาจจะสงผลกระทบตอ การตอบสนองของบุคคล 2. กลมุ คนทม่ี คี วามหลากหลายทางศาสนา
ในเชงิ บวกหรือเชิงลบตอ บุคคล สิง่ ของ และสถานการณ 3. กลมุ คนทม่ี ีความหลากหลายในดา นตา งๆ
2 คา นิยม เปน แนวความคดิ ความเชอ่ื ความตอ งการของกลุม คนในสังคม 4. กลมุ คนท่มี คี วามหลากหลายทางวฒั นธรรม
ซึ่งยอมรบั วาเปนส่งิ ท่ดี ี มีคณุ คาควรแกการนาํ ไปเปนแนวทางในการปฏิบตั ิ วเิ คราะหคําตอบ สงั คมพหวุ ฒั นธรรม หมายถึง กลมุ คนท่ีอาศยั
เปน กรอบของการดําเนนิ ชวี ิตเพอื่ ประโยชนสุขของตนเองและสวนรวม อยรู ว มกัน มคี วามหลากหลายทง้ั เชื้อชาติ ภาษา ศาสนา สถานะ
ทางสังคม ศิลปวฒั นธรรม ประเพณี วิถีการดําเนินชีวิต ความเชื่อ
คา นิยมทางการเมือง และความหลากหลายทางเพศ ตอบขอ 3.

64 คูม ือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

๒) วถิ ที ำงเพศ (Sexual Orientation : SO) หมายถงึ การทบ่ี คุ คลหนง่ึ มคี วามรสู้ กึ ใหน กั เรียนรว มกนั อภิปรายเร่อื ง เพศวิถใี น
สังคมพหุวฒั นธรรม โดยครแู ละนกั เรยี นคนอื่นๆ
ดงึ ดดู สนใจลกึ ซง้ึ ทงั้ ทางอารมณ์ ความรกั ใครแ่ ละทางเพศ และในสมั พนั ธภาพวา่ มที ง้ั ลกั ษณะความ รว มกนั เสนอแนะเพม่ิ เตมิ และตง้ั คาํ ถามเพอื่ นาํ ไปสู
ใกลช้ ิดกันทางเพศสมั พนั ธแ์ ละในทางเพศ ที่มีตอ่ ปจั เจกบคุ คล ซึ่งมเี พศสภาพทแ่ี ตกต่างไป หรอื มี ขอ สรปุ ทีถ่ กู ตองรว มกัน
เพศสภาพเดยี วกนั หรอื มมี ากกวา่ หนง่ึ เพศสภาพ โดยวถิ ที างเพศของบคุ คลแบง่ ออกเปน็ ๓ กลมุ่ ดงั นี้
• เพศวิถีศึกษา หมายถึงอะไร
๑. รักต่ำงเพศ (Heterosexual) คือ มีความสนใจต่อเพศตรงข้ามเพ่ือสนอง (แนวตอบ ความชอบและการแสดงออก
ความต้องการทางความรัก และทางเพศ โดยมีการแสดงออกซ่ึงลักษณะเฉพาะประจ�าเพศของ ทางเพศซึ่งอาจจะแตกตางกัน โดยไมจ าํ เปน
ตนเองตรงกับเพศสภาวะของตนซง่ึ เป็นไปตามแบบแผนของสังคม ตอ งมคี วามชอบและการแสดงออกทางเพศ
ทต่ี รงกับเพศโดยกาํ เนดิ )
๒. รักเพศเดียวกัน (Homosexual) คอื ผทู้ ี่มีรสนยิ มชนื่ ชอบเพศเดยี วกัน ตอ้ งการ
มีความสัมพนั ธท์ างกายและทางใจกับเพศเดียวกนั • อตั ลกั ษณทางเพศและวิถที างเพศมคี วาม
แตกตางกันอยา งไร
๓. รักสองเพศ (Bisexual) คือ ผู้ที่มีรสนิยมชื่นชอบทั้งเพศเดียวกันและต่างเพศ (แนวตอบ อตั ลักษณท างเพศเปน การ
ตอ้ งการมคี วามเสพมั ศพวนัถิ ธี ท์บาางงกคารยง้ั อแาลจะใทชาแ้ งทใจนกคบั �าเวพา่ ศตครวงาขม้าหมลาหกรหือลเพายศทเดายีงเวพกศนั 1ก(็ไSดe้ xual Diversity) แสดงออก ทางเพศสภาพของแตละบุคคล
ซง่ึ หมายถงึ ความหลากหลายของวถิ ที างเพศและอตั ลกั ษณท์ างเพศของบคุ คล โดยในทนี่ จี้ ะอธบิ าย แตวถิ ีทางเพศเปน ความพึงพอใจใน
เปน็ แผนภาพเพือ่ ใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจมากขึน้ ดังนี้ ทางเลอื ก เรอ่ื งเพศของบคุ คลทมี่ ตี อ บคุ คลอน่ื )

เพศวิถี (Sexuality) หรอื ความหลากหลาย
ทางเพศ (Sexual Diversity)

(Geอnัตdลeกั rษIdณeท์ nาtงitเyพศ: GI) (Sexual วOถิ rทีieาnงtเaพtศion : SO)

การแสดงออกทางเพศสภาพของ ความพงึ พอใจในทางเลอื กเรอ่ื งเพศ
แตล่ ะบคุ คล ของบุคคลทม่ี ตี ่อบคุ คลอืน่

แสดงออกทางร่างกาย หรอื บทบาท • บุคคลท่ีมีเพศตา่ งกันกบั ตนเอง
ทางเพศสภาพ โดยไม่จ�าเป็นต้อง • บุคคลท่มี เี พศเดียวกันกบั ตนเอง
สอดคลอ้ งกบั เพศสรรี ะของบคุ คลนนั้ • บุคคลท่ีมีเพศต่างกัน หรือมีเพศ
เดยี วกนั กับตนเอง

ไม่จ�าเป็นต้องสอดคล้องตามบรรทัดฐาน 65
หรอื กฎเกณฑข์ องสังคม

ขอใดไมใ ชลกั ษณะของวถิ ที างเพศ ขอสอบเนน การคดิ นกั เรยี นควรรู
1. มีความสนใจเพศตรงขาม
2. มคี วามสนใจเพศเดียวกนั 1 ความหลากหลายทางเพศ ผมู ีความหลากหลายทางเพศน้นั เปน สว นหนง่ึ ของ
3. มีความสนใจเพศของตนเอง สงั คม และคนในแตละสว นของสังคมลวนตอ งเผชิญกบั ปญหาและการกีดกนั ที่
4. มคี วามสนใจเพศเดียวกนั และตางเพศ แตกตา งออกไป ทาํ ใหก ารปกปองคนเหลา น้ันตอ งใชว ธิ ีพเิ ศษทท่ี ําขน้ึ เพอ่ื ปญหา
แตล ะกลมุ โดยเฉพาะผูมีความหลากหลายทางเพศยังเขา ไมถ งึ สิทธิ์อีกมากมาย
วิเคราะหค าํ ตอบ วิถที างเพศ หมายถึง การทบ่ี ุคคลหน่ึงมคี วามรูสึกสนใจ ในหลายๆ ประเทศ หรอื แมก ระทั่งตอ งตกอยูใ นอันตรายทกุ ๆ วนั ดงั นนั้ ปจ จุบนั
ลกึ ซึง้ ท้ังทางอารมณ ความรกั ใคร และทางเพศ และสมั พันธภาพทีม่ ีความ กฎหมายจงึ ใหค วามคุม ครองบุคคลกลมุ นม้ี ากข้นึ และสามารถเขาถงึ สิทธิมนุษยชน
ไดอยางเทา เทยี มกนั
ใกลช ดิ กนั ทางเพศสมั พันธแ ละในทางเพศ ตอบขอ 3.

คูม ือครู 65

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขา าใจใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Evaluate
Engage Expand Expand

ขยายความเขา ใจ

จากทกี่ ลา วมาแลว วา เพศวถิ ใี นสงั คมพหวุ ฒั นธรรม เหตุผลส�าคัญที่ต้องเรียนรู้เก่ียวกับเพศสภาพและความหลากหลายทางเพศนั้น เพ่ือจะได้
น้ันมีความหลากหลายทั้งเชื้อชาติ เพศ ศาสนา เขา้ ใจ ยอมรบั และเปดิ กวา้ งในสงั คมพหวุ ฒั นธรรม โดยทา� ความเขา้ ใจวา่ เพศและชวี ติ ทางเพศของ
วฒั นธรรม รวมถงึ การดาํ เนนิ ชวี ติ โดยเฉพาะปจ จบุ นั มนุษย์เป็นส่ิงท่ีถูกก�าหนดขึ้นโดยธรรมชาติและเป็นผลผลิตทางสังคม การแสดงพฤติกรรม
สงั คมมคี วามหลากหลายทางเพศมากขน้ึ ดงั นน้ั ทางเพศของบุคคลสามารถปรับเปล่ียนได้ตามสังคมในแต่ละวัฒนธรรม และอีกเหตุผลหน่ึง
ครูจึงใหนักเรียนเห็นความสําคัญของบุคคลกลุมนี้ ของการเพ่ิมองค์ความรู้เร่ืองความหลากหลายทางเพศก็เพราะองค์การสหประชาชาติได้วาง
โดยใหนักเรียนศึกษาพระราชบัญญัติความเทาเทียม แนวทางให้รัฐมีหน้าที่ในการสร้างหลักประกันความคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของกลุ่มบุคคลท่ีมี
ระหวา งเพศ พ.ศ.2558 จากเกรด็ นา รู ในหนงั สอื เรยี น ความหลากหลายทางเพศจากการเลือกปฏิบัติ โดยรัฐต้องท�าการทบทวนกฎหมายเพื่อให้ความ
หนา 66 เพอ่ื ใหน กั เรยี นมคี วามรู ความเขา ใจ และสทิ ธิ คุ้มครองบุคคลจากการเลือกปฏิบัติ เพราะเหตุแห่งวิถีทางเพศและอัตลักษณ์ทางเพศ ด้วยการ
ความเทา เทยี มทบี่ คุ คลกลมุ นคี้ วรไดร บั วา มอี ะไรบา ง ก�าหนดให้วิถีทางเพศและอัตลักษณ์ทางเพศเป็นเหตุส�าคัญอย่างหนึ่งของการห้ามเลือกปฏิบัติ
ตามกฎหมาย จึงท�าให้รัฐให้การรับรองหลักการห้ามเลือกปฏิบัติเพราะเหตุแห่งวิถีทางเพศและ
อัตลักษณ์ทางเพศไว้ในกฎหมายทงั้ ในระดบั รฐั ธรรมนญู และพระราชบัญญัติ

à¡Ãç´¹‹ÒÃŒÙ

พระราชบัญญตั คิ วามเทา่ เทียมระหวา่ งเพศ พ.ศ. ๒๕๕๘
ในอดีตความเทา่ เทียมระหว่างเพศมกั จะมองเพยี งแค่ระหว่างเพศชายและเพศหญิงเท่านน้ั แต่ปัจจบุ ันต้อง

มองความเทา่ เทียมของผทู้ ีม่ ีความหลากหลายทางเพศดว้ ย ซึง่ จะเหน็ ไดจ้ ากพระราชบัญญัตคิ วามเทา่ เทยี มระหว่าง
เพศ พ.ศ. ๒๕๕๘ มใี จความสา� คัญวา่ ด้วยเรื่องความเทา่ เทียมระหวา่ งเพศว่า

“การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นระหว่างเพศ หมายความว่า การกระท�า หรือไม่กระท�าการใดอันเป็นการ
แบ่งแยก กีดกัน หรอื จ�ากดั สทิ ธปิ ระโยชน์ใดๆ ไม่ว่าทางตรง หรอื ทางอ้อม โดยปราศจากความชอบธรรม เพราะ
เหตุซ่ึงบุคคลนั้นเป็นเพศชาย หรอื เพศหญิง หรอื มกี ารแสดงออกทแี่ ตกต่างจากเพศโดยกา� เนดิ ”

พระราชบัญญัติดังกล่าวถือเป็นกฎหมายฉบับแรกของไทยท่ีให้การคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิของกลุ่ม
ผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศอย่างชัดเจน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าไม่ได้มีเพียงแต่ส่งเสริมให้เกิดความเท่าเทียม
ระหว่างเพศชายและเพศหญิงเท่าน้ัน นอกจากน้ี ยังเป็นการเปิดช่องทางในการเลือกใช้สิทธิของผู้ที่รับผลกระทบ
จากการเลอื กปฏบิ ตั โิ ดยไมเ่ ปน็ ธรรมระหวา่ งเพศ เชน่ การฟอ้ งรอ้ งดา� เนนิ คดตี อ่ ศาล การไดร้ บั การชว่ ยเหลอื เยยี วยา
หากได้รบั ผลกระทบจากการเลอื กปฏิบัติโดยไมเ่ ป็นธรรมระหว่างเพศ
ทมี่ า : พระราชบัญญตั ิความเท่าเทียมระหวา่ งเพศ พ.ศ. ๒๕๕๘

66 กจิ กรรมสรา งเสรมิ

เกร็ดแนะครู ใหนกั เรยี นศกึ ษาพระราชบญั ญัติความเทา เทียมระหวา งเพศ
พ.ศ.2558 จากนัน้ ใหส รปุ สาระสําคัญของพระราชบญั ญัตลิ งใน
ครคู วรเสนอแนะนกั เรียนวา พระราชบญั ญัติความเทาเทียมระหวา งเพศ กระดาษรายงาน แลวนําสง ครูผูส อน
พ.ศ. 2558 มเี น้อื หาสาระทเี่ ก่ยี วของกับความเทาเทยี มระหวา งเพศมากมาย แตใ น
หนงั สอื เรยี นนนั้ เปนแคเ พยี งตัวอยางที่ยกมาจากในพระราชบัญญตั ใิ นบางสว น กิจกรรมทาทาย
หากนกั เรยี นตอ งการศกึ ษาพระราชบญั ญตั ดิ งั กลา วอยา งครบถว น นกั เรยี นอาจศกึ ษา
ไดจ าก http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2558/A/018/17.PDF

ใหน กั เรยี นศกึ ษาพระราชบญั ญตั คิ วามเทา เทยี มระหวา งเพศ
พ.ศ.2558 จากนั้นใหส รปุ สาระสาํ คัญของพระราชบญั ญัติ แลว
วิเคราะหวาพระราชบัญญัติน้ีสงเสริมความเทาเทียมของผูท่ีมี
ความหลากหลายทางเพศอยา งไร โดยใหเ ขยี นสรปุ ลงในกระดาษ
รายงาน แลว นาํ สง ครผู ูสอน

66 คูมือครู

กกรระตะตนุ Eุนnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explain Evaluate
Engage Explore Expand Engage

กระตนุ ความสนใจ

๒. คา่ นิยมและความเชอื่ ทางเพศของวัยรุ่น ครนู าํ คลปิ วดิ โี อเกย่ี วกบั คานิยมทางเพศของ
วัยรุนไทยทีไ่ มเ หมาะสมในปจ จุบนั มาใหน กั เรียนดู
ค่านิยมทางเพศของวัยรุ่นในปัจจุบันเปล่ียนแปลงไปจากเดิมมาก เน่ืองจากได้รับอิทธิพล จากนนั้ ตัง้ คาํ ถามกระตนุ ความสนใจของนักเรยี น
วฒั นธรรมต่างประเทศเขา้ มา หรอื การใช้เทคโนโลยสี อ่ื สารทรี่ วดเร็ว ทันสมยั ทา� ให้สามารถรบั รู้ โดยใหน กั เรียนสามารถแสดงความคดิ เหน็ ไดอ ยา ง
ข่าวสารได้อย่างรวดเร็ว โดยอาจไม่ได้คัดกรองข้อมูลข่าวสารนั้นๆ ซึ่งสื่อต่างๆ เหล่านี้มีผลต่อ อสิ ระ
พฤติกรรมทางเพศของวยั รนุ่ ทีแ่ สดงออกมาอยา่ งเปดิ เผย โดยเฉพาะเรอ่ื งเพศของวยั รนุ่
• จากคลปิ วิดโี อดงั กลาว นักเรียนคิดวา วัยรนุ
๒.๑ ความหมายของคา่ นิยมทางเพศ มีพฤติกรรมทางเพศทเ่ี หมาะสมหรือไม
เพราะเหตุใด
คำ่ นยิ มทำงเพศ (Sexual Value) หมายถงึ สงิ่ ทบ่ี คุ คลหรอื สงั คมยดึ ถอื เปน็ เครอื่ งชว่ ยตดั สนิ ใจ (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
และก�าหนดพฤติกรรมทางเพศของเพศชาย เพศหญิง และผู้ท่ีมีความหลากหลายทางเพศ ไดอ ยางอสิ ระ โดยอาจตอบวา ไมเหมาะสม
โดยค่านิยมทางเพศของบุคคลเกิดจากการอบรมสั่งสอนจากพ่อแม่ หรือผู้ปกครองในครอบครัว เพราะเกดิ จากคา นยิ มทางเพศของแตล ะ
การศึกษา ประสบการณ์ การส่ือสารและการถ่ายทอดทางสังคม ขนบธรรมเนียมประเพณีและ บคุ คลท่ีแตกตา งกนั ซึ่งบางคนอาจมคี านิยม
วัฒนใธนรสรงัมคขมอมงกคี ลา่ นมุ่ ยิคมนใหนรเือรอื่สงังคเพมศหลายประการทช่ี กั นา� ไปสพู่ ฤตกิ รรมเสยี่ งทางเพศ1ดงั นนั้ จงึ ควร ทางเพศทเี่ ปน ไปในลกั ษณะของการเลยี นแบบ
เลอื กรบั คา่ นยิ มในเรอื่ งเพศทถี่ กู ตอ้ งเหมาะสม และไมท่ า� ใหเ้ กดิ โทษตอ่ ตนเองและผอู้ น่ื เชน่ คา่ นยิ ม หรือตอ งการใหเปนที่ยอมรบั ของกลมุ เพอื่ น
การยอมรบั และให้เกียรติซึง่ กันและกันระหวา่ งผูท้ ่มี คี วามชอบและการแสดงออกทางเพศที่ต่างกัน ในขณะท่บี างคนอาจมคี วามเชื่อที่ผิดๆ คดิ วา
ค่านยิ มการมีเพศสมั พันธ์ท่รี ับผดิ ชอบและปลอดภยั ค่านิยมรักเดียวใจเดยี ว การมีพฤติกรรมทางเพศดงั กลาวจะชวยให
ดูโดดเดน ในสายตาของผอู นื่ )
๒.๒ ความเชอ่ื ทางเพศ
สาํ รวจคน หา Explore
ความเชื่อทางเพศเกิดข้ึนจากมุมมองหลายมิติจากสังคมไทยท่ีได้เปิดกว้างส�าหรับบุคคลที่มี
ความหลากหลายทางเพศ ไดแ้ ก่ ใหนกั เรยี นศึกษาเร่ือง คานิยมและความเชือ่
ทางเพศของวยั รุน จากหนงั สอื เรียน และแหลง
๑) เร่ืองเพศเป็นเร่ืองท่ีเกี่ยวข้องกับชีวิตเราต้ังแต่เกิดจนตาย โดยเฉพาะอัตลักษณ์และ เรยี นรอู น่ื ๆ เพิม่ เติม
วิถีทางเพศของบุคคลเป็นผลมาจากระบบสังคมวัฒนธรรมตั้งแต่ศาสนา การเมืองและเศรษฐกิจ
ซ่งึ เป็นตัวกา� หนดเพศวิถีของปจั เจกบคุ คลผ่านบทบาทบรรทดั ฐานและทัศนคติ

๒) ความหลากหลายทางเพศไมไ่ ดถ้ ือวา่ เป็นความผดิ ปกตแิ ตอ่ ย่างใด
๓) สิทธิและความเท่าเทียมทางเพศมีการขับเคล่ือนทางสังคม ในการส่งเสริมสิทธิและ
ความเท่าเทียมในกลุ่มผู้ท่ีมีความหลากหลายทางเพศท่ีมีสิทธิและได้รับความคุ้มครองอย่าง
เทา่ เทยี มกัน
๔) อัตลักษณ์ทางเพศและวิถีทางเพศมีความหลากหลายและมีการด�ารงอยู่ในสังคม ทุกคน
ทกุ เพศมีสิทธเิ สรภี าพเทา่ เทียมกันในฐานะมนษุ ยค์ นหนึ่ง
๕) การแสดงออกทางเพศที่ต่างไปจากเพศสรีระไม่ถือว่าเป็นความผิดปกติแต่อย่างใด หรือ
เปน็ ความเจ็บป่วยทางจติ แต่เปน็ สิง่ ที่สามารถเกิดข้ึนไดต้ ามธรรมชาติ

67

ขอสอบเนน การคิด นักเรยี นควรรู

ควรปลกู ฝง คานยิ มทางเพศของวัยรุนหญงิ ในเรอ่ื งใดมากทส่ี ุด 1 พฤติกรรมเสยี่ งทางเพศ โดยเฉพาะวยั รุน หญิง ไดแ ก การแตงตัว
1. คา นิยมการแสดงออกทางเพศอยางเปด เผย ดงึ ดูดความสนใจของเพศตรงขา ม โดยไมค าํ นงึ ถึงความเหมาะสมและความ
2 คา นยิ มในเรอ่ื งการจัดการอารมณทางเพศ ปลอดภัย เชน ใสเสือ้ สายเดี่ยว เส้ือเกาะอก กางเกงขาส้ัน กางเกงเอวต่ํา เปน ตน
3. คา นิยมในเร่ืองความรับผดิ ชอบ ซง่ึ เสี่ยงตอการเกดิ อาชญากรรมทางเพศไดง าย และการยอมมีเพศสมั พนั ธกบั คูรกั
4. คา นิยมรักนวลสงวนตวั เพราะคิดวาความสัมพันธจ ะยาวนานม่ันคง
วเิ คราะหคําตอบ ควรปลกู ฝง คานิยมการรักนวลสงวนตัวของวัยรุนหญงิ
ใหมากท่ีสุด เน่อื งจากเปน สาเหตุสําคัญท่ีจะสง ผลใหเกดิ ปญหาอ่ืนๆ ตามมา

เชน การมเี พศสมั พนั ธก อ นวยั อนั ควร การตงั้ ครรภไมพ รอ ม เปน ตน ตอบขอ 4.

คูมอื ครู 67

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain

อธบิ ายความรู

ใหนักเรยี นรว มกันอภิปรายเรอ่ื ง คานิยมและ ๒.๓ ความสําคัญของค่านยิ มทางเพศท่มี ีต่อการดาํ เนินชีวติ
ความเช่ือทางเพศของวยั รุน โดยครูและนักเรยี นคน
อ่ืนๆ รวมกันเสนอแนะเพ่ิมเตมิ และตง้ั คาํ ถามเพอ่ื ถ้าพดู ถงึ คา่ นยิ มทางเพศอาจจะมองไม่ออกวา่ คืออะไร และการกระท�าอยา่ งไรบ้างที่เกิดจาก
ใหไ ดข อ สรปุ ทถ่ี กู ตอ งรว มกนั คา่ นยิ มทางเพศ กอ่ นอนื่ คงตอ้ งเปรยี บเทยี บเรอื่ งคา่ นยิ มทางเพศกบั คา่ นยิ มทางเพศไดช้ ดั เจนยง่ิ ขนึ้

• คานยิ มทางเพศที่เหมาะสมมคี วามสาํ คัญตอ ยกตัวอย่างค่านิยมที่ควรปลูกฝัง
การดาํ เนินชวี ติ ของนักเรยี นอยา งไร ไดแ้ ก่ การมรี ะเบยี บวนิ ยั การเปน็
(แนวตอบ ชวยลดพฤติกรรมเส่ียงทางเพศทจี่ ะ คนดีที่มีคุณธรรมและจริยธรรม
กอใหเกิดปญ หาสขุ ภาพ อีกทง้ั ยงั ไดร บั ความอ่อนน้อมถ่อมตน การตรง
การยกยอ ง ชมเชยจากสงั คมในฐานะทีม่ ี ต่อเวลา ค่านิยมไทย และความ
คา นยิ มทางเพศทเ่ี หมาะสมอีกดว ย) ภาคภูมิใจในความเป็นไทย

หลังจากการอภิปราย ครูใหนักเรยี นทาํ ใบงาน เม่ือได้ท�าความเข้าใจถึงค่า
ในแผนการสอน ใบงานที่ 4.1 นิยมของสังคมไทยแล้ว จึงขอ
อธบิ ายถงึ วฒั นธรรมทางเพศและ
✓ ใบงาน แบบวัดฯ แบบฝก ฯ คา่ นยิ มทางเพศ ดงั ตารางตอ่ ไปนี้
สขุ ศึกษา ม.4 ใบงานท่ี 4.1
หนว ยท่ี 4 คา นยิ มทางเพศกบั วฒั นธรรม การคบเพ่อื นต้องรู้จกั วางตวั ใหเ้ หมาะสม

ก 1  4ก  



 ตารางแสดงวฒั นธรรม ศีลธรรมจรรยา และค่านยิ มทางเพศ

 .   

วฒั นธรรมทางเพศและศีลธรรมจรรยาทางเพศ คา่ นิยมทางเพศ
  ก  ก    13   (Sexual Culture and Ethics) (Sexual Value)

 ก   ก 


 
   วัฒนธรรมทางเพศ ศีลธรรมจรรยาทางเพศ ค่านิยมทางเพศ
 

 เป็นวิถชี ีวิตของคนในสังคมที่ เปน็ ลกั ษณะทแี่ สดงออกถึงการ เปน็ ตวั กําหนดพฤตกิ รรมทางเพศ

  ปฏิบตั ิเรอื่ งเพศ เชน่ ปฏบิ ตั ิตนในเรอื่ งพฤตกิ รรมทาง โดยยึดหลกั การปฏิบตั ิจาก
 


 ■ การหลกี เลีย่ งจากพฤติกรรม เพศทดี่ งี าม เชน่ วฒั นธรรมทางเพศ และศลี ธรรม
3  ก  

1  ก    

2    เสยี่ งทางเพศ ■ การปฏบิ ตั ทิ ด่ี ตี อ่ กนั ไมเ่ อาเปรยี บ จรรยาทางเพศ ซง่ึ ค่านิยมทางเพศ

1  ก  ก  ควรยกย่องและให้เกียรติซ่ึงกัน ในสงั คมพหวุ ฒั นธรรม เช่น

3      ก ■ การมีเพศสัมพันธ์ที่ปล1อดภัย

2    กกก     โดยการใชถ้ งุ ยางอนามยั ทกุ ครงั้ และกัน

3         ■ ทกุ เพศมคี วามเท่าเทียมกนั

2    ก ก

3   ก  ■ การควบคุมอารมณ์ทางเพศ

2    กก  และระบายอารมณ์ทางเพศ



อยา่ งเหมาะสม

136

ก.4

6๘

เกรด็ แนะครู ขอ สอบเนน การคิด
ขอใดเปน คานยิ มท่ดี ใี นเร่อื งเพศ
ครคู วรอธิบายเพม่ิ เตมิ ในเรอ่ื งของความสําคญั ของคา นยิ มทางเพศ และปลกู ฝง 1. ไมช งิ สกุ กอ นหาม
ใหน ักเรียนมคี านยิ มทางเพศทเ่ี หมาะสม เชน คา นยิ มไมชงิ สุกกอ นหาม คา นยิ ม 2. มคี นรกั หลายคน เปน คนมีเสนห
รักนวลสงวนตัว เปน ตน 3. การถกู เนอื้ ตอ งตวั ระหวา งกันถอื เปนเร่ืองธรรมดา
4. ควรทดลองอยรู ว มกนั กอ นแตง งาน
นักเรยี นควรรู วเิ คราะหค าํ ตอบ คา นยิ มไมช งิ สกุ กอ นหา ม เปน คา นยิ มทางเพศ
ทถ่ี กู ตอ งและเหมาะสม สง ผลใหสามารถดาํ เนินชวี ติ ไดอยา งมี
1 ถงุ ยางอนามยั เปนอปุ กรณคุมกําเนดิ ทีน่ ยิ มใชกนั มากที่สดุ ทาํ ดวยวสั ดุจาก ความสขุ โดยอยใู นกรอบประเพณีอนั ดงี าม ซึ่งสามารถลดปญ หา
ยางพารามีทั้งแบบสําหรับผูชายและผูหญิงซ่ึงถงุ ยางอนามัยสาํ หรับผชู ายนน้ั จะสวม ทางเพศได ตอบขอ 1.
ครอบอวยั วะเพศทกี่ าํ ลงั แขง็ ตวั เตม็ ท่ี สว นถงุ ยางอนามยั สาํ หรบั ผหู ญงิ นน้ั จะสอดเขา ไป
ในชองคลอด โดยจะไปครอบบนปากมดลูก เพ่ือไมใหนาํ้ อสุจไิ หลผา นเขา ไป

68 คมู อื ครู

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขาใา จใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Evaluate
Expand Expand

ขยายความเขา ใจ

ตารางแสดงวฒั นธรรม ศลี ธรรมจรรยา และคา่ นยิ มทางเพศ (ต่อ) จากทกี่ ลา วมาแลว วา คา นยิ มทางเพศทเี่ หมาะสม
จะสง ผลใหม กี ารดาํ เนนิ ชวี ติ ทมี่ คี วามสขุ ดงั นน้ั ครู
วฒั นธรรมทางเพศและศีลธรรมจรรยาทางเพศ ค่านิยมทางเพศ จงึ แสดงใหเห็นถึงความแตกตา งวาหากมีคานิยม
(Sexual Culture and Ethics) (Sexual Value) ทางเพศที่ไมเ หมาะสมแลว จะเปน เชน ไร โดยตง้ั
คาํ ถามเพ่ือขยายความเขา ใจของนกั เรียน
วฒั นธรรมทางเพศ ศลี ธรรมจรรยาทางเพศ คา่ นยิ มทางเพศ
• คา นิยมทางเพศทไ่ี มเ หมาะสม สง ผลอยางไร
■ การปฏบิ ตั ติ นตอ่ กันด้วยความ ■ ไมล่ ่วงละเมดิ ทางเพศ ■ ต้องให้เกยี รติซ่ึงกนั และกนั กบั การดาํ เนินชีวติ ของนักเรยี น
ซ่อื สตั ย์ และทารณุ กรรมทางเพศแกผ่ อู้ นื่ ■ แสดงกิริยาที ่เหมาะสม (แนวตอบ ทําใหเ กิดปญหาตางๆ ตามมา
■ มเี จตคตทิ างเพศดา้ นบวก และยอมรบั ความแตกต่าง ท้งั ตอตนเองและสงั คมในเรือ่ งพฤตกิ รรม
โดยตระหนักวา่ เรื่องเก่ยี วกบั หลากหลายของกนั และกัน ทางเพศ เชน การมีเพศสมั พนั ธก อนวัย
เพศและพฤติกรรมทางเพศ อนั ควร เดก็ ถกู ทอดทงิ้ เนอื่ งจากการตงั้ ครรภ
เปน็ ธรรมชาติของมนุษย์ ไมพ ึงประสงค เปน ตน )

ค่านยิ มและความเชื่อทางเพศมคี วามสา� คญั ต่อการด�าเนินชวี ิต ดังตัวอย่างตอ่ ไปน้ี จากนั้นใหนกั เรียนแบงกลมุ กลมุ ละ 4-5 คน
๑. สังคมพหุวัฒนธรรมมีเกณฑ์หรือมาตรฐานท่ีใช้ในการตัดสินการกระท�าหรือก�าหนด ทําแผน ปา ยคาํ ขวัญรณรงคเพื่อสง เสรมิ ใหวยั รุนมี
พฤติกรรมทางเพศ เช่น การยดึ ถอื วัฒนธรรมรกั เดยี วใจเดียว การไม่ละเมดิ สิทธิในเนอ้ื ตัวรา่ งกาย คานิยมและทศั นคตทิ ีด่ ตี อ เรอ่ื งเพศ
ของผู้อ่นื การยอมรบั ความหลากหลายทางเพศ
๒. วัยรุ่นจะได้เห็นตัวอย่างหรือแบบแผนท่ีดีในการจัดการพฤติกรรมทางเพศของบุคคล
ทในาสงสังคังคมมทดี่แ้วสยดงเชอน่อกกถาึงรกวาารงปตัวฏ1ใิบนัตกิใานรเร่ืองเพศอย่างเหมาะสม และยังถือว่าเป็นการขัดเกลา
คบเพอื่ น การมเี พศสมั พนั ธท์ ปี่ ลอดภยั
และรับผิดชอบ
๓. ช่วยลดพฤติกรรมเส่ียงทาง
เพศทอ่ี าจกอ่ ใหเ้ กดิ ปญั หาสขุ ภาพตาม
มาได้ เชน่ การมเี พศสมั พันธต์ อ้ งสวม
ถงุ ยางอนามยั การตง้ั ครรภ์เมื่อพรอ้ ม
๔. ไดร้ บั การปลกู ฝงั ใหเ้ หน็ ความ
ส�าคัญต่อการด�ารงเผ่าพันธุ์ การเห็น
คุณค่าความเป็นมนุษย์ และทัศนคติ กิจกรรมท่ีจัดขึ้นเพ่ือสร้างความสัมพันธ์ท่ีดีของวัยรุ่น ควรมีความ
ดา้ นบวกในการสรา้ งครอบครวั ในอนาคต เหมาะสมตามวฒั นธรรมและคา่ นิยมของสังคม

69

กจิ กรรมสรา งเสรมิ นักเรยี นควรรู

ใหน กั เรยี นยกตวั อยางคา นิยมทางเพศของวัยรุนที่เหมาะสม 1 การวางตวั ในปจจุบนั คานิยมน้ียงั ใชไดด ีอยู เพราะชวยปองกนั ภัยทางเพศได
และไมเ หมาะสมมาอยางละ 5 ขอ โดยเขยี นลงในสมดุ แลวนําสง โดยสงั คมไทยถือเปนส่งิ สาํ คญั และมคี ณุ คา โดยการวางตวั อยางเหมาะสมนัน้ ไมใ ช
ครูผสู อน วาจะตัดความสัมพนั ธในการคบหากับเพอ่ื นชายโดยส้ินเชิง แตจะเนน การสราง
สมั พันธภาพทเ่ี หมาะสมตอกัน เชน วัยรนุ หญิงไมควรเปดโอกาสใหเ พื่อนชาย
กิจกรรมทา ทาย ไดใ กลชิดมากจนเกนิ ขอบเขต โดยปลอยใหจ ับมือถอื แขนโอบกอด เปนตน

ใหน กั เรยี นประเมนิ จากความรสู กึ ตนเองวา วยั รนุ ไทยสว นใหญ
มคี า นยิ มทางเพศทด่ี ีหรอื ไม อยา งไร หากพบวายงั มีคา นิยมทาง
เพศท่ีไมเ หมาะสม นกั เรยี นคดิ วา ควรปรบั เปลย่ี นทศั นคตหิ รอื
ปรบั ปรงุ แกไ ขใหม คี วามเหมาะสม ไดอ ยา งไร โดยเขียนลงใน
สมดุ แลว นําสง ครูผสู อน

คมู อื ครู 69

กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore

กระตนุ ความสนใจ Engage

ครตู ั้งคําถามกระตนุ ความสนใจของนกั เรยี น ๒.4 อิทธิพลทม่ี ีผลต่อค่านิยมทางเพศ1
โดยใหนักเรียนสามารถแสดงความคดิ เหน็ ไดอยาง
อสิ ระ เนอ่ื งจากรอบตวั เรามกี ฎเกณฑท์ างสังคมทีค่ นในสงั คมน้นั ๆ ถือปฏิบตั ิ รวมท้ังเรอ่ื งเพศด้วย

• นกั เรยี นคดิ วา มีอทิ ธิพลใดบา งท่ีมีผลตอ ซ่ึงอิทธิพลที่มีผลต่อค่านิยมและ
คา นยิ มทางเพศ ความเชอื่ ทางเพศ มดี งั นี้
(แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความ
คิดเห็นไดอ ยา งอิสระ โดยอาจตอบวา ศาสนา ๑) ศำสนำ ค�าสอน
บุคลกิ ภาพของแตล ะบุคคล ประเพณแี ละ
วัฒนธรรม) ของศาสนาต่างๆ จะมีค�าสอนที่
สอนใหบ้ คุ คลมคี า่ นยิ มทดี่ ใี นเรอื่ ง
• นักเรยี นคดิ วา วฒั นธรรมมีผลตอคา นยิ ม เพศ ไม่ให้ประพฤติผิดศีลธรรม
ทางเพศของวยั รนุ หรอื ไม อยางไร โดยสอนให้รู้จักการวางตัวในการ
(แนวตอบ นกั เรียนสามารถแสดงความคดิ เห็น คบเพอ่ื น สอนใหผ้ ทู้ น่ี บั ถอื ศาสนา
ไดอยา งอสิ ระ) ไมใ่ หล้ ว่ งเกนิ ละเมดิ สทิ ธกิ นั ดงั นนั้
พ่อแม่ หรือผู้ปกครองมีความส�าคัญในการปลูกฝังค่านิยมทางเพศให้แก่ ผู้ท่ีนับถือศาสนาอย่างเคร่งครัด
• เพราะเหตใุ ดวฒั นธรรมจงึ เปน สิ่งทีส่ งผลให บตุ รหลาน ซงึ่ บตุ รหลานมกั จะเลยี นแบบพฤตกิ รรมของพอ่ แม่ หรอื ผปู้ กครอง 2จะมีแนวคิดและค่านิยมแบบ
วัยรุนมคี า นิยมทางเพศท่ไี มเ หมาะสม ประเพณีนิยม คือ ยึดม่ันในจารีตประเพณี โดยการมีเพศสมั พนั ธ์เมอ่ื พร้อม
(แนวตอบ วฒั นธรรมไดเ ปลย่ี นแปลงไป
เนื่องจากสงั คมไทยไดร บั คา นยิ มวฒั นธรรม ๒) เจตคตทิ ำงเพศ เกดิ จากการศึกษาเล่าเรยี น และการเรยี นรจู้ ากประสบการณ์ชีวิต
ของชาตติ ะวนั ตกมาเปน แบบอยา ง
โดยเฉพาะคานิยมทางเพศ จึงสง ผลใหว ยั รุน หากมคี วามรู้ ความเขา้ ใจ และประสบการณช์ วี ติ ทดี่ ี ยอ่ มจะสง่ ผลใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจและปฏบิ ตั ติ าม
มพี ฤตกิ รรมทางเพศที่ไมเหมาะสม เพราะ ค่านิยมทางเพศไดอ้ ย่างถกู ต้องและเหมาะสม
คดิ วาเปนคา นิยมของวฒั นธรรมไทยไป
โดยสน้ิ เชงิ ) ๓) เจตคตทิ ำงเพศของพอ่ แม่ หรอื ผปู้ กครองทถี่ ำ่ ยทอดประสบกำรณส์ บู่ ตุ รหลำน

สาํ รวจคน หา Explore จากการส่งั สอนอบรมและปลกู ฝังคา่ นยิ มทางเพศในวยั เดก็ โดยเด็กมแี บบอยา่ งค่านยิ มจากพ่อแม่
หรอื ผ้ปู กครอง
ใหนกั เรียนแบงกลุม กลุม ละ 4-5 คน ศกึ ษา
เร่ือง อิทธิพลท่ีมีผลตอ คานยิ มทางเพศ และ ๔) บคุ ลกิ ภำพ ลกั ษณะของบคุ คลซง่ึ เปน็ เอกลกั ษณเ์ ฉพาะตวั และมกี ารแสดงออกให้
คา นยิ มทางเพศตามวัฒนธรรมของวัยรุน
จากหนงั สอื เรียน และแหลง เรียนรูอ ืน่ ๆ เพมิ่ เตมิ เห็นได้ทั้งจากภายนอกและภายใน เช่น ความเช่ือม่ันในตนเอง ท�าให้แสดงพฤติกรรมทางเพศ
เพือ่ เตรียมอภปิ ราย เช่น การแต่งกาย การพูดจา

๕) บรรทัดฐำนทำงสังคม ในเร่ืองขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม ระเบียบ

และกฎหมายต่างๆ เช่น เข้าใจวิถีชีวิตของคนต่างวัฒนธรรม สิทธิ และความเท่าเทียมของ
ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเพศใดกต็ ามกค็ วรไดร้ ับสทิ ธิ และความเท่าเทยี มเสมอภาคกนั โดยไมแ่ บง่ แยก
และกีดกัน หรือถูกเลือกปฏิบัติ แต่อย่างไรก็ตามก็ควรวางตัวอย่างเหมาะสม อยู่ในกรอบของ
ประเพณีและวัฒนธรรมไทย

70

นักเรยี นควรรู ขอสอบเนน การคิด
อทิ ธิพลใดมผี ลตอคานยิ มทางเพศของวัยรุน มากทีส่ ดุ
1 คา นิยมทางเพศ คา นยิ มทางเพศท่ผี ิดๆ เชน การยกยองใหเพศชายเปนใหญ 1. ศาสนา
กวา เพศหญิง การเอาเปรียบและดูถกู เพศตรงขาม เปนตน คา นยิ มเหลา นี้ลวนแต 2. ครอบครัว
สงผลกระทบตอความรักความผูกพนั ความสงบในครอบครวั และสังคม 3. บุคลิกภาพ
2 มีเพศสัมพันธ อาจกอ ใหเกิดโรคทางเพศสัมพันธไ ด ซ่งึ สามารถเปน ไดทกุ เพศ 4. บรรทดั ฐานทางสงั คม
ทกุ วยั ทกุ ชนชนั้ แตพบมากในหมูวัยรนุ ซึง่ อัตราการตดิ เชอ้ื ของโรคตดิ ตอ ทาง วิเคราะหคาํ ตอบ อิทธพิ ลทีม่ ผี ลตอ คา นิยมทางเพศของวยั รนุ
เพศสมั พันธจ ะพบมากขึน้ เนอ่ื งจากวัยรุนมีคา นิยมอยูกอ นแตงงาน หรอื นิยมมี มากทส่ี ดุ คือ ครอบครัว เนื่องจากเปน สถาบนั แรกทใ่ี หก ารอบรม
เพศสมั พันธตงั้ แตอ ายุยงั นอย โรคตดิ ตอ ทางเพศสัมพนั ธโ ดยมากมักจะไมเ กิด และปลกู ฝง คา นยิ มทางเพศทถ่ี กู ตอ งใหก บั บตุ รหลาน ซง่ึ ถา พอ แม
อาการ ดงั นน้ั จงึ สามารถติดตอไดโดยทไ่ี มรตู ัว ผปู กครอง มีทัศนคติท่ดี ีตอ คา นยิ มทางเพศ ก็ยอมสงผลให
บตุ รหลานมคี านยิ มทางเพศท่ีเหมาะสมตามไปดวย ตอบขอ 2.

70 คมู อื ครู

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

๓. คา่ นิยม1ทางเพศตามวัฒนธรรมไทย ครูสมุ นักเรียน 2-3 กลมุ ออกมาอภปิ ราย
วัฒนธรรมเป็นมรดกของสังคม เปน็ สิ่งที่มนษุ ยส์ รา้ งสรรคข์ ึน้ ด้วยภมู ิปญั ญา เพอื่ เป็นวถิ ีชีวิต เรือ่ ง อทิ ธพิ ลทม่ี ีผลตอ คา นยิ มทางเพศ โดยครแู ละ
ของคนในสังคม เป็นกฎระเบียบหรือมาตรฐานของพฤติกรรมที่คนในสังคมยอมรับ โดยเป็นตัว นกั เรียนคนอ่นื ๆ รว มกันเสนอแนะเพมิ่ เตมิ และ
ก�าหนด ขดั เกลา สรา้ งสรรคม์ นุษย์ใหม้ ีชวี ติ ทีด่ ีงาม โดยวฒั นธรรมมีผลต่อค่านยิ มทางเพศ ดงั นี้ ตง้ั คาํ ถามเพอ่ื ใหไ ดข อสรุปทีถ่ กู ตองรว มกัน

๓.๑ ๑ค)า่ บนริยรมทดัทฐาำงนเทพำศงคตราอมบคสรงั วั คแมละแสลงั คะมว2ัฒคา่นนธยิ มรทรามงเไพทศยตา มสงั คมและวฒั นธรรม • เพราะเหตใุ ด ศาสนาจึงมีอิทธพิ ลตอ คา นิยม
ทางเพศ
ไทยในอดีตมีความแตกต่างจากในปัจจุบันอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากในอดีตบุตรหลานจะถูกปลูก (แนวตอบ เพราะคาํ สอนของศาสนาตา งๆ
ฝังโดยการอบรมเล้ียงดูใหเ้ คารพเช่อื ฟังค�าส่ังสอนของบิดามารดาอย่างเครง่ ครัด วถิ ีชวี ิตตลอดจน จะมคี ําสอนที่สอนใหบ คุ คลมีคานยิ มทีด่ ใี น
วิธีการด�าเนินชีวิตจะต้องอยู่ในขอบเขตท่ีทางครอบครัวได้วางเอาไว้ รวมท้ังปัจจัยทางสังคมและ เรอื่ งเพศ ไมใ หป ระพฤตผิ ิดศลี ธรรม ดังน้นั
สภาพแวดล้อมกย็ ังไมเ่ อือ้ อ�านวยอยา่ งเชน่ ในปจั จบุ นั ค่านยิ มทางเพศในอดตี มีลกั ษณะ ดงั นี้ ผูท ีน่ ับถือศาสนาอยา งเครง ครัดจะมแี นวคดิ
ตวั อยำ่ ง และคา นิยมแบบประเพณีนยิ ม คอื ยดึ มนั่ ใน
จารีตประเพณี โดยการไมม เี พศสมั พันธก อน
ค่านิยมทางเพศ วัยอนั ควร หรอื กอ นแตง งาน)
คา่ นิยมทางเพศในอดตี
• การอบรมเลย้ี งดูของพอแม อาจสง ผลให
(๑) ผู้หญิงต้องอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนเพียงอย่างเดียว จึงท�าให้ผู้หญิงต้องถูกกดข่ีข่มเหงด้วยความไม่เท่าเทียม ลูกมคี า นยิ มทางเพศทเี่ ปลย่ี นไปหรือไม
ทางเพศ อยา งไร
(แนวตอบ การอบรมเล้ียงดูของพอ แม อาจ
(๒) ผชู้ ายมักเป็นใหญใ่ นบา้ น และมอี า� นาจในการตดั สนิ ใจทกุ อยา่ ง ส่วนผหู้ ญงิ มีหนา้ ทเี่ พยี งแคด่ ูแลบ้านและบตุ ร สง ผลใหลูกมีคานยิ มทางเพศที่เปลย่ี นไป
เท่านั้น เพราะลกู มักจะลอกเลียนแบบคานยิ มจาก
พอแม ซ่ึงลูกจะมีคานยิ มทางเพศทีเ่ หมาะสม
(๓) การนัดพบกัน ในอดีตสามารถพบกันได้โดยการแนะน�าจากผู้ใหญ่ หรือพบกันในเทศกาลงานต่างๆ ไม่มี หรอื ไมน้ัน ก็ยอ มขึน้ อยกู ับการอบรมและ
โอกาสไดม้ าพบกนั ในสถานทีส่ าธารณะอย่างเช่นในปัจจุบนั การปลกู ฝงคานิยมทางเพศของพอ แม)

(๔) ผหู้ ญิงตอ้ งไมแ่ สดงกริ ยิ าย่วั ยวน แสดงท่าทีเชอื้ เชิญ หรือให้โอกาสผ้ชู ายได้เข้ามาใกล้ชดิ • คา นยิ มทางเพศในอดตี มลี กั ษณะอยา งไรบา ง
(๕) การถกู ควบคมุ จากผใู้ หญใ่ นเรอื่ งของการเลอื กคนรกั การแตง่ งาน ทเ่ี รยี กวา่ “คลมุ ถงุ ชน” โดยใหเ้ หตผุ ลถงึ ความ (แนวตอบ เชน ผูชายมกั เปน ใหญใ นบา น
สว นผหู ญงิ มีหนาที่เพียงแคด ูแลบา นและลกู
คคู่ วร เหมาะสม เปน็ สงิ่ สา� คญั มากกวา่ จะนกึ ถงึ ความรกั ของระหวา่ งบคุ คล ทง้ั นม้ี กั จะอา้ งวา่ ใชบ้ รรทดั ฐานทาง เทา นน้ั เปน ตน)
ครอบครวั และสงั คมเปน็ เครอ่ื งตดั สนิ ใจใหแ้ ตง่ งานกนั ซงึ่ อาจจะดว้ ยความสมคั รใจหรอื ถกู บงั คบั กต็ ามแตก่ ต็ อ้ ง
ยนิ ยอมพรอ้ มทงั้ ปลูกฝังคา่ นยิ มของเพศหญงิ ให้มคี วามรกั และซอ่ื สตั ยต์ ่อสามเี พยี งคนเดยี ว

ค่านิยมทางเพศในปัจจุบัน

(๑) วัยรนุ่ มกี ารแสดงออกทางเพศทเี่ ปิดเผย มีการแตง่ ตัวทันสมัยมากขึ้น และแสดงความเปน็ ตวั ตนไดอ้ ยา่ ง
ชดั เจน

(๒) วยั ร่นุ เมือ่ มคี รอบครัว ต้องทา� งานเพ่อื เลย้ี งดูครอบครัว และมีภาระความรับผิดชอบร่วมกันในการเล้ียงดู
บุตรและสมาชิกในครอบครัว

7๑

กจิ กรรมสรา งเสรมิ นักเรยี นควรรู

ใหน กั เรยี นศกึ ษาเพม่ิ เตมิ เกี่ยวกับคานยิ มทางเพศตามสังคม 1 วัฒนธรรม คือ ลกั ษณะทแี่ สดงความเจริญงอกงาม ความเปนระเบยี บ
และวัฒนธรรมไทย แลว สรปุ สาระสาํ คัญลงในสมดุ สงครผู สู อน ความกาวหนาของประเทศชาติและศีลธรรมอันดีงามของประชาชน ใหเปนลกั ษณะ
ที่ดีประจาํ ชาตติ อ ไป
กิจกรรมทาทาย 2 บรรทดั ฐานทางครอบครวั และสังคม เปนตวั บง ช้ถี งึ แนวทางของครอบครัว
และสงั คมในการยอมรบั การกระทาํ การแตง กาย การพดู จาหรือรปู ลกั ษณภายนอก
ใหนักเรียนเลือกคานิยมทางเพศตามสังคมและวฒั นธรรมไทย บรรทดั ฐานนม้ี คี วามแตกตา งกันมากท้ังในเรือ่ งของชวงวัย ชนช้ันทางสังคม และ
มา 1 อยา ง แลววิเคราะหวาคานยิ มดังกลาวมผี ลดีอยางไร กลุมทางสังคมการปฏิบัติตามบรรทัดฐานของสังคมยอมนํามาซ่ึงการไดรับการ
ตอการปอ งกันไมใ หเกดิ การมีเพศสัมพนั ธกอ นวัยอันควร ยอมรบั และความเปนทนี่ ิยมภายในกลมุ การเพกิ เฉยตอบรรทดั ฐานของครอบครวั
หรอื กอนแตงงาน และสังคมอาจทาํ ใหบ ุคคลไมไดร บั การยอมรับจากกลุม หรืออาจถึงขัน้ ขับออก
จากกลุม เลยกเ็ ปน ได

คมู ือครู 71

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain

อธบิ ายความรู

ครสู มุ นักเรยี น 2-3 กลมุ โดยไมซ้ํากับกลมุ เดิม ๒) สภำพแวดล้อม สภาพแวดล้อมในอดีตกับปัจจุบันมีความแตกต่างกันมาก ซ่ึง
ออกมาอภปิ รายเรอ่ื ง คา นยิ มทางเพศตาม
วัฒนธรรมไทย โดยครูและนกั เรียนคนอื่นๆ รวมกนั ในปัจจุบันมีการเข้าเป็นส่วนหน่ึงของระบบเศรษฐกิจทุนนิยมโลก ท�าให้สังคมไทยก้าวเข้าสู่ความ
เสนอแนะเพิ่มเติม และตง้ั คาํ ถามเพื่อใหไดขอสรปุ เปน็ สมยั ใหม่อย่างหลีกเลย่ี งไม่ได้ การเคลอ่ื นตวั เขา้ สคู่ วามเป็น “สังคมพหวุ ัฒนธรรม” ทา� ให้เกดิ
ท่ถี กู ตอ งรวมกนั การสอ่ื สารขา้ มพรมแดน แนวคิดบรโิ ภคนยิ ม มกี ารใชช้ ีวติ ประจ�าวนั สัมผัสหลากหลายวฒั นธรรม
ทา� ใหเ้ กดิ กิจกรรมตา่ ง ๆ เช่น
• คา นิยมทางเพศของสังคมไทยในอดีตกับ
ปจ จบุ นั มคี วามตา งกันอยางไร • ใช้เวลากับการอัปเดตใน Facebook, Instagram และ Twitter
(แนวตอบ ในอดีตจะถูกปลูกฝงคานยิ ม • การดภู าพยนตร์ ซรี สี จ์ ากทงั้ ไทยและตา่ งประเทศผา่ นทาง YouTube และ Netflix
ทางเพศโดยการอบรมเลยี้ งดใู หเ คารพเชอ่ื ฟง • การเล่นเกมออนไลน์และสร้างความสัมพันธ์กับเพ่ือนท่ีไม่เคยเห็นตัวตนในโลก
คําสงั่ สอนของพอ แมอ ยางเครงครัด เชน ออนไลน์
ผหู ญงิ ตอ งไมแ สดงกิรยิ ายัว่ ยวน หรือให • วยั รุ่นหลายคนคลงั่ ไคลแ้ ละเป็นแฟนคลับของนักร้อง นกั แสดงต่างชาติ
โอกาสผูชายไดเ ขามาใกลช ดิ เปนตน • วยั รุน่ หลายคนมแี อพลเิ คชนั หาเพ่ือนในสมารต์ โฟน
แตส าํ หรบั ปจ จบุ นั สภาพครอบครวั และสงั คม
ไดเปลีย่ นแปลงไป ผหู ญงิ จะเทาเทยี มกบั ๓) สอ่ื สังคมออนไลน์ ความก้าวหนา้ และรวดเรว็ ของสอื่ สงั คมออนไลน์ในยุคดิจิทัล
ผูชาย ทําใหม โี อกาสเก่ียวขอ งกบั เรอ่ื งเพศ
มากขึน้ ) ชว่ ยใหว้ ยั รนุ่ ตดิ ตอ่ หรอื คบเพอื่ นไดม้ ากขนึ้ และหลากหลาย เชอ้ื ชาติ วฒั นธรรม เพยี งแคโ่ ทรศพั ท์
หรอื ใชอ้ นิ เทอรเ์ นต็ เปน็ สอื่ ในการตดิ ตอ่ กนั เมอื่ ใช้ในทางทเ่ี หมาะสมหรอื พดู คยุ กบั บคุ คล โดยพจิ ารณา
• คา นิยมทางเพศในปจจบุ นั มอี ะไรบา ง เลือกรบั สอ่ื ขอ้ มลู และเลอื กคบเพื่อนได้อย่างเหมาะสม
(แนวตอบ เชน มกี ารแสดงออกทางเพศอยา ง
เปดเผย และแสดงความเปน ตวั ตนไดอ ยาง
ชัดเจน แตงตวั ทนั สมยั มากข้ึน)

การเดนิ หา้ งสรรพสนิ ค้าในยามว่างเปน การเปดโลกทัศน์เพ่ือเรยี นรู้ส่งิ ใหมๆ่ ในสังคม

7๒

เบศรู ณรากษารฐกิจพอเพียง ขอสอบเนน การคิด
ขอ ใดไมใ ช วัฒนธรรมไทยเกย่ี วกบั เรื่องเพศ
ครูพูดคุยกับนักเรียนวา ปจจุบันวัยรุนสวนใหญมีความฟุงเฟอมากขึ้น เพื่อ 1. การดแู ลบานเปนหนา ท่ขี องสามีและภรรยา
ตองการใหตนเองทัดเทียมกับผูอื่น จึงมักจะแสวงหาสิ่งตางๆ เพ่ือตอบสนองความ 2. ผูชายท่ีแตงงานแลวตอ ง ซอ่ื สัตยตอ ภรรยา
ตอ งการของตนเอง โดยเฉพาะการเลอื กซอื้ แตข องทน่ี าํ เขา หรอื ผลติ มาจากตา งประเทศ 3. เปน หญงิ ตอ งรกั นวลสงวนตัว
ซ่ึงมีราคาคอนขางแพง จึงทําใหวัยรุนบางคนอาจมีคานิยมทางเพศท่ีไมถูกตองตาม 4. สามเี ปน ชางเทา หนา ภรรยาเปน ชางเทา หลัง
มาได เชน การขายบรกิ ารทางเพศ เพราะคดิ วาเปน หนทางหน่งึ ทส่ี ามารถไดเ งนิ มา วเิ คราะหค าํ ตอบ ในอดตี ผชู ายจะเปน ผูนําครอบครัว ซึง่ เปรียบ
อยา งรวดเรว็ ซงึ่ เปน ความคดิ ทไ่ี มถ กู ตอ ง หากวยั รนุ หนั มาปฏบิ ตั ติ นโดยยดึ หลกั ความ เสมอื นกบั ชา งเทาหนา และผหู ญงิ จะเปนผตู าม เปรียบเสมือน
พอเพยี งทเ่ี รยี บงา ยตามฐานะของตนเองปญ หาตา งๆ กจ็ ะไมเ กดิ ขนึ้ อกี ทง้ั ยงั ทาํ ใหเ รา ชางเทาหลัง แตใ นปจจบุ นั ผหู ญิงเริม่ มสี ทิ ธเิ ทา เทียมกับผชู าย
มกี ารดําเนนิ ชีวิตทมี่ คี วามสขุ อกี ดวย มากข้นึ โดยผหู ญงิ สามารถทจ่ี ะเปน ผนู ําครอบครวั ไดเ ชน เดยี วกนั
ตอบขอ 4.
ใหน กั เรยี นเสนอแนวทางการปฏบิ ตั ติ นใหม คี า นยิ มทเ่ี หมาะสมตามหลกั ของความ
พอเพยี ง แลว นาํ มาแลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ กบั เพอื่ นในชนั้ เรยี น โดยครอู าจเสนอแนะ
เพ่ิมเติมเพือ่ ใหไ ดขอสรุปทีถ่ กู ตองรวมกัน

72 คมู ือครู

กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขา ใา จใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

๔. ค่านิยมทางเพศตามสงั คมและวัฒนธรรมตะวันตก1 ใหน ักเรียนรวมกนั วเิ คราะหเ รอ่ื ง คานยิ มทาง
เพศตามสงั คมและวฒั นธรรมตะวนั ตก จากนน้ั
ปัจจุบันวัฒนธรรมตะวันตกได้เข้ามามีบทบาทและมีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมสังคมของไทย ครตู ้งั คาํ ถามเพือ่ ใหไดข อ สรปุ ที่ถกู ตอ งรว มกนั

มากขนึ้ ทง้ั น้ี เนอ่ื งมาจากเทคโนโลยแี ละการสอ่ื สารทก่ี า้ วหนา้ รวดเรว็ สง่ ผลทา� ใหว้ ยั รนุ่ มพี ฤตกิ รรม • อทิ ธิพลของวฒั นธรรมตะวันตกสง ผลให
คานยิ มทางเพศของวัยรุน ไทยเปล่ยี นไป
ลอกเลยี นแบบ และดา� เนนิ ชวี ติ ตามวฒั นธรรมตะวนั ตก ซงึ่ วฒั นธรรมบางอยา่ งอาจกอ่ ใหเ้ กดิ ปญั หา อยา งไร
(แนวตอบ วัยรนุ เกดิ การเลยี นแบบวัฒนธรรม
ทางสงั คมมากมาย โดยเฉพาะการมพี ฤติกรรมทางเพศที่ไมเ่ หมาะสม ตะวันตกในเรอ่ื งการแสดงออกทางเพศ เชน
การกอดจูบในท่สี าธารณะ การแตงกาย
การเลียนแบบวัฒนธรรมตะวันตกไม่ว่าจากส่ือภาพยนตร์ หนังสือ หรืออินเทอร์เน็ตก็ตาม ลอแหลม เปน ตน )

ไดท้ า� ให้ขนบธรรมเนยี ม จารตี ประเพณี วัฒนธรรมท่ีดงี ามของสังคมไทยเปล่ยี นไป ซ่ึงวฒั นธรรม • วัยรนุ ไดร บั การเลยี นแบบวฒั นธรรม
ตะวนั ตกจากแหลง ใดไดบ าง
บางอย่างส่งผลดี เช่น การกล้าแสดงความคิดเหน็ ความขยันและทุม่ เทใหก้ บั งาน การมองโลก (แนวตอบ ส่ือภาพยนตร หนงั สอื หรอื
อินเทอรเ น็ต)
ในด้านบวก การมแี นวคดิ ท่ีดตี ่างๆ เปน็ ตน้ ในขณะทีว่ ฒั นธรรมบางอยา่ งกลายเป็นตัวอย่างทไ่ี ม่ดี
• อทิ ธิพลของวฒั นธรรมตะวนั ตกมีผลตอ
ไมเ่ หมาะสมกบั วฒั นธรรมไทย จากพฤตกิ รรมวยั รนุ่ เชน่ เสรภี าพในการคบเพอ่ื นตา่ งเพศ ซงึ่ บางครง้ั พฤติกรรมทางเพศของวัยรนุ ในเร่อื งใดบาง
(แนวตอบ ปญ หาเรอื่ งเพศ เชน การคบเพอ่ื น
มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการมีเพศสัมพันธ์ การถูกเนื้อต้องตัวกันมีมากข้ึน พฤติกรรมการแสดงออก ตางเพศอยา งไมเหมาะสม การแตงกาย
ลอ แหลม เปนตน และปญ หาทางสงั คม เชน
ทางเพศในที่สาธารณะ เช่น การโอบกอด การแต่งกายที่ไม่มิดชิด กิริยามารยาทท่ีไม่เรียบร้อย การมว่ั สุมกันในสถานเริงรมย การทาํ แทง
เปน ตน)
การแสดงออกอยา่ งเปดิ เผยในเรอ่ื งเพศ

อทิ ธพิ ลของวฒั นธรรมตะวนั ตกทม่ี ตี อ่ พฤตกิ รรมทางเพศของวยั รนุ่ ในสงั คมไทย พอจะสรปุ ได้

ดงั นี้ ๑. ขอ้ มลู เร่อื งเพศ เชน่ การคบเพื่อนท่เี หมาะสม การไปเทยี่ วกบั เพอ่ื น การแตง่ กาย การมี

เพศสัมพนั ธเ์ มอ่ื พรอ้ ม
๒. สังคมยุคดิจิทัล เช่น การรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่ทันสมัยในทุกสถานที่ ทุกเวลา มีทักษะ

ของความเป็นผู้รู้เท่าทันที่ต่ืนตัวพร้อมปรับใช้

ค่านิยมและพฤติกรรมทางเพศจากวัฒนธรรม ขยายความเขา ใจ Expand

ตะวันตก
ดังน้ัน การยอมรับและเข้าใจวัฒนธรรม
ตะวนั ตกทเี่ ขา้ มา จงึ ควรเลอื กรบั คา่ นยิ มทางเพศ ใหน กั เรียนทาํ กิจกรรมสรางสรรคพ ัฒนา
ทีเ่ หมาะสมกบั สภาพสังคมไทย เช่น การเลือก การเรยี นรใู นกจิ กรรมท่ี 1 และ 3 จากหนงั สอื เรยี น
คบเพื่อนท่ีดี การมีเพศสัมพันธ์กับคู่ครองเมื่อ หนา 76

พร้อม การให้เกียรติซ่ึงกันและกัน การพูดจา
กนั อยา่ งสุภาพ การรักษาสทิ ธิในเน้ือตัวรา่ งกาย
ไม่ให้ผู้อื่นเข้ามาใกล้ชิด หรือถูกเนื้อต้องตัวจน การใชส้ อื่ สารสนเทศ ท�าให้สามารถรบั ข้อมลู ขา่ วสาร
เกนิ งาม อยา่ งรวดเรว็ จึงตอ้ งใช้วิจารณญาณในการรบั ขอ้ มูล

7๓

ขอสอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู

วฒั นธรรมตา งชาตทิ ี่มีผลตอพฤติกรรมทางเพศของเดก็ วยั รนุ เกิดจาก 1 วัฒนธรรมตะวนั ตก มอี ิทธพิ ลตอ สังคมไทยเปน อยา งมาก ทาํ ใหเ กิดการ
สาเหตใุ ดมากทีส่ ุด เปลี่ยนแปลงทางพฤตกิ รรมท่ีถกู ตองและไมถูกตอง เชน การแตง กาย ความฟงุ เฟอ
วตั ถนุ ยิ ม พฤตกิ รรมทางเพศ เปนตน ที่เขามามีบทบาทตอการใชชีวติ ประจาํ วัน
1. หนังสือและสิง่ พิมพต า งๆ โดยเฉพาะในกลมุ วยั รนุ
2. การสอื่ สารทไี่ รพรมแดน
3. ความเจริญทางเทคโนโลยสี ารสนเทศ
4. ภาพยนตร วิทยุ โทรทัศน
วิเคราะหคําตอบ วัยรนุ จะเกดิ การเลียนแบบคา นยิ มหรือพฤตกิ รรมทางเพศ
ทางวฒั นธรรมตางชาติ โดยไดร บั อิทธพิ ลมาจากความเจรญิ ทางเทคโนโลยี
สารสนเทศตา งๆ ไดแก อนิ เทอรเนต็ ภาพยนตร วิทยุ โทรทัศน และ
สื่อส่งิ พมิ พตางๆ ตอบขอ 3.

คูมอื ครู 73

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขา าใจใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Evaluate
Engage Expand Expand

ขยายความเขา ใจ

ใหน กั เรยี นรว มกนั อภปิ รายเรอ่ื ง แนวปฏบิ ตั ิ ๕. แนวปฏิบตั ติ ามคา่ นิยมทางเพศท่ีเหมาะสม
ตามคานิยมทางเพศท่เี หมาะสม โดยครูและ
นักเรยี นคนอื่นๆ รว มกนั เสนอแนะเพมิ่ เติม และ คา่ นยิ มทางเพศของวยั รนุ่ เปน็ สง่ิ สา� คญั ทวี่ ยั รนุ่ ควรยดึ ถอื ปฏบิ ตั ใิ หเ้ หมาะสมตอ่ ขนบธรรมเนยี ม
ตง้ั คาํ ถามเพอื่ ใหไ ดขอ สรุปทถ่ี กู ตองรว มกนั ประเพณี และวัฒนธรรมของไทย แนวทางการ

• แนวทางการปฏบิ ัติตนตามคา นยิ มทางเพศ ปฏบิ ตั ติ นตามคา่ นยิ มทางเพศทวี่ ยั รนุ่ ควรยดึ ถอื
ที่เหมาะสมของวัยรนุ ไดแกอะไรบาง
(แนวตอบ การรักนวลสงวนตวั การสราง ปฏิบตั ิ มีดังน้ี
สัมพนั ธภาพตอสมาชิกในครอบครัวและเพ่อื น
การสรา งคณุ ภาพชีวติ และบคุ ลกิ ภาพทดี่ ีตอ ๑. กำรปกปอ งสทิ ธใิ นเนอ้ื ตวั รำ่ งกำย
ตนเอง และการสรางคานยิ มทางเพศท่ถี กู ตอง
ตอตนเองและผอู น่ื ) ของตนเองและผู้อ่ืน เป็นสิ่งท่ีวัยรุ่นควรยึดถือ

• การปฏบิ ตั ติ นตามคา นยิ มทางเพศทเ่ี หมาะสม ปฏบิ ตั เิ ปน็ อยา่ งมาก คอื การแสดงออกถงึ ทา่ ทาง
ของผูหญิง คอื ส่ิงใด
(แนวตอบ การรกั นวลสงวนตวั คอื การไม กริ ยิ าทเ่ี หมาะสม และเคารพผอู้ น่ื และไมล่ ะเมดิ
ปลอยตวั และปลอ ยใจไปอยา งงายดาย หรอื
แสดงออกถึงกริ ยิ า ทาทาง ทเ่ี ปนการย่วั ยตุ อ สิทธิทางเพศของผู้อื่น
ฝา ยชาย)
การแต่งกายที่สุภาพเรียบร้อยถือเปนวัฒนธรรมท่ีดีงาม ๒. กำรมีพฤติกรรมทำงเพศที่
• การสรางคณุ ภาพชวี ติ ทด่ี ขี องตนเอง ควรทํา ซ่งึ วยั รุ่นควรประพฤตปิ ฏบิ ัติ
อยางไรบาง เหมำะสม ควรมคี วามรบั ผดิ ชอบ และมจี ติ สา� นกึ
(แนวตอบ เหน็ คุณคาในตนเอง หลีกเลยี่ ง
พฤติกรรมเสีย่ งท่ที ําใหติดโรคตดิ ตอทาง ทด่ี ตี อ่ สงั คมในเร่ืองเพศ ตลอดจนการใหเ้ กียรตซิ ง่ึ กันและกนั
เพศสมั พันธ และการเขา รว มกจิ กรรมตา งๆ
เพือ่ ไมใ หหมกมนุ ในเรอื่ งเพศ) ๓. กำรสรำ้ งคณุ ภำพชวี ติ ทด่ี ขี อง1ตนเอง เชน่ การสรา้ งภมู คิ มุ้ กนั ทดี่ ใี นเรอ่ื งเพศโดยใช้
ทักษะชวี ติ ดว้ ยการปฏเิ สธการมีเพศสัมพันธก์ ่อนวัยอันควร การตระหนักในคณุ ค่า การหลีกเลี่ยง

ตอ่ การเกดิ โรคตดิ ตอ่ ทางเพศสัมพนั ธ์ การเขา้ รว่ มกจิ กรรมของทางโรงเรยี น ทางสงั คม เพือ่ การ

ผ่อนคลายตนเอง มิให้หมกมุน่ ในเรื่องเพศ

๔. กำรสร้ำงบุคลิกภำพท่ีดีต่อ

ตนเอง เช่น การแต่งกายที่เหมาะสมกับช่วงวยั

และกาลเทศะ การเหน็ คณุ คา่ ในตนเองและผอู้ น่ื

เป็นต้น

๕. กำรสร้ำงค่ำนิยมทำงเพศท่ี

ถูกตอ้ งต่อตนเองและผู้อน่ื เช่น การปฏบิ ัตติ าม

ค�าสอนของบิดามารดา ผ้ปู กครอง ครูอาจารย์

การตระหนักถึงค่านิยมทางเพศที่เหมาะสม

การเล่นดนตรีเพ่ือผ่อนคลาย เปนแนวทางหน่ึงท่ีช่วยให้ ไมข่ ดั ตอ่ ขนบธรรมเนยี ม ประเพณี และวฒั นธรรม
วยั รนุ่ สามารถหลีกเลีย่ งปญั หาตา่ งๆ ได้ ที่ดีงามของไทย

74 ขอสอบเนน การคดิ
ขอ ใดไมใช การปฏบิ ตั ติ นตามคานยิ มทางเพศที่เหมาะสม
นกั เรียนควรรู 1. ปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมประเพณีท่ดี ีงามของไทย
2. ฝายชายและฝายหญิงควรใหเกยี รติซ่ึงกนั และกัน
1 การปฏิเสธการมเี พศสัมพนั ธ เปนวธิ ที ี่ดีทสี่ ดุ ถา ยังไมพรอ ม ใหคดิ เสมอวา 3. การแตง กายใหถูกกาลเทศะและเหมาะสมกบั วยั
ถา เขาไมยอมรับการปฏิเสธแสดงวาเขาไมไดร ักเราอยา งจริงใจ ไมสมควรจะเปน 4. การหมกมนุ ในเรอ่ื งเพศมากเกินไป
ครู ักกันอีกตอ ไป โดยการปฏิเสธนนั้ จะตอ งพูดอยา งจรงิ จงั ไมใ หค วามหวงั และ วิเคราะหคาํ ตอบ การหมกมนุ ในเรื่องเพศมากเกินไป เปน
ไมอยูดวยกันสองตอ สอง ซึง่ อาจจะทาํ ใหก ารปฏิเสธไมป ระสบผลสําเรจ็ ได คา นยิ มทางเพศทไ่ี มเ หมาะสม เนอื่ งจากอาจสงผลใหวัยรนุ เกดิ การ
เสพตดิ ทางเพศ ซึ่งนาํ ไปสพู ฤตกิ รรมทางเพศที่ไมเ หมาะสมและ
มุม IT สง ผลกระทบตอตนเองในดา นสุขภาพ และสังคม ตอบขอ 4.

ศึกษาเพ่มิ เติมเกี่ยวกับขอควรปฏบิ ตั ิในเรอื่ งเพศของวัยรุน ไดจ าก
http://songchai.rwb.ac.th/a5/54.htm

74 คูมือครู

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขา ใา จใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Evaluate
Expand Expand

ขยายความเขา ใจ

การคบ เพ่ือนของวยั รุ่น เสริมสาระ ใหนักเรยี นศกึ ษาเพ่มิ เติมเรอ่ื ง การคบเพอ่ื น
ของวัยรุน จากเสริมสาระ จากนัน้ ใหนักเรยี น
วัยรุ่นเม่ือก้าวเข้าสู่ความเป็นผู้ใหญ่ย่อมมีความต้องการสร้างความ รวมกนั วิเคราะหวา แนวทางการคบเพื่อนตา งเพศ
สมั พนั ธท์ น่ี อกเหนอื ไปจากเพอื่ นเพศเดยี วกนั นน่ั กค็ อื ความปรารถนาจะได้ ทีเ่ หมาะสมกบั สงั คมและวฒั นธรรมไทยควรปฏิบัติ
ความเป็นเพ่ือน ซึ่งเป็นความต้องการตามธรรมชาติ แต่วัยรุ่นควรท่ีจะ อยา งไรบาง
ประพฤติตนให้ถูกต้องเหมาะสม โดยแนวทางการคบเพ่ือนที่เหมาะสม
กบั สงั คมและวัฒนธรรมไทย มดี ังน้ี จากนน้ั ใหนักเรยี นแบง กลุมออกเปน 4 กลมุ
กลุมละ 5-6 คน แสดงบทบาทสมมตใิ นเร่อื งการ
๑. การรู้จักวางตัว การวางตวั ทดี่ ีแสดงถึงการมีมารยาททางสังคม จึงต้องรู้จัก ปฏิบตั ิตนตามคา นยิ มทางเพศทเ่ี หมาะสม ซง่ึ จะ
อยา่ งเหมาะสม ระมัดระวังและวางตัวใหด้ ี เชน่ ไมค่ วรถูกเนือ้ ต้องตัวกัน เป็นตน้ ใหตวั แทนกลมุ ออกมาจับสลากเลอื กหัวขอ สําหรบั
ถงึ แมจ้ ะสนทิ สนมกนั เพยี งใดกต็ าม ไมค่ วรแสดงออกจนเกนิ งาม เพราะพฤตกิ รรม การแสดง โดยมปี ระเดน็ ดงั นี้
ดังกลา่ วจะทา� ใหถ้ ูกสงั คมมองในแงล่ บได้
• การรกั นวลสงวนตวั
๒. การเลอื กคบ เพื่อนมีหลายลักษณะมีท้ังท่ีเป็นคนดีและไม่ดี จึงควรใช้วิจารณญาณของตนเองในการ • การวางตวั ตอ เพศตรงขา มอยา งเหมาะสม
เพื่อนทด่ี ี เลือกคบเพ่ือนให้รอบคอบ ซึ่งเพ่ือนที่ดีจะต้องชักน�าเราไปสู่ทางท่ีเจริญ เช่น ชักชวน • การสรา งคุณภาพชีวติ ที่ดขี องตนเอง
ใหต้ ้งั ใจศกึ ษาเลา่ เรยี น ไมช่ ักชวนเพอื่ นให้เลน่ การพนนั และเสพสารเสพติด เป็นตน้

๓. การช่วยเหลอื เปน็ สงิ่ ทสี่ มควรปลกู ฝงั และปฏบิ ตั ติ อ่ กนั เปน็ อยา่ งยงิ่ เพราะจะชว่ ยสานสมั พนั ธร์ ะหวา่ งเพศ
เกื้อกลู กัน ใหแ้ นน่ แฟน้ มากขน้ึ โดยอาจชว่ ยเหลอื ซง่ึ กนั และกนั เพอื่ แสดงออกถงึ การมนี า้� ใจ การเออื้ เฟอ
เผอื่ แผ่ และอยากคบหาสมาคมดว้ ย เชน่ ชว่ ยสอนการบา้ น ชว่ ยอา� นวยความสะดวกในเรอ่ื ง
อาหารการกนิ ชว่ ยดูแลห่วงใยเมือ่ เจบ็ ปวย เปน็ ตน้

ทมี่ าขอ้ มลู : ดดั แปลงจาก http:// 203.130.141.211/surinee/lesson2_3.htm

สรปุ

คานิยมเปนสิ่งที่สังคมกําหนดข้ึนมาเปนแนวทางใหสมาชิกของสังคมยึดถือปฏิบัติ ซ่ึงจะ
ชว ยทําใหก ารดําเนินชวี ิตเปน ไปอยางปกตสิ ขุ ไมเกิดปญหา คา นยิ มทางเพศในการเคารพในสทิ ธิ
เนอ้ื ตวั รา งกายของตนเองและผอู นื่ และการยอมรบั ความหลากหลายทางเพศ ไดร บั การพสิ จู นแ ลว
วา เหมาะสมกบั สภาพแวดลอ มและบรรทดั ฐานกบั สงั คมพหวุ ฒั นธรรม หากเราปฏบิ ตั ติ าม นอกจาก
จะชว ยทาํ ใหเ ราดาํ เนินชีวิตไดอ ยา งถกู ตอ ง และมคี วามสุขแลว กย็ ังจะเปน การชวยใหเราใชช ีวิต
ในสงั คมพหุวฒั นธรรมอยางราบรนื่

75

ขอสอบเนน การคดิ เกรด็ แนะครู

การปฏบิ ัตใิ นขอ ใดสอดคลองกับคา นิยมรกั นวลสงวนตัว หลงั จากทนี่ ักเรียนแสดงบทบาทสมมตเิ สรจ็ สน้ิ ครูควรใหนกั เรียน
1. ไมไ ปไหนกบั เพ่อื นตางเพศ แตละกลุม สรปุ สาระสําคัญของเรอ่ื งที่กลุมของตนเองไดรับ และใหกลมุ ทอ่ี อกมา
2. ไมส มาคมกับเพอื่ นตา งเพศ แสดงบทบาทสมมตไิ ดมีการถามคาํ ถามเพ่อื น เพ่ือตรวจสอบความเขาใจของ
3. ไมใหเพื่อนตางเพศชว ยเหลอื นกั เรยี น โดยครชู วยเสนอแนะและอธิบายเพิ่มเติม
4. ไมอยูในท่ีลบั ตากับเพื่อนตา งเพศ
วเิ คราะหค ําตอบ การรกั นวลสงวนตวั หมายความวา สามารถจะมเี พ่ือน
ตา งเพศ คบหาสมาคมกบั เพอ่ื นตางเพศได แตต อ งระมัดระวังอยา ใหเพอื่ น
ตางเพศโอบกอด และที่สาํ คญั อยา อยใู นที่ลบั ตาสองตอสองกับเพ่อื นตา งเพศ

เพราะผูอนื่ จะมองในลักษณะมีความสัมพนั ธเ ชิงชสู าว ตอบขอ 4.

คูม อื ครู 75

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Explore Explain Expand
Engage Evaluate Evaluate

ตรวจสอบผล

1. การทาํ แผนปายคําขวญั รณรงคคา นยิ มและ ¤íÒ¶ÒÁ»ÃШÓ˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÌÙ
เจตคตทิ ่ดี ตี อ เรอ่ื งเพศ
๑ สังคมพหุวฒั นธรรมมีผลตอ่ คา่ นิยมทางเพศของวัยรนุ่ อย่างไร
2. การทํากจิ กรรมสรางสรรคพัฒนาการเรียนรู ๒ ความหลากหลายทางเพศในสงั คมไทยในปจั จบุ ันเปน็ อยา่ งไร
3. การแสดงบทบาทสมมตเิ รื่อง การปฏบิ ัติตนตาม ๓ แนวทางในการปฏบิ ตั ิตนทเี่ คารพสิทธใิ นเนอื้ ตวั ร่างกายของตนเองและผอู้ ่ืนมอี ะไรบ้าง
๔ คา่ นิยมทางเพศมีความส�าคัญตอ่ การดา� เนนิ ชวี ติ ของนักเรียนอยา่ งไร
คานิยมทางเพศทเี่ หมาะสม ๕ คา่ นยิ มทางเพศท่ีไมเ่ หมาะสมส�าหรับนักเรียนคืออะไร และจะสง่ ผลกระทบต่อนักเรียนอย่างไร

หลกั ฐานแสดงผลการเรยี นรู

• แผน ปา ยคําขวญั รณรงคค านิยมและเจตคติ
ทด่ี ตี อเรื่องเพศ

กิจก๑รรมที่ ¡Ô¨¡ÃÃÁ
กิจก๒รรมท่ี
กจิ ก๓รรมท่ี ÊÌҧÊÃ侏 ²Ñ ¹Ò¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ

นักเรียนแบ่งกลุ่มอภิปรายในหัวข้อวัฒนธรรมไทยและวัฒนธรรมตะวันตกที่
สง่ ผลต่อคา่ นยิ มทางเพศในปัจจบุ นั
นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ รว่ มกนั จดั ปา ยนเิ ทศเกยี่ วกบั คา่ นยิ มทางเพศทเ่ี หมาะสมของ
วยั รนุ่ ในสงั คมพหวุ ฒั นธรรม เพอื่ เปน็ การแลกเปลย่ี นความรกู้ บั เพอื่ นตา่ งกลมุ่
และเผยแพร่ความรตู้ อ่ บคุ คลอนื่ ๆ ในโรงเรียน
นักเรียนแบ่งกลุ่มแล้วช่วยกันระดมความคิดและยกตัวอย่างท้องถ่ินของ
นักเรียนท่อี าศัยอยู่นั้นว่ามีคา่ นยิ มทางเพศอยา่ งไรบ้าง มา ๑ ทอ้ งถ่ิน

76

แนวตอบ คาํ ถามประจําหนว ยการเรยี นรู
1. ทําใหว ัยรนุ เหน็ ความหลากหลายของกลุมคนท่ีอาศยั อยูรวมกนั เชน ความหลากหลายทางเช้อื ชาติ ภาษา ศาสนา ศลิ ปวัฒนธรรม ประเพณี วิถีการดําเนินชวี ิต

เปนตน นอกจากนีย้ ังแสดงใหเ หน็ วาในปจ จุบนั มีกลุมผทู มี่ ีความหลากหลายทางเพศมากขึน้
2. ผทู ี่มีความหลากหลายทางเพศมีสทิ ธิความเทาเทียมมากขึน้ โดยปราศจากการกีดกัน หรือการถกู เลือกปฏบิ ตั ิ เชน สามารถแตงกายตามเพศสภาพหรือเพศวถิ ีไดใน

สถานศึกษา หรือสถานทที่ าํ งานบางแหง เปนตน
3. ตนเอง เชน การวางตวั อยา งเหมาะสม การรจู ักปอ งกันตนเองจากการลวงละเมิดทางเพศ เปนตน ผอู น่ื เชน การใหเ กียรติซงึ่ กนั และกนั ไมละเมดิ หรอื ลวงเกินผอู ื่น

เปน ตน
4. การมคี านยิ มทางเพศทีเ่ หมาะสม จะสงผลใหด าํ เนินชีวติ ไดอ ยา งมีความสุข เนือ่ งจากสามารถปอ งกันและหลีกเลีย่ งการเกิดพฤตกิ รรมเสย่ี งทางเพศตางๆ ได
5. การมเี พศสัมพันธกอ นวัยอันครวร ปญหาดังกลาว จะสง ผลกระทบตอ สังคมไทย เชน ปญ หาการเพ่มิ ขึน้ ของประชากร เดก็ ถูกทอดทิง้ ซ่ึงรัฐตองสญู เสียงบประมาณ

เปน จํานวนมากในการเลี้ยงดูเด็กท่ีถูกทอดทิง้ และคา รกั ษาพยาบาลสําหรบั ผทู ีเ่ จ็บปว ยภายหลงั จากการทําแทง และเด็กท่ีเกิดมาดว ยความไมตั้งใจของพอแม
เม่อื เติบโตขึน้ มาจะเปนพลเมอื งทไ่ี มม ีคุณภาพในการพัฒนาประเทศเทาทคี่ วร

76 คูม ือครู

กกรระตะตนุ Eุนnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain
Engage Expand Evaluate

เปา หมายการเรยี นรู

วเิ คราะหส าเหตแุ ละผลของความขดั แยง ที่
อาจเกิดข้นึ ระหวา งนักเรียนหรอื เยาวชนในชมุ ชน
และเสนอแนะแนวทางแกไขปญ หาได

สมรรถนะของผเู รียน

1. ความสามารถในการสอ่ื สาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการใชทักษะชวี ิต

คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค

1. ใฝเรยี นรู
2. อยูอยางพอเพยี ง
3. มงุ มน่ั ในการทํางาน

วยั รุนทกุ คนยอ มพบกับความเปลี่ยนแปลงตางๆ ทง้ั ทางรางกาย อารมณ กระตนุ ความสนใจ Engage
และจิตใจ อันเนื่องมาจากการเจริญเติบโตตามธรรมชาติที่เปนไปตามวัย
õหน่วยการเรยี นรู้ และตองยอมรับวาวัยรุนเปนวัยที่มีการเปลี่ยนแปลงทางฮอรโมนอยางรวดเร็ว ใหน กั เรยี นดคู ลปิ วดิ โี อวยั รนุ ทะเลาะววิ าทกัน
ซ่ึงมีผลกับการเปล่ียนแปลงทางดานอารมณอยางมาก บางครั้งอาจทําให จากนนั้ ต้งั คาํ ถามเพือ่ กระตนุ ความสนใจ โดยให
วัยรุนขาดการยับย้ังช่ังใจ และแสดงออกมาเปนพฤติกรรมที่ไมพึงประสงค นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็นไดอยางอสิ ระ
อันจะกอใหเกิดความขัดแยงและความรุนแรงได การเรียนรูและปรับตัวใน
ดานตางๆ จึงจําเปนมากสําหรับวัยรุน ท้ังน้ีเพอื่ จะไดส ามารถปรบั ตวั ไดอ ยา ง • นกั เรยี นคดิ วา เหตุการณท เี่ กิดขน้ึ นนั้
เหมาะสม และอยรู ว มกบั ผอู นื่ ไดอ ยา งมคี วามสขุ เปน ผลมาจากสาเหตใุ ด

สัมพันธภาพระหวา งนักเรียนในชมุ ชน • นกั เรยี นคิดวา การกระทาํ ดงั กลาวเปน วธิ ี
แกไ ขปญหาท่ีถกู ตองหรอื ไม อยางไร

ตวั ช้ีวัด สาระการเรียนรู
■ วิเคราะหสาเหตุและผลของความขัดแยงท่ีอาจเกิดขึ้นระหวาง ■ ความขัดแยง ทีอ่ าจเกิดขึ้นระหวา งนักเรียนหรือเยาวชนใน

นกั เรยี นหรอื เยาวชนในชุมชน และเสนอแนวทางแกไขปญ หา ชุมชน
พ ๒.๑ ม.๔-๖/๔ - สาเหตขุ องความขดั แยง
- ผลกระทบที่เกดิ จากความขดั แยงระหวา งนกั เรยี นหรอื

เยาวชนในชุมชน
- แนวทางการแกป ญหาทอ่ี าจเกดิ จากความขดั แยง ของ

นักเรยี นหรอื เยาวชนในชมุ ชน

เกรด็ แนะครู

เนื่องจากในหนวยการเรยี นรนู ี้จะกลาวถงึ เรอื่ งสัมพนั ธภาพระหวางนกั เรียนหรอื
เยาวชนในชมุ ชน ดังน้นั ครจู งึ ควรใหนกั เรยี นไดมีการสรา งสมั พันธภาพท่ีดีตอ กนั
โดยการใหนักเรยี นไดทํากิจกรรมตา งๆ รวมกัน เชน การทํางานกลมุ รว มกัน
การเขา คา ยเยาวชน เปนตน เพ่อื ใหน กั เรยี นไดรูจักการปรบั ตวั ไดอ ยา งเหมาะสม
และอยูรวมกับผอู ืน่ ไดอยา งมีความสุข โดยปราศจากความขดั แยง และความรุนแรง
ท่อี าจเกิดข้ึน

คมู ือครู 77

กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore

กระตนุ ความสนใจ Engage

ครตู ้ังคาํ ถามกระตนุ ความสนใจ โดยใหน กั เรยี น ๑. คคววามาขมัดขแยัด้ง1แเปย็นสงิ่งรทะ่ีเกหิดวขึ้นาเงสนมอกั ในเชรีวียิตปนรใะจน�าวชันุมขอชงเนรา บางคร้ังความขัดแย้งท�าให้เกิด
สามารถแสดงความคิดเหน็ ไดอยา งอิสระ

• เม่อื นักเรียนพบเห็นผูอ่นื ทะเลาะววิ าทกัน
นักเรยี นจะทาํ อยา งไรกับเหตุการณท เี่ กดิ ขน้ึ ความคิดสร้างสรรค์ ท�าให้เกิดประโยชน ์
(แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเหน็
ไดอยา งอสิ ระ) เพราะท�าให้บุคคลได้คิดพิจารณาในประเด็น

• นกั เรียนคิดวา การทะเลาะวิวาทอาจสง ผล ต่างๆ ที่เป็นที่มาของความขัดแย้ง ท�าให้
กระทบตอตนเองและผอู ่ืนอยา งไรบา ง
(แนวตอบ นักเรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ เกิดความเข้าใจในตนเองและผู้อ่ืน ยินดีท่ีจะ
ไดอ ยางอสิ ระ)
ปรับปรุงความคิดความเชื่อของตนเอง แต่
• นกั เรยี นจะมีแนวทางในการแกไขปญหา
ดงั กลา วไดอยา งไร บางครั้งความขัดแย้งก็ก่อให้เกิดความรุนแรง
(แนวตอบ นกั เรียนสามารถแสดงความคิดเหน็
ไดอยางอิสระ) การทะเลาะวิวาท และปัญหาในสังคมตามมา

นักเรียนจึงจ�าเป็นต้องมีทักษะในการปฏิบัติตน

บุคคลในสังคมเกิดมาจากหลายครอบครัวท่ีอาจมีการ เพ่ือปองกันสาเหตุของการเกิดความขัดแย้ง
เล้ยี งดู มีทศั นคตทิ ่ีแตกตางกันออกไป จึงตองเรียนรกู าร รวมถึงปองกันปัญหาความรุนแรงอันเป็นผล
ปรบั ตัวเขาหากนั เพอ่ื ใหเ กดิ ความสมานฉันท สบื เน่อื งมาจากความขดั แยง้

สาํ รวจคน หา Explore ความขดั แยง้ หมายถึง ปฏิสมั พนั ธท์ ่ีมีลักษณะของความไม่เปน็ มติ รหรือตรงกนั ขา้ ม หรอื ไม่

ใหนักเรยี นศกึ ษาเรอื่ ง ความขดั แยงระหวา ง ลงรอยกนั หรอื ความไมส่ อดคลอ้ งกัน ซ่ึงมลี กั ษณะ ดังน้ี
นกั เรยี นในชมุ ชน สาเหตุความขัดแยง ระหวาง ๑. จะมีบุคคลอยา่ งนอ้ ยท่ีสดุ ๒ บุคคลทเ่ี ข้ามาเกยี่ วขอ้ งสัมพันธ์กัน และมปี ฏิสัมพนั ธ์
นักเรยี นในชุมชน และผลกระทบที่เกดิ จากความ บางอย่างต่อกัน
ขัดแยงระหวา งนกั เรยี นในชุมชน จากหนังสือเรียน ๒. แตล่ ะบคุ คล จะมคี วามเชอื่ และคา่ นยิ มเฉพาะ ซงึ่ แตล่ ะบคุ คลตระหนกั และมองเหน็
และแหลงเรยี นรูอืน่ ๆ เพ่มิ เติม เพอื่ เตรยี มอภปิ ราย
ในความเชอื่ และค่านยิ มนั้น
๓. ปฏิสัมพันธ์ระหว่างแต่ละบุคคล
ซงึ่ จะแสดงออกมาเปน็ พฤตกิ รรมทแ่ี สดงถงึ การ
ขม่ ขู่ การลดพลงั การกดดันฝา่ ยตรงข้าม เพ่อื
ใหไ้ ดม้ าซ่งึ ชัยชนะ
๔. แตล่ ะบคุ คล เผชิญหนา้ กันหรอื
แสดงปฏิกิริยาในลักษณะตรงข้ามกันหรือเป็น
ปฏิปักษต์ ่อกัน
๕. แต่ละบุคคลจะแสดงปฏิกิริยาที่
เมื่อเกดิ ความขดั แยงหรอื ความไมเขา ใจกัน ควรพูดคุยกัน กอ่ ใหเ้ กดิ ความเหนอื กวา่ ทางดา้ นอา� นาจตอ่ อกี
ดวยเหตุและผล เพื่อปรับความเขาใจกัน โดยไมใชความ ฝา่ ยหน่งึ
รุนแรง

๗8

เกร็ดแนะครู ขอ สอบ O-NET
ขอสอบป ’51 ออกเก่ยี วกับความขัดแยง
ครูควรนําขาวเหตุการณเ กย่ี วกับความขดั แยงระหวา งนักเรียนมาเลาใหนกั เรียน ถา เพอ่ื นของนกั เรียนมีเหตุทะเลาะวิวาทกัน นกั เรียนควรปฏบิ ตั ิ
ฟง และใหน ักเรยี นรว มกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั สาเหตุท่เี กิดข้นึ วาเกดิ มาจาก อยา งไรจงึ จะดที ส่ี ดุ
สาเหตใุ ด และมีแนวทางแกไ ขปญหานนั้ อยา งไร 1. รีบเขา ไปขวางและบอกใหท้ังสองฝายใจเยน็ ๆ
2. บอกใหทงั้ คใู จเยน็ และบอกใหเพื่อนไปตามครู
นักเรยี นควรรู 3. รีบดึงเพ่อื นคนใดคนหนงึ่ ออกไปใหไ กลๆ
4. รบี เดินหนไี ปใหเ ร็วทีส่ ดุ และไปแจงครู
1 ความขดั แยง ปญ หาความขัดแยงในเด็กวยั รนุ มักมีปจจยั ตา งๆ เขามามสี วน วเิ คราะหค าํ ตอบ เมอื่ เหน็ เพอ่ื นทะเลาะววิ าทกนั นกั เรยี นควรทจี่ ะ
ทาํ ใหเ กิดความขัดแยง เชน พื้นฐานทางดานอารมณ การเล้ียงดู สภาพทางดา น หา มเพื่อนทั้ง 2 ฝายกอน แลวจงึ ไปบอกใหค รูทราบ เนื่องจากทา น
ครอบครัว คานิยม ส่อื ตา งๆ เปนตน หากไมมกี ารดแู ลเอาใจใสว ยั รนุ มากพอ จะสามารถชวยแกไขปญ หาท่เี กิดข้นึ ไดด ีกวา ตอบขอ 2.
ก็อาจสง ผลกระทบตอการดาํ เนินชวี ิตของวยั รุน ได

78 คูม ือครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

บ คุ คล 1 (In traจpาeกrsลoักnษaณl cะoขnอflงicคt)ว านมกั ขเรัดยี แนยล้งอดงังพกจิ ลา่ารวณขา้าวงา่ ตใน้นก าจระดเา�รเียนกนิ วช่าวีเปติ ็ขนอคงวนากัมเขรัดยี นแยใน้งแรตะหล่ ะวว่านัง ใหน กั เรยี นรว มกนั อภปิ รายเรอื่ ง ความขดั แยง
นักเรียนได้เคยมีประสบการณ์ในลักษณะใด ระหวา งนกั เรยี นในชมุ ชน และสาเหตคุ วามขดั แยง
ลกั ษณะหน่ึงดงั กลา่ วบ้างหรอื ไม ่ ประสบการณ์ ระหวา งนกั เรยี นในชมุ ชน โดยครแู ละนกั เรยี น
นั้นอาจเกิดขึ้นกับนักเรียนเองหรือเกิดกับผู้อื่น คนอน่ื ๆ รว มกนั เสนอแนะ เพม่ิ เตมิ และตง้ั คาํ ถาม
หรอื บคุ คลทนี่ กั เรยี นรจู้ กั หรอื เกยี่ วขอ้ งดว้ ย ทงั้ เพอื่ ใหไ ดข อ สรปุ ทถี่ กู ตอ งรว มกนั
ท่บี า้ น ทีโ่ รงเรียน หรอื ในสงั คมท่ัวไป
ความขัดแย้งนอกจากจะเกิดข้ึน • ความขดั แยง หมายถงึ อะไร
ระหวา่ งบคุ คล หรอื กลมุ่ หรอื ฝา่ ยแลว้ ยงั เกดิ ขนึ้ (แนวตอบ ปฏสิ ัมพันธท่มี ีลักษณะของความไม
ในตัวบุคคลด้วย ตัวอย่างเช่น บุคคลคนหน่ึง เปนมติ รหรือตรงกันขาม หรือไมลงรอยกนั
อาจจะมีความคิดท่ีขัดแย้งกัน เช่น นักเรียน ในการศกึ ษาเลา เรยี น นกั เรยี นอาจมคี วามคดิ เหน็ ทขี่ ดั แยง หรอื ความไมสอดคลองกนั )
อาจจะชอบเพื่อนในห้องชื่อต้น แต่ต้นอาจจะ กบั เพอ่ื น ซง่ึ นกั เรยี นควรใชเ หตแุ ละผลในการหาขอ สรปุ ทด่ี ี
รกั ใครช่ อบพอสนิทสนมกับน�า้ ซงึ่ นกั เรียนไม่ชอบน้�า ความร้สู กึ ขดั แย้งอาจจะเกิดขน้ึ กบั นกั เรยี น • ยกตวั อยา งลักษณะของความขัดแยง
ความยุ่งยากในการตัดสินใจก็จะเกิดข้นึ วา่ ควรจะเลิกคบกับตน้ หรือไม ่ เปน็ ตน้ (แนวตอบ เชน ปฏิสัมพนั ธระหวา งแตล ะฝา ย
ซ่งึ จะแสดงออกมาเปน พฤตกิ รรมท่แี สดงถงึ
๒. สาเหตุความขัดแยงระหวางนักเรยี นในชมุ ชน การขมขู การกดดนั ฝา ยตรงขา ม เพอ่ื ใหได
มาซง่ึ ชยั ชนะ หรือเปนการทแ่ี ตล ะฝา ยแสดง
ความขัดแยง้ ระหวา่ งบุคคลหรอื ระหวา่ งกลมุ่ เกิดขน้ึ ได้จากสาเหตุหรือแหล่งตา่ งๆ ดังน้ี ปฏิกิรยิ าในลกั ษณะตรงกันขาม เปนตน)

มนษุ ยสัมพนั ธ การล้อเลยี น การกลัน่ แกล้งระหวา่ งบุคคลหรอื กล่มุ บคุ คล • ความขัดแยงเกิดจากสาเหตุใดบา ง
(แนวตอบ เกดิ จากตวั บุคคลหรือกลุม บคุ คล
ซึ่งมีลกั ษณะ ดงั นี้ โดยความขัดแยงทเี่ กิดจากตวั บุคคลเองอาจ
๑. ความไมเ ขาใจกนั เกดิ จากบุคลกิ ภาพสวนบคุ คล เชน ความ
๒. ความสมั พนั ธท ี่เพิกเฉยและไมเกอื้ กลู กนั กา วราว การชอบใชความรุนแรง เปนตน
๓. ความลมเหลวของการส่ือความหมายอยา งเปด เผยและซื่อตรง ซ่ึงแตล ะคนอาจจะมีมากนอยแตกตางกัน
๔. บรรยากาศของการไมไ วว างใจซ่งึ กนั และกัน ความกดดัน และการลอเลยี น การกลั่นแกลง สาํ หรบั ความขดั แยงทเี่ กดิ จากกลมุ บุคคลนั้น
อาจเกิดจากความไมเ ขาใจกนั ความกดดนั
การแขง ขนั ฯลฯ)

การแขง่ ขนั เพื่อใหไ้ ด้มาซงึ่ รางวลั ท่ีมอี ยจู่ าํ กดั

ไมว า จะเปน สิ่งตอบแทนอน่ื ๆ สถานภาพ ความรบั ผดิ ชอบ และอาํ นาจ

องคป ระกอบสว่ นบุคคล เชน การมีสัญชาตญาณของความรุนแรง กาวราว2

ความขัดแยงอาจเกิดจากบุคลิกภาพสวนบุคคล
ครอบครัวแตกแยก คบเพ่ือนท่ีเปนอันธพาล ชอบใชกําลังในการตัดสินปญหา เปนตน ซ่ึงแตละคน
อาจจะมีมากนอยแตกตางกัน

๗๙

บรู ณาการเชื่อมสาระ นกั เรียนควรรู

สามารถนําเนื้อหาเรอื่ ง สาเหตหุ รือทีม่ าของความขดั แยง ไป 1 ความขดั แยง ระหวา งบคุ คล สาเหตขุ องความขดั แยง ระหวา งบคุ คลอาจเกดิ จาก
บรู ณาการเชอื่ มโยงกับกลมุ สาระการเรียนรูสงั คมศึกษา ศาสนา และ การสอื่ สารที่บกพรอ ง การไมพอใจในการกระทํา ความไมร ไู มเ ขา ใจ การไมเปด เผย
วัฒนธรรม วชิ าหนา ทีพ่ ลเมอื ง วฒั นธรรม และการดาํ เนนิ ชีวิตใน ขอเท็จจริงแลว นําไปสูค วามขัดแยง หรือการเปล่ยี นแปลง ท้งั นี้ การเปลยี่ นแปลงไป
สงั คม เรื่อง ปจ จยั ที่กอ ใหเ กดิ ความขัดแยง สสู ่งิ ใหมม ักมีการตอ ตา น และการสือ่ สารทีบ่ กพรองอาจทาํ ใหบ คุ คลทเี่ ราตอ งการ
สือ่ สารดวยไมเขา ใจในส่ิงทีเ่ ราจะส่อื สาร ทาํ ใหเ กดิ ความเขาใจผดิ และนาํ มาสูความ
ขดั แยง ในทีส่ ดุ
2 กาวราว สาเหตทุ ีว่ ัยรุนมพี ฤตกิ รรมกา วราวรุนแรง มกั จะเกดิ จากการขาด
ความรัก ความอบอนุ ในวยั เด็ก ทําใหวัยรนุ เรียกรอ งความสนใจจากพอแมและบุคคล
รอบขาง หรือถกู เลีย้ งดอู ยา งตามใจมากเกนิ ไป จึงขาดการควบคมุ ตนเอง

คมู อื ครู 79

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain

อธบิ ายความรู

ใหน กั เรยี นรว มกนั อภปิ รายตอในเรื่อง จากสาเหตุความขัดแย้งท่ีเกิดข้ึนดังกล่าวข้างต้น อาจก่อให้เกิดความรุนแรงได้ หากบุคคล
สาเหตคุ วามขดั แยง ระหวา งนักเรยี นในชุมชน ไมส่ ามารถแกไ้ ขความขดั แยง้ ทเี่ กดิ ขนึ้ ได ้ หรอื ใชค้ วามรนุ แรงในการตดั สนิ ปญั หา ซง่ึ สาเหตทุ อ่ี าจกอ่
โดยครแู ละนกั เรยี นคนอ่ืนๆ รว มกนั เสนอแนะ ให้เกดิ ความรุนแรงนน้ั ส่วนหนึ่งมาจากปจั จัยทเี่ กีย่ วข้อง ดงั น ี้
เพม่ิ เติม และตงั้ คาํ ถามเพ่ือใหไดขอสรุปที่ถูกตอง
รว มกัน แผนภาพแสดงปจ จัยเส่ยี งท่ีเกีย่ วกับความรนุ แรงในวยั รุ่น

• นกั เรียนคดิ วา การเลน เกมตอสกู นั ปจจยั ดา้ นกายภาพ ปจ จยั ด้านสถานการณ
เปนสาเหตหุ นึง่ ที่สงผลใหเกดิ พฤตกิ รรม เชน เงอ่ื นไขทางพนั ธุกรรม การได เชน พอ แมถูกจับเพราะกระทํา
การใชค วามรุนแรงอยางไร รบั ความกระทบกระเทือนทางสมอง ปจ จัยดา้ นจิตใจ ความผดิ การทะเลาะเบาะแวงกัน
(แนวตอบ เน่ืองจากเกมตอสทู ว่ี ยั รุน นิยมเลน หรอื ระบบประสาทจากการบาดเจ็บ
ในปจ จุบนั จะเปน เกมท่ีใชความรุนแรง ซง่ึ มผี ลตอ พฒั นาการตามวัย การ เชน ชอบเสี่ยง สมาธิสัน้ ในครอบครัว ใชอ ารมณด ดุ า
ใชก าํ ลงั ในการตอ สูอ ยา งโหดเหยี้ ม จงึ ทาํ ให มนี ํ้าหนกั ต่าํ กวา เกณฑ หรือการได มคี วามเช่ือและเจตคติ ทํารายลูก ครอบครัวแตกแยก
วยั รนุ บางคนอาจเกดิ การเลียนแบบพฤตกิ รรม สัมผัสส่ิงปนเปอ นกับสารพษิ ทําให ตอ ตา นสงั คม ชอบความ การหยารา ง หรือการแยกกันอยู
ดงั กลา ว บางคนอาจเขา ใจวาการใชก าํ ลัง รุนแรงตน่ื เตน ชอบละเมดิ
สามารถแกไ ขปญหาตางๆ ได จงึ สงผลใหมี สารพิษเขาสรู า งกาย เปน ตน กฎขอบงั คบั ไมช อบเรยี น ของพอและแม เปน ตน
พฤติกรรมแสดงออกในทางกา วรา ว) หนังสือหรอื ไปโรงเรยี น
เปนตน
• การอบรมเลี้ยงดูบุตรหลานลกั ษณะแบบใด ปจจยั ดา้ นสงิ่ แวดลอ้ ม ปจ จัยด้านอทิ ธพิ ลของสอ่ื
ที่สงผลใหวัยรนุ แสดงพฤตกิ รรมความรุนแรง เชน ครอบครวั มีฐานะยากจนจงึ มี เชน ชอบเลนเกมคอมพิวเตอร
ออกมาใหเหน็ ในปจ จุบัน โอกาสที่จะอยูในส่ิงแวดลอมทไี่ มดี ดูรายการทางโทรทศั น
(แนวตอบ การเล้ยี งดบู ตุ รหลานแบบเขมงวด อาจมีการใชค วามรุนแรง คบเพื่อน ทม่ี ีเนื้อหาสาระสง เสริม
บังคบั บตุ รหลานมากเกินไป ขาดความรัก ท่เี ปนอันธพาล ชอบทะเลาะววิ าท ความรนุ แรง เปนตน
ความอบอนุ ความเออื้ อาทร จึงสง ผลให หรอื ใชก ําลงั ในการตดั สินปญหา
บุตรหลานเกดิ ความเกบ็ กด และระบาย ความขดั แยง ได เปน ตน
อารมณออกมาในลกั ษณะของพฤตกิ รรม
ความรุนแรง) ปจจัยด้านประสบการณช ีวติ ปจ จัยดา้ นความสัมพนั ธ
ในครอบครวั
เตชง้ัน แตกเาดร็กถ1กู มทีปาํ รราะ ยสหบรกอื ากราณรเถปกู นทพอยดาทนง้ิ
รูเห็นเหตุการณป ลนจี้ เชน พอ แมเ ลี้ยงดูลกู แบบเขม งวด
ควบคุมบังคับลูกมากเกนิ ไป ขาด
การทาํ รา ย หรอื ฆาตกรรม ความรกั ความเอือ้ อาทร ครอบครัว
มกี ารเสพสารเสพติด หรอื ดืม่ ขาดความสขุ ทาํ ใหล กู มคี วาม
เกบ็ กด และระบายอารมณอ อกมา
เครอื่ งดื่มที่มแี อลกอฮอล
เปน ตน ในลักษณะเปน พฤติกรรม
ความรนุ แรง เปนตน

8๐

เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิด
การเล้ยี งลูกแบบตามใจมคี วามหมายตรงกบั ขอ ใดมากท่สี ุด
ครคู วรหากจิ กรรมตางๆ ท่ีเหมาะสมใหนักเรยี นไดมสี วนรวม เชน การแขงขัน 1. รักววั ใหผูก รกั ลูกใหตี 2. เห็นชา งขี้ ข้ีตามชาง
ประกวดรอ งเพลง การประกวดวาดภาพ เปน ตน เพือ่ ใหนักเรยี นสามารถลด 3. ววั หายลอ มคอก 4. พอแมรังแกฉนั
พฤตกิ รรมการใชความรุนแรงตางๆ ได และใชเวลาวางใหเกดิ ประโยชน
วิเคราะหคําตอบ การเล้ยี งลกู แบบตามใจทกุ อยา ง จะสง ผลให
นกั เรียนควรรู ลกู ขาดความมั่นใจในตัวเอง ไมส ามารถตัดสนิ ใจไดเ อง และยัง
สง ผลกระทบใหเ กิดพฤตกิ รรมกา วราว เนือ่ งจากลกู เม่อื ไมไ ดส ิง่ ที่
1 การถูกทอดทิ้งต้งั แตเ ด็ก คือ เด็กทมี่ ารดาคลอดทง้ิ ไวในโรงพยาบาล หรือ ตอ งการ ก็จะแสดงพฤตกิ รรมกา วรา วออกมา ซง่ึ สงิ่ เหลา นจี้ ะสง ผล
ตามสถานทีต่ างๆ รวมไปถงึ เด็กทพี่ อ แมป ลอ ยทง้ิ ไวใหมชี วี ติ อยลู าํ พัง หรือกบั กระทบตอ ไปเรอื่ ยๆ จนกระทงั่ เมอื่ ลกู เรมิ่ โตขึ้นเปน ผูใ หญ พอแม
บุคคลอืน่ โดยไมไ ดรับการเลี้ยงดจู ากพอแม ทงั้ น้อี าจมีสาเหตมุ าจากปญหา ไมส ามารถจะชว ยเหลือดแู ลลูกไดทกุ เรือ่ งทําใหลูกชว ยเหลอื ตนเอง
การหยา ราง หรือครอบครัวแตกแยก ทาํ ใหเด็กมีสภาพชวี ิตอยูทา มกลางความ ไมไ ด ลกู กจ็ ะกลายเปนคนมปี ญหาเขากับสังคมไมไ ด จงึ อาจเปรยี บ
สับสน ขาดความรกั ความอบอนุ และขาดผูอุปการะเลยี้ งดู
ไดว า การเลยี้ งลกู ดงั กลา ว เสมอื นกบั “พอ แมร งั แกฉนั ” ตอบขอ 4.

80 คมู อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขาใา จใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

๓. ผลกระทบที่เกิดจากความขดั แยงระหวางนกั เรียนในชมุ ชน ใหนกั เรียนรวมกนั อภิปรายเรื่อง ผลกระทบ
ทเี่ กิดจากความขัดแยง ระหวา งนักเรยี นในชมุ ชน
ความขัดแย้งเป็นส่ิงที่ดีหรือไม่ดี ขึ้นอยู่กับแนวคิดและความเช่ือของแต่ละคน บางคนมอง โดยครแู ละนักเรียนคนอนื่ ๆ รว มกนั เสนอแนะ
ความขัดแย้งเป็นสิ่งไม่ดี เป็นของคู่กับความ เพม่ิ เติม และต้ังคาํ ถามเพือ่ ใหไ ดขอ สรุปที่ถกู ตอง
รวมกนั
รุนแรง ส�าหรับกลุ่มบุคคลบางกลุ่มในปัจจุบัน
• ความขดั แยง อาจสง ผลกระทบอยา งไรบาง
มีแนวคิดว่าความขัดแย้งเป็นสิ่งปกติท่ีเกิดข้ึน (แนวตอบ อาจสง ผลกระทบไดท้ังในเชงิ ลบ
และเชิงบวก ซงึ่ ผลกระทบในเชงิ ลบน้นั
ตามธรรมชาต ิ ความขัดแยง้ บางอย่างเป็นสิ่งทด่ี ี ไดแก อาจทาํ ใหเ กดิ ความแตกแยก หรือเกดิ
ความรนุ แรงขนึ้ สาํ หรับผลกระทบในเชงิ บวก
เพราะช่วยกระตุ้นให้คนพยายามแก้ปัญหา โดย อาจเปน การนําพาบุคคลใหเขามาสกู าร
แกปญหาท่ีสําคัญ ลดความกดดันในประเด็น
เปลย่ี นความขดั แยง้ ใหม้ ปี ระโยชนแ์ ละสรา้ งสรรค์ ปญหา สรางความรวมมอื และสรา งความ
เขาใจในการแกไขปญหารวมกัน)
ส�าหรับวัยรุ่นความขัดแย้งในกลุ่มเพ่ือน

เกิดข้ึนได้เสมอ เม่ือเพื่อนแต่ละคนมีความคิด

มีจุดมุ่งหมายของชีวิตท่ีแตกต่างกัน โดยเม่ือ

เพื่อนตัดสินใจเลือกว่าจะมีความคิดเห็นด้วยกับ การปรกึ ษาหารอื ขอคาํ แนะนาํ จากครอู าจารยเ มอ่ื เกดิ ความ ขยายความเขา ใจ Expand
ใคร กอ็ าจท�าใหเ้ กิดสถานการณท์ ี่นา� ไปส่ปู ัญหา ขัดแยงกับเพื่อนเกี่ยวกับเน้ือหาท่ีเรียนมาถือเปนการ
ความขัดแย้งที่เกดิ ขึ้นได้ แกปญหาท่ีดี โดยเปลี่ยนความขัดแยงใหมีประโยชน ใหน ักเรียนเสนอแนะผลกระทบทเี่ กิดจาก
สาเหตุหรือท่ีมาของความขัดแย้งดังกล่าว และสรา งสรรค ความขดั แยงระหวา งนักเรียนในชุมชนเพ่ิมเติม วา
มผี ลกระทบใดอ่นื อีกนอกเหนอื จากทีไ่ ดอภิปราย
อาจจะถือได้ว่าเป็นสภาวการณนําไปสูความขัดแยง (Antecedent conditions of conflict) รวมกัน

หากสภาวะเหล่าน้ีท�าให้สมาชิกในกลุ่มเกิดการรับรู้และรู้สึกว่าเป็นสภาวะที่คุกคามน�าความ ใหนักเรยี นสรปุ สาระสาํ คญั เรอ่ื ง ความขดั แยง
และผลกระทบทเ่ี กดิ จากความขัดแยงระหวาง
ไมส่ บายใจมาให ้ เกิดความรู้สึกว่าฝา่ ยตรงข้ามเป็นศัตรกู นั เกิดความรู้สึกกลัว ไมไ่ ว้วางใจรสู้ กึ วา่ นักเรยี นในชมุ ชน ในรูปแบบของผังความคดิ
แลว นําสง ครูผูสอน
ฝ่ายของตนจะต้องเป็นฝ่ายชนะ ก็จะแสดงพฤติกรรมในลักษณะท่ีจะพยายามสกัดก้ันไม่ให้อีก

ฝ่ายหน่งึ บรรลุเปาหมายท่ีต้องการ พฤตกิ รรมเหล่าน้อี าจจะเรม่ิ ตัง้ แตก่ ารเปน็ ศัตรูในใจท่ีคอยจอ้ ง

หาโอกาส คอยคดั คา้ น ตอ่ ตา้ น ไปจนถงึ การแสดงพฤตกิ รรมกา้ วร้าว เช่น ชกต่อย ท�าร้ายรา่ งกาย

เป็นต้น จะเห็นได้จากข่าวการชกต่อยท�าร้ายร่างกายของกลุ่มเยาวชนบางกลุ่มดังท่ีส่ือมวลชน

เอามาน�าเสนอ

ความรุนแรงในวยั ร่นุ ที่เผยแพร่ในสอื่ ต่างๆ เชน่ การทะเลาะววิ าท การยกพวกตกี ัน เปน็ ต้น

ซ่ึงมีผลก่อให้เกิดการบาดเจ็บและบางรายถึงขั้นเสียชีวิต เม่ือได้วิเคราะห์ถึงพฤติกรรมความ

รนุ แรงดงั กลา่ ว จะพบวา่ วัยรุน่ ซ่ึงเป็นนักเรยี น หรือเยาวชน อาจมีอารมณต์ งึ เครียด รสู้ ึกวา่ ตนเอง

ถกู คกุ คาม ทา� ใหม้ คี วามโกรธรนุ แรงมากขนึ้ จนกระทง่ั หมดความอดทน ในทสี่ ดุ กไ็ มส่ ามารถควบคมุ

อารมณ์ท่ีเกบ็ กดไว้ได ้ จึงแสดงออกดว้ ยพฤติกรรมความรนุ แรง

8๑

ขอสอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู

หากเพอื่ นของนักเรยี นมีพฤติกรรมกา วราวรนุ แรงกบั สมาชกิ ในกลมุ ของ ครูควรอธิบายเพม่ิ เติมเกีย่ วกบั ผลกระทบทเี่ กดิ จากความขัดแยง เพอื่ ใหน กั เรียน
ตนเอง นกั เรยี นคิดวา พฤติกรรมดังกลา วอาจสง ผลกระทบอยา งไรบา ง เกิดความตระหนกั และสามารถหลีกเลย่ี งปญหาท่เี ปนสาเหตุใหเ กดิ ความขดั แยงได
แนวตอบ เพอื่ นในกลมุ อยอู ยา งไมส งบสขุ เกดิ การขดั แยง ทะเลาะววิ าทกนั โดยอาจยกตวั อยางเหตุการณทเ่ี กิดข้นึ จริงในปจ จุบันมาเลาใหน ักเรียนฟง เชน
รวมถงึ บุคคลอนื่ เชน พอแม ครูอาจารย ญาติผูใหญ สถานศกึ ษาของ การทะเลาะววิ าทในวยั รนุ ทีเ่ กิดจากการแยง ชิงคนรัก ซ่งึ อาจนาํ ไปสปู ญ หา
นกั เรยี น เปน ตน อาจไดร ับความเดือดรอนจากการกระทาํ น้ันๆ ความรุนแรงได

มุม IT

ศึกษาเพ่มิ เติมเก่ยี วกับผลกระทบทเี่ กิดจากความขัดแยง ไดจาก
http://www.gotoknow.org/posts/288516

คูมอื ครู 81

กกรระตะตนุ Eุนnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore

กระตนุ ความสนใจ Engage

ครตู งั้ คาํ ถามกระตนุ ความสนใจ โดยใหนกั เรียน ผลกระทบทเี่ กดิ จากความรนุ แรงของวยั รนุ่ นน้ั มตี งั้ แตเ่ รอื่ งเลก็ นอ้ ยไปจนถงึ เกดิ ความ
สามารถแสดงความคดิ เหน็ ไดอยา งอิสระ สูญเสยี ถงึ ชวี ิต ดงั นี้

• นกั เรยี นคิดวา แนวทางในการแกป ญหา หรอื ๑. ถูกจับได้เมื่อขโมยส่ิงของ เงินทอง ทรัพย์สินของมีค่าของเพ่ือน ครู พ่อแม ่
ลดความขัดแยง เปนวิธกี ารแกไ ขปญ หาท่ไี ด หรือผู้ปกครองเป็นประจ�า ซึ่งบางกรณีการกระท�าพฤติกรรมการลักเล็กขโมยน้อยเป็นประจ�า
ผลหรอื ไม อาจถูกทางโรงเรียนตัดสินลงโทษทางวินัยถึงขั้นพักการเรียน ซ่ึงท�าให้มีผลกระทบต่อสุขภาพจิต
(แนวตอบ นกั เรียนสามารถแสดงความคิดเหน็ และความมนั่ คงในชีวิต กอ่ ให้เกดิ ภาพพจนท์ างดา้ นลบทงั้ ต่อตัวบคุ คลและสถาบันทางการศกึ ษา
ไดอ ยา งอิสระ) ๒. สังคมและชุมชนที่อยู่อาศัยมีความไม่สงบสุข จากการท่ีวัยรุ่นมีพฤติกรรมต่อต้าน
สังคม ท�าให้เกิดความวุ่นวายก่อกวนความสงบสุขของผู้อื่น รวมไปถึงบุคคลอ่ืนอาจได้รับความ
• เพราะเหตุใด จึงตอ งมีแนวทางในการ เดือดร้อนจากการกระท�านั้น ๆ ซึ่งไม่ได้มีส่วนเก่ียวข้องกับปัญหาความขัดแย้งแต่อย่างใด จน
แกปญ หาหรอื ลดความขดั แยง กระทง่ั กลายเปน็ ปญั หาของสังคม
(แนวตอบ ขึน้ อยูกบั คําตอบของนกั เรียน โดย ๓. ผู้ถูกข่มขู่เกิดความวิตกกังวล ม1ีความหวาดกลัวหรือได้รับบาดเจ็บจากการถูก
อาจตอบวา เพ่อื ทาํ ใหพ ฤตกิ รรมของความ ท�าร้าย ตัวอย่างเช่น รุ่นพ่ีแสดงพฤติกรรมข่มขู่รุ่นน้องในสถาบัน หรือผู้ท่ีแข็งแรงกว่าข่มขู่ผู้ที่
ขดั แยง หายไปหรอื สิ้นสดุ ลง เชน ความกดดัน อ่อนแอกว่าตน เป็นต้น
ทางอารมณแ ละจติ ใจ ความแคน ขนุ เคือง ๔. เป็นตัวอยา่ งท่ไี มด่ ใี นสงั คม ซ่ึงจากการเผยแพรข่ ่าวเกีย่ วกบั ความรุนแรงในวยั ร่นุ
ไมพอใจ เปนตน ) ตามสอ่ื ต่างๆ อาจส่งผลใหว้ ัยร่นุ บางกล่มุ เกิดพฤตกิ รรมการเลียนแบบ จนขยายวงกว้างกลายเปน็
พฤติกรรมของคนกลุ่มใหญ่ซงึ่ สง่ ผลกระทบต่อสังคมมากขึน้ ได้
• แนวทางแกไ ขปญหา หรือลดความขัดแยง
ในวัยรนุ มีแนวทางใดบาง ๔. แนวทางในการแกปญหา
(แนวตอบ นกั เรียนสามารถแสดงความคดิ เหน็
ไดอยางอสิ ระ โดยอาจตอบวา การใหนกั เรียน หรือลดความขัดแยง
มสี ว นรวมในการแกป ญ หา การใหคาํ แนะนํา
แกว ัยรนุ ทมี่ ีปญหา เปนตน )

สาํ รวจคน หา Explore การแกป้ ญั หาความขดั แยง้ หมายถงึ การลด
หรอื ขจดั ความขดั แยง้ เพอ่ื ทา� ใหพ้ ฤตกิ รรมของ
ใหนักเรยี นแบง กลุม กลมุ ละ 3-4 คน ศกึ ษา การขัดแยง้ หายไปหรอื ส้ินสุดลง
เรือ่ ง แนวทางในการแกป ญหาหรือลดความขดั แยง ความขัดแย้งเกิดขึ้นง่าย แต่แก้ไขได้ยาก
จากหนังสอื เรียน เพือ่ เตรยี มนาํ เสนอหนาช้นั เรยี น เนื่องจากปัญหาความขัดแย้งท่ีเกิดข้ึนน้ีไม่ได้
เป็นการกระทบกระทั่งกันทางร่างกาย แต่เป็น
การพูดคุยกันโดยทําความเขาใจซึ่งกันและกันและยอมรับ ลกั ษณะของการแตกแยกทางความคดิ มีความ
ฟงความคิดเห็นของผูอื่น จะสามารถชวยลดปญหาความ กดดนั ทางอารมณแ์ ละจติ ใจ เกดิ ความเคยี ดแคน้
ขัดแยง ตางๆ ได ขนุ่ เคือง ไมพ่ อใจ

8๒

นักเรยี นควรรู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT
ส่งิ ใดจะชว ยลดความขัดแยงในสังคมไดมากที่สุด
1 ขมขู หมายถึง การทาํ ใหผ อู นื่ รสู ึกกลวั วา จะเกิดความเสยี หาย เปนภยั แก 1. การพดู แตส ิง่ ดไี มข ัดแยง
ตนเอง หรือแกท รัพยส ินของตน 2. การชว ยเหลอื ซ่งึ กันและกัน
3. การใหมากกวาการรับจากผอู ่ืน
มุม IT 4. การใหอภยั และเคารพในศักดิ์ศรีความเปนมนุษยของผอู ่ืน
วิเคราะหคําตอบ การใหอภัยและเคารพในศกั ด์ศิ รคี วามเปน
ศึกษาเพ่มิ เติมเกีย่ วกบั การแกปญหาความขัดแยง ไดจาก มนุษยข องผอู นื่ จะชว ยลดความขัดแยงในสงั คมไดม ากทส่ี ุด
http://www.oknation.net/blog/boonyou/2008/06/07/entry-2 เพราะหากทกุ คนมีการใหอภัย เขา ใจและยอมรบั ความแตกตาง
ซ่งึ กันและกนั กย็ อมสง ผลใหอยูร วมกนั ในสงั คมไดอ ยา งสันตสิ ขุ
และมีความปลอดภยั ตอบขอ 4.

82 คมู อื ครู

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

การมสี ุขภาพจิตใจทีด่ ี มคี วามสขุ จะเป็นพลังสว่ นหนงึ่ ชว่ ยท�าใหบ้ คุ คลเผชญิ กับปญั หา หรือ ครูสุมนกั เรยี น 1-2 กลมุ ออกมานาํ เสนอเร่ือง
หาแนวทางแกไ้ ขไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ซงึ่ ปญั หา ดา้ นความขดั แยง้ ของวยั รนุ่ มแี นวทางแกไ้ ขปญั หาดงั นี้ แนวทางในการแกปญหาหรอื ลดความขดั แยง
๑. เมอื่ เกดิ ปญั หา หรอื มเี รอื่ งราวท่ี โดยครแู ละนกั เรยี นกลมุ อนื่ ๆ รวมกันเสนอแนะ
ไมส่ ามารถแกไ้ ขไดต้ ามลา� พงั ควรปรกึ ษาพอ่ แม่ จากนัน้ ครตู ้งั คําถามเพ่อื นําไปสขู อสรุปทีถ่ กู ตอง
ผู้ปกครองหรือครูอาจารย์มาช่วยแก้ปัญหา รวมกนั
เพราะท่านเป็นผู้ที่มีประสบการณ์มากกว่า
จะสามารถนา� มา ซึง่ การแก้ไขปัญหาที่ถกู ต้อง • เพราะเหตใุ ด เม่ือเกดิ ปญหาใดๆ กต็ าม
และเหมาะสมให้กบั เราได้ เรามักจะปรกึ ษาพอ แม ผปู กครองหรอื ครู
๒. มีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา อาจารย
ตลอดจนกา๓รแ. กวป้ ยั ัญรนุ่ หทามี่โดอี ยารไมมณ่ใชร์ค้ นุ วแารมง1ร สุนาแมรางรถ (แนวตอบ เพราะทา นเปน ผูท่มี ีประสบการณ
ใชห้ ลกั ธรรมเพอ่ื ชว่ ยระงบั อารมณไ์ ด ้ เชน่ การฝก มากกวา เรา ซงึ่ สามารถใหคําแนะนาํ ใน
วปิ สั สนาเจรญ ิ สติปัฏฐาน หรอื ฝก อานาปานสติ ครอบครัวเปนสาเหตุหน่ึงของความขัดแยง ซึ่งการให การแกไขปญ หาตา งๆ ไดอ ยา งถูกตอ งและ
เป็นต้น ความรัก ความสุข และความเขาใจกันจะชวยใหบุคคล เหมาะสมแกเ ราได)
ลดความขัดแยง หรือความรนุ แรงลงได
• การประนีประนอม มหี ลกั การอยางไรบาง
๔. มสี ่วนร่วมในกิจกรรมทท่ี างโรงเรยี นจดั ให ้ เช่น โครงการเสรมิ สร้างสันตวิ ฒั นธรรม (แนวตอบ ควรคํานงึ ถึงเหตผุ ลของแตละคน
ในโรงเรียน และพัฒนาศกั ยภาพบคุ ลากรในสถานศึกษา เพื่อเป็นการสรา้ งสมั พนั ธภาพทดี่ ีตอ่ กัน แตละกลมุ เพอื่ จะไดเรยี นรูถ งึ ความเหมือน
ระหว่างนกั เ๕รยี. นมีวิธีการหรือกระบวนการคลี่คลายความขัดแย้งโดยใช้หลักการประนีประนอม2 และความแตกตางของความรูสกึ นกึ คิดของ
แตล ะคน รับฟง กันและกันอยางมสี ติ หรือ
อาจเปน การเจรจาตอรอง เพ่ือใหไดขอ ยตุ ิ
ของปญ หาความขัดแยง ท่เี กดิ ขึ้น)

(Compromise) ดงั น้ี

หลกั การประนีประนอม (Compromise) ความเขาใจกัน ใสใจ รับฟงกันและกัน
อยางมีสติ อดทนระมัดระวังเร่ือง
วิเคราะหหาสาเหตขุ องความ อารมณค วามรสู กึ หรอื อาจเปน การ
ขัดแยงท่เี กิดขึ้น เจรจาตอรอง และสามารถตกลง
คาํ นึงถึงเหตผุ ลของ กนั ไดโดยการพบกนั ครึง่ ทาง เพ่ือ
แตล ะคน แตละกลมุ ใหไ ดข อ ยตุ ขิ องปญ หาความขดั แยง
เพอื่ จะไดเ รยี นรถู ึงความ ท่ีเกิดข้ึน โดยการสรางบรรยากาศ
เหมือนและความแตกตา ง ใหเกดิ ความรสู กึ เปน กันเองฉนั มติ ร
ของความรูส กึ นกึ คิดของแตล ะคน

8๓

ขอ สอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู

หากเพอ่ื นของนกั เรียนพดู ถงึ เรื่องราวทไ่ี มดขี องบคุ คลที่ 3 ใหน กั เรยี นฟง 1 อารมณรุนแรง เปนการกระทําทท่ี ําใหเ กิดความเสียหายไมว าจะเปนทาง
ซ่งึ เปน บุคคลท่ีนกั เรยี นรูจักและคนุ เคย นักเรียนควรทําอยา งไร รา งกาย ทรพั ยสิน หรอื การกระทําใหผ ูอน่ื ไดร บั ความกระทบกระเทือนทางจิตใจ
เชน การพูดหยาบคาย การไมเ คารพผอู ื่น การทาํ รา ยรางกายผูอืน่ การทําลาย
1. ไมแสดงความคดิ เหน็ และพยายามเปลีย่ นหวั ขอ สนทนา สิ่งของ เปนตน และบางครัง้ รนุ แรงถึงระดบั ทเ่ี ปน การทารณุ กรรมตอ ส่งิ มชี ีวิตอน่ื ๆ
2. พจิ ารณาวาถาเปน ความจริงควรบอกใหผ นู ้ันแกไข จนบาดเจบ็ ถึงตายได
3. พยายามชักชวนใหเพอื่ นพูดขยายความมากขน้ึ 2 การประนปี ระนอม เปน การลดความตงึ เครยี ดทจ่ี ะแกข อ ขดั แยง โดยมเี ปา หมาย
4. แนะนาํ เพอ่ื นวาไมค วรพูดใหผ ูอน่ื เสยี หาย ทยี่ อมรบั วา ตนตอ งเสียอะไรบางอยาง เพือ่ ใหไดข อตกลงที่พอใจทง้ั สองฝาย
วิเคราะหคําตอบ ไมค วรแสดงความคดิ เห็น และพยายามเปลีย่ นเรอ่ื ง โดยยอมรบั วาขอ ยุตทิ ีไ่ ดนนั้ ไมอ าจสรา งความพอใจแกท ้งั สองฝา ยไดอ ยางเตม็ ที่
สนทนาไปคุยเรอ่ื งอ่ืนแทน ซึง่ ถา เราใชว ิธีนหี้ ลายๆ คร้งั เพ่ือนบางคนกจ็ ะรูส กึ ผูฟงควรสบตากันในระหวา งท่ีสนทนากนั สาํ หรบั การแสดงออกทางทา ทางนน้ั
วาเราไมชอบการวิจารณผ ูอ่นื สาํ หรบั การแนะนาํ เพอื่ น อาจใชไ ดในบางกรณี จะเปน การเนนหรือชว ยเพิ่มความชัดเจนใหกับผฟู ง เพอื่ ใหผฟู ง เกิดความประทบั ใจ
เพราะบางคนอาจจะคิดวา เราไปหักหนา เขา และมีผลตอสมั พนั ธภาพตามมา และจดจําได

การรักษาน้าํ ใจแบบบัวไมใ หช ้าํ นา้ํ ไมใหข ุน จงึ เปน วิธที ด่ี ีท่ีสดุ ตอบขอ 1.

คมู อื ครู 83

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain

อธบิ ายความรู

ครสู มุ นักเรยี น 1-2 กลุม โดยไมซ ํ้ากับกลุม เดิม ๖. มที กั ษะในการสอ่ื สารทด่ี เี พอื่ ลดและแกป้ ญั หาความขดั แยง้ ซงึ่ ถอื เปน็ กญุ แจสา� คญั
ออกมานาํ เสนอตอ เรือ่ ง แนวทางในการแกปญหา ในความสา� เร็จของความสมั พันธ ์ เพราะในชวี ติ ประจ�าวันเราจะเห็นได้ว่า เหตุการณ์บางเรอ่ื งขยาย
หรอื ลดความขัดแยง โดยครแู ละนกั เรยี นกลมุ อื่นๆ ใหญข่ นึ้ เนอ่ื งจากมกี ารสอื่ สารทไ่ี มต่ รงกนั อนั จะนา� ไปสคู่ วามเขา้ ใจผดิ ตอ่ กนั ได ้ ดงั นน้ั การสอ่ื สาร
รวมกนั เสนอแนะ จากนั้นครตู ั้งคําถามเพื่อนาํ ไปสู ระหวา่ งบคุ คลจงึ เปน็ ปจั จยั สา� คญั อยา่ งหนง่ึ ทจ่ี ะชว่ ยสรา้ งความสมั พนั ธท์ ด่ี รี ะหวา่ งบคุ คลได ้ ซงึ่ ควร
ขอสรปุ ทถี่ ูกตองรวมกนั ปฏิบตั ิ ดงั นี้

• ลกั ษณะของการพูดท่ีดี หรือการพูดเพ่ือ การสื่อสารระหว่างบุคคล
สรา งความสมั พันธท่ดี ีตอ กัน ควรมลี ักษณะ
อยางไร การใชค้ า� พดู ■ พดู ความจรงิ ไม่พดู โกหก
(แนวตอบ ควรพูดในเร่อื งทด่ี ีงาม ไมพูดให ■ รักษาค�าพูด
ผอู ่นื รสู กึ อับอายหรือรูส ึกไมดี นอกจากนี้ ■ ใชค้ �าพดู ท่นี า่ ชืน่ ชม
ควรใชท าทางและนา้ํ เสียงประกอบการพดู ■ พูดเรื่องทีผ่ ู้ฟงั สนใจ
ใหเ หมาะสมและเปนธรรมชาติมากท่สี ดุ ■ พดู เกี่ยวกบั ผู้ฟัง ไมใ่ ช่พูดแตเ่ ร่ืองตนเอง
เพ่อื ใหกลมกลืนกับเรอ่ื งทีพ่ ดู ) ■ พดู ชมผู้อื่น แตถ่ า้ ติก็ต้องมศี ลิ ปะในการใชค้ า� พดู และไมต่ ติ อ่ หน้าผูอ้ น่ื
■ ไม่พดู ใหผ้ ูอ้ ่ืนรูส้ ึกอาย เสียหน้า หรือรสู้ ึกไมด่ ี
• เพราะเหตุใด การส่อื สารจึงเปน สาเหตุ ■ ระวงั การเรยี กฉายา หรอื การเรียกช่อื เล่นของผอู้ น่ื
ใหเกิดปญหาความขัดแยง ■ ค�าพูดที่ควรพูดให้ติดปาก และใช้ให้บ่อยในชีวิตประจ�าวัน ได้แก่ สวัสด ี
(แนวตอบ เน่อื งจากการส่ือสารเปนสง่ิ สําคัญ
ทชี่ ว ยในการสรา งสมั พนั ธภาพทด่ี ตี อกนั ขอบคุณ ขอโทษ ขอแสดงความยนิ ดดี ้วย และขอแสดงความเสยี ใจดว้ ย
การสอื่ สารทีด่ ีจะสามารถชว ยลดปญ หา ■ เลอื กใชค้ า� ทักทายท่ีท�าใหผ้ ูอ้ น่ื เกดิ ความพึงพอใจ
ความขัดแยง ได ในทางตรงกนั ขามหากมี
การส่อื สารที่ไมด ี อาจนําไปสคู วามเขาใจผิด ท่าทางและ ■ ใชท้ า่ ทางใหเ้ ปน็ ธรรมชาต ิ กลมกลนื กบั เรอ่ื งทพี่ ดู ไมแ่ สดงทา่ ทางมากเกนิ ไป
ตอ กัน และสง ผลใหเกดิ ปญหาตา งๆ ตามมา) น�้าเสยี ง จนท�าให้ผู้ฟังเกิดความรา� คาญ

■ พดู ให้เต็มเสยี ง โดยใหม้ รี ะดับเสยี งสงู -ต�่า
■ พดู ใหเ้ ปน็ จังหวะไมช่ ้าหรือเร็วเกินไป
■ พูดสอดแทรกอารมณท์ ่ีเหมาะสมกับสถานการณล์ งไปในนา�้ เสียง

การฟัง ■ ฟงั ดว้ ยความตง้ั ใจ และแสดงปฏกิ ริ ยิ าโดยการใชค้ า� พดู หรอื ทา่ ทางทเี่ ปน็ มติ ร
เพอ่ื ชว่ ยกระตุ้นหรอื ชว่ ยใหก้ ารสนทนา1ด�าเนนิ ต่อไป

■ ไม่ควรดว่ นสรปุ หรอื มอี คตใิ นเรอื่ งทฟ่ี ัง
■ รจู้ ักควบคมุ กริ ยิ ามารยาท ไม่พูดคยุ ไมส่ ง่ เสียงดงั รบกวนผู้อื่น และไมล่ ุก

จากทนี่ ่งั บอ่ ยๆ
■ เม่ือไม่พอใจหรือไม่เห็นด้วยกับเร่ืองที่ฟัง ต้องรู้จักยับย้ังความรู้สึกและ

อารมณ์ที่รนุ แรง
■ ในขณะที่ฟังผู้อื่นพูด หากผู้พูดเปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็นก็ควรจะ

แสดงความคิดเห็นในลักษณะทีส่ ร้างสรรค์
■ ใหก้ �าลงั ใจแกผ่ ู้พูดดว้ ยความจรงิ ใจ

84

เกรด็ แนะครู บูรณาการเชื่อมสาระ
สามารถนําเน้ือหาเรือ่ ง ทักษะการสือ่ สารทีด่ ี ไดแก การพูดและ
ครคู วรอธิบายเพมิ่ เติมเก่ยี วกบั มารยาทในการฟง หรือลักษณะของผฟู ง ท่ีดวี า การฟง ไปบูรณาการเชอื่ มโยงกับกลมุ สาระการเรียนรภู าษาไทย
ควรมลี กั ษณะอยา งไรบาง เนื่องจากนักเรยี นจําเปนจะตองนาํ ทกั ษะการฟงเหลานั้น วชิ าหลกั ภาษาและการใชภาษา เรื่องลกั ษณะการพูดตอ ท่ปี ระชมุ
ไปใชป ระโยชนในชีวติ ประจาํ วนั ตอไป และประสทิ ธิภาพการฟงและการดูสอื่

นักเรยี นควรรู

1 มีอคติในเร่อื งท่ฟี ง ไดแ ก การลําเอียง ซึ่งจะทาํ ใหแปลเจตนาในการฟงผดิ
ความหมาย คลาดเคลอ่ื นจากท่เี ปนจริงได หรือทําใหเ ราอาจไมส นใจสาระที่ผพู ูด
ตองการจะสอ่ื แตจ ะไปจําคําพดู บางประโยคของผพู ูดตดิ มา ซงึ่ จะทําใหก ารรบั สาร
ผดิ เพ้ยี นไป

84 คมู ือครู

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

๗. รู้จักปรับตัวให้เข้ากับบุคคลในส1ังคมให้ได้อย่างปกติ เพื่อมิให้เกิดปัญหาท้ังกับ ครูสมุ นกั เรียน 1-2 กลมุ โดยไมซํ้ากับกลมุ เดมิ
บุคคลและสังคม ซ่ึงความสามารถในการปรบั ตวั ให้เข้ากบั บุคคลในสังคมนัน้ ถือว่าเป็นคุณลักษณะ ออกมานําเสนอตอเรื่อง แนวทางในการแกปญหา
ท่ีส�าคัญประการหน่ึงของบุคคลท่ีมีสุขภาพจิตดี ดังน้ันการปรับตัวจึงเป็นทักษะส�าคัญของ หรอื ลดความขดั แยง โดยครแู ละนกั เรียนกลมุ อน่ื ๆ
มนุษย์ในการที่จะมีชีวิตอยู่อย่างมีคุณภาพ ในทางตรงกันข้ามหากบุคคลไม่สามารถปรับตัว รว มกันเสนอแนะ จากนั้นครตู ้ังคําถามเพอ่ื นําไปสู
ใหเ้ ขา้ กบั สงิ่ แวดลอ้ มได ้ กจ็ ะกอ่ ใหเ้ กดิ ปญั หาทงั้ ตอ่ ตนเอง ตอ่ สงั คมสว่ นรวมหรอื บคุ คลใกลช้ ดิ ดว้ ย ขอ สรุปทถี่ กู ตอ งรวมกัน
ในการดา� เนนิ ชวี ติ ของคนเราจา� เปน็ จะตอ้ งมคี วามสมั พนั ธก์ บั ผอู้ น่ื ไมว่ า่ จะเปน็ พอ่ แม่
ผู้ปกครอง ครูอาจารย์ เพื่อนในวัยเดียวกัน เพ่ือนนักเรียนในโรงเรียนเดียวกัน หรือบุคคลอ่ืนๆ • นักเรยี นจะมีวธิ ีการปรับตวั ของตนเอง
ในสงั คม การท่ีจะมชี ีวิตอยใู่ นสังคมไดอ้ ย่างมีความสขุ นกั เรียนจะต้องรจู้ ักปรับตัวใหเ้ ขา้ กบั บุคคล อยา งไรบา ง
ในสงั คมใหไ้ ดอ้ ยา่ งปกต ิ เพอ่ื มใิ หเ้ กดิ ปญั หาทงั้ กบั บคุ คลและสงั คม โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ในชว่ งวยั รนุ่ (แนวตอบ ตองเร่ิมจากการรูจักตนเองและ
ซึ่งเป็นช่วงที่ร่างกาย อารมณ์ และจิตใจ มีการเปล่ียนแปลงตามพัฒนาการหลายอย่าง ดังน้ัน ยอมรับสภาพของตนเองกอน โดยไมนาํ
นกั เรยี นจงึ ตอ้ งปรับตัวใหเ้ ขา้ กบั การเปลีย่ นแปลงดังกล่าวได้อยา่ งเหมาะสม สง่ิ เหลานนั้ มาเปน ปมดอย แตค วรนาํ
หลกั การสรา้ งมนษุ ยส์ มั พนั ธโ์ ดยทวั่ ไป คอื การผกู มติ รหรอื การปรบั ตวั ใหเ้ ขา้ กบั ผอู้ น่ื สงิ่ เหลา นนั้ มาพฒั นาตนเองใหมีความ
สามารถปฏบิ ตั ไิ ดง้ า่ ยๆ เชน่ การทา� ตนใหเ้ ปน็ คนสภุ าพออ่ นโยน รจู้ กั เหน็ อกเหน็ ใจผอู้ น่ื การเอาใจ สามารถดานอ่นื ๆ ทดแทน)
เขามาใส่ใจเรา การยอมรบั ขอ้ ดีและไม่มองข้อเสียของผูอ้ ืน่ มากเกินไป การรู้จักออ่ นน้อมถอ่ มตน
ไมโ่ ออ้ วดหรือเย่อหยง่ิ เปน็ ตน้ ซงึ่ หากไดฝ้ ก และปฏิบตั จิ นเปน็ นิสัย จะช่วยให้เราสามารถปรับตวั • นักเรยี นคดิ วา การเลือกคบเพ่ือนมผี ลตอ
ให้เขา้ กับผู้อ่นื ไดง้ า่ ยขึน้ การปรับตวั ของนกั เรยี นอยา งไร
(แนวตอบ ถาเรารจู ักเลือกคบเพอ่ื นที่ดี กย็ อม
สง เสริมใหเรามีพฤติกรรมทีเ่ หมาะสม
ในทางตรงกนั ขาม ถา เราคบเพ่อื นที่ไมดี
คอยชักนาํ ใหเ ราไปในทางท่ผี ดิ ก็ยอ มสง ผล
ใหเ รามีพฤติกรรมทไี่ มดีตามไปดวย)

การมสี ขุ ภาพจติ ท่ดี ี ยมิ้ แยมแจมใส มองโลกในแงด ี เปนพ้นื ฐานของการสรางสัมพนั ธภาพท่ีดี 8๕

ขอสอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู

การปรบั ตัวใหเขากบั ผอู นื่ ควรยดึ หลักการใด ครอู าจจดั กิจกรรมเพม่ิ เติมโดยใหนกั เรียนแตล ะคนขอคาํ แนะนาํ จากนกั จิตวิทยา
1. การทําความดี เก่ยี วกับแนวทางการปรับตัวใหเขากบั ผูอื่น โดยสรุปประเด็นสําคญั ลงในกระดาษ A4
2. ยอมรับสภาพ จํานวน 1 หนา กระดาษ แลว นาํ สง ครูผสู อน โดยครชู วยคดั บทสรุปที่นา สนใจ แลวให
3. แกไขขอ บกพรอง นักเรยี นนาํ ไปปฏิบัตติ าม
4. ยึดหลกั การและเหตุผล
วิเคราะหคาํ ตอบ การปรบั ตวั ใหเขา กบั ผูอืน่ ควรยึดหลกั ในการแกไข นกั เรยี นควรรู
ขอบกพรอ ง หรือรจู กั ปรบั ปรงุ ตนเองในดานความคดิ ความเขาใจลักษณะ
นสิ ัย และการกระทําใหถ กู ตอ ง ขณะเดยี วกนั กไ็ มค วรโทษผูอนื่ หรือเหน็ แต 1 การปรบั ตัว การทบ่ี คุ คลพยายามปรบั สภาพปญหาที่เกิดข้นึ และพยายาม
ปรับเปล่ียนพฤตกิ รรมของตนใหเ ขากบั สภาพแวดลอ มและความตอ งการของตนเอง
ความผิดความไมด ขี องผอู ืน่ โดยไมไดมองถงึ ตนเอง ตอบขอ 3. จนสามารถดาํ เนินชีวติ ไดอ ยา งมีความสขุ ปราศจากความคับขอ งใจ

คมู ือครู 85

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain

อธบิ ายความรู

ครสู ุมนักเรียน 1-2 กลมุ โดยไมซํา้ กับกลุมเดมิ ในการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อ่ืนและหวังผลให้เกิดสัมพันธภาพที่ดีต่อตัวเราจะต้องมีคุณสมบัติ
ออกมานําเสนอตอ เรือ่ ง แนวทางในการแกปญ หา ที่ส�าคญั อยา่ งนอ้ ย ๔ ประการ คอื
หรอื ลดความขดั แยง โดยครแู ละนกั เรยี นกลมุ อนื่ ๆ ยอมรบั ความแตกต่างระหว่างบคุ คล
รวมกนั เสนอแนะ จากน้นั ครูตงั้ คาํ ถามเพ่อื นําไปสู ยอมรบั วา คนเราทกุ คนนนั้ มคี วามแตกตา งกนั ทงั้ ทางดา นรา งกาย จติ ใจ ความสามารถ สตปิ ญ ญา ความเชอ่ื
ขอ สรุปทถี่ ูกตอ งรว มกัน คานิยม สังคมวัฒนธรรม การแสดงออก ฯลฯ

• การมีสัมพนั ธภาพทด่ี ีกอ ใหเกิดประโยชน ยอมรับว่าบุคลกิ ภาพของตัวเรามีผลต่อการสร้างสัมพนั ธภาพใหเ้ กดิ ขึน้ กับผอู้ น่ื
อยา งไร ถา ตองการสรา งสมั พนั ธภาพท่ีดีกจ็ ะตองรจู ักการพัฒนาบุคลิกภาพของตนใหเ ปนมติ รกบั ผูอ ่ืน
(แนวตอบ การมสี ัมพันธภาพทีด่ ีจะสงผลให
บุคคลที่เกีย่ วของเกดิ ความรูสกึ ทดี่ ีตอกนั และ รจู้ กั ปรบั ปรงุ ตนเอง
อยากท่ีจะคบหาสมาคมดว ยตอไป) ในดานความคิด ความเขาใจลักษณะนิสัย และการกระทําใหถูกตอง ขณะเดียวกันก็ไมโทษผูอื่น
หรอื เหน็ แตค วามผิดความไมดีของคนอื่น โดยไมไดมองถงึ ตนเองเลย
• นกั เรียนคิดวา การสรา งสมั พนั ธภาพท่ีดี
กอ ใหเกดิ ประโยชนต อตนเองอยางไร แแอสลารดะมองณอารอพ มกน้ื ณแฐลกาะนลคทวั2วมี่ บหคี ครวอืุมาคอมวาสารมั มมพณวนัิตไ ธกดเ กก้องัยี่ยววา่ ลข3งเอ หองมากราบั มะกณสามรเ หปลรบัานตหี้วั ขาอกงมบีพคุ อคปลรมะีม๓าณชนจดิ ะคชอืวยอใาหรชมวี ณิตรมกั 1คี อวาารมมสณมโบกูรรณธ
(แนวตอบ ยอ มทาํ ใหผ อู ่ืนรักและเมตตาเรา มีชวี ติ ชีวา แตถามีมากเกนิ ไปก็จะสงผลเสยี ตอตนเอง ดงั น้ันเราจงึ ควรฝก ตนเองในการแสดงออกและ
เกิดความสามัคคีกลมเกลียว ไวว างใจ ควบคมุ อารมณใหเหมาะสม เชน ขจัดความคดิ ทต่ี องการใหค นอน่ื หรอื สิง่ รอบตวั เปนไปตามคาดหวงั
ซ่งึ กันและกัน และยอมสง ผลใหม ติ รภาพ นั่นคือฝกตนเองใหเปนคนยอมรับคนอื่นยอมรับโลกท่ีเปนอยู หลีกเลี่ยงการใชคําพูดท่ีอาจทําให
คงอยตู อ ไป ซง่ึ สิ่งตา งๆ เหลา นย้ี อมจะ สถานการณเลวรา ยไปมากกวา เดมิ เปนตน
ไมก อ ใหเกดิ ปญหาความขัดแยง หรอื
เกิดการทะเลาะวิวาทกนั )

8๖ ขอสอบ O-NET
ขอสอบป ’50 ออกเก่ยี วกบั การสรา งสมั พนั ธภาพทีด่ ี
นักเรยี นควรรู การสรางสมั พันธภาพทีด่ ี ควรยึดหลกั ปฏิบัติขอใด
1. งานเปนทพี่ ่ึงแหงตน
1 อารมณรัก ความปรารถนาทจ่ี ะดึงดดู หญงิ ชายใหเขา หากัน ซง่ึ มักจะแสดง 2. เอาใจเขามาใสใ จเรา
ความตองการใกลช ิดทางดานกายภาพ รวมทั้งการมีเพศสัมพันธ 3. ยกตกขม ทา น
2 อารมณโกรธ และอารมณก ลัว เปนอารมณท ี่กอใหเกิดการเปลย่ี นแปลงทาง 4. เขาเมอื งตาหลวิ่ ตอ งหลิ่วตาตาม
สรรี ะไดม ากทส่ี ดุ ซง่ึ อารมณโ กรธจะกอ ใหเ กดิ การหลงั่ ของฮอรโ มนนอรอ ะดรนี าลนี วเิ คราะหค ําตอบ การสรา งสัมพนั ธภาพทดี่ ี ควรมคี วามจรงิ ใจ
(Noradrenaline) และอารมณก ลัวจะกอ ใหเ กิดการหลั่งของฮอรโ มนอะดรีนาลีน ตอกันชวยเหลือซึง่ กนั และกัน รบั ฟง ความคดิ เห็นและยอมรบั ความ
(Adrenaline) แตกตางระหวางบุคคล โดยเฉพาะการรจู กั เอาใจเขามาใสใ จเรา
3 ความวิตกกังวล เปน ความรสู ึกวาจะมีเรือ่ งทีไ่ มด ีเกิดขนึ้ หากเปน ความ จะทาํ ใหเ ราเขา ใจความรูสึกนึกคดิ ของผูอ่ืนไดด ี ตอบขอ 2.
วิตกกงั วลเล็กๆ นอยๆ จะถือวาเปนเร่ืองปกติ แตถ า หากวิตกกงั วลมากเกินไป
ก็อาจรบกวนการดําเนินชวี ติ ประจาํ วนั และสงผลเสียรุนแรงตอสขุ ภาพได

86 คมู ือครู

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

๘. สรา้ งและรกั ษาสมั พนั ธภาพทดี่ กี บั ผอู้ นื่ มนษุ ยเ์ ราจา� เปน็ จะตอ้ งอยรู่ ว่ มกบั บคุ คลอนื่ ครสู มุ นักเรียน 1-2 กลุม โดยไมซ ํา้ กับกลุมเดมิ
ไม่ว่าจะเป็นท่ีบ้าน โรงเรียน ท่ีท�างาน ชุมชน การเรียนรู้ท่ีจะอยู่หรือท�างานร่วมกับผู้อื่นอย่างมี ออกมานําเสนอตอ เรอ่ื ง แนวทางในการแกปญหา
หรือลดความขดั แยง โดยครูและนักเรียนกลุมอ่ืนๆ
สัมพันธภาพท่ีดี จะท�าให้เกิดความสุขจากการ รว มกนั เสนอแนะ จากน้ันครตู ั้งคาํ ถามเพอื่ นําไปสู
มีความสัมพันธ์ท่ีดีต่อกัน การอยู่กับบุคคลอื่น ขอสรุปทถี่ กู ตอ งรวมกนั
ทั้งอยู่ในระดับสูงกว่า ระดับเท่าเทียมกัน และ
ระดบั ต�่ากว่าไดอ้ ย่างมีความสขุ นั้น มปี ระโยชน์ • เพราะเหตใุ ดเราจงึ ตอ งมกี ารสรา ง
มากมายทั้งต่อตัวเราเอง และต่อบุคคลที่เรา สมั พนั ธภาพทีด่ ีกบั บคุ คลอ่นื
เก่ียวข้อง และต่อสถานท่ีหรือสังคมน้ันๆ โดย (แนวตอบ เพราะในชวี ติ ประจําวัน ทกุ คน
ความสขุ นเี้ ปน็ สว่ นหนง่ึ ของสขุ ภาพ (หรอื สขุ ภาวะ) จะตองมกี ารพบปะติดตอ กับบุคคลอืน่ เชน
ดังที่นักเรียนได้เคยเรียนรู้มาแล้วว่า สุขภาพ การทํางานรว มกัน การเปนมิตรทด่ี ีตอ กัน
หรอื ภาวะของความสขุ นนั้ ประกอบไปดว้ ยความ เปน ตน ดังนนั้ การสรางสมั พนั ธภาพจงึ มี
สขุ ทางด้านรา่ งกาย จิตใจ สังคม และปญั ญา การมสี มั พนั ธภาพทด่ี กี บั ผอู นื่ ยอ มสง ผลใหส ามารถอยรู ว ม ความสาํ คัญอยางย่ิงกบั ทกุ คน)
ดงั นนั้ การอยใู่ นสงั คมกบั ผอู้ น่ื ไดอ้ ยา่ งมคี วามสขุ กับผูอืน่ ไดอยา งมคี วามสขุ
• นักเรยี นจะมวี ิธกี ารสรา งสมั พันธภาพกับ
จึงเป็นส่วนส�าคัญส่วนหนึ่งท่ีจะขาดไม่ได้ของการมีสุขภาพดี และสุขภาพดีทางสังคมน้ันเป็นผล เพื่อนของนักเรียนอยางไรบา ง
มาจากหลายปจั จัย ซง่ึ ปัจจัยหนงึ่ ทส่ี า� คญั ก็คอื การมสี มั พันธภาพที่ดีกบั บุคคลอนื่ (แนวตอบ เชน มนี า้ํ ใจใหความชว ยเหลอื
ซ่ึงกนั และกนั ตามความเหมาะสม มีความ
à¡Ã´ç ¹Ò‹ Ì٠จริงใจตอกนั พูดจาดว ยความสภุ าพนุมนวล
และรจู กั อภยั ซงึ่ กนั และกัน เปนตน)
รอยยิม้ …ดอี ยา่ งไร
รอยยมิ้ เกิดจากการทาํ งานของกลามเน้อื ๒ มดั ใหญ คือ ไซโกเมติก เมเจอร (Zygomatic Major) ทจ่ี ะ

ชว ยดงึ มมุ ปากใหยกขน้ึ ไปหาโหนกแกม และออรบิควิ ลารสิ ออควิ ไล (Orbicularis Oculi) ท่จี ะชว ยดึงเนอ้ื แกมและ
เบา ตาใหยกขึ้น

เมือ่ เปรียบเทยี บการยิม้ กบั การแสดงสหี นาแบบอ่นื เชน โกรธ เศรา เครง ขรึม วิตกกงั วล ฯลฯ แลว พบวา
การยม้ิ จะใชก ลา มเนอื้ ใบหนา นอ ยกวา การแสดงสหี นา แบบอนื่ มาก การยม้ิ จงึ เปน เรอื่ งทงี่ า ยกวา ใชพ ลงั งานนอ ยกวา
และทําใหใ บหนา ดูดกี วา การแสดงสหี นาแบบอนื่ ๆ ดว ย

ซ่ึงจากการศึกษาพบวา เมือ่ กลามเนื้อใบหนา เคลื่อนไหวจนเกดิ เปนรอยย้ิม จะสง ผลใหเลอื ดทีไ่ ปเลี้ยงสมอง
มอี ณุ หภูมลิ ดลง ทําใหเกิดความรูสึกสบายและผอ นคลาย

นอกจากน้ี ในขณะท่ีคนเรายิ้ม หัวใจจะเตน ชาลง ความดนั โลหติ ลดลง ระบบตางๆ ในรา งกายจะผอ นคลาย
ตอมหมวกไตจะทํางานนอยลง ฮอรโมนอะดรีนาลีน ซ่ึงเปนฮอรโมนแหงความเครียดจะถูกขับออกมานอยลงดวย
ดังนั้น การย้ิมจึงชวยลดความเครียด และมผี ลดีตอรา งกายของคนเรา
ที่มาขอ้ มลู : มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยมี หานคร

8๗

คขอ ดิ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT เกร็ดแนะครู

เพราะเหตุใดมนุษยจ งึ ตอ งมกี ารสรางสัมพันธภาพทีด่ ีตอกัน ครสู ามารถใหนกั เรยี นรวมกนั แสดงความคดิ เห็นวา หลักการสรา งสัมพันธภาพ
1. มนษุ ยอยรู วมกนั ในสงั คม ทด่ี ีควรมีลักษณะอยา งไร และใหนกั เรยี นตรวจสอบตนเองวาในขณะนี้นกั เรยี นมีการ
2. เพื่อใหม ีเพื่อนที่หลากหลาย สรางสัมพันธภาพท่ดี ีกบั เพื่อนหรอื ยัง
3. มนุษยมกี ารแกงแยง แขงขันกัน
4. เพ่ือผลประโยชนในหนา ท่ีการงาน มุม IT
วเิ คราะหค ําตอบ มนษุ ยจาํ เปน จะตอ งอยูรว มกับบุคคลอ่นื ไมวา
จะเปน ท่ีบาน โรงเรียน ที่ทาํ งาน หรือชมุ ชน ซ่งึ การเรียนรทู ่จี ะอยู ศกึ ษาเพม่ิ เตมิ เก่ียวกับการสรางสัมพันธภาพทดี่ ี จากบทความเรื่อง
หรอื ทาํ งานรว มกับผูอนื่ อยางมีสมั พันธภาพท่ดี ี จะทาํ ใหเ กดิ ความ “สัมพันธภาพทีด่ สี รา งไดอ ยางไร” ไดจ าก http://iam.hunsa.com/jingreeddum/
article/1826
สขุ จากการมีความสมั พนั ธท ี่ดีตอกนั ตอบขอ 1.

คมู อื ครู 87

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขาาใจใจ ตรวจสอบผล
Explore Evaluate
Engage Explain Explain Expand

อธบิ ายความรู

ครสู มุ นกั เรยี น 1-2 กลุม โดยไมซ ้ํากับกลมุ เดมิ ในชวี ิตประจา� วนั เราต้องพบปะตดิ ตอ่ กับบุคคลอนื่ การสรา้ งสมั พนั ธภาพจงึ เปน็ ส่งิ จา� เปน็
ออกมานาํ เสนอตอเรอื่ ง แนวทางในการแกป ญหา เมอื่ มสี มั พนั ธภาพทดี่ ตี อ่ กนั แลว้ กค็ วรจะรกั ษาสมั พนั ธภาพนน้ั ใหย้ าวนานตลอดไป ซง่ึ ในการสรา้ ง
หรือลดความขัดแยง โดยครูและนักเรยี นกลมุ อน่ื ๆ และรกั ษาสมั พนั ธภาพน้ันจะต้องเหมาะสมกับบคุ คลท่เี ราเก่ียวข้องด้วย ดังน้ี
รวมกนั เสนอแนะ จากนน้ั ครูตัง้ คําถามเพื่อนําไปสู
ขอสรปุ ท่ถี กู ตอ งรวมกัน การสรา้ งและรกั ษาสัมพนั ธภาพทด่ี ีกบั ผู้อ่นื

• การสรางสมั พนั ธภาพท่ดี กี ับบคุ คลอน่ื นัน้ บิดา ■ มคี วามเคารพเชื่อฟัง
ควรเรม่ิ จากสิ่งใดเปน ลาํ ดบั แรก มารดา ■ แสดงกริ ยิ าอ่อนน้อมตามมารยาทของสงั คมไทย
(แนวตอบ จะตอ งเรม่ิ จากตวั เรากอน เนือ่ งจาก ญาติผูใ้ หญ ่ ■ ชว่ ยเหลอื รบั ใช้ตามสมควรแก่โอกาส
ตัวเราเปน บคุ คลที่จะตอ งเปน ผสู รา ง และครู ■ อดทน อดกลน้ั เมื่อถกู ตา� หน ิ วา่ กล่าวตกั เตือน และอบรมสั่งสอน
สมั พนั ธภาพทดี่ ใี หเ กดิ ขึ้น) อาจารย์ ■ ปฏิบัติตนให้เป็นที่รกั
ญาติพน่ี ้อง
ขยายความเขา ใจ Expand และเพ่ือน ■ เป็นมติ รทีด่ ตี อ่ ทุกๆ คน มคี วามจรงิ ใจตอ่ กนั

ใหนกั เรียนเขยี นวิธีการสรางสมั พนั ธภาพทีด่ กี บั ครู่ ัก ■ ใหค้ วามชว่ ยเหลอื หรอื แบง่ ปนั สง่ิ ของ และเงนิ ทองตามกา� ลงั ความสามารถ
ผูอ ่ืนทีค่ วรปฏบิ ตั ิ และไมควรปฏิบตั ิของวยั รุนลงใน ■ พูดจาตอ่ กันอยา่ งสุภาพ
ตารางดานลาง ■ ปลอบใจเมอ่ื มีความทกุ ข ์ และยนิ ดีเม่ือมคี วามสุข
■ ไม่เบยี ดเบยี น เอาเปรยี บ และอจิ ฉารษิ ยา
ควรปฏบิ ตั ิ ไมค วรปฏบิ ัติ ■ หลกี เล่ียงการใชก้ า� ลงั และการทะเลาะเบาะแวง้

■ ใหอ้ ภยั ซง่ึ กันและกัน
วยากงยต่อนงเชสมมเอชตยน้กเนั สตมาอมปโอลากยา1ส



■ ไม่ควรเสแสร้งแกลง้ ท�าดตี ่อกนั

■ ให้เกียรติซ่งึ กันและกนั
■ ไม่ล่วงละเมดิ ทั้งทางกาย วาจา และใจ
■ ทา� ตัวให้เปน็ สภุ าพชน
■ รักนวลสงวนตวั
■ เรื่องอ่นื ๆ ปฏิบัตเิ ช่นเดียวกบั ทป่ี ฏิบัตติ ่อญาตพิ น่ี ้อง และเพือ่ น

คุณลักษณะดังกล่าวข้างต้นจะช่วยรักษาสัมพันธภาพระหว่างบุคคลได้เป็นอย่างดีพึงระลึก
ไว้เสมอว่า สัมพันธภาพท่ีดีระหว่างกันน้ันสร้างยากต้องใช้เวลานาน แต่การแตกหักนั้นเกิดขึ้น
ได้ง่ายหากบุคคลไม่มีความหนักแน่น การพิจารณาไตร่ตรองอย่างสุขุมรอบคอบ และการหา
ข้อเท็จจริงจงึ เปน็ สงิ่ ท่ีควรกระท�าอยา่ งย่ิงก่อนท่ีจะตดั สินใจท�าอะไร

88

เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ
บคุ คลในขอ ใดสามารถสรา งสมั พนั ธภาพทดี่ กี บั ผอู นื่ ไดอ ยา งเหมาะสม
ครูควรใหน ักเรียนยกตัวอยา ง การสรางสมั พันธภาพทดี่ กี บั บคุ คลอื่นวา มี 1. บุคคลทีแ่ ยกตวั จากสังคม
อะไรบา ง และการสรางสมั พันธภาพลักษณะใดทท่ี ําลายความสมั พนั ธท่ีดีตอ กัน 2. บุคคลทไี่ มร ับฟง เหตุผล
3. บคุ คลท่ีมภี าวะซึมเศรา
นกั เรยี นควรรู 4. บุคคลทพ่ี ูดจาสภุ าพ
วเิ คราะหค ําตอบ การพูดจาอยางสภุ าพออ นหวาน เปนการสรา ง
1 วางตนเสมอตน เสมอปลาย สอดคลอ งกบั แนวทางการปฏบิ ตั ติ นในหลกั ธรรม สัมพนั ธภาพท่ดี อี ยางหนงึ่ เนือ่ งจากสง ผลใหบุคคลรอบขา งมีความ
สังคหวตั ถุ 4 ในหวั ขอธรรม สมานัตตา คือ การเปนผมู คี วามสม่ําเสมอ หรอื มี ตองการทจี่ ะใกลช ิดหรอื อยากพูดคุยกบั เรามากขน้ึ ตอบขอ 4.
ความประพฤตเิ สมอตนเสมอปลาย ซงึ่ คณุ ธรรมขอนีจ้ ะชว ยใหเราเปน คนที่มีจิตใจ
หนักแนน ไมโลเล และสรา งความไววางใจใหแ กผอู ่ืนได

88 คูมือครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขา ใา จใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Evaluate
Expand Expand

ขยายความเขา ใจ

การหา เพื่อนยคุ ใหม่ เสรมิ สาระ ใหน ักเรยี นศึกษาเพิ่มเตมิ เรอื่ ง การหาเพือ่ น
ยุคใหม จากเสรมิ สาระ จากนัน้ ครใู หนักเรยี น
แชต คอล (Chat Call) คือ การสนทนากันทางคอมพิวเตอร วเิ คราะหว า การสนทนากนั ทางคอมพิวเตอร เชน
โดยผใู ชเ ขา ไปทางอนิ เทอรเ นต็ และนดั เวลากบั เพอื่ นทจ่ี ะคยุ ดว ยใหเ ขา มา แชท รูม / แชท ไลน เปนตน มขี อ ดแี ละขอเสยี
คุยกนั ในหอ งสนทนา อยา งไร และนักเรียนควรระมดั ระวงั ตัวอยางไร
แชต รูม/แชต ไลน (Chat Room1/Chat line) เปนบรกิ ารทเี่ อกชน เพื่อใหเกิดความปลอดภยั เน่ืองจากไมเคยรูจัก
จดั ขนึ้ เพอ่ื ใหผ ทู ต่ี อ งการคุยโทรศพั ทเ ขา ไปหาเพ่ือนคุยโดยไมร จู กั และเหน็ และเห็นหนากันมากอน
หนา กันมากอ น
แอปพลเิ คชนั (Application) หาเพอื่ น คอื โปรแกรมทอ่ี าํ นวยความสะดวก ใหนักเรียนเขยี นบทความเร่อื ง “พฤตกิ รรมท่ี
ใหผ ใู ชไ ดพ ดู คยุ กบั เพอื่ นทง้ั ทรี่ จู กั หรอื อาจไมร จู กั ผา นทางโทรศพั ทม อื ถอื แทบ็ เลต็ นําไปสคู วามขัดแยงและความรนุ แรง” พรอ มท้ัง
หรืออปุ กรณเคลื่อนทีต่ างๆ เสนอแนวทางการแกไ ขปญ หา จาํ นวน 1 หนา
กระดาษ A4 แลวนําสงครผู ูส อน

ขอ้ ดี ๑. ไดพ ูดคุยเพือ่ ความสนกุ สนานโดยไมต องระมัดระวังตวั
๒. ไดแลกเปล่ยี นขอ มูล ความรู ถา อกี ฝา ยมคี วามบรสิ ุทธใิ์ จในการติดตอ

ขอ้ เสยี ๑. อาจไดข อ มูลท่ีเปน การหลอกลวงดวยมีจุดประสงคอ่นื ทไี่ มด ีแอบแฝงอยู
๒. เราไมสามารถวเิ คราะหไ ดเ ลยวาอกี ฝายจริงใจหรอื หลอกลวง

คําแนะนาํ การตดิ ตอ ทเี่ ปน การพดู คยุ โดยตรง เชน แชต รมู (chat Room) ในอนิ เทอรเ นต็
ในการติดต่อมิตร และแอปพลเิ คชนั (Application) หาเพอ่ื นในโทรศพั ทม อื ถอื การโทรศพั ท เขาไป
พูดคยุ กันทางบริการ แชต ไลน (chat line) มหี ลัก ดงั น้ี
๑. ไมใหขอมูลสวนตวั เชน ทอ่ี ยู รายละเอียดในครอบครัว เปนตน
๒. ถาอีกฝา ยถามเรือ่ งรูปราง หนาตา สัดสวน ใหร บี หยุดสนทนาทันที
๓. การนัดพบดูตัวกัน เปนสิ่งที่อาจเกิดข้ึนตามมา ซึ่งควรหลีกเลี่ยงเพราะยัง
ไมแ นใจวา บุคคลนนั้ จะเปนคนดี อาจไดรบั อนั ตรายได
๔. ถาตัดสินใจนดั พบดตู วั กัน ควรนดั ในเวลากลางวนั ในสถานทที่ ่เี ปดเผย
มีเพื่อนไปดวยหลายคน และควรใหผใู หญร บั รูด ว ยวา จะกลบั เวลาใด

ทมี่ าขอ้ มลู : อนนั ต มาลารตั น. (๒๕๕๓). ขอ้ ดี ขอ้ เสยี การหาเพอื่ นยคุ ใหม.่ กรงุ เทพมหานคร : อกั ษรเจรญิ ทศั น.

สรุป

การมองความขดั แยง วา เปน เรอ่ื งปกติ เกดิ ขนึ้ ไดต ามธรรมชาติ จะทาํ ใหเ ขา ใจถงึ ปญ หาความ

รุนแรงและความขดั แยงวามีสาเหตมุ าจากอะไร เพอ่ื ที่จะสามารถปฏบิ ตั ติ นในการแกป ญหาความ

ขัดแยงโดยไมใชความรนุ แรง มคี วามเขาใจซึง่ กันและกัน เห็นอกเหน็ ใจกัน นอกจากน้ี การมที ักษะ

การสอ่ื สาร ทงั้ การฟง และการพดู ทด่ี กี ย็ งั ชว ยปอ งกนั และลดความขดั แยง หรอื ปญ หาความรนุ แรง

ที่เกิดขึ้นใหลดระดับความรุนแรงลง ท้ังนี้ เพ่ือใหการดํารงอยูรวมกันในสังคม อยางสันติสุข

มีความปลอดภัย และชวยใหส ังคม ชุมชน นา อยอู าศยั มากขน้ึ 8๙

ขอสอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู

ขอ ใดไมใ ช การปฏิบัติตนเมอ่ื พบกบั เพอ่ื นใหม ครอู าจเชิญวทิ ยากรมาบรรยายเกี่ยวกับวธิ ีการเลอื กคบเพื่อนท่ดี ใี หกับนักเรียน
1. ทําความรูจักและทักทาย เพือ่ ใหน กั เรียนสามารถเลอื กคบเพอ่ื นไดอ ยางเหมาะสม เนื่องจากมีผลตอการแสดง
2. ชวนไปกินขา วดว ยกัน พฤตกิ รรมของนกั เรยี นซ่งึ อาจสงผลกระทบตอตนเอง ครอบครัว และสงั คมตอ ไปได
3. ถามเร่อื งครอบครวั
4. ขอเบอรโ ทรศัพท นกั เรียนควรรู
วเิ คราะหค าํ ตอบ เมือ่ พบกับเพื่อนใหม ไมค วรถามเรือ่ งครอบครัวของเพ่ือน
เพราะเราไมส ามารถทราบไดวา ครอบครัวของเพื่อนในขณะน้ีกําลังมปี ญ หา 1 Chat Room คอื การสนทนาออนไลนทมี่ ีการสงขอความถึงกัน โตต อบกนั
อยหู รอื ไม และไมค วรกา วกา ยเรอื่ งสว นตวั ของเพอ่ื นมากจนเกนิ ไป เนอ่ื งจาก ไดอยา งรวดเร็วแมไมไ ดอ ยใู นสถานท่ีเดียวกัน สามารถแลกเปล่ยี นความคดิ เหน็ กนั
ไดใ นทนั ที ทง้ั นใ้ี นการสนทนาพงึ ระมดั ระวงั ไมค วรทาํ การสนทนากบั คนแปลกหนา
ยังไมไ ดม ีความสนิทสนมกันมากพอ ตอบขอ 3. และไมควรบอกขอมลู รายละเอยี ดของตนเองในทีส่ าธารณะใหผอู ่นื ไดรับรู

คูมอื ครู 89

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Explore Explain Expand
Engage Evaluate Evaluate

ตรวจสอบผล

1. การเขยี นสรุปผังความคิดเรือ่ ง ความขดั แยง ¤íÒ¶ÒÁ»ÃШÓ˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ
และผลกระทบทเี่ กิดจากความขัดแยงระหวา ง
นกั เรียนในชมุ ชน ๑ หากนักเรยี นจ�าเป็นตอ้ งทา� งานร่วมกบั ผอู้ นื่ โดยท่นี ักเรยี นไม่เคยร้จู กั กันมาก่อน นกั เรยี นจะมวี ิธกี าร
ปรับตัวอยา่ งไรบา้ ง
2. การเขยี นวิธกี ารสรา งสมั พันธภาพทดี่ กี ับผูอนื่
ท่คี วรปฏบิ ัตแิ ละไมควรปฏิบัติของวัยรุน ๒ การที่จะมีสัมพันธภาพที่ดีต่อกันได้อย่างยาวนาน นักเรียนคิดว่าจะต้องมีคุณลักษณะอย่างไรบ้าง
จงอธบิ ายมาพอสงั เขป
3. การเขยี นบทความเรอื่ ง พฤตกิ รรมทนี่ าํ ไปสู
ความขัดแยง และความรุนแรง ๓ จงสรปุ สาเหตขุ องการเกดิ ความขดั แยง้ ในนกั เรยี นหรอื เยาวชนในชมุ ชนมา ๕ ขอ้ โดยใชค้ วามคดิ เหน็
ของตัวนักเรียนเอง
หลักฐานแสดงผลการเรยี นรู
๔ นักเรียนวิเคราะห์ถึงผลดีและผลเสียของความขัดแย้ง และการใช้ความรุนแรงในหมู่นักเรียนหรือ
1. ผงั ความคดิ เร่อื ง ความขัดแยงและผลกระทบที่ เยาวชนในชมุ ชนมาพอสังเขป
เกดิ จากความขดั แยง ระหวางนกั เรียนในชุมชน
๕ หากเกิดความขดั แยง้ กบั เพ่อื นในกลุ่ม นักเรียนจะมีแนวทางในการแก้ปัญหาอยา่ งไร
2. บทความเร่อื ง พฤตกิ รรมทน่ี าํ ไปสูค วามขัดแยง
และความรุนแรง

กิจก๑รรมที่ ¡Ô¨¡ÃÃÁ

กจิ ก๒รรมที่ ÊÃÒŒ §ÊÃ侏 ²Ñ ¹Ò¡ÒÃàÃÂÕ ¹ÃŒÙ
กจิ ก๓รรมที่
นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ ออกเปน็ กลมุ่ ละ ๔-๕ คน ชว่ ยกนั สา� รวจปญั หาความขดั แยง้
ทเี่ กดิ ขนึ้ ในชมุ ชนทอี่ ยใู่ กลก้ บั โรงเรยี น และชว่ ยกนั เสนอแนะวธิ กี ารแกป้ ญั หา
พรอ้ มน�าเสนอหน้าช้ันเรียน
นักเรียนวิเคราะห์หาสาเหตุของปัญหาความขัดแย้งของวัยรุ่น แล้วน�าข้อมูล
พร้อมภาพประกอบไปจัดตามกระบวนการบริหารความขัดแย้ง แล้วสรุปผล
ใหเ้ พื่อนๆ ฟงั หนา้ ช้ันเรียน
นักเรียนประกวดแต่งค�าขวัญในหัวข้อ “การสร้างสัมพันธภาพท่ีดี” มาคนละ
๓ ค�าขวญั และส่งครูผสู้ อน

๙๐

แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรยี นรู
1. ควรยอมรบั ความแตกตางของผูอ ืน่ ในดา นความคดิ ระบบการทาํ งาน รวมถึงยอมรบั ฟง ความคิดเหน็ ของผูอืน่ โดยเปดโอกาสใหผ อู ่ืนไดแสดงความคดิ เหน็ ซ่งึ กันและกัน
2. ไดแก มบี ุคลกิ ภาพทด่ี ี เชน กริ ยิ ามารยาท การแสดงทา ทาง การกลาวคาํ ทักทายทีส่ ุภาพ ความสะอาดเรียบรอยของรา งกาย เปนตน และการสอื่ สารทม่ี ปี ระสิทธภิ าพ

เชน การพูดท่ีสรางความสมั พนั ธท ่ีดตี อ กนั การเปน ผูฟ ง ที่ดี เปนตน
3. ไดแก ความไมเ ขาใจกัน ขาดความไวใจซึ่งกนั และกนั การแขงขนั แยงชิงกัน การเลี้ยงดูของครอบครัว และอิทธพิ ลจากสอื่ ตางๆ
4. ผลดขี องความขดั แยง คอื สามารถชวยกระตุนใหคนพยายามแกปญ หา โดยเปลยี่ นความขัดแยง ใหม ปี ระโยชนและสรา งสรรค ทาํ ใหส มาชกิ ในกลมุ มีความรกั และสามัคคี

กันมากข้นึ สาํ หรบั ผลเสยี ของความขัดแยง คอื เกิดความรูสกึ วาฝายตรงขามเปน ศตั รกู นั ซง่ึ อาจสง ผลใหเกิดการทะเลาะวิวาท และนําไปสูการบาดเจบ็ อันตรายถึงชวี ิต
5. ควรพูดดวยความประนปี ระนอม และใชเ หตุผลในการแกไขปญ หาโดยไมใชก าํ ลังหรอื ความรุนแรง ทั้งน้เี พ่อื เปนการรกั ษาสมั พนั ธภาพท่ดี ตี อกนั ไว

90 คมู ือครู

กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain
Engage Expand Evaluate

เปาหมายการเรียนรู

1. มีสวนรวมในการปอ งกันความเสีย่ งตอการ
ใชย า การใชส ารเสพติด และความรุนแรง
เพอ่ื สุขภาพของตนเอง ครอบครัว และสงั คม

2. วิเคราะหผ ลกระทบทีเ่ กดิ จากการครอบครอง
การใชแ ละการจําหนา ยสารเสพตดิ ได

สมรรถนะของผเู รียน

1. ความสามารถในการคดิ
2. ความสามารถในการสื่อสาร
3. ความสามารถในการใชทกั ษะชีวิต

คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค

1. ใฝเรียนรู
2. อยอู ยางพอเพยี ง
3. มุงม่ันในการทํางาน

ในภาวะสังคมปจจุบัน สภาพแวดลอมหลายประการที่นํามาซ่ึงความ กระตนุ ความสนใจ Engage
ไมป ลอดภยั ในการดาํ รงชวี ติ กอ ใหเ กดิ ปญ หาสขุ ภาพตามมาโดยเฉพาะอยา งยง่ิ
öหนว่ ยการเรยี นรู้ อันตรายจากการใชยาและภัยจากสารเสพติด ดังน้ัน เราจึงควรเรียนรูและ ครตู ้ังคาํ ถามกระตุนความสนใจของนักเรยี น
ตระหนกั ถงึ อนั ตรายจากการใชย า และสารเสพตดิ เพอ่ื ใหเ กดิ ความปลอดภยั ทงั้ โดยใหนกั เรียนสามารถแสดงความคิดเห็นได
แกต นเอง และบคุ คลรอบขา ง ซงึ่ ในหนว ยน้ี จะกลา วถงึ ความปลอดภยั ในการใช อยางอิสระ
ยา และความปลอดภัยจากสารเสพตดิ เพ่อื ใหเรามคี วามรู สามารถหลกี เลย่ี ง
รูจกั แนวทางปองกนั และสามารถดาํ รงชวี ติ ไดอยางมีความสขุ • นกั เรยี นคิดวา ยาเปนสิ่งท่ใี หคณุ ประโยชน
เพยี งอยา งเดียวหรอื ไม เพราะเหตุใด
การใชย าและสารเสพติด
• นักเรียนคดิ วา ปจจบุ นั นักเรยี นมวี ิธกี าร
ตวั ชวี้ ดั สาระการเรยี นรู ใชย าอยางถกู ตองหรือไม
■ มีสว่ นรว่ มในการปอ งกันความเสย่ี งตอ่ การใชย้ า การใชส้ ารเสพ
■ การจัดกิจกรรมปองกันความเสยี่ งต่อการใชย้ า สารเสพตดิ • เพราะเหตุใดยาบางชนิด จึงถกู นํามาใช
ตดิ และความรนุ แรง เพอ่ื สขุ ภาพของตนเอง ครอบครวั และสงั คม และความรุนแรง เปนสารเสพติดได
พ ๕.๑ ม.๔-๖/๑
■ วิเคราะหผลกระทบที่เกิดจากการครอบครอง การใช้ และการ ■ การวเิ คราะหผลกระทบทเี่ กิดจากการครอบครอง การใช้
จําหน่ายสารเสพตดิ พ ๕.๑ ม.๔-๖/๒ และการจาํ หน่ายสารเสพติด

■ โทษทางกฎหมายท่เี กดิ จากการครอบครอง การใช้
และการจําหนา่ ยสารเสพตดิ

เกรด็ แนะครู

ครคู วรใหนกั เรยี นรว มกันแสดงความคิดเหน็ วา อันตรายจากการใชยาและ
สารเสพตดิ สงผลกระทบตอรางกายและจิตใจอยางไร นอกจากน้คี รคู วรสงเสริม
ใหน กั เรยี นไดมีสวนรวมในการปองกันความเสีย่ งตอ การใชสารเสพตดิ เชน การจัด
กจิ กรรมตางๆ การเผยแพรค วามรเู กย่ี วกบั โทษของสารเสพตดิ และผลกระทบท่ี
เกิดข้ึนจากการใชสารเสพติดภายในโรงเรียนและชมุ ชน เปนตน

คูมอื ครู 91


Click to View FlipBook Version