กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขาาใจใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Evaluate
Engage Expand Expand
ขยายความเขา ใจ
จากท่ีกลา วมาแลววา วยั รนุ เม่อื เติบโตขึ้นจะเกิด จะเห็นไดวาการเบ่ียงเบนอารมณทางเพศนั้น ข้ึนอยูกับตัวบุคคลแตละคน โดยเฉพาะถาหาก
การเปลย่ี นแปลงทางดา นตางๆ โดยเฉพาะทางดา น เรามัวแตคิดและสนใจในเรื่องเพศ ก็จะทําใหเกิดความออนไหวทางอารมณไดงาย ดังนั้น จึงควรท่ีจะ
รางกาย อารมณและจิตใจ สง ผลใหมพี ฤตกิ รรม เบี่ยงเบนความสนใจไปในเร่ืองของความคิดสรางสรรค ในส่ิงที่เปนประโยชนตอสังคมและสวนรวม
ทางเพศทีเ่ หน็ ไดชัดคือ การมคี วามสนใจ เพอ่ื ทําจิตใจใหเกิดความสงบจากเรื่องเพศได
เพศตรงขาม และการเกิดอารมณทางเพศ ดังนั้น
ครูจงึ ควรแนะนาํ ใหน กั เรยี นรจู กั วิธกี ารจดั การกับ ระดับที่ ๓ การปลดปล่อยหรือระบายอารมณท างเพศ
อารมณท างเพศท่เี หมาะสม โดยต้ังคําถามเพอ่ื ขยาย
ความเขาใจของนักเรยี น เมื่อคนเราเกิดมีความตองการทางเพศก็ยอม
เกิดอารมณ โดยเฉพาะอยางย่ิงเม่ืออยูตามลําพัง
• หากเพอ่ื นของนกั เรียนชักชวนใหด ูสื่อยัว่ ยุ โดดเดี่ยวก็พยายามหาทางระบายออกเพ่ือเปน
ใหเกิดอารมณท างเพศ นักเรยี นจะมีวิธกี าร การตอบสนองความตอ งการทางเพศวยั รนุ สว นมาก
จดั การกับอารมณทางเพศของตนเองอยา งไร มกั ปฏบิ ตั ติ นโดยการสาํ เรจ็ ความใครด ว ยตนเองซง่ึ
ใหเ หมาะสม การทาํ เชน นไ้ี มถ อื วา เปน ความผดิ ปกตทิ างรา งกาย
(แนวตอบ ทํากิจกรรมท่ีสรา งสรรค โดยการ และจิตใจแตเปนการกระทําเพื่อระบายความใคร
ชักชวนเพอื่ นใหไปเลน กฬี าหรอื ออกกาํ ลังกาย ของตนเองขณะนั้นออกไปซึ่งทําใหเกิดความสุขได
ดว ยกัน) ช่ัวระยะหน่ึง อยางไรก็ตามการสําเร็จความใคร
ดอันวยคตวรน1เอเพงนรา้ีนะับกวาารดมีกีเวพาศกสาัมรพมีัเนพธศในสัมวัยพเันรียธนกอนอวาัจย
จากนน้ั ใหน กั เรยี นหาขาวเก่ยี วกบั ปญหาทเี่ กดิ การเลน่ ดนตรี นอกจากจะช่วยใหม้ อี ารมณส์ ุนทรีย์แลว้ จะนาํ ไปสปู ญ หาอนื่ ๆ ตามมาได เชน การตงั้ ครรภ
จากพฤตกิ รรมทางเพศของวยั รนุ โดยใหวเิ คราะห ยังถือเปน็ การใชเ้ วลาว่างใหเ้ ป็นประโยชน์ ไมห่ มกมุน่ เสียการเรียน การติดโรคติดตอทางเพศสัมพันธ
วาเกดิ มาจากสาเหตใุ ด และมแี นวทางในการแกไ ข อยู่กบั เรื่องเพศมากจนเกนิ ไป เปน ตน
ปญหาทเี่ กดิ ขน้ึ น้นั อยา งไร
วธิ กี ารปลดปลอ ย หรอื ระบายอารมณท างเพศนน้ั ไมใชเร่ืองนาละอาย และเปนเร่ืองที่ทุกคนสามารถ
หลีกเล่ียงและหาทางออกไดงาย ดวยการประพฤติและปฏิบัติตนในทางท่ีถูกตองเหมาะสมไมขัดตอ
ศีลธรรมประเพณีอันดีงาม โดยการเลือกปฏิบัติกิจกรรมตางๆ ดังท่ีไดกลาวมาแลว ซ่ึงจะสามารถชวย
ลดการเกดิ อารมณท างเพศได ตลอดจนสามารถทาํ ใหเ กดิ ความสขุ สนุกสนาน กอใหเกดิ ผลดีตอ สขุ ภาพ
ทัง้ ทางรา งกายและจิตใจ
๓. ปจจัยทีม่ ีอทิ ธพิ ลตอ พฤติกรรมทางเพศ2ของวยั รนุ
วยั ร่นุ ถือเป็นกา� ลังส�าคัญของประเทศในอนาคต พฤตกิ รรมทางเพศมผี ลตอ่ คุณภาพชีวติ ของ
วัยร่นุ การทไ่ี ด้เรียนรู้ธรรมชาติในเรอื่ งเพศจะช่วยใหม้ ีความร ู้ ทัศนคต ิ และสามารถปรับตัวตาม
พัฒนาการของชีวิตไดอ้ ย่างเหมาะสม ปัจจยั ท่ีมอี ิทธพิ ลตอ่ พฤตกิ รรมทางเพศ มีดงั นี้
๔๘
นักเรยี นควรรู ขอสอบเนน การคดิ
การสาํ เร็จความใครดว ยตนเองเปน การกระทาํ ที่ผดิ หรือไม
1 การมเี พศสมั พันธกอ นวัยอนั ควร กอ ใหเ กิดปญหาตางๆ ตามมา เชน เพราะเหตุใด
การต้งั ครรภไมพ งึ ประสงคแ ละการตดิ โรคตดิ ตอทางเพศสมั พนั ธ ซึง่ ปญ หาดงั กลา ว 1. ผิด เพราะไมรูจกั ยับยงั้ อารมณท างเพศ
จะสง ผลกระทบมายงั ครอบครวั เศรษฐกิจ และสังคมตามมา รวมถงึ ผลกระทบตอ 2. ผิด เพราะเปน การกระทาํ ทน่ี า รังเกียจของบุคคล
อนาคตของตนเอง เชน เสยี การเรียน มบี ทบาทในการเปน พอ แมกอนวยั อนั ควร 3. ไมผ ดิ เพราะเปน การระบายความตงึ เครียดทางอารมณ
เปนตน 4. ไมผ ิด เพราะเปน การกระทํากับตนเองมิไดกอ ใหเ กิดความ
2 พฤติกรรมทางเพศ การแสดงออกพฤตกิ รรมทางเพศของวยั รุนไทยใน เดือดรอนแกผูอ นื่
ปจจบุ นั ไดรับอทิ ธพิ ลมาจากวัฒนธรรมตะวนั ตกเปน อยางมาก เชน การคบเพอ่ื น วเิ คราะหค ําตอบ การสาํ เรจ็ ความใครด ว ยตนเอง เปน การกระทาํ
ตา งเพศ การถกู เนอื้ ตอ งตวั กนั เปน ตน ซงึ่ อทิ ธพิ ลของวฒั นธรรมตะวนั ตก ทไี่ มผ ดิ เนือ่ งจากเปนการกระทาํ เพื่อระบายความใครห รืออารมณ
ไดถา ยทอดคา นิยมเก่ยี วกบั เร่อื งเพศหลายประการท่ีแตกตา งจากคา นิยมเดมิ ของ ของตนเองขณะนน้ั ออกไป ซึ่งทาํ ใหเกิดความสขุ ไดชั่วขณะหนงึ่
วัฒนธรรมไทย สงผลใหวัยรุน มีพฤติกรรมทางเพศทไ่ี มเ หมาะสม และเส่ียงตอการ ตอบขอ 3.
เกดิ ปญหาทางเพศ
48 คมู อื ครู
กกรระตะตนุ Eุนnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Evaluate
Engage Explore Explain Expand Engage
กระตนุ ความสนใจ
๓.๑ ปจ จัยดา นตนเอง ครตู ัง้ คําถามกระตนุ ความสนใจของนกั เรยี น
โดยใหนกั เรยี นสามารถแสดงความคิดเห็นไดอยาง
ปจั จัยทีเ่ กดิ จากตวั วัยรนุ่ เองมีผลกระทบต่อพฤติกรรมทางเพศ ดงั น้ี อสิ ระ
๑) พัฒนาการทางเพศ การ • นกั เรยี นคิดวามีปจ จัยใดบา งทีม่ อี ิทธพิ ลตอ
พฤติกรรมทางเพศของวยั รุน
เปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ (แนวตอบ นักเรยี นสามารถแสดงความ
และสังคมของวัยรุ่น มีผลต่อแรงผลักทาง คดิ เหน็ ไดอ ยา งอิสระ โดยอาจตอบวา
ทเพ้ังศน ้ีอบาทจบเนาื่อทงทมางาเจพาศก ฮแอลระ์โพมฤนตทิการงรเมพทศา1 งแเพลศะ ปจจยั ทีเ่ กดิ จากตัวของวัยรนุ เอง ครอบครัว
ฮอร์โมนการเจริญเติบโต ท�าให้วัยรุ่นแต่ละคน เพ่ือน สงั คม และวัฒนธรรม)
จะมีการเปล่ียนแปลงท่ีแตกต่างกันออกไป
การรู้จักเรียนรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของตนเอง สาํ รวจคน หา Explore
จะท�าให้เราสามารถแสดงพฤติกรรมต่างๆ
รวมถึงพฤติกรรมทางเพศได้อย่างเหมาะสม ใหน ักเรยี นศกึ ษาปจจัยทีม่ ีอทิ ธพิ ลตอ
เช่น การมีความรู้เรื่องเพศตามพัฒนาการของ พฤติกรรมทางเพศของวัยรุน ในปจ จยั ดา นตนเอง
แต่ละช่วงวัย ท�าให้วางตัวได้อย่างเหมาะสม การใชเ้ วลาว่างโดยการศึกษาหาความร้เู ปน็ วธิ ชี ่วยลด จากหนงั สอื เรียน เพอื่ เตรยี มอภปิ ราย
ความพึงพอใจในเพศของตนเองการให้เกียรติ อารมณ์ทางเพศได้
ผู้อื่น ไม่ล่วงเกินซง่ึ กันและกนั การมพี ฤติกรรมรกั ษาสขุ อนามัยทางเพศของตนเอง เป็นตน้ อธบิ ายความรู Explain
๒) สภาพจิตใจและอารมณ จิตใจและอารมณ์ของวัยรุ่นมีการเปลี่ยนแปลง ใหน ักเรียนรว มกันอภปิ รายเรื่อง ปจ จยั ท่ีมี
อิทธพิ ลตอ พฤตกิ รรมทางเพศของวัยรนุ ในปจ จยั
อย่างรวดเร็ว ท�าให้เกิดอารมณ์เปลี่ยนแปลง ดานตนเอง โดยครแู ละนักเรียนคนอน่ื ๆ รว มกัน
ไดง้ า่ ย บางครง้ั ด ี บางครงั้ มอี ารมณร์ นุ แรง มคี วาม เสนอแนะเพมิ่ เตมิ และตัง้ คาํ ถามเพ่ือนําไปสู
ขัดแย้ง ในขณะเดียวกันก็มีความเช่ือม่ันใน ขอสรุปท่ถี กู ตองรวมกัน
ตนเองสงู ซงึ่ งา่ ยตอ่ การชกั นา� ใหเ้ กดิ การอยากรู้
อยากลอง ทงั้ ในทางทดี่ แี ละไมด่ ี ความคดิ ชว่ั วบู • เพราะเหตุใด การเปล่ียนแปลงทางดาน
เขกอลงียวดัย รอุ่นจิ อฉาาจ อเากริดมจณาก์เกอ็บากรดม2 ณกล์กัว้า วแรล้าะวอ าโรกมรณธ ์ รางกาย จิตใจ อารมณ และสังคม จงึ มผี ล
สนุกสนาน มีความรัก ชอบ พอใจ สุขสบาย ตอบทบาททางเพศและพฤตกิ รรมทางเพศ
ครนื้ เครง อารมณด์ งั กลา่ วถอื เปน็ แรงขบั ทางเพศ ของวยั รนุ
ให้แสดงพฤติกรรมทางเพศต่างๆ ออกมา (แนวตอบ เปนผลมาจากฮอรโ มนทางเพศ
และฮอรโ มนการเจริญเตบิ โต ทาํ ใหว ยั รุน
การเลน่ ดนตรี เปน็ การใช้เวลาว่างใหเ้ กดิ ประโยชน์ แตละคนจะมกี ารเปลีย่ นแปลงทแ่ี ตกตา งกนั
ช่วยใหเ้ กดิ อารมณ์สนกุ สนานและเกิดความเพลดิ เพลิน ออกไป)
๔๙
ขอ สอบเนน การคิด นกั เรียนควรรู
ปจ จยั ใดไมม ี สว นเกี่ยวของท่อี าจสงผลกระทบตอ พฤติกรรมทางเพศทเี่ กดิ 1 ฮอรโ มนทางเพศ ฮอรโมนเพศชาย คอื เทสโทสเทอโรน มีสว นสําคัญในการ
จากตนเองของวัยรนุ ชว ยเผาผลาญไขมนั และสรา งอสจุ ใิ หส มบรู ณ สว นฮอรโ มนเพศหญงิ คอื เอสโตรเจน
มสี วนชว ยในการผลติ น้ํานม กระตุน ใหเ กิดประจาํ เดอื น และโพรเจสเทอโรน
1. การเปล่ยี นแปลงทางดานรา งกาย จิตใจ อารมณ และสงั คม มสี ว นชวยใหเสนเลือดไปเลย้ี งเย่ือบุมดลูกเพ่ิมมากขึน้ เพ่อื พรอ มสําหรับการฝงตวั
2. การเลอื กรบั ส่ือตา งๆ เชน สือ่ ส่งิ พมิ พ และอนิ เทอรเ น็ตเปนตน ของไข
3. การไมยดึ คุณธรรมจรยิ ธรรม ไมรจู ักแยกแยะความดี ความชว่ั 2 อารมณเ กบ็ กด บคุ คลทม่ี อี ารมณเ กบ็ กดมกั จะไมแ สดงความรสู กึ ใหบ คุ คลอนื่
4. การขาดการนับถือตนเอง เน่อื งจากชอบเลยี นแบบผูอ ืน่ ไดร บั รู จะชอบอยคู นเดียวไมพ บปะ หรือพูดคุยกับผูอ น่ื เพราะกลวั ผลกระทบทีจ่ ะ
วเิ คราะหค าํ ตอบ การเลอื กรบั สอื่ ตา งๆ เปน ผลกระทบตอ พฤตกิ รรมทางเพศ ตามมา เชน กลวั คนอนื่ จะโกรธ ไมพ อใจหรอื เสียใจ กลัวเสียภาพลกั ษณ หรือไมร ู
วิธที ่จี ะแสดงออกอยา งนมุ นวล เปนตน จึงเกบ็ กดเอาไวใ นใจ ซง่ึ บคุ คลเหลาน้ี
ทมี่ อี ทิ ธพิ ลมาจากสอ่ื ไมใ ชม อี ทิ ธพิ ลทเี่ กดิ จากตนเอง ตอบขอ 2. มักจะเปนคนข้ีเกรงใจ และตองการใหผูอ่ืนพอใจหรือรกั ใคร
คูมือครู 49
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain
อธบิ ายความรู
ใหนกั เรยี นรวมกันอภิปรายตอเรือ่ ง ปจ จยั พฤติกรรมดังกล่าว ถ้าวัยรุ่นรู้จักการควบคุมตนเอง มีความอดกล้ันต่ออารมณ์ต่างๆ
ทมี่ ีอิทธพิ ลตอพฤติกรรมทางเพศของวยั รุนในปจจัย รจู้ กั การปลดปลอ่ ยอารมณท์ เี่ หมาะสม ยอมรบั และคน้ หาจุดเดน่ จดุ ด้อยของตนเอง กจ็ ะสามารถ
ดานตนเอง โดยครแู ละนักเรยี นคนอ่นื ๆ รว มกนั ผ่านพ้นปัญหาต่างๆ ได้ดี แต่ถ้าหากไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้ ย่อมจะเกิดผลเสียต่อ
เสนอแนะเพ่มิ เตมิ และตัง้ คาํ ถามเพือ่ นําไปสู ตนเองและผใู้ กลช้ ดิ อาจสง่ ผลท�าให้เกิดปญั หาตา่ งๆ ตามมาไดอ้ กี มาก
ขอ สรปุ ทีถ่ กู ตอ งรวมกนั ๓) ผลจากการใช้สารเสพติด สารเสพติดทุกชนิดนอกจากมีผลเสียต่อตนเอง
ครอบครวั และสังคมแลว้ สารเสพติดยังส่งผลกระทบโดยตรงทงั้ ทางรา่ งกาย จิตใจ และอารมณ ์
• การใชส ารเสพตดิ อาจสงผลใหเ กิดพฤติกรรม ต่อผู้เสพ การใช้สารเสพติดจะเป็นการกระตุ้นอารมณ์ต่างๆ รวมท้ังอารมณ์ทางเพศซ่ึงมีผล
ทางเพศในเร่ืองใดบาง ตอ่ การแสดงพฤตกิ รรมทางเพศ เช่น
(แนวตอบ อาจนําไปสกู ารลว งละเมดิ ทางเพศ ■ การดื่มสรุ า การใช้สารเสพตดิ ของวัยรนุ่ อาจท�าใหเ้ กดิ การล่วงละเมิดทางเพศ1
และการมเี พศสัมพันธ ซงึ่ อาจทาํ ใหเ กิด หรอื เกิดปญั หาอาชญากรรม 2
โรคติดตอทางเพศสัมพันธไ ด) ■ การมเี พศสมั พนั ธ ์โดยไม ่ใชถ้ งุ ยางอนามยั ของวยั รนุ่ ทา� ใหม้ อี าการเจบ็ ปว่ ยจาก
การตดิ โรคทางเพศสัมพนั ธ์
ดังนั้น ถ้าวัยรุ่นรู้จักการดูแลตนเองโดยการหลีกเล่ียงการทดลอง ปฏิเสธค�าชักชวน
ของเพื่อนต่อการใชส้ ารเสพตดิ กย็ อ่ มท�าใหร้ อดพน้ จากปัญหาตา่ งๆ ดงั กล่าวได้
1
การไปเที่ยวกับเพ่ือนเป็นกลุ่ม จะสามารถช่วยป้องกันไม่ให้ล่วงละเมิดทางเพศได้ง่าย แต่ก็ต้องรู้จักดูแลตนเองให้ดี
และหลกี เลี่ยงสถานการณเ์ สีย่ งทอ่ี าจกอ่ ใหเ้ กิดการล่วงละเมดิ ทางเพศได้
50
นกั เรียนควรรู ขอ สอบเนน การคิด
ขอใดคือสงิ่ ทีค่ วรทาํ เปนอันดับแรกหากเกดิ การลวงละเมดิ ทางเพศ
1 การลวงละเมิดทางเพศ การปอ งกันไมใหถูกลวงละเมิดทางเพศ สามารถใช 1. เดินหนีใหเ รว็ ท่ีสดุ
ทกั ษะตา งๆ ได เชน ทักษะปฏิเสธ ทักษะการตอ รอง เปน ตน นอกจากนีย้ ังสามารถ 2. ตอวาดวยถอยคําทรี่ ุนแรง
ใชอวยั วะรางกาย หรือสง่ิ ของใกลต ัวในการปองกันตนเองไดหากอยูใ นสถานการณ 3. ตง้ั สติและตั้งใจปฏเิ สธอยางจริงจัง
ท่อี าจเกิดการลวงละเมิดทางเพศ 4. พดู ปฏเิ สธดว ยนา้ํ เสยี งและทาทางทจ่ี ริงจัง
2 การมเี พศสัมพันธ วยั รนุ หญิงมคี วามเส่ียงตอ การเกิดโรคมะเร็งปากมดลูก วเิ คราะหคําตอบ หากเกิดการลวงละเมดิ ทางเพศ ควรต้ังสตกิ อน
มากทส่ี ดุ เนอ่ื งจากยงั ไมม ีความรใู นเรือ่ งของการปอ งกนั การมีเพศสมั พันธท ่ถี กู ตอง เพอ่ื ใหส ามารถหาแนวทางแกไ ขปญ หาทเี่ กดิ ขน้ึ และเมอ่ื ตงั้ สตไิ ดแ ลว
ดังนั้นจงึ ควรไดร ับการตรวจคัดกรองเชือ้ มะเร็งปากมดลกู ทีเ่ รยี กวา แปปสเมียร ควรพดู ปฏิเสธดวยนา้ํ เสียงอยางจรงิ จงั ซงึ่ เปน วธิ หี นงึ่ ทส่ี ามารถ
(Pap Smear) อยา งนอ ยปละ 1 คร้งั เพื่อเปนการปอ งกนั การเกดิ โรคมะเร็งปากมดลกู หลีกเลย่ี งจากการลวงละเมิดทางเพศได ตอบขอ 3.
ต้ังแตอ ายยุ งั นอย
50 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขาใา จใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
๔) การนบั ถอื ตนเอง การนบั ถอื ตนเองเปน็ การพจิ ารณาตนเอง โดยการยอมรบั จดุ เดน่ ใหน กั เรียนรวมกันอภิปรายตอในเรอ่ื ง ปจจยั
และร้สู ึกภูมใิ จในตนเอง การนบั ถอื ตนเองน้ันมีผลตอ่ พฤตกิ รรมทางเพศ เช่น ท่มี ีอิทธิพลตอ พฤติกรรมทางเพศของวัยรุนใน
■ การเหน็ คุณค่าในตนเอง ปจจัยดานตนเอง โดยครแู ละนักเรียนคนอื่นๆ
■ การยอมรบั และภมู ใิ จในเพศสภาพ รวมกันเสนอแนะเพิม่ เตมิ และตงั้ คาํ ถามเพอื่ นาํ ไป
ของตนและแสดงบทบาททางเพศสภาพได้อย่าง สขู อ สรปุ ทถ่ี ูกตอ งรว มกนั
เหมาะสม
■ ภูมิใจต่อรูปรา่ ง หนา้ ตา โดยไม่ • การนับถือตนเองมลี ักษณะอยา งไร
ถอื ว่าเป็นปมด้อย (แนวตอบ เชน การเหน็ คณุ คาในตนเอง
พฤตกิ รรมทางเพศดงั กลา่ วถา้ วยั รนุ่ การยอมรบั และภมู ใิ จในเพศสภาพของ
ตนเอง เปนตน )
ไมเ่ ห็นคุณคา่ ในตนเอง หรือไม่พึงพอใจในเพศของ ขยายความเขา ใจ Expand
ตนเอง อาจก่อให้เกิดพฤติกรรมเส่ียงทางเพศของ
ตนเอง แต่ถ้าวัยรุ่นรักและเห็นคุณค่าในตนเอง
เคารพตนเอง และให้ความส�าคัญต่อพฤติกรรม การเขา้ แขง่ ขนั ประกวดกองเชยี ร์ เปน็ ตวั อยา่ งกจิ กรรม หลงั การอภปิ ราย ใหน กั เรยี นสรปุ สาระสาํ คญั
ทางเพศ บทบาททางเพศ รจู้ กั วางตวั อยา่ งเหมาะสม ทด่ี ที ท่ี าํ ใหว้ ยั รนุ่ ไดแ้ สดงออกซง่ึ ความสามารถของตน เรอ่ื ง ปจจยั ท่มี อี ิทธพิ ลตอ พฤตกิ รรมทางเพศใน
ย่อมท�าใหต้ นเองเกดิ คณุ คา่ และเป็นทีน่ ิยมชมชอบรวมท้งั เป็นท่รี กั ใคร่ของเพือ่ น ปจจยั ดา นตนเองในรูปแบบของผงั ความคิด
๕) การยดึ คณุ ธรรมจรยิ ธรรม วยั ร่นุ สามารถพฒั นาคณุ ธรรม จรยิ ธรรม รู้จักแยกแยะ
ความดี ความชั่วจากมโนธรรมของตนเอง โดย
การเรียนรู้จากการปลูกฝังค่านิยม ทัศนคติและ
ความสมั พนั ธท์ ด่ี ภี ายในครอบครวั บคุ คลทม่ี คี ณุ ธรรม
จรยิ ธรรมจะเปน็ ทร่ี กั ใครข่ องบุคคลอื่น สามารถอย ู่
ในสงั คมและดา� เนนิ ชวี ติ ไดอ้ ยา่ งมคี วามสขุ คณุ ธรรม
จริยธรรมทางเพศของวัยรุ่น เช่น การให้เกียรติ
ซงึ่ กนั และกัน การไม่ล่วงละเมิดทางเพศ การไมม่ ี
เพศสมั พนั ธก์ อ่ นวยั อนั ควร การถอื วา่ การมเี พศสมั พนั ธ์
ในวัยรุ่นเป็นเรื่องไม่เหมาะสม ผิดทั้งศีลธรรมและ
จรยิ ธรรม ถา้ วยั รนุ่ ยดึ ถอื คณุ ธรรมจรยิ ธรรมโดยการ
ควบคมุ ตนเอง ใหเ้ กยี รตผิ อู้ นื่ จะชว่ ยแกป้ ญั หาความ การปลูกปาเปน็ กิจกรรมอย่างหนงึ่ ที่ช่วยสร้างเสรมิ
เส่ยี งต่อพฤติกรรมทางเพศได้ คณุ ธรรม จริยธรรมท่ดี งี ามใหแ้ ก่วยั ร่นุ
5๑
ขอสอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู
ขอใดไมใช อทิ ธพิ ลของครอบครวั ท่เี ปน ปจจยั ที่มอี ิทธิพลทางเพศของวยั รนุ ครูควรแนะนาํ หรอื ปลกู ฝง ใหนกั เรียนเห็นคุณคา ของตนเองมากขน้ึ เพือ่ ไมใ ห
1. ความศรทั ธาในศาสนา เกิดผลกระทบตอ พฤติกรรมทางเพศ เชน การปลูกฝง นักเรียนไมใหมเี พศสมั พนั ธ
2. ความสมั พันธในครอบครัว กอนวยั อนั ควร การไมยอมใหผอู ่ืนถกู เน้อื ตองตวั เปนตน
3. การจบั กลมุ กนั กบั เพื่อนเพอื่ ทํากิจกรรมตางๆ
4. การปลูกฝง เจตคตทิ ี่ดีในเรือ่ งบทบาททางเพศ
วิเคราะหค ําตอบ การจับกลมุ กนั กบั เพอื่ นเพื่อทาํ กิจกรรมตางๆ เปน อทิ ธิพล
ที่เกิดจากเพอ่ื น เนอ่ื งจากวัยรุนสามารถสรางความสัมพนั ธอ นั ดกี ับเพือ่ น
วยั เดยี วกนั ไดท ้ังเพศเดียวกันและเพอ่ื นตา งเพศ ตอบขอ 3.
คูมอื ครู 51
กระตนุ ความสนใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain
สาํ รวจคน หา Explore
ใหน กั เรียนศึกษาเร่อื ง ปจ จัยทมี่ ีอทิ ธิพลตอ ๓.๒ ปจ จยั ดา นครอบครวั
พฤตกิ รรมทางเพศของวัยรุนในปจจยั ดานครอบครวั
จากหนงั สอื เรยี น เพื่อเตรยี มอภปิ ราย ครอบครัวเป็นสถาบันแรกที่อบรมทางด้านจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นท่าทีหรือความรู้สึกของ
อธบิ ายความรู Explain บคุ คลตอ่ สง่ิ ใดสง่ิ หน่งึ สิ่งทบี่ ุคคล หรอื สังคมยึดถอื
เป็นเครื่องช่วยตัดสินใจ หรือก�าหนดการกระท�า
ของตนเองตอ่ บทบาทหน้าท ี่ นอกจากนี้ ยังปลูกฝงั
ใหน ักเรยี นรว มกันอภปิ รายเร่อื งปจ จัยท่มี ี พฤตกิ รรมตา่ งๆ รวมทง้ั พฤตกิ รรมทางเพศ ซึง่ ถือ
อิทธพิ ลตอพฤตกิ รรมทางเพศของวยั รนุ ในปจ จัย ไดว้ ่าครอบครวั นั้นมีอิทธิพลตอ่ วัยรนุ่ มากท่สี ุด
ดานครอบครัว โดยครแู ละนกั เรียนคนอ่ืนๆ รว มกัน ครอบครัวมีผลต่อพฤติกรรมทางเพศของ
เสนอแนะเพิม่ เติม และตง้ั คาํ ถามเพ่อื นําไปสขู อสรปุ วยั ร่นุ ดังน้ี
ท่ถี ูกตองรว มกนั ๑) ความสัมพันธในครอบครัว
ครอบครัวเป็นต้นแบบของความสัมพันธ์ท่ีวัยรุ่น
• นักเรยี นคดิ วา ครอบครัวมีอทิ ธพิ ลตอ ควรยึดถือเอาเป็นแบบอย่างในการด�าเนินชีวิต
พฤตกิ รรมทางเพศของวยั รนุ อยา งไร ถ้าสมาชิกในครอบครัวมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
(แนวตอบ ครอบครวั เปน สถาบนั แรกที่คอย มีน�้าใจช่วยเหลือเกื้อกูลกัน มีปัญหาใดเกิดขึ้นก็
เสรมิ สรา งประสบการณของวยั รุน ซึง่ พอแม พ่อ แม่ หรือผู้ปกครองมีบทบาทสําคญั ในการอบรม หันหน้าเข้ามาปรึกษาหารือกัน แก้ปัญหาท่ีเกิด
ผูปกครอง ถือไดวาเปนแบบอยา งท่ีสําคัญ และปลูกฝง ค่านยิ มทางเพศใหแ้ ก่บตุ รหลาน อย่างสนั ต ิ เยาวชนท่เี ปน็ วัยรุ่นก็จะเกิดความอบอ่นุ
ในการดาํ เนนิ ชีวติ หากครอบครัวมคี วาม
อบอุน จะสง ผลใหว ยั รนุ มพี ฤตกิ รรมทางเพศทดี่ ี เกิดความม่ันใจตระหนักในคุณค่าและเห็นความส�าคัญของครอบครัว ซ่ึงรูปแบบความสัมพันธ์
สามารถปฏบิ ัตติ นไดอยา งเหมาะสม เชน ในครอบครวั จะเปน็ อย่างไรขนึ้ อย่กู บั ปจั จยั ต่างๆ ดังนี้
เกิดความเขา ใจทถี่ ูกตองในเรื่องเพศ
หลกี เลีย่ งการมเี พศสัมพันธก อ นวยั อันควร ความสัมพันธทด่ี ีระหวา งพอ แม หรือผูปกครอง
เปน ตน ) การแสดงออกดว ยความรกั ความเขา ใจ หว งใย จรงิ ใจ และมคี วามยดื หยนุ ของพอ แม หรอื ผปู กครอง
ยอมมีผลตอความสัมพันธท่ีดีในครอบครัว ครอบครัวท่ีสมาชิกในบานมีความรัก ความเขาใจ
และมีความเห็นอกเห็นใจกัน จะสงผลตอบุตรหลาน โดยเฉพาะอยางย่ิงถาเปนวัยรุนจะทําให
วยั รุนมกี ารเรยี นรูในทางบวกและมพี ฤตกิ รรมทางเพศท่ีเหมาะสม
1
ทกั ษะชีวติ
ความสมั พนั ธในครอบครวั ควรยดึ ทกั ษะตา งๆ ในการปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรมตา งๆ ใหถ กู ตอ ง
เหมาะสม การรจู กั เลือกใชท ักษะตา งๆ ทเ่ี หมาะสมนอกจากจะเปนแนวทางในการสราง
ความสัมพันธในครอบครัวแลว ยงั สามารถนาํ มาปรับใชแกป ญ หาในชีวติ ประจําวันได
5๒
นกั เรียนควรรู ขอสอบเนน การคดิ
ขอ ใดเปน ส่งิ สาํ คัญท่ที าํ ใหชวี ติ ครอบครวั แตกแยก
1 ทักษะชวี ิต การมีทกั ษะชวี ิตตา งๆ จะทาํ ใหส ามารถเผชญิ สถานการณตา งๆ 1. ทรพั ยสนิ เงินทอง
ในชวี ิตประจาํ วันไดอ ยางมปี ระสทิ ธภิ าพ และสามารถที่จะปรับตวั ไดใ นอนาคต 2. การศกึ ษา
โดยทกั ษะชวี ิตทีส่ ําคญั เชน ทักษะการตัดสนิ ใจ ทกั ษะการแกปญ หา ทักษะการคิด 3. หนาทกี่ ารงาน
วเิ คราะห ทักษะการสื่อสาร เปนตน 4. ความไมเขาใจซึ่งกนั และกนั
วเิ คราะหค ําตอบ ครอบครวั ท่ีแตกแยก สวนใหญม ักเกดิ จาก
มมุ IT สาเหตุการทะเลาะวิวาท ความไมเ ขาใจซึ่งกนั และกัน ใชความ
รนุ แรง ซ่งึ สง ผลใหค รอบครวั ขาดความอบอุนและไมมคี วามสขุ
สามารถศกึ ษาเพิ่มเตมิ เกีย่ วกบั ทักษะชวี ติ ที่จะชว ยใหอ ยใู นสังคมไดอยางมี ตอบขอ 4.
ความสุข จากบทความ “เขา ใจใสใ จวัยรุน ” ไดจ าก http://www.factsforlifethai.
cf.mahidol.ac.th/teenager/support02.php
52 คมู ือครู
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
๒) องคประกอบของครอบครัว ครอบครัวเป็นสถาบันท่ีหล่อหลอมพฤติกรรมของ ใหนักเรียนรวมกันอภิปรายตอเรื่อง ปจจัยท่ีมี
อิทธิพลตอพฤติกรรมทางเพศของวัยรุนในปจจัย
บุคคล ครอบครวั ท่มี ีความสุข ต้ังอยบู่ นฐานขององคป์ ระกอบหลกั ๕ ดา้ น ได้แก ่ สังคมครอบครวั ดา นครอบครวั โดยครูและนักเรยี นคนอื่นๆ รวมกัน
สุขภาพครอบครวั เศรษฐกจิ ครอบครวั วัฒนธรรมครอบครัว และการเกอ้ื หนุนสังคม เสนอแนะเพมิ่ เตมิ และตง้ั คาํ ถามเพอื่ ใหไ ดข อ สรปุ ท่ี
ถูกตองรว มกนั
องค์ประกอบครอบครัว
• นกั เรียนคิดวา ฐานะทางเศรษฐกจิ ของ
สงั คม สุขภาพ เศรษฐกจิ วัฒนธรรม การเกอ้ื หนุน ครอบครัว มีผลตอพฤตกิ รรมทางเพศของ
ครอบครัว ครอบครวั ครอบครวั ครอบครวั สังคม วัยรุนอยา งไร
(แนวตอบ เนือ่ งจากรายไดเปนปจ จยั สาํ คญั
■ สมาชกิ ใน ■ สมาชกิ ใน ■ ท่ีพักอาศยั มี ■ สมาชิกใน ■ สมาชกิ ใน ของครอบครวั บางครอบครัวพอแม
ผูปกครอง ยากจน จึงตองดนิ้ รนหาเลยี้ งชพี
ครอบครัว ครอบครวั ดูแล สภาพแวดลอ้ ม ครอบครวั เขา้ รว่ ม ครอบครวั ทําใหไ มม เี วลาท่จี ะอบรมสั่งสอนบตุ รหรือ
คอยสอดสองพฤตกิ รรม)
ชว่ ยเหลือห่วงใย สุขภาพของ ทด่ี ีถกู สขุ ลกั ษณะ กิจกรรมตาม มจี ติ สาํ นกึ
• ลักษณะของครอบครวั ทดี่ คี วรมลี ักษณะ
กนั ใชเ้ วลาทํา ตนเองให้มี และปลอดภัย ประเพณ ี สาธารณะ โดย อยา งไร ทจี่ ะสงผลใหว ัยรุน มพี ฤตกิ รรม
ทางเพศท่ีเหมาะสม
กิจกรรมร่วมกัน สขุ ภาพดี ■ สมาชิกใน ศิลปวัฒนธรรม การบาํ เพ็ญตน (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคดิ เห็น
ไดอยางอสิ ระ โดยอาจตอบวา เปน ครอบครวั
และรว่ มกัน ■ ครอบครัว ครอบครวั ในท้องถนิ่ ให้เปนประโยชน์ ทีม่ คี วามอบอนุ ใหค วามรักความเอาใจใส
ซ่งึ กนั และกนั และเปนแบบอยา งที่ดี
รบั ผดิ ชอบภารกจิ มีหลกั ประกัน ประกอบอาชีพ ■ สมาชิกใน ตอ่ สังคม ใหแกบ ตุ รหลาน)
ในครอบครวั สขุ ภาพ สามารถ สจุ รติ และมี ครอบครัวทาํ ■ รักและหวงแหน
■ สมาชิกใน ไปรบั บริการ รายไดเ้ พยี งพอ กจิ กรรมเก่ยี วกบั ทรัพยากร
ครอบครัว สุขภาพตามสิทธิ รจู้ ักใชจ้ ่ายตาม การอนุรกั ษ์ ท้องถิ่นและ
ใชบ้ รกิ ารพนื้ ฐาน ความจําเปน พลงั งาน สาธารณสมบตั ิ
ด้านสุขภาพ ส่ิงแวดล้อม ของชุมชน
เพศวถิ ีศึกษา และวฒั นธรรม
อาชีพ และ
สาธารณูปโภค
ในชมุ ชน
■ สมาชกิ ใน
ครอบครัวได้รับ
การศกึ ษา
เทา่ เทยี มกนั
๓) การอบรมเล้ียงดูของครอบครัว ครอบครัวมีบทบาทหน้าท่ีในการอบรมเลี้ยงด ู
สง่ั สอนขดั เกลาบคุ คลในครอบครวั ใหด้ า� รงตนอยา่ งถกู ตอ้ งเหมาะสม โดยการปลกู ฝงั คา่ นยิ ม ทศั นคติ
ตอ่ พฤตกิ รรมตา่ งๆ รวมทงั้ พฤตกิ รรมทางเพศ บทบาททางเพศ ซงึ่ การอบรมเลยี้ งดขู องครอบครวั
มาจากปัจจัยตา่ งๆ ดังนี้
5๓
ขอ สอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู
ขอใดคือลักษณะของครอบครัวท่ีไมเปน ประชาธปิ ไตย ครคู วรสงเสรมิ ใหนกั เรียนเห็นความสาํ คญั ของครอบครวั เชน การสราง
1. สรา งระเบยี บของครอบครวั รว มกนั ความสมั พันธทีด่ ตี อกัน มนี ํ้าใจชว ยเหลือเก้อื กูลกนั เปน ตน เนือ่ งจากครอบครวั ท่ี
2. สมาชิกทุกคนรว มกนั แกไ ขปญ หา มคี วามสขุ มคี วามอบอนุ จะสง ผลใหนักเรียนมีพฤติกรรมตา งๆ รวมทั้งพฤติกรรม
3. ผูนาํ ครอบครวั เปนผูอ อกคาํ ส่ัง ทางเพศทีด่ ีและเหมาะสม
4. ฟง ความคดิ เห็นของสมาชิก
วิเคราะหค ําตอบ ลกั ษณะของครอบครัวทไ่ี มเปน ประชาธปิ ไตย คือ ผูน าํ
หรือหวั หนา ครอบครวั เปน ผูออกคําสง่ั ในทุกๆ เรื่อง โดยการกระทําดงั กลา ว
สง ผลใหส มาชกิ คนอนื่ ๆ ในครอบครวั ไมม สี ทิ ธใิ นการรว มเสนอแนะ หรือแสดง
ความคิดเหน็ แตอยางใดในเรอ่ื งที่เกย่ี วขอ งกับครอบครวั เพราะตองข้นึ อยูกบั
คาํ สง่ั หรือการตัดสินใจของบคุ คลท่เี ปน ผนู าํ ครอบครัวเพยี งอยา งเดียว
ตอบขอ 3.
คูมือครู 53
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขาาใจใจ ตรวจสอบผล
Explore Evaluate
Engage Explain Explain Expand
อธบิ ายความรู
ใหน ักเรยี นรวมกันอภิปรายตอเร่ือง ปจ จยั ท่มี ี ความสมั พนั ธในครอบครัว
อิทธพิ ลตอพฤตกิ รรมทางเพศของวัยรุน ในปจ จัย
ดา นครอบครวั โดยครูและนกั เรยี นคนอืน่ ๆ รว มกนั คานยิ มทางเพศของพอ แม หรอื ผปู กครอง
เสนอแนะเพม่ิ เติม และตั้งคาํ ถามเพื่อใหไ ดขอสรุปที่ มีผลตอคานิยมและพฤติกรรมทางเพศของบุตรหลาน การสงเสริมคานิยมทางเพศท่ีถูกตองใหแกบุตรหลาน
ถูกตองรว มกนั จึงเปนสิ่งท่ีสําคัญ เชน การใหความรูในเร่ืองเพศ จะชวยทําใหเด็กเกิดความเขาใจท่ีถูกตองและสามารถ
ประพฤติตนไดอยางเหมาะสม รวมทั้งปลูกฝงใหเกิดความเขาใจวาเรื่องเพศไมใชเรื่องท่ีนาอับอายสามารถ
• เพราะเหตใุ ดศาสนาจึงมีผลตอ การอบรม ปรกึ ษาผูใหญไ ด รูจักเคารพสิทธิความเสมอภาคและความเทาเทียมระหวางเพศ หลีกเล่ียงการมีเพศสัมพันธ
เล้ยี งดู กอ นวัยอันควร การรกั นวลสงวนตวั เปน ตน
(แนวตอบ เนอ่ื งจากการอบรมเล้ยี งดดู ว ย
แนวทางของศาสนา จะสงผลใหเ ปนคนดี ศาสนากับการอบรมเลยี้ งดู
และยงั เปน แนวทางในการดาํ รงชวี ิตทีถ่ ูกตอ ง ศาสนาเปนส่ิงที่ยึดเหน่ียวจิตใจ การอบรมเลี้ยงดูบุตรดวยแนวทางของศาสนา นอกจากจะทําใหเปนคนดีแลว
เหมาะสมในอนาคต เชน ความเชื่อในการ ยังใชเปนแนวทางในการดํารงชีวิตที่ถูกตองเหมาะสมในอนาคต เชน ความเช่ือในการทําความดี ละเวน
กระทาํ ความดีละเวน ความชัว่ การละเวน การ ความชวั่ การละเวนการลวงละเมิดทางเพศ การงดใชยาและสารเสพตดิ เพราะมโี อกาสเสยี่ งตอ การมพี ฤติกรรม
ลวงละเมดิ ทางเพศ การควบคมุ จิตใจและ ทางเพศท่ีไมเหมาะสม การควบคุมจิตใจและอารมณเม่ือมีอารมณทางเพศ เปนตน ซึ่งมักจะพบวาผูที่ยึดมั่น
อารมณเ มอื่ มอี ารมณท างเพศ เปน ตน) ในศาสนาจะเปนบุคคลท่ีมีสติ สามารถพิจารณาและวิเคราะหหนทางแกไขปญหาตางๆ อยางสุขุมรอบคอบ
และจะประสบความสําเร็จในชวี ิต
แบบแผนการอบรมเล้ยี งดู 1
ขยายความเขา ใจ ครอบครัวแตละครอบครัวมีแบบแผนการอบรมเลี้ยงดูที่แตกตางกัน การอบรมสั่งสอนท่ีเขมงวดและติดตาม
Expand ดเรูพ่ือฤงตเพิกศร2รไมมวใหัยรพุนูดจนหรูรสือึกกวาลถาูกวคถึวงใบนคคุมรมอาบกคจรนัวเกินกไาปรเขจมะงทวําดใหกัเบกบิดุตครวสาามวคมับาขกอกงวใจาบลําุตบราชกาใยจ เชน การปกปด
การไมใหคบหา
ใหนักเรียนเขียนเรียงความเร่ือง ครอบครัวที่มี เพอื่ นตา งเพศ เปน ตน แตถ าปลอ ยปละละเลยมากเกนิ ไปวยั รุนอาจไปกระทําในส่งิ ที่ไมเหมาะสมได
ความสุขของนักเรียน โดยแสดงใหเห็นถึงลักษณะ
ของครอบครัวท่ีมีความสุขวาเปนอยางไรท่ีจะสงผล ดงั นน้ั สมาชกิ ในครอบครวั ทกุ คนควรมกี าร
ใหน ักเรยี นมีพฤติกรรมทางเพศที่เหมาะสม พูดคยุ กนั สร้างความสัมพนั ธท์ ดี่ ตี ่อกนั และมี
ความไวว้ างใจซึ่งกนั และกัน
ครอบครัวเป็นสถาบันทางสังคมท่ีสําคัญในการอบรม
เล้ียงดูและขัดเกลาให้สมาชิกในครอบครัวดํารงตน ๓.๓ ปจ จัยดานเพ่ือน
อย่างเหมาะสม
เพ่ือนมีความส�าคัญและมีอิทธิพล
5๔ ต่อวัยรุ่นมาก การท่ีวัยรุ่นสามารถสร้างความ
สัมพันธ์อันดีกับเพื่อนวัยเดียวกันได้ท้ังเพศ
เดียวกันและเพื่อนต่างเพศ ถือว่าเป็นส่ิงดี
หากประพฤตปิ ฏบิ ตั ติ นไดอ้ ยา่ งเหมาะสม จะเหน็
ได้ว่าเม่ือเข้าสู่วัยรุ่น วัยรุ่นจะมีการคบเพื่อน
จบั กลมุ่ กนั ท�าตาม หรอื เลียนแบบกนั ปกปอ้ ง
เพ่อื น ซ่ึงไมถ่ อื ว่าเปน็ เรอื่ งผดิ ปกติ แตใ่ นการ
นักเรยี นควรรู ขอ สอบเนน การคดิ
พอแม ผปู กครอง ควรอบรมเลยี้ งดูบตุ รหลานอยา งไร เพ่ือให
1 การอบรมสง่ั สอนทเี่ ขม งวด การเลย้ี งบตุ รหลานในลกั ษณะนจี้ ะสง ผลใหบ ตุ รหลาน บตุ รหลานมพี ฤติกรรมทางเพศทเี่ หมาะสม
เปน คนกา วรา วขาดความเชอื่ มนั่ ในตวั เองตอ งคอยรบั ฟง คาํ สง่ั จากผอู นื่ กอ นขาดความคดิ แนวตอบ พอ แมค วรเปน แบบอยา งทดี่ ใี หแ กบ ตุ รหลาน โดยเฉพาะ
ริเร่มิ สรา งสรรค ซึ่งสิง่ เหลานจ้ี ะบนั่ ทอนความกา วหนา ในอนาคตของบุตรหลานได พฤตกิ รรมทางเพศ ซง่ึ จะสงผลใหบุตรหลานเกดิ การเลยี นแบบ
2 การปกปดเรื่องเพศ พอแม ผปู กครอง ไมควรปกปด เรอ่ื งเพศกับบตุ รหลาน พฤติกรรมของพอแม ผูป กครองในทางทเ่ี หมาะสม ไมค วรปกปด
แตควรท่จี ะปลูกฝง ทัศนคตทิ ี่ดีทถ่ี ูกตองในเร่ืองเพศใหก ับบตุ รหลาน เชน การสราง เรื่องเพศ ใหค วามรักความเอาใจใสแ กบ ตุ รหลานดว ยความ
ทศั นคติทด่ี ีตอเพศตรงขา ม การใหความรเู ก่ยี วกับเพศวถิ ศี กึ ษาในการปองกนั ตนเอง ทะนถุ นอม พดู คยุ ปรบั ความเขา ใจกนั และไมใชความรุนแรง
ไมใหม เี พศสัมพันธกอ นวยั อันควร เปน ตน ซ่ึงนําไปสูก ารเกิดผลกระทบตางๆ ตามมา
ไดแ ก การตั้งครรภไ มพึงประสงค โรคติดตอทางเพศสัมพนั ธ และการมีบทบาท
หนาที่เปนพอ แม
54 คมู ือครู
กระตุนความสนใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Expand Evaluate
Explore Explain Explore
สาํ รวจคน หา
คบเพื่อน ตอ้ งคบกนั ในทางท่สี รา้ งสรรค์ และหากพบเหน็ พฤติกรรมทไี่ ม่ถูกตอ้ งกค็ วรท่จี ะวา่ กล่าว ใหน ักเรยี นศึกษาเร่อื ง ปจ จัยทม่ี ีอิทธิพล
ตักเตือนกัน ซึ่งจะช่วยให้ปลอดภัยจากปัญหาต่างๆ และมีอนาคตที่ดีได้ เพ่ือนจึงมีอิทธิพลต่อ ตอพฤติกรรมทางเพศของวัยรุน ในปจ จัยดาน
พฤตกิ รรมทางเพศ ดงั น้ี เพื่อนและปจจัยดา นสังคมและวฒั นธรรม
จากหนังสือเรียน เพื่อเตรยี มอภปิ ราย
ความสัมพันธร ะหวา งเพื่อนเพศเดียวกนั วยั รนุ จะคบเพอ่ื นอยใู นรนุ ราวคราวเดยี วกนั มที ศั นคติ อธบิ ายความรู Explain
คานิยมท่ีเหมือนกัน การตองการใหเปนท่ียอมรับ ใหนกั เรียนรวมกนั อภิปรายเรือ่ ง ปจ จัยทม่ี ี
การกลัวเพื่อนทอดท้ิงไมใหรวมกลุม ทําใหวัยรุนตอง อิทธพิ ลตอ พฤตกิ รรมทางเพศของวยั รนุ ในปจจัย
ยอมรับและปรับตวั ดวยอทิ ธิพลดังกลาวมผี ลตอการ ดา นเพอื่ นและปจ จยั ดานสงั คมและวฒั นธรรม โดย
แสดงพฤติกรรมโดยการแสดงกิริยาทาทาง การพูด ครแู ละนกั เรียนคนอื่นๆ รว มกนั เสนอแนะเพมิ่ เตมิ
ความคิด คานิยมตางๆ การเลียนแบบกันเพื่อเปน และต้ังคาํ ถามเพือ่ ใหไดขอ สรปุ ท่ถี ูกตองรว มกัน
เอกลักษณของกลุม การสรางจุดเดนของตนเองและ
กลุม ความสัมพันธระหวางเพื่อนมีผลตอพฤติกรรม • เพราะเหตุใดเพือ่ นจงึ มคี วามสาํ คัญกบั วัยรนุ
ทางเพศตางๆ ได เชน การรวมตวั กันด่ืมสรุ า การใช มากทสี่ ุด
การคบเพ่ือนและชกั ชวนกันทํากจิ กรรมร่วมกัน สารเสพตดิ แลว กอ ปญ หาอาชญากรรมทางเพศโดยลว ง (แนวตอบ เมอ่ื เรมิ่ เขาสวู ยั รุน เพ่ือนจะมี
เชน่ การเลน่ กีฬา การเล่นดนตรี จะชว่ ยใหเ้ กิด ละเมิดทางเพศ เปน ตน อทิ ธิพลตอ วัยรนุ มาก วยั รนุ จงึ สามารถสราง
ความสัมพนั ธท์ ่ดี ีตอ่ กนั ความสมั พันธอ ันดีกบั เพื่อนในวยั เดียวกัน
ไดท ้งั เพศเดยี วกันและเพื่อนตางเพศ
ความสมั พันธระหวา งเพื่อนตา งเพศ วัยรุนมักจะมีความวิตกกังวลตอการคบเพ่ือน เพราะเพื่อนจะเขา ใจความตอ งการของ
ตางเพศ ความสัมพันธระหวางเพ่ือนตางเพศมีทั้ง วัยรุนไดดที ส่ี ดุ )
การคบเพ่ือนตา่ งเพศ ทั้งสองฝา ยควรใหเ้ กียรติ คบหาเปน เพื่อนฝงู ชอบพอกนั ในฐานะเพ่ือน และการ
ซ่ึงกนั และกนั และวางตัวอย่างเหมาะสม คบหาชอบพอกนั ในฐานะคนรัก จงึ เปนความสัมพันธ • การคบเพอ่ื นตา งเพศ นกั เรยี นคดิ วา เปน สงิ่
ทส่ี าํ คญั มากทสี่ ดุ ในวยั รนุ การรจู กั วางตวั การรจู กั เหน็ ทผ่ี ิดหรือไม เพราะเหตุใด
คุณคาในตนเอง ความเห็นอกเห็นใจผูอ่ืน ตลอดจน (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น
การสรา งสมั พนั ธภาพทดี่ ี จะสามารถชว ยในการแกไ ข ไดอ ยางอสิ ระ โดยอาจตอบวา ไมเปนส่งิ ทผ่ี ดิ
ปไดญ หเาชนแลกะาปรอไงมกคันิดตนลเวองงลใะนเเมรื่อิดงทพาฤงตเพิกรศรดมวทยาวงเาพจศา1 หากวัยรุน รูจักการวางตัวทีเ่ หมาะสม)
การจบั เนอ้ื ตองตัว เปน ตน
๓.๔ ปจจยั ดา นสังคมและวฒั นธรรม
สงั คมถอื เปน็ แหลง่ ความร ู้ในทกุ ดา้ น วยั รนุ่ มกั แสวงหาสงั คมทตี่ นเองชอบและมอี ดุ มคติ
เหมอื นๆ กนั ปัจจัยดา้ นสงั คมและวฒั นธรรมทส่ี ่งผลตอ่ พฤติกรรมทางเพศของวยั รุน่ มดี ังน ้ี
55
ขอ สอบเนน การคิด นกั เรยี นควรรู
ขอ ใดเปนการวางตวั ตอเพศตรงขามท่ีเหมาะสมทส่ี ดุ 1 ลว งละเมิดทางเพศดว ยวาจา การกระทาํ อนาจารตอบคุ คลอ่นื ดวยคําพูดเพอ่ื
1. พูดคยุ เทา ทีจ่ ําเปน เทา น้นั ตอบสนองความพงึ พอใจของตนเองในเรอ่ื งเพศ เชน พดู จาเกีย้ วพาราสี พดู สองแง
2. ไมพ ูดคยุ กับเพ่ือนเพศตรงขา ม สองงา มในเรื่องเพศ ใชคําพดู เพ่อื กระตุนอารมณท างเพศ เปน ตน
3. ไมอยูสองตอสองกับเพื่อนเพศตรงขาม
4. ปฏิบัตติ นเหมือนเพศเดยี วกนั มมุ IT
วิเคราะหค าํ ตอบ การวางตัวตอเพศตรงขา มที่เหมาะสมทีส่ ุด คอื
การไมอ ยสู องตอสองกบั เพอื่ นตางเพศ เพอ่ื ลดพฤตกิ รรมเสย่ี งในเรอ่ื งเพศ ศึกษาเพิ่มเติมเกยี่ วกบั วัยรุนกับการคบเพอื่ นจากบทความ “วยั รุน วนุ ๆ กับ
เพอื่ น” ไดจาก http://www.elib-online.com/doctors/mental_friend.html
ตา งๆ ได เชน การมเี พศสมั พนั ธก นั เปน ตน ตอบขอ 3.
คมู อื ครู 55
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain
อธบิ ายความรู
ใหนักเรียนรวมกันอภิปรายตอเรื่อง ปจจัยท่ีมี ๑) กลมุ่ เพอ่ื น เพอื่ นเปน็ กลมุ่ บรรทดั ฐานทางสงั คมทสี่ า� คญั ตอ่ วยั รนุ่ และมอี ทิ ธพิ ลตอ่
อทิ ธพิ ลตอ พฤตกิ รรมทางเพศของวยั รนุ ในปจ จยั ดา น
เพอ่ื นและปจ จยั ดา นสงั คมและวฒั นธรรม โดยครแู ละ วยั รุ่นเป็นอยา่ งมาก โดยกลมุ่ เพื่อนในวัยรนุ่ จะเป็นกา� ลังใจทสี่ า� คัญยิ่ง เพราะเพือ่ นเป็นผู้ท่ีมีความ
นกั เรยี นคนอน่ื ๆ รว มกนั เสนอแนะเพม่ิ เติม และตัง้ สา� คญั ตอ่ ชวี ติ และจติ ใจ วยั รนุ่ จงึ มกั จะชอบอยกู่ บั เพอ่ื น ปรกึ ษาเพอ่ื น และตอ้ งการใหเ้ พอ่ื นยอมรบั
คําถามเพอ่ื ใหไ ดขอ สรุปทีถ่ ูกตอ งรว มกัน ถ้าวัยรุน่ คบเพอ่ื นดยี อ่ มสง่ ผลใหม้ พี ฤติกรรมทางเพศท่ีดี แตถ่ า้ หากคบเพ่อื นท่ไี มด่ ีอาจน�าไปสูก่ าร
กระท�าทีผ่ ดิ พลาด และอาจมพี ฤติกรรมทางเพศทไี่ ม่เหมาะสมได้
• สงั คมไทยใหความสําคญั กับพฤตกิ รรม
ทางเพศของวัยรุนในเรอ่ื งใดบาง ๒) ฐานะทางเศรษฐกิจ เศรษฐกิจเป็นปัจจัยท่ีส�าคัญต่อการด�ารงชีวิตของวัยรุ่นและ
(แนวตอบ เชน การใหเกียรตซิ ึ่งกันและกนั
ความเทา เทียมระหวา งเพศ การไมส าํ สอ น ครอบครัวของวัยรุ่น ซึง่ อาจส่งผลกระทบตอ่ ปญั หาตา่ งๆ ได ้ เช่น
ทางเพศ เปน ตน) ■ ฐานะทางเศรษฐกจิ ไมด่ ี จงึ ตอ้ งเชา่ ทพ่ี กั อาศยั อยรู่ ว่ มกนั หลายคน โดยตอ้ งเฉลยี่
• วัฒนธรรมมีสวนเก่ยี วขอ งอยางไรกับ เงินคา่ เชา่ ที่พักร่วมกัน เพือ่ เปน็ การประหยัดค่าใช้จ่าย
พฤตกิ รรมทางเพศ ■ รายไดข้ องครอบครัวไมเ่ พยี งพอ จงึ ต้องท�างานพิเศษ เพอ่ื หารายไดม้ าเลีย้ งชีพ
(แนวตอบ เปนสง่ิ ทีก่ าํ หนดความเชอ่ื คานิยม
ของบคุ คลในสงั คมนัน้ ๆ ซง่ึ มีผลตอ ของตนเองและครอบครัว และเป็นการลดภาระการส่งเงนิ ค่าเล่าเรียน
พฤติกรรมทางเพศ)
๓) บรรทดั ฐานทางสงั คมและวฒั นธรรม เปน็ ตวั กา� หนดความเชอ่ื คา่ นยิ มของบคุ คล
• ปจ จัยดานสังคมและวัฒนธรรมทสี่ งผลตอ
พฤติกรรมทางเพศของวัยรุน มีอะไรบาง ในสังคมนั้น ๆ ในสังคมไทยก็เช่นเดียวกัน ซงึ่ สงิ่ เหลา่ นี้มผี ลตอ่ การแส1ดงพฤตกิ รรมทางเพศ เช่น
(แนวตอบ ไดแก กลุมเพอ่ื น ฐานะทาง ■ วัฒนธรรมไทยใหค้ วามสา� คญั กับการรักนวลสงวนตัว
เศรษฐกจิ และการเมอื ง บรรทดั ฐานทางสงั คม ■ ไมค่ วรอยใู่ กลช้ ิดกนั จนเกนิ งามและการไม่สัมผสั ถกู เนือ้ ตอ้ งตวั กนั
และวฒั นธรรม สถานบนั เทิง และสอ่ื มวลชน) ■ การมเี พศสัมพนั ธ์ทยี่ ังไมพ่ ร้อม
วยั รนุ่ ควรเลือกบรโิ ภคสอื่ ท่มี ีเน้อื หาสรา้ งสรรค์
56
นกั เรียนควรรู ขอ สอบเนน การคิด
วัฒนธรรมใดของชาวตะวนั ตก ทีว่ ัยรุนในสงั คมไทยไมค วรนาํ มา
1 การรกั นวลสงวนตัว เปนการวางตวั หรือสรา งสัมพันธภาพท่ีเหมาะสมตอกัน เปนแบบอยา งในการดาํ เนนิ ชีวิต
เชน ผูห ญิงไมควรเปดโอกาส หรืออยูใ กลช ิดกับผูช ายมากเกนิ ขอบเขต ไมใชคําพูด 1. สนิทสนมกับเพื่อนตางเพศ
ท่ีสอไปในเชงิ ชสู าว หรือย่วั ยุทางเพศ และไมปลอ ยใหม ีการจับมือถือแขนหรือ 2. การกอดจูบในทีส่ าธารณะ
โอบกอดกนั ทัง้ ในทีร่ โหฐาน หรอื ตอหนาสาธารณะชน ซง่ึ พฤติกรรมตา งๆ เหลา นี้ 3. การคบเพอ่ื นตา งเพศ
นอกจากจะเปนการปองกนั ไมใหเกดิ การมเี พศสมั พนั ธก อนวยั อนั ควรแลว ยงั เปน 4. การเทย่ี วกลางคืน
การสรา งเกียรติและสรา งคณุ คาใหก ับตวั เองอีกดวย วิเคราะหค าํ ตอบ การกอดจบู ในที่สาธารณะ เปน สิ่งท่ีสงั คมไทย
ไมใหก ารยอมรับเนื่องจากเปน การแสดงออกถงึ การมีพฤตกิ รรม
ทางเพศท่ไี มเ หมาะสม ตอบขอ 2.
56 คูมือครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
๔) ส่ือมวลชน สื่อมวลชนมีอิทธิพลต่อกระแสความคิดและทิศทางความเคล่ือนไหว ใหนักเรียนรวมกันอภิปรายตอเร่ือง ปจจัยที่มี
อิทธิพลตอพฤติกรรมทางเพศของวัยรุนในปจจัย
ของสังคม สอ่ื มีทง้ั คุณและโทษ การรจู้ กั เลือกบริโภคส่ือท่ดี ีจึงเปน็ สิ่งส�าคญั ของวัยรุ่น อิทธิพลของ ดานเพือ่ นและปจ จยั ดา นสงั คมและวฒั นธรรม โดย
สอื่ ทีม่ ผี ลตอ่ พฤตกิ รรมทางเพศ มีดงั น้ี ครูและนักเรียนคนอื่นๆ รวมกันเสนอแนะเพ่ิมเติม
และต้ังคาํ ถามเพอ่ื ใหไดขอ สรุปทถี่ ูกตองรว มกนั
สื่อมวลชน
• ส่ือมวลชนตา งๆ มอี ทิ ธิพลตอวยั รุนอยา งไร
สื่อสิง่ พมิ พ สื่อส่ิงพิมพเปนส่ือที่มีอิทธิพลตอวัยรุน เชน ภาพท่ีแสดงใหเห็นถึงสรีระ (แนวตอบ เนอื่ งจากสอื่ ตา งๆ สามารถเขา ถงึ
รางกายท่ีเปดเผยของมนุษย มีโฆษณาที่ย่ัวยุ ภาพการแตงกายท้ังที่ ไดง า ย วัยรุนจึงสามารถที่จะบริโภคส่ือ
เหมาะสมและไมเหมาะสม หรอื หนังสือ วารสาร นิตยสาร หรือการตูน เหลา นน้ั ไดท กุ เมื่อทีต่ อ งการ ซง่ึ อาจมที งั้ คณุ
ท่ีมีเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องเพศ ซึ่งหากวัยรุนรูจักเลือกรับสื่อที่เหมาะสม และโทษ ดงั น้ันจึงควรที่จะรูจ ักเลอื กบริโภค
ก็ยอมสงผลใหม พี ฤติกรรมทางเพศที่ดไี ด สอ่ื ท่ดี แี ละเหมาะสม)
ส่อื ละคร ภาพยนตร
ละครและภาพยนตรในปจจุบันมักมุงเนนการผลิตเพ่ือการคา โดยเสนอ • ส่อื ทีม่ อี ทิ ธพิ ลตอพฤตกิ รรมทางเพศของ
เนื้อหาท่ีเนนความบันเทิงและสรางสรรค แตในขณะเดียวกัน อาจมีการ วยั รนุ น้ัน มีอะไรบา ง
คนวําาเสมนรักอกากราใรชแคสวดางมครวุนามแรรกังทอยาางเงพเปศดเผกยา2รแหสรดืองกอาอรแกตดงากนาเยนไื้อมหเหาใมนาเะรสื่อมง (แนวตอบ ไดแก ส่อื สงิ่ พิมพ สอ่ื ละคร
ซ่ึงอาจเปนเร่ืองปกติของการแสดง แตอาจกลายเปนคานิยมท่ีมีผลตอ ภาพยนตร และอปุ กรณส ื่อสาร)
วัยรุน ในการทําตามแบบอยางดารา หรอื บคุ คลที่ตนเองชื่นชอบ
• สอื่ ใดทมี่ ุงเนน การแสดงออกดา นเน้อื หาใน
สือ่ อุปกรณส อ่ื สาร เรือ่ งของการแสดงความรักอยา งเปด เผย
อปุ กรณส อ่ื สารในโลกไรพ รมแดน ปจ จบุ นั มมี ากมายทนั สมยั รวดเรว็ และมี ซึง่ วยั รุน สามารถเลยี นแบบพฤตกิ รรม
ประสิทธภิ าพ ตางๆ ได
(แนวตอบ สือ่ ละคร ภาพยนตร ซึง่ ปจ จุบนั มี
สือ่ อนิ เทอรเ น็ต โทรศัพทเ คลือ่ นที่ การนาํ เสนอในรปู แบบดงั กลา วคอ นขางมาก
เปนส่ือเทคโนโลยีประเภทหนึ่ง เปน อปุ กรณส อ่ื สารอกี ประเภทหนง่ึ เชน การกอดจูบ การขม ขนื เปนตน )
ที่ไดรับความนิยม เพราะมีการ ท่ีมีความกาวหนาทันสมัย หาซื้อ
เขา ถงึ ไดอ ยา งรวดเรว็ ในการคน หา ไดงาย สะดวกรวดเร็ว ใชใ นการ
ขอมูล การติดตอสื่อสาร หรือ สืบคนหาความรู พูดคุยกับเพ่ือน
การหาเพื่อน แตปญหาจากการ หรอื บคุ คลตา งๆ ดว ยการพดู คยุ กนั
ใชส อื่ อนิ เทอรเ นต็ กอ็ าจกลายเปน ทางวาจาหรอื การแชตคยุ กนั ซงึ่ หาก
ปญ หาสงั คมไดห ากไมร จู กั การใช วยั รนุ รจู กั ใชอ ยา งถกู ตอ งเหมาะสม
อยา งระมดั ระวงั และรเู ทา ทนั เชน ก็จะสามารถชวยใหมีพฤติกรรม
อาจเสย่ี งตอ การถกู ลอ ลวง เปน ตน ทางเพศท่เี หมาะสมได
หรือชกั ชวนใหม ีเพศสมั พันธกัน
5๗
ขอสอบเนน การคิด นกั เรียนควรรู
นกั เรียนคิดวาปจจุบนั มีการนําเครอื ขายทางสังคมตางๆ มาใชอยา ง 1 การแสดงความรักอยางเปด เผย เปน วฒั นธรรมของชาติตะวันตกทมี่ ีผลตอ
เหมาะสมหรือไม และมกี ารนํามาใชอยางไร จงยกตวั อยาง วยั รนุ ไทย โดยวยั รนุ จะเกดิ การเลยี นแบบพฤตกิ รรมดงั กลา วอยา งเปด เผยในทส่ี าธารณะ
แนวตอบ สว นใหญจ ะมกี ารนํามาใชในทางที่ไมเ หมาะสม เชน Facebook เชน การเดินโอบกอด การทกั ทายดว ยการจูบ เปนตน ส่ิงเหลานี้ยอมสงผลให
เปน เครอื ขายทางสงั คมที่ทําใหส ามารถตดิ ตอสอ่ื สารกบั ผใู ช Facebook วัยรนุ หญงิ มีคา นยิ มของการรักนวลสงวนตวั ที่เปลยี่ นแปลงไปจากเดิม
คนอนื่ ๆ ซงึ่ บางคนนาํ มาใชใ นทางทผี่ ดิ จนอาจทาํ ใหเ กดิ ผลเสยี อน่ื ๆ ตามมาได
คูมอื ครู 57
กระตุนความสนใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain
สาํ รวจคน หา Explore
ใหนักเรยี นศกึ ษาเรอื่ ง แนวทางการปอ งกนั ๔. แนวทางการปองกันความเส่ียงตอการมีพฤติกรรมทางเพศ
ความเสยี่ งตอ การมพี ฤตกิ รรมทางเพศทไี่ มเ หมาะสม
จากหนังสอื เรียน และแหลง เรียนรอู นื่ ๆ เพ่ิมเตมิ ทไ่ี มเ หมาะสม
อธบิ ายความรู Explain ความเส่ียงต่อการมีพฤติกรรมทางเพศที่
ไม่เหมาะสม ยอ่ มก่อให้เกิดผลกระทบต่อวยั รนุ่
ใหนกั เรยี นรว มกนั เสนอแนวทางปองกนั ความ ในดา้ นตา่ งๆ ได ้ ทง้ั ทางดา้ นรา่ งกาย จติ ใจ อารมณ์
เส่ียงตอการมพี ฤตกิ รรมทางเพศท่ไี มเหมาะสม
จากนั้นครเู สนอแนะเพ่มิ เติม และตงั้ คาํ ถามเพือ่ นาํ และสังคม เพื่อเป็นการป้องกันความเส่ียงต่อ
ไปสขู อ สรุปทถี่ ูกตอ งรว มกนั
การมีพฤติกรรมทางเพศที่ไม่เหมาะสมควรหา
• แนวทางการปอ งกนั ความเสี่ยงตอการมี
พฤตกิ รรมทางเพศทไ่ี มเ หมาะสมของวยั รนุ แนวทางป้องกนั ดงั น้ี
มอี ะไรบาง ๑) การใช้ชีวิตในสังคมสมัยใหม่อย่าง
(แนวตอบ ไดแ ก การเลอื กบรโิ ภคสอื่ ทเ่ี หมาะสม รู้เท่าทัน ควรเปดโอกาสให้วัยรุ่นได้เรียนรู้
ไมเ ปด โอกาสใหผูอ ่นื เขามาใกลช ิด หลีกเล่ยี ง คา่ นยิ มและพฤตกิ รรมทางเพศจากหลากหลาย
การใชส ารเสพติดทุกชนิด การดูส่ือลามก
และทํากิจกรรมตางๆ ทเ่ี ปน ประโยชนต อ การค้นคว้าขอ้ มูลจากอนิ เทอร์เน็ต เป็นวธิ เี พม่ิ พนู ความรู้ วัฒนธรรมผ่านกิจกรรมและส่ือต่าง ๆ ในชีวิต
สังคม) ใหก้ ับวยั รนุ่ ได้ ประจ�าวัน ให้วัยรุ่นได้ทบทวน หรือตรวจสอบ
ความคิด ความเช่ือในเร่อื งเพศทห่ี ลากหลายอยา่ งเปด กวา้ ง วัยรนุ่ ก็จะสามารถดแู ลตนเองตามวิถี
ทางเพศท่ีตนเลือกได้
๒) ตนเอง มีความส�าคัญต่อการป้องกันความเส่ียงต่อการมีพฤติกรรมทางเพศท่ี
ไม่เหมาะสม โดยมีแนวทางปฏิบัติในการปอ้ งกัน ดังน้ี
๑. การฝกทักษะควบคุม และ
การจัดการอารมณ์รวมถึงความคิดของตนเอง
โดยไม่หมกหมุ่นอยู่กับเรื่องเพศมากจนเกินไป
ควรเลือกกิจกรรมอน่ื ๆ ที่มปี ระโยชนท์ ้งั ตนเอง
และผอู้ น่ื เชน่ การเลน่ กฬี า การเปน็ จติ อาสาให้
กบั โรงเรยี นและองคก์ รต่างๆ เป็นต้น
๒. แตง่ กายใหเ้ รยี บรอ้ ย ถกู ตอ้ ง
ตามโอกาสและกาลเทศะ
๓. ควรยึดถือปฏิบัติว่า “ไมรับ
การเป็นจิตอาสานอกจากจะเป็นการใช้เวลาให้เกิด ไมท ดลอง ไมใ ช” สารเคมกี ระตนุ้ อารมณท์ างเพศ
ประโยชนแ์ ลว้ ยงั เป็นการสร้างประโยชนใ์ ห้กับผอู้ นื่ ด้วย ทกุ ชนดิ เพราะอาจทา� ใหข้ าดสต ิ หรอื หมดสตไิ ด้
5๘
เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิด
ขอ ใดคือแนวทางปองกนั ความเสีย่ งตอการมีพฤติกรรมทางเพศท่ี
ครคู วรแนะนาํ กจิ กรรมตา งๆ ทกี่ อ ใหเ กดิ ประโยชนก บั นกั เรยี น เพอ่ื ลดพฤตกิ รรม เหมาะสมทสี่ ุด
ทางเพศทไ่ี มเ หมาะสม เชน การเลน กฬี าหรอื กจิ กรรมนนั ทนาการตา งๆ ทต่ี นชน่ื ชอบ 1. ดูส่อื ยว่ั ยุอารมณทางเพศ
การชว ยเหลือและบําเพญ็ ประโยชนแ กส าธารณะ เปนตน 2. เที่ยวแหลงสถานบนั เทิงตางๆ
3. ทํากิจกรรมตา งๆ ทเี่ ปน ประโยชน
4. สนทิ สนมกบั เพศตรงขา มจนเกนิ งาม
วิเคราะหค าํ ตอบ การทาํ กิจกรรมตางๆ เชน การบําเพญ็ ประโยชน
ตอ สงั คมและชมุ ชน เปน ตน จะชว ยลดแรงกระตนุ ในเรอื่ งเพศ สง เสรมิ
และควบคมุ การแสดงออกพฤตกิ รรมทางเพศทเี่ หมาะสมไดเนอื่ งจาก
ไมม เี วลาวางทจ่ี ะคิดหมกมุน ในเรือ่ งเพศ และกจิ กรรมดงั กลา วไมม ี
สงิ่ เรา ที่เปนตวั กระตนุ ใหเกิดอารมณทางเพศ ตอบขอ 3.
58 คมู ือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
๔. การเหน็ คณุ คา่ ในตนเองตอ่ พฤตกิ รรมทางเพศ เชน่ การยอมรบั สถานะทางเพศ ครตู ัง้ คําถามเพือ่ กระตนุ การเรียนรขู อง
ของตนและผอู้ ืน่ โดยการแสดงพฤตกิ รรมทเี่ หมาะสม เปน็ ต้น นักเรียน
การป ้องก นั โ รคแ๕ล. ะกโราครตศิดึกตษ่อาทหาางคเวพาศมสรมั ู้เพก่ียนั วธก์ สับขุ เรอ่ือนงาเมพยั ศท าเงชเ่พน ศ1 พเปฤต็นิกตร้นร มเพทราางะเคพวศาทมี่เรหูเ้ รมอ่ื างะเพสมศ
จะเป็นแนวทางในการป้องกันพฤติกรรมทางเพศท่ีไม่เหมาะสมได้ • ยกตวั อยา ง วฒั นธรรมและคานยิ มทางเพศ
ของสงั คมไทยทสี่ ามารถปองกนั ความเสี่ยง
๓) สงิ่ แวดลอ้ ม นบั เปน็ อกี ปจั จยั หนง่ึ ทอ่ี าจกอ่ ใหเ้ กดิ พฤตกิ รรมทางเพศทไ่ี มเ่ หมาะสม ตอพฤติกรรมทางเพศ
(แนวตอบ เชน การรักนวลสงวนตวั
ซ ง่ึ แน วทา งก าร๑ป.้อ งสกรัน้างคสวัมามพเันสธี่ยภงตาพอ่ กทา่ีดรีรมะพีหวฤ่าตงิกสรมรามชทิกาใงนเพครศอทบีไ่ คมรเ่ หัว มดา้วะสยมกามร ี ทด�าังกนิจ้ี กรรมร่วมกัน2 ไมแสดงออกเรือ่ งเพศเกินงาม ใหเ กียรติ
โดยจะท�าให้เกิดความรัก ความไว้วางใจซ่ึงกันและกัน ซ่ึงนักเรียนสามารถเรียนรู้เรื่องพฤติกรรม ซึ่งกนั และกนั ไมลว งเกินดว ยการถูกเน้ือ
ทางเพศท่ีเหมาะสมได้จากครอบครัว เพราะครอบครัวนับเป็นพื้นฐานทางพฤติกรรมที่เหมาะสม ตอ งตวั กัน เปนตน )
ของนกั เรยี น
๒. เลอื กคบเพ่อื นท่ดี ี ไมน่ �าพาไปในทางอบายมขุ • นกั เรยี นมวี ธิ ีปองกันความเสยี่ งตอ การมี
๓. หลีกเล่ียงสถานที่ท่ีอาจก่อให้เกิดอันตรายทางเพศ เช่น การอยู่ในท่ีลับตาคน พฤติกรรมทางเพศไมเ หมาะสมอยา งไรบา ง
การไปคา้ งคนื กบั เพ่ือนโดยไมบ่ อกพ่อแม่ ครอู าจารย ์ หรือไมม่ ีผใู้ หญค่ อยดแู ล เปน็ ต้น (แนวตอบ เชน แตง กายใหรัดกุม ไมรดั รปู
๔. ฝก การใชท้ กั ษะตา่ งๆ เชน่ ทกั ษะปฏเิ สธ ทกั ษะการตอ่ รอง ทกั ษะการปอ้ งกนั ตวั จนเกนิ ไป หลีกเลยี่ งการเที่ยวสถานบนั เทงิ
เปน็ ตน้ ตางๆ ไมใชสารเคมีกระตุนอารมณท างเพศ
๕. เลือกบรโิ ภคสอื่ ทเ่ี หมาะสมกบั ตนเอง โดยการศึกษาข้อดี ข้อเสียของการใชส้ อื่ เปน ตน)
แต่ละประเภท และควรคา� นงึ ถงึ ความปลอดภยั ในการใชส้ ือ่
๖. ระมดั ระวงั และหลกี เลย่ี งการดสู อ่ื ลามกทกุ ประเภท เพราะเปน็ การกระตนุ้ อารมณ์ • ลกั ษณะของสิ่งแวดลอ มที่ดีในการปอ งกัน
ทางเพศได้ ความเส่ยี งตอ การมพี ฤตกิ รรมทางเพศที่
ไมเหมาะสม ควรเปนอยางไรบาง
(แนวตอบ เชน สรา งสัมพันธภาพที่ดรี ะหวา ง
สมาชิกในครอบครวั เลอื กคบเพือ่ นท่ดี ี
หลีกเลี่ยงการดสู อ่ื ลามก เปนตน )
วยั รนุ่ ควรนาํ อนิ เทอร์เนต็ ไปใช้ในทางที่เหมาะสม เพือ่ กอ่ ใหเ้ กิดประโยชน์ตอ่ การดําเนนิ ชีวิตมากท่ีสดุ
5๙
ขอสอบเนน การคดิ นักเรยี นควรรู
บคุ คลใดสามารถสรา งสัมพันธภาพท่ีดีกับบคุ คลในครอบครัว เพ่อื ปอ งกัน 1 สขุ อนามยั ทางเพศ คือ การดแู ลรักษาสุขอนามัยของอวยั วะเพศ ซง่ึ นบั ไดว า มี
ความเสย่ี งตอการมีพฤติกรรมทางเพศไดอ ยางเหมาะสมทสี่ ดุ ความสําคัญมากทจี่ ะทาํ ใหอวยั วะสว นน้ีมีความสะอาด และปราศจากเช้อื โรคตา งๆ
โดยการดูแลรกั ษาสขุ อนามยั ทางเพศนั้นมปี จ จัยทส่ี าํ คัญอยู 3 ประการ คอื
1. บคุ คลที่พูดจาสภุ าพ
2. บคุ คลทม่ี ีภาวะซึมเศรา 1. การรักษาความสะอาดอวยั วะเพศตนเองอยางถกู ตอง
3. บคุ คลที่ไมรับฟงเหตผุ ล 2. การรจู ักหลีกเลี่ยงการกระทบกระแทก การบอบชํ้า และการตดิ เช้ือจาก
4. บุคคลที่ไมเ คารพกฎกตกิ าในครอบครวั อวัยวะเพศ
วเิ คราะหค าํ ตอบ การพดู จาอยา งสภุ าพออ นหวาน เปน การสรา งสมั พนั ธภาพ 3. การรจู ักสงั เกตความผิดปกติของอวัยวะสบื พันธขุ องตนเองต้ังแตร ะยะ
ทีด่ อี ยางหนึง่ เน่ืองจากสง ผลใหบุคคลรอบขางมีความตอ งการทจี่ ะใกลช ดิ เรมิ่ แรก
หรืออยากพดู คยุ กบั เรามากขน้ึ หรอื ปรึกษาปญ หาไดทุกเร่อื ง โดยเฉพาะเร่ือง 2 การทํากจิ กรรมรวมกัน เชน รับประทานอาหารม้อื เยน็ รวมกนั ทกุ วนั การ
พฤตกิ รรมทางเพศ หากบุคคลในครอบครัวมพี ฤติกรรมทางเพศทีเ่ หมาะสม ไปเท่ยี วพักผอนในวันหยุด การดทู วี ีรว มกนั เปน ตน กจิ กรรมดงั กลา วจะสงผลให
ก็ยอมสงผลใหสมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครวั มีพฤตกิ รรมทางเพศท่ีเหมาะสม สมาชกิ ในครอบครวั มีสัมพนั ธภาพท่ดี ตี อกัน มคี วามรกั ความอบอุน และมคี วามสุข
ตามไปดว ย ตอบขอ 1.
คมู ือครู 59
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขา าใจใจ ตรวจสอบผล
Explore Evaluate
Engage Explain Explain Expand
อธบิ ายความรู
ครูใหนักเรียนทาํ แบบประเมินสถานการณเ สี่ยง จากแนวทางการปอ้ งกนั ความเส่ยี งต่อการมีพฤติกรรมทางเพศที่ไม่เหมาะสมขา้ งตน้ เพอ่ื ให้
ตอการมีพฤติกรรมทางเพศทไี่ มเ หมาะสม จาก นักเรียนได้เกิดกระบวนการคดิ วเิ คราะหม์ ากขึ้น นักเรียนสามารถประเมนิ สถานการณ์เสย่ี งต่อการ
หนังสือเรียน หนา 60 โดยจะใหเ วลาประมาณ 20 มพี ฤติกรรมทางเพศว่าเหมาะสมหรือไม่ พรอ้ มกับหาแนวทางการป้องกัน ไดจ้ าก
นาที เม่ือหมดเวลาครสู มุ นกั เรียน 2-3 คน ออกมา
สรปุ สาระสาํ คัญท่ไี ดจ ากแบบประเมินดงั กลาว แบบประเมินสถานการณ์เส่ียงตอ่ การมพี ฤตกิ รรมทางเพศทีไ่ ม่เหมาะสม
จากน้นั ครูและนกั เรยี นคนอน่ื ๆ รว มกันเสนอแนะ
เพิม่ เติม เพือ่ นาํ ไปสูข อสรปุ ท่ถี ูกตอ งรว มกัน เหมาะสม / ปญั หาท่ีอาจ แนวทาง
ไม่เหมาะสม เพราะ เกิดขน้ึ การปอ้ งกัน
ขยายความเขา ใจ Expand พฤติกรรมทางเพศ
เหตใุ ด
ใหนักเรียนรวมกันเสนอแนวทางในการปองกัน ๑. การกอดกบั ครู่ ัก เหมาะสม เพราะ .............................................. ..............................................
ความเสยี่ งตอ การมพี ฤตกิ รรมทางเพศทไ่ี มเ หมาะสม .............................................. ..............................................
วา มแี นวทางอยา งไรบา ง นอกเหนอื จากทไี่ ดอ ภปิ ราย .............................................. .............................................. ..............................................
รว มกนั จากนนั้ ใหน กั เรยี นปฏบิ ตั กิ จิ กรรมสรา งสรรค .............................................. ..............................................
พฒั นาการเรียนรู กิจกรรมที่ 3 .............................................. .............................................. ..............................................
.............................................. ..............................................
ไมเ่ หมาะสม เพราะ
..............................................
..............................................
๒. ก ารหาเพ่อื นทาง เหมาะสม เพราะ .............................................. ..............................................
อินเทอรเ์ น็ต .............................................. ..............................................
.............................................. .............................................. ..............................................
.............................................. ..............................................
.............................................. .............................................. ..............................................
.............................................. ..............................................
ไมเ่ หมาะสม เพราะ
..............................................
..............................................
๓. การถูกเนือ้ ตอ้ งตวั กับ เหมาะสม เพราะ .............................................. ..............................................
เพ่อื นตา่ งเพศ .............................................. ..............................................
.............................................. .............................................. ..............................................
.............................................. ..............................................
.............................................. .............................................. ..............................................
.............................................. ..............................................
ไม่เหมาะสม เพราะ
..............................................
..............................................
๔. การเทย่ี วเตร่ ใน เหมาะสม เพราะ .............................................. ..............................................
สถานบันเทิง .............................................. ..............................................
.............................................. .............................................. ..............................................
.............................................. ..............................................
.............................................. .............................................. ..............................................
.............................................. ..............................................
ไมเ่ หมาะสม เพราะ
..............................................
..............................................
60
เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคิด
การมีเพศสัมพนั ธเพยี งคร้ังเดียวของวัยรุน อาจสง ผลใหต งั้ ครรภ
ในระหวางท่ีครูใหนักเรียนทําแบบประเมินสถานการณเส่ียงตอการมีพฤติกรรม ไดหรอื ไม เพราะเหตใุ ด
ทางเพศทไี่ มเ หมาะสม ครคู วรชี้แจงใหนักเรียนทราบวา นกั เรยี นควรทําแบบประเมิน 1. ได เพราะมกี ารหลั่งนํ้าอสจุ ิ
ดงั กลา วดว ยความตง้ั ใจ และควรตอบตามความรสู กึ ของตนเอง ไมค วรตอบตามเพอ่ื น 2. ได เพราะท้งั คูม ีวุฒภิ าวะทางเพศแลว
เนอ่ื งจากแบบประเมนิ ดังกลาวจะทําใหครทู ราบวา นักเรยี นแตละคนนนั้ มีพฤตกิ รรม 3. ไมได เพราะวนั นนั้ ไขอ าจจะยงั ไมต ก
ทางเพศท่ีเหมาะสม หรอื ไมเหมาะสมอยางไร 4. ไมได เพราะมกี ารนับระยะปลอดภัยไวแ ลว
วิเคราะหค าํ ตอบ การมีเพศสมั พนั ธเพียงครั้งเดยี ว อาจสง ผลให
ตงั้ ครรภไ ดเ นอื่ งจากวยั รนุ บรรลวุ ฒุ ภิ าวะทางเพศแลว ซงึ่ ในเพศชาย
สามารถทจ่ี ะหลง่ั นา้ํ อสจุ ิ และเพศหญงิ จะมปี ระจาํ เดอื น ตอบขอ 2.
60 คูม อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขาใา จใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Evaluate
Expand Expand
ขยายความเขา ใจ
พฤติกรรมทางเพศ ทผ่ี ดิ กฎหมาย เสรมิ สาระ ใหนักเรยี นศึกษาเพ่มิ เตมิ เร่ือง พฤตกิ รรม
ทางเพศท่ผี ิดกฎหมาย จากเสรมิ สาระ จากนัน้ ให
กฎหมายเปน ขอ บงั คบั ทบ่ี ญั ญตั ขิ น้ึ โดยอาํ นาจรฐั เพอ่ื ความเปน ปกตสิ ขุ นักเรียนรวมกนั วเิ คราะหวา พฤตกิ รรมทางเพศ
และคุมครองประชาชนของรัฐใหมีความสงบเรียบรอยและดํารงศีลธรรม ลกั ษณะใดบา งทถี่ อื วา ผดิ กฎหมาย โดยครตู ง้ั คาํ ถาม
อันดใี นสงั คมในเร่อื งเพศแมวา จะเปน เรอ่ื งสว นตัว เปน ความตอ งการตาม เพ่อื ขยายความเขา ใจของนกั เรยี น
ธรรมชาตขิ องมนษุ ย แตก ม็ สี ว นทกี่ ฎหมายบงั คบั ไวว า เปน สง่ิ ตอ งหา มหรอื
ผดิ กฎหมายอยูด วยซ่งึ หากพูดรวมๆ จะมี ๓ ลักษณะดงั นี้ • พฤติกรรมทางเพศท่ลี ะเมดิ ตอรา งกาย สทิ ธิ
และเสรีภาพของผอู นื่ ไดแ กอ ะไรบาง
๑. พฤติกรรมทาง สิทธแิ ละเสรีภาพของผูอ ื่น โดยทวั่ ไปเราจะนึกถงึ การขมขืน (แนวตอบ ไดแ ก การขมขนื กระทาํ ชําเรา
เพศทลี่ ะเมดิ ตอ กระทําชําเรา หรอื อนาจารเปน หลัก แตใ นขอเท็จจริงแลว ยังมีเรื่องอืน่ ๆ หรอื อนาจาร การละเมดิ ผูอ่ืนดว ยวาจา
รางกาย สิทธิ อกี มากมายท่เี ปน ความผดิ ในกลมุ นี้ดว ย เชน การละเมดิ ผอู ื่นดวยวาจา การหม่นิ ประมาททเ่ี กี่ยวกับเพศ และ
และเสรีภาพ การหม่นิ ประมาทที่เกีย่ วกบั เพศ การเอารปู ทางเพศของคนอ่ืนไปเผยแพร การเอารปู ทางเพศของคนอ่นื ไปเผยแพร)
ของผูอนื่
๒. พฤติกรรมทาง เชน การเผยแพรส่อื ลามกอนาจาร1 การรว มเพศในทีส่ าธารณะ การกระทําหรอื เปด เผย • ยกตวั อยาง พฤติกรรมทางเพศท่ีกฎหมาย
เพศท่ีกฎหมาย รางกายอันควรละอายในทีส่ าธารณะ เปนตน ถอื วา ผิดตอศลี ธรรมอันดี
ถอื วาผดิ ตอ (แนวตอบ เชน การเผยแพรส ่อื ลามกอนาจาร
การรว มเพศในทสี่ าธารณะ การเปดเผย
รางกายในท่ีสาธารณะ เปนตน )
ศลี ธรรมอันดี
๓. พฤติกรรมทาง เชน การมเี พศสัมพนั ธก บั บุคคลอายุตํา่ กวา 15 ป แมว าบคุ คลนัน้ จะยนิ ยอมหรือไม
เพศที่กฎหมาย ก็ตาม ความผดิ ทางเพศสวนใหญ หรอื เกือบทัง้ หมดเปนความผิดทางอาญา บางอยางผดิ
บญั ญัติไววา ทั้งทางอาญาและทางแพง เม่อื กฎหมายมีไวบ ังคบั ใชก ับทุกคนในสังคม เราก็ควรศึกษา
เปนความผิด และระวงั ในพฤตกิ รรมทางเพศทีผ่ ดิ กฎหมาย จะถือปฏิบตั ติ ามแตใ จวา เปนเรื่องสวนตวั
ของแตล ะคนไมได
ทีม่ าขอ มูล : http://www.dmh.go.th/1667/1667view.asp?id=3670
สรุป
พฤติกรรมและอารมณทางเพศในวัยรุนถือเปนเร่ืองปกติ ซึ่งแตละคนอาจจะมีพฤติกรรม
ทางเพศทเ่ี หมอื นกนั หรอื แตกตา งกนั กไ็ ด ขนึ้ อยกู บั ปจ จยั ดา นครอบครวั สงั คม และวฒั นธรรมแต
เม่อื เกิดอารมณทางเพศข้ึนแลว วยั รนุ ก็ตอ งรูจักจัดการกบั อารมณทางเพศอยา งเหมาะสม ซึ่งจะ
กอ ใหเกิดผลดีตอ ตนเอง ผอู นื่ และสังคม สามารถดาํ รงชวี ิตอยูในสงั คมไดอ ยางมคี วามสุข
6๑
ขอ สอบเนน การคดิ เกรด็ แนะครู
การมเี พศสมั พนั ธกับบุคคลอายตุ า่ํ กวา 15 ป ตามกฎหมายถือวา มีความผิด ครูควรอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียนฟงวา โดยทั่วไปกฎหมายหามการกระทําที่ถูก
หรือไม เพราะเหตุใด มองวา เปนการกระทาํ ทารุณทางเพศ (Sexual abuse) หรอื พฤติกรรมที่สังคมมองวา
แนวตอบ ถอื วา มคี วามผดิ ตามกฎหมาย ซง่ึ เปนความผิดทางอาญา ไมเหมาะสมและขัดตอจารีต นอกจากนี้การกระทําบางอยางอาจถูกมองวาเปน
ในความผิดฐานพรากผูเยาวอ ายตุ าํ่ กวา 15 ป แตย ังไมเ กนิ 18 ป เพ่ือหา อาชญากรรมทางเพศได เชน การรวมประเวณีกับญาติสนิท การกระทําชําเราแบบ
กําไรหรอื เพือ่ การอนาจาร แมวาบคุ คลน้ันจะยินยอมหรอื ไมก ็ตามโดยตอง วิตถาร การแสดงลามกอนาจาร เปนตน
ระวางโทษจําคุกต้ังแต 2-10 ป และปรบั ตงั้ แต 4,000-20,000 บาท
นักเรยี นควรรู
1 การเผยแพรส่ือลามกอนาจาร กระทรวงเทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สาร
(ไอซที ี) ไดนํามาตรการกฎหมายอาญามาตราที่ 287 มาบงั คบั ใชค วบคุมและปองกนั
การเผยแพรเ วบ็ ไซตทมี่ ีเน้ือหาลามกอนาจาร ซง่ึ หากผูใดประสงค แจกจาย ผลติ แก
ประชาชน จะมีโทษจาํ คุกไมเกิน 3 ป ปรับไมเ กิน 6,000 บาท หรือท้งั จาํ ทัง้ ปรับ
คมู อื ครู 61
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Explore Explain Expand
Engage Evaluate Evaluate
ตรวจสอบผล
1. การเขยี นสรปุ ผงั ความคดิ เรอื่ ง ปจ จยั ทมี่ อี ทิ ธพิ ล ¤íÒ¶ÒÁ»ÃШÓ˹‹Ç¡ÒÃàÃÂÕ ¹ÃŒÙ
ตอพฤติกรรมทางเพศในปจจยั ดา นตนเอง
๑ เพราะเหตใุ ด จงึ เรียกวัยรุ่นวา่ เป็น “วยั พายบุ ุแคม”
2. การเขยี นเรียงความเรื่อง ครอบครวั ที่มคี วามสุข ๒ การทา� กจิ กรรมท่สี รา้ งสรรคช์ ว่ ยใหน้ กั เรยี นมพี ฤตกิ รรมทางเพศที่เหมาะสมอย่างไร
ของนกั เรยี น ๓ ปจั จยั ทม่ี อี ทิ ธพิ ลตอ่ พฤตกิ รรมทางเพศทน่ี กั เรยี นคดิ วา่ สา� คญั กบั นกั เรยี นมากทส่ี ดุ คอื อะไร จงอธบิ าย
3. การปฏิบัตกิ จิ กรรมสรา งสรรคพัฒนาการเรยี นรู พร้อมให้เหตุผลประกอบ
๔ สือ่ ใดท่นี ักเรียนคิดวา่ มอี ทิ ธิพลต่อพฤตกิ รรมทางเพศของวัยร่นุ มากทีส่ ดุ เพราะเหตุใด
หลกั ฐานแสดงผลการเรยี นรู ๕ ห ากเพอ่ื นชกั ชวนนกั เรยี นใหด้ สู อื่ ลามก นกั เรยี นจะปฏเิ สธเพอ่ื นไปวา่ อยา่ งไร โดยทยี่ งั คงสมั พนั ธภาพ
1. ผงั ความคดิ เรอ่ื ง ปจจัยที่มอี ทิ ธพิ ลตอ พฤตกิ รรม ท่ีดตี อ่ กนั ไว้
ทางเพศทเี่ กดิ จากตนเอง
2. เรียงความเร่อื ง ครอบครวั ทีม่ คี วามสขุ ของ
นักเรยี น
กิจก๑รรมที่ ¡Ô¨¡ÃÃÁ
กิจก๒รรมท่ี
กิจก๓รรมท่ี ÊÃÒŒ §ÊÃä¾ Ѳ¹Ò¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ
นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ ๔-๕ คน ช่วยกันวิเคราะห์วัฒนธรรมในสังคม
ปัจจบุ ันทส่ี ่งผลต่อพฤตกิ รรมทางเพศของวัยรุน่
นักเรียนจับกลุ่มหาข่าวเก่ียวกับพฤติกรรมทางเพศของวัยรุ่น แล้ววิเคราะห์
หาสาเหตุวา่ เกดิ จากอะไรและน�ามาอภิปรายหนา้ ชั้นเรยี น
นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ ๕-๖ คน แสดงบทบาทสมมตขิ องการดา� เนนิ ชวี ติ ของวยั รนุ่
ในสงั คมปจั จุบนั แลว้ ใหแ้ ต่ละกลุ่มชว่ ยกันวเิ คราะห์ขอ้ ดแี ละข้อเสยี รวมทง้ั น�า
ความรู้ทีไ่ ด้มาน�าเสนอหน้าชัน้ เรียน
6๒
แนวตอบ คาํ ถามประจําหนว ยการเรยี นรู
1. เพราะในชว งวยั รนุ จะมกี ารเปลย่ี นแปลงทางดา นอารมณแ ละจิตใจ โดยวยั รุนจะมีอารมณร นุ แรง ออ นไหวและไมม่ันคง เชน หากตอ งการจะทําอะไรก็จะตองทําใหได
ถาถูกขดั ขวางจะตอบโตอ ยางรุนแรง เปน ตน
2. เพราะการทํากิจกรรมทสี่ รางสรรคต างๆ จะชวยทาํ ใหไ มเกดิ การหมกมุนในเรือ่ งเพศมากจนเกนิ ไป และมีพฤติกรรมทางเพศทเี่ หมาะสม
3. ครอบครัว เนอ่ื งจากเปนสถาบันแรกที่ใหการอบรมสงั่ สอน ขดั เกลาสมาชกิ ในครอบครวั ใหประพฤตติ นอยางถูกตองเหมาะสม โดยการปลูกฝง คา นิยม รวมทัง้ พฤติกรรม
ทางเพศ และบทบาททางเพศ การสง เสริมคา นิยมทางเพศท่ีถูกตองใหแกวยั รนุ เปน สิ่งสําคญั เพราะจะชวยทําใหวยั รุน เกิดความเขาใจที่ถกู ตองและสามารถประพฤตติ น
ไดอ ยางเหมาะสม
4. ส่ือละคร ภาพยนตร เน่อื งจากมกั จะมีเน้ือหาท่ีมุง เนนความรุนแรงทางเพศ การแสดงออกดา นเนอื้ หาในเรอ่ื งของความรัก การกอดจบู การทารุณทางเพศ การแสดง
ความรักอยา งเปดเผย เปนตน ส่ิงเหลานี้ยอมมีผลตอวยั รนุ ในการเลียนแบบพฤตกิ รรมตามดาราหรือบคุ คลท่ตี นเองชืน่ ชอบ
5. เชน “เราวาพวกเรายังเดก็ เกนิ ไปท่จี ะรเู รื่องพวกน้ี เราวาอยา ดูเลยดกี วา นะ” “เราวาอยา ดูเลยนะ ไปเลน กีฬากนั ดกี วา ” “เราวา อยาดูเลยนะ ถา พอแมข องพวกเรารู
ทา นอาจจะโกรธเราก็ไดนะ” เปนตน
62 คมู ือครู
กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain
Engage Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
วเิ คราะหค า นยิ มในเรอ่ื งเพศตามวฒั นธรรมไทย
และวัฒนธรรมอื่นๆ ได
สมรรถนะของผูเรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคดิ
3. ความสามารถในการใชทกั ษะชีวิต
คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค
1. ใฝเรยี นรู
2. อยอู ยางพอเพียง
3. มุงมัน่ ในการทาํ งาน
4. รักความเปนไทย
ประเทศไทยในสงั คมพหวุ ฒั นธรรม ไดม กี ารยอมรบั และเปด กวา งเกยี่ วกบั กระตนุ ความสนใจ Engage
เพศวิถีและความหลากหลายทางเพศ องคการสหประชาชาติไดวางแนวทาง
ใหรัฐมีการคุมครองบุคคลจากการเลือกปฏิบัติ เพราะเหตุแหงเพศ ดังนั้น ครตู ้ังคําถามกระตนุ ความสนใจของนกั เรยี น
องคค วามรเู กยี่ วกบั เพศวถิ ี พหวุ ฒั นธรรมความเชอื่ และคา นยิ มทางเพศ จงึ เปน โดยใหน กั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ ได
ส่ิงสาํ คัญตอ การดาํ เนินชวี ติ ในสังคมไดอยางมีความสุข อยางอสิ ระ
ôหน่วยการเรยี นรู้ เพศวิถี พหุวัฒนธรรม ความเช่อื และคานิยม • นกั เรยี นคดิ วา คา นยิ มทางเพศของสงั คมไทย
ในปจ จุบนั เปน อยางไร
ตวั ชี้วัด สาระการเรียนรู
■ วิเคราะห์ค่านิยมในเรื่องเพศตามวัฒนธรรมไทยและวัฒนธรรม • นกั เรยี นคดิ วา คานยิ มทางเพศในสมยั อดตี
■ เพศวิถีในสงั คมพหุวฒั นธรรม กบั ปจ จบุ นั ตา งกันหรอื ไม อยา งไร
อ่นื ๆ พ ๒.๑ ม.๔-๖/๒ ■ ค่านิยมทางเพศตามวฒั นธรรมไทยและวฒั นธรรมอ่ืนๆ
จากนั้นใหน ักเรยี นดภู าพหนาหนว ย แลว ตงั้
คําถามโดยใหนักเรยี นสามารถแสดงความคิดเหน็
ไดอ ยา งอิสระ
• จากภาพ นักเรยี นคิดวา บคุ คลเหลานี้
มีคานยิ มทางเพศทีเ่ หมาะสมหรือไม
อยา งไร
เกรด็ แนะครู
ครคู วรสํารวจเจตคติทางเพศของนักเรียนวา นกั เรียนมเี จตคติทางเพศอยางไร
โดยการจัดกจิ กรรมใหกบั นกั เรียน เชน กจิ กรรมการโตวาทเี กี่ยวกับเร่อื งเพศ
เน่ืองจากกิจกรรมนอ้ี าจบง บอกถงึ คานยิ มทางเพศของนกั เรียนไดวา นกั เรยี น
มีคา นิยมทางเพศที่เหมาะสมหรือไมเหมาะสมอยา งไร ซงึ่ ครสู ามารถแนะนํา
หรือปรบั เปลยี่ นเจตคตขิ องนักเรียนใหม คี วามเหมาะสมตอ เร่ืองเพศได
คูมอื ครู 63
กกรระตะตนุ Eุนnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore
กระตนุ ความสนใจ Engage
ครูนาํ คลปิ วดิ โี อเก่ยี วกบั คานิยมทางเพศของ ๑. เพศวถิ ใี นสังคมพหุวัฒนธรรม
วยั รุนไทยที่ไมเหมาะสมในปจ จบุ นั มาใหนกั เรยี นดู
จากน้ันต้ังคาํ ถามกระตุนความสนใจของนักเรียน ปรับเปปจั ลจี่ยุบนันทปัศรนะเคทตศ1ิแไลทะยรไูปดแก้ บา้ บวเกขา้ารสใู่สชัง้ชคีวมิตทมี่มากลี ขักึ้นษณโะดพยหมุวีกัฒารนยธอรมรมรับคสมวาามชเกิ ปขลอ่ียงนสแังคปมลไงทในยคมวีกาามร
โดยใหนักเรียนสามารถแสดงความคดิ เหน็ ไดอยาง แตกตา่ งของกลมุ่ ตา่ งๆ เพอ่ื ให้ได้อยรู่ ่วมกนั ในสงั คมอยา่ งสงบสุข
อสิ ระ
๑.๑ สังคมพหวุ ัฒนธรรม
• จากคลปิ วิดโี อดงั กลาว นกั เรียนคิดวา วยั รนุ
มพี ฤติกรรมทางเพศทีเ่ หมาะสมหรือไม สังคมพหุวัฒนธรรม หมายถึง กลุ่มคนที่อาศัยอยู่ร่วมกัน มีความหลากหลาย
เพราะเหตใุ ด คทวั้งาเชม้ือเชชอื่ าตแิละภคาา่ ษนายิ มศ2ทาาสงนกาารเสมถอื างนระวทมาทงงั้สคังวคามมหศลิลาปกหวัฒลานยธทรารงมเพศปรมะกี เาพรณยอี มวริถบัีกาครวดา�ามเแนตินกชตีวา่ ิตง
(แนวตอบ นักเรยี นสามารถแสดงความคิดเห็น และความเท่าเทียมกนั ในศกั ดิศ์ รีความเปน็ มนษุ ย์ของผทู้ ี่อาศัยอยู่ในสงั คมเดียวกนั
ไดอยางอิสระ โดยอาจตอบวา ไมเหมาะสม
เพราะเกดิ จากคา นยิ มทางเพศของแตล ะบคุ คล ความเคลื่อนไหวของประเทศไทยจากการให้ความส�าคัญกับสิทธิด้านวิถีทางเพศ
ที่แตกตา งกัน ซึ่งบางคนอาจมคี านิยมทางเพศ และอัตลกั ษณ์ทางเพศภายใต้กฎหมาย มีการยกเลิกการใช้ค�าว่า “โรคจติ ถาวร” ในเอกสารยกเว้น
ที่เปน ไปในลกั ษณะของการเลยี นแบบ หรอื การเกณฑ์ทหาร ส�าหรับชายที่ข้ามเพศเป็นหญิง ซ่ึงได้รับการยกเว้นการเกณฑ์ทหาร โดย
ตองการใหเ ปนท่ยี อมรับของกลมุ เพื่อน ใน กฎกระทรวงกลาโหมก�าหนดให้ใช้ค�าใหม่ คือ “เพศสภาพไม่ตรงกับเพศก�าเนิด” จากข้อความ
ขณะท่ีบางคนอาจมคี วามเชอ่ื ที่ผดิ ๆ คดิ วา ทกี่ ลา่ วมามี ๒ คา� ทีค่ วรเรียนรแู้ ละท�าความเข้าใจเพม่ิ เตมิ คอื เพศก�าเนดิ และเพศสภาพ
การมพี ฤตกิ รรมทางเพศดังกลาวจะชว ยให
ดโู ดดเดนในสายตาของผูอ่ืน) เพศ หรอื เพศโดยกำ� เนดิ หรอื เพศสรรี ะ (Sex) หมายถงึ ลกั ษณะทางชวี วทิ ยาของบคุ คล
ทแี่ บง่ เปน็ เพศหญงิ และเพศชาย รวมทงั้ คนทม่ี ลี กั ษณะเพศทางชวี วทิ ยาไมช่ ดั เจน (Intersex) ไดแ้ ก่
สาํ รวจคน หา Explore ผทู้ ม่ี ลี กั ษณะเพศทไี่ มส่ ามารถระบไุ ดอ้ ยา่ งชดั เจนวา่ เปน็ หญงิ หรอื เปน็ ชาย อาจมลี กั ษณะทเี่ ขา้ ขา่ ย
ทั้งหญิงและชาย หรือไม่เข้าข่ายทั้งหญิงหรือชาย ปรากฏได้ต้ังแต่รูปแบบเพศสรีระที่เห็นได้
ใหนักเรียนศกึ ษาเร่ือง เพศวิถใี นสังคม ดว้ ยตา เช่น อวัยวะเพศ ไปจนถงึ การตรวจพบดว้ ยกระบวนการทางการแพทย์ เช่น โครโมโซม
พหวุ ฒั นธรรม จากหนงั สอื เรยี น และแหลง เรยี นรอู นื่ ๆ หรอื ฮอร์โมน ทงั้ นอ้ี าจปรากฏตั้งแตแ่ รกเกดิ หรือในภายหลงั กไ็ ด้
เพม่ิ เติม
เพศสภำพ หรือเพศภำวะ (Gender) หมายถึง การแสดงพฤติกรรม การปฏิบัติ
หรือการแสดงบทบาททางเพศของบุคคลซงึ่ อาจตรงหรอื ไมต่ รงกบั ลักษณะเพศโดยกา� เนิด
๑.๒ เพศวิถีศึกษา
เพศวถิ ี (Sexuality) หมายถงึ ความชอบและการแสดงออกทางเพศซงึ่ อาจจะแตกตา่ งกนั
โดยไม่จ�าเป็นต้องมีความชอบและการแสดงออกทางเพศที่ตรงกับเพศโดยก�าเนิด หรือไม่จ�าเป็น
ตอ้ งตรงกับบทบาทความเป็นชายหรอื ความเป็นหญงิ ซึง่ เพศวถิ แี บ่งออกได้เปน็ ๒ ลกั ษณะ ไดแ้ ก่
๑) อตั ลกั ษณ์ทำงเพศ (Gender Identity: GI) หมายถงึ การแสดงความมีตวั ตน
วา่ ปรารถนาจะเปน็ เพศใดจากประสบการณท์ างเพศสภาพ สามารถรู้สึกไดภ้ ายในของแต่ละบคุ คล
และเป็นของปจั เจกบุคคล ซงึ่ อาจสอดคล้อง หรือไมก่ ไ็ ด้กบั เพศซ่ึงได้ระบไุ วเ้ มอ่ื แรกเกิด รวมท้งั
ความรสู้ กึ ของบคุ คลในรา่ งกาย ซง่ึ อาจเกย่ี วขอ้ งกบั การเปลยี่ นแปลงรปู ลกั ษณ์ การแสดงออกตา่ งๆ
ทางเพศสภาพ รวมถึงการแต่งกาย ค�าพดู และกริยาท่าทางตา่ งๆ
64
นักเรยี นควรรู ขอสอบเนน การคดิ
ขอ ใดหมายถงึ สงั คมพหุวฒั นธรรม
1 ทัศนคติ คือ ความรูส กึ ความคดิ หรอื ความเช่ือของบุคคล โดยการ 1. กลุมคนทมี่ คี วามหลากหลายทางเพศ
ประมาณคา วาชอบหรือไมชอบ ซ่งึ อาจจะสงผลกระทบตอ การตอบสนองของบุคคล 2. กลมุ คนทม่ี คี วามหลากหลายทางศาสนา
ในเชงิ บวกหรือเชิงลบตอ บุคคล สิง่ ของ และสถานการณ 3. กลมุ คนทม่ี ีความหลากหลายในดา นตา งๆ
2 คา นิยม เปน แนวความคดิ ความเชอ่ื ความตอ งการของกลุม คนในสังคม 4. กลมุ คนท่มี คี วามหลากหลายทางวฒั นธรรม
ซึ่งยอมรบั วาเปนส่งิ ท่ดี ี มีคณุ คาควรแกการนาํ ไปเปนแนวทางในการปฏิบตั ิ วเิ คราะหคําตอบ สงั คมพหวุ ฒั นธรรม หมายถึง กลมุ คนท่ีอาศยั
เปน กรอบของการดําเนนิ ชวี ิตเพอื่ ประโยชนสุขของตนเองและสวนรวม อยรู ว มกัน มคี วามหลากหลายทง้ั เชื้อชาติ ภาษา ศาสนา สถานะ
ทางสังคม ศิลปวฒั นธรรม ประเพณี วิถีการดําเนินชีวิต ความเชื่อ
คา นิยมทางการเมือง และความหลากหลายทางเพศ ตอบขอ 3.
64 คูม ือครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
๒) วถิ ที ำงเพศ (Sexual Orientation : SO) หมายถงึ การทบ่ี คุ คลหนง่ึ มคี วามรสู้ กึ ใหน กั เรียนรว มกนั อภิปรายเร่อื ง เพศวิถใี น
สังคมพหุวฒั นธรรม โดยครแู ละนกั เรยี นคนอื่นๆ
ดงึ ดดู สนใจลกึ ซง้ึ ทงั้ ทางอารมณ์ ความรกั ใครแ่ ละทางเพศ และในสมั พนั ธภาพวา่ มที ง้ั ลกั ษณะความ รว มกนั เสนอแนะเพม่ิ เตมิ และตง้ั คาํ ถามเพอื่ นาํ ไปสู
ใกลช้ ิดกันทางเพศสมั พนั ธแ์ ละในทางเพศ ที่มีตอ่ ปจั เจกบคุ คล ซึ่งมเี พศสภาพทแ่ี ตกต่างไป หรอื มี ขอ สรปุ ทีถ่ กู ตองรว มกัน
เพศสภาพเดยี วกนั หรอื มมี ากกวา่ หนง่ึ เพศสภาพ โดยวถิ ที างเพศของบคุ คลแบง่ ออกเปน็ ๓ กลมุ่ ดงั นี้
• เพศวิถีศึกษา หมายถึงอะไร
๑. รักต่ำงเพศ (Heterosexual) คือ มีความสนใจต่อเพศตรงข้ามเพ่ือสนอง (แนวตอบ ความชอบและการแสดงออก
ความต้องการทางความรัก และทางเพศ โดยมีการแสดงออกซ่ึงลักษณะเฉพาะประจ�าเพศของ ทางเพศซึ่งอาจจะแตกตางกัน โดยไมจ าํ เปน
ตนเองตรงกับเพศสภาวะของตนซง่ึ เป็นไปตามแบบแผนของสังคม ตอ งมคี วามชอบและการแสดงออกทางเพศ
ทต่ี รงกับเพศโดยกาํ เนดิ )
๒. รักเพศเดียวกัน (Homosexual) คอื ผทู้ ี่มีรสนยิ มชนื่ ชอบเพศเดยี วกัน ตอ้ งการ
มีความสัมพนั ธท์ างกายและทางใจกับเพศเดียวกนั • อตั ลกั ษณทางเพศและวิถที างเพศมคี วาม
แตกตางกันอยา งไร
๓. รักสองเพศ (Bisexual) คือ ผู้ที่มีรสนิยมชื่นชอบทั้งเพศเดียวกันและต่างเพศ (แนวตอบ อตั ลักษณท างเพศเปน การ
ตอ้ งการมคี วามเสพมั ศพวนัถิ ธี ท์บาางงกคารยง้ั อแาลจะใทชาแ้ งทใจนกคบั �าเวพา่ ศตครวงาขม้าหมลาหกรหือลเพายศทเดายีงเวพกศนั 1ก(็ไSดe้ xual Diversity) แสดงออก ทางเพศสภาพของแตละบุคคล
ซง่ึ หมายถงึ ความหลากหลายของวถิ ที างเพศและอตั ลกั ษณท์ างเพศของบคุ คล โดยในทนี่ จี้ ะอธบิ าย แตวถิ ีทางเพศเปน ความพึงพอใจใน
เปน็ แผนภาพเพือ่ ใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจมากขึน้ ดังนี้ ทางเลอื ก เรอ่ื งเพศของบคุ คลทมี่ ตี อ บคุ คลอน่ื )
เพศวิถี (Sexuality) หรอื ความหลากหลาย
ทางเพศ (Sexual Diversity)
(Geอnัตdลeกั rษIdณeท์ nาtงitเyพศ: GI) (Sexual วOถิ rทีieาnงtเaพtศion : SO)
การแสดงออกทางเพศสภาพของ ความพงึ พอใจในทางเลอื กเรอ่ื งเพศ
แตล่ ะบคุ คล ของบุคคลทม่ี ตี ่อบคุ คลอืน่
แสดงออกทางร่างกาย หรอื บทบาท • บุคคลท่ีมีเพศตา่ งกันกบั ตนเอง
ทางเพศสภาพ โดยไม่จ�าเป็นต้อง • บุคคลท่มี เี พศเดียวกันกบั ตนเอง
สอดคลอ้ งกบั เพศสรรี ะของบคุ คลนนั้ • บุคคลท่ีมีเพศต่างกัน หรือมีเพศ
เดยี วกนั กับตนเอง
ไม่จ�าเป็นต้องสอดคล้องตามบรรทัดฐาน 65
หรอื กฎเกณฑข์ องสังคม
ขอใดไมใ ชลกั ษณะของวถิ ที างเพศ ขอสอบเนน การคดิ นกั เรยี นควรรู
1. มีความสนใจเพศตรงขาม
2. มคี วามสนใจเพศเดียวกนั 1 ความหลากหลายทางเพศ ผมู ีความหลากหลายทางเพศน้นั เปน สว นหนง่ึ ของ
3. มีความสนใจเพศของตนเอง สงั คม และคนในแตละสว นของสังคมลวนตอ งเผชิญกบั ปญหาและการกีดกนั ที่
4. มคี วามสนใจเพศเดียวกนั และตางเพศ แตกตา งออกไป ทาํ ใหก ารปกปองคนเหลา น้ันตอ งใชว ธิ ีพเิ ศษทท่ี ําขน้ึ เพอ่ื ปญหา
แตล ะกลมุ โดยเฉพาะผูมีความหลากหลายทางเพศยังเขา ไมถ งึ สิทธิ์อีกมากมาย
วิเคราะหค าํ ตอบ วิถที างเพศ หมายถึง การทบ่ี ุคคลหน่ึงมคี วามรูสึกสนใจ ในหลายๆ ประเทศ หรอื แมก ระทั่งตอ งตกอยูใ นอันตรายทกุ ๆ วนั ดงั นนั้ ปจ จุบนั
ลกึ ซึง้ ท้ังทางอารมณ ความรกั ใคร และทางเพศ และสมั พันธภาพทีม่ ีความ กฎหมายจงึ ใหค วามคุม ครองบุคคลกลมุ นม้ี ากข้นึ และสามารถเขาถงึ สิทธิมนุษยชน
ไดอยางเทา เทยี มกนั
ใกลช ดิ กนั ทางเพศสมั พันธแ ละในทางเพศ ตอบขอ 3.
คูม ือครู 65
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขา าใจใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Evaluate
Engage Expand Expand
ขยายความเขา ใจ
จากทกี่ ลา วมาแลว วา เพศวถิ ใี นสงั คมพหวุ ฒั นธรรม เหตุผลส�าคัญที่ต้องเรียนรู้เก่ียวกับเพศสภาพและความหลากหลายทางเพศนั้น เพ่ือจะได้
น้ันมีความหลากหลายทั้งเชื้อชาติ เพศ ศาสนา เขา้ ใจ ยอมรบั และเปดิ กวา้ งในสงั คมพหวุ ฒั นธรรม โดยทา� ความเขา้ ใจวา่ เพศและชวี ติ ทางเพศของ
วฒั นธรรม รวมถงึ การดาํ เนนิ ชวี ติ โดยเฉพาะปจ จบุ นั มนุษย์เป็นส่ิงท่ีถูกก�าหนดขึ้นโดยธรรมชาติและเป็นผลผลิตทางสังคม การแสดงพฤติกรรม
สงั คมมคี วามหลากหลายทางเพศมากขน้ึ ดงั นน้ั ทางเพศของบุคคลสามารถปรับเปล่ียนได้ตามสังคมในแต่ละวัฒนธรรม และอีกเหตุผลหน่ึง
ครูจึงใหนักเรียนเห็นความสําคัญของบุคคลกลุมนี้ ของการเพ่ิมองค์ความรู้เร่ืองความหลากหลายทางเพศก็เพราะองค์การสหประชาชาติได้วาง
โดยใหนักเรียนศึกษาพระราชบัญญัติความเทาเทียม แนวทางให้รัฐมีหน้าที่ในการสร้างหลักประกันความคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของกลุ่มบุคคลท่ีมี
ระหวา งเพศ พ.ศ.2558 จากเกรด็ นา รู ในหนงั สอื เรยี น ความหลากหลายทางเพศจากการเลือกปฏิบัติ โดยรัฐต้องท�าการทบทวนกฎหมายเพื่อให้ความ
หนา 66 เพอ่ื ใหน กั เรยี นมคี วามรู ความเขา ใจ และสทิ ธิ คุ้มครองบุคคลจากการเลือกปฏิบัติ เพราะเหตุแห่งวิถีทางเพศและอัตลักษณ์ทางเพศ ด้วยการ
ความเทา เทยี มทบี่ คุ คลกลมุ นคี้ วรไดร บั วา มอี ะไรบา ง ก�าหนดให้วิถีทางเพศและอัตลักษณ์ทางเพศเป็นเหตุส�าคัญอย่างหนึ่งของการห้ามเลือกปฏิบัติ
ตามกฎหมาย จึงท�าให้รัฐให้การรับรองหลักการห้ามเลือกปฏิบัติเพราะเหตุแห่งวิถีทางเพศและ
อัตลักษณ์ทางเพศไว้ในกฎหมายทงั้ ในระดบั รฐั ธรรมนญู และพระราชบัญญัติ
à¡Ãç´¹‹ÒÃŒÙ
พระราชบัญญตั คิ วามเทา่ เทียมระหวา่ งเพศ พ.ศ. ๒๕๕๘
ในอดีตความเทา่ เทียมระหว่างเพศมกั จะมองเพยี งแค่ระหว่างเพศชายและเพศหญิงเท่านน้ั แต่ปัจจบุ ันต้อง
มองความเทา่ เทียมของผทู้ ีม่ ีความหลากหลายทางเพศดว้ ย ซึง่ จะเหน็ ไดจ้ ากพระราชบัญญัตคิ วามเทา่ เทยี มระหว่าง
เพศ พ.ศ. ๒๕๕๘ มใี จความสา� คัญวา่ ด้วยเรื่องความเทา่ เทียมระหวา่ งเพศว่า
“การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นระหว่างเพศ หมายความว่า การกระท�า หรือไม่กระท�าการใดอันเป็นการ
แบ่งแยก กีดกัน หรอื จ�ากดั สทิ ธปิ ระโยชน์ใดๆ ไม่ว่าทางตรง หรอื ทางอ้อม โดยปราศจากความชอบธรรม เพราะ
เหตุซ่ึงบุคคลนั้นเป็นเพศชาย หรอื เพศหญิง หรอื มกี ารแสดงออกทแี่ ตกต่างจากเพศโดยกา� เนดิ ”
พระราชบัญญัติดังกล่าวถือเป็นกฎหมายฉบับแรกของไทยท่ีให้การคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิของกลุ่ม
ผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศอย่างชัดเจน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าไม่ได้มีเพียงแต่ส่งเสริมให้เกิดความเท่าเทียม
ระหว่างเพศชายและเพศหญิงเท่าน้ัน นอกจากน้ี ยังเป็นการเปิดช่องทางในการเลือกใช้สิทธิของผู้ที่รับผลกระทบ
จากการเลอื กปฏบิ ตั โิ ดยไมเ่ ปน็ ธรรมระหวา่ งเพศ เชน่ การฟอ้ งรอ้ งดา� เนนิ คดตี อ่ ศาล การไดร้ บั การชว่ ยเหลอื เยยี วยา
หากได้รบั ผลกระทบจากการเลอื กปฏิบัติโดยไมเ่ ป็นธรรมระหว่างเพศ
ทมี่ า : พระราชบัญญตั ิความเท่าเทียมระหวา่ งเพศ พ.ศ. ๒๕๕๘
66 กจิ กรรมสรา งเสรมิ
เกร็ดแนะครู ใหนกั เรยี นศกึ ษาพระราชบญั ญัติความเทา เทียมระหวา งเพศ
พ.ศ.2558 จากนัน้ ใหส รปุ สาระสําคัญของพระราชบญั ญัตลิ งใน
ครคู วรเสนอแนะนกั เรียนวา พระราชบญั ญัติความเทาเทียมระหวา งเพศ กระดาษรายงาน แลวนําสง ครูผูส อน
พ.ศ. 2558 มเี น้อื หาสาระทเี่ ก่ยี วของกับความเทาเทยี มระหวา งเพศมากมาย แตใ น
หนงั สอื เรยี นนนั้ เปนแคเ พยี งตัวอยางที่ยกมาจากในพระราชบัญญตั ใิ นบางสว น กิจกรรมทาทาย
หากนกั เรยี นตอ งการศกึ ษาพระราชบญั ญตั ดิ งั กลา วอยา งครบถว น นกั เรยี นอาจศกึ ษา
ไดจ าก http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2558/A/018/17.PDF
ใหน กั เรยี นศกึ ษาพระราชบญั ญตั คิ วามเทา เทยี มระหวา งเพศ
พ.ศ.2558 จากนั้นใหส รปุ สาระสาํ คัญของพระราชบญั ญัติ แลว
วิเคราะหวาพระราชบัญญัติน้ีสงเสริมความเทาเทียมของผูท่ีมี
ความหลากหลายทางเพศอยา งไร โดยใหเ ขยี นสรปุ ลงในกระดาษ
รายงาน แลว นาํ สง ครผู ูสอน
66 คูมือครู
กกรระตะตนุ Eุนnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explain Evaluate
Engage Explore Expand Engage
กระตนุ ความสนใจ
๒. คา่ นิยมและความเชอื่ ทางเพศของวัยรุ่น ครนู าํ คลปิ วดิ โี อเกย่ี วกบั คานิยมทางเพศของ
วัยรุนไทยทีไ่ มเ หมาะสมในปจ จุบนั มาใหน กั เรียนดู
ค่านิยมทางเพศของวัยรุ่นในปัจจุบันเปล่ียนแปลงไปจากเดิมมาก เน่ืองจากได้รับอิทธิพล จากนนั้ ตัง้ คาํ ถามกระตนุ ความสนใจของนักเรยี น
วฒั นธรรมต่างประเทศเขา้ มา หรอื การใช้เทคโนโลยสี อ่ื สารทรี่ วดเร็ว ทันสมยั ทา� ให้สามารถรบั รู้ โดยใหน กั เรียนสามารถแสดงความคดิ เหน็ ไดอ ยา ง
ข่าวสารได้อย่างรวดเร็ว โดยอาจไม่ได้คัดกรองข้อมูลข่าวสารนั้นๆ ซึ่งสื่อต่างๆ เหล่านี้มีผลต่อ อสิ ระ
พฤติกรรมทางเพศของวยั รนุ่ ทีแ่ สดงออกมาอยา่ งเปดิ เผย โดยเฉพาะเรอ่ื งเพศของวยั รนุ่
• จากคลปิ วิดโี อดงั กลาว นักเรียนคิดวา วัยรนุ
๒.๑ ความหมายของคา่ นิยมทางเพศ มีพฤติกรรมทางเพศทเ่ี หมาะสมหรือไม
เพราะเหตุใด
คำ่ นยิ มทำงเพศ (Sexual Value) หมายถงึ สงิ่ ทบ่ี คุ คลหรอื สงั คมยดึ ถอื เปน็ เครอื่ งชว่ ยตดั สนิ ใจ (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
และก�าหนดพฤติกรรมทางเพศของเพศชาย เพศหญิง และผู้ท่ีมีความหลากหลายทางเพศ ไดอ ยางอสิ ระ โดยอาจตอบวา ไมเหมาะสม
โดยค่านิยมทางเพศของบุคคลเกิดจากการอบรมสั่งสอนจากพ่อแม่ หรือผู้ปกครองในครอบครัว เพราะเกดิ จากคา นยิ มทางเพศของแตล ะ
การศึกษา ประสบการณ์ การส่ือสารและการถ่ายทอดทางสังคม ขนบธรรมเนียมประเพณีและ บคุ คลท่ีแตกตา งกนั ซึ่งบางคนอาจมคี านิยม
วัฒนใธนรสรงัมคขมอมงกคี ลา่ นมุ่ ยิคมนใหนรเือรอื่สงังคเพมศหลายประการทช่ี กั นา� ไปสพู่ ฤตกิ รรมเสยี่ งทางเพศ1ดงั นนั้ จงึ ควร ทางเพศทเี่ ปน ไปในลกั ษณะของการเลยี นแบบ
เลอื กรบั คา่ นยิ มในเรอื่ งเพศทถี่ กู ตอ้ งเหมาะสม และไมท่ า� ใหเ้ กดิ โทษตอ่ ตนเองและผอู้ น่ื เชน่ คา่ นยิ ม หรือตอ งการใหเปนที่ยอมรบั ของกลมุ เพอื่ น
การยอมรบั และให้เกียรติซึง่ กันและกันระหวา่ งผูท้ ่มี คี วามชอบและการแสดงออกทางเพศที่ต่างกัน ในขณะท่บี างคนอาจมคี วามเชื่อที่ผิดๆ คดิ วา
ค่านยิ มการมีเพศสมั พันธ์ท่รี ับผดิ ชอบและปลอดภยั ค่านิยมรักเดียวใจเดยี ว การมีพฤติกรรมทางเพศดงั กลาวจะชวยให
ดูโดดเดน ในสายตาของผอู นื่ )
๒.๒ ความเชอ่ื ทางเพศ
สาํ รวจคน หา Explore
ความเชื่อทางเพศเกิดข้ึนจากมุมมองหลายมิติจากสังคมไทยท่ีได้เปิดกว้างส�าหรับบุคคลที่มี
ความหลากหลายทางเพศ ไดแ้ ก่ ใหนกั เรยี นศึกษาเร่ือง คานิยมและความเชือ่
ทางเพศของวยั รุน จากหนงั สอื เรียน และแหลง
๑) เร่ืองเพศเป็นเร่ืองท่ีเกี่ยวข้องกับชีวิตเราต้ังแต่เกิดจนตาย โดยเฉพาะอัตลักษณ์และ เรยี นรอู น่ื ๆ เพิม่ เติม
วิถีทางเพศของบุคคลเป็นผลมาจากระบบสังคมวัฒนธรรมตั้งแต่ศาสนา การเมืองและเศรษฐกิจ
ซ่งึ เป็นตัวกา� หนดเพศวิถีของปจั เจกบคุ คลผ่านบทบาทบรรทดั ฐานและทัศนคติ
๒) ความหลากหลายทางเพศไมไ่ ดถ้ ือวา่ เป็นความผดิ ปกตแิ ตอ่ ย่างใด
๓) สิทธิและความเท่าเทียมทางเพศมีการขับเคล่ือนทางสังคม ในการส่งเสริมสิทธิและ
ความเท่าเทียมในกลุ่มผู้ท่ีมีความหลากหลายทางเพศท่ีมีสิทธิและได้รับความคุ้มครองอย่าง
เทา่ เทยี มกัน
๔) อัตลักษณ์ทางเพศและวิถีทางเพศมีความหลากหลายและมีการด�ารงอยู่ในสังคม ทุกคน
ทกุ เพศมีสิทธเิ สรภี าพเทา่ เทียมกันในฐานะมนษุ ยค์ นหนึ่ง
๕) การแสดงออกทางเพศที่ต่างไปจากเพศสรีระไม่ถือว่าเป็นความผิดปกติแต่อย่างใด หรือ
เปน็ ความเจ็บป่วยทางจติ แต่เปน็ สิง่ ที่สามารถเกิดข้ึนไดต้ ามธรรมชาติ
67
ขอสอบเนน การคิด นักเรยี นควรรู
ควรปลกู ฝง คานยิ มทางเพศของวัยรุนหญงิ ในเรอ่ื งใดมากทส่ี ุด 1 พฤติกรรมเสยี่ งทางเพศ โดยเฉพาะวยั รุน หญิง ไดแ ก การแตงตัว
1. คา นิยมการแสดงออกทางเพศอยางเปด เผย ดงึ ดูดความสนใจของเพศตรงขา ม โดยไมค าํ นงึ ถึงความเหมาะสมและความ
2 คา นยิ มในเรอ่ื งการจัดการอารมณทางเพศ ปลอดภัย เชน ใสเสือ้ สายเดี่ยว เส้ือเกาะอก กางเกงขาส้ัน กางเกงเอวต่ํา เปน ตน
3. คา นิยมในเร่ืองความรับผดิ ชอบ ซง่ึ เสี่ยงตอการเกดิ อาชญากรรมทางเพศไดง าย และการยอมมีเพศสมั พนั ธกบั คูรกั
4. คา นิยมรักนวลสงวนตวั เพราะคิดวาความสัมพันธจ ะยาวนานม่ันคง
วเิ คราะหคําตอบ ควรปลกู ฝง คานิยมการรักนวลสงวนตัวของวัยรุนหญงิ
ใหมากท่ีสุด เน่อื งจากเปน สาเหตุสําคัญท่ีจะสง ผลใหเกดิ ปญหาอ่ืนๆ ตามมา
เชน การมเี พศสมั พนั ธก อ นวยั อนั ควร การตงั้ ครรภไมพ รอ ม เปน ตน ตอบขอ 4.
คูมอื ครู 67
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain
อธบิ ายความรู
ใหนักเรยี นรว มกันอภิปรายเรอ่ื ง คานิยมและ ๒.๓ ความสําคัญของค่านยิ มทางเพศท่มี ีต่อการดาํ เนินชีวติ
ความเช่ือทางเพศของวยั รุน โดยครูและนักเรยี นคน
อ่ืนๆ รวมกันเสนอแนะเพ่ิมเตมิ และตง้ั คาํ ถามเพอ่ื ถ้าพดู ถงึ คา่ นยิ มทางเพศอาจจะมองไม่ออกวา่ คืออะไร และการกระท�าอยา่ งไรบ้างที่เกิดจาก
ใหไ ดข อ สรปุ ทถ่ี กู ตอ งรว มกนั คา่ นยิ มทางเพศ กอ่ นอนื่ คงตอ้ งเปรยี บเทยี บเรอื่ งคา่ นยิ มทางเพศกบั คา่ นยิ มทางเพศไดช้ ดั เจนยง่ิ ขนึ้
• คานยิ มทางเพศที่เหมาะสมมคี วามสาํ คัญตอ ยกตัวอย่างค่านิยมที่ควรปลูกฝัง
การดาํ เนินชวี ติ ของนักเรยี นอยา งไร ไดแ้ ก่ การมรี ะเบยี บวนิ ยั การเปน็
(แนวตอบ ชวยลดพฤติกรรมเส่ียงทางเพศทจี่ ะ คนดีที่มีคุณธรรมและจริยธรรม
กอใหเกิดปญ หาสขุ ภาพ อีกทง้ั ยงั ไดร บั ความอ่อนน้อมถ่อมตน การตรง
การยกยอ ง ชมเชยจากสงั คมในฐานะทีม่ ี ต่อเวลา ค่านิยมไทย และความ
คา นยิ มทางเพศทเ่ี หมาะสมอีกดว ย) ภาคภูมิใจในความเป็นไทย
หลังจากการอภิปราย ครูใหนักเรยี นทาํ ใบงาน เม่ือได้ท�าความเข้าใจถึงค่า
ในแผนการสอน ใบงานที่ 4.1 นิยมของสังคมไทยแล้ว จึงขอ
อธบิ ายถงึ วฒั นธรรมทางเพศและ
✓ ใบงาน แบบวัดฯ แบบฝก ฯ คา่ นยิ มทางเพศ ดงั ตารางตอ่ ไปนี้
สขุ ศึกษา ม.4 ใบงานท่ี 4.1
หนว ยท่ี 4 คา นยิ มทางเพศกบั วฒั นธรรม การคบเพ่อื นต้องรู้จกั วางตวั ใหเ้ หมาะสม
ก 1 4ก
ตารางแสดงวฒั นธรรม ศีลธรรมจรรยา และค่านยิ มทางเพศ
.
วฒั นธรรมทางเพศและศีลธรรมจรรยาทางเพศ คา่ นิยมทางเพศ
ก ก 13 (Sexual Culture and Ethics) (Sexual Value)
ก ก
วัฒนธรรมทางเพศ ศีลธรรมจรรยาทางเพศ ค่านิยมทางเพศ
เป็นวิถชี ีวิตของคนในสังคมที่ เปน็ ลกั ษณะทแี่ สดงออกถึงการ เปน็ ตวั กําหนดพฤตกิ รรมทางเพศ
ปฏิบตั ิเรอื่ งเพศ เชน่ ปฏบิ ตั ิตนในเรอื่ งพฤตกิ รรมทาง โดยยึดหลกั การปฏิบตั ิจาก
■ การหลกี เลีย่ งจากพฤติกรรม เพศทดี่ งี าม เชน่ วฒั นธรรมทางเพศ และศลี ธรรม
3 ก
1 ก
2 เสยี่ งทางเพศ ■ การปฏบิ ตั ทิ ด่ี ตี อ่ กนั ไมเ่ อาเปรยี บ จรรยาทางเพศ ซง่ึ ค่านิยมทางเพศ
1 ก ก ควรยกย่องและให้เกียรติซ่ึงกัน ในสงั คมพหวุ ฒั นธรรม เช่น
3 ก ■ การมีเพศสัมพันธ์ที่ปล1อดภัย
2 กกก โดยการใชถ้ งุ ยางอนามยั ทกุ ครงั้ และกัน
3 ■ ทกุ เพศมคี วามเท่าเทียมกนั
2 ก ก
3 ก ■ การควบคุมอารมณ์ทางเพศ
2 กก และระบายอารมณ์ทางเพศ
อยา่ งเหมาะสม
136
ก.4
6๘
เกรด็ แนะครู ขอ สอบเนน การคิด
ขอใดเปน คานยิ มท่ดี ใี นเร่อื งเพศ
ครคู วรอธิบายเพม่ิ เตมิ ในเรอ่ื งของความสําคญั ของคา นยิ มทางเพศ และปลกู ฝง 1. ไมช งิ สกุ กอ นหาม
ใหน ักเรียนมคี านยิ มทางเพศทเ่ี หมาะสม เชน คา นยิ มไมชงิ สุกกอ นหาม คา นยิ ม 2. มคี นรกั หลายคน เปน คนมีเสนห
รักนวลสงวนตัว เปน ตน 3. การถกู เนอื้ ตอ งตวั ระหวา งกันถอื เปนเร่ืองธรรมดา
4. ควรทดลองอยรู ว มกนั กอ นแตง งาน
นักเรยี นควรรู วเิ คราะหค าํ ตอบ คา นยิ มไมช งิ สกุ กอ นหา ม เปน คา นยิ มทางเพศ
ทถ่ี กู ตอ งและเหมาะสม สง ผลใหสามารถดาํ เนินชวี ติ ไดอยา งมี
1 ถงุ ยางอนามยั เปนอปุ กรณคุมกําเนดิ ทีน่ ยิ มใชกนั มากที่สดุ ทาํ ดวยวสั ดุจาก ความสขุ โดยอยใู นกรอบประเพณีอนั ดงี าม ซึ่งสามารถลดปญ หา
ยางพารามีทั้งแบบสําหรับผูชายและผูหญิงซ่ึงถงุ ยางอนามัยสาํ หรับผชู ายนน้ั จะสวม ทางเพศได ตอบขอ 1.
ครอบอวยั วะเพศทกี่ าํ ลงั แขง็ ตวั เตม็ ท่ี สว นถงุ ยางอนามยั สาํ หรบั ผหู ญงิ นน้ั จะสอดเขา ไป
ในชองคลอด โดยจะไปครอบบนปากมดลูก เพ่ือไมใหนาํ้ อสุจไิ หลผา นเขา ไป
68 คมู อื ครู
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขาใา จใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Evaluate
Expand Expand
ขยายความเขา ใจ
ตารางแสดงวฒั นธรรม ศลี ธรรมจรรยา และคา่ นยิ มทางเพศ (ต่อ) จากทกี่ ลา วมาแลว วา คา นยิ มทางเพศทเี่ หมาะสม
จะสง ผลใหม กี ารดาํ เนนิ ชวี ติ ทมี่ คี วามสขุ ดงั นน้ั ครู
วฒั นธรรมทางเพศและศีลธรรมจรรยาทางเพศ ค่านิยมทางเพศ จงึ แสดงใหเห็นถึงความแตกตา งวาหากมีคานิยม
(Sexual Culture and Ethics) (Sexual Value) ทางเพศที่ไมเ หมาะสมแลว จะเปน เชน ไร โดยตง้ั
คาํ ถามเพ่ือขยายความเขา ใจของนกั เรียน
วฒั นธรรมทางเพศ ศลี ธรรมจรรยาทางเพศ คา่ นยิ มทางเพศ
• คา นิยมทางเพศทไ่ี มเ หมาะสม สง ผลอยางไร
■ การปฏบิ ตั ติ นตอ่ กันด้วยความ ■ ไมล่ ่วงละเมดิ ทางเพศ ■ ต้องให้เกยี รติซ่ึงกนั และกนั กบั การดาํ เนินชีวติ ของนักเรยี น
ซ่อื สตั ย์ และทารณุ กรรมทางเพศแกผ่ อู้ นื่ ■ แสดงกิริยาที ่เหมาะสม (แนวตอบ ทําใหเ กิดปญหาตางๆ ตามมา
■ มเี จตคตทิ างเพศดา้ นบวก และยอมรบั ความแตกต่าง ท้งั ตอตนเองและสงั คมในเรือ่ งพฤตกิ รรม
โดยตระหนักวา่ เรื่องเก่ยี วกบั หลากหลายของกนั และกัน ทางเพศ เชน การมีเพศสมั พนั ธก อนวัย
เพศและพฤติกรรมทางเพศ อนั ควร เดก็ ถกู ทอดทงิ้ เนอื่ งจากการตงั้ ครรภ
เปน็ ธรรมชาติของมนุษย์ ไมพ ึงประสงค เปน ตน )
ค่านยิ มและความเชื่อทางเพศมคี วามสา� คญั ต่อการด�าเนินชวี ิต ดังตัวอย่างตอ่ ไปน้ี จากนั้นใหนกั เรียนแบงกลมุ กลมุ ละ 4-5 คน
๑. สังคมพหุวัฒนธรรมมีเกณฑ์หรือมาตรฐานท่ีใช้ในการตัดสินการกระท�าหรือก�าหนด ทําแผน ปา ยคาํ ขวัญรณรงคเพื่อสง เสรมิ ใหวยั รุนมี
พฤติกรรมทางเพศ เช่น การยดึ ถอื วัฒนธรรมรกั เดยี วใจเดียว การไม่ละเมดิ สิทธิในเนอ้ื ตัวรา่ งกาย คานิยมและทศั นคตทิ ีด่ ตี อ เรอ่ื งเพศ
ของผู้อ่นื การยอมรบั ความหลากหลายทางเพศ
๒. วัยรุ่นจะได้เห็นตัวอย่างหรือแบบแผนท่ีดีในการจัดการพฤติกรรมทางเพศของบุคคล
ทในาสงสังคังคมมทดี่แ้วสยดงเชอน่อกกถาึงรกวาารงปตัวฏ1ใิบนัตกิใานรเร่ืองเพศอย่างเหมาะสม และยังถือว่าเป็นการขัดเกลา
คบเพอื่ น การมเี พศสมั พนั ธท์ ปี่ ลอดภยั
และรับผิดชอบ
๓. ช่วยลดพฤติกรรมเส่ียงทาง
เพศทอ่ี าจกอ่ ใหเ้ กดิ ปญั หาสขุ ภาพตาม
มาได้ เชน่ การมเี พศสมั พันธต์ อ้ งสวม
ถงุ ยางอนามยั การตง้ั ครรภ์เมื่อพรอ้ ม
๔. ไดร้ บั การปลกู ฝงั ใหเ้ หน็ ความ
ส�าคัญต่อการด�ารงเผ่าพันธุ์ การเห็น
คุณค่าความเป็นมนุษย์ และทัศนคติ กิจกรรมท่ีจัดขึ้นเพ่ือสร้างความสัมพันธ์ท่ีดีของวัยรุ่น ควรมีความ
ดา้ นบวกในการสรา้ งครอบครวั ในอนาคต เหมาะสมตามวฒั นธรรมและคา่ นิยมของสังคม
69
กจิ กรรมสรา งเสรมิ นักเรยี นควรรู
ใหน กั เรยี นยกตวั อยางคา นิยมทางเพศของวัยรุนที่เหมาะสม 1 การวางตวั ในปจจุบนั คานิยมน้ียงั ใชไดด ีอยู เพราะชวยปองกนั ภัยทางเพศได
และไมเ หมาะสมมาอยางละ 5 ขอ โดยเขยี นลงในสมดุ แลวนําสง โดยสงั คมไทยถือเปนส่งิ สาํ คญั และมคี ณุ คา โดยการวางตวั อยางเหมาะสมนัน้ ไมใ ช
ครูผสู อน วาจะตัดความสัมพนั ธในการคบหากับเพอ่ื นชายโดยส้ินเชิง แตจะเนน การสราง
สมั พันธภาพทเ่ี หมาะสมตอกัน เชน วัยรนุ หญิงไมควรเปดโอกาสใหเ พื่อนชาย
กิจกรรมทา ทาย ไดใ กลชิดมากจนเกนิ ขอบเขต โดยปลอยใหจ ับมือถอื แขนโอบกอด เปนตน
ใหน กั เรยี นประเมนิ จากความรสู กึ ตนเองวา วยั รนุ ไทยสว นใหญ
มคี า นยิ มทางเพศทด่ี ีหรอื ไม อยา งไร หากพบวายงั มีคา นิยมทาง
เพศท่ีไมเ หมาะสม นกั เรยี นคดิ วา ควรปรบั เปลย่ี นทศั นคตหิ รอื
ปรบั ปรงุ แกไ ขใหม คี วามเหมาะสม ไดอ ยา งไร โดยเขียนลงใน
สมดุ แลว นําสง ครูผสู อน
คมู อื ครู 69
กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธบิ ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore
กระตนุ ความสนใจ Engage
ครตู ั้งคําถามกระตนุ ความสนใจของนกั เรยี น ๒.4 อิทธิพลทม่ี ีผลต่อค่านิยมทางเพศ1
โดยใหนักเรียนสามารถแสดงความคดิ เหน็ ไดอยาง
อสิ ระ เนอ่ื งจากรอบตวั เรามกี ฎเกณฑท์ างสังคมทีค่ นในสงั คมน้นั ๆ ถือปฏิบตั ิ รวมท้ังเรอ่ื งเพศด้วย
• นกั เรยี นคดิ วา มีอทิ ธิพลใดบา งท่ีมีผลตอ ซ่ึงอิทธิพลที่มีผลต่อค่านิยมและ
คา นยิ มทางเพศ ความเชอื่ ทางเพศ มดี งั นี้
(แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความ
คิดเห็นไดอ ยา งอิสระ โดยอาจตอบวา ศาสนา ๑) ศำสนำ ค�าสอน
บุคลกิ ภาพของแตล ะบุคคล ประเพณแี ละ
วัฒนธรรม) ของศาสนาต่างๆ จะมีค�าสอนที่
สอนใหบ้ คุ คลมคี า่ นยิ มทดี่ ใี นเรอื่ ง
• นักเรยี นคดิ วา วฒั นธรรมมีผลตอคา นยิ ม เพศ ไม่ให้ประพฤติผิดศีลธรรม
ทางเพศของวยั รนุ หรอื ไม อยางไร โดยสอนให้รู้จักการวางตัวในการ
(แนวตอบ นกั เรียนสามารถแสดงความคดิ เห็น คบเพอ่ื น สอนใหผ้ ทู้ น่ี บั ถอื ศาสนา
ไดอยา งอสิ ระ) ไมใ่ หล้ ว่ งเกนิ ละเมดิ สทิ ธกิ นั ดงั นนั้
พ่อแม่ หรือผู้ปกครองมีความส�าคัญในการปลูกฝังค่านิยมทางเพศให้แก่ ผู้ท่ีนับถือศาสนาอย่างเคร่งครัด
• เพราะเหตใุ ดวฒั นธรรมจงึ เปน สิ่งทีส่ งผลให บตุ รหลาน ซงึ่ บตุ รหลานมกั จะเลยี นแบบพฤตกิ รรมของพอ่ แม่ หรอื ผปู้ กครอง 2จะมีแนวคิดและค่านิยมแบบ
วัยรุนมคี า นิยมทางเพศท่ไี มเ หมาะสม ประเพณีนิยม คือ ยึดม่ันในจารีตประเพณี โดยการมีเพศสมั พนั ธ์เมอ่ื พร้อม
(แนวตอบ วฒั นธรรมไดเ ปลย่ี นแปลงไป
เนื่องจากสงั คมไทยไดร บั คา นยิ มวฒั นธรรม ๒) เจตคตทิ ำงเพศ เกดิ จากการศึกษาเล่าเรยี น และการเรยี นรจู้ ากประสบการณ์ชีวิต
ของชาตติ ะวนั ตกมาเปน แบบอยา ง
โดยเฉพาะคานิยมทางเพศ จึงสง ผลใหว ยั รุน หากมคี วามรู้ ความเขา้ ใจ และประสบการณช์ วี ติ ทดี่ ี ยอ่ มจะสง่ ผลใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจและปฏบิ ตั ติ าม
มพี ฤตกิ รรมทางเพศที่ไมเหมาะสม เพราะ ค่านิยมทางเพศไดอ้ ย่างถกู ต้องและเหมาะสม
คดิ วาเปนคา นิยมของวฒั นธรรมไทยไป
โดยสน้ิ เชงิ ) ๓) เจตคตทิ ำงเพศของพอ่ แม่ หรอื ผปู้ กครองทถี่ ำ่ ยทอดประสบกำรณส์ บู่ ตุ รหลำน
สาํ รวจคน หา Explore จากการส่งั สอนอบรมและปลกู ฝังคา่ นยิ มทางเพศในวยั เดก็ โดยเด็กมแี บบอยา่ งค่านยิ มจากพ่อแม่
หรอื ผ้ปู กครอง
ใหนกั เรียนแบงกลุม กลุม ละ 4-5 คน ศกึ ษา
เร่ือง อิทธิพลท่ีมีผลตอ คานยิ มทางเพศ และ ๔) บคุ ลกิ ภำพ ลกั ษณะของบคุ คลซง่ึ เปน็ เอกลกั ษณเ์ ฉพาะตวั และมกี ารแสดงออกให้
คา นยิ มทางเพศตามวัฒนธรรมของวัยรุน
จากหนงั สอื เรียน และแหลง เรียนรูอ ืน่ ๆ เพมิ่ เตมิ เห็นได้ทั้งจากภายนอกและภายใน เช่น ความเช่ือม่ันในตนเอง ท�าให้แสดงพฤติกรรมทางเพศ
เพือ่ เตรียมอภปิ ราย เช่น การแต่งกาย การพูดจา
๕) บรรทัดฐำนทำงสังคม ในเร่ืองขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม ระเบียบ
และกฎหมายต่างๆ เช่น เข้าใจวิถีชีวิตของคนต่างวัฒนธรรม สิทธิ และความเท่าเทียมของ
ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเพศใดกต็ ามกค็ วรไดร้ ับสทิ ธิ และความเท่าเทยี มเสมอภาคกนั โดยไมแ่ บง่ แยก
และกีดกัน หรือถูกเลือกปฏิบัติ แต่อย่างไรก็ตามก็ควรวางตัวอย่างเหมาะสม อยู่ในกรอบของ
ประเพณีและวัฒนธรรมไทย
70
นักเรยี นควรรู ขอสอบเนน การคิด
อทิ ธิพลใดมผี ลตอคานยิ มทางเพศของวัยรุน มากทีส่ ดุ
1 คา นิยมทางเพศ คา นยิ มทางเพศท่ผี ิดๆ เชน การยกยองใหเพศชายเปนใหญ 1. ศาสนา
กวา เพศหญิง การเอาเปรียบและดูถกู เพศตรงขาม เปนตน คา นยิ มเหลา นี้ลวนแต 2. ครอบครัว
สงผลกระทบตอความรักความผูกพนั ความสงบในครอบครวั และสังคม 3. บุคลิกภาพ
2 มีเพศสัมพันธ อาจกอ ใหเกิดโรคทางเพศสัมพันธไ ด ซ่งึ สามารถเปน ไดทกุ เพศ 4. บรรทดั ฐานทางสงั คม
ทกุ วยั ทกุ ชนชนั้ แตพบมากในหมูวัยรนุ ซึง่ อัตราการตดิ เชอ้ื ของโรคตดิ ตอ ทาง วิเคราะหคาํ ตอบ อิทธพิ ลทีม่ ผี ลตอ คา นิยมทางเพศของวยั รนุ
เพศสมั พันธจ ะพบมากขึน้ เนอ่ื งจากวัยรุนมีคา นิยมอยูกอ นแตงงาน หรอื นิยมมี มากทส่ี ดุ คือ ครอบครัว เนื่องจากเปน สถาบนั แรกทใ่ี หก ารอบรม
เพศสมั พันธตงั้ แตอ ายุยงั นอย โรคตดิ ตอ ทางเพศสัมพนั ธโ ดยมากมักจะไมเ กิด และปลกู ฝง คา นยิ มทางเพศทถ่ี กู ตอ งใหก บั บตุ รหลาน ซง่ึ ถา พอ แม
อาการ ดงั นน้ั จงึ สามารถติดตอไดโดยทไ่ี มรตู ัว ผปู กครอง มีทัศนคติท่ดี ีตอ คา นยิ มทางเพศ ก็ยอมสงผลให
บตุ รหลานมคี านยิ มทางเพศท่ีเหมาะสมตามไปดวย ตอบขอ 2.
70 คมู อื ครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
๓. คา่ นิยม1ทางเพศตามวัฒนธรรมไทย ครูสมุ นักเรียน 2-3 กลมุ ออกมาอภปิ ราย
วัฒนธรรมเป็นมรดกของสังคม เปน็ สิ่งที่มนษุ ยส์ รา้ งสรรคข์ ึน้ ด้วยภมู ิปญั ญา เพอื่ เป็นวถิ ีชีวิต เรือ่ ง อทิ ธพิ ลทม่ี ีผลตอ คา นยิ มทางเพศ โดยครแู ละ
ของคนในสังคม เป็นกฎระเบียบหรือมาตรฐานของพฤติกรรมที่คนในสังคมยอมรับ โดยเป็นตัว นกั เรียนคนอ่นื ๆ รว มกันเสนอแนะเพมิ่ เตมิ และ
ก�าหนด ขดั เกลา สรา้ งสรรคม์ นุษย์ใหม้ ีชวี ติ ทีด่ ีงาม โดยวฒั นธรรมมีผลต่อค่านยิ มทางเพศ ดงั นี้ ตง้ั คาํ ถามเพอ่ื ใหไ ดข อสรุปทีถ่ กู ตองรว มกัน
๓.๑ ๑ค)า่ บนริยรมทดัทฐาำงนเทพำศงคตราอมบคสรงั วั คแมละแสลงั คะมว2ัฒคา่นนธยิ มรทรามงเไพทศยตา มสงั คมและวฒั นธรรม • เพราะเหตใุ ด ศาสนาจึงมีอิทธพิ ลตอ คา นิยม
ทางเพศ
ไทยในอดีตมีความแตกต่างจากในปัจจุบันอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากในอดีตบุตรหลานจะถูกปลูก (แนวตอบ เพราะคาํ สอนของศาสนาตา งๆ
ฝังโดยการอบรมเล้ียงดูใหเ้ คารพเช่อื ฟังค�าส่ังสอนของบิดามารดาอย่างเครง่ ครัด วถิ ีชวี ิตตลอดจน จะมคี ําสอนที่สอนใหบ คุ คลมีคานยิ มทีด่ ใี น
วิธีการด�าเนินชีวิตจะต้องอยู่ในขอบเขตท่ีทางครอบครัวได้วางเอาไว้ รวมท้ังปัจจัยทางสังคมและ เรอื่ งเพศ ไมใ หป ระพฤตผิ ิดศลี ธรรม ดังน้นั
สภาพแวดล้อมกย็ ังไมเ่ อือ้ อ�านวยอยา่ งเชน่ ในปจั จบุ นั ค่านยิ มทางเพศในอดตี มีลกั ษณะ ดงั นี้ ผูท ีน่ ับถือศาสนาอยา งเครง ครัดจะมแี นวคดิ
ตวั อยำ่ ง และคา นิยมแบบประเพณีนยิ ม คอื ยดึ มนั่ ใน
จารีตประเพณี โดยการไมม เี พศสมั พันธก อน
ค่านิยมทางเพศ วัยอนั ควร หรอื กอ นแตง งาน)
คา่ นิยมทางเพศในอดตี
• การอบรมเลย้ี งดูของพอแม อาจสง ผลให
(๑) ผู้หญิงต้องอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนเพียงอย่างเดียว จึงท�าให้ผู้หญิงต้องถูกกดข่ีข่มเหงด้วยความไม่เท่าเทียม ลูกมคี า นยิ มทางเพศทเี่ ปลย่ี นไปหรือไม
ทางเพศ อยา งไร
(แนวตอบ การอบรมเล้ียงดูของพอ แม อาจ
(๒) ผชู้ ายมักเป็นใหญใ่ นบา้ น และมอี า� นาจในการตดั สนิ ใจทกุ อยา่ ง ส่วนผหู้ ญงิ มีหนา้ ทเี่ พยี งแคด่ ูแลบ้านและบตุ ร สง ผลใหลูกมีคานยิ มทางเพศที่เปลย่ี นไป
เท่านั้น เพราะลกู มักจะลอกเลียนแบบคานยิ มจาก
พอแม ซ่ึงลูกจะมีคานยิ มทางเพศทีเ่ หมาะสม
(๓) การนัดพบกัน ในอดีตสามารถพบกันได้โดยการแนะน�าจากผู้ใหญ่ หรือพบกันในเทศกาลงานต่างๆ ไม่มี หรอื ไมน้ัน ก็ยอ มขึน้ อยกู ับการอบรมและ
โอกาสไดม้ าพบกนั ในสถานทีส่ าธารณะอย่างเช่นในปัจจุบนั การปลกู ฝงคานิยมทางเพศของพอ แม)
(๔) ผหู้ ญิงตอ้ งไมแ่ สดงกริ ยิ าย่วั ยวน แสดงท่าทีเชอื้ เชิญ หรือให้โอกาสผ้ชู ายได้เข้ามาใกล้ชดิ • คา นยิ มทางเพศในอดตี มลี กั ษณะอยา งไรบา ง
(๕) การถกู ควบคมุ จากผใู้ หญใ่ นเรอื่ งของการเลอื กคนรกั การแตง่ งาน ทเ่ี รยี กวา่ “คลมุ ถงุ ชน” โดยใหเ้ หตผุ ลถงึ ความ (แนวตอบ เชน ผูชายมกั เปน ใหญใ นบา น
สว นผหู ญงิ มีหนาที่เพียงแคด ูแลบา นและลกู
คคู่ วร เหมาะสม เปน็ สงิ่ สา� คญั มากกวา่ จะนกึ ถงึ ความรกั ของระหวา่ งบคุ คล ทง้ั นม้ี กั จะอา้ งวา่ ใชบ้ รรทดั ฐานทาง เทา นน้ั เปน ตน)
ครอบครวั และสงั คมเปน็ เครอ่ื งตดั สนิ ใจใหแ้ ตง่ งานกนั ซงึ่ อาจจะดว้ ยความสมคั รใจหรอื ถกู บงั คบั กต็ ามแตก่ ต็ อ้ ง
ยนิ ยอมพรอ้ มทงั้ ปลูกฝังคา่ นยิ มของเพศหญงิ ให้มคี วามรกั และซอ่ื สตั ยต์ ่อสามเี พยี งคนเดยี ว
ค่านิยมทางเพศในปัจจุบัน
(๑) วัยรนุ่ มกี ารแสดงออกทางเพศทเี่ ปิดเผย มีการแตง่ ตัวทันสมัยมากขึ้น และแสดงความเปน็ ตวั ตนไดอ้ ยา่ ง
ชดั เจน
(๒) วยั ร่นุ เมือ่ มคี รอบครัว ต้องทา� งานเพ่อื เลย้ี งดูครอบครัว และมีภาระความรับผิดชอบร่วมกันในการเล้ียงดู
บุตรและสมาชิกในครอบครัว
7๑
กจิ กรรมสรา งเสรมิ นักเรยี นควรรู
ใหน กั เรยี นศกึ ษาเพม่ิ เตมิ เกี่ยวกับคานยิ มทางเพศตามสังคม 1 วัฒนธรรม คือ ลกั ษณะทแี่ สดงความเจริญงอกงาม ความเปนระเบยี บ
และวัฒนธรรมไทย แลว สรปุ สาระสาํ คัญลงในสมดุ สงครผู สู อน ความกาวหนาของประเทศชาติและศีลธรรมอันดีงามของประชาชน ใหเปนลกั ษณะ
ที่ดีประจาํ ชาตติ อ ไป
กิจกรรมทาทาย 2 บรรทดั ฐานทางครอบครวั และสังคม เปนตวั บง ช้ถี งึ แนวทางของครอบครัว
และสงั คมในการยอมรบั การกระทาํ การแตง กาย การพดู จาหรือรปู ลกั ษณภายนอก
ใหนักเรียนเลือกคานิยมทางเพศตามสังคมและวฒั นธรรมไทย บรรทดั ฐานนม้ี คี วามแตกตา งกันมากท้ังในเรือ่ งของชวงวัย ชนช้ันทางสังคม และ
มา 1 อยา ง แลววิเคราะหวาคานยิ มดังกลาวมผี ลดีอยางไร กลุมทางสังคมการปฏิบัติตามบรรทัดฐานของสังคมยอมนํามาซ่ึงการไดรับการ
ตอการปอ งกันไมใ หเกดิ การมีเพศสัมพนั ธกอ นวัยอันควร ยอมรบั และความเปนทนี่ ิยมภายในกลมุ การเพกิ เฉยตอบรรทดั ฐานของครอบครวั
หรอื กอนแตงงาน และสังคมอาจทาํ ใหบ ุคคลไมไดร บั การยอมรับจากกลุม หรืออาจถึงขัน้ ขับออก
จากกลุม เลยกเ็ ปน ได
คมู ือครู 71
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain
อธบิ ายความรู
ครสู มุ นักเรยี น 2-3 กลมุ โดยไมซ้ํากับกลมุ เดิม ๒) สภำพแวดล้อม สภาพแวดล้อมในอดีตกับปัจจุบันมีความแตกต่างกันมาก ซ่ึง
ออกมาอภปิ รายเรอ่ื ง คา นยิ มทางเพศตาม
วัฒนธรรมไทย โดยครูและนกั เรียนคนอื่นๆ รวมกนั ในปัจจุบันมีการเข้าเป็นส่วนหน่ึงของระบบเศรษฐกิจทุนนิยมโลก ท�าให้สังคมไทยก้าวเข้าสู่ความ
เสนอแนะเพิ่มเติม และตง้ั คาํ ถามเพื่อใหไดขอสรปุ เปน็ สมยั ใหม่อย่างหลีกเลย่ี งไม่ได้ การเคลอ่ื นตวั เขา้ สคู่ วามเป็น “สังคมพหวุ ัฒนธรรม” ทา� ให้เกดิ
ท่ถี กู ตอ งรวมกนั การสอ่ื สารขา้ มพรมแดน แนวคิดบรโิ ภคนยิ ม มกี ารใชช้ ีวติ ประจ�าวนั สัมผัสหลากหลายวฒั นธรรม
ทา� ใหเ้ กดิ กิจกรรมตา่ ง ๆ เช่น
• คา นิยมทางเพศของสังคมไทยในอดีตกับ
ปจ จบุ นั มคี วามตา งกันอยางไร • ใช้เวลากับการอัปเดตใน Facebook, Instagram และ Twitter
(แนวตอบ ในอดีตจะถูกปลูกฝงคานยิ ม • การดภู าพยนตร์ ซรี สี จ์ ากทงั้ ไทยและตา่ งประเทศผา่ นทาง YouTube และ Netflix
ทางเพศโดยการอบรมเลยี้ งดใู หเ คารพเชอ่ื ฟง • การเล่นเกมออนไลน์และสร้างความสัมพันธ์กับเพ่ือนท่ีไม่เคยเห็นตัวตนในโลก
คําสงั่ สอนของพอ แมอ ยางเครงครัด เชน ออนไลน์
ผหู ญงิ ตอ งไมแ สดงกิรยิ ายัว่ ยวน หรือให • วยั รุ่นหลายคนคลงั่ ไคลแ้ ละเป็นแฟนคลับของนักร้อง นกั แสดงต่างชาติ
โอกาสผูชายไดเ ขามาใกลช ดิ เปนตน • วยั รุน่ หลายคนมแี อพลเิ คชนั หาเพ่ือนในสมารต์ โฟน
แตส าํ หรบั ปจ จบุ นั สภาพครอบครวั และสงั คม
ไดเปลีย่ นแปลงไป ผหู ญงิ จะเทาเทยี มกบั ๓) สอ่ื สังคมออนไลน์ ความก้าวหนา้ และรวดเรว็ ของสอื่ สงั คมออนไลน์ในยุคดิจิทัล
ผูชาย ทําใหม โี อกาสเก่ียวขอ งกบั เรอ่ื งเพศ
มากขึน้ ) ชว่ ยใหว้ ยั รนุ่ ตดิ ตอ่ หรอื คบเพอื่ นไดม้ ากขนึ้ และหลากหลาย เชอ้ื ชาติ วฒั นธรรม เพยี งแคโ่ ทรศพั ท์
หรอื ใชอ้ นิ เทอรเ์ นต็ เปน็ สอื่ ในการตดิ ตอ่ กนั เมอื่ ใช้ในทางทเ่ี หมาะสมหรอื พดู คยุ กบั บคุ คล โดยพจิ ารณา
• คา นิยมทางเพศในปจจบุ นั มอี ะไรบา ง เลือกรบั สอ่ื ขอ้ มลู และเลอื กคบเพื่อนได้อย่างเหมาะสม
(แนวตอบ เชน มกี ารแสดงออกทางเพศอยา ง
เปดเผย และแสดงความเปน ตวั ตนไดอ ยาง
ชัดเจน แตงตวั ทนั สมยั มากข้ึน)
การเดนิ หา้ งสรรพสนิ ค้าในยามว่างเปน การเปดโลกทัศน์เพ่ือเรยี นรู้ส่งิ ใหมๆ่ ในสังคม
7๒
เบศรู ณรากษารฐกิจพอเพียง ขอสอบเนน การคิด
ขอ ใดไมใ ช วัฒนธรรมไทยเกย่ี วกบั เรื่องเพศ
ครูพูดคุยกับนักเรียนวา ปจจุบันวัยรุนสวนใหญมีความฟุงเฟอมากขึ้น เพื่อ 1. การดแู ลบานเปนหนา ท่ขี องสามีและภรรยา
ตองการใหตนเองทัดเทียมกับผูอื่น จึงมักจะแสวงหาสิ่งตางๆ เพ่ือตอบสนองความ 2. ผูชายท่ีแตงงานแลวตอ ง ซอ่ื สัตยตอ ภรรยา
ตอ งการของตนเอง โดยเฉพาะการเลอื กซอื้ แตข องทน่ี าํ เขา หรอื ผลติ มาจากตา งประเทศ 3. เปน หญงิ ตอ งรกั นวลสงวนตัว
ซ่ึงมีราคาคอนขางแพง จึงทําใหวัยรุนบางคนอาจมีคานิยมทางเพศท่ีไมถูกตองตาม 4. สามเี ปน ชางเทา หนา ภรรยาเปน ชางเทา หลัง
มาได เชน การขายบรกิ ารทางเพศ เพราะคดิ วาเปน หนทางหน่งึ ทส่ี ามารถไดเ งนิ มา วเิ คราะหค าํ ตอบ ในอดตี ผชู ายจะเปน ผูนําครอบครัว ซึง่ เปรียบ
อยา งรวดเรว็ ซงึ่ เปน ความคดิ ทไ่ี มถ กู ตอ ง หากวยั รนุ หนั มาปฏบิ ตั ติ นโดยยดึ หลกั ความ เสมอื นกบั ชา งเทาหนา และผหู ญงิ จะเปนผตู าม เปรียบเสมือน
พอเพยี งทเ่ี รยี บงา ยตามฐานะของตนเองปญ หาตา งๆ กจ็ ะไมเ กดิ ขนึ้ อกี ทง้ั ยงั ทาํ ใหเ รา ชางเทาหลัง แตใ นปจจบุ นั ผหู ญิงเริม่ มสี ทิ ธเิ ทา เทียมกับผชู าย
มกี ารดําเนนิ ชีวิตทมี่ คี วามสขุ อกี ดวย มากข้นึ โดยผหู ญงิ สามารถทจ่ี ะเปน ผนู ําครอบครวั ไดเ ชน เดยี วกนั
ตอบขอ 4.
ใหน กั เรยี นเสนอแนวทางการปฏบิ ตั ติ นใหม คี า นยิ มทเ่ี หมาะสมตามหลกั ของความ
พอเพยี ง แลว นาํ มาแลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ กบั เพอื่ นในชนั้ เรยี น โดยครอู าจเสนอแนะ
เพ่ิมเติมเพือ่ ใหไ ดขอสรุปทีถ่ กู ตองรวมกัน
72 คมู ือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขา ใา จใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
๔. ค่านิยมทางเพศตามสงั คมและวัฒนธรรมตะวันตก1 ใหน ักเรียนรวมกนั วเิ คราะหเ รอ่ื ง คานยิ มทาง
เพศตามสงั คมและวฒั นธรรมตะวนั ตก จากนน้ั
ปัจจุบันวัฒนธรรมตะวันตกได้เข้ามามีบทบาทและมีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมสังคมของไทย ครตู ้งั คาํ ถามเพือ่ ใหไดข อ สรปุ ที่ถกู ตอ งรว มกนั
มากขนึ้ ทง้ั น้ี เนอ่ื งมาจากเทคโนโลยแี ละการสอ่ื สารทก่ี า้ วหนา้ รวดเรว็ สง่ ผลทา� ใหว้ ยั รนุ่ มพี ฤตกิ รรม • อทิ ธิพลของวฒั นธรรมตะวันตกสง ผลให
คานยิ มทางเพศของวัยรุน ไทยเปล่ยี นไป
ลอกเลยี นแบบ และดา� เนนิ ชวี ติ ตามวฒั นธรรมตะวนั ตก ซงึ่ วฒั นธรรมบางอยา่ งอาจกอ่ ใหเ้ กดิ ปญั หา อยา งไร
(แนวตอบ วัยรนุ เกดิ การเลยี นแบบวัฒนธรรม
ทางสงั คมมากมาย โดยเฉพาะการมพี ฤติกรรมทางเพศที่ไมเ่ หมาะสม ตะวันตกในเรอ่ื งการแสดงออกทางเพศ เชน
การกอดจูบในท่สี าธารณะ การแตงกาย
การเลียนแบบวัฒนธรรมตะวันตกไม่ว่าจากส่ือภาพยนตร์ หนังสือ หรืออินเทอร์เน็ตก็ตาม ลอแหลม เปน ตน )
ไดท้ า� ให้ขนบธรรมเนยี ม จารตี ประเพณี วัฒนธรรมท่ีดงี ามของสังคมไทยเปล่ยี นไป ซ่ึงวฒั นธรรม • วัยรนุ ไดร บั การเลยี นแบบวฒั นธรรม
ตะวนั ตกจากแหลง ใดไดบ าง
บางอย่างส่งผลดี เช่น การกล้าแสดงความคิดเหน็ ความขยันและทุม่ เทใหก้ บั งาน การมองโลก (แนวตอบ ส่ือภาพยนตร หนงั สอื หรอื
อินเทอรเ น็ต)
ในด้านบวก การมแี นวคดิ ท่ีดตี ่างๆ เปน็ ตน้ ในขณะทีว่ ฒั นธรรมบางอยา่ งกลายเป็นตัวอย่างทไ่ี ม่ดี
• อทิ ธิพลของวฒั นธรรมตะวนั ตกมีผลตอ
ไมเ่ หมาะสมกบั วฒั นธรรมไทย จากพฤตกิ รรมวยั รนุ่ เชน่ เสรภี าพในการคบเพอ่ื นตา่ งเพศ ซงึ่ บางครง้ั พฤติกรรมทางเพศของวัยรนุ ในเร่อื งใดบาง
(แนวตอบ ปญ หาเรอื่ งเพศ เชน การคบเพอ่ื น
มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการมีเพศสัมพันธ์ การถูกเนื้อต้องตัวกันมีมากข้ึน พฤติกรรมการแสดงออก ตางเพศอยา งไมเหมาะสม การแตงกาย
ลอ แหลม เปนตน และปญ หาทางสงั คม เชน
ทางเพศในที่สาธารณะ เช่น การโอบกอด การแต่งกายที่ไม่มิดชิด กิริยามารยาทท่ีไม่เรียบร้อย การมว่ั สุมกันในสถานเริงรมย การทาํ แทง
เปน ตน)
การแสดงออกอยา่ งเปดิ เผยในเรอ่ื งเพศ
อทิ ธพิ ลของวฒั นธรรมตะวนั ตกทม่ี ตี อ่ พฤตกิ รรมทางเพศของวยั รนุ่ ในสงั คมไทย พอจะสรปุ ได้
ดงั นี้ ๑. ขอ้ มลู เร่อื งเพศ เชน่ การคบเพื่อนท่เี หมาะสม การไปเทยี่ วกบั เพอ่ื น การแตง่ กาย การมี
เพศสัมพนั ธเ์ มอ่ื พรอ้ ม
๒. สังคมยุคดิจิทัล เช่น การรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่ทันสมัยในทุกสถานที่ ทุกเวลา มีทักษะ
ของความเป็นผู้รู้เท่าทันที่ต่ืนตัวพร้อมปรับใช้
ค่านิยมและพฤติกรรมทางเพศจากวัฒนธรรม ขยายความเขา ใจ Expand
ตะวันตก
ดังน้ัน การยอมรับและเข้าใจวัฒนธรรม
ตะวนั ตกทเี่ ขา้ มา จงึ ควรเลอื กรบั คา่ นยิ มทางเพศ ใหน กั เรียนทาํ กิจกรรมสรางสรรคพ ัฒนา
ทีเ่ หมาะสมกบั สภาพสังคมไทย เช่น การเลือก การเรยี นรใู นกจิ กรรมท่ี 1 และ 3 จากหนงั สอื เรยี น
คบเพื่อนท่ีดี การมีเพศสัมพันธ์กับคู่ครองเมื่อ หนา 76
พร้อม การให้เกียรติซ่ึงกันและกัน การพูดจา
กนั อยา่ งสุภาพ การรักษาสทิ ธิในเน้ือตัวรา่ งกาย
ไม่ให้ผู้อื่นเข้ามาใกล้ชิด หรือถูกเนื้อต้องตัวจน การใชส้ อื่ สารสนเทศ ท�าให้สามารถรบั ข้อมลู ขา่ วสาร
เกนิ งาม อยา่ งรวดเรว็ จึงตอ้ งใช้วิจารณญาณในการรบั ขอ้ มูล
7๓
ขอสอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู
วฒั นธรรมตา งชาตทิ ี่มีผลตอพฤติกรรมทางเพศของเดก็ วยั รนุ เกิดจาก 1 วัฒนธรรมตะวนั ตก มอี ิทธพิ ลตอ สังคมไทยเปน อยา งมาก ทาํ ใหเ กิดการ
สาเหตใุ ดมากทีส่ ุด เปลี่ยนแปลงทางพฤตกิ รรมท่ีถกู ตองและไมถูกตอง เชน การแตง กาย ความฟงุ เฟอ
วตั ถนุ ยิ ม พฤตกิ รรมทางเพศ เปนตน ที่เขามามีบทบาทตอการใชชีวติ ประจาํ วัน
1. หนังสือและสิง่ พิมพต า งๆ โดยเฉพาะในกลมุ วยั รนุ
2. การสอื่ สารทไี่ รพรมแดน
3. ความเจริญทางเทคโนโลยสี ารสนเทศ
4. ภาพยนตร วิทยุ โทรทัศน
วิเคราะหคําตอบ วัยรนุ จะเกดิ การเลียนแบบคา นยิ มหรือพฤตกิ รรมทางเพศ
ทางวฒั นธรรมตางชาติ โดยไดร บั อิทธพิ ลมาจากความเจรญิ ทางเทคโนโลยี
สารสนเทศตา งๆ ไดแก อนิ เทอรเนต็ ภาพยนตร วิทยุ โทรทัศน และ
สื่อส่งิ พมิ พตางๆ ตอบขอ 3.
คูมอื ครู 73
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขา าใจใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Evaluate
Engage Expand Expand
ขยายความเขา ใจ
ใหน กั เรยี นรว มกนั อภปิ รายเรอ่ื ง แนวปฏบิ ตั ิ ๕. แนวปฏิบตั ติ ามคา่ นิยมทางเพศท่ีเหมาะสม
ตามคานิยมทางเพศท่เี หมาะสม โดยครูและ
นักเรยี นคนอื่นๆ รว มกนั เสนอแนะเพมิ่ เติม และ คา่ นยิ มทางเพศของวยั รนุ่ เปน็ สง่ิ สา� คญั ทวี่ ยั รนุ่ ควรยดึ ถอื ปฏบิ ตั ใิ หเ้ หมาะสมตอ่ ขนบธรรมเนยี ม
ตง้ั คาํ ถามเพอื่ ใหไ ดขอ สรุปทถ่ี กู ตองรว มกนั ประเพณี และวัฒนธรรมของไทย แนวทางการ
• แนวทางการปฏบิ ัติตนตามคา นยิ มทางเพศ ปฏบิ ตั ติ นตามคา่ นยิ มทางเพศทวี่ ยั รนุ่ ควรยดึ ถอื
ที่เหมาะสมของวัยรนุ ไดแกอะไรบาง
(แนวตอบ การรักนวลสงวนตวั การสราง ปฏิบตั ิ มีดังน้ี
สัมพนั ธภาพตอสมาชิกในครอบครัวและเพ่อื น
การสรา งคณุ ภาพชีวติ และบคุ ลกิ ภาพทดี่ ีตอ ๑. กำรปกปอ งสทิ ธใิ นเนอ้ื ตวั รำ่ งกำย
ตนเอง และการสรางคานยิ มทางเพศท่ถี กู ตอง
ตอตนเองและผอู น่ื ) ของตนเองและผู้อ่ืน เป็นสิ่งท่ีวัยรุ่นควรยึดถือ
• การปฏบิ ตั ติ นตามคา นยิ มทางเพศทเ่ี หมาะสม ปฏบิ ตั เิ ปน็ อยา่ งมาก คอื การแสดงออกถงึ ทา่ ทาง
ของผูหญิง คอื ส่ิงใด
(แนวตอบ การรกั นวลสงวนตวั คอื การไม กริ ยิ าทเ่ี หมาะสม และเคารพผอู้ น่ื และไมล่ ะเมดิ
ปลอยตวั และปลอ ยใจไปอยา งงายดาย หรอื
แสดงออกถึงกริ ยิ า ทาทาง ทเ่ี ปนการย่วั ยตุ อ สิทธิทางเพศของผู้อื่น
ฝา ยชาย)
การแต่งกายที่สุภาพเรียบร้อยถือเปนวัฒนธรรมท่ีดีงาม ๒. กำรมีพฤติกรรมทำงเพศที่
• การสรางคณุ ภาพชวี ติ ทด่ี ขี องตนเอง ควรทํา ซ่งึ วยั รุ่นควรประพฤตปิ ฏบิ ัติ
อยางไรบาง เหมำะสม ควรมคี วามรบั ผดิ ชอบ และมจี ติ สา� นกึ
(แนวตอบ เหน็ คุณคาในตนเอง หลีกเลยี่ ง
พฤติกรรมเสีย่ งท่ที ําใหติดโรคตดิ ตอทาง ทด่ี ตี อ่ สงั คมในเร่ืองเพศ ตลอดจนการใหเ้ กียรตซิ ง่ึ กันและกนั
เพศสมั พันธ และการเขา รว มกจิ กรรมตา งๆ
เพือ่ ไมใ หหมกมนุ ในเรอื่ งเพศ) ๓. กำรสรำ้ งคณุ ภำพชวี ติ ทด่ี ขี อง1ตนเอง เชน่ การสรา้ งภมู คิ มุ้ กนั ทดี่ ใี นเรอ่ื งเพศโดยใช้
ทักษะชวี ติ ดว้ ยการปฏเิ สธการมีเพศสัมพันธก์ ่อนวัยอันควร การตระหนักในคณุ ค่า การหลีกเลี่ยง
ตอ่ การเกดิ โรคตดิ ตอ่ ทางเพศสัมพนั ธ์ การเขา้ รว่ มกจิ กรรมของทางโรงเรยี น ทางสงั คม เพือ่ การ
ผ่อนคลายตนเอง มิให้หมกมุน่ ในเรื่องเพศ
๔. กำรสร้ำงบุคลิกภำพท่ีดีต่อ
ตนเอง เช่น การแต่งกายที่เหมาะสมกับช่วงวยั
และกาลเทศะ การเหน็ คณุ คา่ ในตนเองและผอู้ น่ื
เป็นต้น
๕. กำรสร้ำงค่ำนิยมทำงเพศท่ี
ถูกตอ้ งต่อตนเองและผู้อน่ื เช่น การปฏบิ ัตติ าม
ค�าสอนของบิดามารดา ผ้ปู กครอง ครูอาจารย์
การตระหนักถึงค่านิยมทางเพศที่เหมาะสม
การเล่นดนตรีเพ่ือผ่อนคลาย เปนแนวทางหน่ึงท่ีช่วยให้ ไมข่ ดั ตอ่ ขนบธรรมเนยี ม ประเพณี และวฒั นธรรม
วยั รนุ่ สามารถหลีกเลีย่ งปญั หาตา่ งๆ ได้ ที่ดีงามของไทย
74 ขอสอบเนน การคดิ
ขอ ใดไมใช การปฏบิ ตั ติ นตามคานยิ มทางเพศที่เหมาะสม
นกั เรียนควรรู 1. ปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมประเพณีท่ดี ีงามของไทย
2. ฝายชายและฝายหญิงควรใหเกยี รติซ่ึงกนั และกัน
1 การปฏิเสธการมเี พศสัมพนั ธ เปนวธิ ที ี่ดีทสี่ ดุ ถา ยังไมพรอ ม ใหคดิ เสมอวา 3. การแตง กายใหถูกกาลเทศะและเหมาะสมกบั วยั
ถา เขาไมยอมรับการปฏิเสธแสดงวาเขาไมไดร ักเราอยา งจริงใจ ไมสมควรจะเปน 4. การหมกมนุ ในเรอ่ื งเพศมากเกินไป
ครู ักกันอีกตอ ไป โดยการปฏิเสธนนั้ จะตอ งพูดอยา งจรงิ จงั ไมใ หค วามหวงั และ วิเคราะหคาํ ตอบ การหมกมนุ ในเรื่องเพศมากเกินไป เปน
ไมอยูดวยกันสองตอ สอง ซึง่ อาจจะทาํ ใหก ารปฏิเสธไมป ระสบผลสําเรจ็ ได คา นยิ มทางเพศทไ่ี มเ หมาะสม เนอื่ งจากอาจสงผลใหวัยรนุ เกดิ การ
เสพตดิ ทางเพศ ซึ่งนาํ ไปสพู ฤตกิ รรมทางเพศที่ไมเ หมาะสมและ
มุม IT สง ผลกระทบตอตนเองในดา นสุขภาพ และสังคม ตอบขอ 4.
ศึกษาเพ่มิ เติมเกี่ยวกับขอควรปฏบิ ตั ิในเรอื่ งเพศของวัยรุน ไดจ าก
http://songchai.rwb.ac.th/a5/54.htm
74 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขา ใา จใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Evaluate
Expand Expand
ขยายความเขา ใจ
การคบ เพ่ือนของวยั รุ่น เสริมสาระ ใหนักเรยี นศกึ ษาเพ่มิ เติมเรอ่ื ง การคบเพอ่ื น
ของวัยรุน จากเสริมสาระ จากนัน้ ใหนักเรยี น
วัยรุ่นเม่ือก้าวเข้าสู่ความเป็นผู้ใหญ่ย่อมมีความต้องการสร้างความ รวมกนั วิเคราะหวา แนวทางการคบเพื่อนตา งเพศ
สมั พนั ธท์ น่ี อกเหนอื ไปจากเพอื่ นเพศเดยี วกนั นน่ั กค็ อื ความปรารถนาจะได้ ทีเ่ หมาะสมกบั สงั คมและวฒั นธรรมไทยควรปฏิบัติ
ความเป็นเพ่ือน ซึ่งเป็นความต้องการตามธรรมชาติ แต่วัยรุ่นควรท่ีจะ อยา งไรบาง
ประพฤติตนให้ถูกต้องเหมาะสม โดยแนวทางการคบเพ่ือนที่เหมาะสม
กบั สงั คมและวัฒนธรรมไทย มดี ังน้ี จากนน้ั ใหนักเรยี นแบง กลุมออกเปน 4 กลมุ
กลุมละ 5-6 คน แสดงบทบาทสมมตใิ นเร่อื งการ
๑. การรู้จักวางตัว การวางตวั ทดี่ ีแสดงถึงการมีมารยาททางสังคม จึงต้องรู้จัก ปฏิบตั ิตนตามคา นยิ มทางเพศทเ่ี หมาะสม ซง่ึ จะ
อยา่ งเหมาะสม ระมัดระวังและวางตัวใหด้ ี เชน่ ไมค่ วรถูกเนือ้ ต้องตัวกัน เป็นตน้ ใหตวั แทนกลมุ ออกมาจับสลากเลอื กหัวขอ สําหรบั
ถงึ แมจ้ ะสนทิ สนมกนั เพยี งใดกต็ าม ไมค่ วรแสดงออกจนเกนิ งาม เพราะพฤตกิ รรม การแสดง โดยมปี ระเดน็ ดงั นี้
ดังกลา่ วจะทา� ใหถ้ ูกสงั คมมองในแงล่ บได้
• การรกั นวลสงวนตวั
๒. การเลอื กคบ เพื่อนมีหลายลักษณะมีท้ังท่ีเป็นคนดีและไม่ดี จึงควรใช้วิจารณญาณของตนเองในการ • การวางตวั ตอ เพศตรงขา มอยา งเหมาะสม
เพื่อนทด่ี ี เลือกคบเพ่ือนให้รอบคอบ ซึ่งเพ่ือนที่ดีจะต้องชักน�าเราไปสู่ทางท่ีเจริญ เช่น ชักชวน • การสรา งคุณภาพชีวติ ที่ดขี องตนเอง
ใหต้ ้งั ใจศกึ ษาเลา่ เรยี น ไมช่ ักชวนเพอื่ นให้เลน่ การพนนั และเสพสารเสพติด เป็นตน้
๓. การช่วยเหลอื เปน็ สงิ่ ทสี่ มควรปลกู ฝงั และปฏบิ ตั ติ อ่ กนั เปน็ อยา่ งยงิ่ เพราะจะชว่ ยสานสมั พนั ธร์ ะหวา่ งเพศ
เกื้อกลู กัน ใหแ้ นน่ แฟน้ มากขน้ึ โดยอาจชว่ ยเหลอื ซง่ึ กนั และกนั เพอื่ แสดงออกถงึ การมนี า้� ใจ การเออื้ เฟอ
เผอื่ แผ่ และอยากคบหาสมาคมดว้ ย เชน่ ชว่ ยสอนการบา้ น ชว่ ยอา� นวยความสะดวกในเรอ่ื ง
อาหารการกนิ ชว่ ยดูแลห่วงใยเมือ่ เจบ็ ปวย เปน็ ตน้
ทมี่ าขอ้ มลู : ดดั แปลงจาก http:// 203.130.141.211/surinee/lesson2_3.htm
สรปุ
คานิยมเปนสิ่งที่สังคมกําหนดข้ึนมาเปนแนวทางใหสมาชิกของสังคมยึดถือปฏิบัติ ซ่ึงจะ
ชว ยทําใหก ารดําเนินชวี ิตเปน ไปอยางปกตสิ ขุ ไมเกิดปญหา คา นยิ มทางเพศในการเคารพในสทิ ธิ
เนอ้ื ตวั รา งกายของตนเองและผอู นื่ และการยอมรบั ความหลากหลายทางเพศ ไดร บั การพสิ จู นแ ลว
วา เหมาะสมกบั สภาพแวดลอ มและบรรทดั ฐานกบั สงั คมพหวุ ฒั นธรรม หากเราปฏบิ ตั ติ าม นอกจาก
จะชว ยทาํ ใหเ ราดาํ เนินชีวิตไดอ ยา งถกู ตอ ง และมคี วามสุขแลว กย็ ังจะเปน การชวยใหเราใชช ีวิต
ในสงั คมพหุวฒั นธรรมอยางราบรนื่
75
ขอสอบเนน การคดิ เกรด็ แนะครู
การปฏบิ ัตใิ นขอ ใดสอดคลองกับคา นิยมรกั นวลสงวนตัว หลงั จากทนี่ ักเรียนแสดงบทบาทสมมตเิ สรจ็ สน้ิ ครูควรใหนกั เรียน
1. ไมไ ปไหนกบั เพ่อื นตางเพศ แตละกลุม สรปุ สาระสําคัญของเรอ่ื งที่กลุมของตนเองไดรับ และใหกลมุ ทอ่ี อกมา
2. ไมส มาคมกับเพอื่ นตา งเพศ แสดงบทบาทสมมตไิ ดมีการถามคาํ ถามเพ่อื น เพ่ือตรวจสอบความเขาใจของ
3. ไมใหเพื่อนตางเพศชว ยเหลอื นกั เรยี น โดยครชู วยเสนอแนะและอธิบายเพิ่มเติม
4. ไมอยูในท่ีลบั ตากับเพื่อนตา งเพศ
วเิ คราะหค ําตอบ การรกั นวลสงวนตวั หมายความวา สามารถจะมเี พ่ือน
ตา งเพศ คบหาสมาคมกบั เพอ่ื นตางเพศได แตต อ งระมัดระวังอยา ใหเพอื่ น
ตางเพศโอบกอด และที่สาํ คญั อยา อยใู นที่ลบั ตาสองตอสองกับเพ่อื นตา งเพศ
เพราะผูอนื่ จะมองในลักษณะมีความสัมพนั ธเ ชิงชสู าว ตอบขอ 4.
คูม อื ครู 75
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Explore Explain Expand
Engage Evaluate Evaluate
ตรวจสอบผล
1. การทาํ แผนปายคําขวญั รณรงคคา นยิ มและ ¤íÒ¶ÒÁ»ÃШÓ˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÌÙ
เจตคตทิ ่ดี ตี อ เรอ่ื งเพศ
๑ สังคมพหุวฒั นธรรมมีผลตอ่ คา่ นิยมทางเพศของวัยรนุ่ อย่างไร
2. การทํากจิ กรรมสรางสรรคพัฒนาการเรียนรู ๒ ความหลากหลายทางเพศในสงั คมไทยในปจั จบุ ันเปน็ อยา่ งไร
3. การแสดงบทบาทสมมตเิ รื่อง การปฏบิ ัติตนตาม ๓ แนวทางในการปฏบิ ตั ิตนทเี่ คารพสิทธใิ นเนอื้ ตวั ร่างกายของตนเองและผอู้ ่ืนมอี ะไรบ้าง
๔ คา่ นิยมทางเพศมีความส�าคัญตอ่ การดา� เนนิ ชวี ติ ของนักเรียนอยา่ งไร
คานิยมทางเพศทเี่ หมาะสม ๕ คา่ นยิ มทางเพศท่ีไมเ่ หมาะสมส�าหรับนักเรียนคืออะไร และจะสง่ ผลกระทบต่อนักเรียนอย่างไร
หลกั ฐานแสดงผลการเรยี นรู
• แผน ปา ยคําขวญั รณรงคค านิยมและเจตคติ
ทด่ี ตี อเรื่องเพศ
กิจก๑รรมที่ ¡Ô¨¡ÃÃÁ
กิจก๒รรมท่ี
กจิ ก๓รรมท่ี ÊÌҧÊÃä¾ ²Ñ ¹Ò¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ
นักเรียนแบ่งกลุ่มอภิปรายในหัวข้อวัฒนธรรมไทยและวัฒนธรรมตะวันตกที่
สง่ ผลต่อคา่ นยิ มทางเพศในปัจจบุ นั
นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ รว่ มกนั จดั ปา ยนเิ ทศเกยี่ วกบั คา่ นยิ มทางเพศทเ่ี หมาะสมของ
วยั รนุ่ ในสงั คมพหวุ ฒั นธรรม เพอื่ เปน็ การแลกเปลย่ี นความรกู้ บั เพอื่ นตา่ งกลมุ่
และเผยแพร่ความรตู้ อ่ บคุ คลอนื่ ๆ ในโรงเรียน
นักเรียนแบ่งกลุ่มแล้วช่วยกันระดมความคิดและยกตัวอย่างท้องถ่ินของ
นักเรียนท่อี าศัยอยู่นั้นว่ามีคา่ นยิ มทางเพศอยา่ งไรบ้าง มา ๑ ทอ้ งถ่ิน
76
แนวตอบ คาํ ถามประจําหนว ยการเรยี นรู
1. ทําใหว ัยรนุ เหน็ ความหลากหลายของกลุมคนท่ีอาศยั อยูรวมกนั เชน ความหลากหลายทางเช้อื ชาติ ภาษา ศาสนา ศลิ ปวัฒนธรรม ประเพณี วิถีการดําเนินชวี ิต
เปนตน นอกจากนีย้ ังแสดงใหเ หน็ วาในปจ จุบนั มีกลุมผทู มี่ ีความหลากหลายทางเพศมากขึน้
2. ผทู ี่มีความหลากหลายทางเพศมีสทิ ธิความเทาเทียมมากขึน้ โดยปราศจากการกีดกัน หรือการถกู เลือกปฏบิ ตั ิ เชน สามารถแตงกายตามเพศสภาพหรือเพศวถิ ีไดใน
สถานศึกษา หรือสถานทที่ าํ งานบางแหง เปนตน
3. ตนเอง เชน การวางตวั อยา งเหมาะสม การรจู ักปอ งกันตนเองจากการลวงละเมิดทางเพศ เปนตน ผอู น่ื เชน การใหเ กียรติซงึ่ กนั และกนั ไมละเมดิ หรอื ลวงเกินผอู ื่น
เปน ตน
4. การมคี านยิ มทางเพศทีเ่ หมาะสม จะสงผลใหด าํ เนินชีวติ ไดอ ยา งมีความสุข เนือ่ งจากสามารถปอ งกันและหลีกเลีย่ งการเกิดพฤตกิ รรมเสย่ี งทางเพศตางๆ ได
5. การมเี พศสัมพันธกอ นวัยอันครวร ปญหาดังกลาว จะสง ผลกระทบตอ สังคมไทย เชน ปญ หาการเพ่มิ ขึน้ ของประชากร เดก็ ถูกทอดทิง้ ซ่ึงรัฐตองสญู เสียงบประมาณ
เปน จํานวนมากในการเลี้ยงดูเด็กท่ีถูกทอดทิง้ และคา รกั ษาพยาบาลสําหรบั ผทู ีเ่ จ็บปว ยภายหลงั จากการทําแทง และเด็กท่ีเกิดมาดว ยความไมตั้งใจของพอแม
เม่อื เติบโตขึน้ มาจะเปนพลเมอื งทไ่ี มม ีคุณภาพในการพัฒนาประเทศเทาทคี่ วร
76 คูม ือครู
กกรระตะตนุ Eุนnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain
Engage Expand Evaluate
เปา หมายการเรยี นรู
วเิ คราะหส าเหตแุ ละผลของความขดั แยง ที่
อาจเกิดข้นึ ระหวา งนักเรียนหรอื เยาวชนในชมุ ชน
และเสนอแนะแนวทางแกไขปญ หาได
สมรรถนะของผเู รียน
1. ความสามารถในการสอ่ื สาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการใชทักษะชวี ิต
คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค
1. ใฝเรยี นรู
2. อยูอยางพอเพยี ง
3. มงุ มน่ั ในการทํางาน
วยั รุนทกุ คนยอ มพบกับความเปลี่ยนแปลงตางๆ ทง้ั ทางรางกาย อารมณ กระตนุ ความสนใจ Engage
และจิตใจ อันเนื่องมาจากการเจริญเติบโตตามธรรมชาติที่เปนไปตามวัย
õหน่วยการเรยี นรู้ และตองยอมรับวาวัยรุนเปนวัยที่มีการเปลี่ยนแปลงทางฮอรโมนอยางรวดเร็ว ใหน กั เรยี นดคู ลปิ วดิ โี อวยั รนุ ทะเลาะววิ าทกัน
ซ่ึงมีผลกับการเปล่ียนแปลงทางดานอารมณอยางมาก บางครั้งอาจทําให จากนนั้ ต้งั คาํ ถามเพือ่ กระตนุ ความสนใจ โดยให
วัยรุนขาดการยับย้ังช่ังใจ และแสดงออกมาเปนพฤติกรรมที่ไมพึงประสงค นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็นไดอยางอสิ ระ
อันจะกอใหเกิดความขัดแยงและความรุนแรงได การเรียนรูและปรับตัวใน
ดานตางๆ จึงจําเปนมากสําหรับวัยรุน ท้ังน้ีเพอื่ จะไดส ามารถปรบั ตวั ไดอ ยา ง • นกั เรยี นคดิ วา เหตุการณท เี่ กิดขน้ึ นนั้
เหมาะสม และอยรู ว มกบั ผอู นื่ ไดอ ยา งมคี วามสขุ เปน ผลมาจากสาเหตใุ ด
สัมพันธภาพระหวา งนักเรียนในชมุ ชน • นกั เรยี นคิดวา การกระทาํ ดงั กลาวเปน วธิ ี
แกไ ขปญหาท่ีถกู ตองหรอื ไม อยางไร
ตวั ช้ีวัด สาระการเรียนรู
■ วิเคราะหสาเหตุและผลของความขัดแยงท่ีอาจเกิดขึ้นระหวาง ■ ความขัดแยง ทีอ่ าจเกิดขึ้นระหวา งนักเรียนหรือเยาวชนใน
นกั เรยี นหรอื เยาวชนในชุมชน และเสนอแนวทางแกไขปญ หา ชุมชน
พ ๒.๑ ม.๔-๖/๔ - สาเหตขุ องความขดั แยง
- ผลกระทบที่เกดิ จากความขดั แยงระหวา งนกั เรยี นหรอื
เยาวชนในชุมชน
- แนวทางการแกป ญหาทอ่ี าจเกดิ จากความขดั แยง ของ
นักเรยี นหรอื เยาวชนในชมุ ชน
เกรด็ แนะครู
เนื่องจากในหนวยการเรยี นรนู ี้จะกลาวถงึ เรอื่ งสัมพนั ธภาพระหวางนกั เรียนหรอื
เยาวชนในชมุ ชน ดังน้นั ครจู งึ ควรใหนกั เรยี นไดมีการสรา งสมั พันธภาพท่ีดีตอ กนั
โดยการใหนักเรยี นไดทํากิจกรรมตา งๆ รวมกัน เชน การทํางานกลมุ รว มกัน
การเขา คา ยเยาวชน เปนตน เพ่อื ใหน กั เรยี นไดรูจักการปรบั ตวั ไดอ ยา งเหมาะสม
และอยูรวมกับผอู ืน่ ไดอยา งมีความสุข โดยปราศจากความขดั แยง และความรุนแรง
ท่อี าจเกิดข้ึน
คมู ือครู 77
กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore
กระตนุ ความสนใจ Engage
ครตู ้ังคาํ ถามกระตนุ ความสนใจ โดยใหน กั เรยี น ๑. คคววามาขมัดขแยัด้ง1แเปย็นสงิ่งรทะ่ีเกหิดวขึ้นาเงสนมอกั ในเชรีวียิตปนรใะจน�าวชันุมขอชงเนรา บางคร้ังความขัดแย้งท�าให้เกิด
สามารถแสดงความคิดเหน็ ไดอยา งอิสระ
• เม่อื นักเรียนพบเห็นผูอ่นื ทะเลาะววิ าทกัน
นักเรยี นจะทาํ อยา งไรกับเหตุการณท เี่ กดิ ขน้ึ ความคิดสร้างสรรค์ ท�าให้เกิดประโยชน ์
(แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเหน็
ไดอยา งอสิ ระ) เพราะท�าให้บุคคลได้คิดพิจารณาในประเด็น
• นกั เรียนคิดวา การทะเลาะวิวาทอาจสง ผล ต่างๆ ที่เป็นที่มาของความขัดแย้ง ท�าให้
กระทบตอตนเองและผอู ่ืนอยา งไรบา ง
(แนวตอบ นักเรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ เกิดความเข้าใจในตนเองและผู้อ่ืน ยินดีท่ีจะ
ไดอ ยางอสิ ระ)
ปรับปรุงความคิดความเชื่อของตนเอง แต่
• นกั เรยี นจะมีแนวทางในการแกไขปญหา
ดงั กลา วไดอยา งไร บางครั้งความขัดแย้งก็ก่อให้เกิดความรุนแรง
(แนวตอบ นกั เรียนสามารถแสดงความคิดเหน็
ไดอยางอิสระ) การทะเลาะวิวาท และปัญหาในสังคมตามมา
นักเรียนจึงจ�าเป็นต้องมีทักษะในการปฏิบัติตน
บุคคลในสังคมเกิดมาจากหลายครอบครัวท่ีอาจมีการ เพ่ือปองกันสาเหตุของการเกิดความขัดแย้ง
เล้ยี งดู มีทศั นคตทิ ่ีแตกตางกันออกไป จึงตองเรียนรกู าร รวมถึงปองกันปัญหาความรุนแรงอันเป็นผล
ปรบั ตัวเขาหากนั เพอ่ื ใหเ กดิ ความสมานฉันท สบื เน่อื งมาจากความขดั แยง้
สาํ รวจคน หา Explore ความขดั แยง้ หมายถึง ปฏิสมั พนั ธท์ ่ีมีลักษณะของความไม่เปน็ มติ รหรือตรงกนั ขา้ ม หรอื ไม่
ใหนักเรยี นศกึ ษาเรอื่ ง ความขดั แยงระหวา ง ลงรอยกนั หรอื ความไมส่ อดคลอ้ งกัน ซ่ึงมลี กั ษณะ ดังน้ี
นกั เรยี นในชมุ ชน สาเหตุความขัดแยง ระหวาง ๑. จะมีบุคคลอยา่ งนอ้ ยท่ีสดุ ๒ บุคคลทเ่ี ข้ามาเกยี่ วขอ้ งสัมพันธ์กัน และมปี ฏิสัมพนั ธ์
นักเรยี นในชุมชน และผลกระทบที่เกดิ จากความ บางอย่างต่อกัน
ขัดแยงระหวา งนกั เรยี นในชุมชน จากหนังสือเรียน ๒. แตล่ ะบคุ คล จะมคี วามเชอื่ และคา่ นยิ มเฉพาะ ซงึ่ แตล่ ะบคุ คลตระหนกั และมองเหน็
และแหลงเรยี นรูอืน่ ๆ เพ่มิ เติม เพอื่ เตรยี มอภปิ ราย
ในความเชอื่ และค่านยิ มนั้น
๓. ปฏิสัมพันธ์ระหว่างแต่ละบุคคล
ซงึ่ จะแสดงออกมาเปน็ พฤตกิ รรมทแ่ี สดงถงึ การ
ขม่ ขู่ การลดพลงั การกดดันฝา่ ยตรงข้าม เพ่อื
ใหไ้ ดม้ าซ่งึ ชัยชนะ
๔. แตล่ ะบคุ คล เผชิญหนา้ กันหรอื
แสดงปฏิกิริยาในลักษณะตรงข้ามกันหรือเป็น
ปฏิปักษต์ ่อกัน
๕. แต่ละบุคคลจะแสดงปฏิกิริยาที่
เมื่อเกดิ ความขดั แยงหรอื ความไมเขา ใจกัน ควรพูดคุยกัน กอ่ ใหเ้ กดิ ความเหนอื กวา่ ทางดา้ นอา� นาจตอ่ อกี
ดวยเหตุและผล เพื่อปรับความเขาใจกัน โดยไมใชความ ฝา่ ยหน่งึ
รุนแรง
๗8
เกร็ดแนะครู ขอ สอบ O-NET
ขอสอบป ’51 ออกเก่ยี วกับความขัดแยง
ครูควรนําขาวเหตุการณเ กย่ี วกับความขดั แยงระหวา งนักเรียนมาเลาใหนกั เรียน ถา เพอ่ื นของนกั เรียนมีเหตุทะเลาะวิวาทกัน นกั เรียนควรปฏบิ ตั ิ
ฟง และใหน ักเรยี นรว มกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั สาเหตุท่เี กิดข้นึ วาเกดิ มาจาก อยา งไรจงึ จะดที ส่ี ดุ
สาเหตใุ ด และมีแนวทางแกไ ขปญหานนั้ อยา งไร 1. รีบเขา ไปขวางและบอกใหท้ังสองฝายใจเยน็ ๆ
2. บอกใหทงั้ คใู จเยน็ และบอกใหเพื่อนไปตามครู
นักเรยี นควรรู 3. รีบดึงเพ่อื นคนใดคนหนงึ่ ออกไปใหไ กลๆ
4. รบี เดินหนไี ปใหเ ร็วทีส่ ดุ และไปแจงครู
1 ความขดั แยง ปญ หาความขัดแยงในเด็กวยั รนุ มักมีปจจยั ตา งๆ เขามามสี วน วเิ คราะหค าํ ตอบ เมอื่ เหน็ เพอ่ื นทะเลาะววิ าทกนั นกั เรยี นควรทจี่ ะ
ทาํ ใหเ กิดความขัดแยง เชน พื้นฐานทางดานอารมณ การเล้ียงดู สภาพทางดา น หา มเพื่อนทั้ง 2 ฝายกอน แลวจงึ ไปบอกใหค รูทราบ เนื่องจากทา น
ครอบครัว คานิยม ส่อื ตา งๆ เปนตน หากไมมกี ารดแู ลเอาใจใสว ยั รนุ มากพอ จะสามารถชวยแกไขปญ หาท่เี กิดข้นึ ไดด ีกวา ตอบขอ 2.
ก็อาจสง ผลกระทบตอการดาํ เนินชวี ิตของวยั รุน ได
78 คูม ือครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
บ คุ คล 1 (In traจpาeกrsลoักnษaณl cะoขnอflงicคt)ว านมกั ขเรัดยี แนยล้งอดงังพกจิ ลา่ารวณขา้าวงา่ ตใน้นก าจระดเา�รเียนกนิ วช่าวีเปติ ็ขนอคงวนากัมเขรัดยี นแยใน้งแรตะหล่ ะวว่านัง ใหน กั เรยี นรว มกนั อภปิ รายเรอื่ ง ความขดั แยง
นักเรียนได้เคยมีประสบการณ์ในลักษณะใด ระหวา งนกั เรยี นในชมุ ชน และสาเหตคุ วามขดั แยง
ลกั ษณะหน่ึงดงั กลา่ วบ้างหรอื ไม ่ ประสบการณ์ ระหวา งนกั เรยี นในชมุ ชน โดยครแู ละนกั เรยี น
นั้นอาจเกิดขึ้นกับนักเรียนเองหรือเกิดกับผู้อื่น คนอน่ื ๆ รว มกนั เสนอแนะ เพม่ิ เตมิ และตง้ั คาํ ถาม
หรอื บคุ คลทนี่ กั เรยี นรจู้ กั หรอื เกยี่ วขอ้ งดว้ ย ทงั้ เพอื่ ใหไ ดข อ สรปุ ทถี่ กู ตอ งรว มกนั
ท่บี า้ น ทีโ่ รงเรียน หรอื ในสงั คมท่ัวไป
ความขัดแย้งนอกจากจะเกิดข้ึน • ความขดั แยง หมายถงึ อะไร
ระหวา่ งบคุ คล หรอื กลมุ่ หรอื ฝา่ ยแลว้ ยงั เกดิ ขนึ้ (แนวตอบ ปฏสิ ัมพันธท่มี ีลักษณะของความไม
ในตัวบุคคลด้วย ตัวอย่างเช่น บุคคลคนหน่ึง เปนมติ รหรือตรงกันขาม หรือไมลงรอยกนั
อาจจะมีความคิดท่ีขัดแย้งกัน เช่น นักเรียน ในการศกึ ษาเลา เรยี น นกั เรยี นอาจมคี วามคดิ เหน็ ทขี่ ดั แยง หรอื ความไมสอดคลองกนั )
อาจจะชอบเพื่อนในห้องชื่อต้น แต่ต้นอาจจะ กบั เพอ่ื น ซง่ึ นกั เรยี นควรใชเ หตแุ ละผลในการหาขอ สรปุ ทด่ี ี
รกั ใครช่ อบพอสนิทสนมกับน�า้ ซงึ่ นกั เรียนไม่ชอบน้�า ความร้สู กึ ขดั แย้งอาจจะเกิดขน้ึ กบั นกั เรยี น • ยกตวั อยา งลักษณะของความขัดแยง
ความยุ่งยากในการตัดสินใจก็จะเกิดข้นึ วา่ ควรจะเลิกคบกับตน้ หรือไม ่ เปน็ ตน้ (แนวตอบ เชน ปฏิสัมพนั ธระหวา งแตล ะฝา ย
ซ่งึ จะแสดงออกมาเปน พฤตกิ รรมท่แี สดงถงึ
๒. สาเหตุความขัดแยงระหวางนักเรยี นในชมุ ชน การขมขู การกดดนั ฝา ยตรงขา ม เพอ่ื ใหได
มาซง่ึ ชยั ชนะ หรือเปนการทแ่ี ตล ะฝา ยแสดง
ความขัดแยง้ ระหวา่ งบุคคลหรอื ระหวา่ งกลมุ่ เกิดขน้ึ ได้จากสาเหตุหรือแหล่งตา่ งๆ ดังน้ี ปฏิกิรยิ าในลกั ษณะตรงกันขาม เปนตน)
มนษุ ยสัมพนั ธ การล้อเลยี น การกลัน่ แกล้งระหวา่ งบุคคลหรอื กล่มุ บคุ คล • ความขัดแยงเกิดจากสาเหตุใดบา ง
(แนวตอบ เกดิ จากตวั บุคคลหรือกลุม บคุ คล
ซึ่งมีลกั ษณะ ดงั นี้ โดยความขัดแยงทเี่ กิดจากตวั บุคคลเองอาจ
๑. ความไมเ ขาใจกนั เกดิ จากบุคลกิ ภาพสวนบคุ คล เชน ความ
๒. ความสมั พนั ธท ี่เพิกเฉยและไมเกอื้ กลู กนั กา วราว การชอบใชความรุนแรง เปนตน
๓. ความลมเหลวของการส่ือความหมายอยา งเปด เผยและซื่อตรง ซ่ึงแตล ะคนอาจจะมีมากนอยแตกตางกัน
๔. บรรยากาศของการไมไ วว างใจซ่งึ กนั และกัน ความกดดัน และการลอเลยี น การกลั่นแกลง สาํ หรบั ความขดั แยงทเี่ กดิ จากกลมุ บุคคลนั้น
อาจเกิดจากความไมเ ขาใจกนั ความกดดนั
การแขง ขนั ฯลฯ)
การแขง่ ขนั เพื่อใหไ้ ด้มาซงึ่ รางวลั ท่ีมอี ยจู่ าํ กดั
ไมว า จะเปน สิ่งตอบแทนอน่ื ๆ สถานภาพ ความรบั ผดิ ชอบ และอาํ นาจ
องคป ระกอบสว่ นบุคคล เชน การมีสัญชาตญาณของความรุนแรง กาวราว2
ความขัดแยงอาจเกิดจากบุคลิกภาพสวนบุคคล
ครอบครัวแตกแยก คบเพ่ือนท่ีเปนอันธพาล ชอบใชกําลังในการตัดสินปญหา เปนตน ซ่ึงแตละคน
อาจจะมีมากนอยแตกตางกัน
๗๙
บรู ณาการเชื่อมสาระ นกั เรียนควรรู
สามารถนําเนื้อหาเรอื่ ง สาเหตหุ รือทีม่ าของความขดั แยง ไป 1 ความขดั แยง ระหวา งบคุ คล สาเหตขุ องความขดั แยง ระหวา งบคุ คลอาจเกดิ จาก
บรู ณาการเชอื่ มโยงกับกลมุ สาระการเรียนรูสงั คมศึกษา ศาสนา และ การสอื่ สารที่บกพรอ ง การไมพอใจในการกระทํา ความไมร ไู มเ ขา ใจ การไมเปด เผย
วัฒนธรรม วชิ าหนา ทีพ่ ลเมอื ง วฒั นธรรม และการดาํ เนนิ ชีวิตใน ขอเท็จจริงแลว นําไปสูค วามขัดแยง หรือการเปล่ยี นแปลง ท้งั นี้ การเปลยี่ นแปลงไป
สงั คม เรื่อง ปจ จยั ที่กอ ใหเ กดิ ความขัดแยง สสู ่งิ ใหมม ักมีการตอ ตา น และการสือ่ สารทีบ่ กพรองอาจทาํ ใหบ คุ คลทเี่ ราตอ งการ
สือ่ สารดวยไมเขา ใจในส่ิงทีเ่ ราจะส่อื สาร ทาํ ใหเ กดิ ความเขาใจผดิ และนาํ มาสูความ
ขดั แยง ในทีส่ ดุ
2 กาวราว สาเหตทุ ีว่ ัยรุนมพี ฤตกิ รรมกา วราวรุนแรง มกั จะเกดิ จากการขาด
ความรัก ความอบอนุ ในวยั เด็ก ทําใหวัยรนุ เรียกรอ งความสนใจจากพอแมและบุคคล
รอบขาง หรือถกู เลีย้ งดอู ยา งตามใจมากเกนิ ไป จึงขาดการควบคมุ ตนเอง
คมู อื ครู 79
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain
อธบิ ายความรู
ใหน กั เรยี นรว มกนั อภปิ รายตอในเรื่อง จากสาเหตุความขัดแย้งท่ีเกิดข้ึนดังกล่าวข้างต้น อาจก่อให้เกิดความรุนแรงได้ หากบุคคล
สาเหตคุ วามขดั แยง ระหวา งนักเรยี นในชุมชน ไมส่ ามารถแกไ้ ขความขดั แยง้ ทเี่ กดิ ขนึ้ ได ้ หรอื ใชค้ วามรนุ แรงในการตดั สนิ ปญั หา ซง่ึ สาเหตทุ อ่ี าจกอ่
โดยครแู ละนกั เรยี นคนอ่ืนๆ รว มกนั เสนอแนะ ให้เกดิ ความรุนแรงนน้ั ส่วนหนึ่งมาจากปจั จัยทเี่ กีย่ วข้อง ดงั น ี้
เพม่ิ เติม และตงั้ คาํ ถามเพ่ือใหไดขอสรุปที่ถูกตอง
รว มกัน แผนภาพแสดงปจ จัยเส่ยี งท่ีเกีย่ วกับความรนุ แรงในวยั รุ่น
• นกั เรียนคดิ วา การเลน เกมตอสกู นั ปจจยั ดา้ นกายภาพ ปจ จยั ด้านสถานการณ
เปนสาเหตหุ นึง่ ที่สงผลใหเกดิ พฤตกิ รรม เชน เงอ่ื นไขทางพนั ธุกรรม การได เชน พอ แมถูกจับเพราะกระทํา
การใชค วามรุนแรงอยางไร รบั ความกระทบกระเทือนทางสมอง ปจ จัยดา้ นจิตใจ ความผดิ การทะเลาะเบาะแวงกัน
(แนวตอบ เน่ืองจากเกมตอสทู ว่ี ยั รุน นิยมเลน หรอื ระบบประสาทจากการบาดเจ็บ
ในปจ จุบนั จะเปน เกมท่ีใชความรุนแรง ซง่ึ มผี ลตอ พฒั นาการตามวัย การ เชน ชอบเสี่ยง สมาธิสัน้ ในครอบครัว ใชอ ารมณด ดุ า
ใชก าํ ลงั ในการตอ สูอ ยา งโหดเหยี้ ม จงึ ทาํ ให มนี ํ้าหนกั ต่าํ กวา เกณฑ หรือการได มคี วามเช่ือและเจตคติ ทํารายลูก ครอบครัวแตกแยก
วยั รนุ บางคนอาจเกดิ การเลียนแบบพฤตกิ รรม สัมผัสส่ิงปนเปอ นกับสารพษิ ทําให ตอ ตา นสงั คม ชอบความ การหยารา ง หรือการแยกกันอยู
ดงั กลา ว บางคนอาจเขา ใจวาการใชก าํ ลัง รุนแรงตน่ื เตน ชอบละเมดิ
สามารถแกไ ขปญหาตางๆ ได จงึ สงผลใหมี สารพิษเขาสรู า งกาย เปน ตน กฎขอบงั คบั ไมช อบเรยี น ของพอและแม เปน ตน
พฤติกรรมแสดงออกในทางกา วรา ว) หนังสือหรอื ไปโรงเรยี น
เปนตน
• การอบรมเลี้ยงดูบุตรหลานลกั ษณะแบบใด ปจจยั ดา้ นสงิ่ แวดลอ้ ม ปจ จัยด้านอทิ ธพิ ลของสอ่ื
ที่สงผลใหวัยรนุ แสดงพฤตกิ รรมความรุนแรง เชน ครอบครวั มีฐานะยากจนจงึ มี เชน ชอบเลนเกมคอมพิวเตอร
ออกมาใหเหน็ ในปจ จุบัน โอกาสที่จะอยูในส่ิงแวดลอมทไี่ มดี ดูรายการทางโทรทศั น
(แนวตอบ การเล้ยี งดบู ตุ รหลานแบบเขมงวด อาจมีการใชค วามรุนแรง คบเพื่อน ทม่ี ีเนื้อหาสาระสง เสริม
บังคบั บตุ รหลานมากเกินไป ขาดความรัก ท่เี ปนอันธพาล ชอบทะเลาะววิ าท ความรนุ แรง เปนตน
ความอบอนุ ความเออื้ อาทร จึงสง ผลให หรอื ใชก ําลงั ในการตดั สินปญหา
บุตรหลานเกดิ ความเกบ็ กด และระบาย ความขดั แยง ได เปน ตน
อารมณออกมาในลกั ษณะของพฤตกิ รรม
ความรุนแรง) ปจจัยด้านประสบการณช ีวติ ปจ จัยดา้ นความสัมพนั ธ
ในครอบครวั
เตชง้ัน แตกเาดร็กถ1กู มทีปาํ รราะ ยสหบรกอื ากราณรเถปกู นทพอยดาทนง้ิ
รูเห็นเหตุการณป ลนจี้ เชน พอ แมเ ลี้ยงดูลกู แบบเขม งวด
ควบคุมบังคับลูกมากเกนิ ไป ขาด
การทาํ รา ย หรอื ฆาตกรรม ความรกั ความเอือ้ อาทร ครอบครัว
มกี ารเสพสารเสพติด หรอื ดืม่ ขาดความสขุ ทาํ ใหล กู มคี วาม
เกบ็ กด และระบายอารมณอ อกมา
เครอื่ งดื่มที่มแี อลกอฮอล
เปน ตน ในลักษณะเปน พฤติกรรม
ความรนุ แรง เปนตน
8๐
เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิด
การเล้ยี งลูกแบบตามใจมคี วามหมายตรงกบั ขอ ใดมากท่สี ุด
ครคู วรหากจิ กรรมตางๆ ท่ีเหมาะสมใหนักเรยี นไดมสี วนรวม เชน การแขงขัน 1. รักววั ใหผูก รกั ลูกใหตี 2. เห็นชา งขี้ ข้ีตามชาง
ประกวดรอ งเพลง การประกวดวาดภาพ เปน ตน เพือ่ ใหนักเรยี นสามารถลด 3. ววั หายลอ มคอก 4. พอแมรังแกฉนั
พฤตกิ รรมการใชความรุนแรงตางๆ ได และใชเวลาวางใหเกดิ ประโยชน
วิเคราะหคําตอบ การเล้ยี งลกู แบบตามใจทกุ อยา ง จะสง ผลให
นกั เรียนควรรู ลกู ขาดความมั่นใจในตัวเอง ไมส ามารถตัดสนิ ใจไดเ อง และยัง
สง ผลกระทบใหเ กิดพฤตกิ รรมกา วราว เนือ่ งจากลกู เม่อื ไมไ ดส ิง่ ที่
1 การถูกทอดทิ้งต้งั แตเ ด็ก คือ เด็กทมี่ ารดาคลอดทง้ิ ไวในโรงพยาบาล หรือ ตอ งการ ก็จะแสดงพฤตกิ รรมกา วรา วออกมา ซง่ึ สงิ่ เหลา นจี้ ะสง ผล
ตามสถานทีต่ างๆ รวมไปถงึ เด็กทพี่ อ แมป ลอ ยทง้ิ ไวใหมชี วี ติ อยลู าํ พัง หรือกบั กระทบตอ ไปเรอื่ ยๆ จนกระทงั่ เมอื่ ลกู เรมิ่ โตขึ้นเปน ผูใ หญ พอแม
บุคคลอืน่ โดยไมไ ดรับการเลี้ยงดจู ากพอแม ทงั้ น้อี าจมีสาเหตมุ าจากปญหา ไมส ามารถจะชว ยเหลือดแู ลลูกไดทกุ เรือ่ งทําใหลูกชว ยเหลอื ตนเอง
การหยา ราง หรือครอบครัวแตกแยก ทาํ ใหเด็กมีสภาพชวี ิตอยูทา มกลางความ ไมไ ด ลกู กจ็ ะกลายเปนคนมปี ญหาเขากับสังคมไมไ ด จงึ อาจเปรยี บ
สับสน ขาดความรกั ความอบอนุ และขาดผูอุปการะเลยี้ งดู
ไดว า การเลยี้ งลกู ดงั กลา ว เสมอื นกบั “พอ แมร งั แกฉนั ” ตอบขอ 4.
80 คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขาใา จใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
๓. ผลกระทบที่เกิดจากความขดั แยงระหวางนกั เรียนในชมุ ชน ใหนกั เรียนรวมกนั อภิปรายเรื่อง ผลกระทบ
ทเี่ กิดจากความขัดแยง ระหวา งนักเรยี นในชมุ ชน
ความขัดแย้งเป็นส่ิงที่ดีหรือไม่ดี ขึ้นอยู่กับแนวคิดและความเช่ือของแต่ละคน บางคนมอง โดยครแู ละนักเรียนคนอนื่ ๆ รว มกนั เสนอแนะ
ความขัดแย้งเป็นสิ่งไม่ดี เป็นของคู่กับความ เพม่ิ เติม และต้ังคาํ ถามเพือ่ ใหไ ดขอ สรุปที่ถกู ตอง
รวมกนั
รุนแรง ส�าหรับกลุ่มบุคคลบางกลุ่มในปัจจุบัน
• ความขดั แยง อาจสง ผลกระทบอยา งไรบาง
มีแนวคิดว่าความขัดแย้งเป็นสิ่งปกติท่ีเกิดข้ึน (แนวตอบ อาจสง ผลกระทบไดท้ังในเชงิ ลบ
และเชิงบวก ซงึ่ ผลกระทบในเชงิ ลบน้นั
ตามธรรมชาต ิ ความขัดแยง้ บางอย่างเป็นสิ่งทด่ี ี ไดแก อาจทาํ ใหเ กดิ ความแตกแยก หรือเกดิ
ความรนุ แรงขนึ้ สาํ หรับผลกระทบในเชงิ บวก
เพราะช่วยกระตุ้นให้คนพยายามแก้ปัญหา โดย อาจเปน การนําพาบุคคลใหเขามาสกู าร
แกปญหาท่ีสําคัญ ลดความกดดันในประเด็น
เปลย่ี นความขดั แยง้ ใหม้ ปี ระโยชนแ์ ละสรา้ งสรรค์ ปญหา สรางความรวมมอื และสรา งความ
เขาใจในการแกไขปญหารวมกัน)
ส�าหรับวัยรุ่นความขัดแย้งในกลุ่มเพ่ือน
เกิดข้ึนได้เสมอ เม่ือเพื่อนแต่ละคนมีความคิด
มีจุดมุ่งหมายของชีวิตท่ีแตกต่างกัน โดยเม่ือ
เพื่อนตัดสินใจเลือกว่าจะมีความคิดเห็นด้วยกับ การปรกึ ษาหารอื ขอคาํ แนะนาํ จากครอู าจารยเ มอ่ื เกดิ ความ ขยายความเขา ใจ Expand
ใคร กอ็ าจท�าใหเ้ กิดสถานการณท์ ี่นา� ไปส่ปู ัญหา ขัดแยงกับเพื่อนเกี่ยวกับเน้ือหาท่ีเรียนมาถือเปนการ
ความขัดแย้งที่เกดิ ขึ้นได้ แกปญหาท่ีดี โดยเปลี่ยนความขัดแยงใหมีประโยชน ใหน ักเรียนเสนอแนะผลกระทบทเี่ กิดจาก
สาเหตุหรือท่ีมาของความขัดแย้งดังกล่าว และสรา งสรรค ความขดั แยงระหวา งนักเรียนในชุมชนเพ่ิมเติม วา
มผี ลกระทบใดอ่นื อีกนอกเหนอื จากทีไ่ ดอภิปราย
อาจจะถือได้ว่าเป็นสภาวการณนําไปสูความขัดแยง (Antecedent conditions of conflict) รวมกัน
หากสภาวะเหล่าน้ีท�าให้สมาชิกในกลุ่มเกิดการรับรู้และรู้สึกว่าเป็นสภาวะที่คุกคามน�าความ ใหนักเรยี นสรปุ สาระสาํ คญั เรอ่ื ง ความขดั แยง
และผลกระทบทเ่ี กดิ จากความขัดแยงระหวาง
ไมส่ บายใจมาให ้ เกิดความรู้สึกว่าฝา่ ยตรงข้ามเป็นศัตรกู นั เกิดความรู้สึกกลัว ไมไ่ ว้วางใจรสู้ กึ วา่ นักเรยี นในชมุ ชน ในรูปแบบของผังความคดิ
แลว นําสง ครูผูสอน
ฝ่ายของตนจะต้องเป็นฝ่ายชนะ ก็จะแสดงพฤติกรรมในลักษณะท่ีจะพยายามสกัดก้ันไม่ให้อีก
ฝ่ายหน่งึ บรรลุเปาหมายท่ีต้องการ พฤตกิ รรมเหล่าน้อี าจจะเรม่ิ ตัง้ แตก่ ารเปน็ ศัตรูในใจท่ีคอยจอ้ ง
หาโอกาส คอยคดั คา้ น ตอ่ ตา้ น ไปจนถงึ การแสดงพฤตกิ รรมกา้ วร้าว เช่น ชกต่อย ท�าร้ายรา่ งกาย
เป็นต้น จะเห็นได้จากข่าวการชกต่อยท�าร้ายร่างกายของกลุ่มเยาวชนบางกลุ่มดังท่ีส่ือมวลชน
เอามาน�าเสนอ
ความรุนแรงในวยั ร่นุ ที่เผยแพร่ในสอื่ ต่างๆ เชน่ การทะเลาะววิ าท การยกพวกตกี ัน เปน็ ต้น
ซ่ึงมีผลก่อให้เกิดการบาดเจ็บและบางรายถึงขั้นเสียชีวิต เม่ือได้วิเคราะห์ถึงพฤติกรรมความ
รนุ แรงดงั กลา่ ว จะพบวา่ วัยรุน่ ซ่ึงเป็นนักเรยี น หรือเยาวชน อาจมีอารมณต์ งึ เครียด รสู้ ึกวา่ ตนเอง
ถกู คกุ คาม ทา� ใหม้ คี วามโกรธรนุ แรงมากขนึ้ จนกระทง่ั หมดความอดทน ในทสี่ ดุ กไ็ มส่ ามารถควบคมุ
อารมณ์ท่ีเกบ็ กดไว้ได ้ จึงแสดงออกดว้ ยพฤติกรรมความรนุ แรง
8๑
ขอสอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู
หากเพอื่ นของนักเรยี นมีพฤติกรรมกา วราวรนุ แรงกบั สมาชกิ ในกลมุ ของ ครูควรอธิบายเพม่ิ เติมเกีย่ วกบั ผลกระทบทเี่ กดิ จากความขัดแยง เพอื่ ใหน กั เรียน
ตนเอง นกั เรยี นคิดวา พฤติกรรมดังกลา วอาจสง ผลกระทบอยา งไรบา ง เกิดความตระหนกั และสามารถหลีกเลย่ี งปญหาท่เี ปนสาเหตุใหเ กดิ ความขดั แยงได
แนวตอบ เพอื่ นในกลมุ อยอู ยา งไมส งบสขุ เกดิ การขดั แยง ทะเลาะววิ าทกนั โดยอาจยกตวั อยางเหตุการณทเ่ี กิดข้นึ จริงในปจ จุบันมาเลาใหน ักเรียนฟง เชน
รวมถงึ บุคคลอนื่ เชน พอแม ครูอาจารย ญาติผูใหญ สถานศกึ ษาของ การทะเลาะววิ าทในวยั รนุ ทีเ่ กิดจากการแยง ชิงคนรัก ซ่งึ อาจนาํ ไปสปู ญ หา
นกั เรยี น เปน ตน อาจไดร ับความเดือดรอนจากการกระทาํ น้ันๆ ความรุนแรงได
มุม IT
ศึกษาเพ่มิ เติมเก่ยี วกับผลกระทบทเี่ กิดจากความขัดแยง ไดจาก
http://www.gotoknow.org/posts/288516
คูมอื ครู 81
กกรระตะตนุ Eุนnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore
กระตนุ ความสนใจ Engage
ครตู งั้ คาํ ถามกระตนุ ความสนใจ โดยใหนกั เรียน ผลกระทบทเี่ กดิ จากความรนุ แรงของวยั รนุ่ นน้ั มตี งั้ แตเ่ รอื่ งเลก็ นอ้ ยไปจนถงึ เกดิ ความ
สามารถแสดงความคดิ เหน็ ไดอยา งอิสระ สูญเสยี ถงึ ชวี ิต ดงั นี้
• นกั เรยี นคิดวา แนวทางในการแกป ญหา หรอื ๑. ถูกจับได้เมื่อขโมยส่ิงของ เงินทอง ทรัพย์สินของมีค่าของเพ่ือน ครู พ่อแม ่
ลดความขัดแยง เปนวิธกี ารแกไ ขปญ หาท่ไี ด หรือผู้ปกครองเป็นประจ�า ซึ่งบางกรณีการกระท�าพฤติกรรมการลักเล็กขโมยน้อยเป็นประจ�า
ผลหรอื ไม อาจถูกทางโรงเรียนตัดสินลงโทษทางวินัยถึงขั้นพักการเรียน ซ่ึงท�าให้มีผลกระทบต่อสุขภาพจิต
(แนวตอบ นกั เรียนสามารถแสดงความคิดเหน็ และความมนั่ คงในชีวิต กอ่ ให้เกดิ ภาพพจนท์ างดา้ นลบทงั้ ต่อตัวบคุ คลและสถาบันทางการศกึ ษา
ไดอ ยา งอิสระ) ๒. สังคมและชุมชนที่อยู่อาศัยมีความไม่สงบสุข จากการท่ีวัยรุ่นมีพฤติกรรมต่อต้าน
สังคม ท�าให้เกิดความวุ่นวายก่อกวนความสงบสุขของผู้อื่น รวมไปถึงบุคคลอ่ืนอาจได้รับความ
• เพราะเหตุใด จึงตอ งมีแนวทางในการ เดือดร้อนจากการกระท�านั้น ๆ ซึ่งไม่ได้มีส่วนเก่ียวข้องกับปัญหาความขัดแย้งแต่อย่างใด จน
แกปญ หาหรอื ลดความขดั แยง กระทง่ั กลายเปน็ ปญั หาของสังคม
(แนวตอบ ขึน้ อยูกบั คําตอบของนกั เรียน โดย ๓. ผู้ถูกข่มขู่เกิดความวิตกกังวล ม1ีความหวาดกลัวหรือได้รับบาดเจ็บจากการถูก
อาจตอบวา เพ่อื ทาํ ใหพ ฤตกิ รรมของความ ท�าร้าย ตัวอย่างเช่น รุ่นพ่ีแสดงพฤติกรรมข่มขู่รุ่นน้องในสถาบัน หรือผู้ท่ีแข็งแรงกว่าข่มขู่ผู้ที่
ขดั แยง หายไปหรอื สิ้นสดุ ลง เชน ความกดดัน อ่อนแอกว่าตน เป็นต้น
ทางอารมณแ ละจติ ใจ ความแคน ขนุ เคือง ๔. เป็นตัวอยา่ งท่ไี มด่ ใี นสงั คม ซ่ึงจากการเผยแพรข่ ่าวเกีย่ วกบั ความรุนแรงในวยั ร่นุ
ไมพอใจ เปนตน ) ตามสอ่ื ต่างๆ อาจส่งผลใหว้ ัยร่นุ บางกล่มุ เกิดพฤตกิ รรมการเลียนแบบ จนขยายวงกว้างกลายเปน็
พฤติกรรมของคนกลุ่มใหญ่ซงึ่ สง่ ผลกระทบต่อสังคมมากขึน้ ได้
• แนวทางแกไ ขปญหา หรือลดความขัดแยง
ในวัยรนุ มีแนวทางใดบาง ๔. แนวทางในการแกปญหา
(แนวตอบ นกั เรียนสามารถแสดงความคดิ เหน็
ไดอยางอสิ ระ โดยอาจตอบวา การใหนกั เรียน หรือลดความขัดแยง
มสี ว นรวมในการแกป ญ หา การใหคาํ แนะนํา
แกว ัยรนุ ทมี่ ีปญหา เปนตน )
สาํ รวจคน หา Explore การแกป้ ญั หาความขดั แยง้ หมายถงึ การลด
หรอื ขจดั ความขดั แยง้ เพอ่ื ทา� ใหพ้ ฤตกิ รรมของ
ใหนักเรยี นแบง กลุม กลมุ ละ 3-4 คน ศกึ ษา การขัดแยง้ หายไปหรอื ส้ินสุดลง
เรือ่ ง แนวทางในการแกป ญหาหรือลดความขดั แยง ความขัดแย้งเกิดขึ้นง่าย แต่แก้ไขได้ยาก
จากหนังสอื เรียน เพือ่ เตรยี มนาํ เสนอหนาช้นั เรยี น เนื่องจากปัญหาความขัดแย้งท่ีเกิดข้ึนน้ีไม่ได้
เป็นการกระทบกระทั่งกันทางร่างกาย แต่เป็น
การพูดคุยกันโดยทําความเขาใจซึ่งกันและกันและยอมรับ ลกั ษณะของการแตกแยกทางความคดิ มีความ
ฟงความคิดเห็นของผูอื่น จะสามารถชวยลดปญหาความ กดดนั ทางอารมณแ์ ละจติ ใจ เกดิ ความเคยี ดแคน้
ขัดแยง ตางๆ ได ขนุ่ เคือง ไมพ่ อใจ
8๒
นักเรยี นควรรู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT
ส่งิ ใดจะชว ยลดความขัดแยงในสังคมไดมากที่สุด
1 ขมขู หมายถึง การทาํ ใหผ อู นื่ รสู ึกกลวั วา จะเกิดความเสยี หาย เปนภยั แก 1. การพดู แตส ิง่ ดไี มข ัดแยง
ตนเอง หรือแกท รัพยส ินของตน 2. การชว ยเหลอื ซ่งึ กันและกัน
3. การใหมากกวาการรับจากผอู ่ืน
มุม IT 4. การใหอภยั และเคารพในศักดิ์ศรีความเปนมนุษยของผอู ่ืน
วิเคราะหคําตอบ การใหอภัยและเคารพในศกั ด์ศิ รคี วามเปน
ศึกษาเพ่มิ เติมเกีย่ วกบั การแกปญหาความขัดแยง ไดจาก มนุษยข องผอู นื่ จะชว ยลดความขัดแยงในสงั คมไดม ากทส่ี ุด
http://www.oknation.net/blog/boonyou/2008/06/07/entry-2 เพราะหากทกุ คนมีการใหอภัย เขา ใจและยอมรบั ความแตกตาง
ซ่งึ กันและกนั กย็ อมสง ผลใหอยูร วมกนั ในสงั คมไดอ ยา งสันตสิ ขุ
และมีความปลอดภยั ตอบขอ 4.
82 คมู อื ครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
การมสี ุขภาพจิตใจทีด่ ี มคี วามสขุ จะเป็นพลังสว่ นหนงึ่ ชว่ ยท�าใหบ้ คุ คลเผชญิ กับปญั หา หรือ ครูสุมนกั เรยี น 1-2 กลมุ ออกมานาํ เสนอเร่ือง
หาแนวทางแกไ้ ขไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ซงึ่ ปญั หา ดา้ นความขดั แยง้ ของวยั รนุ่ มแี นวทางแกไ้ ขปญั หาดงั นี้ แนวทางในการแกปญหาหรอื ลดความขดั แยง
๑. เมอื่ เกดิ ปญั หา หรอื มเี รอื่ งราวท่ี โดยครแู ละนกั เรยี นกลมุ อนื่ ๆ รวมกันเสนอแนะ
ไมส่ ามารถแกไ้ ขไดต้ ามลา� พงั ควรปรกึ ษาพอ่ แม่ จากนัน้ ครตู ้งั คําถามเพ่อื นําไปสขู อสรุปทีถ่ กู ตอง
ผู้ปกครองหรือครูอาจารย์มาช่วยแก้ปัญหา รวมกนั
เพราะท่านเป็นผู้ที่มีประสบการณ์มากกว่า
จะสามารถนา� มา ซึง่ การแก้ไขปัญหาที่ถกู ต้อง • เพราะเหตใุ ด เม่ือเกดิ ปญหาใดๆ กต็ าม
และเหมาะสมให้กบั เราได้ เรามักจะปรกึ ษาพอ แม ผปู กครองหรอื ครู
๒. มีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา อาจารย
ตลอดจนกา๓รแ. กวป้ ยั ัญรนุ่ หทามี่โดอี ยารไมมณ่ใชร์ค้ นุ วแารมง1ร สุนาแมรางรถ (แนวตอบ เพราะทา นเปน ผูท่มี ีประสบการณ
ใชห้ ลกั ธรรมเพอ่ื ชว่ ยระงบั อารมณไ์ ด ้ เชน่ การฝก มากกวา เรา ซงึ่ สามารถใหคําแนะนาํ ใน
วปิ สั สนาเจรญ ิ สติปัฏฐาน หรอื ฝก อานาปานสติ ครอบครัวเปนสาเหตุหน่ึงของความขัดแยง ซึ่งการให การแกไขปญ หาตา งๆ ไดอ ยา งถูกตอ งและ
เป็นต้น ความรัก ความสุข และความเขาใจกันจะชวยใหบุคคล เหมาะสมแกเ ราได)
ลดความขัดแยง หรือความรนุ แรงลงได
• การประนีประนอม มหี ลกั การอยางไรบาง
๔. มสี ่วนร่วมในกิจกรรมทท่ี างโรงเรยี นจดั ให ้ เช่น โครงการเสรมิ สร้างสันตวิ ฒั นธรรม (แนวตอบ ควรคํานงึ ถึงเหตผุ ลของแตละคน
ในโรงเรียน และพัฒนาศกั ยภาพบคุ ลากรในสถานศึกษา เพื่อเป็นการสรา้ งสมั พนั ธภาพทดี่ ีตอ่ กัน แตละกลมุ เพอื่ จะไดเรยี นรูถ งึ ความเหมือน
ระหว่างนกั เ๕รยี. นมีวิธีการหรือกระบวนการคลี่คลายความขัดแย้งโดยใช้หลักการประนีประนอม2 และความแตกตางของความรูสกึ นกึ คิดของ
แตล ะคน รับฟง กันและกันอยางมสี ติ หรือ
อาจเปน การเจรจาตอรอง เพ่ือใหไดขอ ยตุ ิ
ของปญ หาความขัดแยง ท่เี กดิ ขึ้น)
(Compromise) ดงั น้ี
หลกั การประนีประนอม (Compromise) ความเขาใจกัน ใสใจ รับฟงกันและกัน
อยางมีสติ อดทนระมัดระวังเร่ือง
วิเคราะหหาสาเหตขุ องความ อารมณค วามรสู กึ หรอื อาจเปน การ
ขัดแยงท่เี กิดขึ้น เจรจาตอรอง และสามารถตกลง
คาํ นึงถึงเหตผุ ลของ กนั ไดโดยการพบกนั ครึง่ ทาง เพ่ือ
แตล ะคน แตละกลมุ ใหไ ดข อ ยตุ ขิ องปญ หาความขดั แยง
เพอื่ จะไดเ รยี นรถู ึงความ ท่ีเกิดข้ึน โดยการสรางบรรยากาศ
เหมือนและความแตกตา ง ใหเกดิ ความรสู กึ เปน กันเองฉนั มติ ร
ของความรูส กึ นกึ คิดของแตล ะคน
8๓
ขอ สอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู
หากเพอ่ื นของนกั เรียนพดู ถงึ เรื่องราวทไ่ี มดขี องบคุ คลที่ 3 ใหน กั เรยี นฟง 1 อารมณรุนแรง เปนการกระทําทท่ี ําใหเ กิดความเสียหายไมว าจะเปนทาง
ซ่งึ เปน บุคคลท่ีนกั เรยี นรูจักและคนุ เคย นักเรียนควรทําอยา งไร รา งกาย ทรพั ยสิน หรอื การกระทําใหผ ูอน่ื ไดร บั ความกระทบกระเทือนทางจิตใจ
เชน การพูดหยาบคาย การไมเ คารพผอู ื่น การทาํ รา ยรางกายผูอืน่ การทําลาย
1. ไมแสดงความคดิ เหน็ และพยายามเปลีย่ นหวั ขอ สนทนา สิ่งของ เปนตน และบางครัง้ รนุ แรงถึงระดบั ทเ่ี ปน การทารณุ กรรมตอ ส่งิ มชี ีวิตอน่ื ๆ
2. พจิ ารณาวาถาเปน ความจริงควรบอกใหผ นู ้ันแกไข จนบาดเจบ็ ถึงตายได
3. พยายามชักชวนใหเพอื่ นพูดขยายความมากขน้ึ 2 การประนปี ระนอม เปน การลดความตงึ เครยี ดทจ่ี ะแกข อ ขดั แยง โดยมเี ปา หมาย
4. แนะนาํ เพอ่ื นวาไมค วรพูดใหผ ูอน่ื เสยี หาย ทยี่ อมรบั วา ตนตอ งเสียอะไรบางอยาง เพือ่ ใหไดข อตกลงที่พอใจทง้ั สองฝาย
วิเคราะหคําตอบ ไมค วรแสดงความคดิ เห็น และพยายามเปลีย่ นเรอ่ื ง โดยยอมรบั วาขอ ยุตทิ ีไ่ ดนนั้ ไมอ าจสรา งความพอใจแกท ้งั สองฝา ยไดอ ยางเตม็ ที่
สนทนาไปคุยเรอ่ื งอ่ืนแทน ซึง่ ถา เราใชว ิธีนหี้ ลายๆ คร้งั เพ่ือนบางคนกจ็ ะรูส กึ ผูฟงควรสบตากันในระหวา งท่ีสนทนากนั สาํ หรบั การแสดงออกทางทา ทางนน้ั
วาเราไมชอบการวิจารณผ ูอ่นื สาํ หรบั การแนะนาํ เพอื่ น อาจใชไ ดในบางกรณี จะเปน การเนนหรือชว ยเพิ่มความชัดเจนใหกับผฟู ง เพอื่ ใหผฟู ง เกิดความประทบั ใจ
เพราะบางคนอาจจะคิดวา เราไปหักหนา เขา และมีผลตอสมั พนั ธภาพตามมา และจดจําได
การรักษาน้าํ ใจแบบบัวไมใ หช ้าํ นา้ํ ไมใหข ุน จงึ เปน วิธที ด่ี ีท่ีสดุ ตอบขอ 1.
คมู อื ครู 83
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain
อธบิ ายความรู
ครสู มุ นักเรยี น 1-2 กลุม โดยไมซ ํ้ากับกลุม เดิม ๖. มที กั ษะในการสอ่ื สารทด่ี เี พอื่ ลดและแกป้ ญั หาความขดั แยง้ ซงึ่ ถอื เปน็ กญุ แจสา� คญั
ออกมานาํ เสนอตอ เรือ่ ง แนวทางในการแกปญหา ในความสา� เร็จของความสมั พันธ ์ เพราะในชวี ติ ประจ�าวันเราจะเห็นได้ว่า เหตุการณ์บางเรอ่ื งขยาย
หรอื ลดความขัดแยง โดยครแู ละนกั เรยี นกลมุ อื่นๆ ใหญข่ นึ้ เนอ่ื งจากมกี ารสอื่ สารทไ่ี มต่ รงกนั อนั จะนา� ไปสคู่ วามเขา้ ใจผดิ ตอ่ กนั ได ้ ดงั นน้ั การสอ่ื สาร
รวมกนั เสนอแนะ จากนั้นครตู ั้งคําถามเพื่อนาํ ไปสู ระหวา่ งบคุ คลจงึ เปน็ ปจั จยั สา� คญั อยา่ งหนง่ึ ทจ่ี ะชว่ ยสรา้ งความสมั พนั ธท์ ด่ี รี ะหวา่ งบคุ คลได ้ ซงึ่ ควร
ขอสรปุ ทถี่ ูกตองรวมกนั ปฏิบตั ิ ดงั นี้
• ลกั ษณะของการพูดท่ีดี หรือการพูดเพ่ือ การสื่อสารระหว่างบุคคล
สรา งความสมั พันธท่ดี ีตอ กัน ควรมลี ักษณะ
อยางไร การใชค้ า� พดู ■ พดู ความจรงิ ไม่พดู โกหก
(แนวตอบ ควรพูดในเร่อื งทด่ี ีงาม ไมพูดให ■ รักษาค�าพูด
ผอู ่นื รสู กึ อับอายหรือรูส ึกไมดี นอกจากนี้ ■ ใชค้ �าพดู ท่นี า่ ชืน่ ชม
ควรใชท าทางและนา้ํ เสียงประกอบการพดู ■ พูดเรื่องทีผ่ ู้ฟงั สนใจ
ใหเ หมาะสมและเปนธรรมชาติมากท่สี ดุ ■ พดู เกี่ยวกบั ผู้ฟัง ไมใ่ ช่พูดแตเ่ ร่ืองตนเอง
เพ่อื ใหกลมกลืนกับเรอ่ื งทีพ่ ดู ) ■ พดู ชมผู้อื่น แตถ่ า้ ติก็ต้องมศี ลิ ปะในการใชค้ า� พดู และไมต่ ติ อ่ หน้าผูอ้ น่ื
■ ไม่พดู ใหผ้ ูอ้ ่ืนรูส้ ึกอาย เสียหน้า หรือรสู้ ึกไมด่ ี
• เพราะเหตุใด การส่อื สารจึงเปน สาเหตุ ■ ระวงั การเรยี กฉายา หรอื การเรียกช่อื เล่นของผอู้ น่ื
ใหเกิดปญหาความขัดแยง ■ ค�าพูดที่ควรพูดให้ติดปาก และใช้ให้บ่อยในชีวิตประจ�าวัน ได้แก่ สวัสด ี
(แนวตอบ เน่อื งจากการส่ือสารเปนสง่ิ สําคัญ
ทชี่ ว ยในการสรา งสมั พนั ธภาพทด่ี ตี อกนั ขอบคุณ ขอโทษ ขอแสดงความยนิ ดดี ้วย และขอแสดงความเสยี ใจดว้ ย
การสอื่ สารทีด่ ีจะสามารถชว ยลดปญ หา ■ เลอื กใชค้ า� ทักทายท่ีท�าใหผ้ ูอ้ น่ื เกดิ ความพึงพอใจ
ความขัดแยง ได ในทางตรงกนั ขามหากมี
การส่อื สารที่ไมด ี อาจนําไปสคู วามเขาใจผิด ท่าทางและ ■ ใชท้ า่ ทางใหเ้ ปน็ ธรรมชาต ิ กลมกลนื กบั เรอ่ื งทพี่ ดู ไมแ่ สดงทา่ ทางมากเกนิ ไป
ตอ กัน และสง ผลใหเกดิ ปญหาตา งๆ ตามมา) น�้าเสยี ง จนท�าให้ผู้ฟังเกิดความรา� คาญ
■ พดู ให้เต็มเสยี ง โดยใหม้ รี ะดับเสยี งสงู -ต�่า
■ พดู ใหเ้ ปน็ จังหวะไมช่ ้าหรือเร็วเกินไป
■ พูดสอดแทรกอารมณท์ ่ีเหมาะสมกับสถานการณล์ งไปในนา�้ เสียง
การฟัง ■ ฟงั ดว้ ยความตง้ั ใจ และแสดงปฏกิ ริ ยิ าโดยการใชค้ า� พดู หรอื ทา่ ทางทเี่ ปน็ มติ ร
เพอ่ื ชว่ ยกระตุ้นหรอื ชว่ ยใหก้ ารสนทนา1ด�าเนนิ ต่อไป
■ ไม่ควรดว่ นสรปุ หรอื มอี คตใิ นเรอื่ งทฟ่ี ัง
■ รจู้ ักควบคมุ กริ ยิ ามารยาท ไม่พูดคยุ ไมส่ ง่ เสียงดงั รบกวนผู้อื่น และไมล่ ุก
จากทนี่ ่งั บอ่ ยๆ
■ เม่ือไม่พอใจหรือไม่เห็นด้วยกับเร่ืองที่ฟัง ต้องรู้จักยับย้ังความรู้สึกและ
อารมณ์ที่รนุ แรง
■ ในขณะที่ฟังผู้อื่นพูด หากผู้พูดเปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็นก็ควรจะ
แสดงความคิดเห็นในลักษณะทีส่ ร้างสรรค์
■ ใหก้ �าลงั ใจแกผ่ ู้พูดดว้ ยความจรงิ ใจ
84
เกรด็ แนะครู บูรณาการเชื่อมสาระ
สามารถนําเน้ือหาเรือ่ ง ทักษะการสือ่ สารทีด่ ี ไดแก การพูดและ
ครคู วรอธิบายเพมิ่ เติมเก่ยี วกบั มารยาทในการฟง หรือลักษณะของผฟู ง ท่ีดวี า การฟง ไปบูรณาการเชอื่ มโยงกับกลมุ สาระการเรียนรภู าษาไทย
ควรมลี กั ษณะอยา งไรบาง เนื่องจากนักเรยี นจําเปนจะตองนาํ ทกั ษะการฟงเหลานั้น วชิ าหลกั ภาษาและการใชภาษา เรื่องลกั ษณะการพูดตอ ท่ปี ระชมุ
ไปใชป ระโยชนในชีวติ ประจาํ วนั ตอไป และประสทิ ธิภาพการฟงและการดูสอื่
นักเรยี นควรรู
1 มีอคติในเร่อื งท่ฟี ง ไดแ ก การลําเอียง ซึ่งจะทาํ ใหแปลเจตนาในการฟงผดิ
ความหมาย คลาดเคลอ่ื นจากท่เี ปนจริงได หรือทําใหเ ราอาจไมส นใจสาระที่ผพู ูด
ตองการจะสอ่ื แตจ ะไปจําคําพดู บางประโยคของผพู ูดตดิ มา ซงึ่ จะทําใหก ารรบั สาร
ผดิ เพ้ยี นไป
84 คมู ือครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
๗. รู้จักปรับตัวให้เข้ากับบุคคลในส1ังคมให้ได้อย่างปกติ เพื่อมิให้เกิดปัญหาท้ังกับ ครูสมุ นกั เรียน 1-2 กลมุ โดยไมซํ้ากับกลมุ เดมิ
บุคคลและสังคม ซ่ึงความสามารถในการปรบั ตวั ให้เข้ากบั บุคคลในสังคมนัน้ ถือว่าเป็นคุณลักษณะ ออกมานําเสนอตอเรื่อง แนวทางในการแกปญหา
ท่ีส�าคัญประการหน่ึงของบุคคลท่ีมีสุขภาพจิตดี ดังน้ันการปรับตัวจึงเป็นทักษะส�าคัญของ หรอื ลดความขดั แยง โดยครแู ละนกั เรียนกลมุ อน่ื ๆ
มนุษย์ในการที่จะมีชีวิตอยู่อย่างมีคุณภาพ ในทางตรงกันข้ามหากบุคคลไม่สามารถปรับตัว รว มกันเสนอแนะ จากนั้นครตู ้ังคําถามเพอ่ื นําไปสู
ใหเ้ ขา้ กบั สงิ่ แวดลอ้ มได ้ กจ็ ะกอ่ ใหเ้ กดิ ปญั หาทงั้ ตอ่ ตนเอง ตอ่ สงั คมสว่ นรวมหรอื บคุ คลใกลช้ ดิ ดว้ ย ขอ สรุปทถี่ กู ตอ งรวมกัน
ในการดา� เนนิ ชวี ติ ของคนเราจา� เปน็ จะตอ้ งมคี วามสมั พนั ธก์ บั ผอู้ น่ื ไมว่ า่ จะเปน็ พอ่ แม่
ผู้ปกครอง ครูอาจารย์ เพื่อนในวัยเดียวกัน เพ่ือนนักเรียนในโรงเรียนเดียวกัน หรือบุคคลอ่ืนๆ • นักเรยี นจะมีวธิ ีการปรับตวั ของตนเอง
ในสงั คม การท่ีจะมชี ีวิตอยใู่ นสังคมไดอ้ ย่างมีความสขุ นกั เรียนจะต้องรจู้ ักปรับตัวใหเ้ ขา้ กบั บุคคล อยา งไรบา ง
ในสงั คมใหไ้ ดอ้ ยา่ งปกต ิ เพอ่ื มใิ หเ้ กดิ ปญั หาทงั้ กบั บคุ คลและสงั คม โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ในชว่ งวยั รนุ่ (แนวตอบ ตองเร่ิมจากการรูจักตนเองและ
ซึ่งเป็นช่วงที่ร่างกาย อารมณ์ และจิตใจ มีการเปล่ียนแปลงตามพัฒนาการหลายอย่าง ดังน้ัน ยอมรับสภาพของตนเองกอน โดยไมนาํ
นกั เรยี นจงึ ตอ้ งปรับตัวใหเ้ ขา้ กบั การเปลีย่ นแปลงดังกล่าวได้อยา่ งเหมาะสม สง่ิ เหลานนั้ มาเปน ปมดอย แตค วรนาํ
หลกั การสรา้ งมนษุ ยส์ มั พนั ธโ์ ดยทวั่ ไป คอื การผกู มติ รหรอื การปรบั ตวั ใหเ้ ขา้ กบั ผอู้ น่ื สงิ่ เหลา นนั้ มาพฒั นาตนเองใหมีความ
สามารถปฏบิ ตั ไิ ดง้ า่ ยๆ เชน่ การทา� ตนใหเ้ ปน็ คนสภุ าพออ่ นโยน รจู้ กั เหน็ อกเหน็ ใจผอู้ น่ื การเอาใจ สามารถดานอ่นื ๆ ทดแทน)
เขามาใส่ใจเรา การยอมรบั ขอ้ ดีและไม่มองข้อเสียของผูอ้ ืน่ มากเกินไป การรู้จักออ่ นน้อมถอ่ มตน
ไมโ่ ออ้ วดหรือเย่อหยง่ิ เปน็ ตน้ ซงึ่ หากไดฝ้ ก และปฏิบตั จิ นเปน็ นิสัย จะช่วยให้เราสามารถปรับตวั • นักเรยี นคดิ วา การเลือกคบเพ่ือนมผี ลตอ
ให้เขา้ กับผู้อ่นื ไดง้ า่ ยขึน้ การปรับตวั ของนกั เรยี นอยา งไร
(แนวตอบ ถาเรารจู ักเลือกคบเพอ่ื นที่ดี กย็ อม
สง เสริมใหเรามีพฤติกรรมทีเ่ หมาะสม
ในทางตรงกนั ขาม ถา เราคบเพ่อื นที่ไมดี
คอยชักนาํ ใหเ ราไปในทางท่ผี ดิ ก็ยอ มสง ผล
ใหเ รามีพฤติกรรมทไี่ มดีตามไปดวย)
การมสี ขุ ภาพจติ ท่ดี ี ยมิ้ แยมแจมใส มองโลกในแงด ี เปนพ้นื ฐานของการสรางสัมพนั ธภาพท่ีดี 8๕
ขอสอบเนน การคดิ เกร็ดแนะครู
การปรบั ตัวใหเขากบั ผอู นื่ ควรยดึ หลักการใด ครอู าจจดั กิจกรรมเพม่ิ เติมโดยใหนกั เรียนแตล ะคนขอคาํ แนะนาํ จากนกั จิตวิทยา
1. การทําความดี เก่ยี วกับแนวทางการปรับตัวใหเขากบั ผูอื่น โดยสรุปประเด็นสําคญั ลงในกระดาษ A4
2. ยอมรับสภาพ จํานวน 1 หนา กระดาษ แลว นาํ สง ครูผสู อน โดยครชู วยคดั บทสรุปที่นา สนใจ แลวให
3. แกไขขอ บกพรอง นักเรยี นนาํ ไปปฏิบัตติ าม
4. ยึดหลกั การและเหตุผล
วิเคราะหคาํ ตอบ การปรบั ตวั ใหเขา กบั ผูอืน่ ควรยึดหลกั ในการแกไข นกั เรยี นควรรู
ขอบกพรอ ง หรือรจู กั ปรบั ปรงุ ตนเองในดานความคดิ ความเขาใจลักษณะ
นสิ ัย และการกระทําใหถ กู ตอ ง ขณะเดยี วกนั กไ็ มค วรโทษผูอนื่ หรือเหน็ แต 1 การปรบั ตัว การทบ่ี คุ คลพยายามปรบั สภาพปญหาที่เกิดข้นึ และพยายาม
ปรับเปล่ียนพฤตกิ รรมของตนใหเ ขากบั สภาพแวดลอ มและความตอ งการของตนเอง
ความผิดความไมด ขี องผอู ืน่ โดยไมไดมองถงึ ตนเอง ตอบขอ 3. จนสามารถดาํ เนินชีวติ ไดอ ยา งมีความสขุ ปราศจากความคับขอ งใจ
คมู ือครู 85
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain
อธบิ ายความรู
ครสู ุมนักเรียน 1-2 กลมุ โดยไมซํา้ กับกลุมเดมิ ในการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อ่ืนและหวังผลให้เกิดสัมพันธภาพที่ดีต่อตัวเราจะต้องมีคุณสมบัติ
ออกมานําเสนอตอ เรือ่ ง แนวทางในการแกปญ หา ที่ส�าคญั อยา่ งนอ้ ย ๔ ประการ คอื
หรอื ลดความขดั แยง โดยครแู ละนกั เรยี นกลมุ อนื่ ๆ ยอมรบั ความแตกต่างระหว่างบคุ คล
รวมกนั เสนอแนะ จากน้นั ครูตงั้ คาํ ถามเพ่อื นําไปสู ยอมรบั วา คนเราทกุ คนนนั้ มคี วามแตกตา งกนั ทงั้ ทางดา นรา งกาย จติ ใจ ความสามารถ สตปิ ญ ญา ความเชอ่ื
ขอ สรุปทถี่ ูกตอ งรว มกัน คานิยม สังคมวัฒนธรรม การแสดงออก ฯลฯ
• การมีสัมพนั ธภาพทด่ี ีกอ ใหเกิดประโยชน ยอมรับว่าบุคลกิ ภาพของตัวเรามีผลต่อการสร้างสัมพนั ธภาพใหเ้ กดิ ขึน้ กับผอู้ น่ื
อยา งไร ถา ตองการสรา งสมั พนั ธภาพท่ีดีกจ็ ะตองรจู ักการพัฒนาบุคลิกภาพของตนใหเ ปนมติ รกบั ผูอ ่ืน
(แนวตอบ การมสี ัมพันธภาพทีด่ ีจะสงผลให
บุคคลที่เกีย่ วของเกดิ ความรูสกึ ทดี่ ีตอกนั และ รจู้ กั ปรบั ปรงุ ตนเอง
อยากท่ีจะคบหาสมาคมดว ยตอไป) ในดานความคิด ความเขาใจลักษณะนิสัย และการกระทําใหถูกตอง ขณะเดียวกันก็ไมโทษผูอื่น
หรอื เหน็ แตค วามผิดความไมดีของคนอื่น โดยไมไดมองถงึ ตนเองเลย
• นกั เรียนคิดวา การสรา งสมั พนั ธภาพท่ีดี
กอ ใหเกดิ ประโยชนต อตนเองอยางไร แแอสลารดะมองณอารอพ มกน้ื ณแฐลกาะนลคทวั2วมี่ บหคี ครวอืุมาคอมวาสารมั มมพณวนัิตไ ธกดเ กก้องัยี่ยววา่ ลข3งเอ หองมากราบั มะกณสามรเ หปลรบัานตหี้วั ขาอกงมบีพคุ อคปลรมะีม๓าณชนจดิ ะคชอืวยอใาหรชมวี ณิตรมกั 1คี อวาารมมสณมโบกูรรณธ
(แนวตอบ ยอ มทาํ ใหผ อู ่ืนรักและเมตตาเรา มีชวี ติ ชีวา แตถามีมากเกนิ ไปก็จะสงผลเสยี ตอตนเอง ดงั น้ันเราจงึ ควรฝก ตนเองในการแสดงออกและ
เกิดความสามัคคีกลมเกลียว ไวว างใจ ควบคมุ อารมณใหเหมาะสม เชน ขจัดความคดิ ทต่ี องการใหค นอน่ื หรอื สิง่ รอบตวั เปนไปตามคาดหวงั
ซ่งึ กันและกัน และยอมสง ผลใหม ติ รภาพ นั่นคือฝกตนเองใหเปนคนยอมรับคนอื่นยอมรับโลกท่ีเปนอยู หลีกเลี่ยงการใชคําพูดท่ีอาจทําให
คงอยตู อ ไป ซง่ึ สิ่งตา งๆ เหลา นย้ี อมจะ สถานการณเลวรา ยไปมากกวา เดมิ เปนตน
ไมก อ ใหเกดิ ปญหาความขัดแยง หรอื
เกิดการทะเลาะวิวาทกนั )
8๖ ขอสอบ O-NET
ขอสอบป ’50 ออกเก่ยี วกบั การสรา งสมั พนั ธภาพทีด่ ี
นักเรยี นควรรู การสรางสมั พันธภาพทีด่ ี ควรยึดหลกั ปฏิบัติขอใด
1. งานเปนทพี่ ่ึงแหงตน
1 อารมณรัก ความปรารถนาทจ่ี ะดึงดดู หญงิ ชายใหเขา หากัน ซง่ึ มักจะแสดง 2. เอาใจเขามาใสใ จเรา
ความตองการใกลช ิดทางดานกายภาพ รวมทั้งการมีเพศสัมพันธ 3. ยกตกขม ทา น
2 อารมณโกรธ และอารมณก ลัว เปนอารมณท ี่กอใหเกิดการเปลย่ี นแปลงทาง 4. เขาเมอื งตาหลวิ่ ตอ งหลิ่วตาตาม
สรรี ะไดม ากทส่ี ดุ ซง่ึ อารมณโ กรธจะกอ ใหเ กดิ การหลงั่ ของฮอรโ มนนอรอ ะดรนี าลนี วเิ คราะหค ําตอบ การสรา งสัมพนั ธภาพทดี่ ี ควรมคี วามจรงิ ใจ
(Noradrenaline) และอารมณก ลัวจะกอ ใหเ กิดการหลั่งของฮอรโ มนอะดรีนาลีน ตอกันชวยเหลือซึง่ กนั และกัน รบั ฟง ความคดิ เห็นและยอมรบั ความ
(Adrenaline) แตกตางระหวางบุคคล โดยเฉพาะการรจู กั เอาใจเขามาใสใ จเรา
3 ความวิตกกังวล เปน ความรสู ึกวาจะมีเรือ่ งทีไ่ มด ีเกิดขนึ้ หากเปน ความ จะทาํ ใหเ ราเขา ใจความรูสึกนึกคดิ ของผูอ่ืนไดด ี ตอบขอ 2.
วิตกกงั วลเล็กๆ นอยๆ จะถือวาเปนเร่ืองปกติ แตถ า หากวิตกกงั วลมากเกินไป
ก็อาจรบกวนการดําเนินชวี ติ ประจาํ วนั และสงผลเสียรุนแรงตอสขุ ภาพได
86 คมู ือครู
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
๘. สรา้ งและรกั ษาสมั พนั ธภาพทดี่ กี บั ผอู้ นื่ มนษุ ยเ์ ราจา� เปน็ จะตอ้ งอยรู่ ว่ มกบั บคุ คลอนื่ ครสู มุ นักเรียน 1-2 กลุม โดยไมซ ํา้ กับกลุมเดมิ
ไม่ว่าจะเป็นท่ีบ้าน โรงเรียน ท่ีท�างาน ชุมชน การเรียนรู้ท่ีจะอยู่หรือท�างานร่วมกับผู้อื่นอย่างมี ออกมานําเสนอตอ เรอ่ื ง แนวทางในการแกปญหา
หรือลดความขดั แยง โดยครูและนักเรียนกลุมอ่ืนๆ
สัมพันธภาพท่ีดี จะท�าให้เกิดความสุขจากการ รว มกนั เสนอแนะ จากน้ันครตู ั้งคาํ ถามเพอื่ นําไปสู
มีความสัมพันธ์ท่ีดีต่อกัน การอยู่กับบุคคลอื่น ขอสรุปทถี่ กู ตอ งรวมกนั
ทั้งอยู่ในระดับสูงกว่า ระดับเท่าเทียมกัน และ
ระดบั ต�่ากว่าไดอ้ ย่างมีความสขุ นั้น มปี ระโยชน์ • เพราะเหตใุ ดเราจงึ ตอ งมกี ารสรา ง
มากมายทั้งต่อตัวเราเอง และต่อบุคคลที่เรา สมั พนั ธภาพทีด่ ีกบั บคุ คลอ่นื
เก่ียวข้อง และต่อสถานท่ีหรือสังคมน้ันๆ โดย (แนวตอบ เพราะในชวี ติ ประจําวัน ทกุ คน
ความสขุ นเี้ ปน็ สว่ นหนง่ึ ของสขุ ภาพ (หรอื สขุ ภาวะ) จะตองมกี ารพบปะติดตอ กับบุคคลอืน่ เชน
ดังที่นักเรียนได้เคยเรียนรู้มาแล้วว่า สุขภาพ การทํางานรว มกัน การเปนมิตรทด่ี ีตอ กัน
หรอื ภาวะของความสขุ นนั้ ประกอบไปดว้ ยความ เปน ตน ดังนนั้ การสรางสมั พนั ธภาพจงึ มี
สขุ ทางด้านรา่ งกาย จิตใจ สังคม และปญั ญา การมสี มั พนั ธภาพทด่ี กี บั ผอู นื่ ยอ มสง ผลใหส ามารถอยรู ว ม ความสาํ คัญอยางย่ิงกบั ทกุ คน)
ดงั นนั้ การอยใู่ นสงั คมกบั ผอู้ น่ื ไดอ้ ยา่ งมคี วามสขุ กับผูอืน่ ไดอยา งมคี วามสขุ
• นักเรยี นจะมวี ิธกี ารสรา งสมั พันธภาพกับ
จึงเป็นส่วนส�าคัญส่วนหนึ่งท่ีจะขาดไม่ได้ของการมีสุขภาพดี และสุขภาพดีทางสังคมน้ันเป็นผล เพื่อนของนักเรียนอยางไรบา ง
มาจากหลายปจั จัย ซง่ึ ปัจจัยหนงึ่ ทส่ี า� คญั ก็คอื การมสี มั พันธภาพที่ดีกบั บุคคลอนื่ (แนวตอบ เชน มนี า้ํ ใจใหความชว ยเหลอื
ซ่ึงกนั และกนั ตามความเหมาะสม มีความ
à¡Ã´ç ¹Ò‹ Ì٠จริงใจตอกนั พูดจาดว ยความสภุ าพนุมนวล
และรจู กั อภยั ซงึ่ กนั และกัน เปนตน)
รอยยิม้ …ดอี ยา่ งไร
รอยยมิ้ เกิดจากการทาํ งานของกลามเน้อื ๒ มดั ใหญ คือ ไซโกเมติก เมเจอร (Zygomatic Major) ทจ่ี ะ
ชว ยดงึ มมุ ปากใหยกขน้ึ ไปหาโหนกแกม และออรบิควิ ลารสิ ออควิ ไล (Orbicularis Oculi) ท่จี ะชว ยดึงเนอ้ื แกมและ
เบา ตาใหยกขึ้น
เมือ่ เปรียบเทยี บการยิม้ กบั การแสดงสหี นาแบบอ่นื เชน โกรธ เศรา เครง ขรึม วิตกกงั วล ฯลฯ แลว พบวา
การยม้ิ จะใชก ลา มเนอื้ ใบหนา นอ ยกวา การแสดงสหี นา แบบอนื่ มาก การยม้ิ จงึ เปน เรอื่ งทงี่ า ยกวา ใชพ ลงั งานนอ ยกวา
และทําใหใ บหนา ดูดกี วา การแสดงสหี นาแบบอนื่ ๆ ดว ย
ซ่ึงจากการศึกษาพบวา เมือ่ กลามเนื้อใบหนา เคลื่อนไหวจนเกดิ เปนรอยย้ิม จะสง ผลใหเลอื ดทีไ่ ปเลี้ยงสมอง
มอี ณุ หภูมลิ ดลง ทําใหเกิดความรูสึกสบายและผอ นคลาย
นอกจากน้ี ในขณะท่ีคนเรายิ้ม หัวใจจะเตน ชาลง ความดนั โลหติ ลดลง ระบบตางๆ ในรา งกายจะผอ นคลาย
ตอมหมวกไตจะทํางานนอยลง ฮอรโมนอะดรีนาลีน ซ่ึงเปนฮอรโมนแหงความเครียดจะถูกขับออกมานอยลงดวย
ดังนั้น การย้ิมจึงชวยลดความเครียด และมผี ลดีตอรา งกายของคนเรา
ที่มาขอ้ มลู : มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยมี หานคร
8๗
คขอ ดิ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT เกร็ดแนะครู
เพราะเหตุใดมนุษยจ งึ ตอ งมกี ารสรางสัมพันธภาพทีด่ ีตอกัน ครสู ามารถใหนกั เรยี นรวมกนั แสดงความคดิ เห็นวา หลักการสรา งสัมพันธภาพ
1. มนษุ ยอยรู วมกนั ในสงั คม ทด่ี ีควรมีลักษณะอยา งไร และใหนกั เรยี นตรวจสอบตนเองวาในขณะนี้นกั เรยี นมีการ
2. เพื่อใหม ีเพื่อนที่หลากหลาย สรางสัมพันธภาพท่ดี ีกบั เพื่อนหรอื ยัง
3. มนุษยมกี ารแกงแยง แขงขันกัน
4. เพ่ือผลประโยชนในหนา ท่ีการงาน มุม IT
วเิ คราะหค ําตอบ มนษุ ยจาํ เปน จะตอ งอยูรว มกับบุคคลอ่นื ไมวา
จะเปน ท่ีบาน โรงเรียน ที่ทาํ งาน หรือชมุ ชน ซ่งึ การเรียนรทู ่จี ะอยู ศกึ ษาเพม่ิ เตมิ เก่ียวกับการสรางสัมพันธภาพทดี่ ี จากบทความเรื่อง
หรอื ทาํ งานรว มกับผูอนื่ อยางมีสมั พันธภาพท่ดี ี จะทาํ ใหเ กดิ ความ “สัมพันธภาพทีด่ สี รา งไดอ ยางไร” ไดจ าก http://iam.hunsa.com/jingreeddum/
article/1826
สขุ จากการมีความสมั พนั ธท ี่ดีตอกนั ตอบขอ 1.
คมู อื ครู 87
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขาาใจใจ ตรวจสอบผล
Explore Evaluate
Engage Explain Explain Expand
อธบิ ายความรู
ครสู มุ นกั เรยี น 1-2 กลุม โดยไมซ ้ํากับกลมุ เดมิ ในชวี ิตประจา� วนั เราต้องพบปะตดิ ตอ่ กับบุคคลอนื่ การสรา้ งสมั พนั ธภาพจงึ เปน็ ส่งิ จา� เปน็
ออกมานาํ เสนอตอเรอื่ ง แนวทางในการแกป ญหา เมอื่ มสี มั พนั ธภาพทดี่ ตี อ่ กนั แลว้ กค็ วรจะรกั ษาสมั พนั ธภาพนน้ั ใหย้ าวนานตลอดไป ซง่ึ ในการสรา้ ง
หรือลดความขัดแยง โดยครูและนักเรยี นกลมุ อน่ื ๆ และรกั ษาสมั พนั ธภาพน้ันจะต้องเหมาะสมกับบคุ คลท่เี ราเก่ียวข้องด้วย ดังน้ี
รวมกนั เสนอแนะ จากนน้ั ครูตัง้ คําถามเพื่อนําไปสู
ขอสรปุ ท่ถี กู ตอ งรวมกัน การสรา้ งและรกั ษาสัมพนั ธภาพทด่ี ีกบั ผู้อ่นื
• การสรางสมั พนั ธภาพท่ดี กี ับบคุ คลอน่ื นัน้ บิดา ■ มคี วามเคารพเชื่อฟัง
ควรเรม่ิ จากสิ่งใดเปน ลาํ ดบั แรก มารดา ■ แสดงกริ ยิ าอ่อนน้อมตามมารยาทของสงั คมไทย
(แนวตอบ จะตอ งเรม่ิ จากตวั เรากอน เนือ่ งจาก ญาติผูใ้ หญ ่ ■ ชว่ ยเหลอื รบั ใช้ตามสมควรแก่โอกาส
ตัวเราเปน บคุ คลที่จะตอ งเปน ผสู รา ง และครู ■ อดทน อดกลน้ั เมื่อถกู ตา� หน ิ วา่ กล่าวตกั เตือน และอบรมสั่งสอน
สมั พนั ธภาพทดี่ ใี หเ กดิ ขึ้น) อาจารย์ ■ ปฏิบัติตนให้เป็นที่รกั
ญาติพน่ี ้อง
ขยายความเขา ใจ Expand และเพ่ือน ■ เป็นมติ รทีด่ ตี อ่ ทุกๆ คน มคี วามจรงิ ใจตอ่ กนั
ใหนกั เรียนเขยี นวิธีการสรางสมั พนั ธภาพทีด่ กี บั ครู่ ัก ■ ใหค้ วามชว่ ยเหลอื หรอื แบง่ ปนั สง่ิ ของ และเงนิ ทองตามกา� ลงั ความสามารถ
ผูอ ่ืนทีค่ วรปฏบิ ตั ิ และไมควรปฏิบตั ิของวยั รุนลงใน ■ พูดจาตอ่ กันอยา่ งสุภาพ
ตารางดานลาง ■ ปลอบใจเมอ่ื มีความทกุ ข ์ และยนิ ดีเม่ือมคี วามสุข
■ ไม่เบยี ดเบยี น เอาเปรยี บ และอจิ ฉารษิ ยา
ควรปฏบิ ตั ิ ไมค วรปฏบิ ัติ ■ หลกี เล่ียงการใชก้ า� ลงั และการทะเลาะเบาะแวง้
■ ใหอ้ ภยั ซง่ึ กันและกัน
วยากงยต่อนงเชสมมเอชตยน้กเนั สตมาอมปโอลากยา1ส
■
■
■ ไม่ควรเสแสร้งแกลง้ ท�าดตี ่อกนั
■ ให้เกียรติซ่งึ กันและกนั
■ ไม่ล่วงละเมดิ ทั้งทางกาย วาจา และใจ
■ ทา� ตัวให้เปน็ สภุ าพชน
■ รักนวลสงวนตวั
■ เรื่องอ่นื ๆ ปฏิบัตเิ ช่นเดียวกบั ทป่ี ฏิบัตติ ่อญาตพิ น่ี ้อง และเพือ่ น
คุณลักษณะดังกล่าวข้างต้นจะช่วยรักษาสัมพันธภาพระหว่างบุคคลได้เป็นอย่างดีพึงระลึก
ไว้เสมอว่า สัมพันธภาพท่ีดีระหว่างกันน้ันสร้างยากต้องใช้เวลานาน แต่การแตกหักนั้นเกิดขึ้น
ได้ง่ายหากบุคคลไม่มีความหนักแน่น การพิจารณาไตร่ตรองอย่างสุขุมรอบคอบ และการหา
ข้อเท็จจริงจงึ เปน็ สงิ่ ท่ีควรกระท�าอยา่ งย่ิงก่อนท่ีจะตดั สินใจท�าอะไร
88
เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคดิ
บคุ คลในขอ ใดสามารถสรา งสมั พนั ธภาพทดี่ กี บั ผอู นื่ ไดอ ยา งเหมาะสม
ครูควรใหน ักเรียนยกตัวอยา ง การสรางสมั พันธภาพทดี่ กี บั บคุ คลอื่นวา มี 1. บุคคลทีแ่ ยกตวั จากสังคม
อะไรบา ง และการสรางสมั พันธภาพลักษณะใดทท่ี ําลายความสมั พนั ธท่ีดีตอ กัน 2. บุคคลทไี่ มร ับฟง เหตุผล
3. บคุ คลท่ีมภี าวะซึมเศรา
นกั เรยี นควรรู 4. บุคคลทพ่ี ูดจาสภุ าพ
วเิ คราะหค ําตอบ การพูดจาอยางสภุ าพออ นหวาน เปนการสรา ง
1 วางตนเสมอตน เสมอปลาย สอดคลอ งกบั แนวทางการปฏบิ ตั ติ นในหลกั ธรรม สัมพนั ธภาพท่ดี อี ยางหนงึ่ เนือ่ งจากสง ผลใหบุคคลรอบขา งมีความ
สังคหวตั ถุ 4 ในหวั ขอธรรม สมานัตตา คือ การเปนผมู คี วามสม่ําเสมอ หรอื มี ตองการทจี่ ะใกลช ิดหรอื อยากพูดคุยกบั เรามากขน้ึ ตอบขอ 4.
ความประพฤตเิ สมอตนเสมอปลาย ซงึ่ คณุ ธรรมขอนีจ้ ะชว ยใหเราเปน คนที่มีจิตใจ
หนักแนน ไมโลเล และสรา งความไววางใจใหแ กผอู ่ืนได
88 คูมือครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขา ใา จใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Evaluate
Expand Expand
ขยายความเขา ใจ
การหา เพื่อนยคุ ใหม่ เสรมิ สาระ ใหน ักเรยี นศึกษาเพิ่มเตมิ เรอื่ ง การหาเพือ่ น
ยุคใหม จากเสรมิ สาระ จากนัน้ ครใู หนักเรยี น
แชต คอล (Chat Call) คือ การสนทนากันทางคอมพิวเตอร วเิ คราะหว า การสนทนากนั ทางคอมพิวเตอร เชน
โดยผใู ชเ ขา ไปทางอนิ เทอรเ นต็ และนดั เวลากบั เพอื่ นทจ่ี ะคยุ ดว ยใหเ ขา มา แชท รูม / แชท ไลน เปนตน มขี อ ดแี ละขอเสยี
คุยกนั ในหอ งสนทนา อยา งไร และนักเรียนควรระมดั ระวงั ตัวอยางไร
แชต รูม/แชต ไลน (Chat Room1/Chat line) เปนบรกิ ารทเี่ อกชน เพื่อใหเกิดความปลอดภยั เน่ืองจากไมเคยรูจัก
จดั ขนึ้ เพอ่ื ใหผ ทู ต่ี อ งการคุยโทรศพั ทเ ขา ไปหาเพ่ือนคุยโดยไมร จู กั และเหน็ และเห็นหนากันมากอน
หนา กันมากอ น
แอปพลเิ คชนั (Application) หาเพอื่ น คอื โปรแกรมทอ่ี าํ นวยความสะดวก ใหนักเรียนเขยี นบทความเร่อื ง “พฤตกิ รรมท่ี
ใหผ ใู ชไ ดพ ดู คยุ กบั เพอื่ นทง้ั ทรี่ จู กั หรอื อาจไมร จู กั ผา นทางโทรศพั ทม อื ถอื แทบ็ เลต็ นําไปสคู วามขัดแยงและความรนุ แรง” พรอ มท้ัง
หรืออปุ กรณเคลื่อนทีต่ างๆ เสนอแนวทางการแกไ ขปญ หา จาํ นวน 1 หนา
กระดาษ A4 แลวนําสงครผู ูส อน
ขอ้ ดี ๑. ไดพ ูดคุยเพือ่ ความสนกุ สนานโดยไมต องระมัดระวังตวั
๒. ไดแลกเปล่ยี นขอ มูล ความรู ถา อกี ฝา ยมคี วามบรสิ ุทธใิ์ จในการติดตอ
ขอ้ เสยี ๑. อาจไดข อ มูลท่ีเปน การหลอกลวงดวยมีจุดประสงคอ่นื ทไี่ มด ีแอบแฝงอยู
๒. เราไมสามารถวเิ คราะหไ ดเ ลยวาอกี ฝายจริงใจหรอื หลอกลวง
คําแนะนาํ การตดิ ตอ ทเี่ ปน การพดู คยุ โดยตรง เชน แชต รมู (chat Room) ในอนิ เทอรเ นต็
ในการติดต่อมิตร และแอปพลเิ คชนั (Application) หาเพอ่ื นในโทรศพั ทม อื ถอื การโทรศพั ท เขาไป
พูดคยุ กันทางบริการ แชต ไลน (chat line) มหี ลัก ดงั น้ี
๑. ไมใหขอมูลสวนตวั เชน ทอ่ี ยู รายละเอียดในครอบครัว เปนตน
๒. ถาอีกฝา ยถามเรือ่ งรูปราง หนาตา สัดสวน ใหร บี หยุดสนทนาทันที
๓. การนัดพบดูตัวกัน เปนสิ่งที่อาจเกิดข้ึนตามมา ซึ่งควรหลีกเลี่ยงเพราะยัง
ไมแ นใจวา บุคคลนนั้ จะเปนคนดี อาจไดรบั อนั ตรายได
๔. ถาตัดสินใจนดั พบดตู วั กัน ควรนดั ในเวลากลางวนั ในสถานทที่ ่เี ปดเผย
มีเพื่อนไปดวยหลายคน และควรใหผใู หญร บั รูด ว ยวา จะกลบั เวลาใด
ทมี่ าขอ้ มลู : อนนั ต มาลารตั น. (๒๕๕๓). ขอ้ ดี ขอ้ เสยี การหาเพอื่ นยคุ ใหม.่ กรงุ เทพมหานคร : อกั ษรเจรญิ ทศั น.
สรุป
การมองความขดั แยง วา เปน เรอ่ื งปกติ เกดิ ขนึ้ ไดต ามธรรมชาติ จะทาํ ใหเ ขา ใจถงึ ปญ หาความ
รุนแรงและความขดั แยงวามีสาเหตมุ าจากอะไร เพอ่ื ที่จะสามารถปฏบิ ตั ติ นในการแกป ญหาความ
ขัดแยงโดยไมใชความรนุ แรง มคี วามเขาใจซึง่ กันและกัน เห็นอกเหน็ ใจกัน นอกจากน้ี การมที ักษะ
การสอ่ื สาร ทงั้ การฟง และการพดู ทด่ี กี ย็ งั ชว ยปอ งกนั และลดความขดั แยง หรอื ปญ หาความรนุ แรง
ที่เกิดขึ้นใหลดระดับความรุนแรงลง ท้ังนี้ เพ่ือใหการดํารงอยูรวมกันในสังคม อยางสันติสุข
มีความปลอดภัย และชวยใหส ังคม ชุมชน นา อยอู าศยั มากขน้ึ 8๙
ขอสอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู
ขอ ใดไมใ ช การปฏิบัติตนเมอ่ื พบกบั เพอ่ื นใหม ครอู าจเชิญวทิ ยากรมาบรรยายเกี่ยวกับวธิ ีการเลอื กคบเพื่อนท่ดี ใี หกับนักเรียน
1. ทําความรูจักและทักทาย เพือ่ ใหน กั เรียนสามารถเลอื กคบเพอ่ื นไดอ ยางเหมาะสม เนื่องจากมีผลตอการแสดง
2. ชวนไปกินขา วดว ยกัน พฤตกิ รรมของนกั เรยี นซ่งึ อาจสงผลกระทบตอตนเอง ครอบครัว และสงั คมตอ ไปได
3. ถามเร่อื งครอบครวั
4. ขอเบอรโ ทรศัพท นกั เรียนควรรู
วเิ คราะหค าํ ตอบ เมือ่ พบกับเพื่อนใหม ไมค วรถามเรือ่ งครอบครัวของเพ่ือน
เพราะเราไมส ามารถทราบไดวา ครอบครัวของเพื่อนในขณะน้ีกําลังมปี ญ หา 1 Chat Room คอื การสนทนาออนไลนทมี่ ีการสงขอความถึงกัน โตต อบกนั
อยหู รอื ไม และไมค วรกา วกา ยเรอื่ งสว นตวั ของเพอ่ื นมากจนเกนิ ไป เนอ่ื งจาก ไดอยา งรวดเร็วแมไมไ ดอ ยใู นสถานท่ีเดียวกัน สามารถแลกเปล่ยี นความคดิ เหน็ กนั
ไดใ นทนั ที ทง้ั นใ้ี นการสนทนาพงึ ระมดั ระวงั ไมค วรทาํ การสนทนากบั คนแปลกหนา
ยังไมไ ดม ีความสนิทสนมกันมากพอ ตอบขอ 3. และไมควรบอกขอมลู รายละเอยี ดของตนเองในทีส่ าธารณะใหผอู ่นื ไดรับรู
คูมอื ครู 89
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Explore Explain Expand
Engage Evaluate Evaluate
ตรวจสอบผล
1. การเขยี นสรุปผังความคิดเรือ่ ง ความขดั แยง ¤íÒ¶ÒÁ»ÃШÓ˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ
และผลกระทบทเี่ กิดจากความขัดแยงระหวา ง
นกั เรียนในชมุ ชน ๑ หากนักเรยี นจ�าเป็นตอ้ งทา� งานร่วมกบั ผอู้ นื่ โดยท่นี ักเรยี นไม่เคยร้จู กั กันมาก่อน นกั เรยี นจะมวี ิธกี าร
ปรับตัวอยา่ งไรบา้ ง
2. การเขยี นวิธกี ารสรา งสมั พันธภาพทดี่ กี ับผูอนื่
ท่คี วรปฏบิ ัตแิ ละไมควรปฏิบัติของวัยรุน ๒ การที่จะมีสัมพันธภาพที่ดีต่อกันได้อย่างยาวนาน นักเรียนคิดว่าจะต้องมีคุณลักษณะอย่างไรบ้าง
จงอธบิ ายมาพอสงั เขป
3. การเขยี นบทความเรอื่ ง พฤตกิ รรมทนี่ าํ ไปสู
ความขัดแยง และความรุนแรง ๓ จงสรปุ สาเหตขุ องการเกดิ ความขดั แยง้ ในนกั เรยี นหรอื เยาวชนในชมุ ชนมา ๕ ขอ้ โดยใชค้ วามคดิ เหน็
ของตัวนักเรียนเอง
หลักฐานแสดงผลการเรยี นรู
๔ นักเรียนวิเคราะห์ถึงผลดีและผลเสียของความขัดแย้ง และการใช้ความรุนแรงในหมู่นักเรียนหรือ
1. ผงั ความคดิ เร่อื ง ความขัดแยงและผลกระทบที่ เยาวชนในชมุ ชนมาพอสังเขป
เกดิ จากความขดั แยง ระหวางนกั เรียนในชุมชน
๕ หากเกิดความขดั แยง้ กบั เพ่อื นในกลุ่ม นักเรียนจะมีแนวทางในการแก้ปัญหาอยา่ งไร
2. บทความเร่อื ง พฤตกิ รรมทน่ี าํ ไปสูค วามขัดแยง
และความรุนแรง
กิจก๑รรมที่ ¡Ô¨¡ÃÃÁ
กจิ ก๒รรมที่ ÊÃÒŒ §ÊÃä¾ ²Ñ ¹Ò¡ÒÃàÃÂÕ ¹ÃŒÙ
กจิ ก๓รรมที่
นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ ออกเปน็ กลมุ่ ละ ๔-๕ คน ชว่ ยกนั สา� รวจปญั หาความขดั แยง้
ทเี่ กดิ ขนึ้ ในชมุ ชนทอี่ ยใู่ กลก้ บั โรงเรยี น และชว่ ยกนั เสนอแนะวธิ กี ารแกป้ ญั หา
พรอ้ มน�าเสนอหน้าช้ันเรียน
นักเรียนวิเคราะห์หาสาเหตุของปัญหาความขัดแย้งของวัยรุ่น แล้วน�าข้อมูล
พร้อมภาพประกอบไปจัดตามกระบวนการบริหารความขัดแย้ง แล้วสรุปผล
ใหเ้ พื่อนๆ ฟงั หนา้ ช้ันเรียน
นักเรียนประกวดแต่งค�าขวัญในหัวข้อ “การสร้างสัมพันธภาพท่ีดี” มาคนละ
๓ ค�าขวญั และส่งครูผสู้ อน
๙๐
แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรยี นรู
1. ควรยอมรบั ความแตกตางของผูอ ืน่ ในดา นความคดิ ระบบการทาํ งาน รวมถึงยอมรบั ฟง ความคิดเหน็ ของผูอืน่ โดยเปดโอกาสใหผ อู ่ืนไดแสดงความคดิ เหน็ ซ่งึ กันและกัน
2. ไดแก มบี ุคลกิ ภาพทด่ี ี เชน กริ ยิ ามารยาท การแสดงทา ทาง การกลาวคาํ ทักทายทีส่ ุภาพ ความสะอาดเรียบรอยของรา งกาย เปนตน และการสอื่ สารทม่ี ปี ระสิทธภิ าพ
เชน การพูดท่ีสรางความสมั พนั ธท ่ีดตี อ กนั การเปน ผูฟ ง ที่ดี เปนตน
3. ไดแก ความไมเ ขาใจกัน ขาดความไวใจซึ่งกนั และกนั การแขงขนั แยงชิงกัน การเลี้ยงดูของครอบครัว และอิทธพิ ลจากสอื่ ตางๆ
4. ผลดขี องความขดั แยง คอื สามารถชวยกระตุนใหคนพยายามแกปญ หา โดยเปลยี่ นความขัดแยง ใหม ปี ระโยชนและสรา งสรรค ทาํ ใหส มาชกิ ในกลมุ มีความรกั และสามัคคี
กันมากข้นึ สาํ หรบั ผลเสยี ของความขัดแยง คอื เกิดความรูสกึ วาฝายตรงขามเปน ศตั รกู นั ซง่ึ อาจสง ผลใหเกิดการทะเลาะวิวาท และนําไปสูการบาดเจบ็ อันตรายถึงชวี ิต
5. ควรพูดดวยความประนปี ระนอม และใชเ หตุผลในการแกไขปญ หาโดยไมใชก าํ ลังหรอื ความรุนแรง ทั้งน้เี พ่อื เปนการรกั ษาสมั พนั ธภาพท่ดี ตี อกนั ไว
90 คมู ือครู
กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สาํ รวจคน หา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain
Engage Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
1. มีสวนรวมในการปอ งกันความเสีย่ งตอการ
ใชย า การใชส ารเสพติด และความรุนแรง
เพอ่ื สุขภาพของตนเอง ครอบครัว และสงั คม
2. วิเคราะหผ ลกระทบทีเ่ กดิ จากการครอบครอง
การใชแ ละการจําหนา ยสารเสพตดิ ได
สมรรถนะของผเู รียน
1. ความสามารถในการคดิ
2. ความสามารถในการสื่อสาร
3. ความสามารถในการใชทกั ษะชีวิต
คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค
1. ใฝเรียนรู
2. อยอู ยางพอเพยี ง
3. มุงม่ันในการทํางาน
ในภาวะสังคมปจจุบัน สภาพแวดลอมหลายประการที่นํามาซ่ึงความ กระตนุ ความสนใจ Engage
ไมป ลอดภยั ในการดาํ รงชวี ติ กอ ใหเ กดิ ปญ หาสขุ ภาพตามมาโดยเฉพาะอยา งยง่ิ
öหนว่ ยการเรยี นรู้ อันตรายจากการใชยาและภัยจากสารเสพติด ดังน้ัน เราจึงควรเรียนรูและ ครตู ้ังคาํ ถามกระตุนความสนใจของนักเรยี น
ตระหนกั ถงึ อนั ตรายจากการใชย า และสารเสพตดิ เพอ่ื ใหเ กดิ ความปลอดภยั ทงั้ โดยใหนกั เรียนสามารถแสดงความคิดเห็นได
แกต นเอง และบคุ คลรอบขา ง ซงึ่ ในหนว ยน้ี จะกลา วถงึ ความปลอดภยั ในการใช อยางอิสระ
ยา และความปลอดภัยจากสารเสพตดิ เพ่อื ใหเรามคี วามรู สามารถหลกี เลย่ี ง
รูจกั แนวทางปองกนั และสามารถดาํ รงชวี ติ ไดอยางมีความสขุ • นกั เรยี นคิดวา ยาเปนสิ่งท่ใี หคณุ ประโยชน
เพยี งอยา งเดียวหรอื ไม เพราะเหตุใด
การใชย าและสารเสพติด
• นักเรียนคดิ วา ปจจบุ นั นักเรยี นมวี ิธกี าร
ตวั ชวี้ ดั สาระการเรยี นรู ใชย าอยางถกู ตองหรือไม
■ มีสว่ นรว่ มในการปอ งกันความเสย่ี งตอ่ การใชย้ า การใชส้ ารเสพ
■ การจัดกิจกรรมปองกันความเสยี่ งต่อการใชย้ า สารเสพตดิ • เพราะเหตุใดยาบางชนิด จึงถกู นํามาใช
ตดิ และความรนุ แรง เพอ่ื สขุ ภาพของตนเอง ครอบครวั และสงั คม และความรุนแรง เปนสารเสพติดได
พ ๕.๑ ม.๔-๖/๑
■ วิเคราะหผลกระทบที่เกิดจากการครอบครอง การใช้ และการ ■ การวเิ คราะหผลกระทบทเี่ กิดจากการครอบครอง การใช้
จําหน่ายสารเสพตดิ พ ๕.๑ ม.๔-๖/๒ และการจาํ หน่ายสารเสพติด
■ โทษทางกฎหมายท่เี กดิ จากการครอบครอง การใช้
และการจําหนา่ ยสารเสพตดิ
เกรด็ แนะครู
ครคู วรใหนกั เรยี นรว มกันแสดงความคิดเหน็ วา อันตรายจากการใชยาและ
สารเสพตดิ สงผลกระทบตอรางกายและจิตใจอยางไร นอกจากน้คี รคู วรสงเสริม
ใหน กั เรยี นไดมีสวนรวมในการปองกันความเสีย่ งตอ การใชสารเสพตดิ เชน การจัด
กจิ กรรมตางๆ การเผยแพรค วามรเู กย่ี วกบั โทษของสารเสพตดิ และผลกระทบท่ี
เกิดข้ึนจากการใชสารเสพติดภายในโรงเรียนและชมุ ชน เปนตน
คูมอื ครู 91