The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสือสุขศึกษา ม.4

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by เนาวรัตน์ สําเริง, 2021-07-20 07:15:08

หนังสือสุขศึกษา ม.4

หนังสือสุขศึกษา ม.4

กกรระตะตนุ้ Eุ้นnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสา� �ารรEวxวpจจloคคrน้eน้ หหาา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore

กระตนุ้ ความสนใจ Engage

ครตู ้ังคาํ ถามกระตนุ ความสนใจของนกั เรยี น ๑. คกาวรชาวมยฟหนมคาืนชยีพข1หอรืองกการาปรฏชิบวัติกยาฟรชนวยคชีวืนิตชหพี มายถึง วิธีการชวยเหลือผูปวยท่ีกําลังจะ
โดยใหน กั เรียนสามารถแสดงความคิดเห็นได
อยา งอิสระ เสยี ชีวติ ใหสามารถฟน คืนชีพข้ึนมาได หรอื เรยี กชือ่ ยอ วา ซีพอี าร (CPR = Cardiopulmonary
Resuscitation) ซ่ึงไดม ีการศึกษาวิจัยทไ่ี ดผ ลแนนอนแลววา การปฏบิ ัตกิ ารชว ยชีวิตโดยเรว็ ท่สี ุด
• CPR คอื อะไร จแะลทะหําใยหดุ ผหูปายวใยจทก่ีเะสทียันชหีวันิต2ฟนคืนชีพได โดยเฉพาะการเสียชีวิตท่ีเกิดจากการที่หัวใจหยุดบีบตัว
(แนวตอบ การชว ยเหลือผปู ว ยทีก่ ําลังจะ
เสียชวี ิตใหส ามารถฟนคนื ชีพข้ึนมาได) การเสียชีวิตอยางกะทันหันเน่ืองมาจากหัวใจหยุดบีบตัว เกิดจากสาเหตุหลายอยาง เชน
เหปัวนใจตวน ายสใว นนผกูปาวรยเสทียี่เชปีวนติ โทรคีเ่ กหดิ ัวจใจากเแนพ้ือยสามอกงรตะาแยส3ไเฟน่ือฟงามดาูดจาจกมกนาร้ําขาสดูดอคอวกันซพิเิษจนเอปุบนัตเิเวหลตานุรถายนนจนต
• นกั เรยี นเคยเห็นการปฐมพยาบาลดว ยวธิ กี าร ไมส ามารถแกไ ขได ในกรณที ผี่ ปู ว ยหยดุ หายใจอยา งกะทนั หนั ถา ไดร บั การชว ยเหลอื ทนั ทหี ลงั จาก
ปม หวั ใจหรอื ใหออกซเิ จนหรือไม เหตใุ ดจึง เกิดเหตุภายใน ๔ นาที หรอื เรว็ กวา ๔ นาที จะทาํ ใหผปู ว ยสามารถรอดชวี ติ ไดม ากถึง ๔ เทา
เกดิ เหตกุ ารณเชน นัน้ เมอ่ื เปรยี บเทยี บกบั การชว ยเหลือทเ่ี ร่ิมหลงั จาก ๔ นาทีหรอื นานกวา น้ัน ซงึ่ ถอื ไดว าเปน การชว ย
(แนวตอบ นกั เรียนสามารถแสดงความคดิ เหน็ ชะลอชวี ิตของผปู วยไวจ นกวาแพทยหรือบคุ ลากรทางการแพทยจะมาทําการรกั ษาตอไป
ไดอยางอิสระ)
๒. ขน้ั ตอนปฏิบตั ใิ นการชว ยฟน คนื ชพี
• อาการใดทบ่ี ง บอกวา บคุ คลนนั้ กาํ ลงั จะเสยี ชวี ติ
และตองรีบชว ยเหลืออยางเรง ดวน
(แนวตอบ หายใจติดขัด หยุดหายใจ หรอื หวั ใจ
หยุดเตน)

สา� รวจคน้ หา Explore ๑ สังเกตการตอบสนองของผูปวย โดยตรวจ ๓ ผูชวยเหลือน่ังคุกเขาใกลกับบริเวณไหลของ
ดูวาผูปวยยังรูสึกตัวหรือไม อาจจะดวยการ ผูปวย ใชมือขางหนึ่งกดหนาผากของผูปวย
ใหน กั เรียนศึกษาเรื่อง ความหมายของการชว ย เขยาตัวเบาๆ หรือถามเสียงดังๆ วา “คณุ เปน เอาไว มืออีกขางดันคางใหหนาแหงนขึ้นจน
ฟน คืนชพี ข้นั ตอนปฏิบตั ิในการชวยฟน คนื ชพี และ อะไรหรือเปลา” หากผูปวยไมมีการตอบสนอง กระทั่งฟนบนและลางเกือบจะชิดกัน แตอยาให
หลักปฏิบัติโดยทั่วไปในการชวยฟนคืนชพี แสดงวา ไมร สู ึกตัว ปดสนิทเพ่ือเปนการเปดทาง
จากหนังสือเรยี น และแหลง เรียนรูอ ืน่ ๆ เพมิ่ เตมิ เดินหายใจใหเพียงพอ
๒ เรียกคนท่ีอยูใกลเคียงชวยเหลือ แตถาไมมี จากนนั้ เอาแกม แนบใกลก บั
ใครอยูในบริเวณนั้นก็ควรที่จะทําการชวยเหลือ ปากของผูปวยเพ่ือสัมผัส
ดว ยตนเอง โดยจดั ทาของผูปวยใหอ ยใู นลกั ษณะ ลมหายใจ
ทานอนหงายบนพื้นเรียบทแ่ี ขง็ พอสมควร จดั ให
ศรี ษะของผปู วยอยตู าํ่ กวาระดบั หวั ใจ

๑๔๒ ขอ สอบ O-NET
ขอ สอบป ’53 ออกเกี่ยวกับขนั้ ตอนปฏบิ ตั ิในการชวยฟน คนื ชีพ
นกั เรยี นควรรู เราสามารถตรวจสอบอาการหมดสตขิ องผปู ระสบอบุ ตั เิ หตไุ ด
ดวยวธิ ใี ด
1 การชว ยฟน คนื ชพี แมจ ะเปน สถานการณท ม่ี คี วามฉกุ เฉนิ แตส ง่ิ ทผี่ ปู ฏบิ ตั กิ าร 1. ใชไ ฟฉายสองท่ีตา
ชวยฟนคืนชีพตองมีอยเู สมอนั่นคือ สติ เพื่อใหก ารปฏิบตั กิ ารตา งๆ ผานการ 2. สังเกตการกระตุกของกลา มเน้อื
ไตรตรองอยา งมสี ติ รวดเร็ว ไมตกใจจนขาดสติ เพราะอาจเปน อนั ตรายตอ 3. สมั ผัสลมหายใจที่จมูก
ผปู ว ยได 4. ดูการเคล่อื นไหวท่หี นาอก
2 หยุดหายใจกะทนั หัน มคี วามเสีย่ งทาํ ใหเ ซลลข าดออกซเิ จน ซึง่ จาํ เปน วเิ คราะหค าํ ตอบ เมอ่ื พบวา ผปู ว ยหมดสตคิ วรสงั เกตการ
ในการสรางพลงั งานและกระบวนการตา งๆ ในรางกาย ซ่งึ สว นใหญจะพบวา เกิด ตอบสนองของผปู วย โดยตรวจดวู ายังรูส กึ ตัวหรือไม ซึ่งประเมิน
อาการหยดุ หายใจกอ นหัวใจหยุดเตน จากการหายใจดวยการดูการเคล่ือนไหวทห่ี นา อกและหนา ทอง
3 เนอ้ื สมองตาย ผูปว ยจะมีอาการหมดสตทิ ันที มีอาการชาทีละนอ ย อัมพาต วามกี ารยกตัวข้นึ หรือหายใจหรือไม ตอบขอ 4.
คร่งึ ซกี การพดู ผดิ ปกติไป หรืออาจเสียชวี ติ ไดอยางรวดเรว็

142 คูม่ อื ครู

กระต้นุ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู้

๔ ถาไมสามารถฟงหรือสัมผัสลมหายใจได แต ๖ ภายหลังจากการเปา ปาก ๒ ครง้ั ไปแลว ใหตรวจ ใหนกั เรียนรว มกันอภปิ รายเรื่อง ความหมาย
ทรวงอกมีการเคลื่อนไหวอยู แสดงวาอาจมีสิ่ง ดูชีพจรแตถาคลําชีพจรไมพบใหทําการนวด ของการชวยฟนคืนชพี และข้ันตอนปฏิบัตใิ นการ
แปลกปลอมเขาไปอุดตันบริเวณทางเดินหายใจ หัวใจทันทีโดยใหผูชวยเหลือนั่งคุกเขาลง ชวยฟนคนื ชีพ โดยครูและนักเรียนรวมกนั
ผชู ว ยเหลอื จะตอ งจบั ศรี ษะของผปู ว ยใหเ อยี งดา น ขางลําตัวผูปวยบริเวณหนาอก และใชน้ิวมือ เสนอแนะเพ่ิมเตมิ และตง้ั คําถามเพอื่ ใหไดขอ สรปุ
ขา ง และใชน ว้ิ มอื ๒ นว้ิ ลว งเขา ไปในปากเพอ่ื เอา สัมผัสท่ีกระดูกชายโครง แลวเลื่อนนิ้วมากด ทีถ่ ูกตอ งรว มกัน
สง่ิ แปลกปลอมทอ่ี าจอยภู ายในปากออก ซงึ่ เปน สง่ิ ตรงกลางจนกระท่ังน้ิวนางสัมผัสกับปลาย
กีดขวางทางเดินหายใจ กระดูกหนาอก โดยใหปลายน้ิวชี้และนิ้วกลาง • การเสียชีวิตอยางกะทันหนั เนอ่ื งมาจาก
วางบนกระดูกหนาอกตอจากน้ิวนางแลวใชสัน หัวใจหยุดบบี ตวั อาจเกิดมาจากสาเหตุ
๕ ถหาายผใูปจวขย้ึนไมโดหยาวยธิใเีจปจาะปตาอก1งช(MวยoเuหthลือtใoหเMกิดouกtาhร) มืออีกขางหนึ่งวางตรงกึ่งกลางกระดูกหนาอก ใดบา ง
ตําแหนงที่อยูถัดจากนิ้วชี้ขึ้นไปขางบน จากน้ัน (แนวตอบ เชน หวั ใจวายในผูป ว ยที่เปน
ใหผ ชู ว ยเหลอื ใชน ว้ิ ชแ้ี ละนวิ้ หวั แมม อื บบี จมกู ของ วางมืออีกขางหนึ่งทับลงบนมือที่อยูชิดกระดูก โรคหวั ใจ แพย า กระแสไฟฟา ดูด จมนา้ํ
ผูปวยใหแนนฝามือกดหนาผากใหหนาแหงนขึ้น หนาอก โดยใหน้ิวมือบนสอดประสานในงาม สดู ควนั พิษ อบุ ัตเิ หตรุ ถยนต เปนตน )
เหมือนเดิมจากนั้นสูดลมหายใจเขาใหเต็มที่แลว นวิ้ มอื ลา งพอดี
อา ปากใหก วาง และประกบปากแนบกับปากของ • การสงั เกตการตอบสนองของผูปวย
ผูปวยใหสนิท พรอมกับเปาลมเขาปากของ ๗ คุกเขาและโนมตัวไปขางหนา โดยใหแขนตั้งฉาก สามารถทําไดดวยวธิ ีใดบา ง
ผูปวยชาๆ เพ่ือใหปอดของผูปวยขยายเต็มท่ี กบั หนา อกของผปู วย แขนเหยียดตรง จากน้นั กด (แนวตอบ ตรวจดูวายังรสู กึ ตัวหรอื ไม
แลวเปาปากครั้งที่สองเมื่อผูปวยหายใจออกกอน ลงดวยน้ําหนักท่ีทําใหกระดูกหนาอกนั้นยุบตัวลง ดว ยการเขยาตวั เบาๆ หรอื ถามเสียงดงั ๆ
(การใชวิธีเปาปากควรมีส่ิงท่ีก้ันระหวางผูชวย ประมาณ ๓-๕ เซนตเิ มตร ดว ยอตั ราอยทู ป่ี ระมาณ วา “คณุ เปนอะไรหรอื เปลา”)
เหลอื กบั ผปู ว ย) นอกจากนค้ี วรระมดั ระวงั การชว ย ๑๐๐ ครัง้ ตอ นาที
เหลือผทู ตี่ ิดเชือ้ เอดส (HIV) โดยการตรวจดูวาผู จากน้ันครูขออาสาสมคั รนกั เรยี น 2 คน
ปว ยมแี ผลในปากหรอื บรเิ วณหนงั รอบปากหรอื ไม เพอ่ื ออกมาสาธติ และอธบิ ายวิธีการปฏิบตั ใิ นการ
กอนการชว ยเหลอื ชวยฟนคืนชพี ซง่ึ จะใหนกั เรียนคนหน่ึงเปนผปู ว ย
และอีกคนหนึง่ เปนผูชวยเหลือ โดยครชู ว ยอธิบาย
เพม่ิ เติมเพอ่ื ความถกู ตองตามหลกั การของ
การปฏบิ ตั ิ

๘ ใหน บั จาํ นวนครง้ั ที่กดเปนจังหวะ ๑ - ๓๐ ไปจนครบ ๓๐ ครั้ง โดยออกเสียงเปน สองพยางคตั้งแต ๒๑ วา
ยีบเอด็ แลวจงึ สลับกบั การเปา ปาก ๒ ครงั้ ซึ่งถือเปน ๑ รอบ ภายหลังท่ปี ฏิบัตคิ รบ ๔ รอบ ใหตรวจชพี จร
และการหายใจอกี ครง้ั แตถ า คลาํ ชพี จรไมพ บใหก ดหนา อกตอ ไป หรอื คลาํ ชพี จรไดแ ตไ มห ายใจใหเ ปา ปากตอ ไป ๑๔๓

ขอสอบ O-NET เกร็ดแนะครู

ขอ สอบป ’50 ออกเก่ยี วกับขั้นตอนปฏิบัตใิ นการชวยฟน คนื ชพี ครสู ามารถใหนกั เรยี นสาธติ การปฏิบตั ใิ นการชวยฟนคนื ชีพจากหุนจําลอง
ถานกั เรียนจะชวยผูไดรบั อบุ ัตเิ หตทุ ่หี ัวใจหยดุ เตน ดวยการ เพอื่ ปองกนั อนั ตรายและการติดเชือ้ ทางระบบหายใจ และเนน ยํา้ จดุ ทอี่ าจจะ
ผิดพลาดไดงาย เชน จุดทก่ี ดหนา อก การเปา ปากทถ่ี กู ตอ ง เปน ตน
ผายปอด และการกระตุน หัวใจไปพรอมกนั เพื่อชวยฟน คนื ชพี
นักเรียนมหี ลกั การปฏบิ ตั ิอยางไร นักเรียนควรรู

1. ผายปอด : กระตุนหัวใจ เปน 2 : 15 คร้ัง 1 วธิ เี ปา ปาก เปน ลกั ษณะของการงับอากาศเขา ไปเพือ่ ใหไ ดอ อกซิเจน และ
2. ผายปอด : กระตนุ หัวใจ เปน 5 : 12 คร้ัง เปา ออกซเิ จนเขา ไปในทางเดนิ หายใจ ซึ่งในลมหายใจอาจมีคารบอนไดออกไซด
3. ผายปอด : กระตุน หวั ใจ เปน 6 : 15 ครั้ง เจอื ปนอยูบา งแตก ็มใี นปริมาณที่นอยกวาการเปาลมออกจากรางกายโดยตรง
4. ผายปอด : กระตนุ หัวใจ เปน 8 : 14 ครงั้
วิเคราะหคาํ ตอบ การชว ยเหลอื ผูป วยดวยการผายปอดและ
การกระตนุ หัวใจ มหี ลกั การปฏิบตั ิดงั นี้ ใหน บั จาํ นวนคร้งั ท่กี ดเปน
1 และ 2 และ 3 ไปจนถึง 15 คร้งั แลวจงึ สลับกับการเปา ปาก 2
ครง้ั ซงึ่ ถือเปน 1 รอบ ภายหลงั ทป่ี ฏบิ ตั คิ รบ 4 รอบ ใหต รวจชพี จร

และการหายใจอกี ครงั้ ตอบขอ 1.

ค่มู ือครู 143

กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain

อธบิ ายความรู้

ครขู ออาสาสมคั รนักเรยี น 2 คน เพ่อื ออกมา ๓. หลกั ปฏิบตั โิ ดยทว่ั ไปในการชว ยฟนคนื ชีพ
นาํ เสนอเรือ่ ง หลักปฏิบัติโดยทั่วไปในการชว ย
ฟน คนื ชพี โดยจําลองเหตุการณใหเปนการฝก อบรม ๑ ไมวาจะเหตุผลใดๆ หรือมีเหตุการณอยางอ่ืนเกิดข้ึน อยาหยุดการปฏิบัติการชวยชีวิตนานกวา
ซง่ึ จะใหน กั เรยี น 2 คน เปน ผเู ชย่ี วชาญทางดา นการ
ใหความชว ยเหลือผูปว ยจากหนวยงานที่นักเรยี น ๕ วินาที ยกเวน กรณีตอ งปฏิบัตกิ ารคนเดียว และจําเปนตอ งโทรศพั ทเ รียกรถพยาบาลใหมาชว ย
รจู กั และใหเ พือ่ นในหองเปน ผเู ขารบั การอบรม ซ่ึง
สามารถท่ีจะซกั ถามหรือรว มแสดงความคดิ เหน็ ได ๒ ระหวางท่ีอยูในรถพยาบาลไปจนถึงหอง ๓ ถาหากตองหามลงหรือขึ้นบันได ควร
จากนัน้ ครชู ว ยเสนอแนะเพม่ิ เตมิ และตงั้ คาํ ถาม
เพ่อื นาํ ไปสูขอ สรปุ ท่ถี กู ตองรว มกนั ฉุกเฉินท่ีโรงพยาบาล อยาหยุดการปฏิบัติ ปฏิบัติการชวยชีวิตกอนข้ึนหรือลงบันได
การชวยชีวิตเปนอันขาด และจะตองทํา โดยใหผ หู ามเปลลงหรอื ขน้ึ บนั ไดใหเ รว็ ทสี่ ดุ
• การโทรศพั ทแจง ศนู ยบรกิ ารชวยชวี ติ ผปู วย ติดตอเร่ือยไปถึงแมผูวาปวยจะอยูบนเปล เมอ่ื เปลถงึ พน้ื ราบ ใหร บี ทาํ การชว ยชวี ติ ตอ
ฉุกเฉิน ควรใหขอมูลอะไรบาง หามท่ีกําลังจะยกเขาไปในสถานพยาบาล ทนั ทอี ยา งชา ทส่ี ดุ ตอ งหยดุ ไมเ กนิ ๓๐ วนิ าที
(แนวตอบ ไดแ ก สถานทเี่ กิดเหตุ หมายเลข กต็ าม
โทรศัพท เหตุการณท ี่เกดิ ขึ้น จํานวนผูปว ยที่
ตอ งการความชวยเหลือ สภาพผูป วยใน ๔ การโท1รศัพทแจงศูนยบริการชวยชีวิตผูปวย ๕ ถาการเปาลมเขาปากของผูปวยที่มีภาวะ
ขณะนน้ั และการปฏบิ ตั กิ ารชว ยชวี ิตท่ีได
กระทาํ ไปแลว ) ฉกุ เฉนิ ควรใหขอมลู ดังน้ี ทางเดินหายใจอุดตันไมไดผล ก็ไมมี
■ สถานทีเ่ กิดเหตุ ประโยชนท จ่ี ะไปกดหนา ทอ งหรอื กดหนา อก
■ หมายเลขโทรศพั ท ใหเลือดเขาหรือออกจากหัวใจ เพราะไมมี
■ เหตุการณท เี่ กดิ ข้นึ เช2น อุบตั ิเหตุ ออกซเิ จนเขาปอด แตควรแกไขการอดุ ตัน
รถชน ผปู วยหัวใจวาย เปน ตน ทางเดินลมหายใจของผูปว ยเสยี กอน
■ จาํ นวนผูปว ยทต่ี อ งการ
ความชว ยเหลอื ๖ ความเร็วในการปฏิบัติมีความสําคัญมาก
■ สภาพผูปวยในขณะน้ัน
■ การปฏบิ ตั กิ ารชว ยชวี ติ ทไ่ี ด ที่สดุ ซ่ึงควรไดร บั การฝก มาเปน อยางดี
กระทาํ ไปแลว

๗ ในการกดหนาอกควรวางมือใหถูกตอง

ถาหากวางมือไมถูกตอง อาจไปกดกระดูก
ซ่ีโครงจนหักหรือปลายกระดูกหนาอกหัก
ซ่ึงปลายหักที่แหลมอาจไปท่ิมตับ ปอด
และมามได ซึง่ ทาํ ใหเกิดอันตรายถงึ ชีวติ

๑๔๔ ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT
ขอใดไมใ ช หลักปฏบิ ัติในการชวยฟน คนื ชีพ
นักเรยี นควรรู 1. กดหนา อกใหมจี ังหวะเรว็ และแรงเพ่ือใหผูปว ยฟนเร็วขึ้น
2. ระหวางอยูในรถพยาบาลอยาหยุดการปฏบิ ัตกิ ารชว ยชวี ิต
1 ศูนยบริการชวยชีวิตผปู วยฉุกเฉนิ ปจจุบันไดก าํ หนดใหม กี ารใชเลขหมาย 3. ผปู วยทีม่ กี ารอดุ กั้นทางเดินลมหายใจไมค วรเปาลมเขา ปาก
โทรศัพทในการรบั แจง เหตุผูป ว ยฉกุ เฉนิ หมายเลขเดยี วกนั ทั่วประเทศ คอื ผปู วย
หมายเลข 1669 โดยระบบจะเชอื่ มโยงไปยังหนวยแพทยฉกุ เฉินทใ่ี กลที่สุด 4. ถาไดยินเสียงเหมอื นกระดูกแตกหรอื หักตอ งหยุดการกด
จากนนั้ หนวยกชู พี ในพ้ืนทีท่ ่ีรบั ผิดชอบกจ็ ะสง เจาหนาท่ีเขา ไปนาํ ตัวผปู วยสง หนา อกทันที
โรงพยาบาลโดยเรว็ ทีส่ ุด วเิ คราะหค าํ ตอบ การกดหนาอกผูปว ยใหม จี งั หวะเรว็ และแรง
2 หัวใจวาย จะแตกตางจากอาการหัวใจหยุดเตน เพราะเกิดความผิดปกติ เกนิ ไป เปน หลักการปฏบิ ัตทิ ่ีไมถ กู ตอ ง เพราะอาจทําใหห ัวใจช้ํา
ท่ีกลามเน้อื หัวใจโดยตรง ซงึ่ จะมีอาการเจ็บหนา อกอยา งรนุ แรง เหงอื่ ออกมาก หรอื กระดกู หักได ตอบขอ 1.
หายใจตดิ ขดั หนา มืด และเปนลมสลบไป

144 คูม่ อื ครู

กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเข้าใา้ จใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู้

๘ ควรปลอยมือหลังจากกดกระดูกหนาอก ๙ ไมกดหนาอกเร็วและแรงเกินไปเพราะอาจ ครตู ้ังคาํ ถามกระตนุ การเรยี นรูของนักเรยี น
• หลกั การกดหนา อกทถี่ ูกตอง เพอื่ ชวยเหลอื
เพื่อใหหัวใจขยายตัวและเลือดจะไดเขาสู ทําใหหวั ใจชํ้าหรือกระดูกหกั ได
หัวใจไดมากและทําใหการกดหนาอกคร้ัง ผูปวย ควรทาํ อยา งไร
๑๐ ขณะปฏิบัติการกดหนาอก ถาไดยินเสียง (แนวตอบ ไมควรกดหนาอกเรว็ และแรงเกินไป
ตอ ไปมเี ลอื ดจาํ นวนมาก เพราะอาจทําใหหวั ใจชา้ํ หรอื กระดกู หกั ได)
ออกจากหวั ใจ เหมือนกระดูกแตกหรือหักตองหยุดทันที • ในขณะท่ีทาํ การปฏบิ ัติชวยฟน คนื ชพี หาก
และตรวจดูตาํ แหนงทีว่ างมอื ใหถ กู ตอ ง ผปู ว ยอาเจียน ควรปฏบิ ัติอยา งไร
(แนวตอบ ใหตะแคงศรี ษะผปู วยไปทางดา น
๑๑ ขณะปฏิบัติการหากผูปวยอาเจียนซ่ึงอาจเกิดจากมีลมในกระเพาะ ขาง และพยายามใชน ิว้ มอื ลว งเศษอาหาร
อาหารมาก ใหตะแคงศรี ษะผูป วยไปทางดา นขาง และพยายามใชน้ิว ออกจากปากใหมากที่สดุ จากนัน้ จบั ผูปว ย
มอื ลว งเศษอาหารออกจากปากใหม ากทสี่ ดุ เทา ทจี่ ะทาํ ได เพอื่ ปอ งกนั แหงนคอในทานอนหงาย เพ่ือทาํ การปฏิบตั ิ
ไมใหเศษอาหารตกลงไปในหลอดลมและ การชว ยชวี ติ ตอไป)
เม่ือลวงเศษอาหารออกไปหมดแลวจับ
ผปู ว ยแหงนคอในทา นอนหงาย เพอ่ื ทาํ การ ขยายความเขา้ ใจ Expand
ปฏบิ ัตกิ ารชว ยชีวติ ตอ ไป

à¡Ã´ç ¹Ò‹ Ì٠ใหนักเรยี นศึกษาเพม่ิ เติมเกี่ยวกบั ข้นั ตอน
ปฏิบตั ิในการชวยฟนคืนชพี แลวสรุปสาระสาํ คัญ
ความสําคญั ของ ซพี อี าร ออกมาเปนภาพแสดงการชว ยฟน คืนชพี และบอก
■ ผูปวยที่มีอาการหัวใจหยุดเตนกะทันหัน ประมาณรอยละ ๘๐ อาการเกิดข้ึนท่ีบาน ดังนั้น จึงมี รายละเอยี ดแตล ะขน้ั ตอนอยางชัดเจน โดยภาพ
น้นั นกั เรียนอาจหารูปภาพจากแหลง เรยี นรตู างๆ
ความจําเปนที่บุคคลควรเขารับการฝกอบรมการทํา ซีพีอาร เพราะเปนความรูและทักษะท่ีอาจนําไปใชชวยคน หรือสามารถวาดภาพดว ยตนเองก็ได
ทเี่ รารกั ในนาทภี าวะวกิ ฤตได

■ การทํา ซีพีอาร ทันที โดยบุคคลท่ีอยูในเหตุการณ โดยไมรอรถจากโรงพยาบาลหรือทีมแพทยของ
หนวยกูช พี ไปถึงชว ยเพม่ิ โอกาสรอดชวี ติ ของผูปว ยไดถ ึง ๔ เทา

■ การทํา ซีพีอาร ชว ยทาํ ใหมีเลือด1ไปเลย้ี งยงั อวยั วะสาํ คัญๆ ไดแ ก กลา มเนื้อหวั ใจและสมอง และยงั

เพ่ิมโอกาสที่จะทําใหการใชเคร่ืองช็อกไฟฟา (Defibrillator) ประสบผลสําเร็จมากขึ้น เนื่องจากกลามเนื้อหัวใจ
มเี ลือดไปเล้ยี งดีกวา การปลอยไวเ ฉยๆ

■ รอยละ ๙๕ ของผปู วยที่หวั ใจหยุดเตน กะทันหัน และไมไ ดทํา ซพี ีอาร เสียชวี ิตกอนมาถงึ โรงพยาบาล
โดยโอกาสการรอดชีวิตของผูปว ยจะลดลงรอยละ ๗-๑๐ ตอ ทกุ ๆ ๑ นาทีทีช่ าไป

■ การใชเคร่ืองช็อตไฟฟาจะไดรับผลสําเร็จไมมาก หากไมไดทํา ซีพีอาร ต้ังแตนาทีแรกๆ ที่ผูปวย
หมดสติ

■ ภาวะสมองตาย จะเร่ิมตนขึ้นภายใน ๔-๖ นาทีหลังจากหัวใจผูปวยหยุดเตนกะทันหัน และไมไดรับ
การทํา ซีพอี าร
ทม่ี าขอ มลู : ศูนยก ชู ีพนเรนทร โรงพยาบาลราชวิถี

๑๔๕

ขคอดิ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT เกร็ดแนะครู

ตําแหนงทีถ่ กู ตอ งในการวางมือเพอื่ ทาํ การนวดหวั ใจ คอื บรเิ วณใด ครูควรเนนยาํ้ เสมอถงึ สิง่ ท่สี าํ คญั ของการชว ยเหลือในสถานการณฉ ุกเฉนิ
1. จากปลายกระดกู ลน้ิ ปขน้ึ มาประมาณ 1 นิ้วมอื น่ันคอื สติ ซึง่ จะชวยใหการชวยเหลือนนั้ มีประสิทธิภาพสูงสุด
2. จากปลายกระดกู ลนิ้ ปข ึน้ มาประมาณ 2 นิ้วมอื
3. จากปลายกระดูกลิ้นปขนึ้ มาประมาณ 3 น้วิ มือ นกั เรยี นควรรู
4. จากปลายกระดูกล้ินปขน้ึ มาประมาณ 4 น้ิวมือ
วเิ คราะหค าํ ตอบ ตาํ แหนง ทถ่ี กู ตอ งในการวางมอื เพอื่ ทาํ การนวด 1 เคร่อื งช็อกไฟฟา คอื เครือ่ งทท่ี ําการรักษาเพอ่ื ปองกนั การเสียชีวิตฉบั พลัน
หวั ใจ คอื กระดกู หนา อกเหนอื รอยตอ ของกระดกู ลนิ้ ป โดยคลาํ หา จากภาวะไฟฟา หวั ใจหองลางลดั วงจรชนิดรนุ แรง และสามารถกระตนุ ไฟฟาหัวใจ
ปลายกระดกู ลนิ้ ปแ ลว วดั จากปลายกระดกู ลนิ้ ปข น้ึ มาประมาณ 3 เม่อื ไฟฟาหวั ใจเตนชาลงได

นวิ้ มอื ตอบขอ 3.

คู่มือครู 145

กกรระตะตนุ้ E้นุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสา� า� รรEวxวpจจloคคr้นeน้ หหาา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore

กระตนุ้ ความสนใจ Engage

ครูตง้ั คําถามกระตนุ ความสนใจของนักเรียน ๔. การหามเลือด
โดยใหน ักเรียนสามารถแสดงความคดิ เหน็ ไดอยา ง
อสิ ระ โดยปกติเม่ือคนเรามีบาดแผล หากบาดแผลไมใหญเกินไป เลือดมักจะหยุดไดเอง
ภายในเวลาอันรวดเร็ว จากการทําหนาท่ีอยางมีประสิทธิภาพของกลไกการหามเลือดของ
• นกั เรยี นเคยพบเจอบุคคลท่ีเกิดการบาดเจบ็ รเกาลง็ดกเาลยือด1ค(ือplaกteาlรeหt)าแมลเละโือปดรขตอนี งตรา างงๆกราวยมโดกนัยอเปานศผัยลหทลาํ อใดหเเลกือดิ ดล่มิแเลละอื สดวขน้ึนปรเมะกือ่ อราบงขกอายงเมลกี ือาดรคตือก
แลว เลอื ดไหลไมห ยุดหรอื ไม ถา เคยนกั เรยี น ตเลกือเดลภือาด2ยทนี่อออกกมอาันจหามกาหยลถอึงดกเาลรือทดี่หแลดองดเลจือะดมถีสูกีแทดํางลจาัดยแโลดะยมพีเลุงืออดออกอมกามตาาใมหจเหังห็นวะซกึ่งาถราเเตปนนขกอารง
มคี วามรูสกึ อยางไร หัวใจ ซึ่งจะเปนอนั ตรายถา เลือดไมห ยุดและไมไ ดหา มเลือด ผูป วยจะเสียชีวติ ภายใน ๓-๕ นาที
(แนวตอบ นกั เรียนสามารถแสดงความคดิ เหน็ หากเลือดออกจากหลอดเลือดดําจะมีสีคอนขางคลํ้าถาเปนหลอดเลือดใหญก็อาจจะพุงได และ
ไดอ ยา งอิสระ) ถาเลือดออกแบบซึมๆ แสดงวา เปนเลอื ดท่เี กิดจากหลอดเลือดฝอย ซงึ่ จะสามารถหยุดไดเอง

• ถานกั เรียนอยูในเหตุการณน น้ั นักเรียนจะมี ๔.๑ วิธกี ารหา มเลือด
วิธีชวยเหลือบุคคลนัน้ อยางไร
(แนวตอบ ขนึ้ อยูกับคําตอบของนักเรยี น ๑. ใชน วิ้ กดลงบนบาดแผลตรงทมี่ เี ลอื ดออก มอื ทใ่ี ชก ดตอ ง
โดยอาจตอบวา การหา มเลอื ด ตามคนมาชว ย ลางและฟอกสบูใหสะอาดหรืออาจทําโดยใชผาสะอาด
เหลอื หรือนาํ สง โรงพยาบาลท่ีใกลท ีส่ ุด) วางระหวางมือและบาดแผลกอน แลวใชนิ้วกดวาเลือด
ซึมอยูที่ผาหรือไมถาเลือดไมหยุดหรือซึมมากที่ผา อยา
สา� รวจคน้ หา Explore เอาผา ออก แตใ หใ ชผ าผืนใหมปดและกดทบั ลงไปท่เี ดิม

ใหน ักเรียนศึกษาเร่ือง การหา มเลือด ๒. ยกสวนที่มีเลือดออกใหสูงขึ้นกวาระดับหัวใจ เชน ยก
จากหนงั สือเรียนและการสาธิตของครู จากนน้ั แขน หรือถาเลอื ดออกที่ขากใ็ หนอนยกขาสงู ขึน้ ยกเวน
ใหน ักเรียนแบง กลมุ กลมุ ละ 4-5 คน เพือ่ แสดง ในกรณที ม่ี กี ระดกู หกั รว มดว ยตอ งพยายามใหอ วยั วะสว น
บทบาทสมมติ โดยนักเรยี นสามารถกาํ หนด นั้นอยนู ง่ิ มากทีส่ ุด
สถานการณต า งๆ ขึ้นเอง แตตองแสดงถึงวิธีการ
หา มเลอื ดในทุกๆ กลมุ โดยใหเวลากลมุ ละ
3-5 นาที

๓. ถาบริเวณท่ีตกเลือดอยูต่ํากวาขอพับของขอศอก หรือ
ขอ เขา ใหใ ชผ า หรอื สาํ ลมี ว นวางทขี่ อ พบั และพบั ขอ ศอก
หรือขอเขานั้นไว แลวใชผาสะอาดพันรอบๆ ขอพับไว
ใหแนน วิธีนี้เรียกวา วิธีใช “แพด แอนด แบนดเดจ”
(Pad and Bandage) ทขี่ อ พบั

๑๔๖

เกรด็ แนะครู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT
หากนกั เรยี นถกู มดี บาดทน่ี ว้ิ แลว พบวามเี ลอื ดไหลแคเพียง
ครคู วรเตรียมอุปกรณในการสาธติ ใหพ รอ ม เชน ผา สะอาด สาํ ลมี วน เล็กนอย นกั เรียนจะมีวิธีการหามเลือดไดอยา งไร
ผา พันแผล เปน ตน เพ่ือสะดวกและเกดิ ความรวดเรว็ ตอการฝก ปฏิบตั ิ แนวตอบ ทาํ ความสะอาดแผลกอน จากน้นั ใชน ้วิ มอื ท่ีสะอาดกด
ลงตรงปากแผลหรอื จะใชผ าสะอาดวางลงบนบาดแผล แลว กดให
นกั เรียนควรรู แนนประมาณ 5-10 นาที จนเลอื ดหยดุ แลว จงึ หยดุ การกดและใช
ผาพันแผลไว
1 เกล็ดเลือด มีขนาดเล็ก มหี นาท่ีในการสมานแผล โดยชว ยทาํ ใหเลือดแข็งตวั
2 ตกเลอื ด คือ การทเี่ ลือดไหลออกมาจากเสน เลือดจาํ นวนมาก เนอ่ื งจาก
เสน เลอื ดนั้นถกู ทําลาย ฉีกขาดหรือถูกตดั ขาดโดยสาเหตุใดๆ ก็ตาม ทาํ ใหมีเลือด
ไหลออกจากเสนเลือด และถาเลอื ดไหลออกมากจะสง ผลใหค วามดันเลือดต่ํา ชพี จร
เบา ถา ไมไ ดแกไ ขใหท ันทว งทอี าจทําใหเกิดอาการชอ็ ก และเสยี ชีวติ ได

146 คู่มอื ครู

กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเข้าใา้ จใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู้

๔. การใชน า้ํ แขง็1ประคบท่บี รเิ วณแผล ซง่ึ ความเย็นจะทําให ใหน กั เรยี นแตล ะกลมุ ออกมาแสดงบทบาท
หลอดเลอื ดตีบ และเลือดทีอ่ อกมาจะแข็งตวั ได สมมติการหามเลอื ด ซ่งึ ขณะทีเ่ พ่อื นแตล ะกลุม
ออกมาแสดงบทบาทสมมตนิ น้ั นกั เรยี นกลุมที่
๕. การใชสายรัด2 หรือทูนิเก (Tourniquet) รัดเหนือแผล เหลือจะตอ งทาํ การประเมนิ กลมุ เพอ่ื นทอี่ อกมา โดย
เปนการหามเลือดบริเวณแขนหรือขา เพื่อหามเลือดไม ครจู ะมแี บบประเมินแจกใหก ับนกั เรียนแตละกลุม
ใหไปสูบริเวณแผลน้ัน ซ่ึงการใชวิธีน้ีตองทําดวยความ กลมุ ละ 1 ใบ ซงึ่ จะประเมนิ ในเรอ่ื งของความถกู ตอ ง
ระมัดระวังอยางมาก โดยใหคลายสายรัดออกเปน ของการปฏิบัติ และความสอดคลองระหวางเรือ่ ง
ระยะๆ เนอื่ งจากการใชส ายรดั อาจทาํ ใหเ กดิ อนั ตรายหรอื หรือเหตกุ ารณกับการปฏิบัติ
การบาดเจ็บเพิม่ ขึ้นได เพราะตองรัดเนอื้ เยอ่ื ซงึ่ อาจนาํ
ไปสกู ารทาํ ลายอยา งถาวรของเสน ประสาทหรอื เสน เลอื ด หลังจากเสรจ็ สิ้นการแสดงบทบาทสมมติแลว
นอกจากนยี้ งั เปน การตดั การไหลเวยี นของเลอื ดทงั้ หมดที่ ใหนกั เรียนแตล ะกลมุ รวมคะแนนในแบบประเมิน
จะไปเลี้ยงอวยั วะสวนปลายน้นั ๆ ซึ่งไมแ นะนาํ ใหใชวิธนี ี้ แลว นาํ สง คนื ครู จากนนั้ ครูจะทําการตดั สิน
ถาไมจาํ เปน คะแนน โดยใหกลมุ ทไ่ี ดค ะแนนจากการประเมนิ
มากทส่ี ดุ ออกมาสาธติ การหามเลอื ดใหเพอื่ นคน
อื่นๆ ไดดูอีกคร้งั หนงึ่ ซง่ึ ไมตองแสดงในรปู แบบ
ของบทบาทสมมติ หลังจากการสาธิตครูชวย
อธิบายเพม่ิ เตมิ

ขยายความเขา้ ใจ Expand

๔.๒ การหา มเลือดตามตําแหนงตา งๆ ของรางกาย ใหนักเรยี นทาํ แผน พบั เรื่อง การหา มเลือด
เพอื่ เผยแพรค วามรูใ หก บั นกั เรยี นคนอ่ืนๆ และ
๑. ศีรษะ ใชผาสะอาดทับกันหนาๆ แทนผาพันแผลหรือผากอซ หรือใชสําลีหนาๆ บคุ ลากรภายในโรงเรยี น โดยนําไปวางไวที่
วางบนตาํ แหนง ทเ่ี ลือดออก แลวใชผาพันแผลพนั ใหแนน หนาหอ งพยาบาลของโรงเรียน

๒. ล้ินหรอื ริมฝป าก ใชน วิ้ หัวแมม ือหรอื นิว้ ชี้ การหา มเลือดบริเวณคอ
บีบที่สองขางของแผล

๓. บรเิ วณคอ ใชนว้ิ มือกดบนหลอดโลหิต
หรือใชผาหนาๆ สําลีหนาๆ วางซอนกันแลวกดดวย
นิว้ มือ หรืออาจใชผ าพนั แผลพันดวยกไ็ ด

๔. บริเวณตนแขนหรือปลายแขน ยกแขน
ใหสงู ข้นึ แลวอาจใชส ายยางรดั ดว ย

๕. ขอมือ ใชน้ิวกดหรือใชผาหนาๆ กดรวมกับ
สายยางรดั

๑๔๗

ขคอิดสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT นักเรยี นควรรู

การตกเลอื ดที่ออกมาจากหลอดเลอื ดแดง นักเรยี นคิดวา สง ผล 1 นา้ํ แขง็ ความเยน็ ของนาํ้ แขง็ จะชว ยลดอาการปวดบวมอกั เสบและหา มเลอื ด
ใหเ กดิ อนั ตรายรา ยแรงหรอื ไม อยา งไร ที่ออกใตผวิ หนังได หวั ใจหลักของการหามเลอื ดแบบนี้ คอื การประคบบรเิ วณที่
แนวตอบ การตกเลือดท่ีออกมาจากหลอดเลือดแดงจะมีสีแดงสด ปวดบวมหรือบาดเจบ็ ทนั ที เพอ่ื ชวยใหเ กิดประสิทธภิ าพในการลดการทาํ ลายของ
โดยจะพุงออกมาตามจงั หวะการเตนของหัวใจ ซึ่งจะเปน อนั ตราย เนื้อเยื่อกอนที่อาการเจบ็ ปวด หรือมเี ลอื ดออกมากขึ้น โดยนําผาขนหนหู อน้าํ แขง็
อยางมากถา เลอื ดไหลไมหยดุ และไมไดหา มเลือด เพราะผปู ว ยอาจ ประคบตรงบริเวณที่มอี าการ ซ่งึ ปจ จบุ นั ไดม ีการผลิตอปุ กรณท ่ีทนั สมัย และสะดวก
เสียชีวิตไดภ ายใน 3-5 นาที ตอการใชงานมากข้นึ ท่ีเรยี กวา เจลประคบเย็น (Cold pack)
2 สายรดั หรือเครือ่ งหามเลือดมลี ักษณะเปน สายรดั หนาสีดาํ ซึ่งมีกลไก
สาํ หรับปรบั ความแนนในขณะรดั ตามความเหมาะสมของผูปว ยแตละคน

คู่มอื ครู 147

กกรระตะตนุ้ Eุ้นnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสา� า� รรEวxวpจจloคคrน้eน้ หหาา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore

กระตนุ้ ความสนใจ Engage

ครใู หน กั เรยี นดูคลปิ วิดีโอการชว ยฟน คืนชพี ใน ๖. ฝามือ ใหผูปวยกําผาหรือสําลีท่ีสะอาดให
สถานการณต างๆ เชน อุบตั เิ หตุจากจราจรทางบก แนน แลวใชผาพนั รอบมือไว เมอ่ื หามเลอื ดแลวควรใช
อุบตั เิ หตจุ ากการจมนา้ํ อบุ ัตเิ หตจุ ากการถกู ไฟไหม ผาคลองคอหอยแขนไวด วย
เปน ตน จากน้ันครตู งั้ คาํ ถามกระตุน ความสนใจของ ๗. ตนขาและขา ใชนิ้วกดหรือสายยางรัดเหนือ
นกั เรยี น โดยใหนกั เรียนสามารถแสดงความคดิ เห็น แผลแลว ยกขาใหสงู
ไดอ ยางอสิ ระ ๘. เทา ใชว ธิ ีแพด แอนด แบนดเดจ โดยยกเทา
จะใหใชส วงู ิธในีกกาารรหหาา มมเเลลืออื ดดวแิธตีใล ดะกต็ตาํ แามหนผูงปขฐอมงพบยาดาแบผาลล1
• หากนกั เรียนพบเจอเหตุการณเ หมอื นในคลิป ควรพิจารณาลักษณะของเลือดท่ีออกและปริมาณ
วดิ ีโอดงั กลา ว นกั เรยี นจะใหค วามชว ยเหลอื เลอื ดทอ่ี อก และพยายามหาวธิ กี ารสง ผปู ว ยไปยงั
ผูป ว ยอยางไร การคลอ งคอหลังจากหามเลอื ดท่ีหยุดแลว สถานพยาบาลใหเรว็ ทีส่ ดุ
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคิดเห็น
ไดอ ยางอิสระ) ๕. การชว ยฟนคนื ชีพในสถานการณตา งๆ

• นักเรียนคิดวา หลกั ในการชวยฟน คืนชพี ใน อุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นไดทุกเวลา และผูที่ประสบอุบัติเหตุอาจไดรับอันตรายรุนแรงจนถึง
สถานการณต า งๆ น้ันมีหลักในการชวยเหลอื ขนั้ เสยี ชวี ติ ไดห ากไมไ ดร บั การชว ยเหลอื อยา งทนั ทว งที ซง่ึ การชว ยฟน คนื ชพี ในสถานการณต า งๆ
เหมอื นหรือแตกตา งกนั หรอื ไม สามารถทาํ ได ดังนี้
(แนวตอบ นักเรยี นสามารถแสดงความคดิ เห็น
ไดอยางอสิ ระ) ๕.๑ อุบตั ิเหตจุ ากการจราจรทางบก

สา� รวจคน้ หา Explore

ใหน กั เรยี นแบง กลุม 3 กลมุ กลุมละ 3-4 คน อุบัติเหตุที่เกิดจากการจราจรทางบก เชน
ศกึ ษาเรือ่ ง การชว ยฟน คืนชพี ในสถานการณตา งๆ รถชน รถพลิกควํ่า เปนตน เม่ือพบเห็น
จากหนงั สอื เรยี น โดยครจู ะใหนักเรยี นจับสลากเพอื่ เหตกุ ารณ ควรปฏบิ ตั ิเพือ่ ใหการชวยฟน คืนชพี
เลอื กประเดน็ ในการศึกษา ซึง่ มีดังนี้ ดังน้ี

• อุบัติเหตุจากการจราจรทางบก ๑. ควบคมุ สติ ระงับความตน่ื เตน ตกใจ
• อุบัตเิ หตจุ ากการจมนา้ํ ๒. ปดสวิตซรถที่เกิดอุบัติเหตุ สํารวจ
• อบุ ตั เิ หตจุ ากการถูกไฟไหม อาการของผูบาดเจบ็ อยาเคลอื่ นยา ยผบู าดเจบ็
ยกเวนรถท่อี าจเกิดไฟลุกไหม
เมอ่ื พบอุบตั เิ หตุรถชน สิ่งแรกที่ควรปฏิบัติ คอื การตง้ั สติ ๓. แจง ตาํ รวจ โทรศัพท ๑๙๑ หรอื หนว ย
ใหด แี ละรบี โทรแจง หนว ยงานทเี่ กย่ี วขอ งใหร บี มาชว ยเหลอื แพทยฉ ุกเฉนิ โทรศัพท ๑๖๖๙
ทนั ที ๔. นาํ กง่ิ ไมม าขวาง เพอ่ื ทาํ สญั ญาณเตอื น
ภัยอบุ ัตเิ หตุ
๕. ชว ยผูป ว ยตามลําดบั กอ น-หลงั ดงั นี้

๑๔๘

นักเรยี นควรรู กจิ กรรมสรา งเสรมิ

1 ผูปฐมพยาบาล มีหนาทชี่ ว ยเหลือผบู าดเจ็บหรือผูปวยฉกุ เฉิน ขอบเขตหนา ท่ี ใหน ักเรียนเลือกศกึ ษาเรือ่ ง การชวยฟน คืนชพี ในสถานการณ
ของผูปฐมพยาบาลมี 2 ประการ คือ ตา งๆ มา 1 เรื่อง แลว นําขอ มูลท่ไี ดม าสรปุ เปน แผน พบั ความรู
แลว นาํ สง ครผู สู อน
1. วิเคราะหส าเหตุและความรนุ แรงของอุบัติเหตทุ ่ีเกิดขนึ้ เพือ่ เปนแนวทางใน
การชวยเหลอื ไดถ ูกตอง มีข้ันตอนดังนี้ กจิ กรรมทา ทาย

- ซกั ประวตั ิของอบุ ัติเหตุ จากผทู อ่ี ยใู นเหตกุ ารณห รือผูบาดเจบ็ ทีร่ สู กึ ตวั ดี ใหนักเรียนศึกษาเรอ่ื ง การชว ยฟน คนื ชพี ในสถานการณต า งๆ
- ซกั ถามอาการผดิ ปกติหลังไดรับอบุ ตั เิ หตุ เพมิ่ เตมิ อยางละเอียด แลวนําขอมูลที่ไดม าจัดทําเปน รายงาน
- ตรวจรา งกายผบู าดเจ็บทกุ ครง้ั กอนใหก ารปฐมพยาบาล เพอ่ื คนหา รปู เลม พรอมทงั้ มีรูปภาพประกอบ แลว นําสง ครผู สู อน

สงิ่ ผิดปกตทิ ่ีเกิดข้ึน
2. ชวยเหลือผูบ าดเจบ็ โดยชว ยเปน ลําดับขน้ั ดงั น้ี

- ถาผูบาดเจบ็ อยใู นบรเิ วณทมี่ อี ันตรายตองเคล่อื นยายออกมากอน
- ชวยชวี ติ โดยจะตรวจดลู กั ษณะการหายใจวามกี ารอุดตันของทางเดนิ

หายใจหรอื ไม หวั ใจหยดุ เตน หรอื ไม ถามีกใ็ หรบี ชว ยกชู ีวติ
- ชว ยไมใหเ กดิ อนั ตรายมากข้ึน เชน ถา มกี ระดูกหกั ตองเขา เฝอ กกอน

เพอ่ื ไมใหม ีการฉีกขาดของเน้อื เยอ่ื มากขนึ้ เปน ตน

148 ค่มู ือครู

กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู้

ลาํ ดบั ท่ี ๑ ลาํ ดับที่ ๒ ลําดับที่ ๓ ใหน ักเรียนกลมุ ที่จบั สลากไดประเดน็
อบุ ตั เิ หตุจากการจราจรทางบก ออกมาสรุปสาระ
คนที่หมดสติ และไมหายใจ คนท่ีเลือดออกมาก ใหตรวจ คนที่หมดสติแตยังหายใจ สําคญั หนา ชนั้ เรียน จากนั้นใหน กั เรยี นสาธติ การ
ใหชวยหายใจดวยวิธีเปาปาก สอบดูวาเลือดออกบริเวณใด ไดเ อง จดั ทา ใหผ ปู ว ยนอนราบ ชว ยฟน คืนชีพในสถานการณด ังกลา ว เมอื่ เสร็จสิ้น
หรือถาหัวใจหยุดเตนให แลวปฏิบัติการหามเลือดตาม จากน้ันคลายหรือถอดเสื้อผา การสาธิตแลว ครแู ละนักเรยี นกลุมอน่ื ๆ รวมกัน
ปฏบิ ตั กิ ารนวดหวั ใจตามทไ่ี ด วธิ ที ไ่ี ดก ลา วมาแลว ในขา งตน ของผูปวยออกเทาที่จําเปน เสนอแนะเพม่ิ เติม และตั้งคําถามเพ่อื นําไปสู
กลา วมาแลว ในขนั้ ตอนปฏบิ ตั ิ คอยสังเกตอาการ ขอ สรุปทถ่ี ูกตอ งรวมกัน
ในการชว ยฟน คืนชพี
• เมือ่ พบเหน็ เหตุการณร ถชนกัน และมี
๖.รีบนําผูป ว ยสง สถานพยาบาลโดยเร็วทส่ี ดุ ผบู าดเจบ็ นักเรยี นควรปฏบิ ัตเิ พอ่ื ใหการ
๗.จดจํา บนั ทกึ เหตุการณ และวธิ กี ารชว ยฟนคืนชีพที่ไดป ฏิบัติไปแลว ชวยเหลืออยางไร
(แนวตอบ
๕.๒ อกาุบรจตั มิเนหํ้า1ต(ุจDาroกwกnาinรg)จมโดนยท้าํ ั่วไป เกิดจากการหายใจไมออกหรือหายใจไมเขา เพราะ 1. ควบคมุ สติ และระงบั ความตน่ื เตน ตกใจ
หายใจเอาน้ําเขาไปแทนท่ี ซ่ึงเปนภาวะที่เส่ียงตอการเสียชีวิต หากไมไดรับการชวยเหลืออยาง 2. สาํ รวจอาการของผูบ าดเจบ็
ทนั ทว งท๑ี ซ. ่งึ หตารกวจพสบอเหบ็นกาเหรหตกุายารใจณแค ลวะรคใหลําค ชวีพามจชร2วยถเาหไลมอืหาโยดใยจกใาหรชปวฏยบิ หตั าิ ยดใงัจนด้ี วยวิธีปากตอปาก 3. แจง ตํารวจหรอื หนวยแพทยฉ กุ เฉิน
หรอื ถา หัวใจหยดุ เตน ใหปฏิบตั ิการนวดหัวใจ 4. นํากง่ิ ไมมาขวางเพ่ือทําสัญญาณเตอื นภยั
๒. ถาตองการเอานา้ํ ออกจากกระเพาะอาหารและปอด ใหปฏบิ ัติโดย อุบตั เิ หตุ
- ใชน้วิ มือลว งคอใหอาเจียน แลว จับแบกพาดบา ใหบ ริเวณทอ งอยบู นบา ศรษี ะหอ ย 5. ชว ยผปู วยตามหลกั วธิ กี ารฟนคืนชีพ
ลงไปดา นหลัง แลว พาวง่ิ ซ่ึงจะชว ยเขยาใหน้ําออก 6. รีบนาํ ผูปว ยสงสถานพยาบาลโดยเรว็ ทสี่ ดุ
- ใหผูปวยนอนควํ่า ผูชวยเหลือ 7. จดจาํ บันทึกเหตุการณ และวิธกี ารชว ย
ฟน คืนชีพทไ่ี ดปฏิบัตไิ ปแลว)

ยนื ครอมผูปวยตรงระดบั สะโพก โดยหันหนา ไป
ทางศรี ษะของผปู ว ย หลงั จากนนั้ ใหใ ชม อื ทง้ั สอง
จับบริเวณใตชายโครงของผูปวยแลวยกข้ึนและ
วางลงสลบั กัน ซึ่งจะทําใหนาํ้ ออกทางปากและ
จมกู โดยจะชว ยใหผ ปู ว ยเริม่ หายใจไดบา ง
๓. ลงมือทําการผายปอด เม่ือผูปวย
เริม่ หายใจ
๔. ใหความอบอุน แกร า งกาย โดยการ
ใชผาหรือเสื้อหนาๆ คลุมรางกายของผูปวยไว
และคอยหม่นั เชด็ ตัวผปู วยใหแ หง แลวรีบนาํ สง การชวยเหลือผูท่ีจมน้ํา ควรชวยฟนคืนชีพดวยวิธีปากตอ
สถานพยาบาลโดยเรว็ ปาก และควรทาํ ควบคกู บั การนวดหัวใจ

๑๔๙

ขคอิดสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT นักเรียนควรรู

ลกั ษณะอาการใดทอ่ี าจแสดงวาผูปว ยหัวใจหยุดทํางาน 1 การจมน้ํา เกดิ จากการหายใจไมอ อกหรอื หายใจไมเ ขา เพราะหายใจเอาน้ํา
1. มึนงง ซมึ เขา ไปแทนที่ ซึง่ เปน ภาวะเส่ียงตอการเสยี ชวี ิต หากไมไ ดร บั การชว ยเหลืออยางทัน
2. ปลกุ ไมต น่ื ทวงที
3. รมู านตาขยาย 2 คลําชพี จร ไมใชนว้ิ หัวแมมอื คลําชพี จร เพราะหลอดเลอื ดทีน่ ้ิวหัวแมมอื เตน
4. กระสบั กระสา ย แรง อาจทําใหส บั สนกับชีพจรของตนเอง ซงึ่ จุดท่ีสามารถคลาํ หาชพี จรไดมีหลาย
วิเคราะหคําตอบ เมอื่ ผปู ว ยหวั ใจหยดุ ทาํ งานจะมอี าการรมู า นตา จดุ เชน ขอ มอื ขอพบั ตางๆ ขมับ ขาหนบี หนาอก ตน คอ เปน ตน
ขยาย ซงึ่ จะเปน อาการทเ่ี รม่ิ เกดิ ขน้ึ เมอื่ หวั ใจหยดุ ทาํ งานไป
45 วนิ าที และรมู า นตาจะขยายกวา งสดุ เมอ่ื ถงึ 1 นาที หรอื

อาจมอี าการชกั และตาคา งรว มดว ย ตอบขอ 3.

คู่มอื ครู 149

กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain

อธบิ ายความรู้

ใหนกั เรยี นกลุม ทจ่ี ับสลากไดประเดน็ อบุ ตั เิ หตุ ขอ ควรระวงั
จากการจมนํ้าออกมาสรุปสาระสาํ คญั หนาช้นั เรียน
จากนน้ั ใหนักเรยี นสาธติ การชว ยฟนคืนชีพใน ภายหลังที่ประเมินการหายใจแลวพบวา เม่ือทําการเปดทางเดินหายใจแลวผูปวยยังคง
สถานการณด งั กลาว เม่ือเสรจ็ สิ้นการสาธิตแลว ไมหายใจ และถาไมส ามารถชว ยชวี ิตดว ยวธิ ีปากตอ ปากได ใหเ ร่ิมปฏบิ ตั กิ าร ดังนี้
ครแู ละนกั เรยี นกลุม อ่นื ๆ รว มกันเสนอแนะเพมิ่ เตมิ
และต้งั คําถามเพอ่ื นาํ ไปสูขอสรปุ ท่ถี กู ตอ งรว มกนั ๑. จัดทา ศีรษะใหมใหถ กู ตอ ง พยายามชวยหายใจดว ยวิธปี ากตอปากอีกคร้งั
๒. ถาชวยหายใจแลวยังเปาลมไมเขา จับผูปวยนอนตะแคงตบบริเวณหลัง ๔ คร้ัง
• หากตอ งการเอานํา้ ออกจากกระเพาะอาหาร ตดิ ตอ กัน
และปอดของผูปว ย ควรปฏบิ ัติอยา งไร ๓. กดบริเวณหนา ทอ งหรอื หนา อก ๔ ครั้งตดิ ตอ กัน
(แนวตอบ ๔. ยกคางขึ้น ใชน วิ้ มือลว งเอาสิ่งแปลกปลอมออกจากปาก
1. ใชนว้ิ ลวงคอใหอาเจยี น แลวจับแบก ๕. เริ่มชวยหายใจดวยวิธีปากตอปากใหมอีกคร้ัง
พาดบา แลวพาวิ่งซ่งึ จะชวยเขยา ให
นํา้ ออก การชว ยเหลอื ผทู จี่ มนา้ํ เปน เรอ่ื งทตี่ อ งระมดั ระวงั เปน อยา งมาก ดงั นน้ั การตดั สนิ ใจทจ่ี ะใหก าร
2. ใหผูปว ยนอนคว่าํ ผูชวยเหลอื ยืนครอม ชวยเหลืออยางใดอยางหน่ึงจึงตองแขงกับเวลา แตสิ่งท่ีสําคัญที่สุดก็คือ ผูที่ใหความชวยเหลือ
ผูป ว ยตรงระดบั สะโพก โดยหันหนา ไปทาง จะตองไมตื่นตระหนกตกใจจนทําอะไรไมถูก และตองจดจําไวเสมอวา ผูใหความชวยเหลือตอง
ศรี ษะของผูปวย หลงั จากนั้นใชม ือท้ังสอง ปลอดภยั เพยี งพอดวย
จับบริเวณใตชายโครงของผูป ว ยแลว ยกข้นึ
และวางลงสลบั กนั ซงึ่ จะทาํ ใหนา้ํ ออกจาก à¡Ã´ç ¹‹ÒÃŒÙ
ปากและจมูก)
การชว ยเหลือคนตกนํา้ หรอื จมนาํ้
อบุ ตั เิ หตทุ างนาํ้ เกดิ ขนึ้ ไดง า ย ดงั นนั้ การเรยี นรวู ธิ กี ารชว ยเหลอื คนตกนา้ํ หรอื จมนา้ํ จงึ เปน สงิ่ สาํ คญั ทจี่ ะตอ ง

ใหการชว ยเหลอื อยา งเรงดวนจึงจะชว ยคนจมนํา้ ไดทันเวลา โดยการชว ยเหลอื คนจมนํ้านั้นมหี ลายวิธี ดงั นี้
■ การชว ยเหลือจากบนบก วิธีน้ีผูชว ยเหลอื และคนทต่ี กนาํ้ จะตอ งอยูไ มไกลกนั สามารถยืน่ อุปกรณใหเขาจบั

ได เชน เส้อื กางเกง ผาเชด็ ตัว เข็มขดั ทอ นไม หรือส่ิงของใกลตวั อ่นื ๆ หรืออาจใชมอื หรือขาของเราแทนก็ได แต
ตองระวังอยา ใหเ ขาดงึ เราตกน้ําไปดวย

■ การชว ยเหลือโดยอยูบ นเรอื หากเราอยูบนเรือ สามารถใชเรอื พายหรือเรือยนตเขาไปชว ยได หากเปน เรือ
เล็กควรดงึ ผูท่ตี กนํา้ ข้นึ มาทางดานหัวเรอื เพอื่ ไมใ หเรือพลกิ คว่าํ การดึงข้นึ ทางหัวเรือที่มีความสงู มากกวา กราบเรอื
นั้น ใหน อนราบลงแลว ใชเทา ขดั กับท่นี ่งั เอาไว จากนน้ั โนม ตวั ใหศรี ษะและไหลท าบอยูบนหวั เรือ จบั ขอ มือของคน
ตกน้าํ เอาไว แลว ออกแรงดงึ เขาข้ึนมา

■ การชว ยเหลอื โดยผชู ว ยเหลือตอ งลงไปในนาํ้
กรณที น่ี าํ้ ตนื้ ผชู ว ยเหลอื สามารถลยุ นาํ้ ออกไปชว ยได และควรถอดเสอ้ื ผา หรอื เครอ่ื งประดบั ทเี่ ปน ตวั ถว งออก
กอน หรืออาจใชคนหลายคนเก่ียวแขนตอ กนั แลว เอ้อื มมือไปดึงคนตกน้าํ ขึน้ มา
กรณที ่นี ํ้าลกึ และคนทต่ี กนํา้ อยไู กล วิธีการชว ยเหลือกค็ ือ วา ยนา้ํ ออกไปและใชว ตั ถทุ ลี่ อยน้าํ ไดเปน ตวั ชวย
เชน หว งยาง ยางในรถยนต ถังน้ํามนั เกา ขอนไม เม่อื วายนา้ํ เขา ไปจวนจะถึงตัวคนทตี่ กน้ํา ใหหยุดอยูห างๆ แลว
ยืน่ หรอื โยนอุปกรณใ หเ ขาเกาะ แลวจงึ ลากเขาเขามา
ที่มาขอ มลู : ดดั แปลงจาก http://www.thaihealth.or.th/healthcontent/article/21726
๑๕๐

เกรด็ แนะครู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT
การชว ยฟน คืนชพี ผปู วยหมดสติ หยุดหายใจจากการจมนํา้
ครคู วรใหนักเรียนอา นเกร็ดนา รเู รื่อง การชวยเหลอื คนตกน้ํา หรือจมนํ้าเพ่ิมเตมิ ขอ ใดไดผ ลดีท่สี ุด
เน่ืองจากการชว ยเหลอื คนจมน้าํ น้นั จะมีหลายวธิ ี ซึง่ นักเรียนจาํ เปน ตอ งรเู พอ่ื เปน 1. ชว ยหายใจสลบั กบั การนวดหวั ใจ
ประโยชนตอการชว ยเหลือผปู วยท่ีประสบเหตุการณการจมน้าํ ในลักษณะตา งๆ ได 2. จับแบกใสบาแลวว่ิงกระแทกแรงๆ
อยา งถูกตอง 3. จบั ผปู วยนอนหงาย ยกขาใหสูงขึ้น
4. ใหนํา้ ออกทางปาก จับผูปวยนอนคว่าํ กดหลงั แรงๆ
นอกจากน้คี รยู ังสามารถอธบิ ายเพิ่มเติมวา หากพบวา ผูปว ยที่จมน้าํ มีอาการ วิเคราะหค ําตอบ ควรชวยหายใจสลบั กับการนวดหัวใจ
ปากซีด ผูชว ยเหลือควรรบี ทาํ การชว ยหายใจอยา งเรง ดว น เน่อื งจากอาการดงั กลา ว เนอ่ื งจากเปน วิธกี ารชว ยฟนคนื ชีพพ้ืนฐานที่ดแี ละถกู ตอ งทส่ี ุด
เปน อาการทบ่ี งบอกถงึ การขาดออกซิเจนและหยุดหายใจ ทง้ั น้ีผูชว ยเหลอื ควรต้งั สติ โดยใชห ลักการของ ABC (The ABC of Resuscitation) ไดแก
และตรวจสอบชองทางเดนิ หายใจกอ น Airway คือ การเปด ทางเดนิ หายใจ Breathing คือ การชวย
หายใจ และ Circulation คอื การนวดหัวใจ ตอบขอ 1.

150 คมู่ ือครู

กระตุน้ ความสนใจ สา� รวจค้นหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู้ ู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู้

๕.๓ อบุ ัติเหตุจากการถกู ไฟไหม ใหน กั เรยี นกลุมทจี่ ับสลากไดประเดน็
อุบตั เิ หตุจากการถกู ไฟไหมออกมาสรุปสาระสาํ คัญ
กรณที เี่ กดิ เพลงิ ไหม นอกจากผปู ว ยจะหายใจสดู เอาควนั เขา ไปแลว บางรายอาจมอี าการ หนาชน้ั เรยี น จากน้ันใหนักเรียนสาธิตการชว ย
ช็อก หรอื บางรายอาจถูกไฟลวก หรือถกู ความรอนทที่ าํ ใหพ พุ อง ซง่ึ ผูใดทพี่ บเหน็ เหตุการณควร ฟน คนื ชีพในสถานการณด ังกลา ว เม่ือเสรจ็ ส้ิน
ใหค วามชว ยเหลอื ดว ยการปฏิบตั ิ ดังน้ี การสาธติ แลว ครแู ละนักเรียนกลุมอ่ืนๆ รว มกัน
เสนอแนะเพม่ิ เตมิ และตง้ั คําถามเพอ่ื นาํ ไปสู
๑. ยา ยผปู ว ยออกจากสถานทเ่ี กดิ เหตโุ ดยเรว็ โดยยา ยผปู ว ยไปอยใู นทท่ี ม่ี อี ากาศบรสิ ทุ ธิ์ ขอ สรุปท่ถี ูกตอ งรว มกนั
และถายเทไดส ะดวก
• นักเรยี นควรใหความชว ยเหลือผูปว ยที่อยูใ น
๒. คลายเส้ือผาของผปู วยใหหลวม เพื่อใหผปู วยหายใจไดสะดวก เหตกุ ารณไฟไหมไดอ ยา งไร
๓. ตรวจดูบาดแผลที่อาจถูกไฟลวกหรือถูกความรอนที่ทําใหพุพอง ซึ่งถามีใหรีบ (แนวตอบ
ปฐมพยาบาลเบอ้ื งตนทนั ที 1. ยายผปู วยออกจากสถานท่ีเกิดเหตุ
๔. ผปู ว ยทม่ี อี าการชอ็ ก ใหจ ดั ทา โดยจดั ใหน อนราบ ศรี ษะตาํ่ เพอ่ื ใหเ ลอื ดไหลสสู มอง โดยเร็ว
มากขึ้น 2. คลายเสือ้ ผา ของผูปว ยใหหลวม
๕. ถา ผูป วยหายใจไมส ะดวกใหช วยฟน คืนชพี ดวยการเปา ปาก 3. ตรวจดบู าดแผลท่อี าจถูกไฟลวกหรือถกู
๖. ใหความอบอุนแกรางกายของผูปว ยอยางเพยี งพอ ความรอนที่ทําใหพพุ อง
๗. คอยสังเกตและระวงั อาการเปล่ยี นแปลงทางดานการหายใจ และชพี จร 4. ผูปวยท่มี อี าการช็อก ใหจดั ทาโดยจัดให
๘. รีบนาํ ผูปวยสงสถานพยาบาล โดยเรว็ ท่สี ุด นอนราบ ศรี ษะตํ่า เพ่ือใหเ ลือดไหลสู
สมองมากขึน้
5. ถาผูปว ยหายใจไมสะดวกใหชวยฟน
คนื ชพี ดวยการเปาปาก
6. ใหค วามอบอุนแกรางกายของผูปว ย และ
รีบนําผูปวยสงสถานพยาบาลโดยเรว็
ทส่ี ุด)

เมื่อเกิดเพลิงไหม ควรเคลื่อนยายผูปวยไปอยูท่ีท่ีมีอากาศถายเทไดสะดวกโดยเร็ว เพราะผูปวยอาจสําลักควัน
และทาํ ใหห ายใจลาํ บาก ซ่งึ อาจเปนอนั ตรายถึงแกช วี ติ ได โดยคาํ นงึ ถึงความปลอดภยั ของตนเองเปน หลกั ดว ย

๑๕๑

ขอใดไมใ ช อาการของผูปว ยสาํ ลกั ควนั ไฟ ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT เกร็ดแนะครู
1. มึนศรี ษะ อาเจยี น
2. หนาดาํ เลอะเทอะ ครคู วรอธบิ ายเพิ่มเตมิ วา อาการของผูปว ยท่ีสาํ ลกั ควันไฟจากอุบัติเหตกุ ารถูก
3. ตัวซดี เยน็ ไมรสู ึกตัว ไฟไหมน ้นั จะมีอาการแตกตางไปจากผปู ว ยทจี่ มนาํ้ เนอ่ื งจากสถานการณไฟไหมนี้
4. หนามดื กระสบั กระสา ย ไมเพียงแคข าดอากาศเทาน้ัน แตไดร บั แกส พิษดว ย ดงั นัน้ หากประสบเหตุการณ
ไฟไหม เราจงึ ควรหมอบตา่ํ เพอื่ หาแกสออกซิเจนทลี่ อยตัวตํา่ กวา แกส อืน่ ๆ ท้งั นี้
วิเคราะหคําตอบ การทห่ี นา ดํา เลอะเทอะน้นั เปน ลักษณะภายนอกท่ี เพ่ือปอ งกันการขาดออกซิเจน
สามารถมองเห็นได และไมม ีผลกระทบใดๆ ตอ รางกาย แตอ าการอนื่ ๆ
เชน มึนศีรษะ อาเจียน ไมร สู ึกตัว เปนตน เปน อาการแสดงของผูปวยท่ี มุม IT

สง ผลใหเ กิดอันตรายถงึ ชวี ติ ได ตอบขอ 1. ศกึ ษาเพ่มิ เติมเกี่ยวกับการปฐมพยาบาลผปู ว ยเนอ่ื งจากสําลักควันไฟ ไดจาก
http://www.healththai.com/content_detail.php?id=181

ค่มู ือครู 151

กระตนุ้ ความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขข้าา้ใจใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Evaluate
Engage Expand Expand

ขยายความเขา้ ใจ

ใหน กั เรียนศกึ ษาเพมิ่ เติมเรอ่ื ง แหลงขอความ แหลงขอความชว ยเหลือท่คี วรรจู ัก เสริมสาระ
ชว ยเหลือทีค่ วรรูจัก จากเสรมิ สาระ จากน้ันให
นักเรยี นรว มกนั สรุปสาระสําคัญของเร่ืองวา เมื่อเกิด เม่ือเกดิ สถานการณท่ไี มป ลอดภัยตอตนเอง ควรขอความชว ยเหลือ
สถานการณตา งๆ ท่ไี มปลอดภัยตอ ตนเอง นักเรียน และขอคําปรกึ ษาจากหนวยงานดงั ตอไปน้ี
จะสามารถขอความชวยเหลือและขอคําปรึกษาจาก
หนว ยงานใดไดบา ง โดยอาจใหนกั เรียนชว ยกันยก ๑. สถานีตํารวจทอ่ี ยใู กลท เ่ี กิดเหตุท่สี ดุ หรือโทรศัพท ๑๙๑
ตวั อยางหนวยงานตางๆ ทีม่ สี วนเก่ยี วของในการ เม่ือเกดิ เหตรุ ายตางๆ
ชวยเหลือ โดยครูเสนอแนะเพ่ิมเตมิ เพื่อนําไปสู ๒. หนว ยดบั เพลงิ ทใี่ กลท ส่ี ุด หรอื โทรศพั ท ๑๙๙ เมอ่ื เกิดเหตุ
ขอ สรุปท่ถี กู ตองรวมกัน เพลงิ ไหม
๓. ทีว่ าการอาํ เภอในพ้ืนที่เกดิ เหตุ เมอื่ เกิดภยั ธรรมชาติ
ใหน ักเรยี นแบงกลุม กลมุ ละ 3-4 คน ศกึ ษา ๔. เจาหนา ทอี่ ุทยานแหงชาติ เมือ่ เกิดเหตุรายในปา หรอื อทุ ยานแหง ชาติ
เพ่มิ เตมิ เรือ่ ง การชว ยฟน คืนชีพในสถานการณ ๕. ศศูนูนยยนวิเกรฤนตทิสรุขหภราอื พโทจริต1ศัพ(Mท C๑C๖๖)๙ใหเมคอื่ ําเกปดิรึอกุบษตัาเิใหนตกุหารรอืเจฉรุกจเฉานิตอรองเพ่ือชวยเหลือตัวประกัน
ตา งๆ ทนี่ อกเหนือจากในหนงั สือเรียน กลมุ ละ 1 ๖.
เรื่อง แลว ใหแตล ะกลุมออกมาแสดงบทบาทสมมติ
หนาช้ันเรียน

โทรศัพท ๐-๒๘๘๙-๙๐๖๖-๗ ตอ ๑๔๐๗
๗. หนวยกภู ยั ที่ใกลก บั ท่เี กิดเหตุทสี่ ุด เมื่อเกดิ อุบตั ิเหตหุ รอื เหตฉุ ุกเฉิน
๘. กรมทางหลวง เมอ่ื เกดิ อบุ ัตเิ หตหุ รอื เหตุรา ยบนทองถนนหลวง โทรศัพท ๐-๒๓๕๔-๖๖๕๘-๖๐
๙. สถานีวทิ ยรุ ว มดว ยชวยกนั เมื่อเกดิ อบุ ัตเิ หตหุ รอื มคี นไดร ับบาดเจบ็ โทรศพั ท ๑๖๗๗
๑๐. โรงพยาบาลใกลเ คียงทกุ แหง เม่ือเกดิ อุบัติเหตุหรือมคี นไขไ ดรับบาดเจ็บ
๑๑. สถานีวทิ ยุ จ.ส. ๑๐๐ โทรศพั ท ๑๑๓๗
๑๒. สถานวี ิทยุ สวพ. ๙๑ โทรศัพท ๑๖๔๔ หรือ ๐-๒๕๖๒-๐๐๓๓-๔

สรปุ

การชวยฟนคืนชีพ เปนวิธีการชวยเหลือผูปวยที่กําลังจะเสียชีวิต และหยุดหายใจอยาง
กะทันหัน ซ่ึงสามารถใหการชวยเหลือไดดวยการชวยฟนคืนชีพ หรือ ซีพีอาร (CPR) โดยมี
หลักการชว ยชวี ติ คือ การเปดชอ งทางเดนิ หายใจเพอ่ื ใหอ อกซเิ จนผา นเขา ไปในปอด การเปา ลม
เขาปอดของผูปวย และการกดหนาอกหรือหนาทองเพื่อกระตุนใหหัวใจทํางาน โดยปฏิบัติการ
ชวยชวี ติ อยางตอ เน่อื ง หรอื แมแ ตการเกดิ บาดแผลที่มเี ลือดไหล นกั เรยี นก็จะตองรูจักวธิ กี ารหาม
เลอื ดทถ่ี กู ตอ งไมว า บาดแผลจะเกดิ บรเิ วณใดของรา งกาย ตลอดจนสามารถชว ยเหลอื ผปู ว ยคนอนื่ ๆ
ไดใ นสถานการณต า งๆ ซง่ึ ในบางกรณอี าจจะตอ งมกี ารเคลอื่ นยา ยผปู ว ยกอ นทาํ การชว ยฟน คนื ชพี
ดงั นั้นจึงจําเปนทเ่ี ราจะตองรหู ลกั ในการเคล่อื นยายผปู วยอยา งถูกตองดวยเชนกัน
๑๕๒

เกรด็ แนะครู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT
เหตกุ ารณใ ดตอ ไปน้ี ทนี่ กั เรยี นตองโทรแจง เหตุเพอื่ ขอความ
ในระหวา งทนี่ กั เรยี นแสดงบทบาทสมมตนิ ้ัน ครูสามารถทําการประเมินผลและ ชวยเหลอื จากระบบการแพทยฉ กุ เฉนิ
ใหคะแนนนกั เรียนได โดยอาจสรา งแบบประเมนิ ดวยตนเอง ทั้งนี้เพ่ือเปน การ 1. ผปู ว ยทางเดนิ หายใจอุดตัน หายใจตดิ ขดั
ตรวจสอบขอมลู หรอื เนื้อหาท่นี ักเรียนไดสืบคนมาวามีความถูกตองหรือไม และ 2. ผปู ว ยมะเรง็ รบั ประทานอาหารไมไ ด
นกั เรยี นสามารถแสดงวธิ กี ารชวยฟน คนื ชีพไดอยา งถกู ตอ งตามหลักการชว ย 3. ผูปว ยเบาหวาน ปส สาวะบอ ย
ฟนคืนชีพไดมากนอ ยเพยี งใด 4. ผูปว ยเปนไขห วดั มีไข
วเิ คราะหค าํ ตอบ เมือ่ พบผูป ว ยทางเดินหายใจอดุ ตัน มอี าการ
นกั เรียนควรรู หายใจตดิ ขดั ควรรีบโทรแจงเหตฉุ ุกเฉินทันที โดยในขณะท่ีกาํ ลงั
รอรถพยาบาลอยูนั้น ผชู ว ยเหลือควรทําการชวยหายใจ และนวด
1 ศนู ยวกิ ฤตสุขภาพจิต ยอมาจาก Mental Health Crisis Center ซ่งึ จัดตงั้ หวั ใจผปู ว ยรว มดว ย เพือ่ ไมใ หผปู วยหยุดหายใจกะทันหัน ซ่งึ ถา
โดยกรมสุขภาพจติ แหง ประเทศไทย เพอ่ื ทาํ หนา ทป่ี ระสานงานกบั หนวยงานอื่นที่ หากหยดุ การชว ยหายใจ อาจทําใหผ ปู ว ยเสยี ชีวิตได ตอบขอ 1.
เกีย่ วขอ งในการใหความชวยเหลอื และใหคาํ ปรกึ ษาในการแกไ ขสุขภาพจิตแกผูปว ย
และประชาชนทัว่ ไป

152 คู่มอื ครู

กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Engage Explore Explain
Expand Evaluate

ตรวจสอบผล Evaluate

¤íÒ¶ÒÁ»ÃШÓ˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹Ì٠1. การสรุปสาระสําคัญเปน ภาพแสดงการชวย
ฟน คนื ชีพ
๑ เพราะเหตุใด ผชู ว ยเหลือจะตอ งมีสติเม่ือทําการชวยฟนคนื ชพี
๒ หากนักเรยี นพบเหน็ ผูป ว ยหยุดหายใจกะทนั หัน นักเรียนจะปฏิบัตสิ ิ่งใดเปนลาํ ดับแรก เพราะเหตใุ ด 2. การทาํ แผน พบั เรอ่ื ง การหา มเลอื ด
๓ ยกตัวอยางวิธีการหามเลือดที่สามารถทําไดงายมา ๑ ตัวอยาง แลววิเคราะหวาเพราะเหตุใดวิธี 3. การแสดงบทบาทสมมติ เรอ่ื ง การชว ยฟน

ดงั กลาวจงึ สามารถหยดุ เลือดไดใ นเวลาอันรวดเรว็ คนื ชีพในสถานการณตา งๆ
๔ อบุ ัติเหตตุ า งๆ ที่เกิดข้นึ ในปจ จบุ ัน นกั เรียนคิดวา สงผลกระทบตอ สังคมหรอื ไม เพราะเหตุใด
๕ หลักการทั่วไปของการชวยฟนคืนชีพในสถานการณตางๆ ท่ีมีความคลายคลึงกันมีอะไรบาง พรอม หลกั ฐานแสดงผลการเรียนรู

อธบิ ายใหเ หตุผลประกอบ 1. ภาพแสดงการชว ยฟนคนื ชีพ
2. แผน พบั เรอ่ื ง การหามเลอื ด

กิจก๑รรมท่ี ¡Ô¨¡ÃÃÁ

กจิ ก๒รรมท่ี ÊÌҧÊÃ侏 ²Ñ ¹Ò¡ÒÃàÃÕ¹ÌÙ
กจิ ก๓รรมท่ี
นักเรียนแบงกลุม กลุมละ ๕ คน โดยใหแตละกลุมแสดงทาการปฏิบัติ
ชว ยเหลอื ผปู วยใหฟ น คืนชีพดวยการทาํ ซีพีอาร ตามลาํ ดับขั้นตอนของการ
ปฏิบัติกบั หนุ จาํ ลอง
นกั เรยี นแบง กลมุ กลมุ ละ ๓ คน จากนนั้ ใหแ สดงการปฏบิ ตั ใิ นการเคลอ่ื นยา ย
ผูป วยท่วั ไป และผปู วยกระดกู สันหลงั หกั แลว ใหนักเรียนแตละคนจัดทําเปน
รายงานสง ครูผูสอน
นกั เรยี นรว มกนั จดั นิทรรศการการชวยฟน คนื ชพี

๑๕๓

แนวตอบ คาํ ถามประจําหนวยการเรียนรู
1. เพราะการมสี ติ จะทาํ ใหผูช วยเหลอื สามารถชวยเหลือผูปวยไดอยา งมปี ระสิทธิภาพ เนือ่ งจากผูชว ยเหลือจะตองตัง้ สติกอ นวา ผูปว ยไดรับบาดเจบ็ อยางไร มคี วาม

รนุ แรงมากนอยเพียงใด ซึง่ ผชู ว ยเหลือจะไดชว ยเหลอื ไดอ ยางถูกขนั้ ตอน และตองจดจาํ สถานทีเ่ กิดเหตุ สถานการณท่เี กดิ ขนึ้ เพือ่ โทรแจงขอความชว ยเหลอื จาก
หนวยงานตา งๆ ท่เี กีย่ วขอ งใหรับทราบ เพ่อื จะไดร บี นําผปู ว ยสง โรงพยาบาลไดอยา งทนั ทว งที
2. ควรชว ยเหลอื ผปู ว ยดวยวิธเี ปา ปาก (Mouth to Mouth) เพราะจะชว ยใหผปู วยเกิดการหายใจขึน้ ทง้ั นค้ี วรระมัดระวังการชวยเหลือผตู ิดเชอื้ เอดส (HIV) โดยการ
ตรวจดวู าผปู ว ยมแี ผลในชอ งปากหรอื บริเวณผวิ หนงั รอบปากหรอื ไมก อ นการชวยเหลอื
3. เชน วิธีการหา มเลอื ดบริเวณฝา มือดว ยการใชนํา้ แข็ง โดยจะใชนํา้ แข็งประคบไวทบี่ ริเวณแผล ซึ่งความเย็นจะทําใหห ลอดเลือดตบี และเลือดท่ีออกมาจะแขง็ ตัว
จึงทาํ ใหเลอื ดหยุดไหลได
4. สง ผลกระทบตอสงั คม เพราะเมือ่ เกดิ อุบัตเิ หตุตา งๆ จะทาํ ใหบ ุคคลท่อี ยบู รเิ วณนน้ั หรอื ผูทีไ่ มไดมีสวนเกีย่ วของพลอยไดรบั ผลกระทบจากเหตุการณต างๆ ไปดว ย
โดยอาจทําใหเกดิ การบาดเจบ็ พกิ าร หรอื เสียชวี ติ หรอื รฐั จาํ เปนจะตองสญู เสียงบประมาณในเรื่องของคา รักษาพยาบาล คา ซอ มแซมสถานท่ีจุดเกิดเหตุตา งๆ
5. เชน จะตอ งมีการตรวจสอบการหายใจและคลําชพี จรของผปู วยกอ นเปนลําดบั แรก ถา ผปู ว ยไมห ายใจจะตองชว ยเหลอื ดวยวธิ เี ปาปาก จากนั้นรีบนําผปู วยสง
โรงพยาบาลอยา งเรง ดวน เปน ตน ซงึ่ หลกั การในการชวยเหลือผูป ว ยดงั ทไ่ี ดกลา วมาแลว เรามกั จะใชกับสถานการณท่ีมีความรนุ แรง และมีผูปวยท่มี อี าการหมดสติ
หรอื หยดุ หายใจกะทันหัน เชน การเกิดอุบัตเิ หตุ การจมนา้ํ การสาํ ลักควันไฟ เปน ตน

คู่มือครู 153

กระตนุ้ ความสนใจ สำ� รวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate

ºÃóҹءÃÁ

กาญจนศกั ดิ์ ผลบรู ณ. ๒๕๔๓. การจดั การสง่ิ แวดลอ มในระบบสขุ ภาพ. นนทบรุ ี : สถาบนั วจิ ยั ระบบสาธารณสขุ ,
จนั ทรเ พ็ญ ชปู ระภาวรรณ. ๒๕๔๓. สถานะสุขภาพคนไทย. กรุงเทพมหานคร : อษุ าการพมิ พ.
ทวีวรรณ ชาลเี ครือ. ๒๕๔๓. รายงานการวจิ ยั : พฤติกรรมเสีย่ งดานเพศสมั พันธและปจจยั ท่มี คี วามสมั พนั ธ

ตอ การมเี พศสัมพันธข องนกั เรียนวัยรุน ในโรงเรยี นสังกัดกรมสามญั ศกึ ษา จังหวัดเพชรบูรณ.
พนม เกตมุ าน. ๒๕๓๘. โตแลวนะ…นาจะรไู ว กรงุ เทพฯ : ไทยวฒั นาพานชิ จาํ กัด.
พรรษชล บญุ ม.ี ๒๕๔๕. คา นยิ มเกย่ี วกบั การคบเพอื่ นตา งเพศและการมเี พศสมั พนั ธร ะหวา งศกึ ษาของประชาชน

ในเขตเทศบาลเมอื งมหาสารคาม จงั หวดั มหาสารคาม. ปรญิ ญานพิ นธ กศ.ม. (จติ วทิ ยาการศกึ ษา).
มหาสารคาม : บัณฑติ วทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลยั มหาสารคาม : อัดสาํ เนา.
พรสขุ หนุ นริ นั ดร. ๒๕๔๕. พฤตกิ รรมศาสตรท างสขุ ศกึ ษา. กรงุ เทพมหานคร : ภาควชิ าสขุ ศกึ ษา คณะพลศกึ ษา
มหาวิทยาลยั ศรีนครินทรวิโรฒ.
พูลสุข สังขร ุง . ๒๕๔๓. มนษุ ยสมั พนั ธในองคการ. กรงุ เทพมหานคร : ศนู ยเ อกสารและตาํ รา สถาบันราชภัฏ
สวนดุสติ .
มานี ชไู ทย, ๒๕๔๓. สขุ ศึกษาในชมุ ชน : หลกั และวิธีปฏิบตั .ิ เอกสารอดั สําเนา. ม.ป.ท..
สํานักงานคณะกรรมการ ๒๕๔๓. สาธารณสุขมูลฐาน. สํานกั งานปลดั กระทรวงสาธารณสขุ . เทคนิคธรรมชาติ
สรรคสรา งสขุ ภาพทด่ี ี. กรุงเทพมหานคร : องคก ารสงเคราะหทหารผานศกึ .
สํานักวิชาการและมาตรฐานการศกึ ษา, ๒๕๕๑. ตัวชวี้ ัดและสาระการเรียนรแู กนกลาง กลมุ สาระการเรยี นรู
สขุ ศึกษาและพลศึกษา. กรุงเทพมหานคร : ชมุ นมุ สหกรณการเกษตรแหงประเทศไทย.
สุทธพิ ันธ ตรรกไพจติ ร. ๒๕๔๔. ยาเสพตดิ หายนะของคนรนุ ใหม. กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พป ระสานมติ ร.
วราภรณ ตระกูลสฤษด์.ิ ๒๕๔๕. จิตวิทยาการปรับตวั . กรงุ เทพมหานคร : ศนู ยสงเสรมิ วชิ าการ.
ศรีเรอื น แกวกงั วาล. ๒๕๔๕. จิตวทิ ยาพฒั นาการชีวิตทุกชว งวยั : วัยรุน – วัยสูงอาย.ุ กรุงเทพมหานคร :
มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร.
American Collage of Emergency 2002. Physician. First Aid Manual. 2nd New York : DK Publishing.
Tay, Bevenly. 2007. Biology Insights. Singapore : Pearson Education South Asia Pty Limited.
Damien Davis, Tania Hamilton and Kime bustone. 2002. Health and Physicial Education book 1-2nd
Editon. Malaysia : 22 pt Minion,
Gilbert Glen R., Sawyer Robin G. and Mcneil Elisa B. 2009. Healt Education. Canada : Jones and
Bartett Publisher.
Hanson, Glen R., Venturelli, Peter I., and Fleekenstein Annette E. 2009. Drug and Society. Canada :
Jones and Bartett Publisher.
Lewis, Ricki, 2002. et al. Life. 4th edition. New York : McGraw-Hill.
Modules. 1999. Personal Development, Health and Physicial Education K-6. Sydney Australia : Board
of Studies NSW.
๑๕๔

154 คมู่ อื ครู

กระตุ้นความสนใจ สา� รวจคน้ หา อธบิ ายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate

ÀÒ¤¼¹Ç¡

¡ÒäíҹdzËÒ¤Ò‹ ´ªÑ ¹ÁÕ ÇÅ¡ÒÂ

คา ดชั นมี วลกายหรอื body mass index (BMI) เปน วธิ หี นงึ่ ทดี่ ที สี่ ดุ ในปจ จบุ นั ในการประเมนิ ภาวะโภชนาการ
ของประชากรโดยเฉพาะอยา งยง่ิ ภาวะนา้ํ หนกั เกนิ และโรคอว น เนอื่ งจากเสยี คา ใชจ า ยนอ ยและยงั ใชไ ดง า ยสาํ หรบั
บคุ คลทว่ั ไป ซงึ่ สามารถคาํ นวณโดยการใชน าํ้ หนกั ทม่ี หี นว ยเปน กโิ ลกรมั และความสงู ทม่ี หี นว ยเปน เมตร ดงั นี้

ดชั นมี วลกาย (BMI – กก./ม2) = นา้ํ หนกั (กก.)
ความสงู (เมตร) ยกกาํ ลงั สอง

กราฟดชั นมี วลกายของ CDC Body mass index for age (BMI-for-age)
ในป พ.ศ. ๒๕๔๓ องคก ร Center for Disease Control (CDC) ของประเทศสหรฐั อเมรกิ า ไดพ มิ พก ราฟ
ของการเจรญิ เตบิ โตของเดก็ และวยั รนุ ขนึ้ โดยนาํ กราฟอนั เกา ของ National Center for Health and Statistics
(NCHS) ทพ่ี มิ พใ นป พ.ศ. ๒๕๒๐ มาทบทวนใหมแ ละไดพ มิ พก ราฟดชั นมี วลกายตามอายแุ ละเพศ (BMI-for-age
and gender) ของทงั้ เพศชายและหญงิ ขน้ึ ในการประเมนิ ภาวะโภชนาการของเดก็ นนั้ CDC แนะนาํ ใหใ ชก ราฟ
BMI-for-age แทนทก่ี ราฟ weight-for-height สาํ หรบั เดก็ ทกุ คนทอี่ ายุ ๒-๒๐ ป

กราฟแสดงคา ดชั นมี วลกายตามอายขุ องเดก็ ชาย อายุ ๒-๒๐ ป (CDC 2000,USA)

* แหลง ทม่ี า : .(๒๕๔๗).วารสารโภชนบาํ บดั .๑๕(๓)

เกร็ดแนะครู

ครูสามารถใหนกั เรยี นชายประเมินภาวะโภชนาการของตนเองวา อยูในเกณฑ
มาตรฐานหรอื ไม โดยการใชสตู รการคาํ นวณหาคาดัชนมี วลกาย เมอื่ นกั เรียนไดค า
ดัชนมี วลกายแลว ครูจะใหน ักเรยี นชายนําคาทไี่ ดน้นั มาเปรยี บเทยี บกบั กราฟแสดง
คา ดัชนีมวลกายตามอายุของเด็กชายอายุ 2-20 ป โดยจะมเี กณฑ ดงั น้ี นํ้าหนักตํ่า
กวา มาตรฐาน นํา้ หนกั ตามเกณฑมาตรฐาน มคี วามเสยี่ งทจ่ี ะมีนา้ํ หนกั เกินเกณฑ
มาตรฐาน และน้ําหนักเกนิ เกณฑมาตรฐาน จากนนั้ ครอู าจใหน กั เรียนวิเคราะหว า
เพราะเหตใุ ดผลทไี่ ดจึงออกมาเปน เชน นนั้ หากนักเรียนมนี ้ําหนักไมเ ปนไปตาม
เกณฑมาตรฐาน นักเรยี นจะมีวิธีการแกไ ขปญหาน้นั ไดอ ยางไร และสาํ หรับนักเรยี น
ทีม่ ีนํา้ หนกั ตามเกณฑมาตรฐานควรสรา งเสรมิ สขุ ภาพของตนเองอยา งไรเพือ่ ใหมี
สุขภาพทีด่ ียิ่งขึน้ ไป

คมู่ อื ครู 155

กระตนุ้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธบิ ายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate

ÀÒ¤¼¹Ç¡

กราฟแสดงคา ดชั นมี วลกายตามอายขุ องเดก็ หญงิ อายุ ๒-๒๐ ป (CDC 2000,USA)
ตารางเกณฑป ระเมนิ คา ดชั นมี วลกาย (MBI-for-age) สาํ หรบั บคุ คลทม่ี อี ายุ ๒-๒๐ ป

คา ดัชนีมวลกาย (BMI-for-age) การแปลผล

นอยกวา ๕ เปอรเซน็ ไทล (Percentile) นํา้ หนกั ต่ํากวา มาตรฐาน
๕-๘๔ เปอรเซ็นไทล (Percentile) ปกติ

๘๕-๙๔ เปอรเ ซ็นไทล (Percentile) มคี วามเสยี่ งท่จี ะมีนา้ํ หนักเกนิ เกณฑ
มาตรฐาน
๙๕-๑๐๐
นํ้าหนักเกนิ เกณฑมาตรฐาน

* แหลง ทม่ี า : .(๒๕๔๗).วารสารโภชนบาํ บดั .๑๕(๓)

เกร็ดแนะครู

ครูสามารถใหนกั เรยี นหญงิ ประเมินภาวะโภชนาการของตนเองวา อยใู นเกณฑ
มาตรฐานหรอื ไม โดยการใชส ตู รการคาํ นวณหาคาดัชนีมวลกาย เมื่อนกั เรยี นไดค า
ดชั นมี วลกายแลว ครจู ะใหน ักเรียนหญงิ นําคา ทไ่ี ดน ้นั มาเปรียบเทียบกับกราฟแสดง
คา ดชั นมี วลกายตามอายุของเด็กหญิงอายุ 2-20 ป โดยจะมีเกณฑ ดงั นี้ นํ้าหนักตํ่า
กวามาตรฐาน นา้ํ หนกั ตามเกณฑมาตรฐาน มีความเส่ียงท่จี ะมนี ํา้ หนักเกนิ เกณฑ
มาตรฐาน และนาํ้ หนักเกินเกณฑม าตรฐาน จากนัน้ ครอู าจใหนกั เรียนวิเคราะหวา
เพราะเหตใุ ดผลทไ่ี ดจงึ ออกมาเปนเชน นัน้ หากนักเรียนมีนํา้ หนักไมเ ปน ไปตาม
เกณฑม าตรฐาน นกั เรียนจะมวี ธิ ีการแกไขปญหานน้ั ไดอยา งไร และสาํ หรับนกั เรยี น
ที่มนี ํา้ หนกั ตามเกณฑมาตรฐานควรสรางเสริมสขุ ภาพของตนเองอยา งไรเพ่อื ใหม ี
สุขภาพทดี่ ีย่งิ ขึน้ ไป

156 คู่มือครู


Click to View FlipBook Version