The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสือสุขศึกษา ม.4

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by เนาวรัตน์ สําเริง, 2021-07-20 07:15:08

หนังสือสุขศึกษา ม.4

หนังสือสุขศึกษา ม.4

กกรระตะตนุ Eุนnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain

กระตนุ ความสนใจ Engage

ครูต้งั คาํ ถามกระตุน ความสนใจของนักเรียน ๑. ยาและการใชย า
โดยใหน ักเรยี นสามารถแสดงความคดิ เห็นได
อยางอสิ ระ ยาเป็นหนึ่งในปัจจัยส่ีท่ีส�าคัญมาก ซ่ึงคนเราใช้ในการบ�าบัดโรค แต่ยาก็มีทั้งประโยชน์และ
โทษ กลา่ วคอื ถา้ รู้จกั ใช้ยาอยา่ งถูกตอ้ ง ยากจ็ ะ
• นกั เรยี นคิดวา ยาเปนสงิ่ ทีส่ ําคัญตอ การ ชว่ ยใหร้ า่ งกายของผปู้ ว่ ยหายเปน็ ปกตไิ ด ้ แตใ่ น
ดาํ เนนิ ชีวติ ของมนุษยอยา งไร ทางกลบั กนั หากใชย้ าไมถ่ กู ตอ้ ง นอกจากอาการ
(แนวตอบ ยาเปนหนงึ่ ในปจจัยสี่ทีส่ ําคัญมาก เจบ็ ไขไ้ ดป้ ว่ ยจะไมห่ ายแลว้ ยงั กอ่ ใหเ้ กดิ อนั ตราย
ซง่ึ ใชในการบําบดั โรคเม่อื ยามเจบ็ ปวย) ถงึ แก่ชวี ิตด้วย
ดังนั้น เราจึงควรเรียนรู้และศึกษา
• การใชยาอยา งถกู ตอ ง ควรทาํ อยางไรจงึ จะ วิธีการใช้ยาให้ปลอดภัย เพ่ือสุขภาพที่ดีของ
ปลอดภยั ตนเอง และสามารถแนะน�าบคุ คลอน่ื ได้
(แนวตอบ ควรใชย าใหถูกโรค ถูกคน ถูกเวลา
ถกู วธิ ี ถกู ขนาด และถกู ประเภท จงึ จะปลอดภยั ตู้ยาสามัญประจําบ้านควรมีไว้ประจําบ้าน เพ่ือใช้ในยาม ๑.๑ ความหมายและความ
และไมก อ ใหเกดิ อันตรายตอรางกาย) ฉกุ เฉนิ สําคัญของยา

สาํ รวจคน หา Explore ยา หมายถึง สารหรือวัตถุท่ีให้ผลต่อร่างกายและจิตใจ โดยมีจุดมุ่งหมาย เพ่ือ
การวิเคราะห ์ บ�าบดั บรรเทา รกั ษา และปอ งกนั โรคหรือความเจ็บป่วยของมนุษย์และสัตว์
ใหนักเรียนแบงกลมุ กลมุ ละ 3-4 คน ศึกษา
เร่ือง ยาและการใชย า จากหนังสอื เรยี นและ ความหมายของ “ยา” ตามพระราชบญั ญัตยิ า พ.ศ. ๒๕๒๒ คอื
แหลงเรยี นรอู ืน่ ๆ เพ่มิ เตมิ เพือ่ เตรียมนาํ เสนอ ๑. วัตถทุ ่ีรบั รองไวใ้ นตา� รายาใดๆ ทีร่ ัฐมนตรีระบไุ วใ้ นราชกิจจานุเบกษา
๒. วัตถุทีม่ ุง่ หมายส�าหรับใช้ในการวิเคราะห์ วนิ ิจฉยั บา� บดั รกั ษา หรือปอ งกันโรค หรือการเจบ็
อธบิ ายความรู Explain ปว่ ยของมนษุ ยแ์ ละสตั ว์
๓. วัตถุทีเ่ ป็นเภสชั เคมภี ัณฑ์ หรือเภสชั เคมีภณั ฑก์ ง่ึ ส�าเรจ็ รูป
ครสู มุ นกั เรียน 2 กลมุ ออกมานําเสนอเรอ่ื ง ๔. วตั ถทุ ี่มุง่ ส�าหรับให้เกิดผลแกส่ ุขภาพ โครงสรา้ ง หรอื การทา� หน้าที่ใดๆ ของรา่ งกายมนษุ ย์
ยาและการใชยา ในประเดน็ ความหมายและ และสตั ว์ วัตถตุ าม (๑) (๒) หรือ (๔)
ความสาํ คัญของยา โดยครแู ละนักเรียนคนอ่นื ๆ (ก) วตั ถุทีม่ งุ่ หมายสา� หรับใช้ในการเกษตรหรอื การอุตสาหกรรมตามทร่ี ัฐมนตรีประกาศ
รว มกนั เสนอแนะเพม่ิ เติม เพ่ือนาํ ไปสขู อสรปุ (ข) วตั ถุทมี่ ุ่งหมายสา� หรบั ใชเ้ ปน็ อาหารส�าหรับมนษุ ย ์ เครอ่ื งกฬี า เคร่อื งมือ เครือ่ งใช้ใน
ท่ีถกู ตองรว มกัน การสง่ เสรมิ สขุ ภาพ เครอื่ งสา� อาง หรอื เครอ่ื งมอื และสว่ นประกอบของเครอ่ื งมอื ทใ่ี ชใ้ นการประกอบ
โรคศลิ ปะ หรือวชิ าชพี เวชกรรม
(ค) วัตถทุ ่ีมงุ่ หมายส�าหรับใชใ้ นหอ้ งวิทยาศาสตรส์ า� หรับการวิจยั การวิเคราะห์ หรือ การ
ชันสตู รโรค ซ่ึงมไิ ดก้ ระท�าโดยตรงตอ่ รา่ งกายของมนษุ ย์

9๒

เบศรู ณรากษารฐกจิ พอเพียง ขอสอบเนน การคิด
นกั เรยี นคิดวา อาหารเสริมเปน ยาชนดิ หนงึ่ ทใ่ี ชในการบําบดั รกั ษา
ครูอธิบายเพ่ิมเติมวา สมุนไพรบางชนิดสามารถนํามาปลูกไวเปนยาสามัญ โรคไดห รอื ไม เพราะเหตใุ ด
ประจําบานไดเชนกัน เพราะมีสรรพคุณไมนอยไปกวายาแผนปจจุบัน เม่ือเกิดการ แนวตอบ อาหารเสริมไมจ ัดวา เปนยาทีใ่ ชใ นการบําบดั รักษาโรค
เจ็บปวยเล็กๆ นอยๆ ก็สามารถเก็บมาใชบําบัดรักษาโรคใหกับตนเองและสมาชิก แตเปน ผลติ ภณั ฑทีใ่ ชรบั ประทานเพ่ือเสริมจากอาหารหลัก ไมมี
ในครอบครัวไดอยางทันทวงที เชน ขมิ้นชัน มีสรรพคุณแกโรคทองอืด ทองเฟอ สรรพคุณในการรกั ษาอาการเจ็บไขไดป วยหรอื บําบดั โรคใดๆ
ฟาทะลายโจร แกอ าการเจบ็ คอ แกไอ วานหางจระเข รกั ษาแผลไฟไหม นาํ้ รอนลวก ทั้งสนิ้ แตมจี ุดมงุ หมายเพอ่ื ปองกันการเกิดโรคในคนที่มสี ุขภาพ
เปนตน ปกติเทา นั้น

ใหน กั เรยี นสบื คน สมนุ ไพรทม่ี สี รรพคณุ ในการบาํ บดั รกั ษาโรคหรอื อาการเจบ็ ปว ย
เลก็ นอย มาอยางนอ ย 5 ชนิด แลว สรุปสาระสาํ คัญ ไดแ ก สรรพคณุ และวิธกี ารรักษา
พรอมรูปภาพ จดั ทําเปนรายงานรูปเลม สงครูผสู อน

92 คูมือครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

๑.๒ ประเภทของยา ครสู มุ นักเรียน 2 กลุม โดยไมซ า้ํ กับกลมุ เดมิ
ออกมานาํ เสนอเร่ือง ยาและการใชย า ในประเดน็
สามารถแบ่งออกเป็นประเภทได ้ ดังนี้ ประเภทของยา โดยครูและนกั เรยี นคนอน่ื ๆ
รว มกนั เสนอแนะเพิม่ เตมิ และตัง้ คาํ ถามเพ่อื ใหได
ประเภทของยา ขอ สรุปท่ีถูกตองรว มกนั

ยาประเภท ๑. ยาสามญั ประจ�าบา้ น หมายความวา่ ยาแผนปัจจุบนั หรอื ยาแผนโบราณท่ี • ยาสามารถแบง ออกเปน กปี่ ระเภท อะไรบา ง
ที่แบ่งตามลักษณะ รฐั มนตรีประกาศเป็นยาสามัญประจา� บ้านซ่ึงอาจเรียกชอื่ ได้อกี อยา่ งหนงึ่ (แนวตอบ 3 ประเภท ไดแ ก ยาประเภททแี่ บง
การควบคมุ การขาย วา่ “ยาตา� ราหลวง” ยาจ�าพวกนถ้ี ือว่าควรมีไวป้ ระจา� บา้ น โดยเป็นยาท่มี ี ตามลกั ษณะการควบคมุ การขาย ยาประเภท
ยาประเภท ความปลอดภัยสงู และเปน็ ยาท่เี ราจะมโี อกาสใช้บอ่ ย ที่แบง ตามลักษณะกําเนิดของยา และยา
ทแี่ บง่ ตามลักษณะ ประเภททแ่ี บงตามลกั ษณะการใช)
กา� เนิดของยา ๒. ยาอันตราย หมายความวา่ ยาแผนปจั จบุ นั หรือยาแผนโบราณท่ีรฐั มนตรี
ประกาศเป็นยาอันตราย ยาประเภทนี้หากน�ามาใช้ไม่ถูกต้อง เช่น ใช้ • ยาแผนปจ จุบันแตกตา งจากยาแผนโบราณ
เกนิ ขนาดท่กี �าหนดไวห้ รอื ใช้ไม่ถกู วธิ ี ก็จะเกดิ อันตรายต่อผู้ใช้ได ้ เปน็ ตน้ อยางไร
(แนวตอบ ยาแผนปจ จุบนั จะมกี ารสงั เคราะห
๓. ยาควบคุมพิเศษ หมายความว่า ยาแผนปัจจุบันหรือยาแผนโบราณ สารเคมรี วมกับสารทสี่ กดั จากธรรมชาติ
ทร่ี ฐั มนตรปี ระกาศเปน็ ยาควบคมุ พเิ ศษการจา� หนา่ ยยาประเภทนจ้ี ะตอ้ งมี หรอื ท่ีเรยี กกันวา ยาปฏชิ ีวนะ แตสาํ หรบั
ยาแผนโบราณจะใชส ารสกัดจากธรรมชาติ
ใทบีร่ สูจ้ ง่ักั แกพนั ทแยพเ์ ทรห่า่ นลนั้าย เ พเชรน่าะ ยยาาปนรอะนเภหทลนับ1อ้ี ยาาจรทะา�งใับหปเ้ สรพะสตาดิ ทไ ดยย้ าาทคีม่ วีฤบทคมุธ์ติพอ่ เิ ศจษิต โดยตรง เชน สมุนไพรตา งๆ เปน ตน ซ่ึง
อาจมกี ารจดบันทกึ ไวใ นสมยั อดีตทส่ี ืบทอด
และประสาท เป็นต้น ตอ กันมา)
๔. ยาอน่ื ๆ หมายความวา่ ยาทไี่ มจ่ ดั อยใู่ น ๓ ประเภททกี่ ลา่ วมา ยาประเภท

๑. ยนาีส้ แาผมนารปถัจขจาุบยันไ2ด้ใหนรม้าานยขคาวยายมาวแ่าผ นยปาจั ทจุบี่มนัุ่งทหัว่มไาปยเพ่ือใช้ส�าหรับในการ

ประกอบวิชาชีพเวชกรรม การประกอบโรคศิลปะแผนปัจจุบัน หรือการ
บา� บดั โรคสตั ว์
๒. ยาแผนโบราณ หมายความวา่ ยาทมี่ งุ่ หมายสา� หรบั ใชใ้ นการประกอบโรค
ศิลปะแผนโบราณ หรือการบ�าบัดโรคสัตว์ ซ่ึงอยู่ในต�ารายาแผนโบราณ
ทร่ี ฐั มนตรปี ระกาศหรอื ยาทร่ี ฐั มนตรปี ระกาศเปน็ ยาแผนโบราณ หรอื ยาท่ี
ไดร้ ับอนุญาตโดยให้ขึน้ ทะเบียนต�ารบั ยาเป็นยาแผนโบราณ
๓. ยาสมนุ ไพร หมายความวา่ ยาที่ได้จากพฤกษชาต ิ สัตว์ หรอื แร ่ ซ่ึงมิได้
ผสมปรงุ หรือแปรสภาพ

ยาประเภท ๑. ยาใช้ภายนอก หมายความว่า ยาแผนปัจจุบันหรือยาแผนโบราณที่
ท่ีแบ่งตามลกั ษณะ มงุ่ หมายสา� หรบั ใชภ้ ายนอก
การใช ้
๒. ยาใช้เฉพาะที่ หมายความว่า ยาแผนปัจจุบันหรือยาแผนโบราณ
ทีม่ ่งุ หมายใชเ้ ฉพาะที ่ เชน่ ใชก้ ับผวิ หนงั หู ตา จมกู ปาก ทวารหนัก
ชอ่ งคลอด ทอ่ ปสั สาวะ เปน็ ตน้

93

ขอ สอบ O-NET นกั เรยี นควรรู

ขอสอบป ’52 ออกเกย่ี วกับการจาํ แนกประเภทของยา 1 ยานอนหลบั การใชย านอนหลบั บางชนดิ ทอี่ อกฤทธเ์ิ ปนระยะเวลานาน หรอื
ยาในขอ ใดจดั เปนกลมุ ยาที่ใชภายนอกท้ังหมด ในผูสูงอายทุ ร่ี างกายมีความสามารถในการกาํ จดั ยาลดลง อาจทําใหย งั มยี าสะสม
1. คาลาไมน นํ้ามนั ระกํา ยาแกแ พ อยใู นรางกาย เม่ือตื่นนอนแลว บางคนอาจจะยังรูสึกงวงนอน ออนเพลยี หรอื มึนงง
2. พาราเซตามอล โซดามิน้ ต คาลาไมน ซึง่ อาจเปน อันตรายไดสาํ หรับบุคคลท่ีตอ งขบั รถ หรือทํางานเกีย่ วกับเคร่ืองจกั ร
3. น้ํายาลางตา คาลาไมน แอลกอฮอลเ ช็ดแผล 2 ยาแผนปจจุบัน การใชย าแผนปจ จุบันไมวา จะเปนการใชย าโดยการเลือกซ้อื
4. ผงน้ําตาลเกลอื แร นํา้ มันระกาํ โซดามิ้นต ดว ยตนเอง หรอื โดยการจายยาจากแพทยห รือเภสัชกร เราจะตองมคี วามรพู ้ืนฐาน
วเิ คราะหค ําตอบ กลุมยาทีใ่ ชภายนอก คือ ยาท่หี ามรบั ประทาน เก่ียวกับการใชย า เพอ่ื ใหไ ดผลการรักษาทดี่ ที ีส่ ุดและเกิดผลเสยี จากการใชย านอ ย
ท่ีสดุ ควรปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี ใชย าใหถกู โรค ใชย าใหถูกกบั บคุ คล ใชยาใหถูกเวลา ใชย า
มักเขยี นฉลากสแี ดงติดขา งกลองวา “ยาใชภ ายนอก ใหถูกวธิ ี และใชย าใหถ ูกขนาด

หามรบั ประทาน” ตอบขอ 3.

คูม อื ครู 93

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain

อธบิ ายความรู

ครสู ุมนกั เรียน 2 กลุม โดยไมซ ํ้ากับกลมุ เดิม ๑.3 ประโยชนของการใชย า
ออกมานําเสนอเรือ่ ง ยาและการใชยา ในประเดน็
ประโยชนของการใชย า ปญ หาและผลกระทบจาก ๑. เพอ่ื การรกั ษาโรคใหห้ ายขาด เชน่ การใชย้ าปฏชิ วี นะเพอื่ ใชใ้ นการรกั ษาโรคตดิ เชอื้
การใชย า โดยครแู ละนักเรียนคนอน่ื ๆ รว มกัน
เสนอแนะเพม่ิ เติม และตงั้ คาํ ถามเพือ่ ใหไดข อสรุป หรอื การใชย้ าเพอื่ รกั ษาโรคเรอ้ื รงั และโรคทวั่ ไป
ทถี่ กู ตองรว มกัน
ตา่ งๆ เปน็ ตน้
• การใชยากอ ใหเ กดิ ประโยชนอ ยางไรบา ง
(แนวตอบ เพอื่ เปนการรกั ษาโรคใหห ายขาด ๒. เพื่อการควบคมุ โรคหรอื บรรเทา
ควบคมุ โรค หรอื บรรเทาอาการตางๆ และ
ปองกนั โรค) อาการตางๆ เชน่ ไอ เป็นไข ้ คนั เป็นต้น ซ่ึงยา

• ปญ หาและผลกระทบทเี่ กิดจากการใชยา ทใี่ ชใ้ นการรกั ษาจะตอ้ งมสี รรพคณุ ตรงกบั อาการ
มสี าเหตุมาจากสงิ่ ใดบา ง
(แนวตอบ การขาดความรใู นการใชย า เชน ที่ผปู้ ว่ ยเปน็ อยู่
การใชยาไมถ ูกตอ ง การใชยารว มกนั หลาย
ชนิดหรือใชรวมกับส่งิ อนื่ เปนตน คณุ ภาพ ๓. เพอ่ื การปอ้ งกันโรค เชน่ การใช้
ของยา เชน การเกบ็ รกั ษายาไมถ ูกตอ ง
การผลติ ทีต่ าํ่ กวา มาตรฐาน เปน ตน และ ยาเพ่ือปองกันโรคติดเช้ือต่างๆ ได้แก่ การฉีด
พยาธสิ ภาพของผใู ชย า เชน พนั ธุกรรม
สภาพรางกายของแตล ะบุคคล เปนตน) การฉีดวคั ซีนให้แกเ่ ดก็ เปนการสรา้ งภมู ิคมุ้ กนั ในรา่ งกาย วโรคั คซโีนป ลปิโอ1อใงนกเนัดโ็กร คเประน็ บตาน้ ด การใหว้ คั ซีนปอ งกัน
ให้แก่เด็ก เน่ืองจากเด็กมกั มภี ูมคิ มุ้ กนั โรคต่ํา
• การใชยารว มกนั หลายชนิด อาจสง ผลใหเกดิ
อนั ตรายได เพราะเหตใุ ด ๑.๔ ปญหาและผลกระทบจากการใชยา
(แนวตอบ การใชย ารวมกันหลายๆ ชนดิ ใน
การรกั ษาโรค จะสงผลใหไ ดร ับยาเกนิ ขนาด ยามปี ระโยชนแ์ ละมคี ณุ คา่ ตอ่ ชวี ติ มนษุ ย ์ ในดา้ นการรกั ษา การควบคมุ โรคหรอื บรรเทา
และเกินความจําเปน หรอื อาจมีผลตา นฤทธ์ิ อาการตา่ งๆ และการปอ งกันโรค แต่ในขณะเดียวกนั ยาก็อาจมโี ทษตอ่ ผใู้ ชไ้ ด้เชน่ กนั ปญั หาและ
กนั เอง ทําใหมีผลตอการรกั ษา และอาจสงผล ผลกระทบท่ีเกดิ จากการใชย้ ามี ๓ สาเหต ุ ดงั น้ี
ใหเ สียชีวิตได ซ่งึ ยาในลักษณะนสี้ วนมากจะ
เปนยาชุด) การขาดความรใู นการใชยา

เพราะไม่ไดร้ ับการศกึ ษา หรอื รเู้ ทา่ ไมถ่ ึงการณ ์ อาจก่อใหเ้ กิดอันตรายจากปญหาต่างๆ ดงั น้ี
๑. การใชยาไมถ กู ตอ ง ได้แก ่ ไมถ่ ูกโรค บุคคล เวลา วธิ ี ขนาด ประเภท ซึง่ ท�าใหก้ ารรักษาไมม่ ี
ประสทิ ธภิ าพ และอาจกอ่ ให้เกดิ อ2ันตรายตอ่ รา่ งกายได้
๒. การถอนหรือหยุดยาทันที ยาบางชนิดมีผลต่อการรักษา หากใช้ไม่เหมาะสมอาจท�าให้เกิด
ผลข้างเคียงต่อรา่ งกายได้ ฉะน้ันกอ่ นการใชย้ าควรปรกึ ษาแพทย์
โ รค เ๓ช.น่ กกาารรใชใชยย้าารชวมดุ 3ก ซนั งึ่หมลยีาายอชยนู่หิดลหารยอื ชในชิดร วรมวมกับกนัสง่ิ อแนื่ละ กอาารจใเปช้ย็นายราว่ ปมรกะนัเภหทลเาดยียๆว กขนั น าโดนยในยกาดารังรกกัลษ่าวา
จะเสริมฤทธ์ิท�าให้เราได้รับยาเกินขนาดและเกินความจ�าเป็น หรืออาจมีผลต้านฤทธ์ิกันเอง ท�าให้มี
ผลต่อการรกั ษา การดอื้ ยา การแพย้ า ในกรณที ี่ผลขา้ งเคียงเกดิ ขึน้ อย่างรุนแรง อาจสง่ ผลให้ผ้บู ริโภค
เสยี ชีวติ ได้

9๔

นกั เรยี นควรรู ขอสอบ O-NET
ขอ สอบป ’50 ออกเกยี่ วกับการปอ งกนั อนั ตรายจากการใชยา
1 โรคโปลโิ อ เปน โรคทีเ่ กิดจากเช้ือไวรัส ทําใหเ กดิ อาการอักเสบของไขสนั หลงั การปอ งกนั อนั ตรายจากการใชยาสามารถทาํ ไดด งั นี้
ซึง่ เปนสาเหตทุ าํ ใหเ กดิ อาการอมั พาต และกลา มเนื้อแขนขาลบี 1. ถูกคน ถกู เวลา ถูกทาง ถูกขนาด และถกู โรค
2 ถอนหรอื หยดุ ยาทันที อาจทําใหโรคท่ผี ปู ว ยเปนน้นั กลับมาเปนไดอกี ครั้ง 2. ถูกขนาด ถกู คน ถกู สถานการณ และถูกปรมิ าณ
หากหยดุ การใชยาเร็วเกินไป ดงั น้ัน หากตองการหยุดยาเมอื่ ถึงเวลาสําหรบั การ 3. ถกู หลัก ถูกเวลา ถกู ชนดิ และถูกคน
รกั ษาท่ีเหมาะสมแลว ควรลดขนาดยาลงทีละนอย และควรอยูภายใตการดแู ลของ 4. ถูกฉลาก ถูกวิธีการ และถูกตอ งกับอาการ
แพทยอยางใกลช ิด ไมค วรหยดุ ยาเองหรอื ลดขนาดยาเองโดยไมป รกึ ษาแพทยหรอื วิเคราะหคําตอบ การใชยาอยางถูกวิธจี ะตอ งใชใ หถ ูกคน คอื
เภสัชกร ควรดูวายาชนิดใดใชก บั ใคร เพศใด และอายุเทาใด ถูกเวลา คอื
3 ยาชุด เปนยาอันตรายทผ่ี ูข ายจดั ไวเ ปน ชุด โดยทวั่ ไปจะมียาตัง้ แต 3-5 เมด็ ยาชนิดน้ีควรรับประทานในเวลาใด เชน กอนอาหาร หลังอาหาร
ขน้ึ ไป มรี ปู แบบและสีตางกัน ในยา 1 ชดุ จะประกอบดว ยยาหลายชนดิ รวมกนั กอ นนอน เปนตน ถกู ทาง คอื เปน ยาทีใ่ ชภายนอกหรือภายใน
ผขู ายจะใหผ ซู ้อื รับประทานครง้ั ละ 1 ชุด โดยไมม ีการแบง วา เปนยาชนดิ ใด และ ถูกขนาด คอื ควรรบั ประทานยาใหถ กู ขนาด โดยใชอ ุปกรณ
ควรรบั ประทานเวลาใด มาตรฐานในการตวงยา ไมใชชอนกนิ ขาวหรือชอ นชงกาแฟ เพราะ
จะทําใหไดปริมาณยาทีไ่ มถกู ตอ ง และถูกโรค คือ ใชยาใหตรงกบั
94 คมู ือครู โรคทเ่ี ปน เพราะหากใชย าไมถ กู กับโรค อาจทําใหไดร ับอันตรายจาก
ยตาอนบั้นขหอรอื 1ไม. ไดผลในการรักษา และอาจเกิดโรคแทรกซอนอื่นๆ ได

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

คณุ ภาพของยา ครสู มุ นักเรยี น 2 กลุม โดยไมซ ํ้ากับกลุม เดมิ
ออกมานําเสนอเร่อื ง ยาและการใชยา ในประเด็น
นอกจากผู้ใชย้ าแลว้ คุณภาพของยายงั เป็นสิ่งส�าคญั ต่อการใช้ยา ซึง่ อาจเปน็ ผลมาจากสงิ่ ต่างๆ ดังน ี้ สาเหตุของการใชย าผดิ หรอื การตดิ ยา โดยครูและ
๑. การเก็บ ยาทไี่ ด้มาตรฐานแตเ่ ก็บรกั ษาไม่ถูกตอ้ ง อาจท�าใหเ้ สื่อมคณุ ภาพได้เร็ว และอาจกอ่ นกั เรยี นคนอ่ืนๆ รว มกันเสนอแนะเพิม่ เติม และ
ใหเ้ กดิ๒อ.ันกตารราผยลติต่อ ผยู้ใชา ้ทเี่ผชลน่ ิต คตว่�าากมวร่า้อมนา ตครวฐาามนชห้ืนร ือภยาาชปนละอทม1บ่ี รซรึ่งจอ ุ เาปจ็นจตะ้นมีผลต่อการรักษาโรคหรือเป็น ตงั้ คาํ ถามเพื่อใหไ ดข อสรุปท่ถี กู ตองรวมกนั
อนั ตรายได้ ตลอดจนยาที่มสี เตยี รอยด์ผสม ยอ่ มมีผลและอนั ตรายอย่างยง่ิ ตอ่ สขุ ภาพ
• สาเหตุสําคัญท่ีทาํ ใหบคุ คลใชยาผิดหรอื
พยาธสิ ภาพของผใู ชย า ติดยานน้ั มสี าเหตุมาจากอะไร
(แนวตอบ การหลงเชอื่ คําโฆษณาถึงสรรพคณุ
พยาธสิ ภาพของผู้ใช ้ เช่น พันธกุ รรม สภาพรา่ งกายของแต่ละบคุ คล ซ่งึ มีผลต่อการใชย้ า โดยบุคคล ของยาชนดิ นัน้ ๆ การซือ้ ยาตามความนิยม
แตล่ ะคนย่อมมคี วามแตกต่างกัน แมจ้ ะปว่ ยเปน็ โรคอยา่ งเดยี วกนั แตอ่ าการและความรนุ แรงของโรค ของสงั คม เพอื่ ใหเปนทีย่ อมรบั ของบุคคลอน่ื
วิธกี ารรกั ษา ตลอดจนประเภทของยาทีใ่ ช้อาจแตกต่างกนั เป็นตน้ การเลือกซ้อื ยาทม่ี รี าคาถูก หาซ้ือไดง าย
และเลยี นแบบบุคคลใกลชดิ เชน บุคคล
๑.5 สาเหตุของการใชยาผิดหรอื การตดิ ยา ภายในครอบครัว เพ่อื น เปน ตน )

การใช้ยาผิดหรือการติดยาเป็นผลมาจากพฤติกรรมของบุคคลในการเลือกใช้ยาท่ี • การใชย าตดิ ตอกันเปนระยะเวลานาน
ไม่เหมาะสมตอ่ การรักษาโรค รวมทง้ั ในดา้ นประเภทของยา บคุ คล เวลา วิธีการใช ้ ขนาด ตลอด กอใหเ กดิ ผลกระทบอยางไรบาง
จนระยะเวลาท่กี �าหนด โดยมสี าเหตุท่สี �าคัญในการใชย้ าผดิ หรือการตดิ ยา ดงั นี้ (แนวตอบ สง ผลใหเ กดิ การตดิ ยา เพราะยา
๑. เลอื กซ้อื ยาทมี่ ีราคาถูก และหาซ้ือได้ง่าย หรือซื้อตามความนิยมตามสังคม บางชนิดเมื่อใชเปนเวลานานจะมีผลทําให
๒. มพี ฤตกิ รรมความเชอ่ื ของบคุ คล เกิดการเสพติด นอกจากนย้ี งั สงผลใหเ กิด
ตอ่ ยาทใ่ี ช้แบบผดิ ๆ โดยมคี วามเชื่อว่ายาชนิดน้ี การด้อื ยา เพราะรา งกายเกิดความเคยชิน
สามารถรกั ษาอาการของโรคนไี้ ด้ ซง่ึ ในบางครง้ั ตอ ยา จึงตองเพิม่ ขนาดยา เพื่อใหไ ดผล
อาจเปน็ ผลเสยี ทท่ี �าใหเ้ กดิ โรคแทรกซอ้ นขึน้ การรกั ษาเหมือนเดมิ )
๓. การหลงเช่ือค�าโฆษณาของ
สรรพคณุ ของยาชนิดน้ันๆ
๔. การเลียนแบบบุคคลท่ีใกล้ชิด
เชน่ บคุ คลภายในครอบครวั เพ่ือน เป็นตน้
๕. ขาดความระมัดระวังในการใช้
ยา เพราะยาบางชนิดอาจก่อให้เกิดการเสพติด
ไดโ้ ดยไมร่ ตู้ ัวหากใช้ยาอย่างพร�่าเพรอ่ื
๖. ขาดกฎหมาย มาตรการหรอื บท กอ่ นการใชย้ าควรอา่ นฉลากยาใหล้ ะเอยี ดกอ่ น เพอ่ื ปอ งกนั
ลงโทษตอ่ การซอ้ื ขาย และการผลติ ทไ่ี ม่ถกู ตอ้ ง การใช้ยาผดิ ซ่ึงอาจกอ่ ใหเ้ กดิ อันตรายตอ่ รา่ งกายได้

95

ขคอ ดิ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT นักเรียนควรรู

การลืมรบั ประทานยามื้อหนึ่งแลวรวบยอดเพอื่ รบั ประทานยา 1 ยาปลอม เปน ยาที่ไมม ีตวั ยาสาํ คญั ตามทีแ่ จงไวทฉ่ี ลาก หรือมปี ริมาณตวั ยา
ในม้ือถัดไป นกั เรยี นคดิ วาถกู ตอ งหรอื ไม อยา งไร สาํ คัญในปริมาณที่ไมเ พยี งพอ หรอื แสดงชอื่ เคร่อื งหมายการคา ชอื่ ท่อี ยขู องผผู ลิต
แนวตอบ เปน วธิ ที ี่ไมถกู ตอ ง เนือ่ งจากการรับประทานยาแบบ ทีไ่ มใชค วามจริง ซงึ่ ยาปลอมจะมีหลายลักษณะ เชน เปน แผงแตไมมีกลอ งยาหรือ
รวบยอดในมอื้ ถดั ไป อาจสง ผลใหไ ดร บั ยาเกนิ ขนาด และสง ผลให มีกลอ งยา เปนยาน้ํา ยาครมี ยาเมด็ ยาแคปซูล โดยจะลอกเลยี นแบบใหม ลี ักษณะ
การรกั ษาไมด เี ทา ทค่ี วร ดังนั้นหากลืมรับประทานยาม้อื หนึง่ ควร คลายของจริงมากท่ีสดุ และอาจมตี วั ยาหรอื ไมม ีตัวยาอยูในบรรจภุ ัณฑ เปน ตน
ทีจ่ ะรับประทานยาทันทเี มอ่ื นกึ ขน้ึ ได แตไ มค วรรวบเปน 2 เทา ใน 2 สเตียรอยด การใชย าสเตยี รอยดค วรอยูในความดแู ลของแพทยอ ยา งใกลช ิด
มอ้ื ถดั ไป และควรรบั ประทานยาอยางสมํ่าเสมอทุกวนั ตามเวลา นอกจากนย้ี งั ตอ งระมัดระวงั สเตียรอยดท ี่อาจแฝงมาในรูปของยาสมุนไพร ยาตม
ท่ีกาํ หนดเพอื่ ผลการรกั ษาทีด่ ีท่ีสดุ ยาหมอ ยาลกู กลอน อาหารเสรมิ สขุ ภาพ รวมถึงยาบาํ รงุ กาํ ลงั ตางๆ ซง่ึ ผลขา งเคียง
ของสเตียรอยดน ้ันมีมากมาย เชน เลอื ดออกในกระเพาะอาหาร กระดกู บาง ระดบั
น้าํ ตาลในเลือดสูง เปนตน

คูมือครู 95

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain

อธบิ ายความรู

ใหน กั เรยี นกลมุ ที่แลว สุมเลอื กกลมุ เพื่อนท่ียัง ๑.๖ สถานการณก ารใชยาในปจจบุ นั
ไมไ ดน าํ เสนอ ออกมานาํ เสนอเรอื่ ง ยาและการใชย า
ในประเด็นสถานการณก ารใชยาในปจจบุ ัน โดย ในสภาพสงั คมปจจบุ นั ทเ่ี ทคโนโลยเี จรญิ กา วหนา ทาํ ใหสนิ คาทง้ั เครื่องอุปโภคบริโภค
ครูและนกั เรียนคนอืน่ ๆ รว มกันเสนอแนะเพม่ิ เตมิ ถกู คดิ คน ขนึ้ ใหม เพอ่ื อาํ นวยความสะดวกใหแ กม นษุ ย รวมไปถงึ ยาตา งๆ ทมี่ สี ว นตอ การดาํ รงชวี ติ
และตง้ั คําถามเพ่อื ใหไ ดข อสรปุ ทีถ่ ูกตอ งรวมกัน ซง่ึ หากเรามคี วามรคู วามเขา ใจในการใชย าทถี่ กู ตอ ง ยอ มจะสง ผลดตี อ ผใู ชย า แตห ากมพี ฤตกิ รรม
การใชยาทไ่ี มถ กู ตอง ก็อาจกอใหเ กิดอันตรายตอ ผใู ชได ดงั น้ี
• เพราะเหตใุ ดปจ จบุ ันคนสว นใหญจงึ ใชยา
ไมถ ูกตอ ง การใชย าเพื่อคลายความเครียด
(แนวตอบ เนอ่ื งจากปจ จุบนั เทคโนโลยตี างๆ
มีความกา วหนา มากขนึ้ ทําใหส นิ คา ปจ จบุ นั การดาํ รงชวี ติ ของคนสว นใหญอ ยใู นสภาพแขง ขนั ตอ งดน้ิ รนหาเลย้ี งชพี โดยเฉพาะในสภาวะที่
ท้งั เคร่ืองอุปโภคบริโภคถูกคดิ คน ขึ้นมาใหม เศรษฐกจิ ตกตาํ่ เปน เหตใุ หค นเราเกดิ ความเครยี ดและวติ กกงั วลกบั หลายๆ เรอ่ื ง เชน เดก็ กลวั สอบตก
รวมไปถงึ ยาตางๆ ซงึ่ ยาแตล ะชนดิ จะมีวธิ ี กลวั สอบเขาศกึ ษาตอ ไมได กลวั หางานทําไมได กลัวตกงาน เงนิ ไมพอใช เปน ตน ซึง่ สาเหตุเหลา น้นี าํ
การใชทีต่ างกัน ดังนัน้ คนสวนใหญจ งึ ไมค อย มาซง่ึ สภาพจติ ใจท่หี ดหู ออนแอ เม่อื แกปญหาไมไ ดก ็หันไปใชยาประเภทกลอมประสาท ยานอนหลับ
มีความรูความเขาใจในการใชยาทถี่ ูกตอง ซงึ่ หากใชไ ปนานๆ ก็จะทําใหต ดิ ยา และยาอาจไปทาํ อันตรายตอ ตับ ไต ระบบประสาท และสมองได
เทา ท่ีควร)
การใชยาชูกําลงั เครอื่ งดมื่ ชกู าํ ลงั1ทเ่ี ปน ทน่ี ยิ มของผทู ร่ี สู กึ วา ตวั เองเหนอ่ื ย ออ นเพลยี เนอ่ื งจากการ
• ยานอนหลับ เปน ยาเพื่อใชผอ นคลาย
ความเครียด แตอ าจสงผลกระทบอยางไร หรอื อกี นยั หนง่ึ หมายถงึ
ตอรางกาย ทาํ งานหนกั หรอื อดหลบั อดนอน พกั ผอ นไมเ พยี งพอ หลายคนจงึ หลงเชอ่ื โฆษณาทมี่ อี ทิ ธพิ ลทาํ ใหค นเชอ่ื
(แนวตอบ ยานอนหลบั บางชนดิ สามารถ วแาลดะ่มืกาแเลฟว อสนี ด2ช่ืน(Cมaกี fาํfeลiังneแ)ตททจี่ม่ี รีสงิ าแรลทว อี่ เคอกร่ือฤงทดธมื่ ก์ิ ประระตเนุภปทรนะ้ีมสีสาวทนปเมรื่อะดกอ่ืมบบขออยงๆเกลจอืะแทราํ ใวหติ เ กามิดินอานกาํา้ รตตาดิล
ออกฤทธิเ์ ปน ระยะเวลานาน จงึ อาจทําใหมี เกิดการสะสมในรา งกาย นานเขาจะมีผลตอการทาํ งานของหัวใจ สมอง และตับ อีกดว ย
ยาสะสมอยูในรางกาย เมอื่ ตน่ื นอน บางคน
อาจยงั รูสึกงวงนอน ออ นเพลยี หรอื มึนงง การใชยาแกงว ง
ซง่ึ อาจเปน อนั ตรายตอคนที่ตอ งขับรถ หรอื
ทํางานเกยี่ วกบั เครื่องจกั ร) ยาแกง ว งทรี่ จู กั กนั ดกี ค็ อื ยาบา ซง่ึ เปน ยาทอี่ อกฤทธก์ิ ระตนุ ประสาท ทาํ ใหต นื่ ตวั คนทท่ี าํ งานกลางคนื
หรือมีกิจกรรมที่ตองทําในเวลากลางคืน เชน ผูท่ีขับรถทางไกล นักเรียนนักศึกษาท่ีตองอานหนังสือ
• ยาแกปวด หากรบั ประทานบอ ยคร้ังจะสงผล เพอ่ื เตรียมสอบ เปน ตน มกั ใชย านี้กนั มาก ซง่ึ เปนความเขา ใจผิดทีค่ ดิ วา ยานี้จะชวยทาํ ใหไมง ว งนอน
ใหเกดิ ผลขางเคยี งอยา งไร สามารถทาํ งานไดม ากขน้ึ ในระยะเวลานานขนึ้ แตท จี่ รงิ แลว ยาบา เปน สารเสพตดิ ทมี่ อี นั ตรายตอ ผใู ชม าก
(แนวตอบ สงผลใหเกิดการดอื้ ยา และมีผลตอ เพราะจะออกฤทธกิ์ ระตุน สมอง เรงการทํางานของหัวใจ กระตุนการหายใจ มีผลทําใหไมร ูสกึ เหนอื่ ย
ตบั และไต) ไมงวง ท้ังๆ ที่รางกายตองการพักผอน ดังน้ันจึงทําใหการทํางานของสมองผิดปกติ การตัดสินใจ
ผดิ พลาด จนอาจกอ ใหเ กดิ อบุ ตั เิ หตุ ความจาํ เสอื่ ม และหากเสพไปนานๆ กจ็ ะเกดิ อาการตดิ ยา ประสาท
เสอื่ ม เกิดอาการประสาทหลอน และถึงขนั้ เปน โรคจิตได

การใชย าแกปวด3

กรณีท่ีมีอาการปวดศีรษะเล็กนอย หรือปวดเม่ือยตามรางกาย ซ่ึงหลายคนคิดวา การรับประทาน
ยาแกปวดจะชวยบรรเทาและปองกันอาการปวดเม่ือยได จึงมักรับประทานทุกครั้งท่ีเกิดอาการ หรือ
รับประทานเพื่อไมใหเกิดอาการ ซึ่งหากรับประทานยาประเภทนี้เขาไปนานๆ จนเกิดความเคยชิน
จะทําใหยาไปสะสมในรางกาย และมผี ลตอ ตบั และไตได

๙๖

นกั เรียนควรรู ขอ สอบ O-NET
ขอ สอบป ’53 ออกเกี่ยวกับปญ หาและผลกระทบจากการใชยา
1 เครอ่ื งดืม่ ชกู ําลัง เปนเครอ่ื งด่มื ชนดิ หน่ึงทม่ี ีสว นผสมของสารคาเฟอีนใน ถา ลมื รับประทานยาในมื้อหนึ่งมอ้ื ใดควรปฏิบัตอิ ยา งไร
ปรมิ าณไมเ กนิ 50 มิลลกิ รัม ตอ 1 ขวด โดยสว นใหญจะนิยมดื่มในหมผู ูใ ชแรงงาน 1. รีบรับประทานยาทนั ทีทนี่ กึ ได โดยไมตองเพม่ิ ขนาดยา
และคนทที่ าํ งานหนกั เนือ่ งจากรา งกายจะออนเพลีย จึงตองการพลงั งานชดเชย 2. งดรบั ประทานยาในวันน้นั และเร่มิ รบั ประทานใหมใ นวันตอ ไป
กลับมา 3. เพ่มิ ขนาดการรับประทานยาเปน 2 เทา เพื่อชดเชยในม้ือที่
2 กาเฟอนี พบไดใ นเคร่อื งด่มื หลายชนิด ไดแก ชา กาแฟ เครื่องดื่มชกู ําลงั ผานมา
และนาํ้ อดั ลม มีฤทธิก์ ระตุน ระบบประสาทสว นกลาง ทําใหร า งกายเกดิ ความตนื่ ตัว 4. ยกเลกิ การรบั ประทานยาชดุ น้นั แลวไปซอื้ ยาชุดใหมจ าก
และลดความงวงได รานขายยามารับประทาน
3 ยาแกป วด เปนยาประเภทตางๆ ทใี่ ชร กั ษา บรรเทาอาการปวด เชน วเิ คราะหค าํ ตอบ หากลมื รบั ประทานยาในมื้อหนึ่งมอื้ ใด ควรรีบ
ยาพาราเซตามอล เปนตน หากใชยาเกนิ ปรมิ าณอาจจะนาํ ไปสูก ารเกิดพิษตอ ตับ รับประทานยาทนั ทีทน่ี ึกได โดยไมต อ งเพ่มิ ขนาดยา แตถ า หากนึก
จนนาํ ไปสภู าวะตับวาย และเสยี ชวี ติ ไดใ นทสี่ ุด ข้นึ ไดในมื้อถดั ไป กใ็ หรบั ประทานยาในมื้อนั้นไดเลย เพราะหากวา
รบั ประทานยาเกนิ ขนาดจะสงผลเสียตอรางกายได ตอบขอ 1.

96 คูมือครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

การใชย าชดุ ใหนักเรยี นกลุมทีถ่ กู เพื่อนเลือก ออกมา
นาํ เสนอตอเร่อื ง ยาและการใชยา ในประเดน็
ยาชุดเป็นยาที่ต้องรับประทานร่วมกันคราวละ สถานการณก ารใชย าในปจจุบัน โดยครูและ
หลายๆ เม็ดหลายชนิด เพื่อบรรเทาอาการใด นกั เรียนคนอน่ื ๆ รวมกันเสนอแนะเพิ่มเติม และ
อาการหนึ่ง เช่น เป็นไข้ ปวดเม่ือยตามร่างกาย ตัง้ คาํ ถามเพื่อใหไดข อสรปุ ท่ถี ูกตองรว มกนั
ลดความอว้ น เป็นตน้ ซง่ึ บางคนตดิ นสิ ยั มักซ้อื ยา
กนิ เอง โดยไปซอื้ ตามรา้ นขายของชา� หรอื รา้ นขาย • อนั ตรายทีเ่ กดิ จากการใชย าชดุ มีอะไรบา ง
ยาบางแหง่ โดยอาจเกดิ จากความรเู้ ทา่ ไมถ่ งึ การณ ์ (แนวตอบ ยาชุดบางชนดิ มีตัวยาในกลุม
และไมร่ ู้ถงึ อนั ตรายตอ่ รา่ งกาย เช่น ยาบางชนิด สเตยี รอยดซงึ่ มผี ลตอรา งกาย เชน ทาํ ให
มร่าีตงัวกยาายใ นทกา� ลใหุ่มก้สรเตะียดรกู อผ1ย ุ ดอ์ อ่ น(Sเtพeลroียi dเ)ล ือซดึ่งจมาีผงล ตตับ่อ กระดูกพรนุ ออนเพลีย เลือดจาง ตบั และ
และไตท�างานผิดปกติ กระเพาะอาหารเป็นแผล ยาทมี่ สี ว่ นผสมของสเตยี รอยดน นั้ กฎหมายกาํ หนดให้ ไตทํางานผิดปกติ กระเพาะอาหารเปน แผล
เป็นตน้ ซงึ่ ใชไ้ ปนานๆ พษิ ของยาจะสะสมอยใู่ น เปน ยาควบคุมพิเศษ เนือ่ งจากมีความเปนพิษสงู และ เปนตน )
ร่างกายอาจเป็นอันตรายถงึ แกช่ วี ิตได้ เปน อนั ตราย ตอ้ งใหแ้ พทยเปน ผสู้ ่งั จา่ ยเทา่ นั้น
• เพราะเหตุใดวยั รุนจึงนิยมใชย า
การใชยาลดความอวน ลดความอว นมากกวา การควบคุมอาหาร
และการออกกําลงั กาย
ปจจุบันสถานการณ์การใช้ยาลดความอ้วนก�าลังแพร่ระบาดในหมู่สตรีท่ีมีปญหาเร่ืองน�้าหนักตัวเกิน (แนวตอบ เน่ืองจากเปนวิธีการลดนา้ํ หนกั ได
มาตรฐาน ท�าใหเ้ กดิ ความไมม่ ัน่ ใจในรูปรา่ งของตัวเอง บางคนถูกคนอืน่ ทัก ท�าให้อาย และต้องการ อยา งรวดเรว็ ไมเ สยี เวลา และหาซื้อไดงาย
ลดน้�าหนักอย่างปจจุบันทันด่วน เป็นเหตุให้หันไปพ่ึงยาลดความอ้วนท่ีมีผลต่อร่างกาย เช่น เร่งการ แตเ ปน วธิ ที ผ่ี ดิ และอาจเปนอนั ตรายถึงแก
เผาผลาญอาหารและพลังงาน ลดการดูดซึมอาหารจากล�าไส้ เร่งการขับถ่ายอุจจาระหรือปสสาวะ ชวี ิตได)
กระตนุ้ รา่ งกายและสมองทา� ใหร้ สู้ กึ อมิ่ อยตู่ ลอดเวลา บางชนดิ ทา� ใหร้ สู้ กึ อมิ่ เรว็ เพราะยาไปแยง่ เนอื้ ทใ่ี น
กระเพาะอาหารเหลา่ น ี้ เปน็ ตน้ ซง่ึ จะสง่ ผลเสยี ตอ่ สขุ ภาพรา่ งกาย อาท ิ ใจสนั่ รสู้ กึ ตนื่ เตน้ หงดุ หงดิ งา่ ย • อาหารเสริมถึงแมจ ะมผี ลขา งเคยี งตอ
วิงเวยี นศีรษะ นอนไม่หลบั เครยี ด นอกจากน้ียาบางชนิดยังทา� ใหเ้ กดิ ภาวะขาดสารอาหารอกี ด้วย รางกาย แตย งั มคี ณุ ประโยชนใ นเร่ืองใดบาง
ดังนั้น การลดน�้าหนักท่ีดีจะต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามหลักโภชนาการ โดยการควบคุมอาหาร (แนวตอบ มสี ว นชว ยใหร างกายไดร ับ
และออกกา� ลงั กายอย่างสม�า่ เสมอ โภชนาการท่ีเหมาะสม และมีประโยชน
สําหรับผูทีม่ ปี ญ หาดานสขุ ภาพ เพราะ
ยาและอาหารเสรมิ 2 อาหารเสริมจะเขา ไปเสรมิ ในสวนท่รี างกาย
ขาดหายไปไดอยา งครบถวน)
ปจ จุบนั มีผลิตภณั ฑย์ าและอาหารเสริมมากมายท่ี
โฆษณาจนเกินจริง ซึง่ มคี วามเช่ือวา่ จะช่วยทา� ให้ ในการเลือกรับประทานอาหารเสริมนั้น ควรปรึกษา
มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงขึ้น หรือรักษาโรคและ แพทยเพื่อขอคําแนะนํา และเพื่อปองกันอันตรายที่
อาการบางอย่างได้ จึงท�าให้คนหันมาให้ความ อาจเกิดข้ึนต่อรา่ งกายได้
สนใจในการรักษาสุขภาพมากข้ึน ประกอบกับ
การทสี่ ภาพแวดลอ้ มในปจ จบุ นั ทา� ใหค้ นสว่ นใหญ่
ไมม่ เี วลาพถิ พี ถิ นั ในการเลอื กรบั ประทานอาหารที่
มีประโยชนใ์ หค้ รบ ๕ หมู่ในแตล่ ะวัน จึงตอ้ งพ่งึ
ยาและอาหารเสริมเหล่านี้เพื่อเสริมสร้างสุขภาพ
ทงั้ ๆ ทม่ี รี าคาแพงทา� ใหต้ อ้ งสน้ิ เปลอื งเงนิ ทองมาก

9๗

ขคอิดสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT เกร็ดแนะครู

ขอ ใดไมใ ช ผลกระทบที่เกิดจากการใชย าลดความอว น ครคู วรอธิบายถงึ อนั ตรายจากการใชย าลดความอว น เน่ืองจากนักเรียนอยใู น
1. มีรปู รา งท่สี วยงาม อยใู นเกณฑม าตรฐาน ชวงวยั รนุ ซึง่ อาจมีความตอ งการใหตนเองมีรูปรางดี ไมอวนหรือมนี ้ําหนกั เกนิ โดย
2. มอี ารมณห งุดหงิดงาย นอนไมหลับ ครคู วรแนะนาํ ใหนกั เรยี นเหน็ ความสาํ คญั ของการดแู ลสขุ ภาพและรูปรางของตนเอง
3. เมอ่ื หยดุ ยาแลว น้ําหนักจะเพม่ิ ขน้ึ ดว ยวิธีการอนื่ ท่ีเหมาะสม เชน หลกี เลย่ี งอาหารที่มีไขมนั และแปง ออกกําลงั กาย
4. สามารถเกดิ การเสพติดยาได อยา งสม่าํ เสมอ เปน ตน
วิเคราะหค าํ ตอบ ยาลดความอวนนอกจากจะมผี ลเสียแลวยงั มี
ผลดี เชน ทําใหม รี ปู รา งสวยงาม เผาผลาญอาหารและพลงั งาน นกั เรยี นควรรู
เปนตน จึงไมใ ชผ ลกระทบทเ่ี กิดจากการใชยาลดความอว น
1 กระดกู ผุ หรอื โรคกระดูกพรนุ คือ ภาวะทีก่ ระดูกสูญเสียเน้อื กระดกู และ
ตอบขอ 1. โครงสรางของกระดูกผิดไป ทําใหก ระดูกมคี วามเปราะบาง เกิดการหกั ไดงา ย
2 อาหารเสริม คือ ผลติ ภัณฑทใ่ี ชรับประทานเพอื่ เสริมการรับประทานจาก
อาหารหลัก และปองกนั การเกดิ โรคตา งๆ

คูมือครู 97

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain

อธบิ ายความรู

ใหน กั เรียนแตละกลมุ รว มกนั เสนอแนะเรือ่ ง à¡Ã´ç ¹‹ÒÃÙŒ
ยาและการใชยา ในประเด็นปญ หาและอนั ตราย
จากการใชย า โดยครรู ว มเสนอแนะเพมิ่ เตมิ และ กลวย…ชวยลดน้าํ หนัก
ต้ังคาํ ถามเพือ่ ใหไดข อ สรปุ ท่ถี กู ตองรว มกัน กล้วยเป็นผลไม้ท่ีอุดมไปด้วยสารอาหาร เม่ือรับประทานกล้วย ๑ ผล จะได้รับวิตามินบี ๑ และ
บี ๒ ซึ่งช่วยเร่งการเผาผลาญน้�าตาลและไขมัน ฟื้นฟูร่างกายจากความเหน่ือยล้า มีเส้นใยบรรเทาอาการ
• อาการใดบา งทบ่ี ง บอกวาเกดิ การแพย า ท้องผูก และให้พลังงานแก่ร่างกายซ่ึงพร้อมน�าไปใช้ได้ทันที มีรายงานการวิจัยยืนยันว่า การรับประทานกล้วย
(แนวตอบ เกิดผื่นคนั ขึ้นตามผิวหนัง อาเจยี น
ชอ็ ก และอาจเสียชวี ติ ได) (เ(PPพhhียoyงtlyo pc๒hh eeใnmบoi lcs)aส lาม) มฤี ทาท่ชีรธ่วถต์ิ ยใา้เหรน้พ่งอกลนาังุมรงพลู าอฒันิสเนรพาะียส งภทพ�าาอหพตนรา่่อ้างทกกี่ชาาะรยทล อ�ารคงวาวมนาถมถงึ แึเงซก โ่ ๙รแโ๐ทล นะนสนิ 2าา รท(ยSี eูจนrินoออtoกลnจ i(าnEก)u นgช้ีกe่วnลยo้ลวlยด) ยอซังา่งึ มกเปาีสร็นาหไรงฟโุดพโตหลเงีฟคิดีนมแคีอลลลัะ1

• ยาแตล ะประเภทจะสง ผลใหเ กดิ การแพย า ความอยากอาหาร
เหมอื นกนั หรือไม อยา งไร สา� หรบั ผทู้ ต่ี อ้ งการจะลดนา�้ หนกั สามารถรบั ประทานกลว้ ยหอมไดท้ กุ ๆ ๒ ชวั่ โมง เนอื่ งจากจะชว่ ยปรบั ระดบั
(แนวตอบ ยาแตละประเภทอาจสงผลใหเ กิด น�้าตาลในเลอื ด และลดการรับประทานอาหารจบุ จิบได ้ ทีส่ �าคญั ต้องออกก�าลังกายและพกั ผ่อนให้เพยี งพอ เทา่ นกี้ ็
การแพยาเหมอื นกัน แตอัตราการเกดิ สามารถชว่ ยลดน�า้ หนกั ไดแ้ ล้ว
ไมเ ทากัน ซึง่ การรบั ประทานยาจะทาํ ใหเ กิด ที่มาขอมูล : ดัดแปลงจาก www.thaihealth.or.th/healthcontent/article/7436
การแพยานอ ยทสี่ ุด แตส าํ หรบั การฉดี ยาจะ
ทาํ ใหเ กิดอาการแพอยา งรวดเร็ว มีผลอาจ ๑.๗ ปญหาและอนั ตรายจากการใชย า
ทาํ ใหเสยี ชวี ติ ได)
ยามีทั้งคณุ และโทษ ซ่ึงหากใช้ไม่ถูกตอ้ งอาจเกิดอนั ตรายต่างๆ ดังนี้
• การปอ งกนั การแพย า สามารถทําไดด ว ย
วธิ ใี ดบาง ๑) การแพ้ยา การแพ้ยาเป็นภาวะท่รี ่างกายมกี ารเปล่ยี นแปลงตอ่ การตอบสนองของ
(แนวตอบ ไดแก การงดใชยาหลังจากใชยาไป
ไดระยะหน่ึง ตรวจสอบยาท่มี ีผลตออาการ ยา เนอื่ งจากเคยไดร้ บั ยาชนดิ นนั้ มากอ่ นแล้ว ซง่ึ ทา� ให้เกดิ การกระตุ้นให้รา่ งกายสรา้ งภูมคิ ้มุ กันที่
แพบ อ ยๆ และไมค วรใชย าพร่ําเพรือ่ เมอ่ื มี เรยี กว่า “ส่ิงตอ่ ตา้ น” ขน้ึ มา ทา� ให้เกดิ อาการตา่ งๆ เช่น เปน็ ผื่นคนั และบวม อาเจยี น ช็อก หรือ
อาการเจ็บปว ยเลก็ ๆ นอยๆ) อาจเสียชีวติ ได้ เป็นต้น

(อ๑ง)ค ป์เชตรนตะดิ รกขาออซบงยั ยสคาาล� คนิเชญั น่(T ทeยม่ีtาraตเี พcอ นyอcซิ าliลิnกลeานิ)3ร เแ(ซPพรeมุ่ย้4n าic(Sileinru) m) การปอ้ งกนั การแพย้ า
เชน่ เซรมุ่ แกพ้ ิษงู เซรมุ่ แกพ้ ิษสุนัขบา้ (๑) การงดใชย้ า หลงั จากใชย้ าไปไดร้ ะยะ

หนง่ึ ควรสงั เกตอาการของโรควา่
บรรเทาลงแลว้ หรอื ยงั และจดชอ่ื ยาไว้
วัคซนี (Vaccine) ประเภทต่างๆ เป็นตน้ (๒) การตรวจสอบ ควรระมดั ระวงั ยาทม่ี ี
(๒) วธิ กี ารใชย้ า การแพย้ านนั้ เกดิ ขน้ึ ไดจ้ ากยา ผลตอ่ อาการแพบ้ อ่ ยๆ เชน่ ยาเพนซิ ลิ ลนิ
ทกุ ประเภทและทกุ แบบ แตอ่ ตั ราการเกดิ โดยควรปรกึ ษาแพทยห์ รอื เภสชั กร
ไมเ่ ทา่ กนั ซงึ่ การรบั ประทานจะทา� ใหเ้ กดิ กอ่ นการใชย้ า
การแพย้ านอ้ ยทสี่ ดุ สว่ นการฉดี ยาจะทา� ให้ (๓) ไมค่ วรใชย้ าพรา่� เพรอ่ื เมอื่ มอี าการ
เกดิ อาการแพไ้ ดอ้ ยา่ งรวดเรว็ และแกไ้ ขได้ เจบ็ ปว่ ยเลก็ ๆ นอ้ ยๆ
ยากทสี่ ดุ ซงึ่ มผี ลทา� ใหเ้ สยี ชวี ติ ได้
(๓) พนั ธกุ รรม การแพย้ าเกย่ี วขอ้ งกบั ลกั ษณะเฉพาะของ
แตล่ ะบคุ คล ตลอดจนความไวในการถกู กระตนุ้ ใหแ้ พย้ า
(๔) การไดร้ บั การกระตนุ้ มากเกนิ ไป เชน่ การไดร้ บั ยา
หลายชนดิ ในเวลาเดยี วกนั จะทา� ใหเ้ กดิ อนั ตราย
9๘ ตอ่ รา่ งกาย เปน็ ตน้

นักเรยี นควรรู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT
หากนกั เรียนสงสยั วาเกดิ การแพยา นักเรยี นควรปฏบิ ตั ิตนอยางไร
1 ไฟโตเคมคี ลั การเกดิ ปฏกิ ริ ิยาทางเคมีทีเ่ กดิ จากแสงสวา งหรอื มีแสงรวมอยู แนวตอบ หากสงสยั วา เกดิ การแพยา ควรหยดุ รับประทานยานัน้
ในกระบวนการ การสังเคราะหแ สงของพืช ทนั ที และรีบไปพบแพทยเ พอ่ื ทาํ การการรกั ษา และตรวจสอบยา
2 เซโรโทนิน สารเคมีชนดิ หน่ึงในสมอง มีหนาที่ชว ยควบคุมอารมณ เชน ชนดิ น้ันวาเปน ยาชนิดใด มชี ือ่ วา อะไร เม่ือทราบแลว ควรจดจาํ
ทาํ ใหรางกายรูส ึกผอ นคลาย หลับงาย เปนตน และบันทึกไว และแจงแกผ จู า ยยาทุกคร้งั เพื่อเปนการปองกนั
3 ยาเพนซิ ลิ ลิน เปนยาปฏชิ ีวนะชนิดหนง่ึ ซ่ึงสกดั ไดจ ากเชือ้ ราบางชนดิ การแพย าชนดิ น้ันซา้ํ อกี
ใชส ําหรบั รกั ษาโรคทเี่ กิดจากเชอ้ื แบคทีเรีย
4 เซรุม มีลักษณะเปน ของเหลวสีเหลอื งออ นที่สกดั ไดจากเลือดของสัตว
ใชสาํ หรบั ฉดี เขา รา งกายเพอ่ื เสริมสรางภมู ิตา นทานโรค

98 คมู อื ครู

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

๒) การดือ้ ยา การดอื้ ยาเป็นผลจากการใช้ยาไม่ถูกกับชนิดของเช้อื โรค ไมถ่ ูกขนาด ใหนกั เรยี นแตล ะกลุมรวมกนั เสนอแนะตอ
ไมค่ รบจ�านวน หรือไม่ถูกตามก�าหนดเวลาทส่ี ามารถทา� ลายเชอ้ื โรคนัน้ และจะเกิดการตอ่ ต้านยา เร่ือง ยาและการใชย า ในประเด็นปญ หาและ
ชปนระิดเภนท้ันตขา่้ึนง ๆไ ดเช้แ่นก ่กยาารเดตื้ตอรยาาซขัยอคงลยนิา1แ เกป้อน็ ักตเน้ สบ อันตรายจากการใชย า โดยครรู วมเสนอแนะ
๓) ผลข้างเคียงของการใช้ยา เพ่ิมเติม และตง้ั คําถามเพอื่ ใหไ ดข อสรุปท่ี
หมายถึง ผลหรืออาการอ่ืนๆ ของยาท่ีเกิดข้ึน ถกู ตอ งรว มกัน
นอกเหนือจากภาวะการรักษาโรคอันมีผลต่อ
สภาพร่างกายท่ีเปลี่ยนแปลงในระยะเวลาหน่ึง • การดอื้ ยา เกดิ มาจากสาเหตใุ ด
หรอื แสดงอากา๑รอ. ยยา่ างแชกดั ้แเพจน2้ สไา�ดห้แรกับ่ ผูป้ ่วยทไ่ี ด้ (แนวตอบ เกดิ จากการใชยาไมถูกกับชนิดของ
รับประทานยาแก้แพ้เข้าไป จะมีอาการง่วงซึม เชื้อโรค ไมถกู ขนาด ไมครบจาํ นวน หรือ
ฉะนั้นจงึ มีการเขยี นขอ้ ความก�ากับไว ้ สา� หรับผู้ ไมถกู ตามกาํ หนดเวลาที่สามารถทําลาย
ทต่ี อ้ งขบั รถหรอื ทา� งานเกยี่ วกบั เครอ่ื งจกั รจงึ ไม่ เชอ้ื โรคนน้ั และจะเกดิ การตอ ตา นยาชนดิ นน้ั )
ควรรบั ประทาน เพราะอาจกอ่ ใหเ้ กดิ อนั ตรายได้ ก่อนรับประทานยาจะต้องอ่านฉลากยาให้ละเอียด
เพราะมิฉะนั้นอาจเกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยาได้ • เพราะเหตใุ ด ยาลูกกลอนจงึ เปน ยาอนั ตราย
๒. ยาแก้อักเสบ เช่น เตตรา เช่น การแพย้ า ทหี่ า มรับประทาน
(แนวตอบ เพราะยาลกู กลอนเปน ยาสมนุ ไพร
ท่มี สี ว นผสมของสเตยี รอยด ซ่งึ มผี ลตอ
กระดูกและกลามเนอ้ื และอวัยวะภายใน
เชน การทํางานของตับ ไต เปน ตน )

ซัยคลิน ซ่ึงจะมีผลต่อฟัน มีส่วนท�าให้ฟันเหลือง ถ้าใช้มากเกินไปอาจมีผลต่อเนื้อฟัน ท�าให้มี
ลกั ษณะด่างและ๓ห.มย่นาเทหผี่มสอื มนสรเอตยยี ตรกอกยรดะ ์ เ ชเปน่ ็น ยตาน้สมนุ ไพรทที่ า� เปน็ ลกู กลอน3 ยาแกป้ วดเมอ่ื ย เปน็ ตน้
ซงึ่ มีผลตอ่ กระดูกและกล้ามเน้อื และอวยั วะภายใน เชน่ การทา� งานของตับ ไต เปน็ ตน้
๔) การติดยา ยาบางชนิดถ้าใช้ไม่ถูกต้องหรือใช้ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานาน
อาจจะมผี ลต่อการตดิ ยาขนานน้ันได้ง่าย
๕) พษิ ของยา การใชย้ าเกนิ ขนาดเพราะใชไ้ มถ่ กู วธิ ี อาจกอ่ ใหเ้ กดิ อนั ตรายตอ่ รา่ งกายได้
ซ่ึงมผี ลต่อระบบอวัยวะของร่างกายต่างๆ ดงั น้ี
๒๑.. รระะบบบบเปสร้นะปสารทะสสา่วทน กทลา� าใงห ้หทูอ�าื้อให ห้นูตองึน4 ไหมหู ห่ นลวับก ปวดศีรษะ กระวนกระวาย
๓. ระบบไหลเวียนโลหติ ทา� ใหห้ วั ใจเต้นผดิ ปกติ เกิดความผดิ ปกติของเม็ดเลือด
๔. ระบบทางเดินอาหาร อาจทา� ให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร
๕. ครรภ์มารดา มีอันตรายต่อทารกในครรภ์ ซ่ึงอาจท�าให้สูญเสียอวัยวะตั้งแต่
ตัง้ ครรภ์
๖. อวยั วะอน่ื ๆ เชน่ ตบั ไต ทที่ า� หนา้ ทก่ี า� จดั ของเสยี ออกจากรา่ งกาย แตเ่ นอื่ งจาก
สถานการณท์ ต่ี อ้ งท�างานหนกั หรอื ไดร้ ับยาบางชนิด สง่ ผลตอ่ สภาพของร่างกายได ้ เปน็ ต้น 99

กจิ กรรมสรา งเสรมิ นักเรยี นควรรู

ใหน ักเรยี นคนหาช่อื ยาตางๆ จากนน้ั นาํ มาเขยี นเปนตาราง 1 ยาเตตราซยั คลิน ยาปฏิชีวนะชนดิ หนง่ึ อยใู นกลุม ของยาแกอ กั เสบ สามารถ
เปรียบเทยี บวา ยาแตละชนดิ นนั้ จัดอยใู นประเภทใด โดยอาจ ใชแทนยาเพนซิ ิลลินได
สืบคนขอ มลู ไดจ ากหอ งสมุด อนิ เทอรเน็ต เภสชั กร หรือรา น 2 ยาแกแ พ จะมผี ลขา งเคียง คือ ทาํ ใหป ากแหง จมกู แหง ปสสาวะลาํ บาก
ขายยาใกลบา นของนกั เรียน ทาํ ใหงว งนอน ซมึ เวลาใชยานจ้ี งึ ควรระมัดระวงั การขบั ขยี่ านพาหนะหรอื ทํางาน
เกยี่ วกับเครื่องจกั รกล
กจิ กรรมทาทาย 3 ลกู กลอน มีลกั ษณะเปน เมด็ กลม เปน ยาสมุนไพรชนดิ หน่งึ ท่ีมักใชเปนยา
รักษาโรคเร้อื รงั และอาการปวดเมื่อย
ใหน ักเรียนเลอื กยามาอยา งนอ ย 3 ชนิด จากนนั้ วเิ คราะหวา 4 หอู อ้ื หตู งึ คือ การไดย ินไมชัด หรอื สมรรถภาพการไดยนิ ลดลง เปน อาการ
ยาทีน่ กั เรียนไดเลอื กมาน้นั มีผลดแี ละผลเสียอยางไรจากการใชยา ทพ่ี บไดบ อย และเปนอาการนาํ ท่สี าํ คัญของการสญู เสยี การไดยิน ซง่ึ ความผดิ ปกติ
ดังกลาว ทพี่ บไดบ อ ย เชน ขี้หูอดุ ตนั แกว หทู ะลุ หชู ้นั กลางอกั เสบ เปนตน

คมู ือครู 99

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขา าใจใจ ตรวจสอบผล
Explore Evaluate
Engage Explain Explain Expand

อธบิ ายความรู

ใหน ักเรยี นแตล ะกลุม รว มกันเสนอแนะตอ เรอื่ ง ๑.๘ แนวทางการจัดกจิ กรรมปองกันความเส่ยี งตอการใชย า
ยาและการใชย า ในประเด็นแนวทางการจัด
กจิ กรรมปอ งกนั ความเสย่ี งตอการใชย า โดยครู ตัวอยา่ งแนวทางการจัดกิจกรรมปอ งกนั ความเส่ยี งตอ่ การใชย้ า มีดังน้ี
รวมเสนอแนะเพมิ่ เติม และต้ังคาํ ถามเพอ่ื ใหไ ด ๑) แสดงบทบาทสมมติเม่ือ
ขอ สรปุ ท่ีถกู ตองรว มกนั ไปซื้อยาจากร้านขายยาท่ีมีเภสัชกร ซึ่ง
นข้ัอกเสรงียสนัยจกะับตเ้อภงสบัชอกกร1ร าเยชล่นะ เอปียรดะ วัแติลกะาซรแักพถา้ยมา
• แนวทางการจัดกจิ กรรมปองกนั ความเส่ียง ผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดข้ึนภายหลังจากการ
ตอ การใชย าสามารถทาํ ไดอ ยา งไรบาง รับประทานยาบางชนิดเข้าไป เป็นต้น
(แนวตอบ เชน การนําตัวอยา งยาท่ีใชอ ยูเปน ๒) น�าตัวอยางยาท่ีนักเรียนใช้
ประจาํ มาอธิบายลกั ษณะการใชย าใหเพ่อื นฟง อยเู ปน ประจา� หรอื ยาทนี่ กั เรยี นเคยรบั ประทาน
เชิญวทิ ยากรมาบรรยายเกย่ี วกับการใชย า มาอธิบายให้เพ่ือนฟัง เพื่อช่วยให้เกิดความรู้
สาธติ การอา นฉลากยา ยกตัวอยางกรณีศกึ ษา ในการซ้ือยารับประทาน เพ่ือให้แน่ใจว่าไม่มีผลข้างเคียง ความเขา้ ใจเกย่ี วกบั ยา และสามารถนา� ไปปฏบิ ตั ิ
ที่รูจักวิธีปฏิบตั ติ นเมอื่ เกิดอาการขางเคยี ง ใดๆ หรือยาชนดิ ใดทเ่ี หมาะสมกับโรค ควรปรึกษาแพทย ในการใชย้ าได้อย่างถูกต้อง เช่น
จากการใชยา เปนตน) หรอื เภสัชกรจะทาํ ให้ได้รบั ข้อมลู ทีถ่ กู ต้องทสี่ ุด

ขยายความเขา ใจ Expand ■ ชอื่ สามญั และชอ่ื ทางการคา้ ของยา

ใหน ักเรียนแบง กลุม กลมุ ละ 4-5 คน รวมกนั ■ ลักษณะรูปรา่ ง และประเภทของยา เชน่ ส ี กล่นิ ยาน�้า ยาเม็ด ยาใช้ภายใน
จัดปา ยนเิ ทศเรอ่ื ง การใชย าใหถูกตอง โดยมี ยาใช้ภายนอก เปน็ ต้น
ประเด็น ดงั น้ี ■ การใชย้ า เชน่ รับประทานตอนเช้า กลางวัน หรือเย็น รับประทานก่อนอาหาร
หรอื หลังอาหาร หรอื กอ่ นนอน เป็นต้น
• หลกั การใชย าท่ีถกู ตอ ง ■ ปรมิ าณท่ีรับประทาน เมอ่ื รับประทานยาเขา้ ไปแล้วจะมีผลขา้ งเคยี งอยา่ งไร
• ปญ หาและอนั ตรายจากการใชยา ■ ขอ้ ควรระวงั ในการใชย้ า

๓) สาธิตการอานฉลากยา โดยน�าฉลากยาหลากหลายประเภทมาอ่านให้เพ่ือนใน
ห้องฟัง และควรเนน้ ย�้าใหเ้ พือ่ นในหอ้ งฟงั และปฏิบตั ติ ามเกี่ยวกับการเก็บรกั ษายา เชน่
■ การเก็บยาในอุณหภมู ทิ ี่เหมาะสมตามที่ระบุไวบ้ นฉลากยา
■ ไมค่ วรเกบ็ ยาหลากหลายชนดิ ปะปนกนั
■ หา้ มเกบ็ ยาสา� หรบั รับประทาน และยาส�าหรบั ใชภ้ ายนอก จา� พวก ยาหยอดตา
ยาทาแผล ไวบ้ รเิ วณเดยี วกนั เพราะอาจหยิบผิดและอาจกอ่ ให้เกดิ อันตรายได้
๔) เชิญวิทยากรมาบรรยาย ถึงยาที่ใช้รับประทานที่มีปฏิกิริยาระหว่างยา อาหาร
เครือ่ งดื่ม หรอื อาหารเสรมิ และวธิ ีการหลีกเลย่ี ง
๕) ยกตวั อยา งกรณศี กึ ษา หรอื บคุ คลทรี่ จู้ กั วธิ ปี ฏบิ ตั ติ นเมอื่ เกดิ อาการขา้ งเคยี งจาก
การใชย้ า

๑๐๐

เกร็ดแนะครู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT
ขอ ใดเปนวธิ กี ารปองกนั ความเส่ียงตอการใชย า
ครูสามารถใหนกั เรยี นท่เี คยเขา รว มการจัดกิจกรรมปองกันความเส่ียงตอการ 1. รับประทานยากอ นอาหาร 2 ชั่วโมง
ใชย า ออกมาเลา ใหเ พื่อนฟง หนา ชั้นเรยี น วา นักเรียนมีสว นรว มในการจัดกิจกรรม 2. สามารถกลนื ยาโดยไมตองดืม่ นํ้าตามได
ดงั กลา วอยางไรบา ง และกอ ใหเ กิดประโยชนอยางไรกับตนเองและบคุ คลอน่ื 3. รบั ประทานยารว มกบั เครอ่ื งดมื่ ทมี่ แี อลกอฮอล
4. หากรับประทานยาน้ํา ตองเขยาขวดกอนทุกครัง้
นักเรียนควรรู วเิ คราะหค ําตอบ หากรับประทานยาน้ํา จะตองเขยา ขวดกอน
รินยาทกุ ครั้ง ทงั้ นเ้ี พอ่ื ใหย ากระจายตัวเทา กนั ท้งั ขวด โดยเฉพาะ
1 เภสชั กร มหี นาทีจ่ ายยาใหผูปวย แนะนําการใชยา ตดิ ตามการใชยาในผปู วย ยานํา้ แขวนตะกอน จะตอ งเขยา ใหยาเขากันดเี สียกอนจึงจะรนิ ยา
และเปน ผผู ลิตยา เภสชั กรจะตอ งเปนผูมคี วามรคู วามสามารถหลายสาขาโดยเฉพาะ รบั ประทานได ตอบขอ 4.
อยา งย่ิงทางดา นการแพทยไมว า จะเปนทางดานคลนิ ิก โรงพยาบาล และเภสชั ชมุ ชน
ซงึ่ จะตอ งเปนมาตรฐานเดียวกนั ทัว่ โลก

100 คมู อื ครู

กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Evaluate
Engage Explore Expand Engage

กระตนุ ความสนใจ

๒. สารเสพตดิ ครูนําคลปิ วิดโี อเหตุการณข า วเก่ียวกบั คนเมายาบา
แลว จต้ี ัวประกันมาใหน กั เรียนดู จากน้ันครู
องค์การอนามัยโลกได้ให้ความหมายของค�าว่า “สารเสพติด” ไว้ว่า สารเสพติด คือ สารที่ ตง้ั คาํ ถามกระตนุ ความสนใจของนักเรียน โดยให
เสพเขา้ ไปแลว้ จะทา� ใหเ้ กดิ ความตอ้ งการทงั้ ทาง นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ ไดอ ยา งอิสระ
ร่างกายและจิตใจ โดยไม่สามารถหยุดเสพได้
และจะต้องเพ่ิมปริมาณมากขึ้นเร่ือยๆ โดยอาจ • นกั เรียนคิดวา บุคคลดังกลา วมีความต้ังใจ
เสพเข้าสู่ร่างกายโดยการกิน สูบ ฉีด หรือดม ท่จี ะแสดงพฤติกรรมดงั กลาวหรือไม
เปน็ เวลาตดิ ตอ่ กนั จนในทสี่ ดุ รา่ งกายจะทรดุ โทรม (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
และจิตใจอย่ใู นภาวะท่ีไมป่ กติ ทา� ใหเ้ กดิ โรคภัย ไดอ ยางอสิ ระ)
ไขเ้ จ็บแกร่ ่างกายและจติ ใจ
• การกระทําดังกลา วเกดิ มาจากสาเหตใุ ด
๒.๑ สถานการณเก่ยี วกบั สาร (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
เสพตดิ ในปจจบุ ัน ไดอ ยางอสิ ระ โดยอาจตอบวา เกดิ จากการ
เมายาบา หรือเสพสารเสพตดิ )
ปัญหาการใช้สารเสพติดเป็นปัญหา ตราสัญลักษณพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด จัดทําขึ้น
ที่บ่อนทา� ลายชาตอิ ย่างทั่วโลก การปราบปราม เพอื่ มงุ่ หวงั ใหป้ ระชาชนไมย่ งุ่ เกย่ี วกบั ยาเสพตดิ อยา่ งสนิ้ เชงิ • ผลกระทบทอ่ี าจเกดิ ขนึ้ จากเหตุการณ
ไม่สามารถจะท�าลายหรือท�าให้ส�าเร็จได้ง่าย เพราะมีผลประโยชน์เกี่ยวพันกันอย่างมหาศาล ดังกลาวมอี ะไรบาง
ซง่ึ ปจั จบุ นั ยงั มกี ารแพรร่ ะบาดเพมิ่ มากขนึ้ โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ในชมุ ชน ดงั นนั้ การหาแนวทางแกไ้ ข (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
ทด่ี แี ละมปี ระสทิ ธภิ าพจงึ เปน็ สง่ิ สา� คญั ตอ่ ชมุ ชนทจ่ี ะสรา้ งพลงั ในการชว่ ยปอ งกนั ชมุ ชนของตนเอง ไดอยา งอิสระ โดยอาจตอบวา คนรา ยอาจ
ให้มีความปลอดภัยจากสารเสพตดิ เป็นชมุ ชนที่มีสขุ ภาพดี มีความสขุ ทง้ั ตนเองและบุคคลท่อี ยู่ ถกู ตาํ รวจจบั สําหรบั ตัวประกนั อาจไดรบั
ร่วมกันในชุมชน อันตราย)

สาํ รวจคน หา Explore

ปัจจุบันทั้งภาครัฐและเอกชนได้ ใหนกั เรียนศกึ ษาเรอื่ ง สารเสพติด จาก
ให้ความร่วมมือร่วมใจในการแก้ไขปัญหา หนงั สอื เรียน และแหลงเรยี นรอู ่นื ๆ เพม่ิ เตมิ โดย
โดยทุกฝ่ายพยายามที่จะหามาตรการปองกัน มปี ระเดน็ ในการศึกษา ดังน้ี
ปราบปรามต่อการแพร่กระจายสารเสพติด
สูค่ รอบครัวชุมชน และสังคม ด้วยวิธกี ารต่างๆ • สถานการณเกย่ี วกับสารเสพตดิ ในปจ จบุ ัน
และมาตรการอย่างต่อเน่ือง แต่มักจะมองการ • ผลกระทบที่เกดิ จากสารเสพตดิ
แก้ไขปัญหาและหาวิธีแก้ไขออกเป็นส่วนๆ • สถานการณเ สีย่ งทนี่ าํ ไปสูปญหาสารเสพตดิ
จึงท�าให้การแก้ปัญหาสารเสพติดไม่ได้ผลตาม
เปา หมาย และนบั วนั จะยง่ิ ทวคี วามรนุ แรงมากขนึ้ ในชมุ ชน
ในทกุ ๆ ดา้ น • ลักษณะทางจิตท่เี ส่ียงตอ การติดสารเสพตดิ

ปจ จุบันสงั คมไทยต่นื ตัวอย่างมากต่อภยั ของสารเสพติด

๑๐๑

คขอ ิดสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT บูรณาการอาเซียน

นกั เรยี นคิดวาการแพรร ะบาดสารเสพติดเขาสปู ระเทศไทย ปจ จุบนั ประชาคมอาเซยี นไดม คี วามเห็นชอบท่จี ะรว มดาํ เนนิ การใหภ มู ภิ าค
มีการแพรร ะบาดเขามาในรปู แบบใด เอเชยี ตะวันออกเฉยี งใตเ ปนเขตปลอดสารเสพติด ดังทกี่ ําหนดไวใ นนโยบายดา น
แนวตอบ การแพรระบาดของสารเสพตดิ ในประเทศไทย จะมี ประชาคมการเมือง และความมั่นคงอาเซยี นวา ประเทศสมาชิกในกลมุ อาเซยี นจะ
การแพรระบาดเขา มาในรูปแบบของการลกั ลอบนาํ เขาสารเสพตดิ สง เสรมิ ประชาชน และสรา งสงั คมใหม ่ันคง ปลอดภัยจากสารเสพติด เพิ่มความ
ตามชายแดนตา งๆ ซงึ่ พบวาเปน พ้ืนที่ซอ้ื ขายรวมทง้ั เปน พื้นที่พกั กนิ ดีอยดู ขี องประชาชนอาเซียน ดวยโอกาสทีท่ ัดเทียมกันในการเขาถึงการพัฒนา
สารเสพตดิ โดยผูคา รายใหญสว นมากจะอยใู นประเทศเพ่อื นบา น มนษุ ย สวสั ดิการ และความยตุ ิธรรม ทั้งนี้เพ่อื ปอ งกันไมใ หส มาชกิ ในประเทศ
และจะมีการวาจางชนกลมุ นอ ยเปนผลู าํ เลยี งสารเสพติด ตกเปน ทาสสารเสพตดิ ซ่ึงอาจสง ผลใหป ระเทศในกลมุ อาเซียนขาดคุณภาพ และ
ไมเจริญกาวหนา ได ทั้งนี้อาเซียนไดก าํ หนดนโยบายใหอ าเซียนเปนภมู ิภาคทีป่ ลอด
บรู ณาการเชือ่ มสาระ สารเสพติดภายในป พ.ศ. 2558

สามารถนําเน้อื หาเรอื่ ง สารเสพตดิ ไปบรู ณาการเชอ่ื มโยงกับ คูมอื ครู 101
กลมุ สาระการเรยี นรวู ทิ ยาศาสตร วชิ าวทิ ยาศาสตร เรอ่ื ง สารเสพตดิ
และผลตอรางกาย

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain

อธบิ ายความรู

ใหนักเรียนดแู ผนภมู วิ ิเคราะหว งจร แผนภูมิวิเคราะหว งจรการแพรระบาดของสารเสพติดในชุมชน
การแพรระบาดของสารเสพตดิ ในชุมชน จากนน้ั ให บคุ คล
นักเรยี นรวมกนั อภิปรายเรื่อง สถานการณ
เกี่ยวกับสารเสพตดิ ในปจ จุบัน โดยครแู ละนกั เรียน สารเสพติด สงิ่ แวดลอม
คนอน่ื ๆ รว มกันเสนอแนะเพม่ิ เตมิ และตั้งคาํ ถาม
เพ่อื ใหไ ดขอ สรุปทีถ่ ูกตองรวมกนั การแ พร่ร ะบดัางนดข้ันอในงสกาารรเวสิเคพรตาิด1ะ หค์สวถราคน�ากนาึงรถณึง์
มุมมองทุกระบบ คือ การมองภาพองค์รวม
• เพราะเหตุใด ประเทศไทยจึงไมส ามารถ ที่เป็นสาเหตุปัจจัยที่มีส่วนเกี่ยวข้องเช่ือมโยง
ปราบปรามสารเสพตดิ ไดอยางหมดสน้ิ ซับซ้อนกันอยู่ ซ่ึงมีผลส�าคัญต่อการแก้ไข
(แนวตอบ เพราะประเทศเพ่ือนบานยังมี ควบคมุ สถานการณ์ของสารเสพตดิ ได้
การผลติ สารเสพตดิ เปนจาํ นวนมาก และ จากแผนภูมินักเรียนจะพบว่าสถานการณ์
แอบลกั ลอบเขามาตามแนวพรมแดน การแพร่ระบาดของสารเสพติดในชุมชนน้ัน
ขณะเดยี วกนั มูลคาของสารเสพติดท่สี งู เชื่อมโยงมาจากสถานการณ์ปัญหาสารเสพติด
ทําใหผ ูค นจาํ นวนมากเกดิ ความโลภ ของประเทศท่ีทวีความรุนแรงย่ิงข้ึน ตามหลัก
รบั เอาสารเสพติดมาจําหนา ย) ระบาดวิทยาการเกิดโรคมีสาเหตุจากปัจจัย ๓
ประการ คอื บคุ คล สารเสพตดิ และสงิ่ แวดลอ้ ม
• ปจจัยใดบางท่ที าํ ใหเ กดิ การแพรระบาด
ของสารเสพตดิ ในชุมชน
(แนวตอบ ไดแก ปจ จัยจากตวั บคุ คล
สารเสพติด และส่ิงแวดลอ ม)

• เพราะเหตใุ ด ผูคาสารเสพตดิ ในปจ จบุ นั
สวนใหญจ งึ เปนเดก็ และเยาวชนทมี่ ีอายนุ อ ย
(แนวตอบ เพราะสามารถหลอกลวงให
กระทาํ ผิดไดงา ย ไมม ีความรคู วามเขา ใจ
ในเรอ่ื งโทษของสารเสพติดมากพอ และ
เปน การหารายได หากครอบครัวมีฐานะ
ยากจน หรืออยากไดสิง่ ของบางอยา งทมี่ ี
ราคาแพงเพือ่ เปนการแลกเปล่ยี น)

ปจ จบุ นั ทง้ั ภาครฐั และเอกชนไดพ้ ยายามทจ่ี ะหามาตรการ
ในการแก้ปญหาเพ่ือปองกันและปราบปรามยาเสพติด
ให้หมดสิ้นไปจากสังคมไทย

๑๐๒

เกรด็ แนะครู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT
เพราะเหตใุ ดวัยรนุ จงึ ตดิ สารเสพติดไดง ายทสี่ ดุ
ครคู วรอธบิ ายแผนภูมวิ งจรการแพรร ะบาดของสารเสพตดิ ในชมุ ชน โดยอาจ 1. ความอยากรอู ยากลอง
ใชวิธีการยกตัวอยา งสถานการณเปน กรณีศกึ ษา เพื่อใหน ักเรียนเกดิ ความเขาใจถงึ 2. ความเจบ็ ปวยทางกาย
ปจ จัยที่เปนสาเหตุใหสารเสพติดแพรร ะบาด 3. การใชย าในทางท่ผี ดิ
4. การมีฐานะยากจน
นักเรียนควรรู วเิ คราะหคําตอบ วัยรนุ เปน วัยทมี่ คี วามอยากรูอ ยากลอง ชอบเส่ียง
ดังนน้ั วัยรุน ทต่ี ิดสารเสพติดสวนใหญจ ึงมีสาเหตมุ าจากเหตุผล
1 การแพรร ะบาดของสารเสพติด กอ ใหเกดิ ปญ หาเศรษฐกิจและสังคมของ ดงั กลา วขางตน ตอบขอ 1.
สังคมไทย มผี ลกระทบตอ ทง้ั ระบบสังคมโดยรวม ครอบครัว และชมุ ชน โดยเฉพาะ
ปญหาสารเสพตดิ ในสถานประกอบการ ซึง่ นบั ไดวาเปน ปญหาท่ีเหน่ยี วรั้งความเจรญิ
กา วหนาและความสาํ เรจ็ ของผใู ชแ รงงานเปน อยางมาก

102 คมู ือครู

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

๑) ปัจจัยตามหลักระบาดวิทยา ใหนักเรยี นรวมกันอภปิ รายตอ เรือ่ ง
สถานการณเก่ียวกบั สารเสพติดในปจจุบัน โดยครู
ปจ จัยเชอื่ มโยงทีเ่ กย่ี วกับการแพรระบาดของสารเสพตดิ และนักเรียนคนอ่ืนๆ รวมกนั เสนอแนะเพม่ิ เตมิ
และต้ังคาํ ถามเพอ่ื ใหไดข อสรปุ ทถี่ ูกตองรว มกนั
บุคคล
• ความเชอื่ ท่ีวา ยาบามีผลดตี อ การทํางาน
เปน็ ปจ จยั ทีส่ า� คัญในการแพร่ระบาดของสารเสพติดในชุมชน ดงั น้ี บหุ ร่ีชวยใหเ ปน ที่ยอมรับของกลุม เพอื่ น
๑. กลมุ เปา หมาย เดมิ จากผใู้ ชแ้ รงงาน กรรมกร ลกู จา้ ง มาเปน็ เดก็ เยาวชน นกั เรยี น นกั ศกึ ษา ซงึ่ เปน็ ทรพั ยากร เปนความเชอื่ ที่ผดิ หรือไม เพราะเหตุใด
(แนวตอบ เปน ความเชื่อที่ผิด เพราะ
ทสี่ า� ค๒ญั. ผขคูองา1ป เรดะมิ เพทศบใวนา่ เอปนน็ าบคคุตคลทม่ี อี า� นาจ หรอื พอ่ คา้ แตป่ จ จบุ นั มาเปน็ เดก็ เยาวชน นกั เรยี น นกั ศกึ ษา พระภกิ ษุ พฤตกิ รรมสขุ ภาพดงั กลา วยอ มสง ผลเสยี ตอ
สขุ ภาพทงั้ สนิ้ ทงั้ ทางดา นรา งกายและจติ ใจ
ตา� รวจ ขา้ ราชการ โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนทม่ี ีอายนุ อ้ ยและยังอยู่ในวยั เรียนท่ีสรา้ งปญหาสงั คมเป็นอันมาก และสง ผลกระทบไปยงั ครอบครวั สังคม
๓. ผูที่มพี ฤติกรรมสุขภาพ จากความเช่อื เจตคติ การรับร ู้ ทสี่ ่งผลตอ่ และประเทศชาต)ิ
พฤติกรรมสุขภาพทีผ่ ดิ เช่น ยาบ้ามผี ลดตี ่อการท�างาน คือ ทา� งานได้เพิ่ม
มากขน้ึ บหุ รชี่ ว่ ยใหเ้ ปน็ ทยี่ อมรบั ของสงั คมและกลมุ่ เพอื่ น การเทยี่ วสถาน • ความเจรญิ กา วหนาทางดานเทคโนโลยี
เริงรมย์เปน็ การผ่อนคลายความเครยี ด และเขา้ สมาคมกบั ผอู้ ่ืนไดง้ ่าย ตางๆ มีผลตอ การแพรร ะบาดสารเสพตดิ
หรือไม อยา งไร
สารเสพติด (แนวตอบ ความเจริญกา วหนาทางดาน
เทคโนโลยมี ีผลตอการแพรร ะบาดสารเสพติด
ปจจุบนั มีการปรบั ปรุงเปล่ียนแปลงใหท้ ันสมยั มากข้ึน ดงั นี้ เน่ืองจากมีส่ิงทเ่ี ออื้ อาํ นวยตอการแพรระบาด
๑. ฤทธ์ิยา มีความรุนแรงเพ่ิมขึ้น โดยการใส่สารเคมีต่างๆ อยางมาก เชน การติดตอสื่อสารท่ีรวดเร็ว
ทันสมยั การคมนาคมในการขนสง ที่
ในการผลติ ซ่งึ มอี ันตรายต่อสขุ ภาพและชวี ติ มากข้นึ สะดวกสบาย เปน ตน )
๒. ประเภทยา มีการผลติ สารเสพติดประเภทใหม่ๆ เพมิ่ ขน้ึ

โดยมสี รรพคุณแตกตา่ งกันออกไป
๓. วธิ กี ารเสพ พบวา่ จะงา่ ยขนึ้ โดยไมใ่ ชอ้ ปุ กรณเ์ หมอื น

เดิมท�าใหส้ ะดวกตอ่ การใช้สารเสพตดิ

ส่งิ แวดลอม

๑. การผลิต การจา� หน่าย
ปจ จบุ ันมกี ารผลิตและจ�าหน่าย
ในแหลง่ ชุมชนแพร่หลายมากขึ้น ทง้ั ในโรงเรยี น มหาวทิ ยาลยั วดั หม่บู า้ น และชมุ ชนแออดั ต่างๆ
๒. ฐานะทางเศรษฐกจิ เดมิ ผมู้ อี า� นาจ มีฐานะด ี หรอื ในทางตรงขา้ มคนทมี่ ฐี านะยากจนจะมสี ว่ นในการผลิต
หรอื จา� หน่าย แตป่ จจบุ ันพบวา่ บุคคลในทุกระดบั ทุกฐานะมีสว่ นเก่ียวขอ้ งกับสารเสพติดมากขึ้น
๓. ความกาวหนาทางดานเทคโนโลยี เปน็ กระแสสงั คมมติ ิใหม่ที่สา� คัญยงิ่ การตดิ ตอ่ ส่ือสารทีร่ วดเรว็ ทนั สมัย
การคมนาคมท่ีสะดวกสบายมผี ลให้การแพรร่ ะบาดสารเสพติดในชมุ ชนเรว็ ข้นึ

ปญ ห๔า.อาคชรญอบาคกรรรวั มแลคะวสามงั คอมอ่ นสแภอาตพอ่ คคร่าอนบยิ คมรใวั นเปทลายี่งทนผี่แปดิ สลง่งเผปลน็ ใคหร้เกอดิบคควราวั มเดรยี่นุ วแทรตี่งใอ้ นงครบัรอภบารคะรคัว2วแาลมะรสบัังคผดิมชออยบ่างเพมมิ่ากขนึ้

๑๐3

ขคอิดสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT นักเรยี นควรรู

ครอบครัวท่ขี าดความอบอนุ สงผลใหลกู ตดิ สารเสพติดได 1 ผูคา ลกั ษณะของผคู าสารเสพตดิ จะมลี ักษณะดังน้ี มีคนแปลกหนามาหา
หรอื ไม เพราะเหตุใด บอยครัง้ มีพฤติกรรมปดบังการกระทําบางส่ิงบางอยา ง หรอื มฐี านะความเปน อยูท่ี
แนวตอบ ครอบครัวทขี่ าดความรักความอบอุน ขาดความเขา ใจ เปล่ยี นแปลงไปอยางรวดเรว็
ซึง่ กนั และกนั ทะเลาะกันจนครอบครัวเกิดความแตกแยก อาจมี 2 ความรุนแรงในครอบครวั มผี ลเสียตอ จิตใจ และพฒั นาการทางดาน
ผลทาํ ใหล ูกตดิ สารเสพติดได เน่อื งจากเมือ่ ลกู เกดิ ปญ หาตา งๆ บุคลิกภาพของเดก็ ซึง่ เด็กที่ถูกเลย้ี งดดู วยวธิ รี ุนแรง หรอื อยูในบรรยากาศ
แลว ไมสามารถทจ่ี ะแกไ ขปญหาเหลานน้ั ได เพราะไมม ผี ใู ห สง่ิ แวดลอ มทร่ี นุ แรงจะรสู กึ วาสงั คมแรกคือ สังคมในบา นเปน สิ่งไมดี และจะมี
คาํ ปรึกษา จงึ สงผลใหลูกแกปญหาดวยวธิ ที ี่ผดิ คอื การเสพ แนวโนมเปน คนมองโลกในแงร าย นิยมความกา วราวรุนแรง และมีแนวโนม ท่จี ะ
สารเสพตดิ ตอ ตา นสงั คม

คมู ือครู 103

กระตุน ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain

อธบิ ายความรู

ใหน ักเรยี นรว มกันอภปิ รายตอเร่ือง สถานการณ ๒) สถานการณ์เก่ยี วกับสารเสพตดิ
เก่ียวกบั สารเสพติดในปจจบุ ัน โดยครูและนักเรยี น
คนอน่ื ๆ รว มกนั เสนอแนะเพ่ิมเติม และต้งั คาํ ถาม สถานการณเ ก่ียวกบั สารเสพติด
เพ่อื ใหไ ดข อสรปุ ทีถ่ กู ตอ งรว มกัน
สถานการณก ารแพรระบาดของเฮโรอนี (Heroein)
• เพราะเหตใุ ด ยาบาจงึ มีการแพรระบาด จากสถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของเฮโรอนี ในประเทศไทย
มากที่สดุ
(แนวตอบ เพราะกระบวนการในการผลติ ยาบา เมอื่ ป ี พ.ศ. ๒๕๕๔ ในภาพรวมมแี นวโนม้ ลดลง แตย่ งั มี
สามารถทําไดง าย ลงทนุ นอ ย โดยมีแหลง
ผลติ อยูใ นประเทศเพือ่ นบาน และ เยาวชนรายใหมเ่ ขา้ มาเกย่ี วขอ้ งอยา่ งตอ่ เนอื่ ง ปจ จบุ นั พนื้ ท่ี
มกี ารลําเลียงขนยา ยยาบา โดยใชร ถโดยสาร
ประจําทาง รถทวั รทอ งเทย่ี ว รถขนผกั ท่ีเปน็ แหล่งปลูกฝน และเฮโรอีนทสี่ า� คัญมี ๒ แหล่ง คือ
จากภาคเหนอื ไปสงใหล ูกคา ทั่วทกุ จังหวดั )
พพนน้ืื้ ททพบ่ีี่ รรเิะวจณนั สทารมเ์ สเหยี้ ลวทยี่ มองทคอา�ง คปา�1 ระโดเทยศพอน้ื ฟั ทกท่ี าน่ีนา�สิ เถฮาโรนอ นี แเลขะา้
• เพราะเหตุใด การจัดปารต ีย้ าอี จึงไดร บั
ความนิยมในกลมุ วยั รนุ ดารา หรือบคุ คล สปู่ ระเทศไทยมากทส่ี ดุ คอื พนื้ ทช่ี ายแดนภาคเหนอื เชน่
ทม่ี ีฐานะคอนขา งดี
(แนวตอบ เนือ่ งจากยาอีมรี าคาคอนขา งแพง จงั หวดั เชยี งราย จงั หวดั เชยี งใหม ่ เปน็ ตน้ รองลงมาเปน็ พนื้ ทภ่ี าคกลาง ซง่ึ รวมถงึ การนา� เขา้ ทสี่ นามบนิ สวุ รรณภมู ดิ ว้ ย
และหาซ้ือไดยาก โดยกลมุ คนเหลานจี้ ะเลือก
ใชย าอใี นการจดั งานปารต ี้ เพราะทาํ ใหไ มร สู กึ สว่ นปญ หาการคา้ และการแพรร่ ะบาดสว่ นใหญจ่ ะอยใู่ นพน้ื ทภ่ี าคใต ้ โดยเฉพาะบรเิ วณพน้ื ท ่ี ๔ จงั หวดั ชายแดนภาคใต้
เหนื่อย สามารถเตนไดท ั้งวันทง้ั คนื และยงั ให
ฤทธ์เิ คล้มิ ฝน เปนสขุ ท่นี ุม นวลเปนพเิ ศษ ซ่ึง (สา� นกั ยทุ ธศาสตร ์ สา� นกั งานปอ งกนั และปราบปรามยาเสพตดิ ป.ป.ส. (๒๕๕๕) สถานการณเ์ ฮโรอนี ประเทศไทย ป ี ๒๕๕๔)
หาไมไดในสารเสพติดชนดิ อื่น ทาํ ใหผเู สพมี
อารมณร วมซึง่ กนั และกัน และสามารถทําให สถานการณก ารแพรระบาดของกญั ชา
เขาใจปญ หาเรอ่ื งกลดั กลมุ ของเพอื่ นไดอ ยาง ผตู้ ดิ ยาเสพตดิ สว่ นใหญเ่ รมิ่ ตน้ ดว้ ยการทดลองเสพกญั ชาเปน็ อยา่ งแรก โดยกญั ชาจะมกี ารกระจายตวั ไปทว่ั ทกุ ภาค
ลกึ ซึ้ง)
ซง่ึ พน้ื ทที่ ม่ี กี ารแพรร่ ะบาดมาก ไดแ้ ก ่ ภาคใต ้ และภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื

สถานการณก ารแพรร ะบาดของยาบา
ปจ จบุ นั กลมุ่ ผผู้ ลติ เฮโรอนี หนั มาผลติ ยาบา้ มากขนึ้ เพราะกระบวนการในการผลติ ยาบา้ สามารถทา� ไดง้ า่ ยลงทนุ นอ้ ย แต่

ผลกา� ไรสงู โดยยาบา้ จดั วา่ เปน็ สารเสพตดิ ทนี่ ยิ มมากทสี่ ดุ มแี หลง่ ผลติ อยใู่ นประเทศเพอื่ นบา้ น ในปจ จบุ นั ไดม้ กี ารแพร่

ระบาดของยาไอซค์ วบคกู่ บั ยาบา้ มากยงิ่ ขนึ้ มกี ารลา� เลยี งขนยา้ ยยาบา้ โดยใชร้ ถโดยสารประจา� ทาง รถทวั รท์ อ่ งเทย่ี ว

รถขนผกั จากภาคเหนอื ไปสง่ ใหล้ กู คา้ ทว่ั ทกุ จงั หวดั ซงึ่ จะแพรร่ ะบาดมากในพนื้ ทภ่ี าคกลาง และกรงุ เทพมหานคร

สถานการณการแพรร ะบาดของสารระเหย
เมอื่ ราคาสารเสพตดิ เชน่ เฮโรอนี ยาบา้ เปน็ ตน้ มรี าคาแพงและหาซอ้ื ไดย้ าก “สารระเหย” ซงึ่ เปน็ สารเสพตดิ ทหี่ าได้

งา่ ยกวา่ จงึ อาจกลบั มาแพรร่ ะบาดอกี โดยฝน จะมกี ารกระจายตวั ไปทวั่ ทกุ ภาคเชน่ เดยี วกบั กญั ชา แตพ่ นื้ ทที่ ร่ี ะบาดมาก

คอื ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื (Ecstasy) โคเคน (Cocaine) เคตามีน (Ketamaine2)
สถานการณการแพรระบาดของเอ็คซต าซี
โดยจัดว่าเป็นยาในกลุม่ ทใี่ ช้กนั ตามสถานบนั เทงิ เชน่ ยาอ ี (E) ยาไอซ ์ (Ice) ยาเลฟิ (Love) เปน็ ตน้ โดยกลุม่

ยาเหล่านี้จะแพรร่ ะบาดมากในกลมุ่ เยาวชนทอี่ ยใู่ นกรงุ เทพมหานคร ภาคกลาง และภาคใต้

ทมี่ าขอ มลู : สา� นกั ยทุ ธศาสตร ์ สา� นกั งานปอ งกนั และปราบปรามยาเสพตดิ ป.ป.ส. สถานการณย์ าเสพตดิ ชว่ งแผน
ปฏบิ ตั กิ าร “พลงั แผน่ ดนิ เอาชนะยาเสพตดิ ” เดอื นตลุ าคม ๒๕๕๔ - มนี าคม ๒๕๕๕

๑๐๔

นักเรียนควรรู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT
เพราะเหตใุ ด การแพรร ะบาดของสารเสพตดิ ยงั ทวีความรนุ แรง
1 สามเหลย่ี มทองคาํ เปนพื้นทร่ี อยตอ ระหวางประเทศไทย ลาว และพมา ท่ีมี มากขน้ึ เรอ่ื ยๆ และไมส ามารถปราบปรามไดอยา งจริงจัง
ลกั ษณะเปนพน้ื ทีส่ ามเหล่ียมบรรจบกัน โดยมแี มน ้ําโขงตัดผา นชายแดนไทยและลาว แนวตอบ เพราะยงั คงมีกลุมผมู ีอทิ ธพิ ลและเจา หนาท่ีของรฐั
ซง่ึ พนื้ ทบี่ ริเวณนี้เคยเปนแหลงปลกู ฝน และผลิตยาเสพตดิ แหลงใหญ โดยการลําเลยี ง เขามาเกี่ยวขอ งกบั สารเสพติด ท้งั เปน ผดู าํ เนนิ การเองหรือเปน
ฝน นั้นจะมกี ารลดั เลาะไปตามไหลเขาพรอ มกําลงั คุม กัน ซึ่งยาเสพตดิ และฝน จะ ผูชวยเหลอื สนบั สนนุ จงึ ทาํ ใหก ารสืบสวนปราบปรามมคี วาม
ถูกแลกเปลย่ี นดว ยทองคําในนํา้ หนักท่ีเทา กันจงึ เปนทม่ี าของช่ือ สามเหลย่ี มทองคาํ ซับซอ นและเปนไปอยางยากลําบาก
2 เอ็คซตาซี (Ecstasy) โคเคน (Cocaine) เคตามีน (Ketamaine)
เปน สารเสพตดิ ชนิดเดยี วกับยาอี มที ง้ั แบบแคปซลู และเปนเมด็ สตี างๆ จะออกฤทธ์ิ
กระตุนประสาทระยะสนั้ ๆ หลังจากนน้ั จะออกฤทธ์ิหลอนประสาทขั้นรนุ แรง ทาํ ให
ผเู สพเกิดอาการเห็นภาพหลอน หูแวว เคลิบเคล้ิม ไมสามารถควบคุมตนเองได

104 คูมอื ครู

กระตุน ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

à¡Ãç´¹Ò‹ Ì٠ใหน ักเรียนอา นเกรด็ นา รูเรื่อง ประเภทของ
สารเสพติด จากนัน้ ใหนกั เรยี นรว มกนั อภิปราย
ประเภทของสารเสพตดิ เร่อื ง ผลกระทบทเี่ กดิ จากสารเสพตดิ โดยครแู ละ
นกั เรียนคนอ่ืนๆ รว มกันเสนอแนะเพม่ิ เติม และ
๑. แบง ตามแหลง กําเนดิ ไดแ้ ก่ 12 แอมเฟตามีน3 ต้งั คําถามเพือ่ ใหไ ดขอ สรปุ ที่ถูกตองรวมกนั
๑) สารเสพตดิ ธรรมชาต ิ คือ สารเสพตดิ ทผี่ ลติ ไดม้ าจากพืช เชน่ ฝน กระทอ่ ม กัญชา
๒) สารเสพติดสังเคราะห คือ สารเสพติดที่ผลิตขึ้นด้วยกรรมวิธีทางเคมี เช่น เฮโรอีน • การเสพสารเสพตดิ สงผลกระทบตอ
(Amfetamine) สขุ ภาพของผเู สพอยางไรบาง
(แนวตอบ ทําใหร า งกายทรดุ โทรม สมอง
๒. แบงตามฤทธิ์ของยา ได้แก่ เส่ือม ภมู ติ านทานโรคลดลง และทําใหเ กดิ
ประเภท ๑ การกดประสาท ได้แก ่ เฮโรอนี มอรฟ์ นี (Morphine) ยานอนหลับ ยาระงบั ประสาท ยากลอ่ ม โรคตางๆ เชน โรคมะเรง็ โรคเอดส เปน ตน
ประสาท เครอ่ื งดมื่ มึนเมาทุกชนดิ รวมทั้งสารระเหย เชน่ ทินเนอร ์ (Thinner) กาว (Glue) เปน็ ตน้ มกั พบวา่ ผู้ติด นอกจากนี้ยังสงผลตอสขุ ภาพจิต เชน
สารเสพติดมรี า่ งกายซบู ผอม ตัวเหลอื ง ออ่ นเพลีย ฟงุ ซา่ น ทําใหเกิดอาการซมึ เศรา หดหู คลุม คลัง่
ประเภท ๒ กระตนุ ประสาท เชน่ แอมเฟตามีน กระทอ่ ม โคเคน เปน็ ต้น มักพบวา่ ผู้เสพจะมอี าการ ประสาทหลอน เปน ตน)
หงุดหงิด กระวนกระวาย จติ สับสน บางครงั้ มอี าการคลุม้ คลัง่ หรือทา� ในสิง่ ท่คี นปกตไิ ม่กลา้ ทา� เชน่ ท�าร้ายตนเอง
หรือฆา่ ผู้อ่นื เปน็ ตน้ • นกั เรียนคดิ วา ผลของการเสพสารเสพตดิ
ประเภท ๓ หลอนประสาท เชน่ แอลเอสด ี (LSD : Lysergic acid diethylamide) เหด็ ขีค้ วาย เปน็ ต้น กอ ใหเ กดิ ปญ หาชุมชนและสงั คมอยา งไร
ผู้เสพจะมีอาการประสาทหลอน ได้ยนิ เสียงประหลาด (แนวตอบ อาจกอใหเ กดิ ปญ หาอาชญากรรม
ประเภท ๔ ออกฤทธ์ิหลายอยาง ท้ังกดประสาท กระตุ้นประสาท และหลอนประสาท ได้แก่ กัญชา ตางๆ เชน ลกั ทรัพย ปลน จี้ ฆาตัดตอน
ผู้เสพติดมักมีอาการหวาดระแวง ความคิดสับสน เห็นภาพลวงตา หูแว่ว ควบคุมตนเองไม่ได้ และอาจป่วย กอ เหตทุ ะเลาะวิวาท การถูกสงั คมรังเกยี จ
เปน็ โรคจิตได้ การขายบรกิ ารทางเพศเพอ่ื แลกกบั การซอ้ื ยา
จะเห็นได้ว่าสารเสพติดนั้นมีโทษต่อร่างกายอย่างมหันต์ เมื่อเราทราบชนิดและอันตรายของสารเสพติด มาเสพ เปน ตน )
แล้ว จึงควรตระหนักและไม่เขา้ ไปย่งุ เกีย่ วใดๆ กับสารเสพตดิ

๒.๒ ผลกระทบที่เกิดจากสารเสพตดิ

ปญั หาสารเสพตดิ มีผลกระทบตอ่ บคุ คล ครอบครัว และชุมชน ดังตอ่ ไปน้ี

๑) ปญั หาสุขภาพ สารเสพตดิ กอ่ ใหเ้ กดิ ผลกระทบต่อร่างกาย ดงั น้ี

ดา นรา งกาย ดานจติ ใจ
ท�าใหร้ ่างกาย ทรดุ โทรม สมองเสือ่ ม สตปิ ญญา มีอาการของโรคจติ โรคประสาท เช่น
ลดลง นา�้ หนกั ลด ความตา้ นทานของรา่ งกายนอ้ ยลง ซึมเศรา้ หดหู่ ชอบแยกตัวอยูค่ นเดียว
บุคลิกภาพแปรปรวน อารมณ์และจิตใจ คลมุ้ คลง่ั จติ ใจเลอ่ื นลอย ประสาทหลอน
ไมป่ กต ิ ฟงุ ซ่าน ขาดความรับผิดชอบ จนถงึ ขน้ั ซมึ เศร้ารุนแรง ซงึ่ เป็นสาเหตุ
นอกจากนี้ยังทา� ให้เกดิ โรคตา่ งๆ เช่น ของการฆา่ ตวั ตายในที่สุด
โรคมะเรง็ โรคถงุ ลมโปง่ พอง โรคไวรสั
ตบั อกั เสบ โรคทต่ี ดิ ตอ่ ทางเพศสมั พนั ธ์ ๑๐5
โรคเอดส ์ เปน็ ตน้ ตลอดจนการเสยี ชวี ติ
เนอ่ื งจากการใช้สารเสพตดิ เกนิ ขนาด

ขอสอบ O-NET นักเรยี นควรรู

ขอ สอบป ’52 ออกเกย่ี วกับประเภทของสารเสพตดิ โดยแบงตาม 1 ฝน เปน สารเสพติดทสี่ กดั จากยางของผลฝน ซงึ่ จะออกฤทธก์ิ ดประสาท
ฤทธิ์ของยา สว นกลาง ทาํ ใหผเู สพมีอาการจิตใจเลื่อนลอย งว งซึม พูดจาไมรูเรอ่ื ง
2 กัญชา เปนสารเสพตดิ ชนิดหน่ึง โดยออกฤทธ์หิ ลายอยางกับประสาท
สุรามีผลตอระบบประสาทอยางไร สว นกลาง ผเู สพจะมีอาการออนไหวงา ย พูดเร็ว หวั เราะตลอดเวลา มนึ เมา
1. ออกฤทธผิ์ สมผสาน นิยมใชส ูบปนกบั ยาสบู ตา งๆ
2. ออกฤทธิก์ ดประสาท 3 แอมเฟตามีน เรยี กอีกอยางวา ยาบา จดั อยูในกลุม สารเสพตดิ ที่ออกฤทธ์ิ
3. ออกฤทธิ์หลอนประสาท กระตุนประสาท มีลักษณะเปน ยาเม็ดกลมแบนขนาดเลก็ ผูเสพจะมีอาการตืน่ ตัว
4. ออกฤทธ์ิกระตนุ ประสาท สมองเส่อื ม ประสาทหลอน เห็นภาพลวงตา หวาดระแวง คลุม คลัง่ เสยี สติ
วเิ คราะหค ําตอบ สรุ ามฤี ทธกิ์ ดประสาท อยใู นกลมุ ของ เฮโรอีน
มอรฟ น ยานอนหลับ ฯลฯ ซึ่งผูเสพจะมีอาการออ นเพลยี ซูบผอม

ฟงุ ซา น มนึ งง งวงซมึ บางคร้ังมอี าการคลมุ คลัง่ ตอบขอ 2.

คมู ือครู 105

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain

อธบิ ายความรู

ใหน กั เรยี นรว มกนั อภปิ รายเรอ่ื ง สถานการณเ สยี่ ง ๒) ปญั หาครอบครวั ทา� ใหค้ รอบครวั แตกแยก เกดิ การทะเลาะววิ าท การลกั ขโมย รายได้
ท่ีนําไปสปู ญ หาสารเสพติดในชุมชน โดยครแู ละ ตกต่�าไม่พอเลี้ยงครอบครัว ขาดความรักความอบอุ่น ขาดความรับผิดชอบต่อหน้าท่ี ซ่ึงเป็น
นักเรียนคนอน่ื ๆ รวมกนั เสนอแนะเพม่ิ เตมิ และตง้ั ต้นเหตนุ า� ไปสู่การเกดิ ปัญหาอืน่ ๆ ตามมา
คาํ ถามเพอ่ื ใหไ ดข อ สรปุ ทถ่ี ูกตอ งรวมกนั ๓) ปัญหาชุมชนและสังคม ก่อ
ให้เกดิ ปญั หาอาชญากรรมต่างๆ เช่น ลกั ทรัพย์
• พฤตกิ รรมสว นบคุ คลใดบางท่เี ปนพฤติกรรม ปลน้ จ้ี ฆ่าตัดตอน ก่อเหตทุ ะเลาะวิวาท การถกู
เส่ียงตอ การใชส ารเสพติด สังคมรงั เกยี จ การขายบริการทางเพศเพือ่ แลก
(แนวตอบ ไดแ ก การคบเพ่อื น การเทย่ี ว กับการซ้ือยามาเสพ การทอดท้ิงบุตร เป็นต้น
ตามสถานบนั เทงิ ในเวลากลางคนื การอยาก ชุมชนอ่อนแอเส่ือมโทรมเนื่องจากขาดก�าลัง
ทดลอง การถกู ชกั จงู และการเลยี นแบบจาก คนและทรัพยากร อันก่อให้เกิดการขาดความ
บคุ คลในครอบครัว เพ่ือน หรอื ผูอ นื่ ที่ตนเอง การออกกําลังกายเปนอีกวิธีหนึ่งท่ีช่วยให้ห่างไกลจาก สามคั ค ี ตลอดจนขาดการพฒั นา ทง้ั ยงั เปน็ ภาระ
ชนื่ ชอบ) สารเสพติด และยังเปนการสร้างเสริมสุขภาพร่างกายให้ ของสังคมทีจ่ ะต้องท�าการบา� บดั รกั ษา
แขง็ แรงอกี ด้วย
• สังคมหรือชุมชนในลักษณะใดมโี อกาสเสย่ี ง
ตอ การตดิ สารเสพติดมากท่สี ุด ๔) ปญั หาเศรษฐกจิ สารเสพตดิ บอ่ นทา� ลายเศรษฐกจิ ของประชาชนและประเทศชาติ
(แนวตอบ ชมุ ชนท่ีมคี วามแออัด ขาดความรกั ที่จะตอ้ งใช้ในการด�าเนินการปองกนั ปราบปราม บ�าบดั รักษา และฟนฟูสมรรถภาพ ประชาชน
ความสามัคคีตอกนั ไมด แู ลชวยเหลือเกอ้ื กลู ขาดรายได ้ ประชาชนว่างงาน อันส่งผลตอ่ รายได้ของประเทศด้านงบประมาณท่ีจะพฒั นาประเทศ
ซงึ่ กนั และกัน)

นอกจากนี้ปญั หาเศรษฐกิจทีม่ าจากครอบครัว ชุมชน กก็ ่อใหเ้ กดิ ปัญหาทางสังคมได้ เชน่ ปญั หา
อาชญากรรม การค้าบริการทางเพศ เป็นต้น

๒.3 สถานการณเ สี่ยงทนี่ ําไปสปู ญหาสารเสพติดในชุมชน

การท่ีบุคคลใช้สารเสพติดนั้นเป็นพฤติกรรมที่แสดงออกมาในด้านของร่างกาย จิตใจ
อารมณ์และสังคม ซ่งึ จะเป็นสถานการณ์เส่ยี งทจ่ี ะน�าไปสปู่ ญั หาสารเสพติดในชมุ ชนได ้ ดงั นี้

สถาบันครอบครวั

เป็นสถานการณเ์ สย่ี งประการแรกท่สี �าคญั มาก สภาพครอบครวั ทแ่ี ตกแยก หยา่ รา้ ง ขาดความอบอ่นุ
ขาดกิจกรรมร่วมกัน และความสัมพนั ธ์ทด่ี ขี องคนในครอบครวั ขาดการอบรมสัง่ สอน การเข้มงวดหรือ
หไปยสอ่ กู่นายราในชเ้สกานิ รไเสปพ ฐตาดิ นไะดย้ าจกึงจมนกั มขีคา�าดกผลนู้ า่ า�วควา่ร อ“บคครรอวั บ คกราัวรคถือกู ภทมูอิคดมุทก้ิง ันทสา� าใรหเส้เกพดิ ตปิด1ญ”หาครอบครวั ทีจ่ ะนา�

พฤตกิ รรมสวนบุคคล

กพบาคุฤรตคใกิลชรใ้เรพนมคื่อเลรสอดยี่ บงอตคาอ่กรกวัา ารเรเพจใช็บือ่ ส้นป3า ่วรผยเ2สู้ใจกพาลกต้ชโดิ รดิ คเ ชหทน่ รา ืองกกผาารู้ทเยี่ตทแนยี่ ลวชะเ่นืตทชราต่องาบจมิต สก ถากราาอนรยบถานัูกกเชทใักหงิ จใส้ นูงังจเความลกายเกอพลมื่อารนงับ ค นืกเป ากร็นาเตลรอ้นียย นาแกบทบดจลาอกง

๑๐6

นักเรียนควรรู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT
นักเรยี นคิดวา สถาบนั ทางการศกึ ษาจะมีสวนรว มในการปองกัน
1 ครอบครัวคือภมู คิ ุมกันสารเสพตดิ การมีครอบครวั ทอี่ บอุน เปรียบเสมอื น และแกไ ขปญหาสารเสพตดิ ไดอ ยา งไรบาง
ภูมคิ ุมกันใหก บั ลกู หลานไมใหไ ปของเก่ียวกับสารเสพติด โดยการเอาใจใสด ูแล แนวตอบ บุคลากรทเี่ กยี่ วขอ งภายในโรงเรียน โดยเฉพาะครู
ปกปองคมุ ครองลูกหลานหรอื บุคคลภายในครอบครวั ดว ยความรัก และความอบอุน อาจารย ควรมสี วนชว ยในการพัฒนานกั เรียนและเยาวชนดวยการ
อยางเตม็ ท่ี สอดสอ งดแู ลนักเรยี น จัดหลักสตู รกระบวนการเรียนการสอน
2 การใชเ พื่อลดอาการเจ็บปว ย ยาบางชนิดทม่ี ีผลตอการลดอาการเจบ็ ปว ย ใหเหมาะสม และจัดกิจกรรมตางๆ ทีเ่ ปนประโยชนใ หกับนกั เรียน
เม่ือรบั ประทานเปนประจําหรอื เปน เวลานาน อาจสง ผลใหเกิดการเสพตดิ ยาน้ันๆ
3 เพ่ือน มีอทิ ธพิ ลตอการเสพสารเสพติด เพราะสว นใหญวยั รนุ จะใกลชิดกับ
เพอ่ื นมากทีส่ ุด และชกั จูงใหก า วเขาสูว ังวนของสารเสพตดิ ตั้งแตเปนผูเ สพและ
ผูคาในทสี่ ดุ

106 คมู อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขา ใา จใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

กลุมคนท่มี ีแนวโนม ตอ สารเสพติดในชมุ ชน ใหนกั เรยี นรวมกันอภิปรายเร่ือง ลกั ษณะ
ทางจิตท่เี สย่ี งตอการติดสารเสพตดิ โดยครแู ละ
ผู้มีอิทธิพลท่ีเป็นผ้ผู ลิต ผคู้ า้ ผูจ้ �าหน่าย แหล่งผลิต แหล่งจ�าหนา่ ยภายในหรือบริเวณรอบๆ ชุมชน นักเรยี นคนอ่ืนๆ รว มกันเสนอแนะเพิม่ เตมิ และ
ตัง้ คาํ ถามเพอื่ ใหไดขอ สรปุ ทีถ่ ูกตองรวมกัน
ความออ นแอทางสงั คม และวัฒนธรรมของชุมชน
• ลักษณะทางจิต มีอทิ ธพิ ลตอ การติด
การมแี หลง่ เสอื่ มโทรม ชมุ ชนแออดั การขาดความรกั ขาดการมสี ว่ นรว่ ม ขาดความรบั ผดิ ชอบ ไมม่ กี าร สารเสพติดเพราะเหตใุ ด
เกือ้ กูลดูแลซงึ่ กันและกัน รกั ษาประโยชน์ส่วนตนมากกว่าส่วนรวม ขาดกฎระเบียบของชุมชน เป็นต้น (แนวตอบ เพราะหากบุคคลมีสภาพทางจติ ใจ
ทดี่ ี กย็ อมสง ผลใหม ีพฤตกิ รรมท่ีดีตามไป
สถาบนั ทางการศกึ ษา ดว ย แตถ าหากบุคคลมีสภาพจติ ใจทีย่ า่ํ แย
หดหูก ็อาจสงผลใหแ สดงพฤตกิ รรมทไี่ มดี
โรงเรยี น คร ู อาจารย ์ ผปู้ กครอง ชมุ ชน มสี ว่ นชว่ ยพฒั นาเยาวชน ตลอดจนกลมุ่ เพอื่ นซงึ่ ถอื วา่ เปน็ กลมุ่ ออกมาหรอื นาํ ไปสกู ารตดิ สารเสพติดได)
ทมี่ อี ทิ ธพิ ลมากกวา่ ครอบครวั โดยสงั เกตเหน็ ไดว้ า่ เมอื่ มปี ญ หาเกดิ ขนึ้ วยั รนุ่ มกั จะเลอื กเขา้ หาปรกึ ษา
เพื่อนของตนมากกว่าพอ่ แม่ และมักจะชอบท�าตามกลุ่มเพอื่ น โดยมกั อา้ งว่า “เพือ่ นๆ ก็ท�ากนั ท้งั น้นั ” • ลักษณะทางจติ ทเ่ี สีย่ งตอการติดสารเสพติด
ถงึ แม้จะทราบว่าส่ิงนน้ั ไม่ดีกต็ าม ไดแ กอ ะไรบาง
(แนวตอบ ไดแก การมุงอนาคตและควบคมุ
สถาบนั ทางสังคมและการเมือง ตนเอง และความเชอ่ื อํานาจในตน)

ดา้ นมาตรการทางสงั คม การเมอื ง ขาดกฎระเบยี บ กฎหมายหยอ่ นยานทเี่ ออื้ ตอ่ กลมุ่ บคุ คลบางคนของ ขยายความเขา ใจ Expand
ภาครฐั และการเมืองสภาพสังคมออ่ นแอ เส่อื มโทรม ความกา้ วหนา้ ทางวทิ ยาศาสตร ์ เทคโนโลย ี ด้าน
การสอ่ื สาร การคมนาคมทส่ี ะดวกสบาย ทา� ใหก้ ารตดิ ตอ่ ขนสง่ สารเสพตดิ สชู่ มุ ชนทา� ไดส้ ะดวกมากขน้ึ

๒.๔ ลกั ษณะทางจติ ทเ่ี สีย่ งตอ การติดสารเสพตดิ ใหน กั เรียนรวมกนั จัดกจิ กรรมรณรงคตอ ตาน
สารเสพตดิ ในโรงเรยี นมา 1 กิจกรรม โดยกิจกรรม
ลักษณะทางจิตจะมีอิทธิพลต่อการเกิดพฤติกรรมในการกระท�าส่ิงต่างๆ หากบุคคลมี นั้นตอ งเปนกจิ กรรมทีส่ รางสรรคและสามารถหา ง
สภาพทางจิตใจท่ีดี ก็ย่อมส่งผลให้มีพฤติกรรมที่ดีตามไปด้วย แต่ถ้าหากบุคคลมีสภาพจิตใจที่ ไกลจากสารเสพติดได
ไม่มั่นคง แปรปรวน ออ่ นไหวงา่ ย บคุ คลเหลา่ น้มี แี นวโนม้ จะถูกชักจงู ไดง้ ่าย หรืออาจน�าไปสูก่ าร
ตดิ สารเสพติดได้ ซึง่ ลักษณะทางจติ ท่เี ส่ียงตอ่ การติดสารเสพติด มดี งั น้ี
๑. มงุ่ อนาคต และควบคมุ ตน นกั เรยี นทม่ี คี วามมงุ่ อนาคตตา่� ยอ่ มไมท่ ราบวา่ จะมอี ะไร
เกิดขนึ้ กับตนในอนาคต เชน่ นกั เรยี นทีไ่ ม่ตัง้ ใจเรยี น มชี ีวติ อยโู่ ดยไมม่ จี ุดมุ่งหมาย จึงมีแนวโน้ม
ทเ่ี สย่ี งต่อการตดิ สารเสพตดิ เพ่อื ใช้เปน็ ทางออกของชีวิตในปจั จุบนั เปน็ ต้น
๒. ความเช่ืออ�านาจในตน นักเรียนท่ีมีความเชื่ออ�านาจในตน จะเป็นผู้ที่เข้าใจชีวิต
สามารถยอมรบั วา่ สิ่งตา่ งๆ ทเี่ กิดขึน้ กับตนเปน็ เพราะการกระท�าของนกั เรียนเอง ดงั นนั้ นกั เรยี น
ที่มีความเช่ืออ�านาจในตนสูงจะปลอดภัยและเอาตัวรอดจากการติดสารเสพติดได้ ซึ่งตรงข้ามกับ
นกั เรยี นทมี่ คี วามเชอื่ อา� นาจนอกตน ซงึ่ มคี วามคดิ วา่ สง่ิ ทเี่ กดิ ขน้ึ ในชวี ติ เปน็ เรอื่ งบงั เอญิ ขน้ึ อยกู่ บั
โชคชะตา วาสนาเคราะห์กรรม หรือเกิดจากการกระท�าของผู้อ่ืน จึงมีโอกาสเสี่ยงต่อการ
ติดสารเสพตดิ ได้มาก
๑๐๗

กจิ กรรมสรา งเสรมิ เกร็ดแนะครู

ใหนกั เรยี นศกึ ษาลักษณะทางจติ ทเี่ สี่ยงตอ การตดิ สารเสพติด ครคู วรอธบิ ายเพ่ิมเติมวา การอยใู กลชิดกบั ผูต ิดสารเสพตดิ ยอมมโี อกาสได
เพ่ิมเตมิ และเขยี นสรุปเปน ผังความคดิ สงครผู ูสอน ศึกษาเรื่องสารเสพตดิ และสรรพคณุ ของสารเสพติดโดยทางประสบการณตรง และ
โอกาสทผี่ นู ั้นจะถกู ชักชวนใหเร่ิมเสพยายอ มมีไดมาก เพราะวา ผตู ิดสารเสพติดเอง
กิจกรรมทา ทาย กป็ รารถนาจะไดส มาชกิ ใหมๆ มารว มกลมุ เพ่อื ไดอาศยั ทรัพยข องผูเสพติดใหมม า
ซื้อสารเสพตดิ แบง กนั เสพ ทางดานผรู ิเริ่มเสพยาใหมๆ ซ่งึ เปนเดก็ วยั รนุ กม็ ีความ
ใหน กั เรยี นวเิ คราะหว า ลักษณะทางจิตที่เกิดขึ้นน้ัน เปนผล โนม เอียงทีจ่ ะกระทาํ ตามคาํ ชักชวน ชกั จูงเปน ทุนอยแู ลว เพ่อื แลกกบั การไดเ พอื่ น
มาจากปจ จยั ใดทที่ ําใหบคุ คลเส่ียงตอ การติดสารเสพติด โดยให ใหเกดิ เปนท่ยี อมรบั ของเพอ่ื น และเพื่อแสดงการปรับตัวใหเ ขากบั เพื่อนๆ
เขยี นสรุปลงในกระดาษรายงาน แลว นําสงครูผูส อน

คูม อื ครู 107

กกรระตะตนุ Eุนnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore

กระตนุ ความสนใจ Engage

ครูตัง้ คาํ ถามกระตุนความสนใจของนักเรยี น ๒.5 การปอ งกนั ปญ หาและแกไ ขปญหาสารเสพติด
เพอ่ื ใหนักเรียนสามารถแสดงความคดิ เห็นไดอยาง
อสิ ระ ปญั หาสารเสพตดิ เปน็ ปัญหาสังคม ซึ่งมีผลกระทบตอ่ สุขภาพและเศรษฐกิจ ตลอดจน
ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนโดยรวม ดังนั้น ทุกคนในฐานะท่ีเป็นประชากรของประเทศไทย
• หากบุคคลใกลชดิ ของนกั เรียนมีพฤติกรรม จงึ เป็นกา� ลังส�าคัญในการพฒั นาประเทศชาติให้มนั่ คงสบื ไป
เสี่ยงตอ การติดสารเสพตดิ นักเรยี นจะมี จะเห็นได้ว่า ปัญหาสารเสพติดเป็นปัญหาท่ีมีมานาน และนับวันจะเพิ่มความรุนแรง
แนวทางในการปองกันอยา งไร ขสรน้ึ ้าเงรคือ่ วยาๆม หถนงึ แักมใจร้ ใัฐหบท้ าั้งลรจฐั ะบพายลาแยลาะมปใรชะม้ ชาาตชรนกคานรตไทา่ งยๆท ี่มใไินดก้ตากรเปปร็นาทบาปสรสาามรกเ็ตสพามต ิด1แ ตแป่ลัญะเปหน็ากป็ยญั งั หคาง
(แนวตอบ นักเรยี นสามารถแสดงความคดิ เห็น ท่ีทุกคนไม่อาจหลีกเลี่ยงและละเลยได้ เนื่องจากปัญหาน้ีมีความซับซ้อนและเก่ียวข้องกับหลาย
ไดอ ยา งอิสระ) ปัจจัย อนั อาจส่งผลกระทบทงั้ ต่อตนเองและครอบครัว
ทุกคนจึงต้องรู้บทบาทและหน้าที่ในการปองกันและแก้ไขปัญหาสารเสพติดดังกล่าว
• ถาหากนักเรียนตองการจัดกจิ กรรมเพ่อื ซงึ่ มแี นวทางการบรู ณาการดว้ ยวธิ กี ารต่างๆ ท่ผี สมผสานกนั ดงั ตอ่ ไปนี้
ปอ งกันปญหาจากสารเสพตดิ นักเรยี น
สามารถจดั กจิ กรรมใดไดบาง ๑) การพัฒนาบุคคล เป็นสิ่งส�าคัญที่สุด เพราะการที่คนจะติดหรือเป็นทาสสาร
(แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคดิ เห็น
ไดอ ยางอิสระ) เสพติดมาจากปัจจัยของบุคคล อนั เน่ืองมาจากสภาพท้ังร่างกายและจิตใจทีม่ ีผลกระทบมากท่ีสดุ
ซ่งึ การพัฒนาบุคคล สามารถใช้กลวิธตี ่างๆ ดังน้ี
• นกั เรยี นคิดวา ปจ จบุ ันประเทศไทยมกี ฎหมาย
ทเี่ กย่ี วขอ งกบั สารเสพตดิ หรอื ไม ถา มกี ลา วถงึ กลวิธกี ารพฒั นาบุคคล
เร่อื งใดบา ง
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ การใหก ารศึกษา
ไดอ ยางอสิ ระ) โดยการใหก้ ารศกึ ษาทง้ั ในระบบและนอกระบบ เพอ่ื ใหเ้ กดิ การเรยี นร ู้ เกดิ ทกั ษะ ประสบการณ ์ ซง่ึ จะ
เปน็ แนวทางในการสรา้ งเสรมิ พฒั นาคณุ ภาพชวี ติ
สาํ รวจคน หา Explore ของตนเอง ครอบครัว ชมุ ชน และสังคมในดา้ น
ต่างๆ ไดแ้ ก่
ใหนกั เรยี นศึกษาเร่ือง การปอ งกันปญหาและ
แกไ ขปญ หาสารเสพตดิ แนวทางจัดกิจกรรมปองกนั ๑. การพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอน
ความเส่ยี งตอการใชส ารเสพติด และกฎหมาย แบบบรู ณาการในกลมุ่ สาระอื่นๆ ทเ่ี กี่ยวขอ้ งทกุ
เกี่ยวกับสารเสพตดิ จากหนงั สือเรียนและ ระดับชั้น
แหลง เรียนรูอื่นๆ เพิม่ เติม
๒. การให้ความรู้แก่ประชาชนชุมชนให้
ตระหนักถึงอันตราย และภัยจากการใช้สาร การให้ความรู้เร่ืองสารเสพติดในชุมชนเปนแนวทาง
เสพตดิ มาตรการทางกฎหมายบทลงโทษส�าหรับ การปองกันและลดการแพร่ระบาดของสารเสพติด
การปองกันและปราบปรามสารเสพติด ได้ทางหน่ึง

๑๐๘

เกร็ดแนะครู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT
จากสถานการณส ารเสพตดิ ในปจจบุ นั นักเรยี นคดิ วา ควรมี
ครคู วรเชิญวิทยากรจากหนว ยงานทเ่ี กี่ยวของกบั การปองกนั และปราบปราม มาตรการใดท่จี ะชว ยปองกนั การแพรระบาดของสารเสพตดิ ไดด ี
สารเสพตดิ มาใหความรแู กนักเรยี น เพื่อใหน ักเรยี นทราบถึงอนั ตราย และ ท่สี ุด
การปองกนั จากสารเสพตดิ แนวตอบ สง่ิ ทสี่ ามารถชว ยปอ งกนั การแพรร ะบาดของสารเสพตดิ
ไดดที ส่ี ดุ คือ การคอยสอดสองดูแล ตักเตอื นเพอื่ น แจงคุณครู
นักเรยี นควรรู ผปู กครองหรือเจา หนาทใี่ หรับทราบ และไมเขาไปยงุ เกย่ี วกบั
สารเสพตดิ โดยเดด็ ขาด
1 ตกเปน ทาสสารเสพตดิ ผตู กเปน ทาสสารเสพติดเกอื บทุกประเภทรา งกาย
จะซูบ ซดี ผอมเหลอื ง เหลือแตห นงั หมุ กระดกู ความคิดอา นชา ความจาํ เสื่อม
ขาดสติ อาเจยี น นอนไมห ลับ เบอื่ อาหาร และเสียชีวิตในทส่ี ุด

108 คูม ือครู

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

การใหข อ มลู ขาวสาร ครสู มุ นกั เรยี น 2 คน ออกมาอภิปรายเรอ่ื ง
โดยผ่านทางส่ือเพื่อเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเก่ียวกับการหลีกเลี่ยงการใช้สารเสพติดของภาครัฐและ การปอ งกนั ปญหาและแกไ ขปญหาสารเสพตดิ
เอกชน ตลอดจนหนว่ ยงานที่เก่ียวข้อง เช่น การเผยแพร่ข่าวสารจากทางวิทยุ โทรทศั น ์ สือ่ สง่ิ พมิ พ์ โดยครแู ละนกั เรียนคนอนื่ ๆ รวมกันเสนอแนะ
ภาพยนตร์ อินเทอร์เน็ต เสียงตามสายตามโรงเรียน ชุมชน หอกระจายข่าวตามหมู่บ้าน สถานี เพ่มิ เตมิ และต้งั คาํ ถามเพอื่ ใหไดขอ สรุปที่ถูกตอง
อนามัย เปน็ ตน้ รวมกัน
การจดั กจิ กรรมในรูปแบบตา งๆ
เช่น การจัดประชุม การสมั มนา การฝก อบรม • การปอ งกนั และแกไขปญหาสารเสพตดิ
การจัดกลุ่มแกนน�า การอภิปรายการบรรยาย สามารถทาํ ไดด วยวิธกี ารใดบาง
การโตว้ าทกี ารจดั นทิ รรศการเพอ่ื การรณรงคแ์ ละ (แนวตอบ ไดแก การใหการศึกษา การให
ปอ งกันการใช้สารเสพตดิ เปน็ ตน้ ขอมูลขา วสาร และการจัดกิจกรรมตา งๆ)
การจัดกจิ กรรมทางเลือก
เป็นกิจกรรมเพื่อมีวัตถุประสงค์ให้ห่างไกลสาร • กจิ กรรมทางเลือกเปนกจิ กรรมท่มี ี
เสพติด ได้แก่ วัตถุประสงคใ หห า งไกลสารเสพติด
๑. การส่งเสริมกิจกรรมการออกก�าลังกาย การจดั นทิ รรศการหรอื ทศั นศกึ ษาของนกั เรยี น ทาํ ให้ นักเรยี นคดิ วา มีกิจกรรมใดบา ง
การเลน่ กีฬา การนนั ทนาการ เชน่ จดั ให้มีการ เกดิ การเรยี นรู้และเขา้ ใจปญหาไดง้ า่ ยขึ้น (แนวตอบ ขนึ้ อยูก ับคําตอบของนกั เรยี น
แขง่ ข๒ัน.ฟ ตุกบารอสลง่ เเพสอื่รริมณกรจิ งกคร์ใรหม้เทยาางวศชานสหนา่ า1ง ไฝกกลสสมาราเธส ิ พปตฏดิ ิบ ตั เปธิ รน็ รตม้น โดยอาจตอบวา การออกกาํ ลังกาย การเลน
๓. การส่งเสรมิ กิจกรรมดา้ นสงั คม เชน่ การต้งั ชมรม การต้งั กลุม่ กจิ กรรมบา� เพญ็ ประโยชน ์ กีฬา การสงเสรมิ กจิ กรรมทางศาสนา สังคม
เช่น ลกู เสือ เนตรนารี ค่ายเยาวชนตา่ งๆ เปน็ ตน้ และศลิ ปวฒั นธรรม)
๔. การส่งเสรมิ ศลิ ปวัฒนธรรม ดนตร ี ขนบธรรมเนียมประเพณีไทย
การสรา งภมู คิ มุ กนั • ลกั ษณะของการสรางภูมิคมุ กันตนเอง
เป็นส่วนหน่ึงของการพัฒนาบุคคลต่อความ ในการปอ งกันปญหาสารเสพตดิ สามารถ
สามารถของตนเองในการปองกันปญหาการใช้ ทําไดอ ยางไร
สารเสพตดิ จากการเผชญิ ปญ หา อปุ สรรค ซงึ่ อาจ (แนวตอบ โดยการใชค วามรู ความสามารถ
กอ่ ใหเ้ กดิ ผลกระทบตา่ งๆ โดยสามารถใชค้ วามรู้ การตัดสนิ ใจทีจ่ ะไมตองพ่งึ พาสารเสพติด
ความสามารถการตัดสินใจที่จะไม่ต้องพ่ึงพา ทุกชนดิ คือ ความตระหนกั ในตนเอง นบั ถอื
สารเสพติดทกุ ชนดิ ด้วยกระบวนการทักษะชีวติ ตนเอง ควบคุมตนเอง มีทักษะในการปฏิเสธ
เช่น พูดปฏิเสธการไม่สูบบุหร่ีเม่ือเพ่ือนชักชวน การแกไ ขปญหา และการจดั การกับอารมณ
ให้ทดลองสูบ การให้คุณค่าและนับถือตนเอง การมสี ว่ นรว่ มในการปอ งกนั และปราบปรามยาเสพตดิ และความเครียดของตนเองได)
การเห็นตนเองมีความหมาย และเป็นที่รักยิ่ง ถือว่าเปนกําลังท่ีสําคัญที่จะช่วยขจัดส้ินยาเสพติด
ของพอ่ แม ่ คร ู อาจารย์ และเพ่อื น เปน็ ตน้ ให้หมดไป

๑๐9

คขอ ิดสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT นกั เรยี นควรรู

ขอ ใดเปนหนา ท่ขี องพอแมที่สาํ คญั ที่สุดในการปองกันไมใหลูก 1 กจิ กรรมทางศาสนา สามารถปอ งกนั แกไ ขปญ หาสารเสพติดได แตศ าสนา
ติดสารเสพตดิ ก็จะมหี ลกั คําสอนทสี่ อนใหศาสนิกชนไมไ ปเกี่ยวของหรอื ตกเปน ทาสของสิ่งไมดี
ตา งๆ ไมวา จะเปนสรุ า ของมึนเมา สารเสพตดิ
1. ขยันทาํ งานหาเงนิ เลยี้ งดลู กู
2. ดแู ลเอาใจใสเ ลี้ยงดลู กู ดวยเงิน มมุ IT
3. จัดสภาพแวดลอมของบานใหนาอยู
4. ใหความรูเรือ่ งของโทษและอันตรายจากการตดิ สารเสพตดิ ศกึ ษาเพ่ิมเติมเกย่ี วกบั กจิ กรรมตอ ตา นสารเสพติด ไดจาก
วเิ คราะหค าํ ตอบ หนา ที่ของพอแมท่ีสาํ คญั ท่สี ุดเพื่อปองกันใหล กู http://www.nongbua.ac.th/tobe/page14.html
หางไกลจากสารเสพตดิ คอื การอบรมใหค วามรูเกย่ี วกับอนั ตราย
จากสารเสพติดตา งๆ เพือ่ ใหล ูกเกิดความตระหนกั ถงึ ผลกระทบท่ี

อาจเกดิ ขนึ้ หากเสพสารเสพตดิ ตอบขอ 4.

คมู อื ครู 109

กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain

อธบิ ายความรู

ใหนักเรยี น 2 คน ท่อี อกมาอภิปรายแลว เลอื ก ๒) สงั คมและสงิ่ แวดล้อม มีอทิ ธพิ ลต่อการปองกนั ปญั หาสารเสพติด ดงั นี้
เพ่อื นอีก 2 คน ออกมาอภิปรายตอ เรอ่ื ง
การปองกนั ปญ หาและแกไ ขปญ หาสารเสพตดิ ครอบครวั สารเสพตดิ
โดยครแู ละนกั เรียนคนอน่ื ๆ รวมกนั เสนอแนะ
เพิ่มเติม และต้ังคําถามเพื่อใหไ ดขอสรุปที่ถูกตอ ง เปน็ หนว่ ยของสงั คมทสี่ า� คญั ทสี่ ดุ
รวมกนั ทสี่ รา้ งใหส้ งั คมเขม้ แขง็ เปรยี บเสมอื นเกราะ
ปอ งกนั อนั ตรายหรอื ปจ จยั เสย่ี งตอ่ การใชส้ ารเสพตดิ ดงั นี้
• อทิ ธิพลของเพือ่ นที่มตี อ การปอ งกันปญ หา ๑. บทบาทและหนา้ ทข่ี องครอบครวั มคี วามสา� คญั มาก คอื ครอบครวั
สารเสพตดิ มกี ลวธิ ใี นการปอ งกนั อยา งไรบา ง ตอ้ งมคี วามรกั ใคร ่ กลมเกลยี วกนั สรา้ งความอบอนุ่ พงึ่ พาอาศยั กนั และกนั
(แนวตอบ โดยการใชก จิ กรรมกลมุ เพือ่ นเพ่ือ ชว่ ยกนั แกไ้ ขปญ หา อปุ สรรคตา่ งๆ มกี จิ กรรมระหวา่ งสมาชกิ
ดาํ เนนิ กจิ กรรมบําเพญ็ ประโยชนหรือกิจกรรม ในครอบครวั รว่ มกนั รวมทงั้ กจิ กรรมทางศาสนาทจี่ ะชว่ ย เพอื่ น เปน็ กลมุ่ ทางสงั คม
สง เสรมิ สขุ ภาพ เชน การออกคา ยอาสา หลอ่ หลอมจติ ใจของสมาชกิ ในครอบครวั
การเชยี รก ฬี า นนั ทนาการ เปน ตน นอกจากน้ี ๒. การใหก้ ารศกึ ษาแกส่ มาชกิ ในครอบครวั อีกกลุ่มหน่ึงท่ีมีอิทธิพล
การเลือกคบเพอ่ื นเปนสง่ิ สําคัญ ซง่ึ อาจตอง อยา่ งเตม็ กา� ลงั ความสามารถ เพราะการศกึ ษา ตอ่ การดา� เนนิ ชวี ติ ของวยั รนุ่ ในหลายๆ ดา้ น ซงึ่ มกี ลวธิ ใี น
ใชทกั ษะการปฏิเสธเพอ่ื หลกี เลย่ี งและปอ งกัน จะชว่ ยใหเ้ กดิ การเรยี นร ู้ ทกั ษะ และ การปอ งกนั และแกไ้ ขปญ หาสารเสพตดิ ดงั น้ี
ปญ หาสารเสพติด) ประสบการณท์ ดี่ ี ๑. การใชก้ จิ กรรมกลมุ่ เพอ่ื นเพอ่ื ดา� เนนิ กจิ กรรมบา� เพญ็
๓. การใหข้ อ้ มลู ขา่ วสารทถ่ี กู ตอ้ งแก่ ประโยชน ์ กจิ กรรมสง่ เสรมิ สขุ ภาพ เชน่ การออกคา่ ยอาสา
• โรงเรียนและสถานศกึ ษา มีกลวธิ ีในการ สมาชกิ ในครอบครวั เกยี่ วกบั ปญ หาสาร กจิ กรรมการออกกา� ลงั กาย การเลน่ กฬี า การเชยี รก์ ฬี า
ปองกนั ปญหาสารเสพติดไดอยางไรบา ง นนั ทนาการ เปน็ ตน้
(แนวตอบ บุคคลในสถานศึกษาทุกคนตอ งให สารเสพตดิเสพตดิ และโสรถงาเรนยี ศนกึ ษา ๒. การเลอื กคบหาเพอ่ื น เปน็ กลวธิ หี นง่ึ ของทกั ษะชวี ติ
ความรวมมือในการชวยสอดสองดแู ล กในากรปารฏรเิเู้สขธา1 รเเู้พราอื่ หโดลยกี ใเลชยก่ี้ งรแะลบะวปนอกงากรนขั อปงญ กหาราตสาดั รสเนสิ พใจต ดิ
โดยประสานงานกับชุมชนและผูปกครอง
เพอ่ื ดาํ เนนิ การจดั กิจกรรมภายในโรงเรยี น เปน็ สถาบนั ทาง
และกาํ หนดบทลงโทษสําหรับผูก ระทาํ ผิด) สงั คมทมี่ ผี ลตอ่ การ
แพรร่ ะบาดของสารเสพตดิ มาก จงึ ตอ้ งมกี ลวธิ ปี อ งกนั ดงั นี้
• หนวยงานภาครัฐ เอกชน และหนวยงานที่ ๑. การกา� หนดนโยบาย การปอ งกนั แกไ้ ขปญ หาภายในสถานศกึ ษาโดยมกี ารกา� หนด
เก่ียวของ มกี ลวธิ ใี นการปอ งกนั ปญ หา เปน็ แผนการดา� เนนิ กจิ กรรมตลอดทง้ั ปอี ยา่ งตอ่ เนอื่ ง เพอื่ ใหค้ วามรแู้ กน่ กั เรยี น นกั ศกึ ษา สารเสพตดิ
สารเสพตดิ อยา งไรบา ง ๒. คร-ู อาจารย ์ ตอ้ งรบั นโยบายสถานศกึ ษา ตลอดจนหนา้ ทค่ี วามรบั ผดิ ชอบในการดแู ล
(แนวตอบ เชน กําหนดพ้นื ที่และกลุม เปา หมาย นกั เรยี นหรอื นกั ศกึ ษาอยา่ งใกลช้ ดิ รวมถงึ เปน็ ทป่ี รกึ ษาปญ หาตา่ งๆ ของนกั เรยี นไดอ้ ยา่ งมี
ในการดําเนินงานท่เี หมาะสม ใชภ มู ิปญญา ประสทิ ธภิ าพ
ชาวบา นในชมุ ชนเพื่อพัฒนา ทดสอบ ๓. บคุ คลในสถานศกึ ษาทกุ คน โดยเฉพาะคร-ู อาจารย ์ ตอ้ งใหค้ วามรว่ มมอื ในการสอดสอ่ งดแู ล
ปรบั ปรุงคุณภาพใหเหมาะสมตอการสรางงาน ประสานงานกบั ชมุ ชน ผปู้ กครอง เพอ่ื ดา� เนนิ การกจิ กรรมของโรงเรยี นไดอ้ ยา่ งดี
และสรางคนของชุมชน เปน ตน) ๔. สถานศกึ ษาตอ้ งกา� หนดบทลงโทษสา� หรบั ผกู้ ระทา� ผดิ ตลอดจนตอ้ งหาเบาะแส

ผเู้ กย่ี วขอ้ ง

๑๑๐

เกรด็ แนะครู ขอสอบ O-NET
ขอ สอบป ’50 ออกเกี่ยวกับการใชท กั ษะชีวติ เพ่ือปองกันการใช
ครคู วรช้แี นะใหน กั เรยี นเหน็ วาปญ หาสารเสพติดสง ผลตอ ผูเสพและบคุ คล สารเสพติดที่มีอิทธิพลมาจากเพื่อน
ใกลตวั อยางไร และนักเรยี นไมค วรเขาไปยุง เก่ียวกับสารเสพตดิ ทกุ ชนิด เพือ่ จะได การใชทกั ษะการปฏเิ สธเม่อื เพ่อื นชวนสูบบุหรม่ี หี ลกั ในการปฏบิ ตั ิ
ไมเ กดิ ผลเสยี ท้งั ตอ ตวั ของนักเรียนเอง และครอบครัว อยา งไร
1. ปฏเิ สธไมส ูบบหุ รดี่ วยนาํ้ เสยี งทีแ่ สดงความจริงจงั แตเ ปน มิตร
นักเรียนควรรู 2. ปฏเิ สธแบบบอกปดวา บหุ รเ่ี ปน ส่งิ ไมด แี ละรีบเดนิ หนีไป
3. ปฏเิ สธโดยอา งผปู กครองบอกวาคนสบู บหุ รี่เปน คนไมดี
1 การปฏเิ สธ วิธกี ารปฏเิ สธสารเสพตดิ มดี วยกันหลายวธิ ี เชน เดนิ เล่ยี งไป 4. ปฏิเสธโดยขอเลอ่ื นการทดลองสบู บหุ รีไ่ ปกอ น
เหมือนไมไดย ิน ปฏิเสธตรงๆ และพดู เสยี งดงั ใหผ อู ื่นไดย นิ หากไมสนทิ สนม วิเคราะหค าํ ตอบ การใชท ักษะการปฏิเสธ ควรพูดปฏิเสธอยา ง
ควรปฏเิ สธแบบผัดผอ นหรืออางเหตุผลตา งๆ หรอื ชักชวนใหท าํ กจิ กรรมอืน่ แทน จรงิ จงั และหนักแนน แตย ังคงความเปน เพือ่ นที่ดีตอ กนั ไมทาํ ราย
เชน เลน กฬี า เลน ดนตรี เปน ตน จติ ใจเพอื่ นโดยตรง ตอบขอ 1.

110 คมู ือครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

๓) หนว ยงานภาครฐั ภาคเอกชน และหนวยงานทีเ่ ก่ยี วข้อง มกี ลวิธ ี ดงั น้ี จากการอภิปรายเร่อื ง การปอ งกนั ปญหาและ
๑. การก�าหนดนโยบาย แผนงาน กิจกรรม เพื่อปองกันปัญหาสารเสพติดอย่าง แกไขปญ หาสารเสพตดิ ใหนักเรียนรวมกัน
ต่อเนอื่ ง เสนอแนะแนวทางการจดั กิจกรรมปอ งกนั ความ
๒. การก�าหนดพื้นที่และกลุ่ม เสีย่ งตอ การใชส ารเสพตดิ โดยครูรวมเสนอแนะ
เปาหมายในการดา� เนินงานทเ่ี หมาะสม เพิ่มเตมิ และตงั้ คาํ ถามเพอื่ ใหไ ดขอสรปุ ทถี่ กู ตอง
๓. การผสมผสานมาตรการ วธิ ี รว มกัน
การ กลวธิ หี ลายๆ วิธ ี เช่น การใช้สื่อขา่ วสาร
การโฆษณา การจัดนิทรรศการ การประชุม • การแกไ ขปญหาสารเสพติดในชมุ ชน
สัมมนา เปน็ ต้น ควรคาํ นงึ ถงึ สภาพปญ หาท่แี ทจ ริง โดยมี
ง านท ่ีเกี่ย วข ้อง๔ใน. กปารระปสอางนกงันานแลระะหปวร่าางบหปนรา่วมย1 องคป ระกอบอะไรบา ง
การแพร่ระบาด (แนวตอบ ไดแ ก การวเิ คราะหจดุ ออน จุดแขง็
๕. สนับสนุนทรัพยากรท้ังภาค โอกาส และขอ จํากดั ของชุมชน)
รฐั และภาคเอกชน ในการมสี ว่ นรว่ มเพอ่ื พฒั นา การรวมตัวกันทํากิจกรรมต่างๆ ในชุมชน ถือเปนอีก
การด�าเนินงาน แนวทางหนึ่งท่ีจะช่วยแก้ปญหาการแพร่ระบาดของ • จดุ ออนที่ทําใหช มุ ชนไมส ามารถปอ งกนั
การใช้ภูมิปัญญาชาวบ้าน2ในชุมชสนาร เสเพพต่ือดิ พัฒนา และแกไ ขปญหาสารเสพตดิ ไดเนอ่ื งมาจาก
๖. ทดสอบ ปรับปรุงคุณภาพให้ สาเหตใุ ดบา ง
เหมาะสมต่อการสรา้ งงานและสรา้ งคนของชุมชน (แนวตอบ ไดแก หนวยงานภาครฐั และเอกชน
ไมมคี วามรับผิดชอบ การปลอยตัวผูกระทาํ
๒.6 แนวทางการจดั กจิ กรรมปอ งกนั ความเสยี่ งตอ การใชส ารเสพตดิ ความผิด เพราะเกดิ จากการประกันตัวหรือ
เปน เยาวชน การมแี หลงผลติ หรอื ผจู ําหนาย
การปอ งกนั และแกไ้ ขปญั หาสารเสพตดิ ในปจั จบุ นั มแี นวทางและการแกไ้ ขปญั หาเดมิ ๆ ในชมุ ชน การมีผนู าํ ชุมชนเปนผคู าหรอื ผลิต
โดยขาดกลยทุ ธ ์ วธิ กี ารแกป้ ญั หาทมี่ ปี ระสทิ ธภิ าพ หรอื ตรงกบั ปญั หาอยา่ งแทจ้ รงิ ดงั นนั้ การแกไ้ ข และชุมชนขาดความสามัคคี)
ปัญหาสารเสพติดในชุมชนควรค�านึงถึงสภาพปัญหาท่ีแท้จริง โดยให้ชุมชนมองดูตนเองจาก
องค์ประกอบต่างๆ ๔ ประการ คือ การวิเคราะหจ์ ุดอ่อน จดุ แข็ง โอกาส และข้อจ�ากัดของชมุ ชน
ก่อนที่จะหากลยทุ ธ์หรอื วิธกี ารปอ งกนั และแกไ้ ขปัญหาตอ่ ไป

จุดแขง็ หมายถงึ การวเิ คราะหค์ วามพรอ้ ม สงิ่ ท่ชี มุ ชนมอี ยูท่ ่ีจะช่วยปองกันและแก้ไข
ปัญหาสารเสพตดิ เชน่ การมีสว่ นร่วม หรือพลังชมุ ชนต่อการตระหนกั ในความรุนแรงและพษิ ภัย
ของสารเสพติด การมีการจัดกิจกรรมปองกันและปราบปรามอย่างเด็ดขาด การไม่มีแหล่งผลิต
หรอื ผจู้ �าหนา่ ยในชมุ ชน เป็นต้น

จุดออ น หมายถงึ การวเิ คราะห์หาปัญหา ขอ้ บกพรอ่ งของชุมชนตอ่ สถานการณ์การ
ปองกันและแก้ไขปัญหา เช่น การขาดหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่รับผิดชอบ การปล่อยตัว

๑๑๑

ขคอิดสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT นกั เรยี นควรรู

นกั เรียนจะมสี ว นรวมในชมุ ชนอยางไร เพ่ือไมใ หส ารเสพตดิ 1 ปองกนั และปราบปราม ปจจบุ นั ไดมหี ลายๆ หนว ยงานพยายามรว มรณรงค
แพรร ะบาดในชมุ ชน ตอ ตานสารเสพติด ทัง้ การใหค วามรผู านสื่อตางๆ หรือการใชด ารานกั แสดง ซึ่งมกั
แนวตอบ โดยการจัดใหมีการอบรมและเผยแพรความรูโ ทษของ เปนบุคคลท่ีวยั รนุ ยดึ ถือเปน แบบอยา งมารว มรณรงคใ นการปอ งกันการแพรระบาด
สารเสพติด ซ่งึ อาจใหบุคลากรหรอื เจา หนาทสี่ าธารณสขุ ในแหลง ของสารเสพติด
ชุมชนนั้นๆ มาใหความรแู กค นในชมุ ชน นอกจากน้ีควรใหค นใน 2 ภมู ปิ ญ ญาชาวบา น ความรขู องชาวบา นในทอ งถ่ิน ซง่ึ ไดมาจาก
ชุมชนมีสวนรวมในการทาํ กิจกรรมตา งๆ เชน จดั ใหมกี ารแขงขนั ประสบการณ และความเฉลยี วฉลาดของชาวบาน รวมทัง้ ความรูท่สี งั่ สมมาตัง้ แต
กฬี าภายในชมุ ชน การจัดเวรยามคอยเฝา ดูสถานการณใ นชมุ ชน บรรพบรุ ษุ สืบทอดจากคนรนุ หนึ่งไปสูคนอีกรนุ หน่งึ โดยระหวา งการสบื ทอดไดมี
เปนตน การปรบั ประยกุ ตและเปลยี่ นแปลง จนอาจเกิดเปนความรใู หมตามสภาพการณ
ทางสังคมวัฒนธรรม และสง่ิ แวดลอม

คูมอื ครู 111

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain

อธบิ ายความรู

ใหน ักเรียนรว มกนั เสนอแนะตอเกยี่ วกับ ผกู้ ระท�าความผิดเพราะการประกันตัวหรือเปน็ เยาวชน การมแี หลง่ ผลติ หรือผจู้ า� หน่ายในชมุ ชน
แนวทางการจดั กจิ กรรมปอ งกนั ความเสย่ี งตอการ การมผี นู้ า� ชมุ ชนเปน็ ผคู้ า้ หรอื ผลติ ชมุ ชนขาดความสามคั ค ี การไมป่ ฏบิ ตั ติ ามกฎของชมุ ชน เปน็ ตน้
ใชสารเสพติด โดยครรู ว มเสนอแนะเพม่ิ เตมิ และ
ตั้งคําถามเพือ่ ใหไ ดขอ สรปุ ทีถ่ ูกตอ งรว มกนั โอกาส หมายถึง ส่ิงที่สนับสนุนเกื้อกูลแก่ชุมชน เช่น งบประมาณที่มีต่อชุมชนใน
การปองกันและฟนฟู การก�าหนดนโยบายอย่างชัดเจนร่วมกันของรัฐและชุมชน การแก้ไข
• การสรางพลงั ชุมชนใหม ีความเขมแขง็ กฎหมาย มาตรการใหม้ ีบทลงโทษอย่างหนกั เปน็ ตน้
สามารถทาํ ไดอ ยางไรบาง
(แนวตอบ โดยการเฝาระวงั การแพรระบาด ข้อจ�ากัดและภัยคุกคาม หมายถึง สิ่งท่ีเป็นอุปสรรค เช่น มีการผลิต และจ�าหน่าย
ของสารเสพติด สรา งความเขม แขง็ ของ รอบชุมชนทัง้ รายใหญ่ รายยอ่ ย ขาดงบประมาณ มีแหลง่ อบายมขุ เพ่ิมขึ้น เปน็ ต้น
สถาบันครอบครัว และสรางความสมั พันธท ่ีดี เม่ือเราวิเคราะห์จุดอ่อน จุดแข็ง โอกาส ข้อจ�ากัดและภัยคุกคามแล้ว เราสามารถ
ในชุมชนดวยการจัดกิจกรรมรวมกนั ) หาแนวทางปอ งกันและแกไ้ ขปญั หา ได้ดังน้ี

• การใหค วามรเู กีย่ วกับสุขศึกษา แนวทางปอ งกนั และแกไ ขปญหา
มวี ัตถปุ ระสงคอ ยา งไรตอ การปองกนั
ความเสีย่ งในการใชส ารเสพตดิ การรจู กั ชมุ ชนของตนเอง
(แนวตอบ การใหความรูเ กีย่ วกับสขุ ศกึ ษา โดยนกั เรยี นทา� การสา� รวจชมุ ชนเพอื่ นา� มาวเิ คราะหจ์ ดุ ออ่ น จดุ แขง็ โอกาส ขอ้ จา� กดั และภยั คกุ คาม เพอื่ เปน็ การ
มีวัตถปุ ระสงคเ พ่อื ใหคนในชมุ ชนไดมีความรู มองสภาพทแี่ ท้จริงของชุมชน
เร่ืองโทษและผลกระทบของสารเสพติด การสรา งพลงั ชมุ ชน การมีสวนรวมชุมชนเขมแข็ง
สามารถสรา งทกั ษะชวี ิตและทักษะสุขภาพ ๑. การเฝาระวังให้เบาะแสการแพร่ระบาด แหล่งการผลิต การจ�าหน่าย การมีกฎข้อบังคับ ระเบียบ
ในการจัดโปรแกรมกจิ กรรมเพ่อื ปองกัน มาตรการ ข้อตกลงของชุมชนรว่ มกัน
สารเสพตดิ เชน โครงการบานสีขาวในชุมชน
โครงการกีฬาตา นยาเสพติด เปน ตน) ๒. การสรา้ งเครอื ขา่ ยทางสงั คมตอ่ แกนนา� ชมุ ชน โดยผนู้ า� ชมุ ชน คณะกรรมการองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตา� บล
(อบต.) พระสงฆ์ ผูน้ า� ทอ้ งถิน่ ต่อการสร้างเครอื ข่ายในชุมชนและนอกชุมชนอยา่ งต่อเนื่อง

๓. การสรา้ งความเขม้ แขง็ ของสถาบนั ครอบครวั การสรา้ งความรกั ความอบอนุ่ ความรบั ผดิ ชอบตอ่ หนา้ ท่ี
ครอบครวั
๔. สร้างความสัมพันธ์ที่ดีในชุมชน ระหว่าง
ครอบครัว ชุมชน โรงเรียน วดั หนว่ ยงานภาครฐั และ
เอกชนในชมุ ชนโดยการจดั กจิ กรรมรว่ มกนั

การสรางอาชพี รายได ใหพ อเพยี งแกคนในชุมชน ทุกคนถือเปนกําลังสําคัญของชาติในการร่วมมือ
รว่ มใจกันขจดั ส้นิ ซ่งึ ยาเสพตดิ
หเชนน่ ่ึง ผนลกั ิตเรภยี ัณนชฑว่ ์ ย(ปOรTะOชPา1ส) มั กพานั รธเข์ โ้าครร่วงมกฝากรหวิชนางึ่ ชตีพา� บในล

ชุมชน โดยอาจน�าวิชาชีพดังกล่าวไปสร้างรายได้ใน
ช่วงปด ภาคเรียน การทา� งานเสรมิ เพอื่ สร้างรายไดใ้ ห้
แก่ครอบครวั ของนักเรียนและชมุ ชน เปน็ ต้น

๑๑๒

เกร็ดแนะครู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT
โครงการหนง่ึ ตาํ บลหนง่ึ ผลติ ภัณฑ (OTOP) เปน กจิ กรรมที่
ครคู วรพดู ใหนกั เรียนเหน็ ความสาํ คัญของวิชาสขุ ศึกษามากขึ้น โดยจะเหน็ ไดว า สามารถปอ งกนั ปญ หาการใชสารเสพตดิ ในชุมชนไดหรอื ไม
ในเนอ้ื หาบทเรยี นไดมีการนาํ วชิ าสุขศกึ ษามาใชใ นการปอ งกันสารเสพตดิ เนื่องจาก เพราะเหตุใด
เปน วิชาท่เี กยี่ วขอ งกบั การดําเนินชีวติ ของนกั เรียน แนวตอบ โครงการดงั กลา วมีสวนชว ยในการปอ งกันปญ หาการ
ใชส ารเสพติดได เพราะเปนกจิ กรรมที่สรา งอาชีพและรายไดให
นกั เรยี นควรรู แกค รอบครัวและชุมชน เพ่ือใหคนในชุมชนไดใชเวลาวา งใหเ กิด
ประโยชนในเชิงสรา งสรรค ทําใหไมมีเวลาไปยงุ เกี่ยวกับสารเสพติด
1 โครงการหนงึ่ ตาํ บลหนงึ่ ผลิตภณั ฑ (OTOP) เปนโครงการกระตุนธรุ กจิ
ประกอบการทอ งถ่ิน โดยมเี ปา หมายทจี่ ะสนบั สนุนผลติ ภัณฑลักษณะเฉพาะท่ีผลติ
และจาํ หนายในทองถ่ินแตล ะตาํ บลใหเจรญิ เติบโตมากย่ิงข้นึ โดยไดก าํ หนดดาว
เปนระดับคณุ ภาพของผลิตภณั ฑ ต้งั แต 1 ดาวไปจนถึง 5 ดาว ทจ่ี ะนาํ ไปสูก าร
พฒั นาผลิตภัณฑ เพอ่ื นาํ ไปใชป ระโยชนในการกาํ หนดแผนการสง เสรมิ และพัฒนา
ผลติ ภณั ฑสนิ คา OTOP

112 คูม ือครู

กระตนุ ความสนใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Evaluate
Explore Explain Expand Explore

สาํ รวจคน หา

การใชก ฎหมายอยา งเครง ครัด ใหนกั เรยี นศกึ ษาเรื่อง กฎหมายเกยี่ วกบั
ต่อนโยบายการปราบปรามสารเสพติดในทกุ ระดับ เชน่ นกั เรยี นประพฤติปฏบิ ัติตนอยา่ งมวี ินัย ด้วยการปฏบิ ัติ สารเสพติด จากหนงั สือเรยี นและอนิ เทอรเ นต็
ตามกฎหมาย เป็นตน้ เพ่อื เตรียมสรปุ สาระสําคญั
ระบบการบริการสาธารณสขุ
ดา้ นการปอ งกัน การส่งเสริม การบา� บัดรกั ษา การฟ้ืนฟสู มรรถภาพ และที่ส�าคญั ท่ีสดุ คือ การไม่ใหผ้ ูต้ ดิ ยาคืน อธบิ ายความรู Explain
กลบั ไปใช้สารเสพติดซ�้าอีก และการยอมรบั การกลับคนื ของผูต้ ดิ ยาสสู่ งั คมโดยไมท่ อดท้ิงหรือซ้า� เติม
การใหความรูเกีย่ วกับสขุ ศกึ ษา ครูขออาสาสมคั รนกั เรียน 2 คน ออกมาสรปุ
๑. การใหค้ วามรู้สารเสพตดิ ในเรอ่ื งโทษ ผลเสีย ผลกระทบของสารเสพตดิ ตอ่ บุคคล ครอบครวั ชุมชน สาระสาํ คญั เรอื่ ง กฎหมายเกยี่ วกบั สารเสพตดิ
ประเทศชาติ โดยการใช้กลวธิ ที างสขุ ศกึ ษา เชน่ การจัดนิทรรศการ การประชุม การอภปิ ราย การแสดงในเรอ่ื ง โดยใหค ะแนนโบนัสสําหรบั นกั เรยี นทมี่ ีความกลา
สารเสพตดิ เปน็ ตน้ ซึ่งนักเรียนสามารถรว่ มรบั ผิดชอบเปน็ ผู้จัดกจิ กรรมให้ความรเู้ รือ่ งสารเสพตดิ นอกจากนี ้ แสดงออก จากนั้นครูและนกั เรยี นคนอ่นื ๆ รว มกนั
ยงั สามารถตดิ ตามและเขา้ รว่ มกจิ กรรมเพื่อเพม่ิ พนู ความร้เู ร่ืองสารเสพตดิ ในโรงเรยี นและชมุ ชน เสนอแนะเพิ่มเตมิ และตงั้ คําถามเพื่อใหไดข อ สรุป
๒. การสรา้ งความตระหนักแกต่ นเอง ครอบครัว ชุมชน เชน่ การไมใ่ ชส้ ารเสพติด การช่วยส�ารวจหรือการ ทถ่ี ูกตอ งรว มกัน
ใหเ้ บาะแสแหลง่ ผลติ แหลง่ จา� หนา่ ยผคู้ า้ ผซู้ อ้ื แกผ่ นู้ า� ชมุ ชน เจา้ หนา้ ท ่ี หรอื ผเู้ กย่ี วขอ้ ง โดยไมต่ อ้ งแสดงตน เปน็ ตน้
๓. การสรา้ งทกั ษะชวี ติ และทกั ษะสขุ ภาพแกช่ มุ ชนในการจดั กจิ กรรมเพอ่ื ปอ งกนั สารเสพตดิ เชน่ นกั เรยี น • พระราชบัญญตั คิ มุ ครองสขุ ภาพของ
เขา้ ร่วมโครงการบา้ นสขี าวในชมุ ชน โครงการเยาวชนอาสาตา้ นยาเสพตดิ โครงการกฬี าตา้ นยาเสพติด เปน็ ตน้ ผูไมส ูบบุหรี่ พ.ศ. 2535 มมี าตรการ
๔. ปอ งกันและช่วยดูแลกลมุ่ เสย่ี งในชมุ ชน เช่น ในการปองกันอยางไร
นักเรยี นคอยเฝาระวังพฤตกิ รรมเสี่ยงของเยาวชน เดก็ (แนวตอบ โดยการใหส วนใดสว นหน่ึงหรอื
วยั เรยี นในโรงเรียนหรอื สถานศึกษา โดยขอความร่วม ทัง้ หมดของสํานกั งานเปน เขตสบู บุหร่ีหรอื
มอื จากผปู้ กครอง และผู้นา� ชุมชน เปน็ ต้น เขตปลอดบหุ ร่ี ซ่ึงหากผใู ดฝาฝนตองระวาง
๕. การรู้จักบทบาทหน้าที่ของตนเอง เช่น โทษปรับไมเ กนิ สองหมื่นบาท)
นกั เรียนควรรจู้ ักยอมรบั ในบทบาทหน้าทข่ี องตน และ
ปฏิบัติหน้าที่ความรับผิดชอบน้ันอย่างดีและถูกต้อง เยาวชนเปน พลงั สขี าวรนุ่ ใหม่ ทจี่ ะมบี ทบาทอยา่ งมาก
พร้อมทงั้ เขา้ ใจบทบาทหน้าทขี่ องคนอนื่ ในสงั คมด้วย ในการชว่ ยปองกนั การแพร่ระบาดของสารเสพตดิ

๒.๗ กฎหมายเกีย่ วกบั สารเสพติด
๑) พระราชบัญญัติคุ้มครองสุขภาพของผู้ไมสูบบุหรี่ พ.ศ. ๒๕๓๕ จัดให้

สว่ นหนงึ่ สว่ นใดหรอื ทง้ั หมดของสา� นกั งานเปน็ เขตสบู บหุ รหี่ รอื เขตปลอดบหุ ร ่ี ผใู้ ดฝา่ ฝน ตอ้ งระวาง
โทษปรบั ไมเ่ กินสองหม่นื บาท

■ จัดเขตสูบบุหร่ีให้มีสภาพลักษณะ และมาตรฐานตามประกาศของกระทรวง
สาธารณสุขเรื่องสภาพลักษณะเขตสูบบุหร่ี ผู้ใดฝ่าฝนต้องระวางโทษปรับไม่เกินหน่ึงหม่ืนบาท

■ ติดเคร่ืองหมายแสดงเขตปลอดบุหร่ีในโรงเรียน โรงพยาบาล ศาสนสถาน
ทา่ อากาศยาน สนามกีฬา ธนาคาร สถานท่ีออกกา� ลงั กาย ห้างสรรพสนิ คา้ และสถานทสี่ าธารณะ
ทว่ั ไป ให้อยู่ในบรเิ วณที่มองเห็นชดั เจน ผูใ้ ดฝ่าฝนต้องระวางโทษปรับไมเ่ กินสองพันบาท

๑๑3

ขอสอบ O-NET เกรด็ แนะครู

ขอสอบป ’53 ออกเกยี่ วกบั แนวทางการจดั กจิ กรรมปองกนั ความ ครคู วรอธบิ ายเสรมิ วา สาํ หรบั ผทู ที่ าํ การคา สารเสพตดิ หรือผูท่เี กย่ี วของกับการ
เส่ยี งตอการใชส ารเสพตดิ คาสารเสพติด ทางราชการจะใชมาตรการพิเศษทําการยดึ และอายัดทรัพยสินทไี่ ด
จากการคา สารเสพตดิ ใหตกเปน ของรัฐ
ขอ ใดเปน แนวทางการปองกันมิใหมีการใชส ารเสพติดในชุมชนที่
ไดผลดีท่สี ดุ มุม IT

1. จัดใหพ ระมาอบรมเรอ่ื งการประพฤตดิ ี ศึกษาเพิม่ เตมิ เกยี่ วกบั กฎหมายและระเบยี บเกีย่ วกบั ยาเสพติด ไดจาก
2. สอนใหเยาวชนรูจักการปฏิเสธสารเสพตดิ http://www1.oncb.go.th/raw/low4.html
3. จัดตาํ รวจหมบู านคอยเฝาระวังผตู ิดยา
4. จดั กจิ กรรมและใหค วามรูดา นยาเสพตดิ แกเยาวชน
วเิ คราะหค ําตอบ การจัดกจิ กรรมและใหความรดู านยาเสพตดิ แก
เยาวชน เปนแนวทางการปองกันมิใหมกี ารใชสารเสพติดในชุมชนที่
ไดผลดที ่ีสุด เพราะหากเยาวชนมคี วามรูใ นเรอื่ งของโทษ และ
ผลกระทบของสารเสพติด จะสงผลใหเ ยาวชนมพี ฤติกรรมทด่ี ไี มเ สีย่ ง
ตอการติดสารเสพตดิ และเปนพลเมืองท่ดี ีของประเทศตอ ไป

ตอบขอ 4.

คมู อื ครู 113

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain

อธบิ ายความรู

ครูขออาสาสมคั รนักเรียน 2 คน โดยไมซ ํา้ ๒) พระราชบญั ญตั ฟิ น ฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพตดิ พ.ศ. ๒๕๔๕
กบั คนเดิม ออกมาสรุปสาระสําคญั เรอ่ื ง กฎหมาย ๑. “ฟนฟสู มรรถภาพผตู้ ิดยาเสพติด” หมายความวา่ การกระทา� ใดๆ อนั เป็นการ
เกีย่ วกับสารเสพตดิ โดยใหค ะแนนโบนัสสําหรบั
นักเรยี นทมี่ ีความกลาแสดงออก จากนั้นครแู ละ บา� บดั การตดิ สารเสพตดิ และฟน ฟสู ภาพรา่ งกาย
นกั เรียนคนอ่นื ๆ รวมกนั เสนอแนะเพ่ิมเตมิ และ และจิตใจของผู้ติดสารเสพติดรวมถึงการรักษา
ตง้ั คําถามเพ่ือใหไดขอสรุปทถ่ี กู ตอ งรวมกนั สภาพรา่ งกายและจติ ใจของผซู้ งึ่ เสพสารเสพตดิ
ให้กลับสู่สภาพปกติโดยไม่เสี่ยงตอ่ การเปน็ ผู้ติด
• คาํ วา “ฟนฟูสมรรถภาพผตู ิดยาเสพติด” สารเสพตดิ
หมายถงึ อะไร ๒. ใหร้ ฐั มนตรวี า่ การกระทรวงยตุ ธิ รรม
(แนวตอบ การกระทาํ ใดๆ อันเปนการบาํ บัด
การตดิ สารเสพตดิ และฟนฟสู ภาพรางกาย รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
และจติ ใจของผตู ิดสารเสพติด รวมถึงการ
รักษาสภาพรา งกายและจิตใจของผูติด ๓. จัดให้มีคณะอนุกรรมการฟนฟู
สารเสพติดใหกลบั สูส ภาพปกตโิ ดยไมเส่ยี ง
ตอ การเปน ผูตดิ สารเสพตดิ ) ครตอัวบอคยรัวา เงปนสถาบันที่สําคัญท่ีจะทําให้เยาวชนห่างไกล สมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด และจัดตง้ั ศนู ยฟ์ น ฟู
สมรรถภาพผตู้ ิดยาเสพตดิ
• ผูตอ งหาที่มอี ายไุ มถ งึ 18 ปบ รบิ รู ณ จะมวี ธิ ี จากสารเสพติดได้ โดยการใหค้ วามรัก ความอบอุ่น และ
การดําเนนิ การสอบสวนอยา งไร ความเข้าใจ ๔. ตัวอย่างบางมาตรา เชน่
(แนวตอบ โดยการใหพนักงานสอบสวนนาํ ตวั
สง ศาลเพอื่ ใหศ าลพิจารณามีคําสั่งใหต รวจ มาตรา ๑๙
พสิ จู นภ ายใน 24 ชว่ั โมง นบั แตเ วลาทผ่ี ตู อ งหา
มาถงึ ทที่ ําการของพนกั งานสอบสวน การ ผู้ต้องหาผู้ใดกระท�าความผิดฐานเสพยาเสพติด เสพและมีไว้ในครอบครอง เพื่อจ�าหน่าย หรือเสพ
ตรวจพสิ ูจนก ารเสพหรอื การตดิ สารเสพตดิ และจ�าหน่ายยาเสพติดตามลักษณะชนิด ประเภท และปริมาณท่ีก�าหนดในกฎกระทรวง ถ้าไม่ปรากฏว่าต้องหา
ใหศาลพิจารณาสง ตวั ไปควบคมุ เพื่อตรวจ หรอื อยู่ในระหวา่ งถกู ดา� เนินคดใี นความผดิ ฐานอ่นื ซง่ึ เป็นความผิดที่มีโทษจ�าคุกหรอื อยู่ในระหวา่ งรับโทษจ�าคุกตาม
พสิ จู นทศ่ี ูนยฟน ฟูสมรรถภาพผูตดิ สารเสพติด ค�าพิพากษาของศาลให้พนักงานสอบสวนน�าตัวผู้ต้องหาไปศาลภายในส่ีสิบแปดช่ัวโมงนับแต่เวลาที่ผู้ต้องหานั้น
โดยคํานงึ ถึงอายุ เพศและลักษณะเฉพาะ มยาาเถสึงพทต่ีทดิ �า1 กเวาน้รขแตอง่มพเี หนตักสุงุดานวสิสัยอหบรสือวมนีเ หเตพจุ ่ือา� ใเหป้ศ็นาอลยพ่างิจอาื่นรณทเี่ากมิดีคจ�าาสกั่งตใวัหผ้สูต้ ่งอ้ตงัวหผาู้นเอั้นงไหปรตือรจวาจกพพิสฤูจตนกิ ์กาารรณเส์ทพเ่ี ปหลรี่ยือนกาแรปตลิดง
บุคคลประกอบดวย) ไปซ่งึ ทา� ใหไ้ ม่อาจน�าตวั ผูต้ อ้ งหาไปศาลภายในกา� หนดเวลาดงั กลา่ วได้
ในการด�าเนินการตามวรรคหนึ่งถ้าผู้ต้องหามีอายุไม่ถึงสิบแปดปีบริบูรณ์ให้พนักงานสอบสวนน�าตัวส่งศาล
เพอ่ื มีคา� ส่งั ใหต้ รวจพิสจู นภ์ ายในย่สี บิ สีช่ ัว่ โมงนับแต่เวลาทผี่ ตู้ ้องหานั้นมาถึงที่ทา� การของพนกั งานสอบสวน
การสง่ ไปตรวจพสิ จู นก์ ารเสพหรือการตดิ ยาเสพติดให้ศาลพจิ ารณาส่งตวั ไปควบคุม เพอื่ ตรวจพสิ ูจนท์ ศ่ี ูนย์
ฟน้ื ฟสู มรรถภาพผตู้ ดิ ยาเสพตดิ สถานทเี่ พอ่ื การตรวจพสิ จู น ์ การฟน้ื ฟสู มรรถภาพผตู้ ดิ ยาเสพตดิ หรอื การควบคมุ ตวั
ตามท่ีรฐั มนตรีประกาศก�าหนด โดยคา� นงึ ถึงอายุเพศและลักษณะเฉพาะบุคคลประกอบดว้ ย แลว้ ให้ศาลแจ้งคณะ
อนกุ รรมการฟ้ืนฟูสมรรถภาพผู้ตดิ ยาเสพตดิ ทราบ
ในระหวา่ งการตรวจพสิ จู นแ์ ละการฟน้ื ฟสู มรรถภาพผตู้ ดิ ยาเสพตดิ ใหพ้ นกั งานสอบสวนดา� เนนิ กระบวนการ
สอบสวนคดีต่อไป และเม่ือสอบสวนเสร็จให้ส่งส�านวนการสอบสวนไปยังพนักงานอัยการโดยไม่ต้องส่งผู้ต้องหาไป
ดว้ ย และแจ้งใหท้ ราบวา่ ผ้ตู อ้ งหาถกู ควบคุมตัวอย่ ู ณ ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพตดิ สถานท่ีเพอื่ การตรวจ
พสิ จู น์ การฟ้ืนฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพตดิ หรือการควบคุมตัว
ในระหว่างท่ีผู้ต้องหาถูกควบคุมตามพระราชบัญญัติน้ีพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการไม่ต้องด�าเนิน
๑๑๔ การฝากขงั หรือขอผดั ฟอ งตามกฎหมาย

เกร็ดแนะครู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT
เพราะเหตใุ ดปญหาสารเสพติดในปจ จบุ นั จงึ ทวีความรุนแรง
ครูควรอธิบายเพม่ิ เติมวา ปญหาทพี่ บมากท่สี ุดในการทว่ี ัยรนุ เดนิ เขา สเู สน ทาง มากขึ้น ท้งั ๆ ทมี่ กี ารปอ งกัน ปราบปราม และมกี ฎหมายลงโทษ
ของสารเสพติด คือ การด่มื สรุ า การเท่ยี วสถานบันเทิง การเลนการพนัน การใช อยา งรุนแรง
จายฟุม เฟอ ย ปญ หาครอบครัว และสิ่งแวดลอ ม ซง่ึ จุดเริ่มตน เหลานจ้ี ะพัฒนาข้ึน แนวตอบ ปญหาสารเสพติดอาจกอตวั จากปญหาทางสงั คม
เรอ่ื ยๆ จนกระท่งั นําไปสูก ารตดิ สารเสพติดในที่สุด การขาดความรักความอบอุน และความเครียดตา งๆ อกี ทัง้ ยังมี
วธิ ีการตา งๆ ในการหลบหลีกการจบั กมุ ทาํ ใหหาซื้อสารเสพติด
นกั เรียนควรรู ไดงา ย

1 ตรวจพิสจู นก ารเสพหรือการติดยาเสพติด สถาบนั ธัญญารักษเปนหนว ยงาน
ท่ีใหบ ริการดา นการตรวจพสิ ูจนสารเสพติดและวัตถุออกฤทธ์ติ อจติ ประสาทแก
หนวยงานหรือบคุ คลตางๆ เชน โรงพยาบาลเอกชน บริษทั โรงงาน นักเรยี น
นกั ศึกษา ผูตอ งหา เปน ตน โดยใหบ รกิ ารทงั้ ในและนอกสถานท่ี

114 คมู อื ครู

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

มาตรา ๒๐ ใหน กั เรยี นรว มกนั สรุปสาระสําคญั เรื่อง
กฎหมายเกีย่ วกับสารเสพตดิ โดยครูและนักเรยี น
ถ้าปรากฏว่าผู้ต้องหาผู้ใดเสพยาเสพติดก่อน ขณะหรือภายหลังที่ถูกจับกุมเพื่อให้ตนเองได้รับการส่งตัวไป คนอืน่ ๆ รว มกนั เสนอแนะเพ่ิมเตมิ และตั้งคาํ ถาม
ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดและไม่ต้องถูกด�าเนินคดีในข้อหาฐานเสพและมีไว้ในครอบครองเพ่ือจ�าหน่าย เพอ่ื ใหไ ดขอสรุปทถ่ี ูกตอ งรวมกัน
หรือเสพและจ�าหน่ายยาเสพติดผู้นั้นไม่มีสิทธิได้รับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดตามพระราชบัญญัติน้ี
ให้คณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดแจ้งให้พนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการ แล้วแต่กรณ ี • ผตู ดิ สารระเหย หมายความวา อยางไร
มารับตวั ผู้นั้นไปเพ่ือด�าเนนิ คดีต่อไปตามกฎหมาย (แนวตอบ ผูซ ึง่ ตอ งใชสารระเหยบําบดั
ในระหว่างท่ีรอพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการมารับตัวผู้ต้องหาไปเพื่อด�าเนินคดีให้สถานท่ีท่ีรับผู้ ความตองการของรา งกาย หรือจติ ใจ
ต้องหาไว้ตรวจพิสูจน์หรือฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดมีอ�านาจควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้ได้เท่าท่ีจ�าเป็นท้ังน้ีให้ เปนประจํา)

พนกั งานสอบ๓ส)วนพหรรอืะพรนาักชงกานา� อหยั นกาดรแปล้อว้ แงตกก่ ันรณกีมาารรใบั ชตส้วั ผา้ตู ร้อรงะหเาหไปย1ในพทัน.ศทีท. สี่ ๒าม๕า๓รถ๓กระท�าได้ • พระราชกําหนดปอ งกันการใชสารระเหย
๑. “สารระเหย” หมายความวา่ สารเคมีหรอื ผลิตภณั ฑท์ ่รี ฐั มนตรปี ระกาศว่าเป็น พ.ศ. 2533 กลา วไวว าอยา งไรบาง
สารระเหย (แนวตอบ เชน หามมิใหผ ใู ดขายสารระเหย
๒. “ผตู้ ดิ สารระเหย2” หมายความวา่ ผซู้ ง่ึ ตอ้ งใชส้ ารระเหยบา� บดั ความตอ้ งการของ แกผทู ม่ี อี ายไุ มเ กนิ สบิ เจ็บป เวนแตเปน
รา่ งกายหรือจิตใจเปน็ ประจา� การขายโดยสถานศกึ ษาเพื่อใชใ นการเรยี น
การสอน หา มมใิ หผูใดใชส ารระเหยบําบัด
ตวั อยา่ งบางมาตรา เชน่ ความตอ งการของรางกายหรือจติ ใจไมว า
มาตรา ๑๕ โดยวิธสี ดู ดม หรอื วธิ ีอ่ืนใด เปน ตน)

ห้ามมิให้ผู้ใดขายสารระเหยแก่ผู้ท่ีมีอายุไม่เกินสิบเจ็ดปี เว้นแต่เป็นการขายโดยสถานศึกษาเพ่ือใช้ในการ
เรยี นการสอน

มาตรา ๑๖

ห้ามมิใหผ้ ู้ใดขายจดั หา หรือให้สารระเหยแก่ผ้ซู งึ่ ตนรู้หรือควรร้วู ่าเป็นผู้ติดสารระเหย

มาตรา ๑๗

หา้ มมิให้ผูใ้ ดใชส้ ารระเหยบ�าบัดความต้องการของรา่ งกายหรือจติ ใจไม่วา่ โดยวิธีสดู ดม หรือวธิ อี ่ืนใด

มาตรา ๑๘

หา้ มมิใหผ้ ใู้ ดจูงใจ ชักนา� ยุยงสง่ เสริม หรอื ใช้อุบายหลอกลวงใหบ้ ุคคลอ่นื ใชส้ ารระเหยบ�าบัดความต้องการ
ของรา่ งกายหรอื จติ ใจ ไมว่ ่าโดยวธิ สี ดู ดม หรอื วธิ อี ่ืนใด

มาตรา ๒๓

ผู้ใดฝ่าฝนื มาตรา ๑๕ ตอ้ งระวางโทษจา� คกุ ไม่เกินสองป ี หรือปรับไม่เกินสองหมนื่ บาท หรอื ทง้ั จ�าท้ังปรับ

มาตรา ๒๓ ทวิ

ผูใ้ ดฝา่ ฝนื มาตรา ๑๖ ตอ้ งระวางโทษจ�าคกุ ไม่เกินสามป ี หรือปรับไม่เกนิ สามหมื่นบาทหรอื ทั้งจ�าทงั้ ปรบั

มาตรา ๒๔

ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๑๗ หรือมาตรา ๑๘ ต้องระวางโทษจา� คุกไม่เกนิ สองป ี หรือปรบั ไม่เกนิ สองหม่นื บาท หรือ
ท้ังจา� ท้ังปรับ ๑๑5

ขคอดิ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT นกั เรียนควรรู

บุคคลที่ประกอบอาชพี ใดมีความเส่ยี งตอการตดิ สารระเหย 1 สารระเหย เปนส่งิ เสพติดทห่ี าไดงายกวาสิง่ เสพตดิ ชนิดอื่น เปนสารประกอบ
มากทส่ี ดุ พวกไฮโดรคารบ อน ซง่ึ ไดจ ากนา้ํ มนั ปโ ตรเลยี ม และแกส ธรรมชาติ ใชเ ปน สว นผสม
แนวตอบ บคุ คลทปี่ ระกอบอาชีพทน่ี ําสารระเหยมาใช เชน ในผลติ ภัณฑอตุ สาหกรรมและผลติ ภัณฑท่ีใชใ นชีวติ ประจําวนั เชน ทินเนอร กาว
ชางทาสี พนสี ชางทาํ เฟอรนิเจอร เปน ตน โดยใชการเคลอื บผิว นาํ้ ยาลา งเลบ็ สพี น เปนตน
วตั ถสุ ิง่ ของตา งๆ เพอ่ื ความสวยงาม จะมคี วามเสี่ยงตอการติด 2 ผูต ิดสารระเหย ลกั ษณะของผูตดิ สารระเหย ในระยะแรกจะมสี ภาพปกติ
สารระเหยมากท่สี ุด เพราะตอ งคลกุ คลีอยูกับสารระเหยเหลานน้ั แตเม่ือเสพไปนานๆ สุขภาพจะทรุดโทรม มอี าการมนึ เมา ไอเรอื้ รัง หลอดลม
ตลอดระยะเวลาการปฏบิ ัติงาน ดังน้ันบคุ คลเหลา นน้ั จงึ ควรทีจ่ ะ อกั เสบ น้าํ มูกไหล ขาดความเช่ือมน่ั ในตนเอง เหมอ ลอย ควบคุมตัวเองไมได
ปอ งกนั ตนเองโดยการสวมหนา กากและสวมเส้อื คลมุ หรือถุงมอื
เพื่อปอ งกันพษิ จากการสูดดมและการสมั ผสั สารระเหยโดยตรง

คมู ือครู 115

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขา าใจใจ ตรวจสอบผล
Explore Evaluate
Engage Explain Explain Expand

อธบิ ายความรู

ใหนักเรียนรว มกันสรุปสาระสาํ คัญเรื่อง ๔) พระราชบญั ญตั คิ วบคุมเครือ่ งด่ืมแอลกอฮอล์ พ.ศ. ๒๕๕๑
กฎหมายเกีย่ วกับสารเสพติด โดยครแู ละนักเรยี น
คนอ่ืนๆ รวมกนั เสนอแนะเพิ่มเตมิ และตง้ั คําถาม มาตรา ๒๗
เพอ่ื ใหไดข อสรปุ ทถ่ี ูกตอ งรวมกนั
หา้ มขายเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์ในสถานทห่ี รอื บริเวณ ดังตอ่ ไปนี้
• พระราชบญั ญตั ิควบคุมเคร่ืองด่มื แอลกอฮอล (๑) วัดหรอื สถานท่ีสา� หรบั ปฏบิ ตั พิ ธิ ีกรรมทางศาสนา
พ.ศ. 2551 กลา วไวว า อยา งไรบาง (๒) สถานบรกิ ารสาธารณสขุ ของรฐั สถานพยาบาลตามกฎหมายวา่ ดว้ ยสถานพยาบาล และรา้ นขายยาตาม
(แนวตอบ หามมใิ หม กี ารขายเครือ่ งดื่ม กฎหมายว่าด้วยยา
แอลกอฮอลทุกชนิดในสถานศึกษา หอพัก (๓) สถานท่ีราชการ ยกเวน้ บริเวณทจ่ี ดั ไวเ้ ป็นรา้ นค้าหรอื สโมสร
และบคุ คลซ่ึงมอี ายุตํา่ กวา ยสี่ บิ ปบ รบิ ูรณ และ (๔) หอพกั ตามกฎหมายวา่ ด้วยหอพัก
หามมิใหผูใดบริโภคเครื่องดืม่ แอลกอฮอลใ น (๕) สถานศึกษาตามกฎหมายวา่ ดว้ ยสถานศกึ ษา
สถานศึกษา) (๖) สถานีบรกิ ารน้า� มันเช้ือเพลิงตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการควบคมุ น้า� มันเชื้อเพลงิ
(๗) สวนสาธารณะของทางราชการทจี่ ดั ไวเ้ พ่ือการพักผอ่ นของประชาชนโดยท่ัวไป
ขยายความเขา ใจ Expand (๘) สถานที่อ่ืนท่ีรฐั มนตรปี ระกาศกา� หนดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ

จากที่กลา วมาแลว วา กจิ กรรมตา งๆ เปนวิธี มาตรา ๒๙
การหนึ่งทีส่ ามารถปอ งกันและแกไ ขปญหา
สารเสพติดได ดงั นนั้ ครจู ึงใหน กั เรยี นปฏบิ ตั ิ หา้ มมิให้ผ้ใู ดขายเคร่อื งดมื่ แอลกอฮอล์แกบ่ ุคคล ดงั ต่อไปนี้
กิจกรรมสรางสรรคพฒั นาการเรียนรู กจิ กรรมที่ 2 (๑) บคุ คลซ่งึ มอี ายุต่า� กว่าย่ีสบิ ปบี รบิ รู ณ์
(๒) บคุ คลทม่ี อี าการมึนเมาจนครองสตไิ ม่ได้

มาตรา ๓๑

ห้ามมใิ หผ้ ใู้ ดบรโิ ภคเครอื่ งดื่มแอลกอฮอล์ในสถานทีห่ รือบรเิ วณ ดังต่อไปน้ี
(๑) วดั หรือสถานที่สา� หรับปฏิบตั พิ ธิ กี รรมทางศาสนา เว้นแตเ่ ป็นส่วนหน่งึ ของพิธีกรรมทางศาสนา
(๒) สถานบรกิ ารสาธารณสขุ ของรฐั สถานพยาบาลตามกฎหมายวา่ ดว้ ยสถานพยาบาล และรา้ นขายยาตาม
กฎหมายวา่ ดว้ ยยา ยกเวน้ บรเิ วณที่จัดไว้เป็นทพี่ ักส่วนบุคคล
(๓) สถานทีร่ าชการ ยกเวน้ บริเวณท่จี ัดไว้เป็นที่พักสว่ นบุคคล หรือสโมสร หรอื การจดั เล้ียงตามประเพณี
(๔) สถานศกึ ษาตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการศกึ ษาแหง่ ชาต ิ ยกเวน้ บรเิ วณทจี่ ดั ไวเ้ ปน็ ทพี่ กั สว่ นบคุ คล หรอื สโมสร
หรอื การจัดเลย้ี งตามประเพณ ี หรือสถานศึกษาที่สอนการผสมเครอ่ื งด่มื แอลกอฮอลแ์ ละได้รับอนุญาตตามกฎหมาย
ว่าดว้ ยการศกึ ษาแห่งชาติ
(๕) สถานีบริการนา�้ มนั เช้อื เพลิงตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมน้�ามันเช้ือเพลงิ หรือรา้ นค้าในบริเวณสถานี
บรกิ ารนา�้ มนั เช้ือเพลิง
(๖) สวนสาธารณะของราชการทจ่ี ดั ไว้เพ่อื การพกั ผ่อนของประชาชนโดยท่ัวไป
(๗) สถานที่อืน่ ทร่ี ัฐมนตรีประกาศก�าหนด โดยค�าแนะนา� ของคณะกรรมการ

มาตรา ๓๙

ผใู้ ดขายเคร่อื งดมื่ แอลกอฮอล์โดยฝา่ ฝนื มาตรา ๒๗ หรือมาตรา ๒๘ ต้องระวางโทษจา� คกุ ไม่เกินหกเดอื น
หรอื ปรบั ไม่เกนิ หน่งึ หมนื่ บาท หรอื ท้ังจ�าทงั้ ปรับ

๑๑6

เกร็ดแนะครู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT
ขอ ใดคือลักษณะของผตู ดิ เคร่ืองดืม่ แอลกอฮอล
ครูควรอธบิ ายเพิม่ เตมิ วา สาระสําคัญของพระราชบญั ญตั คิ วบคมุ เครือ่ งด่ืม 1. ดมื่ เคร่ืองดืม่ แอลกอฮอลใ นบางวนั
แอลกอฮอล พ.ศ. 2551 ฉบับนี้ คอื ตองการท่ีจะควบคมุ ทง้ั การซ้อื การขายสุรา ทั้งน้ี 2. ดมื่ เครอ่ื งดื่มแอลกอฮอลทกุ ๆ ช่วั โมง
เพราะถงึ แมวา ประเทศไทยประกาศวาเปนเมอื งพุทธ แตป ระชาชนกย็ งั สามารถหา 3. มอี าการปกติเม่ือไมไดดืม่ เครื่องด่มื แอลกอฮอล
ซ้ือเคร่ืองดม่ื แอลกอฮอลมาดมื่ กันอยางงายดายและมีจาํ หนา ยท่วั ไป จงึ ทาํ ใหต อง 4. ตอ งเพมิ่ ปริมาณการด่มื เครอื่ งดื่มแอลกอฮอลม ากขน้ึ
มีท้ังคณะกรรมการและพระราชบญั ญตั ิมากาํ หนดมาตรการตา งๆ เพ่อื ชวยสราง วิเคราะหค าํ ตอบ ผูตดิ เครอ่ื งด่ืมแอลกอฮอล คือ บุคคลที่ดืม่
เสรมิ สขุ ภาพของประชาชนโดยใหต ระหนักถงึ พษิ ภยั ของเครอ่ื งดืม่ แอลกอฮอล เครอื่ งดื่มแอลกอฮอลจนกอใหเกิดผลเสยี ตอ สขุ ภาพรางกายหรอื
ตลอดจนชวยปอ งกันเด็กและเยาวชนมิใหเ ขา ถงึ เคร่ืองดม่ื แอลกอฮอลไดโ ดยงา ย จิตใจ โดยการด่ืมน้นั มีลกั ษณะที่ตอ งเพ่มิ ปรมิ าณมากขนึ้ และ
เพราะเคร่ืองดม่ื แอลกอฮอลกอใหเกดิ ปญหาดานสุขภาพ ครอบครวั อุบัติเหตุและ เมอ่ื หยดุ ด่ืมจะมีอาการแสดงของการขาดเคร่ืองดม่ื แอลกอฮอล
อาชญากรรม ซ่งึ มีผลกระทบตอ สังคมและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ในรางกาย เชน มือส่ัน คล่ืนไส เปนตน ตอบขอ 4.

116 คมู อื ครู

กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Evaluate
Engage Explore Expand Engage

กระตนุ ความสนใจ

แผนผงั แสดงปญ หาของผตู ิดสารเสพตดิ และผลทไ่ี ดจ ากการเขารับบําบัด ใหน ักเรยี นดภู าพยนตเร่ือง นาํ้ พุ ในชว ง
ของการบาํ บดั รักษาผตู ดิ สารเสพติด จากน้ันครู
รา งกายทรดุ โทรม รา งกายออ นแอ พฤตกิ รรมเบย่ี งเบน ผตู ิดสารเสพติด ตั้งคาํ ถามกระตุนความสนใจของนักเรียน โดยให
สขุ ภาพไมแ ขง็ แรง ไมร บั ผดิ ชอบ พดู ปด ลกั ขโมย นกั เรยี นสามารถแสดงความคิดเหน็ ไดอ ยา งอสิ ระ

กา้ วรา้ ว • นกั เรยี นทราบหรอื ไมวา การกระทาํ ดงั กลา ว
เรียกวา อะไร
การบา� บดั รกั ษาและฟน้ื ฟสู มรรถภาพ (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
เลกิ สารเสพตดิ สขุ ภาพแขง็ แรง จติ ใจ ไดอ ยา งอสิ ระ โดยอาจตอบวา การบาํ บดั
เขม้ แขง็ เปลย่ี นแปลงบคุ ลกิ ภาพ รักษาหรอื การฟน ฟผู ตู ิดสารเสพตดิ )
พฤตกิ รรม และนสิ ยั ใหเ้ ปน็ ไปในทางที่
เหมาะสม • วดั ถํ้ากระบอก เปนสถานท่ที ีน่ า้ํ พใุ ชใ น
ดา� รงชวี ติ อยใู่ นสงั คมไดอ้ ยา่ งปกติ การบาํ บดั รักษาจากการตดิ สารเสพติด
และมคี ณุ คา่ นักเรียนคดิ วา ปจจบุ นั มีหนวยงานใด
ท่สี ามารถบาํ บดั รกั ษาและฟน ฟผู ตู ดิ สาร
๒.๘ การบาํ บัดรักษาผูต ิดสารเสพติด และหนว ยงานทีเ่ กย่ี วขอ ง เสพตดิ ไดอ กี
๑) การบ�าบัดรักษาผู้ติดสารเสพติด การบ�าบัดรักษาผู้ติดสารเสพติด หมายถึง (แนวตอบ เชน โรงพยาบาลธญั ญารกั ษ
โรงพยาบาลของรฐั โรงพยาบาลของเอกชน
การดา� เนนิ งานของหนว่ ยงานทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั การบา� บดั รกั ษา เพอ่ื แกไ้ ขสภาพรา่ งกายและจติ ใจของ และคลนิ กิ ตางๆ เปน ตน)
ผูต้ ดิ สารเสพตดิ ใหเ้ ลิกจากการเสพ และสามารถกลับไปดา� รงชีวติ อยูใ่ นสังคมไดอ้ ยา่ งปกติ
สาํ รวจคน หา Explore
ขน้ั ตอนการบา� บัดรักษาผู้ตดิ สารเสพตดิ แบ่งเป็น ๔ ข้นั ตอน คือ
ใหนกั เรยี นศึกษาเรื่อง การบําบดั รกั ษาผูต ิด
ข้ันตอนการบาํ บัดรกั ษาผตู ดิ สารเสพติด แบงเปน ๔ ข้ันตอน คือ สารเสพตดิ จากหนงั สอื เรยี น และแหลง เรยี นรอู นื่ ๆ
เพิ่มเติม เพอ่ื นาํ ขอมลู ที่ไดมาอภปิ รายรวมกันใน
ขน้ั เตรียมการ (Pre-admission) ช้ันเรียน
เป็นการศึกษาประวัติข้อมูลและภูมิหลังของผู้ติด
สารเสพติด ทั้งจากผู้ขอรับการรักษาและครอบครัว ผู้ติดสารเสพติดสามารถรักษาให้หายขาดได้ ถ้ารีบ
เพ่อื ชักจูงใหค้ �าแนะนา� และกระต้นุ ให้ผตู้ ดิ สารเสพตดิ ขอเขา้ รบั การบําบดั ฟน ฟูโดยเร็ว
มคี วามตง้ั ใจในการรกั ษา การดา� เนนิ การ การสมั ภาษณ์
การลงทะเบียน และวิธีการทางการแพทย์ ได้แก่
การตรวจรา่ งกาย เอกซเรย์ ตรวจเลอื ด ตรวจปส สาวะ
ชั่งน�า้ หนกั

๑๑๗

คขอิดสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT เกร็ดแนะครู

การครอบครอง การใช และการจําหนายสารเสพติดกอใหเ กิด ครอู าจพานกั เรียนไปศึกษาดงู านทโ่ี รงพยาบาลธญั ญารักษ เกี่ยวกบั เร่ือง
ผลกระทบตอตนเอง ครอบครัว เศรษฐกจิ และสงั คมอยางไร การบําบดั รักษาผตู ิดสารเสพตดิ ซ่ึงจะทําใหน ักเรียนไดเ กดิ ความเขาใจในข้นั ตอน
แนวตอบ การครอบครอง การใช และการจาํ หนายสารเสพติด ของการบาํ บดั รักษาผตู ดิ สารเสพติดมากย่ิงขึ้น โดยสามารถนาํ ความรทู ่ีไดไ ป
กอ ใหเกิดผลกระทบตอตนเอง ไดแก สขุ ภาพเส่ือมโทรม การตอ ง เช่อื มโยงกับเนื้อหาจากในหนงั สือเรียน เพือ่ นาํ มาอภปิ รายรว มกนั
โทษหรือไดรบั โทษตามกฎหมาย ซึ่งนาํ ความเส่อื มเสยี มาใหแ ก
ตนเองและครอบครัว รวมถึงสรา งความไมมัน่ คงทางเศรษฐกจิ มมุ IT
และสังคมจนเกดิ เปนปญหาตางๆ ข้ึน
ศกึ ษาเพ่ิมเติมเก่ียวกบั พระราชบญั ญัตคิ วบคมุ เครอื่ งดื่มแอลกอฮอล พ.ศ. 2551
ไดจาก www.thailandlawyercenter.com/index.php?lay=show&ac=article&
Id=538973950&Ntype=19

คมู อื ครู 117

กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain

อธบิ ายความรู

ใหน ักเรยี นรว มกนั อภิปรายเร่อื ง การบําบดั (ขเปMั้นน็ eถกtอhานaรพบdษิา�oบnยดัeาอ) (าDยกาeา tรสoทมxาiุนfงicไกพaายรt2i ทoหnเี่ กร)ือดิ ใจหา้เกลกกิ าเรสใพชทส้ ันารทเทีสพเ่ี รตยี ดิก วกา่ า รหดกั า� ดเนบิ 3นิ เกปาน็รต กน้ า รแใหบย้่งเาปช็นนกดิ าอรนื่ ถทอดนแพทษิ นแ บเชบน่ ผ เปู้ ม่วธยานโดอนก1
รกั ษาผตู ดิ สารเสพตดิ โดยรวมกนั วเิ คราะหวา
ขัน้ ตอนของการบําบดั รกั ษาผูตดิ สารเสพติดมี คือ ไม่ตอ้ งคา้ งคืนในสถานพยาบาล แตต่ อ้ งรับประทานยาตามเวลาทีก่ า� หนด และแบบผูป้ ่วยในคอื การคา้ งคืน
ขั้นตอนใดบา ง และแตละข้ันตอนนน้ั เปนอยา งไร ในสถานพยาบาลซึง่ นอกจากจะถอนพิษยาแลว้ ยังมีการรกั ษา รวมทง้ั การใหค้ วามรใู้ นเรอ่ื งการดูแลสุขภาพ
โดยครูรว มเสนอแนะเพม่ิ เติม และตงั้ คําถามเพื่อให ขน้ั ตอนในการฟน ฟูสมรรถภาพ (Rehabilitation)
ไดขอสรุปที่ถูกตองรวมกนั ข้ันตอนนี้เป็นการปรับสภาพร่างกายและจิตใจของผู้เลิกยาให้มีความเข้มแข็ง ปรับเปล่ียนบุคลิกภาพและ
พฤติกรรมให้สามารถกลับคืนสู่สังคมได้อย่างปกติ โดยมีการด�าเนินการใช้กิจกรรมต่างๆ ได้แก่ การให้
• การบาํ บดั รักษาผตู ดิ สารเสพตดิ แบง เปน คา� แนะนา� คา� ปรกึ ษาท้งั เป็นรายบุคคลและเปน็ กลุม่ การสนั ทนาการ การฝก อาชพี เป็นต้น นอกจากนย้ี ังมีรูป
ก่ขี น้ั ตอน ไดแกอะไรบาง แบบอ่ืนๆ อกี เชน่ การฟ้ืนฟูสมรรถภาพแบบ “ชุมชนบ�าบัด”ซงึ่ เปน็ การสรา้ งชุมชนหรือสงั คมจ�าลองให้ผูเ้ ลิก
(แนวตอบ แบงเปน 4 ข้ันตอน ไดแก สารเสพติดมาอยู่รวมกัน เพอื่ ใหก้ ารช่วยเหลือกนั เลียนแบบ ปรบั เปลีย่ นพฤตกิ รรม ฝกความรบั ผดิ ชอบ การ
ขัน้ เตรยี มการ ข้นั ถอนพษิ ยา ข้ันของการ ร้จู กั ตนเอง และแก้ไขปญ หาอย่างเหมาะสม เพื่อกลับไปดา� รงชวี ติ อยู่ในสงั คมไดอ้ ยา่ งปกติ หรือการฟ้ืนฟจู ติ ใจ
ฟนฟูสมรรถภาพ และข้นั การติดตามดูแล) โดยใช้หลักศาสนา เช่น การน�าผู้เลิกสารเสพติด
เขา้ รบั การอปุ สมบท การศกึ ษาหลกั ธรรมทางศาสนา
• การถอนพิษแบบผูป วยในตางจากการ เป็นต้น
ถอนพษิ แบบผูป วยนอกอยา งไร ขั้นการตดิ ตามดแู ล (After-Care)
(แนวตอบ การถอนพิษแบบผูป ว ยใน จะตอ ง เปน็ การตดิ ตามดแู ลผเู้ ลกิ สารเสพตดิ ทผี่ า่ นการบา� บดั
คางคนื ในสถานพยาบาล และยังมีการรกั ษา รกั ษา ทงั้ ๓ ขนั้ ตอน เพอ่ื ใหค้ า� แนะนา� ปรกึ ษาใหก้ า� ลงั ใจ
โรคแทรกซอ นตา งๆ รวมท้ังการใหค วามรูใ น ท้ังนี้เพื่อมิให้หวนกลับไปเสพยาซ้�าอีก ได้แก่ การ
เร่ืองการดแู ลสขุ ภาพ แตส ําหรับการถอนพิษ เย่ียมเยียน โทรศัพท์นัดพบ ใช้แบบสอบถาม และ
แบบผูปว ยนอกนั้น จะมีการนํายากลับไป การตรวจปส สาวะหาสารเสพติด
รับประทานท่ีบา นตามเวลาที่กําหนดและ
ไมตอ งคา งคืนทสี่ ถานพยาบาล) การมีส่วนร่วมในการดําเนินกิจกรรมทางสังคมเปน
ภมู คิ ้มุ กันอีกอยา่ งหน่ึงจากภยั ของสารเสพตดิ

๒) หนวยงานที่รับผิดชอบในการแกไ้ ขปัญหาสารเสพตดิ

๑. ศูนยร์ ับแจ้งขาวและระบบการขา ว มหี นว่ ยงานจดั ระบบการข่าว และศนู ย์แจง้
ขอ้ มลู ขา่ วสารจากเจา้ หน้าท่ขี องรัฐเกย่ี วข้องกบั สารเสพตดิ ประกอบด้วย

(๑) ส่วนกลาง ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ ส�านักงาน
ตา� รวจแหง่ ชาต ิ กองบญั ชาการทหารสงู สุด กองทพั บก กองทพั เรือ กองทัพอากาศ กองบญั ชาการ
ต�ารวจปราบปรามยาเสพตดิ และกองบัญชาการต�ารวจนครบาลปองกันปราบปราม

(๒) สว่ นภูมิภาค เชน่ ศูนยป์ อ งกนั และปราบปรามยาเสพติดกรุงเทพมหานคร
(ศปส.ก.) และศนู ยป์ องกันปราบปรามยาเสพติดจังหวัด (ศปส.จ.)

๑๑๘

นักเรียนควรรู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT
ขอ ใดไมใ ช ขั้นตอนการบาํ บดั รักษาในข้นั ตอนของการฟนฟู
1 เมธาโดน เปน สารเสพติดชนิดหนึง่ ซงึ่ ไดจ ากการสงั เคราะหฝ น โดยออกฤทธิ์ สมรรถภาพ
คลายกับเฮโรอนี แตออ นกวา 1. การปรบั เปลยี่ นบคุ ลกิ ภาพและพฤตกิ รรม
2 สมุนไพร สมนุ ไพรบางชนดิ อาจมีฤทธท์ิ ําใหเ กิดการถอนยาได โดยทําใหเ มา 2. การใชก จิ กรรมตา งๆ ในการบาํ บัดรักษา
ไมรสู ึกตัว ซง่ึ ในระยะแรกจะใชยาสมนุ ไพรเพอื่ ใหย าขับออกจากรางกายในเวลา 7-8 3. การดาํ เนินการใหยาชนิดอน่ื ทดแทน
วัน เชน ใบฝรั่ง ลกู ลาํ โพง ใบกะเพรา รางจืด เปนตน 4. การปรบั สภาพรา งกายและจิตใจ
3 หกั ดิบ คอื การเลกิ เสพสารเสพตดิ ทนั ที โดยอาจใชก ารทาํ สมาธิ ออกกาํ ลงั กาย วิเคราะหค ําตอบ การดาํ เนนิ การใหย าชนดิ อ่นื ทดแทน
ดมื่ น้าํ มากๆ รว มกบั การใชย าคลายเครยี ด เปนขนั้ ตอนการบาํ บดั รักษาในขัน้ ถอนพิษยา ตอบขอ 3.

118 คมู อื ครู

กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

ส�าหรับส�านักงานปองกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ (ป.ป.ส.) ได้เปด ครสู มุ นกั เรยี น 2 คน ออกมาอภิปรายเก่ียวกบั
ศนู ย์รับแจ้งข้อมูลขา่ วสารเจา้ หน้าท่ขี องรฐั เก่ยี วขอ้ งกบั สารเสพตดิ ดังนี้ ระบบการบําบดั รกั ษาผูต ิดสารเสพติดวา มีระบบ
■ ส�านักงานปราบปรามยาเสพติด ส�านกั งาน ป.ป.ส. ใดบา ง โดยครแู ละนกั เรยี นคนอน่ื ๆ รว มกนั เสนอแนะ
■ สา� นกั งานปอ งกนั และปราบปรามยาเสพตดิ ภาคเหนอื (เชียงใหม)่ เพ่มิ เติม และตง้ั คําถามเพ่ือใหไ ดข อ สรปุ ที่ถูกตอ ง
■ ส�านักงานปองกันและปราบปรามยาเสพติดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมกัน
(ขอนแก่น)
■ สา� นกั งานปองกันและปราบปรามยาเสพติดภาคใต้ (สงขลา) • ระบบการบําบัดรกั ษาผูติดสารเสพตดิ ใน
■ ส�านกั งานปองกนั และปราบปรามยาเสพตดิ ภาคกลาง (กทม.) ประเทศไทย มรี ะบบใดบาง
๒. คณะกรรมการกล่ันกรองข้อมูลหรือขาวสารการกระท�าเกี่ยวข้องกับสารเสพติด (แนวตอบ ระบบสมคั รใจ ระบบตอ งโทษ และ
ทม่ี าจากหนว ยงานภาครฐั ทร่ี บั ผดิ ชอบ ซง่ึ ประกอบดว้ ยผแู้ ทนจากหนว่ ยงานของสว่ นราชการตา่ งๆ ระบบบังคับ)
ทั้งคณะกรรมการประจ�ากรงุ เทพมหานคร และคณะกรรมการประจา� ภาค
๓) การบ�าบัดรักษาผู้ติดสารเสพติดในชุมชน และหนวยงานท่ีบริการให้ • นักเรียนคดิ วา ระบบการบาํ บัดรักษาแบบใด
คา� ปรกึ ษา ทม่ี ีผูเ ขา รับการบาํ บัดรักษาจํานวนนอย
๑. ระบบการบ�าบัดรักษาผู้ติดสารเสพติด ปัจจุบันประเทศไทยมีระบบการบ�าบัด เนื่องมาจากสาเหตใุ ด
รักษาผู้ตดิ ยา ๓ ระบบ ดงั นี้ (แนวตอบ ขึ้นอยกู ับคาํ ตอบของนักเรยี น
(๑) ระบบสมัครใจ เป็นการเปดโอกาสให้ผู้ติดสารเสพติดท่ีต้องการจะเลิก โดยอาจตอบวา ระบบสมัครใจ เพราะผูต ดิ
สารเสพติดโดยความสมัครใจ สามารถขอเข้ารับการบ�าบัดรักษาพยาบาลในสถานพยาบาลต่างๆ สารเสพตดิ สว นใหญจ ะไมย อมเขา รบั การ
ท้งั ภาครัฐและเอกชน ซ่งึ ดา� เนินการรกั ษาท้งั ระบบแพทยแ์ ผนปัจจบุ นั และแผนโบราณ บาํ บดั รักษา นอกจากมคี วามผดิ เกีย่ วกบั คดี
(๒) ระบบต้องโทษ เป็นการ สารเสพตดิ และถกู คมุ ขังโดยตอ งไดรบั การ
ให้การช่วยเหลือบ�าบัดรักษาผู้ติดสารเสพติดที่ รักษาพยาบาลภายในขอบเขตขอ บังคบั
กระทา� ความผดิ เกยี่ วกบั คดสี ารเสพตดิ และถกู ทางกฎหมาย)
คุมขังโดยต้องได้รับการรักษาพยาบาลภายใน
ขอบเขตข้อบงั คับทางกฎหมาย หนว่ ยงานที่รบั • หนวยงานท่รี บั ผิดชอบในการบาํ บดั รักษา
ผิดชอบท่สี า� คญั คอื ผูตดิ สารเสพตดิ ในชมุ ชน ไดแ กอะไรบาง
เดก็ และเยาวชน1 สงั กดั ศา■ลเสยาถวาชนนพแินลิะจคครุ้มอคบรคอรวัง (แนวตอบ ไดแก สถานพินิจคุมครองเดก็ และ
เยาวชน กรมคมุ ประพฤติ กระทรวงยตุ ิธรรม
และทณั ฑสถานบาํ บัดพเิ ศษตางๆ ของ
กรมราชทณั ฑ กระทรวงมหาดไทย)

กลาง กระทรวงยุติธรรมเป็นสถานที่พักพิง
ส�าหรับเด็กและเยาวชนที่มีอายุไม่เกิน ๑๘ ป
บริบูรณ์ เข้าอยู่อาศัยนับตั้งแต่วันที่กระท�าผิด ความรักความอบอุ่นจากครอบครัว เปนกําแพงช่วยต้าน
เพือ่ รอการสอบสวน หรือพิจารณาคดี ปญหาสารเสพตดิ ได้

๑๑9

คขอิดสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT นักเรยี นควรรู

ขอ ใดคอื วิธีการชว ยเหลือผูต ดิ สารเสพตดิ ใหแกสมาชิกใน 1 สถานพินจิ คุมครองเด็กและเยาวชน เปนหนวยงานพทิ กั ษค มุ ครองสิทธิและ
ครอบครัวท่ีเหมาะสม สวัสดภิ าพเด็กและเยาวชน ซึ่งจะมหี นา ท่ใี นการดาํ เนินการดา นคดี ดา นการปอ งกนั
บาํ บัด แกไข ฟน ฟู พัฒนา สงเคราะห และตดิ ตามประเมนิ ผล โดยสง เสรมิ การใช
1. ไมพดู คยุ กับผูปว ย กระบวนการยตุ ิธรรม
2. หามผูปวยออกจากบาน
3. หา มผปู วยเสพสารเสพติดโดยเดด็ ขาด มมุ IT
4. ยอมรบั และใหก าํ ลังใจผูปวยในการเลกิ เสพสารเสพติด
วิเคราะหค ําตอบ การยอมรับและใหก ําลงั ใจผูปว ยในการเลกิ เสพ ศึกษาเพม่ิ เตมิ เกี่ยวกบั การบาํ บดั รักษาผตู ดิ สารเสพติดในชุมชน จากบทความ
สารเสพติด เปน วิธีการชว ยเหลือสมาชกิ ในครอบครัวทีเ่ หมาะสม “แนวคิดหลักของชมุ ชนบาํ บัด” ไดจาก http://www.ccd.rtaf.mi.th/ccd/
ทีส่ ุด เนือ่ งจากผูปวยตอ งการกาํ ลังใจและความดูแลอยางใกลชิด ArticleDetail.asp?id=12
ไมค วรพดู ตอกยาํ้ หรือซาํ้ เติมผปู ว ย เพราะอาจทาํ ใหผ ปู วยรูส กึ เกดิ

ความทอแทต อการเลกิ เสพสารเสพตดิ ได ตอบขอ 4.

คูม อื ครู 119

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain

อธบิ ายความรู

ครสู มุ นกั เรยี น 2 คน โดยไมซ า้ํ กบั คนเดมิ ■ กรมคมุ ประพฤต ิ กระทรวงยตุ ธิ รรม มบี ทบาทหนา้ ทใี่ นการคมุ ประพฤตทิ ่ี
ออกมาอภิปรายตอ เกยี่ วกบั ระบบการบําบดั รกั ษา เก่ียวข้องกับสารเสพติด และมีความผิดไม่ร้ายแรง โดยศาลจะส่ังให้ถูกคุมประพฤติ และจะ
ผูติดสารเสพติดโดยครแู ละนกั เรียนคนอน่ื ๆ ต้องรายงานตวั ต่อเจา้ หน้าท่ีเป็นระยะๆ และอาจมขี ้อกา� หนดเงอื่ นไขอื่น ๆ อกี เชน่ หา้ มขอ้ งเกี่ยว
รว มกันเสนอแนะเพม่ิ เติม และต้ังคาํ ถามเพือ่ ใหไ ด กับสารเสพตดิ การใหเ้ ข้ารบั การบา� บัดรักษา เปน็ ตน้
ขอ สรุปทถ่ี ูกตองรว มกัน ■ ทัณฑสถานบําบัดพเิ ศษตา่ งๆ ของกรมราชทัณฑ์ กระทรวงมหาดไทย มี
บทบาทหนา้ ทีใ่ นการบา� บัดรักษาและฟน ฟูสมรรถภาพผู้ต้องขงั ทต่ี ิดสารเสพติดอายุ ๑๘ ป ขึ้นไป
• ทัณฑสถานบาํ บดั พิเศษตา งๆ มีบทบาท ท่ีมีความผิดในคดีสารเสพติด ซ่ึงจะถูกส่งตัวเข้ารับการบ�าบัดรักษาและฟนฟูสมรรถภาพ
หนา ทใี่ นการบาํ บัดรักษาผูติดสารเสพติด ในทณั ฑสถานบา� บัดพเิ ศษจา� นวน ๖ แหง่ ท่ัวประเทศ
อยา งไร (๓) ระบบบังคับ เปน็ การใช้กฎหมายบงั คับใหผ้ ตู้ ิดสารเสพตดิ เขา้ รับการบา� บดั
(แนวตอบ มีบทบาทหนาทใี่ นการบําบัดรักษา รักษาในศูนย์ฟนฟูสมรรถภาพที่จัดตั้งข้ึน ตามพระราชบัญญัติฟนฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด
และฟน ฟสู มรรถภาพผูต อ งขงั ทต่ี ิดสารเสพตดิ พ.ศ. ๒๕๔๕
อายุ 18 ปข นึ้ ไป ทมี่ คี วามผดิ ในคดสี ารเสพตดิ ๒. สถานบริการให้ค�าปรึกษาและบ�าบัดรักษาผู้ติดสารเสพติด ผู้ที่ประสบปัญหา
โดยจะถูกสง ตัวเขารับการบําบัดรกั ษาใน สารเสพตดิ และไมอ่ าจแกไ้ ขไดด้ ว้ ยตนเอง อาจขอรบั คา� ปรกึ ษาแนะนา� หรอื ขอรบั บรกิ ารการบา� บดั
ทัณฑสถานบําบดั พเิ ศษจํานวน 6 แหง รกั ษาสารเสพติดไดจ้ ากสถานบรกิ ารตา่ งๆ เช่น
ทว่ั ประเทศ) ■ กองบาํ บดั รกั ษา สา� นกั งานคณะกรรมการปอ งกนั และปราบป1รามยาเสพตดิ
■ โรงพยาบาลในส่วนกลาง เช่น โรงพยาบาลธัญญารักษ์ โรงพยาบาล
• ระบบบงั คับ เปน ระบบการบําบดั รกั ษาผูตดิ ต�ารวจ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า โรงพยาบาลตากสิน โรงพยาบาลวชริ พยาบาล โรงพยาบาล
สารเสพติดในลกั ษณะใด อานันทมหดิ ล เปน็ ต้น
(แนวตอบ เปน การใชกฎหมายบังคบั ใหผูตดิ ■ โรงพยาบาลของรัฐ เอกชน
สารเสพตดิ เขารับการบําบดั ในศนู ยฟ น ฟู
สมรรถภาพทจี่ ดั ต้ังขึ้น ตามพระราชบญั ญัติ
ฟน ฟสู มรรถภาพผูตดิ สารเสพติด พ.ศ. 2534)

และคลินิกต่างๆ ในศูนย์บริการสาธารณสุข
ท่วั ทกุ ภาคของประเทศ
■ ศูนย์หรือบ้านต่างๆ ของ
เอกชน เช่น ศูนย์เบิกอรุณในประเทศไทย
บ้านสนั ตสิ ขุ ฯลฯ
■ กลุ่มผู้ติดยาเสพติดนิรนาม
(NA) ในประเทศไทย เชน่ โรงพยาบาลธญั ญารกั ษ์
ศูนย์บริการชุมชนสุขุมวิท ๓๓ บ้านพิชิตใจ
ผ้ทู ่ีตดิ สารเสพติดสามารถขอรับคาํ ปรึกษา และการบาํ บดั ศูนย์บา� บัดรกั ษายาเสพติดภาคเหนอื กลุ่มผ้ตู ิด
ไดจ้ ากสถานพยาบาลของรัฐที่กระจายอยทู่ วั่ ประเทศ ยาเสพติดนริ นาม จงั หวดั ภูเก็ต เปน็ ตน้

๑๒๐

เกรด็ แนะครู กจิ กรรมสรา งเสรมิ

ครคู วรใหนกั เรียนศกึ ษาเพม่ิ เตมิ เกี่ยวกบั หนวยงานตางๆ ทเี่ ก่ียวขอ งกบั ใหนกั เรียนศึกษาเพิม่ เติมเก่ยี วกบั สถานบรกิ ารใหค าํ ปรกึ ษา
การบําบัดรักษาและฟน ฟสู มรรถภาพผูติดสารเสพตดิ เนือ่ งจากในหนังสือเรียน และบําบัดรกั ษาผตู ิดสารเสพติดมา 5 สถานบริการ แลวใหเขยี น
ของนกั เรียนไมไ ดมกี ารกลา วถงึ บทบาทหนา ทข่ี องหนว ยงานตางๆ ไว นกั เรยี นจงึ สรปุ ถึงหนา ที่หลักของสถานบริการนนั้ ๆ
สามารถรบั รูไดเ พยี งแคช อ่ื ของหนว ยงานเทานัน้
กจิ กรรมทาทาย
นกั เรียนควรรู
ใหน กั เรยี นวิเคราะหว าหากบคุ คลทน่ี ักเรยี นรูจกั ตดิ สารเสพติด
1 โรงพยาบาลธญั ญารักษ เปน สถาบันการแพทยเฉพาะทางในสังกัดกรม นักเรียนจะแนะนาํ หรอื พาบคุ คลนั้นไปบําบัดรักษาในหนวยงานใด
การแพทย กระทรวงสาธารณสุข ใหบ ริการบําบดั รักษาผตู ิดยาและสารเสพติด เพราะเหตุใด
ทุกประเภทในระดบั ตตยิ ภูมิ ท้งั แบบผปู วยนอกและแบบผูปวยใน ซงึ่ ตง้ั อยทู ่ี
อาํ เภอธญั บุรี จังหวดั ปทุมธานี

120 คูมือครู

กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขาใา จใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Evaluate
Expand Expand

ขยายความเขา ใจ

ลอมรั้วปอ งกนั ภยั จาก สารเสพติด เสรมิ สาระ ใหนักเรยี นศกึ ษาเพ่ิมเติมเร่ือง ลอ มรว้ั ปองกัน
ภยั จากสารเสพติดจากเสรมิ สาระ โดยครแู ละ
สารเสพติดเป็นภัยต่อประเทศชาติ และส่งผลกระทบต่อตัวบุคคล นักเรียนคนอน่ื ๆ รว มกนั เสนอแนะเพมิ่ เติม และ
สงั คม และการพฒั นาประเทศ ซงึ่ วธิ ปี อ งกนั สารเสพตดิ ไมใ่ หเ้ ขา้ มาทา� ลาย ต้ังคาํ ถามขยายความเขาใจของนักเรยี น
ประเทศ มีดงั น้ี
• นักเรียนคิดวา การลอมร้ัวปอ งกนั ภัยจาก
รว้ั ที่ ๑ คือ รว้ั ชายแดน ทกา�ารหนน�าา้ เทขีจ่้าสัดากรา� เลสังพปตฏดิ 1บิ ตัตาิกมาแรนลวาชดาตยรแะดเวนน จชัดว่ ตย้ังสอกาดัสกานั้ สารเสพติด รั้วใดมคี วามสําคัญทสี่ ุด
(แนวตอบ ร้ัวครอบครัว มีความสาํ คัญที่สดุ
สมัครประชาชนในหมูบ่ า้ นชายแดนเพอื่ เปน็ ก�าลังเฝา ระวัง ตอ การปอ งกันภัยจากสารเสพติด เนอื่ งจาก
ครอบครัวเปนสถาบนั แรกที่ใหความรัก
รวั้ ท่ี ๒ คือ รัว้ ชุมชน ใหช้ มุ ชนมีส่วนรว่ มในการแก้ไขปญหาสังคมด้านตา่ งๆ ในการ ความอบอุนแกลกู คอยอบรมส่งั สอน
เฝา ระวงั รวมทง้ั การสา� รวจตรวจสอบพฤตกิ ารณท์ ง้ั คา้ และเสพ เพอ่ื คดั กรองปญ หา ในสิ่งที่ถูกตอ ง ซ่ึงหากครอบครัวมีลักษณะ
สารเสพตดิ ในหม่บู ้านและชมุ ชนขน้ั ต้น รวมถงึ มาตรการทางดา้ นกฎหมาย เพื่อลด เหมือนดังท่กี ลาวมา กย็ อ มสงผลใหล กู
การคา้ ในพื้นท่ี ตลอดจนการจบั กุมและส่งผูเ้ สพเข้ารับการบ�าบัด มีการแสดงออกของพฤตกิ รรมทถี่ กู ตอ ง
เหมาะสม)

รั้วที่ ๓ คือ รวั้ สังคม โดยด�าเนินการขยายพื้นที่และกิจกรรมทางบวกให้กับเยาวชน ได้แก่ ลานกีฬา
ลานดนตร ี ลานกจิ กรรมสรา้ งสรรคข์ องเยาวชน รวมถงึ การสรา้ งแกนนา� กลมุ่ ตา่ งๆ
ในจงั หวดั ให้เป็นพลงั ขับเคลอื่ นการจดั ระเบยี บสังคม

ร้วั ท่ี ๔ คอื รวั้ โรงเรียน มอบหมายให้ครูท�าหน้าท่ีเสมือนกลไกปลูกฝงและสอดส่องพฤติกรรมของเด็ก
และเยาวชน ด้วยการจัดกิจกรรมในสถานศึกษา

รว้ั ท่ี ๕ คอื รวั้ ครอบครวั ส่งเสริมให้มีการจัดต้ังศูนย์พัฒนาครอบครัวในชุมชน จัดอบรมพ่อแม่ผู้ปกครอง
ญาตพิ นี่ ้อง เก่ยี วกบั ความรู้ในการปองกันสารเสพตดิ

ที่มาข้อมลู : สา� นักยุทธศาสตร์ ส�านักงานปองกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.)

สรุป ยาเปนส่ิงที่มีคุณประโยชนมากมายตอมนุษย เม่ือรางกายเกิดการเจ็บปวยหรือไดรับการ

บาดเจบ็ ไมว ากรณีใดๆ ก็ตาม ยาเปนสิง่ ที่จะชวยรักษาอาการของโรคและบรรเทาอาการบาดเจ็บ

นนั้ แตใ นขณะเดยี วกนั ยากม็ โี ทษอยา งมหนั ต เมอื่ ผใู ชไ มร จู กั วธิ กี ารใชย าไดอ ยา งถกู ตอ ง การใชย า

ทุกชนิดจะตองใชใหถูกตองจึงจะเกิดประโยชนและมีความปลอดภัยตอผูใชมากที่สุด และในการ

ศึกษาเกี่ยวกับสารเสพติด ซ่ึงปจจุบันกําลังเปนปญหาที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จะชวย

เสรมิ สรา งใหเ กดิ ความเขา ใจ และตระหนกั ถงึ ปญ หาทสี่ ง ผลกระทบตอ ตวั ผเู สพครอบครวั เศรษฐกจิ

สงั คม การเมอื ง และประเทศชาติ ตลอดจนสามารถหากลวธิ ใี นการปอ งกนั การใชย าและสารเสพตดิ

เพอ่ื การดํารงชวี ติ อยูไ ดอยา งปลอดภัยและมีความสขุ ๑๒๑

กจิ กรรมสรา งเสรมิ เกรด็ แนะครู

ใหน ักเรยี นอธิบายถึงความสาํ คัญของการลอมร้วั ปอ งกนั ภยั ครคู วรรวมมือกับทางโรงเรยี นในการจัดกิจกรรมตางๆ เพ่ือปอ งกนั ภัยจาก
จากสารเสพติดในโรงเรยี นมาอยา งนอย 5 ขอ สารเสพตดิ ในโรงเรยี น โดยใหน กั เรียนไดม สี วนรวม เชน การแขงขันกีฬาตานภยั
ยาเสพตดิ การประกวดรองเพลง การสอดสองพฤตกิ รรมนกั เรียนคนอ่นื ๆ เปนตน
กจิ กรรมทา ทาย
นกั เรยี นควรรู
ใหนกั เรยี นสรางกิจกรรมการปองกนั ภยั จากสารเสพตดิ ใน
โรงเรยี นมา 1 กจิ กรรม พรอมท้งั บอกประโยชนท่ีไดร บั จากการ 1 นาํ เขา สารเสพตดิ โดยนาํ สารเสพตดิ เขา มาทางประเทศท่มี อี าณาเขตติดตอ
ทํากจิ กรรมดังกลา ว กบั ประเทศไทย เชน ประเทศพมา ลาว เปนตน โดยเฉพาะทางภาคเหนอื และ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนอื ของประเทศ

คมู ือครู 121

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Explore Explain Expand
Engage Evaluate Evaluate

ตรวจสอบผล

1. การจัดปา ยนิเทศเรือ่ ง การใชย าใหถกู ตอ ง ¤íÒ¶ÒÁ»ÃШÓ˹Nj ¡ÒÃàÃÂÕ ¹ÃŒÙ
2. การจดั กจิ กรรมรณรงคต อ ตา นสารเสพติดใน
๑ เพราะเหตุใด ยาสามญั ประจ�าบา้ นจงึ มีความสา� คัญ และควรมไี ว้ประจา� บ้าน
โรงเรียน ๒ กอ่ นการใชย้ าทกุ ครง้ั นกั เรยี นควรปฏบิ ตั อิ ยา่ งไร เพอ่ื เปน็ การปอ งกนั อนั ตรายไมใ่ หใ้ ชย้ าผดิ จงอธบิ าย
3. การปฏบิ ัติกิจกรรมสรางสรรคพฒั นาการเรยี นรู
มาพอสังเขป
หลกั ฐานแสดงผลการเรียนรู ๓ การใช ้ และการจา� หนา่ ยสารเสพตดิ กอ่ ใหเ้ กิดผลกระทบต่อสังคมอย่างไร
๔ เพราะเหตุใด ปัญหาสารเสพติดในปัจจุบันยังคงมีการแพร่ระบาดเพ่ิมมากขึ้น ท้ังๆ ที่มีการปองกัน
• ปา ยนเิ ทศเร่ือง การใชย าใหถ กู ตอ ง
ปราบปราม และมกี ฎหมายลงโทษ
๕ การปอ งกนั การใชส้ ารเสพตดิ วธิ ใี ด เปน็ วธิ กี ารปอ งกนั เบอ้ื งตน้ ทนี่ กั เรยี นคดิ วา่ เปน็ วธิ ที ด่ี ที ส่ี ดุ สามารถ

หลีกเล่ียงการติดสารเสพติดได้

กจิ ก๑รรมท่ี ¡Ô¨¡ÃÃÁ

กิจก๒รรมท่ี ÊÌҧÊÃ侏 ²Ñ ¹Ò¡ÒÃàÃÕ¹ÌÙ
กิจก๓รรมท่ี
นกั เรยี นหาข่าวเพ่ือจดั ปายนิเทศนา� เสนอในชน้ั เรยี น ดังนี้
- โทษของการใชส้ ารเสพตดิ
- การปราบปรามสารเสพตดิ
- เยาวชนกับสารเสพติด
- โครงการตอ่ ตา้ นสารเสพตดิ
- แหลง่ อบายมขุ กับสารเสพติด
นักเรยี นช่วยกนั อภปิ รายเกีย่ วกับโครงการเพ่ือต่อต้านการใช้สารเสพตดิ ดงั น้ี
- โครงการโรงเรียนสีขาว
- โครงการท ู บ ี นมั เบอร์ วัน (To be number one)
- พลังชมุ ชนตอ่ ต้านภยั สารเสพติด
ครูเชิญวิทยากรจากหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องกับการปองกันสารเสพติดมาให้
ความรู้กับนักเรียนถึงอันตราย และการปองกันภัยจากสารเสพติด แล้วให้
นักเรียนสรุปความรู้ท่ีได้ จัดท�าเป็นรายงานสง่

๑๒๒

แนวตอบ คําถามประจาํ หนว ยการเรียนรู
1. เพราะยาสามญั ประจําบา นเปน ยาทีเ่ ราจะมีโอกาสใชบ อย และเปนยาทใ่ี ชส ําหรับการบรรเทาหรือรกั ษาอาการเจ็บปว ยเบื้องตน เพ่อื ไมใหม ีอาการรนุ แรงกอนทจ่ี ะไป

พบแพทย
2. ควรตรวจดูคุณภาพของยาวา เส่ือมคณุ ภาพหรอื ไม และดฉู ลากยาตางๆ เชน วนั เดือน ปท่ผี ลติ วนั หมดอายุ วิธีใช และขอควรระวงั ในการใชยา เปนตน
3. เชน ปญหาอาชญากรรม ปญหาการคา บริการทางเพศ เปน ตน ซึ่งส่ิงเหลาน้ีบอนทาํ ลายสังคม ทําใหส ังคมไมม คี วามสงบสขุ ไมม ีความปลอดภยั และทาํ ใหส งั คม

ไมน าอยู
4. เพราะยังมีกลมุ ผูทมี่ ีอิทธิพลคอยสนบั สนุนอยู โดยอาจเปน เจาหนา ทขี่ องรฐั อกี ทั้งยงั มกี ารผลิตสารเสพติดเปน จํานวนมากและแอบลักลอบเขามาตามพรมแดนใน

ประเทศไทย จงึ ทาํ ใหการปราบปรามเปนไปไดโดยยากและไมส ามารถขจัดไดอ ยางหมดสนิ้
5. การคอยสอดสองดูแล ตักเตือนเพื่อน แจงคุณครู ผปู กครองหรือเจาหนา ทใ่ี หร ับทราบ และไมเ ขา ไปยุงเก่ียวกับสารเสพติดโดยเด็ดขาด

122 คูม อื ครู

กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain
Engage Expand Evaluate

เปาหมายการเรียนรู

ใชท กั ษะการตัดสนิ ใจแกป ญ หาใน
สถานการณท ่ีเส่ียงตอสุขภาพและความรุนแรงได

สมรรถนะของผูเรียน

1. ความสามารถในการคิด
2. ความสามารถในการสอ่ื สาร
3. ความสามารถในการใชท กั ษะชีวิต

คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค

1. ใฝเรียนรู
2. มงุ มนั่ ในการทาํ งาน

กระตนุ ความสนใจ Engage

÷หน่วยการเรยี นรู้ ปจ จบุ นั การใชค วามรนุ แรงกอ ใหเ กดิ ปญ หาตามมาหลายอยา ง และทวคี วาม ครยู กตวั อยางสถานการณ เชน นกั เรยี นมีเรื่อง
รนุ แรงมากขน้ึ ในสงั คมไทย เมอื่ โครงสรา งทางสงั คมเกดิ ความออ นแอ เกดิ ความ ทะเลาะวิวาทกัน ซ่ึงนักเรียนคนหนงึ่ พูดลอ เลียน
รนุ แรงในเชงิ โครงสรา ง โดยมคี วามสมั พนั ธก บั ความรนุ แรงเชงิ วฒั นธรรม และใน ปมดอ ยของเพ่อื น เปน ตน จากน้ันครูตัง้ คาํ ถาม
ระยะสดุ ทา ยจะมกี ารพฒั นาเปน ความรนุ แรงทางตรง ทงั้ ในครอบครวั โรงเรยี น โดยใหน กั เรียนสามารถแสดงความคิดเห็นได
หรอื สถานศกึ ษาในทกุ ระดับ ชมุ ชน สถานทีท่ ํางาน และสถานท่สี าธารณะอ่นื ๆ อยางอิสระ
โดยภาพที่สะทอนถึงความรุนแรงเหลานี้เปนปญหาสังคมท่ีทุกคนตองหันมา
ใหค วามสนใจและระแวดระวงั รวมถงึ ตอ งเรยี นรกู ารใชทักษะตา งๆ เพ่อื ชวย • หากปญหาดงั กลา วแกไขดวยการใช
ลดความรุนแรงดงั กลา ว ความรุนแรง นกั เรียนคิดวาจะเกิดสิง่ ใดข้นึ

ความรนุ แรงในสงั คม • หากไมใ ชความรุนแรงในการแกปญ หา
นกั เรียนจะใชวิธกี ารใด

ตวั ชว้ี ดั สาระการเรียนรู้

■ มสี ว นรว มในการปอ งกนั ความเสย่ี งตอ การใชย า การใชส ารเสพตดิ ■ การจัดกจิ กรรมปองกันความเส่ียงตอ การใชค วามรุนแรง
และความรุนแรง เพ่ือสุขภาพของตนเอง ครอบครัว และสังคม ■ ทกั ษะการตดั สนิ ใจแกป ญ หาในสถานการณเ สย่ี งตอ ความรนุ แรง
พ ๕.๑ ม.๔-๖/๑

■ ใชทักษะการตัดสินใจแกปญหาในสถานการณที่เส่ียงตอสุขภาพ
และความรุนแรง พ ๕.๑ ม.๔-๖/๖

เกรด็ แนะครู

ครคู วรสงเสรมิ การทาํ กจิ กรรมกลมุ ใหก บั นกั เรียน ไมวา จะเปน กจิ กรรมภายใน
โรงเรยี นหรอื ในชมุ ชนตางๆ เนอ่ื งจากจะสามารถชว ยใหน ักเรยี นไดร ูจ ักการปรับตัว
ในการอยูรวมกบั ผอู ่นื ไดอยางมคี วามสุข หรือหากเกิดปญ หาตา งๆ ขนึ้ นักเรียน
จะไดส ามารถหาแนวทางในการแกไ ขปญ หาไดอ ยางเหมาะสม โดยหลกี เลีย่ ง
พฤติกรรมการใชค วามรนุ แรง และยงั สงผลดตี อ การสรางสมั พนั ธภาพที่ดตี อ กนั

คมู อื ครู 123

กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore

กระตนุ ความสนใจ Engage

ใหน กั เรยี นดคู ลปิ วดิ โี อเหตกุ ารณ 14 ตลุ า จากนนั้ ๑. ความรุนแรงและแนวทางแก ้ไขปญั หาความรนุ แรง
ครตู ้งั คาํ ถามกระตุน ความสนใจของนกั เรียน
โดยใหน ักเรยี นสามารถแสดงความคดิ เห็นได ความรนุ แรง (violence) หมายถงึ การกระทา� ใดๆ ทเ่ี กดิ ขน้ึ โดยเจตนา ซง่ึ เปน็ การละเมดิ สทิ ธิ
อยา งอิสระ สว่ นบุคคลทัง้ ทางกาย วาจา จิตใจ และทางเพศ โดยการบังคบั ขู่เข็ญ หรือท�ารา้ ยจติ ใจด้วยวาจา
การใชก้ า� ลังกายกระท�ากับผูอ้ ่ืนทั้งเพศเดยี วกัน และตา่ งเพศ เพือ่ ท�าร้ายรา่ งกายให้ไดร้ บั บาดเจบ็
• นกั เรยี นคดิ วา เหตกุ ารณด ังกลา วเกดิ มาจาก และการลว่ งละเมดิ ทางเพศ ซงึ่ เปน็ ผลทา� ใหเ้ กดิ ความทกุ ขท์ รมานทง้ั รา่ งกายและจติ ใจแกผ่ ถู้ กู กระทา�
สาเหตใุ ด
(แนวตอบ ปญ หาทางการเมือง ซึง่ เกดิ จาก ความรนุ แรง แบ่งออกเปน็ ๓ ประเภท ได้แก่
ความไมเ ขา ใจกัน ขดั แยง ทางความคดิ ๑. ความรุนแรงทางตรง เป็นความรุนแรงที่มีผู้กระท�าเป็นบุคคลและเห็นผลของการกระท�า
จงึ กอ ใหเ กดิ พฤติกรรมการใชค วามรนุ แรง ชดั เจน โดยผทู้ ไ่ี ดร้ บั ผล หรอื เหยอื่ ของความรนุ แรงนนั้ อาจใชห่ รอื ไมใ่ ชเ่ ปา้ หมายของการกระทา� นน้ั
ในการแกไ ขปญหา) ส่งผลให้เกดิ ความรุนแรงต่อรา่ งกาย อารมณ์ และจติ ใจ รวมถึงความรนุ แรงทางเพศด้วย ตัวอยา่ ง
ของความรนุ แรงทางตรง มีดังน้ี
• นักเรียนคิดวา การกระทาํ ดังกลา วกอ ใหเ กดิ
ผลกระทบอยางไรบาง • การทา� รา้ ยรา่ งกาย เชน่ การทบุ ตี ตบ เตะ ตอ่ ย ทา� ใหร้ า่ งกายไดร้ บั บาดเจบ็ หรอื เสยี ชวี ติ
(แนวตอบ ประชาชนไดรับบาดเจ็บและเสียชีวิต การทา� ให้สูญเสยี อสิ รภาพ การกักขังบริเวณ การไม่ให้นา�้ และอาหาร
เปน จาํ นวนมาก และสง ผลใหส ภาพจติ ใจยา่ํ แย • การท�าร้ายทางดา้ นจิตใจและอารมณ์ ด้วยการพูดจากา้ วร้าว ดูหม่ิน เสียดสี ลอ้ เลยี น
โดยเฉพาะบคุ คลในครอบครัวของผูเสียชีวติ ) โดยใช้ถ้อยค�าหยาบคาย การข่มขู่ คุกคาม กักขัง หน่วงเหนี่ยว กีดกัน หรือละเลย
การกดขข่ี ม่ เหงจิตใจ ท�าให้อกี ฝา่ ยมีความกลัว หวาดระแวง มีอารมณ์หว่ันไหว เศร้าซมึ
สาํ รวจคน หา Explore รวมถึงการบีบค้นั ทางด้านเศรษฐกิจดว้ ยการไม่สนับสนุน หรือไม่ให้เงินไวใ้ ช้จ่ายในชีวติ
ประจา� วัน การท�าใหข้ าดความเช่อื มน่ั ในตนเอง
ใหน ักเรยี นศกึ ษาเรื่อง ปญหาความรุนแรง จาก • การท�าร้ายทางเพศ โดยการล่วงละเมิดทางเพศ เช่น การใช้วาจาพูดให้เกิดความอาย
หนงั สือเรยี น เพอ่ื เตรียมอภปิ รายรวมกันในชนั้ เรียน หรือเสอ่ื มเสยี การกระท�าอนาจาร การขม่ ขนื เป็นต้น
๒. ความรนุ แรงเชงิ โครงสรา้ ง เปน็ ความรนุ แรงจากการใชอ้ า� นาจครอบงา� การเอารดั เอาเปรยี บ
เนือ่ งจากผู้กระทา� คอื ตัวโครงสร้างสังคม อันไดแ้ ก่ กฎหมาย นโยบายรฐั ระบบการผลติ แนวทาง
การพฒั นาที่ก่อใหเ้ กิดช่องวา่ งทางสังคม หรอื สงคราม ความรุนแรงแบบนีส้ ง่ ผลให้คนกลมุ่ หน่ึงมี
อา� นาจเหนอื กวา่ ผคู้ นสว่ นใหญ่ โดยอา้ งวา่ การทต่ี อ้ งทา� กจิ กรรมตา่ งๆ เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความเปน็ ระเบยี บ
แตอ่ าจทา� ใหค้ นกลมุ่ หลงั ไมส่ ามารถพฒั นาไดอ้ ยา่ งเตม็ ศกั ยภาพ โอกาสแหง่ ชวี ติ ไมเ่ ทา่ กบั กลมุ่ แรก
เราอาจเรียกความรุนแรงในเชิงโครงสร้างได้อกี อยา่ งว่า “ความอยุตธิ รรมทางสงั คม”
ตวั อยา่ งของความรนุ แรงในเชงิ โครงสรา้ ง เชน่ ความอดอยากและการทร่ี ฐั ไมใ่ ส่ใจ ในการพฒั นา
ระบบสวสั ดิการสังคม ทา� ใหเ้ ด็กทารกจา� นวนมากต้องพกิ ารหรือเสียชวี ิต แทนท่ีจะสามารถเจรญิ
เติบโตเป็นผู้ใหญ่ได้ กฎหมายที่อนุญาตให้เฉพาะคู่สมรสเพศชายและเพศหญิงสามารถรับบุตร
บุญธรรมได้เท่านัน้ ซ่งึ ปิดกั้นโอกาสของครู่ ักชาย-ชาย หรอื คู่รักหญิง-หญิง
๓. ความรนุ แรงทางวฒั นธรรม เปน็ ความคดิ ความเชอ่ื และการปลกู ฝงั คา่ นยิ มในสงั คม ใหก้ าร
ยอมรบั ความรุนแรงในสังคมรปู แบบต่างๆ วา่ เปน็ ความถกู ต้อง

124

บูรณาการอาเซียน ขอสอบเนน การคิด
นักเรยี นคิดวา ปญ หาความรนุ แรงทพ่ี บไดบ อ ยทสี่ ุดสวนใหญ
ความรนุ แรง เปนการทาํ รายหรอื ทําลายทรพั ยสนิ การใชก าํ ลังบังคบั และ แลวเกดิ มาจากสาเหตุใด เพราะอะไร
รกุ รานสทิ ธิหรือเสรภี าพสว นบุคคล โดยเฉพาะผูหญงิ ในภูมิภาคอาเซยี นจะ แนวตอบ สว นใหญเกิดมาจากสาเหตุการทะเลาะววิ าท ซึ่งอาจ
ไมไ ดรับการปฏิบัติที่เทา เทยี มกับผูชาย รวมถึงการถูกลวงละเมิดทางเพศ ทั้งน้ี เปน ผลมาจากความไมเขา ใจกนั ของทง้ั 2 ฝาย หรอื เปน ผลมาจาก
เปน เพราะถูกจาํ กดั หรอื ผกู มดั ตนเองดวยขนบธรรมเนยี ม ประเพณี วฒั นธรรม การด่ืมเครอ่ื งดื่มที่มีแอลกอฮอล ซง่ึ จะมผี ลตอการแสดงพฤติกรรม
และคานยิ ม ดังนน้ั ประเทศในกลมุ อาเซยี นทั้ง 10 ประเทศ จึงใหค วามสําคญั ใน ทไ่ี มพึงประสงคอ อกมาโดยทต่ี นเองไมรูตัว เชน การพดู จา
เรอ่ื งของความคมุ ครองสิทธิของสมาชิกในกลุม อาเซียน ดงั ท่กี ฎบัตรของอาเซียน หยาบคาย การใชกาํ ลงั ทํารา ยรางกาย เปน ตน
ในดา นการเมืองและความมนั่ คง ไดก ลาวไววา ประเทศสมาชกิ ในกลุมอาเซยี น
จะใหความคุมครองสทิ ธิมนุษยชนและเสรีภาพข้ันพื้นฐานของประชาชน
เสริมสรางประชาธปิ ไตย เพิม่ พูนธรรมาภิบาลและหลักนติ ธิ รรม

124 คูมอื ครู

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

1.1 ปญั หาความรนุ แรง ใหนักเรยี นดตู ารางแสดงลกั ษณะปญ หาของ
ความรนุ แรงและสาเหตทุ ีก่ อใหเกิดปญหา จากนน้ั
ปัญหาความรุนแรงเปน็ ปญั หาทีเ่ กดิ ขน้ึ ได้ทกุ เพศ ทกุ วยั ทกุ ระดับการศึกษา ทุกสาขา ใหนักเรยี นรว มกันอภปิ รายเรอื่ ง ปญ หาความ
อาชีพ เช่น การถูกลวนลามทางเพศ การถูกทา� รา้ ยร่างกาย การถกู ทารณุ กรรม การฆา่ ตัวตาย รนุ แรง โดยครแู ละนกั เรยี นคนอน่ื ๆ รวมกนั
การถูกฆาตกรรม เป็นตน้ เสนอแนะเพิ่มเติม และตัง้ คาํ ถามเพื่อใหไ ดข อ สรุป
ที่ถกู ตองรวมกัน
ปญั หาความรนุ แรงแบง่ เปน็ ๓ ลักษณะ ได้แก่ ปญั หาความรนุ แรงในครอบครวั ปัญหา
ความรุนแรงในโรงเรียน และปญั หาความรนุ แรงในสงั คม มรี ายละเอียดดงั ตาราง • นกั เรียนคิดวา การกระทําในลกั ษณะใดบาง
ทีเ่ รยี กวา ใชความรุนแรง
ตารางแสดงลักษณะปญั หาของความรนุ แรงและสาเหตุทก่ี ่อให้เกดิ ปัญหา (แนวตอบ เชน การใชกําลังทําใหผ ูอน่ื บาดเจ็บ
การทาํ ลายทรพั ยสนิ การขมขู การกักขงั
ตัวอย่างปัญหาความรุนแรงในครอบครวั โรงเรียน และสังคม หนว งเหนย่ี ว การใชกําลังบงั คบั เปนตน )

ความรนุ แรงในครอบครัว ความรุนแรงในโรงเรยี น ความรนุ แรงในสังคม • ความรุนแรงอาจเกดิ มาจากสาเหตใุ ดบา ง
(แนวตอบ เชน จากความขัดแยงเรอื่ งตางๆ
๑. ค รอบครวั ท่ไี มม่ ีผู้เข้ามา ๑. ก ารขม่ ขู่ หรือทา� รา้ ย เพ่อื ชงิ ๑. ไ ม่มคี วามปลอดภยั ในขณะ ทไ่ี มเ ขา ใจกนั หรอื เกดิ จากการมนี สิ ยั กา วรา ว
ไกล่เกลี่ยปญั หาความขัดแยง้ ทรพั ย์ของเพ่อื นนกั เรียน หรอื เดนิ ทางไปโรงเรยี น ไปทา� งาน ท่ีชอบแสดงออกดว ยการกระทาํ ทร่ี นุ แรง
ส่งผลใหเ้ กดิ ความรุนแรง นักเรียนต่างระดบั ช้ัน หรือในสถานที่อื่นๆ มกี าร ครอบครัวเกิดความแตกแยก การเลียนแบบ
ในครอบครัว และการหย่าร้าง ๒. ก ารทะเลาะวิวาท ตบตกี ัน ข่มขนื การท�ารา้ ยร่างกาย สือ่ ตางๆ ทมี่ เี รื่องราวเกีย่ วกับการใชความ
๒. ฝา่ ยใดฝ่ายหนึ่งไม่รบั ผิดชอบ ชกตอ่ ยกันของนกั เรยี น และการท�าร้ายทางเพศ รุนแรง เปน ตน)
ตอ่ ครอบครวั เช่น ชอบด่มื ๓. มคี รอู าจารยท์ กี่ ระทา� การลว่ งเกนิ ๒. ป ัญหาอาชญากรรม
สุรา เทีย่ วเตร่ เล่นการพนัน ทางเพศ และทา� รา้ ยทารณุ การล่อลวง การฆ่า รวมถึง
เสพสารเสพตดิ เปน็ ต้น จิตใจกับเด็กเปน็ จ�านวนมาก การมอมเมาเด็กและเยาวชน
๓. เผชิญกับความเครียดจากงาน ๔. ค า่ นยิ มทเ่ี กีย่ วขอ้ งกบั สถาบนั ด้วยสารเสพตดิ และแหล่ง
ปญั หาการเงนิ ปญั หาของครู่ กั กกาารรรศับกึ นษอ้า ง1รเวปม็นทอั้งกี ปสราะเเหพตณุหีนึง่ อบายมขุ
หรือคู่ครอง หรือปัญหาของ ๓. การเสนอข่าวของสอ่ื มวลชน
ผปู้ กครองทด่ี ม่ื เหลา้ แลว้ มนึ เมา ที่ก่อใหเ้ กิดความรนุ แรง นา� เสนอขอ้ มลู ข่าวสารใหเ้ กิด
เป็นสาเหตุให้ ใช้ความรุนแรง ๕. ค รใู ช้ความรนุ แรงต่อกันโดย ผลลบแกผ่ รู้ ับสารอย่าง
ท�ารา้ ยเด็ก แสดงให้เด็กเหน็ กว้างขวางและตอ่ เนือ่ ง เชน่
๔. มีคา่ นยิ มท่ีผิด เช่ือวา่ คา่ นยิ มฟุ้งเฟ้อ การใช้ความ
เรอ่ื งครอบครวั เปน็ เรอ่ื งสว่ นตวั รนุ แรง สอ่ื ลามก ก่อใหเ้ กดิ
ทา� ใหฝ้ า่ ยใดฝา่ ยหนงึ่ ถกู ทา� รา้ ย การเลยี นแบบในทางท ี่
จากคนในครอบครวั ซง่ึ ไมส่ ามารถ ไม่ถูกต้อง เปน็ ตน้
ขอความชว่ ยเหลอื จากผ ู้ใกลช้ ดิ ๔. ม กี ารเผยแพร่ภาพลามก
และญาตไิ ด้ ในสื่อตา่ งๆ ทัง้ สือ่ ส่งิ พิมพ์
๕. ผ ปู้ กครองทา� โทษเด็ก โดยการ วดี ิทศั น์ แผ่นซีด ี อนิ เทอรเ์ น็ต
ตบตี ทา� ร้าย จนไดร้ บั บาดเจ็บ โดยเฉพาะทางอินเทอรเ์ น็ต
๖. การใชว้ าจา ดดุ า่ ประจาน ถูกใช้เปน็ ช่องทางตดิ ต่อ
สอ่ื สาร เพ่ือล่อลวงน�าไปสู่
การกระท�าที่รุนแรงใน
รปู แบบตา่ งๆ
125

ขอ สอบเนน การคดิ นกั เรยี นควรรู

สาเหตใุ ดทีว่ ัยรนุ มักจะถกู ทาํ รายรา งกายซ่ึงเปน ปญ หาทพ่ี บมากทีส่ ุดใน 1 ประเพณีการรบั นอง คือ การจดั กจิ กรรมตอนรบั นิสิตหรอื นักศกึ ษาใหมท ่ขี นึ้
ปจจุบัน ชั้นปที่ 1 ทั้งนีเ้ พ่อื เปน การสรางสมั พันธภาพท่ดี ีตอกนั ระหวางรนุ พแ่ี ละรนุ นอง
ซง่ึ ประเพณกี ารรบั นอ งในแตละสถาบันนน้ั จะมีความแตกตางกนั ไป แตกิจกรรม
1. ผใู หญโ กรธแลว มาระบายอารมณ ทีม่ ักจะมที กุ ๆ สถาบนั คือ ประเพณีบายศรสี ูขวญั
2. เกดิ การทะเลาะเบาะแวงกันเอง
3. ผใู หญไ มด ูแลเอาใจใส
4. ขาดความมน่ั ใจ
วเิ คราะหคําตอบ สาเหตสุ ว นใหญท ว่ี ยั รนุ มกั จะถกู ทาํ รา ยรา งกาย คอื
การทะเลาะวิวาท โดยอาจเปนผลมาจากความไมเ ขา ใจกัน การใชค ําพูด

ทก่ี าวราวหรือหยาบคาย การขาดความอดทน อดกลัน้ ตอบขอ 2.

คมู ือครู 125

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain

อธบิ ายความรู

ใหน กั เรยี นรว มกนั อภปิ รายเร่ือง ปญ หาความ à¡Ã´ç ¹Ò‹ ÃŒÙ
รนุ แรง โดยครรู ว มเสนอแนะเพม่ิ เตมิ และตง้ั คาํ ถาม
เพอ่ื ใหไ ดข อสรุปทีถ่ กู ตอ งรว มกนั การขกมาขรูขมข1ู เปนการรุกราน เปน การใชค วามรนุ แรง เพ่อื ทาํ 2รา ยบคุ คลอ่ืนทางดานรา งกาย อารมณ และจิตใจ

• ความรุนแรงในครอบครัว หมายถงึ อะไร ซึ่งมีพฤติกรรมหลายประเภท เชน การใชวาจารุนแรง กาวราว การใชความรุนแรงทางรางกาย ทํารายรางกาย
(แนวตอบ การกระทาํ หรือพฤติกรรมการทําราย และจิตใจ การกดี กันไมใหเขา กลุม การเรยี กรอ งเงนิ ทอง หรอื ทรพั ยส นิ เปนตน การขมขูน น้ั เกดิ ข้ึนไดกบั ทกุ เพศ
รา งกายกนั ระหวา งสมาชกิ ในครอบครัวโดย ซึ่งโดยทว่ั ไปการขมขมู ีหลายประเภท ดังนี้
เจตนา มีผลกระทบตอรา งกายเปนสําคัญ
รวมทง้ั การทํารายกันทางดานจิตใจและ ■ ใชทาทางขมขู โดยการสงสัญญาณ หรือทําใหเกิดความไมสบายใจ โดยการมองอยางดูถูก ใชภาษา
อารมณข องอกี ฝายหนึง่ ดวย) ทา ทาง หรือใชภ าษามือ

• ความรุนแรงทเ่ี กดิ ขึ้นในครอบครวั ไดแก ■ การขมขูทางรางกาย เชน การผลกั การเขยา อยา งแรง เปน ตน
อะไรบา ง ■ การขมขูเรยี กเงินทอง หรอื ทรพั ยส นิ เชน การขม ขใู หหยบิ เงิน อาหาร อปุ กรณเครอื่ งมือ เปน ตน
(แนวตอบ ไดแก ความรนุ แรงตอ คสู มรสหรือ ■ การขม ขูใหอ อกจากกลมุ เปนการแยกกลมุ พูดจากระทบกระเทยี บ ใชทาทางขมขู หรือกีดกัน เพ่อื ไมให
คคู รอง ความรุนแรงตอเดก็ ความรนุ แรง เขารวมกิจกรรมของกลมุ
ตอผูสูงอาย)ุ ท่ีมาขอ มลู : ดัดแปลงจาก http://www.trangis.com/kruuza/4_3.html

๑) ปญหาความรุนแรงในครอบครัว ความรุนแรงในครอบครัว เป็นการกระท�า

หรือพฤติกรรมการท�าร้ายร่างกายกันระหว่างสมาชิกในครอบครัวโดยเจตนา เกิดขึ้นได้กับทุกคน
เปน็ ผกู้ ระทา� หรอื ผซู้ ง่ึ ถกู กระทา� ซงึ่ เกดิ ขน้ึ ไดก้ บั ทกุ คนทง้ั เปน็ ผกู้ ระทา� และผถู้ กู กระทา� มผี ลกระทบ
ตอ่ รา่ งกายเป็นสา� คัญ รวมทัง้ การท�าร้ายกนั ทางดา้ นอารมณ์และจติ ใจของอีกฝ่ายหน่งึ ดว้ ย

๑. รูปแบบของความรุนแรงในครอบครัว ความรุนแรงท่ีเกิดขึ้นในครอบครัว
มี ๓ รปู แบบ ไดแ้ ก่

(๑) ความรุนแรงตอคูสมรสหรือคูครอง (๒) ความรุนแรงตอเด็ก มีการท�าร้าย
มีการท�าร้ายจิตใจ การมุ่งจะท�าร้ายร่างกาย ร่างกาย ท�าร้ายจิตใจ การปล่อยปละละเลย
กการะรทท�า�าทรา้ายรรุณ่าทงกาางเยพศเ3ชเ่นป็นดตุดน้ ่า ทุบตี ข่มขืน ไมเ่ ลยี้ งดู การทา� รา้ ยทางเพศ เชน่ กดขขี่ ม่ เหง
หรือการท�าโทษโดยขาดเหตุผล การพูดจา
กา้ วรา้ ว เป็นตน้

(๓) ความรนุ แรงตอ ผสู งู อายุ เชน่ มกี าร
ทา� รา้ ยรา่ งกาย จติ ใจ และอารมณ์ ถกู ทอดทง้ิ
ปลอ่ ยให้อดอาหาร ไมไ่ ดร้ ับการดูแล เปน็ ต้น

12๖

นกั เรียนควรรู ขอสอบเนน การคิด
สาเหตใุ ดที่กอ ใหเกดิ ความขัดแยง หรอื ความรุนแรงระหวาง
1 การขมขู คอื การทาํ ใหผ ูอน่ื กลัววาจะเกดิ ความเสียหายเปน ภยั แกต นเอง พอ แม ผปู กครองกับบุตรหลาน อนั เนอื่ งมาจากการทพี่ อ แม
แกส กลุ แหงตน หรือแกทรพั ยส นิ ของตน ผูปกครอง ปรบั ตัวไมท นั กับการเจรญิ เตบิ โตของบุตรหลาน
2 กา วรา ว ความกาวรา วเกิดจากความคบั ขอ งใจ ไดแ ก ความรูสกึ ผิดหวงั ท่ี 1. การเรียน
ไมสามารถไปถึงจุดหมายปลายทางได เน่อื งจากมีอปุ สรรคมาขดั ขวาง เกดิ จากการ 2. จจู ้ี ขี้บน
ถูกลงโทษ และอาจเกดิ จากการเลยี นแบบความกาวรา วในสงั คม ภาพยนตร หรือ 3. การคบเพ่ือน
โทรทศั น 4. ชองวา งระหวา งวัย
3 กระทําทารณุ ทางเพศ เปนการลว งลํ้ารางกายในเชิงเพศ ทง้ั ท่ีเกิดขึ้นจรงิ และ วเิ คราะหค าํ ตอบ สาเหตุทีก่ อ ใหเกิดความขัดแยง หรอื ความ
ท่ขี ไู ว ไมว าจะดวยการใชก ําลัง หรือภายใตเง่ือนไขทีไ่ มเทาเทียมหรือเปนการขม ขู รนุ แรงระหวางพอแม ผูปกครองกบั บตุ รหลาน อันเนื่องมาจากการ
กอใหเกิดผลกระทบที่รนุ แรงหากไมไดร ับความชว ยเหลืออยา งถกู ตอง เหมาะสม ทพ่ี อแม ผูปกครองปรบั ตวั ไมท ันกบั การเจรญิ เตบิ โตของบตุ รหลาน
ในชว งวยั รนุ ทม่ี กี ารเปลยี่ นแปลงหลายดา น คอื ชอ งวา งระหวา งวยั
126 คมู อื ครู เนอ่ื งจากพอ แม ผปู กครองมกั จะคดิ วา บตุ รหลานยงั เปน เดก็ อยเู สมอ
ทําใหบตุ รหลานไมมีอิสระทางความคิดในการตดั สินใจและการใช
ชีวิต ตอบขอ 4.

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

แผนผังแสดงลักษณะการเกิดความรนุ แรงในครอบครัว ใหน ักเรยี นดแู ผนผงั แสดงลักษณะการเกดิ
ความรุนแรงในครอบครวั จากน้ันครสู มุ นักเรียน 2
ผูกระทํา ผถู กู กระทํา ผลที่เกดิ ขึน้ คน ใหออกมาอภปิ รายตอในประเดน็ ปญ หา
ความรุนแรง จากความ ความรนุ แรง โดยครูและนักเรยี นคนอื่นๆ รวมกนั
รนุ แรง การทาํ ราย2 เสนอแนะเพ่มิ เตมิ และตัง้ คาํ ถามเพ่อื ใหไ ดขอ สรปุ
ทีถ่ ูกตองรวมกัน
การทําราย การทํารา ย เดก็
พห่ี รอื นอง • ลกั ษณะความรนุ แรงในครอบครวั ทเี่ กดิ จาก
การทาํ ราย1 ผูสูงอายุ ผูใ หญก ระทําความรนุ แรง ไดแกอะไรบา ง
(แนวตอบ ไดแก การทํารา ยเดก็ การทาํ ราย
คสู มรส คสู มรส และการทํารา ยผสู งู อายุ)

เด็กกระทํา ผูใหญ • ระดับความรุนแรงในครอบครวั มีอะไรบาง
ความรนุ แรง กระทาํ (แนวตอบ การทะเลาะโตเ ถยี งกนั การดูถกู
ความรุนแรง เหยียดหยาม การดาทอ การกกั ขัง
การทาํ ราย การทํารายรางกายดวยอวยั วะหรืออาวุธ เชน
พอ แมหรอื ตอ ย เตะ หรอื ทบุ ตดี ว ยอาวุธ เปนตน
ผปู กครอง การทํารายทางเพศ การขม ขนื โดยคสู มรส
หรอื เครือญาต)ิ
๒. ระดบั ความรุนแรงในครอบครวั เรียงตามลา� ดับ ดงั น้ี
(๑) การทะเลาะโตเ้ ถียง การดถู ูกเหยียดหยาม การดา่ ทอ การขู่เข็ญ การกกั ขัง
(๒) การทา� ร้ายร่างกายด้วยอวยั วะ หรอื อาวธุ จนได้รับบาดเจบ็ หรือเสยี ชวี ิต
(๓) การท�ารา้ ยทางเพศ การขม่ ขนื โดยฝ่ายใดฝ่ายหนงึ่ หรอื เครือญาติ

๓. ลกั ษณะความรนุ แรงในครอบครัว
(๑) การทาํ รา ยรา งกาย เปน็ การทา� รา้ ยโดยการใชก้ า� ลงั เชน่ ตบ ตี เตะ ตอ่ ย เปน็ ตน้

รวมถึงการใช้อาวุธ หรือส่ิงใดสิ่งหนึ่งจนได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต ฝ่ายใดฝ่ายหน่ึงอาจชอบใช้
ความรุนแรงกับอีกฝ่าย ท�าร้ายฝ่ายใดฝ่ายหน่ึงทางร่างกาย ทางวาจา ทางอารมณ์ ทางจิตใจ
และทางเพศ ขม่ ขู่และทา� ร้ายลูก โดยเฉพาะสตรตี ง้ั ครรภ์ทมี่ ีความเสี่ยงสงู ที่อาจถกู ทา� รา้ ยจนได้รับ
บาดเจ็บจากความรนุ แรงในครอบครัว

à¡Ã´ç ¹‹ÒÃŒÙ

พระราชบัญญตั ิคุมครองผถู ูกกระทาํ ดว ยความรนุ แรงในครอบครวั

พระราชบัญญัติคุมครองผูถูกกระทําดวยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ ไดใหความหมายของ
ความรนุ แรงในครอบครัวไว ดังนี้
“ความรนุ แรงในครอบครัว” หมายความวา การกระทาํ ใดๆ โดยมงุ ประสงคใหเ กดิ อันตรายแกร างกาย จิตใจ
หรือสขุ ภาพ หรอื กระทาํ โดยเจตนาในลักษณะทีน่ าจะกอ ใหเ กดิ อนั ตรายแกร างกาย จติ ใจ หรอื สขุ ภาพของบคุ คล
ในครอบครัว หรือบังคับหรือใชอํานาจครอบงําผิดคลองธรรมใหบุคคลในครอบครัวตองกระทําการ ไมกระทําการ
หรือยอมรับการกระทาํ อยางหนง่ึ อยา งใดโดยมชิ อบ แตไ มรวมถงึ การกระทาํ โดยประมาท
127

ขอ สอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู

ระดบั ความรนุ แรงในครอบครัว ขอใดท่มี ีความรนุ แรงมากท่ีสุด ครูควรอธิบายเพม่ิ เตมิ ใหก ับนักเรียนวา การใชคําพูดท่ไี มเ หมาะสม การพูด
1. การทํารายทางเพศ เสียงดัง การพูดในเชิงเสยี ดสี ใหราย หรือแสดงออกดว ยทาทางท่ไี มเ คารพตอ กนั
2. การดาทอ การกักขัง ส่ิงเหลา นถี้ ือเปนการแสดงออกท่ีกอใหเ กดิ ความรนุ แรงท้งั สิ้น
3. การทะเลาะโตเถยี งกนั
4. การทํารา ยรางกายจนเสยี ชีวิต นกั เรียนควรรู
วเิ คราะหคําตอบ ระดบั ความรนุ แรงในครอบครวั ทถ่ี อื ไดว า มคี วามรนุ แรง
มากทส่ี ุด คือการทาํ รา ยรา งกายจนเสยี ชวี ิต เพราะเสมอื นกบั การไดฆ า ชวี ติ 1 การทาํ รา ยคสู มรส คือ การแสดงออกถึงพฤตกิ รรมกา วรา วระหวา งคูส มรส
บคุ คลภายในครอบครวั ของตนเอง ทม่ี คี วามรกั ความผกู พนั กนั มานาน ซึ่งเปน ซึง่ อาจเปนการทํารายจติ ใจดว ยการดาวา บังคับ ขมขืน หรอื การทํารายรางกาย
สิง่ ท่ีไมสมควรอยางยง่ิ เนอ่ื งจากสมาชิกในครอบครวั จะตองมคี วามรัก 2 การทํารา ยเดก็ คือ การทาํ รา ยรา งกาย จติ ใจ การลว งละเมดิ ทางเพศ
การทอดทิ้งเด็กจนไดร ับอนั ตราย ตลอดจนการคกุ คามตอ ความปลอดภยั ของเดก็
ใหอ ภยั ซงึ่ กันและกัน และเปน ท่ีปรกึ ษาท่ีดใี หแกก นั ตอบขอ 4.

คมู อื ครู 127

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain

อธบิ ายความรู

ครูสมุ นักเรยี น 2 คน โดยไมซ ํา้ กับคนเดิม (๒) การทาํ รา ยจิตใจ เป็นการทา� รา้ ยโดยใชว้ าจาหยาบคาย ดูถูกเหยยี ดหยาม
ออกมาอภปิ รายตอ เร่อื ง ปญหาความรนุ แรง โดยครู ท�าให้ผู้ถูกกระท�าเกิดความอับอาย ได้รับความเสียหาย ขาดความเช่ือมั่นในตนเอง มีการปล่อย
และนกั เรียนคนอืน่ ๆ รวมกนั เสนอแนะเพม่ิ เติมและ ปละละเลยไมส่ นใจ ไม่ให้ความรัก ความอบอุ่น
ตั้งคําถามเพอื่ ใหไ ดข อ สรุปที่ถกู ตอ งรวมกนั และความเปน็ มติ ร จงึ สง่ ผลทา� ใหเ้ กดิ ผลกระทบ
ด้านจิตใจ
• การทาํ รายรา งกายแตกตางจากการทําราย (๓) การทํารายเด็กเมื่อมีความ
จิตใจอยา งไร ขัดแยงในครอบครัว เกิดผลกระทบทางด้าน
(แนวตอบ การทํารา ยรางกายเปน การทาํ ราย ร่างกายและจิตใจจากการถูกผู้ปกครองท�าร้าย
โดยการใชก าํ ลงั เชน ตบ ตี เตะ ตอ ย เปน ตน การทา� รา้ ยโดยสว่ นใหญจ่ ะเปน็ ไปเพอ่ื การระบาย
แตส ําหรบั การทาํ รายจิตใจ จะเปนการทาํ ราย อารมณ์ความโกรธแค้นที่เกิดขึ้นในขณะเกิด
โดยใชคาํ พูดหยาบคาย ดูถูกเหยียดหยามให เหตุการณ์บางอย่างที่ท�าให้สภาวะทางอารมณ์
เกิดความรสู ึกทีไ่ มด )ี ไมเ่ ป็นไปตามปกติ
(๔) การทํารายผูสูงอายุ ในบาง
• การกระทาํ ทารุณทางเพศ หมายถึงอะไร การเอาใจใสดูแลสมาชิกในครอบครัว จะชวยใหเขาใจ
(แนวตอบ การทาํ รายรางกายทางเพศตอ เดก็ ปญ หาของกันและกัน และสามารถแกป ญ หาไดถ กู วิธี
และทุกเพศ การขม ขืนกระทาํ ชาํ เรา โดย ครอบครวั อาจมีปู่ ย่า ตา ยาย อาศัยอยรู่ ่วมกนั
บังคบั ใหมีเพศสมั พันธ การคุกคามทางเพศ
การกระทาํ ผดิ ทางเพศตอ ผูเ ยาว ลกู หลานอาจแสดงความรนุ แรงทางกาย หรอื ทางคา� พดู ทที่ า� รา้ ยจติ ใจ หรอื การไมใ่ สใ่ จดแู ลในเรอ่ื ง

อาหารและท่ีอยู่อาศยั
(๕) การขมขืนคูสมรสหรือคูครอง ฝ่ายใดฝ่ายหน่ึงใช้ความรุนแรงในลักษณะ
การทา� รา้ ยรา่ งกายขม่ ขู่ บงั คบั ใหอ้ กี ฝา่ ย กระทา� ในสงิ่ ทฝ่ี นื ใจ ไมย่ นิ ยอมปฏบิ ตั ติ าม จนทา� ใหอ้ กี ฝา่ ย
ถกู ท�ารา้ ยร่างกายจนไดร้ ับบาดเจบ็ หรอื เสยี ชวี ิต
การขม่ ขนื กระทา� ชา� (เ๖ร)าบกงัาครกบั รใะหทม้ าํ เีทพาศรสณุ มั ทพานังเธพ์ กศาเรปคน็ กุ กคาารมททา� ราา้งยเพรา่ ศง1กกาายรทการงะเทพา� ศผตดิ อ่ ทเดาก็งเแพลศะทตอ่กุ ผๆเู้ เยพาศว์
เชน่ สมาชกิ ในครอบครวั ถกู กระทา� ชา� เราจากคนในครอบครวั หรอื บคุ คลภายนอก การถกู บงั คบั ให้
ขายบรกิ ารทางเพศ เปน็ ตน้ กอ่ ใหเ้ กดิ ผลกระทบทรี่ นุ แรง หากไมไ่ ดร้ บั ความชว่ ยเหลอื อยา่ งถกู ตอ้ ง
โดยเฉพาะเด็กเมื่อเติบโตขึ้นอาจมีแนวโน้มเป็นผู้ใหญ่ที่มีปัญหาทางด้านบุคลิกภาพ มีพฤติกรรม
ทางเพศทีไ่ ม่เหมาะสม หรอื นา� ไปสกู่ ารตดิ สารเสพติดได้
(๗) การใชความรุนแรงทางสังคม เป็นการจ�ากัดสิทธิท่ีพึงมีทางสังคม มีการ
กักขัง หนว่ งเหนีย่ ว กีดขวางไม่ยอมให้คบเพอื่ น หรือไม่ใหต้ ดิ ต่อกับญาติพี่น้อง หรอื เพื่อนบ้าน
(๘) การใชค วามรนุ แรงทางเศรษฐกจิ เปน็ การจา� กดั คา่ ใชจ้ า่ ย และควบคมุ ทรพั ยส์ นิ
รวมทั้งไม่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายของครอบครัว ไม่รับผิดชอบดูแลจัดหาสิ่งจ�าเป็นส�าหรับการด�ารง
ชีวติ ใหก้ บั ผู้ทีอ่ ยใู่ นความดแู ล เช่น อาหาร เสื้อผ้า ทอ่ี ยอู่ าศยั ยารกั ษาโรค การศึกษา สิ่งแวดลอ้ ม
ทป่ี ลอดภัย เปน็ ต้น โดยให้โอกาสอกี ฝา่ ยได้ช้แี จงเหตผุ ลและรบั ฟงั ส่งิ ที่อกี ฝ่ายชแี้ จงอยา่ งต้งั ใจ

12๘

เกรด็ แนะครู ขอ สอบเนน การคดิ
พอ แม ผปู กครอง ควรอบรมเลี้ยงดูบุตรหลานอยางไร เพือ่ ไมให
ครคู วรอธิบายเพม่ิ เติมวา ความรนุ แรงในครอบครวั สงผลใหเ กิดผลกระทบ บุตรหลานมพี ฤตกิ รรมการใชความรนุ แรง
ตางๆ ในครอบครวั ดงั นี้ ความสมั พนั ธระหวางสมาชกิ ในครอบครัวถกู ทาํ ลาย แนวตอบ พอแม ผปู กครองควรพดู คุยกบั บุตรหลานดว ยเหตผุ ล
ครอบครัวเกิดความไมส งบสขุ ขาดความรกั ความเขา ใจซึ่งกันและกนั และกลายเปน ใหความรกั ความอบอุนและความเปนมิตรไมแ สดงพฤติกรรมทีอ่ าจ
ครอบครวั ทีแ่ ตกราวในที่สุด กอใหเกิดการใชค วามรนุ แรงใหบตุ รหลานเหน็ เนอ่ื งจากบตุ รหลาน
จะเกดิ การเลยี นแบบพฤติกรรมตา งๆ ของพอแม ผูปกครอง
นักเรียนควรรู

1 การคกุ คามทางเพศ คือ พฤตกิ รรมทีไ่ มพ ึงปรารถนาทส่ี อ ในทางเพศ
หรอื พฤติกรรมอ่นื เกย่ี วกับเรอ่ื งเพศที่สง ผลกระทบตอ ศักดศิ์ รขี องบุคคล รวมถึง
พฤติกรรมอนั ไมพ งึ ประสงคทง้ั ในทางกาย วาจา กริ ยิ า และทาทางดวย

128 คมู อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขา ใา จใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

๒) ปญหาความรุนแรงในโรงเรยี น ส่วนใหญ่มักเปน็ ปัญหาระหว่างนักเรียนดว้ ยกัน ใหน กั เรยี นรว มกนั อภปิ รายในประเดน็ ปญ หา
เป็นความรุนแรงระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้อง เป็นสาเหตุท่ีท�าให้เกิดความรุนแรงทางวัฒนธรรม ความรนุ แรงในโรงเรียน และปญ หาความรนุ แรง
ในสงั คม จากน้ันครใู หน ักเรียนทาํ ใบงานจาก
และมีโอกาสพัฒนาเป็นความรุนแรงทางตรงได้ แผนการสอน ใบงานท่ี 7.1

หากนกั เรียนเลอื กคบเพ่อื นท่ีมปี ัญหา ✓ ใบงาน แบบวดั ฯ แบบฝก ฯ

ลกั ษณะของความรนุ แรงภายใน สขุ ศกึ ษา ม.4 ใบงานที่ 7.1
หนว ยท่ี 7 ความรนุ แรงในสงั คม
โรงเรียน มเี หตกุ ารณท์ ่เี กดิ ขนึ้ ดงั นี้

๑. การยกพวกตกี นั ของนกั เรยี น หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 ความรุนแรงในสังคม
เร่อื งท่ี 1 ความรุนแรงและแนวทางการแกไ้ ขปญั หา
ต่างโรงเรียน
ใบงานที่
๒. กอ่ เหตทุ ะเลาะววิ าทกนั จนถงึ
7.1 การแกไ้ ขปญั หาความรนุ แรง
ขน้ั ทา� รา้ ยรา่ งกาย
คาช้แี จง ใหน้ ักเรยี นตอบคาถามทีก่ าหนดให้ถูกตอ้ ง
๓. ถูกรังแก หรอื ทา� รา้ ย การทํากจิ กรรมรว มกนั ระหวางเพ่อื นเปน การชวยสรา งมติ รภาพ 1. พอ่ แมท่ ่ีมีแนวคดิ แบบ “บริโภคนิยม” จะมีลักษณะการใชค้ วามรุนแรงในครอบครัวอยา่ งไร
พอ่ แมท่ มี่ แี นวคดิ ดงั กลา่ วมกั จะคดิ ว่า ลกู เป็นสมบตั ขิ องตนเอง จงึ ใช้อานาจบงั คับลกู และกาหนด
แนวทางให้ลูกปฏบิ ตั ิตามคาส่งั เสมอ

๔. ใชอ้ าวธุ เชน่ มดี ปนื เปน็ ตน้ ท่ีดีตอกัน 2. การเผยแพร่ภาพลามกซึ่งนาไปสูก่ ารใชค้ วามรุนแรง เป็นปัญหาความรุนแรงในลักษณะใด
เป็นปัญหาความรุนแรงในสงั คม

เพ่ือท�าร้ายกัน 3. ปญั หาความรุนแรงท่เี กดิ ข้นึ ในโรงเรียน มีสาเหตมุ าจากอะไรบ้าง
๓) ปญหาความรุนแรงในสังคม ความรุนแรงท่ีเกิดขึ้นในสังคม ได้แก่ เหตุการณ์ การข่มขู่ การถูกทารา้ ยจากเพอื่ นนักเรยี น การทะเลาะววิ าท ปญั หาความเครียดจากการเรยี น การถูกบงั คบั

ความรุนแรงท่ีเกิดขึ้นในที่สาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นท่ีใดก็ตาม เช่น ท้องถนน ห้างสรรพสินค้า ใหเ้ รยี นพเิ ศษ การลงโทษจากครูในรูปแบบตา่ งๆ การถูกลว่ งละเมิดทางเพศจากครู

ร้านอาหาร สวนสาธารณะ เป็นตน้ 4. ปญั หาการใชค้ วามรุนแรงในครอบครวั มลี ักษณะอยา่ งไร
การขม่ เหง การทาร้ายภรรยา ลกู หรือญาตพิ ่นี อ้ ง การทอดท้งิ หรือไมด่ ูแลผู้สูงอายใุ นครอบครวั

ประเภทของความรุนแรงภายในสงั คม 5. นกั เรียนควรปฏบิ ัตติ นอย่างไร เพ่ือป้องกันปัญหาการใช้ความรุนแรง
1) ตอ้ งปฏบิ ัตกิ ับผอู้ น่ื ดว้ ยความเอ้อื อาทร และรจู้ ักให้อภยั
๑. ความรุนแรงทางสังคม เชน่ 2) ปฏิบตั ติ ามกฎระเบยี บอยา่ งเครง่ ครดั
3) มีทกั ษะการตดั สนิ ใจและทกั ษะการปอ้ งกนั ตนเอง

กกาารรขฆม่ าขตนืกรกรามรทกาารรณุทา�กอรนรมาจกาาร1รปเปลน็น้ ตจ้นี้ ชงิ ทรพั ย์ 240

๒. ความรุนแรงทางการเมือง สขุ ศกึ ษา ม.4

เช่น การท�าสงคราม การต่อสู้กันด้วยวิธีการ

ตา่ งๆ ของผูท้ ีม่ ีแนวคดิ ความเชอ่ื ทางการเมือง ขยายความเขา ใจ Expand

ท่ขี ดั แยง้ กัน เปน็ ตน้ ใหนกั เรยี นแบง กลุม กลุมละ 4-5 คน
ทําโครงงานเรือ่ ง การลดปญ หาการใชค วามรนุ แรง
๓. ความรุนแรงทางเศรษฐกิจ ในสังคม พรอ มแลกเปลย่ี นความรูท ีไ่ ดจากการ
ทําโครงงานกบั เพือ่ นตางกลุม
ได้แก่ การต่อต้าน โดยการท�าให้กิจกรรม

ทางเศรษฐกิจหยุดชะงกั เชน่ การนัดหยุดงาน การมคี วามรกั ความสามัคคีกนั ในสงั คม สามารถชวยลดปญ หา
ความรนุ แรงได
การปิดโรงงาน เปน็ ตน้

12๙

กจิ กรรมสรา งเสรมิ เกรด็ แนะครู

ใหน กั เรียนสรุปสาระสาํ คัญเรอื่ ง ปญหาความรุนแรง โดยให ครูสามารถยกตัวอยา งสถานการณปญ หาความรนุ แรงในปจจุบัน เพ่ือให
จัดทาํ ในรปู แบบของแผน พบั ความรู นักเรียนไดวเิ คราะหถึงสาเหตแุ ละผลกระทบทีเ่ กดิ ข้นึ วา เปนอยา งไร เพ่ือเปน การ
กระตนุ การคดิ วิเคราะหของนกั เรียน
กจิ กรรมทา ทาย
นักเรียนควรรู
ใหนักเรียนเลือกอานบทความเกีย่ วกบั ความรุนแรงในสงั คม
1 บทความ จากน้ันใหนกั เรยี นวิเคราะหจ ากเรื่องท่ีอา น แลว นาํ 1 อนาจาร การกระทําทไ่ี มสมควรในทางเพศ และกอใหเ กดิ ความอับอายใน
ผลจากการวเิ คราะหนั้นมาอภิปรายแสดงความคดิ เหน็ รว มกัน ทางเพศ ซึง่ ผดิ ไปจากประเพณนี ิยมตามกาลเทศะ เชน ฉุดแขนฝายหญงิ กอด จูบ
ในชน้ั เรยี น จบั ตองของสงวน เปด กระโปรงโดยที่ฝา ยหญงิ ไมยนิ ยอมในทีส่ าธารณะ เปนตน

คูมือครู 129

กระตุนความสนใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain

สาํ รวจคน หา Explore

ใหนักเรยี นแบงกลุม 4 กลมุ กลมุ ละ 3-4 คน 1.2 พฤตกิ รรมเสีย่ งและสถานการณเสยี่ งต่อความรนุ แรง
ศกึ ษาเรอ่ื ง พฤติกรรมเสีย่ งและสถานการณเสีย่ งตอ
ความรุนแรง จากหนงั สอื เรียน จากนน้ั ใหนกั เรียน พฤตกิ รรมเสย่ี ง
จบั สลากเลอื กประเดน็ การศกึ ษา โดยประเดน็ การ สหญูมาเสยียถหงึ นพา ฤทตี่ กิขรารดมโอทกเ่ี ปานสสพาฒั เหนตาใุตหาเมกปดิ กคตวาิ พมกิเสายี่ ร1งตหอรอืกเาสรยีดชาํ ีวเนิตนิ ชวี ติ อาจทาํ ใหร า งกายไดร บั อนั ตราย
ศกึ ษา มดี งั น้ี
สถานการณเ ส่ียง
• การเสพสารเสพตดิ หมายถึง เหตุการณท่ีกําลังจะดําเนินไปสูความอันตราย ความไมปลอดภัยตอสุขภาพ ชีวิต และ
• การเลน การพนัน ทรพั ยส ิน
• การทะเลาะววิ าท
• การเลน เกมคอมพิวเตอร

อธบิ ายความรู Explain ปจั จบุ นั เยาวชนไทยมพี ฤตกิ รรมเสย่ี งหลายประการ เชน่ การเสพสารเสพตดิ การเลน่ การพนนั
การทะเลาะววิ าท การเลน่ เกมคอมพวิ เตอร ์ เปน็ ตน้ ซง่ึ สง่ิ เหลา่ นอ้ี าจจะกอ่ ใหเ้ กดิ การใชค้ วามรนุ แรงได้
ใหน ักเรยี นทจ่ี ับสลากไดประเด็นเรือ่ ง การเสพ โดยจะขอยกพฤติกรรมเสย่ี งและสถานการณ์เสี่ยงตอ่ ความรนุ แรงเพียงบางประเด็น ดงั น ้ี
สารเสพตดิ ออกมานําเสนอหนา ช้ันเรียน และให
นกั เรยี นสรปุ สาระสําคญั เกีย่ วกบั ผลกระทบของ ๑) การเสพสารเสพติด ปัจจุบันสารเสพติดนับเป็นปัญหาส�าคัญของประเทศชาติ
สารเสพตดิ ท่กี อ ใหเ กิดความรนุ แรง โดยครแู ละ
นักเรียนกลุม อน่ื ๆ รวมกนั เสนอแนะเพมิ่ เติม แม้ว่าจะมีการรณรงค์ปอ้ งกัน และปราบปรามอยา่ งต่อเน่อื งจากเจ้าหนา้ ทีข่ องรัฐกต็ าม แตก่ ็ยงั มี
เยาวชนจ�านวนไม่น้อยทต่ี กเปน็ ทาสของสารเสพติดอันเน่อื งมาจากมปี ญั หาครอบครัวอย่ใู นสภาพ
แวดล้อมที่เต็มไปด้วยสารเสพติดและความอยากรู้อยากลองตามประสาของวัยรุ่นจึงถูกชักจูงไป
รว่ มม่ัวสมุ เสพสารเสพตดิ ได้งา่ ย

ผลกระทบของสารเสพติดท่กี อใหเกิด
ความรุนแรง

เยาวชนควรใชเวลาวางใหเปนประโยชน เชน เลนดนตรี นําไปสูก ารกอ อาชญากรรมตางๆ เชน ลักขโมย
เลนกีฬา เปนตน เพื่อหลีกเลี่ยงจากพฤติกรรมเสี่ยง ทาํ รา ยผอู นื่ เปน ตน เนอ่ื งจากเมอื่ เสพสารเสพตดิ
และสถานการณเ สีย่ งตางๆ เปนระยะเวลานาน จะกอใหเกิดผลกระทบตอ
สขุ ภาพรา งกาย และจติ ใจ มผี ลตอ ระบบประสาท
จึงทําใหผูเสพสารเสพติดขาดสติไมสามารถ
ควบคุมตนเองได และขาดการย้ังคิด จึงนําไปสู
การทํารายรางกายตนเองและผูอ่ืน ดังปรากฏ
เปน ขา วตามสื่อตางๆ เสมอ

1๓0

เกร็ดแนะครู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT
บุคคลกลมุ ใดมพี ฤติกรรมเส่ยี งมากท่ีสดุ
ครูสามารถอธบิ ายเพ่มิ เติมใหน ักเรียนฟง วา การเสพสารเสพตดิ นนั้ อาจกอ 1. วัยรุน
ใหเ กดิ ความรุนแรงในสังคมได เนือ่ งจากเมอื่ เสพสารเสพติดจะทาํ ใหไมส ามารถ 2. วัยเดก็
ควบคุมตนเองได และขาดการยัง้ คิด ขาดสติ ซ่งึ นาํ ไปสูการทํารายรางกายตนเอง 3. วยั ชรา
และผอู ่นื 4. วยั ผูใ หญ
วเิ คราะหค าํ ตอบ วัยรุน เปน กลุมทม่ี ีพฤติกรรมเสย่ี งมากทีส่ ดุ
นกั เรียนควรรู เนื่องจากเปนวยั ทม่ี ีการเปลย่ี นแปลงอยางมากในทกุ ๆ ดาน
มคี วามคึกคะนอง อยากรู อยากลอง และยังไมมวี ุฒิภาวะเพยี งพอ
1 พิการ ผพู กิ ารจะมีขอ จาํ กดั ในการปฏิบัติกจิ กรรมในชวี ิตประจาํ วันหรอื จึงอาจถูกชักชวนหรือหลอกใหก ระทาํ พฤติกรรมเสยี่ ง หรอื เขาไป
เขาไปมสี วนรวมทางสงั คม เนอ่ื งจากมีความบกพรอ งทางการมองเห็น การไดย นิ อยูใ นสถานการณเส่ียงได ตอบขอ 1.
การเคล่ือนไหว การสือ่ สาร สติปญ ญาและการเรยี นรู ซง่ึ จําเปน จะตอ งไดรบั ความ
ชว ยเหลือ เพื่อใหสามารถปฏบิ ตั ิกจิ กรรมในชีวติ ประจําวันหรือเขา ไปมีสว นรวมทาง
สังคมไดเหมือนอยางบุคคลทัว่ ไป

130 คมู อื ครู

กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

๒) การเลน การพนนั โดยเฉพาะการเลน่ พนนั บอล1ทวี่ ยั รนุ่ สามารถเขา้ ถงึ ไดง้ า่ ย เพราะ ใหนกั เรยี นทีจ่ ับสลากไดป ระเดน็ เร่ือง การเลน
การพนัน และการทะเลาะววิ าท ออกมานาํ เสนอ
ฟตุ บอลเปน็ กฬี าทวี่ ยั รนุ่ ชน่ื ชอบอยแู่ ลว้ ยงิ่ ปจั จบุ นั การแขง่ ขนั ฟตุ บอลมโี ปรแกรมการแขง่ ขนั เกอื บ หนาชั้นเรียน และใหนักเรยี นสรุปสาระสําคญั
ทกุ วัน วันละหลายค ู่ ทง้ั ฟตุ บอลในประเทศและต่างประเทศ โดยการพนันบอลน้ันมที ้ังพนนั ผ่าน เก่ยี วกบั ผลกระทบของการเลน พนนั และผลกระทบ
บุคคล ผ่านทางโทรศพั ท ์ และผา่ นทางเวบ็ ไซต ์ ทา� ใหว้ ยั รุน่ บางคนท่ีอาจเร่ิมตน้ เล่นพนนั บอลดว้ ย ของการทะเลาะววิ าททก่ี อ ใหเ กดิ ความรนุ แรง
คดิ ว่าเล่นแค่ความสนกุ สนาน แตไ่ ม่นานก็จะเร่ิมติดใจ ในทสี่ ดุ กจ็ ะถลา� ลกึ ลงไป และอาจก่อให้เกิด โดยครูและนักเรียนกลุมอืน่ ๆ รวมกนั เสนอแนะ
ผลกระทบท่รี า้ ยแรงตามมา เพิ่มเติม และตง้ั คาํ ถามเพื่อนําไปสขู อสรปุ ที่
ถูกตองรว มกนั
ผลกระทบของการเลนพนนั บอลที่กอใหเ กิด
ความรุนแรง • นกั เรียนคดิ วาวยั รนุ มักจะนิยมเลน การพนนั
ชนดิ ใด เพราะอะไร
๑. นาํ ไปสกู ารเปน ผขู ายสารเสพตดิ หรอื คา (แนวตอบ การพนนั บอล เพราะฟุตบอลเปน
ประเวณี เพอื่ ตองการหาเงินมาใชห นีพ้ นัน กีฬาทีว่ ยั รนุ ชื่นชอบอยูแลว เนือ่ งจากการ
แขง ขนั ฟตุ บอลจะมโี ปรแกรมการแขง ขนั
๒. กอใหเกิดคดีอาชญากรรม เพราะผูติด เกอื บทกุ วนั และวนั ละหลายคู จงึ ทาํ ใหว ยั รนุ
การพนนั มกั จะทาํ ทกุ วถิ ที าง เชน ปลน จ้ี ลกั ขโมย บางคนเรม่ิ ตน เลน พนนั บอล เพราะคดิ วา เปน
เปน ตน เพือ่ ใหไ ดเงินมาเลน การพนนั วธิ หี น่ึงทสี่ ามารถไดเ งนิ มาไดโ ดยงาย)

๓. หากเปนหน้ี เม่ือถึงกําหนดแลว • เพราะเหตุใด การกอ เหตทุ ะเลาะววิ าท
ไมชาํ ระหนี้ จะถกู ตามลาตวั จากเจาหน้ี ซึ่งอาจ จงึ มกั เกดิ กับวยั รนุ
เปน อนั ตรายตอ ตนเองหรือบุคคลในครอบครวั (แนวตอบ เพราะวัยรุนเปนชว งวัยที่มอี ารมณ
รุนแรง ไมย อมใคร ขาดการย้ังคดิ หรือขาด
การดกู ฬี าฟตุ บอลใหเ กดิ ประโยชน จะตอ งดเู พอ่ื การกฬี า เพอ่ื การยับย้งั อารมณ)
ความบนั เทงิ สนุกสนาน โดยไมม กี ารพนันเขามาเกี่ยวขอ ง

๓) การทะเลาะวิวาท วัยรุ่นเปน็ ช่วงวยั ทม่ี ีอารมณร์ ุนแรง ไม่ยอมใคร ขาดการย้ังคดิ

หรอื ยับยงั้ อารมณ์ บางคนมีพฤติกรรมกา้ วร้าว และมักจะใช้ความรนุ แรงเพื่อเปน็ ทางออกในการ
แกป้ ญั หา
การกอ่ เหตทุ ะเลาะววิ าททเ่ี ปน็ ประเดน็ ใหญใ่ นปจั จบุ นั คอื คกู่ รณที แี่ บง่ เปน็ ฝา ยเปน็
พวก ทา� ใหก้ ารแกป้ ญั หามคี วามซบั ซอ้ นและแกไ้ ขไดย้ ากมากขน้ึ เพราะการทะเลาะววิ าทในลกั ษณะ
เชน่ นมี้ กั จะไดร้ บั การขยายความวา่ เปน็ เรอื่ งของกลมุ่ ของฝา ย หรอื บางครงั้ กย็ กระดบั เปน็ เรอ่ื งของ
สถาบัน ซึ่งส่งผลให้เยาวชนบางคนบางกลุ่มทม่ี ีพฤติกรรมรุนแรง มักจะมองผอู้ ื่นไม่ว่าใครก็ตามที่
อยใู่ นกล่มุ ฝา ย หรือสถาบันตรงข้ามล้วนเป็นอรกิ ับตนท้ังส้นิ ซึง่ เป็นความคดิ ท่ีเป็นอนั ตรายมาก
ตอ่ สงั คม เพราะความคดิ เชน่ นจี้ ะทา� ใหผ้ บู้ รสิ ทุ ธท์ิ เี่ ปน็ คนด ี ไมม่ สี ว่ นเกย่ี วขอ้ งกบั ความขดั แยง้ ใดๆ
ของคูก่ รณ ี พลอยได้รบั เคราะห์ถกู ทา� รา้ ย หรือบางคนกถ็ ึงกบั เสียชีวติ

1๓1

ขคอดิ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT นักเรียนควรรู

เมื่อพบเหน็ เพอื่ นกําลงั จะเขาไปในแหลงอบายมุข อันดบั แรกที่ 1 การเลนพนนั บอล ในประเทศไทยถือเปน เร่อื งผดิ กฎหมาย โดยวธิ ีการเลน
นกั เรยี นควรทาํ คอื ขอ ใด นั้นสามารถสรุปได 4 วิธี ดังนี้

1. รบี แจงครูใหท ราบทนั ที 1. พนนั ฟุตบอลกับเพ่อื น หรอื คนทรี่ ูจักกันเอง เปนวธิ ที ี่นยิ มกนั มากในขณะ
2. มองดดู ว ยความสนุกสนาน เริ่มตนเขาสูวงการพนนั
3. โทรบอกผปู กครองของเพอ่ื น
4. หา มเพือ่ นไมใหเ ขา ไปในท่ีสถานที่แหงนัน้ 2. พนันฟุตบอลกบั โตะบอลท่ีมสี ถานทต่ี ง้ั จรงิ จะมีความเสี่ยงในเรื่องของ
วเิ คราะหคําตอบ ควรหา มเพอ่ื นไมใ หเ ขา ไปในสถานทแี่ หง นนั้ กฎหมายตามพระราชบญั ญตั ิการพนนั ซ่งึ ผเู ลนและผูเ ปน โตะ อาจจะถูกจับได
โดยบอกเพอื่ นวา เปน สถานทที่ ไ่ี มด ี และบอกถงึ โทษของอบายมขุ
ตา งๆ ซงึ่ การกระทาํ เชน นถ้ี อื ไดว า เปน การชว ยเตอื นสตแิ ละอาจ 3. พนันฟุตบอลกับโตะบอลออนไลน ผูเลนไมไ ดเ ลน กบั เจามอื หรอื บรษิ ทั
ทาํ ใหเ พอื่ นตระหนกั ถงึ โทษของอบายมขุ จนหลกี เลย่ี งทจ่ี ะไมเ ขา ไป คาสิโนโดยตรงแตเลน ผา นระบบอินเทอรเ นต็

ในทแี่ หง นนั้ อกี ตอ ไป ตอบขอ 4. 4. พนนั ฟตุ บอลโดยตรงกบั บริษทั คาสโิ นทถ่ี ูกกฎหมายจากตา งประเทศท่ตี ง้ั
อยูตา งประเทศ โดยผเู ลน จะเลนผา นอนิ เทอรเนต็ กบั บริษัทโดยตรงเพยี งแตอ ยู
ตา งประเทศเทานนั้

คูมอื ครู 131

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขา าใจใจ ตรวจสอบผล
Explore Evaluate
Engage Explain Explain Expand

อธบิ ายความรู

ใหน กั เรยี นทจี่ บั สลากไดป ระเด็นเร่อื ง การเลน ผลกระทบของการทะเลาะววิ าท
เกมคอมพิวเตอร ออกมานําเสนอหนา ชน้ั เรยี น และ ท่ีกอ ใหเ กิดความรนุ แรง
ใหนกั เรียนสรุปสาระสาํ คญั เกยี่ วกบั ผลกระทบของ
การเลนเกมคอมพิวเตอรท่ีกอใหเกดิ ความรุนแรง ๑. สงผลใหบุคคลรอบขางพลอยไดรับ
โดยครแู ละนกั เรยี นกลุม อ่ืนๆ รว มกันเสนอแนะ ผลกระทบไปดวย เชน บาดเจบ็ เสียชวี ิต เปน ตน
เพม่ิ เติม และตงั้ คําถามเพือ่ นาํ ไปสขู อสรุปที่ถกู ตอ ง เนือ่ งจากวยั รนุ อาจใชอ าวุธในการตอ สูก ัน
รวมกนั
๒. อาจถูกลงโทษ หรือดําเนินคดีตาม
• ยกตัวอยา ง ผลกระทบของการเลนเกม กฎหมายต้ังแตอ ายยุ งั นอ ย
คอมพวิ เตอรท ่ีกอ ใหเกดิ ความรนุ แรง
(แนวตอบ ไดแ ก สง ผลใหเ กดิ ความเครียด ๓. สง ผลใหเ ปน คนหวาดระแวง เพราะคดิ วา
มพี ฤตกิ รรมกาวรา ว และนาํ ไปสกู ารกระทาํ ผูอ ื่นเปน ศตั รูกบั ตนอยตู ลอดเวลา
ความผดิ โดยใชค วามรุนแรง เชน ลักขโมย
วงิ่ ราว ปลน จ้ี เปนตน ) วัยรุนควรรวมกลุมกันเลนกีฬา หรือทําประโยชนตอ
สังคมดีกวาการกอเหตุทะเลาะววิ าท

ขยายความเขา ใจ Expand ๔) การเลนเกมคอมพิวเตอร ปัญหาเยาวชนติดเกมคอมพิวเตอร์ทวีความรุนแรง

ใหน ักเรียนรวมกันจัดทาํ ปายรณรงคป อ งกนั มากขนึ้ เรอื่ ยๆ โดยมเี ด็กจ�านวนมากหนีโรงเรยี นหรือขโมยเงนิ ของพ่อแมไ่ ปเล่นเกมคอมพิวเตอร์
ความเสีย่ งตอการใชค วามรุนแรง โดยใหน ักเรียน ตามร้านเกม ซ่ึงบางแห่งก็มีสภาพเป็นแหล่งมั่วสุมอบายมุข มีการแอบจ�าหน่ายเครื่องด่ืม
รวมเดนิ รณรงคใ นชุมชนตา งๆ ใกลบ ริเวณของ แอลกอฮอล์และบุหรี่ให้กับเยาวชน รวมท้ังมีเยาวชนจ�านวนมากท่ีหมกมุ่นกับการเล่นเกมจนเสีย
โรงเรยี น การเรียน และไม่สนใจสังคมหรอื ผู้อื่น ส่งผลต่อลกั ษณะบุคลิกภาพ และกลายเป็นเดก็ ที่มปี ญั หา
ทางด้านสขุ ภาพจิตตามมา

การหมกมนุ เลน เกมคอมพวิ เตอร อาจสง ผลใหม พี ฤตกิ รรม ผลกระทบของการเลนเกมคอมพวิ เตอรทีก่ อให
กา วรา ว เนอื่ งจากเกิดการเลียนแบบความรุนแรงจากเกม ๑. สงผลใเหกเดิกคิดวคาวมารมุนเแครรงียด1 เพราะผูเลน
และการใสหูฟงท่ีมีเสียงดังเปนเวลานาน อาจกอใหเกิด
โรคหูตึงหรอื หหู นวกได เกมคอมพิวเตอรตองหาวิธีการเอาชนะคูตอสู
ใหได จึงตองครุนคดิ หาเทคนิคในการตอสตู ลอด
เวลา

๒. แสดงพฤตกิ รรมกา วรา วเลยี นแบบความ
รุนแรงจากเกมคอมพวิ เตอร

๓. นาํ ไปสกู ารกระทาํ ความผดิ เชน ลกั ขโมย
ว่ิงราว จ้ี ปลน เปนตน และอาจนําไปสูวงจร
การขายสารเสพตดิ เพอ่ื หาเงนิ มาเลน คอมพวิ เตอร

1๓2

เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคิด
ขอ ใดคอื ผลกระทบตอ สุขภาพรางกายทเี่ กิดจากการเลน เกม
ครูควรอธิบายเพิ่มเตมิ วา จากงานวิจยั ในประเทศไทย พบวา การเลน เกม คอมพวิ เตอร
วดิ โี อท่ีมเี น้อื หารุนแรงมผี ลตอพฤติกรรมความกา วราวของเดก็ และเยาวชน และ 1. ผลการเรียนตกต่ํา
ระยะเวลาในการเลน เกมคอมพวิ เตอรท ม่ี ีเน้ือหารุนแรงในระดบั ท่ีไมเ หมาะสมคอื 3 2. ขาดทักษะทางสงั คม
ช่วั โมงขน้ึ ไปตอ วัน ซง่ึ จะสง ผลใหม ีพฤตกิ รรมกา วราวสูงกวาระยะเวลาในการเลน 3. มปี ญหากบั ระบบสายตา
เกมในระดับทเ่ี หมาะสม 4. นาํ ไปสูการกระทาํ ความผิด
วิเคราะหค าํ ตอบ การเลนเกมคอมพิวเตอรเ ปน เวลานานติดตอ
นกั เรยี นควรรู กนั หลายชั่วโมง จะสง ผลกระทบตอสุขภาพรางกายโดยจะทาํ ให
มปี ญหากับระบบสายตา ซ่งึ จะมอี าการแสบตา เคอื งตา ปวดตา
1 ความเครยี ด สามารถเกิดขนึ้ ไดทุกแหงทุกเวลา ซึ่งอาจเกดิ จากสาเหตุ และปวดศรี ษะ เนื่องจากตองใชสายตาจบั จองคอมพวิ เตอร
ภายนอก เชน ความเจบ็ ปวย การหยารา ง ภาวะวา งงาน ความสัมพนั ธก บั เพอื่ น ตลอดเวลา ตอบขอ 3.
ครอบครวั เปนตน หรืออาจเกดิ จากสาเหตภุ ายในตวั ของบุคคลเอง เชน ความ
ตอ งการเรยี นดี ความตองการเปน ท่หี นงึ่ เปน ตน โดยมักจะมีอาการปวดศรี ษะ
ปวดกลา มเนือ้ หัวใจเตนเรว็ แนน ทอง และมือเทา เยน็

132 คมู อื ครู

กระตุน ความสนใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Expand Evaluate
Explore Explain Explore
สาํ รวจคน หา

à¡Ãç´¹‹ÒÌ٠ใหน ักเรยี นแบง กลุม กลมุ ละ 3-4 คน ศึกษา
เรื่อง แนวทางการปองกันปญหาความรนุ แรง
โครงการ “หนง่ึ เสยี ง…หยดุ ความรนุ แรงตอ ผหู ญิง” และทกั ษะการตดั สินใจและการแกปญหาใน
สถานการณเสีย่ งตอ ความรนุ แรง จากหนังสอื เรียน
ปญ หาทส่ี าํ คญั ปญ หาหนงึ่ 1ในสงั คมไทย คอื ปญ หาเดก็ และสตรโี ดนทารณุ กรรมดว ยวธิ กี ารตา งๆ ไมว า จะเปน และแหลงเรียนรูอ นื่ ๆ เพ่ิมเตมิ

การทุบตี ลอ ลวง หรอื ลว งละเมดิ ส่งิ เหลา นีล้ วนเปนการกระทําท่ีละเมดิ สทิ ธมิ นษุ ยชนอยางรายแรง และเปนปญหา อธบิ ายความรู Explain
เรงดว นทีต่ อ งรบี แกไ ข ดงั นั้น ประเทศไทยจงึ ไดเกิดโครงการ “หนง่ึ เสียง…หยุดความรนุ แรงตอ ผูห ญิง” ขน้ึ โดยเปน
โครงการทร่ี ว มรณรงคต อ ตา นความรนุ แรงทก่ี ระทาํ ตอ ผหู ญงิ เพอื่ สรา งพลงั และความรว มมอื ของคนในสงั คมใหร ว ม ใหนักเรียนอา นเกรด็ นา รู เร่ือง โครงการ “หนง่ึ
กนั หยดุ ความรนุ แรงตอผหู ญงิ โดยเรมิ่ จากจุดเลก็ ๆ ของสังคม คอื สถาบนั ครอบครัว แลว จะเพิม่ ความสําคัญกบั เสียง...หยดุ ความรนุ แรงตอผหู ญงิ ” จากนัน้ ให
ทกุ คนในครอบครัว เพือ่ ใหเ กดิ ความอบอุน ความรัก และความสามัคคีกนั ภายในครอบครวั เพราะปจจบุ ันปญหา นกั เรียนรว มกนั สรุปสาระสาํ คัญของเรอื่ ง โดยครู
ความรุนแรงดงั กลา ว มกั จะเกิดจากบุคคลใกลต ัวเปนสว นใหญ อาทิ คูรกั สามี เสนอแนะเพ่ิมเติมและตั้งคาํ ถามเพ่อื นําไปสู
ขอสรปุ ทีถ่ ูกตองรว มกนั
โครงการ “หนง่ึ เสยี ง…หยุดความรนุ แรงตอผูห ญิง” เกดิ ขนึ้ จากความรวมมอื ของสาํ นกั งานกองทุนสนับสนุน
การสรา งเสรมิ สขุ ภาพ (สสส.) กระทรวงยตุ ธิ รรม กระทรวงพฒั นาสงั คมและความมน่ั คงของมนษุ ย มลู นธิ เิ พอ่ื นหญงิ • โครงการ “หนึ่งเสียง...หยดุ ความรนุ แรงตอ
เครอื ขา ยผหู ญงิ ตอ ตา นความรนุ แรง และกองทนุ การพฒั นาเพอ่ื สตรแี หง สหประชาชาติ (UNIFEM) โดยดาํ เนนิ การทง้ั ผูหญิง” เปน โครงการทสี่ าํ คญั สาํ หรบั ผูหญงิ
ในระดบั ประเทศและระดบั ภมู ภิ าค ครอบคลมุ 8 ประเทศ ไดแ ก ไทย ลาว กมั พชู า เวยี ดนาม อนิ โดนเี ซยี ฟล ปิ ปน ส อยา งไร
จนี และติมอรต ะวันออก (แนวตอบ เปน โครงการท่ีรว มรณรงคตอตาน
ความรนุ แรงทีก่ ระทําตอ ผูหญงิ เพอื่ สรา ง
ท่ีมาขอ มูล : ดดั แปลงมาจาก http://www.thaihealth.or.th/node/6586 พลังและความรวมมือของคนในสังคมให
รว มกันหยดุ ความรนุ แรงตอผูหญงิ )
๒. แนวทางปองกนั ปญหาความรุนแรง

ความรนุ แรงเปน็ การกระทา� ทเ่ี กดิ ขนึ้ โดยเจตนาหรอื ความตงั้ ใจ ทา� ใหม้ ผี บู้ าดเจบ็ หรอื เสยี ชวี ติ
ซง่ึ อาจไมไ่ ดเ้ กดิ อยา่ งกะทนั หนั หรอื ชว่ั คราวเทา่ นนั้ แตอ่ าจตอ่ เนอ่ื งเปน็ ระยะเวลานานกไ็ ด ้ ดงั นนั้
การรว่ มมอื กนั ของประชาชนทกุ คนเพอ่ื หยดุ ยง้ั มใิ หเ้ กดิ ความรนุ แรงในรปู แบบตา่ งๆ จงึ เปน็ สงิ่ สา� คญั
และมคี วามจา� เปน็ อยา่ งยง่ิ

2.1 แนวทางปอ้ งกนั ปญั หา
ความรุนแรงในครอบครัว

ความรุนแรงในครอบครัวเป็นส่ิงที่ การทํากิจกรรมรวมกันในครอบครัว จะชวยสรางความ
นา� ความทกุ ข ์ ความเครยี ด มาใหก้ บั ครอบครวั สัมพนั ธทดี่ ีตอกันระหวา งสมาชกิ ในครอบครวั
ดงั นนั้ เราจงึ ควรหาแนวทางปอ้ งกนั ปญั หา เพอ่ื ให้
ครอบครัวเกิดความสงบสุข และเพื่อความสุข
ของคนในครอบครวั โดยแนวทางปอ้ งกนั ปญั หา
ความรนุ แรงในครอบครวั มดี งั นี้
๑. สมาชิกในครอบครัวต้องปฏิบัติ
ต่อกันด้วยความรัก ความจริงใจ และความ
เออ้ื อาทร

1๓๓

ขอสอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู

ความรูสกึ วาตนเองมคี ณุ คา มสี วนชวยในการปอ งกนั ความรนุ แรงใน 1 ลว งละเมดิ การลวงละเมิดทางเพศ เปนพฤติกรรมท่ีละเมดิ สทิ ธิของผูอืน่
ครอบครวั ไดอ ยา งไร ในเรื่องเพศ ไมวา จะเปน คาํ พดู สายตา และการใชท าที รวมไปถงึ การบงั คับใหมี
แนวตอบ เม่อื รูสกึ วา ตนเองมีคณุ คา จะทําใหเ กดิ ความพึงพอใจในสิง่ ที่ เพศสัมพนั ธ
ตนเองมี เกิดความเคารพตนเอง มคี วามเชอ่ื มัน่ ในตนเองสามารถท่ีจะแกไข
ปญหาทีเ่ กิดข้นึ ในครอบครัวได โดยไมใ ชกาํ ลังในการแกไ ขปญหา มมุ IT

ศกึ ษาเพม่ิ เติมเกย่ี วกับความรุนแรงตอ ผหู ญิง จากบทความ “หลากหลาย
ความรุนแรงตอ ผูหญิง...ทส่ี งั คมไมควรมองขาม” ไดจาก www4.thaihealth.or.th/
node/6597

คูมือครู 133

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain

อธบิ ายความรู

ครสู มุ นกั เรยี น 1-2 กลมุ ออกมาสรปุ สาระสาํ คญั ๒. เอาใจใสด่ แู ลซงึ่ กนั และกนั ใหอ้ ภยั เมอ่ื คนในครอบครวั ทา� ความผดิ
เรอื่ ง แนวทางการปองกันปญหาความรุนแรง ท้ังใน ๓. หาโอกาสพดู คยุ กนั ในครอบครวั และพดู คยุ กนั ดว้ ยเหตผุ ล
ดา นการปอ งกันปญ หาความรนุ แรงในครอบครวั ๔. แสดงความรสู้ กึ หรอื อารมณท์ แ่ี ทจ้ รงิ ออกมาอยา่ งตรงไปตรงมา ดกี วา่ ทจ่ี ะใชอ้ ารมณ์
ปญ หาความรุนแรงในโรงเรยี น และปญ หาความ พดู ถากถาง เสยี ดส ี หรอื ประชดประชนั กนั
รุนแรงในสงั คม โดยครแู ละนกั เรยี นกลุมอ่นื ๆ ๕. ทา� กจิ กรรมรว่ มกนั ในครอบครวั เชน่ การออกกา� ลงั กายดว้ ยกนั รบั ประทานอาหาร
รวมกันเสนอแนะเพิม่ เตมิ และตั้งคาํ ถามเพื่อนําไปสู รว่ มกนั ไปเทย่ี วดว้ ยกนั เปน็ ตน้
ขอ สรุปทถี่ ูกตอ งรวมกนั
2.2 แนวทางป้องกนั ปญั หาความรนุ แรงในโรงเรียน
• แนวทางการปองกนั ปญหาความรนุ แรงใน
ครอบครัว มแี นวทางอยา งไรบาง ความรุนแรงในโรงเรียนมักจะเกิดขึ้นระหว่างนักเรียนกับนักเรียน และระหว่างครูกับ
(แนวตอบ เชน สมาชกิ ในครอบครัวตองมี นกั เรยี น ทงั้ ทเี่ กดิ ขน้ึ ในโรงเรยี นและนอกโรงเรยี น แตส่ ง่ิ ทน่ี า่ เปน็ หว่ งคอื ความรนุ แรงทเี่ กดิ ขนึ้ ใน
ความรัก ความจรงิ ใจ ความเอื้ออาทรตอกัน โรงเรยี น เพราะสง่ิ เหลา่ น ้ี อาจหลอ่ หลอมใหน้ กั เรยี นมพี ฤตกิ รรมความรนุ แรง และออกไปกอ่ ความ
เอาใจใสดูแลซึง่ กนั และกัน พดู คุยกันดวย รนุ แรงนอกสถานศกึ ษาได ้ ซง่ึ แนวทางการปอ้ งกนั ปญั หาความรนุ แรงในโรงเรยี น มดี งั นี้
เหตผุ ล ทาํ กจิ กรรมรวมกนั ในครอบครวั ๑. นกั เรยี นตอ้ งปฏบิ ตั ติ นตามกฎระเบยี บอยา่ งเครง่ ครดั เชน่ หา้ มพกอาวธุ หรอื ของ
เปน ตน ) มคี มมาโรงเรยี น เปน็ ตน้
๒. รว่ มกจิ กรรมทที่ างโรงเรยี นจดั ขึ้นเพอื่ ให้เกิดความรกั ความสามัคคี เช่น กิจกรรม
• แนวทางการปอ งกนั ปญหาความรนุ แรงใน วนั กฬี าส ี ประเพณลี อยกระทง ทา� บญุ ตกั บาตร นงั่ สมาธหิ รอื ไปศาสนสถาน ทนี่ กั เรยี นศรทั ธานบั ถอื
โรงเรียน มีแนวทางอยางไรบาง เปน็ ตน้
(แนวตอบ เชน นักเรียนตองปฏิบัติตามกฎ
ระเบียบของโรงเรยี นอยางเครง ครัด รวม 2.๓ แนวทางป้องกนั ปัญหาความรุนแรงในสังคม
กิจกรรมทท่ี างโรงเรยี นจดั ขน้ึ เปนตน)
ความรุนแรงในสังคม เป็นความรุนแรงท่ีพบเห็นได้บ่อยมากตามข่าวของส่ือมวลชน
• แนวทางการปอ งกนั ปญ หาความรนุ แรงใน เปน็ การกระทา� รนุ แรงตอ่ รา่ งกายและจติ ใจในรปู แบบตา่ ง ๆ เชน่ การชงิ ทรพั ย ์ ทา� รา้ ยรา่ งกาย ฆา่ ลา้ ง
สังคม มแี นวทางอยา งไรบาง แคน้ ลว่ งละเมดิ ทางเพศ การใชแ้ รงงานเดก็ อยา่ งไมเ่ ปน็ ธรรม เปน็ ตน้ ดงั นน้ั เราจงึ ควรหาแนวทาง
(แนวตอบ เชน ฝก จิตสาธารณะเพื่อเสรมิ สราง ป้องกนั แกไ้ ขปญั หาเพอื่ ใหส้ ังคมของเราน่าอย ู่ มคี วามรัก และความสามัคคีกนั ซึ่งแนวทางการ
จติ ลักษณะในการปอ งกันพฤตกิ รรมทะเลาะ ป อ้ งก นั ปญั ห๑า. คกวาามรฝรนุกึ จแติรงสใานธสางัรคณมะ เมพดีอื่ งัเสนร้ี มิ สรา้ งจติ ลกั ษณะ1ในการปอ้ งกนั พฤตกิ รรมทะเลาะววิ าท
วิวาท ออกกฎหมายควบคมุ การพกพาและมี โดยการท�าความดี มีส�านึกต่อส่วนรวม พร้อมช่วยเหลือผู้อ่ืนตามความสามารถและด้วยความ
อาวธุ ปน ไวในครอบครอง เปนตน ) บรสิ ทุ ธใ์ิ จ
๒. การสง่ เสรมิ การอยรู่ ว่ มกนั โดยสงบสขุ ถอ้ ยทถี อ้ ยอาศยั มคี วามเออ้ื อาทร มคี วาม
ไวว้ างใจกนั
๓. จดั การคมุ้ ครองความปลอดภยั แกส่ ตร ี เดก็ ผสู้ งู อาย ุ และผดู้ อ้ ยโอกาส
๔. ออกกฎหมายควบคมุ การพกพาและมอี าวธุ ปนื ไวใ้ นครอบครอง

1๓4

เกรด็ แนะครู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT
แนวทางปองกันการใชค วามรนุ แรง ขอ ใดเหมาะสมทสี่ ดุ
ครูควรแนะนาํ นักเรยี นเร่ือง การหลกี เล่ยี งการใชความรนุ แรงในครอบครัว 1. ทําใจใหสงบ
ซ่งึ จะเปนประโยชนใ นอนาคตหากนักเรยี นไดสรางครอบครัว โดยครอู าจแนะนํา 2. ตอ ตานคานิยมที่ผดิ ๆ
นักเรียนวา สามภี รรยาหากมเี รอื่ งผิดใจกัน ควรปรับความเขา ใจดวยการใชเหตผุ ล 3. เกลียดชงั การใชค วามรุนแรง
และพดู ดว ยความประนีประนอม หรอื ในวันหยุดควรหาเวลาวางเพื่อพกั ผอ นและ 4. จดั การกับอารมณแ ละความเครยี ดกอ น
ทํากิจกรรมรว มกนั ภายในครอบครวั วเิ คราะหค ําตอบ อารมณและความเครียดเปน ปฏิกิริยาทาง
จติ ใจทตี่ อบสนองตอสง่ิ เรา ซ่ึงหากเกดิ ความเครียดเราสามารถ
นกั เรยี นควรรู ท่จี ะแสดงพฤติกรรมตา งๆ ออกมาโดยท่ีเราไมร ตู ัว โดยอาจจะ
แสดงพฤตกิ รรมกา วรา วหรือความรุนแรง ดงั นนั้ จึงควรท่ีจะลด
1 จิตลกั ษณะ เปน ลกั ษณะท่ีอยูภายในตัวของบคุ คลทเี่ ปน สาเหตขุ อง ความเครยี ดตางๆ ใหผ อ นคลายลง เชน ฟง เพลง ดหู นงั ทาํ บญุ
พฤตกิ รรม ซงึ่ เปน ลกั ษณะคอ นขา งคงทีไ่ มอ ยภู ายใตอิทธพิ ลของสถานการณ ตกั บาตร เปน ตน ตอบขอ 4.
ปจจุบัน โดยลักษณะของบุคคลจะประกอบไปดวยลักษณะทางจิตใจหลาย
จิตลักษณะ และลกั ษณะจติ ใจนจ้ี ะคงสภาพอยใู นตวั บุคคล ทาํ ใหบ ุคคลมลี ักษณะ
พฤตกิ รรมและการกระทาํ ท่แี ตกตางไปจากบคุ คลอนื่

134 คมู อื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

๕. ป้องกันการค้าอาวุธ1 และการค้าผิดกฎหมายอย่างเข้มแข็ง ใช้เวลาว่างในทาง ครูสุมนักเรียน 1-2 กลุม โดยไมซํ้ากับกลมุ เดิม
สรา้ งสรรค์ ออกมาสรุปสาระสาํ คญั เรื่อง ทกั ษะการตัดสนิ ใจ
๘. ตดิ ตามความเคลอ่ื นไหวของผกู้ อ่ การรา้ ย และเตอื นภยั แกป่ ระชาชนลว่ งหนา้ ถงึ การ และแกปญ หาในสถานการณเ สีย่ งตอ ความรนุ แรง
กอ่ การรา้ ย โดยครูและนักเรียนกลุมอืน่ ๆ รวมกนั เสนอแนะ
๙. จดั กา� ลงั เพอื่ ตอ่ สกู้ บั อาชญากรรม เพม่ิ เตมิ และตงั้ คาํ ถามเพอื่ นาํ ไปสขู อ สรปุ ทถ่ี กู ตอ ง
๑๐. หลีกเล่ียงจากการเป็นเหยื่อของความรุนแรงในสังคม ไม่น�าตนเข้าไปเสี่ยงใน รว มกัน
สถานการณท์ ไี่ มน่ า่ ไวว้ างใจ
• ทกั ษะการตัดสินใจ หมายความวาอยางไร
๓. ทกั ษะการตดั สนิ ใจและการแกป ญ หาในสถานการณเ สยี่ งตอ (แนวตอบ เปนความสามารถในการตัดสนิ ใจ
เกยี่ วกับเรอ่ื งราวตางๆ ในชวี ติ ไดอ ยา งมี
ความรนุ แรง ระบบ)

ทักษะการตดั สินใจ • ทกั ษะการแกปญหา หมายความวา อยา งไร
เปนความสามารถในการตัดสินใจเก่ียวกับ (แนวตอบ เปน ความสามารถในการจัดการกบั
เรื่องราวตางๆ ในชีวิตไดอยางมีระบบ เชน ปญหาที่เกิดข้นึ ไดอยางมรี ะบบ ทาํ ใหไ มเ กดิ
ถาบุคคลสามารถตัดสินใจเก่ียวกับการกระทํา ความตงึ เครียดทางกายและจติ ใจ จนอาจ
ของตนเองท่ีเก่ียวกับพฤติกรรมดานความ ลกุ ลามเปน ปญหาใหญท ่ีไมสามารถแกไ ขได)
ปลอดภัยในชีวิต โดยประเมินทางเลือกและ
ผลท่ีไดจากการตัดสินใจเลือกทางท่ีถูกตอง • การมีทักษะการตัดสินใจและทักษะการ
เหมาะสม ก็จะมีผลตอการมีสุขภาพที่ดีทั้ง แกป ญ หากอ ใหเกิดประโยชนอ ยา งไร
รางกายและจิตใจ (แนวตอบ หากมีการฝกปฏบิ ตั อิ ยูเ ปนประจํา
จะชว ยทําใหเปน คนทมี่ เี หตผุ ล มีความ
ทักษะการแกป ญหา รอบคอบ สามารถตัดสินใจแกไขปญหา
เปน ความสามารถในการจดั การกบั ปญ หาทเ่ี กดิ ขนึ้ ไดอ ยา งมรี ะบบ ทาํ ใหไ มเ กดิ ความตงึ เครยี ดทางกาย เฉพาะหนาไดดีในชวี ติ ประจําวนั )
และจติ ใจ จนอาจลุกลามเปนปญหาใหญท่ีไมส ามารถแกไขได

การตดั สนิ ใจและการแกป้ ญั หา เปน็ ทกั ษะทตี่ อ้ งใชค้ วบคกู่ นั และผสมผสานกนั ระหวา่ งความคดิ
และความรสู้ กึ ในการใชเ้ หตผุ ลตดั สนิ ใจ เนอื่ งจากจะมผี ลกระทบทง้ั ตอ่ ตนเองและผอู้ น่ื ซง่ึ ทกั ษะทาง
ดา้ นน ี้ หากมกี ารฝกึ ปฏบิ ตั อิ ยเู่ ปน็ ประจา� จะชว่ ยทา� ใหเ้ ปน็ คนทม่ี เี หตผุ ล มคี วามรอบคอบ สามารถ
ตดั สนิ ใจแก้ไขปญั หาเฉพาะหนา้ ไดด้ ใี นชวี ิตประจ�าวัน
ส�าหรับทักษะการแก้ปัญหา เป็นการประเมินหาทางเลือกที่ดีและเหมาะสมท่ีสุดรวมท้ังไม่ใช้
ความรุนแรงหรอื ท�าในสงิ่ ท่ีสง่ ผลเสยี ตอ่ ตนเองและผู้อ่นื อย่างไรก็ตาม ทักษะการตดั สนิ ใจและการ
แกป้ ญั หา เราจะนา� มาใชไ้ ดด้ นี น้ั กข็ น้ึ อยกู่ บั ความรอบรแู้ ละประสบการณช์ วี ติ ของเราดว้ ย แตอ่ ยา่ ง
น้อยกท็ า� ใหเ้ ราไดม้ ีเวลาประเมนิ และพิจารณาโดยไม่หุนหันทา� อะไรตามใจตนเองหรือตามเพอื่ น

1๓5

คขอ ดิ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT เกร็ดแนะครู

สิง่ ใดท่ีควรนํามาใชร ว มกับทกั ษะการตัดสินใจ และแกป ญ หา ครูสามารถอธิบายเพม่ิ เตมิ วา วัยรุนเปน วัยทีค่ ึกคะนอง พฤติกรรมบางอยา ง
1. ความรอบรู และความกลา หาญ อาจเปนพฤตกิ รรมเส่ียงทีน่ าํ ไปสูสถานการณเส่ยี งตออันตราย ดังน้นั วัยรนุ จึงควร
2. ความมัน่ คง และความกลาหาญ มีสตยิ ้งั คดิ คํานึงถงึ เหตผุ ล ความเหมาะสม และผลที่จะเกิดข้นึ จากการกระทาํ
3. ความมงุ มน่ั และประสบการณชีวิต พฤติกรรมตางๆ ซึง่ จะตองรูจกั ใชท ักษะชีวติ โดยเฉพาะทกั ษะการตดั สนิ ใจและ
4. ความรอบรู และประสบการณช ีวติ แกปญหา เพอ่ื พาตนเองใหพน จากสถานการณเส่ยี งท่นี าํ ไปสคู วามรุนแรง
วิเคราะหคําตอบ บคุ คลทจ่ี ะมที กั ษะการตดั สนิ ใจ และแกป ญ หา
ไดด นี น้ั จะตอ งเปน บคุ คลทมี่ คี วามรอบรเู กย่ี วกบั เรอ่ื งตา งๆ และ นกั เรยี นควรรู
จะตอ งอาศยั ประสบการณช วี ติ ทผ่ี า นมาดว ย ซงึ่ จะชว ยใหส ามารถ
คดิ ตดั สนิ ใจ และแกป ญ หาไดอ ยา งถกู ตอ ง เหมาะสม 1 การคาอาวธุ สหประชาชาตไิ ดจดั ประชุมเพอื่ หาขอ ยตุ เิ รอื่ งสนธิสญั ญา
ควบคุมการคาอาวุธโลก ซง่ึ รา งสนธสิ ัญญาไดบ ัญญัติไววา ทกุ ประเทศตอ งควบคมุ
ตอบขอ 4. อาวธุ สามัญ (อาวธุ ทุกประเภทยกเวนอาวธุ นวิ เคลยี ร เคมแี ละชวี ภาพ) และตอง

ควบคมุ นายหนา คา อาวุธ และแตละประเทศตองประเมินวา อาวธุ ดังกลา วจะถกู นาํ
ไปใชเพ่ือการละเมดิ สทิ ธมิ นุษยชน หรอื กฎหมายมนษุ ยธรรม รวมถึงจะถูกนาํ ไปใช
โดยกลุมกอ การรา ยและเพ่ือกออาชญากรรมหรือไม
คูมอื ครู 135

กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore

กระตนุ ความสนใจ Engage

ครตู ง้ั คําถามกระตนุ ความสนใจของนักเรยี น ดังนน้ั การทา� ความเขา้ ใจในกระบวนการแกป้ ัญหาและการตดั สินใจ จึงเป็นส่ิงท่มี คี วามจา� เป็น
โดยใหน ักเรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ ไดอ ยาง เป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้เพื่อเป็นการลดความเส่ียงของการตัดสินใจที่ผิดพลาด สามารถตัดสินใจได้ทัน
อิสระ เวลา และสง่ ผลกระทบตอ่ บคุ คลต่างๆ ทีเ่ กีย่ วขอ้ งนอ้ ยทส่ี ดุ
การแกป้ ญั หาเปน็ กระบวนการของความพยายามทบี่ คุ คลรว่ มกนั พจิ ารณาอยา่ งสขุ มุ รอบคอบ
• นักเรียนคดิ วา แนวทางแกไขปญหาการใช เพอ่ื หาวธิ กี ารแกป้ ญั หาอปุ สรรคตา่ งๆ จนทา� ใหก้ ารดา� เนนิ การบรรลเุ ปา้ หมายทต่ี อ้ งการ โดยทวั่ ไป
ความรุนแรงดงั ทก่ี ลาวมาแลว มีวิธอี ื่นใดอกี แลว้ กระบวนการแก้ปญั หาจะมีด้วยกันทง้ั หมด ๖ ขน้ั ตอน ดังต่อไปนี้
ทสี่ ามารถชว ยลดปญ หาความรนุ แรงเหลา นนั้ ได
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ ๑ จําแนกแยกแยะปญหาหรอื เปาหมาย เปนการกาํ หนดปญหาขึน้ มาดว ยการต้งั คําถาม เพื่อคนหา
ไดอ ยา งอสิ ระ โดยอาจตอบวา การจดั กจิ กรรม
ปอ งกันความเส่ยี งตอการใชความรนุ แรง ปญหา จากนั้นจะทําการแบงแยกประเภทเพื่อทราบถึงความจําเปนและความสําคัญของปญหา
เชน การทํากจิ กรรมเพื่อประโยชนของ แตล ะประเภท
สว นรวม การรณรงคต อตา นการใช
ความรนุ แรง เปน ตน) ๒ กการํ หะทนําดไทดาโ งดเยลจอื ะกเขรอ่มิ งจกาากรกแากรป รญ ะดหมาสเปมนอกง1เาพรร่ือะหบาแุแนนววททาางงทตเี่ าปงน ๆไปจไาดกท นใี่ ชั้นใจนะกทาาํ รกแากรป จญ ดั หหามวซดงึ่ สหามมู าเพรถือ่

• เพราะเหตใุ ด การจัดกจิ กรรมเพ่ือปองกัน ใหงา ยตอการเลือกแนวทางแกปญ หาในขน้ั ตอนตอ ๆ ไป
ความเสี่ยงตอการใชความรนุ แรงจึงสามารถ
ชว ยลดพฤติกรรมความรุนแรงได ๓ จัดตั้งวัตถุประสงค เปนการกําหนดวัตถุประสงคของบรรทัดฐานท่ีจะใชในการแกปญหา โดยมี
(แนวตอบ เพราะจะชวยสง เสริมใหบ ุคคลตา งๆ
ไดต ระหนกั ถึงการแกป ญ หาที่ถกู วิธี โดย ลักษณะของบรรทัดฐานสองลักษณะคือ บรรทัดฐานสําคัญในการแกปญหา และบรรทัดฐานท่ี
หลีกเล่ยี งการใชความรุนแรง ใชเ วลาวาง ตองการ
ใหเ กิดประโยชน และรจู ักการปรับตัวใหเ ขา
กับผอู นื่ ) ๔ ตัดสินใจเลือกแนวทางการแกปญหาที่เหมาะสมกับบรรทัดฐานมากที่สุด เปนการตัดสินใจเลือก

สาํ รวจคน หา Explore แนวทางที่เหมาะสมท่ีสุดในการแกปญหา โดยมีความสอดคลองกับบรรทัดฐานที่มี ซึ่งการเลือก
แนวทางในแกปญหาน้ันบางครั้งแนวทางที่ดีอาจจะไมไดรับเลือก เพราะไมสอดคลองกับ
ใหนักเรยี นศกึ ษาเร่ือง การจัดกิจกรรมปองกัน วตั ถุประสงค
ความเสี่ยงตอ การใชค วามรุนแรง จากหนงั สือเรียน
และแหลงเรยี นรอู ืน่ ๆ เพมิ่ เตมิ ๕ ดาํ เนนิ การแกป ญ หา จะดาํ เนนิ การหลงั จากเลอื กแนวทางในการแกป ญ หาแลว โดยการดาํ เนนิ การ

แกป ญ หาน้นั จะตอ งมกี ารควบคมุ ใหก ารดาํ เนินการเปนไปตามแนวทางท่ีไดเ ลอื กข้ึนมา

๖ ประเมินผลการแกปญหา เปนการติดตามการดําเนินการท่ีเลือกข้ึนดวยการประเมินผล โดยการ

ประเมนิ ผลนนั้ จะชว ยใหท ราบถงึ สมั ฤทธผ์ิ ลทเ่ี กดิ ขนึ้ จากการดาํ เนนิ การ นอกจากนยี้ งั ใชเ ปน ขอ มลู
ในการกําหนดแนวทางแกปญหาในครง้ั ตอ ไป

๔. การจดั กจิ กรรมปอ งกนั ความเสยี่ งตอ การใชค วามรนุ แรง

ความรนุ แรงท่เี กดิ ขึ้นในครอบครวั โรงเรียน และสงั คม เป็นปัญหาทส่ี ามารถเกิดขึ้นไดก้ ับเรา
ทกุ คน โดยอาจจะกอ่ ใหเ้ กดิ การใชก้ �าลังทา� รา้ ยกนั ซ่งึ จะนา� ไปสกู่ ารบาดเจบ็ และความสญู เสยี ทาง
สขุ ภาพหรอื ถงึ แกช่ วี ติ ได ้ ดงั นน้ั เราจงึ ควรรจู้ กั การปอ้ งกนั ความเสยี่ งตอ่ การใชค้ วามรนุ แรงดว้ ยการ
ทา� กจิ กรรมตา่ งๆ ดงั นี้

1๓๖

นกั เรยี นควรรู กจิ กรรมสรา งเสรมิ

1 การระดมสมอง (Brainstorming) เปน เทคนคิ ทสี่ นบั สนนุ ใหแ สดงความคดิ เหน็ ใหน ักเรยี นยกตวั อยา งการจัดกจิ กรรมปอ งกนั ความเสี่ยงตอ
เกย่ี วกบั ปญ หา โดยไมม กี ารประเมินวาความคิดเหน็ ของใครดีหรือไมด ี ความคิด การใชความรุนแรงมาอยางนอย 10 กิจกรรม โดยเขียนสรุปลงใน
เหน็ ของทกุ คนจะถูกรวบรวมและนําเสนอใหส มาชิกทุกคนไดร ับทราบ พรอ มท้ัง กระดาษรายงาน
สนบั สนุนใหสมาชกิ เสนอความคดิ เห็นตอเติมหรอื เสรมิ ของกนั และกันได การระดม
สมองถอื วาเปน วิธแี รกที่เปน เครอื่ งมือท่ชี วยลดการขดั ขวาง และสนับสนุนการแสดง กิจกรรมทาทาย
ความคิดเหน็ ของสมาชกิ คนใดคนหน่ึง โดยจะมีวธิ สี นบั สนุนใหสมาชิกทกุ คนไดม ี
โอกาสตอบ หรือแสดงความคดิ เห็นอยา งส้นั ๆ นอกจากน้ีการระดมสมองยังเปน ใหน ักเรียนจดั กจิ กรรมปองกนั ความเสีย่ งตอการใชความรนุ แรง
สว นหนึ่งในสรา งความสําเรจ็ ได อยา งไรกต็ ามการขดั ขวางการแสดงความคดิ เห็น มา 1 กิจกรรม โดยใหเขยี นโครงรา งของกจิ กรรมมาพอสังเขป
ของการระดมสมองจะเกิดขน้ึ ได ถา หากการเสนอหรือริเร่ิมความคิดเหน็ เปนการ ประกอบดวย รปู แบบกจิ กรรม การดาํ เนนิ งาน และประโยชนท่ี
เผชญิ หนาระหวางกนั และกันดว ยอารมณ คาดวาจะไดรับ

136 คูมอื ครู

กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain

อธบิ ายความรู

4.1 การจดั กิจกรรมป้องกนั ความเส่ยี งตอ่ การใชค้ วามรุนแรงใน ใหนักเรยี นรวมกันสรุปสาระสาํ คญั เรอ่ื ง การ
ครอบครวั จัดกิจกรรมปอ งกันความเส่ยี งตอ การใชความ
รนุ แรง เพอ่ื ตรวจสอบความรคู วามเขา ใจของ
การทจี่ ะทา� ใหค้ รอบครวั มคี วามสขุ มคี วามรกั ความเขา้ ใจกนั และปราศจากการใชค้ วาม นกั เรยี น โดยครชู ว ยเสนอแนะเพม่ิ เตมิ เพือ่ ใหไ ด
รุนแรง ครอบครัวจะตอ้ งมีการท�ากิจกรรมร่วมกนั เพอ่ื สรา้ งสมั พันธภาพทด่ี ตี อ่ กันระหวา่ งสมาชิก ขอ สรุปที่ถกู ตอ งรวมกัน จากน้นั ใหน ักเรยี นทาํ
ในครอบครวั โดยกิจกรรม มีดังนี้ ใบงานจากแผนการสอน ใบงานที่ 7.2
๑. รบั ประทานอาหารรว่ มกนั อาจใช้เวลาชว่ งมอื้ เย็นในวนั หยุด เนือ่ งจากสมาชกิ อยู่
พรอ้ มหน้ากัน ✓ ใบงาน แบบวัดฯ แบบฝก ฯ
๒. หาเวลาพักผอ่ น หรอื ไปเทีย่ วรว่ มกนั อย่างนอ้ ยสปั ดาห์ละ ๑ ครัง้ สขุ ศึกษา ม.4 ใบงานท่ี 7.2
๓. ทา� กจิ กรรมต่างๆ รว่ มกนั เช่น ดโู ทรทัศน์ ออกกา� ลงั กาย ปลูกต้นไม ้ เป็นตน้ หนว ยท่ี 7 ความรนุ แรงในสงั คม

4.2 การจัดกิจกรรมปอ้ งกนั ความเสยี่ งตอ่ การใชค้ วามรุนแรงใน  ก 2กก 7ก ก  
โรงเรียน

โรงเรียนเป็นสถานท่ีรองรับปัญหาต่างๆ ซึ่งในการสร้างพ้ืนที่แห่งนี้ให้เป็นพ้ืนท่ีของ
ความสุข จงึ นา่ จะเปน็ เป้าหมายรว่ มกันของคนในสงั คม ดงั นั้นผทู้ ี่เกี่ยวขอ้ งในโรงเรียนสามารถจัด 
กิจกรรมป้องกนั ความเสี่ยงต่อการใชค้ วามรุนแรงใหก้ ับนักเรยี น ดังน้ี
๑. โรงเรยี นควรจดั ระบบดแู ลชว่ ยเหลอื นกั เรยี นใหเ้ ขม้ แขง็ โดยเพม่ิ การมสี ว่ นรว่ มของ . กก ก  ก
ชุมชน และผู้ปกครอง
๒. จัดกิจกรรมในชั้นเรียน โดยครูอาจยกกรณีตัวอย่างการใช้ความรุนแรงที่เป็น 
เหตกุ ารณส์ มมต ิ หรอื เปน็ เรอ่ื งทเี่ กดิ ขนึ้ จรงิ นา� มาเลา่ ใหน้ กั เรยี นฟงั แลว้ ใหน้ กั เรยี นอภปิ รายรว่ มกนั    ก  ก ก 
ตลอดจนการนา� เรอื่ งราวดงั กลา่ วมาสรา้ งเปน็ ละคร โดยอาจใหน้ กั เรยี นแสดงบทบาทสมมตพิ รอ้ มทง้ั
เสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาการใช้ความรนุ แรง  1.   กก   ก

4.๓ การจัดกิจกรรมป้องกนั ความเสยี่ งต่อการใช้ความรนุ แรงใน           ก    ก  
สังคม
  ก   ก   ก   
  



 2. กก  ก  กก  ก
กก 

       ก    กก ก  

   ก   ก    ก  
  



 3. กก   ก  
 

   ก     ก  ก   ก ก  

  ก    
  



 4. กกก ก ก ก  
     ก  กกก ก ก  

  กก  

  


 5. ก    ก ก   

     ก ก  ก    กก ก 
   ก ก  กก ก     

  


สังคมไทยในปัจจุบันนับวันจะยิ่งเกิดปัญหาการใช้ความรุนแรงมากขึ้น ดังนั้นเพ่ือให้ 253

 ก.4

สังคมของเราสงบสุข มีความเอ้ืออาทร เห็นอกเห็นใจกัน จะต้องมีการจัดกิจกรรมป้องกันความ
เสยี่ งตอ่ การใชค้ วามรุนแรง ดังน้ี
๑. มกี ารรวมกลมุ่ กนั ระหวา่ งคนในชมุ ชน หากพบเหน็ ผทู้ อี่ าจมกี ารใชค้ วามรนุ แรง ให้
แจ้งเหตุแกเ่ จ้าหนา้ ที่ตา� รวจ หรอื ผูท้ ่ีเก่ียวข้องให้รบั ทราบ เพ่อื ด�าเนินการแกไ้ ขต่อไป
๒. จัดกิจกรรมเพ่ือสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคลในชุมชน เช่น การแข่งขัน
กีฬา การท�าประโยชน์เพ่ือส่วนรวม การร่วมกันผลิตสินค้าท่ีเป็นผลิตภัณฑ์ท้องถ่ินของตน เพื่อ
เปน็ การสร้างรายไดใ้ ห้กบั ชุมชน เป็นตน้
1๓7

ขอสอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู

เพราะเหตุใดการปอ งกันปญ หาการใชค วามรุนแรงจึงควรปลูกฝงตง้ั แต ครคู วรปลกู ฝง คา นยิ มท่ีจะนาํ ไปสูก ารปอ งกันปญ หาความรุนแรงในครอบครวั
วัยเด็ก และสงั คมใหกับนักเรยี น เพราะเปน สงิ่ สําคัญที่นกั เรียนควรจะตองเรียนรูและเขาใจ
แนวตอบ เพราะเปน วยั แหง การเรมิ่ ตน วยั แหง การเรยี นรู วยั แหง การพฒั นา เชน ผูชายและผูห ญงิ มสี ทิ ธเิ ทา เทียมกนั ภรรยาควรไดรบั เกียรติและการยกยองใน
บคุ ลิกลักษณะ และอารมณข องตนเอง ดังนน้ั พอ แมผูปกครองจงึ ควรเปน ฐานะภรรยาของสามี การสรางสัมพันธภาพทด่ี รี ะหวา งพอแมและลูก เปนตน
แบบอยา งทด่ี ีใหก ับลกู ไมใ ชความรุนแรงในการจัดการกับปญ หา แตค วรใช
การพดู คยุ ทงั้ นีเ้ พื่อเดก็ จะไดเหน็ แนวทางแกปญ หาทถ่ี ูกตองโดยไมใชค วาม มมุ IT
รนุ แรง
ศกึ ษาเพมิ่ เตมิ เกยี่ วกบั การปองกันปญหาการใชความรนุ แรง จากบทความ
“รไู วใชวา : วิธีปองกนั ตัวเองเม่ือเจอความรุนแรง” ไดจ าก www.thaihealth.or.th/
node/14452

คูมือครู 137

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขาาใจใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Evaluate
Engage Expand Expand

ขยายความเขา ใจ

ใหน กั เรยี นศึกษาเพิ่มเติมเร่ือง การแกไ ข เสริมสาระ
ปญ หาความรนุ แรงในครอบครวั จากเสริมสาระ
จากน้ันใหนกั เรียนรว มกนั สรปุ สาระสําคญั โดย การแกไ ขปญ หา ความรนุ แรงในครอบครัว
ครรู วมเสนอแนะ และต้งั คําถามเพ่อื ขยายความ
เขา ใจของนักเรยี น พระเจา หลานเธอ พระองคเ จา พชั รกติ ยิ าภาประทานแนวทางในการ
แกไ ขความรนุ แรงในครอบครวั ๔ ประการ คือ
• แนวทางในการแกไขปญหาความรุนแรงใน
ครอบครวั ของพระเจาหลานเธอ พระองค ๑. มาตรการตามนโยบาย โดยมหี นว ยงานหลกั ทก่ี าํ หนดผลักดัน
เจา พชั รกติ ยิ าภา ไดก าํ หนดมาตรการใดบา ง รวมมอื รว มใจระหวา ง กลไกไปสูก ารปฏบิ ัติ กาํ หนดแผนงาน
เพื่อเปนแนวทางในการแกไ ขปญหา หนวยงานหลายหนวยงาน และการปอ งกนั ไปสูก ารแกไ ขหรอื คล่ีคลาย
(แนวตอบ ไดแ ก มาตรการตามนโยบาย รว มมอื ปญหาหรอื แมแตแทรกแซงเพือ่ ชว ยเหลอื
รว มใจระหวางหนว ยงานหลายหนว ยงาน คุม ครองฟนฟใู หบุคคลกลับเขา สูสังคมโดยปกติ
มาตรการทางกฎหมาย มาตรการทางการ รวมทงั้ มแี ผนและกลไกควบคมุ ดแู ลและปฏบิ ัติดวย
แพทย และมาตรการทางสังคม)
๒. มาตรการทางกฎหมาย เตรียมความพรอมที่จะนาํ กฎหมายไปสกู ารปฏิบัติ เพ่ือให

ขสอองดผคูกลรอะงทกําับคสวถาามนผกิดารรณวปมจทจ้ังุบคันุมคมรอีกงาสริทพธัฒิมนนาุษเพยชื่อนป1ตรับอเเดป็กลแ่ียลนะพหฤญติงิกทรรี่จมะ

ตกเปนเหย่ือความรุนแรง

๓. มาตรการทางการแพทย สาธารณสุขและสังคมสงเคราะหตองดําเนินการควบคูกันกับมาตรการอ่ืน

เพอ่ื ตรวจรกั ษาและบาํ บดั ฟน ฟรู า งกายและจติ ใจตอ 2ผกู ระทาํ และผถู กู กระทาํ

ในครอบครัว รวมท้ังใหคําแนะนาํ ปรึกษาจิตแพทย นักจติ วทิ ยา นักสงั คม
สงเคราะห ทง้ั ชวยเหลอื เหย่อื และการบริการตา งๆ

๔. มาตรการทางสงั คม หนว ยงานและองคก รทเ่ี กยี่ วขอ งจะตอ งมคี วามรว มมอื อยา งจรงิ จงั และสรา ง
การมสี ว นรว มความเขม แขง็ แกเ ครอื ขา ยองคก ร ทงั้ ในชมุ ชน ระดบั สถานศกึ ษา
ระดับประเทศ ในการดูแลเฝาระวังชวยเหลือคุมครอง ฟนฟูสถานภาพ
รา งกายของเดก็ และสตรที ตี่ กเปน เหยอื่ ของความรนุ แรง โดยการประสานงาน
การรณรงค สรา งความตระหนกั ตอผลกระทบที่เกดิ ข้ึน

ที่มาขอมลู : ดดั แปลงจาก www.thaihealth.or.th/node/4810

สรุป

ความรนุ แรงในสงั คมทเี่ กดิ ขนึ้ ทง้ั ในครอบครวั โรงเรยี น และสงั คมอนื่ ๆ เปน ปญ หาทสี่ ามารถ
เกดิ ขนึ้ ไดก บั เราทกุ คน ซง่ึ มผี ลกระทบตอ ชวี ติ ความเปน อยู ทง้ั สขุ ภาพกายและสขุ ภาพจติ การทจ่ี ะ
ปองกันและแกปญหาดังกลาว จําเปนอยางย่ิงที่ตองรวมมือกัน ไมวาจะเปนบุคคลในครอบครัว
บุคคลในโรงเรียน และบคุ คลในสังคมทกุ ระดบั ทง้ั น้ีนกั เรียนควรเรมิ่ จากตวั เราเองกอ น ในการลด
ความเสยี่ งของการเกดิ พฤตกิ รรมรนุ แรง รวมทงั้ รเู ทา ทนั สถานการณเ สย่ี งทจี่ ะนาํ ไปสคู วามรนุ แรง
ในรูปแบบตา งๆ ดวยการใชทักษะชีวิตในการตัดสนิ ใจ การแกป ญหา และการเลอื กปฏิบตั ิกจิ กรรม
ตางๆ เพ่อื จะไดส ามารถดาํ รงตนไดอ ยา งมคี วามสุขและปลอดภัย
1๓๘

นกั เรยี นควรรู ขอสอบ O-NET
ขอ สอบป ’50 ออกเกยี่ วกับแนวทางการแกไขปญ หาความรนุ แรงใน
1 สิทธิมนุษยชน สิทธทิ ตี่ ิดตวั มนษุ ยม าตัง้ แตก าํ เนิด ซงึ่ ไมสามารถใหก ับผหู นึง่ ครอบครวั
ผูใ ดได สิทธิดงั กลา วนม้ี คี วามเปน สากลและเปน นิรนั ดร การสอนเด็กใหเ ปนผูใ หญทไี่ มนิยมใชความรนุ แรงในการ
2 จิตแพทย เปนแพทยผ เู ชีย่ วชาญในดานจิตเวชศาสตรและไดรับการรบั รอง แกป ญ หาสามารถทําไดอยา งไร
ใหท ําการรกั ษาความผดิ ปกติทางจิต โดยจิตแพทยทกุ คนจะถูกฝกใหวินิจฉัยโรค 1. พอ แมตอ งพดู สอนใหลูกรูจักการแกปญ หาดว ยการมีสติ
และจิตบาํ บดั ของผูป ว ย และสามารถจา ยยาเพือ่ รกั ษาอาการทางจติ ของผปู ว ยได 2. พอแมและลูกตอ งไมเคยเกิดปญหาความขดั แยงระหวางกัน
3. ครอบครวั ตอ งไมใ ชค าํ พดู รนุ แรงหรอื ใชก าํ ลงั ในการแกป ญ หา
138 คูมือครู 4. พอแมต องยกตวั อยา งการแกปญ หาความขัดแยง ท่ถี ูกตอ ง
ใหเ ด็กเขาใจ
วเิ คราะหค าํ ตอบ การท่ีจะสอนใหเด็กไมใ ชความรนุ แรงในการ
แกไ ขปญหานนั้ พอแมห รอื บุคคลในครอบครวั จะตอ งไมเ ลยี้ งดลู กู
แบบเขม งวดหรือควบคุมลกู มากเกนิ ไป และไมใ ชค าํ พดู ท่รี นุ แรง
หรือใชก ําลงั ในการแกป ญ หา เพราะจะสง ผลใหล กู มีความเกบ็ กด
และระบายอารมณอ อกมาในลักษณะของการแสดงพฤติกรรม
ความรนุ แรง ตอบขอ 3.

กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Engage Explore Explain
Expand Evaluate

ตรวจสอบผล Evaluate

¤Òí ¶ÒÁ»ÃШÓ˹‹Ç¡ÒÃàÃÂÕ ¹ÃÙŒ 1. การทาํ โครงงานเรื่อง การลดปญ หาการใช
ความรนุ แรงในสงั คม
๑ จงวเิ คราะห์วา่ ปญั หาความรนุ แรงในครอบครวั ปัญหาใดท่ีมีผลกระทบตอ่ ครอบครัวมากทีส่ ุด อธิบาย
มาพอสังเขป 2. การทําปายรณรงคป องกนั ความเสีย่ งตอการใช
ความรุนแรง
๒ หากนักเรียนพบเห็นเพ่ือนของนักเรียนก�าลังทะเลาะกัน นักเรียนจะแก้ปัญหาดังกล่าวได้อย่างไรบ้าง
เพอื่ ไม่ใหน้ า� ไปสกู่ ารใชค้ วามรนุ แรง หลักฐานแสดงผลการเรยี นรู

๓ ยกตวั อยา่ งความรนุ แรงในสังคมท่ีนกั เรยี นพบเห็นไดบ้ อ่ ยมา ๑ ตัวอย่าง จากนั้นวเิ คราะห์วา่ ปญั หา 1. โครงงานเรื่อง การลดปญ หาการใชความรุนแรง
ดังกล่าวเกดิ มาจากสาเหตใุ ด ในสังคม

๔ กิจกรรมป้องกันความเส่ียงต่อการใช้ความรุนแรงมีความส�าคัญอย่างไร และให้ยกตัวอย่างกิจกรรม 2. ปา ยรณรงคปองกนั ความเสย่ี งตอการใช
ดังกล่าวมาอยา่ งน้อย ๒ ตวั อยา่ ง พรอ้ มทั้งวิเคราะหว์ า่ กิจกรรมน้นั ก่อใหเ้ กดิ ผลดีอยา่ งไร ความรนุ แรง

๕ ยกตัวอย่างพฤตกิ รรมเส่ียงและสถานการณเ์ สี่ยงตอ่ ความรนุ แรงมา ๑ ตัวอย่าง แลว้ ชว่ ยกันวิเคราะห์
ผลกระทบท่กี ่อให้เกดิ ความรุนแรง

กจิ ก๑รรมที่ ¡Ô¨¡ÃÃÁ

ÊÃÒŒ §ÊÃ䏾²Ñ ¹Ò¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ

กรณีศกึ ษา : นกั เรยี นอา่ นบทความเรือ่ ง “ความรนุ แรงในครอบครัว : เรอ่ื ง
สว่ นตวั หรอื ปญั หาสงั คม” จากนน้ั แบง่ กลมุ่ กลมุ่ ละ ๔-๖ คน เพอ่ื อภปิ รายแสดง
ความคดิ เหน็ ในประเดน็ “ความรนุ แรงในครอบครวั ปญั หาของใคร” แลว้ นา� เสนอ
ผลการอภปิ รายของกลมุ่ หนา้ ชนั้ เรียน
กรณีศกึ ษา
ความรนุ แรงในครอบครัว : เรอื่ งสวนตวั หรอื ปญ หาสงั คม
สถานการณของความรุนแรง
การท�าร้ายร่างกายมีเป็นประจ�า อายุของผู้เคราะห์ร้ายอยู่ระหว่าง
๔-๑๕ ป ผู้หญงิ ที่เคยแตง่ งานและมฐี านะเปน็ ภรรยาถูกท�าร้ายขณะตั้งครรภ์
มีอย่จู �านวนหนง่ึ
การท�าร้ายน้ันมีความรุนแรงมาก นอกจากนี้ที่น่ากลัวก็คือร้อยละ ๒๐
ของผู้ถูกท�าร้ายน้ันก�าลังต้ังครรภ์อยู่ด้วย จากการได้ใกล้ชิดกับผู้หญิงท่ีถูก
ท�าร้ายโดยสามีและที่ไม่ใช่สามี พบว่าส่วนใหญ่ระบุตรงกันว่า กระบวนการ
ยตุ ิธรรมไมไ่ ดช้ ่วยเหลือให้พวกเธอได้รับความยตุ ธิ รรมมากข้ึน แตก่ ลบั ทา� ให้
มืดมนและเจบ็ ปวดยงิ่ กวา่ เดิม (หนงั สอื พิมพผ์ ูจ้ ัดการ, ๑๓ มิถุนายน ๒๕๔๕)
เม่ือครอบครัวเปน็ แปลงเพาะเมล็ดของความรุนแรง

1๓๙

แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู
1. ปญ หาการทํารา ยรา งกายบุคคลในครอบครวั เนื่องจากเปนการทํารายโดยการใชก ําลงั เชน ตบ ตี เตะ ตอ ย เปนตน รวมถงึ การใชอ าวธุ หรือส่งิ ใดสง่ิ หนงึ่ จนไดร บั

บาดเจบ็ หรอื เสยี ชีวิต ซ่งึ การกระทาํ ดงั กลาวเปน การแกไ ขปญ หาดวยการใชกาํ ลัง จึงทาํ ใหปญ หาครอบครัวไมส้นิ สดุ หรือย่งิ ทวีความรุนแรงมากยง่ิ ข้ึน
2. ควรรบี บอกครูหรืออาจารยใหทา นทราบ เพราะทานจะมีวธิ ใี นการแกไ ขปญ หาทีถ่ กู ตอ ง ทัง้ น้เี พ่อื ใหป ญ หาเหลา นัน้ สามารถคลีค่ ลายลงไปไดโ ดยไมก อใหเกิดความ

รนุ แรงมากย่ิงขน้ึ
3. ปญหาการกออาชญากรรมตางๆ เชน การปลน -จี้ ชิงทรัพย การฆาตกรรม เปนตน ซึ่งอาจมสี าเหตุมาจากการมีพฤตกิ รรมเส่ียงในเรื่องของการเสพสารเสพติด

การเลน การพนนั เนื่องจากสง่ิ เหลา น้อี าจกอ ใหเ กดิ การใชค วามรนุ แรงได และยงั สงผลกระทบตอผอู ่นื ในสังคมและประเทศชาติ
4. เปน กิจกรรมทีช่ วยขจดั ปญ หาการใชความรนุ แรง และเพื่อสรา งสัมพนั ธภาพท่ีดีตอกนั เชน กจิ กรรมการรบั ประทานอาหารมือ้ เยน็ รว มกนั กบั สมาชิกในครอบครวั

ซงึ่ จะกอ ใหเกดิ ผลดี คอื จะทําใหครอบครวั มคี วามสุข มคี วามรกั ความเขา ใจกัน สามารถสรา งสัมพันธภาพท่ดี ตี อกันระหวางสมาชิกในครอบครวั ได กจิ กรรมการ
แขงขันกฬี าภายในชมุ ชน กอใหเกิดผลดี คอื สามารถชวยสรางความสัมพันธอันดรี ะหวางบคุ คลในชุมชนใหมีความรกั ความสามัคคตี อกัน เปนตน
5. เชน การทะเลาะวิวาท กอ ใหเ กดิ ผลกระทบ ดงั น้ี สงผลใหบ คุ คลรอบขางพลอยไดรับผลกระทบไปดวย อาจถกู ลงโทษ หรือดาํ เนินคดีตามกฎหมายตง้ั แตอ ายุยงั นอย
และสง ผลใหเปนคนหวาดระแวง เพราะคิดวาผูอ ืน่ เปน ศัตรกู บั ตนอยตู ลอดเวลา

คมู ือครู 139

กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate

กจิ ก๒รรมท่ี ตามความเขา้ ใจเดมิ เราอาจคดิ วา่ ความรนุ แรงในครอบครวั นนั้ จะเกดิ กบั
กจิ ก๓รรมที่ บคุ คลทก่ี ารศกึ ษานอ้ ย อยใู่ นสภาพแวดลอ้ มทแี่ ออดั แตแ่ ทจ้ รงิ แลว้ เหตกุ ารณ์
เช่นน้ี อาจเกิดข้ึนกับใครก็ได้ อาจเกิดข้ึนกับบุคคลที่มีการศึกษาสูง มีทั้งที่
ส�าเรจ็ การศึกษาจากต่างประเทศ สิ่งทีพ่ บคล้ายๆ กนั คือ ผทู้ ่ใี ช้ความรนุ แรง
มพี ้ืนฐานครอบครวั ท่ใี ชค้ วามรุนแรง และมีพฤติกรรมติดการพนนั ดื่มเหล้า
และเที่ยวกลางคนื ควบคู่ไปดว้ ย
“สามมี กั ทา� รา้ ยลกู เมอื่ ลกู โตขน้ึ มพี ฤตกิ รรมดม่ื สรุ าเหมอื นพอ่ และเมอ่ื
เมาสรุ า สามีมักจะหาเร่ืองกับลูก บางคร้งั ถึงขั้นใชม้ ีดไล่ฟัน”
เหตุการณ์เหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาของสังคมท่ีมีความเชื่อมโยง
และสง่ ผลซงึ่ กนั และกนั ระหวา่ งปญั หาสงั คมตา่ งๆ ตง้ั แตเ่ รอ่ื งของสารเสพตดิ
การขายบริการทางเพศ รวมถึงวิธีคิดแบบชายเป็นใหญ่ท่ีกดให้ผู้หญิงต้อง
เผชญิ ความรนุ แรง ซงึ่ ปญั หาสงั คมเหลา่ น ้ี ไดส้ ง่ ผลมาสคู่ รอบครวั ชกั นา� ความ
รุนแรงเขา้ บ้านและมีแนวโน้มว่าจะทวคี วามรนุ แรงมากย่งิ ขนึ้
ที่มาข้อมลู : http://www.thaitopic.com/swebboard/๐๐๐๕๖.html
นักเรยี นแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ ๔ - ๕ คน ท�าโครงงานเกีย่ วกับการลดปญั หาการ
ใช้ความรุนแรงในชุมชน พร้อมแลกเปลี่ยนความรู้ท่ีได้จากการท�าโครงงาน
กบั เพื่อนตา่ งกลุม่
นกั เรียนแบง่ กลมุ่ คน้ คว้าหาขอ้ มลู ถงึ พฤติกรรมเสีย่ งและสถานการณเ์ สี่ยงตอ่
ความรุนแรงภายในชุมชน จากน้ันให้นักเรียนสรุปสาระส�าคัญแล้ววิเคราะห์
ท�าเปน็ รปู เล่มรายงานส่งครูผู้สอน

140

เกรด็ แนะครู

ครูควรใหน กั เรยี นแบงกลุม กลมุ ละ 4-5 คน รว มกนั จัดทาํ โครงงานเกยี่ วกบั
การลดปญหาการใชค วามรนุ แรงในชุมชนของนกั เรยี น โดยยกตัวอยา งวิธีการแกไข
ปญ หาการใชค วามรุนแรง แลว ใหน กั เรยี นแตละกลุม รว มกันแลกเปล่ียนความรทู ่ไี ด
จากการทําโครงงานรวมกัน ซ่งึ จะตอ งทาํ แบบประเมินแจกใหกบั เพ่อื นกลุมอน่ื ๆ
และครูผสู อน โดยประเมินจากความถกู ตองของเน้ือหา ความนา สนใจ ความพรอม
ของกลมุ และรูปแบบการนาํ เสนอ

140 คูมอื ครู

กกรระตะตนุ้ Eุ้นnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สา� รวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain
Engage Expand Evaluate

เปา หมายการเรียนรู

แสดงวธิ ีการชวยฟน คนื ชีพอยางถูกวิธี

สมรรถนะของผเู รยี น

ความสามารถในการใชทักษะชีวติ

คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค

1. ใฝเ รยี นรู
2. มุงม่นั ในการทาํ งาน
3. มีจติ สาธารณะ

กระตนุ้ ความสนใจ Engage

øหนว ยการเรยี นรู อุบัติเหตุเปนสิ่งที่เกิดข้ึนไดทุกเวลา หากผูปวยไดรับการชวยเหลือลาชา ใหนกั เรยี นดภู าพหนาหนวย แลวต้ังคาํ ถาม
ไมทันการณ อาจทําใหเกิดอันตรายรายแรงหรือถึงแกชีวิตได โดยเฉพาะ กระตุน ความสนใจของนักเรยี น โดยใหน กั เรียน
กับผูปวยที่หัวใจหยุดเตน การศึกษา เรียนรู และฝกทักษะปฏิบัติในการชวย สามารถแสดงความคดิ เห็นไดอยางอสิ ระ
ฟนคืนชีพ จึงเปนสิ่งจําเปนท่ีนักเรียนควรศึกษาใหเกิดความเขาใจอยาง
ถกู วิธี และหดั ฝกปฏบิ ัตใิ หคลอ ง เพื่อจะไดน าํ ความรดู ังกลาวไปชว ยเหลอื ผอู นื่ • จากภาพนกั เรยี นคดิ วา กาํ ลงั เกดิ เหตกุ ารณใ ด
ใหปลอดภยั ไดใ นสถานการณต า งๆ • นักเรียนเคยพบเจอสถานการณฉุกเฉนิ ท่อี าจ

การชวยฟน คืนชพี เปน อันตรายถึงแกช วี ติ บางหรือไม
• หากพบเจอผูทีอ่ ยูในสถานการณท เ่ี ปน

อันตรายตอชีวติ นักเรยี นจะสามารถ
ชวยเหลอื ไดหรอื ไม
• นักเรยี นคิดวา ความรูเกย่ี วกบั ทักษะ
การชว ยฟน คืนชพี มีประโยชนอยางไร

ตัวชวี้ ัด สาระการเรยี นรูแกนกลาง
■ แสดงวิธกี ารชวยฟน คนื ชีพอยา งถูกวิธี พ ๕.๑ ม.๔-๖/๗ ■ วิธกี ารชว ยฟน คืนชพี อยา งถูกวิธี

เกร็ดแนะครู

ครูควรใหนักเรยี นไดฝ กปฏิบัตกิ ารชว ยฟน คนื ชพี ในรปู แบบตา งๆ ตลอด
หนวยการเรียนรนู ้ี เนอ่ื งจากการฝก ปฏิบัติการชว ยฟน คืนชีพ เปนสิ่งสําคญั
ทนี่ ักเรยี นควรจะไดเรยี นรูและมที ักษะ เพอ่ื นําไปใชในชีวติ ประจําวันในการ
ปฐมพยาบาลชว ยเหลือผูป วยท่ไี ดร ับบาดเจบ็ ใหม ชี วี ติ รอดปลอดภัยจาก
สถานการณต า งๆ ได

ค่มู ือครู 141


Click to View FlipBook Version