กกรระตะตนุ Eุนnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain
กระตนุ ความสนใจ Engage
ครูต้งั คาํ ถามกระตุน ความสนใจของนักเรียน ๑. ยาและการใชย า
โดยใหน ักเรยี นสามารถแสดงความคดิ เห็นได
อยางอสิ ระ ยาเป็นหนึ่งในปัจจัยส่ีท่ีส�าคัญมาก ซ่ึงคนเราใช้ในการบ�าบัดโรค แต่ยาก็มีทั้งประโยชน์และ
โทษ กลา่ วคอื ถา้ รู้จกั ใช้ยาอยา่ งถูกตอ้ ง ยากจ็ ะ
• นกั เรยี นคิดวา ยาเปนสงิ่ ทีส่ ําคัญตอ การ ชว่ ยใหร้ า่ งกายของผปู้ ว่ ยหายเปน็ ปกตไิ ด ้ แตใ่ น
ดาํ เนนิ ชีวติ ของมนุษยอยา งไร ทางกลบั กนั หากใชย้ าไมถ่ กู ตอ้ ง นอกจากอาการ
(แนวตอบ ยาเปนหนงึ่ ในปจจัยสี่ทีส่ ําคัญมาก เจบ็ ไขไ้ ดป้ ว่ ยจะไมห่ ายแลว้ ยงั กอ่ ใหเ้ กดิ อนั ตราย
ซง่ึ ใชในการบําบดั โรคเม่อื ยามเจบ็ ปวย) ถงึ แก่ชวี ิตด้วย
ดังนั้น เราจึงควรเรียนรู้และศึกษา
• การใชยาอยา งถกู ตอ ง ควรทาํ อยางไรจงึ จะ วิธีการใช้ยาให้ปลอดภัย เพ่ือสุขภาพที่ดีของ
ปลอดภยั ตนเอง และสามารถแนะน�าบคุ คลอน่ื ได้
(แนวตอบ ควรใชย าใหถูกโรค ถูกคน ถูกเวลา
ถกู วธิ ี ถกู ขนาด และถกู ประเภท จงึ จะปลอดภยั ตู้ยาสามัญประจําบ้านควรมีไว้ประจําบ้าน เพ่ือใช้ในยาม ๑.๑ ความหมายและความ
และไมก อ ใหเกดิ อันตรายตอรางกาย) ฉกุ เฉนิ สําคัญของยา
สาํ รวจคน หา Explore ยา หมายถึง สารหรือวัตถุท่ีให้ผลต่อร่างกายและจิตใจ โดยมีจุดมุ่งหมาย เพ่ือ
การวิเคราะห ์ บ�าบดั บรรเทา รกั ษา และปอ งกนั โรคหรือความเจ็บป่วยของมนุษย์และสัตว์
ใหนักเรียนแบงกลมุ กลมุ ละ 3-4 คน ศึกษา
เร่ือง ยาและการใชย า จากหนังสอื เรยี นและ ความหมายของ “ยา” ตามพระราชบญั ญัตยิ า พ.ศ. ๒๕๒๒ คอื
แหลงเรยี นรอู ืน่ ๆ เพ่มิ เตมิ เพือ่ เตรียมนาํ เสนอ ๑. วัตถทุ ่ีรบั รองไวใ้ นตา� รายาใดๆ ทีร่ ัฐมนตรีระบไุ วใ้ นราชกิจจานุเบกษา
๒. วัตถุทีม่ ุง่ หมายส�าหรับใช้ในการวิเคราะห์ วนิ ิจฉยั บา� บดั รกั ษา หรือปอ งกันโรค หรือการเจบ็
อธบิ ายความรู Explain ปว่ ยของมนษุ ยแ์ ละสตั ว์
๓. วัตถุทีเ่ ป็นเภสชั เคมภี ัณฑ์ หรือเภสชั เคมีภณั ฑก์ ง่ึ ส�าเรจ็ รูป
ครสู มุ นกั เรียน 2 กลมุ ออกมานําเสนอเรอ่ื ง ๔. วตั ถทุ ี่มุง่ ส�าหรับให้เกิดผลแกส่ ุขภาพ โครงสรา้ ง หรอื การทา� หน้าที่ใดๆ ของรา่ งกายมนษุ ย์
ยาและการใชยา ในประเดน็ ความหมายและ และสตั ว์ วัตถตุ าม (๑) (๒) หรือ (๔)
ความสาํ คัญของยา โดยครแู ละนักเรียนคนอ่นื ๆ (ก) วตั ถุทีม่ งุ่ หมายสา� หรับใช้ในการเกษตรหรอื การอุตสาหกรรมตามทร่ี ัฐมนตรีประกาศ
รว มกนั เสนอแนะเพม่ิ เติม เพ่ือนาํ ไปสขู อสรปุ (ข) วตั ถุทมี่ ุ่งหมายสา� หรบั ใชเ้ ปน็ อาหารส�าหรับมนษุ ย ์ เครอ่ื งกฬี า เคร่อื งมือ เครือ่ งใช้ใน
ท่ีถกู ตองรว มกัน การสง่ เสรมิ สขุ ภาพ เครอื่ งสา� อาง หรอื เครอ่ื งมอื และสว่ นประกอบของเครอ่ื งมอื ทใ่ี ชใ้ นการประกอบ
โรคศลิ ปะ หรือวชิ าชพี เวชกรรม
(ค) วัตถทุ ่ีมงุ่ หมายส�าหรับใชใ้ นหอ้ งวิทยาศาสตรส์ า� หรับการวิจยั การวิเคราะห์ หรือ การ
ชันสตู รโรค ซ่ึงมไิ ดก้ ระท�าโดยตรงตอ่ รา่ งกายของมนษุ ย์
9๒
เบศรู ณรากษารฐกจิ พอเพียง ขอสอบเนน การคิด
นกั เรยี นคิดวา อาหารเสริมเปน ยาชนดิ หนงึ่ ทใ่ี ชในการบําบดั รกั ษา
ครูอธิบายเพ่ิมเติมวา สมุนไพรบางชนิดสามารถนํามาปลูกไวเปนยาสามัญ โรคไดห รอื ไม เพราะเหตใุ ด
ประจําบานไดเชนกัน เพราะมีสรรพคุณไมนอยไปกวายาแผนปจจุบัน เม่ือเกิดการ แนวตอบ อาหารเสริมไมจ ัดวา เปนยาทีใ่ ชใ นการบําบดั รักษาโรค
เจ็บปวยเล็กๆ นอยๆ ก็สามารถเก็บมาใชบําบัดรักษาโรคใหกับตนเองและสมาชิก แตเปน ผลติ ภณั ฑทีใ่ ชรบั ประทานเพ่ือเสริมจากอาหารหลัก ไมมี
ในครอบครัวไดอยางทันทวงที เชน ขมิ้นชัน มีสรรพคุณแกโรคทองอืด ทองเฟอ สรรพคุณในการรกั ษาอาการเจ็บไขไดป วยหรอื บําบดั โรคใดๆ
ฟาทะลายโจร แกอ าการเจบ็ คอ แกไอ วานหางจระเข รกั ษาแผลไฟไหม นาํ้ รอนลวก ทั้งสนิ้ แตมจี ุดมงุ หมายเพอ่ื ปองกันการเกิดโรคในคนที่มสี ุขภาพ
เปนตน ปกติเทา นั้น
ใหน กั เรยี นสบื คน สมนุ ไพรทม่ี สี รรพคณุ ในการบาํ บดั รกั ษาโรคหรอื อาการเจบ็ ปว ย
เลก็ นอย มาอยางนอ ย 5 ชนิด แลว สรุปสาระสาํ คัญ ไดแ ก สรรพคณุ และวิธกี ารรักษา
พรอมรูปภาพ จดั ทําเปนรายงานรูปเลม สงครูผสู อน
92 คูมือครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
๑.๒ ประเภทของยา ครสู มุ นักเรียน 2 กลุม โดยไมซ า้ํ กับกลมุ เดมิ
ออกมานาํ เสนอเร่ือง ยาและการใชย า ในประเดน็
สามารถแบ่งออกเป็นประเภทได ้ ดังนี้ ประเภทของยา โดยครูและนกั เรยี นคนอน่ื ๆ
รว มกนั เสนอแนะเพิม่ เตมิ และตัง้ คาํ ถามเพ่อื ใหได
ประเภทของยา ขอ สรุปท่ีถูกตองรว มกนั
ยาประเภท ๑. ยาสามญั ประจ�าบา้ น หมายความวา่ ยาแผนปัจจุบนั หรอื ยาแผนโบราณท่ี • ยาสามารถแบง ออกเปน กปี่ ระเภท อะไรบา ง
ที่แบ่งตามลักษณะ รฐั มนตรีประกาศเป็นยาสามัญประจา� บ้านซ่ึงอาจเรียกชอื่ ได้อกี อยา่ งหนงึ่ (แนวตอบ 3 ประเภท ไดแ ก ยาประเภททแี่ บง
การควบคมุ การขาย วา่ “ยาตา� ราหลวง” ยาจ�าพวกนถ้ี ือว่าควรมีไวป้ ระจา� บา้ น โดยเป็นยาท่มี ี ตามลกั ษณะการควบคมุ การขาย ยาประเภท
ยาประเภท ความปลอดภัยสงู และเปน็ ยาท่เี ราจะมโี อกาสใช้บอ่ ย ที่แบง ตามลักษณะกําเนิดของยา และยา
ทแี่ บง่ ตามลักษณะ ประเภททแ่ี บงตามลกั ษณะการใช)
กา� เนิดของยา ๒. ยาอันตราย หมายความวา่ ยาแผนปจั จบุ นั หรือยาแผนโบราณท่ีรฐั มนตรี
ประกาศเป็นยาอันตราย ยาประเภทนี้หากน�ามาใช้ไม่ถูกต้อง เช่น ใช้ • ยาแผนปจ จุบันแตกตา งจากยาแผนโบราณ
เกนิ ขนาดท่กี �าหนดไวห้ รอื ใช้ไม่ถกู วธิ ี ก็จะเกดิ อันตรายต่อผู้ใช้ได ้ เปน็ ตน้ อยางไร
(แนวตอบ ยาแผนปจ จุบนั จะมกี ารสงั เคราะห
๓. ยาควบคุมพิเศษ หมายความว่า ยาแผนปัจจุบันหรือยาแผนโบราณ สารเคมรี วมกับสารทสี่ กดั จากธรรมชาติ
ทร่ี ฐั มนตรปี ระกาศเปน็ ยาควบคมุ พเิ ศษการจา� หนา่ ยยาประเภทนจ้ี ะตอ้ งมี หรอื ท่ีเรยี กกันวา ยาปฏชิ ีวนะ แตสาํ หรบั
ยาแผนโบราณจะใชส ารสกัดจากธรรมชาติ
ใทบีร่ สูจ้ ง่ักั แกพนั ทแยพเ์ ทรห่า่ นลนั้าย เ พเชรน่าะ ยยาาปนรอะนเภหทลนับ1อ้ี ยาาจรทะา�งใับหปเ้ สรพะสตาดิ ทไ ดยย้ าาทคีม่ วีฤบทคมุธ์ติพอ่ เิ ศจษิต โดยตรง เชน สมุนไพรตา งๆ เปน ตน ซ่ึง
อาจมกี ารจดบันทกึ ไวใ นสมยั อดีตทส่ี ืบทอด
และประสาท เป็นต้น ตอ กันมา)
๔. ยาอน่ื ๆ หมายความวา่ ยาทไี่ มจ่ ดั อยใู่ น ๓ ประเภททกี่ ลา่ วมา ยาประเภท
๑. ยนาีส้ แาผมนารปถัจขจาุบยันไ2ด้ใหนรม้าานยขคาวยายมาวแ่าผ นยปาจั ทจุบี่มนัุ่งทหัว่มไาปยเพ่ือใช้ส�าหรับในการ
ประกอบวิชาชีพเวชกรรม การประกอบโรคศิลปะแผนปัจจุบัน หรือการ
บา� บดั โรคสตั ว์
๒. ยาแผนโบราณ หมายความวา่ ยาทมี่ งุ่ หมายสา� หรบั ใชใ้ นการประกอบโรค
ศิลปะแผนโบราณ หรือการบ�าบัดโรคสัตว์ ซ่ึงอยู่ในต�ารายาแผนโบราณ
ทร่ี ฐั มนตรปี ระกาศหรอื ยาทร่ี ฐั มนตรปี ระกาศเปน็ ยาแผนโบราณ หรอื ยาท่ี
ไดร้ ับอนุญาตโดยให้ขึน้ ทะเบียนต�ารบั ยาเป็นยาแผนโบราณ
๓. ยาสมนุ ไพร หมายความวา่ ยาที่ได้จากพฤกษชาต ิ สัตว์ หรอื แร ่ ซ่ึงมิได้
ผสมปรงุ หรือแปรสภาพ
ยาประเภท ๑. ยาใช้ภายนอก หมายความว่า ยาแผนปัจจุบันหรือยาแผนโบราณที่
ท่ีแบ่งตามลกั ษณะ มงุ่ หมายสา� หรบั ใชภ้ ายนอก
การใช ้
๒. ยาใช้เฉพาะที่ หมายความว่า ยาแผนปัจจุบันหรือยาแผนโบราณ
ทีม่ ่งุ หมายใชเ้ ฉพาะที ่ เชน่ ใชก้ ับผวิ หนงั หู ตา จมกู ปาก ทวารหนัก
ชอ่ งคลอด ทอ่ ปสั สาวะ เปน็ ตน้
93
ขอ สอบ O-NET นกั เรยี นควรรู
ขอสอบป ’52 ออกเกย่ี วกับการจาํ แนกประเภทของยา 1 ยานอนหลบั การใชย านอนหลบั บางชนดิ ทอี่ อกฤทธเ์ิ ปนระยะเวลานาน หรอื
ยาในขอ ใดจดั เปนกลมุ ยาที่ใชภายนอกท้ังหมด ในผูสูงอายทุ ร่ี างกายมีความสามารถในการกาํ จดั ยาลดลง อาจทําใหย งั มยี าสะสม
1. คาลาไมน นํ้ามนั ระกํา ยาแกแ พ อยใู นรางกาย เม่ือตื่นนอนแลว บางคนอาจจะยังรูสึกงวงนอน ออนเพลยี หรอื มึนงง
2. พาราเซตามอล โซดามิน้ ต คาลาไมน ซึง่ อาจเปน อันตรายไดสาํ หรับบุคคลท่ีตอ งขบั รถ หรือทํางานเกีย่ วกับเคร่ืองจกั ร
3. น้ํายาลางตา คาลาไมน แอลกอฮอลเ ช็ดแผล 2 ยาแผนปจจุบัน การใชย าแผนปจ จุบันไมวา จะเปนการใชย าโดยการเลือกซ้อื
4. ผงน้ําตาลเกลอื แร นํา้ มันระกาํ โซดามิ้นต ดว ยตนเอง หรอื โดยการจายยาจากแพทยห รือเภสัชกร เราจะตองมคี วามรพู ้ืนฐาน
วเิ คราะหค ําตอบ กลุมยาทีใ่ ชภายนอก คือ ยาท่หี ามรบั ประทาน เก่ียวกับการใชย า เพอ่ื ใหไ ดผลการรักษาทดี่ ที ีส่ ุดและเกิดผลเสยี จากการใชย านอ ย
ท่ีสดุ ควรปฏบิ ตั ิ ดงั น้ี ใชย าใหถกู โรค ใชย าใหถูกกบั บคุ คล ใชยาใหถูกเวลา ใชย า
มักเขยี นฉลากสแี ดงติดขา งกลองวา “ยาใชภ ายนอก ใหถูกวธิ ี และใชย าใหถ ูกขนาด
หามรบั ประทาน” ตอบขอ 3.
คูม อื ครู 93
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain
อธบิ ายความรู
ครสู ุมนกั เรียน 2 กลุม โดยไมซ ํ้ากับกลมุ เดิม ๑.3 ประโยชนของการใชย า
ออกมานําเสนอเรือ่ ง ยาและการใชยา ในประเดน็
ประโยชนของการใชย า ปญ หาและผลกระทบจาก ๑. เพอ่ื การรกั ษาโรคใหห้ ายขาด เชน่ การใชย้ าปฏชิ วี นะเพอื่ ใชใ้ นการรกั ษาโรคตดิ เชอื้
การใชย า โดยครแู ละนักเรียนคนอน่ื ๆ รว มกัน
เสนอแนะเพม่ิ เติม และตงั้ คาํ ถามเพือ่ ใหไดข อสรุป หรอื การใชย้ าเพอื่ รกั ษาโรคเรอ้ื รงั และโรคทวั่ ไป
ทถี่ กู ตองรว มกัน
ตา่ งๆ เปน็ ตน้
• การใชยากอ ใหเ กดิ ประโยชนอ ยางไรบา ง
(แนวตอบ เพอื่ เปนการรกั ษาโรคใหห ายขาด ๒. เพื่อการควบคมุ โรคหรอื บรรเทา
ควบคมุ โรค หรอื บรรเทาอาการตางๆ และ
ปองกนั โรค) อาการตางๆ เชน่ ไอ เป็นไข ้ คนั เป็นต้น ซ่ึงยา
• ปญ หาและผลกระทบทเี่ กิดจากการใชยา ทใี่ ชใ้ นการรกั ษาจะตอ้ งมสี รรพคณุ ตรงกบั อาการ
มสี าเหตุมาจากสงิ่ ใดบา ง
(แนวตอบ การขาดความรใู นการใชย า เชน ที่ผปู้ ว่ ยเปน็ อยู่
การใชยาไมถ ูกตอ ง การใชยารว มกนั หลาย
ชนิดหรือใชรวมกับส่งิ อนื่ เปนตน คณุ ภาพ ๓. เพอ่ื การปอ้ งกันโรค เชน่ การใช้
ของยา เชน การเกบ็ รกั ษายาไมถ ูกตอ ง
การผลติ ทีต่ าํ่ กวา มาตรฐาน เปน ตน และ ยาเพ่ือปองกันโรคติดเช้ือต่างๆ ได้แก่ การฉีด
พยาธสิ ภาพของผใู ชย า เชน พนั ธุกรรม
สภาพรางกายของแตล ะบุคคล เปนตน) การฉีดวคั ซีนให้แกเ่ ดก็ เปนการสรา้ งภมู ิคมุ้ กนั ในรา่ งกาย วโรคั คซโีนป ลปิโอ1อใงนกเนัดโ็กร คเประน็ บตาน้ ด การใหว้ คั ซีนปอ งกัน
ให้แก่เด็ก เน่ืองจากเด็กมกั มภี ูมคิ มุ้ กนั โรคต่ํา
• การใชยารว มกนั หลายชนิด อาจสง ผลใหเกดิ
อนั ตรายได เพราะเหตใุ ด ๑.๔ ปญหาและผลกระทบจากการใชยา
(แนวตอบ การใชย ารวมกันหลายๆ ชนดิ ใน
การรกั ษาโรค จะสงผลใหไ ดร ับยาเกนิ ขนาด ยามปี ระโยชนแ์ ละมคี ณุ คา่ ตอ่ ชวี ติ มนษุ ย ์ ในดา้ นการรกั ษา การควบคมุ โรคหรอื บรรเทา
และเกินความจําเปน หรอื อาจมีผลตา นฤทธ์ิ อาการตา่ งๆ และการปอ งกันโรค แต่ในขณะเดียวกนั ยาก็อาจมโี ทษตอ่ ผใู้ ชไ้ ด้เชน่ กนั ปญั หาและ
กนั เอง ทําใหมีผลตอการรกั ษา และอาจสงผล ผลกระทบท่ีเกดิ จากการใชย้ ามี ๓ สาเหต ุ ดงั น้ี
ใหเ สียชีวิตได ซ่งึ ยาในลักษณะนสี้ วนมากจะ
เปนยาชุด) การขาดความรใู นการใชยา
เพราะไม่ไดร้ ับการศกึ ษา หรอื รเู้ ทา่ ไมถ่ ึงการณ ์ อาจก่อใหเ้ กิดอันตรายจากปญหาต่างๆ ดงั น้ี
๑. การใชยาไมถ กู ตอ ง ได้แก ่ ไมถ่ ูกโรค บุคคล เวลา วธิ ี ขนาด ประเภท ซึง่ ท�าใหก้ ารรักษาไมม่ ี
ประสทิ ธภิ าพ และอาจกอ่ ให้เกดิ อ2ันตรายตอ่ รา่ งกายได้
๒. การถอนหรือหยุดยาทันที ยาบางชนิดมีผลต่อการรักษา หากใช้ไม่เหมาะสมอาจท�าให้เกิด
ผลข้างเคียงต่อรา่ งกายได้ ฉะน้ันกอ่ นการใชย้ าควรปรกึ ษาแพทย์
โ รค เ๓ช.น่ กกาารรใชใชยย้าารชวมดุ 3ก ซนั งึ่หมลยีาายอชยนู่หิดลหารยอื ชในชิดร วรมวมกับกนัสง่ิ อแนื่ละ กอาารจใเปช้ย็นายราว่ ปมรกะนัเภหทลเาดยียๆว กขนั น าโดนยในยกาดารังรกกัลษ่าวา
จะเสริมฤทธ์ิท�าให้เราได้รับยาเกินขนาดและเกินความจ�าเป็น หรืออาจมีผลต้านฤทธ์ิกันเอง ท�าให้มี
ผลต่อการรกั ษา การดอื้ ยา การแพย้ า ในกรณที ี่ผลขา้ งเคียงเกดิ ขึน้ อย่างรุนแรง อาจสง่ ผลให้ผ้บู ริโภค
เสยี ชีวติ ได้
9๔
นกั เรยี นควรรู ขอสอบ O-NET
ขอ สอบป ’50 ออกเกยี่ วกับการปอ งกนั อนั ตรายจากการใชยา
1 โรคโปลโิ อ เปน โรคทีเ่ กิดจากเช้ือไวรัส ทําใหเ กดิ อาการอักเสบของไขสนั หลงั การปอ งกนั อนั ตรายจากการใชยาสามารถทาํ ไดด งั นี้
ซึง่ เปนสาเหตทุ าํ ใหเ กดิ อาการอมั พาต และกลา มเนื้อแขนขาลบี 1. ถูกคน ถกู เวลา ถูกทาง ถูกขนาด และถกู โรค
2 ถอนหรอื หยดุ ยาทันที อาจทําใหโรคท่ผี ปู ว ยเปนน้นั กลับมาเปนไดอกี ครั้ง 2. ถูกขนาด ถกู คน ถกู สถานการณ และถูกปรมิ าณ
หากหยดุ การใชยาเร็วเกินไป ดงั น้ัน หากตองการหยุดยาเมอื่ ถึงเวลาสําหรบั การ 3. ถกู หลัก ถูกเวลา ถกู ชนดิ และถูกคน
รกั ษาท่ีเหมาะสมแลว ควรลดขนาดยาลงทีละนอย และควรอยูภายใตการดแู ลของ 4. ถูกฉลาก ถูกวิธีการ และถูกตอ งกับอาการ
แพทยอยางใกลช ิด ไมค วรหยดุ ยาเองหรอื ลดขนาดยาเองโดยไมป รกึ ษาแพทยหรอื วิเคราะหคําตอบ การใชยาอยางถูกวิธจี ะตอ งใชใ หถ ูกคน คอื
เภสัชกร ควรดูวายาชนิดใดใชก บั ใคร เพศใด และอายุเทาใด ถูกเวลา คอื
3 ยาชุด เปนยาอันตรายทผ่ี ูข ายจดั ไวเ ปน ชุด โดยทวั่ ไปจะมียาตัง้ แต 3-5 เมด็ ยาชนิดน้ีควรรับประทานในเวลาใด เชน กอนอาหาร หลังอาหาร
ขน้ึ ไป มรี ปู แบบและสีตางกัน ในยา 1 ชดุ จะประกอบดว ยยาหลายชนดิ รวมกนั กอ นนอน เปนตน ถกู ทาง คอื เปน ยาทีใ่ ชภายนอกหรือภายใน
ผขู ายจะใหผ ซู ้อื รับประทานครง้ั ละ 1 ชุด โดยไมม ีการแบง วา เปนยาชนดิ ใด และ ถูกขนาด คอื ควรรบั ประทานยาใหถ กู ขนาด โดยใชอ ุปกรณ
ควรรบั ประทานเวลาใด มาตรฐานในการตวงยา ไมใชชอนกนิ ขาวหรือชอ นชงกาแฟ เพราะ
จะทําใหไดปริมาณยาทีไ่ มถกู ตอ ง และถูกโรค คือ ใชยาใหตรงกบั
94 คมู ือครู โรคทเ่ี ปน เพราะหากใชย าไมถ กู กับโรค อาจทําใหไดร ับอันตรายจาก
ยตาอนบั้นขหอรอื 1ไม. ไดผลในการรักษา และอาจเกิดโรคแทรกซอนอื่นๆ ได
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
คณุ ภาพของยา ครสู มุ นักเรยี น 2 กลุม โดยไมซ ํ้ากับกลุม เดมิ
ออกมานําเสนอเร่อื ง ยาและการใชยา ในประเด็น
นอกจากผู้ใชย้ าแลว้ คุณภาพของยายงั เป็นสิ่งส�าคญั ต่อการใช้ยา ซึง่ อาจเปน็ ผลมาจากสงิ่ ต่างๆ ดังน ี้ สาเหตุของการใชย าผดิ หรอื การตดิ ยา โดยครูและ
๑. การเก็บ ยาทไี่ ด้มาตรฐานแตเ่ ก็บรกั ษาไม่ถูกตอ้ ง อาจท�าใหเ้ สื่อมคณุ ภาพได้เร็ว และอาจกอ่ นกั เรยี นคนอ่ืนๆ รว มกันเสนอแนะเพิม่ เติม และ
ใหเ้ กดิ๒อ.ันกตารราผยลติต่อ ผยู้ใชา ้ทเี่ผชลน่ ิต คตว่�าากมวร่า้อมนา ตครวฐาามนชห้ืนร ือภยาาชปนละอทม1บ่ี รซรึ่งจอ ุ เาปจ็นจตะ้นมีผลต่อการรักษาโรคหรือเป็น ตงั้ คาํ ถามเพื่อใหไ ดข อสรุปท่ถี กู ตองรวมกนั
อนั ตรายได้ ตลอดจนยาที่มสี เตยี รอยด์ผสม ยอ่ มมีผลและอนั ตรายอย่างยง่ิ ตอ่ สขุ ภาพ
• สาเหตุสําคัญท่ีทาํ ใหบคุ คลใชยาผิดหรอื
พยาธสิ ภาพของผใู ชย า ติดยานน้ั มสี าเหตุมาจากอะไร
(แนวตอบ การหลงเชอื่ คําโฆษณาถึงสรรพคณุ
พยาธสิ ภาพของผู้ใช ้ เช่น พันธกุ รรม สภาพรา่ งกายของแต่ละบคุ คล ซ่งึ มีผลต่อการใชย้ า โดยบุคคล ของยาชนดิ นัน้ ๆ การซือ้ ยาตามความนิยม
แตล่ ะคนย่อมมคี วามแตกต่างกัน แมจ้ ะปว่ ยเปน็ โรคอยา่ งเดยี วกนั แตอ่ าการและความรนุ แรงของโรค ของสงั คม เพอื่ ใหเปนทีย่ อมรบั ของบุคคลอน่ื
วิธกี ารรกั ษา ตลอดจนประเภทของยาทีใ่ ช้อาจแตกต่างกนั เป็นตน้ การเลือกซ้อื ยาทม่ี รี าคาถูก หาซ้ือไดง าย
และเลยี นแบบบุคคลใกลชดิ เชน บุคคล
๑.5 สาเหตุของการใชยาผิดหรอื การตดิ ยา ภายในครอบครัว เพ่อื น เปน ตน )
การใช้ยาผิดหรือการติดยาเป็นผลมาจากพฤติกรรมของบุคคลในการเลือกใช้ยาท่ี • การใชย าตดิ ตอกันเปนระยะเวลานาน
ไม่เหมาะสมตอ่ การรักษาโรค รวมทง้ั ในดา้ นประเภทของยา บคุ คล เวลา วิธีการใช ้ ขนาด ตลอด กอใหเ กดิ ผลกระทบอยางไรบาง
จนระยะเวลาท่กี �าหนด โดยมสี าเหตุท่สี �าคัญในการใชย้ าผดิ หรือการตดิ ยา ดงั นี้ (แนวตอบ สง ผลใหเ กดิ การตดิ ยา เพราะยา
๑. เลอื กซ้อื ยาทมี่ ีราคาถูก และหาซ้ือได้ง่าย หรือซื้อตามความนิยมตามสังคม บางชนิดเมื่อใชเปนเวลานานจะมีผลทําให
๒. มพี ฤตกิ รรมความเชอ่ื ของบคุ คล เกิดการเสพติด นอกจากนย้ี งั สงผลใหเ กิด
ตอ่ ยาทใ่ี ช้แบบผดิ ๆ โดยมคี วามเชื่อว่ายาชนิดน้ี การด้อื ยา เพราะรา งกายเกิดความเคยชิน
สามารถรกั ษาอาการของโรคนไี้ ด้ ซง่ึ ในบางครง้ั ตอ ยา จึงตองเพิม่ ขนาดยา เพื่อใหไ ดผล
อาจเปน็ ผลเสยี ทท่ี �าใหเ้ กดิ โรคแทรกซอ้ นขึน้ การรกั ษาเหมือนเดมิ )
๓. การหลงเช่ือค�าโฆษณาของ
สรรพคณุ ของยาชนิดน้ันๆ
๔. การเลียนแบบบุคคลท่ีใกล้ชิด
เชน่ บคุ คลภายในครอบครวั เพ่ือน เป็นตน้
๕. ขาดความระมัดระวังในการใช้
ยา เพราะยาบางชนิดอาจก่อให้เกิดการเสพติด
ไดโ้ ดยไมร่ ตู้ ัวหากใช้ยาอย่างพร�่าเพรอ่ื
๖. ขาดกฎหมาย มาตรการหรอื บท กอ่ นการใชย้ าควรอา่ นฉลากยาใหล้ ะเอยี ดกอ่ น เพอ่ื ปอ งกนั
ลงโทษตอ่ การซอ้ื ขาย และการผลติ ทไ่ี ม่ถกู ตอ้ ง การใช้ยาผดิ ซ่ึงอาจกอ่ ใหเ้ กดิ อันตรายตอ่ รา่ งกายได้
95
ขคอ ดิ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT นักเรียนควรรู
การลืมรบั ประทานยามื้อหนึ่งแลวรวบยอดเพอื่ รบั ประทานยา 1 ยาปลอม เปน ยาที่ไมม ีตวั ยาสาํ คญั ตามทีแ่ จงไวทฉ่ี ลาก หรือมปี ริมาณตวั ยา
ในม้ือถัดไป นกั เรยี นคดิ วาถกู ตอ งหรอื ไม อยา งไร สาํ คัญในปริมาณที่ไมเ พยี งพอ หรอื แสดงชอื่ เคร่อื งหมายการคา ชอื่ ท่อี ยขู องผผู ลิต
แนวตอบ เปน วธิ ที ี่ไมถกู ตอ ง เนือ่ งจากการรับประทานยาแบบ ทีไ่ มใชค วามจริง ซงึ่ ยาปลอมจะมีหลายลักษณะ เชน เปน แผงแตไมมีกลอ งยาหรือ
รวบยอดในมอื้ ถดั ไป อาจสง ผลใหไ ดร บั ยาเกนิ ขนาด และสง ผลให มีกลอ งยา เปนยาน้ํา ยาครมี ยาเมด็ ยาแคปซูล โดยจะลอกเลยี นแบบใหม ลี ักษณะ
การรกั ษาไมด เี ทา ทค่ี วร ดังนั้นหากลืมรับประทานยาม้อื หนึง่ ควร คลายของจริงมากท่ีสดุ และอาจมตี วั ยาหรอื ไมม ีตัวยาอยูในบรรจภุ ัณฑ เปน ตน
ทีจ่ ะรับประทานยาทันทเี มอ่ื นกึ ขน้ึ ได แตไ มค วรรวบเปน 2 เทา ใน 2 สเตียรอยด การใชย าสเตยี รอยดค วรอยูในความดแู ลของแพทยอ ยา งใกลช ิด
มอ้ื ถดั ไป และควรรบั ประทานยาอยางสมํ่าเสมอทุกวนั ตามเวลา นอกจากนย้ี งั ตอ งระมัดระวงั สเตียรอยดท ี่อาจแฝงมาในรูปของยาสมุนไพร ยาตม
ท่ีกาํ หนดเพอื่ ผลการรกั ษาทีด่ ีท่ีสดุ ยาหมอ ยาลกู กลอน อาหารเสรมิ สขุ ภาพ รวมถึงยาบาํ รงุ กาํ ลงั ตางๆ ซง่ึ ผลขา งเคียง
ของสเตียรอยดน ้ันมีมากมาย เชน เลอื ดออกในกระเพาะอาหาร กระดกู บาง ระดบั
น้าํ ตาลในเลือดสูง เปนตน
คูมือครู 95
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain
อธบิ ายความรู
ใหน กั เรยี นกลมุ ที่แลว สุมเลอื กกลมุ เพื่อนท่ียัง ๑.๖ สถานการณก ารใชยาในปจจบุ นั
ไมไ ดน าํ เสนอ ออกมานาํ เสนอเรอื่ ง ยาและการใชย า
ในประเด็นสถานการณก ารใชยาในปจจบุ ัน โดย ในสภาพสงั คมปจจบุ นั ทเ่ี ทคโนโลยเี จรญิ กา วหนา ทาํ ใหสนิ คาทง้ั เครื่องอุปโภคบริโภค
ครูและนกั เรียนคนอืน่ ๆ รว มกันเสนอแนะเพม่ิ เตมิ ถกู คดิ คน ขนึ้ ใหม เพอ่ื อาํ นวยความสะดวกใหแ กม นษุ ย รวมไปถงึ ยาตา งๆ ทมี่ สี ว นตอ การดาํ รงชวี ติ
และตง้ั คําถามเพ่อื ใหไ ดข อสรปุ ทีถ่ ูกตอ งรวมกัน ซง่ึ หากเรามคี วามรคู วามเขา ใจในการใชย าทถี่ กู ตอ ง ยอ มจะสง ผลดตี อ ผใู ชย า แตห ากมพี ฤตกิ รรม
การใชยาทไ่ี มถ กู ตอง ก็อาจกอใหเ กิดอันตรายตอ ผใู ชได ดงั น้ี
• เพราะเหตใุ ดปจ จบุ ันคนสว นใหญจงึ ใชยา
ไมถ ูกตอ ง การใชย าเพื่อคลายความเครียด
(แนวตอบ เนอ่ื งจากปจ จุบนั เทคโนโลยตี างๆ
มีความกา วหนา มากขนึ้ ทําใหส นิ คา ปจ จบุ นั การดาํ รงชวี ติ ของคนสว นใหญอ ยใู นสภาพแขง ขนั ตอ งดน้ิ รนหาเลย้ี งชพี โดยเฉพาะในสภาวะที่
ท้งั เคร่ืองอุปโภคบริโภคถูกคดิ คน ขึ้นมาใหม เศรษฐกจิ ตกตาํ่ เปน เหตใุ หค นเราเกดิ ความเครยี ดและวติ กกงั วลกบั หลายๆ เรอ่ื ง เชน เดก็ กลวั สอบตก
รวมไปถงึ ยาตางๆ ซงึ่ ยาแตล ะชนดิ จะมีวธิ ี กลวั สอบเขาศกึ ษาตอ ไมได กลวั หางานทําไมได กลัวตกงาน เงนิ ไมพอใช เปน ตน ซึง่ สาเหตุเหลา น้นี าํ
การใชทีต่ างกัน ดังนัน้ คนสวนใหญจ งึ ไมค อย มาซง่ึ สภาพจติ ใจท่หี ดหู ออนแอ เม่อื แกปญหาไมไ ดก ็หันไปใชยาประเภทกลอมประสาท ยานอนหลับ
มีความรูความเขาใจในการใชยาทถี่ ูกตอง ซงึ่ หากใชไ ปนานๆ ก็จะทําใหต ดิ ยา และยาอาจไปทาํ อันตรายตอ ตับ ไต ระบบประสาท และสมองได
เทา ท่ีควร)
การใชยาชูกําลงั เครอื่ งดมื่ ชกู าํ ลงั1ทเ่ี ปน ทน่ี ยิ มของผทู ร่ี สู กึ วา ตวั เองเหนอ่ื ย ออ นเพลยี เนอ่ื งจากการ
• ยานอนหลับ เปน ยาเพื่อใชผอ นคลาย
ความเครียด แตอ าจสงผลกระทบอยางไร หรอื อกี นยั หนง่ึ หมายถงึ
ตอรางกาย ทาํ งานหนกั หรอื อดหลบั อดนอน พกั ผอ นไมเ พยี งพอ หลายคนจงึ หลงเชอ่ื โฆษณาทมี่ อี ทิ ธพิ ลทาํ ใหค นเชอ่ื
(แนวตอบ ยานอนหลบั บางชนดิ สามารถ วแาลดะ่มืกาแเลฟว อสนี ด2ช่ืน(Cมaกี fาํfeลiังneแ)ตททจี่ม่ี รีสงิ าแรลทว อี่ เคอกร่ือฤงทดธมื่ ก์ิ ประระตเนุภปทรนะ้ีมสีสาวทนปเมรื่อะดกอ่ืมบบขออยงๆเกลจอืะแทราํ ใวหติ เ กามิดินอานกาํา้ รตตาดิล
ออกฤทธิเ์ ปน ระยะเวลานาน จงึ อาจทําใหมี เกิดการสะสมในรา งกาย นานเขาจะมีผลตอการทาํ งานของหัวใจ สมอง และตับ อีกดว ย
ยาสะสมอยูในรางกาย เมอื่ ตน่ื นอน บางคน
อาจยงั รูสึกงวงนอน ออ นเพลยี หรอื มึนงง การใชยาแกงว ง
ซง่ึ อาจเปน อนั ตรายตอคนที่ตอ งขับรถ หรอื
ทํางานเกยี่ วกบั เครื่องจกั ร) ยาแกง ว งทรี่ จู กั กนั ดกี ค็ อื ยาบา ซง่ึ เปน ยาทอี่ อกฤทธก์ิ ระตนุ ประสาท ทาํ ใหต นื่ ตวั คนทท่ี าํ งานกลางคนื
หรือมีกิจกรรมที่ตองทําในเวลากลางคืน เชน ผูท่ีขับรถทางไกล นักเรียนนักศึกษาท่ีตองอานหนังสือ
• ยาแกปวด หากรบั ประทานบอ ยคร้ังจะสงผล เพอ่ื เตรียมสอบ เปน ตน มกั ใชย านี้กนั มาก ซง่ึ เปนความเขา ใจผิดทีค่ ดิ วา ยานี้จะชวยทาํ ใหไมง ว งนอน
ใหเกดิ ผลขางเคยี งอยา งไร สามารถทาํ งานไดม ากขน้ึ ในระยะเวลานานขนึ้ แตท จี่ รงิ แลว ยาบา เปน สารเสพตดิ ทมี่ อี นั ตรายตอ ผใู ชม าก
(แนวตอบ สงผลใหเกิดการดอื้ ยา และมีผลตอ เพราะจะออกฤทธกิ์ ระตุน สมอง เรงการทํางานของหัวใจ กระตุนการหายใจ มีผลทําใหไมร ูสกึ เหนอื่ ย
ตบั และไต) ไมงวง ท้ังๆ ที่รางกายตองการพักผอน ดังน้ันจึงทําใหการทํางานของสมองผิดปกติ การตัดสินใจ
ผดิ พลาด จนอาจกอ ใหเ กดิ อบุ ตั เิ หตุ ความจาํ เสอื่ ม และหากเสพไปนานๆ กจ็ ะเกดิ อาการตดิ ยา ประสาท
เสอื่ ม เกิดอาการประสาทหลอน และถึงขนั้ เปน โรคจิตได
การใชย าแกปวด3
กรณีท่ีมีอาการปวดศีรษะเล็กนอย หรือปวดเม่ือยตามรางกาย ซ่ึงหลายคนคิดวา การรับประทาน
ยาแกปวดจะชวยบรรเทาและปองกันอาการปวดเม่ือยได จึงมักรับประทานทุกครั้งท่ีเกิดอาการ หรือ
รับประทานเพื่อไมใหเกิดอาการ ซึ่งหากรับประทานยาประเภทนี้เขาไปนานๆ จนเกิดความเคยชิน
จะทําใหยาไปสะสมในรางกาย และมผี ลตอ ตบั และไตได
๙๖
นกั เรียนควรรู ขอ สอบ O-NET
ขอ สอบป ’53 ออกเกี่ยวกับปญ หาและผลกระทบจากการใชยา
1 เครอ่ื งดืม่ ชกู ําลัง เปนเครอ่ื งด่มื ชนดิ หน่ึงทม่ี ีสว นผสมของสารคาเฟอีนใน ถา ลมื รับประทานยาในมื้อหนึ่งมอ้ื ใดควรปฏิบัตอิ ยา งไร
ปรมิ าณไมเ กนิ 50 มิลลกิ รัม ตอ 1 ขวด โดยสว นใหญจะนิยมดื่มในหมผู ูใ ชแรงงาน 1. รีบรับประทานยาทนั ทีทนี่ กึ ได โดยไมตองเพม่ิ ขนาดยา
และคนทที่ าํ งานหนกั เนือ่ งจากรา งกายจะออนเพลีย จึงตองการพลงั งานชดเชย 2. งดรบั ประทานยาในวันน้นั และเร่มิ รบั ประทานใหมใ นวันตอ ไป
กลับมา 3. เพ่มิ ขนาดการรับประทานยาเปน 2 เทา เพื่อชดเชยในม้ือที่
2 กาเฟอนี พบไดใ นเคร่อื งด่มื หลายชนิด ไดแก ชา กาแฟ เครื่องดื่มชกู ําลงั ผานมา
และนาํ้ อดั ลม มีฤทธิก์ ระตุน ระบบประสาทสว นกลาง ทําใหร า งกายเกดิ ความตนื่ ตัว 4. ยกเลกิ การรบั ประทานยาชดุ น้นั แลวไปซอื้ ยาชุดใหมจ าก
และลดความงวงได รานขายยามารับประทาน
3 ยาแกป วด เปนยาประเภทตางๆ ทใี่ ชร กั ษา บรรเทาอาการปวด เชน วเิ คราะหค าํ ตอบ หากลมื รบั ประทานยาในมื้อหนึ่งมอื้ ใด ควรรีบ
ยาพาราเซตามอล เปนตน หากใชยาเกนิ ปรมิ าณอาจจะนาํ ไปสูก ารเกิดพิษตอ ตับ รับประทานยาทนั ทีทน่ี ึกได โดยไมต อ งเพ่มิ ขนาดยา แตถ า หากนึก
จนนาํ ไปสภู าวะตับวาย และเสยี ชวี ติ ไดใ นทสี่ ุด ข้นึ ไดในมื้อถดั ไป กใ็ หรบั ประทานยาในมื้อนั้นไดเลย เพราะหากวา
รบั ประทานยาเกนิ ขนาดจะสงผลเสียตอรางกายได ตอบขอ 1.
96 คูมือครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
การใชย าชดุ ใหนักเรยี นกลุมทีถ่ กู เพื่อนเลือก ออกมา
นาํ เสนอตอเร่อื ง ยาและการใชยา ในประเดน็
ยาชุดเป็นยาที่ต้องรับประทานร่วมกันคราวละ สถานการณก ารใชย าในปจจุบัน โดยครูและ
หลายๆ เม็ดหลายชนิด เพื่อบรรเทาอาการใด นกั เรียนคนอน่ื ๆ รวมกันเสนอแนะเพิ่มเติม และ
อาการหนึ่ง เช่น เป็นไข้ ปวดเม่ือยตามร่างกาย ตัง้ คาํ ถามเพื่อใหไดข อสรปุ ท่ถี ูกตองรว มกนั
ลดความอว้ น เป็นตน้ ซง่ึ บางคนตดิ นสิ ยั มักซ้อื ยา
กนิ เอง โดยไปซอื้ ตามรา้ นขายของชา� หรอื รา้ นขาย • อนั ตรายทีเ่ กดิ จากการใชย าชดุ มีอะไรบา ง
ยาบางแหง่ โดยอาจเกดิ จากความรเู้ ทา่ ไมถ่ งึ การณ ์ (แนวตอบ ยาชุดบางชนดิ มีตัวยาในกลุม
และไมร่ ู้ถงึ อนั ตรายตอ่ รา่ งกาย เช่น ยาบางชนิด สเตยี รอยดซงึ่ มผี ลตอรา งกาย เชน ทาํ ให
มร่าีตงัวกยาายใ นทกา� ลใหุ่มก้สรเตะียดรกู อผ1ย ุ ดอ์ อ่ น(Sเtพeลroียi dเ)ล ือซดึ่งจมาีผงล ตตับ่อ กระดูกพรนุ ออนเพลีย เลือดจาง ตบั และ
และไตท�างานผิดปกติ กระเพาะอาหารเป็นแผล ยาทมี่ สี ว่ นผสมของสเตยี รอยดน นั้ กฎหมายกาํ หนดให้ ไตทํางานผิดปกติ กระเพาะอาหารเปน แผล
เป็นตน้ ซงึ่ ใชไ้ ปนานๆ พษิ ของยาจะสะสมอยใู่ น เปน ยาควบคุมพิเศษ เนือ่ งจากมีความเปนพิษสงู และ เปนตน )
ร่างกายอาจเป็นอันตรายถงึ แกช่ วี ิตได้ เปน อนั ตราย ตอ้ งใหแ้ พทยเปน ผสู้ ่งั จา่ ยเทา่ นั้น
• เพราะเหตุใดวยั รุนจึงนิยมใชย า
การใชยาลดความอวน ลดความอว นมากกวา การควบคุมอาหาร
และการออกกําลงั กาย
ปจจุบันสถานการณ์การใช้ยาลดความอ้วนก�าลังแพร่ระบาดในหมู่สตรีท่ีมีปญหาเร่ืองน�้าหนักตัวเกิน (แนวตอบ เน่ืองจากเปนวิธีการลดนา้ํ หนกั ได
มาตรฐาน ท�าใหเ้ กดิ ความไมม่ ัน่ ใจในรูปรา่ งของตัวเอง บางคนถูกคนอืน่ ทัก ท�าให้อาย และต้องการ อยา งรวดเรว็ ไมเ สยี เวลา และหาซื้อไดงาย
ลดน้�าหนักอย่างปจจุบันทันด่วน เป็นเหตุให้หันไปพ่ึงยาลดความอ้วนท่ีมีผลต่อร่างกาย เช่น เร่งการ แตเ ปน วธิ ที ผ่ี ดิ และอาจเปนอนั ตรายถึงแก
เผาผลาญอาหารและพลังงาน ลดการดูดซึมอาหารจากล�าไส้ เร่งการขับถ่ายอุจจาระหรือปสสาวะ ชวี ิตได)
กระตนุ้ รา่ งกายและสมองทา� ใหร้ สู้ กึ อมิ่ อยตู่ ลอดเวลา บางชนดิ ทา� ใหร้ สู้ กึ อมิ่ เรว็ เพราะยาไปแยง่ เนอื้ ทใ่ี น
กระเพาะอาหารเหลา่ น ี้ เปน็ ตน้ ซง่ึ จะสง่ ผลเสยี ตอ่ สขุ ภาพรา่ งกาย อาท ิ ใจสนั่ รสู้ กึ ตนื่ เตน้ หงดุ หงดิ งา่ ย • อาหารเสริมถึงแมจ ะมผี ลขา งเคยี งตอ
วิงเวยี นศีรษะ นอนไม่หลบั เครยี ด นอกจากน้ียาบางชนิดยังทา� ใหเ้ กดิ ภาวะขาดสารอาหารอกี ด้วย รางกาย แตย งั มคี ณุ ประโยชนใ นเร่ืองใดบาง
ดังนั้น การลดน�้าหนักท่ีดีจะต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามหลักโภชนาการ โดยการควบคุมอาหาร (แนวตอบ มสี ว นชว ยใหร างกายไดร ับ
และออกกา� ลงั กายอย่างสม�า่ เสมอ โภชนาการท่ีเหมาะสม และมีประโยชน
สําหรับผูทีม่ ปี ญ หาดานสขุ ภาพ เพราะ
ยาและอาหารเสรมิ 2 อาหารเสริมจะเขา ไปเสรมิ ในสวนท่รี างกาย
ขาดหายไปไดอยา งครบถวน)
ปจ จุบนั มีผลิตภณั ฑย์ าและอาหารเสริมมากมายท่ี
โฆษณาจนเกินจริง ซึง่ มคี วามเช่ือวา่ จะช่วยทา� ให้ ในการเลือกรับประทานอาหารเสริมนั้น ควรปรึกษา
มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงขึ้น หรือรักษาโรคและ แพทยเพื่อขอคําแนะนํา และเพื่อปองกันอันตรายที่
อาการบางอย่างได้ จึงท�าให้คนหันมาให้ความ อาจเกิดข้ึนต่อรา่ งกายได้
สนใจในการรักษาสุขภาพมากข้ึน ประกอบกับ
การทสี่ ภาพแวดลอ้ มในปจ จบุ นั ทา� ใหค้ นสว่ นใหญ่
ไมม่ เี วลาพถิ พี ถิ นั ในการเลอื กรบั ประทานอาหารที่
มีประโยชนใ์ หค้ รบ ๕ หมู่ในแตล่ ะวัน จึงตอ้ งพ่งึ
ยาและอาหารเสริมเหล่านี้เพื่อเสริมสร้างสุขภาพ
ทงั้ ๆ ทม่ี รี าคาแพงทา� ใหต้ อ้ งสน้ิ เปลอื งเงนิ ทองมาก
9๗
ขคอิดสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT เกร็ดแนะครู
ขอ ใดไมใ ช ผลกระทบที่เกิดจากการใชย าลดความอว น ครคู วรอธิบายถงึ อนั ตรายจากการใชย าลดความอว น เน่ืองจากนักเรียนอยใู น
1. มีรปู รา งท่สี วยงาม อยใู นเกณฑม าตรฐาน ชวงวยั รนุ ซึง่ อาจมีความตอ งการใหตนเองมีรูปรางดี ไมอวนหรือมนี ้ําหนกั เกนิ โดย
2. มอี ารมณห งุดหงิดงาย นอนไมหลับ ครคู วรแนะนาํ ใหนกั เรยี นเหน็ ความสาํ คญั ของการดแู ลสขุ ภาพและรูปรางของตนเอง
3. เมอ่ื หยดุ ยาแลว น้ําหนักจะเพม่ิ ขน้ึ ดว ยวิธีการอนื่ ท่ีเหมาะสม เชน หลกี เลย่ี งอาหารที่มีไขมนั และแปง ออกกําลงั กาย
4. สามารถเกดิ การเสพติดยาได อยา งสม่าํ เสมอ เปน ตน
วิเคราะหค าํ ตอบ ยาลดความอวนนอกจากจะมผี ลเสียแลวยงั มี
ผลดี เชน ทําใหม รี ปู รา งสวยงาม เผาผลาญอาหารและพลงั งาน นกั เรยี นควรรู
เปนตน จึงไมใ ชผ ลกระทบทเ่ี กิดจากการใชยาลดความอว น
1 กระดกู ผุ หรอื โรคกระดูกพรนุ คือ ภาวะทีก่ ระดูกสูญเสียเน้อื กระดกู และ
ตอบขอ 1. โครงสรางของกระดูกผิดไป ทําใหก ระดูกมคี วามเปราะบาง เกิดการหกั ไดงา ย
2 อาหารเสริม คือ ผลติ ภัณฑทใ่ี ชรับประทานเพอื่ เสริมการรับประทานจาก
อาหารหลัก และปองกนั การเกดิ โรคตา งๆ
คูมือครู 97
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain
อธบิ ายความรู
ใหน กั เรียนแตละกลมุ รว มกนั เสนอแนะเรือ่ ง à¡Ã´ç ¹‹ÒÃÙŒ
ยาและการใชยา ในประเด็นปญ หาและอนั ตราย
จากการใชย า โดยครรู ว มเสนอแนะเพมิ่ เตมิ และ กลวย…ชวยลดน้าํ หนัก
ต้ังคาํ ถามเพือ่ ใหไดข อ สรปุ ท่ถี กู ตองรว มกัน กล้วยเป็นผลไม้ท่ีอุดมไปด้วยสารอาหาร เม่ือรับประทานกล้วย ๑ ผล จะได้รับวิตามินบี ๑ และ
บี ๒ ซึ่งช่วยเร่งการเผาผลาญน้�าตาลและไขมัน ฟื้นฟูร่างกายจากความเหน่ือยล้า มีเส้นใยบรรเทาอาการ
• อาการใดบา งทบ่ี ง บอกวาเกดิ การแพย า ท้องผูก และให้พลังงานแก่ร่างกายซ่ึงพร้อมน�าไปใช้ได้ทันที มีรายงานการวิจัยยืนยันว่า การรับประทานกล้วย
(แนวตอบ เกิดผื่นคนั ขึ้นตามผิวหนัง อาเจยี น
ชอ็ ก และอาจเสียชวี ติ ได) (เ(PPพhhียoyงtlyo pc๒hh eeใnmบoi lcs)aส lาม) มฤี ทาท่ชีรธ่วถต์ิ ยใา้เหรน้พ่งอกลนาังุมรงพลู าอฒันิสเนรพาะียส งภทพ�าาอหพตนรา่่อ้างทกกี่ชาาะรยทล อ�ารคงวาวมนาถมถงึ แึเงซก โ่ ๙รแโ๐ทล นะนสนิ 2าา รท(ยSี eูจนrินoออtoกลnจ i(าnEก)u นgช้ีกe่วnลยo้ลวlยด) ยอซังา่งึ มกเปาีสร็นาหไรงฟโุดพโตหลเงีฟคิดีนมแคีอลลลัะ1
• ยาแตล ะประเภทจะสง ผลใหเ กดิ การแพย า ความอยากอาหาร
เหมอื นกนั หรือไม อยา งไร สา� หรบั ผทู้ ต่ี อ้ งการจะลดนา�้ หนกั สามารถรบั ประทานกลว้ ยหอมไดท้ กุ ๆ ๒ ชวั่ โมง เนอื่ งจากจะชว่ ยปรบั ระดบั
(แนวตอบ ยาแตละประเภทอาจสงผลใหเ กิด น�้าตาลในเลอื ด และลดการรับประทานอาหารจบุ จิบได ้ ทีส่ �าคญั ต้องออกก�าลังกายและพกั ผ่อนให้เพยี งพอ เทา่ นกี้ ็
การแพยาเหมอื นกัน แตอัตราการเกดิ สามารถชว่ ยลดน�า้ หนกั ไดแ้ ล้ว
ไมเ ทากัน ซึง่ การรบั ประทานยาจะทาํ ใหเ กิด ที่มาขอมูล : ดัดแปลงจาก www.thaihealth.or.th/healthcontent/article/7436
การแพยานอ ยทสี่ ุด แตส าํ หรบั การฉดี ยาจะ
ทาํ ใหเ กิดอาการแพอยา งรวดเร็ว มีผลอาจ ๑.๗ ปญหาและอนั ตรายจากการใชย า
ทาํ ใหเสยี ชวี ติ ได)
ยามีทั้งคณุ และโทษ ซ่ึงหากใช้ไม่ถูกตอ้ งอาจเกิดอนั ตรายต่างๆ ดังนี้
• การปอ งกนั การแพย า สามารถทําไดด ว ย
วธิ ใี ดบาง ๑) การแพ้ยา การแพ้ยาเป็นภาวะท่รี ่างกายมกี ารเปล่ยี นแปลงตอ่ การตอบสนองของ
(แนวตอบ ไดแก การงดใชยาหลังจากใชยาไป
ไดระยะหน่ึง ตรวจสอบยาท่มี ีผลตออาการ ยา เนอื่ งจากเคยไดร้ บั ยาชนดิ นนั้ มากอ่ นแล้ว ซง่ึ ทา� ให้เกดิ การกระตุ้นให้รา่ งกายสรา้ งภูมคิ ้มุ กันที่
แพบ อ ยๆ และไมค วรใชย าพร่ําเพรือ่ เมอ่ื มี เรยี กว่า “ส่ิงตอ่ ตา้ น” ขน้ึ มา ทา� ให้เกดิ อาการตา่ งๆ เช่น เปน็ ผื่นคนั และบวม อาเจยี น ช็อก หรือ
อาการเจ็บปว ยเลก็ ๆ นอยๆ) อาจเสียชีวติ ได้ เป็นต้น
(อ๑ง)ค ป์เชตรนตะดิ รกขาออซบงยั ยสคาาล� คนิเชญั น่(T ทeยม่ีtาraตเี พcอ นyอcซิ าliลิnกลeานิ)3ร เแ(ซPพรeมุ่ย้4n าic(Sileinru) m) การปอ้ งกนั การแพย้ า
เชน่ เซรมุ่ แกพ้ ิษงู เซรมุ่ แกพ้ ิษสุนัขบา้ (๑) การงดใชย้ า หลงั จากใชย้ าไปไดร้ ะยะ
หนง่ึ ควรสงั เกตอาการของโรควา่
บรรเทาลงแลว้ หรอื ยงั และจดชอ่ื ยาไว้
วัคซนี (Vaccine) ประเภทต่างๆ เป็นตน้ (๒) การตรวจสอบ ควรระมดั ระวงั ยาทม่ี ี
(๒) วธิ กี ารใชย้ า การแพย้ านนั้ เกดิ ขน้ึ ไดจ้ ากยา ผลตอ่ อาการแพบ้ อ่ ยๆ เชน่ ยาเพนซิ ลิ ลนิ
ทกุ ประเภทและทกุ แบบ แตอ่ ตั ราการเกดิ โดยควรปรกึ ษาแพทยห์ รอื เภสชั กร
ไมเ่ ทา่ กนั ซงึ่ การรบั ประทานจะทา� ใหเ้ กดิ กอ่ นการใชย้ า
การแพย้ านอ้ ยทสี่ ดุ สว่ นการฉดี ยาจะทา� ให้ (๓) ไมค่ วรใชย้ าพรา่� เพรอ่ื เมอื่ มอี าการ
เกดิ อาการแพไ้ ดอ้ ยา่ งรวดเรว็ และแกไ้ ขได้ เจบ็ ปว่ ยเลก็ ๆ นอ้ ยๆ
ยากทสี่ ดุ ซงึ่ มผี ลทา� ใหเ้ สยี ชวี ติ ได้
(๓) พนั ธกุ รรม การแพย้ าเกย่ี วขอ้ งกบั ลกั ษณะเฉพาะของ
แตล่ ะบคุ คล ตลอดจนความไวในการถกู กระตนุ้ ใหแ้ พย้ า
(๔) การไดร้ บั การกระตนุ้ มากเกนิ ไป เชน่ การไดร้ บั ยา
หลายชนดิ ในเวลาเดยี วกนั จะทา� ใหเ้ กดิ อนั ตราย
9๘ ตอ่ รา่ งกาย เปน็ ตน้
นักเรยี นควรรู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT
หากนกั เรียนสงสยั วาเกดิ การแพยา นักเรยี นควรปฏบิ ตั ิตนอยางไร
1 ไฟโตเคมคี ลั การเกดิ ปฏกิ ริ ิยาทางเคมีทีเ่ กดิ จากแสงสวา งหรอื มีแสงรวมอยู แนวตอบ หากสงสยั วา เกดิ การแพยา ควรหยดุ รับประทานยานัน้
ในกระบวนการ การสังเคราะหแ สงของพืช ทนั ที และรีบไปพบแพทยเ พอ่ื ทาํ การการรกั ษา และตรวจสอบยา
2 เซโรโทนิน สารเคมีชนดิ หน่ึงในสมอง มีหนาที่ชว ยควบคุมอารมณ เชน ชนดิ น้ันวาเปน ยาชนิดใด มชี ือ่ วา อะไร เม่ือทราบแลว ควรจดจาํ
ทาํ ใหรางกายรูส ึกผอ นคลาย หลับงาย เปนตน และบันทึกไว และแจงแกผ จู า ยยาทุกคร้งั เพื่อเปนการปองกนั
3 ยาเพนซิ ลิ ลิน เปนยาปฏชิ ีวนะชนิดหนง่ึ ซ่ึงสกดั ไดจ ากเชือ้ ราบางชนดิ การแพย าชนดิ น้ันซา้ํ อกี
ใชส ําหรบั รกั ษาโรคทเี่ กิดจากเชอ้ื แบคทีเรีย
4 เซรุม มีลักษณะเปน ของเหลวสีเหลอื งออ นที่สกดั ไดจากเลือดของสัตว
ใชสาํ หรบั ฉดี เขา รา งกายเพอ่ื เสริมสรางภมู ิตา นทานโรค
98 คมู อื ครู
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
๒) การดือ้ ยา การดอื้ ยาเป็นผลจากการใช้ยาไม่ถูกกับชนิดของเช้อื โรค ไมถ่ ูกขนาด ใหนกั เรยี นแตล ะกลุมรวมกนั เสนอแนะตอ
ไมค่ รบจ�านวน หรือไม่ถูกตามก�าหนดเวลาทส่ี ามารถทา� ลายเชอ้ื โรคนัน้ และจะเกิดการตอ่ ต้านยา เร่ือง ยาและการใชย า ในประเด็นปญ หาและ
ชปนระิดเภนท้ันตขา่้ึนง ๆไ ดเช้แ่นก ่กยาารเดตื้ตอรยาาซขัยอคงลยนิา1แ เกป้อน็ ักตเน้ สบ อันตรายจากการใชย า โดยครรู วมเสนอแนะ
๓) ผลข้างเคียงของการใช้ยา เพ่ิมเติม และตง้ั คําถามเพอื่ ใหไ ดข อสรุปท่ี
หมายถึง ผลหรืออาการอ่ืนๆ ของยาท่ีเกิดข้ึน ถกู ตอ งรว มกัน
นอกเหนือจากภาวะการรักษาโรคอันมีผลต่อ
สภาพร่างกายท่ีเปลี่ยนแปลงในระยะเวลาหน่ึง • การดอื้ ยา เกดิ มาจากสาเหตใุ ด
หรอื แสดงอากา๑รอ. ยยา่ างแชกดั ้แเพจน2้ สไา�ดห้แรกับ่ ผูป้ ่วยทไ่ี ด้ (แนวตอบ เกดิ จากการใชยาไมถูกกับชนิดของ
รับประทานยาแก้แพ้เข้าไป จะมีอาการง่วงซึม เชื้อโรค ไมถกู ขนาด ไมครบจาํ นวน หรือ
ฉะนั้นจงึ มีการเขยี นขอ้ ความก�ากับไว ้ สา� หรับผู้ ไมถกู ตามกาํ หนดเวลาที่สามารถทําลาย
ทต่ี อ้ งขบั รถหรอื ทา� งานเกยี่ วกบั เครอ่ื งจกั รจงึ ไม่ เชอ้ื โรคนน้ั และจะเกดิ การตอ ตา นยาชนดิ นน้ั )
ควรรบั ประทาน เพราะอาจกอ่ ใหเ้ กดิ อนั ตรายได้ ก่อนรับประทานยาจะต้องอ่านฉลากยาให้ละเอียด
เพราะมิฉะนั้นอาจเกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยาได้ • เพราะเหตใุ ด ยาลูกกลอนจงึ เปน ยาอนั ตราย
๒. ยาแก้อักเสบ เช่น เตตรา เช่น การแพย้ า ทหี่ า มรับประทาน
(แนวตอบ เพราะยาลกู กลอนเปน ยาสมนุ ไพร
ท่มี สี ว นผสมของสเตยี รอยด ซ่งึ มผี ลตอ
กระดูกและกลามเนอ้ื และอวัยวะภายใน
เชน การทํางานของตับ ไต เปน ตน )
ซัยคลิน ซ่ึงจะมีผลต่อฟัน มีส่วนท�าให้ฟันเหลือง ถ้าใช้มากเกินไปอาจมีผลต่อเนื้อฟัน ท�าให้มี
ลกั ษณะด่างและ๓ห.มย่นาเทหผี่มสอื มนสรเอตยยี ตรกอกยรดะ ์ เ ชเปน่ ็น ยตาน้สมนุ ไพรทที่ า� เปน็ ลกู กลอน3 ยาแกป้ วดเมอ่ื ย เปน็ ตน้
ซงึ่ มีผลตอ่ กระดูกและกล้ามเน้อื และอวยั วะภายใน เชน่ การทา� งานของตับ ไต เปน็ ตน้
๔) การติดยา ยาบางชนิดถ้าใช้ไม่ถูกต้องหรือใช้ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานาน
อาจจะมผี ลต่อการตดิ ยาขนานน้ันได้ง่าย
๕) พษิ ของยา การใชย้ าเกนิ ขนาดเพราะใชไ้ มถ่ กู วธิ ี อาจกอ่ ใหเ้ กดิ อนั ตรายตอ่ รา่ งกายได้
ซ่ึงมผี ลต่อระบบอวัยวะของร่างกายต่างๆ ดงั น้ี
๒๑.. รระะบบบบเปสร้นะปสารทะสสา่วทน กทลา� าใงห ้หทูอ�าื้อให ห้นูตองึน4 ไหมหู ห่ นลวับก ปวดศีรษะ กระวนกระวาย
๓. ระบบไหลเวียนโลหติ ทา� ใหห้ วั ใจเต้นผดิ ปกติ เกิดความผดิ ปกติของเม็ดเลือด
๔. ระบบทางเดินอาหาร อาจทา� ให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร
๕. ครรภ์มารดา มีอันตรายต่อทารกในครรภ์ ซ่ึงอาจท�าให้สูญเสียอวัยวะตั้งแต่
ตัง้ ครรภ์
๖. อวยั วะอน่ื ๆ เชน่ ตบั ไต ทที่ า� หนา้ ทก่ี า� จดั ของเสยี ออกจากรา่ งกาย แตเ่ นอื่ งจาก
สถานการณท์ ต่ี อ้ งท�างานหนกั หรอื ไดร้ ับยาบางชนิด สง่ ผลตอ่ สภาพของร่างกายได ้ เปน็ ต้น 99
กจิ กรรมสรา งเสรมิ นักเรยี นควรรู
ใหน ักเรยี นคนหาช่อื ยาตางๆ จากนน้ั นาํ มาเขยี นเปนตาราง 1 ยาเตตราซยั คลิน ยาปฏิชีวนะชนดิ หนง่ึ อยใู นกลุม ของยาแกอ กั เสบ สามารถ
เปรียบเทยี บวา ยาแตละชนดิ นนั้ จัดอยใู นประเภทใด โดยอาจ ใชแทนยาเพนซิ ิลลินได
สืบคนขอ มลู ไดจ ากหอ งสมุด อนิ เทอรเน็ต เภสชั กร หรือรา น 2 ยาแกแ พ จะมผี ลขา งเคียง คือ ทาํ ใหป ากแหง จมกู แหง ปสสาวะลาํ บาก
ขายยาใกลบา นของนกั เรียน ทาํ ใหงว งนอน ซมึ เวลาใชยานจ้ี งึ ควรระมัดระวงั การขบั ขยี่ านพาหนะหรอื ทํางาน
เกยี่ วกับเครื่องจกั รกล
กจิ กรรมทาทาย 3 ลกู กลอน มีลกั ษณะเปน เมด็ กลม เปน ยาสมุนไพรชนดิ หน่งึ ท่ีมักใชเปนยา
รักษาโรคเร้อื รงั และอาการปวดเมื่อย
ใหน ักเรียนเลอื กยามาอยา งนอ ย 3 ชนิด จากนนั้ วเิ คราะหวา 4 หอู อ้ื หตู งึ คือ การไดย ินไมชัด หรอื สมรรถภาพการไดยนิ ลดลง เปน อาการ
ยาทีน่ กั เรียนไดเลอื กมาน้นั มีผลดแี ละผลเสียอยางไรจากการใชยา ทพ่ี บไดบ อย และเปนอาการนาํ ท่สี าํ คัญของการสญู เสยี การไดยิน ซง่ึ ความผดิ ปกติ
ดังกลาว ทพี่ บไดบ อ ย เชน ขี้หูอดุ ตนั แกว หทู ะลุ หชู ้นั กลางอกั เสบ เปนตน
คมู ือครู 99
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขา าใจใจ ตรวจสอบผล
Explore Evaluate
Engage Explain Explain Expand
อธบิ ายความรู
ใหน ักเรยี นแตล ะกลุม รว มกันเสนอแนะตอ เรอื่ ง ๑.๘ แนวทางการจัดกจิ กรรมปองกันความเส่ยี งตอการใชย า
ยาและการใชย า ในประเด็นแนวทางการจัด
กจิ กรรมปอ งกนั ความเสย่ี งตอการใชย า โดยครู ตัวอยา่ งแนวทางการจัดกิจกรรมปอ งกนั ความเส่ยี งตอ่ การใชย้ า มีดังน้ี
รวมเสนอแนะเพมิ่ เติม และต้ังคาํ ถามเพอ่ื ใหไ ด ๑) แสดงบทบาทสมมติเม่ือ
ขอ สรปุ ท่ีถกู ตองรว มกนั ไปซื้อยาจากร้านขายยาท่ีมีเภสัชกร ซึ่ง
นข้ัอกเสรงียสนัยจกะับตเ้อภงสบัชอกกร1ร าเยชล่นะ เอปียรดะ วัแติลกะาซรแักพถา้ยมา
• แนวทางการจัดกจิ กรรมปองกนั ความเส่ียง ผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดข้ึนภายหลังจากการ
ตอ การใชย าสามารถทาํ ไดอ ยา งไรบาง รับประทานยาบางชนิดเข้าไป เป็นต้น
(แนวตอบ เชน การนําตัวอยา งยาท่ีใชอ ยูเปน ๒) น�าตัวอยางยาท่ีนักเรียนใช้
ประจาํ มาอธิบายลกั ษณะการใชย าใหเพ่อื นฟง อยเู ปน ประจา� หรอื ยาทนี่ กั เรยี นเคยรบั ประทาน
เชิญวทิ ยากรมาบรรยายเกย่ี วกับการใชย า มาอธิบายให้เพ่ือนฟัง เพื่อช่วยให้เกิดความรู้
สาธติ การอา นฉลากยา ยกตัวอยางกรณีศกึ ษา ในการซ้ือยารับประทาน เพ่ือให้แน่ใจว่าไม่มีผลข้างเคียง ความเขา้ ใจเกย่ี วกบั ยา และสามารถนา� ไปปฏบิ ตั ิ
ที่รูจักวิธีปฏิบตั ติ นเมอื่ เกิดอาการขางเคยี ง ใดๆ หรือยาชนดิ ใดทเ่ี หมาะสมกับโรค ควรปรึกษาแพทย ในการใชย้ าได้อย่างถูกต้อง เช่น
จากการใชยา เปนตน) หรอื เภสัชกรจะทาํ ให้ได้รบั ข้อมลู ทีถ่ กู ต้องทสี่ ุด
ขยายความเขา ใจ Expand ■ ชอื่ สามญั และชอ่ื ทางการคา้ ของยา
ใหน ักเรียนแบง กลุม กลมุ ละ 4-5 คน รวมกนั ■ ลักษณะรูปรา่ ง และประเภทของยา เชน่ ส ี กล่นิ ยาน�้า ยาเม็ด ยาใช้ภายใน
จัดปา ยนเิ ทศเรอ่ื ง การใชย าใหถูกตอง โดยมี ยาใช้ภายนอก เปน็ ต้น
ประเด็น ดงั น้ี ■ การใชย้ า เชน่ รับประทานตอนเช้า กลางวัน หรือเย็น รับประทานก่อนอาหาร
หรอื หลังอาหาร หรอื กอ่ นนอน เป็นต้น
• หลกั การใชย าท่ีถกู ตอ ง ■ ปรมิ าณท่ีรับประทาน เมอ่ื รับประทานยาเขา้ ไปแล้วจะมีผลขา้ งเคยี งอยา่ งไร
• ปญ หาและอนั ตรายจากการใชยา ■ ขอ้ ควรระวงั ในการใชย้ า
๓) สาธิตการอานฉลากยา โดยน�าฉลากยาหลากหลายประเภทมาอ่านให้เพ่ือนใน
ห้องฟัง และควรเนน้ ย�้าใหเ้ พือ่ นในหอ้ งฟงั และปฏิบตั ติ ามเกี่ยวกับการเก็บรกั ษายา เชน่
■ การเก็บยาในอุณหภมู ทิ ี่เหมาะสมตามที่ระบุไวบ้ นฉลากยา
■ ไมค่ วรเกบ็ ยาหลากหลายชนดิ ปะปนกนั
■ หา้ มเกบ็ ยาสา� หรบั รับประทาน และยาส�าหรบั ใชภ้ ายนอก จา� พวก ยาหยอดตา
ยาทาแผล ไวบ้ รเิ วณเดยี วกนั เพราะอาจหยิบผิดและอาจกอ่ ให้เกดิ อันตรายได้
๔) เชิญวิทยากรมาบรรยาย ถึงยาที่ใช้รับประทานที่มีปฏิกิริยาระหว่างยา อาหาร
เครือ่ งดื่ม หรอื อาหารเสรมิ และวธิ ีการหลีกเลย่ี ง
๕) ยกตวั อยา งกรณศี กึ ษา หรอื บคุ คลทรี่ จู้ กั วธิ ปี ฏบิ ตั ติ นเมอื่ เกดิ อาการขา้ งเคยี งจาก
การใชย้ า
๑๐๐
เกร็ดแนะครู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT
ขอ ใดเปนวธิ กี ารปองกนั ความเส่ียงตอการใชย า
ครูสามารถใหนกั เรยี นท่เี คยเขา รว มการจัดกิจกรรมปองกันความเส่ียงตอการ 1. รับประทานยากอ นอาหาร 2 ชั่วโมง
ใชย า ออกมาเลา ใหเ พื่อนฟง หนา ชั้นเรยี น วา นักเรียนมีสว นรว มในการจัดกิจกรรม 2. สามารถกลนื ยาโดยไมตองดืม่ นํ้าตามได
ดงั กลา วอยางไรบา ง และกอ ใหเ กิดประโยชนอยางไรกับตนเองและบคุ คลอน่ื 3. รบั ประทานยารว มกบั เครอ่ื งดมื่ ทมี่ แี อลกอฮอล
4. หากรับประทานยาน้ํา ตองเขยาขวดกอนทุกครัง้
นักเรียนควรรู วเิ คราะหค ําตอบ หากรับประทานยาน้ํา จะตองเขยา ขวดกอน
รินยาทกุ ครั้ง ทงั้ นเ้ี พอ่ื ใหย ากระจายตัวเทา กนั ท้งั ขวด โดยเฉพาะ
1 เภสชั กร มหี นาทีจ่ ายยาใหผูปวย แนะนําการใชยา ตดิ ตามการใชยาในผปู วย ยานํา้ แขวนตะกอน จะตอ งเขยา ใหยาเขากันดเี สียกอนจึงจะรนิ ยา
และเปน ผผู ลิตยา เภสชั กรจะตอ งเปนผูมคี วามรคู วามสามารถหลายสาขาโดยเฉพาะ รบั ประทานได ตอบขอ 4.
อยา งย่ิงทางดา นการแพทยไมว า จะเปนทางดานคลนิ ิก โรงพยาบาล และเภสชั ชมุ ชน
ซงึ่ จะตอ งเปนมาตรฐานเดียวกนั ทัว่ โลก
100 คมู อื ครู
กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Evaluate
Engage Explore Expand Engage
กระตนุ ความสนใจ
๒. สารเสพตดิ ครูนําคลปิ วิดโี อเหตุการณข า วเก่ียวกบั คนเมายาบา
แลว จต้ี ัวประกันมาใหน กั เรียนดู จากน้ันครู
องค์การอนามัยโลกได้ให้ความหมายของค�าว่า “สารเสพติด” ไว้ว่า สารเสพติด คือ สารที่ ตง้ั คาํ ถามกระตนุ ความสนใจของนักเรียน โดยให
เสพเขา้ ไปแลว้ จะทา� ใหเ้ กดิ ความตอ้ งการทงั้ ทาง นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ ไดอ ยา งอิสระ
ร่างกายและจิตใจ โดยไม่สามารถหยุดเสพได้
และจะต้องเพ่ิมปริมาณมากขึ้นเร่ือยๆ โดยอาจ • นกั เรียนคิดวา บุคคลดังกลา วมีความต้ังใจ
เสพเข้าสู่ร่างกายโดยการกิน สูบ ฉีด หรือดม ท่จี ะแสดงพฤติกรรมดงั กลาวหรือไม
เปน็ เวลาตดิ ตอ่ กนั จนในทสี่ ดุ รา่ งกายจะทรดุ โทรม (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
และจิตใจอย่ใู นภาวะท่ีไมป่ กติ ทา� ใหเ้ กดิ โรคภัย ไดอ ยางอสิ ระ)
ไขเ้ จ็บแกร่ ่างกายและจติ ใจ
• การกระทําดังกลา วเกดิ มาจากสาเหตใุ ด
๒.๑ สถานการณเก่ยี วกบั สาร (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
เสพตดิ ในปจจบุ ัน ไดอ ยางอสิ ระ โดยอาจตอบวา เกดิ จากการ
เมายาบา หรือเสพสารเสพตดิ )
ปัญหาการใช้สารเสพติดเป็นปัญหา ตราสัญลักษณพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด จัดทําขึ้น
ที่บ่อนทา� ลายชาตอิ ย่างทั่วโลก การปราบปราม เพอื่ มงุ่ หวงั ใหป้ ระชาชนไมย่ งุ่ เกย่ี วกบั ยาเสพตดิ อยา่ งสนิ้ เชงิ • ผลกระทบทอ่ี าจเกดิ ขนึ้ จากเหตุการณ
ไม่สามารถจะท�าลายหรือท�าให้ส�าเร็จได้ง่าย เพราะมีผลประโยชน์เกี่ยวพันกันอย่างมหาศาล ดังกลาวมอี ะไรบาง
ซง่ึ ปจั จบุ นั ยงั มกี ารแพรร่ ะบาดเพมิ่ มากขนึ้ โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ในชมุ ชน ดงั นนั้ การหาแนวทางแกไ้ ข (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
ทด่ี แี ละมปี ระสทิ ธภิ าพจงึ เปน็ สง่ิ สา� คญั ตอ่ ชมุ ชนทจ่ี ะสรา้ งพลงั ในการชว่ ยปอ งกนั ชมุ ชนของตนเอง ไดอยา งอิสระ โดยอาจตอบวา คนรา ยอาจ
ให้มีความปลอดภัยจากสารเสพตดิ เป็นชมุ ชนที่มีสขุ ภาพดี มีความสขุ ทง้ั ตนเองและบุคคลท่อี ยู่ ถกู ตาํ รวจจบั สําหรบั ตัวประกนั อาจไดรบั
ร่วมกันในชุมชน อันตราย)
สาํ รวจคน หา Explore
ปัจจุบันทั้งภาครัฐและเอกชนได้ ใหนกั เรียนศกึ ษาเรอื่ ง สารเสพติด จาก
ให้ความร่วมมือร่วมใจในการแก้ไขปัญหา หนงั สอื เรียน และแหลงเรยี นรอู ่นื ๆ เพม่ิ เตมิ โดย
โดยทุกฝ่ายพยายามที่จะหามาตรการปองกัน มปี ระเดน็ ในการศึกษา ดังน้ี
ปราบปรามต่อการแพร่กระจายสารเสพติด
สูค่ รอบครัวชุมชน และสังคม ด้วยวิธกี ารต่างๆ • สถานการณเกย่ี วกับสารเสพตดิ ในปจ จบุ ัน
และมาตรการอย่างต่อเน่ือง แต่มักจะมองการ • ผลกระทบที่เกดิ จากสารเสพตดิ
แก้ไขปัญหาและหาวิธีแก้ไขออกเป็นส่วนๆ • สถานการณเ สีย่ งทนี่ าํ ไปสูปญหาสารเสพตดิ
จึงท�าให้การแก้ปัญหาสารเสพติดไม่ได้ผลตาม
เปา หมาย และนบั วนั จะยง่ิ ทวคี วามรนุ แรงมากขนึ้ ในชมุ ชน
ในทกุ ๆ ดา้ น • ลักษณะทางจิตท่เี ส่ียงตอ การติดสารเสพตดิ
ปจ จุบันสงั คมไทยต่นื ตัวอย่างมากต่อภยั ของสารเสพติด
๑๐๑
คขอ ิดสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT บูรณาการอาเซียน
นกั เรยี นคิดวาการแพรร ะบาดสารเสพติดเขาสปู ระเทศไทย ปจ จุบนั ประชาคมอาเซยี นไดม คี วามเห็นชอบท่จี ะรว มดาํ เนนิ การใหภ มู ภิ าค
มีการแพรร ะบาดเขามาในรปู แบบใด เอเชยี ตะวันออกเฉยี งใตเ ปนเขตปลอดสารเสพติด ดังทกี่ ําหนดไวใ นนโยบายดา น
แนวตอบ การแพรระบาดของสารเสพตดิ ในประเทศไทย จะมี ประชาคมการเมือง และความมั่นคงอาเซยี นวา ประเทศสมาชิกในกลมุ อาเซยี นจะ
การแพรระบาดเขา มาในรูปแบบของการลกั ลอบนาํ เขาสารเสพตดิ สง เสรมิ ประชาชน และสรา งสงั คมใหม ่ันคง ปลอดภัยจากสารเสพติด เพิ่มความ
ตามชายแดนตา งๆ ซงึ่ พบวาเปน พ้ืนที่ซอ้ื ขายรวมทง้ั เปน พื้นที่พกั กนิ ดีอยดู ขี องประชาชนอาเซียน ดวยโอกาสทีท่ ัดเทียมกันในการเขาถึงการพัฒนา
สารเสพตดิ โดยผูคา รายใหญสว นมากจะอยใู นประเทศเพ่อื นบา น มนษุ ย สวสั ดิการ และความยตุ ิธรรม ทั้งนี้เพ่อื ปอ งกันไมใ หส มาชกิ ในประเทศ
และจะมีการวาจางชนกลมุ นอ ยเปนผลู าํ เลยี งสารเสพติด ตกเปน ทาสสารเสพตดิ ซ่ึงอาจสง ผลใหป ระเทศในกลมุ อาเซียนขาดคุณภาพ และ
ไมเจริญกาวหนา ได ทั้งนี้อาเซียนไดก าํ หนดนโยบายใหอ าเซียนเปนภมู ิภาคทีป่ ลอด
บรู ณาการเชือ่ มสาระ สารเสพติดภายในป พ.ศ. 2558
สามารถนําเน้อื หาเรอื่ ง สารเสพตดิ ไปบรู ณาการเชอ่ื มโยงกับ คูมอื ครู 101
กลมุ สาระการเรยี นรวู ทิ ยาศาสตร วชิ าวทิ ยาศาสตร เรอ่ื ง สารเสพตดิ
และผลตอรางกาย
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain
อธบิ ายความรู
ใหนักเรียนดแู ผนภมู วิ ิเคราะหว งจร แผนภูมิวิเคราะหว งจรการแพรระบาดของสารเสพติดในชุมชน
การแพรระบาดของสารเสพตดิ ในชุมชน จากนน้ั ให บคุ คล
นักเรยี นรวมกนั อภิปรายเรื่อง สถานการณ
เกี่ยวกับสารเสพตดิ ในปจ จุบัน โดยครแู ละนกั เรียน สารเสพติด สงิ่ แวดลอม
คนอน่ื ๆ รว มกันเสนอแนะเพม่ิ เตมิ และตั้งคาํ ถาม
เพ่อื ใหไ ดขอ สรุปทีถ่ ูกตองรวมกนั การแ พร่ร ะบดัางนดข้ันอในงสกาารรเวสิเคพรตาิด1ะ หค์สวถราคน�ากนาึงรถณึง์
มุมมองทุกระบบ คือ การมองภาพองค์รวม
• เพราะเหตุใด ประเทศไทยจึงไมส ามารถ ที่เป็นสาเหตุปัจจัยที่มีส่วนเกี่ยวข้องเช่ือมโยง
ปราบปรามสารเสพตดิ ไดอยางหมดสน้ิ ซับซ้อนกันอยู่ ซ่ึงมีผลส�าคัญต่อการแก้ไข
(แนวตอบ เพราะประเทศเพ่ือนบานยังมี ควบคมุ สถานการณ์ของสารเสพตดิ ได้
การผลติ สารเสพตดิ เปนจาํ นวนมาก และ จากแผนภูมินักเรียนจะพบว่าสถานการณ์
แอบลกั ลอบเขามาตามแนวพรมแดน การแพร่ระบาดของสารเสพติดในชุมชนน้ัน
ขณะเดยี วกนั มูลคาของสารเสพติดท่สี งู เชื่อมโยงมาจากสถานการณ์ปัญหาสารเสพติด
ทําใหผ ูค นจาํ นวนมากเกดิ ความโลภ ของประเทศท่ีทวีความรุนแรงย่ิงข้ึน ตามหลัก
รบั เอาสารเสพติดมาจําหนา ย) ระบาดวิทยาการเกิดโรคมีสาเหตุจากปัจจัย ๓
ประการ คอื บคุ คล สารเสพตดิ และสงิ่ แวดลอ้ ม
• ปจจัยใดบางท่ที าํ ใหเ กดิ การแพรระบาด
ของสารเสพตดิ ในชุมชน
(แนวตอบ ไดแก ปจ จัยจากตวั บคุ คล
สารเสพติด และส่ิงแวดลอ ม)
• เพราะเหตใุ ด ผูคาสารเสพตดิ ในปจ จบุ นั
สวนใหญจ งึ เปนเดก็ และเยาวชนทมี่ ีอายนุ อ ย
(แนวตอบ เพราะสามารถหลอกลวงให
กระทาํ ผิดไดงา ย ไมม ีความรคู วามเขา ใจ
ในเรอ่ื งโทษของสารเสพติดมากพอ และ
เปน การหารายได หากครอบครัวมีฐานะ
ยากจน หรืออยากไดสิง่ ของบางอยา งทมี่ ี
ราคาแพงเพือ่ เปนการแลกเปล่ยี น)
ปจ จบุ นั ทง้ั ภาครฐั และเอกชนไดพ้ ยายามทจ่ี ะหามาตรการ
ในการแก้ปญหาเพ่ือปองกันและปราบปรามยาเสพติด
ให้หมดสิ้นไปจากสังคมไทย
๑๐๒
เกรด็ แนะครู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT
เพราะเหตใุ ดวัยรนุ จงึ ตดิ สารเสพติดไดง ายทสี่ ดุ
ครคู วรอธบิ ายแผนภูมวิ งจรการแพรร ะบาดของสารเสพตดิ ในชมุ ชน โดยอาจ 1. ความอยากรอู ยากลอง
ใชวิธีการยกตัวอยา งสถานการณเปน กรณีศกึ ษา เพื่อใหน ักเรียนเกดิ ความเขาใจถงึ 2. ความเจบ็ ปวยทางกาย
ปจ จัยที่เปนสาเหตุใหสารเสพติดแพรร ะบาด 3. การใชย าในทางท่ผี ดิ
4. การมีฐานะยากจน
นักเรียนควรรู วเิ คราะหคําตอบ วัยรนุ เปน วัยทมี่ คี วามอยากรูอ ยากลอง ชอบเส่ียง
ดังนน้ั วัยรุน ทต่ี ิดสารเสพติดสวนใหญจ ึงมีสาเหตมุ าจากเหตุผล
1 การแพรร ะบาดของสารเสพติด กอ ใหเกดิ ปญ หาเศรษฐกิจและสังคมของ ดงั กลา วขางตน ตอบขอ 1.
สังคมไทย มผี ลกระทบตอ ทง้ั ระบบสังคมโดยรวม ครอบครัว และชมุ ชน โดยเฉพาะ
ปญหาสารเสพตดิ ในสถานประกอบการ ซึง่ นบั ไดวาเปน ปญหาท่ีเหน่ยี วรั้งความเจรญิ
กา วหนาและความสาํ เรจ็ ของผใู ชแ รงงานเปน อยางมาก
102 คมู ือครู
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
๑) ปัจจัยตามหลักระบาดวิทยา ใหนักเรยี นรวมกันอภปิ รายตอ เรือ่ ง
สถานการณเก่ียวกบั สารเสพติดในปจจุบัน โดยครู
ปจ จัยเชอื่ มโยงทีเ่ กย่ี วกับการแพรระบาดของสารเสพตดิ และนักเรียนคนอ่ืนๆ รวมกนั เสนอแนะเพม่ิ เตมิ
และต้ังคาํ ถามเพอ่ื ใหไดข อสรปุ ทถี่ ูกตองรว มกนั
บุคคล
• ความเชอื่ ท่ีวา ยาบามีผลดตี อ การทํางาน
เปน็ ปจ จยั ทีส่ า� คัญในการแพร่ระบาดของสารเสพติดในชุมชน ดงั น้ี บหุ ร่ีชวยใหเ ปน ที่ยอมรับของกลุม เพอื่ น
๑. กลมุ เปา หมาย เดมิ จากผใู้ ชแ้ รงงาน กรรมกร ลกู จา้ ง มาเปน็ เดก็ เยาวชน นกั เรยี น นกั ศกึ ษา ซงึ่ เปน็ ทรพั ยากร เปนความเชอื่ ที่ผดิ หรือไม เพราะเหตุใด
(แนวตอบ เปน ความเชื่อที่ผิด เพราะ
ทสี่ า� ค๒ญั. ผขคูองา1ป เรดะมิ เพทศบใวนา่ เอปนน็ าบคคุตคลทม่ี อี า� นาจ หรอื พอ่ คา้ แตป่ จ จบุ นั มาเปน็ เดก็ เยาวชน นกั เรยี น นกั ศกึ ษา พระภกิ ษุ พฤตกิ รรมสขุ ภาพดงั กลา วยอ มสง ผลเสยี ตอ
สขุ ภาพทงั้ สนิ้ ทงั้ ทางดา นรา งกายและจติ ใจ
ตา� รวจ ขา้ ราชการ โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนทม่ี ีอายนุ อ้ ยและยังอยู่ในวยั เรียนท่ีสรา้ งปญหาสงั คมเป็นอันมาก และสง ผลกระทบไปยงั ครอบครวั สังคม
๓. ผูที่มพี ฤติกรรมสุขภาพ จากความเช่อื เจตคติ การรับร ู้ ทสี่ ่งผลตอ่ และประเทศชาต)ิ
พฤติกรรมสุขภาพทีผ่ ดิ เช่น ยาบ้ามผี ลดตี ่อการท�างาน คือ ทา� งานได้เพิ่ม
มากขน้ึ บหุ รชี่ ว่ ยใหเ้ ปน็ ทยี่ อมรบั ของสงั คมและกลมุ่ เพอื่ น การเทยี่ วสถาน • ความเจรญิ กา วหนาทางดานเทคโนโลยี
เริงรมย์เปน็ การผ่อนคลายความเครยี ด และเขา้ สมาคมกบั ผอู้ ่ืนไดง้ ่าย ตางๆ มีผลตอ การแพรร ะบาดสารเสพตดิ
หรือไม อยา งไร
สารเสพติด (แนวตอบ ความเจริญกา วหนาทางดาน
เทคโนโลยมี ีผลตอการแพรร ะบาดสารเสพติด
ปจจุบนั มีการปรบั ปรุงเปล่ียนแปลงใหท้ ันสมยั มากข้ึน ดงั นี้ เน่ืองจากมีส่ิงทเ่ี ออื้ อาํ นวยตอการแพรระบาด
๑. ฤทธ์ิยา มีความรุนแรงเพ่ิมขึ้น โดยการใส่สารเคมีต่างๆ อยางมาก เชน การติดตอสื่อสารท่ีรวดเร็ว
ทันสมยั การคมนาคมในการขนสง ที่
ในการผลติ ซ่งึ มอี ันตรายต่อสขุ ภาพและชวี ติ มากข้นึ สะดวกสบาย เปน ตน )
๒. ประเภทยา มีการผลติ สารเสพติดประเภทใหม่ๆ เพมิ่ ขน้ึ
โดยมสี รรพคุณแตกตา่ งกันออกไป
๓. วธิ กี ารเสพ พบวา่ จะงา่ ยขนึ้ โดยไมใ่ ชอ้ ปุ กรณเ์ หมอื น
เดิมท�าใหส้ ะดวกตอ่ การใช้สารเสพตดิ
ส่งิ แวดลอม
๑. การผลิต การจา� หน่าย
ปจ จบุ ันมกี ารผลิตและจ�าหน่าย
ในแหลง่ ชุมชนแพร่หลายมากขึ้น ทง้ั ในโรงเรยี น มหาวทิ ยาลยั วดั หม่บู า้ น และชมุ ชนแออดั ต่างๆ
๒. ฐานะทางเศรษฐกจิ เดมิ ผมู้ อี า� นาจ มีฐานะด ี หรอื ในทางตรงขา้ มคนทมี่ ฐี านะยากจนจะมสี ว่ นในการผลิต
หรอื จา� หน่าย แตป่ จจบุ ันพบวา่ บุคคลในทุกระดบั ทุกฐานะมีสว่ นเก่ียวขอ้ งกับสารเสพติดมากขึ้น
๓. ความกาวหนาทางดานเทคโนโลยี เปน็ กระแสสงั คมมติ ิใหม่ที่สา� คัญยงิ่ การตดิ ตอ่ ส่ือสารทีร่ วดเรว็ ทนั สมัย
การคมนาคมท่ีสะดวกสบายมผี ลให้การแพรร่ ะบาดสารเสพติดในชมุ ชนเรว็ ข้นึ
ปญ ห๔า.อาคชรญอบาคกรรรวั มแลคะวสามงั คอมอ่ นสแภอาตพอ่ คคร่าอนบยิ คมรใวั นเปทลายี่งทนผี่แปดิ สลง่งเผปลน็ ใคหร้เกอดิบคควราวั มเดรยี่นุ วแทรตี่งใอ้ นงครบัรอภบารคะรคัว2วแาลมะรสบัังคผดิมชออยบ่างเพมมิ่ากขนึ้
๑๐3
ขคอิดสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT นักเรยี นควรรู
ครอบครัวท่ขี าดความอบอนุ สงผลใหลกู ตดิ สารเสพติดได 1 ผูคา ลกั ษณะของผคู าสารเสพตดิ จะมลี ักษณะดังน้ี มีคนแปลกหนามาหา
หรอื ไม เพราะเหตุใด บอยครัง้ มีพฤติกรรมปดบังการกระทําบางส่ิงบางอยา ง หรอื มฐี านะความเปน อยูท่ี
แนวตอบ ครอบครัวทขี่ าดความรักความอบอุน ขาดความเขา ใจ เปล่ยี นแปลงไปอยางรวดเรว็
ซึง่ กนั และกนั ทะเลาะกันจนครอบครัวเกิดความแตกแยก อาจมี 2 ความรุนแรงในครอบครวั มผี ลเสียตอ จิตใจ และพฒั นาการทางดาน
ผลทาํ ใหล ูกตดิ สารเสพติดได เน่อื งจากเมือ่ ลกู เกดิ ปญ หาตา งๆ บุคลิกภาพของเดก็ ซึง่ เด็กที่ถูกเลย้ี งดดู วยวธิ รี ุนแรง หรอื อยูในบรรยากาศ
แลว ไมสามารถทจ่ี ะแกไ ขปญหาเหลานน้ั ได เพราะไมม ผี ใู ห สง่ิ แวดลอ มทร่ี นุ แรงจะรสู กึ วาสงั คมแรกคือ สังคมในบา นเปน สิ่งไมดี และจะมี
คาํ ปรึกษา จงึ สงผลใหลูกแกปญหาดวยวธิ ที ี่ผดิ คอื การเสพ แนวโนมเปน คนมองโลกในแงร าย นิยมความกา วราวรุนแรง และมีแนวโนม ท่จี ะ
สารเสพตดิ ตอ ตา นสงั คม
คมู ือครู 103
กระตุน ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain
อธบิ ายความรู
ใหน ักเรยี นรว มกันอภปิ รายตอเร่ือง สถานการณ ๒) สถานการณ์เก่ยี วกับสารเสพตดิ
เก่ียวกบั สารเสพติดในปจจบุ ัน โดยครูและนักเรยี น
คนอน่ื ๆ รว มกนั เสนอแนะเพ่ิมเติม และต้งั คาํ ถาม สถานการณเ ก่ียวกบั สารเสพติด
เพ่อื ใหไ ดข อสรปุ ทีถ่ กู ตอ งรว มกัน
สถานการณก ารแพรระบาดของเฮโรอนี (Heroein)
• เพราะเหตใุ ด ยาบาจงึ มีการแพรระบาด จากสถานการณก์ ารแพรร่ ะบาดของเฮโรอนี ในประเทศไทย
มากที่สดุ
(แนวตอบ เพราะกระบวนการในการผลติ ยาบา เมอื่ ป ี พ.ศ. ๒๕๕๔ ในภาพรวมมแี นวโนม้ ลดลง แตย่ งั มี
สามารถทําไดง าย ลงทนุ นอ ย โดยมีแหลง
ผลติ อยูใ นประเทศเพือ่ นบาน และ เยาวชนรายใหมเ่ ขา้ มาเกย่ี วขอ้ งอยา่ งตอ่ เนอื่ ง ปจ จบุ นั พนื้ ท่ี
มกี ารลําเลียงขนยา ยยาบา โดยใชร ถโดยสาร
ประจําทาง รถทวั รทอ งเทย่ี ว รถขนผกั ท่ีเปน็ แหล่งปลูกฝน และเฮโรอีนทสี่ า� คัญมี ๒ แหล่ง คือ
จากภาคเหนอื ไปสงใหล ูกคา ทั่วทกุ จังหวดั )
พพนน้ืื้ ททพบ่ีี่ รรเิะวจณนั สทารมเ์ สเหยี้ ลวทยี่ มองทคอา�ง คปา�1 ระโดเทยศพอน้ื ฟั ทกท่ี าน่ีนา�สิ เถฮาโรนอ นี แเลขะา้
• เพราะเหตุใด การจัดปารต ีย้ าอี จึงไดร บั
ความนิยมในกลมุ วยั รนุ ดารา หรือบคุ คล สปู่ ระเทศไทยมากทส่ี ดุ คอื พนื้ ทช่ี ายแดนภาคเหนอื เชน่
ทม่ี ีฐานะคอนขา งดี
(แนวตอบ เนือ่ งจากยาอีมรี าคาคอนขา งแพง จงั หวดั เชยี งราย จงั หวดั เชยี งใหม ่ เปน็ ตน้ รองลงมาเปน็ พนื้ ทภ่ี าคกลาง ซง่ึ รวมถงึ การนา� เขา้ ทสี่ นามบนิ สวุ รรณภมู ดิ ว้ ย
และหาซ้ือไดยาก โดยกลมุ คนเหลานจี้ ะเลือก
ใชย าอใี นการจดั งานปารต ี้ เพราะทาํ ใหไ มร สู กึ สว่ นปญ หาการคา้ และการแพรร่ ะบาดสว่ นใหญจ่ ะอยใู่ นพน้ื ทภ่ี าคใต ้ โดยเฉพาะบรเิ วณพน้ื ท ่ี ๔ จงั หวดั ชายแดนภาคใต้
เหนื่อย สามารถเตนไดท ั้งวันทง้ั คนื และยงั ให
ฤทธ์เิ คล้มิ ฝน เปนสขุ ท่นี ุม นวลเปนพเิ ศษ ซ่ึง (สา� นกั ยทุ ธศาสตร ์ สา� นกั งานปอ งกนั และปราบปรามยาเสพตดิ ป.ป.ส. (๒๕๕๕) สถานการณเ์ ฮโรอนี ประเทศไทย ป ี ๒๕๕๔)
หาไมไดในสารเสพติดชนดิ อื่น ทาํ ใหผเู สพมี
อารมณร วมซึง่ กนั และกัน และสามารถทําให สถานการณก ารแพรระบาดของกญั ชา
เขาใจปญ หาเรอ่ื งกลดั กลมุ ของเพอื่ นไดอ ยาง ผตู้ ดิ ยาเสพตดิ สว่ นใหญเ่ รมิ่ ตน้ ดว้ ยการทดลองเสพกญั ชาเปน็ อยา่ งแรก โดยกญั ชาจะมกี ารกระจายตวั ไปทว่ั ทกุ ภาค
ลกึ ซึ้ง)
ซง่ึ พน้ื ทที่ ม่ี กี ารแพรร่ ะบาดมาก ไดแ้ ก ่ ภาคใต ้ และภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื
สถานการณก ารแพรร ะบาดของยาบา
ปจ จบุ นั กลมุ่ ผผู้ ลติ เฮโรอนี หนั มาผลติ ยาบา้ มากขนึ้ เพราะกระบวนการในการผลติ ยาบา้ สามารถทา� ไดง้ า่ ยลงทนุ นอ้ ย แต่
ผลกา� ไรสงู โดยยาบา้ จดั วา่ เปน็ สารเสพตดิ ทนี่ ยิ มมากทสี่ ดุ มแี หลง่ ผลติ อยใู่ นประเทศเพอื่ นบา้ น ในปจ จบุ นั ไดม้ กี ารแพร่
ระบาดของยาไอซค์ วบคกู่ บั ยาบา้ มากยงิ่ ขนึ้ มกี ารลา� เลยี งขนยา้ ยยาบา้ โดยใชร้ ถโดยสารประจา� ทาง รถทวั รท์ อ่ งเทย่ี ว
รถขนผกั จากภาคเหนอื ไปสง่ ใหล้ กู คา้ ทว่ั ทกุ จงั หวดั ซงึ่ จะแพรร่ ะบาดมากในพนื้ ทภ่ี าคกลาง และกรงุ เทพมหานคร
สถานการณการแพรร ะบาดของสารระเหย
เมอื่ ราคาสารเสพตดิ เชน่ เฮโรอนี ยาบา้ เปน็ ตน้ มรี าคาแพงและหาซอ้ื ไดย้ าก “สารระเหย” ซงึ่ เปน็ สารเสพตดิ ทหี่ าได้
งา่ ยกวา่ จงึ อาจกลบั มาแพรร่ ะบาดอกี โดยฝน จะมกี ารกระจายตวั ไปทวั่ ทกุ ภาคเชน่ เดยี วกบั กญั ชา แตพ่ นื้ ทที่ ร่ี ะบาดมาก
คอื ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื (Ecstasy) โคเคน (Cocaine) เคตามีน (Ketamaine2)
สถานการณการแพรระบาดของเอ็คซต าซี
โดยจัดว่าเป็นยาในกลุม่ ทใี่ ช้กนั ตามสถานบนั เทงิ เชน่ ยาอ ี (E) ยาไอซ ์ (Ice) ยาเลฟิ (Love) เปน็ ตน้ โดยกลุม่
ยาเหล่านี้จะแพรร่ ะบาดมากในกลมุ่ เยาวชนทอี่ ยใู่ นกรงุ เทพมหานคร ภาคกลาง และภาคใต้
ทมี่ าขอ มลู : สา� นกั ยทุ ธศาสตร ์ สา� นกั งานปอ งกนั และปราบปรามยาเสพตดิ ป.ป.ส. สถานการณย์ าเสพตดิ ชว่ งแผน
ปฏบิ ตั กิ าร “พลงั แผน่ ดนิ เอาชนะยาเสพตดิ ” เดอื นตลุ าคม ๒๕๕๔ - มนี าคม ๒๕๕๕
๑๐๔
นักเรียนควรรู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT
เพราะเหตใุ ด การแพรร ะบาดของสารเสพตดิ ยงั ทวีความรนุ แรง
1 สามเหลย่ี มทองคาํ เปนพื้นทร่ี อยตอ ระหวางประเทศไทย ลาว และพมา ท่ีมี มากขน้ึ เรอ่ื ยๆ และไมส ามารถปราบปรามไดอยา งจริงจัง
ลกั ษณะเปนพน้ื ทีส่ ามเหล่ียมบรรจบกัน โดยมแี มน ้ําโขงตัดผา นชายแดนไทยและลาว แนวตอบ เพราะยงั คงมีกลุมผมู ีอทิ ธพิ ลและเจา หนาท่ีของรฐั
ซง่ึ พนื้ ทบี่ ริเวณนี้เคยเปนแหลงปลกู ฝน และผลิตยาเสพตดิ แหลงใหญ โดยการลําเลยี ง เขามาเกี่ยวขอ งกบั สารเสพติด ท้งั เปน ผดู าํ เนนิ การเองหรือเปน
ฝน นั้นจะมกี ารลดั เลาะไปตามไหลเขาพรอ มกําลงั คุม กัน ซึ่งยาเสพตดิ และฝน จะ ผูชวยเหลอื สนบั สนนุ จงึ ทาํ ใหก ารสืบสวนปราบปรามมคี วาม
ถูกแลกเปลย่ี นดว ยทองคําในนํา้ หนักท่ีเทา กันจงึ เปนทม่ี าของช่ือ สามเหลย่ี มทองคาํ ซับซอ นและเปนไปอยางยากลําบาก
2 เอ็คซตาซี (Ecstasy) โคเคน (Cocaine) เคตามีน (Ketamaine)
เปน สารเสพตดิ ชนิดเดยี วกับยาอี มที ง้ั แบบแคปซลู และเปนเมด็ สตี างๆ จะออกฤทธ์ิ
กระตุนประสาทระยะสนั้ ๆ หลังจากนน้ั จะออกฤทธ์ิหลอนประสาทขั้นรนุ แรง ทาํ ให
ผเู สพเกิดอาการเห็นภาพหลอน หูแวว เคลิบเคล้ิม ไมสามารถควบคุมตนเองได
104 คูมอื ครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
à¡Ãç´¹Ò‹ Ì٠ใหน ักเรียนอา นเกรด็ นา รูเรื่อง ประเภทของ
สารเสพติด จากนัน้ ใหนกั เรยี นรว มกนั อภิปราย
ประเภทของสารเสพตดิ เร่อื ง ผลกระทบทเี่ กดิ จากสารเสพตดิ โดยครแู ละ
นกั เรียนคนอ่ืนๆ รว มกันเสนอแนะเพม่ิ เติม และ
๑. แบง ตามแหลง กําเนดิ ไดแ้ ก่ 12 แอมเฟตามีน3 ต้งั คําถามเพือ่ ใหไ ดขอ สรปุ ที่ถูกตองรวมกนั
๑) สารเสพตดิ ธรรมชาต ิ คือ สารเสพตดิ ทผี่ ลติ ไดม้ าจากพืช เชน่ ฝน กระทอ่ ม กัญชา
๒) สารเสพติดสังเคราะห คือ สารเสพติดที่ผลิตขึ้นด้วยกรรมวิธีทางเคมี เช่น เฮโรอีน • การเสพสารเสพตดิ สงผลกระทบตอ
(Amfetamine) สขุ ภาพของผเู สพอยางไรบาง
(แนวตอบ ทําใหร า งกายทรดุ โทรม สมอง
๒. แบงตามฤทธิ์ของยา ได้แก่ เส่ือม ภมู ติ านทานโรคลดลง และทําใหเ กดิ
ประเภท ๑ การกดประสาท ได้แก ่ เฮโรอนี มอรฟ์ นี (Morphine) ยานอนหลับ ยาระงบั ประสาท ยากลอ่ ม โรคตางๆ เชน โรคมะเรง็ โรคเอดส เปน ตน
ประสาท เครอ่ื งดมื่ มึนเมาทุกชนดิ รวมทั้งสารระเหย เชน่ ทินเนอร ์ (Thinner) กาว (Glue) เปน็ ตน้ มกั พบวา่ ผู้ติด นอกจากนี้ยังสงผลตอสขุ ภาพจิต เชน
สารเสพติดมรี า่ งกายซบู ผอม ตัวเหลอื ง ออ่ นเพลีย ฟงุ ซา่ น ทําใหเกิดอาการซมึ เศรา หดหู คลุม คลัง่
ประเภท ๒ กระตนุ ประสาท เชน่ แอมเฟตามีน กระทอ่ ม โคเคน เปน็ ต้น มักพบวา่ ผู้เสพจะมอี าการ ประสาทหลอน เปน ตน)
หงุดหงิด กระวนกระวาย จติ สับสน บางครงั้ มอี าการคลุม้ คลัง่ หรือทา� ในสิง่ ท่คี นปกตไิ ม่กลา้ ทา� เชน่ ท�าร้ายตนเอง
หรือฆา่ ผู้อ่นื เปน็ ตน้ • นกั เรียนคดิ วา ผลของการเสพสารเสพตดิ
ประเภท ๓ หลอนประสาท เชน่ แอลเอสด ี (LSD : Lysergic acid diethylamide) เหด็ ขีค้ วาย เปน็ ต้น กอ ใหเ กดิ ปญ หาชุมชนและสงั คมอยา งไร
ผู้เสพจะมีอาการประสาทหลอน ได้ยนิ เสียงประหลาด (แนวตอบ อาจกอใหเ กดิ ปญ หาอาชญากรรม
ประเภท ๔ ออกฤทธ์ิหลายอยาง ท้ังกดประสาท กระตุ้นประสาท และหลอนประสาท ได้แก่ กัญชา ตางๆ เชน ลกั ทรัพย ปลน จี้ ฆาตัดตอน
ผู้เสพติดมักมีอาการหวาดระแวง ความคิดสับสน เห็นภาพลวงตา หูแว่ว ควบคุมตนเองไม่ได้ และอาจป่วย กอ เหตทุ ะเลาะวิวาท การถูกสงั คมรังเกยี จ
เปน็ โรคจิตได้ การขายบรกิ ารทางเพศเพอ่ื แลกกบั การซอ้ื ยา
จะเห็นได้ว่าสารเสพติดนั้นมีโทษต่อร่างกายอย่างมหันต์ เมื่อเราทราบชนิดและอันตรายของสารเสพติด มาเสพ เปน ตน )
แล้ว จึงควรตระหนักและไม่เขา้ ไปย่งุ เกีย่ วใดๆ กับสารเสพตดิ
๒.๒ ผลกระทบที่เกิดจากสารเสพตดิ
ปญั หาสารเสพตดิ มีผลกระทบตอ่ บคุ คล ครอบครัว และชุมชน ดังตอ่ ไปน้ี
๑) ปญั หาสุขภาพ สารเสพตดิ กอ่ ใหเ้ กดิ ผลกระทบต่อร่างกาย ดงั น้ี
ดา นรา งกาย ดานจติ ใจ
ท�าใหร้ ่างกาย ทรดุ โทรม สมองเสือ่ ม สตปิ ญญา มีอาการของโรคจติ โรคประสาท เช่น
ลดลง นา�้ หนกั ลด ความตา้ นทานของรา่ งกายนอ้ ยลง ซึมเศรา้ หดหู่ ชอบแยกตัวอยูค่ นเดียว
บุคลิกภาพแปรปรวน อารมณ์และจิตใจ คลมุ้ คลง่ั จติ ใจเลอ่ื นลอย ประสาทหลอน
ไมป่ กต ิ ฟงุ ซ่าน ขาดความรับผิดชอบ จนถงึ ขน้ั ซมึ เศร้ารุนแรง ซงึ่ เป็นสาเหตุ
นอกจากนี้ยังทา� ให้เกดิ โรคตา่ งๆ เช่น ของการฆา่ ตวั ตายในที่สุด
โรคมะเรง็ โรคถงุ ลมโปง่ พอง โรคไวรสั
ตบั อกั เสบ โรคทต่ี ดิ ตอ่ ทางเพศสมั พนั ธ์ ๑๐5
โรคเอดส ์ เปน็ ตน้ ตลอดจนการเสยี ชวี ติ
เนอ่ื งจากการใช้สารเสพตดิ เกนิ ขนาด
ขอสอบ O-NET นักเรยี นควรรู
ขอ สอบป ’52 ออกเกย่ี วกับประเภทของสารเสพตดิ โดยแบงตาม 1 ฝน เปน สารเสพติดทสี่ กดั จากยางของผลฝน ซงึ่ จะออกฤทธก์ิ ดประสาท
ฤทธิ์ของยา สว นกลาง ทาํ ใหผเู สพมีอาการจิตใจเลื่อนลอย งว งซึม พูดจาไมรูเรอ่ื ง
2 กัญชา เปนสารเสพตดิ ชนิดหน่ึง โดยออกฤทธ์หิ ลายอยางกับประสาท
สุรามีผลตอระบบประสาทอยางไร สว นกลาง ผเู สพจะมีอาการออนไหวงา ย พูดเร็ว หวั เราะตลอดเวลา มนึ เมา
1. ออกฤทธผิ์ สมผสาน นิยมใชส ูบปนกบั ยาสบู ตา งๆ
2. ออกฤทธิก์ ดประสาท 3 แอมเฟตามีน เรยี กอีกอยางวา ยาบา จดั อยูในกลุม สารเสพตดิ ที่ออกฤทธ์ิ
3. ออกฤทธิ์หลอนประสาท กระตุนประสาท มีลักษณะเปน ยาเม็ดกลมแบนขนาดเลก็ ผูเสพจะมีอาการตืน่ ตัว
4. ออกฤทธ์ิกระตนุ ประสาท สมองเส่อื ม ประสาทหลอน เห็นภาพลวงตา หวาดระแวง คลุม คลัง่ เสยี สติ
วเิ คราะหค ําตอบ สรุ ามฤี ทธกิ์ ดประสาท อยใู นกลมุ ของ เฮโรอีน
มอรฟ น ยานอนหลับ ฯลฯ ซึ่งผูเสพจะมีอาการออ นเพลยี ซูบผอม
ฟงุ ซา น มนึ งง งวงซมึ บางคร้ังมอี าการคลมุ คลัง่ ตอบขอ 2.
คมู ือครู 105
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain
อธบิ ายความรู
ใหน กั เรยี นรว มกนั อภปิ รายเรอ่ื ง สถานการณเ สยี่ ง ๒) ปญั หาครอบครวั ทา� ใหค้ รอบครวั แตกแยก เกดิ การทะเลาะววิ าท การลกั ขโมย รายได้
ท่ีนําไปสปู ญ หาสารเสพติดในชุมชน โดยครแู ละ ตกต่�าไม่พอเลี้ยงครอบครัว ขาดความรักความอบอุ่น ขาดความรับผิดชอบต่อหน้าท่ี ซ่ึงเป็น
นักเรียนคนอน่ื ๆ รวมกนั เสนอแนะเพม่ิ เตมิ และตง้ั ต้นเหตนุ า� ไปสู่การเกดิ ปัญหาอืน่ ๆ ตามมา
คาํ ถามเพอ่ื ใหไ ดข อ สรปุ ทถ่ี ูกตอ งรวมกนั ๓) ปัญหาชุมชนและสังคม ก่อ
ให้เกดิ ปญั หาอาชญากรรมต่างๆ เช่น ลกั ทรัพย์
• พฤตกิ รรมสว นบคุ คลใดบางท่เี ปนพฤติกรรม ปลน้ จ้ี ฆ่าตัดตอน ก่อเหตทุ ะเลาะวิวาท การถกู
เส่ียงตอ การใชส ารเสพติด สังคมรงั เกยี จ การขายบริการทางเพศเพือ่ แลก
(แนวตอบ ไดแ ก การคบเพ่อื น การเทย่ี ว กับการซ้ือยามาเสพ การทอดท้ิงบุตร เป็นต้น
ตามสถานบนั เทงิ ในเวลากลางคนื การอยาก ชุมชนอ่อนแอเส่ือมโทรมเนื่องจากขาดก�าลัง
ทดลอง การถกู ชกั จงู และการเลยี นแบบจาก คนและทรัพยากร อันก่อให้เกิดการขาดความ
บคุ คลในครอบครัว เพ่ือน หรอื ผูอ นื่ ที่ตนเอง การออกกําลังกายเปนอีกวิธีหนึ่งท่ีช่วยให้ห่างไกลจาก สามคั ค ี ตลอดจนขาดการพฒั นา ทง้ั ยงั เปน็ ภาระ
ชนื่ ชอบ) สารเสพติด และยังเปนการสร้างเสริมสุขภาพร่างกายให้ ของสังคมทีจ่ ะต้องท�าการบา� บดั รกั ษา
แขง็ แรงอกี ด้วย
• สังคมหรือชุมชนในลักษณะใดมโี อกาสเสย่ี ง
ตอ การตดิ สารเสพติดมากท่สี ุด ๔) ปญั หาเศรษฐกจิ สารเสพตดิ บอ่ นทา� ลายเศรษฐกจิ ของประชาชนและประเทศชาติ
(แนวตอบ ชมุ ชนท่ีมคี วามแออัด ขาดความรกั ที่จะตอ้ งใช้ในการด�าเนินการปองกนั ปราบปราม บ�าบดั รักษา และฟนฟูสมรรถภาพ ประชาชน
ความสามัคคีตอกนั ไมด แู ลชวยเหลือเกอ้ื กลู ขาดรายได ้ ประชาชนว่างงาน อันส่งผลตอ่ รายได้ของประเทศด้านงบประมาณท่ีจะพฒั นาประเทศ
ซงึ่ กนั และกัน)
นอกจากนี้ปญั หาเศรษฐกิจทีม่ าจากครอบครัว ชุมชน กก็ ่อใหเ้ กดิ ปัญหาทางสังคมได้ เชน่ ปญั หา
อาชญากรรม การค้าบริการทางเพศ เป็นต้น
๒.3 สถานการณเ สี่ยงทนี่ ําไปสปู ญหาสารเสพติดในชุมชน
การท่ีบุคคลใช้สารเสพติดนั้นเป็นพฤติกรรมที่แสดงออกมาในด้านของร่างกาย จิตใจ
อารมณ์และสังคม ซ่งึ จะเป็นสถานการณ์เส่ยี งทจ่ี ะน�าไปสปู่ ญั หาสารเสพติดในชมุ ชนได ้ ดงั นี้
สถาบันครอบครวั
เป็นสถานการณเ์ สย่ี งประการแรกท่สี �าคญั มาก สภาพครอบครวั ทแ่ี ตกแยก หยา่ รา้ ง ขาดความอบอ่นุ
ขาดกิจกรรมร่วมกัน และความสัมพนั ธ์ทด่ี ขี องคนในครอบครวั ขาดการอบรมสัง่ สอน การเข้มงวดหรือ
หไปยสอ่ กู่นายราในชเ้สกานิ รไเสปพ ฐตาดิ นไะดย้ าจกึงจมนกั มขีคา�าดกผลนู้ า่ า�วควา่ร อ“บคครรอวั บ คกราัวรคถือกู ภทมูอิคดมุทก้ิง ันทสา� าใรหเส้เกพดิ ตปิด1ญ”หาครอบครวั ทีจ่ ะนา�
พฤตกิ รรมสวนบุคคล
กพบาคุฤรตคใกิลชรใ้เรพนมคื่อเลรสอดยี่ บงอตคาอ่กรกวัา ารเรเพจใช็บือ่ ส้นป3า ่วรผยเ2สู้ใจกพาลกต้ชโดิ รดิ คเ ชหทน่ รา ืองกกผาารู้ทเยี่ตทแนยี่ ลวชะเ่นืตทชราต่องาบจมิต สก ถากราาอนรยบถานัูกกเชทใักหงิ จใส้ นูงังจเความลกายเกอพลมื่อารนงับ ค นืกเป ากร็นาเตลรอ้นียย นาแกบทบดจลาอกง
๑๐6
นักเรียนควรรู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT
นักเรยี นคิดวา สถาบนั ทางการศกึ ษาจะมีสวนรว มในการปองกัน
1 ครอบครัวคือภมู คิ ุมกันสารเสพตดิ การมีครอบครวั ทอี่ บอุน เปรียบเสมอื น และแกไ ขปญหาสารเสพตดิ ไดอ ยา งไรบาง
ภูมคิ ุมกันใหก บั ลกู หลานไมใหไ ปของเก่ียวกับสารเสพติด โดยการเอาใจใสด ูแล แนวตอบ บุคลากรทเี่ กยี่ วขอ งภายในโรงเรียน โดยเฉพาะครู
ปกปองคมุ ครองลูกหลานหรอื บุคคลภายในครอบครวั ดว ยความรัก และความอบอุน อาจารย ควรมสี วนชว ยในการพัฒนานกั เรียนและเยาวชนดวยการ
อยางเตม็ ท่ี สอดสอ งดแู ลนักเรยี น จัดหลักสตู รกระบวนการเรียนการสอน
2 การใชเ พื่อลดอาการเจ็บปว ย ยาบางชนิดทม่ี ีผลตอการลดอาการเจบ็ ปว ย ใหเหมาะสม และจัดกิจกรรมตางๆ ทีเ่ ปนประโยชนใ หกับนกั เรียน
เม่ือรบั ประทานเปนประจําหรอื เปน เวลานาน อาจสง ผลใหเกิดการเสพตดิ ยาน้ันๆ
3 เพ่ือน มีอทิ ธพิ ลตอการเสพสารเสพติด เพราะสว นใหญวยั รนุ จะใกลชิดกับ
เพอ่ื นมากทีส่ ุด และชกั จูงใหก า วเขาสูว ังวนของสารเสพตดิ ตั้งแตเปนผูเ สพและ
ผูคาในทสี่ ดุ
106 คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขา ใา จใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
กลุมคนท่มี ีแนวโนม ตอ สารเสพติดในชมุ ชน ใหนกั เรยี นรวมกันอภิปรายเร่ือง ลกั ษณะ
ทางจิตท่เี สย่ี งตอการติดสารเสพตดิ โดยครแู ละ
ผู้มีอิทธิพลท่ีเป็นผ้ผู ลิต ผคู้ า้ ผูจ้ �าหน่าย แหล่งผลิต แหล่งจ�าหนา่ ยภายในหรือบริเวณรอบๆ ชุมชน นักเรยี นคนอ่ืนๆ รว มกันเสนอแนะเพิม่ เตมิ และ
ตัง้ คาํ ถามเพอื่ ใหไดขอ สรปุ ทีถ่ ูกตองรวมกัน
ความออ นแอทางสงั คม และวัฒนธรรมของชุมชน
• ลักษณะทางจิต มีอทิ ธพิ ลตอ การติด
การมแี หลง่ เสอื่ มโทรม ชมุ ชนแออดั การขาดความรกั ขาดการมสี ว่ นรว่ ม ขาดความรบั ผดิ ชอบ ไมม่ กี าร สารเสพติดเพราะเหตใุ ด
เกือ้ กูลดูแลซงึ่ กันและกัน รกั ษาประโยชน์ส่วนตนมากกว่าส่วนรวม ขาดกฎระเบียบของชุมชน เป็นต้น (แนวตอบ เพราะหากบุคคลมีสภาพทางจติ ใจ
ทดี่ ี กย็ อมสง ผลใหม ีพฤตกิ รรมท่ีดีตามไป
สถาบนั ทางการศกึ ษา ดว ย แตถ าหากบุคคลมีสภาพจติ ใจทีย่ า่ํ แย
หดหูก ็อาจสงผลใหแ สดงพฤตกิ รรมทไี่ มดี
โรงเรยี น คร ู อาจารย ์ ผปู้ กครอง ชมุ ชน มสี ว่ นชว่ ยพฒั นาเยาวชน ตลอดจนกลมุ่ เพอื่ นซงึ่ ถอื วา่ เปน็ กลมุ่ ออกมาหรอื นาํ ไปสกู ารตดิ สารเสพติดได)
ทมี่ อี ทิ ธพิ ลมากกวา่ ครอบครวั โดยสงั เกตเหน็ ไดว้ า่ เมอื่ มปี ญ หาเกดิ ขนึ้ วยั รนุ่ มกั จะเลอื กเขา้ หาปรกึ ษา
เพื่อนของตนมากกว่าพอ่ แม่ และมักจะชอบท�าตามกลุ่มเพอื่ น โดยมกั อา้ งว่า “เพือ่ นๆ ก็ท�ากนั ท้งั น้นั ” • ลักษณะทางจติ ทเ่ี สีย่ งตอการติดสารเสพติด
ถงึ แม้จะทราบว่าส่ิงนน้ั ไม่ดีกต็ าม ไดแ กอ ะไรบาง
(แนวตอบ ไดแก การมุงอนาคตและควบคมุ
สถาบนั ทางสังคมและการเมือง ตนเอง และความเชอ่ื อํานาจในตน)
ดา้ นมาตรการทางสงั คม การเมอื ง ขาดกฎระเบยี บ กฎหมายหยอ่ นยานทเี่ ออื้ ตอ่ กลมุ่ บคุ คลบางคนของ ขยายความเขา ใจ Expand
ภาครฐั และการเมืองสภาพสังคมออ่ นแอ เส่อื มโทรม ความกา้ วหนา้ ทางวทิ ยาศาสตร ์ เทคโนโลย ี ด้าน
การสอ่ื สาร การคมนาคมทส่ี ะดวกสบาย ทา� ใหก้ ารตดิ ตอ่ ขนสง่ สารเสพตดิ สชู่ มุ ชนทา� ไดส้ ะดวกมากขน้ึ
๒.๔ ลกั ษณะทางจติ ทเ่ี สีย่ งตอ การติดสารเสพตดิ ใหน กั เรียนรวมกนั จัดกจิ กรรมรณรงคตอ ตาน
สารเสพตดิ ในโรงเรยี นมา 1 กิจกรรม โดยกิจกรรม
ลักษณะทางจิตจะมีอิทธิพลต่อการเกิดพฤติกรรมในการกระท�าส่ิงต่างๆ หากบุคคลมี นั้นตอ งเปนกจิ กรรมทีส่ รางสรรคและสามารถหา ง
สภาพทางจิตใจท่ีดี ก็ย่อมส่งผลให้มีพฤติกรรมที่ดีตามไปด้วย แต่ถ้าหากบุคคลมีสภาพจิตใจที่ ไกลจากสารเสพติดได
ไม่มั่นคง แปรปรวน ออ่ นไหวงา่ ย บคุ คลเหลา่ น้มี แี นวโนม้ จะถูกชักจงู ไดง้ ่าย หรืออาจน�าไปสูก่ าร
ตดิ สารเสพติดได้ ซึง่ ลักษณะทางจติ ท่เี ส่ียงตอ่ การติดสารเสพติด มดี งั น้ี
๑. มงุ่ อนาคต และควบคมุ ตน นกั เรยี นทม่ี คี วามมงุ่ อนาคตตา่� ยอ่ มไมท่ ราบวา่ จะมอี ะไร
เกิดขนึ้ กับตนในอนาคต เชน่ นกั เรยี นทีไ่ ม่ตัง้ ใจเรยี น มชี ีวติ อยโู่ ดยไมม่ จี ุดมุ่งหมาย จึงมีแนวโน้ม
ทเ่ี สย่ี งต่อการตดิ สารเสพตดิ เพ่อื ใช้เปน็ ทางออกของชีวิตในปจั จุบนั เปน็ ต้น
๒. ความเช่ืออ�านาจในตน นักเรียนท่ีมีความเชื่ออ�านาจในตน จะเป็นผู้ที่เข้าใจชีวิต
สามารถยอมรบั วา่ สิ่งตา่ งๆ ทเี่ กิดขึน้ กับตนเปน็ เพราะการกระท�าของนกั เรียนเอง ดงั นนั้ นกั เรยี น
ที่มีความเช่ืออ�านาจในตนสูงจะปลอดภัยและเอาตัวรอดจากการติดสารเสพติดได้ ซึ่งตรงข้ามกับ
นกั เรยี นทมี่ คี วามเชอื่ อา� นาจนอกตน ซงึ่ มคี วามคดิ วา่ สง่ิ ทเี่ กดิ ขน้ึ ในชวี ติ เปน็ เรอื่ งบงั เอญิ ขน้ึ อยกู่ บั
โชคชะตา วาสนาเคราะห์กรรม หรือเกิดจากการกระท�าของผู้อ่ืน จึงมีโอกาสเสี่ยงต่อการ
ติดสารเสพตดิ ได้มาก
๑๐๗
กจิ กรรมสรา งเสรมิ เกร็ดแนะครู
ใหนกั เรยี นศกึ ษาลักษณะทางจติ ทเี่ สี่ยงตอ การตดิ สารเสพติด ครคู วรอธบิ ายเพ่ิมเติมวา การอยใู กลชิดกบั ผูต ิดสารเสพตดิ ยอมมโี อกาสได
เพ่ิมเตมิ และเขยี นสรุปเปน ผังความคดิ สงครผู ูสอน ศึกษาเรื่องสารเสพตดิ และสรรพคณุ ของสารเสพติดโดยทางประสบการณตรง และ
โอกาสทผี่ นู ั้นจะถกู ชักชวนใหเร่ิมเสพยายอ มมีไดมาก เพราะวา ผตู ิดสารเสพติดเอง
กิจกรรมทา ทาย กป็ รารถนาจะไดส มาชกิ ใหมๆ มารว มกลมุ เพ่อื ไดอาศยั ทรัพยข องผูเสพติดใหมม า
ซื้อสารเสพตดิ แบง กนั เสพ ทางดานผรู ิเริ่มเสพยาใหมๆ ซ่งึ เปนเดก็ วยั รนุ กม็ ีความ
ใหน กั เรยี นวเิ คราะหว า ลักษณะทางจิตที่เกิดขึ้นน้ัน เปนผล โนม เอียงทีจ่ ะกระทาํ ตามคาํ ชักชวน ชกั จูงเปน ทุนอยแู ลว เพ่อื แลกกบั การไดเ พอื่ น
มาจากปจ จยั ใดทที่ ําใหบคุ คลเส่ียงตอ การติดสารเสพติด โดยให ใหเกดิ เปนท่ยี อมรบั ของเพอ่ื น และเพื่อแสดงการปรับตัวใหเ ขากบั เพื่อนๆ
เขยี นสรุปลงในกระดาษรายงาน แลว นําสงครูผูส อน
คูม อื ครู 107
กกรระตะตนุ Eุนnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore
กระตนุ ความสนใจ Engage
ครูตัง้ คาํ ถามกระตุนความสนใจของนักเรยี น ๒.5 การปอ งกนั ปญ หาและแกไ ขปญหาสารเสพติด
เพอ่ื ใหนักเรียนสามารถแสดงความคดิ เห็นไดอยาง
อสิ ระ ปญั หาสารเสพตดิ เปน็ ปัญหาสังคม ซึ่งมีผลกระทบตอ่ สุขภาพและเศรษฐกิจ ตลอดจน
ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนโดยรวม ดังนั้น ทุกคนในฐานะท่ีเป็นประชากรของประเทศไทย
• หากบุคคลใกลชดิ ของนกั เรียนมีพฤติกรรม จงึ เป็นกา� ลังส�าคัญในการพฒั นาประเทศชาติให้มนั่ คงสบื ไป
เสี่ยงตอ การติดสารเสพตดิ นักเรยี นจะมี จะเห็นได้ว่า ปัญหาสารเสพติดเป็นปัญหาท่ีมีมานาน และนับวันจะเพิ่มความรุนแรง
แนวทางในการปองกันอยา งไร ขสรน้ึ ้าเงรคือ่ วยาๆม หถนงึ แักมใจร้ ใัฐหบท้ าั้งลรจฐั ะบพายลาแยลาะมปใรชะม้ ชาาตชรนกคานรตไทา่ งยๆท ี่มใไินดก้ตากรเปปร็นาทบาปสรสาามรกเ็ตสพามต ิด1แ ตแป่ลัญะเปหน็ากป็ยญั งั หคาง
(แนวตอบ นักเรยี นสามารถแสดงความคดิ เห็น ท่ีทุกคนไม่อาจหลีกเลี่ยงและละเลยได้ เนื่องจากปัญหาน้ีมีความซับซ้อนและเก่ียวข้องกับหลาย
ไดอ ยา งอิสระ) ปัจจัย อนั อาจส่งผลกระทบทงั้ ต่อตนเองและครอบครัว
ทุกคนจึงต้องรู้บทบาทและหน้าที่ในการปองกันและแก้ไขปัญหาสารเสพติดดังกล่าว
• ถาหากนักเรียนตองการจัดกจิ กรรมเพ่อื ซงึ่ มแี นวทางการบรู ณาการดว้ ยวธิ กี ารต่างๆ ท่ผี สมผสานกนั ดงั ตอ่ ไปนี้
ปอ งกันปญหาจากสารเสพตดิ นักเรยี น
สามารถจดั กจิ กรรมใดไดบาง ๑) การพัฒนาบุคคล เป็นสิ่งส�าคัญที่สุด เพราะการที่คนจะติดหรือเป็นทาสสาร
(แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคดิ เห็น
ไดอ ยางอิสระ) เสพติดมาจากปัจจัยของบุคคล อนั เน่ืองมาจากสภาพท้ังร่างกายและจิตใจทีม่ ีผลกระทบมากท่ีสดุ
ซ่งึ การพัฒนาบุคคล สามารถใช้กลวิธตี ่างๆ ดังน้ี
• นกั เรยี นคิดวา ปจ จบุ ันประเทศไทยมกี ฎหมาย
ทเี่ กย่ี วขอ งกบั สารเสพตดิ หรอื ไม ถา มกี ลา วถงึ กลวิธกี ารพฒั นาบุคคล
เร่อื งใดบา ง
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ การใหก ารศึกษา
ไดอ ยางอสิ ระ) โดยการใหก้ ารศกึ ษาทง้ั ในระบบและนอกระบบ เพอ่ื ใหเ้ กดิ การเรยี นร ู้ เกดิ ทกั ษะ ประสบการณ ์ ซง่ึ จะ
เปน็ แนวทางในการสรา้ งเสรมิ พฒั นาคณุ ภาพชวี ติ
สาํ รวจคน หา Explore ของตนเอง ครอบครัว ชมุ ชน และสังคมในดา้ น
ต่างๆ ไดแ้ ก่
ใหนกั เรยี นศึกษาเร่ือง การปอ งกันปญหาและ
แกไ ขปญ หาสารเสพตดิ แนวทางจัดกิจกรรมปองกนั ๑. การพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอน
ความเส่ยี งตอการใชส ารเสพติด และกฎหมาย แบบบรู ณาการในกลมุ่ สาระอื่นๆ ทเ่ี กี่ยวขอ้ งทกุ
เกี่ยวกับสารเสพตดิ จากหนงั สือเรียนและ ระดับชั้น
แหลง เรียนรูอื่นๆ เพิม่ เติม
๒. การให้ความรู้แก่ประชาชนชุมชนให้
ตระหนักถึงอันตราย และภัยจากการใช้สาร การให้ความรู้เร่ืองสารเสพติดในชุมชนเปนแนวทาง
เสพตดิ มาตรการทางกฎหมายบทลงโทษส�าหรับ การปองกันและลดการแพร่ระบาดของสารเสพติด
การปองกันและปราบปรามสารเสพติด ได้ทางหน่ึง
๑๐๘
เกร็ดแนะครู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT
จากสถานการณส ารเสพตดิ ในปจจบุ นั นักเรยี นคดิ วา ควรมี
ครคู วรเชิญวิทยากรจากหนว ยงานทเ่ี กี่ยวของกบั การปองกนั และปราบปราม มาตรการใดท่จี ะชว ยปองกนั การแพรระบาดของสารเสพตดิ ไดด ี
สารเสพตดิ มาใหความรแู กนักเรยี น เพื่อใหน ักเรยี นทราบถึงอนั ตราย และ ท่สี ุด
การปองกนั จากสารเสพตดิ แนวตอบ สง่ิ ทสี่ ามารถชว ยปอ งกนั การแพรร ะบาดของสารเสพตดิ
ไดดที ส่ี ดุ คือ การคอยสอดสองดูแล ตักเตอื นเพอื่ น แจงคุณครู
นักเรยี นควรรู ผปู กครองหรือเจา หนาทใี่ หรับทราบ และไมเขาไปยงุ เกย่ี วกบั
สารเสพตดิ โดยเดด็ ขาด
1 ตกเปน ทาสสารเสพตดิ ผตู กเปน ทาสสารเสพติดเกอื บทุกประเภทรา งกาย
จะซูบ ซดี ผอมเหลอื ง เหลือแตห นงั หมุ กระดกู ความคิดอา นชา ความจาํ เสื่อม
ขาดสติ อาเจยี น นอนไมห ลับ เบอื่ อาหาร และเสียชีวิตในทส่ี ุด
108 คูม ือครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
การใหข อ มลู ขาวสาร ครสู มุ นกั เรยี น 2 คน ออกมาอภิปรายเรอ่ื ง
โดยผ่านทางส่ือเพื่อเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเก่ียวกับการหลีกเลี่ยงการใช้สารเสพติดของภาครัฐและ การปอ งกนั ปญหาและแกไ ขปญหาสารเสพตดิ
เอกชน ตลอดจนหนว่ ยงานที่เก่ียวข้อง เช่น การเผยแพร่ข่าวสารจากทางวิทยุ โทรทศั น ์ สือ่ สง่ิ พมิ พ์ โดยครแู ละนกั เรียนคนอนื่ ๆ รวมกันเสนอแนะ
ภาพยนตร์ อินเทอร์เน็ต เสียงตามสายตามโรงเรียน ชุมชน หอกระจายข่าวตามหมู่บ้าน สถานี เพ่มิ เตมิ และต้งั คาํ ถามเพอื่ ใหไดขอ สรุปที่ถูกตอง
อนามัย เปน็ ตน้ รวมกัน
การจดั กจิ กรรมในรูปแบบตา งๆ
เช่น การจัดประชุม การสมั มนา การฝก อบรม • การปอ งกนั และแกไขปญหาสารเสพตดิ
การจัดกลุ่มแกนน�า การอภิปรายการบรรยาย สามารถทาํ ไดด วยวิธกี ารใดบาง
การโตว้ าทกี ารจดั นทิ รรศการเพอ่ื การรณรงคแ์ ละ (แนวตอบ ไดแก การใหการศึกษา การให
ปอ งกันการใช้สารเสพตดิ เปน็ ตน้ ขอมูลขา วสาร และการจัดกิจกรรมตา งๆ)
การจัดกจิ กรรมทางเลือก
เป็นกิจกรรมเพื่อมีวัตถุประสงค์ให้ห่างไกลสาร • กจิ กรรมทางเลือกเปนกจิ กรรมท่มี ี
เสพติด ได้แก่ วัตถุประสงคใ หห า งไกลสารเสพติด
๑. การส่งเสริมกิจกรรมการออกก�าลังกาย การจดั นทิ รรศการหรอื ทศั นศกึ ษาของนกั เรยี น ทาํ ให้ นักเรยี นคดิ วา มีกิจกรรมใดบา ง
การเลน่ กีฬา การนนั ทนาการ เชน่ จดั ให้มีการ เกดิ การเรยี นรู้และเขา้ ใจปญหาไดง้ า่ ยขึ้น (แนวตอบ ขนึ้ อยูก ับคําตอบของนกั เรยี น
แขง่ ข๒ัน.ฟ ตุกบารอสลง่ เเพสอื่รริมณกรจิ งกคร์ใรหม้เทยาางวศชานสหนา่ า1ง ไฝกกลสสมาราเธส ิ พปตฏดิ ิบ ตั เปธิ รน็ รตม้น โดยอาจตอบวา การออกกาํ ลังกาย การเลน
๓. การส่งเสรมิ กิจกรรมดา้ นสงั คม เชน่ การต้งั ชมรม การต้งั กลุม่ กจิ กรรมบา� เพญ็ ประโยชน ์ กีฬา การสงเสรมิ กจิ กรรมทางศาสนา สังคม
เช่น ลกู เสือ เนตรนารี ค่ายเยาวชนตา่ งๆ เปน็ ตน้ และศลิ ปวฒั นธรรม)
๔. การส่งเสรมิ ศลิ ปวัฒนธรรม ดนตร ี ขนบธรรมเนียมประเพณีไทย
การสรา งภมู คิ มุ กนั • ลกั ษณะของการสรางภูมิคมุ กันตนเอง
เป็นส่วนหน่ึงของการพัฒนาบุคคลต่อความ ในการปอ งกันปญหาสารเสพตดิ สามารถ
สามารถของตนเองในการปองกันปญหาการใช้ ทําไดอ ยางไร
สารเสพตดิ จากการเผชญิ ปญ หา อปุ สรรค ซงึ่ อาจ (แนวตอบ โดยการใชค วามรู ความสามารถ
กอ่ ใหเ้ กดิ ผลกระทบตา่ งๆ โดยสามารถใชค้ วามรู้ การตัดสนิ ใจทีจ่ ะไมตองพ่งึ พาสารเสพติด
ความสามารถการตัดสินใจที่จะไม่ต้องพ่ึงพา ทุกชนดิ คือ ความตระหนกั ในตนเอง นบั ถอื
สารเสพติดทกุ ชนดิ ด้วยกระบวนการทักษะชีวติ ตนเอง ควบคุมตนเอง มีทักษะในการปฏิเสธ
เช่น พูดปฏิเสธการไม่สูบบุหร่ีเม่ือเพ่ือนชักชวน การแกไ ขปญหา และการจดั การกับอารมณ
ให้ทดลองสูบ การให้คุณค่าและนับถือตนเอง การมสี ว่ นรว่ มในการปอ งกนั และปราบปรามยาเสพตดิ และความเครียดของตนเองได)
การเห็นตนเองมีความหมาย และเป็นที่รักยิ่ง ถือว่าเปนกําลังท่ีสําคัญที่จะช่วยขจัดส้ินยาเสพติด
ของพอ่ แม ่ คร ู อาจารย์ และเพ่อื น เปน็ ตน้ ให้หมดไป
๑๐9
คขอ ิดสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT นกั เรยี นควรรู
ขอ ใดเปนหนา ท่ขี องพอแมที่สาํ คญั ที่สุดในการปองกันไมใหลูก 1 กจิ กรรมทางศาสนา สามารถปอ งกนั แกไ ขปญ หาสารเสพติดได แตศ าสนา
ติดสารเสพตดิ ก็จะมหี ลกั คําสอนทสี่ อนใหศาสนิกชนไมไ ปเกี่ยวของหรอื ตกเปน ทาสของสิ่งไมดี
ตา งๆ ไมวา จะเปนสรุ า ของมึนเมา สารเสพตดิ
1. ขยันทาํ งานหาเงนิ เลยี้ งดลู กู
2. ดแู ลเอาใจใสเ ลี้ยงดลู กู ดวยเงิน มมุ IT
3. จัดสภาพแวดลอมของบานใหนาอยู
4. ใหความรูเรือ่ งของโทษและอันตรายจากการตดิ สารเสพตดิ ศกึ ษาเพ่ิมเติมเกย่ี วกบั กจิ กรรมตอ ตา นสารเสพติด ไดจาก
วเิ คราะหค าํ ตอบ หนา ที่ของพอแมท่ีสาํ คญั ท่สี ุดเพื่อปองกันใหล กู http://www.nongbua.ac.th/tobe/page14.html
หางไกลจากสารเสพตดิ คอื การอบรมใหค วามรูเกย่ี วกับอนั ตราย
จากสารเสพติดตา งๆ เพือ่ ใหล ูกเกิดความตระหนกั ถงึ ผลกระทบท่ี
อาจเกดิ ขนึ้ หากเสพสารเสพตดิ ตอบขอ 4.
คมู อื ครู 109
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain
อธบิ ายความรู
ใหนักเรยี น 2 คน ท่อี อกมาอภิปรายแลว เลอื ก ๒) สงั คมและสงิ่ แวดล้อม มีอทิ ธพิ ลต่อการปองกนั ปญั หาสารเสพติด ดงั นี้
เพ่อื นอีก 2 คน ออกมาอภิปรายตอ เรอ่ื ง
การปองกนั ปญ หาและแกไ ขปญ หาสารเสพตดิ ครอบครวั สารเสพตดิ
โดยครแู ละนกั เรียนคนอน่ื ๆ รวมกนั เสนอแนะ
เพิ่มเติม และต้ังคําถามเพื่อใหไ ดขอสรุปที่ถูกตอ ง เปน็ หนว่ ยของสงั คมทสี่ า� คญั ทสี่ ดุ
รวมกนั ทสี่ รา้ งใหส้ งั คมเขม้ แขง็ เปรยี บเสมอื นเกราะ
ปอ งกนั อนั ตรายหรอื ปจ จยั เสย่ี งตอ่ การใชส้ ารเสพตดิ ดงั นี้
• อทิ ธิพลของเพือ่ นที่มตี อ การปอ งกันปญ หา ๑. บทบาทและหนา้ ทข่ี องครอบครวั มคี วามสา� คญั มาก คอื ครอบครวั
สารเสพตดิ มกี ลวธิ ใี นการปอ งกนั อยา งไรบา ง ตอ้ งมคี วามรกั ใคร ่ กลมเกลยี วกนั สรา้ งความอบอนุ่ พงึ่ พาอาศยั กนั และกนั
(แนวตอบ โดยการใชก จิ กรรมกลมุ เพือ่ นเพ่ือ ชว่ ยกนั แกไ้ ขปญ หา อปุ สรรคตา่ งๆ มกี จิ กรรมระหวา่ งสมาชกิ
ดาํ เนนิ กจิ กรรมบําเพญ็ ประโยชนหรือกิจกรรม ในครอบครวั รว่ มกนั รวมทงั้ กจิ กรรมทางศาสนาทจี่ ะชว่ ย เพอื่ น เปน็ กลมุ่ ทางสงั คม
สง เสรมิ สขุ ภาพ เชน การออกคา ยอาสา หลอ่ หลอมจติ ใจของสมาชกิ ในครอบครวั
การเชยี รก ฬี า นนั ทนาการ เปน ตน นอกจากน้ี ๒. การใหก้ ารศกึ ษาแกส่ มาชกิ ในครอบครวั อีกกลุ่มหน่ึงท่ีมีอิทธิพล
การเลือกคบเพอ่ื นเปนสง่ิ สําคัญ ซง่ึ อาจตอง อยา่ งเตม็ กา� ลงั ความสามารถ เพราะการศกึ ษา ตอ่ การดา� เนนิ ชวี ติ ของวยั รนุ่ ในหลายๆ ดา้ น ซงึ่ มกี ลวธิ ใี น
ใชทกั ษะการปฏิเสธเพอ่ื หลกี เลย่ี งและปอ งกัน จะชว่ ยใหเ้ กดิ การเรยี นร ู้ ทกั ษะ และ การปอ งกนั และแกไ้ ขปญ หาสารเสพตดิ ดงั น้ี
ปญ หาสารเสพติด) ประสบการณท์ ดี่ ี ๑. การใชก้ จิ กรรมกลมุ่ เพอ่ื นเพอ่ื ดา� เนนิ กจิ กรรมบา� เพญ็
๓. การใหข้ อ้ มลู ขา่ วสารทถ่ี กู ตอ้ งแก่ ประโยชน ์ กจิ กรรมสง่ เสรมิ สขุ ภาพ เชน่ การออกคา่ ยอาสา
• โรงเรียนและสถานศกึ ษา มีกลวธิ ีในการ สมาชกิ ในครอบครวั เกยี่ วกบั ปญ หาสาร กจิ กรรมการออกกา� ลงั กาย การเลน่ กฬี า การเชยี รก์ ฬี า
ปองกนั ปญหาสารเสพติดไดอยางไรบา ง นนั ทนาการ เปน็ ตน้
(แนวตอบ บุคคลในสถานศึกษาทุกคนตอ งให สารเสพตดิเสพตดิ และโสรถงาเรนยี ศนกึ ษา ๒. การเลอื กคบหาเพอ่ื น เปน็ กลวธิ หี นง่ึ ของทกั ษะชวี ติ
ความรวมมือในการชวยสอดสองดแู ล กในากรปารฏรเิเู้สขธา1 รเเู้พราอื่ หโดลยกี ใเลชยก่ี้ งรแะลบะวปนอกงากรนขั อปงญ กหาราตสาดั รสเนสิ พใจต ดิ
โดยประสานงานกับชุมชนและผูปกครอง
เพอ่ื ดาํ เนนิ การจดั กิจกรรมภายในโรงเรยี น เปน็ สถาบนั ทาง
และกาํ หนดบทลงโทษสําหรับผูก ระทาํ ผิด) สงั คมทมี่ ผี ลตอ่ การ
แพรร่ ะบาดของสารเสพตดิ มาก จงึ ตอ้ งมกี ลวธิ ปี อ งกนั ดงั นี้
• หนวยงานภาครัฐ เอกชน และหนวยงานที่ ๑. การกา� หนดนโยบาย การปอ งกนั แกไ้ ขปญ หาภายในสถานศกึ ษาโดยมกี ารกา� หนด
เก่ียวของ มกี ลวธิ ใี นการปอ งกนั ปญ หา เปน็ แผนการดา� เนนิ กจิ กรรมตลอดทง้ั ปอี ยา่ งตอ่ เนอื่ ง เพอื่ ใหค้ วามรแู้ กน่ กั เรยี น นกั ศกึ ษา สารเสพตดิ
สารเสพตดิ อยา งไรบา ง ๒. คร-ู อาจารย ์ ตอ้ งรบั นโยบายสถานศกึ ษา ตลอดจนหนา้ ทค่ี วามรบั ผดิ ชอบในการดแู ล
(แนวตอบ เชน กําหนดพ้นื ที่และกลุม เปา หมาย นกั เรยี นหรอื นกั ศกึ ษาอยา่ งใกลช้ ดิ รวมถงึ เปน็ ทป่ี รกึ ษาปญ หาตา่ งๆ ของนกั เรยี นไดอ้ ยา่ งมี
ในการดําเนินงานท่เี หมาะสม ใชภ มู ิปญญา ประสทิ ธภิ าพ
ชาวบา นในชมุ ชนเพื่อพัฒนา ทดสอบ ๓. บคุ คลในสถานศกึ ษาทกุ คน โดยเฉพาะคร-ู อาจารย ์ ตอ้ งใหค้ วามรว่ มมอื ในการสอดสอ่ งดแู ล
ปรบั ปรุงคุณภาพใหเหมาะสมตอการสรางงาน ประสานงานกบั ชมุ ชน ผปู้ กครอง เพอ่ื ดา� เนนิ การกจิ กรรมของโรงเรยี นไดอ้ ยา่ งดี
และสรางคนของชุมชน เปน ตน) ๔. สถานศกึ ษาตอ้ งกา� หนดบทลงโทษสา� หรบั ผกู้ ระทา� ผดิ ตลอดจนตอ้ งหาเบาะแส
ผเู้ กย่ี วขอ้ ง
๑๑๐
เกรด็ แนะครู ขอสอบ O-NET
ขอ สอบป ’50 ออกเกี่ยวกับการใชท กั ษะชีวติ เพ่ือปองกันการใช
ครคู วรช้แี นะใหน กั เรยี นเหน็ วาปญ หาสารเสพติดสง ผลตอ ผูเสพและบคุ คล สารเสพติดที่มีอิทธิพลมาจากเพื่อน
ใกลตวั อยางไร และนักเรยี นไมค วรเขาไปยุง เก่ียวกับสารเสพตดิ ทกุ ชนิด เพือ่ จะได การใชทกั ษะการปฏเิ สธเม่อื เพ่อื นชวนสูบบุหรม่ี หี ลกั ในการปฏบิ ตั ิ
ไมเ กดิ ผลเสยี ท้งั ตอ ตวั ของนักเรียนเอง และครอบครัว อยา งไร
1. ปฏเิ สธไมส ูบบหุ รดี่ วยนาํ้ เสยี งทีแ่ สดงความจริงจงั แตเ ปน มิตร
นักเรียนควรรู 2. ปฏเิ สธแบบบอกปดวา บหุ รเ่ี ปน ส่งิ ไมด แี ละรีบเดนิ หนีไป
3. ปฏเิ สธโดยอา งผปู กครองบอกวาคนสบู บหุ รี่เปน คนไมดี
1 การปฏเิ สธ วิธกี ารปฏเิ สธสารเสพตดิ มดี วยกันหลายวธิ ี เชน เดนิ เล่ยี งไป 4. ปฏิเสธโดยขอเลอ่ื นการทดลองสบู บหุ รีไ่ ปกอ น
เหมือนไมไดย ิน ปฏิเสธตรงๆ และพดู เสยี งดงั ใหผ อู ื่นไดย นิ หากไมสนทิ สนม วิเคราะหค าํ ตอบ การใชท ักษะการปฏิเสธ ควรพูดปฏิเสธอยา ง
ควรปฏเิ สธแบบผัดผอ นหรืออางเหตุผลตา งๆ หรอื ชักชวนใหท าํ กจิ กรรมอืน่ แทน จรงิ จงั และหนักแนน แตย ังคงความเปน เพือ่ นที่ดีตอ กนั ไมทาํ ราย
เชน เลน กฬี า เลน ดนตรี เปน ตน จติ ใจเพอื่ นโดยตรง ตอบขอ 1.
110 คมู ือครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
๓) หนว ยงานภาครฐั ภาคเอกชน และหนวยงานทีเ่ ก่ยี วข้อง มกี ลวิธ ี ดงั น้ี จากการอภิปรายเร่อื ง การปอ งกนั ปญหาและ
๑. การก�าหนดนโยบาย แผนงาน กิจกรรม เพื่อปองกันปัญหาสารเสพติดอย่าง แกไขปญ หาสารเสพตดิ ใหนักเรียนรวมกัน
ต่อเนอื่ ง เสนอแนะแนวทางการจดั กิจกรรมปอ งกนั ความ
๒. การก�าหนดพื้นที่และกลุ่ม เสีย่ งตอ การใชส ารเสพตดิ โดยครูรวมเสนอแนะ
เปาหมายในการดา� เนินงานทเ่ี หมาะสม เพิ่มเตมิ และตงั้ คาํ ถามเพอื่ ใหไ ดขอสรปุ ทถี่ กู ตอง
๓. การผสมผสานมาตรการ วธิ ี รว มกัน
การ กลวธิ หี ลายๆ วิธ ี เช่น การใช้สื่อขา่ วสาร
การโฆษณา การจัดนิทรรศการ การประชุม • การแกไ ขปญหาสารเสพติดในชมุ ชน
สัมมนา เปน็ ต้น ควรคาํ นงึ ถงึ สภาพปญ หาท่แี ทจ ริง โดยมี
ง านท ่ีเกี่ย วข ้อง๔ใน. กปารระปสอางนกงันานแลระะหปวร่าางบหปนรา่วมย1 องคป ระกอบอะไรบา ง
การแพร่ระบาด (แนวตอบ ไดแ ก การวเิ คราะหจดุ ออน จุดแขง็
๕. สนับสนุนทรัพยากรท้ังภาค โอกาส และขอ จํากดั ของชุมชน)
รฐั และภาคเอกชน ในการมสี ว่ นรว่ มเพอ่ื พฒั นา การรวมตัวกันทํากิจกรรมต่างๆ ในชุมชน ถือเปนอีก
การด�าเนินงาน แนวทางหนึ่งท่ีจะช่วยแก้ปญหาการแพร่ระบาดของ • จดุ ออนที่ทําใหช มุ ชนไมส ามารถปอ งกนั
การใช้ภูมิปัญญาชาวบ้าน2ในชุมชสนาร เสเพพต่ือดิ พัฒนา และแกไ ขปญหาสารเสพตดิ ไดเนอ่ื งมาจาก
๖. ทดสอบ ปรับปรุงคุณภาพให้ สาเหตใุ ดบา ง
เหมาะสมต่อการสรา้ งงานและสรา้ งคนของชุมชน (แนวตอบ ไดแก หนวยงานภาครฐั และเอกชน
ไมมคี วามรับผิดชอบ การปลอยตัวผูกระทาํ
๒.6 แนวทางการจดั กจิ กรรมปอ งกนั ความเสยี่ งตอ การใชส ารเสพตดิ ความผิด เพราะเกดิ จากการประกันตัวหรือ
เปน เยาวชน การมแี หลงผลติ หรอื ผจู ําหนาย
การปอ งกนั และแกไ้ ขปญั หาสารเสพตดิ ในปจั จบุ นั มแี นวทางและการแกไ้ ขปญั หาเดมิ ๆ ในชมุ ชน การมีผนู าํ ชุมชนเปนผคู าหรอื ผลิต
โดยขาดกลยทุ ธ ์ วธิ กี ารแกป้ ญั หาทมี่ ปี ระสทิ ธภิ าพ หรอื ตรงกบั ปญั หาอยา่ งแทจ้ รงิ ดงั นนั้ การแกไ้ ข และชุมชนขาดความสามัคคี)
ปัญหาสารเสพติดในชุมชนควรค�านึงถึงสภาพปัญหาท่ีแท้จริง โดยให้ชุมชนมองดูตนเองจาก
องค์ประกอบต่างๆ ๔ ประการ คือ การวิเคราะหจ์ ุดอ่อน จดุ แข็ง โอกาส และข้อจ�ากัดของชมุ ชน
ก่อนที่จะหากลยทุ ธ์หรอื วิธกี ารปอ งกนั และแกไ้ ขปัญหาตอ่ ไป
จุดแขง็ หมายถงึ การวเิ คราะหค์ วามพรอ้ ม สงิ่ ท่ชี มุ ชนมอี ยูท่ ่ีจะช่วยปองกันและแก้ไข
ปัญหาสารเสพตดิ เชน่ การมีสว่ นร่วม หรือพลังชมุ ชนต่อการตระหนกั ในความรุนแรงและพษิ ภัย
ของสารเสพติด การมีการจัดกิจกรรมปองกันและปราบปรามอย่างเด็ดขาด การไม่มีแหล่งผลิต
หรอื ผจู้ �าหนา่ ยในชมุ ชน เป็นต้น
จุดออ น หมายถงึ การวเิ คราะห์หาปัญหา ขอ้ บกพรอ่ งของชุมชนตอ่ สถานการณ์การ
ปองกันและแก้ไขปัญหา เช่น การขาดหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่รับผิดชอบ การปล่อยตัว
๑๑๑
ขคอิดสแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT นกั เรยี นควรรู
นกั เรียนจะมสี ว นรวมในชมุ ชนอยางไร เพ่ือไมใ หส ารเสพตดิ 1 ปองกนั และปราบปราม ปจจบุ นั ไดมหี ลายๆ หนว ยงานพยายามรว มรณรงค
แพรร ะบาดในชมุ ชน ตอ ตานสารเสพติด ทัง้ การใหค วามรผู านสื่อตางๆ หรือการใชด ารานกั แสดง ซึ่งมกั
แนวตอบ โดยการจัดใหมีการอบรมและเผยแพรความรูโ ทษของ เปนบุคคลท่ีวยั รนุ ยดึ ถือเปน แบบอยา งมารว มรณรงคใ นการปอ งกันการแพรระบาด
สารเสพติด ซ่งึ อาจใหบุคลากรหรอื เจา หนาทสี่ าธารณสขุ ในแหลง ของสารเสพติด
ชุมชนนั้นๆ มาใหความรแู กค นในชมุ ชน นอกจากน้ีควรใหค นใน 2 ภมู ปิ ญ ญาชาวบา น ความรขู องชาวบา นในทอ งถ่ิน ซง่ึ ไดมาจาก
ชุมชนมีสวนรวมในการทาํ กิจกรรมตา งๆ เชน จดั ใหมกี ารแขงขนั ประสบการณ และความเฉลยี วฉลาดของชาวบาน รวมทัง้ ความรูท่สี งั่ สมมาตัง้ แต
กฬี าภายในชมุ ชน การจัดเวรยามคอยเฝา ดูสถานการณใ นชมุ ชน บรรพบรุ ษุ สืบทอดจากคนรนุ หนึ่งไปสูคนอีกรนุ หน่งึ โดยระหวา งการสบื ทอดไดมี
เปนตน การปรบั ประยกุ ตและเปลยี่ นแปลง จนอาจเกิดเปนความรใู หมตามสภาพการณ
ทางสังคมวัฒนธรรม และสง่ิ แวดลอม
คูมอื ครู 111
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain
อธบิ ายความรู
ใหน ักเรียนรว มกนั เสนอแนะตอเกยี่ วกับ ผกู้ ระท�าความผิดเพราะการประกันตัวหรือเปน็ เยาวชน การมแี หลง่ ผลติ หรือผจู้ า� หน่ายในชมุ ชน
แนวทางการจดั กจิ กรรมปอ งกนั ความเสย่ี งตอการ การมผี นู้ า� ชมุ ชนเปน็ ผคู้ า้ หรอื ผลติ ชมุ ชนขาดความสามคั ค ี การไมป่ ฏบิ ตั ติ ามกฎของชมุ ชน เปน็ ตน้
ใชสารเสพติด โดยครรู ว มเสนอแนะเพม่ิ เตมิ และ
ตั้งคําถามเพือ่ ใหไ ดขอ สรปุ ทีถ่ ูกตอ งรว มกนั โอกาส หมายถึง ส่ิงที่สนับสนุนเกื้อกูลแก่ชุมชน เช่น งบประมาณที่มีต่อชุมชนใน
การปองกันและฟนฟู การก�าหนดนโยบายอย่างชัดเจนร่วมกันของรัฐและชุมชน การแก้ไข
• การสรางพลงั ชุมชนใหม ีความเขมแขง็ กฎหมาย มาตรการใหม้ ีบทลงโทษอย่างหนกั เปน็ ตน้
สามารถทาํ ไดอ ยางไรบาง
(แนวตอบ โดยการเฝาระวงั การแพรระบาด ข้อจ�ากัดและภัยคุกคาม หมายถึง สิ่งท่ีเป็นอุปสรรค เช่น มีการผลิต และจ�าหน่าย
ของสารเสพติด สรา งความเขม แขง็ ของ รอบชุมชนทัง้ รายใหญ่ รายยอ่ ย ขาดงบประมาณ มีแหลง่ อบายมขุ เพ่ิมขึ้น เปน็ ต้น
สถาบันครอบครัว และสรางความสมั พันธท ่ีดี เม่ือเราวิเคราะห์จุดอ่อน จุดแข็ง โอกาส ข้อจ�ากัดและภัยคุกคามแล้ว เราสามารถ
ในชุมชนดวยการจัดกิจกรรมรวมกนั ) หาแนวทางปอ งกันและแกไ้ ขปญั หา ได้ดังน้ี
• การใหค วามรเู กีย่ วกับสุขศึกษา แนวทางปอ งกนั และแกไ ขปญหา
มวี ัตถปุ ระสงคอ ยา งไรตอ การปองกนั
ความเสีย่ งในการใชส ารเสพตดิ การรจู กั ชมุ ชนของตนเอง
(แนวตอบ การใหความรูเ กีย่ วกับสขุ ศกึ ษา โดยนกั เรยี นทา� การสา� รวจชมุ ชนเพอื่ นา� มาวเิ คราะหจ์ ดุ ออ่ น จดุ แขง็ โอกาส ขอ้ จา� กดั และภยั คกุ คาม เพอื่ เปน็ การ
มีวัตถปุ ระสงคเ พ่อื ใหคนในชมุ ชนไดมีความรู มองสภาพทแี่ ท้จริงของชุมชน
เร่ืองโทษและผลกระทบของสารเสพติด การสรา งพลงั ชมุ ชน การมีสวนรวมชุมชนเขมแข็ง
สามารถสรา งทกั ษะชวี ิตและทักษะสุขภาพ ๑. การเฝาระวังให้เบาะแสการแพร่ระบาด แหล่งการผลิต การจ�าหน่าย การมีกฎข้อบังคับ ระเบียบ
ในการจัดโปรแกรมกจิ กรรมเพ่อื ปองกัน มาตรการ ข้อตกลงของชุมชนรว่ มกัน
สารเสพตดิ เชน โครงการบานสีขาวในชุมชน
โครงการกีฬาตา นยาเสพติด เปน ตน) ๒. การสรา้ งเครอื ขา่ ยทางสงั คมตอ่ แกนนา� ชมุ ชน โดยผนู้ า� ชมุ ชน คณะกรรมการองคก์ ารบรหิ ารสว่ นตา� บล
(อบต.) พระสงฆ์ ผูน้ า� ทอ้ งถิน่ ต่อการสร้างเครอื ข่ายในชุมชนและนอกชุมชนอยา่ งต่อเนื่อง
๓. การสรา้ งความเขม้ แขง็ ของสถาบนั ครอบครวั การสรา้ งความรกั ความอบอนุ่ ความรบั ผดิ ชอบตอ่ หนา้ ท่ี
ครอบครวั
๔. สร้างความสัมพันธ์ที่ดีในชุมชน ระหว่าง
ครอบครัว ชุมชน โรงเรียน วดั หนว่ ยงานภาครฐั และ
เอกชนในชมุ ชนโดยการจดั กจิ กรรมรว่ มกนั
การสรางอาชพี รายได ใหพ อเพยี งแกคนในชุมชน ทุกคนถือเปนกําลังสําคัญของชาติในการร่วมมือ
รว่ มใจกันขจดั ส้นิ ซ่งึ ยาเสพตดิ
หเชนน่ ่ึง ผนลกั ิตเรภยี ัณนชฑว่ ์ ย(ปOรTะOชPา1ส) มั กพานั รธเข์ โ้าครร่วงมกฝากรหวิชนางึ่ ชตีพา� บในล
ชุมชน โดยอาจน�าวิชาชีพดังกล่าวไปสร้างรายได้ใน
ช่วงปด ภาคเรียน การทา� งานเสรมิ เพอื่ สร้างรายไดใ้ ห้
แก่ครอบครวั ของนักเรียนและชมุ ชน เปน็ ต้น
๑๑๒
เกร็ดแนะครู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT
โครงการหนง่ึ ตาํ บลหนง่ึ ผลติ ภัณฑ (OTOP) เปน กจิ กรรมที่
ครคู วรพดู ใหนกั เรียนเหน็ ความสาํ คัญของวิชาสขุ ศึกษามากขึ้น โดยจะเหน็ ไดว า สามารถปอ งกนั ปญ หาการใชสารเสพตดิ ในชุมชนไดหรอื ไม
ในเนอ้ื หาบทเรยี นไดมีการนาํ วชิ าสุขศกึ ษามาใชใ นการปอ งกันสารเสพตดิ เนื่องจาก เพราะเหตุใด
เปน วิชาท่เี กยี่ วขอ งกบั การดําเนินชีวติ ของนกั เรียน แนวตอบ โครงการดงั กลา วมีสวนชว ยในการปอ งกันปญ หาการ
ใชส ารเสพติดได เพราะเปนกจิ กรรมที่สรา งอาชีพและรายไดให
นกั เรยี นควรรู แกค รอบครัวและชุมชน เพ่ือใหคนในชุมชนไดใชเวลาวา งใหเ กิด
ประโยชนในเชิงสรา งสรรค ทําใหไมมีเวลาไปยงุ เกี่ยวกับสารเสพติด
1 โครงการหนงึ่ ตาํ บลหนงึ่ ผลิตภณั ฑ (OTOP) เปนโครงการกระตุนธรุ กจิ
ประกอบการทอ งถ่ิน โดยมเี ปา หมายทจี่ ะสนบั สนุนผลติ ภัณฑลักษณะเฉพาะท่ีผลติ
และจาํ หนายในทองถ่ินแตล ะตาํ บลใหเจรญิ เติบโตมากย่ิงข้นึ โดยไดก าํ หนดดาว
เปนระดับคณุ ภาพของผลิตภณั ฑ ต้งั แต 1 ดาวไปจนถึง 5 ดาว ทจ่ี ะนาํ ไปสูก าร
พฒั นาผลิตภัณฑ เพอ่ื นาํ ไปใชป ระโยชนในการกาํ หนดแผนการสง เสรมิ และพัฒนา
ผลติ ภณั ฑสนิ คา OTOP
112 คูม ือครู
กระตนุ ความสนใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Evaluate
Explore Explain Expand Explore
สาํ รวจคน หา
การใชก ฎหมายอยา งเครง ครัด ใหนกั เรยี นศกึ ษาเรื่อง กฎหมายเกยี่ วกบั
ต่อนโยบายการปราบปรามสารเสพติดในทกุ ระดับ เชน่ นกั เรยี นประพฤติปฏบิ ัติตนอยา่ งมวี ินัย ด้วยการปฏบิ ัติ สารเสพติด จากหนงั สือเรยี นและอนิ เทอรเ นต็
ตามกฎหมาย เป็นตน้ เพ่อื เตรียมสรปุ สาระสําคญั
ระบบการบริการสาธารณสขุ
ดา้ นการปอ งกัน การส่งเสริม การบา� บัดรกั ษา การฟ้ืนฟสู มรรถภาพ และที่ส�าคญั ท่ีสดุ คือ การไม่ใหผ้ ูต้ ดิ ยาคืน อธบิ ายความรู Explain
กลบั ไปใช้สารเสพติดซ�้าอีก และการยอมรบั การกลับคนื ของผูต้ ดิ ยาสสู่ งั คมโดยไมท่ อดท้ิงหรือซ้า� เติม
การใหความรูเกีย่ วกับสขุ ศกึ ษา ครูขออาสาสมคั รนกั เรียน 2 คน ออกมาสรปุ
๑. การใหค้ วามรู้สารเสพตดิ ในเรอ่ื งโทษ ผลเสีย ผลกระทบของสารเสพตดิ ตอ่ บุคคล ครอบครวั ชุมชน สาระสาํ คญั เรอื่ ง กฎหมายเกยี่ วกบั สารเสพตดิ
ประเทศชาติ โดยการใช้กลวธิ ที างสขุ ศกึ ษา เชน่ การจัดนิทรรศการ การประชุม การอภปิ ราย การแสดงในเรอ่ื ง โดยใหค ะแนนโบนัสสําหรบั นกั เรยี นทมี่ ีความกลา
สารเสพตดิ เปน็ ตน้ ซึ่งนักเรียนสามารถรว่ มรบั ผิดชอบเปน็ ผู้จัดกจิ กรรมให้ความรเู้ รือ่ งสารเสพตดิ นอกจากนี ้ แสดงออก จากนั้นครูและนกั เรยี นคนอ่นื ๆ รว มกนั
ยงั สามารถตดิ ตามและเขา้ รว่ มกจิ กรรมเพื่อเพม่ิ พนู ความร้เู ร่ืองสารเสพตดิ ในโรงเรยี นและชมุ ชน เสนอแนะเพิ่มเตมิ และตงั้ คําถามเพื่อใหไดข อ สรุป
๒. การสรา้ งความตระหนักแกต่ นเอง ครอบครัว ชุมชน เชน่ การไมใ่ ชส้ ารเสพติด การช่วยส�ารวจหรือการ ทถ่ี ูกตอ งรว มกัน
ใหเ้ บาะแสแหลง่ ผลติ แหลง่ จา� หนา่ ยผคู้ า้ ผซู้ อ้ื แกผ่ นู้ า� ชมุ ชน เจา้ หนา้ ท ่ี หรอื ผเู้ กย่ี วขอ้ ง โดยไมต่ อ้ งแสดงตน เปน็ ตน้
๓. การสรา้ งทกั ษะชวี ติ และทกั ษะสขุ ภาพแกช่ มุ ชนในการจดั กจิ กรรมเพอ่ื ปอ งกนั สารเสพตดิ เชน่ นกั เรยี น • พระราชบัญญตั คิ มุ ครองสขุ ภาพของ
เขา้ ร่วมโครงการบา้ นสขี าวในชมุ ชน โครงการเยาวชนอาสาตา้ นยาเสพตดิ โครงการกฬี าตา้ นยาเสพติด เปน็ ตน้ ผูไมส ูบบุหรี่ พ.ศ. 2535 มมี าตรการ
๔. ปอ งกันและช่วยดูแลกลมุ่ เสย่ี งในชมุ ชน เช่น ในการปองกันอยางไร
นักเรยี นคอยเฝาระวังพฤตกิ รรมเสี่ยงของเยาวชน เดก็ (แนวตอบ โดยการใหส วนใดสว นหน่ึงหรอื
วยั เรยี นในโรงเรียนหรอื สถานศึกษา โดยขอความร่วม ทัง้ หมดของสํานกั งานเปน เขตสบู บุหร่ีหรอื
มอื จากผปู้ กครอง และผู้นา� ชุมชน เปน็ ต้น เขตปลอดบหุ ร่ี ซ่ึงหากผใู ดฝาฝนตองระวาง
๕. การรู้จักบทบาทหน้าที่ของตนเอง เช่น โทษปรับไมเ กนิ สองหมื่นบาท)
นกั เรียนควรรจู้ ักยอมรบั ในบทบาทหน้าทข่ี องตน และ
ปฏิบัติหน้าที่ความรับผิดชอบน้ันอย่างดีและถูกต้อง เยาวชนเปน พลงั สขี าวรนุ่ ใหม่ ทจี่ ะมบี ทบาทอยา่ งมาก
พร้อมทงั้ เขา้ ใจบทบาทหน้าทขี่ องคนอนื่ ในสงั คมด้วย ในการชว่ ยปองกนั การแพร่ระบาดของสารเสพตดิ
๒.๗ กฎหมายเกีย่ วกบั สารเสพติด
๑) พระราชบัญญัติคุ้มครองสุขภาพของผู้ไมสูบบุหรี่ พ.ศ. ๒๕๓๕ จัดให้
สว่ นหนงึ่ สว่ นใดหรอื ทง้ั หมดของสา� นกั งานเปน็ เขตสบู บหุ รหี่ รอื เขตปลอดบหุ ร ่ี ผใู้ ดฝา่ ฝน ตอ้ งระวาง
โทษปรบั ไมเ่ กินสองหม่นื บาท
■ จัดเขตสูบบุหร่ีให้มีสภาพลักษณะ และมาตรฐานตามประกาศของกระทรวง
สาธารณสุขเรื่องสภาพลักษณะเขตสูบบุหร่ี ผู้ใดฝ่าฝนต้องระวางโทษปรับไม่เกินหน่ึงหม่ืนบาท
■ ติดเคร่ืองหมายแสดงเขตปลอดบุหร่ีในโรงเรียน โรงพยาบาล ศาสนสถาน
ทา่ อากาศยาน สนามกีฬา ธนาคาร สถานท่ีออกกา� ลงั กาย ห้างสรรพสนิ คา้ และสถานทสี่ าธารณะ
ทว่ั ไป ให้อยู่ในบรเิ วณที่มองเห็นชดั เจน ผูใ้ ดฝ่าฝนต้องระวางโทษปรับไมเ่ กินสองพันบาท
๑๑3
ขอสอบ O-NET เกรด็ แนะครู
ขอสอบป ’53 ออกเกยี่ วกบั แนวทางการจดั กจิ กรรมปองกนั ความ ครคู วรอธบิ ายเสรมิ วา สาํ หรบั ผทู ที่ าํ การคา สารเสพตดิ หรือผูท่เี กย่ี วของกับการ
เส่ยี งตอการใชส ารเสพตดิ คาสารเสพติด ทางราชการจะใชมาตรการพิเศษทําการยดึ และอายัดทรัพยสินทไี่ ด
จากการคา สารเสพตดิ ใหตกเปน ของรัฐ
ขอ ใดเปน แนวทางการปองกันมิใหมีการใชส ารเสพติดในชุมชนที่
ไดผลดีท่สี ดุ มุม IT
1. จัดใหพ ระมาอบรมเรอ่ื งการประพฤตดิ ี ศึกษาเพิม่ เตมิ เกยี่ วกบั กฎหมายและระเบยี บเกีย่ วกบั ยาเสพติด ไดจาก
2. สอนใหเยาวชนรูจักการปฏิเสธสารเสพตดิ http://www1.oncb.go.th/raw/low4.html
3. จัดตาํ รวจหมบู านคอยเฝาระวังผตู ิดยา
4. จดั กจิ กรรมและใหค วามรูดา นยาเสพตดิ แกเยาวชน
วเิ คราะหค ําตอบ การจัดกจิ กรรมและใหความรดู านยาเสพตดิ แก
เยาวชน เปนแนวทางการปองกันมิใหมกี ารใชสารเสพติดในชุมชนที่
ไดผลดที ่ีสุด เพราะหากเยาวชนมคี วามรูใ นเรอื่ งของโทษ และ
ผลกระทบของสารเสพติด จะสงผลใหเ ยาวชนมพี ฤติกรรมทด่ี ไี มเ สีย่ ง
ตอการติดสารเสพตดิ และเปนพลเมืองท่ดี ีของประเทศตอ ไป
ตอบขอ 4.
คมู อื ครู 113
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain
อธบิ ายความรู
ครูขออาสาสมคั รนักเรียน 2 คน โดยไมซ ํา้ ๒) พระราชบญั ญตั ฟิ น ฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพตดิ พ.ศ. ๒๕๔๕
กบั คนเดิม ออกมาสรุปสาระสําคญั เรอ่ื ง กฎหมาย ๑. “ฟนฟสู มรรถภาพผตู้ ิดยาเสพติด” หมายความวา่ การกระทา� ใดๆ อนั เป็นการ
เกีย่ วกับสารเสพตดิ โดยใหค ะแนนโบนัสสําหรบั
นักเรยี นทมี่ ีความกลาแสดงออก จากนั้นครแู ละ บา� บดั การตดิ สารเสพตดิ และฟน ฟสู ภาพรา่ งกาย
นกั เรียนคนอ่นื ๆ รวมกนั เสนอแนะเพ่ิมเตมิ และ และจิตใจของผู้ติดสารเสพติดรวมถึงการรักษา
ตง้ั คําถามเพ่ือใหไดขอสรุปทถ่ี กู ตอ งรวมกนั สภาพรา่ งกายและจติ ใจของผซู้ งึ่ เสพสารเสพตดิ
ให้กลับสู่สภาพปกติโดยไม่เสี่ยงตอ่ การเปน็ ผู้ติด
• คาํ วา “ฟนฟูสมรรถภาพผตู ิดยาเสพติด” สารเสพตดิ
หมายถงึ อะไร ๒. ใหร้ ฐั มนตรวี า่ การกระทรวงยตุ ธิ รรม
(แนวตอบ การกระทาํ ใดๆ อันเปนการบาํ บัด
การตดิ สารเสพตดิ และฟนฟสู ภาพรางกาย รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
และจติ ใจของผตู ิดสารเสพติด รวมถึงการ
รักษาสภาพรา งกายและจิตใจของผูติด ๓. จัดให้มีคณะอนุกรรมการฟนฟู
สารเสพติดใหกลบั สูส ภาพปกตโิ ดยไมเส่ยี ง
ตอ การเปน ผูตดิ สารเสพตดิ ) ครตอัวบอคยรัวา เงปนสถาบันที่สําคัญท่ีจะทําให้เยาวชนห่างไกล สมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด และจัดตง้ั ศนู ยฟ์ น ฟู
สมรรถภาพผตู้ ิดยาเสพตดิ
• ผูตอ งหาที่มอี ายไุ มถ งึ 18 ปบ รบิ รู ณ จะมวี ธิ ี จากสารเสพติดได้ โดยการใหค้ วามรัก ความอบอุ่น และ
การดําเนนิ การสอบสวนอยา งไร ความเข้าใจ ๔. ตัวอย่างบางมาตรา เชน่
(แนวตอบ โดยการใหพนักงานสอบสวนนาํ ตวั
สง ศาลเพอื่ ใหศ าลพิจารณามีคําสั่งใหต รวจ มาตรา ๑๙
พสิ จู นภ ายใน 24 ชว่ั โมง นบั แตเ วลาทผ่ี ตู อ งหา
มาถงึ ทที่ ําการของพนกั งานสอบสวน การ ผู้ต้องหาผู้ใดกระท�าความผิดฐานเสพยาเสพติด เสพและมีไว้ในครอบครอง เพื่อจ�าหน่าย หรือเสพ
ตรวจพสิ ูจนก ารเสพหรอื การตดิ สารเสพตดิ และจ�าหน่ายยาเสพติดตามลักษณะชนิด ประเภท และปริมาณท่ีก�าหนดในกฎกระทรวง ถ้าไม่ปรากฏว่าต้องหา
ใหศาลพิจารณาสง ตวั ไปควบคมุ เพื่อตรวจ หรอื อยู่ในระหวา่ งถกู ดา� เนินคดใี นความผดิ ฐานอ่นื ซง่ึ เป็นความผิดที่มีโทษจ�าคุกหรอื อยู่ในระหวา่ งรับโทษจ�าคุกตาม
พสิ จู นทศ่ี ูนยฟน ฟูสมรรถภาพผูตดิ สารเสพติด ค�าพิพากษาของศาลให้พนักงานสอบสวนน�าตัวผู้ต้องหาไปศาลภายในส่ีสิบแปดช่ัวโมงนับแต่เวลาที่ผู้ต้องหานั้น
โดยคํานงึ ถึงอายุ เพศและลักษณะเฉพาะ มยาาเถสึงพทต่ีทดิ �า1 กเวาน้รขแตอง่มพเี หนตักสุงุดานวสิสัยอหบรสือวมนีเ หเตพจุ ่ือา� ใเหป้ศ็นาอลยพ่างิจอาื่นรณทเี่ากมิดีคจ�าาสกั่งตใวัหผ้สูต้ ่งอ้ตงัวหผาู้นเอั้นงไหปรตือรจวาจกพพิสฤูจตนกิ ์กาารรณเส์ทพเ่ี ปหลรี่ยือนกาแรปตลิดง
บุคคลประกอบดวย) ไปซ่งึ ทา� ใหไ้ ม่อาจน�าตวั ผูต้ อ้ งหาไปศาลภายในกา� หนดเวลาดงั กลา่ วได้
ในการด�าเนินการตามวรรคหนึ่งถ้าผู้ต้องหามีอายุไม่ถึงสิบแปดปีบริบูรณ์ให้พนักงานสอบสวนน�าตัวส่งศาล
เพอ่ื มีคา� ส่งั ใหต้ รวจพิสจู นภ์ ายในย่สี บิ สีช่ ัว่ โมงนับแต่เวลาทผี่ ตู้ ้องหานั้นมาถึงที่ทา� การของพนกั งานสอบสวน
การสง่ ไปตรวจพสิ จู นก์ ารเสพหรือการตดิ ยาเสพติดให้ศาลพจิ ารณาส่งตวั ไปควบคุม เพอื่ ตรวจพสิ ูจนท์ ศ่ี ูนย์
ฟน้ื ฟสู มรรถภาพผตู้ ดิ ยาเสพตดิ สถานทเี่ พอ่ื การตรวจพสิ จู น ์ การฟน้ื ฟสู มรรถภาพผตู้ ดิ ยาเสพตดิ หรอื การควบคมุ ตวั
ตามท่ีรฐั มนตรีประกาศก�าหนด โดยคา� นงึ ถึงอายุเพศและลักษณะเฉพาะบุคคลประกอบดว้ ย แลว้ ให้ศาลแจ้งคณะ
อนกุ รรมการฟ้ืนฟูสมรรถภาพผู้ตดิ ยาเสพตดิ ทราบ
ในระหวา่ งการตรวจพสิ จู นแ์ ละการฟน้ื ฟสู มรรถภาพผตู้ ดิ ยาเสพตดิ ใหพ้ นกั งานสอบสวนดา� เนนิ กระบวนการ
สอบสวนคดีต่อไป และเม่ือสอบสวนเสร็จให้ส่งส�านวนการสอบสวนไปยังพนักงานอัยการโดยไม่ต้องส่งผู้ต้องหาไป
ดว้ ย และแจ้งใหท้ ราบวา่ ผ้ตู อ้ งหาถกู ควบคุมตัวอย่ ู ณ ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพตดิ สถานท่ีเพอื่ การตรวจ
พสิ จู น์ การฟ้ืนฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพตดิ หรือการควบคุมตัว
ในระหว่างท่ีผู้ต้องหาถูกควบคุมตามพระราชบัญญัติน้ีพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการไม่ต้องด�าเนิน
๑๑๔ การฝากขงั หรือขอผดั ฟอ งตามกฎหมาย
เกร็ดแนะครู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT
เพราะเหตใุ ดปญหาสารเสพติดในปจ จบุ นั จงึ ทวีความรุนแรง
ครูควรอธิบายเพม่ิ เติมวา ปญหาทพี่ บมากท่สี ุดในการทว่ี ัยรนุ เดนิ เขา สเู สน ทาง มากขึ้น ท้งั ๆ ทมี่ กี ารปอ งกัน ปราบปราม และมกี ฎหมายลงโทษ
ของสารเสพติด คือ การด่มื สรุ า การเท่ยี วสถานบันเทิง การเลนการพนัน การใช อยา งรุนแรง
จายฟุม เฟอ ย ปญ หาครอบครัว และสิ่งแวดลอ ม ซง่ึ จุดเริ่มตน เหลานจ้ี ะพัฒนาข้ึน แนวตอบ ปญหาสารเสพติดอาจกอตวั จากปญหาทางสงั คม
เรอ่ื ยๆ จนกระท่งั นําไปสูก ารตดิ สารเสพติดในที่สุด การขาดความรักความอบอุน และความเครียดตา งๆ อกี ทัง้ ยังมี
วธิ ีการตา งๆ ในการหลบหลีกการจบั กมุ ทาํ ใหหาซื้อสารเสพติด
นกั เรียนควรรู ไดงา ย
1 ตรวจพิสจู นก ารเสพหรือการติดยาเสพติด สถาบนั ธัญญารักษเปนหนว ยงาน
ท่ีใหบ ริการดา นการตรวจพสิ ูจนสารเสพติดและวัตถุออกฤทธ์ติ อจติ ประสาทแก
หนวยงานหรือบคุ คลตางๆ เชน โรงพยาบาลเอกชน บริษทั โรงงาน นักเรยี น
นกั ศึกษา ผูตอ งหา เปน ตน โดยใหบ รกิ ารทงั้ ในและนอกสถานท่ี
114 คมู อื ครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
มาตรา ๒๐ ใหน กั เรยี นรว มกนั สรุปสาระสําคญั เรื่อง
กฎหมายเกีย่ วกับสารเสพตดิ โดยครูและนักเรยี น
ถ้าปรากฏว่าผู้ต้องหาผู้ใดเสพยาเสพติดก่อน ขณะหรือภายหลังที่ถูกจับกุมเพื่อให้ตนเองได้รับการส่งตัวไป คนอืน่ ๆ รว มกนั เสนอแนะเพ่ิมเตมิ และตั้งคาํ ถาม
ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดและไม่ต้องถูกด�าเนินคดีในข้อหาฐานเสพและมีไว้ในครอบครองเพ่ือจ�าหน่าย เพอ่ื ใหไ ดขอสรุปทถ่ี ูกตอ งรวมกัน
หรือเสพและจ�าหน่ายยาเสพติดผู้นั้นไม่มีสิทธิได้รับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดตามพระราชบัญญัติน้ี
ให้คณะอนุกรรมการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดแจ้งให้พนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการ แล้วแต่กรณ ี • ผตู ดิ สารระเหย หมายความวา อยางไร
มารับตวั ผู้นั้นไปเพ่ือด�าเนนิ คดีต่อไปตามกฎหมาย (แนวตอบ ผูซ ึง่ ตอ งใชสารระเหยบําบดั
ในระหว่างท่ีรอพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการมารับตัวผู้ต้องหาไปเพื่อด�าเนินคดีให้สถานท่ีท่ีรับผู้ ความตองการของรา งกาย หรือจติ ใจ
ต้องหาไว้ตรวจพิสูจน์หรือฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดมีอ�านาจควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้ได้เท่าท่ีจ�าเป็นท้ังน้ีให้ เปนประจํา)
พนกั งานสอบ๓ส)วนพหรรอืะพรนาักชงกานา� อหยั นกาดรแปล้อว้ แงตกก่ ันรณกีมาารรใบั ชตส้วั ผา้ตู ร้อรงะหเาหไปย1ในพทัน.ศทีท. สี่ ๒าม๕า๓รถ๓กระท�าได้ • พระราชกําหนดปอ งกันการใชสารระเหย
๑. “สารระเหย” หมายความวา่ สารเคมีหรอื ผลิตภณั ฑท์ ่รี ฐั มนตรปี ระกาศว่าเป็น พ.ศ. 2533 กลา วไวว าอยา งไรบาง
สารระเหย (แนวตอบ เชน หามมิใหผ ใู ดขายสารระเหย
๒. “ผตู้ ดิ สารระเหย2” หมายความวา่ ผซู้ ง่ึ ตอ้ งใชส้ ารระเหยบา� บดั ความตอ้ งการของ แกผทู ม่ี อี ายไุ มเ กนิ สบิ เจ็บป เวนแตเปน
รา่ งกายหรือจิตใจเปน็ ประจา� การขายโดยสถานศกึ ษาเพื่อใชใ นการเรยี น
การสอน หา มมใิ หผูใดใชส ารระเหยบําบัด
ตวั อยา่ งบางมาตรา เชน่ ความตอ งการของรางกายหรือจติ ใจไมว า
มาตรา ๑๕ โดยวิธสี ดู ดม หรอื วธิ ีอ่ืนใด เปน ตน)
ห้ามมิให้ผู้ใดขายสารระเหยแก่ผู้ท่ีมีอายุไม่เกินสิบเจ็ดปี เว้นแต่เป็นการขายโดยสถานศึกษาเพ่ือใช้ในการ
เรยี นการสอน
มาตรา ๑๖
ห้ามมิใหผ้ ู้ใดขายจดั หา หรือให้สารระเหยแก่ผ้ซู งึ่ ตนรู้หรือควรร้วู ่าเป็นผู้ติดสารระเหย
มาตรา ๑๗
หา้ มมิให้ผูใ้ ดใชส้ ารระเหยบ�าบัดความต้องการของรา่ งกายหรือจติ ใจไม่วา่ โดยวิธีสดู ดม หรือวธิ อี ่ืนใด
มาตรา ๑๘
หา้ มมิใหผ้ ใู้ ดจูงใจ ชักนา� ยุยงสง่ เสริม หรอื ใช้อุบายหลอกลวงใหบ้ ุคคลอ่นื ใชส้ ารระเหยบ�าบัดความต้องการ
ของรา่ งกายหรอื จติ ใจ ไมว่ ่าโดยวธิ สี ดู ดม หรอื วธิ อี ่ืนใด
มาตรา ๒๓
ผู้ใดฝ่าฝนื มาตรา ๑๕ ตอ้ งระวางโทษจา� คกุ ไม่เกินสองป ี หรือปรับไม่เกินสองหมนื่ บาท หรอื ทง้ั จ�าท้ังปรับ
มาตรา ๒๓ ทวิ
ผูใ้ ดฝา่ ฝนื มาตรา ๑๖ ตอ้ งระวางโทษจ�าคกุ ไม่เกินสามป ี หรือปรับไม่เกนิ สามหมื่นบาทหรอื ทั้งจ�าทงั้ ปรบั
มาตรา ๒๔
ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๑๗ หรือมาตรา ๑๘ ต้องระวางโทษจา� คุกไม่เกนิ สองป ี หรือปรบั ไม่เกนิ สองหม่นื บาท หรือ
ท้ังจา� ท้ังปรับ ๑๑5
ขคอดิ สแอนบวเนนOก-าNรคEิดT นกั เรียนควรรู
บุคคลที่ประกอบอาชพี ใดมีความเส่ยี งตอการตดิ สารระเหย 1 สารระเหย เปนส่งิ เสพติดทห่ี าไดงายกวาสิง่ เสพตดิ ชนิดอื่น เปนสารประกอบ
มากทส่ี ดุ พวกไฮโดรคารบ อน ซง่ึ ไดจ ากนา้ํ มนั ปโ ตรเลยี ม และแกส ธรรมชาติ ใชเ ปน สว นผสม
แนวตอบ บคุ คลทปี่ ระกอบอาชีพทน่ี ําสารระเหยมาใช เชน ในผลติ ภัณฑอตุ สาหกรรมและผลติ ภัณฑท่ีใชใ นชีวติ ประจําวนั เชน ทินเนอร กาว
ชางทาสี พนสี ชางทาํ เฟอรนิเจอร เปน ตน โดยใชการเคลอื บผิว นาํ้ ยาลา งเลบ็ สพี น เปนตน
วตั ถสุ ิง่ ของตา งๆ เพอ่ื ความสวยงาม จะมคี วามเสี่ยงตอการติด 2 ผูต ิดสารระเหย ลกั ษณะของผูตดิ สารระเหย ในระยะแรกจะมสี ภาพปกติ
สารระเหยมากท่สี ุด เพราะตอ งคลกุ คลีอยูกับสารระเหยเหลานน้ั แตเม่ือเสพไปนานๆ สุขภาพจะทรุดโทรม มอี าการมนึ เมา ไอเรอื้ รัง หลอดลม
ตลอดระยะเวลาการปฏบิ ัติงาน ดังน้ันบคุ คลเหลา นน้ั จงึ ควรทีจ่ ะ อกั เสบ น้าํ มูกไหล ขาดความเช่ือมน่ั ในตนเอง เหมอ ลอย ควบคุมตัวเองไมได
ปอ งกนั ตนเองโดยการสวมหนา กากและสวมเส้อื คลมุ หรือถุงมอื
เพื่อปอ งกันพษิ จากการสูดดมและการสมั ผสั สารระเหยโดยตรง
คมู ือครู 115
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขา าใจใจ ตรวจสอบผล
Explore Evaluate
Engage Explain Explain Expand
อธบิ ายความรู
ใหนักเรียนรว มกันสรุปสาระสาํ คัญเรื่อง ๔) พระราชบญั ญตั คิ วบคุมเครือ่ งด่ืมแอลกอฮอล์ พ.ศ. ๒๕๕๑
กฎหมายเกีย่ วกับสารเสพติด โดยครแู ละนักเรยี น
คนอ่ืนๆ รวมกนั เสนอแนะเพิ่มเตมิ และตง้ั คําถาม มาตรา ๒๗
เพอ่ื ใหไดข อสรปุ ทถ่ี ูกตอ งรวมกนั
หา้ มขายเคร่ืองด่ืมแอลกอฮอล์ในสถานทห่ี รอื บริเวณ ดังตอ่ ไปนี้
• พระราชบญั ญตั ิควบคุมเคร่ืองด่มื แอลกอฮอล (๑) วัดหรอื สถานท่ีสา� หรบั ปฏบิ ตั พิ ธิ ีกรรมทางศาสนา
พ.ศ. 2551 กลา วไวว า อยา งไรบาง (๒) สถานบรกิ ารสาธารณสขุ ของรฐั สถานพยาบาลตามกฎหมายวา่ ดว้ ยสถานพยาบาล และรา้ นขายยาตาม
(แนวตอบ หามมใิ หม กี ารขายเครือ่ งดื่ม กฎหมายว่าด้วยยา
แอลกอฮอลทุกชนิดในสถานศึกษา หอพัก (๓) สถานท่ีราชการ ยกเวน้ บริเวณทจ่ี ดั ไวเ้ ป็นรา้ นค้าหรอื สโมสร
และบคุ คลซ่ึงมอี ายุตํา่ กวา ยสี่ บิ ปบ รบิ ูรณ และ (๔) หอพกั ตามกฎหมายวา่ ด้วยหอพัก
หามมิใหผูใดบริโภคเครื่องดืม่ แอลกอฮอลใ น (๕) สถานศึกษาตามกฎหมายวา่ ดว้ ยสถานศกึ ษา
สถานศึกษา) (๖) สถานีบรกิ ารน้า� มันเช้ือเพลิงตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการควบคมุ น้า� มันเชื้อเพลงิ
(๗) สวนสาธารณะของทางราชการทจี่ ดั ไวเ้ พ่ือการพักผอ่ นของประชาชนโดยท่ัวไป
ขยายความเขา ใจ Expand (๘) สถานที่อ่ืนท่ีรฐั มนตรปี ระกาศกา� หนดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ
จากที่กลา วมาแลว วา กจิ กรรมตา งๆ เปนวิธี มาตรา ๒๙
การหนึ่งทีส่ ามารถปอ งกันและแกไ ขปญหา
สารเสพติดได ดงั นนั้ ครจู ึงใหน กั เรยี นปฏบิ ตั ิ หา้ มมิให้ผ้ใู ดขายเคร่อื งดมื่ แอลกอฮอล์แกบ่ ุคคล ดงั ต่อไปนี้
กิจกรรมสรางสรรคพฒั นาการเรียนรู กจิ กรรมที่ 2 (๑) บคุ คลซ่งึ มอี ายุต่า� กว่าย่ีสบิ ปบี รบิ รู ณ์
(๒) บคุ คลทม่ี อี าการมึนเมาจนครองสตไิ ม่ได้
มาตรา ๓๑
ห้ามมใิ หผ้ ใู้ ดบรโิ ภคเครอื่ งดื่มแอลกอฮอล์ในสถานทีห่ รือบรเิ วณ ดังต่อไปน้ี
(๑) วดั หรือสถานที่สา� หรับปฏิบตั พิ ธิ กี รรมทางศาสนา เว้นแตเ่ ป็นส่วนหน่งึ ของพิธีกรรมทางศาสนา
(๒) สถานบรกิ ารสาธารณสขุ ของรฐั สถานพยาบาลตามกฎหมายวา่ ดว้ ยสถานพยาบาล และรา้ นขายยาตาม
กฎหมายวา่ ดว้ ยยา ยกเวน้ บรเิ วณที่จัดไว้เป็นทพี่ ักส่วนบุคคล
(๓) สถานทีร่ าชการ ยกเวน้ บริเวณท่จี ัดไว้เป็นที่พักสว่ นบุคคล หรือสโมสร หรอื การจดั เล้ียงตามประเพณี
(๔) สถานศกึ ษาตามกฎหมายวา่ ดว้ ยการศกึ ษาแหง่ ชาต ิ ยกเวน้ บรเิ วณทจี่ ดั ไวเ้ ปน็ ทพี่ กั สว่ นบคุ คล หรอื สโมสร
หรอื การจัดเลย้ี งตามประเพณ ี หรือสถานศึกษาที่สอนการผสมเครอ่ื งด่มื แอลกอฮอลแ์ ละได้รับอนุญาตตามกฎหมาย
ว่าดว้ ยการศกึ ษาแห่งชาติ
(๕) สถานีบริการนา�้ มนั เช้อื เพลิงตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมน้�ามันเช้ือเพลงิ หรือรา้ นค้าในบริเวณสถานี
บรกิ ารนา�้ มนั เช้ือเพลิง
(๖) สวนสาธารณะของราชการทจ่ี ดั ไว้เพ่อื การพกั ผ่อนของประชาชนโดยท่ัวไป
(๗) สถานที่อืน่ ทร่ี ัฐมนตรีประกาศก�าหนด โดยค�าแนะนา� ของคณะกรรมการ
มาตรา ๓๙
ผใู้ ดขายเคร่อื งดมื่ แอลกอฮอล์โดยฝา่ ฝนื มาตรา ๒๗ หรือมาตรา ๒๘ ต้องระวางโทษจา� คกุ ไม่เกินหกเดอื น
หรอื ปรบั ไม่เกนิ หน่งึ หมนื่ บาท หรอื ท้ังจ�าทงั้ ปรับ
๑๑6
เกร็ดแนะครู ขอสแอนบวเนน Oก-าNรคEิดT
ขอ ใดคือลักษณะของผตู ดิ เคร่ืองดืม่ แอลกอฮอล
ครูควรอธบิ ายเพิม่ เตมิ วา สาระสําคัญของพระราชบญั ญตั คิ วบคมุ เครือ่ งด่ืม 1. ดมื่ เคร่ืองดืม่ แอลกอฮอลใ นบางวนั
แอลกอฮอล พ.ศ. 2551 ฉบับนี้ คอื ตองการท่ีจะควบคมุ ทง้ั การซ้อื การขายสุรา ทั้งน้ี 2. ดมื่ เครอ่ื งดื่มแอลกอฮอลทกุ ๆ ช่วั โมง
เพราะถงึ แมวา ประเทศไทยประกาศวาเปนเมอื งพุทธ แตป ระชาชนกย็ งั สามารถหา 3. มอี าการปกติเม่ือไมไดดืม่ เครื่องด่มื แอลกอฮอล
ซ้ือเคร่ืองดม่ื แอลกอฮอลมาดมื่ กันอยางงายดายและมีจาํ หนา ยท่วั ไป จงึ ทาํ ใหต อง 4. ตอ งเพมิ่ ปริมาณการด่มื เครอื่ งดื่มแอลกอฮอลม ากขน้ึ
มีท้ังคณะกรรมการและพระราชบญั ญตั ิมากาํ หนดมาตรการตา งๆ เพ่อื ชวยสราง วิเคราะหค าํ ตอบ ผูตดิ เครอ่ื งด่ืมแอลกอฮอล คือ บุคคลที่ดืม่
เสรมิ สขุ ภาพของประชาชนโดยใหต ระหนักถงึ พษิ ภยั ของเครอ่ื งดืม่ แอลกอฮอล เครอื่ งดื่มแอลกอฮอลจนกอใหเกิดผลเสยี ตอ สขุ ภาพรางกายหรอื
ตลอดจนชวยปอ งกันเด็กและเยาวชนมิใหเ ขา ถงึ เคร่ืองดม่ื แอลกอฮอลไดโ ดยงา ย จิตใจ โดยการด่ืมน้นั มีลกั ษณะที่ตอ งเพ่มิ ปรมิ าณมากขนึ้ และ
เพราะเคร่ืองดม่ื แอลกอฮอลกอใหเกดิ ปญหาดานสุขภาพ ครอบครวั อุบัติเหตุและ เมอ่ื หยดุ ด่ืมจะมีอาการแสดงของการขาดเคร่ืองดม่ื แอลกอฮอล
อาชญากรรม ซ่งึ มีผลกระทบตอ สังคมและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ในรางกาย เชน มือส่ัน คล่ืนไส เปนตน ตอบขอ 4.
116 คมู อื ครู
กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Evaluate
Engage Explore Expand Engage
กระตนุ ความสนใจ
แผนผงั แสดงปญ หาของผตู ิดสารเสพตดิ และผลทไ่ี ดจ ากการเขารับบําบัด ใหน ักเรยี นดภู าพยนตเร่ือง นาํ้ พุ ในชว ง
ของการบาํ บดั รักษาผตู ดิ สารเสพติด จากน้ันครู
รา งกายทรดุ โทรม รา งกายออ นแอ พฤตกิ รรมเบย่ี งเบน ผตู ิดสารเสพติด ตั้งคาํ ถามกระตุนความสนใจของนักเรียน โดยให
สขุ ภาพไมแ ขง็ แรง ไมร บั ผดิ ชอบ พดู ปด ลกั ขโมย นกั เรยี นสามารถแสดงความคิดเหน็ ไดอ ยา งอสิ ระ
กา้ วรา้ ว • นกั เรยี นทราบหรอื ไมวา การกระทาํ ดงั กลา ว
เรียกวา อะไร
การบา� บดั รกั ษาและฟน้ื ฟสู มรรถภาพ (แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็
เลกิ สารเสพตดิ สขุ ภาพแขง็ แรง จติ ใจ ไดอ ยา งอสิ ระ โดยอาจตอบวา การบาํ บดั
เขม้ แขง็ เปลย่ี นแปลงบคุ ลกิ ภาพ รักษาหรอื การฟน ฟผู ตู ิดสารเสพตดิ )
พฤตกิ รรม และนสิ ยั ใหเ้ ปน็ ไปในทางที่
เหมาะสม • วดั ถํ้ากระบอก เปนสถานท่ที ีน่ า้ํ พใุ ชใ น
ดา� รงชวี ติ อยใู่ นสงั คมไดอ้ ยา่ งปกติ การบาํ บดั รักษาจากการตดิ สารเสพติด
และมคี ณุ คา่ นักเรียนคดิ วา ปจจบุ นั มีหนวยงานใด
ท่สี ามารถบาํ บดั รกั ษาและฟน ฟผู ตู ดิ สาร
๒.๘ การบาํ บัดรักษาผูต ิดสารเสพติด และหนว ยงานทีเ่ กย่ี วขอ ง เสพตดิ ไดอ กี
๑) การบ�าบัดรักษาผู้ติดสารเสพติด การบ�าบัดรักษาผู้ติดสารเสพติด หมายถึง (แนวตอบ เชน โรงพยาบาลธญั ญารกั ษ
โรงพยาบาลของรฐั โรงพยาบาลของเอกชน
การดา� เนนิ งานของหนว่ ยงานทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั การบา� บดั รกั ษา เพอ่ื แกไ้ ขสภาพรา่ งกายและจติ ใจของ และคลนิ กิ ตางๆ เปน ตน)
ผูต้ ดิ สารเสพตดิ ใหเ้ ลิกจากการเสพ และสามารถกลับไปดา� รงชีวติ อยูใ่ นสังคมไดอ้ ยา่ งปกติ
สาํ รวจคน หา Explore
ขน้ั ตอนการบา� บัดรักษาผู้ตดิ สารเสพตดิ แบ่งเป็น ๔ ข้นั ตอน คือ
ใหนกั เรยี นศึกษาเรื่อง การบําบดั รกั ษาผูต ิด
ข้ันตอนการบาํ บัดรกั ษาผตู ดิ สารเสพติด แบงเปน ๔ ข้ันตอน คือ สารเสพตดิ จากหนงั สอื เรยี น และแหลง เรยี นรอู นื่ ๆ
เพิ่มเติม เพอ่ื นาํ ขอมลู ที่ไดมาอภปิ รายรวมกันใน
ขน้ั เตรียมการ (Pre-admission) ช้ันเรียน
เป็นการศึกษาประวัติข้อมูลและภูมิหลังของผู้ติด
สารเสพติด ทั้งจากผู้ขอรับการรักษาและครอบครัว ผู้ติดสารเสพติดสามารถรักษาให้หายขาดได้ ถ้ารีบ
เพ่อื ชักจูงใหค้ �าแนะนา� และกระต้นุ ให้ผตู้ ดิ สารเสพตดิ ขอเขา้ รบั การบําบดั ฟน ฟูโดยเร็ว
มคี วามตง้ั ใจในการรกั ษา การดา� เนนิ การ การสมั ภาษณ์
การลงทะเบียน และวิธีการทางการแพทย์ ได้แก่
การตรวจรา่ งกาย เอกซเรย์ ตรวจเลอื ด ตรวจปส สาวะ
ชั่งน�า้ หนกั
๑๑๗
คขอิดสแอนบวเนนOก-าNรคEดิT เกร็ดแนะครู
การครอบครอง การใช และการจําหนายสารเสพติดกอใหเ กิด ครอู าจพานกั เรียนไปศึกษาดงู านทโ่ี รงพยาบาลธญั ญารักษ เกี่ยวกบั เร่ือง
ผลกระทบตอตนเอง ครอบครัว เศรษฐกจิ และสงั คมอยางไร การบําบดั รักษาผตู ิดสารเสพตดิ ซ่ึงจะทําใหน ักเรียนไดเ กดิ ความเขาใจในข้นั ตอน
แนวตอบ การครอบครอง การใช และการจาํ หนายสารเสพติด ของการบาํ บดั รักษาผตู ดิ สารเสพติดมากย่ิงขึ้น โดยสามารถนาํ ความรทู ่ีไดไ ป
กอ ใหเกิดผลกระทบตอตนเอง ไดแก สขุ ภาพเส่ือมโทรม การตอ ง เช่อื มโยงกับเนื้อหาจากในหนงั สือเรียน เพือ่ นาํ มาอภปิ รายรว มกนั
โทษหรือไดรบั โทษตามกฎหมาย ซึ่งนาํ ความเส่อื มเสยี มาใหแ ก
ตนเองและครอบครัว รวมถึงสรา งความไมมัน่ คงทางเศรษฐกจิ มมุ IT
และสังคมจนเกดิ เปนปญหาตางๆ ข้ึน
ศกึ ษาเพ่ิมเติมเก่ียวกบั พระราชบญั ญัตคิ วบคมุ เครอื่ งดื่มแอลกอฮอล พ.ศ. 2551
ไดจาก www.thailandlawyercenter.com/index.php?lay=show&ac=article&
Id=538973950&Ntype=19
คมู อื ครู 117
กระตุนความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain
อธบิ ายความรู
ใหน ักเรยี นรว มกนั อภิปรายเร่อื ง การบําบดั (ขเปMั้นน็ eถกtอhานaรพบdษิา�oบnยดัeาอ) (าDยกาeา tรสoทมxาiุนfงicไกพaายรt2i ทoหnเี่ กร)ือดิ ใจหา้เกลกกิ าเรสใพชทส้ ันารทเทีสพเ่ี รตยี ดิก วกา่ า รหดกั า� ดเนบิ 3นิ เกปาน็รต กน้ า รแใหบย้่งเาปช็นนกดิ าอรนื่ ถทอดนแพทษิ นแ บเชบน่ ผ เปู้ ม่วธยานโดอนก1
รกั ษาผตู ดิ สารเสพตดิ โดยรวมกนั วเิ คราะหวา
ขัน้ ตอนของการบําบดั รกั ษาผูตดิ สารเสพติดมี คือ ไม่ตอ้ งคา้ งคืนในสถานพยาบาล แตต่ อ้ งรับประทานยาตามเวลาทีก่ า� หนด และแบบผูป้ ่วยในคอื การคา้ งคืน
ขั้นตอนใดบา ง และแตละข้ันตอนนน้ั เปนอยา งไร ในสถานพยาบาลซึง่ นอกจากจะถอนพิษยาแลว้ ยังมีการรกั ษา รวมทง้ั การใหค้ วามรใู้ นเรอ่ื งการดูแลสุขภาพ
โดยครูรว มเสนอแนะเพม่ิ เติม และตงั้ คําถามเพื่อให ขน้ั ตอนในการฟน ฟูสมรรถภาพ (Rehabilitation)
ไดขอสรุปที่ถูกตองรวมกนั ข้ันตอนนี้เป็นการปรับสภาพร่างกายและจิตใจของผู้เลิกยาให้มีความเข้มแข็ง ปรับเปล่ียนบุคลิกภาพและ
พฤติกรรมให้สามารถกลับคืนสู่สังคมได้อย่างปกติ โดยมีการด�าเนินการใช้กิจกรรมต่างๆ ได้แก่ การให้
• การบาํ บดั รักษาผตู ดิ สารเสพตดิ แบง เปน คา� แนะนา� คา� ปรกึ ษาท้งั เป็นรายบุคคลและเปน็ กลุม่ การสนั ทนาการ การฝก อาชพี เป็นต้น นอกจากนย้ี ังมีรูป
ก่ขี น้ั ตอน ไดแกอะไรบาง แบบอ่ืนๆ อกี เชน่ การฟ้ืนฟูสมรรถภาพแบบ “ชุมชนบ�าบัด”ซงึ่ เปน็ การสรา้ งชุมชนหรือสงั คมจ�าลองให้ผูเ้ ลิก
(แนวตอบ แบงเปน 4 ข้ันตอน ไดแก สารเสพติดมาอยู่รวมกัน เพอื่ ใหก้ ารช่วยเหลือกนั เลียนแบบ ปรบั เปลีย่ นพฤตกิ รรม ฝกความรบั ผดิ ชอบ การ
ขัน้ เตรยี มการ ข้นั ถอนพษิ ยา ข้ันของการ ร้จู กั ตนเอง และแก้ไขปญ หาอย่างเหมาะสม เพื่อกลับไปดา� รงชวี ติ อยู่ในสงั คมไดอ้ ยา่ งปกติ หรือการฟ้ืนฟจู ติ ใจ
ฟนฟูสมรรถภาพ และข้นั การติดตามดูแล) โดยใช้หลักศาสนา เช่น การน�าผู้เลิกสารเสพติด
เขา้ รบั การอปุ สมบท การศกึ ษาหลกั ธรรมทางศาสนา
• การถอนพิษแบบผูป วยในตางจากการ เป็นต้น
ถอนพษิ แบบผูป วยนอกอยา งไร ขั้นการตดิ ตามดแู ล (After-Care)
(แนวตอบ การถอนพิษแบบผูป ว ยใน จะตอ ง เปน็ การตดิ ตามดแู ลผเู้ ลกิ สารเสพตดิ ทผี่ า่ นการบา� บดั
คางคนื ในสถานพยาบาล และยังมีการรกั ษา รกั ษา ทงั้ ๓ ขนั้ ตอน เพอ่ื ใหค้ า� แนะนา� ปรกึ ษาใหก้ า� ลงั ใจ
โรคแทรกซอ นตา งๆ รวมท้ังการใหค วามรูใ น ท้ังนี้เพื่อมิให้หวนกลับไปเสพยาซ้�าอีก ได้แก่ การ
เร่ืองการดแู ลสขุ ภาพ แตส ําหรับการถอนพิษ เย่ียมเยียน โทรศัพท์นัดพบ ใช้แบบสอบถาม และ
แบบผูปว ยนอกนั้น จะมีการนํายากลับไป การตรวจปส สาวะหาสารเสพติด
รับประทานท่ีบา นตามเวลาที่กําหนดและ
ไมตอ งคา งคืนทสี่ ถานพยาบาล) การมีส่วนร่วมในการดําเนินกิจกรรมทางสังคมเปน
ภมู คิ ้มุ กันอีกอยา่ งหน่ึงจากภยั ของสารเสพตดิ
๒) หนวยงานที่รับผิดชอบในการแกไ้ ขปัญหาสารเสพตดิ
๑. ศูนยร์ ับแจ้งขาวและระบบการขา ว มหี นว่ ยงานจดั ระบบการข่าว และศนู ย์แจง้
ขอ้ มลู ขา่ วสารจากเจา้ หน้าท่ขี องรัฐเกย่ี วข้องกบั สารเสพตดิ ประกอบด้วย
(๑) ส่วนกลาง ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ ส�านักงาน
ตา� รวจแหง่ ชาต ิ กองบญั ชาการทหารสงู สุด กองทพั บก กองทพั เรือ กองทัพอากาศ กองบญั ชาการ
ต�ารวจปราบปรามยาเสพตดิ และกองบัญชาการต�ารวจนครบาลปองกันปราบปราม
(๒) สว่ นภูมิภาค เชน่ ศูนยป์ อ งกนั และปราบปรามยาเสพติดกรุงเทพมหานคร
(ศปส.ก.) และศนู ยป์ องกันปราบปรามยาเสพติดจังหวัด (ศปส.จ.)
๑๑๘
นักเรียนควรรู ขอ สแอนบวเนน Oก-าNรคEดิT
ขอ ใดไมใ ช ขั้นตอนการบาํ บดั รักษาในข้นั ตอนของการฟนฟู
1 เมธาโดน เปน สารเสพติดชนิดหนึง่ ซงึ่ ไดจ ากการสงั เคราะหฝ น โดยออกฤทธิ์ สมรรถภาพ
คลายกับเฮโรอนี แตออ นกวา 1. การปรบั เปลยี่ นบคุ ลกิ ภาพและพฤตกิ รรม
2 สมุนไพร สมนุ ไพรบางชนดิ อาจมีฤทธท์ิ ําใหเ กิดการถอนยาได โดยทําใหเ มา 2. การใชก จิ กรรมตา งๆ ในการบาํ บัดรักษา
ไมรสู ึกตัว ซง่ึ ในระยะแรกจะใชยาสมนุ ไพรเพอื่ ใหย าขับออกจากรางกายในเวลา 7-8 3. การดาํ เนินการใหยาชนิดอน่ื ทดแทน
วัน เชน ใบฝรั่ง ลกู ลาํ โพง ใบกะเพรา รางจืด เปนตน 4. การปรบั สภาพรา งกายและจิตใจ
3 หกั ดิบ คอื การเลกิ เสพสารเสพตดิ ทนั ที โดยอาจใชก ารทาํ สมาธิ ออกกาํ ลงั กาย วิเคราะหค ําตอบ การดาํ เนนิ การใหย าชนดิ อ่นื ทดแทน
ดมื่ น้าํ มากๆ รว มกบั การใชย าคลายเครยี ด เปนขนั้ ตอนการบาํ บดั รักษาในขัน้ ถอนพิษยา ตอบขอ 3.
118 คมู อื ครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
ส�าหรับส�านักงานปองกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ (ป.ป.ส.) ได้เปด ครสู มุ นกั เรยี น 2 คน ออกมาอภิปรายเก่ียวกบั
ศนู ย์รับแจ้งข้อมูลขา่ วสารเจา้ หน้าท่ขี องรฐั เก่ยี วขอ้ งกบั สารเสพตดิ ดังนี้ ระบบการบําบดั รกั ษาผูต ิดสารเสพติดวา มีระบบ
■ ส�านักงานปราบปรามยาเสพติด ส�านกั งาน ป.ป.ส. ใดบา ง โดยครแู ละนกั เรยี นคนอน่ื ๆ รว มกนั เสนอแนะ
■ สา� นกั งานปอ งกนั และปราบปรามยาเสพตดิ ภาคเหนอื (เชียงใหม)่ เพ่มิ เติม และตง้ั คําถามเพ่ือใหไ ดข อ สรปุ ที่ถูกตอ ง
■ ส�านักงานปองกันและปราบปรามยาเสพติดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมกัน
(ขอนแก่น)
■ สา� นกั งานปองกันและปราบปรามยาเสพติดภาคใต้ (สงขลา) • ระบบการบําบัดรกั ษาผูติดสารเสพตดิ ใน
■ ส�านกั งานปองกนั และปราบปรามยาเสพตดิ ภาคกลาง (กทม.) ประเทศไทย มรี ะบบใดบาง
๒. คณะกรรมการกล่ันกรองข้อมูลหรือขาวสารการกระท�าเกี่ยวข้องกับสารเสพติด (แนวตอบ ระบบสมคั รใจ ระบบตอ งโทษ และ
ทม่ี าจากหนว ยงานภาครฐั ทร่ี บั ผดิ ชอบ ซง่ึ ประกอบดว้ ยผแู้ ทนจากหนว่ ยงานของสว่ นราชการตา่ งๆ ระบบบังคับ)
ทั้งคณะกรรมการประจ�ากรงุ เทพมหานคร และคณะกรรมการประจา� ภาค
๓) การบ�าบัดรักษาผู้ติดสารเสพติดในชุมชน และหนวยงานท่ีบริการให้ • นักเรียนคดิ วา ระบบการบาํ บัดรักษาแบบใด
คา� ปรกึ ษา ทม่ี ีผูเ ขา รับการบาํ บัดรักษาจํานวนนอย
๑. ระบบการบ�าบัดรักษาผู้ติดสารเสพติด ปัจจุบันประเทศไทยมีระบบการบ�าบัด เนื่องมาจากสาเหตใุ ด
รักษาผู้ตดิ ยา ๓ ระบบ ดงั นี้ (แนวตอบ ขึ้นอยกู ับคาํ ตอบของนักเรยี น
(๑) ระบบสมัครใจ เป็นการเปดโอกาสให้ผู้ติดสารเสพติดท่ีต้องการจะเลิก โดยอาจตอบวา ระบบสมัครใจ เพราะผูต ดิ
สารเสพติดโดยความสมัครใจ สามารถขอเข้ารับการบ�าบัดรักษาพยาบาลในสถานพยาบาลต่างๆ สารเสพตดิ สว นใหญจ ะไมย อมเขา รบั การ
ท้งั ภาครัฐและเอกชน ซ่งึ ดา� เนินการรกั ษาท้งั ระบบแพทยแ์ ผนปัจจบุ นั และแผนโบราณ บาํ บดั รักษา นอกจากมคี วามผดิ เกีย่ วกบั คดี
(๒) ระบบต้องโทษ เป็นการ สารเสพตดิ และถกู คมุ ขังโดยตอ งไดรบั การ
ให้การช่วยเหลือบ�าบัดรักษาผู้ติดสารเสพติดที่ รักษาพยาบาลภายในขอบเขตขอ บังคบั
กระทา� ความผดิ เกยี่ วกบั คดสี ารเสพตดิ และถกู ทางกฎหมาย)
คุมขังโดยต้องได้รับการรักษาพยาบาลภายใน
ขอบเขตข้อบงั คับทางกฎหมาย หนว่ ยงานที่รบั • หนวยงานท่รี บั ผิดชอบในการบาํ บดั รักษา
ผิดชอบท่สี า� คญั คอื ผูตดิ สารเสพตดิ ในชมุ ชน ไดแ กอะไรบาง
เดก็ และเยาวชน1 สงั กดั ศา■ลเสยาถวาชนนพแินลิะจคครุ้มอคบรคอรวัง (แนวตอบ ไดแก สถานพินิจคุมครองเดก็ และ
เยาวชน กรมคมุ ประพฤติ กระทรวงยตุ ิธรรม
และทณั ฑสถานบาํ บัดพเิ ศษตางๆ ของ
กรมราชทณั ฑ กระทรวงมหาดไทย)
กลาง กระทรวงยุติธรรมเป็นสถานที่พักพิง
ส�าหรับเด็กและเยาวชนที่มีอายุไม่เกิน ๑๘ ป
บริบูรณ์ เข้าอยู่อาศัยนับตั้งแต่วันที่กระท�าผิด ความรักความอบอุ่นจากครอบครัว เปนกําแพงช่วยต้าน
เพือ่ รอการสอบสวน หรือพิจารณาคดี ปญหาสารเสพตดิ ได้
๑๑9
คขอิดสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT นักเรยี นควรรู
ขอ ใดคอื วิธีการชว ยเหลือผูต ดิ สารเสพตดิ ใหแกสมาชิกใน 1 สถานพินจิ คุมครองเด็กและเยาวชน เปนหนวยงานพทิ กั ษค มุ ครองสิทธิและ
ครอบครัวท่ีเหมาะสม สวัสดภิ าพเด็กและเยาวชน ซึ่งจะมหี นา ท่ใี นการดาํ เนินการดา นคดี ดา นการปอ งกนั
บาํ บัด แกไข ฟน ฟู พัฒนา สงเคราะห และตดิ ตามประเมนิ ผล โดยสง เสรมิ การใช
1. ไมพดู คยุ กับผูปว ย กระบวนการยตุ ิธรรม
2. หามผูปวยออกจากบาน
3. หา มผปู วยเสพสารเสพติดโดยเดด็ ขาด มมุ IT
4. ยอมรบั และใหก าํ ลังใจผูปวยในการเลกิ เสพสารเสพติด
วิเคราะหค ําตอบ การยอมรับและใหก ําลงั ใจผูปว ยในการเลกิ เสพ ศึกษาเพม่ิ เตมิ เกี่ยวกบั การบาํ บดั รักษาผตู ดิ สารเสพติดในชุมชน จากบทความ
สารเสพติด เปน วิธีการชว ยเหลือสมาชกิ ในครอบครัวทีเ่ หมาะสม “แนวคิดหลักของชมุ ชนบาํ บัด” ไดจาก http://www.ccd.rtaf.mi.th/ccd/
ทีส่ ุด เนือ่ งจากผูปวยตอ งการกาํ ลังใจและความดูแลอยางใกลชิด ArticleDetail.asp?id=12
ไมค วรพดู ตอกยาํ้ หรือซาํ้ เติมผปู ว ย เพราะอาจทาํ ใหผ ปู วยรูส กึ เกดิ
ความทอแทต อการเลกิ เสพสารเสพตดิ ได ตอบขอ 4.
คูม อื ครู 119
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain
อธบิ ายความรู
ครสู มุ นกั เรยี น 2 คน โดยไมซ า้ํ กบั คนเดมิ ■ กรมคมุ ประพฤต ิ กระทรวงยตุ ธิ รรม มบี ทบาทหนา้ ทใี่ นการคมุ ประพฤตทิ ่ี
ออกมาอภิปรายตอ เกยี่ วกบั ระบบการบําบดั รกั ษา เก่ียวข้องกับสารเสพติด และมีความผิดไม่ร้ายแรง โดยศาลจะส่ังให้ถูกคุมประพฤติ และจะ
ผูติดสารเสพติดโดยครแู ละนกั เรียนคนอน่ื ๆ ต้องรายงานตวั ต่อเจา้ หน้าท่ีเป็นระยะๆ และอาจมขี ้อกา� หนดเงอื่ นไขอื่น ๆ อกี เชน่ หา้ มขอ้ งเกี่ยว
รว มกันเสนอแนะเพม่ิ เติม และต้ังคาํ ถามเพือ่ ใหไ ด กับสารเสพตดิ การใหเ้ ข้ารบั การบา� บัดรักษา เปน็ ตน้
ขอ สรุปทถ่ี ูกตองรว มกัน ■ ทัณฑสถานบําบัดพเิ ศษตา่ งๆ ของกรมราชทัณฑ์ กระทรวงมหาดไทย มี
บทบาทหนา้ ทีใ่ นการบา� บัดรักษาและฟน ฟูสมรรถภาพผู้ต้องขงั ทต่ี ิดสารเสพติดอายุ ๑๘ ป ขึ้นไป
• ทัณฑสถานบาํ บดั พิเศษตา งๆ มีบทบาท ท่ีมีความผิดในคดีสารเสพติด ซ่ึงจะถูกส่งตัวเข้ารับการบ�าบัดรักษาและฟนฟูสมรรถภาพ
หนา ทใี่ นการบาํ บัดรักษาผูติดสารเสพติด ในทณั ฑสถานบา� บัดพเิ ศษจา� นวน ๖ แหง่ ท่ัวประเทศ
อยา งไร (๓) ระบบบังคับ เปน็ การใช้กฎหมายบงั คับใหผ้ ตู้ ิดสารเสพตดิ เขา้ รับการบา� บดั
(แนวตอบ มีบทบาทหนาทใี่ นการบําบัดรักษา รักษาในศูนย์ฟนฟูสมรรถภาพที่จัดตั้งข้ึน ตามพระราชบัญญัติฟนฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด
และฟน ฟสู มรรถภาพผูต อ งขงั ทต่ี ิดสารเสพตดิ พ.ศ. ๒๕๔๕
อายุ 18 ปข นึ้ ไป ทมี่ คี วามผดิ ในคดสี ารเสพตดิ ๒. สถานบริการให้ค�าปรึกษาและบ�าบัดรักษาผู้ติดสารเสพติด ผู้ที่ประสบปัญหา
โดยจะถูกสง ตัวเขารับการบําบัดรกั ษาใน สารเสพตดิ และไมอ่ าจแกไ้ ขไดด้ ว้ ยตนเอง อาจขอรบั คา� ปรกึ ษาแนะนา� หรอื ขอรบั บรกิ ารการบา� บดั
ทัณฑสถานบําบดั พเิ ศษจํานวน 6 แหง รกั ษาสารเสพติดไดจ้ ากสถานบรกิ ารตา่ งๆ เช่น
ทว่ั ประเทศ) ■ กองบาํ บดั รกั ษา สา� นกั งานคณะกรรมการปอ งกนั และปราบป1รามยาเสพตดิ
■ โรงพยาบาลในส่วนกลาง เช่น โรงพยาบาลธัญญารักษ์ โรงพยาบาล
• ระบบบงั คับ เปน ระบบการบําบดั รกั ษาผูตดิ ต�ารวจ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า โรงพยาบาลตากสิน โรงพยาบาลวชริ พยาบาล โรงพยาบาล
สารเสพติดในลกั ษณะใด อานันทมหดิ ล เปน็ ต้น
(แนวตอบ เปน การใชกฎหมายบังคบั ใหผูตดิ ■ โรงพยาบาลของรัฐ เอกชน
สารเสพตดิ เขารับการบําบดั ในศนู ยฟ น ฟู
สมรรถภาพทจี่ ดั ต้ังขึ้น ตามพระราชบญั ญัติ
ฟน ฟสู มรรถภาพผูตดิ สารเสพติด พ.ศ. 2534)
และคลินิกต่างๆ ในศูนย์บริการสาธารณสุข
ท่วั ทกุ ภาคของประเทศ
■ ศูนย์หรือบ้านต่างๆ ของ
เอกชน เช่น ศูนย์เบิกอรุณในประเทศไทย
บ้านสนั ตสิ ขุ ฯลฯ
■ กลุ่มผู้ติดยาเสพติดนิรนาม
(NA) ในประเทศไทย เชน่ โรงพยาบาลธญั ญารกั ษ์
ศูนย์บริการชุมชนสุขุมวิท ๓๓ บ้านพิชิตใจ
ผ้ทู ่ีตดิ สารเสพติดสามารถขอรับคาํ ปรึกษา และการบาํ บดั ศูนย์บา� บัดรกั ษายาเสพติดภาคเหนอื กลุ่มผ้ตู ิด
ไดจ้ ากสถานพยาบาลของรัฐที่กระจายอยทู่ วั่ ประเทศ ยาเสพติดนริ นาม จงั หวดั ภูเก็ต เปน็ ตน้
๑๒๐
เกรด็ แนะครู กจิ กรรมสรา งเสรมิ
ครคู วรใหนกั เรียนศกึ ษาเพม่ิ เตมิ เกี่ยวกบั หนวยงานตางๆ ทเี่ ก่ียวขอ งกบั ใหนกั เรียนศึกษาเพิม่ เติมเก่ยี วกบั สถานบรกิ ารใหค าํ ปรกึ ษา
การบําบัดรักษาและฟน ฟสู มรรถภาพผูติดสารเสพตดิ เนือ่ งจากในหนังสือเรียน และบําบัดรกั ษาผตู ิดสารเสพติดมา 5 สถานบริการ แลวใหเขยี น
ของนกั เรียนไมไ ดมกี ารกลา วถงึ บทบาทหนา ทข่ี องหนว ยงานตางๆ ไว นกั เรยี นจงึ สรปุ ถึงหนา ที่หลักของสถานบริการนนั้ ๆ
สามารถรบั รูไดเ พยี งแคช อ่ื ของหนว ยงานเทานัน้
กจิ กรรมทาทาย
นกั เรียนควรรู
ใหน กั เรยี นวิเคราะหว าหากบคุ คลทน่ี ักเรยี นรูจกั ตดิ สารเสพติด
1 โรงพยาบาลธญั ญารักษ เปน สถาบันการแพทยเฉพาะทางในสังกัดกรม นักเรียนจะแนะนาํ หรอื พาบคุ คลนั้นไปบําบัดรักษาในหนวยงานใด
การแพทย กระทรวงสาธารณสุข ใหบ ริการบําบดั รักษาผตู ิดยาและสารเสพติด เพราะเหตุใด
ทุกประเภทในระดบั ตตยิ ภูมิ ท้งั แบบผปู วยนอกและแบบผูปวยใน ซงึ่ ตง้ั อยทู ่ี
อาํ เภอธญั บุรี จังหวดั ปทุมธานี
120 คูมือครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขาใา จใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Evaluate
Expand Expand
ขยายความเขา ใจ
ลอมรั้วปอ งกนั ภยั จาก สารเสพติด เสรมิ สาระ ใหนักเรยี นศกึ ษาเพ่ิมเติมเร่ือง ลอ มรว้ั ปองกัน
ภยั จากสารเสพติดจากเสรมิ สาระ โดยครแู ละ
สารเสพติดเป็นภัยต่อประเทศชาติ และส่งผลกระทบต่อตัวบุคคล นักเรียนคนอน่ื ๆ รว มกนั เสนอแนะเพมิ่ เติม และ
สงั คม และการพฒั นาประเทศ ซงึ่ วธิ ปี อ งกนั สารเสพตดิ ไมใ่ หเ้ ขา้ มาทา� ลาย ต้ังคาํ ถามขยายความเขาใจของนักเรยี น
ประเทศ มีดงั น้ี
• นักเรียนคิดวา การลอมร้ัวปอ งกนั ภัยจาก
รว้ั ที่ ๑ คือ รว้ั ชายแดน ทกา�ารหนน�าา้ เทขีจ่้าสัดากรา� เลสังพปตฏดิ 1บิ ตัตาิกมาแรนลวาชดาตยรแะดเวนน จชัดว่ ตย้ังสอกาดัสกานั้ สารเสพติด รั้วใดมคี วามสําคัญทสี่ ุด
(แนวตอบ ร้ัวครอบครัว มีความสาํ คัญที่สดุ
สมัครประชาชนในหมูบ่ า้ นชายแดนเพอื่ เปน็ ก�าลังเฝา ระวัง ตอ การปอ งกันภัยจากสารเสพติด เนอื่ งจาก
ครอบครัวเปนสถาบนั แรกที่ใหความรัก
รวั้ ท่ี ๒ คือ รัว้ ชุมชน ใหช้ มุ ชนมีส่วนรว่ มในการแก้ไขปญหาสังคมด้านตา่ งๆ ในการ ความอบอุนแกลกู คอยอบรมส่งั สอน
เฝา ระวงั รวมทง้ั การสา� รวจตรวจสอบพฤตกิ ารณท์ ง้ั คา้ และเสพ เพอ่ื คดั กรองปญ หา ในสิ่งที่ถูกตอ ง ซ่ึงหากครอบครัวมีลักษณะ
สารเสพตดิ ในหม่บู ้านและชมุ ชนขน้ั ต้น รวมถงึ มาตรการทางดา้ นกฎหมาย เพื่อลด เหมือนดังท่กี ลาวมา กย็ อ มสงผลใหล กู
การคา้ ในพื้นท่ี ตลอดจนการจบั กุมและส่งผูเ้ สพเข้ารับการบ�าบัด มีการแสดงออกของพฤตกิ รรมทถี่ กู ตอ ง
เหมาะสม)
รั้วที่ ๓ คือ รวั้ สังคม โดยด�าเนินการขยายพื้นที่และกิจกรรมทางบวกให้กับเยาวชน ได้แก่ ลานกีฬา
ลานดนตร ี ลานกจิ กรรมสรา้ งสรรคข์ องเยาวชน รวมถงึ การสรา้ งแกนนา� กลมุ่ ตา่ งๆ
ในจงั หวดั ให้เป็นพลงั ขับเคลอื่ นการจดั ระเบยี บสังคม
ร้วั ท่ี ๔ คอื รวั้ โรงเรียน มอบหมายให้ครูท�าหน้าท่ีเสมือนกลไกปลูกฝงและสอดส่องพฤติกรรมของเด็ก
และเยาวชน ด้วยการจัดกิจกรรมในสถานศึกษา
รว้ั ท่ี ๕ คอื รวั้ ครอบครวั ส่งเสริมให้มีการจัดต้ังศูนย์พัฒนาครอบครัวในชุมชน จัดอบรมพ่อแม่ผู้ปกครอง
ญาตพิ นี่ ้อง เก่ยี วกบั ความรู้ในการปองกันสารเสพตดิ
ที่มาข้อมลู : สา� นักยุทธศาสตร์ ส�านักงานปองกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.)
สรุป ยาเปนส่ิงที่มีคุณประโยชนมากมายตอมนุษย เม่ือรางกายเกิดการเจ็บปวยหรือไดรับการ
บาดเจบ็ ไมว ากรณีใดๆ ก็ตาม ยาเปนสิง่ ที่จะชวยรักษาอาการของโรคและบรรเทาอาการบาดเจ็บ
นนั้ แตใ นขณะเดยี วกนั ยากม็ โี ทษอยา งมหนั ต เมอื่ ผใู ชไ มร จู กั วธิ กี ารใชย าไดอ ยา งถกู ตอ ง การใชย า
ทุกชนิดจะตองใชใหถูกตองจึงจะเกิดประโยชนและมีความปลอดภัยตอผูใชมากที่สุด และในการ
ศึกษาเกี่ยวกับสารเสพติด ซ่ึงปจจุบันกําลังเปนปญหาที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จะชวย
เสรมิ สรา งใหเ กดิ ความเขา ใจ และตระหนกั ถงึ ปญ หาทสี่ ง ผลกระทบตอ ตวั ผเู สพครอบครวั เศรษฐกจิ
สงั คม การเมอื ง และประเทศชาติ ตลอดจนสามารถหากลวธิ ใี นการปอ งกนั การใชย าและสารเสพตดิ
เพอ่ื การดํารงชวี ติ อยูไ ดอยา งปลอดภัยและมีความสขุ ๑๒๑
กจิ กรรมสรา งเสรมิ เกรด็ แนะครู
ใหน ักเรยี นอธิบายถึงความสาํ คัญของการลอมร้วั ปอ งกนั ภยั ครคู วรรวมมือกับทางโรงเรยี นในการจัดกิจกรรมตางๆ เพ่ือปอ งกนั ภัยจาก
จากสารเสพติดในโรงเรยี นมาอยา งนอย 5 ขอ สารเสพตดิ ในโรงเรยี น โดยใหน กั เรียนไดม สี วนรวม เชน การแขงขันกีฬาตานภยั
ยาเสพตดิ การประกวดรองเพลง การสอดสองพฤตกิ รรมนกั เรียนคนอ่นื ๆ เปนตน
กจิ กรรมทา ทาย
นกั เรยี นควรรู
ใหนกั เรยี นสรางกิจกรรมการปองกนั ภยั จากสารเสพตดิ ใน
โรงเรยี นมา 1 กจิ กรรม พรอมท้งั บอกประโยชนท่ีไดร บั จากการ 1 นาํ เขา สารเสพตดิ โดยนาํ สารเสพตดิ เขา มาทางประเทศท่มี อี าณาเขตติดตอ
ทํากจิ กรรมดังกลา ว กบั ประเทศไทย เชน ประเทศพมา ลาว เปนตน โดยเฉพาะทางภาคเหนอื และ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนอื ของประเทศ
คมู ือครู 121
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Explore Explain Expand
Engage Evaluate Evaluate
ตรวจสอบผล
1. การจัดปา ยนิเทศเรือ่ ง การใชย าใหถกู ตอ ง ¤íÒ¶ÒÁ»ÃШÓ˹Nj ¡ÒÃàÃÂÕ ¹ÃŒÙ
2. การจดั กจิ กรรมรณรงคต อ ตา นสารเสพติดใน
๑ เพราะเหตุใด ยาสามญั ประจ�าบา้ นจงึ มีความสา� คัญ และควรมไี ว้ประจา� บ้าน
โรงเรียน ๒ กอ่ นการใชย้ าทกุ ครง้ั นกั เรยี นควรปฏบิ ตั อิ ยา่ งไร เพอ่ื เปน็ การปอ งกนั อนั ตรายไมใ่ หใ้ ชย้ าผดิ จงอธบิ าย
3. การปฏบิ ัติกิจกรรมสรางสรรคพฒั นาการเรยี นรู
มาพอสังเขป
หลกั ฐานแสดงผลการเรียนรู ๓ การใช ้ และการจา� หนา่ ยสารเสพตดิ กอ่ ใหเ้ กิดผลกระทบต่อสังคมอย่างไร
๔ เพราะเหตุใด ปัญหาสารเสพติดในปัจจุบันยังคงมีการแพร่ระบาดเพ่ิมมากขึ้น ท้ังๆ ที่มีการปองกัน
• ปา ยนเิ ทศเร่ือง การใชย าใหถ กู ตอ ง
ปราบปราม และมกี ฎหมายลงโทษ
๕ การปอ งกนั การใชส้ ารเสพตดิ วธิ ใี ด เปน็ วธิ กี ารปอ งกนั เบอ้ื งตน้ ทนี่ กั เรยี นคดิ วา่ เปน็ วธิ ที ด่ี ที ส่ี ดุ สามารถ
หลีกเล่ียงการติดสารเสพติดได้
กจิ ก๑รรมท่ี ¡Ô¨¡ÃÃÁ
กิจก๒รรมท่ี ÊÌҧÊÃä¾ ²Ñ ¹Ò¡ÒÃàÃÕ¹ÌÙ
กิจก๓รรมท่ี
นกั เรยี นหาข่าวเพ่ือจดั ปายนิเทศนา� เสนอในชน้ั เรยี น ดังนี้
- โทษของการใชส้ ารเสพตดิ
- การปราบปรามสารเสพตดิ
- เยาวชนกับสารเสพติด
- โครงการตอ่ ตา้ นสารเสพตดิ
- แหลง่ อบายมขุ กับสารเสพติด
นักเรยี นช่วยกนั อภปิ รายเกีย่ วกับโครงการเพ่ือต่อต้านการใช้สารเสพตดิ ดงั น้ี
- โครงการโรงเรียนสีขาว
- โครงการท ู บ ี นมั เบอร์ วัน (To be number one)
- พลังชมุ ชนตอ่ ต้านภยั สารเสพติด
ครูเชิญวิทยากรจากหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องกับการปองกันสารเสพติดมาให้
ความรู้กับนักเรียนถึงอันตราย และการปองกันภัยจากสารเสพติด แล้วให้
นักเรียนสรุปความรู้ท่ีได้ จัดท�าเป็นรายงานสง่
๑๒๒
แนวตอบ คําถามประจาํ หนว ยการเรียนรู
1. เพราะยาสามญั ประจําบา นเปน ยาทีเ่ ราจะมีโอกาสใชบ อย และเปนยาทใ่ี ชส ําหรับการบรรเทาหรือรกั ษาอาการเจ็บปว ยเบื้องตน เพ่อื ไมใหม ีอาการรนุ แรงกอนทจ่ี ะไป
พบแพทย
2. ควรตรวจดูคุณภาพของยาวา เส่ือมคณุ ภาพหรอื ไม และดฉู ลากยาตางๆ เชน วนั เดือน ปท่ผี ลติ วนั หมดอายุ วิธีใช และขอควรระวงั ในการใชยา เปนตน
3. เชน ปญหาอาชญากรรม ปญหาการคา บริการทางเพศ เปน ตน ซึ่งส่ิงเหลาน้ีบอนทาํ ลายสังคม ทําใหส ังคมไมม คี วามสงบสขุ ไมม ีความปลอดภยั และทาํ ใหส งั คม
ไมน าอยู
4. เพราะยังมีกลมุ ผูทมี่ ีอิทธิพลคอยสนบั สนุนอยู โดยอาจเปน เจาหนา ทขี่ องรฐั อกี ทั้งยงั มกี ารผลิตสารเสพติดเปน จํานวนมากและแอบลักลอบเขามาตามพรมแดนใน
ประเทศไทย จงึ ทาํ ใหการปราบปรามเปนไปไดโดยยากและไมส ามารถขจัดไดอ ยางหมดสนิ้
5. การคอยสอดสองดูแล ตักเตือนเพื่อน แจงคุณครู ผปู กครองหรือเจาหนา ทใ่ี หร ับทราบ และไมเ ขา ไปยุงเก่ียวกับสารเสพติดโดยเด็ดขาด
122 คูม อื ครู
กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สํารวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain
Engage Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
ใชท กั ษะการตัดสนิ ใจแกป ญ หาใน
สถานการณท ่ีเส่ียงตอสุขภาพและความรุนแรงได
สมรรถนะของผูเรียน
1. ความสามารถในการคิด
2. ความสามารถในการสอ่ื สาร
3. ความสามารถในการใชท กั ษะชีวิต
คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค
1. ใฝเรียนรู
2. มงุ มนั่ ในการทาํ งาน
กระตนุ ความสนใจ Engage
÷หน่วยการเรยี นรู้ ปจ จบุ นั การใชค วามรนุ แรงกอ ใหเ กดิ ปญ หาตามมาหลายอยา ง และทวคี วาม ครยู กตวั อยางสถานการณ เชน นกั เรยี นมีเรื่อง
รนุ แรงมากขน้ึ ในสงั คมไทย เมอื่ โครงสรา งทางสงั คมเกดิ ความออ นแอ เกดิ ความ ทะเลาะวิวาทกัน ซ่ึงนักเรียนคนหนงึ่ พูดลอ เลียน
รนุ แรงในเชงิ โครงสรา ง โดยมคี วามสมั พนั ธก บั ความรนุ แรงเชงิ วฒั นธรรม และใน ปมดอ ยของเพ่อื น เปน ตน จากน้ันครูตัง้ คาํ ถาม
ระยะสดุ ทา ยจะมกี ารพฒั นาเปน ความรนุ แรงทางตรง ทงั้ ในครอบครวั โรงเรยี น โดยใหน กั เรียนสามารถแสดงความคิดเห็นได
หรอื สถานศกึ ษาในทกุ ระดับ ชมุ ชน สถานทีท่ ํางาน และสถานท่สี าธารณะอ่นื ๆ อยางอิสระ
โดยภาพที่สะทอนถึงความรุนแรงเหลานี้เปนปญหาสังคมท่ีทุกคนตองหันมา
ใหค วามสนใจและระแวดระวงั รวมถงึ ตอ งเรยี นรกู ารใชทักษะตา งๆ เพ่อื ชวย • หากปญหาดงั กลา วแกไขดวยการใช
ลดความรุนแรงดงั กลา ว ความรุนแรง นกั เรียนคิดวาจะเกิดสิง่ ใดข้นึ
ความรนุ แรงในสงั คม • หากไมใ ชความรุนแรงในการแกปญ หา
นกั เรียนจะใชวิธกี ารใด
ตวั ชว้ี ดั สาระการเรียนรู้
■ มสี ว นรว มในการปอ งกนั ความเสย่ี งตอ การใชย า การใชส ารเสพตดิ ■ การจัดกจิ กรรมปองกันความเส่ียงตอ การใชค วามรุนแรง
และความรุนแรง เพ่ือสุขภาพของตนเอง ครอบครัว และสังคม ■ ทกั ษะการตดั สนิ ใจแกป ญ หาในสถานการณเ สย่ี งตอ ความรนุ แรง
พ ๕.๑ ม.๔-๖/๑
■ ใชทักษะการตัดสินใจแกปญหาในสถานการณที่เส่ียงตอสุขภาพ
และความรุนแรง พ ๕.๑ ม.๔-๖/๖
เกรด็ แนะครู
ครคู วรสงเสรมิ การทาํ กจิ กรรมกลมุ ใหก บั นกั เรียน ไมวา จะเปน กจิ กรรมภายใน
โรงเรยี นหรอื ในชมุ ชนตางๆ เนอ่ื งจากจะสามารถชว ยใหน ักเรยี นไดร ูจ ักการปรับตัว
ในการอยูรวมกบั ผอู ่นื ไดอยางมคี วามสุข หรือหากเกิดปญ หาตา งๆ ขนึ้ นักเรียน
จะไดส ามารถหาแนวทางในการแกไ ขปญ หาไดอ ยางเหมาะสม โดยหลกี เลีย่ ง
พฤติกรรมการใชค วามรนุ แรง และยงั สงผลดตี อ การสรางสมั พนั ธภาพที่ดตี อ กนั
คมู อื ครู 123
กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore
กระตนุ ความสนใจ Engage
ใหน กั เรยี นดคู ลปิ วดิ โี อเหตกุ ารณ 14 ตลุ า จากนนั้ ๑. ความรุนแรงและแนวทางแก ้ไขปญั หาความรนุ แรง
ครตู ้งั คาํ ถามกระตุน ความสนใจของนกั เรียน
โดยใหน ักเรยี นสามารถแสดงความคดิ เห็นได ความรนุ แรง (violence) หมายถงึ การกระทา� ใดๆ ทเ่ี กดิ ขน้ึ โดยเจตนา ซง่ึ เปน็ การละเมดิ สทิ ธิ
อยา งอิสระ สว่ นบุคคลทัง้ ทางกาย วาจา จิตใจ และทางเพศ โดยการบังคบั ขู่เข็ญ หรือท�ารา้ ยจติ ใจด้วยวาจา
การใชก้ า� ลังกายกระท�ากับผูอ้ ่ืนทั้งเพศเดยี วกัน และตา่ งเพศ เพือ่ ท�าร้ายรา่ งกายให้ไดร้ บั บาดเจบ็
• นกั เรยี นคดิ วา เหตกุ ารณด ังกลา วเกดิ มาจาก และการลว่ งละเมดิ ทางเพศ ซงึ่ เปน็ ผลทา� ใหเ้ กดิ ความทกุ ขท์ รมานทง้ั รา่ งกายและจติ ใจแกผ่ ถู้ กู กระทา�
สาเหตใุ ด
(แนวตอบ ปญ หาทางการเมือง ซึง่ เกดิ จาก ความรนุ แรง แบ่งออกเปน็ ๓ ประเภท ได้แก่
ความไมเ ขา ใจกัน ขดั แยง ทางความคดิ ๑. ความรุนแรงทางตรง เป็นความรุนแรงที่มีผู้กระท�าเป็นบุคคลและเห็นผลของการกระท�า
จงึ กอ ใหเ กดิ พฤติกรรมการใชค วามรนุ แรง ชดั เจน โดยผทู้ ไ่ี ดร้ บั ผล หรอื เหยอื่ ของความรนุ แรงนนั้ อาจใชห่ รอื ไมใ่ ชเ่ ปา้ หมายของการกระทา� นน้ั
ในการแกไ ขปญหา) ส่งผลให้เกดิ ความรุนแรงต่อรา่ งกาย อารมณ์ และจติ ใจ รวมถึงความรนุ แรงทางเพศด้วย ตัวอยา่ ง
ของความรนุ แรงทางตรง มีดังน้ี
• นักเรียนคิดวา การกระทาํ ดังกลา วกอ ใหเ กดิ
ผลกระทบอยางไรบาง • การทา� รา้ ยรา่ งกาย เชน่ การทบุ ตี ตบ เตะ ตอ่ ย ทา� ใหร้ า่ งกายไดร้ บั บาดเจบ็ หรอื เสยี ชวี ติ
(แนวตอบ ประชาชนไดรับบาดเจ็บและเสียชีวิต การทา� ให้สูญเสยี อสิ รภาพ การกักขังบริเวณ การไม่ให้นา�้ และอาหาร
เปน จาํ นวนมาก และสง ผลใหส ภาพจติ ใจยา่ํ แย • การท�าร้ายทางดา้ นจิตใจและอารมณ์ ด้วยการพูดจากา้ วร้าว ดูหม่ิน เสียดสี ลอ้ เลยี น
โดยเฉพาะบคุ คลในครอบครัวของผูเสียชีวติ ) โดยใช้ถ้อยค�าหยาบคาย การข่มขู่ คุกคาม กักขัง หน่วงเหนี่ยว กีดกัน หรือละเลย
การกดขข่ี ม่ เหงจิตใจ ท�าให้อกี ฝา่ ยมีความกลัว หวาดระแวง มีอารมณ์หว่ันไหว เศร้าซมึ
สาํ รวจคน หา Explore รวมถึงการบีบค้นั ทางด้านเศรษฐกิจดว้ ยการไม่สนับสนุน หรือไม่ให้เงินไวใ้ ช้จ่ายในชีวติ
ประจา� วัน การท�าใหข้ าดความเช่อื มน่ั ในตนเอง
ใหน ักเรยี นศกึ ษาเรื่อง ปญหาความรุนแรง จาก • การท�าร้ายทางเพศ โดยการล่วงละเมิดทางเพศ เช่น การใช้วาจาพูดให้เกิดความอาย
หนงั สือเรยี น เพอ่ื เตรียมอภปิ รายรวมกันในชนั้ เรียน หรือเสอ่ื มเสยี การกระท�าอนาจาร การขม่ ขนื เป็นต้น
๒. ความรนุ แรงเชงิ โครงสรา้ ง เปน็ ความรนุ แรงจากการใชอ้ า� นาจครอบงา� การเอารดั เอาเปรยี บ
เนือ่ งจากผู้กระทา� คอื ตัวโครงสร้างสังคม อันไดแ้ ก่ กฎหมาย นโยบายรฐั ระบบการผลติ แนวทาง
การพฒั นาที่ก่อใหเ้ กิดช่องวา่ งทางสังคม หรอื สงคราม ความรุนแรงแบบนีส้ ง่ ผลให้คนกลมุ่ หน่ึงมี
อา� นาจเหนอื กวา่ ผคู้ นสว่ นใหญ่ โดยอา้ งวา่ การทต่ี อ้ งทา� กจิ กรรมตา่ งๆ เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความเปน็ ระเบยี บ
แตอ่ าจทา� ใหค้ นกลมุ่ หลงั ไมส่ ามารถพฒั นาไดอ้ ยา่ งเตม็ ศกั ยภาพ โอกาสแหง่ ชวี ติ ไมเ่ ทา่ กบั กลมุ่ แรก
เราอาจเรียกความรุนแรงในเชิงโครงสร้างได้อกี อยา่ งว่า “ความอยุตธิ รรมทางสงั คม”
ตวั อยา่ งของความรนุ แรงในเชงิ โครงสรา้ ง เชน่ ความอดอยากและการทร่ี ฐั ไมใ่ ส่ใจ ในการพฒั นา
ระบบสวสั ดิการสังคม ทา� ใหเ้ ด็กทารกจา� นวนมากต้องพกิ ารหรือเสียชวี ิต แทนท่ีจะสามารถเจรญิ
เติบโตเป็นผู้ใหญ่ได้ กฎหมายที่อนุญาตให้เฉพาะคู่สมรสเพศชายและเพศหญิงสามารถรับบุตร
บุญธรรมได้เท่านัน้ ซ่งึ ปิดกั้นโอกาสของครู่ ักชาย-ชาย หรอื คู่รักหญิง-หญิง
๓. ความรนุ แรงทางวฒั นธรรม เปน็ ความคดิ ความเชอ่ื และการปลกู ฝงั คา่ นยิ มในสงั คม ใหก้ าร
ยอมรบั ความรุนแรงในสังคมรปู แบบต่างๆ วา่ เปน็ ความถกู ต้อง
124
บูรณาการอาเซียน ขอสอบเนน การคิด
นักเรยี นคิดวา ปญ หาความรนุ แรงทพ่ี บไดบ อ ยทสี่ ุดสวนใหญ
ความรนุ แรง เปนการทาํ รายหรอื ทําลายทรพั ยสนิ การใชก าํ ลังบังคบั และ แลวเกดิ มาจากสาเหตุใด เพราะอะไร
รกุ รานสทิ ธิหรือเสรภี าพสว นบุคคล โดยเฉพาะผูหญงิ ในภูมิภาคอาเซยี นจะ แนวตอบ สว นใหญเกิดมาจากสาเหตุการทะเลาะววิ าท ซึ่งอาจ
ไมไ ดรับการปฏิบัติที่เทา เทยี มกับผูชาย รวมถึงการถูกลวงละเมิดทางเพศ ทั้งน้ี เปน ผลมาจากความไมเขา ใจกนั ของทง้ั 2 ฝาย หรอื เปน ผลมาจาก
เปน เพราะถูกจาํ กดั หรอื ผกู มดั ตนเองดวยขนบธรรมเนยี ม ประเพณี วฒั นธรรม การด่ืมเครอ่ื งดื่มที่มีแอลกอฮอล ซง่ึ จะมผี ลตอการแสดงพฤติกรรม
และคานยิ ม ดังนน้ั ประเทศในกลมุ อาเซยี นทั้ง 10 ประเทศ จึงใหค วามสําคญั ใน ทไ่ี มพึงประสงคอ อกมาโดยทต่ี นเองไมรูตัว เชน การพดู จา
เรอ่ื งของความคมุ ครองสิทธิของสมาชิกในกลุม อาเซียน ดงั ท่กี ฎบัตรของอาเซียน หยาบคาย การใชกาํ ลงั ทํารา ยรางกาย เปน ตน
ในดา นการเมืองและความมนั่ คง ไดก ลาวไววา ประเทศสมาชกิ ในกลุมอาเซยี น
จะใหความคุมครองสทิ ธิมนุษยชนและเสรีภาพข้ันพื้นฐานของประชาชน
เสริมสรางประชาธปิ ไตย เพิม่ พูนธรรมาภิบาลและหลักนติ ธิ รรม
124 คูมอื ครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
1.1 ปญั หาความรนุ แรง ใหนักเรยี นดตู ารางแสดงลกั ษณะปญ หาของ
ความรนุ แรงและสาเหตทุ ีก่ อใหเกิดปญหา จากนน้ั
ปัญหาความรุนแรงเปน็ ปญั หาทีเ่ กดิ ขน้ึ ได้ทกุ เพศ ทกุ วยั ทกุ ระดับการศึกษา ทุกสาขา ใหนักเรยี นรว มกันอภปิ รายเรอื่ ง ปญ หาความ
อาชีพ เช่น การถูกลวนลามทางเพศ การถูกทา� รา้ ยร่างกาย การถกู ทารณุ กรรม การฆา่ ตัวตาย รนุ แรง โดยครแู ละนกั เรยี นคนอน่ื ๆ รวมกนั
การถูกฆาตกรรม เป็นตน้ เสนอแนะเพิ่มเติม และตัง้ คาํ ถามเพื่อใหไ ดข อ สรุป
ที่ถกู ตองรวมกัน
ปญั หาความรนุ แรงแบง่ เปน็ ๓ ลักษณะ ได้แก่ ปญั หาความรนุ แรงในครอบครวั ปัญหา
ความรุนแรงในโรงเรียน และปญั หาความรนุ แรงในสงั คม มรี ายละเอียดดงั ตาราง • นกั เรียนคิดวา การกระทําในลกั ษณะใดบาง
ทีเ่ รยี กวา ใชความรุนแรง
ตารางแสดงลักษณะปญั หาของความรนุ แรงและสาเหตุทก่ี ่อให้เกดิ ปัญหา (แนวตอบ เชน การใชกําลังทําใหผ ูอน่ื บาดเจ็บ
การทาํ ลายทรพั ยสนิ การขมขู การกักขงั
ตัวอย่างปัญหาความรุนแรงในครอบครวั โรงเรียน และสังคม หนว งเหนย่ี ว การใชกําลังบงั คบั เปนตน )
ความรนุ แรงในครอบครัว ความรุนแรงในโรงเรยี น ความรนุ แรงในสังคม • ความรุนแรงอาจเกดิ มาจากสาเหตใุ ดบา ง
(แนวตอบ เชน จากความขัดแยงเรอื่ งตางๆ
๑. ค รอบครวั ท่ไี มม่ ีผู้เข้ามา ๑. ก ารขม่ ขู่ หรือทา� รา้ ย เพ่อื ชงิ ๑. ไ ม่มคี วามปลอดภยั ในขณะ ทไ่ี มเ ขา ใจกนั หรอื เกดิ จากการมนี สิ ยั กา วรา ว
ไกล่เกลี่ยปญั หาความขัดแยง้ ทรพั ย์ของเพ่อื นนกั เรียน หรอื เดนิ ทางไปโรงเรยี น ไปทา� งาน ท่ีชอบแสดงออกดว ยการกระทาํ ทร่ี นุ แรง
ส่งผลใหเ้ กดิ ความรุนแรง นักเรียนต่างระดบั ช้ัน หรือในสถานที่อื่นๆ มกี าร ครอบครัวเกิดความแตกแยก การเลียนแบบ
ในครอบครัว และการหย่าร้าง ๒. ก ารทะเลาะวิวาท ตบตกี ัน ข่มขนื การท�ารา้ ยร่างกาย สือ่ ตางๆ ทมี่ เี รื่องราวเกีย่ วกับการใชความ
๒. ฝา่ ยใดฝ่ายหนึ่งไม่รบั ผิดชอบ ชกตอ่ ยกันของนกั เรยี น และการท�าร้ายทางเพศ รุนแรง เปน ตน)
ตอ่ ครอบครวั เช่น ชอบด่มื ๓. มคี รอู าจารยท์ กี่ ระทา� การลว่ งเกนิ ๒. ป ัญหาอาชญากรรม
สุรา เทีย่ วเตร่ เล่นการพนัน ทางเพศ และทา� รา้ ยทารณุ การล่อลวง การฆ่า รวมถึง
เสพสารเสพตดิ เปน็ ต้น จิตใจกับเด็กเปน็ จ�านวนมาก การมอมเมาเด็กและเยาวชน
๓. เผชิญกับความเครียดจากงาน ๔. ค า่ นยิ มทเ่ี กีย่ วขอ้ งกบั สถาบนั ด้วยสารเสพตดิ และแหล่ง
ปญั หาการเงนิ ปญั หาของครู่ กั กกาารรรศับกึ นษอ้า ง1รเวปม็นทอั้งกี ปสราะเเหพตณุหีนึง่ อบายมขุ
หรือคู่ครอง หรือปัญหาของ ๓. การเสนอข่าวของสอ่ื มวลชน
ผปู้ กครองทด่ี ม่ื เหลา้ แลว้ มนึ เมา ที่ก่อใหเ้ กิดความรนุ แรง นา� เสนอขอ้ มลู ข่าวสารใหเ้ กิด
เป็นสาเหตุให้ ใช้ความรุนแรง ๕. ค รใู ช้ความรนุ แรงต่อกันโดย ผลลบแกผ่ รู้ ับสารอย่าง
ท�ารา้ ยเด็ก แสดงให้เด็กเหน็ กว้างขวางและตอ่ เนือ่ ง เชน่
๔. มีคา่ นยิ มท่ีผิด เช่ือวา่ คา่ นยิ มฟุ้งเฟ้อ การใช้ความ
เรอ่ื งครอบครวั เปน็ เรอ่ื งสว่ นตวั รนุ แรง สอ่ื ลามก ก่อใหเ้ กดิ
ทา� ใหฝ้ า่ ยใดฝา่ ยหนงึ่ ถกู ทา� รา้ ย การเลยี นแบบในทางท ี่
จากคนในครอบครวั ซง่ึ ไมส่ ามารถ ไม่ถูกต้อง เปน็ ตน้
ขอความชว่ ยเหลอื จากผ ู้ใกลช้ ดิ ๔. ม กี ารเผยแพร่ภาพลามก
และญาตไิ ด้ ในสื่อตา่ งๆ ทัง้ สือ่ ส่งิ พิมพ์
๕. ผ ปู้ กครองทา� โทษเด็ก โดยการ วดี ิทศั น์ แผ่นซีด ี อนิ เทอรเ์ น็ต
ตบตี ทา� ร้าย จนไดร้ บั บาดเจ็บ โดยเฉพาะทางอินเทอรเ์ น็ต
๖. การใชว้ าจา ดดุ า่ ประจาน ถูกใช้เปน็ ช่องทางตดิ ต่อ
สอ่ื สาร เพ่ือล่อลวงน�าไปสู่
การกระท�าที่รุนแรงใน
รปู แบบตา่ งๆ
125
ขอ สอบเนน การคดิ นกั เรยี นควรรู
สาเหตใุ ดทีว่ ัยรนุ มักจะถกู ทาํ รายรา งกายซ่ึงเปน ปญ หาทพ่ี บมากทีส่ ุดใน 1 ประเพณีการรบั นอง คือ การจดั กจิ กรรมตอนรบั นิสิตหรอื นักศกึ ษาใหมท ่ขี นึ้
ปจจุบัน ชั้นปที่ 1 ทั้งนีเ้ พ่อื เปน การสรางสมั พันธภาพท่ดี ีตอกนั ระหวางรนุ พแ่ี ละรนุ นอง
ซง่ึ ประเพณกี ารรบั นอ งในแตละสถาบันนน้ั จะมีความแตกตางกนั ไป แตกิจกรรม
1. ผใู หญโ กรธแลว มาระบายอารมณ ทีม่ ักจะมที กุ ๆ สถาบนั คือ ประเพณีบายศรสี ูขวญั
2. เกดิ การทะเลาะเบาะแวงกันเอง
3. ผใู หญไ มด ูแลเอาใจใส
4. ขาดความมน่ั ใจ
วเิ คราะหคําตอบ สาเหตสุ ว นใหญท ว่ี ยั รนุ มกั จะถกู ทาํ รา ยรา งกาย คอื
การทะเลาะวิวาท โดยอาจเปนผลมาจากความไมเ ขา ใจกัน การใชค ําพูด
ทก่ี าวราวหรือหยาบคาย การขาดความอดทน อดกลัน้ ตอบขอ 2.
คมู ือครู 125
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain
อธบิ ายความรู
ใหน กั เรยี นรว มกนั อภปิ รายเร่ือง ปญ หาความ à¡Ã´ç ¹Ò‹ ÃŒÙ
รนุ แรง โดยครรู ว มเสนอแนะเพม่ิ เตมิ และตง้ั คาํ ถาม
เพอ่ื ใหไ ดข อสรุปทีถ่ กู ตอ งรว มกนั การขกมาขรูขมข1ู เปนการรุกราน เปน การใชค วามรนุ แรง เพ่อื ทาํ 2รา ยบคุ คลอ่ืนทางดานรา งกาย อารมณ และจิตใจ
• ความรุนแรงในครอบครัว หมายถงึ อะไร ซึ่งมีพฤติกรรมหลายประเภท เชน การใชวาจารุนแรง กาวราว การใชความรุนแรงทางรางกาย ทํารายรางกาย
(แนวตอบ การกระทาํ หรือพฤติกรรมการทําราย และจิตใจ การกดี กันไมใหเขา กลุม การเรยี กรอ งเงนิ ทอง หรอื ทรพั ยส นิ เปนตน การขมขูน น้ั เกดิ ข้ึนไดกบั ทกุ เพศ
รา งกายกนั ระหวา งสมาชกิ ในครอบครัวโดย ซึ่งโดยทว่ั ไปการขมขมู ีหลายประเภท ดังนี้
เจตนา มีผลกระทบตอรา งกายเปนสําคัญ
รวมทง้ั การทํารายกันทางดานจิตใจและ ■ ใชทาทางขมขู โดยการสงสัญญาณ หรือทําใหเกิดความไมสบายใจ โดยการมองอยางดูถูก ใชภาษา
อารมณข องอกี ฝายหนึง่ ดวย) ทา ทาง หรือใชภ าษามือ
• ความรุนแรงทเ่ี กดิ ขึ้นในครอบครวั ไดแก ■ การขมขูทางรางกาย เชน การผลกั การเขยา อยา งแรง เปน ตน
อะไรบา ง ■ การขมขูเรยี กเงินทอง หรอื ทรพั ยส นิ เชน การขม ขใู หหยบิ เงิน อาหาร อปุ กรณเครอื่ งมือ เปน ตน
(แนวตอบ ไดแก ความรนุ แรงตอ คสู มรสหรือ ■ การขม ขูใหอ อกจากกลมุ เปนการแยกกลมุ พูดจากระทบกระเทยี บ ใชทาทางขมขู หรือกีดกัน เพ่อื ไมให
คคู รอง ความรุนแรงตอเดก็ ความรนุ แรง เขารวมกิจกรรมของกลมุ
ตอผูสูงอาย)ุ ท่ีมาขอ มลู : ดัดแปลงจาก http://www.trangis.com/kruuza/4_3.html
๑) ปญหาความรุนแรงในครอบครัว ความรุนแรงในครอบครัว เป็นการกระท�า
หรือพฤติกรรมการท�าร้ายร่างกายกันระหว่างสมาชิกในครอบครัวโดยเจตนา เกิดขึ้นได้กับทุกคน
เปน็ ผกู้ ระทา� หรอื ผซู้ ง่ึ ถกู กระทา� ซงึ่ เกดิ ขน้ึ ไดก้ บั ทกุ คนทง้ั เปน็ ผกู้ ระทา� และผถู้ กู กระทา� มผี ลกระทบ
ตอ่ รา่ งกายเป็นสา� คัญ รวมทัง้ การท�าร้ายกนั ทางดา้ นอารมณ์และจติ ใจของอีกฝ่ายหน่งึ ดว้ ย
๑. รูปแบบของความรุนแรงในครอบครัว ความรุนแรงท่ีเกิดขึ้นในครอบครัว
มี ๓ รปู แบบ ไดแ้ ก่
(๑) ความรุนแรงตอคูสมรสหรือคูครอง (๒) ความรุนแรงตอเด็ก มีการท�าร้าย
มีการท�าร้ายจิตใจ การมุ่งจะท�าร้ายร่างกาย ร่างกาย ท�าร้ายจิตใจ การปล่อยปละละเลย
กการะรทท�า�าทรา้ายรรุณ่าทงกาางเยพศเ3ชเ่นป็นดตุดน้ ่า ทุบตี ข่มขืน ไมเ่ ลยี้ งดู การทา� รา้ ยทางเพศ เชน่ กดขขี่ ม่ เหง
หรือการท�าโทษโดยขาดเหตุผล การพูดจา
กา้ วรา้ ว เป็นตน้
(๓) ความรนุ แรงตอ ผสู งู อายุ เชน่ มกี าร
ทา� รา้ ยรา่ งกาย จติ ใจ และอารมณ์ ถกู ทอดทง้ิ
ปลอ่ ยให้อดอาหาร ไมไ่ ดร้ ับการดูแล เปน็ ต้น
12๖
นกั เรียนควรรู ขอสอบเนน การคิด
สาเหตใุ ดที่กอ ใหเกดิ ความขัดแยง หรอื ความรุนแรงระหวาง
1 การขมขู คอื การทาํ ใหผ ูอน่ื กลัววาจะเกดิ ความเสียหายเปน ภยั แกต นเอง พอ แม ผปู กครองกับบุตรหลาน อนั เนอื่ งมาจากการทพี่ อ แม
แกส กลุ แหงตน หรือแกทรพั ยส นิ ของตน ผูปกครอง ปรบั ตัวไมท นั กับการเจรญิ เตบิ โตของบุตรหลาน
2 กา วรา ว ความกาวรา วเกิดจากความคบั ขอ งใจ ไดแ ก ความรูสกึ ผิดหวงั ท่ี 1. การเรียน
ไมสามารถไปถึงจุดหมายปลายทางได เน่อื งจากมีอปุ สรรคมาขดั ขวาง เกดิ จากการ 2. จจู ้ี ขี้บน
ถูกลงโทษ และอาจเกดิ จากการเลยี นแบบความกาวรา วในสงั คม ภาพยนตร หรือ 3. การคบเพ่ือน
โทรทศั น 4. ชองวา งระหวา งวัย
3 กระทําทารณุ ทางเพศ เปนการลว งลํ้ารางกายในเชิงเพศ ทง้ั ท่ีเกิดขึ้นจรงิ และ วเิ คราะหค าํ ตอบ สาเหตุทีก่ อ ใหเกิดความขัดแยง หรอื ความ
ท่ขี ไู ว ไมว าจะดวยการใชก ําลัง หรือภายใตเง่ือนไขทีไ่ มเทาเทียมหรือเปนการขม ขู รนุ แรงระหวางพอแม ผูปกครองกบั บตุ รหลาน อันเนื่องมาจากการ
กอใหเกิดผลกระทบที่รนุ แรงหากไมไดร ับความชว ยเหลืออยา งถกู ตอง เหมาะสม ทพ่ี อแม ผูปกครองปรบั ตวั ไมท ันกบั การเจรญิ เตบิ โตของบตุ รหลาน
ในชว งวยั รนุ ทม่ี กี ารเปลยี่ นแปลงหลายดา น คอื ชอ งวา งระหวา งวยั
126 คมู อื ครู เนอ่ื งจากพอ แม ผปู กครองมกั จะคดิ วา บตุ รหลานยงั เปน เดก็ อยเู สมอ
ทําใหบตุ รหลานไมมีอิสระทางความคิดในการตดั สินใจและการใช
ชีวิต ตอบขอ 4.
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
แผนผังแสดงลักษณะการเกิดความรนุ แรงในครอบครัว ใหน ักเรยี นดแู ผนผงั แสดงลักษณะการเกดิ
ความรุนแรงในครอบครวั จากน้ันครสู มุ นักเรียน 2
ผูกระทํา ผถู กู กระทํา ผลที่เกดิ ขึน้ คน ใหออกมาอภปิ รายตอในประเดน็ ปญ หา
ความรุนแรง จากความ ความรนุ แรง โดยครูและนักเรยี นคนอื่นๆ รวมกนั
รนุ แรง การทาํ ราย2 เสนอแนะเพ่มิ เตมิ และตัง้ คาํ ถามเพ่อื ใหไ ดขอ สรปุ
ทีถ่ ูกตองรวมกัน
การทําราย การทํารา ย เดก็
พห่ี รอื นอง • ลกั ษณะความรนุ แรงในครอบครวั ทเี่ กดิ จาก
การทาํ ราย1 ผูสูงอายุ ผูใ หญก ระทําความรนุ แรง ไดแกอะไรบา ง
(แนวตอบ ไดแก การทํารา ยเดก็ การทาํ ราย
คสู มรส คสู มรส และการทํารา ยผสู งู อายุ)
เด็กกระทํา ผูใหญ • ระดับความรุนแรงในครอบครวั มีอะไรบาง
ความรนุ แรง กระทาํ (แนวตอบ การทะเลาะโตเ ถยี งกนั การดูถกู
ความรุนแรง เหยียดหยาม การดาทอ การกกั ขัง
การทาํ ราย การทํารายรางกายดวยอวยั วะหรืออาวุธ เชน
พอ แมหรอื ตอ ย เตะ หรอื ทบุ ตดี ว ยอาวุธ เปนตน
ผปู กครอง การทํารายทางเพศ การขม ขนื โดยคสู มรส
หรอื เครือญาต)ิ
๒. ระดบั ความรุนแรงในครอบครวั เรียงตามลา� ดับ ดงั น้ี
(๑) การทะเลาะโตเ้ ถียง การดถู ูกเหยียดหยาม การดา่ ทอ การขู่เข็ญ การกกั ขัง
(๒) การทา� ร้ายร่างกายด้วยอวยั วะ หรอื อาวธุ จนได้รับบาดเจบ็ หรือเสยี ชวี ิต
(๓) การท�ารา้ ยทางเพศ การขม่ ขนื โดยฝ่ายใดฝ่ายหนงึ่ หรอื เครือญาติ
๓. ลกั ษณะความรนุ แรงในครอบครัว
(๑) การทาํ รา ยรา งกาย เปน็ การทา� รา้ ยโดยการใชก้ า� ลงั เชน่ ตบ ตี เตะ ตอ่ ย เปน็ ตน้
รวมถึงการใช้อาวุธ หรือส่ิงใดสิ่งหนึ่งจนได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต ฝ่ายใดฝ่ายหน่ึงอาจชอบใช้
ความรุนแรงกับอีกฝ่าย ท�าร้ายฝ่ายใดฝ่ายหน่ึงทางร่างกาย ทางวาจา ทางอารมณ์ ทางจิตใจ
และทางเพศ ขม่ ขู่และทา� ร้ายลูก โดยเฉพาะสตรตี ง้ั ครรภ์ทมี่ ีความเสี่ยงสงู ที่อาจถกู ทา� รา้ ยจนได้รับ
บาดเจ็บจากความรนุ แรงในครอบครัว
à¡Ã´ç ¹‹ÒÃŒÙ
พระราชบัญญตั ิคุมครองผถู ูกกระทาํ ดว ยความรนุ แรงในครอบครวั
พระราชบัญญัติคุมครองผูถูกกระทําดวยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ ไดใหความหมายของ
ความรนุ แรงในครอบครัวไว ดังนี้
“ความรนุ แรงในครอบครัว” หมายความวา การกระทาํ ใดๆ โดยมงุ ประสงคใหเ กดิ อันตรายแกร างกาย จิตใจ
หรือสขุ ภาพ หรอื กระทาํ โดยเจตนาในลักษณะทีน่ าจะกอ ใหเ กดิ อนั ตรายแกร างกาย จติ ใจ หรอื สขุ ภาพของบคุ คล
ในครอบครัว หรือบังคับหรือใชอํานาจครอบงําผิดคลองธรรมใหบุคคลในครอบครัวตองกระทําการ ไมกระทําการ
หรือยอมรับการกระทาํ อยางหนง่ึ อยา งใดโดยมชิ อบ แตไ มรวมถงึ การกระทาํ โดยประมาท
127
ขอ สอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู
ระดบั ความรนุ แรงในครอบครัว ขอใดท่มี ีความรนุ แรงมากท่ีสุด ครูควรอธิบายเพม่ิ เตมิ ใหก ับนักเรียนวา การใชคําพูดท่ไี มเ หมาะสม การพูด
1. การทํารายทางเพศ เสียงดัง การพูดในเชิงเสยี ดสี ใหราย หรือแสดงออกดว ยทาทางท่ไี มเ คารพตอ กนั
2. การดาทอ การกักขัง ส่ิงเหลา นถี้ ือเปนการแสดงออกท่ีกอใหเ กดิ ความรนุ แรงท้งั สิ้น
3. การทะเลาะโตเถยี งกนั
4. การทํารา ยรางกายจนเสยี ชีวิต นกั เรียนควรรู
วเิ คราะหคําตอบ ระดบั ความรนุ แรงในครอบครวั ทถ่ี อื ไดว า มคี วามรนุ แรง
มากทส่ี ุด คือการทาํ รา ยรา งกายจนเสยี ชวี ิต เพราะเสมอื นกบั การไดฆ า ชวี ติ 1 การทาํ รา ยคสู มรส คือ การแสดงออกถึงพฤตกิ รรมกา วรา วระหวา งคูส มรส
บคุ คลภายในครอบครวั ของตนเอง ทม่ี คี วามรกั ความผกู พนั กนั มานาน ซึ่งเปน ซึง่ อาจเปนการทํารายจติ ใจดว ยการดาวา บังคับ ขมขืน หรอื การทํารายรางกาย
สิง่ ท่ีไมสมควรอยางยง่ิ เนอ่ื งจากสมาชิกในครอบครวั จะตองมคี วามรัก 2 การทํารา ยเดก็ คือ การทาํ รา ยรา งกาย จติ ใจ การลว งละเมดิ ทางเพศ
การทอดทิ้งเด็กจนไดร ับอนั ตราย ตลอดจนการคกุ คามตอ ความปลอดภยั ของเดก็
ใหอ ภยั ซงึ่ กันและกัน และเปน ท่ีปรกึ ษาท่ีดใี หแกก นั ตอบขอ 4.
คมู อื ครู 127
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain
อธบิ ายความรู
ครูสมุ นักเรยี น 2 คน โดยไมซ ํา้ กับคนเดิม (๒) การทาํ รา ยจิตใจ เป็นการทา� รา้ ยโดยใชว้ าจาหยาบคาย ดูถูกเหยยี ดหยาม
ออกมาอภปิ รายตอ เร่อื ง ปญหาความรนุ แรง โดยครู ท�าให้ผู้ถูกกระท�าเกิดความอับอาย ได้รับความเสียหาย ขาดความเช่ือมั่นในตนเอง มีการปล่อย
และนกั เรียนคนอืน่ ๆ รวมกนั เสนอแนะเพม่ิ เติมและ ปละละเลยไมส่ นใจ ไม่ให้ความรัก ความอบอุ่น
ตั้งคําถามเพอื่ ใหไ ดข อ สรุปที่ถกู ตอ งรวมกนั และความเปน็ มติ ร จงึ สง่ ผลทา� ใหเ้ กดิ ผลกระทบ
ด้านจิตใจ
• การทาํ รายรา งกายแตกตางจากการทําราย (๓) การทํารายเด็กเมื่อมีความ
จิตใจอยา งไร ขัดแยงในครอบครัว เกิดผลกระทบทางด้าน
(แนวตอบ การทํารา ยรางกายเปน การทาํ ราย ร่างกายและจิตใจจากการถูกผู้ปกครองท�าร้าย
โดยการใชก าํ ลงั เชน ตบ ตี เตะ ตอ ย เปน ตน การทา� รา้ ยโดยสว่ นใหญจ่ ะเปน็ ไปเพอ่ื การระบาย
แตส ําหรบั การทาํ รายจิตใจ จะเปนการทาํ ราย อารมณ์ความโกรธแค้นที่เกิดขึ้นในขณะเกิด
โดยใชคาํ พูดหยาบคาย ดูถูกเหยียดหยามให เหตุการณ์บางอย่างที่ท�าให้สภาวะทางอารมณ์
เกิดความรสู ึกทีไ่ มด )ี ไมเ่ ป็นไปตามปกติ
(๔) การทํารายผูสูงอายุ ในบาง
• การกระทาํ ทารุณทางเพศ หมายถึงอะไร การเอาใจใสดูแลสมาชิกในครอบครัว จะชวยใหเขาใจ
(แนวตอบ การทาํ รายรางกายทางเพศตอ เดก็ ปญ หาของกันและกัน และสามารถแกป ญ หาไดถ กู วิธี
และทุกเพศ การขม ขืนกระทาํ ชาํ เรา โดย ครอบครวั อาจมีปู่ ย่า ตา ยาย อาศัยอยรู่ ่วมกนั
บังคบั ใหมีเพศสมั พันธ การคุกคามทางเพศ
การกระทาํ ผดิ ทางเพศตอ ผูเ ยาว ลกู หลานอาจแสดงความรนุ แรงทางกาย หรอื ทางคา� พดู ทที่ า� รา้ ยจติ ใจ หรอื การไมใ่ สใ่ จดแู ลในเรอ่ื ง
อาหารและท่ีอยู่อาศยั
(๕) การขมขืนคูสมรสหรือคูครอง ฝ่ายใดฝ่ายหน่ึงใช้ความรุนแรงในลักษณะ
การทา� รา้ ยรา่ งกายขม่ ขู่ บงั คบั ใหอ้ กี ฝา่ ย กระทา� ในสงิ่ ทฝ่ี นื ใจ ไมย่ นิ ยอมปฏบิ ตั ติ าม จนทา� ใหอ้ กี ฝา่ ย
ถกู ท�ารา้ ยร่างกายจนไดร้ ับบาดเจบ็ หรอื เสยี ชวี ิต
การขม่ ขนื กระทา� ชา� (เ๖ร)าบกงัาครกบั รใะหทม้ าํ เีทพาศรสณุ มั ทพานังเธพ์ กศาเรปคน็ กุ กคาารมททา� ราา้งยเพรา่ ศง1กกาายรทการงะเทพา� ศผตดิ อ่ ทเดาก็งเแพลศะทตอ่กุ ผๆเู้ เยพาศว์
เชน่ สมาชกิ ในครอบครวั ถกู กระทา� ชา� เราจากคนในครอบครวั หรอื บคุ คลภายนอก การถกู บงั คบั ให้
ขายบรกิ ารทางเพศ เปน็ ตน้ กอ่ ใหเ้ กดิ ผลกระทบทรี่ นุ แรง หากไมไ่ ดร้ บั ความชว่ ยเหลอื อยา่ งถกู ตอ้ ง
โดยเฉพาะเด็กเมื่อเติบโตขึ้นอาจมีแนวโน้มเป็นผู้ใหญ่ที่มีปัญหาทางด้านบุคลิกภาพ มีพฤติกรรม
ทางเพศทีไ่ ม่เหมาะสม หรอื นา� ไปสกู่ ารตดิ สารเสพติดได้
(๗) การใชความรุนแรงทางสังคม เป็นการจ�ากัดสิทธิท่ีพึงมีทางสังคม มีการ
กักขัง หนว่ งเหนีย่ ว กีดขวางไม่ยอมให้คบเพอื่ น หรือไม่ใหต้ ดิ ต่อกับญาติพี่น้อง หรอื เพื่อนบ้าน
(๘) การใชค วามรนุ แรงทางเศรษฐกจิ เปน็ การจา� กดั คา่ ใชจ้ า่ ย และควบคมุ ทรพั ยส์ นิ
รวมทั้งไม่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายของครอบครัว ไม่รับผิดชอบดูแลจัดหาสิ่งจ�าเป็นส�าหรับการด�ารง
ชีวติ ใหก้ บั ผู้ทีอ่ ยใู่ นความดแู ล เช่น อาหาร เสื้อผ้า ทอ่ี ยอู่ าศยั ยารกั ษาโรค การศึกษา สิ่งแวดลอ้ ม
ทป่ี ลอดภัย เปน็ ต้น โดยให้โอกาสอกี ฝา่ ยได้ช้แี จงเหตผุ ลและรบั ฟงั ส่งิ ที่อกี ฝ่ายชแี้ จงอยา่ งต้งั ใจ
12๘
เกรด็ แนะครู ขอ สอบเนน การคดิ
พอ แม ผปู กครอง ควรอบรมเลี้ยงดูบุตรหลานอยางไร เพือ่ ไมให
ครคู วรอธิบายเพม่ิ เติมวา ความรนุ แรงในครอบครวั สงผลใหเ กิดผลกระทบ บุตรหลานมพี ฤตกิ รรมการใชความรนุ แรง
ตางๆ ในครอบครวั ดงั นี้ ความสมั พนั ธระหวางสมาชกิ ในครอบครัวถกู ทาํ ลาย แนวตอบ พอแม ผปู กครองควรพดู คุยกบั บุตรหลานดว ยเหตผุ ล
ครอบครัวเกิดความไมส งบสขุ ขาดความรกั ความเขา ใจซึ่งกันและกนั และกลายเปน ใหความรกั ความอบอุนและความเปนมิตรไมแ สดงพฤติกรรมทีอ่ าจ
ครอบครวั ทีแ่ ตกราวในที่สุด กอใหเกิดการใชค วามรนุ แรงใหบตุ รหลานเหน็ เนอ่ื งจากบตุ รหลาน
จะเกดิ การเลยี นแบบพฤติกรรมตา งๆ ของพอแม ผูปกครอง
นักเรียนควรรู
1 การคกุ คามทางเพศ คือ พฤตกิ รรมทีไ่ มพ ึงปรารถนาทส่ี อ ในทางเพศ
หรอื พฤติกรรมอ่นื เกย่ี วกับเรอ่ื งเพศที่สง ผลกระทบตอ ศักดศิ์ รขี องบุคคล รวมถึง
พฤติกรรมอนั ไมพ งึ ประสงคทง้ั ในทางกาย วาจา กริ ยิ า และทาทางดวย
128 คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขขยยาายยEคคxวpวaาาnมมdเขเขา ใา จใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
๒) ปญหาความรุนแรงในโรงเรยี น ส่วนใหญ่มักเปน็ ปัญหาระหว่างนักเรียนดว้ ยกัน ใหน กั เรยี นรว มกนั อภปิ รายในประเดน็ ปญ หา
เป็นความรุนแรงระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้อง เป็นสาเหตุท่ีท�าให้เกิดความรุนแรงทางวัฒนธรรม ความรนุ แรงในโรงเรียน และปญ หาความรนุ แรง
ในสงั คม จากน้ันครใู หน ักเรียนทาํ ใบงานจาก
และมีโอกาสพัฒนาเป็นความรุนแรงทางตรงได้ แผนการสอน ใบงานท่ี 7.1
หากนกั เรียนเลอื กคบเพ่อื นท่ีมปี ัญหา ✓ ใบงาน แบบวดั ฯ แบบฝก ฯ
ลกั ษณะของความรนุ แรงภายใน สขุ ศกึ ษา ม.4 ใบงานที่ 7.1
หนว ยท่ี 7 ความรนุ แรงในสงั คม
โรงเรียน มเี หตกุ ารณท์ ่เี กดิ ขนึ้ ดงั นี้
๑. การยกพวกตกี นั ของนกั เรยี น หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 ความรุนแรงในสังคม
เร่อื งท่ี 1 ความรุนแรงและแนวทางการแกไ้ ขปญั หา
ต่างโรงเรียน
ใบงานที่
๒. กอ่ เหตทุ ะเลาะววิ าทกนั จนถงึ
7.1 การแกไ้ ขปญั หาความรนุ แรง
ขน้ั ทา� รา้ ยรา่ งกาย
คาช้แี จง ใหน้ ักเรยี นตอบคาถามทีก่ าหนดให้ถูกตอ้ ง
๓. ถูกรังแก หรอื ทา� รา้ ย การทํากจิ กรรมรว มกนั ระหวางเพ่อื นเปน การชวยสรา งมติ รภาพ 1. พอ่ แมท่ ่ีมีแนวคดิ แบบ “บริโภคนิยม” จะมีลักษณะการใชค้ วามรุนแรงในครอบครัวอยา่ งไร
พอ่ แมท่ มี่ แี นวคดิ ดงั กลา่ วมกั จะคดิ ว่า ลกู เป็นสมบตั ขิ องตนเอง จงึ ใช้อานาจบงั คับลกู และกาหนด
แนวทางให้ลูกปฏบิ ตั ิตามคาส่งั เสมอ
๔. ใชอ้ าวธุ เชน่ มดี ปนื เปน็ ตน้ ท่ีดีตอกัน 2. การเผยแพร่ภาพลามกซึ่งนาไปสูก่ ารใชค้ วามรุนแรง เป็นปัญหาความรุนแรงในลักษณะใด
เป็นปัญหาความรุนแรงในสงั คม
เพ่ือท�าร้ายกัน 3. ปญั หาความรุนแรงท่เี กดิ ข้นึ ในโรงเรียน มีสาเหตมุ าจากอะไรบ้าง
๓) ปญหาความรุนแรงในสังคม ความรุนแรงท่ีเกิดขึ้นในสังคม ได้แก่ เหตุการณ์ การข่มขู่ การถูกทารา้ ยจากเพอื่ นนักเรยี น การทะเลาะววิ าท ปญั หาความเครียดจากการเรยี น การถูกบงั คบั
ความรุนแรงท่ีเกิดขึ้นในที่สาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นท่ีใดก็ตาม เช่น ท้องถนน ห้างสรรพสินค้า ใหเ้ รยี นพเิ ศษ การลงโทษจากครูในรูปแบบตา่ งๆ การถูกลว่ งละเมิดทางเพศจากครู
ร้านอาหาร สวนสาธารณะ เป็นตน้ 4. ปญั หาการใชค้ วามรุนแรงในครอบครวั มลี ักษณะอยา่ งไร
การขม่ เหง การทาร้ายภรรยา ลกู หรือญาตพิ ่นี อ้ ง การทอดท้งิ หรือไมด่ ูแลผู้สูงอายใุ นครอบครวั
ประเภทของความรุนแรงภายในสงั คม 5. นกั เรียนควรปฏบิ ัตติ นอย่างไร เพ่ือป้องกันปัญหาการใช้ความรุนแรง
1) ตอ้ งปฏบิ ัตกิ ับผอู้ น่ื ดว้ ยความเอ้อื อาทร และรจู้ ักให้อภยั
๑. ความรุนแรงทางสังคม เชน่ 2) ปฏิบตั ติ ามกฎระเบยี บอยา่ งเครง่ ครดั
3) มีทกั ษะการตดั สนิ ใจและทกั ษะการปอ้ งกนั ตนเอง
กกาารรขฆม่ าขตนืกรกรามรทกาารรณุทา�กอรนรมาจกาาร1รปเปลน็น้ ตจ้นี้ ชงิ ทรพั ย์ 240
๒. ความรุนแรงทางการเมือง สขุ ศกึ ษา ม.4
เช่น การท�าสงคราม การต่อสู้กันด้วยวิธีการ
ตา่ งๆ ของผูท้ ีม่ ีแนวคดิ ความเชอ่ื ทางการเมือง ขยายความเขา ใจ Expand
ท่ขี ดั แยง้ กัน เปน็ ตน้ ใหนกั เรยี นแบง กลุม กลุมละ 4-5 คน
ทําโครงงานเรือ่ ง การลดปญ หาการใชค วามรนุ แรง
๓. ความรุนแรงทางเศรษฐกิจ ในสังคม พรอ มแลกเปลย่ี นความรูท ีไ่ ดจากการ
ทําโครงงานกบั เพือ่ นตางกลุม
ได้แก่ การต่อต้าน โดยการท�าให้กิจกรรม
ทางเศรษฐกิจหยุดชะงกั เชน่ การนัดหยุดงาน การมคี วามรกั ความสามัคคีกนั ในสงั คม สามารถชวยลดปญ หา
ความรนุ แรงได
การปิดโรงงาน เปน็ ตน้
12๙
กจิ กรรมสรา งเสรมิ เกรด็ แนะครู
ใหน กั เรียนสรุปสาระสาํ คัญเรอื่ ง ปญหาความรุนแรง โดยให ครูสามารถยกตัวอยา งสถานการณปญ หาความรนุ แรงในปจจุบัน เพ่ือให
จัดทาํ ในรปู แบบของแผน พบั ความรู นักเรียนไดวเิ คราะหถึงสาเหตแุ ละผลกระทบทีเ่ กดิ ข้นึ วา เปนอยา งไร เพ่ือเปน การ
กระตนุ การคดิ วิเคราะหของนกั เรียน
กจิ กรรมทา ทาย
นักเรียนควรรู
ใหนักเรียนเลือกอานบทความเกีย่ วกบั ความรุนแรงในสงั คม
1 บทความ จากน้ันใหนกั เรยี นวิเคราะหจ ากเรื่องท่ีอา น แลว นาํ 1 อนาจาร การกระทําทไ่ี มสมควรในทางเพศ และกอใหเ กดิ ความอับอายใน
ผลจากการวเิ คราะหนั้นมาอภิปรายแสดงความคดิ เหน็ รว มกัน ทางเพศ ซึง่ ผดิ ไปจากประเพณนี ิยมตามกาลเทศะ เชน ฉุดแขนฝายหญงิ กอด จูบ
ในชน้ั เรยี น จบั ตองของสงวน เปด กระโปรงโดยที่ฝา ยหญงิ ไมยนิ ยอมในทีส่ าธารณะ เปนตน
คูมือครู 129
กระตุนความสนใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
Engage Explore Explain
สาํ รวจคน หา Explore
ใหนักเรยี นแบงกลุม 4 กลมุ กลมุ ละ 3-4 คน 1.2 พฤตกิ รรมเสีย่ งและสถานการณเสยี่ งต่อความรนุ แรง
ศกึ ษาเรอ่ื ง พฤติกรรมเสีย่ งและสถานการณเสีย่ งตอ
ความรุนแรง จากหนงั สอื เรียน จากนน้ั ใหนกั เรียน พฤตกิ รรมเสย่ี ง
จบั สลากเลอื กประเดน็ การศกึ ษา โดยประเดน็ การ สหญูมาเสยียถหงึ นพา ฤทตี่ กิขรารดมโอทกเ่ี ปานสสพาฒั เหนตาใุตหาเมกปดิ กคตวาิ พมกิเสายี่ ร1งตหอรอืกเาสรยีดชาํ ีวเนิตนิ ชวี ติ อาจทาํ ใหร า งกายไดร บั อนั ตราย
ศกึ ษา มดี งั น้ี
สถานการณเ ส่ียง
• การเสพสารเสพตดิ หมายถึง เหตุการณท่ีกําลังจะดําเนินไปสูความอันตราย ความไมปลอดภัยตอสุขภาพ ชีวิต และ
• การเลน การพนัน ทรพั ยส ิน
• การทะเลาะววิ าท
• การเลน เกมคอมพิวเตอร
อธบิ ายความรู Explain ปจั จบุ นั เยาวชนไทยมพี ฤตกิ รรมเสย่ี งหลายประการ เชน่ การเสพสารเสพตดิ การเลน่ การพนนั
การทะเลาะววิ าท การเลน่ เกมคอมพวิ เตอร ์ เปน็ ตน้ ซง่ึ สง่ิ เหลา่ นอ้ี าจจะกอ่ ใหเ้ กดิ การใชค้ วามรนุ แรงได้
ใหน ักเรยี นทจ่ี ับสลากไดประเด็นเรือ่ ง การเสพ โดยจะขอยกพฤติกรรมเสย่ี งและสถานการณ์เสี่ยงตอ่ ความรนุ แรงเพียงบางประเด็น ดงั น ้ี
สารเสพตดิ ออกมานําเสนอหนา ช้ันเรียน และให
นกั เรยี นสรปุ สาระสําคญั เกีย่ วกบั ผลกระทบของ ๑) การเสพสารเสพติด ปัจจุบันสารเสพติดนับเป็นปัญหาส�าคัญของประเทศชาติ
สารเสพตดิ ท่กี อ ใหเ กิดความรนุ แรง โดยครแู ละ
นักเรียนกลุม อน่ื ๆ รวมกนั เสนอแนะเพมิ่ เติม แม้ว่าจะมีการรณรงค์ปอ้ งกัน และปราบปรามอยา่ งต่อเน่อื งจากเจ้าหนา้ ทีข่ องรัฐกต็ าม แตก่ ็ยงั มี
เยาวชนจ�านวนไม่น้อยทต่ี กเปน็ ทาสของสารเสพติดอันเน่อื งมาจากมปี ญั หาครอบครัวอย่ใู นสภาพ
แวดล้อมที่เต็มไปด้วยสารเสพติดและความอยากรู้อยากลองตามประสาของวัยรุ่นจึงถูกชักจูงไป
รว่ มม่ัวสมุ เสพสารเสพตดิ ได้งา่ ย
ผลกระทบของสารเสพติดท่กี อใหเกิด
ความรุนแรง
เยาวชนควรใชเวลาวางใหเปนประโยชน เชน เลนดนตรี นําไปสูก ารกอ อาชญากรรมตางๆ เชน ลักขโมย
เลนกีฬา เปนตน เพื่อหลีกเลี่ยงจากพฤติกรรมเสี่ยง ทาํ รา ยผอู นื่ เปน ตน เนอ่ื งจากเมอื่ เสพสารเสพตดิ
และสถานการณเ สีย่ งตางๆ เปนระยะเวลานาน จะกอใหเกิดผลกระทบตอ
สขุ ภาพรา งกาย และจติ ใจ มผี ลตอ ระบบประสาท
จึงทําใหผูเสพสารเสพติดขาดสติไมสามารถ
ควบคุมตนเองได และขาดการย้ังคิด จึงนําไปสู
การทํารายรางกายตนเองและผูอ่ืน ดังปรากฏ
เปน ขา วตามสื่อตางๆ เสมอ
1๓0
เกร็ดแนะครู ขอสแอนบวเนนOก-าNรคEิดT
บุคคลกลมุ ใดมพี ฤติกรรมเส่ยี งมากท่ีสดุ
ครูสามารถอธบิ ายเพ่มิ เติมใหน ักเรียนฟง วา การเสพสารเสพตดิ นนั้ อาจกอ 1. วัยรุน
ใหเ กดิ ความรุนแรงในสังคมได เนือ่ งจากเมอื่ เสพสารเสพติดจะทาํ ใหไมส ามารถ 2. วัยเดก็
ควบคุมตนเองได และขาดการยัง้ คิด ขาดสติ ซ่งึ นาํ ไปสูการทํารายรางกายตนเอง 3. วยั ชรา
และผอู ่นื 4. วยั ผูใ หญ
วเิ คราะหค าํ ตอบ วัยรุน เปน กลุมทม่ี ีพฤติกรรมเสย่ี งมากทีส่ ดุ
นกั เรียนควรรู เนื่องจากเปนวยั ทม่ี ีการเปลย่ี นแปลงอยางมากในทกุ ๆ ดาน
มคี วามคึกคะนอง อยากรู อยากลอง และยังไมมวี ุฒิภาวะเพยี งพอ
1 พิการ ผพู กิ ารจะมีขอ จาํ กดั ในการปฏิบัติกจิ กรรมในชวี ิตประจาํ วันหรอื จึงอาจถูกชักชวนหรือหลอกใหก ระทาํ พฤติกรรมเสยี่ ง หรอื เขาไป
เขาไปมสี วนรวมทางสงั คม เนอ่ื งจากมีความบกพรอ งทางการมองเห็น การไดย นิ อยูใ นสถานการณเส่ียงได ตอบขอ 1.
การเคล่ือนไหว การสือ่ สาร สติปญ ญาและการเรยี นรู ซง่ึ จําเปน จะตอ งไดรบั ความ
ชว ยเหลือ เพื่อใหสามารถปฏบิ ตั ิกจิ กรรมในชีวติ ประจําวันหรือเขา ไปมีสว นรวมทาง
สังคมไดเหมือนอยางบุคคลทัว่ ไป
130 คมู อื ครู
กระตุนความสนใจ สํารวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
๒) การเลน การพนนั โดยเฉพาะการเลน่ พนนั บอล1ทวี่ ยั รนุ่ สามารถเขา้ ถงึ ไดง้ า่ ย เพราะ ใหนกั เรยี นทีจ่ ับสลากไดป ระเดน็ เร่ือง การเลน
การพนัน และการทะเลาะววิ าท ออกมานาํ เสนอ
ฟตุ บอลเปน็ กฬี าทวี่ ยั รนุ่ ชน่ื ชอบอยแู่ ลว้ ยงิ่ ปจั จบุ นั การแขง่ ขนั ฟตุ บอลมโี ปรแกรมการแขง่ ขนั เกอื บ หนาชั้นเรียน และใหนักเรยี นสรุปสาระสําคญั
ทกุ วัน วันละหลายค ู่ ทง้ั ฟตุ บอลในประเทศและต่างประเทศ โดยการพนันบอลน้ันมที ้ังพนนั ผ่าน เก่ยี วกบั ผลกระทบของการเลน พนนั และผลกระทบ
บุคคล ผ่านทางโทรศพั ท ์ และผา่ นทางเวบ็ ไซต ์ ทา� ใหว้ ยั รุน่ บางคนท่ีอาจเร่ิมตน้ เล่นพนนั บอลดว้ ย ของการทะเลาะววิ าททก่ี อ ใหเ กดิ ความรนุ แรง
คดิ ว่าเล่นแค่ความสนกุ สนาน แตไ่ ม่นานก็จะเร่ิมติดใจ ในทสี่ ดุ กจ็ ะถลา� ลกึ ลงไป และอาจก่อให้เกิด โดยครูและนักเรียนกลุมอืน่ ๆ รวมกนั เสนอแนะ
ผลกระทบท่รี า้ ยแรงตามมา เพิ่มเติม และตง้ั คาํ ถามเพื่อนําไปสขู อสรปุ ที่
ถูกตองรว มกนั
ผลกระทบของการเลนพนนั บอลที่กอใหเ กิด
ความรุนแรง • นกั เรียนคดิ วาวยั รนุ มักจะนิยมเลน การพนนั
ชนดิ ใด เพราะอะไร
๑. นาํ ไปสกู ารเปน ผขู ายสารเสพตดิ หรอื คา (แนวตอบ การพนนั บอล เพราะฟุตบอลเปน
ประเวณี เพอื่ ตองการหาเงินมาใชห นีพ้ นัน กีฬาทีว่ ยั รนุ ชื่นชอบอยูแลว เนือ่ งจากการ
แขง ขนั ฟตุ บอลจะมโี ปรแกรมการแขง ขนั
๒. กอใหเกิดคดีอาชญากรรม เพราะผูติด เกอื บทกุ วนั และวนั ละหลายคู จงึ ทาํ ใหว ยั รนุ
การพนนั มกั จะทาํ ทกุ วถิ ที าง เชน ปลน จ้ี ลกั ขโมย บางคนเรม่ิ ตน เลน พนนั บอล เพราะคดิ วา เปน
เปน ตน เพือ่ ใหไ ดเงินมาเลน การพนนั วธิ หี น่ึงทสี่ ามารถไดเ งนิ มาไดโ ดยงาย)
๓. หากเปนหน้ี เม่ือถึงกําหนดแลว • เพราะเหตุใด การกอ เหตทุ ะเลาะววิ าท
ไมชาํ ระหนี้ จะถกู ตามลาตวั จากเจาหน้ี ซึ่งอาจ จงึ มกั เกดิ กับวยั รนุ
เปน อนั ตรายตอ ตนเองหรือบุคคลในครอบครวั (แนวตอบ เพราะวัยรุนเปนชว งวัยที่มอี ารมณ
รุนแรง ไมย อมใคร ขาดการย้ังคดิ หรือขาด
การดกู ฬี าฟตุ บอลใหเ กดิ ประโยชน จะตอ งดเู พอ่ื การกฬี า เพอ่ื การยับย้งั อารมณ)
ความบนั เทงิ สนุกสนาน โดยไมม กี ารพนันเขามาเกี่ยวขอ ง
๓) การทะเลาะวิวาท วัยรุ่นเปน็ ช่วงวยั ทม่ี ีอารมณร์ ุนแรง ไม่ยอมใคร ขาดการย้ังคดิ
หรอื ยับยงั้ อารมณ์ บางคนมีพฤติกรรมกา้ วร้าว และมักจะใช้ความรนุ แรงเพื่อเปน็ ทางออกในการ
แกป้ ญั หา
การกอ่ เหตทุ ะเลาะววิ าททเ่ี ปน็ ประเดน็ ใหญใ่ นปจั จบุ นั คอื คกู่ รณที แี่ บง่ เปน็ ฝา ยเปน็
พวก ทา� ใหก้ ารแกป้ ญั หามคี วามซบั ซอ้ นและแกไ้ ขไดย้ ากมากขน้ึ เพราะการทะเลาะววิ าทในลกั ษณะ
เชน่ นมี้ กั จะไดร้ บั การขยายความวา่ เปน็ เรอื่ งของกลมุ่ ของฝา ย หรอื บางครงั้ กย็ กระดบั เปน็ เรอ่ื งของ
สถาบัน ซึ่งส่งผลให้เยาวชนบางคนบางกลุ่มทม่ี ีพฤติกรรมรุนแรง มักจะมองผอู้ ื่นไม่ว่าใครก็ตามที่
อยใู่ นกล่มุ ฝา ย หรือสถาบันตรงข้ามล้วนเป็นอรกิ ับตนท้ังส้นิ ซึง่ เป็นความคดิ ท่ีเป็นอนั ตรายมาก
ตอ่ สงั คม เพราะความคดิ เชน่ นจี้ ะทา� ใหผ้ บู้ รสิ ทุ ธท์ิ เี่ ปน็ คนด ี ไมม่ สี ว่ นเกย่ี วขอ้ งกบั ความขดั แยง้ ใดๆ
ของคูก่ รณ ี พลอยได้รบั เคราะห์ถกู ทา� รา้ ย หรือบางคนกถ็ ึงกบั เสียชีวติ
1๓1
ขคอดิ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT นักเรียนควรรู
เมื่อพบเหน็ เพอื่ นกําลงั จะเขาไปในแหลงอบายมุข อันดบั แรกที่ 1 การเลนพนนั บอล ในประเทศไทยถือเปน เร่อื งผดิ กฎหมาย โดยวธิ ีการเลน
นกั เรยี นควรทาํ คอื ขอ ใด นั้นสามารถสรุปได 4 วิธี ดังนี้
1. รบี แจงครูใหท ราบทนั ที 1. พนนั ฟุตบอลกับเพ่อื น หรอื คนทรี่ ูจักกันเอง เปนวธิ ที ี่นยิ มกนั มากในขณะ
2. มองดดู ว ยความสนุกสนาน เริ่มตนเขาสูวงการพนนั
3. โทรบอกผปู กครองของเพอ่ื น
4. หา มเพือ่ นไมใหเ ขา ไปในท่ีสถานที่แหงนัน้ 2. พนันฟุตบอลกบั โตะบอลท่ีมสี ถานทต่ี ง้ั จรงิ จะมีความเสี่ยงในเรื่องของ
วเิ คราะหคําตอบ ควรหา มเพอ่ื นไมใ หเ ขา ไปในสถานทแี่ หง นนั้ กฎหมายตามพระราชบญั ญตั ิการพนนั ซ่งึ ผเู ลนและผูเ ปน โตะ อาจจะถูกจับได
โดยบอกเพอื่ นวา เปน สถานทที่ ไ่ี มด ี และบอกถงึ โทษของอบายมขุ
ตา งๆ ซงึ่ การกระทาํ เชน นถ้ี อื ไดว า เปน การชว ยเตอื นสตแิ ละอาจ 3. พนันฟุตบอลกับโตะบอลออนไลน ผูเลนไมไ ดเ ลน กบั เจามอื หรอื บรษิ ทั
ทาํ ใหเ พอื่ นตระหนกั ถงึ โทษของอบายมขุ จนหลกี เลย่ี งทจ่ี ะไมเ ขา ไป คาสิโนโดยตรงแตเลน ผา นระบบอินเทอรเ นต็
ในทแี่ หง นนั้ อกี ตอ ไป ตอบขอ 4. 4. พนนั ฟตุ บอลโดยตรงกบั บริษทั คาสโิ นทถ่ี ูกกฎหมายจากตา งประเทศท่ตี ง้ั
อยูตา งประเทศ โดยผเู ลน จะเลนผา นอนิ เทอรเนต็ กบั บริษัทโดยตรงเพยี งแตอ ยู
ตา งประเทศเทานนั้
คูมอื ครู 131
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคน หา ออธธบิ บิ Eาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขา าใจใจ ตรวจสอบผล
Explore Evaluate
Engage Explain Explain Expand
อธบิ ายความรู
ใหน กั เรยี นทจี่ บั สลากไดป ระเด็นเร่อื ง การเลน ผลกระทบของการทะเลาะววิ าท
เกมคอมพิวเตอร ออกมานําเสนอหนา ชน้ั เรยี น และ ท่ีกอ ใหเ กิดความรนุ แรง
ใหนกั เรียนสรุปสาระสาํ คญั เกยี่ วกบั ผลกระทบของ
การเลนเกมคอมพิวเตอรท่ีกอใหเกดิ ความรุนแรง ๑. สงผลใหบุคคลรอบขางพลอยไดรับ
โดยครแู ละนกั เรยี นกลุม อ่ืนๆ รว มกันเสนอแนะ ผลกระทบไปดวย เชน บาดเจบ็ เสียชวี ิต เปน ตน
เพม่ิ เติม และตงั้ คําถามเพือ่ นาํ ไปสขู อสรุปที่ถกู ตอ ง เนือ่ งจากวยั รนุ อาจใชอ าวุธในการตอ สูก ัน
รวมกนั
๒. อาจถูกลงโทษ หรือดําเนินคดีตาม
• ยกตัวอยา ง ผลกระทบของการเลนเกม กฎหมายต้ังแตอ ายยุ งั นอ ย
คอมพวิ เตอรท ่ีกอ ใหเกดิ ความรนุ แรง
(แนวตอบ ไดแ ก สง ผลใหเ กดิ ความเครียด ๓. สง ผลใหเ ปน คนหวาดระแวง เพราะคดิ วา
มพี ฤตกิ รรมกาวรา ว และนาํ ไปสกู ารกระทาํ ผูอ ื่นเปน ศตั รูกบั ตนอยตู ลอดเวลา
ความผดิ โดยใชค วามรุนแรง เชน ลักขโมย
วงิ่ ราว ปลน จ้ี เปนตน ) วัยรุนควรรวมกลุมกันเลนกีฬา หรือทําประโยชนตอ
สังคมดีกวาการกอเหตุทะเลาะววิ าท
ขยายความเขา ใจ Expand ๔) การเลนเกมคอมพิวเตอร ปัญหาเยาวชนติดเกมคอมพิวเตอร์ทวีความรุนแรง
ใหน ักเรียนรวมกันจัดทาํ ปายรณรงคป อ งกนั มากขนึ้ เรอื่ ยๆ โดยมเี ด็กจ�านวนมากหนีโรงเรยี นหรือขโมยเงนิ ของพ่อแมไ่ ปเล่นเกมคอมพิวเตอร์
ความเสีย่ งตอการใชค วามรุนแรง โดยใหน ักเรียน ตามร้านเกม ซ่ึงบางแห่งก็มีสภาพเป็นแหล่งมั่วสุมอบายมุข มีการแอบจ�าหน่ายเครื่องด่ืม
รวมเดนิ รณรงคใ นชุมชนตา งๆ ใกลบ ริเวณของ แอลกอฮอล์และบุหรี่ให้กับเยาวชน รวมท้ังมีเยาวชนจ�านวนมากท่ีหมกมุ่นกับการเล่นเกมจนเสีย
โรงเรยี น การเรียน และไม่สนใจสังคมหรอื ผู้อื่น ส่งผลต่อลกั ษณะบุคลิกภาพ และกลายเป็นเดก็ ที่มปี ญั หา
ทางด้านสขุ ภาพจิตตามมา
การหมกมนุ เลน เกมคอมพวิ เตอร อาจสง ผลใหม พี ฤตกิ รรม ผลกระทบของการเลนเกมคอมพวิ เตอรทีก่ อให
กา วรา ว เนอื่ งจากเกิดการเลียนแบบความรุนแรงจากเกม ๑. สงผลใเหกเดิกคิดวคาวมารมุนเแครรงียด1 เพราะผูเลน
และการใสหูฟงท่ีมีเสียงดังเปนเวลานาน อาจกอใหเกิด
โรคหูตึงหรอื หหู นวกได เกมคอมพิวเตอรตองหาวิธีการเอาชนะคูตอสู
ใหได จึงตองครุนคดิ หาเทคนิคในการตอสตู ลอด
เวลา
๒. แสดงพฤตกิ รรมกา วรา วเลยี นแบบความ
รุนแรงจากเกมคอมพวิ เตอร
๓. นาํ ไปสกู ารกระทาํ ความผดิ เชน ลกั ขโมย
ว่ิงราว จ้ี ปลน เปนตน และอาจนําไปสูวงจร
การขายสารเสพตดิ เพอ่ื หาเงนิ มาเลน คอมพวิ เตอร
1๓2
เกร็ดแนะครู ขอ สอบเนน การคิด
ขอ ใดคอื ผลกระทบตอ สุขภาพรางกายทเี่ กิดจากการเลน เกม
ครูควรอธิบายเพิ่มเตมิ วา จากงานวิจยั ในประเทศไทย พบวา การเลน เกม คอมพวิ เตอร
วดิ โี อท่ีมเี น้อื หารุนแรงมผี ลตอพฤติกรรมความกา วราวของเดก็ และเยาวชน และ 1. ผลการเรียนตกต่ํา
ระยะเวลาในการเลน เกมคอมพวิ เตอรท ม่ี ีเน้ือหารุนแรงในระดบั ท่ีไมเ หมาะสมคอื 3 2. ขาดทักษะทางสงั คม
ช่วั โมงขน้ึ ไปตอ วัน ซง่ึ จะสง ผลใหม ีพฤตกิ รรมกา วราวสูงกวาระยะเวลาในการเลน 3. มปี ญหากบั ระบบสายตา
เกมในระดับทเ่ี หมาะสม 4. นาํ ไปสูการกระทาํ ความผิด
วิเคราะหค าํ ตอบ การเลนเกมคอมพิวเตอรเ ปน เวลานานติดตอ
นกั เรยี นควรรู กนั หลายชั่วโมง จะสง ผลกระทบตอสุขภาพรางกายโดยจะทาํ ให
มปี ญหากับระบบสายตา ซ่งึ จะมอี าการแสบตา เคอื งตา ปวดตา
1 ความเครยี ด สามารถเกิดขนึ้ ไดทุกแหงทุกเวลา ซึ่งอาจเกดิ จากสาเหตุ และปวดศรี ษะ เนื่องจากตองใชสายตาจบั จองคอมพวิ เตอร
ภายนอก เชน ความเจบ็ ปวย การหยารา ง ภาวะวา งงาน ความสัมพนั ธก บั เพอื่ น ตลอดเวลา ตอบขอ 3.
ครอบครวั เปนตน หรืออาจเกดิ จากสาเหตภุ ายในตวั ของบุคคลเอง เชน ความ
ตอ งการเรยี นดี ความตองการเปน ท่หี นงึ่ เปน ตน โดยมักจะมีอาการปวดศรี ษะ
ปวดกลา มเนือ้ หัวใจเตนเรว็ แนน ทอง และมือเทา เยน็
132 คมู อื ครู
กระตุน ความสนใจ สสาํ ํารรEวxวpจจloคคrนeน หหาา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Expand Evaluate
Explore Explain Explore
สาํ รวจคน หา
à¡Ãç´¹‹ÒÌ٠ใหน ักเรยี นแบง กลุม กลมุ ละ 3-4 คน ศึกษา
เรื่อง แนวทางการปองกันปญหาความรนุ แรง
โครงการ “หนง่ึ เสยี ง…หยดุ ความรนุ แรงตอ ผหู ญิง” และทกั ษะการตดั สินใจและการแกปญหาใน
สถานการณเสีย่ งตอ ความรนุ แรง จากหนังสอื เรียน
ปญ หาทส่ี าํ คญั ปญ หาหนงึ่ 1ในสงั คมไทย คอื ปญ หาเดก็ และสตรโี ดนทารณุ กรรมดว ยวธิ กี ารตา งๆ ไมว า จะเปน และแหลงเรียนรูอ นื่ ๆ เพ่ิมเตมิ
การทุบตี ลอ ลวง หรอื ลว งละเมดิ ส่งิ เหลา นีล้ วนเปนการกระทําท่ีละเมดิ สทิ ธมิ นษุ ยชนอยางรายแรง และเปนปญหา อธบิ ายความรู Explain
เรงดว นทีต่ อ งรบี แกไ ข ดงั นั้น ประเทศไทยจงึ ไดเกิดโครงการ “หนง่ึ เสียง…หยุดความรนุ แรงตอ ผูห ญิง” ขน้ึ โดยเปน
โครงการทร่ี ว มรณรงคต อ ตา นความรนุ แรงทก่ี ระทาํ ตอ ผหู ญงิ เพอื่ สรา งพลงั และความรว มมอื ของคนในสงั คมใหร ว ม ใหนักเรียนอา นเกรด็ นา รู เร่ือง โครงการ “หนง่ึ
กนั หยดุ ความรนุ แรงตอผหู ญงิ โดยเรมิ่ จากจุดเลก็ ๆ ของสังคม คอื สถาบนั ครอบครัว แลว จะเพิม่ ความสําคัญกบั เสียง...หยดุ ความรนุ แรงตอผหู ญงิ ” จากนัน้ ให
ทกุ คนในครอบครัว เพือ่ ใหเ กดิ ความอบอุน ความรัก และความสามัคคีกนั ภายในครอบครวั เพราะปจจบุ ันปญหา นกั เรียนรว มกนั สรุปสาระสาํ คัญของเรอื่ ง โดยครู
ความรุนแรงดงั กลา ว มกั จะเกิดจากบุคคลใกลต ัวเปนสว นใหญ อาทิ คูรกั สามี เสนอแนะเพ่ิมเติมและตั้งคาํ ถามเพ่อื นําไปสู
ขอสรปุ ทีถ่ ูกตองรว มกนั
โครงการ “หนง่ึ เสยี ง…หยุดความรนุ แรงตอผูห ญิง” เกดิ ขนึ้ จากความรวมมอื ของสาํ นกั งานกองทุนสนับสนุน
การสรา งเสรมิ สขุ ภาพ (สสส.) กระทรวงยตุ ธิ รรม กระทรวงพฒั นาสงั คมและความมน่ั คงของมนษุ ย มลู นธิ เิ พอ่ื นหญงิ • โครงการ “หนึ่งเสียง...หยดุ ความรนุ แรงตอ
เครอื ขา ยผหู ญงิ ตอ ตา นความรนุ แรง และกองทนุ การพฒั นาเพอ่ื สตรแี หง สหประชาชาติ (UNIFEM) โดยดาํ เนนิ การทง้ั ผูหญิง” เปน โครงการทสี่ าํ คญั สาํ หรบั ผูหญงิ
ในระดบั ประเทศและระดบั ภมู ภิ าค ครอบคลมุ 8 ประเทศ ไดแ ก ไทย ลาว กมั พชู า เวยี ดนาม อนิ โดนเี ซยี ฟล ปิ ปน ส อยา งไร
จนี และติมอรต ะวันออก (แนวตอบ เปน โครงการท่ีรว มรณรงคตอตาน
ความรนุ แรงทีก่ ระทําตอ ผูหญงิ เพอื่ สรา ง
ท่ีมาขอ มูล : ดดั แปลงมาจาก http://www.thaihealth.or.th/node/6586 พลังและความรวมมือของคนในสังคมให
รว มกันหยดุ ความรนุ แรงตอผูหญงิ )
๒. แนวทางปองกนั ปญหาความรุนแรง
ความรนุ แรงเปน็ การกระทา� ทเ่ี กดิ ขนึ้ โดยเจตนาหรอื ความตงั้ ใจ ทา� ใหม้ ผี บู้ าดเจบ็ หรอื เสยี ชวี ติ
ซง่ึ อาจไมไ่ ดเ้ กดิ อยา่ งกะทนั หนั หรอื ชว่ั คราวเทา่ นนั้ แตอ่ าจตอ่ เนอ่ื งเปน็ ระยะเวลานานกไ็ ด ้ ดงั นนั้
การรว่ มมอื กนั ของประชาชนทกุ คนเพอ่ื หยดุ ยง้ั มใิ หเ้ กดิ ความรนุ แรงในรปู แบบตา่ งๆ จงึ เปน็ สงิ่ สา� คญั
และมคี วามจา� เปน็ อยา่ งยง่ิ
2.1 แนวทางปอ้ งกนั ปญั หา
ความรุนแรงในครอบครัว
ความรุนแรงในครอบครัวเป็นส่ิงที่ การทํากิจกรรมรวมกันในครอบครัว จะชวยสรางความ
นา� ความทกุ ข ์ ความเครยี ด มาใหก้ บั ครอบครวั สัมพนั ธทดี่ ีตอกันระหวา งสมาชกิ ในครอบครวั
ดงั นนั้ เราจงึ ควรหาแนวทางปอ้ งกนั ปญั หา เพอ่ื ให้
ครอบครัวเกิดความสงบสุข และเพื่อความสุข
ของคนในครอบครวั โดยแนวทางปอ้ งกนั ปญั หา
ความรนุ แรงในครอบครวั มดี งั นี้
๑. สมาชิกในครอบครัวต้องปฏิบัติ
ต่อกันด้วยความรัก ความจริงใจ และความ
เออ้ื อาทร
1๓๓
ขอสอบเนน การคดิ นักเรียนควรรู
ความรูสกึ วาตนเองมคี ณุ คา มสี วนชวยในการปอ งกนั ความรนุ แรงใน 1 ลว งละเมดิ การลวงละเมิดทางเพศ เปนพฤติกรรมท่ีละเมดิ สทิ ธิของผูอืน่
ครอบครวั ไดอ ยา งไร ในเรื่องเพศ ไมวา จะเปน คาํ พดู สายตา และการใชท าที รวมไปถงึ การบงั คับใหมี
แนวตอบ เม่อื รูสกึ วา ตนเองมีคณุ คา จะทําใหเ กดิ ความพึงพอใจในสิง่ ที่ เพศสัมพนั ธ
ตนเองมี เกิดความเคารพตนเอง มคี วามเชอ่ื มัน่ ในตนเองสามารถท่ีจะแกไข
ปญหาทีเ่ กิดข้นึ ในครอบครัวได โดยไมใ ชกาํ ลังในการแกไ ขปญหา มมุ IT
ศกึ ษาเพม่ิ เติมเกย่ี วกับความรุนแรงตอ ผหู ญิง จากบทความ “หลากหลาย
ความรุนแรงตอ ผูหญิง...ทส่ี งั คมไมควรมองขาม” ไดจาก www4.thaihealth.or.th/
node/6597
คูมือครู 133
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explore Expand Evaluate
Engage Explain Explain
อธบิ ายความรู
ครสู มุ นกั เรยี น 1-2 กลมุ ออกมาสรปุ สาระสาํ คญั ๒. เอาใจใสด่ แู ลซงึ่ กนั และกนั ใหอ้ ภยั เมอ่ื คนในครอบครวั ทา� ความผดิ
เรอื่ ง แนวทางการปองกันปญหาความรุนแรง ท้ังใน ๓. หาโอกาสพดู คยุ กนั ในครอบครวั และพดู คยุ กนั ดว้ ยเหตผุ ล
ดา นการปอ งกันปญ หาความรนุ แรงในครอบครวั ๔. แสดงความรสู้ กึ หรอื อารมณท์ แ่ี ทจ้ รงิ ออกมาอยา่ งตรงไปตรงมา ดกี วา่ ทจ่ี ะใชอ้ ารมณ์
ปญ หาความรุนแรงในโรงเรยี น และปญ หาความ พดู ถากถาง เสยี ดส ี หรอื ประชดประชนั กนั
รุนแรงในสงั คม โดยครแู ละนกั เรยี นกลุมอ่นื ๆ ๕. ทา� กจิ กรรมรว่ มกนั ในครอบครวั เชน่ การออกกา� ลงั กายดว้ ยกนั รบั ประทานอาหาร
รวมกันเสนอแนะเพิม่ เตมิ และตั้งคาํ ถามเพื่อนําไปสู รว่ มกนั ไปเทย่ี วดว้ ยกนั เปน็ ตน้
ขอ สรุปทถี่ ูกตอ งรวมกนั
2.2 แนวทางป้องกนั ปญั หาความรนุ แรงในโรงเรียน
• แนวทางการปองกนั ปญหาความรนุ แรงใน
ครอบครัว มแี นวทางอยา งไรบาง ความรุนแรงในโรงเรียนมักจะเกิดขึ้นระหว่างนักเรียนกับนักเรียน และระหว่างครูกับ
(แนวตอบ เชน สมาชกิ ในครอบครัวตองมี นกั เรยี น ทงั้ ทเี่ กดิ ขน้ึ ในโรงเรยี นและนอกโรงเรยี น แตส่ ง่ิ ทน่ี า่ เปน็ หว่ งคอื ความรนุ แรงทเี่ กดิ ขนึ้ ใน
ความรัก ความจรงิ ใจ ความเอื้ออาทรตอกัน โรงเรยี น เพราะสง่ิ เหลา่ น ้ี อาจหลอ่ หลอมใหน้ กั เรยี นมพี ฤตกิ รรมความรนุ แรง และออกไปกอ่ ความ
เอาใจใสดูแลซึง่ กนั และกัน พดู คุยกันดวย รนุ แรงนอกสถานศกึ ษาได ้ ซง่ึ แนวทางการปอ้ งกนั ปญั หาความรนุ แรงในโรงเรยี น มดี งั นี้
เหตผุ ล ทาํ กจิ กรรมรวมกนั ในครอบครวั ๑. นกั เรยี นตอ้ งปฏบิ ตั ติ นตามกฎระเบยี บอยา่ งเครง่ ครดั เชน่ หา้ มพกอาวธุ หรอื ของ
เปน ตน ) มคี มมาโรงเรยี น เปน็ ตน้
๒. รว่ มกจิ กรรมทที่ างโรงเรยี นจดั ขึ้นเพอื่ ให้เกิดความรกั ความสามัคคี เช่น กิจกรรม
• แนวทางการปอ งกนั ปญหาความรนุ แรงใน วนั กฬี าส ี ประเพณลี อยกระทง ทา� บญุ ตกั บาตร นงั่ สมาธหิ รอื ไปศาสนสถาน ทนี่ กั เรยี นศรทั ธานบั ถอื
โรงเรียน มีแนวทางอยางไรบาง เปน็ ตน้
(แนวตอบ เชน นักเรียนตองปฏิบัติตามกฎ
ระเบียบของโรงเรยี นอยางเครง ครัด รวม 2.๓ แนวทางป้องกนั ปัญหาความรุนแรงในสังคม
กิจกรรมทท่ี างโรงเรยี นจดั ขน้ึ เปนตน)
ความรุนแรงในสังคม เป็นความรุนแรงท่ีพบเห็นได้บ่อยมากตามข่าวของส่ือมวลชน
• แนวทางการปอ งกนั ปญ หาความรนุ แรงใน เปน็ การกระทา� รนุ แรงตอ่ รา่ งกายและจติ ใจในรปู แบบตา่ ง ๆ เชน่ การชงิ ทรพั ย ์ ทา� รา้ ยรา่ งกาย ฆา่ ลา้ ง
สังคม มแี นวทางอยา งไรบาง แคน้ ลว่ งละเมดิ ทางเพศ การใชแ้ รงงานเดก็ อยา่ งไมเ่ ปน็ ธรรม เปน็ ตน้ ดงั นน้ั เราจงึ ควรหาแนวทาง
(แนวตอบ เชน ฝก จิตสาธารณะเพื่อเสรมิ สราง ป้องกนั แกไ้ ขปญั หาเพอื่ ใหส้ ังคมของเราน่าอย ู่ มคี วามรัก และความสามัคคีกนั ซึ่งแนวทางการ
จติ ลักษณะในการปอ งกันพฤตกิ รรมทะเลาะ ป อ้ งก นั ปญั ห๑า. คกวาามรฝรนุกึ จแติรงสใานธสางัรคณมะ เมพดีอื่ งัเสนร้ี มิ สรา้ งจติ ลกั ษณะ1ในการปอ้ งกนั พฤตกิ รรมทะเลาะววิ าท
วิวาท ออกกฎหมายควบคมุ การพกพาและมี โดยการท�าความดี มีส�านึกต่อส่วนรวม พร้อมช่วยเหลือผู้อ่ืนตามความสามารถและด้วยความ
อาวธุ ปน ไวในครอบครอง เปนตน ) บรสิ ทุ ธใ์ิ จ
๒. การสง่ เสรมิ การอยรู่ ว่ มกนั โดยสงบสขุ ถอ้ ยทถี อ้ ยอาศยั มคี วามเออ้ื อาทร มคี วาม
ไวว้ างใจกนั
๓. จดั การคมุ้ ครองความปลอดภยั แกส่ ตร ี เดก็ ผสู้ งู อาย ุ และผดู้ อ้ ยโอกาส
๔. ออกกฎหมายควบคมุ การพกพาและมอี าวธุ ปนื ไวใ้ นครอบครอง
1๓4
เกรด็ แนะครู ขอ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT
แนวทางปองกันการใชค วามรนุ แรง ขอ ใดเหมาะสมทสี่ ดุ
ครูควรแนะนาํ นักเรยี นเร่ือง การหลกี เล่ยี งการใชความรนุ แรงในครอบครัว 1. ทําใจใหสงบ
ซ่งึ จะเปนประโยชนใ นอนาคตหากนักเรยี นไดสรางครอบครัว โดยครอู าจแนะนํา 2. ตอ ตานคานิยมที่ผดิ ๆ
นักเรียนวา สามภี รรยาหากมเี รอื่ งผิดใจกัน ควรปรับความเขา ใจดวยการใชเหตผุ ล 3. เกลียดชงั การใชค วามรุนแรง
และพดู ดว ยความประนีประนอม หรอื ในวันหยุดควรหาเวลาวางเพื่อพกั ผอ นและ 4. จดั การกับอารมณแ ละความเครยี ดกอ น
ทํากิจกรรมรว มกนั ภายในครอบครวั วเิ คราะหค ําตอบ อารมณและความเครียดเปน ปฏิกิริยาทาง
จติ ใจทตี่ อบสนองตอสง่ิ เรา ซ่ึงหากเกดิ ความเครียดเราสามารถ
นกั เรยี นควรรู ท่จี ะแสดงพฤติกรรมตา งๆ ออกมาโดยท่ีเราไมร ตู ัว โดยอาจจะ
แสดงพฤตกิ รรมกา วรา วหรือความรุนแรง ดงั นนั้ จึงควรท่ีจะลด
1 จิตลกั ษณะ เปน ลกั ษณะท่ีอยูภายในตัวของบคุ คลทเี่ ปน สาเหตขุ อง ความเครยี ดตางๆ ใหผ อ นคลายลง เชน ฟง เพลง ดหู นงั ทาํ บญุ
พฤตกิ รรม ซงึ่ เปน ลกั ษณะคอ นขา งคงทีไ่ มอ ยภู ายใตอิทธพิ ลของสถานการณ ตกั บาตร เปน ตน ตอบขอ 4.
ปจจุบัน โดยลักษณะของบุคคลจะประกอบไปดวยลักษณะทางจิตใจหลาย
จิตลักษณะ และลกั ษณะจติ ใจนจ้ี ะคงสภาพอยใู นตวั บุคคล ทาํ ใหบ ุคคลมลี ักษณะ
พฤตกิ รรมและการกระทาํ ท่แี ตกตางไปจากบคุ คลอนื่
134 คมู อื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
๕. ป้องกันการค้าอาวุธ1 และการค้าผิดกฎหมายอย่างเข้มแข็ง ใช้เวลาว่างในทาง ครูสุมนักเรียน 1-2 กลุม โดยไมซํ้ากับกลมุ เดิม
สรา้ งสรรค์ ออกมาสรุปสาระสาํ คญั เรื่อง ทกั ษะการตัดสนิ ใจ
๘. ตดิ ตามความเคลอ่ื นไหวของผกู้ อ่ การรา้ ย และเตอื นภยั แกป่ ระชาชนลว่ งหนา้ ถงึ การ และแกปญ หาในสถานการณเ สีย่ งตอ ความรนุ แรง
กอ่ การรา้ ย โดยครูและนักเรียนกลุมอืน่ ๆ รวมกนั เสนอแนะ
๙. จดั กา� ลงั เพอื่ ตอ่ สกู้ บั อาชญากรรม เพม่ิ เตมิ และตงั้ คาํ ถามเพอื่ นาํ ไปสขู อ สรปุ ทถ่ี กู ตอ ง
๑๐. หลีกเล่ียงจากการเป็นเหยื่อของความรุนแรงในสังคม ไม่น�าตนเข้าไปเสี่ยงใน รว มกัน
สถานการณท์ ไี่ มน่ า่ ไวว้ างใจ
• ทกั ษะการตัดสินใจ หมายความวาอยางไร
๓. ทกั ษะการตดั สนิ ใจและการแกป ญ หาในสถานการณเ สยี่ งตอ (แนวตอบ เปนความสามารถในการตัดสนิ ใจ
เกยี่ วกับเรอ่ื งราวตางๆ ในชวี ติ ไดอ ยา งมี
ความรนุ แรง ระบบ)
ทักษะการตดั สินใจ • ทกั ษะการแกปญหา หมายความวา อยา งไร
เปนความสามารถในการตัดสินใจเก่ียวกับ (แนวตอบ เปน ความสามารถในการจัดการกบั
เรื่องราวตางๆ ในชีวิตไดอยางมีระบบ เชน ปญหาที่เกิดข้นึ ไดอยางมรี ะบบ ทาํ ใหไ มเ กดิ
ถาบุคคลสามารถตัดสินใจเก่ียวกับการกระทํา ความตงึ เครียดทางกายและจติ ใจ จนอาจ
ของตนเองท่ีเก่ียวกับพฤติกรรมดานความ ลกุ ลามเปน ปญหาใหญท ่ีไมสามารถแกไ ขได)
ปลอดภัยในชีวิต โดยประเมินทางเลือกและ
ผลท่ีไดจากการตัดสินใจเลือกทางท่ีถูกตอง • การมีทักษะการตัดสินใจและทักษะการ
เหมาะสม ก็จะมีผลตอการมีสุขภาพที่ดีทั้ง แกป ญ หากอ ใหเกิดประโยชนอ ยา งไร
รางกายและจิตใจ (แนวตอบ หากมีการฝกปฏบิ ตั อิ ยูเ ปนประจํา
จะชว ยทําใหเปน คนทมี่ เี หตผุ ล มีความ
ทักษะการแกป ญหา รอบคอบ สามารถตัดสินใจแกไขปญหา
เปน ความสามารถในการจดั การกบั ปญ หาทเ่ี กดิ ขนึ้ ไดอ ยา งมรี ะบบ ทาํ ใหไ มเ กดิ ความตงึ เครยี ดทางกาย เฉพาะหนาไดดีในชวี ติ ประจําวนั )
และจติ ใจ จนอาจลุกลามเปนปญหาใหญท่ีไมส ามารถแกไขได
การตดั สนิ ใจและการแกป้ ญั หา เปน็ ทกั ษะทตี่ อ้ งใชค้ วบคกู่ นั และผสมผสานกนั ระหวา่ งความคดิ
และความรสู้ กึ ในการใชเ้ หตผุ ลตดั สนิ ใจ เนอื่ งจากจะมผี ลกระทบทง้ั ตอ่ ตนเองและผอู้ น่ื ซง่ึ ทกั ษะทาง
ดา้ นน ี้ หากมกี ารฝกึ ปฏบิ ตั อิ ยเู่ ปน็ ประจา� จะชว่ ยทา� ใหเ้ ปน็ คนทม่ี เี หตผุ ล มคี วามรอบคอบ สามารถ
ตดั สนิ ใจแก้ไขปญั หาเฉพาะหนา้ ไดด้ ใี นชวี ิตประจ�าวัน
ส�าหรับทักษะการแก้ปัญหา เป็นการประเมินหาทางเลือกที่ดีและเหมาะสมท่ีสุดรวมท้ังไม่ใช้
ความรุนแรงหรอื ท�าในสงิ่ ท่ีสง่ ผลเสยี ตอ่ ตนเองและผู้อ่นื อย่างไรก็ตาม ทักษะการตดั สนิ ใจและการ
แกป้ ญั หา เราจะนา� มาใชไ้ ดด้ นี น้ั กข็ น้ึ อยกู่ บั ความรอบรแู้ ละประสบการณช์ วี ติ ของเราดว้ ย แตอ่ ยา่ ง
น้อยกท็ า� ใหเ้ ราไดม้ ีเวลาประเมนิ และพิจารณาโดยไม่หุนหันทา� อะไรตามใจตนเองหรือตามเพอื่ น
1๓5
คขอ ดิ สแอนบวเนนOก-าNรคEดิT เกร็ดแนะครู
สิง่ ใดท่ีควรนํามาใชร ว มกับทกั ษะการตัดสินใจ และแกป ญ หา ครูสามารถอธิบายเพม่ิ เตมิ วา วัยรุนเปน วัยทีค่ ึกคะนอง พฤติกรรมบางอยา ง
1. ความรอบรู และความกลา หาญ อาจเปนพฤตกิ รรมเส่ียงทีน่ าํ ไปสูสถานการณเส่ยี งตออันตราย ดังน้นั วัยรนุ จึงควร
2. ความมัน่ คง และความกลาหาญ มีสตยิ ้งั คดิ คํานึงถงึ เหตผุ ล ความเหมาะสม และผลที่จะเกิดข้นึ จากการกระทาํ
3. ความมงุ มน่ั และประสบการณชีวิต พฤติกรรมตางๆ ซึง่ จะตองรูจกั ใชท ักษะชีวติ โดยเฉพาะทกั ษะการตดั สนิ ใจและ
4. ความรอบรู และประสบการณช ีวติ แกปญหา เพอ่ื พาตนเองใหพน จากสถานการณเส่ยี งท่นี าํ ไปสคู วามรุนแรง
วิเคราะหคําตอบ บคุ คลทจ่ี ะมที กั ษะการตดั สนิ ใจ และแกป ญ หา
ไดด นี น้ั จะตอ งเปน บคุ คลทมี่ คี วามรอบรเู กย่ี วกบั เรอ่ื งตา งๆ และ นกั เรยี นควรรู
จะตอ งอาศยั ประสบการณช วี ติ ทผ่ี า นมาดว ย ซงึ่ จะชว ยใหส ามารถ
คดิ ตดั สนิ ใจ และแกป ญ หาไดอ ยา งถกู ตอ ง เหมาะสม 1 การคาอาวธุ สหประชาชาตไิ ดจดั ประชุมเพอื่ หาขอ ยตุ เิ รอื่ งสนธิสญั ญา
ควบคุมการคาอาวุธโลก ซง่ึ รา งสนธสิ ัญญาไดบ ัญญัติไววา ทกุ ประเทศตอ งควบคมุ
ตอบขอ 4. อาวธุ สามัญ (อาวธุ ทุกประเภทยกเวนอาวธุ นวิ เคลยี ร เคมแี ละชวี ภาพ) และตอง
ควบคมุ นายหนา คา อาวุธ และแตละประเทศตองประเมินวา อาวธุ ดังกลา วจะถกู นาํ
ไปใชเพ่ือการละเมดิ สทิ ธมิ นุษยชน หรอื กฎหมายมนษุ ยธรรม รวมถึงจะถูกนาํ ไปใช
โดยกลุมกอ การรา ยและเพ่ือกออาชญากรรมหรือไม
คูมอื ครู 135
กกรระตะตนุ Eนุ nคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สสาํ าํ รรEวxวpจจloคคrนeน หหาา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
Engage Explore
กระตนุ ความสนใจ Engage
ครตู ง้ั คําถามกระตนุ ความสนใจของนักเรยี น ดังนน้ั การทา� ความเขา้ ใจในกระบวนการแกป้ ัญหาและการตดั สินใจ จึงเป็นส่ิงท่มี คี วามจา� เป็น
โดยใหน ักเรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ ไดอ ยาง เป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้เพื่อเป็นการลดความเส่ียงของการตัดสินใจที่ผิดพลาด สามารถตัดสินใจได้ทัน
อิสระ เวลา และสง่ ผลกระทบตอ่ บคุ คลต่างๆ ทีเ่ กีย่ วขอ้ งนอ้ ยทส่ี ดุ
การแกป้ ญั หาเปน็ กระบวนการของความพยายามทบี่ คุ คลรว่ มกนั พจิ ารณาอยา่ งสขุ มุ รอบคอบ
• นักเรียนคดิ วา แนวทางแกไขปญหาการใช เพอ่ื หาวธิ กี ารแกป้ ญั หาอปุ สรรคตา่ งๆ จนทา� ใหก้ ารดา� เนนิ การบรรลเุ ปา้ หมายทต่ี อ้ งการ โดยทวั่ ไป
ความรุนแรงดงั ทก่ี ลาวมาแลว มีวิธอี ื่นใดอกี แลว้ กระบวนการแก้ปญั หาจะมีด้วยกันทง้ั หมด ๖ ขน้ั ตอน ดังต่อไปนี้
ทสี่ ามารถชว ยลดปญ หาความรนุ แรงเหลา นนั้ ได
(แนวตอบ นกั เรยี นสามารถแสดงความคดิ เหน็ ๑ จําแนกแยกแยะปญหาหรอื เปาหมาย เปนการกาํ หนดปญหาขึน้ มาดว ยการต้งั คําถาม เพื่อคนหา
ไดอ ยา งอสิ ระ โดยอาจตอบวา การจดั กจิ กรรม
ปอ งกันความเส่ยี งตอการใชความรนุ แรง ปญหา จากนั้นจะทําการแบงแยกประเภทเพื่อทราบถึงความจําเปนและความสําคัญของปญหา
เชน การทํากจิ กรรมเพื่อประโยชนของ แตล ะประเภท
สว นรวม การรณรงคต อตา นการใช
ความรนุ แรง เปน ตน) ๒ กการํ หะทนําดไทดาโ งดเยลจอื ะกเขรอ่มิ งจกาากรกแากรป รญ ะดหมาสเปมนอกง1เาพรร่ือะหบาแุแนนววททาางงทตเี่ าปงน ๆไปจไาดกท นใี่ ชั้นใจนะกทาาํ รกแากรป จญ ดั หหามวซดงึ่ สหามมู าเพรถือ่
• เพราะเหตใุ ด การจัดกจิ กรรมเพ่ือปองกัน ใหงา ยตอการเลือกแนวทางแกปญ หาในขน้ั ตอนตอ ๆ ไป
ความเสี่ยงตอการใชความรนุ แรงจึงสามารถ
ชว ยลดพฤติกรรมความรุนแรงได ๓ จัดตั้งวัตถุประสงค เปนการกําหนดวัตถุประสงคของบรรทัดฐานท่ีจะใชในการแกปญหา โดยมี
(แนวตอบ เพราะจะชวยสง เสริมใหบ ุคคลตา งๆ
ไดต ระหนกั ถึงการแกป ญ หาที่ถกู วิธี โดย ลักษณะของบรรทัดฐานสองลักษณะคือ บรรทัดฐานสําคัญในการแกปญหา และบรรทัดฐานท่ี
หลีกเล่ยี งการใชความรุนแรง ใชเ วลาวาง ตองการ
ใหเ กิดประโยชน และรจู ักการปรับตัวใหเ ขา
กับผอู นื่ ) ๔ ตัดสินใจเลือกแนวทางการแกปญหาที่เหมาะสมกับบรรทัดฐานมากที่สุด เปนการตัดสินใจเลือก
สาํ รวจคน หา Explore แนวทางที่เหมาะสมท่ีสุดในการแกปญหา โดยมีความสอดคลองกับบรรทัดฐานที่มี ซึ่งการเลือก
แนวทางในแกปญหาน้ันบางครั้งแนวทางที่ดีอาจจะไมไดรับเลือก เพราะไมสอดคลองกับ
ใหนักเรยี นศกึ ษาเร่ือง การจัดกิจกรรมปองกัน วตั ถุประสงค
ความเสี่ยงตอ การใชค วามรุนแรง จากหนงั สือเรียน
และแหลงเรยี นรอู ืน่ ๆ เพมิ่ เตมิ ๕ ดาํ เนนิ การแกป ญ หา จะดาํ เนนิ การหลงั จากเลอื กแนวทางในการแกป ญ หาแลว โดยการดาํ เนนิ การ
แกป ญ หาน้นั จะตอ งมกี ารควบคมุ ใหก ารดาํ เนินการเปนไปตามแนวทางท่ีไดเ ลอื กข้ึนมา
๖ ประเมินผลการแกปญหา เปนการติดตามการดําเนินการท่ีเลือกข้ึนดวยการประเมินผล โดยการ
ประเมนิ ผลนนั้ จะชว ยใหท ราบถงึ สมั ฤทธผ์ิ ลทเ่ี กดิ ขนึ้ จากการดาํ เนนิ การ นอกจากนยี้ งั ใชเ ปน ขอ มลู
ในการกําหนดแนวทางแกปญหาในครง้ั ตอ ไป
๔. การจดั กจิ กรรมปอ งกนั ความเสยี่ งตอ การใชค วามรนุ แรง
ความรนุ แรงท่เี กดิ ขึ้นในครอบครวั โรงเรียน และสงั คม เป็นปัญหาทส่ี ามารถเกิดขึ้นไดก้ ับเรา
ทกุ คน โดยอาจจะกอ่ ใหเ้ กดิ การใชก้ �าลังทา� รา้ ยกนั ซ่งึ จะนา� ไปสกู่ ารบาดเจบ็ และความสญู เสยี ทาง
สขุ ภาพหรอื ถงึ แกช่ วี ติ ได ้ ดงั นน้ั เราจงึ ควรรจู้ กั การปอ้ งกนั ความเสยี่ งตอ่ การใชค้ วามรนุ แรงดว้ ยการ
ทา� กจิ กรรมตา่ งๆ ดงั นี้
1๓๖
นกั เรยี นควรรู กจิ กรรมสรา งเสรมิ
1 การระดมสมอง (Brainstorming) เปน เทคนคิ ทสี่ นบั สนนุ ใหแ สดงความคดิ เหน็ ใหน ักเรยี นยกตวั อยา งการจัดกจิ กรรมปอ งกนั ความเสี่ยงตอ
เกย่ี วกบั ปญ หา โดยไมม กี ารประเมินวาความคิดเหน็ ของใครดีหรือไมด ี ความคิด การใชความรุนแรงมาอยางนอย 10 กิจกรรม โดยเขียนสรุปลงใน
เหน็ ของทกุ คนจะถูกรวบรวมและนําเสนอใหส มาชิกทุกคนไดร ับทราบ พรอ มท้ัง กระดาษรายงาน
สนบั สนุนใหสมาชกิ เสนอความคดิ เห็นตอเติมหรอื เสรมิ ของกนั และกันได การระดม
สมองถอื วาเปน วิธแี รกที่เปน เครอื่ งมือท่ชี วยลดการขดั ขวาง และสนับสนุนการแสดง กิจกรรมทาทาย
ความคิดเหน็ ของสมาชกิ คนใดคนหน่ึง โดยจะมีวธิ สี นบั สนุนใหสมาชิกทกุ คนไดม ี
โอกาสตอบ หรือแสดงความคดิ เห็นอยา งส้นั ๆ นอกจากน้ีการระดมสมองยังเปน ใหน ักเรียนจดั กจิ กรรมปองกนั ความเสีย่ งตอการใชความรนุ แรง
สว นหนึ่งในสรา งความสําเรจ็ ได อยา งไรกต็ ามการขดั ขวางการแสดงความคดิ เห็น มา 1 กิจกรรม โดยใหเขยี นโครงรา งของกจิ กรรมมาพอสังเขป
ของการระดมสมองจะเกิดขน้ึ ได ถา หากการเสนอหรือริเร่ิมความคิดเหน็ เปนการ ประกอบดวย รปู แบบกจิ กรรม การดาํ เนนิ งาน และประโยชนท่ี
เผชญิ หนาระหวางกนั และกันดว ยอารมณ คาดวาจะไดรับ
136 คูมอื ครู
กระตนุ ความสนใจ สาํ รวจคนหา ออธธบิ ิบEาาxยยplคคaวiวnาามมรรู ู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
Explain Expand Explain
อธบิ ายความรู
4.1 การจดั กิจกรรมป้องกนั ความเส่ยี งตอ่ การใชค้ วามรุนแรงใน ใหนักเรยี นรวมกันสรุปสาระสาํ คญั เรอ่ื ง การ
ครอบครวั จัดกิจกรรมปอ งกันความเส่ยี งตอ การใชความ
รนุ แรง เพอ่ื ตรวจสอบความรคู วามเขา ใจของ
การทจี่ ะทา� ใหค้ รอบครวั มคี วามสขุ มคี วามรกั ความเขา้ ใจกนั และปราศจากการใชค้ วาม นกั เรยี น โดยครชู ว ยเสนอแนะเพม่ิ เตมิ เพือ่ ใหไ ด
รุนแรง ครอบครัวจะตอ้ งมีการท�ากิจกรรมร่วมกนั เพอ่ื สรา้ งสมั พันธภาพทด่ี ตี อ่ กันระหวา่ งสมาชิก ขอ สรุปที่ถกู ตอ งรวมกัน จากน้นั ใหน ักเรยี นทาํ
ในครอบครวั โดยกิจกรรม มีดังนี้ ใบงานจากแผนการสอน ใบงานที่ 7.2
๑. รบั ประทานอาหารรว่ มกนั อาจใช้เวลาชว่ งมอื้ เย็นในวนั หยุด เนือ่ งจากสมาชกิ อยู่
พรอ้ มหน้ากัน ✓ ใบงาน แบบวัดฯ แบบฝก ฯ
๒. หาเวลาพักผอ่ น หรอื ไปเทีย่ วรว่ มกนั อย่างนอ้ ยสปั ดาห์ละ ๑ ครัง้ สขุ ศึกษา ม.4 ใบงานท่ี 7.2
๓. ทา� กจิ กรรมต่างๆ รว่ มกนั เช่น ดโู ทรทัศน์ ออกกา� ลงั กาย ปลูกต้นไม ้ เป็นตน้ หนว ยท่ี 7 ความรนุ แรงในสงั คม
4.2 การจัดกิจกรรมปอ้ งกนั ความเสยี่ งตอ่ การใชค้ วามรุนแรงใน ก 2กก 7ก ก
โรงเรียน
โรงเรียนเป็นสถานท่ีรองรับปัญหาต่างๆ ซึ่งในการสร้างพ้ืนที่แห่งนี้ให้เป็นพ้ืนท่ีของ
ความสุข จงึ นา่ จะเปน็ เป้าหมายรว่ มกันของคนในสงั คม ดงั นั้นผทู้ ี่เกี่ยวขอ้ งในโรงเรียนสามารถจัด
กิจกรรมป้องกนั ความเสี่ยงต่อการใชค้ วามรุนแรงใหก้ ับนักเรยี น ดังน้ี
๑. โรงเรยี นควรจดั ระบบดแู ลชว่ ยเหลอื นกั เรยี นใหเ้ ขม้ แขง็ โดยเพม่ิ การมสี ว่ นรว่ มของ . กก ก ก
ชุมชน และผู้ปกครอง
๒. จัดกิจกรรมในชั้นเรียน โดยครูอาจยกกรณีตัวอย่างการใช้ความรุนแรงที่เป็น
เหตกุ ารณส์ มมต ิ หรอื เปน็ เรอ่ื งทเี่ กดิ ขนึ้ จรงิ นา� มาเลา่ ใหน้ กั เรยี นฟงั แลว้ ใหน้ กั เรยี นอภปิ รายรว่ มกนั ก ก ก
ตลอดจนการนา� เรอื่ งราวดงั กลา่ วมาสรา้ งเปน็ ละคร โดยอาจใหน้ กั เรยี นแสดงบทบาทสมมตพิ รอ้ มทง้ั
เสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาการใช้ความรนุ แรง 1. กก ก
4.๓ การจัดกิจกรรมป้องกนั ความเสยี่ งต่อการใช้ความรนุ แรงใน ก ก
สังคม
ก ก ก
2. กก ก กก ก
กก
ก กก ก
ก ก ก
3. กก ก
ก ก ก ก ก
ก
4. กกก ก ก ก
ก กกก ก ก
กก
5. ก ก ก
ก ก ก กก ก
ก ก กก ก
สังคมไทยในปัจจุบันนับวันจะยิ่งเกิดปัญหาการใช้ความรุนแรงมากขึ้น ดังนั้นเพ่ือให้ 253
ก.4
สังคมของเราสงบสุข มีความเอ้ืออาทร เห็นอกเห็นใจกัน จะต้องมีการจัดกิจกรรมป้องกันความ
เสยี่ งตอ่ การใชค้ วามรุนแรง ดังน้ี
๑. มกี ารรวมกลมุ่ กนั ระหวา่ งคนในชมุ ชน หากพบเหน็ ผทู้ อี่ าจมกี ารใชค้ วามรนุ แรง ให้
แจ้งเหตุแกเ่ จ้าหนา้ ที่ตา� รวจ หรอื ผูท้ ่ีเก่ียวข้องให้รบั ทราบ เพ่อื ด�าเนินการแกไ้ ขต่อไป
๒. จัดกิจกรรมเพ่ือสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคลในชุมชน เช่น การแข่งขัน
กีฬา การท�าประโยชน์เพ่ือส่วนรวม การร่วมกันผลิตสินค้าท่ีเป็นผลิตภัณฑ์ท้องถ่ินของตน เพื่อ
เปน็ การสร้างรายไดใ้ ห้กบั ชุมชน เป็นตน้
1๓7
ขอสอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู
เพราะเหตุใดการปอ งกันปญ หาการใชค วามรุนแรงจึงควรปลูกฝงตง้ั แต ครคู วรปลกู ฝง คา นยิ มท่ีจะนาํ ไปสูก ารปอ งกันปญ หาความรุนแรงในครอบครวั
วัยเด็ก และสงั คมใหกับนักเรยี น เพราะเปน สงิ่ สําคัญที่นกั เรียนควรจะตองเรียนรูและเขาใจ
แนวตอบ เพราะเปน วยั แหง การเรมิ่ ตน วยั แหง การเรยี นรู วยั แหง การพฒั นา เชน ผูชายและผูห ญงิ มสี ทิ ธเิ ทา เทียมกนั ภรรยาควรไดรบั เกียรติและการยกยองใน
บคุ ลิกลักษณะ และอารมณข องตนเอง ดังนน้ั พอ แมผูปกครองจงึ ควรเปน ฐานะภรรยาของสามี การสรางสัมพันธภาพทด่ี รี ะหวา งพอแมและลูก เปนตน
แบบอยา งทด่ี ีใหก ับลกู ไมใ ชความรุนแรงในการจัดการกับปญ หา แตค วรใช
การพดู คยุ ทงั้ นีเ้ พื่อเดก็ จะไดเหน็ แนวทางแกปญ หาทถ่ี ูกตองโดยไมใชค วาม มมุ IT
รนุ แรง
ศกึ ษาเพมิ่ เตมิ เกยี่ วกบั การปองกันปญหาการใชความรนุ แรง จากบทความ
“รไู วใชวา : วิธีปองกนั ตัวเองเม่ือเจอความรุนแรง” ไดจ าก www.thaihealth.or.th/
node/14452
คูมือครู 137
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคน หา อธบิ ายความรู ขขยยาายยEคคxpววaาาnมมdเเขขาาใจใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Evaluate
Engage Expand Expand
ขยายความเขา ใจ
ใหน กั เรยี นศึกษาเพิ่มเติมเร่ือง การแกไ ข เสริมสาระ
ปญ หาความรนุ แรงในครอบครวั จากเสริมสาระ
จากน้ันใหนกั เรียนรว มกนั สรปุ สาระสําคญั โดย การแกไ ขปญ หา ความรนุ แรงในครอบครัว
ครรู วมเสนอแนะ และต้งั คําถามเพ่อื ขยายความ
เขา ใจของนักเรยี น พระเจา หลานเธอ พระองคเ จา พชั รกติ ยิ าภาประทานแนวทางในการ
แกไ ขความรนุ แรงในครอบครวั ๔ ประการ คือ
• แนวทางในการแกไขปญหาความรุนแรงใน
ครอบครวั ของพระเจาหลานเธอ พระองค ๑. มาตรการตามนโยบาย โดยมหี นว ยงานหลกั ทก่ี าํ หนดผลักดัน
เจา พชั รกติ ยิ าภา ไดก าํ หนดมาตรการใดบา ง รวมมอื รว มใจระหวา ง กลไกไปสูก ารปฏบิ ัติ กาํ หนดแผนงาน
เพื่อเปนแนวทางในการแกไ ขปญหา หนวยงานหลายหนวยงาน และการปอ งกนั ไปสูก ารแกไ ขหรอื คล่ีคลาย
(แนวตอบ ไดแ ก มาตรการตามนโยบาย รว มมอื ปญหาหรอื แมแตแทรกแซงเพือ่ ชว ยเหลอื
รว มใจระหวางหนว ยงานหลายหนว ยงาน คุม ครองฟนฟใู หบุคคลกลับเขา สูสังคมโดยปกติ
มาตรการทางกฎหมาย มาตรการทางการ รวมทงั้ มแี ผนและกลไกควบคมุ ดแู ลและปฏบิ ัติดวย
แพทย และมาตรการทางสังคม)
๒. มาตรการทางกฎหมาย เตรียมความพรอมที่จะนาํ กฎหมายไปสกู ารปฏิบัติ เพ่ือให
ขสอองดผคูกลรอะงทกําับคสวถาามนผกิดารรณวปมจทจ้ังุบคันุมคมรอีกงาสริทพธัฒิมนนาุษเพยชื่อนป1ตรับอเเดป็กลแ่ียลนะพหฤญติงิกทรรี่จมะ
ตกเปนเหย่ือความรุนแรง
๓. มาตรการทางการแพทย สาธารณสุขและสังคมสงเคราะหตองดําเนินการควบคูกันกับมาตรการอ่ืน
เพอ่ื ตรวจรกั ษาและบาํ บดั ฟน ฟรู า งกายและจติ ใจตอ 2ผกู ระทาํ และผถู กู กระทาํ
ในครอบครัว รวมท้ังใหคําแนะนาํ ปรึกษาจิตแพทย นักจติ วทิ ยา นักสงั คม
สงเคราะห ทง้ั ชวยเหลอื เหย่อื และการบริการตา งๆ
๔. มาตรการทางสงั คม หนว ยงานและองคก รทเ่ี กยี่ วขอ งจะตอ งมคี วามรว มมอื อยา งจรงิ จงั และสรา ง
การมสี ว นรว มความเขม แขง็ แกเ ครอื ขา ยองคก ร ทงั้ ในชมุ ชน ระดบั สถานศกึ ษา
ระดับประเทศ ในการดูแลเฝาระวังชวยเหลือคุมครอง ฟนฟูสถานภาพ
รา งกายของเดก็ และสตรที ตี่ กเปน เหยอื่ ของความรนุ แรง โดยการประสานงาน
การรณรงค สรา งความตระหนกั ตอผลกระทบที่เกดิ ข้ึน
ที่มาขอมลู : ดดั แปลงจาก www.thaihealth.or.th/node/4810
สรุป
ความรนุ แรงในสงั คมทเี่ กดิ ขนึ้ ทง้ั ในครอบครวั โรงเรยี น และสงั คมอนื่ ๆ เปน ปญ หาทสี่ ามารถ
เกดิ ขนึ้ ไดก บั เราทกุ คน ซง่ึ มผี ลกระทบตอ ชวี ติ ความเปน อยู ทง้ั สขุ ภาพกายและสขุ ภาพจติ การทจ่ี ะ
ปองกันและแกปญหาดังกลาว จําเปนอยางย่ิงที่ตองรวมมือกัน ไมวาจะเปนบุคคลในครอบครัว
บุคคลในโรงเรียน และบคุ คลในสังคมทกุ ระดบั ทง้ั น้ีนกั เรียนควรเรมิ่ จากตวั เราเองกอ น ในการลด
ความเสยี่ งของการเกดิ พฤตกิ รรมรนุ แรง รวมทงั้ รเู ทา ทนั สถานการณเ สย่ี งทจี่ ะนาํ ไปสคู วามรนุ แรง
ในรูปแบบตา งๆ ดวยการใชทักษะชีวิตในการตัดสนิ ใจ การแกป ญหา และการเลอื กปฏิบตั ิกจิ กรรม
ตางๆ เพ่อื จะไดส ามารถดาํ รงตนไดอ ยา งมคี วามสุขและปลอดภัย
1๓๘
นกั เรยี นควรรู ขอสอบ O-NET
ขอ สอบป ’50 ออกเกยี่ วกับแนวทางการแกไขปญ หาความรนุ แรงใน
1 สิทธิมนุษยชน สิทธทิ ตี่ ิดตวั มนษุ ยม าตัง้ แตก าํ เนิด ซงึ่ ไมสามารถใหก ับผหู นึง่ ครอบครวั
ผูใ ดได สิทธิดงั กลา วนม้ี คี วามเปน สากลและเปน นิรนั ดร การสอนเด็กใหเ ปนผูใ หญทไี่ มนิยมใชความรนุ แรงในการ
2 จิตแพทย เปนแพทยผ เู ชีย่ วชาญในดานจิตเวชศาสตรและไดรับการรบั รอง แกป ญ หาสามารถทําไดอยา งไร
ใหท ําการรกั ษาความผดิ ปกติทางจิต โดยจิตแพทยทกุ คนจะถูกฝกใหวินิจฉัยโรค 1. พอ แมตอ งพดู สอนใหลูกรูจักการแกปญ หาดว ยการมีสติ
และจิตบาํ บดั ของผูป ว ย และสามารถจา ยยาเพือ่ รกั ษาอาการทางจติ ของผปู ว ยได 2. พอแมและลูกตอ งไมเคยเกิดปญหาความขดั แยงระหวางกัน
3. ครอบครวั ตอ งไมใ ชค าํ พดู รนุ แรงหรอื ใชก าํ ลงั ในการแกป ญ หา
138 คูมือครู 4. พอแมต องยกตวั อยา งการแกปญ หาความขัดแยง ท่ถี ูกตอ ง
ใหเ ด็กเขาใจ
วเิ คราะหค าํ ตอบ การท่ีจะสอนใหเด็กไมใ ชความรนุ แรงในการ
แกไ ขปญหานนั้ พอแมห รอื บุคคลในครอบครวั จะตอ งไมเ ลยี้ งดลู กู
แบบเขม งวดหรือควบคุมลกู มากเกนิ ไป และไมใ ชค าํ พดู ท่รี นุ แรง
หรือใชก ําลงั ในการแกป ญ หา เพราะจะสง ผลใหล กู มีความเกบ็ กด
และระบายอารมณอ อกมาในลักษณะของการแสดงพฤติกรรม
ความรนุ แรง ตอบขอ 3.
กระตุน ความสนใจ สาํ รวจคนหา อธบิ ายความรู ขยายความเขา ใจ ตตรรวEวvจจaสสluออaบtบeผผลล
Engage Explore Explain
Expand Evaluate
ตรวจสอบผล Evaluate
¤Òí ¶ÒÁ»ÃШÓ˹‹Ç¡ÒÃàÃÂÕ ¹ÃÙŒ 1. การทาํ โครงงานเรื่อง การลดปญ หาการใช
ความรนุ แรงในสงั คม
๑ จงวเิ คราะห์วา่ ปญั หาความรนุ แรงในครอบครวั ปัญหาใดท่ีมีผลกระทบตอ่ ครอบครัวมากทีส่ ุด อธิบาย
มาพอสังเขป 2. การทําปายรณรงคป องกนั ความเสีย่ งตอการใช
ความรุนแรง
๒ หากนักเรียนพบเห็นเพ่ือนของนักเรียนก�าลังทะเลาะกัน นักเรียนจะแก้ปัญหาดังกล่าวได้อย่างไรบ้าง
เพอื่ ไม่ใหน้ า� ไปสกู่ ารใชค้ วามรนุ แรง หลักฐานแสดงผลการเรยี นรู
๓ ยกตวั อยา่ งความรนุ แรงในสังคมท่ีนกั เรยี นพบเห็นไดบ้ อ่ ยมา ๑ ตัวอย่าง จากนั้นวเิ คราะห์วา่ ปญั หา 1. โครงงานเรื่อง การลดปญ หาการใชความรุนแรง
ดังกล่าวเกดิ มาจากสาเหตใุ ด ในสังคม
๔ กิจกรรมป้องกันความเส่ียงต่อการใช้ความรุนแรงมีความส�าคัญอย่างไร และให้ยกตัวอย่างกิจกรรม 2. ปา ยรณรงคปองกนั ความเสย่ี งตอการใช
ดังกล่าวมาอยา่ งน้อย ๒ ตวั อยา่ ง พรอ้ มทั้งวิเคราะหว์ า่ กิจกรรมน้นั ก่อใหเ้ กดิ ผลดีอยา่ งไร ความรนุ แรง
๕ ยกตัวอย่างพฤตกิ รรมเส่ียงและสถานการณเ์ สี่ยงตอ่ ความรนุ แรงมา ๑ ตัวอย่าง แลว้ ชว่ ยกันวิเคราะห์
ผลกระทบท่กี ่อให้เกดิ ความรุนแรง
กจิ ก๑รรมที่ ¡Ô¨¡ÃÃÁ
ÊÃÒŒ §ÊÃä¾²Ñ ¹Ò¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ
กรณีศกึ ษา : นกั เรยี นอา่ นบทความเรือ่ ง “ความรนุ แรงในครอบครัว : เรอ่ื ง
สว่ นตวั หรอื ปญั หาสงั คม” จากนน้ั แบง่ กลมุ่ กลมุ่ ละ ๔-๖ คน เพอ่ื อภปิ รายแสดง
ความคดิ เหน็ ในประเดน็ “ความรนุ แรงในครอบครวั ปญั หาของใคร” แลว้ นา� เสนอ
ผลการอภปิ รายของกลมุ่ หนา้ ชนั้ เรียน
กรณีศกึ ษา
ความรนุ แรงในครอบครัว : เรอื่ งสวนตวั หรอื ปญ หาสงั คม
สถานการณของความรุนแรง
การท�าร้ายร่างกายมีเป็นประจ�า อายุของผู้เคราะห์ร้ายอยู่ระหว่าง
๔-๑๕ ป ผู้หญงิ ที่เคยแตง่ งานและมฐี านะเปน็ ภรรยาถูกท�าร้ายขณะตั้งครรภ์
มีอย่จู �านวนหนง่ึ
การท�าร้ายน้ันมีความรุนแรงมาก นอกจากนี้ที่น่ากลัวก็คือร้อยละ ๒๐
ของผู้ถูกท�าร้ายน้ันก�าลังต้ังครรภ์อยู่ด้วย จากการได้ใกล้ชิดกับผู้หญิงท่ีถูก
ท�าร้ายโดยสามีและที่ไม่ใช่สามี พบว่าส่วนใหญ่ระบุตรงกันว่า กระบวนการ
ยตุ ิธรรมไมไ่ ดช้ ่วยเหลือให้พวกเธอได้รับความยตุ ธิ รรมมากข้ึน แตก่ ลบั ทา� ให้
มืดมนและเจบ็ ปวดยงิ่ กวา่ เดิม (หนงั สอื พิมพผ์ ูจ้ ัดการ, ๑๓ มิถุนายน ๒๕๔๕)
เม่ือครอบครัวเปน็ แปลงเพาะเมล็ดของความรุนแรง
1๓๙
แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู
1. ปญ หาการทํารา ยรา งกายบุคคลในครอบครวั เนื่องจากเปนการทํารายโดยการใชก ําลงั เชน ตบ ตี เตะ ตอ ย เปนตน รวมถงึ การใชอ าวธุ หรือส่งิ ใดสง่ิ หนงึ่ จนไดร บั
บาดเจบ็ หรอื เสยี ชีวิต ซ่งึ การกระทาํ ดงั กลาวเปน การแกไ ขปญ หาดวยการใชกาํ ลัง จึงทาํ ใหปญ หาครอบครัวไมส้นิ สดุ หรือย่งิ ทวีความรุนแรงมากยง่ิ ข้ึน
2. ควรรบี บอกครูหรืออาจารยใหทา นทราบ เพราะทานจะมีวธิ ใี นการแกไ ขปญ หาทีถ่ กู ตอ ง ทัง้ น้เี พ่อื ใหป ญ หาเหลา นัน้ สามารถคลีค่ ลายลงไปไดโ ดยไมก อใหเกิดความ
รนุ แรงมากย่ิงขน้ึ
3. ปญหาการกออาชญากรรมตางๆ เชน การปลน -จี้ ชิงทรัพย การฆาตกรรม เปนตน ซึ่งอาจมสี าเหตุมาจากการมีพฤตกิ รรมเส่ียงในเรื่องของการเสพสารเสพติด
การเลน การพนนั เนื่องจากสง่ิ เหลา น้อี าจกอ ใหเ กดิ การใชค วามรนุ แรงได และยงั สงผลกระทบตอผอู ่นื ในสังคมและประเทศชาติ
4. เปน กิจกรรมทีช่ วยขจดั ปญ หาการใชความรนุ แรง และเพื่อสรา งสัมพนั ธภาพท่ีดีตอกนั เชน กจิ กรรมการรบั ประทานอาหารมือ้ เยน็ รว มกนั กบั สมาชิกในครอบครวั
ซงึ่ จะกอ ใหเกดิ ผลดี คอื จะทําใหครอบครวั มคี วามสุข มคี วามรกั ความเขา ใจกัน สามารถสรา งสัมพันธภาพท่ดี ตี อกันระหวางสมาชิกในครอบครวั ได กจิ กรรมการ
แขงขันกฬี าภายในชมุ ชน กอใหเกิดผลดี คอื สามารถชวยสรางความสัมพันธอันดรี ะหวางบคุ คลในชุมชนใหมีความรกั ความสามัคคตี อกัน เปนตน
5. เชน การทะเลาะวิวาท กอ ใหเ กดิ ผลกระทบ ดงั น้ี สงผลใหบ คุ คลรอบขางพลอยไดรับผลกระทบไปดวย อาจถกู ลงโทษ หรือดาํ เนินคดีตามกฎหมายตง้ั แตอ ายุยงั นอย
และสง ผลใหเปนคนหวาดระแวง เพราะคิดวาผูอ ืน่ เปน ศัตรกู บั ตนอยตู ลอดเวลา
คมู ือครู 139
กระตนุ ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขา ใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
กจิ ก๒รรมท่ี ตามความเขา้ ใจเดมิ เราอาจคดิ วา่ ความรนุ แรงในครอบครวั นนั้ จะเกดิ กบั
กจิ ก๓รรมที่ บคุ คลทก่ี ารศกึ ษานอ้ ย อยใู่ นสภาพแวดลอ้ มทแี่ ออดั แตแ่ ทจ้ รงิ แลว้ เหตกุ ารณ์
เช่นน้ี อาจเกิดข้ึนกับใครก็ได้ อาจเกิดข้ึนกับบุคคลที่มีการศึกษาสูง มีทั้งที่
ส�าเรจ็ การศึกษาจากต่างประเทศ สิ่งทีพ่ บคล้ายๆ กนั คือ ผทู้ ่ใี ช้ความรนุ แรง
มพี ้ืนฐานครอบครวั ท่ใี ชค้ วามรุนแรง และมีพฤติกรรมติดการพนนั ดื่มเหล้า
และเที่ยวกลางคนื ควบคู่ไปดว้ ย
“สามมี กั ทา� รา้ ยลกู เมอื่ ลกู โตขน้ึ มพี ฤตกิ รรมดม่ื สรุ าเหมอื นพอ่ และเมอ่ื
เมาสรุ า สามีมักจะหาเร่ืองกับลูก บางคร้งั ถึงขั้นใชม้ ีดไล่ฟัน”
เหตุการณ์เหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาของสังคมท่ีมีความเชื่อมโยง
และสง่ ผลซงึ่ กนั และกนั ระหวา่ งปญั หาสงั คมตา่ งๆ ตง้ั แตเ่ รอ่ื งของสารเสพตดิ
การขายบริการทางเพศ รวมถึงวิธีคิดแบบชายเป็นใหญ่ท่ีกดให้ผู้หญิงต้อง
เผชญิ ความรนุ แรง ซงึ่ ปญั หาสงั คมเหลา่ น ้ี ไดส้ ง่ ผลมาสคู่ รอบครวั ชกั นา� ความ
รุนแรงเขา้ บ้านและมีแนวโน้มว่าจะทวคี วามรนุ แรงมากย่งิ ขนึ้
ที่มาข้อมลู : http://www.thaitopic.com/swebboard/๐๐๐๕๖.html
นักเรยี นแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ ๔ - ๕ คน ท�าโครงงานเกีย่ วกับการลดปญั หาการ
ใช้ความรุนแรงในชุมชน พร้อมแลกเปลี่ยนความรู้ท่ีได้จากการท�าโครงงาน
กบั เพื่อนตา่ งกลุม่
นกั เรียนแบง่ กลมุ่ คน้ คว้าหาขอ้ มลู ถงึ พฤติกรรมเสีย่ งและสถานการณเ์ สี่ยงตอ่
ความรุนแรงภายในชุมชน จากน้ันให้นักเรียนสรุปสาระส�าคัญแล้ววิเคราะห์
ท�าเปน็ รปู เล่มรายงานส่งครูผู้สอน
140
เกรด็ แนะครู
ครูควรใหน กั เรยี นแบงกลุม กลมุ ละ 4-5 คน รว มกนั จัดทาํ โครงงานเกยี่ วกบั
การลดปญหาการใชค วามรนุ แรงในชุมชนของนกั เรยี น โดยยกตัวอยา งวิธีการแกไข
ปญ หาการใชค วามรุนแรง แลว ใหน กั เรยี นแตละกลุม รว มกันแลกเปล่ียนความรทู ่ไี ด
จากการทําโครงงานรวมกัน ซ่งึ จะตอ งทาํ แบบประเมินแจกใหกบั เพ่อื นกลุมอน่ื ๆ
และครูผสู อน โดยประเมินจากความถกู ตองของเน้ือหา ความนา สนใจ ความพรอม
ของกลมุ และรูปแบบการนาํ เสนอ
140 คูมอื ครู
กกรระตะตนุ้ Eุ้นnคคgววaาgามeมสสนนใจใจ สา� รวจคน้ หา อธิบายความรู้ ขยายความเขา้ ใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain
Engage Expand Evaluate
เปา หมายการเรียนรู
แสดงวธิ ีการชวยฟน คนื ชีพอยางถูกวิธี
สมรรถนะของผเู รยี น
ความสามารถในการใชทักษะชีวติ
คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค
1. ใฝเ รยี นรู
2. มุงม่นั ในการทาํ งาน
3. มีจติ สาธารณะ
กระตนุ้ ความสนใจ Engage
øหนว ยการเรยี นรู อุบัติเหตุเปนสิ่งที่เกิดข้ึนไดทุกเวลา หากผูปวยไดรับการชวยเหลือลาชา ใหนกั เรยี นดภู าพหนาหนวย แลวต้ังคาํ ถาม
ไมทันการณ อาจทําใหเกิดอันตรายรายแรงหรือถึงแกชีวิตได โดยเฉพาะ กระตุน ความสนใจของนักเรยี น โดยใหน กั เรียน
กับผูปวยที่หัวใจหยุดเตน การศึกษา เรียนรู และฝกทักษะปฏิบัติในการชวย สามารถแสดงความคดิ เห็นไดอยางอสิ ระ
ฟนคืนชีพ จึงเปนสิ่งจําเปนท่ีนักเรียนควรศึกษาใหเกิดความเขาใจอยาง
ถกู วิธี และหดั ฝกปฏบิ ัตใิ หคลอ ง เพื่อจะไดน าํ ความรดู ังกลาวไปชว ยเหลอื ผอู นื่ • จากภาพนกั เรยี นคดิ วา กาํ ลงั เกดิ เหตกุ ารณใ ด
ใหปลอดภยั ไดใ นสถานการณต า งๆ • นักเรียนเคยพบเจอสถานการณฉุกเฉนิ ท่อี าจ
การชวยฟน คืนชพี เปน อันตรายถึงแกช วี ติ บางหรือไม
• หากพบเจอผูทีอ่ ยูในสถานการณท เ่ี ปน
อันตรายตอชีวติ นักเรยี นจะสามารถ
ชวยเหลอื ไดหรอื ไม
• นักเรยี นคิดวา ความรูเกย่ี วกบั ทักษะ
การชว ยฟน คืนชพี มีประโยชนอยางไร
ตัวชวี้ ัด สาระการเรยี นรูแกนกลาง
■ แสดงวิธกี ารชวยฟน คนื ชีพอยา งถูกวิธี พ ๕.๑ ม.๔-๖/๗ ■ วิธกี ารชว ยฟน คืนชพี อยา งถูกวิธี
เกร็ดแนะครู
ครูควรใหนักเรยี นไดฝ กปฏิบัตกิ ารชว ยฟน คนื ชพี ในรปู แบบตา งๆ ตลอด
หนวยการเรียนรนู ้ี เนอ่ื งจากการฝก ปฏิบัติการชว ยฟน คืนชีพ เปนสิ่งสําคญั
ทนี่ ักเรยี นควรจะไดเรยี นรูและมที ักษะ เพอ่ื นําไปใชในชีวติ ประจําวันในการ
ปฐมพยาบาลชว ยเหลือผูป วยท่ไี ดร ับบาดเจบ็ ใหม ชี วี ติ รอดปลอดภัยจาก
สถานการณต า งๆ ได
ค่มู ือครู 141