The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ศิลปะอิสลามสุนทรียะเสน่ห์ และแรงบันดาลใจ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sukrattajit.asu, 2022-10-31 22:22:20

ศิลปะอิสลามสุนทรียะเสน่ห์ และแรงบันดาลใจ

ศิลปะอิสลามสุนทรียะเสน่ห์ และแรงบันดาลใจ

Keywords: ISLAMIC ART

บทที่ 2
ประวตั ิศาสตรศ์ ลิ ปะอิสลาม

The Abbasid’s House The round city of Baghdad in
of Wisdom in Baghdad the 10th century at the time
by Subhi Al-Azzawi of House of Wisdom
Illustration by Jean Soutif
/Science Photo Library

51

บทที่ 2
ประวตั ศิ าสตรศ์ ิลปะอิสลาม

โอมาร์ คัยยาม (Omar Khayyam) กวีชาว
เปอรเ์ ซยี นพิ นธว์ รรณกรรมทมี่ ชี อื่ เสยี ง “รไุ บยาต(Rubaiyat)”
อีกท้ังยังเป็นนักคณิตศาสตร์ นักดาราศาสตร์ ท่านได้
ดำ� เนนิ การแกไ้ ขปรบั ปรงุ ปฏทิ นิ รวมถงึ ไดศ้ กึ ษาความรขู้ อง
กรกี และพัฒนาการศึกษารูปเรขาคณติ

อัล ควาริซมี (AlKhrarizmi) ได้พัฒนาระบบ
ตัวเลข โดยน�ำระบบตัวเลขจากนักวิชาการชาวอินเดียมา
พัฒนา เรียกว่า ระบบตัวเลขอะราบิก ซ่ึงก็คือตัวเลขท่ีใช้
ในปจั จุบัน นอกจากน้ียังได้พฒั นาคณติ ศาตร์ดา้ นพีชคณิต
และตรีโกณมติ ิ

อัล ราชี (AlRazi) ชาวเปอร์เซีย ได้พัฒนาการ
ศึกษาแพทย์โดยการระบุโรค

อบิ ชีนา (Ibn Sina) ไดเ้ ขียนคมั ภรี ์แพทย์ และจดั
ระเบียบความรูท้ างการแพทย์

อบุลวาฟะอ์ อัลบุซะญานีย์ นักคณิตศาสตร์
และนักดาราศาสตร์ ผู้ให้ก�ำเนิดรากฐานแห่งอัตลักษณ์
ศิลปะอิสลาม ผู้ค้นพบระบบโครงสร้างศิลปะอิสลาม
เรขาคณติ และในยคุ นเี้ องลวดลายประดบั รวมไปถงึ รปู แบบ
งานหัตถศิลป์ของช่างอับบาซียะฮ์ (เปอร์เซียยุคต้น)
กระจายความเจรญิ ออกไปทว่ั อาณาจักรอิสลาม จนกระทั่ง
อาณาจักรถูกรุกรานจากชาวมองโกล โดยผู้น�ำเจงกิสข่าน
ท�ำให้ยคุ สมยั ราชวงศ ์ อับบาซียะฮจ์ บลง และแตกออกเป็น
แคว้นเล็กๆ ต่อมา

52

บทท่ี 2
ประวตั ศิ าสตร์ศลิ ปะอสิ ลาม

กล่าวได้วา่ ศิลปะตง้ั แต่ยคุ อุมัยยะฮ์ เป็นยคุ กอ่ รา่ ง
สร้างรูปแบบอยู่ โดยศิลปกรรมและเทคนิคได้รับมาจาก
วัฒนธรรมของชาวกรีก-โรมัน และไบเซนไทน์ ผสมผสาน
เขา้ กบั ศลิ ปะเปอรเ์ ซยี จนมกี ารพฒั นาเรอื่ ยมา เกดิ เปน็ ความ
โดดเด่นและเอกลักษณ์ในรูปแบบลวดลาย คือการน�ำเอา
โครงสร้างทางเรขาคณิตแบบ Islamic Geometry เข้ามา
จัดระบบโครงสร้างลวดลาย ผสมผสานกับหลกั แนวคดิ ของ
ศาสนาอสิ ลาม ทำ� ให้ในยคุ สมัยอับบาซยี ะฮ์ เปน็ เหมอื นกบั
รากฐานตน้ แบบของศลิ ปะอสิ ลาม

Science and Technology
in the Golden Age of
Muslim World

53

บทท่ี 2
ประวตั ิศาสตรศ์ ิลปะอสิ ลาม
ใช้เวลาก่อสร้างนาน 4 ปี เป็นมัสยิดที่มีขนาด
มสั ยดิ ซะมัรรอ ใหญ่มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีจุดเด่นอยู่ท่ีหออะซาน
(Great mosque ทรงกรวย รปู กน้ หอย มบี นั ไดเวยี นเปน็ เกลยี วขนึ้ สดู่ า้ นบน
of samarra) ถัดจากหออะซานเป็นลานมัสยิดที่ล้อมรอบด้วยก�ำแพง
เสาสูง 10 เมตร ยังคงมีร่องรอยของการประดับโมเสก
ซะมรั รอ ประเทศอิรกั งานแกะสลักปูนปั้น โดยใช้ลวดลายเรขาคณิต และลาย
(AD 848 / AH 234) พรรณพฤกษาอยา่ งงดงาม
บางคนกล่าวว่าหออะซานได้รับอิทธิพลจาก
Great mosque ซิกกูแรตของอารยธรรมเมโสโปเตเมีย บ้างก็กล่าวว่า
of samarra เลียนแบบมาจากหอคอยเมือง Firuzbad ของจักรวรรดิ
Abbasid, AD 848 / AH 234 ซาสซานดิ (Sassanid) ในอหิ รา่ น
Samarra, Iraq

54

บทที่ 2
ประวตั ศิ าสตร์ศลิ ปะอสิ ลาม

Folio from a Qur’an
Manuscript

Abbasid,
late 9th–early 10th century

อักษรวจิ ิตร สมัยน้ีเป็นที่มาของตัวอักษรอาหรับแบบเก่าแก่
อาหรบั แบบกูฟยี ์ ที่สุด คือ “อักษรวิจิตรอาหรับแบบกูฟีย์ (Kufic)” เป็น
(Kufic) รูปแบบการประดิษฐ์อักษรโบราณ เขียนด้วยลายมือ มี
การคาดเดาวา่ กฟู ยี ์ หรอื กฟู กิ (Kufic) มาจากคำ� วา่ “กฟู ะฮ์
(Kufa)” ชื่อเมืองหลวงของราชวงศ์อับบาซียะฮ์ เป็นท่ี
ยอมรับว่าอักษรกูฟิกมีความสง่างามเป็นพิเศษ จึงท�ำให้
ต่อมานิยมเอาอักษรวิจิตรมาออกแบบเป็นลวดลายใน
การตกแตง่

55

บทท่ี 2
ประวตั ิศาสตร์ศลิ ปะอิสลาม

งานเครือ่ งถ้วย ในสมยั นม้ี คี วามรงุ่ เรอื งในดา้ นการตดิ ตอ่ คา้ ขาย
กบั ดนิ แดนอน่ื ทำ� ใหเ้ กดิ การผสมผสานวฒั นธรรม เครอื่ ง
ประเทศอริ กั ถ้วยจากเมืองจีนจึงเป็นของสะสมอันสูงค่าของสุลต่าน
(the 10th แห่งอับบาซียะฮ์และบรรดาชนช้ันสูงจึงเริ่มมีการผลิต
century AD) เคร่ืองถ้วยด้วยวัสดุท้องถ่ินแล้วเคลือบผิวด้วยสีขาว

เลียนแบบเซรามิกของชาวจีน
แต่ประดับด้วยอักษร
วิจิตรและลวดลาย
พรรณพฤกษา
ตามรสนิยมของ
มุสลิม

งานหนิ และปูนปั้น Cup with finger-
(Stone Masonry shaped palm leaves
and Stucco) decoration

Abbasid,
the 10th century AD
Iraq

ท่มี า Louvre Museum,
Wikimedia Commons

นยิ มสรา้ งประดบั บนสถาปตั ยกรรมดว้ ยลวดลาย
ที่ออกแบบให้เกิดการไขว้สอดให้เกิดเป็นจังหวะ มีการ
สร้างลายเส้นโค้งขดเกลียววงกลม จากซากปรักหักพังที่
หลงเหลอื อยแู่ สดงถงึ ความเชย่ี วชาญในการคำ� นวณพนื้ ที่
ว่างเพ่อื แบ่งช่องลวดลายของช่างศิลปใ์ นสมัยนั้น

กรอบดา้ นนอกนยิ มเปน็ รปู วงกลม รปู หกเหลย่ี ม
และอ่ืนๆ ส่วนด้านในนิยมสร้างลวดลายพรรณพฤกษา
ประกอบกบั เรขาคณติ ตวั อยา่ งเช่น “ประติมากรรมปูน
ปน้ั ทม่ี สั ยดิ ซะมรั รอ (Samarra Mosque)” ประเทศอริ กั

56

บทที่ 2
ประวตั ศิ าสตร์ศลิ ปะอิสลาม

Maqamat Al-Hariri

Abbasid, AD 1236
Iraq

ภาพประกอบใน มะกอมัตเป็นวรรณกรรมอาหรับที่มีช่ือเสียง
หนงั สอื เรอื่ ง ในโลกอาหรับ ประพันธ์โดย อัลฮารีรี เล่าเรื่องราวการ
มะกอมัต เดินทางและการผจญภัยของตัวเอกท่ีมีชื่อว่าอบูซาอิด
ของอลั ฮารรี ี ภาพประกอบในวรรณกรรมเป็นผลงานของอัลวาสิต ท่ี
(Maqamat โดดเดน่ ดว้ ยการจดั องคป์ ระกอบภาพทน่ี ำ� สายตาของผชู้ ม
Al-Hariri) ไปตามลำ� ดบั เหตกุ ารณใ์ นภาพ การถา่ ยทอดภาพวถิ ชี วี ติ
ของผู้คน การแสดงอารมณ์บนใบหน้า และรายละเอียด
แบกแดด ประเทศอริ ัก ของบา้ นเรอื น เส้อื ผ้า
(AD 1236)
57

FATIMID

ราชวงศฟ์ าฏมิ ียะฮ์

Fatimid

AD 909 - 1171
AH 297 - 567



บทที่ 2
ประวตั ศิ าสตรศ์ ิลปะอิสลาม

ราชวงศฟ์ าฏิมยี ะฮ์
(Fatimid)

AD 909-1171 / AH 297-567
รวมระยะเวลาทงั้ สน้ิ 262 ปี

การกอ่ ตัง้ ราชวงศ์ฟาฏมิ ียะฮ์ (Fatimid) เกดิ ขึน้ ใน
ช่วงกลางของการปกครองดินแดนอาหรับ ภายใต้ราชวงศ ์
อับบาซียะฮ์ โดยแยกตัวออกมาตั้งราชวงศ์ใหม่ท่ีตูนีเซีย
ต่อมาได้ยึดครองอียิปต์และย้ายเมืองหลวงมาที่กรุงไคโร
แทน ในชว่ งนถ้ี อื เปน็ ยคุ ทองของราชวงศฟ์ าฏมิ ยี ะฮท์ มี่ คี วาม
เข้มแข็งด้านการทหาร อีกท้ังเป็นศูนย์กลางทางศาสนา
การค้าขาย และการศึกษา
ต่อมาราชวงศ์ฟาฏิมียะฮ์เป็นศูนย์กลางการ
ศึกษาของดินแดนอาหรับในช่วงที่ส�ำคัญท่ีสุด คือการ
สร้างมหาวิทยาลัยอัลอัสฮัร (Al-Azhar University) และ
ได้รับการยกย่องว่าเป็นสถาบันการศึกษาชั้นสูง และมี
ความเก่าแก่มากท่ีสุดแห่งหนึ่งในโลกอิสลาม นอกจาก
ทางดา้ นการศึกษา มกี ารสรา้ งมสั ยดิ ขน้ึ มากมายหลายแห่ง
จนถูกเรียกว่าเป็น “นครแห่งพันหออะซาน (The City of a
Thousand Minarets)”

60

บทที่ 2
ประวัติศาสตรศ์ ลิ ปะอสิ ลาม

Minarets of Al-Azhar Mosque
61

บทที่ 2
ประวตั ิศาสตร์ศิลปะอสิ ลาม

มัสยดิ อัลอซั ฮรั
(Al-Azhar
Mosque) มัสยิดอัลอัซฮัรเป็นมัสยิดที่ได้รับการยกย่องว่า
เป็นมหาวิทยาลัยท่ีเป็นศูนย์กลางทางศิลปะวิทยาการ
กรงุ ไคโร ต่างๆ ใช้วัสดุก่อสร้างจากหลายช่วงเวลาประวัติศาสตร์
ประเทศอยี ปิ ต์ ไดแ้ ก่ อยี ิปตโ์ บราณ กรกี -โรมัน รวมถงึ ครสิ เตียนคอปตกิ
ลานกวา้ งด้านในปูดว้ ยหินออ่ นสีขาว
(AD 970) หออะซานฆูรี เป็นหออะซานท่ีมีการสร้างให้
แปลกจากหออะซานอ่ืน เป็นหอท่ีมีส่วนยอดปลายคู่ต้ัง
อยบู่ นฐานแปดเหลยี่ มสงู มกี ารตกแตง่ ดว้ ยลวดลายแกะ
สลัก รูปแบบเรขาคณิตผสมผสานกับลายพรรณพฤกษา
อยา่ งงดงาม

Al-Azhar Mosque
photo by Myousry6666

62

บทท่ี 2
ประวัติศาสตรศ์ ิลปะอิสลาม

Al-Azhar Mosque
photo by Myousry6666
63

บทท่ี 2
ประวตั ิศาสตรศ์ ิลปะอสิ ลาม

อลั กุรอ่าน The Blue Quran
สนี �ำ้ เงนิ Fatimid,
(The Blue the 9th-10th century AD
Quran) North Africa

แอฟรกิ าเหนอื เป็นคัมภีร์อัลกุรอ่านท่ีเขียนด้วยอักษรคูฟิก
(อกั ษรอาหรับเกา่ แก่) สีทอง บนแผน่ หนงั ยอ้ มคราม การ
(the 9th-10th ใช้วัสดุอันสูงค่าและเทคนิคอันประณีตบ่งบอกถึงการให้
century AD) เกียรติสูงสุดต่อพระวจนะของพระเจ้า และแสดงอ�ำนาจ
และความมง่ั คง่ั ของราชวงศฟ์ าตมิ ยี ะฮไ์ ปในขณะเดยี วกนั

64

บทที่ 2
ประวัตศิ าสตรศ์ ลิ ปะอิสลาม

เคร่อื งปั้นดนิ เผา จากการท่ีราชวงศ์ฟาฏิมียะฮ์แยกออกมาจาก
(Ceramics) ราชวงศ์อบั บาซยี ะฮ์ และตง้ั เมอื งหลวงท่กี รุงไคโร ประเทศ
อียิปต์ ท�ำให้กรุงไคโรกลายเป็นศูนย์กลางในการซ้ือขาย
Bowl with Eagle แลกเปลย่ี นสนิ คา้ เชอื่ มเสน้ ทางการคา้ จากดนิ แดนอาหรบั
Earthenware; luster-painted
ไปไกลถงึ อินเดีย ในเมืองฟสุ ฏอฏ (Fustat) ปจั จุบนั รวม
on opaque white glaze เข้ากับกรุงไคโร ในสมัยก่อนเป็นเมืองส�ำคัญ
Fatimid ในด้านการผลิตเคร่ืองปั้นดินเผาอิสลาม
โดยเฉพาะ ‘เครื่องปั้นดินเผา Earthen-
ware’ ซึ่งเคลือบด้วยน�้ำเคลือบพิเศษ
ผสมสารประเภทโลหะ ท�ำให้มีสีสัน
สวยงามและมีความมันวาว ต่อมา
เครื่องปั้นดินเผาประเภทน้ีมีการ
กระจายออกไปสู่ยุโรป จนกลาย
เป็นที่นิยมอย่างมาก ผันมาเรียก
เคร่ืองปั้นดินเผาชนิดน้ีว่า “เคร่ืองถ้วย
ลัสเตอร์ (Lusterware)”

เครื่องปั้นดินเผาสมัยน้ีนิยมภาพจิตรกรรมและ
ลวดลายจากธรรมชาติ เช่น ภาพคน หรือสัตว์ขนาดเล็ก
บริเวณขอบภาชนะนิยมใช้ลวดลายเรขาคณิต หรือลาย

พรรณพฤกษา บางครง้ั ลวดลายเรขาคณติ
จะแทรกอยู่ในตัวของภาพส่ิงมีชีวิต
ท�ำให้เหมือนเป็นการสร้างสรรค์
แบบใหม่ มีการตัดทอน การวาด
ท�ำให้ไม่ขัดต่อบทบัญญัติทาง
ศาสนา

Fragment of a Bowl Depicting a
Mounted Warrior
Ceramic; earthenware, painted in
luster on an opaque white glaze

Fatimid,11th century AD
65

บทท่ี 2
ประวัติศาสตร์ศลิ ปะอสิ ลาม

งานผ้าและ ศิลปะการแต่งกายและเส้ือผ้า นับเป็นส่ิง
เคร่ืองแต่งกาย ส�ำคัญของชาวมุสลิมนอกจากกฎระเบียบ เร่ืองการ
(Textiles) แต่งกายของศาสนาอิสลาม เช่น การปกปิดจุดพึง
สงวน หรือ ลวดลายท่ีไม่ขัดต่อข้อห้ามทางศาสนา
ล้วนเป็นสิ่งส�ำคัญของชาวมุสลิม เสื้อผ้าและ
ศิ ล ป ะ ส่ิ ง ท อ ข อ ง ช า ว มุ ส ลิ ม มี ค ว า ม ห ล า ก ห ล า ย
อย่างมากจากความแตกต่างของสภาพแวดล้อมและ
วัฒนธรรมการแต่งกายในแต่ละท้องถ่ิน รวมไปถึง
รสนิยมตามแตล่ ะยคุ สมัย และการรับส่งอิทธพิ ลระหว่าง
วัฒนธรรม ตัวอย่างเช่น ผ้าติรอซ (Tiraz) ของมุสลิมยุค
กลาง, ผ้าพิมพ์ลายของอินเดีย, ผ้าบาติกของหมู่เกาะ
อินโดนเี ซยี

Fragment of a
Tiraz-Style Textile

Fatimid,
mid-12th century AD

Egypt

66

บทที่ 2
ประวัตศิ าสตร์ศิลปะอสิ ลาม

เมยี๊ ะหร็อบไม้ ศลิ ปกรรมทโี่ ดดเดน่ ของราชวงศฟ์ าตมิ ยิ ะฮ์ ได้แก่
งานแกะสลักไม้และงาช้าง ตัวอย่างเช่น “เม๊ียะหร็อบไม้
ไคโร ในสสุ านของนางรกุ อ็ ยยะฮ์” ลูกสาวของเคาะลีฟะฮ์อะลี
ประเทศอยี ิปต์ เม๊ียะหร็อบช้ินน้ีเป็นตัวอย่างของงานแกะสลัก
ไม้ของมุสลิมช้ินแรกๆ ที่ประดับด้วยลายเรขาคณิตที่จัด
(AD 1154-1160) เรียงเป็นรูปดาว ซึ่งจะเป็นลายท่ีพบอย่างแพร่หลายใน
งานจ�ำพวกไมข้ องมุสลิมในดินแดนอนื่ ๆ

The Fatimid wooden Ivory; carved
mihrab of the Mashhad ‘Morgan Casket’
of Sayyida Ruqayya
Fatimid,
Fatimid, AD 1154-1160 11th–12th century
Cairo, Egypt

แกะสลกั งาช้าง แผ่นงาช้างแกะสลักใน
(Ivory) สมัยฟาฏิมียะฮ์มีชื่อเสียงมาก มีลวดลาย
ประณีตสวยงาม คาดว่าได้รับอิทธิพลที่อียิปต์รับจาก
เปอร์เซียมาอีกทอดหนึ่ง เช่น ภาพนายพรานล่าสัตว์
ภาพธรรมชาติ การแกะสลักที่มีน�้ำหนักและมิติอย่าง
สมจริง แสดงถึงเทคนิคและฝีมือชั้นยอดของช่างศิลป์
ในสมยั น้นั

67

AYYUBID

ราชวงศ์อยั ยูบยี ะฮ์

Ayyubid

AD 1169 - 1250
AH 564 - 647



บทที่ 2
ประวัติศาสตร์ศลิ ปะอสิ ลาม

ราชวงศอ์ ัยยบู ียะฮ์
(Ayyubid)

AD 1169-1250 / AH 564-647
รวมระยะเวลาทง้ั ส้นิ 81 ปี

หลังส้ินสุดยุคฟาฏิมียะฮ์ ราชวงศ์อัยยูบียะฮ์
(Ayyubid) ถกู สถาปนาข้นึ โดยท่านเศาะลาฮดุ ดีน โดยเปน็
ท่ีรู้จักกันในฐานะวีรบุรุษผู้ปลดปล่อยเยรูซาเล็ม และเป็น
สุลต่านคนแรกแห่งอียิปต์และซีเรีย ช่วงปลายยุคสมัยมี
การแย่งชงิ อ�ำนาจกนั รวมถงึ สงครามครเู สดครง้ั ท่ี 7 และมี
การรุกรานของจักรวรรดิมองโกล ท้ายท่ีสุดแล้วพวกมัมลูค
เข้าล้มล้างราชวงศ์อัยยูบียะฮ์ ครอบครองอียิปต์แทนในชื่อ
“รฐั สุลต่านมมั ลูค”

70

บทท่ี 2
ประวัติศาสตร์ศลิ ปะอิสลาม

ประกาศนยี บัตร ตัวอย่างของประกาศนียบัตรพิธีฮัจญ์ท่ี
พธิ ฮี จั ญ์ เก่าแก่ท่ีสุดเท่าท่ีพบ เป็นกระดาษแผ่นยาว เขียนเป็น
(Hajj ภาพสถานทตี่ ่างๆ ในการประกอบพิธฮี จั ญ์อยา่ งละเอียด
Certificate) และน่าจะเป็นต้นแบบให้แก่ประกาศนียบัตรพิธีฮัจญ์ใน
ยุคตอ่ มา
ประเทศอยี ิปต์
(AD 1205)

Hajj certificate

Ayyubid, AD 1205
Egypt

71

SELJUK

ราชวงศเ์ ซลจคุ

Seljuk

AD 1040 - 1196



บทที่ 2
ประวตั ศิ าสตรศ์ ิลปะอิสลาม

ราชวงศเ์ ซลจคุ
(Seljuk)

AD 1040 - 1196
รวมระยะเวลาท้ังส้นิ 156 ปี

ราชวงศเ์ ซลจคุ (Seljuk) เปน็ ราชวงศท์ ก่ี อ่ ตง้ั โดยเผา่
ออกซู เตริ ก์ (Oghuz- Turk) จากเอเชยี กลาง ชาวเตริ ก์ เขา้ มา
มบี ทบาททางการเมอื งและทางทหารมากขนึ้ จนกระทง่ั เมอ่ื
อาณาจักรอิสลามแตกออกเป็นราชวงศ์ย่อย ท�ำให้อ�ำนาจ
ของเคาะลีฟะฮ์ อับบาสิยะฮ์อ่อนแอลง จนราชวงศ์เซลจุค
มีอิทธพิ ลและเข้ายึดอำ� นาจ

74

บทท่ี 2
ประวัติศาสตร์ศิลปะอสิ ลาม

ราชวงศ์เซลจุคแต่เดิมเป็นนักรบเร่ร่อนในเอเชีย
กลาง ต่อมาเม่ือต้ังราชวงศ์จึงได้น�ำเอาวิถีชีวิตของตนเอง
เข้ามาผสมผสานกับงานสถาปัตยกรรม นับว่าเป็นยุคท่ีมี
การประดษิ ฐร์ ปู แบบทางสถาปตั ยกรรมและศลิ ปกรรมแบบ
ใหม่ที่เรียกว่า “เติร์ก-เปอร์เซีย (Turko-Persian Art)” เช่น
อาคารครอบหลุมศพท่ีเป็นทรงหอสูง หรือโดมท่ีเรียกว่า
กุมบัด (Qumbad) และศิลปะการเรียงอิฐ (Brickwork)
ให้เป็นรูปทรงเรขาคณิตหรืออักษรประดิษฐ์ จึงมีความ
โดดเด่นมากในยุคน้ี มีการสร้างอีวานทั้ง 4 (Four-Iwans)
เปน็ ซมุ้ ประตโู คง้ อารค์ ขนาดใหญป่ ระกอบอาคาร เชน่ มสั ยดิ
และโรงเรยี น ซึ่งรปู แบบนี้เองได้กลายเปน็ รปู แบบทร่ี าชวงศ์
มสุ ลิมในเปอรเ์ ซยี และเอเชยี กลางในยุคตอ่ ๆ มาน�ำไปใช้

75

บทท่ี 2
ประวัตศิ าสตรศ์ ิลปะอสิ ลาม

76

บทท่ี 2
ประวัตศิ าสตรศ์ ิลปะอสิ ลาม

Jameh Mosque of Isfahan
Seljuk,
the 8th-11th century AD
Isfahan, Iran
77

บทท่ี 2
ประวตั ศิ าสตร์ศลิ ปะอิสลาม

มัสยิดจาเม มัสยิดจาเมหรือมัสยิดกลางแห่งอิสฟาฮาน
(Jameh Mosque หลงั ทเ่ี หน็ ในปจั จบุ นั สรา้ งในสมยั สลุ ตา่ นเมลกิ ชาห์ เปน็
of Isfahan) สถาปตั ยกรรมหลังแรกของเซลจคุ ทีใ่ ชผ้ ังแบบ 4 อิวาน
(iwan) ซงึ่ กลายเปน็ เอกลกั ษณข์ องสถาปตั ยกรรมเซลจคุ
อิสฟาฮาน ในอหิ รา่ นและในตรุ กใี นยคุ ตอ่ มา อาคารและหออะซาน
ประเทศอิหรา่ น ประดับด้วยอิฐเคลือบสีต่างๆ น�ำมาเรียงเป็นลวดลาย
เรขาคณิตและพระนามของอลั ลอฮ์อยา่ งงดงาม
(the 8 th century
AD)

photo by Wojciech Kocot Muqarnas of the
Jameh Mosque

Seljuk,
the 8th-11th century AD
Isfahan, Iran

photo by Wojciech Kocot

78

บทท่ี 2
ประวัตศิ าสตร์ศลิ ปะอสิ ลาม

Jameh Mosque
Seljuk,

the 8th-11th century AD
Isfahan, Iran
photo by

Mohammadkeshmiri

Jameh Mosque of Isfahan
Seljuk,

the 8th-11th century AD
Isfahan, Iran

79

บทท่ี 2
ประวัติศาสตร์ศิลปะอิสลาม

สสุ านของ สุสานของราชวงศ์เซลจุคมักท�ำเป็นอาคารผัง
สลุ ต่านชาห์จิฮาน กลมหรือผังหลายเหลี่ยม หลังคาทรงกรวย ยกฐานสูง
(Döner ดา้ นนอกแกะสลกั เปน็ รปู ตน้ ไมแ้ หง่ ชวี ติ และสตั วใ์ นเทพ
Kümbeti) ปกรณมั ของศาสนาเดมิ ทชี่ าวเตริ ก์ นบั ถอื อยกู่ อ่ นทจ่ี ะเขา้
รับอิสลาม รูปทรงของสุสานจ�ำลองมาจากกระโจมของ
ไคเซรี ชาวเตริ ก์ ในสมยั กอ่ น ภายในมโี ลงวางไวเ้ ปน็ สญั ลกั ษณ์
ประเทศตรุ กี ศพฝังอยู่ด้านล่าง หากเป็นสุสานขนาดใหญ่จะมี
เมี๊ยะหร็อบอยู่ภายในสุสานเพื่อระบุทิศในการละหมาด
(AD 1276) หรือการภาวนาใหผ้ ตู้ าย

Döner Kümbeti

Seljuk, AD 1276
Kayseri, Turkey

ที่มา : https://hayko.tv/loca-
tion/893592327515755/
Doner-Kumbet

80

บทที่ 2
ประวตั ศิ าสตร์ศิลปะอสิ ลาม

กระเบอ้ื งประดับ เปน็ กระเบื้องรปู ดาวแปดแฉก เทคนคิ สเี คลอื บ
ผนังพระราชวงั วาดเปน็ ภาพของวถิ ชี ีวติ ในพระราชวัง สัตว์ปา่ และสตั ว์
คบู าดาบัด ในเทพปกรณมั เช่น ไซเรน สฟิงซ์ รวมถึงนกอินทรสี อง
(Kubadabad หวั ซงึ่ เปน็ สญั ลกั ษณข์ องราชวงศ์
Palace) เซลจุค มีท่าทาง และการ
แตง่ กายของบคุ คลในภาพ
คอนย่า ส ะ ท ้ อ น อิ ท ธิ พ ล ข อ ง
ประเทศตุรกี ศลิ ปะของราชวงศ์
(the 13th century AD) อบั บาซยี ะฮแ์ ละ
ฟาตมิ ียะฮ์

Glazed Seljuk wall tile

Seljuk, the 13th century AD
Konya, Turkey

ที่มา : https://twitter.com/turarchaeonews/
status/1258366428631240706/photo/1

81

ALMORAVID

ราชวงศ์อัลโมราวิด

Almoravid

AD 1060 - 1147



บทท่ี 2
ประวตั ิศาสตรศ์ ลิ ปะอิสลาม

ราชวงศอ์ ัลโมราวดิ
(Almoravid)

AD 1060 - 1147
รวมระยะเวลาท้ังส้ิน 87 ปี

หลังจากราชวงศ์อุมัยยะฮ์ในสเปนล่มสลายลง
ชาวคริสต์เข้ามามีอ�ำนาจแทนที่ชาวเบอร์เบอร์ซึ่งเป็น
ชาวพื้นเมืองในแอฟริกาเหนือกลุ่มหน่ึงที่นับถือศาสนา
อิสลามได้เข้ามาขับไล่ชาวคริสต์ออกไปจากตอนเหนือ
ของสเปนและสถาปนาราชวงศ์ อัลโมราวิดขึ้น มีอาณาเขต
ครอบคลุมพ้ืนที่ของสเปน โมรอคโค และอัลจีเรีย ใน
ปัจจุบัน โดยมีมาราเคชเป็นราชธานี

84

บทที่ 2
ประวัติศาสตร์ศลิ ปะอสิ ลาม

มัสยดิ การาวายิน มัสยิดการาวายินถือก�ำเนิดข้ึนจากการเป็น
(Qarawayyin สถานศึกษา นับเป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่สุดแห่งหน่ึง
Mosque) ของโลก ส่วนของมัสยิดได้รับการต่อเติมในช่วงต้น
คริสต์ศตวรรษที่ 12 ความน่าสนใจของอาคารอยู่ท่ีซุ้ม
เฟซ ประตูท่ีท�ำจากไม้และหินอ่อนแกะสลักเป็นลายรวงผึ้งท่ี
ประเทศโมรอคโค ลดทอนมาจากมุการ์นัส (muqarmas) และผนงั ทตี่ กแต่ง
ด้วยกระเบื้องลายเรขาคณิต รวมถึงช่องโค้งรูปเกือกม้า
(AD 857) ท่ีเป็นเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมอิสลามในสเปนและ
โมรอคโค

Qarawayyin Mosque
Interior View

Almoravid, AD 857
Fez, Morocco

photo by Medist

The courtyard of
Qarawayyin Mosque

Almoravid, AD 857
Fez, Morocco

85

NASRID

ราชวงศน์ ัศรียะฮ์

Nasrid

AD 1238 - 1492
AH 636 - 898



บทที่ 2
ประวตั ศิ าสตรศ์ ิลปะอิสลาม

ราชวงศ์นศั รียะฮ์
(Nasrid)

AD 1238 - 1492 / AH 636 - 898
รวมระยะเวลาทง้ั สิ้น 254 ปี

นับเป็นราชวงศ์มุสลิมราชวงศ์สุดท้ายบนดินแดน
สเปน มีการพัฒนาการปกครอง เปลี่ยนแปลงและยอม
เปิดกว้างต่อส่ิงใหม่ๆ ระบอบการบริหารได้สร้างสังคมใหม่
เศรษฐกิจท่ีรุ่งเรือง การศึกษาก้าวหน้า และการพัฒนาการ
เรียนรูศ้ ลิ ปะวิทยาการมากมาย เมอื่ ถกู ยึดครองโดยกองทัพ
ครสิ เตยี น ทำ� ใหบ้ างสว่ นอพยพไปสแู่ อฟรกิ าเหนอื บางสว่ น
เดินทางไปยังอาณาจักรใหม่ของอิสลาม คือ อาณาจักร
ออตโตมัน (Ottoman)

88

บทที่ 2
ประวัตศิ าสตรศ์ ลิ ปะอิสลาม

Qarawayyin Mosque
Almoravid, AD 857
Fez, Morocco
Photo by Clark Van Der Beken
89

บทที่ 2
ประวัตศิ าสตร์ศลิ ปะอสิ ลาม

พระราชวัง Alhambra
อลั ฮมั บรา Nasrid, the 10th century AD
(Alhambra)
Granada, Spain
กรานาดา
ประเทศสเปน พระราชวงั และปอ้ มปราการทตี่ ง้ั อยบู่ รเิ วณเนนิ

(the 10th century เขาเมอื งกรานาดา เป็นสถาปตั ยกรรมอสิ ลามทสี่ ร้างขน้ึ
AD) ในสมัยราชวงศ์นัศรียะฮ์ อาคารภายนอกราชวัง, การ
ตกแต่งภายใน และผนังป้อมปราการสร้างขึ้นจากหิน
และอิฐสีแดง สถาปัตยกรรมล้อมรอบด้วยก�ำแพงและ
ป้อมปราการ 13 ป้อม มีการขุดคูคลองส่งน�้ำจากด้าน
ล่างขึ้นมาเพ่ือใช้ในการอุปโภค บริโภค ท�ำให้ราชวงศ์
สามารถอยไู่ ด้ยาวนานกว่า 200 ปี

90

Alhambra บทที่ 2
ประวตั ศิ าสตร์ศิลปะอิสลาม
Nasrid, the 10th century AD
Granada, SpainBeken จุดเด่นของสถาปัตยกรรมได้รับการยกย่องว่า
โดดเด่นด้วยงานแกะสลักลวดลายอาหรับ ทั้งก�ำแพง
เสา เพดาน ซุ้มประตูต่างๆ การแกะสลักด้วยการเซาะ
ร่องเว้าเป็นชั้นๆ คล้ายรวงผึ้งหรือหินย้อยของผนัง
ถ�้ำ รูปแบบน้ีเรียกว่า “มุก็อรนัส (Muqarnas)” ซึ่งมา
จากหลักทางคณิตศาสตร์ผสมผสานกับเรขาคณิต
และระบบการเรียงตัวของเซลล์ในการสร้างสรรค์
งานประดับตกแต่ง มุก็อรนัสท�ำหน้าที่รองรับน�้ำหนัก
ของหลังคาโดมบริเวณช่องเว้ามุมเพดาน ต่อมาการ
ออกแบบและตกแต่งมุก็อรนัสจึงได้รับความนิยมอย่าง
แพรห่ ลายในงานสถาปัตยกรรมมาจนถึงปจั จบุ นั

ภายในพระราชวงั อลั ฮมั บรามปี ระดบั ประดาดว้ ย
ลวดลายเรขาคณิต ลวดลายพรรณพฤกษา และอักษร
ประดิษฐอ์ ย่างวิจิตรงดงาม

91

บทท่ี 2 “เคร่ืองปั้นดินเผาฮิสปาโน-มัวร์เรสก์”
ประวตั ศิ าสตรศ์ ิลปะอิสลาม สร้างในดินแดนอัลอันดะลุส เป็นเคร่ืองปั้นดินเผาที่
ผสมผสานองค์ประกอบทางศิลปะอิสลามและยุโรป
เครอื่ งป้นั ดินเผา ประดับด้วยลวดลายเรขาคณิตอันซับซ้อนรวมกับลาย
(Ceramics)
พรรณพฤกษาที่งดงาม ผ่านกรรมวิธี
Hispano-Moresque การเผา เคลือบสี และฝังลาย
dish เสน้ บนผวิ ภาชนะประเภท
แจกัน โถ และเหยือก
Nasrid, โดดเด่นในการใช้สี
AD 1430 - 1500 นำ�้ เงนิ จากโคบอลต์
เคลอื บตะกัว่ ใหเ้ ป็น
ลวดลายท่ีสวยงาม

อาวุธ (Arms) อาวธุ และชดุ เกราะตา่ งๆ ถกู ผลติ ขน้ึ เพอื่ ใชง้ าน
จริงหรือใช้ประดับเกียรติยศของชาวมุสลิม อาวุธบาง
ชิ้นมีการดุนหรือแกะสลักลวดลายอักษรประดิษฐ์จาก
ข้อความในพระคมั ภีร์อยา่ งสวยงาม เพือ่ สรา้ งขวัญและ
กำ� ลงั ใจในการรบ นอกจากน้ยี ังมบี างชน้ิ ท่มี ีการสลกั ชื่อ
เจา้ ของลงไป

“กระบโี่ บอับดิล (Boabdil Sword)” ดา้ มและ
ฝักสร้างจากทงั้ หนังม้า เงิน งาช้าง ผา้ ไหม โลหะเคลอื บ
และทองคำ� มกี ารออกแบบลวดลาย ฝงั ลาย ดนุ ลาย และ
แกะสลกั อย่างประณีต
“กระบ่ีคเี ญตา (Jineta Sword)” ค�ำวา่ คเี ญตา
หมายถึงทหารม้า ซ่ึงความยาวของตัวกระบ่ีจะสั้นกว่า
ของสุลต่าน ด้ามและฝักสร้างจากไม้ หนังม้า เงินและ
ทองเหลอื ง

92

งานโลหะ บทที่ 2
(Metalwork) ประวัตศิ าสตรศ์ ิลปะอิสลาม

MonZon Lion เป็นสมัยแห่งความเจริญทางการหล่อส�ำริด ซ่ึง
Nasrid สำ� รดิ นนั้ คอื โลหะทเ่ี กดิ จากการผสมระหวา่ งทองแดงและ
Pisa Griffin ดีบุก กรรมวิธีที่ใช้สร้างส�ำริดในสมัยนัศรียะฮ์ยังคงหลง
Nasrid เหลือมาจนถึงปัจจุบัน ประติมากรรมสมัยนี้รับอิทธิพล
มาจากจักรวรรดิซาสซานียะฮ์ (Sassanid Empire) ซึ่ง
เปน็ อาณาจกั รสดุ ทา้ ยของเปอรเ์ ซยี นยิ มสรา้ งโลหะสำ� รดิ
แบบลายรปู สัตว์

ป ร ะ ติ ม า ก ร ร ม ท่ี โ ด ด เ ด ่ น
ไ ด ้ แ ก ่ “ สิ ง โ ต ม อ ง ซ อ ง

(Monzon Lion)”, “สิงโตคาสเซิล
(Kassel Lion)”, “แกะตัวเมียแห่ง
มะดีนะห์ อัซซะฮ์รออ์ (Hind of Medina
Azahara)” และ “กริฟฟินปิซา (Pisa
G r i f fi n ) ” จ า ก ก า ร ส� ำ ร ว จ มี ก า ร ค ้ น พ บ ตั ว
อักษรอาหรับโบราณแบบกูฟีย์ (Kufic) สลักอยู่บน
ประติมากรรมกริฟฟินปิซาด้วย

Hind of Medina Azahara
Nasrid

93

MAMLUK

ราชวงศม์ ัมลคู

Mamluk

AD 1250 - 1517
AH 648 - 922



บทที่ 2
ประวัติศาสตรศ์ ิลปะอิสลาม

“The Elephant Clock”,
Folio from a Book

of the Knowledge of
Ingenious Mechanical

Devices by al-Jazari

Mamluk,
AD 1315 / AH 715

96

บทท่ี 2
ประวัตศิ าสตร์ศิลปะอิสลาม

ราชวงศม์ มั ลูค
(Mamluk)

AD 1250 - 1517 / AH 648 - 922
รวมระยะเวลาทงั้ ส้ิน 267 ปี

มมั ลูค (Mamluk) ในภาษาอาหรับแปลวา่ “ทาส”
ซ่ึงในท่ีน้ีหมายถึงทหารทาสของสุลต่านราชวงศ์อัยยูบียะฮ์
(Ayyubid) พวกมัมลูคได้ขึ้นครองอียิปต์ ได้รับการกล่าว
ถึงว่าเป็นราชวงศ์สุดท้ายของอาหรับยุคกลาง พวกมัมลูค
อาสาปกป้องโลกมุสลิมจากพวกมองโกลทเี่ ข้ามารุกรานจน
ส�ำเร็จ สามารถยึดดินแดนท่ีเสียไปให้พวกมองโกลกลับคืน
ได้ส�ำเรจ็

เมืองหลวงอยู่ท่ีกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ ราชวงศ์
นี้มีอาณาเขตกว้างใหญ่ไปจนถึงเมดิเตอร์เรเนียนตะวัน
ออก และทวีปแอฟริกาตอนเหนือ รัฐสุลต่านมัมลูคเป็น
อีกยุคที่รุ่งเรือง เป็นศูนย์กลางทางการค้า การเกษตร การ
ศกึ ษา วฒั นธรรม และศลิ ปะอสิ ลาม ถอื วา่ เปน็ ยคุ ทใี่ หค้ วาม
ส�ำคัญกับศิลปะอิสลามมากท่ีสุดท้ังด้านสถาปัตยกรรม
และศิลปกรรม สามารถพบเห็นสถาปัตกรรมในยุคน้ีจาก
โครงสร้างโดม ลานอันโอ่โถง และหอคอยสูงตระหง่านไป
ท่ัวเมือง เรียกได้ว่าเป็นการสร้างจักรวรรดิอิสลามท่ีย่ิงใหญ่
ท่ีสดุ สมยั หน่ึงของประวัตศิ าสตร์อสิ ลาม

97

บทที่ 2
ประวัติศาสตร์ศลิ ปะอสิ ลาม

มัสยดิ ฆ็อรบียะฮ์ ตั้งอยู่ท่ีกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ ลักษณะทาง
อรั รอ็ มมาห์ สถาปัตยกรรมของมัสยิดฆ็อรบียะฮ์ อัรร็อมมาห์ ใช้
(Qaitbay al- เอกลกั ษณศ์ ลิ ปะแบบมมั ลคู ทงั้ หมด โดยกอ่ สรา้ งดว้ ยหนิ
Ramah Mosque) สสี ลบั สี ประดบั ทงั้ กำ� แพง โดม และหออะซาน โดยหอ
อะซานจะเป็นศิลปะแบบมัมลูค คือ มีสองยอดบนหอ
กรุงไคโร เดยี วกัน จนกลายเปน็ เอกลกั ษณ์ท่ีนยิ มกนั ตอ่ มา
ประเทศอียปิ ต์ เอกลักษณ์อีกอย่างของมัสยิดฆ็อรบียะฮ์
อัรร็อมมาห์ คือ โดมทรงกลมปลายเรียว ส่วนฐาน
(AD 1502 / AH 908) ออกแบบแบบเหลยี่ มมมุ รอบอาคารประดบั ดว้ ยลายปนู
ปัน้ แกะสลกั ลวดลายเรขาคณติ ทซี่ บั ซ้อน ประณตี และ
กลายมาเปน็ ต้นแบบของการสร้างพื้นผวิ บนยอดโดม

Qaitbay al-Ramah Mosque

Mamluk, AD 1502
Cairo, Egypt

98

บทท่ี 2
ประวตั ิศาสตร์ศลิ ปะอสิ ลาม

งานเครอ่ื งแก้ว ช่างฝีมือมุสลิมได้พัฒนาความเชี่ยวชาญการท�ำ
(Glass making) เคร่อื งแก้วจากชาวโรมันและเปอร์เซยี ไมว่ ่าจะเปน็ ภาชนะ
แกว้ , โคมไฟ, เครอ่ื งประดบั , แกว้ ประดบั อาคาร เปน็ สนิ คา้
ส่งออกท่ีเล่ืองลือจากดินแดนอียิปต์ ซีเรีย และเปอร์เซีย
เทคนิคการท�ำแก้วที่ได้รับความนิยม เช่น แก้วลงยาสี
(Enameled glass) และเดนิ นำ้� ทอง (Gilding) ทม่ี ีช่อื เสยี ง
ในสมยั ราชวงศม์ ัมลูค (Mamluk Dynasty)

Enameled and Gilded Bottle เครื่องแก้วสมัยรัฐสุลต่าน
มัมลูคเป็นงานศิลปะที่มีท้ังความ
Mamluk, late 13th or early สวยงามและสมบูรณ์แบบทางการ
14th century AD ใช้สอย สะท้อนถึงความมั่งคั่งร่�ำรวย
Cairo, Egypt ของอาณาจักรมัมลูค และทักษะฝีมือ
ในการสร้างสรรค์ แหล่งผลิตเคร่ือง

แก้วท่ีส�ำคัญอยู่ที่ประเทศอียิปต์
และประเทศซเี รยี โดยเฉพาะ

“เคร่ืองแก้วฮีบรอน
(Hebron Glass)”
หรือ “ซัจญ์ญาจญ์
อั ล เ ค า ะ ลี ลี ย ์
(Zajaj al-Khalili)”
ผลติ ทเี่ มอื งฮบี รอน
มีช่ือเสียงและแพร่
หลายมากที่สุด มี

เอกลักษณ์ที่ใสและโปร่งบาง
น้�ำเคลือบแก้วท�ำให้เกิดความ
มันวาว ในสมัยนี้นิยมสร้างเครื่องแก้วประเภท “ตะเกียง
โคมไฟแก้ว” เพื่อใช้แขวนในมัสยิด ลวดลายท่ีปรากฏบน
ตะเกยี งนยิ มใชอ้ กั ษรประดษิ ฐ์ประกอบกบั ลายเรขาคณติ

99

บทที่ 2
ประวตั ิศาสตร์ศิลปะอิสลาม

โคมแขวนในมัสยดิ โคมแก้วน้ีท�ำขึ้นเพื่ออุทิศแก่มัสยิด ใช้เทคนิค
(Mosque Lamp) ลงยาสีและกะไหล่ทอง ด้านบนมีตราสัญลักษณ์ของ
ราชวงศ์มัมลูค ตัวโคมเขียนลายอักษรวิจิตรโดยมีลาย
กรงุ ไคโร พรรณพฤกษาเป็นพ้ืนหลัง งานเคร่ืองแก้วของอียิปต์
ประเทศอียิปต์ ในสมัยราชวงศ์มัมลูคมีช่ือเสียงและเป็นที่ต้องการของ
(AD 1329 - 1335) ตลาดยุโรปในสมยั น้นั

Mosque Lamp for the
Mausoleum of Amir Aydakin
al-’Ala’i al-Bunduqdar
; Gilded and enameled glass

Mamluk, AD 1285
Cairo, Egypt

100


Click to View FlipBook Version