The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ศิลปะอิสลามสุนทรียะเสน่ห์ และแรงบันดาลใจ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sukrattajit.asu, 2022-10-31 22:22:20

ศิลปะอิสลามสุนทรียะเสน่ห์ และแรงบันดาลใจ

ศิลปะอิสลามสุนทรียะเสน่ห์ และแรงบันดาลใจ

Keywords: ISLAMIC ART

บทท่ี 2
ประวตั ิศาสตรศ์ ิลปะอสิ ลาม

เครอ่ื งป้ันดินเผา ในช่วงสมัยรัฐสุลต่านมัมลูคมีความโดดเด่นใน
(Ceramics) เร่ืองเคร่ืองปั้นดินเผาและกระเบื้องเป็นอย่างมาก ศิลปะ
เครอื่ งปน้ั ดนิ เผาสมยั รฐั สลุ ตา่ นมมั ลคู เปน็ การสบื ทอดมา
Jar จากสมัยฟาฏิมียะฮ์และอัยยูบียะฮ์ ต่อมาเมื่อรัฐสุลต่าน
underglaze painted มัมลูคสามารถครอบครองนครมักกะฮ์และมะดีนะฮ์
Mamluk,14th century รวมถึงกรุงดามัสกัส ท�ำให้งานศิลปะเครื่องปั้นดินเผา
Hexagonal Tile ของมัมลูคแพร่หลายไปถึงซีเรียด้วย ในสมัยมัมลูคตอน
underglaze painted ตน้ การผลิตงานเคร่อื งป้นั ดนิ เผามกี ารพัฒนาท้งั รปู แบบ
Mamluk, และลวดลาย อีกท้ังได้รับอิทธิพลจากจีนในด้านการ
first half 15th century เคลอื บนำ�้ ยา และการลงสี ตอ่ มาในชว่ งมมั ลคู ตอนปลาย
เคร่ืองปั้นดินเผาแพร่หลายไปยุโรปและเป็นที่ต้องการ
มากขน้ึ
ลกั ษณะพเิ ศษของเครอื่ งปน้ั ดนิ เผาในสมยั น้ี คอื
“การเขียนสีใต้เคลือบ (Underglaze painting)” โดย

สร้างลวดลายจากอักษรประดิษฐ์ และเน้นการใช้สี
โทนเดียวกันหลายน้�ำหนัก หรือการใช้สีสันที่
ต่างกันทับซอ้ นตามเสน้ ของลวดลาย
งานกระเบื้องสมัยมัมลูคมีแหล่งผลิต
อยทู่ เ่ี มอื งดามสั กสั ประเทศซเี รยี สะทอ้ น
ให้เห็นถึงอิทธิพลของวัฒนธรรมและ

การค้าระหว่างรัฐสุลต่านมัมลูคกับราชวงศ์หมิง
ในประเทศจีน เห็นได้จากเทคนิคการเขียนสี ลวดลาย
พรรณพฤกษา และลายเรขาคณติ บนกระเบอ้ื ง ลายคราม
โดยช่างมัมลูคน�ำมาประยุกต์ใช้โดยการท�ำกระเบื้อง
ดนิ เผาทรงเหลย่ี มทำ� ใหแ้ ตกตา่ งจากจนี โดยเฉพาะรปู ทรง
หกเหล่ียม เม่ือน�ำมาประกอบมัสยิด พระราชวัง อาคาร
เม่ือกระเบ้ืองเป็นรูปทรงเหล่ียม ท�ำให้สามารถประกอบ
เป็นลักษณะรวงผ้งึ ได้

101

บทท่ี 2
ประวตั ิศาสตรศ์ ิลปะอสิ ลาม

พรม ศิลปะการท�ำพรมของมุสลิมพัฒนามาจากพรม
(Rugs & Carpet) ของชนเผ่าเร่ร่อนในตะวันออกกลางและเอเชียกลางท่ี
ทอผืนพรมข้ึนเพื่อใช้เป็นประตูหรือเคร่ืองประดับภายใน
The ‘Simonetti’ Carpet กระโจม ในอาณาจักรอิสลาม พรมถือเป็นงานประณีต
Mamluk, AD 1500
Cairo, Egypt ศิลป์และเป็นของมีค่า พรมทอจากขน
สัตว์ บางครัง้ มีการสอดดิ้นเงินหรอื ทอง
เข้าไปเพ่ือให้พรมมีประกายแพรวพราว
ใช้ปูส�ำหรับละหมาดในมัสยิดและ
ประดับพระราชวังอย่างหรูหรา พรม
ของชาวมุสลิมมีความงดงามและเป็นท่ี
ชื่นชอบจนกลายเป็นสินค้าส่งออกเป็น
อันดับต้นๆ ของดินแดนมุสลิมต้ังแต่อดีต
จนถึงปัจจุบัน พรมทอมือในสมัยมัมลูค
ได้รับการยอมรับว่าเป็นงานคุณภาพสูง
ลวดลายบนพรมมีความซับซ้อนในลายเส้น
เรขาคณิต ลายเส้นถูกจัดวางประสานกัน
อย่างมีจังหวะ
“พรมซีโมเนตติ (Simonetti Carpet)” ถูก

ยกย่องว่าเป็นพรมของมัมลูคที่
มีชื่อเสียงมากและรู้จักกันเป็น
อย่างดีในโลกตะวันตก ถูก
ออกแบบในลักษณะพรมผืน
วางบนพื้นมากกว่าใช้แขวน
มั ก อ อ ก แ บ บ ล ว ด ล า ย
เรขาคณิตลาย 5 วง ซ่ึง
ส่วนใหญ่เป็นทรงแปด
เหลี่ยม หรือทรง
ส่ีเหลี่ยมซ้อนไขว้
เปน็ แปดมมุ

102

บทท่ี 2
ประวัติศาสตร์ศิลปะอิสลาม

ศลิ ปะบนกระดาษ กระดาษเป็นนวัตกรรมที่ก�ำเนิดข้ึนจากประเทศ
และการทำ� หนงั สอื จีนซ่ึงส่งทอดมายังดินแดนของชาวมุสลิม การเกิดข้ึน
(Paper and ของกระดาษส่งผลให้เกิดการสร้างสรรค์และประดิษฐ์
Bookbinding อักษรวิจิตรมากขึ้น เช่น พบการตกแต่งในคัมภีร์
Art) อัลกุรอาน (Qur’anic illumination), การจดบันทึกต�ำรา
ทางศาสนาและวรรณกรรม รวมไปถึงค้นพบการสร้าง
ศลิ ปะลวดลายบนกระดาษ เชน่ ลายหนิ ออ่ นบนกระดาษ
(Paper Marbling) ซ่ึงคาดว่าได้รับอิทธิพลจากศิลปะ
อิสลามเอเชียตะวันออก ใช้วิธีการหยดสี สะบัดสี หรือ
เขียนลวดลายลงบนน้�ำท�ำให้เกิดลายคล้ายหินอ่อนและ
ลอกด้วยกระดาษ วิธีการเหล่านี้พบได้ในแถบประเทศ
ตุรกีและเปอร์เซียเป็นหลัก ส่วนการท�ำหนังสือน้ันถือ
เป็นศาสตร์ท่ีมีการพัฒนาต่อเนื่องทั้งในเรื่องเทคนิคการ
เย็บเล่มและการตกแตง่ ปกหนังสือหรอื ตำ� รา

Qur’anic illumination

Mamluk ,
the 14 - 15th century AD

Egypt

103

ILKHANID

ราชวงศ์อิลข่าน

Ilkhanid

AD 1256 - 1353
AH 654-754



บทที่ 2
ประวตั ศิ าสตรศ์ ิลปะอิสลาม

ราชวงศ์อิลข่าน
(Ilkhanid)

AD 1256 - 1353 / AH 654 - 754
รวมระยะเวลาทงั้ สิน้ 100 ปี

เม่ือกองทัพมองโกลเข้ายึดดินแดนชาวมุสลิมใน
เปอร์เซีย ได้ท�ำลายกรุงแบกแดดท่ีเป็นศูนย์กลางทางการ
เมือง และศิลปะวิทยาการของโลกมุสลิม ต่อมาพวก
มองโกลกต็ ง้ั รากฐานราชวงศม์ องโกลขน้ึ ในเปอรเ์ ซยี เรยี กวา่
ราชวงศอ์ ลิ ขา่ น (Ilkhanid) ซง่ึ พวกเขาเองกไ็ ดร้ บั อทิ ธพิ ลทาง
วฒั นธรรมจากชาวมสุ ลมิ ทตี่ นไดเ้ ขา้ ไปยึดครอง ทั้งรปู แบบ
ทางสถาปตั ยกรรมและศลิ ปกรรมอสิ ลามแบบเตริ ก์ เปอรเ์ ซยี

106

บทท่ี 2
ประวัตศิ าสตรศ์ ิลปะอิสลาม

ในยคุ นเี้ องทลี่ วดลายแบบจนี เชน่ ลายเมฆจนี ลาย
มังกร หรือลายนกฟนี ิกซ์ ไดถ้ กู สง่ เขา้ มาสูโ่ ลกศิลปะอสิ ลาม
ในทางกลบั กนั ลวดลายพรรณพฤกษากไ็ ดถ้ า่ ยทอดไปสจู่ นี
เชน่ กนั การแลกเปล่ยี นวฒั นธรรมนเี้ องทำ� ใหร้ ูปแบบศลิ ปะ
อสิ ลามมวี วิ ฒั นาการและแพรก่ ระจายเปน็ วงกวา้ งไปทว่ั โลก
ศิลปกรรมในยุคน้ีมีการใช้เคร่ืองกระเบ้ืองจากจีน
มาประดับงานสถาปัตยกรรม แต่รูปแบบงานเรียงอิฐ รวม
ถึงงานประติมากรรมแกะสลักหินยังคงเป็นแบบศิลปะ
อิสลามท่ไี ดร้ ับสืบทอดจากราชวงศเ์ ซลจคุ นิยมใช้กระเบอ้ื ง
สีฟ้าและเขียวเทอควอยในการประดับ มีการเพ่ิมลวดลาย
พรรณพฤกษาในงานกระเบอื้ งทำ� ใหอ้ าคารมคี วามสดใสและ
งดงามมากข้ึน

107

บทที่ 2
ประวตั ิศาสตรศ์ ิลปะอิสลาม

สุสานของสุลตา่ น สสุ านสลุ ตา่ นอลุ ไจตมุ ผี งั เปน็ รปู แปดเหลย่ี มมมุ
อุลไจตุ ทง้ั แปดของอาคารตกแตง่ ดว้ ยหอคอยขนาดเลก็ โดมและ
(Gunbad-i หอคอยประดบั ด้วยกระเบ้อื งสนี ำ้� เงนิ โดมมีสองชัน้ โดย
Uljaytu) โดมนอกสรา้ งใหส้ งู กวา่ โดมดา้ นในเพอื่ ใหต้ วั อาคารแลดู
สูงสง่า ส่วนล่างของโดมตกแต่งด้วยอิฐเคลือบสีเรียง
ซานจัน เป็นชื่อของพระเจ้า ศาสดามุฮัมมัด และอิหม่ามอะลี
ประเทศอิหร่าน แสดงถึงการยอมรับนับถือศาสนาอิสลาม นิกายชีอะฮ์
(AD 1302 - 1312) ของสุลต่านอลุ ไจตุ

Gunbad-i Uljaytu

Ilkhanid, AD 1302-1312
Zanjan, Iran

108

บทที่ 2
ประวตั ศิ าสตร์ศิลปะอิสลาม

กระเบอ้ื งลายจีน หลงั จากกองทพั มองโกลพชิ ติ เปอรเ์ ซยี อทิ ธพิ ล
ทางศิลปกรรมและสินค้าจากเมืองจีนก็แพร่หลายไป
ประเทศอิหรา่ น ทางตะวนั ตกจนถงึ แถบทะเลเมดเิ ตอรเ์ รเนยี น กระเบอื้ ง
(the 13th century AD) จากสมัยราชวงศ์อิลข่านชิ้นนี้ปรากฏรูปพญานกใน
ปกรณัมเปอร์เซียท่ีช่ือว่า “ซิเมิร์จ (Simurgh)” ท่ีได้
Tile with Image of Phoenix แรงบันดาลใจมาจากภาพหงส์ของชาวจีน (ฟ่งหวง)
Ilkhanid, ด้านหลงั ยังมีเมฆทเ่ี ขยี นแบบจีนอีกดว้ ย
late 13th century AD
Iran

109

TIMURID

ราชวงศ์ตมี ูรดิ

Timurid

AD 1370 - 1506
AH 771 - 912



บทที่ 2
ประวตั ศิ าสตรศ์ ิลปะอิสลาม

ราชวงศต์ ีมรู ดิ
(Timurid)

AD 1370 - 1506 / AH 771 - 912
รวมระยะเวลาทัง้ สิน้ 141 ปี

ในราชวงศต์ มี รู ดิ (Timurid) ศลิ ปะอสิ ลามไดร้ บั การ
ถ่ายทอดมาจากสมัยราชวงศ์เซลจุคเติร์ก (เปอร์เซีย) และ
ศิลปะอิสลามในสมัยอิลข่านของพวกมองโกล ถูกพัฒนา
ต่อเป็นรูปแบบท่ีเรียกได้ว่ามีความงดงามมาก เช่น โดม
กลีบมะเฟือง การตกแต่งผิวอาคารด้วยกระเบื้องเคลือบสี
เทอควอย (Turquoise) ลวดลายประดับด้วยอักษรอาหรับ
ประดิษฐ์แบบกูฟีย์เหล่ียม (Square Kufic) และลาย
เรขาคณิตที่ประดับลงไปบนผิวอาคาร ซ่ึงถือเป็นจุดเด่น
ของงานศิลปกรรมในสมัยนี้ มีการกวาดต้อนช่างศิลป์จาก
เมอื งอสิ ฟาฮานมาท่เี มอื งซามรั คาน ท�ำให้ความงดงามของ
ศลิ ปกรรมยคุ นไ้ี ดร้ บั การยกยอ่ งวา่ เปน็ ยคุ ทงี่ ดงามทสี่ ดุ ของ
ศิลปะอสิ ลามแบบเปอร์เซยี กว็ า่ ได้

112

Bibi Khanum Mosque

Timurid, AD 1399-1404
Samarkand, Uzebekistan

บทท่ี 2
ประวตั ิศาสตรศ์ ลิ ปะอิสลาม

มสั ยดิ บิบคิ านุม มัสยิดแห่งน้ีสร้างโดยข่านทิเมอร์โดยใช้เวลา
(Bibi Khanum กอ่ สรา้ ง 5 ปี โดยใชช้ า่ งฝมี อื จากหลายประเทศโดยตงั้ ใจ
Mosque) จะสรา้ งใหเ้ ปน็ มสั ยดิ ทใี่ หญท่ สี่ ดุ ในโลกเพอื่ แสดงอำ� นาจ
ที่สามารถพิชิตดินแดนในอินเดียได้ ศาสนสถานแห่งนี้
ซามรั คาน นับเป็นหนึ่งในอนุสาวรีย์ท่ีส�ำคัญท่ีสุดของเมือง ภายใน
ประเทศอุซเบกิสถาน มีโดมขนาดใหญ่ ทั้งโดมลูกฟูก และโดมเรียบ มัสยิด
ตกแต่งแบบเปอร์เซีย ที่ฐานโดมประดับด้วยลวดลาย
(AD 1399-1404) อักษรประดิษฐ์ ใช้เทคนิคโมเสกกระเบื้องเคลือบสีฟ้า
เทอควอย (Turquoise) เพอื่ สื่อถึงความมอี ำ� นาจ รำ่� รวย
ของกษัตรยิ ์

Bibi Khanum Mosque

Timurid, AD 1399-1404
Samarkand, Uzebekistan

114

บทท่ี 2
ประวัตศิ าสตรศ์ ิลปะอสิ ลาม

Bibi Khanum Mosque

Timurid, AD 1399-1404
Samarkand, Uzebekistan

115

บทท่ี 2
ประวัตศิ าสตรศ์ ิลปะอสิ ลาม

116

บทท่ี 2
ประวตั ศิ าสตรศ์ ลิ ปะอสิ ลาม

Behzad

Timurid, AD 1488
Herat, Afghanistan

จติ รกรรมของ บีฮ์ซาดคือจิตรกรชาวเปอร์เซียมีชีวิตอยู่ในช่วง
บฮี ์ซาด (Behzad) ค.ศ. 1450-1535 ผลงานของบีฮ์ซาดมีความโดดเด่นท่ี
การส่ืออารมณ์บนใบหน้าของตัวละคร การตัดเสน้ ขอบท่ี
เฮรัต บางเบา และการใชร้ ปู ทรงของสถาปตั ยกรรมและทา่ ทาง
ประเทศอฟั กานิสถาน ของตวั ละครในการสรา้ งเสน้ นำ� สายตาแกผ่ ชู้ มและลำ� ดบั
เรอ่ื งราวที่เกิดขึ้นในภาพ ซ่ึงเปน็ สง่ิ ทไ่ี ม่เคยพบมากอ่ นใน
(AD 1488) หนา้ ประวัติศาสตรข์ องจิตรกรรมอิสลาม

117

OTTOMAN

ราชวงศอ์ อตโตมัน

Ottoman

AD 1281 - 1924
AH 680 - 1342



บทที่ 2
ประวตั ศิ าสตรศ์ ิลปะอิสลาม

ราชวงศอ์ อตโตมนั
(Ottoman)

AD 1281 - 1924 / AH 680 - 1342
รวมระยะเวลาท้งั สน้ิ 643 ปี

หลังจากอาณาจักรเซลจุคเติร์กถูกมองโกลรุกราน
และล่มสลาย ได้มีการสถาปนาราชวงศ์ออตโตมัน (Otto-
man) ขน้ึ โดยอษุ มาน ศนู ยก์ ลางอยทู่ เี่ มอื งอสิ ตนั บลู ประเทศ
ตุรกี ราชวงศ์ออตโตมันบ้างก็ถูกเรียกว่าออตโตมันเติร์ก
หรือจักรวรรดิตุรกี ในช่วงรุ่งเรืองสูงสุดนั้นมีความแข็งแกร่ง
ท้ังด้านทหาร เศรษฐกิจ และการปกครอง มีอาณาเขต
ครอบคลุม 3 ทวีป ทง้ั ยโุ รป เอเชีย และแอฟรกิ า
ในสมัยของสุลต่านสุลัยมานท่ี 1 เป็นช่วงสมัยที่
ท�ำให้ราชวงศ์ออตโตมันเข้าสู่ความรุ่งเรืองสูงสุด เพราะ
พระองค์มีบทบาทส�ำคัญในการปฏิรูประบบกฏหมายให้
สมบูรณ์ขึ้น เป็นนักรบท่ีเก่งกาจ ฉลาด สามารถขยาย
อาณาเขตไปได้อย่างกว้างขวาง สนับสนุนการศึกษาความ
รู้ในศาสตรต์ า่ งๆ ทรงสรา้ งมัสยิด สง่ิ ก่อสร้างมากกว่า 300
แห่ง ทรงใหม้ กี ารบรู ณะโดมศิลาทอง (Dome of the Rock)
โดยประดบั ดว้ ยลวดลายเรขาคณติ ทล่ี ะเอยี ดงดงาม ใชเ้ วลา
ในการบรู ณะนาน 7 ปี ทำ� ให้โดมศิลาทองมคี วามงดงามมา
จนถงึ ปัจจุบัน

120

บทท่ี 2
ประวตั ิศาสตรศ์ ิลปะอสิ ลาม

Salaimaniye Mosque
Interior View
Ottoman, AD 1550
Istanbul, Uzebekistan
121

บทท่ี 2
ประวตั ศิ าสตรศ์ ิลปะอสิ ลาม

มสั ยดิ สุลัยมานเิ ย เพชรนำ�้ เอกของสถาปตั ยกรรมออตโตมนั หลงั น้ี
(Salaimaniye สร้างในสมัยของสุลต่านสุลัยมานผู้งามสง่า มินาเรต
Mosque) ท้ังสี่ต้นของมัสยิดหมายถึงสุลัยมานเป็นสุลต่าน
องคท์ ี่ 4 นบั ตง้ั แตส่ ถาปนาอสิ ตนั บลู เปน็ ราชธานี จำ� นวน
อสิ ตันบลู ชนั้ ของระเบยี งของมนิ าเรตทงั้ สต่ี น้ รวมเปน็ 10 ชนั้ หมาย
ประเทศตรุ กี ถงึ สลุ ยั มานเปน็ สลุ ตา่ นองคท์ ี่ 10 ของราชวงศอ์ อตโตมนั
ผังของมัสยิดสุลัยมานิเย น�ำแบบอย่างมาจากผังของ
(AD 1550) ฮาเกียโซเฟีย ซึ่งผังดังกล่าวช่วยให้อาคารมีพื้นที่
ละหมาดกวา้ งขวาง

Bibi Khanum Mosque

Timurid, AD 1399-1404
Samarkand, Uzebekistan

122

Bibi Khanum Mosque
Interior View
Timurid, AD 1399-1404
Samarkand, Uzebekistan

Bibi Khanum Mosque
Interior View

Timurid, AD 1399-1404
Samarkand, Uzebekistan

บทที่ 2
ประวัตศิ าสตร์ศลิ ปะอสิ ลาม

แชชแมร์ แชชแมร์คือจุดจ่ายน�้ำสาธารณะที่ตั้งอยู่ที่มุม
(çeşme/ Turkish ใดมุมหนึ่งของมัสยิด โรงเรียน สุสาน พระราชวัง เรือน
fountain) ของคหบดี และอนื่ ๆ ส�ำหรบั แจกจา่ ยนำ้� เป็นทานใหแ้ ก่
ผู้คนทั่วไป มักแกะสลกั เป็นลายพืชพรรณในสวรรค์ เช่น
อสิ ตนั บลู ตน้ อนิ ทผลัม ทบั ทิม องุน่ ดา้ นบนสลักชอื่ ผ้บู ริจาคทุนใน
ประเทศตุรกี การสรา้ งและบทภาวนาสำ� หรบั ใหผ้ ทู้ ม่ี ารบั นำ้� ภาวนาให้
แก่ดวงวิญญาณของผบู้ ริจาค
(AD 1728)

çeşme

Ottoman, AD 1728
Istanbul, Turkey

124

บทท่ี 2
ประวตั ศิ าสตรศ์ ิลปะอสิ ลาม

อิซนกิ “อิซนกิ (Iznik Pottery)” เป็นงานกระเบือ้ งและ
(Iznik Pottery) เคร่ืองถ้วยท่ีเป็นเอกลักษณ์ของศิลปะตุรกี ได้รับอิทธิพล
และกรรมวิธีการผลิตแผ่นกระเบื้องจากมัมลูค มักใช้
อิสตนั บูล ตกแตง่ สว่ นสำ� คญั ของอาคาร เชน่ ประต ู หออะซาน และ
ประเทศตุรกี ซ้มุ ชมุ ทิศในการละหมาด เอกลกั ษณ์ของกระเบอื้ งเครอ่ื ง
ถว้ ยอซิ นกิ คอื เสน้ ขอบทค่ี มชดั , ลวดลายเขยี นเปน็ อกั ษร
(AD 1575) วิจิตรหรือลายพรรณพฤกษาที่น�ำมาเรียงต่อกันเป็นภาพ
จ�ำลองของสวนในสวรรค์ผสมผสานกับสีอันสดใส และ
ผวิ กระเบื้องที่เผาเคลอื บอย่างเงางาม

“ เ ค ร่ื อ ง ถ ้ ว ย เ ป ลื อ ก ไ ข ่” หรือ
“เคร่ืองปั้นดินเผาชนิดเน้ือกระเบื้อง
(porcelain)” เป็นอีกหนงึ่ เคร่ืองปนั้ ดินเผา
อิซนิกท่ีมีช่ือเสียงมากที่สุด ด้วยความท่ี
มีคุณภาพสูง มีความโปร่ง เนื้อแข็งแรง
ทนทาน โดยนิยมเคลือบด้วยสีน้�ำเงิน
จากแร่โคบอลต์เพียงสีเดียว มีการวาด
ลายบนเน้อื ภาชนะสขี าว ไดร้ ับอิทธิพลมา
จากเครอื่ งลายครามจากจนี จากการคา้ ขาย
ระหว่างราชส�ำนัก ออตโตมันกับราชวงศ์หมิง
ซึ่งออตโตมันรับเทคนิครูปแบบน้ีมาจากราชวงศ์
ตมิ รู ดิ อีกทอดหน่ึง

Iznik Pottery

Ottoman, AD 1575
Istanbul, Turkey

125

บทที่ 2 ภาพประกอบในสมยั นม้ี คี ำ� เรยี กทว่ี า่ “จลุ จติ ร-
ประวตั ิศาสตร์ศลิ ปะอสิ ลาม กรรมออตโตมัน” หรือ “จุลจิตรกรรมตุรกี (Turkish
Miniature)” เป็นส่วนหน่ึงของหนังสือขนาดเล็กที่
ภาพประกอบ ประกอบด้วยศิลปะการวาดภาพ การเขียนอักษรวิจิตร
(Illustration)
การผลิตกระดาษ และการเข้าเล่ม
หนงั สอื ลกั ษณะของภาพประกอบจะ
ไมใ่ หเ้ กดิ ความเสมอื นจรงิ ภาพตา่ งๆ
จะท�ำหน้าที่เล่าเร่ือง บันทึก และ
บอกเล่าถึงส่ิงท่ีเกิดข้ึนเท่านั้น เช่น
การท�ำงานในราชส�ำนักออตโตมัน
ภาพดาราศาสตร์ เหตุการณ์ส�ำคัญ
ทางประวัติศาสตร์ ภาพเสมือนของ
สุลต่าน การใช้ชีวิตส่วนพระองค์
ภาพนทิ าน บททำ� นาย และการแพทย์
เปน็ ตน้
ในช่วงสมัยของสุลต่าน
อะเหม็ดที่ 1 (Sultan Ahmed I) เกดิ
ความนิยมแบบใหม่ คือ “มูรัคคาร์
(Muraqqa)” เป็นหนังสือภาพ
จิตรกรรมท่ีรวบรวมภาพขนาดเล็ก
อักษรวิจิตร และบทกวีไว้ด้วยกัน
ลักษณะของมูรัคคาร์ส่งอิทธิพลไป
ถึงราชวงศ์ศอฟาวียะฮ์ และราชวงศ์
โมกุลในอนิ เดียในเวลาต่อมา

Iluustration
Ottoman

126

บทที่ 2
ประวัตศิ าสตรศ์ ลิ ปะอิสลาม

อักษรวิจิตรแบบ การเขยี นแบบสองดา้ นหรอื ทเ่ี รยี กวา่ “มเู ซน็ นา่ ”
เขยี นสองดา้ น นิยมใช้เป็นลายตกแต่งตามศาสนสถานและพระราชวัง
(Müsenna) ส่วนใหญ่เขียนเป็นข้อความสรรเสริญพระเจ้าหรือ
ข้อความจากคัมภีร์อัลกุรอ่าน บางแห่งเขียนผูกลายเป็น
บรู ซ์ ่า รูปใบหนา้ คนหรือเปน็ รูปสตั ว์ตา่ งๆ
ประเทศตุรกี
Müsenna
(AD 1728) Ottoman
Bursa, Turkey

127

SAFAVID

ราชวงศศ์ อฟาวยี ะฮ์

Safavid

AD 1501 - 1732
AH 907 - 1145



บทท่ี 2
ประวตั ิศาสตรศ์ ลิ ปะอิสลาม

ราชวงศ์ศอฟาวียะฮ์
(Safavid)

AD 1501 - 1732 / AH 907 - 1145
รวมระยะเวลาท้งั สิ้น 231 ปี

เป็นหนึ่งในอาณาจักรเปอร์เซียที่ปกครองเหนือ
ดินแดนประเทศอิหร่านในปัจจุบัน ได้รับการกล่าวขานว่า
เปน็ ยคุ ทองของอาณาจกั รเปอรเ์ ซยี สมยั หนง่ึ อาณาเขตของ
ศอฟาวียะฮ์ (Safavid) ครอบคลุมพ้ืนท่ีของหลายประเทศ
ในปัจจุบัน ท้ังอิหร่าน อาเซอร์ไบจาน บาห์เรน อาร์เมเนีย
อิรัก คูเวต และอัฟกานิสถาน มีการขยายอิทธิพลไปอย่าง
กวา้ งขวาง สามารถครอบครองจกั รวรรดเิ ปอรเ์ ซยี ไดท้ ง้ั หมด
กล่าวได้ว่าการขยายอ�ำนาจของศอฟาวียะฮ์นับเป็นชัยชนะ
ท่ยี งิ่ ใหญท่ ส่ี ุดของอาณาจักรมุสลิมเหนือดินแดนเปอรเ์ ซีย5

5 ปยิ ะแสง จันทรวงศ์ไพศาล. (2561). ศิลปะอิสลาม. หน้า229

130

บทท่ี 2
ประวัติศาสตร์ศลิ ปะอิสลาม

ในด้านวัฒนธรรมและศิลปะ ราชวงศ์ศอฟาวียะฮ์
เปน็ เหมอื นศนู ยก์ ลางของศลิ ปวฒั นธรรมอสิ ลามทมี่ อี ทิ ธพิ ล
ไปถึงราชวงศ์โมกุลในอินเดีย นับได้ว่าเป็นยุครุ่งเรืองของ
ศิลปะอิสลามสายเปอร์เซีย โดยเฉพาะด้านสถาปัตยกรรม
จติ รกรรม อกั ษรประดษิ ฐ์ และศลิ ปะการทำ� หนงั สอื รปู แบบ
ทางสถาปัตยกรรมของศอฟาวียะฮ์มีความโอ่อ่าและใหญ่
โต มีพัฒนาการที่ต่อเนื่องมาจากสถาปัตยกรรมอิสลามใน
เปอร์เซีย ท่ีใช้ประตูทางเข้าโค้งอาร์คขนาดใหญ่ การสร้าง
โดมหัวหอมขนาดใหญ่ การประดับด้วยกระเบ้ืองโมเสก
เคลือบเขียนสี การวางผังพระราชวังที่อยู่ในสวน และการ
ใช้ระบบชลประทานเข้ามาชว่ ยสรา้ งความสวยงาม
ศลิ ปกรรมยคุ นเ้ี นน้ การใช ้ วศิ วกรรมใหมๆ่ เพอ่ื ให้
เกิดความงามรวมถึงประโยชน์การใช้สอย ท�ำให้เกิดความ
อลังการของสถาปัตยกรรมมากขึ้น เช่น การเจาะผนังเป็น
รปู เครอ่ื งดนตรเี พอ่ื ใหม้ เี สยี งไพเราะและดงั กงั วาน ดงั เชน่ ใน
พระราชวงั อาลกี าปู ทเ่ี มอื งอสิ ฟาฮาน, การเพม่ิ มติ ใิ นชอ่ งวง
โคง้ แบบมกุ อ็ รนสั และการเพมิ่ โวลเพอ่ื กระจายแรง ทงั้ หมด
น้ีเป็นจดุ เดน่ ในเร่ืองโครงสร้างทางวิศวกรรม ทีป่ ระกอบเขา้
กันกับสนุ ทรียศาสตร์
งานจุลจิตรกรรม (Miniature art) ได้อุปถัมภ์
จติ รกรจำ� นวนมากในการเขยี นภาพประกอบวรรณกรรมและ
พงศาวดารของเปอรเ์ ซีย อกี หน่ึงงานโดดเด่นในยุคน้ี ไดแ้ ก่
งานพรมทมี่ ีลวดลายอันวจิ ิตร มีลายละเอยี ดสวยงามท่เี ป็น
ท่กี ลา่ วขานถึงความงามแบบพรมเปอร์เซยี

131

บทท่ี 2
ประวตั ิศาสตรศ์ ิลปะอิสลาม

มสั ยิดซาห์ หรอื มสั ยดิ ซาห์ หรอื มสั ยดิ อมิ าม (Imam Mosque)
มสั ยิดอิมาม เปน็ ผลงานสถาปตั ยกรรมทย่ี งิ่ ใหญท่ ส่ี ดุ และโดง่ ดงั มาก
(Imam Mosque) ท่สี ุดของสมยั ศอฟาวยี ะฮ์ เป็นสถาปัตยกรรมและศลิ ปะ
ช้ันเลิศแห่งเปอร์เซีย ใช้เวลาในการสร้าง 18 ปี สร้าง
อสิ ฟาฮาน ขึ้นใจกลางของกรุงอิสฟาน เปน็ ศูนย์กลางท่รี วมทั้งดา้ น
ประเทศอิหรา่ น ศาสนา, พระราชวัง และตลาด ทำ� ใหเ้ ปน็ ทร่ี ู้จกั กันในช่ือ
“จัตรุ สั อิมาม (Imam Square)”
(AD 1611 / AH 1020)

สถาปนกิ ไดค้ ดิ คน้ รปู แบบในการประดบั ประดา
ผนังอาคารมัสยดิ ด้วยการใช้กระเบื้องเคลือบ 7 สี สร้าง
สีสันและลวดลายบนผนัง เพดาน และตัวอาคารให้มี
ประกายเม่ือถูกแสงอาทิตย์ มีการออกแบบสร้างอิวาน
(Iwan) ซุ้มประตูขนาดใหญ่ 4 ด้านล้อมลานกว้างของ
มัสยิด เปน็ ลกั ษณะครึง่ วงกลมคลา้ ยโค้งพระจนั ทร์ เปน็
ศิลปะแบบ “มุก็อรนัส” ด้วยการแกะสลักให้ดูเหมือน
รงั ผึง้ ประดับด้วยลายเรขาคณติ และอกั ษรประดษิ ฐบ์ น
กระเบอื้ งเคลอื บให้มีความวิจติ ร

132

บทท่ี 2
ประวัตศิ าสตร์ศิลปะอสิ ลาม

Imam Mosque

Safavid, AD 1611
Isfahan, Iran

Imam Mosque
Interior View

Safavid, AD 1611
Isfahan, Iran

133

บทที่ 2
ประวัตศิ าสตร์ศลิ ปะอสิ ลาม

ห้องดนตรใี น พระราชวังอาลีกาปูสร้างขึ้นในสมัยของ
พระราชวัง ชาห์อับบาส ช้ันบนมีห้องดนตรีซ่ึงใช้กลวิธีฉลุลายบน
อาลีกาปู ส่วนบนของผนังและเพดานเพื่อช่วยให้เสียงดนตรีก้อง
(Ali Qapu Palace) กังวาน ลายฉลุเป็นรูปเครื่องถ้วยหลากชนิด คาดว่าได้
แรงบนั ดาลใจมาจากหอ้ งสะสมเครอ่ื งถว้ ยจนี ของบรรดา
อสิ ฟาฮาน สุลต่านในโลกอิสลามสมัยนั้นที่เรียกว่า “ชินิฮาเน”
ประเทศอหิ ร่าน (chinihane)

(AD 1614)

Ali Qapu Palace

Safavid, AD 1614
Isfahan, Iran

134

บทท่ี 2
ประวัตศิ าสตรศ์ ิลปะอิสลาม

ภาพประกอบ ในสมยั ศอฟาวยี ะฮ์ งานภาพประกอบถกู เรยี กวา่
วรรณกรรม
เร่ืองตำ� นาน จุลจิตรกรรมเปอร์เซีย (Persian miniature) ไดร้ ับอทิ ธพิ ล
บรรพกษตั รยิ ์ มาจากจติ รกรรมของยคุ ออตโตมนั และจติ รกรรมจนี โดย
(Shahnama of เขา้ มาท่ีเปอร์เซยี ผา่ นเส้นทางการค้าขาย รวมทงั้ คตนิ ิยม
Shah Tahmas) ในการวาดภาพบุคคลและภูมิทัศน์ซึ่งเป็นอิทธิพลจาก
ตะวนั ตกทเี่ ขา้ มามบี ทบาท จงึ ทำ� ใหจ้ ติ รกรรมศอฟาวยี ะฮ์
ทาบริซ แปลกไปจากวฒั นธรรมอิสลามในอาหรบั
ประเทศอหิ ร่าน “ต�ำนานบรรพกษตั รยิ ์ ซาหน์ ามา (Shahnama)”
เป็นงานประพันธ์ของฟิรดูซี กวีสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 10
(AD 1520 - 1540) เลา่ เรอื่ งราวของกษตั รยิ แ์ ละผกู้ ลา้ ในตำ� นานของเปอรเ์ ซยี

เป็นวรรณกรรมที่ถูกน�ำมา
ถ่ายทอดในโลกอิสลามมา
ตลอด แต่ผลงานท่ีงดงาม
ท่ี สุ ด คื อ ภ า พ ป ร ะ ก อ บ ใ น
ชาหน์ ามาทท่ี ำ� ขน้ึ ในสมยั ของ
ชาห์ตามาสป์ ที่งดงามด้วย
รายละเอียดของลวดลาย
บนเส้ือผ้าของตัวละคร ลาย
ตกแต่งบนอาคาร และพ้ืน
ห ลั ง สี ท อ ง ใ น ฉ า ก ข อ ง ตั ว
ละครสำ� คัญ

Shahnama of
Shah Tahmas
Safavid, AD 1520-1540
Tabriz, Iran

135

MUGHAL

ราชวงศโ์ มกลุ

Mughal

AD 1526 - 1858
AH 932 - 1275



บทที่ 2
ประวตั ศิ าสตรศ์ ิลปะอิสลาม

ยุคกอ่ นราชวงศโ์ มกุล
หรอื สมัยสรัฐสลุ ต่านแห่งเดลี
ความสัมพันธ์ของคนในอาระเบีย กับประเทศใน
อนุทวีป (อนุทวปี อินเดีย คือพน้ื ทที่ างภูมศิ าสตรใ์ นเอเชียใต้
ส่วนใหญ่ต้ังอยู่บนแผ่นดินอินเดีย ประเทศที่อยู่ในอนุทวีป
ได้แก่ บังคลาเทศ ภูฏาน อินเดีย มลั ดฟี ส์ เนปาล ศรลี ังกา
ปากสี ถาน) มมี ากอ่ นสมยั ทา่ นศาสดามฮุ มั มดั ซง่ึ ชาวอาหรบั
นนั้ ตดิ ตอ่ กบั ชาวอนิ เดยี ผา่ นการคา้ ขายทางทะเล มกี ารแวะ
พักท่เี มอื งทา่ ในรฐั เกรละ (Kerala) เพื่อค้าขายและเดนิ ทาง
ตอ่ ส่เู อเชียตะวนั ออกเฉยี งใต้
ในยคุ ของมาลิก บิน ดีนาร์ และ มาลิก บิน ฮาบบี
ในคริสต์ศตวรรษท่ี 7 ประมาณปีคริสต์ศักราชท่ี 629 ได้มี
การ สร้างมสั ยิดหลงั แรกในอนิ เดยี เพือ่ การเผยแพร่ศาสนา
สู่อนุทวีป และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คือ มัสยิดเจอรา-
มาน ยุมอะฮ์ (Cheraman Juma) ที่เมธารา ในเมืองท่า
กลั งก์ านอร์ เปน็ ชว่ งเวลาใกลเ้ คยี งกบั การเขา้ ยดึ ครองแควน้
สินธุ หรือปากีสถานในปัจจุบัน โดยการน�ำของมูฮัมมัด
บิน กอซิม เคาะลีฟะฮ์แห่งราชวงศ์อุมัยยะฮ์ ท�ำให้ศาสนา
อิสลาม ไดเ้ ป็นท่ีรจู้ กั ไปทั่วท้งั อนทุ วีป

138

บทท่ี 2
ประวัตศิ าสตรศ์ ลิ ปะอิสลาม

ชว่ งครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 10-11 (ประมาณปคี .ศ. 901-
1100) ระยะเวลาในชว่ งสมยั ของยคุ อบั บาซยี ะฮ์ (Abbasid),
ฟาฏิมียะฮ์ (Fatimid), เซลจุค (Seljuk) และนัศรียะฮ์
(Nasrid) มกี ารแบง่ เปน็ รฐั ย่อยๆ ซงึ่ ส่วนใหญ่เป็นชาวเตริ ก์
ชาวอฟั กัน และชาวเปอร์เซยี เขา้ มาปกครอง
มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ท่ีบอกว่าอิสลามได้
เดินทางมาถึงอินเดียในช่วงคริสต์ศตวรรษท่ี 10-11 จาก
บันทึกเดินทางของกลุ่มพ่อค้าที่อยู่ทางคุชราต ซึ่งเดินทาง
ไปศึกษาศาสนาอิสลามท่ีประเทศอียิปต์กับอิหม่ามมุตาซิร
(Imam Mustansir) ในสมัยน้ันนิยมการสร้างสุสานส�ำหรับ
ผู้น�ำทางจิตวิญญาณ หรืออิหม่าม เป็นความเช่ือในการขอ
พรต่อพระอัลลอฮ์ ผ่านหลุมศพของผทู้ ่เี ปน็ ผ้นู �ำทางศาสนา
เปน็ อิทธิพลศลิ ปกรรมแบบราชวงศ์ฟาติมยี ะฮ์ (Fatimid)
เมอื่ ครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 12 มฮู มั มดั แหง่ กอร์ (Muham-
mad of Ghor) ได้เขา้ ยดึ ครองอินเดียตอนเหนอื ส�ำเรจ็ และ
กอ่ ตงั้ รฐั สลุ ตา่ นเดลี (Delhi Sultanate) กอ่ นการเขา้ ปกครอง
ของราชวงศโ์ มกลุ (Mughal) มกี ารปกครองแบบรัฐสลุ ตา่ น
ท่ัวอินเดียจากความส�ำเร็จในการเผยแผ่ศาสนา ภายหลัง
ครสิ ตศ์ ตวรรษท่ี 13 สว่ นใหญต่ กอยภู่ ายใตก้ ารปกครองของ
ราชวงศ์ตุ๊คลกั (Tughlaq Dynasty) สลุ ต่านจากเดลี

139

บทท่ี 2
ประวตั ิศาสตร์ศิลปะอิสลาม

มัสยิดกูวาตุ้ล บางส่วนของตัวอาคารมัสยิดมีการใช้เสาของ
อสิ ลาม วิหารแบบฮินดู และเชน ลักษณะของศิลปกรรมถูก
(Quwwat-ul- สร้างคลา้ ยกบั มสั ยิด Minaret of Jam ในอัฟกานิสถาน
Islam Mosque) ภายในมสั ยดิ มหี ออะซาน เรยี กวา่ “คตู บุ๊ มนิ าร (Qutab
Minar)” สรา้ งดว้ ยหนิ ทรายประดบั ดว้ ยลวดลายสวยงาม
Quwwat-ul-Islam Mosque สถาปัตยกรรมอีกหลายแห่งในช่วงก่อนยุค
Mughal ราชวงศ์โมกุล มีลักษณะการใช้วัสดุที่มาจากวัด หรือ
วิหารของฮินดู มีการดัดแปลงจากอาคารเดิม อย่างที่
“มสั ยดิ Adhai Din Ka Jhonpra” มสั ยดิ ในเมอื งอจั เมยี ร
เมืองหลวงของราจัสถาน สร้างในปีคริสต์ศักราชท่ี
1192-1199 มีการส่ังรื้ออาคารเดิมและสั่งให้สร้างใหม่
ภายใน 60 ช่ัวโมง แต่ช่างสามารถสร้างเสร็จแค่ส่วนที่
เปน็ เมยี๊ ะหรอ็ บ (Mihrab) เพอื่ ทำ� การละหมาดและสรา้ ง
ทเี่ หลอื ตอ่ จากนน้ั ลกั ษณะสถาปตั ยกรรมและศลิ ปกรรม
เหล่านี้ยังมีความโดดเด่นมาจนถึงราชวงศ์ตุ๊คลัก
(Tughlaq Dynasty) นยิ มใชห้ นิ ทรายสีแดง การตกแตง่
กระเบ้ืองสีเคลือบเงา ใกล้เคียงกับรูปแบบของอิหร่าน
และอฟั กานิสถานในแถบเอเชียกลาง

140

บทที่ 2
ประวตั ิศาสตร์ศิลปะอสิ ลาม

มสั ยิดจามา รปู แบบสถาปตั ยกรรมกอ่ นเขา้ สชู่ ว่ งยคุ ราชวงศ์
กัลปบ์ ากา โมกุลที่โดดเด่นอีกรูปแบบหนึ่ง จากมัสยิดจามา กัลป์-
(Jama Mosque บากา (Jama Mosque Gulbarga) เกิดในยุครฐั สลุ ตา่ น
Gulbarga) แห่งเด๊กข่าน (Deccan sultanates) มัสยิดน้ีถือเป็น
ตัวอย่างท่ีดีท่ีสุดแห่งหน่ึงของสถาปัตยกรรมมัสยิดใน
Jama Mosque Gulbarga เอเชียใต้ มีการตกแต่งภายในแบบสเปน มีโดมขนาด
ใหญ่ มุมทั้ง 4 ของมัสยิดล้อมด้วยโดมขนาดกลาง
ภายในเป็นช่องโค้ง Arch แบบมัวร์ ถือเป็นรูปแบบ
สถาปัตยกรรมท่มี ีเพียงไมก่ แี่ หง่ ในอินเดีย
ลกั ษณะงานจติ รกรรมในชว่ งน้ี มกี ารเขยี นภาพ
จิตรกรรมประกอบหนังสือ ในยุคแรกนั้นเป็นการเขียน
ภาพตามรปู แบบศาสนาพทุ ธ เชน ฮนิ ดู สกลุ ชา่ งทโี่ ดดเดน่
ในงานดา้ นน้ี คอื สกุลชา่ งราชปุต ในราจัสถาน รปู แบบ
งานนเี้ รียกวา่ “Chaurapnshasika Style” ในภายหลงั มี
การตดิ ตอ่ กบั เปอรเ์ ซยี ทำ� ใหเ้ รมิ่ มกี ารเขยี นภาพประกอบ
หนังสือในรูปแบบ Indo-Persian Style หรือสกุลช่าง
แบบโมกุลนน่ั เอง

141

บทที่ 2
ประวตั ศิ าสตรศ์ ิลปะอิสลาม

ราชวงศ์โมกุล
(Mughal)

AD 1526 - 1858 / AH 932 - 1275
รวมระยะเวลาท้งั สนิ้ 332 ปี

ราชวงศ์โมกุล (Mughal) เป็นจักรวรรดิที่มี
อารยธรรมเก่าแก่ มีการผสมผสานอารยธรรมอิสลามกับ
อารยธรรมฮินดูในอินเดีย ก่อนคริสต์ศตวรรษที่ 16 ในปี
คริสต์ศกั ราชที่ 1526 ซยั ลุดดีนมฮู ัมมดั บบั ริ หรือจักรพรรดิ
บาบรู ์ (Zahir-ud-din Muhammad babur) มุสลิมเชื้อสาย
เตอร์โก-มองโกล แห่งราชวงศ์ติมูริด มีชยั ชนะเหนือกษัตริย์
อิบรอฮิม กลายเป็นผู้ก่อตั้งราชวงศ์ โมกุล ท่านขยาย
อาณาจกั รลงมาเรอ่ื ยๆ ทา่ นมคี วามสมั พนั ธอ์ นั ดกี บั ราชวงศ์
ศอฟาวียะฮ์ในเปอร์เซีย ในขณะเดียวกันยังสร้างมิตรภาพ
อันดกี ับราชวงศอ์ อตโตมนั ดว้ ยเช่นกัน

142

บทที่ 2
ประวัติศาสตร์ศิลปะอิสลาม

ราชวงศ์โมกุลปกครองภายใต้ระบอบกษัตริย์จน
มาส้ินสุดยุคสมัย เมื่อรัชสมัยของกษัตริย์บาฮาดูชาร์ ท่ี 2
(Bahadur Shah II) ซึ่งเป็นกษัตริย์องค์ที่ 19 ของราชวงศ์
โมกลุ กอ่ นจะถกู องั กฤษเขา้ ยดึ ครอง อนงึ่ คำ� วา่ “โมกลุ ” เปน็
ภาษาฟาร์ซหี มายถึงมองโกล ส่ือถึงบรรพบุรษุ ของชาห์แห่ง
อินเดียทส่ี ืบเชอ้ื สายมาจากจักรพรรดมิ องโกล
ในทางศิลปะและวัฒนธรรม จักรพรรดิบาบูร์เป็น
ผทู้ ม่ี เี ชอื้ สายทม่ี คี วามผสมผสานของวฒั นธรรมเอเชยี กลาง
เป็นอย่างมาก ท่านเป็นผู้ที่มีความสามารถ อีกท้ังยังเป็น
ผเู้ ชยี่ วชาญทางบทกวที ม่ี คี วามไพเราะ มกี ารนำ� วรรณกรรม
และดนตรีจากเปอร์เซียเข้ามาเผยแพร่ในอินเดีย จนท�ำให้
ทา้ ยทสี่ ดุ ศลิ ปะของราชวงศโ์ มกลุ นน้ั เปน็ การรบั อทิ ธพิ ลจาก
วฒั นธรรมเปอรเ์ ซยี และหลอ่ หลอมเขา้ กบั วฒั นธรรมทอ้ งถนิ่
ของอินเดีย กลายเป็นวัฒนธรรมใหม่ของราชวงศ์โมกุลท่ีมี
ความแตกต่างไปจากอารยธรรมอสิ ลามดั้งเดิม

143

บทที่ 2
ประวัตศิ าสตรศ์ ลิ ปะอสิ ลาม

ต่อมาเป็นยุคของนัสลุดดีนมุฮัมมัดฮุมายูน
(Nasir-ud-din muhammad Humayun) หรือฮุมายูน
ปกครองราชวงศ์โมกุลเพียง 10 ปี ก็ถูกยึดอ�ำนาจโดย
ชชี านซูรี (Sher Shah Suri) ซงึ่ เป็นพวกอัฟกนั และปาทาน
มีการก�ำหนดค่าเงินรูไปยา ซ่ึงต่อมาคือค่าเงินสกุลรูปีที่ใช้
กันในปัจจุบัน ในช่วงปีคริสต์ศักราชที่ 1555 ฮุมายูนได้น�ำ
วฒั นธรรมเปอรเ์ ซียเขา้ มาในอินเดยี อยา่ งจริงจัง
เม่ือยุคสมัยของญาลาลุดดีนมุฮัมมัดอักบาร์
(Jalalud-din Muhammad Akbar) ขน้ึ เปน็ กษตั รยิ แ์ ตย่ งั อายุ
น้อย จึงได้แต่งต้ังไบรัมข่านข้ึนเป็นผู้ว่าราชการแทน ท่าน
ได้กลายเป็นแบบอย่างให้กษัตริย์รุ่นต่อๆมา ท้ังชาห์ฮังคีร์
(Jahangir) และชาจาฮาน (Shah Jahan)

144

บทท่ี 2
ประวัติศาสตรศ์ ิลปะอสิ ลาม

Taj mahal เมื่อถึงรัชสมัยจักรพรรดิชาห์ฮังคีร์ ท่านสนใจ
วิทยาการใหม่ๆ จากโลกตะวนั ตก เชน่ การเปดิ กวา้ งใหเ้ ข้า
Mughal, AD 1632-1654 มาเผยแพรศ่ าสนาครสิ ต์ การสรา้ งเหรยี ญกษาปณแ์ บบยโุ รป
Agra, India และมีการสรา้ งงานจติ รกรรมตะวันตกเป็นจ�ำนวนมาก
รัชสมัยต่อมา เรียกได้ว่าเป็น “ยุคทองแห่ง
สถาปตั ยกรรมโมกลุ ” คอื รชั สมยั ของจกั รพรรดชิ าหซ์ ะฮาน
สถาปตั ยกรรมทม่ี ชี อ่ื เสยี งมากทสี่ ดุ และเปน็ ทรี่ จู้ กั ไปทว่ั โลก
คอื “ทัชมาฮาล (Taj Mahal)”
จนถงึ ยคุ ทรี่ งุ่ เรอื งและถอื วา่ รำ่� รวยทส่ี ดุ ในโลกเวลา
นน้ั นั่นคือยุคของออรังเซพ (Muhy-ud-din Muhammad
Auragzeb) เป็นนักรบท่ีเข้มแข็ง ขยายดินแดนของ
อาณาจักรโมกุลไปถึงตอนใต้ แต่ในขณะเดียวกันก็มี
นโยบายการปกครองทท่ี ำ� ใหเ้ กดิ ความระสำ่� ระสา่ ยและเปน็
จดุ เริ่มต้นของการเสื่อมอ�ำนาจของอาณาจกั รโมกุล
จากการที่ศิลปกรรมและวัฒนธรรมได้รับการ
ผสมผสานจากรูปแบบเปอร์เซีย ท�ำให้เกิดศิลปะอิสลาม
ที่หลากหลาย เช่นการสร้างอีวาน หรือซุ้มประตูขนาดใหญ่
แบบเปอรเ์ ซยี หรอื รปู แบบโคง้ อารค์ (Arch) แบบจดุ เดยี วทรง
กลม ในการใช้สีและวสั ดจุ ะมีความแตกตา่ งจากความเป็น
เปอร์เซยี โดยมกี ารประดบั ด้วยหนิ สี อญั มณี หรือทองแดง
ทองเหลอื ง และทอง สว่ นงานแกะสลกั หนิ หนิ ออ่ น หนิ ทราย
สีชมพู จากการผสมผสานและพัฒนาต่อยอดท�ำให้เกิด
รปู แบบเอกลกั ษณเ์ ฉพาะถนิ่ รปู แบบของงานจติ รกรรมสมยั
โมกุล เป็นงานเขียนภาพขนาดเล็ก (miniature) ซึ่งเป็นท่ี
นิยมมาก ได้รับอิทธิพลจากเปอร์เซีย เป็นภาพประกอบใน
หนงั สือตา่ งๆ

145

บทท่ี 2
ประวัตศิ าสตรศ์ ิลปะอสิ ลาม

146

บทที่ 2
ประวัตศิ าสตรศ์ ลิ ปะอิสลาม

Taj mahal
Mughal, AD 1632-1654
Agra, India
147

บทที่ 2
ประวตั ิศาสตรศ์ ลิ ปะอสิ ลาม

ทชั มาฮาล ทัชมาฮาลเป็นสถาปัตยกรรมท่ีเกิดการผสม
(Taj mahal) ผสานระหวา่ งสถาปตั ยกรรมเปอรเ์ ซยี และสถาปตั ยกรรม
โมกลุ เขา้ ดว้ ยกนั ซงึ่ ศลิ ปะโมกลุ เปน็ ศลิ ปะทไี่ ดร้ บั อทิ ธพิ ล
อกั รา มาจากวฒั นธรรมอินโดอิสลาม
ประเทศอนิ เดยี ทัชมาฮาลแห่งนี้สร้างด้วยหินอ่อนสีขาวงาช้าง
(AD 1632 - 1654) พ้ืนท่ีอาคารมี 3 สว่ น อาคารหลกั คือสุสานอนุสาวรีย์ เป็น
จุดก่ึงกลางของสถาปัตยกรรมท้ังหมดในเขตทัชมาฮาล
Taj mahal มีมัสยิดและเกสต์เฮาส์ขนาบข้างฝั่งซ้าย-ขวา ท้ังพ้ืนท่ี
Mughal, AD 1632-1654 อาคารและการจัดสวน การจัดวางโดมและมินาเรตเช่น
Agra, India น้ีเป็นต้นแบบให้แก่มัสยิดหลายแห่งในเอเชียตะวันออก
เฉยี งใตร้ วมถงึ มัสยดิ ในประเทศไทยดว้ ย
ที่ปลายยอดโดมกลางและโดมรองของมัสยิด
เปน็ ทรงกลบี ดอกไมค้ วำ�่ ตามแบบศลิ ปะโมกลุ ของอนิ เดยี
ประดับด้วยลวดลายพรรณพฤกษาแบบโมกุล และบท
โองการจากอัลกุรอาน

148

ฟาตปิ รู ์สิกรี พระราชวงั ฟาตปิ รู ส์ กิ รี (Fathipur Sikri) สรา้ ง
(Fathipur Sikri) ในสมัยของอักบาร์ โดยช่างฮินดู อาคารจึงใช้ระบบ
คานพาดเสา และมีลายจ�ำหลักท่ีหัวเสากับคันทวย
อักรา อย่างรุ่มรวยตามแบบแผนของสถาปัตยกรรมฮินดู
ประเทศอินเดยี หากแต่ไม่ได้แกะเป็นรูปเคารพ ส่วนของมัสยิดใน
พระราชวังเป็นสถาปัตยกรรมอิสลามแบบเปอร์เซีย
(AD 1571 - 1585 / ผสมกับสถาปัตยกรรมท้องถ่ิน ใช้หลังคาโดมและ
AH 979 - 993) ซุ้มประตูใหญ่ที่เจาะเป็นช่องอิวานขนาดใหญ่แบบ
เปอร์เซีย เหนือประตูประดับด้วยหอคอยขนาดเล็ก
ที่มีหลังคาทรงโดมเรียกว่า “ฉัตรี” ท่ีพบทั่วไปใน
สถาปัตยกรรมฮินดู สีแดงของหินทรายท่ีเป็นวัสดุ
ก่อสร้างอาคาร ตัดกับสีขาวของหินอ่อนท่ีฝังเป็นลาย
ประดบั ตามผวิ อาคารฟาตปิ รู ส์ กิ รเี ปน็ ความงามทเี่ ปน็
เอกลกั ษณ์ของสถาปัตยกรรมสมยั ราชวงศ์โมกลุ

บทท่ี 2
ประวตั ศิ าสตร์ศิลปะอสิ ลาม

จาลี (Jali) จาลีเป็นภาษาฮินดี เป็นค�ำเรียกแผงฉลุลาย
ตามช่องหน้าต่างเพื่อช่วยระบายอากาศ รับแสง และ
อะเมดาบดั สร้างลวดลายที่สวยงามยามท่ีแสงส่องเข้ามาในอาคาร
ประเทศอินเดีย จาลีที่งดงามพบที่มัสยิดซิดีซาอิด เป็นภาพต้นไม้ท่ีแผ่
ก่ิงก้านอันเล็กเรียวงามออกไปคล้ายก�ำลังเต้นร�ำอย่าง
(AD 1572) งดงาม

Jali

Mughal, AD 1572
Ahmedabad, India

150


Click to View FlipBook Version