2
3 ค ำน ำ จากที่ชมรมต่อเรือเล็กได้ท าบทความ วิธีต่อเรือเล็กด้วยตัวเอง ในรูปแบบของ ไฟล์ PowerPoint ที่สามารถเปิดอ่านได้ทางสมาร์ทโฟน, แท้ปเล็ต, โน้ตบุ้ค และ พีซี (ส่วนมากจะอ่านกันผ่านทางสมาร์ทโฟน) ที่ทุกคนมีใช้กันอยู่ ซึ่งจะมีอุปสรรค ในการอ่านพอสมควร เนื่องจากตัวอักษรที่มีขนาดเล็ก หากต้องขยายตัวอักษร ก็ ต้องเลื่อนข้อความเหล่านั้นไปมา ท าให้การอ่านไม่ต่อเนื่อง ดังนั้นทางชมรมฯ จึงจัดท าบทความวิธีต่อเรือเล็กด้วยตัวเองเสียใหม่ ให้มา เป็นเป็นรูปเล่มแบบหนังสือทั่วไป (ขนาด A 4 ) ซึ่งจะสะดวกในการอ่านกว่า และ เปิดดูได้ทุกเวลาเท่าที่ต้องการ อย่างไรก็ตาม การจัดพิมพ์หนังสือแบบกระดาษนั้น มีขั้นตอนยุ่งยากมาก และ มีต้นทุนสูงเพราะต้องพิมพ์ เป็นจ านวนพันเล่มขึ้นไป แต่ปัจจุบันนี้ระบบพิมพ์ด้วย ดิจิตอลเลเซอร์ ท าให้สามารถพิมพ์ ตามจ านวนที่ต้องการได้ ( P rint on demand ) แม้จะมีต้นทุนต่อเล่มที่แพงกว่า การจัดพิมพ์แบบทั่วไปมากพอสมควร แต่ ด้วยจ านวนพิมพ์เท่าที่มีผู้สั่งจองไม่มาก ก็จะลดต้นทุนของผู้จัดพิมพ์ไปได้บ้าง ดังนั้นทางชมรมฯ จึงน าบทความวิธีต่อเรือเล็กด้วยตัวเอง มาปรับปรุงแก้ไข ให้เหมาะกับการพิมพ์ด้วยกระดาษ ในรูปแบบขาว/ด า (ประหยัดค่าพิมพ์ไปได้มาก) โดยแก้ไข และเพิ่มเติมเนื้อหาสาระใหม่อีกพอสมควร หนังสือวิธีต่อเรือเล็กด้วยตัวเอง ไม่ได้มีวางจ าหน่ายทั่วไป จะจัดพิมพ์เพื่อ สมาชิกของชมรมฯ ตามจ านวนที่สั่งจองเท่านั้น ซึ่งคาดว่าคงมีผู้สนใจไม่มากนัก ทั้งนี้มาจากประสบการณ์ ที่เคยพิมพ์หนังสือในลักษณะ กึ่งวิชาการมาหลายเล่ม (บ้านเรามีผู้สนใจอ่านหนังสือกันน้อยมาก) ดังนั้นการพิมพ์จ านวนน้อย จึงมีต้นทุน ต่อเล่มค่อนข้างสูง ท าให้ราคาขายสูงตามไปด้วย อย่างไรก็ตามหนังสือเล่มนี้ เป็นความต้องการของสมาชิกชมรมส่วนหนึ่ง ที่มี ปัญหาจากการอ่านบทความเรื่องนี้ (โพสท์เอาไว้ในเฟสบุ้คของชมรมแล้ว) ผ่าน ทางสมาร์ทโฟน ซึ่งอ่านได้ยากอยู่สักหน่อย จึงน ามาเรียบเรียงใหม่ให้เป็นรูปแบบ ของหนังสือดังที่เห็นกันอยู่นี้ ผู้เรียบเรียงหวังว่าหนังสือ วิธีต่อเรือเล็กด้วยตัวเอง เล่มนี้ คงจะได้ใช้เป็น ประโยชน์กับผู้สนใจ กับการต่อเรือด้วยตัวเองได้บ้างไม่มากก็น้อย.
4 เกยี่วกบัหนงัสอืเลม่นี้ หนังสือ วิธีต่อเรือเล็กด้วยตัวเอง เป็นหนังสือแนะน า วิธีต่อเรือไม้อัดขนาดเล็ก (ความยาวไม่เกิน 14 ฟุต หรือประมาณ 4 เมตร) ซึ่งเหมาะที่จะใช้กับงานตกปลา ชายฝั่งทั้งแหล่งน้ าจืด และทะเล ซึ่งเน้นที่จะใช้พาย หรือกรรเชียงเป็นหลัก แต่เรือ ขนาดนี้ก็สามารถ ติดตั้งเครื่องยนต์ขนาดเล็กได้เช่นกัน ลักษณะของเรือไม้ขนาดเล็ก จะครอบคลุมไปถึงพาหนะแบบ แพดเดิ้ล บอร์ด ( Stand up Paddle Board เรียกกันสั้นๆ ว่า ซัพ บอร์ด : SUP Board ) ซึ่งถูก ปรับปรุงแบบมาให้เหมือนเรือ เพื่อใช้ตกปลาได้ดีในทุกวันนี้ การต่อเรือนั้น มีโรงเรียนสอนการต่อเรือโดยตรง ทั้งในบ้านเรา และทางต่าง ต่างประเทศ ซึ่งเป็นการสอนถูกต้อง ตามหลักวิชาการของการต่อเรือ แต่หนังสือ วิธีต่อเรือเล็ก เล่มนี้ ไม่ได้มีหลักวิชาการตามที่ เขาสอนกันในโรงเรียนต่อเรือแต่ อย่างใด เป็นเพียงน าประสบการณ์ ที่เคยต่อเรือมาก่อนมาแนะน ากัน ทั้งนี้การต่อ เรือไม้ขนาดเล็ก ความยาว 10-14 ฟุต ไม่จ าเป็นต้องถูกต้องตาม หลักวิชาการ เท่าใดนักก็ได้ เพียงให้สามารถน าไปใช้งานได้ก็พอแล้ว หนังสือเล่มนี้ มีจุดประสงค์เพียงให้นักตกปลา และผู้สนใจจะมีเรือไว้ใช้งาน ได้มีพาหนะขนาดเล็ก ที่สามารน าไปใช้งาน ตามชายฝั่งทั้งแหล่งน้ าจืด และทะเล ได้ ดังนั้นรูปทรงของพาหนะ จึงมีหลายรูปแบบทั้ง เรือพายขนาดเล็ก, แพดเดิ้ล บอร์ด ,คายัค และแคนู เหล่านี้เป็นต้น วิธีต่อเรือเล็กด้วยตัวเอง เน้นไปในด้านต่อเรือด้วยวิธีง่ายๆ ที่ผู้สนใจงานต่อ เรือ สามารถน าไปต่อเรือได้ด้วยตัวเอง ซึ่งจะมีราคาถูกกว่าไปซื้อมา และที่ส าคัญก็ คือ ความภูมิใจที่ต่อเรือได้เอง หนังสือ วิธีต่อเรือเล็กด้วยตัวเอง ได้อธิบายถึง วิธีการใช้เครื่องมือต่างๆ ใน การต่อเรือ, การเลือกใช้วัสดุที่เกี่ยวกับการต่อเรือ, วิธีการต่อเรือ, งานไฟเบอร์ กลาส รวมทั้งวิธีเขียนแปลนเรือด้วยตัวเอง แม้จะไม่ครอบคลุมงานต่อเรือทั้งหมด แต่ก็ใช้เป็นแนวทาง ในการต่อเรือด้วยตัวเองได้พอสมควร งานต่อเรือไม้ขนาดเล็กไม่ได้ยากจนเกินไปนัก ขอเพียงมีฝีมือทางงานช่างอยู่ บ้าง หรือมีเพื่อนที่เป็นงาน และมีเครื่องมือในการต่อเรือที่จ าเป็น ก็เชื่อว่าท่านที่ สนใจการการต่อเรือด้วยตัวเอง สามารถท าได้อย่างแน่นอน.
5 สำรบำญ ค าน า 3 เกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้ 4 แนวคิดวิธีต่อเรือเล็กด้วยตัวเอง 6 ค าถามก่อนจะต่อเรือด้วยตัวเอง 7 ปัญหาของคนมีเรือส่วนตัว 8 ค าแนะน าก่อนจะต่อเรือด้วยตัวเอง 10 จากประสบการณ์ที่ต่อเรือมาบ้าง 11 วัสดุที่ใช้ต่อเรือ 14 เครื่องมือที่ใช้ในการต่อเรือ 16 เลื่อยจิ๊กซอว์ 16 สว่านไฟฟ้า 20 เครื่องเจียร 21 เลื่อยวงเดือน 25 เครื่องขัดไฟฟ้า 27 กบไฟฟ้า 28 ปั้มลม 29 เครื่องยิงตะปู 30 กาพ่นสี 31 เครื่องมือช่างทั่วไป 35 ปากกาจับยึด 36 ส่วนประกอบเรือไม้ 40 กระดูกงูเรือ 41 โขนเรือ 44 กงเรือ 47 ไม้ขนาบกงเรือ 52 การปรับแต่งมุมไม้ 58 การประกอบเปลือกเรือ 59 กราบเรือ 63 ส่วนประกอบอื่นๆ ของเรือ 65 ไฟเบอร์กลาสกับงานต่อเรือ 68 วัสดุใช้กับงานไฟเบอร์กลาส 68 ใยแก้ว 69 เรซิ่น 73 วัสดุประกอบงานไฟเบอร์กลาส 76 อุปกรณ์ใช้กับงานไฟเบอร์กลาส 79 กลุ่มอุปกรณ์หลัก 79 กลุ่มอุปกรณ์ปลีกย่อย 80
6 การจัดเตรียมวัสดุ และอุปกรณ์ 81 งานใยแก้ว 81 งานเรซิ่น 81 อุปกรณ์ล้างเรซิ่น 82 การท างานใยแก้วและเรซิ่น 83 การล้างเรซิ่น 85 วิธีต่อเรือไม้ขนาดเล็ก 89 1. ต่อเรือตามเปลือกเรือ 89 ก.เรียงแผ่นชนขอบ 90 ข. เรียงแผ่นกะดานขอบชิดกัน 90 ค. เปลือกเรือไม้อัด ทับโครงเรือ 91 ง. เปลือกเรือไม้ระแนงแบน 91 จ. เปลือกเรือซ้อนทับกัน 91 ฉ. เปลือกเรือไฟเบอร์ กลาส 92 ช. เปลือกเรือแบบไข้ว 91 2. ต่อเรือตามโครงเรือ 94 ก. แบบโครงเรือถาวร 94 ข. แบบโครงเรือชั่วคราว 95 3. ต่อเรือแบบไม่มีโครงเรือ 96 ก. แบบสตริชท์ แอนด์ กลู 96 ข.แบบใช้ไม้ขนาบเรือ 97 วิธีต่อเรือโดยไม่ใช้แปลนเรือ 98 เรื่องของแปลนเรือ 99 การต่อเรือโดยไม่ใช้แปลน 100 ส่วนก าหนดรูปแบบ และขนาดของเรือ 101 เรือตัวอย่างที่ไม่ใช้แปลน 104 วิธีเขียนแปลนเรือด้วยตัวเอง 108 เขียนแปลนเรือบนพื้นกระเบื้อง 109 เขียนแปลนเรือ บนไม้อัด 110 วิธีตัดไม้อัดให้ลงตัวกับแปลน 111 ทดลองต่อเรือย่อส่วนดูก่อน 112 ความคิดเห็นส่วนตัวส่งท้ายบทความ 113
7 การเปิดเฟสบุ้คกลุ่ม ชมรมต่อเรือเล็ก ขึ้นมา ก็มี จุดประสงค์ เพียงต้องการ ให้นักตกปลาชายฝั่งทั้งน้ า จืด และทะเล ได้มีทางเลือกเพิ่มขึ้น โดยใช้พาหนะไม่ ว่าจะเป็น เรือคายัค, เรือแคนู, เรือพายขนาดเล็ก หรือ แม้แต่ แพดเดิ้ลบอร์ด ให้สามารถพานักตกปลา ออกไปตกปลา ยังนอกชายฝั่งได้เป็นหลัก (พาหนะ ดังกล่าวนั้น อาจจะติดตั้งทรอลลิ่ง มอเตอร์ หรือที่บ้าน เราเรียกกันว่า มอเตอร์ ไกด์ รวมทั้งเครื่องยนต์ติดท้าย ขนาดเล็กได้ด้วย) ดังนั้นการออกแบบพาหนะเหล่านี้ จึงจะเน้นไปที่ ขนาด ซึ่งใช้นั่งได้ 1-2 คน อย่าง ปลอดภัย, มีน้ าหนักเบา, บรรทุกหลังคารถ หรือใช้เทรลเลอร์ที่ลากด้วยรถมอเตอร์ไซด์ หรือด้วยรถจักรยานได้อย่างสะดวก อย่างไรก็ตาม การต่อเรือนั้น ถ้าต่อเรือเล็กได้ ก็ต่อเรือใหญ่กว่าได้ ทั้งนี้ถ้าท่านใด ต้องการจะต่อเรือขนาด 15-20 ฟุต เพื่อใช้กับเครื่องยนต์ติดท้าย 20-50 แรงม้า ก็สามารถท าได้ แต่เห็นว่าเรือ ขนาดดังกล่าว เกินความจ าเป็น ของ การออกไปตกปลานอกชายฝั่ง การ จะซื้อเรือ หรือต่อเรือขึ้นมาเอง ไม่ใช่ เรื่องยากเกินไปนัก (ถ้ามีเงินพอ) แต่ ภาระที่หนักกว่า จะไปอยู่ที่เราจะดูแลเรือกันอย่างไร ดังบทความ ปัญหาของคนมีเรือ ที่ มีให้อ่านกันในตอนต่อไป แนวคิดวิธีต่อเรือเล็กด้วยตัวเอง ทรอลลิ่ง มอเตอร์ นั้นจุดประสงค์ใน การใช้เพื่อเคลื่อนย้ายเรือที่ใช้ เครื่องยนต์ติดท้ายไปแบบเงียบๆ ในขณะตกปลา แต่มีประโยชน์มาก เมื่อน ามาติดตั้งกับเรือขนาดเล็ก Fishing SUP Board SUP Board ลากด้วยจักรยานได้ เรือคายัคติดตั้งทรอลลิ่ง มอเตอร์
8 ก่อนที่เราจะเริ่มลงมือต่อเรือกันนั้น ก็มีค าถามอยู่ 2-3 ข้อ กับผู้ที่คิดจะต่อเรือเล็ก ด้วยตัวเองควรตอบค าถามนั่นก็คือ - ต้องการใช้เรือเพื่ออะไร ? ค าถาม นี้ถ้าถามคนทั่วไป อาจจะตอบยาก เพราะ ไม่รู้ว่า จะมีเรือไปเพื่ออะไร แต่ถ้าเป็นนัก ตกปลา คงตอบได้ง่าย เพราะต้องการ มี เรือเพื่อออกตกปลานั่นเอง - มีความรู้ทางช่างหรือไม่? ทั้งนี้งาน ต่อเรือนั้นเป็นงานที่ต้องใช้ ฝีมือทางช่าง อยู่พอสมควร อาจจะไม่ถึงกับผู้เชี่ยวชาญ แต่พอให้ใช้เครื่องช่างทั่วๆ ไปได้บ้างเท่านั้นก็พอ - หาซื้อวัสดุในการต่อเรือได้ที่ใด? เรือที่จะต่อขึ้นมานั้น เราต้องใช้วัสดุ หลายต่อ หลายอย่างด้วยกันทั้ง ไม้อัด, กาวน็อต/สกรู, เรซิ่น/ไฟเบอร์กลาส, สีโป้ว และสีพ่นตัว เรือ เหล่านี้เป็นต้น เพราะวัสดุเหล่านี้ มีขายเฉพาะในบางท้องถิ่นเท่านั้น - มีงบประมาณ และเวลา ในการต่อเรือแค่ใด? เรื่องนี้ผู้ที่จะคิดต่อเรือ ต้องจัดสรร ด้านการเงิน และเวลาเพราะการต่อเรือ ต้องใช้เงินทุน และเวลาพอสมควร - มีความรู้ในการต่อเรือเพียงใด? เรื่องนี้ค่อนข้างส าคัญ เพราะการต่อเรือมีหลาย ขั้นตอน เราจะรู้วิธีต่อเรือได้จากทางใด ต้องตอบค าถามข้อนี้ให้ได้ จากค าถามดังกล่าวนั้น ผู้ที่คิดจะต่อเรือด้วยตัวเอง ต้องตอบโจทย์ให้ได้เสียก่อน ที่ จะลงมือต่อเรือด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตาม ชมรมต่อเรือเล็ก จะช่วยตอบค าถามส่วน หนึ่งให้ท่านได้. ค ำถำมก่อนจะต่อเรือด้วยตัวเอง ใช้เรือเพื่อการตกปลา งานต่อเรือไม้นั้น จะต้องมีฝีมือทางช่างไม้บ้าง พอสมควร อย่างไรก็ตามงานช่างไม้นั้นฝึกหัด กันได้คือ ต้องลงมือท าให้บ่อย เพื่อให้คุ้นเคย กับการใช้เครื่องมือ นอกจากนี้ก็คือ ขอ ค าแนะน า และเรียนรู้จากผู้มีประสบการณ์
9 อย่างที่มีการพูดกัน ของคนมีเรือว่า คนมีเรือมีความสุขอยู่ 2 วันคือ วันที่ซื้อเรือมา กับวันที่ขายเรือออกไป ก็เลยจะน าปัญหาของการมีเรือว่า มีอะไรกันบ้างมาเล่าสู่กันฟัง เรือที่จะพูดถึงว่ามีปัญหานั้น เป็นเรือขนาด 15 ฟุต (เกือบ 5 เมตร) ขึ้นไป และ ติดตั้งเครื่องเครื่องยนต์เอ้าท์บอร์ด คือ - ที่เก็บเรือ ก่อนจะมีเรือต้องคิดถึง ที่จะ เก็บเรือเมื่อไม่ได้ใช้งาน ถ้าใครอยู่บ้านแบบ เป็นทาวน์เฮ้าส์ จะมีปัญหาในเรื่องที่เก็บเรือ เพราะจะเอาเข้าเก็บในโรงรถ ก็จะต้องเอา รถไว้นอกบ้าน ทาวน์เฮาส์น้อยมาก ที่จะมี โรงรถเก็บได้ 2 คัน หลายท่านต้องน าไป ฝากเก็บในโรงเก็บเรือ ที่เขามีบริการให้เช่าที่เก็บเรือ ซึ่งต้องมีค่าใช้จ่ายเดือนละ หลาย พันบาท ยิ่งเรือขนาดใหญ่เอาขึ้นบกไม่ได้ด้วยแล้ว ก็ต้องไปใช้บริการตามมาริน่า ซึ่งมี ค่าใช้จ่ายสูงมาก และที่ส าคัญในบ้านเรามีมาริน่าอยู่เพียง 3- 4แห่งเท่านั้นเอง - ที่น้าเรือลงน้้า และน้าขึ้น การจะน าเรือลงน้ าที่จุดใด ไม่ใช่ เรื่องง่าย หากไม่มีทางลาดลงน้ า ที่ เรียกว่า โบ้ท แร้มป์ ( B oat ramp ) ทั้งนี้ทางลาดลงน้ า ก็ไม่ได้ มีทุกที่ไป บางท้องถิ่นที่มี กิจกรรม ทางน้ าอยู่น้อย ยิ่งหาได้ยาก และ การไปใช้บริการก็ต้องมีค่าใช้จ่าย - การน้าเรือไปในที่ต่างๆ หากเป็นเรือคายัค หรือแคนู ก็บรรทุกบนหลังคารถได้ นอกนั้นต้องใช้ เทรลเลอร์เรือ ( B oat trailer ) ราคาค่าเทรลเลอร์บางรุ่น (แบบไม่ได้ จ้างต่อ) มีราคาสูงพอๆ กับราคาเรือ ประการต่อมา ต้องมีรถลากเทรลเลอร์ จึงจะพาเรือไปได้ ซึ่งรถที่ใช้ลากเทรลเลอร์ ก็ต้องติดตั้ง ชุดลาก เสียก่อน ถ้าเป็นรถกระบะก็ท าได้ง่ายหน่อย แต่ถ้าเป็นรถเก๋งก็ยาก ไปกว่า รวมค่าติดตั้ง และอุปกรณ์แล้ว ก็หลายพันบาทอยู่ ปญ ั หำของคนมเ ี รอ ืสว ่ นตว ั การจอดเรือแบบนี้ทิ้งไว้ข้ามคืนมีปัญหาแน่ ทางลาดใช้ลง/ขึ้นเรือแบบนี้หาได้ยาก
10 - การซ่อมบ้ารุง ถ้าเป็นเรือที่ใช้ เครื่องยนต์ เอ้าท์บอร์ด ( O utboard engine ) ก็ไม่แคล้วที่จะต้องมีการ ซ่อมบ ารุง ซึ่งร้านซ่อมบ ารุงเครื่องยนต์ แบบนี้มีไม่มาก จะกระจุกตัวอยู่ตาม จังหวัด ที่มีการท่องเที่ยวทางเรือเป็น หลัก ส่วนการซ่อมบ ารุง ตัวเรือที่เป็น ไม้อัด, ไฟเบอร์กลาส และอลูมินั่ม ก็จะ มีเฉพาะบางท้องถิ่นเท่านั้น - ความสิ้นเปลือง หากใช้เครื่องยนต์ แบบเอ้าท์ บอร์ด จะต้องใช้น้ ามันเบนซิน ซุปเปอร์ และน้ ามันหล่อลื่น (ยิ่งเป็นแบบเครื่อง 2 จังหวะด้วยแล้วยิ่งต้องใช้มาก) หาก จ าเป็นต้องเปลี่ยน อะไหล่กันเมื่อใด จะเป็น เรื่องที่เจ้าของเครื่อง ต้องคิดหนักทีเดียว กับ เครื่องยนต์เอ้าท์บอร์ด ท่านที่ขับรถกลับมาถึงที่พักก็เพียง ดับ เครื่องยนต์แล้วก็ไปพักผ่อนได้เลย แต่กับเรือ นั้นไม่ใช่ จะต้องล้างทั้งตัวเรือ , เครื่องยนต์ และเทรลเลอร์เสียก่อน หากใช้กับงานทาง ทะเลมาด้วยแล้ว ยิ่งต้องดูแลมากขึ้นไปอีก จะเห็นได้ว่าการมีเรือนั้นไม่ง่าย เหมือน มีรถยนต์ พูดให้โกรธกันก็ได้ ถ้ามีเงินไม่ถึง หรือมากพอ อย่ามีเรือที่ใช้เครื่องยนต์เลย จะดีกว่า ถามคนมีเรือในทุกวันนี้ก็จะได้ค าตอบว่า มีปัญหาดังกล่าวมาบ้างหรือไม่. ล้างเองไม่เสียค่าใช้จ่าย ล้างแบบนี้ต้องเสียค่าบริการ
11 ช่วงนี้มีค าถามจากผู้สนใจ ที่จะต่อเรือด้วยตัวเอง หลายเรื่องด้วยกัน ก็ขอสรุปให้ ค าแนะน า จากค าถามกันดังนี้ 1. รวมกลุ่มผู้สนใจต่อเรือ ควรเลือก ผู้ที่สนใจจะต่อเรือมารวมกันอย่างน้อย 2-3 คน เพื่อช่วยงานกันท างาน 2. แลกเปลี่ยนประสบการณ์ บางท่าน ในกลุ่มอาจมีฝีมือทางช่างไม้, ช่างไฟเบอร์ กลาส หรือสามารถหาช่างเหล่านั้น มา ช่วยงานได้จะเป็นเรื่องที่ดีมาก 3. แลกเปลี่ยนเครื่องมือที่ใช้งาน ใน กลุ่มที่รวมตัวกัน อาจมีเครื่องมือช่าง อย่างใดอย่างหนึ่งอยู่กันบ้าง หรือสามารถขอยืม จากที่อื่นได้ ถ้าหากรวมกลุ่มกันได้ ก็ช่วยกันลงทุนเครื่องมือกันคนละอย่าง 4. หาแหล่งซื้ออุปกรณ์ ในหลายท้องถิ่น ไม่มีอุปกรณ์ใช้กับงานต่อเรือเช่น น้ ายา เรซิ่น,ใยแก้ว, กาวอีพ๊อกซี่ เป็นต้น ควรปรึกษากันว่าจะหาซื้อได้จากที่ใดได้บ้าง 5. เลือกสถานที่ๆ ใช้ต่อเรือ ควรเป็นสถานที่ห่างจากบ้านเรือนผู้อื่น โดยเฉพาะถ้า ต้องท างานไฟเบอร์กลาส และควรเป็นที่ๆ น าเรือซึ่งต่อเสร็จแล้วออกได้สะดวก 6. เงินทุนที่ต้องใช้ ประเมินค่าใช้จ่ายให้ใกล้เคียง แล้วใช้วิธีรวมทุนในกลุ่ม ให้ ต่อเรือล าแรกได้ก่อน แล้วจึงหมุนเวียนต่อล าใหม่ต่อๆ ไปให้กับคนอื่นในกลุ่ม 7. หาผู้มีประสบการณ์ อาจมีความจ าเป็นต้องหาผู้มีประสบการณ์ ในการต่อเรือมา ช่วย หรือเดินทางไปพบเพื่อเรียนรู้ (ในบ้านเรามีโรงเรียนสอนต่อเรือ อยู่หลายแห่ง) ทั้งหมดที่กล่าวนั้น เป็นค าแนะน า เบื้องต้น ให้กับผู้ที่ต้องการจะต่อเรือ ด้วยตัวเอง น าไปพิจารณาก่อนจะ ลงมือต่อเรือ อย่างไรก็ตาม การต่อ เรือด้วยตัวเอง ก็ถือได้ว่าไม่ได้ยาก จนเกินไปนัก ดูได้จากตัวอย่างที่ สมาชิกโพสท์กันมาหลายราย. ค ำแนะน ำก่อนจะต่อเรือด้วยตัวเอง หลายคนช่วยกันดีกว่าคนเดียว
12 แม้ว่าผู้เขียนจะมีความเกี่ยวข้อง กับเรือมา พอสมควร แต่ก็เป็นในด้านงานซ่อมแซมเรือไม้ และงานไฟเบอร์กลาสทั่วไป ทั้งนี้ก็ไม่เคยต่อเรือ มาก่อนเลย จนไปเห็นโฆษณาของ Glen L marine design ในนิตยสารเกี่ยวกับเรือ จึงให้เพื่อน สั่ง แปลนเรือรุ่น Sea Angler ขนาด 35 ฟุตมา (ราคา 220 เหรียญสหรัฐ ปัจจุบัน 500 กว่า เหรียญแล้ว) เพื่อดูว่าเขาต่อเรือกันอย่างไร ประจวบกับเพื่อนคนหนึ่ง ต้องการเรือจะท า ทัวร์ทางทะเล เขาออกทุนให้ต่อเรือ ตามแปลนที่ ซื้อมา จึงจ้างผู้ช่วยมาคนนึง ช่วยกันต่อเรือดังกล่าว ใช้เวลานานเอาการ (ช่วงฤดูฝน ทางภาคใต้ ท างานล าบากมาก) รวมเวลาติดตั้งเครื่องยนต์ (เครื่อง Hino 175 แรงม้า 2 ตัว พร้อมเกียร์น้ ามัน) ใช้เวลาไป 1 ปีกับ 2 เดือน จากที่ไม่เคยต่อเรือมาก่อน แล้วเลือกต่อเรือ ขนาดใหญ่ ท าให้ได้ประสบการณ์หลายอย่างใน การต่อเรือ ต่อมาสั่งแปลนเรือเล็ก 13 ฟุต มาต่ออีก ล า ซึ่งง่ายกว่ากันมาก เพราะผ่านงานยากมาแล้ว แม้ว่าแปลนเรือที่ซื้อมา จะเป็นแบบ Full Size plan หรือแปลน 1:1 คือลอกแบบที่เขาเขียนได้เลย ไม่ต้องขยายแบบ จากแปลนย่อส่วนทั่วไป แต่ก็มา คิดว่าน่าจะมี วิธีต่อเรือที่ง่ายกว่า บวกกับเห็นวิธีต่อ เรือแบบ Cold mold จึงได้แนวคิด มาเป็นวิธีต่อเรือ แบบ ใช้ ตัวก าหนดแบบ ขอเรียกว่า คีย์ ( K ey ) วิธีนี้จะท าให้ง่าย ต่อการก าหนด รูปแบบ และขนาดของเรือ โดยอัตโนมัติ (จะพูดถึงในตอนวิธีต่อเรือโดยไม่ใช้แปลน) จากนั้น ได้ทดลองต่อเรือย่อส่วน ตามวิธีที่คิดขึ้นมาเอง ก็เป็นไปตามที่คาดไว้ เป็น เรื่องง่ายกว่าการต่อเรือจากแปลนทั่วไป แม้ว่าแปลนเรือเล็กจะต่อไม่ยาก แต่ก็เปลี่ยน รูปแบบ และขนาดของเรือไม่ได้ ต่อมาจึงทดลองต่อเรือ ไฟเบอร์กลาสต้นแบบ (โพสท์ จำกประสบกำรณ์ที่เคยต่อเรือมำบ้ำง เรือ Sea Angler ขนาด 35 ฟุต ที่ผู้ สั่งซื้อแปลนไปต่อเอง แล้วถ่ายรูป ส่งกลับไปให้บริษัท Glen L ซึ่งมี หลากหลายล าด้วยกัน
13 ไปแล้ว) ซึ่งง่ายกว่าใช้ไม้อัด และทนทานกว่า รวมทั้งง่ายต่อการท าสีตัวเรือ อย่างไรก็ตาม การอยู่ห่างจากแหล่งน้ ามาก จึงไม่สะดวก ต่อการมีเรือไว้ใช้งาน เอง ต่อเมื่อมาท างานให้กับ ชมรมกีฬาตกปลาภูเก็ต และต้องยุ่งเกี่ยวกับ การจัดแข่งขัน ตกปลา โดยเฉพาะกับงานตกปลาชายฝั่ง ที่ จัดติดต่อกันหลายปี แต่ปริมาณปลาที่ตกได้ ถือว่าน้อยมาก ก็มาคิดว่าท าไม เราไม่หาเรือ ขนาดเล็กพาย หรือ กรรเชียง ออกไปตกปลา นอกชายฝั่งกันบ้างเล่า เมื่อมีแนวความคิดแบบนี้ จึงมีนักตกปลา ส่วนหนึ่ง ให้ความสนใจสอบถามกันมา ก็เลย เป็นที่มาของการเปิดเฟสบุ้ค ชมรมต่อเรือเล็ก ขึ้นมา ซึ่งจะแลกเปลี่ยน ประสบการณ์ในการ ต่อเรือ ระหว่างสมาชิกในกลุ่ม จะมาก หรือน้อยก็เป็นประโยชน์กับสมาชิกทั้งสิ้น แม้ว่า ชมรมต่อเรือเล็ก จะเริ่มต้นมาเพื่อใช้งานกับกลุ่มนักตกปลา แต่เรือขนาดเล็ก นั้นก็น าไปใช้กับ งานกิจกรรมทางน้ าอื่นๆได้เช่นกัน. งานทดลองต่อเรือไฟเบอร์กลาส แบบใช้โครงชั่วคราว หรือที่เรียก กันว่า โคลด์ โมลด์ ( Cold mold ) โดยใช้แผ่นไฟเบอร์กลาสแข็ง ที่ท า ขึ้นเองมีความหนา 2 มม. สามารถ ใช้กรรไกรตัดโลหะตัดได้เลย จากนั้นน ามาปูทับโครงเรือชั่วคราว ก่อนลงไฟเบอร์ทับอีก 3 ชั้น เมื่อท าท้องเรือเสร็จแล้ว ก็หงายเรือ ขึ้น รื้อโครงชั่วคราวออกไป แล้วท า ส่วนประกอบในตัวเรือ โดยทดลองใช้ ไม้อัด 10 มม.ท าส่วนประกอบ จึงมี น้ าหนักมากไป ถ้าเลือกใช้แผ่นรังผึ้ง น้ าหนักตัวเรือจะเบากว่า Full Size Plan หรือแปลน 1:1 เรือไฟเบอร์กลาสตัวอย่าง บุเปลือกเรือด้วยแผ่นไฟเบอร์กลาสแข็ง
14 คงต้องน าเรื่อง วัสดุใช้ต่อเรือ มาพูดถึงกันก่อน เพราะเมื่อเข้าเรื่อง วิธีต่อเรือ กัน แล้ว เวลาอ้างถึงวัสดุที่ใช้ต่อเรือขึ้นมา จะท าให้เข้าใจง่ายขึ้น วัสดุหลักๆ ในการต่อเรือ ทั้งเรือไม้, เรือไฟเบอร์กลาส และเรือโลหะก็คงมีดังนี้ ก.วัสดุใช้ท าโครงเรือ และเปลือกเรือ 1. ไม้จริง และไม้อัด ( S olid wood & Plywood ) อาจพูดได้ว่าไม้ทั้ง 2 ชนิดนั้น ใช้ กับงานต่อเรือมากที่สุด ไม้จริง เป็นไม้ที่มีเนื้อ เดียวตลอดทั้งแผ่น ส่วน ไม้อัด มีเนื้อที่ไม้อัด ติดกันด้วยกาวเป็นชั้นๆ หนาหลายขนาด ไม้จริง ใช้ท าโครงสร้าง เช่น กงเรือ, กระดูกงู เป็นต้น และใช้ท าเปลือกเรือ ซึ่งท า กันมาแต่ยุคโบราณ จนถึงทุกวันนี้ มีทั้งเรือ ขนาดใหญ่ เช่นเรือประมง จนถึงเรือพายตาม แม่น้ าล าคลอง ส่วน ไม้อัด จะใช้ท าเปลือกเรือ เป็นหลัก มีบ้างที่ใช้ท าโครงสร้างเรือ เช่น กงเรือ และกระดูกงู ของเรือขนาดเล็ก ไม้อัด ที่ใช้ต่อเรือขนาดเล็ก ถึงปานกลางทั่วไป ส่วนมากเป็นไม้อัดกันน้ า ในวงการต่อเรือเล็ก เช่น เรือแคนู ใช้ไม้จริง มาซอยให้บางราว 8-10 มม. มี ส่วนกว้าง 3 - 5 ซม มีความยาว 3 - 4 เมตร เขาเรียกไม้จริงแบบนี้ว่า สตริป วู้ด ( Strip wood ) ไม้จริงแบบนี้ที่นิยมใช้กันเป็นไม้ ซีดาร์ ( C edar wood) เขาเลยเรียกอีกชื่อ หนึ่งว่า ซีดาร์ สตริป ( C edar Strip ) 2. ไฟเบอร์กลาส ( F iberglass ) เป็นวัสดุ ที่ใช้ต่อเรือกันมากในทุกวันนี้ ท างานง่าย และมี ความคงทนต่อน้ าดีกว่าไม้ ซึ่งผลิตออกมาหลาย รูปแบบทั้ง แบบผ้า, แบบ C-Flex, แบบ Honey comb และแบบแผ่นแข็ง แต่ละแบบจะใช้ต่อเรือ ไปตามรูปแบบ และขนาดของเรือ 3. โลหะ ( M etal ) เป็นวัสดุที่ใช้ต่อเรือทั้ง วสั ดทุใี่ชต ้ อ ่ เรอ ื ไม้จริง ( S olid wood) ไม้ซีดาร์ สตริป ที่ผลิตขาย
15 ขนาดใหญ่ และขนาดเล็ก เช่นกัน โลหะที่ใช้กันก็เป็น พวกเหล็ก และอลูมินั่ม อย่างไรก็ตาม การต่อเรือ ด้วยตัวเองนั้น ไม่นิยมใช้ โลหะกันแต่อย่างใด เพราะ ท างานยากกว่าไม้ และไฟ เบอร์กลาสไม้ ยกเว้นผู้คิดจะ ต่อเรือจะเป็นช่างเชื่อมโลหะมาก่อน ข. วัสดุตอกยึด ( F astener ) วัสดุชนิดนี้ ก็คือ ตะปู, เกลียวปล่อย (สกรู) และน้อต จัดว่า เป็นวัสดุปลีกย่อย แต่ก็จ าเป็นต้องใช้ ค. กาว ( G lue or Adhesive ) บาง ท่านอาจมองข้ามวัสดุตัวนี้ไป แต่ กาว เป็น วัสดุที่ส าคัญมาก กับการต่อเรือ โดยเฉพาะ การต่อเรือเล็ก มันจะยึดแน่นกว่าตะปูเสียอีก กาวที่ใช้กับงานต่อเรือ ที่นิยมใช้กัน 2 ชนิดคือ กาวอี พ๊อกซี่ ( E poxy glue ) กับ กาวแดง หรือกาวผง ( P lastic resin ) แต่กับ การใช้งานแล้ว กาวอีพ๊อกซี่ จะใช้งานง่าย ทั้งนี้จะประหยัดกว่ากาวแดง หรือกาวผงอยู่ บ้าง เพราะกาวแดงจะแห้งเร็วกว่ากาวอีพ๊อกซี่ จนบางครั้งท างานไม่ทัน สรุปแล้ววัสดุที่ใช้ต่อเรือหลักๆ ก็คง มีดังที่แนะน าข้างต้น ส่วนรายละเอียด จะ ไปอธิบายใน บทความวิธีต่อเรือ. การท าเรือไฟเบอร์กลาสจากแม่แบบ การใช้กาวยาแนวรอยต่อ ตะปูยังใช้กับงานต่อเรืออยู่บ้าง ไม้อัดกันน้ า
16 เครื่องมือช่างที่ใช้กับงานต่อเรือ จ าพวก สว่าน, เลื่อย, ค้อน, สิ่ว อะไรท านองนี้ ช่างต่อเรือเขาใช้กันนานมาแล้ว ปัจจุบันเครื่องมือเหล่านั้น ถูกปรับเป็นเครื่องมือไฟฟ้า ไปเกือบหมด ท าให้ใช้งานง่ายขึ้น ท างานได้รวดเร็วขึ้น เรามาดูกันว่า เครื่องมือช่าง ดังกล่าวมีอะไรบ้าง โดยจะเริ่มจากเครื่องมือที่ใช้ไฟฟ้ากันก่อนคือ 1. เลื่อยจิ๊กซอว์ ( E l ectric Jigsaw ) อาจพูด ได้ว่าเป็นเลื่อยอเนกประสงค์ ของงานต่อเรือไม้ เพราะใช้งานได้หลายอย่างทั้ง ตัดแนวตรง และ แนวโค้ง เป็นเครื่องมือตัดที่ถูกใช้งานค่อนข้างมาก ในวงการช่างไม้ ซึ่งส่วนหนึ่งนั้นจะน ามาใช้กับงาน ต่อเรือ เลื่อยจิ๊กซอว์นั้นใช้งานง่าย และปลอดภัยต่อ ผู้ใช้พอสมควร โดยรวมเลื่อยจิ๊กซอว์ มีให้เราเลือกใช้ทั้งแบบ ราคาประหยัด (1,500 - 2,500 บาท) และแบบ คุณภาพสูง (3,000 - 6,000 บาท) กับงานต่อเรือเล็กด้วยไม้อัดนั้น เลือกใช้แบบ คุณภาพปานกลาง (3,000 - 4,000 บาท) ก็พอใช้งาน ได้แล้ว ส่วนประกอบที่ส าคัญ ของเลื่อยจิ๊กซอว์ก็คือ ใบ เลื่อย แต่เดิมมานั้น ใบเลื่อยจิ๊กซอว์ มีรูที่ปลายด้าน ยึดกับแกนเลื่อย 2 รูด้วยกัน เพื่อล็อคกับแกนเลื่อย ด้วย สกรู ปัจจุบันได้ถูกปรับปรุงให้เป็นแบบ เขี้ยว ล็อคกับแกนเลื่อย ซึ่งสะดวกในการถอด และใส่ใบ เลื่อยกว่าแบบเดิม ใบเลื่อยจิ๊กซอว์มีฟันเลื่อยให้เลือกใช้หลายแบบ ใช้ตัดได้ทั้งไม้อัดแผ่นบาง และไม้จริงที่หนาถึง 2 นิ้ว ได้ รวมทั้งมีใบเลื่อยที่ใช้ตัดโลหะได้ด้วย การเลือกใช้ ใบเลื่อยจิ๊กซอว์นั้น ขึ้นอยู่กับงานที่ท า กับงานต่อเรือเล็ก เลือกใช้ เพียง 2 แบบก็พอคือ แบบฟันละเอียด ใช้ตัดไม้อัด และแบบฟันหยาบ เพื่อใช้ตัดไม้จริง เครอ ื่งมอ ื ทใี่ชใ้ นกำรตอ ่ เรอ ื เลื่อยจิ๊กซอว์ ใบเลื่อยจิ๊กซอว์
17 เลื่อยจิ๊กซอว์ที่จัดว่า มีคุณภาพนั้น สามารถปรับ รอบความเร็ว ในการใช้งานได้ตามต้องการ และ มีกลไกช่วยเตะ หรือดันใบเลื่อย ไปข้างหน้า ช่วยให้การตัดง่ายขึ้น ไม่ต้องใช้มือช่วยดันตัว เลื่อยไปข้างหน้ามากเท่าใดนัก การใส่ และถอดใบเลื่อยจิ๊กซอว์ แต่ละแบบ นั้น ก็ดูวิธีได้จากคู่มือที่ให้มาในกล่องใส่ ส่วน วิธีการใช้งานนั้น ก็ไม่ได้ยุ่งยากแต่อย่างใด ทั้งนี้เทคนิคของ การใช้เลื่อยจิ๊กซอว์ ก็ ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ ของผู้ใช้เป็นเกณฑ์ ส่วนที่จะแนะน าวิธีใช้เลื่อยจิ๊กซอว์ใน บทความนี้ เป็นประสบการณ์ของผู้เขียนเองเท่านั้น อาจจะไม่เหมือนกับ ของบางท่าน อย่างไรก็ตาม โดยรวมแล้ว ถ้าท่านเลือกใช้วิธีใดก็ตาม ที่ท าให้งานออกมาดี ก็ ควรเลือกวิธีนั้น การใช้เลื่อยจิ๊กซอว์แบ่งออกได้เป็น 2 ส่วนคือ การจับตัวเลื่อย และการ ตัด ซึ่งมีค าแนะน าให้ดังนี้ 1. การจับตัวเลื่อย โดยรวมแล้วเลื่อยจิ๊กซอว์ นั้นจับด้วยมือขวาเป็นเกณฑ์ เพราะปุ่มควบคุมการ ท างานต่างๆ อยู่ทางด้านซ้ายมือ แต่ท่านที่ถนัดมือ ซ้ายก็ใช้ได้เช่นกัน ส่วนมากแล้วการใช้เลื่อยจิ๊กซอว์ จะจับเพียง มือเดียว โดยต้องกดอุ้งมือ ให้ฐานตัวเลื่อยแนบกับ แผ่นไม้ที่ตัด ไม่เช่นนั้น ใบเลื่อยจะแกว่งได้ ท าให้ เลื่อยไม่ตรงแนว จนถึงขั้นท าให้ใบเลื่อยหักได้ หากผู้ใช้ต้องการความแม่นย าในแนวตัด ควร จับตัวเลื่อยจิ๊กซอว์ด้วย 2 มือ ซึ่งมีอยู่ 2 วิธีคือ ก. มือซ้ายจับด้านบนตัวเลื่อย วิธีนี้มือซ้ายจะ ช่วยกดตัวเลื่อย ให้แนบแผ่นไม้ที่ตัดเพิ่มขึ้น เหมาะ กับการตัดไม้จริงแผ่นหนาๆ ที่ไม่ขยับเขยื้อนได้ เช่นใช้ปากกาจับไม้ยึดไว้แล้ว หรือเป็นแผ่นไม้หนา รูปแบบฟันใบเลื่อยจิ๊กซอว์ เลื่อยแบบมือเดียว เลื่อยแบบสองมือ
18 หน้ากว้าง อย่างกรณีตัดกงเรือ ข. มือซ้ายจับที่ฐานเลื่อย วิธีนี้ใช้ตัดทั้งไม้จริง และไม้อัดที่หนาไม่มากนัก และ เป็นการตัดในแนวค่อนข้างยาว โดยใช้นิ้วชี้ และนิ้วหัวแม่มือข้างซ้าย กดที่ขอบฐานตัว เลื่อย อีก 3 นิ้วที่เหลือ กดบนแผ่นไม้ที่ต้องตัด วิธีนี้จะท าให้ฐานตัวเลื่อย แนบกับแผ่น ไม้ที่ต้องตัด และ 3 นิ้ว ของมือซ้าย จะควบคุม แนวตัดได้แม่นย าขึ้น 2. การตัดไม้ แผ่น ไม้ที่ใช้ เลื่อยจิ๊กซอว์ตัด นั้น สามารถวางได้ทั้ง บนโต๊ะท างานไม้ และ บนพื้น ทั้งนี้การตัดแผ่น ไม้บนโต๊ะ เป็นการยืน ตัด จึงท างานได้สะดวก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อท างานร่วมกับปากกาจับไม้ เพราะแผ่น ไม้ที่ต้องตัดจะอยู่คงที่ หากไม่มีโต๊ะท างานไม้ ก็สามารถใช้เลื่อยจิ๊กซอว์ ตัดแผ่นไม้ที่ พื้นบ้านได้เช่นกัน ควรใช้ไม้หน้าสาม (3 นิ้ว) เป็นตัวรองรับแผ่นไม้ โดยตั้งไม้หน้าสาม เอา ด้านแคบ ขึ้น ปลายใบเลื่อยจิ๊กซอว์จะไม่ไปถูกพื้นบ้าน แต่ิวิธีนี้โอกาสที่ไม้หน้าสาม จะพลิกล้มมีได้มาก หากต้องตัดกันบ่อย ควรประกอบไม้หน้าสามเป็นกรอบแคบๆ เหมือนวงกบประตู กว้างสัก 30 ซม. และยาวเท่าที่ต้องการ ก็จะช่วยให้ท างานได้ สะดวกขึ้น ไม่ต้องคอยกังวลไม้รองตัดจะล้ม วิธีตัดไม้แนวยาวด้วยเลื่อยจิ๊กซอว์ การต่อ เรือเล็กด้วยไม้อัด จ าเป็นต้องตัดไม้อัด ตามแนว ยาวตลอดแผ่น ซึ่งตัดให้เป็นแนวตรงได้ยากสัก หน่อย ต้องใช้ไม้ขนาบฐานเลื่อยร่วมด้วย เลือกใช้ไม้ 1 x 2 นิ้ว ที่ใช้ท าโครง เฟอร์นิเจอร์ มาเป็นไม้ขนาบฐานเลื่อย โดยใช้ ปากกาจับไม้ ยึดปลายไม้ทั้ง 2 ด้าน แบบ เดียวกับรูปด้านบน เพื่อบังคับให้ฐานเลื่อยชิดขอบไม้ขนาบเอาไว้ ก็จะได้แนวตัดที่ตรง ตามเส้นที่ขีดแนวไว้ ฟันของใบเลื่อยจิ๊กซอว์นั้นหงายขึ้น ท าให้มันดึงขี้เลื่อยขึ้นมากลบ วิธีนี้ช่วยตัดไม้ให้ได้แนวตรงตลอด อุปกรณ์ขนาบฐานเลื่อย
19 แนวเส้นที่จะตัด จึงมีการออกแบบให้รุ่นใหม่ๆ มีท่ออยู่ที่ท้ายฐานเลื่อย ใช้ร่วมกับ เครื่องดูดฝุ่น ท าให้มองแนวเส้นที่ขีดไว้ได้ชัดเจน แต่ส่วนมากเลื่อยจิ๊กซอว์จะไม่มีส่วน นี้ จึงต้องคอยเป่าขี้เลื่อย ไม่ให้กลบเส้นที่ขีด หากท างานกัน 2 คน ก็ให้อีกคนใช้เครื่องดูดฝุ่น คอยดูดเอาขี้เลื่อยออกไป หรือจะใช้เครื่องเป่าลมขจัด ขี้เลื่อยออกไปก็ได้ แต่ถ้าท างานคนเดียว ก็ต้องยึด ปลายท่อดูดฝุ่นกับของหนักๆ วางไว้ใกล้แนวที่จะเลื่อย ก็พอช่วยได้บ้าง หรือใช้ปั้มลมตั้งลมให้อ่อนๆ หน่อย ปล่อยผ่านสายลมเปล่า โดยยึดปลายสายลม กับวัตถุ หนักๆ เช่นเดียวกัน แล้ววางใกล้แนวเส้นตัด ก็ช่วยให้ มือเราว่างท างานได้ทั้ง 2 มือ ทั้ง 2 วิธีนี้ต้องคอยเลื่อนปลายท่อดูดฝุ่น หรือปลายสาย เป่าลมด้วยตัวเองบ่อยหน่อยเท่านั้นเอง แต่ก็ยังดีกว่าต้องค่อยใช้ปากเป่าฝุ่นเอาเอง เลื่อยจิ๊กซอว์บางรุ่น มีที่เป่า ลม ใช้ไล่ขี้เลื่อยออกได้ในตัว แต่ ได้ผลสู้ เครื่องดูดฝุ่น หรือสายเป่า ลมไม่ได้ เลื่อยจิ๊กซอว์สามารถ ปรับมุม ใบเลื่อยให้ใช้ ตัดไม้แนวเฉียงได้ กับงานต่อเรือเล็กนั้น มีงานตัดแนว เฉียงไม่มากนัก จะมีบ้างก็ในส่วน โขนเรือ และไม้ขนาบท้องเรืออยู่บ้าง แต่ช่างต่อเรือส่วนมาก จะเลือกใช้เครื่องเจียร์ แทน เพราะใช้งานได้ง่าย และคล่องตัวกว่า ทั้งนี้การใช้ เลื่อยจิ๊กซอว์ตัดแนวเฉียง จะต้องควบคุมตัวเลื่อยมากกว่า การตัดแบบปรกติทั่วไป สรุปแล้วเทคนิค การ ใช้เลื่อยจิ๊กซอว์ ที่กล่าวมา ทั้งหมด เป็นประสบการณ์ ของผู้เขียนที่เคยใช้งานอยู่ ส่วนช่างท่านอื่นนั้น อาจมีเทคนิคการใช้เลื่อยจิ๊กซอว์ ต่างออกไปอีก ช่างมือใหม่คงต้องหาประสบการณ์เพิ่ม. ใช้เครื่องดูดฝุ่นกับเลื่อยจิ๊กซอว์ การปรับใบเลื่อยตัดแนวเฉียง
20 2. สว่านไฟฟ้า ( E lectric drill ) สว่านไฟฟ้า เป็นเครื่องมือที่ส าคัญกับงานเจาะ ในการต่อเรือมาก รองลงมาจากเครื่องมือตัด ในทุกวันนี้แทบทุกบ้าน มีสว่านไฟฟ้าใช้ กันทั่วไป แต่กับงานต่อเรือ ควรเลือก และใช้สว่านอย่างไร ก็คงจะน าเทคนิคการใช้ งานเล็กๆ น้อยๆ มาพูดถึงกันในบทความนี้ โดยทั่วไปนั้น เราจะพบกับสว่าน ไฟฟ้า ที่ด้ามจับมีลักษณะแบบด้ามปืน แต่ ก็มีสว่านไฟฟ้า ที่ใช้กับงานหนักที่ด้ามจับ ต่างออกไป สว่านไฟฟ้าทั่วไป ใช้ได้กับ ดอกสว่านไม่ค่อยเกิน 3/8 นิ้ว ( 9.5 มม.) ส่วนสว่านไฟฟ้าใช้กับงานหนัก ใช้กับดอก สว่านได้ถึง 1/2 นิ้ว (12.7 มม.) ซึ่งใช้กับงานต่อเรือไม้ ขนาดใหญ่เช่น เรือประมง สว่านไฟฟ้าที่ใช้กันทั่วไป เป็นแบบมีสายไฟอยู่ ด้วย แต่ก็มีสว่านที่ใช้ แบตเตอรี่ ให้เลือกใช้งานด้วย สว่านแบบนี้ไม่มีสายไฟ ซึ่งมีราคาแพงกว่าสว่านไฟฟ้า แบบทั่วไป เหมาะกับงานที่อยู่ไกลจากแหล่งไฟฟ้า ส่วนประกอบที่ส าคัญ ของสว่านก็คือ หัวจับดอก สว่าน ( D rill chuck) ซึ่งมีอยู่ 2 แบบคือ แบบต้องใช้จ าปาขันหัวสว่าน และแบบใช้มือ บิด ซึ่งมีใช้กับสว่านบางรุ่น หัวจับดอกสว่านแบบนี้ถอด เปลี่ยน ดอกสว่านได้ง่ายกว่า และรวดเร็ว สามารถ หา ซื้อเฉพาะส่วนหัวจับมาเปลี่ยนได้ สว่านไฟฟ้า ที่ควรเลือกมาใช้ กับงานต่อเรือควร เลือกขนาดที่ใช้กับดอกสว่าน 3/8 นิ้ว (9.5 มม.) และ ควรเป็นแบบมีปุ่มปรับเดินหน้า/ถอยหลังได้ เพื่อใช้กับ งานขันสกรู หรือเกลียวปล่อย ซึ่งต้องใช้กับงานต่อเรือมากพอสมควร ความจริงแล้วนั้น การใช้สว่านไฟฟ้า ขันสกรู หรือ เกลียวปล่อย เป็นเรื่องที่พวกช่างต่าง ท ากันเอง มากกว่า ทาง ผู้ผลิตไม่ได้แนะน าให้ท า เพราะเขามีเครื่องมือขันสกรู หรือ ไขควงไฟฟ้า ผลิตออกมาใช้อยู่แล้ว เพียงแต่มีราคาค่อนข้าง แพงกว่า สว่านไฟฟ้า และใช้กับงานหนักไม่ค่อยได้ เพราะมัน
21 จะหยุดเมื่อขันสกรู เข้าถึงจุดๆ หนึ่ง ทั้งนี้เพื่อป้องกัน เฟืองขับในตัวเครื่องรูด และ ป้องกันหัวสกรูขาด การใช้สว่านไฟฟ้า แบบมีปุ่มเดินหน้า/ถอยหลัง มาใช้ขันสกรู หรือ เกลียวปล่อยนี้ มีเทคนิคในการใช้งานอยู่บ้างคือ กดสวิทช์เดินหน้า (รวมทั้งถอยหลัง) แบบกระตุกเป็นจังหวะสั้นๆ ก่อน แล้วจึงเพิ่มความเร็ว (เวลาถอนสกรูออกก็ท าแบบ เดียวกัน) เมื่อสกรูเริ่มแน่น หรือเกือบสุดความยาว ก็กลับมากดสวิทช์แบบกระตุกเป็น จังหวะสั้นๆ อีกครั้ง วิธีนี้จะช่วยไม่ให้ตัวขันสกรู พลาดร่องที่บากบนส่วนหัวของสกรู (ส่วนมากเป็นแบบ 4 แฉก) และไม่กระชากจนร่องบากสี่แฉกรูดไปหมด ส่วนประกอบที่ส าคัญ กับสว่าน ไฟฟ้าก็คือ ดอกสว่าน ( D rill bit ) ซึ่ง จะต้องใช้คู่กัน ดอกสว่านมีให้เลือก หลายแบบ และหลายขนาด ขึ้นอยู่กับ งานที่ใช้ ทั้งนี้งานต่อเรือ ต้องใช้ดอก สว่านอยู่ 2-3 แบบด้วยกัน แต่ที่ใช้มาก จะเป็นดอกสว่านเจาะไม้ (ส่วนมากช่าง จะใช้ดอกสว่าน แบบเจาะเหล็ก มาใช้เจาะไม้ด้วย) ซึ่งใช้กันอยู่ 2 แบบคือ แบบดอก ธรรมดาปลายมีปลายแหลมน าร่อง ( B rad point drill bit ) และแบบเจาะรูใหญ่พิเศษ (Spade drill bit ช่างเรียกกันว่า ดอกสว่านใบพาย) ส่วนดอกสว่านใช้เจาะไม้ แบบใช้ กับสว่านมือ ( A uger drill bit ) ไม่ควรน ามาใช้กับสว่านไฟฟ้า การยึดสกรู หรือเกลียวปล่อยกับ งานต่อเรือนั้น ช่างมักเลือกใช้แบบหัว ฝังเทเปอร์ เพื่อซ่อนหัวสกรู ซึ่งจะโป้ว กาวปิด เวลาขัดให้เรียบได้สะดวก จึง ต้องมี ดอกคว้านรู ( C ountersink Drill Bit ) เพื่อฝังหัวสกรูลงไป ซึ่งมี ใช้อยู่ 2 แบบคือ แบบดอกคว้านธรรมดา และแบบใช้ร่วมกับดอกสว่าน ซึ่งสามารถปรับ ความลึกในการเจาะ และคว้านรูไปในตัว กรณีต้องใช้ สว่านไฟฟ้า เพื่อขันสกรู หรือเกลียวปล่อย เราจะต้องใช้ใดอกไขควง ( S crew driver bit) แบบหัวแฉก (ปัจจุบัน
22 สกรู หรือเกลียวปล่อย แบบหัวผ่าหาได้ยาก ) มาใส่แทนดอกสว่าน มันก็จะกลายเป็น เครื่องขันสกรูไฟฟ้าไปโดยปริยาย การใช้สว่านไฟฟ้า ไม่มีเทคนิคอะไรมากนัก กับงานต่อเรือไม้ สว่านไฟฟ้าจะถูก ใช้เป็น เครื่องมือขัน สกรู เพิ่มขึ้นมากอีกอย่าง งานต่อเรือควรมีสว่านใช้สัก 2 ตัว เพื่อให้ใช้งานต่างกัน ไม่ต้องคอยเปลี่ยนดอกสว่านกันบ่อยเท่านั้นเอง. 3. เครื่องเจียร ( E lectric grinder ) ช่างส่วนมากเรียกว่า ลูกหมู (ไม่รู้ใครตั้งชื่อ เป็นคนแรก) มันถูกใช้งานมากกับ งานต่อเรือ ทั้งขัดตกแต่งไม้ด้วยใบ กระดาษทราย, ใบใช้ตัดไฟเบอร์ กลาส, ใบตัดโลหะกับงานตัดเหล็ก และใบตัดคอนกรีต งานต่อเรือเล็ก เลือกใช้ขนาดที่ใช้กับใบขัด หรือตัด 4 นิ้วก็พอ เพราะจะถือด้วยมือเดียวได้ ขนาดใหญ่ กว่า ( ใบ 5-7 นิ้ว) ต้องใช้ 2 มือช่วยจับ นิยมใช้กับงานต่อเรือไม้ขนาดใหญ่ เครื่องเจียรมีสวิทช์ เปิด/ปิดอยู่ 3 แบบคือ แบบแรก เปิด/ปิด ด้วยสวิทช์โยกทางส่วนท้าย เครื่อง สวิทช์แบบนี้ต้องใช้มืออีกข้างโยกสวิทช์ แบบที่ 2 เปิด/ปิด ด้วยสวิทช์แบบผลักเลื่อนด้วย มือข้างเดียว ที่จับตัวเครื่องอยู่ สวิทช์อยู่ทาง ด้านบน หรือด้านข้างของตัวเครื่อง แบบที่ 3 เปิด/ปิด ด้วยสวิทช์แบบกดที่ด้ามจับ มี อยู่กับเครื่องเจียรขนาดใบ 5-7 นิ้วเป็นหลัก มีใช้น้อยกับเครื่องเจียรขนาดใบ 4 นิ้ว ส่วนประกอบหลักของเครื่องเจียรก็คือ ตัว ใบ ( D iscs ) โดยมีให้เลือกใช้อยู่หลายแบบ ด้วยกัน ซึ่งแบ่งได้เป็น 2 แบบคือ 1. ใบตัด ( C utting discs ) ในกลุ่มของ ใบเพื่อใช้ในการตัดนี้ มีต่างกันอยู่ 3 แบบคือ ใบตัดเหล็ก ใช้กับงานตัดเหล็ก และ โลหะอื่นๆ ได้ ตัวใบมีความบางกว่าใบตัดอื่น ใบตัดอโลหะ เช่นท่อพีวีซี, ไฟเบอร์กลาส ใบต่างๆ ที่ใช้กับเครื่องเจียร์
23 และอิฐ ใบจะหนากว่าใบตัดโลหะเล็กน้อย ทั่วจะเรียกว่าใบไฟเบอร์ ใบตัดหิน เป็นใบโลหะ มีฟันตัดเว้นเป็นช่วงๆ ใช้กับงานตัดหินอ่อน, แกรนิต และ คอนกรีต สามารถน ามาใช้ตัดไฟเบอร์กลาสได้ดีเช่นกัน 2. ใบขัด ( G rinder discs ) มีอยู่ 2 แบบด้วยกันคือ ก. แบบแผ่นกระดาษทราย (Sanding discs ) ใช้ขัดได้ทั้งไม้ และโลหะ มีแบบ กระดาษทรายชั้นเดียว ( S ingle sanding discs ) เหมือนใบตัด และแบบใบซ้อน หลายชั้น ( F lap discs ) หรือ จานทรายซ้อน ซึ่งมีทั้งแบบจานทรายหลังแข็ง (Rigid Flap Disc ) และแบบจานทรายหลังอ่อน ( S oft Flap Disc ) ใช้ส าหรับงานที่ ต้องการเข้าซอกมุม งานขัดพื้นผิวโค้ง ใช้ขัดไม้จะไม่เกิดรอย เหมือนใบขัดแบบ แผ่นกระดาษทราย ซึ่งมีขอบตรง และแข็ง ท าให้เกิดรอย ข. แบบหินเจียร ( M etal Grinding disc ) ใบขัดแบบนี้ใช้ขัดโลหะ ส่วนมากใช้ กับการขัดรอยเชื่อมโลหะ ให้เรียบเนียน กับงานต่อเรือแทบจะไม่ได้ใช้เลย อาจมีบ้าง ใบตัดหิน เครื่องตัดหิน เครื่องเจียร ใบหินเจียร การใช้หินเจียร
24 ใช้ขัดหัวตะปู ให้เรียบกับเนื้อไฟเบอร์กลาส หรือกับเนื้อไม้ก่อนปูไฟเบอร์กลาสทับ วิธีใช้เครื่องเจียร ในกลุ่มของเครื่องมือช่างที่ใช้ไฟฟ้า เครื่องเจียรสามารถใช้งานได้หลายอย่าง แต่ ก็เป็นเครื่องมือที่ค่อนข้าง มีอันตรายในขณะใช้งาน ด้วยความเร็วรอบของมอเตอร์ ที่ หมุนเร็ว 10,000 -12,000 รอบต่อนาที จึงต้องควบคุมการใช้งานมากขึ้น ทางผู้ผลิตได้ติดตั้ง ฝาครอบใบตัดมา ด้วย และมีด้ามจับเสริมมาให้ เพื่อความ ปลอดภัยต่อการใช้งาน แต่ช่างส่วนมาก จะถอดอุปกรณ์ดังกล่าวออกไป เพื่อความ คล่องตัวตัวในการใช้งาน ( เฉพาะเครื่อง เจียรขนาด 4 นิ้ว แต่ถ้าเป็น 5 – 7 นิ้วยัง ใช้ด้ามจับเสริมอยู่ ทั้งนี้เพราะเครื่องหนัก มาก สะบัดตัวได้ง่าย) การใช้เครื่องเจียรก็ มีค าแนะน าโดยรวมให้ดังนี้ - ตรวจดูสวิทช์ เปิด/ปิด ( O n/Off ) ก่อนเสียบปลั๊กไฟฟ้าว่า สวิทช์อยู่ในต าแหน่ง ปิด ( O ff ) เสมอ - ขันใบเจียรด้วยเครื่องมือที่ให้มาจะ แน่นกว่าใช้มือขัน ซึ่งช่างส่วนมากจะใช้วิธีนี้ เพราะท าได้รวดเร็วกว่า - ตัวล็อคใบเจียรมี ด้านเรียบ และด้านมี ปุ่มนูน จึงต้องปรับตัวล็อคใบเจียรให้ตรงกับ รูปแบบของใบ ซึ่งต้องลงตัวพอดี - ควรสวมแว่นตาป้องกันเศษ วัสดุที่เจียรกระเด็นเข้าตา - จับเครื่องเจียรด้วยมือทั้ง 2 ข้าง แม้ว่าจะถอดด้ามจับเสริม ออกไปแล้วก็ตาม - งานตัดโลหะ ควรให้ใบตัด
25 อยู่ทางด้านขวามือ เพื่อให้สะเก็ดไฟจากเครื่องจากพุ่งออกไปข้างหน้า (ถ้าหากกลับ ทางสะเก็ดไฟจะพุ่งเข้าตัวผู้ใช้) - อย่ากดใบตัดโลหะแรงเกินไป รักษาแนวตัดให้ตรงตลอด หากใบพลิกไปอาจ เพียงเล็กน้อย ก็อาจท าให้ใบแตกออก ชิ้นส่วนที่แตก จะพุ่งไปด้วยความเร็วมาก หากพุ่งมาถูกร่างกาย ก็จะเกิดบาดเจ็บได้ มีผู้บาดเจ็บในลักษณะนี้อยู่เสมอ - งานตัดไฟเบอร์กลาสควรเลือกใช้ ใบโลหะที่ใช้ตัดหิน จะประหยัดกว่าใช้ใบ ไฟเบอร์ ใบตัดหินส่วนมากมีรูกว้าง จึง ต้องมีแหวนเสริม เพื่อให้ใช้กับเครื่องเจียร ขนาด 4 นิ้วได้พอดี อย่างไรก็ตาม กับงานต่อเรือนั้น จะ ใช้เครื่องเจียรขนาด 4 นิ้ว กับงานขัดเป็น หลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานขัดไม้ แต่ถ้า ใช้ใบขัดแบบกระดาษทรายแผ่นเดียว จะ อ่อนเกินไป ใชักับงานขัดไม่ดีเท่าใดนัก (หลายท่านจึงไปใช้แบบใบซ้อน) จึงต้อง ใช้แผ่นรองที่เป็นยางแข็ง แต่ช่างทั่วไป ไม่นิยมใช้ เขาใช้วิธีเอาใบขัดกระดาษ ทรายเก่าที่ไม่ใช้แล้ว 3 - 4 แผ่นมาซ้อนกัน แล้วเอาใบขัดกระดาษทรายที่จะใช้งาน ซ้อนอยู่นอกสุด วิธีนี้ค่อนข้างประหยัด และใช้งานได้ดี ค าเตือน เรื่องการน าใบเลื่อยขนาด 4 นิ้ว มาใช้กับเครื่องเจียร แม้จะใช้ร่วมกับฝา ครอบใบ ก็ต้องระวังให้มาก เพราะเครื่อง เจียรมีรอบหมุน กว่าหมื่นรอบต่อนาที (เลื่อย วงเดือนมีความเร็วรอบ 4 - 5,000 รอบ/นาที) หากใบเลื่อยติดสิ่งที่ตัด หรือจับเครื่องเจียร ไม่มั่นคง จะเป็นอันตรายมากกับผู้ใช้ได้ ใบตัดโลหะที่แตก ใบเลื่อยวงเดือน 4 นิ้ว
26 4. เลื่อยวงเดือน ( C i rcular saw ) เมื่อต้องการตัดไม้ในแนวตรงยาว หรือตัดไม้ หนา เลื่อยวงเดือนจะเป็นประโยชน์มาก แต่กับงานต่อเรือขนาดเล็ก จะใช้เลื่อยวงเดือน น้อยกว่าเลื่อยจิ๊กซอว์ อย่างไรก็ตามก็ควรท าความรู้จักเลื่อยวงเดือนเอาไว้บ้าง เรามักจะเห็นเลื่อยวงเดือนแบบในภาพ (ซ้าย) ซึ่งมีขนาดใบเลื่อย 5-10 นิ้ว แต่ที่ ใช้กันมากจะเป็นขนาด 7 นิ้ว เป็นขนาดที่ใช้ตัดไม้หน้า 3 ได้พอดี อย่างไรก็ตามเลื่อย วงเดือนยังมีอีก 2 – 3 รูปแบบด้วยกัน ขึ้นอยู่กับงานที่ต้องใช้ อย่างเช่น แบบเลื่อยองศา ( S lide Miter Saw ) และแบบโต๊ะเลื่อย ( T able saw ) ซึ่งมีทั้งแบบส าเร็จรูป และ แบบช่างไม้ท าใช้กันเอง (รูปขวา) โต๊ะเลื่อยใช้กับงานต่อเรือไม้ได้ดี แต่ก็ไม่จ าเป็นถึงกับต้องมีใช้ เพราะถ้ารู้วิธีใช้ เลื่อยจิ๊กซอว์อย่างที่แนะน าไป ก็สามารถใช้งานได้ดีกว่าเสียอีก แบบส าเร็จรูป แบบท าใช้เอง
27 5. เครื่องขัดไฟฟ้า ( Electric sander ) แม้เราจะใช้เครื่องเจียรกับงานขัดทั้งขัด ไม้ และขัดผิวไฟเบอร์ แต่ก็เป็นการขัดในวงไม่กว้างนัก หากต้องการขัดผิวเรียบในวง กว้าง ควรเลือกใช้เครื่องขัดไฟฟ้าจะดีกว่ากันมาก แม้ว่าจะมีราคาแพงอยู่บ้างก็ตาม เครื่องขัดไฟฟ้า แบบใช้กระดาษทรายนี้ มีให้เลือกใช้งานอยู่หลายแบบด้วยกัน เท่าที่ใช้กับงานขัดเปลือกเรือ จะเป็นระบบสั่นทรงสี่เหลี่ยม ด้วยการที่มันเลื่อนไปได้ทุก ทิศทาง เขาจึงเรียกเครื่องขัดแบบนี้ว่า Orbital sander ( O rbital หมายถึง วงโคจร หรือการโคจร) ซึ่งทั้งรูปสี่เหลี่ยมยาว และสี่เหลี่ยมจัตุรัส (มักเรียกว่า Palm sander ) ส่วนอีกแบบหนึ่งนั้นคือ เบ้ลท์ แซนเดอร์ ( B elt sander ) ช่างบ้านเราเรียกว่า รถถัง เพราะรูปทรงเป็นสี่เหลี่ยมป้อมของมัน การต่อเรือไม้ หรือไฟเบอร์กลาสนั้น ต้อง ขัดเปลือกเรือ ค่อนข้างมากเป็นพิเศษ จึง จ าเป็นต้องใช้เครื่องขัดไฟฟ้าช่วยงาน แบบที่ เหมาะกับการใช้งานคือ 2 แบบแรก น้ าหนัก ไม่มากจนเกินไป ท างานมือเดียวได้ แม้ว่าเครื่องขัดแบบรถถัง จะท างานดีกว่า แต่ก็มี น้ าหนักมาก และมีราคาค่อนข้างแพง รวมทั้งต้องใช้กระดาษทรายสายพานเท่านั้น ถ้าเป็นไปได้ควรเลือกแบบมีถุงเก็บฝุ่น จะช่วยให้ท างานได้สะดวก เพราะไม่มีฝุ่น ฟุ้งกระจายมากเกินไป ส่วนกระดาษทรายที่ใช้กับเครื่องขัดก็เป็นกระดาษทรายม้วนที่ แบ่งขายเป็นเมตรๆ ละ 90-100 บาท น ามาตัดให้ได้ขนาดกับแผ่นรองขัดที่ตัวเครื่อง การเลือกใช้กระดาษทรายประเภทใด และเบอร์อะไรนั้น ต้องทดลองขัดไม้ดูว่า เบอร์ใด เหมาะกับไม้แบบใด และงานแบบใด วิธีใช้เครื่องขัดไฟฟ้า ไม่ซับซ้อนแต่อย่างใด ทดลองใช้ไปสักพักก็จะเข้าใจ การวางน้ าหนักมือ และการเลื่อนเครื่องขัด
28 เครื่องขัดกระดาษทรายนี้ ยังมีแบบใช้ลมอีกด้วยเรียกว่า แอร์ แซนเดอร์ ( A ir sander ) ซึ่งใช้ลมจากปั้มลมเป็นตัวขับเคลื่อนแผ่นขัด กรณีที่ต้องขัดผิวไฟเบอร์กลาส นั้น หากขัดด้วยเครื่องขัดไฟฟ้า แม้จะมีถุงเก็บ ฝุ่น แต่ก็ยังมีฝุ่นอยู่จ านวนหนึ่ง ที่ไม่ถูกเก็บเข้า ถุง ผงฝุ่นจากไฟเบอร์กลาส มีอันตรายต่อการสูด ดม และท าให้เกิดอาการคัน ที่ผิวหนังส่วนที่ถูก ฝุ่น ดังนั้นเขาจึงเลือกใช้ เครื่องขัดที่ใช้ลม ซึ่ง สามารถใช้วิธีขัด แบบขัดร่วมกับน้ าได้ โดยไม่ ต้องพะวงเรื่องไฟฟ้าช้อต หากใช้เครื่องขัดแบบ ไฟฟ้า การใช้เครื่องขัดแบบใช้ลม ผงฝุ่นจะถูกผสมไปกับน้ า จึงไม่มีฝุ่นฟุ้งกระจาย อย่างไรก็ตามการใช้เครื่องขัดลมแบบนี้ จะต้องมีปั้มลมร่วมด้วย หากมีปั้มลมอยู่ แล้ว ก็สามารถเลือกใช้เครื่องขัดแบบนี้ได้เลย 6. กบไฟฟ้า ( E lectric planer ) งานต่อเรือขนาดใหญ่ด้วยไม้จริงนั้น จ าเป็นต้อง ใช้กบไฟฟ้าค่อนข้างมาก แต่กับงานต่อเรือขนาดเล็กด้วยไม้อัด ไม่จ าเป็นต้องใช้กบ ไฟฟ้าเท่าใดนัก อย่างไรก็ตามก็ควรท าความรู้จักกับกบไฟฟ้าเอาไว้บ้าง โดยรวมแล้วกบไฟฟ้ามีอยู่แบบเดียวก็ว่าได้ แต่มีขนาดให้เลือกใช้อยู่ 2 ขนาดคือ ขนาดใบกบกว้าง 3 นิ้ว และใบกบกว้าง 5 นิ้ว ถ้าจะซื้อมาใช้กับงานต่อเรือเล็ก ก็เลือก แบบใบกบกว้าง 3 นิ้ว น้ าหนักเบาใช้งานมือเดียวได้ เพื่องานตกแต่งส่วนเกินของไม้ที่ เรียกว่า แฟริ่ง ( F airing ) การใช้กบไฟฟ้าก็ไม่ยุ่งยากแต่อย่างใด ปุ่มด้านหน้าเป็นการปรับแต่ง ให้ใบกบกิน เนื้อไม้มากน้อยตามต้องการ จะไปยุ่งยากอยู่บ้างตอนต้องลับใบกบให้คม ทั้งนี้ผู้ผลิตจะ ให้ชุดลับใบกบมาในกล่องด้วย อ่านคู่มือที่ให้มาก็จะเข้าใจได้ไม่ยาก
29 7. ปั้มลม ( A ir Compressor ) ในกลุ่มของเครื่องช่างที่ใช้กับงานต่อเรือ ปั้มลมมี ราคาค่อนข้างแพงกว่าเพื่อน อยู่ที่ 4,000-5,000 บาท แต่มีประโยชน์ต่อการท างาน ค่อนข้างมากทั้งใช้กับ เครื่องยิงตะปู, งานพ่นสี และเป่าฝุ่นออกจากเครื่องมือที่ใช้งาน เช่น เลื่อยจิ๊กซอว์, เครื่องขัดกระดาษทราย เป็นต้น และยังใช้เพื่อเป่าไล่ฝุ่นผงไฟเบอร์ ที่ติดตามเสื้อผ้า และผิวหนัง ปั้มลมที่ใช้กันอยู่กับงานช่างทั่วไป เป็นปั้มลมขนาดเล็กที่เคลื่อนย้ายได้สะดวก เท่าที่ใช้กันมีอยู่ 3 แบบคือ 1. ระบบสายพาน ( Reciprocating Compressor ) ความหมายในภาษาอังกฤษ ก็คือ ระบบลูกสูบ เป็นแบบที่เราเห็นกันในสมัยก่อน ปัจจุบันก็ยังมีใช้กันอยู่ ข้อดี - เสยีงเงยีบ, จงัหวะการป๊ัมลมตอ่เนอื่ง มหีลากหลายขนาดใหเ้ลอืกใช้ - ทนทาน, บ ารุงรักษาง่าย ขอ้เสยี - เติมลมช้า, น้ าหนักมาก 2. ระบบโรตารี่ ( R otary Compressor) เป็นปั้มลมที่เราเห็นได้ทั่วไปในทุก วันนี้ อาจพูดได้ว่าเป็นที่นิยมใช้กันทั่วไป ข้อดี - เติมลมได้เร็ว, มีขนาดเล็กเคลื่อนย้ายง่าย มีขนาดความจุให้เลือก 25-50 ลิตร ข้อเสีย - เสียงดังมาก, ต้องหมั่นเปลี่ยนถ่ายน้้ามันเครื่อง และมีน้้าในถังมากต้องถ่ายออก บ่อย, เครื่องร้อนเร็ว 3. ระบบไร้น้ ามัน ( Oil-free Compressor ) เป็นปั้มลมระบบใหม่ ไม่ต้องใช้ น้ ามันหล่อลื่น
30 ข้อดี - เสียงเงียบ, มีขนาดเล็กเคลื่อนย้ายง่าย, ลมที่ออกมาไม่มีกลิ่นน้้ามัน นิยมใช้กับ การผลิตอาหร และยา ข้อเสีย - ราคาสูง, ไม่ทนทาน กับงานต่อเรือ ก็เลือกใช้เครื่องปั้มลมแบบที่ 2 จะสะดวกกว่า แม้จะมีเสียงดัง แต่ท างานนอกบ้าน ก็คงไม่มีปัญหาในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามเมื่อเลือกซื้อ ควรตรวจดูว่ามี ตัวปรับแรงดันลม ติดตั้งมาด้วย หรือไม่ (หากซื้อมาติดเองราคาตัวละ 700-800 บาท) ตัวปรับแรงดันลม จะช่วยให้งาน พ่นสี และงานยิงตะปู ท างานคงที่ได้ตลอดเวลา 8. เครื่องยิงตะปู ( N ailer ) ช่างส่วนมากจะเรียกว่า ปืนยิงตะปู เครื่องมือตัวนี้ใช้ งานมากพอสมควร กับงานต่อเรือไม้อัด มันช่วยย่นเวลา ในการตอกตะปูไปได้มาก เครื่องยิงตะปูที่ใช้กันมีอยู่ 2 แบบคือ 1. แบบใช้แรงลม ( Air nailer ) เป็นเครื่องที่ใช้ก าลังลมจากปั้มลม ในการยิงลูก ตะปูออกไป มีทั้งแบบใช้งานเบา และแบบใช้งานหนัก 2. แบบใช้กระแสไฟฟ้า ( E lectric nailer ) แบบนี้ใช้กระแสไฟฟ้าตามบ้านเรือน ท างาน และมีแบบใช้แบตเตอรี่ด้วย มีทั้งแบบงานเบา และงานหนักเช่นกัน เครื่องยิงตะปูจะแตกต่างกันตรงที่ ใช้ลูกตะปูไม่เหมือนกัน ซึ่งมีทั้งแบบตะปูมีหัว กลมที่ช่างไม้ใช้กันอยู่ แบบตะปูขาเดี่ยว และแบบขาคู่ แบบเป็นตะปูหัวกลมนั้นใช้กับ งานหนักประเภทสร้างบ้าน, ตอกลังใส่ของขนาดใหญ่ ส่วนแบบขาเดี่ยว และขาคู่ใช้กับ
31 งานเฟอร์นิเจอร์เป็นหลัก (มีแบบใช้งานหนักอยู่บ้าง แต่ความยาวลูกตะปูขาเดี่ยว 5 ซม. เท่านั้น) เครื่องยิงตะปูขาเดี่ยว มีแบบเดียว แต่มีขนาดให้เลือกใช้อยู่ 2 ขนาดตามความ ยาวของลูกตะปูคือ ขนาดไม่เกิน 30 มม. และขนาดไม่เกิน 50 มม. ส่วนเครื่องยิงตะปูขาคู่มี 2 แบบคือ แบบความกว้างของลูกตะปู 4 มม. และแบบ กว้าง 10 มม. โดยใช้ได้กับลูกตะปูขาคู่ความยาวได้ถึง 22 มม. การใช้งานปืนยิงตะปู ไม่ยุ่งยากแต่อย่างใด ทดลองใช้งานไปสักพักก็จะคล่องมือ ขึ้น มีข้อแนะน าในการใช้งานอยู่บ้างก็คือ ปืนยิงตะปูแบบนี้ไม่มีตัวเซฟตี้คือ ยิงตะปู ออกไปได้เลย (ชนิดใช้งานหนักมีระบบเซฟตี้ในหลายรุ่น หากไม่กดปลายส่วนยิงตะปู แนบชิ้นงาน จะยิงลูกตะปูออกไปไม่ได้) การยิงตะปูโดยไม่ถูกชิ้นงาน จะท าให้ลูกสูบ เสียเร็ว เพราะมันจะกระแทกอย่างอิสสระเต็มที่ รวมทั้งการยิงตะปูออกไปอาจเกิด อันตรายต่อผู้อื่นได้ นอกจากนี้ควรหยดน้ ามันหล่อลื่น เข้าทางหัวสวมสายลมทุกครั้ง ก่อนใช้งานสัก 3-4 หยดจะช่วยให้กลไกภายในใช้งานได้ทนทานขึ้น กรณีต่อเรือด้วยไม้อัด 4 มม.ธรรมดา (ปัจจุบันหนาแค่ 3 มม.) การใช้ตะปูขาเดี่ยว ยิงไม้อัด อาจเกาะไม้ได้ไม่แน่น เพราะหัวตะปูจะจมลึกลงไปมาก ต้องลดแรงลมจาก เครื่องปั้มลมลงบ้าง หรือใช้ไม้บางๆ รองด้านหลังหัวยิง ไม่ให้หัวตะปูจมลึกเกินไป หรือ เลือกใช้ตะปูขาคู่แทนทั้งขนาด 4 มม. และ 10 มม.จะยึดไม้ได้มั่นคงกว่า 9. กาพ่นสี ( S pray Gun ) งานต่อเรือด่านสุดท้าย ที่จะท าให้เรืออกมาดูสวยงาม ก็คืองานสี การจะท าสีเรือนั้น ถ้าเป็นเรือใช้งานแบบชาวบ้านทั่วไป มักใช้วิธีทาสีด้วย แปรง แต่กับงานเรือที่ท าด้วยไม้อัด หรือท าด้วยไฟเบอร์กลาส นิยมใช้วิธีพ่นสี เพราะ งานที่ออกมาจะสวยงามกว่าการใช้แปรงทาสี การพ่นสีเรือต้องอาศัยปั้มลม และกาพ่นสี หากท่านมีปั้มลมอยู่แล้ว เพียงเพิ่มกาพ่น
32 สีอีกรายการหนึ่ง ซึ่งมีราคาประมาณพันกว่าบาท ก็จะท างานสีได้ง่ายขึ้น เราจะมาท า ความรู้จักกับกาพ่นสีกันดังนี้ กาพ่นสีมีหลายรูปแบบ และการใช้ งาน แต่ที่นิยมใช้กันกับงานต่อเรือ มีอยู่ 2 แบบด้วยกันคือ 1. แบบกาด้านล่าง ( S u c t ion feed ) ตัวกาบรรจุสีอยู่ทางด้านล่าง ข้อดี ของกาพ่นสีแบบนี้ก็คือ บรรจุสีได้ปริมาณ มาก, ปรับมุมการพ่นได้สะดวก สีจะไม่หก ออกมา,วางพักกาพ่นสีได้ง่าย ขณะพักการท างาน ข้อด้อยก็คือ มีสีตกค้างอยู่ในกา มาก, การล้างกาท าได้ไม่สะดวกนัก, แหวนกันสีรั่วแข็งตัว เมื่อใช้ไปนานๆ ท าให้ปิดกา ได้ไม่สนิท กาพ่นสีแบบนี้ นิยมใช้กับงานพ่นบริเวณเนื้อที่มาก เช่น การพ่นสีรถยนต์, เรือ , โครงสร้างขนาดใหญ่ เป็นต้น 2. แบบกาด้านบน ( Gravity feed ) ตัวกาบรรจุสีอยู่ทางด้านบน อาศัยแรงดึงดูด ให้สีไหลลงล่าง กาแบบนี้มักจะมีขนาดเล็กถึงปานกลาง ข้อดีก็คือ จะพ่นสีออกได้หมด จนหยดสุดท้าย, ล้างท าความสะอาดกาได้ง่าย ข้อด้อยก็คือ บรรจุสีได้ไม่มาก, ต้องปรับ มุมกาไปตามลักษณะการพ่น มิฉะนั้นสีในกาจะหกออกมาได้ โดยรวมแล้วกาพ่นสีมีตัวปรับได้ 3 จุดด้วยกัน ( มีบางรุ่นปรับได้เพียง 2 จุด และ จุดเดียว) คือ หมายเลข 1 ใช้ปรับให้สีที่พ่นออกมาเป็นวงกลม หรือแบนแบบแปรงทาสี หมายเลข 2 ใช้ปรับปริมาณสีออกมาก หรือน้อย และหมายเลข 3 ใช้ปรับแรงดันลม
33 มาก หรือน้อย ส่วนส าคัญของกาพ่นสี อีกส่วนหนึ่งคือ หัวพ่นสี ( A ir cap ) ที่จะช่วยปล่อยสี ออกไปตามรูปแบบที่ต้องการ ทั้งการพ่นแผ่เป็นรูปพัดในแนวตั้ง, แผ่ในแนวนอน และ พ่นออกไปเป็นวงกลม ก็อาศัยการปรับหัวพ่นสี ไปตามที่ก าหนด หัวพ่นสีมีเบอร์ ให้เลือกใช้งานหลายขนาด ตามที่ผู้ใช้ต้องการ รวมทั้งสัมพันธ์กับ ความข้นของเนื้อสีด้วย ทั้งนี้ที่ช่างพ่นสีเลือกใช้กันก็คือ เบอร์ 1.5 เป็นเกณฑ์ ส่วนการ ปรับรูปแบบ ของสีที่พ่นออกไป โดยปรับ หมุนหัวพ่นสีให้ไปอยู่ ตามต าแหน่งใน รูปแบบที่แสดงในภาพ การใช้กาพ่นสีนั้น จ าเป็นต้องล้าง คราบสีออกไปให้หมด ซึ่งมีอยู่ 2 ช่วง ด้วยกันคือ - ช่วงพักการพ่นสี เมื่อต้องพ่นสีไป สักระยะหนึ่ง อาจต้องรอให้สีที่พ่นไปก่อนนั้น ได้แห้งตัวพอสมควร หรือต้องพักการพ่น สีชั่วระยะหนึ่ง ก็ควรล้างสีที่ตกค้างด้วยทินเนอร์ ถ้าใช้กาพ่นสีแบบกาด้านบน ก็เพียง ใส่ทินเนอร์เล็กน้อยลงในกา แล้วพ่นออกไป สีที่ตกค้างก็จะถูกขจัด ออกไปเกือบหมด สามารถพักกาพ่นสีได้นานพอสมควร หากเป็นกาอยู่ด้านล่าง ก็ท าวิธีเดียวกัน แต่ให้ใส่ ทินเนอร์ใหม่ลงไปในกาอีกครั้ง แล้วปล่อยทิ้งไว้จนกว่าจะเริ่มงานพ่นสีครั้งต่อไป - ช่วงเลิกการพ่นสี เป็นการเลิกพ่นสีในวันนั้น จะต้องล้างกาพ่นสีแบบถอด
34 ชิ้นส่วนต่างๆ ออกคือ คลายเกลียวฝาครอบหัวพ่นสี( C ap ) ใช้มือหมุนได้, คลาย เกลียวหัวพ่นสี ( N o zzle ) ต้อง ใช้ประแจ ที่ให้มากับกาพ่นสี และ คลายเกลียวถอดเข็ม ( N eedle ) อย่างไรก็ตาม เข็มของกาพ่นสี ไม่ ควรถอดออกล้างบ่อยนัก ถ้าหาก ไม่มีคราบสีตกค้าง มากจนเกินไป เพราะอาจท าเกิด ความเสียหายได้ หากเข็มคดงอไป การล้างกาพ่นสี ก็ใช้ทินเนอร์ ที่ใช้ล้างสี (ทินเนอร์ผสมสี เป็นทิน เนอร์เกรดดี) ใช้แปรงที่ให้มากับกา พ่นสี ขัดคราบสีที่ติดตามซอกให้ สะอาด เช็ดด้วยผ้า หรือกระดาษทิชชู่ ส่วนด้านในห้องรับสี จะมีคราบสีตกค้างอยู่ ถ้า ถอดเข็มออกไปแล้วจะล้างได้ง่าย แล้วประกอบชิ้นส่วนที่ถอดออกมากลับที่เดิม เทคนิคการพ่นสี ไม่มีขั้นตอนที่ซับซ้อนเท่าใดนัก ต้องทดลองหาประสบการณ์จาก การท างานบ่อยครั้งหน่อย มีข้อแนะน าบางส่วนได้ดังนี้ - ทดลองพ่นสีบนวัสดุที่ไม่ใช้งานเช่นเศษไม้อัด, กล่องกะดาษ เพื่อปรับปุ่มทั้ง 3 ของกาพ่นสี จนได้ปริมาณสีที่พ่นออกไปอยู่ในระดับที่ดี - ระยะห่างของกาสีกับพื้นผิวที่พ่นประมาณ 6-8 นิ้ว ถ้าใกล้ไปสีจะย้อย และถ้า ห่างไปสีจะเป็นละออง ทั้งนี้ต้องควบคุมมือให้หัวพ่นสี ขนานกับพื้นผิวไปโดยตลอด - พ่นสีแนวต่อมาให้ทับแนวเดิมเล็กน้อย และพักสักระยะให้สีที่พ่นไปแล้วแห้งตัว บ้าง ก่อนจะพ่นทับครั้งต่อไป - เลือกพ่นสีในจุดอับ หรือตามซอกก่อน จากนั้นพ่นที่ขอบด้านข้างของพื้นผิว เพื่อ ช่วยก าหนดแนวพ่น เวลาเคลื่อนกาพ่นสีไปใกล้ขอบ และพ่นย้อนกลับทางเดิม - การพ่นสีในที่โล่ง ถ้ามีลมแรงสีที่พ่นจะปลิวไปกับกระแสลมมาก ควรที่ที่บังลมใน จุดที่พ่นสี - ไม่ควรพ่นสีในที่อับลมจนเกินไป ละอองสีที่พ่นจะย้อนกลับไปติดผิวที่พ่นสีแล้ว รวมทั้งต้องสูดดมทินเนอร์อยู่ตลอดเวลา
35 เครื่องมือที่ใช้กับงานต่อเรือ ที่ไม่ใช้กระแสไฟฟ้า ก็เป็นเครื่องมือช่างไม้ทั่วไป เช่น ค้อน, เลื่อย, กบไสไม้, ตลับเมตร, เหล็กฉาก ฯลฯ เหล่านี้เป็นต้น ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ พบตามบ้านเรือนทั่วไป ในที่นี้คงไม่ต้องแนะน ามากนัก เพราะส่วนมากใช้กันเป็นอยู่ แล้ว บางท่านอาจใช้ไม่ค่อยคล่อง อย่างเช่น การตอกตะปู, การเลื่อย, การไสกบ ก็คง ต้องไปใช้เครื่องมือไฟฟ้าแทน ซึ่งจะท างานได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ก็ยังมีเครื่องมือ หรืออุปกรณ์บางอย่าง ที่ต้องใช้กับงานต่อเรือเป็นการเฉพาะ นั่นก็คือ ปากกาจับยึด ( C lamp ) กับงานต่อเรือนั้น จ าเป็นต้องใช้อุปกรณ์ตัวนี้ ค่อนข้างบ่อยมาก อุปกรณ์ตัวนี้มีให้เลือกใช้งานหลายแบบด้วยกันดังนี้
36 ปากกาจับยึด ( C lamp ) การต่อเรือนั้น จ าเป็นต้องอาศัยอุปกรณ์ตัวนี้ ใน การจับยึด ส่วนประกอบต่างๆ เข้าด้วยกันเพื่อติดกาว หรือยึดด้วยตะปู อาจพูดได้ว่า การต่อเรือ ขาดอุปกรณ์ตัวนี้ไม่ได้เลย และต้องใช้เป็นจ านวนมากพอสมควร เรือบาง แบบอาจต้องใช้ ปากกาจับ 10 กว่าตัว หรือมากกว่าก็มี (ขึ้นอยู่กับงบประมาณด้วย) การต่อเรือประมง ในบ้านเรา ต้องใช้ปากกาจับ ขนาดใหญ่มาก เขาหาซื้อไม่ได้ จ าเป็นต้องสร้าง ขึ้นมาเอง แต่โดยรวมแล้ว การต่อ เรือทั่วไป สามารถที่จะหาซื้อ ปากกาจับได้ไม่ยาก มีให้เลือกได้ หลายแบบ และหลายขนาดด้วยกัน แต่บางแบบอาจจะ หาไม่ได้ในบ้าน เรา และบางแบบก็สามารถท าขึ้นเองได้ ปากกาจับ ที่ใช้กับงานทั่วไป สามารถน าใช้กับงานต่อเรือได้เกือบทุกแบบ ทั้งนี้ก็ ขึ้นอยู่กับผู้ที่คิดจะต่อเรือว่า จะลงทุนซื้อปากกาจับแบบใด เพราะแต่ละแบบมี ราคา ต่างกันพอสมควร ปากกาจับบางแบบมีราคาสูงเกินไป ที่จะซื้อมาใช้งาน เพราะตกตัวละ เกือบพันบาท หรือกว่าพันบาทก็มี ปากกาจับยึดแบบต่าง ๆ
37 ปากกาจับ ที่ใช้กับงานต่อเรือ มีจุดประสงค์ในการใช้งานเหมือนกัน แต่วิธีใช้อาจ ต่างกันบ้าง ซึ่งมีค าแนะน าได้ดังนี้ 1. ปากกาจับยึดตัว-ซี ( C -Clamp ) ปากกาจับตัวนี้ มีรูปทรงเหมือนตัว ซี ( C ) ในภาษาอังกฤษ จึงเรียกกันเช่นนี้ มันมีขนาดให้เลือกใช้งานตั้งแต่ ความกว้าง ของปากจับนิ้วกว่า ไปจนถึงกว้าง 10 กว่านิ้ว กับงานต่อเรือเล็กนั้น เลือกใช้ขนาด 2 – 4 นิ้ว (ราคาตัวละ 100-300 บาท) ก็พอ แต่ถ้าต้องซื้อเป็นสิบตัวขึ้นไป ก็จะเป็นเงินไม่น้อยทีเดียว ถ้าใครมีฝีมือ ทางงานเชื่อมโลหะอยู่บ้าง ก็ท าใช้ได้เอง จะมีราคาถูกลงไปมาก ปากกาจับใช้งานต่อเรือเล็ก เป็นงานไม่หนักเกินไป แค่จับยึดทากาว แล้วรอให้กาวแห้ง หรือจับยึดเพื่อตอกตะปูเท่านั้นเอง ปากกาตัวซี ใช้ จับชิ้นงานได้แน่น จะ ไม่ถอย ออกมาได้ง่าย ใช้ได้ทั้งกับ งานเหล็ก และงานไม้ แต่เวลา ท างาน ต้องใช้ทั้ง 2 มือคือ จับตัวปากกา ด้วยมือข้างหนึ่ง และ หมุนเกลียวด้วยมืออีกข้างหนึ่ง ท าให้จับชิ้นงานบางอย่าง ท าไม่ค่อยถนัด ถ้าไม่มี ผู้ช่วยอีกคน บ่อยครั้งไม่สะดวกต่อการท างาน โครงสร้างของ ปากกาชนิดนี้ ท าด้วยเหล็กหล่อ ส่วนตัวเกลียว เป็นเหล็กธรรมดา มีโอกาสเป็นสนิมได้ง่าย เมื่อเลิกใช้งานแล้วควรเช็ด และหล่อลื่นด้วยน้ ามันเครื่อง. ปากกาจับยึดตัวซี ( C Clamp ) หลายรูปแบบ แบบท าใช้เอง การใช้งานปากกาตัวซี
38 2. ปากกาจับยึดตัว-เอฟ ( F-Clamp) ปากกาจับแบบนี้ มีรูปทรงเหมือนกับ ตัว เอฟ ( F ) ในภาษาอังกฤษ ถูกออกแบบมาให้ใช้กับงานไม้ มากกว่างานเหล็ก งาน ต่อเรือใช้ปากกาชนิดนี้ค่อนข้างมาก เนื่องจากใช้งานง่ายกว่า ปากกาจับตัว เอฟ มีความ คล่องตัวในการใช้งาน มากกว่า ปากกาจับตัว ซี ที่กล่าวมาแล้ว เพราะขาด้านตัวล็อค สามารถ เลื่อนเข้า หรือถอยออก ได้สะดวก ถ้าผู้ใช้มี ความช านาญ จะท างาน ด้วยมือข้างเดียวได้เลย ในกลุ่มของ ปากกาจับ ยึด ด้วยกันแล้ว ปากกาจับตัว เอฟ มีความกว้างในการจับ มากกว่าเพื่อนคือ มีความ กว้าง ของปากจับตั้งแต่ 4-5 นิ้วไปจนถึง 40 กว่านิ้ว และ ความลึกของส่วนปากจับยึดก็ ค่อนข้างมากกว่าปากกาจับยึดแบบอื่นๆ ปากกาจับตัว เอฟ มีความมั่นคงในการจับ น้อยกว่าปากกาจับตัวซี แต่ด้านราคา เมื่อเทียบกันแล้ว ก็มีราคาแพงกว่าพอสมควร หากมองภาพโดยรวมแล้ว ปากกาจับยึด รูปตัว เอฟ เหมาะกับงาน ต่อเรือไม้มากทีเดียว เพราะใช้งานง่าย มีความกว้างของปาก จับ และมีส่วนลึกค่อนข้างมาก 3. ปากกาจับยึดแบบอื่นๆ ( O t h e r Clamps ) นอกจากปากกาจับตัวแบบ ซี และตัว เอฟ ( C & F Clamp ) ที่ใช้กันมากกับงานต่อเรือแล้ว ก็ ปากกาจับยึดตัวเอฟ ( F ) ปากกาจับยึดตัวเอฟ กับงานต่อเรือ
39 ยังมีปากกาจับแบบอื่นๆ อีก 2-3 แบบ ที่ใช้กับงานต่อเรืออยู่บ้างเช่น One hand bar clamp มีรูปแบบเหมือนปากกาจับตัว เอฟ ( F ) ในการเลื่อน เข้า หรือถอยออก แต่ตัวล็อคต่างกัน ปากกาจับแบบนี้ ใช้ไกล็อคแบบบีบ (จะฟรี ) แล้ว ปล่อยไก (จะล็อค) สามารถท างาน ด้วยมือข้างเดียวได้สะดวกมาก การจับยึดมั่นคง พอสมควร บางรุ่นมีไกล็อค 2 ชั้น และบางรุ่นก็เหมือน เครื่องมืออัดกาวแบบกระบอก ปากกาจับแบบนี้ มีราคาสูงกว่าปากกาจับตัว ซี และตัวเอฟ มากทีเดียว บางขนาด ราคาต่อตัวกว่าสองพันบาท มีขนาดให้เลือกใช้ ยาวสุดเกือบเมตร มีทั้งแบบใช้กับงาน ไม้ และงานเหล็ก S p r i n g c l a m p เป็นปากกาจับ ที่ใช้กับ งานเบาๆ ใช้กับงานต่อเรือไม้ ขนาดเล็กได้ดี โดยอาศัยจับ ยึด พื่อรอกาวแห้ง เป็น ปากกาจับขนาดเล็ก ชนิดธรรมดาจะมีราคาไม่แพงนัก แต่ถ้าเป็นขนาดใหญ่กว่า และ แบบพิเศษก็จะมี ราคาสูงพอสมควร ปากกาจับแบบสปริงนี้ ถ้าใช้กับงานเบาๆ อาจท าใช้เองได้ จากท่อน้ า พีวีซี ขนาด ท่อ 3-4 นิ้วชนิดเนื้อหนา (ดูจากภาพคงท าได้ไม่ยาก) Wood clamp เป็นปากกาจับ ที่ท าจากไม้ ใช้กับ งาน ต่อเรือไม้นานมาแล้ว มีทั้งที่ท าออกมาขาย และท า ใช้กันเอง เป็นส่วนมาก เรื่องของปากกาจับยึด ที่ ใช้กับงานต่อเรือ ก็คงมีเพียง เท่านี้ การจะเลือกใช้แบบใด ก็ต้องดูตามความเหมาะสม. Spring clamp ปากกาจับแบบสปริงกับงานต่อเรือ
40 คงเป็นเรื่องจ าเป็นไม่น้อย เมื่อจะคิดต่อเรือด้วยตัวเอง ที่ควรต้องท าความรู้จักกับ ส่วนประกอบต่างๆ ของเรือกันเสียก่อน เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน เมื่อต้อง เรียกชื่อ ส่วนประกอบของเรือแต่ละชิ้น การต่อเรือไม้ในบ้านเรามีนานมาแล้ว แต่ก็แปลกที่มีชื่อเรียก ส่วนประกอบของเรือ ไม่มากนัก อย่างเช่น กระดูกงู, กงเรือ, โขนเรือ เป็นต้น อาจจะเป็นด้วยส่วนประกอบ ของเรือบ้านเรา มีอยู่น้อย และอาจเรียกต่างกันไป ในแต่ละท้องถิ่น ได้พยายามค้นหา และสอบถามไปหลายแห่งแล้ว ก็ไม่มีค าตอบแต่อย่างใด เลยจ าเป็นต้องน าข้อมูล จาก ทางต่างประเทศเขา มาใช้ในบทความนี้ เรือไม้ขนาดเล็ก จนถึงปานกลางทางบ้านเขานั้น มีรูปทรงต่างไปจากบ้านเรา พอสมควร ทางบ้านเขามีส่วนประกอบต่างๆ ของตัวเรือมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้า เป็นเรือที่ต่อด้วยไม้อัด เพราะ มีความแข็งแกร่ง น้อยกว่าไม้ จริง ในบางส่วนของตัวโครง เรือ จึงต้องสร้างส่วนที่ต้องยึด โยง ให้ตัวเรือมั่นคงขึ้น เราจะ มาดูกันว่า ส่วนประกอบของ เรือเหล่านั้นมีอะไรกันบ้าง สว ่ นประกอบของเรอ ื ไม ้ เรือหางยาวที่ต่อกันในบ้านเรา การต่อเรือไม้ในบ้านเขา
41 ว่ากันโดยรวมแม้ว่า กระดูกงูเรือ นั้นส าคัญมากกับเรือทั่วๆ ไป แต่ถ้าเป็นเรือขนาด เล็กแล้ว ก็ไม่ถึงกับจ าเป็นเท่าใดนัก อย่างไรก็ตามกระดูกงูเรือนั้น ก็เป็นส่วนประกอบ ของเรือ ที่ต้องพูดถึงกันให้เข้าใจ ถ้าเรามองดูเรือ ที่ส่วนของ กระดูกงู ( K eel ) เราจะมองรวม จากท้ายเรือ เลยไปจนถึงหัวเรือ เพราะมองเห็นว่า มันเป็นส่วน เดียวกัน แต่ความจริงแล้วมีส่วน เชื่อมต่อกัน 2 ส่วนคือ กระดูกงู กับ โขนเรือ หรือ สเต็ม ( Stem ) อย่างเรือหางยาว มีโขนเรือที่สูงมาก วิธีต่อเรือทั่วไปนั้น จะต้องวางกระดูกเรือก่อน ซึ่งจะเป็นการต่อเรือขนาดใหญ่ แต่ กับเรือขนาดเล็ก (10-15 ฟุต) ส่วนมากแล้ว วางกระดูกงูภายหลังก็ได้ โดยเฉพาะอย่าง ยิ่งเรือไฟเบอร์กลาส ที่หล่อจากแม่พิมพ์ เขาจะหล่อเปลือกเรือก่อน แล้วจึงมาวางกระดูก งู และส่วนประกอบอื่นๆ เรือขนาดเล็กที่ต่อด้วยวิธี สร้างโครงเรือชั่วคราวแบบ โคลด์ โมลด์ ( C old mold) ก็วางกระดูก งูภายหลังเช่นกัน หากเลือกแบบวางกระดูกงูเรือ ก่อน ก็มีวิธีเลือกการวางได้ 3 แบบ ด้วยกันคือ 1. กระดูกงูในตัวเรือ การวางกระดูกงูแบบ นี้ ส่วนของเปลือกเรือจะปิดทับ หรือหุ้ม กระดูกงู ไว้ทั้งหมด ส่วนมากจะพบกับ เรือที่ต่อด้วยไม้อัด ขนาดเล็ก ส่วนขนาดปานกลางก็พบอยู่บ้าง เรือ ขนาดนี้ส่วนหนึ่ง จะวางกระดูกงูภายหลัง 1. กระดูกงูเรือ (Boat Keel) การวางกระดูกงูเรือขนาดเล็ก Stem เป็นส่วนของโขนเรือ โครงเรือชั่วคราว ( C old mold )
42 2. กระดูกงูเสริม เป็นการวางกระดูกงูไม้จริง ทับเปลือกเรือ ในแนวเดียวกับ กระดูกงูในตัวเรือ วิธีนี้พบกับเรือหลายแบบ ทั้งนี้เพื่อใช้ป้องกันท้องเรือ ตรงแนวกระดูก งู เมื่อไปครูดกับทราย หรือหินใต้น้ า และใช้เป็นเหมือนหางเสือเรือ โดยท ากระดูกงู เสริมให้กว้างขึ้น ส่วนมากจะพบกับเรือกรรเชียง ใช้ได้ทั้งกับเรือไม้อัด และไม้จริง 3. กระดูกงูพ้นเปลือก เรือ กระดูกงูเรือแบบนี้ พบ อยู่กับเรือขนาดใหญ่ ที่ต่อ ด้วยไม้จริง เรือขนาดเล็กต่อ ด้วยไม้อัด ไม่นิยมใช้วิธีนี้ เท่าใดนัก เพราะจะหุ้มไฟ เบอร์กลาส กับเปลือกเรือได้ ค่อนข้างยาก สรุปแล้วการต่อเรือขนาดเล็ก ทั้งใช้ไม้อัด และไฟเบอร์กลาส นิยมใช้กระดูกงูเรือ แบบ 1 และ 2 เป็นหลัก การเลือกไม้ท ากระดูกงูเรือ โดยรวมแล้วการวางกระดูกงูเรือ จะเลือกใช้ไม้จริง แทบทั้งสิ้น เนื่องจากต้องการความแข็งแรง แต่กับเรือขนาดเล็ก อาจใช้ไม้อัดได้เช่นกัน ทั้งนี้จะเป็นแบบ กระดูกงูในตัวเรือ แล้วปิดทับด้วยไฟเบอร์กลาส จึงไม่มีปัญหาที่กระดูก งูไม้อัดต้องแช่อยู่กับน้ า ถ้าเลือกแบบเรือที่มีกระดูกงูเสริมสูงมาก จะหาไม้จริงหน้า กว้างได้ยาก การเลือกใช้ไม้อัด หุ้มไฟเบอร์กลาส ก็จะแก้ปัญหานี้ได้ แล้วใช้ไม้จริงปิด รูปแบบกระดูกงูเรือ กระดูกงูพ้นเปลือกเรือ
43 ทับส่วนที่จะครูดกับทราย, ขอนไม้ หรือหินที่ใต้น้ า กระดูกงู ที่เป็นไม้จริงนั้น สามารถท าได้ทั้ง 3 แบบ ถ้าเป็น กระดูกงู ในแนวตรงก็จะท าได้ ง่าย แต่ถ้าเป็นกระดูกงูที่มีส่วน โค้ง หากใช้ไม้จริงหนามาก ก็ จะดัดให้โค้งได้ยาก จึงต้องใช้ วิธี ลามิเนต ( L aminate ) คือ น าไม้ชิ้นยาวแผ่นบางมาทากาว ประกบกันหลายแผ่น ให้โค้ง ตามแบบของกระดูกงู วิธีนี้เราสามารถสร้าง กระดูกงูเรือให้กับเรือขนาดใหญ่ได้ สรุป แล้วกระดูกงูเรือนั้น จะจ าเป็นกับเรือขนาดกลาง ขึ้นไปเป็นเกณฑ์ ส่วนเรือขนาดเล็กไม่ ถึงกับจ าเป็นเท่าใดนัก ไม้อัดที่เราใช้กันอยู่ ก็ เป็นการลามิเนต แผ่นไม้บางๆ เข้าด้วยกันจนได้ ความหนา ตามที่ต้องการ โดยใช้กาวเป็น ตัวยึดแผ่นไม้เหล่านั้น การลามิเนตไม้ จ าเป็นต่อ การต่อเรือมาก ส่วนประกอบ ตัวเรือ หลายชิ้นต้องอาศัย การลามิเนตเป็นหลัก การต่อเรือแคนูด้วยไม้อัด จะใช้วิธี แลมิเนตมากที่สุดก็ว่าได้ เพราะมีส่วนโค้งค่อนข้างมาก ส่วนประกอบต่างๆ ของเรือ ที่ ต้องลามิเนทไม้ มีทั้งส่วนที่ใช้ไม้จริง และใช้ไม้อัด (เปลือกเรือที่ต้องการความหนา ตามที่ก าหนด ก็ต้องใช้วิธีลามิเนต เช่นกัน) กาวที่ใช้กับการลามิเนตไม้ เลือกใช้ได้ทั้งกาวผง หรือกาวแดง และกาวอีพ๊อกซี่ ทั้งนี้จะต้องใช้ ร่วมกับปากกาจับยึด เพื่ออัดไม้ทุก ชิ้นที่ประกบแน่นเข้าด้วยกัน กระดูกงูเสริมด้วยไม้อัด การลามิเนตกระดูกงูเรือแบบโค้ง
44 สรุปแล้วกระดูกงูเรือ เป็นส่วนประกอบหลักของตัวเรือทั่วไป แต่เรือขนาดเล็กบาง แบบก็ไม่มีกระดูกงูโดยตรง อาศัยส่วนประกอบอื่น ตรึงให้ท้องเรือแข็งแรงเท่านั้นเอง กระดูกงูเรือจะถูกเชื่อมต่อ กับส่วนของโขนเรือ ( S tem ) ซึ่งเป็นส่วนประกอบชิ้น ต่อมา ซึ่งมีรูปแบบอยู่หลายแบบด้วยกัน โขนเรือส่วนประกอบของเรือ ที่ต่อเชื่อมกับกระดูกงูเรือทั้งด้านหน้า และด้านหลัง ตัวอย่างเช่น เรือหางยาวก็คือ โขนเรือ หรือ สเตม ( S tem ) โขนเรือ เป็นส่วน รองรับ กับไม้กงยาวข้าง เรือ ( L o n g it ude frame: บางท้องถิ่น เรียกว่า ไม้ดิ้ว) และส่วน ของเปลือกเรือ ทั้งแบบ ไม้กระดาน และไม้อัด เรือขนาดเล็ก ทั่วไปนั้น ส่วนหนึ่งมักจะไม่มีโขนเรือ เช่นเดียวกับไม่มีกระดูกงูเรือ และกงเรือ โขนเรือมีอยู่ 2 รูปแบบด้วยกันคือ ก. โขนเรือแบบตรง เป็น โขนเรือไม้จริง ใช้กับเรือไม้ แบบเรือหางยาว และเรือตังเก ข. โขนเรือแบบโค้ง เป็น โขนเรือที่ใช้ทั้งไม้อัด และไม้ จริง ส่วนมากพบกับเรือที่ต่อใน ต่างประเทศทั่วไป โขนเรือทั้ง 2 ลักษณะนั้น ขึ้นอยู่กับรูปแบบของเรือเป็นหลัก เรือขนาดเล็กที่โขน เรือโค้ง นิยมใช้ไม้อัด เพราะมีหน้ากว้างตัดให้โค้งได้สะดวก หรือใช้วิธีตัดเป็นท่อนสั้น ต่อกันด้วยวิธีลามิเนท ก็จะได้ความหนาของโขนเรือ ตามที่ต้องการ (เรือไม้อัดบางแบบ ที่มีขนาด 30 ฟุต โขนเรือมีความหนาประมาณ 10-12 ซม.) 2. โขนเรือ (Stem) เรือหางยาวมีโขนเรือทั้งทางด้านหน้า และทางด้านหลัง
45 ส่วนของไม้กงยาวข้างเรือ หรือไม้ขนาบกงข้างเรือนั้น (บางท้องถิ่นเรียกว่า ไม้ดิ้ว) มาบรรจบกับ โขนเรือ ได้ หลายรูปแบบตามภาพประกอบ เรือที่ใช้โขนเรือไม้อัด มักจะมีส่วนประกอบย่อยๆ เสริมความแข็งแรงอีก 2 ชิ้นคือ 1. บรีสท์ฮุค ( B reasthook ) เป็นไม้ส่วนเสริม ที่ยึดติดกับโขนเรือ และกงยาวข้างเรือ (ตัวบน) ทั้ง 2 ด้าน ซึ่งจะเสริมให้ ส่วนหัวเรือ แข็งแรงขึ้น อย่างไรก็ตามเรือไม้ จริง ก็ใช้อยู่ด้วยเช่นกัน 2. ชายน์ บล็อกกิ้ง ( C hine Blocking ) เป็นไม้ส่วนเสริม ที่ยีดติดกับโขนเรือต่ าลงมา จากไม้ Breasthook ซึ่ง จะยึดกับกงยาวข้างเรือ ตัวล่างสุด (แนวบรรจบของกงท้องเรือ กับกงตั้งข้างเรือ) ไม้ส่วนนี้ไม่ค่อยพบ กับเรือไม้ ทั่วไป เพราะจุดนี้มักจะเป็นพื้นเรือ ซึ่งยึดกับกงยาวข้างเรือตัวล่าง อยู่ แล้วนั่นเอง จึงไม่ต้องใช้ไม้ Chine Blocking แต่อย่างใด
46 เรือที่มีส่วนท้องเรือโค้ง จะ ไม่มีกงยาวข้างเรือตัวล่าง (เรียกว่า Chine ) ซึ่งเป็น จุดต่อของกงท้องเรือ และกงตั้งข้างเรือ คงมีแต่กงยาวข้างเรือตัวบน (เรียกว่า Sheer ) อย่างเดียวเท่านั้น เรือขนาดเล็กที่ต่อด้วย ไม้อัด หุ้มไฟเบอร์กลาส แบบ Cold mold หรือ เป็นเรือไฟเบอร์กลาสทั้งล า มักจะ ติดตั้งโขนเรือภายหลัง เพื่อ เสริมส่วนหัวเรือให้แข็งแรง และ ใช้รองรับ ห่วงส าหรับลากเรือ ( U Bolt Bow Eye ) ไปด้วย ส่วนจะเลือกใช้โขนเรือแบบใดนั้น ก็ขึ้นอยู่ กับ โครงสร้างของเรือ แต่ละแบบเป็นเกณฑ์ ทั้งนี้ ผู้ต่อเรือจะเป็นผู้เลือกเอง อย่างไรก็ตามหากเลือกโขนเรือแบบโค้ง ก็จะ เกิดปัญหาต้องหาไม้จริงหน้ากว้าง และอาจต้อง ต่อส่วนโค้งของไม้ด้วย (ยกเว้นการใช้ไม้อัดหนา มาท าโขนเรือ) หรือต้องเลือกใช้วิธีลามิเนทไม้บาง หลายชิ้นเข้าด้วยกัน ซึ่งไม่ยากจนเกินไปนัก U - Bolt Bow eye เรือส่วนท้องโค้ง ใช้กงเรือยาวตัวบนเพียงตัวเดียว
47 กงเรือ ( F rame) เป็นส่วนประกอบเข้ากับกระดูกงูเรือ ทั้งนี้กงเรือเปรียบ เหมือนกับ ซี่โครงของเรือ ที่ใช้รองรับเปลือกเรือ ซึ่งเรือส่วนมากจะขาดกงเรือไม่ได้เลย ยกเว้นเรือขนาดเล็กบางแบบ ที่ใช้ ส่วนของที่นั่งขวางในตัวเรือ รวมทั้ง ส่วนที่กั้นเป็นห้อง ในตัวเรือแทนการ ใช้กงเรือ แต่มีเรือบางประเภทเช่น เรือแคนูใช้กงเรือ จ านวนมากกว่าเรือ ทั่วไป เพื่อรองรับเปลือกเรือ โดยไม่ต้องใช้ กระดูกงูเรือแต่อย่างใด โดยทั่วไปแล้วกงเรือ จะใช้ไม้จริง เช่นเดียวกับกระดูกงูเรือ กงเรือ มีอยู่ 2 แบบคือ 1.กงเรือแนวตั้ง ( S i de frame ) หรือ กงตั้งข้างเรือ เรือไม้ขนาดใหญ่ทั่วไป มีกง เรือแนวตั้ง โค้งไปเกือบถึงกระดูกงูเรือ กงเรือแบบนี้ ใช้ไม้กระดานขนาดใหญ่ เป็น เปลือกเรือ แต่ถ้าเป็นไม้แผ่นเล็ก หรือไม้อัด กงเรือแนวตั้งจะยาวจาก กราบเรือ ไปจรด แนวต่อเปลือกเรือ (ข้างเรือกับท้องเรือ) เท่านั้น มีทั้งแบบตรง และแบบโค้งไม่มากนัก กงเรือแนวตั้ง จะเรียงจากหัวเรือไปทางท้ายเรือ มากหรือน้อยก็อยู่ที่แบบของเรือ 2. กงท้องเรือ ( B ottom frame ) เป็นส่วนเชื่อมต่อจาก กงตั้งข้างเรือ ไปถึง กระดูกงูเรือ กงท้องเรือที่โค้งมากนั้น มีทั้งแบบต่อกับกงตั้งข้างเรือ และแบบแยก ต่างหาก และวางคนละแนวกับกงตั้งข้างเรือ 3. กงเรือ (Frame) เรือเล็กที่ไม่มีกงเรือ เรือแคนู
48 มีส่วนที่คล้ายกงเรือ อีกแบบหนึ่งเรียกว่า Bulkhead ขอเรียกง่ายๆ ว่า กงทึบ เป็น ผนังกั้นห้อง หรือที่นั่งขวางในตัวเรือ ติดตั้งตรงกับกงเรือ หรือไม่ตรงก็ได้ กงทึบ จะ ช่วยเสริมความแข็งแรง ให้กับตัวเรือเพิ่มมากขึ้น กงเรือทั่วไปใช้ไม้ 3 รูปแบบด้วยกันคือ 1.ไม้จริงท่อนเดียวไม่ต่อ เรือที่ใช้กงแบบนี้ มักเป็นเรือขนาดใหญ่เช่น เรือประมง หรือเรือที่ใช้ ไม้กระดานแผ่นเป็นเปลือกเรือเช่น เรือหางยาว โดยใช้ไม้หนา 3-4 นิ้วแผ่นใหญ่ บางแผ่นกว้าง กว่าเมตร เรียกว่า ไม้ตับ มาตัดเป็นกงเรือโค้งตาม แบบเรือ ซึ่งมักเป็นเรือขนาดใหญ่ อย่างเช่นเรือประมง หรือเรือตังเก 2. ไม้จริงแบบต่อหลาย ท่อน เรือส่วนมากที่ต่อกัน ทางต่างประเทศ นิยมใช้กง เรือแบบนี้ ซึ่งเป็นกงเรือแนว ตรง แม้จะมีโค้งบ้างก็ไม่มาก นัก กงเรือแบบนี้ประหยัดการ ใช้ ไม้หน้ากว้างไปได้มาก 3. ไม้จริงลามิเนต มีเรือบางประเภทเช่น เรือใบ และเรือแคนู ที่มีกงเรือโค้งมาก และมีจ านวนของกงเรือ มากกว่าเรือทั่วไป เขาจึงต้องใช้วิธีลามิเนต ( L aminate ) คือ ใช้ไม้แผ่นบางทากาว ซ้อนทับกันหลายๆ แผ่น แล้วดัดโค้งตามแบบ ซ้าย : กงแนวตั้ง (โค้ง) ต่อกับกงท้องเรือ ขวา : กงแนวตั้ง (โค้ง)ไม่ต่อกับกงท้องเรือ ไม้กระดานแผ่นหนาที่เรียกว่า ไม้ตับ
49 โดยรวมแล้วไม้อัด ไม่นิยมน ามาท ากงเรือ เท่าที่ใช้กันส่วนมาก ใช้ท าโขนเรือที่ โค้งมากเป็นเกณฑ์ แต่ก็มีเรือบางประเภท ที่ออกแบบกงเรือชิ้นเดียว รองรับหลายจุด โดยใช้ไม้อัดกันน้ าเกรดเอ ตัดเข้ารูปกงเรือตามแบบ ซึ่งไม่ต้องต่อกงเรือหลายท่อน แบบกงเรือทั่วไป สรุปแล้ว กงเรือ เป็นส่วน ส าคัญของเรือเช่นเดียว กับ กระดูกงูเรือ กับเรือขนาดเล็ก ส่วนหนึ่ง อาจจะไม่มีกระดูกงู แต่มักจะมีกงเรือไม่แบบใด ก็ แบบหนึ่งอยู่ด้วยเสมอ มีวิธีต่อ กงเรืออยู่หลายรูปแบบ ตรงจุดนี้ คงต้องแก้ไขเล็กน้อย โดยขอเรียก กงตั้งข้างเรือ เป็น กงข้างเรือ แทน เพื่อให้ สอดคล้องกับ กงท้องเรือ ที่มาเชื่อมต่อกัน ด้วยวิธีต่างๆ เรือไม้ที่ต่อกัน ใน บ้านเรานั้น ตั้งแต่ยุค แรก จนถึงทุกวันนี้ยังคง รูปแบบเดิมคือ ใช้กงไม้ จริงแบบท่อนเดียว ที่มี ส่วนโค้งมาก จึงมีทั้งต่อ กงส่วนท้องเรือ กับกง ซ้าย : การลามิเนทกงเรือแบบโค้ง (ไม้หลายชิ้น) ขวา : เรือแคนูใช้กงโค้งอย่างเดียว กงเรือไม้อัดกันน้ า
50 ข้างเรือติดกันด้วยน็อต และแบบแยกกงท้องเรือ กับกงข้างเรือไม่ต่อกัน จนเมื่อน าวิธีต่อ เรือ จากต่างประเทศมาใช้ในบ้านเรา จึงใช้วิธีต่อกงเรือเหมือนทางบ้านเขา การต่อกงเรือนั้น มีหลายวิธีด้วยกัน และสิ่งส าคัญ ที่จะช่วยยึดรอยต่อของกง ให้ แข็งแรงขึ้นก็คือ ไม้ปะกบรอยต่อกงเรือ หรือทางบ้านเขาเรียกกันว่า กัสเซ็ท ( G usset ) ทั้งนี้กัสเซ็ทนั้น ใช้อยู่กับวงการก่อสร้างทั่วไป และกับวงการต่อเรือ อย่างไรก็ตามการต่อกงเรือบางแบบ ก็ไม่ต้องใช้ไม้ปะกบกงเรือแต่อย่างใด การ ต่อกงเรือ ถือได้ว่าเป็นเรื่องจ าเป็น ส าหรับการต่อเรือในทุกวันนี้ ซึ่งมีวิธีเชื่อมต่อกงเรือ หลายแบบด้วยกันคือ 1.ไม้ปะกบกงด้านเดียว เป็นการต่อกงเรือด้วยไม้ปะกบ หรือ กัสเซ็ท เพียงด้าน เดียว ด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น นิยมใช้กับเรือขนาดเล็ก 2.ไม้ปะกบกงอยู่ตรงกลาง เป็นการใช้ไม้ปะกบอยู่ระหว่างกงข้างเรือ และกงท้อง เรือมาทับกัน เพื่อรักษามุมของกงให้คงที่ กรณีต่อกงแบบทับกัน วิธีต่อกงเรือแบบนี้พบ ไม่มากเท่าใดนัก 3. ไม้ปะกบกงสองด้านมีตัวอุด เป็นวิธีต่อกงเรือโดยใช้ไม้ปะกบกงทั้งสองด้าน ซึ่งจะตัดไม้ปะกบกงไม่ตามรูปกง ท าให้เกิดช่องว่างระหว่าง ไม้ปะกบกงทั้งสองแผ่น จึง