The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

1 วิธีต่อเรือเล็กด้วยตัวเอง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Piyanuch Sangsong, 2023-04-01 00:55:14

วิธีต่อเรือเล็กด้วยตัวเอง

1 วิธีต่อเรือเล็กด้วยตัวเอง

51 ต้องใส่ไม้อุด หรือ Filler block เข้าไปเติมให้เต็ม เพื่อป้องกันน้ าเข้าไปขังอยู่ข้างใน 4. ไม้ปะกบกงสองด้านเข้ารูป เป็นการใช้ไม้ปะกบกงทั้งสองด้านเช่นกัน แต่ตัด ให้เข้ารูปกับกงเรือทั้งกงข้างเรือ และกงท้องเรือ ท าให้ไม่ต้องใช้ไม้อุด หรือ Filler block แต่อย่างใด แต่ความแข็งแรงจะน้อยกว่าแบบที่ 3 ไปบ้าง 5 และ 6 ไม้ปะกบกงเรือ แบบกงทึบ เป็นวิธีใช้ไม้แผ่น ใหญ่ ปะกบกับกงเรือทั้งแบบ ครึ่งล่าง และแบบเต็มตัว จะพบ กับส่วนที่เป็นผนังกั้นห้อง และ กับไม้ปิดท้ายเรือ ซึ่งการต่อกง แบบนี้ เป็นการต่อแบบต่อชน ธรรมดาทั่วไป ทั้งนี้การ ต่อ กงข้างเรือ กับกง ท้องเรือนั้น อาจมี รูปแบบผสมกันไป เพราะ จะต้องไป สัมพันธ์ กับไม้ชิ้น ส่วนประกอบ อื่น อีกเช่น ไม้ขนาบกงเรือ ซึ่งเป็นส่วนที่ยึดโยงกับกงเรือทุกอัน จ านวนของไม้ขนาบกง เรือจะมีมาก หรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับ ขนาดของตัวเรือ และรูปแบบของเรือเป็นเกณฑ์ ไม้ปะกบกงด้านเดียว ตัดไม้ปะกบกงตามรูปของกงเรือ ช่องว่างที่ต้องเติม Filler block ไม้ปิดท้ายเรือ ( T ransom )


52 ก่อนอื่นขอท าความเข้าใจเสียก่อนว่า ส่วนประกอบต่างๆ ของเรือที่เป็นชื่อ ภาษาไทย มีข้อมูลค่อนข้างน้อย อย่างชื่อ ไม้ขนาบกงเรือนี้ ผู้เขียนบทความ ตั้งขึ้นมา เอง จากลักษณะใช้งานของชิ้นไม้ ทางต่างประเทศเขามี ชื่อเรียกหลายชื่อด้วยกัน แต่ ในบทความจะยังใช้ว่า ไม้ขนาบกงเรือ บวกกับชื่อต าแหน่ง ที่ใช้ไม้ชิ้นนี้ นั่นก็คือ 1. ไม้ขนาบกงเรือตัวล่าง ทางบ้านเขา เรียกว่า ชายน์ ล๊อก ( C hine log ) เป็นไม้ ชิ้นยาว ขนาบกงเรือช่วงรอยต่อชนของ กง ข้างเรือกับกงท้องเรือ แต่ถ้าเป็นเรือท้อง โค้ง, เรือที่ใช้ไม้กระดานแผ่นหนา เป็น เปลือกเรือ หรือเรือไฟเบอร์กลาส ที่หล่อ จากแม่พิมพ์ จะไม่ใช้ไม้ขนาบกงตัวนี้ ถ้าหากเป็นการต่อเรือ แบบหงายท้อง ขึ้นบนนั้น (ทางต่างประเทศ เขามัก นิยมใช้วิธีนี้) ไม้ขนาบกง ตัวล่างนั้น ก็จะกลับไปอยู่ ข้างบน ทั้งนี้ควรเลือกใช้ ไม้จริง ท่อนเดียวยาวตลอด หรือเป็นไม้สั้นต่อกันก็ได้ มี การน าไม้ชิ้นบาง แบบไม้ ระแนงแบน น ามาลามิเนท ก็มีใช้ด้วยเช่นกัน เรือบางแบบ มีส่วนหัวเรือที่ โค้งมาก จนดัดไม้เข้ารูปได้ยาก เขาก็ใช้วิธี ลามิเนทไม้อัด กับไม้ จริงเข้าด้วยกัน แล้วตัดโค้งตาม แบบไปเลย ซึ่งจะง่ายกว่าวิธีอื่น 4. ไม้ขนำบกงเรือ ส่วนหัวเรือที่โค้งมาก เรือส่วนท้องโค้ง ( ก) และเปลือกเรือไม้หนา (ข)


53 การประกอบไม้ขนาบกงเรือตัวนี้ ภาพที่เห็นทั่วไป จะประกอบจากทางท้ายเรือมา หัวเรือ ซึ่งยากต่อการดัดโค้งเข้ารูป จากประสบการณ์ที่ต่อเรือมา การประกอบไม้ขนาบ กงเรือ จากหัวเรือไปท้ายเรือจะง่ายกว่ามาก โดยเฉพาะกับเรือขนาดใหญ่ มีวิธีประกอบ ไม้ขนาบกงเรือ ตัวล่างนี้ ในจุดต่อชนกับโขนเรือ โดยใช้ไม้ Breasthook ที่ใช้เสริม ความแข็งแรงให้กับโขนเรือ มา บากรับกับ ปลายไม้ขนาบกงเรือ ก็ จะง่ายต่อการท างาน กว่าการบาก ปลายไม้ขนาบกงตัวนี้ ให้พอดี เข้ากันส่วนของโขนเรือ ที่ต้องใช้ ฝีมืออยู่บ้างพอสมควร ส่วนด้านบนของไม้ขนาบกงตัวนี้ จะต้องถูกปาด หรือไสกบออกไป ( F airing ) ให้รับกับกงท้องเรือ เพื่อให้บุเปลือกเรือได้เรียบ กรณีที่ใช้ไม้ขนาบกงตัวนี้เป็นไม้บาง จะต้องเสริมไม้เอียงรับ กับกงข้างเรือ เพื่อรองรับเปลือกเรือเช่นกัน สรุปแล้ว ไม้ขนาบกงเรือตัว ล่าง หรือ Chine log นี้ จะประกบ อยู่กับกงเรือด้านข้าง ตรงจุดต่อ ระหว่าง กงข้างเรือ กับกงท้องเรือ จากหัวเรือไปถึงท้ายเรือ เรือบาง ประกอบไม้ขนาบกง จากหัวเรือไปก่อน


54 ประเภทก็ไม่มี ไม้กงขนาบเรือตัวนี้ ดังที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น หากเลือกใช้ไม้หนา มา ท าไม้ขนาบกงเรือ จะปาดมุมรับเปลือกเรือได้ดี 2. ไม้ขนาบกงเรือตัวบน ทางต่างประเทศเรียกกันว่า ไม้เชียร์ แคล้มป์ ( S eer clamp ) เป็นไม้ยาวขนาบปลายด้านบนของกงข้างเรือ ถ้าเราต่อเรือ แบบหงายเอาท้องขึ้น ไม้ ขนาบกงตัวนี้ จะไปอยู่ทางด้านล่าง การติดตั้งก็ เหมือนกับ ไม้ขนาบกงข้างเรือตัวล่าง แต่จะท า ได้ง่ายกว่า เพราะส่วนโค้ง ของหัวเรือด้านบนมี ความกว้างกว่ากันพอสมควร แม้จะเป็นเรือท้องโค้ง ที่ไม่ต้องใช้ ไม้ขนาบ กงข้างเรือตัวล่างก็ตาม แต่ก็ต้องใช้ไม้ขนาบกง ข้างเรือตัวบน เพราะจะเป็นส่วนที่ต้องรับกับ ไม้ กราบเรือ ( G un wale ) ไม้ที่ใช้ก็เป็นไม้จริง ยาวท่อนเดียว หรือท่อนสั้นต่อกัน รวมทั้งการลา มิเนตไม้แผ่นบางเข้าด้วยกัน การประกอบไม้ขนาบกงตัวนี้ ประกบกับโขนเรือ แม้จะท าได้ง่ายกว่า แต่ก็ต้องมีตัว ช่วยดังภาพประกอบ (หน้าต่อไป) ไม้ขนาบกงตัวนี้ แทบจะไม่ต้อง ปาดมุมรับกับกงข้าง เรือ เหมือนไม้ขนาบกงเรือตัวล่าง เรือบางแบบที่มี ส่วนหัวเรือโค้งมาก ดัดไม้ขนาบกงได้ยาก ก็จะเลือกวิธีท าไม้ ขนาบกงตัวนี้ แบบตัดเข้ารูป โดยใช้ไม้อัดหนา หรือไม้จริงตัดโค้งท่อนสั้นๆ แล้วใช้วิธี ลามิเนต ไม้ขนาบกงข้างเรือตัวบน จะประกบทับปลายกงข้างเรือ เหมือนกับกราบเรือไป การปาดไม้ขนาบกงเรือด้านบน การเสริมไม้เอียงรองรับเปลือกเรือ


55 ในตัว วิธีนี้จะพบกับเรือขนาดเล็กบางแบบ สรุปแล้วไม้ขนาบกงข้างเรือตัวบน จะ ประกอบง่ายกว่า ตัวล่างพอสมควร แต่ถ้าวางฐานรับเรือ ( S etting up ) เตี้ยไป (แบบที่ เห็นในรูปซ้ายมือ) จะท างานได้ยากสักหน่อย ต้องก้มลงไปเกือบติดพื้น 3. ไม้ขนาบกงท้องเรือ มีชื่อเรียกในต่างประเทศว่าไม้ แบ้ทเท่น ( B atten ) เป็น ส่วนช่วยท าให้ท้องเรือแข็งแรง มั่นคง มีอยู่ 2 รูปแบบด้วยกันคือ ก. แบบยาวไม่ถึงส่วนหัวเรือ ไม้ขนาบกงท้องเรือตัวนี้ ยาวจากส่วนท้ายเรือ ไปถึง กงท้องเรือตัวใกล้หัวเรือเท่านั้น เรือที่มีส่วนหัวเชิดขึ้น มีส่วนโค้งมาก การต้องดัดไม้ ขนาบกงท้องเรือ ให้โค้งตามท าได้ยาก เขาจึงปล่อยให้ไม้ขนาบกงตัวนี้ หยุดแค่กงท้อง เรือตัวใกล้หัวเรือ โดยปล่อยปลายให้เลยออกไป แล้วปาดให้รับเข้ากับ เปลือกเรือส่วน ท้องหากเป็นเรือท้องแบน จะไม่มีปัญหา ไม้ขนาบกงตัวนี้ ยาวไปสุดหัวเรือได้เลย ข. แบบยาวสุดถึงหัวเรือ ไม้ขนาบกงท้องเรือ แบบนี้ส่วนมากจะใช้ วิธีลามิเนตไม้ แผ่นบาง ที่จะโค้งตัวได้ง่าย เหมือนการลามิเนตไม้กระดูกงูเรือ ไม้ขนาบกงท้องเรือ และ กงท้องเรือ เป็นตัวกักน้ าท้องเรือเอาไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรือที่เปิดโล่งส่วนบน จึงต้อง ไม้ขนาบกงเรือแบบเข้ารูป วิธีรั้งปลายไม้ขนาบกงเรือให้เข้าแนบโขน ไม้ขนาบกงท้องเรือ


56 เลือกใช้ไม้ที่ทนทาน หรือใช้วิธีหุ้มไฟเบอร์กลาสไปเลย สรุปแล้วไม้ขนาบกงท้องเรือ ก็ ไม่ต่างจาก ไม้ขนาบกงตัวอื่นที่กล่าวมาข้างต้น 4.ไม้เสริมขนาบกงเรือ เรียกว่าไม้ สตริงเกอร์ ( S tringer ) เป็นไม้ขนาดเล็ก ที่ใช้ขนาบกงข้างเรือ และกงท้องเรือที่เสริมขึ้นมา กับเรือที่มีเปลือกเรือบาง เพื่อช่วยให้ เปลือกเรือแข็งแรงขึ้น หรือกับการต่อเรือ ที่ใช้โครงเรือ แบบโคลด์ โมล ( C old mold ) ซึ่งใช้ ไม้ขนาดเล็ก ขนาบกับกงเรือ จ านวนมากกว่า กงข้าง เรือ หรือกงท้องเรือ เพื่อรองรับแผ่นเปลือกเรือ ไม้สตริงเกอร์นั้น ใช้อยู่กับงานต่อเรือ หลายรูปแบบด้วยกันคือ ก.ใช้เป็นไม้เสริมกงเรือ ในลักษณะนี้จะใช้เริมทั้ง กงข้างเรือ และกงท้องเรือ ยาว จากท้ายเรือไปถึงโขนเรือ จะใช้จ านวนมาก หรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับ รูปแบบ และขนาด ของเรือเป็นหลัก รวมทั้งเป็นโครงเรือ โคลด์ โมลแบบใดแบบหนึ่ง ข. ใช้เสริมท้องเรือไฟเบอร์กลาส ทั้งนี้เรือไฟเบอร์กลาสขนาดเล็ก ถึงปานกลาง ที่หล่อจากแม่พิมพ์ หรือจาก โคลด์ โมล ไม่มีส่วนประกอบแบบใดๆ อยู่ในตัวเรือ ต้อง ไม้ขนาบกงท้องเรือโค้ง ไม้ขนาบกงท้องเรือแบบยาวตลอด การประกอบไม้ขนาบกงท้องเรือแบบเปิดทางน้ า


57 เสริมขึ้นมาใหม่ทั้งสิ้น รวมทั้งไม้เสริมส่วนท้องเรือคือ ไม้สตริงเกอร์ ซึ่งท าหน้าที่เป็นไม้ ขนาบ กับกงท้องเรือ (เสริมขึ้นมาเช่นกัน) ไปโดยปริยาย ค.ใช้เป็นที่รองรับเครื่องยนต์ ในเรือ เรือขนาดกลางขึ้นไป ที่ ติดตั้ง เครื่องยนต์ในท้องเรือ จะต้องมี ฐานรองรับเครื่องยนต์ ทางบ้านเราเรียกว่า ไม้ตะเข้ ซึ่ง จะประกบกับกงท้องเรือช่วงสั้นๆ ทางส่วนกลางล าเรือ ง.ใช้ขนาบกงด้านในตัวเรือ พบอยู่กับเรือที่ต่อด้วยไม้จริง แบบเรือตังเก หรือเรือ หางยาวทางทะเล เรียกกันว่า ไม้ราวกระชับ นอกจากจะตรึงกงเรือให้มั่นคงแล้ว ยังใช้ เป็นคานรองรับ ไม้พื้นเรือประมง และเป็นที่นั่งแบบในเรือหางยาว ไม้ราวกระชับ ที่ใช้ กับเรือไม้นี้ ติดตั้งประกบกับกงเรือภายในตัวเรือ ข้างละ 2-3 แนวด้วยกัน ไม่ค่อยพบกับ เรือขนาดเล็กเท่าใดนัก สรุปกันแล้ว ไม้ขนาบกงเรือ ที่กล่าวมาทั้งหมด ใช้ขนาบกงเรือ ต่างกันไป ตามรูปแบบของเรือ ที่ถูกออกแบบมา ไม้เสริมขนาบกงเรือ ของเรือเล็ก การต่อเรือแบบโคลด์ โมล ใช้เสริมท้องเรือไฟเบอร์กลาส ไม้สตริงเกอร์ เครื่องยนต์ที่ติดตั้งบนไม้สตริงเกอร์


58 เมื่อประกอบโครงเรือ เรียบร้อยแล้ว ไม้ที่เป็นส่วนประกอบทั้ง กระดูกงูเรือ, โขน เรือ, กงเรือ และไม้ขนาบกงเรือ จะมีส่วนเกินจากแบบไปบ้าง ท าให้ประกอบเปลือกเรือ ไม่แนบสนิท จึงต้องปรับส่วนเกินเหล่านั้นออกไปเสียก่อน เครื่องมือที่ใช้ ปรับแต่งส่วนเกินก็ได้แก่ กบมือ, กบไฟฟ้า, เครื่องเจียร และสิ่ว เป็นต้น การใช้กบไฟฟ้าจะท างานได้เร็ว แต่ต้องใช้ความระวัง มากหน่อย ส่วนเครื่อง เจียรนั้น ท างานได้ดี ในมุมแคบๆ ควรใช้ด้วยความระวังเช่นกัน หากใช้ไม้บาง ประกอบโครงเรือเช่น กระดูกงูเรือ อาจมีส่วนที่ ขาด ไปจากแบบ ก็ ต้องเสริมไม้ เข้าไปเติมในส่วนที่ขาดไป การปรับแต่งส่วนเกินนั้น ควรใช้ปากกาเมจิก ขีดเส้นส่วนที่เกิน เพื่อให้เห็นแนวที่จะปรับแต่ง ทั้งนี้เป็นงานที่ไม่ยากเท่าใดนัก 5. กำรปรับแต่งมุมไม้ (Fairing) การปรับแต่งส่วนเกิน เสริมไม้กระดูกงูเรือ


59 เมื่อปรับส่วนเกินของ ไม้ประกอบโครงเรือ ครบทุกจุดแล้ว ก็พร้อมที่จะ ประกอบ เปลือกเรือต่อไปได้ โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ ประกอบเปลือกเรือไม้อัด และไม้จริง 1.ประกอบเปลือกเรือไม้อัด เรือที่ต่อด้วยไม้อัดมีวิธีประกอบเปลือกเรือได้ 3 แบบ ด้วยกันคือ ก. ประกอบแบบธรรม ( S imple planking) เป็นการประกอบเปลือกเรือ ที่นิยม 6.กำรประกอบเปลือกเรือ (Planking) ปรับส่วนท้องเรือ ปรับส่วนข้างเรือ


60 กันทั่วไป ทั้งนี้ไม้อัดนั้น มีหน้ากว้าง จึงประกอบเป็นเปลือกเรือได้ง่าย จะมีส่วนเสีย ตรงที่มีความยาว จ ากัดแค่ 2.44 เมตร หรือ 8 ฟุต จึงต้องมีการต่อไม้ ซึ่งต้องต่อให้ตรง กับ กงเรือกงใดกงหนึ่งเสมอ เพื่อความแข็งแรงของเปลือกเรือ ส่วนการต่อชนระหว่าง เปลือกเรือด้านข้าง กับเปลือกท้องเรือ ทับไม้ขนาบกงข้าง เรือตัวล่าง หรือ ชายน์ ล็อก ก็ดูได้จากภาพประกอบ ที่มีอยู่ 6 แบบด้วยกัน โดยทั่วไปเปลือกท้องเรือ จะหนากว่าเปลือกข้างเรือ ตรงส่วนหัวเรือที่โค้งมาก อาจ ดัดไม้แผ่นหนาให้เข้ารูปได้ยาก ก็ใช้วิธีลามิเนทไม้แผ่นบางแทน เช่นท้องเรือตามแบบ หนา 10 มม. เราก็ใช้ไม้หนา 4 มม. ลามิเนทกัน 3 ชั้น (12 มม.) เป็นต้น ข.ประกอบแบบไข้วไม้ ( D iagonal planking) เป็นการประกอบ เปลือกเรือที่ บ้านเราคงไม่เคยเห็น กันมา ก่อน เรือที่ออกแบบ ให้มีส่วน หัวโค้งมาก รวมทั้งมีส่วนเว้า ด้านข้าง ไม้หน้ากว้างจะดัด ให้เข้ารูปตามแบบไม่ได้เลย ทั้งนี้เราต้อง ซอยไม้อัดตาม ความยาว ให้กว้าง 15-20 ซม. จากนั้นประกอบแบบเฉียงไม้ 45- 60 องศา ไปทางด้านหนึ่งก่อน เมื่อเรียงไม้ เต็มเนื้อที่เปลือกเรือ แล้ว ก็ประกอบไม้ชั้นที่สอง เฉียง กลับทางกับชั้นแรก เหมือนตัว X เราจะประกอบเปลือกเรือกี่ชั้น ก็วางสลับการไขว้ไม้กันทุกชั้นไป ค.แบบเจาะรูร้อยลวด และอัดกาว ( S titch & Glue ) เป็นการประกอบเปลือกเรือ แบบไม่มีโครงเรือ โดยน าแผ่นไม้ที่ตัดตามแบบแต่ละชิ้น มาประกบกัน เจาะรูเรียงตาม ขอบไม้ที่ชนกันทั้ง 2 ด้าน ร้อยรูด้วยลวด (ปัจจุบันเขานิยมใช้ Cable tie ) ให้รอยต่อ ชิดกัน แล้วจึงอุดรอยต่อด้วยกาว อีพ๊อกซี่ เมื่อกาวแห้งแล้ว ก็ตัดลวด หรือ เคเบิ้ล ไท ที่ร้อยออกไป จากนั้นก็ปูทับรอยต่อด้วยไฟเบอร์กลาส ประกอบเปลือกเรือไม้อัดแบบธรรมดา ประกอบแบบไข้วไม้


61 2. ประกอบเปลือกเรือไม้จริง เป็นการประกอบเปลือกเรือด้วย ไม้กระดานหน้า แคบแผ่นยาว ความหนาของไม้ขึ้นอยู่กับ ขนาดของเรือ มีวิธีประกอบอยู่ 2 วิธีคือ ก. ประกอบแบบขอบแผ่น ชนขอบแผ่น ( Carvel-built ) วิธีนี้เป็นการประกอบ แบบเรียงไม้ธรรมดา พบทั้งเรือใหญ่ เช่นเรือประมง และเรือหางยาว ไปจนถึงเรือพาย และเรือแคนู ซึ่งจะมีร่องระหว่างไม้สองแผ่น ต้องมีการอุดกาว หรือตอกหมันยาชัน กัน น้ าเข้าเรือ แต่ถ้าเป็นเรือแคนู ที่ต่อด้วยไม้ระแนงแบน มักหุ้มไฟเบอร์กลาสทั้งล าไปเลย ข. ประกอบแบบขอบแผ่นไม้ซ้อนกัน ( C linker-built ) เรือที่ประกอบเปลือกเรือ แบบนี้ ในบ้านเราจะเห็นจากเรือกรรเชียงของเรือสินค้า หรือเรือรบในยุคแรกๆ แต่คง ไม่มีใคร ต่อเรือแบบนี้ในบ้านเรา จึงไม่เห็นในช่วงต่อมา วิธีประกอบเปลือกเรือไม้จริงนี้ มีนานนับพันปีมาแล้ว จะเห็นได้จากเรือของชาวไวกิ้ง ที่ใช้วิธีประกอบเปลือกเรือ ตาม ร้อยลวดที่รอยต่อให้เข้าชิดกัน อัดกาวแนวตามรอยต่อ ใช้ไม้จริงต่อแบบขอบไม้ชนขอบไม้ การประกอบเปลือกเรือไม้จริง


62 แบบที่เห็นในภาพประกอบ การประกอบเปลือกเรือ แบบนี้ เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Lapstreak built วิธีนี้จะ ประกอบ ยากกว่าแบบแรก พอสมควร เพราะจะต้อง ตกแต่งกงรับไม้แต่ละแผ่น การประกอบเปลือกเรือแบบนี้ จะไม่เกิดเป็นช่อง หรือร่องระหว่างแผ่นไม้ ลดการ อุดด้วยกาว หรือตอกหมันยาชันไปได้มาก แต่ด้วยการวางกงเรือ ที่ยากเอาการ ท าให้ การประกอบเปลือกเรือลักษณะนี้ จึงมีไม่มากเท่าใดนัก สรุปแล้วเปลือกเรือ ที่ประกอบ ทั้งแบบไม้อัด และไม้จริง ที่น ามา แนะน ากันนั้น เป็นแนวทางโดยรวม ท่านสามารถดัดแปลง น าไปใช้กับ เรือ ที่ท่านคิดจะต่อ ขึ้นมาเองได้ อย่างไรก็ตาม การเลือกไม้จริงมาท า เปลือกเรือ จะมีปัญหามากกว่าการ เลือกใช้ไม้อัด ที่หาซื้อได้ง่ายกว่า เรือไวกิ้งต่อเลียนแบบของเดิม เปลือกเรือแบบ Clinker-built บากกงเรือรับแผ่นไม้แต่ละแผ่น


63 เมื่อประกอบเปลือกเรือเสร็จแล้ว เราก็จะหงายเรือขึ้น (กรณีต่อแบบท้องเรืออยู่ ด้านบน) และประกอบส่วนของกราบเรือ ซึ่งมีอยู่ 2 ลักษณะด้วยกันคือ ก.กราบเรือแบบเปิดโล่ง กราบเรือแบบนี้ จะพบกับเรือ ขนาดเล็กทั่วไป ที่ตัวเรือเปิด โล่งตลอดทั้งล า มีส่วนที่เป็น ไม้ประกอบ กราบเรืออยู่ 3 ชิ้นด้วยกันคือ 1. ไม้ราวกันกระแทก ( B umper rail ) ไม้ชิ้นนี้จะประกอบทับเปลือกเรือ ตรงส่วน บนสุดของกงข้างเรือ ยาวจากหัวเรือถึงท้ายเรือ จะใช้ไม้ท่อนเดียว หรือต่อกันก็ได้ 2. ไม้ขอบกันกระแทก ( R ub rail ) เรือขนาดเล็กมักจะไม่ประกอบไม้ส่วนนี้ คง ใช้ไม้กันกระแทกอย่างเดียว แต่ก็มีบ้างที่ใช้ไม้คิ้วหลังเต่าแทน เพราะถ้าเสียหายจะ ซ่อมได้ง่าย และส่วนหนึ่งไปใช้ยาง หรือเชือกไนล่อนแทนไม้คิ้ว เนื่องจากมีความ ยืดหยุ่นมากกว่าไม้ คิ้วยางส่วนมากต้องใช้รางอลูมิเนียม มารองรับเพื่อสอดคิ้วยางลง ในร่อง ที่จะยึดเส้นยางไว้ 3. แผ่นไม้ปิดกราบ ( C ap rail ) กราบเรือเล็กแบบเปิด โล่ง ส่วนหนึ่งมีแค่ราวไม้กัน กระแทกเท่านั้น แต่เพื่อความ สวยงาม ก็จะมีแผ่นปิดกราบ ด้านบน และเป็นตัวรองรับ ผนังเรือด้านใน กรณีจะปิดทึบส่วนด้านข้างเรือ เรือ ทั่วไปมีส่วนโค้งทางด้านหัวเรือ ท าให้ต้องตัดไม้จริงปิด กราบเรือ เป็นท่อนสั้นๆ ต่อกันตามความโค้ง แต่ต้อง ใช้ฝีมือ ในการต่อไม้พอสมควร ถ้าใช้ไม้อัดก็ต้องต่อ เช่นกัน แต่ท าได้ง่ายกว่า เพราะไม้อัดมีหน้ากว้าง 7. กรำบเรือ (Gunwale) การประกอบไม้ราวกันกระแทก ไม้กันกระแทกที่ประกอบเรียบร้อยแล้ว


64 4. ไม้ขนาบกราบเรือด้านใน เรือเล็กส่วนหนึ่ง ที่ใช้กราบเรือแบบเปิดโล่ง มักจะ ใช้ไม้ขนาบปลายกงข้างเรือด้านในด้วย เป็นการเสริมไม้กันกระแทกให้มั่นคงขึ้น และ ใช้เป็นไม้รองรับไม้ปิดกราบเรือไปด้วย เรือเล็กบางแบบ มีส่วนห้องเก็บ สายสมอ อยู่ที่ส่วนหัวเรือ ไม้ปิดกราบ เรือ อาจจะเสมอเรียบไป กับด้านบน ของห้อง หรือ บางแบบส่วนของห้อง เก็บของ ลดต่ าลงมาเป็นที่นั่ง กราบเรือ ก็จะยาวไปถึงหัวเรือเหมือนเดิม ข. กราบเรือแบบยกสูง ความจริงแล้วกราบเรือแบบนี้ ไม่ได้ถูกยกสูงขึ้นมาแต่ อย่างใด ทั้งนี้เป็นด้วยพื้นเรือ หรือดาดฟ้าเรือลดต่ าลงไปนั่นเอง กราบเรือแบบนี้ มักพบ กับเรือขนาดใหญ่ ส่วนเรือเล็กพบบ้าง ที่สร้างที่นั่งท้ายเรือ หรือ ทางหัวเรือซึ่งต่ ากว่า กราบเรือลงไป ซึ่งมีอยู่ 2 แบบด้วยกันคือ ไม้อัดที่ใช้เป็นไม้ปิดกราบเรือ กราบเรือแบบเสมอพื้นบนหัวเรือ แบบไม่เสมอพื้นหัวเรือ แบบเรือประมง แบบเรือมอเตอร์ยอช์ท


65 1. แบบเรือประมง โดยทั่วไปพื้นเรือประมง จะต่ ากว่ากราบเรือ เพื่อประโยชน์ต่อ การใช้งาน จึงเป็นกราบเรือแบบยกสูงตลอดทั้งล า โดยมีไม้ปิดกราบด้านบนเรียกว่า ราโท เป็นราวกันกระแทกไปในตัว 2. แบบมีห้องบนเรือ เรือแบบนี้คือเรือ มอเตอร์ ยอช์ท ( M otor yacht ) เราจะ เห็นในรูปแบบของ เรือตกปลาเป็นหลัก เรือแบบนี้มีดาดฟ้า หรือพื้นเรือด้านหน้า ถัดมา เป็นห้องควบคุมเรือ ด้านหลังเปิดโล่งโดยมีพื้นลดต่ าลงไป จึงมีกราบเรือเหมือนยกสูง ขึ้นมา โดยมีส่วนประกอบเหมือนกราบเรือทั่วไป มีเรือบางประเภทมีดาดฟ้า หรือพื้นส่วนหัวเรือ เป็นพื้นเรียบเสมอกราบเรือ จึงต้อง มีราวข้างเรือ ไว้ให้จับยึดได้ เรือใบทั่วไปมักมีดาดฟ้าแบบนี้ แต่บางส่วนไม่มีราวจับ เพื่อให้สะดวกต่อการท างาน เขาจึงท า ราวกันตก ( T oe rail) เตี้ยๆ กั้นขอบเอาไว้ ใช้จับยึด (แบบมีช่องระบายน้ า) หรือใช้เท้ายันได้ รวมทั้งเอาไว้กั้นไม่ให้ ของใช้บน ดาดฟ้ากลิ้งตกออกไป สรุปแล้วการติดตั้ง กราบเรือ จะขึ้นอยู่กับ แบบเรือ และความ ต้องการ ของผู้ใช้เรือ อย่างเช่น เรือกรรเชียง ต้องมีกราบเรือที่แข็งแรง เพื่อติดตั้งหลักกรรเชียง ให้อยู่ได้มั่นคง หลังจากประกอบกราบเรือเสร็จ ก็ถือว่าเป็นเรือได้แล้ว แต่ยังไม่สมบูรณ์นัก ยังมี ส่วนประกอบอื่นๆ ที่ต้องเพิ่มเติมเข้ามา ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 2 ส่วนคือ 1. ส่วนประกอบในตัวเรือ เรือขนาดเล็กทั่วไปมีส่วนประกอบไม่มากนักหลักๆ ก็คือ ก. ที่นั่งในเรือ เรือขนาดเล็ก มักจะท าที่นั่ง ตายตัวในตัวเรือ ส่วนมากจะเป็น ที่นั่ง ขวางกับตัวเรือ มีทั้งแบบที่นั่งลอยตัว และแบบปิดทึบ เป็นเหมือนกล่อง โดยทั่วไปแล้ว จะมี 1-2 ต าแหน่ง หลักๆ คือ ท้ายเรือ และกลางล าเรือ บางแบบมีที่ส่วนหัวเรือด้วย ข. ที่เก็บของในเรือ เรือขนาดเล็กที่ออกแบบ มีที่นั่งด้านท้าย และส่วนหัวเรือ สามารถ ติดตั้งราวกันตก 8. สว่นประกอบอนื่ๆ ของเรอื


66 ท าเป็นห้องเล็กๆ เอาไว้ใส่สิ่งของที่จ าเป็นต้องใช้เช่น สมอ กับเชือก และชูชีพ เป็นต้น เรือบางแบบใช้ส่วนใต้พื้นเรือ เป็นช่องเก็บของก็มี ส าหรับฝาปิดช่อง ก็มีทั้งท าเป็นฝามีบานพับ หรือใช้ฝาเกลียว เป็นพลาสติคทรง กลม เรียกว่า Deck plate มีให้เลือกใช้หลายขนาด ติดตั้งง่าย และใช้งานได้สะดวก ป้องกันน้ าได้ดี รวมทั้งมีราคาไม่สูงนัก ส าหรับนักตกปลา ก็คงอยากได้ที่เก็บคันเบ็ด บ้าง ทั้งนี้สามารถท าที่เก็บคันเบ็ด เอาไว้ข้างเรือ รวมทั้งไม้พายที่ยังไม่ต้องใช้งานด้วย 2. ส่วนประกอบนอกตัวเรือ โดยทั่วไปแล้วเรือขนาดเล็ก แทบ จะไม่มีส่วนประกอบ นอกเรือแต่ อย่างใด ถึงกระนั้นก็อาจมีบ้าง ที่ใช้กันอยู่ 2-3 อย่างเช่น ห่วงลากเรือ ทางต่างประเทศ เรียกกันหลายชื่อเช่น Tow hook, Stern hook, U bolt, Tow ring เป็นต้น โดยรวมเรือที่ใช้เทรลเลอร์ จะต้องใช้ห่วงตัวนี้เอาไว้ ดึงเรือขึ้น เทรลเลอร์ หรือใช้เพื่อการลากจูง หลักกรรเชียง อุปกรณ์ตัวนี้ทางบ้านเรา แทบจะไม่เคยใช้กันเลย เพราะมันถูกใช้ ที่นั่งในเรือ 2 แบบ Deck plate ที่เก็บคันเบ็ดข้างเรือ


67 กับ เรือกรรเชียงเท่านั้น เป็นอุปกรณ์ชิ้นเล็กๆ ที่ประกอบอยู่บนกราบเรือ ส่วนมากจะ ถอดเก็บได้ เมื่อไม่ต้องการใช้งาน หางเสือตายตัว ( Sk eg ) เรือพาย หรือกรรเชียงบางแบบ เพิ่มหางเสือตายตัว กับ ส่วนกระดูกงู ทางท้ายเรือ ทั้งนี้เพื่อช่วย ควบคุมทิศทาง ขณะพาย หรือกรรเชียง แต่เรือ บางแบบใช้วิธี เบนท้องเรือขึ้นสูงทางท้ายเรือ ปล่อยให้กระดูกงูเป็นครีบหางเสือตายตัว เป็นอันว่าส่วนประกอบของเรือ ก็คงมีดังที่ได้พูดถึงไปแล้วข้างต้น ซึ่งคงให้ รายละเอียดทั้งหมด ได้ไม่มากเท่าที่ควร เพราะมีรายละเอียดค่อนข้างมาก ก็หวังว่าจะ เป็นประโยชน์ให้กับ ผู้สนใจจะ ต่อเรือได้บ้าง ส่วนประกอบของ เรือขนาดเล็ก ไม่ค่อยมีปัญหา เท่าใดนัก บางอย่างไม่จ าเป็นต้อง ใช้ก็ได้ ทั้งนี้ผู้ต่อเรือ จะตัดสินใจ เลือกต่อเรือประเภทใด ขนาด ของเรือเท่าใดเป็นสิ่งส าคัญ. Tow ring ใช้ยึดกับเทรลเลอร์ หลักกรรเชียง ซ้าย : หางเสือตายตัวแบบเสริม ขวา : หางเสือตายตัวแบบอยู่ในตัว หางเสือเรือประกอบภายนอก


68 การต่อเรือไม้ต้องใช้ฝีมือทางช่างอยู่บ้าง ส่วนงานไฟเบอร์กลาส ไม่ต้องมีฝีมือทาง ช่างก็ได้ เป็นการเรียนรู้ และ ปฏิบัติตาม เท่านั้นเอง อย่างไรก็ตามงานไฟเบอร์กลาส มีเรื่องต้องเรียนรู้หลายอย่างด้วยกัน เกี่ยวกับส่วน ของวัสดุ โดยจะแบ่งเป็นหัวข้อหลักๆ ออกไปเป็น 3 หัวข้อคือ โดยรวมแล้วแบ่งออกได้ หลักๆ เป็น 2 ประเภทคือ ก. วัสดุหลักของงานไฟ เบอร์กลาส เช่น ผืนใยแก้ว ( G l assfiber ) ตัวเรซิ่น ( R e s i n ) ตัวท าแข็ง ( H a r d e n e r ) และตัวท า ปฏิกิริยา( A ccelerator ) เป็น ต้น ที่ใช้กันทั่วไป ข. วัสดุประกอบงานไฟ เบอร์กลาส เช่น อาซีโทน (A c e t o n e ) ผงแป้ง ( T alcum ) น้ ายากันซึม หรือ พีวีเอ ( P V A ) สีผสมเรซิ่น ฯลฯ เหล่านี้เป็นต้น รายละเอียดของวัสดุทั้ง 2 หัวข้อ มีดังต่อไปนี้ ก่อนที่จะไปพูดกันถึงวิธีต่อเรือ ก็คงต้องน าเอาเรื่องของ วัสดุไฟเบอร์กลาส ( F iberglass ) มาพูดถึงกันก่อน เพราะมันเกี่ยวข้อง กับการต่อเรือค่อนข้างมาก ไม่ ว่าจะเป็นการสร้าง เรือไฟเบอร์ทั้งล า หรือใช้เพื่อหุ้มเปลือกเรือไม้อัด (เรือไม้จริงก็มี บ้าง) เมื่อพูดถึงค าว่า ไฟเบอร์กลาส โดยรวมแล้วเราจะหมายถึง สิ่งของที่ผลิตด้วยวัสดุ ชนิดนี้ อาทิ เรือ, ถังใส่น้ า, เก้าอี้ เหล่านี้เป็นต้น ทั้งนี้ไฟเบอร์กลาสเหล่านั้น เป็นวัสดุ ไฟเบอร์กลำสกับงำนต่อเรือ งานไฟเบอร์กลาสทั่วๆ ไป ก. วัสดุหลักของงำนไฟเบอร์กลำส 1. วสัดทุใี่ชก้บังำนไฟเบอรก์ลำส _________________


69 ผสม ที่มีการผสมระหว่าง ใยแก้ว ( G lassfiber ) กับ พลาสติคเหลว ( R esin ) ซึ่งเป็น วัสดุหลัก แล้วใส่สารที่ท าให้เกิดการแข็งตัว จึงมาเป็นไฟเบอร์กลาสที่เราๆ ท่านๆ เห็น กันทั่วไป งานไฟเบอร์กลาส มีวัสดุ และอุปกรณ์เกี่ยวข้องอยู่มากพอสมควร เพราะถูก น าไปใช้กับงาน หลายอย่างด้วยกัน ในที่นี้จะขอเน้นเฉพาะ ที่ต้องใช้กับงานต่อเรือ เท่านั้น (จึงดูเหมือนบทความถูกย่อไปมาก) 1. ใยแก้ว ( G l ass fiber ) เป็นขบวนการผลิตแก้ว ที่เราเห็นกันทั่วไป ในช่วงที่หลอมละลาย มันจะถูกอัดผ่านรูเล็กมากออกมาเป็นเส้น แล้วม้วนเก็บเป็นหลอด ใหญ่ จากนั้นจึงน าไปท าออกมา หลายรูปแบบทั้ง ท าเป็นเส้นสั้นๆ หรือยาวแบบเชือก, ท าเป็นแผ่น หรือทอเป็นผืนผ้า เป็นต้น วงการต่อเรือไฟเบอร์กลาส จะใช้ใยแก้วอยู่ 2-3 แบบเท่าที่ใช้กันหลักๆ คือ ก. ใยแก้วผืน ( C hopped strand mat ) เป็นใยแก้วเส้นสั้นๆ ที่ถูก ท าออกมา เป็นผืนยาว เหมือนม้วนผ้าทั่วไป ตัวเส้นใยสั้นจะยึดติดกันด้วยตัว ไบน์เดอร์ ( B inder ) ใยแก้วผืน มีหน้ากว้าง 104 และ 208 ซม. ความยาวต่อม้วนหลายสิบเมตร ผลิตภัณฑ์จากไฟเบอร์กลาส ลูกแก้วที่ใช้ท าใยแก้ว


70 (มากน้อยแล้วแต่ความหนา) แต่เขาจะคิดเป็นน้ าหนักต่อม้วน โดยระบุออกมาเป็นเบอร์ (เท่ากับน้ าหนักต่อตารางเมตร) เช่นเบอร์ 100, 200, 300 จนถึงเบอร์ 600 (หนามาก) วงการต่อเรือแบบปูใยแก้วด้านนอก นิยมใช้เบอร์ 200-350 เพราะเนื้อบาง มันจึงอ่อนปู ได้ง่าย แต่ถ้าเป็นการท าเรือจากแม่พิมพ์ สามารถใช้แบบเนื้อหนามากได้ (เพราะ ประหยัดเวลาปูหลายชั้นไปได้มาก) ข.ใยแก้วตาสาน ( Woven roving ) เป็นการน าใยแก้วเส้นยาว มาทอแบบลาย ขัด เป็นผืนแบบผ้าทั่วไป จึงมีเนื้อนุ่มผิวเรียบ มีความหนาของเนื้อผ้า หนาบางต่างกัน เป็นเบอร์ มีตั้งแต่เบอร์ 400-1200 ม้วนเก็บแบบเดียวกับใยแก้วผืน ใยตาสาน นิยมใช้ ท าชั้นนอกของเปลือกเรือ ที่หล่อจากแม่แบบ เพราะมีความแกร่งกว่าแบบใยแก้วผืน เรือที่ต่อแบบปูใยแก้วข้างนอก ก็ใช้บ้างกับเบอร์ที่เนื้อผ้าบาง (ทอละเอียดกว่า) ค. ใยแก้วผ้าทอ ( G l ass fabric or cloth) เป็นการใช้ใยแก้วเส้นยาวเล็ก มาทอ เป็นผืนผ้าเช่นกัน เนื้อแน่น มีเบอร์ตั้งแต่ 30-400 เรือไฟเบอร์กลาสล้วน ต่อแบบโครง


71 เรือชั่วคราว หรือเรือไม้อัดหุ้มด้วยไฟเบอร์กลาส ใช้กันมากกับงานปูชั้นสุดท้าย ก่อน ลงแป้งโป้ว เพราะจะขัดให้เรียบได้ง่าย เนื่องผิวของใยแก้วผ้าทอ ค่อนข้างเรียบเนียน อยู่แล้ว นอกจากใยแก้วทั้ง 3 แบบ ที่นิยมใช้กับงานต่อเรือแล้ว ก็ยังมีใยแก้วอีกหลาย รูปแบบ แต่ไม่ค่อยได้น ามาใช้ กับงานต่อเรือเท่าใดนัก เช่น ใยแก้วเส้นสั้น ( C hopped strand fiberglass ) นิยมใช้ผสมเรซิ่นอุดช่องว่างตามรอยต่อ นอกจากนี้ ก็ยังมี ใยแก้วผง, ใยแก้วผิว, ใยแก้วตาข่าย ฯลฯ เป็นต้น ความจริงแล้วนั้น ยังมี เรื่องของใยแก้ว ในอีกหลาย แง่มุม แต่ไม่ถึงกับเป็นเรื่อง จ าเป็น กับงานต่อเรือเท่าใด นัก จึงไม่ได้น ามาพูดถึง การท างานกับใยแก้ว จะ มีปัญหาอยู่ 2 เรื่องคือการสูด ดมเอา ผงไฟเบอร์ที่ขัดเข้าไป (แป้งโป้วด้วย) กับอาการคันที่เกิดจาก ผงไฟเบอร์ ที่ใช้ตัว Binder แบบผง (เจ้าหน้าที่ ฝ่ายขาย เขาแจ้งข้อมูลให้ทราบ) จึงต้องท างานด้วย ความระมัดระวังกันพอสมควร บางท่านอาจต้องการ ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ ใยแก้วผืน ( C hopped strand mat : CSM ) ซึ่งใช้มากกับงานต่อเรือ และซ่อมเรือไฟเบอร์กลาสนั่นก็คือ ใยแก้วแบบนี้ ถ้าท่านซื้อมาทั้งม้วน จะบรรจุกล่องสี่เหลี่ยมยาวเอาไว้ มี รายละเอียดพิมพ์อยู่ที่หน้ากล่อง แต่ถ้าซื้อแบบแบ่งขาย ผู้ซื้อจะไม่ทราบถึงข้อมูลใย แก้วแต่อย่างใด ก็ขอน าเอารายละเอียดมาแนะน ากันคือ งานไฟเบอร์กลาสที่คนต่อเรือเลี่ยงได้ยาก ม้วนใยแก้ว


72 Glass Type - เขาจะระบุชนิดของใยแก้วเอาไว้ ส่วนมากที่ใช้กับงานต่อเรือ จะ เป็นแบบ E-Glass ( E lectric Glass ) ซึ่ง 90 เปอร์เซ็นต์ที่ผลิตออกมา จะเป็นชนิดนี้ นอกนั้นจะเป็นแบบ C - glass ( Chemical Resistant Glass ) , AR glass ( A lkaline Resistant Glass ) ฯลฯ Weight : g/sm - เขาจะระบุถึงน้ าหนักของผืนใยแก้ว โดยมีหน่วยวัดเป็นกรัมต่อ ตารางเมตร ตัวอย่างเช่น 300 gsm คือถ้าตัด CSM มา 1 ตารางเมตร แล้วชั่งจะได้ น้ าหนัก 300 กรัม ในตลาดจะเรียกเป็น เบอร์มีตั้งแต่ 300, 450 และ 600 ซึ่งก็คือ 300 gsm 450 gsm และ 600 gsm นั่นเอง Roll Length : meter - เป็นความยาวของม้วนใยแก้ว เมื่อคลี่ออกมาเช่น ระบุมา เป็น 256 คือ มีความยาว 256 เมตร ความยาวจะขึ้นอยู่กับเบอร์ หน้ากว้าง และ น้ าหนัก ต่อม้วนเป็นส าคัญ เช่น ใยแก้วเบอร์ 300 หน้ากว้าง 104 ซม. น้ าหนักม้วน 30 กก ก็จะมีความยาวเท่ากับ 96 เมตร ในขณะที่ ใยแก้วเบอร์ 450 หน้ากว้าง 104 ซม. น้ าหนักม้วน 30 กก จะมีความยาวที่ 64 เมตร ดังนี้เป็นต้น Roll Weight : Kg - น้ าหนักต่อม้วนมีหน่วยเป็นกิโลกรัม ถ้าเป็น CSM หน้า กว้างมาตรฐานที่ 104 ซม จะผลิตให้หนึ่งม้วนหนัก 30 กิโลกรัม เป็นน้ าหนักที่ไม่รวม แกนกระดาษ และไม่รวมกล่อง ตามสเปกทั่วไปจะอนุญาตให้ มีบวกลบได้นิด หน่อย แต่ถ้าพบว่ามีน้ าหนักต่างไปจากนี้มาก เช่น ต่ ากว่า 27 กิโลกรัม ให้สันนิฐาน ได้ว่าเป็นสินค้า ที่ไม่ได้มาตรฐานคือ มีการขาดของม้วนก่อนที่ จะเข้ารูปม้วนได้ครบ แบบแบ่งขาย


73 30 กิโลกรัม นั่นเอง Binder - เป็นชนิดของกาว ที่ใช้ประสานเส้นใยเข้าด้วยกันเป็นผืน มีอยู่สองชนิด คือ Powder ซึ่งเป็นกาวผง และ Emulsion ซึ่งเป็นกาวน้ า กว่า 98% ของใยแก้ว ที่ มีขายในบ้านเราจะเป็นแบบ Powder เนื่องจากการเปิดตลาดใยแก้ว ในสมัยแรกๆ นั้น จะเป็นใยแก้วที่น าเข้า จากญี่ปุ่นที่ใช้แบบ Powder เป็นหลัก ในขณะที่แบบ Emulsion จะพบในยุโรปเป็นส่วนใหญ่ (มีข้อมูลระบุว่า กาวผง มีส่วนท าให้เกิดอาการคัน) Width - เป็น ซม. หรือ มม. คือหน้ากว้างของม้วน ใยแก้วมาตรฐานอยู่ที่ 104 ซม อาจพบหน้ากว้างที่ 186 ซม ได้บ้าง แต่ไม่เป็นที่นิยมนัก เนื่องจากไม่สะดวกใน การจัดเก็บ และขนย้าย เพราะมีน้ าหนักต่อม้วนสูงกว่า คือ อยู่ที่ 50 กก ต่อม้วน ยังมีข้อมูลทางเทคนิคอยู่อีก 2-3 อย่าง แต่เห็นว่าไม่ค่อยจ าเป็นต่อ การปฏิบัติงาน เท่าใดนัก เราๆ ท่านๆ ซื้อใยแก้วเพียงบอกคนขายว่า ต้องการเบอร์อะไร ต้องการกี่ ตารางเมตร และราคาเท่าใด แค่นั้นเอง ข้อมูลบางส่วนนี้มาจาก บริษัท เจ.เอ็น.ทรานสอส(ประเทศไทย)จ ากัด 2. เรซิ่น ( R esin) ค าว่า เรซิ่น ( R e sin ) นั้น ดั้งเดิมหมายถึง น้ ายางไม้ที่ ไหลออกมา จากต้นไม้หลายชนิดด้วยกัน เรียกว่า แพล้นท์ เรซิ่น ( P lant resin ) ต่อมาเมื่อมีการค้นพบ พลาสติค และสังเคราะห์ ให้อยู่ ในรูปของเหลวได้ จึงถูกเรียกว่า เรซิ่นไปด้วย เรซิ่น แบบนี้เรียกว่า ซินเทติค เรซิ่น ( S ynthetic resin ) เรซิ่นที่สังเคราะห์จากพลาสติค มีหลากหลายชนิด ด้วยกัน แยกออกได้เป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ - เทอร์โมพลาสติค ( Thermoplastic ) เป็นชนิดที่ แข็งตัวแล้ว ก็ยังน ากลับมาหลอมละลาย ใช้ได้อีก เช่น ของใช้พลาสติคหลายชนิดด้วยกัน - เทอร์โมเซ็ทติ้ง ( T hermosetting ) เป็นชนิดที่ แข็งตัวแล้ว น ามาหลอมละลายอีกไม่ได้ เช่น เรซิ่นงานหล่อ หรืองานไฟเบอร์กลาส พลาสติคชนิดนี้มีหลายชนิด ใช้กันอยู่ในหลายวงการ แต่ที่นิยมใช้กับงานไฟเบอร์ กลาสนั้น มีอยู่ 2 ชนิดด้วยกันคือ ก. โพลีเอสเตอร์ เรซิ่น ( P olyester resin ) เรซิ่นชนิดนี้ผลิตออกมา หลายเกรด ด้วยกัน เพื่อใช้กับงานที่ต่างกันไป โพลีเอสเตอร์ที่ใช้กับงานไฟเบอร์กลาส เป็นชนิด


74 ไม่อิ่มตัว( U nsaturated ) เรื่องนี้ผู้ใช้ไม่ต้องกังวล แต่อย่างใด เพราะผู้ขายเขาจะเลือกชนิด ที่เรา ต้องการใช้ให้เอง ส่วนมากร้านขายปลีกทั่วไป จะสั่ง ชนิดที่ใช้กับ งานไฟเบอร์กลาสมาขายเป็นหลัก เรซิ่นแบบนี้มีขายอยู่ 2 รูปแบบด้วยกันคือ - แบบผสมตัวโคบอลท์ หรือ ตัวท าปฏิกิริยา ( C obalt Accelerators ) มาให้แล้ว จะเรียกว่า Promote resin เมื่อผสมตัวท าแข็ง (Hardener ) แล้วก็จะเอาใช้ได้เลย ร้านขายปลีกมักจะขายแบบนี้ เพราะไม่ต้องยุ่งยากมาผสมเอง เรซิ่นแบบนี้จะมีอายุ การเก็บเมื่อยังไม่ใช้งาน น้อยกว่าแบบไม่ผสมโคบ้อลท์ - แบบไม่ผสมตัวโคบอลท์ เรียกว่า Non Promote resin เรซิ่นแบบนี้ มีอายุการ เก็บนานกว่าแบบแรก ผู้ใช้ต้องผสมโคบ้อลท์ (ภาษาชาวบ้านเรียกว่า ตัวม่วง จากสีของ มัน) เอาเอง เรซิ่นที่ผสมโคบอลท์แล้ว จะเป็นสีชมพู ถ้ายังไม่ผสมจะดูใสกว่า โพลีเอสเตอร์ เรซิ่น บรรจุถังสองร้อยลิตร มีน้ าหนัก 220-230 ลิตร แล้วแต่ชนิดของเรซิ่น ราคาขายจะถูกกว่า แบบขายปลีกราว 30% เรซิ่นนั้นมีกลิ่นฉุน ไม่ควรท างาน ในที่อับลม เมื่อกระเซ็นมาถูกร่างกาย จะเกิดอาการคัน เล็กน้อย และล้างออกยากทีเดียว การสร้างเรือจากแม่พิมพ์ หรือโมลด์นั้น จะเลือกใช้โพ ลีเอสเตอร์ เจลโค้ท ( P olyester gelcoat ) ท าผิวเปลือก เรือ ซึ่งมีความแกร่งกว่า โพลีเอสเตอร์ธรรมดา ข. อีพ๊อกซี่ เรซิ่น ( E poxy resin ) เป็น เรซิ่นอีกชนิดหนึ่ง ที่ใช้กับ งานเรือ เป็นการน าเรซิ่น 2 ชนิด มารวมกัน โดยทั่วไป จะเรียกกันว่า ส่วน เอ ( P art A ) กับ ส่วน บี ( P art B) ซึ่งท าหน้าที่เป็นตัวฮาร์ดเดน เนอร์ มีคุณสมบัตฺที่แกร่งกว่า โพลีเอสเตอร์เรซิ่น แต่ ก็มีราคาแพงกว่า 5-6 เท่า มีความข้น หรือหนืดกว่า ผสมโคบอลท์แล้ว อีพ๊อกซี่ เรซิ่น


75 ทางต่างประเทศใช้กันมาก แต่ทางบ้านเราใช้กันน้อย อีพ๊อกซี่ เรซิ่น มีหลายเกรด แล้วแต่งานที่ต้องใช้ วงการเรือบ้านเรา ใช้อีพ๊อกซี่ เรซิ่นในรูปแบบของกาว มากกว่า น ามาใช้กับใยแก้ว เหมือนโพลีเอสเตอร์ เรซิ่น มีผู้ผลิตกาวอีพ๊อกซี่ ใช้กับงานเรืออยู่ 2 แบบด้วยกันคือ - แบบกาวใส เป็นกาวอีพ๊อกซี่ 2 ส่วน ขาวขุ่น และเหลืองขุ่น งานต่อเรือไม้ใช้กัน มาก ยึดติดได้ดี ทนน้ า แต่มีราคาค่อนข้างสูง เฉลี่ยกิโลกรัมละ 300- 400 บาท (กรณีแบ่ง ขาย) อัตราส่วนผสม 1:1 และ 1: 2 - แบบแป้งโป้ว เป็นเนื้อกาวอีพ๊อกซี่ ที่ ถูกผสมแป้งแล้ว มี 2 ส่วนเช่นกัน ใช้เป็น กาวแบบอุดร่อง หรือแนว วงการเรือเรียกว่า ชันฝรั่ง แทนการใช้ชันยาเรือเดิม อัตรา ส่วนผสม 1:2-1:3 แล้วแต่ชนิดอีพ๊อกซี่ กาวอีพ็อกซี่ทั้ง 2 แบบนี้ ใช้มากกับงานเรือ ส่วนมากจะผลิตออกมา แบบกระป๋อง ใหญ่ หนักหลายกิโลกรัม มีบางแห่งแบ่งขาย กรณีใช้งานไม่มากเท่าใดนัก สรุปแล้วงานเรือในบ้านเรานั้น ใช้เรซิ่น ชนิด โพลี เอสเตอร์เป็นหลัก ร้านขาย ปลีกจะสั่ง ชนิดผสมตัวท าปฏิกิริยา หรือตัวม่วงมาแล้ว ใช้ได้กับไฟเบอร์กลาสทั่วไป ส่วน อีพ๊อกซี่ เรซิ่น จะใช้ในรูปแบบของกาว มากกว่าน ามาใช้กับ งานไฟเบอร์กลาส เพราะมีราคาสูงเกินไป และแห้งตัวช้ามาก ความจริงแล้ว นักตกปลาใช้กาวอีพ๊อกซี่ เคลือบด้ายพันขาไกด์ หรือเคลือบด้ามไม้ ก๊อกกัน นานกว่า 30 ปีมาแล้ว เพียงแต่ใช้กันในวงการตกปลาเท่านั้น ชันฝรั่ง เรือแคนูหุ้มไฟเบอร์กลาส แล้วเคลือบด้วยอีพ๊อกซี่


76 วัสดุหลักที่จ าเป็น ในส่วนของเรซิ่น มีอยู่ 3-4 อย่างด้วยกัน ที่จะช่วยให้เรซิ่นมี ประสิทธิภาพ ต่อการใช้งานซึ่งได้เอ่ยถึงไปบ้างแล้ว ในตอนที่ผ่านมา ดังนั้นเราจะมา ท าความเข้าใจ เพิ่มเติมกันดังนี้คือ 1. ตัวเร่งปฏิกิริยา ( A c c elerator ) โดยทั่วไปจะเรียกกันว่า โคบ้อลท์ ( C obalt ) ช่างไฟเบอร์บ้านเราเรียกกันว่า ตัวม่วง ซึ่งมีความหมายเหมือนกับ ค าว่า โคบ้อลท์ เช่นกัน แต่ไม่ค่อยนิยมเรียกกัน โคบ้อลท์ เป็นของเหลวข้น สีม่วงแก่ มีหน้าที่ เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา ให้กับเรซิ่น แข็งตัวเร็วขึ้น ถ้า ไม่ใช้ตัวม่วง แม้จะใช้ตัวท าแข็ง หรือฮาร์ดเดน เนอร์ เรซิ่นก็จะแห้งตัวช้า งานซ่อมไฟเบอร์กลาส ใกล้น้ า หรือช่วงฝนตก เราอาจต้องเพิ่มตัวม่วง อย่างไรก็ตาม ไม่ค่อยมีใครซื้อส ารองเอาไว้ 2. ตัวท าแข็ง ( Hardener ) หรือ เรียกว่า MEKP (Methyl Ethyl Ketone Peroxide ) เป็นของเหลวใส กลิ่นฉุนจัดมาก มีหน้าที่ท าให้เรซิ่นแข็งตัว การผสมตัวท าแข็งลงใน เรซิ่น ที่ผสมตัวม่วง แล้ว ต้องมีอัตราส่วน ที่เหมาะสมเพื่อให้ เรซิ่น แข็งตัวทันกับการท างาน การใช้ตัวท าแข็งมากไป เป็นผลให้ท างานไม่ทัน ถ้าใช้น้อยไปเรซิ่นจะแห้ง ช้า เป็นผลให้ท างานต่อไม่ได้ (อัตราส่วนผสมนั้น จะไปอยู่ในตอนปฏิบัติงาน) หมายเหตุ ตัวม่วง หรือโคบ้อลท์ ถ้าผสมกับฮาร์ เดนเนอร์โดยตรง จะเกิดความร้อนสูงมาก ลุกเป็น ไฟ หรือระเบิดได้ เคยมีโรงงานท าไฟเบอร์ กลาสเกิดเพลิงไหม้ จากกรณีนี้มาแล้ว หากซื้อตัว ม่วง หรือโคบ้อลท์มาใช้งาน ควรเก็บให้ห่างจากตัวท าแข็ง หรือฮาร์ดเดนเนอร์ 3. โมโนสไตรีน ( M onostyrene ) เป็นตัวท าละลาย เพื่อเจือจางให้เรซิ่นเหลว ขึ้น (พบในกรณีที่เก็บ เรซิ่นไว้นานเกินควร) เคยเห็นช่างไฟเบอร์ลูกทุ่ง เอาทินเนอร์ ละลายให้เรซิ่นเหลว (งานก็ใช้ได้ แต่ไม่รู้ว่าระยะยาวจะเป็นอย่างไร) โมโนสไตรีนเอง ตัวท าแข็ง ( H ardener )


77 นั้น เก็บไว้นานก็แข็งตัวได้ เช่นเดียวกับเรซิ่น ช่างไฟเบอร์กลาสใช้กันน้อย 4. ตัวหน่วงปฎิกิริยา (Inhibitor ) เป็นของเหลวสีเหลืองอมน้ าตาล ท าให้การ เกิดปฏิกิริยาของเรซิ่น เกิดการแข็งตัวช้าลง วงการท าเรือไฟเบอร์กลาส ใช้กันไม่มาก เท่าใดนัก 5. อาซีโทน ( Acetone ) จะคล้ายกับทินเนอร์ แต่ไม่ แสบร้อนเวลาถูกผิวหนัง เหมือนทินเนอร์ ใช้ล้างคราบเรซิ่น ที่ ติดมากับอุปกรณ์ที่ใช้งาน คุณผู้หญิงที่ต้องทาเล็บจะรู้จักกันดี มันก็คือ น้ ายาล้างเล็บ นั่นเอง เทียบราคากันแล้ว อาซีโทนจะ แพงกว่าทินเนอร์ และหาซื้อได้เฉพาะร้านขายวัสดุไฟเบอร์ กลาส ช่างไฟเบอร์ส่วนหนึ่ง จึงหันไปใช้ทินเนอร์ ซึ่งก็ล้าง เรซิ่นพอได้ แต่ไม่สะอาดเท่าอาซีโทน แถมแสบผิวหนังอีกด้วย ถ้าเป็นทินเนอร์ใช้ล้างสี (ทินเนอร์ใช้ผสมสีเกรดดีกว่า) 6. น้ ายาพีวีเอ ( P VA ) เป็นของเหลวใสละลายน้ าได้ ใช้เป็นตัวถอดแบบจาก แม่พิมพ์ ทาบางๆ ทิ้งไว้ให้แห้งจะเป็นฟิล์มใส ไม่ติดกับเรซิ่น วงการต่อเรือไฟเบอร์นิยม ใช้ ขี้ผึ้งถอดแบบ ( M old Release wax ) กัน มากกว่า มีนักตกปลาที่ซ่อมคันเบ็ดเคยใช้ น้ ายาพีวีเอ ทาทับด้ายพันขาไกด์เพื่อป้องกัน อีพ๊อกซี่ซึมกับด้าย พัน ซึ่งจะท าให้สีเส้นด้ายเปลี่ยนไปจากเดิม วัสดุหลักๆ ที่ใช้กับงานไฟเบอร์กลาส ก็คงมีเท่าที่ แนะน าไป ส่วนที่เหลืออื่น จะเป็นวัสดุ ประกอบงานไฟ เบอร์กลาส ซึ่งมีอยู่หลายอย่างด้วยกัน แต่จะเลือก เพียงบางส่วนที่ใช้กันบ่อย จัดว่าเป็นวัสดุที่ช่วยให้งานไฟเบอร์กลาส สามารถขยายงานเพิ่มขึ้นได้อีกหลาย อย่าง วัสดุเหล่านั้นก็มีดังนี้ 1. แป้งทัลคัม ( T alcum powder ) เป็นแป้งสีขาวเนื้อละเอียด เหมือนแป้งโรยตัว ที่เราใช้กัน ใช้ผสมเรซิ่นเพื่อให้มีเนื้อข้นขึ้น กับงานหล่อผลิตภัณฑ์ต่างๆ และผสมให้ ข้นมากเหมือนยาสีฟัน ใช้อุดรู หรือร่องในชิ้นงาน และใช้เป็นแป้งโป้ว ผิวไฟเบอร์ ข.วัสดุประกอบงำนไฟเบอร์กลำส


78 กลาสเปลือกเรือ แล้วขัดให้เรียบก่อนพ่นสี แป้งทัลคัมบรรจุถุง น้ าหนัก 25 กก. ทางร้าน ขายปลีกแบ่งขายเป็นกิโล ราคาไม่เกิน 30 บาทต่อ กก. งานเรือไฟเบอร์กลาส ต้องใช้แป้งทัลคัม ผสม เรซิ่นหลายกรณี รวมทั้งใช้ท าความสะอาดมือ และ อุปกรณ์ที่ใช้กับงานเรซิ่นอีกด้วย 2. ผงเบา ( T h ixotropic, Fumed cilica ) เป็นผงละเอียดสีขาว น้ าหนักเบามาก จึงถูกเรียกว่า ผงเบา ใช้ผสมเรซิ่น เพื่อให้ข้น หรือหนืดขึ้น จะได้ ไม่ไหลย้อย เวลาท างานแนวตั้ง บรรจุถุงละ 10 กก. มีราคาค่อนข้างแพง เกือบ 500 บาทต่อกิโลกรัม โดยรวมแล้วงานเรือไฟเบอร์ จะใช้ผสมเป็นเจลโค้ท ทั้งใช้แปรงทา และพ่น การใช้งาน ต้องระวัง การฟุ้งกระจาย 3. ผงไมโครบอลลูน ( M icro balloon) เป็นผงซิลิกามีช่องว่างภายใน จึงมี น้ าหนักเบามาก ใช้ผสมเรซิ่นกับงานโป้วผิวงาน, อุดรู หรือช่องว่างเล็กๆ ใช้เป็นฉนวน กันความร้อนได้ด้วย งานเรือไฟเบอร์กลาสใช้กันไม่มากนัก วงการท าเหยื่อปลอม ที่ ต้องการให้ตัวเหยื่อเบาลอยน้ าได้ นิยมใช้กันอยู่พอสมควร 4. แม่สี ( P igment past, Color past) เป็นแม่สีใช้ผสมเรซิ่น มีอยู่หลายสี ด้วยกัน เป็นของเหลวข้นบรรจุกระป๋องขนาด 1-5 กก. ร้านขายปลีกมีแบ่งขาย งานเรือ ไฟเบอร์กลาส ใช้ผสมเจลโค้ทท าผิวเปลือกเรือ หรือผสมแป้งโป้ว กับงานซ่อมแซมให้ เหมือนสีเดิม วัสดุประกอบงาน ไฟเบอร์ ยังมีกลุ่มผง แป้ง อีกหลายชนิด ส่วนมากจะไม่ได้ใช้ กับ งาน เรือไฟเบอร์กลาส จึงไม่ได้น ามาแนะน า แป้งทัลคัม ผงเบา แม่สีใช้ผสมเรซิ่น


79 อุปกรณ์ส่วนนี้แบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มคือ อุปกรณ์ส่วนนี้มีความจ าเป็นกับงานไฟเบอร์กลาสมาก นั่นก็คือ - ลูกกลิ้งขนแกะ ( L a mbwool roller refill) เป็นลูกกลิ้งเหมือนที่ใช้ กับงานทาสี บ้านทั่วไป แต่มีขนาดเล็กกว่ากันมาก ความยาว 4 และ 5 นิ้ว มีขายทั้งแบบมาพร้อม ด้ามจับ และแบบลูกกลิ้งเปล่า ราคาไม่สูงนัก และยังมีแบบลูกกลิ้งผ้าสักหลาด ที่จะแข็ง กว่ากันบ้าง ใช้ไล่ฟองอากาศ ที่เกิดกับเรซิ่นขณะท างานไปในตัว - ลูกกลิ้งโลหะ ( Metal roller ) เป็น ลูกกลิ้งที่ท าจากเหล็ก และอลูมินั่ม มีหลายแบบ ด้วยกันทั้ง แบบหลอดธรรมดา, หลอดโค้ง, ซี่ หนาม และลูกล้อ ลูกกลิ้งโลหะใช้รีดเรซิ่น บน ใยแก้วให้สม่ าเสมอ และใช้ไล่ฟองอากาศ ไป พร้อมกัน แต่ช่างไฟเบอร์พื้นบ้าน ใช้กันไม่มาก นัก มักจะใช้ลูกกลิ้งขนหมูเป็นส่วนมาก - แปรง ( B rush ) งานไฟเบอร์กลาสใช้แปรงทาสีธรรมดา กับชิ้นงานขนาดเล็ก หรือใช้ทาเรซิ่นในจุดแคบๆ ที่ลูกกลิ้งเข้าไม่ถึงของงานท าเรือไฟเบอร์กลาส หาซื้อได้ ทั่วไป ขนาดที่ใช้ 2-4 นิ้ว เป็นแปรงขนหมู ราคาประหยัด ไม่ควรเลือกใช้แปรงที่มี คุณภาพ เพราะถ้าดูแลไม่ดีจะมีอายุใช้งานสั้นมาก 2. อปุกรณ์ใชก้บังำนไฟเบอรก์ลำส ________________ ก. อุปกรณ์หลัก


80 อุปกรณ์ในกลุ่มนี้ บางรายการช่างไฟเบอร์กลาสพื้นบ้าน ทั่วไปก็ไม่ใช้กัน เท่าที่ ใช้กันอยู่ก็คือ - กรรไกร ใช้ตัดใยแก้วโดยรวม และที่ส าคัญใช้ซอยขอบใยแก้วช่วงเข้าโค้ง เพื่อให้ใยแก้วพับตัวได้ง่าย หรือใช้ตัดส่วนที่เกินออก ไปช่วงปูใยแก้ว เลือกกรรไกรที่ ราคาประหยัด เช่น กรรไกรจีน จับถนัดมือ และมีความคมพอสมควร - คัตเตอร์ ใช้ตัดใยแก้วจากผืนใหญ่ (หักปลายใบให้คมได้ตลอด) ในช่วงก่อน ใยแก้วที่ทาเรซิ่น ของชิ้นงานจะแข็งตัว ใช้คัตเตอร์ตัดส่วนเกินขอบออกได้ง่ายมาก - ผ้าปิดจมูก ขณะท างานไฟเบอร์กลาส จะมีทั้งกลิ่น และฝุ่น อยู่ตลอดเวลา ผ้าปิด จมูกจะช่วยได้มาก ใช้แบบผ้าราคาประหยัดก็พอ - เกียงโป้วสี ใช้กับงานโป้วแป้งเรซิ่น อุดรู หรือร่อง และใช้โป้วผิวเปลือกเรือ ขนาดที่ใช้ 2-3 นิ้ว หาซื้อได้ทั่วไป เกียงเหล็กธรรมดาเป็นสนิมได้ ต้องดูแลให้ดี สรุปแล้วงานไฟเบอร์กลาส ในด้านวัสดุที่ใช้ และอุปกรณ์ที่แนะน าไป เลือกเอา เฉพาะที่ใช้งานกันจริงๆ เท่านั้น ช่างไฟเบอร์กลาสบางท่าน อาจใช้มากกว่านี้ การท างานไฟเบอร์กลาส จะขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของช่างแต่ละคน ซึ่งมีขั้นตอน ของการท างาน อาจแตกต่างกันไปบ้าง อย่างไรก็ตามโดยรวมแล้ว จะมีขั้นตอนที่พอจะ แบ่งออกได้เป็น 3 ส่วนคือ การเตรียมอุปกรณ์, ตัวบุคคลในการท างาน , การล้าง และ เก็บอุปกรณ์ ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ ข. กลุ่มอุปกรณ์ปลีกย่อย 3. กำรปฏิบัติงำนไฟเบอร์กลำส__________________


81 อย่างที่เคยเกริ่นไปบ้างแล้วว่า การท างานกับเรซิ่นนั้น มีเวลาค่อนข้างจ ากัดอยู่ สักหน่อย และการเปรอะเปื้อนเรซิ่น จะล้างออกได้ยาก จึงต้องจัดเตรียมอุปกรณ์ให้อยู่ ในจุดที่หยิบจับได้ง่ายเวลาท างาน โดยเริ่มจาก งานใยแก้ว การซื้อใยแก้วมาใช้งาน มีสองลักษณะคือ ซื้อมาทั้งม้วน หรือซื้อ แบบแบ่งขาย (ส่วนมากจะเป็นแบบนี้) ถ้าซื้อมาเป็นม้วน ให้เก็บกล่องใส่เอาไว้ ใช้งาน แล้วเก็บเข้ากล่อง ที่ให้ มาตามเดิม โดยม้วนทับ ด้วยผ้าฟางเสียก่อน ถ้า ซื้อแบบแบ่งขาย เขาจะ พับใส่ถุงมาให้ ใยแก้วจะ เกิดรอยพับ ควรคลี่ออก แล้วม้วนกับแกนกระดาษ (ขอได้จากร้านที่ขายใยแก้ว) หรือท่อพีวีซีขนาด 2 นิ้ว (ให้ ยาวพอดีกับหน้ากว้างผืนใยแก้ว) แล้วห่อม้วนด้วยผ้าฟาง เมื่อไม่ได้ใช้งานแล้ว - เตรียมไม้รองตัดผืนใยแก้ว (ไม้อัด 4 มม. กว้างสัก 30 ซม. ยาวกว่าหน้ากว้าง ของผืนใยแก้วเล็กน้อย) รวมทั้งไม้แบนท่อนยาว (1 x 2 นิ้ว) ไว้ใช้เป็นไม้บรรทัดขีด เส้น (ด้วยปากกาเมจิก) เพื่อให้ตัดได้ตรงแนว - เศษใยแก้วที่ตัดเหลือ ควรเก็บใส่กล่องกระดาษ เอาไว้ใช้งานภายหลัง - เศษใยแก้วเส้นสั้นๆ ที่หลุดออกมาจากผืน หรือจากการตัด ควรกวาดเก็บใส่ถุง พลาสติค เพื่อรอก าจัดภายหลัง การท างานในที่โล่งแจ้งมีลมพัด แม้ว่าจะดีต่องานไฟเบอร์กลาส แต่จะท าให้เศษ ใยแก้วปลิวไปทั่ว งานเรซิ่น ควรจัดเตรียมภาชนะใส่เรซิ่นดังนี้ - ภาชนะใส่เรซิ่น ควรมีด้ามจับ หรือหูหิ้ว (บางที่ใช้ถัง ด าที่ใช้กับงานปูน เพราะบรรจุเรซิ่นได้มาก และมีราคา ประหยัด) เพื่อกันไม่ให้มือไปถูกเรซิ่น จากประสบการณ์ที่ เคยท ามา เลือกใช้แกลลอนใส่ทินเนอร์ ที่ใช้แล้วน ามาตัด เป็นที่ใส่เรซิ่นได้ 1-1.5 กก. ก าลังดี ไม่หนักมือเกินไป มีหู ก. กำรจัดเตรียมวัสดุ และอุปกรณ์ แบบซื้อทั้งม้วน แบบแบ่งขาย


82 จับได้มั่นคง ทั้งนี้มีความกว้างของกระป๋อง จะพอดีกับความกว้างของลูกกลิ้ง ควร จัดเตรียมไว้อย่างน้อย 2 ชุด จึงจะพอใช้งาน ถ้ามีมากไปกว่าก็ยิ่งดี - ภาชนะล้างลูกกลิ้ง หรือแปรง จ้าเป็นต้องมีไว้ใช้งาน เท่าที่เคยท้าใช้ 4 ชุด ด้วยกัน (จะอธิบายวิธีใช้ในตอนต่อไป) - เครื่องชั่ง และช้อนตวง เป็นอุปกรณ์ที่ต้องใช้ชั่งน้้าหนักเรซิ่น และตวงฮาร์ดเดน เนอร์ ช้อนตวงนั้นวัดเป็นช้อนชา หรือช้อนโต๊ะ บางรุ่นก็มี จ านวนของ ซีซี ( c c ) ก ากับมาด้วย หลอดฉีดยาก็ใช้ได้ดีเช่นกัน ก่อนเริ่มท างานไฟเบอร์กลาส ควรจัดเตรียมอุปกรณ์ และจัดวางอุปกรณ์ ที่ เกี่ยวข้องกับการท างาน เอาไว้ให้พร้อมเสียก่อน เพื่อให้สะดวกต่อการท างาน เวลาตัดแกลลอนด้วยเครื่องเจียร์ ควรเปิดฝาเทสารเคมีที่อยู่ภายในออกเสียก่อน ด้านที่ ตัดออกไปน ามาพับ ท าฝาปิดส่วนที่ใช้ใส่อาซีโทน เจาะช่องให้ก้านลูกกลิ้งผ่านไปได้


83 สถานที่ท างาน งานไฟเบอร์กลาส ควรอยู่ในที่เปิดโล่งพอสมควร มีหลังคาคลุม บริเวณที่ท างาน ควรจัดที่วางวัสดุ และอุปกรณ์ให้หยิบ หรือวางได้สะดวก - การท้างานไฟเบอร์กลาสควรมีผู้ช่วยอย่างน้อย 1 คน จะท้างานได้ง่ายขึ้น - แต่ถ้าต้องท้างานคนเดียว ก็ต้องตระเตรียมตัวมากขึ้น กับสถานที่ท้างาน เพราะ ต้องหมุนไปหมุนมาคนเดียว การท างานกับใยแก้ว และเรซิ่น สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ขั้นตอนคือ - การตัดใยแก้ว ใช้ได้ทั้งกรรไกร และคัตเตอร์ ช่างไฟเบอร์ส่วนหนึ่ง ใช้มือฉีก ใยแก้ว เหตุผลของเขาก็คือ ง่าย และเชื่อมรอยต่อ ระหว่างแผ่นได้ดีกว่าการตัด เพราะ เส้นใยจะไม่แตกเป็นชิ้นเล็กๆ ฟุ้งไปทั่ว ข. กำรทำ งำนกบั ใยแกว้และเรซนิ่ ตัดด้วยกรรไกร ใช้มือฉีก


84 - ตัดใยแก้วให้ เกินเนื้อที่งานเล็กน้อย ทาบใยแก้วลงบนชิ้นงาน หากเป็นการปู ( ช่างไฟเบอร์นิยมเรียกทับศัพท์ว่า เล ก็คือ Lay ในภาษาอังกฤษ) ด้านท้องเรือขนาด เล็ก ก็ใช้ผืนใยแก้วปู หรือเล คร่อมท้องเรือ และข้างเรือทั้ง 2 ด้านไปเลย จะท างานง่าย กว่าแบ่งเป็นชิ้นย่อยๆ เพราะต้องต่อผืนใยแก้วกันตลอด การตัดผืนใยแก้วใช้กับ การ สร้างเรือด้วยแม่พิมพ์ จะง่ายกว่ากันมาก เพราะปู หรือเล ขอบใยแก้ว ซ้อนทับกันก็ไม่มี ปัญหาแต่อย่างใด - การผสมเรซิ่น ผสมเรซิ่นกับตัวท าแข็ง หรือฮาร์ดเดนเนอร์ ต้องมีไม้กวนเตรียมไว้ หลาย อันด้วยกัน เท่าที่เคยท าคือ ตัดไม้ไผ่ปล้องยาว 8- 10 นิ้ว ผ่าเป็นซีกเล็กๆ ลบคมให้หมด ใช้กวนเรซิ่น ได้ดีมาก - ปัญหาของมือใหม่ กับงานไฟเบอร์ก็คือ อัตราส่วนผสม ตัวท าแข็ง หรือฮาร์ดเดนเนอร์ ว่า เท่าใดจึงจะพอเหมาะ เรื่องนี้ทางผู้ขายเขาจะบอก มาให้ แต่มาทดลองด้วยตัวเองก็ได้ ซึ่งจะเป็นประสบการณ์ของตัวเอง - เวลาซื้อตัวท้าแข็ง หรือฮาร์ดเดนเนอร์ ผู้ขายมักจะใส่ขวดเครื่องดื่มชูก้าลังมาให้ (ขวดละ 40-50 บาท) ช่างไฟเบอร์จะใช้ ฝาขวดเครื่องดื่มเป็นที่ตวง ตัวท าแข็ง หรือ ฮาร์ดเดนเนอร์ ไปเลยคือ 1 ฝา (ประมาณ 6 ซีซี ) ต่อเรซิ่น 1 กก. (ท างานทัน กับเรซิ่น เริ่มหนืดตัว) แต่ถ้าใช้ช้อนตวงจะสะดวกกว่า เพราะมีด้ามจับไม่เปื้อนมือ บางท่านอาจเลือกวิธีนี้ วิธีทดลองหาอัตราส่วนผสมเรซิ่น


85 - ตัดขวดน้้าดื่ม ขนาดเล็กที่ใช้แล้ว เป็นเหมือนถ้วย จ้านวน 3 ชุด ชั่งเรซิ่น 100 กรัม หรือ 1 ขีด ใส่ลงในถ้วยแต่ละใบ เขียนที่ข้างขวดด้วยตัวเลข 1, 2 และ 3 - ใช้เข็มฉีดยาดูดตัวฮาร์ดเดนเนอร์ ขึ้นมาสัก 1 ซีซี แล้วหยดลงในถ้วยเบอร์ 1 สัก 10 หยด ถ้วยที่ 2 เป็น 15 หยด และถ้วยที่ 3 เป็น 20 หยด (รวมแล้วประมาณ 1 ซีซี) จากนั้นใช้ไม้คน แต่ละถ้วยให้เข้ากัน - จับเวลาดูว่า ถ้วย 3 แข็งตัวเร็วที่สุดกี่นาที เมื่อขยายสเกลเป็น 1 กิโลกรัม (1,000 กรัม) ก็จะทราบว่าเราจะท างานทันหรือไม่ ถ้าไม่ทันแน่ ก็เลื่อนมาใช้อัตราผสมในถ้วย ถัดมา ที่แข็งตัวช้ากว่า - อย่างไรก็ตาม การทดลองวิธีนี้ ช่างไฟเบอร์พื้นบ้านเขาก็ท้ากัน โดยทดลองจาก ของจริงเลย แบบยอมเสียของไปบ้าง จะได้ผลที่แน่นอนกว่า - การทดลองลงเรซิ่น กับใยแก้ว จะเห็นผลการแข็งตัวของเรซิ่นได้ชัดกว่า - ตัด หรือฉีกใยแก้วมาสัก 1 ตารางฟุต ปูลงบนไม้อัดที่ตัดเหลือเป็นเศษ ผสม เรซิ่นแล้ว ใช้แปรงจุ่มมาทาลงบนใยแก้ว เกลี่ยเรซิ่นให้ทั่ว ทดลองใช้ลูกกลิ้งขนหมู (ถ้า มี) รีดเรซิ่น และไล่ฟองอากาศไปในด้วย - จับเวลาว่าใช้เวลานานกี่นาที ที่เรซิ่นเริ่มแข็งตัว (ยังนิ่มอยู่) ลองใช้คัตเตอร์ตัดดู ว่าตัดได้ง่ายหรือไม่ - การทดลองใช้ลูกกลิ้งขนแกะ กับ งานเรซิ่น ควรมีเนื้องานยาวพอสมควร (ไม่ ต้องกว้างมากนัก) ให้กลิ้งลูกกลิ้งไปได้ตาม แนวยาว เพื่อไม่ให้เสียของ ควรปูใยแก้ว ลงบนกระจกหนา 4 มม. (กว้าง 30-40 ซม. ยาวสักเมตรกว่าๆ ให้ทางร้านตัดจากเศษ กระจก จะมีราคาถูกกว่า ของใหม่ ให้เขา ช่วยลบคมกระจกออกให้ด้วย) - ขัดกระจกให้สะอาด ทาด้วยวาสลิน (มีขายเป็นกระปุก) เพื่อไม่ให้เรซิ่นติดแน่น จนแกะออกได้ยาก ถ้าใช้ขี้ผึ้งถอดแบบจะดีกว่า แต่ก็มีราคาแพงกว่ากันมาก - ตัดใยแก้วให้เล็กกว่าแผ่นกระจก ผสมเรซิ่น จุ่มลูกกลิ้ง แล้วกลิ้งลงบนผืนใยแก้ว ทดลองใช้ลูกกลิ้งขนหมู รีด และไล่ฟองอากาศจากเรซิ่น - เมื่อเรซิ่นแข็งตัว จนจับต้องได้ไม่ติดมือ (ทิ้งไว้ให้นานกว่าก็ยิ่งดี) ใช้เกียงโป้วสี เรซิ่นยังไม่แข็งตัวเต็มที่จะตัดได้ง่าย


86 แซะเอา แผ่นไฟเบอร์ กลาส ออกมาจากกระจก มันจะเป็น แผ่นใสขุ่น - ที่ให้ทดลองกับกระจก นั้น เหตุผลก็คือ ต่อไปเวลา จะท า แผ่นไฟเบอร์กลาสแบบ นี้ เอาไปปูเปลือกเรือ จะได้ท า ตามที่เคยทดลองมาก่อน ส่วน ที่ทดลองท าไปแล้ว ก็ไม่เสียของแต่อย่างใด น ามาใช้งานได้ในภายหลัง หมายเหตุ เศษไฟเบอร์กลาสเป็นปัญหามาก ในการท าลายทิ้ง บางแห่งต้องใช้วิธี ตัดเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วฝังกลบ การน าไปเผาไฟนั้น ตัวเรซิ่นจะถูกท าลายไป แต่ใยแก้ว ยังคงอยู่ ผู้ที่ท างานกับไฟเบอร์กลาส ต้องตระหนักในเรื่องนี้ให้มากทีเดียว. งานล้างคราบ เรซิ่น ออกจากอุปกรณ์ เป็นงานที่ต้องท าทันที ถ้าไม่อยากให้ อุปกรณ์ที่ใช้ เกิดความเสียหาย จากที่ได้แนะน าให้ท า ภาชนะใส่เรซิ่นใช้งาน และใส่อาซีโทนเพื่อล้างเรซิ่นนั้น จะน ามาใช้ในตอนนี้คือ - ภาชนะที่ใช้ใส่เรซิ่น เมื่อใช้หมดแล้ว ไม่ต้องล้าง ขอให้ไม่มีเรซิ่น ตกค้างอยู่ข้าง แผ่นไฟเบอร์กลาสใส ที่ปู หรือเล บนกระจก ไฟเบอร์กลาสแผ่นใส ใช้ท าเปลือกเรือแบบนี้ได้ ค. กำรลำ้งเรซนิ่ออกจำกอปุกรณ์


87 ในก็พอแล้ว สามารถน าไปใช้วนเวียนได้เป็นสิบๆ รอบ ถ้าดูแลกันดี - ส่วนแปรง และลูกกลิ้ง ต้องล้างให้สะอาดที่สุด โดยใส่อาซีโทนลงใน กระป๋องทั้ง 3 ใบ ให้ท่วมลูกกลิ้งพอประมาณ ใบที่ 4 ใส่แป้งทัลคัมครึ่งกระป๋อง - เอากล่องกระดาษแข็งมาแผ่ออก น้าลูกกลิ้งที่มีเรซิ่นติดอยู่ กลิ้งไปบนกระดาษ กล่อง ให้เรซิ่นออกให้มากที่สุด (ถ้ากลิ้งลงบนไม้ จะได้ไม้อัดเคลือบเรซิ่นไปใช้งาน) - น้าลูกกลิ้งใส่ในกระป๋องใบแรก แล้วกลิ้งในอาซีโทน หลายๆ ครั้ง น้าออกมา สะบัด หรือกลิ้งแบบกระแทก กับกระดาษกล่อง ให้ลูกกลิ้งแห้งมากที่สุด จากนั้นใส่ลงใน กระป๋องที่ 2 ท าแบบเดียวกัน คราวนี้ก่อนน าขึ้นมา ให้ใช้มือบีบเอาอาซีโทน ออกจาก ลูกกลิ้งให้มากที่สุด แล้วไปกลิ้งแบบกระแทก กับกระดาษกล่อง อีกครั้ง ก่อนใส่ลงใน กระป๋องที่ 3 - ถ้าท้างานต่อ ก็น้าขึ้นมาบีบเอาอาซีโทนออกไป กลิ้งกับกระดาษกล่องให้แห้ง น าไปใช้งานต่อได้เลย - ถ้าไม่ท้างานต่อ (ให้ท้าตามขั้นตอนที่แล้ว) น้าลูกกลิ้งที่เกือบแห้ง จุ่มลงใน กระป๋องใส่แป้งทัลคัม ใช้มือขยี้ให้แป้ง ซับเอาคราบที่เหลือออกจนหมด น าขึ้นมากลิ้ง แบบกระแทก กับกระดาษกล่อง อาจต้องท า 2 ครั้ง ลูกกลิ้ง และแปรงจึงจะสะอาด - ส่วนลูกกลิ้งขนหมูนั้น เมื่อจุ่มลงในกระป๋องแป้งทัลคัมแล้ว ก็น าขึ้นมาบิดตัว ลูกกลิ้งไปมา ให้แป้งซับคราบเรซิ่นออกให้หมด ถอดแกนมาท าความสะอาด เช่นเดียวกัน การเก็บรักษาก็เหมือนกัน - ขณะที่ยังท้างานอยู่ การล้างเรซิ่นจากลูกกลิ้ง หรือแปรง กับกระป๋องแรก อาซี ชุดกระป๋องใส่อาซีโทน


88 โทนจะข้นขึ้นเรื่อย ถ้าข้นเกินไปแล้ว ก็เทออกเก็บในภาชนะที่เตรียมไว้ - เลื่อนกระป๋องที่ 2 และ 3 ขึ้นมา เติมอาซีโทนในกระป๋องแรกแบบเดิม แล้วย้าย ไปวางอยู่ในล าดับที่ 3 หมุนเวียนเช่นนี้เรื่อยไป จนกว่าจะเสร็จงาน ค าแนะน า วิธีท างานไฟเบอร์กลาส ไปแล้วทั้งหมดนั้น เป็นขั้นตอนพื้นฐานของ การท างาน ที่เคยท ามาแล้ว เป็นเวลานานพอสมควร ช่างไฟเบอร์กลาสส่วนมาก อาจจะ ไม่ได้ท าตามแบบนี้ก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าใครจะมีประสบการณ์มาแบบใด งานไฟเบอร์กลาสนั้น อาจพูดได้ว่า ไม่มีกฎตายตัว ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ในขณะ ที่ท างานอยู่ เช่น สภาพอากาศ รวมทั้งสภาพแวดล้อมขณะนั้นเป็นแบบใด ถอดลูกกลิ้งขนหมูออกมาคลุกแป้งทัลคัม แบบอุตสาหกรรม แบบชาวบ้าน


89 การจะต่อเรือไม้ขึ้นมาสักล าหนึ่ง ก็คงมีปัญหาอยู่ว่าจะท าอย่างไร เพราะหลาย ท่านไม่มีความรู้ ทางงานช่างเลยแม้แต่น้อย เรื่องนี้เคยเขียนบทความไปแล้ว 3 ชุดคือ ค าถามก่อนต่อเรือ, ค าแนะน าก่อนต่อเรือ และ จุดประสงค์ของการต่อเรือ ทั้งนี้ควร ย้อนกลับไปอ่านทบทวนดูให้เข้าใจ ในบทความตอนนี้จะเป็นเรื่อง วิธีการต่อเรือ โดยรวมแล้วการต่อเรือทั่วไป จะขึ้นอยู่กับ รูปแบบของเรือ, ขนาด และวิธีการต่อ เรือในแต่ละท้องถิ่น อย่างทางบ้านเรานั้น ไม่ว่าจะเป็นเรือขนาดใด จะต่อ แบบหงาย เรือขึ้น โดยวางกระดูกงูเรือก่อน ตามมาด้วยโขนเรือ และกงเรือ แล้วจึงประกอบเปลือก เรือ ส่วนทางต่างประเทศนั้น เรือขนาดใหญ่มาก ก็จะใช้วิธีเหมือนบ้านเรา แต่ถ้าเป็น เรือขนาดเล็ก ส่วนมากแล้วจะต่อ แบบคว่ าเรือลง เพราะจะท างานได้สะดวกกว่า เรือ ขนาดเล็กหลายแบบ วางกระดูกงูเรือ และกงเรือกันภายหลังได้ เราจะมาดูกันว่าวิธีต่อ เรือมีแบบใดบ้าง วิธีต่อเรือทั่วไปนั้น แบ่งออกได้เป็น 3 ลักษณะคือ 1. ต่อเรือตามเปลือกเรือ 2. ต่อเรือตามโครงเรือ และ 3. ต่อเรือแบบไม่มีโครงเรือ ก่อนจะไปพูดกันถึงวิธีต่อเรือ ขอให้ย้อนไปอ่านบทความ วัสดุที่ใช้ต่อเรือ ให้ เข้าใจเสียก่อน เพราะในบทความนี้ จะพูดถึงวัสดุต่อเรือโดยไม่ย้อนกลับ ไปอธิบายถึง รายละเอียดกันอีก วิธีต่อเรือไม้ขนำดเล็ก ต่อเแบบหงายเรือขึ้น ต่อแบบคว่ าเรือลง


90 1. ต่อเรือตามเปลือกเรือ โดยทั่วไปแล้วเรามองที่เปลือกของเรือเป็นหลัก เพราะ มองเห็นได้ง่าย ทั้งนี้จะเห็นว่าเปลือกเรือ มีข้อแตกต่างกันหลายรูปแบบ ดังนั้นการต่อ เรือ โดยใช้เปลือกเรือเป็นหลักนี้ จะไม่พูดกันถึงเรื่องโครงเรือว่าเป็นอย่างไร ซึ่งมีดังนี้ ก. เรียงแผ่นกระดานขอบชนกัน ( C arvel type ) เป็นเปลือกเรือ ที่ต่อกันใน บ้านเราทั่วไป คือ เรียงแผ่นกระดานแบบขอบชนขอบ ซึ่งจะเกิดร่องระหว่างแผ่น ที่ต้อง ตอกหมันยาชันกันตลอดมา ทางต่างประเทศก็มีการต่อเรือ เป็นเปลือกเรือแบบนี้เช่นกัน ส่วนมากมักจะเป็นเรือขนาดใหญ่ (บ้านเราเรือเล็กก็ต่อแบบนี้) เปลือกเรือใช้ไม้หนา เพื่อให้ทรงรูปเรือ ท าให้มีน้ าหนักมาก ข. เรียงแผ่นกระดานขอบซ้อนกัน ( C linker or Lapstreak ) เป็นเทคนิค ประกอบเปลือกเรือ ที่มีมานานแล้ว (ยุคชาวไวกิ้ง) ต้องใช้ฝีมือมากกับเปลือกเรือแบบนี้ สามารถใช้ไม้แผ่นกระดาน บางกว่าแบบแรกได้ เรือจึงมีน้ าหนักเบากว่า ส่วนขอบแผ่น ที่ซ้อนกันก็ตอกยึดให้ติดกัน จึงมีช่องให้น้ าเข้าเรือน้อยกว่าแบบแรก แต่ก็ต้องตอกหมัน เปลือกเรือใช้ไม้แผ่นหนา ปูแบบเรียงขอบแผ่นชนกัน


91 ยาชันอยู่บ้าง (ชาวไวกิ้งจะน ายางไม้ ที่ใช้เหมือนชันยาเรือติดเรือไปด้วยเสมอ) ค. เปลือกเรือไม้อัดทับโครงเรือ ( P lywood on Frame ) เมื่อมีการผลิตไม้อัด ขึ้นมาใช้งาน ท าให้เปลือกเรือส่วนมากเลือกใช้ไม้อัด ซึ่งมีความหนา/บางให้เลือกใช้ หลายขนาด มีหน้ากว้าง ( ส่วนความยาวจะน้อยกว่าไม้จริง) ท าให้ประกอบเปลือกได้ ง่าย เรือมีน้ าหนักเบากว่า 2 แบบที่ผ่านมา นิยมใช้กับการต่อเรือขนาดเล็ก ถึงปานกลาง เป็นหลัก ถ้าเป็นเรือขนาดใหญ่ก็จะไม่ค่อยเกิน 40 ฟุต ง. เปลือกเรือไม้ระแนงแบน ( S trip plank) เป็นการประกอบเปลือกเรือ ด้วยไม้ ระแนงแบน การประกอบเปลือกเรือแบบนี้ มักเป็นเรือที่มีส่วนท้อง โค้งมากเช่น เรือแคนู และเรือใบ อย่างไรก็ตามเรือแบบท้องวี ( V ) บางแบบ ก็เลือกวิธีท าเปลือกเรือแบบนี้ เพียงแต่ขยายขนาดไม้ระแนงแบนให้กว้างขึ้น เป็นงานต้องใช้ฝีมือกันพอสมควร เรือมี น้ าหนักเบา และสวยงาม จ. เปลือกเรือซ้อนทับกัน ( L aminate plank ) เป็นการใช้ไม้แผ่นบางมาก มา ซ้อนทับกัน แล้วยึดติดด้วยกาว วิธีนี้เรียกกันว่า โคลด์ โมลด์ ( Cold mold ) นิยมใช้ เปลือกเรือที่ท าจากไม้อัด ท าให้เรือมีน้ าหนักเบา เปลือกเรือแบบไม้ระแนงแบน ใช้กับเรือขนาดเล็ก


92 กับเรือที่มีส่วนท้องโค้งมาก โดยสร้างโครงเรือชั่วคราว ( T emporary frame or Jig ) ขึ้นมา แล้วใช้ไม้แผ่นบางหน้าแคบชิ้นยาว บุทับลงบนโครงชั่วคราว เป็นแนวเฉียงไป ทางด้านหนึ่ง จากนั้นบุไม้ชั้นที่ 2 เฉียงกลับ ทับชั้นแรกที่ทากาวแล้ว การบุเปลือกเรือ แบบนี้เรียกว่า บุแบบไขว้ไม้ ( D iagonal plank ) เมื่อบุเปลือกเรือด้วยไม้แผ่นบางทับ กันหลายชั้น เปลือกเรือจะเป็นเนื้อเดียว ตลอดทั้งล าเรียกว่า Monologue hull shell หรือ Single hull หมายถึง เปลือกเรือเนื้อเดียว เหมือนเปลือกไข่ น้ าหนักเบา แข็งแกร่ง แต่ซ่อมได้ยากเวลาเกิดความเสียหาย และที่ส าคัญต้องเสียค่าใช้จ่าย ท าโครงเรือ ชั่วคราวอีกด้วย อย่างไรก็ตามแนวทางการสร้างโครงเรือชั่วคราวนี้ สามารถน าไปใช้ กับงาน ต่อเรือไฟเบอร์กลาส ที่ไม่ได้สร้างจากแม่พิมพ์ ทั้งนี้เป็นการปูไฟเบอร์กลาส ทับ โครงเรือชั่วคราวดังกล่าว ฉ. เปลือกเรือไฟเบอร์กลาส ( Fiberglass hull ) เปลือกเรือไฟเบอร์กลาส มีทั้ง แบบสร้างจากแม่พิมพ์ (ปัจจุบันเป็นแบบนี้เกือบทั้งสิ้น) และแบบบุทับโครงเรือชั่วคราว โดยใช้ใยแก้วแบบ ซี-เฟล็กซ์ ( C - flex :เป็นแผ่นอ่อนม้วนได้) , ใยแก้วท าเป็นแผ่น แข็ง, แผ่นรังผึ้ง, ใยแก้วปูทับโฟม เป็นต้น เปลือกเรือไม้ระแนงแบนขนาดใหญ่ขึ้น เปลือกเรือไม้แผ่นบาง ซ้อนทับกัน เรือขนาดใหญ่ ก็ยังใช้วิธีเดียวกันนี้


93 การสร้างแม่พิมพ์เรือไฟเบอร์กลาส เหมาะกับงานผลิตเพื่อออกขาย เพราะระยะ ยาวจะมีราคาถูกลง แต่ถ้าเราต่อเรือใช้กันเอง ก็เลือกแบบบุใยแก้วแบบต่างๆ ที่กล่าว มา ทับบนโครงเรือชั่วคราว จะท าได้ง่ายกว่า และมีราคาประหยัดกว่า แผ่น C-Flex บุเปลือกเรือด้วยแผ่น C-Flex บุด้วยแผ่นโฟม เปลือกเรือบุโฟมเป็น Single hull


94 ช. เปลือกเรือแบบไขว้ไม้( D iagonal plank ) เป็นวิธีประกอบเปลือกเรือวิธีหนึ่ง ที่ใช้กันมากพอสมควร กับแบบเรือเปลือกไม้อัด ที่มีส่วนเว้า และโค้งมาก ซึ่งบุไม้อัด แผ่นใหญ่ได้ยากได้ ทั้งนี้เป็นการบุเปลือกเรือ กับโครงสร้างเรือโดยตรง ซึ่งทางบ้าน เราไม่ค่อยรู้จักกันเท่าใดนัก วิธีต่อเรือโดยใช้เปลือกเรือเป็นตัวก าหนด อาจยังมีวิธีอื่นอีก แต่ไม่เหมาะที่จะ น ามา ต่อด้วยตัวเอง เช่นโลหะ ที่ต้องเชื่อมโลหะเป็น หรือเปลือกเรือ เฟอร์โร ซีเมนท์ ( F erro cement ) ก็ต้องผสมปูน, ขึงตาข่าย และฉาบปูนได้ เป็นต้น สรุปแล้วการจะต่อเรือ ด้วยตัวเองนั้น จะต้องค านึงว่า เราเลือกใช้เรือแบบใด, ขนาดของเรือเท่าใด และเป็นแบบที่ต่อยากง่ายเพียงใด ก่อนลงมือท า โขนเรือ และกงเรือ รวมทั้งส่วนประกอบอื่นๆ (ดูบทความ ส่วนประกอบของตัวเรือ ที่ ผ่านมาแล้ว) การต่อเรือวิธีนี้ มีโครงเรืออยู่ 2 แบบด้วยกันคือ ก. แบบโครงเรือถาวร หมายถึง ประกอบโครงเรือในส่วนของกระดูกงูเรือ, โขน เรือ และกงเรือ รวมทั้งส่วนประกอบอื่นๆ เสร็จแล้ว จึงบุเปลือกเรือ เรือขนาดใหญ่มักใช้ วิธีนี้ เพราะถ้าต่อแบบคว่ าเอาท้องเรือขึ้น จะพลิกเรือกลับได้ยาก ส่วนเรือขนาดเล็ก ถึง ปานกลาง มักใช้วิธต่อแบบ คว่ าเอาท้องเรือขึ้น เพราะท างานได้ง่ายกว่า การจะหงาย เรือขึ้นก็ท าได้ไม่ยาก การต่อเรือวิธีนี้ ปัญหาหลักๆ จะไปอยู่ที่ การวางกระดูกงูเรือ, โขนเรือ และกงเรือ จ าเป็นต้องได้สัดส่วนที่ถูกต้อง ส่วนมากต้องใช้แปลนเรือ เป็นตัวก าหนด ผู้ต่อเรือจึง ต้องอ่าน แปลนเรือได้พอสมควร การบุเปลือกเรือแบบไขว้ไม้ ใช้ได้กับเรือทุกแบบ 2. ต่อเรือตามโครงเรือ เป็นการต่อเรือที่ต้องมีโครงเรืออยู่ด้วยคือ กระดูกงูเรือ,


95 ข. ต่อแบบใช้โครงเรือชั่วคราว เป็นวิธีต่อเรือ ที่ใช้กันมานานแล้ว อย่างเช่น เรือแคนู และเรือใบบางประเภท ที่ใช้โฟมเป็นแกนกลาง หรือใช้วิธีบุไม้ชิ้นบางไขว้กัน ไปมา ที่เรียกว่า Monologue hull shell หรือ Single hull โครงเรือชั่วคราว ( Temporary frame or Jig ) จะถูกรื้อทิ้งไป (ของเรือแคนู น าไปใช้ได้อีก) เรือที่ต่อวิธีนี้ ถ้าเป็นเรือขนาดปานกลาง ถึงขนาดใหญ่ จะประกอบ กระดูกงู, โขน และกงเรือเสริมภายหลังได้ แต่ถ้าเป็นเรือขนาดเล็กบางแบบ ก็ไม่ต้องมี ทั้ง กระดูกงู. โขน และกงเรือแต่อย่างใด หรือมีเป็นเพียงบางชิ้น อย่างเช่นเรือแคนู ส่วนมาก จะมีแต่กงเรืออย่างเดียวทั้งล า โครงเรือชั่วคราวนี้ถ้าออกแบบให้ดี สามารถ ถอดประกอบได้ในบางส่วน ก็จะประหยัดค่าใช้จ่ายได้พอสมควร ต่อแบบหงายขึ้น ต่อแบบคว่ าลง โครงเรือชั่วคราวเรือแคนู และเรือขนาดกลาง


96 มีวิธีต่อเรือแบบที่ ใช้ โครงชั่วคราว อีกแบบหนึ่ง แต่เป็นแบบโครงเหล็ก ซึ่ง พยายาม ค้นหาข้อมูลแต่ก็ ไม่พบ จากที่เคยเห็นมา เป็นฝรั่งนักต่อเรือ คนหนึ่ง ออกแบบเอาไว้ เท่าที่ได้เห็น นับเป็นแนวความคิด ที่น่าทึ่งมากกล่าวคือ เขาออกแบบ โครงเรือด้วยเหล็กฉาก เป็นทั้งกระดูกงู, โขน และกงเรือ (ความยาวเรือประมาณ 25 ฟุต) เรือที่เขาต่อเป็นเรือไม้จริง (ใช้ไม้ระแนงแบน แต่กว้าง และหนากว่า) เขาวาง ส่วนประกอบกระดูกงู, โขน และกงเรือ เข้ากับโครงเรือเหล็ก แบบขันสกรู ซึ่งถอดโครง เรือเหล็กออกได้ เมื่อเรือประกอบเสร็จแล้ว วิธีนี้ช่างไม้จะประกอบ โครงเรือที่เป็นไม้ทุกส่วน ไปตามโครงเรือเหล็ก โดยไม่ ต้องเรียนรู้ การต่อเรือแต่อย่างใดเลย เรือทุกล าที่ต่อออกมา จะเป็นมาตรฐานเท่ากันทุก ล า (ฝรั่งคนนี้เขาเปิดบริษัท ต่อเรือด้วยไม้จริง ส่งขายทางต่างประเทศ) 3. ต่อเรือแบบไม่มีโครงเรือ วิธีต่อเรือแบบนี้มักจะใช้กับ เรือขนาดเล็กเป็นเกณฑ์ มีอยู่ 2 รูปแบบคือ ก. แบบ สตริชท์ แอนด์ กลู ( S titch & Glue ) มีผู้ต่อเรือบ้านเราหลายคนใช้วิธีนี้ หลักๆ ก็คือ ตัดแผ่นไม้อัดตามแบบ (จากที่ซื้อแปลนมา หรือ ใช้วิธีตัดแบบย่อส่วนจาก กระดาษแข็งก่อน) แล้วประกบชิ้นส่วนเข้าด้วยกัน (ขอบไม้ชนขอบไม้) เจาะรูเรียงตาม แนวขอบทั้ง 2 ด้าน แล้วร้อยด้วยลวด (ปัจจุบันนิยมใช้สายรัดงานไฟฟ้า หรือ เคเบิ้ล ไท เรือที่ต่อแบบ Stitch & Glue กงเรือแบบเรือแคนู


97 ( C able tie ) เพราะดึงให้แน่นได้ง่าย ถ้าเป็นลวดโลหะต้องใช้คีมบิด ใช้กาวอีพ๊อกซี่ อุดตามแนวรอยต่อ เมื่อกาวแข็งตัวแล้ว ก็ตัดสายลวด หรือ เคเบิ้ล ไท ออก ปิดทับด้วยแถบใยแก้ว แล้วลงเรซิ่น ขัดให้เรียบแล้วปูใยแก้ว ทับกับเปลือก เรือ ขัดเรียบอีกครั้งก่อนท าสี ข. แบบใช้ไม้ขนาบเรือ เป็นวิธีต่อเรือที่คิดขึ้นมาเองแบบหนึ่ง (ต่อมาพบว่าทาง ต่างประเทศก็ใช้วิธีเดียวกัน) ใช้ต่อแพดเดิ้ล บอร์ด แบบทรงเรือหัวแหลม ต่อมาใช้ต่อ เรือย่อส่วนต้นแบบ (ขนาด 3: 1 ซึ่งสามารถขยายเป็นเรือขนาด 14-15 ฟุตได้ ) หลักเกณฑ์วิธีนี้ จะคล้ายกับแบบ Stitch & Glue เพียงแต่ไม่ใช้การร้อยด้วยลวด เปลี่ยนมาใช้ไม้ขนาบเรือแทน อย่างไรก็ตามเรือที่ต่อวิธีนี้ ควรท าเป็นเรือท้องแบนไป ก่อน ( สามารถท าเป็นท้องวี : V ก็ได้ถ้าต้องการ) โดยใช้ ไม้ขนาบส่วนข้างเรือ และไม้ ขนาบท้องเรือส่วนหัว (เพื่อให้ส่วนหัวเรือเชิดขึ้น) เป็นตัวยึดเปลือกเรือด้านข้าง และ เปลือกท้องเรือ จะว่าไปแล้ววิธีนี้ง่ายกว่าแบบ Stitch & Glue เพราะสามารถติดกาว หรือตอกยึด กับไม้ขนาบเรือโดยตรงได้เลย และไม่ต้องปิดไฟเบอร์กลาสทับด้านใน เหมือนแบบ Stitch & Glue ก็ได้ นอกจากนี้เรายังออกแบบเรือได้ด้วยตัวเอง ซึ่งง่าย กว่าแบบ Stitch & Glue อีกด้วย วิธีต่อเรือหลายรูปแบบ ที่น าเสนอไปแล้วนั้น เป็นวิธีต่อเรือเท่าที่มีข้อมูลจากทาง ต่างประเทศ และเคยพบเห็นมาบ้าง รวมทั้งได้ลงมือต่อเรือด้วยตัวเองมาแล้ว คงใช้เป็น แนวทางให้กับผู้สนใจ ที่จะต่อเรือได้บ้างไม่มากก็น้อย การใช้ไม้ขนาบเรือ


98 ส่วนของบทความ ต่อเรือโดยไม่ต้องใช้แปลน นี้ถือได้ว่าเป็นเป้าหมายหลัก ของ การก่อตั้ง ชมรมต่อเรือเล็กขึ้นมา เพื่อให้ผู้ที่สนใจจะต่อเรือด้วยตัวเอง สามารถลงมือท า ได้ โดยไม่ต้องไปกังวลในการอ่านแปลนเรือ ซึ่งผู้เขียนเคยมีปัญหามาก่อนแล้ว เมื่อ สั่งซื้อแปลนเรือแบบ Full size Plan หรือ Full size Pattern ที่เป็นแปลนขยายแล้ว แบบ 1:1 แต่ทั้งหมดนั้นเป็นภาษาอังกฤษ บวกกับที่ไม่เคยต่อเรือมาก่อน จึงเป็นปัญหา อยู่บ้าง กว่าจะท าความเข้าใจได้ทั้งหมด ก็ต้องลองผิดลองถูกกันพอสมควร แม้ว่าจะแนะน าวิธีต่อเรือ โดยไม่ใช้แปลนเลยก็ตาม แต่อยากให้ผู้ที่สนใจกับการ ต่อเรือ ได้รู้จักกับแปลนเรือเอาไว้บ้าง บางท่านอาจสั่งซื้อมา หลายท่านโหลดมาจาก อินเตอร์เน็ท (แปลนที่โหลดมาได้มักมีขนาดไม่เกิน A4 ถ้าพิมพ์ออกมา มักจะไม่ค่อย ชัดเจนเท่าที่ควร) วธิตีอ่เรอื โดยไมต่อ ้ งใชแ ้ ปลนเรอื แปลนเรือที่ได้มาฟรีมักเป็นแบบนี้


99 เรื่องของแปลนเรือ แปลนเรือก็จะเหมือนกับ แปลนก่อสร้างทั่วไป ทั้งแบบถ่ายส าเนาธรรมดา และใน รูปแบบของพิมพ์เขียว(( B lue Print ) ทั้งนี้รายละเอียดบนแปลนเรือ จะถูกน ามาขยาย สัดส่วนที่เรียกว่า ล้อฟติ้ง ( L ofting ) ซึ่งเป็นวิธีขยายแปลนเรือ ให้เท่ากับของจริงลง บน แผ่นไม้อัด เพื่อใช้เป็นแม่แบบน าไปใช้กับของจริง (ถ้าเป็นงานก่อสร้าง เขาจะ ขยายแบบเป็นของจริงไปเลย) การขยายแปลนเรือไม่ใช่งานง่ายนัก ถ้าแปลนต้นแบบมี ขนาดเล็ก และมีรายละเอียดไม่มาก จึงมีการท าแปลนเรือแบบขยายมาให้เรียกว่า ฟูล ไซส์ แพลน หรือ ฟูล ไซส์ แพทเทิร์น ( F u ll size plan or Full size pattern ) หรือ เรียกกันว่า แปลนหนึ่งต่อหนึ่ง ( 1 :1 ) ผู้ที่จะต่อเรือเพียงแค่ ลอกลายเส้นลงบน กระดาษแข็ง หรือไม้อัด แล้วตัดออกมาเป็นแม่แบบ น าไปใช้ทาบกับไม้จริงแล้วตัด แปลนแบบนี้ จะท ามา เป็นแบบพิมพ์เขียว แบบ จริงยาวเท่าใด แผ่นพิมพ์ เขียวก็ยาวเท่านั้น (เคยสั่ง แปลนเรือขนาด 32 ฟุตมา พิมพ์เขียว กระดูกงูเรือยาว ถึง 15 ฟุต ต้องสร้างโต๊ะไม้ อัดแบบ 2 แผ่นต่อกัน) อย่างไรก็ตามแปลนเรือดังกล่าว มี ราคาค่อนข้างแพง เพราะเขาต้องท าแปลน ย่อย แยกเป็นแต่ละกงเรือ ถ้ามีกงเรือ 10 ชุด ก็จะมีแปลนทั้งหมด 10 ใบ รวมแปลน อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 2-3 แผ่น (ใส่กล่อง อย่างดีมาให้) เท่าที่เคยซื้อมา 200 กว่า เหรียญ เมื่อสิบกว่าปีก่อน ปัจจุบันราคา เขยิบเป็น 500 เหรียญเข้าไปแล้ว การโหลดแปลนเรือ จากอินเตอร์เน็ท อาจจะมีปัญหา ในด้านรายละเอียด ของ การขยายแปลนไปบ้าง แต่ก็พอได้แนวทาง การขยายแปลนเรือ


100 รูปแบบเรือ มาใช้งานกับของจริง การต่อเรือ แบบชาวบ้านในบ้านเรา (เรือหางยาว หรือเรือประมง) ผู้สั่งต่อเรือจะ ร่างแปลนเรือหยาบๆ ว่าต้องการเรือ/กว้างยาวเท่าใด ช่างต่อเรือมีแปลนเรืออยู่ในหัว แล้ว เขาสามารต่อเรือขนาดใหญ่ ความยาว 50-60 ฟุตได้ จากประสบการณ์ สรุปโดยรวมแล้ว การต่อเรือจากแปลนเรือไม่ง่ายอย่างที่คิดกัน หากอ่านแปลนไม่ เข้าใจมากพอ การซื้อแปลนเรือแบบ 1 :1 มาใช้ ก็มีราคาไม่ถูกนัก เรือพายขนาดเล็ก 8 -10 ฟุต ราคาแปลนแบบ 1:1 จะอยู่ในราว 60-80 เหรียญ (2,100-3,600 บาท ทั้งนี้ยัง ไม่ได้รวมค่าจัดส่ง และค่าโอนเงินไปต่างประเทศ) วีดีโอด้านบนนั้น เป็นการบรรยายถึง รูปแบบของแปลน Full size pattern หรือ แปลน 1:1 การซื้อแปลนมาใช้งาน ไม่ยากแต่อย่างใด จะไปยากตอนท าความเข้าใจ กับแปลนเสียมากกว่า การต่อเรือโดยไม่ใช้แปลนนั้น (ความจริงแล้วก็ต้องใช้แปลนอยู่บ้าง) เป็นแปลน ที่เราเขียนเอง เพราะอย่างไรก็ตาม เราก็ต้องเขียนส่วนกว้าง และยาวของเรือ เพื่อเอา ไปใช้ตัดของจริงออกมาอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเขียนลงบนไม้ที่จะตัด, เขียนบนกระดาษ หรือ ดูดดูค าอธิบายได้จาก https://youtu.be/RgXdjijY7QA กำรตอ่เรอื โดยไมใ่ ชแ้ ปลน


Click to View FlipBook Version