โรงเรียนพุทไธสง
อำเภอพทุ ไธสง จงั หวัดบรุ ีรัมย์
สำนักงำนเขตพนื้ ท่กี ำรศึกษำมัธยมศึกษำ เขต ๓๒
( The Secondary Educational Service Office ๓๒ )
คำอธบิ ำยรำยวชิ ำ
วชิ ำสุขศึกษำ รหสั วชิ ำ พ31101 เวลำเรียน 1 ช่ัวโมง / สัปดำห์
วชิ ำพนื้ ฐำน กล่มุ สำระกำรเรียนรู้สุขศึกษำเละพลศึกษำช้ัน
มธั ยมศึกษำปี ที่ 4 เวลำเรียน 20 ช่ัวโมง จำนวน 0.5 หน่วยกติ
ศึกษาความรู้เกี่ยวกบั ความสาคญั และความสาคญั ในการดแู ลระบบอวยั วะภายในร่างกาย วางแผน
สุขภาพตามภาวะการเจริญเตบิ โตและพฒั นาของตนเองและครอบครวั วางแผนและปฏบิ ตั ติ ามแผนการพฒั นา
สุขภาพของตนเองและครอบครวั วิเคราะหอ์ ิทธิพลของครอบครวั เพอ่ื น สังคม และวฒั นธรรมที่มีผลตอ่
พฤติกรรมทางเพศและการดาเนินชีวติ วเิ คราะหค์ า่ นิยมทางเพศตามวฒั นธรรมไทยและวฒั นธรรมอื่นๆ
โดยใชท้ กั ษะกระบวนการปฏิบตั กิ าร สืบคน้ ขอ้ มลู และรวบรวมขอ้ มลู ให้เกิดทกั ษะการทางานเป็นทมี
การใชเ้ ทคโนโลยี มุ่งมน่ั ในการทางาน เกิดความเขา้ ใจในเน้ือหาวิชา มีเจคตทิ ดี่ ี มีการวางแผนการทางาน
ปรับปรุงแกไ้ ข พฒั นาสมรรถภาพทางกาย สมรรถภาพทางจิตโดยใชก้ ระบวนการสืบคน้ ขอ้ มูลไดอ้ ยา่ งมี
ประสิทธิภาพ
ตัวชีว้ ดั
พ1.1(1) , พ1.1(2)
พ2.1(1), พ2.1(2)
พ 4.1(2) ,พ 4.1(3) ,พ 4.1(4)
รวมตวั ช้ีวดั 7 ตวั ช้ีวดั
ตารางที่ 3 กาหนดหน่วยการเรียนรู้ (Unit)
วชิ า (Course ) สุขศึกษา รหัสวิชา (Course Code) พ ๓๑๑๐๑
ช่ือหน่วยการเรียนรู้ ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้ จานวน
(Unit ) (Indicator) (Content) ช่ัวโมง
การปฐมนิเทศและ 1.กาหนดขอ้ ตกลงร่วมกนั และกระบวนการ 1.ขอ้ ตกลงร่วมกนั ในกระบวนการจดั 1
จดั กิจกรรมการเรียนการสอน กิจกรรมการเรียนการสอน
2.ทกั ษะการพดู หนา้ ช้นั เรียน
ระบบอวยั วะตา่ งๆของ พ1.1(1) อธิบายกระบวนการสร้างเสริมและ 1. ระบบอวยั วะต่างๆของร่างกาย 4
ร่างกาย
ดารงประสิทธิภาพการทางานของระบบ 2. ระบบผวิ หนงั
อวยั วะต่างๆ 3. ระบบโครงกระดกู
4. ระบบกลา้ มเน้ือ
การวางแผนพฒั นาสุขภาพ พ1.1(2) วางแผนสุขภาพตามภาวะการ 1.ความหมายของสุขภาพ 2
เจริญเติบโตและพฒั นาของตนเองและ 2. ความหมายของการวางแผนพฒั นาสุขภาพ
ครอบครวั 3.ความสาคญั ของสุขภาพ
พ 4.1(5) วางแผนและปฏิบตั ติ ามแผนการ 4.การวางแผนพฒั นาสุขภาพของตนเอง
พฒั นาสุขภาพของตนเองและครอบครวั
พฤติกรรมทางเพศ พ 2.1(1) วิเคราะหอ์ ิทธิพลของครอบครวั 1. อทิ ธิพลตา่ งๆท่ีมีผลต่อพฤติกรรมทางเพศ 2
สิทธิผบู้ ริโภค เพ่อื น สงั คม และวฒั นธรรมทีม่ ผี ลต่อ 2. คา่ นิยมเรื่องเพศ 4
พฤติกรรมทางเพศและการดาเนินชีวติ 3. ค่านิยมเรื่องเพศในสังคมและวฒั นธรรม
พ 2.1(2) วิเคราะห์ค่านิยมทางเพศตาม ไทย
วฒั นธรรมไทยและวฒั นธรรมอนื่ ๆ 4. คา่ นิยมเร่ืองเพศในสงั คมและวฒั นธรรม
ตะวนั ตก
พ 4.1(3) ปฏบิ ตั ติ ามสิทธิผบู้ ริโภค 1.ความหมายของการบริโภคและผบู้ ริโภค
2. ปัญหาของผบู้ ริโภค
3. สิทธิผบู้ ริโภค
4. แนวทางการเลือกบริโภคอย่างปลอดภยั
5. การปฏบิ ตั ิตามสิทธิผบู้ ริโภค
6. หน่วยงานที่เก่ียวขอ้ งกบั ผบู้ ริโภค
7. กฎหมายท่ีเก่ียวขอ้ งกบั การคมุ้ ครอง
ผบู้ ริโภค
ตารางที่ 3 กาหนดหน่วยการเรียนรู้ (Unit) (ต่อ)
วิชา (Course ) สุขศึกษา รหสั วิชา (Course Code) พ 31101
ชื่อหน่วยการเรียนรู้ ตัวชีว้ ดั สาระการเรียนรู้ จานวน
(Unit ) (Indicator) (Content) ชั่วโมง
ส่ือโฆษณากบั สุขภาพ พ 4.1(2) วเิ คราะห์อิทธิพลของส่ือโฆษณา 1. ความหมายสื่อโฆษณาเกี่ยวกบั สุขภาพ 2
เกี่ยวกบั สุขภาพเพอื่ การเลอื กบริโภค 2. ความสาคญั ของส่ือโฆษณา
3. ประเภทของส่ือโฆษณา
4. ผลติ ภณั ฑส์ ุขภาพ
5. อทิ ธิพลส่ือโฆษณาเกี่ยวกบั สุขภาพ
6. หลกั การพิจารณาส่ือโฆษณาเก่ียวกบั
สุขภาพ
7. การควบคมุ โฆษณาโดยรัฐ
โรคที่เกิดจากการ พ 4.1(4) วิเคราะห์สาเหตุและเสนอแนว 1. โรคที่เกิดจากการประกอบอาชีพ 3
ประกอบอาชีพและ ทางการป้องกนั การเจบ็ ป่ วยและการตาย 2. โรคที่เกิดจากพนั ธุกรรม
พนั ธุกรรม ของคนไทย
สอบกลางภาค / สอบปลายภาค จานวนช่ัวโมง 2 ชม.
รวมท้งั สิ้น 20 ชม.
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 1
กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ ขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 หอ้ ง……
วชิ า สุขศกึ ษา เรอ่ื ง การปฐมนเิ ทศ กฎ ระเบยี บตา่ งๆ
วันท…่ี ..เดอื น…..……..พ.ศ. 2561 เวลา 1 ชัว่ โมง
1. มาตรฐานการเรยี นรู้
สาระที่1 การเจรญิ เตบิ โตและพฒั นาการของมนษุ ย์
มาตรฐาน พ 1.1 เขา้ ใจธรรมชาติของการเจริญเติบโต และพัฒนาการของมนุษย์
2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรสู้ ตู่ ัวชวี้ ดั
2.1 อธบิ ายความสาคญั ของระบบผวิ หนัง
2.2 ปฏิบัติตนในการสร้างเสรมิ และดารงประสทิ ธภิ าพของระบบผิวหนัง
3. สาระสาคญั
การปฐมนิเทศชีแ้ จงเน้ือหา กฎ กตกิ า มารยาท ในการเข้าเรยี น มคี วามสาคัญมากอยา่ งหนึ่ง เพราะ
ผ้เู รียนจะตอ้ งทราบเนอ้ื หาทค่ี รูจะสอนกอ่ น จะไดป้ ฏบิ ตั ถิ กู ต้อง หากผู้เรียนปฏบิ ตั ิไดถ้ ูกต้องตามกฎระเบยี บก็
จะสง่ ผลให้ผเู้ รียนสามารถเรยี นรู้ไดอ้ ย่างมปี ระสิทธภิ าพ
4. เปา้ หมายการเรยี นรู้
K (Knowledge) P (Practice) A (Attitude)
ความรู้ ความเข้าใจ การฝึกปฏบิ ัติ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
เพือ่ ใหน้ ักเรียนมคี วามร้คู วาม เพอ่ื ใหน้ กั เรียนสามารถ ๑. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์
เข้าใจใน กฎ กตกิ า มารยาท ใน อธิบายกฎ กตกิ า ไดอ้ ย่าง ๒. ซือ่ สตั ย์สจุ ริต
การเขา้ เรยี นไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง ถกู ตอ้ ง ๓. มวี นิ ัย
๔. ใฝ่เรียนรู้
๕. อยอู่ ย่างพอเพยี ง
๖. มงุ่ มน่ั ในการทางาน
๗. รักความเป็นไทย
๘. มีจิตสาธารณะ
5. สาระการเรยี นรู้
5.1 ปฐมนิเทศช้ีแจงเน้ือหาทจี่ ะเรียนในเทอมนี้ และชี้แจงกฎ กตกิ ามารยาท ในการเข้าเรยี น
- กฎ ข้อตกลงในการเขา้ เรยี น - มารยาท ในหอ้ งเรยี นทค่ี วรปฏบิ ัติ
6. การบรู ณาการ
1. บูรณาการกับกลมุ่ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย ไดแ้ ก่ ทกั ษะการฟัง อา่ น เขียน และการพูด
2. การบรู ณาการกับกลุม่ สาระการเรียนรภู้ าษาต่างประเทศ ได้แก่ ทักษะการฟงั อา่ น และการพูด
7. กจิ กรรมการเรียนรู้
7.1 ขั้นนา/ข้นั เตรยี ม
1. ครแู นะนาตัวกบั นักเรยี น
2. ครใู หน้ ักเรียนแนะนาตัว ชอื่ อะไร ชื่อเล่นอะไร จบจากโรงเรยี นไหน
3. ครูเชค็ ชื่อนักเรียนและตรวจการแต่งกายของนกั เรยี น ความพรอ้ มของนักเรยี น
4. ครชู ้ีแจงกาหนดค่าระดับคะแนน ตามเกณฑด์ งั น้ี
คะแนนร้อยละ 80 - 100 ได้เกรด 4
คะแนนร้อยละ 75 - 79 ได้เกรด 3.5
คะแนนรอ้ ยละ 70 - 74 ได้เกรด 3
คะแนนรอ้ ยละ 65 - 69 ได้เกรด 2.5
คะแนนร้อยละ 60 - 64 ได้เกรด 2
คะแนนร้อยละ 55 - 59 ได้เกรด 1.5
คะแนนร้อยละ 50 - 54 ได้เกรด 1
คะแนนรอ้ ยละ 0 - 49 ไดเ้ กรด 0
7.2 ข้นั สอน
1. ครูช้แี จงกฎ ระเบียบ ในการอยู่รว่ มกนั
2. ครพู ูดถงึ กติกา มารยาท ในการเข้าเรียน
3. ครแู จ้งเนอ้ื หาท่จี ะเรยี นในเทอมนี้
7.3 ขนั้ สรุป
ครถู ามในเรื่องทีก่ ลา่ วมาทงั้ หมด ไม่ว่าจะเปน็ การชแี้ จงกฎ ระเบียบในการอยู่ร่วมกัน กติกา
มารยาทในการเขา้ เรยี นและแจง้ เนอื้ หาท่ีจะเรียนในเทอมน้ี รวมท้ังทบทวนในเร่ืองของการให้คะแนนแต่ละ
หน่วย แจ้งเน้ือหาที่จะเรยี นในสัปดาห์หนา้ ก่อนปลอ่ ยครใู ห้นักเรียนจัดแถว ฝึกระเบียบวนิ ัยก่อนจะปล่อยไป
เรียนในคาบตอ่ ไป
8. แหลง่ การเรียนรู้
1. หนงั สือเรียนรายวชิ าพ้ืนฐาน สขุ ศกึ ษา ๔ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๔
2. แหลง่ สารสนเทศ
9. การวัดและการประเมินผล
9.1 เครอ่ื งมือวดั และประเมินผล
- การถาม/ตอบ
9.2 วธิ วี ัดผล
- ใชก้ ารถาม/ตอบของนักเรยี นในองค์ความรู้ของสุขศกึ ษา
9.3 เกณฑ์การวดั และประเมนิ ผล
- การตอบคาถามในแตล่ ะคาถาม
10. บันทึกหลงั การสอน
............................................................................................................................. ............................................
............................................................................................................................. ............................................
ปญั หาและอุปสรรค
.........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ............................................
ขอ้ เสนอแนะ
............................................................................................................................. ............................................
.........................................................................................................................................................................
ลงช่อื ................................................................ครูผสู้ อน
(นางสาวชุติญา อ่นุ ทานนท)์
11. ข้อเสนอแนะ
............................................................................................................................. ............................................
............................................................................................................................. ............................................
ลงชอื่ ................................................................หวั หน้ากลุ่มสาระสขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา
(นายศภุ ฤกษ์ ศุภรตั นสมัย)
......................................................................................................................... ................................................
............................................................................................................................. ............................................
ลงชือ่ ………………………………………………………รองผอู้ านวยการฝา่ ยวิชาการ
(นายชาญ ส่วิ ไธสง)
............................................................................................................................. ...........................................
.........................................................................................................................................................................
ลงชอ่ื ……………………………………………………….ผู้อานวยการโรงเรยี นพุทไธสง
(นายประชัย พรสง่ากุล)
แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 2
กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ ขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 ห้อง…….
วิชา สุขศกึ ษา เรอื่ ง ระบบอวยั วะตา่ งๆ
วันท…่ี ..เดอื น…..……..พ.ศ. 2561 เวลา 1 ชั่วโมง
1. มาตรฐานการเรยี นรู้
สาระที่1 การเจรญิ เตบิ โตและพฒั นาการของมนษุ ย์
มาตรฐาน พ 1.1 เขา้ ใจธรรมชาตขิ องการเจรญิ เตบิ โต และพฒั นาการของมนุษย์
2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรสู้ ตู่ ัวชว้ี ดั
1. อธิบายความสาคญั ของระบบผวิ หนัง
2. ปฏบิ ตั ิตนในการสรา้ งเสริมและดารงประสิทธิภาพของระบบผวิ หนงั
3. สาระสาคญั
ร่างกายของมนุษยป์ ระกอบด้วยระบบอวัยวะตา่ งๆ ๑๐ ระบบแต่ละระบบมีการทางานเกี่ยวข้อง
สมั พันธก์ นั ผวิ หนังทาหน้าที่เหมอื นเกราะป้องกนั สิ่งต่างๆทอ่ี าจทาอนั ตรายตอ่ รา่ งกายกระดูกเปน็ อวัยวะสาคัญ
ในการชว่ ยพยงุ ร่างกายและประกอบเป็นโครงร่างเป็นท่ยี ดึ เกาะของกลา้ มเนอ้ื ทาให้เกิดการเคล่ือนไหวจึงต้องมี
การสร้างเสรมิ และดารงประสทิ ธภิ าพการทางานของระบบผิวหนังกระดกู และกล้ามเนอื้ ให้ทางานเป็นไปอย่าง
มีประสิทธิภาพ
4. เปา้ หมายการเรยี นรู้
K (Knowledge) P (Practice) A (Attitude)
ความรู้ ความเขา้ ใจ การฝกึ ปฏิบัติ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
๑. อธบิ ายความสาคัญของระบบ สรา้ งเสรมิ และดารง ๑. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์
ผิวหนัง ประสทิ ธิภาพการทางานของ ๒. ซ่อื สตั ย์สุจรติ
๒. ปฏบิ ัตติ นในการสรา้ งเสริมและ ระบบผวิ หนังได้ ๓. มวี ินยั
ดารงประสิทธภิ าพการทางาน ๔. ใฝเ่ รียนรู้
ของระบบผิวหนัง ๕. อย่อู ย่างพอเพยี ง
๖. มงุ่ ม่นั ในการทางาน
๗. รกั ความเป็นไทย
๘. มจี ิตสาธารณะ
5. สาระการเรยี นรู้
1. ระบบอวยั วะต่าง ๆ ของร่างกาย
2. ระบบผวิ หนงั
6. การบรู ณาการ
1. บูรณาการกับกลุ่มสาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ได้แก่ ทักษะการฟงั อ่าน เขยี น และการพูด
2. การบูรณาการกบั กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาต่างประเทศ ไดแ้ ก่ คาศพั ทเ์ กย่ี วกบั ระบบผิวหนงั
7. กิจกรรมการเรยี นรู้
7.1 ขนั้ นา/ข้นั เตรียม
1. ครูเช็คช่อื นกั เรียนและตรวจการแต่งกายของนกั เรียน ความพร้อมของนักเรียน
2. ครแู จง้ จุดประสงคก์ ารเรยี นรใู้ หน้ ักเรยี นทราบ
7.2 ข้ันสอน
1. ครสู นทนากบั นกั เรยี น เร่อื งการทางานของระบบอวัยวะตา่ งๆท้ัง ๑๐ ระบบของร่างกาย
มนษุ ย์ตามธรรมชาติตั้งแตใ่ นอดตี จนถงึ ปัจจุบนั ซึ่งเป็นระบบแหง่ ชวี ติ โดยการและเปล่ียนความคิดเห็นซึ่งกัน
และกนั
2. ครูอธบิ ายถงึ การทางานของระบบผิวหนังว่าเป็นอวัยวะทหี่ ่อหุ้มร่างกาย เซลลช์ น้ั บนนั้นมี
การเปลย่ี นแปลงที่สาคญั คอื มี เคอราทิน(Keratin) ที่ใสและหนามีความสาคัญคือช่วยป้องกันน้าซึมเข้าสู่
ร่างกาย
3. ครอู ธบิ ายว่าระบบผวิ หนังประกอบด้วย ๒ ส่วนคือส่วนท่ีอยู่บนพื้นผิวเรียกว่าหนัง
กาพรา้ (Epidermis)สว่ นท่อี ยู่ลึกลงไปเรียกวา่ หนงั แท้ (Dermis)
4. ครูบอกความสาคัญของระบบผิวหนัง โดยพิจารณาจากรูปภาพประกอบแล้วให้นักเรียน
บอกส่วนประกอบของผิวหนงั ให้ถกู ตอ้ ง
5. ครูแนะนาให้นกั เรยี นสร้างเสรมิ ภมู คิ ุ้มกันใหก้ ับระบบผวิ หนัง ซงึ่ จะทาให้ป้องกันนา้ ซึมเข้า
สรู่ า่ งกายดังน้ันจึงจาเป็นตอ้ งสรา้ งเสริมและดูแลผวิ หนังให้มสี ภาพที่สมบรู ณ์ ดงั น้ี
- อาบน้าชาระล้างรา่ งกายให้สะอาดดว้ ยสบูอ่ ย่างนอ้ ยวันละ๑-๒คร้ัง
- ทาครมี บารงุ ผวิ ทมี่ ีคณุ ภาพและเหมาะสมกบั ผิวของตนเองซึ่งวัยรุ่นจะมีผิวพรรณเปล่ง
ปลงั่ ตามธรรมชาตอิ ย่แู ลว้ ไม่จาเป็นทต่ี อ้ งใช้ครีมบารุงผิวยกเวน้ ช่วงอากาศหนาวซึ่งจะทาใหผ้ ิวแห้ง
- ทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านเมอื่ ตอ้ งไปเผชิญกับแดดร้อนจัดเพ่ือป้องกันอันตราย
จากแสงแดดทีม่ รี ังสีซ่งึ เปน็ อนั ตรายตอ่ ผวิ หนัง
- สวมเสือ้ ผ้าทสี่ ะอาดเหมาะสมกบั สภาพภูมิอากาศตามฤดกู าล
- รับประทานอาหารให้ครบ๕หมแู่ ละเพียงพอตอ่ ความต้องการโดยเฉพาะผกั และผลไม้
7.3 ขั้นฝึก
1. ใหน้ กั เรยี นมีความรู้ความเขา้ ใจเก่ยี วกบั ระบบอวยั วะต่างๆ และระบบผวิ หนัง
2. ทาเป็นแผนผังความคดิ ลงในสมดุ (ใบงาน)
7.4 ขัน้ ใช้
1. ใหน้ ักเรยี นตอบคาถามในเรอื่ งของระบบอวยั วะตา่ งๆ และระบบผิวหนัง
2. ครใู ชก้ ารถาม/ตอบ (ใบกิจกรรม)
7.5 ขน้ั สรุป
ครูสรุปวา่ ผิวหนงั เปน็ อวัยวะภายนอกท่ีห่อหมุ้ รา่ งกายชว่ ยส่งเสรมิ บคุ ลิกภาพและบ่งบอกถึง
การมสี ุขภาพทด่ี ีและไมด่ ีของแตล่ ะคน เชน่ คนทมี่ ีสุขภาพดผี วิ หนังจะเต่งตึงสดใสแขง็ แรงซง่ึ จะตรงกันข้ามกับ
ผทู้ ี่มีสุขภาพไมด่ ี ผิวหนังจะแห้งซีดเซียวหรอื ผิวหนังเป็นแผลตกสะเกด็ เป็นตน้ ดังนนั้ จึงจาเป็นต้องสร้างเสริม
และดแู ลผิวหนงั ใหม้ สี ภาพท่ีสมบรู ณ์มีประสทิ ธภิ าพในการทางานอยเู่ สมอ
8. แหลง่ การเรยี นรู้
1. หนงั สือเรยี นรายวชิ าพื้นฐาน สุขศกึ ษา ๔ ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี ๔
2. รูปภาพประกอบการสอน
9. การวัดและการประเมินผล
9.1 เครอ่ื งมือวดั และประเมนิ ผล
- ใบกจิ กรรม
9.2 วิธีวัดผล
- ใชก้ ารถาม-ตอบในเรอื่ งของระบบอวยั วะตา่ งๆ และระบบผวิ หนงั
9.3 เกณฑ์การวัดและประเมนิ ผล
- การตอบคาถามในแตล่ ะคาถาม
10. บันทึกหลงั การสอน
............................................................................................................................. ............................................
.........................................................................................................................................................................
ปญั หาและอปุ สรรค
............................................................................................................................. ............................................
............................................................................................................................. ............................................
ข้อเสนอแนะ
.........................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................
ลงชอ่ื ................................................................ครูผสู้ อน
(นางสาวชตุ ิญา อนุ่ ทานนท)์
11. ข้อเสนอแนะ
............................................................................................................................. ............................................
.........................................................................................................................................................................
ลงช่ือ................................................................หวั หน้ากลุ่มสาระสุขศกึ ษาและพลศกึ ษา
(นายศภุ ฤกษ์ ศภุ รัตนสมัย)
............................................................................................................................. ............................................
.........................................................................................................................................................................
ลงชอ่ื ………………………………………………………รองผ้อู านวยการฝา่ ยวิชาการ
(นายชาญ สิว่ ไธสง)
........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ............................................
ลงชื่อ……………………………………………………….ผู้อานวยการโรงเรยี นพทุ ไธสง
(นายประชยั พรสงา่ กลุ )
ใบงาน
จดุ ประสงค์ เพอ่ื ใหน้ ักเรยี นมีความรคู้ วามเข้าใจเกี่ยวกบั ระบบอวัยวะต่างๆ และระบบผิวหนงั ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง
คาช้ีแจง ใหน้ ักเรียนทาแผนผังความรใู้ นเร่อื งของระบบอวยั วะตา่ งๆ และระบบผิวหนัง
ระบบอวยั วะตา่ งๆ ของร่างกาย
ระบบผวิ หนัง
ใ บกิจกร ร ม
จดุ ประสงค์ เพอื่ ใหน้ กั เรียนมีความรูค้ วามเขา้ ใจเกี่ยวกับระบบอวัยวะต่างๆ และระบบผวิ หนงั ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง
คาช้แี จง ใหน้ ักเรียนตอบคาถามในเรื่องของระบบอวยั วะตา่ งๆ และระบบผวิ หนัง
1. ระบบอวยั วะตา่ งๆภายในรา่ งกายมีอะไรบา้ ง
2. ระบบผิวหนงั ประกอบด้วยก่สี ่วน
3. หนงั กาพรา้ มีช่อื ภาษาอังกฤษวา่ อยา่ งไร
4. หนงั แทม้ ชี ่ือภาษาองั กฤษวา่ อยา่ งไร
5. หนงั แท้ประกอบดว้ ยเนื้อเยื่อกี่ช้ัน
6. ชน้ั บนหรือชนั้ ตื้นของหนงั แท้ ประกอบไปด้วยอะไรบา้ ง
7. ชั้นลา่ งหรอื ชัน้ ลกึ ของหนงั แท้ ประกอบด้วยอะไรบา้ ง
8. ความสาคัญของระบบผวิ หนงั มอี ะไรบ้าง
9. การสรา้ งเสริมและดารงประสิทธิภาพการทางานของระบบผวิ หนงั ต้องทาอยา่ งไร
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 3
กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ ขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 หอ้ ง…….
วชิ า สุขศกึ ษา เรื่อง ระบบอวยั วะตา่ งๆ
วันท…ี่ ..เดอื น…..……..พ.ศ. 2561 เวลา 1 ชว่ั โมง
1. มาตรฐานการเรยี นรู้
สาระท่ี1 การเจรญิ เตบิ โตและพฒั นาการของมนษุ ย์
มาตรฐาน พ 1.1 เขา้ ใจธรรมชาติของการเจรญิ เติบโต และพฒั นาการของมนุษย์
2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรสู้ ตู่ ัวชวี้ ดั
1. อธิบายความสาคัญของระบบโครงกระดูก
2. ปฏบิ ัตติ นในการสรา้ งเสรมิ และดารงประสิทธภิ าพของระบบโครงกระดกู
3. สาระสาคญั
รา่ งกายของมนษุ ย์ประกอบดว้ ยระบบอวัยวะตา่ งๆ ๑๐ ระบบแต่ละระบบมีการทางานเกี่ยวข้อง
สัมพนั ธก์ ันผวิ หนังทาหนา้ ท่เี หมือนเกราะป้องกันสง่ิ ต่างๆท่อี าจทาอนั ตรายต่อรา่ งกายกระดกู เป็นอวัยวะสาคั ญ
ในการชว่ ยพยุงรา่ งกายและประกอบเปน็ โครงร่างเป็นทีย่ ึดเกาะของกลา้ มเนือ้ ทาใหเ้ กิดการเคลอื่ นไหวจึงต้องมี
การสร้างเสรมิ และดารงประสิทธภิ าพการทางานของระบบผิวหนัง กระดูก และกล้ามเน้ือให้ทางานเป็นไป
อย่างมปี ระสิทธิภาพ
4. เป้าหมายการเรยี นรู้
K (Knowledge) P (Practice) A (Attitude)
ความรู้ ความเขา้ ใจ การฝึกปฏิบตั ิ คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
1. อธบิ ายระบบอวัยวะต่างๆของ สรา้ งเสริมและดารง ๑. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์
ร่างกาย ประสิทธิภาพการทางานของ ๒. ซือ่ สัตย์สุจริต
2. อธบิ ายความสาคญั ของระบบ ระบบอวยั วะต่างๆไดแ้ ก่ ๓. มวี ินัย
โครงกระดูก 1. การทางานของระบบ ๔. ใฝ่เรยี นรู้
3. ปฏิบัตติ นในการสร้างเสรมิ และ อวยั วะตา่ งๆ ๕. อยูอ่ ยา่ งพอเพยี ง
ดารงประสิทธภิ าพการทางาน 2. การสร้างเสรมิ และดารง ๖. มุ่งมนั่ ในการทางาน
ของระบบโครงกระดกู ประสทิ ธิภาพของอวยั วะต่างๆ ๗. รักความเป็นไทย
๘. มีจติ สาธารณะ
5. สาระการเรยี นรู้
1. ระบบโครงกระดูก
6. การบรู ณาการ
1. บูรณาการกับกลุม่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย ไดแ้ ก่ ทักษะการฟัง อ่าน เขยี น และการพดู
2. การบรู ณาการกับกล่มุ สาระการเรยี นรูภ้ าษาตา่ งประเทศ ไดแ้ ก่ คาศัพทเ์ กยี่ วกบั ระบบผิวหนัง
7. กจิ กรรมการเรียนรู้
7.1 ข้นั นา/ขนั้ เตรียม
1. ครูเช็คช่อื นักเรยี นและตรวจการแตง่ กายของนักเรียน ความพร้อมของนักเรียน
2. ครูแจ้งจุดประสงค์การเรียนรใู้ ห้นกั เรยี นทราบ
7.2 ข้ันสอน
1. ครอู ธิบายเรอ่ื งระบบโครงกระดกู วา่ มี ๒ ชนดิ จานวนทงั้ หมด ๒๐๖ ช้ิน แบ่งเป็น
กระดกู แกน ๘๐ ชน้ิ ไดแ้ ก่ กะโหลกศรี ษะ ๒๙ ช้ิน กระดูกสันหลงั ๒๖ ช้นิ กระดูกซ่ีโครง ๒๔ ช้ิน
และกระดูกหน้าอก ๑ ชิ้น กระดูกรยางค์ ๑๒๖ ชิ้น ได้แก่ กระดกู แขน ๖๔ ชน้ิ กระดกู ขา ๖๒ ชิ้น
จากนัน้ อธิบายเรื่องกระดูกออ่ น ข้อต่อ วา่ มีความสาคัญอยา่ งไรบ้าง
2. ครูแสดงรูปภาพระบบโครงกระดูกของรา่ งกาย
3. ครอู ธิบายการสรา้ งเสรมิ และดารงประสทิ ธภิ าพการทางานของระบบโครงกระดกู
- รับประทานอาหารใหค้ รบ 5 หมู่
- ออกกาลังกายเปน็ ประจาสมา่ เสมอ
- ระมดั ระวังการเกิดอุบตั เิ หตกุ บั กระดูก
7.3 ขัน้ ฝึก
1. ใหน้ ักเรยี นมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจเกี่ยวกับระบบโครงกระดูก
2. ทาเป็นแผนผังความคิดลงในสมุด (ใบงาน)
7.4 ข้ันใช้
1. ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามในเรอ่ื งของระบบโครงกระดูก
2. ครใู ชก้ ารถาม/ตอบ (ใบกิจกรรม)
7.5 ขนั้ สรุป
1. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ เนือ้ หาพร้อมเปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามข้อสงสัยเก่ียวกับ
เนอื้ หาท่ีเรียนในวันน้ี
2. ครนู ดั หมายนักเรยี นในเรื่องทีจ่ ะเรยี นคาบตอ่ ไป
3. ครใู หน้ กั เรียนจัดเก้าอี้ให้เป็นระเบยี บแลว้ ปล่อยนกั เรียนให้ไปเรยี นในคาบต่อไป
8. แหล่งการเรียนรู้
1. หนงั สือเรียนรายวิชาพื้นฐาน สขุ ศึกษา ๔ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๔
2. รปู ภาพประกอบการสอน
9. การวดั และการประเมนิ ผล
9.1 เครอื่ งมอื วดั และประเมินผล
- ใบกจิ กรรม
9.2 วธิ ีวดั ผล
- ใชก้ ารถาม-ตอบในเร่อื งของระบบโครงกระดูก
9.3 เกณฑ์การวัดและประเมินผล
- สงั เกตการตอบคาถามในแต่ละคาถาม
10. บนั ทกึ หลงั การสอน
............................................................................................................................. ............................................
.........................................................................................................................................................................
ปญั หาและอุปสรรค
.................................................................................................................... .....................................................
............................................................................................................................. ............................................
ข้อเสนอแนะ
................................................................................................................................................. ........................
.......................................................................................................... ...............................................................
ลงชอื่ ................................................................ครูผู้สอน
(นางสาวชตุ ญิ า อนุ่ ทานนท)์
11. ขอ้ เสนอแนะ
............................................................................................................................. ............................................
.......................................................................................................................................................... ...............
ลงชอื่ ................................................................หัวหน้ากลุ่มสาระสุขศึกษาและพลศึกษา
(นายศภุ ฤกษ์ ศภุ รตั นสมยั )
............................................................................................................................. ............................................
.........................................................................................................................................................................
ลงชื่อ………………………………………………………รองผอู้ านวยการฝ่ายวิชาการ
(นายชาญ สิว่ ไธสง)
........................................................................................................................................................................
............................................................................................................ .............................................................
ลงชื่อ……………………………………………………….ผอู้ านวยการโรงเรยี นพทุ ไธสง
(นายประชยั พรสง่ากุล)
ใบงาน
จดุ ประสงค์ เพ่อื ให้นกั เรียนมีความรู้ความเข้าใจเกีย่ วกบั ระบบโครงกระดกู ได้อยา่ งถกู ต้อง
คาช้ีแจง ใหน้ กั เรยี นทาแผนผงั ความร้ใู นเรอ่ื งของระบบโครงกระดูก
ร ะบบโครงกระดกู
ใ บกิจกร ร ม
จุดประสงค์ เพ่ือให้นักเรียนมคี วามรูค้ วามเขา้ ใจเกี่ยวกับระบบโครงกระดกู ได้อย่างถูกต้อง
คาช้แี จง ให้นกั เรียนตอบคาถามในเรื่องของระบบโครงกระดูก
1. โครงกระดกู ทาหนา้ ที่อย่างไร
2. กระดกู ในร่างกายของตัวเราเองมีกี่ชน้ิ
3. กระดกู ทเ่ี ปน็ แกนกลางของรา่ งกายคือกระดกู อะไร
4. กระดกู แกน มที ัง้ หมดกช่ี ้ิน ประกอบด้วยอะไรบา้ ง
5. กระดกู ท่เี ชอ่ื มตอ่ กบั กบั กระดกู แกนกลางคอื กระดูกอะไร
6. กระดูกรยางค์ มที งั้ หมดกช่ี น้ิ ประกอบด้วยอะไรบ้าง
7. ข้อต่อที่เชื่อมกระดกู แต่ละชนิ้ ในร่างกายมนุษยแ์ บ่งออกเปน็ 2 ประเภท คอื อะไร
8. ความสาคัญของระบบโครงกระดูกมีอะไรบา้ ง
9. เราจะดูแลกระดูกของเราอย่างไร
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4
กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ ขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 หอ้ ง…….
วชิ า สขุ ศกึ ษา เร่ือง ระบบอวยั วะตา่ งๆ
วันท…ี่ ..เดอื น…..……..พ.ศ. 2561 เวลา 1 ช่วั โมง
1. มาตรฐานการเรยี นรู้
สาระท่ี1 การเจรญิ เตบิ โตและพฒั นาการของมนษุ ย์
มาตรฐาน พ 1.1 เขา้ ใจธรรมชาตขิ องการเจริญเติบโต และพัฒนาการของมนษุ ย์
2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรสู้ ตู่ ัวชวี้ ดั
1. อธิบายความสาคญั ของระบบกลา้ มเนอื้
2. ปฏิบัตติ นในการสรา้ งเสรมิ และดารงประสทิ ธภิ าพของระบบกล้ามเน้ือ
3. สาระสาคญั
ร่างกายของมนษุ ย์ประกอบดว้ ยระบบอวัยวะตา่ งๆ ๑๐ ระบบแต่ละระบบมีการทางานเก่ียวข้อง
สัมพนั ธ์กันผิวหนงั ทาหนา้ ท่ีเหมือนเกราะป้องกันสง่ิ ตา่ งๆทีอ่ าจทาอันตรายตอ่ รา่ งกายกระดกู เป็นอวัยวะสาคั ญ
ในการช่วยพยงุ ร่างกายและประกอบเปน็ โครงรา่ งเป็นที่ยึดเกาะของกลา้ มเนื้อทาให้เกดิ การเคล่ือนไหวจึงต้องมี
การสร้างเสริมและดารงประสทิ ธภิ าพการทางานของระบบผวิ หนงั กระดูก และกล้ามเน้ือให้ทางานเป็นไป
อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ
4. เป้าหมายการเรยี นรู้
K (Knowledge) P (Practice) A (Attitude)
ความรู้ ความเขา้ ใจ การ ฝึกปฏ ิบัติ คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1. อธิบายระบบอวัยวะต่างๆของ สรา้ งเสรมิ และดารง ๑. รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์
รา่ งกาย ประสิทธิภาพการทางานของ ๒. ซื่อสตั ยส์ จุ ริต
2. อธบิ ายความสาคัญของระบบ ระบบอวยั วะตา่ งๆไดแ้ ก่ ๓. มวี ินยั
กลา้ มเนื้อ 1. การทางานของระบบ ๔. ใฝเ่ รียนรู้
3. ปฏิบตั ิตนในการสร้างเสรมิ และ อวยั วะต่างๆ ๕. อยอู่ ย่างพอเพียง
ดารงประสทิ ธภิ าพการทางาน 2. การสรา้ งเสริมและดารง ๖. มุ่งมนั่ ในการทางาน
ของระบบกลา้ มเนื้อ ประสิทธิภาพของอวัยวะตา่ งๆ ๗. รกั ความเปน็ ไทย
๘. มีจิตสาธารณะ
5. สาระการเรยี นรู้
- ระบบกลา้ มเนอื้
6. การบรู ณาการ
1. บูรณาการกับกลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ไดแ้ ก่ ทักษะการฟัง อ่าน เขยี น และการพดู
2. การบูรณาการกบั กลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาตา่ งประเทศ ไดแ้ ก่ คาศัพทเ์ กี่ยวกับระบบผวิ หนัง
7. กจิ กรรมการเรยี นรู้
7.1 ขัน้ นา/ขนั้ เตรยี ม
1. ครเู ชค็ ชือ่ นกั เรียนและตรวจการแตง่ กายของนกั เรยี น ความพร้อมของนักเรยี น
2. ครแู จ้งจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ให้นกั เรยี นทราบ
7.2 ข้ันสอน
1. ครูอธิบายระบบกลา้ มเน้อื (Muscular System) จะทางานร่วมกบั ระบบโครงกระดูกเพื่อ
ช่วยใหร้ า่ งกายสามารถเคล่ือนไหวได้ประกอบดว้ ย
- กล้ามเน้ือลาย (Striated Muscle or Crosstripe Muscle)
- กลา้ มเนอ้ื เรียบ(Smooth Muscle)
- กลา้ มเนื้อหวั ใจ (Cardiac Muscle)
2. ครแู นะนาให้นักเรยี นสร้างเสริมภูมิคุ้มกันให้กับระบบ ระบบกล้ามเน้ือ ให้มีสภาพท่ี
สมบูรณ์มปี ระสทิ ธภิ าพในการทางานอยเู่ สมอดงั น้ี
- ออกกาลังกายเปน็ ประจาสม่าเสมอจะชว่ ยใหร้ า่ งกายแข็งแรง
- รับประทานอาหารใหค้ รบ๕หมแู่ ละเพยี งพอตอ่ ความต้องการโดยเฉพาะผักและผลไม้
- พกั ผอ่ นใหเ้ พียงพอ วนั ละ ๖ – ๘ ช่วั โมง
7.3 ขั้นฝกึ
1. ใหน้ ักเรยี นมคี วามร้คู วามเข้าใจเกี่ยวกับระบบกลา้ มเนอ้ื
2. ทาเป็นแผนผงั ความคดิ ลงในสมุด (ใบงาน)
7.4 ขน้ั ใช้
1. ให้นกั เรยี นตอบคาถามในเรื่องของระบบกล้ามเนอื้
2. ครใู ช้การถาม/ตอบ (ใบกจิ กรรม)
7.5 ขัน้ สรุป
1. ครแู ละนักเรียนร่วมกนั สรุปเน้ือหาพร้อมเปดิ โอกาสให้นักเรียนซักถามข้อสงสัยเกี่ยวกับ
เนือ้ หาท่เี รยี นในวันน้ี
2. ครูนดั หมายนกั เรยี นในเรอ่ื งทีจ่ ะเรยี นคาบต่อไป
3. ครใู ห้นักเรียนจดั เก้าอี้ใหเ้ ปน็ ระเบยี บแลว้ ปลอ่ ยนกั เรยี นใหไ้ ปเรียนในคาบต่อไป
8. แหล่งการเรียนรู้
1. หนังสอื เรยี นรายวชิ าพ้นื ฐาน สขุ ศกึ ษา ๔ ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๔
2. รปู ภาพประกอบการสอน
9. การวดั และการประเมนิ ผล
9.1 เครอ่ื งมอื วัดและประเมนิ ผล
- ใบกจิ กรรม
9.2 วิธวี ดั ผล
- ใชก้ ารถาม-ตอบในเร่ืองของระบบกลา้ มเนื้อ
9.3 เกณฑก์ ารวัดและประเมินผล
- สงั เกตการตอบคาถามในแตล่ ะคาถาม
10. บนั ทึกหลงั การสอน
.........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ............................................
ปัญหาและอุปสรรค
............................................................................................................................. ............................................
.........................................................................................................................................................................
ข้อเสนอแนะ
............................................................................................................................. ............................................
............................................................................................................................. ............................................
ลงชื่อ................................................................ครูผู้สอน
(นางสาวชุติญา อนุ่ ทานนท์)
11. ข้อเสนอแนะ
.........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ............................................
ลงช่ือ................................................................หัวหนา้ กลุ่มสาระสุขศกึ ษาและพลศกึ ษา
(นายศภุ ฤกษ์ ศุภรัตนสมยั )
.........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ............................................
ลงช่อื ………………………………………………………รองผอู้ านวยการฝา่ ยวิชาการ
(นายชาญ สิ่วไธสง)
............................................................................................................................. ...........................................
............................................................................................................................. ............................................
ลงชือ่ ……………………………………………………….ผอู้ านวยการโรงเรยี นพทุ ไธสง
(นายประชัย พรสงา่ กลุ )
ใบงาน
จดุ ประสงค์ เพอ่ื ใหน้ กั เรียนมีความรู้ความเขา้ ใจเกี่ยวกับระบบโครงกระดกู ได้อยา่ งถกู ต้อง
คาชี้แจง ให้นกั เรียนทาแผนผงั ความรู้ในเร่ืองของระบบโครงกระดกู
ระบบกลา้ มเนอ้ื
ใบกจิ กรรม
จุดประสงค์ เพ่ือใหน้ กั เรียนมีความรู้ความเขา้ ใจเกยี่ วกับระบบโครงกระดกู ได้อย่างถูกต้อง
คาช้ีแจง ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามในเรอื่ งของระบบโครงกระดกู
1. ระบบกลา้ มเนอื้ ทางานรว่ มกบั ระบบอะไร
2. กล้ามเนอื้ ท่มี ีลายตามขวางตลอดความยาวคอื กล้ามเนอื้ อะไร
3. กล้ามเน้ือที่ใช้ในการเคลื่อนไหวรา่ งกายคอื
4. กลา้ มเนอ้ื ลายมชี ่อื ภาษาอังกฤษว่าอยา่ งไร
5. กล้ามเนอ้ื ทไ่ี ม่อยู่ในอานาจจิตคือกลา้ มเน้อื อะไร
6. Smooth Muscle คอื กลา้ มเนื้ออะไร
7. กลา้ มเน้อื หวั ใจจะพบที่บริเวณใด
8. ความสาคญั ของระบบกล้ามเนื้อมีอะไรบ้าง
9. เราจะดูแลกลา้ มเนือ้ ของเราได้อยา่ งไร
แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 5
กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ ขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 ห้อง…
วชิ า สุขศกึ ษา เรอื่ ง การวางแผนพฒั นาสขุ ภาพ
วันท…ี่ ..เดอื น…..……..พ.ศ. 2561
เวลา 1 ชว่ั โมง
1. มาตรฐานการเรยี นรู้
สาระที่1 การเจรญิ เตบิ โตและพฒั นาการของมนษุ ย์
มาตรฐาน พ 1.1 เข้าใจธรรมชาติของการเจรญิ เติบโต และพฒั นาการของมนษุ ย์
2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรสู้ ตู่ ัวชวี้ ดั
1. มีความเขา้ ใจและสามารถอธบิ ายความหมายของสุขภาพและการวางแผนพัฒนาสุขภาพได้อย่างถูกต้อง
2. อธิบายความสาคญั ของการวางแผนพฒั นาสุขภาพ
3. สามารถประเมินสุขภาวะทางดา้ นร่างกาย คานวณดัชนมี วลกาย
3. สาระสาคญั
การมสี ขุ ภาพดี ปราศจากโรคภยั ไข้เจ็บเป็นสง่ิ ท่ที ุกคนปรารถนา ดังคาที่วา่ “ อโรคยา ปรมาลาภา
” การไม่มโี รค เป็นลาภอนั ประเสรฐิ ทุกคนจะมีได้จาเปน็ ตอ้ งตระหนักถงึ ความสาคญั ในการดูแลสุขภาพของ
ตนเองในทกุ ด้าน ท้ังด้านร่างกาย ดา้ นจิตใจและอารมณ์ ด้านสังคม ด้านสติปัญญา เพราะจะทาให้นา
ความรู้ ความสามารถ และศักยภาพทม่ี ีออกมาใชอ้ ยา่ งเตม็ ท่ีโดยมกี ารวางแผนพฒั นาสุ ขภาพของตนเองและ
ปฏบิ ตั ิตามแผนอยา่ งสมา่ เสมอ ซง่ึ จะนาไปสู่การมสี ขุ ภาพท่ีดที ้ังในระดับบคุ คล ครอบครัว ชุมชนและประเทศ
ตอ่ ไป
4. เปา้ หมายการเรยี นรู้
K (Knowledge) P (Practice) A (Attitude)
ความรู้ ความเขา้ ใจ การฝึกปฏบิ ัติ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1. อธบิ ายความหมายของสุขภาพ 1. อธิบายความหมายของสขุ ภาพ ๑. รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์
2. อธบิ ายความหมายของการ 2. อธิบายความหมายของการ ๒. ซอื่ สัตยส์ จุ รติ
วางแผนพฒั นาสขุ ภาพ วางแผนพัฒนาสขุ ภาพ ๓. มีวินยั
3. อธิบายความสาคญั ของการ 3. อธบิ ายความสาคัญของการ ๔. ใฝ่เรยี นรู้
วางแผนพฒั นาสขุ ภาพ วางแผนพัฒนาสุขภาพ ๕. อยอู่ ยา่ งพอเพียง
๖. มงุ่ ม่นั ในการทางาน
๗. รกั ความเป็นไทย
๘. มจี ิตสาธารณะ
5. สาระการเรยี นรู้
- ความหมายของสขุ ภาพ
- ความหมายของการวางแผนพฒั นาสขุ ภาพ
- ความสาคัญของการวางแผนพฒั นาสขุ ภาพ
6. การบรู ณาการ
1. บรู ณาการกบั กลมุ่ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย ไดแ้ ก่ ทักษะการฟงั อ่าน เขยี น และการพูด
2. การบรู ณาการกับกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ
7. กิจกรรมการเรียนรู้
7.1 ข้นั นา/ขั้นเตรียม
1. ครูเชค็ ช่ือนักเรียนและตรวจการแตง่ กายของนักเรยี น ความพรอ้ มของนกั เรียน
2. ครูแจ้งจดุ ประสงค์การเรียนรใู้ หน้ กั เรยี นทราบ
7.2 ขั้นสอน
๑. ครูอธบิ ายความหมายของสุขภาพ ความหมายของการวางแผนพัฒนาสุขภาพ และ
ความสาคัญ
ของการวางแผนพฒั นาสุขภาพการวางแผนพัฒนาสุขภาพตนเอง
๒. ครูอธิบายการประเมนิ สขุ ภาพทางกาย ควรได้รบั การตรวจประจาปี โดยเฉพาะผู้ใหญ่
ดังนี้
๒.๑ การตรวจเลอื ด ทาให้ทราบระดับคอเลสเตอรอล(Cholesterol) ระดับปกติไม่ควรเกิน
๒๐๐ มิลลิกกรัม/เดซลิ ิตร ถ้ามากกว่านี้ควรควบคุมอาหาร ออกกาลังกาย ไปพบแพทย์ ระดับไตรกลีเซอไรด์
(Triglyceride)ระดับปกติไม่ควรเกิน ๑๕๐ มลิ ลิกรมั /เดซิลติ รถ้ามีการควบคมุ อาหาร ออกกาลังกายสา มารถ
ลดลงได้ ระดบั เอดีเอล,ไขมนั ดี(Hdl,High-Density Lipoprotein) ระดับควรมีค่าไม่น้อยกว่า ๓๕ มิลลิกรัม/
เดซิลติ ร จงึ จะปกติ ระดับเอลดีเอล,ไขมันความหนาแน่นน้อย(Ldl,Low-Density Lipoprotein) ถ้ามีมากไม่ดี
ควรมคี ่าไมเ่ กิน ๑๓๐ มลิ ลกิ รมั /เดซลิ ิตร ระดับน้าตาลในเลือด ปกติควรอยู่ระหว่าง ๖๕-๑๐๐ มิลลิกรัม/
เดซลิ ติ ร ถา้ สงู กวา่ ๑๐๐ มีโอกาสเป็นเบาหวาน ระดับกรดยูริก ตามปกติไมค่ วรเกิน ๗ มิลลิกรัม/เดซิลิตร
ถา้ เกินน้ีมโี อกาสเปน็ โรคเกาต์ ความเขม้ ขน้ ของเม็ดเลอื ดแดง ผ้ชู ายควรอยู่ท่ี ๔๐-๔๕ เปอร์เซ็นต์ ผู้หญิงควร
อยู่ที่ ๓๗-๔๗ เปอรเ์ ซ็นต์ ส่วนสีของเมด็ เลือดผชู้ ายควรอยู่ ๑๒.๕-๑๗.๕ กรัม/เดซิลิตร ผู้หญิงควรอยู่ระหว่าง
๑๑.๕-๑๖.๕ กรัม/เดซลิ ติ ร จานวนเมด็ เลอื ดขาว ควรอยทู่ ี่ ๕,๐๐๐-๑๐,๐๐๐ เซลล/์ ลกู บาศกม์ ิลลิเมตร
๒.๒ ความดนั เลอื ดดงั ตารางข้างลา่ งนี้
๒.๓ การชง่ั นา้ หนักและวดั ส่วนสูง ครูแนะนาให้นักเรียนประเมินการช่ังน้าหนักและวัดส่วนสูง
สามารถประเมนิ ด้วยวิธงี ่ายๆคือคานวณคา่ ดัชนมี วลกาย(Body Mass Index)
7.3 ขนั้ ฝึก
- ให้นกั เรียนคานวณคา่ ดัชนีมวลกาย (Body Mass Index) ของตัวเองลงในสมุด (ใบงาน)
7.4 ขน้ั ใช้
- ให้นกั เรียนนาค่าดชั นมี วลกาย (Body Mass Index) ท่ผี ่านการคานวณมาแล้ว นามาแปล
ผลแล้วเขียนสรุปลงในสมุด (ใบกจิ กรรม)
7.5 ขนั้ สรุป
1. ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั สรุปเน้ือหาพรอ้ มเปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามข้อสงสัยเกี่ยวกับ
เน้ือหาทเ่ี รยี นในวันน้ี
2. ครูนัดหมายนักเรยี นในเรอ่ื งทีจ่ ะเรยี นคาบต่อไป
3. ครใู หน้ กั เรยี นจัดเก้าอใี้ หเ้ ปน็ ระเบียบแลว้ ปล่อยนักเรยี นให้ไปเรยี นในคาบต่อไป
8. แหล่งการเรียนรู้
1. หนงั สือเรยี นรายวิชาพืน้ ฐาน สุขศกึ ษา ๔ ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๔
2. รปู ภาพประกอบการสอน
9. การวัดและการประเมนิ ผล
9.1 เครอ่ื งมือวดั และประเมินผล
- ใบกจิ กรรม
9.2 วิธวี ัดผล
- ให้ทาการแปลผลจากค่าดชั นีมวลกายทห่ี าได้
9.3 เกณฑก์ ารวัดและประเมนิ ผล
- ประเมินจากใบกิจกรรม
10. บันทกึ หลงั การสอน
.................................................................................................................... .....................................................
............................................................................................................................. ............................................
ปญั หาและอปุ สรรค
.........................................................................................................................................................................
..................................................................................................... ....................................................................
ขอ้ เสนอแนะ
............................................................................................................................. ............................................
.................................................................................................................................. .......................................
ลงช่ือ................................................................ครูผ้สู อน
(นางสาวชตุ ญิ า อนุ่ ทานนท์)
11. ขอ้ เสนอแนะ
.........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ............................................
ลงช่ือ................................................................หวั หนา้ กลุ่มสาระสขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา
(นายศภุ ฤกษ์ ศภุ รัตนสมัย)
.........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ............................................
ลงชอื่ ………………………………………………………รองผู้อานวยการฝ่ายวิชาการ
(นายชาญ สว่ิ ไธสง)
............................................................................................................................. ...........................................
.................................................................................................................................... .....................................
ลงชื่อ……………………………………………………….ผู้อานวยการโรงเรยี นพุทไธสง
(นายประชัย พรสง่ากลุ )
ใบงาน
จุดประสงค์ เพ่ือใหน้ กั เรยี นมีความร้คู วามเขา้ ใจเกยี่ วกับความหมายและความสาคัญของการวางแผนพัฒนา
สขุ ภาพไดอ้ ยา่ งถูกต้อง
คาช้แี จง ใหน้ ักเรยี นคานวณคา่ ดัชนมี วลกาย (Body Mass Index) ของตวั เอง
ชื่อ......................................นามสกุล...................................ชั้น ม.๔/.....เลขท.่ี .........
ข้อมลู สว่ นตัว
นา้ หนกั ...............กิโลกรัม
ส่วนสูง...............เซนติเมตร
ค่า BMI ทห่ี าได.้ .......................
ใ บกิจกร ร ม
จดุ ประสงค์ เพื่อใหน้ กั เรียนมีความรู้ความเขา้ ใจเกย่ี วกบั ความหมายและความสาคัญของการวางแผนพฒั นา
สขุ ภาพไดอ้ ย่างถูกต้อง
คาช้แี จง ให้นกั เรียนนาค่าดัชนมี วลกาย (Body Mass Index) ท่ีผา่ นการคานวณมาแล้ว นามาแปลผลแลว้
เขียนสรุปลงในสมดุ
สรปุ ค่า BMI ที่หาได้ =…………………….แปลผล……………………………………….
แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 6
กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ ขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 หอ้ ง…
วชิ า สขุ ศกึ ษา เรอื่ ง การวางแผนพฒั นาสขุ ภาพ (ตอ่ )
วนั ท…ี่ ..เดอื น…..……..พ.ศ. 2561 เวลา 1 ชวั่ โมง
1. มาตรฐานการเรยี นรู้
สาระที่1 การเจรญิ เตบิ โตและพฒั นาการของมนษุ ย์
มาตรฐาน พ 1.1 เข้าใจธรรมชาติของการเจริญเติบโต และพัฒนาการของมนุษย์
2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรสู้ ตู่ วั ชว้ี ดั
1. มคี วามเขา้ ใจและสามารถอธิบายการประเมินสุขภาพทางจิต สังคม และปัญญาได้
2. จัดทาแผนพัฒนาสขุ ภาพ
3. สาระสาคญั
การมสี ุขภาพดี ปราศจากโรคภัยไขเ้ จบ็ เปน็ ส่งิ ทีท่ ุกคนปรารถนา ดงั คาท่วี า่ “ อโรคยา ปรมาลาภา
” การไม่มโี รค เปน็ ลาภอันประเสริฐ ทกุ คนจะมไี ดจ้ าเปน็ ต้องตระหนกั ถงึ ความสาคญั ในการดแู ลสุขภาพขอ ง
ตนเองในทกุ ดา้ น ทั้งด้านร่างกาย ด้านจิตใจและอารมณ์ ด้านสังคม ด้านสติปัญญา เพราะจะทาให้นา
ความรู้ ความสามารถ และศกั ยภาพทีม่ อี อกมาใช้อยา่ งเตม็ ทีโ่ ดยมีการวางแผนพัฒนาสุขภาพขอ งตนเองและ
ปฏบิ ัติตามแผนอย่างสม่าเสมอ ซงึ่ จะนาไปสู่การมีสขุ ภาพทดี่ ที ั้งในระดบั บุคคล ครอบครัว ชุมชนและประเทศ
ต่อไป
4. เปา้ หมายการเรยี นรู้
K (Knowledge) P (Practice) A (Attitude)
ความรู้ ความเข้าใจ การฝกึ ปฏิบัติ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
1. มีความเข้าใจและสามารถอธบิ าย 1. สามารถอธิบายการประเมนิ สขุ ภาพ ๑. รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์
การประเมินสุขภาพทางจิต สงั คม และ ทางจติ สังคม และปญั ญาได้ ๒. ซอื่ สตั ย์สุจรติ
ปัญญาได้ 2. จดั ทาแผนพัฒนาสขุ ภาพ ๓. มีวนิ ยั
2. อธิบายการจัดทาแผนพัฒนา ๔. ใฝเ่ รยี นรู้
สขุ ภาพ ๕. อยูอ่ ย่างพอเพียง
๖. มุ่งมัน่ ในการทางาน
๗. รักความเปน็ ไทย
๘. มจี ิตสาธารณะ
5. สาระการเรยี นรู้
- การประเมินภาวะสขุ ภาพทางจติ
- การประเมนิ ภาวะสขุ ภาพทางสงั คม
- การประเมนิ ภาวะสขุ ภาพทางปัญญา
- จดั ทาแผนพัฒนาสขุ ภาพ
6. การบรู ณาการ
1. บรู ณาการกบั กลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย ได้แก่ ทักษะการฟัง อ่าน เขยี น และการพดู
2. การบรู ณาการกบั กลมุ่ สาระการเรยี นร้ภู าษาตา่ งประเทศ
7. กิจกรรมการเรยี นรู้
7.1 ข้นั นา/ข้ันเตรียม
1. ครูเช็คช่อื นกั เรียนและตรวจการแตง่ กายของนักเรียน ความพร้อมของนักเรียน
2. ครแู จ้งจุดประสงคก์ ารเรียนรใู้ ห้นกั เรียนทราบ
7.2 ขน้ั สอน
1. อธิบายการประเมนิ ภาวะสุขภาพทางจติ สังคมและปญั ญา
2. ครูอธิบายเร่ืองธงโภชนาการ ตารางแสดงปริมาณอาหารที่ควรรับประทานใน ๑ วัน ของ
แตล่ ะเพศ แต่ละวัย ดังรูป
๒.๕ อธิบายการออกกาลังกายตามหลกั ของ FITT ดังนี้
- F = Frequency ความถ่ีในการออกกาลงั กายควรอยู่ที่ ๓ - ๕ วัน / สปั ดาห์
- I = Intensity ความหนักในการออกกาลังกาย อตั ราการเต้นของหวั ใจ
- T = Time เวลาในการออกกาลังกายควรอยูท่ ่ี ๓๐ นาที ข้นึ ไป
- T = Type ประเภทของการออกกาลงั กาย แอโรบิก , แอนแอโรบิ
7.3 ข้นั ฝกึ
- ใหน้ กั เรยี นตอบแบบคัดกรองภาวะซึมเศรา้ ในวยั รุน่ (CES-D) (ใบงาน)
7.4 ขนั้ ใช้
- ใหน้ กั เรยี นนาคะแนนรวมของแบบคัดกรองภาวะซึมเศร้าในวัยรนุ่ (CES-D) มาแปลผลแล้ว
เขียนสรปุ ลงในใบกจิ กรรม (ใบกิจกรรม)
7.5 ขนั้ สรุป
1. ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั สรุปเน้ือหาพร้อมเปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามข้อสงสัยเกี่ยวกับ
เนอื้ หาท่เี รียนในวนั น้ี
2. ครูนดั หมายนกั เรยี นในเร่ืองทีจ่ ะเรียนคาบต่อไป
3. ครูให้นักเรียนจัดเกา้ อี้ให้เป็นระเบียบแลว้ ปล่อยนักเรยี นใหไ้ ปเรยี นในคาบต่อไป
8. แหลง่ การเรยี นรู้
1. หนังสอื เรยี นรายวิชาพนื้ ฐาน สขุ ศกึ ษา ๔ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๔
2. รูปภาพประกอบการสอน
9. การวัดและการประเมนิ ผล
9.1 เคร่ืองมือวดั และประเมินผล
- ใบกิจกรรม
9.2 วิธีวดั ผล
- ให้ทาการแปลผลจากแบบคัดกรองภาวะซมึ เศร้าในวยั ร่นุ ท่หี าได้
9.3 เกณฑ์การวดั และประเมนิ ผล
- ประเมนิ จากใบกิจกรรม
10. บันทึกหลงั การสอน
.........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ............................................
ปัญหาและอุปสรรค
............................................................................................................................. ............................................
.........................................................................................................................................................................
ข้อเสนอแนะ
............................................................................................................................. ............................................
............................................................................................................................. ............................................
ลงชื่อ................................................................ครูผูส้ อน
(นางสาวชุติญา อุ่นทานนท)์
11. ขอ้ เสนอแนะ
.........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ............................................
ลงช่อื ................................................................หัวหนา้ กลุ่มสาระสุขศกึ ษาและพลศกึ ษา
(นายศภุ ฤกษ์ ศุภรตั นสมัย)
.........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ............................................
ลงช่อื ………………………………………………………รองผอู้ านวยการฝ่ายวิชาการ
(นายชาญ สิ่วไธสง)
............................................................................................................................. ...........................................
............................................................................................................................. ............................................
ลงชอื่ ……………………………………………………….ผ้อู านวยการโรงเรียนพุทไธสง
(นายประชัย พรสงา่ กลุ )
ใบงาน
จุดประสงค์ เพื่อให้นกั เรียนมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกบั ความหมายและความสาคัญของการวางแผนพฒั นา
สขุ ภาพได้อย่างถกู ตอ้ ง
คาชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นตอบแบบคดั กรองภาวะซมึ เศร้าในวัยรุ่น (CES-D)
ใ บกิจกร ร ม
จดุ ประสงค์ เพอ่ื ใหน้ กั เรียนมีความร้คู วามเข้าใจเกยี่ วกับความหมายและความสาคัญของการวางแผนพฒั นา
สขุ ภาพได้อย่างถกู ต้อง
คาชีแ้ จง ให้นักเรยี นนาคะแนนรวมของแบบคดั กรองภาวะซมึ เศร้าในวยั รุ่น (CES-D) มาแปลผลแล้วเขยี น
สรุปลงในใบกิจกรรม
สรปุ ผลรวมคะแนนของแบบคัดกรอง =…………………….แปลผล……………………………………….
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 7
กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ ขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 หอ้ ง…
วชิ า สุขศกึ ษา เร่อื ง พฤตกิ รรมทางเพศ
วนั ท…ี่ ..เดอื น…..……..พ.ศ. 2561 เวลา 1 ชัว่ โมง
1. มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน พ ๒.๑ เขา้ ใจและเหน็ คณุ ค่าตนเอง ครอบครวั เพศศึกษา และมีทกั ษะในการดาเนนิ ชีวติ
2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรสู้ ตู่ วั ชวี้ ดั
1. มีความรคู้ วามเข้าใจในเรือ่ งของเพศศกึ ษา
2. รู้จักเอาตวั รอดจากสถานการณ์ที่เส่ียงต่อการโดนล่อลวง ลวนลามทางเพศ
3. สาระสาคญั
การดาเนนิ ชีวติ และพฤตกิ รรมทางเพศของบุคคลมีอิทธิพลมาจากครอบครัว กลุ่มเพ่ือน สังคม และ
สิ่งแวดลอ้ ม แตล่ ะสงั คมย่อมสร้างสรรคว์ ฒั นธรรมท่มี คี วามเหมาะสมกบั วิถกี ารดาเนินชีวิต วัฒนธรรมทางเพศ
ของสงั คมไทยเปน็ วฒั นธรรมที่ดีงาม ส่งเสรมิ ใหห้ ญิงรักนวลสงวนตัว และให้หญิงและชายรักเดียวใจเดียว
ตลอดจนส่งเสริมคา่ นิยมการมีเพศสัมพนั ธแ์ ละมคี ู่ครองในวัยสมควร ดังน้ันนักเรียนจึงควรเรียนรู้เพื่อให้เกิด
ความเขา้ ใจและมพี ฤตกิ รรมทางเพศและการดาเนินชีวติ ที่เหมาะสมตามวัฒนธรรมไทย
4. เป้าหมายการเรยี นรู้
K (Knowledge) P (Practice) A (Attitude)
ความรู้ ความเขา้ ใจ การฝึกปฏบิ ตั ิ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
1. อิทธพิ ลต่างๆ ท่ีมีผลต่อพฤติกรรม 1. วิเคราะห์อิทธิพลของครอบครวั ๑. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์
ทางเพศ และการดาเนินชีวติ เพอื่ น สังคม และวัฒนธรรมทมี่ ตี ่อ ๒. ซือ่ สตั ยส์ จุ ริต
2. ค่านิยมในเรอ่ื งเพศ
พฤติกรรมทางเพศ และการดาเนิน ๓. มีวินยั
ชวี ิตทเ่ี หมาะสม ๔. ใฝเ่ รียนรู้
๕. อยู่อย่างพอเพยี ง
๖. มุ่งม่นั ในการทางาน
๗. รกั ความเป็นไทย
๘. มจี ิตสาธารณะ
5. สาระการเรยี นรู้
- อิทธพิ ลตา่ งๆ ที่มีผลตอ่ พฤติกรรมทางเพศ และการดาเนินชีวิต
6. การบรู ณาการ
1. บรู ณาการกับกลุ่มสาระการเรียนรูภ้ าษาไทย ไดแ้ ก่ ทักษะการฟัง อา่ น เขียน และการพูด
2. การบรู ณาการกับกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาตา่ งประเทศ
7. กิจกรรมการเรียนรู้
7.1 ขัน้ นา/ข้นั เตรยี ม
1. ครูเช็คชอ่ื นกั เรยี นและตรวจการแตง่ กายของนกั เรียน ความพร้อมของนกั เรียน
2. ครูแจง้ จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ใหน้ กั เรยี นทราบ
7.2 ข้ันสอน
1. ครอู ธบิ ายถงึ อทิ ธิพลตา่ งๆท่มี ีผลตอ่ พฤตกิ รรมทางเพศเชน่ อทิ ธพิ ลจากครอบครัว อิทธิพล
จากเพอื่ น อทิ ธิพลจากสังคม อิทธิพลจากวัฒนธรรม
2. อทิ ธิพลจากครอบครวั ครอบครัวเปน็ สถาบันทีป่ ระกอบดว้ ยพ่อ แม่ ลูกซึ่งเป็นสถาบัน
แรกทไ่ี ด้รบั การอบรมเลีย้ งดูและไดร้ ับ ความรตู้ า่ งๆจากพอ่ แมแ่ ละบคุ คลในครอบครัวถ้าครอบครัวใดที่พ่อแม่
และ บคุ คลในครอบครวั มกี ารศกึ ษาและ ถา่ ยทอดส่งิ ที่ ดีมีคุณค่ากับเด็ก เด็กก็จะได้รับการซึมซับสิ่งที่ดีมี
พฤตกิ รรมท่ีพงึ ประสงค์ แต่เด็กท่ีทเี่ กิดในครอบ ครัวที่เป็นแบบอย่างใน ทาง ตรงข้าม เช่น พ่อ แม่ หรือ
บุคคลในครอบครวั มกี ารศึกษานอ้ ย ยากจน พ่อแม่มพี ฤติกรรม ทีไ่ มถ่ ูกต้อง เช่น พูดจาหยาบคาย ไม่สุภาพ
และมีพฤติกรรมทางเพศท่ีไม่เหมาะสมเด็กก็จะ ซึมซับเอาพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องนั้นมาเป็น พฤติกรรมของ
ตนเอง
3.อิทธพิ ลท่เี กดิ จากเพอื่ น เพื่อนเปน็ คนที่ชอบพอรักใครข่ องเด็กท่ีอยู่ในวัยเดียวกัน หรือ
ใกล้เคยี งกันมีรสนิยมและสนใจเรื่องตา่ งๆ เหมอื นกนั เพ่อื นจึงมีอิทธพิ ลอยา่ งมากทั้งทางดี และ ไม่ดีเด็กท่ีรู้จัก
คบเพ่อื น ท่ดี มี าจากครอบครัวที่เปน็ แบบอย่างทด่ี เี ด็กก็จะ ไดเ้ พื่อนท่ีดชกั ชวนกนั ทากจิ กรมทด่ี ีมปี ระ
โยชน์ เช่น รักเรียน ชว่ ยเหลือผอู้ ื่น อยูใ่ นกรอบระเบยี บท่ีดีของสังคม
4.อิทธิพลของสังคม
อทิ ธพิ ลของสังคมทีม่ ีผลตอ่ พฤติกรรมทางเพศ มดี งั น้ี
1) สถานภาพทางสงั คม
สถานภาพทางสังคมไทยปจั จบุ ันมีความเหลือ่ มลา้ และช่องว่างทางฐานะทาง
เศรษฐกจิ มากย่ิงขน้ึ นับตั้งแตเ่ กดิ วกิ ฤตการณ์ทางเศรษฐกิจในประเทศไทย เมื่อ พ.ศ.ทาให้มีภาวะคนตกงาน
ช่องวา่ งระหว่างหารายไดท้ ่ีได้รับระหว่างคนรวยและ
คนจนมมี ากข้ึนการประกอบอาชพี บางอย่างจึงกอ่ ใหเ้ กดิ พฤติกรรมทางเพศท่ีเส่ีย
2) สอ่ื มวลชน
สื่อมวลชนมอี ทิ ธิพลตอ่ กระแสแนวคิดและทศทางความเคล่ือนไหวในสังคมการเสนอข่าวเก่ียวกับพฤติกรรม
ทางเพศในทางที่เสอื่ มเสีย เช่น การถกู ข่มขืนทลี่ งภาพผทู้ ่ีตกเป็นเหยื่ออย่างชัดเจน พร้อมบอกรายละเอียด
ต่างๆของการกระทา
5.อทิ ธพิ ลของวฒั นธรรม
วัฒนธรรมหมายถึงวถิ ีการดาเนนิ ชีวิตทคี่ นสรา้ งข้ึนและปฏบิ ตั สิ ืบทอดกันมา โดยการถ่ายทอดไปสู่
สมาชิก รุ่นตอ่ ไป วัฒนธรรมจึงเปน็ ทกุ ส่งทุกอย่างท่สี งั คมสร้างขึ้นเพื่อช่วยให้มนุษย์สามารถดาเนินชีวิตอยู่
ร่วมกนั ในสังคมโดยมีความเช่อื ทางศาสนาเปน็ ส่วนประกอบทีส่ าคัญมากของวัฒนธรรมในแต่ละสังคม
7.3 ขน้ั ฝกึ
- ให้นกั เรยี นแบง่ กลุ่มอภิปรายหัวข้อทไ่ี ดร้ บั (ใบงาน)
7.4 ขัน้ ใช้
- ใหน้ กั เรียนอภปิ รายหัวขอ้ ทไ่ี ดร้ บั (ใบกิจกรรม)
7.5 ข้ันสรปุ
1. ครสู รุปเน้อื หาท่นี กั เรยี นอภิปรายในวันนี้
2. ครนู ดั หมายนกั เรยี นในเรอื่ งทีจ่ ะเรียนคาบตอ่ ไป
3. ครูให้นกั เรียนนง่ั ให้เป็นระเบยี บแล้วปล่อยนกั เรยี นให้ไปเรยี นในคาบต่อไป
8. แหล่งการเรียนรู้
1. หนังสือเรยี นรายวชิ าพน้ื ฐาน สุขศกึ ษา ๔ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๔
2. รปู ภาพประกอบการสอน
9. การวัดและการประเมนิ ผล
9.1 เคร่ืองมือวดั และประเมนิ ผล
- ใบกิจกรรม
9.2 วิธวี ดั ผล
- ใหน้ กั เรยี นอภปิ รายหวั ข้อทีไ่ ด้รับ
9.3 เกณฑ์การวัดและประเมินผล
- สังเกตจากการอภปิ ราย
- อภปิ รายครอบคลมุ เนอื้ หา
10. บันทกึ หลงั การสอน
.............................................................................................................. ...........................................................
............................................................................................................................. ............................................
ปัญหาและอปุ สรรค
...................................................................................................................................... ...................................
............................................................................................... ..........................................................................
ขอ้ เสนอแนะ
............................................................................................................................. ............................................
............................................................................................................................. ............................................
ลงชอ่ื ................................................................ครูผสู้ อน
(นางสาวชตุ ญิ า อุ่นทานนท)์
11. ข้อเสนอแนะ
.........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ............................................
ลงชอ่ื ................................................................หัวหนา้ กลุ่มสาระสขุ ศึกษาและพลศกึ ษา
(นายศุภฤกษ์ ศภุ รัตนสมัย)
.........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ............................................
ลงชื่อ………………………………………………………รองผอู้ านวยการฝา่ ยวชิ าการ
(นายชาญ สิ่วไธสง)
............................................................................................................................. ...........................................
.........................................................................................................................................................................
ลงช่อื ……………………………………………………….ผูอ้ านวยการโรงเรยี นพทุ ไธสง
(นายประชัย พรสงา่ กุล)
ใบงาน
จดุ ประสงค์ เพือ่ ให้นักเรยี นมีความรู้ความเข้าใจเก่ยี วกบั อิทธิพลต่างๆ ทีม่ ผี ลต่อพฤติกรรมทางเพศ และการ
ดาเนินชวี ติ ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง
คาชี้แจง ให้นักเรยี นแบ่งกลุ่มอภปิ รายหวั ขอ้ ทไ่ี ดร้ บั
อ ิทธ ิพ ลจ าก ค รอ บ ค รวั
อทิ ธิพลจากเพอื่ น
อิทธพิ ลจากสังคม
อิทธพิ ลจากวฒั นธรรม
ใ บกิจกร ร ม
จุดประสงค์ เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นมีความรูค้ วามเขา้ ใจเก่ียวกบั อิทธพิ ลตา่ งๆ ที่มผี ลตอ่ พฤตกิ รรมทางเพศ และการ
ดาเนินชีวติ ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง
คาชี้แจง ให้นักเรยี นอภปิ รายหวั ขอ้ ทีไ่ ด้รับ
อทิ ธพิ ลจากครอบครัว
อิทธพิ ลจากเพื่อน
อิทธพิ ลจากสงั คม
อ ิทธ ิพ ลจ าก วัฒน ธ รรม
แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี 8
กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ ขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 ห้อง…
วชิ า สขุ ศกึ ษา เร่อื ง พฤตกิ รรมทางเพศ (ต่อ)
วันท…ี่ ..เดอื น…..……..พ.ศ. 2561
เวลา 1 ชว่ั โมง
1. มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน พ ๒.๑ เขา้ ใจและเห็นคุณค่าตนเอง ครอบครัว เพศศกึ ษา และมีทกั ษะในการดาเนินชีวิต
2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรสู้ ตู่ ัวชวี้ ดั
1. มคี วามรูค้ วามเขา้ ใจในเรื่องของเพศศึกษา
2. รูจ้ กั เอาตวั รอดจากสถานการณท์ ี่เส่ียงต่อการโดนล่อลวง ลวนลามทางเพศ
3. เห็นความสาคัญของค่านยิ มเร่ืองเพศในสังคมและวัฒนธรรมไทย
3. สาระสาคญั
การดาเนินชวี ติ และพฤติกรรมทางเพศของบุคคลมอี ทิ ธิพลมาจากครอบครัว กลุ่มเพ่ือน สังคม และ
ส่ิงแวดล้อม แตล่ ะสังคมย่อมสร้างสรรค์วัฒนธรรมทีม่ ีความเหมาะสมกับวิถกี ารดาเนินชีวิต วัฒนธรรมทางเพศ
ของสงั คมไทยเป็นวฒั นธรรมท่ีดีงาม สง่ เสรมิ ให้หญิงรักนวลสงวนตัว และให้หญิงและชายรักเดียวใจเดียว
ตลอดจนสง่ เสรมิ คา่ นิยมการมีเพศสัมพันธแ์ ละมคี ูค่ รองในวัยสมควร ดังน้ันนักเรียนจึงควรเรียนรู้เพ่ือให้เกิด
ความเข้าใจและมีพฤตกิ รรมทางเพศและการดาเนินชวี ิตท่ีเหมาะสมตามวฒั นธรรมไทย
4. เปา้ หมายการเรยี นรู้
K (Knowledge) P (Practice) A (Attitude)
ความรู้ ความเข้าใจ การ ฝึกปฏ ิบัติ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
1. อิทธพิ ลต่างๆ ทีม่ ผี ลตอ่ พฤติกรรม 1. วเิ คราะห์อิทธิพลของครอบครวั ๑. รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์
ทางเพศ และการดาเนนิ ชีวติ เพื่อน สงั คม และวัฒนธรรมท่ีมีตอ่ ๒. ซ่อื สัตยส์ ุจรติ
2. ค่านิยมในเรอื่ งเพศ พฤติกรรมทางเพศ และการดาเนิน ๓. มีวนิ ยั
ชีวิตทเี่ หมาะสม ๔. ใฝเ่ รียนรู้
2. วิเคราะห์คา่ นิยมในเรื่องเพศตาม ๕. อยอู่ ย่างพอเพยี ง
วัฒนธรรมไทย และวัฒนธรรมอ่นื ๆ ๖. มุ่งมัน่ ในการทางาน
๗. รักความเปน็ ไทย
๘. มจี ติ สาธารณะ
5. สาระการเรยี นรู้
- ค่านยิ มและพฤตกิ รรมเรือ่ งเพศในสังคมและวัฒนธรรมไทย
6. การบรู ณาการ
1. บรู ณาการกบั กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ภาษาไทย ได้แก่ ทกั ษะการฟัง อ่าน เขียน และการพดู
2. การบูรณาการกบั กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาตา่ งประเทศ
7. กจิ กรรมการเรยี นรู้
7.1 ขัน้ นา/ขัน้ เตรียม
1. ครูเช็คชอื่ นักเรยี นและตรวจการแตง่ กายของนกั เรยี น ความพรอ้ มของนกั เรียน
2. ครแู จง้ จดุ ประสงคก์ ารเรียนร้ใู ห้นกั เรยี นทราบ
7.2 ขั้นสอน
1. ครอู ธบิ ายถงึ ค่านิยมในเรอ่ื งเพศ ไดแ้ ก่ ค่านิยม เรอ่ื งเพศเป็นเรือ่ งธรรมชาติ เพศชายและ
หญิงมศี กั ดศ์ิ รีเท่าเทียมกันตามหลักสิทธิมนุษยชน ค่านิยมทางเพศอาจแตกต่างกันไปตามสภาพสังคม
ประเพณี และวฒั นธรรม
2. ค่านิยม หมายถึง วธิ จี ดั รูปพฤตกิ รรมของมนษุ ย์ท่ีฝังแน่นอยู่ในตัวคน และเป็นส่ิงที่เรา
ยดึ ถอื ปฏบิ ตั ิกนั ต่อๆ มา หรืออาจหมายถงึ การยอมรบั นับถือและพร้อมท่ีจะปฏิบัติตามคุณค่าท่ีคนหรือกลุ่ม
คนท่มี ีอยตู่ อ่ ส่ิงตา่ งๆ ซ่งึ อาจเป็นวัตถุ มนุษย์ ส่ิงมชี วี ิตอน่ื ๆ รวมทั้งการกระทาดา้ นเศรษฐกิจ สังคม จริยธรรม
และสนุ ทรยี ภาพ โดยได้ประเมนิ ค่าจากทัศนคตติ ่างๆ อย่างถ่ีถว้ นและรอบคอบแลว้
3. ค่านิยมความรักนวลสงวนตัว โดยเฉพาะในเพศหญงิ ซ่งึ ควรระวังเน้อื ระวังตัว ไม่เปิดเผย
แสดงออกลกั ษณะทางเพศมากเกินไปเช่น นงุ่ กางเกงหรอื กระโปรงสั้นเกินพอดี ใส่สายเดี่ยวบางๆ ใส่เสื้อผ้า
บางรัดรูป เปน็ ต้น ซ่งึ พฤตกิ รรมเหล่านีจ้ ะชว่ ยปอ้ งกนั การลว่ งละเมิดทางเพศได้ ทาให้ชายและหญิ งไม่ได้อยู่
ใกล้ชดิ กันหรอื แตะเนื้อตอ้ งตวั กนั มากเกนิ ไป จนเกดิ อารมณ์ทางเพศตามมาได้
4. ค่านยิ มการให้เกยี รติและการวางตัว ผู้ชายควรมคี วามเปน็ สภุ าพบรุ ษุ และให้เกียรติผู้หญิง
ไม่ดถู ูกเหยียดเพศ เชน่ เดียวกนั ผู้หญิงก็ตอ้ งใหเ้ กียรติผชู้ าย และวางตัวอย่างเหมาะสมไม่อยู่ที่ เปลี่ยว
ตามลาพังสองตอ่ สอง พดู จากนั ด้วยภาษาสภุ าพเรียบรอ้ ย แสดงความมนี ้าใจช่วยเหลือกนั เป็นตน้
5. คา่ นิยมการสร้างคณุ ค่าความดีงามในจติ ใจ ความดีงามในจิตใจเป็นสิ่งมีคุณค่าเพราะเป็น
สิง่ ทีบ่ คุ คลทว่ั ไปในสงั คมตอ้ งการ ดงั นน้ั จึงควรปลูกฝังและสร้างคุณธรรมความดีให้ เกิดแก่หมู่วัยรุ่น เพ่ือท่ี
เดก็ ๆ เหล่านั้นจะได้เตบิ โตเป็นผใู้ หญท่ ่ีดี ทาประโยชนเ์ พอื่ ประเทศชาติต่อไป
6. คา่ นิยมความเขา้ ใจในความเหมอื นและความแตกต่างระหวา่ งเพศ ท้ังชายและหญิงควร
เขา้ ใจในความแตกต่างทางสภาพสรีระของทั้งสองฝา่ ย และให้เกียรติช่วยเหลือซ่ึ งกันและกัน เช่น ผู้ชายท่ี
ธรรมชาตสิ รา้ งมาให้แขง็ แรงกว่าผหู้ ญงิ ผ้ชู ายกไ็ ม่ควรไปรงั แกผหู้ ญิง แตต่ อ้ งชว่ ยเหลอื ผหู้ ญิงในด้านต่างๆ เป็น
ตน้
7.3 ขั้นฝึก
- ให้นักเรียนแบ่งกล่มุ อภปิ รายหวั ข้อทไี่ ด้รบั (ใบงาน)
7.4 ขั้นใช้
- ให้นกั เรยี นอภปิ รายหัวขอ้ ที่ไดร้ บั (ใบกิจกรรม)
7.5 ขน้ั สรปุ
1. ครูสรปุ เนอ้ื หาท่นี กั เรยี นอภิปรายในวันนี้
2. ครนู ัดหมายนักเรยี นในเร่ืองท่จี ะเรียนคาบต่อไป
3. ครูให้นกั เรียนนงั่ ให้เปน็ ระเบียบแลว้ ปลอ่ ยนักเรียนใหไ้ ปเรยี นในคาบตอ่ ไป
8. แหลง่ การเรยี นรู้
1. หนังสือเรยี นรายวิชาพื้นฐาน สขุ ศกึ ษา ๔ ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ ๔
2. รปู ภาพประกอบการสอน
9. การวัดและการประเมินผล
9.1 เคร่อื งมอื วัดและประเมนิ ผล
- ใบกิจกรรม
9.2 วธิ ีวัดผล
- ใหน้ ักเรยี นอภปิ รายหัวขอ้ ทไี่ ดร้ บั
9.3 เกณฑก์ ารวดั และประเมนิ ผล
- สงั เกตจากการอภปิ ราย
- อภปิ รายครอบคลมุ เนอื้ หา
10. บันทกึ หลงั การสอน
............................................................................................................................. ............................................
.........................................................................................................................................................................
ปัญหาและอปุ สรรค
....................................................................................................... ..................................................................
............................................................................................................................. ............................................
ข้อเสนอแนะ
.................................................................................................................................... .....................................
.........................................................................................................................................................................
ลงชือ่ ................................................................ครูผ้สู อน
(นางสาวชุติญา อุน่ ทานนท์)
11. ข้อเสนอแนะ
............................................................................................................................. ............................................
............................................................................................................................................. ............................
ลงชือ่ ................................................................หัวหนา้ กลุ่มสาระสขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา
(นายศภุ ฤกษ์ ศุภรตั นสมัย)
............................................................................................................................. ............................................
.........................................................................................................................................................................
ลงชือ่ ………………………………………………………รองผู้อานวยการฝา่ ยวิชาการ
(นายชาญ ส่วิ ไธสง)
........................................................................................................................................................................
............................................................................................... ..........................................................................
ลงชือ่ ……………………………………………………….ผอู้ านวยการโรงเรยี นพุทไธสง
(นายประชยั พรสงา่ กลุ )
ใบงาน
จุดประสงค์ เพ่ือให้นกั เรียนมคี วามร้คู วามเข้าใจเกย่ี วกบั คา่ นิยมในเร่ืองเพศได้อย่างถกู ต้อง
คาชี้แจง ให้นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ อภิปรายหวั ขอ้ ท่ไี ดร้ บั
ค ่าน ิย ม
เร่อื งเพศเป็นเรอื่ งธรรมชาติ
มสี ิทธิเทา่ เทียมกนั
แตกตา่ งกนั ไปตามสภาพสงั คม
มพี ฤติกรรมทางเพศทีส่ อดคลอ้ งกบั จารตี ประเพณี
ใบกจิ กรรม
จุดประสงค์ เพ่ือใหน้ ักเรยี นมีความรคู้ วามเข้าใจเกย่ี วกับค่านยิ มในเรื่องเพศได้อย่างถกู ต้อง
คาชี้แจง ให้นกั เรยี นอภปิ รายหวั ขอ้ ที่ได้รบั
ค่านยิ ม
เรอ่ื งเพศเปน็ เรอ่ื งธรรมชาติ
มสี ิทธเิ ท่าเทยี มกนั
แตกตา่ งกนั ไปตามสภาพสงั คม
มพี ฤตกิ รรมทางเพศทสี่ อดคล้องกบั จารีตประเพณี
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 9
กลมุ่ สาระการเรยี นรสู้ ขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 4 ห้อง…
วิชา สขุ ศกึ ษา เร่อื ง พฤตกิ รรมทางเพศ (ตอ่ )
วันท…่ี ..เดอื น…..……..พ.ศ. 2561
เวลา 1 ชั่วโมง
1. มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน พ ๒.๑ เขา้ ใจและเหน็ คณุ คา่ ตนเอง ครอบครัว เพศศกึ ษา และมที กั ษะในการดาเนินชวี ติ
2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรสู้ ตู่ ัวชว้ี ดั
1. มคี วามร้คู วามเข้าใจเก่ียวกับวธิ กี ารสวมใสถ่ งุ ยางอนามัย
2. มคี วามรู้ความเข้าใจเก่ยี วกบั การใชย้ าคุมกาเนิด
3. มคี วามรคู้ วามเข้าใจเก่ยี วกับโรคเอดส์ และมีความรูเ้ ก่ยี วกบั การติดต่อของโรคเอดส์
3. สาระสาคญั
ในประเทศไทยมวี ยั รุ่นอายุ ๑๐-๑๙ ปี ประมาณ ๑๐ ล้านคน เปน็ ชายหญิงในสัดส่วนที่เท่ากัน และ
วัยรุ่นท่ีอยู่นอกระบบการศกึ ษาอีกประมาณ ๒ ล้านคน การต้งั ครรภใ์ นวยั รุ่นจานวนมากเปน็ การตั้งครรภ์ท่ีไม่
ตัง้ ใจซ่งึ เป็นผลมาจากการไมไ่ ด้ปอ้ งกันและการท่ไี ม่มคี วามรู้ในเร่อื งเกย่ี วกับเพศศึกษา
4. เปา้ หมายการเรยี นรู้
K (Knowledge) P (Practice) A (Attitude)
ความรู้ ความเขา้ ใจ การฝึกปฏบิ ัติ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
1. ค่านยิ มเรือ่ งเพศในสังคมและ 1. วเิ คราะห์อทิ ธิพลของครอบครวั ๑. รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์
วฒั นธรรมไทย เพือ่ น สังคม และวฒั นธรรมท่ีมีตอ่ ๒. ซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ
2. คา่ นยิ มเร่อื งเพศในสังคมและ พฤติกรรมทางเพศ และการดาเนิน ๓. มวี ินัย
วฒั นธรรมตะวนั ตก
3. พฤตกิ รรมทางเพศที่เหมาะสมกับ ชีวติ ทเ่ี หมาะสม ๔. ใฝ่เรยี นรู้
วัฒนธรรมไทย
2. วเิ คราะห์คา่ นิยมในเรื่องเพศตาม ๕. อยูอ่ ย่างพอเพียง
วัฒนธรรมไทย และวัฒนธรรมอ่นื ๆ ๖. มุ่งมั่นในการทางาน
๗. รกั ความเป็นไทย
๘. มจี ติ สาธารณะ