The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รวมปาฐกถาพระราชนิพนธ์สมเด็จพระเทพฯ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

รวมปาฐกถาพระราชนิพนธ์สมเด็จพระเทพฯ

รวมปาฐกถาพระราชนิพนธ์สมเด็จพระเทพฯ

Keywords: ปาฐกถา,สมเด็จพระเทพฯ,วิทยาศาสตร์,เทคโนโลยี

สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี
ทรงปาฐกถาพิเศษเร่อื ง

เสรมิ สรา้ งศกั ยภาพของเดก็
ด้านวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี:
สร้างรากฐานของการพัฒนาชนบทอยา่ งย่ังยนื

ในงานสัมมนาโครงการความสัมพันธ์ไทย - จีน ครงั้ ท่ี 10
เร่ือง วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีกับการพฒั นาชนบทท่ีย่งั ยนื
จดั โดย ส�ำนกั งานโครงการสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี
และ สภาวิทยาศาสตร์การเกษตรแห่งสาธารณรฐั ประชาชนจีน

วนั ท่ี 21 กุมภาพันธ์ 2556
ณ ธนาคารกสกิ รไทย ส�ำนกั งานใหญ่ กรุงเทพมหานคร

เสริมสร้างศกั ยภาพของเด็ก
ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

: สรา้ งรากฐานของการพฒั นาชนบทอยา่ งย่งั ยืน

การประชุมไทย-จีนในคร้ังนี้เป็นคร้ังที่ 10 ตอนแรกได้ปรึกษากันถึงหัวข้อท่ียัง
ไมม่ กี ารพดู กนั ในทป่ี ระชมุ ณ ทนี่ ี้ จงึ คดิ วา่ ถา้ เราพดู ถงึ ในเรอื่ งของวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ซง่ึ มผี ลตอ่ การพฒั นาชนบท กจ็ ะเปน็ หวั ขอ้ ทร่ี วบยอดการประชมุ ในครง้ั กอ่ นๆ ถา้ จะขอให้
บรรยาย ขา้ พเจา้ เรยี นมาทางดา้ นการศกึ ษา กถ็ อื วา่ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยเี ปน็ เครอ่ื งมอื
สำ� คญั ในการพฒั นา ทจ่ี รงิ เปน็ เครอื่ งมอื สำ� คญั ทงั้ ในเมอื งและในชนบท รวมทง้ั พนื้ ทที่ รุ กนั ดาร
หา่ งไกล เรามโี ครงการมากมายท่ตี งั้ ใจจะทำ� ใหป้ ระชาชนมคี วามเปน็ อย่ทู ด่ี ขี นึ้ แต่จะท�ำ
อยา่ งไรทจ่ี ะใหโ้ ครงการเหลา่ นย้ี ง่ั ยนื การทที่ ำ� งานมาในเรอ่ื งของการศกึ ษากเ็ ลยตคี วามวา่
การเรยี นรทู้ างวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยนี นั้ ตอ้ งเรมิ่ ตน้ ตงั้ แตเ่ ปน็ เดก็ เลก็ เพราะถา้ เรา
ให้ความรู้กับเด็กเล็ก เดก็ กลาง และเดก็ ใหญ่สืบต่อๆ กันมาก็จะทำ� ใหย้ ่งั ยืน เพราะวา่
ต่อไปน้ีพวกเราก็จะชราและล่วงลับไป แต่ผู้ที่จะมารับงานใหม่เพ่ือให้อยู่ได้อย่างย่ังยืน
กค็ อื เดก็ เหลา่ น้ี ทจี่ ะเตบิ โตเปน็ ผใู้ หญ่ ถา้ เปน็ ผใู้ หญท่ ม่ี คี วามรอู้ ยา่ งดี รทู้ ง้ั ทฤษฎแี ละการ
ปฏบิ ัติ กจ็ ะท�ำให้บ้านเมอื งเจรญิ อยา่ งยั่งยืน
ขา้ พเจา้ จะขอนอกเรอื่ งอกี นดิ หนงึ่ ที่ ดร. กวั เผงิ จวี่ (ผอู้ ำ� นวยการสถาบนั วจิ ยั
สขุ ศาสตรส์ ตั ว์ วทิ ยาลยั วทิ ยาศาสตรก์ ารเกษตรมณฑลกวางตงุ้ สาธารณรฐั ประชาชนจนี )
ได้กล่าวไว้ว่า ท่านเคยอยู่ในประเทศไทยและเรียนหนังสือที่สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย

200

เสรมิ สรา้ งศกั ยภาพของเดก็ ดา้ นวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี:
สร้างรากฐานของการพฒั นาชนบทอยา่ งย่ังยืน

(AIT : Asian Institute of Technology) ขอตอ้ นรับทา่ นเปน็ เส่ียวโหยว่ (เพ่ือนร่วมชัน้
เรยี น) เพราะขา้ พเจา้ กเ็ รยี นมาจากโรงเรยี นเดียวกนั เคยเรียนที่ AIT ในด้าน Remote
Sensing และ GIS เมื่อ ค.ศ. 1984 ซึง่ ก็นานมาแล้ว

เร่มิ งานพฒั นาเด็กและเยาวชนในถ่ินทรุ กนั ดาร ตงั้ แต่ปี ค.ศ. 1980

ยอ้ นไปในอดตี พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ตงั้ แตค่ รองราชยท์ า่ นกถ็ อื วา่ การพฒั นา
ชนบทเปน็ เรือ่ งที่ส�ำคญั สมัยกอ่ นการเดินทางไม่สะดวก เพราะฉะนน้ั การติดตอ่ ระหว่าง
เมืองและชนบทนกี้ ็ติดต่อกนั ยาก ไปถงึ ไดย้ าก สมยั นัน้ โชคดที ี่ขา้ พเจา้ ไดต้ ามเสดจ็ ตงั้ แต่
ยงั เล็ก ตามเสดจ็ ตง้ั แต่ไม่ไดม้ ีความคิดที่จะทำ� งานอะไร แตว่ า่ มโี อกาสไดเ้ หน็ มาวา่ ท่ตี า่ งๆ
น้ันมีความเป็นอยู่อย่างไรบ้าง พอเรียนหนังสือจบแล้วจึงได้คิดว่านอกจากจะสนอง
พระเดชพระคุณหรือท�ำงานถวายท่านแล้ว ถ้ายังมีเวลาเหลืออยู่ก็น่าจะหาประเด็นท่ีไป
ชว่ ยเหลือ กเ็ ลยมุ่งไปในเรือ่ งของการศกึ ษาของเดก็ และเยาวชน
ในระยะนน้ั ถา้ เราไปตา่ งจงั หวดั ซง่ึ ในชว่ งนก้ี อ็ าจจะไมไ่ ดเ้ หน็ ภาพแบบเดมิ คอื
เด็กค่อนข้างจะหิวโหยเพราะว่าพ่อแม่ถึงจะท�ำงานเกษตรก็ตาม แต่ว่าผลผลิตท่ีได้น้ัน
บางครง้ั ไมพ่ อเพยี ง หรอื บางครง้ั ตอ้ งนำ� ไปขายเพอื่ เปน็ รายไดม้ าทำ� อยา่ งอนื่ หรอื วา่ ออกไป
ท�ำงานแล้วก็ไมม่ ีโอกาสทจี่ ะดูแลบตุ รหลานทดี่ ี ผู้ท่ดี ูแลบุตรหลานของเกษตรกรเหล่าน้ัน
กค็ อื โรงเรยี น ซง่ึ เปน็ หนว่ ยงานราชการ จงึ คดิ วา่ ถา้ เดก็ และเยาวชนเหลา่ นนั้ มคี วามรทู้ างดา้ น
การเกษตร ความรทู้ างด้านสขุ ภาพอนามยั คือ ด้านสาธารณสขุ อาหารและโภชนาการ

201

แล้วก็ให้การศึกษาที่สูงข้ึน โอกาสที่จะศึกษามากขึ้น หรือคนไหนท่ีอาจจะมีข้อขัดข้องท่ี
ไมส่ ามารถ จะเรยี นในระบบโรงเรยี นกต็ อ้ งฝกึ งานอาชพี เพอื่ ตอ่ ไปในอนาคตสามารถจะทำ�
การอาชพี เลยี้ งตวั และเลย้ี งครอบครวั ได้ อกี อยา่ งหนงึ่ คอื จะตอ้ งอนรุ กั ษท์ รพั ยากรธรรมชาติ
และสงิ่ แวดลอ้ ม ทด่ี เู หมอื นกบั วา่ จะเปน็ ขอ้ ทต่ี รงกนั ขา้ มกบั เทคโนโลยี ซง่ึ กไ็ มจ่ รงิ ถา้ สภาพ
ธรรมชาติอยู่ดีกินดี เราก็จะใช้พื้นท่ีได้อย่างยั่งยืน และไม่จ�ำเป็นต้องไปเติมเทคโนโลยี
จนมากมายเกนิ ไป กใ็ หเ้ ขาอนรุ กั ษท์ รพั ยากรธรรมชาติ และตอ้ งอนรุ กั ษท์ รพั ยากรทางดา้ น
วฒั นธรรมดว้ ย เพือ่ ให้รจู้ กั ถึงรากเหง้าของตวั เอง
จะพดู ถงึ เรอื่ งการเกษตรสกั เลก็ นอ้ ย จะขยายความวา่ การเกษตรในทนี่ ้ี จะหมายถงึ
ท้ังการปลูกพืชและเล้ียงสัตว์ เราจะแยกกิจกรรมการผลิตอาหารเป็นด้านพืชผัก ไม้ผล
และถ่ัวเมล็ดแห้ง ถ่ัวจะให้โปรตีนมากขึ้น เป็นโปรตีนจากพืช ซ่ึงท่ีจริงแล้วดูท่ัวประเทศ
เรานเี่ ขตทรุ กนั ดารจะปลกู ถวั่ ไดน้ อ้ ย เพราะวา่ พนื้ ทห่ี ลายแหง่ มคี วามชน้ื สงู มาก และทเ่ี รา
ไปท�ำตามโรงเรียนน้ันก็เป็นเขตการศึกษาจะมีพ้ืนท่ีท่ีจะปลูกถ่ัวได้น้อย ส่วนใหญ่เราก็มี
เงนิ ทนุ อาหารกลางวนั สำ� หรบั ใหใ้ ชซ้ อ้ื อาหารเพมิ่ เตมิ สว่ นโปรตนี นน้ั โปรตนี จากสตั ว์ กจิ กรรม
ทมี่ ีอยู่ในโรงเรยี นทีค่ ่อนขา้ งจะแพรห่ ลายก็คือ การเลี้ยงไก่ มีท้งั ไกเ่ น้ือ ไก่พื้นบ้าน และ
ไกไ่ ข่ ไข่เปน็ อาหารทีเ่ วลาท�ำกบั ขา้ วแลว้ แบง่ กนั ได้แนน่ อนวา่ คนหนง่ึ ครึง่ ฟอง คนหนงึ่
หน่ึงฟอง คือจะมีไก่ มีเป็ด มีท้ังไก่เนื้อ เป็ดเนื้อ ไก่ไข่ เป็ดไข่ เมื่อสักครู่ที่พูดถึง
การเล้ียงสัตว์น้ี เราก็ต้องดูแลวิธีการเล้ียง วิธีการให้ยาป้องกันโรค ซ่ึงของเราก็มีท้ังยา
จากทอ้ งตลาดธรรมดา และยาท่เี ราใช้พืชสมนุ ไพรที่เราปลูกเองหรอื เราไปหาซอ้ื มาก็ได้
ปลากม็ เี ทคนคิ การเลย้ี งปลาตา่ งๆ เลยี้ งในหว้ ยหนองคลองบงึ ทเ่ี ราจะกนั้ ทบ่ี อ่ ดนิ
บอ่ ซเี มนต์ บอ่ ทที่ ำ� ดว้ ยพลาสตกิ แตม่ ขี อ้ สงั เกตอยา่ งหนง่ึ คอื ในเขตทอี่ ยบู่ นภเู ขาทหี่ นาวเยน็
ปลาบางชนิดไม่เติบโต ในช่วงท่ีอากาศหนาวนั้นปลาก็จะแคระแกรน ก็ต้องพยายามหา
วธิ กี ารทจี่ ะทำ� ใหอ้ ากาศอนุ่ ขนึ้ ซงึ่ กย็ าก เชน่ หาผา้ พลาสตกิ มาคลมุ หรอื อกี อยา่ งกเ็ ปลยี่ น
พนั ธปุ์ ลา ใชป้ ลาทีเ่ ตบิ โตดีในประเทศจีน เพราะฉะนนั้ เรือ่ งนก้ี ็อาจจะเป็นจุดหนึ่งที่ทาง
จีนจะช่วยเหลอื เราได้ คอื หาพันธุ์ปลาทีท่ นกับอากาศหนาว
อยา่ งอนื่ กค็ อื สกุ ร การเลยี้ งสกุ รใชเ้ ปน็ อาหาร อกี อยา่ งเวลาออกไปในถนิ่ ทรุ กนั ดาร
เดี๋ยวน้ี เคยคยุ กบั ชาวบา้ นหลายแหง่ ที่เลกิ ฆา่ สุกร แตว่ ่าใช้มลู ของสกุ รไปท�ำปุย๋ ก้อน และ

202

เสริมสรา้ งศกั ยภาพของเด็กดา้ นวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลย:ี
สร้างรากฐานของการพัฒนาชนบทอยา่ งย่ังยนื

เม่ือสักครู่ท่ี ดร. ทวารัฐ สูตะบุตร (รองอธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์
พลังงาน กระทรวงพลังงาน) บรรยายนัน้ เขาใช้มลู ของสกุ รทำ� แกส๊ ธรรมชาติที่ใชห้ ุงตม้
บางทกี อ็ าจจะใชป้ น่ั ไฟได้ ตอนนตี้ ามโรงเรยี นเลก็ ๆ ของเรากม็ กี ารใหน้ กั เรยี นไปเกบ็ มลู สตั วม์ า
แล้วน�ำมาหมักเพื่อใช้เป็นแก๊สหุงต้ม ส่วนกากที่เหลือก็ยังน�ำมาใช้ท�ำเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ
เช่น ปุ๋ยใส่ต้นไม้ หรือเชื้อชีวภาพ ท่ีใส่แล้วป้องกันแมลงได้ เป็นของชีวภาพที่ไม่ต้องใช้
สารเคมีทอ่ี าจจะเป็นพษิ ต่อรา่ งกาย

สถานศกึ ษาเป็นฐานของการพฒั นา

การสอนทุกเร่ืองเราพยายามให้เด็กปฏิบัติด้วยตนเอง เพ่ือจะได้ท�ำเป็น ถ้าไม่
ลงมอื เอง เรยี นแตใ่ นหอ้ งเรยี นไมว่ า่ เดก็ หรผื ใู้ หญก่ ต็ ามนง่ั ฟงั อะไรแลว้ เขา้ หซู า้ ยทะลหุ ขู วา
หรอื หลบั ไป แตถ่ า้ ใหเ้ ขาลกุ ขนึ้ จบั ตอ้ งทำ� เอง กจ็ ะจำ� ไดแ้ ละทำ� ได้ เดก็ หลายคนไมไ่ ดท้ ำ� แค่
ของตนเอง พอท�ำแล้วก็ไปทดลองท�ำท่ีบ้าน เป็นการเผยแพร่ความรู้และเทคโนโลยีให้
ทางบา้ นด้วย โดยเปน็ การช่วยเจา้ หน้าทฝ่ี า่ ยรัฐทม่ี หี น้าท่ีตอ้ งเขา้ ไปส่งเสริม สถานศกึ ษา
เป็นฐานของการพัฒนา ผู้ปกครองก็มาช่วยท�ำแปลงร่วมกับเด็ก เพราะบางโรงเรียนเด็ก
ยังเล็ก ท�ำกันไม่ไหว เฉพาะครูก็ไม่ไหว ผู้ปกครองก็มาช่วย ช่วยท�ำอาหารให้เด็ก
ผปู้ กครองเหลา่ นกี้ ลบั ไปกจ็ ะไดค้ วามรู้ ไดเ้ ทคโนโลยใี นเรอื่ งทว่ี า่ อาหารชนดิ ใดเปน็ ประโยชน์
หรือไม่เป็นประโยชน์ จะท�ำอย่างไรให้ลูกของตนแข็งแรง เป็นการเสริมสร้างท้ังเด็กและ
ผใู้ หญใ่ หร้ จู้ กั ทำ� งานรว่ มกนั สรา้ งความรว่ มมอื กบั ชมุ ชน และเปน็ การชว่ ยหนว่ ยงานราชการ
ถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีให้ทั้งครูและชุมชน บางทีก็ไม่ใช่หน่วยราชการอย่างเดียว
มีบรษิ ทั ต่างๆ ดา้ นการเกษตรกม็ าชว่ ยดว้ ย บางทีสัตว์ เมล็ดพันธพ์ุ ืชท่ีน�ำมาปลูกมาเลยี้ ง
ในโรงเรียน ก็สามารถขยายผลให้แก่เครือข่ายครอบครัวผู้ปกครองที่เอาไปขยายต่อได้
ถอื ว่าโรงเรยี นเปน็ ฐานในการส่งเสริมเทคโนโลยดี ว้ ย

พื้นท่ีด�ำเนินงาน

พน้ื ทกี่ ารทำ� งานในถนิ่ ทรุ กนั ดารสว่ นใหญท่ กี่ ลา่ วถงึ มกั จะอยใู่ นเขตชายแดน ตอ่ มา
ทางกรุงเทพมหานครก็มาขอร้องว่า เด็กที่อยู่ในกรุงเทพมหานครก็ควรจะมีความรู้เร่ือง
การเกษตร เราก็ให้ความรู้เหมือนกับในท่ีสอนเด็กในถ่ินทุรกันดาร ส�ำหรับโรงเรียนใน
กรงุ เทพมหานครท่ีอย่รู อบนอกมพี ื้นที่เกษตรมาก สำ� หรับพวกทอ่ี ย่ใู นเมืองนัน้ เรากเ็ พิ่ม

203

เทคโนโลยกี ารเพาะปลกู ในภาชนะตา่ งๆ ในกระถาง ในตมุ่ ในสง่ิ ทเ่ี ขามอี ยู่ กระชกุ กระถาง
ปลูกท่ีบ้านเพ่ือจะใช้กินเองได้ เม่ือสักครู่ฝ่ายจีนเล่าว่า ทางจีนก็ท�ำแบบนี้เหมือนกัน
อกี อยา่ งคอื การเพาะปลกู พชื แบบไรด้ นิ โดยปลกู ในนำ�้ ทเี่ รยี กวา่ “ไฮโดรโพนกิ ส”์ สามารถ
ปลูกบนดาดฟ้าของโรงเรียนได้ หรือสร้างโรงเรือนเพาะเห็ดเล็กๆ อยู่บนดาดฟ้าของ
โรงเรียนในกรุงเทพมหานครก็ท�ำกันได้ เด็กท�ำที่บ้านเป็นรายได้เพ่ิมเติมให้แก่ครอบครัว
เพราะว่าคนในกรงุ เทพกไ็ ม่ใชว่ า่ เป็นคนรำ�่ รวยทกุ คน
ท่ีเห็นในชายแดนก็ไม่ใช่ว่าเป็นคนเผ่าเดียวกัน จะเป็นคนหลายกลุ่ม หลายหมู่
หลายเหลา่ หลายเผา่ มภี าษาและวฒั นธรรมตา่ งๆ กนั เหมอื นในประเทศจนี เราอาจจะ
เป็นประเทศจีนย่อส่วนลงมา ประเทศเราเล็กกว่าแต่ก็มีความหลากหลายในเร่ืองชนเผ่า
ในเรอื่ งความเชอื่ ทางใตแ้ ละรมิ ทะเล มชี นเผา่ เรร่ อ่ นในทะเล เรากใ็ หค้ วามรเู้ ขาเชน่ เดยี วกนั
มีพวกท่ีนบั ถือหลายศาสนา พทุ ธ คริสต์ อิสลาม บางทกี น็ บั ถือวญิ ญาณ ถือผีกม็ ี เราก็
พัฒนาให้

การพฒั นาศักยภาพของเดก็ ด้านวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ประเทศไทยเรามหี ลกั สตู รกลางทตี่ อ้ งศกึ ษาเหมอื นกนั หมด ไมว่ า่ จะอยเู่ หนอื อยใู่ ต้
หรือในกรุงเทพมหานคร ก็เป็นหลักสูตรกลางที่เนื้อหาสาระทางวิทยาศาสตร์ก็ให้ความรู้
ทางทฤษฎตี ามหลกั สตู ร แตม่ กี ารฝกึ ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ ไดแ้ ก่ การสงั เกต
การวัด การจ�ำแนกประเภท การตคี วามหมาย การทดลอง การสรุปผล และการส่ือสาร
ให้ผู้อืน่ ทราบ รวมทัง้ ใหม้ เี จตคตทิ างวทิ ยาศาสตรท์ ี่ดี คอื สนใจวชิ าวทิ ยาศาสตร์ อยากรู้
อยากเห็น ความถกู ตอ้ ง ซ่ือสตั ย์ ความเพยี รพยายาม ความละเอียดถีถ่ ้วน ก็จะสามารถ
แก้ไขปญั หาของทอ้ งถน่ิ พัฒนาท้องถ่นิ ดว้ ยการวจิ ยั และรกั การวจิ ัยเชงิ วทิ ยาศาสตรไ์ ด้

เกษตรเพอื่ อาหารกลางวนั
โครงการเกษตรเพ่ืออาหารกลางวันที่เล่าเมื่อสักครู่น้ี จุดมุ่งหมายเร่ิมต้นก็คือ
ตอ้ งการใหเ้ ดก็ เหลา่ นม้ี สี ขุ ภาพดี มขี องดๆี กนิ ในขณะเดยี วกนั การเพาะปลกู การทพ่ี ชื โตขนึ้
สตั ว์โตขนึ้ เช่น ไก่ กเ็ ป็นกระบวนการทางวิทยาศาสตรเ์ ชน่ เดียวกันท่เี ราจะได้ศึกษา คือ
ศกึ ษาตงั้ แตง่ า่ ยๆ ไปจนลกึ เชน่ ผกั และสตั วพ์ วกนมี้ อี งคป์ ระกอบทางวทิ ยาศาสตรอ์ ยา่ งไร

204

เสรมิ สรา้ งศักยภาพของเด็กด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี:
สร้างรากฐานของการพัฒนาชนบทอยา่ งย่ังยืน

สามารถที่จะแก้ไขปัญหาอะไรให้แก่ร่างกาย
พอผลติ แลว้ ตอ้ งรจู้ กั เรอื่ งเงนิ เรอื่ งทอง สมยั น้ี
ไมไ่ ชว่ า่ จะทำ� อะไรฟรีๆ ก็จัดกิจกรรมสหกรณ์
เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นรจู้ กั ทำ� งานรว่ มกนั ในขณะเดยี วกนั
รจู้ กั เขยี นหนงั สอื บนั ทกึ ขอ้ ความในการประชมุ
ร่วมกนั ออกความคิดความเห็น ในเรอ่ื งของ
การเงนิ กม็ เี รอ่ื งตวั เลขทเี่ กย่ี วขอ้ งดว้ ย ตอ้ งทำ�
บญั ชี สามารถคำ� นวณ กเ็ ปน็ การฝกึ ฝน นอกจาก
ฝึกฝนการท�ำบัญชีสหกรณ์แล้ว ก็ได้เพ่ิมเติม
การท�ำบัญชีส่วนตัว เช่น แม่ให้เงินมาเท่าไหร่ เอาเงินไปซื้อของอะไร ซื้อขนม อาจจะ
รับจ้างเล็กๆ น้อยๆ ได้เงินเท่าไร หรือขายของ เป็นต้น เสร็จแล้วก็เพ่ิมเติมเป็นบัญชี
ครวั เรอื น บัญชรี ายฟารม์ ซึ่งเด็กเป็นคนไปแนะนำ� ผู้ปกครอง ทำ� ให้ตอนหลังเขาสามารถ
คิดตน้ ทุนและกำ� ไรได้ ชว่ ยในการประกอบอาชีพไดด้ ว้ ย

เกษตรเพ่อื อาหารกลางวนั

205

ความรทู้ างวทิ ยาศาสตรเ์ พ่ือการเกษตรและงานอาชีพ
การเกษตรให้องค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เช่น จะปลูกอะไรในสภาพอากาศ
ท่ีแตกต่างกัน บางอย่างท�ำไมปลูกท่ีน่ีข้ึน ปลูกท่ีน่ันไม่ข้ึน ในโรงเรียนเดียวกันในพ้ืนท่ี
เดยี วกันก็มีความแตกตา่ งกนั ท�ำไมตรงน้ีปลูกได้ พอย้ายไปอีกแหง่ กป็ ลกู ไมไ่ ด้ ต้องรจู้ กั
ตง้ั แตก่ ารเตรยี มแปลง การปลกู การดแู ลรกั ษา การปรบั ปรงุ บำ� รงุ ดนิ ดว้ ยปยุ๋ อนิ ทรยี แ์ ละ
ปุ๋ยหมัก ในโรงเรียนเราพยายามเน้นเร่ืองของพืชถึงปุ๋ยชีวภาพ พยายามลดเลิกสารเคมี
ในการควบคุมก�ำจัดศัตรูพืชก็พยายามเน้นการใช้สารชีวภาพ หรือการใช้ตัวห�้ำ ตัวเบียน
แมลง หรือสัตว์ต่างๆ ในการควบคุมปริมาณสัตวท์ ่เี ปน็ ศตั รพู ชื โดยวิธีทางธรรมชาติ
เราจะสอนว่าพืชอย่างน้ีจะขยายพันธุ์อย่างไร การขยายพันธุ์พืชมีหลายวิธี
การเก็บเก่ียว เราสอนแม้กระท่ังการเพาะเล้ียงเน้ือเย่ือพืช หรือ tissue culture
ซ่ึงบางคร้ังถ้าเด็กไม่ช�ำนาญ หรือในสภาพไม่ค่อยเหมาะสม ก็อาจจะตายได้ ส่วนใหญ่
จะตาย เรากจ็ ะใหเ้ ดก็ ใชค้ วามคดิ ดา้ นวทิ ยาศาสตร์ ศกึ ษาดวู า่ ทำ� ไมถงึ ตาย และสามารถ
แกไ้ ขปรบั ปรงุ ไดห้ รอื ไม่ เรอื่ งการแปรรปู อาหาร การถนอมอาหาร ถา้ โรงเรยี นเลก็ ๆ กท็ ำ�
อยา่ งง่ายๆ หรอื ถา้ โรงเรียนใหญ่ ก็อาจจะสามารถซื้อหาเครือ่ งมอื ต่างๆ ท่กี ล่าวมาแลว้

เครอ่ื งจักรกลการเกษตร
ในเรอ่ื งเครอื่ งมอื การเกษตรทพี่ ดู ถงึ จกั รกลการเกษตรนน้ั ถา้ เปน็ พน้ื ทเี่ ลก็ ๆ กอ็ าจจะ
ไมจ่ �ำเป็นนัก แตถ่ ้าเปน็ พ้นื ที่ใหญ่ เราก็มกี ารใช้จักรกลการเกษตรเช่นเดยี วกนั ทอ่ี าจารย์
ฝา่ ยประเทศไทยเสนอมานนั้ สว่ นใหญจ่ ะแสดงเรอ่ื งการใชแ้ รงงาน แตจ่ รงิ ๆ แลว้ เครอื่ งมอื
ทางการเกษตรเรากใ็ ชเ้ ชน่ เดยี วกนั เชน่ เครอ่ื งปลกู ขา้ ว เครอื่ งเกยี่ วขา้ ว เครอ่ื งนวดขา้ ว
กเ็ พราะเหตผุ ลเชน่ เดยี วกบั ทางฝา่ ยจนี กล่าวไวค้ ือ มองดเู หมอื นสาธารณรฐั ประชาชนจีน
และประเทศไทยมีแรงงานมาก มีคนมากมาย คนไม่มีงานท�ำก็มีมาก แต่ว่าบางที
คนก็เหมือนอาหาร บางแห่งผลิตอาหารได้เยอะ หรือมีจะกินเยอะ กินเข้าไปจนอ้วน
แตห่ า่ งออกไปอกี หนอ่ ย กลายเปน็ คนไมม่ จี ะกนิ แรงงานกเ็ หมอื นกนั บางแหง่ มแี รงงานเยอะ
บางแหง่ ก็แรงงานนอ้ ย พน้ื ทท่ี ่มี ีแรงงานน้อย บางทีจ�ำเป็นตอ้ งอาศยั เครอ่ื งจกั รชว่ ยเหลือ
จากประสบการณ์พบว่า ชาวบ้านใชเ้ คร่ืองจักรการเกษตรเชน่ เคร่อื งเกีย่ วขา้ ว
ส่วนมากก็เช่ามา เครื่องจักรการเกษตรก็ใช้เกี่ยวข้าวชนิดนั้นชนิดน้ี ในแปลงของคนน้ัน

206

เสริมสรา้ งศกั ยภาพของเดก็ ด้านวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี:
สรา้ งรากฐานของการพฒั นาชนบทอย่างย่ังยืน

คนนี้ ตดิ โรคพชื มาบา้ ง ตดิ เมลด็ พนั ธจ์ุ ากพนั ธอ์ุ น่ื ขา้ วคนละพนั ธ์ุ กเ็ กดิ การปน ปลกู แลว้
ก็ออกมาเป็นข้าวที่มีคุณภาพไม่ดี ก็ได้แนะน�ำให้มีเคร่ืองจักรที่ใช้เฉพาะในบริเวณกลุ่มท่ี
เปน็ เกษตรกรดว้ ยกนั และดแู ลเกย่ี วกบั การปลกู พชื พนั ธเ์ุ ดยี วกนั หรอื ใชพ้ นั ธด์ุ แี ลว้ กด็ แู ลกนั
ทำ� ความสะอาดเครอ่ื งจกั รใหด้ ี เพอ่ื ผลทอี่ อกมาจะไมท่ ำ� ใหค้ ณุ ภาพของผลติ ผลการเกษตร
ของเราต�่ำลง หรอื ผลผลติ ขา้ วต�่ำลง เร่ืองนี้เป็นปญั หาของประเทศไทยเหมอื นกัน เรามี
หนว่ ยราชการทดี่ แู ลเฉพาะเครอื่ งจกั รการเกษตร และมบี รษิ ทั ตา่ งๆ ทอี่ อกแบบจำ� นวนมาก
และมหี ลายคนนำ� เขา้ สนิ คา้ พวกนจ้ี ากประเทศจนี กเ็ ปน็ จดุ ทเ่ี ราสามารถรว่ มมอื กนั ไดเ้ ปน็
อย่างดี

ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
ภาพนี้แสดงให้เห็นว่าเด็กไปศึกษาจากแปลง แล้วน�ำมาเขียนเป็นภาพแสดง
วงจรชวี ติ ตวั อยา่ งนเ้ี ปน็ วงจรชวี ติ ของผกั บงุ้ หรอื ไมเ่ รากใ็ หเ้ ขาไปดใู นธรรมชาตวิ า่ มพี ชื อะไร
และในโลกนม้ี พี ชื ชนดิ นน้ั กแี่ หง่ ในประเทศไทยมกี ช่ี นดิ ในทอ้ งถน่ิ ของเรามกี ช่ี นดิ เดก็ กจ็ ะมี
เครอื่ งมือการศกึ ษาทางดา้ นวิทยาศาสตร์ โดยดูจากสิง่ รอบตัว

ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

น้�ำและการปรบั ปรงุ ดนิ
ในการพฒั นาการเกษตร เมอื่ สกั ครวู่ ทิ ยากรกลา่ วมาแลว้ วา่ เรอ่ื งนำ�้ เปน็ เรอ่ื งสำ� คญั
โรงเรยี นในชมุ ชนเลก็ ๆ จะใชน้ ำ�้ จากประปาภเู ขา หรอื ทำ� ฝายเลก็ ๆ หรอื ตอ่ ทอ่ จากโครงการ
ใหญอ่ อกมา ทกุ ๆ ครง้ั เวลาไปสง่ เสรมิ ตามโรงเรยี นพวกน้ี กไ็ ปกบั เจา้ หนา้ ทกี่ รมชลประทาน
จะไปดปู ัญหาทีช่ าวบ้านรอ้ งเรียน และทางโรงเรียนรอ้ งเรยี น เกย่ี วกบั เรือ่ งของโรงเรียน

207

การใชน้ ำ้� ดื่มท่ีสะอาด โดยการเจาะน�ำ้ บาดาล และการเก็บน�้ำฝนจากหลังคาอาคาร

น�้ำท่ีใช้ในการเกษตรจะไม่ได้ใช้มากนัก เพราะโรงเรียนเพาะปลูกไม่มากเหมือนชาวบ้าน
หรือการใช้นำ�้ ด่ืมทีส่ ะอาด กจ็ ะเปน็ ประปาภเู ขา ฝายเลก็ ๆ การเจาะนำ้� บาดาล หรือการ
เก็บน้�ำฝนจากหลังคาอาคาร เราก็ต้องมีอุปกรณ์เครื่องมือง่ายๆ ท่ีใช้ตรวจน�้ำว่าสะอาด
หรือเหมาะสมทีจ่ ะใชห้ รือไม่ บางทีกจ็ ะมยี าฆา่ แมลงปลอมปน ปนเปื้อนเขา้ มา หรือวา่ มี
เชื้อโรค หรือมีสารแร่ต่างๆ เพราะน�้ำบาดาลบางทีเจาะผ่านสายแร่ขึ้นมา เรื่องน�้ำนี้เป็น
เร่ืองท่ีใช้เป็นอุปกรณ์ในการศึกษาวิทยาศาสตร์ได้เหมือนกัน เพราะว่าการก่อสร้างเข่ือน
การกอ่ สรา้ งฝาย การใชแ้ รงดนั นำ�้ จากทสี่ งู กวา่ ลงมาตำ�่ กวา่ กเ็ ปน็ วชิ าวทิ ยาศาสตรไ์ ด้ หรอื
เราศกึ ษาวา่ มแี บคทเี รยี ปนเปอ้ื นเปน็ เพราะอะไร เชน่ เปน็ เพราะตน้ นำ�้ นน้ั เปน็ บรเิ วณท่ี
ชาวบา้ นนำ� ปศสุ ตั วว์ วั ควายไปกนิ แลว้ ถา่ ยมลู ออกมา ในมลู ของมนั มแี บคทเี รยี เราจะแก้
อย่างไร ซ่งึ อาจแกไ้ ขโดยการกรองการตม้ เป็นตน้
มกี ารสอนใหเ้ ดก็ รเู้ รอื่ งดนิ เชน่ การปรบั ปรงุ ดนิ อยา่ งงา่ ย วเิ คราะหด์ นิ อยา่ งงา่ ย
มีชุดอุปกรณ์ท่ีวิทยากรพูดถึงเม่ือสักครู่ มีเคร่ืองมือชุดตรวจดิน ตรวจค่า pH หรือ
ความเป็นกรดเป็นด่าง ชุดหน่ึงก็ไม่แพง ประมาณร้อยกว่าบาท ซ่ึงตรวจได้ว่ามีแร่ธาตุ
ใดบา้ ง บางครงั้ ถา้ จำ� เปน็ เรากต็ อ้ งเตมิ แรธ่ าตุ หรอื เราจะใชน้ ำ�้ หมกั ชวี ภาพ หรอื ปยุ๋ ชวี ภาพ
เพ่มิ เติมในดิน
เรอ่ื งนำ้� บางแหง่ กต็ อ้ งใชเ้ มมเบรนเทคโนโลยี หรอื การกรองดว้ ยระบบ Reverse
Osmosis ในกรณที มี่ แี รธ่ าตบุ างอยา่ งทเ่ี ราไมส่ ามารถจะกรองอยา่ งปกตไิ ด้ แตเ่ ครอื่ งนร้ี าคา
แพงมาก กจ็ ะใชแ้ ต่ในท่ที ีม่ คี วามจ�ำเปน็ เทา่ นัน้ และเมอ่ื มีความจ�ำเป็น เราก็จะไม่ใช้แค่
เป็นเคร่ืองกรองน้�ำ แต่จะใช้เป็นสื่อการสอนด้วย จะต้องเรียนว่าเทคโนโลยีน้ีมีหลักการ
หรือมี concept อย่างไร ก็ถือวา่ เป็นการใชเ้ ทคโนโลยีในเร่ืองตา่ งๆ

208

เสริมสร้างศกั ยภาพของเด็กด้านวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลย:ี
สรา้ งรากฐานของการพฒั นาชนบทอยา่ งย่ังยนื

การงานอาชพี
วชิ าทเ่ี ราสอนในโรงเรยี นพวกน้ี คือการงานอาชพี การปูพ้ืนด้านการงานอาชพี
ตงั้ แตเ่ ดก็ นี้ กจ็ ะเปน็ วชิ าชพี ตดิ ตวั และสามารถใชใ้ นชวี ติ ประจำ� วนั หรอื วา่ นำ� ไปประกอบ
อาชีพเล้ยี งตัวเลีย้ งครอบครัวได้ การฝึกอาชพี น้ี เรากเ็ ชญิ หน่วยงานทางดา้ นอาชวี ศึกษา
มาชว่ ยให้ความรู้ ซงึ่ ท่ีจริงกจ็ ะต้องใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ดว้ ย เช่น ในการสร้าง
โรงเรียน ตอนหลังเม่ือมีเด็กเข้ามาอยู่มาก อาคารท่ีมีอยู่ไม่พอ ก็ต้องสร้างอาคารใหม่
ระหว่างการก่อสร้างอาคารใหม่ อาคารที่กำ� ลังสร้างจะเปน็ สือ่ การสอนทด่ี ีที่สุดเลย เพอ่ื
เรียนรู้ว่าเราจะต้องท�ำอย่างไรไม่ให้มันล้มพังลงมา แรงท่ีจะต้องสมดุลกัน ท�ำไมจะต้อง
ผสมอฐิ ผสมปนู อยา่ งน้ี เดก็ ตามโรงเรยี นกจ็ ะศกึ ษาวธิ กี ารทำ� อฐิ บลอ็ กดว้ ย วา่ ทำ� ไมอฐิ บลอ็ ก
ถงึ สามารถคงตวั ไดอ้ ยา่ งน้ี เปน็ เรอ่ื งทเี่ ราสามารถแยกหรอื ถอดบทเรยี นออกมาไดอ้ ยา่ งมาก
เร่ืองไฟฟ้าก็เปน็ อีกตวั อย่างหนึ่ง คือในหนังสือเรยี น ทุกคนกค็ งจะจำ� ตอนเล็กๆ
ไดต้ อ้ งเรยี นวชิ าไฟฟา้ การตอ่ ไฟฟา้ ตอ่ อนกุ รมเปน็ อยา่ งไร ตอ่ ขนานเปน็ อยา่ งไร สมยั เดก็ ๆ
กต็ อ้ งยอมรับวา่ ส่วนใหญ่วาดในกระดาษ เขยี นไปอย่างนัน้ ของจรงิ ไมเ่ คยจับสายไฟจริง
เด็กพวกนี้โชคดีคือ มีคนจากอาชีวศึกษามาสอน เขาเดินสายไฟได้ แต่เขาก็ไม่ได้น�ำมา
เชื่อมโยงกับวิชาวิทยาศาสตร์เชิงฟิสิกส์ที่เรียนเรื่องไฟฟ้าเท่าไหร่ อันน้ีก็ต้องพยายามให้
เขาเช่ือมโยงให้ได้
เรือ่ งไฟฟา้ ยังมอี ีกเรื่องหนงึ่ คือ พกั หลังๆ ไมท่ ราบเกิดอะไรขน้ึ ไฟไหม้โรงเรยี น
อยเู่ รอ่ื ย เขากไ็ ปโทษวา่ ผกู้ อ่ การรา้ ยมาเผาโรงเรยี น แตว่ า่ จรงิ ๆ แลว้ เผากนั เอง เพราะไมม่ ใี คร
มาตรวจดวู า่ เครอื่ งมอื เครอ่ื งใชไ้ ฟฟา้ ในโรงเรยี น มนั เกา่ รว่ั หรอื มปี ญั หาอะไร สมยั กอ่ นน้ี
โรงเรียนไหนมีไฟฟ้าใช้ก็เก่งแล้ว หลังคาต้องถอดกระเบื้อง ใส่กระเบื้องใสแทน เพื่อให้
แสงแดดส่องเข้ามาเป็นแสงสว่าง แต่สมัยน้ีมีไฟต่อเข้ามาถึง ถ้าไม่มีไฟฟ้าก็เป็นไฟจาก
โซลารเ์ ซลล์ ซงึ่ ก็เปน็ สอ่ื การสอนเร่ืองไฟฟ้าพลงั แสงอาทิตย์ ก็ต้องเรยี นเหมือนกัน ไฟฟา้
พลังงานน้�ำก็มี ไฟฟา้ จากสายไฟกม็ ี แตก่ ่อนนี้มแี คห่ ลอดไฟฟา้ ตอนหลังก็กระหนำ่� ดว้ ย
เคร่ืองไฟฟ้าต่างๆ เช่น คอมพิวเตอร์ ทีวี อะไรท่ีใช้เป็นส่ือการสอน ก็ใช้กันใหญ่เลย
เกินก�ำลังของไฟฟา้ ท่มี อี ยู่ เกิดเป็นภัยได้ เรอ่ื งนก้ี ม็ กี ารไฟฟ้าส่วนภมู ภิ าคมาสอน แตส่ าม
เรื่องน้ตี อ้ งเอามาประสานกนั ให้ได้

209

การสอนการงานอาชพี ในโรงเรียน

วชิ าชพี อนื่ ๆ เชน่ การสอนตดั เสอื้ กต็ อ้ งใชค้ ณติ ศาสตรค์ ำ� นวณผา้ คำ� นวณตา่ งๆ
หรือแม้แต่การท�ำขนมขบเคี้ยวต่างๆ เช่น กลว้ ยกวน ตามโรงเรยี นจะปลูกกล้วยกันมาก
สง่ิ ทนี่ ยิ มทำ� กนั คอื กลว้ ยกวน กต็ อ้ งใชก้ ระดาษหอ่ เราจะตอ้ งคดิ วา่ กลว้ ยกวนจะตอ้ งปน้ั
กอ้ นเทา่ ไร กระดาษจะตอ้ งตดั อยา่ งไร ใหม้ เี ศษกระดาษเหลอื ทง้ิ นอ้ ยทส่ี ดุ เราจะไดก้ ำ� ไร
อนั น้กี ต็ ้องใช้คณติ ศาสตร์

การพัฒนาสุขภาพอนามยั
ส่วนเรอื่ งการพฒั นาสุขภาพอนามยั เรากม็ ีกิจกรรม เชน่ การล้างมือ การตรวจ
ความสะอาด การพฒั นาสขุ นสิ ยั และใชว้ ทิ ยาศาสตรม์ าแยกแยะความสะอาดกบั ความไมส่ ะอาด
อกี ดา้ นหนง่ึ เชน่ มอี ยคู่ รง้ั หนง่ึ ทโี่ รงเรยี น เรามาวนิ จิ ฉยั ดวู า่ เรามโี ครงการอาหารกลางวนั
หรอื วา่ ตอนเชา้ ทพี่ อ่ แมไ่ ปทำ� งาน ไมม่ อี าหารใหก้ นิ กม็ โี ครงการอาหารเชา้ เพมิ่ ไปอกี หรอื วา่
อาหารเยน็ มาอกี เดก็ บางคนพกั อาศยั ทโี่ รงเรยี น อาหารเยน็ กนิ กนั เยอะแยะแลว้ ทำ� ใหเ้ ขา้ ใจวา่
ดีแล้ว แต่สภาพการขาดสารอาหารยังอยู่ สันนิษฐานว่า ฟันไม่ดีกินไม่ลง กินไม่ได้
ก็เอาหมอฟันไปตรวจ อีกทีก็สงสัยว่ามีพยาธิ ซ่ึงก็จริงด้วย มีพยาธิในท้องแย่งกินอยู่
เรากค็ ดิ วา่ ทำ� อยา่ งไร สขุ นสิ ยั อยา่ งไรจงึ จะไมม่ พี ยาธไิ ด้ หนว่ ยงานสาธารณสขุ ของจงั หวดั หนง่ึ
ถงึ กบั ลงทนุ เอาพยาธติ า่ งๆ ใสข่ วดโหล ไปตง้ั ทำ� นทิ รรศการพยาธใิ หเ้ ดก็ ดทู โ่ี รงเรยี น นา่ เกลยี ด
นา่ กลวั แต่เด็กเขาก็ชินดูแล้วเฉยๆ

210

เสริมสรา้ งศักยภาพของเดก็ ดา้ นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลย:ี
สรา้ งรากฐานของการพฒั นาชนบทอย่างย่ังยนื

บางแหง่ เรากจ็ ดั ใหม้ กี ลอ้ งจลุ ทรรศนช์ นดิ มอื สอง เรมิ่ ตน้ ใหเ้ ดก็ ใชต้ รวจเลอื ด เพอ่ื หา
ดูว่ามีเชื้อโรคมาลาเรียหรือไม่ จะได้รักษา บางแห่งก็ยังมีโรคมาลาเรีย หรือบางแห่ง
เรยี กวา่ ไขย้ งุ หาทางแกไ้ ขย้ งุ หรอื ไขม้ าลาเรยี นี้ กลอ้ งจลุ ทรรศนพ์ วกนยี้ งั ใชส้ อ่ งดโู ครงสรา้ ง
ของพืช โครงสรา้ งของสตั ว์ เช้ือโรคต่างๆ แต่บางทีกไ็ มเ่ หน็ เช้ือโรค เพราะก�ำลังขยาย
ไม่มาก แตเ่ ห็นพยาธิ กเ็ อามาให้เดก็ ได้ศกึ ษาทางด้านวทิ ยาศาสตรช์ ีวภาพได้ มีการระวงั
สขุ ภาพอนามัย ตรวจความสะอาด วัดส่วนสูง ชัง่ นำ้� หนกั ค�ำนวณออกมาว่า สขุ ภาพดี
ร่างกายสมสว่ นหรือเปล่า

การอนุรักษท์ รพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อม
มกี ารศกึ ษาเรอื่ งการอนรุ กั ษธ์ รรมชาตสิ งิ่ แวดลอ้ ม ดแู ลทรพั ยากรปา่ ไม้ อยา่ งตน้ ไม้
ต้นใหญๆ่ ต้นไม้เปน็ ชน้ั ๆ ช้ันเลก็ ๆ ที่อยใู่ ต้ต้น บางทกี ็เปน็ สมุนไพร เป็นผักที่เราสามารถ
กนิ ได้ ในเมอ่ื ผกั ในแปลงของเรายงั ไมค่ อ่ ยออก เรากไ็ ปเกบ็ จากธรรมชาตไิ ด้ และใชพ้ ลงั งาน
แสงอาทติ ยใ์ นการถนอมอาหาร เราถนอมพรกิ ถนอมกลว้ ย นกั เรยี นเปน็ คนทำ� แลว้ สอน
ใหม้ กี ารจดบนั ทึก มกี ารทำ� รายงานต่างๆ เอง

สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน
แหล่งการเรียนรู้อีกอย่างหน่ึง ในโรงเรียนก็ไปแนะน�ำให้ท�ำสวนพฤกษศาสตร์
ส�ำรวจดูว่าในเขตโรงเรียนมีพืชชนิดไหน หรือว่าให้นักเรียนผู้ปกครองช่วยกันหาพืชต่างๆ
มาปลูก และค้นควา้ ว่าชือ่ วทิ ยาศาสตร์วา่ อยา่ งไร และผลใชท้ ำ� อะไร การขยายพันธพ์ุ ืชก็
ใหเ้ ด็กเพาะเล้ยี งเนือ้ เยือ่ อย่างที่กล่าวมาแลว้

สวนพฤกษศาสตร์โรงเรยี น การเพาะเลีย้ งเนอ้ื เย่ือ

211

โครงงานวิทยาศาสตร์
นักเรยี นเอาปญั หาต่างๆ มาท�ำเป็นโครงงานวทิ ยาศาสตร์ บางทเี ด็กทำ� โครงงาน
วทิ ยาศาสตรเ์ รอ่ื งการยอ้ มสธี รรมชาติ เขากไ็ ปสมั ภาษณภ์ มู ปิ ญั ญาทอ้ งถนิ่ มา แลว้ กล็ องทำ�
เด็กทอผ้าเป็น เด็กก็จะย้อมสี นอกจากนั้นก็ยังน�ำผ้าพวกนี้มาท�ำเส้ือผ้าใช้เอง และ
ยงั จำ� หนา่ ยไดร้ ายได้ รวมทงั้ ไดค้ วามรทู้ างดา้ นวฒั นธรรมและวทิ ยาศาสตรอ์ กี อยา่ งหนง่ึ ดว้ ย
การเรยี งไมไ้ ผน่ เ้ี ปน็ สงิ่ ทใ่ี นชนบทใชก้ นั มาก มกั จะมเี ชอื้ รา เดก็ ในวนั นเ้ี ปน็ เดก็ ท่ี
บวชเณรก็สงสัยว่า ท�ำไมจงึ เกดิ เช้อื รา เกดิ แล้วเราจะแก้ไขไดอ้ ยา่ งไร เด็กก็ท�ำโครงงาน
ทางดา้ นวทิ ยาศาสตร์ แลว้ น�ำมาเสนอ
อีกเรือ่ งหนึง่ ที่เด็กๆ ชอบ เป็นเรอ่ื งทท่ี นั สมยั นอกจากคอมพวิ เตอร์แล้วอีกเรือ่ ง
ฮติ สดุ ยอดตดิ อนั ดบั กค็ อื เรอ่ื งหนุ่ ยนต์ เรากพ็ ยายามสอนเรอื่ งหนุ่ ยนตห์ ลายชนดิ หนุ่ ยนต์
ท่ีท�ำง่ายๆ จากวัสดุเหลือใช้ แล้วก็มาแข่งว่ิงหุ่นยนต์กัน พยายามให้เขาหาเหตุผลทาง
วิทยาศาสตร์ว่า หุ่นตัวน้ีก็หน้าตาเหมือนกัน ท�ำไมหุ่นยนต์อีกตัวชนะ ท�ำไมอีกตัวหน่ึง
แพเ้ ปน็ เพราะอะไร มจี ดุ ตา่ งๆ เดก็ เขากบ็ อกไดว้ า่ ตวั นถ้ี า่ นออ่ นกเ็ ลยวง่ิ ชา้ อนั นใ้ี สไ่ มไ้ ป
หลายชนิ้ หนักเกนิ ไป หรืออะไรเขาก็จะไปคน้ คว้าหาความรู้ต่างๆ
โครงงานเหล่าน้ีถ้าอยู่ในระดับสูง บางทีเขาก็สามารถใช้เครื่องมือระดับสูงได้
มบี างโรงเรียนในถ่นิ ทุรกนั ดาร สอนถงึ ชน้ั มัธยมปลาย ยกตวั อยา่ งเชน่ โรงเรยี นแห่งหนึง่
ศึกษาสภาพน้�ำในบ่อน้�ำลึกท่ีอยู่ในเขตโรงเรียน ไม่ไกลจากโรงเรียนนัก มีหลายบ่อ
เด็กสนใจส�ำรวจคณุ สมบตั ขิ องนำ�้ และคณุ สมบตั ขิ องชน้ั ดินชน้ั หินในแต่ละบ่อ กเ็ ขียนเป็น

โครงงานวทิ ยาศาสตร์ - การยอ้ มสีธรรมชาติ อนุรกั ษ์และสบื สานวฒั นธรรมและภมู ปิ ัญญาท้องถนิ่ (ปกาเกอะญอ)

212

เสรมิ สร้างศกั ยภาพของเดก็ ด้านวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี:
สรา้ งรากฐานของการพัฒนาชนบทอย่างย่ังยืน

โครงงาน แลว้ มหาวิทยาลัยในภูมิภาค อนญุ าตให้เดก็ พวกนน้ั เขา้ ไปใช้เคร่อื งมือระดับสูง
ได้ กเ็ ปน็ แรงจงู ใจ และเปน็ โอกาสให้เขาได้เขา้ เรียนในระดับมหาวิทยาลยั เรียนปรญิ ญาตรี
ปริญญาโท หรอื วา่ ต่อไปถึงปรญิ ญาเอก จากเด็กในถิน่ ทุรกนั ดาร
เมือ่ ท�ำแลว้ ก็ทำ� สอ่ื การสอนในลกั ษณะต่างๆ จะเปน็ powerpoint eBook ส่อื
วิดีโอ ซงึ่ ในเรือ่ งนีท้ ้งั ครทู งั้ นักเรยี นกจ็ ะได้พัฒนาไปด้วยกัน

วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีสร้างโอกาสใหแ้ ก่เด็กด้อยโอกาส
ในถน่ิ ทรุ กันดาร

วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีก็จะให้โอกาส สร้างโอกาสเด็กในถ่ินทุรกันดารได้
เหมอื นกัน

ระบบสารสนเทศภมู ิศาสตรเ์ พอ่ื การจัดการศกึ ษา
เม่ือสักครู่ก็พูดกันถึงเรื่องระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์เพ่ือการจัดการศึกษา
เราจะดูว่าเขตไหนมีโรงเรียน เขตไหนที่ยังอยู่ในวงท่ีใช้เวลาเดิน 2 ช่ัวโมง 3 ชั่วโมง
ในวงนย้ี งั ขาดโรงเรยี น เดมิ กระทรวงศกึ ษาจดั ไวว้ า่ โรงเรยี นประถมศกึ ษาตอ้ งมที กุ 6 กโิ ลเมตร
แต่ว่า 6 กิโลเมตรในกรุงเทพ กับ 6 กิโลเมตรบนภูเขา เดินไปสักหน่ึงกิโลเมตร
กล็ ม้ พับแลว้ ทีน่ ถ้ี ้าเปน็ GIS ก็จะเห็นความสงู ด้วย มีอปุ สรรคอะไร มแี ม่น�ำ้ ทีน่ ำ�้ เชี่ยว
ไม่สามารถข้ามไปได้ ข้ามไปก็ตาย ใช้ระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์แล้วก็จะตัดสินใจ
ไดว้ า่ ควรจะเพมิ่ เตมิ โรงเรยี นทไี่ หน เราไปทำ� โครงการแลว้ รสู้ กึ วา่ ไดป้ ระโยชน์ บางทจี ดุ ไหน
เรากใ็ สข่ อ้ มูลวัฒนธรรมได้ด้วยวา่ จดุ น้ีภาษาท้องถ่ินคือภาษาอะไร บางครง้ั โรงเรยี นหน่งึ
มคี นใชภ้ าษาทอ้ งถน่ิ หลายภาษา หรอื มวี ฒั นธรรมตา่ งๆ กนั หรอื มวี ฒั นธรรมในการกนิ เวลา

ระบบสารสนเทศภมู ศิ าสตรเ์ พือ่ จดั การศึกษา

213

เชญิ ชวนใหเ้ ดก็ กนิ อาหารทถ่ี กู ตอ้ ง เราทำ� อาหารทม่ี ปี ระโยชน์ แตก่ ต็ อ้ งใหร้ สชาดถกู ปาก
ของคนในเผา่ นน้ั ด้วย

พลังงานทดแทน
เร่ืองการใชพ้ ลงั งานทดแทน ในหลายๆ แหง่ ที่เราไปทำ� งานอยูน่ ้ี ไม่สามารถปัก
เสาไฟฟา้ แลว้ นำ� ไฟฟา้ จากกรดิ (Grid) ของการไฟฟา้ สว่ นภมู ภิ าคเขา้ ไปได้ กต็ อ้ งใชพ้ ลงั งาน
ทดแทน พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานน้�ำ จะท�ำได้หรือท�ำไม่ได้ ก็สุดแล้วแต่สภาพ
ภมู ศิ าสตร์ หรอื ไมบ่ างทใี ชท้ งั้ สองอยา่ งรวมกนั เพราะบางฤดแู ดดมาก บางฤดฝู นมาก เรากต็ อ้ ง
เลอื กใหเ้ หมาะสม มที ง้ั สองอยา่ ง บางทหี มบู่ า้ นหนงึ่ อยใู่ กลน้ ำ�้ หมบู่ า้ นขา้ งๆ กนั อยไู่ กลนำ�้
แต่ต้องการแสงแดด บางส่วนก็สวดมนต์ขอฝน ส่วนอีกหมู่บ้านสวดมนต์ไล่ฝน ก็ตีกัน
เราก็ต้องหาวิธีที่จะให้สมดุลที่สุด ที่จะใช้ส�ำหรับสื่อการสอน ใช้ส�ำหรับเรียนหนังสือ
ในเวลากลางคนื ท่ไี มม่ ีไฟ แตอ่ นั น้กี ไ็ ม่ใชส่ รา้ งเฉยๆ สร้างแลว้ เด็กตอ้ งเรียนด้วยวา่ ท�ำไม
เกิดไฟฟ้าได้

พลงั งานทดแทน

เทคโนโลยีเพือ่ การศึกษา
เทคโนโลยเี พ่อื การศกึ ษากม็ ีสอ่ื การสอน เชน่ มลั ติมเี ดีย eBook ทคี่ รพู ฒั นาขึน้
มาเอง และพยายามหาแหลง่ สบื คน้ ทางอนิ เทอร์เนต็ เดย๋ี วนี้หลายๆ โรงเรียนแมแ้ ตถ่ น่ิ
ทุรกันดารกม็ ีดาวเทียม ซึง่ ทำ� ใหส้ ามารถใชอ้ นิ เทอรเ์ น็ตออนไลนไ์ ด้ ถ้าไมไ่ ด้กใ็ ชส้ ื่อที่มีอยู่
ในเครอ่ื ง (ออฟไลน์) หรือว่าใชห้ นังสอื แทน
214

เสรมิ สร้างศักยภาพของเด็กด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลย:ี
สร้างรากฐานของการพฒั นาชนบทอยา่ งย่ังยนื

เทคโนโลยีเพือ่ การศึกษา

เทคโนโลยเี พื่อเด็กพิการ เทคโนโลยีเพื่อเดก็ พกิ าร
ในถิ่นทรุ กนั ดารหลายแห่ง นอกจาก
เด็กท่ีปกติธรรมดาแล้ว ก็มีเด็กพิการ เด็ก
บางคนไมม่ แี ขนไมม่ ขี า แตว่ า่ เขาสามารถเรยี นได้
เดก็ ในภาพเวลานเี้ รยี นมหาวทิ ยาลยั ขนึ้ ปี3 แล้ว
เราพยายามจะคดิ วิธกี ารให้ทุกคนไดศ้ กึ ษาเต็ม
ตามศักยภาพ

การจดั การศึกษาเพือ่ พัฒนาครูด้วยระบบสื่อสารทางไกล (TV Conference)
เทคโนโลยเี พอ่ื การศึกษาเพอ่ื พัฒนาครดู ้วยสอ่ื ทางไกล TV Conference โดยที่
ครเู หลา่ นไี้ มต่ อ้ งเขา้ มาถงึ มหาวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั กอ็ าศยั จดุ นดั พบสกั แหง่ แลว้ ครจู าก
หลายๆ โรงเรยี นก็เข้ามาเรียน เพอ่ื ใหเ้ ปน็ ครทู ่มี วี ุฒกิ ารศกึ ษา พฒั นาให้จบปรญิ ญาตรไี ด้

การจัดการศกึ ษาเพ่อื พัฒนาครดู ว้ ยระบบส่ือสารทางไกล (TV Conference)

215

ตวั อยา่ งโครงการอืน่ ๆ

บา้ นนักวิทยาศาสตรน์ ้อย มหาวิทยาลยั เด็ก บัณฑติ คนื ถ่นิ
ในท่ีน้จี ะกล่าวถงึ โครงการอ่นื ๆ เช่น บา้ นนักวทิ ยาศาสตรน์ ้อย ได้แบบอย่างมา
จากเยอรมัน ก็น�ำมาเผยแพร่ ใหเ้ ด็กในระดบั อนบุ าลสามารถท่ีจะใชส้ อ่ื และสามารถทีจ่ ะ
มีแนวคิดทางวทิ ยาศาสตรไ์ ด้โดยอัตโนมตั ิ ให้เดก็ สนใจใฝ่รู้ ถามปญั หา อนั นกี้ ็ไดข้ ยายไป
หลายพนั แหง่ ในเขตทุรกนั ดารและในเขตภเู ขา กม็ ีกจิ กรรมนี้ หรอื มหาวิทยาลัยเด็กกใ็ ช้
หลกั การแบบเดยี วกับเยอรมนั เชน่ เดียวกัน ไดไ้ ปดูงานทเ่ี ซยี่ งไฮ้ สาธารณรฐั ประชาชนจนี
และได้ศกึ ษาจากทางเซี่ยงไฮ้ แลว้ น�ำมาปรบั ใชก้ บั เด็กไทย

มหาวทิ ยาลยั เดก็ บณั ฑิตคืนถิน่

ส่วนโครงการนท้ี ี่เรียกวา่ บัณฑติ คนื ถ่นิ มีหลายแบบคือ ใหเ้ ด็กจากถิ่นทรุ กันดาร
ไปศกึ ษา แลว้ กลบั มาทำ� ประโยชนใ์ หก้ บั ทอ้ งถน่ิ อาจจะไมไ่ ดม้ าอยเู่ ลย เพราะวา่ ในทอ้ งถนิ่
อาจจะยงั ไมม่ งี านตรงตามทเี่ ขาศกึ ษามา แตเ่ ขากม็ คี วามคดิ ถงึ ทอ้ งถนิ่ ของเขา และมาแนะนำ�
พวกเรา หรือแนะน�ำคนที่บ้านเขา กับอีกกลุ่มหนึ่งคือครูท่ีประจ�ำการแล้ว สอนอยู่ท่ี
โรงเรียนในถิ่นทุรกันดารอยู่แล้ว ก็ให้โอกาสเขาได้เรียนต่อในระดับปริญญาโท ในสาขา
วชิ าทเ่ี ขาสนใจ การทเ่ี รยี นระดบั ปรญิ ญาโทมคี วามสำ� คญั กค็ อื วา่ ทำ� ใหเ้ ขาไดท้ ำ� การคน้ ควา้
วิจยั และเขียนวทิ ยานิพนธอ์ อกมา

216

เสริมสร้างศกั ยภาพของเด็กด้านวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี:
สร้างรากฐานของการพฒั นาชนบทอย่างย่ังยืน

ศูนยพ์ ฒั นาพนั ธ์พุ ชื จักรพันธ์เพ็ญศริ ิ
ในการพัฒนาในชนบท ส่ิงท่ีส�ำคัญท่ีสุดคือเมล็ดพันธุ์ท่ีมีคุณภาพ งานท่ีท�ำอยู่
กพ็ ยายามทำ� เมลด็ พนั ธพ์ุ ชื ผกั โดยการตงั้ โครงการทเี่ รยี กวา่ “บา้ นนมี้ รี กั ปลกู ผกั กนิ เอง”
ใหช้ าวบา้ นผลติ เมลด็ พนั ธผ์ุ กั และปลกู เอง จะกนิ อะไรกป็ ลกู เอง เมอื่ ตน้ เดอื นนี้ ไปเยยี่ ม
ชาวบา้ น ชาวบา้ นกเ็ ลา่ ใหฟ้ งั วา่ แตก่ อ่ นนที้ างกระทรวงสาธารณสขุ มาตรวจเลอื ด เหน็ วา่
เลอื ดเขามสี ารพิษสารเคมีหลายอย่าง ตัวเขาเองกร็ สู้ ึกเพลยี ไมค่ ่อยสบาย แตต่ ง้ั แตเ่ ร่มิ มา
ปลกู ผกั กนิ เอง ไมใ่ ชส้ ารเคมที จ่ี ะมสี ารตกคา้ งเปน็ อนั ตราย กร็ สู้ กึ สบายขน้ึ ตรวจเลอื ดกไ็ มม่ ี
สารพษิ หรอื มแี ตน่ อ้ ยลง เขาจะปลกู สว่ นหนง่ึ กนิ สว่ นหนง่ึ เกบ็ ไวท้ ำ� พนั ธต์ุ อ่ สว่ นหนง่ึ กข็ าย
ผกั กข็ ายบา้ ง ถา้ เกนิ แลว้ กข็ ายเมลด็ พนั ธใ์ุ หแ้ กศ่ นู ย์ ซงึ่ จะเอามาเผยแพร่ แลว้ ใหค้ นอน่ื
ไปอีก อย่างในช่วงท่ีเกิดน้�ำท่วม เราก็ใช้เมล็ดพันธุ์ผักท่ีชาวบ้านผลิต แล้วก็น�ำไปช่วย
คนอน่ื ทถี่ กู นำ�้ ทว่ ม หลงั จากนำ้� ทว่ มกจ็ ะไดป้ ลกู ผกั ไดท้ นั ที เราเรยี กโครงการนวี้ า่ “เพอ่ื นชว่ ย
เพ่ือน” และเมื่อบอกชาวบ้านว่า ได้น�ำเมล็ดพันธุ์ผักที่เขาผลิต ไปช่วยเพ่ือนๆ ในภาค
กลางทป่ี ระสบภยั เขารสู้ กึ ภมู ใิ จมากทไ่ี ดท้ ำ� ประโยชนใ์ หก้ บั เพอ่ื นชาวไทยดว้ ยกนั ทนี ก้ี ม็ ี
เมลด็ พนั ธผ์ุ กั เมลด็ พนั ธพ์ุ ชื ไร่ ทำ� อกี ทหี่ นงึ่ เมลด็ พนั ธข์ุ า้ ว กพ็ ยายามทำ� ขณะนสี้ ามารถ
ประกวดประขนั กนั เมลด็ พนั ธข์ุ า้ วบา้ นไหนทมี่ เี มลด็ พนั ธข์ุ า้ วเสยี ปนอยนู่ อ้ ยทสี่ ดุ กป็ ระกวด
ประขนั กนั ชาวบา้ นกภ็ มู ใิ จทไ่ี ดเ้ ครอ่ื งหมาย จเี อพี (GAP : Good Agriculture Practices)
จากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แสดงวา่ เปน็ พชื ทม่ี คี ณุ สมบตั ดิ ี เรากม็ คี วามรว่ มมอื กบั
สาธารณรัฐประชาชนจีน จากการประชุมคราวท่ีแล้วเรื่องหมู่บ้านไร้มลพิษ ฝ่ายจีนก็ท�ำ
ของเขาทยี่ นู นาน และฝา่ ยไทยเราก็มีโครงการอยู่ท่รี าชบรุ ี

ความรว่ มมือกบั สาธารณรฐั ประชาชนจีน
สว่ นโครงการทรี่ ว่ มมอื กบั สาธารณรฐั ประชาชนจนี อกี อยา่ งหนง่ึ คอื โครงการวจิ ยั
และพัฒนาชาน�้ำมันและพืชน�้ำมันอื่นๆ ก่อนน้ีต้นพันธุ์ของชาน�้ำมันได้จากหลายมลฑลใน
ภาคใตข้ องจนี และไดน้ ำ� มาปลกู ในเมอื งไทย ผเู้ ช่ียวชาญของจีนก็ชกั งงๆ เพราะว่าสภาพ
พ้นื ทต่ี ่างกนั วิธกี ารปลกู วธิ กี ารตดั ก็ตอ้ งสงั เกตเอาเอง แล้วใชเ้ ฉพาะในเมืองไทย จะให้
จนี สอนทกุ อยา่ งไมไ่ ด้ เขาสอนในชว่ งแรกๆ และตอนนเี้ ราสามารถผลติ นำ�้ มนั ออกมาใชแ้ ลว้
และโครงการน้ีทางท่านฑูตและภรรยาก็เพ่ิงไปเย่ียม จะมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีต่างๆ

217

ท่ีจีนมี ท้ังข้าว ท้ังไม้ผล ท้ังพืชไร่ หรือชา ท่ีมาทดลองปลูกในสภาพแวดล้อมของไทย
คดิ วา่ นอกจากความรทู้ างดา้ นวทิ ยาศาสตรท์ เี่ ราจะไดแ้ ลว้ กจ็ ะไดค้ วามสมั พนั ธอ์ นั ดรี ะหวา่ ง
ประเทศด้วย คือวา่ ชาวบ้านเห็นคนจีนมาแลว้ ก็เอาพชื อะไรมาใหเ้ ขาปลูก ไปสง่ เสริมเขา
กเ็ กิดความรู้สกึ รักชอบพอกนั

ศูนย์วจิ ัยและพัฒนาชานำ�้ มันและพืชน�้ำมัน

สรุป

สุดท้ายจะสรุปว่า ประสบการณ์ในเร่ืองการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กและ
เยาวชนไทยในท้องถ่ินทุรกันดารห่างไกลเป็นเวลากว่า 30 ปี เด็กท่ีได้ช่วยเหลือพัฒนา
ในรุ่นแรกๆ เด่ยี วนก้ี ็ออกมาเป็นครู เปน็ ผู้ประกอบอาชพี ตา่ งๆ ท้ังในราชการ ท้งั อาชพี
ส่วนตัว ท�ำงานบริษัท หรือบางคนก็เป็นผู้ประกอบการ เป็นเจ้าของกิจการของตนเอง
มีบริษัทก่อสร้างของตัวเอง เป็นข้าราชการ เป็นหมอ เป็นพยาบาล เป็นวิศวกร เป็น
นกั กฎหมาย ย่ิงพวกที่เป็นครู กไ็ ปถ่ายทอดความร้ดู ้านวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยีท่ีเรา
สอนมา ไม่ว่าจะเป็นการเพาะปลูก การเลี้ยงสัตว์ หรือว่าโภชนาการ หรือพวกท่ีเป็น
แม่บ้านก็สามารถเลี้ยงลูกได้เป็นอย่างดี และเอาความรู้เหล่าน้ีไปพัฒนาต่อ อันนี้คิดว่า
เป็นการพัฒนาอย่างย่ังยืน คือเสริมสร้างศักยภาพของคน เร่ิมต้นต้ังแต่เล็ก ถ่ายทอด
ความรู้ ปลกู ฝงั ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เจตคตทิ างวทิ ยาศาสตรท์ เ่ี หมาะสม
สง่ เสรมิ ใหเ้ ดก็ สนใจใฝร่ ู้ สามารถนำ� วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยไี ปประยกุ ตใ์ ชอ้ ยา่ งเหมาะสม
ตามบรบิ ทของทอ้ งถนิ่ ของตน เชน่ นกี้ ค็ ดิ วา่ จะเปน็ ความหมายทจ่ี ะพฒั นาชนบทอยา่ งยงั่ ยนื
ขอจบการบรรยายเพยี งเทา่ น้ี
218

สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารี
ทรงปาฐกถาพิเศษเร่อื ง

การสรา้ งสำ� นกึ ใหเ้ ด็กและเยาวชน
อนรุ ักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ

ในการประชุมสัมมนา “รักษป์ ่ าน่าน”
จัดโดย สำ� นักงานโครงการสมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี

รว่ มกับ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั และกองทัพบก
วนั ท่ี 10 มีนาคม 2557

ณ ศูนยก์ ารเรยี นรู้และบรกิ ารวชิ าการ เครือขา่ ยแหง่ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย
ตำ� บลผาสิงห์ อ�ำเภอเมอื งนา่ น จังหวดั น่าน

การสร้างส�ำนกึ ใหเ้ ดก็ และเยาวชนอนุรกั ษ์
ทรพั ยากรธรรมชาติ

การประชมุ ทธี่ นาคารกสกิ รไทยจดั ขนึ้ ครงั้ น้ี มลี กั ษณะทแี่ ปลกไปกวา่ รปู แบบทเี่ คย
จัดมาแต่ก่อน กอ่ นหน้านีเ้ ปน็ เวลา 10 ปี จดั ทีธ่ นาคารกสกิ รไทยที่กรงุ เทพมหานคร และ
มีสาธารณรฐั ประชาชนจีนเป็นประเทศทท่ี �ำงานคกู่ นั จัดในหวั ขอ้ ตา่ งๆ โดยนำ� เสนองาน
เปรยี บเทยี บกนั ในระหวา่ งสองประเทศ แตค่ รงั้ นมี้ คี วามคดิ ใหมท่ ที่ างธนาคารคอื คณุ บณั ฑรู
ลำ�่ ซำ� อยากจะจดั ท่จี งั หวัดนา่ น

ตอนแรกก็คิดกันว่าจะเชิญทางจีนมาร่วมด้วยเช่นทุกปี ซ่ึงก็เป็นไปได้เพราะว่า
ในเรอื่ งของการพฒั นาปา่ ไม้ หรอื การรกั ษาปา่ ใหอ้ ดุ มสมบรู ณน์ น้ั ทจ่ี รงิ กเ็ ปน็ ปญั หาของจนี
เช่นเดียวกัน ในประเทศจีนก็มีคนซึ่งเป็นประชาชนธรรมดา ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ราชการ
บ้านเมือง ที่เป็นผู้น�ำในการสร้างป่า เป็นท่ียกย่องไปทั่วประเทศจีน ท่านผู้นี้เสียชีวิต
ไปแล้ว ท่านได้รวบรวมเมล็ดพันธุ์แล้วก็ออกมาปลูกป่า งานของท่านมีผู้น�ำมาสร้างเป็น
ภาพยนตรก์ ง่ึ สารคดี ซง่ึ เปน็ เรอ่ื งจรงิ แตว่ า่ เปน็ การแสดงจงึ เหมอื นเปน็ เรอ่ื งนวนยิ าย ทง้ั ๆ ท่ี
เป็นเรื่องจริง ชื่อจริง สังเกตเห็นว่า นอกจากท่านจะเก็บเมล็ดพันธุ์แล้ว ยังชักชวน
ชาวบ้านมาให้ช่วยกันปลูก และเป็นที่ปรึกษาของชาวบ้านในการเพาะปลูกให้ได้ผลดี

สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกมุ ารีทรงปาฐกถา
เร่ือง การสร้างสำ� นกึ ให้เด็กและเยาวชนอนุรกั ษท์ รพั ยากรธรรมชาติในการประชมุ สัมมนา “รักษป์ ่านา่ น”

220

การสร้างส�ำนกึ ให้เดก็ และเยาวชนอนรุ กั ษ์ทรพั ยากรธรรมชาติ

ตัวทา่ นเองเป็นชาวบ้าน เพราะฉะนั้นจะทราบวา่ ชาวบ้านทีน่ นั่ ตอ้ งการอะไร และควรจะ
ปรับปรุงแก้ไขอย่างไร ก็ท�ำได้ในเขตที่เมื่อเทียบกับประเทศจีนทั้งประเทศก็ไม่กว้างนัก
แตจ่ รงิ ๆ แลว้ ถา้ เปรียบกับเรา ท่านผู้นีท้ �ำงานไดอ้ ยา่ งกว้างขวางมาก ตอนแรกก็นกึ อยู่
เหมอื นกันวา่ จะเชญิ หน่วยงานในลกั ษณะเดยี วกันในประเทศจีนมา แต่วา่ ขั้นทดลองคราว
น้ีเอาเฉพาะคนไทยก่อน

จงั หวัดน่าน

ท่ีพูดถึงจังหวัดน่านน้ี ก็เพราะเป็นจังหวัดหน่ึงท่ีมีปัญหาป่าไม้ท่ีสวยงามลดลง
ท่ีจริงทางราชการท่ีจังหวัดน่านได้คิดถึงประเด็นน้ีมาเป็นเวลา 20 กว่าปีแล้ว แต่ก่อนนี้
มีโครงการของทางจังหวัดท่ีช่ือว่า “น่านเขียวขจี” แต่เด๋ียวน้ีจะมีใครสักก่ีคนท่ีได้ยินช่ือ
“นา่ นเขยี วขจ”ี ไมเ่ คยไดย้ นิ คนพดู เรอื่ งนม้ี านานแลว้ กไ็ มท่ ราบวา่ โครงการ “นา่ นเขยี วขจ”ี
จะเดินไปได้ไกลสกั แค่ไหน ตอนน้ันมีโครงการของจงั หวัดน่านทเ่ี ดน่ ๆ คอื นา่ นเขียวขจี
ตอ้ งการให้น่าน โดยเฉพาะอย่างยิง่ บนภเู ขา มคี วามเขยี วขจี สมัยก่อนนนั้ เขยี วขจีจรงิ ๆ
เพราะเคยมาจังหวัดน่านเม่ือปี 2510 กว่าๆ ก็เขียวขจี แต่ต่อมาก็เขียวขจีน้อยลงทุกที
ทไี่ หนทเี่ ขาพดู เรอื่ ง เขยี วขจี แปลวา่ มนั ไมเ่ ขยี วขจี เขาถงึ ตอ้ งพดู แลว้ กม็ โี ครงการทจี่ งั หวดั นา่ น
สำ� นกั งานจงั หวดั ทเ่ี ขาสนใจทำ� คอื โครงการเกย่ี วกบั การปลกู หมอ่ นเลยี้ งไหม ซง่ึ กไ็ มท่ ราบวา่
ด�ำเนินการไปไดถ้ ึงแค่ไหน
ในเดอื นพฤศจกิ ายน 2538 ไดน้ ำ� นกั เรยี นนายรอ้ ยมาทศั นศกึ ษาดงู านทจี่ งั หวดั นา่ น
ก็ไดท้ �ำคู่มอื ทัศนศกึ ษาจังหวัดนา่ นเอาไว้ มีข้อความ มขี ้อมูลตา่ งๆ เช่น ขอ้ มูลพ้ืนฐาน
ของจังหวัดน่าน ซึ่งได้จากเอกสารของส�ำนักงานจังหวัด และมีส่วนหน่ึงท่ีกล่าวถึงป่าไม้

ปา่ ไมท้ ส่ี วยงาม เขียวขจที ่ีจงั หวัดนา่ น

221

กรณีน้ีคนท่ีเขียนเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า แต่ก็ได้ข้อมูลจาก
จงั หวดั นา่ น เขาเขยี นไวใ้ นเรอ่ื งปา่ ไมว้ า่ พนื้ ทปี่ า่ ไมข้ องจงั หวดั นา่ นในปจั จบุ นั ลดลงเรอ่ื ยๆ
เพราะถกู บกุ รกุ ทกุ ปี โดยเฉพาะพนื้ ทสี่ งู ประกอบกบั ประชากรสว่ นใหญป่ ระกอบอาชพี ทาง
การเกษตร และพน้ื ทสี่ ว่ นใหญเ่ ปน็ ภเู ขา มพี นื้ ทร่ี าบนอ้ ย ทำ� ใหม้ กี ารบกุ รกุ ทำ� ลายพนื้ ทป่ี า่
เพอ่ื ทำ� การเกษตรในรปู ของการทำ� ไรเ่ ลอื่ นลอย ในปี 2507 จงั หวดั นา่ นมปี า่ ไม้ 6,251,480 ไร่
หรือเทา่ กบั 87.19 เปอรเ์ ซน็ ตข์ องพ้ืนท่จี ังหวดั แตจ่ ากขอ้ มลู ภาพถ่ายดาวเทียม 2538
คือปีที่ไปทัศนศึกษานั้น ปรากฏว่ามีพื้นที่ป่าไม้จ�ำนวน 3,273,750 ไร่ หรือเท่ากับ
45.66 เปอรเ์ ซน็ ตข์ องพนื้ ทจี่ งั หวดั กลา่ วไดว้ า่ พน้ื ทป่ี า่ นน้ั ถกู บกุ รกุ ไปจำ� นวน 2,977,730 ไร่
หรือถูกบุกรุกเฉล่ียปีละประมาณ 146,000 ไร่ แล้วเขาก็เล่าเร่ืองการเลิกสัมปทานป่าไม้
สาเหตกุ ารเพมิ่ ขน้ึ และลดลงของปา่ ไม้ กม็ คี �ำอธิบายยืดยาว และอธิบายเร่ืองเขตอุทยาน
แหลง่ นำ�้ อะไรตา่ งๆ หนงั สอื เลม่ นไี้ มไ่ ดจ้ ำ� หนา่ ย คอื ทำ� เฉพาะแจกนกั เรยี นนายรอ้ ยในยคุ นนั้
ซ่งึ ป่านนีก้ ็น่าจะเปน็ นายพนั นายพลกันไปหมดแล้ว หลายทา่ นกม็ หี น้าท่ใี นการดแู ลป่าไม้
เรอื่ งปา่ ไมท้ เ่ี ราจะพดู กนั เปน็ เรอื่ งทสี่ ำ� คญั ทกุ คนในโลกกว็ า่ อยา่ งนนั้ หลายทปี่ า่ ไม้
เหมอื นกบั ซปุ เปอรม์ ารเ์ กต็ ของชาวบา้ น เวลาจะเอาอะไร กไ็ ปเอาในปา่ นนั่ แหละ มปี จั จยั ส่ี
ท่เี รารจู้ ักกันนนั่ แหละ อาหาร เครอื่ งนุง่ ห่ม ทอ่ี ย่อู าศัย และยารักษาโรค กห็ าได้จากป่า
ทงั้ นนั้ ตอนนน้ั ไปทำ� โครงการเกย่ี วกบั เรอ่ื งการปราบมาลาเรยี ทเ่ี ขมร กจ็ ะตอ้ งเชญิ ชาวบา้ น
มาพบกนั แตว่ า่ จะเชญิ นกี่ ต็ อ้ งเอาขา้ วหอ่ แจกเขา เพราะเขามาประชมุ กบั เรา เขาไมม่ เี วลาไป
“ซปุ เปอรม์ ารเ์ กต็ ” เขาจะตอ้ งไปหาทกุ สงิ่ ทกุ อยา่ งแถวทไ่ี ปทำ� งาน การเกษตรกย็ งั ทำ� กนั นอ้ ย
สว่ นมากก็หยิบเกบ็ จากปา่ ทง้ั นั้น ปา่ ทีอ่ ุดมสมบรู ณ์ยังชว่ ยปอ้ งกนั น�้ำทว่ ม ดินถล่ม ซึง่ เคย
เกิดทน่ี า่ นในสเกลทใี่ หญม่ าก และช่วยปอ้ งกันความแหง้ แลง้ ด้วย

แนวทางการด�ำเนินงาน

ในปี 2520 กวา่ ๆ กเ็ รม่ิ สนใจเรอื่ งโครงการอาหารและโภชนาการ โดยมุ่งไปท่ี
โรงเรยี น เพราะโรงเรยี นเปน็ สถานทรี่ าชการทท่ี กุ หนว่ ยงานจะมาชนุ นมุ กนั ได้ และมอี ยใู่ น
ทุกแห่งของทุกพ้ืนที่ อย่างไรนักเรียนก็ถูกบังคับให้มาโรงเรียน สมัยก่อนเรียกการศึกษา
ภาคบังคับ เด๋ียวนีใ้ หเ้ รยี กวา่ บรกิ ารทางดา้ นการศึกษา เป็นเรอื่ งที่ทกุ คนตอ้ งการและรัฐ
ต้องบริการ ไม่ใช่รัฐไปบังคับจับคนมา ทุกคนต้องการเรียนหนังสือ เป็นท่ีท่ีทุกคนมา

222

การสรา้ งส�ำนึกใหเ้ ดก็ และเยาวชนอนรุ ักษท์ รพั ยากรธรรมชาติ

ชุมนุมกัน ก็เริ่มต้นจากการปลูกต้นไม้เล็กน้อย ปลูกผัก เพื่อให้นักเรียนมีความรู้ในด้าน
โภชนาการที่ว่า จะต้องกินอะไรเข้าไปร่างกายจึงจะแข็งแรง สมองดี เรียนหนังสือได้
ผใู้ หญก่ ท็ ำ� งานได้ แตต่ อนนนั้ เรมิ่ ทเี่ ดก็ ตวั เราเองกน็ บั วา่ เดก็ เหมอื นกนั เดก็ พอใช้ เพราะวา่
ทนุ รอนทจี่ ะเรม่ิ โครงการกไ็ มม่ ี สมยั นนั้ ทำ� งานไมไ่ ดเ้ รมิ่ ทหี่ าทนุ ทำ� งานซะกอ่ น แลว้ คอ่ ยวา่ กนั
ดูสิว่าโมเดลที่คิดน้ัน มันดี มันถูก มันผิด มันเป็นไปได้แค่ไหน ค่อยๆ ท�ำ แต่ว่า
ตอนนน้ั เมลด็ พนั ธก์ุ ห็ ายาก ราคาคอ่ นขา้ งสงู บางทเี อาเมลด็ พนั ธม์ุ า ในกระสอบเมลด็ พนั ธ์ุ
มีทั้งเมลด็ พันธุน์ านาชนิด มีกอ้ นกรวด ก้อนหนิ กอ้ นหญ้า เศษไม้ มมี าครบหมด บางที
ความงอกก็ต�่ำ เอาไปใหค้ รู ตชด. ไปใหมอ่ กี ปี ครู ตชด. กต็ อ่ ว่า เอาอะไรมาให้ไมร่ ู้ ปลกู
ไม่ขึน้ เลย ตอ้ งใช้วิธีเอาจากป่านแ่ี หละ คืออาหารทีเ่ ป็นของธรรมชาติ มีอยูแ่ ล้ว ตอนแรก
กใ็ หเ้ กบ็ กนิ กนั ไป พอตอ่ มาเรมิ่ มวี ชิ าการมากขน้ึ เอาพชื หรอื สตั ว์ สง่ิ ทเ่ี กดิ ขนึ้ ตามธรรมชาติ
นไี้ ปเขา้ หอ้ งแลบ็ แลว้ ตรวจดวู า่ จะเปน็ พชื ทเี่ ปน็ อาหารทางเลอื ก หรอื อาหารแลกเปลยี่ น
จากทีม่ ีอย่ทู ่วั ไปตามตำ� ราเรียน จะมีแรธ่ าตุอะไรบ้าง มคี าร์โบไฮเดรต โปรตนี เกลือแร่
อะไรเหลา่ นี้ มอี ยใู่ นพืชแคไ่ หน กน็ ำ� มาส่งเสริมให้รับประทาน ท่ีตอ้ งการจะเนน้ คอื วา่ สง่ิ
เหลา่ น้ีก็มาจากปา่ นัน่ เอง
ทจ่ี รงิ แลว้ ขา้ พเจา้ ไดเ้ หน็ ความสวยงามของปา่ เขาลำ� เนาไพรในประเทศตา่ งๆ มาตงั้ แต่
ยงั เยาว์วยั อยา่ งทห่ี วั หนิ น้ี สมัยนัน้ มีป่ามาก พ่ีเลย้ี งเล่าว่า อายสุ องเดือน เขาก็จบั ใส่
ตระกรา้ หรอื ใส่อะไรไม่ทราบ แล้วขึ้นรถไฟไปหัวหนิ แล้ว สมยั น้ันไม่มถี นน เราก็ไปอยู่
เรื่อยๆ ก็เห็นเรื่องป่าไม้มา พออายุได้ 7 ปี ก็รู้เรื่องแล้ว ไปที่เชียงใหม่ ก็มีป่า มีคนที่
อาศัยป่าเป็นที่อยู่ เป็นที่เล้ียงชีพ ได้เห็นและคลุกคลีอยู่กับป่าไม้อยู่ และก็มีปัญหาอยู่
สมัยก่อนชาวบ้านใช้วิธีถางป่า ท�ำไร่เล่ือนลอย แต่ว่าในวิชาที่เรียนท่ีจุฬาฯ เขาอธิบาย
ให้ฟังว่า ชาวบ้านท�ำไร่เล่ือนลอย ย้ายอพยพไปเรื่อยๆ จะมีวงจร ถึงเวลา 20 กว่าปี
วงจรกจ็ ะกลบั มาทเ่ี ดมิ เวลานน้ั สมยั ทสี่ อน เขามกี ารคำ� นวณตา่ งๆ แตจ่ ำ� ไมไ่ ดแ้ ลว้ กจ็ ะมี
พชื พรรณธรรมชาตทิ พี่ ระเจา้ อยหู่ วั รบั สง่ั ไวว้ า่ การรกั ษาปา่ ไม้ ถา้ ไมไ่ ปรงั แกมนั มนั กจ็ ะขน้ึ มาเอง
กลบั คนื ตามธรรมชาติ เราจะไปดุชาวเขาท่ที ำ� ไรเ่ ลอื่ นลอย แตท่ จ่ี ริงแล้ว ถ้าเปน็ จ�ำนวน
คนเท่าคนในสมัยก่อน วิธีการที่เขาย้ายไปเรื่อยๆ ผู้คนจากในเมืองก็ยังไม่ได้บุกเข้าไปป่า
ท�ำอะไรต่างๆ ทำ� กนั อยู่แบบดงั้ เดมิ นี่ ก็ไมค่ อ่ ยเสยี หายมากนกั

223

ต่อมาเริ่มทำ�ป่าไม้แบบลักลอบ มีเครื่องมือ เลื่อยไฟฟ้า ซึ่งเลื่อยได้รวดเร็ว
ทำ�ลายลา้ งเรว็ ตอนหลงั ไมใ่ ชว่ ธิ เี ลอ่ื ยแลว้ ใชว้ ธิ เี ผาปา่ ทง้ั ภเู ขา เพอ่ื จะปลกู พชื ทำ�ไรท่ ำ�มาหากนิ
เดมิ บอกวา่ เผาปา่ เพอ่ื หาแมลง แตต่ อ่ มาเรอ่ื งแมลงกไ็ มม่ ใี ครพดู ถงึ ในบางพน้ื ทแ่ี ถวนา่ นไมไ่ ด้
พูดถึงแมก้ ระทง่ั ตัดไม้ทำ�ลายป่า จะเอาไมเ้ ถือ่ นไป ก็ไม่พดู แล้ว ตดั ไมป้ ลูกพืชไรอ่ ยา่ งเดียว
ทำ�ให้พืชสตั วต์ ามธรรมชาตทิ มี่ ีอยหู่ มดไป เผาซปุ เปอร์มาร์เกต็ ไปหมด จะเห็นในภาพน้ี

พ้ืนที่ป่าไมข้ องจังหวดั นา่ นลดลงเร่ือยๆ จากการถูกบกุ รกุ โดยเฉพาะพนื้ ทส่ี ูง

เมอื่ เรมิ่ มแี นวคดิ หลกั ๆ กเ็ รมิ่ ทำ� ทโี่ นน่ ทนี่ ี้ ไมใ่ ชเ่ ฉพาะทโี่ รงเรยี น ตชด. แหง่ เดยี ว
แตว่ า่ โรงเรยี น ตชด. เปน็ ทท่ี ท่ี ำ� งานเปน็ กอบเปน็ กำ� เปน็ ชน้ิ เปน็ อนั มากขนึ้ เนอ่ื งจากขา้ พเจา้
เป็นครู และท�ำงานเร่ืองโภชนาการของเด็กอยู่แล้ว จึงคิดว่าการฝากแนวคิดให้แก่เด็ก
ใหศ้ กึ ษาหาความรจู้ ากปา่ ไมเ้ ปน็ สอื่ การสอนทดี่ ที ส่ี ดุ กม็ คี นอน่ื ทำ� อยบู่ า้ ง แตว่ า่ เปน็ แนวคดิ
อกี แบบหนง่ึ คอื เขาจะท�ำให้เหน็ รูปภาพปา่ ท่ีแห้งแลง้ มองไม่เห็นตน้ ไม้ มไี ฟป่า เพือ่ ให้
เกิดความสลดสังเวช จะได้ไม่ท�ำ แต่ขา้ พเจา้ พยายามพูดศพั ท์ทางพระ แต่วา่ ไม่มีคนเขา้ ใจ
พอดเี หน็ วา่ ทนี่ มี้ พี ระสงฆเ์ ยอะ คอื บอกวา่ กรรมฐานตา่ งๆ มถี งึ 40 กอง เรากเ็ ลอื กเอาสงิ่
ทตี่ อ้ งตามจรติ นสิ ยั ของเรา แบบใหเ้ กดิ ความสลดนนั้ เรยี กวา่ พจิ ารณา อสภุ กรรมฐาน คอื
ใหพ้ จิ ารณาซากศพของไมส่ วยงาม แตค่ วามคดิ ของเราอยากใหพ้ จิ ารณาความสวยงามของมนั
ใหด้ สู วิ า่ ปา่ เปน็ สงิ่ สวยงาม เปน็ สงิ่ ทม่ี ปี ระโยชน์ เปน็ สง่ิ ทนี่ า่ สนใจ วา่ อยา่ งนนั้ เมอ่ื คนเรา
เหน็ วา่ เปน็ สงิ่ ทนี่ า่ รกั นา่ สนใจ และเปน็ สมบตั ขิ องเรา เราจะหวงแหน ไมอ่ ยากทำ� รา้ ย ใคร
ท่เี รียนเรอ่ื งอะไร เขาก็จะรักเร่ืองนน้ั มอี ยคู่ รัง้ หนึ่งปลวกมาแทะบ้าน แทะต้นไม้ กไ็ ปหา
อาจารย์ทีว่ า่ ให้เคา้ ชว่ ย ท�ำอยา่ งไรจะก�ำจัดปลวกได้ แต่ไปผดิ คน อาจารย์คนนนั้ ทำ� วจิ ัย
เร่อื งปลวกและรักปลวก เขากจ็ ะไมท่ ำ� ลาย เพราะอาจารย์ทา่ นรักมาก จงึ ผดิ วตั ถปุ ระสงค์
224

การสร้างส�ำนึกใหเ้ ดก็ และเยาวชนอนุรักษท์ รพั ยากรธรรมชาติ

เราต้องการให้เด็กหรือเยาวชนเรียนต้ังแต่ต้น และไม่ใช่เฉพาะเด็กและเยาวชน
โครงการต่างๆ ก็ได้ เช้ือเชิญ ชักชวน ผู้ปกครองของเด็ก และผู้น�ำท้องถ่ิน เข้าร่วม
ทำ� งานดว้ ยกนั เปน็ แนวทางการดำ� เนนิ การ คอื ผทู้ เี่ รยี นลงมอื ปฏบิ ตั เิ อง เกดิ เปน็ โครงการ
ที่แยกออกมาชดั เจน 2 โครงการ คือ โครงการอนุรักษธ์ รรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อม กบั
อีกโครงการ คือ โครงการอนุรักษว์ ฒั นธรรมของตน หรอื วฒั นธรรมทอ้ งถ่นิ เพือ่ ท่ีจะ
ใหร้ วู้ า่ รากเหงา้ ของตวั คอื อะไร สองอยา่ งนบ้ี างทกี ใ็ กลช้ ดิ กนั เพราะวา่ วฒั นธรรมทอ้ งถน่ิ
ของหลายๆ แห่ง กจ็ ะมีส่วนรว่ มในเร่อื งของการรักษาอนรุ ักษ์ธรรมชาติเหมอื นกัน

เราท�ำมานานแล้วเกี่ยวกับเรื่องการเกษตรกับการอนุรักษ์ธรรมชาติเป็นของคกู่ นั
ไมใ่ ชว่ า่ ทำ� การเกษตรจะตอ้ งทำ� ลายธรรมชาตสิ งิ่ แวดลอ้ มหมด นนั้ เปน็ ความคดิ ทไี่ มถ่ กู ตอ้ งนกั
ใหเ้ ยาวชนคดิ วา่ แตโ่ บราณมขี องอะไร เชน่ เดก็ ไปศกึ ษาเรอื่ งการยอ้ มผา้ ใชก้ ารยอ้ มผา้
ด้วยรากของต้นอะไร ดว้ ยเปลอื ก ด้วยเมล็ด ดว้ ยใบของต้นอะไร ซงึ่ หากเปน็ ครมู าจาก
ขา้ งนอกเขาจะไมท่ ราบเรอื่ งเหลา่ นี้ เดก็ กส็ ามารถไปถามจากคณุ ปู่ คณุ ยา่ คณุ ตา คณุ ยาย
คณุ พ่อ คุณแม่ เขากจ็ ะทราบวา่ ส่งิ เหลา่ นั้นเป็นอย่างไร

ป่ าชุมชนกับนักเรียนโรงเรยี น ตชด.

ปา่ ทเ่ี ปน็ สอ่ื การสอนในหลายๆ เรอื่ งน้ี คอื ปา่ ทเี่ ราเรยี กวา่ ปา่ ชมุ ชน ปา่ ชมุ ชนน้ี
ได้เร่ิมด�ำเนินการมาต้ังแต่ปี 2530 ท่ีท�ำจริงจังโดยใช้ป่าชุมชนท่ีมีอยู่แล้วในชุมชน หรือ
ชุมชนไหนไม่มี ทางโรงเรียนก็ประสานกับชุมชนขอกันพ้ืนที่ป่าเพื่อท�ำเป็นป่าชุมชน และ
รว่ มกนั ดแู ลรกั ษา ครกู จ็ ะมกี จิ กรรมพานกั เรยี นไปศกึ ษาธรรมชาตวิ ิทยาในป่าว่ามีอะไรบ้าง
มีพืช มีสัตว์ มีหินและดินเป็นอย่างไร มีความสัมพันธ์อย่างไร ในด้านความสัมพันธ์ทาง
นิเวศวิทยา เป็นส่งิ ท่สี �ำคัญ เพราะวา่ ทุกสิง่ ทกุ อยา่ งอาศยั และพ่ึงพากัน ปา่ มีนกมสี ตั ว์
เป็นผู้ช่วยผสมพันธุ์พืชในป่า และหากมีป่า สัตว์ก็อาศัยได้ จะอธิบายทุกขั้นตอนใน
ระบบนิเวศว่า อะไรสืบเน่ืองกับอะไร บางพื้นที่ก็ร่วมกับชุมชนปลูกต้นไม้ในเขตท่ีกันไว้
เปน็ ปา่ ชมุ ชน
จากการดำ� เนนิ งานพบวา่ หลายพนื้ ทไี่ ดผ้ ลดมี าก และผนู้ ำ� ชมุ ชนซงึ่ เปน็ กรรมการ
การศกึ ษาของโรงเรยี น กเ็ ปน็ ผนู้ ำ� ในการรกั ษาปา่ ชมุ ชน บางทกี อ็ อกไปทกุ วนั บางทกี เ็ มอ่ื มี

225

ผนู้ �ำชุมชน ซึ่งเป็นกรรมการการศึกษาของโรงเรียน ชักชวนนักเรียนทำ� กจิ กรรมดแู ลรกั ษาป่าชุมชนของเขา

เหตุการณ์ส�ำคัญ วันสำ� คัญของประเทศ วันหยุดราชการ หรอื วันส�ำคัญทางพทุ ธศาสนา
นอกจากกจิ กรรมทางศาสนา กจ็ ะมกี จิ กรรมเพมิ่ ขนึ้ มาอกี อยา่ งคอื ดแู ลรกั ษาปา่ ชมุ ชนของเขา
ทเี่ ขาจะเรียนรู้ได้ ภายหลงั นอกจากใหเ้ ขา้ ไปช้ีเฉยๆ ก็มีภูมิปัญญาท้องถน่ิ มคี วามร้ตู ่างๆ
เก่ียวกบั เร่ืองปา่ มีแม้กระทัง่ นิทานพน้ื บา้ น และวชิ าการต่างๆ แล้วเราเอามาโยงกบั ทาง
ด้านวชิ าการในโรงเรยี น เช่น วิทยาศาสตร์ ส่งิ แวดล้อม ชีววทิ ยา แมแ้ ต่คณติ ศาสตร์กท็ �ำได้
สามารถคำ� นวณต่างๆ เกีย่ วกับต้นไม้ได้

การจัดกิจกรรมการเรียนรูเ้ ร่ืองการอนุรกั ษท์ รพั ยากรป่ าไม้

ในปี 2554 ไดเ้ รมิ่ ดำ� เนนิ การรว่ มมอื กบั กรมปา่ ไม้
ศึกษาพื้นท่ีปลูกป่าที่ถูกท�ำลายไป ท้ังพ้ืนท่ีภูเขา พื้นท่ี
ปา่ พรใุ นภาคใต้ พนื้ ทอี่ นื่ ๆ ทปี่ ระสบภยั ธรรมชาติ นำ�้ ทว่ ม
ดนิ ถลม่ ตา่ งๆ สรา้ งบา้ นไปกย็ งั ถลม่ เพมิ่ ขนึ้ ไปอกี อยา่ งพน้ื ดนิ
แถวน้เี อง เพง่ิ เกดิ ดนิ ถล่มไปกย็ า้ ยบา้ นชาวบ้านไป ไอ้ท่ี
ยา้ ยไปใหมก่ ด็ หู นา้ ตานา่ กลวั มากเหมอื นจะถลม่ ตอนนยี้ งั
ไม่ถลม่ แต่วา่ เม่อื ไหร่จะถลม่ กไ็ ม่ทราบ จึงได้ท�ำหลกั สตู ร
การทดลองส�ำหรบั ช้นั ป.5 เป็นหลกั สตู ร 40 ชัว่ โมง
เดก็ นกั เรยี นบางทกี ไ็ มใ่ ชแ่ ค่ ป.5 อยา่ งเดยี ว บางทกี ร็ วมๆ
กันหลายชัน้ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ในโรงเรียน กศน. ท่ีครู
กศน. รับการฝกึ อบรมมาให้สอน ให้ใชส้ อ่ื การสอนที่มใี น
พ้ืนที่ กท็ �ำโมเดลทีแ่ สดงใหเ้ หน็ วา่ ดินถล่ม ป่าไม้หมดไป

226

การสรา้ งสำ� นกึ ใหเ้ ด็กและเยาวชนอนรุ ักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ

จะเกิดอะไรข้ึน ข้อเสีย ข้อท่ีเป็นปัญหา จะเป็นอย่างไร
กใ็ หเ้ ขาไปสงั เกตอกี ในพนื้ ทจ่ี รงิ คณุ ครจู ดั การไดด้ ี ทำ� ให้
เห็นความสำ� คญั ของปา่
กิจกรรมในห้องเรียนออกแบบให้เด็กรู้ถึงการ
เจริญเติบโต กว่าป่าไม้จะสมบูรณ์ต้องใช้เวลานานเท่าไร กิจกรรมเรียนรใู้ นห้องเรียน
ท�ำการทดลองศึกษาจากภูมิปัญญาท้องถ่ิน ก็ท�ำให้มี ทอี่ อกแบบใหเ้ ดก็ มคี วามรสู้ กึ ทดี่ เี กยี่ วกบั ปา่
ความรสู้ กึ ทด่ี ๆี เกย่ี วกบั ปา่ จนสามารถถา่ ยทอดสงิ่ ทด่ี ที เี่ กดิ ขน้ึ ในตวั นกั เรยี นผา่ นกจิ กรรม
การเลน่ ละครได้

สวนพฤกษศาสตรโ์ รงเรียน

โครงการท่ที �ำมานานแลว้ เช่นกันคอื สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน ตอนน้นั ตอนที่
ไดไ้ ปบรรยายทสี่ วนควิ ประเทศองั กฤษ อาจารยท์ มี่ หาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตรท์ า่ นบอกวา่
หัวข้อที่พูดนี้น่าจะเป็นพวกสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน เพราะว่าเป็นเร่ืองท่ีค้นคิดและ
ด�ำเนินการกันมาเองในประเทศไทย โดยท่ีไม่ใช่ว่าไปเลียนแบบโมเดลจากต่างประเทศ
ก็เป็นงานหนึ่งของการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช โดยให้เยาวชนได้ใกล้ชิดกับพืชพรรณไม้
เห็นคุณค่า ประโยชน์ ความสวยงาม อันก่อให้เกิดความคิดท่ีจะอนุรักษ์พืชพรรณต่อไป
เดก็ ทง้ั ในตา่ งจงั หวดั และทก่ี รงุ เทพฯ ระดบั ตงั้ แตอ่ นบุ าลจนถงึ มหาวทิ ยาลยั มาศกึ ษาเรอื่ งพชื
ยงิ่ เรยี นสงู เทา่ ใด กอ็ าจจะทำ� ไดล้ กึ เชน่ มกี ารนำ� ไปศกึ ษาในหอ้ งแลบ็ เยาวชนนำ� พรรณไม้
มาปลกู แลว้ สงั เกตการณใ์ นโรงเรยี น โยงกบั วชิ าตา่ งๆ แตก่ อ่ นเรยี กวา่ 8 กลมุ่ สาระวชิ า
แต่เดี๋ยวนี้ก�ำลังจะเปลี่ยนชื่ออีกแล้ว จ�ำไม่ได้ แต่รวมแล้วคือทุกวิชา ท้ังวิชาทางศิลปะ
วชิ าทางภาษา ทงั้ ภาษาไทย ภาษาองั กฤษ ภาษาจนี ภาษามาเลเซยี ภาษาเขมร มดี นตรี
นาฏศิลป์ ศึกษาท้ังด้านชีวภาพและกายภาพของการเจริญเติบโตของพืช ได้ใช้ทุกวิชา
รวมทง้ั ภูมิปัญญาท้องถิ่น เพือ่ ท�ำให้เห็นคุณคา่ ของพรรณไม้
โรงเรยี นมอี กี โครงการคอื SchoolNet มหี ลายโรงเรยี นทน่ี ำ� ผลการศกึ ษาของเขา
ลงใน SchoolNet เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นโรงเรยี นอน่ื ไดศ้ กึ ษาเชน่ เดยี วกนั และคนทด่ี ู SchoolNet
กไ็ มใ่ ชเ่ ฉพาะคนไทย ชาวตา่ งประเทศเขา้ มาดดู ว้ ย กม็ ชี าวตา่ งประเทศทมี่ าสนใจโครงการ

227

กิจกรรมเดินสำ� รวจพนั ธุ์ไม้

แลว้ กม็ าอาสาสมคั รมาเปน็ ครสู อนนกั เรยี น สอนทไี ดห้ ลายโรงเรยี นเพราะวา่ เดย๋ี วน้ี social
media ทม่ี อี ยู่ สามารถเผยแพรค่ วามรไู้ ดก้ วา้ งไกล และมกี ารแลกเปลย่ี นความรรู้ ะหวา่ ง
คนไทยกบั ชาวอเมรกิ นั ทม่ี าสอนนกั เรยี น ไดร้ วบรวมพนั ธไ์ุ มไ้ วม้ ากทเี่ ดยี วกนั ทำ� ใหม้ พี นั ธพ์ุ ชื
และตวั อยา่ งพชื แหง้ ซงึ่ เปน็ เทคนคิ ทตี่ อ้ งหดั ทำ� มมี มุ หนงั สอื คน้ ควา้ ทางดา้ นพฤกษศาสตร์
โรงเรียน เด็กโรงเรียน ตชด. ก็มีโครงการศึกษาว่า เฟิร์นในโลกมีกี่ชนิด ในประเทศไทย
มกี ่ีชนิด ในหมู่บ้านเรามกี ่ีชนิด เขาเดินสำ� รวจพนั ธุไ์ ม้ เขามกี ลอ้ งดิจิทัลถ่ายรูป แล้วก็ไป
ค้นเอกสารท่ีมุมหนังสอื รแู้ ล้วกล็ งเวบ็ ไซต์ของโรงเรยี นไว้เผยแพรค่ วามรแู้ ก่ทุกคน ก็เป็น
งานท่ีท�ำได้ระหวา่ งชมุ ชน ผูป้ กครอง และนักเรียน

โครงการอนรุ ักษ์พันธุกรรมพืช

โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชซึ่งท�ำกันทั่วประเทศมีสัญลักษณ์ที่ช่วยกันเลือก
เป็นดอกชมพูภูคา ซ่ึงเป็นพืชประจ�ำท้องถ่ินของจังหวัดน่านนี้เอง ก็ถือว่าจังหวัดน่านมี
สว่ นรว่ มในเรอื่ งนี้ เราไดท้ ำ� การปลกู ปกั พนั ธกุ รรมพชื ในปา่ ธรรมชาติ รวบรวมพนั ธกุ รรมพชื
ท่ีมีแนวโน้มท่ีใกล้จะสูญพันธุ์ เกิดจากเปล่ียนแปลงส่ิงแวดล้อมทางธรรมชาติ แต่ก่อนนี้
เวลาจะทำ� เขอ่ื นกด็ ี จะวางสายไฟฟา้ แรงสงู กด็ ี เรากใ็ หค้ นของเราทอ่ี ยใู่ นโครงการอนรุ กั ษ์
พนั ธกุ รรมพชื ไปสำ� รวจกอ่ นทพ่ี ชื เหลา่ นนั้ จะถกู ทำ� ลาย กม็ กี ารยา้ ยที่ ตอนหลงั ทป่ี ลกู ปกั
ไวไ้ ด้ กท็ ำ� แผนทโี่ ดยใช้ GPS กำ� หนดวา่ พนื้ ทต่ี รงนเี้ ปน็ ตน้ อะไร อนั นไ้ี ดช้ ว่ ยสรา้ งจติ สำ� นกึ
ในกลุ่มเปา้ หมายต่างๆ

228

การสร้างสำ� นกึ ใหเ้ ด็กและเยาวชนอนรุ กั ษ์ทรัพยากรธรรมชาติ

ป่ า 3 อยา่ ง ประโยชน์ 4 อยา่ ง

การฟื้นฟูป่าก็เป็นเรื่องเร่งด่วนในชุมชน มีหลายตัวอย่าง แต่จะพูดก็ไม่มีเวลา
เอาย่อๆ ก็แล้วกัน เรื่องท่ีพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชกระแสซ้�ำๆ อยู่อย่างน้ันในหลายพื้นที่
หลายแห่งว่า ป่า 3 อย่าง มีป่าไม้ใช้สอย เป็นไม้ไผ่โตเร็ว หรือสะเดา ไม้ผล ผักกินใบ
ผักกินหัวชนิดต่างๆ น่ีก็เป็นอาหาร เป็นแหล่งรายได้ เอาไปขายได้ แม้แต่ต้นที่เขาท�ำ
ป่าไม้กันสมัยก่อนคือปลูกสัก เขาตัดปั๊บก็ต้องปลูก มีวงรอบการตัด มีการปลูกทดแทน
อยา่ งท่ี 4 คือเปน็ อุปกรณช์ ว่ ยอนุรกั ษด์ ินและนำ�้ สิง่ นีจ้ ะชว่ ยสร้างสมดลุ ของระบบนิเวศ
ป้องกนั ผวิ ดนิ ให้ชุ่มชืน้ ดดู ซับน้�ำฝน คอ่ ยๆ ปลดปล่อยความชน้ื สสู่ วนเกษตรกรรม และ
เปน็ การอนุรกั ษด์ ินและนำ้� ทีด่ ที ส่ี ดุ คือ พืชพันธธุ์ รรมชาติในทอ้ งถิน่ น้นั เอง

เรอื่ งนคี้ อ่ นขา้ งเปน็ เรอื่ งทขี่ ดั แยง้ กนั
เพราะวา่ คนทว่ั ไป ถา้ ปลกู ตน้ ไม้ กต็ อ้ งการ
ปลกู ตน้ ไมท้ มี่ ผี ล ตน้ ไมท้ ใี่ หผ้ ลติ ภณั ฑ์ เชน่
ยาง แต่พืชพวกน้ีเป็นพืชจากภายนอก
เม่อื นำ� มาปลูกแล้วก็เป็นต้นสูง แตว่ า่ ราก
จะไม่หยั่งลงไปในดินได้ลึกเท่าพืชพันธุ์
ธรรมชาติ เราก็พยายามท่ีจะใช้ประโยชน์
ของพวกน้ีคือ ช่วยอนุรักษ์ดินและน�้ำ ป่า 3 อยา่ ง ประโยชน์ 4 อยา่ ง

อกี อยา่ งหนง่ึ คอื ใหเ้ กดิ เปน็ รม่ สำ� หรบั ใหพ้ ชื พนั ธท์ุ างเศรษฐกจิ ตา่ งๆ ทเ่ี ปน็ สมนุ ไพร ทเ่ี ปน็
พชื ราคาสงู ใหข้ นึ้ อยใู่ ตน้ นั้ ได้ อยา่ งเชน่ เขาทำ� สวนกาแฟในตา่ งประเทศ กต็ อ้ งมพี ชื พนื้ เมอื ง
พวกนข้ี นึ้ อยู่ เพื่อให้รม่ แก่ต้นกาแฟของเขา

การปลูกป่ า Re-Green Movement

โครงการนี้มาจากต่างประเทศ ช่ือว่า Re-Green Movement (RGM) เป็น
การรเิ รม่ิ จากประเทศญป่ี นุ่ เขามาทำ� ในเมอื งไทยทกุ ปี สว่ นมากจะมาทจ่ี งั หวดั นา่ น เปน็
ชาวญ่ีปุ่น ไม่ใช่หน่วยงานราชการ เป็นประชาชนญ่ีปุ่น เป็นแม่บ้าน อาจจะมี
นักการเมืองท้องถ่ินบ้าง ใช้ปลูกป่าเชิงอนุรักษ์ระบบนิเวศ ท่ีเรียกว่า Ecological

229

Reforestation เป็นแนวทฤษฎขี องศาสตราจารยอ์ ะกริ ะ มิยาวากิ แต่วา่ ผทู้ นี่ �ำมาให้เรา
นค้ี ือศาสตราจารย์ ชนุ จิ มูไร ซงึ่ ท่านเปน็ วิศวกร ตอนหลังมาเล่นมากเก่ียวกับ Remote
Sensing เมอ่ื มาดเู รอื่ งปา่ ทา่ นสนใจ Re-Green Movement จงึ เรมิ่ ทำ� กนั มาตงั้ แต่ พ.ศ. 2534

ตอนที่ศาสตราจารย์มูไรพาไปหา
ศาสตราจารยม์ ยิ าวากนิ น้ั โดนทา่ นมยิ าวากิ
ดเุ อา บอกวา่ คนอยา่ งนไี้ มอ่ ยากคบดว้ ยหรอก
ถามทา่ นวา่ เปน็ อยา่ งไร ดแู ตภ่ าพถา่ ยดาวเทยี ม
แลว้ ไมเ่ คยไปแตะพนื้ จรงิ อยแู่ ตใ่ นหอ้ ง อยกู่ บั
เคร่ืองคอมพิวเตอร์ ดูแต่ภาพถ่ายดาวเทียม
อย่างนั้นแหละ จะไปได้อะไร ก็บอกว่า
เปลา่ เลยนะความจรงิ เริ่มข้นึ จากการเหยยี บ
กจิ กรรมปลูกปา่ Re-Green Movement
ของศาสตราจารยอ์ ะกิระ มยิ าวากิ
พื้นที่จริงๆ อธิบายท่านฟังท่านก็ยอมรับดี
ทา่ นใชป้ ลกู ไมท้ อ้ งถน่ิ ใหห้ นาแนน่ และปลกู ผสมหลายพนั ธ์ุ 3 - 5 ตน้ ตอ่ พนื้ ที่ 1 ตารางเมตร
แล้วก็เชิญชวนบุคคลต่างๆ มีแม่บ้าน ประชาชนท่ัวไป มาจากญี่ปุ่น มาเป็นประจ�ำ
แตล่ ะปจี ะปลกู ตน้ ไมใ้ นพนื้ ทข่ี นาดใหญต่ ง้ั แต่ 0.8 จนถงึ 2 เฮคตาร์ ในหมบู่ า้ นใน 3 จงั หวดั
คอื ราชบรุ ี เลย และน่าน แต่ละปกี ็ปลูก 10,000 ตน้ ข้นึ ไป เวลาน้ไี ปดูตน้ ท่ที า่ นเหลา่ นี้
ปลกู ไว้ ตอนนสี้ งู ทว่ มหัวเลย

โครงการอุทยานธรรมชาตวิ ทิ ยา

โครงการอทุ ยานธรรมชาตวิ ทิ ยาเรมิ่ ตน้ ตงั้ แตป่ ี 2543 จากการทไี่ ปเทย่ี ว ชอบไป
เทย่ี วเดนิ ปา่ สมยั กอ่ นนท้ี อี่ ำ� เภอสวนผงึ้ จงั หวดั ราชบรุ ี เปน็ พนื้ ทที่ ร่ี อ้ นมาก เดนิ เหนอื่ ยมาก
ไปเห็นล�ำธารกด็ ใี จ ว่ิงเข้าไป ปรากฏว่าเปน็ ธารนำ�้ ร้อน ก็แย่หนอ่ ย วันน้นั กินขา้ วไม่ได้
ท้ังวันเลย ร้อนมาก กินได้แต่น้�ำ แต่ท�ำให้เกิดแนวคิดว่าพ้ืนท่ีน้ีเป็นเหมืองเก่าและเป็น
ชายแดนตดิ กบั สาธารณรฐั แหง่ สหภาพพมา่ ครอบคลมุ พนื้ ที่ 210 ตารางกโิ ลเมตร เปน็ ปา่
ท่ีเป็นต้นก�ำเนิดของล�ำน้�ำภาชี มีล�ำน้�ำย่อยหลายลุ่มน้�ำเช่น ห้วยบ่อหวี ห้วยบ่อคลึง
ห้วยคอกหมู ห้วยค้างคาว รวมกันยาวกว่า 220 กิโลเมตร พ้ืนท่ีด้านหลังเป็นเทือกเขา
ตะนาวศรี ซ่ึงเป็นเสมือนก�ำแพงปะทะพายุฝนเอาไว้ เป็นพื้นที่ท่ีมีความหลากหลายทาง

230

การสรา้ งส�ำนกึ ใหเ้ ด็กและเยาวชนอนุรักษท์ รพั ยากรธรรมชาติ

ชีวภาพ เป็นท่ีอาศัยของสัตว์ป่าหลายชนิด เป็นท่ีเกิดของป่าดิบช้ืน ป่าดิบเขาและป่า
เบญจพรรณทอี่ ดุ มสมบรู ณ์ และยงั มคี วามหลากหลายทางธรณวี ทิ ยา ทง้ั สภาพดนิ หนิ แร่
บางสว่ นเคยเปน็ พนื้ ทส่ี มั ปทานทำ� เหมอื งแรด่ บี กุ กม็ ลี ำ� หว้ ย นำ้� ตก ภเู ขา ทร่ี าบ บอ่ นำ�้ รอ้ น
เป็นต้น

ตอนนี้เปน็ ทศ่ี กึ ษาที่คนนยิ มไปศึกษากันมาก มเี สน้ ทางการเดนิ สำ� รวจจ�ำแนก
ทรพั ยากรชวี ภาพและกายภาพ เปน็ งานทคี่ อ่ นขา้ งจะใหม่ เมอ่ื ตอนไปเรมิ่ เดนิ ทาง พบวา่
ไม่มีนกั ส�ำรวจเก่าๆ เขา้ มา ทำ� ไมถงึ เว้นที่ตรงน้ไี ว้กไ็ มท่ ราบ การท่ีผทู้ ศี่ กึ ษาเรื่องปา่ ไมท้ ม่ี ี
ชอ่ื เสยี งไมไ่ ดท้ ำ� ตรงน้ี กเ็ ปน็ โอกาสปรบั ปรงุ พนื้ ทต่ี รงนเ้ี ปน็ สถานศกึ ษาธรรมชาติ ถา่ ยทอด
เทคโนโลยที างวชิ าการ มกี ารจดั คา่ ยสง่ิ แวดลอ้ ม 2 วนั 3 คนื โดยเปรยี บแตล่ ะคนเหมอื น
เปน็ เมลด็ พนั ธท์ุ ด่ี ี ปลกู จติ สำ� นกึ ฝกึ กระบวนการทกั ษะทางวทิ ยาศาสตร์ รว่ มกนั เปน็ หมคู่ ณะ
ศึกษาคุณค่าของธรรมชาติ มี 4 หลักสูตร คือ เรียนรู้เร่ืองต้นไม้ เรียนรู้ส่ิงแวดล้อม
สงิ่ แวดลอ้ มเบอื้ งตน้ และมโี ครงการเพอื่ นสายนำ้� กจิ กรรมสง่ิ แวดลอ้ มศกึ ษานกี้ เ็ ปน็ กจิ กรรม
ระยะสนั้ 1 - 3 ชวั่ โมง เนน้ ความเขา้ ใจธรรมชาตสิ งิ่ แวดลอ้ ม มเี สน้ ทางเดนิ ศกึ ษาธรรมชาติ
ใต้เงาไม้ เพ่ือนสายน้�ำ มหาวิทยาลัยเหมืองแร่ ต้นไม้ ไม้พ้ืนราบ ป่าไม้ ถุงเพาะช�ำ
กาบกลว้ ย พลังงานแสงอาทิตย์ น�้ำตกเก้าโจน และธารนำ�้ รอ้ นบ่อคลึง

231

กิจกรรมเดนิ ศึกษาธรรมชาติ “ป่าแล้ง นำ�้ รนิ พรุ ้อน”

คนอยู่ร่วมกบั ป่ า : ศูนยภ์ ฟู ้าพัฒนา

โครงการทีศ่ ูนยภ์ ูฟ้าพฒั นาพยายามตงั้ 6 โครงข่าย คนอยู่ร่วมกับป่าได้ มีการ
จดั ทำ� แปลงเกษตรผสมผสานบนทสี่ งู พฒั นาคดั เลอื กพนั ธข์ุ า้ วไร่ และขา้ วพน้ื เมอื ง เพอื่ ใหม้ ี
ประสิทธภิ าพมากขึ้น ศูนยว์ ิจยั ขา้ วแพร่ พบว่า พันธข์ุ า้ วเลบ็ ชา้ งและพนั ธ์ขุ ้าวสนั ปา่ ตอง
มคี วามเหมาะสมต่อพ้นื ที่ ทำ� ไดใ้ นด้านที่ว่า บางแหง่ ท�ำนาได้ 2 ครงั้ ตอ่ ปี ไม่ตอ้ งขยาย
พน้ื ทที่ ำ� ไรข่ า้ วเพม่ิ ขนึ้ ทำ� ธนาคารขา้ วสำ� หรบั ครวั เรอื นทข่ี าดแคลนขา้ วดว้ ย กจ็ ะมกี ารจดั การ
ป่าเส่ือมโทรม พยายามที่จะเร่งท�ำ สิ่งที่ต้องพยายามทำ� มากคอื วนเกษตร มกี ารปลูกพืช
พืน้ เมอื ง อยา่ งท่วี ่าเมอื่ สกั คร่นู ี้ จะเป็นรม่ เงา และจะตอ้ งเลือกพืชเศรษฐกิจ พืชสมุนไพร
ทไี่ มก่ ลวั ความรม่ สว่ นมากพชื จะกลวั ความรม่ มกั ชอบแดดมากๆ เราตอ้ งหาพชื ทไ่ี มก่ ลวั
ความร่ม และมีคณุ คา่ ทางเศรษฐกิจ เพราะฉะนนั้ ก็ไม่ใช่เฉพาะชาวบ้าน หรือนักวชิ าการ
เทา่ นน้ั เราตอ้ งปรกึ ษากบั ดา้ นธรุ กจิ ทที่ ำ� ธรุ กจิ แปรรปู ทางดา้ นการเกษตรดว้ ย เพอื่ ใหท้ กุ คน
ทง้ั ประชาชน และนกั ธุรกิจไดป้ ระโยชนร์ ่วมกัน

232

การสร้างส�ำนกึ ให้เด็กและเยาวชนอนรุ กั ษท์ รพั ยากรธรรมชาติ

สร้างป่ าสร้างรายได้

มปี ่าก็สร้างรายได้ เช่น ปลกู หวายเพม่ิ เตมิ ปลูกไผเ่ พ่มิ เติม ก็สามารถน�ำมาทำ�
ผลติ ภณั ฑ์ท่จี ะสง่ ขายได้ อนั นี้จะมีโครงการน�ำรอ่ งใหมข่ ้นึ ในอำ� เภอบ่อเกลอื จังหวัดนา่ น
เปน็ ชุมชน 13 แห่ง ประชาชนทีม่ าสนใจ 112 ราย พน้ื ท่ีรวม 388 ไร่ มีการบรู ณาการ
ความรจู้ ากหลายสาขา ความรว่ มมอื จากหลายหนว่ ยงานเชน่ กรมปา่ ไม้ กรมวชิ าการเกษตร
กรมส่งเสริมการเกษตร ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.)
และภาคธรุ กจิ มาช่วยดำ� เนนิ การแปรรปู แบบการผสมผสานระหวา่ งชนดิ ของปา่ ไม้ และ
พชื เศรษฐกจิ ทเี่ หมาะสม ใหส้ อดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของตลาด และเกดิ ความคมุ้ คา่ ใน
การปฏิบัตงิ านของประชาชน

โครงการสร้างปา่ สร้างรายไดต้ ามพระราชดำ� รสิ มเดจ็ พระเทพรตั ราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี

การฟื้ นฟู ป่ าชายเลน

ในพนื้ ทอี่ นื่ กม็ เี รอื่ งของการฟน้ื ฟปู า่ ชายเลน เชน่ พนื้ ทพี่ ระราชนเิ วศนม์ ฤคทายวนั
จงั หวัดเพชรบรุ ี บริเวณคลองบางตรานอ้ ย และคลองบางตราใหญ่ ซึง่ เปน็ ตน้ นำ�้ ไหลมา
จากเขาเสวยกะปิ เขาน้อย เขาทอง เขาบ่อขิง ก่อนจะไหลลงสู่อ่าวไทยในบริเวณพื้นท่ี
พระราชนเิ วศนม์ ฤคทายวนั ซง่ึ กอ็ ยใู่ นเขตความรบั ผดิ ชอบของ ตชด. มกี ารพฒั นาดา้ นตา่ งๆ
ในพืน้ ทีต่ ้นนำ้� สง่ ผลใหป้ า่ ชายเลนในบรเิ วณน้ันเสอ่ื มโทรมน้อยลง ปา่ ชายเลนน้ที ำ� มาแล้ว
ตง้ั แตป่ ี พ.ศ. 2537 ปลูกเพม่ิ ขึน้ ตอนแรกก็เชิญชวนคนมาปลูก บางคนก็เอายอดปักดนิ
เจา้ หนา้ ทตี่ อ้ งมาแกท้ หี ลงั คอื ไมร่ วู้ า่ ตรงไหนหวั ตรงไหนทา้ ย แตป่ รากฏวา่ พชื และสตั วน์ ำ�้
มี กงุ้ หอย ปู ปลา นก เปน็ แหล่งเรยี นรูด้ า้ นธรรมชาติวทิ ยาของประชาชน

233

แหลมผกั เบยี้ จ.เพชรบรุ ี เป็นพน้ื ทท่ี ดลองของโครงการตามแนวพระราชด�ำริ
เกยี่ วกับการพฒั นาและฟนื้ ฟูปา่ ชายเลน

และสถานบี �ำบดั นำ�้ เสียชมุ ชน โดยยึดหลักการ “ธรรมชาติชว่ ยธรรมชาต”ิ

บริเวณใกล้เคียงก็มีโครงการอื่น เช่น โครงการแหลมผักเบ้ีย ท่ีเป็นโครงการ
ตามพระราชดำ� ริของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัว ศกึ ษาพชื ทีจ่ ะก�ำจัดน้�ำเสียได้ ตอนนี้
กลายเปน็ แหลง่ ดนู กทคี่ อ่ นขา้ งจะใหญ่ สำ� คญั เปน็ แหลง่ ทอ่ งเทย่ี วเหมอื นกนั และมปี า่ ชายเลน
ในจังหวัดสมุทรสงคราม ศึกษาบนพื้นท่ีงอกชายเลน ท่ีตรงสมุทรสงครามน้ียังสงวนอยู่
คอื จะมคี นมาสรา้ งสะพานแบบนก้ี ไ็ มใ่ หเ้ ขาสรา้ ง ใครอยากจะมากใ็ หถ้ บี กระดานเลนไปเอง
เดนิ เลนแหยะๆ สนกุ ดี เพอ่ื ไมใ่ หต้ อ้ งมาตดั ไม้ และพนื้ ทจี่ ะไดเ้ ปน็ ธรรมชาตมิ ากขนึ้ ทำ� มา
ต้งั แตป่ ี พ.ศ. 2533 เกิดความสมบรู ณ์ทางธรรมชาติท่คี นไม่ต้องอพยพไปทำ� งานที่อ่นื
ค่อนข้างประสบความส�ำเร็จ แต่ก่อนน้ีเขาเล้ียงกุ้งกัน มีบ่อกุ้ง พอกุ้งตายไปหมดแล้ว
เขากย็ ้ายไปสร้างใหม่ ตน้ ไมก้ เ็ สยี พชื พวกนั้นกห็ ายไป พอมาเริม่ ท�ำกันใหม่ เดย๋ี วนี้มกี งุ้
หอย ปู ปลา มากมาย

234

การสร้างสำ� นกึ ใหเ้ ดก็ และเยาวชนอนุรกั ษท์ รัพยากรธรรมชาติ

การรักษาป่ าพรุในภาคใต้

ปา่ พรใุ นภาคใตเ้ ปน็ เรอื่ งคอ่ นขา้ งพเิ ศษคอื เปน็ ปา่ พรทุ ใี่ หญท่ สี่ ดุ เรยี กวา่ พรโุ ตะ๊ แดง
เป็นทท่ี ีห่ ลายจุดยังไม่มใี ครเข้าไปถงึ กพ็ ยายามศกึ ษา นอกจากเร่ืองพืชสตั ว์ ซึ่งจะเจอ
New record, New species คือพืชพันธุ์ใหม่หรือพันธุ์ท่ีแถวนั้นไม่เคยเจอมาก่อนอีก
หลายพันธุ์ ทยอยเจอ ทัง้ พชื ท้ังสัตว์ จะมขี องแปลกๆ เข้าไป สดุ ทา้ ยเราไดศ้ กึ ษาเรื่อง
จุลินทรีย์ในป่าพรุ ท�ำไมในป่าพรุน้ี ดินค่อนข้างจะเปร้ียว pH 3 หรือไม่ถึง แต่ท�ำไม
พชื ไมใ้ หญข่ น้ึ ได้ แลว้ กศ็ กึ ษาจลุ นิ ทรยี จ์ ากตรงนนั้ เผอื่ จะเอาไปเปน็ ประโยชนใ์ นเชงิ พาณชิ ย์
ไดอ้ กี กม็ แี นวโนม้ ทคี่ อ่ นขา้ งดี แตก่ ารทจี่ ะเขา้ ไปเอาดนิ ในปา่ พรทุ ล่ี กึ ทบึ มาก กต็ อ้ งอาศยั
ทหารทโี่ รยตวั จากเฮลคิ อปเตอรไ์ ปเกบ็ ตวั อยา่ งดนิ พวกเรากนั เอง ทา่ ทางจะตกลงไปอยใู่ น
ปา่ พรุนน้ั ตลอดชวี ติ คงไม่ไดต้ วั อยา่ งขน้ึ มา จงึ ให้ทหารทเี่ ช่ียวชาญในดา้ นนี้ไปท�ำ

พรุเป็นแหล่งท่ีสามารถควบคุมน�้ำได้ เวลาไฟไหม้นี้ เราจะศึกษาว่า มีน�้ำจาก
ทไี่ หน ทไี่ หลเขา้ ไปในพรุ แลว้ กท็ ำ� ฝนเทยี ม หรอื เอานำ�้ ใสใ่ นคลองทเี่ ขา้ ไปเลยี้ งพรุ สามารถ
ดบั ไฟได้ หากใชว้ ธิ ธี รรมดาเชน่ เทนำ้� จากเครอ่ื งบนิ ทท่ี ำ� กนั ทวั่ โลก ไมป่ ระสบความสำ� เรจ็
ในน้ีจะมีปลาต่างๆ มีส่ิงใหม่คือ จุลินทรีย์ท่ีเราศึกษา ก็เป็นความหลากหลายและ
ความอุดมสมบูรณ์อย่างยิ่ง มีบางจุดที่คนเข้าไปได้ เผา แล้วก็มีไม้เบิกน�ำที่ข้ึน เราจะ
ศึกษาได้ว่า ไม้อะไรโตเร็ว ไม้อะไรเบิกน�ำได้ กลุ่มศึกษาน้ีเราต้ังช่ือว่า กลุ่มมะฮัง
เพราะไมเ้ บกิ น�ำแถวนน้ั ทโ่ี ตเรว็ มาก คนแถวนั้นเรียกวา่ มะฮัง

โครงการ “เยาวชนเพอ่ื นชาวพรุ” เพ่อื สร้างจิตส�ำนกึ ใหเ้ ยาวชนรัก
และหวงแหนในทรพั ยากรป่าพรโุ ต๊ะแดง

235

การดูแลป่าพรุน้ัน เจ้าหน้าท่ีได้อบรมท้ังเยาวชนและผู้สูงอายุ ก็พยายามเน้น
เยาวชน แตค่ นอน่ื กส็ นใจดว้ ย มาเปน็ กลมุ่ ดว้ ย เรยี กวา่ “เยาวชนเพอื่ นชาวพร”ุ โดยเปน็
มคั คเุ ทศกก์ ไ็ ด้ และดแู ลเมอื่ มเี หตรุ า้ ยตา่ งๆ ในพรุ และไดอ้ อกวทิ ยทุ อ้ งถนิ่ เพอื่ ใหค้ วามรู้
แก่ประชาชนท่ัวไปด้วย เยาวชนเหล่านี้ล้วนแต่รักและหวงแหนป่าพรุว่าเป็นสมบัติล�้ำค่า
ของพวกเขา เขาจะแตง่ กลอนเรอื่ งปา่ พรุ เขาจะเขยี นภาพปา่ พรุ เวลาไปเยยี่ มเขา เขากจ็ ะ
นำ� เสนอใหฟ้ งั ดว้ ยความภูมิใจ

สรุป

การรกั ษาปา่ และทรพั ยากรธรรมชาตติ า่ งๆ มคี วามหลากหลาย วธิ กี ารทจี่ ะนำ� ไปสู่
ความยงั่ ยนื ไดค้ อื การใหโ้ อกาสเดก็ และเยาวชนของเราไดเ้ รยี นรจู้ ากธรรมชาตริ อบตวั ของเขา
มีความรู้ ความเข้าใจ เกิดความรัก ความผูกพัน และหวงแหนในทรัพยากรของตน
โดยการจดั กจิ กรรมทเ่ี นน้ ใหเ้ ดก็ และเยาวชนไดล้ งมอื ปฏบิ ตั ดิ ว้ ยตนเอง เรยี นรจู้ ากวถิ ชี วี ติ
ของชุมชน ที่พยายามปรับตนให้อยู่ร่วมกับป่า ด้วยการผสมผสานความรู้และเทคโนโลยี
สมยั ใหมแ่ ละภมู ปิ ญั ญาดง้ั เดมิ ของชมุ ชน ชมุ ชนสามารถผลติ อาหารไดเ้ พยี งพอ มรี ายไดเ้ สรมิ
จากผลผลติ ทเี่ กดิ ขนึ้ ในชมุ ชน ในขณะเดยี วกนั ตอ้ งไมบ่ กุ รกุ ทำ� ลายปา่ เพม่ิ เตมิ ซงึ่ จะทำ� ให้
ปา่ ส่วนรวมค่อยฟนื้ ตวั ได้อยา่ งยั่งยนื
กค็ ดิ วา่ นา่ จะพอ ถา้ ใหพ้ ดู พดู ไดท้ ง้ั วนั ถา้ ใหย้ กตวั อยา่ ง กเ็ พยี งหอมปากหอมคอ
แคน่ ก้ี อ็ ยากจะจบดว้ ยวา่ เมอื่ สมยั เดก็ ๆ ผใู้ หญส่ มยั นน้ั เขาใชว้ ธิ เี ดยี วกนั เขาจดั ตง้ั สมาคม
ทชี่ อื่ วา่ “นยิ มไพรสมาคม” ซง่ึ จะเลยี้ งสตั วม์ ากกวา่ พชื แตว่ า่ ความจรงิ กเ็ ปน็ เรอ่ื งเดยี วกนั
เพราะสตั วก์ ต็ อ้ งอาศยั พชื เหมอื นกนั และมวี ารสารนยิ มไพร เปน็ เลม่ เลก็ ๆ ตอนนก้ี ไ็ มม่ แี ลว้
และมีกิจกรรมวันนิยมไพร ซึ่งถูกเกณฑ์ไปร้องเพลง ไม่รู้ว่าตรงนี้มีใครถูกเกณฑ์ไปบ้าง
กค็ งมหี ลายคน ตอนจบของเพลงบอกวา่ “โปรดชว่ ยกนั รกั ษาปา่ ไมใ้ หด้ ี คงไวเ้ ปน็ ทสี่ ตั วป์ า่
สราญ” ขอบคณุ มาก

236

สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ า ฯ สยามบรมราชกมุ ารี
ทรงปาฐกถาพเิ ศษเร่อื ง

เทคโนโลยสี ารสนเทศกับการพัฒนา
คุณภาพชีวติ ของคนพกิ าร

วันท่ี 23 พฤษภาคม 2539
ณ โรงแรม อมิ พเี รยี ล กรุงเทพมหานคร

เทคโนโลยีสารสนเทศกบั การพัฒนา
คณุ ภาพชีวติ ของคนพิการ

เร่ืองเทคโนโลยีสารสนเทศเพ่ือคนพิการ ก็ได้มีการฉายวิดีโอไปเม่ือสักครู่น้ีแล้ว
เกือบหมด จนกระท่ังจะพูดอะไรเพ่ิมเติมอีกก็คงยาก แต่ก็มีความรู้สึกยินดีที่หน่วยงาน
ต่างๆ ได้มาร่วมมือกันท่ีจะน�ำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้เป็นประโยชน์ในการศึกษา
ท่ีผ่านมาประมาณปีหน่ึงมาน้ีมีการประชุมเร่ืองเทคโนโลยีสารสนเทศ* ก่อนหน้าน้ีก็ถาม
กันว่าเทคโนโลยีสารสนเทศน้ันคืออะไร ในการประชุมคร้ังน้ันก็ได้ค�ำตอบหลายๆ อย่าง
เพราะแต่ละคนให้ค�ำจ�ำกัดความหรือนิยามของค�ำว่า เทคโนโลยีสารสนเทศ ต่างๆ กัน
ท่ีจะกล่าวได้ง่ายก็คือ นิยามที่ว่ามีคอมพิวเตอร์ การส่ือสารโทรคมนาคม และเร่ืองของ
database หรือ ฐานข้อมูล ซ่ึงจะเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาและการวิจัยเชิงสถิติต่างๆ
เทคโนโลยีสารสนเทศเดี๋ยวน้ีมีประโยชน์ในหลายๆ ด้าน มีการน�ำประยุกต์ใช้ในกิจการ
ต่างๆ

ในโอกาสน้ีเป็นการประชุมเฉพาะเร่ือง เฉพาะท่ีน�ำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้
เป็นประโยชน์เพ่ือผู้มีความบกพร่องในร่างกายส่วนต่างๆ ให้ผู้ท่ีมีความบกพรอ่ งอยนู่ น้ั ได้
มีโอกาสพัฒนา แก้ไขส่วนที่ขาดไป จนมีความสามารถท่ีจะด�ำรงตนอยู่ได้โดยมีคุณภาพ
ชีวิตท่ีดีข้ึน เน่ืองจากผู้ท่ีมีความบกพร่องท่ีเรียกว่าคนพิการน้ัน มีปัญหาท่ีมีลักษณะแตก
ตา่ งกนั มาก วา่ กนั ตามหลกั การแกไ้ ขกต็ อ้ งทำ� ใหเ้ หมาะสมกบั เฉพาะแตล่ ะบคุ คล จงึ จะได้ผล
ดีให้บุคคลผู้น้ันสบายข้ึน สามารถรับการศึกษาอบรม และสามารถประกอบอาชีพเล้ียง
ตนเลี้ยงครอบครัวได้ ในท่ีน้ีจึงขอแสดงความคิดเห็นหนักไปในเร่ืองของการศึกษาเล่าเรียน
และฝึกการประกอบอาชีพ เพราะว่าคงไม่สามารถท่ีจะเล่าถึงการแก้ไขทางการแพทย์ได้
มีแพทย์หลายท่านคงจะท�ำหน้าท่ีพูดกันในเร่ืองน้ี จะขอกล่าวเพียงสังเขปเพ่ือให้ผู้ท่ี
เช่ียวชาญได้กล่าวในรายละเอียดสืบไป

* งานไอทีเฉลมิ พระเกียรติ : เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อประชาชน ระหว่างวนั ที่ 1 - 4 มิถนุ ายน 2538 คณะกรรมการ
อำ� นวยการปีแห่งเทคโนโลยีสารสนเทศไทย เป็นผู้จดั ณ ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ กรุงเทพมหานคร

238

เทคโนโลยสี ารสนเทศกบั การพฒั นา
คณุ ภาพชีวติ ของคนพิการ

เรื่องการศึกษาน้ันผู้ท่ีมีความบกพร่องจะมีความบกพร่องเรื่องใหญ่อยู่เรื่องหนึ่ง
คือ เร่ืองการส่ือสารหรือการติดต่อ ท้ังในด้านของการรับรู้ และการแสดงความคิดเห็น
เร่ืองของตนเองให้ผู้อ่ืนได้รับรู้ อันน้ีก็ถือว่าตรงกับเร่ืองของเรา คือ เร่ืองเทคโนโลยี
สารสนเทศ ซึ่งเป็นเร่ืองของการสื่อสาร การรับรู้โดยเฉพาะ ถึงแม้ว่าการแก้ปัญหาควร
จะเป็นไปตามปัญหาของแต่ละบุคคล คือ คิดเป็นคนๆ โดยเฉพาะ แต่ว่าในการกระท�ำ
จริงหรือการท�ำในชีวิตจริงน้ัน เราจะแก้ปัญหาให้คนทีละคนนั้นย่อมท�ำได้ยาก จึงต้อง
แบ่งประเภทออกมา อย่างเช่น ในที่นี้ก็พูดถึงคนที่มีสายตาบกพร่อง ผู้ที่สูญเสียการได้ยิน
หรือผู้ที่มีปัญหาทางร่างกายแขนขา ผู้พิการทางปัญญา และอีกประเภทหนึ่งได้แก่
ผู้ท่ีเจ็บป่วยเร้ือรัง ก็แสดงความคิดเห็นเป็นหมวดๆ ดังน้ี

239

เร่ืองของผู้ที่สูญเสียสายตา ข้าพเจ้าได้รู้จักกับคนท่ีเรียกว่าเป็นคนตาบอดหรือ
เป็นเพ่ือนกับคนตาบอดหลายๆ คน สังเกตเห็นว่าเขามีความล�ำบากหลายๆ อย่าง
ต้องใช้เคร่ืองมืออุปกรณ์หลายอย่าง ผู้ท่ีมองเห็นลางๆ ก็ใช้แว่นขยายหรือว่าใช้เคร่ืองมือ
อย่างท่ีเห็นในจอเมื่อครู่น้ี ก็ไม่ใช่ว่าเป็นตาบอดอย่างเดียว ยังมีพวกท่ีสายตาไม่ดี หรือว่า
ตอนแรกสายตาดีแต่ประสบอุบัติเหตุ หรือว่าชราสายตาเส่ือมไปตามอายุ ก็ต้องใช้
เครื่องช่วยต่างๆ การอ่านหนงั สอื สำ� หรับผสู้ ูญเสยี สายตายังมีโอกาสที่จะศกึ ษาได้ ก็ใหอ้ า่ น
หนังสือเบรลล์ท่ีเป็นจุดๆ และต้องใช้มือคล�ำ การท่ีจะเขียนหนังสือซึ่งก็ถือว่าเป็น
เทคโนโลยีสารสนเทศเบื้องต้นอย่างหนึ่งคือ การเขียนจดเอาไว้เพื่อให้ความเห็น หรือ
ข้อมูลที่มีอยู่นั้นได้มีอยู่ในระยะยาว หรือส่งให้คนอื่นอ่านได้น้ัน ก็ต้องเขียนด้วยวิธี
พ้ืนฐานท่ีสุด ท่ีเห็นก็คือใช้ slate ส�ำหรับเขียนแบบเป็นบรรทัด และมีเหล็กแหลมๆ
ส�ำหรับจ้ิมจดลงบนกระดาษ แต่ก่อนน้ีเร่ิมไปช่วยงานคนตาบอดใหม่ๆ ก็เห็นเขาต้องซ้ือ
slate จากต่างประเทศ พอได้ไปเห็นก็ได้ปรึกษาเร่ืองน้ีกับกรมอาชีวศึกษา มีการทดลอง
ท�ำ slate พลาสติก โดยท�ำเป็นหุ่นเป็นแบบพิมพ์ขึ้น เรียกว่าพอใช้ได้ ใช้ในเมืองไทย และ
ทดลองให้ประเทศใกล้เคียงใช้ รู้สึกว่าเขาก็ชอบกัน ช่วยกันคิดอุปกรณ์การสอนเพ่ือ
กระตุ้นการเรียนรู้ เช่น เรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์เร่ืองน�้ำหนัก เรื่องความยาว
เร่ืองคณิตศาสตร์ เท่าท่ีดูจากตอนที่เรียนหนังสือก็เห็นว่าการเขียนด้วย slate ท�ำได้
ชา้ มาก เช่น ครูพูด แล้วจด lecture ตามก็ไม่ค่อยจะทัน จึงเห็นว่า คนท่ีตามองไม่เห็น

กระดานและหมดุ เขยี นอักษรเบรลล์ (slate and stylus)

240

เทคโนโลยีสารสนเทศกบั การพฒั นา
คุณภาพชี วิตของคนพิการ

เขาก็ใช้เครื่องพิมพ์ดีด สมัยเม่ือสิบกว่าปีก็ใช้เคร่ืองพิมพ์ดีด พิมพ์แล้วเสียงจะดังเล็กน้อย
เขาก็เกรงใจเพ่ือนว่าจะเป็นการรบกวน ก็หนีไปน่ังข้างหลังบ้างอะไรบ้าง ก็รู้สึกว่าไม่ค่อย
สะดวก แต่ในตอนนั้นก็โชคดีที่มีเทคโนโลยีด้านการอัดเทป อัดเสียง ค่อนข้างจะแพร่
หลายแล้ว มีการอัดเทปน�ำไปใช้ ก็ช่วยได้มาก

เครือ่ งพมิ พด์ ดี อกั ษรเบรลลส์ ำ� หรบั คนตาบอด

ในปัจจุบันนี้ เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการบันทึกเขียนโปรแกรมต่างๆ
มี 2 อย่าง คือ ท�ำให้ออกเป็นเสียงอย่างที่มีปรากฏขึ้น กับเขียนเป็นอักษรเบรลล์
การที่จะน�ำของพวกนี้มาใช้ในยุคสมัยปัจจุบันท่ีผู้สูญเสียสายตานิยมที่จะเข้ารับการศึกษา
หรือค้นคว้าหาความรู้เพ่ิมข้ึนน้ัน ส่ือพวกน้ีต้องมีจ�ำนวนมาก อย่างท่ีเรียกว่าการท�ำแบบ
mass production ท�ำมากๆ การใช้เคร่ืองพิมพ์สมัยก่อนค่อยๆ พิมพ์ไปทีละน้อย
ก็ไม่พอแล้ว ต้องมีวิธีหรือเครื่องมืออุปกรณ์ ซ่ึงจะต้องท�ำได้มาก แล้วก็มีของท่ีคนตาบอด
และคนตาดีพิมพ์เองได้ ท�ำให้สามารถติดต่อกับผู้อ่ืนได้ สมัยน้ีคนตาบอดหรือเขาใช้
Internet ได้มากเท่าๆ กับคนท่ีตาดีเหมือนกัน

เรื่องการศึกษานั้น สิ่งที่สนใจอยู่ก็มีเรื่องของการจัดห้องสมุด แต่ก่อนนี้ห้องสมุด
ก็คือหนังสือ ในปัจจุบันนี้กิจการของห้องสมุดขยายไปจนกระทั่งบางคนไม่เรียกว่า
ห้องสมุดอีกต่อไป เรียกว่า ศูนย์สารสนเทศหรือศูนย์สารนิเทศของในห้องสมุดก็
จะประกอบด้วย หนังสือ เทป เทปเสียง หรือวิดีโอเทป จะมี CD-ROM เครื่องคอมพิวเตอร์
ท่ีจะมีการสื่อสาร เป็นระบบส่ือสาร ไม่ว่าจะเป็น Internet หรือเป็นระบบอย่างอื่นก็ตาม
ของพวกนี้เป็นของที่ผลิตขึ้นและเป็นสิ่งที่คนตาบอดใช้ได้ ถ้าเป็นหนังสือก็ต้องเป็น

241

หนังสอื เบรลล์ สว่ นในเรื่องของการฟนื้ ฟนู ้นั นอกจากฟ้นื ฟใู ห้สามารถตดิ ตอ่ สอื่ สารได้
คือ เร่ืองของสารสนเทศแล้ว ยังมีการฟื้นฟูทางร่างกาย เช่น การออกก�ำลังกายต่างๆ
ท่ีต้องใช้เทคโนโลยีท่ีค้นคิดให้คนที่สูญเสียทางสายตาสามารถได้ร่วมกับผู้อ่ืนหรือ
ออกก�ำลังกายได้ ยกตัวอย่างอย่างท่ีเห็น เช่น เขาคิดวิธีการเล่นฟุตบอล แล้วก็มีเสียง
อยู่ท่ีประตูหรือท่ีลูกฟุตบอล เพ่ือให้คนท่ีสูญเสียสายตาสามารถส่ือสารกันได้

ส�ำหรับคนที่สูญเสียการได้ยินหรือเรียกว่า หูพิการน้ัน ก็ได้เห็นว่ามี
นักวิชาการทางการแพทย์หลายๆ ท่านได้ค้นคว้าในเรื่องน้ี ได้อธิบายให้ฟังว่าการ
ที่จะรู้ว่าเด็กพิการทางหูหรือไม่ และจะแก้ไขได้อย่างไรนั้น ควรจะเร่ิมต้นต้ังแต่เด็ก
คนน้ันแรกเกิดมา นับวันก็จะมีการพัฒนาเทคโนโลยีที่จะแก้ไขสภาพท่ีบกพร่องตั้งแต่
ต้น ซึ่งจะท�ำให้การแก้ไขได้ผลยิ่งขึ้น ส่วนผู้ที่แก้ไขไม่ได้แล้วก็มีการคิดวิธีการที่จะ
เสริมให้การศึกษาต่างๆ เช่น ผู้ท่ีมีความพร้อมก็อาจจะฝึกให้สามารถเปล่งเสียงพูดได้
เพ่ือท่ีจะท�ำให้ผู้อ่ืนเข้าใจ จะได้มีการติดต่อกันได้ แต่ก่อนน้ีสมัยท่ียังเรียนหนังสืออยู่
สัก 10 ปี 20 ปี มาน้ี ก็ใช้หลักในด้านวิชาภาษาศาสตร์ หรือ linguistics ในเร่ืองของ
การสอนคนหูหนวกหรือคนท่ีไม่ได้ยินให้พูดได้ คือ จะต้องอธิบายว่าการท่ีจะ
เปล่งเสียงออกมาเป็นเสียงให้คนได้ยินได้นั้น เสียงนั้นเกิดขึ้นจากฐานเสียงท่ีไหน
เอาอวัยวะส่วนไหนกระทบกันแล้วจะท�ำให้เสียงออกมาอย่างไร คนที่ไม่ได้ยินก็จะ
สามารถเข้าใจในค�ำอธิบายเหล่าน้ันได้ ท�ำตามค�ำส่ังนั้น เขาก็เช่ือว่าคงจะเกิดเสียง
ที่จะท�ำใหค้ นอืน่ เขา้ ใจได้ พอต่อมากจ็ ะมเี ครอื่ งมือประเภททสี่ ่วนใหญแ่ ลว้ กเ็ ปน็ เครอ่ื ง
ที่ใช้กับผู้ที่เรียนวิชาภาษาศาสตร์นั่นเอง เรื่องของเสียง เช่น ถ้าเปล่งเสียงออกมา
ถูกต้อง กราฟก็จะข้ึนเป็นลักษณะนี้ ก็เหมือนกับนักภาษาศาสตร์ทดสอบเร่ืองเสียง
พอพูดลงไป กราฟก็จะขึ้นหรือลง หรือออกมาเป็นตัวเลขว่ามีค่าทางตัวเลขเท่าไร
ก็จะเดาได้ แล้วก็พยายามท�ำเสียง ค่อยๆ ลองไป ให้ตัวเลขหรือว่ากราฟออกมา
ใกลเ้ คยี งตวั อยา่ งมากทส่ี ดุ พอถงึ ตรงทว่ี า่ ใกลเ้ คยี งหรอื เหมอื นทส่ี ดุ กจ็ ำ� ไวว้ า่ ตรงนน้ั นะ่
ใช่แล้ว ถ้าท�ำท่าอย่างนั้น ท�ำเสียง ท�ำคอ ท�ำปาก อย่างน้ันอีก คนอ่ืนก็จะเข้าใจ
คิดว่ามีเทคนิคพอส�ำหรับสอนเด็ก สอนนักเรียน ให้มีความสนใจมากข้ึน เช่น
ท�ำเสียงอย่างนี้ ถ้าถูกต้องก็มีตัวการ์ตูนกระโดดออกมา น่ีก็เป็นการชักชวนให้นักเรียน
มีความสนใจท่ีจะศึกษามากข้ึน

242

เทคโนโลยสี ารสนเทศกบั การพัฒนา
คุณภาพชีวติ ของคนพกิ าร

หนงั สอื ก.ไก่ ส�ำหรับภาษามือไทย หนังสอื ค่มู อื ภาษามือ ตามพระราชดำ� ริ
(ภาพจากส�ำนกั บรหิ ารงานการศึกษาพเิ ศษ) สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี

(ภาพจากสำ� นกั บรหิ ารงานการศกึ ษาพเิ ศษ)

แต่บางคนก็อาจจะไม่ถนัด คือสอนเท่าไรก็จะไม่สามารถท�ำเสียงให้เหมือน
อย่างนั้น ไม่ได้สักที ก็มีวิธีการสอนอย่างอ่ืน เช่น การใช้ศัพท์ภาษามือ ซึ่งก็มีปัญหาอยู่
เหมือนกัน คือว่า แต่ละกลุ่มแต่ละคนพยายามท่ีจะคิดสัญลักษณ์ต่างๆ ท่ีต่างกัน คนต่าง
กลุ่มกอ็ าจจะไม่เขา้ ใจกนั ยงั กบั วา่ เหมอื นเป็นภาษาต่างๆ ทต่ี ่างกนั เวลานก้ี พ็ ยายามท่ีจะ
ประนีประนอมกันมากข้ึนในเร่ืองของการได้ยิน หรือการพูด เม่ือกี้ท่านรองนายกรัฐมนตรี
รายงาน และในวิดีโอก็มีการพูดถึงการเพ่ิมค�ำศัพท์ต่างๆ ทางด้านภาษามือ โดยเฉพาะ
อยา่ งยงิ่ ศพั ทท์ างดา้ นคอมพวิ เตอร์ เปน็ เรอ่ื งของเราทจ่ี ะตอ้ งพดู กนั ตอ่ ไป การทมี่ กี ารสมั มนา
เรื่องเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อคนพิการ ก็จะต้องเอากันให้แน่ว่าจะต้องบัญญัติศัพท์
อย่างไรก็เป็นเรื่องท่ีมีประโยชน์ หรือว่าเร่ืองท่ีจะต้องใช้เทคโนโลยีในการน้ี คือ การบัญญัติ
ศัพท์ภาษามือก็ดี การให้การศึกษาก็ดี ก็เป็นเรื่องของสถิติที่จะวิเคราะห์ว่าค�ำไหนใช้บ่อยๆ
ก็ต้องเอาใจใส่มากข้ึน การท่ีจะวิเคราะห์ของพวกนี้ เด๋ียวนี้เขาใช้คอมพิวเตอร์ใน
การวิเคราะห์การแจงนับต่างๆ ซ่ึงก็เป็นประโยชน์

243

เสด็จบูธนิทรรศการของโรงเรยี นอาชีวพระมหาไถ่ พัทยา

เสดจ็ บธู นิทรรศการของโรงเรียนโสตศึกษา จังหวัดตาก

244

เทคโนโลยสี ารสนเทศกบั การพฒั นา
คณุ ภาพชีวิตของคนพิการ

เร่ืองของคนหูตึงแต่ว่าพูดได้ หรือคนที่มาหูตึงทีหลัง เช่น ชราหรือเกิดโรคต่างๆ
เป็นต้น คนเหล่าน้ีก็อาศัยเคร่ืองขยายเสียงชนิดต่างๆ หรือว่าคนท่ีพูดไม่ได้ซ่ึงก็เกิดจาก
หลายสาเหตุ เช่น เป็นอัมพาตพูดอะไรแล้วคนฟังไม่รู้เร่ือง ก็อาจจะต้องมีการฝึก การ
แก้ไข ให้พูดได้ หรือว่าถ้าพูดไม่ได้จริงๆ คนฟังไม่รู้เร่ืองจริงๆ ก็อาจจะใช้เคร่ืองที่โชว์ใน
วิดีโอน้ัน กด แล้วก็ไปซื้อของได้ ไม่ง้ันซ้ือไม่ได้ พูดเท่าไรคนฟังไม่รู้เร่ือง ก็เกิดโกรธ
เกิดอารมณ์ อีกโรคหน่ึง เช่น คนท่ีเป็นมะเร็งท่ีกล่องเสียงแล้วต้องตัดกล่องเสียงออกน้ัน
ก็จะพูดไม่ได้ ถ้าพูดออกมาคนไม่เข้าใจ ก็อาจจะท�ำให้เกิดอารมณ์เสียและยิ่งพูดไม่ได้
หนักข้ึน เทคโนโลยีสารสนเทศก็คงจะมีบทบาทในตอนน้ีด้วย

ส�ำหรับผู้ที่แขนขาพิการนั้น เมื่อสักครู่ได้แสดงให้ดูแล้วว่ามีจ�ำนวนมากที่สุด
แต่มีสถานศึกษาท่ีให้บริการน้อยท่ีสุด และเท่าท่ีเห็นการบริการ ก็ปนๆ กันไป ทั้งในเรื่อง
ทางแพทย์ การฟื้นฟู การศึกษา นับว่าเป็นความล�ำบาก และต้องอาศัยความอุตสาหะ
ความเอาใจใส่มากของผู้ที่ปฏิบัติงาน ปัจจุบันนี้ก็คิดว่าน่าจะไปช่วยเหลือเขาบ้างหรือ
ปรับปรุงบ้าง จากวิดีโอท่ีเห็นคนพิการแขนขานั้น ถ้าเราพัฒนาดีๆ จะท�ำอะไรได้
อีกมาก จะเป็นประโยชน์ เพราะว่าจะแยกออกเป็นหลายประเภทได้อีกเหมือนกัน คือ
พวกท่ีไม่มีแขนขาเลย ก็ต้องใช้อะไรอมเข้าไปในปาก ความจริงไม่เคยเห็นของจริงเหมือน
กัน เพ่ิงเห็นเม่ือก้ีน้ี แล้วก็เคร่ืองที่จะช่วยให้ได้ใช้แขนขาได้ ไม่ต้องใช้เท้าคาบ เท้าหนีบ
หรือปากคาบมา ซึ่งก็ช่วยได้มาก เป็นเครื่องมือกลท่ีมีประโยชน์ นอกจากผู้ท่ีเป็นมา
แต่เกิด มีท่ีเป็นเม่ือเป็นผู้ใหญ่ข้ึนมาแล้ว

เดก็ หญิงตอยยีบะห์ สือแม (ภาพถา่ ยเมอื่ พ.ศ. 2546)
นกั เรียนพิการปราศจากแขนขาทงั้ 2 ข้างตงั้ แตก่ �ำเนดิ
ใชแ้ ทร็กบอลรว่ มกบั โปรแกรมแป้นพมิ พบ์ นจอภาพในการพมิ พ์งาน

245

ยังมีอีกเรื่องหนึ่งคือ เรื่องใช้อวัยวะเทียม ได้มีโอกาสได้เห็นงานอย่างนี้มากพอใช้
เพราะว่าได้มีประสบการณ์ที่ท�ำให้มูลนิธิสายใจไทยมา 20 กว่าปี นอกจากผู้ที่สูญเสีย
อวัยวะจากการสู้รบแล้ว ยังมีผู้ท่ีประสบอุบัติเหตุหรือป่วยต่างๆ เช่น คนชราท่ีเป็นเลือด
ขอด มีบางคนก็ต้องตัดขา เคยไปดูท่ีต่างประเทศเขาก็ต้องใส่ขาเทียม การท�ำอวัยวะเทียม
นั้นส่วนหน่ึงก็ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศให้ใส่ขาแล้วดูการเคล่ือนไหวของแต่ละคนเป็น
อย่างไร จากน้ันท�ำรูปจ�ำลองเป็นโมเดลในคอมพิวเตอร์ แล้วใช้เทคโนโลยีการออกแบบ
ด้วยคอมพิวเตอร์ และการสร้างอวัยวะเทียมน้ันด้วยคอมพิวเตอร์ หรือระบบท่ีเรียกว่า
CAD CAM ท�ำให้สามารถท่ีจะท�ำเคร่ืองมือเคร่ืองใช้ท่ีมีประสิทธิภาพมากข้ึน อย่างเร่ือง
ของคนท่ีเป็นอัมพาต การฟื้นฟูให้ใช้ชีวิตปกตินั้น ก็ใช้พวกเครื่องมือดังที่กล่าวมาแล้ว
หรอื วา่ บางทกี อ็ าจจะต้องช่วยใหเ้ ขาทำ� งานไดใ้ นสภาพทแ่ี ปลกกวา่ คนปกติทไ่ี ม่เป็นโรคภัย
ยกตัวอย่างเช่น ในงานของมูลนิธิสายใจไทยยังมีความล�ำบากหลายอย่าง ผู้ท่ีได้ไป
ฝกึ อาชพี แลว้ เชน่ อาชพี ชา่ งวทิ ยหุ รอื ชา่ งตา่ งๆ พอไปถงึ ใหไ้ ปทำ� งาน ปลอ่ ยออกไปเปดิ รา้ น
จริงๆ แล้วท�ำไม่ได้ เพราะว่าการท่ีจะให้เขาน่ังนานๆ และน่ังคล�ำอยู่กับของท่ีจะต้องท�ำ
เช่น งานช่างไม้ ช่างแกะไม้ ช่างไฟฟ้า อะไรพวกน้ี ก็เป็นการเหน่ือยแรงเกินไป จะปวด
จะนั่งไม่ได้ ก็อาจต้องมีเคร่ืองมือที่จะช่วยต่อความสามารถของคนเหล่านั้นให้นอนท�ำ
หรือจะท�ำด้วยวิธีอ่ืนอย่างไร เรื่องของคนพิการแขนขามีอีกเร่ืองหน่ึงท่ีน่าสนใจ คือ ไปดู
ที่โรงเรียนสมัยก่อนผู้เป็นโปลิโออาจจะมากหน่อย สมัยนี้โปลิโอมีน้อย และส่วนหนึ่งก็
ศึกษาร่วมกับเด็กปกติได้ แต่อาจเดินทางไปไหนมาไหนไม่สะดวก ต้องอาศัยเคร่ืองช่วย
คือ รถเข็น ปัจจุบันน้ีรถเข็นมีการพัฒนากันได้ดีขึ้น อย่างเม่ือก้ีนี้ก็มีคนใช้อยู่ เช่น ใช้ไฟฟ้า
เหมือนยังกับขับรถยนต์ ท�ำให้ผ่อนแรง ท�ำให้ไปได้ง่ายข้ึน

ประเภทของการพิการอีกอย่างหน่ึงท่ีน่าสนใจคือ คนท่ีเป็นโรคประสาท
อย่างหน่ึงท่ีเรียกว่า CP (Cerebral Palsy) โรคสมองท่ีผู้ป่วยมีสติปัญญาดี ใช้ได้ถ้าได้
รับการศึกษาท่ีดีก็อาจจะก้าวหน้าไปมาก แต่ว่าจะศึกษาหรือท�ำอะไรน้ันก็ท�ำได้ล�ำบาก
เพราะเขาจะบิดเบ้ียว พูดอะไรออกมา คนที่ฟังก็จะฟังยาก แต่ว่าก็เคยได้เห็นได้เคยทราบ
ว่า มีอุปกรณ์บางอย่างท่ีช่วยให้เขาท�ำงานต่างๆ ได้ ปรากฏว่าพวกท่ีมีความผิดปกติใน
ลักษณะนี้สามารถเรียนถึงข้ันมหาวิทยาลัยหรือสูงกว่านั้นได้เป็นจ�ำนวนมากมาย ในเมือง
ไทยน้ันข้าพเจ้าอาจไม่ได้เห็นมาหมด แต่เคยเห็นท่ีโรงเรียนศรีสังวาลย์ ท่ีเมืองนนท์

246

เทคโนโลยีสารสนเทศกับการพัฒนา
คุณภาพชีวิตของคนพกิ าร

เอาคนท่ีป่วยโรคน้ีไปไว้กับผู้พิการแขนขาอ่ืนๆ ส่วนท่ีเชียงใหม่ ที่โรงเรียนกาวิละอนุกูล
น้ัน เอาพวกน้ีไว้กับบุคคลปัญญาอ่อน เขาก็เป็นอีกอย่างหน่ึงท่ีไม่เหมือนกัน แต่ครูก็เอา
มารวมกลุ่มแล้วก็สอนอีกอย่างหน่ึง อาจจะต้องมีการช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพ หรือคิดว่าจะ
ท�ำอย่างไรดี เพราะปัจจุบันนี้ เท่าที่ดูนั้นเด็ก CP ที่เข้าโรงเรียนไปแล้วค่อนข้างจะมีจ�ำนวน
มาก กับตอนท่ีเดินทางไปเย่ียมราษฎรตามท่ีต่างๆ ก็เห็นว่ามีมากข้ึนทุกที

นกั เรยี นที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา
เรยี นรูผ้ า่ นโปรแกรมบทเรยี นคอมพวิ เตอร์ช่วยสอน

อีกเร่ืองหนึ่งคือ ผู้ท่ีมีความบกพร่องทางด้านสติปัญญาหรือเรียกว่า บุคคล
ปญั ญาออ่ นนน้ั บางทีไปคิดว่าเป็นบุคคลปัญญาอ่อนแล้วรวมกันหมด ก็ค่อนข้างจะเป็น
อันตรายเหมือนกันเพราะว่าเขาก็มีความสามารถหลายขั้น หรือเป็นหลายลักษณะ
เรียนได้มากได้น้อยต่างกัน และความสามารถก็มากน้อยต่างกันตามความถนัด เขาอาจ
จะดีบางอย่างและบางอย่างก็อาจจะด้อยไปเลย ถ้าใช้เคร่ืองคอมพิวเตอร์ในการท่ีจะฝึก
ให้ท�ำงานได้ บุคคลปัญญาอ่อนก็อาจจะสามารถออกไปท�ำงานนอกบ้านได้โดยมี
เครอื่ งมอื ชว่ ย และมกี ลมุ่ ทอี่ าจจะชว่ ยเหลอื ไดม้ าก บางคนอาจสามารถทำ� งานทต่ี อ้ งทำ� ซำ�้ ได้
หรือว่าโดยปกติเขาไม่สามารถท่ีจะมีสมองที่จะควบคุมกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะอย่างย่ิง
กล้ามเน้ือมัดเล็กได้ แต่จะมีเคร่ืองมือท่ีช่วยได้

247

ประการสุดท้ายคือ เร่ืองของเด็กป่วยท่ีอยู่ในโรงพยาบาล บางคนก็ต้องอยู่ใน
โรงพยาบาลหรืออยู่บนเตียง ไม่สามารถไปไหนได้เป็นเดือนเป็นปี เม่ือลองใช้เทคโนโลยี
สารสนเทศเข้าช่วยในเร่ืองของการสอนนั้น ท�ำให้เด็กมีความเพลิดเพลินและสามารถ
รับรู้ได้มากกว่าที่จะให้ครูสอนแบบธรรมดา เพราะเราต้องยอมรับว่า โรงพยาบาลก็มี
หลายแห่ง และทางกระทรวงศึกษาธิการก็สามารถจัดครูเข้าไปสอนได้จ�ำนวนจ�ำกัดเม่ือ
เทียบกับจ�ำนวนนักเรียนที่ต้องการเรียน เพราะนักเรียนพวกนี้หรือคนป่วยเหล่านี้จะมี
หลายอายุ หลายชั้นเรียน หลายลักษณะ หลายความสามารถ ครูคนเดียวจะต้องสอนทุกๆ
อย่าง ก็จะล�ำบากมาก ถ้าใช้คอมพิวเตอร์พวก CAI เป็นสื่อการสอน หรือใช้ CD-ROM
จะท�ำให้มีก�ำลังใจในการเรียนดีขึ้น ส่วนเด็กที่โตหรือเป็นผู้ใหญ่นั้น การฝึกใช้คอมพิวเตอร์
อาจจะช่วยในการฝึกอาชีพด้านหน่ึง แล้วก็เพ่ิมความสามารถ ท�ำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

พูดถึงว่าปัญหาต่างๆ นั้นก็มีหลายข้อ ประการแรกคือ ผู้ที่มีความพิการหรือ
ความบกพร่องน้ันจะมีปัญหาเร่ืองการส่ือสารกับผู้อ่ืนดังได้กล่าวมาแล้ว สมมุติว่าตามอง
ไม่เห็น โอกาสท่ีจะอ่านหนังสือหรือดูหนังอะไรได้กว้างขวางเท่าคนอ่ืนก็ไม่มี หรือมองเห็น
อะไรที่จะรับรู้ ได้การศึกษาจากการเห็นนั้นก็น้อย เพราะฉะนั้นคงจะต้องมีการใช้สื่อต่างๆ
ที่จะเข้าช่วย โดยเฉพาะอย่างย่ิงคงจะช่วยในการเรียนภาษาให้ดีข้ึน ในทางกลับกัน
การเรียนภาษาน้ันก็จะช่วยให้สามารถเข้าถึงส่ือต่างๆ ได้ง่ายขึ้น เช่น นอกจากเรียน
ภาษาไทยของเราแลว้ อาจจะมคี วามจำ� เปน็ ตอ้ งเรยี นรภู้ าษาตา่ งประเทศ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่
ภาษาอังกฤษ ส่ือต่างๆ น้ันพัฒนาส�ำหรับผู้ท่ีใช้ภาษาอังกฤษ ยังมีจ�ำนวนมากกว่าที่พัฒนา
ให้ผู้ใช้ภาษาไทย

ประการท่ีสอง ทั้งผู้ท่ีจะช่วยเหลือคือผู้ท่ีท�ำงานอยู่ด้วยกันในด้านนี้ กับผู้ที่ป่วย
หรือผู้รับความช่วยเหลือ หรือผู้ปกครองของเด็กนั้น ต้องยอมรับว่าแต่ละคนมีความรู้
ความสามารถ สติปัญญาท่ีต่างกัน ก็ต้องเอาตรงน้ันเป็นจุดเร่ิมต้นว่า เรามีความสามารถ
แค่ไหน ก็พัฒนาเอาตรงน้ันเป็นพ้ืนฐานและพัฒนาต่อข้ึนไป ไม่ใช่ว่าแต่ละคนจะเหมือน
กันหมด ความเพียรพยายามของแต่ละคน ความอดทนของแต่ละคนมีขีดข้ันท่ีแตกต่าง
กัน อันน้ีก็ต้องยอมรับด้วย

248


Click to View FlipBook Version