ข้นั ตอน การใช้ขนั ชะเนาะแบบแสวงเครอ่ื ง (APPLIED TOURNIQUET)
1. ใช้ผา้ สามเหล่ียมทาเปน็ ผา้ คราวาท หรือ
ใช้วัสดุทมี่ ีความกวา้ งไม่นอ้ ยกว่า 2 นวิ้
(ไมค่ วรใชห้ วาย เชอื ก ลวด หรอื วสั ดุทม่ี ี
ขนาดเล็ก เพราะอาจบาด หรอื ตดั เน้ือได้)
2. วางผา้ ขันชะเนาะแบบแสวงเคร่ือง
ท่ีบริเวณต้นแขน ตน้ ขา
3. ผูก 1 เงอ่ื น
51
4. วาง/สอดไม้ท่จี ะใชใ้ นการขนั ชะเนาะลงไป
5. ผกู เงอ่ื นอกี หน่ึงคร้งั รอบๆไมท้ ีใ่ ช้ในการ
ขนั ชะเนาะ
6. หมนุ แทง่ ขันจนกระทั่งขันชะเนาะแบบ
แสวงเครอ่ื งแน่น และเลือดแดงสดๆหยุดไหล
และคลาชีพจรไม่ได้
52
7. การผกู ยดึ ปลายไม้ดว้ ยเงื่อนตาย
เพอ่ื ไมใ่ ห้ไม้คลายหมุนกลบั
8. บรเิ วณขนั ชะเนาะไม่ควรใหอ้ ะไรมาบดบงั สายตา เพอ่ื ให้สังเกตไดง้ า่ ย
53
9. ทาเครอื่ งหมายตัว T บนหน้าผากผู้บาดเจบ็
ถ้าไม่มีอะไรเขยี น อาจใชเ้ ลือดของผบู้ าดเจบ็ เขียน
10. จดเวลาท่ีทาการขันชะเนาะ รวมไปถงึ การจบั ชพี จรและการหายใจ
11. ควรเกบ็ และสง่ แขน, ขา หรอื ชิน้ ส่วน ท่ขี าดไปกบั ผบู้ าดเจบ็
อย่าใหผ้ บู้ าดเจ็บเห็น
54
2.) การกดโดยตรงท่บี าดแผล (Direct pressure)
ขัน้ ตอน การกดโดยตรงท่ีบาดแผล ไดผ้ ลดี ถา้ เป็นแผลเล็กน้อย
❑ ให้ใชน้ ิว้ มือทสี่ ะอาดหรอื ผ้าสะอาด วางและกดโดยตรงบนบาดแผลจนกว่าเลือดจะ
หยุดไหล เป็นการอดุ หลอดเลอื ดไม่ให้เลอื ดไหลออก หรอื ชะลอใหเ้ ลือดไหลช้า
(เลือดจะแข็งตวั ภายใน 3-5 นาท)ี ใช้เวลากดประมาณ 5-10 นาที เลอื ดจะหยุด
❑ เมอ่ื เลือดหยุดใหใ้ ชผ้ า้ แต่งแผลปดิ หรอื พนั ด้วยผ้าพนั แผล
❑ แลว้ รบี ทาการสง่ กลับทางการแพทย์
การกดลงบนบาดแผล
55
❑ ถ้าเลือดยงั ไหลออกอกี ให้ใชผ้ ้าแต่งแผลอีกผืนวางทับบนผืนเดิม
❑ แล้วพนั ใหแ้ น่นดว้ ยผา้ พันแผลมว้ นแบบยดื ได้ โดยดงึ ใหย้ ดึ พอควรแล้วจึงพนั
ทับลงไป เป็นการเพ่ิมแรงกดลงบนบาดแผลช่วยหา้ มเลือด
❑ ห้ามเปลย่ี นผา้ แต่งแผลผนื เดิมเพราะจะทาใหล้ ิม่ เลือดทแ่ี ข็งแลว้ หลดุ ออก
เลือดจะไหลออกมาอกี
การใชผ้ า้ ผืนใหมพ่ นั ซา้ บนผา้ ผนื เดิม
56
3.) การใช้ผา้ แต่งแผล (FIELD DRESSING)
❑ เปน็ ผ้าสะอาดปราศจากเชอื้ ใช้ปดิ บาดแผลโดยตรงเพ่อื ห้ามเลือด ป้องกนั
แบคทเี รยี เขา้ สู่บาดแผล
❑ ชว่ ยลดความเจ็บปวดของบาดแผล
❑ เพ่มิ แรงกดท่บี าดแผลรว่ มกับการพนั ด้วยผ้าพนั แผล
❑ เปดิ หาบาดแผล
- ตดั เสอื้ ผา้ ออก, ฉีก หรือดึงเสือ้ ผ้าขน้ึ รอบๆบาดแผล เพ่ือหาขอบเขตของแผล
- ในกรณีสงสัยสารเคมี ปนเป้อื น เสอื้ ผา้ ท่ีติดอยู่กบั บาดแผลให้ใสค่ ลุมแผลไว้
- ไมท่ าความสะอาดบาดแผล
57
การใช้ผา้ แตง่ แผล (FIELD DRESSING) (ตอ่ )
❑ ตรวจปากแผลทง้ั ทางเขา้ และทางออก อย่างระมดั ระวงั
❑ บาดแผลทางออกมักจะใหญ่กวา่ ปากแผลทางเข้า
❑ ถา้ มีทง้ั แผลทางเข้าและทางออก ตอ้ งพนั แผลทง้ั สองแผล
❑ ถา้ วัตถุฝังอยทู่ ี่แผล ไมแ่ ตะตอ้ งวตั ถุนัน้ ไม่ดึงออก หรอื
ดันเข้าไปในแผล ใหพ้ นั ผ้าทาแผลรอบๆวตั ถุ
เพือ่ พยงุ วัตถใุ ห้อยู่กับทแี่ ละป้องกันการบาดเจ็บมากข้ึน
58
แสดงขนั้ ตอนการใชผ้ า้ แต่งแผล (FIELD DRESSING)
ขัน้ ตอนท่ี 1 แกะกล่องกระดาษ และถงุ พลาสติกออก ใช้มอื ทงั้ สองขา้ งจับหางผา้ ไว้
ขั้นตอนที่ 2 ถือผ้าแตง่ แผลไว้เหนือแผล โดยดา้ นสีขาวคว่าลงบนบาดแผล
ไม่สัมผสั ด้านสขี าว (ฆา่ เชอ้ื ) ไมใ่ หด้ า้ นสีขาวสัมผัสกับส่งิ อน่ื
59
ข้นั ตอนที่ 3. ดงึ ผา้ แตง่ แผลน้ันให้กางออก แล้วปิดลงบนบาดแผล
ขนั้ ตอนที่ 4 จบั ผา้ แตง่ แผลไว้ดว้ ยมอื ข้างหน่ึง เพ่ือใหผ้ า้ อยกู่ ับท่ีมืออีกขา้ งหนง่ึ
พนั หางผา้ พันรอบๆผ้าพนั แผลประมาณครึ่งหนงึ่ ของผา้ พนั แผลนั้น
เหลอื หางผ้าไวย้ าวพอผกู เง่อื นได้
60
ขั้นตอนท่ี 5 พันหางผ้าอีกข้างทับอกี ครึ่งหน่ึงของผ้าแตง่ แผลทเ่ี หลอื ให้ปดิ มดิ
บาดแผล ควรพันหางผ้าไปทางดา้ นขา้ งของผ้าแตง่ แผล
ขั้นตอนท่ี 6 ผกู หางผ้าท้ังสองข้างเปน็ เงือ่ นตายไว้ริมด้านนอกของผา้ แตง่ แผล
อยา่ ! ผกู เงื่อนไวบ้ นแผล เพื่อให้เลือดไปเลย้ี งขาท่ีบาดเจบ็ ในสว่ นทย่ี งั ดอี ยู่ ผูกผา้
แตง่ แผลใหแ้ น่นพอทจ่ี ะไม่หลดุ แต่อยา่ แนน่ มากจนกระท่ังเกิดการขาดเลอื ดไป
เลี้ยงส่วนทด่ี ีตามขน้ั ตอนที่ 5
61
ขอ้ ควรระวงั การใช้ผ้าแตง่ แผล
❑ ควรมกี ารตรวจสอบว่ายังมกี ารไหลเวียนของเลือดดา้ นล่างหรือไม่
❑ หากผวิ ผนังดา้ นล่างของผา้ แตง่ แผล เย็น เขียว ซีด มีสีช้า
ผู้บาดเจบ็ มีอาการชาและชีพจรเตน้ ชา้ ลง แสดงว่าพนั ผ้าแนน่
เกนิ ไป ให้คลายผ้าแตง่ แผลออกแล้วจงึ ผกู ใหมอ่ ีกครัง้
62
ขนั้ ตอน การใช้ผา้ แตง่ แผล (FIELD DRESSING)
63
ข้นั ตอน การใช้ผา้ แตง่ แผล (FIELD DRESSING)
❑ แผลสะเกด็ ระเบดิ /ถูกกระสุนปืนทแี่ ขนขา
❑ ใช้ผา้ แตง่ แผล
❑ ปิดตามบาดแผลให้ทั่วแลว้ พนั ให้แนน่
64
❑ ถ้ายังมเี ลือดออก(แผลสะเกด็ ระเบิดขนาดใหญ่) ใหใ้ ชผ้ ้าแต่ง
แผลผืนใหม่ พันทบั ผา้ ผืนเดมิ หลายๆช้ัน แลว้ พันด้วย
ผา้ พันแผลม้วนแบบยดื ได้ (Elastic Bandage) พนั ให้แน่น
ตั้งแตข่ ้อเท้าขึ้นมาจนถึงระดบั เหนอื บาดแผล
❑ ถา้ ยงั มีเลือดออกมากใหใ้ ช้สายยางรดั ตน้ แขนหรอื ต้นขา
65
ถกู กระสุนปืนท่แี ขนขา
ถา้ เลอื ดออกภายนอกใหเ้ หน็ ไม่มาก แตก่ ลบั ออกภายในเปน็ จานวนมาก
สังเกตจากแขน/ขานน้ั บวมขึน้ เรอ่ื ยๆ อยา่ งรวดเร็ว
ตอ้ งหา้ มเลอื ดจนกว่าจะหยุดเพ่มิ การบวม
66
วธิ ีใช้ผา้ แต่งแผลบรเิ วณส่วนบนของศรี ษะ ตามข้ันตอน
12 34 5
1. รวบหางผา้ แตง่ แผลไว้ในมอื ทั้งสองขา้ ง
2. ถอื ผ้าแตง่ แผลใหส้ ว่ นสีขาวลงขา้ งลา่ งวางผ้าแต่งแผลบนแผล (ภาพที่ 1)
3. พนั ส่วนปลายของผา้ แต่งแผลไปใต้คาง (ภาพที่ 2)
4. พันปลายส่วนทีเ่ หลือของผ้าแต่งแผลไปในทิศทางตรงขา้ ม (ภาพท่ี 3)
5. พนั ปลายของผ้าแตง่ แผลอ้อมมาทางหนา้ ผาก (ภาพท่ี 4 )
6. ผกู ปลายของผา้ บรเิ วณด้านข้างเหนอื ใบหูดว้ ยเง่อื นตาย (ภาพที่ 5)
67
4.) การใช้ผา้ มว้ นแบบยดื ได้ (elastic bandage)
12 3 4
1. จับถอื ผ้าพันแผลแบบยดื หดได้(ภาพท่ี 1) พันยดึ จุดเรม่ิ ตน้ ของผ้าพนั แผล
2. วางปลายผา้ พนั แผลบนฝ่ามือ ปลอ่ ยให้ปลายผา้ อยบู่ นส่วนทจ่ี ะพันผา้
ปลายผา้ พบั ข้ึนได้ ( ภาพที่ 2 ) ใช้มือพันผ้าทับลงบนปลายผา้ พันแผล
3. พันผ้ากลบั มาทางมอื ขวา พบั ปลายผ้าลง ( ภาพที่ 3 ) แลว้ พันทับอกี รอบหน่งึ
เพื่อใหจ้ ดุ เริม่ ตน้ ของผา้ พนั แผลอยู่กบั ท่ี ( ภาพท่ี 4)
68
4 56
4. ตอ่ มาพนั เปน็ เกลยี วขึ้นมาบนมือ (ภาพท่ี 5)
5. ใช้ผ้าพันทับซ้อนกันพอสมควร พนั ถึงข้อศอก ให้พันทับซอ้ นกนั หลายรอบ
(ภาพท่ี 6)
6. ผกู เงือ่ นทบั ไว้พันปลาย ผ้าพันแผลกลบั มา
แล้วคลใ่ี ห้รอบส่วนนั้นๆ ทาให้เกิดปลายท่ีจะผูกขึน้ สองปลาย
7. ผกู ปมส่เี หล่ยี มทับบนผ้าพนั แผลทีไ่ ดพ้ นั ไว้ หรือตดั แยกปลายของผา้ พนั แผล
ออกเป็นสองแฉก ผูกแฉกท้ังสองตรงโคนผ้าทีแ่ ยก แล้วผกู ปมสเ่ี หลี่ยมทบั บน
ผ้าพันแผลท่ไี ดพ้ ันไว้ (ภาพที่ 6)
69
บาดแผลชอ่ งทอ้ งท่มี อี วยั วะในชอ่ งท้องออกมานอกชอ่ งท้อง
อาการ เจ็บปวดอยา่ งรนุ แรง คลื่นไส้ อาเจียน เกรง็ กล้ามเนอ้ื หนา้ ทอ้ ง ช็อกได้
70
รักษาบาดแผลช่องท้อง ที่มีอวยั วะในช่องทอ้ งออกมานอกชอ่ งทอ้ ง
❑ ใหผ้ ูบ้ าดเจบ็ นอนหงาย ยกเขา่ ชันขน้ึ ทัง้ สองข้าง เพ่ือชว่ ยให้กลา้ มเน้อื หนา้ ทอ้ ง
ผ่อนคลาย
❑ งดนา้ และอาหาร ให้ความอบอนุ่ แก่ผบู้ าดเจ็บ
❑ กรณีผบู้ าดเจ็บหมดสติ ใหเ้ อยี งศรี ษะไปข้างใดข้างหน่ึง เพอื่ ปอ้ งกนั ผบู้ าดเจบ็
สาลกั เมอื่ อาเจียน
❑ ตอ้ งได้รบั การผา่ ตัดช่วยเหลือดว่ น ไม่แตะต้องหรือดนั กลบั เข้าไป
❑ ไมต่ อ้ งทาความสะอาดบาดแผล เพราะอาจทาใหอ้ าการตา่ งๆมากขน้ึ
❑ ใชผ้ า้ กอ๊ ซชบุ นา้ เกลอื หรือ นา้ สะอาดปดิ ไว้ แลว้ ใช้ผา้ แตง่ แผลผืนใหญท่ ี่สะอาด
ปดิ คลุมทั้งหมด
❑ พนั ผ้าใหแ้ นน่ เพียงพอเพอื่ ยึดส่วนตา่ งๆอยู่กบั ที่
71
5.) การใชผ้ า้ สามเหล่ยี ม
72
การพบั ผ้าสามเหล่ยี มเป็นผา้ คราวาท (Cravat)
ขัน้ ที่ 1.ผา้ สามเหลย่ี มและผา้ ผูกคอนิยมทาจากผา้ ฝา้ ยตัดเปน็ รปู สามเหลีย่ ม
1 ขนาด 37x37x52 นว้ิ เมอื่ พบั เป็นแถบเรยี กวา่ ผ้าผกู คอ การทาผา้
สามเหล่ียมตัดทแยงมมุ ผา้ ส่ีเหลยี่ มกวา้ ง 3 X 3 ฟุต จะไดผ้ ้า
สามเหลย่ี ม 2 ผืน (ขน้ั ที่ 1)
2. การพับผา้ สามเหล่ียมเป็นผ้าคราวาท (Cravat) นา
2 ยอดมมุ ของผ้าสามเหลย่ี ม พับลงมาทฐ่ี านของผา้ (ข้ันท2่ี )
3. พับด้านบนของผ้าสามเหลยี่ มมาทฐี่ าน ของผ้า
3 สามเหลยี่ ม (ขน้ั ที่3)
4 4. พบั ด้านบนของผา้ สามเหล่ียมลงมาทฐ่ี านอกี ครั้งหนงึ่
(ขนั้ ที่ 4)
73
ขนั้ ตอน การใชผ้ ้าสามเหลย่ี มกบั บาดแผลทีศ่ รี ษะ
123
1. วางผา้ สามเหล่ยี ม ให้ฐานของสามเหล่ยี มอยู่ตรงกงึ่ กลางหนา้ ผาก ปล่อยให้สว่ นยอด
ของสามเหลย่ี มมาอยู่ด้านหลงั ของคอ (ภาพท่ี 1)
2. จับปลายทัง้ สองข้างไขว้กนั มาทางดา้ นหลังของศรี ษะ และพันข้าม ส่วนยอดของ
สามเหลี่ยม นาสว่ นปลายทัง้ สองข้างมาผกู ไว้ด้านหนา้ ผาก (ภาพท่ี 2)
3. พับยอดสามเหลยี่ มซ่อนไวใ้ ต้ส่วนของผ้าแตง่ แผลท่ที ้ายทอย ใช้เข็มกลัดยดึ ไวถ้ า้ มี
(ภาพท่ี 3)
74
Airway
การประเมนิ และจัดการทางเดนิ หายใจ
ขนั้ ตอน การประเมนิ และจัดการทางเดนิ หายใจ ในพื้นทีห่ ลงั การปะทะ
❑ ใหท้ าการประเมนิ ทางเดนิ หายใจดว้ ยการถาม ชอ่ื หากผู้บาดเจ็บร้สู กึ ตวั และ
ตอบคาถามได้ แสดงวา่ ทางเดินหายใจโลง่ ไมม่ ีปญั หาทางเดนิ หายใจอุดกนั้
ไม่ต้องจัดการทางเดินหายใจ
75
ขนั้ ตอน การประเมนิ และจดั การทางเดนิ หายใจ ในพนื้ ทห่ี ลงั การปะทะ (ต่อ)
❑ หากผู้บาดเจบ็ ไมต่ อบ หรอื ไม่รูส้ กึ ตัว
❑ ให้ตรวจสอบว่ามสี ่งิ แปลกปลอม (Foreign body) เชน่ ฟันปลอม
เศษกระดกู ทแ่ี ตกหกั , เศษอาหาร ในชอ่ งปากหรือไม่
❑ ถา้ มองเหน็ ส่งิ แปลกปลอม ถึงจะทาการใชน้ ว้ิ ลว้ งออก ถา้ เห็นเลือดออก
ในปาก ใช้ลูกยางแดง หรือ syringe ดดู เลือดออก
❑ หากไมม่ ีปัญหาทางเดินหายใจอุดกัน้ ให้จัดอยใู่ นทา่ พักฟน้ื
(Recovery position)
76
Recovery position (ท่าพักฟ้นื )
➢ โดยเฉพาะผ้บู าดเจบ็ บริเวณใบหน้า
➢ หมดสตแิ ต่ยังสามารถหายใจเองไดด้ แี ละระบบไหลเวยี นดี
➢ ชว่ ยใหเ้ ลือดและเมือกไหลออกจากปากและจมกู ไม่ ย้อนกลับเขา้ ไปปดิ
ก้นั ทางเดินหายใจ
➢ ไม่ควรใช้ในรายท่สี งสัยการบาดเจ็บทีค่ อ และกระดกู สนั หลงั
ขัน้ ตอน
- หมุนตวั ผ้บู าดเจ็บพรอ้ มกันทั้งลาตัวใหน้ อนตะแคงข้าง
- วางมือข้างท่ีอยดู่ ้านล่างใหส้ อดไว้ใต้คาง
- งอขาขา้ งทอ่ี ยดู่ า้ นบน
77
แสดงทา่ นอนพกั ฟนื้ ( Recovery position ) ของผบู้ าดเจ็บ
78
❑ หากผูบ้ าดเจบ็ ไม่ตอบ หรือ ไม่ร้สู กึ ตัว (ต่อ)
❑ หากผู้บาดเจบ็ มีปญั หาทางเดนิ หายใจอดุ กน้ั เชน่ มีล้นิ ตก หายใจมี
เสียงดังคล้ายเสียงกรน หรอื มีเลือดออกทางปากและจมกู ปรมิ าณมาก
ใหเ้ ปดิ ทางเดนิ หายใจดว้ ยท่า กดหนา้ ผาก ยกคาง (Head-tilt,
Chin-lift) หรอื ดนั กรามไปดา้ นหนา้ (Jaw thrust)
❑ แล้วใช้ท่อพยงุ ทางเดนิ หายใจแบบสอดทางจมกู (NPA) ตรงึ ท่อไว้
ดว้ ยเทป
79
❑ การเปิดทางเดนิ หายใจที่ดี เปน็ การป้องกนั การเสียชวี ติ ทท่ี าไดเ้ ป็นอนั ดบั ท่ี 3
❑ สามารถรอได้จนสถานการณ์ปลอดภัย ถ้ายงั อยภู่ ายใตก้ ารยงิ จะยงั ไมท่ า
การเปดิ ทางเดนิ หายใจ
❑ ลิน้ เปน็ อวัยวะทีจ่ ะไปอดุ ทางเดินหายใจทีพ่ บบอ่ ยท่ีสุด โดยเฉพาะเม่อื ไม่รูส้ กึ ตวั
พบวา่ กล้ามเน้ือคลาย ทาให้ลน้ิ เลอ่ื นไปดา้ นหลงั อุดทางเดนิ หายใจ
❑ วิธีเปดิ ทางเดนิ หายใจ 2 วิธี
Head-Tilt/Chin-Lift
Jaw Thrust
80
Head-Tilt , Chin-Lift
❑ ใช้เป็นมาตรฐาน
❑ ใช้ในกรณี ไม่สงสยั ว่ามีการบาดเจ็บของกระดกู คอ
❑ ไมจ่ าเป็นตอ้ งจากัดการเคลื่อนไหวของกระดูกสันหลังส่วนคอ
ถา้ กลไกการบาดเจ็บเป็นแบบถูกยิง หรอื ถกู แทง
การกดหนา้ ผากเชยคาง
81
ขน้ั ตอน Head-Tilt , Chin-Lift
❑ คกุ เข่าขา้ งผูบ้ าดเจ็บระดบั เดียวกนั กับไหลค่ นเจ็บ
❑ ใช้มือขา้ งใดข้างหนึ่งวางบนหนา้ ผากคนเจ็บ
❑ ใช้อุง้ มอื กดไปดา้ นหลังเพือ่ ใหศ้ ีรษะเงยไปดา้ นหลงั
❑ ใชป้ ลายนว้ิ ของมอื อีกขา้ งวางที่กระดูกปลายคางเพ่อื ยกข้นึ ด้านหนา้
❑ ยกคางขึ้นด้านหนา้ จนฟนั บนและล่างเกือบติดกัน แตป่ ากต้องไมถ่ ูกปิด เพ่ือ
ปอ้ งกนั หากรจู มูกอดุ ตัน หรอื เสยี หาย
ขอ้ ควรระวัง - ต้องแน่ใจว่าไมม่ ีการบาดเจบ็ ของกระดูกต้นคอ
- อยา่ ออกแรงกดเนือ้ บริเวณใต้คางด้วยนิว้ มือ เพราะอาจทาใหป้ ิด
ช่องทางเดนิ หายใจได้
- อย่าทาใหป้ ากของผบู้ าดเจบ็ ปดิ สนทิ
82
Jaw Thrust
➢ ในกรณีสงสยั วา่ มีการบาดเจ็บทต่ี น้ คอ,กระดูกต้นคอ ให้เปดิ ทางเดนิ หายใจด้วย
วิธีนี้
การยกกราม
83
ขน้ั ตอน Jaw Thrust
❑ คกุ เข่าเหนอื ศีรษะผู้บาดเจ็บ
❑ วางศอกบนพืน้ ท่ีผู้บาดเจ็บนอน
❑ วางมือแต่ละข้างลงบนขากรรไกรทัง้ สองข้างของผบู้ าดเจ็บ
ตามแนวขากรรไกร ใตห้ ู
❑ ยดึ ศรี ษะผูบ้ าดเจบ็ ให้นิ่งดว้ ยแขนท้งั สองขา้ ง
❑ ใช้นว้ิ ช้ีดนั ขากรรไกรลา่ งลงไปดา้ นหน้า
❑ ใชน้ ิ้วหัวแมม่ อื เปิดรมิ ฝีปากเพ่ือทาให้ปากเปดิ ถา้ จาเปน็
84
การใช้ Nasopharyngeal Airway (NPA) ในพืน้ ท่ีหลงั การปะทะ
ขอ้ ดี : สามารถใชไ้ ด้ในผูบ้ าดเจ็บท่ี
- Conscious,
Semi-Conscious (การร้สู กึ ตัวไม่เตม็ ที่),
Unconscious
- การหายใจผดิ ปกติ
- ไมส่ ามารถหายใจเองไดด้ ี
ห้ามใช้
-ในคนทบ่ี าดเจ็บบรเิ วณใบหน้าอยา่ งมาก
-ในคนทม่ี ีการแตกแถวเพดานปาก
85
การใส่ Nasopharyngeal Airway (NPA)
วธิ กี ารวดั ขนาด:
❑ จาก ปลายจมกู -ตง่ิ หู
วิธีการใส่:
❑ ใหน้ อนราบ
❑ จัดทางเดนิ หายใจและเอาสิ่งแปลกปลอมออก
❑ ใส่เจลหลอ่ ล่นื /น้าสะอาดที่ NPA
❑ เปดิ รจู มูกและใสป่ ลายแหลมของ NPA เข้าในรจู มกู
❑ ใสจ่ นส่วน NPA เข้าไปจนขอบสว่ นปลายทอ่ ชนรจู มูก
86
การเปดิ รูจมกู ผบู้ าดเจ็บใหเ้ หน็ ชดั เจน
การสอดใสท่ ่อทางเดนิ หายใจจนขอบดา้ นหลงั ทอ่ ติดรจู มูก
87
การใส่ Nasopharyngeal Airway (NPA) (ตอ่ )
ข้อควรระวงั
❑ ห้ามฝนื หรอื พยายามดนั ถา้ มแี รงต้าน
❑ ให้หลอ่ ลน่ื เพิม่ และลองใส่รจู มูกอีกข้าง
❑ ถ้ายงั มีแรงตา้ น ให้เชค็ ขนาดNPA อีกครง้ั หรือเปลี่ยน
วิธีการเปดิ ทางเดินหายใจแบบอนื่
❑ การเอาออก ใหค้ อ่ ยดึงออกตามความโคง้ ของโพรงจมูก
88
respiration
การประเมนิ การหายใจ และจดั การบาดแผลทีท่ รวงอก
ขน้ั ตอน การประเมินการหายใจ ในพื้นทหี่ ลังการปะทะ
❑ ดกู ารขยบั ของทรวงอกทัง้ สองข้างว่าเทา่ กนั หรอื ไม่ ให้เปดิ เสอื้ ผา้ ออกเพือ่
หาบาดแผล
❑ หากพบแผลทะลุที่เกิดจากกระสุนหรอื ระเบดิ ทที่ รวงอก (Sucking
chest wound) และมกี ารหายใจลาบาก ใหส้ งสยั ว่ามีภาวะลมคงั่ ใน
ชอ่ งเยอ่ื ห้มุ ปอดชนิดมรี เู ปดิ ทที่ รวงอก ( Open pneumothorax )
89
ขนั้ ตอน การประเมนิ การหายใจ ในพ้ืนทห่ี ลงั การปะทะ (ต่อ)
❑ ให้ทาการปิดแผลดว้ ยแผน่ ปิดแผลทม่ี วี าล์วระบายทางเดยี วสาหรบั ทรวงอก
(Vented Chest Seal) ตดิ ให้แนบกับอก ในขณะหายใจออก โดยให้แผลอยู่
ตรงกบั วาลว์ ระบายกลางแผ่น และใหล้ ูกศรบนแผ่นปดิ ช้ีออกไปดา้ นข้างของ
ลาตัว ใช้เทปตรงึ ขอบแผน่ ให้แน่น เพอ่ื ป้องกนั การเลือ่ นหลดุ
❑ บาดแผลถกู ยงิ ท่ีทรวงอก อาจมีแผลทางออกของกระสุนทีห่ ลงั ให้ทาการพลกิ
ตัวเพือ่ หาและปดิ แผลทางออกดว้ ยแผน่ ปดิ แผลทม่ี วี าลว์ ระบายทางเดียว
สาหรับทรวงอก (Vented Chest Seal) เช่นกัน ติดใหแ้ นบกบั อก ในขณะ
หายใจออก ให้แผลอยู่ตรงกบั วาลว์ ระบายกลางแผน่ ใหล้ ูกศรบนแผ่นปดิ ชี้ไป
ด้านล่างของลาตัว ใชเ้ ทปตรึงขอบแผน่ ให้แนน่ เพอ่ื ป้องกนั การเลื่อนหลุด
90
แผลเปิดทรวงอก (Open pneumothorax) ใน
พ้นื ท่ีหลังการปะทะ
Collapsed
lung
Side with
gunshot
wound
91
แผลเปิดทรวงอก (Open )pneumothorax
❑ บาดแผลที่หน้าอก ทาให้เกิดการดูดลมเขา้ ไปในชอ่ งอก
❑ บาดแผลทาหนา้ ที่เหมอื นลิน้ เมื่อลมผา่ นเขา้ ไปแล้ว แต่ในระหวา่ งทห่ี ายใจออก ลมนนั้ ไม่
สามารถออกจากช่องอกได้ แตก่ ลับไปเพม่ิ ความดันในช่องอก ทาให้ปอดยุบแฟบลง
❑ ผปู้ ่วยมีอาการหายใจลาบากอย่างเห็นได้ชดั
❑ อาจพบผู้ป่วยกระวนกระวาย หายใจเรว็
❑ ชีพจรเต้นเร็ว
❑ มีแผลท่ีผนงั ทรวงอก และอาจไดย้ นิ เสียงลมดดู เข้า และอาจเห็นฟองอากาศชว่ งหายใจออก
92
Open pneumothorax
❑ ปิดแผล 3 ด้าน โดยใช้ฟอยลอ์ ลมู นิ มั หรอื วาสลนิ กอ๊ ส เพื่อปอ้ งกันไม่ใหล้ มเข้าทาง
บาดแผล แตใ่ ห้ลมออกได้
❑ ถ้ามขี ้อบง่ ชี้ กใ็ ส่ท่อช่วยหายใจ
❑ ตดิ ตามอาการ เฝ้าระวังภาวะลมดนั ในชอ่ งปอด จากการช่วยหายใจและจากการที่มี
ลมรัว่ จากปอดที่ได้รับบาดเจบ็ ผ่านเข้าทางชอ่ งเยอ่ื หุ้มปอด
❑ ถ้าผู้ป่วยหายใจแย่ลง ให้เอาวสั ดปุ ิดแผลออก ใช้กอ๊ ซเชด็ เลอื ดทแี่ ผลออก
(Burping the wound) เพอ่ื เอาเลอื ดแขง็ ที่อดุ แผลออก และระบายลมออก
ได้ หลงั จากน้ันให้ปดิ วัสดอุ ันเดิม ถ้าไม่ไดผ้ ลให้ใชเ้ ขม็ เจาะระบายลมออก (NCD)
93
ขน้ั ตอน การปดิ แผล 3 ด้าน (3-sided dressing)
ขนาดของแผ่นต้อง ห่างจากขอบแผลดา้ นละ 2 น้วิ
❑ ขณะปิดแผลใหผ้ ูบ้ าดเจ็บหายใจออกแรงจนสุด กล้นั หายใจ
❑ ผใู้ หก้ ารรกั ษารบี ใชผ้ า้ ปิดแผลปิดผนึกให้ดี
❑ ผ้าปดิ แผลควรเปน็ วสั ดุทกี่ ันน้าได้ หรอื อาจจะใชซ้ องพลาสตกิ ของผา้ แต่งแผล
❑ ใชม้ อื กดไว้ แล้วใชผ้ า้ พนั เพมิ่ เตมิ เพือ่ ไมใ่ หล้ มเข้าไปได้
❑ ถ้าผบู้ าดเจบ็ นงั่ แลว้ สบายกวา่ นอน ใหผ้ ้บู าดเจบ็ นง่ั
❑ ถ้านอนให้นอนทับขา้ งท่ีมบี าดแผล เพราะจะทาใหข้ า้ งทไี่ ม่ได้รับบาดเจ็บ ไดร้ บั ลมมากขึ้น
94
Tension pneumothorax
ขนั้ ตอน การประเมนิ การหายใจ ในพ้ืนท่หี ลงั การปะทะ (ตอ่ )
❑ ทาการตรวจร่างกายผบู้ าดเจบ็ โดยใช้หฟู งั (Stethoscope) และเครอื่ งตรวจ
ความเขม้ ขน้ ของออกซิเจนในเลอื ด ( Pulse oximeter ) หากพบวา่
ผ้บู าดเจ็บมีอาการเหนอ่ื ย ตรวจไม่พบเสยี งหายใจในทรวงอกขา้ งทม่ี กี าร
บาดเจ็บ และคา่ ความเข้มขน้ ของออกซเิ จนในเลือดต่ากวา่ 90% ให้
สงสัยว่ามีภาวะลมคงั่ ปรมิ าณมากในชอ่ งเยอ่ื หมุ้ ปอด ( Tension
pneumothorax )
95
ภาวะลมรว่ั และแรงดนั ในชอ่ งเยอ่ื หมุ้ ปอด ( Tension pneumothorax )
ในพืน้ ท่หี ลงั การปะทะ
Collapsed lung
มลี มอยรู่ ะหว่างปอด และช่องอก อาจเกิดขึ้นจาก
การบาดเจบ็ ของปอดและชอ่ งอก ทาใหป้ อดยุบตัว
96
ภาวะลมรว่ั และแรงดนั ในชอ่ งเยอ่ื ห้มุ ปอด (Tension pneumothorax)
❑ Tension pneumothorax เป็นสาเหตกุ ารตายในสนามรบท่ีปอ้ งกันได้
เปน็ อนั ดบั ท่ี 2
❑ ผู้บาดเจบ็ จะมกี ารหายใจที่ผิดปกติ มกี ารเปล่ยี นแปลงอยา่ งรวดเร็ว
❑ จากการที่มีลมเข้าไปในช่องอกขา้ งที่ผิดปกตแิ ต่ไมส่ ามารถออกมาได้
❑ แรงดนั ที่เพ่ิมขนึ้ ในชอ่ งอกทาให้เกดิ การกดเบียดของเน้อื ปอดทาใหป้ อด
ไมส่ ามารถขยายได้
❑ ดนั อวัยวะในทรวงอกและหัวใจออกจากปอดข้างทผ่ี ิดปกติ
❑ อาจสง่ ผลไปยงั ปอดข้างที่ดรี วมถงึ หลอดเลอื ดทไี่ ปเล้ยี งหวั ใจได้
97
อาการแสดง
❑ การหายใจทผ่ี ดิ ปกติ
❑ อตั ราการหายใจ นอ้ ยกว่า 10 หรือ มากกว่า 24 ครง้ั /นาที
❑ ทรวงอกขยับ ขนึ้ -ลง ไมเ่ ท่ากนั
❑ ทรวงอกขยบั ขนึ้ -ลง ข้างเดียว
❑ จงั หวะการหายใจ ไมส่ ม่าเสมอ
❑ เหงอ่ื ออกแต่ตัวเยน็
❑ ระดับการรูส้ ึกตวั ลดลง (AVPU Scale)
❑ หลอดลมที่คอถูกกดเบียดไปด้านตรงขา้ ม (Tracheal shift)
เป็นอาการระยะสุดทา้ ย อาจสังเกตไม่พบเมอื่ มีอาการในระยะแรก
98
❑ Tension pneumothorax ทาใหผ้ ู้บาดเจบ็ อาการแย่ลง ปอดข้างท่ี
ได้รับบาดเจ็บมีอากาศเข้าไปจานวนมาก ทาใหเ้ กดิ แรงดัน เกิดแรงกดทับ
ปอด และหวั ใจ ทาใหค้ วามดนั ลดลงจากหัวใจล้มเหลว
(cardiogenic shock) คลาชพี จรไม่ได้
99
การรกั ษา
การเจาะเอาลมท่ีคงั่ ในชอ่ งปอดให้ออกสภู่ ายนอก เพ่อื ลดแรงดันในชอ่ งอก
Needle Chest Decompression (NCD)
หายใจออก หายใจเขา้
เขม็ ท่ใี ชเ้ จาะ ต้องใชเ้ ขม็ เจาะเบอร์ใหญ่ คอื เบอร์ 10–14 เกจ ยาว 3.25 น้วิ
100