The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

สไลด์การช่วยชีวิตทางยุทธวิธี ขั้นพื้นฐาน (BASIC TCCC) จัดทำโดย กองการศึกษา โรงเรียนเสนารักษ์ กรมแพทย์ทหารบก

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

การช่วยชีวิตทางยุทธวิธี ขั้นพื้นฐาน

สไลด์การช่วยชีวิตทางยุทธวิธี ขั้นพื้นฐาน (BASIC TCCC) จัดทำโดย กองการศึกษา โรงเรียนเสนารักษ์ กรมแพทย์ทหารบก

Keywords: การช่วยชีวิต,ยุทธวิธี,รร.สร.พบ.,โรงเรียนเสนารักษ์,กรมแพทย์ทหารบก

Circulation

การประเมินการไหลเวียนโลหิต
ขนั้ ตอน การประเมินการไหลเวียนโลหิต ในพ้นื ที่หลงั การปะทะ

❑ ใหป้ ระเมินวา่ ผบู้ าดเจ็บมภี าวะช็อกหรอื ไม่

❑ ด้วยการคลาชีพจร (Pulse) ข้อมือสองข้างพรอ้ มกัน ขาหนีบ ลาคอ

หากชพี จรเบาเรว็ แสดงว่าอาจมีภาวะช็อก
❑ หรือประเมนิ ดว้ ยการกดเล็บแล้วปล่อย หากสชี มพูใต้เล็บ (Capillary

refill) กลับคืนในเวลาชา้ กวา่ 2 วินาที แสดงวา่ อาจมีภาวะช็อก

101

ข้ันตอน การประเมินการไหลเวียนโลหติ ในพื้นทหี่ ลังการปะทะ (ต่อ)

❑ หากสงสัยว่ามีกระดกู เชงิ กรานหกั โดยเฉพาะในผู้บาดเจบ็ จากระเบิด ปวด
เชงิ กราน ตรวจพบเสยี งกรอบแกรบ ขาขาด ไมร่ ้สู กึ ตวั หรือมภี าวะช็อก ให้
พิจารณาใชอ้ ุปกรณร์ ดั เชงิ กราน (Pelvic binder / wrapping) สอด
จากใต้ขอ้ พับเขา่ เลือ่ นข้ึนมาจนได้ระดบั ปมุ่ กระดกู greater trochanter
ของกระดูกต้นขา (femur) แลว้ รดั จนได้ยินเสียงคลิกของหวั เขม็ ขัด และใช้
ผา้ สามเหล่ยี มอีกผืนพันขาสองขา้ งเขา้ ดว้ ยกันในระดบั เขา่

greater SAM Pelvic
trochanter sling

102

ข้นั ตอน การประเมินการไหลเวียนโลหติ ในพ้ืนทีห่ ลงั การปะทะ (ตอ่ )

❑ หากไม่สามารถหา้ มเลือดบริเวณรอยตอ่ ของรยางค์ดว้ ยผา้ กอ๊ ซชุบสารห้าม
เลือดท่ีไดท้ าไปแลว้ ในขนั้ ตัว M ใหท้ าการหา้ มเลอื ดดว้ ยอปุ กรณก์ ดห้าม
เลอื ดรอยตอ่ ของรยางคก์ บั ลาตวั เช่น SAM junctional
Tourniquet พนั ไวก้ ับเชงิ กราน ใส่แปน้ กดห้ามเลือดให้ตรงกบั ตาแหน่ง
บาดแผลที่รอยต่อรยางค์ แล้วป๊มั ลมให้พองจนสามารถกดห้ามเลอื ดได้

SAM junctional
Tourniquet

103

ข้นั ตอน การประเมินการไหลเวยี นโลหติ ในพ้ืนทหี่ ลังการปะทะ (ต่อ)

❑ การทา Tourniquet Conversion โดยการตรวจสอบการหา้ ม
เลอื ดของรยางคท์ ไี่ ด้ทาไวจ้ ากการใชส้ ายรดั ห้ามเลอื ด หากการส่งกลับใช้
เวลามากกว่า 2 ชัว่ โมง แต่ไมม่ ากกวา่ 6 ช่วั โมง ใหพ้ ิจารณาเปลย่ี นไป
หา้ มเลอื ดด้วยวิธอี ื่น (เพ่ือปอ้ งกันเน้อื เยอื่ สว่ นอื่นใตต้ ่อจดุ ทีข่ นั ชะเนาะขาด
เลือดจนตอ้ งถกู ตดั ขา) เช่น การใช้ผา้ กอ๊ ซชบุ สารหา้ มเลอื ดยดั ลงไปใน
บาดแผล แลว้ กดด้วยแรงคงทใี่ ห้แนน่ อยา่ งน้อยเปน็ เวลา 3 นาที จนเลือด
หยุด แลว้ ค่อยๆคลายสายรัดห้ามเลอื ดออกและใชผ้ ้าปดิ แผลปิดไวอ้ กี ช้นั
หากพบวา่ ยังมีเลือดออกมาก ใหข้ ันสายรัดห้ามเลือดใหแ้ นน่ ดังเดิม

104

ข้นั ตอน การประเมินการไหลเวียนโลหิต ในพืน้ ทีห่ ลังการปะทะ (ตอ่ )

❑ ทาการเปิดเส้นเลอื ดดา ดว้ ยเข็มขนาด 18 เกจ ทขี่ อ้ พบั แขน หรือ ทาง
โพรงไขกระดูก (Intraosseous infusion) หล่อไวด้ ้วยน้าเกลอื
(saline lock) เพ่ือเตรยี มใหส้ ารน้าทางหลอดเลือดดาในกรณที จี่ าเปน็

105

Hypothermia and Head injury
การปอ้ งกันภาวะอณุ หภมู ติ า่ และประเมนิ การบาดเจบ็ ทศ่ี รี ษะจากระดบั ความรสู้ กึ ตวั

Hypothermia ข้นั ตอนประเมินภาวะอณุ หภมู ิตา่ ในพน้ื ทห่ี ลงั การปะทะ

❑ ภาวะชอ็ กจะทาใหเ้ ซลล์ต่างๆ ในรา่ งกายสร้างพลงั งานลดลง เกิดอุณหภมู ิกายตา่
(Hypothermia) นามาซ่ึงภาวะเลอื ดเปน็ กรด (Acidosis) และเปน็ ผลใหก้ าร
แข็งตวั ของเลือดผิดปกติ (Hypocoagulopathy) เลอื ดทอี่ อกจะไมจ่ ับตวั เปน็
สะเก็ดปดิ ปากแผล ทาให้เลือดออกมาเรอ่ื ยๆ จนเสียชีวิตได้

❑ ต้องทาการปอ้ งกนั ภาวะอณุ หภูมกิ ายตา่ ด้วยการถอดหรือตัดเสื้อผ้าท่เี ปียกออก ห่ม
ปกคลมุ ด้วยผ้าหม่ ท่ีสามารถรักษาอณุ หภมู กิ ายได้

106

Head injury ขนั้ ตอน ประเมนิ การบาดเจ็บท่ศี รี ษะจากระดับ
ความรู้สึกตวั ในพื้นทีห่ ลังการปะทะ

ประเมินระดับความร้สู กึ ตวั ด้วยระบบ AVPU
✓ Alert รสู้ ึกตวั ดี ถามตอบได้ เช่น รวู้ ่าตนเป็นใคร รู้เวลา สถานท่ี
✓ Respond to Verbal ทาตามคาสง่ั ได้ เช่น ยกแขน
✓ Respond only to Painful stimuli ตอบสนองต่อความเจ็บปวด

แต่ไม่ตอบสนองตอ่ คาสงั่ ทางเสยี ง
✓ Unresponsive to all stimuli ไม่ตอบสนอง/หมดสติ ถามชา้ ๆดว้ ย

นา้ เสียงชัดเจน

107

สรปุ ประเด็นสาคัญ

❑ สถานการณ์นี้ยงั คง อย่ใู นอันตราย
❑ ทรพั ยากรมจี ากดั
❑ ต้องควบคุมอาการเลือดออกใหไ้ ด้
❑ เปดิ ทางเดนิ หายใจ การจดั ท่าพกั ฟน้ื ของผบู้ าดเจบ็
❑ สังเกตการหายใจ
❑ ความเจบ็ ปวดจากการใชส้ ายรัดหา้ มเลือด
❑ การประเมนิ ระดับการร้สู ติของผู้บาดเจ็บ
❑ การบนั ทึกอาการตา่ งๆ

108

การส่งกลบั
ผบู้ าดเจบ็
ทางยทุ ธวิธี

Tactical
Evacuation

Care

109

❑ สามารถอธิบายและปฏบิ ตั ิ การส่งกลับผู้บาดเจ็บทางยุทธวิธี การลาเลยี ง
ด้วยมือ การใชเ้ ปลแสวงเครือ่ ง และ การคัดแยกผบู้ าดเจบ็ ได้ถกู ต้อง

110

การลาเลยี งผ้บู าดเจ็บ

ประเมินประเภทของการบาดเจบ็ ก่อนเคลอ่ื นยา้ ย โดยประเมนิ MARCH

ของผบู้ าดเจบ็ ซา้ เปน็ ระยะๆ หรือเมื่อมกี ารเปลยี่ นแปลง

M: Massive hemorrhage การห้ามเลอื ดออกปรมิ าณมาก

A: Airway การประเมนิ และจดั การทางเดนิ หายใจ

R: respiration การประเมนิ การหายใจ และจัดการบาดแผลท่ีทรวงอก

C: Circulation การประเมินการไหลเวียนโลหติ
H: Hypothermia and Head injury การปอ้ งกนั ภาวะ

อณุ หภูมิตา่ และประเมินการบาดเจ็บทศ่ี ีรษะจากระดับความร้สู กึ ตวั

111

การสง่ กลบั ผ้บู าดเจ็บทางยทุ ธวิธี
Combat Casualty Evacuation Care

❑ การเตรียมผูบ้ าดเจบ็ ให้พร้อมสาหรับการสง่ กลบั ซ่ึงอาจจะเป็นการส่งกลบั โดย
พาหนะทางการแพทย์ (MEDEVAC) หรอื การสง่ กลับโดยไมใ่ ชพ้ าหนะทาง
การแพทย์ (CASEVAC)

❑ หากการส่งกลับนั้นเปน็ ผบู้ าดเจ็บที่หมดสตแิ ละเดนิ ทางโดยพาหนะทไี่ ม่ใช่
ทางการแพทย์ ผชู้ ่วยชวี ิตเชิงยทุ ธวธิ ีอาจต้องไปกับผบู้ าดเจบ็ ขนึ้ อยกู่ ับการสั่ง
การของผูน้ าหน่วย ซงึ่ หากเปน็ เชน่ น้นั ผู้ชว่ ยชวี ิตเชงิ ยทุ ธวิธีตอ้ งเฝ้าดู ระดบั การ
รู้สึกตวั ทางเดินหายใจ การหายใจ การเสียเลอื ด ของผู้บาดเจบ็ อย่ตู ลอดการ
เดินทาง และอาจตอ้ งใหก้ ารดูแลรักษาเพ่ิมเติม

112

การลาเลียงผบู้ าดเจ็บ

❑ การลาเลียงผ้บู าดเจ็บด้วยการใชม้ อื เปล่าจะต้องมีความระมัดระวงั

❑ การอ้มุ ด้วยทา่ ท่ีไม่เหมาะสมอาจจะทาใหผ้ บู้ าดเจบ็ ไดร้ บั การบาดเจบ็ มากขึ้น
ควรกระทาอย่างเปน็ ระบบ ในทุกขน้ั ตอนของการเคล่ือนย้าย

❑ การยก หรอื การเคลอื่ นที่ผู้บาดเจ็บต้องทาด้วยความนุ่มนวลให้มากทีส่ ดุ
เท่าท่จี ะเป็นไปได้

❑ ผบู้ าดเจบ็ ไมค่ วรจะถูกเคล่อื นย้ายก่อนทจ่ี ะมีการประเมนิ อาการ และ ตอ้ งให้
การปฐมพยาบาลก่อน (การชว่ ยตวั เอง เพอ่ื นชว่ ยเพอ่ื น พลรบชว่ ยชวี ติ )
และ การให้การรกั ษาพยาบาลอย่างฉกุ เฉินจากนายสบิ พยาบาล

113

การลาเลียงผบู้ าดเจบ็ ด้วยมอื

❑ การลาเลยี งอาจใชอ้ ุม้ เพยี งคนเดียว หรือสองคน
❑ การอุ้มโดยใช้สองคนควรใชเ้ มอื่ จาเป็น เพื่อความสะดวกสบายต่อผปู้ ว่ ยเจบ็ เปน็

การลดความรุนแรงของภยนั ตรายจากบาดแผล และความเมื่อยลา้ ของผ้อู ุ้ม
❑ การเลือกใช้การอุ้มเพยี งคนเดยี ว หรอื สองคนน้นั ควรพิจารณาจากอนั ตรายท่จี ะ

บังเกดิ แกผ่ ทู้ ่ไี ด้รบั บาดเจ็บ
การลาเลยี งดว้ ยมอื กระทาไดใ้ นโอกาสตอ่ ไปนี้

1. เมอื่ จดั หาเปลไม่ได้
2. มีความจาเปน็ ท่จี ะต้องเคล่ือนยา้ ยผ้ปู ่วยเจ็บ เพือ่ ช่วยชีวิตไว้เทา่ น้ัน
3. ภมู ปิ ระเทศไม่อานวย ใหล้ าเลยี ง หรอื เคลื่อนยา้ ยด้วยวิธอี ื่น
4. หมเู่ ปลไมส่ ามารถออกปฏิบัติงานได้ เน่ืองจากการปฏบิ ัติการของฝ่ายข้าศึก

114

การฝกึ ลาเลยี งด้วยทา่ อุม้ เด่ยี ว

(1) อุ้มแบก
(2) อมุ้ พยงุ
(3) อุ้มกอดหนา้
(4) อมุ้ กอดหลงั
(5) อ้มุ ทาบหลัง
(6) อุม้ ลากดว้ ยคอ
(7) อุม้ ลากดว้ ยมือ

115

(1) ท่าอุม้ แบก

❑ เป็นการอมุ้ ด้วยคนๆเดียว ซ่ึงเปน็ วธิ ีท่ีงา่ ยท่ีสดุ ในการเคลอื่ นย้าย
หลงั จากที่ทาการจัดทา่ ของผ้บู าดเจบ็ ทีห่ มดสตติ ามภาพแลว้ จงึ ทาการ
ยกขนึ้ จากพ้ืนและประคองในท่าตา่ งๆ

(ก) (ข) (ค) (ง) (จ)

116

(ก) หลังจากจดั ทา่ ใหผ้ ้บู าดเจบ็ นอนคว่าแล้ว ผู้อุม้ นั่งครอ่ มตวั ผ้บู าดเจบ็ สอด
มอื เขา้ ไปใตห้ น้าอก และจับมือท้ังสองขา้ งเข้าไวด้ ว้ ยกนั
(ข) ยกผูบ้ าดเจ็บข้นึ มาในทา่ คุกเขา่ คลา้ ยกบั การเคล่ือนไปข้างหลงั
(ค) คอ่ ยยกตวั ผู้ปว่ ยขนึ้ จนขาเหยยี ดตรง และ ทาการล็อกเข่าไว้
(ง) เดนิ ไปข้างหนา้ ใหผ้ ู้บาดเจ็บอยูใ่ นตาแหน่งยนื เอนตวั ผบู้ าดเจ็บไปทางดา้ น

หลังเพียงเล็กนอ้ ย
(จ) ประคองผบู้ าดเจบ็ ไว้ในอ้อมแขน สว่ นแขนขา้ งทีเ่ หลือใชจ้ ับท่ขี อ้ มอื ของ

ผู้บาดเจ็บ ยกแขนของผูบ้ าดเจบ็ ใหส้ ูงไว้เหนือศรี ษะของผู้อมุ้ ลอดผา่ นใตว้ ง
แขนของผูบ้ าดเจ็บ

117

(1) ท่าอุ้มแบก (ตอ่ )

(ฉ) (ช) (ซ) (ด) (ต)

118

(ฉ) หมุนตัวเองอยา่ งรวดเรว็ หนั หนา้ เข้าหาผ้บู าดเจ็บ และสอดแขนไว้ใตเ้ อวของ
ผบู้ าดเจ็บนาตัวของผูบ้ าดเจ็บผา่ นขน้ึ บนไหล่ ในระหวา่ งนั้นใหส้ อดแขนไวท้ ี่
ระหวา่ งขาของผู้บาดเจบ็

(ช) จบั ทีเ่ อวของผู้บาดเจบ็ และ ยกแขนให้สงู ผา่ นศรี ษะของผ้อู ุ้ม
(ซ) ก้มตวั ลง และ ดงึ แขนของผ้บู าดเจ็บอยใู่ หอ้ ยู่บนและล่างของไหล่ นาลาตัวของ

ผ้บู าดเจ็บผ่านไหลข่ องผูอ้ ุ้ม ในขณะเดียวกนั สอด แขนไว้ทรี่ ะหว่างขาของ
ผ้บู าดเจบ็
(ด) จับท่ีขอ้ มือของผู้บาดเจบ็ ด้วยมือหน่ึงข้าง และ วางมอื อีกขา้ งหนงึ่ ทเี่ ข่าเพอ่ื การ

ประคอง
(ต) ยกลาตวั ของผู้บาดเจ็บให้อยู่ในตาแหนง่ ท่ีถูกต้อง มอื อีกข้างจะวา่ งสามารถใช้

งานอยา่ งอืน่ ได้

119

(2) ท่าอุม้ พยงุ

❑ ท่าอมุ้ แบบนี้ผู้บาดเจ็บต้องสามารถเดนิ ได้ หรือ พยุงไดด้ ว้ ยขาอีกหนงึ่ ขา้ ง
โดยใช้ผู้อมุ้ คลา้ ยกบั การประคอง

❑ ใช้ในการเคลื่อนยา้ ยผบู้ าดเจบ็ ในระยะทางไกลได้เทา่ ทผี่ ู้บาดเจ็บสามารถเดนิ ได้
(ก) ยกผู้บาดเจบ็ จากพ้ืน ให้อยใู่ นตาแหน่งทา่ ยืน
(ข) จับขอ้ มือและยกแขนของผู้บาดเจบ็ และ
พาดออ้ มไปทางด้านหลังลาคอของผู้อมุ้
(ค) โอบเอวของผู้บาดเจบ็ ไวเ้ พ่ือพยุงใหผ้ ู้บาดเจ็บ
สามารถเดิน/ประคองตนเองได้โดยมีผู้อมุ้ เปน็ เครอ่ื งพยงุ

120

(3) ท่าอ้มุ กอดหน้า

❑ ใชไ้ ดด้ ใี นการอุ้มผ้บู าดเจบ็ ในระยะทางสั้นๆ ประมาณ 50 เมตร
(ก) ยกผูบ้ าดเจ็บข้ึนมากจากพ้นื ในทา่ ยนื
ให้เหมอื นกับวธิ ีการอมุ้ แบก
(ข) สอดแขนขา้ งหนงึ่ ที่ใต้รกั แร้ของ
ผบู้ าดเจบ็ และแขนอกี ข้างอยู่ที่ ดา้ นหลัง
(ค) ยกผู้บาดเจบ็ ขนึ้
(ง) ยกผู้บาดเจบ็ ให้สงู ระดบั อกขนึ้ เพื่อลดความเม่ือยลา้

121

(4) ทา่ อมุ้ กอดหลัง

❑ ใชเ้ ฉพาะผ้บู าดเจบ็ ท่รี ู้สกึ ตวั ดเี ท่านนั้ เพราะว่าผปู้ ว่ ยต้องช่วยจับที่หลงั ของผูอ้ ุ้ม
(ก) ยกผูบ้ าดเจ็บให้อยูใ่ นทา่ ยนื
(ข) ใชแ้ ขนโอบประคองรอบเอวของผ้บู าดเจบ็
ใหผ้ ู้บาดเจ็บใชแ้ ขนโอบที่รอบคอของผ้อู ุม้
(ค) แขนของผบู้ าดเจ็บโอบข้ามไหลท่ ้ังสองข้างผูอ้ ุม้
(ง) โน้มตวั ไปขา้ งหนา้ ยกผูบ้ าดเจบ็ ข้ึนให้อย่บู นหลังของ
ผ้อู ุม้ และ ผู้อุม้ สอดมือไปกอดต้นขาของผ้บู าดเจ็บไว้

122

(5) ท่าอมุ้ ทาบหลัง

❑ งา่ ยในการเคลอ่ื นที่ ในระยะทางใกลๆ้ (50 ถงึ 300 เมตร)
❑ เพอ่ื ป้องกนั อาการบาดเจบ็ ท่แี ขนของผูบ้ าดเจ็บ ผู้อ้มุ ควรจบั มือผู้ปว่ ยไว้ทใี่ นท่าที่

ปล่อยใหแ้ ขนลงมา (ก) ยกผู้บาดเจ็บขนึ้ จากพนื้
(ข) ใช้แขนประคองรอบๆตัวผู้บาดเจบ็ และจับทขี่ อ้ มือ
(ค) ยกมือผปู้ ่วยขนึ้ ใหอ้ ยูเ่ หนือศีรษะใหแ้ ขนพาดผ่าน
ไหลท่ ้ังสองข้าง
(ง) เคลอ่ื นไปข้างหนา้ ประคองนา้ หนกั ใหอ้ ยบู่ นหลัง
(จ) จับท่แี ขนอีกขา้ งหนึง่ และ วางไว้ท่ไี หลข่ องผ้อู ุ้ม
(ฉ) โนม้ ไปขา้ งหน้า และ ยก ผบู้ าดเจบ็ ทอี่ ยูบ่ นหลงั ให้
สงู ที่สดุ เทา่ ทจ่ี ะทาได้ ให้น้าหนกั อยบู่ นหลังของผู้อ้มุ

123

(6) ท่าอมุ้ ลากดว้ ยคอ

(ก) เปน็ วธิ ที เี่ ป็นประโยชนม์ ากในสนามรบ เพราะวา่ ผู้อุม้ สามารถทาการ
เคลอื่ นยา้ ยผบู้ าดเจ็บไดเ้ สมอื นกาลงั คลานอยขู่ า้ งหลงั กาแพงต่า พุ่มไมเ้ ตย้ี

(ข) ถา้ ผู้ปว่ ยหมดสติ ต้องระวังให้ศีรษะยกสงู จากพนื้
(ค) การลากดว้ ยวธิ นี ้ีไม่ควรใช้กับผู้บาดเจ็บแขนหกั
(ง) ผกู บริเวณข้อมือทง้ั สองข้างของผูบ้ าดเจ็บไว้
(จ) ผอู้ ้มุ ถา่ งขาคร่อมตวั ผู้ปว่ ยไวห้ ันหน้าเข้าหากัน
(ฉ) จบั มอื ผู้บาดเจบ็ ไว้ให้เปน็ หว่ ง คล้องไวก้ บั ที่คอของผู้อมุ้
(ช) ผูอ้ ุ้มคลานไปข้างหนา้ พรอ้ มกบั ลากตัว ผู้บาดเจบ็

124

(7) ทา่ อุม้ ลากด้วยมือ

❑ วธิ นี จ้ี ะเหมาะสาหรบั การเคลื่อนย้ายผบู้ าดเจบ็ ในทศิ ทางขึ้นหรอื ลงบนั ได
(ก) คุกเข่าลงทีด่ า้ นศีรษะของผบู้ าดเจบ็ ผู้อมุ้ หงายฝ่ามือขน้ึ แล้วสอด
เข้าไปใต้ไหล่ของผู้บาดเจบ็ และ จับไว้ให้แนน่
(ข) ยกข้ึนเล็กน้อย ประคองศีรษะ
(ค) ยก และ ลากผ้บู าดเจ็บไปขา้ งหลัง
(ง) ถอยหลงั มาหนึง่ ก้าว ประคองศีรษะ
ปล่อยใหส้ ะโพก และ ขาคอ่ ยๆหลน่ ลงมาที่ละข้นั

หมายเหตุ ถ้าต้องเคลอ่ื นยา้ ยผ้บู าดเจบ็ ข้ึนข้างบน
ควรหนั หลังข้ึนบนั ได และใช้ขัน้ ตอนเดียวกัน

125

การฝกึ ลาเลยี งดว้ ยทา่ อุ้มคู่

❑ เปน็ การอานวยความสะดวกสบายใหก้ ับผู้บาดเจบ็ และเปน็
การทาใหผ้ อู้ มุ้ เหน่ือยน้อยลง

(1) อมุ้ คู่พยุง
(2) การอุ้มคกู่ อดหนา้
(3) อุ้มคกู่ อดหลงั
(4) อุ้มคปู่ ระสานแคร่
(5) อุ้มคู่จับมอื

126

(1) ทา่ อ้มุ คพู่ ยงุ

❑ ใชไ้ ดท้ ง้ั ผู้ป่วยมีสติ และ หมดสติ
❑ ถ้าผบู้ าดเจบ็ สูงกวา่ ผอู้ ุม้ อาจจะตอ้ งยกขาของผู้บาดเจบ็ ขน้ึ และ ใหผ้ บู้ าดเจบ็

นง่ั ลงบนทอ่ นแขนของผู้อมุ้ มีข้ันตอนดงั น้ี
(ก) ชว่ ยใหผ้ ้บู าดเจ็บยนื ใช้แขนประคองโดยโอบรอบเอว
(ข) จับข้อมือผบู้ าดเจ็บโอบรอบไหล่ คอ ของผูอ้ ุม้

127

(2) ทา่ อุ้มค่กู อดหน้า

❑ เป็นประโยชนส์ าหรบั การเคล่อื นท่ีระยะทางปานกลาง (50-300 เมตร)
เพ่ือลดความเมื่อยลา้ ของผู้อมุ้ ควรยกผบู้ าดเจบ็ ใหอ้ ยู่สงู ใกลร้ ะดบั
หนา้ อกใหม้ ากที่สดุ เทา่ ที่จะเปน็ ไปได้

❑ การอุ้มแบบนป้ี ลอดภัยทสี่ ุดสาหรับการเคลือ่ นยา้ ยผู้บาดเจ็บทหี่ ลงั
❑ ถ้าเปน็ ไปไดผ้ ู้อุ้มควรจะรกั ษาระดบั ของศีรษะ และขาไวใ้ หอ้ ยู่ในระดับ

เดียวกบั ลาตวั

128

(2) ทา่ อมุ้ คกู่ อดหน้า (ต่อ)

(ก) คกุ เขา่ ข้างเดียวท่ีดา้ นขา้ งของผบู้ าดเจ็บ สอดแขนลงทใ่ี ตห้ ลงั ผู้บาดเจบ็
บริเวณ เอว สะโพก และ เขา่

(ข) ยกผ้บู าดเจบ็ ข้นึ วางบนเขา่ ของผูอ้ มุ้
(ค) พลิกตวั ผบู้ าดเจบ็ เขา้ หาหน้าอกของผอู้ ุ้ม

ขณะลุกยืน และ ยกผปู้ ว่ ยใหอ้ ยู่
ในระดบั สูงเพอื่ ลดความเหนื่อยล้า

129

(3) ท่าอ้มุ คู่กอดหลงั

❑ เหมาะสาหรบั การเคลื่อนย้ายในระยะทางไกล มากกว่า 300 เมตร
❑ ผูอ้ ุ้มท่มี คี วามสูงมากกวา่ ควรจะอยู่ทางดา้ นศรี ษะของผบู้ าดเจบ็

(ก) ผู้อุม้ คนหนง่ึ จะแยกขาของผู้บาดเจ็บออก และ คกุ เขา่ ลง
ระหวา่ งขา หนั หลังใหผ้ บู้ าดเจ็บสอดมอื ไวท้ ี่ใตข้ าผบู้ าดเจบ็
ผู้อมุ้ อีกคนจะคกุ เขา่ ลงดา้ นศรี ษะ
ของผบู้ าดเจบ็ สอดมอื ของผูบ้ าดเจบ็ ขนึ้ ทีใ่ ตร้ ักแร้ผา่ นไปทาง
หน้าอก และ ประสานมอื เขา้ ไว้ด้วยกัน
(ข) ผอู้ มุ้ ทั้งสองคน ยกผบู้ าดเจ็บขึ้นพรอ้ มกนั

130

(4) ทา่ อุ้มคปู่ ระสานแคร่

❑ ใช้กับผู้บาดเจบ็ ท่ีมีสติ ใช้แขนโอบรอบไหลข่ องผู้อุม้
❑ เหมาะสาหรับการเคลอื่ นย้ายผู้บาดเจบ็ ทม่ี อี าการบาดเจ็บทศี่ รี ษะ และ ขา

ในระยะทางปานกลาง และ เหมาะในการยกผู้บาดเจบ็ วางในเปล

131

(5) ทา่ อมุ้ คูจ่ ับมือ

❑ ใชใ้ นการอุ้มผู้บาดเจบ็ ในระยะทางสนั้ ๆไมเ่ กิน 50 เมตร
❑ ผบู้ าดเจบ็ อย่ใู นทา่ นอนหงาย ผู้อมุ้ คกุ เข่าลงคนละขา้ งของผบู้ าดเจ็บบริเวณสะโพก

ผอู้ ุม้ แตล่ ะคนสอดแขนใต้ต้นขา และ หลังของผบู้ าดเจ็บ และ จบั ข้อมือซึ่งกันไว้
แลว้ ทาการยกผ้บู าดเจบ็ ขน้ึ
(ก) ผ้อู ุ้มทั้งสองจบั ข้อมอื แตล่ ะข้างของกนั และกัน เพื่อทาเป็นที่นัง่
(ข) ผู้อ้มุ ทง้ั สองย่อตัวตา่ พอท่ีจะให้ผู้บาดเจบ็ น่งั ลงบนแคร่
ท่ปี ระสานมอื ไว้แล้วให้ผ้บู าดเจบ็ ใช้แขนทง้ั สองขา้ ง
โอบไหล่ผอู้ ้มุ และท้งั คู่ยนื ขนึ้ พรอ้ มกัน

132

การลาเลียงผบู้ าดเจ็บดว้ ยเปล

ประโยชน์
1. ทาให้ลาเลียงผปู้ ่วยเจ็บด้วยวธิ กี ารขนส่งตา่ งๆได้ โดยไมต่ อ้ งนาผปู้ ่วยเจ็บ

ออกจากเปลทเี่ ขานอนอยู่กอ่ นแล้ว
2. ทาให้สะดวกสบาย และงา่ ยตอ่ การทจ่ี ะนาผู้ปว่ ยเจบ็ เคล่ือนยา้ ย
3. ผูป้ ่วยเจ็บไดร้ ับการกระทบกระเทือนนอ้ ยลง ทาใหส้ บายขึ้น
4. ลดอนั ตรายที่อาจจะเกดิ ขึ้นจากการเคล่ือนย้ายใหน้ ้อยลง

133

กฎทว่ั ไปในการเคล่อื นย้ายผบู้ าดเจ็บ

1. ในการเคลอ่ื นยา้ ยทุกครงั้ จะตอ้ งกระทาอย่างรอบคอบและเรียบรอ้ ย
2. พลเปลทอ่ี ยู่ข้างหลังควรคอยสังเกตดูการเคลื่อนไหวของพลเปลท่ีอย่ขู ้างหน้า

และคอยดกู ารปฏิบัติให้พร้อมกัน
3. การหามผ้บู าดเจบ็ บนเปลต้องเอาทางเท้าไปก่อน
4. ผูป้ ่วยเจบ็ กระดูกขาหกั เวลาขน้ึ บนั ได ให้เอาเท้าข้นึ ก่อน ในเวลาลงใหเ้ อา

ศีรษะลงกอ่ นเพ่ือป้องกันมิให้นา้ หนักกดลงในส่วนทหี่ กั
5. จะตอ้ งรกั ษาระดับในเวลาหามเปลตลอดเวลา ต้องระมัดระวงั เม่อื หามข้าม

เครื่องกดี ขวางหรือหลุมบ่อตา่ งๆ (ถ้าเป็นไปไดพ้ วกเปลแต่ละพวกเปล ควรมี
พลเปลท่ีมีความสงู ใกลเ้ คียงกนั )

134

เปลแสวงเคร่ือง : (IMPROVISED LITTERS)

❑ ทาขน้ึ ไดจ้ ากส่ิงของต่างๆ ในพ้นื ท่หี รอื ภูมิประเทศส่วนมากของสิ่งของที่มี
ลกั ษณะผิวเรยี บ มขี นาดเหมาะสม ไดแ้ กแ่ ผน่ กระดาน ประตู บานหน้าต่าง
มา้ นง่ั บนั ได เตียงนอน

❑ เปลทีน่ ามาดดั แปลงสามารถนามาใช้โดยปลอดภัย เช่น ผ้าหม่ เสือ้ คลุมชนิดไม่
มแี ขน สว่ นหนึง่ ของเตน๊ ท์นอนบคุ คล ผา้ ใบชบุ น้ามัน เสือ้ แจ๊คเก๊ต เสื้อเชต้ิ
ถงุ กระสอบ ถุงใส่ปลอกหมอนหรือฟูกนอน ผ้าคลุมเตียง

❑ คานเปลสามารถดัดแปลงไดจ้ ากกงิ่ ไม้ท่แี ข็ง เสาเตน็ ท์
❑ ถ้าหากส่ิงของทน่ี ามาดัดแปลงเป็นคานไมไ่ ด้ ส่ิงของทมี่ ีขนาดใหญ่ เช่น ผ้าหม่

นอน อาจนามามว้ นจากปลายท้งั สองดา้ นเขา้ หาก่ึงกลางม้วนผ้าหม่ ที่เกดิ ข้นึ

135

ข้นั ตอน การทาเปลดดั แปลงจากผ้าหม่

1. 2. 3.

136

การทาเปลดัดแปลงจากเส้ือ

137

การคดั แยก
ผบู้ าดเจบ็

TACTICAL
Triage

138

การคัดแยกผบู้ าดเจ็บ

❑ การคดั แยก (Triage) หมายถึง การแบง่ แยกประเภท ซง่ึ มพี ้นื ฐาน
มาจาก การพจิ ารณาความต้องการของผบู้ าดเจ็บ
1. เพอ่ื การรกั ษา
2. เพือ่ การสง่ กลบั

❑ การคดั แยกต้องกระทาอย่างเป็นระบบและมีความตอ่ เน่อื ง
หลังจากที่ไดท้ าการประเมินอาการขนั้ ต้นเรยี บรอ้ ยแล้ว

139

หลักการของการคัดแยกผบู้ าดเจบ็

❑ ใช้ทรพั ยากรทม่ี ีอย่อู ย่างใหเ้ กิดประสทิ ธิภาพมากท่สี ุด
❑ ส่งกาลังพลคืนไปปฏบิ ัตหิ นา้ ทีใ่ หไ้ ดเ้ ร็วท่สี ดุ
❑ ทาการประเมินอย่างต่อเนอ่ื ง
❑ ควรทาการคดั แยกผปู้ ว่ ยซา้ อกี
❑ เคลื่อนยา้ ยดว้ ยความรวดเร็ว
❑ วางแผน เตรียมพร้อม และฝกึ ซ้อม

140

การคัดแยกผบู้ าดเจ็บเพอ่ื ทาการรักษา

เรง่ ด่วน - ผู้ปว่ ยท่ีตอ้ งการการรกั ษาทนั ที เพื่อรักษาชีวติ แขน ขา ดวงตา
รอได้ - ผปู้ ่วยทีต่ อ้ งการทาใหอ้ าการคงท่ีก่อน และทาการรักษาแต่สามารถรอได้

หลายๆ ชว่ั โมง โดยท่ไี มเ่ ป็นอันตรายต่อร่างกาย
เลก็ นอ้ ย - ผู้บาดเจ็บเลก็ นอ้ ย โดยอาการไมแ่ ย่ลงไปกวา่ เดิม ผู้บาดเจ็บเหลา่ นี้

สามารถทาการชว่ ยเหลอื ตนเองได้ ชว่ ยเพอื่ นได้
หมดหวงั - ผูบ้ าดเจบ็ ทคี่ าดว่าจะเสยี ชีวิต ดังนั้นการใช้ทรัพยากรทางการแพทยอ์ าจ

เกิดประโยชนน์ ้อย ควรใช้เวลาในการรักษา ผู้บาดเจบ็ ท่มี ีความสาคัญ
เรง่ ด่วนกวา่

141

Triage Casualty : no pulse
algorithm / no respirations

for TCCC 142

ข้นั ตอนตา่ งๆ ในการคดั แยกผบู้ าดเจบ็

ก. สถานการณท์ างยทุ ธวิธี และประมาณการ
❑ ค้นหาผูบ้ าดเจ็บ และแบง่ แยกเพอื่ การรักษา
❑ ประเมินและจดั แบ่งผู้บาดเจบ็ เพอื่ ใช้ เจ้าหน้าท่แี ละอุปกรณท์ ม่ี อี ยู่ ใหเ้ กิด

ประโยชนส์ ูงสดุ
❑ ใหก้ ารรักษาขนั้ แรกสาหรับผ้บู าดเจ็บท่ีมโี อกาสรอดชีวิตก่อน
❑ เป้าหมายแรกคอื การส่งกาลงั พลท่ีมีบาดแผลเลก็ น้อยกลบั ไปปฏิบตั หิ นา้ ท่ี
❑ ทาการคดั แยก และจัดลาดับความเร่งด่วนในการรักษา

143

ก. สถานการณท์ างยทุ ธวธิ ี และประมาณการ (ต่อ)
❑ ผบู้ าดเจ็บจาเปน็ ตอ้ งถกู สง่ ไปยังพ้นื ที่ปลอดภัยเพือ่ การรักษาหรือไม่
❑ สารวจจานวนผู้บาดเจบ็ ตาแหนง่ ทบี่ าดเจ็บ และความรนุ แรงในการบาดเจบ็
❑ ความช่วยเหลือที่มีอยู่ (ชว่ ยเหลือตนเอง เพอ่ื นช่วยเพื่อน เจ้าหนา้ ทแ่ี พทย์)
❑ ความสามารถในการสนบั สนนุ การส่งกลับ และความตอ้ งการมอี ะไรบ้าง

144

ข. ประเมนิ ผบู้ าดเจบ็ และ จัดลาดบั ความสาคญั ในการรักษา

1) เรง่ ดว่ น หมายถงึ ผบู้ าดเจบ็ ทต่ี ้องการการรกั ษาทันทีเพื่อรักษาชีวติ แขน ขา

ดวงตา ผูบ้ าดเจ็บท่มี คี วามสาคญั มากเปน็ อนั ดบั หนึง่ ในการรักษา ได้แก่
✓ ผู้บาดเจ็บท่มี กี ารอดุ ก้ันของระบบทางเดินหายใจ
✓ ผูบ้ าดเจบ็ ท่ีระบบหวั ใจขดั ข้อง
✓ ผู้บาดเจ็บที่ทรวงอก ทม่ี ีภาวะหายใจลาบาก
✓ เลอื ดออกเปน็ จานวนมาก ช็อก
✓ แผลไหมบ้ รเิ วณใบหนา้ คอ แขน เท้า อวยั วะเพศ

หมายเหตุ ผบู้ าดเจบ็ ท่อี ย่ใู นภาวะ Cardio respiratory distress ไมถ่ ูกจัดอยใู่ นพวก
เรง่ ด่วน ในสนามรบ ผบู้ าดเจ็บเหลา่ น้ีถกู จดั อยู่ในภาวะหมดหวงั

145

2) รอได้ หมายถึงผ้บู าดเจบ็ ท่ไี ม่ได้มคี วามเสย่ี งถึงชีวิต แตไ่ ม่สามารถช่วยเหลอื
ตนเองได้ ไดแ้ ก่
✓แผลเปดิ ที่หนา้ อก ท่ีไมม่ ีภาวะหายใจลาบาก
✓แผลเปิดท่ีชอ่ งท้อง โดยไม่มีอาการช็อก
✓การบาดเจ็บทตี่ า แตไ่ มม่ ปี ัญหาการมองเห็น
✓แผลเปิดอืน่ ๆ ที่ชว่ ยเหลือตวั เองไมไ่ ด้
✓กระดกู หักทีช่ ่วยเหลือตวั เองไมไ่ ด้
✓แผลไหมร้ ะดับสองและสาม (ไม่รวมทีใ่ บหนา้ มือ เท้า อวยั วะเพศ) มีพ้ืนท่ี 20%
ของพื้นผิวร่างกายทั้งหมดหรือมากกว่า
✓มีอาการเลก็ น้อย จากการโดนสารพิษ

146

3) บาดเจบ็ เลก็ นอ้ ย สามารถช่วยเหลือตนเองได้
✓มีแผลถลอกเล็กนอ้ ย และแผลฟกชา้
✓กล้ามเนือ้ ตงึ เคลด็ ขดั ยอก
✓มปี ญั หาความเครียดเล็กนอ้ ย
✓มแี ผลไหม้ระดบั หนึง่ และสอง

147

4) ผูบ้ าดเจบ็ หมดหวงั ผูบ้ าดเจ็บที่มีอาการรนุ แรง ซบั ซ้อนและต้องใชเ้ วลานานในการ
รกั ษาเพ่อื ชว่ ยให้รอดชีวติ ไดแ้ ก่

✓บาดเจบ็ ท่ศี ีรษะอย่างรนุ แรง
✓มแี ผลไหม้เกนิ 85 % ของพน้ื ผวิ รา่ งกาย
✓มอี าการแสดงวา่ ไดร้ บั พิษจากสารเคมี และอนั ตรายถึงชวี ิต

*** (update) แต่ควรพจิ ารณาการทา CPR กอ่ นการสง่ กลับทางยทุ ธวิธี ในราย

ดังตอ่ ไปน้ี
✓ Hypothermia ผูบ้ าดเจ็บทม่ี ีอาการอณุ หภูมิกายตา่
✓ Near drowning ผู้บาดเจ็บทม่ี อี าการจากการจมน้า
✓ Electrocution ผบู้ าดเจบ็ ที่มอี าการจากการถูกไฟฟ้าช็อต
✓ Other non-traumatic causes สาเหตุอน่ื ที่ไมไ่ ดเ้ กดิ จากการบาดเจบ็

148

ค. การจดั ลาดับความเร่งด่วนในการส่งกลับทางการแพทย์

(1) ประเภทดว่ นที่สดุ (Urgent) ทาการสง่ กลบั เรว็ ที่สุดเท่าทจี่ ะเปน็ ไปได้

หรือภายใน 2 ชม. เพอ่ื ทาการรกั ษาชีวติ แขน ขา ดวงตา
❑ ถา้ เราไม่สามารถควบคมุ อาการผบู้ าดเจบ็ ได้ แต่ผ้บู าดเจ็บมีโอกาสรอดชวี ติ ให้จดั

อยู่ในประเภทน้ี
❑ กลุ่มอาการทอี่ ยใู่ นประเภทน้ี ไดแ้ ก่

✓สภาวะ ท่ีการหายใจ ลาบาก
✓ชอ็ ก ท่ีไม่ตอบสนองต่อการใหส้ ารน้าทางหลอดเลอื ดดา
✓ไมร่ สู้ ึกตัว เป็นเวลานานๆ
✓บาดเจบ็ ท่ศี ีรษะ มแี รงดันในสมอง (Intracranial injuries)

149

✓ แผลไหม้ 20-85 %
✓ แผลเปดิ ช่องอก ช่องทอ้ ง ทม่ี ีความดนั โลหิตลดลง
✓ บาดแผลทะลุ ทีค่ วบคุมเลอื ดที่ออกไม่ได้
✓ กระดูกหักเปิด มเี ลือดออก ควบคุมเลือดทีอ่ อกไมไ่ ด้
✓ มบี าดแผลที่ใบหนา้ อยา่ งรุนแรง

150


Click to View FlipBook Version