The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยที่ 5 พลังงานความร้อน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by supawadee, 2022-11-06 10:10:54

แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยที่ 5 พลังงานความร้อน

แผนการจัดการเรียนรู้ หน่วยที่ 5 พลังงานความร้อน

1

แผนการจัดการเรียนรู้
วิชาวทิ ยาศาสตร์พ้ืนฐาน (ว21103)

หนว่ ยที่ 5 พลังงานความร้อน
ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 ภาคเรียนที่ 2/2565

นางสาวสุภาวดี เขียวหวาน
ครูชำนาญการพิเศษ

กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์
โรงเรียนสวายวทิ ยาคาร

สำนกั งานเขตพืน้ ทีก่ ารศึกษามัธยมศึกษาสุรนิ ทร์

แผนการจดั การเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตรพ์ ้ืนฐาน (ว21103)

สารบัญ 2

เรอ่ื ง หน้า

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 5 เรอ่ื งพลงั งานความร้อน 4
แผนที่ 1 แบบจำลองอนุภาคของสสารในแต่ละสถานะ 22
แผนท่ี 2 ความรอ้ นกบั การเปลย่ี นแปลงอุณหภูมิของสสาร 37
แผนที่ 3 ความร้อนกบั การขยายตวั และหดตัวของสสาร 49
แผนท่ี 4 ความร้อนกบั การเปลยี่ นแปลงสถานะของสสาร 59
แผนที่ 5 การถ่ายโอนความรอ้ นในชีวติ ประจำวนั 72
แผนที่ 6การถา่ ยโอนความรอ้ นผา่ นของแข็ง 83
แผนที่ 7 การถ่ายโอนความรอ้ นผ่านของเหลวและแกส๊ 92
แผนท่ี 8 การถ่ายโอนความร้อนโดยไม่อาศยั ตัวกลาง 103
แผนท่ี 9 สมดลุ ความร้อน
104
ภาคผนวก 105
แบบประเมิน

3

แผนการจดั การเรยี นรู้ วชิ าวิทยาศาสตร์พ้ืนฐาน (ว21103)
ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 1

ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2565

หนว่ ยการเรียนรู้ แผน เร่อื ง จำนวนชั่วโมง หมายเหตุ
หนว่ ยที่ 5 ท่ี
พลังงานความรอ้ น 1 แบบจำลองอนุภาคของสสารในแต่ละสถานะ 4
(28 ช่วั โมง) 2 ความร้อนกบั การเปลีย่ นแปลงอณุ หภมู ิของสสาร 4
3 ความรอ้ นกบั การขยายตัวและหดตวั ของสสาร 4
หนว่ ยท่ี 6 4 ความรอ้ นกับการเปลย่ี นแปลงสถานะของสสาร 4
กระบวนการ 5 การถา่ ยโอนความร้อนในชีวิตประจำวนั 2
เปล่ยี นแปลงลมฟ้า 6 การถา่ ยโอนความรอ้ นผา่ นของแข็ง 2
อากาศ 7 การถา่ ยโอนความร้อนผ่านของเหลวและแก๊ส 2
(32ช่ัวโมง ) 8 การถ่ายโอนความรอ้ นโดยไม่อาศัยตัวกลาง 2
9 สมดลุ ความรอ้ น 4
10 บรรยากาศของเรา 4
11 อณุ หภูมิอากาศ 4
12 ความกดอากาศและลม 4
13 ความชน้ื 4
14 เมฆและฝน 4
15 การพยากรณ์อากาศ 4
16 พายุ 4
17 การเปลี่ยนแปลงภมู ิอากาศโลก 4
60
รวม

4

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 1

รายวชิ า วิทยาศาสตร์ 2 รหัสวิชา ว21103
หน่วยการเรยี นท่ี 5 เร่ือง พลังงานความร้อน รวม 28 ช่ัวโมง
เรือ่ ง แบบจำลองอนภุ าคของสสารในแต่ละสถานะ เวลา 4 ช่ัวโมง
ระดับชั้น มัธยมศึกษาปที ี่ 1 ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศกึ ษา 2565
ช่ือผ้สู อน นางสาวสภุ าวดี เขียวหวาน สอนวนั ท่ี 1 พฤศจิกายน 2565

1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชี้วัด
1.1 สาระที่ 2 วิทยาศาสตรก์ ายภาพ
มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของ

สสารกับโครงสร้างและแรงยึดเหนีย่ วระหว่างอนภุ าค หลกั และธรรมชาติของการเปลีย่ นแปลงสถานะของสสาร
การเกดิ สารละลาย และการเกิดปฏกิ ิริยาเคมี

1.2 ตัวชี้วัด
ม.1/9 อธิบายและเปรียบเทียบการจัดเรียงอนุภาค แรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค และการเคลื่อนที่

ของอนภุ าคของสสารชนิดเดยี วกันในสถานะของแขง็ ของเหลว และแก๊ส โดยใชแ้ บบจำลอง

2. สาระสำคญั
สสารทุกชนดิ ประกอบดว้ ยอนภุ าค โดยสาร ชนดิ เดียวกนั ท่มี ีสถานะของแข็ง ของเหลว แก๊ส จะมีการ

จัดเรียงอนุภาค แรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค การเคลื่อนที่ของอนุภาคแตกต่างกัน ซึ่งมีผลต่อรูปร่างและ
ปริมาตรของสสาร

• อนุภาคของของแขง็ เรียงชดิ กนั มแี รงยดึ เหนีย่ ว ระหว่างอนภุ าคมากท่สี ุด อนภุ าคสั่นอย่กู ับที่ ทำให้มี
รปู รา่ งและปริมาตรคงที่

• อนุภาคของของเหลวอยู่ใกล้กัน มีแรงยึดเหนี่ยว ระหว่างอนุภาคน้อยกว่าของแข็งแต่มากกว่าแก๊ส
อนุภาคเคลอื่ นทไ่ี ด้แต่ไม่เป็นอิสระเท่าแกส๊ ทำให้ มีรปู รา่ งไมค่ งทีแ่ ต่ปริมาตรคงท่ี

• อนุภาคของแก๊สอยู่หา่ งกนั มาก มีแรงยึดเหนี่ยว ระหว่างอนุภาคน้อยที่สุด อนุภาคเคลื่อนทีไ่ ด้ อย่าง
อิสระทุกทศิ ทาง ทำให้มรี ปู ร่างและปรมิ าตร ไมค่ งที

3. จุดประสงค์การเรียนรู้

3.1 ด้านความรู้ (K) นักเรยี นสามารถ
3.1.1 อธิบายการจดั เรียงอนุภาค แรงยดึ เหน่ียวระหว่างอนุภาคและการเคลื่อนทขี่ องอนุภาคของสสาร

ชนดิ เดยี วกนั ในสถานะของแข็ง ของเหลว และแก๊สได้ (K)
3.1.2 เปรยี บเทียบการจัดเรียงอนุภาค แรงยึดเหนย่ี วระหวา่ งอนุภาคและการเคลอ่ื นท่ีของอนุภาคของ

สสารชนดิ เดียวกันในสถานะของแข็ง ของเหลว และแก๊สได้ (K)

5

3.2 ดา้ นกระบวนการ (P) นักเรยี นสามารถ
3.2.1 ทกั ษะการทดลอง
3.2.2 การเขยี นรายงานการทดลอง
3.2.3 การนำเสนอข้อมูลหน้าช้ันเรียน

3.3 ดา้ นคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์และเจคตทิ างวิทยาศาสตร์ (A) นกั เรียนสามารถ
3.3.1 มวี นิ ยั
3.3.2 ใฝเ่ รยี นรู้
3.3.3 อยูอ่ ยา่ งพอเพียง
3.3.4 ม่งุ มั่นในการทำงาน
3.3.5 มีจติ สาธารณะ

3.4 สมรรถนะสำคัญของนกั เรียน ปรากฏในแผนการจัดการเรยี นรู้
3.4.1 ความสามารถในการสื่อสาร (กาเคร่ืองหมาย ✓ )
3.4.2 ความสามารถในการคดิ ✓

4. คุณลกั ษณะของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (3R8C)
ปรากฏในแผนการจัดการเรยี นรู้
3R (กาเคร่ืองหมาย ✓ )
ทกั ษะพืน้ ฐานทจ่ี ำเป็น ✓
Reading คือ สามารถอา่ นออก
(W) Riteing คอื สามารถเขียนได้ ✓
(A) Rithmatic คือ มีทักษะในการคำนวณ ✓

8C ✓
ทกั ษะต่างๆทจี่ ำเป็น
Critical thinking and problem solving
Creativity and innovation
Cross-cultural understanding
Collaboration teamwork and leadership
Communication information and media literacy
Computing and IT literacy
Career and learning skills
Compassion

6
5. สาระการเรยี นรู้

แบบจำลองอนุภาคของสสาร
- การจัดเรียงอนภุ าค
- แรงยดึ เหนย่ี วระหวา่ งอนภุ าค
- การเคลื่อนที่ของอนุภาค

6. กิจกรรมการเรยี นการสอน
กระบวนการเรยี นรู้ วธิ ีสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Method : 5E) เทคนิคการเรยี นรแู้ บบ
เพือ่ นคู่คดิ (Think pair Share)

6.1 ขัน้ สรา้ งความสนใจ (Engagement)
1. ใหน้ กั เรียนสงั เกตภาพเหรียญกษาปณ์ แลว้ ร่วมกนั อภปิ รายการผลติ เหรยี ญกษาปณ์

ว่าเป็นอย่างไร

(แนวคำตอบ ผลติ จากโลหะ เช่น ทองแดง นิกเกิล โลหะผสม ผ่านการหลอมโลหะ ด้วยการ
ให้ ความรอ้ น)

2. ทบทวนความรกู้ ่อนเรียน โดยใหน้ ักเรียนเขยี นเครื่องหมายถกู ✓ หนา้ สง่ิ ท่ีเปน็ สสาร
ได้แก่ ความร้อน อากาศ ก้อนหิน ฟา้ แสง นำ้ คลอง ไอน้ำ และเสยี ง รว่ มกนั อภปิ รายเพื่อให้ได้ข้อสรุป
วา่ สสารเป็นสิ่งต่าง ๆ ทอ่ี ยู่รอบตวั เรา มีมวล และต้องการท่ีอยู่ พบไดท้ ้ังในสถานะของแข็ง ของเหลว
และแก๊ส สสารในสถานะท่ีแตกต่างกนั มสี มบัตทิ ้ังที่เหมือนกันและแตกตา่ งกัน

3. นักเรยี นดูวีดทิ ัศน์เรอื่ ง สสาร แลว้ รว่ มกนั อภปิ รายเนอ้ื หาในวดี ิทศั น์

4. ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั อภิปราย โดยคุณครใู ช้คำถามนำการอภปิ ราย ดังน้ี

7

5. นักเรียนคิดวา่ สารตา่ งๆ ท่ีอยู่รอบตัวเราสามารถจำแนกออกเปน็ กี่สถานะ และมีสถานะ
อะไรบ้าง

(แนวคำตอบ 3 สถานะ ได้แก่ ของแขง็ ของเหลว และแก๊ส)
6. นกั เรยี นใชเ้ กณฑใ์ ดมาใชส้ ำหรบั การจำแนกสถานะของสาร
(แนวคำตอบ ใชเ้ กณฑก์ ารจัดเรียงอนภุ าคของสาร รปู รา่ งและปรมิ าตรของสาร เปน็ ตน้ )
7. นักเรยี นทราบหรือไมว่ ่าสารแตล่ ะชนิดมกี ารจัดเรยี งอนุภาคเปน็ อยา่ งไร
(แนวคำตอบ ฟงั ความคดิ เห็นของนักเรยี นโดยครูยงั ไม่เฉลย)
8. นักเรยี นดวู ดี ิทัศนเ์ รอื่ ง สถานะกบั การจดั เรยี งอนภุ าคของสาร แลว้ ร่วมกันอภิปรายเนื้อหา
ในวีดทิ ศั น์

9. แบง่ กลุ่มนักเรียนเปน็ กลุ่มๆละ 4-5 คน (Group of Four) จำนวน 6 กลมุ่ โดยแบง่
หนา้ ทค่ี วามรับผดิ ชอบ โดยให้หมุนเวียนสลบั ไปเร่ือยๆดงั น้ี
9.1 คุณอำนวย ทำหน้าท่ี อำนวยความสะดวกตา่ ง
9.2 คณุ วางแผน ทำหน้าท่ี วางแผนในการทำงาน
9.3 คณุ รวบรวม ทำหนา้ ท่ี เก็บรวบรวมข้อมลู ต่างๆ
9.4 คณุ นำเสนอ ทำหน้าท่ี นำเสนอผลงาน

10. ครูแจ้งข้อตกลงพร้อมสาธิตกับนักเรยี นวา่ เมื่อครยู กมือขวาขนึ้ นกั เรียนทกุ คนต้องหยดุ
กิจกรรม ทุกอย่าง หยดุ คุย

6.2 ขน้ั สำรวจและค้นหา (Exploration)
1. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับขั้นตอนการทดลอง จากนั้นลงมือปฏิบัติการ

ทดลองตามขั้นตอนการทดลองในใบกิจกรรมการทดลองที่ 5.1 เรื่อง อนุภาคของของแข็ง ของเหลว
และแก๊ส โดยใช้เวลาในการทดลอง 20 นาที โดยให้นักเรียนแต่ละกลุ่มลงมือทำกิจกรรม โดยครูเดิน
สังเกตนกั เรยี นทุกกลุ่ม เพือ่ ใหค้ ำแนะนำอย่างใกล้ชิด

2. นักเรียนแต่ละกลุ่มบันทึกผลการดำเนินการทดลองลงในใบกิจกรรมการทดลองที่ 5.1
เร่อื ง อนุภาคของของแขง็ ของเหลว และแกส๊

6.3 ข้ันอภิปรายและลงข้อสรปุ (Explanation)
1. นักเรียนจับคู่กัน (Think pair share) เพื่อสรุปกิจกรรมการทดลอง เรื่อง อนุภาคของ

ของแขง็ ของเหลว และแก๊ส (เวลา 2 นาท)ี
2. นกั เรยี นแต่ละคู่ร่วมอภปิ รายสรุปผลกจิ กรรมการทดลองรว่ มกนั โดยใชแ้ นวคำถามต่อไปนี้

8

- การเป่าลมในขวดอย่างช้าๆ เบาๆ ไปยังเม็ดพลาสติกเป็นแบบจำลองที่แทนการ
จดั เรยี งอนภุ าคของสารในสถานะใด และมีลกั ษณะอย่างไร

(แนวคำตอบ การเป่าลมอย่างช้าๆ เบาๆ ไปยังเม็ดพลาสติกเป็นแบบจำลองที่แทนการ
จดั เรยี งอนภุ าคของสารในสถานะของแข็ง ทีท่ ุกอนภุ าคมีการสนั่ สะเทอื นตลอดเวลาแต่อยูต่ ำแหน่งเดิม
และอนภุ าคอยู่ชิดติดกันมแี รงระหวา่ งอนภุ าคมากทำให้ของแข็งคงรูปอยู่ได)้

- การเป่าลมในขวดแรงขึ้น ไปยังเม็ดพลาสติกเป็นแบบจำลองที่แทนการจัดเรียงอนุภาค
ของสารในสถานะใด และมลี กั ษณะอยา่ งไร

(แนวคำตอบ การเปา่ ลมแรงข้นึ ไปยังเม็ดพลาสติกเป็นแบบจำลองท่ีแทนการจัดเรียงอนุภาค
ของสารในสถานะของเหลวทีท่ ุกอนุภาคมีการสั่น อนุภาคอยู่ห่างกันเล็กน้อย มีการเคล่ือนตัวและการ
กระจายตัวท่ัวก้นภาชนะจึงมีปริมาตรเพิ่มขึ้นทำให้ความหนาแน่นและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค
นอ้ ยกวา่ ของแข็งเมอื่ เปา่ ลมแรงทีส่ ดุ )

- การเป่าลมในขวดแรงที่สุด ไปยังเม็ดพลาสติกเป็นแบบจำลองที่แทนการจัดเรียงอนุภาค
ของสารในสถานะใด และมีลกั ษณะอยา่ งไร

(แนวคำตอบ การเป่าลมอย่างแรงที่สุด ไปยังเม็ดพลาสติกเป็นแบบจำลองที่แทนการจัดเรียงอนุภาค
ของสารในสถานะแกส๊ ที่ทุกอนุภาคมีการเคลื่อนที่อยูต่ ลอดเวลาอย่างรวดเรว็ ฟุ้งกระจายเต็มภาชนะ
ทำให้ความหนาแนน่ และแรงยดึ เหน่ียวระหว่างอนภุ าคน้อยกว่าของเหลวและของแขง็ มาก

3. นกั เรยี นแต่ละกล่มุ นำเสนอผลการทำกิจกรรมโดยเขยี นลงในกระดาษบรูฟ โดยติดผลการ
ทำกิจกรรมรอบผนังห้องเรียน (Gallery walk) โดยนักเรียนแต่ละกลุ่มเสนอแก่กลุ่มตนเอง เพื่อให้สมาชิกได้
รว่ มกันตรวจทาน และสรา้ งความเข้าใจร่วมกัน

4. จากนน้ั นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ เวียนเคลอื่ นท่ไี ปฟงั กล่มุ อนื่
5. เมื่อนักเรียนเวียนเคลื่อนที่ฟังการนำเสนอครบทุกกลุ่ม แล้วให้นักเรียนแต่ละคนติดดาว
ให้กับกลมุ่ ทน่ี ำเสนอได้ดีข้อมูลครบถว้ นถูกต้อง

6.4 ข้ันขยายความรู้ (Elaboration)
1. ครูและนักเรยี นรว่ มกันอภิปรายเพื่อนำไปสูค่ วามรู้เกี่ยวกบั เร่ือง สถานะและความหนาแน่น

เปน็ สมบัตขิ องสารอยา่ งหนึ่งโดยครูใช้คำถามนำการอภิปราย ดังนี้
- ของแข็งมคี วามหนาแนน่ มากกว่าของเหลวเสมอไปหรือไม่ เพราะเหตใุ ด
(แนวคำตอบ ไม่เสมอไป เพราะของแข็งอาจมคี วามหนาแนน่ น้อยกวา่ ของเหลวได้)
- เพราะเหตุใดน้ำแขง็ จึงลอยน้ำได้
(แนวคำตอบ เพราะสารที่มีความหนาแน่นตํ่ากว่าจะลอยอยู่บนสารที่มีความหนาแน่น

มากกว่า และน้ำท่ีอณุ หภมู ิหอ้ งมคี วามหนาแน่นมากกวา่ น้ำแขง็ น้ำแขง็ จึงลอยน้ำได)้
- ทำไมเรือท่ที ำจากเหล็ก จงึ ลอยท่ผี วิ น้ำได้
(แนวคำตอบ เพราะปริมาตรของเรือเหล็กส่วนใหญ่เป็นปริมาตรของอากาศ ส่วนเหล็กจะ

เป็นส่วนของโครงสรา้ งรอบนอก ทำให้มวลตอ่ ปรมิ าตรหรือความหนาแน่นน้อยกวา่ น้ำ เรอื จึงลอยที่ผิว
น้ำได)้

9

6.5 ข้นั ประเมนิ ผล (Evaluation)
1. ตรวจใบงานที่ 5.1 แบบจำลองอนภุ าคของสสารในแต่ละสถานะ
2. ตรวจใบกจิ กรรมท่ี 5.1 แบบจำลองอนุภาคของสสารในแตล่ ะสถานะเป็นอยา่ งไร และตอบคำถาม

ระหว่างเรียน เพื่อประเมินความเข้าใจ
3. นักเรียนเขียนแสดงความคิดเหน็ ว่าประทบั ใจอะไรบ้างจากการทำกิจกรรมลงในกระดาษ Post it ท่ี

ครเู ตรยี มให้ (Exit Ticket)

7. ชิ้นงาน/ภาระงาน
7.1 ใบงานท่ี 5.1 แบบจำลองอนภุ าคของสสารในแต่ละสถานะ
7.2 ใบกิจกรรมที่ 5.1 แบบจำลองอนภุ าคของสสารในแต่ละสถานะเปน็ อยา่ งไร
7.3 ใบกิจกรรมการทดลองที่ 5.1 เรือ่ ง อนภุ าคของของแข็ง ของเหลว และแก๊ส

8. ส่อื /วสั ดอุ ุปกรณ/์ แหลง่ เรียนรู้
8.1สอ่ื 1. Power Point เรื่อง แบบจำลองอนภุ าคของสารในแตล่ ะสถานะ
2. หนังสือวิทยาศาสตร์ ม.1 สสวท. เลม่ 2

8.2 แหล่งเรยี นรู้ 1. การสืบคน้ ขอ้ มลู แหลง่ เครือข่าย Internet สืบค้นข้อมูลในหัวข้อ อนภุ าคของสาร

9. การวดั ผลและประเมิลผลการเรียนรู้

รายการประเมิน การวดั ผลประเมนิ ผล การประเมนิ

วิธีการ เครอ่ื งมอื การตีคา่ เกณฑ์การตดั สนิ

3.1 ดา้ นความรู้ (K) -ตรวจใบงาน -ใบงานที่ คะแนน เกณฑ์การผา่ น
3.1.1 อธิบายการจดั เรยี งอนภุ าค ที่ 5.1 5.1 รายขอ้ คดิ เป็นร้อยละ 80
แรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค แบบ 0/1
และการเคลือ่ นท่ีของอนุภาคของ -.ตรวจใบ -ใบกิจกรรม
สสารชนดิ เดียวกันในสถานะ กิจกรรม ท่ี 5.1
ของแขง็ ของเหลว และแกส๊ ได้ ท่ี 5.1
3.1.2 เปรยี บเทียบการจัดเรยี ง
อนุภาค แรงยดึ เหนย่ี วระหวา่ ง
อนภุ าคและการเคลือ่ นที่ของ
อนภุ าคของสสารชนดิ เดียวกันใน
สถานะของแข็ง ของเหลว และ
แกส๊ ได้

10

9. การวัดและประเมินผล (ต่อ)

รายการประเมนิ การวดั ผลประเมนิ ผล การประเมิน
การตีค่า เกณฑ์การตดั สนิ
วิธกี าร เครอ่ื งมือ
พฤติกรรม เกณฑก์ ารผา่ น
3.2 ด้านทกั ษะกระบวนการ (P) 3 ระดบั คิดเปน็ รอ้ ยละ 80

3.2.1 การทดลอง ทดลอง แบบ
ประเมนิ
การทดลอง

3.2.2 การเขียนรายงานการ เขยี น แบบ พฤติกรรม เกณฑ์การผ่าน
ทดลอง รายงาน ประเมิน 3 ระดับ คิดเปน็ รอ้ ยละ 80
การเขยี น
รายงาน
การทดลอง

3.2.3 การนำเสนอหนา้ ช้ันเรยี น นำเสนอ แบบ พฤติกรรม 3 เกณฑ์การผา่ น
คดิ เปน็ ร้อยละ 80
3.3 ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พึง ผลงาน ประเมินการ ระดบั
ประสงคแ์ ละเจคติทาง เกณฑ์ผา่ น
วทิ ยาศาสตร์ (A) หนา้ ช้ันเรียน นำเสนอหนา้ ได้คะแนน
1. 1. มีวินยั 8 คะแนน
2. 2. ใฝเ่ รยี นรู้ ชน้ั เรยี น จาก 10 คะแนน
คิดเป็นร้อยละ 80
3. อยอู่ ยา่ งพอเพียง การสังเกต แบบสังเกต ปฏบิ ตั ิได้ 2
4. มุ่งม่นั ในการทำงาน พฤติกรรม เจตคติ คะแนน
5. มีจติ สาธารณะ ทาง ปฏิบัตบิ า้ ง 1
วทิ ยาศาสตร์ คะแนน

ไม่ปฏบิ ตั ิ 0
คะแนน

11

9. การวดั และประเมินผล (ต่อ) การวัดผลประเมนิ ผล การประเมิน
รายการประเมิน วิธีการ เคร่ืองมอื การตคี า่ เกณฑ์การตัดสนิ

3.4 สมรรถนะสำคัญของ
นกั เรียน

3.4.1 ความสามารถในการ แบบประเมนิ -การ พฤติกรรม เกณฑ์ผา่ นคิดเปน็
ส่ือสาร นำเสนอ 4 ระดบั ร้อยละ 80
ข้อมลู

3.4.2 ความสามารถในการคดิ แบบประเมนิ -จากการ พฤติกรรม เกณฑผ์ ่านคิดเปน็
ทำงาน 4 ระดบั ร้อยละ 80
แผนผงั
ความคดิ

10. บนั ทึกหลังการจัดการเรียนรู้
1) ด้านความรู้ ความเข้าใจ (K)
................................................................................................................................................................
.............................................................................................. ..................................................................
.......................................................................................................... ......................................................
................................................................................................................................................................
2) ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P)
................................................................................................. ...............................................................
.............................................................................................. ..................................................................
................................................................................................................................................................
........................................................................................................ ........................................................

3) ด้านคุณลักษณะอนั พึงประสงค์และเจตคติ (A)
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................................................................................
.......................................................................................................... ......................................................
............................................................................................... .................................................................

12

4) ดา้ นสมรรถนะ
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................................................................................
.......................................................................................................... ......................................................
........................................................................................................ ........................................................

5) ปญั หาและอปุ สรรค และแนวทางการแกไ้ ข
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
.......................................................................................................... ......................................................
...................................................................................... ..........................................................................

ลงชือ่ ........................................................ ครูผสู้ อน
(นางสาวสุภาวดี เขยี วหวาน)
ครชู ำนาญการพิเศษ

บนั ทึกความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
.......................................................................................................... ......................................................
................................................................................................................................................................

ลงชอื่ ................................................................
(นางสาววราพร จติ รเดียว)

หวั หน้ากลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์

บันทกึ ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะของฝา่ ยวิชาการ
................................................................................................................................................................
.................................................................................. ..............................................................................
.......................................................................................................... ......................................................
.................................................................................................. ..............................................................

ลงชื่อ.................................................................
(นางสิรกิ านต์ วายโศรก)

หวั หน้ากลุ่มบริหารวิชาการ

13

บันทกึ ความคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะของรองผู้อำนวยการโรงเรียน
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
.......................................................................................................... ......................................................
................................................................................................................................................................

ลงช่ือ...................................................................
(นายประหยดั เขยี วหวาน)

รองผอู้ ำนวยการโรงเรียนสวายวิทยาคาร

บนั ทกึ ความคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะของผู้อำนวยการโรงเรยี น
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................................................................................
.......................................................................................................... ......................................................
................................................................................................................................................................

ลงชอื่ ...................................................................
(นางสาวทองใบ ตลับทอง)

ผู้อำนวยการโรงเรยี นสวายวทิ ยาคาร

14

ใบกิจกรรมท่ี 5.1
ใบกแจิ บกรบรจมำทล่ี 5อ.1งอแบนบุภจำำคลอขงอองนสุภสาคำขรอใงนสแสตาร่ลในะสแตถล่ ำะนสะถาเปน็ะนเปอ็นยอ่ำยงา่ ไงรไร

จุดประสงค์ : 1. รวบรวมขอ้ มูลและสรา้ งแบบจำลองเพ่ืออธิบายการจดั เรยี งอนภุ าค แรงยดึ เหนยี่ วระหว่าง
อนุภาคและการเคลือ่ นทีข่ องอนภุ าคของสสารในสถานะของแข็ง ของเหลว และแกส๊

2. เปรยี บเทียบการจัดเรยี งอนุภาค แรงยึดเหนี่ยวระหวา่ งอนภุ าค และการเคลื่อนทข่ี อง
อนุภาคของสสารในสถานะของแข็ง ของเหลว และแก๊ส

วัสดุและอุปกรณ์ ……………………………………….………………………………………………………………………………………
วิธีดำเนนิ กิจกรรม

1. คาดคะเนและบนั ทึกการจดั เรียงอนภุ าค แรงยึดเหี่ยวระหวา่ งอนภุ าค และการเคลื่อนท่ขี องสาสาร
ในสถานะ ของแขง็ ของเหลว และแกส๊ และสรา้ งแบบจำลองอนุภาคตามทคี่ าดคะเน

2. รวบรวมขอ้ มูลแบบจำลองอนุภาคของสสารแต่ละสถานะเกี่ยวกบั การจัดเรยี งอนุภาค แรงยดึ เหนยี่ ว
ระหว่างอนุภาค และการเคลื่อนที่ของอนุภาคของสสารในสถานะ ของแข็ง ของเหลว และแก๊ส จากส่ือบน
อนิ เตอร์เน็ตหรอื แหล่งเรยี นรู้อ่ืน ๆ

3. วเิ คราะห์ขอ้ มูลแบบจำลองอนุภาคท่รี วบรวมได้ในข้อ 2 และปรบั แก้แบบจำลองอนุภาคทีส่ รา้ งไว้
จากการคาดคะเนในขอ้ 1 ให้ถูกต้อง

4. นำเสนอแบบจำลองอนภุ าคท่ปี รบั แก้แล้ว โดยอธิบายและเปรยี บเทียบแบบจำลองอนุภาคของสา
สารในแต่ละสถานะ
บนั ทกึ ผลการทำกิจกรรม

สถานะของแข็ง การจดั เรยี งอนุภาคของสสาร สถานะแกส๊
สถานะของเหลว

15

คำถามท้ายกจิ กรรม
1. การจัดเรยี งอนภุ าค แรงยึดเหน่ียวระหวา่ งอนุภาค และการเคลื่อนท่ีของอนภุ าคของสสารในสถานะของแข็ง
ของเหลว และแก๊สเปน็ อย่างไร เหมือนหรอื แตกตา่ งกันอย่างไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2.แบบจำลองอนุภาคที่สรา้ งข้ึน มอี ะไรบา้ งที่ไมส่ ามารถแสดงให้เห็นตามความเปน็ จรงิ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

3. จากกจิ กรรม สรุปไดว้ ่าอย่างไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

********************************************

16

ใบกิจกรรมท่ี 5.1
ใบกแิจบกรบรจมำทล่ี 5อ.1งอแบนบุภจำำคลอขงอองนสภุ สาคำขรอใงนสแสตาร่ลในะสแตถล่ ำะนสะถาเปน็ะนเปอน็ยอ่ำยง่าไงรไร

จดุ ประสงค์ : 1. รวบรวมขอ้ มูลและสรา้ งแบบจำลองเพ่ืออธบิ ายการจัดเรียงอนุภาค แรงยดึ เหนีย่ วระหวา่ ง
อนภุ าคและการเคลือ่ นทข่ี องอนภุ าคของสสารในสถานะของแขง็ ของเหลว และแกส๊

2. เปรยี บเทียบการจัดเรียงอนภุ าค แรงยึดเหนยี่ วระหวา่ งอนุภาค และการเคล่ือนทีข่ อง
อนุภาคของสสารในสถานะของแข็ง ของเหลว และแกส๊

วสั ดุและอุปกรณ์ กระดาษ ดินสอสี กรรไกร และวสั ดแุ ละอปุ กรณ์อ่ืน ๆ เช่น ดนิ นำ้ มนั โฟม ลกู ปงิ ปอง
วิธดี ำเนนิ กิจกรรม

1. คาดคะเนและบนั ทกึ การจดั เรียงอนุภาค แรงยึดเห่ยี วระหว่างอนุภาค และการเคลื่อนท่ีของสาสาร
ในสถานะ ของแขง็ ของเหลว และแก๊ส และสรา้ งแบบจำลองอนุภาคตามท่ีคาดคะเน

2. รวบรวมขอ้ มูลแบบจำลองอนุภาคของสสารแต่ละสถานะเกี่ยวกบั การจดั เรยี งอนภุ าค แรงยึดเหนี่ยว
ระหวา่ งอนุภาค และการเคล่ือนท่ีของอนภุ าคของสสารในสถานะ ของแขง็ ของเหลว และแก๊ส จากส่ือบน
อินเตอรเ์ น็ตหรอื แหล่งเรยี นรู้อ่ืน ๆ

3. วิเคราะห์ข้อมลู แบบจำลองอนภุ าคทร่ี วบรวมได้ในข้อ 2 และปรบั แก้แบบจำลองอนุภาคทสี่ รา้ งไว้
จากการคาดคะเนในขอ้ 1 ให้ถูกต้อง

4. นำเสนอแบบจำลองอนภุ าคทป่ี รับแก้แลว้ โดยอธบิ ายและเปรยี บเทียบแบบจำลองอนุภาคของสา
สารในแตล่ ะสถานะ
บันทกึ ผลการทำกิจกรรม

สถานะของแข็ง การจัดเรียงอนุภาคของสสาร สถานะแกส๊
สถานะของเหลว

17

คำถามท้ายกิจกรรม
1. การจดั เรยี งอนุภาค แรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนภุ าค และการเคลือ่ นท่ีของอนภุ าคของสสารในสถานะของแขง็
ของเหลว และแก๊สเปน็ อย่างไร เหมือนหรือแตกต่างกันอยา่ งไร

การจัดเรยี งอนภุ าค แรงยึดเหนีย่ วระหว่างอนุภาค และการเคลื่อนท่ีของอนภุ าคของสสารในแต่ละ
สถานะมีความแตกต่างกัน อนุภาคของของแข็งจะเรยี งชิดกนั โดยมแี รงยดึ เหนย่ี วระหว่างอนุภาคของของแขง็
มากกว่าของเหลวและแก๊ส และสัน่ อยู่กบั ท่ี อนุภาคของของเหลวอยู่ใกล้กัน โดยแรงยดึ เหนีย่ วระหว่างอนุภาค
ของของเหลวน้อยกวา่ ของแข็งแต่มากกวา่ แก๊ส อนภุ าคของของเหลวจงึ เคลื่อนที่ได้ แต่ไม่เปน็ อสิ ระ โดยจะ
เคล่อื นท่รี อบ ๆ อนุภาคใกล้เคยี ง อนภุ าคของแกส๊ อยูห่ ่างกันมาก โดยแรงยึดเหนย่ี วระหว่างอนภุ าคนอ้ ยมาก
อนภุ าคจึงเคล่ือนที่ได้อย่างอสิ ระทุกทศิ ทาง

2.แบบจำลองอนุภาคที่สร้างข้ึน มอี ะไรบ้างท่ีไม่สามารถแสดงให้เหน็ ตามความเป็นจรงิ
เชน่ ขนาดอนภุ าค จำนวนอนุภาค ระยะหา่ งระหวา่ งอนภุ าค การเคลื่อนท่ขี องอนภุ าค

3. จากกจิ กรรม สรปุ ได้วา่ อย่างไร
การจดั เรยี งอนภุ าค แรงยึดเหนยี่ วระหวา่ งอนุภาค และการเคลือ่ นที่ของอนภุ าคของสสารในสถานะ

ของแขง็ ของเหลว และแกส๊ มีทง้ั ส่วนที่เหมอื นกนั และแตกต่างกนั อนุภาคของของแขง็ จะเรยี งชิดกันมากกวา่
ของเหลวและแกส๊ โดยมแี รงยึดเหนย่ี วระหวา่ งอนภุ าคมากกว่าของเหลวและแกส๊ อนภุ าคของของแขง็ ส่นั อยู่กับ
ที่ ในขณะที่อนุภาคของของเหลวเคล่อื นท่ไี ด้รอบๆ อนุภาคใกลเ้ คียงและอนุภาคของแก๊ส

********************************************

18

ใบกใิจบกรกรมจิ กการรทรดลมอกงทา่ี 5ร.ท1 ดลองท่ี 5.1
เรอ่ื ง อเรนอ่ืุภงาคอขนอภงุ ขาอคงแขของ็ งขขอองเงหแลขว งแ็ ลขะอแงกเส๊ หลวและแกส๊

ชอ่ื ……………………………………….……………………………..……… เลขที่ ………..… ชัน้ ……...… กลมุ่ …………

คำช้แี จง ให้นักเรยี นศึกษาและลงมือปฏิบตั ิการทดลอง เร่ือง อนุภาคของของแข็ง ของเหลว และแกส๊ และ
บนั ทกึ รายละเอียด ของขอ้ มลู อภิปรายผลและสรปุ ผล
จุดประสงค์
1. ลงมือปฏบิ ัตกิ ารทดลองตามขน้ั ตอนได้
2. ออกแบบตารางการทดลองได้
3. อภปิ รายและสรปุ ผลการทดลองได้
4. สามารถนำเสนอรายงานผลการทดลองต่อสมาชิกในห้องได้

ตอนท่ี 1 แบบจำลองอนภุ าคของ ของแขง็ ของเหลว และแก๊ส
1.1 อปุ กรณแ์ ละสารเคมี

รายการ หน่วยนับ

อปุ กรณ์ 1 ขวด
1. ขวดพลาสติกขนาด 500 cm³ 1 ถงุ
2. เม็ดโฟมขนาดเส้นผา่ ศูนย์กลาง 5-10 mm 1 อัน
3. จกุ ยาง 1 ท่อ
4. ทอ่ นำแก๊ส

สารเคมี
ไมใ่ ช้สารเคมี

1.2 วธิ กี ารทดลอง
1.2.1 นำขวดพลาสตกิ ขนาด 500 cm³ ท่ีก้นขวดเจาะรูขนาดเสน้ ผ่าศูนยก์ ลาง 1 mm ประมาณ 10-15 รู
บรรจุเมด็ โฟมขนาดเสน้ ผ่าศนู ย์กลาง 5-10 mm ลงในขวดใบนปี้ ระมาณ 80 cm³ ปดิ ปากขวดดว้ ยจุกยาง
ท่ีมที ่อนำแกส๊ 1 ทอ่ เสยี บอยู่
1.2.2 ควา่ํ ปากขวดลง จากนั้นเป่าลมเข้าไปในท่อนำแก๊สอยา่ งช้าๆ เบาๆ สังเกตการเคลื่อนตัวของเม็ดโฟม
บันทกึ ผล
1.2.3 ค่อยๆ เป่าลมใหแ้ รงมากขน้ึ เรอ่ื ยๆ จนถึงแรงทีส่ ุด สงั เกตการเคลอ่ื นตวั ของเมด็ โฟม บนั ทกึ ผลการ
เปลีย่ นแปลงทุกครง้ั ท่เี ปา่ ลมลงไปในขวด

19

1.3 ให้นกั เรียนออกแบบตารางบันทกึ ผลเพ่ือนำเสนอขอ้ มลู ในการทดลองต่อไปนี้

การเปา่ ลมในท่อ การเปลย่ี นแปลงของเมด็ โฟม
เปา่ ลมอยา่ งชา้ ๆ เบาๆ

เป่าลมแรงขึ้น

เปา่ ลมแรงท่สี ดุ

1.4 อภปิ รายผล
………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………
……………………………………………………………………………..……………………………………………………………………
…………………………………………..………………………………………………………………………………………………………
………..………………………………………………………………………………………………………………..………………………
………………………………………………………………………………………..…………………………………………………………
……………………………………………………..……………………………………………………………………………………………
………………….……………………………………………………………………………………………………………….………………
………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………
……………………………………………………………..…………………………………………………………………………………….

1.5 สรุปผล
………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………
……………………………………………………………………………..……………………………………………………………………
…………………………………………..………………………………………………………………………………………………………
………..………………………………………………………………………………………………………………..………………………
………………………………………………………………………………………..…………………………………………………………
……………………………………………………..……………………………………………………………………………………………
………………….……………………………………………………………………………………………………………….………………
………………………………………………………………………………………………..…………………………………………………
……………………………………………………………..……………………………………………………………………………………

ใบงำนที่ 5.1 20
เรอื่ ง แบบจำลองอนุภำคของสสำรในแต่ละสถำนะ คะแนน
ชอ่ื ....................................................................ชน้ั .............

เลขท.่ี .........

ตอนท่ี 1

คำช้แี จง ให้นักเรียนเติมคำหรือประโยคในชอ่ งวา่ งตอ่ ไปน้ใี หถ้ ูกต้อง ( 6 คะแนน)

แบบจำลอง
อนภุ าคของสสาร

สถานะ …………………………………... …………………………………... …………………………………...

ระยะห่างระหวา่ ง …………………………………... …………………………………... …………………………………...
อนภุ าค …………………………………... …………………………………... …………………………………...

แรงยดึ เหนีย่ ว …………………………………... …………………………………... …………………………………...
ระหว่างอนุภาค …………………………………... …………………………………... …………………………………...

การเคล่อื นทข่ี อง …………………………………... …………………………………... …………………………………...
อนุภาค …………………………………... …………………………………... …………………………………...

ตอนที่ 2

คำชี้แจง ให้นักเรียนทำเครื่องหมาย  ลงในชอ่ งทคี่ ิดว่าถูกและทำเคร่ืองหมาย  ลงในช่องทีค่ ิดวา่ ผิด
( 5 คะแนน)

..............1. จุ๊กกรู้เทน้ำสแี ดงปริมาตร 50 บาศก์เซนติเมตร ลงในบกี เกอร์ ผลการทดลองทเี่ กิดข้ึน
คอื น้ำสแี ดงมีปริมาตรเท่าเดิม

..............2. แกส๊ ออกซิเจนมีแรงยึดเหนี่ยวระหวา่ งอนุภาคน้อยมาก และมีช่องว่างระหวา่ งอนุภาคมาก
ท่ีสดุ

..............3. ของเหลวและแกส๊ สามารถเปลีย่ นแปลงรปู ร่างได้ตามภาชนะทบี่ รรจุและมีปรมิ าตรไมค่ งที่
..............4. แรงยดึ เหนยี่ วระหวา่ งอนุภาคของแก๊สน้อยมาก ทำใหแ้ กส๊ ฟ้งุ กระจายได้อยา่ งอิสระ
..............5. โทรศัพทม์ ีแรงยึดเหน่ยี วระหวา่ งอนุภาคเรียงชดิ กันและสั่นอยกู่ บั ที่
..............6. อนภุ าคของสสารทุกสถานะจะเคล่ือนท่ไี ดอ้ ย่างอิสระตลอดเวลา
..............7. อากาศจะเปลี่ยนรูปรา่ ง เมอ่ื ถูกปลอ่ ยออกจากลูกโป่ง
..............8. หนงั สือ มีรปู ร่างคงท่ี และมปี รมิ าตรคงท่ี
..............9. หนิ จะมีรปู ร่างเปลย่ี นไป เมอ่ื หยบิ จากพนื้ ใส่กล่อง
..............10. น้ำนม มรี ปู รา่ งที่แน่นอนและเปลย่ี นแปลงรปู ร่างได้

ใบงำนที่ 5.1 21
เร่อื ง แบบจำลองอนุภำคของสสำรในแต่ละสถำนะ
ชอ่ื ....................................................................ชน้ั ............. คะแนน

เลขท.ี่ ......... 11

ตอนท่ี 1

คำชี้แจง ใหน้ กั เรยี นเตมิ คำหรือประโยคในชอ่ งว่างต่อไปนี้ใหถ้ ูกต้อง ( 6 คะแนน) /12 ชอ่ งว่าง นำมาหาร 2

แบบจำลอง
อนุภาคของสสาร

สถานะ ของแข็ง ของเหลว แกส๊
อนุภาคอยู่ชดิ กัน
ระยะห่างระหว่าง มแี รงยึดเหนีย่ วมากท่ีสุด อนุภาคอยู่ห่างกัน อนภุ าคอยู่ห่างกัน
อนภุ าค อนุภาคสนั่ อยู่กบั ที่ มากกว่าของแข็งแต่นอ้ ย มากท่สี ดุ

แรงยึดเหนี่ยว กวา่ แกส๊ มีแรงยึดเหนยี่ วนอ้ ยทส่ี ดุ
ระหวา่ งอนภุ าค
มแี รงยดึ เหนีย่ วนอ้ ยกว่า อนภุ าคเคล่ือนท่ีไดอ้ ยา่ ง
การเคล่อื นทีข่ อง ของแขง็ แต่มากกว่าแกส๊ อสิ ระทุกทศิ ทาง
อนุภาค
อนภุ าคเคลื่อนทีร่ อบๆ
อนุภาคใกลเ้ คยี ง

ตอนที่ 2

คำชี้แจง ให้นักเรียนทำเคร่ืองหมาย  ลงในช่องทค่ี ิดว่าถูกและทำเคร่ืองหมาย  ลงในชอ่ งที่คิดว่าผดิ
( 5 คะแนน)

..........1. จกุ๊ กรู้เทนำ้ สีแดงปรมิ าตร 50 บาศกเ์ ซนตเิ มตร ลงในบีกเกอร์ ผลการทดลองทเ่ี กิดข้ึน
คือ นำ้ สีแดงมปี รมิ าตรเท่าเดิม

..... ...2. แกส๊ ออกซิเจนมแี รงยดึ เหนี่ยวระหว่างอนุภาคน้อยมาก และมีช่องว่างระหว่างอนุภาคมาก
ทส่ี ดุ

..... .....3. ของเหลวและแกส๊ สามารถเปล่ยี นแปลงรูปร่างได้ตามภาชนะท่บี รรจุและมปี รมิ าตรไม่คงที่
..... .....4. แรงยึดเหน่ยี วระหวา่ งอนภุ าคของแก๊สนอ้ ยมาก ทำใหแ้ กส๊ ฟงุ้ กระจายไดอ้ ย่างอสิ ระ
..... .....5. โทรศัพท์มีแรงยดึ เหนย่ี วระหว่างอนภุ าคเรียงชดิ กนั และส่นั อยู่กบั ที่
..... .....6. อนุภาคของสสารทกุ สถานะจะเคลอ่ื นทีไ่ ดอ้ ย่างอิสระตลอดเวลา
..... .....7. อากาศจะเปลย่ี นรูปรา่ ง เมอ่ื ถูกปลอ่ ยออกจากลกู โป่ง
..... .....8. หนังสอื มีรปู รา่ งคงที่ และมีปรมิ าตรคงที่
..... ....9. หนิ จะมรี ูปรา่ งเปลีย่ นไป เมื่อหยิบจากพ้ืนใสก่ ลอ่ ง
..... ....10. นำ้ นม มรี ูปรา่ งท่ีแนน่ อนและเปลีย่ นแปลงรปู รา่ งได้

22

แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ 2

รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ 2 รหัสวชิ า ว21103
หน่วยการเรยี นท่ี 5 เรอ่ื ง พลังงานความร้อน รวม 28 ช่ัวโมง
เร่อื ง ความร้อนกับการเปลย่ี นแปลงอณุ หภูมิของสสาร เวลา 4 ช่ัวโมง
ระดบั ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1 ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2565
ช่ือผูส้ อน นางสาวสภุ าวดี เขียวหวาน สอนวนั ท่ี 8 พฤศจิกายน 2565

1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวชวี้ ดั
1.1 สาระท่ี 2 วิทยาศาสตร์กายภาพ
มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน
ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาติ ของคลื่น ปรากฏการณ์ที่
เก่ียวขอ้ งกบั เสยี ง แสง และคล่ืนแมเ่ หลก็ ไฟฟ้า รวมทง้ั นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์

1.2 ตวั ชวี้ ดั
ม.1/1วิเคราะห์แปลความหมายข้อมูลและคำนวณ ปริมาณความร้อนที่ทำให้สสารเปลี่ยน

อุณหภูมิ และเปล่ยี นสถานะโดยใช้
สมการ Q = mc∆t และ
Q = mL

ม.1/2 ใชเ้ ทอรม์ อมเิ ตอรใ์ นการวดั อณุ หภมู ขิ องสสาร

2. สาระสำคัญ
• เมื่อสสารได้รับหรือสูญเสียความร้อนอาจทำให้สสารเปลี่ยนอุณหภูมิเปลี่ยนสถานะหรือเปลี่ยน

รปู รา่ ง
• ปริมาณความรอ้ นท่ีทำให้สสารเปลี่ยนอณุ หภมู ขิ ้นึ กบั มวลความร้อนจำเพาะและอุณหภมู ิที่เปลย่ี นไป
• ปรมิ าณความรอ้ นทีท่ ำให้สสารเปล่ยี นสถานะ ขึน้ กับมวลและความร้อนแฝงจำเพาะโดยขณะที่ สสาร

เปลยี่ นสถานะอณุ หภูมจิ ะไม่เปล่ียนแปลง

3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

3.1 ด้านความรู้ (K) นกั เรยี นสามารถ
3.1.1 อธิบายการเปล่ยี นอุณหภูมขิ องสสารเน่ืองจากได้รบั หรือสูญเสียความร้อน

3.2 ด้านกระบวนการ (P) นักเรียนสามารถ
3.2.1 ทกั ษะการทดลอง
3.2.2 การเขียนรายงานการทดลอง
3.2.3 การนำเสนอข้อมูลหน้าชั้นเรียน

23

3.3 ด้านคณุ ลักษณะอันพึงประสงคแ์ ละเจคตทิ างวิทยาศาสตร์ (A) นกั เรยี นสามารถ
3.3.1 มวี นิ ยั
3.3.2 ใฝเ่ รียนรู้
3.3.3 อย่อู ยา่ งพอเพยี ง
3.3.4 มงุ่ มัน่ ในการทำงาน
3.3.5 มจี ิตสาธารณะ

3.4 สมรรถนะสำคญั ของนักเรียน ปรากฏในแผนการจัดการเรยี นรู้
3.4.1 ความสามารถในการส่ือสาร (กาเครอ่ื งหมาย ✓ )
3.4.2 ความสามารถในการคดิ ✓

4. คุณลกั ษณะของผเู้ รียนในศตวรรษที่ 21 (3R8C) ✓

3R ปรากฏในแผนการจดั การเรยี นรู้
ทกั ษะพ้ืนฐานที่จำเป็น (กาเคร่อื งหมาย ✓ )
Reading คือ สามารถอ่านออก ✓
(W) Riteing คอื สามารถเขยี นได้
(A) Rithmatic คือ มีทักษะในการคำนวณ ✓

8C
ทักษะต่างๆทจ่ี ำเป็น ✓
Critical thinking and problem solving
Creativity and innovation
Cross-cultural understanding
Collaboration teamwork and leadership
Communication information and media literacy
Computing and IT literacy
Career and learning skills
Compassion

5. สาระการเรยี นรู้
ดา้ นความรู้ (Knowledge)
- การเปลยี่ นแปลงอณุ หภมู ิของสสาร
- ปรมิ าณความร้อน
- ความรอ้ นจำเพาะ
- อุณหภูมิ

24

6. กิจกรรมการเรียนการสอน
กระบวนการเรียนรู้ วธิ ีสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Method : 5E) เทคนิคการเรียนร้แู บบ
เพ่ือนคู่คดิ (Think pair Share)

6.1 ขนั้ สร้างความสนใจ (Engagement)
1. ให้นักเรียนสังเกตภาพ การใช้เทอร์มอมิเตอร์วัดอุณหภูมิของอาหาร ร่วมกันอภิปราย

และตอบคำถามว่า นักเรยี นสงั เกตเห็นอะไรในภาพ
(แนวคำตอบ เทอรม์ อมิเตอร์วัดอณุ หภมู ิของอาหาร)
2. ครตู ้งั คำถามชวนคดิ กบั นักเรยี นมนษุ ย์ไดร้ ับพลังงานความร้อนมาจากที่ใดบ้าง?
(แนวคำตอบ - ดวงอาทติ ย์
- พลังงานในของเหลวร้อนใตพ้ ้ืน
- การเผาไหม้ของเชือ้ เพลิง
- พลงั งานไฟฟา้
- พลังงานนวิ เคลียร์
3. ครูสนทนากับนกั เรยี นเกี่ยวกับความร้อน และให้นักเรียนสังเกตภาพการทำอาหารโดย

ต้ังคำถามกับนกั เรยี นวา่ ทำอยา่ งไรถึงจะตม้ น้ำในหม้อให้เร็วท่สี ดุ ?
(แนวคำตอบ ลดปริมาณนำ้ เพ่ิมความแรงของไฟ)
4. นักเรียนช่วยกันอภิปรายและแสดงความคิดเห็น เพื่อเชื่อมโยงไปสู่การทดลอง เรื่อง

ปัจจัยใดบ้างที่มผี ลตอ่ การเปลยี่ นแปลงอณุ หภูมิของสสาร
5. แบ่งกลุ่มนักเรียนเป็นกลุ่มๆละ 4-5 คน (Group of Four) จำนวน 6 กลุ่ม โดยแบ่ง
หนา้ ท่คี วามรับผิดชอบ โดยให้หมุนเวยี นสลับไปเร่ือยๆดงั น้ี
5.1 คณุ อำนวย ทำหน้าท่ี อำนวยความสะดวกต่าง
5.2 คุณวางแผน ทำหน้าท่ี วางแผนในการทำงาน
5.3 คณุ รวบรวม ทำหนา้ ท่ี เก็บรวบรวมขอ้ มลู ตา่ งๆ
5.4 คณุ นำเสนอ ทำหน้าที่ นำเสนอผลงาน
6 .ครแู จง้ ขอ้ ตกลงพร้อมสาธิตกบั นกั เรียนว่าเมื่อครยู กมือขวาขน้ึ นักเรียนทุกคนตอ้ งหยุด

กิจกรรม ทุกอย่าง หยุดคุย

6.2 ขัน้ สำรวจและคน้ หา (Exploration)
1. ศึกษาวิธีดำเนินกิจกรรมที่ 5.2 ปัจจัยใดบ้างที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของสสาร

ตอนที่ 1 - 2 และรว่ มกันอภปิ รายในประเด็นดงั ต่อไปน้ี
- กิจกรรมนี้เกี่ยวกับอะไร ( แนวคำตอบปัจจัยท่ีมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ

ของน้ำและสารอ่นื ๆ )
- กิจกรรม ตอนที่ 1 นักเรยี นตอ้ งสังเกตหรือรวบรวมข้อมลู อะไรบ้าง และมวี ิธีบันทึก

ผลอย่างไร (แนวคำตอบ นักเรียนต้องสังเกตและบันทึกอุณหภูมิของน้ำในบีกเกอร์ ทุกๆ 30 วินาที
เปน็ เวลา 3 นาท)ี

- ร่วมกนั ระบปุ ญั หา สมมติฐาน และตัวแปรท่ีเก่ียวขอ้ งของการทดลองตอนท่ี 1
ปญั หา จำนวนเทียนไขมผี ลต่อการเปล่ียนแปลงอณุ หภูมิของน้ำหรอื ไม่

25

สมมติฐาน เช่น น้ำที่ได้รับความร้อนจากเทียนไขจำนวนมากกว่า จะมี
อณุ หภมู สิ ูงขึน้ มากกวา่

ตัวแปรตน้ จำนวนเทียนไข
ตัวแปรตาม อุณหภูมขิ องน้ำ
ตัวแปรควบคุม ชนิด ขนาด และความสูงของเทียนไข ปริมาณน้ำ ขนาด
และชนิดของบีกเกอร์ ระยะเวลาท่ีให้ความร้อน ลกั ษณะการติดต้งั หรอื ตำแหน่งของเทอร์มอมิเตอร์
- การทำกิจกรรม ตอนที่ 2 ตอ้ งใช้วสั ดุและอปุ กรณ์ใดบา้ ง
( นักเรียนตอบตามรายการวัสดุอุปกรณ์ ครูควรแนะนำวธิ ีและข้อควรระวังในการใช้
ชุดตะเกียงแอลกอฮอล์และเทอร์มอมิเตอร์ การควบคุมตัวแปรเพื่อให้ผลการทดลองน่าเชื่อถือ เช่น
ควรใช้ชดุ ตะเกยี งแอลกอฮอลช์ ดุ เดียวกนั เปน็ แหล่งความรอ้ นให้กับน้ำทงั้ 2 บกี เกอร์ )
- นักเรยี นตอ้ งสงั เกตหรอื รวบรวมขอ้ มูลอะไรบา้ ง และมีวิธีบันทึกผลอยา่ งไร
( นักเรยี นตอ้ งสังเกตและบันทึกอุณหภูมิของน้ำในบีกเกอร์ ทกุ ๆ 1 นาที เป็นเวลา 5
นาที )
- ร่วมกันระบุปัญหา สมมติฐาน และตวั แปรท่ีเกี่ยวข้องของการทดลองตอนที่ 2
ปญั หา มวลของน้ำมีผลต่อการเปล่ียนแปลงอณุ หภมู ขิ องน้ำหรือไม่
สมมติฐาน เช่น น้ำท่มี ีมวลน้อยกวา่ จะมอี ณุ หภูมิสูงขน้ึ มากกว่า
ตวั แปรต้น มวลของน้ำ
ตัวแปรตาม อุณหภูมิของน้ำ
ตวั แปรควบคมุ ปรมิ าณความร้อนทีน่ ้ำได้รับ ขนาดและความสงู ของเปลวไฟ
จากตะเกียงแอลกอฮอล์ (แหล่งความร้อนจากตะเกียงแอลกอฮอล์ชุดเดียวกัน) ขนาดและชนิดของ
บีกเกอร์ ระยะเวลาที่ให้ความรอ้ น ชนิดของเทอร์มอมิเตอร์ ลักษณะการติดตั้งหรือตำแหนง่ ของเทอร์
มอมเิ ตอร์)
2. คุณครูใช้เทคนิคการจัดการเรียนรู้แบบค่อย ๆ ปล่อยความรับผิดชอบ (Gradual
Release of Responsibility: GRR) โดย
ตอนที่ 1 ครเู ปน็ ผ้สู าธติ การทำการทดลองหนา้ ช้นั เรยี น
ตอนที่ 2 นักเรียนทำการทดลองเป็นกลุ่มย่อยตามวิธีการทดลองในหนังสือเรียน
วทิ ยาศาสตร์
ตอนที่ 3 นักเรียนแต่ละกลุ่มออกแบบและทำการทดลองด้วยตัวเองเพื่อตอบคำถาม
ทคี่ รกู ำหนดให้
3.. เตรียมชุดอุปกรณ์ จำนวน 1 ชุด ไว้หน้าชั้นเรียน จากนั้นให้ตัวแทนนักเรียน 2 – 3 คน
ออกมาสาธติ การทดลอง โดยครใู หค้ วามช่วยเหลอื อยา่ งใกลช้ ิด
4. ให้ตัวแทนนักเรียนบันทึกผลการทดลองในตารางที่ออกแบบไว้บนกระดานเพื่อให้
นักเรียนรว่ มกันสังเกตผลการทดลอง
5. แสดงวธิ กี ารเขยี นกราฟแสดงความสมั พนั ธ์ระหว่างอุณหภูมิกบั เวลาเปน็ ตวั อย่างหน้าชั้น
เรียน
6. ร่วมกันอภิปรายและตอบคำถามท้ายกิจกรรมเพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า ปริมาณความร้อนที่
น้ำได้รับส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของน้ำ โดยน้ำในบีกเกอร์ที่ได้รับความร้อนจากเทียนไข 2
เลม่ มอี ุณหภมู ิสูงข้ึนมากกวา่ ในบกี เกอรท์ ่ไี ด้รับความรอ้ นจากเทียนไข 1 เล่ม

26

7. แจกอุปกรณ์ให้นักเรียนทำกิจกรรมตอนที่ 2 ร่วมกัน นักเรียนทำกิจกรรมตามขั้นตอน
พรอ้ มกับบันทกึ ผลการสงั เกตการเปลย่ี นแปลงท่เี กดิ ขน้ึ

8. สังเกตนักเรียนทุกกลุ่ม เพื่อแนะนำการทำกิจกรรมแก่นักเรียนอย่างใกล้ชิด โดยเน้นให้
นักเรียนทุกคนได้มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรม นอกจากนี้ครูควรสังเกตการบันทึกผลการสังเกตของ
นักเรียนเพือ่ ให้ข้อแนะนำหากเกิดข้อผิดพลาดหรือไม่ครบถว้ นในการบนั ทกึ ผล รวมทั้งนำข้อมูลที่ควร
จะปรบั ปรงุ และแก้ไขมาใช้ประกอบการอภปิ รายหลังทำกจิ กรรม

9. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับปริมาณความร้อนที่น้ำได้รับและมวลของน้ำมี
ผลต่อการเปลย่ี นแปลงอุณหภูมิของน้ำ นักเรยี นคดิ ว่าชนิดของสสารมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ
ของสสารหรือไม่ อย่างไร (มี สสารแต่ละชนิดมีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิแตกต่างกัน เมื่อได้รับความ
รอ้ นเทา่ กัน) เพื่อนำไปสู่การออกแบบการทดลอง

10. ร่วมกนั ระบุปัญหา สมมติฐาน และตัวแปรท่เี กี่ยวขอ้ งของการทดลองตอนท่ี 3
ปญั หา ชนิดของสสารมีผลต่อการเปลย่ี นแปลงอุณหภมู ขิ องสสารหรือไม่
สมมติฐาน เชน่ สสารต่างชนิดกันจะมกี ารเปล่ียนแปลงอุณหภูมแิ ตกต่างกนั
ตวั แปรต้น ชนิดของสสาร
ตวั แปรตาม อณุ หภมู ิของสสาร
ตัวแปรควบคุม ปริมาณความร้อนที่สสารได้รับ มวลของสสาร ขนาดและความสูง

ของเปลวไฟจากตะเกียงแอลกอฮอล์(แหล่งความร้อนจากตะเกียงแอลกอฮอล์ชุดเดียวกัน) ขนาดและ
ชนิดของ บีกเกอร์ ระยะเวลาที่ให้ความร้อน ชนิดของเทอร์มอมิเตอร์ ลักษณะการติดตั้งหรอื ตำแหนง่
ของเทอรม์ อมิเตอร์ )

12. แตล่ ะกลุ่มปฏิบัติการทำกิจกรรมรว่ มกนั พร้อมกบั บนั ทกึ การเปลยี่ นแปลงท่ีเกิดข้นึ

6.3 ข้นั อภปิ รายและลงขอ้ สรปุ (Explanation)
1. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายและตอบคำถามท้ายกิจกรรม จากนั้นนำเสนอและ

เปรยี บเทยี บผลการทำกจิ กรรมกับกลุม่ อ่นื ๆ หากมขี อ้ มลู ใดคลาดเคล่ือนควรอภิปรายแกไ้ ขให้ถูกต้อง
ตอนท่ี 1 สรปุ วา่ ปรมิ าณความร้อนทน่ี ้ำไดร้ ับสง่ ผลตอ่ การเปล่ียนแปลง

อุณหภูมิของน้ำ โดยน้ำในบีกเกอร์ที่ได้รับความร้อนจากเทียนไข 2 เล่ม มีอุณหภูมิสูงขึ้นมากกว่า ใน
บีกเกอร์ท่ไี ด้รับความร้อนจากเทยี นไข 1 เลม่

ตอนท่ี 2 สรุปได้วา่ มวลของน้ำมผี ลต่อการเปล่ียนแปลงอุณหภูมิของน้ำ โดยน้ำมวล
75 กรมั มอี ณุ หภูมิสงู ข้ึนมากกว่าน้ำมวล 150 กรมั เมื่อได้รบั ความรอ้ นปริมาณเทา่ กัน

ตอนที่ 3 สรุปว่า ชนิดของสสารมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ โดยเมื่อเวลาผ่าน
ไป กลเี ซอรอลหรอื น้ำมนั พืชมอี ณุ หภมู เิ พ่มิ ขน้ึ มากกว่าน้ำ

2. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยใช้แนวคำถามว่า การ
เปลีย่ นแปลงอณุ หภมู ิของสารจากความรอ้ น ขนึ้ อยกู่ ับอะไรบา้ ง

(แนวคำตอบ มวล ความรอ้ นจำเพาะของสาร และอณุ หภูมทิ เี่ ปลี่ยนแปลงไปของสาร)
ครูและนักเรยี นร่วมกันสรปุ ผลจากการปฏิบตั กิ ิจกรรม)

3. คณุ ครใู หน้ ักเรียนดูภาพเทา้ คนเดนิ บนทราย

27

4. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั อภิปรายถึงความรอ้ นทีไ่ ดร้ ับ และตั้งคำถามว่าสสารแต่ละ
ชนิดไดร้ ับปรมิ าณความรอ้ นทท่ี ำใหส้ สารมวล 1หน่วย มอี ุณหภมู ิ เพ่มิ ข้นึ 1 หน่วย เรียกว่าอะไร

(แนวคำตอบ ความร้อนจำเพาะมวล)

ช่วั โมงท่ี 3-4
6.3 ขน้ั อภปิ รายและลงข้อสรปุ (Explanation)

1. ทบทวนความรู้เดิมของนักเรยี นว่า ปริมาณความร้อนที่ทำให้สารเปล่ียนแปลงอุณหภูมิ
ขนึ้ อยกู่ บั ปจั จยั ใดบ้าง

(แนวคำตอบ มวล ความรอ้ นจำเพาะ และอณุ หภูมทิ เ่ี ปลี่ยนแปลง)
2. คำนวณหาปรมิ าณความรอ้ นทีท่ ำให้สารเปลี่ยนแปลงอุณหภมู ิ ดังนี้

Q = mcΔt

Q คือ ปรมิ าณความรอ้ นทไ่ี ด้รบั หรือสญู เสยี ไปมีหนว่ ยเป็นแคลอรี ( cal )
m คอื มวลของวตั ถุ มหี นว่ ยเปน็ กรมั (g)
c คือ ความจคุ วามรอ้ นจำเพาะของวัตถมุ หี นว่ ยเป็นแคลอรีต่อกรัมองศาเซลเซียส

(cal/g ํC)
∆t คือ อุณหภูมทิ เี่ ปล่ยี นไปมีหนว่ ยเป็นองศาเซลเซียส ( ํC)
3. ยกตัวอย่างโจทย์การคำนวณหาปริมาณความรอ้ นท่ีทำให้สารเปลี่ยนแปลงอุณหภมู ิ ใน
หนังสอื เรยี นวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 และใหน้ ักเรียนฝึกการคำนวณ โดยทำแบบฝกึ หดั เรอ่ื งความร้อน
กบั การเปลย่ี นแปลงอณุ หภูมิของสสาร ในหนังสือเรียนวิทยาศาสตร์ ม.1 เล่ม 2 ลงในสมุด
4. ให้นักเรยี นทำใบงานท่ี 5.2 เร่ือง ความรอ้ นกบั การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของสสาร โดย
คุณครูแนะนำการคำนวณปริมาณความร้อนที่ทำให้อุณหภูมิของสสารเปลี่ยนแปลง และร่วมกัน
อภปิ รายนกั เรียนเพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจมากยิ่งข้นึ

28

6.4 ขนั้ ขยายความรู้ (Elaboration)
1. ครแู ละนกั เรียนอภิปรายร่วมกันถงึ เทอรม์ อมเิ ตอรว์ า่ คืออะไร
(แนวคำตอบ เครื่องมือที่ใช้สำหรับวัดอุณหภูมิ เรียกว่า เทอร์มอมิเตอร์ (thermometer)

ซึ่งมักผลิตมาจากปรอทหรือแอลกอฮอล์ เมื่อของเหลวได้รับความร้อน จะมีการขยายตัวไปตามช่อง
เล็กๆ ซงึ่ มสี เกลบอกอุณหภูมิเปน็ ตัวเลข)

6. คำนวณหน่วยทใ่ี ชว้ ัดอณุ หภูมิ ว่าหน่วยของอณุ หภูมไิ ด้แก่ องศาเซลเซยี ส องศาฟาเรน
ไฮต์และเคลวิน มีความสัมพันธ์กัน สามารถเปลี่ยนจากหน่วยหนึ่งเป็นหน่วยหนึ่งได้
โดยมคี วามสมั พันธ์ ดงั น้ี

3 . ยกตัวอย่างโจทย์การคำนวณหาหนว่ ยที่ใช้วดั อุณหภูมิ ในหนงั สือเรยี นวิทยาศาสตร์
4 . นักเรยี นทำใบงานท่ี 5.2 เรื่อง ความร้อนกบั การเปล่ียนแปลงอณุ หภูมิของสสาร

6.5 ขัน้ ประเมินผล (Evaluation)
1. ตรวจใบงานท่ี 5.2 เรือ่ ง ความรอ้ นกับการเปลย่ี นแปลงอณุ หภูมิของสสาร
2. ตรวจใบกจิ กรรมท่ี 5.2 เรือ่ ง ความร้อนกบั การเปล่ียนแปลงอณุ หภูมขิ องสสาร

และตอบคำถามระหว่างเรยี น เพอ่ื ประเมนิ ความเขา้ ใจ
3. นกั เรียนเขยี นแสดงความคิดเห็นว่าประทับใจอะไรบ้างจากการทำกิจกรรมลงใน

กระดาษ Post it ทคี่ รูเตรียมให้ (Exit Ticket)

7. ช้ินงาน/ภาระงาน
- ใบงานที่ 5.2 เร่อื ง ความรอ้ นกบั การเปลย่ี นแปลงอุณหภูมิของสสาร

8. ส่อื /วัสดุอุปกรณ/์ แหลง่ เรียนรู้
สอ่ื 1. Power Point เรื่อง ความรอ้ นกับการเปลีย่ นแปลงอุณหภูมิของสสาร
2. หนงั สอื วทิ ยาศาสตร์ ม.1 สสวท. เลม่ 2
แหลง่ เรยี นรู้ 1. การสบื คน้ ข้อมูลแหลง่ เครือขา่ ย Internet สืบคน้ ข้อมูลในหัวขอ้ ความร้อนกบั
การเปล่ียนแปลงอุณหภูมขิ องสสาร

29

9. การวัดผลและประเมิลผลการเรยี นรู้

รายการประเมนิ การวัดผลประเมนิ ผล การประเมิน

วธิ ีการ เครื่องมอื การตคี ่า เกณฑ์การตดั สนิ

3.1 ดา้ นความรู้ (K) -ตรวจใบงาน -ใบงานท่ี คะแนน เกณฑ์การผ่าน
ที่ 5.2 5.2 รายข้อ คิดเปน็ ร้อยละ 80
3.1.1 อธิบายการเปลย่ี น แบบ 0/1
อณุ หภมู ิของสสารเนื่องจากได้รบั -.ตรวจใบ -ใบกจิ กรรม
หรอื สญู เสยี ความรอ้ น กิจกรรม ที่ 5.2
ท่ี 5.2

3.2 ดา้ นทักษะกระบวนการ (P)

3.2.1 การทดลอง ทดลอง แบบ พฤติกรรม เกณฑก์ ารผา่ น
ประเมิน 3 ระดบั คิดเป็นรอ้ ยละ 80

การทดลอง

3.2.2 การเขียนรายงานการ เขียน แบบ พฤติกรรม เกณฑ์การผ่าน
ทดลอง รายงาน ประเมนิ 3 ระดับ คดิ เป็นรอ้ ยละ 80
การเขยี น
รายงาน
การทดลอง

3.2.3 การนำเสนอหนา้ ชั้นเรียน นำเสนอ แบบ พฤติกรรม 3 เกณฑ์การผา่ น
คดิ เป็นร้อยละ 80
ผลงาน ประเมินการ ระดับ

หนา้ ชนั้ เรียน นำเสนอหนา้

ชัน้ เรียน

30

9. การวัดและประเมนิ ผล (ตอ่ )

รายการประเมนิ การวดั ผลประเมินผล การประเมิน

วธิ กี าร เครือ่ งมือ การตีค่า เกณฑ์การตัดสนิ

3.3 ด้านคณุ ลักษณะอันพึง การสังเกต แบบสงั เกต ปฏบิ ัตไิ ด้ 2 เกณฑ์ผา่ น
ประสงคแ์ ละเจคตทิ าง พฤติกรรม เจตคติ คะแนน ไดค้ ะแนน
วิทยาศาสตร์ (A) ทาง ปฏบิ ัตบิ ้าง 1 8 คะแนน
3. 1. มีวินยั วิทยาศาสตร์ คะแนน จาก 10 คะแนน
4. 2. ใฝ่เรียนรู้ คดิ เป็นร้อยละ 80
ไม่ปฏิบัติ 0
3. อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง คะแนน
4. มุ่งมน่ั ในการทำงาน
5. มีจติ สาธารณะ

3.4 สมรรถนะสำคัญของ
นักเรยี น

3.4.1 ความสามารถในการ แบบประเมิน -การ พฤติกรรม เกณฑผ์ ่านคดิ เป็น
สอื่ สาร นำเสนอ 4 ระดบั รอ้ ยละ 80
ข้อมลู

3.4.2 ความสามารถในการคดิ แบบประเมิน -จากการ พฤติกรรม เกณฑ์ผ่านคิดเป็น
ทำงาน 4 ระดบั รอ้ ยละ 80
แผนผัง
ความคิด

10. บนั ทึกหลงั การจัดการเรียนรู้
1) ด้านความรู้ ความเขา้ ใจ (K)
............................................................................................................................. ...................................
.............................................................................................. ..................................................................
................................................................................. ...............................................................................
................................................................................................................................................................
2) ด้านทกั ษะกระบวนการ (P)
................................................................................................. ...............................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
........................................................................................................ ........................................................

31

3) ด้านคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์และเจตคติ (A)
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
.......................................................................................................... ......................................................
............................................................................................... .................................................................

4) ด้านสมรรถนะ
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................................................................................
.......................................................................................................... ......................................................
........................................................................................................ ........................................................

5) ปญั หาและอุปสรรค และแนวทางการแก้ไข
................................................................................................................................. ...............................
................................................................................................................................................................
.......................................................................................................... ......................................................
................................................................................................................................................................

ลงช่ือ........................................................ ครผู สู้ อน
(นางสาวสภุ าวดี เขยี วหวาน)
ครชู ำนาญการพเิ ศษ

บนั ทึกความคิดเหน็ /ข้อเสนอแนะของหัวหนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์
..................................................................................................................................................... ...........
................................................................................................................................................................
.................................................................................... ............................................................................
................................................................................................................................................................

ลงชอ่ื ................................................................
(นางสาววราพร จิตรเดียว)

หวั หนา้ กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์

บันทึกความคดิ เหน็ /ข้อเสนอแนะของฝา่ ยวชิ าการ
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................

32

.......................................................................................................... ......................................................
................................................................................................................................................................

ลงชอื่ .................................................................
(นางสิรกิ านต์ วายโศรก)

หวั หนา้ กลมุ่ บรหิ ารวิชาการ

บันทึกความคิดเหน็ /ข้อเสนอแนะของรองผู้อำนวยการโรงเรียน
............................................................................................................................................................... .
.............................................................................................. ..................................................................
.............................................................................................. ..................................................................
................................................................................................................................................................

ลงชอื่ ...................................................................
(นายประหยัด เขียวหวาน)

รองผู้อำนวยการโรงเรยี นสวายวิทยาคาร

บันทึกความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะของผู้อำนวยการโรงเรยี น
..................................................................................................................................................... ...........
................................................................................................................................................................
.................................................................................... ............................................................................
................................................................................................................................................................

ลงชอื่ ...................................................................
(นางสาวทองใบ ตลบั ทอง)

ผู้อำนวยการโรงเรียนสวายวทิ ยาคาร

33

ใบงำนท่ี 5.2 คะแนน
เรอื่ ง ควำมรอ้ นกบั กำรเปล่ียนแปลงอุณหภมู ิของสสำร
ชอ่ื ....................................................................ชน้ั .............

เลขท.่ี .........

ตอนท่ี 1

คำช้ีแจง ให้นกั เรยี นแสดงการคำนวณหาคา่ ปริมาณความรอ้ นท่ีทำให้อุณหภูมขิ องสสารเปลีย่ นแปลงดังต่อไปนี้
โดยละเอยี ด( 6 คะแนน)

1. ความร้อนที่ทองสูญเสียมีคา่ กี่แคลอรี เมื่อทองมวล 100 กรัม มอี ณุ หภูมิลดลงจาก 50 องศาเซลเซียส
เปน็ 20 องศาเซลเซียส (ความร้อนจำเพาะของทอง มคี ่า 0.03 แคลอรี/กรมั องศาเซลเซียส) (2 คะแนน)
................................................................................................................................................................ ..............
................................................................................................... ...........................................................................
..............................................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................... ..........................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
2. ถ้าตอ้ งการทำให้แท่งแก้วมวล 0.5 กิโลกรมั มอี ุณหภูมสิ ูงขนึ้ จาก 25 องศาเซลเซียส เป็น 200 องศา
เซลเซยี สต้องให้ความรอ้ นแก่แท่งแก้วนี้ก่แี คลอรี (ความร้อนจำเพาะของแท่งแก้ว มคี ่า 0.2 แคลอร/ี กรมั องศา
เซลเซยี ส) (2 คะแนน)
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................... ...........
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................... ........................
3. ตอ้ งใหค้ วามร้อนแก่ทองแแดงมวล 100 กรัม ทีอ่ ุณหภมู ิ 30 องศาเซลเซยี ส กีแ่ คลอรี เพอื่ ให้ทองแดงเร่ิม
หลอมเหลว (จดุ หลอมเหลวของทองแดง มคี า่ 1,083 องศาเซลเซยี ส ความร้อนจำเพาะของทองแดง มีค่า
0.09 แคลอรี/กรัม องศาเซลเซียส) (2 คะแนน)
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

34

ตอนท่ี 2

คำช้ีแจง ให้นักเรยี นแสดงการคำนวณหาค่าของอณุ หภมู ิดังตอ่ ไปนี้โดยละเอียด ( 4 คะแนน)

1. ถา้ นิดหนอ่ ยเปดิ แอรใ์ นห้องเรียนให้มอี ณุ หภูมเิ ทา่ กับ 25 ˚C แสดงวา่ มคี า่ อุณหภมู กิ ีเ่ คลวนิ (K) (2 คะแนน)
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
................................................................................................................................. .............................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
2. อิ่มเอมวดั อณุ หภมู ิของนำ้ ได้ 323 K สามารถคิดอุณหภูมิไดก้ ี่องศาฟาเรนไฮต์ (˚F) (2 คะแนน)
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
................................................................................................................................. .............................................
..............................................................................................................................................................................

**************************************

ใบงำนท่ี 5.2 35
เร่อื ง ควำมร้อนกบั กำรเปลี่ยนแปลงอณุ หภมู ิของสสำร
ชอื่ ....................................................................ชน้ั ............. คะแนน

เลขท.่ี ......... 10

ตอนท่ี 1

คำชแ้ี จง ให้นกั เรยี นแสดงการคำนวณหาคา่ ปริมาณความร้อนที่ทำให้อณุ หภูมิของสสารเปลย่ี นแปลงดังต่อไปนี้
โดยละเอยี ด( 6 คะแนน)

1. ความร้อนท่ที องสญู เสยี มีค่ากีแ่ คลอรี เมอื่ ทองมวล 100 กรมั มอี ุณหภมู ลิ ดลงจาก 50 องศาเซลเซียส
เปน็ 20 องศาเซลเซียส (ความร้อนจำเพาะของทอง มีคา่ 0.03 แคลอร/ี กรมั องศาเซลเซียส) (2 คะแนน)

วิธที ำ จากสมการ Q = mcΔt
Q = 100 g x 0.03 cal/g °C x (50 °C - 20 °C)
Q = 100 g x 0.03 cal/g °C x 30 °C
Q = 90 cal

ตอบ ทองสูญเสยี ความรอ้ นปรมิ าณ 90 แคลอรี

2. ถ้าตอ้ งการทำให้แท่งแกว้ มวล 0.5 กิโลกรัม มอี ุณหภมู สิ งู ข้นึ จาก 25 องศาเซลเซียส เป็น 200 องศา
เซลเซียสตอ้ งให้ความรอ้ นแก่แท่งแกว้ น้กี แ่ี คลอรี (ความร้อนจำเพาะของแท่งแก้ว มีค่า 0.2 แคลอร/ี กรมั องศา
เซลเซียส) (2 คะแนน)

วธิ ีทำ จากสมการ Q = mcΔt
Q = 500 g x 0.2 cal/g °C x (200 °C - 25 °C)
Q = 500 g x 0.2 cal/g °C x 175 °C
Q = 17,500 cal

ตอบ แท่งแก้วต้องไดร้ บั ความร้อนปริมาณ 17,500 แคลอรี

3. ตอ้ งให้ความร้อนแก่ทองแแดงมวล 100 กรัม ที่อุณหภมู ิ 30 องศาเซลเซียส ก่ีแคลอรี เพอื่ ให้ทองแดงเริ่ม
หลอมเหลว (จุดหลอมเหลวของทองแดง มีคา่ 1,083 องศาเซลเซียส ความรอ้ นจำเพาะของทองแดง มีคา่
0.09 แคลอร/ี กรัม องศาเซลเซียส) (2 คะแนน)

วิธีทำ จากสมการ Q = mcΔt
Q = 100 g x 0.09 cal/g °C x (1,083 °C - 30 °C)
Q = 100 g x 0.09 cal/g °C x 1,053 °C
Q = 100 g x 0.09 cal/g °C x 1,053 °C
Q = 9,477 cal

ตอบ ต้องให้ความร้อนแก่ทองแดง 9,477 แคลอรี

36

ตอนท่ี 2

คำช้แี จง ให้นกั เรยี นแสดงการคำนวณหาค่าของอุณหภูมิดังตอ่ ไปน้ีโดยละเอียด ( 4 คะแนน)

1. ถ้านิดหน่อยเปดิ แอร์ในหอ้ งเรยี นให้มอี ุณหภูมิเท่ากบั 25 ˚C แสดงวา่ มคี ่าอณุ หภูมิก่เี คลวิน (K) (2 คะแนน)

วธิ ีทำ จาก C/100 = K-273/100

(C/100)*100 = K-273

C = K-273

แทนค่า 25 = K-273

K = 25+273

K = 298 K

ตอบ ห้องเรียนทม่ี ีอณุ หภูมิเทา่ กับ 25 ˚C มคี า่ อุณหภมู ิ 298 เคลวนิ

2. อม่ิ เอมวัดอุณหภมู ิของนำ้ ได้ 323 K สามารถคิดอุณหภมู ิไดก้ ่ีองศาฟาเรนไฮต์ (˚F) (2 คะแนน)
วิธที ำ จาก K-273/100 = F-32/180
แทนค่า 323-273/100 = F-32/180
นำ20มาหารท้ัง2ข้าง
323-273/5 = F-32/9
323-273/5 = F-32/9
50/5 = F-32/9
10 = F-32/9
90 = F-32
F = 90+32
F = 122 ˚F
ตอบ น้ำอุณหภูมิ 323 K สามารถคิดอุณหภูมิได้ 122 องศาฟาเรนไฮต์

37

แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 3

รายวชิ า วิทยาศาสตร์ 2 รหัสวชิ า ว21103
หน่วยการเรยี นท่ี 5 เร่ือง พลังงานความร้อน รวม 28 ช่ัวโมง
เร่อื งความร้อนกบั การขยายตัวและหดตัวของสสาร เวลา 4 ช่ัวโมง
ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 ภาคเรยี นที่ 2 ปกี ารศึกษา 2565
ชื่อผ้สู อน นางสาวสภุ าวดี เขียวหวาน สอนวันที่ 15 พฤศจิกายน 2565

1. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตวั ช้ีวัด
1.1 สาระที่ 2 วิทยาศาสตรก์ ายภาพ
มาตรฐานการเรยี นรู้
มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน
ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาติ ของคลื่น ปรากฏการณ์ท่ี
เกย่ี วขอ้ งกบั เสียง แสง และคลื่นแมเ่ หลก็ ไฟฟ้า รวมท้งั นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์

1.2 ตวั ชีว้ ัด
ม.1/3 สร้างแบบจำลองทีอ่ ธบิ ายการขยายตัวหรือ หดตัวของสสารเนื่องจากได้รับหรือสูญเสีย

ความรอ้ น
ม1/4 ตระหนักถึงประโยชน์ของความรู้ของการหด และขยายตัวของสสารเนื่องจากความ

ร้อนโดยวเิ คราะห์สถานการณป์ ญั หาและเสนอแนะ วธิ ีการนำความรมู้ าแก้ปญั หาในชีวิตประจำวัน

2. สาระสำคัญ
• ความรอ้ นทำให้สสารขยายตัวหรอื หดตวั ได้เนื่องจากเมือ่ สสารไดร้ ับความร้อนจะทำให้ อนุภาค

เคลื่อนทเี่ รว็ ขึน้ ทำใหเ้ กดิ การขยายตวั แตเ่ มอ่ื สสารคายความร้อนจะทำให้อนภุ าค เคลื่อนทีช่ า้ ลงทำให้เกดิ การ
หดตัว

• ความรู้เรื่องการหดและขยายตัวของสสาร เนื่องจากความร้อนนำไปใช้ประโยชน์ได้ด้านต่างๆ เช่น
การสรา้ งถนน การสร้างรางรถไฟ การทำเทอรม์ อมเิ ตอร์

3.จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
3.1 ดา้ นความรู้ (K) นักเรียนสามารถ
3.1.1 สรา้ งแบบจำลองท่ีอธบิ ายการขยายตวั และหดตัวของสสารเนื่องจากไดร้ บั หรือสูญเสยี ความร้อน

3.2 ดา้ นกระบวนการ (P) นกั เรียนสามารถ
3.2.1 ทักษะการทดลอง
3.2.2 การเขียนรายงานการทดลอง
3.2.3 การนำเสนอข้อมูลหน้าช้นั เรยี น

38

3.3 ดา้ นคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงคแ์ ละเจคติทางวิทยาศาสตร์ (A) นักเรยี นสามารถ
3.3.1 มวี ินยั
3.3.2 ใฝ่เรยี นรู้
3.3.3 อยอู่ ย่างพอเพยี ง
3.3.4 มุ่งม่ันในการทำงาน
3.3.5 มจี ิตสาธารณะ

3.4 สมรรถนะสำคญั ของนักเรยี น ปรากฏในแผนการจดั การเรยี นรู้
3.4.1 ความสามารถในการส่อื สาร (กาเครื่องหมาย ✓ )
3.4.2 ความสามารถในการคิด ✓

4. คุณลกั ษณะของผเู้ รียนในศตวรรษท่ี 21 (3R8C)
ปรากฏในแผนการจดั การเรยี นรู้
3R (กาเครื่องหมาย ✓ )
ทักษะพืน้ ฐานท่ีจำเป็น ✓
Reading คือ สามารถอ่านออก
(W) Riteing คอื สามารถเขียนได้ ✓
(A) Rithmatic คือ มีทักษะในการคำนวณ ✓

8C ✓
ทักษะต่างๆทีจ่ ำเปน็
Critical thinking and problem solving
Creativity and innovation
Cross-cultural understanding
Collaboration teamwork and leadership
Communication information and media literacy
Computing and IT literacy
Career and learning skills
Compassion

5.สาระการเรยี นรู้
-การขยายตัวและการหดตัวของสาร
-การใชป้ ระโยชน์จากการขยายตัวและการหดตวั ของสาร

39
6. กจิ กรรมการเรยี นการสอน

กระบวนการเรยี นรู้ วิธีสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Method : 5E) เทคนคิ การเรยี นรู้แบบ
เพอื่ นคู่คดิ (Think pair Share)

ชว่ั โมงที่ 1-2
6.1 ข้นั สรา้ งความสนใจ (Engagement)

1. นักเรียนศึกษาภาพบอลลนู

2. ครูและนักเรียนรว่ มกนั อภิปรายเกีย่ วกับความร้อนต่อการเปล่ยี นแปลงอณุ หภูมิของสาร
ดังนี้

- นักเรยี นสงั เกตเห็นอะไรในภาพ
( แนวคำตอบ การลอยตัวของบอลลนู )
บอลลูนสามารถลอยอย่ใู นอากาศได้อย่างไร
(แนวคำตอบ ความหนาแนน่ อากาศภายในบอลลนู นอ้ ยกวา่ ความหนาแน่นอากาศ
ภายนอก)
3. นำภาพการยกตวั ของถนนมาให้นักเรียนดู

40

4. รว่ มกันอภปิ รายและตอบคำถามดงั ตอ่ ไปนี้
- นักเรียนสังเกตเห็นอะไรในภาพ
(แนวคำตอบ การยกตัวของถนน)
- จากภาพนักเรียนคิดวา่ เกิดจากสาเหตุใด
(แนวคำตอบ นักเรียนตอบตามความคิดของตนเอง )

5. ช้ีแจงนักเรียนวา่ นกั เรยี นจะสามารถอธิบายได้ว่าความร้อนสามารถทำให้ถนนยกตัวขึ้นได้
อย่างไร หลงั จากท่ีนักเรียนได้ทำกิจกรรมที่ 5.3 ความรอ้ นส่งผลตอ่ สสารแต่ละสถานะอย่างไร

6. แบ่งกลุ่มนกั เรยี นเป็นกลุ่มๆละ 4-5 คน (Group of Four) จำนวน 6 กล่มุ โดยแบง่ หน้าที่
ความรับผดิ ชอบ โดยใหห้ มนุ เวียนสลบั ไปเร่ือยๆดังนี้

6.1 คณุ อำนวย ทำหนา้ ที่ อำนวยความสะดวกตา่ ง
6.2 คุณวางแผน ทำหน้าท่ี วางแผนในการทำงาน
6.3 คุณรวบรวม ทำหนา้ ที่ เก็บรวบรวมข้อมลู ตา่ งๆ
6.4 คณุ นำเสนอ ทำหน้าที่ นำเสนอผลงาน
7. ครแู จ้งขอ้ ตกลงพร้อมสาธิตกับนกั เรียนว่าเม่ือครูยกมือขวาขึน้ นักเรยี นทุกคนตอ้ งหยุด
กจิ กรรม ทุกอย่าง หยดุ คยุ

6.2 ข้ันสำรวจและคน้ หา (Exploration)
1. ครูและนกั เรยี นร่มกันอภิปรายโดยใช้แนวคำถาม และปฏบิ ตั ิดังนี้
- กจิ กรรมนี้ศกึ ษาเก่ียวกับเรือ่ งอะไร
(แนวคำตอบ ผลของความร้อนต่อการเปลี่ยนแปลงขนาดของอากาศ น้ำ
และเหลก็ )
- หลงั การทำกิจกรรมแลว้ นกั เรยี นจะรูอ้ ะไร
(แนวคำตอบ อธิบายผลของความร้อนต่อการเปล่ียนแปลงขนาดของอากาศ
น้ำ และเหล็ก)
กลุ่มที่ 1 และ 2 ทำกิจกรรมตอนที่ 1 ศึกษาผลของความร้อนต่อการ
เปล่ียนแปลงขนาดของอากาศ
กลุ่มที่ 3 และ 4 ทำกิจกรรมตอนที่ 2 ศึกษาผลของความร้อนต่อการ
เปล่ยี นแปลงขนาดของนำ้
กลุ่มที่ 5 และ 6 ทำกิจกรรมตอนที่ 3 ศึกษาผลของความร้อนต่อการ
เปล่ยี นแปลงขนาดของเหล็ก
2. แต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษา วัสดุ อุปกรณ์ และวิธีดำเนินกิจกรรม จากนั้นร่วมกันอภิปราย

วิธกี ารทำกิจกรรม และศึกษาวดี ิทัศนส์ าธิตการทำกจิ กรรม เรอ่ื ง การขยายตวั และหดตวั ของสสารในแต่
ละสถานะเป็นอย่างไร

3. นกั เรียนทำกิจกรรมตามขั้นตอนพร้อมกับบนั ทึกผลการสงั เกตการเปลี่ยนแปลงทีเ่ กดิ ข้ึนกับ
สารที่แต่ละกลุ่มได้รับ โดยครูเดินสังเกตนักเรียนทุกกลุ่ม เพื่อแนะนำการทำกิจกรรมแก่นักเรียนอย่าง
ใกลช้ ดิ โดยเน้นใหน้ ักเรียนทกุ คนไดม้ ีส่วนรว่ มในการทำกิจกรรม

41

6.3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรปุ (explanation)
1. นักเรียนในแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายและตอบคำถามท้ายกิจกรรม จากนั้นนำเสนอและ

เปรียบเทยี บผลการทำกิจกรรมกับกลมุ่ อืน่ ๆ
2. นักเรียนอภิปรายเพอ่ื ใหไ้ ด้ข้อสรุปวา่ เมอ่ื อากาศ นำ้ และลกู กลมเหลก็ ไดร้ ับความรอ้ นจะมี

ปริมาตรเพ่ิมข้ึนและขยายตวั ในทางตรงกนั ข้ามเมือ่ อากาศ น้ำ และลูกกลมเหล็กสูญเสียความร้อนจะมี
ปรมิ าตรลดลงและหดตัว ซงึ่ การเปล่ยี นแปลงท่เี กิดข้นึ เปน็ การเปลยี่ นแปลงในระดับอนภุ าคของสสาร

3. นกั เรยี นทำใบงานท่ี 5.3 เรอื่ ง ความร้อนกบั การขยายตัวหรือหดตัวของสสาร
4. มอบหมายงานให้แก่นักเรียน โดยจากสถานการณ์ถนนยกตัวขึ้นเนื่องจากความร้อน ให้
นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ ทำแผ่นพบั เพื่ออธบิ ายสาเหตุของการยกตวั ของถนน พร้อมท้ังเสนอแนะแนวทางการ
ป้องกันและแก้ไขปัญหาที่เกิดข้ึนเพื่อสื่อสารให้คนในชุมชนเขา้ ใจเหตุการณด์ ังกล่าว โดยนักเรียนต้องใช้
ภาษาทเ่ี ข้าใจงา่ ยและใช้แบบจำลองอนุภาคของสสารประกอบการอธิบาย

ชว่ั โมงท่ี 3-4
6.4 ขนั้ ขยายความรู้ (Elaboration)

1. ให้แต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับแผ่นพับที่มอบหมายไปในชั่วโมงที่แล้ว นักเรียนแต่
ละกลุ่มผลดั กนั เลา่ สิ่งทตี่ นได้ศึกษามาใหส้ มาชิกในกลุ่มฟัง

2. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มระดมความคิด แล้วสรุปขอ้ มลู เปน็ ความรู้ของกลุ่ม
- สาเหตขุ องการยกตัวของถนน
- แนวทางการปอ้ งกันและแก้ไขปญั หาทเ่ี กิดข้ึน
- ผลกระทบตอ่ คนในชุมชน

3. นักเรียนแต่ละกลุ่มสร้างแบบจำลองการขยายและหดตัวของสสารแต่ละสถานะเมื่อได้รับ
ความรอ้ น โดยการสืบคน้ ข้อมูลจากอนิ เทอร์เนต็ และหนงั สือเรียน

4. นักเรยี นแต่ละกลุม่ นำเสนอผลการทำกจิ กรรมโดยเขียนลงในกระดาษบรูฟ โดยติดผลการ
ทำกิจกรรมรอบผนังห้องเรียน (Gallery walk) โดยนักเรียนแต่ละกลุ่มเสนอแก่กลุ่มตนเอง เพื่อให้สมาชิกได้
ร่วมกันตรวจทาน และสรา้ งความเขา้ ใจรว่ มกนั

5. จากนัน้ นกั เรียนแตล่ ะกล่มุ เวียนเคล่อื นทีไ่ ปฟังกลุ่มอื่น
6. เมื่อนักเรียนเวียนเคลื่อนที่ฟังการนำเสนอครบทุกกลุ่ม แล้วให้นักเรียนแต่ละคนติดดาว
ใหก้ บั กลุม่ ทีน่ ำเสนอได้ดขี ้อมลู ครบถว้ นถูกต้อง
แนวคำตอบ

42

7. ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั อภิปรายผลจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยใช้คำถามดังน้ี
- การขยายตัวหรือหดตวั ของสสารแต่ละสถานะเหมอื นหรอื แตกต่างกนั อยา่ งไร

(แนวคำตอบ นกั เรียนตอบตามความเขา้ ใจ)
การขยายตัวหรือหดตัวของวัตถทุ ่ีไดร้ บั ความร้อน นำไปใช้ประโยชน์อะไรได้บา้ ง

(แนวคำตอบ การวางรางรถไฟ การเว้นรอยต่อของสะพาน การขงึ สายไฟ เปน็ ตน้ )

6.5 ขัน้ ประเมินผล (Evaluation)
1. ตรวจใบงานท่ี 5.3 ความร้อนกับการขยายตัวหรือหดตวั ของสสาร
2. ตรวจใบกจิ กรรมท่ี 5.3 ความรอ้ นกับการขยายตัวหรอื หดตวั ของสสาร
และตอบคำถามระหว่างเรยี น เพื่อประเมนิ ความเข้าใจ
3. นกั เรียนเขยี นแสดงความคิดเหน็ ว่าประทบั ใจอะไรบา้ งจากการทำกจิ กรรมลงในกระดาษ

Post it ทีค่ รเู ตรียมให้ (Exit Ticket)

7. ช้นิ งาน/ภาระงาน
- ใบงานท่ี 5.3 เรื่อง ความร้อนกบั การขยายตวั หรอื หดตัวของสสาร
- แผ่นพบั เรือ่ ง การยกตวั ของถนน

8. สื่อ/วัสดุอุปกรณ์/แหลง่ เรียนรู้
สอ่ื 1. Power Point เรอ่ื ง ความร้อนกบั การขยายตัวหรือหดตัวของสสาร
2. หนังสือวิทยาศาสตร์ ม.1 สสวท. เล่ม 2
3. วีดทิ ัศนส์ าธติ การทำกิจกรรม เรอ่ื ง การขยายตวั และหดตัวของสสารในแตล่ ะ
สถานะเป็นอย่างไร
แหลง่ เรยี นรู้ 1. การสืบคน้ ขอ้ มลู แหลง่ เครือข่าย Internet สบื คน้ ข้อมูลในหวั ขอ้ ความรอ้ นกับ
การขยายตัวหรือหดตวั ของสสาร

43

9. การวดั ผลและประเมิลผลการเรยี นรู้

รายการประเมนิ การวัดผลประเมินผล การประเมิน

วิธีการ เครอื่ งมอื การตคี ่า เกณฑก์ ารตดั สนิ

3.1 ด้านความรู้ (K) -ตรวจใบงาน -ใบงานที่ คะแนน เกณฑ์การผา่ น
3.1.1 นกั เรยี นสามารถสร้าง ที่ 5.3 5.3 รายขอ้ คดิ เปน็ ร้อยละ 80
แบบจำลองที่อธิบายการขยายตัว แบบ 0/1
และหดตัวของสสารเนือ่ งจาก -.ตรวจใบ -ใบกิจกรรม
ไดร้ บั หรือสญู เสยี ความรอ้ น กิจกรรม ที่ 5.3
ท่ี 5.3

3.2 ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P)

3.2.1 การทดลอง ทดลอง แบบ พฤติกรรม เกณฑ์การผ่าน
ประเมนิ 3 ระดับ คิดเป็นรอ้ ยละ 80

การทดลอง

3.2.2 การเขยี นรายงานการ เขียน แบบ พฤติกรรม เกณฑ์การผ่าน
ทดลอง รายงาน ประเมิน 3 ระดับ คิดเป็นรอ้ ยละ 80
การเขยี น
รายงาน
การทดลอง

3.2.3 การนำเสนอหน้าชั้นเรยี น นำเสนอ แบบ พฤติกรรม 3 เกณฑ์การผ่าน
คิดเปน็ รอ้ ยละ 80
ผลงาน ประเมินการ ระดบั

หนา้ ช้ันเรียน นำเสนอหน้า

ช้ันเรยี น

44

9. การวัดและประเมนิ ผล (ต่อ)

รายการประเมนิ การวดั ผลประเมินผล การประเมิน

วธิ กี าร เครื่องมอื การตคี า่ เกณฑ์การตัดสนิ

3.3 ด้านคณุ ลักษณะอันพึง การสงั เกต แบบสังเกต ปฏิบัตไิ ด้ 2 เกณฑผ์ ่าน
ประสงคแ์ ละเจคติทาง พฤติกรรม เจตคติ คะแนน ไดค้ ะแนน
วิทยาศาสตร์ (A) ทาง ปฏิบตั บิ า้ ง 1 8 คะแนน
5. 1. มีวนิ ยั วทิ ยาศาสตร์ คะแนน จาก 10 คะแนน
6. 2. ใฝ่เรียนรู้ คิดเป็นรอ้ ยละ 80
ไมป่ ฏิบัติ 0
3. อยอู่ ย่างพอเพียง คะแนน
4. มุ่งมน่ั ในการทำงาน
5. มีจติ สาธารณะ

3.4 สมรรถนะสำคัญของ
นักเรยี น

3.4.1 ความสามารถในการ แบบประเมนิ -การ พฤติกรรม เกณฑผ์ า่ นคิดเป็น
สอื่ สาร นำเสนอ 4 ระดับ ร้อยละ 80
ขอ้ มลู

3.4.2 ความสามารถในการคดิ แบบประเมิน -จากการ พฤติกรรม เกณฑ์ผ่านคิดเป็น
ทำงาน 4 ระดบั ร้อยละ 80
แผนผัง
ความคิด

10. บนั ทึกหลงั การจัดการเรยี นรู้
1) ดา้ นความรู้ ความเข้าใจ (K)
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................................................................................
...................................................................................................... ..........................................................
................................................................................................................................................................
2) ดา้ นทักษะกระบวนการ (P)
................................................................................................. ...............................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
........................................................................................................ ........................................................

45

3) ดา้ นคุณลักษณะอันพงึ ประสงคแ์ ละเจตคติ (A)
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................................................................................
.......................................................................................................... ......................................................
............................................................................................... .................................................................

4) ดา้ นสมรรถนะ
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................................................................................
.......................................................................................................... ......................................................
........................................................................................................ ........................................................

5) ปญั หาและอุปสรรค และแนวทางการแกไ้ ข
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
.......................................................................................................... ......................................................
...................................................................................... ..........................................................................

ลงชอื่ ........................................................ ครูผู้สอน
(นางสาวสภุ าวดี เขียวหวาน)
ครชู ำนาญการพเิ ศษ

บนั ทกึ ความคดิ เหน็ /ข้อเสนอแนะของหัวหนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
.......................................................................................................... ......................................................
................................................................................................................................................................

ลงชือ่ ................................................................
(นางสาววราพร จิตรเดยี ว)

หวั หนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์

46

บันทกึ ความคดิ เหน็ /ข้อเสนอแนะของฝา่ ยวิชาการ
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
.......................................................................................................... ......................................................
.................................................................................................. ..............................................................

ลงชือ่ .................................................................
(นางสริ กิ านต์ วายโศรก)

หวั หนา้ กลุ่มบริหารวชิ าการ

บันทึกความคิดเหน็ /ข้อเสนอแนะของรองผู้อำนวยการโรงเรียน
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
.......................................................................................................... ......................................................
................................................................................................................................................................

ลงชอ่ื ...................................................................
(นายประหยัด เขยี วหวาน)

รองผู้อำนวยการโรงเรยี นสวายวิทยาคาร

บนั ทกึ ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะของผู้อำนวยการโรงเรียน
............................................................................................................................. ...................................
................................................................................................................................................................
.......................................................................................................... ......................................................
................................................................................................................................................................

ลงชอื่ ...................................................................
(นางสาวทองใบ ตลบั ทอง)

ผู้อำนวยการโรงเรียนสวายวทิ ยาคาร

47

ใบงำนท่ี 5.3 คะแนน
เร่ือง ควำมร้อนกบั กำรขยำยตวั หรือหดตวั ของสสำร
ชอื่ ....................................................................ชน้ั .............

เลขท.ี่ .........

คำชี้แจง ให้นกั เรียนตอบคำถามตอ่ ไปนใี้ ห้ถูกต้อง ( 10 คะแนน)

1. จงบอกปรากฏการณ์การขยายหรือหดตัวของสสารทส่ี ามารถพบเห็นได้ในชีวิตประจำวนั มา 4 ปรากฏการณ์
(2 คะแนน)

1.1 ...................................................................................................................................................
1.2 ....................................................................................................... ............................................
1.3 ...................................................................................................................................................
1.4 ...................................................................................................................................................
2.จงวาดภาพแสดงการเปล่ียนแปลงของนำ้ แขง็ เมื่อไดร้ ับความร้อน (2 คะแนน)

3.จงวาดภาพแสดงการเปล่ียนแปลงของการจัดเรียงอนุภาคของของแข็งเม่ือได้รบั ความเยน็ (2 คะแนน)

4.จงวาดภาพแสดงการเปล่ียนแปลงของการจัดเรียงอนุภาคของของเหลวเมื่อไดร้ ับความร้อน (2 คะแนน)

5.จงวาดภาพแสดงการเปล่ียนแปลงของการจัดเรียงอนุภาคของแก๊สเมื่อได้รบั ความเยน็ (2 คะแนน)

เฉลย
48

ใบงำนที่ 5.3 คะแนน
เรอ่ื ง ควำมรอ้ นกบั กำรขยำยตวั หรือหดตวั ของสสำร
ชอ่ื ....................................................................ชน้ั ............. 10

เลขท.ี่ .........

คำช้ีแจง ใหน้ กั เรยี นตอบคำถามต่อไปน้ีใหถ้ กู ต้อง ( 10 คะแนน)

1. จงบอกปรากฏการณ์การขยายหรือหดตวั ของสสารท่ีสามารถพบเห็นได้ในชีวติ ประจำวันมา 4 ปรากฏการณ์
(2 คะแนน)

1.1 การเคลือ่ นทข่ี องบอลลูน
1.2 การสรา้ งถนน
1.3 การติดตง้ั เสาไฟฟ้า
1.4 การสรา้ งสะพานหรือรางรถไฟ
2.จงวาดภาพแสดงการเปล่ียนแปลงของน้ำแข็งเมอื่ ได้รบั ความร้อน (2 คะแนน)

3.จงวาดภาพแสดงการเปล่ียนแปลงของการจัดเรียงอนุภาคของของแข็งเมื่อไดร้ บั ความเย็น (2 คะแนน)

4.จงวาดภาพแสดงการเปลี่ยนแปลงของการจัดเรียงอนุภาคของของเหลวเมือ่ ได้รับความร้อน (2 คะแนน)

5.จงวาดภาพแสดงการเปลี่ยนแปลงของการจัดเรียงอนุภาคของแก๊สเมื่อไดร้ บั ความเย็น (2 คะแนน)

.

49

แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 4

รายวชิ า วิทยาศาสตร์ 2 รหัสวชิ า ว21103

หน่วยการเรยี นท่ี 5 เรอ่ื ง พลังงานความร้อน รวม 28 ชั่วโมง

เรือ่ ง ความรอ้ นกบั การเปลีย่ นแปลงสถานะของสสาร เวลา 4 ช่ัวโมง

ระดับช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2565

ช่อื ผูส้ อน นางสาวสุภาวดี เขยี วหวาน สอนวนั ที่ 22 พฤศจิกายน 2565

1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวช้ีวดั
1.1 สาระท่ี 2 วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ
มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติ
ของสสารกับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลง
สถานะของสสาร การเกิดสารละลาย และการเกิดปฏกิ ริ ยิ าเคมี
มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน
ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาติ ของคลื่น ปรากฏการณ์ที่
เกี่ยวข้องกับเสียง แสง และคล่นื แมเ่ หล็กไฟฟ้า รวมทง้ั นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์

1.2 ตวั ชี้วดั
ม.1/1 วิเคราะห์ แปลความหมายข้อมูล และคำนวณปริมาณความร้อนที่ทำให้สสารเปลี่ยน

อณุ หภูมิ และเปลยี่ นสถานะ โดยใช้สมการ Q = mc∆t และ Q = mL
ม.1/2 ใช้เทอรมอมิเตอรในการวดั อณุ หภมู ขิ องสสาร
ม.1/10 อธิบายความสมั พันธ์ระหว่างพลังงานความร้อนกับการเปล่ียนสถานะของสสาร โดย

ใชห้ ลักฐานเชิงประจกั ษ์และแบบจำลอง

2. สาระสำคัญ
ความร้อนมีผลต่อการเปลี่ยนสถานะของสสาร เมื่อให้ความร้อนแก่สสาร อนุภาคของของสสารจะมี

พลงั งานและอุณหภูมิเพิ่มขึน้ จนถึงระดับหนึ่ง ซง่ึ สสารจะใชค้ วามร้อนในการเปลี่ยนสถานะจากสถานะหน่ึงเป็น
สถานะหนง่ึ เรยี กความรอ้ นทีใ่ ชใ้ นการเปล่ยี นสถานะว่า ความร้อนแฝง

ปริมาณความร้อนที่ทำให้สสารมวล 1 กรัม เปลี่ยนสถานะโดยไม่เปลี่ยนอุณหภูมิ เรียกว่าความร้อน
แฝงปรมิ าณความร้อนท่ีทำให้สสารเปล่ยี นสถานะ ขึ้นอยู่กบั มวลของสสาร และความรอ้ นแฝงจำเพาะของสาร

ปริมาณความร้อนที่ทำให้สสารเปลี่ยนสถานะขึ้นกับมวลและความร้อนแฝงจำเพาะ โดยขณะที่สสาร
เปลี่ยนสถานะ อุณหภูมิจะไมเปลี่ยนแปลง เมื่อสสารได้รับความร้อน อนุภาคจะเคลื่อนที่เร็วขึ้นและเคลื่อนท่ี
ออกห่างกันมากขึ้น แรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาคจะลดลง จนสสารเปลี่ยนสถานะ นักเรียนสามารถวิเคราะห์
แปลความหมายขอ้ มลู และคำนวณปรมิ าณความรอ้ นท่ีทำใหส้ สารเปลย่ี นสถานะโดยใช้สมการ Q = mL

3. จุดประสงค์การเรยี นรู้

3.1 ดา้ นความรู้ (K) นกั เรยี นสามารถ
3.1.1 คำนวณปรมิ าณความร้อนท่ที ำให้สสารเปลี่ยนสถานะได้

50

3.2 ดา้ นกระบวนการ (P) นกั เรยี นสามารถ
3.2.1 ทกั ษะการทดลอง

3.2.2 การเขียนรายงานการทดลอง

3.2.3 การนำเสนอข้อมูลหน้าชนั้ เรยี น

3.3 ด้านคุณลกั ษณะอันพึงประสงคแ์ ละเจคตทิ างวิทยาศาสตร์ (A) นักเรียนสามารถ
3.3.1 มีวินัย
3.3.2 ใฝเ่ รยี นรู้
3.3.3 อย่อู ย่างพอเพียง
3.3.4 มุง่ ม่นั ในการทำงาน
3.3.5 มจี ิตสาธารณะ

3.4 สมรรถนะสำคญั ของนกั เรยี น
3.4.1 ความสามารถในการสือ่ สาร
3.4.2 ความสามารถในการคิด

4. คุณลักษณะของผเู้ รียนในศตวรรษท่ี 21 (3R8C)

3R ปรากฏในแผนการจดั การเรยี นรู้
ทักษะพ้นื ฐานท่ีจำเปน็ (กาเคร่อื งหมาย ✓ )
Reading คือ สามารถอา่ นออก ✓
(W) Riteing คือ สามารถเขียนได้ ✓
(A) Rithmatic คือ มที ักษะในการคำนวณ ✓

8C ปรากฏในแผนการจัดการเรยี นรู้
ทกั ษะต่างๆทจี่ ำเป็น (กาเคร่ืองหมาย ✓ )
Critical thinking and problem solving ✓
Creativity and innovation
Cross-cultural understanding ✓
Collaboration teamwork and leadership ✓
Communication information and media literacy
Computing and IT literacy ✓
Career and learning skills
Compassion

5. สาระการเรยี นรู้
-การเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร


Click to View FlipBook Version