แผนการจัดการเรยี นร้รู ายวิชาพ้ืนฐาน “วิชาภาษาอังกฤษ”
สจุ ารี มีแดนไผ่ ครผู ู้สอน
รหสั วชิ า อ31101 จำนวนหนว่ ยกิต 1.0 หนว่ ยกิต
ระดับช้นั มัธยมศึกษาปที ี่ 4
ภาคเรยี นท่ี 2 ประจำปี 2565
กลุม่ สาระการเรียนรู้ภาษาตา่ งประเทศ
โรงเรียนเนนิ สะอาดวทิ ยาคม
สำนักงานเขตพ้ืนทกี่ ารศกึ ษามธั ยมศึกษา พิษณุโลก อตุ รดติ ถ์
หน้า 1
แผนการจัดการเรยี นรูร้ ายวชิ าพ้นื ฐาน “ภาษาองั กฤษ”
รหสั วชิ า อ31101 ระดบั ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 4 จำนวนหนว่ ยกติ 1.0 หน่วยกติ
Module 2 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 2 Shops & Products
เวลาเรียน 17 ช่วั โมง กลุ่มสาระการเรียนรภู้ าษาตา่ งประเทศ ภาคเรยี นท่ี 2 ประจำปี 2565
โรงเรียนเนินสะอาดวิทยาคม สำนักงานเขตพื้นทีก่ ารศกึ ษามธั ยมศกึ ษา พิษณุโลก อตุ รดติ ถ์
วันที่สอน …… เดอื น …………..… พ.ศ. 2565 ครผู ู้สอน นางสาวสจุ ารี มแี ดนไผ่
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 Shops & Products
1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชว้ี ัด
สาระที่ 1 ภาษาเพือ่ การส่อื สาร
มาตรฐาน ต 1.1: เข้าใจและตคี วามเร่ืองทฟี่ ังและอา่ นจากสอื่ ประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เห็นอย่างมีเหตผุ ล
ตวั ช้ีวัด
1.ปฏบิ ตั ติ ามคำแนะนำในคมู่ ือการใชง้ านตา่ ง ๆ คำชแ้ี จง คำอธิบาย และคำบรรยายทฟ่ี ังและอ่าน
2.อา่ นออกเสียง ขอ้ ความ ข่าว ประกาศ โฆษณา บทรอ้ ยกรอง และบทละครส้ัน (skit) ถูกตอ้ งตามหลกั การอ่าน
3.อธบิ ายและเขยี นประโยคและขอ้ ความให้สมั พันธ์กับสอื่ ทไี่ มใ่ ชค่ วามเรยี งรปู แบบ ต่าง ๆ ท่อี า่ นรวมทง้ั ระบแุ ละ
เขียนสือ่ ทไ่ี มใ่ ช่ความเรียงรปู แบบตา่ ง ๆ ให้สมั พนั ธ์กบั ประโยค และขอ้ ความทฟี่ งั หรืออา่ น
4.จับใจความสำคญั วิเคราะห์ความ สรุปความ ตีความ และแสดงความคดิ เหน็ จากการฟงั และอา่ นเรอ่ื งท่ีเป็นสารคดีและ
บันเทงิ คดี พร้อมทัง้ ให้เหตผุ ลและยกตวั อย่างประกอบ
มาตรฐาน ต 1.2: มที ักษะการส่อื สารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนขอ้ มลู ข่าวสาร แสดงความรสู้ กึ และความคิดเห็นอยา่ งมี
ประสทิ ธภิ าพ
ตวั ชี้วดั
1.สนทนาและเขียนโตต้ อบขอ้ มลู เกี่ยวกับตนเองและเรอ่ื งต่าง ๆ ใกลต้ วั ประสบการณ์ สถานการณข์ า่ ว/เหตุการณ์ ประเด็น
ทีอ่ ยใู่ นความสนใจของสงั คม และสื่อสารอยา่ งต่อเนื่องและเหมาะสม
2.เลอื กและใช้คำขอร้อง ใหค้ ำแนะนำ คำช้แี จง คำอธิบายอยา่ งคลอ่ งแคลว่
3.พูดและเขยี นแสดงความต้องการ เสนอ ตอบรบั และปฏิเสธการใหค้ วามชว่ ยเหลือในสถานการณจ์ ำลองหรอื สถานการณ์
จริงอยา่ งเหมาะสม
4.พูดและเขยี นเพ่อื ขอและใหข้ ้อมลู บรรยาย อธิบาย เปรียบเทียบ และแสดงความคดิ เหน็ เกยี่ วกบั เรอ่ื ง/ประเด็น/ขา่
เหตุการณท์ ี่ฟังและอา่ นอยา่ งเหมาะสม
มาตรฐาน ต 1.3: นำเสนอข้อมูลขา่ วสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเหน็ ในเรอื่ งต่าง ๆ โดยการพดู และการเขยี น
ตวั ช้วี ดั
1.พดู และเขียนนำเสนอขอ้ มลู เก่ยี วกับตนเอง ประสบการณ์ ข่าว/เหตุการณ์เรอ่ื ง และประเดน็ ตา่ ง ๆ ตามความสนใจ
ของสังคม
หน้า 2
สาระท่ี 2 ภาษาและวัฒนธรรม
มาตรฐาน ต 2.1: เข้าใจความสมั พันธ์ระหว่างภาษากบั วัฒนธรรมของเจา้ ของภาษา และนำไปใชไ้ ด้อย่างเหมาะสมกบั กาลเทศะ
ตัวชว้ี ดั
1.เลือกใชภ้ าษา นำ้ เสยี ง และกิรยิ าทา่ ทางเหมาะกบั ระดบั ของบุคคล โอกาส และสถานท่ี ตามมารยาทสงั คมและวัฒนธรรมของ
เจา้ ของภาษา
2.อธิบาย/อภปิ รายวถิ ชี วี ติ ความคิด ความเช่ือ และทมี่ าของขนบธรรมเนยี ม และประเพณขี องเจา้ ของภาษา
3.เข้ารว่ ม แนะนำ และจัดกจิ กรรมทางภาษาและวฒั นธรรมอย่างเหมาะสม
มาตรฐาน ต 2.2: เข้าใจความเหมือนและความแตกตา่ งระหวา่ งภาษาและวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษากบั ภาษาและวัฒนธรรม
ไทย และนำมาใชอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งและเหมาะสม
ตัวชีว้ ดั
1.อธบิ าย/เปรยี บเทยี บความแตกตา่ งระหวา่ งโครงสร้างประโยค ขอ้ ความ สำนวน คำพังเพย สภุ าษิตและบทกลอนของ
ภาษาตา่ งประเทศและภาษาไทย
2.วเิ คราะห/์ อภปิ รายความเหมือนและความแตกตา่ งระหวา่ งวถิ ีชีวิต ความเชือ่ และ วัฒนธรรมของเจา้ ของภาษากบั ของไทย และนำไปใช้
อยา่ งมเี หตผุ ล
สาระที่ 4 ภาษากับความสัมพนั ธก์ ับชมุ ชนและโลก
มาตรฐาน ต 4.1: ใชภ้ าษาตา่ งประเทศในสถานการณต์ ่าง ๆ ทัง้ ในสถานศกึ ษา ชุมชน และสงั คม
ตวั ชวี้ ดั
1.ใช้ภาษาส่ือสารในสถานการณจ์ รงิ /สถานการณ์จำลองทเี่ กดิ ขนึ้ ในหอ้ งเรียน สถานศึกษา ชมุ ชน และสงั คม
มาตรฐาน ต 4.2: ใชภ้ าษาตา่ งประเทศเป็นเคร่ืองมอื พืน้ ฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชพี และการแลกเปล่ยี นเรยี นรู้กบั
สงั คมโลก
ตวั ชว้ี ัด
2. เผยแพร่/ประชาสัมพันธ์ ขอ้ มูล ข่าวสารของโรงเรียน ชุมชน และท้องถน่ิ /ประเทศชาติ เปน็ ภาษาต่างประเทศ
2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด
การรู้และเขา้ ใจคำศพั ท์และสำนวนภาษาเก่ียวกบั อาหารและเครื่องด่มื ภาชนะท่ีใชบ้ รรจุอาหารและเครอ่ื งดื่ม สินคา้ และ
แผนกต่าง ๆ ในซเู ปอรม์ ารเ์ ก็ต การตดั สินใจซือ้ ของ การเฉลมิ ฉลองในเทศกาลตา่ ง ๆ หนว่ ยเงินตราของสหราชอาณาจักร การเตรยี ม
อาหาร (food preparation) คำเช่อื ม (connective words) ในการบอกลำดบั ขั้นตอน การช่งั ตวงวดั คำบอกปรมิ าณ
some/any/little/few การบอกราคาสินคา้ และการชำระเงิน สถานที่ คำบุพบทบอกสถานท่ี รสชาตติ า่ ง ๆ ของอาหาร การสง่ั อาหาร
การเสนอ ตอบรบั และปฏเิ สธอาหาร การขอและบอกทศิ ทาง ประโยคคำสง่ั การใช้ can/could/may ในการขอรอ้ งและขออนุญาต
การใช้ present simple และ present continuous โครงสรา้ ง there is/there are ร่วมกับ a/an, some/any ชว่ ยใหเ้ ขา้ ใจเรอื่ งท่ี
อ่าน พดู และเขยี นสอื่ สารเก่ยี วกับสถานการณ์ต่าง ๆ ในชวี ิตประจำวัน เข้าใจวิถีชีวิตและวฒั นธรรมในเร่ืองงานเลีย้ งวนั เกดิ และอาหาร
ทีค่ นอเมริกันรับประทาน รวมทั้งเปน็ พน้ื ฐานในการคน้ ควา้ รวบรวม สรุป และเผยแพรข่ ้อมลู เกยี่ วกับประเทศไทยและขอ้ มูลท่เี กยี่ วข้อง
กับสาระการเรยี นรอู้ นื่ อีกท้งั ชว่ ยให้เกดิ ความเจ้าใจว่า ประโยคและสำนวนสภุ าษติ ในภาษาไทยกับภาษาอังกฤษมีทั้งความเหมอื นและ
ความแตกต่างกนั
หนา้ 3
3. สาระการเรยี นรู้
3.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Vocabulary
2.1 Party food food & drinks (pizza, ice cream, popcorn, milkshake, burger,
sandwiches, crackers, hot dog, biscuits, sweets, water, salad,
lemonade, chips, cheese, birthday cake, cola, chocolate)
2.2 Food for a day containers (bottle, glass, carton, cup, bowl, packet, slice, pot, loaf, tin,
piece)
2.3 Supermarket supermarket sections (dairy, meat & fish, drinks, bakery, paper products,
fruit & veg, crisps & snacks, home baking, frozen food, tinned goods,
household products)
2.4 Buying things UK currency (pence, penny, pound, quid, fiver, tenner)
2.5 Shopping time shops (department store, butcher’s, newsagent’s, music shop, chemist’s,
baker’s, florist’s, shoe shop, toy shop)
2.6 Festive time celebrations (wave flags, let off fireworks, have barbecues, watch a
parade, eat turkey, go to parties, dress up a witch, make jack-o-lanterns)
2.7 Order food tastes (bitter, sour, salty, spicy, sweet, delicious); texture (crunchy,
creamy); nouns (taste buds, club sandwich, pepperoni, Caesar salad);
flavourings (pickled chilli, chilli and fish sauce, pepper, chilli powder, fish
sauce, sugar, salt
2.8 Where exactly? places to buy food/drinks (fast food restaurant, café, takeaway,
greengrocer’s, restaurant, butcher’s, pastry shop, supermarket,
delicatessen, fishmonger’s, baker’s, ice cream parlour, jeweller’s)
2.9 Let’s cook! food preparation (break, beat, chop, stir, drain, add, grease, pour, peel,
slice, mix, grate); kitchen utensils (vegetable peeler, grater, whisk, roasting
tin, knife, spoon, bowl, colander)
2.10 Long ago past activities (sailed, arrived, started a new town, helped them to
grow crops, celebrated with a feast)
Culture Corner 2 American food (syrup, bagel, taco, dessert)
Curricular Cut 2 food technology (pound, ounce, fluid ounce, gramme, milliliter, degree
centigrade, centimetre); nouns (method, ingredient, measurement,
appetiser, snack, gas mask, scone, centigrade, self-raising flour, currant,
caster sugar, baking sheet, dough)
หน้า 4
Pronunciation: /θ/, /ð/; sentence stress
Grammar: word stress; linking sound
Functions:
the sound /ŋk/, /ŋ/; linking sound
Would you/Can I/Could I…?
past simple endings /t/, /d/, /Id/
quantifiers
there is/there are (a/an-some/any)
this/these – that/those
present simple vs present continuous
can/could/may
the imperatives
past simple
offering foods and drinks
talking about food and drinks
talking about shopping list; making a shopping list
asking about prices
shopping for clothes; asking about prices
describing celebrations
ordering food
asking and giving directions
describing how to cook something
making a speech
หน้า 5
2) Language Skills ฟงั เพอ่ื จบั ใจความสำคญั และหาขอ้ มลู เฉพาะ
Listening: พูดเสนอ ตอบรบั และปฏเิ สธ
Speaking: พดู บอกปริมาณอาหารและเครื่องดมื่ ในชีวติ ประจำวนั
สนทนาเก่ียวกบั การซือ้ ของในแผนกต่าง ๆ ในซูเปอร์มาร์เกต็
Reading: พดู ถาม-ตอบเกี่ยวกบั ราคาสนิ คา้ การชำระเงิน และการส่งั อาหาร
Writing: สนทนาเกย่ี วกับการซ้ือเส้ือผา้ และราคาสินค้า
พดู ขอและบอกทศิ ทางเก่ียวกบั สถานทต่ี ่าง ๆ
3) Culture พูดบอกขัน้ ตอนวิธกี ารทำอาหาร
พูดสุนทรพจน์
อ่านเพ่อื จบั ใจความสำคญั และหาข้อมูลเฉพาะ
อา่ นเพ่อื ความเข้าใจ
เขยี นบรรยายสั้น ๆ เก่ียวกับงานเลยี้ งวนั เกิดในประเทศไทย
เขียนเกยี่ วกบั การเฉลมิ ฉลองวนั เกดิ ในประเทศไทยและอาหารท่คี นไทย
รับประทาน
เขียนบรรยายเกยี่ วกับอาหารท่รี บั ประทานในแตล่ ะวนั
เขียนบรรยายสง่ิ ของท่มี แี ละไมม่ ี
เขยี นเพ่อื ทำรายการสงิ่ ของท่ตี ้องการซ้ือ
เขียนบรรยายเกยี่ วกบั นิสัยการซื้อของของครอบครัวตนเอง
เขยี นบทสนทนาเก่ียวกับการซอ้ื สนิ ค้า
เขียนโปสต์การด์ ใหข้ อ้ มลู เกีย่ วกบั การเฉลมิ ฉลองในประเทศไทย
เขียนบรรยายเกยี่ วกบั ละแวกบ้านที่อย่อู าศัย
เขียนบอกวธิ ีการทำอาหาร
เขียนสนุ ทรพจน์
นกั กีฬาวา่ ยนำ้ ทม่ี ชี ื่อเสยี ง Michael Phelps
สำนวนสภุ าษิตเกย่ี วกับอาหาร
อาหารท่คี นอเมริกนั รบั ประทาน, งานเลย้ี งวนั เกิด, sweet sixteen party
ความแตกตา่ งระหว่างการออกเสยี งในภาษาไทยกับภาษาองั กฤษ
หน่วยเงินตราและซเู ปอร์มารเ์ กต็ ของสหราชอาณาจกั ร
การซื้อของในประเทศองั กฤษและการเข้าคิว
การฉลองเทศกาล Halloween
ท่ีมาของชอ่ื Caesar salad และวันขอบคณุ พระเจ้า
การตง้ั ช่ือถนนในสหราชอาณาจักรและประเทศไทย
เปรยี บเทยี บระบบชงั่ ตวงแบบองั กฤษกบั แบบไทยและสำนวนสภุ าษติ
หน้า 6
4. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น 4.2 ความสามารถในการคิด
4.1 ความสามารถในการสอื่ สาร 4.4 ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
4.3 ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ
5.2 อยู่อย่างพอเพียง
5. คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
5.1 ใฝ่เรยี นรู้
5.3 มงุ่ มัน่ ในการทำงาน
6. การวัดและประเมินผล
(ดูส่วนทา้ ยของแผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 1-10)
7. กิจกรรมการเรียนรู้
(ดแู ผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี 1-10)
หน้า 7
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 1 Party food
จุดประสงค์ (Objectives)
- ตอบคำถามจากการอ่านได้
- เขยี นบรรยายภาพอาหาร โดยใช้ there is/there are (a/an, some/any) ได้ถกู ต้อง
- พดู เสนอ ตอบรบั และปฏิเสธอาหารหรือเครือ่ งดม่ื ได้
- เขยี นบรรยายสัน้ ๆ เกย่ี วกับงานเลย้ี งวันเกิดในประเทศของตนเองได้
- เขียนเผยแพรเ่ กย่ี วกับอาหารท่ีคนไทยรบั ประทานได้
- รจู้ กั อาหารทค่ี นอเมรกิ นั รบั ประทานและเปรียบเทยี บกบั อาหารทค่ี นไทยรบั ประทานได้
1. มาตรฐานการเรียนรแู้ ละตัวชี้วัด
มาตรฐาน ต 1.1: ต 1.1 ม. 4-6/3, ต 1.1 ม. 4-6/4
มาตรฐาน ต 1.2: ต 1.2 ม. 4-6/1, ต 1.2 ม. 4-6/3
มาตรฐาน ต 1.3: ต 1.3 ม. 4-6/1
มาตรฐาน ต 2.1: ต 2.1 ม. 4-6/2
มาตรฐาน ต 2.2: ต 2.2 ม. 4-6/2
มาตรฐาน ต 4.1: ต 4.1 ม. 4-6/1
มาตรฐาน ต 4.2: ต 4.2 ม. 4-6/2
2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด
การรู้และเข้าใจคำศพั ทเ์ กี่ยวกบั อาหารและเครื่องดม่ื โครงสร้าง there is/there are ร่วมกับ a/an, some/any สำนวน
ภาษาเกี่ยวกบั การเสนอ ตอบรับ และปฏเิ สธอาหาร ชว่ ยใหเ้ ขา้ ใจเรอ่ื งที่อ่าน พดู และเขยี นสือ่ สารเกยี่ วกบั สถานการณต์ า่ ง ๆ ใน
ชวี ติ ประจำวนั เขา้ ใจวิถชี วี ติ และวฒั นธรรมในเรื่องงานเลย้ี งวันเกิด และอาหารทคี่ นอเมริกันรบั ประทาน รวมท้งั เปน็ พน้ื ฐานในการ
คน้ ควา้ รวบรวม สรุป และเผยแพร่ข้อมูลเกยี่ วกบั ประเทศไทย
3. สาระการเรยี นรู้
3.2 ทักษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Vocabulary: food & drinks (pizza, ice cream, popcorn, milkshake, burger, sandwiches, crackers, hot
dog, biscuits, sweets, water, salad, lemonade, chips, cheese, birthday cake, cola,
chocolate); American food (syrup, bagel, taco, dessert)
Grammar: there is/there are (a/an-some/any)
Functions: offering foods and drinks
หน้า 8
2) Language Skills
Speaking: พดู เสนอ ตอบรบั และปฏิเสธ
Reading: อ่านเพอ่ื บอกใจความสำคญั
Writing: เขยี นบรรยายสัน้ ๆ เกี่ยวกบั งานเล้ียงวนั เกิดในประเทศไทย
เขียนเก่ยี วกบั การเฉลมิ ฉลองวันเกดิ ในประเทศไทยและอาหารทีค่ นไทยรบั ประทาน
3) Culture: อาหารที่คนอเมรกิ ันรบั ประทาน, งานเลย้ี งวันเกดิ , sweet sixteen party
4. สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รยี น 4.2 ความสามารถในการคดิ
4.1 ความสามารถในการสอ่ื สาร
4.3 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต
5. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 5.2 มงุ่ มั่นในการทำงาน
5.1 ใฝเ่ รยี นรู้
6. กิจกรรมการเรียนรู้
ช่วั โมงที่ 1
ขน้ั นำ
1. นกั เรียนทำงานคู่ ภายในเวลา 1 นาที ชว่ ยกนั เขยี นคำศัพท์เก่ยี วกับอาหารให้ได้มากทสี่ ุด ภายในเวลา 1 นาที
Advanced classes: ครเู ขียนหวั ข้อตอ่ ไปน้บี นกระดาน
grain meat, beans, fish & nuts fruits vegetables
fats & oils
นักเรียนชว่ ยกันบอกความหมายคำว่า grain และ fat
grain (n) เมลด็ ขา้ ว เมลด็ พืช ธญั พชื หรอื อาหารท่ีใหค้ ารโ์ บไฮเดรต
fat (n) ไขมัน
จากน้ันนกั เรียนนำคำศพั ท์เกีย่ วกบั อาหารทไ่ี ด้ระดมสมองไว้มาแยกประเภทตามหัวขอ้ ทีค่ รเู ขยี นบนกระดาน เชน่
Grains: cereal, pasta, bread, rice
Milk & dairy products: milk, yoghurt, cheese, ice cream
Meat, beans, fish & nuts: nut, fish, chicken, egg
Vegetables: onion, spinach, potato, lettuce, pepper, carrot, broccoli, mushroom, corn
Fruit: pear, apple, banana, peach, melon, watermelon, lemon, orange, tomato, grape,
strawberry, cherry
เสร็จแล้วครูสรุปใหน้ กั เรียนฟังว่า อาหารแตล่ ะกลมุ่ มปี ระโยชนอ์ ยา่ งไร
Grains are foods like cereal, bread, spaghetti, rice and crackers. Grains give you energy.
Vegetables help keep you healthy and feeling good.
Fruits fight off infections and help you heal when you get hurt.
Milk and dairy products have calcium, which helps to grow strong bones and healthy teeth.
Meat, beans, fish and nuts are full of protein to help you build strong muscles.
หน้า 9
ความแตกตา่ งระหวา่ ง bean กบั nut
bean ใช้เรยี กถว่ั ทั้งทเี่ ป็นฝักและเป็นเมลด็ เชน่ green beans (ถว่ั แขก), soy beans
(ถ่วั เหลอื ง), ถวั่ แดง (kidney beans)
ส่วน nut เป็นคำเรียกถั่วจำพวกทมี่ เี ปลือกแขง็ เชน่ cashew nuts (เม็ดมะม่วง
หมิ พานต์), almond (ถ่วั อลั มอนด์), walnut (ถ่วั วอลนัทหรอื มนั ฮอ่ ), hazelnut (ถ่ัวฮาเซล)
2. ครูถามนักเรียนว่า When is your birthday? What do you like to eat on your birthday? เพอ่ื ใหน้ ักเรยี นบอกอาหาร
ทีน่ ักเรยี นชอบรบั ประทานในวนั เกิดของตนเอง เชน่ I like to eat a chocolate cake. (fried chicken, pizza,
steak,…etc.)
ขัน้ สอน
1. หนังสือเรียน หน้า 34 Ex. 1a ครูเปิด CD ให้นักเรียนฟังเพื่อฝึกอ่านออกเสียงคำศัพท์เกี่ยวกับอาหาร ครูสังเกตและ
ตรวจสอบว่า นักเรียนออกเสียงถูกต้องหรอื ไม่ โดยเฉพาะคำนามพหูพจน์ที่เติม -s/-es ท้ายคำ ครูอาจสุ่มเรียกนักเรียนอ่าน
ออกเสียงทีละคน
การออกเสียงคำนามพหพู จน์ (/s/, /z/, /Iz/)
- คำนามเอกพจน์ทลี่ งทา้ ยด้วยเสียง /s/, /ʃ/, /z/, /tʃ/, /dʒ/ เมื่ออยใู่ นรูปพหพู จน์ โดยการเตมิ -s/-es
จะออกเสยี งท้ายเปน็ /Iz/ เชน่ glasses, wishes, roses, sandwiches, oranges
- คำนามท่ลี งทา้ ยด้วยเสยี งไม่กอ้ ง (voiceless) เชน่ /f/, /k/, /p/, /t/, /θ/ เม่อื อยใู่ นรูปพหพู จน์
โดยการเตมิ -s/-es จะออกเสียงทา้ ยเป็น /s/ เช่น photographs, pancakes, crisps, biscuits, months
- คำนามที่ลงท้ายด้วยเสยี งเสียงก้อง (voiced) เชน่ /b/, /d/, /k/, /l/, /m/, /n/, /r/ เมื่ออยู่ในรปู พหพู จน์
โดยการเตมิ -s/-es จะออกเสียงทา้ ยเป็น /z/ เช่น crabs, beds, eggs, mushrooms, melons, crackers
ทมี่ า: http://www.grammar.cl/english/pronunciation-final-s.htm
2. หนังสอื เรยี น หน้า 34 Ex. 1b นักเรียนจับคภู่ าพอาหาร A-S กบั คำศพั ท์ 1-18 จากนน้ั ครรู วบรวมคำตอบจากนกั เรยี น แล้ว
เฉลยคำตอบพรอ้ มกนั
1 B 5 A 9 P 13 F 17 G
2 E 6 N 10 S 14 I 18 R
3 Q 7 O 11 M 15 K
4 L 8 H 12 J 16 C
หน้า 10
มนั ฝร่งั ทอด
มันฝร่ังทอด ในประเทศอังกฤษ จะเรียกว่า chips เหมือน fish and chips ปลาทอดกบั มนั ฝร่งั
ซึง่ เปน็ อาหารที่คนอังกฤษนิยมรับประทานกันนั่นเอง แต่ในสหรฐั อเมริกา มนั ฝรง่ั ทอดจะเรยี กวา่
French fries หรอื อาจเรียกส้นั ๆ วา่ fries
กไ็ ด้ โดยมันฝร่ังทอดขององั กฤษกบั สหรัฐฯ จะต่างกันเลก็ นอ้ ย เนอื่ งจากท่ีสหรฐั ฯ มันฝร่ังทอด
จะมีลกั ษณะเปน็ แทง่ เลก็ ยาวเหมอื นอย่างที่คนไทยรบั ประทานท่ี KFC หรอื McDonald’s
แต่ของอังกฤษจะมลี ักษณะหนาหรอื ปอ้ มกวา่
3. หนงั สอื เรียน หนา้ 34 Ex. 1c ครูทบทวนเก่ียวกบั คำนามนับไมไ่ ด้ โดยบอกว่า คำนามนบั ไมไ่ ด้ ได้แก่ ของเหลว เชน่ water,
coffee, Coke ของทเี่ ปน็ ผงเลก็ ๆ เชน่ salt, sand, rice สสารท่ีเปลี่ยนรูปได้ เชน่ cheese, butter
เราสามารถบอกปรมิ าณของคำนามนบั ไมไ่ ด้จากภาชนะ น้ำหนกั หรอื ลักษณะนาม เชน่ a cup of tea, half a kilo of
cheese, a piece/slice of cake, a bar of chocolate เปน็ ต้น
จากน้นั นักเรียนช่วยกันบอกว่า คำศพั ท์อาหารและเครอื่ งดม่ื หมายเลข 1-18 ใน Ex. 1b เป็นคำนามนบั ไดห้ รอื นบั ไมไ่ ด้ ครู
เขยี นคำตอบของนกั เรยี นบนกระดาน และตรวจคำตอบพรอ้ มกนั
Countable: burger, sandwiches, crackers, hot dog, biscuits, sweets, chips, birthday cake
Uncountable: milkshake, pizza, ice cream, popcorn, water, salad, lemonade, cheese, cola,
chocolate
คำนามบางคำในภาษาอังกฤษเป็นได้ทั้งคำนามนับไดแ้ ละนับไมไ่ ด้ ดังนั้น นักเรียนควรระมัดวังการใช้คำเหล่าน้ี เช่น pizza,
ice cream, cake โดยพจิ ารณาจากบรบิ ทในการพดู เช่น
Is there any pizza left?
I’m very hungry, so I decide to order a pizza.
Do you like ice cream?
Mummy, can I have an ice cream? (= a cone/tube/carton of ice cream)
4. นักเรียนปดิ หนังสอื เรยี น ครชู ไี้ ปยงั กระดานดำแล้วพูดวา่ “There is a board in the classroom.”
ครูเขยี นประโยคบนกระดานและขดี เส้นใต้ There is ครพู ดู ตอ่ วา่ “There isn’t a computer in the classroom.”
ครูเขียนประโยคบนกระดาน และขดี เสน้ ใต้ There isn’t
ครทู ำกิจกรรมเชน่ เดยี วกันนีก้ บั ประโยคประโยค
“There are 20 desks in the classroom.”
“There aren’t flowers in the classroom.”
แล้วใหน้ ักเรียนช่วยกันบอกความแตกต่างระหวา่ ง there is และ there are (there are เปน็ รูปพหพู จนใ์ ชก้ ับคำนามนับได้ท่ี
มจี ำนวนตั้งแต่ 2 ขึน้ ไป)
ครูชีใ้ หน้ ักเรยี นเหน็ ว่า ประธานของประโยค คอื คำนามทตี่ ามหลงั there is และ there are
หน้า 11
ครูอธบิ ายเพิ่มเตมิ วา่ There is a/an + คำนามเอกพจน.์ และ There are + คำนามพหพู จน์. ใชบ้ รรยายถงึ ส่งิ ท่มี ีอยู่ (exist)
โดยไม่ระบุวา่ ใครเปน็ เจา้ ของ ครยู กตวั อยา่ งเช่น
There is a blue pen on my desk.
I have got a blue pen.
จากนัน้ นกั เรียนช่วยกันแตง่ ประโยคบรรยายส่ิงต่าง ๆ ท่ีมีอยใู่ นช้ันเรยี น เช่น
There is one teacher in the classroom.
There are 35 students in the classroom.
There is an electric fan.
There are four windows.
5. หนังสือเรยี น หนา้ 34 Ex. 2a นักเรยี นศกึ ษาตารางทใี่ หม้ า แลว้ ชว่ ยกันบอกว่า a/an, some/any คำใดใชไ้ ดก้ ับคำนามนบั
ไดเ้ ทา่ นนั้ , นบั ไมไ่ ดเ้ ท่าน้ัน และคำใดใชไ้ ด้ทงั้ กับคำนามนับไดแ้ ละนบั ไม่ได้
ครูรวบรวมคำตอบจากนักเรยี นและเขียนคำตอบท่ีถกู ตอ้ งบนกระดาน
Quantity words Uncountable Nouns Countable Nouns
a/an ✓
some ✓ ✓
any ✓ ✓
ครูสรปุ ใหน้ ักเรยี นฟังว่า a/an ใช้นำหน้าคำนามนบั ไดเ้ อกพจน์ some ใช้นำหน้าทงั้ คำนามนับไดร้ ปู พหูพจนแ์ ละ
คำนามนับไม่ได้
ต่อมาครูให้นักเรยี นอา่ นประโยคในตารางอกี ครงั้ แล้วถามนกั เรียนวา่ any ใชเ้ ม่ือไร จนไดค้ ำตอบวา่ ใช้นำหน้าทั้งคำนามนับ
ได้รปู พหพู จน์และนับไมไ่ ด้ในประโยคปฏเิ สธและคำถาม
ครูให้เวลานกั เรียนเติม There is/isn’t, There are/aren’t ลงในชอ่ งว่างในแตล่ ะประโยค เสร็จแลว้ ครตู รวจคำตอบ กอ่ น
ทำ ครูอธิบายความหมายของคำวา่ pop ให้นักเรยี นฟงั ก่อนว่า คอื a sweet fizzy drink (= with bubbles) that is not
alcoholic
1 There is 4 There is 7 There is
2 There isn’t 5 There isn’t 8 There are
3 There is 6 There aren’t
6. นกั เรยี นดตู ารางซึ่งสรุปการใช้ some/any เพิม่ เติมในหนังสอื เรียน หนา้ 35 (some ใชน้ ำหน้าได้ทั้งคำนามนับไดพ้ หูพจน์
และคำนามนับไมไ่ ด้ในประโยคบอกเลา่ และใชใ้ นประโยคคำถามท่เี ป็นการเสนอหรอื ขอร้อง สว่ น any ใช้นำหน้าไดท้ ้งั
คำนามนับไดพ้ หูพจน์และคำนามนับไม่ได้ ในประโยคคำถามและปฏเิ สธ)
7. หนงั สือเรยี น หน้า 35 Ex. 2b นักเรียนเขยี นคำถามและคำตอบเกยี่ วกบั อาหารและเคร่ืองดมื่ ท่ีใหม้ า จากน้นั ให้นักเรยี น
จับค่ฝู ึกพดู ถาม-ตอบกัน
หน้า 12
Are there any crackers? Yes, there are.
Are there any burgers? Yes, there are.
Is there any ice cream? Yes, there is.
Are there any carrots? No, there aren’t.
Is there any popcorn? Yes, there is.
Is there any lemonade? Yes, there is.
Are there any crisps? No, there aren’t.
Is there any cheese? Yes, there is.
Are there any bananas? No, there aren’t.
Is there any rice? No, there isn’t.
Is there an apple? No, there isn’t.
Is there an orange? No, there isn’t.
Is there a melon? No, there isn’t.
8. หนงั สือเรยี น หนา้ 35 Ex. 2c นักเรยี นดภู าพอาหารและเครื่องดมื่ ใน Ex. 1b อีกครัง้ จากนน้ั ปดิ หนังสอื เรียน แลว้ เขียน
บรรยายภาพเหลา่ นนั้ จากความจำ โดยใช้ there is/isn’t. หรือ there are/aren’t ร่วมกับ a/an/some/any
There are some biscuits. There aren’t any grapes.
There is a birthday cake. There isn’t an orange.
There is a burger. etc.
Extra activities: ก่อนทำ Ex. 3 ครูเปิดคลิปวดิ โี อช่อื
Modal Verb | Would you like some...? | Offer Food | Easy English Conversation Practice | ESL.
และ Modal Verb | Would | Easy English Conversation Practice | ESL. ให้นักเรียนดจู าก www.youtube.com
หรอื เขา้ ไปท่ี https://www.youtube.com/watch?v=i5YQVC6-5MM
https://www.youtube.com/watch?v=TZgxHUyqxHA
ครูอาจแนะนำชอ่ื คลปิ และใหน้ ักเรยี นไปเปิดดดู ว้ ยตนเองนอกเวลาเรียน
9. หนงั สือเรียน หน้า 35 Ex. 3 นักเรยี นฟัง CD พรอ้ มกบั อ่านบทสนทนาที่ให้มาตามไปดว้ ย
จากนั้นอา่ นตารางในหัวขอ้ Offering food/drinks ซง่ึ นำเสนอสำนวนภาษาทใี่ ชใ้ นการพดู เสนออาหารและเครอื่ งดม่ื
ครูอธบิ ายเพมิ่ เตมิ ว่า Would you like มีความหมายวา่ คณุ ตอ้ งการ…หรือไม่ เปน็ ภาษาทสี่ ภุ าพของ Do you want..?
สว่ น How about…? ใชใ้ นการใหค้ ำแนะนำ มคี วามหมายว่า I suggest this. ซง่ึ เปน็ สำนวนแบบไมเ่ ปน็ ทางการ
เสรจ็ แลว้ ครูใหน้ ักเรยี นอา่ นสำนวนภาษาที่ใช้ในการตอบรับและปฏเิ สธ
ครูให้นกั เรียนจับคกู่ นั ฝกึ พดู สนทนา โดยเปลยี่ นช่อื อาหารและเคร่อื งดม่ื ที่พิมพต์ ัวหนาเป็นคำอืน่ ครใู ห้นักเรียนเปล่ยี นคู่อีก
2-3 ครัง้ จนนักเรยี นพดู ไดค้ ล่อง
หน้า 13
A: Would you like some ice cream? B: No, thanks.
A: How about some biscuits? B: I’d love some.
ครเู ดนิ สงั เกตการสนทนาของนักเรียนและจดบันทกึ ข้อผิดพลาดทพ่ี บบอ่ ย แล้วนำมาอธิบาย
ให้นักเรียนฟังหลงั ทำกจิ กรรม เพื่อให้นกั เรยี นนำไปปรบั ปรงุ แก้ไข เพือ่ พัฒนาตนเองตอ่ ไป
A: Would you like some cake? B: Sure, why not?
A: How about some milk? B: No, thanks. I don’t really like milk.
A: Would you like some pizza? B: I’d rather not.
A: How about a hot dog? B: Yes, please.
ขน้ั สรุป
1. นักเรียนช่วยกนั ทบทวนโครงสรา้ งท่ใี ช้บรรยายอาหารที่มอี ยู่/ไม่มีอยู่ โดยใช้ there is/there are จากน้นั ครใู ห้นักเรียนผลดั
กันออกมาวาดภาพและแตง่ ประโยคประกอบ หรือครใู ห้นักเรียนวาดภาพตามคำบอกของครูเชน่ There is an apple on
the table.
2. นักเรยี นทบทวนโครงสร้างภาษาทใ่ี ชใ้ นการเสนอหรือถามวา่ ต้องการอาหารหรือเคร่อื งดื่มหรอื ไม่ (offering food/drinks)
3. นักเรยี นเล่นเกม Chain Game โดยครูถามนกั เรยี น 1 คน ว่า ต้องการอาหารหรือเครอ่ื งด่ืม...หรอื ไม่
เมือ่ นกั เรียนตอบแล้ว ให้ถามเพ่อื นคนถดั ไป ทำอยา่ งน้ีต่อ ๆ กันไปเปน็ ลูกโซ่ เชน่
T: Would you like some biscuits?
S1: Sure, why not?
S2, Would you like some popcorn?
S2: Yes, please.
4. แบบฝกึ หัด (Workbook) นกั เรยี นทำ Exs. 1-3 หนา้ 9 เปน็ การบ้าน
ชัว่ โมงที่ 2
ขัน้ นำ
1. นกั เรียนเล่นเกม Blindfold โดยครูเขียนคำศัพท์เกยี่ วกับอาหารใส่กระดาษแผ่นเลก็ ๆ จากน้นั แบง่ นกั เรียนเปน็ สองทีม แตล่ ะ
ทมี ผลดั กันส่งตัวแทนออกมาที่หนา้ ช้ันคร้งั ละ 1 คน ออกมาจบั ฉลาก และปดิ ตา วาดภาพคำศพั ท์ทจ่ี ับฉลากได้ เพื่อให้ทีมของ
ตนเองทาย ทีมที่ทายได้ถูกตอ้ งมากท่สี ุดคอื ทมี
ที่ชนะ
2. ครแู บ่งนักเรียนเป็น 2 ทีม ทีมนักเรียนชาย และทมี นักเรยี นหญิง นักเรยี น 1 คนจากแตล่ ะทีมปดิ ตา ครูเรียกนกั เรียนทป่ี ดิ ตา
ว่า Blind Man ครูให้ Blind Man นบั 1-5 ระหวา่ งท่นี ับ นักเรียนคนอ่นื ๆ ท่ียนื ลอ้ มวงกลมอยู่ ใหส้ ลับตำแหนง่ กนั เมอ่ื นบั
ครบแล้ว ให้ Blind Man เดนิ ไปหาเพอ่ื น เม่อื จบั ได้
คนใด ใหท้ ายว่า เพือ่ นคนดังกลา่ วคือใคร
หนา้ 14
3. ครเู ขียนคำว่า blindfold บนกระดาน และยกตัวอย่างประโยค เชน่
She was blindfolded and taken somewhere in the back of a van.
She used a scarf as a blindfold.
ครใู หน้ ักเรียนชว่ ยกันเดาความหมาย จากนัน้ ครเู ฉลยโดยอธบิ ายว่า blindfold เป็นได้ทั้งคำกรยิ าและคำนาม เมอ่ื เปน็ คำกริยา
หมายถึง ปดิ ตา เม่อื เป็นคำนาม หมายถงึ ท่ปี ิดตา
ขัน้ สอน
1. นักเรียนอา่ นชอ่ื เร่ืองและดภู าพประกอบบทอา่ นในหนงั สอื เรยี น หนา้ 35 แลว้ เดาว่า จะได้อ่านเก่ยี วกบั เร่ืองอะไร เมือ่ ได้
คำตอบวา่ การฉลองวนั เกดิ จากประเทศตา่ ง ๆ แล้ว ครูอธบิ ายเพมิ่ เตมิ วา่ คนในประเทศต่าง ๆ มวี ิธีการฉลองวนั เกิดแตกตา่ ง
กันไป ต่อมาใหน้ ักเรยี นบอกสง่ิ ที่เหน็ ในภาพ เชน่ a birthday cake, a present, soup, noodles, stick, a blindfolded
girl
2. ครูอธิบายคำศพั ท์สำคัญก่อนการอ่าน เชน่
get a turn (phr) ถงึ ตาของ (เชน่ ในการเลน่ เกม)
noodle (n) กว๋ ยเตี๋ยว
in honour of (idm) เพอ่ื เปน็ เกียรตกิ บั
goodie (n) ส่ิงดึงดดู ใจ, ของน่ารับประทาน, ขนมนา่ รบั ประทาน
3. ครูเขียน sweet sixteen party บนกระดาน และอธบิ ายว่า คือ A girl’s sixteenth birthday จากนน้ั ครเู ลา่ ใหน้ ักเรยี นฟงั
เก่ียวกบั ประเพณกี ารเฉลิมฉลองวนั เกดิ ของเด็กผหู้ ญงิ ท่ีมอี ายุ 16 ในประเทศสหรฐั อเมรกิ าและแคนาดาใหน้ กั เรยี นฟงั สนั้ ๆ
ในประเทศสหรฐั อเมริกาและแคนาดา อายุ 16 ปี คือ อายทุ เี่ ป็นผู้ใหญ่พอทีจ่ ะขับรถไดแ้ ลว้
เปน็ การเปล่ียนผ่านจากวยั เดก็ เข้าสวู่ ยั ผู้ใหญ่ เปน็ วยั ทส่ี ามารถหางานทำไดอ้ ยา่ งถกู ต้องตามกฎหมาย
การย่างก้าวเขา้ สอู่ ายุ 16 ปี จึงเป็นช่วงอายทุ ่ีมคี วามสำคญั มาก จึงมกี ารจัด sweet sixteen party
ให้กบั เดก็ ผ้หู ญงิ ทยี่ า่ งกา้ วเขา้ สอู่ ายุ 16 ปี โดยในงานเล้ยี งมกั จะมีการเตน้ รำกับพ่อ หรือให้สงิ่ ของทีม่ คี า่
จากญาตผิ ใู้ หญ่ท่มี ีความหมายทางจติ ใจ เช่น เครื่องประดับ หรืออกี หน่ึงพิธกี รรมกค็ อื การมอบรองเท้า
ส้นสูง (high heel shoes) ใหก้ ับเดก็ ผูห้ ญิงท่อี ายุ 16 ปี เพอ่ื เป็นสญั ลกั ษณข์ องการเข้าสวู่ ัยผู้ใหญ่
ท่ีมา: http://beatbybeatentertainment.com/sweet-16/importance-sweet-16-birthday-party/
4. หนังสอื เรียน หนา้ 35 Ex. 4a ครูเขียนคำถาม How do people celebrate birthdays around the world? ครอู ธิบาย
วา่ ใหน้ กั เรยี นฟงั CD พรอ้ มกบั อา่ นบทอ่านทีใ่ หม้ าตามไปด้วย เพ่อื หาคำตอบ
ครูอาจชว่ ยด้วยการหยุด CD ทลี ะย่อหนา้ และให้นกั เรียนบอกคำตอบวา่ ประเทศทรี่ ะบุในยอ่ หนา้ ดงั กล่าว มกี ารฉลองวนั เกิด
อย่างไร
In some countries, people celebrate their birthday with a cake or long noodles.
In other countries, people have a piñata.
หน้า 15
ครูใหน้ ักเรยี นชว่ ยกันอธิบายความหมายของคำวา่ piñata โดยถามนกั เรยี นวา่ นักเรยี นเห็นภาพ piñata ในบทอา่ นหรือไม่
จนไดค้ ำตอบวา่ คือ ภาพตกุ๊ ตาสัตว์ เสรจ็ แลว้ ครอู ธิบายให้นกั เรยี นฟงั เพมิ่ เติม
piñata (n) an object in the shape of an animal, etc. that contains toys and sweets/candy.
It is hung up at parties and children try to break it open with a stick.
ครูให้นกั เรยี นฝึกออกเสยี งคำนี้ให้ถูกต้อง /pɪnˈjɑːtə/ และอธบิ ายว่าคำน้มี าจากภาษาสเปน
5. หนงั สอื เรยี น หน้า 35 Ex. 4b นักเรยี นฝกึ อา่ นเพื่อจับใจความสำคญั โดยจับคู่หัวข้อ 1-4 กับย่อหน้า A-C ในบทอ่าน ครู
แนะนำให้นกั เรียนใช้วิธีการอ่านแบบ skimming หรือการอา่ นแบบข้ามคำ ซงึ่ จดุ ประสงคข์ องการอา่ นแบบนี้ คือ อา่ นเพื่อ
เกบ็ ประเดน็ หรอื ใจความสำคญั โดยท่วั ๆ ไป และเพ่ือเกบ็ รายละเอยี ดที่สำคญั บางอยา่ งเทา่ นนั้ เมอื่ นักเรียนเขา้ ใจแล้ว ครูให้
นกั เรียนเรมิ่ อ่านพรอ้ ม ๆ กนั โดยครูจับเวลา เมือ่ หมดเวลาทีก่ ำหนด ครรู วบรวมคำตอบจากนักเรยี น โดยถามนักเรยี นวา่
What is Paragraph A about? เม่อื ถามครบทุกย่อหน้าแลว้ ครเู ฉลยคำตอบบนกระดาน
1C 2- 3B 4A
6. หนังสือเรยี น หนา้ 35 กรอบ Check these words นกั เรียนอา่ นคำศพั ท์ในกรอบ แล้วชว่ ยกนั บอกความหมายคำศัพท์แต่
ละคำ โดยเดาความหมายของคำศพั ทท์ ไ่ี ม่รจู้ ากบรบิ ท ครูเฉลยโดยเขียนความหมายของคำศพั ท์บนกระดาน หรือใหน้ กั เรยี น
ช่วยกันเปดิ พจนานกุ รมหาความหมายของคำ
ทน่ี กั เรียนเดาไม่ถกู ตอ้ ง เสรจ็ แลว้ ครูมอบหมายให้นักเรยี นเลือกคำศพั ทค์ นละ 5-10 คำ แล้วแต่งประโยคมาส่งครูเป็น
การบ้าน
region (n) area of a country
serve (n) give sb sth to eat/drink
coin (n) piece of metal used as money
get a turn (phr) get a chance to play
party games (n) activities done at parties
hold (v) have
sweet sixteen party (n) party to celebrate turning 16 years old
noodles (n) long, thin type of pasta
in honour (phr) especially for
a symbol of (phr) sth that represents sth else
piñata (n) paper decorated object/animal filled with sweets
that hangs up and children hit it until it breaks open
filled with (phr) full of
hang (v) put sth high so that it does not touch the ground
blindfolded (adj) when sb has a piece of cloth covering their eyes
hit (v) touch sth with a lot of force
stick (n) long piece of wood
break open (phr) crack/smash open
หน้า 16
7. หนงั สือเรียน หนา้ 35 Ex. 4c นักเรียนปดิ หนังสอื เรยี น แล้วแบ่งเป็นกลมุ่ แขง่ ขนั กันบอกสงิ่ ทจ่ี ดจำได้เกย่ี วกับเร่อื งทอ่ี ่าน
Girls in Canada have sweet sixteen parties.
Noodles are a symbol of long life in Hong Kong.
In Central and South America, children hit piñatas.
8. หนังสือเรียน หนา้ 35 Ex. 5 นกั เรียนเขยี นบรรยายส้นั ๆ เกี่ยวกับการฉลองวันเกิดในประเทศไทย โดยนกั เรยี นชว่ ยกนั
ระดมสมองพูดบอกเกย่ี วกบั กิจกรรมท่ีคนไทยมกั จะทำในวนั เกดิ ร่วมกนั ก่อน และเขยี น 2-3 ประโยคแรกร่วมกนั บนกระดาน
แล้วจึงเขียนด้วยตนเอง เสรจ็ แลว้ ครขู ออาสาสมคั รนักเรียนบางคนอา่ นงานของตนเองให้เพอื่ นฟงั หรอื ครูอาจใหน้ กั เรยี นทำ
กิจกรรมนเี้ ปน็ การบา้ น
Thai people celebrate their birthdays in different ways. Some of them do not have a birthday party.
They often go to temples to make merits on their birthdays. Some of them may have parties to
celebrate their birthdays. They invite their friends. They decorate their homes with balloons and
streamers. They eat cake and ice cream. They sing “Happy Birthday” and at the end of the song, the
birthday person makes a wish and blows out the candles. Some of them may only eat out with their
own families. Some of them may only give present to the birthday person.
ขน้ั สรปุ
1. นักเรยี นสรุปคำศพั ทท์ ่ไี ดเ้ รียนรูใ้ นวันนี้ จากนั้นจบั คู่กันช่วยกันแตง่ ประโยคอยา่ งนอ้ ย 5-10 ประโยค เสร็จแล้วนักเรยี นผลดั
กนั อา่ นประโยคของตนเองใหเ้ พื่อนฟัง
2. แบบฝกึ หัด (Workbook) นักเรยี นอ่านทบทวนเรอื่ ง countable/uncountable nouns และ there is/there are (a/an
–some/any) แล้วทำ Ex. 1, Ex. 2 หน้า 33 เปน็ การบา้ น
ชว่ั โมงท่ี 3
ขั้นนำ
นกั เรยี นช่วยกนั ระดมสมองบอกอาหารของคนในประเทศสหรฐั อเมรกิ าทน่ี ักเรยี นรูจ้ กั เช่น French fried, fried chicken,
burger, hot dog, doughnut, pizza, sandwich ครูอาจบอกใบด้ ว้ ยการบอกชอ่ื รา้ นอาหารจานด่วน (fast food
restaurant) ของสหรัฐอเมรกิ าทมี่ ีสาขาในประเทศไทย เชน่ KFC, McDonald, Burger King, Dunkin' Donuts, Pizza
Hut, Subway ครูอธบิ ายว่า อาหารบางอยา่ งเร่มิ แรกอาจเป็นอาหารทีม่ าจากประเทศอื่น แตไ่ ดร้ บั ความนิยมมากในประเทศ
สหรัฐอเมรกิ า เชน่ pizza, bagel, taco
ขั้นสอน
1. ครหู าภาพ bagel และ taco จากอนิ เทอรเ์ น็ตมาแสดง และเลา่ เกีย่ วกบั อาหารทัง้ สองชนดิ ให้นักเรียนฟงั ส้นั ๆ
หนา้ 17
เบเกลิ (bagel) เปน็ ขนมปงั ลักษณะคล้ายรปู วงแหวนเหมอื นโดนทั โดยวธิ กี ารทำจะตอ้ งนำไปตม้ ก่อน
ระยะเวลาสั้น ๆ แล้วจงึ นำมาอบ จะไดเ้ นื้อภายในที่แนน่ และนิ่ม กับเนอื้ ภายนอกสอี มนำ้ ตาล มกั โรยหน้า
ดว้ ยงาดำ บา้ งอาจโรยเกลือบนเบเกิล เร่มิ แรกเลย เบเกลิ ไดร้ บั ความนยิ มคร้งั แรกในรัฐนวิ ยอรก์ ประเทศ
สหรัฐอเมรกิ าว่า เปน็ ขนมปังชนดิ หน่ึงของชาวยวิ (Jewish) โดยมักจะรบั ประทานร่วมกับครีมชสี (cream
cheese) และแซลมอนรมควัน (smoked salmon) ซึง่ เรียกว่า lox
ทาโก (tago) เปน็ อาหารของคนในประเทศเม็กซโิ ก โดยทำมาจากแปง้ ตอติญา (tortilla) พับครึ่งและใสไ่ ส้
ลงไป เชน่ เนื้อ ไก่ หมู ปลา ทาโกเป็นที่นยิ มมากในประเทศสหรัฐอเมรกิ า โดยมีรา้ นอาหารจานด่วนทขี่ าย
ทาโกหลายรา้ นในสหรัฐอเมริกา เช่น Taco Bell, Del Taco และ Jack in the Box
ทม่ี า: http://www.oxfordlearnersdictionaries.com/definition/english/bagel?q=bagel
http://kids.kiddle.co/Taco
3. ครเู ขยี นคำว่า on the go และยกตวั อย่างประโยค เชน่ Having four children keeps her on the go. แล้วให้นักเรียน
ชว่ ยกนั อธิบายความหมาย
on the go (idm) very busy doing a lot of things
4. เม่อื อธิบายคำศพั ทเ์ สร็จแล้ว ครูใหน้ ักเรยี นฝกึ ออกเสียงคำศพั ทท์ ค่ี นไทยมกั ออกเสยี งผิด ไดแ้ ก่ คำว่า salmon, syrup,
dessert และ chocolate
salmon /ˈsæmən/ syrup /ˈsɪrəp/
dessert /dɪˈzɜːt/ chocolate /ˈtʃɒklət/
ครูอาจใหน้ กั เรยี นเปิดพจนานกุ รมอังกฤษ-อังกฤษออนไลน์ เพือ่ ฟังเสียงคำศัพท์เหล่านี้
5. หนงั สือเรียน หนา้ 102 Ex. 1 ครูเปิด CD ให้นักเรยี นฟังและอ่านบทอ่านตามไปดว้ ย จากนั้นนกั เรียนจับคภู่ าพ 1-16 กบั ชอ่ื
อาหารท่ขี ดี เส้นใต้ในบทอ่าน ครูรวบรวมคำตอบจากนกั เรียนและเฉลยคำตอบพรอ้ มกนั
1 coffee and a doughnut 9 cheesecake
2 cereal with milk 10 burger and fries
3 pancakes with maple syrup 11 fried chicken
4 waffles with blueberries and cream 12 hot dogs
5 pizza 13 tacos
6 ice cream sundaes 14 bacon and eggs
7 apple pie 15 a glass of orange juice
8 chocolate brownies 16 a bagel with cream cheese
6. หนังสือเรยี น หนา้ 102 Ex. 2 นักเรยี นอา่ นวลีทีใ่ หม้ า และพดู อธิบายเกย่ี วกบั นิสยั การรับประทานอาหารของคนอเมริกนั
จากวลีท่ใี ห้มาเหล่านี้
หนา้ 18
Americans often have cereal with milk for breakfast. Fried chicken is one of America’s
most loved fast food. Some Americans prefer a cooked breakfast. Cheesecake is a popular
dessert. Coffee and doughnut is what a lot of people who eat breakfast on the go choose.
7. หนังสือเรียน หน้า 102 Ex. 3a ครูอ่านคำถามที่ให้มา จากนั้นแบ่งนักเรียนเป็นกลุ่มย่อย และช่วยกันตอบคำถามเหล่านี้
เสรจ็ แล้วครูให้ตวั แทนแต่ละกลุ่ม พูดรายงานคำตอบ
1. Some of the traditional dishes in my country are Pad Thai, Tom Yam Kung and Green
Curry.
2. My favorite food is Green Papaya Salad.
3. Fast food is popular in my country. I love it!
8. หนังสือเรียน หนา้ 102 Ex. 3b นกั เรียนกลมุ่ เดมิ เขียนขอ้ ความสนั้ ๆ เกยี่ วกับอาหารของคนไทย โดยใช้บทอา่ นในหนา้ 60
เปน็ ตน้ แบบในการเขียน เสร็จแล้วนำเสนอข้อมลู ในรูปแบบของโปสเตอร์ ใช้ช่ือหวั ขอ้ วา่ Thais and Food แล้วตดิ ภาพ
หรือวาดภาพประกอบและตกแตง่ โปสเตอร์ใหส้ วยงาม
Many Thai people often have soft boiled rice, rice porridge or just coffee and
fried bread sticks for breakfast. They have a larger meal later in the day. Some people
may eat rice and curry. Others prefer sticky rice and grilled pork.
For lunch, Thai people usually have a single dish such as a noodle soup, fried
rice or Pad Thai. A Thai dinner can consist of rice and many dishes such as curry, Nam
Prik dip, spicy salad, Thai omelette etc. A single dish is also popular.
Fast food is popular too for young people when they go out with their friends.
Moreover, Thai people love their desserts. Some popular ones are dumplings in
coconut cream, mixed ice dessert or Nam Khang Sai. However, many people
just like eating fruit after their lunch or dinner.
ขน้ั สรปุ
นกั เรยี นช่วยกนั ทบทวนคำศัพทเ์ กย่ี วกับอาหารทเ่ี รยี นในวันนี้ จากน้ันครูชใี้ ห้เห็นว่า ในปจั จุบันอาหารของตะวันตก
โดยเฉพาะอาหารจานด่วนจากประเทศสหรฐั อเมรกิ าเข้ามามีบทบาทกบั เด็กและวยั รนุ่ ไทยมาก ครูอธบิ ายว่า อาหารจานด่วน
หรอื fast food นั้น คนตะวันตกเรยี กอีกชอื่ หน่ึงวา่ junk food เน่อื งจากอาหารเหลา่ นี้สว่ นใหญ่จะมีไขมนั และนำ้ ตาลสงู
junk food (also junk) (n) food that is not healthy, for example because it contains a lot of fat, sugar etc
หน้า 19
จากน้นั ครูแบ่งนักเรยี นเปน็ กลมุ่ อภิปรายเกี่ยวกบั ลกั ษณะอาหารทค่ี นไทยและคนอเมรกิ ันรับประทาน รวมท้งั คณุ ประโยชนท์ ี่
พบในอาหารเหลา่ น้นั เช่น อาหารที่คนอเมริกนั รับประทานมักเป็นแป้งและเนื้อสตั ว์ สว่ นคนไทยมแี ปง้ เนอ้ื สัตว์ ผกั ต่าง ๆ
ค่อนขา้ งหลากหลายและครบ 5 หมู่ มากกวา่
เสรจ็ แล้วครสู รปุ ใหน้ กั เรียนฟงั วา่ เน่ืองจากสภาพอากาศและภมู ปิ ระเทศของประเทศทางแถบตะวันตกมีผลต่อวัฒนธรรมใน
การรับประทานอาหาร เช่น อยู่ในสภาพอากาศที่หนาวเย็น และมวี ถิ ชี วี ิตที่ค่อนข้างเร่งรบี ทำให้อาหารจานด่วน หรอื fast
food ได้รบั ความนิยมสูงมาก ดังนน้ั นักเรียนควรเลือกอาหารท่เี หมาะสมกบั ตนเอง โดยเฉพาะเมอ่ื เปรยี บเทยี บเรือ่ งราคาแลว้
อาหารจากประเทศไทยนอกจากจะเหมาะสมกบั สภาพอากาศ หาง่าย สดใหม่ มคี ุณประโยชน์ตอ่ รา่ งกายสูง ครบ 5 หมู่ ยังมี
ราคาที่ไม่แพง
7. การวัดและประเมนิ ผล
วิธีการวัด เครอ่ื งมอื เกณฑ์การผ่าน
ตรวจการเขยี นบรรยายภาพอาหาร แบบฝึกหัด (Workbook) รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
(ต 1.1 ม. 4-6/3) หนังสือเรยี น หนา้ 39 Ex. 4b ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
ตรวจการตอบคำถามจากการอ่าน แบบประเมนิ ทกั ษะการพดู ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
(ต 1.1 ม. 4-6/4)
ประเมินการสนทนาเก่ยี วกับการเสนออาหารและ แบบประเมินทักษะการเขียน ระดับคณุ ภาพ พอใช้
เครื่องด่ืม (ต 1.2 ม. 4-6/1, ต 1.2 ม. 4-6/3, ต 2.1
ม.4-6/1, ต 4.1 ม. 4-6/1) แบบประเมนิ ชิ้นงาน ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
ประเมนิ การเขียนเกี่ยวกบั การเฉลมิ ฉลองวันเกิดใน แบบสังเกตพฤตกิ รรม ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
ประเทศไทย การเรยี นรู้
(ต 1.3 ม. 4-6/1, ต 4.2 ม. 4-6/2) แบบประเมินคุณลกั ษณะ ระดับคณุ ภาพ ผ่าน
ประเมินช้นิ งานโปสเตอร์ Thais and Food อนั พึงประสงค์
(ต 1.3 ม. 4-6/1, ต 4.2 ม. 4-6/2)
สังเกตการอภิปรายเกยี่ วกบั ลักษณะอาหารทคี่ นไทย
และคนอเมริกันรับประทาน
(ต 2.1 ม. 4-6/2, ต 2.2 ม. 4-6/2)
สงั เกตพฤติกรรมบ่งชีด้ า้ นใฝเ่ รยี นรู้และมงุ่ มนั่ ในการ
ทำงาน
8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้
8.1 หนงั สือเรยี น Upload 4 ม. 4
8.2 แบบฝึกหดั Upload 4 ม. 4
8.3 Class Audio CD ประกอบสอ่ื ฯ ชดุ Upload 4 ม. 4
8.4 ภาพ bagel, taco
หนา้ 20
แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 2 Food for a day
จุดประสงค์ (Objectives)
- ตอบคำถามจากการอ่านได้
- วาดภาพและเขยี นบรรยายสงิ่ ของทีอ่ ยู่ในตเู้ ก็บของในครวั ได้
- เขียนบรรยายสน้ั ๆ เก่ียวกับอาหารทรี่ ับประทานในชีวติ ประจำวันของตนเองได้
- เข้าใจสำนวนสภุ าษิตและโครงสร้างภาษาของเจ้าของภาษาและเปรียบเทยี บกับของไทยได้
1. มาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตัวช้วี ัด
มาตรฐาน ต 1.1: ต 1.1 ม. 4-6/3, ต 1.1 ม. 4-6/4
มาตรฐาน ต 1.3: ต 1.3 ม. 4-6/1
มาตรฐาน ต 2.1: ต 2.1 ม. 4-6/2
มาตรฐาน ต 2.2: ต 2.2 ม. 4-6/1
2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด
การเรยี นรคู้ ำศพั ทเ์ กยี่ วกบั ภาชนะที่ใชบ้ รรจุอาหารและเครื่องดมื่ การใช้คำบอกปริมาณ และฝกึ อา่ นบทอ่านเกย่ี วกบั อาหาร
สำหรบั นักกีฬา ช่วยให้นักเรียนสามารถใชภ้ าษาในชวี ิตประจำวันไดอ้ ย่างมีประสทิ ธภิ าพ
3. สาระการเรยี นรู้
3.1 ทกั ษะเฉพาะวิชา
1) Language Features and Functions
Vocabulary: containers (bottle, glass, carton, cup, bowl, packet, slice, pot, loaf, tin, piece)
Grammar: quantifiers
Functions: talking about food and drinks
2) Language Skills พูดบอกปริมาณอาหารและเครื่องดม่ื ในชีวติ ประจำวัน
Speaking: อา่ นเพอื่ หาข้อมลู เฉพาะ
Reading: เขยี นบรรยายเกยี่ วกบั อาหารที่รบั ประทานในแตล่ ะวัน
Writing: ทำความรูจ้ กั นักกีฬาวา่ ยนำ้ ทม่ี ชี ื่อเสยี ง Michael Phelps
สำนวนสภุ าษติ เกีย่ วกับอาหาร
3) Culture:
หนา้ 21
4. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน
4.1 ความสามารถในการสื่อสาร
4.2 ความสามารถในการคดิ
5. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
5.1 ใฝเ่ รียนรู้
5.2 มุ่งมน่ั ในการทำงาน
6. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ขน้ั นำ
1. ทบทวนคำศพั ท์เกยี่ วกบั อาหาร ดว้ ยการแบ่งนักเรยี นเปน็ 2 ทีม เลน่ เกม Beginning with โดยให้
แต่ละทมี แข่งกันนึกคำศพั ท์ชอ่ื อาหารท่ีข้นึ ต้นด้วยตวั อกั ษรที่ครูกำหนด เชน่
T: Can you tell me food beginning with L?
Team A: Lemonade.
T: Yes. Team A gets 1 point.
Can you tell me food beginning with M?
Team B: Milkshake.
T: Yes. Team B gets 1 point.
2. ครูพดู คยุ เกี่ยวกบั อาหารทนี่ ักเรียนชอบรบั ประทานในแตล่ ะมื้อเพือ่ นำนักเรยี นเขา้ สู่บทเรียน
T: What do you usually have for breakfast/lunch/dinner?
S1: I usually have boiled rice for breakfast.
S2: I usually have noodle for lunch.
S3: I usually have rice with Thai curry for dinner.
ข้ันสอน
1. ครูนำอาหารทอี่ ยูใ่ นบรรจภุ ณั ฑต์ า่ ง ๆ เข้ามาในห้องเรียน จากนั้นครหู ยิบอาหารแต่ละชิ้นข้ึนมาและพดู แนะนำคำศพั ท์ พร้อม
กบั ให้นกั เรยี นออกเสยี งตาม เชน่
a carton of milk (นม 1 กล่อง) a pot of yoghurt (โยเกริ ์ต 1 กระปกุ )
a tin of tuna (ทูนา่ 1 กระปอ๋ ง) a packet of sweets (ลูกอม 1 ห่อ)
a bottle of water (น้ำ 1 ขวด) a cup of coffee (กาแฟ 1 ถ้วย)
a bowl of rice (ขา้ ว 1 ชาม) a jar of jam (แยม 1 กระปกุ )
นกั เรยี นชว่ ยกนั บอกว่าสง่ิ ของเหลา่ น้ีในภาษาไทยเรยี กวา่ อะไร ต่อมาครูเขยี นคำศพั ท์ containers
บนกระดาน และอธิบายวา่ ภาชนะหรอื บรรจภุ ณั ฑ์ทีใ่ สส่ ง่ิ ของเหล่านเี้ รียกวา่ containers ครูเพิ่มเติมวา่ คำนามนับไม่ได้
(uncountable nouns) คือ สิ่งทเี่ ราไมส่ ามารถนบั ไดด้ ว้ ยจำนวนนบั 1, 2, 3 แต่เราสามารถบอกปรมิ าณของคำนามนบั ไมไ่ ด้
ด้วยการใช้ภาชนะหรือบรรจุภณั ฑเ์ หล่าน้ี ตัวอยา่ งเชน่
How much milk do you need? I need some.
หน้า 22
How many cartons of milk do you need? I need three cartons of milk.
เสรจ็ แล้วครูใหน้ ักเรยี นชว่ ยกนั แตง่ ประโยคโดยใช้ containers เหลา่ นี้
Extra activities: ครูเปดิ คลิปวดิ ีโอชื่อ Containers and quantities: English Language หรอื แนะนำใหน้ กั เรียนไปเปดิ ดู
ดว้ ยตนเองท่ี https://www.youtube.com/watch?v=D6eXc_Zi5DE
หรอื อาจให้นักเรยี นเขา้ ไปฝกึ ฝนการใช้ containers เพมิ่ เตมิ ได้ที่เวบ็ ไซตต์ ่อไปน้ี
https://learnenglishteens.britishcouncil.org/grammar-vocabulary/vocabulary-exercises/containers
หรือครอู าจเข้าไปดาวน์โหลดใบงาน แล้วนำมาแจกให้นักเรยี นทำก็ได้
ครอู าจดาวนโ์ หลดบตั รภาพเกีย่ วกบั food quantity ได้จากเว็บไซตต์ อ่ ไปน้ี
http://www.kids-pages.com/folders/flashcards/Food%20Quantities.htm
2. ครูนำเสนอวิธกี ารบอกปริมาณของคำนามนับไมไ่ ด้ โดยใช้ลกั ษณะนาม ดังนี้
a loaf of bread (ขนมปัง 1 แถว) a bar of chocolate (ชอ็ กโกแลต 1 แท่ง)
a piece of cake (เค้ก 1 ช้ิน) a slice of bread (ขนมปัง 1 แผ่น)
a pinch of salt (เกลือจำนวน 1 หยบิ มือ)
ครแู นะนำสำนวนเกยี่ วกบั อาหารใหน้ กั เรียน ด้วยการยกตัวอยา่ งประโยค แล้วใหน้ กั เรยี นช่วยกันบอกความหมายหรือ
สำนวนสภุ าษติ ในภาษาไทยทีใ่ กล้เคยี งกับสำนวนเหล่านี้ เช่น
A piece of cake (idm) (informal) = a thing that is very easy to do
ตัวอยา่ ง The exam was a piece of cake. (ตรงกับสภุ าษติ ไทยว่า (งา่ ยเหมอื น) ปอกกล้วย
เข้าปาก)
a slice/share of the cake (BrE) หรือ a piece/slice/share of the pie (AmE) (idm) =
a share of the available money or benefits that you believe you have a right to
(การแบง่ ปนั บางส่งิ )
ตัวอยา่ ง Both companies expect to get a big slice of the cake
be selling/going like hot cakes (idm) = if things are selling like hot cakes, they are very popular
and people are buying a lot of them very quickly (ตรงกบั สภุ าษติ ไทยวา่
(ขายดี) เทน้ำเทท่า)
ตวั อยา่ ง T-shirts and posters are selling like hot cakes.
have your cake and eat it (too) (idm) = to have the advantages of something without its
disadvantages; to have both things that are available (ตรงกับสภุ าษิตไทยวา่ จับปลาสองมอื )
ตวั อย่าง You can’t have your cake and eat it - if you want more local services,
you can’t expect to pay less tax.
หน้า 23
3. ครูวาดรปู biscuits ในกล่องปรมิ าณมากนอ้ ยต่างกันไปเหมือนอยา่ งในหนังสือเรียน หน้า 37 Ex. 4 บนกระดาน พร้อมทัง้
เขยี นวลตี อ่ ไปนบ้ี นกระดาน too many, a lot of, some, few/not many และ not any จากนัน้ ครูช้ีที่ภาพทลี ะภาพและ
ถามนกั เรียน How many biscuits are there?
ตอ่ มาครวู าดภาพนมในขวดทป่ี รมิ าณมากน้อยตา่ งกันเหมือนอย่างในหนา้ 41 พรอ้ มกับเขียนวลีต่อไปนี้บนกระดาน too
much, a lot of, some, little/not much, not any จากนน้ั ครูชีท้ ่ภี าพทีละภาพและถามนักเรยี น How much milk is
there?
เสร็จแล้วครอู ธิบายเพิม่ เติมว่า too แปลวา่ มากเกนิ ไป (more than is needed or wanted; more than is suitable or
enough) สว่ น much, many, a lot of, a little/little, a few/few เปน็ quantifiers ใช้เพอื่ บอกปรมิ าณของคำนามวา่ มี
มากนอ้ ยเพยี งใด
Quantifiers: much, many, a lot of, a few/few, a little/little
much + คำนามนับไมไ่ ด้ เชน่ There isn’t much milk in the bottle.
many + คำนามพหูพจน์ เช่น There are many biscuits in the box.
a lot of + คำนามนับไม่ได้/ เช่น There is a lot of milk in the bottle.
คำนามพหูพจน์ There are a lot of biscuits in the box.
some + คำนามนับไมไ่ ด/้ เชน่ There is some milk in the bottle.
คำนามพหูพจน์ There are some biscuits in the box.
a few + คำนามพหูพจน์ เช่น There are a few of biscuits in the box.
a little + คำนามนับไมไ่ ด้ เช่น There is a little milk in the bottle.
หมายเหตุ: few/little = almost none; a few/a little = small amount, not many/much
4. หนงั สือเรยี น หน้า 36 กรอบ Study Skills นกั เรยี นอา่ นขอ้ ความในกรอบ จากนน้ั ครูเขียนชอื่ เร่ืองของบทอ่านบนกระดาน
แลว้ ให้นักเรียนชว่ ยกันบอกสิ่งที่นกั เรยี นรเู้ กย่ี วกับเรือ่ งนี้
5. หนงั สือเรยี น หนา้ 36 Ex. 1 นักเรียนทำกจิ กรรมกอ่ นการอ่าน โดยดภู าพผ้ชู ายในหนงั สอื เรยี นหน้า 36 จากนน้ั ครูถาม
นกั เรยี นวา่ Who’s the man in the picture?” (Michael Phelps) What do you know about him? (He is a
famous swimmer.) ครูเลา่ ประวัติของ Michael Phelps ให้นกั เรยี นฟงั ส้ัน ๆ เสร็จแลว้ ถามว่า นกั เรียนคดิ วา่
Michael Phelps รับประทานอาหารเช่นเดยี วกบั นักเรยี นหรือไม่ แล้วครูชีใ้ ห้นกั เรยี นดภู าพอาหารท่ีใหม้ าและช่วยกันบอก
ช่อื อาหารในภาพ 1-11
(1 coffee 2 chocolate pancakes 3 ham and cheese sandwiches 4 fried chicken 5 pasta with tomato sauce
6 omelette 7 energy drink 8 fruit salad 9 pizza 10 milk 11 chocolate cake)
ตอ่ มาครูถาม Which of the foods/drinks in the pictures does he eat/drink each day? แล้วให้นกั เรียนลองเดา
คำตอบ ครูชว่ ยบอกชอ่ื อาหารทนี่ กั เรียนไม่รู้จัก แล้วเขยี นคำตอบทน่ี กั เรยี นบอกบนกระดาน
หน้า 24
ไมเคลิ เฟลปส์ (Michael Phelps) เกดิ ท่ีรฐั แมริแลนด์ (Maryland) ประเทศสหรัฐอเมริกา เขาเรมิ่ ว่ายนำ้ ตัง้ แต่
อายุได้ 7 ปี ซงึ่ เขาไดแ้ รงบนั ดาลใจมาจากพ่ีสาวทั้ง 2 คน และเม่ืออายุ 10 ขวบ เขากส็ ามารถทำลายสถิติ
ระดบั ประเทศเม่อื เทียบกบั เดก็ อายรุ ุ่นเดยี วกัน
ไมเคลิ เฟลปส์ ครองตำแหน่งนักกีฬาที่ควา้ เหรียญไดม้ ากทสี่ ุดในโอลมิ ปิกสมัยใหม่ ทงั้ น้ี เฟลปส์ ควา้ เหรยี ญใน
มหกรรมโอลมิ ปกิ ไปได้ทงั้ สนิ้ 28 เหรยี ญ เหรียญ จากการแข่งขนั 5 ครัง้ นับตงั้ แตป่ ที ่ีซิดนยี ์ 2000 โดยแบง่ เป็น
23 ทอง 3 เงิน และ 2 ทองแดง ท้ังยังถูกจารึกชอื่ ให้เปน็ นกั กีฬาทีค่ วา้ เหรียญทองมากท่ีสดุ ในโอลมิ ปกิ สมยั ใหม่
ดว้ ยเช่นกัน
ทมี่ า: https://www.thairath.co.th/content/690076
ต่อมาครอู ธิบายความหมายของคำศัพทบ์ างคำก่อนการอ่าน เช่น
medalist (n) ผูท้ ไ่ี ด้รับเหรยี ญจากการแขง่ ขนั กีฬา ส่วน diet นั้น มีสองความหมาย ได้แก่
diet (n) การควบคมุ อาหารหรอื แผนการรบั ประทานอาหาร, อาหารที่รับประทานเปน็ ประจำ
คำว่า diet (n) คนไทยมกั จะคนุ้ ชินกับความหมายว่า ควบคุมอาหารเพอื่ ลดนำ้ หนกั เพราะมกั จะใช้คำนท้ี บั ศัพท์
แตน่ อกจากจะควบคมุ อาหารเพื่อลดน้ำหนกั แลว้ ยงั ครอบคลมุ ถงึ แผนการรับประทานอาหารเพ่ือจดุ ประสงค์
อน่ื ได้ เช่น ทางการแพทย์หรอื กฬี า ซึง่ นอกจากความหมายนีแ้ ล้ว diet ยงั หมายถึง อาหารทรี่ ับประทานเป็น
ประจำดว้ ย
- an eating plan in which someone eats less food, or only particular types of food, because
they want to become thinner or for medical reasons
ตัวอย่างเชน่ I decided to go on a diet (= to lose weight) before my holiday.
- the food that you eat and drink regularly
ตวั อยา่ งเช่น You should have a healthy diet.
The doctor put me on a low-salt diet to reduce my blood pressure.
จากนั้นครูเปดิ CD ให้นกั เรียนฟงั และอา่ นเนือ้ เร่อื งตามไปด้วย เพื่อตรวจคำตอบที่เดาไว้
ครถู ามนักเรียนว่า อาหารและเครอ่ื งด่ืมชนิดใดบ้างที่ Michael Phelps รับประทานในแตล่ ะวัน
T: Which of the foods/drinks in the pictures does he eat/drink each day?
Ss: Coffee, chocolate pancakes, ham & cheese sandwich, pasta with tomato sauce,
omelette, energy drink and pizza.
1 coffee 5 pasta with tomato sauce 9 pizza
2 chocolate pancakes 6 omelette
3 ham & cheese sandwich
7 energy drink
หน้า 25
6. หนงั สือเรยี น หน้า 36 Ex. 2a นักเรยี นอา่ นประโยคท่ีให้มา และขดี เส้นใตค้ ำสำคญั จากนนั้ ใหเ้ วลานกั เรียนสน้ั ๆ อ่านบท
อา่ นอกี ครั้งอย่างรวดเร็ว เพอ่ื หาคำตอบ ถา้ ประโยคที่ใหม้ าถูกต้องตาม
เนอื้ เรอื่ ง ให้เขียน T (true) ถา้ ผดิ หรือถูกเพียงบางส่วน ให้เขยี น F (false) เสร็จแล้วครรู วบรวมคำตอบจากนกั เรยี นและเฉลย
คำตอบพร้อมกนั
1T 2F 3F 4T 5F
7. หนงั สือเรียน หน้า 36 Ex. 2b นักเรยี นช่วยกนั บอกอาหารและเครอื่ งดม่ื ท่ี Phelps รบั ประทาน
ใน 1 วัน ครูเขยี นคำตอบของนกั เรียนบนกระดาน และตรวจคำตอบพรอ้ มกนั กับนักเรียน
Michael Phelps has three meals a day. For breakfast he has 3 fried-egg sandwiches with
cheese, lettuce, tomatoes, fried onions and mayonnaise, 2 cups of coffee, a five-egg
omelette, a bowl of porridge, 3 slices of bread topped with sugar and 3 chocolate
pancakes. For lunch he has a bowl of pasta with tomato sauce, 2 large ham and cheese
sandwiches with mayonnaise and 2 bottles of energy drink. For dinner he has a bowl of
pasta with tomato sauce, 6 to 8 slices of pizza and 2 bottles of energy drink.
นักเรียนช่วยกนั วเิ คราะหว์ ่า ทำไม Michael Phelps ถงึ รับประทานอาหารจำนวนมากและมีปรมิ าณแคลอรสี ูงต่อวัน เสรจ็
แลว้ ครูอธบิ ายให้นกั เรยี นฟังสนั้ ๆ เกีย่ วกับการรบั ประทานอาหารของนักกีฬา
อาหารของนกั กฬี า
ความตอ้ งการพลังงานของแต่ละคนจะแตกตา่ งกันไปตามเพศวยั อายนุ ้ำหนกั ตัว และกจิ กรรมทป่ี ฏบิ ตั ิ
สำหรบั นักกฬี านั้น ชนิดของกฬี าและระยะเวลาในการเล่นกีฬานนั้ ๆ มสี ่วนสมั พันธ์กบั พลังงานทีร่ ่างกาย
ต้องการ ความต้องการพลังงานพ้ืนฐานของคนทัว่ ไป (Basal Metabolism Rate: BMR) ประมาณ 20-30
กิโลแคลอร/ี นำ้ หนกั ตวั 1 กโิ ลกรมั /วัน และความตอ้ งการพลังงานจะเพิม่ ขึน้
ตามลกั ษณะความหนัก-เบาของกจิ กรรมทกี่ ระทำในแตล่ ะวัน ซึ่งมีการกำหนดเป็นค่าคงท่ีสำหรับความหนกั -
เบาของกจิ กรรมนน้ั (BMR factor) ถา้ เป็นคนท่ีทำงานหนักอยู่กลางแดดตลอดเวลา เช่น นักกฬี าท่มี ีการ
ฝกึ ซอ้ มหนัก BMR factor จะเป็น 2.1 เทา่ ของความต้องการพลงั งานพ้ืนฐาน เช่น นกั กีฬาชายน้ำหนัก
ประมาณ 60 กโิ ลกรมั และอยู่ในระหว่างการฝึกซ้อมหนักคำนวณหาความต้องการพลังงานต่อวันได้ง่าย ๆ
ดงั นี้
หนา้ 26
ความต้องการพลังงานของนกั กฬี า = BMR x น้ำหนักตัว x BMR factor
= 25 x 60 x 2.1
= 3,150 กิโลแคลอรี
ท่ีมา: http://home.kku.ac.th/kkuswim/food.pdf
8. ครูเปดิ CD อกี คร้งั โดยในครงั้ นหี้ ยดุ CD เมอ่ื จบแตล่ ะยอ่ หน้าเพอ่ื ใหน้ กั เรยี นอ่านออกเสยี งตาม
9. หนังสือเรยี น หนา้ 37 Ex. 3 นักเรียนดภู าพ 1-11 ทใ่ี ห้มา ครูสุม่ เรยี กนักเรียนหลาย ๆ คน บอกชื่ออาหารและเคร่อื งด่ืมจาก
ภาพ จากนัน้ นกั เรยี นอา่ นวลีใหม้ าและเติมช่องว่างดว้ ยคำที่กำหนดให้
เสร็จแล้วครเู ปดิ CD ใหน้ กั เรยี นฟงั เพ่อื ตรวจคำตอบ ครูเขียนคำตอบทถ่ี กู ตอ้ งบนกระดาน และเปดิ CD อีกคร้ัง เพื่อให้
นักเรียนฝกึ อ่านออกเสยี ง ครตู รวจสอบการออกเสียงและการลงเสยี งเน้นหนกั -เบาในกลุ่มคำ โดยครชู ้ีให้นกั เรียนเหน็ วา่
article a และคำบพุ บท of จะไมไ่ ด้รับการลงเสยี งหนกั และจะออกเสียงในรูป weak form ดังน้ี
a /ə/
of /əv/
ครูอาจสมุ่ เรยี กนกั เรยี นหลาย ๆ คน ออกเสยี งทลี ะคำหรือประโยค
1 carton 7 piece
2 slice 8 bottle
3 cup 9 bowl
4 glass 10 tin
5 loaf 11 pot
6 packet
10. หนงั สือเรยี น หน้า 37 Ex. 4 นักเรียนอา่ นออกเสยี งประโยคทใ่ี ห้มาในตาราง และบอกวา่ คำบอกปริมาณใดบา้ งทใ่ี ชก้ ับ
คำนามนับได้และคำนามที่นับไมไ่ ด้ ครูเขยี นคำตอบของนักเรียนบนกระดาน
Quantifiers Countable Uncountable
many ✓
much ✓
a lot of ✓ ✓
some ✓ ✓
few ✓
little ✓
any ✓ ✓
ครใู ห้เวลานักเรียนเติมคำทกี่ ำหนดให้ลงในช่องว่างในแตล่ ะประโยคให้ถกู ตอ้ ง เสร็จแลว้ ครสู ุ่มเรยี กนกั เรียนพดู รายงาน
คำตอบ พรอ้ มท้งั อธิบายเหตผุ ลประกอบ ครูเขียนคำตอบท่ีถูกต้องบนกระดานอกี ครั้ง และใหน้ กั เรยี นอ่านประโยคท่เี ติมคำ
สมบรู ณ์แล้วพรอ้ ม ๆ กัน
หนา้ 27
1 much, much 3 little, some 5 many, many
2 any, some, any 4 some, any
11. หนังสอื เรียน หนา้ 37 Ex. 5 นักเรียนช่วยกันบอกอกี ครัง้ วา่ too much และ too many ใช้ตา่ งกันอย่างไร ครูอธบิ าย
เพิ่มเตมิ แกน่ ักเรยี นวา่ too ใช้เมอื่ ตอ้ งการกล่าวถงึ ปริมาณทีม่ มี ากเกนิ ไป too much ใช้กับคำนามท่นี บั ไม่ได้ และ too
many ใชก้ ับคำนามที่นับได้
จากนั้นนกั เรียนเติม too much หรอื too many ลงในชอ่ งวา่ งในประโยคให้ถกู ตอ้ ง เม่อื ทำเสรจ็
ครูตรวจคำตอบ โดยสมุ่ เรยี กนักเรยี นพดู รายงานคำตอบ พร้อมทัง้ อธบิ ายเหตผุ ลประกอบ
1. too much 2. too many 3. too many 4. too much 5. too many
12. หนงั สือเรยี น หนา้ 37 Ex. 6a นักเรียนเตมิ How much หรอื How many ลงในช่องวา่ ง ครูตรวจคำตอบ จากนนั้ นักเรียน
จับคู่ เพอื่ ฝกึ พดู ถาม-ตอบ เมือ่ นกั เรยี นฝกึ ฝนการถามและตอบโดยใช้ How much/How many จนคลอ่ งแล้ว ครใู ห้นกั เรียน
บางคู่ออกมาถามและตอบหนา้ ชั้นเรยี น
1 How much 4 How many
2 How much 5 How much
3 How much
Extra activities: นักเรยี นฝกึ อ่านออกเสียงบทอ่านเรือ่ ง Learning About Calories จากเวบ็ ไซต์ ต่อไปนี้
http://kidshealth.org/kid/stay_healthy/food/calorie.html
13. หนังสือเรยี น หน้า 37 Ex. 6b นักเรียนเขียนบรรยายสั้น ๆ เก่ยี วกบั อาหารทร่ี บั ประทานเป็นประจำในแต่ละมอ้ื โดยกอ่ น
เขยี น นกั เรียนชว่ ยกันบอกชื่ออาหารทีม่ กั จะรับประทานเป็นประจำ เพอ่ื ช่วยเหลือนกั เรยี นในเรื่องคำศพั ท์ เชน่ noodles
(ก๋วยเตยี๋ ว), rice porridge (โจ๊ก), soft-boiled rice (ข้าวตม้ ), Nam Prik or Thai dip (น้ำพริก), curry (แกง), อาหารจาน
เดียว (one dish meal) จากน้นั จึงให้เวลานักเรยี นในการเขียน หรืออาจใหน้ ักเรยี นไปเขียนเป็นการบา้ น เพอื่ หาขอ้ มลู ในการ
เขียนเพิ่มเตมิ
I usually eat rice porridge for breakfast and have a glass of milk. For lunch,
I have one dish meal such as noodles or rice with curry. For dinner, I have rice and
several dishes such as curry, Nam Prik (Thai dip), omelette.
14. นักเรยี นแบ่งกลมุ่ แล้วช่วยกันรวบรวมสำนวนสภุ าษติ เกีย่ วกับอาหารในภาษาอังกฤษเพิ่มเติม 2-5 สำนวนที่คล้ายคลึงกบั
สำนวนสภุ าษติ ของไทย จากนัน้ อธิบายความหมาย ยกตัวอยา่ งประโยค และวาดภาพประกอบ รวมทง้ั บอกสำนวนสภุ าษติ
ไทยท่ีมคี วามหมายใกลเ้ คยี งกนั ด้วย เช่น hot potato (เผือกร้อน), the apple doesn’t fall/never falls far from the
หน้า 28
tree (ลูกไมห้ ลน่ ไมไ่ กลตน้ ), the apple of somebody’s eye (แกว้ ตา), a rotten apple/one rotten apple spoils
the whole barrel (ปลาเนา่ ตวั เดียวเหมน็ ทง้ั ข้อง)
ขน้ั สรุป
1. นกั เรียนสรุปการพดู บอกปรมิ าณของคำนามนับได้และนบั ไมไ่ ด้ ครใู หน้ กั เรียนจบั คกู่ นั และชว่ ยกนั แตง่ ประโยค ครรู วบรวม
คำตอบจากนักเรียนและเขียนประโยคท่ถี กู ต้องบนกระดาน
2. นกั เรยี นชว่ ยกนั บอกการบอกปริมาณในภาษาไทย แล้วเปรียบเทยี บความเหมือนและความแตกตา่ งกับการบอกปริมาณใน
ภาษาอังกฤษภาษาไทย
พจน์ คอื คำทีม่ ีจำนวนมากหรือนอ้ ย แบง่ ออกเป็น 3 ชนิด คอื
1) เอกพจน์ คอื คำท่ีมจี ำนวนเพียงหน่ึง เช่น พอ่ แม่ จมูก หวั
ตามปกติ บรรดาคำ วสิ ามานยนาม นบั วา่ เป็นเอกพจน์ทัง้ ส้ิน
2) พหูพจน์ คือ คำทมี่ จี ำนวนมาก นับตั้งแต่ 2 ขึ้นไป เช่น
นกั เรียน เดนิ เปน็ แถว ชาวนา สนทนากนั
3) อพจน์ คอื คำทีไ่ ม่ปรากฏจำนวนวา่ มากหรือน้อย เชน่
เด็ก เรยี น หนังสือ ทหาร ถือ อาวุธ
ตามปกติ คำนาม (นอกจากวิสามานยนาม) มรี ูปเอกพจน์ทั้งสิน้ และมรี ูปคงท่ีอยูอ่ ย่างเดมิ ไม่วา่ จะเปน็
เอกพจนห์ รอื พหูพจน์ เพราะเครอื่ งหมายให้รปู พจนไ์ มไ่ ดอ้ ยูท่ ีก่ ารเปลย่ี นแปลงรปู ศพั ท์ หรือเพ่มิ พยางคท์ ่ี
ท้ายคำ เหมอื นในภาษาบาลี สนั สกฤต และองั กฤษ แต่หากตอ้ งอาศยั คำวิเศษณป์ ระกอบข้างหน้าหรอื ขา้ ง
หลัง หรือบางทีก็ต้องอาศยั คำกรยิ าหรอื เนื้อความเป็นเครื่องหมายรู้
เพราะฉะนั้น คำนามในภาษาไทย จะเปน็ เอกพจน์หรือพหพู จน์ไดจ้ ะต้อง
ก. ใช้คำวเิ ศษณป์ ระกอบข้างหน้าหรอื ขา้ งหลังเป็นเครื่องแสดง เชน่
หนงึ่ คน เป็น เอกพจน์
สองคน เป็น พหพู จน์
คนมาก เป็น พหูพจน์
คนเดยี ว เปน็ เอกพจน์
ข. ใช้คำกริยาเป็นเครื่องแสดง
นกั เรยี น พดู กัน เปน็ พหูพจน์
คนงานโกย ทราย เปน็ พหูพจน์
กรยิ า “พูด” แสดงวา่ นกั เรยี นตอ้ งมหี ลายคน และ กรยิ า “โกย” แสดงว่า ทรายตอ้ งมหี ลายเมด็
ค. ใช้เนอ้ื ความเปน็ เครอื่ งบ่ง เชน่ นายขาวเอา หวั ชนกำแพง จมูก ของนายแดงสวย
ในทน่ี ้ี คำ “หัว” และจมูก เปน็ เอกพจน์ เพราะนายขาวมีเพียงหวั เดยี วและนายแดงก็มจี มูกเพยี งจมกู เดียว
ประมาณวเิ ศษณ์ คือ คำวเิ ศษณ์ท่ีประกอบบอกจำนวน แบ่งออกเป็น 2 ชนดิ คือ
1) บอกจำนวนนับ เชน่ หน่ึง สอง สาม สี่ หา้ ท่หี นงึ่ ท่สี อง ท่ีสาม
2) บอกจำนวนปรมิ าณ คือ มิไดบ้ อกชัดลงไปวา่ เทา่ นน้ั เท่าน้ี เป็นแตก่ ำหนดวา่ มากหรือนอ้ ย
ซง่ึ พอจะรูค้ วามหมายไดโ้ ดยปรมิ าณ เช่น มาก นอ้ ย หลาย ท้ังหลาย จุ ท้ังปวง ทัง้ หมด
บรรดา คนละ สิง่ ละตา่ ง บาง บา้ ง กนั
ทม่ี า: กำชยั ทองหลอ่ . 2556. หลกั ภาษาไทย. พมิ พค์ ร้ังที่ 56. กรุงเทพฯ : รวมสาสน์ (1977)
หน้า 29
3. แบบฝึกหัด (Workbook) นกั เรยี นทำ Ex. 4 หนา้ 9 เปน็ การบา้ น
4. แบบฝึกหดั (Workbook) นกั เรยี นอ่านทบทวนเรื่อง containers & quantifiers หนา้ 32 และทำ Ex. 2 หนา้ 33 เปน็
การบ้าน
7. การวัดและประเมนิ ผล
วิธีการวดั เครื่องมอื เกณฑ์การผ่าน
รอ้ ยละ 60
ตอบคำถามจากการอา่ น (ต 1.1 ม. 4-6/4) หนังสือเรยี น หน้า 40 ระดับคณุ ภาพ พอใช้
ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
Exs. 2a-2b
ระดับคณุ ภาพ พอใช้
ประเมินการเขียนบรรยายเกยี่ วกับอาหารที่รับประทาน แบบประเมินการเขยี น
ระดับคณุ ภาพ ผ่าน
ในแต่ละม้ือ (ต 1.3 ม. 4-6/1)
ประเมนิ ชิ้นงานเปรยี บเทียบสำนวนสภุ าษติ ของไทยและ แบบประเมนิ ชน้ิ งาน
องั กฤษ (ต 1.1 ม. 4-6/3, ต 2.1 ม. 4-6/2, ต 2.2 ม. 4-
6/1)
อภิปรายเกยี่ วกับความเหมอื นและแตกตา่ งของการ แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเรยี นรู้
บอกปริมาณของภาษาไทยและภาษาองั กฤษ (ต 2.2 ม.
4-6/1)
สงั เกตพฤติกรรมบง่ ช้ีด้านใฝเ่ รยี นรู้และม่งุ ม่นั ในการ แบบประเมินคณุ ลักษณะ
ทำงาน อนั พงึ ประสงค์
8. สือ่ /แหลง่ การเรียนรู้
8.1 หนงั สือเรียน Upload 4 ม. 4
8.2 แบบฝึกหดั Upload 4 ม. 4
8.3 Class Audio CD ประกอบสอื่ ฯ ชุด Upload 4 ม. 4
8.4 กจิ กรรมเพม่ิ เติมจากอินเทอรเ์ น็ต
8.5 บัตรภาพจากอินเทอร์เนต็
หน้า 30
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 3 Supermarket
จุดประสงค์ (Objectives)
- อ่านออกเสียงคำศัพท์ที่มีเสยี ง /θ/, /ð/ และลงเสียงเนน้ หนกั ในประโยค (sentence stress) ได้ถกู ตอ้ ง
- เขียนบรรยายส่งิ ของท่มี ีและไม่มแี ละทำรายการซ้อื ของได้
- สนทนาเก่ียวการสิ่งของที่มี/ไม่มี เพ่อื ทำรายการซอ้ื ของได้
1. มาตรฐานการเรียนรู้และตวั ช้ีวดั
มาตรฐาน ต 1.1: ต 1.1 ม. 4-6/2, ต 1.1 ม. 4-6/3
มาตรฐาน ต 1.2: ต 1.2 ม. 4-6/1
มาตรฐาน ต 2.1: ต 2.1 ม. 4-6/1
มาตรฐาน ต 4.1: ต 4.1 ม. 4-6/1
2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
การใช้คำศพั ทเ์ ก่ียวกับสินค้าและแผนกต่าง ๆ ในซูเปอรม์ ารเ์ ก็ต และใชค้ ำบอกปรมิ าณ some/any/little/few ใหถ้ กู ต้องกบั
ประเภทของสินค้า รวมทงั้ สามารถใชส้ ำนวนเกี่ยวกบั การตดั สนิ ใจซอื้ ของ โดยใชน้ ำ้ เสยี งทเี่ หมาะสมตามมารยาทสังคม ซง่ึ นกั เรียนตอ้ ง
มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจและได้รบั การฝกึ ฝนทกั ษะทางภาษา จะชว่ ยพฒั นาการใชภ้ าษาองั กฤษไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ
3. สาระการเรยี นรู้
3.1 ทักษะเฉพาะวิชา
1) Language Features and Functions
Vocabulary: supermarket sections (dairy, meat & fish, drinks, bakery, paper products, fruit &
veg, crisps & snacks, home baking, frozen food, tinned goods, household products)
Pronunciation: /θ/, /ð/; sentence stress
Functions: talking about shopping list; making a shopping list
2) Language Skills
Listening: ฟงั เพ่อื จบั ใจความสำคญั
Speaking: สนทนาเกยี่ วกับการซอ้ื ของในแผนกตา่ ง ๆ ในซูเปอร์มาร์เก็ต
Reading: อ่านเพื่อความเข้าใจ
Writing: เขยี นบรรยายสง่ิ ของท่มี แี ละไมม่ ี
เขียนเพื่อทำรายการส่ิงของท่ตี อ้ งการซอ้ื
3) Culture: ความแตกตา่ งระหวา่ งการออกเสยี งในภาษาไทยกับภาษาองั กฤษ
หนา้ 31
4. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น
4.1 ความสามารถในการสอ่ื สาร
4.2 ความสามารถในการคดิ
4.3 ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต
5. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์
5.1 ใฝเ่ รียนรู้ 5.2 อยูอ่ ยา่ งพอเพยี ง
6. กจิ กรรมการเรียนรู้
ขนั้ นำ
1. ทบทวน quantifiers ดว้ ยการเลน่ เกม Noughts and Crosses ซง่ึ มวี ิธีการเล่นเหมือนเกม OX ของไทย โดยครแู บ่งนักเรียน
เปน็ 2 ทมี แลว้ เขยี น quantifiers ในตารางแตล่ ะช่อง แลว้ ใหแ้ ตล่ ะทีมผลัดกนั แตง่ ประโยคให้ถกู ต้องโดยใช้ quantifiers
เหล่านี้ ทีมทีแ่ ต่งประโยคได้ถกู ตอ้ ง จะมสี ิทธท์ิ ำเครอ่ื งหมาย O หรือ X ในชอ่ งดงั กล่าว ทีมที่ทำเครอ่ื งหมายได้ 3 ชอ่ งตดิ กัน
กอ่ นในแนวใดก็ได้
เปน็ ทีมทชี่ นะ
much many some
any a few a little
too much too many a lot of
2. นกั เรียนดูภาพในหนงั สือเรียน หนา้ 38 Ex. 1a แล้วตอบคำถามครูดงั น้ี
- What things can you see in the picture? (Fruit, vegetable, shelves, snacks, bag/basket, trolley,
ice cream, cashier, drinks, scale, bakery,…etc.)
- What are people in the picture doing? (They are shopping.)
- Where are they? (They are in the supermarket.)
3. ครูถามคำถามเก่ียวกบั ตัวของนกั เรยี น เพอื่ นำเข้าสูบ่ ทเรียน
Are there any supermarkets in your neighborhood?
What kind of stuff can you buy at the supermarket?
How often do you go shopping at the supermarket?
What is your favorite supermarket? Why?
หนา้ 32
ขน้ั สอน
หนังสอื เรยี น หน้า 38 Ex. 1a นักเรยี นอา่ นออกเสยี งคำศัพท์ A-K พรอ้ มกัน ครูถามว่า คอื ชือ่ ของอะไร เม่อื ได้คำตอบว่า ช่อื
แผนกตา่ ง ๆ ในซูเปอรม์ ารเ์ กต็ แลว้ ครถู ามคำศพั ทน์ ักเรยี นเพื่อตรวจสอบความเขา้ ใจ และใหน้ ักเรียนช่วยกันบอกสินค้าที่
นกั เรยี นสามารถซื้อไดใ้ นแผนกน้ัน ๆ
A Dairy ผลติ ภณั ฑจ์ ากนม
B Meat & Fish เนอื้ และปลา
C Drinks เคร่ืองดมื่
D Bakery ขนมปงั , เคก้
E Paper Products ผลติ ภณั ฑจ์ ากกระดาษ
F Fruit & Veg ผลไมแ้ ละผัก
G Crisps & Snacks มนั ฝรั่งทอดกรอบและของกินเลน่
H Home Baking อปุ กรณส์ ำหรบั อบขนมท่บี ้าน
I Frozen Food อาหารแช่แข็ง
J Tinned Goods อาหารกระป๋อง
K Household Products ผลติ ภณั ฑ์ในครัวเรือน
จากน้ันนกั เรียนจบั ค่หู มายเลข 1-11 ในภาพกบั ชอื่ แผนกเหลา่ นี้ เสรจ็ แลว้ ครเู ปิด CD ใหน้ ักเรยี นฟังเพื่อตรวจคำตอบ ครูอาจ
เปิดอกี 1-2 คร้งั เพอื่ ใหน้ กั เรยี นอา่ นออกเสยี งตาม CD
1 H 3 G 5 I 7 B 9 K 11 D
2 J 4 C 6 F 8 E 10 A
2. หนังสอื เรยี น หน้า 38 Ex. 1b นักเรียนอา่ นคำศัพท์ทีใ่ ห้มาตามครู ครถู ามนกั เรียน Where can you find tissues? แล้วครู
เขยี นประโยคคำตอบบนกระดาน I can find tissues in the paper products section. จากนั้นนักเรยี นอา่ นออกเสยี ง
ประโยคคำตอบบนกระดานพรอ้ ม ๆ กัน (I can find tissues in the paper products section.)
ต่อมาครถู ามคำถามเช่นเดียวกันนแ้ี ต่เปลยี่ นสนิ คา้ ไปเรอ่ื ย ๆ เชน่ Where can you find frozen vegetables? (I can find
frozen vegetables in the frozen food section.) เมือ่ นักเรยี นตอบได้คลอ่ งแลว้ ครูให้นกั เรยี นเขียนคำตอบลงใน
สมุด เมอ่ื ทำเสรจ็ ครสู ่มุ เรียกนักเรยี นอา่ นคำตอบคนละ 1 ขอ้
ครูเขยี นคำตอบที่ถกู ตอ้ งบนกระดาน และชี้ให้นกั เรียนสงั เกตว่า คำศัพท์เหล่านส้ี ว่ นใหญล่ งเสยี งหนกั ที่พยางคแ์ รก ยกเวน้ คำ
ต่อไปนี้
green tea bottled water
tomato olive oil
ice cream margarine
หนา้ 33
You can find frozen vegetables in the frozen food section.
You can find green tea in the drinks section.
You can find tomatoes in the fruit & veg section.
You can find bottled water in the drinks section.
You can find ice cream in the frozen food section.
You can find pop in the drinks section.
You can find olive oil in the home baking section.
You can find crisps in the crisps & snacks section.
You can find flour in the home baking section.
You can find honey in the home baking section.
You can find butter in the dairy section.
You can find cake in the bakery section.
You can find yoghurt in the dairy section.
You can find bread in the bakery section.
You can find sugar in the home baking section.
You can find buckets in the household products section.
You can find toilet paper in the paper products section.
You can find apple juice in the drinks section.
You can find coffee in the drinks section.
You can find muffins in the bakery section.
You can find tuna in the tinned goods section.
You can find cleaning products in the household products section.
You can find margarine in the dairy section.
You can find biscuits in the snacks/bakery section.
You can find beans in the tinned goods section.
You can find sponges in the household products section.
You can find tin foil in the household products section.
You can find bin bags in the household products section.
หน้า 34
ครูสังเกตว่า นักเรียนออกเสียงคำว่า vegetable และ margarine ถูกต้องหรือไม่ และฝึกให้นักเรียนออกเสียง
ใหถ้ ูกตอ้ ง ดงั น้ี
vegetable /ˈvedʒtəbəl/
margarine /ˌmɑːdʒəˈriːn/
3. หนงั สือเรียน หน้า 38 Ex. 1c นกั เรียนดภู าพในหนงั สือเรียนอกี ครงั้ ครูถามวา่ What can you see at the checkout? (I
can see a woman at the checkout.) และเขยี นคำตอบของนักเรยี นบนกระดาน There is a woman at the
checkout. ครูถามต่อว่า What is the man in the meat & fish section doing? (He is looking at the chicken.) ครู
ถามตอ่ อีกประมาณ 2-3 คำถาม จากนัน้ ใหน้ ักเรียนช่วยกันแต่งประโยคเพิ่มตอ่ จากประโยคท่คี รเู ขยี นไวบ้ นกระดานเพอ่ื
บรรยายภาพ
There is a woman at the checkout. There is another woman in the frozen food section. There
is a man in the fruit & veg section with a bag of carrots. There is a man looking at the chicken
in the meat & fish section. There is a woman with a shopping trolley with a child, two bottles
of cola, toilet paper and a bottle of milk inside.
4. หนังสอื เรยี น หนา้ 39 Ex. 4a ครูเขียน think และ thank บนกระดาน นักเรยี นอา่ นออกเสยี งตามครู แล้วครเู ขียน
สญั ลักษณ์ /θ/ ข้าง ๆ คำศัพท์ จากนัน้ ครูเขยี นคำว่า there, that ครูออกเสียง พร้อมกับเขยี นสญั ลกั ษณ์ /ð/ ไวข้ า้ ง ๆ เสรจ็
แล้วครขู อใหน้ กั เรยี นชว่ ยกันยกตัวอยา่ งคำเพม่ิ เตมิ
/θ/ - thief, throw, three, theme,...etc. /ð/ - the, than, their, them,…etc.
ครูอ่านออกเสยี งอีกครงั้ โดยชี้ใหน้ กั เรียนสังเกตปากของครูขณะออกเสียงทัง้ สองเสยี ง และสอน
ใหน้ กั เรียนออกเสยี งตามครู เมื่อครูแน่ใจแลว้ วา่ นกั เรยี นเข้าใจความแตกต่างของเสยี ง /θ/ และ /ð/ ครูใหน้ กั เรียนอ่าน
คำศพั ทท์ ใี่ ห้มาในหนงั สอื เรยี น จากน้ันครูเปดิ CD และทำเครอื่ งหมายถกู
ที่สัญลักษณ์ของเสยี งทีไ่ ด้ยนิ เมอื่ ทำเสร็จ ครเู ฉลยคำตอบในชน้ั เรียน
/ð/ - the, there /θ/ - three, thirty, thirteen, thanks
หน้า 35
ข้อควรจำและปฏบิ ัตใิ นการออกเสยี งพยัญชนะ /θ/ และ /ð/ ปลายลิน้ อย่ทู ่ขี อบฟันบน กระแสลมจากปอดเสยี ด
แทรกผา่ นชอ่ งแคบ ๆ ระหวา่ งลิ้นกับขอบฟนั บน ในการออกเสียง /θ/ เสน้ เสยี งไมส่ น่ั แต่ในการออกเสยี ง /ð/ เสน้ เสยี งจะ
ส่ัน
เสยี งพยัญชนะ /θ/ เปน็ เสียงทีเ่ ปน็ ปญั หาสำหรบั คนไทย เนื่องจากเสยี ง /θ/ ไมม่ ีในภาษาไทย คนไทยส่วนใหญจ่ ึงใชเ้ สยี ง
ในภาษาไทยทีใ่ กลเ้ คียงกับเสยี ง /θ/ แทน เช่น ใชเ้ สยี ง /t/ หรอื /s/ แทนเสียง /θ/ เชน่ คำวา่ thin มักออกเสยี งเปน็
/tɪn/ หรือ /sɪn/ ซึ่งที่ถูกต้องคือ /θɪn/ เปน็ ต้น ดังนั้น
ผู้ฝกึ จึงตอ้ งไม่ลมื ที่จะให้ปลายลนิ้ แตะทีข่ อบฟนั บน ทำช่องแคบ ๆ ใหก้ ระแสลมเสียดแทรกออกมา
เสยี งพยัญชนะ/ð/ เป็นอกี เสียงหนงึ่ ท่ีเปน็ ปัญหาสำหรบั คนไทย เนอ่ื งจากเสยี ง /ð/ ไมเ่ กิดในภาษาไทย คนไทยสว่ นใหญจ่ งึ
ใช้เสยี งในภาษาไทยที่ใกลเ้ คียง /ð/ แทน เชน่ ใชเ้ สยี ง /d/ เป็นต้น เชน่ คำ than มกั ออกเสยี งเปน็ /dæn/ ซึ่งทีถ่ ูกตอ้ งคือ
/ðæn/ และคำ with มักออกเสียงเปน็ /wɪd/ ซึง่ ที่ถูกตอ้ งคอื /wɪ ð/ เป็นต้น ดังนน้ั ผฝู้ กึ จึงตอ้ งไมล่ มื ทีจ่ ะให้ปลายล้ิน
แตะท่ขี อบฟนั บนและปลอ่ ยใหก้ ระแสลมเสยี ดแทรกออกมา เช่นเดยี วกบั การออกเสียงพยญั ชนะ /θ/ แตต่ อ้ งใหเ้ สน้ เสียง
สน่ั เน่ืองจากเสยี งพยญั ชนะ /ð/ เป็นเสียงกอ้ ง
ที่มา: ปรารมภร์ ัตน์ โชติกเสถียร. 2557. การออกเสียงสระและเสยี งพยัญชนะในภาษาองั กฤษ.
พมิ พ์ครัง้ ท่ี 10. กรงุ เทพฯ : สำนกั พมิ พจ์ ฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั
5. ครเู ขยี นประโยคต่อไปนี้บนกระดาน
The place is nice. I think there were mice.
Where’s the car. What do you want?
Nice to see you. The room isn’t cold.
ครูใหน้ กั เรยี นบอก คำแสดงเน้ือหา (content words) ในประโยคบนกระดาน ครูอธบิ ายเพ่ิมเติมว่า
คำแสดงเนอื้ หา คือ คำทม่ี คี วามหมายสมบรู ณอ์ ยใู่ นตวั เอง เราสามารถคน้ หาความหมายของคำศพั ทน์ นั้ ไดจ้ ากพจนานุกรม
จากน้นั ครูรวบรวมคำตอบจากนักเรยี นและขีดเส้นใตค้ ำแสดงเน้ือหาในประโยคบนกระดาน ตอ่ มาครถู ามนกั เรียนวา่ คำ
เหล่าน้ี คือ คำชนิดใด
The place is nice. I think there were mice.
Where’s the car? What do you want?
Nice to see you. The room isn’t cold.
เสร็จแล้วครูสรปุ ให้นกั เรียนฟังอกี ครั้งว่า คำแสดงเนอื้ หา (content words) คือ คำตอ่ ไปน้ี
- คำนาม (nouns)
- คำกรยิ าหลัก (main verbs)
- คำคุณศัพท์ (adjectives)
- คำกรยิ าวิเศษณ์ (adverbs)
- Question words เชน่ what, where, when, why
- รปู ย่อปฏเิ สธของ verb to be (negative contractions)
ตอ่ มาครอู ธิบายวา่ คำแสดงเนอื้ หามักจะเปน็ คำทล่ี งเสียงหนกั ในประโยค เสรจ็ แลว้ ครใู หน้ กั เรยี นอ่านออกเสยี งประโยคนบนก
ระดานตามครู
หน้า 36
ความแตกต่างระหว่างภาษาไทยกบั ภาษาอังกฤษ
ภาษาไทยถือว่าเป็น syllable-timed language คือ เป็นภาษาที่ออกเสียงเน้นหนักเท่ากันทุกพยางค์
ในคำและทกุ คำในประโยค ทำให้คนไทยสว่ นใหญใ่ ชห้ ลกั การเดียวกนั นใี้ นการออกเสยี งภาษาองั กฤษ ซ่งึ
ทำใหค้ นไทยมักออกเสียงไมถ่ ูกต้อง เนอ่ื งจากภาษาอังกฤษถือว่าเป็น stress-timed language คือ จะ
ออกเสยี งเน้นหนกั เฉพาะบางพยางคใ์ นคำ (word stress) หรอื คำท่ีตอ้ งการเน้นในประโยค (sentence
stress) ส่วนพยางคห์ รือคำท่ีไม่เน้นเสียงหนักจะมีการลดเสยี งสระและพดู รวบรัดเหมือนพูดอยู่ในลำคอ
ดังนั้น คนไทยควรให้ความสำคัญ กับการเน้นเสียงหนักในคำที่มีตั้งแต่สองพยางค์ขึ้นไป การออกเสียง
ภาษาอังกฤษน้ันจะต้องรวู้ ธิ กี ารออกเสยี งพยญั ชนะและสระในภาษาอังกฤษให้ถูกตอ้ งดว้ ย
ท่ีมา: http://www.rdpscc.com/English.htm
สามารถเขา้ ไปเรียนรู้เร่ือง stress-timed language ของภาษาองั กฤษไดท้ ี่
http://rachelsenglish.com/english-stress-timed-language/
6. ครูเขียนกลุม่ คำต่อไปนีบ้ นกระดาน และให้นกั เรยี นระบุคำทีล่ งเสียงหนัก
some milk and eggs a tin of beans
a snack for lunch the loaf of bread
a jar of jam some tea to drink
a piece of cake some milk and rice
a glass of juice a cup of tea
a bowl of soup
เมื่อได้คำตอบว่า คือ คำนาม ครูอธิบายว่า คำที่ไม่ได้รับการลงเสียงหนัก คือ คำที่บอกหน้าที่ทางภาษา (function words)
เช่น a, some, of, for, and ซึ่งจะออกเสยี งในรปู weak form ดังนี้
/ə/ /səm/ /əv/ /fə/ /ənd/
ครชู ี้ใหน้ กั เรียนเห็นว่า เสียงสระในรูป weak form มักจะเปน็ เสยี ง /ə/ ซงึ่ เรียกว่าเสียง schwa
จากน้นั ให้นกั เรยี นฝึกอ่านออกเสียงกลมุ่ คำบนกระดานตามครู โดยครเู ขยี นสญั ลักษณต์ ่อไปน้ีให้นกั เรยี นดู
ครูอธิบายวา่ วงกลมใหญ่แทนคำที่ได้รบั การลงเสียงหนัก ซงึ่ ทุกกลมุ่ คำบนกระดานจะออกเสียงตามรปู แบบน้ี
ครูอาจใหน้ ักเรยี กฝึกออกเสียง พรอ้ มกับปรบมอื ไปด้วย โดยคำทไี่ มไ่ ด้รบั การลงเสียงหนัก
ใหน้ กั เรยี นปรบมือคอ่ ย ๆ เบา ๆ และเร็วกว่าคำท่ไี ด้รบั การลงเสยี งหนกั
Extra activities: ครใู ห้นักเรยี นเรียนรูแ้ ละฝกึ ฝนเสียง schwa เพมิ่ เตมิ จาก www.youtube.com โดยพมิ พช์ ื่อคลปิ
Pronunciation: Schwa หรอื เขา้ ไปท่ี https://www.youtube.com/watch?v=KwDJnXt3ZVQ
7. หนังสอื เรยี น หนา้ 39 Ex. 4b ครอู ธิบายวา่ ในประโยคภาษาอังกฤษ โดยปกติแลว้ คำแสดงเน้ือหา (content words) มกั จะ
เปน็ คำทลี่ งเสียงหนักในประโยค อย่างไรกต็ ามครูอธบิ ายวา่ ในภาษาองั กฤษมกั จะมีขอ้ ยกเว้นเสมอ คำที่ไมใ่ ช่ content
words หรอื ที่เรียกวา่ function words ก็สามารถทจี่ ะลงเสียงเน้นหนกั ในประโยคไดเ้ มื่อผพู้ ดู ตอ้ งการใหผ้ ฟู้ ังสนใจทจ่ี ดุ นนั้
เช่น
I lost my keys. (= I didn’t lose your keys.)
หน้า 37
เสร็จแล้วครูเขียนประโยคบนกระดาน แล้วเปดิ CD ให้นกั เรียนฟัง เพื่อระบวุ า่ คำทีล่ งเสยี งเน้นหนักทสี่ ดุ ในประโยคคอื คำว่า
อะไร โดยครูอาจเปดิ ให้นกั เรยี นฟงั 2-3 ครัง้ ครรู วบรวมคำตอบจากนกั เรยี นแลว้ เฉลยคำตอบพรอ้ มกัน ครอู าจให้นกั เรียน
ช่วยกันวิเคราะหว์ า่ ทำไมแตล่ ะคำถึงไดร้ บั การลงเสยี งเน้นหนักดว้ ยกไ็ ด้ สดุ ทา้ ยครเู ปิด CD และใหน้ ักเรยี นฝึกอา่ นออกเสยี ง
ตาม
1 There’s some milk in the carton.
2 The milk is in the fridge.
3 There is a loaf of bread on the table.
4 There isn’t any pasta.
Function words คอื คำประกอบท่ชี ว่ ยทำให้โครงสรา้ งของประโยคถกู ตอ้ งตามหลกั ไวยากรณ์ ถา้ นำคำ
เหลา่ นี้ออกไปกย็ งั จับใจความสำคญั ของประโยคได้ โดยปกติแลว้ function words ได้แก่ คำสรรพนาม
(pronouns), คำบพุ บท (prepositions),
คำนำหนา้ นาม (articles), verb to be อยา่ งไรกต็ ามในประโยคภาษาอังกฤษ
ไมจ่ ำเปน็ ตอ้ งเนน้ ท่ีคำแสดงเนื้อหา (content words) เสมอไป ขนึ้ อยกู่ บั ความหมายของประโยค ตวั อย่าง
function words ทมี่ กั ได้รับการลงเสียงเนน้ หนกั เช่น
- Some ลงเสยี งเนน้ หนกั เมอื่ หมายถึง some people, a large number or amount,
a particular person or thing without saying exactly which
SOME never seem to put on weight.
We’ve known each other for SOME YEARS now.
I’ll see you again SOME time, I’m sure.
- Any ลงเสยี งเนน้ หนักเม่อื หมายถงึ it not important which, it is used for emphasis
after a negative verb
ANY of the bookshops in town will sell them.
- Haven’t you done ANY of your homework yet?
- Somebody, anybody etc มักจะลงเสียงเน้นหนักเม่ือข้นึ ตน้ ประโยค
- กริยาช่วย (auxiliary verbs และ modal verbs) มกั จะลงเสียงหนัก เม่อื ตอ้ งการเนน้ เปน็ พเิ ศษ
ในรูปปฏิเสธ ในการพูดโต้แย้ง (contradictions) เช่น I SHOULD have come earlier. You
HAVEn’t cleaned our room. I HAVE cleaned it
ท่มี า: Martin Hewings (2015), Cambridge English Pronunciation in Use. Italy. Cambridge
University Press
หนา้ 38
8. หนังสอื เรยี น หน้า 39 Ex. 2 นักเรยี นอา่ นประโยค a และ b ทใ่ี หม้ าในแตล่ ะข้อ แล้วลองเดาวา่ ประโยคเหลา่ นี้นา่ จะเปน็
ประโยคตอบของคำถามเชน่ ใด จากนั้นครูเปดิ CD ใหน้ ักเรียนฟัง 1-2 คร้ังและวงกลมล้อมรอบคำตอบรับท่ีถูกต้อง เสร็จแลว้
ครตู รวจคำตอบพร้อมกันกบั นักเรยี น
1a 2b 3b 4b 5a
9. หนงั สอื เรียน หนา้ 39 Ex. 3a ครูทบทวนการใชค้ ำบอกปรมิ าณ some/any/little/few โดยเขียนคำนามทน่ี ับไดแ้ ละนบั
ไม่ไดบ้ นกระดาน แลว้ ให้นักเรยี นช่วยกันบอกวา่ คำบอกปรมิ าณใดบา้ งทีส่ ามารถใช้ไดก้ ับคำนามนั้น ๆ
ตัวอย่าง
tomatoes – some, any, few
bread – some, any, little
sugar – some, any, little etc.
จากนนั้ นักเรยี นอ่านบทสนทนาด้านล่าง แล้วเตมิ ชอ่ งว่างดว้ ย some, any, little หรือ few เสรจ็ แลว้ ครูเปิด CD ให้นักเรียน
ฟงั เพอ่ื ตรวจคำตอบ ครรู วมรวมคำตอบและเขียนเฉลยบนกระดาน
1 any 4 some 7 any 10 little
2 little 5 few 8 any 11 some
3 any 6 any 9 some
10. หนังสอื เรยี น หนา้ 39 Ex. 3b ครเู ขียนคำถาม Which sections in the supermarket do Ann and Bill need to visit?
บนกระดาน แลว้ ใหเ้ วลานกั เรยี นสน้ั ๆ อา่ นกวาดสายตาเพือ่ มองหาสินค้าแตล่ ะชนิดที่ Ann กบั Bill จำเปน็ ตอ้ งซอื้ เพอ่ื ระบุ
แผนกในซูเปอร์มารเ์ กต็ ที่ Ann กับ Bill ตอ้ งไปซือ้ สนิ คา้
เสรจ็ แล้วครูรวบรวมคำตอบจากนกั เรยี นหลาย ๆ คน แลว้ เฉลยคำตอบพรอ้ มกัน
Ann and Bill need to visit the dairy section, in the fruit & veg section, the drinks section,
the tinned goods section, the bakery section and the household products section
.
11. หนงั สอื เรยี น หนา้ 39 Ex. 3c นักเรยี นฟัง CD พรอ้ มกับอา่ นบทสนทนาท่ใี หม้ า เม่ือฟัง CD เสร็จแลว้ ครถู ามคำถาม 2-3
คำถาม เพือ่ ตรวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรยี น
T: Where are Ann and Bill?
Ss: They are in the kitchen.
T: What are they doing?
หน้า 39
Ss: They are making a shopping list.
T: What do they need to buy?
Ss: Milk, cheese, eggs, apples, coffee, spaghetti, pineapples, bread and soap.
เสรจ็ แลว้ นกั เรียนเขียนรายการสง่ิ ของท่ี Ann และ Bill ตอ้ งการซ้ือลงในสมุด ครเู ดนิ ไปรอบ ๆ หอ้ งเพอื่ ชว่ ยเหลือนักเรียน
เม่ือทำเสรจ็ ครใู ห้นักเรียนบางคนออกมาเขียนคำตอบบนกระดาน
2 cartons of milk 1 packet of spaghetti
½ kilo of cheese 1 tin of pineapple slices
1 box of eggs 1 loaf of brown bread
6 apples 1 bar of soap
1 jar of coffee
12. หนังสือเรยี น หนา้ 39 Ex. 3d นักเรียนจบั ค่กู ัน และแบง่ บทบาทกนั ว่า ใครจะเปน็ Ann ใครจะเปน็ Bill แล้วฝึกอา่ นบท
สนทนาโตต้ อบกนั โดยครูกำหนดระยะเวลาให้นักเรยี นฝึกซ้อมประมาณ 5 นาที เสรจ็ แลว้ ครูให้นกั เรยี น 2-3 คู่ ลกุ ขน้ึ ยนื
และอ่านบทสนทนาใหเ้ พื่อน ๆ ฟงั
13. หนังสอื เรียน หนา้ 39 Ex. 5a นักเรียนคเู่ ดมิ ทำกจิ กรรมรว่ มกนั อีกครัง้ โดยสมมตวิ ่า กำลังจะไปซูเปอรม์ ารเ์ กต็ และแต่งบท
สนทนาเกีย่ วกบั รายการสิ่งของท่ีจะซอ้ื โดยใช้บทสนทนาใน Ex. 3a
เปน็ ตน้ แบบ ในขณะทน่ี กั เรยี นแตง่ บทสนทนา ครเู ดนิ ไปรอบ ๆ ห้องเพอ่ื คอยชว่ ยเหลอื และ
ใหค้ ำแนะนำทีจ่ ำเปน็ เม่อื เขียนเสร็จแลว้ ครูใหเ้ วลานกั เรยี นฝกึ ซอ้ ม แลว้ ครสู ุม่ เรียกนักเรยี น
หลาย ๆ คู่ ออกมาแสดงบทสนทนาทหี่ นา้ ชัน้ สว่ นนักเรยี นท่เี หลือมาแสดงบทสนทนาให้ครูดู
นอกเวลาเรยี น
S1: The kitchen cupboards are empty. We need to go to the supermarket.
S2: OK. Let’s make a shopping list.
S1: Well, we need some orange juice and there’s very little yoghurt left.
S2: So, one carton of orange juice and three pots of yoghurt.
Do we have any rice?
S1: Yes, we have a bag, but there are no potatoes.
S2: OK. We’ll get 3 kilos of potatoes. Do we still have cereal?
S1: There’s very little left. We’ll also need some crisps and biscuits.
S2: OK, so we’ll get a box of cereal, a packet of biscuits and two bags of crisps.
How about fruit?
S1: We only have some cherries.
S2: OK, so we’ll pick up six apples and five bananas. Anything else?
S1: No, I think that’s all we need.
หนา้ 40
ครูอาจใหน้ กั เรยี นทำกิจกรรมน้ีเปน็ กลุ่ม กลุม่ ละ 3-4 คน แล้วอดั คลปิ วิดีโอการแสดง
บทสนทนามาสง่ ครู
14. หนงั สือเรียน หนา้ 39 Ex. 5b จากบทสนทนาท่นี กั เรียนได้แตง่ ไว้ ให้นกั เรยี นวาดภาพต้เู ย็นและ
ตู้เก็บของในครวั พร้อมทง้ั อาหารท่ีมีอย่ขู า้ งใน จากนน้ั เขียนบรรยายส่งิ ท่นี กั เรียนมแี ละไม่มี
เสรจ็ แลว้ ครูให้นกั เรยี นทำรายการสิ่งของท่ีจะซือ้ ประกอบดว้ ย
ข้ันสรุป
1. นกั เรียนชว่ ยกนั บอกประโยชน์ของการทำรายการสง่ิ ของทีจ่ ะซื้อก่อนไปซ้ือของ เชน่ ช่วยควบคุมการใช้จ่าย เพราะเรามักจะ
จา่ ยเงนิ ไปเปน็ จำนวนมากกับสิง่ ที่ไมจ่ ำเปน็ หรอื ไม่ได้ตงั้ ใจจะซ้ือ
ถ้าไมไ่ ด้ทำรายการซื้อของไว้ นอกจากนี้ การทำรายการซอ้ื ของยังชว่ ยให้ไม่ลมื สิ่งของท่ีจำเป็นตอ้ งซอื้ จริง ๆ
2. นักเรียนช่วยกันระดมสมองบอกวิธีการซื้อของอย่างชาญฉลาด เช่น การรู้จักเปรียบเทียบราคาสินค้าจากร้านค้าต่าง ๆ ใน
ทอ้ งถน่ิ หรอื การใชอ้ นิ เทอรเ์ น็ตเพือ่ หาข้อมูลราคาสนิ คา้
3. นกั เรียนฝึกอ่านออกเสยี งกลมุ่ คำเหลา่ นีอ้ ีกคร้ัง
some milk and eggs a tin of beans
a snack for lunch the loaf of bread
a jar of jam some tea to drink
a piece of cake some milk and rice
a glass of juice a cup of tea
a bowl of soup
4. แบบฝกึ หดั (Workbook) นกั เรยี นทำ Ex. 5 หนา้ 10 และอ่านทบทวนเรื่อง Few/A Few/Little/A little หนา้ 34 แล้วทำ
Ex. 7 หนา้ 35 เป็นการบ้าน
ครูสามารถเข้าไปค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการซื้อของหรือแนะนำให้นักเรียนไปศึกษาด้วยตนเองได้ท่ี
เวบ็ ไซตต์ ่อไปนี้ แลว้ ในตอนต้นของคาบเรยี นถัดไป ครูใหน้ ักเรยี นบอกวธิ กี ารซือ้ ของมาคนละ 1 วิธี
http://www.savethestudent.org/save-money/food-drink/the-students-ultimate-
supermarket- guide.html
http://www.thekitchn.com/15-moneysaving-ways-to-outsmart-your-supermarket-199531
http://zenhabits.net/50-tips-for-grocery-shopping/
หน้า 41
7. การวัดและประเมนิ ผล
วิธีการวัด เครื่องมือ เกณฑ์การผ่าน
ประเมนิ การแสดงบทสนทนา แบบประเมินการแสดงบทสนทนา/ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
(ต 1.1 ม. 4-6/2, ต 1.2 ม. 4-6/1, บทบาทสมมติ
ต 2.1 ม. 4-6/1, ต 4.1 ม. 4-6/1) รอ้ ยละ 60
ตรวจงานเขียนบรรยายสง่ิ ของทีม่ แี ละไมม่ ี รวมท้งั สมดุ นักเรยี น
รายการส่ิงของทีจ่ ะซื้อ ระดับคณุ ภาพ ผ่าน
(ต 1.1 ม. 4-6/3) แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะ
สังเกตพฤตกิ รรมบ่งชดี้ ้านใฝเ่ รยี นรู้และ อนั พึงประสงค์
อย่อู ยา่ งพอเพยี ง
8. สอื่ /แหลง่ การเรยี นรู้
8.1 หนังสือเรียน Upload 4 ม. 4
8.2 แบบฝึกหดั Upload 4 ม. 4
8.3 Class Audio CD ประกอบสอื่ ฯ ชุด Upload 4 ม. 4
หน้า 42
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 4 Buying things
จดุ ประสงค์ (Objectives)
- ตอบคำถามจากการอา่ นและฟงั ได้
- สนทนาเก่ียวกบั การซื้อของสนั้ ๆ ได้
- เขียนบรรยายนสิ ัยการซอ้ื ของของครอบครวั ตนเองได้
1. มาตรฐานการเรียนร้แู ละตวั ชี้วัด
มาตรฐาน ต 1.1: ต 1.1 ม. 4-6/4
มาตรฐาน ต 1.2: ต 1.2 ม. 4-6/1, ต 1.2 ม. 4-6/3
มาตรฐาน ต 1.3: ต 1.3 ม. 4-6/1
มาตรฐาน ต 2.1: ต 2.1 ม. 4-6/1
มาตรฐาน ต 4.1: ต 4.1 ม. 4-6/1
2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด
การมีความร้คู วามเข้าใจ และการฝกึ ทางภาษา ฟัง พดู อา่ น และเขยี น โดยใชค้ ำศพั ทเ์ ก่ยี วกับหนว่ ยเงนิ ตราของสหราช
อาณาจักร สำนวนเกี่ยวกบั การบอกราคาสนิ คา้ และการชำระเงิน การวิเคราะห์เปรียบเทียบความแตกต่างระหวา่ งสำนวนสภุ าษิตของ
เจา้ ของภาษาและของไทย ช่วยให้ผ้เู รยี นพดู และเขยี นสอื่ สารในชีวิตประจำวนั ไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ
3. สาระการเรยี นรู้
3.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า
1) Language Features and Functions
Vocabulary: UK currency (pence, penny, pound, quid, fiver, tenner)
Grammar: -
Functions: asking about prices
2) Language Skills
Listening: ฟงั เพอื่ หาขอ้ มูลเฉพาะ
Speaking: พดู ถาม-ตอบเกยี่ วกบั ราคาสนิ ค้าและการชำระเงนิ
Reading: อ่านเพอ่ื หาข้อมูลเฉพาะ
Writing: เขยี นบรรยายเกยี่ วกับนิสยั การซอื้ ของของครอบครวั ตนเอง
3) Culture: หนว่ ยเงนิ ตราและซูเปอรม์ ารเ์ กต็ ของสหราชอาณาจกั ร
หน้า 43
4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น
4.1 ความสามารถในการสอื่ สาร
4.2 ความสามารถในการคดิ
4.3 ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ิต
5. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
5.1 ใฝ่เรียนรู้
5.2 ม่งุ มนั่ ในการทำงาน
6. กิจกรรมการเรยี นรู้
ข้ันนำ
1. นกั เรยี นแบ่งเป็น 2 ทมี แตล่ ะทีมผลัดกันส่งตวั แทนออกมาจับฉลากและวาดภาพตามท่ีระบใุ นฉลาก ซงึ่ เปน็ กลมุ่ คำเก่ียวกบั
การบอกปรมิ าณอาหารที่นกั เรยี นได้เรียนมาแลว้ ในหนังสอื เรยี น หนา้ 36-37 แล้วให้สมาชิกในทีมของตนเองทายว่าคอื อะไร
โดยใช้ containers/quantifiers ท่เี รยี นมา เช่น
Team A S1: วาดภาพกลอ่ งนม
Team A: a carton of milk
Team B S1: วาดภาพเค้ก 1 ชิ้น
Team B:a piece of cake
2. นักเรียนช่วยกันบอกชื่อแผนกในซเู ปอรม์ ารเ์ กต็ โดยอาจเปิดหนังสือเรยี น หน้า 38 ดไู ด้ จากน้นั นกั เรยี นแบ่งเป็น 2 ทมี เลน่
เกม Noughts and Crosses โดยครูเขียนตาราง 9 ชอ่ งบนกระดาน และเขยี นชอื่ แผนกในซูเปอรม์ ารเ์ ก็ตลงในแต่ละช่อง ให้
แตล่ ะทมี ผลดั กันบอกชือ่ สินคา้ ทอี่ ยู่ในแตล่ ะแผนก ทีมทบ่ี อกได้ถกู ตอ้ ง มสี ทิ ธก์ิ ากบาทหรอื วงกลมที่ชอ่ื แผนกดงั กล่าว ทีมที่
กากบาทหรือวงกลมไดค้ รบ 3 ช่องติดกันกอ่ นในแนวใดก็ได้เปน็ ทมี แรก คือ ทีมท่ีชนะ ครใู ห้นกั เรยี นเลน่ เกมน้ีอีก 2-3 คร้ัง
จนนกั เรียนสามารถบอกช่อื สนิ คา้ ในแตล่ ะแผนกไดค้ ล่อง
ขั้นสอน
1. หนังสือเรียน หน้า 40 Ex. 1 นักเรียนดูคำศัพท์ในภาพโฆษณา ครูถามคำศัพท์นักเรียนเพื่อตรวจสอบความเข้าใจ และ
อธบิ ายความหมายของคำศพั ท์ที่นักเรียนไม่รู้ เชน่
special offer (n) สินคา้ ราคาพิเศษซึง่ มกั จะถกู กวา่ ปกตใิ นชว่ งระยะเวลาสนั้ ๆ
punnet (n) ตะกร้าหรอื กล่องขนาดเล็กสำหรับใสผ่ ลไม้ขาย
เชน่ a punnet of strawberries/raspberries
จากน้ันครถู ามนกั เรียนว่า Look at the adverts. Which supermarket section can you find each item?
หน้า 44
Kellogg’s Corn Flakes – crisps & snacks section
Heinz Baked Beans – tinned goods section
Pork chops – meat & fish section
Dairy Box chocolates – crisps & snacks section
Kenco coffee – drinks section
Strawberries – fruit & veg section
โฆษณา
คำวา่ โฆษณา ในภาษาองั กฤษ คือ advertisement และในภาษาแบบไม่เป็นทางการ ยงั สามารถเรียก
ไดว้ า่ ad และ advert โดยคำวา่ advert จะเปน็ ภาษาองั กฤษแบบองั กฤษ (British English)
Put an advertisement in the local paper to sell your car.
We put an advert in the local paper.
I often prefer the ads on TV to the actual programmes.
ครอู าจแนะนำเพิม่ เตมิ อกี คำหนง่ึ คือ commercial (= an advertisement on television or on
the radio.) เป็นโฆษณาทางโทรทศั นห์ รอื วิทยุ เช่น a commercial break
2. ครเู ขยี น UK currency บนกระดาน ครูถามความหมายจากนกั เรยี น โดยอาจยกตวั อย่าง เช่น The Thai currency is Baht.
จนไดค้ ำตอบว่า currency คือ สกลุ เงินท่ปี ระเทศตา่ ง ๆ ใช้
จากน้นั ครูเขยี นจำนวน 100p = £1 แลว้ อธิบายวา่ There are 100 pence in one pound. ครถู ามนักเรียนว่า p และ £
คือ สัญลกั ษณข์ องอะไร
ครอู ธิบายวา่ p คือ pence ซ่งึ เปน็ รูปพหูพจนข์ องคำว่า penny และ £ คือ pound เปน็ สกลุ เงินของ
สหราชอาณาจกั ร ครเู ขยี นจำนวนเงินต่อไปน้บี นกระดาน และอ่านออกเสียงให้นกั เรยี นฟัง
£5.50 อ่านวา่ five pound and fifty pence (หรือ five pound fifty)
£55.05 อ่านวา่ fifty-five pound and five pence (หรือ fifty-five pound five)
ครูอธบิ ายวา่ เราจะเขยี น £5.50 แตจ่ ะไม่เขยี นโดยใช้ใช้สญั ลักษณ์ท้งั £ และ p (£5.50p)
นอกจากนใ้ี นการเขียน ยังสามารถเขยี นได้ดังนดี้ ว้ ย
£5.50 สามารถเขยี นเป็น pence ได้ 550p
£0.50 สามารถเขยี นเป็น pence ได้ 50p
£0.05 สามารถเขยี นเปน็ pence ได้ 5p
ตวั ยอ่ p (pence) เวลาพดู มักจะออกเสยี ง เป็น p เชน่ 5p อ่านว่า five pee
Extra activities: นักเรยี นแบง่ เปน็ 2 ทีม เลน่ เกม Converting Money ครูบอกกติกาวา่ แตล่ ะทมี จะต้องแขง่ ขนั กนั คดิ
คำนวณเพอ่ื แปลงค่าเงินสกลุ อังกฤษจาก pence เป็น pound and pence จากนนั้ ครเู ขียนจำนวน 200p = …..… แลว้ ให้
นกั เรียนแปลงเปน็ pound and pence เมอื่ ไดค้ ำตอบว่า £2 ครอู าจยกตวั อย่างอีก 2-3 จำนวน เมอ่ื มนั่ ใจแล้วว่านักเรยี น
เขา้ ใจการแปลงคา่ เงินแลว้ ครเู ขยี นจำนวนตอ่ ไปนี้บนกระดาน และใหแ้ ตล่ ะทมี แขง่ กนั หาคำตอบ กลมุ่ ใดทหี่ าคำตอบไดเ้ รว็
และถูกต้องท่สี ุดเป็นผ้ชู นะ
หนา้ 45
300p = ……………….. 110p = …………………
600p = ……………….. 232p = …………………
400p = ……………….. 126p = …………………
150p = ………………… 450p = ………………….
310p = ………………… 464p = ………………….
300p = £3 110p = £1.1
600p = £6 232p = £2.32
400p = £4 126p = £1.26
150p = £1.5 450p = £4.5
310p = £3.1 464p = £4.64
3. หนังสือเรียน หน้า 40 Ex. 2 นกั เรยี นดูภาพเหรยี ญและธนบัตรของสหราชอาณาจักร พรอ้ มกับอ่านคำอธิบายค่าเงินใน
ตาราง จากน้ันครสู ุ่มเรยี กนกั เรียนหลาย ๆ คน บอกราคาสินคา้ ชนดิ ต่าง ๆ ในรปู ภาพ ครเู ขยี นคำตอบของนกั เรยี นบน
กระดาน
Pork chops – four pounds and twenty-seven (pence) per kilo
Dairy box chocolates – two for three pounds
Save a/one pound on any two jars of Kenco coffee
One pound off every 500 gramme punnet of strawberries
หน้า 46
หน่วยเงินตราของสหราชอาณาจกั ร (the United Kingdom) คอื pound sterling
เหรียญ มีเหรียญมลู คา่ 1p, 2p, 5p, 10p, 20p, 50p, £1, £2
ธนบัตร มีธนบตั รมลู คา่ £5, £10, £20 และ £50 โดยด้านหนา้ ของธนบัตรทกุ ใบจะมพี ระฉายาลกั ษณข์ อง
พระราชนิ ีอลซิ าเบธท่ี 2
ในภาษาองั กฤษ จะมภี าษาเรียกแบบไม่เปน็ ทางการสำหรับเงนิ เหล่าน้ี เช่น
£1 เรียกว่า a quid เชน่ Can you lend me five quid (=£5)?
Could you lend me 20 quid (= £20), mate?
ธนบัตร £5 เรียกว่า a fiver เช่น This CD only cost me a fiver.
ธนบตั ร £10 เรียกว่า a tenner เชน่ Can you change a tenner for two fivers?
ถึงแม้วา่ สหราชอาณาจกั รจะอย่ใู นทวีปยโุ รป แตไ่ ม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของยูโรโซน (Eurozone) ซง่ึ เป็นกลุ่มพ้ืนทป่ี ระเทศท่ี
ไดต้ กลงจะใชเ้ งินสกลุ ยูโร (Euro หรอื €) เป็นสกลุ เงนิ รว่ ม
สหราชอาณาจกั รจึงยงั คงใช้หนว่ ยเงินตรา (currency) เป็น Pound Sterling ไม่ได้ใช้
เงินสกุลยโู ร และรา้ นคา้ ในสหราชอาณาจักรสว่ นใหญไ่ มร่ บั เงินสกลุ ยูโร ยกเว้นหา้ งสรรพสินคา้ ใหญ่ ๆ เชน่ Harrods
เป็นต้น
4. ครเู ขียนสญั ลักษณ์ $ และ ¢ บนกระดาน แลว้ ถามนกั เรียนวา่ รหู้ รอื ไม่วา่ คือสญั ลักษณ์อะไร เมือ่ ได้คำตอบว่าเปน็ หนว่ ย
เงินตราของสหรัฐอเมริกาแลว้ ครถู ามนักเรียนว่า How many cents are in 1 dollars? There are 100 cents in one
dollar. จากนน้ั ครูอธบิ ายขอ้ มูลสน้ั ๆ เกย่ี วกับเงนิ ดอลลาร์ของสหรฐั และเขียนราคาสินคา้ เป็นสกลุ เงนิ ดอลลาร์แล้วให้
นกั เรียนฝึกบอกราคา เช่น $5, $5.62 and 62¢.
ธนบตั รดอลลารข์ องสหรัฐอเมริกา (the US dollar) จะมรี ปู ของประธานาธิบดที ่มี ชี ่ือเสยี ง เช่น George
Washington ซง่ึ เป็นประธานาธิบดีคนแรกของสหรฐั อเมริกา และมชี ่อื เรยี กแบบไมเ่ ป็นทางการว่า bucks
เพราะในอดีตช่วงศตวรรษที่ 18 มกี ารใชห้ นงั กวาง (the skins of bucks) เปน็ ตัวแทนของเงินในการ
แลกเปลย่ี นสินคา้ กนั buck ซึ่งมคี วามหมายว่า กวางตัวผู้ จึงกลายเป็นชอ่ื เรยี กของเงินดอลลารด์ ว้ ยใน
ภาษาพูด เช่น He earns 500 bucks a week. They cost ten bucks. We’re talking big
bucks (= a lot of money) here.
Extra activities: นกั เรยี นเล่นเกม online เพอื่ ฝกึ ฝนการบวกจำนวนเหรียญเงนิ ของสหราชอาณาจกั รไดท้ เี่ ว็บไซต์
ตอ่ ไปนี้
http://www.bgfl.org/bgfl/custom/resources_ftp/client_ftp/ks2/maths/shop_counter/index.htm
Advanced classes: ครูนำโจทย์จากเวบ็ ไซต์ตอ่ ไปนีม้ าใหน้ ักเรียนหดั คิดราคาสินคา้
http://www.primaryresources.co.uk/maths/shop2.htm
หนา้ 47
ครูแนะนำสำนวนสภุ าษติ ที่เกีย่ วข้องกบั คำวา่ penny
every penny (idm) all of the money
ตวั อยา่ ง We collected £700 and every penny went to charity.
not a penny (idm) no money at all
ตวั อยา่ ง It didn’t cost a penny.
He has never paid me a penny.
ครใู หน้ กั เรียนช่วยกนั อธบิ ายวา่ สำนวนสภุ าษติ เหล่านต้ี รงกบั สำนวนใดของไทย
จากน้ันครใู ห้นกั เรยี นช่วยกันบอกว่าในภาษาไทยมสี ำนวนสภุ าษติ ท่เี กย่ี วกบั เงินบ้างหรือไม่ ครูรวบรวม
คำตอบจากนกั เรยี น และให้นกั เรยี นช่วยกนั อธบิ ายความหมายของสำนวนสภุ าษิตเหล่าน้ี เชน่ พดู ไปสองไพ
เบ้ีย นิง่ เสียตำลึงทอง (พูดไปไมม่ ปี ระโยชน์ นิ่งเสยี ดีกวา่ ) สำนวนนต้ี รงกับคำกล่าว (saying) ใน
ภาษาอังกฤษว่า Silence is golden. (= it is often best not to say anything)
5. ครูเขยี นบทสนทนาสนั้ ๆ ต่อไปนบ้ี นกระดาน จากน้ันนกั เรียนอา่ นออกเสยี งตามครู
A: Can I help you?
B: I’d like a loaf of bread, please.
A: Here you are. Anything else?
B: No, thanks. How much is it?
A: It’s 60p.
ครแู นะนำสำนวนภาษาท่ีเกยี่ วขอ้ งกบั การซอ้ื ของ ดงั น้ี
Can I help you?/May I help you?/What can I do for you?
I’d like … ./I’m looking for … .
How much is it/are they? How much does it cost/do they cost?
Here you are.
Anything else? No, thanks./No, that’s everything.
Have you got any...? Sorry, I haven’t.
นกั เรยี นช่วยกันอธิบายวา่ แตล่ ะสำนวนภาษาจะใชเ้ ม่อื ไร ครยู ้ำให้นกั เรียนใชค้ ำวา่ would like
(’d like) แทนคำวา่ want เม่ือตอ้ งการพดู ถึงสิง่ ท่ตี นเองต้องการ เพราะสภุ าพมากกวา่
Extra activities: ครแู นะนำใหน้ ักเรยี นไปเรยี นรสู้ ำนวนภาษาท่ีใช้ในการถามและบอกราคาเพิม่ เตมิ จาก
www.youtube.com โดยพมิ พช์ ือ่ คลปิ Business English: Asking and Answering Price หรอื เขา้ ไปที่
https://www.youtube.com/watch?v=REgr4P3aaSU
6. หนงั สอื เรยี น หน้า 41 Ex. 3 นักเรียนดูภาพและอา่ น shopping list ท่ใี หม้ า แลว้ ชว่ ยกันบอกวา่ มีสนิ ค้าอะไรบา้ งในแตล่ ะ
ภาพ จากนั้นครูพูดถามราคาของสนิ คา้ แตล่ ะอย่าง เพอ่ื ให้นักเรยี นพดู บอกราคา เชน่
T: How much is a bottle of olive oil?
Ss: It’s £2 per bottle.
หน้า 48
(olive oil – two pounds per bottle, milk – one pound forty pence, spaghetti – ninety nine pence,
cheese – eight pounds per kilo, flour – one pound forty nine pence per bag, bread – sixty pence)
ตอ่ มานักเรยี นอ่านออกเสียงบทสนทนาทใี่ ห้มา แลว้ จบั คู่กับเพอื่ น สนทนาเกี่ยวกับการจ่ายราคาสนิ ค้า โดยดูปรมิ าณสินคา้ ท่ี
ซื้อจากใน shopping list และราคาจากภาพทใี่ ห้มา ครูยำ้ ให้นักเรยี น
ทีเ่ ป็นคนขายถามคำถามลกู คา้ กอ่ นดว้ ยคำถาม Can I help you?/May I help you?/What can I do for you? และย้ำ
ให้นักเรียนใชค้ ำวา่ please รวมถึงนำ้ เสยี งในการพดู เพ่ือให้มคี วามสภุ าพ เม่อื สนทนาจบแลว้ ครใู ห้นกั เรยี นเปลีย่ นคู่ จน
นักเรยี นสนทนาครบทุกภาพ เสรจ็ แล้วครสู มุ่ เรียกนักเรยี นออกมาสนทนาท่หี น้าชน้ั
A: I’d like four packets of spaghetti, please.
B: Here you are. Anything else?
A: No thanks. How much are they?
B: They’re £3.96./99p each.
A: I’d like a bag of flour, please.
B: Here you are. Anything else?
A: No thanks. How much is it?
B: It’s £1.49.
A: I’d like 2 loaves of bread, please.
B: Here you are. Anything else?
A: No thanks. How much are they?
B: They’re £1.20./60p each.
A: I’d like half a kilo of cheese, please.
B: Here you are. Anything else?
A: No thanks. How much is it?
B: It’s £4.00.
A: I’d like a bottle of olive oil, please.
B: Here you are. Anything else?
A: No thanks. How much is it?
B: It’s £2.
หน้า 49
7. หนังสือเรยี น หนา้ 41 Ex. 4 นักเรยี นทำกจิ กรรมก่อนการฟัง โดยดภู าพทใี่ ห้มา และตอบคำถาม ดงั น้ี
- Have you ever seen this kind of paper?
- How do you call this kind of paper from supermarket? (A receipt.)
- What is ‘Asda’? (It’s the name of a supermarket.)
จากน้นั ครูอธบิ ายว่า นกั เรียนจะได้ฟงั บทสนทนาระหว่างคน 2 คน ซึง่ กำลังเลือกซอ้ื ของกันอยู่
ครสู อนคำศัพทแ์ ละสำนวนภาษาทีน่ ักเรียนจะได้ยนิ ตอ่ ไปนี้
That’s a bargain. ใช้ในการบอกว่า สินค้านน้ั ราคาถูก/ประหยัด
trolley รถเข็นท่ีใชใ้ นการซ้อื ของ
ครูช้ใี หน้ กั เรยี นเห็นวา่ ทงั้ bargain และ trolley เวลาออกเสียงจะลงเสียงหนักท่ีพยางค์แรก แล้วฝึกนกั เรียนออกเสยี งท้งั
สองคำน้ี ครยู ำ้ ใหน้ ักเรียนเห็นความสำคญั ของการออกเสยี ง เพราะถา้ นักเรยี นออกเสยี งไม่ถกู ต้อง จะสง่ ผลตอ่ การฟังของ
นกั เรยี น เสร็จแล้วครูให้นักเรียนอา่ นรายชอ่ื สนิ คา้ ในใบเสร็จและชว่ ยกันบอกความหมาย
ตอ่ มาครูอธบิ ายภาระงานว่า ให้นกั เรยี นฟังและเติมราคาของสินคา้ แตล่ ะชนดิ ในใบเสรจ็ รบั เงิน
ใหค้ รบ โดยครูเปดิ CD ใหน้ ักเรยี นฟงั 2 ครงั้ เมอื่ ทำเสร็จ ครตู รวจคำตอบโดยเปิด CDให้นกั เรียนฟงั และหยดุ เป็นระยะ ๆ
เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นสามารถตรวจสอบคำตอบได้ เสรจ็ แล้วครพู ูดถามราคาของสินคา้ แต่ละอยา่ ง เชน่ How much is the loaf
of sliced bread? It’s £1.39. แลว้ เขยี นคำตอบบนกระดานอกี ครง้ั
1 £1.39 3 £1.50 5 £1.79
2 £5.00 4 £1.69
หนา้ 50