The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

04 แผนฯ Upload ม.4_หน่วย 2 เทอม 2 - Copy

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by สุจารี มีแดนไผ่, 2022-09-18 08:16:03

04 แผนฯ Upload ม.4_หน่วย 2 เทอม 2 - Copy

04 แผนฯ Upload ม.4_หน่วย 2 เทอม 2 - Copy

• ครูควรตรวจสอบวา่ นักเรยี นสามารถออกเสียงคำว่า receipt ถูกตอ้ งหรือไม่ เนอื่ งจาก คำนคี้ นไทยมกั จะออก

เสยี งผดิ เพราะเสยี ง p เป็น silent letter ตวั อกั ษร p จงึ ไม่ ออกเสยี ง คำวา่ receipt จึงออกเสียงว่า

/rɪ'si:t/ ครใู หน้ ักเรยี นฝกึ ออกเสียงคำน้ีหลาย ๆ ครงั้ และให้นักเรยี นฝึกในรูปประโยค ดังน้ี Can I have a

receipt, please?

• ครสู ามารถเขา้ ไปดาวนโ์ หลดกจิ กรรมเพม่ิ เติมเกีย่ วกับเร่ืองการซื้อของได้ท่เี ว็บไซต์

ตอ่ ไปน้ี http://www.teach-this.com/images/resources/shopping-around.pdf

• The “big four” supermarkets

ซเู ปอร์มารเ์ ก็ต ยักษใ์ หญ่ 4 อนั ดบั แรกของสหราชอาณาจักร คอื Tesco, Asda, Sainsbury’s และ

Morrisons สอ่ื ฯ ของสหราชอาณาจักร จึงมักนิยมเรียกซเู ปอร์- มารเ์ กต็ ทงั้ 4 น้ีว่า big four โดย

ซเู ปอรม์ ารเ์ กต็ ทัง้ 4 น้ี มีสว่ นแบง่ การตลาดถงึ 73.2% ของธุรกิจค้าปลีก (grocery market) ในสหราช

อาณาจกั รในปคี .ศ. 2015

โดย Asda เปน็ ซูเปอรม์ ารเ์ กต็ ทก่ี อ่ ตั้งโดยคนองั กฤษ แต่ปัจจุบนั มคี นอเมรกิ นั เปน็ เจ้าของ เนอื่ งจากโดนซื้อ

กจิ การในปคี .ศ. 1999 โดยเจา้ ของ Walmart ซึง่ เป็นซเู ปอร์มารเ์ กต็ ทีใ่ หญ่ทสี่ ดุ นประเทศสหรัฐอเมริกา

esco Lotus ในประเทศไทยก็เปน็ สาขาของ Tesco ในสหราชอาณาจักร โดยแต่เดมิ ช่ือวา่ Lotus ต่อมา

กลุม่ เทสโกเ้ ข้ามาซื้อกิจการ จึงไดเ้ ปลี่ยนชื่อเป็น Tesco Lotus

• Debit card

บัตรเดบติ (debit card) คอื บตั รที่ทางธนาคารออกใหก้ บั เราเม่ือเราเปดิ บญั ชเี งนิ ฝากกบั ธนาคาร เพอื่ ให้เรา

สามารถนำไปใชท้ ำธุรกรรมทางการเงนิ ตา่ ง ๆ ผา่ นทางตู้ ATM ไมว่ า่ จะเปน็ ถอนเงิน โอนเงนิ และชำระ

คา่ บรกิ ารต่าง ๆ พดู งา่ ย ๆ ก็คอื บตั รเดบติ มีคณุ สมบัตเิ ช่นเดยี วกับบตั ร ATM แต่บตั รเดบติ จะเหนือกวา่

ตรงทสี่ ามารถนำไปซอื้ สินคา้ ตา่ ง ๆ ไดโ้ ดยตรงแทนเงนิ สด หรอื การนำไป “รดู ” ซอ้ื ของ ซ่งึ จะคลา้ ยกบั บตั ร

เครดติ (credit card) แต่จะตา่ งกนั ตรงท่บี ตั รเครดติ เป็นการทีเ่ รานำ “เงนิ ในอนาคต” ออกมาใช้กอ่ น บตั ร

เครดติ จะทำหน้าทจ่ี า่ ยเงินให้เรากอ่ น หลังจากนั้นเราจึงคอ่ ยผ่อนจา่ ยเงนิ คืนไปตามเวลาและเครดติ ท่ีเราตก

ลงไวก้ ับธนาคารหรือร้านคา้ ท่ีเราซอื้ สินค้า สว่ นบัตรเดบติ เป็นการใช้จา่ ยที่ดงึ เอาเงนิ มาจากบัญชีของเรา

โดยตรง คอื ใชไ้ ปเท่าไรเงนิ ก็จะถูกหักออกไปเทา่ นน้ั เดย๋ี วนั้น ไมส่ ามารถใช้จา่ ยเกินยอดเงนิ ในบัญชไี ด้

• Cashback (a facility offered by some retailers whereby the customer may withdraw cash

when making a debit card purchase)

ถ้าไปซือ้ ของท่ซี ูเปอรม์ ารเ์ ก็ตทสี่ หราชอาณาจกั ร โดยใชบ้ ตั รเดบติ อาจจะไดย้ ินพนกั งานเกบ็ เงินถามวา่

Would you like any cashback, sir? หรือ Any cashback with that?

โดยในการตอบเราอาจตอบว่า £20, please. หรือ Yes, actually. Can I have £20 please? เป็นตน้

คำถามดงั กล่าวน้ัน พนักงานถามเราวา่ เราตอ้ งการเงินสดจากบตั รเดบติ หรอื ไม่

เช่น

ถ้าเราซ้ือของ £30 เราบอกวา่ เราขอ cashback เป็นจำนวนเงนิ £20 ทางร้านจะคิดเงินในใบเสร็จ £50

โดยเปน็ คา่ สนิ ค้า £30 และใหเ้ ปน็ เงินสดกบั เรา £20 วิธีการน้จี ะคล้าย ๆ กบั การกดเงนิ สดจาก ATM

เพียงแต่เราสามารถถอนเงินไดจ้ ากซูเปอร์มารเ์ ก็ตไดเ้ ลยไมต่ ้องไปธนาคาร

หน้า 51

8. นักเรยี นทำกจิ กรรมกอ่ นการอา่ น โดยอ่านชอ่ื เร่อื งของบทอ่านในหนา้ 41 และช่วยกันเดาวา่ เนอื้ เร่ืองน่าจะเก่ยี วกบั เร่อื งอะไร

จากนน้ั ครูทบทวนคำวิเศษณบ์ อกความถี่ เช่น always, usually, often, sometimes, never, once, twice แล้วให้

นกั เรียนอา่ นหวั ขอ้ ในตาราง แลว้ ชว่ ยกนั บอกคำศพั ท์

ทอี่ ยู่ในหวั ข้อดงั กล่าว เชน่

Family members: dad, mum, brother, sister, grandmother, grandfather

Shopping places: market, shop, supermarket, bakery, department store,

Things they buy: bread, water, milk, clothes

How often: always, usually, often, sometimes, never, once, twice, three times

9. หนังสือเรยี น หนา้ 41 กรอบ Check these words นักเรียนอา่ นคำศพั ทใ์ นกรอบ แลว้ ขดี เส้นใต้คำศพั ทห์ รอื วลีเหล่านี้ใน

เนอื้ เรื่อง แล้วเดาความหมายจากบริบท หากมคี ำใดทน่ี กั เรยี นไมส่ ามารถบอกความหมายไดห้ รอื บอกไดไ้ ม่ถูกต้อง ครจู งึ ให้

นกั เรยี นเปดิ จากพจนานกุ รม หลงั จากน้นั ให้นกั เรยี นเดาความหมายของคำศพั ทจ์ ากบรบิ ทอกี คร้งั

local (adj) belonging to the area one lives in
basics (n) food, clothes or equipment people need to live
expensive (adj) not cheap
look for (phr v) search for
special offer (n) at a lower price than usual
eco-friendly (adj) not harmful to the environment
Internet (n) a worldwide computer network

10. หนังสือเรยี น หนา้ 41 Ex. 5a นักเรียนทำกิจกรรมการอ่าน ดงั นี้
- อ่านบทอา่ นแบบ skimming เพื่อจบั ใจความสำคัญ
- อา่ นหวั ขอ้ ในตาราง แล้วกลับไปอา่ นบทอ่านอกี ครง้ั แบบ scanning เพื่อหาขอ้ มลู ทเี่ ก่ยี วข้องกับแตล่ ะหัวขอ้
- เม่อื พบแลว้ จงึ เตมิ ข้อมูลลงในตารางในช่อง John

ครูควรกำหนดเวลาใหน้ ักเรยี นส้นั ๆ ในการอ่าน เพอ่ื ไมใ่ หน้ ักเรยี นใชเ้ วลาอา่ นแบบแปลทลี ะคำ เสรจ็ แล้วครสู ่มุ เรียก
นักเรยี นหลาย ๆ คน บอกนิสยั การจบั จา่ ยซ้อื ของของ John และครอบครัว
11. หนังสือเรยี น หน้า 41 Ex. 5b ครูให้นกั เรียนดตู ารางใน Ex. 5a อีกคร้งั แลว้ มอบหมายใหน้ ักเรยี นไปกรอกข้อมลู เกยี่ วกับ
นสิ ัยการซอื้ ของของครอบครัวตนเองลงในตารางช่อง You แลว้ นำขอ้ มลู นี้มาเขียนบรรยายสัน้ ๆ เป็นการบา้ น โดยดูตวั อยา่ ง
การเขยี นจากบทอา่ นใน Ex. 5a

หน้า 52

There are four of us in my family. My mum goes to the supermarket once a week and
buys all our shopping. She buys fresh fruit and vegetables, milk, yoghurt, cheese and
meat. She also gets all our cleaning products from the supermarket. Once a week she
goes to the fishmonger’s and gets fresh fish for dinner. Once a month, my mum takes
my brother and me to the shopping centre. We go there to buy clothes and shoes.
Sometimes we buy books and magazines too.

ขั้นสรุป
1. นักเรียนทบทวนคำศัพทเ์ ก่ยี วกับสกุลเงนิ ของสหราชอาณาจักร และสำนวนภาษาที่ใชใ้ นการซือ้ ของ
2. แบบฝกึ หดั (Workbook) นักเรยี นทำ Ex. 6 หน้า 10 เป็นการบ้าน

7. การวัดและประเมินผล เคร่อื งมอื เกณฑ์การผา่ น
วธิ ีการวัด หนงั สือเรียน หนา้ 41 Exs. 4-5a รอ้ ยละ 60
ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
ตรวจการตอบคำถามจากการฟังและอา่ น แบบประเมนิ ทกั ษะการพูด
(ต 1.1 ม. 4-6/4) ระดับคณุ ภาพ พอใช้
ประเมินการสนทนาเกย่ี วกบั การซอ้ื ของสน้ั ๆ แบบประเมินการเขยี น ระดับคณุ ภาพ ผ่าน
(ต 1.2 ม. 4-6/1, ต 1.2 ม. 4-6/3, ต 2.1 ม. 4-6/1,
ต 4.1 ม. 4-6/1) แบบประเมินคณุ ลกั ษณะ
ประเมนิ การเขยี นนสิ ยั การซอ้ื ของของครอบครัวตนเอง (ต อันพึงประสงค์
1.3 ม. 4-6/1)
สังเกตพฤติกรรมบง่ ช้ีดา้ นใฝเ่ รียนรู้และมุ่งมั่น
ในการทำงาน

8. ส่อื /แหลง่ การเรยี นรู้
8.1 หนังสอื เรียน Upload 4 ม. 4
8.2 แบบฝึกหดั Upload 4 ม. 4
8.3 Class Audio CD ประกอบสอ่ื ฯ ชดุ Upload 4 ม. 4
8.5 กจิ กรรมเพิม่ เติมจากอินเทอรเ์ น็ต

หน้า 53

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 5 Shopping time

เวลา 2 ชั่วโมง

จุดประสงค์ (Objectives)
- ตอบคำถามจากการฟังและฟังได้
- สนทนาเก่ียวกับการซือ้ เส้อื ผา้ และราคาสนิ ค้าได้

1. มาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละตวั ชี้วัด
มาตรฐาน ต 1.1: ต 1.1 ม. 4-6/4
มาตรฐาน ต 1.2: ต 1.2 ม. 4-6/1
มาตรฐาน ต 2.1: ต 2.1 ม. 4-6/1
มาตรฐาน ต 4.1: ต 4.1 ม. 4-6/1

2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด
การมคี วามรู้ความเขา้ ใจและการฝกึ ทางภาษา ฟงั พูด อา่ น และเขียน โดยใช้คำศพั ท์ สำนวน โครงสรา้ งภาษาเก่ียวกับเรอ่ื ง

ตา่ ง ๆ ใกล้ตัว ชว่ ยให้ผู้เรยี นใช้ภาษาองั กฤษในชวี ติ ประจำวันได้อย่างมีประสทิ ธภิ าพ

3. สาระการเรยี นรู้

3.1 ทกั ษะเฉพาะวิชา

1) Language Features and Functions

Vocabulary: shops (department store, butcher’s, newsagent’s, music shop, chemist’s, baker’s,

florist’s, shoe shop, toy shop)

Pronunciation: word stress; linking sound

Grammar: this/these/that/those

Functions: shopping for clothes, asking about prices

2) Language Skills

Listening: ฟงั เพอื่ จบั ใจความสำคัญ

Speaking: สนทนาเกยี่ วกบั การซ้อื เส้ือผ้าและราคาสนิ คา้

Reading: อ่านบทสนทนาเพอ่ื ความเขา้ ใจ

Writing: เขียนบทสนทนาเกีย่ วกับการซือ้ สนิ ค้า

3) Culture: การซ้อื ของในประเทศอังกฤษและการเขา้ แถว

4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 4.2 ความสามารถในการคดิ
4.1 ความสามารถในการส่อื สาร
4.3 ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ

หน้า 54

5. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 5.2 อยูอ่ ย่างพอเพียง
5.1 ใฝเ่ รียนรู้

6. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ชว่ั โมงที่ 1
ขั้นนำ

1. นกั เรยี นแบ่งเปน็ 2 ทีม เล่นเกม Noughts and Crosses หรอื OX ของไทย โดยครเู ขยี นคำศัพทเ์ ก่ยี วกบั ภาชนะหรอื บรรจุ
ภัณฑล์ งลงในตาราง 9 ชอ่ งบนกระดาน แลว้ แตล่ ะทมี ผลดั กันแตง่ ประโยคบอกสนิ ค้าทีต่ ้องการซ้ือ เช่น We would like a
bowl of soup. ทมี ท่แี ต่งได้ถูกตอ้ งจะมีสทิ ธ์ิทำเครอ่ื งหมายของทีมตนเอง คือ O หรอื X ลงในช่องคำศพั ท์ที่แตง่ ประโยคได้
ถกู ตอ้ ง ทีมท่ที ำเคร่ืองหมายได้ครบ 3 ชอ่ งตดิ ตอ่ กันกอ่ นในแนวใดก็ได้เป็นทมี ทชี่ นะ

bottle packet cup
pot bowl loaf
slice carton tin

2. ครูถามคำถามเกยี่ วกบั ตัวของนกั เรียนเพื่อนำเขา้ สู่บทเรยี น ดังน้ี

Where do you usually buy shoes? Where do you usually buy meat?

Where do you usually buy new clothes?

ขัน้ สอน

1. หนงั สือเรียน หนา้ 42 Ex. 1a นักเรยี นดภู าพเกย่ี วกับรา้ นคา้ ตา่ ง ๆ ในห้างสรรพสนิ คา้ ทใ่ี หม้ า

ครถู ามคำศพั ท์เกย่ี วกับชื่อร้านตา่ ง ๆ เพอ่ื ตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียน และอธบิ ายความหมายของคำศัพท์ท่ีนักเรยี น

ไม่รู้ หรือใหข้ ้อมูลเพมิ่ เตมิ ทจ่ี ำเปน็

จากน้นั นกั เรยี นฟงั CD เพ่อื ฝึกการอา่ นออกเสยี งคำศัพท์ ครสู ังเกตและตรวจสอบว่านักเรยี นอา่ นออกเสียงถูกต้องหรือไม่

department store butcher’s newsagent’s

music shop chemist’s baker’s

florist’s shoe shop toy shop

หน้า 55

ชื่อรา้ นคา้ ตา่ ง ๆ ที่มี apostrophe s หมายถงึ the shop of someone เชน่

You can buy bread and cakes at the baker’s (= at the baker’s shop).

You can buy meat at the butcher’s (= at the butcher’s shop).

ช่อื รา้ นค้าท่ีมี apostrophe s นอกจากที่เรียนในหนังสอื เรียนแลว้ ครูอาจแนะนำร้านค้าอ่ืน ๆ เชน่

barber’s fishmonger’s greengrocer’s grocer’s hairdresser’s

ironmonger’s jeweller’s optician’s stationer’s

คำว่า chemist’s รา้ นขายยา ในประเทศอังกฤษ เรยี กว่า pharmacy ก็ได้

แตใ่ นประเทศสหรัฐอเมริกาจะเรียกว่า drugstore

รา้ นขายยาของต่างประเทศจะมกี ารขายสินค้าชนดิ อ่ืนนอกจากยาดว้ ย

เช่น เครอ่ื งสำอาง (make-up), อุปกรณ์ทำความสะอาด (toiletries) เชน่

สบู่ ยาสีฟนั ยาสระผม ทลี่ า้ งหนา้ หรอื ผลติ ภณั ฑ์ความงาม (beauty products)

ครยู กตัวอย่างรา้ น Booth’s ทม่ี สี าขาอยใู่ นหา้ งสรรพสนิ ค้าดัง ๆ ในประเทศไทยเปน็ ร้านขายยาจาก

ประเทศองั กฤษ

สว่ น newsagent’s นอกจากจะขายหนังสือพิมพ์ นิตยสารแล้ว ยงั ขายพวกลูกอมและบหุ รดี่ ้วย

2. นกั เรียนชว่ ยกนั บอกชื่อสินค้าทีส่ ามารถซอื้ ไดท้ ร่ี า้ นค้าต่าง ๆ โดยครูถามคำถาม เชน่

T: What can you buy at a butcher’s?
Ss: We can buy meat, chicken, pork etc.
T: What can you buy at a newagent’s?
Ss: We can buy newspapers and magazines.
T: What can you buy at a music shop?
Ss: We can buy music CDs, vinyl records and musical instruments.
T: What can you buy at a chemist’s?
Ss: We can buy medicines, soap, shampoo, toothpaste, make-up.

3. นกั เรียนเล่นเกม Chain Game โดยครถู ามคำถามนักเรยี น 1 คน เม่อื ตอบแล้ว ให้ถามเพื่อนคนต่อไป ทำอยา่ งน้ไี ปเรื่อย ๆ

จนถามครบทกุ คน เช่น
T: Where are you going?
S1: I’m going to the department store. I need some new clothes.
S2, Where are you going?
S2: I’m going to the butcher’s. I need some pork chops.
S3, where are you going?
S3: I’m going to the newsagent’s. I need a new magazine. etc.

4. ครนู ำเสนอโครงสรา้ ง I’m looking for + สินค้า. ครูอธิบายวา่ เรามักใช้โครงสรา้ งน้ีในการบอกพนกั งานขายวา่ เรากำลัง
มองหาอะไร เมื่อเขา้ ใจแลว้ ครใู หน้ ักเรียนเลน่ เกม Chain Game อกี ครง้ั
ครจู ะถามนักเรียน 1 คน What are you looking for? เม่อื นกั เรียนตอบแล้ว ให้ถามเพอื่ นคนตอ่ ไป

หน้า 56

ทำอย่างนีไ้ ปเรือ่ ย ๆ จนถามครบทกุ คน เชน่
T: What are you looking for?
S1: I’m looking for a white T-shirt.
What are you looking for?
S2: I’m looking for black gloves.
What are you looking for?

5. ครูนำสง่ิ ของต่าง ๆ มาตดิ ราคาสนิ ค้า โดยใหม้ ที ้งั ทีเ่ ป็นเอกพจนแ์ ละพหพู จน์ จากนั้นครูพูดถามราคานกั เรียน เพอ่ื ใหน้ ักเรยี น
ฝกึ ใช้คำสรรพนามใหถ้ กู ตอ้ ง เชน่
T: How much is this pen?
Ss: It’s 2p.
T: That’s correct. How much are these trainers?
Ss: They’re £65.
T: That’s correct.
จากน้ันครูสมุ่ ถามนกั เรยี นทลี ะคน เพอื่ ตรวจสอบว่า นักเรียนเขา้ ใจหรอื ไม่ว่า เมอ่ื ใดควรใช้
คำสรรพนาม it (คำนามเอกพจน์ เชน่ a shirt, a jacket, a handbag, a hat และคำนามนับไมไ่ ด้ เชน่ bread, meat,
milk) และเมื่อใดควรใช้ they (คำนามพหูพจน์ เชน่ trousers, shoes, boots, shorts, glasses, gloves, sunglasses,
flowers)

การเข้าควิ
คนองั กฤษจะเข้าคิวและรอคิวอยา่ งสำรวมและอดทน เชน่ รอควิ ขนึ้ รถเมล์ รถไฟ จา่ ยเงินท่รี า้ นคา้ การแซง
คิวถือเป็นการเสียมารยาทอย่างมาก เปน็ เรอ่ื งที่คนทต่ี ่อคิวอย่รู ับไมไ่ ด้ ถอื เปน็ การไม่ให้เกยี รติ และจะต่อว่า
ให้ได้อาย ถา้ มคี วามเร่งรีบอยา่ งมาก และต้องการขอแซงควิ กจ็ ะตอ้ งค่อย ๆ ร้องขอจากผู้ท่ีอยขู่ ้างหนา้ ทลี ะ
คนไป ดงั นนั้ เวลาเราจะจ่ายเงินซอื้ สินคา้ ไมว่ า่ จะรา้ นคา้ เลก็ หรือใหญ่ อยา่ ลืมการเขา้ คิว เมือ่ เลอื กหาสนิ ค้า
ท่จี ะซ้ือได้ ใหเ้ ดินไปชำระเงนิ ที่แคชเชียร์ โดยมกั จะมีป้าย “Cashier”, “Please Pay Here” ชีท้ างไว้
ขอใหต้ ระหนกั ไว้เสมอว่า การจา่ ยเงนิ จะต้องเขา้ ควิ เพราะในประเทศอังกฤษ ผคู้ นจะถอื ว่าเป็นการไร้
มารยาทเป็นอยา่ งมากหากมใี ครสกั คนลัดหรือแซงควิ หากเราไม่แน่ใจวา่ คนขา้ งหนา้ หรอื ขา้ งหลงั เรากำลัง
เข้าคิวอย่หู รือไม่ (ซ่ึงอาจเป็นเพราะบางร้านไม่ได้จดั ที่ยืนไว้ให้แนน่ อน) เราก็ควรถามผู้ทยี่ ืนอยู่ใกล้ ๆ ท่ี
จ่ายเงินวา่ “Excuse me, are you in the queue?” หรือ “Is this a queue?”
ที่มา: http://www.selteducation.com/contents.aspx?id=12

6. นกั เรียนชว่ ยกนั พูดแนะนำสำนวนภาษาต่าง ๆ ทใ่ี ช้ในการซ้ือของ แลว้ ครูเขียนบนกระดาน

หนา้ 57

Shop assistant Customer
Can I help you?/How can I help I’m looking for… . /I’d like to buy… ./ Can I
you?/May I help you? have … .
What size are you? Do you have them in
small/medium/large?
What colour would you like? Do you have any in blue/white/etc?
Would you like to try it on? Can I try it/them on?/Where is the
Do you want anything else? changing room?
It’s/They are £… . No, that’s everything/that’s fine.
Here you are. How much is it/are they?
How would you like to pay? I’ll take it/them.
Can I pay by credit card/in cash?
Do you take credit cards?

ครูตรวจสอบว่า นักเรยี นเขา้ ใจความหมายของ try on (ลอง) หรือไม่ จากน้ันครยู กตวั อยา่ งประโยค เชน่ You should
try the shoes on before you buy them. (= put on shoes to see if they fit and how they look)
แล้วใหน้ ักเรยี นชว่ ยกนั แตง่ บทสนทนาเกี่ยวกับการซือ้ เสอ้ื ผา้ ร่วมกัน 1 บท เชน่

A: Can I help you?
B: Yes, I’m looking for a T-shirt.
A: What size are you?
B: I’m a medium.
A: What color would you like?
B: A blue one.
A: Here you are.
B: Thank you. Can I try it on?
A: Certainly, the changing room is over there.
B: Thank you.
A: How does it fit?
B: It’s fantastic. I like it.
A: Yes, it looks nice on you.
B: Thank you. I’ll buy it.
A: OK, how would you like to pay?
B: Do you take credit cards?
A: Yes, we do.
B: OK, here’s my credit card.
A: Thank you. Have a nice day!
B: Thank you, goodbye.

หน้า 58

7. ครูถามนักเรียนว่าเคยไปซื้อของกับเพื่อนหรือไม่ เพื่อน ๆ เคยถามความคิดเห็นของนักเรียนเกี่ยวกับของที่จะซื้อหรือไม่
จากน้ันครูนำเสนอสำนวนภาษาท่ีใชใ้ นการพดู ถามความคิดเหน็ ของเพือ่ น เช่น
A: What do you think of/about …?
B: It’s great/nice. /
You look cool/fantastic/fabulous/terrific/brilliant/awesome.
I don’t think this color suits you. What about this one?

การซ้อื ของในประเทศอังกฤษ
ในอดีตร้านค้าตา่ ง ๆ ในประเทศองั กฤษ จะปิดทำการเร็วมากและจะปิดขายของในวันอาทิตย์เพราะถอื เปน็ วนั
พกั ผอ่ นวนั ครอบครัว แต่ในปัจจบุ นั รา้ นค้าส่วนใหญจ่ ะเล่ือนเวลาปดิ ไปเปน็ หน่ึงถึงสองทุม่ หรอื อาจชา้ กวา่ นัน้
แต่ก็มักไม่เกนิ ส่ที มุ่ ในคนื วันเสาร์
แต่สำหรบั วนั อาทิตยร์ ้านคา้ จะเปดิ ขายของช้าประมาณสิบเอ็ดโมงหรอื เทีย่ งและจะปิดเรว็ คือ ส่ีหรือหา้ โมงเยน็
ในทุกเมอื งหรอื ถนนสายธุรกจิ ของเมอื งตา่ ง ๆ มกั จะมถี นนทีม่ ีร้านคา้ หลากหลายเรยี งรายกันอย่ซู ่งึ จะเรยี ก
เหมอื น ๆ กันวา่ high street (ถ้าเป็นชมุ ชน
ไม่ใหญ่) หรือ town centre (ถา้ เปน็ ชุมชนเมอื งที่ขนาดใหญข่ นึ้ ) ท่ีโดยปกติรา้ นคา้ จะเปดิ ประมาณเกา้ โมงเช้า
จนถงึ หกโมงเยน็ แต่กจ็ ะมวี ันที่ร้านคา้ ปิดช้าจนสองถึงสามสี่ทมุ่ เรียกว่า late night shopping นอกจาก
รา้ นค้าตาม high street หรอื town centre ในองั กฤษก็จะมีแหลง่ รา้ นค้าใหญ่นอกชานเมอื ง เรยี กว่า retail
park ซงึ่ จะเป็นทร่ี วมรา้ นคา้ ใหญ่ ๆ ในลักษณะ warehouse เขา้ ไวอ้ ย่ดู ว้ ยกัน ซงึ่ มักจะมี supermarket หรอื
ป๊ัมนำ้ มนั อยดู่ ว้ ย
ในการใช้บัตรเครดติ เพอื่ ซื้อสนิ คา้ ปัจจบุ นั รา้ นค้าส่วนใหญ่ในประเทศอังกฤษจะใชบ้ ตั รเครดิตหรอื เดบติ แบบที่
เรยี กว่า contactless cards (บัตรเครดิตแบบไรส้ มั ผสั ) ซ่งึ จะทำใหผ้ ู้ถือบัตรเครดติ หรอื เดบิตปอ้ นรหสั สว่ นตวั
(password) เขา้ ไปกบั เครอ่ื งเพื่อยนื ยนั การซ้ือขาย แทนการเซ็นชื่อในใบสลิป ดงั น้ัน หากจะใช้บัตรเครดิตใน
การซื้อสนิ คา้ ตอ้ งสอบถามพนกั งานของรา้ นค้านนั้ ก่อนวา่ รับบตั รเครดิตท่ใี ช้วธิ ีการเซน็ ชื่อลงในสลิปไดห้ รอื ไม่

ท่มี า: http://www.oeauk.net/home/?page_id=1225

8. หนังสอื เรยี น หน้า 42 Ex. 1b ครูขออาสาสมคั รอ่านบทสนทนาข้อ 1 แลว้ ครูถามนกั เรยี นว่าจาก บทสนทนาท่ี

นักเรียนอา่ นมาน้นั เป็นเหตกุ ารณท์ ่ีเกดิ ขน้ึ ทีร่ า้ นใดดา้ นซา้ ยมือ เมอื่ นักเรียนตอบแลว้ ครูถามนกั เรยี นว่าทราบไดจ้ ากคำ

สำคญั (key word) คำใด หลังจากน้นั ครใู หน้ กั เรียนช่วยกนั หา คำสำคญั ในแตล่ ะบทสนทนาและบอกว่าเปน็

เหตุการณท์ ี่เกดิ ขึน้ ในร้านใด เสรจ็ แลว้ ครเู ปิด CD ใหน้ กั เรียนฟังและอ่านบทสนทนาตามไปด้วย ครูตรวจคำตอบโดยสมุ่ เรยี ก

นกั เรยี นหลาย ๆ คน รายงานคำตอบ

1H 3A 5I 7E 9D

2B 4G 6F 8C

หนา้ 59

Which words helped you decide?

1 shoes, size 10 6 loaf of bread

2 steaks 7 Something for tired eyes, eyedrops

3 jumpers 8 this month’s Focus

4 bouquet of flowers 9 Enrique Inglesias’ latest CD

5 motorbike

9. หนงั สือเรยี น หนา้ 42 Ex. 1c นักเรียนฟงั บทสนทนาสน้ั ๆ แล้วระบวุ ่าแตล่ ะบทสนทนาเกดิ ข้นึ
ทรี่ า้ นค้าใด เสรจ็ แล้วครตู รวจคำตอบโดยสมุ่ เรยี กใหน้ ักเรยี นหลาย ๆ คนบอกคำตอบของตน

1 florist’s 2 department store/clothing shop 3 music shop

10. หนงั สอื เรยี น หนา้ 42 กรอบ Did you know? ครูอธิบายวา่ ภาษาอังกฤษท่คี นองั กฤษและอเมรกิ นั ใช้มีความแตกตา่ งกัน

ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน เรยี กวา่ American English แบบองั กฤษเรียกว่าBritish English ความแตกตา่ งมที ้งั ในเรอื่ ง

ตัวสะกด การใชค้ ำ เช่น

Spelling British English American English

colour color

favourite favorite

centre center

fibre fiber

litre liter

theatre theatre

neighbour neighbor

travelling traveling

jeweller jeweler etc.

Vocabulary biscuit cookie

autumn fall/autumn

flat apartment

lift elevator

trousers pants

pants/underwear underwear etc.

จากนั้นนกั เรียนอา่ นขอ้ ความในกรอบทใี่ หม้ า และชว่ ยกันอธิบายความหมาย เสรจ็ แลว้ ครูสรุป

หน้า 60

ใหฟ้ งั ว่า ท่ปี ระเทศสหรัฐอเมริกา จะเรยี กกางเกงขายาววา่ pants แตป่ ระเทศองั กฤษจะเรียกวา่ trousers ส่วนในประเทศ
องั กฤษ มคี ำวา่ pants เช่นเดยี วกนั แตจ่ ะหมายถึงกางเกงใน หรือ underwear
Weak classes: ครูสงั เกตว่า นกั เรยี นสามารถใช้ this/these/that/those ได้ถูกตอ้ งหรอื ไม่ ถา้ นักเรยี นส่วนใหญย่ ังใชไ้ ม่
คล่อง ครูสอนใหน้ ักเรียนใช้ this/these/that/those ใหถ้ กู ตอ้ ง เชน่
ครูหยบิ หนังสือขน้ึ มาถอื ไวใ้ นมือพรอ้ มกบั พดู ว่า Do you like this book? ครูเขยี นประโยคน้บี นกระดาน โดยขดี เสน้ ใต้คำวา่
this ในประโยค ครหู ยิบหนงั สือขึ้นมาอีกสองเลม่ แล้วพูดวา่ Look at these books. ครขู ดี เส้นใตท้ ี่ these ในประโยค ครู
อธิบายว่า this หมายถึง สงิ่ ทอ่ี ยู่ใกล้ 1 สิ่ง ส่วน these หมายถึงส่งิ ทอ่ี ยใู่ กลห้ ลายสง่ิ
จากนั้นครขู อใหน้ กั เรียนคนหนึ่งนำหนังสอื 1 เล่มไปวางไวท้ ี่โตะ๊ ของนักเรียน แลว้ ครูชไ้ี ปท่หี นังสอื เล่มนนั้ พร้อมกับพูดว่า
That is my book. ครเู ขียนประโยคนีบ้ นกระดานและขีดเส้นใต้ that ในประโยค ตอ่ จากน้ันครใู ห้นกั เรียนคนเดมิ นำหนังสอื
ของตนเอง 2 เล่มมาวางไวข้ ้าง ๆ หนังสอื ของครู ครูชไ้ี ปท่หี นงั สือเหลา่ น้นั พรอ้ มกับพูดว่า Look at those books. ครู
อธิบายเพม่ิ เตมิ ว่า that หมายถึงสง่ิ ทอี่ ยไู่ กล 1 ส่ิง those ใชก้ บั สิง่ ทีอ่ ยไู่ กลหลายสง่ิ
11. หนงั สอื เรียน หนา้ 42 Ex. 2a นักเรียนอ่านการใช้ this/these/that/those ในกรอบท่ีให้มา แลว้ ชว่ ยกันสรปุ หลักการใช้
พรอ้ มกบั ยกตัวอย่างเพ่ิมเตมิ
12. หนังสือเรียน หน้า 43 Ex. 2b นกั เรียนดูภาพทใ่ี ห้มา แลว้ เตมิ this, that, these หรือ those ลงในประโยค 1-4 ให้
ถูกตอ้ ง เสรจ็ แลว้ ครตู รวจคำตอบโดยให้นักเรยี นอ่านคำตอบของตน

1 These 2 Those 3 this 4 that, those

13. หนังสือเรยี น หนา้ 43 Ex. 3 นักเรยี นอ่านออกเสยี งบทสนทนาสนั้ ๆ จากนัน้ จบั คผู่ ลดั กนั พูดถาม-ตอบเกี่ยวกบั สงิ่ ของต่าง ๆ

ที่อยรู่ อบตัว ในขณะนักเรยี นทำกจิ กรรมน้ี ครูเดนิ ไปรอบ ๆ หอ้ งเพ่ือสงั เกตการพดู ของนกั เรียน เมอ่ื ฝกึ ฝนพอสมควรแลว้ ครู

ใหน้ กั เรยี นบางค่อู อกมาสนทนาทห่ี น้าชั้น

14. ครูเขียนประโยคตอ่ ไปนบ้ี นกระดาน

I’m looking for a white shirt. Do you have one?

Which is your car, the red one or the blue one?

Which shoes do you prefer? The red ones.

จากนนั้ นักเรยี นอ่านออกเสียงประโยคเหล่านตี้ ามครู ครถู ามนกั เรยี นวา่ one และ ones

บนกระดาน หมายถึงอะไร

I’m looking for a white shirt. Do you have one? (a white shirt)

Which is your car, the red one or the blue one? (car)

Which shoes do you prefer? The red ones. (shoes)

เสรจ็ แล้วครูอธบิ ายวา่ ในภาษาอังกฤษโดยปกตแิ ล้วจะไม่นยิ มการกลา่ วซำ้ มกั จะใชค้ ำสรรพนาม (pronouns) แทน one ก็

เปน็ สรรพนามท่ใี ช้กล่าวเพื่อหลกี เล่ยี งการกลา่ วซำ้ เช่นกัน โดยถา้ เปน็ คำนามพหพู จน์จะใช้ ones แทน ครูอาจยกตัวอย่าง

เพิม่ เตมิ เชน่

Which cake would you like? The one in the front.

หนา้ 61

I have a few books on Thai food. You can borrow one if you want.
15. หนังสอื เรียน หนา้ 43 Ex. 5a นกั เรียนอ่านบทสนทนาท่ใี ห้มา แลว้ ลองเดาคำตอบในแตล่ ะประโยค จากน้นั ครูเปดิ CD ให้

นกั เรียนฟังบทสนทนา เพอื่ ตรวจคำตอบทีเ่ ดาไว้ เม่อื นักเรียนทำเสรจ็ ครูใหน้ ักเรียนช่วยกันบอกคำตอบ แลว้ จงึ คอ่ ยเฉลย
คำตอบท่ถี ูกต้อง เสร็จแล้วครเู ปดิ CD ให้นกั เรยี นฟัง อกี คร้งั

1 is this, one, one, It’s, cheap
2 are those, ones, ones, They’re, expensive

ครูถามนกั เรียนว่า Excuse me หมายความว่าอยา่ งไร และใช้เมือ่ ไร เสรจ็ แล้วครอู ธิบายว่าความหมายของ Excuse me มี
ความหมายวา่ ขอโทษ โดยใช้ได้ในหลายสถานการณ์ เชน่ ใช้เมอื่ เราต้องการขอโทษเม่ือทำบางส่ิงท่ีไมส่ ุภาพออกไป ใช้เม่ือเรา
เขา้ ไปขดั จังหวะผอู้ ่นื หรือต้องการดึงดูดความสนใจอย่างสภุ าพ ใชเ้ พือ่ ตอ้ งการถามคำถาม ใช้เพื่อขอทาง

Excuse me, where is the bathroom?
Excuse me, could you let me through?
Oh, excuse me. Did I mispronounce your name?
ตอ่ มานกั เรยี นทำงานคู่ ฝึกอา่ นออกเสยี งบทสนทนาท้ัง 2 บท ครูเดนิ ไปรอบ ๆ หอ้ งเพอ่ื ใหค้ ำแนะนำในเรอ่ื งการอ่านออก
เสยี งกบั นกั เรียน
Extra activities: ครสู อนคำว่า inexpensive โดยเขียนบนกระดาน แลว้ ถามนกั เรยี นว่า รหู้ รือไมว่ ่าคำนี้แปลวา่ อะไร
จากนัน้ ครูอธบิ ายวา่ in- เป็น prefix ซง่ึ ในภาษาไทยเรยี กวา่ อุปสรรค (อุปสรรค คอื พยางค์ทใี่ ช้ประกอบหนา้ ศพั ท์ ทำให้มี
ความหมายเปลย่ี นแปลงไปคำอุปสรรคจะใชต้ ามลำพังไมไ่ ดต้ ้องใชป้ ระกอบนามหรอื กริยา)
ต่อมาครอู ธบิ ายวา่ in- จะมคี วามมายวา่ not; the opposite of ดังน้นั inexpensive จงึ มคี วามหมายตรงกันขา้ ม
กับคำว่า expensive
Can you recommend an inexpensive hotel?
It’s an inexpensive perfume.
โดย inexpensive (= is often used to mean that sth is good value for its price.) สามารถใช้แทนคำว่า
cheap ได้ แต่ cheap อาจหมายถึง ราคาถกู เพราะคุณภาพไมด่ ดี ว้ ยกไ็ ด้ (cheap can suggest that sth is poor
quality)
16. หนังสอื เรียน หนา้ 43 Ex. 5b นกั เรยี นดภู าพทีใ่ ห้มา ครูพูดถามราคาของสงิ่ ของในแตล่ ะภาพ
T: How much is the blue skirt?
Ss: It’s £15.
T: How much is the pink skirt?
Ss: It’s £20.
T: Which one is cheaper?
Ss: The blue one.
จากนนั้ นกั เรียนคเู่ ดมิ ทำงานร่วมกนั อกี ครั้ง แทนท่คี ำศัพทท์ ่ีพิมพ์ตัวหนาในบทสนทนาใน Ex. 5a ดว้ ยขอ้ มูลท่ีใหม้ าในภาพ
แลว้ ฝกึ ซอ้ มแสดงบทสนทนา ครูเดนิ ไปรอบ ๆ ห้องเพอ่ื ช่วยเหลอื และ

หน้า 62

ให้คำแนะนำที่จำเป็น เมอื่ นกั เรียนฝกึ ฝนไดพ้ อสมควรแลว้ ครขู อให้นกั เรียนบางคู่ออกมาแสดง
บทสนทนาให้เพือ่ นดูทห่ี น้าช้นั เรยี น ส่วนนกั เรยี นคู่ทเ่ี หลอื ใหไ้ ปแสดงใหค้ รดู ูนอกเวลาเรยี น

ข้ันสรปุ
1. นกั เรียนชว่ ยกนั ทบทวนคำศพั ท์เกยี่ วกบั ร้านค้าและสำนวนภาษาท่ีใชใ้ นการซื้อของและถามราคาสนิ คา้
2. แบบฝึกหดั (Workbook) นักเรยี นทำ Ex. 7 หนา้ 10 และอ่านทบทวนเรื่อง this/these/that/those
แล้วทำ Ex. 4 หนา้ 34 เปน็ การบา้ น

ช่วั โมงที่ 2

ขนั้ นำ

1. ครถู ามคำถามนักเรยี นเกีย่ วกบั สนิ คา้ ทหี่ าซอื้ ได้ในร้านคา้ ตา่ ง ๆ เช่น

What can you buy in a butcher’s?

What can you buy in a newsagent’s?

What can you buy in a music shop?

What can you buy in a chemist’s?

What can you buy in a baker’s?

2. ครใู ห้นกั เรยี นช่วยกันต่อบทสนทนา โดยใหเ้ ป็นการสนทนาทเ่ี กดิ ขน้ึ ที่ร้านขายเสอื้ ผา้ โดยครเู ร่ิมประโยคแรก Can I help

you? หลงั จากนนั้ ให้นกั เรียนชว่ ยกนั ต่อบทสนทนาคนละ1 ประโยค

Can I help you? What size are you?

Would you like to try it on? Is that any good?

What can I do for you? How does it fit?

How about this one? Anything else?

Would you like anything else?

ขั้นสอน

1. ครเู ขียนวลีต่อไปนี้บนกระดาน

How much is it? Cash or credit card. Thank you.

ครูอธิบายว่า ในการพูด โดยธรรมชาติแล้วเจ้าของภาษาจะนิยมเชื่อมเสียงคำ ระหว่างเสียงพยัญชนะท้ายคำกับคำถัดไปท่ี

ขน้ึ ต้นด้วยเสยี งสระ เช่น

How much is it? Cash or credit card. Thank you.

ครูให้นกั เรยี นฝกึ ออกเสียงเชอ่ื มคำตามครหู ลาย ๆ ครงั้ ครอู าจยกตวั อยา่ งเพ่มิ เติม เชน่

Come on. Get up. Stop it.

I need it. What is it? How much is it?

Read a book. Sing a song. Look at that skirt.

This is a book. These are my shoes. It’s over there.

2. หนังสือเรียน หน้า 43 Ex. 4 ครูอธิบายคำศัพท์ก่อนการอ่าน โดยอธิบายว่า trendy (adj) มีความหมายคล้ายกับคำว่า

fashionable แลว้ ให้นักเรยี นช่วยกนั เดาความหมาย จนไดค้ ำตอบว่า ทตี่ ามกระแส

หน้า 63

ต่อมาครูสอนคำกริยาวลี go with โดยเขยี นประโยคต่อไปนบ้ี นกระดาน
I’m not sure that those shoes really go with that dress.
Does this jacket go with this skirt?

ครูถามนกั เรยี นวา่ รูห้ รือไมว่ า่ go with มคี วามหมายวา่ อยา่ งไร จากน้ันครูบอกนักเรยี นวา่ go with something มี
ความหมายเหมอื นกับคำวา่ suit somebody หรอื match something (หรอื two things match) เช่น

Short skirts don’t really suit me - I don’t have the legs for them.
Blue suits you. You should wear it more often.
I don’t think this coat really suits me.
Does this shirt match these trousers?
The jacket and trousers do not match.
ครอู ธิบายเพมิ่ ว่า นอกจากจะใช้ go with something แล้ว สามารถใช้ go together with something
ได้ดว้ ย มคี วามหมายเหมอื นกนั เชน่ Do you think the cream dress and the blue jacket go together?
That shirt doesn’t really go together with those trousers.

ควรระมดั ระวังการใช้กรยิ าวลี (phrasal verb) go with เพราะ go with something มคี วามหมาย
เหมอื นกับคำว่า suit somebody หรือ match something แตถ่ า้ go with somebody จะหมายความ
วา่ (informal) to have sex with somebody

3. หนงั สอื เรยี น หน้า 43 Ex. 4 นักเรียนอา่ นคำถาม 1-4 พร้อมกนั แลว้ ลองเดาคำตอบ จากนั้นนกั เรยี นอ่านบทสนทนาแบบ
scanning และช่วยกนั ตอบคำถามอกี คร้งั
ต่อมาครเู ปิด CD ใหน้ กั เรียนฟงั และอา่ นออกเสยี งบทสนทนาท่ใี ห้มาตามไปด้วย เสรจ็ แล้วครูถามคำถาม 1-4 อกี ครั้ง และให้
นักเรียนอ่านคำตอบของแตล่ ะขอ้ อีกคร้งั

1. Ann is looking for a shirt.
2. She tries the light blue one.
3. She pays £13.45.
4. She pays in cash.

เสรจ็ แลว้ ครเู ปิด CD ใหน้ ักเรยี นฝกึ อ่านออกเสยี งตาม CD โดยเนน้ ให้นกั เรยี นออกเสยี งให้เหมอื นตน้ ฉบับท่ไี ด้ฟงั

หน้า 64

ครสู อนสำนวนภาษาเพมิ่ เตมิ โดยอธบิ ายวา่ ในกรณที ่พี นกั งานขายมาถามเราวา่ Can I help you? และถ้านกั เรียนไม่ได้
ตงั้ ใจมาซ้อื แค่มาเดินดสู ินคา้ เฉย ๆ นักเรยี นจะตอบอย่างไร จากน้นั ครูเขียนและพูดประโยคตอ่ ไปนี้

A: Can I help you?
B: No, thank you. I’m just looking. หรือ
A: Are you looking for anything in particular, sir?
B: No, I’m just browsing.
ครอู ธิบายวา่ browse (v) มคี วามหมายวา่ to walk around a shop looking at several things without intending to
buy any of them
โดยนอกจากคำวา่ browse แล้ว ยงั มีคำอื่นท่เี ราใช้ในการเดนิ ดูของ นนั่ คอื คำวา่ window-shop หรอื go window-
shopping เช่น

They go to the shopping centre just to window-shop.
Women usually go window-shopping when they have free time.
ต่อมาครูแนะนำถงึ สง่ิ สำคญั ในการซอ้ื ของคือ ถ้าเป็นของทต่ี ้องใช้นาน ๆ นักเรียนต้องถามถึงการรับประกันสนิ คา้ แตถ่ ้าเปน็
เส้ือผา้ ที่พอกลับไปบ้านแล้วอาจเจอปัญหา เช่น กระดุมหลดุ ซิปแตก นักเรียนต้องถามกบั พนกั งานว่าทางร้านมนี โยบายรับ
คนื สินค้าหรอื ไม่ ตอ้ งทำเช่นไรถึงจะคนื ได้ เช่น
A: Does it come with a guarantee/warranty?
B: It comes with a manufacturer’s warranty./

It comes with a 1-year guarantee.

A: Do you have a refund policy?
B: You can get a refund if you keep the receipt safe, and bring it back within a week.
4. หนงั สือเรยี น หน้า 47 Ex. 6 ครอู ธิบายภาระงานวา่ สมมติว่านกั เรยี นทำงานอยใู่ นรา้ นขายเสอื้ ผ้า และเพ่ือนของนกั เรยี น
เป็นลูกค้าท่ีต้องการซื้อเสื้อแจ็กเกต็ ตัวหน่ึง ให้นกั เรยี นและเพอ่ื นชว่ ยกันแตง่
บทสนทนา โดยใช้บทสนทนาใน Ex. 4 เปน็ ตน้ แบบ ในขณะนกั เรยี นทำกจิ กรรมครเู ดนิ ดูรอบ ๆ เพือ่ ชว่ ยเหลอื นักเรียน เมื่อ
นกั เรียนแตง่ บทสนทนาเสร็จ เมอื่ ครตู รวจบทสนทนาแล้ว ให้นกั เรียนฝึกซ้อมและมาแสดงให้ครดู นู อกเวลาเรยี น หรืออัดคลิป
มาส่งครู ครอู าจให้นักเรยี น 1 คู่ ที่มีทักษะทางภาษาอังกฤษออกมาแสดงให้เพอื่ นดูเป็นตวั อยา่ งกอ่ น

หนา้ 65

A: Can I help you?
B: Yes, I’m looking for a jacket.
A: We’re got these nice jackets. They’re half price too.
B: They’re really trendy. Do you have any in green?
A: I’m afraid not. But we have them in brown.
B: That’s fine. Do you have a large?
A: Here you are. Would you like to try it on?
B: Yes. Where are the fitting rooms?
A: They’re over there.
B: Thanks.

ขน้ั สรปุ
1. นักเรียนชว่ ยกนั สรุปสำนวนภาษาท่ีใช้ในการสนทนาเก่ียวกบั การซอ้ื เสื้อผา้ จากนนั้ ครูยำ้ ให้ นักเรยี นเห็นความสำคญั ของการ
รจู้ กั ใช้เงนิ โดยเฉพาะในเวลาที่นกั เรยี นยังไม่สามารถหาเงนิ ไดด้ ้วยตนเอง นักเรยี นไมจ่ ำเป็นตอ้ งซอื้ ของทุกอยา่ งท่ีเพื่อนมี
หรอื ซ้อื ของทกุ อยา่ งทอี่ ยากไดเ้ วลาทีด่ โู ฆษณา ครูอาจให้นกั เรยี นอธบิ ายเพม่ิ เตมิ วา่ ทำไมเราจึงไมค่ วรซ้อื ของทุกอยา่ งตามที่
โฆษณาบอกวา่ ดี เสรจ็ แลว้ ครสู รปุ ความหมายของโฆษณาให้นักเรยี นฟงั ดังนี้
Advertising is how a company encourages people to buy their products, services or ideas. An
advertisement is anything that draws good attention towards these things. It is usually designed
by an identified sponsor, and performed through a variety of media. Ads appear on television, as
well as radio, newspapers, magazines and as billboards in streets and cities. They try to get
people to buy their products, by showing them the good rather than bad of their products.
2. แบบฝึกหัด (Workbook) นกั เรยี นทำ Exs. 8-9 หน้า 10-11 เปน็ การบา้ น

7. การวดั และประเมินผล เครอ่ื งมอื เกณฑ์การผา่ น
วิธีการวดั หนังสอื เรยี น หนา้ 42-43 รอ้ ยละ 60
Exs. 1b, 4-5 ระดับคณุ ภาพ พอใช้
ประเมนิ การตอบคำถามจากการอา่ นและฟงั แบบประเมนิ การแสดง
(ต 1.1 ม. 4-6/4) บทสนทนา ระดับคณุ ภาพ ผ่าน
ประเมินการแสดงบทสนทนา
(ต 1.2 ม. 4-6/1, ต 2.1 ม. 4-6/1, แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพงึ
ต 4.1 ม. 4-6/1) ประสงค์
สงั เกตพฤติกรรมบ่งช้ีดา้ นใฝเ่ รยี นรู้และ
อยู่อย่างพอเพยี ง

หน้า 66

8. สือ่ /แหล่งการเรยี นรู้
8.1 หนังสอื เรยี น Upload 4 ม. 4
8.2 แบบฝกึ หัด Upload 4 ม. 4
8.3 Class Audio CD ประกอบสอื่ ฯ ชดุ Upload 4 ม. 4

หน้า 67

แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 6 Festive Time เวลา 2 ชั่วโมง

จุดประสงค์ (Objectives)
- อา่ นออกเสียงข้อความไดถ้ ูกต้องตามหลักการอา่ น
- ตอบคำถามจากการฟงั ได้
- เขียนโปสตก์ ารด์ เลา่ เก่ียวกบั การเฉลมิ ฉลองในเทศกาลต่าง ๆ ทง้ั ของไทยและของเจา้ ของภาษาได้
- พดู นำเสนอเกยี่ วกับเทศกาลทไี่ ดไ้ ปเทย่ี วมาได้
- เขียนแบบทดสอบเก่ยี วกับเทศกาลของเจ้าของภาษาได้

1. มาตรฐานการเรยี นรูแ้ ละตัวชี้วดั
มาตรฐาน ต 1.1: ต 1.1 ม. 4-6/2, ต 1.1 ม. 4-6/4
มาตรฐาน ต 1.3: ต 1.3 ม. 4-6/1
มาตรฐาน ต 2.1: ต 2.1 ม. 4-6/2
มาตรฐาน ต 4.1: ต 4.1 ม. 4-6/1

2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด
การรู้และเข้าใจคำศัพทเ์ กี่ยวกบั การเฉลมิ ฉลองในเทศกาลต่าง ๆ การใช้ present simple และ present continuous ชว่ ย

ให้เขา้ ใจเร่อื งที่อ่านและฟัง พดู และเขยี นส่ือสารเก่ียวกับวิถชี ีวติ และวัฒนธรรมของเจา้ ของภาษาและของไทยได้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพ

3. สาระการเรียนรู้

3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า

1) Language Features and Functions

Vocabulary: celebrations (wave flags, let off fireworks, have barbecues, watch a parade, eat

turkey, go to parties, dress up a witch, make jack-o-lanterns)

Grammar: present simple vs present continuous

Pronunciation: the sound /ŋk/, /ŋ/; linking sound

Functions: describing celebrations

2) Language Skills

Listening: ฟงั เพื่อระบขุ อ้ มลู เฉพาะ

Reading: อ่านเพอื่ จบั ใจความสำคญั และหาข้อมลู เฉพาะ

Writing: เขียนโปสตก์ ารด์ ใหข้ ้อมูลเกย่ี วกับการเฉลมิ ฉลองในประเทศไทย

3) Culture: การฉลองเทศกาล Halloween

หนา้ 68

4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น 4.2 ความสามารถในการคดิ
4.1 ความสามารถในการส่ือสาร
4.3 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ

5. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 5.2 มุ่งม่ันในการทำงาน
5.1 ใฝเ่ รยี นรู้

6. กจิ กรรมการเรียนรู้
ชัว่ โมงที่ 1
ขั้นนำ

1. นักเรยี นช่วยกนั บอกชื่อเทศกาลทง้ั ของไทยและต่างประเทศ เช่น สงกรานต์ ลอยกระทง ครสิ ตม์ าส
2. ครูนกั เรยี นเกี่ยวกบั เทศกาลตา่ ง ๆ ท้งั ของไทยและของตา่ งประเทศ ดังนี้

How do you celebrate Songkran’s Day/Loy Krathong’s Day?
Where do you go on Songkran’s Day/Loy Krathong’s Day?
Have you ever celebrated ‘Halloween’ in Thailand?
What is your favourite festival? Why?
3. นกั เรียนเลน่ เกม Apple Bobbling โดยอาจเปล่ียนจากแอปเปลิ เปน็ ผลไมท้ ี่มีขนาดใกล้เคยี งกันท่มี ี
ในทอ้ งถิน่ หรอื ใช้ลูกปงิ ปองแทนก็ได้ ครูนำของเหล่านีม้ าใส่ลงในกะละมงั ท่ีเตมิ น้ำไว้แล้ว จากนั้นแบง่ นักเรยี นเป็น 2 ทมี
ผลดั กนั ส่งตวั แทนออกมาเล่นเกม โดยคนทีเ่ ลน่ เกมต้องไขว้มอื ไวข้ า้ งหลงั แลว้ ก้มหน้าลงพยายามงบั ผลไม้/ลูกปิงปองท่ีอยู่ใน
นำ้ ทมี ใดทีง่ บั ผลไมใ้ นน้ำดว้ ยปากไดม้ ากทสี่ ดุ เปน็ ทีมท่ีชนะ
ครอู ธบิ ายว่า เกม apple bobbling จะนยิ มเล่นกันมากในชว่ งเทศกาลฮลั โลวนี แตจ่ ะใช้แอปเปลิ

ขัน้ สอน
1. นกั เรียนดภู าพในหนังสือเรยี น หนา้ 44 แล้วตอบคำถามต่อไปนี้
What festivals do you see in the pictures? (Independence Day, Halloween, Thanksgiving)
What things do you see in each picture? (flags, fireworks, barbecues, pumpkin, turkey,…etc)
When do people celebrate Independence Day/Halloween/Thanksgiving?
(They celebrate Independence Day on the 4th of July.)
(They celebrate Halloween on the 31st October.)
(They celebrate Thanksgiving on the last Thursday of November.)
จากนัน้ นักเรียนช่วยกนั บอกขอ้ มลู ที่นกั เรียนรู้เกย่ี วกับเทศกาลเหลา่ น้ี
2. หนังสอื เรยี น หน้า 44 Ex.1a ครเู ปดิ CD ให้นกั เรยี นฟัง 1 รอบ หลงั จากน้ัน ครเู ปิด CD โดยหยดุ เป็นระยะ เพือ่ ให้นักเรียน
ออกเสียงตาม ครูสงั เกตและตรวจสอบวา่ นกั เรียนออกเสยี งถูกตอ้ งหรือไม่ โดยครสู มุ่ นกั เรยี นหลาย ๆ คน อ่านออกเสยี ง
ต่อมาครูถามนกั เรยี นวา่ What do people usually do in each festival? (On Independence Day, people usually
wave flags and let off fireworks. On Thanksgiving, people usually watch a parade. On Halloween, people
usually dress up as a witch and go to parties.

หนา้ 69

3. หนงั สือเรียน หน้า 44 Ex. 1b ก่อนฟัง ครูให้นักเรียนดโู ปสตก์ ารด์ แลว้ ถามนักเรยี นว่า Who writes this postcard?
Where is the postcard from? And who is the receiver? หลงั จากนั้น นักเรยี นฟงั CD
พร้อมกบั อ่านโปสต์การด์ ตามไปดว้ ย เมื่อนกั เรยี นฟังเสรจ็ ใหบ้ อกวา่ เปน็ เรอ่ื งราวเกย่ี วกบั เทศกาลใดจากภาพใน Ex. 1 และมี
คำใดจากโปสตก์ าร์ดทีช่ ่วยนักเรยี นตดั สินใจวา่ เป็นเทศกาลน้ัน ครเู ขยี นคำตอบของนักเรยี นบนกระดาน เสร็จแลว้ ครเู ฉลย
คำตอบ พร้อมกบั ชว่ ยนักเรยี นอธิบายความหมายของคำศัพทท์ น่ี ักเรยี น
ไมเ่ ข้าใจ เชน่ toffee apples คอื แอปเปลิ เสยี บไมท้ เ่ี คลือบนำ้ ตาลเคย่ี ว

The postcard is about Halloween. (dress up as witches and ghosts, go trick-or- treating,
go to parties, jack-o-lanterns, pumpkins)

4. หนังสือเรยี น หน้า 45 กรอบ Study Skills นักเรยี นอ่านขอ้ ความในกรอบ แล้วช่วยกันสรุปเกยี่ วกบั การเรยี นรไู้ วยากรณ์

(โครงสรา้ งไวยากรณภ์ าษาอังกฤษเปน็ การสรา้ งกรอบทางภาษา การเรียนรู้กฎเกณฑ์ และการเปรยี บเทยี บโครงสร้าง

ไวยากรณ์ภาษาองั กฤษกับภาษาไทยจะช่วยให้เราเรยี นรูภ้ าษาองั กฤษได้ดยี ่งิ ขึ้น)

5. หนังสอื เรียน หน้า 45 Ex. 2 นักเรียนอ่านตวั อยา่ งประโยคของ present simple และ present continuous ในกรอบท่ใี ห้

มา แลว้ ช่วยกนั อธบิ ายความแตกตา่ งของ present simple กบั present continuous (present simple ใชเ้ พอ่ื พูด

เกี่ยวกบั สงิ่ ท่ีทำเปน็ ประจำหรือทำเป็นนิสัย ส่วน present continuous ใชพ้ ูดถึงการกระทำหรือเหตกุ ารณท์ ก่ี ำลังเกดิ ขึน้ )

ครูใหน้ ักเรียนช่วยกันยกตัวอยา่ งประโยคของ present simple และ present continuous เพ่มิ เติม แลว้ เปรยี บเทียบวา่ ท้งั

2 tenses มโี ครงสร้างใกล้เคยี งกบั ภาษาไทยหรือไม่

ต่อมานกั เรยี นอา่ นข้อความในกรอบเขียว ซึ่งเปน็ คำกรยิ าท่โี ดยปกตแิ ล้วจะไม่อยู่ในรปู continuous ครูชว่ ยยกตวั อย่าง

เพมิ่ เตมิ เชน่

I like this song. Who sings it? NOT I’m liking this song.

She doesn’t know what to do. NOT She isn’t knowing what to do.

I have (= own) a pen. NOT I’m having a pen.

I don’t understand. NOT I’m not understanding.

ครอู ธบิ ายเพม่ิ เติมวา่ คำกริยาเหลา่ นี้เป็นคำกริยาบอกสภาพ (state) ไม่ไดบ้ อกการกระทำ (action) คำกรยิ าเหล่าน้ีโดยปกติ

แล้วจงึ มกั ไมอ่ ย่ใู นรปู continuous form ครูอาจยกตัวอย่างคำกรยิ าทบี่ อกการกระทำ (action) เพ่อื ให้นกั เรียนเห็นความ

แตกตา่ งชดั เจน เช่น play, walk, eat

หนา้ 70

Stative verbs
คือคำกริยาที่บอกสภาพ (state) โดยปกติแล้วจะไม่อยู่ในรูป continuous แต่คำกริยาบอกสภาพบางคำ
สามารถอยู่ในรปู continuous ได้ แตค่ วามหมายจะเปลยี่ นแปลงไป เชน่

I have a car. (= own)
I’m having lunch with my friends. (= eating)
I think that coffee is great. (= have an opinion)
What are you thinking about? I’m thinking about my next holiday. (= consider)
Stative verbs มกั จะเป็นคำในกล่มุ ตอ่ ไปน้ี
Emotion: love, hate, want, need etc.
Possession: have, own, want, belong etc.
Sense: see, hear, smell, seem etc.
Thought: know, believe, remember etc.

6. นกั เรยี นหาตวั อย่างของ present simple และ present continuous ในโปสตก์ ารด์ หนา้ 44 ครูรวบรวมคำตอบจาก
นกั เรียนมาเขยี นบนกระดาน
present continuous: Right now we’re making jack-o’ lanterns from pumpkins. Aunt Jane is
making toffee apples.
present simple: ประโยคที่เหลอื ทั้งหมดในโปสตก์ ารด์ ใช้ present simple
ครูสรปุ ใหฟ้ ังว่า เราจะใช้ present simple บอกเล่าถึงส่งิ ท่เี กดิ ข้ึนเปน็ ประจำ ขอ้ เทจ็ จรงิ ทัว่ ๆ ไป หรอื ส่ิงทเ่ี ป็นจรงิ ในขณะที่
พดู เชน่ It’s wonderful here. It’s sunny and hot every day.
ส่วน present continuous เลา่ สงิ่ ท่ีกำลังเกิดขึ้น กำลังพกั อยทู่ ี่ไหน กำลงั ทำอะไร เชน่ I’m having a great time here.
I’m staying at a wonderful hotel. Right now we’re making jack-o’ lanterns from pumpkins. Aunt Jane is
making toffee apples.
ครอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ ว่า นอกจากจะใช้ present simple และpresent continuous แลว้ ยังมี tenses อืน่ ๆ
ทนี่ ยิ มใช้ในการเขียนในโปสตก์ ารด์ ได้แก่
present perfect เมื่อตอ้ งการเลา่ ถงึ ส่ิงที่ไดท้ ำไปแล้ว จะใชโ้ ครงสรา้ ง has/have + คำกรยิ าชอ่ งที่ 3 หรอื เตมิ -
ed เช่น I’ve been to see The Tower of London and I’ve been on a ferry down The River Thames. I’ve
eaten the best fish and chips in the whole of Britain!) แตถ่ า้ ระบุเวลาในอดีตท่ีแนช่ ัด เช่น ทำไปเมื่อวานนี้ จะใช้
past simple เช่น Yesterday I went to see The Tower of London.
be going to เม่ือต้องการเลา่ ถงึ สงิ่ ทจ่ี ะทำในอนาคต จะใช้ is/am/are + going to + คำกรยิ ารูป base form
หรือชอ่ งที่ 1 เชน่ Tomorrow I am going to see a musical. Tomorrow we’re going to watch a show at a
theatre on Broadway.)

หน้า 71

7. นักเรียนดโู ปสตก์ ารด์ หนา้ 44 อีกครง้ั จากน้นั ครถู ามนักเรยี นตอ่ ไปน้ี

- เรามักจะเขียนโปสตก์ ารด์ เมือ่ ไร (ขณะที่เราไปเท่ียว)

- เขียนถงึ ใคร (คนในครอบครัว คนที่สนทิ )

- ลักษณะภาษาที่ใช้ (ไมเ่ ปน็ ทางการ)

- ลกั ษณะของภาษาแบบไมเ่ ปน็ ทางการ (ใช้รปู ย่อ เช่น I’m, He’s ละประธานหรือใช้ประโยคคำสั่ง เชน่ Talk to

you soon. Call me. ใชภ้ าษาพูด เช่น All’s fine.)

ครูให้นกั เรียนชว่ ยกันระดมสมองบอกสำนวนภาษาทใ่ี ชใ้ นการเขียนโปสตก์ ารด์

Starting a postcard

Dear + (person’s first name) Dear all,

Dear Mum/Dad, etc. Hi Jane, etc.

Where you are writing from

Greetings from… I’m in ... . It’s great … .

I’ve just reached … . We’re here in…on a …

Activities you are doing right now

I’m writing this postcard while… (waiting for the bus to come/having coffee at a seaside café

etc.)

Describing accommodation

The hotel is great. It has (a great view from the balcony/a huge swimming pool etc.)

Activities you do/did/have done/are going to do

Every morning I/we (go swimming/go sightseeing, etc.)

Yesterday we (visited…/hired a car and…/went on a boat ride, etc.)

We have already visited (the aquarium/the museum, etc.)

Tomorrow/Next week we are going to…

Describing the weather

The weather’s great/fine/terrible etc. It’s getting chilly/windy etc.

It hasn’t stopped raining for… etc.Right now it’s raining/snowing etc.

It’s hot and sunny/freezing cold/boiling hot etc.

Commenting on something particularly good/bad/funny about the holiday

I tried (frog’s legs) but they were disgusting.

We went sightseeing on an open-top bus – was awesome.

We wanted to buy a handmade carpet but we couldn’t understand a word – it was so

confusing

Describing your feelings

I’m/We’re having a really great time. It’s the best holiday we’ve ever had.

It was the worst holiday ever.

Asking about the recipient’s news

What about you? What are you up to?

หน้า 72

How’s your holiday? I hope you’re OK/having a great time etc.

Ending a postcard

See you (soon/in three weeks)

Wish you were here/Best wishes/Kisses/Love + (your first name)

8. หนงั สือเรยี น หนา้ 44 Ex. 2 นักเรยี นอ่าน email ที่ให้มา แล้วตอบคำถามตอ่ ไปนี้

- Who wrote the letter? (Brenda)

- Who is the receiver? (Carl)

- What festival is mentioned in the letter? (May Day Festival)

ครอู ธิบายเกี่ยวกบั May Day ให้นักเรยี นฟงั สั้น ๆ แลว้ ใหน้ กั เรยี นนำคำกริยาในวงเล็บเตมิ ลงในชอ่ งว่างใหถ้ กู ต้องตาม

โครงสร้างของประโยค present simple และ present continuous

เม่อื นกั เรียนทำเสร็จ ครตู รวจคำตอบพร้อมกันกบั นกั เรยี น

1 is 5 decorate 9 am watching
2 are staying 6 dance 10 are playing
3 are 7 hold 11 (are) dancing
4 celebrates 8 is 12 am having

May Day ตรงกบั วันท่ี 1 พฤษภาคม สำหรบั คนไทย วนั ท่ี 1 พฤษภาคม คือวนั แรงงาน (Labour Day)
เช่นเดยี วกับอกี หลาย ๆ ประเทศ แต่วนั นต้ี ามประเพณดี ง้ั เดมิ ในประเทศยโุ รป เช่น อังกฤษ ถือเป็นเทศกาล
ตอ้ นรับเขา้ สู่ฤดูใบไมผ้ ลิ เปน็ วันเรม่ิ ต้นฤดูใหม่ในหนา้ เกษตรกรรม มพี ธิ เี ฉลมิ ฉลองและทำการบวงสรวงเพ่อื ขอให้
เทพเจ้าช่วยดลบันดาลใหก้ ารปลกู พืชเปน็ ไปดว้ ยดี อกี ท้งั ยังขอใหป้ ระชาชนอยูร่ ่วมกันไดอ้ ย่างสงบ ซ่ึงกิจกรรมใน
เทศกาลน้ี เชน่ การเต้นรอบ ๆ เสา maypole การเลอื ก May Queen

9. หนงั สอื เรียน หน้า 45 กรอบ Did you know? นักเรยี นชว่ ยกันอธบิ ายความหมายของข้อความในกรอบ
หนงั สอื เรยี น หนา้ 45 Ex. 5 นักเรยี นนกึ ถงึ งานเทศกาลทมี่ ชี ่ือเสียงในประเทศไทย และสมมติวา่ ตอนนนี้ กั เรียนไปที่งาน
เทศกาลดังกลา่ ว แล้วเขียนโปสตก์ ารด์ ถงึ เพอ่ื นชาวองั กฤษเพอื่ เล่าเกย่ี วกบั เทศกาลน้ัน ครเู ขียนหวั ข้อทน่ี ักเรียนต้องกลา่ วถึง
ในโปสตก์ าร์ด ได้แก่ ช่ือเทศกาล เฉลมิ ฉลองประเพณนี อ้ี ยา่ งไร และกจิ กรรมที่กำลงั ทำอยู่ทงี่ านเทศกาลนัน้ เสรจ็ แล้วให้เวลา
นกั เรียนในการเขียน

10. เมื่อนกั เรียนเขยี นเสรจ็ แล้ว ครูใหน้ กั เรียนตรวจทานความถูกต้องในงานเขยี นของตนเอง ทัง้ ในเรอื่ งตวั สะกด เครือ่ งหมาย
วรรคตอน และไวยากรณ์ เมอื่ นกั เรียนแก้ไขงานของตนเองเสรจ็ แลว้ ใหจ้ ับคูก่ ับเพือ่ น และอา่ นโปสตก์ าร์ดของตนเองใหเ้ พื่อน
ฟัง เสรจ็ แลว้ นำงานมาส่งครู

หน้า 73

ขั้นสรุป
1. นกั เรยี นสรปุ สำนวนภาษาและโครงสร้างประโยคที่ใช้ในการเขยี นโปสตก์ ารด์
2. แบบฝึกหดั (Workbook) นักเรยี นทำ Exs. 10a-10b หนา้ 11 เป็นการบ้าน
3. แบบฝกึ หัด (Workbook) นกั เรยี นอ่านทบทวนเรอื่ ง present simple vs present continuous และทำ Ex. 5

หน้า 34 เปน็ การบา้ น

ชว่ั โมงที่ 2
ขั้นนำ

1. ครูถามว่า นกั เรยี นรู้จกั St Patrick’s Day หรอื ไม่ จากนนั้ ครอู ธบิ ายใหน้ กั เรียนฟัง

Saint Patrick’s Day is celebrated each year on 17th March. In Ireland, Saint Patrick's Day is
both a holy day and a national holiday. Saint Patrick is the patron saint of Ireland as he
was the one who brought Christianity to the Irish.
According to legend, Saint Patrick used a shamrock to explain about God. The shamrock,
which looks like clover, has three leaves on each stem. Saint Patrick told the people that
the shamrock was like the idea of the Trinity, that in the one God there are three divine
beings: the Father, the Son and the Holy Spirit. The shamrock was sacred to the Druids, so
Saint Patrick's use of it in explaining the trinity was very wise.
Although it began in Ireland, Saint Patrick’s Day is celebrated in countries around the world.
People with Irish heritage remind themselves of the beautiful green countryside of Ireland
by wearing green and taking part in the festivities.

Extra activities: ครูอาจเปดิ คลิปวดิ ีโอชือ่ Saint Patrick’s Day - Animated for Kids
ให้นักเรียนดจู ากเว็บไซต์ต่อไปนี้
https://www.youtube.com/watch?v=MqO0O8O8Gmk
หรือคลปิ ภาพบรรยากาศงานวัน Saint Patrick’s Day Global Greening for St Patrick’s Day 2017 จากเวบ็ ไซต์
https://www.youtube.com/watch?v=ALS9-uY4LUM

ข้ันสอน
1. ครเู ขยี นคำว่า blink บนกระดานและใหน้ กั เรยี นออกเสยี งคำน้ี จากนน้ั ครเู ขยี นคำวา่ sink และ
ใหน้ กั เรียนช่วยกนั ออกเสยี งอีกครงั้ พรอ้ มกบั เขียนขอ้ ความบนกระดาน ดังนี้
/ŋk/ blink, sink, drink
ครใู ห้นักเรยี นช่วยกนั ยกตัวอย่างคำทมี่ เี สียงท้าย /ŋk/ เพ่มิ เติม (ink, wink, link, drink,…etc.)
เมื่อนักเรยี นเขา้ ใจแล้ว ครสู อนคำศัพทท์ ่ลี งทา้ ยด้วยเสียง /ŋ/ ด้วยวธิ กี ารเดยี วกัน
/ŋ/ bring, singing, eating

หน้า 74

ครูใหน้ ักเรยี นช่วยกนั ยกตัวอย่างคำทม่ี ีเสียงท้าย /ŋ/ เพมิ่ เติม (doing, ring, king,…etc.)
หนังสอื เรยี น หนา้ 45 Ex. 3 นักเรยี นอ่านคำท่ใี หม้ า แลว้ เดาวา่ เสียงทา้ ยคำเป็นเสยี งใด ระหว่าง /ŋk/ กบั /ŋ/ จากนั้นครู
เปดิ CD ใหน้ กั เรยี นฟังและทำเครอื่ งหมายถกู ทีส่ ัญลกั ษณ์ /ŋk/ หรอื /ŋ/ ตามเสยี งที่ไดย้ ิน เม่ือนกั เรยี นทำเสรจ็ ครเู ฉลย
คำตอบพรอ้ มกนั และให้นักเรยี นออกเสยี งคำแตล่ ะคำพร้อมกันอกี ครงั้

/ŋ/ - freezing, wearing, blowing /ŋk/ - think, pink, sink

2. หนงั สือเรียน หน้า 45 Ex. 4 ครูอธิบายว่า นักเรียนจะได้ฟงั คน ๆ หนง่ึ ฝากข้อความทางโทรศพั ท์
ถึงเพอ่ื น ครอู ธบิ ายเกี่ยวกับการฝากขอ้ ความทางโทรศัพทว์ ่า นักเรยี นจะตอ้ งพูดแนะนำตัวเองกอ่ นเสมอว่าเปน็ ใคร
จากนัน้ นกั เรยี นอ่านประโยคและตวั เลือกที่ใหม้ า แล้วครูเปดิ CD ใหน้ ักเรยี นฟงั 1-2 คร้ังและเลอื กคำตอบที่ถูกตอ้ ง เมอื่
นกั เรียนทำเสรจ็ ครูตรวจคำตอบโดยเปดิ CD อกี ครั้งโดยครงั้ น้ีหยดุ ทีละขอ้ เพือ่ ให้นกั เรยี นตรวจคำตอบได้ทัน โดยครูเฉลย
คำตอบทีถ่ ูกตอ้ งบนกระดาน

1A 2B 3B 4A

He’s talking about Saint Patrick’s Day.
ครูถามคำถามนกั เรยี นเกีย่ วกบั Saint Patrick’s Day ดงั นี้

When is Saint Patrick’s Day? (It’s celebrated on 17th March.)
What do people on Saint Patrick’s Day?
(People wear green clothes, watch the parade, wave flags, go to parties, eat Irish food, go to
Irish pub.)
ครูให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า Saint Patrick’s Day นั้นไม่ได้มีการเฉลิมฉลองเพียงแค่ที่ไอร์แลนด์ แต่มีการเฉลิมฉลองในหลาย ๆ
ประเทศ ซ่งึ มีลกู หลานชาวไอรชิ อาศัยอยู่ โดยเฉพาะในรฐั นิวยอร์กประเทศสหรัฐอเมรกิ ามงี านเฉลิมฉลองทย่ี ิง่ ใหญ่มาก

หนา้ 75

การเฉลมิ ฉลอง Saint Patrick’s Day นัน้ ธรรมเนยี มอยา่ งหน่งึ คือ การใส่เส้ือผา้ ท่ีมสี เี ขียว โดยยังมีธรรมเนียมวา่
ถ้าใครไมใ่ สเ่ สอ้ื ผ้าทม่ี สี ีเขียว จะโดนหยิก
If you don’t wear green on Saint Patrick’s Day, you will get pinched.
โดยความเช่อื เร่ืองการหยกิ คนที่ไมใ่ ส่เสอ้ื ผ้าสเี ขยี วมที ี่มาจากความเชอื่ ทีว่ า่ ถ้าใส่เสื้อผ้า
สเี ขียว ภตู ติ วั จวิ๋ ทีช่ ือ่ เล็ปเปรอคอน จะมองไม่เห็น แตถ่ า้ ไม่ใส่ ภตู ติ วั จิ๋วจะมองเห็นและหยกิ การหยกิ จึงเป็นการ
เตือนใหน้ กึ ถึง เล็ปเปรอคอน
เล็ปเปรอคอน (leprechaun อ่านวา่ /ˈleprəkɔːn/) เปน็ ภตู ิตัวจิ๋วประเภทหนึ่งในคติชนไอร์แลนด์ มกั ปรากฏใน
รปู ชายแก่ ผู้ชอบสรา้ งความวุ่นวาย เล็ปเปรอคอนใช้เวลาทัง้ หมดไปกบั การทำรองเทา้ และเก็บซ่อนเหรียญทั้งหมด
ของพวกตนในหม้อทองคำซ่งึ ซอ่ นอยทู่ ป่ี ลายรงุ้ หากถกู มนุษยจ์ บั ไดเ้ ลป็ เปรอคอนมอี ำนาจเวทมนตรบ์ นั ดาลคำ
อธษิ ฐานสามขอ้
เพอื่ แลกกบั การปล่อยพวกมนั
ทม่ี า: https://th.wikipedia.org/wiki/เล็ปพระคอน

https://kidskonnect.com/holidays-seasons/saint-patricks-day/
http://www.independent.co.uk/news/world/europe/st-patrick-day-2017-today-ireland-
google-doodle-patron-saint-why-wear-green-shamrock-pinch-how-did-a7634906.html

3. หนังสอื เรยี น หน้า 45 หัวข้อ ICT นกั เรยี นแบง่ กลมุ่ และหาขอ้ มูลเกีย่ วกับวัน Halloween หรอื เทศกาลอื่น ๆ ทเี่ รยี นดว้ ยก็
ได้ เชน่ Saint Patrick’s Day แล้วนำขอ้ มลู ที่ไดม้ าทำเปน็ แบบทดสอบ (quiz) เพอื่ ถามเพ่ือนรว่ มชน้ั ของตนเอง โดยในคาบ
เรยี นถดั ไป ครเู ลอื กแบบทดสอบของนักเรียนมาถามนักเรยี นในช้นั

1 Halloween is held twice a year. (false)
2 People get dressed up on Halloween. (true)
3 Children go ‘trick-or-treating’ on Halloween. (true)
4 Halloween is on 30th October. (false)
5 People celebrate Halloween all over the world. (false)

คำวา่ jack-o-lantern เกิดข้ึนในสมยั ศตวรรษที่ 17 หมายถงึ ชายผถู้ ือตะเกยี งซ่ึงกค็ อื ยาม
ในเวลากลางคนื

หน้า 76

3. ครูตดิ Tapescript ของ Ex. 4 บนกระดาน และให้นกั เรียนอา่ นออกเสียงตาม CD จากนั้นให้นักเรยี นสมมติวา่
นกั เรียนโทรศพั ท์ไปหาเพ่อื น แตเ่ พอื่ นไม่อยู่ แลว้ นกั เรยี นต้องฝากขอ้ ความให้กบั เพือ่ น โดยใหน้ ักเรียนเล่าเกยี่ วกบั
เทศกาลท่ีนกั เรยี นไดไ้ ปเท่ยี วหรือใช้ข้อมูลจากในโปสตก์ ารด์ ท่นี กั เรยี นไดท้ ำไวใ้ นชั่วโมงทแ่ี ล้ว
หรือครูอาจมอบหมายให้นกั เรยี นค้นคว้าหาข้อมูลเกย่ี วกบั leprechaun หรือ Saint Patrick และออกมาเล่าให้
เพ่อื นฟงั สั้น ๆ คนละไม่เกิน 5 นาที

ขน้ั สรุป
1. นักเรียนทบทวนคำศัพท์เกีย่ วกับเทศกาลต่าง ๆ
2. แบบฝกึ หัด (Workbook) นักเรียนทำ Exs. 6a-8 หนา้ 35 เปน็ การบา้ น

7. การวดั และประเมนิ ผล เครื่องมอื เกณฑ์การผา่ น
วธิ กี ารวัด แบบประเมนิ การอ่านออกเสยี ง ระดับคณุ ภาพ พอใช้
หนงั สอื เรยี น หนา้ 44 ร้อยละ 60
สงั เกตการอ่านออกเสยี งข้อความ Ex. 1b, หน้า 45 Ex. 4 ระดับคณุ ภาพ พอใช้
(ต 1.1 ม. 4-6/2) แบบประเมนิ การแสดง รอ้ ยละ 60
ตอบคำถามจากการฟงั และอา่ น บทสนทนา
(ต 1.1 ม. 4-6/4) ระดับคณุ ภาพ พอใช้
ประเมินการเขียนโปสตก์ ารด์ เก่ียวกบั เทศกาล แบบประเมินการพูด
(ต 1.3 ม. 4-6/1, ต 2.1 ม. 4-6/2) ระดบั คณุ ภาพ ผา่ น
ตรวจการเขยี นแบบทดสอบเก่ียวกบั เทศกาล แบบประเมินคุณลักษณะ
Halloween หรือ Saint Patrick’s Day อันพงึ ประสงค์
(ต 2.1 ม. 4-6/2)
ประเมนิ การพูดฝากขอ้ ความทางโทรศพั ท์เก่ยี วกบั
เทศกาลท่ีไดไ้ ปเทีย่ วหรือพดู นำเสนอขอ้ มลู เกยี่ วกับ
leprechaun หรือ Saint Patrick
(ต 1.3 ม. 4-6/1, ต 4.1 ม. 4-6/1)
สงั เกตพฤติกรรมบง่ ชีด้ ้านใฝเ่ รยี นร้แู ละ
อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง

8. ส่อื /แหลง่ การเรยี นรู้
8.1 หนงั สอื เรียน Upload 4 ม. 4
8.2 แบบฝึกหัด Upload 4 ม. 4
8.3 Class Audio CD ประกอบสอื่ ฯ ชดุ Upload 4 ม. 4
8.4 คลิปวดิ ีโอจาก www.youtube.com

หน้า 77

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 7 Order food

เวลา 2 ชว่ั โมง

จดุ ประสงค์ (Objectives)
- ออกเสยี ง Would you /Can I/Could I…? ไดถ้ ูกต้องและเหมาะสม
- พูด/เขียนให้ขอ้ มลู เก่ียวกบั รสชาตขิ องอาหารได้
- ใช้ can/could/may ในการขอรอ้ งและขออนุญาตได้
- สนทนาเกี่ยวกบั การส่ังอาหารได้
- เขียนรายการอาหารสำหรับร้านอาหารได้
-

1. มาตรฐานการเรียนรแู้ ละตวั ชี้วดั
มาตรฐาน ต 1.1: ต 1.1 ม. 4-6/2, ต 1.1 ม. 4-6/3
มาตรฐาน ต 1.2: ต 1.2 ม. 4-6/1, ต 1.2 ม. 4-6/2, ต 1.2 ม. 4-6/3
มาตรฐาน ต 2.1: ต 2.1 ม. 4-6/1
มาตรฐาน ต 4.1: ต 4.1 ม. 4-6/1

2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด
การเรียนรู้คำศพั ทเ์ ก่ยี วกบั รสชาติตา่ ง ๆ ของอาหาร ชอ่ื อาหาร สำนวนภาษาท่ใี ชใ้ นการสั่งอาหาร การใช้ can/could/may

ในการขอรอ้ งและขออนญุ าต ช่วยใหพ้ ูดและเขียนส่ือสารในชวี ติ ประจำวนั ได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพและถูกต้องตามมารยาทสงั คม

3. สาระการเรียนรู้

3.1 ทกั ษะเฉพาะวิชา

1) Language Features and Functions

Vocabulary: tastes (bitter, sour, salty, spicy, sweet, delicious); texture (crunchy, creamy);

nouns (taste buds, club sandwich, pepperoni, Caesar salad); flavourings (pickled

chilli, chilli and fish sauce, pepper, chilli powder, fish sauce, sugar, salt

Pronunciation: Would you/Can I/Could I…?

Grammar: can/could/may

Functions: ordering food

2) Language Skills

Speaking: พูดถาม-ตอบเกยี่ วกับการสง่ั อาหาร

Reading: อ่านบทสนทนาแลว้ ตอบคำถาม

3) Culture: ทมี่ าของชือ่ Caesar salad

หนา้ 78

4. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน 4.2 ความสามารถในการคดิ
4.1 ความสามารถในการสอ่ื สาร
4.3 ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ

5. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 5.2 มงุ่ มั่นในการทำงาน
5.1 ใฝเ่ รียนรู้

6. กจิ กรรมการเรียนรู้
ชง่ั โมงท่ี 1
ขั้นนำ

1. นักเรยี นดภู าพในหนังสือเรยี น หนา้ 46 แลว้ ตอบคำถามต่อไปนี้
- What food can you see in the pictures?
(bread, egg, bacon, pizza, apples, soup, lemon, pineapple)
- What do you know about tongues?

2. ครูถามคำถามเก่ยี วกับตัวนักเรียนเพือ่ นำเข้าสู่บทเรยี น
- What flavors of food do you like most? Why?

ขนั้ สอน

1. ครูนำเครื่องปรุงรสจริง ๆ มาแสดงและให้นักเรยี นช่วยกันบอกคำศพั ท์ โดยครเู พม่ิ เตมิ คำศัพท์ท่ีนักเรยี นไม่รู้ เช่น

pickled chilli (พรกิ น้ำสม้ ) chilli and fish sauce (พรกิ น้ำปลา)

pepper (พรกิ ไทย) chilli powder (พริกป่น)

fish sauce (น้ำปลา) sugar (น้ำตาล) salt (เกลือ)

ครูวางเครือ่ งปรุงรสดงั กลา่ วไว้บนโตะ๊ ครู จากนนั้ สมุ่ เรยี กนักเรยี น 1 คน ออกมาน่ังท่ีโต๊ะครใู กล้ ๆ กับสง่ิ ของทวี่ างบนโตะ๊

โดยครูยนื หา่ งออกมา แลว้ พดู บอกใหน้ ักเรยี นสง่ ส่ิงของให้ครู ดังน้ี

T: Can I have the salt, please?

S1: Of course, here you are.

T: Thank you.

เมือ่ ครสู าธิตเสรจ็ แลว้ ครเู ขยี นบทสนทนาดงั กลา่ วบนกระดานโดยขดี เส้นใตท้ ่ี the salt ครใู หน้ กั เรียนอ่านบทสนทนาพรอ้ ม

กนั หลงั จากนน้ั ครสู ุ่มเรียกนกั เรียนออกมาทำกจิ กรรม อีก 3-4 คู่ เสรจ็ แลว้ ครูอธิบายว่า Can I …? จะใชใ้ น

การขอร้องทั่ว ๆ ไป โดยถ้าเป็นทางการมากข้ึน สามารถใช้ Could I …? ได้

ครอู าจสมุ่ เรยี กนกั เรยี นออกมาทำกจิ กรรมอีกครัง้ โดยสมมติวา่ คนทีเ่ ราขอร้องเป็นคนแปลกหนา้ ท่ีเราไมร่ จู้ กั เช่น

T: Could you pass me the fish sauce, please?

S1: Of course, here you are.

T: Thank you.

ครูอธิบายเพิม่ วา่ ในการขอรอ้ งนอกจากจะใช้ Can/Could…? ยังสามารถใช้ May … ? ได้ แต่ May จะเปน็ ทางการมากกวา่

Can/Could…?

หนา้ 79

2. หนังสอื เรยี น หนา้ 46 Ex. 1a ก่อนครเู ปิด CD ครใู หน้ ักเรยี นปดิ หนังสอื เรียน แล้วครถู ามนักเรียนเกยี่ วกบั รสชาตขิ อง
เครอ่ื งปรุงที่ครูนำมา เช่น
How does the fish sauce taste? Salty.
How does the chili powder taste? Spicy.
จากนนั้ ใหน้ ักเรยี นบอกคำศัพทเ์ กยี่ วกบั รสชาตอิ ่นื ๆ ที่รจู้ กั หลังจากนัน้ ครูเปดิ CD ให้นกั เรียนฟงั และออกเสียงตาม เสรจ็
แล้วนักเรียนเปดิ หนังสอื เรียนและอ่านออกเสยี งคำศพั ท์ ใน Ex. 1a พร้อมกัน
ต่อมาครใู หน้ ักเรยี นช่วยกันบอกคำศพั ทท์ ีน่ ักเรยี นรคู้ วามหมาย ส่วนคำใดทไ่ี มร่ ู้ ครูใหน้ ักเรียนชว่ ยกนั เปิดพจนานุกรม ครูช่วย
อธบิ ายเพม่ิ เตมิ เช่น คำว่า crunchy (adj) และ creamy (adj)
crunchy (adj) ทก่ี รอบและทำให้เกดิ เสยี งดงั เวลากิน
เช่น crunchy vegetables, a crunchy salad, crunchy cereal, crunchy biscuits
creamy (adj) เป็นเน้ือครมี , หนาและนมุ่ เหมือนครมี หรือทม่ี ีครมี เช่น creamy soup/sauce

bitter: not sweet, like dark chocolate or coffee
creamy: soft, smooth texture
sour: sharp taste like a lemon
salty: tasting of salt
spicy: with a strong, burning taste
crunchy: pleasantly hard or crisp, making noise when you eat it
sweet: containing a lot of sugar
delicious: very tasty

ตอ่ มานกั เรยี นชว่ ยกนั แต่งประโยคเพ่ือยกตวั อย่างอาหารท่มี รี สชาติขม (bitter) เปน็ เนือ้ ครมี (creamy) เปรย้ี ว (sour) เคม็
(salty) เผด็ (spicy) กรอบ (crunchy) หวาน (sweet) อรอ่ ย (delicious) เช่น

I don’t like black coffee. It is too bitter.
These oranges are a bit sour.
This bacon is too salty for me.
I like a crunchy salad.
Tom Yum Kung is very spicy.
Do you prefer creamy or crunchy peanut butter?
This coffee is too sweet.
Who cooked this? It’s delicious.
เสร็จแลว้ ครใู หน้ กั เรยี นฝึกอ่านออกเสียงคำศัพท์เกีย่ วกับรสชาตอิ ีกครั้ง

หนา้ 80

• ครูควรสุม่ เรยี กนกั เรียนหลาย ๆ คน อา่ นออกเสียงคำว่า sour โดยครอู ธบิ ายใหน้ ักเรยี นฟงั ว่า คำวา่
sour /ˈsaʊə(r)/ อา่ นออกเสียงคล้ายกบั คำว่า flower /'flaʊə(r)/
ครูเขียนคำศัพท์ทัง้ 2 คำ บนกระดาน และใหน้ ักเรยี นฝกึ อ่านออกเสยี งหลาย ๆ ครง้ั

• ครูอาจสอนคำศพั ทเ์ กีย่ วกับรสชาตเิ พม่ิ เติม คือคำวา่ bland (adj) โดยอธิบายวา่ food that is bland
has very little taste เช่น I find chicken a little bland. The vegetable soup was rather
bland.

3. หนังสอื เรียน หนา้ 46 Ex. 1b นักเรยี นระดมสมองช่วยกนั คดิ ว่า ทำไมอาหารจงึ มรี สชาติทแ่ี ตกตา่ งกนั (Why do foods
taste different?) และรสชาติพ้นื ฐานของอาหารโดยทว่ั ไปมอี ะไรบา้ ง (Which are the basic kinds of taste?) ครู
รวบรวมคำตอบจากนกั เรยี นมาเขยี นบนกระดาน
จากนัน้ ครถู ามนกั เรียนว่า Which parts of the body help you taste? เมื่อไดค้ ำตอบวา่ tongue แลว้
ครูใหน้ กั เรยี นช่วยกันบอกรสชาตขิ องอาหารในบทอ่าน 3-4 อยา่ ง เชน่ Coffee is bitter. Soup is creamy. Lemon is
sour. ครขู ดี เสน้ ใตค้ ำคณุ ศพั ท์ที่บอกรสชาติอาหาร หลงั จากน้นั ครเู ปิด CD
ให้นกั เรียนฟัง CD พร้อมกบั อา่ นบทอ่านเรือ่ ง Why do foods taste different? ตามไปด้วย เพอ่ื หาคำตอบ เมอื่ นักเรยี นฟัง
เสรจ็ ครสู มุ่ เรยี กนักเรยี นหลาย ๆ คนบอกคำตอบของตนเอง เสรจ็ แลว้ ครูเฉลยตรวจคำตอบที่ถูกตอ้ งบนกระดาน

Foods have different tastes because they have different flovours.
There are four basic kinds of tastes: bitter, sour, salty and sweet.

ครูให้นกั เรียนชว่ ยกนั อธบิ ายความหมายของคำวา่ taste bud จนได้คำตอบวา่ ปมุ่ รบั รส
ต่อมาครเู ปดิ CD อกี ครงั้ โดยหยุดเป็นระยะ ๆ เพ่ือใหน้ ักเรียนออกเสียงตาม
4. หนงั สอื เรียน หน้า 46 Ex. 1c นักเรียนดภู าพอาหารในบทอา่ นอกี ครั้ง และอ่านชื่ออาหารทใ่ี หม้ า
ตามครู ครูใหน้ ักเรยี นชว่ ยกนั บอกรสชาติของอาหารท่นี กั เรยี นยังไมไ่ ดบ้ อก ครูเขยี นคำตอบของนกั เรยี นบนกระดาน
เมอ่ื นักเรียนทำเสร็จครสู มุ่ เรียกนักเรยี นอ่านคำตอบของตนเองให้เพื่อนฟงั แลว้ ครเู ขยี นคำตอบ
ท่ีถูกตอ้ งบนกระดานอีกครัง้

Soup is creamy.

Lemon tastes/is sour. Bacon tastes/is salty.

Pepperoni pizza tastes/is spicy. Bread and apples are crunchy.

Apples, chocolate muffins and pineapples taste/are sweet.

Pepperoni pizza, bread, fried egg, bacon, chocolate muffin, soup, apples and

pineapple are/taste delicious.

หนา้ 81

5. หนังสอื เรยี น หนา้ 46 Ex. 2 ครเู รยี กนกั เรยี น 1 คน แลว้ ครพู ูดประโยค Can you pass me the fish sauce? นักเรยี น

ตอบ Yes, of course. แลว้ เดินไปหยบิ นำ้ ปลาบนโตะ๊ มาส่งให้ครู พร้อมกับพูดว่า Here you are. จากน้ันครูใหน้ ักเรยี นคน

ดังกล่าวพดู ใหเ้ พอื่ นหยบิ เคร่อื งปรงุ บนโต๊ะมาใหต้ นเองบ้าง

นักเรียนทำกิจกรรมเช่นเดียวกันนอี้ กี 2-3 ครง้ั แล้วครใู หน้ กั เรยี นอ่านตารางการใช้ can/could/may และชว่ ยกันบอก

ความแตกตา่ งของ can/could/may จากนนั้ ครูอธบิ ายวา่ เราสามารถใช้ can, could และ may พูดขออนุญาตและขอรอ้ ง

ได้ โดย may จะมีความเป็นทางการมากกวา่ can และ could

can ใช้ในสถานการณ์ท่ัว ๆ ไป

could เปน็ ทางการมากกวา่ can

may เปน็ ทางการมากท่สี ดุ

จากน้นั นกั เรียนช่วยกันยกตวั อยา่ งประโยคขอรอ้ งและขออนุญาตทใี่ ช้ can/could/may เพม่ิ เตมิ

โดยใชช้ อื่ อาหารในบทอา่ นหรอื สถานการณ์อ่นื ๆ เชน่

A: Can I order a bowl of soup? B: Of course.

A: Could I ask you the time, please? B: No problem. It’s quarter past four.

A: May I have the bill, please? B: Certainly, Madam.

ครอู ่านออกเสยี งประโยคคำถามอีกครงั้ และชี้ใหน้ กั เรยี นสังเกตการออกเสียง can และ could

เสร็จแล้วครูอธบิ ายให้นักเรยี นฟงั วา่ กรยิ าชว่ ยเปน็ function words จงึ มกั ไม่ได้รบั การลงเสียงหนกั โดยเมอื่ อยใู่ นรูป weak

form จะออกเสียงเป็นเสียง /ə/

weak form weak form

can /kən/ could /kəd/

ครใู ห้นกั เรียนสงั เกตการเช่อื มเสียงคำระหวา่ ง Can I และ Could I ด้วย

จากนัน้ ครใู หน้ ักเรยี นช่วยกนั ยกตัวอย่างเพิ่มเตมิ เชน่

Can I ask you a question? Yes, you can.

Could I use your phone? Yes, you can.

May I use your phone? Yes, you may.

ครอู ธิบายวา่ กรยิ าชว่ ยเมือ่ อยูท่ ้ายประโยคจะต้องลงเสียงหนักในคำดังกลา่ วดว้ ย

ต่อมาครูให้นกั เรียนสังเกตการรบั และปฏิเสธการขออนุญาต/ขอรอ้ งท่ีขึ้นต้นดว้ ย Could I …?

จะไม่ใช้ could ในการตอบ

หนา้ 82

• ครอู าจสอนการใช้ Would you mind if + past simple? ในการขออนญุ าตทำบางส่ิง
A: Would you mind if I borrowed your pen, please?
B: No, that’s OK.
A: Would you mind if we sat here?
B: No, not at all.
A: Would you mind if I opened the window?
B: No, that’s fine.
ครูช้ีให้นักเรยี นเห็นว่า ในการถาม Would you mind If …? (รงั เกยี จไหมถา้ ...)
ถ้าเราตอบ yes จะหมายความว่า เรารังเกยี จ ดังนนั้ ถา้ เราจะอนุญาตให้ทำ เราตอ้ งตอบ No. เราไม่
รงั เกยี จทีเ่ ขาจะทำ (‘I don’t mind’ or ‘I’m happy with that’)
ในกรณที ไ่ี มต่ อ้ งการใหท้ ำ สามารถตอบโดยใชว้ ลี I’m afraid … เช่น
A: Would you mind if I used your phone?
B: I’m afraid the battery is dead.

• ครูควรย้ำถึงความสำคัญของการใช้ please และ thank you เสมอ ในการขอร้องหรือขออนุญาต
โดยเฉพาะในสังคมของคนอังกฤษ เพราะทั้ง 2 คำนี้เป็นคำพูดติดปากของคนองั กฤษเสมอ เชน่
Can I borrow your pen, please?
Could you say that again, please?
Can I leave early today, please?

6. หนังสือเรยี น หน้า 46 Ex. 3 นกั เรยี น 2 คน อ่านตวั อย่างคำตอบในขอ้ แรก จากนนั้ นักเรยี นทำงานคู่ แตง่ ประโยคถาม-ตอบ
จากข้อมูลทใ่ี ห้มา โดยใช้ can/could/may ครเู ดนิ สังเกตการทำงานเพือ่ ช่วยเหลอื และใหค้ ำแนะนำทจ่ี ำเปน็ เสร็จแล้วครสู ุม่
เรยี กนักเรยี นหลาย ๆ คู่ สนทนาใหเ้ พือ่ นฟงั

2 A: Could I have a burger and chips, please? B: Yes, of course.

3 A: Dad, can I (we) order a pizza, please? B: No, you (we) can’t.

4 A: Can/Could you chop the vegetables, please? B: Yes, of course.

ขนั้ สรปุ
1. นกั เรียนทบทวนเกย่ี วกับคำคณุ ศพั ทท์ ใี่ ช้บอกรสชาติ และช่วยกนั แตง่ ประโยค
2. นกั เรยี นทบทวนประโยคขอรอ้ งและขออนญุ าต พร้อมทง้ั แต่งบทสนทนาเกย่ี วกับ Asking and giving permission.
3. แบบฝึกหัด (Workbook) นักเรียนทำ Ex. 11 หนา้ 11 เป็นการบา้ น
4. แบบฝกึ หดั (Workbook) นักเรยี นอา่ นทบทวนเรอ่ื ง Can/Could/May แลว้ ทำ Exs. 9-11 หน้า 36-37

หนา้ 83

ชั่วโมงที่ 2

ข้นั นำ

1. นักเรยี นทบทวนประโยคขออนญุ าต โดยครูใหน้ ักเรียนขอในส่งิ ท่สี ามารถทำไดใ้ นขณะนี้ และครูจะอนญุ าตใหน้ ักเรียนทำส่ิงท่ี

นักเรยี นขอจริง ๆ เป็นเวลา 1 นาที เช่น May I talk with my friend?

2. นักเรยี นทบทวนประโยคขอรอ้ ง โดยการเลน่ เกม Chain Game ครูเรม่ิ เกมด้วยการพดู ขอร้องให้นักเรียนสง่ สง่ิ ของใหค้ รู เม่ือ

นักเรยี นสง่ สงิ่ ของให้แลว้ ใหน้ ักเรยี นหันไปขอรอ้ งเพอ่ื นที่นัง่ ใกลต้ นเอง ใหส้ ง่ ส่ิงของใหก้ ับตนเองบา้ ง ครใู หน้ ักเรียนขอร้องต่อ

กนั ไปเรอ่ื ย ๆ เชน่

T: Could you pass me the pencil sharpener, please?

S1: Yes, of course. Could you pass me the colour pencil, please?

S2: Yes, of course. Could you pass me the dictionary, please?

3. นักเรียนดภู าพในหนังสือเรียน หนา้ 47 และบอกว่า คืออะไร เม่อื ไดค้ ำตอบว่า คือ menu แล้ว ครสู ังเกต

วา่ นกั เรียนออกเสยี งถูกตอ้ งหรือไม่ แล้วสอนใหน้ ักเรียนออกเสยี งใหถ้ ูกต้อง

menu /ˈmenjuː/

ขัน้ สอน

1. นักเรยี นดภู าพเมนูอาหารของร้าน Daniel’s Burgers ในหนา้ 47 และบอกว่าร้านนมี้ อี าหารและเครอ่ื งด่ืมก่ปี ระเภท (5

ประเภท) ครูถามวา่ What are they? (Burgers & Sandwiches, Salads, Pizza, Shakes and Drinks.) ครใู ห้นักเรยี นแต่

ละแถวอา่ นอาหารทีอ่ ยู่ในแตล่ ะกลุม่ โดย 1 แถว อ่าน 1 กลุ่ม เชน่ แถวที่ 1 อ่าน กล่มุ Burgers & Sandwiches หลังจาก

นั้นครูถามนักเรยี นวา่ มอี าหารหรอื เครื่องด่มื ชนดิ ใดทีน่ ักเรียนไม่รจู้ ัก ครอู ธบิ ายคำศัพทท์ น่ี กั เรยี นไม่รู้ เชน่

Caesar salad (n) a type of salad containing lettuce, eggs, cheese, and small pieces of

fried bread, served with a dressing of oil, vinegar and herbs.

club sandwich (n) a sandwich consisting of three or more slices of toast or bread with

a filling.

pepperoni (n) a kind of spicy sausage which is often sliced and put on pizzas

ครอู าจหาภาพจากอนิ เทอร์เนต็ มาแสดงใหน้ ักเรยี นดู เพอื่ ใหน้ กั เรยี นเขา้ ใจง่ายขึน้

ครูสอนการลงเสยี งหนักในคำเหลา่ นี้

club sandwich pepperoni Caesar salad

หน้า 84

club sandwich เป็นแซนดว์ ิชทท่ี ำมาจากขนมปงั 3 ชน้ิ ประกบกัน โดยมไี สร้ ะหว่างขนมปัง
เช่น ไก่ เบคอน มะเขือเทศ ผักกาดหอม หรอื อ่ืน ๆ
เชน่ ทูนา่ ไข่
pepperoni เป็นไส้กรอก (sausage) ชนดิ แห้ง (dry sausage) ทผี่ ลติ จากเน้อื หมู หรือเนือ้ วัว ผสม
ด้วยมันแข็ง ห่นั เป็นช้ินเลก็ ปรุงรสด้วยเกลอื ปราปิกา (paprika) และเครอื่ งเทศอ่นื และใชเ้ กลอื ไนไทรต์
(nitrite) เพื่อทำให้เกดิ สีแดง
Caesar salad ท่ีมาของชือ่ Caesar salad เรมิ่ มาจากชายหน่มุ เจ้าของโรงแรมในประเทศเม็กซโิ ก ชอ่ื วา่
นายซีซ่าร์ คารด์ ินี (Caesar Cardini) ซ่ึงไมเ่ พียงเป็นเจ้าของโรงแรมเท่านน้ั แตเ่ ขายังมีฝมี อื ในการ
ทำอาหาร และในวันที่ห้องอาหารในโรงแรมของเขาเตม็ ไปดว้ ยลูกคา้ มากมาย จนอาหารในครวั ไม่
เพียงพอต่อความตอ้ งการ นายซซี ารค์ นน้ีกเ็ ลยแสดงฝีมือ นำวัตถดุ บิ ทเ่ี หลอื ๆ อยู่ มาคลุกเคลา้ เป็นสลดั
1 จานใหญ่ จดั เสริ ฟ์ แกล่ ูกคา้ ทกุ คนโดยทัว่ ถึง และโชคดีมากทส่ี ลัดจานนี้ กลบั มีรสชาตอิ รอ่ ยจนน่าท่ึง
และกลายเป็นเมนูประจำหอ้ งอาหารในโรงแรมต้ังแต่น้นั เปน็ ตน้ มา ซงึ่ ตอ่ มาสลดั จานนกี้ ม็ ีชือ่ เรียกตามชอ่ื
ของต้นตำรับ จุดเดน่ ของซีซารส์ ลดั อยทู่ ่ีผกั กาดโรเมน (romaine lettuce) เศษขนมปงั กรอบ พารม์ ีซาน
ชสี (Parmesan cheese) และนำ้ สลดั แบบน้ำใสทเ่ี นน้ รสเคม็ และมนั เทา่ นนั้ แตป่ ัจจบุ ันน้หี น้าตาของซี
ซาร์สลดั กถ็ กู ดดั แปลงไปตามแตค่ วามชอบของคนทำ มีทัง้ ใส่เบคอน ไก่ย่าง ไข่ลวก และมะเขอื เทศเขา้ ไป
ดว้ ย
ที่มา: http://cooking.kapook.com/view81940.html

http://www.foodnetworksolution.com/wiki/word/3059/pepperoni-เปปเปอโรนี

2. นักเรียนแบง่ กลมุ่ เพ่อื ฝกึ อา่ นแบบ scanning โดยแต่ละกลมุ่ สง่ ตัวแทนมาคร้งั ละ 1 คน ออกไปนอกหอ้ งเรยี น ซง่ึ ครไู ด้ติด

คำถามไวค้ รั้งละ 1 ขอ้ เม่อื นกั เรยี นอ่านคำถามแลว้ ต้องวิ่งมาบอกคำถามเพ่อื นในกลุ่มเพอ่ื ชว่ ยกนั อ่านกวาดสายตาอย่าง

รวดเรว็ เพ่ือหาคำตอบ ทมี ทห่ี าคำตอบไดเ้ ร็วทส่ี ดุ และถกู ตอ้ ง จะได้ 1 คะแนน ทีมที่ไดค้ ะแนนมากท่สี ดุ คือ ทีมท่ีชนะ

Suggested questions and answers

- What is the name of the restaurant? Daniel’s Burgers

- How much is spicy chicken burger and Pepsi? £2.00

- How much is a slice of pepperoni pizza? £3.50

- How much is club sandwich? £7.65.

- How much is vanilla shake? £2.00

- How much is a large Caesar salad? £4.95

- What is the most expensive item on the menu?

The whole pizza loaded with sausage, bacon and pepperoni.

- What is the least expensive? Mineral water

3. นักเรยี นฝึกพดู สัง่ อาหาร โดยใช้รายการอาหารในหนา้ 47 เชน่

T: What would you like? S1: I would like the club sandwich.

หน้า 85

ครอู ธิบายการออกเสียง would you ว่า คำในภาษาอังกฤษทล่ี งท้ายด้วยเสยี ง /d/ และเสียงคำตอ่ ไปข้ึนต้นด้วยเสยี ง /j/
เสยี งจะเปลย่ี นเป็น /dʒ/ จากนัน้ ครูให้นกั เรยี นออกเสียง would you พรอ้ ม ๆ กัน แล้วจงึ ให้นกั เรียนจับคู่ฝึกพดู ถาม-ตอบ
เกีย่ วกบั การส่งั อาหารส้ัน ๆ เสร็จแลว้ ครูรวบรวมคำตอบจากนักเรียนหลาย ๆ คน

ข้อควรจำและปฏบิ ัติในการออกเสยี งพยญั ชนะ /dʒ/
กระแสลมจากปอดถูกกกั อยทู่ ่ีบรเิ วณปลายลิ้นแตะกบั สว่ นหลังของปุ่มเหงอื ก ริมฝีปากหอ่ กลม และยนื ออกไป

ขา้ งหน้าเล็กนอ้ ย เม่อื ปล่อยปลายลิ้นจากปุ่มเหงือก กระแสลมทีถ่ กู กักไว้จะถูกปลอ่ ยออกมาอย่างช้า ๆ ในการออก
เสียง /dʒ/ เสน้ เสียงจะสัน่ และเสียงทีอ่ อกมาจะแรงและหนักหน่วงกวา่ เสียง /tʃ/

เสียงพยญั ชนะ /dʒ/ เป็นเสยี งท่ีเปน็ ปัญหาสำหรบั คนไทย เน่ืองจากเสยี งพยัญชนะ /dʒ/ ไมม่ ีในภาษาไทย
คนไทยส่วนใหญ่จงึ มักออกเสยี งพยัญชนะ /dʒ/ ดว้ ยเสยี งพยญั ชนะในภาษาไทยทใ่ี กลเ้ คียงกับเสียงนี้ ซึง่ ได้แก่
พยัญชนะทีส่ ะกดด้วยตวั อักษร “จ” การออเสียงเชน่ นั้นไมถ่ กู ต้องเพราะในการออกเสียงพยัญชนะทส่ี ะกดดว้ ย “จ”
ในภาษาไทย รมิ ฝีปากไมต่ อ้ งห่อกลมและเส้นเสยี งไมต่ อ้ งส่นั แตก่ ารออกเสียงพยญั ชนะ /dʒ/ ในภาษาองั กฤษ ริม
ฝปี ากต้องหอ่ กลมและเสน้ เสียงตอ้ งสั่นเพราเสยี ง /dʒ/ เป็นเสยี งก้อง
ท่ีมา: ปรารมภ์รัตน์ โชตกิ เสถยี ร. 2557. การออกเสยี งสระและเสยี งพยญั ชนะใน

ภาษาอังกฤษ. พิมพค์ รั้งท่ี 10. กรุงเทพฯ : สำนักพมิ พจ์ ฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั

Extra activities: ครเู ปิดคลิปช่อื Pronunciation: How to pronounce 'would you...?' หรอื แนะนำใหน้ ักเรียนไป

เปิดดดู ว้ ยตนเองจาก www.youtube.com หรือเข้าไปท่ี https://www.youtube.com/watch?v=3rXlFsd-yUA

4. หนังสอื เรยี น หนา้ 47 Ex. 6 ครเู ปิด CD ให้นกั เรยี นฟงั ประโยคแรกและสังเกตการอออกเสยี งคำวา่ Would you ซ่งึ ครไู ด้

สอนไปแล้ววา่ เสยี ง /d/ กับ /j/ จะกลมกลืนกนั จนกลายเปน็ เสยี ง /dʒ/ จากน้นั ครใู หน้ ักเรียนฟงั ประโยคที่ 2

I’d like something to drink.

ครชู ใ้ี ห้นกั เรยี นสงั เกตการออกเสยี ง I’d ว่า ออกเสียงเป็น /aɪd/ โดยเสียง /d/ จะออกเสยี งไม่เตม็ เสียง

ต่อมาครเู ปิดใหน้ กั เรยี นฟงั ประโยคท่ี 3-4 ครูถามนักเรียนวา่ can และ could ออกเสยี งเช่นไร จนไดค้ ำตอบว่า ออกเสียงใน

รปู weak form เสยี งสระจะเปน็ เสียง /ə/ เรียกว่าเสยี ง schwa ครูใหน้ ักเรยี นฝกึ ออกเสยี งเช่ือมคำระหวา่ ง Can I และ

Could I ด้วย

ครอู ธบิ ายเพิ่มเตมิ ว่า a, to, some เปน็ function word ไมใ่ ช่คำทบี่ อกเน้ือหา จงึ มกั ไมไ่ ดร้ ับการลงเสยี งหนัก เมอ่ื อยู่ในรูป

weak form จะออกเสยี งเป็นเสียง /ə/

weak form weak form

a /ə/ to /tə/

some /səm/

เมื่อนักเรียนเขา้ ใจแลว้ ครใู ห้นักเรยี นฟงั และฝึกอา่ นประโยค 1-9 ตาม CD ทีละประโยค เสรจ็ แลว้ สุ่มเรียกนักเรยี นอ่านออก

เสียงด้วยตนเอง

หน้า 86

5. หนงั สือเรียน หน้า 47 Ex. 4 นักเรยี นปดิ หนังสอื เรยี น ครเู ขยี นคำถามบนกระดาน

- How many people are there in the conversation? Who are they?

(Three people. They are Tony, Sally and Mark.)

- Where are they? (They are at the restaurant.)

- What are they doing? (They are ordering food.)

- Who is the waiter? (Tony.)

- What is Sally decide to eat? (A big burger, a small Caesar salad and a Pepsi.)

- What is Mark decide to eat? (A club sandwich and a lemonade.)

ครูให้นกั เรยี นอ่านคำถามพรอ้ มกนั แล้วครูเปดิ CD ใหน้ กั เรยี นฟัง เพ่ือหาคำตอบ เสรจ็ แลว้ ให้นักเรียนจบั คู่กันและช่วยกนั

ตอบคำถามบนกระดาน

ครใู หน้ ักเรียนฟงั CD อีกครง้ั เพอ่ื ตรวจทานและแกไ้ ขคำตอบของคตู่ นเอง เสรจ็ แล้วครูและนักเรียนชว่ ยกนั ตรวจคำตอบบน

กระดาน

ต่อมาครูให้นกั เรยี นเปดิ หนงั สอื เรยี น หน้า 47 แลว้ ครเู ปิด CD อกี ครั้ง โดยหยดุ เปน็ ระยะ ๆ เพ่ือใหน้ กั เรียนฝกึ อ่านออกเสียง

บทสนทนา ครูตรวจสอบความถกู ต้องของการออกเสียงคำและประโยคของนกั เรยี น ครอู ธบิ ายเพ่ิมเตมิ ว่า ในบทสนทนา

เก่ียวกับการสงั่ อาหาร เรามักจะเหน็ การใช้ article ร่วมกบั คำนามนับไม่ได้ เนื่องจากเป็นการละคำบอกปรมิ าณ เชน่ a

lemonade (a glass of lemonade), a tea (a cup of tea)

6. นกั เรยี นอ่านบทสนทนาอีกคร้ัง และบอกประโยคทใี่ ชใ้ นการสนทนาเก่ยี วกับการสัง่ อาหาร

พร้อมทั้งอธิบายความหมาย

ประโยคท่พี นกั งานเสริ ฟ์ พูดกบั ลกู ค้า

- Can I take your order?

- Would you like something to drink with that?

ประโยคทีล่ ูกค้าใชใ้ นการสงั่ อาหาร

- Can I have …?

- I’d like … .

ครูอาจชว่ ยสอนสำนวนภาษาเพม่ิ เติม เช่น

What can I get you today?

What would you like to drink? Would you like anything to drink?

7. หนังสือเรยี น หน้า 47 Ex. 5 นักเรยี นแบ่งกล่มุ กล่มุ ละ 3 คน สมมตวิ า่ อยู่ทีร่ า้ น Daniel’s Burgers แล้วแต่งบทสนทนา

เก่ยี วกับการสั่งอาหาร โดยใชบ้ ทสนทนาใน Ex. 4 เปน็ ต้นแบบ ครกู ำหนดเวลาใหน้ ักเรยี นในการทำงานและเดนิ สงั เกต เพอ่ื

ชว่ ยเหลอื และตรวจบทสนทนาทน่ี กั เรยี นแตง่

เมอ่ื นกั เรยี นแต่งเสรจ็ ครูใหเ้ วลานกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มฝึกซ้อมสน้ั ๆ แลว้ สุ่มเรียก 1 กล่มุ ออกมาแสดงบทสนทนาท่ีหน้าช้ัน

ส่วนนกั เรยี นกลมุ่ ท่ีเหลือ ครใู หไ้ ปแสดงกบั ครนู อกเวลาเรยี น

หนา้ 87

A: Can I take your order?
B: I’d like a slice of pepperoni pizza and some chips, please.
A: Would you like something to drink?
B: A lemonade.
A: And how about you, sir?
C: I’ll have a bacon burger and a Pepsi, please.
A: Is that everything?
B: That’s right.
A: So, that’s a slice of pepperoni pizza, some chips, a lemonade,

a bacon burger and a Pepsi.
B: That’s correct.
A: That’s £12.75, please.
C: Here you are.
A: Thank you. Here’s your change.

Extra activities: ครูอาจแบ่งนกั เรียนเปน็ กลุ่ม กลมุ่ ละ 4-5 คน แลว้ ให้นกั เรียนไปอัดคลปิ วิดโี อในรา้ นอาหาร
จรงิ ๆ หรอื สร้างฉากรา้ นอาหารขึ้นมาเอง แลว้ แสดงบทบาทสมมติ
8. หนงั สือเรียน หนา้ 47 Ex. 7 นกั เรยี นกลมุ่ เดมิ ดภู าพรายการอาหารของร้าน Daniel’s Burgers แล้ว
สมมตวิ า่ ตนเองเปน็ เจา้ ของรา้ นอาหารจานด่วน แล้วให้นกั เรยี นทำรายการอาหารสำหรับรา้ นอาหารของตนเอง ซ่งึ นักเรียน
ตอ้ งตดิ ภาพอาหารประกอบ รวมทัง้ ต้งั ช่อื รา้ นอาหารของตนเองดว้ ย
ครอู าจใหน้ กั เรยี นดตู ัวอยา่ งรายการอาหารในหนงั สอื เรียนอีกครงั้ แล้วชว่ ยกันบอกวา่ ข้อมูลในรายการอาหารมีอะไรบา้ ง โดย
นักเรียนอาจเสรมิ เพิม่ เตมิ จากประสบการณ์ทเี่ คยเขา้ ไปในรา้ นอาหารเช่นเดียวกันน้กี ไ็ ด้ว่า ควรมีขอ้ มลู เพ่ิมเตมิ อะไรอีก เสรจ็
แล้วครมู อบหมายให้นกั เรยี นไปทำชิน้ งานน้ีนอกเวลาเรียน โดยครใู ห้นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ มอบหมายหนา้ ทีใ่ นการทำงานของ
นักเรยี นแตล่ ะคน
ในกลมุ่ มาสง่ ครูก่อนเลกิ เรยี น
9. นกั เรียนค้นหาคำศพั ท์เกีย่ วกบั ผลไม้และอาหารไทย อยา่ งนอ้ ย 8 ชนิด จากน้นั เขียนบรรยายรสชาติของอาหารเหล่านี้ โดยใช้
คำศัพทใ์ น Ex. 1a พร้อมทง้ั วาดภาพประกอบ เชน่
This durian tastes creamy.

หนา้ 88

ขนั้ สรปุ
1. นกั เรียนช่วยกนั ทบทวนสำนวนภาษาท่ใี ชใ้ นการสงั่ อาหาร
2. แบบฝึกหัด (Workbook) นักเรยี นทำ Ex. 12 หนา้ 11 เปน็ การบ้าน

7. การวัดและประเมนิ ผล เครื่องมอื เกณฑ์ผา่ นเกณฑ์
วธิ กี ารวัด แบบประเมินช้นิ งาน ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
แบบประเมนิ การพดู ระดับคณุ ภาพ พอใช้
ประเมนิ ชน้ิ งานเขยี นบรรยายรสชาตอิ าหาร แบบประเมินแสดงบทสนทนา ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
(ต 1.1 ม. 4-6/3)
ประเมนิ การพูดขอรอ้ งและขออนุญาต แบบประเมินช้ินงาน ระดับคณุ ภาพ พอใช้
(ต 1.2 ม. 4-6/2) แบบประเมนิ คุณลกั ษณะ ระดับคณุ ภาพ พอใช้
ประเมินการแสดงบทสนทนา อนั พึงประสงค์
(ต 1.1 ม. 4-6/2, ต 1.2 ม. 4-6/1,
ต 1.2 ม. 4-6/2, ต 1.2 ม. 4-6/3,
ต 2.1 ม. 4-6/1, ต 4.1 ม. 4-6/1)
ประเมนิ ชน้ิ งานรายการอาหาร
(ต 1.1 ม. 4-6/3)
สังเกตพฤตกิ รรมบง่ ชี้ดา้ นใฝเ่ รยี นร้แู ละ
มุ่งมนั่ ในการทำงาน

8. สือ่ /แหลง่ การเรียนรู้
8.1 หนงั สือเรยี น Upload 4 ม. 4
8.2 แบบฝกึ หดั Upload 4 ม. 4
8.3 Class Audio CD ประกอบสอ่ื ฯ ชุด Upload 4 ม. 4
8.4 คลปิ วิดีโอจาก www.youtube.com

หน้า 89

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 8 Where exactly?

เวลา 2 ช่วั โมง

จุดประสงค์ (Objectives)
- ปฏบิ ตั ติ ามคำสงั่ ได้
- ตอบคำถามจากการฟงั และอา่ นได้
- สนทนาเก่ียวกบั การขอและบอกทศิ ทางได้
- เขียนบรรยายเกย่ี วกบั สถานที่ในละแวกบา้ นของตนเองได้
- พดู แนะนำสถานทีท่ อ่ งเที่ยวในทอ้ งถนิ่ ของตนเองและวิธีการเดินทางได้

1. มาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวดั
มาตรฐาน ต 1.1: ต 1.1 ม. 4-6/1, ต 1.1 ม. 4-6/3, ต 1.1 ม. 4-6/4
มาตรฐาน ต 1.2: ต 1.2 ม. 4-6/1
มาตรฐาน ต 1.3: ต 1.3 ม. 4-6/1
มาตรฐาน ต 2.1: ต 2.1 ม. 4-6/1
มาตรฐาน ต 2.2: ต 2.2 ม. 4-6/1
มาตรฐาน ต 4.1: ต 4.1 ม. 4-6/1
มาตรฐาน ต 4.2: ต 4.2 ม. 4-6/2

2. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด
การรู้และเข้าใจคำศัพท์เกี่ยวกับสถานท่ี คำบุพบทบอกสถานที่ สำนวนภาษาที่ใช้ในการขอและบอกทิศทาง ประโยคคำสั่ง

ชว่ ยให้เขา้ ใจเรื่องทฟี่ ังและอา่ น ปฏบิ ัติตามคำส่งั พดู ส่อื สารเกี่ยวกับการขอและบอกทิศทาง เขียนบรรยายสถานทีใ่ นท้องถิ่นของตนเอง
และเผยแพรป่ ระชาสมั พนั ธไ์ ด้ รวมทัง้ เขา้ ใจวา่ ประโยคในภาษาไทยกบั ภาษาอังกฤษมีท้งั ความเหมือนและความแตกต่างกัน

3. สาระการเรยี นรู้

3.1 ทักษะเฉพาะวิชา

1) Language Features and Functions

Vocabulary: places to buy food/drinks (fast food restaurant, café, takeaway, greengrocer’s,

restaurant, butcher’s, pastry shop, supermarket, delicatessen, fishmonger’s,

baker’s, ice cream parlour, jeweller’s)

Grammar: the imperatives
Functions: asking and giving directions
2) Language Skills
Listening: ฟงั เพื่อหาข้อมูลเฉพาะ
Speaking: พูดขอและบอกทิศทางเกี่ยวกับสถานท่ีตา่ ง ๆ
Reading: อ่านเพ่ือหาขอ้ มลู เฉพาะ

หน้า 90

Writing: เขียนบรรยายเกย่ี วกับละแวกบ้านท่อี ย่อู าศัย
3) Culture: การตั้งชื่อถนนในสหราชอาณาจกั รและประเทศไทย

4. สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รยี น 4.2 ความสามารถในการคดิ
4.1 ความสามารถในการสอื่ สาร
4.3 ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต

5. คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ 5.2 มงุ่ มน่ั ในการทำงาน
5.1 ใฝ่เรยี นรู้

6. กจิ กรรมการเรยี นรู้

ชว่ั โมงท่ี 1

ขน้ั นำ

1. ครทู บทวนประโยคคำสัง่ แลว้ ใหน้ กั เรยี นปฏิบตั ติ ามคำสงั่ ที่ครพู ดู เชน่

Turn left. Turn right.

Turn around. Stand behind your chair.

Stand in front of your desk. Stand on the right of your desk.

Stand on the left of your desk. Stand between your desk and chair.

2. นกั เรยี นทำงานคู่ เขยี นชอ่ื สถานทต่ี า่ ง ๆ ใหไ้ ดม้ ากทีส่ ุดภายในเวลา 1 นาที จากนน้ั นักเรยี นคู่ท่เี ขยี นได้มากที่สดุ ออกมาเขียน

ชื่อสถานท่ขี องตนเองบนกระดาน ครถู ามนักเรยี นว่า มีนกั เรียนคูใ่ ดทีม่ ีคำศพั ทน์ อกเหนอื ไปจากบนกระดานบา้ ง ให้ออกมา

เขียนเพิ่มเตมิ เสร็จแล้วนกั เรยี นอา่ นคำศพั ทท์ ั้งหมดบนกระดานตามครู พร้อมกบั ชว่ ยกนั บอกความหมาย

3. ครถู ามคำถามเก่ียวกบั รา้ นอาหารและอาหารทีน่ กั เรยี นรับประทานในรา้ นนัน้ ๆ เพอ่ื ทบทวน ช่ืออาหาร

- What kind of restaurant do you often go when you eat out?

- Where do you often go to buy foods and drinks?

- What is the most popular fast food restaurant in your neighborhood?

- What food do you eat there?

- Do you like pizza?

- Where do you always buy pizza?

- What kind of drink do you like?

- Do you like to drink lemon juice?

ขั้นสอน

1. หนังสือเรียน หนา้ 48 Ex. 1a นักเรยี นดภู าพสถานทต่ี า่ ง ๆ ทใี่ ห้มา ครูถามคำศัพทเ์ กย่ี วกับช่อื รา้ นตา่ ง ๆ เพอ่ื ตรวจสอบ

ความเขา้ ใจของนักเรยี น และอธบิ ายความหมายของศัพทท์ ีน่ ักเรียนไมร่ ู้ เชน่

ice cream parlour รา้ นไอศกรมี

takeaway ร้านขายอาหารที่นำกลบั ไปรบั ประทานท่ีบ้านหรือที่อ่ืน

greengrocer’s ร้านขายผกั และผลไมส้ ด

หน้า 91

pastry shop ร้านขายขนบอบ เชน่ พาย

delicatessen ร้านขายเนอื้ ชีส และอาหารจากตา่ งประเทศ

fishmonger’s รา้ นขายปลา

จากนั้นครเู ปดิ CD ใหน้ ักเรยี นฟังและฝึกอ่านออกเสียงคำศัพท์ โดยครเู ปิด CD และหยุดเป็นระยะ ๆ เพ่ือใหน้ กั เรยี นออก

เสียงตาม ครสู ังเกตและตรวจสอบว่า นักเรียนอา่ นออกเสยี งถูกต้องหรอื ไม่

Pastry เปน็ ชื่อเรยี กของขนมอบหลายชนดิ ซึง่ มสี ่วนประกอบหลกั ๆ คือ แป้ง, นำ้ ตาล, นม, เนย และไข่ คลา้ ย ๆ กับ
วัตถุดบิ ในการทำขนมปงั แต่ว่ามสี ดั สว่ นของไขมนั ทีส่ งู กวา่ ขนมปัง pastry เปน็ ขนมทอี่ บแลว้ มลี ักษณะของเปลือกแข็ง
กรอบ เป็นเกลด็ เมือ่ บิออก มลี กั ษณะเปน็ ช้นั พองหรือไสก้ ลวง จึงสามารถบรรจไุ สค้ าวหวานต่าง ๆ ได้ และด้วยสดั ส่วน
ของไขมันที่สูงกว่านนั่ เองทท่ี ำให้ pastry มีลักษณะรว่ น ๆ กรอบ ๆ ทีเ่ รียกว่า “flaky”
ตัวอย่างของ pastry เชน่ pie, puff, cinnamon roll, croissant, éclair, macaron, mooncake
ที่มา: https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_pastries

http://specialfood.co.th/item/329-pastries-เพสตรี-หรือท่ีเราเรียกกนั วา่ -พาย-นน่ั เอง

2. หนงั สือเรียน หน้า 48 Ex. 1b นักเรียนอ่านรายชอ่ื อาหารและเครอ่ื งดื่มที่ให้มาพรอ้ มกัน คำใดท่นี ักเรียนอา่ นออกเสียงไม่

ถกู ต้องหรอื อ่านไมไ่ ด้ครูออกเสียงใหน้ กั เรยี นอา่ นตาม

จากนน้ั ดภู าพรา้ นคา้ ต่าง ๆ ในแผนที่ แลว้ ช่วยกนั หาร้านท่ีสามารถรบั ประทาน/ดมื่ /ส่งั อาหาร/ซือ้ สินคา้ ทใี่ หม้ าได้

ครูใหน้ ักเรยี นอา่ นประโยค You can eat a burger at a fast food restaurant. พร้อมกัน ครขู ดี เสน้ ใต้ ท่ี eat

และfast food restaurant ให้นักเรยี นชว่ ยกนั บอกว่าคำท่ีขดี เส้นใตส้ ามารถเปลย่ี นเป็นคำใดบา้ ง เช่น แทนที่ eat ด้วย

คำกริยา buy/order /drink และแทนที่ fast food restaurant ดว้ ย ช่อื สถานทเ่ี ชน่ café /ice cream parlour เป็นต้น

หลงั จากนนั้ ครใู ห้นักเรยี นเขยี นคำตอบ เสรจ็ แล้วครรู วบรวมคำตอบจากนกั เรยี น

You can drink/order/buy Coke at a takeaway, a fast food restaurant, at a café, at a
restaurant and at the supermarket. You can buy tomatoes and bananas at the
greengrocer’s and at the supermarket.
You can drink/order tea at a café and at a restaurant.
You can drink/order lemonade at a café, restaurant or fast food restaurant.
You can buy bread at the baker’s and at the supermarket.
You can buy celery at the greengrocer’s and at the supermarket.
You can eat/order ice cream at the ice cream parlour, at a restaurant and at a café.
You can eat chicken at a takeaway, at a fast food restaurant and at a restaurant.
You can buy ham at the delicatessen and at the supermarket.
You can buy eggs at the supermarket.
You can buy sweets at the supermarket and at the cinema.
You can eat/order rice at a restaurant and at a takeaway.
You can buy meat at the butcher’s and at the supermarket.
You can eat/buy popcorn at the cinema and at the supermarket.

หนา้ 92

3. ครนู ำกลอ่ งมา 2 ใบ และดนิ สอ 1 แทง่ มาวางในตำแหนง่ ตา่ ง ๆ เพือ่ นำเสนอ prepositions of place เชน่
The pencil is between the boxes.

จากนัน้ ครูนำเสนอวลี on the corner โดยนำดินสอไปวางไวท้ ีม่ มุ ห้อง
The pencil is on the corner.

สว่ นวลี across the street from ครวู าดภาพแผนทบ่ี นกระดานแบบงา่ ย ๆ เพ่ือนำเสนอวลดี ังกล่าว เช่น

baker’s café

The baker’s is across the street from the café.

ครชู ้ใี ห้นักเรียนเหน็ ว่า across from มคี วามหมายเทา่ กับคำวา่ opposite เชน่
The baker’s is opposite the café.

ต่อมาครใู หน้ กั เรียนฝึกใช้ prepositions of place เหลา่ นี้ โดยครบู อก prepositions of place แล้วใหน้ ักเรยี นพูดบอก
ตำแหน่งของตนเองหรอื บคุ คลต่าง ๆ ในห้อง เชน่

T: on the left
S1: I’m on the left of Ken.
S2: I’m on the left of Pang.
S3: I’m on the left of Chai.
T: between
S1: I’m between Phen and Pang.
S2: I’m between Kai and Sai.
ครูเปลีย่ นวลไี ปเรื่อย ๆ จนนักเรียนสามารถพูดบอกตำแหนง่ ไดค้ ลอ่ ง
4. นกั เรียนฝึกปฏิบตั ติ ามคำสงั่ โดยครใู ห้นักเรยี นออกมาอยูใ่ นตำแหน่งตา่ ง ๆ ท่คี รบู อก เชน่
T: Pang, stand behind Sai.

Sai, stand on the left of Nuan.

เมือ่ นักเรียนทำกจิ กรรมไดค้ ล่องแลว้ ครสู มุ่ เรยี กนกั เรยี นออกมาเป็นผู้ออกคำสัง่ บ้าง
5. หนงั สือเรียน หน้า 48 Ex. 1c นักเรยี นดภู าพท่ใี ห้มา และอ่านออกเสยี งคำศัพท์/วลีในแตล่ ะภาพ จากนัน้ อา่ นประโยคทใ่ี ห้

มาและบอกวา่ แตล่ ะประโยคคือสถานท่ีใด

It’s on the corner of High Street and Queen Street. (It’s the music shop.)
It’s next to the shopping centre. (It’s the Ann’s Cafe.)
It’s between the greengrocer’s and pizzeria. (It’s Tony’s restaurant.)
It’s across the street from Sukie’s Takeaway. (It’s the florist’s.)
It’s on the left of the fast food restaurant. (It’s the music shop.)
It’s in front of the jeweller’s (It’s the newsagent’s.)

หนา้ 93

ตอ่ มานกั เรยี นอา่ นประโยคคำสั่งทอี่ ยู่ด้านลา่ ง พร้อมกบั ตัวอย่างคำตอบท่ีให้มา ครอู ธบิ ายวา่
ให้นักเรียนดแู ผนที่อีกครง้ั และเลอื กสถานทไี่ ว้ในใจ 5 สถานที่ แลว้ ใหน้ กั เรยี นจบั คกู่ ัน แตล่ ะคู่
ผลดั กันพดู บอกทศิ ทางและใหเ้ พ่ือนบอกวา่ คอื สถานทีใ่ ดในแผนที่

A: It’s next to the butcher’s.
B: It’s the ice cream parlour. It’s behind the florist’s.
A: It’s Mark’s café. etc.

6. นักเรียนดูแผนท่ีในหนังสือเรียน หนา้ 48 อกี ครง้ั ครูอธบิ ายว่า ในการบรรยายถงึ สิง่ ทมี่ อี ยู่ เราจะใช้โครงสรา้ ง there

is/there are … จากนัน้ ครูให้นักเรียนชว่ ยกนั พูดบรรยายสถานท่ีท่ีมอี ย่ใู นแผนที่ เช่น There is a delicatessen between

a pastry shop and Ann’s café.

7. หนงั สือเรียน หนา้ 49 Ex. 4 ครเู ขยี นชอ่ื ร้านค้าต่อไปนีบ้ นกระดาน fishmonger’s, florist’s, greengrocer’s,

jeweller’s แล้วให้นักเรียนชว่ ยบอกชนิดของสินค้าทส่ี ามารถหาซอ้ื ไดจ้ ากรา้ นคา้ เหลา่ น้ี ครูเขียนคำตอบของนักเรียนบน

กระดาน เชน่

fishmonger’s: sardine, tuna, cod, shrimp etc.

florist’s: roses, carnations, daisies, lilies etc.

greengrocer’s: potatoes, lettuce, tomatoes, cucumbers etc.

jeweller’s: earrings, bracelet, ring, necklace etc.

delicatessen: cooked meat, cheese

จากน้นั นกั เรยี นฟงั บทสนทนา 4 บทจาก CD แลว้ ให้นกั เรยี นบอกว่า บทสนทนาแตล่ ะบทเกดิ ขน้ึ

ที่ร้านค้าใด มีคำใดท่ีนักเรยี นไดย้ นิ จากบทสนทนาทช่ี ่วยในการตัดสินใจวา่ เป็นร้านค้านั้น ๆ ครูเขียนคำตอบของนักเรียนบน

กระดาน แลว้ ให้นกั เรียนฟัง CD อกี ครงั้ โดยหยดุ เป็นระยะเพอื่ ตรวจคำตอบ

1 florist’s (carnations, bunch)
2 jeweller’s (necklace)
3 fishmonger’s (cod)
4 greengrocer’s (tomatoes)

8. หนังสือเรียน หน้า 49 กรอบ Did you know? นักเรียนอา่ นขอ้ ความในกรอบ ครูอธบิ ายเพมิ่ เตมิ วา่ ชือ่ ถนนต่าง ๆ ในส
หราชอาณาจักรมกั ตั้งชือ่ จากตัวเลข ลักษณะภมู ปิ ระเทศ ตน้ ไม้ หรอื นามสกลุ
ครูอาจช่วยยกตัวอย่างชอื่ ถนนและให้นกั เรียนชว่ ยกนั บอกวา่ ชอื่ ถนนเหล่านม้ี าจากชื่ออะไร เชน่ Alexander Road, York
Road, Victoria Street, West Street, Windsor Road เสรจ็ แลว้ ครูให้นกั เรยี นชว่ ยกนั ยกตัวอยา่ งช่อื ถนนแถวบา้ นของ
นกั เรยี นหรือแถวโรงเรยี น และช่วยกนั ระบุท่ีมาของชอื่ ถนนเหลา่ น้ี ครอู าจให้นักเรยี นไปคน้ หาข้อมลู เพมิ่ เติมเป็นการบ้าน
และออกมาเลา่ ใหเ้ พ่ือนฟงั ตอนตน้ ของคาบเรยี นถัดไป

หนา้ 94

ชอ่ื ถนนในประเทศไทย
ถนนสุขมุ วทิ - ถนนสายน้แี ต่กอ่ นมชี ื่อวา่ “ถนนกรุงเทพฯ-สมทุ รปราการ” เพราะปลายถนนนไี้ ปถงึ ตวั เมือง
สมทุ รปราการ เปดิ ใช้งานเมอ่ื 8 กนั ยายน พ.ศ. 2479 ตอ่ มาถนนสายน้ีไดร้ ับการเปล่ียนชอ่ื เปน็ “ถนน
สุขุมวิท” ตามราชทนิ นามของพระพิศาลสขุ ุมวทิ (ประสพ สขุ ุม) บตุ รเจา้ พระยายมราช (ป้ัน สขุ ุม) และทา่ น
ผหู้ ญงิ ตลับ พระพิศาลสขุ ุมวทิ เคยดำรงตำแหน่งอธบิ ดกี รมทางหลวงคนที่ 5 และเป็นคนไทยคนแรกทสี่ ำเรจ็
การศกึ ษาด้านวิศวกรรมศาสตรจ์ ากสถาบนั เทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์
สหรัฐอเมริกา พระพศิ าลสขุ ุมวทิ ไดท้ ุ่มเทในการกอ่ สร้างทางหลวงสำคัญของประเทศเป็นอยา่ งยิง่ คณะ
รฐั บาลสมัยจอมพล ป. พิบูลสงครามจึงไดม้ มี ติใหต้ ง้ั ช่อื ทางหลวงสายกรุงเทพฯ-ตราด วา่ ถนนสุขุมวทิ เพ่ือ
เป็นเกียรตแิ กพ่ ระพศิ าลสขุ มุ วทิ เมอื่ วันท่ี 10 ธันวาคม พ.ศ. 2493
ถนนเพชรเกษม - ตง้ั ช่อื ตามช่ือหลวงเพชรเกษมวิถสี วสั ดิ์ (แถม เพชรเกษม) อธบิ ดกี รมทางหลวงคนที่ 7
หลวงเพชรเกษมวถิ ีสวสั ดเ์ิ ปน็ นกั เรียนทุนหลวงของกรมรถไฟ ไปศกึ ษาวชิ าวิศวกรรมโยธาที่สห
ราชอาณาจักร และกลับมารับราชการทกี่ รมรถไฟหลวง ตอ่ มาย้ายไปสังกดั กรมทางหลวง เมื่อถนนเพชร
เกษมสรา้ งเสร็จเมอื่ พ.ศ. 2493 จึงไดร้ ับการต้ังชอ่ื เพือ่ เปน็ เกียรตแิ กบ่ ุคคลดังกลา่ วเม่ือวันท่ี 10 ธันวาคม
ปเี ดียวกัน ตามนโยบายของรฐั บาลสมยั จอมพล ป. พิบลู สงครามเปน็ นายกรฐั มนตรี ทใี่ หต้ ัง้ ช่อื ถนนตามชอื่
นายช่างใหญผ่ ้คู วบคมุ การก่อสร้างหรอื การบังคบั บัญชารบั ผดิ ชอบ
ถนนจรัญสนทิ วงศ์ - ต้ังเพ่อื เป็นเกยี รติแก่ หลวงจรญั สนิทวงศ์ (ม.ล.จรัญ สนิทวงศ)์ อดตี ปลดั กระทรวง
คมนาคม เดิมกรุงเทพมหานครติดป้ายชอื่ ถนนวา่ “ถนนจรัลสนทิ วงศ์” ตอ่ มาได้แกไ้ ขเป็น “จรญั สนิทวงศ์”
ตามนามของหลวงจรัญสนทิ วงศ์
ทมี่ า: http://www.toptenthailand.com/topten/detail/20140123165023977

9. หนังสอื เรียน หนา้ 49 Ex. 5 นกั เรยี นอ่านตัวอย่างที่ใหม้ า จากน้ันนกั เรยี นนึกถงึ สถานท่ตี ่าง ๆ
ในละแวกบ้านของนักเรยี นว่ามคี วามเหมอื นหรอื แตกต่างจากสถานท่ตี ่าง ๆ ในแผนทีใ่ นหน้า 48 อย่างไร แล้วแต่งประโยค
เพื่อบรรยายส่งิ ทีม่ แี ละไมม่ ีในละแวกบ้านของตนเอง ครูอาจใหน้ ักเรยี น
ทำกจิ กรรมนเี้ ป็นการบา้ น ถ้าเวลาไม่พอ

In my area there are many convenience stores or 7-Eleven. There isn’t a supermarket,
but there is a greengrocer’s and a butcher’s. There is no department store, but there
are many newsagents’ and restaurants.

หน้า 95

ขั้นสรุป
1. นักเรยี นช่วยกนั สรุปคำศพั ท์เก่ียวกบั ช่อื สถานท่ีทเี่ รียนในวันน้ีและโครงสรา้ งประโยคท่ใี ชบ้ อกตำแหนง่ ของสถานที่ เสรจ็ แล้ว
ให้นักเรียนช่วยกันแตง่ ประโยค
2. แบบฝกึ หัด (Workbook) นกั เรยี นทำ Exs. 13-14 หน้า 11-12

ชว่ั โมงท่ี 2
ขั้นนำ

1. นักเรียนแบ่งเป็น 2 ทมี เล่นเกม Noughts and Crosses หรอื OX โดยครเู ขยี นชือ่ สถานที่ลงในตาราง
9 ช่องบนกระดาน แล้วแต่ละทมี ผลดั กนั พดู บอกกิจกรรมทส่ี ามารถทำไดท้ ี่สถานที่ดงั กล่าว ทมี ทีแ่ ตง่ ประโยคได้ถูกต้องจะมี
สทิ ธ์ทิ ำเคร่อื งหมายของทีมตนเอง คอื O หรือ X ลงในช่องคำศัพทท์ ี่แตง่ ประโยคไดถ้ กู ตอ้ ง ทมี ท่ที ำเครื่องหมายไดค้ รบ 3
ช่องติดตอ่ กนั กอ่ นในแนวใดก็ได้ เปน็ ทีมที่ชนะ เช่น You can buy cheese at a delicatessen.

pastry shop greengrocer’s butcher’s

supermarket delicatessen fishmonger’s

ice cream fast food café
palour restaurant

2. ทบทวนประโยคคำส่งั โดยให้นักเรยี นปฏบิ ตั ิตามคำส่งั ที่ครูบอก เช่น

Turn left. Turn right.

Turn around. Stand behind your chair.

Stand in front of your desk. Stand on the right of your desk.

Stand on the left of your desk. Stand between your desk and chair.

ขัน้ สอน

1. ครูเขยี นประโยคคำสัง่ ตอ่ ไปนี้บนกระดาน

Wait quietly before class. Be nice to your friends.

Don’t forget your homework!

ครูอธบิ ายว่า ประโยคเหล่านเ้ี รียกว่า the imperative ครใู ห้นักเรียนอา่ นออกเสียงประโยคตามครู จากนั้นถามนักเรยี นว่า

the imperative ในภาษาไทย เรยี กว่าอะไร เม่อื ได้คำตอบวา่ ประโยคคำสงั่ แล้ว ใหน้ กั เรยี นบอกโครงสร้างของประโยคบน

กระดาน

- ประโยคบอกเล่า จะข้นึ ประโยคด้วย base form of verb หรือกรยิ าชอ่ งท่ี 1

- ประโยคปฏเิ สธ จะขนึ้ ประโยคดว้ ย do + not + the infinitive without to

หนา้ 96

ครอู ธบิ ายวา่ ประโยคคำสงั่ (The imperative) เป็นประโยคที่เรม่ิ ตน้ ประโยคดว้ ยคำกรยิ าในรูป base form เนอื่ งจาก
ประธานของประโยคเป็นบรุ ุษที่ 2 คือ you ซึ่งเปน็ ผู้ฟังหรอื ผู้อ่านท่ลี ะไว้ ในการทำให้ประโยคคำสัง่ สุภาพมากขึ้น ให้ใส่
please ไว้หลังประโยคคำสง่ั เชน่

Don’t make so much noise, please.
สามารถใส่ please ไวต้ อนตน้ ของประโยคไดเ้ ชน่ กัน แต่ความหมายจะคอ่ นข้างเนน้ คำวา่ please เชน่

Please put the plates on the table.
ต่อมาครใู หน้ ักเรียนชว่ ยกันแต่งประโยคคำส่งั ท้ังในรูปประโยคบอกเล่าและปฏิเสธรว่ มกนั เม่อื ครเู หน็ วา่ นักเรียนเขา้ ใจแลว้ ครู
ให้นกั เรยี นเปรียบเทียบความเหมอื นและความแตกต่างระหว่างประโยคคำสง่ั ในภาษาไทยกบั ภาษาอังกฤษ โดยครเู ขยี น
ประโยคคำส่งั ภาษาไทยบนกระดาน เชน่

นกั เรียนตอ้ งมาโรงเรยี นให้ตรงเวลา
ห้ามสง่ เสยี งดงั ในชั้นเรยี น
อย่าทงิ้ ขยะลงแม่นำ้
จงเขียนเศษส่วนตอ่ ไปนีใ้ หอ้ ยู่ในรปู ทศนยิ ม

ประโยคคำสั่งในภาษาไทย

ประโยคคำสัง่ หมายถงึ ประโยคทใี่ ช้ส่ังหรอื ขอร้องใหผ้ ใู้ ดผูห้ น่งึ ทำอย่างใดอย่างหนึง่ ให้

ประโยคคำสงั่ มลี กั ษณะอย่างใดอยา่ งหนงึ่ ใน 3 อยา่ งนี้ คอื

1) ประโยคคำส่ังเรม่ิ ต้นดว้ ยคำกรยิ า เชน่

เข้ามาซิ ไปนอนเสีย ดึกแลว้

เงยี บได้แล้ว

2) ประโยคคำส่ังเรม่ิ ต้นดว้ ยคำบง่ ชีแ้ สดงคำส่งั หรอื คำขอร้อง ได้แก่ คำว่า จง ให้ กรณุ า โปรด

ชว่ ย เช่น

จงตอบคำถามต่อไปนี้ ใหต้ อบคำถามตอ่ ไปน้ี

หา้ มสง่ เสยี งดังในหอ้ งเรยี น โปรดแต่งกายสภุ าพ

กรณุ าลงชือ่ ในแบบฟอร์มด้วย

3) ประโยคคำสง่ั ทีข่ ้นึ ตน้ ดว้ ยคำเรยี กขาน เชน่

ประวทิ ย์ มาหาครูหน่อย คณุ สมศกั ด์ิ เชญิ ดา้ นในคะ่

นกั เรียน ตรง นกั ศึกษา ยืนขนึ้

ที่มา: สถาบนั ภาษาไทย (2555). หนังสอื อุเทศภาษาไทย ชดุ บรรทัดฐานภาษาไทย เล่ม 3 :

ชนิดของคำ วลี ประโยคและสมั พนั ธสาร. กรงุ เทพฯ

2. หนงั สอื เรยี น หน้า 49 Ex. 2 นกั เรยี นอา่ นข้อมลู ในกรอบ ซงึ่ เป็นตวั อยา่ งของประโยคคำสัง่ ในรปู บอกเลา่ (affirmative)
ความหมาย คอื ตอ้ งทำ และรปู ปฏิเสธ (negative) ความหมาย คอื ห้ามทำ แลว้ ช่วยกันยกตวั อย่างประโยคคำสั่งเพม่ิ เตมิ
เสรจ็ แล้วจบั คภู่ าพปา้ ยจราจร A-E กับประโยคคำสงั่ 1-5 ครูรวบรวมคำตอบจากนกั เรียนและเฉลยคำตอบพรอ้ มกัน

หนา้ 97

1 Turn right. E
2 Go this way. A
3 Don’t ride a bike. B
4 Drive slowly. C
5 Don’t park here. D

เสรจ็ แลว้ ครูใหน้ ักเรยี นช่วยกันบอกความหมายของป้ายจราจร A-E

Picture A means you must go this way.

Picture B means you can’t ride a bike.

Picture C means you must drive slowly.

Picture D means you can’t park your car here.

Picture E means you can turn left.

3. ครูถามนกั เรยี นว่า ถา้ จะไปโรงพยาบาลแตไ่ มร่ ูท้ าง นกั เรียนควรจะพูดอย่างไรเพอ่ื ถามทางผู้อน่ื

Where’s the hospital?

How do I get to the hospital?

Could you tell me how to get to the hospital?

Excuse me. Is there a hospital around/near here?

ครยู ำ้ ถงึ ความสำคัญของการใช้ Excuse me. กอ่ นที่จะเขา้ ไปขดั จงั หวะหรือรบกวนผูอ้ นื่

จากนั้นครูนำเสนอสำนวนภาษาทใ่ี ชใ้ นการพดู บอกทิศทาง เชน่

Go up/down … It’s on the corner of …

Walk up/down …. Street/Road. It’s on your left/right.

Turn left/right. It’s next to/near/opposite/between…

It’s across the street from …

ต่อมาครตู รวจสอบว่านกั เรยี นเขา้ ใจหรือไม่ ด้วยการวาดแผนทคี่ รา่ ว ๆ บนกระดาน แล้วให้นกั เรยี นช่วยกันพดู บอกทิศทาง

Extra activities: ครดู าวนโ์ หลดบัตรภาพเกี่ยวกับการบอกทศิ ทางจากเวบ็ ไซตต์ อ่ ไปนม้ี านำเสนอเพมิ่ เติม

https://learnenglishkids.britishcouncil.org/en/flashcards/directions-flashcards

4. หนังสือเรียน หน้า 49 Ex. 3 นกั เรียนปิดหนงั สอื เรียน แลว้ ฟัง CD หลงั จากน้นั ชว่ ยกนั ตอบว่า Sam จะไปไหน ไดย้ ินช่อื ถนน

และทิศทางอะไรบา้ ง ครเู ขยี นคำตอบของนักเรยี นบนกระดาน หลงั จากนั้น นกั เรยี นเปดิ หนังสือเรยี นและฟัง CD อกี ครั้ง พร้อม

กบั อ่านบทสนทนาท่ีให้มาตามไปดว้ ย แล้วตอบ คำถามต่อไปนี้

- Where is Sam? - Where does he want to go?

ครรู วบรวมคำตอบจากนกั เรียนและเฉลยคำตอบบนกระดาน

จากนน้ั ครูถ่ายเอกสารแผนทห่ี น้า 48 ใหน้ กั เรียน เพอื่ วาดเสน้ ทางที่ Sam เดินทางไปยังซูเปอร์

มารเ์ ก็ตลงในแผนที่

หนา้ 98

He is at the greengrocer’s, the office building, or Tony’s restaurant on
Queen Street. He wants to go to the supermarket.

5. หนงั สอื เรยี น หน้า 49 Ex. 3b นักเรยี นอ่านประโยคเกย่ี วกบั การขอและใหข้ อ้ มลู เก่ียวกับ ทิศทางในตารางทใ่ี ห้มา จากนั้น
จับคกู่ ันแตง่ บทสนทนาเก่ยี วกบั เสน้ ทางไปยงั สถานที่ตา่ ง ๆ
ตามทก่ี ำหนดมาให้ ครแู นะนำใหน้ กั เรียนดตู ัวอย่างจากบทสนทนาใน Ex. 3a ครกู ำหนดเวลา
ให้นักเรยี นในการแตง่ บทสนทนาและฝึกซ้อมบทสนทนาของตนเอง ในขณะนกั เรียนทำกิจกรรม
ครูเดินสงั เกตเพอ่ื ให้ความชว่ ยเหลอื และตรวจความถูกต้อง ครรู วบรวมข้อผดิ พลาดทพ่ี บบ่อย
เพื่อนำมาอธิบายให้นกั เรยี นฟังหลงั ทำกิจกรรม ครูอาจขอใหน้ กั เรียน 3-5 คู่ ออกมาแสดงบทสนทนาให้เพื่อนดทู ีห่ นา้ ชัน้

A: Excuse me, where’s the baker’s?
B: Turn right on High Street. Go past Oak Street and turn right on Apple Street.

The baker’s is on your left.
A: On my left?
B: Yes. It’s across the street from the chemist’s.
A: Thank you.

A: Excuse me, how do I get to a newsagent’s?
B: Go down Queen Street and turn left into High Street. It’s on your left.
A: On my left?
B: Yes. It’s on the corner of High Street and King Street.
A: Thank you.

A: Excuse me, could you tell me how to get to a pastry shop?
B: Yes. Go up High Street and turn left on Ash Street. It’s on your right.
A: On my right?
B: Yes. It’s next to the delicatessen.
A: Thank you.

หน้า 99

A: Excuse me, is there a chemist’s near here?
B: Yes, there is.
A: Where exactly?
B: Go up Oak Street and turn right on High Street and then turn right on Apple

Street. It’s on your right.
A: On my right?
B: Yes. It’s across the street from the baker’s.
A: Thank you.

A: Excuse me, where’s the fast food restaurant?
B: Go up Ash Street and turn right on High Street. It’s on your left.
A: On my left?
B: Yes. It’s next to the pizzeria.
A: Thank you.

A: Excuse me, how do I get to a greengrocer’s?
B: Go up Apple Street and turn left on High Street. Go past King Street and turn right

on Queen Street and it’s on your left.
A: On my left?
B: Yes. It’s behind Tony’s Restaurant.
A: Thank you.

6. นักเรยี นแบ่งกลมุ่ สมมติว่า เปน็ มคั คเุ ทศก์ แล้วเลือกสถานทที่ ่องเท่ียวทสี่ ำคัญในทอ้ งถน่ิ ของตนเองมา 1 แห่ง แตล่ ะกลมุ่
ชว่ ยกนั คน้ หาข้อมลู เกย่ี วกับประวตั ิความเป็นมาท่ีนา่ สนใจสน้ั ๆ แลว้ ออกมาพูดนำเสนอ รวมท้ังพูดแนะนำวิธกี ารเดนิ ทาง
จากสถานีขนสง่ /สถานีรถไฟ/สนามบนิ ไปยังสถานที่ดังกลา่ ว หรือถ้าเปน็ ไปได้ ให้นกั เรยี นอัดคลิปวดิ ีโอมาสง่ ครู

หนา้ 100


Click to View FlipBook Version