The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ห้องสมุดประชาชน, 2020-06-19 03:48:55

คู่มือการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านและการเรียนรู้ทุกช่วงวัย

ห้องสมุดรถแซ่บ

คานา

คู่มอื การจัดกิจกรรมสง่ เสรมิ การอา่ นและการเรียนรู้ทุกช่วงวัย ห้องสมุด “รถ”แซ่บ จัดทําขึ้นเพื่อ
เปน็ แนวทางในการจัดกจิ กรรมส่งเสริมการอ่านและการเรียนรู้ทุกช่วงวัย ในรูปแบบที่หลากหลาย ตามกลยุทธ์
ในการส่งเสริมการอ่านของสํานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดอุตรดิตถ์
เพ่ือให้ประชาชนหรือกลุ่มเปูาหมายได้เข้าถึงการบริการ มีกิจกรรมท่ีมีความหลากหลายเหมาะสม
กบั กลุ่มเปูาหมายแตล่ ะชว่ งวยั เพอื่ พฒั นาความสามารถในการอา่ นและเพ่ิมอัตราการอา่ นมากขึ้น

คณะผ้จู ัดทําคมู่ ือเล่มนี้ ได้นาํ แนวคิดหลักการบริหารงาน สาํ นกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบ
และการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดอุตรดิตถ์ โดยใช้รูปแบบ “UTDIT Model” (U = Unity, T = Team,
D = Development, I = Imprementation, T = Technology) โดยการนําของนายสมเจตน์ สวาศรี
ผู้อํานวยการสํานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อใช้เป็น
แนวทางในการจัดกิจกรรมส่งเสรมิ การอ่านและการเรียนรู้ทุกช่วงวัย หวังเป็นอย่างย่ิงว่า “คู่มือการจัดกิจกรรม
ส่งเสรมิ การอ่านและการเรียนรทู้ ุกชว่ งวัย ห้องสมุด “รถ”แซ่บ” เล่มน้ี จะเป็นประโยชน์กับผู้ท่ีได้ศึกษาค้นคว้า
และนาํ ความรทู้ ไี่ ด้รบั ไปใชใ้ นการจัดกจิ กรรมใหเ้ กิดประโยชน์อยา่ งสงู สดุ

สาํ นกั งาน กศน.จงั หวดั อตุ รดิตถ์

2

สารบญั หน้า

คาํ นาํ 1
สารบญั 9
บทที่ 1 การอ่านและความสาํ คัญของการอ่าน
บทที่ 2 แนวคิด รูปแบบและวิธีการจดั กจิ กรรมส่งเสริมการอา่ น 22
บทท่ี 3 กิจกรรมส่งเสริมการอา่ น 26
32
- Sing a Song ร้องราํ 36
- Book Market 41
- อ่านเพ่ิมพลัง 46
- Bling Bling Bling 52
- Book buffet (อ่านไม่อัน้ ) 57
- บรรณ’ไร? ไหทองคํา 63
- นิทานไฟฉาย 68
- hand and foot เรก้ เก้สกา 71
- หนงั สือ 3 รส 85
- ยกล้อเส่ยี งทาย 89
- Kahoot ซดู๊ ยอด 101
- ปรศิ นา 3 แซบ่ 106
- Reading box 110
- สนุกคิด พชิ ิตรางวัล 115
- ทาํ มองส่องดู 121
- กอ่ รา่ งสรา้ งตวั 129
- ต่อคํายาํ ไทย 132
- สมุดทาํ มือ REUSE 133
บทท่ี 4 การประเมนิ ผล
บรรณานุกรม
คณะผูจ้ ดั ทํา

บทที่ 1
แนวทางการจัดกจิ กรรมส่งเสรมิ การอา่ นและการเรียนรู้แต่ละช่วงวัย

การเรียนรู้ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ตั้งแต่แรกเกิด และเกิดข้ึนได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งจากการ
เรียนรู้จากประสบการณ์ของผู้อื่น ที่เป็นการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น หรือเป็นการเรียนรู้ด้วยตนเอง ซ่ึงการเรียนรู
(Learning) หมายถึง กระบวนการที่บุคคลเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม การพัฒนาความคิดและ
ความสามารถ โดยอาศยั ประสบการณและปฏิสมั พนั ธ์ระหว่างผ้เู รยี นและส่ิงแวดล้อม ซึ่งการเรียนรู้น้ันจะทําให้
พฤติกรรมน้ันเปล่ียนแปลงไปโดยถาวร การอ่านหนังสือเป็นการเรียนรู้ท่ีผู้อ่านสามารถนําความรู้ท่ีได้จากการ
อ่านไปพัฒนาตนเองได้ การอ่านหนังสือน้ันมีความสําคัญต่อชีวิตเป็นอย่างมาก เพราะการอ่านช่วยผลักดันให้
เราเป็นที่ยอมรับในสังคม คอื มคี วามคิดความอ่านท่ีกว้างขวางขึ้น มุ่งสร้างกระแสสังคมให้การเรียนรู้เป็นหน้าท่ี
ของ คนไทยทุกคน มีนิสัยใฝุรู้รักการอ่านต้ังแต่วัยเด็ก และส่งเสริมการเรียนรู้ร่วมกันของคนต่างวัย ควบคู่กับ
การส่งเสริมให้องค์กร กลุ่มบุคคล ชุมชน ประชาชน และสื่อทุกประเภทเป็นแหล่งเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์
สื่อสารด้วยภาษาท่ีเข้าใจง่าย รวมถึงส่งเสริมการศึกษาตามอัธยาศัยที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียน
และสรา้ งสังคมแหง่ การเรยี นรทู้ ี่มคี ุณภาพและสนับสนนุ ปจั จยั ทกี่ อ่ ใหเ้ กดิ การเรยี นรูต้ ลอดชีวิต กระบวนการจัด
กจิ กรรมการเรยี นรู

หนังสือเป็นส่ิงท่ีสําคัญท่ีสามารถให้ความรู้ได้หลายด้านไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษาและด้าน ความรู้
รอบตัวท่ีสามารถนําไปปรับใช้ในชีวิตประจําวันได้ล้วนแต่เป็นความรู้ที่มาจากการอ่านหนังสือทั้งน้ัน แต่คนใน
ปัจจบุ ันไม่ได้ให้ความสาํ คญั กบั หนังสอื เนอื่ งจากมีส่อื และส่งิ เรา้ ต่าง ๆ ทม่ี ีอิทธิพลต่อชีวิตมากข้ึนพบว่าเด็กไทย
อ่านหนังสือลดลงเกือบทุกวัน เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านสังคม ความเป็นอยู่ การศึกษาและ
ค่านิยมต่าง ๆ ท่ีเกิดข้ึนในสังคมรวมท้ังสภาพแวดล้อมในปัจจุบันอีกด้วย ในขณะเดียวกันการเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ
ในสังคมน้ันไม่ได้มาจากการอ่านหนังสือเพียงอย่างเดียว แต่หากจะมีส่ือชนิดอ่ืนที่มีอิทธิพลเพิ่มข้ึนมาในสังคม
อีกมากมาย นอกจากนี้การท่ีเด็กไทยอ่านหนังสือน้อยลงยังเป็นผลมาจากการท่ีถูกส่ิงต่าง ๆ ท่ีน่าดึงดูดและ
น่าสนใจกว่า เช่น โลกอินเตอร์เน็ตต่าง ๆ ท่ีมีอิทธิพลต่อคนในปัจจุบันมาก เน่ืองจากการมีค่านิยมที่ผิด ๆ คือ
การทีค่ ิดวา่ การอ่านหนงั สือเป็นสิง่ ทลี่ ้าสมยั

พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 หมวด 4 มาตรา 24 กล่าวถึงคุณลักษณะแ1ละ

นิสัยด้านการอ่าน กําหนดให้มีการ “จัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ฝึกปฏิบัติ ให้ทําได้
คดิ เป็น ทําเป็น รกั การอ่าน และเกิดการใฝรุ ูอ้ ย่างต่อเน่อื ง” นอกจากน้นั ได้กําหนดปัจจัย ส่งเสริมสนับสนุนการ
อ่านและการเรียนรู้ เช่น กล่าวว่า “กระบวนการเรียนรู้มุ่งให้นักเรียนมีความคิด ริเร่ิมสร้างสรรค์ ใฝุรู้ และ
เรียนรู้ด้วยตนเองอย่างต่อเน่ือง” เน้นความรู้และทักษะด้านภาษา “เน้นการใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้อง” และ
“รัฐต้องส่งเสริมการดําเนินงานและการจัดต้ังแหล่ง การเรียนรู้ตลอดชีวิตทุกรูปแบบ อย่างพอเพียงและมี
ประสทิ ธภิ าพ”

ทําไมเดก็ ไทยใชเ้ วลาว่างอ่านหนังสือน้อยลง การทํากิจกรรมอื่น ๆ ท่ีเบียดบังเวลาอ่านหนังสือ ในแต่
ละวนั เดก็ ไทยใช้เวลาดูโทรทัศน์วันละ 3-6 ช่ัวโมง เล่นเกมวันละ1-2 ชั่วโมง และพูดคุยโทรศัพท์ แชทผ่านทาง
มือถือวันละ 2-4 ช่ัวโมง ซึ่งการใช้โทรศัพท์เป็นภัยคุกคามการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ในด้านการอ่าน
หนังสือและค้นคว้าหาความรู้เพ่ิมเติม ดังน้ันแนวทางการส่งเสริมให้เด็กหันมาอ่านหนังสือมากขึ้น ก็จะต้อง
ปรับเปล่ียนกลยทุ ธ์เพอ่ื ชว่ งชงิ เวลาการคุยโทรศัพทเ์ ปลี่ยนมาอา่ นหนังสือใหไ้ ด้ ถ้าไมเ่ รง่ แก้ปญั หานี้ก็จะย่ิงทําให้
เด็กไทยอ่านหนังสือน้อยลง ส่ิงเหล่าน้ีล้วนเป็นผลเสียต่อตนเองและสังคมไทยในปัจจุบัน การท่ีมีสิ่งเร้าทําให้
เด็กไทยท่ัวทุกภาคของประเทศอ่านหนังสือลดลง และมีแนวโน้มลดลงเรื่อย ๆ หาไม่ได้รับการแก้ไขอาจจะทํา
ให้เด็กไม่มีนิสัยรักการอ่าน หากเปรียบเทียบกับกราฟตัวอย่างพบว่า เด็กเขตกรุงเทพมหานครยังมีนิสัยรักการ
อ่านเพราะมีการแข่งขันกันสูง แต่ท่ีน่าห่วงคือนอกเขตในจังหวัดอื่นแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาค
กลางท่ีมีแนวโน้มการอ่านหนังสือลดลงเพราะอาจเกิดจากสาเหตุหลายประการที่ทําให้เด็กไม่ชอบอ่านหนังสือ
เช่น ไม่มีการแข่งขันกันสูง พ่อและแม่ไม่มีเวลาสอนหนังสือ การท่ีเด็กอ่านหนังสือ แค่วันละ 27-29 นาที เป็น
การอ่านหนังสือที่ใช้เวลาน้อยมาก และเป็นเรื่องท่ีน่าตกใจ เด็กส่วนใหญ่ชอบใช้เวลาว่างในการเล่นเกม เล่น
อินเทอร์เน็ต คุยโทรศัพท์ ไม่สนใจที่จะทบทวนบทเรียนหรืออ่านหนังสือ และในกลุ่มวัยทํางานก็มักจะไม่อ่าน
หนังสือหรืออ่านเฉพาะเร่ืองที่เก่ียวกับงานของตนเท่าน้ัน สภาพปัญหาเช่นน้ีสะท้อนให้เห็นว่าระบบการศึกษา
ในประเทศไทยยังไม่สามารถทําให้ผลผลิตของการศึกษากลายเป็นผลผลิตที่มองเห็นความจําเป็นของการ อ่าน
และการเรียนรตู้ ลอดชีวิต เพราะเด็กคืออนาคตของชาติ เดก็ ไมฉ่ ลาดชาติกไ็ มเ่ จรญิ

นโยบายและจดุ เนน้ การดาเนนิ งานสานกั งาน กศน. ประจาปี 2563
ขอ้ ท่ี 1 ยทุ ธศาสตรด์ า้ นความม่นั คง
1.1 พฒั นาและเสริมสร้างความจงรกั ภกั ดีตอ่ สถาบนั หลกั ของชาติ
1.2 เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง และการมีส่วนร่วมอย่างถูกต้องกับการปกครองระบอบ

ประชาธิปไตยอนั มพี ระมหากษัตรยิ ์ทรงเป็นประมุข ในบริบทของไทย
1.3 สง่ เสริมและสนับสนุนการจัดการศกึ ษาเพื่อปอู งกนั และแกไ้ ขปัญหาภัยคุมคามในรูปแบบใหม่
1.4 ยกระดับคุณภาพการศกึ ษาและสรา้ งเสริมโอกาสในการเข้าถึงบริการสถานศกึ ษา
1.5 สร้างความรู้ ความเขา้ ใจในขนบธรรมเนียม ประเพณี วฒั นธรรมของประเทศเพื่อนบา้ น

ข้อท่ี 2 ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน
2.1 เร่งปรับหลักสูตรการจัดการศึกษาอาชีพ กศน. เพ่ือยกระดับทักษะด้านอาชีพของประชาชนให้

เป็นอาชีพที่รองรับอุตสาหกรรมเปาหมายของประเทศ (First S – curve และ New S – curve) โดยบูรณา
การความร่วมมอื ในการพัฒนาและเสรมิ ทักษะใหม่ดา้ นอาชีพ (Upskill & Reskill) รวมถึงมงุ่ เน้นสรา้ งโอกาสใน

2

การสร้างงาน สร้างรายได้ และตอบสนองต่อความต้องการของตลาดแรงงานท้ังภาคอุตสาหกรรมและการ
บริการ โดยเฉพาะในพน้ื ที่เขตระเบียงเศรษฐกจิ และเขตพัฒนาพเิ ศษตามภมู ิภาคต่างๆของประเทศ

2.2 จดั การศึกษาเพื่อพัฒนาพ้ืนท่ีภาคตะวันออก ยกระดับการศึกษาให้กับประชาชนให้จบการศกึ ษา
อย่างน้อยการศกึ ษาภาคบังคบั สามารถนําคุณวุฒิที่ได้รับไปต่อยอดในการประกอบอาชีพ รวมทั้งพัฒนาทักษะ
ในการประกอบอาชพี ตามความต้องการของประชาชน

2.3 พฒั นาและสง่ เสรมิ ประชาชนเพ่ือตอ่ ยอดการผลิตและจาํ หนา่ ยสนิ ค้าและผลติ ภณั ฑ์ออนไลน์

ข้อ 3 ยทุ ธศาสตร์ดา้ นการพัฒนาและเสริมสร้างศกั ยภาพทรัพยากรมนษุ ย์

3.1 พัฒนาครูและบุคลากรท่ีเกี่ยวข้องกับการจัดกิจกรรมและการเรียนรู้ เป็นผู้เช่ือมโยงความรู้กับ
ผู้เรียนและผู้รับบริการ มีความเป็น “ครูมืออาชีพ” มีจิตบริการ มีความรอบรู้และทันต่อการเปล่ียนแปลงของ
สังคม และเปน็ “ผูอ้ ํานวยการเรียนรู้” ทีส่ ามารถบริหารจดั การความรู้ กิจกรรม และการเรยี นทดี่ ี

3.2 พัฒนาแหล่งเรียนรู้ให้มีบรรยากาศและสภาพแวดล้อมที่เอ้ือต่อการเรียนรู้ มีความพร้อมในการ
ให้บริการกิจกรรมการศึกษาและการเรียนรู้เป็นแหล่งสารสนเทศสาธารณะท่ีง่ายต่อการเข้าถึง มีบรรยากาศท่ี
เอื้อต่อการเรียนรู้ เป็นคาเฟุพื้นที่การเรียนรู้สําหรับคนทุกช่วงวัย มีส่ิงอํานวยความสะดวก มีบรรยากาศสวย
งานมีชีวิต ทด่ี ึงดดู สนใจ และมคี วามปลอดภยั สําหรบั ผูใ้ ช้บริการ

3.3 ส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ท่ีทันสมัย และมีประสิทธิภาพเอ้ือต่อการเรียนรู้ สําหรับทุกคน
สามารถเรยี นได้ทุกที่ทุกเวลา มีกิจกรรมท่ีหลากหลาย น่าสนใจ ตอบสนองความต้องการของชุมชนเพ่ือพัฒนา
ศกั ยภาพการเรียนรู้ของประชาชนรวมทั้งใช้ประโยชน์จากประชาชนในชุมชนในการร่วมจัดกิจกรรมการเรียนรู้
เพ่ือเชือ่ มโยงความสัมพนั ธข์ องคนในชมุ ชนไปสกู่ ารจัดการความรู้ของชุมชนอย่างย่งั ยืน

3.4 เสริมสรา้ งความรว่ มมือกับภาคีเครือข่าย ประสาน สง่ เสริมความร่วมมือภาคีเครือข่าย ทั้งภาครัฐ
เอกชน ประชาสังคม และองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน รวมท้ังส่งเสริมและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของชุมชน
เพอื่ สรา้ งความเขา้ ใจ และให้เกิดความร่วมมือในการส่งเสริม สนับสนุน และจัดการศึกษาและการเรียนรู้ให้กับ
ประชาชนอยา่ งมคี ณุ ภาพ

3.5 พฒั นานวตั กรรมทางการศกึ ษาเพอ่ื ประโยชน์ต่อการจดั การศึกษาและกลมุ่ เปูาหมาย
3.6 พัฒนาศักยภาพคนด้านทกั ษะและความเขา้ ใจในการใช้เทคโนโลยดี จิ ทิ ลั (Digital Literacy)
3.7 พัฒนาทกั ษะภาษาต่างประเทศเพื่อการส่อื สารของประชาชนในรูปแบบต่างๆ อย่างเป็นรูปธรรม
โดยเน้นทักษะภาษาเพ่ืออาชีพ ทั้งในภาคธุรกิจ การบริการ และการท่องเท่ียว รวมท้ังพัฒนาสื่อการเรียนการ
สอนเพือ่ สง่ เสริมการใช้ภาษาเพอื่ การสือ่ สารและการพฒั นาอาชพี
3.8 เตรียมความพรอ้ มการเขา้ สสู่ ังคมผู้สูงอายุทเี่ หมาะสมและมีคุณภาพ
3.9 การสง่ เสรมิ วทิ ยาศาสตร์เพอื่ การศกึ ษา
3.10 สง่ เสริมการรู้ภาษาไทยให้กบั ประชาชนในรูปแบบต่าง ๆ โดยเฉพาะประชาชนในเขตพื้นท่ีสูงให้
สามารถฟงั พดู อา่ น และเขียนภาษาไทย เพอื่ ประโยชน์ในการใชช้ วี ิตประจาํ วนั ได้

3

ข้อ 4 ยทุ ธศาสตรด์ า้ นการสรา้ งโอกาสและความเสมอภาคทางสงั คม
4.1 จัดตั้งศูนย์การเรียนรู้สําหรับทุกช่วงวัย ท่ีเป็นศูนย์การเรียนรู้ตลอดชีวิตที่สามารถให้บริการ

ประชาชนได้ทุกคน ทุกช่วงวัย ที่มีกิจกรรมท่ีหลากหลาย ตอบสนองความต้องการในการเรียนรู้ในแต่ละวัย
และเป็นศูนย์บริการความรู้ ศูนย์การจัดกิจกรรมท่ีครอบคลุมทุกช่วงวัย เพื่อให้มีพัฒนาการเรียนรู้ที่เหมาะสม
และมคี วามสุขกบั การเรยี นรู้ตามความสนใจ

4.2 ส่งเสริมและสนับสนนุ การจดั การศกึ ษาและการเรยี นรสู้ ําหรับกลุ่มเปาู หมายผู้พิการ
4.3 ยกระดับการศึกษาให้กับกลุ่มเปูาหมายทหารกองประจําการ รวมท้ังกลุ่มเปูาหมายพิเศษอ่ืนๆ
อาทิ ผู้ต้องขัง คนพิการ เด็กออกกลางคัน ประชากรวัยเรียนท่ีนอกรับการศึกษาให้จบการศึกษานอกระบบ
ระดบั การศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน สามารถนําความรู้ท่ีไดร้ บั ไปพัฒนาตนเองไดอ้ ยา่ งต่อเนื่อง
4.4 พัฒนาหลักสูตรการจัดการศึกษาอาชีพระยะสั้น ให้มีความหลากหลาย ทันสมัย เหมาะสมกับ
บริบทของพน้ื ท่ี และตอบสนองความต้องการของประชาชนผู้รบั บรกิ าร

ขอ้ 5 ยุทธศาสตรด์ า้ นการสร้างการเตบิ โตบนคุณภาพชีวิตทเี่ ปน็ มติ รตอ่ ส่ิงแวดล้อม
5.1 ส่งเสริมให้มีการให้ความรู้กับประชาชนในรับมือและปรับตัวเพ่ือลดความเสียหายจากภัย

ธรรมชาติและผลกระทบทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั การเปล่ียนแปลงสภาพภมู ิอากาศ
5.2 สร้างความตระหนักถึงความสําคัญของการสร้างสังคมสีเขียว ส่งเสริมความรู้ให้กับประชาชน

เกีย่ วกบั การคัดแยกต้ังแต่ต้นทาง การกําจัดขยะ และการนํากลับมาใช้ซ้ํา เพ่ือลดปริมาณและการลดต้นทุนใน
การจัดการขยะของเมืองและสามารถนาํ ขยะกลับมาใช้ประโยชนไ์ ดโ้ ดยง่าย รวมท้ังการจดั การมลพิษในชุมชน

5.3 ส่งเสริมให้หน่วยงานและสถานศึกษาใช้พลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมท้ังลดการใช้
ทรัพยากรท่สี ่งผลกระทบตอ่ สิง่ แวดลอ้ ม เช่นรณรงค์เรื่องดารลดใชถ้ งุ พลาสตกิ การประหยัดไฟฟูาเปน็ ต้น

ข้อ 6 ยทุ ธศาสตรด์ า้ นการปรับสมดลุ และพัฒนาระบบบรหิ ารจดั การภาครัฐ
6.1 พัฒนาและปรับระบบวิธีการปฏิบัติราชการให้ทันสมัย มีความโปร่งใส ปลอดการทุจริตและ

ประพฤตมิ ิชอบ บรหิ ารจัดการบนขอ้ มลู เชงิ ประจกั ษ์ มุง่ ผลสมั ฤทธิ์มคี วามโปร่งใส
6.2 นํานวัตกรรมและเทคโนโลยีระบบการทํางานท่ีเป็นดิจทัลมาใช้ในการบริหารและพัฒนางาน

สามารถเช่อื มโยงกับระบบฐานข้อมูลกลางของกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมพัฒนาโปรแกรมออนไลน์ที่สามารถ
เชื่อมโยงข้อมูลต่างๆที่ทําให้การบริหารจัดการเป็นไปอย่างต่อเนื่องกันต้ังแต่ต้นจนจบกระบวนการและให้
ประชาชนกล่มุ เปาู หมายสามารถเขา้ ถงึ บริการไดอ้ ย่างทนั ที ทุกที่ทกุ เวลา

6.3 สง่ เสรมิ การพฒั นาบุคลากรทกุ ระดบั อยา่ งตอ่ เน่ือง ใหม้ ีความรู้และทักษะตามมาตรฐานตําแหน่ง
ใหต้ รงกับสายงาน ความชํานาญ และความตอ้ งการของบุคลากร

4

แนวทางการขับเคลอ่ื นการดาเนินงาน สานักงาน กศน. ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 (กศน.WOW)
ข้อ 1 การพัฒนาครู กศน. และบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการจัดกิจกรรมการศึกษาและเรียนรู้ : Good

Teacher ในเรอ่ื งของ การเพม่ิ อตั ราขา้ ราชการครู กศน. และในเรื่องการพฒั นาครูและบุคลากร
ข้อ 2 การพัฒนา กศน.ตําบลให้มีบรรยากาศและสภาพแวดล้อมท่ีเอื้อต่อการเรียนรู้ : Good Place –

Best Check in ในเรอ่ื ง เร่งยกระดบั กศน.ตาํ บล 928 แห่ง (อําเภอละ 1 แห่ง) เป็น กศน.ตําบล 5 ดี พรีเม่ียม
และในเร่ืองจัดให้มีศูนย์การเรียนรู้ต้นแบบ กศน. ใน 5 ภูมิภาค เป็น Co-learning Space และการพัฒนา
หน่วยงาน/สถานศึกษา ให้มบี รรยากาศและสภาพแวดล้อมท่ีเอื้อต่อการเรียนรู้ : Good Place – Best Check
in ให้เป็น Digital Literacy ในเรื่อง พัฒนาห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” จํานวน 103 แห่ง และใน
เร่ืองของ การปรับปรุงรถการอ่านเคล่ือนท่ี เพ่อื การเข้าถึงการอา่ นในทกุ พ้ืนท่ี ทกุ ชมุ ชน

ข้อ 3 การส่งเสริมการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีทันสมัยและมีประสิทธิภาพ : Good Activities ในเร่ือง
ของ การพัฒนาการจัดการศึกษาออนไลน์ กศน. เร่ืองจัดให้มีหลักสูตรลูกเสือมัคคุเทศก์ และในเร่ืองเร่งการ
ปรบั หลกั สตู รการศึกษาอาชีพ กศน.

ข้อ 4 เสริมสร้างความรว่ มมือกับภาคเี ครือข่าย : Good Partnerships ในเรอื่ งของ การจัดทําทําเนียบภูมิ
ปัญญาท้องถ่ิน เรื่องส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถ่ินสู่การจัดการเรียนรู้สู่ชุมชน และเร่ืองประสานความร่วมมือกับ
ภาคีเครือขา่ ย

ข้อ5 พัฒนานวัตกรรมทางการศึกษาเพื่อประโยชน์ต่อการจัดการศึกษาและกลุ่มเปูาหมาย : Good
Innovation ในเรือ่ งของการเร่งจัดตง้ั ศูนย์ให้คําปรึกษาและพัฒนาผลิตภัณฑ์ Brand กศน. และส่งเสริมการใช้
เทคโนโลยีในการปฏิบัติ การบริหารจัดการ และการจัดการเรียนรู้ และในเร่ืองให้มีการใช้วิจัยอย่างง่ายเพ่ือ
สร้างนวตั กรรมใหม่

ข้อ 6 จดั ตัง้ ศนู ย์การเรียนรสู้ ําหรับทกุ ชว่ งวัย : Good Learning Centre ในเรื่องของ เร่งประสานงานกับ
สพฐ. เพื่อจัดทําทําเนียบข้อมูลโรงเรียนที่ถูกยุบรวมหรือคาดว่าจะถูกยุบรวม และให้สํานักงาน กศน. จังหวัด
ในทกุ จังหวัดท่ีมีโรงเรียนทีถ่ กู ยุบรวบประสานขอใชพ้ ื้นที่ เพอื่ จดั ตงั้ ศนู ย์การเรียนรูส้ าํ หรับทกุ ชว่ งวัย กศน.

5

แนวทางการขบั เคลอื่ นการดาเนนิ งานภายใตก้ รอบแนวคิด UTDIT Learning Model (สานักงาน กศน.
จังหวดั อุตรดติ ถ์)

การขับเคล่ือนการดําเนินงานของสํานักงาน กศน.จังหวัดอุตรดิตถ์ ปีงบประมาณ 2563 สู่ กศน.
WOW ด้วยกรอบแนวคิดในการดําเนินงาน UTDIT Learning Model โดยใช้หลัก ปรัชญา คิดเป็นบน
พนื้ ฐานหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง และการกาํ หนดวสิ ยั ทศั น์ ในอนั ที่จะส่งเสริมให้สถานศึกษาในสังกัด
จัดการศึกษาภาคประชาชนเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับประชาชน ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ที่ดี ที่จะให้ผู้รับบริการ
ได้แก่ นักศึกษาและประชาชนมคี ุณภาพการศึกษาและคุณภาพชีวิตท่ดี ีขึน้ นั้น กรอบแนวคิด UTDIT Learning
Model (สํานักงาน กศน.จังหวัดอุตรดิตถ์) จึงเป็นส่ิงกําหนดทิศทางการดําเนินงาน สํานักงาน กศน.จังหวัด
อตุ รดิตถ์ เพอื่ ขบั เคลือ่ นการดําเนินงานให้ประสบความสําเร็จตามท่ีกาํ หนดได้

UTDIT Learning Model (สาํ นกั งาน กศน.จงั หวัดอตุ รดติ ถ)์ ยอ่ มาจาก U=Unity ( ค ว า ม เ ป็ น
อนั หนึ่งอนั เดยี วกัน) T= Team (ทีม) D=Development (การพัฒนา) I=Implementation (การ
ดําเนินงานการปฏบิ ตั ิ) T=Technology (เทคโนโลยี) หมายถึง การดําเนนิ งานด้วยพลังทมี ที่มีเปูาหมายและทิศ
ทางการดาํ เนินงานเดียวกนั โดยการนําเทคโนโลยมี าใชใ้ นการดําเนินงานสคู่ วามสําเร็จ

เปูาหมายของการขับเคลื่อนภายใต้แนวคิด UTDIT Learning Model สํานักงาน กศน.จังหวัด
อุตรดิตถ์ ได้กําหนดเปูาหมายในระดับชุมชนและระดับบุคคล ซ่ึงเป็นการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพ
ทรัพยากรมนุษย์ ซ่ึงมุ่งส่งเสริมการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21
รวมทั้งความต้องการของประชาชนและชุมชนในรูปแบบที่หลากหลายให้ประชาชนคิดเป็น วิเคราะห์ได้ และ
ตดั สินใจภายใตข้ ้อมลู ที่ถกู ต้อง ทัง้ ในระดบั ตาํ บล หมู่บา้ น ครอบครัว ดงั นี้

1. เปูาหมายระดับชุมชน เพอ่ื สรา้ งชมุ ชนแหง่ การเรียนรู้
2. เปูาหมายระดบั บุคคล เพือ่ ยกระดับการศึกษา ให้รักการอ่าน มีจิตสาธารณะ รู้จักแสวงหาความรู้
และคดิ เป็นบนพนื้ ฐานความพอเพียง

6

แนวทางการดําเนินงานภายใต้แนวคิดสู่ชุมชนน้ัน มี กศน.ตําบล เป็นกลไกหลักและสําคัญในระดับ
พื้นท่ีท่ีจะขับเคล่ือนการดําเนินงานภายใต้แนวคิด UTDIT Learning Model โดยการส่งเสริมสนับสนุนของ
กศน.อาํ เภอ สู่ กศน. WOW ดังน้ี

1. กําหนด กศน.ตําบลต้นแบบ “กศน. 5 ดี พรีเมียม” (อําเภอละ 1 แห่ง) ให้เป็นต้นแบบ กศน.
ตําบลประชาคม สาํ รวจความตอ้ งการของชมุ ชน “หมบู่ า้ นต้นแบบ” ให้เปน็ ชุมชนแห่งการเรียนรู้

2. สํารวจความต้องการของชุมชน ท้ังด้านการศึกษา อาชีพ กีฬา และเทคโนโลยี เพ่ือตอบสนอง
ความตอ้ งการของชุมชน โดยการจัดกจิ กรรมทหี่ ลากหลายทัง้ การจดั ตั้งท่อี ่านหนังสอื ชมุ ชน สง่ เสริมการจัดกลุ่ม
อาชีพระยะสน้ั การจัดกจิ กรรมส่งเสริมดา้ นสขุ ภาพ รวมท้ังการจัดกจิ กรรมสง่ เสริมทางดา้ นเทคโนโลยี

3. การเสริมสร้างและสร้างความร่วมมือกับภาคีเครือข่าย และการนําเทคโนโลยีเข้ามาบูรณาการ
ประยุกต์การใช้ให้เกิดประโยชน์ในการพัฒนาและขยายบทบาทให้การดําเนินงานทั่วถึงท้ังในระดับอําเภอ
ตําบล หมบู่ ้าน และครอบครัว

แนวทางการขับเคลื่อนการดาเนินงานภายใต้แนวคิด UTDIT Learning Model สานักงาน กศน.จังหวัด
อุตรดติ ถ์ ดา้ นการจดั กจิ กรรมสง่ เสริมการอา่ นและการเรยี นรทู้ กุ ช่วงวยั และการศกึ ษาตามอัธยาศยั

แนวทางการดําเนินงานสู่ กศน.WOW ดา้ นการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านและการเรียนรู้ทุกช่วงวัย
และการศกึ ษาตามอธั ยาศัย สู่ กศน.WOW ประจําปี งบประมาณ 2563 ดังน้ี

1. การพัฒนาห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” ห้องสมุดประชาชนจังหวัด และห้องสมุด
ประชาชนอําเภอให้เป็น Digital Library ให้มีความพร้อมในการให้บริการกิจกรรมการศึกษาและเรียนรู้ เป็น
แหล่งข้อมูลสาธารณะที่ง่ายต่อการเข้าถึง มีบรรยากาศที่เอื้อต่อการเรียนรู้ เป็นเสมือนคาเฟุการเรียนรู้สําหรับ
ทุกคน ทุกช่วงวัย มีส่ิงอํานวยความสะดวก มีความสวยงามที่ดึงดูดความสนใจ มีความปลอดภัยสําหรับ
ผู้ใชบ้ ริการ

2. การพัฒนารถการอ่านเคล่อื นที่ และรปู แบบกจิ กรรมส่งเสริมการอ่านทุกช่วงวัย โดยการปรับปรุง
รถการอ่านเคล่ือนที่ให้มีสภาพเหมาะสมท้ังภายในและภายนอก พร้อมที่จะให้บริการในพื้นที่ได้หลากหลาย
ครอบคลมุ พืน้ ท่ีมากย่ิงข้ึน และส่งเสริมให้มีการพัฒนานวัตกรรม ด้านกิจกรรมส่งเสริมการให้อ่านให้เหมาะกับ
แตล่ ะช่วงวัย ตามระดับของการเรียนรูแ้ ต่ละชว่ งวยั ใหส้ ามารถนําไปจัดกิจกรรมในพน้ื ที่ได้อย่างเหมาะสม

วัตถุประสงค์

1. เพื่อเป็นแนวทางการดําเนินงานในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านและการเรียนรู้ของบรรณารักษ์
และผู้ท่ีสนใจ

2. เพอื่ ส่งเสรมิ สนบั สนุนการจัดกิจกรรมสง่ เสรมิ การอา่ นและการเรียนให้เหมาะกับชว่ งวยั

7

ผลทคี่ าดว่าจะได้รับ
1. ผู้ปฏิบัติงานห้องสมุด ได้แก่ บรรณารักษ์ และผู้สนใจมีคู่มือที่นําไปใช้ในการจัดกิจกรรมส่งเสริม

การอา่ นและการเรยี นรู้ได้เหมาะสมกบั แต่ละช่วงวยั
2. ผู้ร่วมกิจกรรมในแตล่ ะชว่ งวัยไดร้ ับการส่งเสริมและพัฒนาการเรียนรู้ด้วยกิจกรรมที่เหมาะสมและ

นําความรูไ้ ปใชใ้ นพัฒนาคุณภาพชีวิตและอยใู่ นสงั คมได้อยา่ งมีความสุข

8

บทที่ 2
แนวคดิ รูปแบบ เอกสารท่ีเกีย่ วข้อง
การจดั กิจกรรมส่งเสริมการอา่ นและการเรียนรูแ้ ต่ละช่วงวัย

แนวทางการดําเนินงานสู่ กศน.WOW ด้านการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านและการเรียนรู้ทุกช่วง
วัย และการศกึ ษาตามอธั ยาศัย สู่ กศน.WOW ประจาํ ปี งบประมาณ 2563 ดังน้ี

1. การพัฒนาห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” ห้องสมุดประชาชนจังหวัด และห้องสมุด
ประชาชนอําเภอให้เป็น Digital Library ให้มีความพร้อมในการให้บริการกิจกรรมการศึกษาและเรียนรู้ เป็น
แหล่งข้อมูลสาธารณะที่ง่ายต่อการเข้าถึง มีบรรยากาศท่ีเอื้อต่อการเรียนรู้ เป็นเสมือนคาเฟุการเรียนรู้สําหรับ
ทุกคน ทุกช่วงวัย มีส่ิงอํานวยความสะดวก มีความสวยงามท่ีดึงดูดความสนใจ มีความปลอดภัยสําหรับ
ผู้ใช้บรกิ าร

2. การพัฒนารถการอา่ นเคลอื่ นที่ และรปู แบบกิจกรรมสง่ เสริมการอ่านทุกช่วงวัย โดยการปรับปรุง
รถการอ่านเคล่ือนที่ให้มีสภาพเหมาะสมทั้งภายในและภายนอก พร้อมที่จะให้บริการในพื้นท่ีได้หลากหลา ย
ครอบคลุมพนื้ ที่มากย่ิงขึ้น และส่งเสริมให้มีการพัฒนานวัตกรรม ด้านกิจกรรมส่งเสริมการให้อ่านให้เหมาะกับ
แต่ละช่วงวยั ตามระดับของการเรียนรแู้ ตล่ ะช่วงวัย ให้สามารถนาํ ไปจัดกิจกรรมในพ้นื ทไ่ี ดอ้ ยา่ งเหมาะสม

วัตถปุ ระสงค์
1. เพื่อเป็นแนวทางการดําเนินงานในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านและการเรียนรู้ของบรรณารักษ์

และผ้ทู สี่ นใจ
2. เพ่อื สง่ เสริม สนบั สนุนการจัดกจิ กรรมส่งเสริมการอา่ นและการเรยี นใหเ้ หมาะกับช่วงวัย

ผลท่คี าดวา่ จะไดร้ บั
1. ผู้ปฏิบัติงานห้องสมุด ได้แก่ บรรณารักษ์ และผู้สนใจมีคู่มือที่นําไปใช้ในการจัดกิจกรรมส่งเสริม

การอา่ นและการเรียนรู้ได้เหมาะสมกับแต่ละช่วงวัย
2. ผรู้ ่วมกิจกรรมในแต่ละช่วงวยั ได้รบั การสง่ เสริมและพัฒนาการเรียนรู้ด้วยกิจกรรมที่เหมาะสมและ

นําความร้ไู ปใชใ้ นพัฒนาคณุ ภาพชีวติ และอยใู่ นสังคมได้อยา่ งมคี วามสุข

9

ทศิ ทางแผนพฒั นาการศกึ ษาของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560-2564)
กระทรวงศกึ ษาธิการ ไดป้ ระชุมจัดทําร่าง แผนพัฒนาการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ฉบับท่ี 12

พ.ศ. 2560 – 2564 เม่ือวันท่ี 21 กันยายน 2559 ได้กําหนดสาระสําคัญของแผนพัฒนาการศึกษาของ
กระทรวงศึกษาธกิ าร ฉบบั ที่ 12 (พ.ศ.2560-2564) ดังนี้

วิสยั ทศั น์
“มงุ่ พฒั นาผู้เรียนใหม้ ีความรคู้ คู่ ุณธรรม มีคณุ ภาพชีวติ ทีด่ ี มีความสขุ ในสงั คม”
“ผู้เรียน” หมายถึง เด็ก เยาวชน นักเรียน นักศึกษา และประชาชน ที่ได้รับบริการจาก

กระทรวงศกึ ษาธิการ
“มีความรคู้ ู่คุณธรรม” หมายถึง รอบรู้ รอบคอบ ระมัดระวัง ซื่อสตั ยส์ ุจริต ขยันอดทน สติปัญญา

แบ่งปนั ซึง่ เป็น 2 เง่อื นไขตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง
“มคี ณุ ภาพชวี ิตท่ีดี” หมายถึง มีอาชพี มคี วามมน่ั คง มง่ั คง่ั และยั่งยนื ในการดารงชวี ิต
“มีความสุข”หมายถึง ความอยู่ดีมีสุข สามารถอยู่ร่วมกันอย่างเอื้ออาทร มีความสามัคคี

ปรองดอง
“สงั คม” หมายถงึ สงั คมไทย ภูมภิ าคอาเซยี น และสงั คมโลก

พนั ธกจิ
1. ยกระดับคณุ ภาพและมาตรฐานการศกึ ษาทุกระดับ/ประเภทสู่สากล
2. เสริมสรา้ งโอกาสการเข้าถงึ บริการทางการศึกษาของประชาชนอย่างท่วั ถึงเท่าเทียม
3. พัฒนาระบบบริหารจดั การการศกึ ษาตามหลักธรรมาภิบาล

เป้าหมายหลกั (Extreme Goals)
1. คุณภาพการศึกษาของไทยดีข้ึน คนไทยมีคุณธรรมจริยธรรม มีภูมิคุ้มกันต่อการเปล่ียนแปลง

และการพฒั นาประเทศในอนาคต
2. กําลังคนได้รบั การผลิตและพฒั นา เพ่อื เสริมสรา้ งศักยภาพการแขง่ ขนั ของประเทศ
3. คนไทยได้รบั โอกาสในเรยี นรู้อยา่ งตอ่ เน่อื งตลอดชีวิต
4. มอี งคค์ วามรู้ เทคโนโลยี นวตั กรรม สนบั สนุนการพัฒนาประเทศอยา่ งยั่งยืน
5. มีระบบบริหารจัดการการศกึ ษาทีม่ ีประสิทธภิ าพตามหลักธรรมาภิบาล โดยการมีส่วนร่วมจาก

ทุกภาคส่วน

10

ตัวชีว้ ดั ตามเปา้ หมายหลกั
1. ผลคะแนนสอบ PISA ในแต่ละวชิ าไม่ต่าํ กวา่ 500
2. รอ้ ยละทีเ่ พ่มิ ขน้ึ ของคะแนนเฉลย่ี ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรียนวิชาหลักระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐานจาก

การทดสอบระดับชาติ
3. รอ้ ยละคะแนนเฉลี่ยของผเู้ รียนทุกระดับการศึกษามีคุณธรรม จริยธรรม
4. ร้อยละคะแนนเฉล่ียของผเู้ รียนทกุ ระดบั การศึกษามคี วามเป็นพลเมืองและพลโลก
5. สัดส่วนผูเ้ ขา้ เรียนระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลายประเภทอาชีวศึกษาตอ่ สายสามัญ
6. รอ้ ยละความพึงพอใจของนายจ้าง ผู้ประกอบการ ท่ีมีต่อผู้สําเร็จการศึกษาระดับอาชีวศึกษาและ

ระดับอุดมศึกษา
7. รอ้ ยละของผู้สําเรจ็ การศกึ ษาระดบั อาชวี ศึกษาและระดับอดุ มศึกษาไดง้ านทําหรือ ประกอบอาชีพ

อสิ ระภายใน 1 ปี
8. ร้อยละของผลงานวจิ ยั นวัตกรรม งานสร้างสรรค์ สิ่งประดิษฐท์ ่ไี ด้รบั การเผยแพรแ่ ละตีพมิ พ์
9. ร้อยละขององค์ความรแู้ ละสง่ิ ประดษิ ฐท์ น่ี าไปใช้ หรือแกไ้ ขปญั หาชุมชนท้องถิ่น
10. จํานวนปกี ารศกึ ษาเฉลี่ยของคนไทยอายุ 15 – 59 ปี
11. ร้อยละของกาํ ลงั แรงงานที่สาํ เรจ็ การศกึ ษาระดับมธั ยมศึกษาตอนตน้ ข้ึนไป
12. ร้อยละของนักเรยี นตอ่ ประชากรวัยเรยี นระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (อายุ 15 – 17 ปี)
13. สดั ส่วนผูเ้ รยี นในสถานศึกษาทุกระดับของรัฐตอ่ เอกชน
14. จาํ นวนภาคเี ครอื ข่ายท่ีเขา้ มามีส่วนรว่ มในการจัด/ พัฒนา/ สง่ เสรมิ การศึกษา

ยทุ ธศาสตร์
1. ยุทธศาสตรพ์ ัฒนาหลักสตู ร กระบวนการเรยี นการสอน การวดั และประเมนิ ผล
2. ยทุ ธศาสตรผ์ ลิต พัฒนาครู คณาจารยแ์ ละบคุ ลากรทางการศกึ ษา
3. ยุทธศาสตรผ์ ลิตและพัฒนากาลงั คน รวมท้ังงานวจิ ยั ท่ีสอดคล้องกับความต้องการของ การพัฒนา

ประเทศ
4. ยุทธศาสตรข์ ยายโอกาสการเข้าถึงบรกิ ารทางการศึกษา และการเรยี นรอู้ ยา่ งตอ่ เน่อื ง ตลอดชวี ิต
5. ยทุ ธศาสตร์ส่งเสรมิ และพัฒนาระบบเทคโนโลยดี จิ ิทัลเพอื่ การศึกษา
6. ยทุ ธศาสตรพ์ ัฒนาระบบบริหารจดั การและส่งเสรมิ ให้ทกุ ภาคสว่ นมีส่วนรว่ มในการจัดการศกึ ษา

การส่งเสรมิ การอ่าน

11

การสง่ เสรมิ การอ่านเปน็ วาระแห่งชาติ

การส่งเสริมการอ่านเป็นวาระแห่งชาติเพ่ือสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต ที่ประชุม
คณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2552 มีมติเห็นชอบตามท่ีกระทรวงศึกษาธิการได้เสนอให้การส่งเสริมการ
อ่านเป็นวาระแห่งชาติเพื่อสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยมีรายละเอียดดังนี้คือกําหนดให้การอ่าน
เป็นวาระแห่งชาติ การกําหนดให้วันที่ 2 เมษายนของทุกปี ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระ
กนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นวันรักการอ่าน การกําหนดให้ปี
2552-2561 เป็นทศวรรษแห่งการอ่านของประเทศ และการกําหนดให้มีคณะกรรมการส่งเสริมการอ่านเพ่ือ
สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต ท่ีมีรัฐมนตรี กระทรวงศึกษาธิการเป็นประธานกลไกขับเคลื่อนการ
สง่ เสริมการอ่านให้เกิดขึน้ อย่างเปน็ รปู ธรรม โดยไดก้ าํ หนดเปูาหมายในการดําเนินการ เพ่ือให้คนไทยได้พัฒนา
ความสามารถในการอ่านและการรูห้ นงั สอื ภายในปพี .ศ.2555 ดงั น้ี

1. ประชากรวัยแรงงานที่เป็นผูร้ ้หู นงั สือในระดับใช้งานไดใ้ นชีวิตประจําวันเพ่ิมข้ึนจากร้อยละ 97.21
เป็นร้อยละ 99

2. ประชากรไทยอายุ15ปีขึ้นไปท่ีสามารถอ่านออกเขียนได้มีเพ่ิมขนึ้ จากร้อยละ 92.64เป็นร้อยละ 95

3. ค่าเฉลย่ี ในการอา่ นหนังสือของคนไทย เพมิ่ ขึ้นจากปีละ 5 เลม่ เปน็ ปลี ะ 10 เลม่ ต่อคน

4. แหล่งการอ่านไดร้ บั การพัฒนาและเพิ่มจํานวนให้สามารถจัดบริการได้ครอบคลุมทุกตําบล/ชุมชน
อยา่ งทัว่ ถึงและมคี ุณภาพ

5. การสร้างภาคีเครือข่ายการอ่านเพื่อปลูกฝังนิสัยรักการอ่านและการเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างย่ังยืน
อีกท้ัง สํานักงาน กศน. ได้กําหนดนโยบายและจุดเน้นการดําเนินงานในปี พ.ศ. 2554 ด้านการศึกษาตาม
อัธยาศยั (การส่งเสรมิ การอา่ น) คือ

5.1. พัฒนาคนไทยให้มีความสามารถในการอ่าน โดยรณรงค์การรู้หนังสือในระดับท่ีใช้การได้ใน
ชวี ิตประจําวันของกลุ่มเปาู หมายโดยเน้นประชาชนที่ไม่รู้หนังสือ คนต่างภาษาต่างวัฒนธรรมประชาชนบริเวณ
ชายแดน

5.2. พฒั นาระดบั ความสามารถในการอ่านของประชาชนทุกกลุ่มเปูาหมายให้ได้ระดับอ่านคล่อง
เขยี นคลอ่ ง และอ่านเชิงคิดวิเคราะหพ์ น้ื ฐาน

5.3. พัฒนาคนไทยให้มีนิสัยรักการอ่าน ใฝุเรียน ใฝุรู้ โดยการปลูกฝังและสร้างเจตคติให้เห็น
คณุ คา่ และประโยชน์ของการอ่านโดยการประชาสัมพันธ์ส่งเสริมให้ทุกคนมีส่วนร่วม และการกําหนดมาตรการ
จงู ใจเครือข่ายสง่ เสรมิ การอา่ น

5.4. ส่งเสริมให้มีการสร้างบรรยากาศ และส่ิงแวดล้อมท่ีเอื้อต่อการอ่าน ให้เกิดขึ้นในสังคมไทย
โดยสนับสนุนการพัฒนาแหล่งการอ่านให้เกิดข้ึนอย่างกว้างขวาง รวมทั้งมีความพร้อมในด้านสื่ออุปกรณ์ท่ี
สนบั สนนุ การอา่ น และการจดั กิจกรรมเพอื่ สง่ เสริมการอ่านทห่ี ลากหลาย

5.5. ส่งเสริม และสนับสนุนการสร้างเครือข่ายเพื่อสร้างบรรยากาศของการอ่าน เช่น ชมรมรัก
การอ่าน ครอบครวั รักการอ่าน สมาคมหรอื ชมรมส่งเสรมิ การอ่าน เป็นต้น

12

ตามที่กระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายด้านการส่งเสริมการเรียนรู้ของชุมชน ให้คนไทยได้รับโอกาส
ทางการศึกษาท่ีมีคุณภาพ และการบริการให้ทั่วถึงประชาชนกลุ่มเปูาหมายครอบคลุมในทุกพื้นที่ เพ่ือให้เกิด
การกระตุ้นการเรียนรู้และส่งเสริมการอ่านให้กับประชาชนท่ัวไป เป็นการสร้างโอกาสและทางเลือกในการ
ประกอบอาชีพให้ประชาชนในหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลชุมชน และการพัฒนาห้องสมุดเป็นกิจกรรมหน่ึงท่ีสมเด็จ
พระเทพรัตนราชสดุ า ฯ ทรงสนับสนนุ มาอย่างตอ่ เนอ่ื ง ดงั พระราชดํารัสวา่ “หอ้ งสมุดเป็นที่เกบ็ หนังสือและสื่อ
ความรู้ต่างๆ ถือได้ว่าเป็นศูนย์สารสนเทศและเป็นสมองของโรงเรียนนักเรียนทุกชั้นเรียนใช้กิจกรรมห้องสมุด
ประกอบการเรียน และเพอ่ื ความบันเทิง ครใู ช้เตรยี มการสอน เพื่อค้นคว้าหาความรู้ทั่ว ๆ ไป และความบันเทิง
ศิษย์เก่า และประชาชนก็มาใช้ได้ ครู นักเรียนฝึกเป็นบรรณารักษ์ จัดหนังสือเป็นหมวดหมู่จัดกิจกรรมส่งเสริม
การอ่าน เด็กส่งเสียงตามสายเผยแพร่ข่าว อ่านหนังสือให้น้องๆ ฟังมีการประกวดห้องสมุดดีเด่นให้รางวัลเป็น
กําลังใจ บางโรงเรียนมีคอมพิวเตอร์ใช้คอมพิวเตอร์บันทึกทะเบียนหนังสือ เปิด CAI คือ แผ่นซีดีที่ใช้
ประกอบการสอนวิชาการต่าง ๆ เช่น ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ วิทยาศาสตร์ และคณิตศาสตร์ วิชาเหล่านี้หา
ครชู าํ นาญไดย้ าก ทงั้ ครแู ละนักเรียนจะศกึ ษาไดจ้ ากสอ่ื และการสบื คน้ จากอินเทอรเ์ น็ต

การแบง่ ชว่ งวยั ของมนุษย์ (ฮาวคิ ฮอรท์ (Hovighurst))
ตามแนวความคิดของฮาวิคเฮอร์ท (Hovighurst) ได้แบ่งพัฒนาการของมนุษย์ออกเป็นวัยต่าง ๆ ท่ี

ใชป้ ระกอบการดําเนนิ กิจกรรมตามเอกสารฉบับนี้ แบ่งไดด้ ังน้ี
1. วยั เด็กเลก็ -วยั เดก็ ตอนต้น (แรกเกดิ - 6 ปี) เรียนรทู้ จ่ี ะเดนิ และที่จะรบั ประทาน เรียนรู้ท่ีจะสร้าง

ความผกู พันตนเองกบั พ่อแม่ เป็นต้น
2. วัยเด็กตอนกลาง (6 - 12 ปี ) เรียนรู้ท่ีจะปรับตัวให้เข้ากันได้กับเพื่อนรุ่นเดียวกันสามารถช่วย

ตนเองไดพ้ ัฒนาทักษะพนื้ ฐานในการอ่าน เขยี น และคํานวณ เปน็ ตน้
3. วัยรุ่น (12 - 18 ปี) รู้จักควบคุมอารมณ์ของตนเองได้สามารถสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่นในสังคมได้

มคี วามรบั ผดิ ชอบตอ่ ตนเองและสังคมได้
4. วยั ผู้ใหญ่ตอนต้น (18 - 35 ป)ี มีการเลอื กคู่ครอง ร้จู ักจัดการภารกจิ ในครอบครัว
5. วัยกลางคน (35 - 60 ปี) รู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เรียนรู้ที่จะยอมรับและปรับตัวให้เข้า

กบั สภาพการเปล่ียนแปลงของร่างกาย
6. วัยชรา (อายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป) สามารถรับตัวได้กับสภาพร่างกายที่เส่ือมถอยลง ปรับตัวได้กับ

การทีต่ ้องเกษยี ณอายตุ ลอดจนเงนิ เดือนลดลง

11

13

แนวทางการจดั กจิ กรรมสง่ เสริมการอ่านทกุ ช่วงวยั

‘หนังสอื ’ ชว่ ยสร้างพฒั นาการและทักษะด้านจิตใจ ปัญญา และอารมณ์ ให้กับผู้อ่านทุกวัย ไม่ว่าจะ
เป็นวัยเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ แต่ประเภทของหนังสือก็มีความสําคัญต่อช่วงวัยด้วยเช่นกันหนังสืออ่านได้ 5
วัย ไมว่ ้าวุน่

"การอ่านหนังสือไม่ใช่เรื่องเครียด แต่เป็นการผ่อนคลายสมองและจิตใจที่ดีอีกทางหน่ึง ทําให้เกิด
ทกั ษะการเรียนรู้ การอ่าน ภาษาและจินตนาการไดเ้ ป็นอยา่ งดี ท่ีสาํ คัญยังชว่ ยฝกึ สมาธิ และจิตใจของเรามั่นคง
ไม่ว้าวุ่นอีกด้วย" (สุดใจ พรหมเกิด) ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน สสส. อธิบาย และได้
แนะนําประเภทหนังสือท่ีเหมาะกับ 5 ช่วงวัย “หนังสืออ่านได้ 5 วัย ไม่วา้ วุ่น thaihealth” ไว้ดงั นี้

1. ปฐมวยั (0-6 ปี) พอ่ แม่ควรอ่านหนังสือให้ลูกฟังตั้งแต่ 6 เดือน หนังสือท่ีเหมาะกับเด็กวัยนี้ ควร
มีภาพสวย ๆ ถ้อยคําน้อย ๆ และคล้องจองกัน เพราะช่วยจูงใจเด็ก ๆ ได้ดี พวกเขาจะสนใจ และหลงรักการ
อ่านอยา่ งรวดเรว็ สามารถอ่านหนงั สือไดโ้ ดยอัตโนมตั ิเมอื่ โตข้นึ

2. วัยประถมศกึ ษา (6-12 ปี) การส่งเสริมให้เด็กอ่านหนังสือในช่วงวัยนี้ จะเป็นพื้นฐานการเรียนรู้ท่ี
สําคัญ เด็กวัยน้ีจะชอบค้นหา และช่างสังเกต สามารถแยกแยะถูกผิดได้แล้ว พวกเขาจะสนใจเร่ืองลึกลับ
สืบสวน สอบสวน แนววิทยาศาสตร์ อย่างเช่น ชีวิตใต้ทะเล ชีวิตสัตว์กลางคืน เรื่องแปลกแต่จริง หนังสือที่
เหมาะกับวยั นีค้ ือ หนังสอื การ์ตูนคอมมกิ หรือ หนงั สอื ภาพการต์ นู หนังสอื ประเภทสาระความรู้

3. วัยมัธยมศึกษา (12-15 ปี) ช่วงวัยน้ีจะเร่ิมมีความฝัน จินตนาการ รวมไปถึงชอบความท้าทาย
ความแปลกใหม่ พวกเขาจะชอบอ่านหนังสือนิยาย การผจญภัย และวิทยาศาสตร์ รวมถึงหนังสือที่สอดแทรก
แงม่ มุ แปลกใหม่ที่น่าสนใจ หลายๆ คนเร่ิมอ่านนิยาย และวรรณกรรมแปลต่างประเทศ หรือสนใจนิตยสารที่มี
ความทนั สมยั และสาระบนั เทิงสอดแทรกในหนังสือ

4. วัยร่นุ (15-20 ปี) ช่วงวัยน้ีจะไม่ชอบการวิพากษ์ วิจารณ์ พวกเขาจะเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่
เริ่มมีวุฒิภาวะ แต่ยังเป็นวัยท่ีอารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย นอกจากนี้ ยังเป็นวัยที่อยากมีส่วนร่วม อยากเป็นที่
ยอมรับของสังคม และอยากมีความอิสระด้วย หนังสือท่ีพวกเขาสนใจ สําหรับผู้ชายจะชอบแนววิทยาศาสตร์
กีฬา ประวัติศาสตร์ สงคราม ถ้าเป็นผู้หญิงจะสนใจหนังสืองานประดิษฐ์ ความสวยความงาม งานบ้านงาน
เรอื น ชว่ งวัยนจ้ี ะชน่ื ชมเร่อื ง วีรบุรุษ หรือคนดังระดับโลก อาจต่อยอดให้เขาอ่านหนังสือ ชีวประวัติของบุคคล
สําคญั ทีม่ คี วามรูค้ วามสามารถตอ่ การเปลย่ี นแปลงประเทศ และโลกได้ ท่ีสําคัญควรให้เขาอ่านหนังสือเก่ียวกับ
สุขภาพ ทศั คตเิ ชงิ เพศ และมติ รภาพดว้ ย

5. วัยผู้ใหญ่ (21 ปีขึ้นไป) ช่วงนี้จะเร่ิมมีการไตร่ตรองชีวิต ค้นหาตัวเอง และแรงบันดาลใจใหม่ๆ
หนังสอื ท่เี หมาะกับวยั นีจ้ ะเกีย่ วกับการพัฒนาศักยภาพของตัวเอง สอดแทรกทศั นคติคิดบวก ค้นหาความหมาย
และคุณค่าของชีวิต อย่างเช่น หนังสือแนะนําอาชีพท่ีน่าสนใจ หนังสือวาดภาพระบายสีสําหรับผู้ใหญ่ หรือ
หนังสือเดินทางที่ทําให้ผู้อ่านเกิดความม่ันใจพร้อมท่ีจะก้าวสู่โลกกว้าง และเมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุจะเริ่มให้ความ
สนใจเก่ียวกับสุขภาพ ค้นหาปรัชญาชีวิต หนังสือดูแลสุขภาพ หนังสือธรรมะก็จะเหมาะสมกับช่วงวัยนี้
“หนงั สอื ธรรมะอา่ นได้ทกุ วัย”

14

หากต้ังคําถามว่า หนังสือแนวไหน น่าจะอ่านได้ทุกวัย ผจก.แผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน
ให้คําตอบว่า ‘หนังสือธรรมะ’ เพราะปัจจุบัน หลักธรรมะ ได้นํามาแปลเพื่อให้เข้าถึงคนทุกกลุ่มทุกวัยมากขึ้น
ไมว่ า่ จะเป็นหนงั สอื ธรรมะรูปแบบการต์ ูน ที่เหมาะสาํ หรับเด็กประถมศึกษา หรือหนังสือท่ีนําหลักธรรมคําสอน
ธรรมะบรรยาย ท่ีนํามาแปลด้วยภาษาท่ีเข้าใจง่าย ทําให้อ่านได้ต้ังแต่วัยเด็กจนถึงผู้ใหญ่ ซ่ึงไม่ใช่แค่อ่านง่าย
อา่ นสนกุ เทา่ นน้ั แตย่ งั สอดแทรกหลักธรรมะ คติสอนใจ ที่นําไปส่กู ารปฏิบตั จิ ริงใหก้ บั ผอู้ า่ นอกี ด้วย

มาอ่านหนังสือกันดีกว่าผจก.แผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน แนะนําเคล็ดลับการชักชวน
เพื่อนสนิท หรือคนรอบข้างท่ีไม่สนใจการอ่าน ให้หันมาอ่านหนังสือว่า ให้ลองสังเกตดูว่า เพ่ือนเราน้ันชอบ
อะไร สนใจอะไรเป็นพิเศษ ก็ให้หนังสือท่ีเก่ียวข้องกับความชอบของเขาเป็นของขวัญวันเกิดก็ได้ ไม่ใช่แค่ให้
ความรู้เท่าน้ัน แต่ยังให้ความสุข ความเพลิดเพลิน ความร่ืนรมณ์ ได้อยู่กับตัวเอง เรียนรู้ทักษะชีวิตผ่าน
ตัวหนังสือ ซึ่งหนังสือจะสะท้อนตัวตนท่ีแท้จริง และทําให้เขาชอบอ่านหนังสือในท่ีสุด เพียงเท่านี้เราก็สร้าง
นสิ ยั รกั การอ่านใหก้ ับคนรอบขา้ งไดแ้ ลว้

“การอ่าน ไม่เพยี งแคส่ ร้างสขุ ภาวะการเรียนรู้ท่ีดีให้กับผู้อ่านเท่านั้นนะคะ แต่ยังทําให้ผู้อ่านทุกวัยมี
สขุ ภาพดีครบ 4 ดา้ น นน่ั คอื กาย จิต ปัญญา สงั คม : (thaihealth สสส.)

การจัดกจิ กรรมส่งเสริมการอ่าน

ความหมายของกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน ให้ความหมายของกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน หมายถึง
กิจกรรมสําหรับผู้ใช้ห้องสมุดเพื่อการเข้าถึงหนังสือและสื่อต่าง ๆ ตามตรงความต้องการให้ได้มากที่สุดและ
รวดเร็วท่ีสุด โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ตลอดจนการวางแผนกิจกรรมส่งเสริมการอ่านตลอดปี การกระทํา
ต่าง ๆ เพ่ือให้กลุ่มเปูาหมายเกิดความสนใจในการอ่าน เห็นความสําคัญและความจําเป็นของการอ่าน เกิด
ความเพลิดเพลนิ ในการอ่าน พยายามพัฒนาการอา่ นของตนใหถ้ งึ ระดับการอา่ นเปน็ และอา่ นจนเปน็ นสิ ัย

1. เร้าใจ เปน็ กิจกรรมทสี่ ามารถทาํ ให้บุคคลทีเ่ ป็นเปูาหมาย อาจเป็นคนเดยี วหรือกลุ่มคน หรือคน
ท่วั ไปให้เกิดความอยากอ่านหนังสือ โดยเฉพาะหนังสือที่มีคุณภาพตามที่ประสงค์ หรือผู้ที่จัดกิจกรรมเห็นว่า
ควรอ่าน กิจกรรมจะชใี้ หเ้ หน็ ว่าการอ่านเป็นสงิ่ จําเปน็ มคี วามสําคญั มีประโยชนต์ อ่ บุคคลและสงั คม

2. จูงใจ เป็นกิจกรรมท่ีสามารถจูงใจให้บุคคลท่ีเป็นเปูาหมายเกิดความพยายามท่ีจะอ่านให้
แตกฉาน เพื่อจะได้รู้เร่ืองราวที่สนุกท่ีมีอยู่ในหนังสือ ตามที่ผู้จัดกิจกรรมนํามากล่าว นอกจากจะเห็น
ประโยชน์แล้วยังเกิดความรู้สึกว่าความพยายามอ่านให้เข้าใจถ่องแท้นั้นคุ้มค่าให้มีความรู้สึกเป็นอิสระเสรี ไม่
ตอ้ งพงึ่ พาผูอ้ นื่ ใหช้ ่วยอ่านชว่ ยตคี วามซง่ึ บางคร้ังอาจคลาดเคลื่อนก็ได้ นอกจากน้ียังสามารถจูงใจให้เห็นความ
จําเป็นท่ีจะต้องฝึกฝนการอ่าน และการใช้ครู่มือการอ่าน เช่น พจนานุกรม ศัพท์วิชาเฉพาะ เป็นต้น
ตลอดจนจูงใจไมใ่ หเ้ กดิ ความเบ่อื หนา่ ยท้อแท้ที่จะต้องสู้เอาชนะตนเองใหเ้ อาชนะหนังสอื ให้ได้

3. กระตนุ้ แนะนาํ ใหอ้ ยากร้อู ยากเหน็ เป็นกจิ กรรมท่ีต้องกระตุ้นหรือแนะนําให้กลุ่มเปูาหมายรู้สึก
อยากรู้อยากเห็นเร่ืองราวต่างๆ ท่ีมีอยู่ในหนังสือมากมายหลายอย่าง อยากอ่านดูให้รู้รอบและลึกซึ้ง เปิด
ความคดิ ใหก้ ว้าง เม่ืออา่ นเรื่องหนึง่ แล้วก็อยากอา่ นอกี เร่ืองหน่ึงต่อไป มีความรสู้ กึ วา่ การอ่านเปน็ กจิ กรรม

15

ประจําวันท่ีจะขาดเสียมิได้ เกิดความรู้สึกว่าหนังสือท้าทายให้อ่าน ให้วิจารณ์ ให้ประเมินค่า ให้อยากนํา
ความรู้ทไ่ี ด้รับไปใช้ อยากเขียนหนงั สือทํานองกันนใี้ หด้ กี ว่าเลม่ ทอี่ า่ นเหลา่ น้ัน

4. สร้างบรรยากาศการอ่าน นอกจากกิจกรรมจะเร้าใจ จูงใจให้อ่าน และกระตุ้นให้เปิดความคิด
ให้กว้าง แล้วยังสามารถสรา้ งบรรยากาศการอา่ นให้เกิดขึน้ ในบ้าน ในโรงเรียน ในสงั คม กล่าวคือ การส่งเสริม
การอ่านน้ันเก่ียวข้องกับการผลิตวัสดุการอ่านท่ีเหมาะสมด้วย ดังน้ันผู้ผลิตวัสดุการอ่านจึงต้องสร้างและ
ปรับปรงุ วัสดุการอา่ นให้เพยี งพอ เหมาะสมและมคี ณุ ภาพ พอ่ แม่ ผู้ปกครอง ครู ตลอดจนคนทั่วไปสามารถ
จัดหาอ่านได้สะดวก นอกจากน้ีกิจกรรมยังสามารถบูรณาการให้เข้ากับการเรียนการสอนในโรงเรียนได้
ตลอดจนนาํ ไปใช้กบั การดําเนินชีวิตประจาํ วนั ของคนในสงั คมในการตัดสินใจเพื่อดําเนนิ การต่าง ๆ เปน็ ตน้

จากความหมายดังกล่าวข้างต้น สามารถสรุปได้ว่า กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน หมายถึง การจัด
กิจกรรมท่ีมีวัตถุประสงค์เพ่ือเร้าใจ จูงใจ กระตุ้นและสร้างบรรยากาศการอ่าน ให้ผู้ที่เป็นกลุ่มเปูาหมายสนใจ
และได้เห็นความสําคัญของการอ่าน ได้อ่านหนังสือมากข้ึน หรือใช้ส่ืออื่น ๆ ซึ่งจะนําไปสู่การอ่านและ มีนิสัย
รักการอา่ นในทสี่ ุด

ความสาคัญของกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน แสดงให้เห็นว่าการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านมี
ความสาํ คญั ดงั นี้

1. ช่วยใหผ้ ู้เขา้ ร่วมกจิ กรรมไดอ้ า่ นหนงั สือทเ่ี หมาะสมกับความสนใจ ความต้องการของตนเอง
2. ช่วยให้ผเู้ ข้ารว่ มกจิ กรรมได้อ่านหนงั สอื หลายประเภทท่ีใหค้ วามรู้และความบันเทิง
3. ชว่ ยใหผ้ ู้เขา้ ร่วมกิจกรรมมคี วามสุขจากการอา่ น แม้ต่อไปจะไมม่ ีโอกาสศกึ ษาต่อก็ตาม
4. ชว่ ยให้ผูเ้ ขา้ ร่วมกจิ กรรมตดิ ตามหนงั สือและอยากอ่านอยเู่ สมอ จนเกดิ เปน็ นิสัยรักการอา่ น
5. ชว่ ยให้ผู้เขา้ รว่ มกจิ กรรมเปน็ ผมู้ ีวจิ ารณญาณในการอ่านและมรี สนยิ มการอา่ นทดี่ ี
6. ชว่ ยใหผ้ เู้ ข้ารว่ มกิจกรรมได้แสวงหาความร้ดู ้วยตนเอง นําความรู้มาปรับปรงุ คณุ ภาพชวี ิต
ของตนเองและผ้อู นื่ เพ่ือการดํารงชีวิตอย่างมีความสขุ
7. ชว่ ยใหเ้ กิดการพฒั นาดา้ นความคิดให้กบั นักเรยี น
8. ช่วยเสริมทักษะการใชภ้ าษาดา้ นการฟัง พูด อา่ นและเขยี น
9. ชว่ ยฝึกทักษะทางภาษาและทบทวนเน้อื หาวชิ าตา่ ง ๆ
10. ชว่ ยเปดิ โอกาสใหก้ บั นักเรียนไดแ้ สดงออกถงึ ความสามารถที่มีอยู่
11. ช่วยจงู ใจและเร้าความสนใจของนกั เรียน
12. ช่วยส่งเสริมให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีความสามัคคี มีความรับผิดชอบ และฝึกให้ผู้เข้าร่วม
กจิ กรรมรู้จักปฏิบัตติ ามกฎเกณฑ์

16

จากความหมายดงั กล่าวขา้ งต้น สามารถสรปุ ไดว้ ่า การจัดกจิ กรรมสง่ เสรมิ การอา่ นมีความสําคัญ
เพราะนอกจากจะก่อให้เกิดความรู้สําหรับผู้ร่วมกิจกรรมแล้ว ยังก่อให้เกิดความเข้าใจ เกิดการสร้างเสริม
ประสบการณแ์ ละมุมมองใหม่ๆ นาํ ไปสูก่ ารเรียนรตู้ ลอดชวี ติ อกี ท้ังยงั เป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์หรือ
เป็นการพักผ่อนหย่อนใจไดอ้ กี ดว้ ย

รูปแบบของการจัดกิจกรรมสง่ เสรมิ การอา่ น กระทรวงศึกษาธิการ,กรมวิชาการ ได้ให้ความหมาย
ของกิจกรรมสง่ เสรมิ การอา่ นมหี ลายรูปแบบ ซง่ึ จะรวมกลุ่มตามลักษณะการจัดกิจกรรมดึงดูดความสนใจ โดย
ทางประสาทสัมผสั อยา่ งใดอย่างหนง่ึ หรือหลายแห่งความกนั ไดด้ งั นี้

1. กิจกรรมท่ีเร้าโสตประสาท (ประสาทหู) ชวนให้ฟังใช้เสียงจากคําพูดเป็นหลัก กิจกรรม
ประเภทนี้ ได้แก่ การเล่านิทานให้ฟัง การเล่าเรื่องจากหนังสือ การอ่านหนังสือให้ฟัง การแนะนําหนังสือด้วย
ปากเปลา่ การบรรยาย การอภิปรายการโต้วาทีเก่ียวกับหนังสือ การบรรเลงดนตรีและร้องเพลงจากบทละคร
ร้องทําให้เกิดความเพลิดเพลินในอรรถรส ถ้อยคํานั้นซึ่งนอกจากฟังเพราะแล้ว ยังทําให้มองเห็นภาพและ
ใหค้ วามร้สู กึ ต่าง ๆ เช่น เสยี ใจ ดีใจ เกลียดชัง รกั โกรธ แชม่ ช่ืน สงบ

2. กิจกรรมท่ีเร้าจักษุประสาท (ประสาทตา) ชวนให้ดู เพ่งพินิจ อ่านความหมายของส่ิงที่เห็น
กิจกรรมประเภทนี้ ได้แก่ การจัดแสดงภาพชนิดต่าง ๆ เช่น ภาพถ่ายภาพท่ีตัดเก็บรวบรวมจากวารสารหรือ
ปฏิทินเป็นเร่ืองเป็นชุด ภาพเขียนภาพประกอบหนังสือ นิทรรศการหนังสือ การแสดงภาพหนังสือและสิ่งของ
จะมคี ําบรรยายอธบิ าย สง่ิ ท่ีแสดง สรปุ ข้อคิดเหน็ เกย่ี วกบั การแสดง มุง่ ให้ผู้ชมใชส้ มาธิในการชม

3. กิจกรรมท่ีเร้าจักษุและโสตประสาทในขณะเดียวกัน (ประสาทหูและตาพร้อมกัน) ได้แก่
กิจกรรมทชี วนให้ดูและฟังไปพร้อม ๆ กนั ประสาททัง้ สองส่วนจะประสานและทํางานร่วมกันกิจกรรมที่จัดส่วน
ใหญ่จะเป็นการเล่านิทานดูภาพประกอบและหูฟังเรื่องราวจากการเล่า สื่อที่ใช้นอกจากหนังสือแล้วอาจใช้สื่อ
อื่น ๆ ได้ เช่น ภาพนิ่งประกอบ คําบรรยายกิจกรรมอื่น ๆ นอกจากน้ี เช่น การจัดนิทรรศการ การสาธิต
เทคนิควธิ ีการ เหตุการณ์หรือข้อเทจ็ จรงิ ตามธรรมชาติ และการแสดงเรอ่ื งจากหนังสอื ประกอบดนตรีหรือการ
ขบั ร้อง เป็นต้น

4. กิจกรรมที่กลุ่มเปูาหมายหรือผู้ร่วมกิจกรรมมีส่วนร่วม กิจกรรมประเภทน้ีจะช่วยให้ผู้ร่วม
กิ จ ก ร ร ม มี ค ว า ม เ พ ลิ ด เ พ ลิ น แ ล ะ รู้ สึ ก มี ค ว า ม ภ า ค ภู มิ ใ จ ที่ ต น เ อ ง ไ ด้ แ ส ด ง ค ว า ม ส า ม า ร ถ ใ น ก า ร เ ล่ า
วาดภาพประกอบ ร้องเพลง การแขง่ ขนั หรือให้เขยี นนิทานโดยแตง่ ขนึ้ ใหม่ มีการตอบคําถามเก่ียวกับเรื่องท่ีได้
ฟังการแสดงออกท้ังความคิดเห็นและได้แสดงกิจกรรมร่วมกับผู้อ่ืน จะทําให้ผู้ร่วมกิจกรรมหรือกลุ่มเปูาหมาย
ประทับใจและจดจําเหตุการณ์ เกิดความสนใจอยากกระทําต่อเนื่องกิจกรรมส่งเสริมการอ่านแต่ละประเภทท่ี
กล่าวมานั้น บรรณารักษ์สามารถนํามากําหนดเป็นโครงการเพื่อจัดกิจกรรมให้แก่กลุ่มเปูาหมายท่ีเหมือนหรือ
แตกต่างกัน เช่น กิจกรรมหนังสือเล่มแรก Book Start กิจกรรมค่ายรัก การอ่านกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน
และการเรียนรสู้ ่อู าเซยี น กิจกรรมส่งเสริมการอา่ นผ่านแต้มยอดนักอา่ น เป็นต้น

17

ความหมายของการอา่ นและความสาคญั ของการอาน

ความหมายของการอา่ น

การอ่านเป็นทักษะทางภาษาที่จําเป็นต้องฝึกฝนอยู่เสมอ เพราะการอ่านน้ันจะเกี่ยวข้องกับ
ชีวิตประจําวันของมนุษย์ เป็นเครื่องมือที่สําคัญที่จะช่วยให้มนุษย์ได้รับความรู้ ความคิดและความบันเทิงใจ
ช่วยปรับปรุงชีวิตให้สมบูรณ์ การอ่านเป็นพฤติกรรมรมการรับสารที่สําคัญไมย่ิงหย่อนไปกว่าการฟัง เป็น
วิธีการนําข้อมูล ข่าวสาร ความรูที่มีอยู่ในรูปของตัวอักษรไปสูกระบวนการแปลความหมาย การประเมินค่า
การคิดวิเคราะห์ซึ่งนําไปสู่การปฏิบัติ การแก้ปัญหาการสร้างสรรค์ใหม่ ๆ มีโลกทัศน์ท่ีกว้างขึ้นและการอ่าน
เป็นการแปลความหมาย จากสัญลักษณ์หรือตัวอักษรจากผู้เขียนเป็นคําหรือข้อความโดยใช้กระบวนการคิด
เปน็ ตวั เช่อื มโยง ทัง้ นกี้ ารรับร้หู รือเข้าใจความหมายของสิง่ ทอ่ี านจากตัวอักษรหรือส่ิงพิมพอื่น ๆ ผานสายตา
ของผูอ่านโดยแปลความหมายออกมาเป็นถ้อยคําและความคิด และอาศัยประสบการณเดิมของตนเองไปชวย
ในการตัดสินใจ นอกจากนี้การอ่านยังมี ความหมายท่ีกว้างออกไป ไม่จํากัดเฉพาะตัวหนังสือเท่าน้ัน หาก
รวมถึงสัญลักษณ์อื่น ๆ ที่มนุษย์สร้างข้ึนเพ่ือสื่อความหมาย เช่น เคร่ืองหมายหรือสัญญาณจราจร สัญญาณ
มือ โน้ตดนตรี แผนท่ี เป็นต้น และมีการอ่านอย่างอ่ืน เช่น อ่านสีหน้า อ่านท่าทาง อ่านใจ อ่านลายมือ
หรอื อ่ืน ๆ ทเ่ี ป็นการแสดงออกของมนุษย์อีกดว้ ย ดงั นั้นหัวใจของการอ่านคือ การเข้าใจและแปลความหมาย
ของคาํ ขอ้ ความหรอื สัญลักษณต์ า่ ง ๆ ได้อย่างถูกต้องและนําไปใช้ใหเ้ กดิ ประโยชน์

ความสาคญั ของการอาน

การอ่านช่วยให้เกิดการพัฒนาทางสมองและสติปัญญา เปรียบเสมือกุญแจสําคัญท่ีจะไขไปสู่
ขุมทรพั ย์แห่งวทิ ยาการทัง้ ปวง รวมทั้งยงั เป็นเคร่ืองมอื สาํ คัญในการแสวงหาความรู้และการดําเนินชีวิตของคน
ทุกเพศทุกวัย และทกุ อาชพี ซึ่งสามารถสรุปความสําคญั ของการอา่ นไดด้ ังนี้

1. ความสําคัญต่อการเรียน การอ่านเป็นเครื่องมือสําคัญ และเป็นทักษะพื้นฐานท่ีสืบ
เนื่องมาจากการฟังและการพูด เป็นรากฐานที่สําคัญต่อการเล่าเรียนทุกระดับ ผู้เรียนจําเป็นต้องใช้ทักษะการ
อ่านเพื่อทําความเขา้ ใจในเนอ้ื หาสาระตา่ งๆ ให้ตนเองได้รับความรู้ และได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและ
กวา้ งขวางยิ่งขึ้น เพราะการเรยี นรู้เร่ืองราวตา่ ง ๆ ทงั้ ด้านวชิ าการและบันเทิงไม่ว่าจะเป็นจากส่ือในรูปแบบใด
สามารถใช้การอา่ นเพ่อื การเรียนรูท้ ั้งสนิ้

2. ความสําคัญต่อการดํารงชีวิต การอ่านเป็นพ้ืนฐานที่จําเป็นในการดํารงชีวิตในปัจจุบัน
เปน็ เครื่องมือสําคัญในการเรียนรู้ ช่วยให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต ทุกคนสามารถแสวงหาความรู้ได้ด้วยการ
อ่าน และช่วยสนองความอยากรู้อยากเห็นอันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ อีกทั้งยังทําให้เข้าใจตนเอง และ
เข้าใจผู้อน่ื ได้ดขี นึ้ ผู้อ่านมากยอ่ มรู้มาก และสามารถนาํ ความรไู้ ปใชป้ ระโยชนใ์ นการดํารงชวี ติ ได้เปน็ อย่างดี

3. ความสาํ คญั ตอ่ การพัฒนาบุคคล สังคมและประเทศชาติ การอ่านเปรียบเสมือนเคร่ืองมือใน
การวดั ระดบั บคุ คลและสังคม เนือ่ งจากเป็นกระบวนการที่กอ่ ให้เกิดการพัฒนาความคิด สติปัญญา จริยธรรม
ศีลธรรม อีกทั้งการอ่านไม่เพียงแต่เพิ่มทักษะชีวิตและขยายความรู้ของเราเท่านั้น การอ่านยังมีความ
ซบั ซอ้ นมากกวา่ นนั้ มาก คอื การอ่านช่วยพัฒนาความคิด พัฒนาจินตนาการ และมีอิทธิพลในด้านการพัฒนา
อารมณ์ และศีลธรรม รวมทั้งความฉลาด การอ่านยังช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิตของคนให้ดีกว่าเดิม ทําให้
เปน็ ผ้มู ีความรู้ ซึ่งจะสง่ ผลให้เกดิ การพัฒนาบุคคล การอ่านยงั เป็นสิง่ จําเปน็ และสําคัญอย่างยงิ่ ต่อการพัฒนา

18

สังคม และประเทศชาติให้เจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าได้ ต้องอาศัยประชาชนท่ีมีความรู้ ความสามารถ ซึ่งความรู้
ต่าง ๆ นั้นก็ได้มาจากการอ่านน่ันเอง การอานเปนหัวใจของการพัฒนาทักษะทางภาษา และการอานยังมี
ความสาํ คญั และมคี วามจําเปนตอชวี ิต

4. การอานเป็นเคร่ืองมือสําคัญในการเรียนรู หากอ่านไมได การเรียนการสอน ยอมพบ
อุปสรรค อยางใหญหลวง พฤติกรรมในการเรียนของเด็กจะเปลี่ยนไป หงอยเหงา เก็บกด หรือมิฉะนั้นจะ
แสดงออก ตาง ๆ ในลักษณะทดแทนปมดอยเหลานั้นก็มี ครูอาจารย จําเปนตองเอาใจใสชวยเหลือ แกไข
(ซอมเสรมิ ) ต้งั แตเรม่ิ อาน บทเรยี นแรกทันที

5. เด็กท่ีอานไดยอมไดรับการยอมรับสามารถรวมเรียนรวมเลนกับเพ่ือน ๆ ไดดี ในทางตรงกัน
ขา้ ม การท่ีเดก็ มีอุปสรรคในการอาน ยอมขาดความอบอนุ ใจ ขาดความ ม่ันใจในตนเอง

6. การอานไดอานเปน เปนสิ่งที่สงเสริมใหเด็กไดรับความรูเก่ียวกับ สภาพแวดลอมเพราะไมวา
โรงเรียนหรือสถาบันการศึกษาใดในโลก ก็ไมอาจจัดประสบการณใหผูเรียนไดอยางสมบูรณที่สุด การอานจึง
เป็นเครอ่ื งมอื สาํ คญั ทเ่ี ดก็ จะตองคนควาเพม่ิ เตมิ ไดอยางจุใจ หรอื ตามความจาํ เปนของเด็กเหลานนั้ ไดดี

7. การอา่ นเป็นเคร่ืองมือสําคัญในการประกอบธุรกิจ การปรับปรุงอาชีพเมื่อพ้นวัยประถมศึกษา
อาจเรยี นจากกิจกรรมการศกึ ษานอกโรงเรียนไดอีกทางหนงึ่

8. การอานมีความจําเปนตอการเปนพลเมืองดีท่ีจะรูขาวสารเหตุการณของบานเมืองการ
ปกครองทพี่ ลเมืองดีจะตองใหความรวมมือแกทางราชการไดดี

9. การอานเปนจะเปนเครื่องมือสําคัญในการพินิจ เลือกตัดสินใจท่ีจะเลือก ตัวแทนในทาง
การเมือง การปกครอง อนั เปนรากฐานสําคัญของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษตั รยิ ์เปนประมุข

10. การอานยอมเปนกิจกรรมสําคัญท่ีจะชวยใหเด็กวัยประถมศึกษา หรือพนวัยประถมศึกษาก็
ตาม สามารถใชเวลาวางใหเปนประโยชนโดยใชการอาน ท้ังยังจะไดรับความเพลิดเพลิน ชวยพัฒนาจิตใจ
และอน่ื ๆ ไดอีกดวย

11. การอานจะทวคี วามสําคัญมากข้ึนโดยลําดบั ทจ่ี ะชวยใหรอบรูถึงความเปล่ียนแปลงทางสังคม
การสอื่ สาร การพยากรณอากาศ เพื่อการปรับตัว ปรับปรุงอาชีพ ยิ่งสังคมเจริญขึ้นมากเพียงใด การอานก็จะ
ทวีความสาํ คญั มากขนึ้ เพียงน้นั

ประโยชนของการอาน

หนังสอื ดียอมมีคุณคาแกผูอานเสมอ ไมวาจะเปนหนังสือทางวิชาการหรือเร่ืองอาน เลนทันทีท่ี
หยิบหนังสือข้ึนมาอานแมจะเพียง 2 - 3 นาที ผูอานก็จะได้ประโยชนไมดานใดก็ดานหนึ่ง เชน ประโยคที่
ไพเราะ ประทับใจ ประโยชนของการอานมี หลายประการ ดงั น้ี

1. ทําใหมีความรูในวิชาการดานตาง ๆ อาจเปนความรูทั่วไป หรอื ความรู เฉพาะดานกไ็ ด

2. ทําใหรอบรูทันโลก ทันเหตุการณ ซ่ึงนอกจากจะทําใหรูทันขาวสาร บานเมืองและสภาพการ
ตาง ๆ ในสงั คมท้ังภายในและภายนอกประเทศแลวยงั จะไดท้ ราบขาวกีฬา ขาวบันเทิง บทความวจิ ารณ

19

ตลอดจนการโฆษณาสินคาตาง ๆ อีกดวยซ่ึงจะเปนประโยชนอยางย่ิงในการปรับความเปนอยูใหเหมาะสม
สอดคลองกับสภาพสังคมของตนในขณะน้นั

3. ทําใหคนหาคําตอบที่ตองการไดการอานหนงั สอื จะชวยตอบคําถามที่เราของใจ สงสัยตองการ
รไู ด เชน อานพจนานกุ รมเพ่อื หาความของคาํ อานหนังสือ กฎหมายเพ่ือ ตองการรูขอปฏิบัติ

4. ทาํ ให้เกิดความเพลิดเพลิน การอ่านหนังสือท่ีมีเน้ือหาดี นาอาน นาสนใจ ยอมทําใหผูอาน มี
ความสุขความเพลิดเพลิน เกิดอารมณคลอยตามของเรื่องน้ัน ผอนคลายความตึงเครียด ไดขอคิด และยัง
เป็นการยกระดบั จติ ใจผูอานใหสงู ขึน้ ไดอกี ดวย

5. ทาํ ใหเกิดทกั ษะและพฒั นาการในการอาน ผูท่ีอานหนังสือสมํ่าเสมอยอมเกิดความชํานาญใน
การอาน สามารถอานไดเร็ว เขาใจเร่ืองราวท่ีอานไดงาย จับใจความไดถูกตอง เขาใจประเด็นสําคัญของ
เรื่องและสามารถประเมินคุณคาเรื่องท่อี านได้อยา่ งสมเหตสุ มผล

6. ทําใหเปนผูมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีและเสริมสรางบุคลิกภาพ ผูอานมากยอมรอบรูมาก มีขอมูล
ต่าง ๆ ส่ังสมไวมาก เมื่อสนทนากับผูอื่นยอมมีความมั่นใจไมขัดเขิน เพราะภูมิรูสามารถถายทอดความรู ให
คําแนะนําแกผูอน่ื ในทางทกี่ อใหเกดิ ประโยชนได ผูรอบรจู งึ มกั ไดการยอมรบั และเปนที่เชื่อถือจากผูอื่น

การอานเปนทักษะสําคัญท่ีสุดที่ทุกคนควรมี การอานชวยใหผูอานประสบความสําเร็จในชีวิตและ
การงาน ในฐานะพอแมท่ีมีประสิทธิภาพ หากมที ักษะการอานจะชวยชแี้ นะใหลูก เปนผูอานที่ดีได ในฐานะผูอ
านท่ีมีประสิทธิภาพก็จะสนุกกับเรื่องดีๆ จากหลากหลายผูเขียน เร่ืองดี ๆ ที่ไดอานก็จะมี สวนเสมือนประตู
เปิดโลกกว้างทางปญญา อันมีสวนชวยพัฒนาปญญาของปจเจกบุคคล ซ่ึงมีผลต่อการพัฒนาชาติไทยโดย
ภาพรวมด้วย การอ่านจึงเปน็ หัวใจในการพฒั นาชาติ

โดยสรปุ การอานมีความสําคญั และจาํ เปนอยางย่ิงในยุคปจจุบัน เพราะการอ่านเป็นเคร่ืองมือสําคัญ
ท่ีใช้ในการแสวงหาความรู้ เพื่อนําไปปรับปรุงพัฒาคุณภาพชีวิต พัฒนาอาชีพหรือธุรกิจการงานที่ตัวเอง
กระทาํ อย่ใู ห้เจรญิ กา้ วหน้า ประสบความสําเร็จ เราตองแสวงหาความรู ขอมูลขาวสาร การเคล่ือนไหวทางด
านเศรษฐกจิ สังคม และวัฒนธรรม การอานสงเสริมให้ผูอานมีพัฒนาการในดานความรูและความคิดมองโลก
ท่ีกวางไกล เขาใจปญหาท่ีเกิดข้ึนในสังคม ผานสื่อการสอนในรูปแบบต่างๆมากมาย ซ่ึงสิ่งเหลานี้จะชวยให
สามารถตัดสินใจได อยางถูกตองมีความเฉลียวฉลาดสามารถประกอบอาชีพและเป นพลเมืองท่ีดีของ
ประเทศชาติได

รถการอ่านเคลื่อนที่ (Mobile Library)

คอื การออกบริการ“รถห้องสมุดเคลื่อนท่ี” หรือ “รถโมบาย” ที่เป็นรถท่ีจัดตกแต่งเพ่ือเหมาะสมกับ
การส่งเสริมการอ่าน โดยด้านบนรถจะมีหนังสือให้อ่าน ติดแอร์ เย็นสบาย ด้านข้างรถสามารถเปิดและยกขึ้น
เปิดมุมสื่อโทรทัศน์ที่สามารถรับชมได้หลากหลายเรื่องโดยมีสัญญาณออนไลน์ และยังมีบริการโต๊ะ เก้าอ้ีให้นั่ง
อ่านหนังสือ หรือเด็กสามารถเล่นเกมส์ ของเล่นตามวัย ที่สํานักงาน กศน.จังหวัดอุตรดิตถ์ จัดให้เพ่ือส่งเสริม
การอ่านและกจิ กรรมในครอบครวั

20

ความหมายของห้องสมุดเคล่ือนที่
หอ้ งสมดุ เคล่ือนที่ (Mobile library) เป็นบริการสารสนเทศเคลื่อนท่ี นับเป็นการจัดบริการในเชิงรุก

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการอ่าน และการให้ความรู้และความบันเทิงแก่ผู้ที่อยู่ห่างไกลจากแหล่งข้อมูล
โดยนําทรัพยากรสารสนเทศประเภทต่างๆ เช่น สื่อส่ิงพิมพ์ ส่ือโสตทัศน์ เกมส์ ของเล่น ฯลฯ ไปยังชุมชนด้วย
พาหนะ ประเภทตา่ ง ๆ เชน่ รถ รถไฟ เรือ ฯลฯ หรือบางแห่งอาจใช้วิธีการเดินทางด้วยเท้าในกรณีท่ีสามารถ
เข้าถงึ ด้วยพาหนะอนื่

การดาํ เนินการหอ้ งสมดุ เคลอื่ นที่ สามารถใช้วัสดุ อุปกรณ์ประเภทต่างๆ บรรจุทรัพยากรสารสนเทศ
เคล่อื นย้ายไปยงั สถานที่ตา่ งๆ เชน่ กล่องหนงั สือ ถุงหนงั สอื ยา่ มหนังสือ กระเป๋าหนังสือเป็นต้น

ส่วนใหญ่ การดาํ เนินการห้องสมุดเคลอ่ื นที่ของประเทศไทยอยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยงานด้าน
การศึกษาของรัฐ เช่น กระทรวงศึกษาธิการ รวมท้ังเป็นงานบริการประเภทหน่ึงของห้องสมุดประชาชน
ยงิ่ กว่าน้นั ปัจจุบนั หอ้ งสมดุ ของมหาวิทยาลัย ภาควชิ าบรรณารักษศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์ รวมทั้งชมรม
นกั ศกึ ษาของสถาบันอุดมศึกษาต่าง ๆ ไดใ้ ห้ความสําคัญกับห้องสมุดเคล่ือนท่ี มีการจัดโครงการหลายโครงการ
ที่เกยี่ วกับห้องสมดุ เคลื่อนที่

การดําเนินงานห้องสมุดเคลื่อนที่จะประสบผลสําเร็จได้นั้น หน่วยงานท่ีดําเนินการ ควรประสานขอ
ความร่วมมอื กับหนว่ ยงานอนื่ ๆ ท้งั ภาครัฐและเอกชน รวมทั้งกลุ่มบุคคลหรือบุคคลที่เป็นผู้นําชุมชน เช่น พระ
กํานนั ผใู้ หญ่บา้ น เป็นต้น สาํ หรบั การขอความชว่ ยเหลอื จากหนว่ ยงานเอกชน อาจเปน็ การขอรับการสนับสนุน
พาหนะ วัสดอุ ุปกรณแ์ ละงบประมาณในการดําเนนิ งาน

การจัดกจิ กรรมห้องสมดุ เคล่ือนที่ เป็นการจดั บริการโดยใชแ้ นวคิดทง้ั งานหอ้ งสมดุ และศูนย์การเรียน
ซึ่งอาจจัดการเรียนการสอนหลักสูตรส้ันๆ ร่วมไปกับงานบริการพ้ืนฐานของห้องสมุด เช่น บริการการอ่าน
บรกิ ารยมื -คืน เปน็ ต้น นอกจากนี้ อาจเป็นการจัดกิจกรรมส่งเสริมการใช้บริการในการออกให้บริการห้องสมุด
เคลื่อนทแี่ ตล่ ะคร้ังด้วย

21

บทท่ี 3
กิจกรรมส่งเสรมิ การอ่านและการเรยี นรู้ทุกชว่ งวยั

แนวคิดการจัดกจิ กรรม
กิจกรรม “Sing a Song ร้องรํา” เป็นกิจกรรมส่งเสริมการอ่านและการเรียนรู้ ซ่ึงเหมาะกับ

กลุ่มเปูาหมายทุกช่วงวัย ลักษณะกิจกรรมเป็นการส่งเสริมให้กลุ่มเปูาหมายได้อ่านเน้ือเพลงแล้วฝึกร้องเพลง
เพ่ือเป็นการส่งเสริมด้านการอ่าน การฟัง ส่งเสริมความกล้าแสดงออก ได้รับความสนุกสนานเพลิดเพลิน
พรอ้ มไดร้ ับสาระและความรู้

วัตถุประสงค์
1. เพื่อใหผ้ เู้ ข้าร่วมกจิ กรรมเกิดการเรยี นรูแ้ ละพฒั นาทักษะการอา่ น การฟังและกลา้ แสดงออก

ในทางสร้างสรรค์
2. เพอ่ื ใหผ้ ้เู ข้าร่วมกิจกรรมได้รบั ความสนกุ สนาน เพลดิ เพลนิ และเกิดความสขุ

กลุ่มเป้าหมาย
1. เด็ก (อายุ 6 – 12 ปี )
2. วัยรนุ่ (อายุ 12 – 18 ปี)
3. วยั ทํางาน (อายุ 18 – 60 ปี)
4. ผู้สงู อายุ (อายุ 60 ปขี ้นึ ไป)

ระยะเวลาในการจัดกิจกรรม
5 - 10 นาที

22

สื่อ/วสั ด/ุ อุปกรณ์
1. จอทีวี

2. คอมพิวเตอร์โนต๊ บุ๊ค

3. ไมโครโฟน

4. กระดาษ

5. ดินสอ, ปากกา

23

ข้ันตอนการดาเนินงาน

ข้นั ตอนการจัดกจิ กรรม
1. ให้ผเู้ ข้ารว่ มกิจกรรมเลือกเพลงท่ีตนเองต้องการและเขียนใสก่ ระดาษที่เจา้ หน้าท่ีจัดเตรยี มไว้ให้
2. ให้ผู้จดั กิจกรรมเปิดเพลงที่ผู้เขา้ ร่วมกจิ กรรมเลือก
3.มอบรางวลั ให้ผเู้ ขา้ ร่วมกิจกรรมท่ีเข้ารว่ มกิจกรรม

ประโยชนท์ ่ไี ดร้ บั จากการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอา่ น และการเรยี นรู้

1. ผูเ้ ข้ารว่ มกิจกรรมเกิดการเรยี นรแู้ ละพฒั นาทักษะการอ่าน การฟงั และกลา้ แสดงออกในทาง
สรา้ งสรรค์

2. ผเู้ ข้ารว่ มกจิ กรรมได้รับความสนุกสนาน เพลดิ เพลินและเกดิ ความสขุ

การประเมนิ ผล
1. การสงั เกตพฤติกรรม
2. ประเมนิ ความพงึ พอใจ

ดาวนโ์ หลดเอกสาร

24

ใบงาน Sing a Song รอ้ งรา

1. ช่อื เพลง..........................................................................................................................................................
2. ชอ่ื ศลิ ปิน........................................................................................................................................................
3. ประโยชนท์ ีไ่ ดร้ บั ............................................................................................................................. ...............
.................................................................................... ..........................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
.

25

แนวคดิ การจดั กิจกรรม
กิจกรรม Book Market เป็นกิจกรรมสง่ เสรมิ การอา่ นการเรยี นรู้ ซ่ึงเหมาะกับกลุ่มเปูาหมาย

เด็ก นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทุกเพศ ทุกวัย ลักษณะกิจกรรมคือให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมบันทึกการอ่าน
จากการศึกษาค้นคว้าหาความรู้จากหนังสือ บนช้ันหนังสือ ในห้องสมุดหรือบนชั้นหนังสือในรถห้องสมุด
เคล่ือนที่ (รถMobile) เป็นการฝึกสมาธิได้ขยับแขน ขยับขา จากการเดินไปเลือกหนังสือได้ฝึกเขียน ขยับมือ
ปูองกันน้วิ ล็อค และใหผ้ ู้รว่ มกิจกรรมเห็นความสาํ คญั ของห้องสมุด

วตั ถปุ ระสงค์
1. เพือ่ ให้ผ้เู ข้ารว่ มกิจกรรมมีนสิ ยั รกั การอา่ นและการส่งเสรมิ สขุ ภาพให้แข็งแรง
2. เพ่ือใหผ้ ู้เข้าร่วมกิจกรรมฝกึ สมาธิและฝกึ การคดิ ปูองกันการลมื หนังสือ

กลุ่มเป้าหมาย
1. เด็ก (อายุ 3 – 12 ปี )
2. วยั ร่นุ (อายุ 13 – 18 ปี)
3. วยั ทาํ งาน (อายุ 19 – 59 ปี)
4. ผูส้ งู อายุ (อายุ 60 ปีขน้ึ ไป)

ระยะเวลาในการจัดกจิ กรรม
ใช้เวลาเล่นกิจกรรม 5 – 15 นาที ตามความสามารถของแต่ละบุคคล

26

สอื่ /วัสดุ/อุปกรณ์
1. กระดาษคาํ สั่ง

2.ซอง
3.กระเป๋าผ้า

ขนั้ ตอนการดาเนินงาน
ขน้ั การเตรยี ม
1.จัดทาํ ชดุ คาํ ส่ัง Book Market ช้อปปง้ิ หนงั สือ โดยกําหนดใหห้ าหนังสือในรถโมบาย

หอ้ งสมุดเคล่ือนท่ี

27

2.นาํ ชดุ คาํ ส่ังใส่ซอง ใส่กระเป๋าผา้ /ตะกรา้ สําหรับผู้รว่ มกิจกรรม รายบคุ คล/ทมี

ขน้ั จดั กจิ กรรม
1. ผจู้ ดั กจิ กรรมอธิบายวธิ กี ารร่วมกิจกรรม
2. ผจู้ ัดกจิ กรรมแจกกระเป๋าผา้ หรอื ตะกรา้ ใหผ้ ู้รว่ มกจิ กรรม
3. ร่วมกิจกรรมรบั กระเป๋าผ้า เปิดอ่านซองคําสั่ง และนําหนังสอื ที่หาได้ใสก่ ระเปา๋ ให้ครบตาม

คําสั่ง

4. ผรู้ ่วมกจิ กรรมท่หี าหนงั สือครบ คนแรก/ทมี แรก นํามาส่ง อ่านคาํ สง่ั ทีละข้อ และอ่านชอ่ื
หนังสือท่ีหาได้

28

5. ผ้รู ่วมกิจกรรม คนแรก/ทีมแรก ท่ีนาํ มาสง่ ถูกต้องตามคําสง่ั รับรางวัล

ประโยชนท์ ่ไี ดร้ ับจากการจัดกิจกรรมส่งเสริมการอา่ น และการเรยี นรู้

1. ผู้ร่วมกิจกรรมรบู้ ทบาทของห้องสมดุ และหน้าที่ของบรรณารักษ์
2. ผเู้ ข้าร่วมกิจกรรมใช้ห้องสมดุ เปน็
3. ได้รบั ความสนุกสนาน ผา่ นคลาย
4. ส่งเสรมิ นสิ ยั รกั การอา่ น

การประเมนิ ผล

1. สงั เกตพฤติกรรมการมีสว่ นรว่ ม
2. ประเมินความพึงพอใจ

ดาวนโ์ หลดเอกสาร

29

ใบงาน Book Market

คาช้แี จง 1. จากชดุ คาส่ัง ให้ผ้รู ว่ มกิจกรรม หาหนงั สือให้ครบ ตามชุดคาสง่ั ทีไ่ ด้รับ
2. บันทึกประโยชน์ท่ีไดร้ ับจากการร่วมกจิ กรรม

ชดุ คาสง่ั ท่ี 1 Book Market (ช้อปป้ิงหนงั สือ)
1. หนงั สอื ปลกู ผกั
2. หนังสอื นวนิยายแปล
3. หนงั สือนทิ านเก่ยี วกับสัตว์
4. หนงั สอื งานฝีมือ
5. หนังสอื ที่สนใจ......เพราะ....... (ตอบปากเปลา่ )

ชุดคาสั่งที่ 2 Book Market (ช้อปป้ิงหนงั สือ)
1. หนงั สือนทิ าน
2. หนงั สอื งานฝมี ือ
3. หนงั สือเกษตรกรรม
4. ชือ่ หนังสือ ปลกู บญุ ใหล้ กู ดี
5. หนงั สือที่สนใจ......เพราะ....... (ตอบปากเปลา่ )

ชุดคาสง่ั ท่ี 3 Book Market (ช้อปปิ้งหนังสือ)
1. หนงั สอื สมุนไพร
2. หนังสอื นวนยิ าย
3. หนงั สือชื่อผ้แู ตง่ วินทร์ เลียววารณิ
4. หนังสอื การต์ ูน
5. หนงั สอื ท่ีสนใจ......เพราะ....... (ตอบปากเปลา่ )

ชดุ คาสงั่ ท่ี 4 Book Market (ช้อปปิ้งหนังสือ)
1. หนังสอื ร่างกายมนษุ ย์
2. หนังสอื อาหาร
3. หนงั สือนวนิยาย
4. หนังสือนทิ าน
5. หนงั สอื ท่ีสนใจ......เพราะ....... (ตอบปากเปลา่ )

30

ชุดคาสงั่ ท่ี 5 Book Market (ช้อปปิ้งหนังสือ)
1. หนงั สอื กบนอกกะลา
2. หนังสือการดูแลสุขภาพ
3. หนงั สอื ปลกู ผัก
4. หนงั สือนทิ าน
5. หนังสือท่ีสนใจ......เพราะ....... (ตอบปากเปลา่ )

ชุดคาสั่งที่ 6 Book Market (ช้อปป้ิงหนังสือ)
1. หนังสอื งานฝมี ือ
2. หนงั สอื ธรรมะ
3. หนังสือนทิ าน
4. ช่อื หนงั สือ เขม็ ทศิ หัวใจ 2
5. หนงั สอื ทีส่ นใจ......เพราะ....... (ตอบปากเปลา่ )

แบบบันทกึ ประโยชนท์ ีไ่ ดร้ บั จากการรว่ มกจิ กรรม บันทกึ หลงั การรว่ มกจิ กรรม และส่งคนื

ประโยชน์ทไี่ ดร้ ับจากการร่วมกจิ กรรม…………………………………………………………..……………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………............................
…………………………………………………………………………………………………………………………………............................
…………………………………………………………………………………………………………………………………...........................
…………………………………………………………………………………………………………………………………...........................
…………………………………………………………………………………………………………………………………............................
…………………………………………………………………………………………………………………………………............................

31

แนวคิดการจัดกิจกรรม

เปน็ กจิ กรรมสง่ เสรมิ การอา่ นและการเรียนรู้ เพ่ือใหผ้ เู้ ข้าร่วมกิจกรรมไดร้ บั รู้ข่าวสารทีท่ ันสมยั ทนั
ต่อเหตกุ ารณ์ และยงั สามารถใช้ เป็นแนวทางในการสร้างอาชพี เสรมิ ได้

วตั ถปุ ระสงค์
1. เพอ่ื ให้ผ้เู ข้ารว่ มกิจกรรมใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
2. เพ่ือใหผ้ ้เู ข้ารว่ มกจิ กรรมเกิดนิสยั รักการอ่าน
3. เพ่ือให้ผู้เขา้ รว่ มกิจกรรมได้รับความรจู้ ากการอา่ นและสามารถนําไปพัฒนาคุณภาพชีวติ ได้

กลุ่มเปา้ หมาย

1. เดก็ (อายุ 3 – 11 ปี )
2. วยั รุ่น (อายุ 12 – 19 ปี)
3. วยั ทํางาน (อายุ 20 – 59 ปี)
4. ผสู้ งู อายุ (อายุ 60 ปขี นึ้ ไป)

ระยะเวลาในการจัดกิจกรรม
20 - 30 นาที

สอ่ื /วัสดุ/อปุ กรณ์
1. กระดาษ A4
2. เครอ่ื งปร้ินเตอร์
3. ใบความรู้
4. โทรศพั ทม์ ือถือ
5. แผน่ เคลอื บพลาสติกใส
6. แผน่ ต้งั อะคริลิคแนวต้งั A4
7. ชดุ อุปกรณ์สาธิตอาชีพ

32

ข้นั ตอนการดาเนินงาน
ขน้ั เตรยี ม
1. จดั หาขอ้ มูลทว่ั ไปและเลือกข้อมูลทใี่ ห้ความรู้และนา่ สนใจ
2. สรา้ ง สือ่ QR-Code หรอื สื่อ Infographic
ขั้นจดั กิจกรรม
1. เปิด Application Line ไปที่ more QR-Code
2. แตะไปท่ีไอคอน QR-Code จากน้นั ก็เรม่ิ สแกนไดเ้ ลย

ตวั อย่าง QR-Code

33

ประโยชน์ท่ีไดร้ บั จากการจดั กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน และการเรียนรู้

1. ผเู้ ขา้ ร่วมกจิ กรรมใช้เวลาว่างใหเ้ กิดประโยชน์
2. ผู้เข้าร่วมกจิ กรรมมนี สิ ยั รักการอา่ น
3. ผู้เขา้ รว่ มกจิ กรรมได้รับความรจู้ ากการอา่ นและสามารถนําไปพฒั นาคณุ ภาพชีวติ ได้

การประเมินผล

1. การสังเกตพฤติกรรม
2. ประเมินความพงึ พอใจ

ดาวน์โหลดเอกสาร

34

ใบงาน อา่ นเพ่ิมพลงั

1. ให้ผู้เข้าร่วมกจิ กรรมถา่ ยทอดความร้ทู ีไ่ ด้จากการอ่านผ่าน QR – code หรือ อ่านผา่ นสอื่ Infographic
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................... ...............................................
.................................................................................. ............................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................

2. ประโยชนท์ ไ่ี ด้รบั จากการร่วมกจิ กรรม
........................................................................................................................................................ ......................
............................................................................................................ ..................................................................
............................................................................................................................. .................................................
......................................................................................................................................... .....................................
............................................................................................. .................................................................................

3. ข้อคิดจากการอ่าน
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................................................................. .

35

แนวคิดการจดั กจิ กรรม
“Bling Bling Bling” เปน็ กจิ กรรมสง่ เสริมการอ่านและการเรยี นรูซ้ ึ่งเหมาะสมกับกลุ่มเปูาหมายทุก

ช่วงวยั ลักษณะกิจกรรมคือ ให้ผู้เขา้ รว่ มกจิ กรรมแตล่ ะคนรบั แผน่ ตารางบิงโก ผู้จดั กจิ กรรมให้ผูเ้ ข้าร่วม
กิจกรรมจับบตั รคาํ ขึ้นมาคนละ 1 ใบ แล้วอา่ นคาํ ทีจ่ ับได้ ถ้าใครวางหมากครบตามแนวนอน แนวตงั้ หรอื
แนวทแยงก่อน ถือเปน็ ผู้ชนะ เปน็ การฝกึ สมาธแิ ละสง่ เสริมการอา่ น

วตั ถุประสงค์
1. เพือ่ ให้ผเู้ ข้าร่วมกจิ กรรมฝึกสมาธแิ ละการจํา
2. เพือ่ ให้ผู้เข้าร่วมกจิ กรรมฝกึ ทักษะการอ่าน มนี สิ ยั รกั การอา่ น
3. เพ่ือใหผ้ ้เู ข้ารว่ มกิจกรรมได้รับความรู้ ข้อคิด และสามารถนําไปปรบั ใช้ในชีวติ ประจาํ วันได้

กลุม่ เปา้ หมาย
1. เดก็ (อายุ 3 – 11 ปี )
2. วัยรนุ่ (อายุ 12 – 19 ปี)
3. วัยทํางาน (อายุ 20 – 59 ปี)
4. ผ้สู ูงอายุ (อายุ 60 ปขี น้ึ ไป)

ระยะเวลาในการจดั กจิ กรรม
10 - 20 นาที

36

สอ่ื /วัสดุ/อปุ กรณ์
1. ตารางเกมบงิ โก
2. บตั รคาํ /กล่องหรือวสั ดสุ ําหรบั ใสบ่ ตั รคํา

3. ฝาขวดนํ้า

37

ขั้นตอนการดาเนินงาน
ขัน้ เตรียม
1. เตรยี มข้อมลู ความร้สู าระทตี่ ้องการนาํ เสนอสอดแทรกในเกมบิงโกแต่ละเร่ือง เช่น บงิ

โกสุภาษิต บิงโกอาชพี บิงโกคาํ ควบกลา้ํ บงิ โกภาษาองั กฤษ เปน็ ตน้
2. เตรียมอปุ กรณก์ ารเลน่ และสอ่ื ประกอบการอธิบายกติกาวธิ กี ารเลน่ บงิ โก

ขั้นจัดกจิ กรรม
1.ผ้จู ดั กิจกรรมอธบิ ายกตกิ าวธิ กี ารเลน่ บิงโก
2.สาธิตการเล่นบิงโก
3.ผู้เข้าร่วมกิจกรรมลงมือเล่นจริง

4.มอบของรางวลั แก่ผ้ชู นะเกมบิงโก

38

ประโยชนท์ ่ไี ด้รบั จากการจดั กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน และการเรียนรู้
1. ช่วยให้ผู้เขา้ ร่วมกจิ กรรมฝึกสมาธิและทักษะการอ่าน
2. ผูเ้ ขา้ รว่ มกิจกรรมได้รับความรู้ ข้อคิด และสามารถนําไปปรับใชใ้ นชวี ติ ประจําวนั ได้

การประเมินผล
1. การสงั เกตพฤติกรรม
2. ประเมินความพงึ พอใจ

ดาวนโ์ หลดเอกสาร

39

ใบงาน Bling Bling Bling

1.คําศพั ท์ที่ไดจ้ ากกจิ กรรมในหมวดอะไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………............................
…………………………………………………………………………………………………………………………………............................
…………………………………………………………………………………………………………………………………...........................
…………………………………………………………………………………………………………………………………...........................
…………………………………………………………………………………………………………………………………............................
…………………………………………………………………………………………………………………………………............................
2.การนําไปใชใ้ นชีวติ ประจําวัน
…………………………………………………………………………………………………………………………………............................
…………………………………………………………………………………………………………………………………............................
…………………………………………………………………………………………………………………………………...........................
…………………………………………………………………………………………………………………………………...........................
…………………………………………………………………………………………………………………………………............................
…………………………………………………………………………………………………………………………………............................

40

แนวคดิ การจดั กิจกรรม
กิจกรรม “Book buffet (อ่านไม่อั้น)” เป็นกิจกรรมส่งเสริมการอ่านผ่าน QR Code เพื่อให้

เข้าถึงข้อมูลที่ต้องการด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ ท้ังรูปแบบ เอกสาร รูปภาพ วีดิโอที่ได้รวบรวมข้อมูลองค์
ความรู้ไวใ้ นหมวดหมู่เดียวกนั เพ่อื ความสะดวกในการเขา้ ถึงและง่ายต่อการศึกษาค้นคว้า

วตั ถุประสงค์
1. เพ่อื ใหผ้ ูเ้ ข้ารว่ มกจิ กรรมรจู้ กั QR Code
2. เพอ่ื ให้ผ้เู ข้ารว่ มกิจกรรมสามารถร่วมกจิ กรรมโดยการใชเ้ ทคโนโลยไี ด้
3. เพอ่ื ใหผ้ ู้เข้ารว่ มกจิ กรรมมีทกั ษะการเข้าถึงข้อมูลด้วย QR Code

กลมุ่ เป้าหมาย
1. เด็ก (อายุ 3 – 12 ปี )
2. วยั รนุ่ (อายุ 13 – 18 ปี)
3. วยั ทาํ งาน (อายุ 19 – 59 ปี)
4. ผ้สู ูงอายุ (อายุ 60 ปขี น้ึ ไป)

ระยะเวลาในการจดั กิจกรรม
20 นาที

41

ส่อื /วัสด/ุ อปุ กรณ์
1. สญั ญาณ Internet

2. โทรศพั ท์สมาร์ตโฟน /แทบเล็ต

3. QR Code หมวดหมู่ เกม อักษร ตัวเลข วดี ิโอ
4. QR Code หมวดหมู่ อาชีพ สขุ ภาพ ภาษาองั กฤษ E-Book นวนยิ าย

42

ขัน้ ตอนการดาเนินงาน
ข้นั เตรียม
1.จดั ทํา QR Code เร่อื งทีน่ ่าสนใจ ครอบคลมุ และหลากหลาย ออกแบบสวยงาม จัดวางในมมุ ที่

สะดวกแกผ่ ูร้ ว่ มกิจกรรม

ขน้ั จดั กจิ กรรม
1.ผเู้ ข้าร่วมกิจกรรมนําโทรศพั ท์สมาร์ตโฟน /แทบเลต็ มาสแกนท่ี QR Code รว่ มกิจกรรม และ

อา่ นเรื่องที่สนใจ

2. ผเู้ ขา้ ร่วมกิจกรรมทีส่ แกนพบคําถาม ร่วมตอบคาํ ถาม และรบั ของรางวัล

43

ประโยชน์ทไ่ี ด้รบั จากการจัดกจิ กรรมสง่ เสริมการอา่ น และการเรยี นรู้

1. ผูเ้ ข้ารว่ มกจิ กรรมมนี สิ ัยรักการอา่ น
2. ผเู้ ขา้ รว่ มกจิ กรรมไดร้ ับความรจู้ ากการอา่ นและการเรยี นรู้สามารถนําไปพฒั นาคุณภาพชวี ติ ได้

การประเมินผล
1. การสงั เกตพฤติกรรม
2. ประเมินความพึงพอใจ
3. สอบถาม

ดาวน์โหลดเอกสาร

44

ใบงาน Book buffet (อา่ นไม่อัน้ )

คาชแี้ จง ให้ผรู้ ว่ มกิจกรรม นาํ โทรศัพทส์ มาร์ตโฟน /แทบเล็ต สแกนที่ QR Code อ่านเรื่องที่สนใจ และ
บนั ทกึ ลงใบงาน

1. เรือ่ งทอี่ า่ นผา่ น QR Code คือ...................................................................................................................
............................................................................................................. ..............................................................
............................................................................................................................. ..............................................
.................................................................................................................................................. .........................
2. ประโยค/ข้อความทีป่ ระทับใจ
............................................................................................................................. ..............................................
.......................................................... ...................................................................................................... ...........
............................................................................................................................. ..............................................
............................................................................................................................. ..............................................
3. ประโยชน์ทไ่ี ดร้ ับจากการร่วมกิจกรรม……………………………………………………………………………………..........
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………..............
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………..............
……………….……………………………………………………………………………………………………………………………..............

45

แนวคิดการจดั กจิ กรรม
กิจกรรม “บรรณ’ไร? ไหทองคํา” เปน็ การจดั กิจกรรมเพ่ือส่งเสรมิ ให้ผเู้ ขา้ รว่ มกจิ กรรมมีทกั ษะ

ทางด้านการอ่าน การคิด ความกลา้ แสดงออก ไดร้ บั ความสนกุ สนานเพลิดเพลนิ และความรู้

วตั ถุประสงค์
1. เพื่อให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมฝึกทักษะด้านการอา่ น การคิด ความกลา้ แสดงออก
2. เพื่อให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้รบั ความสนุกสนาน เพลดิ เพลิน และความรู้
3. เพอื่ ให้ผู้เข้าร่วมกจิ กรรมเกิดนสิ ยั รักการอ่าน

กลุม่ เปา้ หมาย
1. เดก็ (อายุ 6 – 12 ปี )
2. วัยรนุ่ (อายุ 12 – 18 ปี)
3. วยั ทาํ งาน (อายุ 18 – 60 ปี

ระยะเวลาในการจดั กิจกรรม
15 นาที

ส่ือ/วสั ดุ/อปุ กรณ์
1. พัดลม

46

2. ตาข่ายพลาสตกิ
3. ลกู โปงุ
4. เก้าอกี้ ลมไม้
5. หนังยาง

47


Click to View FlipBook Version