The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หลักสูตรสถานศึกษา ระดับประถมศึกษา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by rawa_30, 2021-12-07 11:14:40

หลักสูตรสถานศึกษา ระดับประถมศึกษา

หลักสูตรสถานศึกษา ระดับประถมศึกษา

หลักสตู รการศกึ ษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับ ประถมศกึ ษา ห น้ า | 28

3 การจัดการ 1. รู้ เขา้ ใจ ความหมาย 1. ความหมาย ความสำคญั หลกั การของการจัดการ 5
ความรู้ ความสำคญั ประโยชน์หลักการของการ ความรู้ 5
จัดการความรู้
2. รู้ เขา้ ใจกระบวนการจดั การความรู้ 2. กระบวนการจดั การความรู้ (กำหนดเปา้ หมายการ 10
เรียนรู้/ระบคุ วามร้/ู กำหนดความรทู้ ่ตี ้องการใช้/การ
3. สามารถใช้การจดั การความรู้เปน็ แสวงหาความรู้/ สรปุ องค์ความรู้ ปรบั ปรงุ ดัดแปลง
ใหเ้ หมาะสมต่อการใช้งาน/ ประยุกตใ์ ชค้ วามรู้ใน
เครอื่ งมือในการเรยี นร้ดู ้วยตนเอง กิจการงานของตน/แลกเปลี่ยนความร/ู้ รวมกลุ่ม
ปฏิบตั กิ ารต่อยอดความรู้ พัฒนาขอบข่ายความรขู้ อง
4. สามารถจดั การความรู้โดยกระบวนการ กลุม่ / สรุปองคค์ วามรขู้ องกลุ่ม/จัดทำสารสนเทศ
เผยแพรค่ วามร)ู้
กลุม่ 3. กระบวนการจัดการความรูด้ ว้ ยตนเอง (ระดบั
ปจั เจก)
5. สามารถสร้าง พฒั นาความรู้ (นวตั กรรม) 3.1 กำหนดความรหู้ ลกั ท่ีจำเปน็ หรือสำคญั ตอ่ งาน
หรือกิจกรรม
6. สามารถใช้สารสนเทศเป็นเครอ่ื งมอื ใน 3.2 เสาะแสวงหาความรู้
3.3 ประยุกต์ใชค้ วามรู้
การเผยแพร่ องค์ความรู้ 3.4 แลกเปลยี่ นความรู้
3.5 พฒั นาความร/ู้ ยกระดับความรู้/ตอ่ ยอดความรู้
3.6 สรุปองคค์ วามรู้
3.7 จดั ทำสารสนเทศองคค์ วามรู้ในการพฒั นาตนเอง

กระบวนการจัดการความรดู้ ว้ ยการปฏบิ ตั ิการกลุ่ม 10
(ชุมชนนกั ปฏบิ ัตหิ รือชมุ ชนแห่งการ
เรียนรู้ :COPS)
1. รปู แบบของ COPS ทีใ่ ชใ้ นการจัดการความรู้

2. การทำ COPS เพอ่ื จดั การความรู้

2.1 บนั ทกึ การเลา่ เรอ่ื ง

2.2 บนั ทกึ ขุมความรู้

2.3 บนั ทกึ แกน่ ความรู้

3. บนั ทกึ จัดเกบ็ เปน็ องคค์ วามรขู้ องกลมุ่ เพื่อใช้

ประโยชนใ์ ห้ผูอ้ ื่นไดเ้ รียนรตู้ ่อไป

ท่ี หัวเรอ่ื ง ตัวชีว้ ัด เน้ือหา จำนวน
(ชั่วโมง)
การสร้างองค์ความรู้ พัฒนา ต่อยอด ยกระดบั
ความรู้ 5

ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อำเภอสวรรคโลก

หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดับการศกึ ษาข้นั พนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับ ประถมศกึ ษา ห น้ า | 29

4 การคดิ เป็น 1. เขา้ ใจและเชอ่ื มั่นในความเช่อื พืน้ ฐาน 1. การใช้ความรแู้ ละประสบการณ์ในตวั บุคคลให้เกิด 5
ทางการศกึ ษาผใู้ หญ/่ การศกึ ษานอกระบบที่ ประโยชนต์ ่อกลุ่ม/หนว่ ยงาน/ชุมชน
ที่ หวั เรอ่ื ง เป็นพน้ื ฐานเบ้อื งต้นของการเขา้ ถึงปรัชญา 2. การทำงานแบบต่อยอดความรู้ 15
4 การคดิ เป็น คดิ เปน็ 3. วธิ ปี ฏบิ ตั ทิ เ่ี ปน็ เลิศ (Best Practice)
2. รู้และเขา้ ใจปรชั ญา คดิ เป็น สามารถ การจดั ทำสารสนเทศเผยแพร่ 10
(ต่อ) อธบิ าย ได้ถงึ ความหมายและความสำคญั องคค์ วามรู้ จำนวน
ของการคดิ เป็นท่ีเชอื่ มโยงจากความเชื่อ 1. การถา่ ยทอดความรู้ รปู แบบ วิธีการ (ชั่วโมง)
พน้ื ฐานทางการศกึ ษาผู้ใหญ่และการศกึ ษา 2. การประสานความรู้
นอกระบบ/การศึกษาตามอัธยาศยั 3. การถอดองคค์ วามรู้ 10
3. เขยี นผังกระบวนการคิดแกป้ ัญหา ตาม 4. การแลกเปลย่ี นเรียนรู้
แนวทางของ คนคิดเปน็ 5. การจัดเก็บความรขู้ องกลมุ่ /องคก์ รการสรา้ งคลงั
4. อธิบายเสนอแนวทางการแกป้ ญั หาตาม ความรู้ การประยุกต์ใช้ ICT
กระบวนการคิดเป็นจากกรณตี ัวอย่างที่ 1. ความเช่ือพืน้ ฐานทางการศึกษาผู้ใหญ่/การศึกษา
กำหนดได้อย่างมขี อ้ มูลเพียงพอ นอกระบบ 5 ประการ
5. ทำแบบฝึกหัดการแก้ปญั หาดา้ น 1.1 คนทกุ คนมีความแตกต่างกนั แตท่ กุ คนตอ้ งการ
กระบวนการคดิ เปน็ ท่ีกำหนดให้ได้คล่อง ความสขุ ความสขุ ของแต่ละคนจึงแตกต่างกัน
1.2 ความสุขของคนจะเกดิ ข้นึ ก็ต่อเมื่อมีการปรับตัว
ตัวช้ีวดั เองและสิ่งแวดล้อมให้เขา้ หากนั อยา่ งผสมกลมกลืน
จนเกดิ ความพอดี
1.3 สภาวะแวดล้อมในสงั คมเปล่ยี นแปลงอยู่
ตลอดเวลา จึงทำใหเ้ กดิ ปญั หา เกดิ ความทกุ ข์ ความ
ไม่สบายกาย ไมส่ บายใจอยตู่ ลอด
1.4 เมอ่ื เกิดปญั หาหรือเกิดทกุ ขก์ ็ต้องหาวธิ แี กป้ ญั หา
ซง่ึ การแกป้ ัญหาท่เี หมาะสมตอ้ งมีขอ้ มูลประกอบการ
คิด การตดั สนิ ใจ อย่างนอ้ ย 3 ประการ คือ ข้อมูล
ด้านวชิ าการ ขอ้ มูลดา้ นตนเอง ขอ้ มูลด้านสงั คม
สง่ิ แวดลอ้ ม
1.5 เมื่อไดใ้ ชว้ ธิ ีแกป้ ญั หาด้วยการวเิ คราะหข์ ้อมูล
และไตร่ตรองข้อมลู อย่างรอบคอบ ทง้ั 3 ด้าน จนมี
ความพอใจแล้วกพ็ รอ้ มท่ีจะรับผิดชอบการตัดสนิ ใจที่
เกิดความพอดี ความสมดุลระหวา่ งชวี ติ กบั ธรรมชาติ
อยา่ งสันตสิ ขุ
2. ปรัชญาคิดเปน็

2.1 ความหมาย 2.2 ความสำคญั 2.3 คำท่ี
เก่ียวขอ้ ง

เนื้อหา

2.4 การเชื่อมโยงความเชอ่ื พ้นื ฐานทางการศึกษา
ผู้ใหญ่/การศกึ ษานอกระบบ กับปรชั ญาคดิ เป็น

ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อำเภอสวรรคโลก

หลักสตู รการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 ระดบั ประถมศกึ ษา ห น้ า | 30

5 การวจิ ัย 1. รู้เขา้ ใจความหมายและตระหนกั ถงึ 3. กระบวนการและข้นั ตอนการแก้ปัญหาอย่างคน 5
อยา่ งงา่ ย ความสำคญั ของการวจิ ัย คิดเปน็ 2
2. วิเคราะหแ์ ละกำหนดปญั หาหรือสิ่งท่ี 3.1 ทุกข/์ ปญั หาทปี่ รากฏ 30
ที่ หวั เรื่อง อยากรู/้ 3.2 ศึกษาสาเหตุของทกุ ข์ ปัญหา โดยการ
ตอ้ งการทราบคำตอบ วิเคราะห์ข้อมลู ทเี่ ก่ียวขอ้ ง ท้งั ขอ้ มลู วิชาการ ขอ้ มลู จำนวน
3. ร้เู ขา้ ใจกระบวนการและขั้นตอนการวจิ ยั ตนเอง และขอ้ มูลทางสังคม สิ่งแวดลอ้ ม ใหร้ ู้ (ชว่ั โมง)
ลักษณะเบ้อื งตน้ ของข้อมลู ทงั้ 3 ประการ และ
ตัวชีว้ ัด เปรยี บเทยี บความแตกตา่ งของข้อมลู ต่าง ๆ อยา่ ง 8
ง่าย ๆ ได้
3.3 กำหนดทางเลอื กในการดบั ทกุ ข์/ปญั หา และ
เลือกแนวทางท่เี หมาะสม
3.4 ดำเนนิ การแก้ปัญหาเพ่อื การดบั ทกุ ข์
3.5 ประเมนิ ผลการดำเนินงาน หากมผี ลเปน็ ท่ี
พอใจก็จะเกิดสนั ตสิ ุข ถา้ ยัง ไมพ่ อใจก็จะ
ย้อนกลบั ไปพจิ ารณาสาเหตุทกุ ขห์ รอื ปญั หาใหม่
และแสวงหาขอ้ มูลเพ่ิมเตมิ อยา่ งพอเพียงจนพอใจ
กบั การตดั สินใจของตนเอง
4. กรณีตวั อยา่ งท่หี ลากหลายเพื่อฝึกทักษะการคดิ
เป็นด้วยกระบวนการแกป้ ญั หาอย่างคนคิดเป็น
1. วจิ ยั คอื อะไร ทำไมตอ้ งรเู้ รือ่ งการวจิ ัย
(ความหมายและความสำคัญของการวิจัย)
1.1 ความหมายของการวจิ ยั
1.2 ความสำคญั และประโยชนข์ องการวจิ ัย
2. ทำวจิ ยั อย่างไร
(กระบวนการและข้ันตอนการวจิ ัย)
2.1 คำถามที่ตอ้ งการคำตอบคืออะไร
ปญั หาทต่ี อ้ งการทราบจากการวจิ ยั คืออะไร (การ
ระบปุ ัญหาการวจิ ยั )
2.2 คาดเดาคำตอบวา่ อย่างไร
กำหนดแนวคำตอบเบ้ืองต้น (สมมติฐาน)
2.3 วธิ กี ารหาคำตอบทต่ี ้องการร/ู้ แหลง่ คำตอบ/
การรวบรวมคำตอบ
(การเก็บรวบรวมข้อมลู /เครื่องมอื การวจิ ยั )
2.4 ตอบคำถามที่สงสัยวา่ อยา่ งไร
(การวเิ คราะหข์ อ้ มูล/สรปุ ผลการวจิ ยั

เน้ือหา

4. ฝกึ ปฏบิ ัติการสงั เกตปัญหา การระบุ 3. เขียนอย่างไร ใหค้ นอ่านเขา้ ใจ (การเขียน
ปญั หา การตงั้ สมมตฐิ าน การเก็บรวบรวม รายงานการวิจัยอยา่ งง่าย)

ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอสวรรคโลก

หลกั สูตรการศกึ ษานอกระบบระดบั การศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ระดับ ประถมศึกษา ห น้ า | 31

ขอ้ มลู การสรุปขอ้ มลู และการเขียนรายงาน 3.1 ความเป็นมา/ความสำคญั ของเรื่องท่ที ำวิจัย
การวิจยั อย่างงา่ ย 3.2 วัตถุประสงคก์ ารวจิ ัย
3.3 ประโยชนท์ ี่ไดร้ ับจากการวจิ ยั
3.4 เอกสารที่เก่ยี วขอ้ ง
3.5 วิธีดำเนินการวิจัย
3.6 การวเิ คราะห์ขอ้ มูล
3.7 สรปุ ผลและข้อเสนอแนะ
3.8 เอกสารอ้างองิ

คำอธิบายรายวิชา ทร02002 เทคนิคการแกป้ ัญหา จำนวน 1 หน่วยกติ
ระดบั ประถมศกึ ษา

มาตรฐานที่ 1.1 มีความรคู้ วามเข้าใจ ทกั ษะ และเจตคตทิ ่ีดีต่อการเรียนรดู้ ว้ ยตนเอง

ศกึ ษาและฝึกทักษะเก่ยี วกับเรือ่ งต่อไปนี้
ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อำเภอสวรรคโลก

หลกั สูตรการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 ระดบั ประถมศกึ ษา ห น้ า | 32

ความหมายของปัญหา สาเหตขุ องปัญหา ขั้นตอนและวธิ กี ารการแกป้ ญั หา ทศั นคติท่ีดีในการแกป้ ญั หา การค้นหา
ปัญหา การยอมรับปญั หา การกำหนดปญั หา การวางแผนการแก้ปญั หา การหาข้อมูล การวเิ คราะหข์ อ้ มลู เพอื่ หาต้นตอ
สาเหตแุ ละกำหนดขอ้ สมมติฐาน การแก้ปัญหาอย่างเปน็ ระบบ การระดมสมองเพ่ือสรา้ งทางเลอื ก การตัดสนิ ใจ การกลา้ ลง

มอื แกไ้ ขและการบริหารการเปลย่ี นแปลง ตดิ ตามผล และปรับปรุงแก้ไข การปอ้ งกนั ปญั หา
ฝึกทักษะการแก้ปญั หา และการปฏิบัตกิ ารแก้ปัญหาจากกรณศี กึ ษาหรอื ประเด็นทกี่ ำหนด

การจัดประสบการณก์ ารเรียนรู้
ควรจัดในลักษณะของการบูรณาการทักษะต่าง ๆ ไปพร้อมกับการสร้างสถานการณ์ในการเรียนรู้อย่างสรา้ งสรรค์

เพอื่ ฝกึ ใหผ้ ูเ้ รยี นได้กำหนดปัญหา การวางแผนการแกป้ ัญหา และมีเจตคติทด่ี ีต่อการเรียนรูด้ ว้ ยตนเองท่ีทำใหก้ ารเรยี นรู้ด้วย
ตนเองประสบความสำเรจ็ และนำความรู้ไปใชใ้ นวิถชี วี ติ ใหเ้ หมาะสมกับตนเอง และชมุ ชน สงั คม

การวัดและประเมนิ ผล
ใชก้ ารประเมนิ จากสภาพจริงของผู้เรียนท่ีแสดงออกเกีย่ วกบั การใช้เทคนิคในการแก้ไขปัญหา และความสามารถใน

การแกไ้ ขปญั หาจากกรณีศึกษาหรอื ประเดน็ ปัญหาทีก่ ำหนด

ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อำเภอสวรรคโลก

หลักสตู รการศึกษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 ระดบั ประถมศกึ ษา ห9 น้ า | 33

รายละเอยี ดคำอธบิ ายรายวชิ า ทร02002 เทคนคิ การแกป้ ญั หา จำนวน 1 หน่วยกิต
ระดับประถมศกึ ษา

มาตรฐานที่ 1.1 มีความรคู้ วามเข้าใจ ทกั ษะ และเจตคติท่ีดีต่อการเรียนรูด้ ้วยตนเอง

ที่ หวั เรื่อง ตวั ช้วี ัด เนื้อหา จำนวน
(ช่วั โมง)
2 เทคนิค 1. รเู้ ขา้ ใจสาเหตุของการเกิดปญั หา 1. ความหมายของปัญหา
40

การแกป้ ัญหา 2. บอกหรอื อธิบาย 2. สาเหตุของปัญหา

ขั้นตอนการแกไ้ ขปญั หาได้ 3. ข้ันตอนและวิธกี ารการแกป้ ญั หา

3. รูจ้ ักเลือกใชเ้ ทคนิคในการแก้ไข (1) ทศั นคติทีด่ ีในการแก้ปัญหา

ปัญหา (2) การค้นหาปญั หา

4. ตระหนกั หรอื เหน็ ความสำคญั (3) การยอมรับปญั หา

ของเทคนคิ การแกไ้ ขปญั หา (4) การกำหนดปัญหา

5. สามารถแก้ไขปญั หาจาก (5) การวางแผนการแกป้ ัญหา

กรณีศึกษาหรอื ประเด็นปัญหา (6) การหาขอ้ มลู

ที่กำหนดได้ (7) การวิเคราะห์ข้อมลู เพอื่ หาตน้ ตอสาเหตแุ ละ

กำหนดข้อสมมตฐิ าน

(8) การแก้ปญั หาอย่างระบบ

(9) การระดมสมองเพอ่ื สรา้ งทางเลือก

(10) การตดั สนิ ใจ

(11) การกล้า ลงมอื แกไ้ ขและการบริหารการ

เปลย่ี นแปลง

(12) ติดตามผล และปรับปรงุ แกไ้ ข

(13) การปอ้ งกันปญั หา

- ฝกึ ทักษะการแกป้ ญั หา

4. การปฏิบตั ิการแก้ปญั หาจากกรณีศึกษาหรือประเดน็

ท่ีกำหนด

คำอธบิ ายรายวิชา ทร02003 ทักษะการตัดสินใจ จำนวน 1 หนว่ ยกิต
ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อำเภอสวรรคโลก

หลกั สูตรการศกึ ษานอกระบบระดับการศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ระดบั ประถมศึกษา ห น้ า | 34

ระดับประถมศกึ ษา

มาตรฐานท่ี 1.1 มีความรูค้ วามเขา้ ใจ ทกั ษะ และเจตคติที่ดีต่อการเรยี นร้ดู ้วยตนเอง

ศกึ ษาและฝกึ ทกั ษะเก่ียวกับเรอื่ งต่อไปนี้
ความหมาย ความสำคญั ของทกั ษะการตดั สินใจ องค์ประกอบของการตัดสินใจ กระบวนการและขน้ั ตอนการ

ตดั สนิ ใจ ปญั หาอปุ สรรคทมี่ ีตอ่ การตัดสนิ ใจ การสรา้ งความเชอ่ื มั่นในตนเองเพือ่ สรา้ งทกั ษะการตดั สนิ ใจ และการฝึกทักษะ

การตดั สนิ ใจ

การจดั ประสบการณ์การเรียนรู้
ควรจัดในลกั ษณะของการบรู ณาการทักษะตา่ ง ๆ ไปพรอ้ มกับการสรา้ งสถานการณใ์ นการเรียนรูอ้ ย่างสร้างสรรค์

เพอ่ื ฝึกใหผ้ เู้ รียนได้ฝกึ กระบวนการและขัน้ ตอนการตดั สินใจ และมเี จตคติ ทีด่ ีต่อการเรยี นรดู้ ว้ ยตนเองทีท่ ำให้การเรยี นรู้ด้วย

ตนเองประสบความสำเรจ็ และนำความรูไ้ ปใชใ้ นวถิ ชี วี ิตให้เหมาะสมกบั ตนเอง และชมุ ชน สังคม

การวัดและประเมินผล

ใช้การประเมนิ จากสภาพจรงิ ของผ้เู รียนที่แสดงออกเกีย่ วกับกระบวนการและข้ันตอนการตัดสนิ ใจทักษะการคิด

ตดั สินใจในการแกไ้ ขปญั หาของตนเอง 11

รายละเอยี ดคำอธิบายรายวชิ า ทร02003 ทกั ษะการตดั สนิ ใจ จำนวน 1 หน่วยกิต
ระดบั ประถมศกึ ษา

มาตรฐานที่ 1.1 มีความรคู้ วามเขา้ ใจ ทกั ษะ และเจตคตทิ ่ีดตี อ่ การเรียนรดู้ ้วยตนเอง

ที่ หวั เรอ่ื ง ตัวช้ีวดั เนอื้ หา จำนวน
3 ทักษะการตดั สินใจ (ชั่วโมง)
1. ตระหนกั และเห็น 1. ความหมาย ความสำคญั ของทักษะการ
ความสำคญั ของการมีทักษะการตัดสินใจ ตดั สนิ ใจ 40
2. รู้เขา้ ใจและบอกขนั้ ตอนเกี่ยวกบั 2. องค์ประกอบของการตดั สนิ ใจ
องคป์ ระกอบและกระบวนการตัดสนิ ใจ 3. กระบวนการและขนั้ ตอนการตัดสนิ ใจ
3. บอกหรอื อธิบายปญั หาและอุปสรรคท่ีมี 4. ปญั หาอปุ สรรคทีม่ ตี อ่ การตดั สนิ ใจ
ตอ่ การตัดสินใจ 5. การสรา้ งความเชอ่ื มั่นในตนเอง เพ่อื
4. สามารถใชท้ กั ษะการคิด ตัดสินใจในการ สรา้ งทักษะการตดั สินใจ
แกไ้ ขปัญหาของตนเองได้ 6. การฝกึ ทกั ษะการตัดสนิ ใจ

คำอธบิ ายรายวิชา ทร02004 ทกั ษะการคิด จำนวน 1 หนว่ ยกติ
ระดบั ประถมศึกษา

ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอำเภอสวรรคโลก

หลักสตู รการศึกษานอกระบบระดับการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551 ระดับ ประถมศกึ ษา ห น้ า | 35

มาตรฐานท่ี 1.1 มีความรู้ความเขา้ ใจ ทักษะ และเจตคติท่ีดีตอ่ การเรียนร้ดู ว้ ยตนเอง
ศึกษาและฝึกทักษะเก่ียวกับเร่อื งตอ่ ไปนี้

ความหมาย ความสำคญั ของความคดิ สรา้ งสรรค์ วิธกี ารคดิ (คดิ สรา้ งสรรค์ คิดมงุ่ อนาคต คิดอย่างมีวจิ ารณญาณ คดิ
เชิงบวก คดิ 6 ดา้ น ปญั หาอปุ สรรคตอ่ การคิด การสร้างและการฝกึ พฒั นาทกั ษะการคดิ สร้างสรรค์ ฝึกปฏบิ ตั กิ ารพฒั นา
ทกั ษะการคิดแบบตา่ ง ๆ ใหก้ ับตนเอง (การฝึกสมาธิ การสร้างจติ ใจใหม้ ีความสขุ การขจดั ความเครยี ด) การคิด มติ ิของ “การ
คิด” 6 ด้าน (มิติดา้ นขอ้ มลู หรือเนื้อหา ทใี่ ช้ในการคดิ มิตดิ ้านคณุ สมบัติที่เอือ้ อำนวยต่อการคดิ มิติดา้ นทักษะการคิด มิตดิ า้ น
ลักษณะการคดิ มิติด้านกระบวนการคดิ และมิตดิ า้ นการควบคมุ และประเมินการคิดของตน)

การจดั ประสบการณ์การเรียนรู้
ควรจัดในลกั ษณะของการบูรณาการทกั ษะตา่ ง ๆ ไปพร้อมกับการสรา้ งสถานการณ์ในการเรยี นรู้อย่างสร้างสรรค์

เพือ่ ฝกึ ให้ผ้เู รยี นไดฝ้ ึกกระบวนการคดิ และมเี จตคติท่ีดตี ่อการเรยี นรูด้ ้วยตนเองท่ที ำให้การเรียนรู้ดว้ ยตนเองประสบ
ความสำเร็จ และนำความรู้ไปใช้ในวิถีชวี ติ ใหเ้ หมาะสมกับตนเอง และชมุ ชน สงั คม

การวัดและประเมินผล
ใชก้ ารประเมนิ จากสภาพจริงของผูเ้ รียนทแ่ี สดงออกเกีย่ วกับกระบวนการคดิ สรา้ งสรรค์

ในการแก้ปญั หา ความสามารถในการแสดงผลงาน และการคิดสรา้ งสรรค์ในการพัฒนาตนเอง

ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อำเภอสวรรคโลก

หลักสตู รการศกึ ษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 ระดับ ประถมศึกษา ห13น้ า | 36

รายละเอียดคำอธบิ ายรายวิชา ทร02004 ทักษะการคิด จำนวน 1 หน่วยกิต
ระดับประถมศึกษา

มาตรฐานที่ 1.1 มีความรคู้ วามเข้าใจ ทกั ษะ และเจตคติท่ีดีตอ่ การเรียนร้ดู ว้ ยตนเอง

ท่ี หัวเรอ่ื ง ตวั ชวี้ ัด เนือ้ หา จำนวน
4 ทักษะการคดิ (ช่ัวโมง)
1. ตระหนกั และเห็นความสำคัญของ 1. ความหมาย ความสำคญั ความคดิ สรา้ งสรรค์
การคิด 2. วธิ ีการคดิ (คิดสร้างสรรค์คิดมุง่ อนาคต คิด 40
2. รแู้ ละเขา้ ใจวธิ ีการคิดแบบตา่ ง ๆ อย่างมีวจิ ารณญาณ คดิ เชงิ บวกคิด 6 ด้าน)
3. บอกหรืออธิบายความคิดสรา้ งสรรค์ 3. ปัญหาอุปสรรคตอ่ การคิด
ในการแกป้ ัญหา 4. การสร้างและการฝกึ พัฒนาทักษะการคิด
4. สามารถแสดงผลงานการคิด สร้างสรรค์
สร้างสรรคใ์ นการพฒั นาตนเอง 5. ฝกึ ปฏบิ ตั กิ ารพัฒนาทกั ษะการคดิ แบบตา่ ง ๆ
ให้กบั ตนเอง (การฝึกสมาธิ การสรา้ งจติ ใจให้มี
ความสขุ การขจดั ความเครยี ด) การคดิ
6. มิติของ “การคิด” 6 ดา้ น

6.1 มิตดิ า้ นข้อมูลหรอื เนือ้ หา ทใ่ี ช้ในการคิด
6.2 มติ ดิ ้านคณุ สมบตั ิที่
เอ้ืออำนวยต่อการคิด
6.3 มติ ิดา้ นทักษะการคิด
6.4 มิตดิ ้านลกั ษณะการคดิ
6.5 มิติด้านกระบวนการคิด
6.6 มติ ดิ า้ นการควบคุมและประเมินการคิดของ
ตน

คำอธบิ ายรายวิชา ทร02005 การร้จู ักตนเอง จำนวน 1 หน่วยกิต
ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อำเภอสวรรคโลก

หลักสตู รการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551 ระดบั ประถมศึกษา ห น้ า | 37

ระดับประถมศึกษา
มาตรฐานที่ 1.1 มีความรูค้ วามเขา้ ใจ ทกั ษะ และเจตคติท่ีดีตอ่ การเรียนรดู้ ้วยตนเอง

ศกึ ษาและฝึกทกั ษะเกี่ยวกับเรือ่ งต่อไปนี้
ความสำคญั ของการรูจ้ ักตนเองเพือ่ พัฒนาการเรียนรู้ วิธีการค้นหาตนเอง (แบบทดสอบความถนดั การแนะแนว การ

พูดคยุ การประเมินตนเอง ฯลฯ รูปแบบการเรยี นรดู้ ว้ ยตนเองแบบ ต่าง ๆ ความหมาย ความสำคญั ของการวางแผนการ

เรียนรแู้ ละประโยชน์ของการวางแผนการเรียนรู้ องค์ประกอบของการวางแผนการเรียนรู้ วิธีการและกระบวนการวางแผนการ

เรียนรู้ ปฏิบัติการวางแผนการเรียนรู้รายบุคคลและรายกล่มุ

การจัดประสบการณ์การเรยี นรู้
ควรจัดในลกั ษณะของการบรู ณาการทักษะตา่ ง ๆ ไปพรอ้ มกบั การสร้างสถานการณ์ในการเรยี นรู้อยา่ งสรา้ งสรรค์

เพอื่ ฝึกใหผ้ ู้เรียนได้ฝกึ วิธกี ารค้นหาตนเอง ออกแบบและวางแผนการเรียนร้ทู ่เี หมาะสมกับตนเอง และมเี จตคตทิ ดี่ ีต่อการ

เรียนรู้ดว้ ยตนเองทท่ี ำให้การเรียนรู้ดว้ ยตนเองประสบความสำเร็จ และนำความร้ไู ปใชใ้ นวถิ ีชีวิตใหเ้ หมาะสมกบั ตนเอง และ

ชมุ ชน สังคม

การวดั และประเมินผล
ใชก้ ารประเมนิ จากสภาพจริงของผเู้ รียนทีแ่ สดงออกเกี่ยวกบั ความสามารถในการออกแบบและวางแผนการเรียนร้ทู ี่

เหมาะสมกับตนเอง 15

รายละเอยี ดคำอธิบายรายวิชา ทร02005 การร้จู กั ตนเอง จำนวน 1 หน่วยกิต
ระดบั ประถมศกึ ษา

มาตรฐานท่ี 1.1 มีความรคู้ วามเข้าใจ ทักษะ และเจตคติที่ดตี อ่ การเรียนรู้ดว้ ยตนเอง

ท่ี หัวเรอ่ื ง ตวั ชีว้ ัด เน้ือหา จำนวน
(ช่วั โมง)
5 การรจู้ ักตนเอง 1. เขา้ ใจความสำคญั ของการร้จู กั ตนเอง 1. ความสำคญั ของการรู้จักตนเองเพื่อพัฒนาการ
40

2. สามารถคน้ หารปู แบบการเรยี นรู้ที่ เรียนรู้

เหมาะสมกับตนเอง 2. วิธกี ารคน้ หาตนเอง (แบบทดสอบความถนดั

3. สามารถออกแบบและวางแผนการเรียนรทู้ ี่ การแนะแนว การพูดคุย การประเมนิ ตนเอง ฯลฯ)

เหมาะสมกับตนเอง 3. รูปแบบการเรยี นร้ดู ้วยตนเองแบบต่าง ๆ

4. ตระหนกั และเห็นความสำคญั ของการวาง 4. ความหมายความสำคญั ของการวางแผนการ

แผนการเรยี นรู้ เรียนรู้และประโยชนข์ องการวางแผนการเรียนรู้

5. ร้แู ละเขา้ ใจเกี่ยวกับองคป์ ระกอบของการ 5. องคป์ ระกอบของการวางแผนการเรียนรู้

วางแผนการเรยี นรู้ 6. วิธีการและกระบวนการวางแผนการเรยี นรู้

6. อธบิ ายและบอกกระบวนการวางแผน 7. ปฏบิ ตั กิ ารวางแผนการเรยี นรู้

การเรียนรู้ 7.1 รายบุคคล

7. สามารถวางแผนการเรยี นของตนเองได้ 7.2 รายกลุ่ม

คำอธิบายรายวิชา ทร02010 แผนพัฒนาความคิด (Mind Map) จำนวน 1 หนว่ ยกติ

ระดบั ประถมศกึ ษา

ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอำเภอสวรรคโลก

หลกั สตู รการศึกษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 ระดับ ประถมศึกษา ห น้ า | 38

มาตรฐานท่ี 1.1 มีความรูค้ วามเข้าใจ ทกั ษะ และเจตคตทิ ่ีดตี ่อการเรยี นรดู้ ้วยตนเอง

ศึกษาและฝกึ ทักษะเกย่ี วกับเรื่องต่อไปน้ี
ความหมาย ความสำคัญและประโยชน์ของการทำแผนพฒั นาความคิด (Mind Map) กระบวนการสร้างแผนพฒั นา

ความคิด (Mind Map) ลักษณะการเขียนแผนพัฒนาความคดิ (Mind Map) ตวั อย่าง ฝกึ ปฏบิ ัติ การเขยี นแผนพฒั นาความคิด

(Mind Map) ข้ันตอนการสรา้ งแผนพัฒนาความคิด (Mind Map) ฝกึ ปฏบิ ตั ิการสรา้ งแผนพัฒนาความคิด (Mind Map)

การจัดประสบการณ์การเรยี นรู้
ควรจดั ในลกั ษณะของการบูรณาการทักษะตา่ ง ๆ ไปพรอ้ มกับการสรา้ งสถานการณใ์ นการเรียนรอู้ ยา่ งสรา้ งสรรค์

เพอื่ ฝึกใหผ้ ู้เรยี นไดฝ้ กึ จัดทำแผนพัฒนาความคิด (Mind Map) และมีเจตคติ ท่ดี ีต่อการเรียนรู้ด้วยตนเองทที่ ำให้การเรียนรู้

ด้วยตนเองประสบความสำเร็จ และนำความร้ไู ปใช้ในวถิ ชี ีวิตให้เหมาะสมกับตนเอง และชุมชน สังคม

การวัดและประเมินผล
ใช้การประเมนิ จากสภาพจรงิ ของผเู้ รียนทแี่ สดงออกเกยี่ วกับการแผนพัฒนาความคิด (Mind Map)

รายละเอียดคำอธิบายรายวิชา ทร02010 แผนพัฒนาความคิด (Mind Map) จำนวน 1 หน่วยกิต
ระดบั ประถมศึกษา

มาตรฐานที่ 1.1 มีความรู้ความเข้าใจ ทักษะ และเจตคติท่ีดตี ่อการเรียนรูด้ ้วยตนเอง

ท่ี หัวเรอื่ ง ตัวชวี้ ดั เน้อื หา จำนวน
(ชั่วโมง)
10 แผนพัฒนา 1. ตระหนกั และเห็นความสำคัญของการทำ 1. ความหมาย ความสำคัญและประโยชนข์ องการทำ
ความคดิ 40
(Mind Map)
แผนพัฒนาความคดิ (Mind Map) แผนพัฒนาความคดิ (Mind Map)

2. ร้เู ขา้ ใจเกยี่ วกบั กระบวนการสรา้ ง 2. กระบวนการสรา้ งแผนพฒั นาความคิด (Mind Map)

แผนพัฒนาความคิด (Mind Map) 3. ลกั ษณะการเขยี นแผนพัฒนาความคดิ (Mind Map)

3. บอกลักษณะของแผนพฒั นาความคิด 4. ตวั อยา่ งแผนพัฒนาความคิด (Mind Map)

(Mind Map) 5. ฝึกปฏิบัติการเขยี นแผนพฒั นาความคดิ (Mind

4. สามารถสรา้ งแผนพฒั นาความคดิ Map)

(Mind Map) จากประเดน็ ท่ีกำหนดได้ 6. ขน้ั ตอนการสร้างแผนพัฒนาความคดิ (Mind Map)

5. รู้จกั ใช้แผนพฒั นาความคิด (Mind Map) 7. ฝกึ ปฏบิ ัติการสรา้ งแผนพฒั นาความคิด (Mind

ในการพฒั นาการเรียนร้ขู องตนเอง Map)

คำอธิบายรายวชิ า ทร02015 แฟม้ สะสมงาน จำนวน 1 หน่วยกติ
ระดบั ประถมศึกษา

มาตรฐานที่ 1.1 มีความรคู้ วามเขา้ ใจ ทักษะ และเจตคตทิ ่ีดีต่อการเรียนรดู้ ว้ ยตนเอง

ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอำเภอสวรรคโลก

หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ระดบั ประถมศกึ ษา ห น้ า | 39

ศกึ ษาและฝึกทกั ษะเกีย่ วกบั เรือ่ งต่อไปนี้
ความหมาย ความสำคญั และประโยชน์ของแฟม้ สะสมงาน
องค์ประกอบของแฟ้มสะสมงาน

สว่ นที่ 1 คำนำ/สารบัญ/ประวตั ิส่วนตัว/ผลงาน / ชนิ้ งานทีค่ ัดเลือก

ส่วนท่ี 2 แบบรายงานแสดงรายละเอียดของงาน/หลักฐานข้อมลู ประกอบการ
เรยี นรู้บันทึกประจำวนั เวลาทีใ่ ช้

ส่วนท่ี 3 เกณฑก์ ารประเมนิ แฟ้มสะสมงาน รวมทงั้ ภาคผนวก (ถ้าม)ี
การแสดงความคิดเหน็ หรือความรู้สกึ ตอ่ งาน
การตรวจสอบ/ความสามารถของตน
การแลกเปลย่ี นประสบการณ์เก่ียวกับผลงาน
การนำเสนอผลงาน

การจัดประสบการณ์การเรียนรู้
ควรจดั ในลักษณะของการบูรณาการทักษะต่าง ๆ ไปพร้อมกับการสรา้ งสถานการณ์ในการเรยี นรู้อยา่ งสร้างสรรค์

เพื่อฝึกให้ผ้เู รยี นได้ฝกึ การทำแฟ้มสะสมงาน และมีเจตคติท่ีดีต่อการเรยี นรู้ด้วยตนเองทที่ ำใหก้ ารเรียนรู้ดว้ ยตนเองประสบ
ความสำเรจ็ และนำความรู้ไปใช้ในวถิ ชี ีวติ ให้เหมาะสมกบั ตนเอง และชมุ ชน สงั คม

การวดั และประเมินผล
ใชก้ ารประเมินจากสภาพจริงของผ้เู รยี นทแ่ี สดงออกเก่ียวกบั การทำแฟม้ สะสมงาน

ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อำเภอสวรรคโลก

หลักสูตรการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551 ระดบั ประถมศกึ ษา ห35น้ า | 40

รายละเอียดคำอธิบายรายวชิ า ทร02015 แฟ้มสะสมงาน จำนวน 1 หน่วยกิต
ระดบั ประถมศึกษา

มาตรฐานท่ี 1.1 มีความรู้ความเข้าใจ ทักษะ และเจตคติท่ีดตี ่อการเรียนรดู้ ้วยตนเอง

ท่ี หวั เรอื่ ง ตวั ชี้วัด เนือ้ หา จำนวน
(ชวั่ โมง)
15 แฟม้ สะสมงาน 1. รูเ้ ขา้ ใจความหมายและ 1. ความหมาย ความสำคญั และประโยชน์
40

ความสำคัญของแฟม้ สะสมงาน 2. องคป์ ระกอบของแฟม้ สะสมงาน

2. บอกหรอื อธบิ าย สว่ นท่ี 1 คำนำ/สารบัญประวัติส่วนตัว/ผลงาน /

องคป์ ระกอบของแฟม้ สะสม ช้ินงานท่คี ดั เลอื ก

งาน ส่วนท่ี 2 แบบรายงานแสดงรายละเอียดของงาน/

3. สามารถจัดเก็บรวบรวม หลกั ฐานขอ้ มูลประกอบการเรียนรู้บันทกึ ประจำวัน

คดั เลอื กผลงานไดอ้ ย่างเปน็ เวลาทใ่ี ช้

ระบบ ส่วนที่ 3 เกณฑ์การประเมนิ แฟ้มสะสมงาน รวมท้งั

4. สามารถนำเสนอแฟม้ สะสม ภาคผนวก (ถ้ามี)

งานของตนเองได้ 1) การแสดงความคดิ เห็นหรือความร้สู กึ ต่องาน

2) การตรวจสอบ/ความสามารถของตน

3) การแลกเปลยี่ นประสบการณ์เก่ยี วกบั ผลงาน

4) การนำเสนอผลงาน

คำอธิบายรายวิชา ทร02019 เทคนิคการใชห้ ้องสมุดประชาชน จำนวน 1 หน่วยกิต
ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอำเภอสวรรคโลก

หลกั สูตรการศกึ ษานอกระบบระดบั การศึกษาข้ันพ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ระดบั ประถมศึกษา ห น้ า | 41

ระดบั ประถมศึกษา

มาตรฐานท่ี 1.2 มีความร้คู วามเข้าใจ ทักษะ และเจตคติท่ีดีตอ่ การใชแ้ หล่งเรยี นรู้

ศกึ ษาและฝกึ ทักษะเก่ยี วกับเรอื่ งต่อไปนี้
ความหมาย ความสำคญั และประโยชน์ของห้องสมดุ ประชาชน และหอ้ งสมดุ ประเภทอน่ื ๆ บรกิ ารของห้องสมุด

ประชาชนและระเบียบ มารยาทการใช้หอ้ งสมุดประชาชนสง่ิ อำนวยความสะดวกในการคน้ ควา้ เพอ่ื การเข้าถงึ ความรจู้ ากส่อื
ประเภทต่าง ๆ ทั้งการค้นควา้ โดยใช้คอมพิวเตอร์ บัตรราชการ (ถ้ามี) บัตรดัชนี (ถา้ มี) ทัง้ โดยหัวเร่ือง โดยชอื่ เรื่อง และโดยชื่อ
ผู้แตง่ การจัดระบบหมวดหมู่ส่ือในห้องสมุดประชาชน และหอ้ งสมดุ อืน่ ๆ และการเรยี งส่อื การใชเ้ ทคโนโลยใี นการคน้ หา
ความรู้จาก Internet, e-library, e-learning และฐานขอ้ มลู ตา่ ง ๆ การบนั ทึกความรู้ การนำเสนอขอ้ มลู ในรูปแบบรายงาน
และรปู แบบอ่นื ๆ

การจัดประสบการณก์ ารเรยี นรู้
ควรจัดในลกั ษณะของการบูรณาการทกั ษะต่าง ๆ ไปพรอ้ มกบั การสร้างสถานการณ์ในการเรยี นร้อู ย่างสรา้ งสรรค์

เพื่อฝกึ ใหผ้ เู้ รียนไดฝ้ กึ เทคนิคการใชห้ อ้ งสมดุ ประชาชน และมเี จตคติท่ดี ีตอ่ การเรียนรู้ด้วยตนเองที่ทำให้การเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง

ประสบความสำเร็จ และนำความร้ไู ปใชใ้ นวิถชี วี ิตให้เหมาะสมกบั ตนเอง และชุมชน สงั คม

การวดั และประเมินผล
ใช้การประเมินจากสภาพจริงของผ้เู รยี นท่ีแสดงออกเก่ียวกับเทคนิคการใชห้ ้องสมุดประชาชน

ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อำเภอสวรรคโลก

หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดับการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับ ประถมศึกษา ห43น้ า | 42

รายละเอียดคำอธบิ ายรายวชิ า ทร02019 เทคนิคการใชห้ อ้ งสมุดประชาชน จำนวน 1 หน่วยกิต
ระดับประถมศกึ ษา

มาตรฐานที่ 1.2 มีความรคู้ วามเข้าใจ ทกั ษะ และเจตคตทิ ี่ดตี อ่ การใช้แหลง่ เรียนรู้

ท่ี หวั เรอ่ื ง ตวั ชีว้ ัด เนอ้ื หา จำนวน
(ช่ัวโมง)
19 เทคนิคการใช้ 1. มคี วามรู้ ความเข้าใจ ใน 1. ความหมาย ความสำคญั และประโยชนข์ อง
40

ห้องสมดุ ความหมาย ความสำคัญ ประโยชน์ หอ้ งสมุดประชาชน และห้องสมดุ ประเภทอืน่ ๆ
ประชาชน ของห้องสมดุ ประชาชน และหอ้ งสมุด 2. บริการของหอ้ งสมุดประชาชนและระเบียบ และ

ประเภทต่าง ๆ มารยาทการใช้หอ้ งสมุดประชาชน

2. มมี ารยาทในการใช้ห้องสมุด 3. ส่งิ อำนวยความสะดวกในการคน้ คว้าเพ่ือการ

ประชาชน และห้องสมดุ ประเภท เขา้ ถงึ ความรู้จากส่อื ประเภทต่าง ๆ ทง้ั การคน้ ควา้

ตา่ ง ๆ ได้อยา่ งเหมาะสม โดยใช้คอมพิวเตอร์ บตั รราชการ (ถา้ มี) บัตรดชั นี

3. มีความรู้ ความเขา้ ใจ ใน (ถ้าม)ี ทัง้ โดยหัวเรอ่ื ง โดยช่ือเรอื่ ง และโดยชือ่ ผูแ้ ตง่

กระบวนการบรหิ ารของห้องสมดุ 4. การจดั ระบบหมวดหมู่ส่ือในห้องสมดุ ประชาชน

ประชาชน และหอ้ งสมดุ อนื่ ๆ และการเรยี งสอื่

4. มีทกั ษะการค้นควา้ จากสอ่ื อำนวย 5. การใชเ้ ทคโนโลยีในการค้นหาความรู้จาก

ความสะดวก ทง้ั สอื่ เทคโนโลยีและสอ่ื Internet, e-library, e-learning และฐานข้อมลู

อนื่ ๆ เพ่อื การเขา้ ถึงข้อมลู และปฏบิ ตั ิ ต่าง ๆ

ได้จริง 6. การบันทกึ ความรู้

5. การยมื -คืน สอื่ 7. การนำเสนอข้อมูลในรูปแบบรายงานและรูปแบบ

6. สามารถนำเสนอขอ้ มูลจากการ อน่ื ๆ

คน้ คว้าได้

คำอธิบายรายวิชา ทร02021 แหล่งเรียนรใู้ นชมุ ชน จำนวน 1 หน่วยกิต
ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อำเภอสวรรคโลก

หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551 ระดบั ประถมศึกษา ห น้ า | 43

ระดบั ประถมศกึ ษา

มาตรฐานที่ 1.2 มีความรู้ความเข้าใจ ทักษะ และเจตคติที่ดตี ่อการใชแ้ หล่งเรยี นรู้

ศึกษาและฝึกทักษะเกยี่ วกบั เรอ่ื งต่อไปนี้
ความหมาย ความสำคัญ และประโยชนข์ องแหลง่ เรียนรู้ ประเภทของแหล่งเรียนรู้ในชุมชนและแหลง่ เรียนรู้ใกล้ตัว
การให้บรกิ าร (1) กลุ่มบรกิ ารข้อมูล (2) กลมุ่ ศลิ ปวัฒนธรรม ประวัตศิ าสตร์ (3) กล่มุ ข้อมูลทอ้ งถ่นิ (4) กลมุ่ สอื่ และ

(5) กลมุ่ สันทนาการ
การศกึ ษาสำรวจแหลง่ เรียนรู้ในชมุ ชน/ใกล้ตัว
การกำหนดเน้ือหาสาระที่ตนสนใจและปฏิบตั ิการศกึ ษาคน้ คว้า รวบรวมข้อมลู /ความรู้จากแหลง่ เรยี นรู้ 5 กล่มุ

เน้อื หาจาก 5 แหลง่ เรียนรู้

การจัดประสบการณ์การเรยี นรู้
ควรจดั ในลักษณะของการบูรณาการทักษะต่าง ๆ ไปพรอ้ มกบั การสร้างสถานการณใ์ นการเรียนรอู้ ยา่ งสร้างสรรค์

เพอื่ ฝึกให้ผู้เรียนไดฝ้ กึ เรียนรูจ้ ากแหลง่ เรียนรใู้ นชุมชนใกลต้ ัว และมีเจตคติทีด่ ีต่อการเรียนรูด้ ้วยตนเองทท่ี ำใหก้ ารเรยี นรูด้ ้วย

ตนเองประสบความสำเรจ็ และนำความรไู้ ปใชใ้ นวิถชี วี ติ ใหเ้ หมาะสมกบั ตนเอง และชุมชน สังคม

การวัดและประเมนิ ผล
ใช้การประเมนิ จากสภาพจริงของผเู้ รียนทแ่ี สดงออกเก่ียวกับการเรียนรู้จากแหลง่ เรยี นรใู้ นชุมชนใกลต้ วั

ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอำเภอสวรรคโลก

หลักสตู รการศึกษานอกระบบระดับการศกึ ษาขนั้ พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 ระดบั ประถมศกึ ษา ห47น้ า | 44

รายละเอียดคำอธบิ ายรายวชิ า ทร02021 แหล่งเรยี นรใู้ นชมุ ชน จำนวน 1 หนว่ ยกิต
ระดับประถมศกึ ษา

มาตรฐานท่ี 1.2 มีความรู้ความเข้าใจ ทกั ษะ และเจตคตทิ ่ีดตี อ่ การใช้แหลง่ เรยี นรู้

ที่ หัวเรอ่ื ง ตวั ช้ีวดั เนือ้ หา จำนวน
(ชว่ั โมง)

21 แหล่งเรียนรู้ใน 1. มีความรูค้ วามเขา้ ใจเกี่ยวกับแหลง่ 1. ความหมาย ความสำคญั และประโยชน์ 40
ชุมชน/ใกล้ตัว เรียนรู้ในชมุ ชน/ใกล้ตวั ความสำคัญ ของแหล่งเรยี นรู้

และประโยชน์ทีจ่ ะได้รบั

2. สำรวจแหล่งเรียนรใู้ นชมุ ชน/ใกลต้ ัว 2. ประเภทของแหล่งเรยี นรใู้ นชมุ ชนและ

ใหไ้ ด้มากท่ีสุด เขียนคำอธิบายบทบาท แหลง่ เรียนร้ใู กล้ตวั การใหบ้ รกิ าร

หนา้ ทแ่ี ละการให้บริการ ตลอดจน (1) กลมุ่ บริการขอ้ มูล

กฎ กตกิ าเงือ่ นไข ของแตล่ ะแหลง่ (2) กลุม่ ศิลปวัฒนธรรม

เรียนรู้ ประวัติศาสตร์

3. ดำเนนิ การศึกษา/ค้นคว้า/รวบรวม (3) กลมุ่ ข้อมลู ทอ้ งถ่นิ

ข้อมลู ความร้ตู ามทต่ี นเองสนใจอย่าง (4) กลุ่มส่ือ

นอ้ ย 5 กลมุ่ เนื้อหาโดยใช้แหลง่ เรยี นรู้ (5) กลมุ่ สนั ทนาการ

ตา่ ง ๆ เหล่านน้ั อย่างนอ้ ย 5 แหลง่ 3. การศกึ ษาสำรวจแหลง่ เรยี นรใู้ นชุมชน/

เรียนรู้ ใกลต้ ัว

4. การกำหนดเนือ้ หาสาระทีต่ นสนใจและ

ปฏิบัตกิ ารศึกษาคน้ ควา้ รวบรวมขอ้ มูล/

ความรูจ้ ากแหล่งเรียนรู้ 5 กลมุ่ เน้ือหาจาก

5 แหลง่ เรยี นรู้

คำอธิบายรายวิชา ทร13008 ทกั ษะการแสวงหาความรใู้ นชมุ ชน
ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อำเภอสวรรคโลก

หลักสตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 ระดบั ประถมศึกษา ห น้ า | 45

ระดับประถมศกึ ษา

มาตรฐานการเรียนรรู้ ะดบั
มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ ทักษะ เจตคตทิ ่ีดีต่อการเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง รูจ้ ัก เหน็ คณุ ค่าและใชแ้ หล่งเรยี นร้ถู ูกต้อง

ศกึ ษาและฝกึ ทกั ษะเกี่ยวกบั เรอื่ งดงั ต่อไปน้ี
1. หลกั การอา่ น ความสำคญั ของการอ่าน ประโยชนข์ องการอา่ น การอ่านเพื่อความรู้ ความเข้าใจ นำไปใช้ การ

วเิ คราะห์ การสรุปเร่ืองและการประเมนิ ผล การอา่ นแผนที่ แผนผงั ปา้ ยบอกทาง
2. ความหมาย ความสำคญั และประโยชน์ของแหลง่ เรียนรู้ ประเภทของแหล่งเรยี นรใู้ นชมุ ชนและ แหลง่ เรยี นร้ใู กล้

ตวั การให้บริการ (1) กลุ่มบรกิ ารขอ้ มลู (2) กลุ่มศิลปวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ (3) กล่มุ ขอ้ มลู ท้องถิน่ (4) กล่มุ สื่อและ (5)

กลุ่มสนั ทนาการ การศกึ ษาสำรวจแหล่งเรียนรูใ้ นชมุ ชน/ใกล้ตวั
3. ความหมาย ความสำคัญและประโยชน์ของห้องสมดุ ประชาชน และห้องสมดุ ประเภทอ่นื ๆ บรกิ าร ของหอ้ งสมุด

ประชาชนและระเบียบ มารยาทการใช้ห้องสมดุ ประชาชน ส่ิงอานวยความสะดวกในการคน้ ควา้ เพื่อการเข้าถงึ ความร้จู ากส่ือ
ประเภทตา่ ง ๆ ท้ังการคน้ คว้าโดยใชค้ อมพวิ เตอร์ บัตรราชการ (ถ้ามี) บตั รดัชนี (ถ้ามี) ทง้ั โดยหัวเรอื่ ง โดยชอ่ื เรื่อง และโดยช่ือ

ผูแ้ ต่ง การจัดระบบหมวดหมสู่ ่ือในห้องสมดุ ประชาชน และห้องสมดุ อ่นื ๆ และการเรียงสือ่ การใชเ้ ทคโนโลยีในการคน้ หา
ความรจู้ าก Internet, e-library, e-learning และฐานขอ้ มูลตา่ ง ๆ การบนั ทกึ ความรู้ การนาเสนอข้อมลู ในรูปแบบรายงาน
และรูปแบบอืน่ ๆ

การจัดประสบการณ์การเรียนรู้
อธิบายหลกั การอ่าน ความสำคัญการอา่ น ประโยชนข์ องการอ่าน ค้นควา้ รวบรวมหนงั สอื อ่านทส่ี นใจ วธิ กี ารอ่าน

เพ่อื ความรู้ ความจา ความเข้าใจ การนาไปใช้ การวเิ คราะห์ การสรปุ เรื่องและการประเมินผล พรอ้ มยกตัวอย่าง แลว้ ใหผ้ ูเ้ รยี น
ฝึกอ่านและปฏิบตั ิ อธบิ ายวิธีการอ่านแผนท่ี แผนผงั และป้ายบอกทาง ใชแ้ ผนท่ี แผนผงั ประกอบ แลว้ ใหผ้ เู้ รียนปฏิบัติ ผเู้ รียน

ระดมสมอง บอกหนังสอื ท่ีควรอา่ น มคี ุณค่าอยา่ งไร บอกหนังสอื ท่ไี มค่ วรอ่าน ส่งผลร้ายอย่างไร ควรจัดในลักษณะของการ
บรู ณาการทกั ษะตา่ ง ๆ ไปพรอ้ มกบั การสรา้ งสถานการณใ์ นการเรียนร้อู ย่างสรา้ งสรรค์ เพ่ือฝกึ ใหผ้ เู้ รียนได้ฝกึ เรยี นรจู้ ากแหลง่
เรียนรู้ในชมุ ชนใกลต้ ัว ฝกึ เทคนคิ การใช้ห้องสมดุ ประชาชน และมเี จตคติทดี่ ีต่อการเรยี นรดู้ ว้ ยตนเองท่ที าให้การเรยี นรู้ดว้ ย
ตนเองประสบความสำเรจ็ และนาความร้ไู ปใช้ในวถิ ชี วี ติ ใหเ้ หมาะสมกบั ตนเอง และชมุ ชน สังคม

การวดั และประเมินผล
ประเมนิ จากการทดสอบ การสังเกต การประเมนิ การมีส่วนรว่ มในการทากจิ กรรม การตรวจผลงาน การประเมิน

จากสภาพจรงิ ของผเู้ รียนทแี่ สดงออกเกีย่ วกบั การใช้แหลง่ เรียน เทคนคิ การใชห้ ้องสมดุ ประชาชน

คำอธิบายรายวิชา ทร13008 ทักษะการแสวงหาความรู้ในชมุ ชน
ระดบั ประถมศึกษา

ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอำเภอสวรรคโลก

หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 ระดบั ประถมศกึ ษา ห น้ า | 46

มาตรฐานการเรยี นรู้ระดับ
มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ ทักษะ เจตคติท่ีดตี ่อการเรยี นรู้ด้วยตนเอง ร้จู กั เห็นคุณค่าและใชแ้ หล่งเรยี นรูถ้ ูกตอ้ ง

ที่ หัวเรอ่ื ง ตัวช้วี ัด เนื้อหา จำนวน
1 การอา่ น (ชั่วโมง)
1. อธิบายหลกั การอ่าน ความสำคญั การอา่ น 1. หลกั การอ่าน ความสำคัญของการอ่าน
2 แหลง่ เรยี นรูใ้ น ประโยชนข์ องการอา่ น คน้ คว้า รวบรวม ประโยชนข์ องการอา่ น การอา่ นเพื่อความรู้ 40
ชุมชน/ใกล้ตวั หนังสอื อ่านทส่ี นใจ วธิ กี ารอ่านเพือ่ ความรู้ ความเขา้ ใจ นำไปใช้ การวิเคราะห์ การสรปุ
ความจา ความเขา้ ใจ การนาไปใช้ การ เรอื่ งและการประเมินผล 40
วิเคราะห์ การสรุปเรอ่ื งและการประเมนิ ผล 2. การอา่ นแผนที่ แผนผัง ป้ายบอกทาง ใช้
พร้อมยกตัวอย่าง แล้วใหผ้ เู้ รียนฝึกอา่ นและ แผนท่ี แผนผงั ประกอบ แลว้ ใหผ้ ูเ้ รยี นปฏิบตั ิ
ปฏบิ ตั ิ
2. อธบิ ายวธิ ีการอา่ นแผนที่ แผนผัง และปา้ ย 1. ความหมาย ความสำคญั และประโยชน์
บอกทาง ใช้แผนที่ แผนผังประกอบ แลว้ ให้ ของแหล่เรียนรู้
ผ้เู รยี นปฏิบัติ ผู้เรยี นระดมสมอง บอกหนงั สอื 2. ประเภทของแหล่งเรยี นรู้ ในชุมชนและ
ท่ีควรอ่าน มคี ุณคา่ อยา่ งไร บอกหนังสอื ที่ไม่ แหลง่ เรยี นรู้ ใกล้ตัว การใหบ้ รกิ าร
ควรอา่ น ส่งผลรา้ ยอยา่ งไร (1) กลุ่มบรกิ ารขอ้ มลู
1. มคี วามรคู้ วามเขา้ ใจ เกี่ยวกบั แหลง่ เรยี นรู้ (2) กลุม่ ศลิ ปวฒั นธรรม ประวตั ศิ าสตร์
ใน ชมุ ชน/ใกลต้ ัว ความสำคัญและประโยชน์ (3) กลุ่มข้อมูลท้องถนิ่ (4) กลุม่ สอ่ื
ทจ่ี ะได้รับ (5) กลมุ่ สันทนาการ
2. สำรวจแหลง่ เรยี นร้ใู น ชุมชน/ใกลต้ ัวใหไ้ ด้ 3. การศึกษาสำรวจแหลง่ เรยี นรูใ้ นชุมชน/
มากท่ีสุด เขยี นคาอธิบายบทบาทหนา้ ทแี่ ละ ใกลต้ ัว
การให้บรกิ าร ตลอดจน กฎ กตกิ าเง่ือนไข 4. การกำหนดเนอ้ื หาสาระ ท่ตี นสนใจและ
ของแต่ละแหลง่ เรียนรู้ ปฏิบัติการศกึ ษาค้นควา้ รวบรวมข้อมูล/
3. ดาเนินการศกึ ษา/คน้ ควา้ /รวบรวมขอ้ มลู ความรู้จากแหลง่ เรียนรู้ 5 กลุ่มเนอ้ื หาจาก
ความรตู้ ามทีต่ นเองสนใจอย่างน้อย 5 กลมุ่ 5 แหลง่ เรียนรู้
เนือ้ หาโดยใช้แหลง่ เรยี นร้ตู ่าง ๆ เหล่านนั้
อย่างน้อย 5 แหล่งเรียนรู้

ท่ี หวั เรอ่ื ง ตัวชีว้ ดั เนอ้ื หา จำนวน
(ชัว่ โมง)
3 เทคนคิ การใช้ 1. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ ในความหมาย ความ 1. ความหมาย ความสาคัญ และประโยชน์
ห้องสมดุ ประชาชน สาคญั ประโยชนข์ องห้องสมุดประชาชน และ ของหอ้ งสมุดประชาชน และหอ้ งสมดุ 40

หอ้ งสมุดประเภทตา่ ง ๆ ประเภทอื่น ๆ

ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อำเภอสวรรคโลก

หลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ระดบั ประถมศึกษา ห น้ า | 47

ที่ หัวเรอื่ ง ตวั ชี้วัด เนอ้ื หา จำนวน
(ชั่วโมง)

2. มีมารยาทในการใชห้ ้องสมุดประชาชน 2. บริการของหอ้ งสมดุ ประชาชนและ

และห้องสมดุ ประเภทตา่ ง ๆ ได้อย่าง ระเบียบ และมารยาทการใช้ห้องสมุด

เหมาะสม ประชาชน

3. มีความรู้ ความเขา้ ใจ ในกระบวนการ 3. สงิ่ อานวยความสะดวกในการคน้ ควา้ เพอื่

บริหารของห้องสมดุ ประชาชน การเขา้ ถึงความรู้จากสื่อประเภทตา่ ง ๆ ทง้ั

4. มที กั ษะการคน้ ควา้ จากสอ่ื อานวยความ การคน้ ควา้ โดยใช้คอมพวิ เตอร์ บตั รราชการ

สะดวก ทัง้ สื่อเทคโนโลยีและสื่ออ่นื ๆ เพอื่ (ถ้ามี) บตั รดัชนี (ถา้ มี) ท้งั โดยหวั เรอื่ ง โดย

การเข้าถึงขอ้ มูลและปฏิบตั ิได้จริง ชอ่ื เรอื่ ง และโดยช่อื ผแู้ ต่ง

5. การยืม-คืน สือ่ 4. การจัดระบบหมวดหม่สู ื่อในห้องสมุด

6. สามารถนาเสนอข้อมลู จากการคน้ ควา้ ได้ ประชาชน และห้องสมดุ อน่ื ๆ และการเรียง

สือ่

5. การใชเ้ ทคโนโลยีในการคน้ หาความรจู้ าก

Internet, e-library, e-learning และ

ฐานขอ้ มูลต่าง ๆ

6. การบันทึกความรู้

7. การนาเสนอขอ้ มูลในรปู แบบรายงานและ

รูปแบบอื่น ๆ

คำอธบิ ายรายวชิ า พค11001 คณติ ศาสตร์ จำนวน 3 หนว่ ยกิต
ระดบั ประถมศึกษา

มาตรฐานการเรียนรู้ระดบั มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเก่ียวกบั จำนวนและการดำเนนิ การ เศษสว่ น ทศนยิ ม และร้อยละ การวัด
เรขาคณติ สถิติและความนา่ จะเปน็ เบอ้ื งต้น

ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อำเภอสวรรคโลก

หลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดับการศึกษาข้นั พืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 ระดบั ประถมศกึ ษา ห น้ า | 48

ศกึ ษาและฝึกทกั ษะเก่ยี วกบั เรอ่ื งดังตอ่ ไปน้ี
จำนวนและการดำเนนิ การ การอ่านและเขยี นตัวเลขแทนจำนวน การเขียนในรูปการกระจาย การเปรยี บเทยี บ

จำนวน การเรยี งลำดับ การประมาณคา่ สมบตั ิของจำนวน การบวก ลบ คูณ หาร การแก้โจทยป์ ญั หาตามสถานการณ์และตวั
ประกอบของจำนวนนบั

เศษส่วน การอา่ นและเขียนเศษสว่ น การเปรยี บเทียบเศษส่วน การบวก ลบ คูณ หาร และการแก้โจทยป์ ญั หาตาม
สถานการณ์

ทศนิยม การอ่านและเขยี นทศนิยม การเขียนในรูปการกระจาย การเปรยี บเทียบทศนยิ ม การเรียง ลำดบั การ
ประมาณค่า ความสมั พันธ์ระหว่างทศนิยมกบั เศษสว่ น การบวก ลบ คูณ หาร และการแก้โจทย์ปญั หาตามสถานการณ์

รอ้ ยละ ความหมายของร้อยละและการใชส้ ญั ลกั ษณ์เปอรเ์ ซ็นต์ (%) ความสัมพนั ธ์ระหวา่ ง เศษสว่ น ทศนิยม และ
ร้อยละ โจทยป์ ญั หา การคูณ หาร (บัญญตั ไิ ตรยางศ์) และการประยกุ ต์

การวัด การวัดความยาวและระยะทาง การชง่ั การตวง การหาพนื้ ท่ี ปรมิ าตรและความจุ ทิศและแผนผัง เงิน เวลา
อุณหภูมิ การคาดคะเน ทใ่ี ชใ้ นชวี ิตประจำวัน

เรขาคณิต ชนดิ ของรปู เรขาคณิตสามมิติ ลูกบาศก์ การประดษิ ฐร์ ูปเรขาคณติ สองมติ หิ รอื สามมติ ิ
สถิติ การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู การจำแนกขอ้ มลู โดยการสังเกตและการสำรวจ การอา่ นและเขียนแผนภูมิรปู ภาพ

แผนภมู แิ ทง่ เปรียบเทียบกราฟเสน้ และแผนภูมิรปู วงกลม
ความน่าจะเปน็ เบ้อื งต้น โอกาสและเหตกุ ารณ์ท่จี ะเกิดขน้ึ แน่นอนหรอื อาจจะเกิดขน้ึ หรอื อาจจะไมเ่ กดิ ขน้ึ หรือ

เปน็ ไปไม่ได้
การจัดประสบการณ์การเรียนรู้

จดั ประสบการณ์หรอื สถานการณใ์ นชีวิตประจำวนั ให้ผูเ้ รยี นได้ศกึ ษาคน้ คว้า โดยการปฏิบัติจรงิ ทดลอง สรปุ
รายงาน เพ่ือพัฒนาทักษะ/กระบวนการในการคิดคำนวณ การแก้ปัญหา การใหเ้ หตผุ ล การสอ่ื ความหมายทางคณิตศาสตร์
และนำประสบการณด์ า้ นความรู้ ความคดิ ทักษะกระบวนการท่ีได้ไปใช้ในการเรยี นรสู้ ่งิ ตา่ งๆ และใชใ้ นชวี ติ ประจำวันอยา่ ง
สรา้ งสรรค์ รวมท้ังเห็นคุณคา่ และมเี จตคติที่ดตี อ่ คณิตศาสตร์ สามารถทำงานอย่างเปน็ ระบบระเบยี บ มีความรอบคอบ มี
ความรบั ผิดชอบ มีวิจารณญาณ และมคี วามเชอื่ มนั่ ในตนเอง
การวัดและประเมนิ ผล

ใช้วิธกี ารทหี่ ลากหลายตามสภาพความเปน็ จรงิ ให้สอดคล้องกับเนอื้ หาและทักษะทต่ี อ้ งการวัด

รายละเอยี ดคำอธบิ ายรายวิชา พค11001 คณติ ศาสตร์ จำนวน 3 หน่วยกติ
ระดับประถมศึกษา

มาตรฐานการเรยี นรู้ระดับ มีความรู้ ความเขา้ ใจเกย่ี วกับจำนวนและการดำเนนิ การ เศษส่วน ทศนยิ ม และร้อยละ การวัด
เรขาคณิต สถิติและความนา่ จะเปน็ เบอ้ื งต้น

ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อำเภอสวรรคโลก

หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 ระดบั ประถมศึกษา ห น้ า | 49

ที่ หัวเรอื่ ง ตัวช้วี ัด เนื้อหา จำนวน
(ช่วั โมง)
1 จำนวนและการ 1. อา่ นและเขียนตัวเลขแทนจำนวน 1. การอา่ นและเขยี นตวั เลขแทนจำนวน
.5
ดำเนินการ 2. บอกคา่ ประจำหลักและค่าของตวั เลข 2. ค่าประจำหลักและค่าของตวั เลข .5
1
3. เขียนจำนวนในรปู การกระจาย 3. การเขียนในรปู การกระจาย 1
1
4. เปรยี บเทียบจำนวน 4. การเรยี งลำดับจำนวน 2

5. ประมาณค่าเปน็ จำนวนเตม็ 5. การประมาณค่า 3

6. นำความรู้และสมบตั เิ ก่ยี วกับจำนวนนับ 6. สมบัติของจำนวนนบั และศูนย์ และ 1

และศูนยไ์ ปใช้ การนำไป ใช้ในการแกป้ ัญหา 1
2
7. บวก ลบ คูณ หาร จำนวนนับและการ 7. การบวก ลบ คูณ หารจำนวนนบั และ 3

แกป้ ัญหา การแกป้ ญั หา 1

8. หาตัวประกอบของจำนวนนบั 8. ตัวประกอบของจำนวนนับ และการหา 1

9. บอกจำนวนเฉพาะและตัวประกอบ ตัวประกอบ 2
4
เฉพาะ 9. จำนวนเฉพาะและตัวประกอบเฉพาะ
3
10. แยกตัวประกอบของจำนวนนับได้ 10. การแยกตัวประกอบ
3
11. หา ห.ร.ม. และ ค.ร.น. ของจำนวนนบั 11. ห.ร.ม. และ ค.ร.น.
4
ท่กี ำหนดให้ได้
1
2 เศษส่วน 1. บอกความหมาย ลักษณะและอ่าน 1. ความหมาย ลักษณะของเศษสว่ น
1
เศษสว่ น และการอ่านเศษส่วน
1
2. เขียนเศษสว่ นให้อยใู่ นรปู เศษสว่ นอยา่ ง 2. การเขยี นเศษสว่ นใหอ้ ยู่ในรปู เศษส่วน 1

ตำ่ จำนวนคละ และเศษเกนิ อยา่ งตำ่ จำนวนคละ และเศษเกนิ

3. เปรียบเทยี บและเรยี งลำดับเศษสว่ น 3. การเปรยี บเทียบเศษสว่ น

4. บวก ลบ เศษสว่ นและนำความรู้ 4. การบวก ลบ เศษสว่ นและโจทยป์ ญั หา

เกย่ี วกบั เศษสว่ นไปใช้แกโ้ จทยป์ ญั หา

5. คณู เศษสว่ นและนำความรู้เกย่ี วกบั การ 5. การคณู เศษส่วนและ

คูณเศษสว่ นไปใช้แกโ้ จทย์ปัญหา โจทยป์ ัญหา

6. หารเศษสว่ นและนำความร้เู กีย่ วกบั การ 6. การหารเศษส่วนและ โจทยป์ ญั หา

หารเศษส่วน ไปใช้แกโ้ จทย์ปัญหา

7. บวก ลบ คูณ หาร เศษสว่ น และนำ 7. การบวก ลบ คณู หาร เศษสว่ นระคน

ความร้ไู ปใชแ้ ก้โจทยป์ ัญหา และ โจทย์ปญั หา

3 ทศนิยม 1. บอกความหมาย และเขยี นอ่านทศนิยม 1. ความหมายของทศนยิ ม การเขยี นและ

2. บอกค่าประจำหลักและคา่ การอา่ น

ของตัวเลขในแตล่ ะหลักของทศนยิ ม 2. ค่าประจำหลกั และคา่ ของตัวเลขในแต่

ละหลักของทศนยิ ม

3. เขียนทศนยิ มในรปู การกระจาย 3. การเขียนทศนิยมในรปู การกระจาย

4. เปรยี บเทยี บและเรยี งลำดบั ทศนิยม 4. การเปรยี บเทียบและเรยี งลำดบั

ทศนิยม

ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอำเภอสวรรคโลก

หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ระดบั ประถมศึกษา ห น้ า | 50

ที่ หวั เรอื่ ง ตวั ช้ีวัด เนื้อหา จำนวน
(ชั่วโมง)
5. แปลงทศนิยมให้อยู่ในรูปเศษสว่ น และ 5. ความสมั พันธร์ ะหวา่ งทศนิยมและ
4
แปลงเศษสว่ น จำนวนนับให้อยใู่ นรูป เศษสว่ น 2
3
ทศนิยม 6. การประมาณค่าใกลเ้ คยี งทศนิยม 5

6. ประมาณค่าทศนยิ มหน่งึ ตำแหนง่ สอง 1

ตำแหนง่ และสามตำแหน่ง 7. การบวก ลบ ทศนิยม และโจทย์ปัญหา 3

7. บวก ลบ ทศนยิ ม และนำความรูไ้ ปใช้ 8. การคูณ หาร ทศนยิ มและโจทยป์ ญั หา 7

แกโ้ จทยป์ ญั หา 1
1
8. คณู หาร ทศนยิ มและนำความรไู้ ปใช้แก้ 1

โจทย์ปญั หา 1

4 ร้อยละ 1. เขียนเศษส่วนท่มี ตี ัวสว่ นเปน็ 100 ให้ 1. ความหมายของร้อยละ 2
5 การวดั
อยใู่ นรปู ร้อยละ และ ใชส้ ัญลักษณ์ 2

เปอรเ์ ซ็นต์ (%)

2. หาคา่ เศษส่วน และเขียนรอ้ ยละหรือ 2. ความสัมพนั ธ์ระหว่างเศษสว่ นและรอ้ ย

เปอรเ์ ซ็นต์ให้อยูใ่ นรปู เศษส่วน ละ

3. แกโ้ จทย์ปญั หาการคูณ การหาร

(บญั ญัติไตรยางศ์) ของจำนวนนับ และ 3. โจทยป์ ัญหา การคณู การหาร

นำไปประยุกต์ใช้ (บญั ญตั ิไตรยางศ)์ และการประยุกต์

การวัดความยาวและระยะทาง

1. วัดความยาว ความสูง และระยะทาง 1. การวดั ความยาว และระยะทาง

โดยใช้เครือ่ งมอื ท่เี ปน็ มาตรฐาน

2. เลือกเคร่อื งวัดและหน่วยวัดความยาว 2. การเลือกเครื่องวัดและหน่วยวัดความ

ความสูง และระยะทางท่ีเปน็ มาตรฐาน ยาวความสูง หรอื ระยะทางท่ีเหมาะสม

ใหเ้ หมาะสมกับส่งิ ทจ่ี ะวดั 3. การเปล่ยี นหน่วยการวัด

3. เปลย่ี นหนว่ ยวัดความยาว ความสงู

หรือระยะทางจากหน่วยใหญ่เปน็ หนว่ ย

ยอ่ ยและจากหน่วยย่อยเป็น หน่วยใหญ่

4. หาความยาว ความสงู หรอื ระยะทาง

จรงิ จากรปู ท่ียอ่ สว่ น เมอ่ื กำหนดมาตรา

สว่ นให้ 4. มาตราสว่ น

5. แก้โจทยป์ ัญหาเกี่ยวกบั การวัด ความ

ยาว ความสูง และระยะทาง

การช่งั และการตวง 5. โจทยป์ ญั หาเก่ยี วกับการวัด ความยาว

1. เลือกหน่วยการชัง่ การตวง ทีเ่ ปน็ ความสงู และระยะทาง

มาตรฐานใหเ้ หมาะสมกับสงิ่ ท่ีจะชง่ั และ

ตวง

ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อำเภอสวรรคโลก

หลักสตู รการศกึ ษานอกระบบระดับการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 ระดับ ประถมศกึ ษา ห น้ า | 51

ที่ หวั เรอ่ื ง ตัวชี้วัด เน้อื หา จำนวน
1. เลอื กหน่วยการชง่ั การตวง ทเี่ ป็น (ชวั่ โมง)

2. เปล่ียนหน่วยการชัง่ การตวง

การหาพื้นท่ี มาตรฐานให้เหมาะสม

1. หาพน้ื ท่แี ละความยาวรอบรปู ของรปู 3

เรขาคณติ 2. เปล่ยี นหน่วยการชัง่ การตวง

2. แก้โจทย์ปญั หาเก่ียวกบั การหาพน้ื ทีข่ อง 3

รูปเรขาคณติ 1. หาพ้ืนทแี่ ละความยาวรอบรปู ของรูป

เรขาคณติ 3

ปริมาตรและความจุ 2. โจทยป์ ัญหาของการหาพนื้ ที่ของรูป

1. หาปรมิ าตรและความจขุ อง ทรง เรขาคณติ

สี่เหลีย่ มมมุ ฉากและแก้ปัญหา

2. บอกความสัมพนั ธ์ ระหวา่ งหนว่ ยของ 3

ปรมิ าตร หรือ หนว่ ยของความจุ 1. การหาปรมิ าตรและความจขุ องทรง

ทศิ และแผนผัง ส่เี หลี่ยมมุมฉากและการแก้ปัญหา 3

1. บอกชอื่ และทศิ ทางของทิศ ทง้ั แปด 2. ความสัมพนั ธ์ ระหว่างหนว่ ยของ

2. อ่าน เขียนแผนผังแสดงตำแหน่งของ ปรมิ าตร หรือหนว่ ยของความจุ

สิง่ ตา่ งๆ และแผนผังแสดงการเดนิ ทางโดย 1

ใชม้ าตราสว่ น 1. การบอกช่ือและทิศทางของทศิ ทั้งแปด 2

2. การอ่าน เขียนแผนผังแสดงตำแหน่ง

เงิน ของ สงิ่ ต่างๆ และแผนผงั แสดงการ

1. เขยี นและอา่ นจำนวนเงินโดยใช้จดุ เดินทางโดยใชม้ าตราสว่ น

ทศนยิ มกำหนดหน่วยจำนวนเตม็ และเศษ

ของหน่วย 1

2. เปรยี บเทียบจำนวนเงินและแลกเงิน 1. การเขยี นและการอ่านจำนวนเงิน

3. แก้โจทยป์ ญั หาเกี่ยวกบั เงนิ ได้ 2. การเปรียบเทียบจำนวนเงนิ และ 2
4. อา่ นและเขียนบนั ทึก แลกเปลี่ยนเงินตรา 1
รายรบั -รายจา่ ย 3. การแก้โจทยป์ ัญหาเก่ียวกับเงิน 1
4. การอ่านและบนั ทกึ รายรบั -รายจา่ ย
อณุ หภมู ิ 1
1. การวดั อุณหภูมิเป็นองศาฟาเรนไฮต์ 1. การวัดอุณหภมู ิเป็นองศาฟาเรนไฮต์ 1
และองศาเซลเซียส และองศาเซลเซียส 1
2. เปล่ยี นหน่วยการวัดอณุ หภมู ิ 2. การเปลย่ี นหน่วยการวดั
เวลา
1. บอก เขียนและอ่านเวลาจากหนา้ ปัด
นาฬิกาได้ โดยใชจ้ ุดทศนิยมกำหนดหน่วย
ชวั่ โมงและนาที

ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อำเภอสวรรคโลก

หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551 ระดับ ประถมศกึ ษา ห น้ า | 52

ท่ี หัวเรอ่ื ง ตวั ชว้ี ัด เน้อื หา จำนวน
1. บอกและเขียนเวลาจากหนา้ ปัดนาฬิกา (ชัว่ โมง)
6 เรขาคณิต 2. อ่านบนั ทึกเวลา และบนั ทึกกิจกรรม
7 สถิติ หรอื เหตุการณ์ตา่ งๆ โดยระบเุ วลา 2. การอา่ นตารางเวลา และการบันทึก 1
3. เปล่ียนหนว่ ยเวลาจากหน่วยใหญ่เปน็ เหตกุ ารณ์ หรอื กจิ กรรม 1
หน่วยยอ่ ยและจากหน่วยย่อยเป็นหนว่ ย 3. ความสัมพนั ธร์ ะหว่างหน่วยเวลา 2
ใหญไ่ ด้ 2
4. แก้โจทย์ปัญหาเกี่ยวกบั เวลา 4. การแก้ปญั หาเกย่ี วกับเวลา
การคาดคะเน 1
1. คาดคะเนเก่ียวกบั ความยาวพื้นที่ 1. การคาดคะเนเก่ียวกบั ความยาวพ้ืนท่ี 1
ปริมาตร ความจุ นำ้ หนัก และเวลา ปรมิ าตร ความจุ นำ้ หนกั และเวลา 3
1. ชนดิ ของรปู เรขาคณติ สองมิตแิ ละ 3
1. จำแนกชนิดของรูปเรขาคณิตสองมติ ิ สามมิติ 3
และสามมติ ิ 2. ลกู บาศก์ 2
2. เข้าใจลักษณะของลูกบาศกแ์ ละ 2
นำไปใช้ 3. การประดิษฐร์ ปู เรขาคณติ สองมติ ิ
3. เขียนรปู เรขาคณติ สองมติ ิและ หรือสามมติ ิ
ประดิษฐร์ ปู เรขาคณิต สามมิติ 1. การเก็บรวบรวมข้อมลู การจำแนก
1. เก็บรวบรวมขอ้ มูลเพ่ือตอบคำถามโดย ข้อมลู โดยการสังเกต และการสำรวจ
ใช้การสงั เกตการสำรวจ และการทดลอง 2. การอ่าน การเขียนและเปรยี บเทยี บ
2. อา่ นและเขียนแผนภูมริ ูปภาพและ แผนภูมิรปู ภาพ และแผนภมู ิแท่ง
แผนภูมิแท่ง เปรียบเทยี บ 3. การอ่านและการเขียนกราฟเส้น
3. อ่านและเขยี นกราฟเสน้ 4. การอา่ นแผนภูมิรูปวงกลม
4. อ่านและเขยี นแผนภมู ิ รูปวงกลม

8 ความน่าจะเปน็ อภปิ รายเหตุการณเ์ พอ่ื สร้างความคุ้นเคย โอกาสและเหตุการณท์ ี่จะเกิดข้ึนแน่นอน 2

เบื้องต้น กบั คำท่ีมีความหมายเช่นเดยี วกบั คำวา่ หรืออาจจะเกิดขน้ึ หรอื อาจจะไม่เกิดข้นึ

“แนน่ อน” “อาจจะเกิดขึ้น หรือไม่ หรอื เปน็ ไปไม่ได้

เกิดขน้ึ ” “เป็นไปไม่ได้” และรจู้ ักใชค้ ำ

เหล่าน้ี

ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอำเภอสวรรคโลก

หลักสูตรการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 ระดับ ประถมศึกษา ห น้ า | 53

คำอธิบายรายวชิ า พต11001 ภาษาองั กฤษพนื้ ฐาน จำนวน 3 หนว่ ยกติ
ระดบั ประถมศกึ ษา

มาตรฐานการเรยี นรูร้ ะดับ
มคี วามรู้ ความเข้าใจ ทกั ษะและเจตคตเิ กย่ี วกับ การฟงั พูด อา่ น เขียน ภาษาต่างประเทศเพ่อื การสือ่ สารใน

ชีวติ ประจำวนั ได้ถกู ตอ้ งตามหลกั ภาษาและวัฒนธรรมของเจา้ ของภาษา

ศกึ ษาและฝกึ ทักษะเกี่ยวกบั เรอ่ื งดงั ต่อไปนี้
1. วธิ ีการทักทาย (Greeting) การแนะนำ (Introduction) ตวั เองและผอู้ นื่ และการกลา่ วลา (Leave Taking)

รวมทั้งการตอบรับทง้ั อย่างเป็นทางการและไมเ่ ป็นทางการทถี่ ูกต้องตามหลกั ภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา
2. การอา่ น เขยี น และออกเสียงพยญั ชนะ สระ และการประสมคำภาษาองั กฤษที่ถกู ตอ้ ง การใช้ จำนวนนับ ลำดับ

ท่ี และการใชค้ ำศพั ท์ รวมทงั้ สญั ลกั ษณ์ตา่ ง ๆ ที่พบในชวี ิตประจำวนั โดยทั่วไป

ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อำเภอสวรรคโลก

หลักสตู รการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 ระดับ ประถมศึกษา ห น้ า | 54

3. การใชป้ ระโยคขอรอ้ ง คำสั่ง และขอโทษที่ถูกต้องตามกาลเทศะ โครงสร้างของประโยคความเดียว (Simple
Sentence) ใน Present Simple Tense, Present Continuous Tense และ Future Simple Tense การใชป้ ระโยค
คำถามและคำตอบง่าย ๆ รวมทัง้ การใชค้ ำสรรพนาม คำบพุ บท และคำคุณศพั ท์พื้นฐาน

การจดั ประสบการณ์การเรียนรู้
1. ฝึกฟัง พูด อ่าน เขยี นในการทกั ทาย แนะนำ และ กล่าวลา ท่สี ามารถนำไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั

2. ฝึกฟัง พูด อา่ น เขยี น ใหถ้ กู ตอ้ งและเหมาะสมกบั สถานการณ์

3. ฝึกการใชป้ ระโยคตา่ ง ๆ คำสรรพนาม คำบพุ บท และคำคณุ ศัพทไ์ ด้สอดคลอ้ งกับชีวติ ประจำวันและการประกอบ

อาชีพ

การวัดและประเมนิ ผล
1. ตรวจสอบด้วยวิธีการท่ีเหมาะสมและแสดงใหเ้ ห็นว่าสามารถนำไปใชใ้ นชีวิตจริง

2. ตรวจสอบการอา่ นคำศพั ท์ จำนวนนับ ลำดบั ที่ และสญั ลักษณ์ไดถ้ กู ต้อง และอธบิ ายความหมายของคำศพั ท์

จำนวนนับ ลำดับที่ และสญั ลักษณต์ ่าง ๆ

3. ตรวจสอบการใชป้ ระโยค คำสรรพนาม คำบพุ บท และคำคุณศพั ท์ใหถ้ ูกตอ้ งตามสถานการณ์

รายละเอียดคำอธิบายรายวชิ า
พต11001 วิชาภาษาองั กฤษพืน้ ฐาน จำนวน 3 หนว่ ยกิต

ระดับประถมศึกษา
มาตรฐานการเรยี นรูร้ ะดบั

มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ ทกั ษะและเจตคติเกย่ี วกบั การฟัง พดู อา่ น เขยี น ภาษาตา่ งประเทศ เพอื่ การสอ่ื สารใน
ชวี ิตประจำวนั ไดถ้ ูกตอ้ งตามหลกั ภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา

ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอำเภอสวรรคโลก

หลักสูตรการศกึ ษานอกระบบระดับการศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับ ประถมศกึ ษา ห น้ า | 55

ที่ หัวเร่อื ง ตัวชว้ี ดั เนือ้ หา จำนวน
(ชว่ั โมง)

1 การทกั ทาย และการตอบ ทักทายและตอบรบั การทกั ทาย การทกั ทายและตอบรับการทกั ทายเพื่อสรา้ งความสัมพนั ธ์

รบั การทักทาย (Greeting) เพือ่ สรา้ งความสมั พันธร์ ะหวา่ ง ระหวา่ งบคุ คล

บคุ คล 1. การทักทายชว่ งเวลาตา่ ง ๆ 2

Good morning. Good afternoon. Good evening.

2. การทกั ทายบุคคลเมอื่ พบครั้งแรก 3

A : How do you do? B : How do you do?

A : Nice to meet you. B : Nice to meet you, too.

3. การทักทายบคุ คลทรี่ ้จู กั มากอ่ น 4

A : How are you? B : Fine, thanks. And you?

A : I’m fine. Thank you.

2 การแนะนำตนเองและการ แนะนำตนเองและแนะนำผู้อนื่ การแนะนำตนเองและการแนะนำผูอ้ ื่นตามมารยาททีด่ ีทางสังคม

แนะนำผอู้ นื่ ตามมารยาทที่ดีทางสงั คม 1. การแนะนำตนเองกบั ผอู้ ่ืน 4

(Introducing) Rose : Hello, I am Rose. Cherry : Hello, I am Cherry.

2. การแนะนำผู้อนื่ ใหร้ จู้ ักกัน 6

John : Hi Judy. Judy : Hi John.

John : Judy this is Sandra.

Judy : Hello Sandra, please to meet you.

Sandra : Hello Judy, I’m please to meet you, too.

ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อำเภอสวรรคโลก

หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 ระดบั ประถมศกึ ษา ห น้ า | 56

ที่ หัวเรอ่ื ง ตัวช้วี ดั เนอ้ื หา จำนวน
(ชั่วโมง)
3 การกลา่ วลา และ การ กล่าวลาและตอบรับการกลา่ ว การกล่าวลาและตอบรับการกลา่ วลาตามความเหมาะสมใน
ตอบรับ การกล่าวลา ลาตามความเหมาะสมในโอกาส โอกาสต่าง ๆ 3
(Leave Taking) ตา่ ง ๆ 1. การกลา่ วลาในโอกาสต่าง ๆ ไดแ้ ก่
3
1.1 การกล่าวลาหลังพดู คยุ กันแลว้
A : Good-bye. B : Good-bye. See you later. 3
1.2 การกลา่ วลากอ่ นเดินทาง 3
1.2.1 กรณสี ง่ ชาวตา่ งชาติเดินทางกลบั บา้ น 3

A : Have a safe journey back home. 6
B : Thank you.
1.2.2 อาจพดู ด้วยข้อความสั้น ๆ
A : Bon voyage! B : Thank you.
1.3 การกล่าวลาทางโทรศพั ท์
A : I’ll have a meeting in five minutes. Bye now.
B : O.K. Bye. I’ll call you later.
1.4 การกล่าวลาหลังงานเลี้ยงเลิก
A : Thank you for this lovely meal.
B : You’re welcome. Bye. A : Bye!
1.5 การกล่าวลากอ่ นเข้านอน
1.5.1 A : Good night. B : Good night.
1.5.2 A : Sleep well. Good night.

B : Thank you. Good night.
2. การตอบรับการกล่าวลาในโอกาสต่าง ๆ

- Good-bye. - Bye. - See you.
- Good night. - See you later.
- I’ll call you later.

ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อำเภอสวรรคโลก

หลักสตู รการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551 ระดับ ประถมศกึ ษา ห น้ า | 57

ที่ หัวเร่ือง ตวั ชว้ี ดั เน้อื หา จำนวน
(ชัว่ โมง)
4 การเขียน การอา่ น เขยี น อา่ นพยัญชนะ สระ และ พยัญชนะ สระ และการประสมคำ
พยญั ชนะ สระ และ การ ประสมคำภาษาอังกฤษ 2
ประสมคำ 1. การเขยี นพยญั ชนะ การเขียนพยญั ชนะตวั พิมพ์ใหญ่ และ
4
ตัวพมิ พ์ เล็ก ตัวเขยี นใหญ่ และตัวเขียนเล็ก 10

2. การออกเสยี งสระแทแ้ ละสระประสม

3. วิธีการประสมคำ

3.1 คำประกอบด้วยพยัญชนะและสระแท้

a, e, i, o, u เชน่ d + o = do g + o = go

m + e = me w + e = we

3.2 คำประกอบด้วยพยัญชนะ สระแท้ และ ตัวสะกด เชน่

b + a + t = bat s + i + t = sit

s + u + n = sun g + u + n = gun

3.3 คำประกอบด้วยอักษรนำ 2 ตวั เช่น

gl + a + d = glad pl + a + n = plan

sp + o + t = spot pl + u +m = plum

3.4 คำประกอบด้วยตวั สะกด 2 ตัว เชน่

l + a + s + t = last l + a + m + p = lamp

f + i + s + h = fish c + o + l + d = cold

3.5 คำประกอบด้วยสระประสม เชน่

m + e + e + t = meet r + o + o +f = roof

m + o + o + n = moon t + o + o +l = tool

t + e + a + m = team p + a + i + n = pain

g +o + a+ t = goat r +o + a +d = road

3.6 คำขึน้ ต้นด้วยสระ เช่น

o + r = or a +m = am

i + t = it u + s = us

3.7 คำทข่ี ึน้ ต้นดว้ ย ch และ sh เชน่

ch + a + t = chat ch + o +t = chop

sh + o + t = shot sh + u + t = shut

ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อำเภอสวรรคโลก

หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดับการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ระดบั ประถมศึกษา ห น้ า | 58

ท่ี หัวเรื่อง ตวั ชีว้ ัด เน้อื หา จำนวน
5 จำนวนนับและลำดบั ที่ (ชว่ั โมง)
ใช้จำนวนนับและลำดับท่ไี ด้ จำนวนนบั และลำดับที่
6 คำนาม (Noun) และ ถกู ตอ้ ง 1. การอ่านและการเขยี นจำนวนนับ เชน่ 2
คำศัพทห์ มวดต่าง ๆ one –ten eleven – twenty twenty one – ninety nine 2
รู้จกั คำนามและวธิ กี ารใช้ one hundred one thousand one million 3
รวมท้ังใชค้ ำศพั ท์เก่ยี วกับวัน 2. การอา่ นและการเขียนลำดับที่ เช่น first, second, third, 4
เดอื น ปี สี เครอื ญาติ เครอ่ื งใช้ fourth, fifth, sixth, seventh, eighth, ninth, tenth
ในชวี ติ ประจำวนั และสภาพดนิ 3. การเขียนประโยคทมี่ ีจำนวนนบั หรือลำดับท่ี เชน่ 2
ฟ้าอากาศอยา่ งง่าย - I have four pens. - She buys two shirts.
- He is the third person. - We are the first group. 2
4. การพูดประโยคทีม่ ีจำนวนนับหรือลำดับที่ เชน่
- I am the first child. - We live on the second floor.
- He eats two oranges. - She washes four skirts
ลกั ษณะคำนามและวิธกี ารใชค้ ำนามและคำศัพท์หมวดตา่ ง ๆ
1. ลกั ษณะและวิธีการใชค้ ำนาม

1.1 คำนามมี 2 ลกั ษณะ คอื คำนามนับได้ (Countable
Noun) และคำนามนบั ไม่ได้ (Uncountable Noun)

1.2 คำนามนบั ได้ เช่น a cat, two sisters,
five stars, seven horses เป็นต้น
คำนามนับไมไ่ ด้ เช่น milk, sugar, butter,
water เปน็ ต้น

2. คำศพั ทเ์ กี่ยวกับวนั เดอื น ปี
2.1คำศพั ทเ์ ก่ยี วกับ วนั เชน่ Sunday, Monday, Tuesday,
Wednesday, Thursday, Friday, Saturday
2.2 คำศัพทเ์ กย่ี วกับเดอื น เช่น January, February, March,
April, May, June, July, August, September, October,
November, December
2.3 คำศัพทเ์ กยี่ วกับปี เชน่ 2008 = two thousand and
eight
1995 = nineteen ninety five last year, this year,
next year

ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อำเภอสวรรคโลก

หลักสตู รการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาขั้นพน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 ระดับ ประถมศกึ ษา ห น้ า | 59

ท่ี หวั เรอื่ ง ตัวชวี้ ดั เนอ้ื หา จำนวน
(ชั่วโมง)
3. คำศัพท์เกี่ยวกบั สี เช่น black, red, purple, yellow,
1
gray, green, light blue, dark brown เป็นต้น 2
2
4. คำศัพทเ์ กี่ยวกับเครอื ญาติ เช่น father,
1
mother, sister, brother, aunt, uncle เปน็ ต้น
2
5.คำศัพท์เก่ยี วกบั เครอื่ งใช้ในชีวติ ประจำวัน เชน่ plate, fork 2
2
and spoon, glass, table, chair, bed, bench, pan, lamp, 2

bottle เปน็ ตน้ 6

6.คำศพั ท์เกี่ยวกบั สภาพดนิ ฟา้ อากาศ เช่น cloudy , windy , 6

rainy, sunny, cold, warm เปน็ ตน้ 6

7 สัญลกั ษณ์ เขา้ ใจความหมายของ สัญลกั ษณ์

สัญลักษณท์ ใ่ี ช้ทวั่ ไป 1. สัญลกั ษณ์ตามทอ้ งถนน เช่น No Parking, No Entry, Turn

left, Turn Right, U-Turn

1.สัญลักษณ์ตามโรงพยาบาล เชน่ Danger, In /Out,

Entrance, Exit , No Smoking, No Mobile Phone เป็นต้น

2. สัญลกั ษณบ์ ริเวณโรงเรยี น เช่น Keep off the grass,

Toilet , Roundabout, One-way,School Zone เปน็ ตน้

3.สัญลักษณ์ตามรา้ นอาหาร เช่น No Pets,Telephone,

Reserved เป็นต้น

8 การขอรอ้ ง การออกคำสั่ง ใช้ประโยคขอร้องออกคำส่งั และ ประโยคขอร้อง ออกคำสงั่ และขอโทษ

และการขอโทษ ขอโทษ 1.การพูด ขอรอ้ งและการตอบรับ

1.1 ประโยคขอรอ้ ง เชน่ Please open the window.

- Please wash these dishes. - Quiet please.

- Speak louder, please.

1.2 การตอบรบั เช่น - Alright. - No problem - O.K.

2.การออกคำสงั่ และการตอบรบั

2.1 ประโยคคำสงั่ เชน่ - Come here.- Stop.

- Sit down. - Stand up.

2.2 การตอบรับ เชน่ - O.K - Alright

3. ประโยคขอโทษและการตอบรบั

3.1 ประโยคขอโทษ เช่น

- I’m sorry. I don’t know the answer.

- I’m sorry. I’m late.

- I’m sorry. I forget to do my homework.

3.2 การตอบรบั เช่น

- That’s alright. - That’s O.K. - Don’t worry.

ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อำเภอสวรรคโลก

หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดบั ประถมศึกษา ห น้ า | 60

ท่ี หัวเรื่อง ตวั ช้วี ัด เน้อื หา จำนวน
9 ประโยคความเดียว สรา้ งประโยคความเดียวและ การใช้ Tense อยา่ งง่ายสร้างประโยคความเดียวเพ่อื เล่าเรือ่ ง (ชวั่ โมง)

(Simple Sentence ) เลา่ เรอื่ งเกยี่ วกับตนเองโดยใช้ เก่ียวกับตนเอง 6

Present Simple Tense, 1. ลักษณะของประโยคท่ใี ช้ Present Simple Tense เลา่

Present Continuous Tense เร่ืองเก่ียวกบั ตนเอง เชน่

และ Future Simple Tense - My name is Sam. - I am Sam.

- I am a worker. - I live in Bangkok.

- I will move to my new office.

- I will work in a Japanese factory.

- I will stay near my office.

- I will walk to my office.

10 ประโยคคำถามประโยค ใช้ประโยคคำถาม ประโยค ประโยคคำถามและประโยคคำตอบ คำสรรพนาม คำบุพบท

คำตอบ คำสรรพนาม คำตอบและใช้คำสรรพนาม และคำคุณศพั ท์ 3
1. คำสรรพนาม เช่น I, you, he, she, it, we, they, me,
คำบพุ บทและ คำบพุ บท และคำคุณศพั ท์

คำคณุ ศัพท์ อยา่ งงา่ ยไดถ้ กู ตอ้ ง her, him, them, our เป็นต้น 3
2.คำบพุ บท เชน่ in, at, on, under, of, by, out เป็นต้น 2
3.คำคณุ ศัพท์ เช่น green, yellow, warm, cool, fat, small,

tall, short, long, good เปน็ ต้น

1. ประโยคคำถามและประโยคคำตอบ เชน่ 3
- What is your name? - My name is Sally.
- Where is your home? - My home is on New Road.
- When do you get up? - I get up at six o’clock.
- What time do you go to bed?
- I go to bed at ten

คำอธบิ ายรายวชิ า พท11001 ภาษาไทย จำนวน 3 หนว่ ยกติ
ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อำเภอสวรรคโลก

หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ระดบั ประถมศกึ ษา ห น้ า | 61

ระดบั ประถมศกึ ษา

มาตรฐานการเรยี นรู้ระดบั
การฟัง การดู

1. เห็นความสำคัญของการฟงั และดู

2. สามารถจับใจความ และสรปุ ความจากเรอื่ งท่ฟี ังและดู

3. มีมารยาทในการฟัง และดู

การพูด
1. เห็นความสำคญั และลกั ษณะการพูดท่ีดี

2. สามารถพดู แสดงความรู้ ความคิด ความร้สู ึกในโอกาสต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม

3. มมี ารยาทใน การพดู

การอา่ น
1. เห็นความสำคญั ของการอ่าน ท้ังการอ่านออกเสยี งและอา่ นในใจ

2. สามารถอ่านไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง และอา่ นได้เรว็ เขา้ ใจความหมายของถ้อยคำ ขอ้ ความ เนื้อเรอื่ งทอ่ี า่ น

3. มมี ารยาทในการอ่านและนสิ ัยรักการอา่ น

การเขยี น
1. เห็นความสำคัญของ การเขียนและประโยชนข์ องการคัดลายมอื

2. สามารถเขยี นคำ คำคลอ้ งจอง ประโยค และเขียนบนั ทึกเรื่องราว ส่อื สาร เหตกุ ารณใ์ นชีวิตประจำวนั ได้

3. มีมารยาทในการเขียนและนสิ ยั รกั การเขียน

หลักการใชภ้ าษา
1. สามารถสะกดคำ โดยนำเสียงและรปู อกั ษรไทยประสมเป็นคำอ่านและเขียนไดถ้ กู ต้อง ตามหลกั การใช้ภาษา

2. สามารถใช้เคร่ืองหมายวรรคตอนได้ถูกต้องและเหมาะสม

3. เข้าใจลักษณะของคำไทย คำภาษาถ่ิน และ คำภาษาตา่ งประเทศทใี่ ชใ้ นภาษาไทย

วรรณคดี วรรณกรรม
สามารถคน้ คว้าเรอื่ งราว ประโยชนแ์ ละคณุ คา่ ของนิทาน นิทานพน้ื บ้าน วรรณกรรมและวรรณกรรมทอ้ งถิ่น

ศกึ ษาและฝึกทักษะเกี่ยวกับเรอื่ งดังต่อไปนี้
การฟงั การดู

ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอำเภอสวรรคโลก

หลักสูตรการศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 ระดบั ประถมศกึ ษา ห น้ า | 62

หลักการ ความสำคญั จดุ มงุ่ หมาย การสรุปความ และมารยาทของการฟังและดู

การพูด
ความสำคญั ลกั ษณะการพูดที่ดี และมารยาทในการพดู

การอา่ น
หลกั การ ความสำคญั จุดมงุ่ หมาย ของการอา่ นออกเสยี งและอ่านในใจ บทรอ้ ยแก้ว บทร้อยกรองและมารยาทของ

การอ่าน

การเขียน
หลกั การ ความสำคัญของการเขยี น การคดั ลายมอื การเขียนส่ือสารในชวี ติ ประจำวนั ด้วยวธิ ีการเขียนประเภทตา่ งๆ

และการกรอกแบบรายการตา่ งๆ ตลอดจนมีมารยาทในการเขยี น

หลักการใช้ภาษา
การใช้เสยี งและรปู อักษรไทย อกั ษร 3 หมู่ การผันวรรณยุกต์ ความหมายของคำ คำไทย คำภาษาถิน่ คำ

ภาษาต่างประเทศท่ใี ช้ในภาษาไทย การสะกดคำ พยางค์และประโยค การใช้เคร่ืองหมาย วรรคตอน พจนานกุ รม และ

ความหมายของสำนวน คำพงั เพย สภุ าษิต คำราชาศพั ท์ คำสุภาพ

วรรณคดี และวรรณกรรม
ประโยชน์และคุณค่าของนิทาน นิทานพน้ื บา้ น และวรรณกรรมในท้องถนิ่

การจัดประสบการณ์การเรียนรู้
จัดประสบการณ์หรือสถานการณใ์ นชีวิตประจำวนั ให้ผ้เู รียนไดศ้ ึกษา คน้ คว้าโดยการปฏบิ ัตจิ รงิ เปน็ รายบคุ คลหรือใช้

กระบวนการกล่มุ เกี่ยวกบั ทกั ษะการฟงั การดู การพดู การอา่ น การเขียน และหลกั การใชภ้ าษา

การวดั และประเมนิ ผล
การสงั เกต การฝึกปฏิบตั ิ การทดสอบ (แบบทดสอบ) และการประเมินชนิ้ งานในแต่ละกจิ กรรม

รายละเอียดคำอธบิ ายรายวิชา พท11001 ภาษาไทย จำนวน 3 หน่วยกติ
ระดบั ประถมศึกษา

มาตรฐานการเรียนร้รู ะดับ
ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อำเภอสวรรคโลก

หลกั สตู รการศึกษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 ระดบั ประถมศกึ ษา ห น้ า | 63

การฟงั การดู 1. เห็นความสำคัญของการฟัง และดู
2. สามารถจับใจความ และสรปุ ความจากเร่ืองทฟ่ี ังและดู
3. มีมารยาทในการฟงั และดู

การพดู 1. เห็นความสำคญั และลกั ษณะการพูดท่ีดี
2. สามารถพดู แสดงความรู้ ความคิด ความรูส้ กึ ในโอกาสต่างๆ ได้อยา่ งเหมาะสม
3. มีมารยาทใน การพดู

การอ่าน 1. เหน็ ความสำคญั ของการอา่ น ทงั้ การอ่านออกเสียงและอา่ นในใจ
2. สามารถอ่านได้อย่างถกู ตอ้ ง และอา่ นได้เรว็ เขา้ ใจความหมายของถอ้ ยคำ ขอ้ ความเน้ือเร่อื งทอ่ี า่ น
3. มีมารยาทในการอา่ นและนิสัยรกั การอ่าน

การเขยี น 1. เห็นความสำคัญของ การเขียนและประโยชนข์ องการคดั ลายมือ
2. สามารถเขยี นคำ คำคล้องจอง ประโยค และเขยี นบนั ทึกเรอ่ื งราว สื่อสาร เหตุการณ์ในชีวติ ประจำวนั ได้
3. มีมารยาทในการเขียนและนสิ ยั รักการเขยี น

หลกั การใช้ภาษา 1. สามารถสะกดคำ โดยนำเสยี งและรูปอักษรไทยประสมเปน็ คำอา่ นและเขยี นได้ถกู ต้องตามหลักการใช้
ภาษา

2. สามารถใชเ้ ครื่องหมายวรรคตอนไดถ้ กู ต้องและเหมาะสม
3. เขา้ ใจลักษณะของคำไทย คำภาษาถ่นิ และ คำภาษาต่างประเทศท่ีใช้ในภาษาไทย

วรรณคดี วรรณกรรม สามารถค้นควา้ เรอ่ื งราว ประโยชนแ์ ละคณุ ค่าของนิทาน นทิ านพนื้ บา้ น วรรณกรรมและ
วรรณกรรมท้องถ่นิ

ที่ หัวเรอื่ ง ตวั ชี้วัด เนอื้ หา จำนวน
1 การฟงั การดู (ชั่วโมง)
1. รู้และเขา้ ใจหลักการ ความสำคญั และ 1. หลักการ ความสำคญั และจุดมงุ่ หมายของ
จุดม่งุ หมายของการฟังและดู การฟงั และดู 2
2. จบั ใจความสำคญั และ สรุปความจาก 2. การจบั ใจความสำคญั จากการฟัง และดู
เรอื่ งที่ฟงั และดู 3. การสรปุ ความจากการฟังและดู 3
3. ปฏบิ ตั ิตนเปน็ ผมู้ ีมารยาทในการฟงั 4. มารยาทในการฟงั และดู 3
และดู 2

ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอำเภอสวรรคโลก

หลักสตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 ระดบั ประถมศกึ ษา ห น้ า | 64

ที่ หัวเรื่อง ตวั ชี้วัด เนอ้ื หา จำนวน
2. การพดู (ชัว่ โมง)
3. การอ่าน 1. เขา้ ใจหลักการ ความสำคัญและ 1. หลักการ ความสำคญั และจุดมงุ่ หมายของ
จดุ มุ่งหมายของลักษณะการพูดท่ีดี การพดู 2
4. การเขียน 2. การเตรียมการ และพูดแสดงความรู้ 2. การเตรยี มการพูดและลักษณะการพูดทด่ี ี 2
ความคิด ความรสู้ ึกไดอ้ ย่างเหมาะสม 3. การพูดในโอกาสตา่ ง ๆ 5
3. ปฏบิ ัตติ นเป็นผู้มมี ารยาทในการพดู - การพูดอวยพร - การพดู ขอบคุณ
- การพูดแสดงความเสยี ใจ ดีใจ 1
1. เขา้ ใจความสำคญั หลักการ และ - การพูดต้อนรับ - การพูดรายงาน 4
จดุ มงุ่ หมายของการอ่านท้งั อา่ นออกเสียง 4. มารยาทในการพูด
และอา่ นในใจ 1. ความสำคัญ หลักการ และจุดมุง่ หมายของ 16
2. อา่ นออกเสียงคำ ข้อความ บทความ การอ่านออกเสยี งและ การอ่านในใจ
บทสนทนาเร่อื งส้ัน บทรอ้ ยกรองและบท 12
รอ้ งเลน่ บทกลอ่ มเดก็ 2. การอา่ นรอ้ ยแกว้
3. อธบิ ายความหมายของคำและข้อความที่ 2.1 การอา่ นออกเสียง 4
อา่ น 2.2 การอา่ นข้อความบทความ บทสนทนา 4
2
4. ปฏบิ ตั ติ นเป็นผมู้ ีมารยาทในการอา่ น เร่อื งส้ัน และบท กล่อมเดก็ 2
และมนี สิ ยั รกั การอ่าน 2.3 การอา่ นจบั ใจความสำคญั
2.4 การอา่ นเพอ่ื แสดงความคิดเหน็ และ 2
1. เขา้ ใจหลกั การเขยี น และเห็น 4
ความสำคญั ของการเขยี น สรุปความ
2. รูจ้ กั อักษรไทย เขียนสะกดคำ และรู้ 3. การอา่ นรอ้ ยกรอง 4
ความหมายของคำคำคลอ้ งจอง และ
ประโยค 3.1 การอา่ นคำคล้องจองบทกลอ่ มเด็ก
3. เขียนส่ือสารในชีวิตประจำวัน จดบนั ทึก นทิ าน เพลงพ้นื บา้ น
โดยใชค้ ำถูกตอ้ ง ชดั เจน 3.2 การอ่านกลอนสุภาพ
4. เขียนเรยี งความ ย่อความ จดหมาย ได้ 4. การเลอื กอ่านหนงั สอื และประโยชนข์ องการ
ตามรูปแบบ อ่าน
5. การสรา้ งนสิ ยั รักการอา่ น และมารยาทใน
การอ่านท่ดี ี
1. หลกั การเขียน ความสำคัญของการเขยี น

2. การเขยี นอกั ษรไทย (พยญั ชนะ สระ
วรรณยกุ ต์ ตวั เลขไทย)

3. การเขยี นสะกดคำและความหมายของคำ
4. การเขียนส่อื สาร
- การเขียนประวัติตนเอง
- การเขยี นบนั ทึกประจำวนั
- การเขยี นเล่าเร่อื ง ข่าว เหตกุ ารณ์
5. การเขยี นตามรปู แบบ

ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อำเภอสวรรคโลก

หลักสตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 ระดบั ประถมศึกษา ห น้ า | 65

ท่ี หัวเรอ่ื ง ตัวชีว้ ัด เน้ือหา จำนวน
(ชัว่ โมง)

5. เขียนรายงานการค้นคว้า สามารถอ้างองิ - การเขยี นเรยี งความ - การเขยี นย่อความ

แหลง่ ความรู้ - การเขียนจดหมาย (การใชจ้ ดหมาย

อเิ ลก็ ทรอนิกส์)

6. การเขยี นรายงานการคน้ ควา้ และอ้างอิง 2

6. กรอกแบบรายการตา่ งๆ ความรู้

7. การเขยี นกรอกรายการ (แบบฟอร์ม) 2

7. ปฏบิ ัติตนเปน็ ผู้มมี ารยาทในการเขียน 8. การปฏบิ ัตติ นเปน็ ผู้มมี ารยาท ในการเขียน 2

และมีการ จดบนั ทึกอย่างสม่ำเสมอ และ มีนสิ ยั รกั การเขียน

5. หลักการใชภ้ าษา 1. อธบิ ายการใชเ้ สียง และรปู อักษรไทย 1. เสียงและรปู อกั ษรไทย (พยัญชนะ สระ และ 1

อกั ษร 3 หมู่ และการผนั วรรณยกุ ต์ วรรณยกุ ต์) 3
1
2. อธิบายเก่ยี วกับคำ การสะกดพยางค์ คำ 2. การผนั อักษร 3 หมู่(ไตรยางศ์) 2
3
และประโยคไดถ้ กู ตอ้ ง 3. พยางคแ์ ละคำ 2
1
3. ใชเ้ คร่อื งหมายวรรคตอนและอักษรยอ่ ได้ 4. คำในมาตราตวั สะกด 9 มาตรา 1
3
ถูกตอ้ ง 5. ชนดิ และหนา้ ทข่ี องคำ 7ชนดิ
1
4. บอกวิธกี ารใช้ และประโยชน์ของการใช้ 6. โครงสรา้ งและชนดิ ของประโยค
2
พจนานกุ รม 7. เคร่อื งหมายวรรคตอน
5
5. บอกความหมายของสำนวน คำพังเพย 8. การใชพ้ จนานกุ รม
15
สภุ าษิต คำราชาศัพท์ คำสุภาพ และ 9. ความหมายและการใชส้ ำนวน คำพงั เพย

นำไปใชไ้ ด้ถกู ต้อง เหมาะสม สุภาษิต คำราชาศัพท์และคำสภุ าพ

6. บอกลกั ษณะคำไทย คำภาษาถิ่น และ 10. การใชภ้ าษาทเี่ หมาะสม กบั บคุ คล

คำภาษาตา่ งประเทศทีม่ ีใชใ้ นภาษาไทย สถานการณ์ วฒั นธรรม ประเพณี

11. ลักษณะของคำไทยคำภาษาถิ่น คำภาษา

ตา่ งประเทศที่มีใชใ้ นภาษาไทย

6. วรรณคดี อธิบายถึงประโยชนแ์ ละคุณคา่ ของนทิ าน 1. เร่อื งราว นทิ าน นิทานพ้นื บา้ นและ

วรรณกรรม นิทานพน้ื บา้ น วรรณกรรมและวรรณกรรม วรรณกรรมทอ้ งถ่นิ

ในท้องถ่ิน 2. เร่ืองราววรรณคดที ่มี ี ความหลากหลาย

- กลอนบทละคร(สงั ข์ทอง)

- กลอนนิทาน (พระอภัยมณี)

- กลอนเสภา (ขุนช้าง ขุนแผน)

คำอธบิ ายรายวชิ า พว11001 วิทยาศาสตร์ จำนวน 3 หนว่ ยกิต
ระดบั ประถมศึกษา

มาตรฐานการเรียนร้รู ะดบั

ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อำเภอสวรรคโลก

หลักสตู รการศึกษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 ระดับ ประถมศึกษา ห น้ า | 66

มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ ทกั ษะ และเห็นคุณคา่ เกยี่ วกบั กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี สิ่งมีชีวิต ระบบนเิ วศ
ทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม ในทอ้ งถ่นิ สาร แรง พลงั งาน กระบวนการเปลี่ยนแปลงของโลก และดาราศาสตร์
มีจิตวทิ ยาศาสตร์และนำความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ในการดำเนินชวี ติ

ศึกษาและฝกึ ทกั ษะเกยี่ วกบั เรื่องตอ่ ไปน้ี
1. กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
ธรรมชาติของวทิ ยาศาสตร์ กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ วิธีการทางวิทยาศาสตร์ ทักษะกระบวนการทาง

วิทยาศาสตร์ เจตคติทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และโครงงานวิทยาศาสตร์
2. สง่ิ มชี วี ิตและส่ิงแวดลอ้ ม สิง่ มีชวี ิต ระบบนเิ วศ ทรัพยากรธรรมชาติ สิง่ แวดลอ้ มและการอนรุ กั ษ์

ปรากฏการณท์ างธรรมชาติ
3. สารเพอ่ื ชวี ติ สมบตั ิของสาร การแยกสาร สารในชีวติ ประจำวนั การเลอื กซ้อื และการเลอื กใชไ้ ดอ้ ยา่ ง

ถูกตอ้ งเหมาะสมและปลอดภัย
4. แรงและพลังงานเพื่อชวี ิต แรงและการเคลอ่ื นทข่ี องแรง พลังงานในชีวิตประจำวัน และการอนรุ ักษพ์ ลงั งาน
5. ดาราศาสตร์เพ่อื ชวี ติ ความสมั พันธ์ระหว่างดวงอาทติ ย์ โลก และดวงจนั ทร์

เพ่ือใหผ้ เู้ รียนเกดิ ความรู้ ความเข้าใจ ความคดิ และทกั ษะ มีความสามารถในการตดั สินใจนำความรู้ไปใชใ้ น
ชีวติ ประจำวัน มีจติ วิทยาศาสตร์ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม และคา่ นยิ มที่เหมาะสม

การจัดประสบการณก์ ารเรียนรู้
ใหผ้ ู้เรยี น ศึกษา ค้นควา้ สำรวจ ตรวจสอบ ทดลอง จำแนก อธิบาย อภิปราย นำเสนอดว้ ยการจัดกระบวนการ

เรียนรูด้ ว้ ยการพบกล่มุ การสอนเสริม การเรียนรดู้ ้วยตนเอง การรายงาน การศกึ ษาจากแหลง่ เรยี นรู้ ประสบการณ์ตรงโดย
ใช้สถานการณ์จริง ปรากฏการณธ์ รรมชาติ และประสบการณ์จากผู้เรยี น

การวดั และประเมนิ ผล
ประเมนิ จากการสังเกต การอภิปราย การสมั ภาษณ์ ทักษะปฏิบตั ิ รายงานการทดลอง การมีสว่ นรว่ มใน

กจิ กรรมการเรียนรู้ ผลงาน การทดสอบ การประเมนิ การนำไปใช้ประโยชนใ์ นชีวิตประจำวนั

รายละเอยี ดคำอธิบายรายวชิ า พว11001 วทิ ยาศาสตร์ จำนวน 3 หน่วยกิต
ระดบั ประถมศกึ ษา

มาตรฐานการเรยี นร้รู ะดบั

ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอำเภอสวรรคโลก

หลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 ระดับ ประถมศกึ ษา ห น้ า | 67

มีความรู้ ความเขา้ ใจ ทักษะ และเหน็ คณุ คา่ เก่ียวกบั กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สิ่งมชี ีวติ ระบบนิเวศ

ทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม ในทอ้ งถนิ่ สาร แรง พลงั งาน กระบวนการเปล่ยี นแปลงของโลก และดาราศาสตร์ มี

จิตวทิ ยาศาสตร์และนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ในการดำเนนิ ชีวิต

ที่ หัวเรอ่ื ง ตัวช้ีวัด เนื้อหา จำนวน
1 กระบวนการทาง 1. อธิบายธรรมชาติและความสำคัญ 1.ธรรมชาติของวิทยาศาสตร์ (ช่วั โมง)

3

วิทยาศาสตร์ และ ของวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 1.1 ความหมายและความสำคัญของ

เทคโนโลยี 2. อธบิ ายกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์

1.1 กระบวนการทาง 3. นำความรู้ และกระบวนการทาง 1.2 กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

วทิ ยาศาสตร์ และ วทิ ยาศาสตร์ไปใชแ้ ก้ปัญหาตา่ งๆ 1.2.1 วิธกี ารทางวิทยาศาสตร์ 5 ขนั้

เทคโนโลยี 4. เกิดเจตคติทางวทิ ยาศาสตร์ 1.2.2 ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

5. มจี ิตวิทยาศาสตร์ 13 ทกั ษะ

6. เลือกใช้เทคโนโลยไี ด้อยา่ งเหมาะสม 1.2.3 เจตคติทางวิทยาศาสตร์ 6 ลักษณะ

7. ใช้อุปกรณท์ างวทิ ยาศาสตร์บางชนิด 1.2.4 จติ วิทยาศาสตร์

2. เทคโนโลยี

2.1 ความหมายและความสำคัญ

2.2 เทคโนโลยกี บั ชวี ติ

3. อุปกรณว์ ิทยาศาสตร์

3.1 ประเภท

3.2 วธิ ใี ช้อปุ กรณ์

1.2 โครงงานวิทยาศาสตร์ 1. อธบิ ายประเภท การเลือกหวั ข้อ 1. ประเภทของโครงงาน 2

วธิ ดี ำเนินการ และการนำเสนอโครงงาน 2. การเลอื กหวั ข้อโครงงาน

2. นำความร้เู ก่ียวกับกระบวนการทาง 3. การเขียนโครงงาน

วิทยาศาสตร์ และโครงงานไปใช้ 4. การวางแผน และการทำโครงงาน

3. เกดิ กระบวนการกลุ่ม 5. การนำเสนอโครงงาน

2 สิ่งมชี ีวติ และส่ิงแวดล้อม 1. บอกลักษณะและการจดั กลมุ่ ของ 1. ลกั ษณะและการจัดกลุม่ ของสิ่งมชี วี ิต 20

2.1 สง่ิ มชี วี ิต สิ่งมีชวี ติ ในทอ้ งถนิ่ 2. พืช

2. อธบิ ายเกย่ี วกับประเภทของพชื 2.1 ประเภทของพชื

ลกั ษณะภายนอกและหน้าท่ีของราก ลำ 2.2 ลกั ษณะภายนอกของสว่ นประกอบ

ตน้ ใบ ดอก และผลของพชื ท้องถนิ่ ที่ ตา่ งๆ ของพชื

เหมาะสมตอ่ การดำรงชวี ิตใน 2.3 หน้าที่ของส่วนประกอบของพืช

สง่ิ แวดล้อมทีแ่ ตกตา่ งกัน 2.4 ปัจจัยท่จี ำเป็นต่อการดำรงชวี ิตของพชื

3. อธิบายเกี่ยวกบั ปัจจยั ทีจ่ ำเป็นตอ่ การ 2.5 การขยายพนั ธพุ์ ืช

ดำรงชวี ติ ของพชื

4. อธิบายวิธีการขยายพันธพ์ุ ชื ดว้ ย 2.6 พชื ในท้องถิน่

วิธีการตา่ งๆ 3. สัตว์

5. จำแนกพชื ในท้องถน่ิ 3.1 การแบ่งประเภทของสัตว์

6. อธบิ ายเกี่ยวกับประเภท โครงสร้าง 3.2 โครงสรา้ งและหน้าท่ีของอวยั วะของสัตว์

และหน้าทีข่ องสัตว์ท้องถ่ินท่เี หมาะสม

ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอำเภอสวรรคโลก

หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดับการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551 ระดบั ประถมศกึ ษา ห น้ า | 68

ท่ี หัวเร่อื ง ตวั ชีว้ ดั เนือ้ หา จำนวน
(ชั่วโมง)

ตอ่ การดำรงชวี ติ ในสงิ่ แวดล้อมท่ี 3.3 ปจั จัยท่จี ำเป็นต่อการเจริญเติบโตของ

แตกตา่ งกนั สัตว์

7. อธบิ ายเกย่ี วกับปัจจัยทจ่ี ำเปน็ ต่อการ 3.4 การขยายพันธุส์ ัตว์และการนำไปใช้

ดำรงชีวิตของสตั ว์และการนำความร้ไู ป ประโยชน์

ใช้ประโยชน์

8. อธบิ ายการขยายพนั ธสุ์ ตั ว์ และนำ

ความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์

2.2 ระบบนิเวศ 1.อธิบายความสัมพันธข์ องกลมุ่ ส่งิ มชี ีวติ 1. ความเปน็ อยขู่ องส่งิ มีชีวติ ในท้องถิ่น 10

ต่างๆ กบั สภาพแวดลอ้ ม 1.1 แหล่งทอี่ ยอู่ าศยั

1.2 ความสมั พนั ธข์ องส่ิงมชี วี ิตกับสิง่ มชี วี ิต

1.3 ความสมั พันธข์ องกลุ่มสง่ิ มชี วี ติ กบั

สภาพแวดลอ้ ม

2. อธิบายความสัมพนั ธ์ของสิ่งมีชวี ิตใน 2. หว่ งโซ่อาหาร

หว่ งโซ่อาหาร 2.1 ความสมั พันธข์ องสง่ิ มชี วี ติ ในหว่ งโซ่

อาหาร

2.2 การถา่ ยทอดพลงั งานจากผู้ผลติ สู่

ผู้บรโิ ภค

3. อธบิ ายความสมั พนั ธร์ ะหว่าง 3. ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งสภาพแวดลอ้ มกบั

สภาพแวดลอ้ มในท้องถิ่นกบั การ การดำรงชวี ิตของสิ่งมชี วี ติ

ดำรงชีวติ ของส่งิ มชี ีวติ 3.1 สภาพแวดล้อมทเ่ี หมาะสมของสงิ่ มีชีวิต

ในแตล่ ะแหลง่ ทอ่ี ยู่

3.2 ความสามารถในการปรบั ตวั ใหเ้ ข้ากับ

ส่งิ แวดล้อม

2.3 ทรพั ยากร 1. อธิบายความหมาย และประเภทของ 1. ทรพั ยากรธรรมชาติ 10

ธรรมชาติ ส่ิงแวดลอ้ มและ ทรพั ยากรธรรมชาติ 1.1 ความหมายและประเภท

การอนุรกั ษ์ 2. อธิบายเกีย่ วกบั การใช้ 1.2 การใช้ทรพั ยากรธรรมชาตใิ นทอ้ งถ่นิ

ทรพั ยากรธรรมชาตผิ ลกระทบ และการ 1.3 ผลกระทบจากการใชร้ พั ยากรธรรมชาติ

ดูแลรกั ษาทรพั ยากรธรรมชาติ ในท้องถิ่น

3. อธิบายความหมาย และประเภทของ 1.4 การดูแลรักษา

ส่ิงแวดลอ้ ม 2. สิ่งแวดลอ้ ม

4. อธบิ าย การเปลีย่ นแปลงสงิ่ แวดล้อม 2.1 ความหมายและประเภท

ในทอ้ งถ่นิ และเสนอแนวทางปอ้ งกัน 2.2 การเปล่ียนแปลงส่งิ แวดลอ้ มในทอ้ งถน่ิ

และแกไ้ ข 2.3 การปอ้ งกนั และแกไ้ ขปญั หาส่ิงแวดล้อม

ในท้องถ่นิ

2.4 สภาวะโลกรอ้ นสาเหตแุ ละผลกระทบ

การปอ้ งกนั และแกไ้ ขปญั หาโลกร้อน

ศนู ย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อำเภอสวรรคโลก

หลกั สูตรการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ระดบั ประถมศึกษา ห น้ า | 69

ท่ี หวั เร่อื ง ตวั ชี้วดั เน้อื หา จำนวน
2.4 ปรากฏการณท์ าง 1. อธิบายการเกิดเมฆ หมอก น้ำค้าง 1.การเกิดปรากฏการณท์ างธรรมชาติ (ช่วั โมง)

5

ธรรมชาติ ฝน และลูกเหบ็ 1.1 เมฆ 1.2 หมอก 1.3 น้ำค้าง

1.4 ฝน 1.5 ลูกเหบ็

1.6 กรณศี ึกษาน้ำค้างแขง็ สาเหตุและ

ผลกระทบ

2. บอกสภาพอากาศของท้องถ่ิน 2. การรายงานสภาพอากาศของทอ้ งถน่ิ

3 สารเพอ่ื ชวี ติ 1. อธิบายความหมายความสำคัญและ 1. ความหมาย ความสำคัญและความจำเป็น 10

3.1 สารและสมบัติของสาร ความจำเปน็ ในการใชส้ าร ในการใชส้ าร

2. อธบิ ายสมบัติทว่ั ไปของสาร 2. สมบตั ทิ ่ัวไปของสาร

3. จำแนกสารโดยใชส้ ถานะและการ 3. สถานะของสาร

จดั เรยี งอนภุ าค 4. การจัดเรียงอนุภาคของสาร

4. อธบิ ายปัจจัยท่มี ผี ลตอ่ การเปล่ียน 5. ปัจจัยท่ีมีผลต่อการเปลี่ยนสถานะของ

สถานะของสาร สาร

3.2 การแยกสาร 1. อธิบายวิธกี ารและกระบวนการแยก 1. การแยกสาร 10

สาร 1.1 การกรองแบบต่าง ๆ 1.2 การกลัน่

1.3 การระเหย 1.4 การตกตะกอน

1.5 การตกผลึก 1.6 การกลั่นลำดับสว่ น

1.7 การระเหิดหรือการระเหยแหง้

2. เลอื กใช้วธิ กี ารแยกสารท่เี หมาะสม 1.8 โครมาโตกราฟี

และนำมาใช้ 2. การแยกสารท่ีใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั

3.3 สารในชวี ิตประจำวนั 1. อธบิ ายสมบตั ิของสารทน่ี ำมาใชใ้ น 1. สมบัตขิ องสารท่ีใชใ้ นชวี ติ ประจำวัน 15

ชวี ติ ประจำวนั 2. การเข้าสรู่ า่ งกายของสาร

2. อธิบายการเขา้ สรู่ า่ งกายของสาร 3. ประเภทของสารที่พบในชีวติ ประจำวนั

3. จำแนกประเภทของสาร และ 4. สาร และผลติ ภัณฑข์ องสารทใ่ี ชใ้ น

ผลติ ภณั ฑ์ทีพ่ บในชวี ิตประจำวนั ชวี ิตประจำวัน

4. อธิบายวธิ กี ารใช้สารในชีวติ ประจำวัน 4.1 สารทำความสะอาด

บางชนิดและผลกระทบที่เกดิ ตอ่ ชวี ติ 4.2 สารทางการเกษตร

และสิง่ แวดลอ้ ม 4.3 ยารกั ษาโรค

5. เลอื กซ้ือและเลอื กใชส้ ารไดถ้ กู ต้อง 4.4 สารปรงุ แต่ง และสารปนเป้ือน

และเหมาะสม 4.5 ผลติ ภัณฑเ์ สริมความงาม

5 ผลกระทบทีเ่ กิดจากการใชส้ ารต่อชวี ติ

และส่ิงแวดลอ้ ม

6.การเลือกซือ้ และการเลอื กใชส้ าร

4 แรงและพลงั งาน 1. อธิบายความหมาย หน่วย ประเภท 1. ความหมาย หน่วย และประเภทของแรง 15

เพือ่ ชวี ติ ของแรง ผลท่เี กิดจากการกระทำของ 2. ผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุ และ

4.1 แรงและการเคลอ่ื นที่ แรง ความดนั แรงลอยตวั แรงดึงดดู ประโยชน์ของแรง

ของแรง ของโลก และแรงเสยี ดทาน 3. ความดัน

ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอสวรรคโลก

หลักสตู รการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาขั้นพ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 ระดบั ประถมศกึ ษา ห น้ า | 70

ที่ หวั เร่ือง ตัวชวี้ ัด เนอื้ หา จำนวน
(ชัว่ โมง)

2. การนำแรงและการเคลอ่ื นท่ขี องแรง 3.1 ความหมาย 3.2 ความดันของของเหลว

ไปใชป้ ระโยชน์ในชวี ิตประจำวัน 3.3 ความดันของอากาศ

3.4 แรงลอยตัว

4. แรงดงึ ดดู ของโลกความหมาย ประโยชน์

และโทษของแรงดงึ ดดู ของโลก

5. แรงเสียดทาน

5.1 ความหมาย ประโยชนแ์ ละโทษของแรง

เสยี ดทาน

5.1 การนำแรงเสยี ดทานไปใช้ใน

ชีวติ ประจำวนั

4.2 พลังงานใน 1. อธิบายประเภทของพลังงานที่ 1. พลงั งาน และประเภทของพลงั งานที่ใช้ใน 15

ชีวติ ประจำวนั และการ เกยี่ วขอ้ งในชวี ติ ประจำวนั ชีวติ ประจำวนั

อนรุ กั ษ์พลงั งาน 2. อธิบายวิธีการใช้ไฟฟา้ ในบา้ น และ 2 .พลังงานไฟฟา้

ตอ่ วงจรไฟฟา้ 2.1 แหล่งกำเนิด 2.2 การเปลี่ยนรูป

อย่างง่าย 2.3 ไฟฟา้ ในบ้านวงจรไฟฟ้าอยา่ งง่าย

3. อธิบายเกย่ี วกบั การประหยดั และ 2.5 ความปลอดภัยในการใชไ้ ฟฟา้ ใน

อนุรักษพ์ ลังงานไฟฟ้า ครัวเรือน

4. บอกคุณสมบตั ิของแสงและอธิบาย 2.6 การประหยดั และอนรุ ักษพ์ ลังงานไฟฟา้

ปรากฏการณธ์ รรมชาตจิ ากแสง 3. พลังงานแสง

5. บอกคณุ สมบตั ขิ องเสียงและการ 3.1 แหล่งกำเนิดแสง

ป้องกันมลภาวะของเสยี ง 3.2 สมบตั ิของแสง

6. บอกคุณสมบตั ิและชนิดของ 3.3 ปรากฏการณ์ธรรมชาตขิ องแสง

พลงั งานทดแทนในชีวติ 4. พลงั งานเสยี ง

ประจำวัน 4.1 การเกดิ และสมบตั ิของเสียง

4.2 ความดงั และอันตรายทเ่ี กดิ จากเสยี ง

5. ดาราศาสตร์เพื่อชีวติ อธบิ ายอิทธิพลของดวงอาทิตย์ และดวง 1. การเกดิ กลางวัน กลางคนื 5

ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งดวง จันทรท์ ่มี ีผลต่อการเกดิ ปรากฏการณ์ 2. การเกิดขา้ งขน้ึ ข้างแรม

อาทิตย์ โลก และดวงจันทร์ ทางดาราศาสตร์บนโลก และการ 3. การเกิดสุรยิ ุปราคา และจันทรุปราคา

นำไปใชป้ ระโยชน์ได้ 4. การเกดิ ฤดกู าล

5. การเกดิ ลมบก ลมทะเล

คำอธิบายรายวิชา พว12010 การใชพ้ ลงั งานไฟฟา้ ในชีวิตประจำวนั 1
จำนวน 2 หนว่ ยกติ ระดับประถมศึกษา

มาตรฐานการเรยี นรูร้ ะดับ
ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั อำเภอสวรรคโลก

หลักสตู รการศึกษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551 ระดับ ประถมศึกษา ห น้ า | 71

มคี วามรู้ ความเข้าใจ ทกั ษะและเห็นคุณค่าเก่ยี วกับกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี สง่ิ มชี วี ิต ระบบนิเวศ
ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดลอ้ ม ในทอ้ งถิ่น สาร แรง พลังงาน กระบวนการเปลี่ยนแปลงของโลกและดาราศาสตร์ มีจติ
วทิ ยาศาสตร์และนำความรไู้ ปใช้ประโยชน์ในการดำเนินชีวติ

ศึกษาและฝึกทักษะเกี่ยวกบั เร่ืองดังตอ่ ไปน้ี
1. รจู้ ักโรงไฟฟา้
ความหมายและความสำคญั ของไฟฟ้า ประวตั ิความเปน็ มาของไฟฟ้าในประเทศไทย ประเภทของไฟฟ้า
2. พลังงานไฟฟา้ ของประเทศไทย
สถานการณพ์ ลังงานไฟฟ้าของประเทศไทย หนว่ ยงานทีเ่ กี่ยวข้องด้านพลงั งานไฟฟ้าในประเทศไทย
3. อุปกรณไ์ ฟฟา้ และวงจรไฟฟ้า
4. การประหยัดพลงั งานไฟฟ้า

การจัดประสบการณก์ ารเรยี นรู้
ให้ผเู้ รยี น ศกึ ษา คน้ ควา้ สำรวจ ตรวจสอบ ทดลอง จำแนก อธบิ าย อภิปราย นำเสนอดว้ ยการจัดกระบวนการ

เรยี นรดู้ ้วยการพบกลมุ่ การสอนเสริม การเรียนรู้ดว้ ยตนเอง การรายงาน การศึกษาจากแหล่งเรยี นรู้ ประสบการณ์ตรงโดยใช้
สถานการณจ์ ริง ปรากฏการณธ์ รรมชาติ และประสบการณ์จากผู้เรยี น

การวัดและประเมนิ ผล
ประเมินจากการสังเกต การอภปิ ราย การสัมภาษณ์ ทักษะปฏิบัติ รายงานการทดลอง การมีส่วนร่วม

ในกิจกรรมการเรียนรู้ ผลงาน การทดสอบ การประเมนิ การนำไปใช้ประโยชนใ์ นชวี ิตประจำวนั

รายละเอยี ดคำอธบิ ายรายวิชา พว12010 การใชพ้ ลังงานไฟฟ้าในชีวติ ประจำวนั 1
จำนวน 2 หน่วยกติ ระดับประถมศึกษา

มาตรฐานการเรยี นรรู้ ะดบั
มีความรู้ ความเข้าใจ ทักษะและเห็นคุณคา่ เก่ียวกบั กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี ส่ิงมชี ีวติ ระบบนิเวศ

ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ ม ในท้องถิ่น สาร แรง พลงั งาน กระบวนการเปลี่ยนแปลงของโลกและดาราศาสตร์ มีจติ
วทิ ยาศาสตรแ์ ละนำความรู้ไปใช้ประโยชนใ์ นการดำเนนิ ชวี ติ

ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอำเภอสวรรคโลก

หลักสตู รการศึกษานอกระบบระดับการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 ระดับ ประถมศึกษา ห น้ า | 72

ท่ี หวั เร่ือง ตัวชวี้ ดั เนอื้ หา จำนวน
1. ความหมาย และความสำคัญของไฟฟ้า (ช่ัวโมง)
1 ความหมายและความสำคญั ของ 1. บอกความหมายของไฟฟา้
4

ไฟฟ้า 2. บอกประโยชน์ของพลังงานไฟฟา้ 2. ประโยชนแ์ ละผลกระทบของพลงั งาน

3. บอกผลกระทบจากการขาดแคลน ไฟฟา้

พลงั งานไฟฟ้า 2.1 ประโยชน์และผลกระทบของพลงั งาน

ไฟฟ้าด้านคมนาคม

2.2 ประโยชนแ์ ละผลกระทบของพลังงาน

ไฟฟ้าด้านอตุ สาหกรรม

2.3 ประโยชนแ์ ละผลกระทบของพลงั งาน

ไฟฟ้าดา้ นเศรษฐกจิ

2.4 ประโยชน์และผลกระทบของพลังงาน

ไฟฟา้ ด้านเกษตรกรรม

2.5 ประโยชน์และผลกระทบของพลังงาน

ไฟฟา้ ดา้ นคุณภาพชวี ิต

2.6 ประโยชน์และผลกระทบของพลังงาน

ไฟฟ้าด้านบรกิ าร

2 ประวัตคิ วามเปน็ มาของไฟฟ้าใน บอกประวตั ิความเปน็ มาของไฟฟ้าใน ประวตั ิความเปน็ มาของไฟฟ้าในประเทศไทย 3

ประเทศไทย ประเทศไทย

3 ประเภทของไฟฟ้า บอกประเภทของไฟฟา้ 1. ประเภทของไฟฟ้า 3

1.1 ไฟฟา้ สถิต

1.2 ไฟฟา้ กระแส

1.2.1 ไฟฟา้ กระแสตรง

1.2.2 ไฟฟา้ กระแสสลับ

2. การกำเนิดของไฟฟ้า

2.1 ไฟฟา้ ทเ่ี กดิ จากการเสียดสขี องวัตถุ

2.2 ไฟฟา้ ที่เกดิ จากการทำปฏกิ ริ ยิ าทางเคมี

2.3 ไฟฟา้ ที่เกิดจากพลงั งานแสงอาทติ ย์

2.4 ไฟฟา้ ท่เี กิดจากพลงั งานแมเ่ หลก็ ไฟฟ้า

4 สถานการณพ์ ลงั งานไฟฟา้ ของ 1. บอกสดั ส่วนเช้อื เพลิงท่ใี ชใ้ นการผลติ 1. สัดส่วนการผลติ ไฟฟ้าจากเชอ้ื เพลงิ 15

ประเทศไทย ไฟฟา้ ของประเทศไทย ประเภทตา่ ง ๆ

2. บอกการใช้ไฟฟ้าในแตล่ ะช่วงเวลาใน 2. การใชไ้ ฟฟ้าในแต่ละช่วงเวลาในหนง่ึ วัน

หนง่ึ วนั 3. สภาพปจั จบุ นั และแนวโน้มการใช้พลงั งาน

3. อธิบายสถานการณ์พลงั งานไฟฟา้ ของ ไฟฟา้

ประเทศไทย

5 หน่วยงานทีเ่ กีย่ วข้องด้าน 1. ระบุช่ือและสังกดั ของหนว่ ยงานที่ หน่วยงานท่ีเกย่ี วข้องดา้ นพลงั งานไฟฟา้ ใน 5

พลังงานไฟฟา้ ในประเทศไทย เก่ียวข้องด้านพลังงานไฟฟา้ ในประเทศ ประเทศไทย ไดแ้ ก่

ไทย 1. คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน

(กกพ.)

ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอำเภอสวรรคโลก

หลักสตู รการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาขนั้ พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 ระดับ ประถมศกึ ษา ห น้ า | 73

ท่ี หวั เรื่อง ตวั ชว้ี ัด เนอื้ หา จำนวน
6 อุปกรณ์ไฟฟ้าและวงจรไฟฟา้ 2. บอกบทบาทหนา้ ทขี่ องหน่วยงานที่ (ชัว่ โมง)
เกีย่ วขอ้ งด้านพลงั งานไฟฟา้ 2. การไฟฟา้ ฝา่ ยผลติ แห่งประเทศไทย
7 การประหยดั พลังงานไฟฟ้า (กฟผ.) 30
1. บอกชอื่ และหนา้ ทขี่ องอปุ กรณ์ไฟฟา้ 3. การไฟฟา้ นครหลวง (กฟน.)
2. อธิบายการตอ่ วงจรไฟฟ้าแบบตา่ ง ๆ 4. การไฟฟา้ ส่วนภูมภิ าค (กฟภ.) 20
1. อุปกรณไ์ ฟฟา้
1. บอกกลยทุ ธก์ ารประหยดั พลังงาน 1.1 สายไฟ 1.2 ฟิวส์
ไฟฟ้า 1.3 อปุ กรณ์ตัดตอนหรอื เบรกเกอร์
2. จำแนกฉลากเบอร์ 5 ของแทก้ บั ของ 1.4 สวติ ซ์ 1.5 เครอื่ งตดั ไฟฟา้ ร่ัว
ลอกเลยี นแบบ 1.6 เต้ารบั เต้าเสยี บ
3. เลอื กใชเ้ ครื่องใช้ไฟฟ้าได้เหมาะสมกบั 2. วงจรไฟฟา้
สถานการณ์ทีก่ ำหนดให้ 2.1 แบบอนกุ รม 2.2 แบบขนาน
4. ปฏบิ ตั ิตนเปน็ ผู้ประหยัดพลังงาน 2.3 แบบผสม
ไฟฟา้ ในครวั เรอื น 3. สายดินและหลักดนิ
3.1 สายดิน 3.2 หลักดิน
1. กลยทุ ธก์ ารประหยดั พลงั งานไฟฟา้ 3 อ.

1.1 กลยทุ ธ์ อ. 1 อุปกรณป์ ระหยดั ไฟฟา้
1.2 กลยุทธ์ อ. 2 อาคารประหยัดไฟฟา้
1.3 กลยุทธ์ อ. 3 อุปนสิ ยั ประหยดั ไฟฟา้
2. แนวปฏบิ ตั กิ ารประหยัดพลงั งานไฟฟ้าใน
ครัวเรอื น

คำอธบิ ายรายวชิ า พว12011 วัสดุศาสตร์ 1
สาระความรู้พ้นื ฐาน จำนวน 2 หนว่ ยกิต (80 ชั่วโมง)

ระดบั ประถมศึกษา
มาตรฐานการเรยี นร้รู ะดบั

ศนู ย์การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อำเภอสวรรคโลก

หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 ระดับ ประถมศกึ ษา ห น้ า | 74

มคี วามรู้ความเข้าใจ ทกั ษะและเหน็ คุณคา่ เกย่ี วกบั กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี สง่ิ มชี วี ิต ระบบ
นิเวศ ทรัพยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดล้อมในท้องถนิ่ สาร แรง พลงั งาน กระบวนการเปลีย่ นแปลงของโลกและดาราศาสตร์ มี
จิตวิทยาศาสตรแ์ ละนำความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ในการดำเนนิ ชีวติ

ศึกษาและฝกึ ทกั ษะ
ศกึ ษาและฝกึ ทักษะเก่ียวกับเรอื่ งตอ่ ไปน้ี วัสดุในชีวิตประจำวัน สมบตั ขิ องวสั ดุ การเลือกใช้วสั ดใุ น

ชวี ิตประจำวัน และการจดั การและกำจัดวสั ดุทใ่ี ช้แลว้

การจัดประสบการณ์การเรียนรู้
จดั กจิ กรรมการเรยี นร้โู ดยการ บรรยาย ศกึ ษาคน้ ควา้ ด้วยตนเองจากสื่อท่ีเกีย่ วข้อง แหล่งเรยี นรูใ้ นชมุ ชน พบ

กลุม่ อภิปราย แลกเปลีย่ นเรียนรู้ ลงมือปฏิบตั ิจริงดว้ ยการ ทดลอง วิเคราะห์ และสรปุ การเรยี นร้ทู ี่ไดล้ งในเอกสารการเรียนรู้

ดว้ ยตนเอง (กรต.)

การวดั และประเมนิ ผล
ประเมนิ ความก้าวหน้าผ้เู รียนดว้ ยวธิ กี ารสงั เกต ซกั ถาม ตอบคำถาม ตรวจเอกสารการเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง (กรต.)

และประเมนิ ผลรวมผเู้ รยี นดว้ ยการตอบคำถามกิจกรรมทา้ ยหนว่ ยและใช้แบบทดสอบวดั ความรู้

รายละเอียดคำอธิบายรายวิชา พว12011 วสั ดุศาสตร์ 1 จำนวน 2 หน่วยกิต
ระดับประถมศึกษา

มาตรฐานการเรียนรรู้ ะดบั

ศูนย์การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอำเภอสวรรคโลก

หลกั สูตรการศกึ ษานอกระบบระดบั การศึกษาขั้นพ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 ระดับ ประถมศึกษา ห น้ า | 75

มคี วามร้คู วามเขา้ ใจ ทักษะและเหน็ คุณค่าเกยี่ วกบั กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ส่ิงมชี ีวติ ระบบ
นิเวศ ทรพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดลอ้ มในท้องถิ่น สาร แรง พลงั งาน กระบวนการเปล่ยี นแปลงของโลกและดาราศาสตร์ มี
จติ วทิ ยาศาสตร์และนำความรูไ้ ปใชป้ ระโยชนใ์ นการดำเนนิ ชวี ติ

ท่ี หัวเรือ่ ง ตวั ชวี้ ัด เน้อื หา จำนวน
(ชวั่ โมง)
1. วสั ดุในชวี ติ ประจำวัน 1. อธบิ ายความหมายของวัสดุศาสตร์ได้ 1. วสั ดุในชีวิตประจำวัน
10
2. จำแนกประเภทของวสั ดไุ ด้ 1.1 ความหมายของวสั ดศุ าสตร์ 30
20
3. บอกประโยชน์ของวัสดุทใ่ี ช้ใน 1.2 ประเภทของวสั ดุ
20
ชวี ติ ประจำวันได้ 1.3 ประโยชน์ของวัสดุ

2. สมบัตขิ องวัสดุ 1. อธบิ ายสมบตั ิของวัสดุชนิดต่าง ๆ ได้ 2. สมบตั ิของวสั ดุ

2. ทดลองและสรปุ ผลการทดลองสมบตั ิ 2.1 ความแข็ง 2.2 ความเหนียว

ของวัสดุชนิดตา่ ง ๆ ได้ 2.3 ความยดื หยนุ่ 2.4 การนำความร้อน

2.5 การนำไฟฟา้ 2.6 ความหนาแน่น

3. การเลอื กใช้และ 1. อธิบายความหมายผลิตภัณฑ์ทเี่ ป็น 3. การเลือกใช้วัสดใุ นชีวิตประจำวนั

ผลกระทบจากการใช้ มิตรต่อสิ่งแวดลอ้ มได้ 3.1 การเลือกใช้วสั ดทุ ่ีเปน็ มติ รต่อ

วัสดุ 2. อธบิ ายวิธีการเลอื กใช้วัสดุ สง่ิ แวดล้อม

ในชีวติ ประจำวนั ได้ 3.2 ผลกระทบจากการใชว้ สั ดุใน

3. อธิบายความหมายสัญลักษณ์ ชีวิตประจำวนั

ผลิตภณั ฑท์ ี่เปน็ มิตรตอ่ ส่งิ แวดล้อมได้

4. อธบิ ายผลกระทบท่ีเกิดจากการใช้

วสั ดุในชวี ิตประจำวนั ได้

5. ตระหนกั ถงึ ผลกระทบที่เกดิ จากการ

ใช้วสั ดุในชวี ติ ประจำวนั

4. การจัดการและกำจดั1. อธบิ ายความหมายและวธิ กี ารจดั การ 4. การจดั การและกำจดั วสั ดุ

วัสดุ วสั ดุท่ใี ชแ้ ลว้ ด้วยหลกั 3R ได้ ทีใ่ ชแ้ ลว้

ที่ใชแ้ ลว้ 2. อธิบายวิธีการกำจดั และทำลายวัสดุทใี่ ช้ 4.1 การจัดการวสั ดทุ ีใ่ ช้แลว้ ด้วยหลัก 3R

แลว้ ได้บอกระยะเวลาการยอ่ ยสลายของ 4.2 การกำจดั และทำลาย

วัสดทุ ใี่ ช้แลว้ ได้กำจัดวัสดุทใ่ี ชแ้ ลว้ อย่าง

ถูกต้องตามหลักสุขาภบิ าลได้

คำอธิบายรายวิชา พท12003 การอ่านเพอ่ื การเรียนรตู้ ลอดชีวิต จำนวน 1 หน่วยกิต
ระดับประถมศกึ ษา

มาตรฐานการเรียนร้รู ะดบั
การฟงั การดู

1. เหน็ ความสำคญั ของการฟังและดู
ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อำเภอสวรรคโลก

หลักสูตรการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 ระดบั ประถมศึกษา ห น้ า | 76

2. สามารถจบั ใจความ และสรปุ ความจากเรื่องท่ฟี ังและดู

3. มีมารยาทในการฟังและดู

การพูด
1. เหน็ ความสำคญั และลักษณะการพดู ท่ีดี

2. สามารถพดู แสดงความรู้ ความคิด ความรูส้ ึกในโอกาสต่างๆ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม

3. มีมารยาทในการพดู

การอา่ น
1. เหน็ ความสำคัญของการอา่ น ทง้ั การอา่ นออกเสียงและอ่านในใจ

2. สามารถอา่ นไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง และอ่านได้เร็ว เข้าใจความหมายของถอ้ ยคำ ข้อความเนอ้ื เร่ืองท่ีอา่ น

3. มมี ารยาทในการอ่านและนสิ ยั รกั การอา่ น

การเขยี น
1. เหน็ ความสำคัญของการเขยี นและประโยชนข์ องการคดั ลายมือ

2. สามารถเขยี นคำ คำคล้องจอง ประโยค และเขยี นบนั ทกึ เรือ่ งราว สื่อสาร เหตุการณ์ ในชวี ิตประจำวนั ได้

3. มีมารยาทในการเขยี นและนสิ ัยรกั การเขียน

หลกั การใช้ภาษา
1. สามารถสะกดคำ โดยนำเสยี งและรปู อกั ษรไทยประสมเป็นคำอา่ นและเขยี นไดถ้ ูกตอ้ งตามหลักการใชภ้ าษา

2. สามารถใช้เครื่องหมายวรรคตอนไดถ้ ูกต้องและเหมาะสม

3. เขา้ ใจลกั ษณะของคำไทย คำภาษาถ่นิ และคำภาษาต่างประเทศที่ใชใ้ นภาษาไทย

วรรณคดี วรรณกรรม
สามารถคน้ ควา้ เรื่องราว ประโยชนแ์ ละคุณคา่ ของนทิ าน นทิ านพนื้ บ้าน วรรณกรรมและวรรณกรรมท้องถ่นิ

ศึกษาและฝึกทกั ษะเกย่ี วกบั เรอื่ งต่อไปนี้
หลักการอา่ น ความสำคญั การอ่าน ประโยชน์ของการอ่านหนงั สือ การอา่ นเพื่อความรู้ ความจำ ความเขา้ ใจ การ

นำไปใช้ การวิเคราะห์ การสรุปเรอื่ งและประเมนิ ค่า ตลอดจนการอา่ นแผนที่ แผนผังและปา้ ยบอกทาง การเลือกหนงั สืออา่ น

เพ่อื ความบันเทิง

การจัดประสบการณก์ ารเรยี นรู้
อธบิ ายหลกั การอ่าน ความสำคญั การอ่าน ประโยชนข์ องการอ่าน ค้นคว้า รวบรวมหนังสืออ่านท่ีสนใจ วิธกี ารอา่ น

เพื่อความรู้ ความจำ ความเข้าใจ การนำไปใช้ การวิเคราะห์ การสรปุ เรอ่ื งและการประเมนิ ผล พร้อมยกตวั อย่าง แล้วให้
ผ้เู รียนฝึกอ่านและปฏบิ ตั ิ

อธิบายวธิ ีการอา่ นแผนที่ แผนผัง และปา้ ยบอกทาง ใช้แผนที่ แผนผงั ประกอบ แล้วให้ผู้เรยี นปฏิบัติ ผู้เรียนระดม
สมอง บอกหนงั สือทีค่ วรอา่ น มีคุณค่าอยา่ งไร บอกหนังสอื ทไี่ มค่ วรอ่าน ส่งผลรา้ ยอย่างไร

ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอำเภอสวรรคโลก

หลักสตู รการศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ระดบั ประถมศกึ ษา ห น้ า | 77

การวดั และประเมินผล หลกั การ ความสำคญั ของการอา่ น ประโยชน์ของการอ่าน การอ่านเพือ่
ทดสอบความรู้ : ความรคู้ วามจำ ความเข้าใจ นำไปใช้ เพ่ือวเิ คราะห์ สรปุ เรอื่ ง ประเมนิ คา่
การอ่านแผนที่ แผนผัง ปา้ ยบอกทาง
ตรวจ : ผลงานการปฏิบัติ
สังเกต : การอา่ น การระดมสมอง

รายละเอียดคำอธิบายรายวิชา พท12003 การอ่านเพ่ือการเรียนร้ตู ลอดชีวติ จำนวน 1 หน่วยกิต
ระดบั ประถมศกึ ษา

มาตรฐานการเรียนรู้ระดับ
การฟงั การดู 1. เหน็ ความสำคัญของการฟงั และดู

2. สามารถจับใจความ และสรุปความจากเรือ่ งที่ฟังและดู
3. มมี ารยาทในการฟงั และดู

ศูนยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอสวรรคโลก


Click to View FlipBook Version