ดบั การศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551
ประกอบอาชีพการสวนส้มเขยี วหวาน )
รหสั วิชา วิชาบงั คบั หมายเหตุ
รายวิชา หน่วยกิต
พว32023 การใชพ้ ลงั งานไฟฟา้ ในชีวิตประจำวนั 3
อช230703 การดแู ลรักษาสวนส้มเขยี วหวานในชว่ ง 3 ปขี น้ึ ไป 3
อช230704 การศึกษาเรียนร้จู ากผู้ประสบสำเรจ็ ในอาชพี สวนส้มเขยี วหวาน 2
อช230705 การขยายพันธส์ุ ้มเขยี วหวาน 2
สค23019 แหล่งท่องเทย่ี วทีส่ ำคัญของจังหวดั สโุ ขทยั 3
สค23026 การเงนิ เพอ่ื ชีวติ 3
รวม 16
25
โครงสรา้ งหลกั สูตรการศึกษานอกระบบระด
ระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน้ ( สำหรับผปู้
ที่ สาระการเรยี นรู้ วชิ าบงั คับ
รหัสวชิ า รายวชิ า หนว่ ยกติ
5
1 ทกั ษะการเรียนรู้ ทร21001 ทักษะการเรียนรู้ 4
4
2 ความรูพ้ ื้นฐาน พค21001 คณติ ศาสตร์ 4
4
พต21001 ภาษาอังกฤษเพอ่ื ชวี ติ และสงั คม 2
4
พท21001 ภาษาไทย 1
1
พว21001 วทิ ยาศาสตร์ 2
2
3 การประกอบอาชพี อช21001 ช่องทางการขยายอาชีพ 3
2
อช31002 ทักษะการขยายอาชีพ 1
อช31003 การพัฒนาอาชพี ให้มีความมนั่ คง
4 ทกั ษะการดำเนินชีวิต ทช21001 เศรษฐกจิ พอเพียง
ทช31002 สขุ ศกึ ษา พลศึกษา
ทช31003 ศลิ ปศึกษา
5 การพัฒนาสังคม สค21001 สังคมศกึ ษา
สค31002 ศาสนาและหนา้ ทพี่ ลเมอื ง
สค31003 การพฒั นาตนเองชมุ ชนสงั คม
รวม 40
ดับการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน พุทธศักราช 2551
ประกอบอาชีพการทำสวนยางพารา )
รหสั วชิ า วิชาบังคับ หมายเหตุ
รายวิชา หน่วยกิต
พว32023 การใช้พลังงานไฟฟา้ ในชีวติ ประจำวัน 3
อช230707 การทำปยุ๋ สำหรบั ยางพารา 3
อช230708 โรค ศัตรแู ละอาการผิดปกตขิ องยางพารา 2
อช230709 การดูแลสวนยางและบำรุงดนิ 3
สค23019 แหลง่ ทอ่ งเที่ยวทสี่ ำคัญของจังหวัดสุโขทยั 3
สค23026 การเงินเพอ่ื ชีวติ 3
รวม 16
26
โครงสร้างหลกั สูตรการศึกษานอกระบบระด
ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนต้น ( สำหรับผปู้ ระ
ที่ สาระการเรียนรู้ วชิ าบังคับ
รหัสวชิ า รายวชิ า หน่วยกิต
5
1 ทกั ษะการเรยี นรู้ ทร21001 ทกั ษะการเรียนรู้ 4
4
2 ความรพู้ น้ื ฐาน พค21001 คณติ ศาสตร์ 4
4
พต21001 ภาษาองั กฤษเพื่อชีวิตและสงั คม 2
4
พท21001 ภาษาไทย 1
1
พว21001 วิทยาศาสตร์ 2
2
3 การประกอบอาชพี อช21001 ช่องทางการขยายอาชีพ 3
2
อช31002 ทักษะการขยายอาชีพ 1
อช31003 การพัฒนาอาชีพให้มีความม่นั คง
4 ทักษะการดำเนินชีวิต ทช21001 เศรษฐกิจพอเพยี ง
ทช31002 สขุ ศกึ ษา พลศกึ ษา
ทช31003 ศลิ ปศึกษา
5 การพฒั นาสังคม สค21001 สงั คมศึกษา
สค31002 ศาสนาและหนา้ ที่พลเมือง
สค31003 การพฒั นาตนเองชุมชนสงั คม
รวม 40
ดบั การศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551
ะกอบอาชีพลกู จา้ งในสถานประกอบการ )
รหัสวชิ า วิชาบังคับ หมายเหตุ
รายวชิ า หน่วยกิต
พว32023 การใช้พลังงานไฟฟา้ ในชีวิตประจำวัน 3
อช230710 ความปลอดภยั ในการทำงาน 2
อช230711 วนิ ัยในการปฏิบัติงานของลูกจ้างในสถานประกอบการ 2
อช230712 การพัฒนาศกั ยภาพในการทำงานของลกู จา้ งในสถานประกอบการ 3
สค23019 แหล่งท่องเท่ียวท่สี ำคญั ของจงั หวดั สโุ ขทัย 3
สค23026 การเงินเพ่อื ชวี ิต 3
รวม 16
27
โครงสรา้ งหลกั สตู รการศึกษานอกระบบระด
ระดับมัธยมศึกษาตอนตน้ ( สำห
ที่ สาระการเรยี นรู้ วิชาบงั คบั
รหสั วชิ า รายวชิ า หน่วยกติ
5
1 ทกั ษะการเรยี นรู้ ทร21001 ทักษะการเรยี นรู้ 4
4
2 ความรพู้ ้นื ฐาน พค21001 คณติ ศาสตร์ 4
4
พต21001 ภาษาอังกฤษเพ่อื ชวี ติ และสังคม 2
4
พท21001 ภาษาไทย 1
1
พว21001 วทิ ยาศาสตร์ 2
2
3 การประกอบอาชีพ อช21001 ชอ่ งทางการขยายอาชีพ 3
2
อช31002 ทกั ษะการขยายอาชพี 1
อช31003 การพัฒนาอาชพี ให้มีความมนั่ คง
4 ทักษะการดำเนินชีวติ ทช21001 เศรษฐกิจพอเพียง
ทช31002 สขุ ศึกษา พลศกึ ษา
ทช31003 ศิลปศกึ ษา
5 การพัฒนาสังคม สค21001 สังคมศึกษา
สค31002 ศาสนาและหนา้ ทพี่ ลเมอื ง
สค31003 การพฒั นาตนเองชุมชนสงั คม
รวม 40
ดบั การศึกษาข้ันพนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551
หรับผูป้ ระกอบอาชพี การทำนา )
รหัสวชิ า วชิ าบงั คบั หมายเหตุ
รายวชิ า หน่วยกิต
พว32023 การใชพ้ ลังงานไฟฟา้ ในชีวิตประจำวัน 3
อช230714 การปลกู ขา้ วนาปี 4
อช230715 การปลูกขา้ วนาปรัง 4
สค23019 แหล่งท่องเท่ยี วที่สำคญั ของจงั หวัดสโุ ขทัย 3
สค23026 การเงินเพ่อื ชีวิต 3
รวม 17
28
หลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551 ระดับ มัธยมศึกษาตอนต้น 39
สาระความรู้พื้นฐาน
หลกั สูตรการศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น
40
หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 ระดับ มัธยมศกึ ษาตอนต้น 41
วิชาภาษาไทย
เป้าหมายการเรียนรู้
ระดับมัธยมศึกษาตอนตน้
1. เข้าใจเก่ียวกับการฟัง การสังเกต การอ่าน พูด เขียน ด้วยประโยคที่ซับซ้อนและการ
ถ่ายทอดในชีวติ ประจำวนั และการประกอบอาชพี
2. จัดระบบความสัมพันธ์ของการติดต่อสื่อสารด้วยประโยคที่ซับซ้อนในชีวิตประจำวัน และการ
ประกอบอาชีพ
3. มีทักษะในการสอ่ื สารตามหลกั การใชภ้ าษาไทยไดถ้ กู ตอ้ ง
มาตรฐานการเรยี นร้รู ะดับผลการเรยี นรู้ท่ีคาดหวงั
มาตรฐานที่ 2.1 มีความรู้ ความเข้าใจ และทักษะพน้ื ฐานเก่ยี วกับภาษาและการสอื่ สาร
มาตรฐานการเรียนรู้ ผลการเรยี นรทู้ ี่คาดหวัง
การฟัง การดู
1. สามารถสรปุ ความ จบั ประเด็นสำคญั ของเร่อื งที่ 1. สรุปความ จบั ประเดน็ สำคญั ของเร่ืองทฟ่ี ัง และดู
2. วิเคราะห์ความน่าเชื่อถอื จากการฟัง และดูสอื่ โฆษณาและ
ฟังและดู ข่าวสารประจำวนั อย่างมีเหตุผล
3. วิจารณก์ ารใช้น้ำเสียง กริ ิยาทา่ ทาง ถ้อยคำของ ผ้พู ูดอย่างมี
2. วิเคราะห์ แยกแยะข้อเท็จจริง ขอ้ คิดเห็นและ เหตุผล
4. ปฏิบตั ิตนเปน็ ผมู้ มี ารยาทในการฟัง และดู
จดุ ประสงคข์ อง เร่ืองทีฟ่ ัง และดู
3. สามารถแสดงทรรศนะและ ความคดิ เหน็ ต่อผู้
พูด อยา่ งมีเหตุผล
4. มมี ารยาทในการฟงั และดู
การพูด 1. พดู นำเสนอความรู้ ความคดิ เห็น สรา้ งความเข้าใจ
1. สามารถพดู นำเสนอความรู้ แสดงความคดิ เห็น โนม้ นา้ วใจ ปฏเิ สธ เจรจาตอ่ รอง ด้วยภาษากริ ิยาท่าทาง
สรา้ งความเขา้ ใจ โนม้ นา้ วใจ ปฏเิ สธเจรจาตอ่ รอง ท่สี ภุ าพ
2. ปฏิบตั ิตนเปน็ ผู้มีมารยาทในการพูด
ดว้ ยภาษากริ ิยาทา่ ทางทส่ี ภุ าพ ในโอกาสต่างๆ ได้
อยา่ งเหมาะสม
2. มีมารยาทในการพูด
การอ่าน
1. สามารถอ่านไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพ 1. อ่านในใจได้คลอ่ ง และเรว็
2. จบั ใจความสำคัญ แยกขอ้ เท็จจริงและข้อคิดเห็น 2. อ่านออกเสียงและอา่ นทำนองเสนาะไดอ้ ยา่ ง ถกู ตอ้ งตาม
จากเรอ่ื ง ที่อา่ น ลักษณะคำประพนั ธ์
3. สามารถอ่านหนงั สอื และสือ่ สารสนเทศไดอ้ ย่าง 3. วเิ คราะห์ แยกแยะข้อเท็จจริง ข้อคิดเหน็ และ
กวา้ งขวาง เพอื่ พฒั นาตนเอง จดุ มงุ่ หมายของเรือ่ งที่อ่าน
หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดับการศกึ ษาขัน้ พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 ระดับ มัธยมศึกษาตอนต้น 42
มาตรฐานการเรียนรู้ ผลการเรยี นรู้ที่คาดหวัง
4. มมี ารยาทในการอา่ นและนิสยั รกั การอา่ น 4. เลอื กอา่ นหนังสือ และสือ่ สารสนเทศ เพื่อพัฒนา
การเขียน ตนเอง
1. สามารถเลือกใชภ้ าษาในการนำเสนอตาม 5. ปฏบิ ตั ิตนเป็นผู้มมี ารยาทในการอ่านและมนี สิ ัยรกั การ
อ่าน
รปู แบบของงานเขียนประเภทตา่ งๆ ไดอ้ ยา่ ง
สร้างสรรค์ 1. เลอื กใชภ้ าษาในการนำเสนอตามรูปแบบของงานเขียน
2. สามารถใชแ้ ผนภาพความคิด จัดลำดับความคิด ประเภทรอ้ ยแกว้ และรอ้ ยกรองได้อย่างสรา้ งสรรค์
เพ่ือพัฒนา งานเขียน
3. สามารถแต่งบทร้อยกรองตามความสนใจได้ 2. ใช้แผนภาพความคดิ จดั ลำดับความคดิ ก่อนการเขียน
ถกู ตอ้ งตามหลกั ไวยากรณแ์ ละลกั ษณะคำ 3. แต่งบทร้อยกรอง ประเภทกลอนสี่ กลอนสภุ าพ
ประพันธ์ 4. เขียนบทร้อยแกว้ ประเภทประวตั ิตนเอง อธบิ ายความ
4. สามารถเขียนสือ่ สารเรอ่ื งราวตา่ งๆ ได้
5. มมี ารยาทในการเขียนและนิสยั รกั การเขยี น ยอ่ ความขา่ ว
5. เขียนรายงานการค้นควา้ สามารถอา้ งองิ แหล่งความรู้
หลักการใชภ้ าษา
1. รู้และเข้าใจชนดิ และหนา้ ท่ขี องคำ พยางค์ วลี ไดถ้ กู ต้อง
6. กรอกแบบรายการต่างๆ
ประโยค และสามารถอ่าน เขียนไดถ้ ูกตอ้ งตาม 7. ปฏบิ ตั ิตนเป็นผู้มีมารยาทในการเขยี น และมีการจด
หลักเกณฑข์ องภาษา บันทกึ อยา่ งสมำ่ เสมอ
2. สามารถใชเ้ ครอื่ งหมายวรรคตอน อักษรยอ่ คำ
ราชาศัพท์ 1. อธบิ ายความแตกต่างของคำ พยางค์ วลี ประโยค
3. สามารถวิเคราะหค์ วามแตกตา่ งระหว่างภาษาพดู ได้ถกู ต้อง
และภาษาเขียน
4. รู้และเข้าใจสำนวน สุภาษิต คำพงั เพยในการพูด 2. ใชเ้ คร่ืองหมายวรรคตอน อกั ษรย่อ คำราชาศพั ท์
และเขยี น ได้ถูกตอ้ ง
วรรณคดี วรรณกรรม
1. รูแ้ ละเขา้ ใจความแตกต่างของวรรณคดี 3. อธิบายความแตกตา่ งระหว่างภาษาพูดและภาษาเขียน
วรรณกรรมปจั จุบนั และวรรณกรรมทอ้ งถน่ิ ได้
ตลอดจนเห็นคุณค่า
4. อธิบายความแตกตา่ งความหมายของสำนวน สภุ าษติ
คำพงั เพย และนำไป ใช้ในชวี ติ ประจำวนั ได้ถกู ต้อง
1. อธบิ ายความแตกตา่ งและคณุ คา่ ของวรรณคดี
วรรณกรรมปจั จบุ ันและวรรณกรรมท้องถนิ่
หลกั สูตรการศกึ ษานอกระบบระดบั การศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น 43
คำอธบิ ายรายวิชาบังคบั
รายวิชาบงั คับ
สาระความรพู้ ืน้ ฐาน
ภาษาไทย
มาตรฐานที่ รหสั รายวิชา รายวชิ า หนว่ ยกติ
2.1 ภาษาไทย 4
พท21001
4
รวม
หลกั สตู รการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น 44
คำอธิบายรายวิชา พท21001 ภาษาไทย จำนวน 4 หนว่ ยกติ
ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนต้น
มาตรฐานที่ 2.1 มคี วามรู้ ความเข้าใจ และทักษะพืน้ ฐานเกีย่ วกบั ภาษาและการสอื่ สาร
การฟัง การดู
1. สามารถสรุปความ จับประเดน็ สำคัญของเรอ่ื งที่ฟังและดู
2. วิเคราะห์ แยกแยะขอ้ เท็จจริง ขอ้ คิดเห็นและจุดประสงค์ของ เร่ืองทฟ่ี งั และดู
3. สามารถแสดงทรรศนะและ ความคิดเหน็ ต่อผู้พูด อย่างมเี หตุผล
4. มีมารยาทในการฟงั และดู
การพดู
1. สามารถพูดนำเสนอความรู้ แสดงความคดิ เห็น สร้างความเขา้ ใจ โนม้ นา้ วใจ ปฏิเสธเจรจา
ต่อรองด้วยภาษากริ ยิ าท่าทางที่สภุ าพ ในโอกาสต่างๆ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
2. มีมารยาทในการพดู
การอา่ น
1. สามารถอา่ นไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ
2. จับใจความสำคญั แยกข้อเท็จจรงิ และข้อคิดเห็นจากเรอื่ ง ทอ่ี ่าน
3. สามารถอ่านหนงั สือและสือ่ สารสนเทศไดอ้ ยา่ งกว้างขวาง เพ่ือพฒั นาตนเอง
4. มีมารยาทในการอ่านและนสิ ัยรักการอ่าน
การเขียน
1. สามารถเลอื กใช้ภาษาในการนำเสนอตามรูปแบบของงานเขียนประเภทตา่ งๆ ไดอ้ ยา่ งสร้างสรรค์
2. สามารถใช้แผนภาพความคิด จัดลำดับความคิด เพ่อื พฒั นา งานเขยี น
3. สามารถแต่งบทร้อยกรองตามความสนใจได้ถูกตอ้ งตามหลักไวยากรณ์และลักษณะคำประพันธ์
4. สามารถเขียนสอ่ื สารเรือ่ งราวต่างๆ ได้
5. มมี ารยาทในการเขยี นและนิสยั รักการเขียน
หลกั การใช้ภาษา
1. รูแ้ ละเขา้ ใจชนดิ และหนา้ ทีข่ องคำ พยางค์ วลี ประโยค และสามารถอา่ น เขยี นไดถ้ กู ตอ้ งตาม
หลักเกณฑข์ องภาษา
2. สามารถใช้เครือ่ งหมายวรรคตอน อักษรยอ่ คำราชาศัพท์
3. สามารถวิเคราะหค์ วามแตกต่างระหว่างภาษาพดู และภาษาเขียน
4. รู้และเขา้ ใจสำนวน สุภาษิต คำพงั เพยในการพดู และเขยี น
วรรณคดี วรรณกรรม
1. รูแ้ ละเข้าใจความแตกต่างของวรรณคดี วรรณกรรมปจั จบุ นั และวรรณกรรมท้องถ่นิ ตลอดจน
เห็นคณุ ค่า
หลักสตู รการศึกษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับ มัธยมศึกษาตอนต้น 45
ศึกษาและฝกึ ทกั ษะเกีย่ วกับเรื่องดังต่อไปนี้
การฟงั การดู
การสรุปความ จบั ประเดน็ สำคญั ของเรื่องทฟ่ี งั ดู และมีมารยาทในการฟงั และดู
การพูด
การพูดนำเสนอความรู้ ความคิดเห็น โน้มนา้ วใจ ปฏิเสธเจรจาตอ่ รอง และมารยาทในการพูด
การอ่าน
การอ่านออกเสียงและอ่านในใจทั้งร้อยแก้ว และร้อยกรอง การแยกแยะข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น และ
จดุ ม่งุ หมายของเร่อื งทีอ่ ่าน ตลอดจนมารยาทในการอ่าน
การเขยี น
การใช้แผนภาพความคิด จัดลำดับความคิดก่อนการเขียน การแต่งบทร้อยกรองประเภทกลอนสี่ กลอน
สภุ าพ การเขยี นสือ่ สารเรื่องราวตา่ งๆ และการเขียนรายงาน การคน้ คว้า อา้ งอิง ตลอดจนมารยาท ในการเขยี น
หลักการใชภ้ าษา
ชนิดและหน้าท่ขี องคำ พยางค์ วลี ประโยค การใช้เคร่อื งหมายวรรคตอน อกั ษรย่อ พจนานุกรม คำราชาศพั ท์
ความแตกต่างและความหมายของสำนวน สุภาษิต คำพงั เพย
วรรณคดแี ละวรรณกรรม
ความแตกตา่ งและคุณค่าของวรรณคดี วรรณกรรมปัจจุบันและวรรณกรรมทอ้ งถนิ่
การจัดประสบการณ์การเรียนรู้
จัดประสบการณ์หรือสถานการณ์ในชีวิตประจำวันให้ผู้เรียนได้ศึกษา ค้นคว้าโดยการฝึกปฏิบัติจริงเป็น
รายบคุ คลหรอื กระบวนการกลุม่ เก่ยี วกบั ทักษะการฟัง การดู การพดู การอ่าน การเขยี น และหลกั การใชภ้ าษา
การวัดและประเมินผล
การสงั เกต การฝึกปฏบิ ัติ การทดสอบ (แบบทดสอบ) และการประเมินชน้ิ งานในแต่ละกิจกรรม
หลักสตู รการศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ระดับ มัธยมศึกษาตอนต้น 46
รายละเอียดคำอธบิ ายรายวิชา พท21001 ภาษาไทย จำนวน 4 หน่วยกติ
ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนต้น
มาตรฐานที่ 2.1 มีความรู้ ความเข้าใจ และทกั ษะพืน้ ฐานเกยี่ วกบั ภาษาและการสือ่ สาร
ท่ี หัวเรือ่ ง ตวั ชี้วัด เนือ้ หา จำนวน
(ชัว่ โมง)
1. การฟงั การดู 1. สรปุ ความ จับประเดน็ สำคญั ของเร่อื งท่ี 1. สรุปความ จับประเดน็ สำคญั
2
(10) ฟงั และดู ของเรือ่ งทฟ่ี งั และ ดู
2. วเิ คราะห์ความน่าเชอ่ื ถือจากการฟัง 2. หลกั การจับใจความสำคญั 2
และดูส่ือโฆษณาและขา่ วสารประจำวนั ของเร่อื งทฟ่ี งั และดู
อยา่ งมีเหตุผล 3. การวิเคราะหข์ อ้ เท็จจริง 4
3. วิจารณ์การใชน้ ้ำเสยี ง กิรยิ าท่าทาง ขอ้ คิดเห็นและสรุปความ
ถอ้ ยคำของ ผพู้ ูดอย่างมีเหตุผล 4. การมมี ารยาทในการฟงั 2
4. ปฏบิ ัติตนเปน็ ผูม้ มี ารยาท ในการฟงั และดู
และดู
2. การพดู 1. พูดนำเสนอความรู้ ความคิดเหน็ 1. สรุปความ จับประเด็นสำคัญ 2
(10) สร้างความเขา้ ใจ โนม้ น้าวใจ ของเรื่องทีพ่ ดู ได้
ปฏิเสธ เจรจาตอ่ รอง ด้วยภาษา 2. การพดู นำเสนอความรู้ 6
กิรยิ าท่าทาง ท่ีสุภาพ ความคิดเห็น และ การพดู
2. ปฏบิ ัตติ นเป็นผมู้ ีมารยาทในการพดู ในโอกาสต่างๆ เชน่
- พดู แนะนำตนเอง
- พูดกล่าวต้อนรับ
- พดู กล่าวขอบคณุ
- พูดโน้มน้าวใจ
- พูดปฏเิ สธ
- พดู เจรจาต่อรอง
- พดู แสดงความคดิ เหน็
3. การมีมารยาทในการพูด 2
3. การอา่ น 1. อ่านในใจได้คล่องและเร็ว 1. หลักการอา่ นในใจจากสอื่ 5
(40) 2. อา่ นออกเสียงและอ่านทำนองเสนาะ ประเภทตา่ งๆ
ได้อยา่ ง ถูกตอ้ งตามลักษณะคำ 2. หลักอา่ นออกเสียงท่ีเป็นท้ัง 5
ประพันธ์ ร้อยแกว้ ร้อยกรอง และคำ
3. วิเคราะห์ แยกแยะข้อเท็จจรงิ วัน เดือน ปี ไทย
ข้อคิดเหน็ และจุดมงุ่ หมายของเรอื่ ง 3. หลกั การเลือกอา่ นหนังสือ 3
หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 ระดับ มัธยมศึกษาตอนต้น 47
ท่ี หัวเร่อื ง ตัวช้วี ัด เน้อื หา จำนวน
(ช่ัวโมง)
ทอี่ ่าน และสอื่ สารสนเทศ
10
4. เลอื กอา่ นหนงั สือและสอ่ื 4. หลักการอา่ นจับใจความ 15
2
สารสนเทศ เพือ่ พฒั นาตนเอง สำคัญ 4
20
5. ปฏบิ ัตติ นเป็นผู้มีมารยาทในการอา่ น 5. หลักการวเิ คราะห์ วิจารณ์
14
และมนี ิสยั รักการอา่ น 6. มารยาทในการอ่านและ 2
นสิ ยั รกั การอา่ น 3
3
4. การเขียน 1. เลือกใชภ้ าษาในการนำเสนอตาม 1. หลักการเขียน การใช้ 4
(40) รปู แบบของงานเขียนประเภทร้อย ภาษาในการเขียน ๙
แกว้ และรอ้ ยกรองไดอ้ ย่าง 2. หลกั การเขียนเพ่ือการ
สร้างสรรค์ สอ่ื สารประเภทต่าง ๆ
2. ใชแ้ ผนภาพความคิด จัดลำดับ เช่น การเขียนเรยี งความ
ความคิดกอ่ นการเขยี น ย่อความ เขียนช้ีแจง
3. แตง่ บทร้อยกรอง ประเภทกลอนส่ี เขยี นแสดงความคิดเห็น คำ
กลอนสุภาพ ขวัญ คำคม คำโฆษณา
4. เขยี นบทรอ้ ยแกว้ ประเภทประวตั ิ เขียนรายงานการค้นคว้า
ตนเอง อธิบายความ ย่อความ ข่าว การกรอกแบบพมิ พ์และใบ
5. เขียนรายงานการค้นควา้ สามารถ สมัครงาน และเขยี นคำ
อ้างอิงแหล่งความรู้ ไดถ้ ูกต้อง วนั เดอื น ปี ไทย
6. กรอกแบบรายการตา่ งๆ 3. หลกั การเขียนแผนภาพ
7. ปฏบิ ตั ิตนเปน็ ผ้มู ีมารยาทในการ ความคิด
เขียน และมีการจดบนั ทึกอย่าง 4. การปฏบิ ตั ติ นเป็นผู้มี
สมำ่ เสมอ มารยาทในการเขยี น
และมีนิสัยรักการเขยี น
5. หลกั การใช้ภาษา 1. อธิบายความแตกต่างของคำ 1. คำราชาศพั ท์
(40) พยางค์ วลี ประโยค ไดถ้ กู ต้อง 2. หลกั ในการสะกดคำ
2. ใช้เครอื่ งหมายวรรคตอน อักษรยอ่ 3. การใชเ้ คร่อื งหมายวรรค
คำราชาศพั ทไ์ ดถ้ กู ต้อง ตอน อักษรย่อและการใช้
3. อธิบายความแตกตา่ งระหวา่ งภาษา เลขไทย
พูดและภาษาเขยี นได้ 4. การใช้คำและการสรา้ งคำ
4. อธบิ ายความแตกต่างความหมาย ในภาษาไทย
ของสำนวน สุภาษติ คำพงั เพย - การสร้างคำไทย
และนำไปใช้ในชวี ิตประจำวนั - คำประสม
ได้ถกู ต้อง - คำซอ้ น
หลักสตู รการศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น 48
ท่ี หัวเรือ่ ง ตวั ช้ีวัด เน้ือหา จำนวน
(ชว่ั โมง)
6. วรรณคดี 1. อธิบายความแตกตา่ ง - คำซ้ำ
- คำสมาส คำสนธิ 8
วรรณกรรม และคณุ ค่าของวรรณคดี - หลักการสงั เกตคำภาษา 4
อน่ื ๆ ท่ใี ช้ในภาษาไทย
(20) วรรณกรรมปจั จุบันและ 5. ชนดิ ของประโยค 5
6. การใช้ระดับภาษาทีเ่ ป็น 4
วรรณกรรมทอ้ งถ่นิ ทางการ และไม่เป็น
ทางการ 5
7. การใช้สำนวน สภุ าษติ 5
คำพังเพย 5
๘. หลักการแต่งคำประพนั ธ์
ประเภทต่าง ๆ เชน่ 5
- กาพยย์ านี 11
- กาพย์ฉบงั 16
- กลอน
- ฯลฯ
1. หลักการพจิ ารณาวรรณคดี
2. หลักการพินิจวรรณกรรม
3. ประวตั คิ วามเปน็ มา
ลกั ษณะและคณุ คา่ ของ
เพลงพื้นบ้าน เพลงกลอ่ ม
เด็ก
4. หลักการพินจิ วรรณคดี
ดา้ นวรรณศิลป์ และด้าน
สังคม
- สามก๊ก
- ราชาธิราช
- กลอนเสภาขุนช้าง
ขนุ แผน
- กลอนบทละครเรือ่ ง
รามเกียรต์ิ
หลกั สูตรการศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น
49
หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาข้นั พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนต้น 50
วิชาภาษาต่างประเทศ(ภาษาอังกฤษ)
เปา้ หมายการเรียนรู้
ระดบั มัธยมศึกษาตอนตน้
๑. เขา้ ใจเก่ียวกับภาษาทา่ ทาง ฟัง พูด อ่าน เขยี น ด้วยประโยคที่ซับซอ้ นในชีวติ ประจำวัน และงาน
อาชพี
๒. จัดระบบความสัมพนั ธข์ องการตดิ ตอ่ สอื่ สาร ด้วยประโยคท่ซี บั ซ้อนในชวี ติ ประจำวนั และงานอาชพี
๓. มที ักษะท่ถี กู ต้องตามหลักภาษา วัฒนธรรม และกาลเทศะของเจา้ ของภาษา
มาตรฐานการเรียนรู้ระดบั ผลการเรยี นรูท้ ่คี าดหวงั
มาตรฐานที่ 2.1 มคี วามรู้ความเข้าใจ และทกั ษะพ้นื ฐานเกี่ยวกบั ภาษาและการสื่อสาร
มาตรฐานการเรียนรู้ ผลการเรียนรทู้ ค่ี าดหวัง
มีความรู้ ความเข้าใจ ทกั ษะและเจตคติเก่ียวกบั ภาษา 1. เขา้ ใจเกี่ยวกับภาษา ทา่ ทาง ฟัง พดู อ่าน เขียน
ด้วยประโยคทซี่ บั ซ้อนในชีวิตประจำวันและงานอาชพี
ทา่ ทาง การฟงั พูด อา่ น เขียน ภาษาต่างประเทศ ดว้ ย 2. จดั ระบบความสัมพนั ธ์ของการติดต่อส่ือสารดว้ ย
ประโยคท่ซี ับซอ้ นในชวี ติ ประจำวันและงานอาชีพ
ประโยคทซี่ บั ซ้อนในชวี ิตประจำวนั และงานอาชีพของตน 3. มที กั ษะท่ถี ูกตอ้ งตามหลักภาษา วฒั นธรรม และ
ได้ ถกู ตอ้ งตามหลกั ภาษาวฒั นธรรม และกาลเทศะของ กาลเทศะของเจ้าของภาษา
เจา้ ของภาษา
หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ระดับ มัธยมศกึ ษาตอนต้น 51
คำอธิบายรายวชิ าบังคับ
รายวิชาบังคับ
สาระความรพู้ ืน้ ฐาน
วชิ าภาษาต่างประเทศ(ภาษาองั กฤษ)
มาตรฐานที่ รหัสรายวิชา รายวชิ า หน่วยกิต
2.1 พต 21001 ภาษาอังกฤษในชวี ติ ประจำวนั 4
หลักสตู รการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ระดับ มัธยมศกึ ษาตอนต้น 52
คำอธบิ ายรายวชิ า พต 21001 ภาษาอังกฤษในชีวติ ประจำวนั จำนวน 4 หนว่ ยกิต
ระดบั มัธยมศึกษาตอนตน้
มาตรฐานการเรยี นรู้ระดับ
มีความรู้ ความเข้าใจ ทักษะและเจตคติเกี่ยวกับ ภาษาท่าทาง การฟัง พูด อ่าน เขียน
ภาษาต่างประเทศ ดว้ ยประโยคท่ีซบั ซ้อนในชีวิตประจำวัน และงานอาชีพของตนได้ ถกู ต้องตามหลักภาษาวัฒนธรรม
และกาลเทศะของเจา้ ของภาษา
ศึกษาและฝกึ ทักษะเกี่ยวกบั เรื่องดงั ตอ่ ไปน้ี
1. การใช้ภาษาท่าทางในการสื่อความหมาย วิธีการรับ-ตอบโทรศัพท์อย่างง่าย ๆ การแสดง
ความรสู้ ึกดีใจ เสียใจ เข้าใจ พอใจ ไม่พอใจ ให้กำลังใจ สนใจ และไมส่ นใจ วธิ ีการพูดแทรก พูดขอบคุณและการตอบ
รับ วิธีการพูดแสดงความคิดเห็น ความต้องการ และการเสนอให้ความช่วยเหลือผู้อื่นพร้อมกับการตอบรับ รวมทั้ง
ลกั ษณะของประโยคบอกเลา่ ประโยคคำถาม ประโยคปฏิเสธ ประโยคคำสั่งและประโยคอุทาน ซึ่งใชใ้ นชีวิตประจำวัน
ในสถานการณต์ ่าง ๆ
2. ลักษณะและการใช้ ประโยคความรวม (Compound Sentence) Past Tense ในรูปต่าง
คำกรยิ า คำกริยาวเิ ศษณ์ คำสันธาน และคำอุทาน โดยสามารถนำไปใช้ในการเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตประจำวันและ
การประกอบอาชีพ การอ่านข่าวสารข้อมูลจากสื่อประเภทต่างๆ การอ่านสลากสินค้าและการตีความห มายของ
สัญลักษณ์ต่างๆ ได้อยา่ งถูกตอ้ งและเหมาะสมกบั สถานการณ์ รวมทัง้ เข้าใจการใช้ Internet เพื่อสืบคน้ ข้อมูล
การจัดประสบการณก์ ารเรยี นรู้
1. ฝึกฟัง พูด อ่าน เขียน ภาษาองั กฤษในสถานการณ์ต่าง ๆ โดยใช้สถานการณ์จำลอง และ/หรือ
สอื่ ทเ่ี หมาะสม
2. ฝกึ ฟงั พดู อา่ น เขียน จากสถานการณ์จำลองโดยใช้สอื่ ตา่ ง ๆ ที่เหมาะสม และสอดคล้องกับ
สถานการณ์
การวัดและประเมนิ ผล
1. ตรวจสอบจากการนำไปใชไ้ ดถ้ ูกต้องและเหมาะสมตามสถานการณ์
2. สามารถใชภ้ าษาในการส่ือสารได้ถกู ต้องและเหมาะสมกบั สถานการณ์
หลักสูตรการศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนต้น 53
รายละเอยี ดคำอธบิ ายรายวิชา
พต 21001 ภาษาองั กฤษในชีวิตประจำวัน จำนวน 4 หนว่ ยกิต
ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนต้น
มาตรฐานทีก่ ารเรยี นรรู้ ะดบั
มีความรู้ ความเข้าใจ ทักษะและเจตคติเกี่ยวกับ ภาษาท่าทาง การฟัง พูด อ่าน เขียน
ภาษาต่างประเทศ ดว้ ยประโยคทซ่ี ับซอ้ นในชีวิตประจำวัน และงานอาชพี ของตนได้ ถูกต้องตามหลักภาษาวัฒนธรรม
และกาลเทศะของเจา้ ของภาษา
ท่ี หัวเรื่อง ตวั ชว้ี ัด เนอื้ หา จำนวน
1 ภาษาทา่ ทาง เข้าใจและใช้ ๑. ภาษาตามมารยาทสงั คมเพอ่ื สรา้ งความสมั พนั ธ์ (ชัว่ โมง)
ระหวา่ งบุคคลในสถานการณต์ า่ งๆ ดังนี้ 15
1.1 การทักทาย การกลา่ วลา เช่น
ในการส่อื สารใน ภาษาในการ - Good morning.
- Good afternoon.
ชีวติ ประจำวัน ส่อื สารใน - Good evening.
- Hi / Hello.
(Language in daily life) ชวี ิตประจำวนั - How are you?
- How are you today?
- I’ m fine, thank you and you?
- Nice to see you.
- Nice to see you too.
- Glad to see you.
- Glad to see you too.
- Good bye. Bye.
- See you soon.
- See you on…(Day)…
หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนต้น 54
ท่ี หวั เรอ่ื ง ตัวช้วี ัด เน้ือหา จำนวน
(ชว่ั โมง)
1.2 การแนะนำตนเองและผูอ้ น่ื เช่น
Pat : Hello, I’m Pat.
Suda : Hi, my name is Suda. How do you do?
หรือ
A : Bob, this is John, my friend from
New Zealand.
B : How do you do? Nice to meet you.
John : How do you do? Nice to meet
you, too.
etc.
1.3 การกล่าวขอบคุณและตอบรบั เช่น
- Thank you for your help.
- Thank you every much for your
kindness.
- Thank you for your invitation.
etc.
1.4 การพดู ขออนญุ าตและตอบรบั
- May I interrupt you for a moment?
- May I come in?
- Can I borrow your pen?
- (It’s) my pleasure.
- Don’t mention it.
- Yes, you can.
etc.
1.5 การพดู ขอโทษและตอบรับ
- I’m very sorry to be late.
- I’m lost your box, I’m so sorry.
- Forget it.
- Don’t worry.
- It doesn’t matter.
etc.
1.6 การพดู แทรกอย่างสุภาพ เช่น
- Excuse me, sir. Could you speak louder?
หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาขนั้ พื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนต้น 55
ท่ี หวั เร่ือง ตัวชี้วัด เน้อื หา จำนวน
- Excuse me, madam. (ชั่วโมง)
- Could you show me that book?
etc
๒. ภาษาทา่ ทางทใี่ ช้ในโอกาสต่างๆ ดังนี้ 5
2.1 ท่าทางท่ีสือ่ ความหมายทางภาษา เชน่
กวักมือ = Come here.
โบกมอื = Bye-bye.
ชู 2 น้ิว = Victory
ผายมือ = This way, please.
etc.
2.2 ท่าทางการปฏบิ ัตติ ามวัฒนธรรมของเจ้าของ
ภาษา เช่น
- Hand Shaking.
- Waving good-bye.
- Good-bye hug/kiss
- Good night hug/kiss
etc.
2.3 คำศัพท์ จำนวน ประโยคและทา่ ทางท่ีใช้
สื่อสารในโอกาสตา่ ง ๆ เชน่
- Merry Christmas.
- Happy New Year.
- Happy Valentine’s.
- Happy Birthday.
- Congratulations on your graduation.
- Thanks.
หลักสตู รการศึกษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับ มัธยมศกึ ษาตอนต้น 56
ท่ี หวั เรื่อง ตัวช้วี ัด เนื้อหา จำนวน
- Thank you very much. (ชั่วโมง)
2 การโต้ตอบ รับ-ตอบ
โทรศัพท์ โทรศัพท์อยา่ ง - The same to you.
(Telephone ง่าย ๆ ได้
Conversation) - Many happy returns.
etc.
๑. คำศพั ท์ สำนวน ประโยคตา่ งๆ ท่ีใชใ้ นการสือ่ สารใน 10
การรบั โทรศัพทอ์ ย่างงา่ ยรวมกัน การรับฝาก
ขอ้ ความทางโทรศพั ท์
- Is Miss/Mrs./Mr. Robert home?
- I’m speaking.
- He / She is out.
- He / She will be back soon. Would you
like to
wait?
etc.
๒. การรบั ฝากข้อความทางโทรศัพท์
A : Hello, may I speak to Mrs. Wanida?
B : Sorry, she’s not here now.
Would you like to leave her a
massage?
A : My name is Somsri.
Please tell her to call me to 02-72๘-
๘๘๘๘.
etc.
หลักสตู รการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับ มัธยมศกึ ษาตอนต้น 57
ท่ี หัวเรอ่ื ง ตัวช้ีวัด เนอ้ื หา จำนวน
(ชว่ั โมง)
3 การแสดงความรสู้ กึ ใช้ภาษาอังกฤษ 1. คำ วลี ประโยค บทสนทนาท่ีแสดงอารมณ์
ต่าง ๆ (Expression 10
of feelings)
ในการแสดง ความร้สู ึกตา่ งๆ
ความร้สู กึ ได้ 1.1 เขา้ ใจ/ไม่เขา้ ใจ
(ดใี จ/เสียใจ/ - Oh, I see.
เขา้ ใจ/พอใจ/ - I get it now.
ไม่พอใจ/ - I beg you pardon.
ให้กำลงั ใจ/ - Pardon me. Can you say that again?
สนใจ/ไม่สนใจ) - I don’t understand that.
- I don’t get it.
etc.
1.2 พอใจ/ไมพ่ อใจ
- That’s great./ That’s bad.
- How wonderful!
- How awful!
- I am so pleased to hear that.
- I am afraid I don’t like it.
- I love/like/enjoy it.
- I am disappointed to see that.
etc.
1.3 สนใจ/ไม่สนใจ
- I’m interested in.......................
- I’m not interested in.......................
- I don’t care (about that)....................
- I have no idea.
etc.
หลักสตู รการศกึ ษานอกระบบระดับการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนต้น 58
ท่ี หัวเรื่อง ตัวชว้ี ัด เนื้อหา จำนวน
1.4 ใหก้ ำลงั ใจ/เหน็ ใจ/ปลอบใจ (ชั่วโมง)
4 การพดู แสดง
ความคดิ รูปแบบ - Don’t worry.
ตา่ ง ๆ
(Expression of - Cheer up.
opinion, ideas /
wishes / offering - Take it easy.
helps, etc.)
- Relaxed.
- You will be fine.
- Well done.
- You did a good job.
etc.
1.5 ดใี จ/เสียใจ
- I’m glad that you can come.
- I’m so pleased to see you.
- I’m glad to hear from you.
- I’m so sorry for being late.
- I’m terrible sorry for.....................
- Sorry, it’s my fault.
- Please forgive me for being late.
etc.
พดู แสดงความ ภาษาเพอื่ แสดงความคดิ เหน็ ความตอ้ งการ 20
คดิ เหน็ และ 1. การแสดงความคิดเห็น (เหน็ ด้วย/ไม่เหน็ ดว้ ย/
แสดงความ ยอมรับ/ ไม่ยอมรับ)
ตอ้ งการ รวมท้งั A : The weather in Bangkok is hotter than
การเสนอ Singapore.
B : I think so./ I don’t think so./ I agree with
you.
A : Living in Bangkok is not so pleasant,
don’t you think that?
B : Yes, but living in rural areas is less
convenient. etc.
2. การแสดงความต้องการและตอบรบั เชน่
- I’d like some more coffee.
- I want to go to........................
หลักสตู รการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาขั้นพนื้ ฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับ มัธยมศึกษาตอนต้น 59
ท่ี หัวเรือ่ ง ตัวชีว้ ัด เนอื้ หา จำนวน
(ช่วั โมง)
5 ประโยคตา่ งๆ ใน รจู้ กั ลักษณะ - I wish you should go with me.
ภาษาอังกฤษ ของประโยคใน - I need........................ 20
(Different Types of ภาษาอังกฤษ - Yes, .................please do. / Sure.
English Sentences) (ประโยคบอก
เล่า/ประโยค etc.
คำถาม/ 3. การแสดงความช่วยเหลอื และบริการผูอ้ ื่น รวมทัง้
ประโยค
ปฏเิ สธ/ ตอบรบั เชน่
ประโยคคำส่ัง/ - What can I do for you?
ประโยคอทุ าน) - Can I help you?
และสามารถ - Need some help?
นำไปใช้ใน - If you need anything, please tell me./
ชวี ิตประจำวัน let me know.
ได้ - Certainly.
- Yes, of course.
- I’m afraid..........................
- Sorry, but.............................
etc.
- ประโยค/สว่ นประกอบของประโยคชนิดต่าง ๆ
และรูปแบบการจัดลำดบั คำในประโยค
1. ประโยคบอกเลา่
โครงสรา้ งของประโยคบอกเล่า
Subject + Verb
เช่น
- Bob smokes.
หรือ
Subject + Verb + Complement
เชน่
- They are students.
หรือ
Subject + Verb + Object.
หลักสตู รการศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น 60
ท่ี หวั เรอ่ื ง ตัวชว้ี ัด เนื้อหา จำนวน
(ชวั่ โมง)
6 ประโยคความรวม รู้จกั ลักษณะ เชน่
(Compound ของ - Suda likes John. 40
1. ประโยคคำถาม
คำทใี่ ชใ้ นการตงั้ คำถาม ไดแ้ ก่ Who, When,
Where, Why, What, Whom, How เชน่
- What is your name?
- Where do you teach?
- When did he leave school?
- How do you like it?
etc.
2. ประโยคปฏิเสธ
รูปแบบประโยคปฏิเสธและคำกริยาท่ีใช้ เช่น
3.They are not farmer.
4.He doesn’t like Bobby.
5.I don’t want to go with him.
etc.
3. ประโยคคำสงั่
รปู แบบประโยคคำสงั่ /กลุม่ คำทใ่ี ชแ้ ละตัวอย่าง
ประโยค เช่น
a.Come here.
b. Let’s go now.
c.Open the door, please.
d. Please sit down.
e.Come hear right now.
etc.
4. ประโยคอทุ าน
รปู แบบประโยคอุทานและตัวอย่างประโยค เชน่
- Oh! My god.
- Oh, my god!
6.How marvelous!
7.What a wonderful party! etc.
1. ส่วนประกอบของ Compound Sentence
(Independent Clause)
หลักสตู รการศึกษานอกระบบระดบั การศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศักราช 2551 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนต้น 61
ท่ี หวั เรือ่ ง ตวั ชวี้ ัด เน้อื หา จำนวน
Sentence) Compound 2. ประโยค 2 ประโยคมารวมกนั ด้วยคำเชือ่ มที่ (ช่ัวโมง)
7 Past Tense Sentence เหมาะสม คอื and, but, or เช่น
และสามารถ 8. We tried our best but we lost the game.
นำไปใช้ใน 9. Both they and we tried hard.
ชีวิตประจำวัน 10. I’ll go to the cinema or visit my parent.
ได้ 3. การเชอ่ื มประโยคใหเ้ ป็น Compound Sentence
โดยใชเ้ ครอื่ งหมาย/คำเชอ่ื ม ต่อไปนี้
3.1 , (Comma) + คำสันธาน เชน่
- They tried their best, yet they didn’t
succeed.
a. ; (Semicolon) ใช้ในกรณีท่ีมี
เครื่องหมายอืน่ ๆ อย่ดู ้วยหลายแห่ง เช่น
- I also bought her a new car ; I have
not yet, nowhere, given it to her.
Correlative Conjunction ไดแ้ ก่คำต่อไปน้ี
both……..and………
either…….or……….
neither…..nor………
not only...........but also.........
เชน่
11. Neither did he listen, nor did he
improve.
12. Not only the English teacher get
him
a bad grade, but also the social
teacher
did so.
ใช้ Past Tense Past Tense ในรปู แบบตา่ งๆ 40
ในรูปแบบ 1. Past Simple Tense
ตา่ ง ๆ ได้ Subject + V2
Subject +wwearse +V3
หลักสตู รการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น 62
ท่ี หัวเร่ือง ตัวชีว้ ัด เนือ้ หา จำนวน
(ชั่วโมง)
1.1 เหตุการณ์ทเ่ี กดิ ขน้ึ ในอดีต และจบลงไปแล้ว
ก่อนพดู ประโยคนัน้ เช่น
- He spoke.
- She came here yesterday.
1.2 แสดงการกระทำท่กี ระทำเป็นประจำในอดีต
โดยมคี ำท่ีแสดงความบ่อย ความเปน็ ประจำ อยู่ด้วย
เช่น
- He always got up late when he was
young.
2. Past continuous tense
was
Subject +were + V ing + conj. + Subject
+ V2
กลา่ วถงึ เหตุการณ์ 2 อย่าง ในอดตี โดยขณะที่
เหตุการณ์หน่งึ ดำเนนิ อยมู่ ีอกี เหตุการณแ์ ทรกเข้ามา
- เหตกุ ารณท์ ่ีดำเนินอยู่ ใช้ Past continuous tense
- เหตกุ ารณท์ ี่เกิดใหม่แทรกเข้ามาใช้
Past simple tense
- คำทีเ่ ชอ่ื มเหตุการณ์ที่สองเข้าด้วยกนั คอื
when หรือ while เช่น
13. I was reading a book when she
came in.
14. While I was reading a book, she came
in.
หลกั สูตรการศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น
63
หลกั สตู รการศึกษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น 64
คำอธบิ ายรายวิชาบงั คับ
มาตรฐานท่ี รหัสรายวชิ า รายวิชาบงั คับ หนว่ ยกิต
2.2 พค21001 สาระความรูพ้ ืน้ ฐาน 4
รายวชิ า
คณติ ศาสตร์
หลกั สูตรการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 ระดับ มัธยมศกึ ษาตอนต้น 65
คำอธิบายรายวชิ า พค21001 คณิตศาสตร์ จำนวน 4 หนว่ ยกติ
ระดบั มัธยมศึกษาตอนตน้
มาตรฐานที่ 2.2มีความรู้ความเขา้ ใจ และทักษะพืน้ ฐานเกยี่ วกับคณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
มีความรู้ ความเขา้ ใจเกยี่ วกับจำนวนและการดำเนนิ การ เศษส่วนและทศนยิ ม เลขยกกำลงั อัตราส่วนสดั ส่วน และร้อย
ละ การวัด ปริมาตรและพื้นที่ผวิ คู่อันดบั และกราฟ ความสัมพันธ์ระหวา่ งรปู เรขาคณิตสองมิติและเรขาคณิตสามมิติ สถติ ิและ
ความน่าจะเปน็
ศกึ ษาและฝึกทกั ษะเกี่ยวกบั เรื่องดงั ตอ่ ไปนี้
จำนวนและการดำเนินการ จำนวนเต็มบวก จำนวนเต็มลบ และศูนย์ การเปรยี บเทียบจำนวนเต็ม การบวก ลบ
คูณและหารจำนวนเต็ม สมบัติของจำนวนเต็มและการนำไปใช้
เศษส่วนและทศนิยม ความหมายของเศษส่วนและทศนยิ ม การเขยี นเศษสว่ นและทศนยิ ม และเขยี นทศนิยมซ้ำเป็น
เศษส่วน การเปรียบเทียบเศษส่วนและทศนิยม การบวก ลบ คูณ หาร เศษส่วนและทศนิยม โจทย์ปัญหาหรือสถานการณ์
เก่ยี วกับเศษสว่ นและทศนิยม
เลขยกกำลัง ความหมายของเลขยกกำลัง การเขียนแสดงจำนวนในรูปสัญกรณ์วิทยาศาสตร์ การคูณ และการหาร
เลขยกกำลงั ที่มฐี านเดยี วกนั และเลขชี้กำลงั เป็นจำนวนเต็ม
อตั ราสว่ น สดั สว่ น และร้อยละ การแก้โจทยป์ ัญหาเกย่ี วกบั อัตราส่วน สดั ส่วนและรอ้ ยละ
การวดั หน่วยความยาว พ้ืนท่ี การหาพื้นที่ของรปู เรขาคณิต การแก้ปัญหา หรอื สถานการณ์ในชวี ติ ประจำวัน โดยใช้
ความรู้เกี่ยวกับพืน้ ท่แี ละการคาดคะเน
ปริมาตรและพ้ืนท่ีผวิ การหาพ้ืนท่ีผิว และปริมาตรของปริซึมทรงกระบอก การหาปริมาตรของพีระมิด กรวย และ
ทรงกลม การเปรียบเทยี บหนว่ ยปริมาตร การแก้โจทย์ปัญหาเกย่ี วกบั พน้ื ทผี่ ิว และปรมิ าตร
ค่อู นั ดับและกราฟ คู่อนั ดบั และกราฟ การนำไปใช้
ความสัมพันธข์ องรูปเรขาคณิตสองมิติและสามมติ ิ ภาพของรูปเรขาคณิตสองมิติที่เกิดจากการคล่ีรูปเรขาคณิตสามมิติ
ภาพที่ไดจ้ ากการมองทางดา้ นหนา้ ด้านขา้ งหรือด้านบนของรปู เรขาคณิตสามมติ ิ การวาดหรือประดิษฐร์ ปู เรขาคณติ ที่ประกอบข้ึน
จากลูกบาศก์
สถิติ การเกบ็ รวบรวมข้อมูล การนำเสนอข้อมูล การหาค่ากลางของขอ้ มูล การเลือกใช้ค่ากลางของข้อมูล การอา่ น
การแปลความหมายและการวเิ คราะหข์ อ้ มลู การใชข้ ้อมูลสารสนเทศ
ความนา่ จะเปน็ การทดลองสมุ่ และเหตกุ ารณ์ การหาความน่าจะเป็นของเหตุการณแ์ ละการนำไปใช้
การจัดประสบการณ์การเรยี นรู้
จัดประสบการณ์หรือสถานการณ์ในชีวิตประจำวันให้ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้า โดยการปฏิบัติจริง ทดลอง สรุป
รายงาน เพื่อพัฒนาทักษะ/กระบวนการในการคิดคำนวณ การแก้ปัญหา การให้เหตุผล การส่ือความหมายทาง
คณิตศาสตร์และนำประสบการณ์ด้านความรู้ ความคิด ทักษะกระบวนการท่ีได้ไปใช้ในการเรียนรู้ส่ิงต่าง ๆ และใช้ ใน
ชีวิตประจำวันอย่างสร้างสรรค์ รวมทั้งเห็นคุณค่าและมีเจตคติที่ดตี ่อคณิตศาสตร์ สามารถทำงานอย่างเป็นระบบระเบียบ มี
ความรอบคอบ มคี วามรับผดิ ชอบ มวี ิจารณญาณและมีความเช่ือมั่น ในตนเอง
การวัดและประเมินผล
ใชว้ ิธกี ารทีห่ ลากหลายตามสภาพความเปน็ จรงิ ใหส้ อดคลอ้ งกบั เนือ้ หาและทักษะทต่ี ้องการวดั
หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น 66
รายละเอยี ดคำอธิบายรายวชิ า พค21001 คณิตศาสตร์ จำนวน 4 หน่วยกิต
ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
มาตรฐานที่ 2.2 มีความรู้ความเข้าใจ และทักษะพ้นื ฐานเกี่ยวกบั คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ท่ี หวั เรื่อง ตัวชวี้ ัด เนอื้ หา จำนวน
1 จำนวนและ 1. ระบุหรอื ยกตวั อย่างจำนวนเต็มบวก 1. จำนวนเต็มบวก จำนวน (ชัว่ โมง)
3
การดำเนนิ การ จำนวนเตม็ ลบ และศนู ย์ได้ เตม็ ลบ และศูนย์
(25) 2. เปรยี บเทียบจำนวนเตม็ ได้ 2. การเปรียบเทียบจำนวนเตม็ 3
3. บวก ลบ คณู หาร จำนวนเตม็ 3. การบวก ลบ คูณ และหาร 13
และอธบิ ายผลทเ่ี กดิ ข้นึ ได้ จำนวนเต็ม
4. บอกสมบัติของจำนวนเต็มและ 4. สมบตั ขิ องจำนวนเต็มและ 6
นำความรู้เกย่ี วกบั สมบัตขิ องจำนวน การนำไปใช้
เตม็ ไปใช้ได้
2 เศษสว่ นและ 1. บอกความหมายของเศษสว่ น และ 1. ความหมายของเศษสว่ น 1
ทศนิยม ทศนยิ มได้ และทศนิยม
(22) 2. เขยี นเศษส่วนในรปู ทศนยิ มและเขียน 2. การเขยี นเศษส่วนด้วย 2
ทศนิยมซำ้ ในรูปเศษสว่ นได้ ทศนยิ ม และการเขียน
ทศนิยมซ้ำเป็นเศษสว่ น
3. เปรยี บเทยี บเศษส่วนและทศนยิ มได้ 3. การเปรยี บเทียบเศษสว่ น 2
และทศนิยม
4. บวก ลบ คูณ หาร เศษส่วนและ 4. การบวก ลบ คณู หาร 12
ทศนิยมได้ และอธิบายผลท่ีเกิดขึ้นได้ เศษสว่ นและทศนยิ ม
5. นำความรเู้ กี่ยวกบั เศษสว่ นและ 5. โจทย์ปญั หาหรอื 5
ทศนยิ มไปใชแ้ กโ้ จทย์ปัญหา รวมทง้ั สถานการณเ์ ก่ียวกับ
สถานการณเ์ กย่ี วกบั ความน่าจะเปน็ ได้ เศษส่วนและทศนยิ ม
3 เลขยกกำลงั 1. บอกและเขยี นเลขยกกำลังทมี่ เี ลข 1. ความหมายของเลขยก 2
(13) ชกี้ ำลังเปน็ จำนวนเตม็ แทนจำนวน กำลัง
ทก่ี ำหนดให้ได้
2. บอกและนำเลขยกกำลงั มาใช้ในการ 2. การเขียนแสดงจำนวนใน 4
เขยี นแสดงจำนวนในรูปสญั กรณ์ รปู สญั กรณ์วทิ ยาศาสตร์
วทิ ยาศาสตรไ์ ด้ 3. การคูณและการหารเลขยก
3. คณู และหารของเลขยกกำลังท่มี ีฐาน กำลังที่มฐี านเดียวกนั และ 7
เดยี วกัน และเลขชีก้ ำลงั เปน็ จำนวน เลขชกี้ ำลงั เป็นจำนวนเต็ม
เต็มได้
หลกั สูตรการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ระดับ มัธยมศกึ ษาตอนต้น 67
ท่ี หัวเร่อื ง ตวั ชวี้ ัด เนอื้ หา จำนวน
4 อัตราส่วนและ (ช่วั โมง)
1. กำหนดอตั ราส่วนได้ 1. อัตราส่วน
รอ้ ยละ 5
(20) 2. คำนวณสัดส่วนได้ 2. สัดสว่ น 3
5
5 การวัด 3. หาคา่ ของรอ้ ยละได้ 3. ร้อยละ 7
6 ปรมิ าตรและ 4. แกโ้ จทย์ปญั หาในสถานการณต์ ่างๆ 4. การแกโ้ จทย์ปัญหาเกีย่ วกับ 1
พ้ืนทผ่ี วิ (16) 1
เกย่ี วกบั อัตราสว่ น สดั ส่วน และ อัตราส่วน สดั ส่วน และ 2
4
ร้อยละได้ ร้อยละ
2
1. เปรยี บเทยี บหน่วยความยาวพนื้ ท่ใี น 1. การเปรียบเทียบหนว่ ย 3
ระบบเดียวกันและต่างระบบได้ ความยาวพน้ื ท่ี 2
5
2. เลือกใชห้ น่วยการวัดเกีย่ วกบั ความ 2. การเลือกใชห้ นว่ ยการวัด 2
ยาวและพน้ื ท่ไี ด้อยา่ งเหมาะสม เก่ยี วกับความยาวและพื้นที่ 2
3. หาพน้ื ทีข่ องรูปเรขาคณติ ได้ 3. การหาพน้ื ทขี่ องรปู
เรขาคณิต
4. แก้โจทย์ปัญหาเกี่ยวกบั พนื้ ท่ี 4. การแก้โจทยป์ ญั หาเกยี่ วกับ
สถานการณ์ต่างๆ ในชวี ิตประจำวันได้ พนื้ ทใ่ี นสถานการณต์ า่ งๆ
5. อธิบายวิธกี ารคาดคะเนและนำวธิ ีการ 5. การคาดคะเนเวลา
ไปใช้ในการคาดคะเนเวลา ระยะทาง ระยะทาง ขนาด น้ำหนกั
ขนาด น้ำหนักได้
1. อธิบายลักษณะและสมบตั ขิ องปริซึม 1. การหาพ้ืนทีผ่ ิวและ
พรี ะมดิ ทรงกระบอก กรวย ทรงกลม ปริมาตรของปรซิ ึม
หาปริมาตรและพ้ืนทีผ่ วิ ของปรซิ มึ ได้
2. หาปรมิ าตรและพืน้ ท่ีผิวของ
ทรงกระบอกได้ 2. การหาปรมิ าตรและพ้นื ที่
3. หาปริมาตรของพีระมิด กรวย และ ผวิ ของทรงกระบอก
ทรงกลมได้ 3. การหาปรมิ าตรของพีระมิด
4. เปรียบเทยี บหนว่ ย ความจุ หรือหนว่ ย กรวยและทรงกลม
ปริมาตรในระบบเดยี วกนั หรอื ตา่ ง 4. การเปรยี บเทยี บหน่วย
ระบบ และเลือกใชห้ น่วยการวดั ปรมิ าตร
เกยี่ วกับความจหุ รอื ปรมิ าตรไดอ้ ยา่ ง
เหมาะสม
5. ใช้ความรเู้ ก่ยี วกบั ปริมาตรและพ้ืนทีผ่ วิ 5. การแกโ้ จทย์ปญั หาเกย่ี วกบั
แกป้ ญั หาในสถานการณต์ ่างๆ ได้ ปรมิ าตรและพื้นทผี่ ิว
6. ใชก้ ารคาดคะเนเก่ียวกบั ปริมาตรและ 6. การคาดคะเนปริมาตรและ
พื้นท่ีผวิ ในสถานการณ์ต่างๆ ได้อยา่ ง พน้ื ทผ่ี ิว
หลักสตู รการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนต้น 68
ท่ี หัวเรอ่ื ง ตัวชว้ี ัด เนือ้ หา จำนวน
7 คู่อันดบั และ (ชั่วโมง)
เหมาะสม 1. คูอ่ ันดับ
กราฟ (๘) 1. อ่านและอธิบายความหมายคูอ่ นั ดับได้ 2
2. อ่านและแปลความหมายกราฟบน 2. กราฟ 2
๘ ความสัมพันธ์ 3
ระหวา่ งรปู ระนาบพกิ ดั ฉากทกี่ ำหนดให้ได้ 3. การนำคู่อนั ดบั และกราฟ 3
เรขาคณิตสอง 3. เขยี นกราฟแสดงความเกยี่ วขอ้ งของ ไปใช้ 4
มติ ิและสามมิติ
(10) ปรมิ าณสองชุดทก่ี ำหนดให้ได้ 1. ภาพของรปู เรขาคณิตสอง 4
มิตทิ ่ีเกดิ จากการคล่ีรูป
๙ สถติ ิ (21) 1. อธบิ ายลักษณะของรปู เรขาคณติ สาม เรขาคณิตสามมิติ 2
มติ ิจากภาพสองมติ ทิ ่ีกำหนดให้ได้
2. ภาพของมิติทีไ่ ดจ้ ากการ 2
2. ระบุภาพสองมติ ิทีไ่ ดจ้ ากการมอง มองดา้ นหนา้ ด้านขา้ ง หรือ 6
ดา้ นหน้า ดา้ นขา้ ง ด้านบน ของรูป ด้านบนของรปู เรขาคณิต 7
เรขาคณิตสามมิติท่กี ำหนดใหไ้ ด้ สามมติ ิ 2
2
3. วาดหรอื ประดษิ ฐ์รปู เรขาคณิตที่ 3. การวาดหรือประดิษฐร์ ปู
ประกอบขนึ้ จากลกู บาศก์ เมือ่ กำหนด เรขาคณิตทป่ี ระกอบขึ้น 2
ภาพสองมิติท่ีได้จากการมองทาง จากลกู บาศก์
ดา้ นหน้า ด้านขา้ ง หรือด้านบนได้
1. การรวบรวมข้อมลู
1. เก็บรวบรวมขอ้ มลู ท่ีเหมาะสมได้ 2. การนำเสนอขอ้ มลู
2. นำเสนอข้อมลู ในรปู แบบทเ่ี หมาะสม
3. การหาค่ากลางของข้อมลู
ได้
3. การหาค่ากลางของข้อมูลที่ ไม่ 4. การเลอื กใช้คา่ กลาง ของ
ขอ้ มูล
แจกแจงความถ่ีได้
4. เลอื กและใช้ค่ากลางของขอ้ มูล 5. การอา่ น การแปล
ความหมายและ
ท่กี ำหนดให้ไดอ้ ย่างเหมาะสม การวเิ คราะห์ข้อมูล
5. อ่าน แปลความหมาย และวิเคราะห์
6. การใชข้ ้อมูลสารสนเทศ
ข้อมูล จากการนำเสนอข้อมลู
ท่ีกำหนดให้ได้
6. อภปิ รายและใหข้ ้อคดิ เหน็ เก่ยี วกับ
ข้อมลู ข่าวสารทางสถิติที่สมเหตุสมผล
ได้
หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดบั การศึกษาข้นั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ระดับ มัธยมศกึ ษาตอนต้น 69
ท่ี หัวเรื่อง ตัวช้ีวัด เนอื้ หา จำนวน
(ชวั่ โมง)
10 ความน่าจะเป็น 1. หาความนา่ จะเป็นของเหตกุ ารณจ์ าก 1. การทดลองสุ่ม และ
(15) การทดลองสมุ่ ที่ผลแตล่ ะตวั มีโอกาสที่ เหตกุ ารณ์ 3
จะเกิดข้ึนเท่าๆ กันได้
2. การหาความนา่ จะเปน็ ของ 7
2. ใช้ความรู้เกี่ยวกบั ความนา่ จะเปน็ ใน เหตุการณ์
การคาดการณ์ได้อยา่ งสมเหตสุ มผล 5
3. การนำความน่าจะเปน็ ของ
3. ใช้ความรเู้ กี่ยวกบั ความน่าจะเป็น เหตุการณต์ ่างๆ ไปใช้
ประกอบการตัดสนิ ใจได้
หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขนั้ พื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 ระดับ มัธยมศกึ ษาตอนต้น 70
วิชาวทิ ยาศาสตร์
เป้าหมายการเรยี นรู้
ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้
๑. เขา้ ใจกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยสี ่ิงมีชวี ิต และส่งิ แวดลอ้ ม สารเพ่อื ชวี ติ แรง
และพลังงานเพอ่ื ชวี ิต ดาราศาสตร์เพอื่ ชวี ิต
๒. มีจิตวทิ ยาศาสตร์ คุณธรรม จรยิ ธรรม และค่านยิ มท่เี หมาะสมในการดำเนนิ ชวี ิต
๓. มีความสามารถในการตัดสนิ ใจอยา่ งถกู ต้องตามกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรเ์ พื่อการดำเนิน
ชวี ิตประจำวนั
มาตรฐานการเรยี นรรู้ ะดบั ผลการเรยี นรู้ที่คาดหวงั
มาตรฐานท่ี 2.2 มีความรู้ความเขา้ ใจและทักษะพ้ืนฐานเก่ียวกับคณติ ศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และ
เทคโนโลยี
มาตรฐานการเรยี นรู้ ผลการเรียนรูท้ ค่ี าดหวัง
วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
มคี วามรู้ ความเข้าใจ ทักษะ และเห็นคุณคา่ เกี่ยวกับ 1. ใชค้ วามรแู้ ละกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ วิธีการทาง
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ส่ิงมชี วี ิต ระบบ วทิ ยาศาสตร์ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ เจตคติ
นิเวศทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อม ในท้องถน่ิ และ ทางวทิ ยาศาสตร์ และทำโครงงานวิทยาศาสตร์ได้
ประเทศ สาร แรง พลังงาน กระบวนการเปล่ยี นแปลงของ 2. อธิบายเกย่ี วกบั เซลล์ กระบวนการดำรงชวี ิตของพืช
โลก และดาราศาสตร์ มจี ิตวิทยาศาสตรแ์ ละนำความร้ไู ปใช้ และระบบตา่ งๆ ของสตั ว์
ประโยชน์ในการดำเนนิ ชีวิต 3.อธิบายเกีย่ วกบั ความสัมพันธร์ ะหวา่ งสิง่ มชี วี ติ กับ
สิง่ แวดลอ้ ม ในระบบนเิ วศ การถ่ายทอดพลังงาน การใช้
ปญั หา การดแู ลรกั ษา และการอนุรกั ษท์ รพั ยากร
ธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดลอ้ มของทอ้ งถนิ่ และประเทศ
4.อธิบายเกี่ยวกบั โลก และบรรยากาศปรากฏการณท์ าง
ธรรมชาติ การกระทำของมนุษยท์ ี่มผี ลต่อการเปล่ียนแปลง
ของโลกในปจั จุบัน การปอ้ งกนั ภยั ท่เี กิดจากปรากฏการณ์
ทางธรรมชาติ
5.อธิบายเกยี่ วกับสมบตั ิทางกายภาพและทางเคมีของสาร การ
จำแนกสาร กรด เบส ธาตุ สารประกอบ สารละลาย และของ
ผสม และใช้สารและผลิตภัณฑใ์ นชีวติ ประจำวันไดอ้ ยา่ ง
ถกู ต้องและปลอดภัยต่อชีวิต
6.อธิบายเกี่ยวกับแรง และการใช้ประโยชน์ ของแรง
7.เกีย่ วกบั พลงั งานไฟ ฟา้ การตอ่ วงจรไฟฟ้าเครือ่ งใช้ไฟฟ้า
หลกั สตู รการศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2551 ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น 71
มาตรฐานการเรียนรู้ ผลการเรียนร้ทู ีค่ าดหวัง
ในชวี ติ ประจำวนั แสงและสมบัติของแสง เลนส์ ประโยชน์
และโทษจากแสง การเปล่ียนรูปพลังงาน พลงั งานความ
ร้อนและแหล่งกำเนิด การนำพลงั งานไปใชป้ ระโยชน์ใน
ชีวิตประจำวนั และการอนรุ ักษ์พลงั งานได้
๘. อธบิ ายเกย่ี วกบั ดวงดาว และการใชป้ ระโยชน์
หลกั สูตรการศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ษาข้นั พื้นฐาน พทุ ธศักราช 2551 ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น
72
หลกั สูตรการศึกษานอกระบบระดับการศกึ ษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น 73
คำอธิบายรายวิชาบังคับ
รายวชิ าบงั คับ
สาระความรูพ้ ้ืนฐาน
วชิ าวิทยาศาสตร์
ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้
มาตรฐานที่ รหัสรายวิชา รายวิชา หน่วยกติ
2.2 4
พว21001 วทิ ยาศาสตร์
หลักสตู รการศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ระดับ มัธยมศกึ ษาตอนต้น 74
คำอธบิ ายรายวชิ า พว21001 วทิ ยาศาสตร์ จำนวน 4 หน่วยกติ
ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนต้น
มาตรฐานการเรยี นรู้ระดบั
มคี วามรู้ ความเข้าใจ ทักษะ และเห็นคุณคา่ เกี่ยวกับกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สงิ่ มีชวี ิต ระบบนเิ วศ
ทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดลอ้ ม ในทอ้ งถนิ่ และประเทศ สาร แรง พลังงาน กระบวนการเปล่ียนแปลงของโลก และดาราศาสตร์ มี
จิตวิทยาศาสตรแ์ ละนำความรไู้ ปใช้ประโยชน์ในการดำเนนิ ชวี ติ
ศึกษาและฝกึ ทักษะเกยี่ วกบั เรอ่ื งตอ่ ไปนี้
1. กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
ธรรมชาติของวิทยาศาสตร์ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ วิธีการทางวิทยาศาสตร์ ทักษะ
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เจตคติทางวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยี และโครงงานวิทยาศาสตร์
2. สิ่งมีชีวิตและสิง่ แวดลอ้ ม
เซลล์ กระบวนการดำรงชีวิตของพชื และสตั ว์ ระบบนิเวศ โลก บรรยากาศ ปรากฏการณ์
ทางธรรมชาติ ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อม
3. สารเพอ่ื ชวี ติ
การจำแนกสาร ธาตุและสารประกอบ สารละลาย กรด-เบส สารและผลิตภณั ฑ์ในชวี ติ
4. แรงและพลังงานเพอ่ื ชีวติ
แรงและการใชป้ ระโยชนข์ องแรง งานและพลงั งาน
5. ดาราศาสตร์เพื่อชวี ติ
ดวงดาวกบั ชีวิต
เพ่ือให้ผู้เรียนเกิดความรู้ ความเข้าใจ ความคิด และทักษะ มีความสามารถในการตัดสินใจ นำ
ความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวนั มีจิตวทิ ยาศาสตร์ คณุ ธรรม จริยธรรม และคา่ นยิ มท่ีเหมาะสม
การจัดประสบการณ์การเรยี นรู้
ให้ผู้เรียน ศึกษา ค้นคว้า สำรวจ ตรวจสอบ ทดลอง จำแนก อธบิ าย อภิปราย นำเสนอด้วยการจัด
กระบวนการเรียนร้ดู ้วยการพบกลุ่ม การสอนเสริม การเรียนร้ดู ้วยตนเอง การรายงาน การศกึ ษา จากแหล่งเรียนรู้
ประสบการณ์ตรงโดยใช้สถานการณ์จริง ปรากฏการณธ์ รรมชาติ และประสบการณ์จากผู้เรยี น
การวัดและประเมินผล
ประเมินจากการสังเกต การอภิปราย การสัมภาษณ์ ทักษะปฏิบัติ รายงานการทดลอง การมี
สว่ นร่วมในกจิ กรรมการเรียนรู้ ผลงาน การทดสอบ การประเมิน การนำไปใชป้ ระโยชน์ในชวี ิตประจำวัน
หลกั สตู รการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น 75
รายละเอยี ด คำอธบิ ายรายวิชา พว21001 วิทยาศาสตร์ จำนวน 4 หนว่ ยกติ
ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้
มาตรฐานท่กี ารเรียนรู้ระดบั
มีความรู้ ความเข้าใจ ทักษะ และเห็นคุณค่าเกี่ยวกับกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ส่ิงมีชีวิต ระบบ
นิเวศ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในท้องถิ่นและประเทศ สาร แรง พลังงาน กระบวนการเปล่ียนแปลงของโลก และดารา
ศาสตร์ มีจติ วทิ ยาศาสตรแ์ ละนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ในการดำเนนิ ชวี ติ
ท่ี หวั เร่อื ง ตวั ชี้วัด เน้ือหา จำนวน
1 กระบวนการทาง (ชว่ั โมง)
วทิ ยาศาสตร์ และ
เทคโนโลยี
1.1 กระบวนการทาง 1. อธิบายธรรมชาติและ 1. กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 5
วทิ ยาศาสตร์ และ ความสำคญั ของวิทยาศาสตร์ 1.1 ความหมายและความสำคญั
เทคโนโลยี และเทคโนโลยีได้ ของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
2. อธิบายกระบวนการทาง 1.2 กระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์ วิธกี ารทาง วทิ ยาศาสตร์
วทิ ยาศาสตร์ ทกั ษะ 1.2.1วธิ กี ารทาง
กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ 5 ขนั้
และเจตคติทางวทิ ยาศาสตร์ได้ 1.2.2 ทักษะกระบวน
3. นำความรู้ และกระบวนการ การทางวิทยาศาสตร์ 13 ทักษะ
ทางวิทยาศาสตร์ไปใช้แก้ปัญหา 1.2.3 เจตคตทิ าง
ตา่ งๆ ได้ วทิ ยาศาสตร์ 6 ลักษณะ
4. อธิบายความหมาย 2. เทคโนโลยี
ความสำคญั และความสัมพนั ธ์ 2.1 ความหมาย และ
ของเทคโนโลยีตอ่ ชวี ิต และ ความสัมพันธ์ของวิทยาศาสตร์และ
สังคมได้ เทคโนโลยีต่อชวี ิตและสงั คม
5. นำความรู้ และเลือกใช้ 2.2 ความกา้ วหน้าของ
เทคโนโลยีได้อยา่ งเหมาะสม เทคโนโลยใี นปัจจบุ นั
2.3 เทคโนโลยกี ับการประกอบ
6. เลือกใชว้ สั ดุ และอปุ กรณ์ทาง อาชีพ และการนำเทคโนโลยไี ปใช้
วทิ ยาศาสตร์ไดอ้ ยา่ งถกู ต้องและ ในชีวติ
เหมาะสม
7. เกิดเจตคติทางวทิ ยาศาสตร์ 3. วสั ดุ และอปุ กรณ์ทาง
๘. มจี ิตวิทยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์
หลกั สตู รการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 ระดับ มัธยมศกึ ษาตอนต้น 76
ท่ี หัวเรอ่ื ง ตวั ชว้ี ัด เนอื้ หา จำนวน
(ช่ัวโมง)
3.1 ประเภทของวัสดแุ ละ
อปุ กรณ์
3.2 วิธีใช้วสั ดุ และอปุ กรณ์
1.2 โครงงาน 1. อธิบายประเภท เลอื กหัวข้อ 1. โครงงานวิทยาศาสตร์ 5
วทิ ยาศาสตร์ วางแผน วิธีทำ นำเสนอและ 1.1 ประเภทของโครงงาน
ประโยชนข์ องโครงงานได้ 1.2 การเลือกหัวขอ้ โครงงาน
2. วางแผนการทำโครงงานได้ 1.3 การวางแผนการกระทำ
3. ทำโครงงานวิทยาศาสตรก์ ลุ่ม โครงงาน
ได้ 1.4 การนำเสนอโครงงาน
4. อธบิ ายและบอกแนวได้ใน 1.5 ประโยชนข์ องโครงงานเพ่ือ
การนำผลจากโครงงานไปใชไ้ ด้ การพฒั นาคุณภาพชีวิต
5. นำความรเู้ กย่ี วกับ
วทิ ยาศาสตร์ กระบวนการทาง
วิทยาศาสตรแ์ ละโครงงานไป
ใชไ้ ด้
2 สง่ิ มชี วี ิตและ
ส่งิ แวดล้อม
2.1 เซลล์ 1. อธบิ ายลักษณะ โครงสร้าง 1. ลกั ษณะ รูปร่างของเซลล์พืช 10
องค์ประกอบ และหน้าท่ขี อง และสัตว์
เซลลไ์ ด้ 1.1 สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว
1.2 สิง่ มชี วี ิตหลายเซลล์
2. เปรียบเทยี บความแตกต่าง 2. องคป์ ระกอบโครงสร้าง และ
ระหวา่ งเซลลพ์ ืชและเซลล์สตั ว์ หนา้ ทข่ี องเซลล์พชื และ
ได้ เซลล์สัตว์
3. กระบวนการทีส่ ารผา่ นเซลล์
3.1 การแพร่
3.2 การออสโมซิส
2.2 กระบวนการ 1. อธิบายกระบวนการแพรแ่ ละ 1. การดำรงชวี ิตของพชื 20
ดำรงชีวติ ของพชื และ ออสโมซสิ ได้ 1.1 ระบบการลำเลียงนำ้
สตั ว์ 2. อธิบายโครงสรา้ งและการ อาหาร และแรธ่ าตขุ องพชื
ทำงานของระบบลำเลียงในพืชได้ 1.2 โครงสรา้ งและการทำงาน
3. อธบิ ายความสำคัญและปัจจยั ของระบบลำเลยี งน้ำ
ทจ่ี ำเปน็ สำหรบั กระบวนการ ในพืช
หลักสตู รการศกึ ษานอกระบบระดับการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนต้น 77
ท่ี หวั เรื่อง ตัวชี้วัด เน้ือหา จำนวน
(ชว่ั โมง)
สงั เคราะห์ด้วยแสงได้ 1.3 โครงสร้างและการทำงาน
4. อธิบายโครงสรา้ งและการ ของระบบลำเลยี งอาหารในพชื
ทำงานของระบบสืบพันธใุ์ นพชื 1.4 กระบวนการสังเคราะห์
ในท้องถนิ่ ได้ ด้วยแสง
5. อธบิ ายการทำงานของระบบ 1.4.1ความสำคญั ของ
ต่างๆ ในสัตว์ได้ กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง
1.4.2 ปัจจัยที่จำเป็น
สำหรบั กระบวนการสงั เคราะห์
ดว้ ยแสง
1.5 ระบบสืบพันธใ์ุ นพืช
1.5.1 โครงสรา้ งและการ
ทำงานของระบบสืบพนั ธข์ุ องพืชไร้
ดอก
1.5.2 โครงสร้างและการ
ทำงานของระบบสืบพันธข์ุ องพืชมี
ดอก
2. การดำรงชวี ิตของสัตว์
2.1 โครงสรา้ งและการทำงาน
ของระบบต่างๆ ของสัตว์
2.1.1 ระบบหายใจ
2.1.2 ระบบยอ่ ยอาหาร
2.1.3 ระบบขับถ่าย
2.1.4 ระบบสืบพันธ์ ฯลฯ
2.3 ระบบนเิ วศ 1. อธบิ ายเกี่ยวกบั ความสัมพันธ์ 1. ความสมั พันธ์ของส่ิงมีชีวติ ต่างๆ 10
ของสง่ิ มีชีวิตต่างๆ ในระบบ ในระบบนิเวศ
นิเวศในทอ้ งถ่นิ และการ 2. การถา่ ยทอดพลังงาน
ถ่ายทอดพลังงานได้ 3. สายใยอาหาร
2. อธบิ ายและเขยี นแผนภูมิ 4. วฏั จักรของน้ำ
แสดงสายใยอาหารของระบบ 5. วัฏจกั รคารบ์ อน
นเิ วศต่างๆ ในท้องถน่ิ ได้
3. อธบิ ายวฏั จักรของน้ำและ
คารบ์ อนได้