เร่ืองที่เปน ประโยชน
สนุ ขั จิง้ จอกกบั ไก
สนุ ัขจ้งิ จอกตัวหนง่ึ คอยเดินวนเวยี นอยูใกลๆ กบั เลาไก สรา งความหวาดกลวั ใหก บั
ลูกไกม าก ไกตวั หนง่ึ จึงบนิ ข้ึนไปอยบู นร้ัวและเฝาจบั ตาดสู นุ ัขจิง้ จอกดวยความหวาดกลัว เมอื่ ใดที่
เจาสนุ ขั จ้งิ จอกขยบั ตัวเขา มาใกล มนั ก็จะบนิ หนีไปอยา งรวดเร็ว ทาํ ใหไกต วั อื่น ๆ เยาะเยย ถากถาง
ในการกระทําของมัน และดหู ม่นิ วา มันข้ีขลาด
เจา ไกไดฟง ดังนั้นก็ตอบออกไปวา “เจา จะเรยี กขาวาอยา งไรกไ็ ดแตส ําหรบั ขา เอง
รูจักพิษสงของสุนขั จงิ้ จอกดี และขาแนใ จวา ถามสี ักคร้งั หนึ่งท่ีเจา ไดเผชิญหนา กับสนุ ัขจงิ้ จอก
เชนเดียวกบั ทขี่ าเคยนนั้ พวกเจา กอ็ าจจะมีสภาพไมผดิ ไปจากขาอยา งแนน อน”
เรื่องนสี้ อนใหรวู า การยอมรับวา ตนเปน คนขลาด แตรูจกั ระวังภยั ดีกวาเสแสรงเปน คนกลาหาญ
แลว ตอ งพบจดุ จบในภายหลงั
46 คมู ือการจัดกจิ กรรมลูกเสือสามญั รุนใหญเสรมิ สรางทักษะชวี ิต ชั้นมธั ยมศึกษาปท ี่ 3
แผนการจดั กิจกรรมลูกเสอื สามญั รนุ ใหญ เครือ่ งหมายลกู เสอื หลวง ชนั้ มธั ยมศึกษาปท่ี 3
หนว ยที่ 5 การสาํ รวจ เวลา 3 ชัว่ โมง
แผนการจดั กิจกรรมท่ี 10 แผนทช่ี ุมชน
1. จุดประสงคก ารเรียนรู
1.1 ลกู เสือสามารถสาํ รวจทต่ี ง้ั ชมุ ชนโดยใชเ ขม็ ทศิ ได
1.2 ลูกเสือสามารถกาํ หนดสญั ลักษณท ่ตี งั้ ลงในแผนทไ่ี ด
1.3 ลูกเสอื สามารถสอบวชิ าพเิ ศษแผนที่เขม็ ทศิ ได
2. เนอ้ื หา
การสํารวจ คอื ศาสตรของการหาความสัมพนั ธข องตําแหนง ตางๆ ทงั้ ทอี่ ยบู นผวิ โลกและใต
ผวิ โลก น้ันคอื การวดั ขอ มลู สามมติ ิ (ระยะทาง ทศิ ทาง และระดบั )
3. สื่อการเรียนรู
3.1 แผนภมู ิเพลง
3.2ใบงาน
3.3ใบความรู
3.4 เร่อื งเลา ท่เี ปนประโยชน
4. กิจกรรม
4.1 กจิ กรรมครงั้ ที่ 1
1) พิธีเปด ประชุมกอง(ชักธง สวดมนต สงบนิง่ ตรวจ แยก)
2) เพลง หรอื เกม
3) กิจกรรมตามจุดประสงคก ารเรียนรู
(1) ผกู าํ กบั ลกู เสือนาํ ลูกเสอื ในกองสนทนา ในหวั ขอ “อาคารทีต่ ัง้ ของโรงเรยี นเรามี
การจัดวางอยางไร” และสิง่ กอสรา งอื่นมีการจดั วางอยา งไร
(2) ผกู ํากับลกู เสอื ใหล กู เสอื แตละหมูสงตวั แทนมารับใบความรู และ ใบงานและ
ใหล กู เสือปฏบิ ตั ิงานตามคาํ สงั่ ในกิจกรรม โดยใหลูกเสือประชุมภายในหมู
เพื่อเลือกสํารวจชมุ ชนของตนเอง หรือ สํารวจในโรงเรยี น โดยใชเขม็ ทิศ
ประกอบเพ่อื จัดทาํ แผนท่ตี อ ไป
(3) ผกู ํากับลกู เสือใหล ูกเสอื แจง บรเิ วณที่จะทาํ การสํารวจ แลว กลบั ไปปฏบิ ตั แิ ผนที่
ตามใบความรู และใบงานทไ่ี ดร ับ
4) ผกู าํ กบั ลกู เสอื เลา เรอื่ งทเี่ ปน ประโยชน
5) พธิ ปี ด ประชมุ กอง(นัดหมาย ตรวจเครอื่ งแบบ ชกั ธง เลกิ )
- ผูก ํากับลกู เสือนัดหมายใหล กู เสอื นาํ แผนที่ทจ่ี ัดทําขนึ้ มานําเสนอในสปั ดาหต อ ไป
คูมอื การจดั กจิ กรรมลูกเสือสามัญรุนใหญเสริมสรา งทักษะชวี ติ ช้ันมธั ยมศึกษาปท่ี 3 47
4.2 กิจกรรมครง้ั ท่ี 2
1) พิธเี ปด ประชมุ กอง (ชกั ธง สวดมนต สงบนิ่ง ตรวจ แยก)
2) เพลงหรือเกม
3) กิจกรรมตามจดุ ประสงคการเรียนรู
(1) ลกู เสอื แตล ะหมูนําแผนทที่ ไ่ี ดจ ัดทาํ มาแสดงใหลูกเสอื ภายในกองไดดู
(2) ผกู าํ กบั ลกู เสือใหล ูกเสอื แตล ะหมรู ะดมความคิดปฏบิ ัตงิ านในใบงานท่ี 2 เร่ือง
สัญลกั ษณ ภายในเวลา 5 นาที
(3) ผูก ํากับลกู เสอื และลกู เสือรว มกันเฉลยในกจิ กรรมท่ี 2
(4) ผกู าํ กบั ลกู เสอื ใหล กู เสือแตละหมกู าํ หนดจุดท่ีตั้งและนําสญั ลกั ษณไ ปใสลงในแผนที่
ของหมตู น
4) ผูกํากบั ลกู เสอื เลา เรอ่ื งท่เี ปน ประโยชน
5) พิธปี ด ประชุมกอง(นดั หมาย ตรวจเครอ่ื งแบบ ชกั ธง เลกิ )
- ผกู ํากับลกู เสือนัดหมายใหล กู เสอื นําดนิ สอ ไมบรรทดั ยางลบ เพอื่ ทดสอบ
วชิ าพเิ ศษชา งแผนท่ีในสปั ดาหตอ ไป
4.3 กจิ กรรมคร้ังท่ี 3
1) พธิ เี ปด ประชมุ กอง (ชักธง สวดมนต สงบนิ่ง ตรวจ แยก)
2) เพลงหรือเกม
3) กจิ กรรมตามจุดประสงคก ารเรยี นรู
(1) ผูกาํ กบั ลกู เสอื แบงลูกเสือออกเปนกลมุ ยอยๆ กลมุ ละ 3-4 คน (ตามจํานวน
ลูกเสอื ภายในกอง) เพ่ือสอบวชิ าพิเศษชางแผนท่ี ผกู ํากบั ลูกเสอื แจก
กระดาษและเขม็ ทิศใหลูกเสือแตล ะกลมุ
(2) ผกู าํ กบั ลกู เสือใหลกู เสอื แตละกลุมยอ ยออกมาจบั สลากบรเิ วณในการสํารวจ
เพื่อจัดทาํ แผนที่
(3) ผกู าํ กบั ลกู เสือใหเวลาในการปฏบิ ัติ 30 นาทีและผกู าํ กบั ลูกเสอื เกบ็
แบบทดสอบของลกู เสือเมอื่ หมดเวลา
4) ผกู ํากบั ลูกเสือเลาเร่อื งทเี่ ปน ประโยชน
5) พิธีปดประชมุ กอง(นดั หมาย ตรวจเครอื่ งแบบ ชักธง เลิก)
5. การประเมนิ ผล
5.1 สังเกต การมีสว นรวมทํากจิ กรรม
5.2 ความถกู ตอ งและสมบรู ณของแผนที่
48 คมู ือการจัดกิจกรรมลูกเสือสามัญรุนใหญเสริมสรา งทกั ษะชีวิต ช้ันมธั ยมศกึ ษาปท่ี 3
ภาคผนวกประกอบแผนการจัดกิจกรรมท่ี 10
เพลง
ทิศแปดทิศ
ทิศทั้งแปดทศิ ขอใหค ิดจาํ ใหเ คยชิน
อุดรตรงขา มทักษิณ บรู พาประจิมจาํ ไว
ทองอกี ที จาํ ใหข น้ึ ใจ
อสี านตรงหรดี ตรงขามไปคอื อาคเนย
พายพั นน้ั อยทู างไหน (ซํา้ )
งานสง่ิ ใด
งานสิง่ ใด งานสงิ่ ใด แมนใครละเลยท้ิงปลอย มวั แตค อยเฝา แตคอย หวังคอยแตเกี่ยงโยนกลอง
ไมม ีเสร็จ ไมมเี สรจ็ รบั รอง จาํ ไวท กุ คนตอ งทาํ งานเราตอ งชวยกนั ชว ยกนั …..ชวยกัน.....ชว ยกนั
เบิกบานใจ
เบกิ บานใจเมอื เราอยูพรอ มเพรียงกนั ช่ืนชีวันทุกคนเบิกบานหรรษา
ตา งคนย้ิมยอ งผองใส สุขใจเสยี เปนหนกั หนา เพม่ิ ไมตรีรอยยิม้ น้ีมคี ุณคา
หมั่นขยันทกุ วันเวลา ยมิ้ กนั ดีกวา สดชนื่ ร่ืนรมย
เกม
ตามผูนาํ
วิธีเลน
1.ใหลกู เสอื เขา แถวหนา กระดานหรือแถวตอนเรยี งหนงึ่ เลอื กหวั หนา คน
หน่ึงผเู ปน หัวหนา จะทํากรยิ าทาทางตางๆเชน วง่ิ เดิน กระโดด หวั เราะรอ งไหฯ ลฯ
2. คนอนื่ ๆจะตอ งทําตามทกุ อยา ง
การตดั สนิ
1. ผูท่ไี มส ามารถทําตามหวั หนา ไดตองออกจากการแขง ขนั
2. ผูชนะคอื ผเู ลน ที่อยใู นแถวนานทส่ี ดุ
คมู อื การจดั กจิ กรรมลูกเสือสามญั รุนใหญเสริมสรา งทักษะชีวิต ชั้นมัธยมศึกษาปท ่ี 3 49
ทําตรงขา ม
วิธีเลน
1. เลือกผนู าํ มา 1 คน โดยใหผนู าํ ทาํ ทา ตา งๆ
2. ผเู ลน คนอ่นื นัน้ จะตองทําตรงกันขา มกบั ท่ีผูน าํ ทํา เชน ผนู าํ หวั เราะ-ลูกเสือทกุ คน
ตอ งรอ งไหผูนาํ น่งั ลง –ลูกเสอื ตองยืนขึ้น ผูนํากาวเทาซา ย –ลกู เสอื กา วเทา ขวาฯลฯการทาํ จะเร็วขน้ึ
ไปเรอื่ ยๆ
การตดั สิน
ลกู เสือทท่ี าํ ตามผนู าํ หรอื ทําชาจะตองออกจากการแขงขัน หรอื เปลี่ยนมาเปนผูนาํ
มงั กรกนิ หาง
วธิ ีเลน
1. แบงลกู เสอื ออกเปน 3-4 แถวจับเอวตอกันเปน แถวคนทยี่ ืนอยบู นหัวแถวเปน ปาก
มังกรพยายามไลจบั คนทายแถวของมงั กรตัวอน่ื ๆ
2. ถา แถวใดถกู จับไดก ็ตองตอกนั ในท่ีสดุ จะมแี ถวเดยี วเปน มงั กรหางยาวแลว หัว
มังกรไลจ บั หางมงั กรของตวั เอง
การตัดสิน
หวั มงั กรจะตอ งไลจ บั หางมังกรของตวั เองใหไ ดการเลน เกมน้ีจงึ สิ้นสดุ ลง
50 คูม ือการจดั กจิ กรรมลกู เสือสามัญรุนใหญเสรมิ สรางทักษะชวี ติ ช้ันมธั ยมศึกษาปท ี่ 3
ใบความรู
ใบความรทู ี่ 1
เรือ่ ง การสํารวจเพือ่ การทาํ แผนที่
การสํารวจ คอื ศาสตรของการหาความสมั พันธข องตําแหนง ตา งๆ ทง้ั ท่อี ยบู นผิวโลกและใตผวิ โลก นั้นคอื การ
วัดขอ มลู สามมติ ิ (ระยะทาง ทิศทาง และระดับ) ซง่ึ วิธกี ารวดั มที ง้ั แบบโดยตรงและโดยออ ม แลว แสดงเปนแผนทีโ่ ดยใช
มาตราสวนทเ่ี หมาะสม การสาํ รวจสามารถแบง แยกประเภทไดม ากมาย แตอ ยา งไรก็ตามกย็ ังคงมีหลักการสาํ รวจ
พนื้ ฐานคลา ยคลงึ กัน หลกั การสาํ รวจดงั กลา วแบง ออกเปน 2 สว น คือ งานสนาม และงานสาํ นักงาน
1. งานสนาม เปนงานรงั วัดขอมลู ในพ้นื ทจ่ี ริงซงึ่ ตองใชประสบการณแ ละการวางแผนทด่ี ีจงึ จะทาํ ใหงานสนามมี
ประสิทธภิ าพ งานสนามมีหลายสวนดังน้ี
1.1 การสํารวจสังเขป เปน การสํารวจเบอื้ งตน เพอื่ รูจักรปู รา งและทรวดทรงของพน้ื ท่ีโดยประมาณ พิจารณา
ธรรมชาตขิ องพนื้ ท่แี ละสง่ิ ทม่ี นษุ ยส รา งขน้ึ เชน ภเู ขา แมน ํ้า ลาํ คลอง ถนนชมุ ชน และจุดสังเกต วิธกี ารสาํ รวจ คอื
การเดนิ เทาหรอื ใชพ าหนะตา งๆ ผลการสํารวจสังเขปจะไดภ าพสเกต็ ของพน้ื ที่
1.2 การวางแผนปฏิบตั งิ านสนาม
1.3 การเกบ็ ขอ มูลภาคสนาม
1.4 การบนั ทกึ ขอ มลู โดยภาคสนาม
1.5 การตรวจทานแผนท่ี
2. งานสาํ นักงาน เปน งานทีป่ ฏิบตั ติ อเนอื่ งจากงานสนามเพอื่ ใหง านรงั วดั สมบูรณ ซง่ึ มงี านตางๆ ไดแก
2.1 การคํานวณ อาจจะเปน การคาํ นวณคา มมุ ภายในการปรับแกค า มมุ ทศิ ทาง ระยะทาง พิกดั เปน ตน
2.2 การเขียนแผนที่ ใชค าพิกัด จากทค่ี าํ นวณและปรบั แกแลวนาํ มาเขยี นแผนทต่ี ามมาตรสวนทีต่ อ งการ
การทําแผนทส่ี งั เขปจากการนับกา ว
เปนวธิ ีการพืน้ ฐานทีส่ ดุ ของการทาํ แผนที่สงั เขป กอนอนื่ เราตองหาความยาว 1 กาว ของเราเม่ือเทียบกบั
หนวยมาตรฐาน เชน เซนตเิ มตรหรือเมตร ดังน้ันจํานวนก่กี าวท่เี ราเดนิ นบั ระหวา งจุด 2 จุด กท็ ราบระยะทางบน
พ้นื ดิน หนว ยเปนเมตรกไ็ ด จากน้ันสามารถแปลงเปนระยะทางบนแผนทต่ี อไป แตอ ยา งไรกต็ ามกต็ อ งมกี ารวัด
ทิศทาง โดยใชเข็มทศิ
การหาความยาวหนง่ึ กา ว เปน ความยาวหน่ึงกาวของแตละบคุ คลซง่ึ จะแตกตา งกนั โดยกาํ หนดจดุ 2 จดุ ใน
แนวราบ ใหหา งกนั 100 เมตร โดยเดินนับกาวจากจดุ ที่ 1 ไปหาจดุ ท่ี 2 จดบนั ทกึ จาํ นวนกาว ความจะเดนิ อยางนอย3
เท่ียว โดยใชส ตู รในการคํานวณคอื
สูตรคาํ นวณ ความยาว 1 กาว = ระยะทาง
จํานวนกาว
ตวั อยา ง เที่ยวท่ี 1 = = 0.72 ม.
** ควรเดนิ อยา งนอ ย 5 เท่ยี ว แลวนําความยาวกาวทีห่ ารแลว แตละครง้ั มาหาคาเฉลีย่ 51
คมู อื การจัดกิจกรรมลูกเสือสามัญรุนใหญเสริมสรางทกั ษะชวี ิต ชั้นมธั ยมศึกษาปท ่ี 3
ตารางแปลระยะทาง การสรางตารางนหี้ มายถงึ การแปลงคาจาํ นวนกาวเปน ระบบมาตราวดั ทงั้ ระยะทางบนพืน้ ดิน
และระยะทางบนแผนทตี่ ามมาตราสวนทกี่ ําหนด โดยใชคา ความยาว1 กา วเฉล่ยี ซงึ่ เปนขอ มูลประจาํ ตัวของแตละคน
สมมุติวาความยาวกาวเฉลย่ี เปน 0.71 เมตร และตอ งการเขียนแผนที่มาตราสว น 1/1000 และ 1/3000
ตัวอยา ง แสดงการแปลงจาํ นวนกาวเปน ระยะทางบนแผนท่ี มาตราสวนตา งๆ กนั
จํานวนกาว ระยะทางบนพื้นดนิ (ม.) ระยะทางบนแผนท่ี 1/1000 ระยะทางบนแผนที่ 1/3000
1 0.71 0.07 0.02
2
3 1.42 0.14 0.05
4
5 2.13 0.21 0.07
6
7 2.84 0.28 0.09
8
9 3.55 0.36 0.12
10
4.28 0.43 0.14
4.97 0.50 0.17
5.68 0.57 0.18
6.39 0.64 0.21
7.10 0.71 0.24
การสรา งมาตราสว นรปู ภาพ ซ่งึ มีหนวยเปน กาว วธิ กี ารนีจ้ ะทาํ ใหการแปลงระยะทางจากจํานวนกา วไปเปนระยะทาง
บนแผนทโ่ี ดยตรง การเขียนแผนทีจ่ ึงไมตอ งคาํ นวณตามแบบตวั อยา งตาราง แตสามารถวดั จากมาตราสว นรปู ภาพซ่งึ มี
หนว ยเปน กา วแลว นําไปเขยี นเปนระยะทางบนแผนทีไ่ ดท นั ที ยกตวั อยางจากคาเฉลย่ี ความยาวกา ว 0.71 เมตร จะสรา ง
มาตราสว นรปู ภาพ 1/1000 ไดดังนค้ี ือ
1. คํานวณระยะทางใน 100 กาว
นับกาว 1 กาว เทากบั ระยะทางบนพนื้ ดนิ 71 ซม.
ถานับกา ว 100 กา ว เทากบั ระยะทางบนพนื้ ดิน 7,100 ซม.
2. คํานวณเปน ระยะทางบนแผนที่
รระะยยะะททาางงบบนนพแผนื้ นดทินี่= มาตราสว น
ระยะทางบนแผนท=ี่
ระยะทางบนแผนท่ี = 7.1 ซม.
52 คมู อื การจัดกิจกรรมลกู เสือสามญั รุนใหญเสรมิ สรา งทักษะชีวิต ชั้นมัธยมศกึ ษาปที่ 3
ลําดับขัน้ การสรา งมาตราสว นรูปภาพ
1) ลากเสนตรง AB ใหม คี วามยาว 7.1 ซ่ึงเทากับ 100 กาว
2) ลากเสนตรง AC ใหทํามมุ กบั AB ประมาณ 45 องศา
3) แบง AC ออกเปน 10 สว นเทา กนั โดยวดั ระยะหรือใชว งเวยี น
4) ลากเสน เชอ่ื ม BC แลว ลากชดุ ของเสน ขนานใหข นานกบั BC ไปตดั เสน ตรง AB
5) เสน ตรง AB จะถูกแบงออกเปน 10 สว นเทา กัน แตล ะสว นยาวเทา กบั 10 กา ว เขยี นจาํ นวนกา วกาํ กบั
วิธเี สนตั้งฉาก เปนการเก็บรายละเอียดในระยะใกลๆ และสามารถเขา ถึงได
1) จากจุดเรมิ่ ตนเดินนบั กาวตามแนวโครงขา ยควบคมุ ที่เรียกวาเสนฐาน (Base line)จนถึงรายละเอยี ดอนั แรก
ในการประมาณระยะต้ังฉากจากเสน ฐานไปถึงรายละเอยี ดนั้น ถาเปน อาคารใหใชช ายคา แลว บนั ทกึ ระยะกา วตามแนว
เสนฐานลงในภาพสเกต็
2) เดินนบั กา วระยะต้ังฉากจากเสนฐานถงึ รายละเอียดแลวบันทกึ จาํ นวนกา ว
3) ถา รายละเอียดมากและซอนทบั กันใหใ ชวธิ ีการนบั กา วเปนมมุ ฉากตง้ั ภาพประกอบ
4) เดินนบั กาวรอบอาคารเพ่ือหาขนาดของอาคารหรอื ทราบขนาดจากการนับกาวบนเสนฐานได
5) รูปรางของอาคารเขียนใหง ายเพราะรปู รา งไมส ําคัญเทากับตาํ แหนงถกู ตอง
คูมอื การจัดกจิ กรรมลูกเสือสามญั รุนใหญเสรมิ สรางทกั ษะชีวิต ช้ันมธั ยมศกึ ษาปท ี่ 3 53
ใบความรทู ่ี 2
เรือ่ ง การยอ และขยายแผนท่ี
แผนที่ท่ีใชก ันแพรหลายทง้ั สวนบุคคลหรอื หนว ยงานสาธารณะ มมี ากมายหลายขนาดตามความตองการของ
ผูผลติ และผใู ช อาจมตี ้งั แตขนาดเลก็ ทส่ี ามารถพมิ พลงในหนังสือจนกระทงั้ ขนาดใหญม าก เชน แผนที่ผนงั (Wall
maps)ดงั นัน้ การยอ และการขยายแผนทจ่ี งึ มีความจําเปนอยา งหนงึ่ ของผใู ชแผนท่ีจะยอ -ขยายแผนท่ี ตองเขา ใจหลกั การ
และสามารถปฏิบัตกิ ารกบั แผนทีจ่ นบรรลผุ ลสาํ เร็จได
ผลกระทบจากการยอ – ขยายแผนที่
แผนท่ีทกุ แผน ไมว า จะถูกยอ ใหเ ลก็ ลงหรอื ขยายใหมขี นาดใหญข้ึน จะมีมาตราสว นเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอยาง
แนนอน ในกรณีของการยอแผนท่ีใหมขี นาดเล็กลงจากตน ฉบบั มาตราสว นของแผนทใ่ี หมจะจะเล็กลงดวย ผลกระทบ
จากการยอ-ขยายแผนทีม่ ดี ังน้ี
1. ระยะเชงิ เสน (Linear)ระยะเชิงเสน นห้ี มายถึงความกวา ง และความยาวของขอบระวางแผนท่ี หรือระยะทาง
จากจดุ หนงึ่ ไปยงั จุดหนงึ่ บนแผนทีต่ นฉบบั เมือ่ มาตราสวนเปลย่ี นแปลงขนาดขอบของระวางแผนท่จี ะมขี นาดเลก็ ลง
หรอื ใหญก วา ตน ฉบบั ฉะนนั้ ระยะทางจากวัดถงึ โรงเรยี น บนแผนท่ีใหมจ ะเปลี่ยนแปลงไปดว ย เชน แผนที่ 1 : 50,000
หรอื 2 ซม. ตอ 1 กม. ถูกยอ เปน 1 : 100,000 หรือ 1 ซม. ตอ 1 กม. จะเหน็ วา ระยะทางบนพนื้ ดนิ 1 กม. เทากนั แต
เปน ระยะทางบนแผนที่ เปน 2 ซม. และ 1 ซม. ตามลาํ ดับ ดงั นั้นแผนทฉ่ี บบั หลงั ตองมีขนาดเล็กลงกวาฉบบั แรก เพราะ
ระยะทางบนแผนทีจ่ ะถกู ลดลงจากระยะทางเดมิ เหลอื เพยี งครึ่งเดียว
2. ขนาดพ้ืนท่ี (Area)พ้นื ทข่ี องแผนที่จะเปลย่ี นแปลงสมั พนั ธก บั การเปล่ียนแปลงระยะเชิงเสนดว ยเสมอ
เพราะวา พนื้ ทมี่ ี 2 มิติ สวนระยะเชิงเสน มี 1 มติ ิ จากตัวอยา งแผนท่ีฉบบั ใหมจ ะมพี ื้นทเ่ี พียง 1 ใน 4 ของแผนท่ตี น ฉบบั
เทาน้ัน
ตวั อยา ง แผนทตี่ นฉบับ มาตราสว น 1 : 50,000 ขนาด 30 x 30 ซม. เมอื่ ตองการทําเปนแผนท่ีมาตราสวน 1 :
100,000 จะมขี นาด 15 x 15 ซม. ดังภาพ และระยะทางจากวดั ถึงโรงเรียนเปลย่ี นจาก 10 ซม. เหลอื 5 ซม.
3. รายละเอียดแผนท่ี
3.1 ระยะเชิงเสนทุกเสนจะลดลงความกา ง หรือขยายออก เชน ถนน สนามบนิ
3.2 สัญลกั ษณแ ละตวั อกั ษรอาจจะแออัดขนึ้ หรอื อาจจะขยายหางกนั ออกไป
3.3 ทว่ี า ง (Open Spade)จะลดลงหรือขยายกวางขึ้น
3.4 เสน ชนั้ ความสูง (Contour)จะแนน ประชดิ กนั มากขึน้ หรอื หา งกนั มากขึ้น
3.5 เสนลายขวานสบั (Hachure)จะชิดกนั มากข้นึ หรอื หางกนั
54 คูม ือการจัดกิจกรรมลูกเสือสามัญรุนใหญเสริมสรา งทกั ษะชวี ติ ช้ันมธั ยมศึกษาปท ี่ 3
การพจิ ารณาอัตราการยอหรือขยาย
คาอัตราการยอ หรอื ขยายจะเปน คา ตวั เลขตวั หนงึ่ แตมคี วามสาํ คัญในการคํานวณและในการจติ นาการ ขนาด
หรอื พ้ืนที่ของแผนทที จ่ี ะทําขนึ้ ใหมได การพจิ ารณาอตั ราการยอหรอื ขยายแบงออกเปน 2 อยา ง คือ
1. เทยี บจากจาํ นวนเตม็ 1 หนวย เราจะกําหนดใหแผนทีต่ นฉบบั มคี าเทา กบั 1 หนวย ในกรณขี องการยอ คา
อัตราการยอจะมคี านอยกวา 1 เสมอ ในทางกลบั กนั ในกรณีขยายคา จะมากกวา 1 เสมอ
2. คา อตั ราการยอ ขยายเปนรอ ยละ วิธีน้เี ปนวิธที ี่แพรหลายในวงการถายเอกสารปจ จบุ นั ซง่ึ มักจะใชค าํ วารอ ย
ละของการยอ หรือขยายโดยกาํ หนดใหแ ผนท่ีตน ฉบับมีคาเทา กับ 100% ในกรณกี ารยอ แผนท่คี า อัตราการยอ จะมีคาตาํ่
กวา 100% เปน ตน
สตู รในการคาํ นวณการยอ และขยายแผนที่
1. เม่ือใชม าตราสวนเปนหลกั
1) จํานวนเทา = มาตราสวนใหญ
มาตราสวนเดมิ
หรอื = . ใหม
. เดมิ
เมือ่ MSR คือ สว นกลบั ของมาตราสว น เชน , มี MSR เปน 50000
2) ระยะทางใหม = ระยะทางเดมิ x จาํ นวนเทา
3) พืน้ ท่ีใหม = พ้นื ท่ีเดมิ x จํานวนเทา ยกกาํ ลงั สอง
4) มาตราสว นใหม =มาตราสวนเดิม x จํานวนเทา
หรอื = จํานวนเทา
.
2. เมอ่ื ใชระยะทางเปนหลกั
1) จํานวนเทา = ระยะทางใหม
ระยะทางเดิม
2) ระยะทางใหม = ระยะทางเดิม x จํานวนเทา
3) พืน้ ท่ใี หม = พ้ืนที่เดมิ x (จํานวนเทา )2
4) มาตราสว นใหม =มาตราสว นเดมิ x จํานวนเทา
หรือ = จาํ นวนเทา
3. เมื่อใชพ้ืนทเ่ี ปนหลัก .
1) จํานวนเทา = พ้นื ท่ใี หม
พื้นทีเ่ ดมิ
2) ระยะทางใหม = ระยะทางเดิม x √จาํ นวนเทา
3) พื้นทีใ่ หม = พน้ื ท่เี ดิม x จํานวนเทา
4) มาตราสว นใหญ = มาตราสว นเดมิ x √จํานวนเทา
คูม อื การจดั กิจกรรมลกู เสือสามัญรุนใหญเสริมสรางทกั ษะชวี ติ ช้ันมัธยมศกึ ษาปท ่ี 3 55
ตวั อยา ง
การคาํ นวณการยอ และการขยายแผนที่
ถา แผนทต่ี นฉบบั มาตราสว น 1 : 50,000 ตองการทําเปนแผนท่ี 1 : 100,000 จงคํานวณและตอบคาํ ถาม
ตอ ไปน้ี
1. จํานวนเทา ของการยอหรือขยาย
2. ขนาดของแผนทใ่ี หม ถา แผนที่ตน ฉบบั มขี นาด 30 x 30 ซม. และถา ระยะทางจากวัดถงึ โรงเรียน
10 ซม. จะมีระยะทางเหลอื เทา ใดบนแผนทใี่ หม
3. พ้ืนท่ขี องแผนท่ฉี บบั ใหม ถาแผนทีต่ น ฉบับมขี นาด 900 ตารางซม. (ใชม าตราสวนเปนหลัก)
1. จํานวนเทา ของการยอ หรอื ขยาย
2. ขนาดของแผนที่
สตู ร ระยะทางใหม = ระยะทางเดมิ x จํานวนเทา
= 30 x 0.5
= 15 ซม.
ขนาดแผนท่ใี หม = 15 x 15 ตารางซม.
และกรณีระยะทางจากวดั ถงึ โรงเรยี นบนตน ฉบบั วดั ได
= 10 ซม.
สูตร ระยะทางใหมต วั อยาง=แนระวยโะจททายงเใดนิมกxาจราํสนอวบนเวทชิ า าพเิ ศษชา งแผนท่ี
= 10 x 0.5
ระยะทางจากวัดถึงโรงเรียน = 5 ซม.
3. พน้ื ท่ขี องแผนท่ฉี บบั ใหม
สตู ร พื้นทใ่ี หม = พื้นท่เี ดิม x (จาํ นวนเทา )2
= 900 x (0.5)2
พืน้ ทข่ี องแผนทใี่ หม = 225 ตารางซม.
56 คมู อื การจัดกิจกรรมลูกเสือสามญั รุนใหญเสรมิ สรางทักษะชีวติ ช้ันมัธยมศึกษาปท ่ี 3
โจทยขอ ที่ 1
คาํ สงั่ ใหลกู เสอื แตละกลุมจดั ทาํ แผนทป่ี ระกอบเข็มทศิ ในบรเิ วณทก่ี าํ หนดให โดยกาํ หนดจุดสัญลกั ษณลงไปดวย
กําหนดใหมาตราทใี่ ชค อื 1/500 ภายในเวลา 35 นาที บริเวณทตี่ งั้ สํารวจเพอ่ื จัดทาํ แผนที่ คอื
“บรเิ วณตง้ั แตหนา ประตูโรงเรียน ถึง บริเวณโดยรอบหอประชุมโรงเรยี น”
โจทยข อ ที่ 2
คาํ สง่ั ใหล ูกเสือแตล ะกลมุ จัดทําแผนทีป่ ระกอบเขม็ ทศิ ในบริเวณท่กี ําหนดให โดยกาํ หนดจุดสญั ลกั ษณลงไปดว ย
กาํ หนดใหม าตราที่ใชคอื 1/500 ภายในเวลา 35 นาที บรเิ วณทตี่ งั้ สํารวจเพือ่ จดั ทาํ แผนท่ี คอื
“ตัง้ แตบรเิ วณโดยรอบหอประชมุ โรงเรียน ถงึ อาคาเรยี น 1
โจทยขอ ที่ 3
คําสั่ง ใหลูกเสือแตล ะกลมุ จดั ทาํ แผนทป่ี ระกอบเข็มทศิ ในบริเวณที่กาํ หนดให โดยกาํ หนดจุดสัญลักษณล งไปดวย
กําหนดใหม าตราทใ่ี ชคอื 1/500 ภายในเวลา 35 นาที บรเิ วณท่ตี งั้ สาํ รวจเพื่อจดั ทําแผนที่ คือ
“บริเวณอาคารเรยี น 1 ถึง บริเวณอาคารเรยี น 3”
คมู อื การจดั กิจกรรมลูกเสือสามญั รุนใหญเสริมสรา งทักษะชีวิต ช้ันมธั ยมศึกษาปท่ี 3 57
โจทยขอที่ 4
คําสัง่ ใหลกู เสอื แตละกลุมจัดทาํ แผนท่ีประกอบเขม็ ทศิ ในบริเวณท่ีกาํ หนดให โดยกําหนดจุดสัญลักษณลงไปดวย
กําหนดใหม าตราทใ่ี ชคอื 1/500 ภายในเวลา 35 นาที บริเวณที่ตง้ั สํารวจเพ่ือจดั ทําแผนที่ คอื
“บริเวณตง้ั แตอาคารเรียน 2 ถึง บริเวณสระนา้ํ โรงเรยี น
โจทยข อที่ 5
คําสง่ั ใหลูกเสอื แตล ะกลุมจดั ทําแผนท่ีประกอบเขม็ ทศิ ในบริเวณที่กําหนดให โดยกาํ หนดจุดสัญลักษณล งไปดว ย
กําหนดใหมาตราทใี่ ชค ือ 1/500 ภายในเวลา 35 นาที บรเิ วณทต่ี งั้ สาํ รวจเพอ่ื จัดทาํ แผนท่ี คือ
“บรเิ วณตง้ั แตอาคารเรียน 4 ถึง บริเวณโรงอาหาร”
โจทยข อ ที่ 6
คําส่ัง ใหลูกเสือแตล ะกลุมจัดทําแผนที่ประกอบเขม็ ทศิ ในบริเวณท่ีกาํ หนดให โดยกาํ หนดจุดสัญลักษณล งไปดว ย
กําหนดใหมาตราทใ่ี ชคอื 1/500 ภายในเวลา 35 นาที บริเวณที่ตง้ั สาํ รวจเพอื่ จดั ทําแผนที่ คอื
“บรเิ วณสนามฟุตบอล ถึง บริเวณอาคารฝก งาน”
58 คมู ือการจดั กจิ กรรมลกู เสือสามัญรุนใหญเสรมิ สรางทักษะชวี ิต ชั้นมัธยมศกึ ษาปท ่ี 3
ใบงาน
ใบงานท่ี 1
เรื่อง สมดุ สนาม
คําสั่ง
1. ใหลกู เสือแตล ะหมูส าํ รวจชุมชนทล่ี ูกเสอื เลือกไวโดยใชเ ขม็ ทศิ ประกอบ
2. ใหบ นั ทกึ ขอ มูลลงในสมดุ สนามทแ่ี จกให
3. นาํ ขอมูลทบี่ นั ทึกในสมดุ สนามไปจดั ทําแผนท่ี เพอ่ื นาํ เสนอในสัปดาหตอ ไป
Nots ……………………………………………………………………………………………………………..
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................
คมู อื การจัดกิจกรรมลกู เสือสามัญรุนใหญเสรมิ สรางทักษะชีวติ ช้ันมัธยมศกึ ษาปที่ 3 59
ใบงานท่ี 2
เรือ่ ง สญั ลักษณ
คําส่ัง ใหลกู เสือแตละหมูชว ยกันคิด นาํ หวั ขอคําตอบทางขวามือใสใ น ( ) หนา สัญลักษณท าง
ซายมือ
ตามผนู ํา
วิธกี ารเลน
1.ใหลกู เสอื เขา แถวหนากระดานหรือแถวตอนเรยี งหนงึ่ เลือกหวั หนาคน
หน่งึ ผูเปนหัวหนา จะทาํ กรยิ าทา ทางตางๆเชน วง่ิ เดิน กระโดด หวั เราะรอ งไหฯลฯ
2. คนอืน่ ๆจะตองทาํ ตามทุกอยา ง
การตัดสิน
1. ผูท ไี่ มสามารถทําตามหวั หนา ไดต อ งออกจากการแขง ขนั
2. ผูชนะคอื ผูเ ลน ท่อี ยูใ นแถวนานทสี่ ุด
ทาํ ตรงขาม
วิธีเลน
1. เลอื กผนู ํามา 1 คน โดยใหผูนําทาํ ทาตา งๆ
2. ผูเลน คนอนื่ นั้นจะตอ งทาํ ตรงกันขา มกบั ทผ่ี นู าํ ทํา เชนผนู ําหวั เราะ-ลกู เสอื ทกุ คน
ตองรอ งไหผ ูนาํ น่งั ลง –ลกู เสอื ตอ งยนื ขน้ึ ผนู าํ กา วเทาซา ย –ลูกเสือกา วเทาขวาฯลฯการทาํ จะเรว็ ขน้ึ
ไปเรื่อยๆ
การตดั สนิ
ลูกเสอื ท่ีทําตามผูนาํ หรอื ทําชาจะตอ งออกจากการแขง ขัน หรอื เปลีย่ นมาเปนผนู าํ
มังกรกนิ หาง
วิธีเลน
1. แบง ลกู เสอื ออกเปน 3-4 แถวจบั เอวตอกันเปน แถวคนทีย่ นื อยูบนหัวแถวเปนปาก
มงั กรพยายามไลจ ับคนทายแถวของมงั กรตัวอ่ืนๆ
2. ถาแถวใดถกู จบั ไดกต็ อ งตอ กนั ในที่สดุ จะมแี ถวเดยี วเปนมังกรหางยาวแลว หัว
มังกรไลจ ับหางมงั กรของตวั เอง
การตดั สิน
60 คมู ือการจัดกิจกรรมลูกเสือสามัญรุนใหญเสรมิ สรา งทกั ษะชวี ติ ช้ันมธั ยมศึกษาปท ี่ 3
เร่อื งท่ีเปน ประโยชน
ลกู สาวกบั พอ
มีพอคนหนง่ึ ไดไ ปเย่ียมลกู สาวคนโตที่เเตง งานไปกบั ชาวสวน
“ลกู สบายดีหรอื เปลา ตองการอะไรหรอื เปลา”พอ ถามอยางเปนหว งเปน ใย ลูกสาวคนโตจึงตอบวา“ลูก
สบายดีจะ พอ ลูกไมไ ดตอ งการนอกจากจะอยากใหฝ นตกลงมามากๆ เพอ่ื ท่ีจะใหพืชผลในสวนจะได
งอกงามดี”เมื่อพอ ไปเย่ียมลูกสาวคนเล็ก พอ ก็ถามเชนเดยี วกันกบั ทไ่ี ดถ ามลกู สาวคนโตไป
ลกู สาวคนเลก็ ซึง่ ไดแตง ไปเปน เมยี ชา งปน หมอ ก็ตอบวา “ลกู สบายดจี ะ พอจา แคต อ งการอยา งเดียวคอื
อยากใหฝนไมตกลงมาเลย ถา มเี เดดออกจา ตลอดเวลากค็ งจะดี เพราะหมอดนิ ทต่ี ากเอาไวก จ็ ะเเหง
เรว็ จะพอ ”
นิทานเรื่องนส้ี อนใหรูวา คนเรามกั ตองการเเตสิ่งทเี่ ปน ผลประโยชนเ เกต น
ลาหลายนาย
ลาเม่ือไดทาํ งานอยใู นสวนผลไม ลากร็ ูสกึ วาตนน้ันตองทาํ งานหนกั เเละตนน้นั กไ็ ดก ินอาหาร
ไมค ุมกบั ท่ตี นทาํ งานลาจงึ ไปกราบทลู ขอพระอศิ วรใหห าเจานายใหใหมใหต น
พระอิศวรทรงรําคาญจงึ สั่งไปอยูกบั ชา งปน หมอ ลาตองขนดนิ ท่หี นกั มากเปนระยะทางไกลๆ
ทุกวันก็ทนไมไ หว จงึ ไดข อรองใหพ ระอศิ วรชว ยตนอีกเปนครง้ั สุดทาย
ครั้งนลี้ าไปทํางานทีโ่ รงฟอกหนงั ลาตองทํางานหนักกวาเดิมอีกหลายเทานัก จนลาสํานึกได
วาอยูทส่ี วนผลไมกับเจานายคนเเรกน้ันกส็ บายหนักหนาเม่อื เทียบกับทนี่ ่ี เเละเจา ลาขีเ้ บอ่ื ก็ยังไดร อู ีก
ดวยวา อยูทน่ี ถี่ า มนั ทาํ งานจะตอ งทํางานจนตายและเมอื่ ตายแลว ก็จะตองถกู ถลกหนังไปฟอกขายตอ
เปน เเนแท
นิทานเรือ่ งนสี้ อนใหร วู า ถา รจู กั พอเพยี งเเละเจยี มตน ก็ยอ มมีความสุขตลอดไป
แพะกบั สงิ โต
สงิ โตคํารามใสเเพะวา“ขา พบนํา้ พนุ อ ยน้กี อ น ขา ตอ งไดก นิ น้ําน้กี อน”เเตเ เพะกร็ อ งวา “ขา
ตางหากทม่ี าพบกอ นเจา”เมอื่ ตกลงกันไมไ ด สงิ โตกับเเพะก็กระโจนเขาตอสูก นั พลั วนั ทามกลางเเส
งเเดดยามเทีย่ งที่รอนอาวท้ังสองฟดกันหมดเเรงนอนกลิง้ เกลือกอยดู วยกันในขณะท่ี
ฝูงอเี เรงบนิ วนเวียนไปมาอยูบนฟา เหนือน้ําพุนอยเเพะจึงเสนอวาควรจะเเบงกันกนิ ดีกวาสกู นั จนตาย
กลายเปน อาหารใหอีเเรง
นทิ านเร่อื งนส้ี อนใหรูวา สองฝา ยตกี ัน ฝา ยที่สามยอ มไดผ ลประโยชน
คูม ือการจัดกิจกรรมลกู เสือสามัญรุนใหญเสรมิ สรางทักษะชวี ิต ช้ันมธั ยมศึกษาปท ี่ 3 61
แผนการจัดกิจกรรมลูกเสอื สามัญรนุ ใหญ เครอื่ งหมายลกู เสือหลวง ชัน้ มธั ยมศึกษาปที่ 3
หนวยท่ี 6 พฒั นาชมุ ชน เวลา 1 ช่วั โมง
แผนการจัดกจิ กรรมที่ 11 ความตอ งการของชมุ ชน
1. จุดประสงคก ารเรียนรู
เพื่อสง เสรมิ ใหลกู เสอื เหน็ ความสาํ คญั ของชุมชน และมสี วนรว มในการพัฒนาชมุ ชน
2. เน้ือหา
2.1 ชมุ ชน คอื กลมุ คนท่ีอาศยั อยูในละแวกเดยี วกัน โดยมกี ารพ่ึงพาอาศัยซึ่งกันและกนั
2.2 สํารวจปญ หาของชมุ ชนและความตอ งการของชมุ ชน
3. ส่ือการเรียนรู
3.1 แผนภูมิเพลง
3.2 ใบงาน
3.3 กระดาษ
3.4 เร่อื งทีเ่ ปนประโยชน
4. กิจกรรม
4.1 พธิ ีเปด ประชมุ กอง(ชักธง สวดมนต สงบนิ่ง ตรวจ แยก)
4.2 เพลง หรือเกม
4.3 กจิ กรรมตามจดุ ประสงคการเรียนรู
1) ผกู าํ กบั ลกู เสือนาํ ลูกเสือในกองสนทนาถงึ ความหมายของคาํ วา “ชมุ ชน”
2) ลกู เสือแตล ะหมรู ว มกันพิจารณาถงึ ปญ หาและความตองภายในชมุ ชนของลูกเสอื ตาม
ใบกิจกรรมที่ไดร บั
3) ลูกเสอื แตล ะหมสู ง ตัวแทนนาํ เสนอผลงานการคัดเลอื กปญ หาและความตอ งการของ
ชมุ ชนของหมูตนเอง โดยผกู ํากบั ลกู เสอื และลกู เสือในกองรว มกนั พิจารณาถึงปญหาของชุมชนอ่นื
4) ผกู าํ กับลกู เสือใหล กู เสือกลบั ไปเตรยี มคดิ โครงการพฒั นาชมุ ชนท่ีลกู เสือเลือกไว
4.4 ผกู ํากบั ลกู เสอื เลา เรอ่ื งทีเ่ ปน ประโยชน
4.5 พธิ ปี ด ประชมุ กอง(นัดหมาย ตรวจเครื่องแบบ ชกั ธง เลิก)
5. การประเมินผล
สังเกต การมีสวนรว มทาํ กจิ กรรม การแสดงออก และผลงานของลกู เสอื
62 คมู ือการจัดกิจกรรมลูกเสือสามัญรุนใหญเสริมสรางทักษะชวี ติ ชั้นมธั ยมศึกษาปที่ 3
ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กิจกรรมที่ 11
เพลง
สามคั คีรวมใจ
สามคั คีรว มใจ เรว็ ไวชว ยกนั ทําการงานดวยความสําราญเริงใจ
มาชวยกนั ซิเรว็ ไว จะไดเ สรจ็ ทนั ใดใครๆก็พากนั ยกยอง
เกม
ว่ิงถอยหลงั
วิธเี ลน
1. แตล ะหมูเ ขา แถวตอนลกึ ทีเ่ สนเร่มิ เสรจ็ แลว กลบั หลงั หนั ใชมอื จับเอวคนท่ีอยู
ขางหนาตนเองไวอยา ใหหลดุ
2. เม่อื ไดยินสัญญาณใหเร่มิ เลน ใหแ ตล ะหมูพ ากนั วิ่งถอยหลังไปยังทีห่ มายโดยไมใ หม ือหลดุ
3. หมูใดถงึ ทห่ี มายกอนเปนผชู นะ หมูอ น่ื กลา วคาํ ชมเชย (เยล) ให ผกู ํากับอธบิ ายถึง
ประโยชนข องเกม
คมู ือการจดั กจิ กรรมลูกเสือสามัญรุนใหญเสรมิ สรา งทักษะชวี ิต ช้ันมธั ยมศึกษาปที่ 3 63
ใบงาน
ใบงาน
เรื่องสํารวจปญ หาและความตอ งการของชุมชน
คาํ ส่ัง ตอนที่ 1
ใหลูกเสือแตล ะคนในหมูบอกถงึ ปญ หาและความตอ งการของชุมชนของตนเองมาอยางนอย
3 ขอ โดยใหรองนายหมูเปน ผูจดบันทกึ
........................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................
คําสงั่ ตอนท่ี 2
ใหล กู เสือในหมรู ว มกันพิจารณาและอภปิ รายเพอื่ คัดเลือกปญ หาทส่ี มาชิกในหมูมคี วามเห็น
พอ งตองกันวา เปน ปญหาทล่ี ูกเสอื สามารถแกไขได หรอื เปนปญ หาทเ่ี รง ดว นควรไดรับการแกไข
มา 1 ปญ หา พรอ มเหตุผลประกอบ
........................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................
64 คมู ือการจัดกจิ กรรมลกู เสือสามญั รุนใหญเสรมิ สรางทกั ษะชีวติ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปท่ี 3
เรื่องท่เี ปนประโยชน
ลกู ชาวนากับมรดก
นานมาแลว มคี รอบครวั ชาวนาอยคู รอบครวั หนงึ่ เม่ือผูทเ่ี ปนพอ ตายไปเเลว ลกู ชาวนาทงั้ สองก็ชวน
กนั ออกไปขดุ หาสมบตั ิในสวนองนุ เพราะพอไดสง่ั เสยี เอาไวกอนท่จี ะตายวาทรัพยสมบัตขิ องพออยูใ นสวนองนุ “นอ ง
ไปขุดตรงนัน้ นะ สวนพีจ่ ะขดุ ตรงนี้เอง”ลูกชาวนาทง้ั สองชว ยกันขุดดนิ เพื่อหาสมบัตติ ามท่ตี า งๆในสวนองุนไปจนทั่ว
ทั้งสวนกย็ งั ไมส ามารถหาสมบตั ิท่ีคิดวา พอจะฝงไวใ หเจอไดเเตส วนองนุ ท่ีถูกขุดถูกพรวนดนิ จนทัว่ นั้น กลับยิ่งเจรญิ
งอกงามดี จนลูกชาวนาสองพ่ีนองสามารถท่จี ะขายองุนจนไดท รพั ยสินเงนิ ทองมากมายท้งั สองจงึ เพ่ิงรูว าทรัพย
สมบัตทิ ี่พอท้งิ ไวใ หเ ปนมรดกนั้นแทจริงไมใ ชสมบตั ิที่ถกู ฝงเอาไว แตจริงๆแลว คืออะไร
เร่ืองน้สี อนใหรูว า ความขยนั พากเพยี รสามารถกอใหเกดิ ทรัพย
คูมอื การจดั กจิ กรรมลูกเสือสามญั รุนใหญเสรมิ สรางทักษะชีวิต ช้ันมธั ยมศกึ ษาปท ี่ 3 65
แผนการจดั กจิ กรรมลูกเสอื สามัญรนุ ใหญ เครือ่ งหมายลกู เสอื หลวง ชน้ั มธั ยมศึกษาปท ี่ 3
หนว ยท่ี 6 พัฒนาชมุ ชน เวลา 1 ช่วั โมง
แผนการจัดกจิ กรรมท่ี 12 โครงการพฒั นาชมุ ชน
1. จดุ ประสงคก ารเรียนรู
ลูกเสอื จดั ทาํ โครงการเพื่อพฒั นาตามความตองการของชุมชนได
2. เนอ้ื หา
จดั ทาํ โครงการพฒั นาชุมชน ตามความตอ งการของชุมชน โดยใชเ วลาไมต าํ่ กวา 10 ชว่ั โมง
3. ส่ือการเรียนรู
3.1 แผนภมู ิเพลง
3.2 ใบงาน
3.3 เรื่องทเ่ี ปนประโยชน
4. กจิ กรรม
4.1 พธิ เี ปด ประชมุ กอง(ชกั ธง สวดมนต สงบน่ิง ตรวจ แยก)
4.2 เพลง หรือเกม
4.3 กิจกรรมตามจุดประสงคก ารเรียนรู
1) ผกู าํ กบั ลูกเสอื นําลกู เสอื ในกองสนทนาถงึ ปญ หาของชมุ ชนท่ลี ูกเสอื ไดนําเสนอไว
เมอ่ื สัปดาหที่แลว
2) ใหลกู เสือแตล ะหมสู ง ตวั แทนมารบั ใบกิจกรรม แลวชว ยกนั ระดมความคิดในการ
จัดทําโครงการเพ่ือพฒั นาหรอื แกป ญ หาของชุมชนตามหวั เร่อื งทลี่ ูกเสือแตละหมูได
นําเสนอไว
3) ผกู าํ กบั ลูกงานคอยใหคาํ แนะนําและเสนอแนะแกล กู เสอื ในกอง พรอ มนัดหมาย
นาํ เสนองาน
4.4 ผูกาํ กับลกู เสือเลาเรือ่ งท่เี ปนประโยชน
4.5 พธิ ีปดประชุมกอง(นัดหมาย ตรวจเคร่อื งแบบ ชกั ธง เลิก)
5. การประเมนิ ผล
สังเกต การมีสว นรว มทํากจิ กรรม การแสดงออก และผลงานของลกู เสอื
66 คมู ือการจัดกจิ กรรมลกู เสือสามัญรุนใหญเสริมสรา งทกั ษะชีวิต ช้ันมัธยมศกึ ษาปท่ี 3
ภาคผนวกประกอบแผนการจัดกิจกรรมท่ี 12
เพลง
สามคั คีรวมใจ
สามคั ครี วมใจ เร็วไวชว ยกนั ทาํ การงานดว ยความสาํ ราญเริงใจ
มาชว ยกันซิเรว็ ไว จะไดเ สร็จทนั ใดใครๆกพ็ ากนั ยกยอง
เกม
นักโทษแหกคกุ
วธิ ีเลน
1. แบง ลูกเสอื เปน 2 ฝา ย ฝา ยหนง่ึ เปนนักโทษทห่ี ลบหนี อกี ฝายหนงึ่ เปนตํารวจ
2. ขดี วงกลมทําเปนคุก เรมิ่ เลน ตาํ รวจไลจบั นกั โทษมาเขา คกุ แลว มีคนมาเฝา
3. นกั โทษกส็ ามารถมาชวยเพอื่ นได โดยฉุดออกจากวงกลม การเลน ผลดั กนั ใครจับ
นักโทษไดมากกวาเปนฝา ยชนะ ตามกําหนดเวลา
ใบงาน
ใบงาน
คาํ ส่ัง จากปญ หาและความตอ งการของชุมชนทลี่ กู เสอื ไดน าํ เสนอไว ใหลกู เสือปฏบิ ัตกิ จิ กรรมดงั น้ี
1. ใหล ูกเสอื แตละหมรู ะดมความคดิ เพื่อจัดทําโครงการเพอ่ื พฒั นาหรือแกป ญหาของชุมชนตาม
หวั เรื่องท่ลี ูกเสือแตละหมูไดน าํ เสนอไว
2. ใชเ วลาในการออกปฏิบัตงิ านตามโครงการไมน องกวา 10 ชั่วโมง โดยมี กํานัน / ผใู หญบ า น
/ประธานหมบู า น / เจาอาวาส / ผนู ําศาสนา / ผูปกครอง / อบต. / ผูกํากับ / อ่ืนๆ บคุ คลใดบุคคลหน่ึง
เปนผูลงนามรับรองผลการปฏบิ ัติงาน
3. จัดทํารายงานสรปุ ผลการปฏบิ ัติงาน พรอมภาพถาย
4. นําเสนอรายงานในกองลกู เสอื ตามเวลาทน่ี ดั หมาย
คมู อื การจัดกจิ กรรมลูกเสือสามัญรุนใหญเสรมิ สรางทักษะชีวติ ช้ันมธั ยมศึกษาปท ่ี 3 67
หนงั สือรับรองผลการปฏบิ ัตงิ าน
โครงการ ..................................................................................................
ณ ......................................................................................
ครั้งท่ี.........
ลกู เสือ กองท่ี ......... หมูที่ ............. ชื่อหมู .........................................................
ปฏบิ ตั งิ านในวันท่ี ....... เดือน .................... พ.ศ. ............. ตง้ั แตเ วลา ...................... รวมเปน เวลา ..........ช่วั โมง
งานท่ีปฏบิ ัติ
............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
ผลงาน / ความสาํ เรจ็ ท่ีไดรับ
............................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................
ความคดิ เหน็ / ขอเสนอแนะ
............................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................
ลงช่อื ผรู บั รองผลการปฏบิ ัตงิ าน
(.............................................)
ตําแหนง .........................................................
68 คูมอื การจดั กิจกรรมลูกเสือสามัญรุนใหญเสริมสรางทักษะชีวติ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที่ 3
เร่อื งท่ีเปนประโยชน
อกี ากระหายนํ้า
ขณะทอ่ี กี าตวั หน่ึงกาํ ลังบนิ อยู มันรูสึกกระหายนํ้ามาก เม่ือมองเห็นเหยือกนํ้าต้ังอยู
ดานลางจงึ รอ นลงไปยงั จดุ หมายเมอ่ื มองเขาไปในเหยอื ก พ บ ว า มี น้ํ า อ ยู เ พี ย ง เ ล็ ก น อ ย มั น จึ ง
พยายามสอดจงอยปากเขาไปเพ่ือจะดื่มนํ้า แมไมวาพยายามเทาใดก็ไมสามารถสอดเขาไปถึงกน
เหยือกได วิธีถดั มา มันพยายามจะคว่ําเหยอื ก เพื่อใหน ํ้าไหลหกออกมา แตเหยือกน้ันหนักเกินไปใน
ที่สุด มันเหลือบไปเห็นกอนหินใกลๆ กับบริเวณน้ัน จึงคาบมาหยอนลงในเหยือกน้ําทีละกอน
จนระดบั น้าํ ทกี่ น เหยอื กคอยๆ เออ ขึ้นมา ในที่สดุ มันกด็ ม่ื นาํ้ ไดต ามทีต่ องการ
เรอื่ งนี้สอนใหรูวา ความขยันพากเพียรสามารถกอใหเ กิดทรัพย
คูมือการจดั กจิ กรรมลกู เสือสามญั รุนใหญเสริมสรา งทกั ษะชีวติ ชั้นมัธยมศกึ ษาปท ่ี 3 69
แผนการจัดกจิ กรรมลกู เสือสามญั รุนใหญ เครอื่ งหมายลูกเสือหลวง ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท่ี3
หนว ยที่ 6 พัฒนาชุมชน
แผนการจัดกิจกรรมที่ 13 การรายงานโครงการ เวลา 1 ช่วั โมง
1. จุดประสงคการเรยี นรู
ลกู เสือสามารถรายงานผลการปฏบิ ตั ิงานได
2. เน้ือหา
ประเมินผลการปฏบิ ัติ จดั ทาํ รปู เลมพรอ มภาพประกอบ
3. สอ่ื การเรียนรู
3.1 แผนภมู ิเพลง
3.2 รายงานโครงการ
3.3 เรอ่ื งทเี่ ปนประโยชน
4. กิจกรรม
4.1 พธิ ีเปด ประชุมกอง(ชักธง สวดมนต สงบนงิ่ ตรวจ แยก)
4.2 เพลง หรอื เกม
4.3 กจิ กรรมตามจดุ ประสงคการเรยี นรู
1) ผกู ํากับลูกเสอื ใหลกู เสือแตล ะหมเู ตรียมนาํ เสนอรายงานสรปุ ผลการปฏบิ ตั งิ าน
โดยใหต วั แทนหมูอ อกมาจับฉลากลาํ ดบั การรายงาน
2) ผูกํากบั ลูกเสอื และลกู เสือฟง การนาํ เสนองานของแตละหมู และกลาวชมเชยผล
การปฏิบัติงานของทกุ หมู
4.4 ผูกํากับลกู เสอื เลา เรอ่ื งทเ่ี ปน ประโยชน
4.5 พธิ ปี ด ประชมุ กอง(นดั หมาย ตรวจเคร่ืองแบบ ชกั ธง เลกิ )
5. การประเมนิ ผล
สังเกต การมสี ว นรวมทาํ กจิ กรรม การแสดงออก และผลงานของลกู เสือ
70 คมู ือการจัดกจิ กรรมลกู เสือสามัญรุนใหญเสริมสรา งทกั ษะชวี ติ ชั้นมัธยมศึกษาปท ี่ 3
ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กจิ กรรมท่ี 13
เพลง
รอคอย
รอฉันรอเธออยแู ตไมรูเธออยหู นใด เธอจะมา ๆ เมอ่ื ใด นดั ฉนั ไวทาํ ไมไมมา
ฉันเปนหวงฉันเปน หวงตวั เธอ นัดฉันเกอชะเงอ คอยหา
นัดแลวทําไมไมม า ลกู เสอื จาอยาชาเร็วหนอย รีบหนอยๆเรง หนอยๆ
เกม
ผวู เิ ศษ
วิธเี ลน
-เลือกลูกเสือออกมา 3-4 คน สมมุตวิ า เปน ผูวเิ ศษ เมอื่ แตะถูกผใู ดแลวคนนนั้ จะตอ งกลายเปน
หนิ ยนื อยกู บั ที่ สาํ หรบั คนอน่ื ๆ ตอ งพยายามหนใี นเขตที่กาํ หนดไวอ ยา ใหถกู แตะตัวได
การตดั สิน
1. เมื่อหมดเวลาผทู ่ไี มถูกแตะใหก ลายเปน หนิ เปน ผูช นะ
2.การเลนควรแบงเปนหมูหมใู ดเหลอื ผูเลน ทไ่ี มโ ดนแตะมากเปนทีมชนะ
คูมอื การจดั กิจกรรมลกู เสือสามญั รุนใหญเสรมิ สรางทกั ษะชวี ติ ชั้นมัธยมศกึ ษาปท่ี 3 71
ใบงาน
แบบฟอรมรายงานโครงการ
ช่ือโครงการ..................................................................................................................................
ชอ่ื ผรู ายงาน.................................................................................................................................
ระยะเวลาดาํ เนนิ การ...................................................................................................................
1. สาระสาํ คัญของโครงการ
1.1 ความเปน มาของโครงการ(สภาพปญ หาและความจาํ เปนทจี่ ะตองดําเนนิ การโครงการ)
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
1.2 วตั ถุประสงคข องโครงการ
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
1.3 ขอบขายของโครงการ (สรุปกิจกรรมสาํ คญั ๆ ของโครงการ)
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
2. การดําเนินงานโครงการ (บรรยายรายละเอยี ดของแตละกจิ กรรมตามขอบขา ยของโครงการ)
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
3. ผลการดําเนินงานโครงการ (ผลท่เี กดิ ขน้ึ ในแตละกิจกรรม เปนไปตามวตั ถุประสงคห รอื ไม
ปญหาอุปสรรคทเ่ี กดิ ข้นึ )
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
4. สรุปผลและขอ เสนอแนะ (สรุปประเดน็ สําคัญ และขอเสนอแนะท่เี ปน ขอ คน พบ
นอกเหนือจากวัตถุประสงค)
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
5. ภาคผนวก (ตัวโครงการ, เอกสารตา งๆ, รปู ภาพประกอบ)
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................
72 คมู อื การจัดกิจกรรมลูกเสือสามัญรุนใหญเสริมสรางทกั ษะชวี ิต ชั้นมธั ยมศกึ ษาปท ี่ 3
เร่อื งทเ่ี ปน ประโยชน
หมขี ี้โมโห
หมีตัวหน่ึงนึกทะนงตัวในความแข็งแรงและมีพละกําลังอันมหาศาลของมัน อยูมาวัน
หนึ่งขณะท่ีมันกําลังกินอาหารอยูนั้น เผอิญมีผึ้งตัวหน่ึงบินผานมา หมีนึกโมโหท่ีถูกกวนใจระหวาง
กิน มันเลยเอามือตะปบผึ้งตัวนั้นหวังจะบ้ีใหตาย ผ้ึงจึงตอยเขาทีหนึ่งท่ีหนาของหมีดวย
สัญชาตญาณการปองกันตัวของมัน “อุบะ เจาผึ้งนอย วอนหาที่ตายซะแลว กัดใครไมกัดมากัดขา
นีแ่ นะ” แตยังไมทันที่จะมันจะจัดการอยางไร ผ้ึงตัวนั้นก็บินหนีไปเสียแลว สรางความแคนใหกับหมี
เปน อยา งมาก มนั นกึ ในใจวา มนั จะตองแกแ คน ใหไ ด
พอกินอาหารเสรจ็ หมขี ี้โมโหกอ็ อกเดินปาตระเวนหารงั ผ้งึ ทันที พอมนั พบมนั กต็ รงร่ี
เขา ร้อื รังผ้งึ ขนาดใหญรังนั้นทันที ฝูงผึ้งจํานวนมากตกใจก็พากันบนิ ออกมาจากรงั และรุมตอยหมีตัว
นน้ั จนไดร บั บาดเจ็บแสนสาหสั
เรือ่ งนส้ี อนใหร ูวา คดิ กอ นทาํ แตอ ยา ทาํ กอนคดิ
คูม อื การจัดกจิ กรรมลกู เสือสามัญรุนใหญเสริมสรา งทกั ษะชวี ิต ช้ันมัธยมศึกษาปท ่ี 3 73
แผนการจดั กิจกรรมลูกเสือสามัญรนุ ใหญ เคร่อื งหมายลูกเสือหลวง ชั้นมธั ยมศกึ ษาปท่ี 3
หนวยท่ี 7 ทักษะชีวติ เวลา 1 ชวั่ โมง
แผนการจัดกจิ กรรมท่ี 14 สารพิษปนเปอ นในอาหาร
1. จุดประสงคก ารเรยี นรู
ตระหนักถึงอนั ตรายจากสารพิษท่ีปนเปอนในอาหาร ซึ่งกอ ใหเ กดิ ผลเสยี ตอ สุขภาพ
2. เนอื้ หา
สารพิษปนเปอ นในอาหาร (สารบอแร็กซ สารฟอรม าลนี สารฟอกขาว สารเรง เน้ือแดง
และสารเมลามนี )
3. ส่ือการเรยี นรู
3.1 แผนภมู ิเพลง
3.2 ใบงาน
3.3 ใบความรู
3.4 เรื่องที่เปน ประโยชน
4. กจิ กรรม
4.1 พธิ เี ปดประชมุ กอง(ชักธง สวดมนต สงบนงิ่ ตรวจ แยก)
4.2 เพลง หรอื เกม
4.3 กจิ กรรมตามจดุ ประสงคการเรยี นรู
1) ผูก าํ กบั ลูกเสอื นาํ สนทนาเกย่ี วกับผลเสยี จากการรับประทานอาหารทม่ี ีสารพษิ
ปนเปอ น ซง่ึ เปน อนั ตรายตอ สขุ ภาพ และจดั ไดว าเปนการตายผอ นสงอยา งหนง่ึ
2) ผูก ํากับลูกเสือแจกใบความรแู ละใบงาน มอบหมายใหหมลู ูกเสอื รว มกนั ศกึ ษาใบความรู
และอภิปรายประเด็นในใบงาน และสงตัวแทนรายงานในกองลกู เสอื
3) ตัวแทนหมลู ูกเสอื รายงานทีละหมู ผกู าํ กบั ลูกเสือและลกู เสอื หมูอืน่ รว มกันซักถาม
เพื่อความเขาใจ และสรปุ (สารพษิ ท่ปี นเปอนในอาหารมีมากมายหลายชนิด สวน
ใหญเ กดิ จากผูประกอบการทีข่ าดความรบั ผดิ ชอบตอสังคม ลกู เสอื ในฐานะ
ผใู หบรกิ ารตามความหมายของ Scout และคติพจนม องไกล จงึ ควรมองไกล
ถงึ ปญ หาทแ่ี ทรกซึมในวิถีชวี ติ ของผคู นชวยเหลอื สงั คมใหรเู ขา ใจและตระหนกั
ถงึ พิษภยั “ผอ นสง ”เหลาน้ี เพื่อใหเกดิ การปองกนั ตนเองและปองกนั ผูอ่นื ไมใ ห
เกิดผลเสยี ตอ สขุ ภาพในระยะยาว)
4) ผกู ํากับลกู เสอื มอบหมายใหหมูลูกเสอื รวมกนั ดาํ เนนิ การ ตามวธิ กี ารรณรงคท ไ่ี ด
รว มกนั คดิ ไว เพ่อื ใหความรแู กลกู เสือกองอ่ืน ๆ และชมุ ชนในโอกาสวนั สาํ คญั ตาง ๆ
4.4 ผูก ํากับลกู เสือเลาเร่อื งทเี่ ปน ประโยชน
4.5 พธิ ีปด ประชุมกอง(นดั หมาย ตรวจเคร่อื งแบบ ชักธง เลิก)
74 คูมอื การจัดกิจกรรมลกู เสือสามัญรุนใหญเสรมิ สรา งทักษะชวี ิต ชั้นมัธยมศึกษาปท่ี 3
5. การประเมินผล
สังเกต การมสี วนรวมในการทํากิจกรรม การแสดงออก และการใหขอ คดิ เห็นในหมแู ละ
ในกองลกู เสือ
6. องคประกอบทักษะชวี ติ สําคัญทเี่ กดิ จากกจิ กรรม
คือ ความคดิ วเิ คราะห ความคิดสรางสรรค ตระหนกั ถึงอนั ตรายของสารพษิ ท่ปี นเปอ นใน
อาหาร
ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กิจกรรมที่ 14
เพลง
ลกู เสอื จับมอื
จับมือกนั ไวใ หม ั่นคง เพือ่ ความยนื ยงสามัคคี
รกั กันปรองดองเหมือนนอ งพ่ี ผูกความสามคั คีรว มกัน
โกรธกนั มนั รายเปน สงิ่ เลว เปรยี บดังเปน เปลวรอนไฟนนั่
เผาใจใหมีความไหวหวน่ั จบั มือย้ิมใหก ันเปนสิง่ ดี
ใบงาน
สารพษิ ปนเปอนในอาหาร
คําชแ้ี จง
1. หมูลูกเสือเลือกหรือจับฉลากเรอ่ื งทจ่ี ะศึกษาและวเิ คราะหหมลู ะ 1 เรื่องทไ่ี มซาํ้ กนั โดย
ศกึ ษาจากใบความรู หรือคนควา จากแหลงเรยี นรอู ื่น ๆ เพมิ่ เติม
1.1 สารบอแรก็ ซ
1.2 สารฟอรมาลีน
1.3 สารเรง เนอื้ แดง
1.4 สารฟอกขาว
1.5 สารเมลามนี
2. อภปิ รายหาขอสรุปตามประเด็นตอ ไปนี้
2.1 สารพิษเหลา นีป้ นเปอนในอาหารไดอ ยางไร และอาจกอใหเกดิ ผลเสียอะไรบางตอ
สขุ ภาพ
2.2 มวี ธิ ปี องกนั และแกไขปญ หานี้อยา งไรบาง
3. รวมกันคิดวธิ ีการนาํ ความรทู ีไ่ ดรับไปรณรงคเ ผยแพรใหก ับกองลกู เสืออ่ืน และคนใน
ชมุ ชน ในโอกาสวันสําคัญตา ง ๆ เชน การทําโปสเตอร ทาํ แผนพับ หรือการทําเวป็ ไซต เปน ตน
4. สง ตัวแทนนําเสนอตอกองลูกเสือ
คมู ือการจัดกจิ กรรมลกู เสือสามญั รุนใหญเสริมสรา งทกั ษะชีวิต ช้ันมัธยมศกึ ษาปท่ี 3 75
ใบความรู
สารพิษปนเปอนในอาหาร
1. เรอ่ื ง สารบอแร็กซ
บอแรกซแ ทจ ริงคอื อะไร
บอแรกซ เปน สารอนินทรยี ส ังเคราะหม ชี ื่อทางเคมวี า “โซเดียมบอเรท” (Sodium borate)
ลกั ษณะเปนผลึก ไมม สี ี ไมม กี ลน่ิ มีรสขมเล็กนอย ละลายน้าํ ไดดี ชาวบานเรยี กวา “นาํ้ ประสาน
ทอง” หรอื “ผงกรอบ” ภาษาจนี เรียกวา “เมงแซ”
บอแรกซ เปน สารเคมที ม่ี กี ารนาํ มาใชประโยชนในทางอุตสาหกรรมหลายชนิด เชน ทําแกว
ภาชนะเคลือบ เครื่องสําอาง ยาชุบโลหะ เปนตน นอกจากนี้ยังใชเปนสวนประกอบในผลิตภัณฑ
ตา ง ๆ เชน ยากาํ จดั ตะไครน า้ํ ในสระวา ยนํา้ ยาฆาแมลง ยาฆาเชอื้ ราเพือ่ การดูแลรกั ษาเน้ือไม ยา
ฆาแมลงสําหรับใชตามรอยแตกและชองโหวของอาคารบานเรือน หรือโรงงานอุตสาหกรรม ตึก
สถาบันและอาคารรา นคา ตา ง ๆ เปนตน
มีอันตรายแคไ หน
บอแรกซ เปน สารทเ่ี ปนอันตรายตอสขุ ภาพ การไดร ับในปรมิ าณนอ ยๆ เปนประจํา ทําให
เกิดพษิ สะสมในรางกายและกรวยไตอักเสบ และอาจเสยี ชวี ติ ไดถ าไดร ับสารนปี้ รมิ าณมากในคราว
เดียว (เดก็ ถา กนิ เกนิ 5 กรัม และผูใหญถา กนิ เกนิ 15 กรมั ) กระทรวงสาธารณสขุ จงึ ไดอ อกประกาศ
กระทรวงสาธารณสขุ ฉบบั ที่ 151 (พ.ศ. 2536) กาํ หนดใหบ อแรกซเ ปน วัตถทุ ีห่ า มใชใ นอาหาร
อาการเปนอยางไร
อาการของผูท่ไี ดรบั บอแรกซ จะมีอาการคลนื่ ไส อาเจยี น ทอ งเดนิ เจ็บในชอ งทอ ง กระเพาะ
อาหารและลาํ ไส อุจจาระเปนเลอื ดในบางคร้ัง มนึ ซึม ปวดศีรษะ นอนไมห ลบั เปนผืน่ แดง พพุ อง
ตามผวิ หนงั และการทํางานของตับและไตถกู ทาํ ลาย
พบในอาหารประเภทไหน
อาหารทมี่ กั ตรวจพบบอแรกซ ไดแก แปงกรบุ ลกู ช้นิ ทอดมัน มะมว งดอง ไสกรอกหวั ไชโป
หมูยอ ผกั กาดเคม็ เนือ้ สัตวบ ดสบั ทบั ทิมกรอบ ลอดชอ ง
2. เร่อื ง สารฟอรมาลนี
“ฟอรม าลีน และ ฟอรมลั ดีไฮด”ท้งั สองตวั นใ้ี นทางเคมคี อื สารตวั เดยี วกนั เพยี งแตวา เม่อื อยู
ในรปู ของสารละลายจะเรยี กวา “ฟอรม าลีน”หรอื ช่ือเรียกท่เี ราคนุ กนั ดีกค็ ือน้าํ ยาดองศพนั่นเอง สวน
“ฟอรม ลั ดไี ฮด” มีสถานะเปน กา ซทอ่ี ณุ หภูมปิ กติ มีกลน่ิ ฉุนแสบจมกู ที่มีจาํ หนายทัว่ ไปจะอยใู นรูป
ของสารละลายชื่อน้ํายาฟอรมาลีน สารละลายน้ีไมค งสภาพ เมอ่ื เกบ็ ไวนานโดยเฉพาะทอ่ี ณุ หภูมสิ ูง
จะกลายเปนกรดฟอรม ิก จึงจาํ เปนตอ งเตมิ สารทีท่ าํ หนา ทใี่ หค งสภาพ เชน เมทานอล 5 – 15% หรือ
จาํ หนายในรูปของพาราฟอรมัลดไี ฮด
76 คูมือการจัดกิจกรรมลูกเสือสามัญรุนใหญเสริมสรา งทกั ษะชวี ติ ชั้นมัธยมศกึ ษาปท ี่ 3
ฟอรมาลนิ เปน สารต้ังตนสาํ หรับผลิตภณั ฑห ลายชนดิ ที่ใชมากคอื นําไปทําเมด็ พลาสตกิ ชนดิ
ตาง ๆ ใชเ ปนกาวสาํ หรับเฟอรนเิ จอรไม ใชท ําโฟมเพือ่ เปนฉนวน เปน ตน
ในวงการแพทยใ ชใ นการฆาเช้อื โรค เชน ใชดองศพ ใชฉ ดี เพือ่ กนั ศพเนา ใชเปน สว นผสมใน
เวชภณั ฑ เชน ยาอม นํา้ ยาฆาเชอ้ื โรค เปนตน
อันตรายเกดิ จากไอของฟอรมลั ดีไฮด ทาํ ใหเกิดการระคายเคืองท่ีตา จมกู และผิวหนงั อาจ
ทาํ ใหกระจกตาเปน แผลถงึ ขน้ั ตาบอดได ถาสดู ดมเขาไปมาก ๆ จะทาํ ใหน้ําทว มปอดจนหายใจไม
ออก แนนหนา อก และเสยี ชวี ติ ในที่สดุ อาการเหลานีอ้ าจเกิดขนึ้ หลายชวั่ โมงหลงั จากไดร บั สารน้ี โดย
ไมม ีอาการเจบ็ ปวดเลยกไ็ ด หากไดรบั ปรมิ าณนอยเปน เวลานาน จะมีอาการไอและหายใจตดิ ขดั เพราะ
หลอดลมอกั เสบปอด ตบั และไตจะเสือ่ ม
อาหารที่พบการปนเปอ นสารนี้ ไดแก อาหารประเภทเน้อื สัตว เชน เนอ้ื หมู เนือ้ ววั อาหาร
ทะเล และผกั สด ซึง่ ผูคา นาํ มาใสเพื่อไมใหเกดิ การเนาเสียงาย ผูบ รโิ ภคจึงควรเลือกซื้ออาหารเหลา น้ี
อยา งระมดั ระวัง เชน ไมซ ือ้ เนอื้ หมทู ส่ี ดและแดงผิดปกติ กอ นนํามาปรงุ ควรลา งใหสะอาด
3. เรือ่ ง สารฟอกขาว
สารฟอกขาวหรอื สารโซเดียมไฮโดรซัลไฟต (Sodium hydrosulfite) หรือรูจักกันในชื่อ “ผง
ซักมงุ ” นิยมใชในอุตสาหกรรมฟอกยอมเสนใยไหม แห และอวน แตพบวาผูคาบางรายนํามาใชฟอก
อาหาร เพื่อใหอาหารมีความขาว ดสู ดใหมน ารบั ประทาน ซง่ึ เปนอันตรายอยางมากตอ สุขภาพ
อันตรายตอผบู รโิ ภค
การสัมผัสสารฟอกขาวโดยตรงจะทําใหผิวหนังอักเสบ เปนผื่นแดงถาบริโภคเขาไปจะทําให
เกดิ อาการอกั เสบในอวัยวะทสี่ ัมผัส เชน ปาก ลําคอ กระเพาะอาหาร และลําไส ทําใหเกิดอาการแนน
หนาอก หายใจไมสะดวก ความดันโลหติ ตา่ํ ปวดทอง ปวดศรี ษะ อาเจยี น อุจจาระรวง และหากแพ
สารนี้อยางรุนแรง จะทําใหถายเปนเลือด ชัก ชอก หมดสติ หายใจไมออก ไตวาย และเสียชีวิต
ในทส่ี ดุ
อาหารทีม่ กั ตรวจพบสารฟอกขาว
ถ่วั งอก ขิงฝอย ยอดมะพรา ว กระทอ น หนอไมดอง นาํ้ ตาลมะพราว ทเุ รยี นกวน
4. เรือ่ ง สารเรง เน้อื แดง (ซาลบูทามอล)
ซาลบทู ามอล เปนสารในกลุมเบตาอะโกนิสต (b-Agonist) เปนตัวยาสาํ คัญในการผลิตยา
บรรเทาโรคหอบหดื ออกฤทธใ์ิ นการขยายหลอดลม ชว ยใหกลามเนอ้ื หลอดลมคลายตัว และเพมิ่ การ
สลายไขมันทส่ี ะสมในรางกาย เกษตรกรผเู ลยี้ งหมูนยิ มนําสารชนดิ นี้ไปผสมในอาหารหมู เพอื่ ใหเนือ้ หมู
มีปริมาณเนอ้ื แดงเพ่มิ มากขนึ้ เพราะจะทาํ ใหไดร าคาดกี วาหมทู ี่มีชนั้ ไขมันหนา ๆ
คมู ือการจดั กิจกรรมลูกเสือสามัญรุนใหญเสรมิ สรา งทกั ษะชีวิต ชั้นมัธยมศกึ ษาปท ่ี 3 77
อันตรายจากซาลบทู ามอล
การบริโภคเน้ือสัตวที่มีสารเรงเน้ือแดงตกคางอยู อาจทํามีอาการมือสั่น กลามเนื้อกระตุก
ปวดศีรษะ หัวใจเตนเร็วผิดปกติ กระวนกระวาย วิงเวียนศีรษะ บางรายมีอาการเปนลม คลื่นไส
อาเจียน มีอาการทางจิตประสาท และเปนอันตรายมากตอหญิงมีครรภ ผูท่ีเปนโรคหัวใจ ความดัน
โลหิตสงู เบาหวาน และโรคไธรอยดเ ปนพิษ
5. เร่ือง สารเมลามนี
เมลามนี คืออะไร
เมลามีน (Melamine) เปนสารอินทรีย มีช่ือทางเคมีวา 1,3,5-triazine-2,4,6-triamine มี
ลักษณะเปนผลึกสีขาวละลายนํ้าไดเล็กนอย มีไนโตรเจนเปนสวนประกอบสูงถึง 66 % นิยมนํามาใช
เปนสวนประกอบหลักในอุตสาหกรรมพลาสติก เชน โฟมทําความสะอาดพ้ืนผิว, แผนฟอรไมกา,
กาว, จานชาม, ไวทบอรด และวตั ถกุ ันความรอ น เปน ตน
ในธรรมชาติยังพบสารที่คลายกับเมลามีนคือ Ammeline (แอมมีลีน) Ammelide (แอมมีไลด)
และ Cyanuric acid (กรดไซยานูริก) สารเหลาน้ีเกิดจากปฏิกิริยาเคมีของเมลามีนจนไดเปนแอม
มีไลด และเมื่อแอมมีไลด ถูก oxidize ดวยสารพวก Potassiumpermanganate หรือการตมใหเดือด
จะไดกรดไซยานูริกเกิดข้ึน ซ่ึงใชเปนสารต้ังตนในการทําสารฟอกขาว, สารใหความคงตัว, สารฆา
เชือ้ โรคในสระนาํ้ วา ยน้ําและใชเ ปนสว นประกอบในวัตถุเจือปนอาหารสัตว
การปนเปอ นเมลามีนในอาหาร
ในป 2550 มีรายงานวาพบการปนเปอนของสารเมลามีนในวัตถุดิบท่ีใชในการผลิตอาหาร
สัตวที่นําเขาจากประเทศจีนซึ่งทําใหสุนัขและแมวจํานวนมากปวยและตายเน่ืองจากไตวายและป
2551 ก็มีรายงานขาววานมผงหรือนมสําเร็จรูปสําหรับทารกท่ีผลิตในประเทศจีนมีสารเมลามีน
ปนเปอนซึ่งทําใหมีทารกอยางนอย 4 รายเสียชีวิตเนื่องจากภาวะไตวาย และเจ็บปวยอีกอยางนอย
54,000 คน จากการสอบสวนพบวาสาเหตุเกิดจากเกษตรกรชาวจีนผูเล้ียงวัวนมเติมนํ้าลงในน้ํานม
ดิบเพื่อใหน้ํานมมีปริมาตรเพิ่มข้ึนซึ่งเปนผลใหนํ้านมดิบมีปริมาณโปรตีนตํ่ากวาเกณฑมาตรฐานของ
บริษัทผูรับซื้อ ทําใหขายน้ํานมดิบไมได เกษตรกรจึงเติมเมลามีนลงไปใน น้ํานมดิบเพื่อใหมีปริมาณ
ไนโตรเจนสูงขึ้นและไดมาตรฐานตามที่บริษัทกําหนดเนื่องจากการตรวจหาปริมาณโปรตีนในอาหาร
จะวัดออกมาในรปู ของไนโตรเจน
นอกจากน้ีการปลูกพืชอาหารสัตวก็มีการผสมเมลามีนลงในดินเพ่ือเพิ่มโปรตีน และเรงการ
เจริญเติบโต ผูผลิตอาหารสัตวก็ผสมเมลามีนในอาหารสัตวท่ีขายดวย นั่นหมายความวาเมลามีนได
ถูกผสมมาตั้งแตตนทางของหวงโซอาหารกอนจะมาถึงปลายทางที่ผูบริโภค ดังน้ันจึงไมใชแค
ผลิตภณั ฑนมเทานนั้ ท่ีเสยี่ งตอสารเมลามนี แตทั้งดนิ น้าํ พชื ผักหรอื เนอ้ื สตั วก ็มโี อกาสปนเปอนสารเม
ลามีนไดเ ชน กนั
78 คมู ือการจัดกิจกรรมลกู เสือสามัญรุนใหญเสรมิ สรา งทกั ษะชวี ิต ช้ันมธั ยมศกึ ษาปท ่ี 3
พษิ ของเมลามนี และกรดไซยานูรกิ
อาการหลักท่ีเกิดจากการไดรับสารเมลามีน คือความดันโลหิตสูง ไตอักเสบ พบผลึกเล็กๆ ที่
ไต ปสสาวะมีเลือดปนและมีอาการไตวายนอกจากนี้ยังเปนสาเหตุหนึ่งของการเกิดมะเร็งที่กระเพาะ
ปส สาวะสวนกรดไซยานูริกก็ทําใหเน้ือเยื่อของไตเสียหายเชนกัน และพบวาสารผสมระหวางเมลามีน
และกรดไซยานูริก จะกอใหเกิดผลึกตกคางที่ทอไตมากข้ึนอันเปนสาเหตุของการเกิดภาวะไตวายใน
ทีส่ ดุ
องคการอนามัยโลกไดกําหนดคาปนเปอนสูงสุดท่ีรางกายไดรับตอวันโดยไมทําใหเกิด
อันตรายตอ สขุ ภาพคือ0.20 มก./นาํ้ หนกั ตวั 1 กก./วันหมายความวา ถาเราหนัก 50 กก. ตอ งไดรับเม
ลามีนมากกวา 10 มก./วันถึงจะเปนอันตรายและสมมติวานมที่เราดื่ม 1 ลิตรมีเมลามีนปนเปอน 1
มก.ซึ่งเราตอ งดืม่ นมมากกวา 10 ลิตรถึงจะไดรับอนั ตรายจากเมลามนี
กระทรวงสาธารณสุขไดออกประกาศหามนําเขาผลิตภัณฑนมและผลิตภัณฑอาหารท่ีมีนม
เปนสวนประกอบท่ีมีการปนเปอนเมลามีนโดยกําหนดใหนมผงมีเมลามีนปนเปอนไดไมเกิน 1 สวน
ตออาหารลานสวน (ppm) หรือ 1 มิลลิกรัมตอน้ําหนักอาหาร 1 กิโลกรัม และอาหารอ่ืนที่มีนมเปน
สว นประกอบจะพบเมลามีนไดไมเกิน 2.5 สวนในอาหารลานสวน ผูฝาฝนประกาศน้ีมีบทลงโทษปรับ
5,000 บาท ถึง 20,000 บาทและมโี ทษจําคุก 6 เดอื น ถึง 2 ป
เรอื่ งท่ีเปนประโยชน
ทําไมยางลบตองอยบู นหัวดินสอ
สุวทิ ยเ ปนเดก็ ชา งสงสยั เขามกั มคี าํ ถามแปลกๆ ถามพอ แม ครู เพือ่ น และคนรจู ักเสมอ วัน
หน่ึงขณะทีเ่ รยี นในช้นั เรียน เขาถามคุณครูวา "ทาํ ไมตองมยี างลบอยบู นหวั ดนิ สอ"
“ก็เพราะวา คนเราสามารถทาํ ผิดกันได”
ลองทวนคําถามอกี ครง้ั หนึ่ง "ทําไมตอ งมียางลบอยูบนหัวดนิ สอ"
ก็เพราะคนเรามีสิทธทิ์ ําผดิ กันได
แตจงจําไวว า“เราไมค วรใชย างลบหมดกอนดินสอ เพราะน่นั อาจหมายความวาเรา
กําลงั ทาํ ผดิ ซาํ้ ๆ จนความผิดนัน้ อาจสายเกินแก” สุวิทยขอบคุณคณุ ครูและนําสงิ่ ท่ตี นได
รบั ทราบในวนั นเ้ี ปนเรื่องเลาใหผูอ น่ื ฟงตอ ไป
เร่ืองนี้สอนใหรูวา จงกลาเผชญิ หนา กับความผดิ พลาดและไมป ระมาทในการใชช วี ิต
คมู อื การจัดกจิ กรรมลกู เสือสามัญรุนใหญเสริมสรา งทกั ษะชวี ติ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปท ี่ 3 79
แผนการจัดกิจกรรมลกู เสอื สามญั รุน ใหญ เครอื่ งหมายลกู เสอื หลวง ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที่ 3
หนวยที่ 7 ทักษะชวี ิต เวลา 1 ชั่วโมง
แผนการจัดกิจกรรมท่ี 15 คิดเชงิ บวก
1. จดุ ประสงคก ารเรียนรู
มคี วามสามารถในการคดิ เชงิ บวก
2. เน้อื หา
การคิดเชงิ บวกเปนการวิเคราะหหาสิ่งดี ๆ ที่มอี ยูใ นสถานการณทเี่ กดิ ข้ึนในชวี ิตประจาํ วัน การ
ฝกคิดเชงิ บวกจะชว ยใหม องโลกในแงด ี มีความหวัง และหาทางออกจากปญหาไดง ายข้นึ
3. ส่ือการเรียนรู
3.1 แผนภูมิเพลง
3.2 เรอ่ื งทเ่ี ปนประโยชน
4. กจิ กรรม
4.1 พธิ ีเปด ประชุมกอง(ชกั ธง สวดมนต สงบน่งิ ตรวจ แยก)
4.2 เพลง หรอื เกม
4.3 กิจกรรมตามจุดประสงคก ารเรียนรู
1) ผูกํากบั ลกู เสอื เตรยี มการใหอ าสาสมัครลกู เสอื แสดงบทบาทสมมุตใิ นกองลกู เสอื
ตามสถานการณตอ ไปน้ี
“ผกู ํากับลูกเสอื มอบหมายงานใหห มลู กู เสอื ปฏิบตั กิ จิ กรรมวาดภาพฐานผจญภัย
แตมีลกู เสือวงิ่ เลน กนั แลว ไปชนเพอื่ นท่กี ําลงั ทาํ งานอยู ทาํ ใหง านทีท่ าํ อยเู กดิ ความ
เสียหายขึ้น”
2) ผกู ํากับลูกเสอื นําอภปิ รายและเพิม่ เติม ใหไดข อ สรุปในประเดน็
(1) คดิ วา ลกู เสอื ทถ่ี กู ชนจะรูส กึ อยา งไร
(2) ความรสู กึ เชนนี้เกดิ มาจากความคิดอยา งไร(เกิดจากความคิดทางลบ เชน ทําไม
จงึ ซวยอยา งนี้ เพ่อื นนี่แยจริงรูวา คนทํางานอยยู งั จะมาวิง่ แถวน้อี ีก ทําตงั้ นาน
กวาจะไดแคน น้ี ่ไี มร ูจ ะตองทําอกี นานแคไหน ฯลฯ เพราะอารมณและความคดิ
โนมนาํ กันได ในทางกลบั กนั อารมณท างลบก็โนมนาํ ใหเ กิดความคดิ ทางลบ
ตามมาไดเ ชนกนั )
80 คมู อื การจดั กิจกรรมลูกเสือสามญั รุนใหญเสริมสรา งทกั ษะชีวิต ช้ันมัธยมศกึ ษาปท่ี 3
3) ผูกํากับลกู เสอื มอบหมายใหห มูลกู เสอื รว มกันปรบั ความคิดใหม ใหเปนความคิด
ทางบวกที่หลากหลายมากท่สี ดุ แลวนําเสนอในกองลูกเสอื (เชน ดีจะไดทําใหมให
สวยกวา เดิม ทีหลังเราตอ งระวังใหมากกวา นฯ้ี ลฯ)
4) สมุ ใหหมูลกู เสือนาํ เสนอ 1 หมู หมทู ี่เหลือใหชว ยกนั เพ่มิ เติมในสว นท่ไี มซ ้ํากนั
5) ผกู าํ กบั ลกู เสอื นําอภปิ รายและเพิม่ เติม ในประเด็น
(1) ความคิดทางบวกทําใหผลอยา งไรตอ ตัวลูกเสือ(ทาํ ใหเกดิ อารมณทางบวก
ไมโ กรธ สามารถแกปญ หาดว ยเหตผุ ล จงึ ไมเกิดความขดั แยง และความรุนแรง
ตามมา)
(2) ไดข อ คิดอะไรบางจากกจิ กรรม และจะนําไปใชใ นชวี ติ ประจาํ วนั ไดอยา งไร
4.4 ผูกํากับลกู เสอื เลา เรอื่ งทเ่ี ปน ประโยชน
4.5 พธิ ีปด ประชมุ กอง(นดั หมาย ตรวจเครอ่ื งแบบชักธง เลิก)
5.การประเมนิ ผล
สงั เกต การมสี ว นรว มในการทํากจิ กรรม และการแสดงความคิดเห็นในหมู และในกองลูกเสอื
6. องคป ระกอบทักษะชวี ิตสําคญั ทเ่ี กิดจากกจิ กรรม
คอื ความคดิ วเิ คราะห ความคดิ สรางสรรค เขา ใจตนเอง เขาใจผอู ื่น ความรบั ผดิ ชอบตอ
ตนเองและสว นรวม
คูมอื การจัดกจิ กรรมลูกเสือสามญั รุนใหญเสริมสรางทักษะชีวติ ช้ันมัธยมศกึ ษาปที่ 3 81
ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กจิ กรรมท่ี 15
เพลง
ยิ้ม
ยิม้ ยิม้ ยม้ิ ยมิ้ มานยั นต าหวานชื่น
ย้มิ นดิ ชีวติ ย่งั ยนื สดชืน่ อรุ าอยามัวรอ
สดชืน่ อรุ าอยาหนา งอ มายม้ิ กนั หนอเพอื่ นเอย
เรอื่ งทีเ่ ปนประโยชน
ลุงมากับมา
ชายคนหน่งึ ชอ่ื ลงุ มา เลี้ยงมา ไวต วั หน่งึ ลุงมามลี ูกชายคนหน่ึงอายุครบเกณฑทหารพอดี ลูก
ชายมหี นา ท่เี ลี้ยงมาตัวนี้
วนั หนง่ึ ปรากฎวา มา ตวั นห้ี ายไป ทาํ ใหลงุ มาเศรา โศกเสียใจมาก เพราะกวาจะซอ้ื มา ตวั น้ไี ด
ตองใชเ วลานานในการสะสมเงิน แมวาชาวบา นจะชว ยกนั ปลอบใจใหคลายทกุ ข แตลงุ มาก็ยงั ทําใจ
ไมไ ด...ยงั คงเสยี ใจเหมือนเดิม
แตแลว รุง ข้ึนอีกวันหนง่ึ กป็ รากฏวามา ตวั ทห่ี ายไปไดกลบั มา แถมยังพามา ปา มาอกี 4 ตัว
ดว ย ทําใหล ุงมาดใี จมาก นอกจากจะไดมาคนื มาแลวยงั ไดม า มาเปลา ๆ โดยไมตองซอื้ ถงึ 4 ตวั
ลุงมาดใี จอยูไมน าน กป็ รากฏวม าปา ตวั หน่ึงท่ีลงุ มาไดม าเปลา ๆน้ีไดเ ตะลูกชายของลงุ มาจน
ลูกชายขาเปท ําใหลงุ มาตองเสยี ใจมากอกี คร้งั หนึง่ ชาวบานกเ็ ขามาชวยกนั ปลอบใจอกี
หลายวันตอมา มกี ารเกณฑทหาร ชายหนุมท่อี ยูห มูบานเดยี วกบั ลุงมาถูกเกณฑท หารหมด
ทกุ คน ยกเวน ลกู ชายของลุงมาเน่ืองจากขาเป และภายหลงั ชายหนุม ที่ถกู เกณฑทหารไดต ายใน
สนามรบหมดทกุ คน ถอื วาเปน โชคดขี องลงุ มาที่ลกู ชายแมจ ะขาเปแตก ย็ งั มชี ีวติ อยู ชาวบา นตา งก็มา
แสดงความดใี จกับลุงมา
เร่ืองน้ีสอนใหร วู า เมื่อยงั มลี มหายใจก็จงอยาทอ แทใ นชีวติ จงใชส ติกําหนดรูไวเสมอวา “เม่ือเรา
ประสบโชครา ย ก็ไมควรเสียใจมากนกั เพราะโชคดอี าจตามมาในไมช า
จงสูต อไป”
82 คูม ือการจดั กจิ กรรมลูกเสือสามญั รุนใหญเสริมสรา งทักษะชีวิต ช้ันมัธยมศึกษาปท ่ี 3
แผนการจดั กจิ กรรมลูกเสือสามญั รุนใหญ เครื่องหมายลกู เสอื หลวง ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท่ี 3
หนว ยท่ี 7 ทักษะชีวติ
แผนการจัดกจิ กรรมท่ี 16 การแสดงความช่นื ชมและการใหกําลังใจ เวลา 1 ช่วั โมง
1. จดุ ประสงคก ารเรยี นรู
มีความสามารถในการสอ่ื สาร เพือ่ แสดงความชื่นชมและใหกําลงั ใจเพื่อน
2. เนือ้ หา
การส่อื สารเปน เครอ่ื งมือสําคญั ทส่ี ุด ในการสรางและรกั ษาสมั พนั ธภาพกบั ผูอ่นื ทกั ษะการ
ส่ือสารเพื่อแสดงความช่ืนชมและใหกําลังใจผอู ่ืน จึงเปนทกั ษะจาํ เปน อีกอยา งหนึ่งทีล่ ูกเสอื ควรฝกฝน
3. ส่ือการเรียนรู
3.1 แผนภูมิเพลง
3.2 ใบความรู เร่อื ง ทกั ษะการแสดงความช่ืนชม และใหก ําลงั ใจ
3.3 เรือ่ งทเี่ ปน ประโยชน
4. กิจกรรม
4.1พิธีเปด ประชุมกอง(ชักธง สวดมนต สงบนงิ่ ตรวจ แยก)
4.2 เพลง หรอื เกม
4.3 กจิ กรรมตามจดุ ประสงคก ารเรียนรู
1) ผูก าํ กบั ลูกเสือนําสนทนาในกองลูกเสอื ถึงความหมายของ “การแสดงความชน่ื ชม
และการใหก าํ ลงั ใจ” (การแสดงความช่ืนชมในส่ิงดี ๆ ของเพื่อน แมเพียงเล็กนอย
เปนการเสริมความเชื่อม่นั และสรา งแรงบนั ดาลใจใหก บั เพอ่ื นทเี่ ขาจะมุงม่ันรักษา
ส่ิงดีๆน้ันไว และพยายามทําใหดียิ่งข้ึนไปอีก ขณะท่ีการใหกําลังใจเมื่อเพื่อนเกิด
ความทอก็จะชว ยเสริมแรงใหเ ขามีพลังที่จะสูก บั อปุ สรรคตอไปเชนกัน)
2) ผูก าํ กบั ลูกเสอื แจกใบความรูเรอ่ื ง“ทักษะการแสดงความชนื่ ชม และใหกําลังใจ” ให
ลูกเสือแตล ะหมูรวมกนั คิดประโยคคําพูด เพ่ือใหก ําลงั ใจเพอ่ื น ในสถานการณ
“เพ่อื นประสบอบุ ัตเิ หตขุ าหกั นอนปวยอยโู รงพยาบาล และลูกเสือไปเย่ียม”
3) ลูกเสอื แสดงบทบาทสมมตุ ทิ ลี ะหมู ผูกาํ กับและลูกเสือหมูอื่นรว มกนั วเิ คราะห
ความถกู ตอ ง ของขน้ั ตอนทักษะการใหก ําลังใจ และชวยเสนอแนะการแกไ ข จนครบ
ทกุ หมู
4) ผูกาํ กบั ลกู เสอื และลูกเสือ รว มกันสรุปขอ คดิ ที่ไดแ ละการนาํ ไปใช
4.4 ผกู ํากับลกู เสอื เลา เร่ืองทเ่ี ปนประโยชน
4.5 พธิ ปี ดประชุมกอง(นดั หมาย ตรวจเครอ่ื งแบบชกั ธง เลกิ )
5. การประเมินผล
สังเกตการมีสว นรวมในการทํากจิ กรรม การแสดงออก และการแสดงความคดิ เห็นในหมู และ
กองลกู เสอื
คมู ือการจัดกิจกรรมลูกเสือสามญั รุนใหญเสรมิ สรางทกั ษะชีวติ ช้ันมัธยมศกึ ษาปท่ี 3 83
6. องคประกอบทักษะชวี ติ สาํ คญั ทเี่ กดิ จากกจิ กรรม
คอื เขาใจตนเอง เขาใจเห็นใจผูอ่ืน การสรา งสัมพันธภาพและการสอื่ สาร
ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กิจกรรมท่ี 16
เพลง
กาํ ลงั ใจ
ในยามทีท่ อแท ขอเพียงแคค นหนงึ่ จะคิดถึงและคอยหว งใย
ในยามท่ชี วี ติ หมน หมองรองใหข อเพียงมีใครปลอบใจสกั คน
ในวนั ทโ่ี ลกรา ง ความหวังใหว าดมันขาดมนั หาย ใครจะชว ยเติม
เพม่ิ พลงั ใจ ใหฉ ันไดเรม่ิ ตอ สอู กี ครง้ั บนหนทางไกล
กําลงั ใจจากใครหนอขอเปนทานใหฝ น ใหใ ฝ
ใหช วี ติ ไดม ีแรงใจ ใหด วงใจลกุ โชนความหวงั
กาํ ลังใจจากใครหนอขอเปน ทานใหฉ นั ไดไหม
ดั่งหยาดฝนบนฟากฟาไกลที่หยาดรนิ สผู นื ดินแหง ผาก
ใบความรู
ทักษะการแสดงความชนื่ ชมและใหก าํ ลงั ใจ
การแสดงความชื่นชม และใหก ําลังใจ เปนการสื่อสารทางบวกอยางหนึ่ง การแสดงความช่ืนชม
ในส่ิงดีของเพ่ือน แมเพียงเล็กนอย จะชวยเสริมความเช่ือมั่นใหแกเพื่อน และสรางแรงบันดาลใจใหเขา
มุง ม่นั ที่จะรักษาส่งิ ดี ๆน้นั ไว และพยายามทาํ ใหด ีย่ิงขนึ้ ไปอีก ขณะท่ีการใหกําลังใจเม่ือเพื่อนเกิดความ
ทอแท กจ็ ะชวยเสรมิ แรงใหเ ขามีพลังท่ีจะสูกับอุปสรรคตอไปเชนกนั
ทบทวนองคป ระกอบของการส่อื สารทางบวก
1. เปน การสื่อสารซึง่ เร่มิ ตน จากตัวเราโดยสื่อความคดิ ความรสู ึก และความตอ งการของตนเอง
2. ใชภ าษาพดู น้ําเสยี ง ไพเราะ พดู ดว ยเหตุผล และถกู กาลเทศะ
3. แสดงออกทางอารมณอ ยา งเหมาะสม
4. สรางความรูสึกทด่ี ีตอ อกี ฝา ยเชน การใหเกียรติ ใหค วามสาํ คัญ แสดงความเปน หว ง ให
กําลงั ใจ ถามความคิดเห็น ฯลฯ
ผลของการสอื่ สารทางบวก จะทาํ ใหเ กิดความเขา ใจกันมากย่งิ ขึน้ เกิดความรูสึกดๆี ตอ กนั
ทาํ ใหม องอะไรเปน บวกไปหมด อยากทําดีตอกนั มากย่งิ ข้นึ ละทฐิ ิและใหอภยั กนั งา ยข้นึ
84 คมู ือการจัดกิจกรรมลูกเสือสามญั รุนใหญเสริมสรางทักษะชวี ิต ช้ันมธั ยมศกึ ษาปท ่ี 3
ข้ันตอนการแสดงความชนื่ ชม
1. บอกความรสู กึ ของตนเองอยางจริงใจ ท้ังคาํ พูด ทา ทางและน้ําเสยี ง
2. ระบุส่งิ ดี ๆ ของเพอื่ นที่เราสังเกตได ตามความเปน จริง
ตัวอยา งการชน่ื ชมเพ่อื นในเรือ่ งตางๆ
@ ช่นื ชมความตรงตอเวลา : มนี ดั กับนายนี่ ไมเ คยผิดหวังเลย ตรงเวลาเปะ ทกุ ครงั้
@ชน่ื ชมในการเปนคนทีม่ ีความรบั ผดิ ชอบในการทํางาน: นายเปน คนรบั ผดิ ชอบดีมาก ๆ
ตองยกนิว้ ใหเลย
@ ชื่นชมท่ีเขาเปนคนมีอธั ยาศัยดี: ทําไมนายชา งดีอยางนี้
@ชน่ื ชมที่เขาชอบชว ยเหลอื เพือ่ นฝงู : พวกเราโชคดที มี่ เี พอื่ นอยางนาย
@ชื่นชมที่เขาทเ่ี รียนดี ไดรางวลั รองเพลงเพราะ ฯลฯ : ยินดดี วย นายเกง มาก
ขัน้ ตอนการใหก าํ ลังใจ
1. สะทอ นความรูสึกของเพอ่ื นที่เราสังเกตไดในขณะนนั้ เพอ่ื ใหเ ขารูวา เราเขาใจและเห็นใจเขา
ดูเธอ/เธอคง ------(ความรูสกึ ท่เี ราสงั เกตเหน็ ) +/- ท่-ี --(ปญ หาท่ีเกิดขนึ้ )
2. สํารวจสงิ่ ดีท่ีเขามีอยู ทจี่ ะชว ยใหเขารสู กึ มคี วามหวงั และกําลงั ใจมากขึ้น
3. เสรมิ ความเชื่อม่ันในความสามารถของเขา เชน แสดงความช่นื ชมทเ่ี ขาเขม แขง็ ตอ สู
อปุ สรรค แกปญ หา ฯลฯ
ตัวอยาง
สถานการณ : เพื่อนสอบไมผ าน
1. เธอคงเสียใจ ทีผ่ ลสอบออกมาอยา งน้ี
2. แลว เธอคิดจะทาํ อยางไรตอ ไป.... / มีอะไรทจ่ี ะชว ยเธอไดบาง.......
3. ฉนั ดใี จที่เธอเขมแขง็ หาทางออกไดแลว สตู อ นะเพ่อื น ฉันจะคอยเอาใจชว ย
คูมอื การจดั กจิ กรรมลูกเสือสามญั รุนใหญเสริมสรางทักษะชีวิต ชั้นมัธยมศกึ ษาปท่ี 3 85
เรอื่ งทีเ่ ปน ประโยชน
ชวี ติ ทห่ี ายไป
เดก็ หนุม คนหนึง่ เปนคนเรียนเกงมากไดท ุนไปเรียนทอี่ เมริกาจนจบดอ็ กเตอรจึงกลับมาเยยี่ ม
บา นบา นของเขาอยอู ีกฟากหน่งึ ของทะเลสาบตองนัง่ เรอื แจวขามไปใชเวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง...
ระหวางอยใู นเรอื กพ็ ดู คยุ กคั นแจวเรอื จาง
ชายหนมุ : เรอื ที่ติดเครอ่ื งยนต. ..ไมม เี หรอ...ลงุ ... ?
คนแจวเรอื จาง : ไมม หี รอกหลาน...ที่นี่มนั บา นนอก...มนั หา งไกลความเจรญิ ...มีแตเรือแจว...
ชายหนมุ : โอ...ลาสมยั มากเลยนะลุงท่ีอเมรกิ าเขาใชเคร่อื งบนิ กนั แลวลงุ ...ลงุ ยังมานง่ั แจวเรอื อยูอกี
ไปสงผมฝง โนน ...เอาเทาไร...ลงุ ... ?
คนแจวเรอื จา ง : 80 บาท...
ชายหนมุ : OK ... ไปเลยลงุ ...
ในขณะทลี่ งุ แจวเรอื หนุมนกั เรียนนอกกเ็ ลาเรอ่ื งความทนั สมัยความกา วหนาของอเมริกาให
ลุงฟง ...เมืองไทย...เมือ่ เทียบกับอเมริกาแลว...ลาสมยั มากไมร คู นไทยอยูกนั ไดยงั ไง... ?
ชายหนมุ : ลุง...ลงุ ใชค อมพิวเตอร. ..ใชอินเตอรเน็ต...เปน ไหม... ?
คนแจวเรือจาง : ลุงไมรูจ ักหรอก...ใชไ มเ ปน...
ชายหนุม : โอโฮ. ..ลงุ ไมร ูเร่อื งนีน้ ะ....ชีวิตลุงหายไปแลว ... 25 %... รูม๊ัย แลว ลงุ รไู หมวา...เศรษฐกิจ
ของโลก...ตอนนเ้ี ปนยังไง... ?
คนแจวเรือจาง : ลุงไมรูห รอก...
ชายหนมุ : ลงุ ไมรูเรือ่ งน้ีนะ...ชวี ติ ของลงุ หายไป... 50 % แลว แลว รเู รือ่ งนโยบายการคาโลกไหม...
ลุง... ? ลงุ ...ลงุ รเู ร่อื งดาวเทียมไหม...ลงุ ... ?
คนแจวเรือจาง : ลงุ ไมร หู รอก...หลานเอย...ชีวติ ของลงุ ...ลงุ รูอยอู ยางเดียว...วาจะทาํ ยงั ไง...ถึงจะ
แจวเรอื ใหถ ึงฝง โนน...
ชายหนุม : ถา ลุงไมร เู ร่อื งนี.้ ..ชีวติ ของลงุ ...หายไปแลว... 75 %
ขณะน้นั เกดิ ลมพายพุ ัดมาอยางแรง...คล่ืนลกู ใหญม าก...ทอ งฟามืดครมึ้ ...
คนแจวเรือจาง : นีพ่ อ หนุม...เรยี นหนังสือมาเยอะ...จบดอกเตอรจ ากตา งประเทศ...ลงุ อยากถาม
อะไรสักหนอ ยไดไหม
ชายหนุม : ได. ..จะถามอะไรหรอื ลุง... ?
คนแจวเรือจาง : เอ็งวายน้ําเปน ไหม... ?
ชายหนมุ : ไมเปนจะ ...ลงุ ....
คนแจวเรอื จาง : ชวี ติ ของเอง็ ...กาํ ลังจะหายไป 100 % ... แลว พอหนมุ ...
เรอื่ งนี้สอนใหรูวา ความรูท ว มหัวแตเอาตวั ไมรอด
86 คมู อื การจดั กิจกรรมลูกเสือสามัญรุนใหญเสรมิ สรางทกั ษะชวี ติ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที่ 3
แผนการจัดกจิ กรรมลกู เสอื สามญั รนุ ใหญ เคร่ืองหมายลกู เสือหลวง ชน้ั มธั ยมศึกษาปท ี่ 3
หนวยท่ี 7 ทกั ษะชวี ติ เวลา 2 ชว่ั โมง
แผนการจัดกจิ กรรมที่ 17 คนดรี อบตัวฉนั
1. จดุ ประสงคก ารเรียนรู
รูจักและเหน็ คณุ คาตนเอง
2. เนื้อหา
การรูจกั ตนเอง มองเห็นคุณคาของความดใี นตนเอง เพื่อเสริมสรา งกาํ ลังใจในการทําความดี
และสง เสิมใหม คี วามรับผดิ ชอบมากยงิ่ ขนึ้
3. สอ่ื การเรยี นรู
3.1 แผนภมู ิเพลง, เกม
3.2 เรือ่ งที่เปน ประโยชน
4. กจิ กรรม
4.1 กจิ กรรมคร้ังท่ี 1
1) พิธเี ปด ประชุมกอง(ชักธง สวดมนต สงบน่ิง ตรวจ แยก)
2) เพลง หรือเกม
3) กจิ กรรมตามจุดประสงคการเรียนรู
(1) หมลู กู เสอื นง่ั ลอ มวง ผลดั กันเลา เรื่องคนใกลชิดทต่ี นเองรัก เคารพ และผูกพนั
คนละ 1 เรื่องพรอมกบั บอกวา ตนเองไดร บั แบบอยา งหรือเรยี นรูส ิง่ ดี ๆ อะไรบา ง
จากคนผนู น้ั
(2) นายหมู ใหท กุ คนโหวตวาเรือ่ งของใครทนี่ า จะใชเ ปน ตัวแทนของหมไู ด
แลว นําไปเลาในกองลกู เสือในครง้ั ตอไป
4) ผูกํากบั ลกู เสือเลาเรอ่ื งทเ่ี ปน ประโยชน
5) พธิ ีปดประชมุ กอง(นดั หมาย ตรวจเคร่อื งแบบ ชักธง เลกิ )
4.2 กิจกรรมคร้ังที่ 2
1) พิธีเปด ประชมุ กอง(ชกั ธง สวดมนต สงบนง่ิ ตรวจ แยก)
2) เพลง หรือเกม
3) กจิ กรรมตามจดุ ประสงคการเรยี นรู
(1) ตวั แทนหมลู กู เสือ เลา ใหก องลูกเสอื ฟง ทลี ะหมู
(2) ผูก ํากบั ลกู เสอื นาํ อภปิ รายและเพ่มิ เตมิ ในประเดน็
- ลูกเสือไดข อ คดิ อะไรบา งจากกิจกรรม (ทุกคนลว นมคี วามดีอยใู นตวั เพราะ
ไดร ับแบบอยา งและเรียนรสู ิง่ ดี ๆ จากคนท่ีเรารัก เคารพ และผกู พนั )
คูมือการจัดกิจกรรมลกู เสือสามัญรุนใหญเสรมิ สรางทักษะชีวติ ชั้นมัธยมศกึ ษาปท ่ี 3 87
- ในทางกลับกนั สําหรับแบบอยา งทไี่ มด ใี นสงั คม ลกู เสอื คดิ วา ควรทาํ อยางไร
(ไมย อมรบั ไมยกยอง และไมเอาแบบอยา ง)
(3) ลูกเสือจะนําไปปฏบิ ตั ใิ นชวี ติ ประจาํ วันอยา งไร
4) ผูกาํ กบั ลกู เสอื เลาเร่ืองทเี่ ปนประโยชน
5) พธิ ีปดประชมุ กอง(นดั หมาย ตรวจเคร่ืองแบบ ชักธง เลิก)
5. การประเมินผล
สงั เกตการมสี ว นรว มในการทาํ กจิ กรรม และการแสดงความคดิ เหน็ ในหมู และในกองลกู เสื
6.องคประกอบทักษะชวี ติ สําคัญทเี่ กดิ จากกิจกรรม
คือ ความคดิ วเิ คราะห ความคดิ สรา งสรรค เขาใจและเห็นคุณคา ของตนเองและผูอ น่ื
ภาคผนวกประกอบแผนการจัดกิจกรรมที่ 17
เพลง
ศกึ บางระจนั
ศึกบางระจนั จาํ ใหม น่ั พน่ี องชาตไิ ทย เกียรตปิ ระวตั ิสรา งไวแ ดชนชาตไิ ทยรนุ หลงั
แมชีวิตยอมอทุ ศิ คราชาตอิ บั ปาง เลอื ดไทยตอ งมาไหลหล่งั ทาทว่ั พ้ืนแผนดนิ ไทย
ไทยคงเปน ไทยมิใชช าตเิ ปน เชลย ไทยมิเคยถอยรนชนชาตศิ ตั รู
บางระจันแมสน้ิ อาวุธจะสู สองดาบฟาดฟน ศัตรสู จู นชพี ตนมลาย
ตวั ตายดกี วา ชาติตาย เพียงเลอื ดหยาดสดุ ทา ยขอใหไทยคงอยู
แดนทองของไทยมใิ ชศ ัตรู แมใ ครรกุ รานตองสู เพื่อกูแ หลมถิ่นไทยงาม
เกม
หาคู
วิธีเลน 1. ลกู เสอื เขา แถวเปน วงกลม 2 วงซอ นกัน หันหนา เขาหากันแลวจําไวว า คขู องตนคอื ใคร
2. วงกลมทั้งสองทําขวาหนั แลวเดนิ สวนกนั ในวงกลมตามเพลง ( เปดเพลงวทิ ยหุ รือให
ลูกเสือรองเพลงงายๆ ตามทผี่ กู ํากบั กาํ หนด )
3. เม่อื ผูกาํ กับเปา นกหวีด ใหล กู เสอื เขาหาคขู องตนเองเมอ่ื เจอแลวใหจ ับมือนง่ั ลงคทู หี่ าคไู ด
ชา ทสี่ ุดจะตองออกจากการแขงขันเสร็จแลว เริ่มใหม
การตัดสิน คทู ่ีเหลือเปนคูสุดทา ยจะเปน ผชู นะ
88 คูมือการจดั กจิ กรรมลกู เสือสามัญรุนใหญเสริมสรา งทกั ษะชีวติ ช้ันมธั ยมศึกษาปท ี่ 3
เรอื่ งท่เี ปน ประโยชน
ลกู นก
ลูกนกอยคู ูห นง่ึ อาศัยอยใู นรงั บนตน ไม ซึ่งอยูต รงกลางระหวางสาํ นกั พระฤๅษีกบั หมูบ า นโจร
พอ แมนกตองคอยหาอาหารมาปอนทุกวนั
คืนหน่ึงมีพายุแรงพัดเอาลูกนกท้ังสองตองพลัดพรากจากกัน นกตัวหน่ึงตกลงไปอยูในสํานัก
พระฤๅษีก็ไดรับการอบรม สั่งสอนฝกฝนแตในทางดี พูดจาไพเราะ มีจิตใจม่ันคง โอบออมอารีตอ
เพื่อนบาน สวนลูกนกอีกตัวหนึ่งถูกพายุพัดตกลงไปในบานโจร ก็ไดรับการอบรมแนะนําตัวในทาง
โจร เชน ลกั ขโมย พูดจาหยาบคาย ปากจดั มจี ติ ใจดรุ า ย อาฆาตพยาบาท เปน ตน
วันหน่ึง พระราชาองคหนึ่งเดินหลงทางเขามานอนหลับอยูใตตนไมในแดนโจร นกตัวท่ีอยู
กบั โจรกพ็ ดู ข้นึ วา “เออ! ดีแลว วนั น้มี ีคนมานอนหลบั อยใู นถิ่นเรา เราตองฆา เสยี ใหตาย” พระราชาได
ยินก็ตกใจ รีบหนีผานไปทางสํานักพระฤๅษี นกตัวท่ีอยูกับพระฤๅษีก็ออกมาทักทายวา “เชิญ
พักผอน ดืม่ น้ําและหลบั นอนที่น่ีได ยนิ ดีตอนรับเจา คะ”
พระราชาจึงเขาไปนอนหลับใตตนไมใกลๆกับสํานักพระฤๅษี เม่ือต่ืนข้ึนมาก็คิดในใจวา “นก
สองตัวน้ีมีนิสัยแตกตางกันมากจริงๆ ตัวหนึ่งใจราย แตอีกตัวหนึ่งใจดี” แลวพระราชาก็เขาไปหาพระ
ฤๅษี เพอ่ื ขอนกทีพ่ ระฤๅษีเลย้ี งไว พระราชาไดน าํ นกผมู ีอัธยาศยั ดีตวั น้ไี ปเลยี้ งไวในพระราชวัง
เรอื่ งนีส้ อนใหรูว า สิ่งแวดลอ มดจี ะทําใหชวี ิตรงุ โรจน สวนสิ่งแวดลอ มเลวจะทําใหช ีวติ อับเฉา
ชีวติ ตองฝกฝนและพัฒนาอยเู สมอ
ในประวตั ิบคุ คลสาํ คญั และประวตั ศิ าสตรข องชาติทเ่ี จรญิ ทัง้ หลาย จะเห็นวามนุษยพ ัฒนาขน้ึ
จากการแกป ญ หา และเขมแข็งขึน้ จากการเผชญิ ความทุกขย ากทั้งนน้ั
คนทีอ่ ยสู ุขสบาย ไมเ คยตองสู หรือแกปญหา ไมไดใชความคดิ หลงอยูใ นความเพลิดเพลนิ
ไมมีคนสอนท่ีดี ไมม กี ลั ยาณมติ รคอยเตอื น ไมมีแบบฝก หดั ชีวติ ใหท าํ จึงเจรญิ ไดย าก
ดังนั้น เม่ือเจออะไรท่ไี มพ ึงปราถนาบอกตัวเองวา น่คี อื เครือ่ งมือฝก ฝนพัฒนาตัวเรา เราจะใช
มนั ใหเ ปนประโยชน คนใดเอาชนะ ผา นอุปสรรค ผานเหตุการณ ผา นมรสุมชีวติ ไปไดด ว ยดี คนนน้ั จะ
เปน ผแู กรง กลา และมชี ีวติ ทพี่ ัฒนา
ปญ หาน้นั เปลย่ี นพยญั ชนะตัวเดยี วก็กลายเปน ปญญา คนฉลาดจงึ เปลี่ยนปญหาใหเ ปน
ปญ ญา คนทป่ี ญญางอกงามลวนพฒั นามาจากการคิดแกป ญหาท้ังสิน้
เรือ่ งนสี้ อนใหรูว า ปญหากเ็ ปน ทมี่ าของปญญา ความทุกขและอปุ สรรคเปน เครอื่ งมอื พฒั นาชีวติ
ใหกาวหนา
คูมอื การจัดกิจกรรมลกู เสือสามัญรุนใหญเสริมสรางทักษะชีวิต ชั้นมัธยมศึกษาปท ่ี 3 89
แผนการจัดกิจกรรมลูกเสอื สามญั รนุ ใหญ เครื่องหมายลูกเสือหลวง ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท่ี 3
หนวยที่ 6 ทกั ษะชวี ติ
แผนการจดั กจิ กรรมท่ี 18 เปาหมายชวี ติ เวลา 2 ชัว่ โมง
1. จดุ ประสงคก ารเรยี นรู
มีแนวทางในการตงั้ เปา หมายในชวี ติ
2. เนื้อหา
เปาหมายในชีวิตเปรียบเหมือนภาพของความสําเร็จของตนเองท่ีไดวางไว และหาทางทําให
ไดตามเปาหมายดวยวิริยะอุตสาหะและความถูกตอง เปาหมายในชีวิตมักไดแรงบันดาลใจมาจาก
บุคคลทีเ่ รารกั เคารพ และศรทั ธา
3. สอื่ การเรียนรู
3.1 แผนภมู ิเพลง, เกม
3.2 ใบความรู
3.3 เรื่องท่ีเปน ประโยชน
4. กจิ กรรม
4.1 กจิ กรรมครง้ั ที่ 1
1) พิธเี ปด ประชุมกอง(ชักธง สวดมนต สงบน่ิง ตรวจ แยก)
2) เพลง หรอื เกม
3) กจิ กรรมตามจุดประสงคก ารเรยี นรู
(1) ผกู าํ กับลกู เสือนําสนทนาในกองลกู เสอื ถงึ ความหมายของ “เปาหมายชีวติ ”
(2) ผูกาํ กับลกู เสือใหหมลู ูกเสือน่ังลอมวง ผลัดกนั เลาเรอื่ ง “บคุ คลในอุดมคต”ิ
ทตี่ นเองเคารพ ศรทั ธา และอยากจะดาํ เนินชวี ติ ตามแบบอยา งคนผนู ั้น
พรอ มบอกวา ทีช่ อบเพราะคณุ สมบตั ิอะไรบา ง และไดต ้งั เปา หมายชวี ติ ของ
ตนเองอยางไร
(3) นายหมูใ หทกุ คนโหวตวา เรอื่ งของใครทค่ี วรจะใชเ ปน ตัวแทนของหมู ใหเ จา ของ
เรอ่ื งเปนตวั แทนหมนู าํ ไปเลาในกองลกู เสือในครั้งตอ ไป
4) ผูก ํากบั ลกู เสอื เลา เรือ่ งที่เปน ประโยชน
5) พธิ ปี ด ประชมุ กอง(นัดหมาย ตรวจเคร่ืองแบบ ชักธง เลกิ )
4.2 กิจกรรมคร้ังท่ี 2
1) พิธเี ปด ประชุมกอง(ชักธง สวดมนต สงบนิง่ ตรวจ แยก)
2) เพลง หรือเกม
3) กิจกรรมตามจดุ ประสงคก ารเรียนรู
(1) ตวั แทนหมเู ลาใหก องลกู เสือฟง ทลี ะหมู
90 คมู อื การจัดกจิ กรรมลกู เสือสามัญรุนใหญเสริมสรา งทกั ษะชีวติ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปท ่ี 3
(2) ผกู าํ กับนําอภปิ รายและเพม่ิ เตมิ ในประเด็น
-คนทเ่ี ราเคารพ ศรทั ธาสว นใหญแลว เปน คนอยางไร (ใจดมี เี มตตา เสียสละ
รบั ผิดชอบ เกง ฯลฯ)
- การมเี ปา หมายชีวิตเปนประโยชนตอลูกเสอื อยา งไร
- ไดขอ คดิ อะไรบางจากกจิ กรรม และจะนําไปปฏิบตั ิในชวี ติ ประจาํ วันอยางไร
4) ผกู าํ กับลกู เสอื เลา เร่ืองท่มี ปี ระโยชน
5) พิธปี ด ประชมุ กอง(นัดหมาย ตรวจเครอ่ื งแบบ ชักธง เลกิ )
5. การประเมินผล
สงั เกต การมสี ว นรวมในการทาํ กิจกรรม และการแสดงความคิดเหน็ ในหมู และในกองลกู เสือ
6. องคป ระกอบทกั ษะชวี ติ สาํ คญั ทเี่ กดิ จากกจิ กรรม
คอื ความคิดวเิ คราะห ความคดิ สรา งสรรค เขา ใจตนเอง เขา ใจผูอื่น ความรับผดิ ชอบตอ
ตนเอง
ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กจิ กรรมที่ 18
เพลง
ใกลเ ขา ไปอีกนดิ
ใกลเขา ไปอกี นิด ชิดๆเขา ไปอกี หนอย สวรรคนอ ยๆอยมู ในวงฟอ นราํ
รปู หลอ ขอเชญิ มาเลน เนือ้ เย็นขอเชญิ มาราํ มองมานัยตาหวานฉํ่า(ซํา้ )
โคงแลว ไมราํ เสียแลว นเี่ อย สขุ สราญนานมาเจอ
พบเธอในวงฟอ นราํ ไดแตแ ลมอง นวลนอ งนยั ตาหวานฉ่ํา
วนั น้ีมาพบงามงอน พ่อี ยากจะตอ นออกไปฟอนราํ (ซาํ้ )
เกม
วง่ิ อลวน
วธิ เี ลน ลูกเสอื ทุกคนนั่งเปน วงกลมมือกอดอก แตละคนหางกัน 1 ชวงแขน เลือกลกู เสือ
ออกมาสองคน คนหนง่ึ เปน คนไล อีกคนหน่ึงเปนคนหนเี รม่ิ การเลน คนไลต อ งวงิ่ ไลจ บั คนหนใี ห
ได การหนจี ะอยภู ายในวงกลมหรอื วง่ิ หลบหลีกในระหวางผูท นี่ ่งั อยู เมือ่ ไมตอ งการหนใี หว งิ่ ไปน่งั
ขางหนาผทู ่ีนัง่ อยูรอบวงกลมคนใดคนหนงึ่ ผูท ่ีถูกคนหนนี ัง่ ขา งหนา จะกลายเปน ผูไลท ันที คนไลเ ดมิ
จะกลายเปนคนหนีตอ ไป
การตัดสนิ ลกู เสอื ท่ีเปน คนหนคี นใด ถกู จบั ไดตองออกจากการแขงขนั เลือกลกู เสอื คนใหม
ขึ้นมาแทนคนหนีตอ ไป
คูมือการจดั กิจกรรมลกู เสือสามญั รุนใหญเสรมิ สรางทักษะชีวิต ช้ันมธั ยมศึกษาปท ่ี 3 91
ใบความรู
เปา หมายชีวติ
เปาหมายในชีวิตเปรียบเหมือนภาพของความสําเร็จของตนเองท่ีไดวางไว และหาทางทําให
ไดตามเปาหมายดวยวริ ยิ ะอุตสาหะและความถกู ตอง คลา ยกบั การเห็นภาพจ๊ิกซอท่ีเสรจ็ สมบูรณแลว
ทีนี้ก็ขึ้นกับวิธีการของแตละคนวาจะทําอยางไรใหจ๊ิกซอแตละตัวมาตอกันใหเกิดเปนภาพน้ันขึ้นมา
เปาหมายในชวี ิตมักไดแ รงบนั ดาลใจมาจากบุคคลท่เี รารัก เคารพ และศรัทธา
แตถาเราไมมีภาพหรือไมมีเปาหมายอะไรจะเกิดขึ้น? บางคนอาจจะคิดวาฉันก็มีชีวิตของฉัน
ไปเร่อื ยๆไมไ ดร บกวนใครไมท าํ ใหใครเดอื ดรอนฉันกม็ ีความสุขดแี ลวคุณคาของคณุ จะอยูท ไ่ี หน?
การมีเปาหมายในชีวิตคือคําตอบวาเรามีชีวิตอยูเพ่ืออะไรเพื่อใครและอยูอยางไรชีวิตเปรียบ
เหมือนกับการเดินทางและนักเดินทางท่ีชาญฉลาดยอมมีเปาหมายในการเดินทางเสมอเขาจะไม
สูญเสียเวลาขางทางเพราะจะทําใหเขาไปถึงจุดหมายชาลงการเดินทางของชีวิตไมไดราบเรียบและ
สวยงาม เหมือนโรยดวยกลีบกุหลาบเสมอไปในระหวางทางส่ิงที่ไมคาดคิดอาจเกิดขึ้นไดเสมอปญหา
และอุปสรรคเปนแขกท่ีไมไดรับเชิญใหมาเยี่ยมเยียนเรามาเพ่ือทดสอบเรามาทําใหเราเหนื่อยลาทอแท
สิ้นหวงั หมดแรงหมดกาํ ลงั ใจทีจ่ ะเดนิ ตอไปและทาํ ใหจดุ หมายปลายทางนนั้ ยาวไกลออกไป อะไรคือ
สิ่งจําเปนสําหรับนักเดินทางท่ีจะเอาชนะแขกที่ไมไดรับเชิญเหลานี้คําตอบคือความมุงมั่นและความ
สมา่ํ เสมอแมว าเราจะเจอกับอุปสรรคขวากหนามและปญหามากมายเปนมรสุมของชีวิตก็วาได เราก็
สามารถที่จะไปถึงเปาหมายไดในท่ีสุดซึ่งมันอาจจะลาชาไปบางก็ไมใชสิ่งสําคัญเพราะเราทําดีที่สุด
แลว
การพักผอนเหมือนกับการชารตแบตเตอรี่ใหเต็มเปนการชารตทั้งพลังกายและพลังใจใน
ระหวางทางที่เดินเราพบปะคนมากมายบางคนก็เดินไปทางเดียวกับเราบางคนก็เดินสวนทางกับเรา
ถาการเดินทางของเราเต็มไปดวยความสนุกสนานและรอยย้ิมแมวาจะมีอุปสรรคมากมายก็ตามเราจะ
เปนผูสรางแรงบันดาลใจใหคนอื่นเดินตามโดยไมรูตัวบางคนอาจจะยึดเอาคติประจําใจของเราไปใชใน
การดําเนินชีวิตหรือใหเราเปนแมแบบเพราะพวกเขาไดเห็นแลววาความสําเร็จจะมาอยูเบ้ืองหนาได
อยางไร?
ความมงุ มัน่ และความสมา่ํ เสมอคอื หวั ใจทจี่ ะนาํ ไปสคู วามสาํ เร็จ
ที่มา : http://www.iamspiritual.com/chai/pp/success.html
92 คมู ือการจัดกิจกรรมลกู เสือสามญั รุนใหญเสรมิ สรางทักษะชีวิต ช้ันมัธยมศกึ ษาปที่ 3
เรื่องท่ีเปน ประโยชน
ขอ คิดจากถงั นํ้าสองใบ
ชายจีนคนหน่ึงแบกถังน้ําสองใบไวบนบาเพ่ือไปตักนํ้าที่ริมลําธารถังน้ําใบหน่ึงมีรอยแตก
ในขณะที่อีกใบหนึ่งไรรอยตําหนิและสามารถบรรจุนํ้ากลับมาไดเต็มถัง...แตดวยระยะทางอันยาวไกล
จากลาํ ธารกลับสบู า น....จงึ ทาํ ใหนาํ้ ที่อยใู นถังใบท่มี ีรอยแตกเหลืออยเู พยี งครึ่งเดยี ว
เหตุการณทั้งหมดน้ีดําเนินมาเปนเวลา 2 ปเต็มที่คนตักน้ําสามารถตักนํ้ากลับมาบานไดหนึ่ง
ถงั ครึง่ ซึ่งแนน อนวาถังน้ําใบท่ีไมมีตําหนิจะรูสึกภาคภูมิใจในผลงานเปนอยางย่ิงขณะเดียวกันถังน้ําท่ี
มรี อยแตกกร็ ูสึกอบั อายตอความบกพรอ งของตวั เองมันรสู ึกโศกเศรากับการท่ีมันสามารถทําหนาท่ีได
เพียงครึ่งเดียวของจุดประสงคที่มันถูกสรางข้ึนมา2 ปกับความลมเหลวอันขมขื่นของถังน้ําท่ีมีรอย
แตก!!
วันหนึ่งท่ีขางลําธาร มันจึงพูดกับคนตักนํ้าวา "ขารูสึกอับอายท่ีรอยแตกของขาที่ทําใหน้ําที่
อยูขางในไหลออกมาตลอดเสนทางทก่ี ลบั ไปยงั บานของทาน"คนตักนํ้าตอบวา "เจาเคยสังเกตหรือไม
วามีดอกไมเบงบานอยูตลอดเสนทางที่ตัวเจาผานไป แตกลับไมมีดอกไมอยูเลยในอีกดานหนึ่งเพราะ
ขา รูว า เจามีรอยแตกอยูขา จงึ ไดหวา นเมลด็ พันธุดอกไมล งขา งทางเดินดานของเจาและทกุ วนั ทีเ่ ราเดิน
กลับเจาก็เปนผูรดนํ้าใหกับเมล็ดพันธุเหลาน้ันเปนเวลา 2 ป ท่ีขาสามารถที่จะเก็บดอกไมสวย ๆ
เหลาน้ันกลับมาแตงโตะกินขาวถาหากปราศจากเจาที่เปนเจาแบบนี้แลวเราก็คงไมมีดอกไมท่ี
สวยงามเชน นี้"
เรอื่ งนี้สอนใหร ูวา คนเรายอ มมีขอ บกพรองที่เปน เอกลกั ษณของตนเอง ซึ่งอาจชวยทาํ ใหการอยู
รวมกันของเรานาสนใจ และกลายเปนบําเหนจ็ รางวลั ของชวี ิตไดส ง่ิ ทต่ี อ งทําก็
เพียงแคย อมรับคนแตล ะคนในแบบทเี่ ขาเปน และมองหาส่ิงทดี่ ที ่ีสดุ ในตัวเขา
เทานน้ั
คมู อื การจดั กิจกรรมลูกเสือสามัญรุนใหญเสรมิ สรา งทกั ษะชีวิต ช้ันมัธยมศึกษาปท่ี 3 93
ขาวราย-ขา วดี
บรษิ ทั ผลิตรองเทาทป่ี ระสบความสําเร็จมากบริษทั หนง่ึ ฝายบริหารไดประชุมกันและพิจารณา
ที่จะเปดตลาดในทวีปแอฟริกา จึงสงพนักงานขายอันดับ 1ไปยังแอฟริกาเพ่ือทําการศึกษาศักยภาพ
ของตลาด เม่ือไปถึงแอฟริกาเซลลแมนสังเกตวาชาวแอฟริกัน สวนมากเดินดวยเทาเปลาเขาจึงสง
ขา วกลบั ไปวา “ขาวราย ทนี่ ไี่ มมีใครสวมรองเทาเลย”และก็สงรายงานตามไปอีกวา ไมมีตลาดรองเทา
ในทวีปแอฟรกิ านี้
ฝายบริหารพิจารณาวา ควรจะหาขอมูลเปนคร้ังท่ี 2 เพื่อใหแนใจ จึงตัดสินใจที่จะสงเซลล
แมนอีกคนหนึ่งไปเพ่ือประเมินตลาดแหงนี้ พนักงานขายคนที่ 2 เม่ือไปถึงแอฟริกาก็มีความต่ืนเตน
มาก และสงขาวกลับมาทันทีดวยขอความวา “ขาวดีไมมีใครท่ีนี่ใสรองเทาเลย” เขารีบเดินทางกลับ
และรายงานแกฝายบริหารวา “สุภาพบุรุษท้ังหลาย เรากําลังจะรวยเพราะมีตลาดใหญมากใน
แอฟริกา และส่ิงสําคัญท่ีเราตองทําคือใหการศึกษาแกชาวแอฟริกันวาประโยชนและความสําคัญของ
การใสร องเทาคืออะไร”
เรื่องน้ีสอนใหรูวา ในทุกๆเรื่องราว และทกุ ๆเหตุการณจะมที ้ังดา นบวกและดานลบเราสามารถ
จะมองวา แกวใบหนึง่ มนี าํ้ อยคู รึง่ หนง่ึ หรือวางเปลาอยคู ร่ึงหน่ึงและมองเหน็
รูโดนัทหรอื ตวั โดนัทเราเลอื กไดท่ีจะมองแบบใด แตท ส่ี าํ คัญก็คือทางเลือกทเ่ี รา
เลือกจะเปน ตวั กาํ หนดความสาํ เรจ็ หรอื ความลม เหลวของเรา
94 คมู ือการจดั กจิ กรรมลกู เสือสามัญรุนใหญเสริมสรางทกั ษะชีวิต ช้ันมัธยมศกึ ษาปท ี่ 3
แผนการจัดกจิ กรรมลูกเสือสามญั รนุ ใหญ เครอ่ื งหมายลกู เสือหลวง ชัน้ มธั ยมศึกษาปท่ี 3
หนวยท่ี 7 ทกั ษะชวี ติ เวลา 2 ช่ัวโมง
แผนการจัดกจิ กรรมท่ี 19 สุภาพบรุ ษุ และสภุ าพสตรีในดวงใจ
1. จดุ ประสงคการเรียนรู
เห็นความสาํ คญั ของการแสดงออก ถงึ พฤตกิ รรมความเปน สภุ าพบรุ ุษและสภุ าพสตรี
2. เน้อื หา
ความเปนสุภาพบุรษุ และสภุ าพสตรี ตองมีพน้ื ฐานมาจากคณุ ธรรมจริยธรรมและการ
แสดงออกอยางเหมาะสม
3. ส่อื การเรียนรู
3.1 แผนภูมเิ พลง
3.2 ใบงาน
3.3 เรอ่ื งทีเ่ ปน ประโยชน
4. กจิ กรรม
4.1 กจิ กรรมครง้ั ท่ี 1
1) พิธีเปด ประชมุ กอง(ชักธง สวดมนต สงบน่งิ ตรวจ แยก)
2) เพลง หรือเกม
3) กจิ กรรมตามจดุ ประสงคการเรยี นรู
(1) แจกใบงาน มอบหมายงานใหหมลู กู เสือ ระดมความคดิ เห็น และสรปุ พฤตกิ รรมท่ี
แสดงถงึ ความไมเ ปนสุภาพบุรุษของชาย หรอื พฤตกิ รรมท่แี สดงถงึ ความไม
เปน สุภาพสตรขี องหญงิ หมลู ะ 1 พฤตกิ รรม
(2) ใหห มูลูกเสอื รว มกันวิเคราะหป ระเด็นตามใบงาน และนําเสนอในกองลูกเสอื ครัง้
ตอ ไป ในรูปแบบบทบาทสมมุติ
4) ผกู ํากบั ลกู เสอื เลาเรื่องทเ่ี ปนประโยชน
5) พิธีปดประชุมกอง(นัดหมาย ตรวจเครอ่ื งแบบ ชกั ธง เลิก)
4.2 กจิ กรรมครงั้ ที่ 2
1) พิธีเปดประชุมกอง(ชกั ธง สวดมนต สงบนิ่ง ตรวจ แยก)
2) เพลง หรอื เกม
3) กิจกรรมตามจุดประสงคการเรียนรู
(1) ลกู เสอื นําเสนอบทบาทสมมติพรอ มคาํ อธบิ าย ทีละหมูจนครบ
(2) ผกู าํ กบั ลกู เสอื นาํ อภิปรายสรุปและเพมิ่ เตมิ ในประเดน็
คมู อื การจดั กิจกรรมลูกเสือสามัญรุนใหญเสรมิ สรา งทกั ษะชวี ิต ช้ันมัธยมศึกษาปท ี่ 3 95