WATMUANG 1
ประกาศโรงเรียนวดั ม่วง (สานักงานสลากกินแบ่งรฐั บาลสมทบสร้าง๓๖๗)
เรื่อง ให้ใช้หลกั สูตรโรงเรยี นวดั ม่วง (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕65)
ตามหลักสูตรการศกึ ษาปฐมวยั ปีการศกึ ษา ๒๕๖๐
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…….
เพื่อให้การจัดการศึกษาขั้นพ้ืนฐานโรงเรียนวัดม่วง (สานักงานสลากกินแบ่งรับบาลสบทบสร้าง 367 )
สานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศึกษาราชบุรี เขต 2 สอดคล้องกับสภาพการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
เศรษฐกิจ สังคมและความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาการ สนองนโยบาย คุณธรรมนาความรู้ ตอบสนองความ
ตอ้ งการของผู้เรยี น ชมุ ชน ทอ้ งถิน่ และสงั คม ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดาริ
โรงเรยี นวัดมว่ ง (สานกั งานสลากกินแบ่งรัฐบาลสมทบสร้าง 367 ) ไดด้ าเนนิ การเพื่อให้เป็นไปตามตาม
คาส่ังกระทรวงศึกษาธิการ ที่ สพฐ ๑๒๒๓/๒๕๖๐ ลงวันท่ี ๓ สิงหาคม ๒๕๖๐ เร่ือง ให้ใช้หลักสูตรการศึกษา
ปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ จึงประกาศให้ใชห้ ลกั สูตรปฐมวัย โรงเรียนวัดม่วง พทุ ธศักราช ๒๕๖5 ตามหลักสตู ร
การศึกษาปฐมวัย(พุทธศักราช ๒๕๖๐) ตั้งแต่ปีการศึกษา ๒๕๖๑ เป็นต้นมา และในปีการศึกษา๒๕๖5 น้ี
หลักสูตรโรงเรียนได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐาน เม่ือวันท่ี 17 เดือน พฤษภาคม
พ.ศ. ๒๕๖5 จึงประกาศให้ใช้หลักสตู รโรงเรยี น ต้ังแตบ่ ัดนเ้ี ปน็ ตน้ ไป
ประกาศ ณ วันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖5
ลงชื่อ ลงชือ่
(นายขจร ม่วงงาม ) (นางวีรวรรณ เข็มทอง)
ประธานคณะกรรมการสถานศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน ผอู้ านวยการโรงเรียนวดั ม่วง
โรงเรียนวัดม่วง (สานักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลสมทบสร้าง๓๖๗)
(สานกั งานสลากกินแบ่งรฐั บาลสมทบสร้าง๓๖7)
WATMUANG 2
คำนำ
กระทรวงศึกษาธิการ ประกาศให้สถานศึกษาหรือสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยทุกสังกัด ใช้หลักสูตร
การศึกษาปฐมวัย ตามคาสั่งกระทรวงศึกษาธิการ ท่ี สพฐ. ๑๒๒๓/๒๕๖๐ ลงวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๖๐ เรื่อง ให้
ใช้หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ โดยนาหลักสูตรนี้ไปใช้ และปรับปรุงให้เหมาะสมกับเด็กและ
สภาพท้องถิ่น
โรงเรียนวัดม่วง (สานักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลสมทบสร้าง 367) จึงได้ปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตร
ปฐมวัย พุทธศกั ราช ๒๕๖5 ตาม หลักสูตรการศกึ ษาปฐมวยั (พทุ ธศักราช ๒๕๖๐) โดยใช้หลักสตู รเปน็ แกนหลัก
เพื่อกาหนดการจัดทาโครงสร้างและสาระหลักสูตรสถานศึกษาให้สอดคล้องกับบริบทของสถานศึกษา และ
สอดคลอ้ งกับสภาพการเปลยี่ นแปลงในปัจจบุ นั ซง่ึ ในการจดั ทาหลกั สตู รสถานศึกษาคร้ังนี้ เป็นการสร้างหลักสูตร
ท่ีอาศัยการมีส่วนร่วมของนักเรียน คณะครู ผู้ปกครองและชุมชน ทั้งนี้เพ่ือให้สามารถขับเคลื่อนไปสู่การจัดการ
ประสบการณ์ ท่ีส่งผลให้ผู้เรียนมีคุณภาพครบทุกด้าน เพ่ือสร้างรากฐานคุณภาพชีวิตให้เด็กปฐมวัยพัฒนาไปสู่
ความเป็นมนษุ ย์ทสี่ มบรู ณ์ เกิดคณุ คา่ ตอ่ ตนเอง ครอบครวั ชมุ ชน สงั คมและประเทศชาตสิ ืบไป
ขอขอบคุณ ผ้มู ีสว่ นเก่ยี วข้องทุกภาคสว่ นท่ใี หค้ วามร่วมมอื และมีสว่ นร่วมในการพัฒนาหลกั สตู รฉบับนี้
ใหม้ ีความสมบรู ณ์และเหมาะสมตามบรบิ ทต่อการจดั การศึกษาในโรงเรยี นวัดม่วง(สานักงานสลากกนิ แบ่งรฐั บาล
สมทบสร้าง 367 ) ตง้ั แตภ่ าคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา ๒๕๖5 เป็นตน้ ไป
(นางวีรวรรณ เข็มทอง)
ผอู้ านวยการโรงเรียนวัดม่วง
(สานักงานสลากกินแบ่งรฐั บาลสมทบสร้าง๓๖๗)
WATMUANG ก
สารบญั หน้า
1
เร่อื ง 1
1
1. ปรัชญาการศึกษาปฐมวยั 2
2. ปรชั ญาการศกึ ษาปฐมวัยโรงเรียนวดั ม่วง
3. หลกั การ 2
4. วสิ ยั ทศั น์หลกั สตู รการศึกษาปฐมวัย 2
2
5. วสิ ยั ทัศน์หลกั สูตรการศึกษาปฐมวัยโรงเรียนวดั ม่วง 2
6. พนั ธกิจ 3
7. เป้าหมาย 5
8. จดุ หมาย 7
9. แนวคิดการศึกษาปฐมวัย 8
10. พัฒนาการเด็กปฐมวยั 9
11. มาตรฐานคณุ ลกั ษณะที่พงึ ประสงค์ 10
12. โครงสรา้ งของหลักสตู รการศึกษาปฐมวยั 17
13. กจิ กรรมประจาวัน 18
14. การวิเคราะห์ภาพทพ่ี ึงประสงค์ตามมาตรฐานคุณลักษณะทีพ่ ึงประสงค์ 32
สาระการเรยี นรรู้ ายปี 44
15. ตารางวเิ คราะห์สาระการเรยี นรูช้ ่วงอายุ 4-5ปี 59
16. ตารางวิเคราะห์สาระการเรยี นรชู้ ว่ งอายุ 5-6ปี 59
17. ประสบการณส์ าคญั 60
18. สาระท่ีควรเรยี นรู้ 61
19. กรอบการเรยี นรู้ทอ้ งถิ่น 63
20.คา่ นยิ มหลัก 12 ประการ 65
21. หลักปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง 83
22.หลักสตู รต้านทุจรติ 90
23.การจดั ประสบการณ์ 91
24. การจัดสภาพแวดล้อม 94
25.ตารางกจิ กรรมประจาวนั 114
26.หน่วยการจดั ประสบการณ์
27.การประเมินพฒั นาการ
28.ภาคผนวก
WATMUANG ข
ปรัชญำกำรศกึ ษำปฐมวัย
การศึกษาปฐมวัย เป็นการพัฒนาเด็กต้ังแต่แรกเกิดถึง ๖ ปีบริบูรณ์อย่างเป็นองค์รวม บนพ้ืนฐานการ
อบรมเลี้ยงดูและการส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ท่ีสนองต่อธรรมชาติ และพัฒนาการตามวัยของเด็กแต่ละ
คนให้เต็มตามศักยภาพ ภายใต้บริบทสังคมและวัฒนธรรมท่ีเด็กอาศัยอยู่ ด้วยความรัก ความเอื้ออาทร และ
ความเข้าใจของทุกคน เพ่ือสรา้ งรากฐานคุณภาพชวี ิตใหเ้ ด็กพฒั นาไปสู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบรูณ์ เกดิ คุณค่า
ตอ่ ตนเอง ครอบครวั ชุมชน สังคม และประเทศชาติ
ปรัชญำกำรศกึ ษำปฐมวัยโรงเรียนวัดม่วง
โรงเรยี นวดั ม่วง ได้จัดการศึกษาระดบั ปฐมวัย พัฒนาเดก็ ต้ังแต่ ๓-๖ ปอี ย่างเตม็ ตามศักยภาพสอดคล้อง
กับพัฒนาการทางด้านร่างกาย ด้านอารมณ์ - จิตใจ ด้านสังคม ด้านสติปัญญา เป็นไปโดยธรรมชาติ ภายใต้
สิ่งแวดล้อมที่อบอุ่น ปลอดภัยเป็นอิสระ บนพื้นฐานของการอบรมเลี้ยงดูด้วยความรัก ความเอื้ออาทรและ
ความเอาใจใสเ่ ด็ก ลงมือปฏบิ ตั ผิ า่ นกระบวนการเล่น สง่ เสริมให้มคี ณุ ธรรม จริยธรรม มจี ิตสานกึ ในความเป็น
ไทยผสมผสานศิลปวฒั นธรรมมอญ
หลักกำร
เด็กทุกคนมีสิทธิ์ที่จะได้รับการอบรมเลี้ยงดูและส่งเสริมพัฒนาการตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก
ตลอดจนไดรับการจัดประสบการณ์การเรียนรู้อย่างเหมาะสม ด้วยปฏิสัมพันธ์ท่ีดีระหว่างเด็กกับพ่อแม่ เด็ก
กับผู้สอน เด็กกับผู้เลี้ยงดูหรือผู้ที่เก่ียวข้องในการอบรมเล้ียงดู การพัฒนา และให้การศึกษาแก่เด็กปฐมวัย
เพื่อให้เด็กมีโอกาสพัฒนาตนเองตามลาดับขั้นของพัฒนาการทุกด้าน อย่างเป็นองค์รวม มีคุณภาพ และเต็ม
ตามศกั ยภาพโดยมีหลักการดังน้ี
๑. สง่ เสรมิ กระบวนการเรยี นรู้และพัฒนาการที่ครอบคลุมเดก็ ปฐมวัยทุกคน
๒. ยึดหลักการอบรมเล้ียงดูและให้การศึกษาที่เน้นเด็กเป็นสาคัญ โดยคานึงถึงความแตกต่างระหว่าง
บุคคลและวิถชี วี ิตของเด็กตามบรบิ ทของชุมชน สังคม และวฒั นธรรมไทย
๓. ยึดพัฒนาการและการพัฒนาเด็กโดยองค์รวมผ่านการเล่นอย่างมีความหมายและมีกิจกรรมท่ี
หลากหลาย ได้ลงมือกระทาในสภาพแวดล้อมท่ีเอ้ือต่อการเรียนรู้ เหมาะสมกับวัย และมีการพักผ่อนที่
เพยี งพอ
๔. จัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้เด็กมีทกั ษะชีวติ และสามารถปฏิบตั ิตนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ
พอเพียง เปน็ คนดี มีวินัย และมคี วามสุข
๕. สร้างความรู้ ความเข้าใจและประสานความร่วมมือในการพัฒนาเด็กระหว่างสถานศึกษากับพ่อแม่
ครอบครัว ชุมชน และทุกฝา่ ยท่เี ก่ียวข้องกบั การพฒั นาเด็กปฐมวัย
WATMUANG ๑
วิสยั ทัศนห์ ลกั สูตรกำรศกึ ษำปฐมวยั
หลกั สูตรการศกึ ษาปฐมวยั มงุ่ พฒั นาเดก็ ทุกคนให้ไดร้ บั การพัฒนาดา้ นร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และ
สติปัญญาอย่างมีคุณภาพและต่อเน่ือง ได้รับการจัดประสบการณ์การเรียนรู้อย่างมีความสุขและเหมาะสม
ตามวัย มีทักษะชีวิตและปฏิบัติตนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นคนดี มีวินัย และสานึกความ
เป็นไทย โดยความร่วมมือระหว่างสถานศึกษา พ่อแม่ ครอบครัว ชุมชน และทุกฝ่ายท่ีเก่ียวข้องกับการ
พัฒนาเดก็
วิสัยทศั นก์ ำรศกึ ษำระดับปฐมวัยโรงเรยี นวดั ม่วง
ภายในปี ๒๕๖7 โรงเรียนวัดมว่ ง (สานกั งานสลากกนิ แบ่งรฐั บาลสมทบสร้าง 367 ) เปน็ สถานศึกษาให้
การจัดการศึกษาแก่ประชากรวยั เรยี นอย่างท่วั ถึงเต็มศักยภาพตามมาตรฐานเพื่อให้เด็กขยันเรยี นรู้ ครสู อนดี
มีคุณธรรม อนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถ่ิน ห้องเรียนมีคุณภาพ สถานศึกษามีความปลอดภัย ใส่ใจสุขภาวะ
ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
พันธกจิ
๑. เด็กปฐมวัยทุกคนได้รับการพัฒนาด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญาเป็นองค์รวมอย่าง
สมดลุ มเี จตคตทิ ด่ี ตี อ่ ท้องถ่นิ สนใจใฝร่ ู้ และเรียนรู้อยา่ งมคี วามสขุ
๒. ครูมีความรู้ ความเข้าใจ และสามารถจัดประสบการณ์ท่ีส่งเสริมการเรียนรู้ผ่านการเล่นโดยใช้
กระบวนการวางแผน การปฏิบตั ิ เพอื่ พฒั นาเด็กปฐมวยั รอบดา้ น
๓. มีสภาพแวดล้อม ส่ือ เทคโนโลยี และแหล่งเรียนรู้ที่เอ้ือต่อการส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยอย่าง
พอเพยี ง
๔. ครูน้อมนาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและแหล่งเรียนรู้ ภูมิปัญญาท้องถิ่น มาใช้ในการจัด
ประสบการณ์ใหก้ ับเด็กอย่างเหมาะสมกบั วัยและบริบทของสถานศึกษา
๕. มีเครอื ขา่ ย พอ่ แม่ ผปู้ กครอง ชุมชน และหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องมสี ่วนรว่ มในการพัฒนาเด็กปฐมวัยด้วย
วธิ หี ลากหลายและมีความตอ่ เน่อื งในทศิ ทางเดยี วกันกับสถานศกึ ษา
จุดหมำย
หลักสูตรสถานศึกษาปฐมวัย มุ่งให้เด็กมีพัฒนาการตามวัยเต็มตามศักยภาพ และเมื่อมีความพร้อมใน
การเรียนรู้ตอ่ ไป จงึ กาหนดจดุ หมายเพือ่ ให้เกดิ กับเด็กจบการศึกษาระดับปฐมวัย ดังน้ี
๑. มรี ่างกายเจรญิ เตบิ โตตามวัย แขง็ แรง และมีสขุ นสิ ัยทีด่ ี
๒. มีสขุ ภาพจิตดี มสี นุ ทรยี ภาพ มคี ุณธรรม จริยธรรมและจติ ใจท่ดี ีงาม
๓. มีทักษะมีชีวิตและปฏิบัติตนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มีวินัย และอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้
อยา่ งมคี วามสุข
๔. มที ักษะการคิด การใช้ภาษาสือ่ สาร และการแสวงหาความรไู้ ดเ้ หมาะสมกับวยั
WATMUANG ๒
แนวคดิ กำรจดั กำรศกึ ษำปฐมวยั
หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช ๒๕๖๐ พัฒนาขึ้นบนแนวคิดหลักสาคัญเกี่ยวกับพัฒนาการ เด็ก
ปฐมวัย โดยถือว่าการเล่นของเด็กเป็นหัวใจสาคัญของการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ ภายใต้การจัด
สภาพแวดล้อมท่ีเอื้อต่อการทางานของสมอง ผ่านสื่อท่ีต้องเอ้ือให้เด็กเรียนรู้ผ่านประสาทสัมผัสทั้งห้า โดยครู
จาเป็นต้องเข้าใจและยอมรับว่าสังคมและวัฒนธรรมท่ีแวดล้อมเด็ก มีอิทธิพลต่อการเรียนรู้และการพัฒนา
ศกั ยภาพและพฒั นาการของเดก็ แต่ละคน ทัง้ นี้ หลกั สตู รฉบับนมี้ ีแนวคดิ ในการจดั การศกึ ษาปฐมวยั ดังนี้
๑. แนวคิดเกยี่ วกับพัฒนำกำรเด็ก พฒั นาการของมนุษย์เป็นกระบวนการเปลย่ี นแปลงทเี่ กิดข้ึน ต่อเน่ืองใน
ตัวมนุษย์เร่ิมตั้งแต่ปฏิสนธิไปจนตลอดชีวิต พัฒนาการของเด็กแต่ละคนจะมีลาดับข้ันตอนลักษณะ เดียวกัน แต่
อัตราและระยะเวลาในการผ่านขั้นตอนต่างอาจแตกต่างกันได้ ขั้นตอนแรกๆ จะเป็นพื้นฐานสาหรับ พัฒนาการ
ขนั้ ตอ่ ไป พฒั นาการดา้ นร่างกาย อารมณ์ จติ ใจ สังคมและสติปัญญา แต่ละส่วนสง่ ผลกระทบซึ่งกัน และกนั เม่ือ
ด้านหน่ึงก้าวหน้าอีกด้านหนึ่งจะก้าวหน้าตามด้วยในทานองเดียวกันถ้าด้านหน่ึงด้านใดผิดปกติก็จะ ทาให้ด้าน
อ่ืนๆ ผิดปกติตามด้วย แนวคิดเก่ียวกับทฤษฎีพัฒนาการด้านร่างกายอธิบายว่าการเจริญเติบโตและ พัฒนาการ
ของเด็กมีลักษณะต่อเนื่องเป็นลาดับขนั้ เดก็ จะพัฒนาถึงขั้นใดจะต้องเกิดวุฒภิ าวะของความสามารถ ขั้นน้ันก่อน
สาหรบั ทฤษฎีพัฒนาการด้านอารมณ์ จิตใจ และสังคม อธิบายว่า การอบรมเล้ยี งดูในวัยเด็กส่งผล ตอ่ บุคลิกภาพ
ของเด็กเม่ือเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ความรักและความอบอุ่นเป็นพื้นฐานของความเช่ือมั่นในตนเอง เด็ก ที่ได้รับความ
รกั ความอบอนุ่ จะมีความไวว้ างใจผู้อนื่ เห็นคุณค่าของตนเองจะมีความเช่ือม่ันในความสามารถของ ตนเองทางาน
ร่วมกับผู้อื่นได้ดี ซึ่งเป็นพื้นฐานสาคัญของความเป็นประชาธิปไตยและความริเร่ิมสร้างสรรค์และทฤษฎี
พัฒนาการด้านสติปัญญาอธิบายว่า เด็กเกิดมาพร้อมวุฒิภาวะ ซึ่งจะพัฒนาข้ึนตามอายุ ประสบการณ์รวมท้ัง
ค่านิยมทางสังคมและสิ่งแวดล้อม ทีเ่ ด็กไดร้ บั
๒. แนวคิดเกี่ยวกับกำรเล่นของเด็ก การเล่นเป็นหัวใจสาคัญของการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ การ เล่น
อยา่ งมจี ุดมุ่งหมายเป็นเคร่ืองมือการเรยี นร้ขู นั้ พ้นื ฐานท่ีถือเป็นองคป์ ระกอบสาคญั ในกระบวนการเรียนรู้ ของเด็ก
ขณะท่ีเด็กเล่นจะเกิดการเรียนรู้ไปพร้อมๆ กันด้วยจากการเล่น เด็กมีโอกาสเคลื่อนไหวส่วนต่างๆ ของ ร่างกาย
ไดใ้ ช้ประสาทสัมผัสและการเรียนรู้ผ่อนคลายอารมณ์ และแสดงออกถึงตนเอง เรียนรู้ความรู้สกึ ของ ผูอ้ ื่น เด็กจะ
รู้สึกสนุกสนาน เพลิดเพลิน ได้สังเกต มีโอกาสทาการทดลอง คิดสร้างสรรค์ คิดแก้ปัญหาและ ค้นพบด้วยตนเอง
การเล่นช่วยให้เด็กเรียนรู้ส่ิงแวดล้อม และช่วยให้เด็กมีพัฒนาการทางด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และ
สติปัญญา ดังนั้น เด็กควรมีโอกาสเล่น ปฏิสัมพันธ์กับบุคคล ส่ิงแวดล้อมรอบตัว และเลือก กิจกรรมการเล่นด้วย
ตนเอง
๓. แนวคดิ เกีย่ วกับกำรทำงำนของสมอง สมองเป็นอวัยวะท่ีมีความสาคัญทส่ี ดุ ในร่างกายของคนเรา เพราะ
การที่มนุษย์สามารถเรียนรู้ส่ิงต่างๆ ได้น้ันต้องอาศัยสมองและระบบประสาทเป็นพื้นฐานการรับรู้ รับ ความรู้สึก
จากประสาทสัมผัสทั้งห้า การเชื่อมโยงต่อกันของเซลล์สมองส่วนมากเกิดขึ้นก่อนอายุ ๕ ปี และ ปฏิสัมพันธ์
แรกเรมิ่ ระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ มผี ลโดยตรงต่อการสร้างเซลลส์ มองและจุดเชื่อมต่อ โดยในชว่ ง ๓ ปี แรกของชีวิต
สมองเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วมาก มีการสรา้ งเซลล์สมองและจดุ เช่ือมตอ่ เหลา่ น้ยี ่ิงได้รบั การ
กระตุ้นมากเท่าใด การเชื่อมต่อกันระหว่างเซลล์สมองย่ิงมีมากขึ้น และมากข้ึน สามารถทางการคิดยิ่งมีมากข้ึน
เท่าน้ัน ถ้าหากเด็กขาดการกระตุ้นหรือส่งเสริมจากสิ่งแวดล้อมท่ีเหมาะสม เซลล์สมองและจุดเชื่อมต่อทาสี ร้าง
ขน้ึ มากจ็ ะหายไป เดก็ ท่ีไดร้ บั ความเครียดอยู่ตลอดเวลาจะทาให้ขาดความสามารถที่จะเรียนรู้ อย่างไรก็ตาม สว่ น
WATMUANG ๓
ต่างๆ ของสมองเจริญเติบโตและเร่ิมมีความสามารถในการทาหน้าที่ในช่วงเวลาต่างกัน จึงอธิบายได้ว่าการ
เรียนรู้ทักษะบางอย่างจะเกิดข้ึนได้ดีที่สุดเฉพาะในช่วงเวลาหน่ึงที่เรียกว่า “หน้าต่างของโอกาสการเรียนรู้” ซ่ึง
เป็นช่วงท่ีพ่อแม่ ผู้เลี้ยงดู และครูสามารถช่วยให้เด็กเรียนรู้และพัฒนาส่ิงนั้นๆ ได้ดีที่สุด เมื่อพ้นช่วงนี้ไปแล้ว
โอกาสน้ันจะฝึกยากหรือเด็กอาจทาไม่ได้เลย เช่น การเชื่อมโยงวงจรประสาทของการมองเห็นและรับรู้ภาพ
จะต้องได้รับการกระตุ้นทางานตั้งแต่ ๓ หรือ ๔ เดือนแรกของชีวิตจึงจะมีพัฒนาการตามปกติ ช่วงเวลาของการ
เรียนภาษาคือ อายุ ๓-๕ ปีแรกของชีวิต เด็กจะพูดได้ชัด คล่องและถูกต้อง โดยการพัฒนาจากการพูดเป็นคา ๆ
มาพดู เปน็ ประโยคและเลา่ เรือ่ งได้ เป็นต้น
๔. แนวคิดเกี่ยวกับส่ือกำรเรียนรู้ ส่ือการเรียนรู้ทาให้เด็กเกิดการเรียนรู้ตามจุดประสงค์ที่วางไว้ ทาให้
สิ่งที่เป็นนามธรรมเข้าใจยากกลายเป็นรูปธรรมท่ีเด็กเข้าใจและเรียนรู้ได้ง่ายรวดเร็ว เพลิดเพลิน เกิดการเรียนรู้
และค้นพบด้วยตนเอง การใช้ส่ือการเรียนรู้ต้องปลอดภัยต่อตัวเด็กและเหมาะสมกับวัย วุฒิภาวะ ความแตกต่าง
ระหว่างบุคคล ความสนใจ และความต้องการของเด็กที่หลากหลาย สื่อประกอบการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาเด็ก
ปฐมวัยควรมีท้ังสอื่ ที่เป็นประเภท ๒ มิติ และ/หรือ ๓ มิติ ท่ีเป็นสื่อของจริง ส่ือธรรมชาติ ส่ือท่ีอยู่ใกล้ตัวเด็ก สื่อ
สะท้อนวฒั นธรรม สอ่ื ภมู ปิ ญั ญาทอ้ งถิน่ ส่ือเพ่อื พัฒนาเดก็ ในด้านต่างๆ ให้ครบทุกด้าน ทั้งน้ี สอ่ื ต้องเออ้ื ให้ เด็ก
เรียนรู้ผ่านประสาทสัมผัสท้ังห้า โดยการจัดการใช้ส่ือสาหรับเด็กปฐมวัยต้องเริ่มต้นจากส่ือของจริงของจาลอง
ภาพถา่ ย ภาพโครงร่าง และสญั ลักษณต์ ามลาดบั
๕. แนวคิดเก่ียวกับสังคมและวัฒนธรรม เด็กเมื่อเกิดมาจะเป็นส่วนหนึ่งของสังคมและวัฒนธรรม ซึ่ง
ไม่เพียงแต่จะไดร้ ับอทิ ธิพลจากการปฏิบัติแบบด้ังเดิมตามประเพณี มรดก และความรขู้ องบรรพบรุ ษุ แต่ยัง ไดร้ บั
อิทธิพลจากประสบการณ์ค่านิยมและความเช่ือถือของบุคคลในครอบครัวและชุมชนของแต่ละท่ีด้วย บริบททาง
สังคมและวัฒนธรรมที่เด็กอาศัยอยู่หรือแวดล้อมตัวเด็กทาให้เด็กแต่ละคนแตกต่างกันไป ครู จาเป็นต้องเข้าใจ
และยอมรบั วา่ สังคมและวฒั นธรรมท่ีแวดลอ้ มตัวเดก็ มอี ทิ ธิพลตอ่ การเรยี นรู้ การพัฒนา ศกั ยภาพและพฒั นาการ
ของเด็กแต่ละคน ครคู วรต้องเรยี นรู้บรบิ ททางสงั คมและวฒั นธรรมของเด็กที่ตน รบั ผิดชอบ เพ่ือช่วยใหเ้ ด็กได้รับ
การพัฒนา เกิดการเรียนรู้และอยู่ในกลุ่มคนท่ีมาจากพื้นฐานเหมือนหรือต่าง จากตนได้อย่างราบรื่นมีความสุข
เป็นการเตรียมความสขุ เป็นการเตรยี มเด็กไปส่สู งั คมในอนาคตกับการอยู่ ร่วมกับผู้อื่น การทางานร่วมกับผู้อ่ืนท่ี
มีความหลากหลายทางความคิด ความเช่ือและวัฒนธรรม เช่น ความ คล้ายคลึงและความแตกต่างระหว่าง
วัฒนธรรมไทยกับประเทศเพ่ือนบ้านเร่ืองศาสนา ประเทศพม่า ลาว กัมพูชาก็คล้ายคลึงกับคนไทยในการทาบุญ
ตักบาตร การสวดมนต์ ไหว้พระ การให้ความเคารพพระสงฆ์ การ ทาบุญเลี้ยงพระ การเวียนเทียนเน่ืองในวัน
สาคญั ทางศาสนา ประเพณีเข้าพรรษา เปน็ ตน้
WATMUANG ๔
พัฒนำกำรเด็กปฐมวัย
พัฒนาการของเด็กปฐมวัยด้านร่างกาย จิตใจ สังคม และสติปัญญาแสดงให้เห็นถึงการเปล่ียนแปลงที่
เกิดข้ึนตามวุฒิภาวะและสภาพแวดล้อมท่ีเด็กได้รับ พัฒนาการเด็กในแต่ละช่วงวัยอาจเร็วหรือช้าแตกต่างกันไป
ในเด็กแต่ละคน มรี ายละเอียด ดังนี้
๑. พัฒนำกำรดำ้ นร่ำงกำย
เป็นพัฒนาการท่ีเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงในทางท่ีดีขึ้นของร่างกายในด้านโครงสร้างของร่างกาย
ด้านความสามารถในการเคลื่อนไหว และด้านการมีสุขภาพอนามัยท่ีดี รวมถึงการใช้สัมผสั รับรู้ การใช้ตาและมือ
ประสานกันในการทากิจกรรมต่างๆ เด็กอายุ ๓-๕ ปีมีการเจริญเติบโตรวดเร็วโดยเฉพาะในเร่ืองน้าหนักและ
ส่วนสูง กลา้ มเน้ือใหญจ่ ะมีความก้าวหน้ามากกว่ากล้ามเนื้อเล็ก สามารถบงั คับการเคล่ือนไหวของร่างกายไดด้ ี มี
ความคล่องแคล่วว่องไวในการเดิน สามารถว่ิง กระโดด ควบคุมและบังคับการทรงตัวได้ดี จึงชอบเคลื่อนไหว ไม่
หยดุ น่ิง พรอ้ มทจ่ี ะออกกาลังและเคลื่อนไหวในลักษณะตา่ งๆสว่ นกลา้ มเนื้อเล็กและความสัมพันธ์ระหว่างตาและ
มือยังไม่สมบูรณ์ การสัมผัสหรือการใช้มือมีความละเอียดขึ้น ใช้มือหยิบจับส่ิงของต่างๆได้มากขึ้น ถ้าเด็กไม่
เครียดหรือกงั วลจะสามารถทากิจกรรมท่พี ัฒนากล้ามเนื้อเล็กได้ดีและนานขนึ้
๒. พัฒนำกำรด้ำนอำรมณ์ จิตใจ
เป็นความสามารถในการรสู้ ึกและแสดงความรู้สึกของเดก็ เช่นพอใจ ไมพ่ อใจ รกั ชอบ สนใจ เกยี ด โดยท่ี
เดก็ รจู้ กั ควบคุมการแสดงออกอย่างเหมาะสมกับวัยและสถานการณ์ เผชิญกับเหตกุ ารณต์ า่ งๆ ตลอดจนการสร้าง
ความรู้สึกที่ดีและการนับถือตนเอง เด็กอายุ ๓-๕ ปีจะแสดงความรู้สึกอย่างเต็มท่ีไม่ปิดบัง ซ่อนเร้น เช่น ดีใจ
เสียใจ โกรธแต่จะเกิดเพียงช่ัวครู่แล้วหายไปการท่ีเด็กเปล่ียนแปลงอารมณ์ง่ายเพราะมีช่วงความสนใจระยะสั้น
เม่ือมีส่ิงใดน่าสนใจก็จะเปลี่ยนความสนใจไปตามสิ่งน้ัน เด็กวันน้ีมักหวาดกลัวส่ิงต่างๆ เช่น ความมืด หรือสัตว์
ต่างๆ ความกลัวของเด็กเกิดจากจินตนาการ ซ่ึงเด็กว่าเป็นเร่ืองจริงสาหรับตน เพราะยังสับสนระหว่างเรื่องปรุง
แต่งและเร่ืองจริง ความสามารถแสดงอารมณ์ได้สอดคล้องกับสถานการณ์อย่างเหมาะสมกับวัยรวมถึงช่ืนชม
ความสามารถและผลงานของตนเองและผู้อ่ืน เพราะยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางน้อยลงและตอ้ งการความสนใจจาก
ผู้อน่ื มากขนึ้
๓. พัฒนำกำรดำ้ นสังคม
เป็นความสามารถในการสร้างความสัมพันธ์ทางสังคมครั้งแรกในครอบครัวโดยมีปฏิสัมพันธ์กับพ่อแม่
และพี่น้อง เมื่อโตขึ้นต้องไปสถานศึกษา เด็กเริ่มเรียนรู้การติดต่อและการมีสัมพันธ์กับบุคคลนอกครอบครัว
โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ เด็กในวยั เดียวกนั เด็กได้เรียนรู้การปรบั ตัวใหเ้ ขา้ สงั คมกบั เด็กอืน่ พร้อมๆกบั รูจ้ ักร่วมมอื ในการ
เล่นกับกลุ่มเพื่อน จัดกิจกรรมการเรียนการสอนเพื่อปลูกฝังและสร้างวัฒนธรรมต่อต้านการทุจริตให้แก่นักเรียน
สร้างความตระหนักให้นักเรียน ยึดถือประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน มีจิตพอเพียงต้านทุจริต
ละอายและเกรงกลัวท่ีจะไม่ทุจริตและไม่ทนต่อการทุจริตทุกรูปแบบ เจตคติและพฤติกรรมทางสังคมของเด็กจะ
กอ่ ข้นึ ในวัยนแี้ ละจะแฝงแน่นยากท่ีจะเปล่ียนแปลงในวัยต่อมา ดงั นน้ั จงึ อาจกล่าวได้วา่ พฤติกรรมทางสงั คมของ
เด็กวัยน้ี มี ๒ ลักษณะ คือลักษณะแรกน้ัน เป็นความสัมพันธ์กับผู้ใหญ่และลักษณะท่ีสองเป็นความสัมพันธ์กับ
เดก็ ในวยั ใกลเ้ คยี งกัน
WATMUANG ๕
๔. ดำ้ นสติปญั ญำ
ความคิดของเด็กวัยน้ีมีลักษณะยึดตนเองเป็นศูนย์กลาง ยังไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกของคนอ่ืน เด็กมี
ความคิดเพียงแต่ว่าทุกคนมองส่ิงต่างๆรอบตัว และรู้สึกต่อสิ่งต่างๆเหมือนตนเอง ความคิดของตนเองเป็นใหญ่
ที่สุด เมอื่ อายุ ๔-๕ ปี เดก็ สามารถโตต้ อบหรอื มปี ฏิสัมพนั ธก์ ับวตั ถุสิ่งของที่อยูร่ อบตวั ได้ สามารถจาสงิ่ ต่างๆ ท่ไี ด้
กระทาซ้ากันบ่อยๆ ได้ดี เรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้ดีขึ้นแต่ยังอาศัยการรับรู้เป็นส่วนใหญ่ แก้ปัญหาการลองผิดลองถูก
จากการรับรู้มากกว่าการใช้เหตุผลความคิดรวบยอดเกี่ยวกับส่ิงต่างๆ ที่อยู่รอบตัวพัฒนาอย่างรวดเร็วตามอายทุ ่ี
เพิ่มขึ้น ในส่วนของพัฒนาการทางภาษา เด็กวัยน้ีเป็นระยะเวลาของการพัฒนาภาษาอย่างรวดเร็ว โดยมีการ
ฝึกฝนการใช้ภาษาจากการทากิจกรรมต่าง ๆ ในรูปของการพูดคุย การตอบคาถาม การเล่าเรื่อง การเล่า
นิทานและการทากิจกรรมต่าง ๆ ท่ีเกี่ยวข้องกับการใช้ภาษาในสถานศึกษา เด็กปฐมวัยสามารถ ใช้ภาษาแทน
ความคดิ ของตนและใช้ภาษาในการติดต่อสัมพนั ธ์กบั คนอื่นได้คาพูดของเด็กวัยนี้ อาจจะทาใหผ้ ู้ใหญ่บางคนเข้าใจ
ว่าเดก็ รมู้ ากแลว้ แตท่ จี่ ริงเดก็ ยงั ไม่เข้าใจความหมายของคาและเรอ่ื งราวลึกซึ้งนัก
WATMUANG ๖
มำตรฐำนคุณลกั ษณะท่พี ึงประสงค์
หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยกาหนดมาตรฐานคุณลักษณะท่ีพึงประสงคจ์ านวน ๑๒ มาตรฐาน ประกอบดว้ ย
๑.พฒั นำกำรดำ้ นร่ำงกำย ประกอบด้วย ๒ มำตรฐำนคือ
มาตรฐานที่ ๑ รา่ งกายเจริญเติบโตตามวยั และมสี ุขนิสัยท่ดี ี
ตัวบง่ ชท้ี ี่ ๑.๑ น้าหนักและส่วนสงู ตามเกณฑ์
ตัวบง่ ชี้ที่ ๑.๒ มีสขุ ภาพอนามัย สุขนสิ ยั ทดี่ ี
ตัวบง่ ชี้ที่ ๑.๓ รกั ษาความปลอดภยั ของตนเองและผู้อ่ืน
มาตรฐานที่ ๒ กล้ามเนอื้ ใหญ่และกล้ามเนอื้ เลก็ แขง็ แรง ใช้ได้อย่างคลอ่ งแคลว่ ประสานสมั พนั ธ์กนั
ตัวบ่งชท้ี ่ี ๒.๑ เคลือ่ นไหวรา่ งกายอยา่ งคล่องแคล่ว ประสานสัมพันธแ์ ละทรงตวั ได้
ตวั บ่งชี้ที่ ๒.๒ ใชม้ ือ-ตาประสานสัมพันธก์ ัน
๒.พฒั นำกำรดำ้ นอำรมณ์ จติ ใจ ประกอบดว้ ย ๓ มำตรฐำน คือ
มาตรฐานที่ ๓ มสี ขุ ภาพจิตดแี ละมคี วามสุข
ตัวบ่งชท้ี ่ี ๓.๑ แสดงออกทางอารมณ์ได้อย่างเหมาะสม
ตวั บ่งชที้ ่ี ๓.๒ มคี วามรูส้ กึ ทดี่ ตี ่อตนเองและผู้อน่ื
มาตรฐานที่ ๔ ชนื่ ชมและแสดงออกทางศิลปะ ดนตรี และการเคลอื่ นไหว
ตัวบง่ ชี้ท่ี ๔.๑ สนใจ มคี วามสุขและแสดงออกผ่านงานศิลปะ ดนตรี และการเคล่ือนไหว
มาตรฐานที่ ๕ มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และมจี ติ ใจที่ดงี าม
ตวั บ่งชี้ท่ี ๕.๑ ซ่ือสัตย์สจุ รติ
ตัวบ่งชท้ี ่ี ๕.๒ มคี วามเมตตากรุณา มนี ้าใจและชว่ ยเหลือแบง่ ปนั
ตวั บง่ ชี้ท่ี ๕.๓ มคี วามเห็นอกเห็นใจผู้อืน่
ตัวบ่งชี้ท่ี ๕.๕ มคี วามรบั ผดิ ชอบ
๓.พัฒนำกำรด้ำนสงั คม ประกอบด้วย ๓ มำตรฐำนคือ
มาตรฐานท่ี ๖ มีทกั ษะชวี ิตและปฏบิ ตั ิตนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง
ตวั บ่งชี้ที่ ๖.๑ช่วยเหลอื ตนเองในการปฏิบตั ิกจิ วตั รประจาวนั
ตวั บ่งชท้ี ่ี ๖.๒ มวี นิ ยั ในตนเอง
ตวั บ่งชท้ี ่ี ๖.๓ ประหยดั และพอเพียง
มาตรฐานที่ ๗ รกั ธรรมชาติ สง่ิ แวดล้อม วัฒนธรรม และความเปน็ ไทย
ตัวบ่งชท้ี ่ี ๗.๑ ดูแลรกั ษาธรรมชาตแิ ละสงิ่ แวดล้อม
ตวั บง่ ช้ที ่ี ๗.๒ มีมารยาทตามวัฒนธรรมไทย และรักความเป็นไทย
มาตรฐานที่ ๘ อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุขและปฏิบัติตนเป็นสมาชิกที่ดีของสังคมในระบอบ
ประชาธิปไตย อันมพี ระมหากษัตริยท์ รงเป็นประมุข
ตัวบง่ ชท้ี ่ี ๘.๑ ยอมรับความเหมือนและความแตกต่างระหว่างบุคคล
ตัวบง่ ชี้ที่ ๘.๒ มีปฏิสมั พันธ์ท่ีดีกบั ผ้อู ่ืน
ตวั บ่งชท้ี ่ี ๘.๓ ปฏิบตั ิตนเบอื้ งต้นในการเปน็ สมาชกิ ท่ีดขี องสังคม
๔.พฒั นำกำรดำ้ นสติปญั ญำ ประกอบด้วย ๔ มำตรฐำนคือ
มาตรฐานท่ี ๙ ใช้ภาษาส่ือสารได้เหมาะสมกับวัย
ตวั บง่ ชี้ที่ ๙.๑ สนทนาโต้ตอบและเลา่ เร่อื งให้ผอู้ ื่นเข้าใจ
WATMUANG ๗
ตัวบง่ ช้ที ่ี ๙.๒ อ่าน เขียนภาพและสญั ลักษณไ์ ด้
มาตรฐานท่ี ๑๐ มคี วามสามารถในการคดิ ทเี่ ป็นพ้ืนฐานในการเรยี นรู้
ตัวบ่งชที้ ี่ ๑๐.๑ มีความสามารถในการคดิ รวบยอด
ตัวบง่ ชท้ี ่ี ๑๐.๒ มคี วามสามารถในการคดิ เชิงเหตผุ ล
ตวั บ่งชที้ ี่ ๑๐.๓ มีความสามารถในการคิดแก้ปญั หาและตัดสินใจ
มาตรฐานที่ ๑๑ มีจิตนาการและความคดิ สรา้ งสรรค์
ตัวบ่งชี้ท่ี ๑๑.๑ ทางานศิลปะตามจินตนาการและความคดิ สร้างสรรค์
ตัวบง่ ชี้ที่ ๑๑.๒ แสดงท่าทางเคลือ่ นไหวตามจินตนาการอย่างสรา้ งสรรค์
มาตรฐานท่ี ๑๒ มีเจตคติที่ดตี ่อการเรียนรแู้ ละมคี วามสามารถในการแสวงหาความรไู้ ด้เหมาะสมกับ
ตัวบง่ ชที้ ่ี ๑๒.๑ มเี จตคติทด่ี ีต่อการเรียนรู้
ตัวบ่งชท้ี ่ี ๑๒.๒ มคี วามสามารถในการแสวงหาความรู้
ตัวบง่ ชี้
ตัวบง่ ช้ีเป็นเปา้ หมายในการพัฒนาเดก็ ทม่ี คี วามสัมพนั ธ์สอดคล้องกับมาตรฐานคณุ ลักษณะท่ีพึงประสงค์
สภำพที่พึงประสงค์
สภาพท่ีพึงประสงค์เป็นพฤติกรรมหรือความสามารถตามวัยที่คาดหวังให้เกิดข้ึนกับเด็ก บนพ้ืนฐาน
พัฒนาการตามวัยหรือความสามารถตามธรรมชาติในแต่ละระดับอายุเพื่อนาไปใช้ในการกาหนดสาระเรียนรู้ใน
การจดั ประสบการณ์ กจิ กรรมและประเมินพฒั นาการเด็ก
ระยะเวลำเรียน
โรงเรียนวัดม่วง กาหนดกรอบโครงสร้างเวลาในการจัดประสบการณ์ให้กับเด็ก ๑ ปีการศึกษา
ปกี ารศึกษาละ ๒ ภาคเรียน โดยมเี วลาเรยี นสาหรบั เดก็ ปฐมวยั ไม่น้อยกวา่ ๑๘๐ วัน ต่อ ๑ ปกี ารศกึ ษา ในแตล่ ะ
วันจะใช้เวลาไม่น้อยกวา่ ๕ ชัว่ โมง โดยสามารถปรบั เปลีย่ นให้เหมาะสมตามบรบิ ทและสถานการณ์
โครงสรำ้ งของหลักสูตรกำรศกึ ษำปฐมวยั
เพ่อื ให้การจัดการศึกษาเป็นไปตามหลกั การ จุดหมายทีก่ าหนดไว้ใหส้ ถานศึกษา และผเู้ ก่ยี วขอ้ งกบั การเลยี้ ง
ดเู ด็กปฏิบัติ ในการจดั ทาหลกั สตู รสถานศกึ ษาจึงกาหนดโครงสรา้ งของหลักสูตรการศึกษาปฐมวยั ของ
โรงเรียนวดั ม่วง ดังน้ี
โครงสร้ำงของหลักสูตรกำรศึกษำปฐมวัย พุทธศกั รำช ๒๕๖๐
ชว่ งอำยุ อำยุ ๓ – ๖ ปี
สาระการเรยี นรู้ ประสบการณส์ าคัญ สาระทค่ี วรเรยี นรู้
- ด้านร่างกาย - เรอื่ งราวเกีย่ วกับตัวเด็ก
- ดา้ นอารมณ์ จติ ใจ - เร่ืองราวเก่ียวกับบุคคล
- ด้านสังคม และสถานที่แวดลอ้ มเด็ก
- ด้านสตปิ ญั ญา - ธรรมชาติรอบตวั
- สงิ่ ต่างๆรอบตัวเด็ก
WATMUANG ๘
โครงสร้ำงของหลกั สูตรกำรศึกษำปฐมวัย พุทธศักรำช ๒๕๖๐
จัดการศึกษา ๒ ภาคเรยี น : ๑ ปกี ารศึกษา
ระยะเวลาเรยี น ช้นั อนุบาลปีท่ี ๒ อายรุ ะหว่าง ๔-๕ ปี
ชน้ั อนุบาลปที ่ี ๓ อายรุ ะหวา่ ง ๕-๖ ปี
ไมน่ อ้ ยกวา่ ๑๘๐ วัน : ๑ ปี ใช้เวลา ๕-๖ ช่วั โมง : ๑ วนั
๒๕-๓๐ ช่วั โมง/สปั ดาห์
หมายเหตุ ๓-๔ ปี มีความสนใจ ๘ - ๑๒ นาที
๔-๕ ปี มคี วามสนใจ ๑๒ - ๑๕ นาที
๕-๖ ปี มีความสนใจ ๑๕ - ๒๐ นาที
* กจิ กรรมทตี่ ้องใช้ความคดิ ในกลุ่มเลก็ และกลุ่มใหญ่ ไม่ควรใชเ้ วลาตอ่ เน่อื งนานเกินกวา่ ๒๐ นาที
* กิจกรรมท่ีเด็กมีอิสระเลือกเลน่ เสรี เชน่ การเลน่ ตามมุม การเลน่ กลางแจ้ง ใช้เวลา ๔๐ – ๖๐ นาที
กจิ กรรมประจำวัน
ท่ี ชอ่ื วิชำ ชน้ั จำนวนช่ัวโมง /สัปดำห์
1 กิจกรรมเคลอื่ นไหวและจงั หวะ อนุบาล2 อนบุ าล3 2 ชั่วโมง 30 นาที
2 กิจกรรมเสริมประสบการณ์ อนุบาล2 อนบุ าล3 5 ชั่วโมง
3 กิจกรรมศลิ ปะสร้างสรรค์ อนุบาล2 อนบุ าล3 2 ชั่วโมง 30 นาที
4 กิจกรรมกลางแจง้ อนบุ าล2 อนบุ าล3 2 ชวั่ โมง 30 นาที
5 กิจกรรมเสรี อนุบาล2 อนุบาล3 5 ช่ัวโมง
6 กจิ กรรมเกมการศึกษา อนุบาล2 อนบุ าล3 5 ชัว่ โมง
25 ชัว่ โมง /สัปดำห์
รวม 1,000 ชม./ ปี
WATMUANG ๙
กำรวเิ ครำะห์ภำพทีพ่ ึงประสงค์ตำมมำตรฐำนคุณลกั ษณะที่พงึ ประสงค์
มำตรฐำนคณุ ลกั ษณะท่ีพึงประสงค์
๑.พฒั นำกำรด้ำนร่ำงกำย
มำตรฐำนท่ี ๑ ร่ำงกำยเจรญิ เติบโตตำมวยั เดก็ มสี ุขนสิ ัยทีด่ ี
ตวั บ่งช้ี สภำพที่พงึ ประสงค์
อำยุ ๔-๕ ปี อำยุ ๕-๖ ปี
๑.๑น้าหนกั และสว่ นสงู ตามเกณฑ์ ๑.๑.๑น้าหนักและส่วนสูงตาม ๑.๑.๑น้าหนักและส่วนสูงตาม
เกณฑข์ องกรมอนามัย เกณฑข์ องกรมอนามยั
๑.๒มสี ขุ ภาพอนามัยสุขนสิ ัยท่ีดี ๑.๒.๑รับประทานอาหารที่มี ๑.๒.๑รับประทานอาหารที่มี
ประโยชน์และดื่มน้าสะอาดด้วย ประโยชน์ได้หลายชนิดและดื่มน้า
ตนเอง สะอาดไดด้ ้วยตนเอง
๑.๒.๒ล้างมือก่อนรับประทาน ๑.๒.๒ล้างมือก่อนรับประทาน
อาหารและหลังจากใชห้ อ้ งน้าห้อง อาหารและหลังจากใช้ห้องน้าห้อง
สว้ มดว้ ยตนเอง สว้ มดว้ ยตนเอง
๑.๒.๓นอนพักผอ่ นเปน็ เวลา ๑.๒.๓นอนพกั ผ่อนเป็นเวลา
๑.๒.๔ออกกาลังกายเปน็ เวลา ๑.๒.๔ออกกาลังกายเป็นเวลา
๑.๓รักษาความปลอดภัยของตนเอง ๑.๓.๑เล่นและทากิจกรรมอย่าง ๑.๓.๑เล่นและทากิจกรรมและ
และผอู้ ื่น ปลอดภยั ด้วยตนเอง ปฏบิ ัตติ นต่อผูอ้ ืน่ อย่างปลอดภยั
มำตรฐำนที่ ๒ กลำ้ มเนื้อใหญ่และกลำ้ มเนือ้ เลก็ แข็งแรงใช้ได้อยำ่ งคล่องแคลว่
และประสำนสมั พนั ธก์ นั
ตัวบง่ ชี้ สภำพท่ีพงึ ประสงค์
อำยุ ๔-๕ ปี อำยุ ๕-๖ ปี
๒ . ๑ เ ค ลื่ อ น ไ ห ว ร่ า ง ก า ย อ ย่ า ง ๒.๑.๑เดินต่อเท้าไปข้างหน้าเป็น ๒.๑.๑ดินต่อเท้าถอนหลังเป็น
คล่องแคล่วประสานสัมพันธ์และทรง เสน้ ตรงไดโ้ ดยไม่ต้องกางแขน เสน้ ตรงไดโดยไม่ตอ้ งกางแขน
ตวั ได้ ๒.๑.๒กระโดดขาเดยี วอยู่กับท่ีได้ ๒.๑.๒กระโดดขาเดยี วไปขา้ งหน้า
โดยไม่เสียการทรงตัว ได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่เสียการ
ทรงตัว
๒.๑.๓วงิ่ หลบหลกี สง่ิ กดี ขวางได้ ๒.๑.๓วิ่งหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้
อยา่ งคล่องแคลว่
๒.๑.๔รับลูกบอลมือท้งั สองข้าง ๒.๑.๔รับลูกบอลท่ีกระดอนขึ้น
จากพน้ื ได้
๒.๒ใชม้ ือ–ตาประสานสมั พนั ธ์กัน ๒.๒.๑ใชก้ รรไกรตัดกระดาษตาม ๒.๒.๑ใช้กรรไกรตัดกระดาษตาม
แนวเสน้ ตรงได้ แนวเสน้ โค้งได้
WATMUANG ๑๐
ตัวบ่งช้ี สภำพท่ีพึงประสงค์
อำยุ ๔-๕ ปี อำยุ ๕-๖ ปี
๒.๒.๒เขียนรูปสี่เหล่ียมตามแบบ ๒.๒.๒เขียนรูปสามเหลี่ยมตาม
ไดอ้ ยา่ งมมี ุมชดั เจน แบบไดอ้ ยา่ งมีมุมชดั เจน
๒.๒.๓ร้อยวัสดุท่ีมีรูขนาดเส้น ๒.๒.๓ร้อยวัสดุท่ีมีรูขนาดเส้น
ผ่านศนู ย์กลาง ๐.๕ ซม.ได้ ผ่านศูนย์กลาง๐.๐๕ซม.ได้
๒.พัฒนำกำรดำ้ นอำรมณ์ จติ ใจ
มำตรฐำนท่ี ๓ มสี ุขภำพจติ ดแี ละมคี วำมสขุ
ตวั บง่ ชี้ สภำพท่ีพงึ ประสงค์
อำยุ ๔-๕ ปี อำยุ ๕-๖ ปี
๓.๑แสดงออกทางอารมณไ์ ด้อย่าง ๓.๑.๑แสดงอารมณ์ความรู้สึกได้ ๓.๑.๑แสดงอารมณ์ความรู้สึกได้
เหมาะสม ตามสถานการณ์ สอดคล้องกับสถานการณ์อย่าง
เหมาะสม
๓.๒มีความรูส้ ึกท่ีดตี ่อตนเองและ ๓.๒.๑กล้าพูดกล้าแสดงออกอย่าง ๓.๒.๑กล้าพูดกล้าแสดงออก
ผอู้ น่ื เหมาะสมกับบางสถานการณ์ อยา่ งเหมาะสมตามสถานการณ์
๓.๒.๒แสดงความพอใจในผลงาน ๓.๒.๒แสดงความพอใจในผลงาน
และความสามารถของตนเอง และความสามารถของตนเองและ
ผอู้ น่ื
มำตรฐำนท่ี ๔ ช่นื ชมและแสดงออกทำงศิลปะ ดนตรี และกำรเคลอื่ นไหว
ตวั บง่ ชี้ สภำพที่พึงประสงค์
อำยุ ๔-๕ ปี อำยุ ๕-๖ ปี
๔.๑สนใจ มีความสุข และแสดงออก ๔.๑.๑สนใจมีความสุขและ ๔ . ๑ . ๑ สนใ จ มี ค ว า มสุ ขและ
ผ่านงานศิลปะ ดนตรีและการ แสดงออกผา่ นงานศลิ ปะ แสดงออกผา่ นงานศิลปะ
เคลือ่ นไหว ๔.๑.๒สนใจมีความสุขและ ๔ . ๑ . ๒ สนใ จ มี ค ว า มสุ ขและ
แสดงออกผา่ นเสยี งเพลงดนตรี แสดงออกผา่ นเสียงเพลงดนตรี
๔.๑.๓สนใจมีความสุข และ ๔.๑.๓สนใจ มีความสุข และ
แ ส ด ง ท่ า ท า ง / เ ค ล่ื อ น ไ ห ว แสดงท่าทาง/เคล่อื นไหวประกอบ
ประกอบเพลง จงั หวะและดนตรี เพลง จังหวะและดนตรี
WATMUANG ๑๑
มำตรฐำนท่ี ๕ มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและมจี ิตใจท่ีดงี ำม
ตัวบ่งช้ี สภำพทีพ่ ึงประสงค์
อำยุ ๔-๕ ปี อำยุ ๕-๖ ปี
๕.๑ซ่ือสตั ยส์ ุจริต ๕.๑.๑ขออนุญาตหรือรอคอย ๕.๑.๑ขออนุญาตหรือรอคอยเม่ือ
เม่ือต้องการส่ิงของของผู้อ่ืนเม่ือ ต้องการสิ่งของของผู้อ่ืนด้วย
มีผชู้ แี้ นะ ตนเอง
๕.๒มีความเมตตา กรุณา ๕.๒.๑แสดงความรักเพ่ือนและ ๕.๒.๑แสดงความรักเพื่อนและ
มีน้าใจและชว่ ยเหลอื แบ่งปัน
เมตตาสตั วเ์ ล้ียง เมตตาสตั ว์เล้ียง
๕.๒.๒ชว่ ยเหลือและแบ่งปันผู้อืน่ ๕.๒.๒ชว่ ยเหลือและแบ่งปันผู้อ่นื
ไดเ้ ม่ือมีผู้ช้ีแนะ ไดด้ ว้ ยตนเอง
๕.๓มคี วามเห็นอกเห็นใจผ้อู ื่น ๕.๓.๑แสดงสหี น้าหรอื ทา่ ทาง ๕.๓.๑แสดงสีหนา้ และทา่ ทาง
๕.๔มคี วามรับผิดชอบ รบั ร้คู วามรูส้ กึ ผอู้ ืน่ รบั รูค้ วามรู้สึกผูอ้ ื่นอยา่ ง
สอดคล้องกับสถานการณ์
๕.๔.๑ทางานทีไ่ ด้รับมอบหมาย ๕.๔.๑ทางานท่ีได้รับมอบหมาย
จนสาเรจ็ เม่อื มีผ้ชู ้ีแนะ สาเร็จดว้ ยตนเอง
๓.พัฒนำกำรดำ้ นสงั คม
มำตรฐำนท่ี ๖ มีทกั ษะชีวิตและปฏบิ ตั ติ นตำมหลกั ปรัชญำของเศรษฐกจิ พอเพียง
ตัวบง่ ชี้ สภำพที่พงึ ประสงค์
อำยุ ๔-๕ ปี อำยุ ๕-๖ ปี
๖.๑ช่วยเหลือตนเองในการปฏิบตั ิ ๖.๑.๑แตง่ ตัวดว้ ยตนเอง ๖.๑.๑แต่งตัวด้วยตนเองได้อย่าง
กิจวตั รประจาวัน
คลอ่ งแคล่ว
๖.๒มีวนิ ยั ในตนเอง
๖.๑.๒รับประทานอาหารด้วย ๖.๑.๒รับประทานอาหารด้วย
ตนเอง ตนเองอย่างถกู วธิ ี
๖.๑.๓ใช้ห้องน้าห้องส้วมด้วย ๖.๑.๓ใช้และทาความสะอาดหลงั
ตนเอง ใชห้ ้องน้าห้องส้วมดว้ ยตนเอง
๖.๒.๑เก็บของเล่นของใช้เข้าที่ ๖.๒.๑เก็บของเล่นของใช้เข้าที่
ด้วยตนเอง อย่างเรยี บร้อยด้วยตนเอง
๖.๒.๒เข้าแถวตามลาดับก่อนหลัง ๖.๒.๒เข้าแถวตามลาดับก่อนหลัง
ไดด้ ว้ ยตนเอง ไดด้ ว้ ยตนเอง
WATMUANG ๑๒
ตัวบ่งช้ี สภำพที่พึงประสงค์
อำยุ ๔-๕ ปี อำยุ ๕-๖ ปี
๖.๓ประหยดั และพอเพียง ๖.๓.๑ใช้สง่ิ ของเคร่ืองใช้อย่าง ๖.๓.๑ใชส้ งิ่ ของเครื่องใช้อย่าง
ประหยัดและพอเพียงเม่อื ผู้ชี้แนะ ประหยดั และพอเพียงดว้ ยตนเอง
มำตรฐำนท่ี ๗ รกั ธรรมชำติ สิง่ แวดล้อม วฒั นธรรม และควำมเป็นไทย
ตัวบ่งชี้ สภำพท่ีพึงประสงค์
อำยุ ๔-๕ ปี อำยุ ๕-๖ ปี
๗.๑ดูแลรกั ษาธรรมชาติและ ๗.๑.๑มีส่วนร่วมดูแลรักษา ๗.๑.๑ดูแลรักษาธรรมชาติและ
สิ่งแวดล้อม ธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมเม่ือมีผู้ สง่ิ แวดลอ้ มด้วยตนเอง
ชี้แนะ
๗.๑.๒ทงิ้ ขยะไดถ้ กู ที่ ๗.๑.๒ท้ิงขยะไดถ้ กู ที่
๗.๒มมี ารยาทตามวัฒนธรรมไทย ๗.๒.๑ปฏิบัตติ นตามมารยาทไทย ๗.๒.๑ปฏิบตั ิตนตามมารยาทไทย
และรักความเปน็ ไทย ได้ดว้ ยตนเอง
๗.๒.๒กล่าวคาขอบคุณและขอ ๗.๒.๒กล่าวคาขอบคุณและขอ
โทษดว้ ยตนเอง โทษดว้ ยตนเอง
๗.๒.๓ยืนตรงเมื่อได้ยินเพลงชาติ ๗.๒.๓ยืนตรงและร่วมร้องเพลง
ไทยและเพลงสรรเสริญพระ ชาติไทยและเพลงสรรเสริญพระ
บารมี บารมี
มำตรฐำนท่ี ๘ อยู่ร่วมกับผู้อ่ืนได้อย่ำงมีควำมสุขและปฏิบัติตนเป็นสมำชิกที่ดีของสังคมในระบอบ
ประชำธปิ ไตยอนั มพี ระมหำกษัตรยิ ์ทรงเปน็ ประมุข
ตวั บง่ ช้ี สภำพท่พี งึ ประสงค์
อำยุ ๔-๕ ปี อำยุ ๕-๖ ปี
๘.๑ยอมรบั ความเหมอื นและความ ๘.๑.๑เล่นและทากิจกรรมร่วมกับเด็ก ๘.๑.๑เล่นและทากิจกรรมร่วมกับเด็ก
แตกต่างระหวา่ งบุคคล ที่แตกต่างไปจากตน ทแี่ ตกตา่ งไปจากตน
๘.๒มปี ฏสิ มั พันธท์ ด่ี ีกบั ผู้อ่ืน ๘.๒.๑เล่นหรือทางานร่วมกับเพ่ือน ๘.๒.๑เล่นหรือทางานร่วมมอื กับเพ่ือน
เปน็ กลุม่ อย่างมีเป้าหมาย
๘.๒.๒ยิม้ ทักทายหรือพูดคุยกับผใู้ หญ่ ๘.๒.๒ยิม้ ทักทายและพูดคยุ กับผใู้ หญ่
และบุคคลทคี่ นุ้ เคยได้ดว้ ยตนเอง และบุคคลท่ีคุ้นเคยได้เหมาะสมกับ
สถานการณ์
๘.๓ปฏบิ ัตติ นเบอ้ื งตน้ ในการเป็นสมาชกิ ที่ ๘.๓.๑มีส่วนร่วมสร้างข้อตกลงและ ๘.๓.๑มีส่วนร่วมสร้างข้อตกลงและ
ดขี องสงั คม ปฏบิ ัติตามข้อตกลงเม่ือมีผู้ชี้แนะ ปฏิบัติตามข้อตกลงด้วยตนเอง
๘.๓.๒ปฏิบัติตนเป็นผู้นาและผู้ตามได้ ๘.๓.๒ปฏิบัติตนเป็นผู้นาและผู้ตามได้
ด้วยตนเอง เหมาะสมกับสถานการณ์
WATMUANG ๑๓
ตัวบ่งชี้ สภำพที่พึงประสงค์
อำยุ ๔-๕ ปี อำยุ ๕-๖ ปี
๘.๓.๓ประนีประนอมแก้ไขปัญหาโดย ๘.๓.๓ประนีประนอมแก้ไขปัญหาโดย
ปราศจากการใช้ความรุนแรงเมื่อมีผู้ ปราศจากความรนุ แรงด้วยตนเอง
ชี้แนะ
-คิดแยกแยะระหว่างผลประโยชนส์ ว่ น -คิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์
ตน กบั ผลประโยชน์ส่วนรวมความอาย สว่ นตน กบั ผลประโยชนส์ ว่ นรวม
แ ล ะ ค ว า ม ไ ม่ ท น ต่ อ ก า ร ทุ จ ริ ต ความอายและความไม่ทนต่อการ
STRONG : จิตพอเพียงต้านทุจริตและ ทจุ รติ STRONG : จิตพอเพียงต้าน
ผลเมอื งกบั ความรบั ผดิ ชอบ ทจุ รติ และพลเมอื ง กบั ความ
รบั ผดิ ชอบต่อสงั คม
๔.พฒั นำกำรดำ้ นสตปิ ญั ญำ
มำตรฐำนที่ ๙ ใช้ภำษำสอ่ื สำรได้เหมำะสมกบั วยั
ตัวบ่งชี้ สภำพท่ีพึงประสงค์
อำยุ ๔-๕ ปี อำยุ ๕-๖ ปี
๙.๑สนทนาโต้ตอบและเล่าเรื่องให้ผู้อ่นื ๙.๑.๑ฟังผู้อื่นพูดจนจบและสนทนา ๙.๑.๑ฟังผู้อ่ืนพูดจนจบและสนทนา
เข้าใจ
โต้ตอบสอดคลอ้ งกับเรอ่ื งท่ฟี ัง โต้ตอบอย่างต่อเน่ืองเช่ือมโยงกับเรื่อง
ท่ีฟัง
๙.๑.๒เล่าเรื่องเป็นประโยคอย่าง ๙.๑.๒เล่าเป็นเรื่องราวตอ่ เนอ่ื งได้
ตอ่ เนื่อง
๙.๒อา่ น เขยี นภาพ และสญั ลักษณไ์ ด้ ๙.๒.๑อ่านภาพสัญลักษณ์ คาพร้อม ๙.๒.๑อ่านภาพสญั ลกั ษณ์ คาด้วยการ
ท้ังชี้หรือกวาดตามองข้อความตาม ชี้หรือกวาดตามองจุดเร่ิมต้นและจุด
บรรทัด จบของข้อความ
๙.๒.๒เขียนคล้ายตวั อกั ษร ๙.๒.๒เขียนชื่อของตนเองตามแบบ
เขียนขอ้ ความดว้ ยวิธีทีค่ ดิ ขึ้นเอง
มำตรฐำนท่ี ๑๐ มคี วำมสำมรถในกำรคดิ ท่ีเปน็ พืน้ ฐำนในกำรเรยี นรู้
ตัวบ่งช้ี สภำพทีพ่ ึงประสงค์
อำยุ ๔-๕ ปี อำยุ ๕-๖ ปี
๑๐.๑มคี วามสามารถในการคิดรวบยอด ๑ ๐ . ๑ . ๑ บ อ ก ลั ก ษ ณ ะ แ ล ะ ๑๐.๑.๑บอกลักษณะส่วนประกอบ
ส่วนประกอบของส่ิงต่างๆจากการ การเปล่ียนแปลงหรือความสัมพันธ์
สังเกตโดยใช้ประสาทสมั ผสั ของส่ิงต่างๆจากการสังเกตโดยใช้
ประสาทสมั ผสั
๑๐.๑.๒จับคู่และเปรียบเทียบความ ๑๐.๑.๒จับคู่และเปรียบเทียบความ
แตกตา่ งหรอื ความเหมอื นของสิ่งต่างๆ แตกต่างและความเหมอื นของส่ิงตา่ งๆ
โดยใช้ลักษณะท่ีสังเกตพบเพียง โ ด ย ใช้ ลั กษณ ะ ท่ีสั งเ กต พบ ส อง
ลกั ษณะเดยี ว ลกั ษณะขึ้นไป
WATMUANG ๑๔
ตัวบง่ ชี้ สภำพทพ่ี ึงประสงค์
๑๐.๒มีความสามารถในการคดิ เชงิ เหตผุ ล อำยุ ๔-๕ ปี อำยุ ๕-๖ ปี
๑๐.๓มคี วามสามารถในการคดิ แกป้ ญั หา ๑๐.๑.๓จาแนกและจัดกลุ่มว่ิงต่างๆ ๑๐.๑.๓จาแนกและจัดกลุ่มสิ่งต่างๆ
และตดั สินใจ โดยใช้อย่างน้อยหนึ่งลักษณะเป็น โดยใช้ต้ังแต่สองลักษณะขึ้นไปเป็น
เกณฑ์ เกณฑ์
๑๐.๑.๔ เรียงลาดับส่ิงของหรือ ๑ ๐ . ๑ . ๔ เ รีย งลา ดั บส่ิ งของและ
เหตุการณ์อย่างน้อง๔ลาดบั เหตุการณ์อย่างน้อง๕ลาดบั
๑๐.๒.๑ระบสุ าเหตุหรือผลทเ่ี กดิ ขน้ึ ใน ๑๐.๒.๑อธิบายเช่ือมโยงสาเหตุและ
เหตุการณห์ รือการกระทาเม่อื มีผู้ ผลทีเ่ กดิ ข้นึ ในเหตกุ ารณห์ รือการ
ชแ้ี นะ กระทาด้วยตนเอง
๑๐.๒.๒คาดเดา หรอื คาดคะเนสง่ิ ท่ี ๑๐.๒.๒คาดคะเนส่ิงทีอ่ าจจะเกดิ ข้ึน
อาจจะเกดิ ขึน้ หรือมสี ่วนรว่ มในการลง และมสี ่วนรว่ มในการลงความเหน็ จาก
ความเห็นจากข้อมลู ขอ้ มูลอยา่ งมเี หตผุ ล
๑๐.๓.๑ตดั สนิ ใจในเรือ่ งงา่ ยๆและเริ่ม ๑๐.๓.๑ตัดสินใจในเรอื่ งง่ายๆและ
เรยี นรผู้ ลที่เกิดขึน้ ยอมรบั ผลท่ีเกดิ ขึ้น
๑๐.๓.๒ระบปุ ญั หาและแกป้ ญั หาโดย ๑๐.๓.๒ระบปุ ญั หาสร้างทางเลือกและ
ลองผดิ ลองถูก เลือกวธิ แี กป้ ญั หา
มำตรฐำนที่ ๑๑ มีจนิ ตนำกำรและควำมคดิ สรำ้ งสรรค์
ตัวบ่งช้ี สภำพที่พงึ ประสงค์
อำยุ ๔-๕ ปี อำยุ ๕-๖ ปี
๑๑.๑ทางานศิลปะตามจินตนาการ ๑๑.๑.๑สรา้ งผลงานศลิ ปะเพื่อ ๑๑.๑.๑สรา้ งผลงานศิลปะเพื่อ
และความคิดสร้างสรรค์ สอ่ื สารความคดิ ความรสู้ ึกของ สอื่ สารความคิดความรสู้ กึ ของ
ตนเองโดยมีการดดั แปลงและ ตนเองโดยมีการดดั แปลงแปลก
แปลกใหม่จากเดิมหรือมี ใหมจ่ ากเดิมและมีรายละเอยี ด
รายละเอยี ดเพิ่มขน้ึ เพิ่มขึน้
๑๑.๒แสดงท่าทาง/เคล่ือนไหวตาม ๑๑.๒.๑เคล่ือนไหวท่าทางเพ่ือ ๑๑.๒.๑เคล่อื นไหวท่าทางเพ่ือส่อื
จนิ ตนาการอยา่ งสร้างสรรค์ ส่ือสารความคิดความรสู้ กึ ของ สสารความคดิ ความรูส้ ึกของ
ตนเองอย่างหลากหลายหรือ ตนเองอย่างหลากหลายและ
แปลกใหม่ แปลกใหม่
WATMUANG ๑๕
มำตรฐำนที่ ๑๒ มเี จตคติท่ีดีต่อกำรเรียนรู้ และมคี วำมสำมำรถในกำรแสวงหำควำมรู้ได้เหมำะสมกับวัย
ตวั บง่ ช้ี สภำพทพ่ี ึงประสงค์
อำยุ ๔-๕ ปี อำยุ ๕-๖ ปี
๑๒.๑มเี จตคตทิ ด่ี ตี อ่ การเรยี นรู้ ๑ ๒ . ๑ . ๑ ส น ใ จ ซั ก ถ า ม เ กี่ ย ว กั บ ๑๒.๑.๑สนใจหยิบหนังสือมาอ่านและ
สญั ลักษณ์หรือตัวหนงั สอื ทพี่ บเห็น เขียนส่ือความคิดด้วยตนเองเป็น
ประจาอย่างตอ่ เน่อื ง
๑๒.๑.๒กระตือรือร้นในการเข้าร่วม ๑๒.๑.๒กระตือรือร้นในการร่วม
กิจกรรม กิจกรรมตงั้ แต่ตนจนจบ
๑๒.๒มคี วามสามารถในการแสวงหา ๑๒.๒.๑ค้นหาคาตอบของข้อสงสัย ๑๒.๒.๑ค้นหาคาตอบของข้อสงสัย
ความรู้
ตา่ งๆตมวิธีการของตนเอง ต่างๆโดยใช้วิธีการท่ีหลากหลายด้วย
ตนเอง
๑๒.๒.๒ใชป้ ระโยคคาถามว่า “ท่ีไหน” ๑ ๒ . ๒ . ๒ ใ ช้ ป ร ะ โ ย ค ค า ถ า ม ว่ า
“ทาไม” ในการค้นหาคาตอบ “เม่ือไหร่” “อย่างไร” ในการค้นหา
คาตอบ
WATMUANG ๑๖
สำระกำรเรยี นรูร้ ำยปี
WATMUANG ๑๗
ตำรำงวิเครำะห์สำระกำรเรียนรูร้ ำยปี ช่วง 4-5 ปี
1.พัฒนำกำรดำ้ นร่ำงกำย
มำตรฐำนท่ี 1 รำ่ งกำยเจรญิ เตบิ โตตำมวัย และมีสุขนิสยั ทดี่ ี
ตวั บง่ ช้ี สภำพท่พี งึ ประสงค์ สำระกำรเรยี นรู้
ช้นั อนบุ ำลปที ่ี 2 (3-4 ปี ) ประสบกำรณส์ ำคัญ สำระที่ควรเรยี นรู้
๑.๑ มนี า้ หนกั และ - น้าหนักและสว่ นสูงตาม เกณฑ์ ๑.การปฏิบัตตนตาม สุขอนามัย ๑. การปฏิบัติกิจวตั รประจาวนั
ส่วนสงู ตามเกณฑ์ ของกรมอนามัย สขุ นิสยั ทด่ี ใี น กจิ วัตรประจาวัน - การเปลย่ี นแปลงของรา่ งกาย
๑ . ๒ มี สุ ข ภ า พ - รบั ประทานอาหารที่มี ๑.การปฏบิ ัตติ นตาม สง่ิ ต่างๆรอบตัว
อนามยั สขุ นิสยั ที่ดี ประโยชน์และดม่ื นา้ สะอาด สขุ อนามัย สขุ นสิ ัยที่ดใี น ๑. การปฏิบัตกิ จิ วัตรประจาวนั
ดว้ ยตนเอง กิจวตั รประจาวนั - สุ ข นิ สั ย ที่ ดี ใ น ก า ร
๒. การประกอบอาหารไทย รับประทาน
อาหาร
- ล้างมือก่อนรับประทานอาหาร ๑.การปฏิบัติตนตาม ๑. การปฏิบตั ิกจิ วัตรประจาวนั
และหลังจากใช้ห้องน้า ห้องส้วม สขุ อนามัย สขุ นิสัยที่ดใี น - การทาความสะอาดร่างกาย
ดว้ ยตนเอง กิจวัตรประจาวัน
๒. การช่วยเหลือตนเองในการ
ปฏิบัติกิจกวตั รประจาวนั
๓. การปฏิบตั ิตนให้ปลอดภยั
ในกจิ วตั รประจาวัน
๔. การฟงั นทิ าน เรือ่ งราว
เหตุการณเ์ ก่ียวกบั การปอู งกัน
และรักษาความปลอดภยั
-ล้างหนา้ และแปรงฟันถกู วธิ ี ๑.การปฏบิ ัตติ นตาม ๑. การปฏิบตั ิกจิ วตั รประจาวนั
หลังรบั ประทานอาหาร สขุ อนามัย สุขนิสัยทด่ี ใี น - การทาความสะอาดร่างกาย
กจิ วตั รประจาวนั
๒. การช่วยเหลือตนเองในการ
ปฏิบัติกจิ วตั รประจาวัน
๓. การปฏิบตั ิตนให้ปลอดภยั
ในกจิ วตั รประจาวนั
๔ . ก า ร ฟั ง นิ ท า น เ รื่ อ ง ร า ว
เหตกุ ารณเ์ ก่ยี วกบั การป้องกัน
และรกั ษาความปลอดภยั
- นอนพักผอ่ นเปน็ เวลา - การปฏิบัตติ นตามสุขอนามัย - การพกั ผ่อน
สขุ นิสัยทีด่ ีในกจิ วัตรประจาวนั
-ออกกาลังกายเป็นเวลา ๑. การเลน่ อสิ ระ - การออกกาลงั กาย
๒. การเคลอ่ื นไหวขา้ มสิง่ กดี - การเลน่ ในหอ้ งเรียนและนอก
ขวาง หอ้ งเรียน
๓. การเล่นเครื่องเลน่ อย่าง
ปลอดภยั
๔. การละเล่นพ้ืนบ้านไทย
๕. การเล่นนอกหอ้ งเรยี น
๖. การเลน่ เคร่อื งเล่นสนาม
WATMUANG ๑๘
ตวั บ่งชี้ สภำพที่พงึ ประสงค์ สำระกำรเรียนรู้
ชัน้ อนุบำลปที ี่ 2 (3-4 ปี )
ประสบกำรณส์ ำคญั สำระทค่ี วรเรยี นรู้
อย่างอสิ ระ
๑.๓ รกั ษาความ -เล่นและทากิจกรรมอย่าง ๑.การปฏบิ ัตติ นใหป้ ลอดภยั
ป ล อ ด ภั ย ข อ ง ปลอดภยั ดว้ ยตนเอง
ตนเองและผอู้ ื่น ใน กจิ วัตรประจาวนั
๒ . ก า ร ฟั ง นิ ท า น เ ร่ื อ ง ร า ว
เหตุการณ์เกยี่ วกบั การปูองกนั
และรกั ษาความปลอดภัย
๓. การเลน่ บทบาทสมมุติ
เหตุการณ์ต่างๆ
๔ . ก า ร พู ด กั บ ผู้ อ่ื น เ ก่ี ย ว กั บ
ประสบการณ์ของตนเองหรือพูด
เร่อื งราวเกยี่ วกบั ตนเอง
๕ . กา ร เ ล่ นเค ร่ืองเ ล่นอย่าง
ปลอดภัย
๖. การเลน่ และทางานร่วมกับผ้อู ืน่
มำตรฐำนท่ี 2 กลำ้ มเน้อื ใหญ่และกลำ้ มเล็กแข็งแรงใชไ้ ดอ้ ย่ำงคล่องแคลว่ และประสำนสัมพันธก์ นั
๒.พัฒนำกำรดำ้ นอำรมณ์ จิตใจ
มำตรฐำนท่ี ๓ มสี ุขภำพจติ ดีและมคี วำมสุข
ตัวบ่งชี้ สภำพทพี่ ึงประสงค์ สำระกำรเรยี นรู้
ชั้นอนบุ ำลปที ่ี 2 (3-4 ปี ) ประสบกำรณส์ ำคญั สำระที่ควรเรียนรู้
๓.๑ แสดงออก - แสดงอารมณ์ ความรสู้ ึกได้ ๑. การพดู สะท้อนความร้สู ึก ๑. อารมณแ์ ละความรสู้ ึก
ทางอารมณ์ ตามสถานการณ์ ของตนเองและผ้อู ืน่ - การแสดงออกทางอารมณ์ท่ี
อย่างเหมาะสม ๒. การเล่นบทบาทสมมตุ ิ เหมาะสมกับสถานการณ์ต่าง
๓. การเคลอื่ นไหวตาม ๆ
เสียงเพลง ดนตรี - ความตอ้ งการทาง
๔. การร้องเพลง รา่ งกายและการตอบสนอง
๕. การทางานศลิ ปะ - ความต้องการทางจิตใจและ
การตอบสนอง
๓.๒ มีความรู้สึกที่ - กล้าพูดกล้าแสดงออกอย่าง - การพูดแสดงความ
ดีต่อตนเองและ เหมาะสมบางสถานการณ์ คิดเหน็
ผอู้ ่นื - แสดงความพอใจในผลงาน - การประสบความสาเร็จใน
และความสามารถของตนเอง สงิ่ ตา่ งๆ ที่ทา
WATMUANG ๑๙
ตัวบง่ ช้ี สภำพที่พึงประสงค์ สำระกำรเรียน
๒.๑ เคล่ือนไหว ชน้ั อนบุ ำลปีท่ี 2 (3-4 ปี )
ร่ า ง ก า ย อ ย่ า ง - เดนิ ตอ่ เทา้ ไปข้างหนา้ เปน็ ประสบกำรณส์ ำคัญ สำระท่คี วรเรยี นรู้
ค ล่ อ ง แ ค ล่ ว เส้นตรงไดโ้ ดยไมต่ ้องกางแขน
ประสานสัมพันธ์ - กระโดดขาเดียวอย่กู บั ทไ่ี ดโ้ ดย ๑. การเคลื่อนไหวอยู่กับที่ ๑. การเคลือ่ นไหวร่างกายใน
และทรงตัวได้ ไม่เสียการทรงตวั
- วิง่ หลบหลีกส่ิงกดี ขวางได้ ๒. การเคลื่อนไหวเคล่อื นที่ ลักษณะตา่ ง ๆ
๒ .๒ ใช้ มอื -ต า - โยนรับลูกบอลได้ด้วยมือทัง้
ป ร ะสานสัมพันธ์ สองข้าง ๓. การเคลื่อนไหวพรอ้ ม ๒. การใช้มอื ทาสิง่ ตา่ ง ๆ
กนั
- ใชก้ รรไกรตดั กระดาษตาม อปุ กรณ์
แนวเส้นตรงได้
- เขียนรปู สีเ่ หลี่ยมตามแบบได้ ๔. การเคลือ่ นไหวทใี่ ช้การ
อย่างมมี ุมชัดเจน
- ร้อยวัสดุทีม่ รี ูขนาดเสน้ ผา่ น ประสานสมั พันธ์ของกล้ามเนื้อ
ศูนย์ กลาง ๐.๕ ซม.ได้
ใหญ่ในการขว้าง การจบั การโยน
การเตะ
๕. การเลน่ เครื่องเลน่ สนามอยา่ ง
อสิ ระ
๖. การเคลอ่ื นไหวข้ามสิง่ กดี ขวาง
๗. การเคลอ่ื นไหวโดยควบคมุ
ตนเองไปในทศิ ทางระดับและพ้ืนท่ี
๑. การเล่นเครอ่ื งเล่นสมั ผัส - การใช้มอื ทาสิ่งต่าง ๆ
และการสรา้ งสงิ่ ต่างๆ จาก
แทง่ ไมบ้ ลอ็ ก
๒.การเขียนภาพและการเล่น
กับสี
๓. การประดษิ ฐส์ ง่ิ ต่างๆ ด้วย
เศษวสั ดุ
๔. การหยบิ จับ การใช้กรรไกร
การฉีก การตดั การปะ การ
ร้อยวสั ดุ
WATMUANG ๒๐
มำตรฐำนที่ 4 ชนื่ ชมและแสดงออกทำงศลิ ปะ ดนตรี และกำรเคลือ่ นไหว
ตวั บง่ ชี้ สภำพที่พึงประสงค์ สำระกำรเรยี นรู้
ช้ันอนบุ ำลปีท่ี 2 (3-4 ปี )
ประสบกำรณส์ ำคัญ สำระที่ควรเรยี นรู้
๔.๑ สนใจและมี - สนใจและมคี วามสุขและ
ค ว า ม สุ ข แ ล ะ แสดงออกผา่ นงานศิลปะ ๑. การทากิจกรรมศลิ ปะตา่ งๆ - การทากิจกรรมศลิ ปะ
แสดงออกผา่ นงาน
ศิลปะ ดนตรีและ ๒. การสร้างสรรคส์ ิ่งสวยงาม สรา้ งสรรค์
การเคล่อื นไหว
๓. การรบั ร้แู ละแสดงความคดิ
- สนใจ มคี วามสขุ และ
แสดงออกผา่ นเสียงเพลง ความรสู้ กึ ผา่ นส่ือ วสั ดุ ของ
ดนตรี
เล่น และชิน้ งาน
- สนใจ มีความสขุ และแสดง
ทา่ ทาง/เคลอ่ื นไหวประกอบ ๔. การปฏบิ ัตกิ ิจกรรมต่างๆ
เพลง จังหวะและ ดนตรี
ตามความสามารถขอตนเอง
๑. การฟังเพลง การร้องเพลงและ - การฟัง การร้องเพลง
ก า ร แ ส ด ง ป ฏิ กิ ริ ย า โ ต้ ต อ บ
เสียงดนตรี
๒. การเลน่ เครอ่ื งดนตรี
ประกอบจังหวะ
๔. การปฏิบตั ิกจิ กรรมต่างๆ
ตามความสามารถขอตนเอง
๑. การฟังเพลง การร้องเพลงและ - การแสดงทา่ ทาง
ก า ร แ ส ด ง ป ฏิ กิ ริ ย า โ ต้ ต อ บ เคลอ่ื นไหวประกอบเพลง
เสียงดนตรี จังหวะและดนตรี
๒. การเคลอื่ นไหวตาม
เสียงเพลง ดนตรี
๔. การปฏิบตั ิกจิ กรรมต่างๆ
ตามความสามารถของตนเอง
๕. การเล่นเครอ่ื งดนตรี
ประกอบจงั หวะ
WATMUANG ๒๑
มำตรฐำนที่ 5 มีคุณธรรม จรยิ ธรรมและมีจิตใจที่ดีงำม
ตวั บง่ ชี้ สภำพที่พงึ ประสงค์ สำระกำรเรียนรู้
๕.๑ ซ่อื สตั ย์ ช้ันอนบุ ำลปที ี่ 2 (3-4 ปี ) ประสบกำรณส์ ำคญั สำระท่คี วรเรียนรู้
สุจรติ
- ขออนุญาตหรอื รอคอยเมื่อ ๑. ปฏบิ ัตติ นเป็นสมาชกิ ทด่ี ี สง่ิ ตา่ งๆรอบตัวเดก็
ต้องการส่ิงของของผอู้ ่ืนเม่ือมี
ผ้ชู ้ีแนะ ของห้องเรยี น ๑. คุณธรรมจริยธรรม
๒. การฟงั นทิ านเก่ียวกบั - ความซ่ือสตั ย์ สุจรติ
คุณธรรม จรยิ ธรรม - ความเกรงใจ
๓. การร่วมสนทนาและ ๒. การเคารพสทิ ธิของ
แลกเปลยี่ นความคดิ เหน็ เชิง ตนเองและผูอ้ น่ื
จริยธรรม
๔. เลน่ บทบาทสมมตุ ิ
๕. การเล่นและทางานรว่ มกับผู้อน่ื
๖. การปฏิบัติตนตามหลัก
ศาสนาที่นบั ถือ
๕.๒ มีความเมตตา - แสดงความรกั เพื่อนและมี ๑. การฟังนทิ านเก่ยี วกับ ๑. คุณธรรมจรยิ ธรรม
กรุณามีน้าใจและ เมตตาสตั วเ์ ลี้ยง
ช่วยเหลอื แบง่ ปัน คุณธรรม จรยิ ธรรม - ความเมตตากรณุ า
- ชว่ ยเหลอื และแบง่ ปนั ผู้อ่ืน ๒. เล่นบทบาทสมมตุ ิ
ไดเ้ มื่อมีผู้ชี้แนะ
๓. การเลี้ยงสตั ว์
๑. การฟังนิทานเกย่ี วกบั ๑. คุณธรรมจริยธรรม
คุณธรรม จรยิ ธรรม - ความมนี า้ ใจ ชว่ ยเหลือ
๒. เลน่ บทบาทสมมุติ แบ่งปัน
1.การฟงั นทิ านเกยี่ วกบั ๑. คุณธรรมจริยธรรม
คณุ ธรรม จรยิ ธรรม - ความมีน้าใจ ช่วยเหลอื
๒. เลน่ บทบาทสมมตุ ิ แบ่งปัน
๓. ปฏิบัตติ นเปน็ สมาชิกทดี่ ี - ความกตญั ญู
ของห้องเรยี น
๔. การเลน่ รายบุคคล กล่มุ
ยอ่ ย และกล่มุ ใหญ่
๕. การเล่นตามมมุ
ประสบการณ์/มมุ เล่นต่างๆ
WATMUANG ๒๒
3.พัฒนำกำรด้ำนสงั คม
มำตรฐำนที่ 6 มที ักษะชีวติ และปฏิบตั ิตนตำมหลักปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพียง
ตวั บง่ ชี้ สภำพท่ีพึงประสงค์ สำระกำรเรียนรู้
ชน้ั อนบุ ำลปที ่ี 2 (3-4 ปี ) ประสบกำรณส์ ำคญั สำระทคี่ วรเรยี นรู้
๖ . ๑ ช่ วย เ ห ลื อ - แต่งตวั ด้วยตนเอง ๑. การช่วยเหลือตนเองใน ๑. การช่วยเหลอื ตนเอง
ต น เ อ ง ใ น ก า ร - รบั ประทานอาหารด้วยตนเอง กจิ วัตรประจาวัน ๒. มารยาทในการ
ป ฏิ บั ติ กิ จ วั ต ร - ใชห้ ้องน้าห้องส้วมดว้ ย ๒. การใหค้ วามร่วมมอื ในการ รับประทานอาหาร
ประจาวัน ตนเอง ปฏิบตั ิกจิ กรรมต่างๆ
๓. การปฏิบัตกิ จิ กรรมตา่ งๆ
ตามความสามารถของตนเอง
๖.๒ มีวนิ ยั ในตน - เกบ็ ของเลน่ ของใช้เข้าท่ีด้วย ๑. การร่วมกาหนดข้อตกลง ๑. การเล่นและการเก็บ
อง ของหอ้ งเรยี น สิ่งของ
ตนเอง ๒. การปฏิบตั ติ นเปน็ สมาชกิ
- เข้าแถวตามลาดบั กอ่ นหลัง ทดี่ ขี องห้องเรยี น ๑. การรอคอยตามลาดบั
๓. การให้ความร่วมมอื ในการ ก่อนหลงั
ได้ดว้ ยตนเอง ปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ
๔. การดแู ลหอ้ งเรยี นรว่ มกนั ๒. การเขา้ แถว
๖.๓ ประหยดั และ - ใชส้ ิง่ ของเคร่ืองใชอ้ ย่าง ๑. การปฏิบัตติ นตามแนวทาง ๑. การเลือกใช้สง่ิ ของ
พอเพียง ประหยัดและพอเพียงเมือ่ มผี ู้ หลักปรัชญาของเศรษฐกจิ เครื่องใชอ้ ย่างประหยดั
ชี้แนะ พอเพยี ง
๒. การใช้วัสดุและสง่ิ
ของเครื่องใชอ้ ย่างคมุ้ ค่า
มำตรฐำนท่ี 7 รักชำตธิ รรมชำติ สิง่ แวดล้อม และควำมเป็นไทย
ตวั บ่งชี้ สภำพที่พงึ ประสงค์ สำระกำรเรียนรู้
๗.๑ ดูแลรักษา ชัน้ อนบุ ำลปที ี่ 2 (3-4 ปี ) ประสบกำรณส์ ำคญั สำระท่ีควรเรยี นรู้
ธรรมชาติ
และสิง่ แวดล้อม - มีสว่ นร่วมในการดแู ลรักษา ๑. การมสี ่วนรว่ มในการดูแล ๑. สง่ิ แวดลอ้ มในโรงเรยี น
ธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดล้อมเมอ่ื
มผี ู้ช้แี นะ รกั ษาสิ่งแวดลอ้ มทั้งภายใน และการดแู ลรักษา
และภายนอกหอ้ งเรียน ๒. สิง่ แวดล้อมตาม
๒.การสนทนาขา่ วและ ธรรมชาตแิ ละการอนุรักษ์
เหตุการณท์ เี่ ก่ยี วกับธรรมชาติ สง่ิ แวดลอ้ ม
และสงิ่ แวดล้อมในชีวิตประจาวนั ๓. การรักษาสาธารณสมบตั ิ
๓. การเพาะปลูกและดูแล ในห้องเรยี น
ต้นไม้
๔. การอธิบายเช่อื มโยงสาเหตุ
และผลที่เกดิ ขึน้ ในเหตุการณ์
หรอื การกระทา
๕. การตดั สนิ ใจและมสี ่วนร่วม
ในกระบวนการแก้ปญั หา
WATMUANG ๒๓
ตัวบง่ ช้ี สภำพทพ่ี ึงประสงค์ สำระกำรเรยี นรู้
ชนั้ อนุบำลปีท่ี 2 (3-4 ปี )
๗.๒ มมี ารยาท - ทิ้งขยะไดถ้ ูกท่ี ประสบกำรณส์ ำคญั สำระทคี่ วรเรียนรู้
ตาม
วัฒนธรรมไทย - ปฏิบัติตนตามมารยาทไทย ๑. การคดั แยก การจดั กล่มุ ๑. ขยะและการคดั แยกขยะ
และรักความ ไดด้ ว้ ยตนเอง
เป็นไทย - ปฏิบัติตนตามมารยาทไทย และจาแนกสงิ่ ตา่ งๆตาม ๒. การดแู ลรกั ษา
ได้ด้วยตนเอง
ลักษณะและรูปร่าง รูปทรง สิ่งแวดล้อม
- หยุดเมอื่ ไดย้ ินเพลงชาตไิ ทย
และเพลงสรรเสริญพระบารมี ๒. การใชว้ ัสดแุ ละสง่ิ ของ
เคร่ืองใช้อย่างคุ้มค่า
๓. การทางานศิลปะท่นี าวัสดุ
หรือส่ิงของเครือ่ งใช้ทใ่ี ชแ้ ล้ว
มาใช้ซ้าหรอื แปรรปู แลว้ นา
กลับมาใชใ้ หม่
๔. การสร้างสรรค์ช้ินงานโดย
ใชร้ ูปรา่ งรูปทรงจากวัสดุท่ี
หลากหลาย
๕. การปฏบิ ตั ติ นเป็นสมาชกิ ที่
ดขี องห้องเรียน
๑. การปฏิบตั ิตนตาม ๑ . ก า ร ป ฏิ บั ติ ต น
วัฒนธรรมท้องถนิ่ ที่อาศัยและ ตามมารยาทและ
ประเพณไี ทย วฒั นธรรมไทย
๒. การเลน่ บทบาทสมมตุ กิ าร - การแสดงความเคารพ
ปฏิบัติตนในความเป็นคนไทย
๑. การปฏิบัติตนตาม ๑. การปฏบิ ัตติ นตาม
วฒั นธรรมทอ้ งถ่นิ ท่อี าศยั และ มารยาทและวัฒนธรรมไทย
ประเพณีไทย - การพูดสุภาพ
๒. การเลน่ บทบาทสมมตุ ิการ - การกล่าวคาขอบคณุ และ
ปฏิบตั ิตนในความเปน็ ไทย ขอโทษ
๓. การพูดสะทอ้ นความรสู้ กึ
ของตนเองและผ้อู ืน่
๑. การปฏิบัติตนตาม - การแสดงออกทเี่ หมาะสม
วฒั นธรรมท้องถิ่นที่อาศัยและ กับสถานการณ์
ประเพณีไทย
๒. การเล่นบทบาทสมมตุ กิ าร
ปฏบิ ตั ติ นในความเป็นไทย
๓. การรว่ มกิจกรรมวนั สาคญั
WATMUANG ๒๔
มำตรฐำนที่ 8 อย่รู ่วมกับผูอ้ ื่นไดอ้ ยำ่ งมคี วำมสขุ และปฏิบตั ิตนเปน็ สมำชิกทด่ี ีของสงั คมในระบอบ
ประชำธิปไตยอันมีพระมหำกษตั รยิ ท์ รงเป็นประมขุ
ตวั บง่ ช้ี สภำพทพ่ี งึ ประสงค์ สำระกำรเรียนรู้
ช้ันอนุบำลปที ี่ 2 (3-4 ปี )
๘.๑ ยอมรบั ความ - เลน่ และทากจิ กรรมรว่ มกบั ประสบกำรณส์ ำคัญ สำระทค่ี วรเรยี นรู้
เหมือนและความ กลมุ่ เดก็ ทแี่ ตกตา่ งไปจากตน
แตกตา่ งระหวา่ ง ๑.การเล่นและทางานร่วมกบั - การเล่นและการทา
บุคคล - เลน่ หรอื ทางานรว่ มกับเพื่อน
๘.๒ มปี ฏิสมั พันธ์ เป็นกล่มุ ผู้อื่น กจิ กรรมร่วมกับผู้อ่นื
ท่ดี กี บั ผู้อนื่
- ยมิ้ หรอื ทกั ทายหรือพดู คยุ ๒. การเลน่ พืน้ บา้ นของไทย - การเล่นและทากิจกรรม
กบั ผ้ใู หญแ่ ละบคุ คลที่คุ้นเคย
๓. การศกึ ษานอกสถานที่ กลุ่มใหญ่
ได้ดว้ ยตนเอง
๔. การเล่นและทากิจกรรม - การปฏบิ ัตติ ามวฒั นธรรม
ร่วมกับกลมุ่ เพ่อื น ทอ้ งถิน่ และความเปน็ ไทย
๕. การทาศลิ ปะแบบรว่ มมอื
๖. การร่วมสนทนาและ
แลกเปลย่ี นความคดิ เหน็
๗. การเลน่ รายบคุ คล กล่มุ
ย่อยและกลมุ่ ใหญ่
๘ . ๓ ป ฏิ บั ติ ต น - มีสว่ นร่วมสร้างข้อตกลงและ ๑. การร่วมกาหนดข้อตกลง - การปฏิบตั ิตามกฎระเบยี บ
เบ้ืองต้นในกา ร ปฏิบัตติ ามข้อตกลงเม่อื มผี ู้ ของหอ้ งเรียน และข้อตกลง
เ ป็ น ส ม า ชิ ก ท่ี ดี ชีแ้ นะ ๒.การปฏิบตั ติ นเป็นสมาชิกท่ี - ผนู้ าผูต้ าม
ของสังคม - ปฏิบตั ิตนเป็นผนู้ าและผู้ ดีของหอ้ งเรยี น - การแสดงออกทางอารมณ์
ตามท่ีดไี ด้ดว้ ยตนเอง ๓. การให้ความรว่ มมือในการ และความรูส้ กึ อยา่ งเหมาะสม
- ประนปี ระนอมแกไ้ ขปญั หา ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมต่างๆ
โดยปราศจากการใชค้ วาม ๔. การร่วมกิจกรรมวนั สาคญั
รนุ แรงเมื่อมผี ู้ช้ีแนะ ๕. การมสี ่วนร่วมในการเลอื ก
วิธกี ารแก้ปญั หา
๖. การมสี ่วนร่วมในการ
แกป้ ญั หาความขดั แยง้
WATMUANG ๒๕
4.ดำ้ นสตปิ ญั ญำ
มำตรฐำนท่ี 9 ใช้ภำษำสอื่ สำรไดเ้ หมำะสมกับวัย
ตัวบ่งชี้ สภำพทพี่ งึ ประสงค์ สำระกำรเรยี นรู้
๙.๑ สนทนา ช้นั อนบุ ำลปีที่ 2 (3-4 ปี ) ประสบกำรณส์ ำคญั สำระที่ควรเรียนรู้
โต้ตอบและเล่า
เรอ่ื งให้ผอู้ น่ื เขา้ ใจ - ฟังผอู้ น่ื พดู จนจบและ ๑. การฟังเสยี งตา่ งๆ มารยาทในการฟัง
สนทนาโตต้ อบสอดคล้องกบั
เรอื่ งทฟ่ี ัง ในสิง่ แวดล้อม - การรับฟงั
๒. การฟงั และปฏบิ ัติตาม
คาแนะนา
๓. การฟงั เพลง นิทาน คา
คล้องจอง บทร้อยกรอง หรอื
เร่อื งราวต่างๆ
๔. การเลน่ เกมทางภาษา
- เล่าเร่ืองเปน็ ประโยคอยา่ ง ๑. การพูดแสดงความคิด - การเลา่ เรอื่ งราวหรอื นิทาน
ต่อเน่อื ง
ความรสู้ กึ และความต้องการ
๒. การพดู เกย่ี วกบั
ประสบการณข์ องตนเอง หรือ
พูดเรือ่ งราวเกย่ี วกบั ตนเอง
๓. การพูดอธิบายเกยี่ วกบั
ส่ิงของ เหตกุ ารณ์ และ
ความสัมพันธข์ องส่งิ ตา่ งๆ
๔. การพูดอยา่ งสร้างสรรค์ใน
การเล่นและการกระทาตา่ งๆ
๕. การรอจงั หวะที่เหมาะสม
ในการพูด
๖. การพูดเรียงลาดับเพอื่ ใช้ใน
การสอื่ สาร
๗. การเล่นเกมทางภาษา
๙.๒ อ่าน เขียน - อา่ นภาพ สัญลกั ษณ์ คา ๑. การอ่านหนงั สอื ภาพ - การอา่ นภาพ สญั ลักษณ์
ภาพ และ พร้อมทง้ั ช้ี หรอื กวาดตามอง
สญั ลักษณไ์ ด้ ขอ้ ความตามบรรทดั นทิ านหลากหลายประเภท/ นิทาน
รูปแบบ
๒. การอ่านอยา่ งอสิ ระตาม
ลาพัง การอา่ นร่วมกนั การ
อ่านโดยมผี ูช้ ี้แนะ
๓. การเหน็ แบบอย่างของการ
อา่ นท่ถี กู ต้อง
๔. การสังเกตทศิ ทางการอา่ น
ตัวอักษร คา และข้อความ
WATMUANG ๒๖
ตวั บ่งชี้ สภำพที่พึงประสงค์ สำระกำรเรยี นรู้
ช้ันอนบุ ำลปที ี่ 2 (3-4 ปี )
๙.๒ อา่ น เขยี น ประสบกำรณส์ ำคัญ สำระท่คี วรเรียนรู้
ภาพ และ - เขียนคลา้ ยตัวอักษร
สญั ลักษณไ์ ด้ ๕. การอา่ นและช้ขี ้อความ
โดยกวาดสายตาตามบรรทดั
จากซ้ายไปขวา จากบนลงล่าง
๖. การสังเกตตวั อักษรในชอ่ื
ของตน หรอื คาคุ้นเคย
๗. การสังเกตตัวอกั ษรท่ี
ประกอบเปน็ คาผ่านการอ่าน
หรอื เขียนของผู้ใหญ่
๘. การคาดเดาคา วลี หรือ
ประโยคทม่ี โี ครงสรา้ งํซา้ ๆกนั
จากนิทาน เพลง คาคล้องจอง
๙. การเลน่ เกมทางภาษา
๑๐. การเหน็ แบบอยา่ งของ
การเขยี นท่ีถกู ต้อง
๑. การเขยี นรว่ มกนั ตาม ๑. การใช้ภาษาในการสือ่ สาร
โอกาส และการเขยี นอิสระ - การเขียนภาพ สญั ลกั ษณ์
๒. การเขยี นคาท่ีมีความหมาย
กับตัวเด็ก/คาคุ้นเคย
๓. การคดิ สะกดคาและเขยี น
เพื่อสอ่ื ความหมายด้วยตนเอง
อยา่ งอสิ ระ
5.การเล่นเกมทางภาษา
WATMUANG ๒๗
มำตรฐำนท่ี 10 มคี วำมสำมำรถในกำรคิดทเ่ี ป็นพ้ืนฐำนในกำรเรยี นรู้
ตัวบ่งชี้ สภำพทีพ่ งึ ประสงค์ สำระกำรเรียนรู้
๑๐.๑ มคี วาม ช้นั อนุบำลปีที่ 2 (3-4 ปี ) ประสบกำรณส์ ำคัญ สำระท่ีควรเรียนรู้
สามารถในการคิด
รวบยอด - บอกลกั ษณะของส่งิ ของ ๑. การสังเกตลักษณะ สิ่งต่างๆรอบตวั
ต่าง ๆ จากการสังเกตโดยใช้ สว่ นประกอบ การ ๑. การคดิ
ประสาทสมั ผสั เปลยี่ นแปลง และ - ประสาทสมั ผสั
ความสัมพนั ธข์ องส่งิ ตา่ งๆโดย - การสงั เกต
ใชป้ ระสาทสมั ผสั อยา่ ง
เหมาะสม
๒. การสังเกตส่งิ ตา่ งๆแลละ
สถานทีจ่ ากมมุ มองท่ีตา่ งกัน
๓. การเล่นกบั ส่ือต่างๆทีเ่ ป็น
ทรงกลม ทรงสเ่ี หลี่ยมมมุ ฉาก
ทรงกระบอก ทรงกรวย
๔. การใชภ้ าษาทาง
คณิตศาสตรก์ ับเหตุการณใ์ น
ชีวิตประจาวัน
-จบั คหู่ รือเปรยี บเทยี บสง่ิ ต่างๆ ๑. การคดั แยก การจดั กลมุ่ ๑. การคดิ
โดยใช้ลกั ษณะหรอื หนา้ ทก่ี าร และการจาแนกสิ่งตา่ งๆตาม - การจับคู่
ใชง้ านเพยี งลักษณะเดยี ว ลักษณะและรูปรา่ ง รูปทรง - การเปรียบเทียบ
๒. การตอ่ ของชิน้ เล็กเตมิ ใน
ชน้ิ ใหญใ่ ห้สมบูรณ์ และการ
แยกช้นิ ส่วน
๓. การจบั คู่ การเปรียบเทยี บ
และการเรยี งลาดับสิ่งตา่ งๆ
ตามลักษณะความยาว/ความ
สงู นา้ หนกั ปริมาตร
๔. การใชภ้ าษาทาง
คณติ ศาสตรก์ ับเหตกุ ารณ์ใน
ชวี ติ ประจาวนั
-จาแนกและจดั กลมุ่ สิ่งตา่ งๆ ๑. การคดั แยก การจดั กลมุ่ ๑. การคดิ
โดยใชอ้ ยา่ งน้อยหนง่ึ ลักษณะ และการจาแนกสง่ิ ตา่ งๆตาม - การจาแนก
เปน็ เกณฑ์ ลกั ษณะและรปู ร่าง รูปทรง - การจดั กลมุ่ สิ่งของหนงึ่
๒. การทาซา้ การต่อเติม และ ลักษณะ
การสรา้ งแบบรูป
๓. การรวมและการแยกสิ่ง
ต่างๆ
๔. การใช้ภาษาทาง
คณิตศาสตรก์ ับเหตกุ ารณใ์ น
ชวี ิตประจาวนั
WATMUANG ๒๘
ตัวบ่งช้ี สภำพท่ีพงึ ประสงค์ สำระกำรเรยี นรู้
๑๐.๑ มคี วาม
สามารถในการคดิ ชน้ั อนบุ ำลปีที่ 2 (3-4 ปี ) ประสบกำรณส์ ำคญั สำระทค่ี วรเรียนรู้
รวบยอด
- จับคู่และเปรียบเทียบความ ๑. การคัดแยก การจัดกลุ่มและ ๑. การคดิ
๑๐.๑ มคี วาม
สามารถในการคิด แตกต่างหรือความเหมือนของ การจาแนกส่ิงต่างๆตามลักษณะ - การจบั คู่
รวบยอด
ส่ิ งต่ า งๆ โด ยใช้ ลักษณะท่ี และรปู รา่ ง รูปทรง - การเปรยี บเทียบความ
สงั เกตพบเพียงลักษณะเดียว ๒. การต่อของชน้ิ เลก็ เติมใน เหมอื นความต่าง
ชิ้นใหญ่ให้สมบูรณ์ และการ
แยกชิน้ ส่วน
๓. การจับคู่ การเปรียบเทียบ
และการเรียงลาดับสิ่งต่างๆตาม
ลั ก ษ ณ ะ ค ว า ม ย า ว / ค ว า ม สู ง
นา้ หนัก ปริมาตร
๔. การใช้ภาษาทางคณิตศาสตร์
กบั เหตุการณใ์ นชวี ิตประจาวัน
- จาแนกและจัดกลุม่ สิ่งตา่ งๆ ๑. การคดั แยก การจัดกลุ่ม ๑. การคดิ
โดยใชอ้ ยา่ งนอ้ ยหนง่ึ ลกั ษณะ และการจาแนกสง่ิ ต่างๆตาม - การจาแนก
เป็นเกณฑ์ ลักษณะและรูปร่าง รปู ทรง - การจดั กลมุ่ สิง่ ของหนง่ึ
๒. การทาซา้ การตอ่ เตมิ และ ลักษณะ
การสร้างแบบรปู
๓. การรวมและการแยกสิ่ง
ต่างๆ
๔.การใช้ภาษาทางคณิตศาสตร์
กับเหตกุ ารณใ์ นชวี ติ ประจาวนั
- เรียงลาดบั ส่งิ ของหรอื ๑. การนบั และแสดงจานวน ๑. การคดิ
เหตกุ ารณอ์ ยา่ งน้อย ๔ ลาดบั ของสงิ่ ตา่ งๆในชีวิตประจาวัน - การเรยี งลาดบั เหตุการณ์
๒. การเปรียบเทยี บและ ๔ ลาดบั
เรียงลาดับจานวนของ - จานวนและตัวเลข
ส่งิ ตา่ ง ๆ
๓. การบอกและแสดงอันดบั ที่
ของสิง่ ตา่ ง ๆ
- เรียงลาดับสิง่ ของหรอื ๔. การบอกและเรียงลาดบั
เหตุการณ์อย่างน้อย ๔ ลาดบั กจิ กรรมหรือเหตกุ ารณต์ าม
ช่วงหรอื เวลา
๕. การใชภ้ าษาทาง
คณิตศาสตร์กับเหตุการณ์ใน
ชวี ิตประจาวัน
๖. การบอกและแสดง
ตาแหน่ง ทิศทาง และระยะทาง
ข อ ง สิ่ ง ต่ า ง ด้ ว ย ก า ร ก ร ะ ท า
ภาพวาด ภาพถ่ายและรูปภาพ
WATMUANG ๒๙
ตัวบง่ ชี้ สภำพท่พี ึงประสงค์ สำระกำรเรียนรู้
ชนั้ อนุบำลปีที่ 2 (3-4 ปี ) ประสบกำรณส์ ำคัญ สำระที่ควรเรียนรู้
๑๐.๒ มี - ระบสุ าเหตุหรือผลทีเ่ กิดขึ้น ๑. การช่งั ตวง วดั สงิ่ ตา่ งๆโดย ๑. การแสดงความคดิ เห็น
ความสามารถใน ในเหตกุ ารณห์ รอื การกระทา ใช้เครอ่ื งมือและหนว่ ยทไ่ี มใ่ ช่ - การชั่ง
การคดิ เชงิ เหตผุ ล เมอื่ มีผู้ช้ีแนะ หน่วยมาตรฐาน - การตวง
๒. การอธิบายเชือ่ มโยง - การวัด
สาเหตแุ ละผลที่เกิดข้นึ ใน
เหตุการณ์หรอื การกระทา
- คาดเดา หรือคาดคะเนสงิ่ ที่ ๑. การคาดเดาหรือการ - การหาความสัมพันธ์ และ
อาจจะเกดิ ขนึ้ หรอื มีสว่ นรว่ ม คาดคะเนสิง่ ทีอ่ าจจะเกดิ ข้ึน แสดงความคดิ เหน็
ในการลงความเหน็ จากขอ้ มลู อยา่ งมเี หตผุ ล
๒. การมสี ว่ นรว่ มในการลง
ความเห็นจากขอ้ มลู อย่างมี
เหตผุ ล
๑๐.๓ มี - ตัดสนิ ใจในเร่อื งงา่ ยๆ และ ๑. การตดั สินใจและมีสว่ นรว่ ม ๑. การตดั สินใจสิ่งต่างๆ
ความสามารถใน เรม่ิ เรยี นรู้ผลที่เกดิ ขึ้น ในกระบวนการแกป้ ัญหา ด้วยตนเอง
การคดิ แกป้ ญั หา ๒. การอธบิ ายเชอื่ มโยง
และตดั สนิ ใจ สาเหตแุ ละผลที่เกดิ ขนึ้ ใน
เหตกุ ารณ์หรอื การกระทา
มำตรฐำนที่ ๑๑ มีจนิ ตนำกำรและควำมคิดสรำ้ งสรรค์
ตวั บ่งช้ี สภำพทีพ่ งึ ประสงค์ สำระกำรเรยี นรู้
ชนั้ อนุบำลปีท่ี 2 (3-4 ปี ) ประสบกำรณส์ ำคญั สำระทคี่ วรเรียนรู้
๑๑.๑ เล่น/ทางาน - สรา้ งผลงานศิลปะเพือ่ ๑. การสังเกตลกั ษณะ การทางานศิลปะ
ศิ ล ป ะ ต า ม ส่อื สารความคิด ความรสู้ กึ ของ ส่วนประกอบ การเปล่ียนแปลง - วธิ กี ารใชเ้ คร่อื งมือ
จนิ ตนาการและ ตนเองโดยมกี ารดดั แปลงและ และความสัมพนั ธ์ของสิ่งตา่ งๆ เคร่ืองใช้ในการทางานศลิ ปะ
ความคิดสรา้ งสรรค์ แปลกใหมจ่ ากเดมิ หรือมี โดยใชป้ ระสาทสัมผสั อย่าง อยา่ งถกู วธิ แี ละปลอดภัย
รายละเอียดเพิ่มขน้ึ เหมาะสม
๒. การสงั เกตส่ิงตา่ งๆ และ
สถานทจี่ ากมุมมองที่ตา่ งกนั
๓. การเล่นกบั สอื่ ต่างๆ ทีเ่ ป็น
ทรงกลม ทรงสเี่ หลีย่ มมมุ ฉาก
ทรงกระบอก ทรงกรวย
๔. การใช้ภาษาทางคณิตศาสตร์
กับเหตุการณใ์ นชีวติ ประจาวนั
๑๑.๒ แสดงทา่ ทาง/ - เคลอ่ื นไหวทา่ ทางเพอ่ื สอ่ื สาร ๑. การเคล่อื นไหวอย่กู บั ที่ ๑. การเคลอ่ื นไหวร่างกายใน
เ ค ลื่ อ น ไ ห ว ต า ม ความคิด ความรูส้ ึกของตนเอง ๒. การเคลื่อนไหวเคล่ือนท่ี ทศิ ทางระดับและพ้ืนทตี่ ่างๆ
จินตนาการอย่าง อย่างหลากหลายหรือแปลก ๓. การเคล่ือนไหวพร้อมวัสดุ- ๒. การแสดงทา่ ทางอยา่ ง
สรา้ งสรรค์ ใหม่ อุปกรณ์ อิสระ
๔. การแสดงความคดิ
สร้างสรรค์ผ่านภาษาท่าทางการ
เคล่อื นไหวและศลิ ปะ
WATMUANG ๓๐
๕. การเคลื่อนไหวโดยควบคุม
ตนเองไปในทิศทาง ระดับและ
พน้ื ที่
๖. การเคลือ่ นไหวตาม
เสียงเพลง/ดนตรี
๗. การฟังเพลง การรอ้ งเพลง
และการแสดงปฏกิ ริ ยิ าโต้ตอบ
เสยี งดนตรี
มำตรฐำนท่ี ๑๒ มเี จตคตทิ ดี่ ีต่อกำรเรียนรู้ และมีควำมสำมำรถในกำรแสวงหำควำมร้ไู ดเ้ หมำะสมกับวยั
ตวั บง่ ชี้ สภำพทพ่ี งึ ประสงค์ สำระกำรเรยี นรู้
๑๒.๑ มีเจตคติที่ดี ชั้นอนบุ ำลปที ่ี 2 (3-4 ปี )
ตอ่ การเรยี นรู้ - สนใจซักถามเก่ยี วกับ ประสบกำรณส์ ำคัญ สำระท่ีควรเรยี นรู้
สัญลักษณห์ รอื ตัวหนงั สอื ทพ่ี บ
๑๒.๒ มี เห็น ๑. การสารวจสิง่ ต่างๆ และ - ความรู้พนื้ ฐานเกีย่ วกบั การใช้
ความสามารถใน - กระตอื รอื ร้นในการเข้ารว่ ม
การแสวงหาความรู้ กิจกรรม แหล่งเรียนรู้รอบตัว หนังสือและตัวหนงั สอื
- คน้ หาคาตอบของขอ้ สงสยั ๒. การต้ังคาถามในเรอื่ งที่
ต่างๆ ตามวิธกี ารของตนเอง
สนใจ
- ใช้ประโยคคาถามวา่ “ที่
ไหน” “ทาไม” ในการค้นหา ๑. การใหค้ วามร่วมมือในการ ๑.การแสดงออกทางอารมณ์
คาตอบ
ปฏิบตั กิ ิจกรรมต่างๆ และความรู้สึกอยา่ ง เหมาะสม
๒. การตง้ั คาถามในเรอ่ื งท่ี ๒. ความสนใจในการทา
สนใจ กิจกรรม
๓. การมสี ว่ นร่วมในการ
รวบรวมขอ้ มลู และนาเสนอ
ข้อมูลจากการสบื เสาะหา
ความรู้ในรูปแบบตา่ งๆและ
แผนภมู ิอยา่ งงา่ ย
๑. การสารวจสิ่งตา่ งๆ และ - การเรยี นรทู้ ี่จะเลน่ และทาสิ่ง
แหล่งเรียนรู้รอบตวั ต่างๆ
๒. การตง้ั คาถามในเร่อื งที่
สนใจ
๓. การสบื เสาะหาความรเู้ พื่อ
ค้นหาคาตอบของข้อสงสัยต่างๆ
๔. การมสี ว่ นร่วมในการ
รวบรวมข้อมลู และนาเสนอ
ข้อมูลจากการสบื เสาะหา
ความรใู้ นรูปแบบต่างๆและ
แผนภมู ิอยา่ งงา่ ย
๑. การต้ังคาถามในเรื่องที่ - การสนใจซักถามคาถาม
สนใจ เพอ่ื คน้ หาคาตอบ
๒. การสบื เสาะหาความรเู้ พื่อ
ค้นหาคาตอบของข้อสงสัยตา่ งๆ
WATMUANG ๓๑
ตำรำงวเิ ครำะห์สำระกำรเรยี นรู้รำยปี ชว่ งอำยุ 5-6 ปี
1. พัฒนำกำรด้ำนรำ่ งกำย
มำตรฐำนท่ี 1 ร่ำงกำยเจรญิ เติบโตตำมวัยเดก็ มีสุขนิสัยท่ีดี
ตวั บง่ ชี้ สภำพท่พี งึ ประสงค์ สำระกำรเรยี นรู้
๑.๑ มีนา้ หนกั และ ชัน้ อนุบำลปีที่ 3 (5-6ปี )
สว่ นสูงตามเกณฑ์ - น้าหนักและสว่ นสูงตาม ประสบกำรณส์ ำคญั สำระท่ีควรเรยี นรู้
๑.๒ มสี ขุ ภาพ เกณฑ์ของกรมอนามยั
อนามัย สุขนิสยั - รบั ประทานอาหารทมี่ ี ๑.การปฏบิ ัตติ นตามสขุ อนามัย การปฏิบัตกิ จิ วัตรประจาวนั
ทด่ี ี ประโยชนไ์ ดห้ ลายชนดิ และ
ดื่มน้าสะอาดไดด้ ้วยตนเอง สขุ นสิ ยั ทีด่ ีในกจิ วตั รประจาวัน - การเจรญิ เตบิ โตของร่างกาย
๑.๒ มสี ุขภาพ
อนามัย สขุ นิสยั - ล้างมือกอ่ นรับประทาน ๑.การปฏิบัตติ นตามสขุ อนามัย การปฏิบัติกิจวตั รประจาวนั
ทด่ี ี อาหารและหลังจากใช้
หอ้ งน้าห้องสว้ มด้วยตนเอง สุขนสิ ัยที่ดใี นกิจวตั รประจาวนั ๑. อาหารที่มีประโยชน์และไม่มี
- ลา้ งหน้าและแปรงฟันถกู ๒. การประกอบอาหารไทย ประโยชน์
วธิ ีหลังรบั ประทานอาหาร
ดว้ ยตนเอง ๒. อาหารหลกั ๕ หมู่
- นอนพกั ผ่อนเปน็ เวลา ๓. การมีเจตคตทิ ีด่ ตี ่อการ
- ออกกาลังกายเป็นเวลา
รับประทานอาหารทม่ี ปี ระโยชน์
๑.การปฏิบตั ติ นตามสุขอนามัย การปฏิบตั ิกจิ วตั รประจาวัน
สุขนสิ ยั ทดี่ ใี นกิจวตั รประจาวัน ๑. อวัยวะต่างๆของรา่ งกายและ
๒. การช่วยเหลอื ตนเองในการ การรกั ษาความปลอดภัย
ปฏิบัติกจิ กวัตรประจาวัน ๒. วิธรี กั ษาร่างกายใหส้ ะอาด
๓. การปฏบิ ตั ิตนใหป้ ลอดภัยใน และมสี ขุ อนามยั ท่ีดี
กจิ วัตรประจาวัน
๔. การฟงั นทิ าน เรื่องราว
เหตกุ ารณ์เกย่ี วกับการป้องกนั
และรกั ษาความปลอดภยั
๑.การปฏบิ ัตติ นตามสขุ อนามยั การปฏบิ ตั กิ จิ วตั รประจาวัน
สขุ นิสยั ทด่ี ีในกิจวตั รประจาวนั
๒. การช่วยเหลอื ตนเองในการ การปฏบิ ตั กิ จิ วัตรประจาวัน
ปฏบิ ัตกิ ิจวตั รประจาวัน ๑. อวยั วะตา่ งๆของร่างกายและ
๓. การปฏบิ ตั ติ นใหป้ ลอดภยั ใน การรกั ษาความปลอดภัย
กิจวัตรประจาวัน ๒. วิธรี กั ษารา่ งกายใหส้ ะอาด
๔. การฟังนทิ าน เร่อื งราว และมสี ุขอนามยั ทีด่ ี
เหตกุ ารณ์เกยี่ วกบั การปูองกนั
และรกั ษาความปลอดภยั
- การปฏิบัติตนตามสุขอนามัย -ประโยชนข์ องการ
สขุ นสิ ัยท่ีดใี นกิจวตั รประจาวนั นอนหลับพักผอ่ น
๑. การเลน่ อสิ ระ ๑. ประโยชน์ของการออกกาลงั
๒. การเคลอ่ื นไหวขา้ มสิ่งกีดขวาง กาย
๒. การเล่นเครื่องเลน่ สนาม
๓. การเล่นเครอื่ งเลน่ อย่าง อย่างถกู วิธี
ปลอดภยั
๔. การละเลน่ พื้นบ้านไทย
๕. การเลน่ นอกห้องเรียน
๖. การเลน่ เคร่อื งเล่นสนาม
อยา่ งอสิ ระ
WATMUANG ๓๒
ตวั บง่ ช้ี สภำพทีพ่ งึ ประสงค์ สำระกำรเรยี นรู้
ชั้นอนบุ ำลปที ่ี 3 (5-6ปี ) ประสบกำรณส์ ำคญั สำระที่ควรเรียนรู้
๑.๓ รกั ษาความ -เล่นและทากิจกรรมรว่ มกับ ๑.การปฏิบตั ติ นใหป้ ลอดภยั ใน ๑. การรักษาความปลอดภยั ของ
ปลอดภยั ของตนเอง ผอู้ ื่นด้วยความระมดั ระวงั กจิ วตั รประจาวัน ตนเองและการปฏิบตั ิต่อผู้อนื่
และผอู้ ื่น อยา่ งปลอดภยั ๒. การฟงั นิทาน เรอ่ื งราว อยา่ งปลอดภัยในชวี ิตประจาวัน
เหตุการณ์เกย่ี วกับการปูองกนั ๒. การปฏบิ ัตติ นอยา่ งเหมาะสม
และรกั ษาความปลอดภยั เมอื่ เจบ็ ปว่ ย
๓. การเลน่ บทบาทสมมตุ ิ ๓. การระวงั ภยั จากคนแปลก
เหตุการณ์ตา่ งๆ หนา้ และอบุ ตั ิภัยต่างๆ
๔. การพดู กับผอู้ ่นื เกย่ี วกบั
ประสบการณข์ องตนเองหรือพดู
เรอื่ งราวเกย่ี วกับตนเอง
๕. การเล่นเครือ่ งเล่นอยา่ ง
ปลอดภยั
๖. การเลน่ และทางานรว่ มกบั
ผูอ้ ่นื
มำตรฐำนท่ี ๒ กล้ำมเน้อื ใหญ่และกล้ำมเนอ้ื เลก็ แขง็ แรงใช้ไดอ้ ยำ่ งคล่องแคลว่ และประสำน
สัมพนั ธ์กนั
ตวั บง่ ช้ี สภำพทีพ่ งึ ประสงค์ สำระกำรเรียนรู้
ชัน้ อนบุ ำลปที ี่ 3 (5-6 ปี )
๒.๑ เคลอื่ นไหว ประสบกำรณส์ ำคญั สำระทคี่ วรเรียนรู้
รา่ งกายอย่าง - เดินต่อเท้าถอยหลังเป็น
คล่องแคล่ว เสน้ ตรงได้อยา่ งคล่องแคล่ว ๑. การเคลื่อนไหวอยกู่ บั ที่ ๑. การออกกาลงั กาย
ประสานสมั พันธ์ - กระโดดขาเดียว ไป ๒. การเคลอื่ นไหวเคล่อื นท่ี ๒. การเคล่ือนไหวร่างกาย
และทรงตัวได้ ขา้ งหนา้ ได้อยา่ งต่อเนอ่ื งโดย ๓. การเคลื่อนไหวพรอ้ มอปุ กรณ์
ไมเ่ สยี การทรงตวั ๔. การเคล่ือนไหวทใี่ ช้การ
- วิ่งหลบหลกี สงิ่ กีดขวางได้ ประสาน
อย่างคลอ่ งแคลว่ สมั พันธข์ องกลา้ มเน้อื ใหญ่ใน
- โยนรบั ลูกบอลทกี่ ระดอน การขว้าง
ขนึ้ จากพน้ื โดยใช้มือทั้ง ๒ การจับ การโยน การเตะ
ข้างได้ ๕. การเลน่ เคร่ืองเล่นสนาม
อย่างอิสระ
๖. การเคลอ่ื นไหวขา้ มสงิ่ กดี
ขวาง
๗. การเคลอื่ นไหวโดยควบคุม
ตนเองไป
ในทศิ ทาง ระดบั และพ้นื ท่ี
WATMUANG ๓๓
ตัวบง่ ช้ี สภำพทพ่ี ึงประสงค์ สำระกำรเรยี นรู้
ชน้ั อนุบำลปีท่ี 3 (5-6 ปี )
ประสบกำรณส์ ำคญั สำระทคี่ วรเรยี นรู้
๒.๒ ใช้มือ-ตา - ใช้กรรไกรตัดกระดาษ ๑. การเล่นเคร่ืองเล่นสัมผัส ๑. การเลน่ และการทางาน
ประสานสมั พนั ธ์ ตามแนวเสน้ โคง้ ได้ และการสร้างสง่ิ ต่างๆจากแท่ง ร่วมกับผูอ้ ่นื
กัน - เขียนรูปสามเหล่ียม ไมบ้ ลอ็ ก ๒. การทางานศลิ ปะ
ตาม ๒.การเขียนภาพและการเล่น
กบั สี
- ร้อยวสั ดทุ ม่ี รี ูขนาดเสน้ ๓. การประดิษฐ์สิ่งต่างๆด้วย
ผา่ นศูนยก์ ลาง๐.๒๕ ซม. เศษวสั ดุ
ได้ ๔. การหยิบจับ การใช้กรรไกร
การฉีก การตัด การปะ การ
รอ้ ยวสั ดุ
2. พัฒนำกำรด้ำนอำรมณ์ จติ ใจ
มำตรฐำนที่ 3 มสี ุขภำพจติ ดแี ละมคี วำมสุข
ตัวบง่ ช้ี สภำพที่พึงประสงค์ สำระกำรเรยี นรู้
ช้ันอนุบำลปที ี่ 3 (5-6 ปี )
ประสบกำรณส์ ำคัญ สำระทคี่ วรเรยี นรู้
๓.๑ แสดงออก - แสดงอารมณ์ ความรู้สกึ ได้ ๑. การพูดสะท้อนความรู้สึกของ - การแสดงทางอารมณแ์ ละ
ทางอารมณ์ สอดคลอ้ งกบั สถานการณ์ ตนเองและผอู้ ่นื ความรสู้ กึ อยา่ งเหมาะสมกบั
อยา่ งเหมาะสม อย่างเหมาะสม ๒. การเล่นบทบาทสมมุติ สถานการณ์
๓.๒ มีความรู้สกึ - กล้าพดู กล้าแสดงออก ๓. การเคลื่อนไหวตามเสียงเพลง - การรูจ้ ักแสดงความคิดเหน็
ดนตรี
ทีด่ ตี ่อตนเอง อยา่ งเหมาะสมตาม อย่างเหมาะสมกบั สถานการณ์
๔. การร้องเพลง
และผอู้ น่ื สถานการณ์
- แสดงความพอใจในผลงาน ๕. การทางานศิลปะ
- การประสบความสาเร็จในสง่ิ
และความสามารถของ ต่างๆท่ีทาด้วยตนเอง
ตนเองและผูอ้ ื่น
มำตรฐำนที่ ๔ ช่ืนชมและแสดงออกทำงศิลปะ ดนตรี และกำรเคลอื่ นไหว
ตัวบ่งช้ี สภำพทพี่ ึงประสงค์ สำระกำรเรียนรู้
ชั้นอนบุ ำลปีที่ 3 (5-6 ปี ) ประสบกำรณส์ ำคญั สำระที่ควรเรยี นรู้
๔.๑ สนใจและมี - สนใจและมคี วามสุขและ ๑. การทากจิ กรรมศลิ ปะต่างๆ - การทากจิ กรรมศลิ ปะ
ค ว า ม สุ ข แ ล ะ แสดงออกผา่ นงานศลิ ปะ ๒. การสร้างสรรคส์ ิ่งสวยงาม สรา้ งสรรค์
แสดงออกผา่ น ๓. การรบั รแู้ ละแสดงความคดิ
งานศิลปะดนตรแี ละ ความรสู้ ึกผ่านส่อื วสั ดุ ของเล่น
การ และชิ้นงาน
เคล่ือนไหว ๔. การปฏบิ ตั กิ จิ กรรมตา่ งๆ ตาม
ความสามารถของตนเอง
WATMUANG ๓๔
ตวั บง่ ช้ี สภำพทพ่ี งึ ประสงค์ สำระกำรเรยี นรู้
ชน้ั อนุบำลปีท่ี 3 (5-6 ปี )
ประสบกำรณส์ ำคญั สำระทค่ี วรเรียนรู้
- สนใจ มคี วามสขุ และ ๑. การฟงั เพลง การรอ้ งเพลง และ - การฟงั การร้องเพลง
แสดงออกผ่านเสียงเพลง การแสดงปฏิกริ ิยาโตต้ อบ
ดนตรี เสยี งดนตรี - การแสดงท่าทางเคลอ่ื นไหว
๒. การเล่นเครอื่ งดนตรปี ระกอบ ประกอบเพลง จังหวะและดนตรี
- สนใจ มคี วามสุขและแสดง จังหวะ
ท่าทาง/เคลื่อนไหวประกอบ ๔. การปฏบิ ัติกจิ กรรมต่างๆ ตาม
เพลง จงั หวะและ ดนตรี ความสามารถของตนเอง
๑. การฟงั เพลง การรอ้ งเพลง และ
การแสดงปฏกิ ิรยิ าโตต้ อบ
เสยี งดนตรี
๒. การเคลื่อนไหวตามเสียงเพลง
ดนตรี
๔. การปฏิบัติกิจกรรมตา่ งๆ ตาม
ความสามารถของตนเอง
๕. การเลน่ เครือ่ งดนตรีประกอบ
จังหวะ
มำตรฐำนที่ ๕ มีคุณธรรม จริยธรรมและมจี ิตใจทดี่ งี ำม
ตวั บ่งช้ี สภำพที่พึงประสงค์ สำระกำรเรยี นรู้
๕.๑ ซอื่ สตั ยส์ ุจริต ชนั้ อนุบำลปีท่ี 3 (5-6 ปี )
ประสบกำรณส์ ำคญั สำระทค่ี วรเรียนรู้
- ขออนญุ าตหรอื รอคอยเม่อื
ต้องการสง่ิ ของของผอู้ ่ืนดว้ ย ๑. ปฏบิ ตั ติ นเปน็ สมาชกิ ทีด่ ีของ ๑. คณุ ธรรมจรยิ ธรรม
ตนเอง
หอ้ งเรียน - ความซ่อื สัตย์ สจุ รติ
๒. การฟังนิทานเกย่ี วกบั คณุ ธรรม - ความเกรงใจ
จริยธรรม ๒. การเคารพสิทธิของตนเอง
๓. การร่วมสนทนาและ และผอู้ ื่น
แลกเปลย่ี นความคดิ เห็นเชงิ
จรยิ ธรรม
๔. เล่นบทบาทสมมตุ ิ
๕. การเลน่ และทางานร่วมกบั ผอู้ น่ื
๖. การปฏบิ ตั ิตนตามหลักศาสนา
ทน่ี บั ถอื
WATMUANG ๓๕
ตัวบ่งช้ี สภำพทีพ่ ึงประสงค์ สำระกำรเรยี นรู้
๕.๒ มคี วามเมตตา ชั้นอนุบำลปีที่ 3 (5-6 ปี )
กรณุ า มีน้าใจและ ประสบกำรณส์ ำคญั สำระท่คี วรเรียนรู้
ช่วยเหลอื แบ่งปนั
- แสดงความรักเพ่อื นและมี ๑. การฟงั นิทานเกยี่ วกบั คณุ ธรรม ๑. คณุ ธรรมจรยิ ธรรม
๕.๓ มคี วามเหน็ อก เมตตาสัตวเ์ ลี้ยง จรยิ ธรรม - ความเมตตากรณุ า
เหน็ ใจผ้อู น่ื ๒. เลน่ บทบาทสมมตุ ิ - ความมนี ้าใจเออ้ื เฟื้อเผอื่ แผ่
๓. การเล้ยี งสตั ว์
๕.๔ มคี วาม
รบั ผดิ ชอบ - ช่วยเหลือและแบ่งปันผอู้ ่ืน ๑. การฟงั นทิ านเกยี่ วกบั คณุ ธรรม ๑. คุณธรรมจรยิ ธรรม
ไดด้ ้วยตนเอง
จริยธรรม - ความมนี ้าใจ ชว่ ยเหลือ
๒. เลน่ บทบาทสมมตุ ิ แบ่งปนั
๓. ปฏิบัตติ นเป็นสมาชกิ ทด่ี ีของ - ความกตัญญู
ห้องเรียน - ความมนี ้าใจเออ้ื เฟ้ือเผ่อื แผ่
๔. การเลน่ รายบคุ คล กลุ่มย่อย
และกลมุ่ ใหญ่
๕. การเล่นตามมุประสบการณ/์
มุมเลน่ ตา่ งๆ
- แสดงสีหนา้ หรือทา่ ทาง ๑. การเล่นและทางานรว่ มกบั ผอู้ นื่ ๑. คุณธรรมจริยธรรม
รับรคู้ วามรสู้ ึกผอู้ ืน่ อยา่ ง
สอดคล้องกบสถานการณ์ ๒. การเลน่ บทบาทสมมตุ ิ - ความเห็นอกเหน็ ใจผ้อู ่ืน
- ทางานที่ได้รับมอบหมาย ๓. การแสดงความยนิ ดีเม่ือผอู้ ืน่ มี - ความมีนา้ ใจเออื้ เฟอ้ื เผือ่ แผ่
จนสาเรจ็ ดว้ ยตนเอง
ความสขุ เหน็ ใจเมอื่ ผ้อู ื่นเศรา้ หรือ
เสยี ใจและการช่วยเหลอื
ปลอบโยนเม่ือผอู้ ่ืน
ไดร้ ับบาดเจบ็
๑. การทากิจกรรมศลิ ปะต่างๆ ๑. คุณธรรมจริยธรรม
๒. การดูแลหอ้ งเรยี นรว่ มกัน - ความรบั ผดิ ชอบ
๓. การมสี ่วนรว่ มรบั ผิดชอบ ดแู ล - ความอดทน ม่งุ ม่ัน
รกั ษาสิง่ แวดลอ้ มทัง้ ภายในและ - ความเพียร
ภายนอกหอ้ งเรียน
๔. การร่วมกาหนดขอ้ ตกลงของ
หอ้ งเรยี น
WATMUANG ๓๖
๓.พัฒนำกำรดำ้ นสังคม
มำตรฐำนท่ี ๖ มีทกั ษะชวี ติ และปฏบิ ตั ิตนตำมหลกั ปรชั ญำของเศรษฐกิจพอเพยี ง
ตวั บ่งช้ี สภำพท่ีพงึ ประสงค์ สำระกำรเรยี นรู้
ชนั้ อนบุ ำลปีที่ 3 (5-6 ปี ) ประสบกำรณส์ ำคญั สำระท่คี วรเรยี นรู้
๖.๑ ชว่ ยเหลือ - แตง่ ตวั ด้วยตนเองไดอ้ ยา่ ง ๑. การช่วยเหลือตนเองในกิจวัตร ๑. การช่วยเหลือตนเอง
ตนเองในการ ๒. มารยาทในการรบั ประทาน
ปฏิบตั กิ ิจวัตร คล่องแคล่ว ประจาวัน
ประจาวนั
- รบั ประทานอาหารดว้ ย ๒. การใหค้ วามรว่ มมือในการ
ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมต่างๆ
ตนเองอย่างถกู วธิ ี
- ใช้และทาความสะอาดหลัง ๓. การปฏิบตั ิกจิ กรรมต่างๆตาม
ใช้หอ้ งน้าหอ้ งส้วมด้วย ความสามารถของตนเอง
ตนเอง
๖.๒ มวี นิ ยั ในตนเอง - เกบ็ ของเลน่ ของใช้เขา้ ที่ ๑. การร่วมกาหนดข้อตกลงของ ๑. การเล่นและการเก็บสง่ิ ของ
อย่างเรียบรอ้ ยด้วยตนเอง ห้องเรยี น อย่างถกู วธิ ี
๒. การปฏบิ ตั ิตนเป็นสมาชิกที่ดี
- เขา้ แถวตามลาดับ ของห้องเรยี น ๑. การรอคอยตามลาดบั
กอ่ นหลงั ไดด้ ว้ ยตนเอง ๓. การให้ความร่วมมอื ในการ ก่อนหลงั
ปฏิบตั กิ จิ กรรมตา่ งๆ ๒. การเขา้ แถว
๔. การดแู ลหอ้ งเรยี นรว่ มกัน
๖.๓ ประหยดั - ใชส้ ่งิ ของเครื่องใช้อยา่ ง ๑. การปฏบิ ตั ติ นตามแนวทางหลกั - การเลอื กใชส้ ง่ิ ของเครอ่ื งใชน้ ้า
และพอเพยี ง ประหยดั และพอเพยี งด้วย ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง ไฟอยา่ งประหยดั
ตนเอง ๒. การใช้วสั ดแุ ละสงิ่
ของเครื่องใช้อย่างคมุ้ ค่า
มำตรฐำนที่ ๗ รกั ธรรมชำติ สง่ิ แวดล้อม วฒั นธรรม และควำมเปน็ ไทย
ตัวบง่ ชี้ สภำพที่พงึ ประสงค์ สำระกำรเรียนรู้
ชัน้ อนุบำลปที ่ี 3 (5-6ปี )
ประสบกำรณส์ ำคญั สำระทค่ี วรเรยี นรู้
๗ . ๑ ดู แ ล รั ก ษ า - มี ส่ วนร่ วม ในกา ร ดู แ ล ๑. การมสี ว่ นรว่ มในการดูแล ๑. ส่งิ แวดลอ้ มในโรงเรยี นและ
การดแู ลรักษา
ธ ร ร ม ช า ติ แ ล ะ รั ก ษ า ธ ร ร ม ช า ติ แ ล ะ รกั ษาส่ิงแวดลอ้ มท้ังภายในและ ๒. สิง่ แวดล้อมตามธรรมชาติ
และการอนุรักษส์ งิ่ แวดล้อม
ส่งิ แวดลอ้ ม สงิ่ แวดลอ้ มดว้ ยตนเอง ภายนอกหอ้ งเรยี น ๓. การรักษาสาธารณสมบตั ใิ น
ห้องเรียน
๒.การสนทนาขา่ วและ เหตุการณ์
ทเี่ ก่ยี วกับธรรมชาติ และ
สง่ิ แวดล้อมในชีวติ ประจาวัน
๓. การเพาะปลูกและดูแลต้นไม้
๔. การอธิบายเชอ่ื มโยงสาเหตุ
และผลทเี่ กดิ ขนึ้ ในเหตกุ ารณห์ รือ
การกระทา
๕. การตดั สินใจและมสี ว่ นร่วมใน
กระบวนการแกป้ ญั หา
WATMUANG ๓๗
ตวั บ่งช้ี สภำพทพ่ี งึ ประสงค์ สำระกำรเรยี นรู้
ชั้นอนุบำลปที ่ี 3 (5-6ปี ) ประสบกำรณส์ ำคัญ สำระทคี่ วรเรียนรู้
๗ . ๑ ดู แ ล รั ก ษ า - ทิ้งขยะได้ถูกที่ ๑. การคดั แยก การจดั กลมุ่ และ ๑. ขยะและการคดั แยกขยะ
ธ ร ร ม ช า ติ แ ล ะ จาแนกส่ิงต่างๆตามลักษณะและ ๒. การดูแลรักษาส่งิ แวดลอ้ ม
ส่ิงแวดลอ้ ม รปู รา่ ง รูปทรง
๒. การใชว้ สั ดุและสง่ิ ของเครอ่ื งใช้
อยา่ งคมุ้ คา่
๓. การทางานศลิ ปะทน่ี าวสั ดหุ รือ
สง่ิ ของ
เคร่ืองใชท้ ีใ่ ช้แล้วมาใชซ้ ้าหรอื แปร
รปู
แลว้ นากลบั มาใช้ใหม่
๔. การสรา้ งสรรคช์ ้ินงานโดยใช้
รปู รา่ งรูปทรงจากวัสดทุ ่ี
หลากหลาย
๕. การปฏบิ ตั ติ นเป็นสมาชิกท่ีดี
ของห้องเรียน
๗.๒ มมี ารยาทตาม -ปฏิบตั ิตนตามมารยาทไทย ๑. การปฏิบัติตนตามวัฒนธรรม ๑. การปฏบิ ตั ิตนตามมารยาท
วัฒนธรรมไทยและ ได้ ตามกาลเทศะ ท้องถน่ิ ท่ีอาศยั และประเพณไี ทย และวฒั นธรรมไทย
รกั ๒. การเลน่ บทบาทสมมตุ ิการ - การแสดงความเคารพ
ความเปน็ ไทย ปฏบิ ัติตนในความเป็นคนไทย -การพดู สภุ าพ
- การกลา่ วคาขอบคณุ และขอ
โทษ
มำตรฐำนที่ ๘ อยู่รว่ มกบั ผ้อู ่นื ไดอ้ ย่ำงมคี วำมสุขและปฏิบัตติ นเปน็ สมำชกิ ทด่ี ขี องสังคมใน
ระบอบประชำธปิ ไตยอันมพี ระมหำกษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมุข
ตวั บง่ ช้ี สภำพทพี่ งึ ประสงค์ สำระกำรเรยี นรู้
ชัน้ อนุบำลปที ่ี 3 (5-6 ปี )
๘.๑ ยอมรับความ - เล่นและทากจิ กรรม ประสบกำรณส์ ำคญั สำระทค่ี วรเรยี นรู้
เหมือนและความ รว่ มกบั เดก็ ท่แี ตกตา่ งไป
แตกตา่ งระหว่าง จากตน ๑.การเลน่ และทางานร่วมกบั ผอู้ ืน่ ๑. การเลน่ และการทากจิ กรรม
บคุ คล
๘.๒ มปี ฏสิ มั พนั ธ์ท่ี - เลน่ หรอื ทางานร่วมกับ ๒. การเลน่ พื้นบ้านของไทย รว่ มกบั ผู้อื่น
ดีกบั ผู้อื่น เพื่อนอย่างมเี ป้าหมาย
- ยมิ้ หรือทักทายหรือพดู คยุ ๓. การศกึ ษานอกสถานท่ี ๒. การปฏบิ ัตติ ามวฒั นธรรม
กับผ้ใู หญแ่ ละบคุ คลท่ี
คุน้ เคยไดเ้ หมาะสมกับ ๔. การเล่นและทากจิ กรรมร่วมกบั ท้องถ่ินและความเปน็ ไทย
สถานการณ์
กลุ่มเพือ่ น
๕. การทาศลิ ปะแบบรว่ มมอื
๖. การร่วมสนทนาและ
แลกเปลยี่ น
ความคดิ เห็น
๗. การเลน่ รายบคุ คล กลมุ่ ยอ่ ย
และกลมุ่ ใหญ่
WATMUANG ๓๘
ตัวบง่ ช้ี สภำพทพ่ี ึงประสงค์ สำระกำรเรยี นรู้
ชั้นอนุบำลปที ่ี 3 (5-6 ปี ) ประสบกำรณส์ ำคญั สำระทค่ี วรเรยี นรู้
๘ . ๓ ป ฏิ บั ติ ต น - มสี ่วนรว่ มสร้างขอ้ ตกลง ๑. การรว่ มกาหนดข้อตกลงของ ๑. การปฏิบัติตามกฎระเบยี บ
เบอื้ งตน้ ในการ และปฏบิ ตั ติ ามขอ้ ตกลง ห้องเรียน และข้อตกลง
เป็นสมาชิกท่ีดีของ ดว้ ยตนเอง ๒.การปฏบิ ัตติ นเป็นสมาชิกทดี่ ี - ผนู้ าผู้ตาม
ของหอ้ งเรยี น ๒. การแสดงออกทางอารมณ์
สงั คม - ปฏิบัติตนเป็นผู้นาและ ๓. การให้ความร่วมมือในการ และความรู้สกึ อยา่ งเหมาะสม
ผู้ตามไดเ้ หมาะสมกบั ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมตา่ งๆ ๓. การแสดงมารยาททดี่ ี
สถานการณ์ ๔. การรว่ มกิจกรรมวนั สาคัญ
๕. การมสี ว่ นร่วมในการเลอื ก
- ประนปี ระนอมแก้ไข วิธีการแก้ปญั หา
ปัญหาโดยปราศจากการ ๖. การมสี ่วนรว่ มในการแก้ปัญหา
ใ ช้ ค ว า ม รุ น แ ร ง ด้ ว ย ความขดั แย้ง
ตนเอง
๔. ด้ำนสตปิ ัญญำ
มำตรฐำนที่ ๙ ใช้ภำษำส่ือสำรได้เหมำะสมกบั วัย
ตัวบ่งช้ี สภำพที่พงึ ประสงค์ สำระกำรเรียนรู้
ชนั้ อนุบำลปที ่ี 3 (5-6 ปี ) ประสบกำรณส์ ำคัญ สำระที่ควรเรยี นรู้
๙.๑ สนทนาโต้ตอบ - ฟงั ผอู้ ่นื พดู จนจบและ ๑. การฟงั เสียงต่างๆในสิ่งแวดลอ้ ม มารยาทในการฟงั
และเล่าเร่ืองให้ผู้อ่ืน สนทนาโต้ตอบอย่างต่อเนื่อง ๒ . ก า ร ฟั ง แ ล ะ ป ฏิ บั ติ ต า ม - การรับฟัง
เขา้ ใจ เชือ่ มโยงกบั เรอ่ื งที่ คาแนะนา - การสนทนาเช่ือมโยงส่งิ ตา่ งๆ
ฟัง ๓. การฟงั เพลง นิทาน
คาคล้องจอง บทร้อยกรอง หรือ
เรอื่ งราวต่างๆ
๔. การเล่นเกมทางภาษา
- เลา่ เปน็ เร่อื งราวตอ่ เนอื่ ง ๑. การพูดแสดงความคดิ ๑. การใช้ภาษาในการส่อื
ได้ ความรสู้ ึกและความต้องการ ความหมายในชวี ติ ประจาวนั
๒. การพูดเกยี่ วกับประสบการณ์ ความรู้พืน้ ฐานเก่ยี วกบั การใช้
ของตนเอง หรือพูดเรอื่ งราว หนังสือและตวั หนงั สอื
เก่ยี วกบั ตนเอง
๓. การพูดอธบิ ายเกี่ยวกับสง่ิ ของ
เหตุการณ์ และความสัมพนั ธข์ อง
สง่ิ ต่างๆ
๔. การพูดอย่างสร้างสรรคใ์ นการ
เลน่ และการกระทาตา่ งๆ
๕. การรอจังหวะทเ่ี หมาะสมใน
การพูด
๖. การพดู เรียงลาดบั เพือ่ ใช้ในการ
ส่อื สาร
๗. การเลน่ เกมทางภาษา
WATMUANG ๓๙
ตวั บ่งชี้ สภำพที่พงึ ประสงค์ สำระกำรเรยี น
ช้ันอนุบำลปีท่ี 3 (5-6 ปี ) ประสบกำรณส์ ำคัญ สำระท่ีควรเรยี นรู้
๙.๒ อา่ น เขยี น - อา่ นภาพ สัญลกั ษณ์ คา ๑. การอา่ นหนังสือภาพ นทิ าน ๑. การใช้ภาษาในการสอื่
ภาพ และสัญลักษณ์ ด้วยการชี้ หรือกวาดตา หลากหลายประเภท/รปู แบบ ความหมายในชีวิตประจาวัน
ได้ มองจดุ เรม่ิ ต้นและจดุ จบ ๒. การอา่ นอยา่ งอสิ ระตามลาพัง ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการใช้
ของข้อความ การอ่านรว่ มกนั การอ่านโดยมีผู้ หนงั สอื และตวั หนังสือ
ช้แี นะ - การอ่านภาพ สญั ลักษณ์
๓. การเหน็ แบบอย่างของการอา่ น นิทาน
ทถ่ี กู ต้อง
๔. การสังเกตทิศทางการอ่าน
ตัวอกั ษรคา และขอ้ ความ
๕. การอ่านและชขี้ อ้ ความ โดย
กวาดสายตาตามบรรทัดจากซ้าย
ไปขวา จากบนลงลา่ ง
๖. การสังเกตตวั อักษรในช่ือของ
ตนหรอื คาคุน้ เคย
๗. การสงั เกตตัวอกั ษรทปี่ ระกอบ
เป็นคาผา่ นการอ่านหรือเขยี นของ
ผใู้ หญ่
๘. การคาดเดาคา วลี หรือ
ประโยคทมี่ ีโครงสร้างซา้ ๆกนั จาก
นทิ าน เพลง คาคล้องจอง
๙. การเล่นเกมทางภาษา
๑๐. การเหน็ แบบอยา่ งของการ
เขยี นที่ถกู ต้อง
๙.๒ อ่าน เขียน - เขียนชื่อของตนเอง ๑. การเขยี นรว่ มกนั ตามโอกาส ๑. การใช้ภาษาในการสือ่
ภ า พ แ ล ะ ตามแบบเขียนข้อความ และการเขียนอสิ ระ
๒. การเขยี นคาท่ีมคี วามหมายกับ ความหมายในชีวติ ประจาวนั
สัญลักษณ์ได้ ดว้ ยวธิ ีทคี่ ดิ ขนึ้ เอง ตวั เดก็ /คาคุน้ เคย ความรพู้ ื้นฐานเก่ียวกบั การ
ใช้หนังสือและตวั หนงั สือ
๓. การคดิ สะกดคาและเขยี นเพอ่ื - การเขียนภาพ สัญลักษณ์
ตัวอักษร ช่ือ- สกุลของ
สอ่ื ความหมายดว้ ยตนเองอย่าง
อิสระ ตนเอง
๔. การเล่นเกมทางภาษา
WATMUANG ๔๐
มำตรฐำนท่ี ๑๐ มีควำมสำมำรถในกำรคดิ ทเี่ ป็นพน้ื ฐำนในกำรเรยี นรู้
ตัวบ่งช้ี สภำพทีพ่ งึ ประสงค์ สำระกำรเรียนรู้
ช้ันอนุบำลปที ี่ 3 (5-6 ปี ) ประสบกำรณส์ ำคญั สำระที่ควรเรียนรู้
๑๐.๑ มคี วาม - บอกลกั ษณะ ๑. การสังเกตลักษณะ ๑. การคดิ
สามารถในการคิด สว่ นประกอบ การ ส่วนประกอบการ - ประสาทสมั ผัส
รวบยอด เปลีย่ นแปลง หรอื เปลีย่ นแปลง และ - การสังเกต
ความสมั พนั ธข์ องส่ิงของ ความสัมพนั ธ์ของสง่ิ ตา่ งๆโดย ๒. ก า รเปล่ียนแปลงและ
ต่างๆจากการสังเกตโดย ใช้ประสาทสมั ผัสอยา่ ง ความสมั พันธ์ ของส่ิงต่างๆ
ใช้ เหมาะสม รอบตัว
ประสาทสัมผัส ๒. การสังเกตสิง่ ต่างๆแลละ
สถานท่จี ากมุมมองท่ีต่างกัน
๓. การเลน่ กับสื่อตา่ งๆที่เป็น
ทรงกลมทรงสเี่ หลย่ี มมมุ ฉาก
ทรงกระบอก ทรงกรวย
๔. การใช้ภาษาทาง
คณติ ศาสตร์กับ
เหตกุ ารณ์ในชวี ิตประจาวัน
- จาแนกและจดั กลุ่มสง่ิ ๑. การคดั แยก การจดั กลมุ่ และ ๑. การคดิ
ตา่ งๆโดยใชต้ ั้งแตส่ อง การจาแนกสิง่ ตา่ งๆตามลักษณะ - การจาแนกสง่ิ ของต้งั แต่ ๒.
ลกั ษณะขน้ึ ไปเป็นเกณฑ์ และรปู รา่ งรปู ทรง ลกั ษณะ
๒. การทาซ้า การตอ่ เตมิ และการ - การจดั กลมุ่
สรา้ งแบบรูป
๓. การรวมและการแยกสิ่งตา่ งๆ
๔. การใชภ้ าษาทาคณิตศาสตร์กบั
เหตกุ ารณ์ในชวี ติ ประจาวัน
๑๐.๒ มี - อธบิ ายเชื่อมโยงสาเหตุ ๑. การช่ัง ตวง วดั สงิ่ ต่างๆโดยใช้ ๑. การแสดงความคดิ เหน็
ความสามารถในการ และผลทเ่ี กดิ ขึ้นใน เคร่ืองมอื และหน่วยท่ไี ม่ใชห่ นว่ ย - การช่ัง
คิดเชงิ เหตผุ ล เหตกุ ารณ์หรือการกระทา มาตรฐาน - การตวง
ด้วยตนเอง ๒. การอธบิ ายเชือ่ มโยง สาเหตุ - การวดั
และผลท่เี กิดข้ึนในเหตุการณห์ รอื ๒. การเชอ่ื มโยงสิง่ ตา่ งๆใน
การกระทา ชีวติ ประจาวนั
- คาดคะเนสง่ิ ท่อี าจจะ ๑. การคาดเดาหรอื การคาดคะเน - การหาความสัมพนั ธ์อยา่ งมี
เกิดขน้ึ และมีสว่ นร่วมใน สิ่งทีอ่ าจจะเกิดขน้ึ อยา่ งมีเหตผุ ล เหตผุ ล
การลงความเห็นจากขอ้ มลู ๒. การมสี ว่ นรว่ มในการลง
อย่างมเี หตผุ ล ความเหน็ จากข้อมลู อย่างมีเหตผุ ล
WATMUANG ๔๑
ตัวบ่งชี้ สภำพที่พึงประสงค์ สำระกำรเรียนรู้
ชัน้ อนบุ ำลปที ี่ 3 (5-6 ปี ) ประสบกำรณส์ ำคญั สำระทีค่ วรเรยี นรู้
๑๐.๓ มีความ - ตัดสินใจในเรื่องง่ายๆ ๑. การตดั สินใจและมีส่วนร่วมใน ๑. การตดั สนิ ใจสิ่งตา่ งๆด้วย
สามารถในการคดิ และยอมรับผลทเี่ กดิ ข้ึน กระบวนการแก้ปญั หา ตนเอง
แ ก้ ปั ญ ห า แ ล ะ ๒. การอธบิ ายเชอ่ื มโยง สาเหตุ
ตดั สินใจ และผลท่เี กิดขน้ึ ในเหตุการณห์ รอื
การกระทา
- ระบปุ ัญหาสร้าง ๑. การตดั สนิ ใจและมีสว่ นร่วมใน ๑. การแกป้ ญั หาด้วยตนเอง
ทางเลือกและเลือกวธิ ี กระบวนการแกป้ ญั หา อยา่ งมนั่ ใจ
แก้ปัญหา ๒. การคาดเดาหรือการคาดคะเน
สง่ิ ทอี่ าจจะเกิดขนึ้ อยา่ งมีเหตผุ ล
๓. การมสี ว่ นร่วมในการลง
ความเห็นจากข้อมลู อย่างมีเหตผุ ล
มำตรฐำนท่ี ๑๑ มีจนิ ตนำกำรและควำมคิดสรำ้ งสรรค์
ตวั บ่งช้ี สภำพทีพ่ งึ ประสงค์ สำระกำรเรยี นรู้
๑๑.๑ เลน่ /ทางาน ชน้ั อนุบำลปที ่ี 3 (5-6 ปี ) ประสบกำรณส์ ำคญั สำระที่ควรเรยี นรู้
ศิลปะตาจินตนาการ
แ ล ะ ค ว า ม คิ ด - สรา้ งผลงานศลิ ปะเพ่อื ๑. การแสดงความคดิ สร้างสรรค์ ๑.การทางานศลิ ปะท่แี ปลกใหม่
สรา้ งสรรค์ สอ่ื สารความคดิ ความรู้สกึ
ของตนเองโดยมีการ ผ่านภาษา ท่าทาง การเคลอ่ื นไหว ๒. วธิ กี ารใช้เคร่อื งมือ เครอ่ื งใช้
ดดั แปลงและแปลกใหม่
จากเดมิ และมรี ายละเอยี ด และศลิ ปะ ในการทางานศิลปะอยา่ งถกู วิธี
เพ่ิมขน้ึ
๒. การเขยี นภาพและการเลน่ กับสี และปลอดภยั เชน่ กรรไกร
๓. การปน๎้
๔. การประดิษฐส์ ิ่งตา่ งๆดว้ ยเศษ
วัสดุ
๕. การทางานศิลปะท่ีนาวัสดุหรือ
ส่ิงของเครื่องใช้ท่ีใช้แล้วมาใช้ซ้า
หรือแปรรูปแล้วนากลับมาใช้ใหม่
๖. การหยบิ จับ การใชก้ รรไกร
การฉกี การตดั การปะและการร้อย
วสั ดุ
๗.การแสดงความคิดสร้างสรรค์
ผา่ นภาษา ทา่ ทาง การเคลื่อนไหว
และศลิ ปะ
๘. การทางานศลิ ปะ
๙. การสร้างสรรค์ชนิ้ งานโดยใช้
รปู ร่าง รูปทรง จากวสั ดุที่
หลากหลาย
๑๐. การรับรูแ้ ละแสดงความคดิ
ความรสู้ ึกผา่ นส่ือ วัสดุ ของเล่น
และชน้ิ งาน
WATMUANG ๔๒
ตวั บง่ ชี้ สภำพทพ่ี งึ ประสงค์ สำระกำรเรยี นรู้
ชั้นอนบุ ำลปที ี่ 3 (5-6 ปี ) ประสบกำรณส์ ำคัญ สำระทีค่ วรเรยี นรู้
๑๑.๒ แสดง - เคลอื่ นไหวท่าทางเพือ่ ๑. การเคลื่อนไหวอยกู่ บั ที่ ๑. การเคลือ่ นไหวรา่ งกายใน
ท่าทาง/เคล่ือนไหว สอ่ื สารความคดิ ความรสู้ กึ ๒. การเคลอ่ื นไหวเคล่อื นท่ี ทิศทางระดับและพ้ืนทีต่ ่างๆ
ต า ม จิ น ต น า ก า ร ของตนเองอย่างหลากหลาย ๓. การเคลอื่ นไหวพร้อมวสั ดุ ๒. การแสดงท่าทางต่างๆตาม
อยา่ งสร้างสรรค์ และแปลกใหม่ อุปกรณ์ ความคดิ ของตนเอง
๔. การแสดงความคดิ สร้างสรรค์
ผา่ นภาษา ทา่ ทาง การเคล่อื นไหว
และศลิ ปะ
๕. การเคลือ่ นไหวโดยควบคมุ
ตนเองไปในทศิ ทาง ระดับและ
พ้นื ที่
๖. การเคล่ือนไหวตามเสียงเพลง/
ดนตรี
๗. การฟังเพลง การรอ้ งเพลงและ
การแสดงปฏิกิริยาโตต้ อบ
เสยี งดนตรี
มำตรฐำนท่ี ๑๒ มเี จตคตทิ ่ดี ีต่อกำรเรยี นรู้ และมคี วำมสำมำรถในกำรแสวงหำควำมรไู้ ดเ้ หมำะสมกบั วัย
ตัวบง่ ช้ี สภำพท่พี งึ ประสงค์ สำระกำรเรียนรู้
๑๒.๑ มเี จตคตทิ ่ีดี ชน้ั อนุบำลปีที่ 3 (5-6 ปี )
ตอ่ การเรยี นรู้ - หยบิ หนังสอื มาอา่ นและ ประสบกำรณส์ ำคญั สำระทค่ี วรเรยี นรู้
เขียนส่อื ความคดิ ดว้ ย
๑๒.๒ มี ตนเองเป็นประจาอยา่ ง ๑. การสารวจสิ่งต่างๆ และแหลง่ ๑. ความรพู้ ืน้ ฐานเกี่ยวกับการใช้
ความสามารถในการ ต่อเนือ่ ง
แสวงหาความรู้ - กระตอื รือร้นในการร่วม เรยี นรรู้ อบตัว หนังสอื และตัวหนงั สอื อย่าง
กิจกรรมต้งั แตต่ น้ จนจบ
๒. การต้ังคาถามในเรือ่ งทีส่ นใจ อสิ ระ
- ค้นหาคาตอบของข้อ
สงสยั ตา่ งๆ ตามวิธกี ารที่ ๑. การให้ความร่วมมือในการ ๑. การแสดงออกทางอารมณ์
หลากหลายดว้ ยตนเอง
ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมต่างๆ และความรูส้ กึ อยา่ งเหมาะสม
๒. การตั้งคาถามในเรอ่ื งทีส่ นใจ ๒. ความสนใจในการทากจิ กรรม
๓. การมีส่วนร่วมในการรวบรวม
ข้อมูลและนาเสนอข้อมูลจากการ
สืบเสาะหาความรู้ในรูปแบบต่างๆ
และแผนภูมอิ ย่างงา่ ย
๑. การสารวจสง่ิ ต่างๆ และแหลง่ - การเรียนร้ทู จี่ ะเลน่ และทาสง่ิ
เรยี นรรู้ อบตัว ต่างๆอย่างหลากหลายด้วย
๒. การตง้ั คาถามในเรื่องทส่ี นใจ ตนเอง
๓. การสืบเสาะหาความรเู้ พ่อื
คน้ หาคาตอบของขอ้ สงสัยตา่ งๆ
๔. การมีส่วนร่วมในการรวบรวม
ข้อมูลและนาเสนอข้อมูลจากการ
สืบเสาะหาความรู้ในรูปแบบต่างๆ
และแผนภมู อิ ย่างง่าย
WATMUANG ๔๓
ตัวบ่งช้ี สภำพทพี่ งึ ประสงค์ สำระกำรเรยี นรู้
ชน้ั อนุบำลปีที่ 3 (5-6 ปี )
๑๒.๒ มี - ใช้ประโยคคาถามวา่ ประสบกำรณส์ ำคัญ สำระทค่ี วรเรยี นรู้
ความสามารถในการ
แสวงหาความรู้ “เม่อื ไร” อยา่ งไร” ในการ ๑. การตง้ั คาถามในเรอ่ื งท่สี นใจ - การสนใจซกั ถามคาถามเพอ่ื
คน้ หาคาตอบ
๒. การสืบเสาะหาความรเู้ พ่ือ ค้นหาคาตอบด้วยตนเอง
คน้ หาคาตอบของขอ้ สงสัยตา่ งๆ
สำระกำรเรียนรู้
สาระการเรียนรู้ใช้เป็นสื่อกลางในการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ให้กับเด็กเพื่อส่งเสริมพัฒนาการทุก
ด้าน ให้เป็นไปตามจุดหมายของหลกั สูตรที่กาหนด ประกอบดว้ ย ประสบการณ์สาคญั และสาระท่คี วรเรียนรู้ ดงั นี้
๑. ประสบกำรณ์สำคญั
ประสบการณส์ าคัญเป็นแนวทางสาหรบั ผู้สอนนาไปใชใ้ นการออกแบบการจดั ประสบการณ์ให้เด็ก
ปฐมวัยเรยี นรู้ ลงมอื ปฏบิ ัติ และได้รับการสง่ เสริมพฒั นาครอบคลุมพัฒนาการทงั้ ๔ดา้ น ดงั นี้
๑.๑ ประสบกำรณ์สำคัญท่ีส่งเสริมพัฒนำกำรด้ำนร่ำงกำย เป็นการสนับสนุนให้เด็ก ได้มีโอกาส
พัฒนาการใช้กล้ามเนื้อใหญ่ กล้ามเน้ือเล็ก การประสานสัมพันธ์ระหว่างกล้ามเนื้อและระบบประสาท ในการทา
กิจวัตรประจาวันหรือทากิจกรรมต่างๆ และสนับสนุนให้เด็กรู้จักดูแลสุขภาพและสุขอนามัย สุขนิสัย การรักษา
ความปลอดภัย และการตระหนักรเู้ กย่ี วกบั ร่างกายตนเอง ดงั นี้
ประสบกำรณส์ ำคัญ(ดำ้ นร่ำงกำย) ตัวอย่ำงประสบกำรณ์
๑.๑.๑กำรใชก้ ลำ้ มเนื้อใหญ่
(๑) การเคลื่อนไหวอยู่กับที่ ตบมอื ผงกศีรษะ เคลอื่ นไหวไหล่ เอว มือและแขน มอื
และน้ิวมือ เคาะเท้า เทา้ และปลายเทา้ อยู่กับที่
(๒) การเคล่ือนไหวเคลื่อนที่ คลาน คืบ เดนิ วง่ิ กระโดด สไลด์ ควบม้า ก้าวกระโดด
เคลอื่ นท่ีไปขา้ งหนา้ ขา้ งหลัง ข้างซ้าย ข้างขวา หมนุ ตวั
(๓) การเคล่ือนไหวพร้อมวสั ดุอุปกรณ์ เคลอ่ื นไหวรา่ งกายพร้อมเชือก ผ้าแพร ริบบนิ้ วสั ดอุ ่นื ๆ
ทเี่ หมาะสมตามจนิ ตนาการ เพลงบรรเลง คาบรรยาย
(๔) การเคล่ือนไหวที่ใชก้ ารประสานสมั พันธ์ของการใช้ ของผสู้ อน
กลา้ มเนอ้ื ใหญ่ ในการขว้าง การจบั การโยน การเตะ
เลน่ เกมกลางแจง้ เช่น ลงิ ชงิ บอล ขวา้ งลูกบอล ถงุ ทราย
โยนลกู บอลหรือวัสดอุ ่ืนลงตะกร้า เตะบอล
(๕) การเล่นเครื่องเล่นสนามอยา่ งอิสระ เล่นอิสระ เลน่ เครื่องเลน่ สนาม เลน่ ปีนป่าย โหน ปนั่
จกั รยาน
๑.๑.๒ การใช้กลา้ มเนื้อเล็ก
(๑) การเล่นเคร่ืองเลน่ สมั ผัสและการสร้างส่งิ ตา่ งๆ จาก ตอ่ เลโก้ น็อตปักหมดุ กระดานตะปู บล็อกไมห้ รือ
แท่งไม้ บล็อก พลาสตกิ
(๒) การเขียนภาพและการเล่นกบั สี เขียนภาพดว้ ยสเี ทียน สไี ม้ สีจากวสั ดธุ รรมชาติ เลน่ กบั
สนี ้า เชน่ เปา่ สี ทบั สี หยดสี ละเลงสี กลง่ิ สี
(๓) การปั้น ปั้นดินเหนียว ดินนามัน ปั้นแป้งโดว์
WATMUANG ๔๔
ประสบกำรณส์ ำคญั (ดำ้ นรำ่ งกำย) ตัวอย่ำงประสบกำรณ์
(๔) การประดษิ ฐ์ส่งิ ตา่ งๆ ดว้ ยเศษวัสดุ สรา้ งชิน้ งานจากวัสดุธรรมชาตหิ รอื วสั ดุท่เี หลอื ใช้
(๕) การหยบิ จบั การใช้กรรไกร การฉีก การตัด การปะ ใช้กรรไกรปลายมนตดั กระดาษหรือตดั ใบไม้ ร้อยดอกไม้
และการร้อยวัสดุ และวสั ดตุ า่ งๆ ฉีก ตดั ปะกระดาษหรอื วสั ดุธรรมชาติ
๑.๑.๓ การรักษาสุขภาพอนามยั สว่ นตน ล้างมือกอ่ นรบั ประทานอาหาร ทาความสะอาดหลังจาก
(๑) การปฏิบตั ิตนตามสขุ อนามยั สุขนิสยั ทีด่ ี ในกจิ วัตร เขา้ ห้องน้าห้องส้วม รบั ประทานอาหารกลางวันครบหา้
ประจาวัน หมู่ นอนกลางวัน ออกกาลังกาย ดแู ลรักษาความ
สะอาด ของใชส้ ่วนตัว
๑.๑.๔ การรักษาความปลอดภัย
(๑) การปฏิบตั ิตนให้ปลอดภยั ในกิจวตั รประจาวัน เล่นเคร่ืองเล่นท่ีถกู วธิ ี ลา้ งมอื ทุกครัง้ เม่อื สิ้นสดุ การเลน่
ระวังรกั ษาและดูแลตนเองขณะเจ็บปว่ ย เชน่ ปดิ ปากไอ
(๒) การฟังนิทาน เรื่องราว เหตกุ ารณ์เก่ยี วกบั การ ในขณะเปน็ หวดั ไม่ขยตี้ าขณะตาแดง
ปอ้ งกัน และรกั ษาความปลอดภัย ฟงั นทิ าน เรื่องราว เหตกุ ารณ์ท่มี เี นือ้ หาเก่ยี วกับการ
ปอ้ งกนั และรักษาความปลอดภยั เชน่ การขา้ มถนน
(๓) การเลน่ เคร่ืองเล่นอย่างปลอดภัย การรับของ จากคนแปลกหน้า ของมีคม สตั ว์มีพิษ และ
อันตรายจาก สารพษิ
(๔) การเลน่ บทบาทสมมตเิ หตุการณ์ต่างๆ เล่นเคร่อื งเลน่ สนามตามข้อตกลงอย่างถกู วธิ ี เช่น ปีน
ป่าย โหน ลอด มดุ คลาน ดว้ ยความระมัดระวงั รอคอย
๑.๑.๕ การตระหนักรูเ้ กี่ยวกับรา่ งกายตนเอง ไมแ่ ยง่ กนั ในการเล่น
(๑) การเคล่ือนไหวโดยควบคุมตนเองไปในทิศทาง เล่นบทบาทสมมติการปฏบิ ัติตามกฎจราจร เชน่ การ
ระดบั และพืน้ ที่ ข้ามถนน การซอ้ นท้ายรถจักรยานยนตก์ ารคาดเข็มขดั
นิรภัย และ การปฏิบตั ิตนเมื่อเกิดเหตฉุ ุกเฉนิ เชน่ ไฟ
(๒) การเคลื่อนไหวขา้ มส่ิงกดี ขวาง ไหมแ้ ผ่นดนิ ไหว พายุ ฯลฯ และสรุปผลทเี่ กดิ จากการ
เลน่ บทบาทสมมติ
เคลือ่ นไหวรา่ งกายไปในทิศทางต่างๆ เช่น ซา้ ย ขวา
หน้า หลงั ทัว่ บรเิ วณที่กาหนดในระดับสูง กลาง และตา่
มีการเคล่ือนไหวท่หี ลากหลาย เชน่ มุด ลอด คลาน กลิ้ง
กระโดด
การเดิน วงิ่ กระโดดหลบหลกี หรือข้ามสงิ่ กีดขวางต่างๆ
เช่น ลอ้ รถยนต์ ถังนา้ มัน ที่ก้ันจราจร ห่วงฮลู าฮูป
สงิ่ ของ บลอ็ กไมh
WATMUANG ๔๕
๑.๒ ประสบกำรณ์สำคญั ที่ส่งเสริมพัฒนำกำรดำ้ นอำรมณ์ จติ ใจ เป็นการสนบั สนนุ ให้เดก็ ไดแ้ สดงออกทาง
อารมณ์และความร้สู ึกของตนเองท่เี หมาะสมกับวัย ตระหนักถงึ ลักษณะพิเศษเฉพาะ ที่เป็น อตั ลักษณค์ วามเปน็
ตวั ของตวั เอง มคี วามสุข ร่าเรงิ แจ่มใส การเหน็ อกเหน็ ใจผู้อื่น ไดพ้ ัฒนาคณุ ธรรมจรยิ ธรรมสนุ ทรียภาพ
ความร้สู กึ ที่ดีต่อตนเอง และความเช่อื ม่นั ในตนเองขณะปฏิบตั ิกจิ กรรมต่างๆ ดงั น้ี
ประสบกำรณ์สำคญั (อำรมณ์ จิตใจ) ตัวอย่ำงประสบกำรณ์
๑.๒.๑ สนุ ทรยี ภาพ ดนตรี
(๑) การฟังเพลง การร้องเพลง และการแสดงปฏิกริ ิยา ทาท่าทางเคลอื่ นไหวรา่ งกายในลกั ษณะต่างๆ เช่น โยก
โต้ตอบเสยี งดนตรี ตวั สา่ ยสะโพก ตบมือ ยา่ เท้าตามจงั หวะและเสยี งเพลง
เช่นเพลงบรรเลง เพลงตามสมยั นยิ ม เพลงทสี่ นใจ เพลง
(๒) การเลน่ เคร่ืองดนตรปี ระกอบจงั หวะ ตามหนว่ ยการจัดประสบการณ์ เพลงประจาโรงเรยี น
(๓) การเคล่ือนไหวตามเสยี งเพลง/ดนตรี และเพลงพน้ื บ้าน
(๔) การเล่นบทบาทสมมติ เล่นเครือ่ งดนตรีประเภทต่างๆ หรือวัสดุอื่นๆ ประกอบ
(๕) การทากจิ กรรมศลิ ปะต่างๆ จังหวะ เช่น เคาะ เขย่า ตี
(๖) การสร้างสรรค์สิง่ สวยงาม แสดงทา่ ทางเคล่อื นไหวประกอบเสยี งเพลง เสียงดนตรี
หรอื จงั หวะชา้ และเร็ว
๑.๒.๒ การเลน่ เลน่ และแสดงบทบาทสมมตเิ ป็นตัวละครตาม หนว่ ย
(๑) การเลน่ อสิ ระ การจดั ประสบการณห์ รือนิทาน
(๒) การเล่นรายบคุ คล กลมุ่ ย่อย และกล่มุ ใหญ่ ทากจิ กรรมศิลปะ เช่น วาดภาพระบายสี ปน้ั ร้อย ฉีก
ตดั ปะ พับ เล่นกบั สีนา้ ประดษิ ฐ์เศษวัสดุ
(๓) การเลน่ ตามมมุ ประสบการณ/์ มุมเล่นต่างๆ สรา้ งงานศิลปะตามความคิดสรา้ งสรรคใ์ นรูปแบบตา่ งๆ
(๔) การเล่นนอกห้องเรียน เชน่ วาดภาพระบายสี ปั้น ร้อย ฉีก ตัด ปะ พับ เลน่ กบั
๑.๒.๓ คุณธรรม จริยธรรม สนี ้า ประดิษฐเ์ ศษวสั ดุ การทาสวนถาด และ แสดง
(๑) การปฏบิ ัติตนตามหลกั ศาสนาทนี่ บั ถอื ความคดิ เห็นต่อผลงานศิลปะ
เล่นอสิ ระ การเลน่ ที่ใช้จินตนาการ เลน่ สมมติ การเล่น
ของเล่นในห้องเรยี น บริเวณสนามกลางแจง้
เลน่ เสรี เล่นอสิ ระในมุมเลน่ รายบุคคล กลุ่มย่อย และ
กลุ่มใหญ่ เลน่ รวมกบั เพอ่ื น เล่นแบบร่วมมือ และ เลน่
แบบสรา้ งสรรค์
เลน่ ตามมมุ เลน่ ในห้องเรียน เล่นสมมติ
เลน่ กลางแจ้ง เชน่ เลน่ เครื่องเลน่ สนามรูปแบบต่างๆ
เล่นน้า เล่นทราย การละเล่นพ้ืนบา้ น
ทากจิ กรรมทางศาสนาที่วัด มัสยดิ โบสถ์ ปฏบิ ัติตนตาม
คาสอนของศาสนาท่ีนับถือ
WATMUANG ๔๖