The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วิเคราะห์หลักสูตร รายวิชาวิทยาศาสตร์ ว21102 ม.1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by rattiya2252, 2022-10-11 18:11:45

วิเคราะห์หลักสูตร รายวิชาวิทยาศาสตร์ ว21102 ม.1

วิเคราะห์หลักสูตร รายวิชาวิทยาศาสตร์ ว21102 ม.1

คำนำ

พระราชบัญญตั ิการศึกษาแหง่ ชาตพิ .ศ. 2542 ที่ไดป้ ระกาศใช้ตั้งแต่เดอื นสงิ หาคม 2542 เป็นตน้ มา ไดเ้ น้นให้
ครู-อาจารย์และผ้เู กี่ยวขอ้ งท้งั หลายจัดการเรียนการสอนโดยเนน้ ผ้เู รยี นสาคัญท่ีสุด ซึ่งกิจกรรมการเรยี นการสอนทีจ่ ดั
ควรมลี ักษณะสาคญั ดงั น้ี

1. ผู้เรยี นได้เรียนรู้จากการปฏบิ ตั จิ รงิ
2. ผเู้ รยี นมโี อกาสเลือกเรียนรู้ในสิ่งท่ีตนถนัดและสนใจ
3. ผู้เรียนได้มโี อกาสแสวงหาความรแู้ ละสร้างองคค์ วามรดู้ ้วยตัวเอง
4. ผูเ้ รยี นไดม้ ีโอกาสทีจ่ ะนาความรูไ้ ปปฏิบัติใช้จรงิ ในชวี ติ ประจาวนั
5. ผ้เู รียนมีส่วนรว่ มในการประเมินผลการเรียนรขู้ องตนเอง
โรงเรียนนาคาราษฎรร์ งั สรรค์ได้ตระหนกั ถึงภารกจิ ของครูในการจัดกิจกรรมการเรียนรูใ้ หส้ อดคลอ้ งกับ
พระราชบัญญตั กิ ารศึกษาแหง่ ชาติด้วยการบูรณาการคณุ ธรรม จริยธรรม คา่ นิยม และ คุณลักษณะอนั พึงประสงคไ์ ว้ใน
รายวิชา และกจิ กรรมท่จี ะส่งเสรมิ การเรยี นรู้ของนักเรียนตามพระราชบัญญัตกิ ารศึกษาแห่งชาตใิ ห้เปน็ รปู ธรรม จงึ ได้
มอบหมายให้แต่ละกลุม่ สาระการเรียนรู้จดั ทาการวิเคราะหห์ ลักสูตร รายวิชาวทิ ยาศาสตร์ 2 ระดบั ชั้นมธั ยมศึกษาป่ี 1
กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ขึน้ ซึ่งประกอบดว้ ย

จดั กลมุ่ มาตรฐานการเรียนรู้ ตวั ช้วี ดั
สาระสาคัญ ความคดิ รวบยอด
โครงสร้างรายวชิ าวิทยาศาตร์ 2
การวิเคราะห์มาตรฐานตัวชีว้ ดั สู่ สมรรถนะ คุณลกั ษณะฯ
ออกแบบหน่วยการเรยี นรู้
หน่วยการเรียนรู้

หวงั ว่าการวเิ คราะหห์ ลักสูตรในรายวิชาวิทยาศาสตร์ 2 ระดับชน้ั มัธยมศึกษาปี 1 กล่มุ สาระการเรียนรู้
วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เพอื่ ใช้เปน็ แนวทางในการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ใหบ้ รรลตุ ามวตั ถปุ ระสงคต์ ่อไป

นางรัตตยิ า สุธรรม
ผูจ้ ดั ทา

สำรบัญ หนา้

เรื่อง 1
4
การจัดกลุม่ มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วดั เพือ่ จดั ทาโครงสรา้ งรายวิชา 16
สาระสาคญั /ความคิดรวบยอดของหน่วยการเรียนรู้ 27
โครงสรา้ งรายวิชา
การวิเคราะห์ความเชอ่ื มโยงของมาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวช้วี ดั 42
สมรรถนะของผเู้ รยี น และคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 57
การออกแบบหนว่ ยการเรยี นรู้
หน่วยการเรยี นรู้



กำรจดั กลุ่มมำตรฐำนกำรเรียนร/ู้ ต

รำยวิชำ วทิ ยำศำสตร์ 2 (ว2

หน่วยที่ มาตรฐานการเรยี นรู้

สำระที่ 2 วทิ ยำศำสตร์กำยภำพ

5 มำตรฐำน ว 2.1 เข้าใจสมบตั ขิ องสสาร องค์ประกอบของสสาร ความ

พลังงาน สมบตั ขิ องสสารกบั โครงสร้างและแรงยึดเหนยี่ วระหวา่ งอนุภาค หลักและธ

ความ เปล่ยี นแปลงสถานะของสสาร การเกดิ สารละลาย และการเกิดปฏิกิริยาเค

ร้อน

มำตรฐำน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาตขิ องแรงในชวี ิตประจาวนั ผลของแรงท
ลกั ษณะการเคลอ่ื นทแี่ บบตา่ ง ๆ ของวัตถุ รวมทงั้ นาความรู้ไปใช้ประโยชน์

1

ตวั ชว้ี ัด เพื่อจัดทำโครงสร้ำงรำยวิชำ
21102) ชนั้ มัธยมศึกษำปที ่ี 1

ตวั ชว้ี ัด
ว 2.1 ม.1/9 อธบิ ายและเปรยี บเทียบการจัดเรียง
มสมั พนั ธร์ ะหว่าง อนภุ าค แรงยึดเหน่ยี วระหว่างอนภุ าค และการ
ธรรมชาติของการ เคลอ่ื นทข่ี องอนุภาคของสสารชนิดเดียวกันใน
คมี สถานะของแขง็ ของเหลว และแก๊ส โดยใช้
แบบจาลอง
ว 2.1 ม.1/10. อธิบายความสัมพันธ์ระหว่าง
พลงั งานความร้อนกบั การเปล่ยี นสถานะของสสาร
โดยใช้หลกั ฐานเชงิ ประจกั ษแ์ ละแบบจาลอง

ทกี่ ระทาตอ่ วัตถุ ว 2.2 ม.1/1 สรา้ งแบบจาลองที่อธบิ าย
ความสัมพันธ์ระหวา่ งความดนั อากาศกบั ความสงู
จากพืน้ โลก

หนว่ ยท่ี มาตรฐานการเรียนรู้

มำตรฐำน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลีย่ นแปลง และก

พลงั งาน ปฏสิ มั พนั ธ์ระหวา่ งสสาร และพลังงาน พลังงานในชีวติ ประจาว

ธรรมชาตขิ องคลนื่ ปรากฏการณ์ท่ีเกยี่ วข้องกบั เสียง แสง และคลนื่ แม่เหล

รวมท้ังนาความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์

2

ตวั ชว้ี ดั
การถ่ายโอน ว 2.3 ม.1/1 วิเคราะห์ แปลความหมายข้อมูล และคานวณ
วนั ปริมาณความร้อนท่ีทาให้สสารเปลี่ยนอุณหภูมิและเปลี่ยน
ลก็ ไฟฟา้ สถานะ โดยใชส้ มการ Q = mc∆t และ Q = mL

ว 2.3 ม.1/2 ใช้เทอร์มอมเิ ตอร์ในการวดั อุณหภูมขิ องสสาร
ว 2.3 ม.1/3 สรา้ งแบบจาลองทีอ่ ธบิ ายการขยายตัว หรือหด

ตวั ของสสารเน่ืองจากได้รบั หรือสูญเสีย ความร้อน
ว 2.3 ม.1/4 ตระหนกั ถึงประโยชนข์ องความรู้ของการหด
และขยายตวั ของสสารเนอ่ื งจากความร้อน โดยวิเคราะห์
สถานการณ์ปญั หา และเสนอแนะวธิ กี ารนาความรมู้ า
แก้ปญั หา ในชวี ติ ประจาวัน
ว 2.3 ม.1/5 วเิ คราะหส์ ถานการณก์ ารถา่ ยโอนความร้อน
และคานวณปรมิ าณความรอ้ นท่ีถา่ ยโอนระหวา่ งสสารจนเกดิ
สมดุลความร้อนโดยใช้สมการ Qสูญเสีย = Qได้รบั
ว 2.3 ม.1/6 สรา้ งแบบจาลองทอ่ี ธิบายการถา่ ยโอนความ
ร้อนโดยการนาความร้อน การพาความร้อน การแผ่รังสี
ความร้อน
ว 2.3 ม.1/7 ออกแบบ เลือกใช้ และสร้างอปุ กรณ์เพื่อแก้ปัญหา
ในชีวติ ประจาวนั โดยใช้ความรู้เกี่ยวกับการถา่ ยโอนความรอ้ น

หน่วยที่ มาตรฐานการเรยี นรู้

6 สำระที่ 3 วทิ ยำศำสตรโ์ ลกและอวกำศ

กระบวนการ มำตรฐำน ว 3.2 เข้าใจองคป์ ระกอบ และความสัมพนั ธ์ของระบบ

เปล่ยี นแปลง กระบวนการเปลยี่ นแปลงภายในโลกและบนผวิ โลก ธรณี พบิ ตั ภิ ัย ก

ลมฟ้า เปลย่ี นแปลงลมฟ้าอากาศและภมู ิอากาศโลก รวมทงั้ ผลตอ่ สิ่งมชี ีวิต

อากาศ และส่งิ แวดลอ้ ม

บโลก ตวั ชว้ี ดั
กระบวนการ ว 3.2 ม.1/1 สรา้ งแบบจาลองท่ีอธบิ ายการแบ่งชั้น
บรรยากาศ และเปรยี บเทียบประโยชนข์ องบรรยากาศแต่
ละช้ัน
ว 3.2 ม.1/2 อธิบายปัจจัยท่มี ผี ลตอ่ การเปลี่ยนแปลง
องคป์ ระกอบของลมฟา้ อากาศ จากข้อมลู ที่รวบรวมได้

ว 3.2 ม.1/3 เปรยี บเทียบกระบวนการเกิดพายุฝนฟา้
คะนองและพายุหมุนเขตรอ้ น และผลท่ีมีต่อสิ่งมชี ีวติ และ
ส่ิงแวดล้อม รวมทง้ั นาเสนอแนวทางการปฏบิ ัติตนให้
เหมาะสมและปลอดภัย
ว 3.2 ม.1/4 อธิบายการพยากรณ์อากาศ และพยากรณ์
อากาศอยา่ งง่ายจากขอ้ มูลท่รี วบรวมได้
ว 3.2 ม.1/5 ตระหนักถงึ คณุ คา่ ของการพยากรณ์อากาศโดย
นาเสนอแนวทางการปฏิบตั ิตน และการใช้ประโยชนจ์ ากคา
พยากรณ์อากาศ
ว 3.2 ม.1/6 อธิบายสถานการณ์และผลกระทบการ
เปลีย่ นแปลงภูมิอากาศโลกจากขอ้ มูลทร่ี วบรวมได้
ว 3.2 ม.1/7 ตระหนักถึงผลกระทบของการเปล่ียนแปลง
ภูมิอากาศโลก โดยนาเสนอแนวทางการ ปฏิบัติตน ภายใต้
การเปล่ยี นแปลงภูมอิ ากาศโลก

รำยวิชำ วทิ ยำศำสตร์ 2 (ว21102) สำระสำคัญ/ควำมคิดรวบยอ
ชน้ั มธั ยมศึกษำปีท่ี 1
จำนวน 1.5 หน่วยกติ ผู้เรยี นรอู้ ะไร
ทำอะไรได้
หนว่ ยที่ ชอื่ หน่วย มำตรฐำน/
กำร ตัวชว้ี ัด ผ้เู รียนรู้อะไร
เรียนรู้ ความหมายปรมิ าณความร้อนท่ี
ทาให้สสารเปลีย่ นอณุ หภูมแิ ละ
5 พลงั งำน ว 2.3 ม.1/1 วิเคราะห์ เปลย่ี นสถาน
ควำม แปลความหมายขอ้ มูล นกั เรียนทำอะไรได้
ร้อน และคานวณ ปรมิ าณ
คานวณ ปริมาณความร้อนท
ความรอ้ นทท่ี าใหส้ สาร ทาให้สสารเปล่ียนอุณหภูม
เปล่ยี นอุณหภมู ิและ และเปล่ียนสถานะ โดยใช
เปลี่ยนสถานะ โดยใช้ สมการ Q = mc∆t และ Q =
สมการ mL
Q = mc∆t และ Q =
mL

อดของหน่วยกำรเรียนรู้

กล่มุ สำระกำรเรียนรวู้ ทิ ยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี

ภำคเรียนที่ 2 เวลำ 60 ชั่วโมง

อัตรำสว่ นคะแนน 80 : 20

ควำมคดิ หลัก สำระสำคัญ/ควำมคิดรวบยอด

• ปริมาณความร้อนที่ทาให้สสาร สารเม่ือได้รบั ความร้อนอาจมกี ารเปลย่ี นแปลง

เปล่ียน อณุ หภมู ิ สถานะ หรือรูปรา่ งของสาร เมอื่ สาร
อุณหภูมิขึ้นกับมวล ความร้อนจาเพาะ ได้รบั ความร้อนจะทาให้อนภุ าคเคลอ่ื นทเ่ี รว็ ขึน้
และอุณหภูมิท่ีเปลี่ยนไปปริมาณความ
รอ้ นที่ ทาให้เกิดการขยายตวั และหดตวั ส่งผลให้ขนาด
ทาให้สสารเปล่ียนสถานะขึ้นกับมวล และรปู รา่ งเปล่ียนแปลงไป

ที่ และ ความร้อนแฝงจาเพาะ โดย สารเม่ือได้รบั ความรอ้ นจะทาใหอ้ ณุ หภมู ขิ องสาร
มิ ขณะท่ีสสารเปล่ียนสถานะ อุณหภูมิ สารเปลย่ี นแปลง แตส่ ถานะของสารไม่เปลย่ี นแปลง
ซงึ่ ปริมาณความรอ้ นท่ที าให้อุณหภมู ิของสาร
ช้ จะไมเ่ ปลี่ยนแปลง
เปล่ยี นแปลงขนึ้ อย่กู ับมวล ความรอ้ นจาเพาะ และ
= อุณหภูมทิ ี่เปลี่ยนแปลงไป และสารเมอื่ ไดร้ บั ความ

รอ้ นจะทาให้สารเปลี่ยนสถานะ แต่อณุ หภมู ขิ องสารไม่

เปล่ียนแปลง เนอ่ื งจากอนุภาคของสารอยู่ห่างกันมาก

ซงึ่ ปริมาณความรอ้ นทที่ าใหส้ ารเปลยี่ นสถานะข้นึ อยู่

กับมวลและความร้อนจาเพาะ

หนว่ ยที่ ชอ่ื หน่วย มำตรฐำน/ ผ้เู รียนร้อู ะไร
กำรเรียนรู้ ตวั ชี้วัด ทำอะไรได้
ผูเ้ รียนรอู้ ะไร
ว 2.3 ม.1/2 ใชเ้ ทอรม์ อ วัดอณุ หภมู ขิ องสาร อ
มิเตอรใ์ นการวดั อณุ หภูมิ นักเรยี นทำอะไรได้ ส
ใช้เทอร์มอมิเตอร์ในการ
ของสสาร วัดอุณหภมู ิของสสาร

ว 2.3 ม.1/3 สรา้ ง ผเู้ รยี นรอู้ ะไร •
แบบจาลองทอี่ ธิบาย
การขยายตัว หรอื หด ผลของ ความร้อนต่อการ
ตัวของสสาร เปลย่ี นแปลงอณุ หภูมขิ องสาร
เน่ืองจากได้รับ หรอื นกั เรยี นทำอะไรได้
คานวณปรมิ าณความรอ้ นที่
สูญเสีย ความร้อน
ทาใหส้ สารเปลี่ยนอณุ หภูมิ
และเปล่ียนสถานะ

สำระกำรเรียนรแู้ กนกลำง สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด

เมื่อสสารไดร้ ับหรอื สูญเสียความร้อน เคร่ืองมือวัดอณุ หภมู ิ เรยี กวา่ เทอร์มอมิเตอร์

อาจทาให้สสารเปล่ียนอุณหภูมิ เปล่ียน (thermometer) มี 2 แบบ คือ เทอรม์ อมิเตอร์แบบ
สถานะ หรือเปล่ียนรปู ร่าง กระเปาะ ใชห้ ลักการการขยายตัวและหดตวั ของ
ของเหลวที่บรรจอุ ยใู่ นกระเปาะตามอณุ หภูมภิ ายนอก

เทอร์มอมิเตอรแ์ บบดิจิทัล ภายในมีไมโครชปิ สามารถ

เปลยี่ นกระแสไฟฟา้ ให้เป็นตัวเลข ซ่งึ เปน็ ค่าอณุ หภมู ิ

ขณะนน้ั ได้ โดยหน่วยวัดอณุ หภมู ิมีอยูห่ ลายหน่วย

ไดแ้ ก่ องศาเซลเซียส เคลวนิ องศาฟาเรนไฮต์ และ

องศาโรเมอร์

แต่ละหน่วยจะมจี ุดเยือกแข็ง และจุดเดอื ด

แตกต่างกัน หากต้องการเปรียบเทยี บคา่

อณุ หภูมิระหว่างหนว่ ยวดั อุณหภูมิ จะได้

สมการ ดังน้ี

C/5 = (K-273)/5 = (F-32)/9 =R/4

• ความร้อนทาให้สสารขยายตัวหรือหดตัว • ความร้อนจะทาให้อนุภาคเคล่ือนท่ีเร็วขึ้น ทาให้

ได้ เนอื่ งจากเม่อื สสารได้รบั ความร้อนจะ เกิดการขยายตัว แต่เมื่อสสารคายความร้อน จะ

ทาให้อนุภาคเคลื่อนท่ีเร็วข้ึน ทาให้เกิด ทาให้อนภุ าคเคลื่อนทช่ี า้ ลง ทาใหเ้ กดิ การหดตวั

การขยายตัว แต่เมื่อสสารคายความรอ้ น

จะทาใหอ้ นุภาคเคลื่อนทช่ี ้าลง ทาให้เกิด

การหดตัว

หนว่ ยที่ ชอ่ื หน่วย มำตรฐำน/ ผูเ้ รียนรอู้ ะไร
กำรเรียนรู้ ตัวช้วี ัด ทำอะไรได้
ว 2.3 ม.1/4 ผู้เรยี นร้อู ะไร
ตระหนกั ถึง แบบจาลองการนา ความ
ประโยชนข์ อง ความร้อน ความ
ความรขู้ องการหด การส
และขยายตัวของ นกั เรียนทำอะไรได้ รางร
สสารเน่ืองจาก สรา้ งแบบจาลองการ
ความรอ้ น โดย นาความรอ้ น •ค
วเิ คราะห์ ส
สถานการณป์ ัญหา เรยี นร้อู ะไร ท
และเสนอแนะ ปรมิ าณความร้อนท่ี เร
วิธีการนาความรมู้ า ถา่ ยโอนระหว่างสสาร
แก้ปัญหา ใน จนเกิดสมดุลความ เมื่อม
ชีวติ ประจาวนั รอ้ นโดยใชส้ มการ ตา่ งก
ว 2.3 ม.1/5
วิเคราะห์
สถานการณ์การถ่าย
โอนความร้อน และ
คานวณปริมาณ

สำระกำรเรียนรู้แกนกลำง สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด

มรูเ้ รอื่ งการหดและขยายตัวของสสารเนอ่ื งจาก ประโยชน์ ในดา้ นต่าง ๆ เชน่ การ

มร้อน นาไปใชป้ ระโยชน์ ในด้านต่าง ๆ เชน่ สร้างถนน การสรา้ งรางรถไฟ การทา

สร้างถนน การสรา้ ง เทอร์มอมิเตอร์

รถไฟ การทาเทอร์มอมิเตอร์

ความรอ้ นถา่ ยโอนจากสสารท่ีมอี ณุ หภมู สิ ูงกวา่ ไปยัง สารทีม่ ีอุณหภมู ิแตกตา่ งกนั เกิดการ
สสารทีม่ ีอณุ หภูมิต่ากว่าจนกระทั่งอณุ หภมู ิของสสาร ถ่ายโอนความร้อนระหว่างกนั
ทัง้ สองเท่ากนั สภาพท่ีสสารท้ังสองมีอณุ หภมู เิ ท่ากนั จนกระทงั่ อุณหภูมิของสารเทา่ กัน
รียกว่า สมดุลความรอ้ น เรยี กสภาพนวี้ า่ สมดุลความรอ้ น
โดยความร้อนทเ่ี พิ่มขน้ึ ของสา
มกี ารถ่ายโอนความร้อนจากสสารทม่ี อี ณุ หภมู ิ
กนั จนเกดิ สมดุลความร้อน ความร้อนทเี่ พิ่มข้ึน

หนว่ ยที่ ชอ่ื หนว่ ย มำตรฐำน/ ผูเ้ รยี นรอู้ ะไร
กำรเรียนรู้ ตัวช้วี ัด ทำอะไรได้
ความร้อนทีถ่ ่ายโอน
ระหวา่ งสสารจนเกดิ สมดลุ ความร้อนไปใช้ ของ
สมดลุ ความรอ้ นโดยใช้ ประโยชน์ อกี
สมการ
Qสูญเสยี = Qได้รบั นกั เรยี นทำอะไรได้ การถ
ความ
ว 2.3 ม.1/6. สร้าง คานวณปรมิ าณความร้อน ความ
แบบจาลองท่อี ธิบาย ทถี่ า่ ยโอนระหวา่ งสสาร โอนค
การถ่ายโอนความ จนเกิดสมดลุ ความรอ้ น เคล่ือ
รอ้ นโดยการนาความ โดยใช้สมการ ความ
รอ้ น การพาความรอ้ น เคล่ือ
การแผ่รงั สี ความ ผูเ้ รียนรอู้ ะไร การถ
ร้อน - แบบจาลองการนาความรอ้ น
การพาความร้อน การแผร่ ังสี
ความรอ้ น
-นาความรเู้ ร่อื ง การนาความ
ร้อน การพาความรอ้ น การแผ่
รงั สีความรอ้ น
ไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั
นักเรยี นทำอะไรได้
- สรา้ งแบบจาลองการนา
ความรอ้ น การพาความร้อน
การแผร่ งั สี
ความรอ้ น

สำระกำรเรียนรแู้ กนกลำง สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด

งสสารหนึ่งจะเทา่ กับความรอ้ นที่ลดลงของ หนงึ่ จะเท่ากับความร้อนที่ลดลงของอกี
กสสารหนึ่ง ซ่งึ เป็นไปตามกฎการอนรุ ักษ์ สารหนง่ึ ซงึ่ เปน็ ไปตามกฎการอนุรกั ษ์
พลังงาน การถา่ ยโอนความร้อนจนเกดิ
พลงั งาน สมดุลความรอ้ นเปน็ ไปตามสมการ Qสญู เสยี

= Qได้รับ

ถ่ายโอนความรอ้ นมี 3 แบบ คือ การนา สารทม่ี อี ุณหภูมิแตกต่างกนั จะมีการ
มร้อน การพา- ความร้อน และการแผ่รงั สี ถา่ ยโอนความร้อนระหว่างกนั การ
มร้อน การนาความรอ้ นเป็น การถ่าย ถ่ายโอนความรอ้ นมี 3 แบบ คอื การ
ความรอ้ นทีอ่ าศัยตัวกลาง โดยทตี่ วั กลางไม่ นาความรอ้ น การพาความรอ้ น และ
อนที่การพาความรอ้ นเปน็ การถา่ ยโอน การแผ่รงั สคี วามรอ้ น ซึ่งการนาความ
มร้อนที่อาศัยตัวกลาง โดยทตี่ วั กลาง ร้อนเปน็ การถา่ ยโอนความรอ้ นที่
อนที่ไปด้วย สว่ นการแผ่รงั สีความร้อนเป็น อาศยั ตวั กลาง โดยตวั กลางไม่
ถา่ ยโอนความรอ้ นที่ไมต่ ้องอาศัยตวั กลาง เคล่ือนที่ การพาความร้อนเป็นการ
ถา่ ยโอนความร้อนทอี่ าศยั ตวั กลาง
โดยตวั กลาง

หนว่ ยท่ี ชอ่ื หน่วย มำตรฐำน/ ผู้เรยี นรอู้ ะไร
กำรเรยี นรู้ ตวั ช้ีวัด ทำอะไรได้

ว 2.3 ม.1/7 ผเู้ รียนรู้อะไร
ออกแบบ เลือกใช้ การถ่ายโอนความร้อน
และสรา้ งอปุ กรณ์

เพอ่ื แก้ปัญหา ใน นกั เรียนทำอะไรได้
ชวี ิตประจาวนั โดยใช้ ออกแบบ เลือกใช้ และสรา้ งอปุ ก
ความรเู้ กี่ยวกบั การ การถ่ายโอนความรอ้ น
ถ่ายโอนความร้อน
6 กระบวนการ ว 2.2 ม.1/1 สร้าง
เปลีย่ นแปลง แบบจาลองท่อี ธิบาย
ลมฟา้ อากาศ ความสมั พนั ธ์
ระหว่างความดนั
อากาศกบั ความสูง
จากพ้นื โลก

สำระกำรเรยี นรู้แกนกลำง สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด

มีการเคล่ือนท่ี สว่ นการแผ่รงั สีความ

รอ้ นเปน็ การถ่ายโอนความรอ้ นทีไ่ ม่

อาศัยตวั กลาง

ความร้เู กีย่ วกับการถ่ายโอนความ ประโยชน์ในชีวติ ประจาวนั ได้ เชน่

รอ้ นสามารถนาไปใช้ประโยชน์ใน การเลอื กใช้วัสดุเพือ่ นามาทาภาชนะ

ชวี ติ ประจาวันได้ เช่น การเลอื กใช้ บรรจุอาหารเพอ่ื เก็บความรอ้ น หรือ

วัสดเุ พ่อื นามาทาภาชนะบรรจุอาหาร การออกแบบระบบระบายความรอ้ น

กรณ์ เพอื่ เกบ็ ความร้อน หรอื การออกแบบ ในอาคาร

ระบบระบายความรอ้ นในอาคาร

เมอ่ื วตั ถุอย่ใู นอากาศจะมแี รงที่ ความดันอากาศ คือ แรงที่อากาศ
อากาศกระทาต่อวัตถุในทุกทศิ ทาง กระทาต่อหนึ่งหน่วยพน้ื ที่ ปัจจัยที่ส่งผล
แรงที่อากาศกระทาตอ่ วัตถุขน้ึ อยู่กบั ต่อความดันอากาศ คือ จานวนโมเลกุล
ขนาดพืน้ ทข่ี องวตั ถุนัน้ แรงทอี่ ากาศ ของอากาศ อุณหภมู ิอากาศ และความสูง
กระทาตั้งฉากกับผิววตั ถตุ ่อหนงึ่ หนว่ ย จากระดบั นา้ ทะเล

พื้นที่ เรียกว่า ความดันอากาศ ความดนั อากาศมี
ความสมั พนั ธก์ บั ความสูงจากพ้ืนโลก โดยบรเิ วณ

ที่สงู จากพืน้ โลกขน้ึ ไป อากาศเบาบางลง มวล
อากาศน้อยลง ความดนั อากาศกจ็ ะ
ลดลง

หนว่ ยท่ี ชอื่ หน่วย มำตรฐำน/ ผเู้ รยี นรูอ้ ะไร
ทำอะไรได้
6 กำรเรยี นรู้ ตัวชวี้ ัด เรียนรูอ้ ะไร
การแบง่ ชนั้ บรรยากาศแตล่ ะ
กระบวนการ ว 3.2 ม.1/1 สรา้ ง ชน้ั

เปล่ยี นแปลงลม แบบจาลองที่ นกั เรยี นทำอะไรได้
สร้างแบบจาลองที่อธบิ ายการ
ฟ้าอากาศ อธิบายการแบง่ ช้ัน แบง่ ช้ันบรรยากาศ

บรรยากาศ และ •

เปรยี บเทียบ

ประโยชนข์ อง

บรรยากาศแต่

ละชัน้

สำระกำรเรียนรู้แกนกลำง สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด

• โลกมบี รรยากาศห่อห้มุ นักวิทยาศาสตรใ์ ช้ บรรยากาศเป็นอากาศที่หอ่ หมุ้ ดาว
สมบัตแิ ละองคป์ ระกอบของบรรยากาศในการ เคราะห์ รวมถงึ โลกของเรา
แบ่งบรรยากาศของโลกออกเป็นช้ัน ซง่ึ แบ่งได้ บรรยากาศประกอบไปด้วยอากาศแห้ง
หลายรูปแบบตามเกณฑ์ท่แี ตกตา่ งกนั ซึ่งเป็นอากาศทไ่ี ม่มไี อนา้ อยู่
โดยทัว่ ไปนกั วิทยาศาสตร์ใช้เกณฑ์การ สว่ นประกอบของอากาศแห้ง ไดแ้ ก่
เปล่ยี นแปลงอณุ หภมู ติ ามความสูง แบ่ง ไนโตรเจน ออกซิเจน อาร์กอน
บรรยากาศได้เป็น 5 ชน้ั ได้แก่ ชั้นโทรโพส คาร์บอนไดออกไซด์ ไอนา้ และอ่ืน ๆ
เฟยี ร์, ชั้นสตราโตสเฟยี ร์, ชน้ั มีโซสเฟยี ร์, ชัน้ นอกจากน้ี บรรยากาศยงั ประกอบไป
เทอร์โมสเฟียร์ และช้นั เอกโซสเฟียร์ ดว้ ยไอน้า และฝุ่นผง ซ่งึ มีบทบาท
สาคญั ต่อการดารงชีวิตของสงิ่ มชี ีวติ
บรรยากาศแต่ละช้ันมปี ระโยชน์ต่อส่งิ มชี วี ิต
แตกตา่ งกนั โดยช้นั โทรโพสเฟยี ร์มปี รากฏการณ์ บรรยากาศของโลกแบง่ เป็น 5 ช้ัน โดยใช้
ลมฟ้าอากาศท่สี าคัญตอ่ การดารงชีวิตของ เกณฑก์ ารเปลีย่ นแปลงอุณหภูมิตามความ
สิ่งมชี วี ติ ชนั้ สตราโตสเฟยี ร์ ชว่ ยดดู กลนื รังสี สงู แบ่งบรรยากาศเปน็ 5 ช้ัน ไดแ้ ก่
อัลตราไวโอเลตจากดวงอาทิตย์ไม่ให้มายังโลก ช้นั โทรโพสเฟยี ร์ ชนั้ สตราโทสเฟยี ร์
มากเกินไป ชั้นมีโซสเฟียร์ ชัน้ เทอรโ์ มสเฟียร์ และช้ัน
ชั้นมโี ซสเฟยี รช์ ่วยชะลอวตั ถนุ อกโลกทผี่ ่านเข้ามา เอกโซสเฟียร์ ซ่งึ บรรยากาศแตล่ ะช้นั มี
ใหเ้ กดิ การเผาไหม้กลายเป็นวัตถุขนาดเลก็ ลด ประโยชน์ตอ่ สงิ่ มชี วี ิตแตกตา่ งกัน
โอกาสทจ่ี ะทาความเสยี หายแก่สิง่ มีชีวติ บนโลก
ชั้นเทอรโ์ มสเฟียรส์ ามารถสะท้อนคล่นื วิทยุ และ
ชน้ั เอกโซสเฟียรเ์ หมาะสาหรบั การโคจรของ
ดาวเทียมรอบโลกในระดบั ต่า

หนว่ ยที่ ชอ่ื หน่วย มำตรฐำน/ ผ้เู รยี นรอู้ ะไร
กำรเรียนรู้
ตวั ชีว้ ัด ทำอะไรได้

ว 3.2 ม.1/2 ผู้เรียนรู้อะไร

อธบิ ายปจั จัยที่มี ปจั จัยทมี่ ีผลต่อการเปล่ียนแป

ผลตอ่ การ องคป์ ระกอบของลมฟา้ อากาศ

เปลย่ี นแปลง

องคป์ ระกอบของ นกั เรยี นทำอะไรได้

ลมฟา้ อากาศ จาก อธบิ ายปัจจยั ทม่ี ีผลต่อการ

ข้อมลู ทร่ี วบรวมได้ เปลี่ยนแปลงองค์ประกอบขอ

ลมฟ้าอากาศ

สำระกำรเรียนรแู้ กนกลำง สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด

ลมฟ้าอากาศเปน็ สภาวะของ -องค์ประกอบของลม ฟ้า อากาศ ได้แก่

ปลง อากาศในเวลาหน่ึงของพื้นทห่ี นงึ่ อุณหภูมิอากาศ ความกดอากาศ ลม ความชน้ื เมฆ

ศ ท่ีมกี ารเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และหยาดนา้ ฟ้า องคป์ ระกอบเหล่านส้ี ง่ ผลต่อลม
ฟ้า อากาศ ณ พนื้ ทีห่ นง่ึ เวลาหนึ่ง ซึ่งมีการ
ข้ึนอย่กู ับองคป์ ระกอบลมฟ้า เปลีย่ นแปลงตลอดเวลา ซง่ึ แตล่ ะพื้นทม่ี ีสภาพลม
อากาศ ไดแ้ ก่ อุณหภูมอิ ากาศ ฟา้ อากาศทแ่ี ตกตา่ งกนั เนื่องจากแต่ละพนื้ ที่
ความกดอากาศ ลม ความชื้น สามารถสะท้อนและดูดกลนื รังสีจากดวงอาทติ ย์

อง เมฆ และหยาดน้าฟา้ โดยหยาด แตกตา่ งกนั

น้าฟ้าท่พี บบ่อย ในประเทศไทย -อุณหภมู ขิ องอากาศ คือ ระดับความรอ้ นเย็นของ

ไดแ้ ก่ ฝน องคป์ ระกอบลมฟา้ อากาศ โดยปัจจัยท่มี ผี ลตอ่ อณุ หภมู ขิ องอากาศ

อากาศเปลีย่ นแปลงตลอดเวลา ได้แก่ รังสจี ากดวงอาทติ ย์ ความสูงจาก
ขึน้ อยู่กับปจั จัยตา่ ง ๆ เช่น ระดบั นา้ ทะเล เมฆปกคลุมทอ้ งฟา้ และลกั ษณะ
ปริมาณรงั สีจากดวงอาทิตยแ์ ละ ของพ้นื ท่ี เครือ่ งมือทีใ่ ชว้ ัดอณุ หภูมขิ องอากาศ
ลักษณะพ้นื ผวิ โลกส่งผลต่อ ได้แก่ เทอรม์ อมิเตอรว์ ดั อุณหภูมิสงู สุด–ตา่ สุด
อุณหภูมอิ ากาศ อณุ หภูมอิ ากาศ
- ความดันอากาศ คือ แรงดนั อากาศท่ีกระทาต่อหนงึ่ หน่วย
พื้นที่ ซง่ึ ปัจจัยท่ีสง่ ผลต่อความดันอากาศ คือ จานวน

และปริมาณไอนา้ สง่ ผลต่อ โมเลกุลของสาร อุณหภูมิ และความสูง การบอกคา่ ความ
ความชื้น ความกดอากาศสง่ ผล
ต่อลม ความช้นื และลมส่งผลตอ่ ดนั อากาศจะใช้เคร่ืองมอื วัดความดนั อากาศ คือ
เมฆ บารอมิเตอร์ปรอท แอนิรอยด์บารอมเิ ตอร์ และ
แอลติมิเตอร์

หนว่ ยที่ ชอ่ื หนว่ ย มำตรฐำน/ ผเู้ รยี นรูอ้ ะไร
กำรเรียนรู้ ตัวช้ีวัด ทำอะไรได้

สำระกำรเรยี นร้แู กนกลำง สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด

-ความชื้นอากาศเป็นปริมาณไอน้าท่ีมี
อยู่ในอากาศ ซึ่งปัจจัยที่มีผลต่อ
ความชื้นอากาศ ได้แก่ อุณหภูมิ
อากาศและลักษณะพื้นท่ี ความชื้น
อากาศสามารถตรวจวัดได้โดยใช้ไฮ
กรอมิเตอร์ และนามาใช้ใน ก าร
พยากรณ์อากาศ
-เมฆและฝน เป็นละอองน้าในอากาศ
โดยเมฆและฝนเกดิ จากการรวมตวั ของ
ไอน้าในอากาศ ปัจจัยที่ส่งผลต่อ
ปริมาณเมฆและฝน ได้แก่ ความชื้น
อากาศ และความกดอากาศ การวัด
ปริมาณเมฆ สามารถวัดได้โดยการ
สั ง เ ก ต สั ด ส่ ว น ป ริ ม า ณ เ ม ฆ ต่ อ พ้ื น ท่ี
ท้องฟ้า 10 ส่วน ส่วนการวัดปริมาณ
ฝนใช้ภาชนะทรงกระบอกวัดระดับ
น้าฝน

หนว่ ยที่ ชอ่ื หน่วย มำตรฐำน/ ผู้เรียนรูอ้ ะไร

กำรเรียนรู้ ตวั ช้วี ัด ทำอะไรได้

ว 3.2 ม.1/3 ผเู้ รียนรูอ้ ะไร

เปรียบเทียบ -เปรยี บเทียบกระบวนการเกิดพาย

กระบวนการเกดิ ฟ้าคะนองและพายหุ มุนเขตร้อน

พายุฝนฟ้าคะนอง

และพายุหมนุ เขต

ร้อน และผลท่มี ีตอ่ นกั เรียนทำอะไรได้

สงิ่ มชี วี ติ และ บอกผลทม่ี ีต่อสง่ิ มชี ีวิตและสิ่งแวดล

สงิ่ แวดลอ้ ม รวมท้งั

นาเสนอแนว

ทางการปฏบิ ัตติ นให้

เหมาะสมและ

ปลอดภัย

สำระกำรเรียนรู้แกนกลำง สำระสำคัญ/ควำมคิดรวบยอด

• พายุฝนฟ้าคะนอง เกิดจากการท่ีอากาศท่ีมี - พายุฝนฟ้าคะนอง เป็นลมฟ้าอากาศ

ยฝุ น อุณหภูมิและความชื้นสูงเคล่ือนที่ข้ึนสู่ระดับ รปู แบบหน่ึงซึง่ เกดิ ขึ้นเมือ่ มีเมฆควิ มู

ความสูงที่มีอุณหภูมิต่าลง จนกระทั่งไอน้าใน โลนมิ บัส สว่ นใหญ่เกิดใน เฉพาะถ่นิ ใน

อากาศเกิดการควบแน่นเป็นละอองน้า และ ระยะเวลาสน้ั

เกิดต่อเน่ืองเป็นเมฆขนาดใหญ่ พายุฝนฟ้า - พายหุ มนุ เขตร้อน เกิดขึ้นบริเวณ

คะนอง ทาให้เกิดฝนตกหนัก ลมกรรโชกแรง มหาสมทุ รและทะเลในเขตร้อนเทา่ น้ัน

ฟ้าแลบฟ้าผ่า ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อ ทาใหเ้ กิดคลนื่ ขนาดใหญ่ใน ทะเล มีผล
ล้อม ชวี ติ และทรัพย์สนิ
ต่อการเดินเรอื

พายหุ มุนเขตร้อนเกิดเหนอื มหาสมุทร หรอื ทะเล

ที่น้าอุณหภมู สิ งู ต้ังแต่ 26–27 องศาเซลเซยี สขน้ึ

ไป ทาให้อากาศทม่ี อี ุณหภูมแิ ละความช้นื สูง

บริเวณนัน้ เคลอื่ นทีส่ ูงขนึ้ อย่างรวดเร็วเปน็ บริเวณ

กวา้ ง อากาศจากบริเวณอ่นื เคล่ือนเข้ามาแทนท่ี

และพดั เวียนเขา้ หาศนู ย์กลางของพายุ ยงิ่ ใกล้

ศนู ยก์ ลางอากาศจะเคล่อื นท่พี ัดเวียนเกือบเป็น

วงกลม และมีอัตราเร็วสูงที่สุด พายหุ มุนเขตร้อน

ทาใหเ้ กิดคลนื่ พายซุ ดั ฝั่ง ฝนตกหนกั ซึง่ อาจ

กอ่ ใหเ้ กดิ อันตรายตอ่ ชวี ติ และทรพั ย์สิน จงึ ควร

ปฏบิ ัตติ นใหป้ ลอดภัยโดยติดตามข่าวสาร การ

พยากรณอ์ ากาศ และไม่เขา้ ไปอยใู่ นพื้นท่ี

ทเี่ สี่ยงภัย

หนว่ ยท่ี ชอ่ื หน่วย มำตรฐำน/ ผู้เรยี นรูอ้ ะไร

กำรเรียนรู้ ตวั ชว้ี ัด ทำอะไรได้

ว 3.2 ม.1/4อธิบายการ ผู้เรียนรอู้ ะไร

พยากรณ์อากาศ และ การพยากรณอ์ ากาศ และพยาก

พยากรณ์อากาศอยา่ ง อากาศ

ง่ายจากขอ้ มลู ทรี่ วบรวม นักเรียนทำอะไรได้

ได้ อธิบายการพยากรณอ์ ากาศ แล

พยากรณอ์ ากาศ

ว 3.2 ม.1/5 ตระหนกั ถงึ ผู้เรยี นรอู้ ะไร
คุณคา่ ของการพยากรณ์ การใชป้ ระโยชนจ์ ากคาพยากรณ์อา
อากาศโดยนาเสนอแนว นกั เรยี นทำอะไรได้
ทางการปฏิบัติตน และการ อธบิ าพยากรณ์อากาศจากสถานการ
ใช้ประโยชนจ์ ากคา กาหนดให้
พยากรณอ์ ากาศ
เรยี นรูอ้ ะไร
ว 3.2 ม.1/6 อธบิ าย ผลกระทบการเปลี่ยนแปลงภมู
สถานการณ์และ โลก
ผลกระทบการ นักเรยี นทำอะไรได้
เปลีย่ นแปลงภมู ิอากาศ แผนผังสถานการณแ์ ละผลกระ
โลกจากข้อมูลที่ เปลี่ยนแปลงภมู อิ ากาศโลก
รวบรวมได้

สำระกำรเรยี นรู้แกนกลำง สำระสำคัญ/ควำมคิดรวบยอด

การพยากรณอ์ ากาศเปน็ การคาดการณ์ เกณฑ์ในการพยากรณอ์ ากาศของ

กรณ์ ลมฟ้าอากาศท่ีจะเกิดข้นึ ในอนาคตโดย กรมอุตุนยิ มวิทยา ได้แก่ เกณฑ์อากาศ
ร้อน เกณฑอ์ ากาศเยน็ เกณฑ์การ
มีการตรวจวดั องค์ประกอบลมฟา้
กระจายของฝน เกณฑป์ รมิ าณฝน
ละ อากาศ การสื่อสารแลกเปลีย่ นขอ้ มูล เกณฑป์ รมิ าณเมฆในท้องฟ้า เกณฑ์
องคป์ ระกอบลมฟ้าอากาศระหว่างพื้นท่ี สถานะของทะเล ร่องมรสมุ ลมพดั สอบ

การวิเคราะหข์ อ้ มูล และสร้างคา บริเวณความกดอากาศสูง บรเิ วณความ

พยากรณ์อากาศ กดอากาศต่า เปน็ ต้น

การพยากรณ์อากาศสามารถนามาใช้ แผนที่อากาศ เป็นแผนที่แสดงสภาพ

ากาศ ประโยชน์ด้านตา่ ง ๆ เช่น การใช้ ลมฟา้ อากาศในชว่ งเวลาหนงึ่ ข้อมูลใน

ชีวติ ประจาวัน การคมนาคม การเกษตร การ แผนที่อากาศจะนาไปใช้ในการ

รณ์ท่ี ป้องกัน และเฝ้าระวังภัยพิบตั ทิ างธรรมชาติ พยากรณอ์ ากาศ

มอิ ากาศ ภูมอิ ากาศโลกเกดิ การเปลีย่ นแปลงอยา่ งต่อเนื่องโดย การเปลีย่ นแปลงอุณหภมู ิของโลก สว่ น
ะทบการ ปจั จัยทางธรรมชาติ แต่ปัจจุบันการเปล่ียนแปลง หนึ่งมาจากผลการทากิจกรรมของ
ภูมิอากาศเกิดขึน้ อย่างรวดเรว็ เนอื่ งจากกจิ กรรมของ มนุษย์ ทาใหเ้ กิดฝนุ่ ละอองและมี
มนุษยใ์ นการปลดปลอ่ ยแก๊สเรอื นกระจกสู่บรรยากาศ แก๊สเรอี นกระจกในบรรยากาศ เพม่ิ
มากขึน้ อยา่ งรวดเร็ว สง่ ผลทาให้
แกส๊ เรือนกระจกที่ถูกปลดปล่อยมากทส่ี ุด ไดแ้ ก่ อณุ หภมู ิอากาศของโลกสงู ข้นึ และมี
แนวโน้มสูงขึน้ เรอ่ื ย ๆ
แกส๊ คาร์บอนไดออกไซด์ซง่ึ หมุนเวียนอยู่ในวฏั
จักรคาร์บอน

หนว่ ยที่ ชอ่ื หน่วย มำตรฐำน/ ผูเ้ รยี นรู้อะไร
กำรเรียนรู้
ตวั ชว้ี ัด ทำอะไรได้

ว 3.2 ม.1/7 ผู้เรยี นรอู้ ะไร

ตระหนกั ถงึ ผลกระทบของการเปล่ียนแปล

ผลกระทบของ ภูมิอากาศโลก

การเปลีย่ นแปลง

ภมู ิอากาศโลกโดย
นาเสนอแนว นักเรยี นทำอะไรได้
ทางการปฏบิ ตั ิตน บอกแนวทางการ ปฏบิ ัติตน ภ
การเปลีย่ นแปลงภมู ิอากาศโลก
ภายใต้การ

เปลีย่ นแปลง

ภูมอิ ากาศโลก

สำระกำรเรยี นรแู้ กนกลำง สำระสำคัญ/ควำมคิดรวบยอด

การเปลยี่ นแปลงภูมิอากาศโลก การเกดิ โรคอุบตั ิใหม่และอุบัตซิ า้ และ

ลง ก่อให้เกิดผลกระทบตอ่ ส่ิงมชี ีวติ และ การเกดิ ภัยพบิ ัติทางธรรมชาติท่รี ุนแรง

สิ่งแวดลอ้ ม เช่น การหลอมเหลวของ ขึน้ มนษุ ย์จึงควรเรียนรู้แนวทางการ

นา้ แขง็ ขั้วโลก การเพม่ิ ขึ้นของ ปฏิบตั ติ นภายใตส้ ถานการณด์ ังกล่าว

ระดบั น้าทะเล การเปลย่ี นแปลงวัฏ ท้ังแนวทางการปฏบิ ัติ

จกั รน้า การเกดิ โรคอุบตั ใิ หมแ่ ละอบุ ตั ิ
ภายใต้ ซา้ และการเกดิ ภยั พบิ ตั ิทาง
ก ธรรมชาติท่รี นุ แรงข้นึ มนุษย์จงึ ควร

เรียนร้แู นวทางการปฏิบตั ติ นภายใต้

สถานการณด์ ังกลา่ ว ท้ังแนวทางการ

ปฏิบัตใิ ห้เหมาะสม และแนวทางการ

ลดกิจกรรม ที่สง่ ผลตอ่ การ

เปลี่ยนแปลงภมู ิอากาศโลก

รำยวชิ ำ วทิ ยำศำสตร์ 2 (ว21102) โครงสร
ช้นั มัธยมศกึ ษำปีที่ 1
จำนวน 1.5 หนว่ ยกิต สำระกำรเรยี นรแู้ กนกลำง

หนว่ ยท่ี ชือ่ หน่วย มำตรฐำน/ • ปริมาณความร้อนท่ีทาให้สส
กำร ตวั ชวี้ ัด เปลี่ยน
เรยี นรู้
อุณหภูมิข้ึนกับมวล ความร้อนจาเพ
5 พลังงำน ว 2.3 ม.1/1 วิเคราะห์ และอุณหภูมิท่ีเปลี่ยนไปปริมาณคว
ควำม แปลความหมายข้อมลู ร้อนที่
รอ้ น และคานวณ ปรมิ าณความ ทาให้สสารเปลี่ยนสถานะขึ้นกับม
และ ความร้อนแฝงจาเพาะ โ
รอ้ นทท่ี าให้สสารเปล่ยี น ขณะทสี่ สารเปลย่ี นสถานะ อุณหภูม
อุณหภูมแิ ละเปลย่ี น ไมเ่ ปลีย่ นแปลง
สถานะ โดยใชส้ มการ
Q = mc∆t และ Q =
mL

ร้ำงรำยวชิ ำ

กลุม่ สำระกำรเรียนร้วู ิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี

ภำคเรยี นที่ 2 เวลำ 60 ช่วั โมง

อัตรำสว่ นคะแนน 80 : 20

สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด เวลำ นำ้ หนัก

(ชัว่ โมง) คะแนน

สาร สารเม่ือไดร้ ับความร้อนอาจมกี ารเปลย่ี นแปลง 4 7
อณุ หภูมิ สถานะ หรอื รปู รา่ งของสาร เม่ือสาร

พาะ ได้รับความรอ้ นจะทาใหอ้ นุภาคเคลือ่ นท่ีเร็วขึ้น
วาม ทาใหเ้ กิดการขยายตัวและหดตวั สง่ ผลให้ขนาด
มวล และรปู ร่างเปลี่ยนแปลงไป

โดย สารเม่อื ได้รบั ความร้อนจะทาให้อณุ หภมู ขิ องสารสาร
มิ จะ เปล่ียนแปลง แตส่ ถานะของสารไม่เปล่ียนแปลง ซ่งึ

ปริมาณความร้อนที่ทาใหอ้ ุณหภมู ขิ องสารเปล่ยี นแปลง
ข้นึ อย่กู บั มวล ความรอ้ นจาเพาะ และอุณหภมู ิท่ี
เปล่ียนแปลงไป และสารเมือ่ ได้รับความรอ้ นจะทาให้
สารเปล่ียนสถานะ แตอ่ ณุ หภูมิของสารไม่เปล่ยี นแปลง
เนื่องจากอนภุ าคของสารอยหู่ ่างกันมาก ซ่งึ ปรมิ าณ
ความร้อนทท่ี าใหส้ ารเปลีย่ นสถานะขึ้นอย่กู ับมวลและ
ความร้อนจาเพาะ

หนว่ ยที่ ชอ่ื หน่วย มำตรฐำน/ สำระกำรเรียนรูแ้ กนก
กำรเรียนรู้ ตัวช้วี ัด
เม่ือสสารไดร้ ับหรือสูญเสียคว
ว 2.3 ม.1/2 ใช้เทอร์มอ ทาให้สสารเปล่ียนอุณหภมู ิ เป
มเิ ตอรใ์ นการวัดอุณหภมู ิ หรือเปล่ียนรูปรา่ ง

ของสสาร

ว 2.3 ม.1/3 สร้าง • ความร้อนทาให้สสารขยายต
แบบจาลองท่ีอธบิ าย ได้ เน่ืองจากเมื่อสสารได้รับ
การขยายตัว หรอื หด ทาให้อนุภาคเคลื่อนท่ีเร็วข
ตัวของสสาร การขยายตัว แต่เม่ือสสารค
เนอื่ งจากไดร้ ับ หรือ จะทาให้อนุภาคเคลื่อนที่ช้า
การหดตัว
สูญเสยี ความรอ้ น

กลำง สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด เวลำ น้ำหนัก
(ช่วั โมง) คะแนน
ความร้อนอาจ เคร่อื งมือวดั อณุ หภมู ิ เรียกวา่ เทอร์มอ
ปล่ียนสถานะ มิเตอร์ (thermometer) มี 2 แบบ คอื เทอร์ 4 7

มอมเิ ตอร์แบบ กระเปาะ ใช้หลกั การการ 5
ขยายตัวและหดตัวของของเหลวทบ่ี รรจุอยู่ใน
กระเปาะตามอุณหภูมิภายนอก เทอรม์ อ
มิเตอร์แบบดิจิทลั ภายในมไี มโครชปิ สามารถ
เปล่ียนกระแสไฟฟ้าให้เปน็ ตัวเลข ซงึ่ เปน็ ค่า
อุณหภมู ขิ ณะนนั้ ได้ โดยหน่วยวัดอณุ หภูมมิ อี ยู่
หลายหน่วย ได้แก่ องศาเซลเซยี ส เคลวนิ
องศาฟาเรนไฮต์ และองศาโรเมอร์

แตล่ ะหน่วยจะมีจุดเยือกแข็ง และจุด
เดอื ดแตกต่างกัน หากตอ้ งการ
เปรยี บเทียบค่าอณุ หภูมริ ะหว่างหน่วยวดั
อุณหภมู ิ จะได้สมการ ดงั น้ี

C/5 = (K-273)/5 = (F-32)/9 =R/4

ตัวหรือหดตัว • ความร้อนจะทาให้อนุภาคเคลื่อนที่เร็วขึ้น
บความร้อนจะ ทาให้เกิดการขยายตัว แต่เมื่อสสารคาย
ขึ้น ทาให้เกิด ความร้อน จะทาให้อนุภาคเคล่ือนท่ีช้าลง
คายความร้อน ทาให้เกิดการหดตวั
าลง ทาให้เกิด

หนว่ ยที่ ชอ่ื หน่วย มำตรฐำน/ สำระกำรเรยี นรู้แกนก
กำรเรียนรู้
ตัวชีว้ ัด

ว 2.3 ม.1/4 ความรูเ้ รอื่ งการหดและขยาย

ตระหนักถงึ ประโยชน์ สสารเนอ่ื งจากความรอ้ น นา
ของความรูข้ องการ
หดและขยายตัวของ ประโยชน์ ในดา้ นตา่ ง ๆ เชน่
สสารเนอื่ งจากความ สร้างถนน การสร้าง รางร
ร้อน โดยวเิ คราะห์ ทาเทอร์มอมเิ ตอร์

สถานการณป์ ญั หา

และเสนอแนะวธิ ีการ

นาความรมู้ า

แกป้ ัญหา ใน

ชวี ิตประจาวัน

ว 2.3 ม.1/5 • ความรอ้ นถา่ ยโอนจากสสารท

วเิ คราะหส์ ถานการณ์ สูงกวา่ ไปยังสสารท่ีมีอุณหภมู

การถา่ ยโอนความ จนกระทงั่ อุณหภมู ขิ องสสารท

ร้อน และคานวณ เทา่ กนั สภาพทส่ี สารทง้ั สองม

ปรมิ าณความร้อนท่ี เทา่ กนั เรยี กว่า สมดลุ ความร

ถา่ ยโอนระหว่างสสาร เม่อื มีการถ่ายโอนความร้อนจาก

จนเกิดสมดุลความ อุณหภูมิตา่ งกนั จนเกดิ สมดลุ ควา
รอ้ นโดยใชส้ มการ ความร้อนท่เี พิม่ ข้ึนของสสารหน
Qสญู เสยี = Qได้รบั ความรอ้ นท่ีลดลงของอกี สสารหน
เปน็ ไปตามกฎการอนรุ ักษ์พลังงา

กลำง สำระสำคัญ/ควำมคิดรวบยอด เวลำ นำ้ หนกั
(ชั่วโมง) คะแนน

ยตวั ของ ประโยชน์ ในด้านต่าง ๆ เช่น การสร้างถนน 5
าไปใช้ การสร้างรางรถไฟ การทาเทอร์มอมิเตอร์
น การ
รถไฟ การ

ที่มีอณุ หภมู ิ สารทม่ี อี ุณหภูมิแตกต่างกนั เกดิ การถ่ายโอน 2 10

มิต่ากวา่ ความรอ้ นระหวา่ งกนั จนกระทงั่ อุณหภูมิ
ทัง้ สอง ของสารเทา่ กัน เรยี กสภาพนีว้ า่ สมดุล
มอี ณุ หภูมิ ความร้อน โดยความรอ้ นที่เพิ่มขนึ้ ของ
รอ้ น สารหน่งึ จะเท่ากับความรอ้ นทีล่ ดลงของ
กสสารท่ีมี อกี สารหนงึ่ ซง่ึ เป็นไปตามกฎการอนุรกั ษ์
ามร้อน

นงึ่ จะเทา่ กับ พลังงาน การถา่ ยโอนความรอ้ นจนเกิด

น่ึง ซง่ึ สมดุลความรอ้ นเปน็ ไปตามสมการ Q

าน สูญเสยี = Qไดร้ บั

หนว่ ยที่ ชอ่ื หน่วย มำตรฐำน/ สำระกำรเรียนรู้แกนก
กำรเรียนรู้ ตวั ชีว้ ัด
ว 2.3 ม.1/6. สรา้ ง การถ่ายโอนความร้อนมี 3 แ
แบบจาลองท่อี ธบิ าย การนาความรอ้ น การพา-
การถ่ายโอนความ รอ้ น และการแผร่ ังสีความร้อน กา
โดยการนาความรอ้ น รอ้ นเปน็ การถา่ ยโอนควา
การพาความรอ้ น การ อาศัยตวั กลาง โดยท่ตี วั กลาง
แผร่ งั สี ความร้อน เคลอื่ นท่ีการพาความรอ้ นเป
โอนความร้อนท่อี าศยั ตัวกลา
ตวั กลางเคล่อื นทไี่ ปด้วย ส่วน
รังสคี วามร้อนเปน็ การถ่ายโอ
ร้อนทไ่ี มต่ ้องอาศยั ตวั กลาง

ว 2.3 ม.1/7 ออกแบบ ความรเู้ ก่ียวกบั การถา่ ยโอนค

เลอื กใช้ และสรา้ ง สามารถนาไปใช้ประโยชนใ์ น

อปุ กรณเ์ พ่อื แก้ปญั หา ชวี ิตประจาวนั ได้ เช่น การเล

ในชวี ติ ประจาวันโดยใช้ เพอ่ื นามาทาภาชนะบรรจุอา

ความรเู้ กี่ยวกบั การถ่าย เกบ็ ความรอ้ น หรอื การออก

โอนความรอ้ น ระบายความรอ้ นในอาคาร

กลำง สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด เวลำ นำ้ หนกั
(ช่วั โมง) คะแนน
แบบ คอื สารที่มอี ณุ หภมู แิ ตกตา่ งกนั จะมกี าร
ความรอ้ น ถ่ายโอนความรอ้ นระหวา่ งกนั การ 8 5
ารนาความ ถา่ ยโอนความรอ้ นมี 3 แบบ คอื
ามร้อนท่ี การนาความรอ้ น การพาความรอ้ น 5
งไม่ และการแผ่รังสคี วามร้อน ซึง่ การนา
ปน็ การถา่ ย ความร้อนเปน็ การถา่ ยโอนความรอ้ น
าง โดยที่ ที่อาศยั ตวั กลาง โดยตัวกลางไม่
นการแผ่ เคล่ือนท่ี การพาความร้อนเปน็ การ
อนความ ถา่ ยโอนความร้อนท่ีอาศยั ตวั กลาง
โดยตวั กลางมกี ารเคล่ือนท่ี ส่วนการ
ความร้อน แผร่ ังสคี วามร้อนเปน็ การถา่ ยโอน
น ความรอ้ นที่ไม่อาศยั ตวั กลาง
ลือกใช้วสั ดุ
าหารเพื่อ ประโยชนใ์ นชวี ิตประจาวันได้ เช่น การเลือกใช้
กแบบระบบ วสั ดุเพื่อนามาทาภาชนะบรรจอุ าหารเพื่อเกบ็
ความร้อน หรือการออกแบบระบบระบาย
ความร้อนในอาคาร

หนว่ ยที่ ชอ่ื หน่วย มำตรฐำน/ สำระกำรเรียนรูแ้ กนก
กำรเรยี นรู้ ตวั ชี้วัด
6 กระบวนการ ว 2.2 ม.1/1 สร้าง เม่อื วัตถอุ ยใู่ นอากาศจะมีแร
เปลย่ี นแปลงลม แบบจาลองที่ กระทาต่อวตั ถใุ นทกุ ทิศทาง
ฟ้าอากาศ อธิบาย อากาศกระทาต่อวตั ถุข้ึนอยกู่
ความสมั พันธ์ พื้นท่ขี องวตั ถุนั้น แรงที่อากา
ระหว่างความดนั ตงั้ ฉากกับผวิ วตั ถตุ อ่ หนึ่งหน
อากาศกบั ความสงู เรยี กวา่ ความดนั อากาศ คว
จากพ้นื โลก อากาศมีความสัมพันธก์ บั คว
พื้นโลก โดยบรเิ วณท่ีสูงจากพ
ไป อากาศเบาบางลง มวลอา
นอ้ ยลง ความดันอากาศก็จะ

กลำง สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด เวลำ นำ้ หนกั
(ช่ัวโมง) คะแนน
รงท่ีอากาศ ความดันอากาศ คือ แรงที่อากาศกระทา
แรงที่ ต่อหน่ึงหน่วยพ้ืนที่ ปัจจัยที่ส่งผลต่อความ 2 5
กบั ขนาด ดันอากาศ คือ จานวนโมเลกุลของอากาศ
าศกระทา อุ ณหภู มิ อากาศ และความสู ง จ าก
นว่ ยพ้ืนที่ ระดับนา้ ทะเล
วามดัน
วามสงู จาก
พ้ืนโลกข้นึ
ากาศ
ะลดลง

หนว่ ยท่ี ชื่อหนว่ ย มำตรฐำน/ สำระกำรเรยี นรู้แกนก

6 กำรเรยี นรู้ ตัวชี้วัด

กระบวนการ ว 3.2 ม.1/1 สร้าง • โลกมีบรรยากาศหอ่ หุ้ม นักว

เปลีย่ นแปลงลม แบบจาลองทีอ่ ธิบาย ใช้สมบัติและองคป์ ระกอบขอ
ฟา้ อากาศ การแบง่ ชนั้ ในการแบง่ บรรยากาศของโล
บรรยากาศ และ ชนั้ ซงึ่ แบ่งไดห้ ลายรูปแบบต
เปรียบเทียบ แตกตา่ งกัน โดยท่ัวไปนักวิทย
ประโยชนข์ อง เกณฑ์การเปล่ียนแปลงอณุ ห
บรรยากาศแต่ สูง แบง่ บรรยากาศไดเ้ ป็น 5
ชั้นโทรโพสเฟยี ร์, ชนั้ สตราโต

ละช้นั มีโซสเฟยี ร์, ชน้ั เทอร์โมสเฟยี

เอกโซสเฟียร์

บรรยากาศแต่ละชั้นมปี ระโย

ส่ิงมชี ีวิตแตกตา่ งกัน โดยช้ัน

เฟียร์มีปรากฏการณล์ มฟ้าอา

สาคัญต่อการดารงชวี ติ ของส

สตราโตสเฟยี ร์ ชว่ ยดูดกลืนร

อัลตราไวโอเลตจากดวงอาท

มายงั โลกมากเกนิ ไป

ชน้ั มโี ซสเฟยี รช์ ว่ ยชะลอวัตถ

ผา่ นเขา้ มาใหเ้ กิดการเผาไหม

วัตถุขนาดเลก็ ลดโอกาสท่ีจะ

กลำง สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด เวลำ น้ำหนัก
(ช่วั โมง) คะแนน
วทิ ยาศาสตร์ บรรยากาศเปน็ อากาศที่หอ่ หมุ้ ดาว
6 10

องบรรยากาศ เคราะห์ รวมถงึ โลกของเรา บรรยากาศ
ลกออกเปน็ ประกอบไปด้วยอากาศแห้ง ซ่ึงเป็น
ตามเกณฑ์ที่
ยาศาสตรใ์ ช้ อากาศทไ่ี มม่ ไี อนา้ อยู่ สว่ นประกอบของ
หภูมติ ามความ อากาศแหง้ ได้แก่ ไนโตรเจน ออกซิเจน

ชัน้ ได้แก่ อาร์กอน คารบ์ อนไดออกไซด์ ไอน้า

ตสเฟียร,์ ชั้น และอ่นื ๆ นอกจากนี้ บรรยากาศยงั

ยร์ และชัน้ ประกอบไปดว้ ยไอน้า และฝุน่ ผง ซงึ่ มี

ยชน์ตอ่ บทบาทสาคัญต่อการดารงชวี ติ ของ
นโทรโพส สิ่งมชี วี ิต
ากาศที่
บรรยากาศของโลกแบง่ เป็น 5 ชั้น โดยใช้
เกณฑก์ ารเปล่ียนแปลงอุณหภูมติ ามความสูง

สง่ิ มีชวี ิต ชนั้ แบง่ บรรยากาศเป็น 5 ชนั้ ได้แก่

รังสี ชั้นโทรโพสเฟยี ร์ ชนั้ สตราโทสเฟยี ร์
ทติ ยไ์ ม่ให้ ชน้ั มีโซสเฟียร์ ชน้ั เทอรโ์ มสเฟยี ร์ และช้นั เอก
โซสเฟียร์ ซ่ึงบรรยากาศแตล่ ะช้นั มปี ระโยชน์

ถนุ อกโลกท่ี ต่อสิง่ มีชีวิตแตกต่างกัน

มก้ ลายเปน็

ะทาความ

หนว่ ยท่ี ชอื่ หนว่ ย มำตรฐำน/ สำระกำรเรียนรแู้ กนกล
กำรเรยี นรู้
ตวั ชี้วัด

เสียหายแก่ส่งิ มีชีวิตบนโลก ช

เทอรโ์ มสเฟียร์สามารถสะทอ้

คลนื่ วทิ ยุ และช้นั เอกโซสเฟยี

เหมาะสาหรับการโคจรของ

ดาวเทยี มรอบโลกในระดบั ต

ว 3.2 ม.1/2 ลมฟา้ อากาศเปน็ สภาวะของ

อธบิ ายปัจจยั ทีม่ ี อากาศในเวลาหนง่ึ ของพ้ืนท

ผลต่อการ มกี ารเปล่ียนแปลงตลอดเวล

เปลีย่ นแปลง ขน้ึ อยกู่ ับองคป์ ระกอบลมฟา้

องคป์ ระกอบของ อากาศ ไดแ้ ก่ อุณหภมู อิ ากา

ลมฟา้ อากาศ จาก ความกดอากาศ ลม ความช้นื

ขอ้ มูลทร่ี วบรวมได้ และหยาดนา้ ฟ้า โดยหยาดน

พบบอ่ ย ในประเทศไทย ได้แ

องค์ประกอบลมฟ้าอากาศ

เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาข้นึ อ

ปัจจยั ต่าง ๆ เชน่ ปริมาณรัง

ดวงอาทิตยแ์ ละลกั ษณะพื้นผ

ส่งผลตอ่ อุณหภมู ิอากาศ อณุ

อากาศ และปริมาณไอน้าส่ง

ลำง สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด เวลำ นำ้ หนกั
(ชวั่ โมง) คะแนน

ชั้น 8
อน
ยร์

ต่า

ง -องค์ประกอบของลม ฟ้า อากาศ ไดแ้ ก่ 17

ที่หนงึ่ ท่ี อณุ หภมู อิ ากาศ ความกดอากาศ ลม ความชน้ื

ลา เมฆ และหยาดนา้ ฟ้า องคป์ ระกอบเหล่าน้ี

า สง่ ผลต่อลม ฟา้ อากาศ ณ พ้ืนท่หี นึ่ง เวลา

าศ หนึง่ ซึ่งมีการเปลยี่ นแปลงตลอดเวลา ซึ่งแต่

น เมฆ ละพ้ืนทมี่ สี ภาพลม ฟ้า อากาศทแี่ ตกต่างกัน

นา้ ฟา้ ที่ เนือ่ งจากแตล่ ะพืน้ ทสี่ ามารถสะทอ้ นและ

แก่ ฝน ดูดกลนื รงั สจี ากดวงอาทติ ย์แตกตา่ งกัน

-อุณหภมู ิของอากาศ คอื ระดับความร้อนเยน็ ของ

อยู่กบั อากาศ โดยปจั จยั ทมี่ ผี ลตอ่ อุณหภูมิของอากาศ
งสจี าก ไดแ้ ก่ รงั สจี ากดวงอาทติ ย์ ความสูงจาก
ผิวโลก ระดับนา้ ทะเล เมฆปกคลุมท้องฟ้า และลกั ษณะของ
ณหภมู ิ พน้ื ท่ี เคร่อื งมือทใ่ี ชว้ ัดอุณหภมู ิของอากาศ ได้แก่
งผลต่อ เทอรม์ อมเิ ตอร์วัดอณุ หภูมสิ ูงสดุ –ต่าสุด

-

หนว่ ยท่ี ชอ่ื หนว่ ย มำตรฐำน/ สำระกำรเรยี นรแู้ กนกลำง
กำรเรียนรู้ ตัวชว้ี ัด
ความช้นื ความกดอากาศส่ง
ตอ่ ลม ความช้นื และลมสง่ ผ
ตอ่ เมฆ

ง สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด เวลำ นำ้ หนกั
(ชัว่ โมง) คะแนน
งผล ความดนั อากาศ คอื แรงดนั อากาศท่กี ระทาต่อ
ผล หนึง่ หน่วยพน้ื ที่ ซึง่ ปจั จัยท่สี ง่ ผลต่อความดนั

อากาศ คือ จานวนโมเลกลุ ของสาร อณุ หภมู ิ
และความสูง การบอกค่าความดนั อากาศจะใช้
เครือ่ งมือวดั ความดันอากาศ คือ บารอมิเตอร์
ปรอท แอนริ อยดบ์ ารอมิเตอร์ และแอลตมิ ิเตอร์
-ความชื้นอากาศเป็นปริมาณไอน้าที่มีอยู่ใน
อากาศ ซึ่งปัจจัยที่มีผลต่อความช้ืนอากาศ ได้แก่
อุณหภูมิ อากาศและลักษณะพื้นที่ ความชื้น
อากาศสามารถตรวจวัดได้โดยใช้ไฮกรอมิเตอร์
และนามาใช้ในการพยากรณอ์ ากาศ
-เมฆและฝน เป็นละอองน้าในอากาศ โดยเมฆ
และฝนเกิดจากการรวมตัวของไอน้าในอากาศ
ปัจจัยที่ส่งผลต่อปริมาณเมฆและฝน ได้แก่
ความช้ืนอากาศ และความกดอากาศ การวัด
ปริมาณเมฆ สามารถวัดได้โดยการสังเกตสัดส่วน
ปริมาณเมฆต่อพื้นท่ีท้องฟา้ 10 ส่วน ส่วนการวัด
ปรมิ าณฝนใชภ้ าชนะทรงกระบอกวัดระดบั นา้ ฝน

หนว่ ยที่ ชอ่ื หน่วย มำตรฐำน/ สำระกำรเรียนร้แู ก

กำรเรียนรู้ ตัวชวี้ ัด

ว 3.2 ม.1/3 • พายุฝนฟ้าคะนอง เกิดจากการท

เปรียบเทียบ ความชน้ื สูงเคลือ่ นที่ข้ึนสู่ระดับคว

กระบวนการเกิดพายุ จนกระทง่ั ไอน้าในอากาศเกดิ การค
และเกิดต่อเนื่องเป็นเมฆขนาดใ
ฝนฟ้าคะนองและ ทาให้เกิดฝนตกหนัก ลมกรรโชก
พายหุ มุนเขตรอ้ น อาจกอ่ ใหเ้ กดิ อนั ตรายตอ่ ชีวิตและ

และผลที่มีตอ่ พายหุ มุนเขตร้อนเกดิ เหนือมหาส

สิ่งมชี ีวติ และ อณุ หภูมิสงู ตัง้ แต่ 26–27 องศาเซ

สิง่ แวดล้อม รวมทงั้ อากาศท่มี ีอุณหภูมิและความชนื้ ส
นาเสนอแนวทางการ เคลอื่ นท่ีสงู ขึ้นอยา่ งรวดเร็วเป็นบ
ปฏิบตั ิตนให้
จากบรเิ วณอ่ืนเคลอ่ื นเข้ามาแทน
เหมาะสมและ
หาศูนย์กลางของพายุ ยิ่งใกล้ศนู
ปลอดภัย
เคลอื่ นทพี่ ัดเวียนเกือบเปน็ วงกล

ที่สุด พายุหมุนเขตร้อนทาใหเ้ กดิ

ตกหนัก ซ่งึ อาจก่อให้เกิดอนั ตรา

ทรัพย์สนิ จึงควรปฏบิ ตั ติ นให้ปล

ข่าวสาร การพยากรณอ์ ากาศ แล

พื้นทีท่ ่ีเส่ียงภัย

กนกลำง สำระสำคญั /ควำมคิดรวบยอด เวลำ น้ำหนกั
(ชวั่ โมง) คะแนน
ท่อี ากาศที่มีอณุ หภูมิและ - พายฝุ นฟา้ คะนอง เป็นลมฟา้
3 10
วามสูงท่มี ีอณุ หภูมิต่าลง อากาศรปู แบบหนงึ่ ซ่ึงเกดิ ขึน้ เม่ือมี
3 2
ควบแน่นเป็นละอองน้า เมฆควิ มโู ลนมิ บัส สว่ นใหญ่เกดิ ใน

ใหญ่ พายุฝนฟ้าคะนอง เฉพาะถิ่นในระยะเวลาสั้น

กแรง ฟ้าแลบฟ้าผ่า ซ่ึง - พายหุ มนุ เขตร้อน เกิดข้ึนบรเิ วณ

ะทรพั ย์สนิ มหาสมุทรและทะเลในเขตรอ้ น

สมุทร หรือทะเลท่ีน้า เท่านัน้ ทาให้เกิดคล่ืนขนาดใหญใ่ น
ซลเซยี สขนึ้ ไป ทาให้ ทะเล มผี ลต่อการเดนิ เรือ

สงู บรเิ วณนน้ั

บริเวณกวา้ ง อากาศ

นที่ และพดั เวียนเข้า

นยก์ ลางอากาศจะ

ลม และมอี ตั ราเร็วสูง

ดคลน่ื พายุซดั ฝ่ัง ฝน

ายตอ่ ชวี ติ และ

ลอดภัยโดยติดตาม

ละไมเ่ ข้าไปอยู่ใน


Click to View FlipBook Version