The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาโลก ดาราศาสตร์และอวกาศ ม 6

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by rattiya2252, 2022-09-21 09:36:08

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาโลก ดาราศาสตร์และอวกาศ ม 6

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาโลก ดาราศาสตร์และอวกาศ ม 6

การศึกษาด้านดาราศาสตร์เพ่อื เรยี นรเู้ ก่ยี วกบั โลก ระบบสรุ ิยะ และเอกภพ ไดพ้ ฒั นาการขนึ้ ตามลาดบั
และยังคงไม่ส้ินสุด เน่ืองจากความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีท่ีทันสมัยมากขึ้น ทาให้มีการ
พัฒนารปู แบบการใช้เทคโนโลยอี วกาศต่างๆ มากมาย เพือ่ ใช้ในการสารวจอวกาศ เชน่ การส่งดาวเทยี ม จรวด
ยานอวกาศ ไปสารวจนอกโลก ทาให้ได้ความรู้ความเข้าใจและได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีเหล่านี้เพ่ิมข้ึน
อยา่ งมาก

5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี นและคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รยี น คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

1. ความสามารถในการส่ือสาร 1. มวี นิ ัย รับผดิ ชอบ

2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรียนรู้

1) ทักษะการสังเกต 3. ซือ่ สัตย์ สุจรติ

2) ทักษะการสอื่ สาร 4. มุ่งม่นั ในการทางาน

3) ทกั ษะการทดลอง

4) ทักษะการวเิ คราะห์

5) ทกั ษะการทางานรว่ มกนั

3. ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ติ

6. กจิ กรรมกำรเรยี นรู้

แนวคดิ /รปู แบบการสอน/วิธีสอน/เทคนคิ : การสอนแบบเนน้ มโนทศั น์

ช่วั โมงท่ี 1-2

ขน้ั นา

ขน้ั กำรใช้ควำมรูเ้ ดิมเชื่อมโยงควำมรู้ใหม่ (Prior Knowledge)
1. ครูและนกั เรยี นร่วมกันสนทนาเกย่ี วกบั ดาราศาสตร์ในช่วงความยาวคลน่ื ตา่ ง ๆ เพอ่ื เปน็ การทบทวน
ความรู้ของนักเรยี นจากคาบเรยี นทีผ่ ่านมา และนาไปสหู่ วั ขอ้ ตอ่ ไป
2. ครูสนทนากบั นกั เรียนเกย่ี วกบั เทคโนโลยีอวกาศว่า ความก้าวหนา้ ของเทคโนโลยีอวกาศ เช่น จรวด
ดาวเทียม ยานอวกาศ เป็นต้น ได้นามาใช้ในการสารวจข้อมูลของวัตถุในท้องฟ้า ทาให้ได้เรียนรู้
เก่ียวกับวัตถุในท้องฟ้า และอวกาศเพิ่มขึ้น และมีประโยชน์ในการพัฒนาเทคโนโลยีในด้านการ
สารวจทรพั ยากรธรรมชาติ ดา้ นการส่ือสาร ดา้ นการพยากรณอ์ ากาศ ดา้ นการแพทย์ ดา้ นการทหาร
และดา้ นอ่ืน ๆ
3. ครูให้นักเรียนดูภาพหรือวีดิทัศน์เก่ียวดาวเทียม ยานอวกาศ หรือกล้องโทรทรรศ์อวกาศที่ลอยอยู่
อวกาศ เพ่อื เช่อื มโยงไปสู่การเรียนรูเ้ รือ่ ง อุปกรณ์ท่ใี ชใ้ นการสารวจอวกาศ

กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล

ภาพแสดงการกระจายตวั ของคราบน้ามันบรเิ วณเกาะเสมด็ จังหวัดระยอง
ที่มา : https://www.isranews.org/thaireform-other-news/22680-gistda.html

4. ครูอาจนาข่าวหรือบทความจากหนังสือพิมพ์หรืออินเตอร์เน็ตเก่ียวกับการสารวจอวกาศ มาให้
นักเรยี นอ่านและอภปิ รายรว่ มกนั

ขน้ั สอน

ข้ันรู้ (Knowing)

1. ครูให้นักเรียนศึกษาความร้เู กย่ี วกับการขนส่งดาวเทียม สถานีอวกาศ ยานอวกาศ กล้องโทรทรรศน์
อวกาศ และหุ่นยนต์สารวจอวกาศไร้คนขับ จากหนังสือเรียน และแหล่งเรียนรู้อื่น ๆ เช่น วารสาร
เก่ียวกับดาราศาสตร์ เว็บไซต์ขององค์การนาซา โดยครูช่วยเชื่อมโยงความรูใ้ หม่จากความรู้เดิมทไี่ ด้
เรียนรมู้ าแล้ว

2. นักเรียนจัดกลุ่ม ๆ ละ 5 คน สมาชิกกลุ่มคละความสามารถ (เก่ง ปานกลาง และอ่อน) สมาชิกแต่
ละคนศกึ ษา 1 หัวข้อ คอื ดาวเทียม สถานีอวกาศ ยานอวกาศ กลอ้ งโทรทรรศน์อวกาศ และหนุ่ ยนต์
สารวจอวกาศไรค้ นขับ ผลัดเปล่ียนกันอภปิ รายเร่ืองที่ตนศึกษาให้เพ่อื นในกลุ่มและอภิปรายร่วมกนั
ในกลุ่มจนทุกคนเขา้ ใจ โดยครจู ะให้คาแนะนาหรืออธบิ ายเพมิ่ ในกลุม่ ที่มีข้อสงสยั

ขัน้ เขำ้ ใจ (Understanding)
3. ครูสุม่ นักเรียนใหอ้ อกมานาเสนอผลการศกึ ษาหนา้ ช้ันเรยี น โดยสมุ่ ออกมาเพียง 5 กลมุ่ ซึ่งครเู ปน็ คน
เลอื กว่าจะใหก้ ลุ่มไหนนาเสนอเร่ืองอะไร ตามหัวขอ้ เร่อื ง ดังตอ่ ไปนี้
• ดาวเทยี ม
• สถานอี วกาศ
• ยานอวกาศ
• กล้องโทรทรรศน์อวกาศ
• หุน่ ยนต์สารวจอวกาศไรค้ นขบั
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมนิ นกั เรยี น โดยใชแ้ บบประเมนิ การนาเสนอผลงาน)
5. ขณะที่นักเรยี นแต่ละกลุ่มกาลังนาเสนอ ครูอาจเสนอแนะหรือแทรกข้อมลู เพมิ่ เติมในเรื่องนัน้ ๆ ให้
นกั เรยี นทุกคนไดม้ ีความเข้าใจทีถ่ กู ตอ้ งมากยิง่ ขึ้น
6. ครูต้ังประเด็นคาถามโดยให้นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มรว่ มกันอภิปรายและแสดงความคิดเห็นวา่ “ความดัง
หรอื เบาของเสียงขน้ึ อยูก่ ับสงิ่ ใด และระดบั ความสงู ตา่ หรือทุ้มแหลมของเสยี งจะขึ้นอยู่กบั สงิ่ ใด”
7. ครูนาอภิปรายเก่ียวกับเทคโนโลยอี วกาศว่า ปัจจุบันได้มีการพฒั นารปู แบบการใช้เทคโนโลยีอวกาศ
ต่างๆ มากมาย เพื่อใช้ในการสารวจอวกาศ เช่น ดาวเทียมถูกส่งข้ึนไปจากโลกโดยจรวดหรือยาน
ขนส่งอวกาศ ดาวเทียมสามารถโคจรรอบโลกได้ โดยอาศัยหลักการเดียวกับท่ีดวงจันทร์โคจรรอบ
โลก คือ ณ ระดับความสูงจากผิวโลกระดับหน่ึง ดาวเทียมจะต้องมีอัตราเร็วในการโคจรรอบโลกท่ี
เหมาะสมค่าหนึ่ง แรงมีแรงโน้มถ่วงของโลกดึงดูดดาวเทียมเป็นแรงสู่ศูนย์กลางและดาวเทียมเป็น
ห้องทดลองทบี่ รรจุอปุ กรณ์ไว้ แล้วสง่ ขนึ้ ไปโคจรรอบโลก เพอื่ ประโยชน์ในดา้ นต่าง ๆ

8. ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานีอวกาศว่า สถานีอวกาศนานาชาติ เป็นโครงการท่ีเกิดจากความ
ร่วมมอื ระหวา่ งชาติ 16 ประเทศ นาโดยประเทศสหรัฐอเมรกิ า, คานาดา, ญป่ี นุ่ , รัสเซีย, 11 ประเทศ
ยุโรป และบราซิล มีลักษณะเป็นห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ขนาดใหญ่ ทาการศึกษาค้นคว้า
และทดลองหลายดา้ น เช่น คน้ คว้าวิจยั และเทคโนโลยที ่ไี มส่ ามารถทดลองบนโลกได้

9. นกั เรียนและครรู ว่ มกนั อภปิ รายเพมิ่ เตมิ เก่ยี วกับประโยชน์และความก้าวหน้าของการสารวจอวกาศ

10.ครูให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสภาพชีวิตในอวกาศ โดยเน้นว่าสิ่งท่ีมีอิทธพิ ลต่อสภาพชีวติ ในอวกาศ
ได้แก่ สภาพไร้น้าหนัก สภาพความดัน และอุณหภูมิ ครูอาจนาวีดิทัศน์เก่ียวกับเร่ืองสภาพชีวิตใน
อวกาศ มาให้นักเรยี นดูประกอบ

ข้ันลงมอื ทำ (Doing)
1. ครูให้นักเรียนทุกคนทาใบงาน เรื่อง อุปกรณ์ท่ีใช้ในการสารวจอวกาศ พร้อมท้ังสังเกตคาตอบของ
นกั เรียน เพอื่ ประเมนิ พฤติกรรมนักเรยี นเป็นรายบคุ คล พร้อมใหค้ าแนะนาเพิ่มเตมิ
(หมายเหตุ: ครเู รม่ิ ประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล)
2. ครสู ุ่มนักเรยี นออกมาเฉลยใบงาน เร่ือง อปุ กรณ์ท่ีใช้ในการสารวจอวกาศ โดยครใู หน้ ักเรียนร่วมกัน
พจิ ารณาวา่ คาตอบใดถูกตอ้ ง จากน้นั ครูเฉลยคาตอบทถี่ ูกต้องใหน้ ักเรยี น

ขน้ั สรปุ

1. ครมู อบหมายใหน้ ักเรยี นสรุปแผนผงั มโนทัศน์ (Concept Mapping) เร่ือง อปุ กรณ์ทีใ่ ชใ้ นการสารวจ
อวกาศ

2. ครูให้นกั เรยี นแตล่ ะคนพจิ ารณาว่าในหัวข้อที่เรยี นมา และในการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมมีจุดใดทยี่ งั เข้าใจไม่
ชดั เจนหรอื ยงั มีขอ้ สงสยั ถ้ามคี รชู ่วยอธบิ ายเพ่ิมเติม และทดสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยการให้
ตอบคาถาม

3. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนสอบถามเน้ือหาที่ได้ศึกษาผ่านมาแล้วว่ามีส่วนไหนที่ยังไม่เข้าใจ แล้วให้
ความรู้เพิ่มเติมในส่วนนั้น โดยที่ครูอาจจะใช้ PowerPoint เร่ือง อุปกรณ์ท่ีใช้ในการสารวจอวกาศ
มาชว่ ยในการอธิบาย

4. ครมู อบหมายให้นกั เรยี นฝกึ ทาแบบฝึกหดั คาถาม เรอื่ ง อุปกรณท์ ี่ใช้ในการสารวจอวกาศจากหนงั สือ
เรยี นฯ ลงในสมดุ ประจาตัว เพอ่ื นาสง่ ครูทา้ ยชวั่ โมง

5. ครูมอบหมายครใู ห้นักเรียนทาแบบฝึกหัด เร่ือง อุปกรณ์ที่ใช้ในการสารวจอวกาศ เป็นการบ้านแล้ว
นาสง่ ครู

6. ครูตรวจสอบผลการทาแบบทดสอบหลังเรียนหน่วยการเรียนรู้ท่ี 6 เรื่อง เทคโนโลยีอวกาศกับการ
ประยกุ ต์ใช้

ขน้ั ประเมนิ

1. ประเมนิ ความรเู้ ก่ียวกับเรือ่ ง อปุ กรณ์ท่ีใช้ในการสารวจอวกาศ โดยสงั เกตพฤติกรรมการตอบคาถาม
การทาแบบฝึกหดั ใบงาน และการสรปุ สาระสาคัญ

2. ประเมนิ ทกั ษะและกระบวนการทางวิทยาศาสตร์จากโดยสังเกตพฤตกิ รรมการทางานกลุ่ม การปฏบิ ตั ิ
กจิ กรรม และการนาความร้ทู ี่ได้ไปใชป้ ระโยชน์

3. ประเมินคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงคโ์ ดยสังเกตพฤติกรรมจากการสงั เกตพฤติกรรมการปฏิบัติกิจกรรม
การอภปิ ราย และการทาแบบฝกึ หัด

7. กำรวดั และประเมนิ ผล

รำยกำรวัด วธิ ีวัด เครื่องมอื เกณฑก์ ำรประเมนิ

7.1 การประเมินระหว่าง - ใบงานที่ 6.4 - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
- ตรวจแบบฝกึ หัด - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
การจัดกจิ กรรม - ตรวจใบงานที่ 6.4 - คาถาม - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์

1) อุปกรณท์ ี่ใชใ้ นการ - ตรวจแบบฝึกหดั

สารวจอวกาศ - ตรวจ คาถาม

2) การปฏบิ ัตกิ าร - ประเมนิ - แบบประเมนิ - ระดับคุณภาพ 2
ผา่ นเกณฑ์
3) พฤตกิ รรม การปฏิบัตกิ าร การปฏบิ ตั ิการ
การทางาน - ระดบั คณุ ภาพ 2
รายบคุ คล - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกต ผา่ นเกณฑ์

4) พฤตกิ รรม การทางาน พฤติกรรม - ระดับคุณภาพ 2
การทางานกลมุ่ ผา่ นเกณฑ์
รายบคุ คล การทางานรายบุคคล
5) คณุ ลกั ษณะ - ระดับคณุ ภาพ 2
อนั พึงประสงค์ - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกต ผา่ นเกณฑ์

การทางานกลุ่ม พฤตกิ รรม

การทางานกลุม่

- สังเกตความมวี ินัย - แบบประเมิน

ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งม่นั คณุ ลักษณะ

ในการทางาน อันพึงประสงค์

8. ส่อื /แหลง่ กำรเรยี นรู้

8.1 ส่อื กำรเรียนรู้
1) หนงั สอื เรยี น รายวิชาเพม่ิ เติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โลก ดาราศาสตรแ์ ละอวกาศ ม.6 เลม่ 2
2) แบบฝึกหดั รายวชิ าเพ่มิ เติมวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี โลก ดาราศาสตร์และอวกาศ ม.6 เล่ม 2
3) ใบงานท่ี 6.4 เรอื่ ง อปุ กรณท์ ่ีใช้ในการสารวจอวกาศ
4) PowerPoint เร่ือง อปุ กรณท์ ีใ่ ช้ในการสารวจอวกาศ

8.2 แหล่งกำรเรียนรู้
1) ห้องเรียน
2) ห้องสมุด
3) แหล่งขอ้ มูลสารสนเท

ใบงำนที่ 6.4

เรอ่ื ง อุปกรณท์ ใ่ี ชใ้ นกำรสำรวจอวกำศ

คำช้แี จง : ทาเครอ่ื งหมาย ✓ ลงในตารางใหต้ รงกบั ลักษณะของเทคโนโลยอี วกาศทีก่ าหนดให้
(แต่ละลกั ษณะอาจตรงกับเทคโนโลยอี วกาศได้หลายประเภท)

เทคโนโลยีอวกาศ ยานขนส ยาน สถานี กล อง
ง อวกาศ อวกาศ
ลกั ษณะ ดาวเทยี ม จรวด โทรทรรศน
อวกาศ
อวกาศ

โคจรรอบโลก

สามารถนากลบั มาใช้ใหมไ่ ด้

ใชใ้ นการสารวจดาวเคราะห์

ใชใ้ นการสงั เกตการณ์วตั ถุบนทอ้ งฟ้า

เป็นหอ้ งปฏบิ ตั กิ ารทางวทิ ยาศาตร์

เป็นสถานทพ่ี กั ของยานอวกาศ

ประกอบดว้ ยส่วนอาศยั และส่วน
ปฏบิ ตั กิ าร
บรรทุกอุปกรณ์ทางวทิ ยาศาสตรข์ น้ึ ไป
ศกึ ษาและสารวจนอกโลก
ตอ้ งใชพ้ ลงั งานผลกั ดนั มหาศาลเพ่อื
ขน้ึ ส่อู วกาศ
ใชส้ าหรบั ขนส่งเคร่อื งมอื อุปกรณ์ และ
มนุษยอ์ อกไปนอกโลก
ใชส้ าหรบั ขนส่งยานอวกาศและ
ดาวเทยี มออกไปนอกโลก
ใชใ้ นการสอ่ื สาร พยากรณ์อากาศ และ
สารวจทรพั ยากรธรรมชาติ

ใบงำนที่ 6.4 เฉลย

เรื่อง อุปกรณ์ทใี่ ชใ้ นกำรสำรวจอวกำศ

คำช้แี จง : ทาเครอื่ งหมาย ✓ ลงในตารางให้ตรงกบั ลกั ษณะของเทคโนโลยอี วกาศทีก่ าหนดให้
(แตล่ ะลักษณะอาจตรงกบั เทคโนโลยีอวกาศไดห้ ลายประเภท)

เทคโนโลยีอวกาศ ยานขนส ยาน สถานี กล อง
ง อวกาศ อวกาศ
ลกั ษณะ ดาวเทยี ม จรวด โทรทรรศน
อวกาศ ✓ ✓
โคจรรอบโลก ✓ อวกาศ
✓ ✓ ✓
สามารถนากลบั มาใช ใหม ได้ ✓ ✓ ✓
✓ ✓
ใช ในการสารวจดาวเคราะห์ ✓ ✓ ✓

ใช ในการสงั เกตการณ วตั ถุบนท ✓
องฟ้า

เป นห องปฏบิ ตั กิ ารทางวทิ ยา
ศาตร

เป นสถานทพ่ี กั ของยานอวกาศ

ประกอบด วยส วนอาศยั และส
วนปฏบิ ตั กิ าร
บรรทุกอุปกรณ ทางวทิ ยาศาสตร
ขน้ึ ไปศกึ ษาและสารวจนอกโลก
ต องใช พลงั งานผลกั ดนั มหาศาล
เพอ่ื ขน้ึ สู อวกาศ
ใช สาหรบั ขนส งเครอ่ื งมอื อุป
กรณ และมนุษย ออกไปนอกโลก
ใช สาหรบั ขนส งยานอวกาศและ
ดาวเทยี มออกไปนอกโลก
ใช ในการสอ่ื สาร พยากรณ อากาศ
และสารวจทรพั ยากรธรรมชาติ

9. บนั ทึกผลหลังกำรสอน

• ด้านความรู้
• ด้านสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน
• ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
• ดา้ นความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์
• ด้านอืน่ ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤตกิ รรมทม่ี ีปญั หาของนักเรียนเปน็ รายบคุ คล (ถ้ามี))

• ปัญหา/อปุ สรรค ลงช่อื
• แนวทางการแก้ไข (นางรัตติยา สธุ รรม)

ตำแหน่ง ครู

ลงช่อื
(นางรัตติยา สธุ รรม)

ตำแหน่ง ครู

10. ควำมเห็นของหัวหน้ำกลุ่มสำระกำรเรียนรู้วทิ ยำศำสตรแ์ ละเทคโนโลยี
“……………………………….

ควำมเหน็ ของหัวหนำ้ กลมุ่ บริหำรงำนวิชำกำร ลงชือ่ .................................
(นางรัตตยิ า สุธรรม)

ตำแหนง่ ครู

“……………………………….

ลงช่ือ .................................

(นายถาวร ลาวช่าง)

ตำแหน่ง ครู

ควำมเหน็ ของผู้บรหิ ำรสถำนศึกษำหรอื ผูท้ ี่ได้รับมอบหมำย

“……………………….

ลงชื่อ .................................
(วำ่ ท่ีรอ้ ยโทวุฒิชัย ไปปลอด)

ตำแหนง่ ผู้อำนวยกำรโรงเรยี นนำคำรำษฎร์รังสรรค์

แบบประเมนิ ช้นิ งำน/ภำระงำน (รวบยอด)

แบบประเมินชิ้นงำนสรุปควำมรู้/แผนที่ควำมคดิ /อินโฟกรำฟิก/ผงั มโนทศั น์/แผน่ พับ
คำช้ีแจง : ใหผ้ สู้ อนประเมนิ ผลงาน/ช้นิ งานของนักเรียนตามรายการที่กาหนด แล้วขีด ✓ลงในช่องทตี่ รงกบั

ระดบั คะแนน

ลำดับท่ี รำยกำรประเมิน 4 ระดับคณุ ภำพ 1
32

1 ตรงกบั จุดประสงคท์ ก่ี าหนด
2 มีความถกู ต้องสมบรู ณ์
3 มคี วามคิดสรา้ งสรรค์
4 มีความเปน็ ระเบยี บ

รวม

ลงชอื่ ............................................................. ผูป้ ระเมิน

................./................../..................

เกณฑ์กำรให้คะแนนชิ้นงำนสรปุ ควำมรู้/แผนที่ควำมคดิ /อนิ โฟกรำฟกิ /ผังมโนทศั น์/แผน่ พับ

ประเดน็ ทปี่ ระเมิน ระดบั คะแนน
1. ช้นิ งำนตรงกบั จุดประสงคท์ ่ี
กำหนด 432 1
2. ช้นิ งำนมคี วำมถูกต้องสมบรู ณ์ ชน้ิ งานไม่
ชน้ิ งานสอดคล้อง ชิ้นงานสอดคลอ้ ง ช้นิ งานสอดคล้อง สอดคลอ้ ง
3. ชิ้นงำนมีควำมคดิ สรำ้ งสรรค์ กบั จดุ ประสงค์
กบั จุดประสงคท์ ุก กบั จดุ ประสงค์ กบั จุดประสงค์ เนอ้ื หาสาระของ
4.ชิ้นงำนมีควำมเป็นระเบยี บ ชน้ิ งานไม่ถูกต้อง
ประเด็น เป็นสว่ นใหญ่ บางประเด็น เป็นส่วนใหญ่
ชนิ้ งานไม่แสดง
เนื้อหาสาระของ เนื้อหาสาระของ เน้ือหาสาระของ แนวคิดใหม่

ชน้ิ งานถูกต้อง ชน้ิ งานถกู ต้อง ชิ้นงานถกู ต้อง ชิ้นงานส่วนใหญ่
ไม่เป็นระเบียบ
ครบถ้วน เปน็ สว่ นใหญ่ เปน็ บางประเดน็ และมีข้อบกพรอ่ ง
มาก
ชิน้ งานแสดงออก ชน้ิ งานมแี นวคิด ช้ินงานมคี วาม

ถึงความคิด แปลกใหม่ แตย่ งั นา่ สนใจ แต่ยงั ไม่

สร้างสรรค์ ไมเ่ ป็นระบบ มีแนวคิดแปลก

แปลกใหม่ และ ใหม่

เป็นระบบ

ชน้ิ งานมคี วามเป็น ชน้ิ งานส่วนใหญ่ ช้ินงานมคี วาม

ระเบียบ มคี วามเป็น เป็นระเบยี บ แตม่ ี

แสดงออกถงึ ความ ระเบยี บ แตย่ ังมี ข้อบกพรอ่ ง

ประณตี ขอ้ บกพร่อง บางส่วน

เล็กนอ้ ย

เกณฑ์กำรตัดสนิ คุณภำพ

ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภำพ

14-16 ดมี าก

11-13 ดี

8-10 พอใช้

ตา่ กวา่ 8 ปรบั ปรุง

แบบประเมินแบบจำลอง แผนฯ ที่ 1

แบบประเมินแบบจำลองทรงกลมฟำ้
คำช้แี จง : ให้ผสู้ อนประเมินแบบจาลองของนักเรยี นตามรายการทกี่ าหนด แล้วขีด ✓ ลงในช่องท่ีตรงกับ

ระดับคะแนน

ลำดบั ท่ี รำยกำรประเมนิ ระดับคะแนน
4321
1 การออกแบบ
2 แบบจาลองสัมพนั ธ์กบั เนื้อหา รวม
3 การเลอื กใช้วัสดุ
4 ความคิดสรา้ งสรรค์

ลงชื่อ ................................................... ผ้ปู ระเมนิ
................./................../..................

เกณฑก์ ำรประเมนิ ผลงำนแบบจำลอง

ประเด็นทปี่ ระเมิน ระดบั คะแนน

4 32 1

1. กำรออกแบบ ออกแบบแบบจาลอง ออกแบบแบบจาลอง ออกแบบแบบจาลอง สรา้ งแบบจาลองได้
ก่อนลงมือปฏิบัติ สอดคลอ้ งกบั เนื้อหา
กอ่ นลงมอื ปฏิบตั ิ ก่อนลงมอื ปฏิบัติ บางสว่ น โดยไมไ่ ด้
ออกแบบและวางแผน
วางแผนและดาเนินการ วางแผนและดาเนนิ การ วางแผนและดาเนนิ การ ดาเนนิ การ

สรา้ งช้ินงานได้ สร้างช้ินงานได้ สร้างชน้ิ งานได้

สอดคลอ้ งกับเนอื้ หา สอดคลอ้ งกับเน้อื หา สอดคล้องกับเนือ้ หา

เปน็ ส่วนใหญ่ บางสว่ น

2. แบบจำลอง แบบจาลองทส่ี ร้าง แบบจาลองทส่ี รา้ ง แบบจาลองทีส่ ร้าง แบบจาลองทส่ี รา้ ง
สมั พนั ธ์กับ สมั พันธ์กบั เนื้อหา สมั พันธ์กับเน้อื หา สมั พนั ธ์กับเนอ้ื หา สัมพันธ์กับเน้ือหา
เนือ้ หำ และสามารถอธิบาย และสามารถอธิบาย และสามารถอธบิ าย บางสว่ น
ข้อมูลไดค้ รบถ้วน ขอ้ มูลเปน็ ส่วนใหญ่ ข้อมูลบางส่วน

3. กำรเลอื กใช้ เลือกใชว้ ัสดุได้ เลอื กใชว้ ัสดุได้ เลือกใชว้ ัสดุได้ เลือกใช้วัสดไุ ม่
วัสดุ เหมาะสมพอสมควร เหมาะสม และใช้
เหมาะสม และใช้ เหมาะสม แต่ใช้ และใช้งบประมาณสงู งบประมาณสงู มาก
4. ควำมคดิ
สรำ้ งสรรค์ งบประมาณอยา่ ง งบประมาณสงู ผลงานมีความนา่ สนใจ ผลงานไม่มีความ
แต่ยังไมม่ ีแนวคิดแปลก นา่ สนใจ และไมแ่ สดง
ประหยัด ใหม่ ถงึ แนวคิดแปลกใหม่

ผลงานแสดงถงึ ความคิด ผลงานแสดงถึงความคดิ

สร้างสรรค์ แปลกใหม่ สรา้ งสรรค์ แปลกใหม่

และเปน็ ระบบ แตย่ งั ไมเ่ ปน็ ระบบ

เกณฑก์ ำรตัดสนิ คณุ ภำพ

ช่วงคะแนน ระดบั คุณภำพ

14-16 ดมี ำก

11-13 ดี

8-10 พอใช้

ต่ากวา่ 8 ปรบั ปรงุ

แบบประเมินกำรปฏบิ ัตกิ จิ กรรม แผนฯ ที่ 1 และ 13

คำชแ้ี จง : ให้ผสู้ อนประเมินการปฏิบตั กิ จิ กรรมของนกั เรียนตามรายการทกี่ าหนด แล้วขีด ✓ ลงในช่องทตี่ รง
กบั ระดับคะแนน

ลำดับท่ี รำยกำรประเมิน 4 ระดับคะแนน 1
รวม 32

1 การปฏบิ ัติกิจกรรม
2 ความคลอ่ งแคล่วในขณะปฏิบัติกจิ กรรม
3 การนาเสนอ

ลงชื่อ ................................................... ผปู้ ระเมนิ
................./................../..................

เกณฑ์กำรประเมนิ กำรปฏบิ ัติกิจกรรม

ประเด็นท่ี ระดบั คะแนน
ประเมนิ
1. กำรปฏิบตั ิ 432 1
กจิ กรรม ต้องให้ความช่วยเหลือ
ทากิจกรรมตาม ทากจิ กรรมตาม ตอ้ งให้ความชว่ ยเหลือ อยา่ งมากในการทา
2. ควำม กิจกรรม และการใช้
คล่องแคลว่ ขนั้ ตอน และใช้ ข้ันตอน และใช้ บา้ งในการทากิจกรรม อปุ กรณ์
ในขณะปฏบิ ตั ิ
กจิ กรรม อุปกรณไ์ ดอ้ ยา่ งถูกต้อง อุปกรณไ์ ดอ้ ย่างถูกตอ้ ง และการใช้อปุ กรณ์ ทากิจกรรมเสรจ็ ไม่
แต่อาจตอ้ งไดร้ บั ทนั เวลา และทา
3. กำรบนั ทึก อุปกรณ์เสยี หาย
สรปุ และ คาแนะนาบา้ ง
นำเสนอผล ต้องใหค้ วามช่วยเหลอื
กำรปฏบิ ัติ มคี วามคลอ่ งแคล่ว มคี วามคล่องแคล่ว ขาดความคล่องแคลว่ อย่างมากในการบนั ทกึ
กจิ กรรม สรปุ และนาเสนอผล
ในขณะทากจิ กรรมโดย ในขณะทากจิ กรรม แต่ ในขณะทากจิ กรรมจึง การทากิจกรรม

ไม่ต้องไดร้ ับคาชแ้ี นะ ต้องไดร้ บั คาแนะนา ทากจิ กรรมเสร็จไม่
และทากิจกรรมเสร็จ บ้าง และทากิจกรรม ทนั เวลา
ทนั เวลา เสร็จทนั เวลา

บนั ทึกและสรุปผลการ บนั ทกึ และสรุปผลการ ตอ้ งใหค้ าแนะนาใน
ทากิจกรรมได้ถูกต้อง ทากจิ กรรมได้ถูกต้อง การบันทึก สรปุ และ
รัดกุม นาเสนอผลการ แตก่ ารนาเสนอผลการ นาเสนอผลการทา
ทากิจกรรมเป็น ทากจิ กรรมยังไมเ่ ป็น กิจกรรม
ขนั้ ตอนชัดเจน ขั้นตอน

เกณฑก์ ำรตัดสนิ คุณภำพ

ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภำพ

10-12 ดมี าก

7-9 ดี

4-6 พอใช้

0-3 ปรบั ปรุง

แบบประเมินรำยงำน แผนฯ ท่ี 7

แบบประเมินรำยงำน เรอ่ื ง ประโยชนข์ องขอ้ มลู เวลำมำตรฐำน

ลำดับที่ รำยกำรประเมนิ ระดับคะแนน 1
432
1 ความถกู ตอ้ งของเน้ือหา
2 ความสมบูรณ์ของรปู เลม่ รวม
3 ความตรงต่อเวลา

ลงชอ่ื ................................................... ผู้ประเมนิ
................./................../..................

เกณฑ์กำรประเมินรำยงำน

ประเด็นท่ปี ระเมิน ระดับคะแนน
1. ควำมถูกตอ้ ง
432 1
ของเน้ือหำ
เนอ้ื หาสาระของ เนือ้ หาสาระของ เนือ้ หาสาระของ เนื้อหาสาระของ
2. ควำมสมบูรณ์ รายงานไมถ่ ูกต้องเปน็
ของรปู เล่ม รายงานถูกต้องครบถ้วน รายงานถกู ต้องเป็นส่วน รายงานถูกตอ้ งบาง สว่ นใหญ่
องค์ประกอบไม่
3. ควำมตรงต่อ ใหญ่ ประเด็น ครบถ้วน ไมเ่ ปน็
เวลำ ระเบยี บ และรปู เลม่ ไม่
มอี งค์ประกอบครบถ้วน มีองค์ประกอบครบถว้ น มีองคป์ ระกอบครบถ้วน สวยงาม
สง่ ชิ้นงานช้ากวา่ เวลาท่ี
สมบรู ณ์ มคี วามเป็น สมบูรณ์ มคี วามเปน็ สมบูรณ์ แต่ยังไมเ่ ป็น กาหนด 3 วนั ข้นึ ไป

ระเบยี บ และรปู เลม่ ระเบยี บ แตร่ ปู เลม่ ไม่ ระเบยี บ และรูปเล่มไม่

สวยงาม สวยงาม สวยงาม

สง่ ชิ้นงานภายในเวลาที่ ส่งชน้ิ งานช้ากว่าเวลาที่ สง่ ช้ินงานช้ากวา่ เวลาท่ี

กาหนด กาหนด 1 วนั กาหนด 2 วัน

เกณฑก์ ำรตัดสินคุณภำพ

ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภำพ

11-12 ดมี ำก

9-10 ดี

6-8 พอใช้

ต่ากว่า 6 ปรบั ปรงุ

แบบประเมินกำรนำเสนอผลงำน

คำชีแ้ จง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในชอ่ งที่

ตรงกบั ระดับคะแนน

ลำดับที่ รำยกำรประเมิน ระดบั คะแนน 1
32

1 ความถูกตอ้ งของเน้ือหา  

2 ความคดิ สรา้ งสรรค์  

3 วธิ ีการนาเสนอผลงาน  

4 การนาไปใช้ประโยชน์  

5 การตรงตอ่ เวลา  

รวม

ลงชือ่ ................................................... ผูป้ ระเมิน

................./................../..................

เกณฑ์กำรให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคลอ้ งกับรายการประเมินสมบูรณ์ชดั เจน ให้ 2 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินเป็นสว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมินบางสว่ น

เกณฑ์กำรตดั สินคณุ ภำพ

ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภำพ

14-15 ดีมาก

11-13 ดี

8-10 พอใช้

ต่ากว่า 8 ปรับปรงุ

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมกำรทำงำนกลมุ่

คำชีแ้ จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✓ลงในชอ่ งที่

ตรงกบั ระดบั คะแนน

กำรมี

ลำดบั ที่ ชอ่ื –สกลุ กำรแสดง กำรยอมรบั กำรทำงำน ควำมมี สว่ นรว่ มใน รวม
ของนักเรยี น ควำม ฟังคนอน่ื ตำมทไ่ี ด้รับ นำ้ ใจ กำร 15
คิดเห็น มอบหมำย คะแนน
ปรับปรงุ
ผลงำนกล่มุ

321321321321321

เกณฑ์กำรใหค้ ะแนน ลงชอื่ ................................................... ผู้ประเมนิ
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสมา่ เสมอ ............./.................../...............
ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครงั้
ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบางคร้งั ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน

เกณฑก์ ำรตดั สินคุณภำพ

ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภำพ

14-15 ดมี าก

11-13 ดี

8-10 พอใช้

ต่ากว่า 8 ปรบั ปรงุ

แบบสังเกตพฤตกิ รรมกำรทำงำนรำยบคุ คล

คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขีด ✓ลงในชอ่ งท่ี

ตรงกบั ระดับคะแนน

ลำดบั ที่ รำยกำรประเมนิ ระดบั คะแนน 1
32

1 การแสดงความคิดเห็น  

2 การยอมรับฟังความคิดเหน็ ของผู้อนื่  

3 การทางานตามหนา้ ท่ที ่ไี ด้รับมอบหมาย  

4 ความมีน้าใจ  

5 การตรงตอ่ เวลา  

รวม

เกณฑก์ ำรให้คะแนน ลงช่ือ ................................................... ผู้ประเมนิ
ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤติกรรมอยา่ งสม่าเสมอ ............/.................../................
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบอ่ ยครั้ง
ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครัง้ ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน

เกณฑก์ ำรตัดสนิ คุณภำพ

ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภำพ

14–15 ดมี ำก

11–13 ดี

8–10 พอใช้

ต่ากว่า 8 ปรบั ปรุง

แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์

คำชแี้ จง : ให้ผ้สู อนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในช่องท่ี
ตรงกบั ระดบั คะแนน

คณุ ลกั ษณะ รำยกำรประเมนิ ระดบั คะแนน
อนั พงึ ประสงค์ด้ำน 321

1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 ยืนตรงเคารพธงชาติ และร้องเพลงชาตไิ ด้

กษตั รยิ ์ 1.2 เข้ารว่ มกจิ กรรมทส่ี รา้ งความสามคั คปี รองดอง และเปน็ ประโยชน์

ต่อโรงเรียน

1.3 เขา้ รว่ มกิจกรรมทางศาสนาที่ตนนับถอื ปฏบิ ตั ิตามหลักศาสนา

1.4 เข้าร่วมกิจกรรมที่เกยี่ วกบั สถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ตามทีโ่ รงเรียนจัด

ขึ้น

2. ซอ่ื สตั ย์ สจุ ริต 2.1 ให้ข้อมลู ทถ่ี กู ตอ้ งและเปน็ จริง

2.2 ปฏบิ ัตใิ นสง่ิ ทถ่ี ูกต้อง

3. มีวนิ ยั รับผดิ ชอบ 3.1 ปฏิบัตติ ามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ขอ้ บงั คบั ของครอบครวั

มคี วามตรงต่อเวลาในการปฏบิ ัติกจิ กรรมต่าง ๆ ในชวี ิตประจาวนั

4. ใฝ่เรียนรู้ 4.1 รจู้ กั ใช้เวลาวา่ งใหเ้ ป็นประโยชน์ และนาไปปฏบิ ัติได้

4.2 ร้จู กั จัดสรรเวลาใหเ้ หมาะสม

4.3 เช่ือฟงั คาส่งั สอนของบดิ า-มารดา โดยไมโ่ ต้แยง้

4.4 ตงั้ ใจเรยี น

5. อยอู่ ยา่ งพอเพียง 5.1 ใช้ทรพั ยส์ ินและสิง่ ของของโรงเรียนอยา่ งประหยัด

5.2 ใชอ้ ุปกรณก์ ารเรียนอย่างประหยดั และรู้คุณค่า

5.3 ใช้จา่ ยอย่างประหยัดและมกี ารเก็บออมเงนิ

6. มุง่ ม่นั ในการทางาน 6.1 มคี วามต้ังใจและพยายามในการทางานทไี่ ดร้ บั มอบหมาย

6.2 มคี วามอดทนและไม่ทอ้ แทต้ ่ออปุ สรรคเพื่อให้งานสาเรจ็

7. รักความเปน็ ไทย 7.1 มีจติ สานกึ ในการอนรุ ักษว์ ัฒนธรรมและภมู ิปญั ญาไทย

7.2 เหน็ คณุ ค่าและปฏบิ ตั ิตนตามวัฒนธรรมไทย

8. มจี ติ สาธารณะ 8.1 รจู้ กั ช่วยพอ่ แม่ ผปู้ กครอง และครทู างาน

8.2 รจู้ กั การดแู ลรักษาทรัพย์สมบัติและสิง่ แวดลอ้ มของหอ้ งเรียนและ

โรงเรยี น

ลงชื่อ .................................................. ผปู้ ระเมนิ

............/.................../................

เกณฑก์ ำรให้คะแนน

พฤตกิ รรมที่ปฏบิ ตั ิชดั เจนและสม่าเสมอ ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภำพ
51-60 ดีมาก
พฤตกิ รรมทป่ี ฏบิ ัติชดั เจนและบ่อยครง้ั ให้ 2 คะแนน 41-50 ดี

พฤติกรรมทีป่ ฏิบตั บิ างคร้งั ให้ 1 คะแนน

30-40 พอใช้

ตา่ กว่า 30 ปรบั ปรุง

แบบทดสอบกอ่ นเรียน

หน่วยกำรเรยี นรทู้ ี่ 4 ทรงกลมฟ้า

คำชแ้ี จง : ใหน้ ักเรยี นเลือกคำตอบท่ีถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว

1. ข้อใดไม่เกีย่ วข้องกับพกิ ดั ขอบฟ้า 6. วษิ ุวัตหมายถงึ อะไร

1. มมุ ทิศ 1. วันทกี่ ลางวันและกลางคืนยาวเท่ากนั

2. มุมก้ม 2. วันที่กลางวันยาวนานกวา่ กลางคืน

3. จุดใตเ้ ท้า 3. วันทกี่ ลางคืนยาวนานกวา่ กลางวัน

4. เมรเิ ดยี นฟา้ 4. วันที่ดวงอาทิตย์ทามมุ ตงั้ ฉากกบั โลก

5. จดุ เหนอื ศรีษะ 5. วันที่ดวงอาทติ ย์ทามมุ ตง้ั ฉากกบั ดวงจนั ทร์

2. พิกัดขอบฟา้ บอกพิกดั ไดด้ ้วยคา่ ใด 7. ถ้านักเรียนอยู่ทขี่ ้ัวโลกเหนอื นกั เรียนจะสังเกตเห็นดาวเหนือ

1. มมุ ทิศและมมุ เงย อยู่บรเิ วณใด

2. มุมกม้ และมุมเงย 1. อย่เู หนอื ศรีษะ

3. ละติจดู และลองจิจูด 2. อยู่บรเิ วณเสน้ ขอบฟ้า

4. จดุ ใตเ้ ท้าและจุดเหนอื ศรษี ะ 3. อยู่ทางด้านทศิ ตะวันตก

5. เดคลเิ นชนั และไรส์แอสเซสชนั 4. อยทู่ างดา้ นทิศตะวันออก

3. พิกัดศนู ย์สูตรบอกพิกดั ได้ดว้ ยคา่ ใด 5. อยู่บรเิ วณจดุ ใต้เท้าจึงไม่สามารถสงั เกตเห็นได้

1. มุมทศิ และมุมเงย 8. เวลาท่ีดวงอาทติ ย์ผ่านเมรเิ ดยี นพอดีคือเวลาใด

2. มมุ กม้ และมุมเงย 1. เทยี่ งวัน

3. ละตจิ ดู และลองจจิ ดู 2. เที่ยงคืน

4. จดุ ใต้เท้าและจุดเหนือศรษี ะ 3. 6 โมงเชา้

5. เดคลเิ นชันและไรสแ์ อสเซสชัน 4. 9 โมงเชา้

4. ทรงกลมฟา้ คืออะไร 5. 6 โมงเย็น

1. เส้นทางการเคล่ือนท่ขี องดาวเหนือ 9. เวลาสุริยคติเป็นตวั บอกส่งิ ใด

2. เส้นทางการเคลอื่ นท่ีของดวงจนั ทร์ 1. บอกว่าดาวดวงใดกาลงั อยู่บนเมริเดียนทอ้ งฟา้

3. ทรงกลมสมมตขิ นาดใหญท่ ม่ี โี ลกเปน็ จุดศูนยก์ ลาง 2. บอกเวลาในการโคจรที่เปลย่ี นไปของดวงอาทิตย์

4. ทรงกลมบนท้องฟ้าท่ีล้อมรอบดวงดาว 3. บอกว่าดวงจันทรอ์ ยบู่ ริเวณใดบนเมริเดียนท้องฟา้

ทก่ี าลังสงั เกต 4. บอกว่าดวงอาทิตยอ์ ยบู่ ริเวณใดเมอ่ื เทยี บกับเมริเดียนท้องฟา้

5. ทรงกลมสมมตขิ นาดใหญท่ มี่ ีดวงอาทติ ย์เป็น 5. บอกเวลาในการโคจรทเ่ี ปลยี่ นไปของดวงจันทร์เมอ่ื เทียบกับ

จดุ ศนู ยก์ ลาง ดวงอาทิตย์

5. ข้อใดกลา่ วถงึ เส้นสุรยิ วิถไี ด้ถูกต้อง 10. เวลาดาราคตเิ ป็นตวั บอกส่งิ ใด

1. เสน้ กากบั ทิศทางของดวงอาทติ ย์ 1. บอกว่าดาวดวงใดกาลังอยบู่ นเมรเิ ดียนท้องฟา้

2. เสน้ แสดงวงโคจรของดวงอาทิตย์ 2. บอกเวลาในการโคจรที่เปลย่ี นไปของดวงดาว

3. เสน้ ทางการเคลื่อนที่ของดาวเหนอื 3. บอกว่าดวงจนั ทรอ์ ย่บู ริเวณใดบนเมรเิ ดียนท้องฟา้

4. เสน้ ทางการเคลื่อนที่ของดวงจนั ทร์ 4. บอกวา่ ดวงอาทิตย์อย่บู รเิ วณใดเม่ือเทียบกับเมริเดยี นท้องฟ้า

5. เส้นทางเดินของดวงอาทิตยบ์ นทรงกลมฟา้ 5. บอกเวลาในการโคจรท่เี ปลย่ี นไปของดวงดาวเมื่อเทียบกับ

ดวงอาทติ ย์

เฉลย 1. 2 2. 1 3. 5 4. 3 5. 5 6. 1 7. 1 8. 1 9. 4 10. 1

แบบทดสอบหลังเรยี น

หน่วยกำรเรียนรู้ที่ 4

คำชแ้ี จง : ใหน้ กั เรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว

1. เวลาสรุ ยิ คตเิ ป็นตัวบอกส่งิ ใด 6. ข้อใดไม่เก่ยี วขอ้ งกับพิกดั ขอบฟา้

1. บอกว่าดาวดวงใดกาลงั อยบู่ นเมรเิ ดียนทอ้ งฟ้า 1. มมุ ทศิ

2. บอกเวลาในการโคจรทเ่ี ปล่ียนไปของดวงอาทติ ย์ 2. มุมก้ม

3. บอกว่าดวงจนั ทรอ์ ยูบ่ ริเวณใดบนเมริเดยี นท้องฟา้ 3. จุดใตเ้ ท้า

4. บอกวา่ ดวงอาทิตย์อยบู่ รเิ วณใดเม่อื เทียบกับ 4. เมริเดยี นฟา้

เมริเดียนท้องฟ้า 5. จุดเหนือศรษี ะ

5. บอกเวลาในการโคจรท่เี ปลีย่ นไปของดวงจันทร์ 7. ทรงกลมฟา้ คอื อะไร

เมอ่ื เทียบกบั ดวงอาทิตย์ 1. เส้นทางการเคลอ่ื นทข่ี องดาวเหนือ

2. เวลาดาราคตเิ ป็นตัวบอกสงิ่ ใด 2. เสน้ ทางการเคล่อื นที่ของดวงจนั ทร์

1. บอกว่าดาวดวงใดกาลังอยู่บนเมริเดียนท้องฟ้า 3. ทรงกลมสมมตขิ นาดใหญ่ที่มโี ลกเป็นจดุ ศูนยก์ ลาง

2. บอกเวลาในการโคจรทเ่ี ปลี่ยนไปของดวงดาว 4. ทรงกลมบนทอ้ งฟ้าทล่ี อ้ มรอบดวงดาวที่กาลงั สังเกต

3. บอกว่าดวงจนั ทรอ์ ยู่บริเวณใดบนเมริเดียนท้องฟา้ 5. ทรงกลมสมมติขนาดใหญท่ ีม่ ีดวงอาทติ ย์เปน็ จดุ ศนู ยก์ ลาง

4. บอกว่าดวงอาทิตยอ์ ยู่บริเวณใดเมือ่ เทยี บกับ 8. พกิ ัดขอบฟา้ บอกพิกดั ได้ด้วยคา่ ใด

เมริเดียนท้องฟา้ 1. มุมทิศและมมุ เงย

5. บอกเวลาในการโคจรท่ีเปลี่ยนไปของดวงดาว 2. มุมก้มและมุมเงย

เม่อื เทียบกับดวงอาทิตย์ 3. ละตจิ ดู และลองจจิ ดู

3. วิษวุ ัตหมายถึงอะไร 4. จุดใต้เท้าและจุดเหนอื ศรษี ะ

1. วันทีก่ ลางวนั และกลางคนื ยาวเท่ากัน 5. เดคลิเนชนั และไรส์แอสเซสชนั

2. วันที่กลางวนั ยาวนานกวา่ กลางคืน 9. ขอ้ ใดกล่าวถึงเสน้ สรุ ิยวิถีได้ถกู ต้อง

3. วันทีก่ ลางคนื ยาวนานกว่ากลางวัน 1. เส้นกากับทศิ ทางของดวงอาทิตย์

4. วันท่ีดวงอาทติ ย์ทามุมตง้ั ฉากกับโลก 2. เส้นแสดงวงโคจรของดวงอาทติ ย์

5. วันที่ดวงอาทติ ย์ทามุมต้ังฉากกบั ดวงจนั ทร์ 3. เส้นทางการเคลอ่ื นทขี่ องดาวเหนือ

4. เวลาท่ีดวงอาทติ ยผ์ ่านเมริเดยี นพอดคี ือเวลาใด 4. เสน้ ทางการเคลื่อนทข่ี องดวงจันทร์

1. เทย่ี งวัน 2. เท่ียงคืน 5. เสน้ ทางเดินของดวงอาทิตยบ์ นทรงกลมฟา้

3. 6 โมงเชา้ 4. 9 โมงเช้า 10. พิกัดศูนยส์ ตู รบอกพิกดั ได้ด้วยคา่ ใด

5. 6 โมงเยน็ 1. มุมทิศและมุมเงย

5. ถา้ นกั เรยี นอยู่ทข่ี ้ัวโลกเหนือ นกั เรียนจะสงั เกตเหน็ 2. มมุ กม้ และมุมเงย

ดาวเหนอื อยบู่ รเิ วณใด 3. ละตจิ ูดและลองจจิ ูด

1. อยเู่ หนือศรีษะ 4. จดุ ใตเ้ ท้าและจุดเหนือศรีษะ

2. อยบู่ รเิ วณเส้นขอบฟ้า 5. เดคลิเนชันและไรส์แอสเซสชนั

3. อยทู่ างดา้ นทิศตะวันตก

4. อยู่ทางดา้ นทศิ ตะวันออก

5. อยูบ่ รเิ วณจดุ ใต้เทา้ จงึ ไม่สามารถสังเกตเหน็ ได้

เฉลย 1. 4 2. 1 3. 1 4. 1 5. 1 6. 2 7. 3 8. 1 9. 5 10. 5

แบบทดสอบก่อนเรียน

หนว่ ยกำรเรยี นรู้ท่ี 6 เทคโนโลยอี วกำศกับกำรประยุกต์ใช้

คาชีแ้ จง : ให้นักเรยี นเลือกคาตอบท่ีถกู ต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว

1. ขอ้ ใดไมใ่ ช่หน้าทข่ี องกลอ้ งโทรทรรศน์ เฉลย 6. ขอ้ ใดไม่ถกู ตอ้ งเกย่ี วกบั กลอ้ งโทรทรรศน์

1. ทาใหม้ องเหน็ ได้ไกลขน้ึ 1. กลอ้ งโทรทรรศน์แบบหกั เหแสงใชเ้ ลนสน์ ูนเป็นตวั รวมแสง

2. ทาใหภ้ าพวตั ถุมขี นาดใหญ่ขน้ึ 2. กลอ้ งโทรทรรศน์แบบหกั เหแสงใช้กระจกเวา้ เป็นตวั รวมแสง

3. ทาใหม้ องเหน็ วตั ถุทม่ี แี สงน้อยได้ 3. กลอ้ งโทรทรรศน์แบบหกั เหแสงใชท้ งั้ เลนสแ์ ละกระจกเป็นตวั รวม

4. ทาใหร้ ายละเอยี ดของวตั ถุมากขน้ึ แสง

5. ทาใหศ้ กึ ษาตาแหน่งของวตั ถุทอ้ งฟ้า 4. กลอ้ งโทรทรรศน์ขนาดใหญ่มกั เป็นแบบสะทอ้ นแสง เน่อื งจาก

2. ถา้ เราตอ้ งการเพมิ่ กาลงั ขยายของกลอ้ งโทรทรรศน์ จะ การประดษิ ฐก์ ระจกขนาดใหญท่ าไดง้ า่ ยกว่าการผลติ เลนส์มาก

ทาไดอ้ ย่างไร 5. กลอ้ งโทรทรรศน์ขนาดใหญม่ กั เป็นแบบสะทอ้ นแสง เน่อื งจาก

1. เพมิ่ ขนาดหน้ากลอ้ ง การประดษิ ฐเ์ ลนสข์ นาดใหญท่ าไดง้ า่ ยกวา่ การเคลอื บกระจกมาก

2. เพม่ิ ความยาวของกระบอกกลอ้ ง 7. คว ามย าวคลื่น 400 -700 นาโนเ มตร ( nm) ต ร งกบั

3. ลดความยาวโฟกสั ของเลนสใ์ กลต้ า สเปกตรมั คล่นื แม่เหล็กไฟฟ้าชนิดใด

4. ใชก้ ลอ้ งทม่ี คี วามยาวโฟกสั ของเลนสใ์ กลว้ ตั ถุทม่ี าก 1. แสง 2. คลน่ื วทิ ยุ 3. รงั สคี อสมกิ

ขน้ึ 4. รงั สเี อกซ์ 5. รงั สแี กมมา

5. ใชก้ ลอ้ งทม่ี คี วามยาวโฟกสั ของเลนสใ์ กล้ตาทม่ี าก 8. ดาวเทยี มดวงแรกของประเทศไทยคอื ขอ้ ใด และเป็น

ขน้ึ ดาวเทยี มท่ี

3. ปัจจยั ในขอ้ ใดไม่มผี ลต่อกาลงั แยกภาพ (resolution) ทาหน้าทด่ี ้านใด

1. กาลงั ขยาย 2. สภาพอากาศ 1. ดาวเทยี มไทยคม ทาหน้าทเ่ี กย่ี วกบั การสอ่ื สาร

3. ขนาดหน้ากล้อง 4. คุณภาพของเลนส์ 2. ดาวเทียมธีออส ทาหน้าท่ีเก่ียวกับการส่ือสารและ

5. ขนาดหน้ากล้องและคณุ ภาพของเลนส์ อุตุนิยมวทิ ยา

4. ข้อความใดกล่าวได้ถูกต้องเก่ยี วกบั Diffraction limit 3. ดาวเทียมไทยคม ทาหน้าท่ีเก่ียวกับอุตุนิยมวทิ ยาและ

และกาลงั แยกภาพ สารวจทรพั ยากรธรรมชาติ

1. Diffraction limit ขน้ึ อย่กู บั สภาพอากาศ 4. ดาวเทยี มไทยคมนาคม ทาหน้าท่เี กย่ี วกบั การส่ือสารและ

2. Diffraction limit และกาลงั แยกภาพมคี ่าใกลเ้ คยี ง สารวจทรพั ยากรธรรมชาติ

กนั 5. ดาวเทยี มไทยคมนาคม ทาหน้าทเ่ี กย่ี วกบั สารวจ

3. Diffraction limit จะเป็นมุมกว้างกว่ากาลงั แยกภาพ ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละอุตุนยิ มวทิ ยา

เสมอ 9. ประเทศใดทป่ี ระสบความสาเรจ็ มากทส่ี ุด ในการส่งยาน

4. Diffraction limit เป็นขดี จากดั สงู สดุ ทเ่ี ป็นไปไดข้ อง อวกาศทม่ี นี กั บนิ ควบคุม

กาลงั แยกภาพ 1. ญป่ี ่นุ 2. รสั เซยี 3. แคนาดา

5. Diffraction limit เป็นระดบั ความคมชดั สงู สดุ ของ 4. สหรฐั อเมรกิ า

เลนสแ์ ต่ละตวั 4. สหรฐั อเมรกิ า 5. จนี

5. รงั สใี นขอ้ ใดไม่ใชค่ ลน่ื แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า

1. แสง 2. คลน่ื วทิ ยุ

3. รงั สคี อสมกิ 4. รงั สเี อกซ์

5. รงั สแี กมมา

10. เพราะเหตุใดในการส่งจรวดไปในอวกาศ เมอ่ื จรวดแต่ละท่อน
เผาไหมเ้ ชอ้ื เพลงิ หมดแลว้ จงึ ต้องถกู สลดั ทง้ิ ไป
1. ลดแรงเสยี ดทาน 2. ลดขนาดใหส้ นั้ ลง
3. ลดมวลใหน้ ้อยลง 4. ลดแรงโน้มถ่วงของ 5. ทุกขอ้ ท่ี
กลา่ วมา

แบบทดสอบหลงั เรยี น

หนว่ ยกำรเรยี นร้ทู ี่ 6 เทคโนโลยีอวกำศกับกำรประยุกต์ใช้

คาชี้แจง : ให้นักเรียนเลือกคาตอบท่ีถกู ต้องที่สุดเพียงข้อเดียว

1. ขอ้ ใดไม่ใชห่ น้าทข่ี องกลอ้ งโทรทรรศน์ 6. รงั สใี นขอ้ ใดสามารถทะลุฝ่นุ และแก๊สในแถบทางชา้ งเผอื กได้

1. ทาใหม้ องเหน็ ได้ไกลขน้ึ 1. รงั สอี นิ ฟราเรด 2. รงั สแี กมมา

2. ทาใหภ้ าพวตั ถุมขี นาดใหญข่ น้ึ 3. คลน่ื เรดาร์ 4. คลน่ื วทิ ยุ

3. ทาใหม้ องเหน็ วตั ถุทม่ี แี สงน้อยได้ 5. รงั สอี ลั ตราไวโอเลต

4. ทาใหร้ ายละเอยี ดของวตั ถุมากขน้ึ 7. ปัจจยั ในขอ้ ใดไมม่ ผี ลต่อกาลงั แยกภาพ (resolution)

5. ทาใหศ้ กึ ษาตาแหน่งของวตั ถุทอ้ งฟ้า 1. กาลงั ขยาย 2. สภาพอากาศ

2. ถ้าเราต้องการเพมิ่ กาลงั ขยายของกลอ้ งโทรทรรศน์ จะ 3. ขนาดหน้ากล้อง 4. คุณภาพของเลนส์

ทาไดอ้ ยา่ งไร 5. ขนาดหน้ากลอ้ งและคุณภาพของเลนส์

1. เพมิ่ ขนาดหน้ากลอ้ ง 8. ขอ้ มลู ทอ่ี ่านไดใ้ นกลอ้ งซซี ดี มี าจากอะไร

2. เพมิ่ ความยาวของกระบอกกลอ้ ง 1. จานวนโฟตอนทเ่ี กบ็ ไวไ้ ด้

3. ลดความยาวโฟกสั ของเลนสใ์ กลต้ า 2. ความยาวคล่นื ของแสงทต่ี กกระทบ

4. ใชก้ ลอ้ งทม่ี คี วามยาวโฟกสั ของเลนสใ์ กลว้ ตั ถุทม่ี าก 3. ศกั ยไ์ ฟฟ้าทเ่ี กดิ จากการเหน่ยี วนาของแสง

ขน้ึ 4. ศกั ยไ์ ฟฟ้าทเ่ี กดิ จากการหกั เหของแสง

5. ใชก้ ลอ้ งทม่ี คี วามยาวโฟกสั ของเลนสใ์ กลต้ าทม่ี าก 5. จานวนประจุอเิ ลก็ ตรอนทเ่ี กบ็ เอาไวใ้ นแต่ละชอ่ ง

ขน้ึ 9. ขอ้ ใดไมถ่ กู ตอ้ งเกย่ี วกบั กลอ้ งโทรทรรศน์

3. ความคลาดเคลอ่ื นแบบใดพบไดใ้ นกลอ้ งโทรทรรศน์แบบหกั เห 1. กลอ้ งโทรทรรศน์แบบหกั เหแสงใชเ้ ลนสน์ ูนเป็นตวั รวมแสง

แสง 2. กลอ้ งโทรทรรศน์แบบหกั เหแสงใช้กระจกเวา้ เป็นตวั รวมแสง

1. ความคลาดรงค์ 2. ความคลาดเคลอ่ื นทรง 3. กลอ้ งโทรทรรศน์แบบหกั เหแสงใชท้ งั้ เลนสแ์ ละกระจกเป็น

กลม ตวั รวมแสง

3. ความคลาดโคง้ 4. ความคลาดเคล่อื นแบบ 4. กลอ้ งโทรทรรศน์ขนาดใหญม่ กั เป็นแบบสะทอ้ นแสง เน่อื งจาก

โคม่า การประดษิ ฐ์กระจกขนาดใหญท่ าไดง้ ่ายกวา่ การผลติ เลนสม์ าก

5. ความคลาดเคล่อื นแบบปรบั ตามสภาพแสง 5. กลอ้ งโทรทรรศน์ขนาดใหญม่ กั เป็นแบบสะทอ้ นแสง เน่อื งจาก

4. กลอ้ งโทรทรรศน์ในปัจจุบนั นยิ มใชอ้ ุปกรณ์ใดเพอ่ื การประดษิ ฐเ์ ลนสข์ นาดใหญท่ าไดง้ ่ายกว่าการเคลอื บกระจก

บนั ทกึ ภาพ มาก

1. มาตรแสง 2. โฟโตแคโทด 10. เพราะเหตุใดในการส่งจรวดไปในอวกาศ เมอ่ื จรวดแต่ละท่อน

3. กลอ้ งซซี ดี ี 4. เพลตถ่ายภาพ เผาไหมเ้ ชอ้ื เพลงิ หมดแลว้ จงึ ต้องถกู สลดั ทง้ิ ไป

5. แผน่ ไดอะแฟรม 1. ลดแรงเสยี ดทาน 2. ลดขนาดใหส้ นั้ ลง

5. ข้อความใดกล่าวได้ถูกต้องเก่ยี วกบั Diffraction limit 3. ลดมวลใหน้ ้อยลง 4. ลดแรงโน้มถ่วงของโลก

และกาลงั แยกภาพ 5. ทุกขอ้ ทก่ี ล่าวมา

1. Diffraction limit ขน้ึ อยกู่ บั สภาพอากาศ
2. Diffraction limit และกาลงั แยกภาพมคี า่ ใกลเ้ คยี งกนั
3. Diffraction limit จะเป็นมมุ กวา้ งกว่ากาลงั แยกภาพเสมอ

4. Diffraction limit เป็นขดี จากดั สงู สดุ ท่เี ป็นไปไดข้ องกาลงั

แยกภาพ

5. Diffraction limit เป็นระดบั ความคมชดั สงู สดุ ของเลนสแ์ ตล่ ะ
ตวั

เฉลย

1. 1 2. 3 3. 1 4. 3 5. 4 6. 1 7. 3 8. 3 9. 5 10. 3


Click to View FlipBook Version